Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผักพื้นบ้านและอาหารพื้นบ้านมิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน

ผักพื้นบ้านและอาหารพื้นบ้านมิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน

Description: ผักพื้นบ้านและอาหารพื้นบ้านมิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน

Search

Read the Text Version

รุ่งเพ็ชร ต้ังรัศมีประเสริฐ, ประณิธิ หงสประภาส และคณะ.๒๕๕๑.ปริมาณธาตุ สังกะสีในอาหารพ้ืนบ้านของชาวอิสาน.รายงานการวิจัย สนับสนุนโดย ทนุ อดุ หนนุ การวจิ ยั มหาวิทยาลยั ขอนแก่น. รุ่งเพ็ชร ต้ังรัศมีประเสริฐ, ประณิธิ หงสประภาส และคณะ.๒๕๔๙.แอนต ิ ออกซิแดนท์แอคติวิตีรวมในพืชผักและผลไม้พื้นบ้านไทย.รายงานการวิจัย สนับสนุนโดยทุนอุดหนุนการวิจัย คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัย ขอนแก่น. ลลิตา ธีระสิริ.๒๕๔๔.ผักพื้นบ้านต้านโรค : คุณค่าจากธรรมชาติของผักไทย . กรงุ เทพฯ : รวมทรรศ์ ลำไย โกวิทยากร, พรรณนา ไวคกุล และวริมา วงศ์พาณิช.มปป.“การผลิต ขยายพันธ์ุและการศึกษาคุณค่าทางอาหารและฤทธ์ิของผักสมุนไพร พ้ืนบ้านบางชนิดในภาคอิสาน”.รายงานการวิจัย สนับสนุนโดยทุน อุดหนุนการวิจัย คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีงบประมาณ ๒๕๔๕. วนิดา เทวารุทธ์.๒๕๕๒.การสกัดสารแอนโทไซยานินในธัญพืชมีสี.วารสาร อาหาร : ปที ่ี ๓๙ ฉบับที่ ๔ ตลุ าคม – ธนั วาคม ๒๕๕๒. วัชรี ประชาศรัยสรเดช.๒๕๔๒.ผักพื้นเมือง เหนือ อีสานใต้.กองพฤกษศาสตร ์ และวชั พชื กรมวิชาการเกษตร. วันดี กฤษณพันธ์.๒๕๔๒.กินอยู่แบบไทย อาหารและสมุนไพรส่ีภาค.กรุงเทพฯ : ด.ี เอม็ .อินเตอรค์ อมมวิ มเิ คชน่ั จำกัด. วฑิ ูรย์ เลีย่ นจำรูญ (บรรณาธิการ).๒๕๕๐.นำ้ พริก ๔ ภาค เพอ่ื สังคมไทยแขง็ แรง. กรงุ เทพฯ : สำนกั งานกิจกรรมโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศกึ . ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 101

วิภาวดี ประสาททอง, กุสุมาลย์ น้อยยา และอานุไร จิตต์สุรงค์ ๒๕๔๓. ความสามารถใน การตา้ นอนุมลู อสิ ระของสารสกดั จากผักพน้ื บา้ นของไทย. รายงานการวิจัย โดยการสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัย ปีงบประมาณ ๒๕๔๓ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร.์ ศศิธร ตรงจิตภักดี.๒๕๕๐.ผักและผลไม้ : อาหารสุขภาพ.กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ ศันสนีย์ อุตมอ่างและชูใจ กินูญ.๒๕๓๓.อาหารว่างพ้ืนบ้านไทหล่ม.รายงานใน การประชมุ วิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปี ๒๕๕๓ “การพัฒนา ชนบทที่ย่งั ยนื ” ๒๑-๒๓ มกราคม ๒๕๕๓. ศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก.๒๕๓๙.มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์.พฤกษ์ศาสตร์พื้นบ้านและการใช้ทรัพยากรพรรณพืช อย่างยง่ั ยนื ครงั้ ที่ ๒, สนับสนุนโดย โครงการพฒั นาองคค์ วามรแู้ ละศึกษา นโยบายการจัดการทรพั ยากรชวี ภาพในประเทศไทย. สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.๒๕๕๑. ๔๐ ปี แห่งการสถาปนาสถาบันฯ นวัตกรรมอาหาร สร้างคุณค่า สานเศรษฐกจิ ไทย. สน่ัน กันเงิน.๒๕๕๐.การฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์จากพืชผักท้องถิ่น บ้านนอแล ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่.วิทยานิพนธ์ปริญญา วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาภูมิปัญญาอย่างย่ังยืน มหาวิทยาลยั แม่โจ้. สมศรี เจริญเกียรติกุล และคณะ.๒๕๔๙.การศึกษาคุณค่าด้านสุขภาพของ น้ำพริกแกงและอาหารไทย โดยการใช้การทดลองแบบ in vitro.รายงาน วจิ ยั . 102 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย

สังคม เตชะวงศ์เสถียร, สุชีลา เตชะวงศ์เสถียร และคณะ.๒๕๔๓.การเก็บและ วิธีการจัดการหรือการเก็บเก่ียวของผักพ้ืนบ้าน.สนับสนุนโดยทุนอุดหนุน งานวิจัย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๓ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น. สังคม เตชะวงศ์เสถียร, สุชีลา เตชะวงศ์เสถียร และคณะ.๒๕๔๔.การรักษา คุณค่าทางอาหารและการเพิ่มมูลค่าทางการตลาดของผักพื้นบ้าน.รายงาน การวิจัย โดยการสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปงี บประมาณ ๒๕๔๔. สาวอสี าน.๒๕๔๘.หมบู่ า้ นผกั พ้ืนบ้านวารินชำราบ.รกั ษ์เกษตร. สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ.๒๕๔๐.ไม้อเนกประสงค์กินได้.กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. สุทธิจิตต์ เชิงทอง.๒๕๔๗.โครงการเศรษฐกิจการผลิตและการตลาดผักปลอดภัย จากสารพิษ จังหวัดสุราษฎร์ธานี.รายงานการวิจัย สนับสนุนโดย สำนกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวจิ ยั . สุพักตร์ พ่วงบางโพ.๒๕๔๔.การศึกษาฤทธิ์และสมบัติทางชีวเคมีของสารต่อต้าน อนุมูลอิสระในพืชผักพื้นบ้านที่พบในประเทศไทย.รายงานการวิจัย คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. สุพักตร์ พ่วงบางโพ.๒๕๕๑.ศึกษาและวิเคราะห์ฤทธิ์ต้านออกซิเดชันและ องค์ประกอบทางเคมีของผักพื้นบ้านในการพัฒนาเพื่อผลิตภัณฑ์เสริม อาหาร.รายงานการวจิ ยั มหาวิทยาลยั นเรศวร จังหวัดพษิ ณโุ ลก. ผักพ้ืนบ้านและอาหารพื้นบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 103

สุรีย์ นานาสมบัติ และนันทิชา เต๊กชื่น.๒๕๕๐.การศึกษาฤทธิ์ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระและสารออกฤทธ์ิในสารสกัดจากผักพื้นบ้าน ไทย.รายงานการวิจัย โดยการสนับสนุนทุนการวิจัย คณะวิทยาศาสตร ์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ปีงบประมาณ ๒๕๕๐. สุรีย์ ภูมิภมร และอนันต์ คำคง.๒๕๔๐.ไม้สกุลสะตอ : ทิศทางการวิจัยและ พัฒนา.กรุงเทพฯ : สำนกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาต.ิ เสถียร ฉันทะ.๒๕๔๗.โครงการวัฒนธรรมการบริโภคและการแพทย์พื้นบ้านกลุ่ม ชาตพิ ันธ์มุ ง้ : มติ ิทางสงั คมวฒั นธรรมของการจดั การความหลากหลายทาง ชีวภาพเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืน.รายงานการวิจัย สนับสนุนโดยสำนักงาน กองทนุ สนบั สนุนการวิจยั . เสาวนีย์ เหลืองอร่าม.๒๕๕๑.ฤทธ์ิต้านออกซิแดนท์และปกป้องหลอดเลือดของ สารพฤกษเคมีและสารสกัดผักไทยในสภาวะเลือดจางจากการแตกของ เซลล์เม็ดเลือด.วิทยานิพนธ์ดีเด่นและนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที ่ สร้างช่ือเสียง.มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปี ๒๕๕๐.บัณฑิต วทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ . เสาวนีย์ เหลืองอร่าม, ยุพา คู่คงวิริยพันธุ์ และคณะ.๒๕๔๘.ผลของสารสกัด ผักพ้ืนบ้านต่อการเพ่ิมสถานภาพพลศาสตร์การไหลเวียนเลือดของ ฮีโมลัยติดอะนีเมีย.รายงานการวิจัย โดยทุนสนับสนุนงานวิจัย แพทย์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . หทัยรัตน์ โชคทวีพาณิชย์.๒๕๔๙.การศึกษาความหลากหลายทรัพยากรพืช ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนพื้นเมืองในเขตจังหวัดสกลนคร.รายงานวิจัย สนับสนุนโดยทุนอุดหนุนวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีงบประมาณ ๒๕๔๙. 104 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย

อบเชย วงศ์ทอง และสุจิตตา เรืองรัศมี.๒๕๕๒.ศักยภาพภูมิปัญญาไทย อาหาร พื้นบ้านภาคใต้ ในเรื่องเต็มการประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ครั้งที่ ๔๗ สาขาส่งเสริมการเกษตรและคหกรรมศาสตร ์ ๑๗ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๒. อบเชย วงศ์ทอง และสุจิตตา เรืองรัศมี.๒๕๕๐.ศักยภาพภูมิปัญญาไทย อาหาร พ้ืนบ้านภาคเหนือ.ในเร่ืองเต็มการประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ครั้งที่ ๔๕ สาขาส่งเสริมการเกษตรและคหกรรมศาสตร ์ ๓๐ มกราคม – ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐. อยุทธ์ นิสสภา, เสมอใจ ช่ืนจิตต์ และสุชิรา แก้วรักษ์.๒๕๕๒.ผักเหลียง ภาคใต้ หลากหลายคุณค่าและประโยชน์ทางโภชนาการ.วารสารเคหการเกษตร ปีท่ี ๓๓ ฉบบั ที่ ๘ สงิ หาคม ๒๕๕๒. ออระพิน เกาะกิ่ง และคณะ.๒๕๔๙.แนวทางการผลิตและการจัดการผลผลิต ผักปลอดสารเคมี กรณีศึกษากลุ่มผู้ปลูกผักรอบป่าดงเค็ง ตำบลชานุวรรณ และตำบลแสนสุข อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด.สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย. อาภารัตน์ มหาขันธ์.๒๕๔๗.สาหร่าย..มากคุณค่า...โอชารส.กรุงเทพฯ : สถาบันวิจยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย อำพล เสนาณรงค์.๒๕๓๗.สถานภาพทรัพยากรพันธุกรรมพืชในประเทศไทย. กรุงเทพ : ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สำนักงาน พัฒนาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาต.ิ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 105

อำไพ โสรัจจะพันธ์ุ.๒๕๓๖.งานวิจัยเร่ือง อาหารท้องถิ่นภาคใต้.วิทยาลัยคร ู สงขลา. อุเทน สีลาเม.๒๕๔๖.การผลิตและบริโภคผักพ้ืนบ้านของเกษตรกร อำเภอ แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่.การค้นคว้าอิสระ หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตร ์ มหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) มหาวิทยาลัยเชยี งใหม.่ อไุ ร จิรมงคลการ.๒๕๔๗.ผกั พ้นื บา้ น ๑-๒.กรงุ เทพฯ : บ้านและสวน. โอกามา จ่าแกะ.๒๕๕๐.การจัดการตลาดทางเลือกเกษตรอินทรีย์ : กรณีศึกษา สหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด ตำบลแม่ทา กิ่งอำเภอแม่อวน จังหวัดเชียงใหม่.วิทยานิพนธ์หลักสูตรพัฒนาชุมชนมหาบัณฑิต คณะสงั คมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. 106 สำนักการแพทย์พื้นบ้านไทย

ภาคผนวก ผักพ้ืนบ้านและอาหารพื้นบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 107

108 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ภาคผนวก ๑ ตารางแสดงงานศึกษาวิจยั ทางวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพของผักพ้นื บ้าน ๒๐ เรอ่ื ง ผู้วิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ช่ืองานวิจัย วิธกี ารวิจยั ผลการวจิ ยั ๑.พจน์ ศรีบญุ ลือ, วิฑรู ย์ ประสงคว์ ัฒนา การบริโภคผักทมี่ อี อกซาเลตสูง เพ่ิม - การวิเคราะห์ปรมิ าณออกซาเลต - การวจิ ัยได้ศึกษาปรมิ าณและรูปของออกซาเลตใน และเกรียง ต้ังสงา่ คณะแพทยศ์ าสตร์ ความเสีย่ งต่อการเป็นนว่ิ ในพชื ผักพื้นบา้ นโดยวิธที างเอนไซม์ ผกั พนื้ บา้ น ๑๐ ชนดิ ที่นยิ มบริโภคในจงั หวัขอนแก่น มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , ๒๕๓๕. ทางเดินปสั สาวะจริงหรือไม่ ? oxalate oxidae (วธิ ขี อง Vityakon et ตวั อย่างหน่อไม้ สะเดา เปน็ ต้น พบวา่ ผักพ้นื บ้าน al) ส่วนใหญม่ ีออกซาเลต ประมาณครึง่ หน่งึ อยใู่ นรปู กรด ๒.พจน์ ศรบี ุญลือ, วิฑูรย์ ประสงค์วฒั นา - การศึกษาปริมาณออกซาเลตท่ีสามารถ ออกซาลิก หรอื เกลอื มเี พียงหน่อไมเ้ ทา่ นน้ั ทมี่ อี อกซา และสนุ ทร สุวรรณไตรย์ คณะแพทย์ ดูดซึมเข้าสรู่ ่างกาย โดยการตรวจวัด เลตอยู่ในรปู เกลอื แคลเซียมออกซาเลตทลี่ ะลายยาก ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , ๒๕๓๗. ปริมาณออกซาเลตทขี่ ับออกมาทาง และเม่อื ศกึ ษาการดูดซมึ ออกซาเลตพบการดูดซมึ ออก ปสั สาวะ ตามวิธขี อง Brinkley et al ซาเลตของร่างกายมีความสัมพันธก์ ับรูปของออกซา เลตในอาหาร เหตุน้ี หากแพทย์จะแนะนำให้คนไข้ หลีกเล่ียงการบรโิ ภคผักผลไม้ที่มอี อกซาเลตสูงจึงไม่ ถูกต้องนกั คำแนะนำควรคำนึงถึงรูปของออกซาเลตที่ อยู่ในพชื ผักเป็นสำคัญ - งานวจิ ัยในขัน้ ต่อไป นา่ จะเป็นการวิเคราะหห์ าทัง้ รปู และปริมาณของออกซาเลตในผักผลไมท้ กุ ชนิดท่ีมี จำหนา่ ยในบริโภคในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื นอกจากนง้ี านศึกษาวิจัยจะต้องคำนึงถึงรูปแบบการ บรโิ ภคพชื ผักเหลา่ นัน้ ร่วมกับอาหารอ่นื ดว้ ย ปรมิ าณแคลเซียมออกซาเลตในพชื - การศึกษาหาปรมิ าณออกซาเลตทัง้ หมด การศึกษาน้ีทำการวเิ คราะห์สารออกซาเลตใน ผักที่นิยมบริโภคกนั ในจงั หวัด ในตัวอย่างผกั และผลไม้ตามวิธีของ พืชผกั ตวั อยา่ ง ๕๕ ชนิด พืชหัวและราก ๒ ชนิด และ ขอนแกน่ Hodgkinson & Williams ผลไม้ ๔ ชนดิ พบว่า พชื ผักและผลไม้ทุกชนดิ มสี าร ออกซาเลต และพบวา่ พืชผักและผลไม้ตัวอย่าง ๓๐ ชนดิ จากจำนวนท้ังหมด ๖๒ ชนดิ

ผ้วู ิจยั / สถาบนั / พ.ศ. ช่ืองานวิจยั วธิ กี ารวจิ ัย ผลการวจิ ยั มีสารออกซาเลตรวมสูงตง้ั แต่ ๑๐ มิลลกิ รัมตอ่ น้ำหนัก สด ๑๐๐ กรัมขน้ึ ไป และพชื ผกั / ผลไม้ ๒๐ ตัวอยา่ ง ทส่ี ารออกซาเลตในรปู กรดออกซาลกิ อิสระและในรูป ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 109 เกลอื ท่ลี ะลายไดง้ า่ ย มปี รมิ าณสงู ตั้งแต่ ๕๐ มิลลิกรัม อสิ ระและในรปู เกลอื ทล่ี ะลายได้ง่าย มีปริมาณสงู ตัง้ แต่ ๕๐ มิลลกิ รมั ต่อน้ำหนักสด ๑๐๐ กรมั ขน้ึ ไป และ พบวา่ สารออกซาเลตสว่ นใหญ่ในพืชผกั / ผลไม้ ตวั อยา่ ง อยู่ในรูปเกลือแคลเซียม พืชผกั / ผลไม้ทม่ี ี ปริมาณสารออกซาเลตสงู ไดแ้ ก่ ผักแพว ผักโขม ใบ มะกรดู มะกอก ใบช้าพลู มะเฟือง หัวปลี ผกั แขยง กระชาย ผักปลัง ผวู้ จิ ัยแนะนำว่า พชื ผักที่นา่ จะมีโทษ สงู ด้านโภชนาการ ไดแ้ ก่ กล่มุ พืชผกั ท่มี สี ารออกซา เลตในรปู อิสระ หรือในรูปท่ีละลายได้ง่าย เพราะสาร ออกซาเลตน้ีนอกจากจะถกู ดูดซึมท่ลี ำไสแ้ ลว้ ยังทำ หน้าทเ่ี ปน็ สารต้านการดูดซึมแรธ่ าตบุ างชนดิ ดังนั้น กลมุ่ บุคคลทีจ่ ำเป็นต้องไดร้ บั แคลเซียมสงู แพทยจ์ ึง ควรแนะนำให้หลีกเล่ยี งการรับประทานพืชผักในกลุม่ ทมี่ สี ารออกซาเลตทอี่ ยู่ในรปู ทลี่ ะลายได้ ง่ายสูงไดแ้ ก่ มะเฟือง ผกั โขม กระชาย หวั เผือก ใบช้าพลู ชะอม ขา่ มนั เทศ มะขาม ผักแพว ผักคันจอง หวั ปลี ฝัก กระถนิ ผักแขยง มะกอก ยอดกระถิน พริกชฟี้ า้ สะเดา มะเขอื พวง ข้ีเหลก็ ผกั บุ้ง ผกั ติ้ว ถ่ัวลิสง

