Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เทคนิคการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรม

เทคนิคการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรม

Description: เทคนิคการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรม

Search

Read the Text Version

เอกสารแนะนา

เทคนิค การปลูกหม่อนเล้ียงไหมอตุ สาหกรรม ให้มั่นคง มงั่ คั่ง ย่ังยืน กรมหมอ่ นไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

คานา อาชีพปลูกหม่อนเล้ียงไหม ต้องใช้ความขยันและอดทน เพราะจะต้องปลูกพืช และเลยี้ งสัตว์ไปพร้อมๆกัน คือจะต้องปลูกต้นหม่อนเพ่ือให้ได้ใบหม่อนไปเล้ียงตัว ไหม (หนอนไหม) จึงจะได้รังไหม ก่อนนารังไหมไปจาหน่ายให้โรงงานสาวไหม หรือสาวเป็นเส้นไหมใช้ทอผ้าไหมจาหน่าย แต่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ก็เป็น อาชีพที่สร้างรายได้อย่างต่อเน่ืองตลอดปี มีรายได้เป็นรายเดือน มีตลาดที่ม่ันคง และยังมีความต้องการอีกมาก จึงไม่ขัดสนเร่ืองเงินท้ิงช่วงนานหลายเดือนเหมือน การปลูกข้าวหรือพืชไร่ พืชสวนอื่นๆ ถ้าเราเลี้ยงไหมอย่างต่อเน่ืองตลอดปี ดังคา กล่าวที่ “ไม่มีความยากจนในหมู่ชนที่ขยัน” นอกจากน้ันการปลูกหม่อนเล้ียงไหม ยังเป็นอาชีพที่พ่ึงพาตนเอง อาศัยแรงงานในครัวเรือนไม่ต้องดิ้นรนไปทางานใน ตา่ งจงั หวดั หรือเมืองใหญ่นอกถ่นิ ทีอ่ ยู่อาศัย ได้สร้างความอบอนุ่ ใหค้ รอบครวั อย่างไรก็ตาม การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมต้องอาศัยเทคโนโลยีท่ีถูกต้องตาม หลักวิชาการและต้องสร้างเสริมประสบการณ์การจัดการการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ให้มากยิ่งๆขึ้นไป เพ่ือให้อาชีพน้ีเป็นอาชีพท่ีมั่นคง มั่งค่ัง และย่ังยืน เป็นอาชีพ มรดกตกทอดสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้ ดังนั้น กรมหม่อนไหมจึงได้รวบรวมองค์ความรู้ และประสบการณ์จากผู้ประสบผลสาเร็จในอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ถอด เป็นบทเรียนคู่มือในการประกอบอาชีพน้ี และสร้างความม่ันใจให้ผู้ท่ีจะเร่ิมต้น อาชพี ใหม่หรือผ้ทู ี่ประสบปัญหาในอาชีพได้ใชป้ ระโยชน์สืบไป มถิ ุนายน 2561

สารบญั หนา้ คานา 7 สารบัญ 8 1. ปัจจยั สคู่ วามสาเร็จ ในอาชพี ปลกู หม่อนเลยี้ งไหม 9 10 1.1 สวนหม่อน 13 1.2 สภาพดินฟาู อากาศ 13 1.3 ไหมและการจดั การ 13 2. การวางแผนการปลกู หม่อนเลีย้ งไหม 13 2.1 สิง่ ทต่ี อ้ งคานึงถึงก่อนเริม่ เลี้ยงไหม 14 2.2 สง่ิ ทจี่ ะต้องเตรียมกอ่ นการเล้ียงไหม 15 2.3 ปัจจยั การผลิตทีใ่ ชก้ ับอาชพี หม่อน – ไหม 16 2.4 การคานวณพ้ืนทป่ี ลูกหม่อน 16 2.5 ลงมอื เลย้ี งไหม 16 3. หมอ่ น 17 3.1 พนั ธหุ์ มอ่ นท่ีแนะนาให้ใช้กบั การเลี้ยงไหมอตุ สาหกรรม 18 20 3.1.1 หมอ่ นพันธุ์สกลนคร 21 3.1.2 หม่อนพนั ธ์ุ สกลนคร 85 21 3.1.3 หมอ่ นพนั ธ์ุ ศรสี ะเกษ 84 22 3.2 การขยายพนั ธ์หุ ม่อน 24 3.3 การปลกู หม่อน 24 3.3.1 การเลือกพ้นื ท่ีปลูกหม่อน 26 3.3.2 การตรวจสภาพดนิ 27 3.3.3 การเตรยี มพืน้ ที่ 3.3.4 วธิ ปี ลูกตอ่ ระยะปลูก 3.3.5 การดูแลรักษาแปลงหม่อน 3.3.6 การจัดการสวนหมอ่ นและการใชส้ วนหมอ่ น

3.4 การจดั การดนิ หนา้ 3.4.1 ความสาคัญของธาตุอาหารตอ่ การเจรญิ เตบิ โต 29 และผลผลติ ของพืช 31 3.4.2 ทาไมต้องใช้ปยุ๋ 42 3.4.3 การปรับปรงุ บารุงดิน 45 3.4.4 เทคนคิ การนามลู ไหมใสแ่ ปลงหม่อน 47 49 3.5 การจัดการน้าในสวนหม่อน 49 3.5.1 การให้น้า 49 3.5.2 ระบบน้า 51 3.5.3 การระบายน้า 51 3.5.4 การรกั ษาความชื้นในดนิ 51 52 3.6 เทคนคิ การเพิ่มผลผลติ หมอ่ น 52 3.7 การบารุง และดูแลสวนหมอ่ น 55 55 3.7.1 ตดั แต่ง 55 3.7.2 ไถพรวน 56 3.7.3 ใสป่ ยุ๋ -หวา่ นเมลด็ ปอเทือง 56 3.7.4 ฉดี พ่นไคโตซาน 57 3.8 โรค แมลง และสตั วศ์ ตั รูหม่อน 60 3.8.1 โรคหม่อน 62 3.8.2 แมลงศัตรูหม่อน 62 3.8.3 การปูองกนั กาจัด แมลงหว่ขี าวดว้ ยวธิ ที างชวี ภาพ 62 4. ไหม 63 4.1 พนั ธไุ์ หม 64 4.1.1 ไหมพนั ธจุ์ ุล 1 64 4.1.2 ไหมพันธุ์จุล 6 4.1.3 ไหมไทยลกู ผสมอบุ ลราชธานี 60-35 (ดอกบัว) 4.1.4 พันธุ์ J108xนางลายสระบุรี เทคนิคการปลกู หมอ่ นเลย้ี งไหมอุตสาหกรรมใหม้ ัน่ คง มัง่ ค่งั ยง่ั ยืน 3

4.2 การเลย้ี งไหม หนา้ 4.2.1 การเตรยี มการก่อนการเล้ยี งไหม 65 4.2.2 การเลย้ี งไหมวยั 2 (หลกั การเลย้ี งไหมวัยอ่อน) 65 4.2.3 รับไหมวยั 3 เขา้ บา้ น 67 4.2.4 ไหมวัย 4 (หลกั การเลี้ยงไหมวัยแก่) 68 4.2.5 ขนั้ ตอนการวางจ่อไหมสุก (การจัดการไหมสุกไหม 69 ทารงั ) 70 4.2.6 เทคนิคการเล้ยี งไหม 71 4.2.7 การจัดการไหมสกุ ขึน้ จอ่ เอง เพ่ือลดรงั เสยี 73 4.2.8 การปัญหาไหมเปน็ โรคและตายในรัง…ชว่ งฤดูฝน 74 4.2.9 การทาความสะอาดโรงเลีย้ งและอุปกรณ์ 75 ของคุณพันธ์ทิพย์ (เกษตรกร) 77 4.3 ตารางการปฏิบตั งิ าน สาหรับการเลี้ยงไหม 1 กลอ่ ง 80 4.4 โรค แมลง และ สตั ว์ ศตั รูไหม 80 4.4.1 โรคไหม 82 4.4.2 แนวทางการปูองกันกาจดั โรคไหม 82 4.4.3 แมลง และสัตว์ ศตั รไู หม 83 4.4.4 วิธกี าจัดแมลงวนั กน้ ขน 84 4.5 การตายของหนอนไหมท่ีเกิดจากสิง่ ไมม่ ชี วี ิต 85 85 5. นวตั กรรมเคร่อื งจักรทุ่นแรง 86 5.1 เคร่ืองปนั่ ปยุ 87 5.2 โต๊ะกระจกคดั รงั ไหม 89 90 6. การเกบ็ เกีย่ วรังไหมและจาหนา่ ยรงั สด 91 6.1 การแยกประเภทรงั ไหม 6.2 ขั้นตอนการรับซอ้ื รงั ไหม 6.3 ตัวอย่างการรับซื้อรังไหมปี 2561