110 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผู้วิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ชอื่ งานวิจัย วธิ กี ารวิจัย ผลการวจิ ัย ๓.เกศศิณี ตระกลู ทิวากร, จนั ทรเ์ พญ็ ศกั ดิ์ ศักยภาพในการตา้ นสารอนุมูลอสิ ระ การวเิ คราะห์ฤทธ์ติ า้ นสารอนุมูลอิสระ การวเิ คราะห์ผกั พ้นื บา้ นไทยจากตลาดในภาคเหนือ สทิ ธพ์ิ ทิ กั ษ์ สถาบันคน้ ควา้ และพัฒนา ของสารสกัดจากผักพ้ืนบา้ นไทย โดย วิธี เบตา้ -คาโรทนี บลชิ ชง่ิ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคใต้ จำนวน ๘๔ ชนดิ ผลติ ภณั ฑ์อาหาร มหาวิทยาลยั ตวั อย่าง พบวา่ ผกั พื้นบา้ นรอ้ ยละ ๕๕.๙ มีศกั ยภาพ เกษตรศาสตร์, ๒๕๔๓. (-carotene bleaching method) ในการตา้ นอนุมลู อิสระสูงมาก และผักพื้นบ้านรอ้ ยละ ๒๙.๗, ๑๐.๗ และ๓.๖ มศี ักยภาพในการตา้ นสาร อนุมูลอิสระสูงปานกลาง และต่ำตามลำดบั ผกั พน้ื บ้านทม่ี ีศกั ยภาพในการต้านสารอนมุ ลู อสิ ระสูงมาก มี ๔๖ ชนิด ได้แก่ เห็ดตีนแฮด ยอดมะมว่ งหิมพานต์ ยอดมะปราง ยอดมะกอกไทย ผกั ฮว้ น ดอกผกั เซียงดา กระโดนนำ้ ดอกกระโดนบก ดอกแควง ดอกฟกั ทอง ใบมะระขน้ี ก ผักหวานบ้าน ผักตว้ิ ผักปู่ยา่ ดอกข้ี เหลก็ ใบมะขามออ่ น ยอดสะตอ ถ่วั มะแฮะ ยอด มนั แกวเขียว ถั่วพู ดอกแคบา้ น ใบสะเดา ลูกเนยี งนก มะเดื่อปลอ้ ง ลกู ฉ่งิ ดอกมะรุม ผกั ส้มป่อง หยวก กล้วย บวั เผื่อน พังพวยนำ้ ผักหวานป่า ตำลงึ ทอง ผัก ก้านตง มะปนิ ดอกสัง ยอดหมุย เลบ็ รอก มะแว้ง กุม่ ปลา ส้มเมา่ ใบมะเมา่ ใบปอ ผักหนอก ขมิ้นชนั ดอก ข่า เทา ๔.จันทรเ์ พญ็ ศักด์สิ ทิ ธิพิทักษ์, เกศศณิ ี ฤทธิต์ ้านการก่อกลายพันธุข์ องผกั Ames test การวิเคราะห์ผกั พืน้ บา้ นไทยจำนวน ๕๒ ชนิดจาก ตระกูลทิวากร สถาบนั ค้นควา้ และพัฒนา พื้นบา้ นไทย ตลาดภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉียงเหนอื พบว่า ผลติ ภัณฑอ์ าหาร มหาวิทยาลัย ผกั พ้ืนบ้านรอ้ ยละ ๑๙.๒ มศี กั ยภาพในการยับยงั้ การ เกษตรศาสตร,์ ๒๕๔๓. กลายพันธุส์ ูงมาก และผักพ้ืนบา้ นร้อยละ ๔๒.๓, ๓๐.๘ และ ๗.๗

ผวู้ ิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ชือ่ งานวิจยั วธิ ีการวจิ ยั ผลการวิจัย มีศกั ยภาพในการยบั ยัง้ การกลายพันธส์ุ ูง ปานกลาง และต่ำตามลำดบั ผักพนื้ บา้ นที่มศี กั ยภาพในการยบั ยัง้ การกลายพนั ธุส์ ูงมาก มี ๑๐ ฃนิด ไดแ้ ก่ กระโดนบก ขา่ จิกนำ้ ถัว่ มะแฮะ ผกั สม้ ปอ่ ง มะดนั มะเม่า มันแกวเขยี ว เล็นเค็ด สม้ ปอ่ ย ๕.วภิ าวดี ประสาททอง และคณะ, คณะ ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ การตรวจวดั ความ สามารถในการตา้ น จากการศึกษาความสามารถในการตา้ นอนมุ ูลอสิ ระ แพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร,์ ของสารสกัดจากผักพน้ื บา้ นของไทย อนุมลู อสิ ระชนิด Superoxide ของพชื ผกั พน้ื บา้ นไทย ๓๐ ชนดิ จำแนกเปน็ ผกั พนื้ บา้ น ๒๕๔๓. scavenging acitivity และ SOD ภาคใต้ ๑๒ ชนิด ผกั สมุนไพรและเครื่องเทศ ๑๑ ชนิด isozymes ดว้ ยวธิ ี NBT และผักพืน้ บ้านทั่วไป ๗ ชนิด และศกึ ษาชนิดและ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 111 photochemical reduction assay ปรมิ าณของสารฟลาโวนอยดใ์ นผกั พื้นบา้ น ๕ ชนิด (เปรียบเทียบกบั กราฟมาตรฐานของ ผลการวจิ ัยพบว่า Trolox และแสดงผลการต้านอนมุ ูลอิสระ ๑.สารสกดั ผักพนื้ บ้านหลายชนิดมีความสามารถสูงใน เป็นหนว่ ย mM ของของ TEAC (Trolox การตา้ นอนมุ ูลอิสระทง้ั ชนดิ Superoxide และ Equivalent Antioxidant อนมุ ลู เสถยี ร (Superoxide scavenging และ H - concentration) donating activities) พบว่า ผักพน้ื บ้านภาคใต้ ๕ ชนดิ ไดแ้ ก่ ยอดจิก ยอดมะมว่ งหมิ พานต์ ยอดหมยุ หอม ยอดมันปู และลกู เนยี ง มคี ่า TEAC ในการกำจัด อนมุ ลู อสิ ระซเู ปอร์ออกไซด์สงู ≥ ๔๕๐ mm./ gm.กลุม่ ผกั พ้นื บ้านทั่วไป ๔ ชนดิ ไดแ้ ก่ ตน้ หอม ใบ โหระพา ใบสะระแหน่ ใบกระเพราแดง มีค่า TEAC อย่รู ะหวา่ ง ๓๐๐ - ๔๑๓ mm./gm.กลุ่มผกั พื้นบา้ น ทัว่ ไปพบสารสกดั จากผักกระถินมคี ่า TEAC สงู สดุ = ๕๕๕.๖ mm./gm.และกลุ่มผกั เครอื่ งเทศ ได้แก่ หอมแดง หอมหัวใหญ่ และกระเทียม มีค่า TEAC ต่ำ กว่าพชื ผักกลมุ่ อืน่

112 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผ้วู ิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ชอ่ื งานวจิ ัย วธิ ีการวิจัย ผลการวิจยั - การวิเคราะหห์ าชนิดและปริมาณของ ๒.Superoxide scavenging activity ของสารสกัด สารอนุพนั ธฟ์ ลาโวนอยด์ โดยเทคนิค ผักส่วนใหญเ่ กิดจากเอนไซด์ MnSOD (SOD= HPLC (High Performomce Liquid Superoxide dismutase) ยกเว้นเฉพาะกระเทยี ม Chromatagraphy) และมะระจนี ซงึ่ มีสัดสว่ นของ Cu, ZnSOD และ FcSOD สงู กว่า isozymes ตัวอืน่ ตามลำดบั ๓.การศึกษาปรมิ าณวติ ามนิ ซใี นสารสกัดผักในภาพ รวม พบว่า ผกั พ้นื บา้ นท่รี ับประทานใบ จะมีปรมิ าณ วติ ามนิ ซีสูงกว่าผกั ท่ีใชเ้ มลด็ ผล ฝักและหัว และผกั พน้ื บ้านภาคใตแ้ ละผักสมุนไพรส่วนใหญม่ ีวิตามินซสี ูง เม่ือเทยี บเคยี งกับปรมิ าณวติ ามินซีทีม่ ีอยใู่ นผลสม้ ผัก พนื้ บา้ นทม่ี วี ติ ามนิ ซมี ากกวา่ ผลสม้ ไดแ้ ก่ ผกั รน้ิ ผกั เหมยี ง หมยุ หอม แซะ มันปู จิก ทำมงั มะม่วงหิมพานต์ โหระพา สะระแหน่ กระเพราแดง ผกั ชี ชะมวง ตำลงึ และมะระจีน ๔.การศกึ ษาสารฟลาโวนอยดใ์ นผกั พ้นื บ้าน พบว่า พืชผักพื้นบา้ นส่วนใหญ่ (ยกเว้นลกู เหรยี ง) พบสาร Luteolin ซง่ึ เป็นสารอนุพันธ์ของ flavone และพบ มากทีส่ ดุ ในยอดมนั ปู เช่นเดยี วกับ สาร apigenin (อนพุ ันธ์ของ flavone) พบในยอดมนั ปเู ช่นกนั และ พบสาร Quercetin และ kaempferol (อนพุ ันธ์ของ flavonol) พบไดใ้ นผกั ใบเทา่ นั้น ไม่พบในเมล็ดสะตอ และลกู เหรียง ผวู้ ิจัยสรปุ ว่า การศึกษาแสดงใหเ้ ห็นถงึ ผัก พ้ืนบ้านภาคใต้ โดยเฉพาะสว่ นของใบ มคี ุณค่าในการ ตา้ นอนมุ ูลอิสระสงู และวติ ามนิ ซีสูง การส่งเสริมการ รับประทาน ปลกู และจำหนา่ ย เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์ ดา้ นส่งเสรมิ สุขภาพและสร้างรายได้ต่อชุมชน

ผู้วิจัย / สถาบัน / พ.ศ. ชอ่ื งานวิจัย วธิ กี ารวิจัย ผลการวิจัย ๖.จุไรรัตน์ กุหลาบแกว้ และคณะ, คณะ ฤทธิต์ า้ นออกซแิ ดนทข์ องผกั แพว - วิธีการตรวจสอบฤทธิ์ต้านอนมุ ูลอิสระ ผลการวจิ ัย พบวา่ ผกั แพว (Polygonum odoratum แพทย์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, ในหลอดทดลอง โดยตรวจสอบ DPPH Lour.) เป็นพชื ผกั พ้ืนบา้ นท่ีนยิ มรับประทานในภาค ๒๕๔๔. Scavenging activity อิสาน นยิ มรับประทานเปน็ ผกั สด มีรสเผ็ดรอ้ น ช่วย - วธิ กี ารทดสอบฤทธ์ติ ้านอนมุ ูลอิสระท่ี เจรญิ อาหารและขบั ลมในกระเพาะอาหาร ในต่าง ถกู กระตุ้นให้สรา้ งขนึ้ ภายในเซลลเ์ ม็ด ประเทศใช้ผักแพว แกค้ ลื่นไส้อาเจียน สำหรบั งานวจิ ยั เลอื ดขาวของหนแู รท ครั้งน้ี พบวา่ สารสกัดผกั แพวมีคณุ สมบัตเิ ป็นสารต้าน - วธิ กี ารทดสอบฤทธิ์ป้องกนั การเกดิ แผล ออกซแิ ดนท์ โดย ในกระเพาะอาหารทเ่ี กิดจากภาวะขาด (๑) สามารถ scavenge อนุมลู อสิ ระ (DPPH = ๑, ๑ เลือด - diphenyl - ๒ - picrylhydrazyl) ได้เปน็ อยา่ งดี - วธิ กี ารทดสอบฤทธป์ิ ้องกันตบั บาดเจ็บ (๒) มีฤทธิต์ า้ นต่ออนมุ ูลอสิ ระท่ีถูกกระตุน้ ใหส้ ร้างขน้ึ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 113 เนอ่ื งจาก acetaminophen ในเมด็ เลอื ดขาว และคณะผวู้ ิจัยพบว่า สารสกดั ผกั - วิธีการตรวจวดั ฤทธ์ปิ ้องกนั การอกั เสบ แพวมีฤทธท์ิ ี่นา่ สนใจอยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะนำไปประยุกต์ใช้ - วิธกี ารตรวจของเนื้อเยอ่ื วทิ ยา เพ่อื ดผู ล ทางคลินคิ ได้ คือ ของสารสกัดผักแพวต่อการเปล่ียนแปลง ก.มฤี ทธ์ิป้องกนั กระเพาะอาหารบาดเจบ็ จาก ของโครงสรา้ งของเซลลต์ บั เม่ือไดร้ บั สาร ภาวะ Ischaemic / Reperofusion สามารถลดพ้นื ท่ี พษิ acetaminophen การเกิดแผลใน กระเพาะอาหารได้อยา่ งมนี ัยสำคญั - วิธีการทดสอบพิษแบบเฉียบพลันของ ข.มีฤทธป์ิ อ้ งกนั เซลล์ตับบาดเจ็บจากการไดร้ บั สารสกัดผักแพว ocetaminophen ทำให้ระดับเอนไซม์ ALT และ LDH ลดลลง ค.สารสกดั ผกั แพวไมม่ ีฤทธป์ิ อ้ งกนั การอักเสบ จากสาร carageenin และสารสกดั ผกั แพวขนาด ๑ gm./ kg.BW / day สามารถลดความรุนแรงของการ บาดเจบ็ ของตับอันเนอ่ื งจากสาร acetaminophen ได้ ง.สารสกัดผกั แพว ไม่ก่อใหเ้ กิดพิษแบบเฉียบพลัน (การใช้สารสกดั ผกั แพวในขนาดสงู ๔gm./ kg.BW)

114 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผ้วู ิจัย / สถาบนั / พ.ศ. ชอ่ื งานวิจยั วธิ กี ารวจิ ยั ผลการวิจยั ๗.บุญเกดิ คงยิ่งยศ, วรี พล คคู่ งวิรยิ พนั ธ์ุ ฤทธ์ปิ อ้ งกันความ เครยี ดจากภาวะ - การศกึ ษาฤทธ์ิแอนตอิ อกซิแดนท์ โดย - การศกึ ษาคร้งั นี้ ผู้วจิ ยั ไดศ้ กึ ษาพชื ผกั พนื้ บ้านท่ีมี และคณะ, คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ออกซไิ ดซข์ องผักพน้ื บา้ นในหลอด หลักการ DPPH assay ความนิยมในการบริโภคของภาค อิสาน จำนวน ๑๑ ขอนแก่น, ๒๕๔๔. ทดลองแบบตา่ ง ๆ - การหาความสามารถรวมท้ังหมดในการ ชนิด คอื ผกั แพว ใบมะรมุ ผกั คราดหวั แหวน ชาใบ ตา้ นออกซแิ ดนท์ (total antioxidant หม่อน ผักปลัง ผักหวานปา่ ใบกระโดน ใบย่านาง power assay : FRAP) ดอกแค ผักกา้ นก่อง และดอกกระเจยี ว ผลการศึกษา - การศกึ ษาฤทธติ์ อ่ ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ พบวา่ พืชผักพน้ื บา้ นท่ีมฤี ทธแิ์ อนติออกซิแดนทด์ ที ่ีสดุ ภายในเซลล์ DCF assay) ไมว่ ่าในการวิเคราะหร์ ูปแบบใด คอื ผักแพว รองลงมา คือ ใบกระโดน และใบย่านางตามลำดบั พืชผักทม่ี ี ฤทธิ์อ่อนท่สี ดุ คือดอกแค ฤทธแ์ิ อนติออกซิแดนท์ของ สารสกดั พืชอาจมคี วามแตกต่างกัน เนื่องจากวธิ กี าร สกัดและวิธกี ารวเิ คราะห์ และการวิเคราะห์ด้วย DCF assay และ DHHP assay ใหผ้ ลวิเคราะหท์ เี่ ปน็ อสิ ระ ต่อกนั และจากการศกึ ษาเบื้องต้น พบว่าผักแพว ใบ กระโดน และใบยา่ นาง มีสารกลมุ่ flavonoids, coumarins และ alkaloids. ๘.พิชญ์อร ไหมสุทธิสกลุ คณะวิทยาศาสตร์ การสกดั และการวเิ คราะหห์ าปรมิ าณ - การวิเคราะหส์ าร ประกอบฟนี อลกิ ใน - ผลการวิเคราะหช์ นดิ และปริมาณสารประกอบฟีนอ มหาวทิ ยาลัยหอการค้าไทย, ๒๕๔๕. สารประกอบฟีนอลกิ ในสมนุ ไพร พืชโดย RP-HPLC Method และการ ลกิ (phenolic compounds) ในผักพน้ื บา้ น ๕ ชนิด และผกั พื้นบ้านของไทยบางชนดิ วเิ คราะหฤ์ ทธ์ิการตา้ นอนมุ ูลอิสระโดย คอื ใบกระถิน ใบผกั หวานบ้าน ใบพลู ใบมะระขีน้ ก รวม โดย DPPH Method และใบโหระพา พบวา่ ใบกระถนิ มี gallic acid ใบผัก หวานบ้านพบ myricetin ใบพลูไม่พบสารประกอบ ฟนี อลกิ และมีสาร flavonoid ใบมะระขนี้ กมี chlorogenic acid ใบพลไู มพ่ บสารประกอบฟีนอลกิ และมีสาร flavonoid ใบมะระขนี้ กมี chlorogenic acid

ผวู้ จิ ยั / สถาบนั / พ.ศ. ชอื่ งานวิจัย วธิ ีการวิจัย ผลการวจิ ยั และ flavonoid และใบโหระพา มี benzoic acid, caffeic acid, chlorogenic acid และ flavonoid การศึกษาครงั้ น้เี ป็นประโยชนม์ าก เพอื่ ทำความเข้าใจ ถึงกระบวนการสกดั ทเ่ี หมาะสมทใี่ ชใ้ หไ้ ด้สารประกอบ ฟีนอลิกท่ีมคี วามสามารถในการตา้ นอนมุ ลู อิสระสงู ๙.ปวีณา ชว่ งทิพย์ (วทิ ยาศาสตร์มหา ฤทธ์กิ ำจัดอนมุ ลู อสิ ระและตา้ นออก การศึกษาฤทธก์ิ ำจดั อนุมลู อิสระและตา้ น ผลการทดสอบ พบวา่ ในการทดสอบโดยใช้ DPPH บณั ฑิต) มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๔๖. ซเิ ดช่ันของพชื ผักพนื้ บ้าน ออกซิเดชั่นของผกั พนื้ บ้านใช้ทงั้ วธิ ีทาง พบว่า สารสกดั ผักพ้นื บ้านมีฤทธกิ์ ารต้านแอนตอิ อกซิ เคมีและใช้แบบจำลองเซลลอ์ ิสระ วธิ ที าง แดนทแ์ ตกต่างกันในแต่ละชนดิ สารสกัดผักพน้ื บา้ นที่ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 115 เคมี คอื DPPH assay และ FRAP assay สกัดด้วยนำ้ จะมฤี ทธใิ์ นการกำจัดสาร DPPH ได้ดีกวา่ สว่ นวธิ ีศกึ ษาในเซลล์อิสระ ใชว้ ิธี DCF สารสกัดทีส่ กัดด้วย ethnanol และในการทดสอบ assay โดยใช้ FRAP พบวา่ ฤทธิ์ของสารสกัดผักพื้นบา้ นแต่ละ ชนดิ มีความสัมพันธก์ บั การศกึ ษาดว้ ย DPPH ในระดบั ปานกลาง เมื่อเปรียบเทยี บกับการทดสอบทางเคมีท่ี ผา่ นมา พบวา่ ความสัมพันธ์ในส่วนที่สกัดด้วยน้ำมี ความสัมพันธ์ท่คี อ่ นขา้ งสูงกบั การทดสอบด้วย DPPH และระดบั ปานกลางกับการทดสอบด้วย FRAP แต่ใน ส่วนทีส่ กดั ดว้ ย ethnanol จะมคี วามสัมพันธ์ท่ีไมด่ ี นัก เมื่อเปรยี บเทยี บกับวิธี DPPH และ FRAP จาก การทดสอบฤทธิ์กำจดั อนมุ ลู อสิ ระและตา้ นออกซิเดชั่ นของสารสกดั ผกั พื้นบา้ น พบว่า

116 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผูว้ จิ ัย / สถาบัน / พ.ศ. ช่อื งานวิจยั วิธีการวจิ ัย ผลการวจิ ัย ผกั พื้นบา้ นทม่ี ีฤทธิ์ในการตา้ นออกซิแดนท์ท่ีดี ๖ อันดับแรก ในทกุ การทดสอบ คือ กระโดน ผักเม็ก ผกั ๑๐.รุง่ เพ็ชร ตั้งรศั มีประเสริฐ และคณะ, ต้ิวขาว ผกั ต้ิวแดง ผักชนี ้ำ เนยี มหูเสือ และผักแขยง คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, และในการทดสอบพิษเฉยี บพลัน พบว่า สารสกดั ผกั ๒๕๔๙. พนื้ บ้านทส่ี กัดดว้ ยน้ำ ๖ ชนิด ในขนาดสูงถึง ๕ กรมั / กโิ ลกรัม นำ้ หนกั ตัวไม่มคี วามเป็นพิษตอ่ หนขู าว ทดลอง การศึกษาครัง้ น้ี สรุปไดว้ ่า สารสกดั ผกั พ้ืนบ้าน ท้ัง ๑๖ ชนิด มคี วามสามารถในการเป็นสารตา้ นออก ซิแดนทใ์ นแบบจำลองของหลอดทดลอง คอื สามารถ เข้าจบั และกำจัดอนุมลู อสิ ระท่เี สถยี ร DPPH ได้ และ สามารถรีดิวซ์ Fe๓+ _ TPTZ เปน็ Fe๒+ _ TPTZ และสามารถลดปริมาณการสร้างอนุมลู อิสระ ออกซเิ จน ภายในเซลลเ์ มกโครเฟจได้ นอกจากนี้สาร สกดั ผกั พื้นบา้ นทม่ี ีฤทธิต์ ้านออกซแิ ดนทส์ ูง กไ็ ม่ ปรากฏความเปน็ พษิ เฉียบพลนั ในหนูทดลอง แอนติออกซิแดนท์แอคติวติ ีรวมใน การวิเคราะหห์ าระดับแอนติออกซิแดนท์ จากการวเิ คราะห์พชื ผกั พ้นื บ้านของชาวอีสาน พชื ผักและผลไมพ้ นื้ บ้านของไทย รวมโดยวิธี Ferric reducing จำนวน ๓๔ ชนดิ จากตลาดท้องถ่ิน ในจงั หวัด antioxidant power (FRAP) ขอนแก่น พบว่า พืชผกั พืน้ บ้านส่วนใหญม่ ีระดับแอนติ ออกซแิ ดนท์รวมคอ่ นขา้ งสงู และผกั พืน้ บ้านทีม่ รี ะดับ แอนติออกซแิ ดนทร์ วมสงู สุด ๑๐ อนั ดบั แรก คอื ผัก แพว ผกั ติ้วขาว ผกั กระโดน ผักกาดยา ขี้เหล็ก กระถนิ ผักตว้ิ แดง ยอดมะกอก สะเดา และผกั แขยง

ผวู้ ิจยั / สถาบนั / พ.ศ. ช่อื งานวจิ ัย วธิ ีการวิจัย ผลการวจิ ัย และยงั พบความสมั พนั ธ์ระหว่างระดับแอนตอิ อกซิ แดนทร์ วมกบั ระดบั ของสารกลมุ่ ฟนี อลกิ (Phenolic ๑๑.สุรยี ์ นานาสมบตั ิ และนนั ทชิ า เต๊กชื่น, การศึกษาฤทธิ์ยบั ย้งั เชอ้ื จลุ ินทรีย์ Compounds) ในพชื ผักเหลา่ น้ี (R๒=๐.๕๑๓๕) อาจ คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยี ฤทธิต์ ้านการเกดิ อนุมลู อสิ ระ และ เป็นไปไดว้ า่ ระดบั สารฟนี อลกิ มคี วามเกี่ยวขอ้ งในการ พระจอมเกลา้ เจา้ คณุ ทหารลาดกระบงั , สารออกฤทธใิ์ นสารสกัดจากผักพ้ืน ทำหน้าท่ีเปน็ สารแอนติออกซิแดนท์ของพืชผัก. ๒๕๔๙-๒๕๕๐ บ้านของไทย - การศกึ ษาฤทธต์ิ า้ นจลุ ินทรยี ์ของพืชด้วย การศกึ ษาคร้ังน้ีเป็นการทดลองคุณสมบตั กิ ารต้าน เทคนิค agar diffusion อนุมลู อสิ ระ การยับยัง้ การเจริญของจลุ นิ ทรยี ์ และ - การศึกษาฤทธิ์ตา้ นอนุมูลอสิ ระโดยใช้ การเจริญของเซลล์มะเรง็ ของผักพ้ืนบา้ นไทย จำนวน สาร DPPH (๒, ๒ - diphenyl-๑- ๒๐ ชนดิ และมีการศึกษาปรมิ าณของสารประกอบ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 117 picrylhydrozyl) เปน็ สารตรวจวัด ฟีนอลิกของผกั พนื้ บา้ น ผลการการวิจัยพบว่า - การศึกษาหาปริมาณรวมของ (๑) คณุ สมบัตกิ ารยบั ยงั้ จุลินทรีย์ ของสารสกดั หยาบ สารประกอบฟีนอลิกด้วยเทคนิค HPLC จากใบชะมวง สูงกวา่ สารสกดั จากผักชนิดอ่นื โดย - การศกึ ษาฤทธต์ิ ้านมะเรง็ ของสารสกัด สามารถยับยั้งเชอ้ื จุลนิ ทรยี ไ์ ด้มากท่ีสุด ๘ ชนิด รองลง พืชโดยทดสอบกับ Cell lines มาเปน็ สารสกัดหยาบจากใบแขยง และใบแพว ยบั ย้ัง เชอ้ื จลุ นิ ทรยี ไ์ ด้ ๖ ชนิด และสารสกดั หยาบจากใบ ชะอม และใบขีเ้ หลก็ ยับย้งั จลุ ินทรียไ์ ด้ ๒ ชนิด สรปุ วา่ สารสกัดจากใบข้ีเหล็ก ใบแขยง ใบชะมวง ใบ ชะอม และใบแพว มีฤทธิ์ยับยง้ั จลุ นิ ทรยี ไ์ ด้ด ี (๒) คณุ สมบตั กิ ารตา้ นอนมุ ูลอิสระของสารสกัดจากใบ แพรวมฤี ทธสิ์ งู สดุ รองลงมา คอื สารสกดั จากใบขเี้ หลก็ ใบแขยง ใบยอ และใบชะมวง ตามลำดับ

118 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผ้วู จิ ัย / สถาบัน / พ.ศ. ชื่องานวจิ ัย วธิ กี ารวิจยั ผลการวิจัย (๓) ปรมิ าณรวมของสารประกอบฟนี อลของสารสกดั จากผกั พื้นบ้าน ๕ อนั ดบั แรก คือ ใบแพรว ใบชะอม ๑๒.ไชยวัฒน์ ไชยสุต และคณะ, คณะเภสัช ฤทธ์ติ า้ นออกซเิ ดชั่นและการอกั เสบ - การศกึ ษาฤทธ์ิตา้ นออกซิเดชนั่ โดย ใบแขยง ใบขีเ้ หล็ก และใบ-ดอกแมงลกั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม,่ ๒๕๕๐ ของพชื ผักพนื้ บา้ นและสมุนไพรไทย Scavenging ability against ๑, ๑- (๔) จากการนำเอาผกั พืน้ บา้ น ๔ ชนิด คือ ใบแพว บางชนดิ diphenyl-๒-picryldrozyl (DPPH) ใบขีเ้ หล็ก ใบแขยง และใบชะมวง มาทดสอบ radicals method คุณสมบตั กิ ารยบั ยง้ั การเจรญิ ของเซลล์มะเร็งในช่อง ปาก เซลลม์ ะเร็งเตา้ นม และเซลล์มะเรง็ ปอด พบว่า สารสกัดจากใบแพรวมีประสทิ ธิภาพสูงปานกลาง (moderately active) ในการต้านการเจริญเฉพาะ เซลล์มะเรง็ เตา้ นมเทา่ น้ัน (๕) การวเิ คราะหส์ ารประกอบฟนี อลิก จากสารสกัด ของใบแพรว พบว่า ใบแพรวมสี ารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) หลักจำนวน ๕ ชนดิ คือ รทู นี (Rutin), คาเทชนิ (Catechin) ควอเซทนิ (Quercetin) เคมเฟอรอล (Kaempferol) และไอโซแรมนทิ นิ (Isorhamnetin) แสดงถึงใบแพรวมสี ารประกอบฟนี อลิกท้ังหมดมาก ทสี่ ุดและมีฤทธิต์ า้ นอนมุ ลู อสิ ระได้ดีที่สุด จากการศึกษาฤทธติ์ า้ นออกซเิ ดชนั่ และการอักเสบ ของผกั พ้นื บ้านไทย และสมุนไพรไทย จำนวน ๓๐ ชนดิ พบว่า

ผ้วู ิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ชอ่ื งานวจิ ัย วธิ ีการวจิ ัย ผลการวิจัย - การศึกษาปริมาณ Total phenolic (๑) ฤทธติ์ า้ นออกซเิ ดชน่ั ของตวั อยา่ งสารสกดั ผกั พนื้ บา้ น compounds โดย Folin-Ciocalteu สูงสุด ๕ อนั ดับแรก คอื ชา้ เลือด แพงพวย ผักไผ่นำ้ method เม่า และช้าพลู ตามลำดบั และของตัวอยา่ งสารสกดั - การศึกษาฤทธก์ิ ารขจัด Superoxide สมุนไพรไทย ๕ อันดบั แรก คอื สมอพเิ ภก มะขาม radical โดยวิธี Superoxide ป้อม สมอเทศ สมอไทย และกำลังวัวเถลิง Scavenging effect (๒) การศึกษาปรมิ าณ Total phenolic compomds ของตวั อยา่ งสารสกดั ผักพ้ืนบา้ นสงู สดุ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 119 ๕ อันดบั แรก คือ ชา้ เลอื ด แพงพวย ผักเซยี งดา ยอด มันสำปะหลงั และกระเพรา และของตัวอยา่ งสารสกดั สมุนไพรสูงสดุ ๕ อันดบั แรก คือ มะขามปอ้ ม กำลัง ชา้ งเผือก สมอเทศ กำลังวัวเถลิง และสมอไทย (๓) การศึกษาฤทธิก์ ารขจัด Superoxide radical ของสารสกดั ผักพนื้ บา้ นทค่ี วามเขม้ ข้น ๑.๐ mg./ml. คอื แพงพวย ผักไผน่ ้ำ เม่า ผกั กาดน้ำ และเพกา และของสารสกัดสมุนไพรไทยทค่ี วามเขม้ ข้น ๑.๐ mg./ml. คอื กำลังวัวเถลงิ สมอเทศ สมอพิเภก สมอไทย และท้ิงถ่อน สรุปได้วา่ ตัวอยา่ งสารสกดั สมนุ ไพรไทย มี ฤทธ์ติ ้านออกซิเดช่นั มีปริมาณ Total phenolie compounds และมีฤทธก์ิ ารขจัด Superoxide radical มากกวา่ กลุ่มตัวอยา่ งผักพืน้ บา้ น ข้อมลู ดงั กลา่ วเป็นขอ้ มลู พนื้ ฐานในการเลือกบรโิ ภคและใช้ ประโยชนด์ ้านสุขภาพจากผักพื้นบา้ นและสมุนไพร ไทยต่อไป

120 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผูว้ จิ ัย / สถาบัน / พ.ศ. ชอื่ งานวจิ ยั วิธีการวิจัย ผลการวจิ ยั ๑๓.เสาวณีย์ เหลอื งอร่าม (ปรชั ญาดษุ ฎี ฤทธิตา้ นออกซิแดนท์ และปกป้อง รปู แบบการทดลองดา้ นเภสัชวทิ ยา ใน - การศกึ ษาครั้งน้ี มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศกึ ษาฤทธติ ้าน บัณฑิต สาขาสรรี วิทยาทางการแพทย์, หลอดเลือดของสารพฤษเคมี และ หนูทดลอง ออกซแิ ดนท์ และปกปอ้ งหลอดเลอื ดของสารพฤกษเคมี มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , ๒๕๕๐. สารสกัดผักไทยในสภาวะเลอื ดจาง ที่รจู้ ักกันอยา่ งแพร่หลาย คือ Quercetin , จากการแตกของเซลล์เมด็ เลอื ด curcumin และสารสกดั ผกั ไทยท่สี กัดด้วยน้ำ ๕ ชนดิ คอื ตว้ิ (cratoxylum formosum (Jack) Dyer) เม็ก (Syzygium gratum (Wight) S.N.) แขยง (Limnophila aromatica Merr.) หม่อน (Morus alba L.) และกระโดน (Barringtonia acutangula (L.) Gaertn.) ในรปู แบบการทดลอง ด้วยการชกั นำให้ เกดิ ภาวะเครยี ดจากออกซิเดชนั่ หลอดเลือดทำงานผดิ ปกติ และมกี ารเปลย่ี นแปลงพลศาสตรก์ ารไหลเวียน เลือดด้วยการชักนำด้วยสาร Phenylhydrazine (PHZ) ในหนูทดลอง ผลสรุปพบว่า การศึกษาวจิ ยั ครง้ั นี้เป็นการศึกษาคร้งั แรกทยี่ ังไม่เคยมมี าก่อน ซ่ึงได้ แสดงใหเ้ ห็นถึงบทบาทของสารพฤกษเคมี (Quercetin และ curcumin) และสารสกดั ผักไทยทง้ั ๕ ชนิด ตอ่ การลดการบาดเจ็บของเน้อื เยอ่ื จาก กระบวนการออกซเิ ดช่นั และปกป้องระบบหลอดเลอื ด ไมใ่ หท้ ำงานผดิ ปกติในการทดลอง ซง่ึ ชกั นำให้หนเู กดิ ภาวะเครยี ดจากออกซิเดชนั่ และหลอดเลอื ดทำงานผิด ปกติดว้ ยสาร PHZ