7. ผลตอบแทนการปลูกหมอ่ นเลี้ยงไหม หน้า 7.1 ต้นทุนไหมอุตสาหกรรมรังเหลอื ง (ไหมไทยลูกผสม) 92 7.2 ตน้ ทุนไหมอตุ สาหกรรมลูกผสมรงั ขาว แบบทเี่ กษตรกร 92 เลีย้ งไหม วยั 1-5 93 7.3 ต้นทุนไหมอุตสาหกรรมลูกผสมรังขาว แบบท่ีเกษตรกร 93 เล้ียงไหม วยั 3-5 7.4 ตาราง แสดงผลตอบแทนเปรียบเทยี บอาชีพการปลูก 94 96 หม่อนเล้ียงไหมกับอาชพี การเกษตรอน่ื ๆ 7.5 เปรียบเทยี บการเล้ียงไหมพนั ธต์ุ า่ งๆ 97 98 8. ตวั อยา่ งเกษตรกร 106 8.1 ตวั อยา่ งเกษตรกร 2560 ผู้เลี้ยงไหมขายรงั สด (รงั เหลอื ง) 108 8..2 ตวั อย่างเกษตรกร 2560 ผ้เู ลย้ี งไหมขายรังสด (รังขาว) 9. ส่งิ ท่เี กษตรกรเข้าใจผดิ บรรณานกุ รม เทคนคิ การปลกู หม่อนเลี้ยงไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ั่นคง มั่งคงั่ ยั่งยนื 5



1. ปัจจยั สู่ความสาเร็จ ในอาชีพปลกู หม่อนเลย้ี งไหม การเลย้ี งไหมขายรังสด เป็นการเลี้ยงไหมเชิงการค้า ท่ีเกษตรกรผู้ปลูกหม่อน เลยี้ งไหมประกอบเป็นอาชีพหลักหรือเสริม โดยส่วนใหญ่เป็นคู่ค้าหรือสมาชิกของ บริษัทต่อโรงสาวไหม มีการทาสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างกัน เกษตรกรมีพ้ืนที่ ปลูกหม่อน ไม่น้อยกว่า 3 ไร่ และมีการวางแผนผลิตรังไหมให้ได้ทั้งปริมาณและ คณุ ภาพตามขอ้ ตกลง ด้วยการจดั การแปลงหม่อน การเลี้ยงไหมและการเก็บเก่ียว รังไหมท่ีดี จึงจะส่งผลให้เกษตรกรเล้ียงไหมได้ตลอดทั้งปี มีรายได้คุ้มค่ากับการ ลงทุน สามารถยึดเป็นอาชพี ไดอ้ ยา่ งยั่งยืน ปัจจัยแห่งความสาเร็จของการปลูกหม่อนเล้ียงไหมประกอบด้วย 3 ส่วน ทส่ี าคญั ไดแ้ ก่ 1) สวนหม่อน 2) สภาพดินฟาู อากาศ 3) ไหมและการจดั การ สวนหม่อน เป็นปัจจัยสาคัญในการประกอบอาชีพปลูกหม่อนเล้ียงไหม เพราะ ใบหมอ่ นเป็นพชื ชนิดเดียวท่ีหนอนไหมบ้านกินเป็นอาหารเพ่ือท่ีจะนามาสร้างเป็น รังไหม ดังน้ันการทาให้หม่อนมีคุณภาพดี จะทาให้เกษตรกรมีใบหม่อนที่มีท้ัง ปริมาณและคุณภาพเหมาะสมกับการเลี้ยงไหม ทาให้ได้ผลผลิตรังไหมสูงย่อม สง่ ผลเกษตรกรมรี ายได้ดี ประสบความสาเรจ็ ในอาชพี นี้ดว้ ย สวนหมอ่ น 25% ไหมและการจัดการ - ระยะปลกู 38% - ไข่ไหม - ไหมวยั ออ่ น - ตั้งตอ 37% - เทคนิคการเลย้ี ง - การเขา้ โปรแกรม - การทาความสะอาด สภาพดนิ ฟูาอากาศ - อณุ หภูมิ , ความชื้น - การถ่ายเทอากาศ การจัดการให้เกษตรกรประสบความสาเร็จ อย่างน้อย 2 ส่วน จึงเป็นเร่ือง สาคัญตอ่ ความยง่ั ยืนของอาชีพ แต่ในทางกลับกันถ้าเกษตรกรล้มเหลว 2 ส่วน จะ สง่ ผลกระทบโดยตรงทาใหผ้ ลผลติ ตกต่า รายได้ไมค่ มุ้ คา่ อาจจะถึงกบั ทอ้ แท.้ .....เลกิ อาชีพ เทคนคิ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรมใหม้ ั่นคง ม่ังคั่ง ยัง่ ยืน 7

1.1 สวนหม่อน ระยะปลกู สวนหมอ่ น 1 เมตร 2.5 เมตร (38%) ตง้ั ตอ เข้าโปรแกรม 8 เทคนคิ การปลูกหมอ่ นเล้ยี งไหมอุตสาหกรรมให้มน่ั คง มั่งคัง่ ย่งั ยนื

1.2 สภาพดนิ ฟา้ อากาศ ดินฟูาอากาศ สภาพดินฟา้ อากาศ อณุ หภมู ิ ความชนื้ (37%) การถ่ายเทอากาศ เทคนิคการปลกู หมอ่ นเลี้ยงไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ั่นคง ม่งั คง่ั ย่ังยืน 9

1.3 ไหมและการจัดการ ไขไ่ หมและไหมวยั ออ่ น ไหมและการจัดการ เทคนคิ การเลย้ี ง (25%) การทาความสะอาด 10 เทคนคิ การปลกู หม่อนเล้ยี งไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ั่นคง มั่งคัง่ ยงั่ ยนื

การเข้าโปรแกรม เทคนคิ การปลกู หมอ่ นเล้ยี งไหมอุตสาหกรรมให้มั่นคง ม่งั คั่ง ยั่งยืน 11

ตัวอยา่ ง การเข้าโปรแกรม 12 เทคนคิ การปลูกหมอ่ นเลี้ยงไหมอตุ สาหกรรมให้มัน่ คง มั่งคัง่ ยั่งยนื

2. การวางแผนการปลกู หมอ่ นเลีย้ งไหม 2.1 ส่ิงทตี่ ้องคานึงถงึ ก่อนเร่มิ เลยี้ งไหม  จะเลี้ยงเพื่อขายอะไร (รังไหม เส้นไหม ผ้าไหม หม่อน ผลิตภัณฑ์ จากหมอ่ นไหม ฯลฯ)  จะเลย้ี งเท่าไหร่ ก่ีรุ่น ร่นุ ละกี่แผน่ เลี้ยงไหมพันธุ์อะไร  จะขายให้ใคร ที่ไหน เมอ่ื ไหร่ อยา่ งไร ราคา ต้นทนุ กาไร 2.2 สิง่ ท่ีจะต้องเตรยี มก่อนการเลยี้ งไหม  แรงงานทม่ี ีความรู้เร่ืองการปลูกหม่อนเล้ยี งไหม 1-2คนต่อไหม 1 แผ่น  เงนิ ทนุ (รายได้รวมทง้ั หมด 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงนิ ทุน 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นกาไรสุทธิ 30 เปอรเ์ ซ็นต์) - คา่ แรงงาน 40 เปอรเ์ ซ็นต์ - ค่าไขไ่ หม บรกิ ารเล้ียงไหมวยั ออ่ น ปัจจัยการผลติ 20 เปอร์เซน็ ต์ - คา่ ปุย๋ คา่ นา้ มนั 10 เปอร์เซ็นต์  แปลงหม่อน และระบบน้า ให้เพยี งพอต่อการเลี้ยงไหมในแตล่ ะรนุ่ 2.3 ปัจจัยการผลติ ทใี่ ชก้ บั อาชีพหม่อน – ไหม สาหรบั สวนหม่อน อัตราการใช้ต่อไร่ ป๋ยุ สตู ร 15-15-15 25-50 กโิ ลกรมั ตอ่ ครง้ั ใส่ช่วงเดอื นพ.ค.-ต.ค. (50 กิโลกรมั ) ปุย๋ สูตร 16-8-8 25-50 กโิ ลกรมั ตอ่ ครั้ง ใส่ชว่ งเดอื นพ.ย.-เม.ย. (50 กโิ ลกรมั ) ปุ๋ยข้ีไก่อัดเมด็ (50 กโิ ลกรมั ) 100-200 กโิ ลกรัม ตอ่ ครั้ง ใส่ไดท้ กุ ฤดกู าล ปูนโดโลไมล์ (25 กโิ ลกรมั ) 200-400 กิโลกรัม ตอ่ ครง้ั ใส่ไดท้ กุ ฤดูกาล เมล็ดปอเทือง (4 กโิ ลกรัม) 4 กิโลกรัม ตอ่ คร้ัง หว่านช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค. ไคโตซาน 10 ซีซี ตอ่ น้า 10 ลติ ร หากมีแมลงรบกวน ใหฉ้ ดี พน่ ซ้าอีก โดยเว้นระยะ 7-10 วัน ปุ๋ยน้าทางใบ 100 ซซี ี ต่อนา้ 20 ลติ ร เทคนคิ การปลกู หม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรมใหม้ ่ันคง ม่งั ค่งั ย่งั ยืน 13