ผู้วิจัย / สถาบนั / พ.ศ. ชือ่ งานวจิ ยั วิธกี ารวจิ ัย ผลการวจิ ยั ๑๔.ดนุ เกษรศริ ิ, จิรัญญา บุรีมาศ และคณะ, การใชส้ ารต้านอนุมูลอสิ ระจากพืช การทดลองทางคลินิคในกลมุ่ อาสาสมัคร - การศกึ ษาคร้ังน้ใี ช้ “ตน้ เม็ก” (Syzygium gratum คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, ธรรมชาตปิ ้องกนั อาการบาดเจ็บและ และวธิ ี FRAP assay Wight) ผกั พืน้ บ้านท่ชี าวอสิ านรบั ประทานยอดและ ๒๕๕๐. ภาวะเครยี ดออกซิเดชัน่ ในผ้ปู ว่ ย ใบอ่อนมายาวนาน และมีฤทธิต์ ้านออกซเิ ดชั่นสงู มาก บตี า้ - ธาลสั ซเี มีย ฮโี มโกลบนิ อี และมคี วามปลอดภยั ในสัตว์ทดลอง นำมาศกึ ษาใน มนุษย์ โดยเป็นผู้ใหญ่สุขภาพปกติ ๑๖ คน และเดก็ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 121 ปว่ ยโรคเลอื ดจางธาลสั ซเี มยี ๑๕ คน ผลการศึกษาพบ วา่ อาสาสมัครทัง้ หมดไมม่ อี าการข้างเคียงรนุ แรง นอกจากอาการคลน่ื ไสแ้ ละอาเจียน และไมก่ ่อให้เกิด ความผิดปกตจิ ากการตรวจทางหอ้ งปฏิบัติการทาง โลหิตวิทยา และการทำงานของตับไต ในผู้ใหญ่ สขุ ภาพปกติและเด็กธาลัสซเี มีย มรี ะดับความสามารถ ต้านออกซิเดชนั่ ทัง้ หมดในพลาสมาวดั โดยวิธี ferric reducing antioxidant power assay (FRAP assay) เพ่ิมขี้นอย่างมีนัยสำคัญ และเฉพาะผ้ใู หญ่มี ระดับของ glutathione (GSH) ในเลอื ดเพ่ิมข้ึน การ ทำงานของเอนไซม์ทสี่ ำคัญในการสังเคราะห์ GSH ไม่ เปลย่ี นแปลงในคนท้งั ๒ กล่มุ โดยสรปุ ผลการศึกษา ระยะสน้ั เพ่อื ประเมินความปลอดภยั และการยอมรบั พบว่า การรับประทานสารสกัดใบเม็กมีความ ปลอดภยั ไมก่ ่อใหเ้ กิดผลข้างเคียงที่รนุ แรง ชักนำให้ เพ่มิ ความสามารถตา้ นออกซเิ ดชั่นในพลาสมา และใน เลือดผู้ใหญส่ ขุ ภาพปกติ แตผ่ ลในเดก็ ธาลสั ซีเมียยงั ไม่ ปรากฏชดั เจน ยงั ต้องทำการศกึ ษาผลระยะยาวตอ่ ไป

122 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผู้วิจัย / สถาบัน / พ.ศ. ช่อื งานวจิ ยั วธิ ีการวจิ ยั ผลการวจิ ยั ๑๕.สพุ กั ตร์ พ่วงบางโพ คณะแพทย์ศาสตร์ การศกึ ษาฤทธแ์ิ ละสมบตั ทิ างชีวเคมี เทคนคิ การวิเคราะห์ ABTS [๒, ๒’- จากการศึกษาพืชผักพืน้ บา้ นจำนวน ๖๒ ชนิด โดย มหาวิทยาลยั นเรศวร, ๒๕๕๐-๕๑ ของสารตอ่ ต้านอนุมูลอิสระในพชื ผัก ozino-bis (๓-ethylbenthia zoline-๖- การแบ่งตวั อยา่ งพชื ออกเปน็ ๕ ส่วน ตามส่วนที่ พ้ืนบ้านทพ่ี บในประเทศไทย sulfonic acid)] บรโิ ภค คือ ชอ่ ดอกออ่ น ผลหรอื เมล็ด ใบออ่ น ก้านใบ และยอดอ่อน และศกึ ษาฤทธิต์ ้านอนุมลู อิสระโดย เทคนิค ABTS พบว่า ส่วนของผลหรอื เมลด็ ใบอ่อน และกา้ นใบของพืชท่ีศึกษาส่วนใหญม่ คี ่า TEAC (Trolox Equivalent Antioxidant Capacity) นอ้ ย กว่าสารมาตรฐาน Trolox (TEAC < ๑.๐) ยกเว้น เมล็ดของถ่วั พรา้ ใบออ่ นของผกั ชีล้อม ใบอ่อนของ ขนุน และกา้ นใบของผักปอ่ ง มีฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ สงู กวา่ Trolox (TEAC > ๑.๐) สำหรบั ส่วนสกัดของ ช่อดอกอ่อนของพืชผกั ๕ ชนดิ ท่ีมคี ่า TEAC มากกว่า ๑.๐ ไดแ้ ก่ สะเดาขม งิ้วแดง สะเดามัน หวั ปลี และ มะม่วง ในขณะทสี่ ่วนของยอดออ่ นของพชื ผกั ๗ ชนิด ท่ีมคี ่า TEAC มากกวา่ ๑.๐ ไดแ้ ก่ มะขาม สะเดาขม ผกั บงุ้ นา ผักแว่น ขเี้ หล็ก กระเพราขาว ผักแพงพวย โดยเฉพาะส่วนสกดั ยอดออ่ นจากพืช ๓ ชนดิ กระโดน มะม่วง และชา้ เลอื ด มฤี ทธ์ิตา้ นอนมุ ูลอิสระทสี่ ูงกวา่ Trolox ถึง ๔, ๑๐ และ ๑๒ เทา่ ตามลำดับ เมอื่ เปรียบเทยี บพชื ผกั ตัวอยา่ งจากชนดิ และสว่ นท่บี ริโภค ได้ สรุปไดว้ า่ ยอดอ่อนของชา้ เลือด (Caesalpinia mimosoides Lamk.) มฤี ทธิต์ อ่ ตา้ นอนุมูลอิสระสูง ทีส่ ุด รองลงมาได้แก่ ยอดอ่อนของมะม่วง (Mangifera indica Linn.) ช่อดอกออ่ นของมะขาม

ผวู้ จิ ัย / สถาบัน / พ.ศ. ชอ่ื งานวิจยั วธิ ีการวิจยั ผลการวิจยั และยอดออ่ นของกระโดน (Barringtonia aculangula Linn.Caertn) ตามลำดบั ผู้วิจัยได้เสนอ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 123 ๑๖.สพุ กั ตร์ พว่ งบางโพ คณะแพทย์ศาสตร์ องคป์ ระกอบทางเคมขี องผักพ้ืนบา้ น - เทคนคิ ABTS แนะว่าในอนาคต ควรมกี ารวเิ คราะหแ์ ละการแยกให้ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, ๒๕๕๑. ท่ีมฤี ทธต์ิ า้ นออกซิเดชนั่ ในการ - เทคนคิ TLC (thin layer บรสิ ุทธ์ิของสารทีม่ ฤี ทธิ์ตา้ นอนมุ ลู อิสระทีม่ ีอยูใ่ นพชื พฒั นาเพอ่ื ผลิตภัณฑเ์ สริมอาหาร chromatography) ผักดังกลา่ ว ตลอดจนการศึกษาคณุ สมบตั ิทางฟสิ ิกส์ - เทคนิค HPLC (High Perfomomce และเคมขี องฤทธ์ิการต้านอนุมูลอิสระแบบการจบั เก็บ Lignid Chromatoqraphy) อนุมูลอิสระ (Scavengimg) หรือการยับยั้งการเกดิ อนมุ ูลอสิ ระ (Rate of formation) รวมถงึ วธิ กี าร เปลีย่ นแปลง (Biotramsformation) ภายในเซลลข์ อง สิ่งมีชีวติ ต่อไป - จากการศกึ ษาฤทธต์ิ า้ นออกซเิ ดชนั่ จากพชื ผกั พนื้ บา้ น ๓ ชนิด คือ ชา้ เลอื ด มะม่วงพนั ธเุ์ ขียวเสวย และ กระโดนน้ำ พบวา่ สารสกดั จากส่วนของช้าเลอื ดให้ค่า TEAC สงู ทสี่ ดุ รองลงมาคอื มะม่วงพนั ธเุ์ ขยี วเสวย และกระโดนนำ้ ตามลำดับ และเมือ่ ศกึ ษาในแตล่ ะสว่ น พบว่า ส่วนยอดออ่ นของช้าเลอื ดให้คา่ TEAC สูงทีส่ ุด รองลงมาคือ ใบดอกและลำตน้ ตามลำดบั สว่ นการ ศกึ ษามะมว่ งเขยี วเสวย พบวา่ ค่า TEAC สูงทีส่ ุดใน ส่วนของยอดออ่ น รองลงมาคอื เมล็ด ใบ และเปลือก ผล ตามลำดับ สว่ นสารสกัดของกระโดนน้ำ ให้ค่า TEAC สูงท่สี ดุ คือ ส่วนของยอดออ่ น รองลงมาคอื ใบ และลำต้น ตามลำดับ

124 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผวู้ จิ ัย / สถาบนั / พ.ศ. ชื่องานวจิ ยั วธิ ีการวจิ ยั ผลการวจิ ยั ในการวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบทางเคมี อาจสรุปขนั้ ตน้ วา่ สารออกฤทธ์ิในพชื ผักทัง้ ๓ ชนิด นา่ จะมีองค์ ๑๗.จนิ ตนาภรณ์ วัฒนธร กล่มุ งานวิจัย ใบบัวบกดีต่อสมอง กระตนุ้ การเรียน รูปแบบการทดลองดา้ นเภสชั วทิ ยาใน ประกอบของ Proanthocyanidin และแทนนนิ เปน็ พัฒนาผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพและการเพิ่ม ร้ ู กลุ่มอาสาสมัคร ส่วนประกอบทแ่ี สดงฤทธต์ิ า้ นออกซิเดชน่ั และจาก ประสิทธิภาพสมอง คณะแพทย์ศาสตร์ การตรวจสอบและหาปริมาณสารประกอบทต่ี วจพบ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๕๑. เป็นสารท่ีมฤี ทธ์ติ า้ นอนุมูลอสิ ระทร่ี ู้จักกันอยา่ งแพร่ หลาย ท้ัง Tannic acid, gallic acid, naringin, catechin, myricetin, และ quercetin ซ่ึงเปน็ สาร ประกอบกล่มุ ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และนา่ จะ เป็นสารออกฤทธติ์ ้านอนมุ ูลอิสระสูงของพืชผักพน้ื บา้ นท้ัง ๓ ชนิด - ผลการศึกษา พบวา่ คลืน่ สมองของกลมุ่ อาสาสมคั ร ปกตทิ ่ีได้รบั สารสกดั ในบวั บก ปริมาณ ๕๐๐ และ ๗๕๐ มิลลิกรมั ต่อวัน ตอ่ เน่ืองเปน็ เวลา ๒ เดือน สามารถเห็นการเปล่ยี นแปลงของคลื่นความถีไ่ ด้ ชัดเจน ท้ังมีความไวต่อส่ิงเรา้ มากกวา่ กล่มุ ท่ไี ดร้ บั สาร สกัดใบบวั บกปรมิ าณ ๒๕๐ มลิ ลิกรัม นอกจากน้ี เมือ่ หยุดการใหส้ ารสกดั เป็นเวลา ๑ เดอื น ก็ยังพบว่า ประสทิ ธิภาพในการจดจำกย็ ังคงที่ คลนื่ ความถีส่ มอง ท่ีเพิ่มขนึ้ กไ็ มล่ ดลงอย่างมนี ัยสำคญั ในอนาคตทมี นัก วจิ ยั มเี ป้าหมายท่จี ะขยายการทดลองไปยังอาสาสมคั ร ทม่ี ีปญั หาด้านความจำบกพรอ่ ง

ผวู้ จิ ัย / สถาบนั / พ.ศ. ชอื่ งานวิจยั วธิ ีการวิจยั ผลการวิจยั ๑๘.อรุณศรี ปรีเปรม คณะเภสัชศาสตร์ สารสกดั พริกไทยดำ แกโ้ รคอลั ไซ - การวิจัยเชิงทดลองดา้ นเภสชั วิทยา - คณะนกั วจิ ยั มกี ารนำพรกิ ไทยดำมาสกดั สารพเิ พอรนิ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ , ๒๕๕๑. เมอร ์ - การวจิ ัยเพื่อพฒั นาผลิตภัณฑ์สขุ ภาพ (piperine) ซงึ่ เปน็ สารอัลคาลอยด์ เพ่อื ปอ้ งกนั โรคอัลไซเมอร์ และนำมาทดสอบฤทธ์ิเก่ียวกับความจำ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 125 ๑๙.นาถธิดา วรี ะปรยี ากรู คณะเภสัชศาสตร์ การศึกษาคณุ คา่ ของสารสกดั สมุน - การวจิ ัยเชิงทดลอง ในหนูทดลอง พบว่า ผลการทดสอบหนูทม่ี ีความจำ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, ๒๕๕๑.(ศนู ยว์ จิ ยั ไพรจากพชื ในพื้นที่โคกภตู ากา ตอ่ - การวิจยั เชงิ สำรวจ เส่ือมกลับหายเปน็ ปกติ จากนนั้ คณะนักวิจยั จงึ ศกึ ษา และพัฒนาผลติ ภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพร การป้องกันโรคมะเรง็ การนำสารพเิ พอริน บรรจใุ นอนภุ าคนาโนเพ่อื ลด คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น) ความระคายเคอื งตอ่ เยอ่ื บุ และมกี ารตรวจสอบ ปรมิ าณการเพิ่มของเซลล์สมองต่อการฤทธข์ิ องสาร สกดั จากพรกิ ไทยดำดว้ ยเครือ่ งมอื วทิ ยาศาสตร์ เพื่อ ยืนยันผลทแ่ี น่นอนและนา่ เช่อื ถือ จากนัน้ จงึ พัฒนา เปน็ ผลิตภณั ฑใ์ นรปู แบบสเปรย์หยอดจมูกเพอ่ื ปอ้ งกัน โรคอลั ไซเมอร์ ซ่ึงพบมากในกลมุ่ ผูส้ งู อายุ และคนวัย ทำงานทม่ี ภี าวะความเครยี ดสงู ผลงานวิจยั นี้ได้ยนื่ จด สทิ ธบิ ตั รเรยี บร้อยแล้ว ในอนาคต ทมี วจิ ยั จะมีการ วิจัยความเป็นพษิ และทดลองกบั ผู้ป่วยโรคอลั ไซเมอร์ คาดวา่ จะใช้เวลาไม่เกนิ ๒ ปี ก่อนการต่อยอดสเู่ ชิง พาณชิ ย์ เพ่ือพฒั นาเปน็ ผลติ ภัณฑส์ ารสกัดพรกิ ไทยดำ แก้โรคความจำเสื่อม - ผลการวจิ ัยเชิงสำรวจ พบว่า พชื บางชนิดในพ้นื ที่ โคกภตู ากา อำเภอภูเวยี ง จงั หวดั ขอนแกน่ มีฤทธ์ใิ น การต้านออกซเิ ดช่นั และมผี ลตา้ นการกอ่ กลายพันธ์ุ และมรี ายงานพบความสมั พนั ธข์ องฤทธติ์ า้ นออกซเิ ดชนั่ กับการเกิดโรคมะเรง็ มาก่อน นักวจิ ัยจึงนำพชื ๑๔ ชนิด มาศกึ ษาศกั ยภาพเบ้อื งตน้ ในการป้องกนั โรค มะเร็ง

126 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผวู้ จิ ัย / สถาบัน / พ.ศ. ชอ่ื งานวิจยั วิธีการวจิ ยั ผลการวิจยั โดยนำสารสกดั จากพชื มาเลยี้ งกับเซลลม์ ะเร็ง ผลการ วิจยั เบอ้ื งต้น พบว่า ผักตวิ้ หรอื ผักแต้ว มีผลดใี นการ ยับย้ังป้องกนั การเจรญิ เตบิ โตของมะเรง็ ตับ และพบวา่ สารสกดั จากใบต้วิ ไมม่ ผี ลต่อเซลลป์ กติ ในอนาคต ทมี วจิ ัยตอ้ งการวิจยั หาสารสำคัญ และกลไกท่ีชดั เจน ในการออกฤทธ์ิการต้านมะเรง็ ตบั ตอ่ ไป ๒๐.ชุตกิ าญจน์ ศกั ดิส์ งิ ห์ (วทิ ยาศาสตร์มหา การศกึ ษาสมบตั ิตา้ นอนุมลู อสิ ระใน การความสามารถต้านอนุมูลอสิ ระ โดย - การศึกษาครั้งนเ้ี ปน็ การศกึ ษาความสามารถตา้ น บณั ฑติ ) มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, ๒๕๕๑. ผกั พนื้ บา้ น วธิ ี DPPH อนุมลู อิสระและหาปรมิ าณสารประกอบ ฟินอลกิ ทง้ั หมดในผักพื้นบา้ น จำนวน ๒๓ ชนิด ในจงั หวดั เลย พบว่า ผักเมก็ มคี วามสามารถตา้ นอนุมูลอิสระสูงท่ีสุด และรองลงมา ได้แก่ ผกั ต้ิว ผักหวานบ้าน ข้เี หลก็ กระถนิ กระเพรา โหระพา สะเดา กระโดน ผกั หวานปา่ สว่ นใบยอมคี วามสามารถต้านอนมุ ลู อสิ ระตำ่ สุด และในการศกึ ษาปริมาณสารประกอบฟินอลิก พบว่า ผกั พืน้ บ้านทุกชนิดมสี ารประกอบฟินอลิก โดยพบ ปรมิ าณสารฟินอลิก ระหวา่ ง ๑๐ - ๑๗๐ mg./kg.พืช ผักพืน้ บ้านที่มีปริมาณสารประกอบฟินอลกิ สงู สุด ๕ อันดบั แรก คอื ผักต้วิ ขี้เหลก็ ผักเม็ก ใบมะเฟอื ง และ กระถนิ และเม่ือเปรยี บเทยี บปริมาณสารประกอบ ฟนี อลกิ ทัง้ หมดกบั ความสามารถตา้ นอนุมูลอสิ ระของ ผักพืน้ บ้าน ๒๓ ชนิด พบว่า มแี นวโนม้ ไปในทศิ ทาง เดียวกนั คอื ผักท่มี ปี รมิ าณสารประกอบฟนิ อลิกมาก จะมีความสามารถต้านอนมุ ูลอิสระมากด้วย

ภาคผนวก ๒ ตารางแสดงงานศกึ ษาวิจัยและพัฒนารูปแบบการเรยี นรแู้ ละฟื้นฟูผักพ้ืนบา้ น / วฒั นธรรมอาหารพืน้ บา้ น ในชมุ ชน ๑๓ เรอื่ ง ผู้วิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ช่ืองานวิจัย วธิ กี ารวจิ ยั ผลการวิจยั ๑.ผา กองธรรม และคณะ , ๒๕๔๔. การศกึ ษาแนวทางการฟนื้ ฟผู กั พน้ื บา้ น งานวิจยั ท้องถิน่ ปา่ ทามชมุ ชนกดุ เปง่ มพี นื้ ที่ ๓, ๐๐๐ ไร่ และมชี มุ ชน ๔ หมบู่ า้ นรว่ ม ในพนื้ ทท่ี าม โดยชมุ ชน กรณี ปา่ ทาม ดูแลรักษาป่าชมุ ชน ปี พ.ศ.๒๕๔๔ ป่าชุมชนมผี ักจำนวนลดลง ชมุ ชนกดุ เปง่ ต.ยางคำ อ.โพนทราย เน่ืองจากชมุ ชนบกุ รกุ ปา่ ทามและเกิดผลกระทบจากการสรา้ งเขอื่ น จ.รอ้ ยเอด็ ราษไี ศล ชุมชนจงึ รว่ มกันศึกษาองค์ความรผู้ กั พนื้ บา้ นและศกึ ษาวธิ ีการ จัดการผักพ้ืนบ้านให้มีความอดุ มสมบรู ณ์ และเชอื่ มโยงกบั ด้านสุขภาพ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 127 เศรษฐกิจและส่ิงแวดล้อมของชุมชน ผลการศกึ ษาพบวา่ ชมุ ชนมกี ารใชป้ ระโยชนจ์ ากผกั ทาม ทงั้ เปน็ แหลง่ อาหารและเป็นพืชเศรษฐกจิ เพอ่ื มีรายไดก้ บั ครอบครัว ผกั ทามแบง่ เป็น ผักบก ผักนำ้ และผักคร่ึงบกครงึ่ นำ้ รวมจำนวน ๔๘ ชนดิ ศกึ ษา ลกั ษณะทัว่ ไป การใชป้ ระโยชน์ด้านอาหารและด้านประโยชนใ์ ชส้ อย และชุมชน อนั ประกอบด้วย ผู้ร้(ู เซียนผัก) สมาชกิ ชุมชน อบต.เยาวชน กรรมการปา่ ชุมชน ทมี วิจยั ไดร้ ่วมกนั ปฏบิ ตั ิการทดลองวิธีการจดั การ ทรพั ยากรผักพน้ื บา้ นในพน้ื ทท่ี ามโดยชุมชน ๔ โครงการ ได้แก่ โครงการผกั ทามเพื่อการยงั ชพี และเพอื่ เศรษฐกจิ โครงการผกั ทามเพือ่ สุขภาพ โครงการสรา้ งจติ สำนกึ ใหก้ ับเยาวชน “เยาวชนรักษผ์ ักทาม” และโครงการศนู ย์เรียนรผู้ กั ทาม โดยทีห่ ลังจากชุมชนศกึ ษา สถานการณแ์ ละองค์ความร้ผู กั ทามแลว้ ไดม้ กี ลมุ่ เปา้ หมาย ๘ คน จาก ๔ หมู่บา้ น ทดลองปลกู ผกั ในแปลงทดลองเพื่อเปน็ อาหารและเปน็ พชื เศรษฐกิจของครอบครวั และมีคนปลูกเพิ่มเตมิ ในพื้นทีป่ ่าทาม และมี การคดั เลอื กพืน้ ท่กี ุดตาเปา้ ๒ ไรเ่ ศษ เปน็ พ้นื ท่ีเรยี นรู้ผกั พืน้ บา้ นของ ชมุ ชน พรอ้ มทั้งสรา้ งจติ สำนึก รณรงคแ์ ละให้ความรู้ผักทามกับ เยาวชนในชมุ ชน คือ การจดั การระดับครวั เรอื น และการจดั การระดับ ป่าชมุ ชน

128 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผู้วจิ ัย / สถาบนั / พ.ศ. ชื่องานวิจยั วิธีการวจิ ยั ผลการวิจยั ๒.อเุ ทน สลี าเม มหาวิทยาลยั เชยี งใหม ่ การผลติ และบรโิ ภคผักพ้นื บา้ นของ การวจิ ยั เชิงปริมาณ ผลการวจิ ยั พบว่า เกษตรกรกลุ่มตัวอย่างสว่ นใหญม่ ีการใชป้ ระโยชน์ (การค้นควา้ แบบอิสระหลักสูตรปรญิ ญา เกษตรกรในเขตอำเภอแม่แตง จากผกั พ้ืนบ้านในด้านอาหารและด้านยา และบางส่วนมีรายได้จาก วทิ ยาศาสตรม์ หาบณั ฑิตเกษตรศาสตร์ จงั หวดั เชยี งใหม่ การจำหน่ายผกั พ้ืนบ้าน และเกษตรกรส่วนใหญ่มกี ารปลกู ผักพื้นบา้ น สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตร), ๒๕๔๖. ไวบ้ รโิ ภคในครัวเรอื น บางส่วนปลกู ไวท้ ัง้ เพ่อื บริโภคและเพอ่ื จำหนา่ ย การปลกู ผักพื้นบา้ นนิยมปลกู ไว้บรเิ วณรอบบ้านของตนเอง ไม่นิยม ปลกู ในพ้ืนทส่ี วนหรอื พ้ืนท่ปี ่าท่ไี ม่มีเจ้าของ เมลด็ พนั ธ์ุผักพื้นบา้ นได้ จากการเกบ็ เมลด็ พันธ์ดุ ว้ ยตนเองและขอจากเพ่ือนบ้านการปลกู ใช้ แรงงานในครอบครวั ตนเอง ส่วนใหญ่ดแู ลรดนำ้ และไม่ใช้สารเคมีและมี เกษตรกรบางส่วน จำหน่ายผกั พ้นื บา้ นในตลาดท้องถ่ินเกษตรกร กลุ่มตวั อยา่ งเกือบท้ังหมดชอบบริโภคผกั พน้ื บ้านและระบชุ นิดของผัก พน้ื บ้านทีน่ ิยมบริโภค จำนวน ๗๒ ชนิด ผักที่นิยมบริโภค ๑๐ อันดับ แรกคือ ตำลึง ชะอม ขา่ ตะไคร้ ชา้ พลู ขมน้ิ กูด เซียงดา มะเขือพวง และผกั ปลัง เหตผุ ลในการบริโภคผักพน้ื บ้านเพราะความคนุ้ เคย ความ ประหยดั เป็นผกั ท่ปี ลอดสารพษิ หาง่ายและมีรสชาติอร่อย ถูกปาก บรโิ ภคตั้งแต่บรรพบรุ ษุ และยงั พบวา่ ระยะทางและลกั ษณะพน้ื ทีอ่ ยู่ อาศยั มคี วามสัมพันธใ์ นการผลติ ผกั พนื้ บา้ นของเกษตรกร ปญั หา อุปสรรคในการปลกู ผักพ้ืนบา้ น คือ ตลาดทีร่ องรับผกั พื้นบา้ นไม่ แนน่ อน ขาดพน้ื ท่ใี นการปลูกผกั พ้ืนบ้านและขาดความรู้ดา้ นการปลกู / เทคโนโลยีดา้ นป้องกันดแู ลผกั พนื้ บา้ น และด้านการตลาดผกั พน้ื บ้าน ข้อเสนอแนะจากงานวจิ ัย คอื (๑) ใหค้ วามรู้ดา้ นผลิตผกั พ้นื บา้ น ได้กลุ่มเกษตรกร (๒) ใหค้ วามรดู้ า้ นคุณประโยชน์และจติ สำนึกด้านอนุรกั ษผ์ ักพน้ื บ้าน กบั เยาวชน

ผ้วู จิ ยั / สถาบัน / พ.ศ. ชอื่ งานวิจยั วิธีการวิจัย ผลการวิจยั ๓.ไพจิตร เชอ้ื ดี การพฒั นาชุดกิจกรรมโดยใช้แนวคดิ การวจิ ยั เชิงทดลอง ผ้วู ิจยั ไดพ้ ัฒนาชุดกิจกรรมโดยใช้แนวคิด ๔ MAT เรือ่ งผักพ้นื บ้าน (หลกั สูตรปรญิ ญาศึกษาศาสตรม์ หาบัณฑติ ๔ MAT เร่ืองผักพน้ื บา้ นสำหรับ สำหรบั นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ โรงเรยี นกดุ จบั ประชาสรรค์ สาขาวิชาศึกษาศาสตรม์ หาวิทยาลยั สโุ ขทัย นกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ อ.กุดจบั จ.อุดรธานี จำนวน ๓๐ คน ภายหลังจากการใช้ชดุ กิจกรรม ธรรมาธิราช-วพ.),๒๕๔๖ โรงเรยี นกดุ จบั ประชาสรรค์ จงั หวัด ซ่ึงประกอบด้วย ๖ หัวขอ้ ยอ่ ย คอื ความหมายและความสำคญั ของผัก อุดรธาน ี พืน้ บา้ น , ประเภทและชนิดของผกั พืน้ บ้าน, การขยายพันธ์ุผักพน้ื บา้ น ๔.ประภาพร ภูมปิ ญั ญาคณุ , การปลกู ผกั พ้นื บ้าน , การดูแลบำรงุ รกั ษาผักพ้ืนบา้ น และการใช้ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ประโยชนจ์ ากผกั พนื้ บา้ น เปน็ เวลา ๑๖ ชั่วโมง นักเรยี นมผี ลสมั ฤทธิ์ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 129 จนั ทรเกษม,๒๕๔๗. การสร้างบทเรยี นวทิ ยาศาสตรท์ ้อง งานวิจัยเชิงสำรวจและ ทางการเรยี นสูงกว่ากอ่ นเรยี น ชดุ กจิ กรรมมคี วามเหมาะสม และสง่ ถ่นิ เร่อื ง อาหารทีป่ ระกอบดว้ ยผัก งานวจิ ยั เชงิ ทดลอง เสริมสนับสนุนให้ผู้เรยี นมคี วามรู้ความสามารถ เพิ่มศักยภาพการเรยี น พน้ื บ้านเกาะเกร็ด รู้ และสง่ ผลต่อทั้งสมองซกี ซา้ ยและซีกขวาอย่างสมดุล ผวู้ จิ ยั ไดส้ รา้ งบทเรยี นวทิ ยาศาสตรท์ อ้ งถนิ่ สำหรบั นกั เรยี นและนกั ศกึ ษา โดยกระบวนการสำรวจผักพื้นบ้านบนเกาะเกรด็ ที่ชาวบา้ นปลกู ไวใ้ น ตำบลเกาะเกรด็ อำเภอปากเกรด็ จังหวดั นนทบรุ ี พบผักพ้นื บา้ น ๕๑ ชนิด และได้คัดเลอื กผักพื้นบา้ น ๑๐ ชนิดท่ีชาวบ้านนิยมนำมา ประกอบอาหารเพือ่ จำหน่ายและรับประทาน คอื ช้าพลู ดอกแค ข้ีเหลก็ ใบยอ หนอ่ กะลา กระเจีย๊ บมอญ มะรุม ผักหนาม ดอกโสน สะเดา อาหารจากผักพ้ืนบา้ น ๑๐ ชนิด คอื แกงคว่ั หอยขมใบช้าพลู แกงส้มดอกแคกบั กุง้ แกงใบข้เี หลก็ กับหมยู อ แกงผดั ใบยอกบั ปลาดุก ย่าง แกงเลียงหนอ่ กะลา แกงสม้ กระเจ๊ยี บมอญ แกงสม้ มะรุมกบั กุ้ง ผกั หนามราดกะทจิ ิ้มนำ้ พริก ดอกโสนชุบไขท่ อด และสะเดากบั นำ้ ปลา หวาน และได้นำอาหารท้งั ๑๐ ชนิด มาวิเคราะห์คุณคา่ ทางโภชนาการ หลังจากนั้นนำขอ้ มลู ทง้ั หมดของผล

130 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผู้วิจัย / สถาบนั / พ.ศ. ช่ืองานวิจยั วิธกี ารวจิ ยั ผลการวิจยั การวิจยั มาสรา้ งบทเรยี นวทิ ยาศาสตร์ทอ้ งถ่ิน เรอื่ ง “อาหารทีป่ ระกอบ ดว้ ยผกั พ้นื บา้ นเกาะเกร็ด” ซง่ึ ประกอบดว้ ยบทเรียน ๓ ชดุ ไดแ้ ก่ ชดุ ท่ี ๕.งามตา เพชรควน การพัฒนาหลกั สตู รการอนุรกั ษท์ อ้ ง การวิจัยเชิงทดลอง ๑ เปน็ บทเรียนสำหรบั นกั เรียนระดับชนั้ ประถมศกึ ษา ช่อื “พชื ท้องถิ่น (หลกั สตู รครุศาสตรม์ หาบัณฑิต ถิ่นเรอ่ื งผักพื้นบา้ น สำหรับนักเรียน (การพฒั นาหลกั สูตร ประเภทผกั พ้นื บ้านเกาะเกรด็ ” ชดุ ท่ีสอง เปน็ บทเรียนสำหรบั นกั เรียน มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั เทพสตรี-วพ.)๒๕๔๙ ชว่ งชนั้ ท่ี ๒ ในโรงเรียนส่งถึง ทอ้ งถ่ิน) ระดับมัธยมศึกษา ช่ือ “การประกอบอาหารจากผกั พนื้ บ้านเกาะ สำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา เกรด็ ” ชุดทีส่ ามเปน็ บทเรียนในชุดปฏิบตั ิการสำหรับนกั ศกึ ษาระดบั สุพรรณบุรี เขต ๓ อุดมศึกษาในวิชาเคมที ่วั ไป ๒ เร่อื งสารอาหาร ชอื่ “คณุ คา่ ทาง โภชนาการของอาหารท่ปี ระกอบดว้ ยผักพ้นื บ้านเกาะเกรด็ ” และงาน วจิ ัยมขี ้อเสนอแนะว่าควรสำรวจผกั พนื้ บ้านเพมิ่ เติมและมกี ารคัดเลือก ผกั พนื้ บา้ นที่เดน่ มาพัฒนาเปน็ อาหารหรือเคร่ืองด่มื เพอ่ื ประชาสมั พนั ธ์ และจำหน่ายกับนกั ท่องเทีย่ ว พร้อมทั้งเผยแพรบ่ ทเรยี นท้งั ๓ ชดุ เพ่ือ ประโยชนด์ ้านการเรียนการสอนตอ่ ไป ผลการวิจยั พบว่า ผวู้ จิ ัยมีการพฒั นาหลกั สตู รการอนรุ กั ษท์ ้องถิน่ เร่ือง ผกั พน้ื บา้ น สำหรับนักเรียนชว่ งชั้นท่ี ๒ ในโรงเรยี นสงั กัดสำนักงานเขต พ้ืนท่กี ารศึกษาสพุ รรณบรุ ี เขต ๓ จำนวน ๓๒ คน โดยการพัฒนา หลกั สตู ร ๗ ขั้นตอน คอื การศึกษาและวิเคราะหข์ ้อมูลพ้ืนฐาน การ กำหนดจดุ หมาย การเลอื กเนอื้ หา การจดั เนอ้ื หา การเลอื กประสบการณ์ การสอน การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นการสอนและการประเมนิ ผล ผวู้ จิ ยั ไดจ้ ดั กจิ กรรมการพฒั นาผเู้ รยี นในภาคทฤษฏแี ละภาคปฏบิ ตั ิ ๑๕ ชวั่ โมง ประกอบดว้ ย ๗ หวั ขอ้ คอื การสำรวจอทุ ยานผกั พน้ื บา้ นเพอื่ การเฉลมิ พระเกยี รตบิ งึ ฉวาก,ความหมายและความสำคญั ของผกั พน้ื บา้ น,มารจู้ กั ผกั พน้ื บา้ นกนั เถอะ,ประเภทสว่ นทใี่ ชใ้ นการบรโิ ภค,ผกั พน้ื บา้ นตา้ น โรค,รสชาตแิ ละคณุ คา่ ตามโภชนาการและผกั พนื้ บา้ นรสชาตแิ หง่ คณุ ภาพ ภายหลงั การจดั การเรยี นการสอนพบวา่ กลมุ่ เปา้ หมายมผี ลสมั ฤทธใ์ิ นการ เรยี นสงู กวา่ กอ่ นเขา้ หลกั สตู ร