สาหรบั เลย้ี งไหมต่อโรงเล้ียง อตั ราการใช้ตอ่ กล่อง สารเอฟโซล 2 กิโลกรัม (ฟอรม์ าลดีไฮด์ 5 เปอร์เซน็ ต์) 2 ถงุ (6 กิโลกรัม) หรือ 3 ถุง (9 กิโลกรัม) ปนู ขาว ขึ้นอยู่กับสภาพแวดลอ้ ม (แคลเซียมคาร์บอเนต) 1 กโิ ลกรมั หรือ 2 กโิ ลกรัม ผสมนา้ 200 ลติ ร ปูนคลอรนี 1 กิโลกรัม (แคลเซียมไฮโปคลอไรต์) 1 กอ้ น ผงซักฟอก สบู่ 2.4 การคานวณพน้ื ทีป่ ลกู หม่อน พ้นื ทป่ี ลูก (ไร)่ = ปรมิ าณใบหมอ่ นทไ่ี หมกินตอ่ แผ่น x จานวนแผ่นตอ่ รุ่น x จานวนร่นุ ที่เลี้ยงตอ่ ปี ผลผลติ ใบหมอ่ นที่เกษตรกรปลกู (กิโลกรัมตอ่ ไร่ต่อป)ี  ห้องเล้ียงไหมท่ีสามารถกันฝน แมลง สัตว์ศัตรู ความร้อน และ แสงแดด สามารถควบคุมและระบายอากาศได้ดี อยู่ใกล้แปลงหม่อน ห่างไกลจาก สารเคมแี ละฝนุ ควัน  วัสดุอุปกรณ์ ช้ันเลี้ยงไหมพ้ืนที่ 16-20 ตารางเมตรต่อไหม 1 แผ่น หรือกระด้ง (Ø 80 เซนติเมตร) ประมาณ 35-40 ใบ มีด เขียง ตะกร้า กระจาด กะละมัง ถังใส่สารเคมี ตะแกรงร่อนยา รองเท้าแตะ ผ้าปิดจมูก ถุงมือ หน้ากาก กันสารพิษ ยาโรยตัวไหม สารเคมีฆ่าเชื้อโรค ปูนขาวหรือแกลบเผา จ่อไม้ไผ่ 20-25 ใบ หรือ จ่อหมุน 20 ชุด หรือ จ่อลวดหรือจ่อพลาสติก 60 ผืนต่อไหม 1 แผ่น ฯลฯ  ทาแผนการเลี้ยงไหมประจาปี สง่ ให้แหลง่ ผลติ ไขไ่ หม 14 เทคนิคการปลูกหม่อนเล้ยี งไหมอตุ สาหกรรมให้มน่ั คง ม่งั คั่ง ยัง่ ยนื

2.5 ลงมือเลย้ี งไหม  ลงมือเล้ียงตามหลักวิชาการและบันทึกข้อมูลท่ีจาเป็น (จานวน ใบหมอ่ นท่ีใชใ้ นแต่ละวนั ข้อมูลสภาพแวดลอ้ ม ตน้ ทุนท่เี ป็นเงนิ สด ฯลฯ)  จาหนา่ ยผลผลติ  วิเคราะห์ข้อมูล เปรียบเทยี บรายได้กับค่าใช้จา่ ย ประเมนิ ผลทกุ รุน่ การผลติ  ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องในการผลิตกอ่ นเริ่มฤดูการผลิตใหม่ เทคนิคการปลกู หม่อนเล้ียงไหมอตุ สาหกรรมให้มนั่ คง ม่งั คั่ง ยั่งยืน 15

3. หมอ่ น 3.1 พนั ธุ์หมอ่ นทแ่ี นะนาให้ใชก้ ับการเล้ยี งไหมอตุ สาหกรรม 3.1.1 หม่อนพนั ธสุ์ กลนคร ลักษณะเด่น - ผลผลิตต่อไร่สูงกว่าพันธ์ุหม่อนบุรีรัมย์ 60 ประมาณ 30 เปอรเ์ ซน็ ต์ ในพน้ื ท่ีเขตเกษตรอาศยั น้าฝน - มคี วามทนทานต่อสภาวะแหง้ แล้งไดด้ ีกว่าพนั ธ์ุบุรรี มย์ 60 - ออกรากดีเมื่อตัดกิ่งปักชา ขยายพันธุ์ง่าย สามารถใช้ท่อนพันธุ์ ปลูกไดโ้ ดยตรง หรือปกั ชากอ่ นปลกู - มีความทนทานโรครากเน่าดีกวา่ พันธบุ์ รุ รี มั ย์ 60 - ผลผลิตใบต่อไร่ต่อปี การเก็บเก่ียว 4 คร้ัง (จากแปลงทดลอง) มากกวา่ 3,000 กิโลกรมั - เปน็ หมอ่ นเพศผู้ ขอ้ ควรระวัง - ก่ิงท่ีจะใช้ขยายพันธุ์ควรมีอายุหลังการตัดแต่งไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภาพ ทรงตน้ หม่อนพันธุส์ กลนคร 16 เทคนิคการปลกู หมอ่ นเลีย้ งไหมอุตสาหกรรมให้มน่ั คง มง่ั คงั่ ยง่ั ยนื

คุณสมบัติทางเคมีหม่อนพันธส์ุ กลนคร คณุ ค่าทางอาหารในใบ ใบอ่อน ใบแก่ เฉลยี่ 22.47 ปรมิ าณโปรตนี (เปอรเ์ ซ็นต์) 24.98 19.95 04.37 44.51 ปรมิ าณไขมัน (เปอร์เซน็ ต์) 04.44 04.30 10.20 14.38 ปรมิ าณคาร์โบไฮเดรท (เปอร์เซน็ ต์) 44.92 44.10 05.85 ปริมาณเส้นใย (เปอรเ์ ซ็นต์) 10.60 09.86 ปรมิ าณเถ้า (เปอร์เซน็ ต์) 08.95 13.80 ปริมาณความช้ืน 06.10 05.60 3.1.2 หม่อนพันธ์ุ สกลนคร 85 ลกั ษณะเดน่ - ทนทานตอ่ โรครากเนา่ ใกลเ้ คียงกบั พันธคุ์ ณุ ไพ - ขยายพันธ์ุไดด้ ้วยท่อนพันธ์ุ - ผลผลติ ใบสงู กวา่ พนั ธบ์ุ ุรรี ัมย์ 60 ในสภาพเกษตรอาศยั น้าฝน - เป็นหมอ่ นเพศเมยี ภาพ ทรงตน้ หม่อนพันธ์ุสกลนคร 85 เทคนิคการปลูกหม่อนเลีย้ งไหมอุตสาหกรรมใหม้ นั่ คง มงั่ ค่ัง ยงั่ ยืน 17

คุณสมบัติทางเคมีหม่อนพันธุ์สกลนคร 85 คณุ คา่ ทางอาหารในใบ ใบอ่อน ใบแก่ เฉลย่ี 22.40 ปรมิ าณโปรตนี (เปอรเ์ ซ็นต์) 23.58 21.22 08.35 50.33 ปริมาณไขมนั (เปอร์เซน็ ต์) 03.00 03.70 09.85 08.10 ปริมาณคาร์โบไฮเดรท (เปอร์เซ็นต์) 50.02 50.63 ปรมิ าณเส้นใย (เปอร์เซน็ ต์) 10.40 09.30 ปริมาณเถา้ (เปอร์เซน็ ต์) 07.30 08.90 3.1.3 หมอ่ นพนั ธุ์ ศรีสะเกษ 84 ลักษณะเดน่ - ทนทานต่อโรคราสนิมสูงกว่าพันธบุ์ รุ รี มั ย์ 60 เฉล่ีย 18.88 เปอร์เซน็ ต์ - ใหผ้ ลผลติ ใบสูงกว่าพันธุ์บุรีรัมย์ 60 เฉล่ีย 63 เปอร์เซ็นต์ ในพื้นท่ี เขตเกษตรอาศยั นา้ ฝน - ใบหมอ่ นมีคุณภาพดีเหมาะแกก่ ารเลี้ยงไหม ขอ้ ควรระวงั - ไม่ทนทานต่อโรครากเนา่ - การขยายพันธ์ุโดยใช้ท่อนพันธ์ุควรใช้ท่อนพันธ์ุท่ีมีอายุต้ังแต่ 9 เดอื นขน้ึ ไป จะมเี ปอร์เซน็ ต์รอดหลังปกั ชาสูง ภาพ ทรงตน้ หม่อนพนั ธ์ศุ รสี ะเกษ 84 18 เทคนคิ การปลูกหมอ่ นเลีย้ งไหมอุตสาหกรรมใหม้ น่ั คง มัง่ คง่ั ย่ังยนื

คุณสมบัติทางเคมีหม่อนพนั ธศ์ุ รสี ะเกษ 84 คุณค่าทางอาหารในใบ ปริมาณโปรตีน (เปอร์เซ็นต์) 22.00 ปรมิ าณไขมัน (เปอร์เซ็นต์) 21.90 ปรมิ าณคาร์โบไฮเดรท (เปอร์เซน็ ต์) 46.40 ปริมาณเสน้ ใย (เปอร์เซน็ ต์) 11.50 ปรมิ าณเถา้ (เปอรเ์ ซน็ ต์) 12.80 เทคนคิ การปลกู หมอ่ นเลีย้ งไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ัน่ คง มงั่ คั่ง ยั่งยนื 19