ผวู้ ิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ชือ่ งานวจิ ัย วธิ ีการวจิ ยั ผลการวจิ ยั มีทกั ษะการปฏิบตั กิ จิ กรรมดีมาก และมเี จตคติตอ่ หลกั สูตรท่ดี ี และมี ขอ้ เสนอแนะวา่ กิจกรรมในหลักสูตรควรเนน้ รปู ธรรมที่ทำให้เด็กนำไป ๖.สนน่ั กันเงิน การฟืน้ ฟแู ละการใชป้ ระโยชน์จาก การวจิ ัยเชงิ คณุ ภาพ ปฏิบตั จิ รงิ ในชีวติ ประจำวนั ไดแ้ ละควรสอดแทรกแนวพระราชดำริ (ปริญญาวทิ ยาศาสตร ์ พชื ผกั ทอ้ งถิ่น บ้านนอแล ต.มว่ นป่นิ เศรษฐกิจพอเพยี ง มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการพฒั นาภมู ิสงั คม อ.ฝาง จ.เชยี งใหม่ อยา่ งยัง่ ยืน) มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้ (วพ.) , จากผลการศึกษา พบวา่ บา้ นนอแลเป็นชมุ ชนเผา่ ปะหลอ่ ง (ดาละอง้ั ) ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 131 ๒๕๕๐. เปน็ ชนกลุ่มน้อยใกลช้ ายแดนพม่า มจี ำนวน ๑๐๐ ครอบครวั มีอาชีพ เพาะปลกู ทำไร่ พืชผกั และเลย้ี งสัตว์ จากการสำรวจพชื ผกั ท้องถ่นิ ทใ่ี ช้ ประโยชนม์ ีทัง้ หมด ๔๒ ชนิด โดยเกบ็ จากป่าธรรมชาติ นำมาบรโิ ภค เปน็ อาหารและสมุนไพรรกั ษาโรค ปัจจบุ ันพืชผกั ท้องถ่นิ มปี รมิ าณลด ลงและไดม้ ีโครงการหลวงไดเ้ ข้ามาสง่ เสรมิ การปลูกพืชผักอนิ ทรียเ์ พื่อ บริโภคและจำหนา่ ยในชุมชน และสำหรบั แนวทางการฟ้นื ฟแู ละใช้ ประโยชนจ์ ากพืชผักท้องถน่ิ ควรมแี นวทางดำเนินการ ๔ มาตรการ คอื (๑) การให้ความรเู้ รอ่ื ง คุณค่าและประโยชน์ของพืชผกั ท้องถิน่ ในชุมชน (๒) สง่ เสรมิ การรวมกลมุ่ และสนับสนุนใหเ้ กิดการปลกู และบริโภคผัก พืน้ บา้ นมากขึน้ โดยการขยายพนั ธพ์ุ ืชผกั ทอ้ งถน่ิ และนำมาปลูกใน พืน้ ทีท่ ี่ปลูกผกั อนิ ทรีย์ พน้ื ทไี่ ร่และพนื้ ทบ่ี รเิ วณท่ีอย่อู าศยั เพอ่ื สะดวก ในการบริโภค (๓) สบื ทอดใหเ้ ยาวชนและชมุ ชนรักษาและบริโภควฒั นธรรมการ บรโิ ภคพืชผกั พน้ื บา้ น (๔) สร้างความรว่ มมอื ระหวา่ งชุมชนและสถานีเกษตรหลวงอา่ งขาง เพื่อใหช้ ุมชนมีพชื ผกั ท้องถนิ่ บรโิ ภคอย่างย่ังยนื

132 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผูว้ ิจัย / สถาบนั / พ.ศ. ชือ่ งานวจิ ัย วิธีการวจิ ัย ผลการวิจัย ๗.อนรุ กั ษ์ ปน่ิ ทอง การศกึ ษาพืชอาหารพ้ืนเมืองและ การวิจัยแบบมสี ่วนร่วม ผลการศึกษา คอื ปา่ ดงโตง่ โตน้ มีพนื้ ทป่ี ระมาร ๒,๑๑๙ ไร่ เดมิ เปน็ ป่า มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏกาฬสินธุ์ แนวทางในการอนรุ กั ษพ์ รรณพืชท่ี (PAR) เบญจพรรณผสมปา่ เตง็ รงั ปัจจบุ ันมสี ภาพเปน็ ปา่ ผสมไร้ร้าง ชมุ ชนท่ี จ.กาฬสินธุ,์ ๒๕๕๐ ป่าดงโต่งโต้น ต.สงเฟือย อาศยั รอบป่าเป็นคนไทยอสี าน และมีชวี ติ เกย่ี วขอ้ งกบั ป่า ในชุมชนมี อ.นามน จ.กาฬสินธ์ ุ ภูมิปัญญาดา้ นพืชอาหารและสมนุ ไพร ซึ่งผู้รแู้ ละผูเ้ ฒา่ มีประสบการณ์ และรจู้ กั นำมาใช้ประโยชน์โดยนำมาประกอบเปน็ อาหารและใชเ้ ปน็ ยา สมนุ ไพร องคค์ วามรูเ้ หลา่ นกี้ ำลังสญู หายและขาดผู้สืบทอด และขาด การบนั ทกึ เปน็ ลายลักษณ์อกั ษร จากการสำรวจพืชอาหารในพื้นท่ี ป่าดงโตง่ โต้น พบพชื อาหารจำนวน ๕๒ ชนดิ จำแนกได้ ๕๑ สกลุ และ ๒๗ วงศ์ และจำแนกเปน็ ผักท่ใี ชป้ ระกอบอาหาร ๓๘ ชนิด และ ผลไม้ ๑๔ ชนดิ จากผลการสำรวจพืชอาหาร ไดน้ ำมาสร้างเปน็ บท เรยี นท้องถ่นิ เร่ือง “พชื อาหารทอ้ งถนิ่ ” ในรายวชิ าชวี วทิ ยา เพ่ือ จัดการเรียนการสอนในระดับช้นั มัธยมศกึ ษา ช้นั ปที ี่ ๕ โรงเรียน มอสวนขิงพทิ ยาสรรค์ ทำให้ผเู้ รียนสนใจเรียนรู้และเกิดจิตสำนกึ ทดี่ ตี อ่ การใชป้ ระโยชน์ดา้ นภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ จากป่าอันเป็นการสร้างความ สมั พันธอ์ นั ดรี ะหวา่ งภูมิปญั ญาท้องถนิ่ กับเยาวชนในชมุ ชน นอกจากน้ี ยังมกี ารปรึกษารว่ มกับชุมชน เพอื่ ฟนื้ ฟู อนุรกั ษ์และใช้ประโยชนจ์ าก ป่าอยา่ งย่ังยนื โดยมแี นวทาง ดงั น ี้ (๑) การจดั ตง้ั กลุ่มอาสาพทิ กั ษ์ป่าดงโตง่ โต้น (๒) สง่ เสรมิ กจิ กรรมการปลกู ปา่ (๓) ใช้แนวทางปา่ วัฒนธรรมหรือการสรา้ งศาลดอนปู่ตา และ (๔) ศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มูลด้านพืช สตั ว์ป่า และภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ และยังมขี อ้ เสนอแนะจากงานวิจยั คือ ควรทำการศึกษาและพิสจู น์ ความถูกตอ้ งของภมู ิปัญญาด้านการใช้สมุนไพรรกั ษาโรค เพอ่ื ช่วยยก ระดบั และรับรองผลการใช้สมนุ ไพรในการรักษาโรค และในการฟน้ื ฟู และจัดการปา่ ดงโต่งโตน้ ให้มีการดูแลและใชป้ ระโยชน์อยา่ งย่ังยืน จำเป็นตอ้ งการความร่วมมือและสนบั สนนุ จากหนว่ ยงานของรัฐและ ชมุ ชน

ผูว้ ิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ชอ่ื งานวจิ ยั วิธีการวจิ ยั ผลการวจิ ัย ๘.สนิ ี โชตบิ ริบรู ณ,์ ความหลากหลายทาง งานศึกษาวจิ ยั เพือ่ พฒั นา บ้านสะเนพอ่ ง ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เปน็ ชุมชนชาว ไพรวลั ย์ ตันตวิ ัฒนเสถยี ร และคณะ ชวี ภาพและภมู ปิ ัญญา ครอบครวั ต้นแบบความ กระเหร่ยี ง อยูใ่ นเขตรกั ษาพันธส์ุ ตั วป์ ่าท่งุ ใหญน่ เรศวร และมี สถาบนั วจิ ัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล , อาหารท้องถ่นิ : รากฐาน ม่นั คงทางอาหารและ วฒั นธรรมทด่ี งี ามสืบทอดเป็นเวลา ๒๐๐ ปี ชุมชนมีวิถกี ารพง่ึ พา ๒๕๔๙ - ๒๕๕๑ ความมั่นคงทางอาหารและ โภชนาการ โดยทีมวิจัย อาหารส่วนใหญจ่ ากธรรมชาติ ปจั จบุ นั ชุมชนเร่ิมมีการพึ่งพาแหลง่ โภชนาการ กรณีศกึ ษา สหสาขาวิชาระหวา่ ง อาหารจากภายนอกเพ่ิมข้ึน และในการสำรวจ ปี พ.ศ.๒๕๔๘ พบเดก็ บา้ นสะเนพอ่ ง ต.ไลโ่ ว ่ ศาสตร์ด้าสนมนุษย์วทิ ยา แรกเกดิ – ๑๒ ปี มีภาวะทพุ โภชนาการ น้ำหนักตำ่ กวา่ เกณฑ์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี แลวิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐานร้อยละ ๑๔ และพบปัญหาโลหติ จางกวา่ รอ้ ยละ ๔๐ การ โดยชมุ ชนเป็นห้นุ ส่วน ศึกษาครั้งนปี้ ระกอบด้วย กระบวนการ ๔ ขั้นตอน คอื การศกึ ษา การวจิ ัย รวมถงึ เทคนคิ วัฒนธรรมระบบเกษตรและวฒั นธรรมอาหารท้องถนิ่ การสำรวจความ การส่ือสารแนวคดิ การ หลากหลายของชนดิ พืชและสตั ว์ทใ่ี ชเ้ ป็นอาหารในชุมชน การสำรวจ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 133 ทำงานเพ่อื สรา้ งพลังร่วม อาหารท้องถิ่นที่มศี กั ยภาพทางโภชนาการและการคน้ หาครอบครัว จากทกุ ระดบั สามารถ ตน้ แบบ เพ่ือใชเ้ ป็นกรณศี กึ ษาสะท้อนถึงวถิ ชี วี ิตทก่ี อ่ ให้เกดิ ความ ขบั เคลื่อนการสรา้ งความ ม่ันคงทางอาหารและโภชนาการภายใต้บริบทของท้องถิ่น ม่นั คงทางอาหารและ ผลการศึกษาพบว่า ชุมชนบา้ นสะเนพ่อง ทำการเกษตรแบบพื้น โภชนาการ บา้ นเป็นการเกษตรแบบยงั ชพี และพงึ่ พาธรรมชาตเิ ป็นหลกั อาหาร (Deep Listening ของชาวบา้ น คือ ข้าว น้ำพรกิ และผักเป็นหลกั โดยมที ่มี าของวัตถุดบิ dialogue) และมีการ จากธรรมชาติ ผักได้จากแหลง่ อาหารธรรมชาติ เกบ็ และหาตามฤดูกาล สงั เคราะหค์ วามคดิ เหน็ จากการสำรวจพบวา่ พชื และสัตวท์ ีช่ มุ ชนเก็บและใชป้ ระโยชน์เปน็ โดยใชแ้ นวคิดการอุปมา อาหาร มจี ำนวน ๓๘๐ ชนดิ อย่างไรกต็ าม ปัจจุบนั มอี าหารจาก อุปมยั (Metaphor) ภายนอกเข้ามาจำหนา่ ย เช่น หมู ผกั ปลา เครอื่ งปรงุ / นำ้ มนั ขนม หรือสญั ลกั ษณ์เชิง กรบุ กรอบ ปลากระปอ๋ ง ทำใหม้ รี ายจ่ายเพ่มิ ขึ้นจากอดตี และจากการ เปรียบเทยี บ วเิ คราะห์คณุ ค่าสารอาหารของสำรับอาหารทอ้ งถ่นิ พบว่า สำรับ อาหารท้องถิน่ ให้ปรมิ าณสารอาหารเพียงพอตอ่ ความต้องการใน ๑ มื้อ

134 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผู้วจิ ยั / สถาบนั / พ.ศ. ช่ืองานวจิ ัย วธิ ีการวจิ ยั ผลการวิจยั โดยเฉพาะพลังงาน คาร์โบไฮเดรต ไขมนั วติ ามนิ ซึง่ ได้จากข้าวผกั ผล ไม้ และเนอื้ สัตว์ และจากการศกึ ษากรณตี น้ แบบ ๑ ครอบครวั ครอบครวั ไมลงออ่ ง สงั ข์ชลาธาร ประกอบด้วย สมาชกิ ครอบครวั ๘ คน มกี ารสร้างแหล่งอาหารรอบบา้ น มีผกั และผลไมท้ ี่นำมาเปน็ อาหาร ไม่ตำ่ กวา่ ๕๐ ชนดิ จากการสังเกตพบว่า ครอบครัวต้นแบบสามารถ ปรุงอาหารมอ้ื เย็น ภายใน ๑ – ๕ นาที โดยนำผักรอบบ้านมาปรงุ อาหารได้ถงึ ๑๕ ชนดิ และเตรียมเป็นอาหาร ๔ รายการ จากการ ตดิ ตามภาวะโภชนาการ พบลกู ๑ คน มภี าวะโลหติ จางระดับปาน กลาง ซ่ึงมีการพดู คุยและดูแลเร่ืองอาหารเพิม่ ขึน้ ดว้ ยอาหารรอบบ้าน ทำใหล้ ูกทกุ คนมภี าวะการเจริญเติบโตท่ปี กติได้ งานวจิ ัยครงั้ น้ีพิสจู น์ ไดอ้ ยา่ งชัดเจน ถึงคุณค่าของภูมิปญั ญาด้านอาหารทอ้ งถน่ิ และความ หลากหลายทางชวี ภาพเปน็ รากฐานสำคัญของสุขภาพ ทั้งยงั ทำให้เกดิ ความมัน่ คงทางอาหารและโภชนาการในครอบครัวและชุมชนดว้ ย ๙.จารณุ ี ภลิ มุ วงค์ , การฟน้ื ฟแู หล่งอาหารและ การศึกษาวจิ ยั เชงิ ปฏิบตั ิ โครงการวิจัยการฟืน้ ฟแู หล่งอาหารและความหลากหลายทางชวี ภาพ อัปสร วิทยประภารัตน ์ ความหลากหลายทาง การแบบมีส่วนรว่ ม ของปา่ รอบชมุ ชนบนพ้นื ทีส่ ูง ดำเนินการ ปี พ.ศ.๒๕๕๐ – ๒๕๕๑ และคณะ โครงการวจิ ัยการฟน้ื ฟแู หล่ง ชวี ภาพของชุมชนบน (PAR) พื้นที่เป้าหมาย ๕ ชมุ ชน (หม่บู า้ น) ใน ๓ จงั หวดั คอื จงั หวดั เชียงใหม่ อาหาร และความหลากหลายทางชีวภาพ พนื้ ทีส่ ูง แม่ฮ่องสอน และน่าน เป้าหมาย คือ ชมุ ชนมแี หลง่ อาหารธรรมชาติ ของปา่ รอบชมุ ชนบนพ้นื ที่สงู สถาบนั วจิ ยั สมุนไพรและพลงั งาน ไดร้ บั การฟืน้ ฟูและอนรุ กั ษเ์ พือ่ การใชป้ ระโยชน์ และพัฒนาพ้ืนทสี่ ูง (องค์การมหาชน) , อย่างยั่งยืน เพ่มิ แหล่งอาหารเพอื่ การบริโภคให้กบั ชุมชน เกิดการ ๒๕๕๐ – ๒๕๕๑. พง่ึ พาตนเอง การต่อยอดภูมปิ ัญญาเพือ่ พฒั นาผลิตภณั ฑ์ และสามารถ พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรใู้ นทีส่ ุด การดำเนินงานมี ๕ ข้ันตอน ดงั น ้ี (๑) การสำรวจการใช้ประโยชนจ์ ากพืชของชมุ ชน (๒) รวบรวมพันธุกรรมพชื ท่ไี ด้รับการคดั เลือก (๓) การศึกษาวธิ กี ารเพาะขยายพนั ธุแ์ ละการบำรงุ พืชพรรณท ่ี เหมาะสม

ผู้วจิ ัย / สถาบนั / พ.ศ. ชือ่ งานวิจัย วธิ ีการวจิ ยั ผลการวจิ ัย (๔) การปลูกพืชระดับครวั เรือนและปลูกเสรมิ ปา่ เพ่อื ฟื้นฟูความ สมบรู ณ์ของปา่ และ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 135 ๑๐.รัชนี เพช็ ร์ช้าง รูปแบบการจดั การความหลากหลาย การวิจยั ปฏบิ ตั กิ ารแบบ (๕) ตอ่ ยอดองค์ความรูเ้ พ่ือพัฒนาผลติ ภณั ฑ์และนวัตกรรมรว่ มกับ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของพชื ผกั พื้นบ้านเพอื่ การเกษตรท ่ี มสี ว่ นร่วม (PAR) ชุมชน การดำเนินงานเปน็ การวจิ ัยปฏบิ ัติการแบบมสี ่วนร่วมกัน มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุตรดติ ถ์ , ๒๕๕๑. ยั่งยืน : กรณศี ึกษา ต.นานกกก โดยการจดั ระบวนการ ระหวา่ งคณะนักวจิ ัยและชมุ ชน (ผ้รู ู้ ผูใ้ ชป้ ระโยชน์จากป่าผู้นำชมุ ชน) อ.ลบั แล จ.อุตรดิตถ์ วจิ ัย ๗ ขนั้ ตอน และใช้ ผลการศึกษาพบวา่ ในการสำรวจและรวบรวมพันธกุ รรมพืชทชี่ ุมชนใช้ การจดั เวทปี ระชาคม ประโยชน์ใน ๙ ชมุ ชน มีความหลากหลายของชนดิ พชื ที่นำมาใช้ ประโยชนด์ ้านพชื อาหาร สมุนไพรและพืชที่ใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำ วัน จำนวนตง้ั แต่ ๕๘ ชนิดถงึ ๑๗๐ ชนิด จากน้ันชุมชนไดศ้ ึกษาการ เพาะขยายพันธุพ์ ชื และนำไปปลูกในระดับครวั เรือนและปลูกเสริมใน พ้นื ทีป่ ่าถงึ ๕๐ ชนดิ และนำผลผลติ เก็บอนุบาลไวใ้ นคลังชวี ภาพของ ชมุ ชน รวมท้งั หมด ๑๔,๖๓๔ ตน้ และมแี ผนปลกู ต่อเนอื่ งเพ่อื ความย่งั ยนื ตอ่ ไป โดยมีสมาชกิ ทร่ี ว่ มการจดั การคลังชีวภาพชุมชนรวมทัง้ หมด ๑๔๗ คน นอกจากนยี้ งั มกี ารบรู ณาการองคค์ วามรรู้ ะหวา่ งคณะนกั วจิ ยั และชาวบ้าน โดยการขยายพันธหุ์ วายและการขยายเพาะพนั ธุ ์ กลว้ ยไมท้ อ้ งถิ่น โดยการเพาะเลยี้ งเนื้อเยือ่ ชมุ ชนมีความตระหนักเหน็ ความสำคัญ หวงแหนทรพั ยากรในปา่ ธรรมชาติ โดยมีการก่อรูปกลมุ่ ชาวบา้ นโดยตนเอง ภายใตช้ ื่อ “กล่มุ ฟืน้ ฟแู หล่งอาหารธรรมชาติใน ชุมชน” ผลการวิจัยพบวา่ ตำบลนานกกก เปน็ ชุมชนเกษตรกรรม โดยทำสวน ผลไม้มาตัง้ แต่สมยั รัชกาลท่ี ๕ ปจั จบุ ันเปน็ ชมุ ชนที่มคี วามสามัคคแี ละ มกี ลุ่มอาชีพทหี่ ลากหลาย จากการสำรวจพชื ผกั พื้นบา้ น พบว่า ชมุ ชน มีพชื ผักพ้ืนบ้าน ๑๐๐ ชนดิ ใน ๔๘ วงศ์ ๗๙ สกลุ วงศท์ ี่พบมากที่สุด คอื วงศ์ Cucurbitaceae ได้แก่ แตงร้าน ผกั แคบ ผกั ไห่ ฟัก ฟกั ข้าว มะห่อย สว่ นทีร่ ับประทานเป็นผกั คือ ส่วนยอด ใบ ลำตน้ ผล เมล็ด

136 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผู้วิจยั / สถาบนั / พ.ศ. ช่ืองานวจิ ยั วิธีการวิจัย ผลการวิจัย การสนทนากลุ่ม และผกั และมกี ารรวบรวมสตู รอาหารท้องถนิ่ อยา่ งละเอยี ดทงั้ หมด ยอ่ ย การสนทนาแบบ ๒๓ สตู รตำรับ ผักพน้ื บา้ นมคี ุณคา่ ดา้ นโภชนาการและด้านรักษาโรค ๑๑.ไพลนิ ทร์ เสาะสาย ปา่ ทามชมุ ชนกุดเป่งกับความมนั่ คง เจาะลกึ และการสำรวจ รปู แบบการจัดการพชื ผกั พืน้ บา้ น เพอ่ื สง่ เสริมการเกษตรแบบยง่ั ยนื โครงการทามมูล จ.สรุ นิ ทร์ , ๒๕๕๑. ทางอาหารของชุมชน พืชผกั พ้ืนบ้าน โดยรปู แบบการปลูกแบบเกษตรผสมผสานและวนเกษตร โดยการจัด ตั้งกลุ่มตามความสนใจ เพอ่ื ปลูกผกั พน้ื บ้าน แบบตา่ งคนต่างปลกู และ ต่างขายดว้ ยตนเอง การดูแลกล่มุ โดยกรรมการกลุ่ม มีกจิ กรรมการทำ ปุ๋ยชีวภาพ เพือ่ บำรุงดนิ ร่วมกัน พชื ผกั พ้ืนบา้ นไม่ค่อยมีโรคพืชและ แมลงรบกวน จงึ มไิ ด้ใช้สารเคมใี ด ๆ รูปแบบการจดั การด้านตลาดมี การจดั เวทปี ระชาคม และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหวา่ งกล่มุ อาชพี ปลกู ผัก พ้นื บา้ น และมผี ้ซู ื้อรายใหญ่ในจงั หวัดอตุ รดิตถ์ เข้าไปพดู คุยกับชาว บ้านเกีย่ วกับ ราคาผลผลติ วธิ ีการปลูกท่เี หมาะสม ระยะเวลาการเก็บ เกีย่ ว การจัดการผลผลิตก่อนออกสู่ตลาด และไดข้ ้อสรุปรว่ มกนั คือ ดีปลีและพรกิ ไทย เหมาะสมกับการปลกู ในตำบลนานกกก และมขี อ้ เสนอแนะ ในการวจิ ยั ต่อไป คือ มีการคดั เลอื กพชื ผกั พน้ื บ้านมาปลูก เพอื่ จำหน่าย โดยหารูปแบบบริหารจดั การปลกู พชื ผักพน้ื บา้ นแบบ ครบวงจร (ดา้ นการปลูกและดา้ นการตลาด) และใหช้ มุ ชนมกี ารรวม กลมุ่ เปน็ กลมุ่ ปลูกพชื ผกั พืน้ บา้ นให้มคี วามเขม้ แข็งและมีพลังต่อรอง ด้านราคาผลผลติ ได ้ การเคลือ่ นไหวทางสังคม ปา่ ทามกดุ เปง่ (ปา่ ทาม = สงั คมของพชื สตั วท์ ขี่ น้ึ อยใู่ นพนื้ ทรี่ าบ นำ้ ทว่ ม และงานวจิ ยั ท้องถิ่น ถึงรมิ ฝง่ั แม่นำ้ ลำธาร)อยบู่ รเิ วณฝง่ั ซ้าย แมน่ ำ้ มลู อาณาเขต ๔ หมู่บา้ น ตำบลยางคำ อำเภอโพนทราย จังหวัดรอ้ ยเอด็ มเี นอ้ื ที่ ๑,๑๓๐ ไร่ มีการแบง่ พน้ื ที่เป็นพน้ื ทอ่ี นุรักษ์และพ้ืนที่ใชส้ อย ชุมชนมี การเคลือ่ นไหวเพื่อการอนุรกั ษ์ป่าครงั้ สำคัญ ๒ ครง้ั คือ ปี พ.ศ.๒๕๓๕ และ พ.ศ.๒๕๔๗ ต้องสกู้ ับการสมั ปทานดดู ทรายของนายทนุ ในพื้นที่ ปา่ ชุมชน และการปกปอ้ งสทิ ธแิ์ ละเผชญิ กับผลกระทบจากเขื่อน ราษีไศล

ผ้วู ิจยั / สถาบนั / พ.ศ. ชอ่ื งานวจิ ัย วิธีการวิจยั ผลการวิจยั หลงั จากนั้นชมุ ชนมีรปู แบบกระบวนการจดั การปา่ ทามชมุ ชนกดุ เป่ง อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ได้แก่ มกี ารสำรวจระบบนิเวศน์ป่าทามกุดเปง่ และ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 137 ประเมินทรพั ยากรในป่าทาม กุดเป่ง พบว่า ชาวบา้ นมีการใชป้ ระโยชน์ จากพชื และเหด็ ๑๙๖ ชนิด พนั ธ์สุ ตั ว์ ๑๑๖ ชนิด นบั ว่าเป็นพื้นที่ทม่ี ี ความหลากหลายทางชวี ภาพของชมุ ชนหรือเปน็ “ต้กู บั ขา้ วของ ชมุ ชน” และชุมชนยังมีการรวมตวั และจัดการให้มีคณะกรรมการป่า ชุมชน การปรบั ปรงุ กฎระเบยี บ การปรับปรงุ โครงสรา้ งคณะกรรมการ โครงการดา้ นสง่ เสรมิ อาชพี การตงั้ กองทนุ การจดั การปา่ การศกึ ษา ดงู าน การจัดการท่องเที่ยวเชงิ อนุรักษ์และการจดั ทำศูนยศ์ ึกษาธรรมชาติ (พ.ศ.๒๕๔๕) และการพัฒนาหลักสตู รทอ้ งถน่ิ การจดั การปา่ ทาม ชุมชนกดุ เปง่ นบั เป็นบทเรยี นสำคัญดา้ นความร่วมมือของหลายภาค สว่ น คือ องค์การบรหิ ารส่วนตำบลยางคำ องค์กรพฒั นาภาคเอกชน และหน่วยงานรฐั ส่วนกลาง ท่ีสำคัญ คอื ชมุ ชนป่าทามชุมชนกุดเป่ง ปัจจุบนั ป่าทามชมุ ชนกดุ เป่งมกี ารใชป้ ระโยชนจ์ ากชาวบ้าน ๗ ดา้ น คือ ดา้ นแหลง่ อาหารธรรมชาติ ด้านแหลง่ เกบ็ ฟนื และไมใ้ ช้สอย ดา้ น แหล่งจับสัตว์น้ำและสตั ว์บก ด้านแหล่งสมนุ ไพร ดา้ นแหลง่ พกั ผอ่ น หยอ่ นใจและพ้นื ทที่ างวัฒนธรรม และดา้ นแหลง่ เรยี นรขู้ องชุมชนและ นอกชุมชน สำหรับด้านแหล่งอาหารธรรมชาติ พบว่า ปา่ ชุมชนกุดเปง่ เปน็ แหลง่ อาหารธรรมชาติที่ชาวบ้านเข้ามาหากินไดต้ ลอดปี และเปน็ แหล่งรายไดท้ ีส่ ำคญั ของชุมชน จากการสำรวจข้อมลู ดา้ นเศรษฐกิจ ชมุ ชน พบว่า ชาวบา้ นมีการใช้ประโยชนด์ ้านเศรษฐกิจจากพชื และสตั ว์ จำนวน ๑๐ ชนดิ คอื ฟนื กบ เขียด หวย ไข่มดแดง หน่อไม้ เห็ด ปลา นก หนู ผกั ทาม มนั แซง ใน ๔ หมู่บ้าน ๆ ละ ๒๐ ครอบครัว รวมเป็น ๘๐ ครอบครัว มมี ูลคา่ เปน็ เงนิ ทงั้ ส้ิน ๑,๓๓๕,๕๖๐ บาท (มูลคา่ เฉลย่ี ๑๖,๖๙๔ บาท / ครอบครวั / ป)ี และยงั มกี ารเก็บไมเ้ นอ้ื ใชเ้ ป็นเช้อื เพลิงท่ีเกบ็ หาไดต้ ลอดปี และยังเปน็ ห้องเรยี นธรรมชาตขิ องเดก็ ใน ชมุ ชนด้วย

138 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย ผู้วจิ ยั / สถาบัน / พ.ศ. ชอ่ื งานวิจัย วิธกี ารวิจัย ผลการวิจยั ๑๒.วิเศษ สจุ นิ พรหม ความมั่นคงทางอาหารท่ไี ด ้ การเคลือ่ นไหวทางสงั คม ปา่ ชมุ ชนทงุ่ ยาว เป็นป่าเบญจพรรณ มพี ้นื ทีป่ ระมาณ ๒,๕๐๐ ไร่ มูลนธิ สิ ่งเสริมทรัพยากรมนษุ ยเ์ พ่ือพฒั นา จากปา่ ชมุ ชนบา้ นทงุ่ ยาว ต.ศรบี วั บาน และงานวจิ ยั ท้องถ่ิน จำแนกเป็นป่าชมุ ชนอนุรักษ์ ๒,๐๐๐ ไร่ และป่าชุมชนใชส้ อย ๕๐๐ ไร่ ชุมชน, ๒๕๕๑. อ.เมอื ง จ.ลำพนู ชุมชนมอี าชีพหลักคอื ทำนา ทำสวน และอาชพี เสริม คือ การรับจา้ ง ท้งั ในและนอกภาคเกษตร นับตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๔๒ กลุ่มแมบ่ า้ นรว่ ม กบั องคก์ รพฒั นาภาคเอกชน (โครงการปฏิรปู การเกษตรและพัฒนา ชนบท จ.ลำพูน) ร่วมกนั เก็บข้อมูลเก่ยี วกับอาหารทไี่ ดจ้ ากปา่ สำหรับ การประเมินคณุ คา่ ทางเศรษฐกิจของอาหารจากป่าชมุ ชน โดยจำแนก เป็นมูลค่าจากการใช้ (used value) หมายถึง มูลคา่ จากการไปเก็บหา มาบริโภคและมูลค่าจากการแลกเปล่ียน (exchange value) หมายถงึ มลู ค่าทไี่ ด้จากการซื้อขาย ซึง่ เปน็ การคำนวณมลู ค่าทางเศรษฐกจิ ดา้ น อาหารจากปา่ โดยคดิ จาก ความสามารถของชาวบา้ นบา้ นทุ่งยาว ใน การเกบ็ หาพชื สัตวม์ าเปน็ อาหารและขายโดยไมน่ บั รวมการเขา้ เกบ็ ของ ป่าจากชาวบ้านนอกชมุ ชน โดยคำนวณจากน้ำหนักของผลผลิตจากปา่ คณู ดว้ ยราคาเฉล่ียทีซ่ ื้อขายกันในตลาดท้องถิน่ ผลลพั ธจ์ ะได้มลู คา่ ของ พืชแตล่ ะชนดิ ผลการศกึ ษามลู คา่ ทางเศรษฐกจิ ของอาหารจากปา่ ชมุ ชนบา้ นทงุ่ ยาว พบวา่ ชาวบ้านบา้ นทุ่งยาว ต.ศรีบัวบาน อ.เมือง จ.ลำพนู ๑๗๓ ครัว เรอื น มีความสามารถหาอาหารจากปา่ ชมุ ชนตลอดปี โดยอาศยั ประสบการณข์ องชาวบา้ นที่สบื ทอดการเกบ็ หาและใช้ประโยชนม์ า ยาวนาน ผลผลิตจากปา่ มีพืชผกั ๒๘ ชนดิ เหด็ ๒๕ ชนิด ผลไม้ ๑๓ ชนดิ สตั ว์ / แมลง ๗ ชนิด ในรอบปี พืชและสัตวท์ ่ีนำมาเปน็ อาหารคิด เปน็ มลู ค่า ๙๙๕,๔๔๐ บาท เปน็ อาหารท่ีใช้บรโิ ภคเอง ๖๐% และขาย ๔๐% และจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนพบว่า ปัจจบุ นั ป่าชมุ ชนมีความ อุดมสมบรู ณ์เพ่ิมขนึ้ เมือ่ เปรียบเทยี บกบั ๑๐ ปีทแ่ี ล้ว ทำใหม้ ีปริมาณ พนั ธ์ุพชื และเห็ดบางชนดิ เพมิ่ ขนึ้ ขณะท่เี ห็ดถอบมีปริมาณลดลง แต่ละ ครอบครัวมีการปลูกผกั หวานปา่ เพ่ิมขึน้ และในปา่ มรี งั มด รงั ตอ่ รงั แตน เพ่ิมขน้ึ

ผู้วิจยั / สถาบัน / พ.ศ. ช่ืองานวจิ ยั วิธกี ารวจิ ัย ผลการวจิ ัย ทำใหม้ ูลค่าเศรษฐกจิ ของป่าชมุ ชนบา้ นทงุ่ ยาวเพ่มิ ข้ึนตาม มขี ้อเสนอ แนะวา่ การจัดการปา่ ชมุ ชนนับเป็นการสร้างเครอื ข่ายภูมคิ ุ้มกนั ด้าน ๑๓.บญั ญัติ ตะนาวศรี และคณะ , ๒๕๕๑ ผกั พื้นบา้ น อาหารพืน้ เมอื ง งานวจิ ัยปฏิบตั ิการ อาหารของชมุ ชน ควรสนบั สนุนปา่ ชุมชนและอาหารท้องถ่ิน และรัฐ สู่กระบวนการเรียนรู้ ต.ต้นธง ควรให้ความสำคัญกบั ความม่ันคงทางอาหารในป่าชมุ ชนและรับรอง อ.เมอื ง จ.ลำพนู สิทธ์ิชมุ ชน ในการจัดการป่าชมุ ชน และขยายผล โดยจดั ตงั้ “ศนู ยก์ าร เรียนรู้ปา่ ชุมชนเพ่อื ความมนั่ คงทางอาหาร” ท่วั ประเทศ ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 139 ผลการศกึ ษาวจิ ัยดำเนนิ การโดยการสรา้ งทีมวิจัยในตำบลตน้ ธง ๑๑ หมบู่ ้าน ประกอบด้วย ผนู้ ำชมุ ชน ผูร้ ู้ ผเู้ ฒ่า เยาวชน ประชาชนใน ชมุ ชน และสว่ นราชการในตำบล (อบต.โรงเรยี นและสำนกั งานเขต พน้ื ท่กี ารศกึ ษา เขต ๑) มกี ารทำงานรว่ มกัน ๔ ดา้ น คอื (๑) รวบรวมข้อมูลด้านคุณคา่ และภมู ิปัญญาผักพ้ืนบา้ น แหลง่ ผักพ้นื บ้านและอาหารพ้ืนบ้าน ประกอบด้วย ชนดิ ผกั พื้นบ้าน รายการอาหาร พ้ืนเมอื ง แหลง่ ผลติ ผักพืน้ บา้ น / อาหารพน้ื บ้าน สูตรอาหารพื้นบ้าน ชุมชนมกี ารรวบรวมและแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน เรียนรู้ผกั พน้ื บ้าน อาหารพื้นบ้าน วธิ ีการดูแล / การเกบ็ ผักพน้ื บา้ น และวิธกี ารเลอื ก บริโภคผัก (๒) แลกเปล่ียนเมล็ดพนั ธ์ุผัก ดแู ล อนุรักษแ์ ละเรยี นรู้การปลกู ผกั การ แลกเปลีย่ นเมล็ดพันธุ์ การทำปยุ๋ EM เพอื่ ใหไ้ ด้ผกั พน้ื บา้ นปลอดสาร พิษ (๓) แลกเปล่ียนความรูร้ ะหวา่ งทมี วิจยั กับผู้เฒา่ ผูแ้ กใ่ นชมุ ชน ทดลอง และได้รับประทานผกั พ้ืนบ้าน อาหารพน้ื บา้ น (๔) ศกึ ษาดูงานและเขา้ ร่วมกิจกรรมอนุรักษผ์ กั พน้ื บ้าน ข้อเสนอแนะ ทีมวิจยั ตอ้ งการให้โครงการมีความตอ่ เนื่อง และสง่ เสริมปลูกฝงั เยาวชนใหเ้ หน็ ถงึ คุณค่าของผกั พ้นื บ้าน / อาหารพืน้ เมืองหรอื พัฒนา เปน็ หลกั สตู รท้องถ่นิ ตลอดจนสง่ เสริมใหช้ ุมชนมีศูนยผ์ ลติ และ จำหนา่ ยผักพน้ื บ้านใหช้ ุมชนมผี กั พื้นบา้ นทย่ี ัง่ ยืน