3.2 การขยายพนั ธุห์ ม่อน 3.2.1 การเตรยี มท่อนพนั ธห์ุ มอ่ น กิ่งหม่อนท่ีจะนามาขยายพันธ์ุ นั้น ควรเป็นก่ิงพันธุ์ที่ถูกต้อง ตามพันธุ์จากแหล่งที่เช่ือถือได้ มีอายุตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี สีของก่ิงเป็นสีน้าตาล 1 ท่อน มีความยาว 15 – 20 เซนตเิ มตร และมีตา 5 – 6 ตา ส่วนที่จะปักลงในดิน ตดั เฉียงปากฉลามโดยให้ตดั ต่ากวา่ ขอ้ ตาเล็กนอ้ ย (1.5 – 2.0 เซนติเมตร) 3.2.2 วธิ ีการปกั ชาหมอ่ นชาถุง 1) การเลอื กพนื้ ท่สี าหรบั วางหม่อนชาถุงควรเป็นพื้นท่ีโล่งแจ้งหรือ มีร่มเงาเล็กน้อยและใกล้แหล่งน้าบริเวณโดยรอบไม่มีน้าท่วมขังหรือไม่เป็นที่ลุ่ม จะทาใหน้ ้าขงั ได้พนื้ ท่คี วรระบายนา้ ได้ 2) ส่วนผสมของดินเพาะชามีอัตราส่วน ดินหรือหน้าดิน 1 ส่วน แกลบเผา 3 ส่วน (1:3) ผสมให้เข้ากันโดยเน้ือดินและแกลบเผามีลักษณะ เลก็ ละเอยี ด หากพบดินก้อนขนาดใหญค่ วรเกบ็ ทิง้ ไมน่ ามาบรรจใุ นถุงชา 3) ขนาดและสีของถุงชาควรเลือกถุงชาพลาสติกสีดาขนาด 2.5 นิ้ว x 7 นิ้ว หรือ 3 นิ้ว x 7 นิ้ว ไม่จาเป็นต้องใช้ถุงชาขนาดใหญ่ซ่ึงส้ินเปลือง เน่ืองจากการ ปักชาหม่อนในถุงชาใช้เวลา 3 เดือน - 3 เดือนครึ่ง ก็สามารถย้าย มาปลูกในแปลงได้ การวางถุงชาควรวางเป็นรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้า ด้านกว้างควรวาง ถุงชาจานวน 18 – 20 ถุง ด้านยาวตามความเหมาะสมของสภาพพื้นท่ีโดยคานึงถึง แหลง่ นา้ เป็นหลกั 4) การให้น้าแปลงเพาะชาควรวางด้วยระบบสปริงเกอร์ หลังจาก ปักชากิง่ หมอ่ นในถงุ ชา ตั้งแต่ 1 – 45 วนั (1 เดือนคร่ึง) ควรให้น้า จานวน 3 คร้ัง ต่อวัน (สาย/บ่าย/เย็น) ครั้งละ 1 ช่ัวโมง – 1 ช่ัวโมงครึ่ง เม่ือหม่อนปักชามีอายุ 46 – 90 วัน (1 เดือนคร่ึง – 3 เดือน) ควรให้น้าจานวน 2 ครั้งต่อวัน (เช้า/บ่าย) คร้ังละ 2 ชั่วโมง เม่ือก่ิงหม่อนชาถุงมีอายุครบ 3 เดือน – 3 เดือนคร่ึง สามารถ นาไปปลกู ในแปลงต่อไป 20 เทคนิคการปลกู หมอ่ นเลย้ี งไหมอตุ สาหกรรมให้ม่ันคง มงั่ คง่ั ยง่ั ยนื

ท่อนพันธุห์ ม่อนก่อนปักชา การปกั ชาท่อนพนั ธุห์ ม่อน หม่อนปักชาอายุ 1 เดือน หมอ่ นปักชาอายุ 3 เดือน – 3 เดือนครึ่ง 3.3 การปลกู หม่อน 3.3.1 การเลือกพ้นื ที่ปลูกหม่อน - พื้นที่เหมาะสมในการปลูกหม่อน ควรเป็นท่ีดอน น้าไม่ท่วมขัง แต่ควรมีแหล่งนา้ ที่เพียงพอสาหรบั หม่อนในฤดแู ลง้ - ลกั ษณะดนิ ดนิ ร่วนปนทราย อุดมสมบูรณส์ ูง ระบายนา้ ดี หนา้ ดนิ ลึกมากกว่า 30 เซนตเิ มตร มคี วามเปน็ กรดดา่ งของดินระหว่าง 5.5 – 6.5 เทคนิคการปลกู หมอ่ นเล้ียงไหมอุตสาหกรรมใหม้ ั่นคง มัง่ คัง่ ยั่งยนื 21

3.3.2 การตรวจสภาพดนิ ก่อนการปลกู หม่อน ควรสุ่มตัวอยา่ งดนิ เพื่อวิเคราะหธ์ าตุอาหารพืช ในดิน เพื่อการใสป่ ุ๋ยทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ อุปกรณ์ วิธีการ 1) แบ่งพื้นที่ออกเป็นแปลงย่อยไม่ควรเกิน 25 ไร่ ต่อการเก็บดิน 1 ตัวอยา่ ง แล้วกาหนดหมายเลขแปลงยอ่ ยเหลา่ นน้ั 2) เดินสุ่มเก็บตัวอย่างให้ทั่วในแต่ละแปลงย่อยเก็บตัวอย่างดิน ในแต่ละแปลงยอ่ ย 15-20 จุด 3) การเก็บตัวอย่างดินแต่ละจุด ใช้พลั่วหรือจอบขุดดินเป็นหลุม รูปคมขวาน หรือรูปล่ิม ลึกประมาณ 15 เซนติเมตร ใช้พล่ัวแซะดินด้านหน่ึงของ หลุมให้ได้ดินเป็นแผ่นหนา 2-3 เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร ตัวอย่างดินท่ีได้น้ี เป็นดิน 1 จุด แล้วใส่รวมกันในกระป๋องพลาสติก สาหรับไม้ผลหรือไม้ยืนต้น เกบ็ ดินที่ความลกึ 0-15 เซนติเมตร และ 40-50 เซนติเมตร 22 เทคนิคการปลกู หม่อนเล้ียงไหมอุตสาหกรรมใหม้ ั่นคง มง่ั คง่ั ยัง่ ยนื

4) คลุกเคล้าดินในกระป๋องให้เข้ากัน เทลงบนผ้าพลาสติก คลุกเคล้าดินให้เข้ากันอีกคร้ังหนึ่ง กองดินเป็นรูปฝาชี แบ่งดินออกเป็น 4 ส่วน เก็บดินไว้เพียงส่วนเดียว ให้ได้ดินหนักประมาณคร่ึงกิโลกรัม สาหรับใช้ในการ วิเคราะห์ 5) ถ้าดินเปียก ตากในที่ร่ม แล้วบดให้ละเอียดเก็บใส่ถุง และเขียน หมายเลขกากบั ไว้ ตัวอยา่ ง เทคนคิ การปลูกหม่อนเล้ยี งไหมอตุ สาหกรรมให้มัน่ คง ม่งั คงั่ ย่งั ยืน 23

3.3.3 การเตรียมพ้ืนที่ ไถดิน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ไถลึก 30–40 เซนติเมตร ปรับระดับ พื้นผิวให้สม่าเสมอทั่วแปลง ปูองกันน้าท่วมขังบางจุด ตากดินไว้ 5–7 วัน แล้ว ไถพรวนคร้ังที่ 2 เพอื่ กาจดั วชั พืช ใหเ้ กบ็ เหง้าหญ้าออก เปน็ การลดวชั พืชขา้ มปี หากพ้ืนท่ีดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ให้หว่านเมล็ดปอเทือง 4–5 กิโลกรัมต่อไร่ อายุได้ 35–45 วัน ทาการล้มและไถกลบ เป็นการเพ่ิมอินทรียวัตถุ เพ่ิมความสมบูรณ์ให้แก่ดิน ทดแทนการใช้ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสด และ ปรับปรุงความเป็นกรดเป็นด่างโดยใส่ปูนขาวตามค่าความต้องการปูน ก่อนปลูก หม่อนรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์(ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก) อัตรา 1,000–3,000 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ ส่วนพ้นื ท่ีมคี วามอุดมสมบูรณ์หลังจากไถปรับระดับพื้นที่ ปลูกหม่อน ไดเ้ ลย 3.3.4 วธิ ปี ลกู ต่อระยะปลูก 1) ฤดูกาล ฤดกู าลที่เหมาะสมในการปลกู หมอ่ น คือ ช่วงต้นฤดูฝน เพราะเป็น ช่วงท่ีดินมีความชุ่มชื้นสูง หม่อนสามารถเจริญเติบโตได้ดี แต่บางพื้นที่ ต้นฤดูฝน พบปัญหาน้าขัง เช่น ในพ้ืนที่ดินทรายละเอียด ต้องปลูกช่วงปลายฤดูฝน เดือน พฤศจกิ ายนถงึ เดอื นมกราคม 2) ทิศทางการวางแถวหม่อน หากพ้ืนที่มีความลาดเท ควรวางแถวหม่อนขวางความลาดเท เพื่อ ปูองกันนา้ กดั เซาะหนา้ ดนิ 24 เทคนิคการปลูกหมอ่ นเล้ียงไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ่นั คง มง่ั คง่ั ย่ังยนื

3) ระยะปลูก การจัดระยะปลกู ให้เหมาะสม สามารถนาเครื่องทนุ่ แรงเขา้ ไถ พรวนดนิ กาจัดวชั พชื ได้ ควรมีระยะปลกู 1.00 x (2.20-2.50) เมตร 4) วธิ ีการเตรียมหลุมปลูก มี 2 วธิ ี 4.1) การปลกู เป็นหลมุ ตามระยะปลูก ขุดหลุมปลูกขนาดประมาณ 25 x 25 x 25 เซนติเมตร 4.2) ไถเป็นร่องยาวตามแนวปลูกขนาด กว้างและลึก 50 เซนติเมตร แล้วปลูกเป็นหลุมตามระยะ รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก กอ่ นปลูก 5) วธิ ีปลูก 5.1) นาท่อนพันธุ์ทผี่ ่านการปกั ชาในแปลงหรือในถุง จนกระท่ังมี รากแขง็ แรงพร้อมย้ายไปปลูกในหลมุ ท่เี ตรียมไว้ ให้มตี าอยู่เหนือพน้ื ดนิ 2 – 3 ตา (สูง 15 เซนตเิ มตร จากพนื้ ดิน) 5.2) หลงั จากปลกู หม่อน 1 เดอื น ใหด้ ูแลวชั พืชรอบๆ ต้นหม่อน โดยการใช้จอบถางหญา้ หรือ รถไถพรวนและใส่ ปยุ๋ เคมสี ตู ร 16–8–8 ต้นละ 15 กรมั ถ้าตอ้ งผ่านช่วงแล้ง ควรใหน้ า้ แล้วคลุมโคนดว้ ยฟางขา้ ว 5.3) เกบ็ ใบหม่อนมาเลี้ยงไหมไดห้ ลังปลกู 4 เดือน โดยวิธีริดใบ มาเลยี้ งไหม และตดั กงิ่ แขนงออก เทคนิคการปลกู หม่อนเล้ยี งไหมอตุ สาหกรรมให้มน่ั คง มั่งคั่ง ยง่ั ยนื 25

3.3.5 การดแู ลรักษาแปลงหม่อน การดูแลรักษาสวนหม่อนอย่างถูกต้อง และสม่าเสมอจะทาให้ต้น หม่อนมีอายุยืนยาว ให้ผลผลิตตอ่ ไรส่ งู และมีคุณภาพดี เมื่อนาไปเล้ียงไหม หนอน ไหมจะแขง็ แรงให้ผลผลติ ใบสูง จึงควรปฏิบตั ดิ งั น้ี 1) การไถพรวน การไถพรวนดินระหว่างแถวหม่อน หลังตัดแต่งหม่อน การกาจัด วัชพืชและไถกลบปุ๋ยทุกครั้ง เพ่ือให้ดินร่วนโปร่ง ระบายอากาศดี เพิ่มออกซิเจน ทาใหด้ นิ ร่วนซุยและสามารถอมุ้ น้าได้ดีขนึ้ ข้อควรระวัง ในช่วงฤดูฝนไม่ควรไถพรวนลึก เพราะเป็นช่วงที่ หม่อนกาลังเจริญเติบโต หรือ ขณะท่ีรากใหม่กาลังหาอาหาร จะทาให้เกิดการ ชะงัก หรอื รถไถอาจทาให้ก่งิ หมอ่ นหกั เสียหายได้ 2) พืชแซมหมอ่ น ปลูกพืชแซมหม่อน โดยมีหลักเกณฑ์ว่าพืชหลักและพืชแซมต้อง เก้ือกูลต่อกัน เช่น ข้าวไร่ โสน ปอเทือง ถ่ัวเหลือง หรือถั่วเขียว สามารถปลูกพืช อายุส้ันช่วงการตัดต่า ต้นฤดูฝน แซมระหว่างแถวหม่อนเพื่อบารุงดินและเสริม รายได้ 3) การจัดการวัชพืชในแปลงหมอ่ น การกาจัดวัชพืชในระยะที่เหมาะสมจะเพิ่มความสมบูรณ์ของดิน และปูองกนั แหล่งหลบซ่อนของศตั รหู ม่อน วธิ กี ารปูองกนั กาจัดวชั พชื - ปลูกพชื แซม เชน่ พชื ตระกูลถวั่ หรอื ปอเทือง - การใช้จอบ เคร่ืองตัดหญา้ หรือ การไถพรวน - การใชว้ ัสดคุ ลมุ ดนิ เชน่ ซากพชื ฟางข้าว 26 เทคนคิ การปลกู หมอ่ นเลยี้ งไหมอุตสาหกรรมใหม้ น่ั คง มงั่ คั่ง ยงั่ ยนื

3.3.6 การจดั การสวนหม่อนและการใชส้ วนหม่อน - หลังตัดแต่งหม่อนอายุ 10-20 วัน ทา การฉีดไคโตซาน อย่างน้อย 2 ครั้ง หา่ งกัน 7 วัน - เล็มกง่ิ แขนงใหเ้ หลือ 12 ก่งิ - ใสป่ ุ๋ยขแี้ กลบ 100 กระสอบ เท่ากบั 2 ตนั ตอ่ ไร่ต่อปี - ใส่ปยุ๋ เคมี 50 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ จานวน 2 คร้งั ตอ่ ปี - ใส่ปูนโดโลไมท์ 200 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ต่อปี - ต้นหม่อนอายุ 30 วนั ฉีดพน่ ไคโตซาน 2-3 ครั้ง หา่ งกัน 7 วัน - กาจดั วชั พืชด้วยเครื่องตดั หญา้ และ การไถพรวนดนิ เทคนิคการปลกู หม่อนเลีย้ งไหมอุตสาหกรรมใหม้ ่ันคง ม่งั คง่ั ยัง่ ยืน 27

- หม่อนมอี ายุ 50-55 วัน สามารถตดั ไป เลย้ี งไหมวยั 5 - ตัดหม่อนทมี่ ีอายุ 47-55 วัน เลีย้ งไหม วยั 5 วันที่ 1-5 เพ่ือลดปญั หา ใบเหลอื งร่วงทิง้ เสียหาย - หม่อนสาหรับไหมวยั 5 วนั ท่ี 6-7 จะ เนน้ ใช้หมอ่ นแก่อายุมากกวา่ 60 วัน เพอ่ื ใหไ้ หมสุกแข็งแรง 28 เทคนคิ การปลกู หม่อนเลี้ยงไหมอตุ สาหกรรมให้มนั่ คง มั่งคัง่ ย่งั ยนื

3.4 การจัดการดนิ ดนิ ในแตล่ ะพ้ืนทจ่ี ะมสี ่วนประกอบที่แตกตา่ งกัน โดยความแตกต่างน้ีจะ มีมากขึ้นหากมนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้องและใช้ประโยชน์จากดินในทุกลักษณะ ส่วนประกอบของดนิ มี 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ แร่ธาตุ เป็นส่วนที่เกิดจากแร่และหินต่างๆ สลายตัวโดยทางเคมีกายภาพ และชีวเคมี อนั เป็นแหลง่ กาเนิดธาตุอาหารและควบคุมโครงสร้างของดิน อินทรียวัตถุ เปน็ สว่ นทเี่ น่าเปื่อยผพุ งั หรอื เกิดจากการสลายตัวของเศษ พืช อันจะเป็นแหล่งกาเนิดธาตุอาหารของดิน นอกจากน้ียังเป็นแหล่งพลังงานแก่ จุลินทรีย์ดนิ อีกดว้ ย อากาศ เปน็ ช่องว่างระหว่างก้อนดนิ หรืออนภุ าคดินซ่งึ มีอากาศอยู่ น้า เป็นส่วนท่ีพบอย่ใู นช่องวา่ งของดินหรืออนุภาคของดิน เป็นตัวกลาง สาหรับทาปฏิกิริยาทางเคมีในดิน ช่วยละลายธาตุอาหารต่างๆ รวมถึงการช่วยดูด ซึมและการเคลื่อนย้ายธาตุอาหารในดิน ดินท่ีมีคุณภาพดีควรมีส่วนประกอบตามสัดส่วนดังนี้ แร่ธาตุร้อยละ 45 อินทรยี วัตถุรอ้ ยละ 5 อากาศรอ้ ยละ 25 และนา้ ร้อยละ 25 เทคนคิ การปลกู หมอ่ นเล้ียงไหมอุตสาหกรรมใหม้ น่ั คง มงั่ ค่ัง ย่งั ยืน 29

ปัจจัยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ แสงสว่าง ดิน อุณหภูมิ อากาศ น้า และธาตอุ าหาร ทเี่ หมาะสม ปัจจัยท่ีไม่ส่งเสริมการเจริญเติบโต ได้แก่ โรค แมลง วัชพืช และสารพิษ (ชะลอการเจรญิ เติบโต) ปัจจยั ทค่ี วบคุมการเจรญิ เติบโตและผลผลิตของพืช - พันธุกรรม (พันธ์ุพืช) สามารถกาหนดเลือกได้ - สภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ส่วนประกอบของอากาศ โรค แมลง ธาตุอาหารไม่สามารถควบคมุ ได้ แตส่ ามารถเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ - การปฏบิ ัตดิ ูแลรักษา เชน่ การกาจดั วชั พืช ใส่ปุ๋ย การปูองกนั ศตั รพู ชื ทีม่ า: ดัดแปลงจาก plant growth factor infographic in monochrome (https://www.Dreamstime.com/stock.illustration,2018: ออนไลน์) 30 เทคนิคการปลูกหม่อนเลย้ี งไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ่ันคง มัง่ คัง่ ยง่ั ยนื

3.4.1 ความสาคัญของธาตุอาหารต่อการเจรญิ เติบโตและผลผลติ ของพชื ธาตอุ าหารพืชแตล่ ะชนดิ มีความสาคญั ตอ่ พืช ดังน้ี หน้าท่ีสาคัญของธาตุอาหารพืชและอาการขาดธาตุอาหารพชื ธาตอุ าหาร หนา้ ทส่ี าคญั อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พืช อาหาร อาหารของพืช ไนโตรเจน - เป็นองค์ประกอบ - พืชเจริญเติบโตช้า (N) ข อ ง ก ร ด อ ะ มิ โ น ใบล่างมีสีเหลืองซีด โปรตีน คลอโรฟิลล์ ทั้งแผ่นใบ ต่อมา กรดนิวคลีอิก และ กลายเป็นสีน้าตาล เ อ น ไ ซ ม์ ใ น พื ช แล้วร่วงหล่นหลัง N 1 = พบอาการขาด N ไมร่ นุ แรง ทีใ่ บอ่อน ใบออ่ นสเี ขยี วอ่อนขาด ส่งเสริมการเจริญ จากน้ันใบบนๆ จะมี Chlorophyll เติบโตของยอดอ่อน สีเหลอื ง ใบและกิ่งก้าน N 2 = ใบถดั มาจะเร่มิ เหน็ สีเขียว ออ่ นขาด Chlorophyll ระหวา่ ง เส้นกลางใบ จะพบอาการรุนแรงที่ ใบแก่ N 3 = เมอ่ื พชื ขาด N รุนแรงจะพบ ใบของตน้ หม่อนขาด Chlorophyll ทใ่ี บออ่ นและใบแก่ เทคนิคการปลกู หมอ่ นเล้ียงไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ่ันคง มั่งคัง่ ย่งั ยนื 31

หน้าทีส่ าคญั ของธาตอุ าหารพชื และอาการขาดธาตุอาหารพชื ธาตอุ าหาร หนา้ ทสี่ าคัญ อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พืช อาหาร อาหารของพืช ฟอสฟอรสั - ช่วยในการ - ใบล่างเร่ิมมีสีม่วง (P) สังเคราะห์โปรตีน ตามแผ่นใบต่อมา และสารอินทรีย์ท่ี เป็นสีน้าตาลและ ส า คั ญ เ ป็ น อ ง ค์ ร่วงหล่นลาต้นแคระ P 1 = พบใบออ่ นเกิดอาการแห้ง ประกอบของสารท่ี แกร็น ไม่ผลิดอก ตาย ทาหน้าท่ีถ่ายทอด ออกผล พลังงานในกระบวน การต่างๆ ของพืช เช่น การสังเคราะห์ แสงและการหายใจ P 2 = ใบแก่มีสเี ขยี วเขม้ มากออก ม่วง พบท้ังใบออ่ นและใบแก่ โพแทสเซยี ม - ช่วยสังเคราะห์ - ใบล่างแสดงอาการ K 1 = อาการเรมิ่ แรกที่ขาด K จะ (K) น้าตาล แปูง และ เหลือง และเป็นสี พบบริเวณขอบใบ และปลายใบเริ่ม แหง้ โปรตีน ส่งเสริมการ น้าตาลตามขอบใบ เ ค ล่ื อ น ย้ า ย ข อ ง และลุกลามเข้ามา น้าตาลจากใบไปยัง เป็นหย่อมๆ ตาม ผล ช่วยให้ผลเจริญ แผ่นใบอาจพบว่า เ ติ บ โ ต เ ร็ ว พื ช แผ่นใบโค้งเล็กน้อย แข็งแรงและมีความ รากพืชเจริญช้า ลา ต้านทานต่อโรคบาง ต้น อ่อนแอ ผลไม่ ชนิด เตบิ โต 32 เทคนคิ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรมใหม้ ่ันคง มัง่ คงั่ ย่งั ยนื

หน้าที่สาคญั ของธาตุอาหารพชื และอาการขาดธาตอุ าหารพืช ธาตุอาหาร หน้าที่สาคัญ อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พืช อาหาร อาหารของพืช K 2 = จะพบท้ังใบออ่ นและใบแก่ (ใบแก่จะพบแหง้ ตาย) แคลเซียม - เป็นองค์ประกอบ - ใบที่เจริญใหม่มี K 3 = พบขอบใบ ใบออ่ นและใบ (Ca) ของสารเช่ือมผนัง อาการ หงิ กงอต า แก่เกดิ อาการเซลลแ์ หง้ ตาย ใบสีซดี เซลล์ ช่วยในการ ยอดไม่เจริญ อาจมี ขาด Chlorophyll แบ่งเซลล์ การผสม จุดดาท่ีเส้นใบ ราก เกสร การงอกของ สั้น ผลแตก และ Ca 1 = ระยะแรกของอาการขาด เ ม ล็ ด แ ล ะ ช่ ว ย คณุ ภาพผลไมด่ ี Ca จะพบขอบใบแห้ง เ อ น ไ ซ ม์ บ า ง ช นิ ด ทางานไดด้ ี เทคนิคการปลูกหมอ่ นเลย้ี งไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ั่นคง มั่งค่งั ยง่ั ยืน 33

หน้าท่สี าคญั ของธาตอุ าหารพชื และอาการขาดธาตุอาหารพชื ธาตอุ าหาร หน้าทสี่ าคัญ อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พืช อาหาร อาหารของพืช Ca 2 = ขอบใบแหง้ ตายใบออ่ น ขอบใบม้วนงอลง แมกนีเซียม - เป็นองค์ประกอบ - ใบแก่จะมีสีเหลือง Ca 3 = ขาด ca รุนแรงจะพบใบ (Mg) ของคลอโรฟิลล์ช่วย ยกเวน้ บรเิ วณเส้นใบ อ่อนและใบแก่รวมถงึ ปลายใบแหง้ สังเคราะห์กรดอะมิ และใบจะร่วงหล่น และตาดอกจะแห้งตาย โน วิตามิน ไขมัน เร็ว และน้าตาล ทาให้ Mg 1 = ระยะเร่มิ แรกของการขาด การเป็นกรดด่างใน Mg ใบเหลืองซดี ขาด Chlorophyll เซลล์เหมาะสมและ ระหวา่ งเสน้ กลางใบ ช่วย การ งอกของ เมล็ด 34 เทคนคิ การปลูกหมอ่ นเล้ยี งไหมอตุ สาหกรรมใหม้ น่ั คง ม่งั คั่ง ยัง่ ยนื

หน้าท่สี าคญั ของธาตอุ าหารพชื และอาการขาดธาตุอาหารพืช ธาตอุ าหาร หน้าทส่ี าคัญ อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พชื อาหาร อาหารของพืช Mg 2 = จะพบอาการขาดธาตุ ตงั้ แตใ่ บออ่ นและใบแก่ Mg 3 = ถ้าอาการขาด Mg รงุ แรง เซลลใ์ บจะเกิดแหง้ ตายเป็นจดุ ๆ กามะถนั - เป็นองค์ประกอบ - ใบพืชทง้ั ใบบนและ (S) ข อ ง ก ร ด อ ะ มิ โ น ใบล่างจะมีสีเหลือง โปรตีนและวติ ามิน ซีด และต้นอ่อนแอ S 1 = ใบออ่ นท่ีขาดซลั เฟอร์จะ เหลอื งซีดท่ีเส้นกลางใบ เทคนิคการปลูกหมอ่ นเลยี้ งไหมอุตสาหกรรมให้ม่นั คง มั่งคง่ั ย่งั ยืน 35

หน้าทีส่ าคญั ของธาตอุ าหารพชื และอาการขาดธาตอุ าหารพชื ธาตุอาหาร หน้าทีส่ าคัญ อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พชื อาหาร อาหารของพชื SR = ผลของการขาด N P K Ca Mg และ S ต่อลาตน้ และรากของใบ หม่อนเปรยี บเทยี บกับต้นปกติ ทางขวาสดุ เหล็ก - ชว่ ยในการสังเคราะห์ - ใบอ่อนของพืชจะ (Fe) คลอโรฟิลล์สาคัญต่อ มีสีขาวซีดจาง ใน การสงั เคราะห์แสงและ ขณะที่ใบแก่ยังมีสี การหายใจของพืช เขียวอยู่ Fe 1 = ยอดใบออ่ นสเี ขียวออ่ น ขาด Chlorophyll ระหวา่ งเส้น กลางใบ Fe 2 = เป็นอาการทเ่ี กิดระยะแรก ของการขาด Fe 36 เทคนคิ การปลกู หม่อนเล้ียงไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ัน่ คง มั่งคง่ั ย่ังยนื

หน้าทส่ี าคญั ของธาตุอาหารพชื และอาการขาดธาตุอาหารพชื ธาตอุ าหาร หนา้ ท่สี าคญั อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พืช อาหาร อาหารของพืช ทองแดง - ช่ ว ย ใ น ก า ร - ตายอดชะงักการ Fe 3 = หมอ่ นท่ีขาด Fe รนุ แรงใบ (Cu) สั ง เ ค ร า ะ ห์ เจ ริญ เ ติบ โ ตแ ล ะ สีซีด ดอกเปน็ สขี าวรวมท้ังเส้น ค ล อ โ ร ฟิ ล ล์ ก า ร กลายเป็นสีดา ใบ กลางใบ ยกเว้นฐานใบทม่ี สี ีเขียว แมงกานีส หายใจ การใช้โปรตีน อ่อนมีสีเหลือง พืช เขม้ (Mn) และแปูงกระตุ้นการ ช ะ งั ก ก า ร เ จ ริ ญ ทางานของเอนไซม์ เติบโต Cu 1 = ใบทีข่ าด Cu ใบมว้ นงอ สี บางชนิด ใบซีดขาด Chlorophyll ระหว่าง เส้นใบ - ช่วยในการ - ใบอ่อนมีสีเหลือง สังเคราะห์แสงและ ในขณะท่ีเส้นใบยังมี ก า ร ท า ง า น ข อ ง สีเขียวอยู่ ต่อมาใบ เอนไซมบ์ างชนิด ดงั กล่าวจะเหย่ี วแล้ว ร่วงหลน่ Mn 1 = ใบอ่อนที่ขาด Mn ใบสี เหลืองซีดขาด Chlorophyl ระหว่างเสน้ กลางใบ เทคนิคการปลกู หม่อนเล้ียงไหมอุตสาหกรรมใหม้ น่ั คง มัง่ คงั่ ยั่งยนื 37

หน้าทีส่ าคญั ของธาตอุ าหารพชื และอาการขาดธาตอุ าหารพชื ธาตุอาหาร หน้าที่สาคญั อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พืช อาหาร อาหารของพชื สงั กะสี - ช่ ว ย ใ น ก า ร - ใบอ่อนมีสีเหลือง Mn 2 = ใบท่ีขาด Cu รนุ แรง จะ (Zn) สังเคราะห์ออกซิน ซดี และปรากฏสีขาว เกดิ เหลืองซดี และแห้งตายตามขอบ (auxin hormone) ประปรายตามแผ่น ใบ ใบมลี กั ษณะเรียว คลอโรฟลิ ล์และแปงู ใบ โดยเส้นใบยังมีสี Zn 1 = พบในใบแกข่ องหม่อน เ ขี ย ว ร า ก สั้ น ไ ม่ ขอบใบแหง้ ตาย เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ตามปกติ Zn 2 = สรี ะหวา่ งเสน้ ใบซีดเหลือง ขาด Chlorophyl ขนุ่ มัว 38 เทคนคิ การปลูกหมอ่ นเล้ยี งไหมอุตสาหกรรมให้มั่นคง ม่ังคั่ง ย่ังยนื

หน้าทีส่ าคญั ของธาตุอาหารพชื และอาการขาดธาตอุ าหารพชื ธาตุอาหาร หน้าที่สาคัญ อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พชื อาหาร อาหารของพืช Zn 3 = หม่อนท่ีขาด Zn รุนแรง ใบแก่ออกสเี หลือง โดยเริม่ จาก ปลายใบไปยงั ฐานใบ โมลบิ ดนิ มั - ช่วยให้พืชใช้ไน - พืชมีอาการคล้าย (Mo) เ ต ร ต ใ ห้ เ ป็ น ก า ร ข า ด ธ า ตุ ปร ะโ ยชน์ในกา ร ไ น โ ต ร เ จ น ใ บ มี สังเคราะหโ์ ปรตนี ลักษณะโค้งคล้าย ถ้วย ปรากฏจุดสี เหลืองๆ ตามแผน่ ใบ ของพืช Mo 1 = ใบสเี หลืองซดี ผวิ ใบเปน็ คล่ืน ไม่เรียบ Mo 2 = ใบทีข่ าด Moo รนุ แรง สี ซีด ไปจนสีเหลือง เทคนิคการปลูกหมอ่ นเล้ยี งไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ่นั คง ม่งั คง่ั ยง่ั ยืน 39

หนา้ ท่สี าคัญของธาตอุ าหารพชื และอาการขาดธาตุอาหารพืช ธาตุอาหาร หน้าทส่ี าคญั อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พืช อาหาร อาหารของพืช โบรอน - ช่วยในการออก - ตายอดจะตายแล้ว Mo 3 = ใบสีเหลืองซดี ผิวใบเปน็ (B) ดอกและการผสม เริ่มมีตาข้างแต่ตา คล่ืนหงกิ งอ และเซลล์แหง้ ตายตาม เ ก ส ร มี บ ท บ า ท ขา้ งจะตายอกี ลาต้น ขอบใบ สาคัญในการติดผล ไม่คอ่ ยยืดตัว ก่งิ และ และการเคล่ือนย้าย ใบชิดกัน ใบพืชมี B 1 = ระยะแรกเสน้ ใบจะเร่ิมมีสี น้าตาลมาสู่ผลการ ขนาดเล็ก หนา โค้ง ขาวซีด เคลื่อนย้ายฮอร์โมน และเปราะ การใช้ประโยชน์จาก ไนโตรเจนและการ แบ่งเซลล์ B 2 = ระยะตอ่ มามีการตายของขว้ั ใบ ตา และขอบใบในใบออ่ น 40 เทคนคิ การปลกู หมอ่ นเล้ยี งไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ่ันคง มั่งคงั่ ย่งั ยนื

หน้าที่สาคัญของธาตอุ าหารพืชและอาการขาดธาตุอาหารพืช ธาตอุ าหาร หน้าทีส่ าคญั อาการขาดธาตุ ภาพแสดงการขาดธาตุ พชื อาหาร อาหารของพืช B 3 = มผี ลตอ่ ขนาดของใบ และ การเจรญิ เติบโตของตา คลอไรด์ - มีบทบาทเก่ียวกับ - พชื เหีย่ วงา่ ย ใบพืช (Cl) ฮอร์โมนในพืชการ มีสีซีดและบางส่วน สังเคราะห์แสงและ แห้งตาย ทาให้พชื แกเ่ ร็วขึ้น Cl 1 = ขอบใบเหลืองในใบแก่ Cl 2 = เนอ้ื เยื่อบริเวณขอบใบตาย ในใบออ่ น นกิ เกิล - เ ป็ น ตั ว ช่ ว ย ใ ห้ - เนื้อเยื่ อบริเวณ (Ni) เอนไซม์ยูเรอีสและ ปลายใบจะตายและ เอนไซม์ไฮโดรจีเนส กลายเป็นสนี า้ ตาล ทาหน้าท่ีช่วยในการ งอกของเมลด็ พืช ท่มี า: Shankar (1997) เทคนคิ การปลูกหมอ่ นเล้ียงไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ่นั คง มั่งค่งั ยั่งยนื 41

3.4.2 ทาไมต้องใชป้ ุ๋ย ปุ๋ย เป็นวัสดุใดก็ตามที่ใส่ลงไปในดินโดยท่ีวัสดุนั้นมีธาตุอาหารที่ จาเป็นสาหรับพืช ซึ่งพืชนาไปใช้ประโยชน์เพื่อการเจริญเติบโตมีผลผลิตและ คุณภาพ มีทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติหรือทาข้ึนก็ตาม ไม่มีชีวิต เรียกว่า ปุ๋ยเคมี และวัสดุท่ีเกิดจากส่ิงมีชีวิตเรียก ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งรวมถึงวัสดุท่ีมีจุลินทรีย์ที่ช่วยใน การปลดปล่อยธาตุอาหารให้พชื ได้รบั มากข้นึ เรยี กว่า ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยเคมี เป็น ปุ๋ยท่ีมีต้นกาเนิดจากส่ิงไม่มีชีวิตอยู่ในรูปของแร่ธาตุ ธรรมชาติและการสังเคราะห์ เป็นสารอนินทรีย์ท่ีเกิดธรรมชาติ เช่นหินฟอสเฟต หินแร่โพแทสเซียม เป็นต้น ส่วนสารอินทรีย์จากการสังเคราะห์ทางเคมี เช่น ปุ๋ย แอมโมเนียมซัลเฟตท่ีมีธาตุกามะถันรวมอยู่ด้วย (21-0-0+24S) ปุ๋ยทริปเปิล ซเู ปอร์ฟอสเฟต (0-46-0) ปยุ๋ โพแทสเซยี มคลอไรด์ (0-0-60) เป็นตน้ ปยุ๋ อินทรีย์ มีความหมายตรงตวั วา่ เปน็ ปุย๋ ทไ่ี ด้มาจากสว่ นประกอบ ของสง่ิ มชี วี ติ ไม่ใช่การสังเคราะห์ขึ้นมาเองเหมือนกับปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ก็คือปุ๋ยท่ี ได้จากการยอ่ ยสลายอนิ ทรียวัตถตุ ่างๆ เชน่ ซากพืช ซากสัตว์ และบรรดาเศษวัสดุ เหลือใช้ทางการเกษตร ซ่ึงผ่านกระบวนการย่อยสลายโดยมีจุลินทรีย์เป็นตัวช่วย จากก้อนใหญ่กลายเป็นก้อนเล็ก จากก้อนเล็กก็ลดลงมาจนเป็นอณูยิบย่อย เรา เรยี กสิง่ สดุ ท้ายนวี่ ่า ฮิวมสั ซึง่ มีประโยชนม์ ากตอ่ พ้นื ดินและพืช ตัวอยา่ งเชน่ ปุ๋ยหมัก : ปุ๋ยท่ีได้จากการหมักซากพืช ซากสัตว์ และอินทรียวัตถุ ต่างๆ ด้วยการนาส่วนประกอบทั้งหมดมารวมกันและรดน้าให้ชุ่ม จากนั้นปิดให้ มดิ ชดิ เพื่อสรา้ งสภาพแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสมให้กบั จลุ ินทรยี ์ ตวั อย่างเชน่ - ปุย๋ หมักจากมลู ไหม อตั ราสว่ นการทาปุ๋ยหมกั 1) เศษหมอ่ นและมูลไหม (ผลพลอยได้จากการเลี้ยงไหม) 30 กิโลกรมั 2) ปุ๋ยยูเรีย 60 กรมั และ สารเร่งซปุ เปอร์ พด.1 100 กรมั (1 ซอง) 3) มลู สัตว์ (ข้ไี ก่ หรือ ขว้ี ัว) 6 กิโลกรัม 42 เทคนคิ การปลูกหมอ่ นเลยี้ งไหมอตุ สาหกรรมให้มนั่ คง มั่งค่ัง ยงั่ ยนื

ขน้ั ตอนการทา 1) หั่นเศษหม่อน มูลไหม เป็นช้ินเล็กๆ 1-2 เซนติเมตร ด้วยเคร่ืองย่อยก่ิง หม่อน ถ้าแห้งให้รดน้าให้ชุ่มก่อนบรรจุใส่ถุงพลาสติกสีดา เพื่อเตรียมไว้สาหรับ ขนั้ ตอนตอ่ ไป 2) ใสม่ ูลสัตว์ 6 กิโลกรมั ลงในถงุ ดาเตรยี มไว้แลว้ สาหรบั ขน้ั ตอนตอ่ ไป 3) ละลายปุ๋ยยูเรียกับสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 ในน้า 20 ลิตร จนเข้ากันดี จากนน้ั ใหร้ าดลงในถุงดาทเ่ี ตรยี มไว้ใหท้ ว่ั โดยใช้ปริมาณสารละลาย 600 ซีซีต่อถุง เสรจ็ แลว้ มดั ปากถงุ ดาให้แนน่ หลังจากทาการหมักเรยี บรอ้ ยแลว้ ภายในเดอื นแรก จะเกดิ กระบวนการหมัก ภายในถุงโดยจุลินทรีย์ จะมีอุณหภูมิสูง ซ่ึงจะเป็นการกาจัดเชื้อโรคต่างๆ เมื่อ นาไปใช้จึงไม่ส่งผลต่อการเลี้ยงไหมแต่อย่างใด แต่เกษตรกรต้องคอยสังเกตและ ราดน้าทกุ 15 วนั ให้ถงุ ป๋ยุ มคี วามชน้ื ตลอดเวลา ลกั ษณะปุ๋ยหมักมูลไหมทพ่ี ร้อมนาไปใช้ 1) สี มีลกั ษณะเป็นสนี ้าตาลเข้ม หรอื ดา 2) ลักษณะวสั ดุ มีลักษณะยยุ่ ละเอยี ด แยกขาดออกจากกนั ได้งา่ ย 3) กล่นิ ไมม่ ีกล่นิ เหมน็ ฉนุ แตม่ ีกลิน่ คลา้ ยดินธรรมชาติ 4) ความรอ้ นในกองปุ๋ยหมัก ไมร่ อ้ น อณุ หภมู ิ ใกลเ้ คยี งกบั ภายนอก 5) การเจริญเติบโตของพืชบนกองปุ๋ยหมัก มีเมล็ดพืชงอกและเจริญเติบโต บนกองป๋ยุ หมกั ปุ๋ยคอก : คือมูลที่สัตว์ขับถ่ายและสะสมอยู่ตามพื้นคอก ตลอดจนมูล และนา้ ลา้ งคอกที่รวมอยใู่ นสระเกบ็ น้าทิ้ง หรือมูลสัตว์ที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ จะ เป็นแบบของเหลวหรือของแข็งก็ใช่ทั้งหมด ปุ๋ยแบบนี้ดีตรงท่ีไม่ต้องผ่าน กระบวนการอะไรอีก สามารถนาไปใชไ้ ด้เลยทันที ปุย๋ พืชสด : ปุ๋ยที่ได้จากต้นพืชในพื้นที่นั่นเอง ต่างกับปุ๋ยหมักตรงท่ีไม่ได้ เอาพืชไปหมักรวมกัน แต่ใช้วิธีไถกลบแล้วปล่อยให้พืชสดๆ น้ันย่อยสลายไปตาม ธรรมชาติ ส่วนมากนิยมใช้เป็นพืชตระกูลถ่ัวเพราะให้ธาตุไนโตรเจนในระดับสูง ข้อควรปฎบิ ตั ิ คือ ควรปลูกพชื หลกั หลงั จากไถกลบแล้วนาน 15 วัน เพ่ือรอให้การ ย่อยสลายเศษซากพืชสมบูรณ์แล้วนอกจากนี้ การใช้ปุ๋ยพืชสดสามารถจาแนกได้ เทคนคิ การปลกู หม่อนเลย้ี งไหมอุตสาหกรรมให้ม่ันคง มงั่ คงั่ ย่ังยืน 43

ออกตามลักษณะของระบบการปลูกพืช เช่น การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูก ปยุ๋ พืชสดหมุนเวยี นสลบั กบั พชื หลกั การปลกู พชื แซม ปุ๋ยอินทรีย์น้า : หรือน้าหมักชีวภาพ เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ได้จาก สารละลายท่ีเกิดจากการหมักวัสดุต่างๆ ทั้งพืชและสัตว์ให้ย่อยสลายภายใต้ กระบวนการหมักในสภาพไร้อากาศ แล้วปลดปล่อยธาตุอาหา รพืช หรือ สารประกอบบางชนิด มสี ว่ นการเพิ่มการเจริญเตบิ โตหรอื คุณภาพผลผลิตพืช หรือ เป็นสารขบั ไล่แมลง ปุ๋ยชีวภาพ : วสั ดหุ รือสารท่ีประกอบด้วยจุลินทรีย์ทมี่ ีชีวิตเป็นตัวดาเนิน กิจกรรม ให้ธาตุอาหารแก่พืช หรือทาให้ธาตุอาหารที่มีอยู่ในรูปท่ีพืชไม่สามารถ นาไปใช้ประโยชนไ์ ด้ เปลยี่ นเป็นรปู ทเี่ ป็นประโยชน์ต่อพืชเพมิ่ ข้นึ เชน่ - ไรโซเบียมสรา้ งปุ๋ยไนโตรเจนให้กับพืชตระกลู ถว่ั - จุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตช่วยทาให้หินฟอสเฟตหรือฟอสเฟตท่ีถูกยึด ตรึงอยู่ในดินให้อยู่ในรูปที่พืชนาไปใช้ในการเจริญเติบโตได้เพิ่มขึ้น เช่น ไมคอร์ไร ซา เป็นเชื้อราท่อี าศัยอยูท่ ี่รากพืชและในดนิ - ผลการวิจัยของกรมหม่อนไหม พบว่าการใส่ไมคอร์ไรซาร่วมกับปุ๋ย ฟอสฟอรสั ทาให้องค์ประกอบผลผลิตหม่อนสูงขึ้น โดยอัตราที่ใส่เพียง 5-10 กรัม ต่อต้น ร่วมกับปุ๋ยฟอสฟอรัส 15-10 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถลดปริมาณการใช้ ปุ๋ยฟอสฟอรัสได้ประมาณ 33-50 เปอร์เซ็นต์ ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงหรือดิน ท่ีมีปริมาณฟอสฟอรัสในดินสูง การใส่ไมคอร์ไรซาไม่มีผลทาให้องค์ประกอบ ผลผลิตหม่อนสูงขึ้นอย่างใด นอกจากน้ี การใส่ไมคอร์ไรซาสามารถช่วยทาให้การ ไหลซึมผ่านน้าในดินสูงขึ้น ทาให้ดินมีปริมาณน้าซึมผ่านสู่รากเพ่ือการนาไปใช้ ประโยชนไ์ ดส้ ูงข้ึนด้วย 44 เทคนิคการปลกู หมอ่ นเลีย้ งไหมอุตสาหกรรมใหม้ ั่นคง ม่งั คัง่ ยง่ั ยนื

3.4.3 การปรับปรุงบารุงดนิ การใช้ประโยชน์ท่ีดินในการปลูกหม่อน จาเป็นต้องมีการปรับปรุง บารุงดินอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมตามลักษณะและสมบัติของดิน โดยหลักการ ทั่วไป คือการจดั การเพอื่ ทาให้ดินมีศักยภาพในการผลิตได้ของดิน ควรเร่ิมต้นด้วย การตรวจสอบสมบัติดินและวิเคราะห์ดิน ผลของการตรวจสอบและวิเคราะห์ นาไปสู่การปรบั ปรุงบารงุ ดินทเ่ี หมาะสมต่อไป การปรบั ปรุงบารุงดินสามารถทาได้ หลายแบบ รวมถึงสภาพพื้นท่ี และสภาพดิน การใช้ดินอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน โดยขาดการจัดการท่ี ถูกวิธี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม จะทาให้ดินเกิดความเส่ือมโทรม ขาดอินทรียวัตถุ เน้ือดินแน่นทึบ ดินมีสภาพความกรดด่างไม่เหมาะสม และมี ความอุดมสมบูรณ์ต่า ทาให้หม่อนมีผลผลิตลดลง ดังนั้นจาเป็นต้องทาการ ปรับปรุงบารุงดินให้มีสภาพที่เหมาะสมกับหม่อน เพื่อเพ่ิมผลผลิตให้สูงขึ้นโดย ปรบั ปรุงดินท้ังด้านกายภาพ เคมี และชีวภาพ ตลอดจนเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ สูงข้ึน ท้ังการใช้จุลินทรีย