ภาคผนวก ๓ เครอ่ื งมอื เพื่อศึกษาบทเรียนการศกึ ษาและฟื้นฟูการใช้ประโยชน์จากผักพนื้ บา้ น และอาหารพื้นบา้ นในชุมชน ผู้ถูกสมั ภาษณ์ (๑) เลอื กสมาชกิ ในชุมชน จำนวน ๒ – ๓ คน / ชุมชน เพ่อื สัมภาษณเ์ ชิง ลึก เป็นผู้ปลูกและบริโภคผักพ้ืนบ้านในชุมชน เป็นแกนนำของกลุ่มผู้ปลูกผักพื้น บ้าน มีประสบการณ์และเข้าร่วมโครงการ / กิจกรรม เก่ียวกับผักพ้ืนบ้านในช่วง เวลาที่ผา่ นมา (๒) เลือกบุคคลจากองค์กรสนับสนุน หรืออำนวยความสะดวกในการส่ง เสริมโครงการ / กจิ กรรมเกยี่ วกับผักพ้ืนบา้ น ๑ – ๒ คน (๑ – ๒ องคก์ ร) ใช้แนวคำถามเหล่านี้เพ่ือประยุกต์ใช้ถาม เพ่ือใช้ได้บทเรียนของชุมชนใน ช่วงท่ผี า่ นมา (๒ – ๓ปี) แนวคำถาม ๑.บรบิ ททางสงั คมและระบบนิเวศน์ ๑.๑ ประวตั ชิ มุ ชน ชุมชนประกอบด้วยกห่ี มบู่ า้ น มีการก่อตง้ั ตัง้ แต่เมือ่ ใด ? มกี ี่ครวั เรอื น ? ลกั ษณะการตั้งบา้ นเรือนเปน็ อยา่ งไร ? ๑.๒ ชุมชนมีประชากรจำนวนเท่าใด ? ชาติพันธ์ุ อาชีพ ศาสนา สังคม วฒั นธรรม และวถิ ีชีวติ ประจำวนั (วฒั นธรรมการบริโภคอาหาร) ๑.๓ ชุมชนมีชีวิตทางเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง ? จากอาชีพ ผลผลิตทาง เกษตร ระยะเวลา รายได้ และความสมั พนั ธท์ างการผลิต ระหวา่ งผู้ผลิตและระบบ ตลาดภายนอก ๑.๔ ระบบนิเวศน์ของชุมชนมีลักษณะเช่นไร ? (แผนท่ีประกอบ) มีความ เช่ือมโยงกบั การหาและการบรโิ ภคอาหารของชุมชนหรือไม่ ? อย่างไร ? ๑.๕ ในระบบนิเวศน์มีผักพื้นบ้านท่ีเป็นสินค้าชุมชนหรือไม่ ? หากมี สอบถามชนิด จำนวนผู้เก็บผลผลิตมาบริโภคและจำหน่าย แหล่ง / บริเวณท่ีเก็บ ผกั ช่วงเวลา วธิ ีเก็บ แหล่งขาย / จดุ ขายในชุมชน ราคา รายได้ / ปี พิธกี รรมและ กฎระเบียบ ของชุมชนที่เก่ียวข้อง คนนอกชุมชนเข้ามาเก็บด้วยหรือไม่ ? มี 140 สำนักการแพทย์พื้นบ้านไทย

ลกั ษณะอย่างไร ? และสง่ ผลต่อระบบนเิ วศนห์ รือไม่ ? อยา่ งไร ? ๑.๖ ชุมชนบริโภคผักจากแหลง่ ในชุมชน (ป่า / ธรรมชาติ / ปลูกเอง) มาก นอ้ ยเพยี งใด ? ทั้งมาจากแหล่งภายนอกหรือไม่ ? แหล่งใด ? อยา่ งไร ? มสี ดั ส่วน อยา่ งไร ? ความมั่นคงทางอาหาร ๑.๗ ประเมินภาพรวม ชุมชนมีความมั่นคงด้านอาหารในประเด็นผักหรือ ไม่ ? มากน้อยเพียงใด ? ประเมนิ ตลอดป ี ๑.๘ ชุมชนมปี ัญหาดา้ นโภชนาการ (ขาด – เกิน) หรือไม่ ? เพยี งใด ? หรือ ปญั หาที่เชอ่ื มโยงไปกบั โรคเรอื้ รงั ปัจจบุ นั มแี นวคดิ และวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร ๒.แนวคดิ การทำงานเกี่ยวกับผักพื้นบ้าน ๒.๑ ชุมชน / คุณมคี วามสนใจในการปลกู ผกั พืน้ บา้ นต้ังแตเ่ ม่ือใด ? เหตใุ ด จงึ สนใจ ? ช่วงแรกเริ่มทำอย่างไร และต่อมามีใครเข้ารว่ มเพิ่มเติม มีกจิ กรรมอะไร บา้ ง ? ผลเป็นเช่นไร ? โปรดเล่าสถานการณโ์ ดยสงั เขป ๒.๒ ปัจจุบัน ชุมชนมีการใช้ประโยชน์หรือบริโภคผักพ้ืนบ้านในลักษณะ เชน่ ไร ? (การเกบ็ – การซอื้ – การบรโิ ภค) และมกี ารเปลย่ี นแปลงจากอดตี หรอื ไม่ ? อย่างไร ? เหตใุ ดจึงมกี ารเปลีย่ นแปลง ๒.๓ ชุมชนมีการฟ้ืนฟู – ขยายพันธ์ุผักพื้นบ้านในลักษณะเช่นไร ? ใน ชมุ ชนมีโครงการ / กจิ กรรมเก่ยี วกบั การสง่ เสริมผักพ้นื บ้านหรือไม่ ? จุดเร่มิ และ แนวคดิ มลี กั ษณะอย่างไร ? โปรดเล่าภาพรวมของโครงการและผลท่ีเกิดขน้ึ ๓.กระบวนการทำงานหรอื งานวิจยั ด้านผักพ้นื บา้ น (ในช่วงที่ผา่ นมา ๒ – ๓ป)ี ๓.๑ การศึกษา การสำรวจและจัดระบบความหลากหลายหรือภูมิปัญญา ผักพ้ืนบ้านและอาหารพืน้ บา้ น (ท้องถ่ิน) ชุมชนมีการศึกษาชนิดและประเภทของผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้านใน พื้นที่หรือไม่ ? เม่ือใด ? ใครเป็นผู้ริเร่ิม และมีกลุ่มท่ีดำเนินงาน / บริหารจัดการ อย่างไร ? ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 141

ในกระบวนการเก็บขอ้ มลู หรือสำรวจผักพ้ืนบ้านมีกจิ กรรมอะไรบ้าง ? มวี ิธี การอย่างไร ? ผเู้ ขา้ ร่วมคอื ใคร ? มีบทบาทอะไรและใช้เวลานานเทา่ ไหร่ ? ในการ ศึกษามีประเด็นความรู้ / ภูมิปัญญาอะไรบ้าง ? ใครเป็นผู้พัฒนาเครื่องมือและ ประเดน็ เกบ็ ข้อมูล ข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมมีการจัดระบบ และวิเคราะห์อย่างไร ? ได้องค์ความรู้ สำคญั อะไรบา้ ง ? มกี ารตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และความชดั เจนของขอ้ มลู หรอื ไม่ ? อยา่ งไร ? ผลสรุปของการศึกษาหรือการสำรวจคืออะไร ? (ชนิดของผัก ปริมาณ มูลค่ารวมต่อปี ชุดประสบการณ์) มีบทเรียนสำคัญอะไรบ้าง ? และข้อมูล / ผล สรปุ น้ีได้นำไปใช้ประโยชน์ตอ่ เน่อื งในพนื้ ทีอ่ ย่างไรบ้าง (ใคร – ทำอะไร – ทีไ่ หน – อย่างไร?) ความสำเรจ็ ทีเ่ กดิ ข้นึ เกิดจากเง่อื นไขและปัจจัยสำคญั ด้านใดบา้ ง ? เหตุใด จงึ สรปุ เช่นน้นั ๓.๒ การศกึ ษา การฟน้ื ฟู การปลูกและการขยายพนั ธุ์ผกั พ้ืนบา้ นไทย ชุมชนเคยมีการรวบรวมพนั ธุกรรมผกั พ้นื บ้านในชุมชนหรือไม่ ? มจี ำนวนก่ี ชนดิ ? มวี ธิ ีการอยา่ งไร ? มกี ารจำแนก รวบรวม และอนรุ กั ษ์พนั ธ์ุกรรมผักพน้ื บา้ น หรือไม่ ? อย่างไรบ้าง (ตัวอย่าง การกำหนดผักเป้าหมาย ชนิดท่ีดูแลอนุรักษ์ ? หรือชนิดท่ีใกลส้ ูญพนั ธ์ หรือชนดิ ทตี่ ้องการวิจยั – ตอ่ ยอด – พฒั นา) ชุมชนมีการคัดเลือกและขยายพันธุ์ผักพ้ืนบ้านอย่างไร ? ใครเป็นผู้เก็บ รวบรวมและสงั่ สมพันธผุ์ กั พื้นบ้าน ? มีก่ชี นิด และวิธีการเก็บพนั ธเุ์ ปน็ อยา่ งไร ? ทผ่ี า่ นมา ชมุ ชนมโี ครงการ / กจิ กรรมในการขยายพนั ธ์ุ และปลกู ผกั พน้ื บา้ น เพ่ิมขึ้นหรือไม่ ? อย่างไร ? ใครเป็นผู้ริเริ่ม อนุรักษ์และคนในชุมชนมีส่วนร่วม อยา่ งไร ? ผลเป็นอยา่ งไร ? ชุมชนมีการนำผล / องค์ความรู้ท่ีได้จาก ๓.๑ มาใช้ประโยชน์ในการฟื้นฟู ด้านพันธ์ุกรรม – การปลูก – การขยายพนั ธุ์ผักพน้ื บา้ นหรอื ไม่ ? อยา่ งไร ? ชุมชนมีการรวบรวมหรือนำพันธ์ุผักพื้นบ้านจากระบบนิเวศน์ของชุมชน หรอื ไม่ ? ชนดิ และวธิ ีการทำอยา่ งไร ? มีผลดี – เสยี อย่างไร ? 142 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย

ชุมชนมีแผนงานอนุรักษ์พันธุ์ผักพ้ืนบ้านหรือไม่ ? ผู้ริเร่ิม – ผู้ทำงาน – สว่ นสนบั สนนุ คอื ใคร ? มีแนวคดิ – กระบวนการทำงาน – ผลงาน – บทเรยี นคือ อะไร อยา่ งไร ? ๓.๓ การอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในชุมชน (สร้าง – ซ่อม สุขภาพ) ชุมชนเคยมีโครงการ / กิจกรรมฟื้นฟูและส่งเสริมการบริโภคผักพ้ืนบ้าน หรอื ไม่ ? หากมีโปรดเล่าถึงผรู้ เิ รมิ่ จดุ เริ่ม การบริหารจดั การ และผลคอื อะไร ? ในกระบวนการทำงาน โปรดเลา่ แนวคดิ – แนวทางการทำงาน – เปา้ หมาย – วัตถุประสงค์ กิจกรรม ผลสำเร็จ – ข้อจำกัด เป็นงานวิจัยหรือโครงการปฏิบัติ การ โครงการดังกล่าวช่วยแก้ไข และบรรเทาปัญหาสุขภาพของชุมชนหรือไม่ ? อย่างไร ? โครงการสง่ ผลดี / ผลต่อสขุ ภาพของคนในชมุ ชนหรือไม่ ? อยา่ งไร ? ๓.๔ การสรา้ งการเรยี นรู้ – การสง่ เสรมิ การศกึ ษา / ถา่ ยทอดองคค์ วามรผู้ กั พนื้ บา้ น ในชุมชนความรู้ / ภูมิปัญญาด้านผักพื้นบ้านของชุมชนมีการนำมาพัฒนาเป็น หลักสูตรการเรียนการสอนในชุมชนหรือไม่ ? หากมี มีการริเร่ิมโดยกลุ่ม / บุคคล ใด ? มีแนวคิด – กระบวนการทำงานและผลงานภาพรวมอะไรบา้ ง ? มกี ารสอนมา ยาวนานเทา่ ใด ? หากมีโปรดเล่าละเอียด ช่ือหลักสูตร กลุ่มเป้าหมาย เน้ือหา กระบวนการ เรยี นการสอน และผลการเรยี นรูเ้ ป็นเช่นไร ? โรงเรียนอะไร ? ในชุมชนมีแนวคิดและกระบวนการทำงานเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ความรู้ และภมู ปิ ญั ญาผกั พืน้ บ้านให้กวา้ งขวางจากเดิมหรือไม่ ? อยา่ งไร ? หากมีโปรดเล่า แนวคิด กระบวนการทำงาน กิจกรรม ผลงาน บทเรียน / ข้อจำกัดคืออะไร ? อย่างไร ? ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 143

๔.การสนับสนนุ และอำนวยความสะดวกจากหนว่ ยงาน / บุคคลทั้งในและนอก ชมุ ชน ๔.๑ จากประสบการณ์ท่ีผ่านมา โครงการ / กิจกรรมด้านผักพ้ืนบ้านมี บุคคลและองค์กรใดเข้าร่วมบ้าง มีบทบาทอย่างไร ? ลักษณะการทำงานร่วมกัน เปน็ อย่างไร ? ๔.๒ ในการทำงานท่ผี า่ นมา มบี ทเรยี นสำคัญ ปญั หาอปุ สรรคมีอะไรบ้าง ? อนาคตจะมกี ารสง่ เสรมิ หรอื ฟน้ื ฟเู กยี่ วกบั การใชป้ ระโยชนจ์ ากผกั พน้ื บา้ นอยา่ งไร ? ควรมีแนวคิดและการทำงานอย่างไรบ้าง ? ควรมีผู้เข้าร่วม / องค์กรเข้าร่วมอะไร บ้าง ? มีบทบาทร่วมกันอย่างไร ? **************************************** 144 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย

ผักพ้ืนบ้านบางชนิด ในประเทศไทย ผักพ้ืนบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 145

ขม้นิ ชัน มะเด่ือฉ่ิง ดาหลา (Curcuma longa L.) (Ficus botryocarpa Miq.) (RE.Mtli.nSgme.r)a elatior (Jack) (ผvGaกั nrเ.หetลteuยี nmงe rgunmemMoanrkgLr..) มะม่วงหมิ พานต์ (ช(JAะarเccนkhยี )iงdI.e Cn.Ndireolnsejnir)i nga (Anacardium occidentale L.) ทำมงั เถาคัน เห็ดแครง (Parthenocissus vitacea Aitch.) (Schizophyllum commune Fr.) (Litsea elliptica Blume) 146 สำนักการแพทย์พื้นบ้านไทย

มะปรงิ มะมดุ ลกู เหรียง ((BRooxube.a) Mopepisons.)it ifolia (Mangifera foetida Lour.) (Parkia timoriana Merr.) สะตอ อมั พวา (สม้ คางคก) ((หMGม.iยุ cF roormste.)luWmighmtin&uAtumm.) (Parkia speciosa Hassk.) (Cynometra cauliflora L.) เชียงดา โสมไทย ไพล (DGeymncnee.)m a inodorum (Lour.) (GTaaelrintnu)m paniculatum (Jacg.) L(ZininkgeibxeDrimerot.n) tanum (Koenig) ผักพื้นบ้านและอาหารพ้ืนบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 147

เลยี บ ต๋าว กระทกรก (Ficus infectoria Roxb.) M(Aererrn.)g a pinna ta (Wurmb) (Passiflora foetida L.) (ผBักaปsลeงั lla rubra L.) คาวตอง ลิ้นฟา้ (เพกา) (Houttuynia cordata Thunb.) (Oroxylum indicum (L.) Kurz.) ผกั แว่น เครอื หมานอ้ ย ผกั ไผ่ (hCirissusatam(pBeulcohs.peaxreDiCra.)LF.ovramr.a n) (Polygonum odoratum Lour.) (Marsilea crenata C. Presl) 148 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย

ผักไซ มะเขอี เครอื อนี นู (Momordica sp.) (Sechium edule (Jacq.) Sw.) ((BAlduemneia) hKoetoerrdo.)p hylla ผักคราดหวั แหวน ส้มปอ่ ย มะแขวน่ (Acacia concinna (Willd.) DC.) ((ZDaennnthsot.x)yAlulsmtonli)m onella (Sphaeranthus africanus L.) บวบงู ต้วิ ผกั แขยง (Trichosanthes anguina L.) ((CJarcakt)oxDyyleurm) formosum (Limnophila aromatica Merr.) ผักพื้นบ้านและอาหารพื้นบ้าน มิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน 149

แฟบน้ำ ผกั หนอก ผักลืมผัว (Hymenocardia wallichii Tul.) (eHxyTdhroucnobt.y) le javanica Ponte’n (Lobelia begonifolia wall.) (ผCกั oอrีแiaยnะd(rยuำ่ mแย)่s p.) อ(Jอ่ uมsแtiซcบia(gเบaญngจeรtงicคa์หา้ Lส.)ี) (กC่มุ rนa้ำt eva magna (Lour.) DC.) ย่านาง ผักลมื ชู้ (DTieillias.c) ora triandra (Clebr.) - 150 สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย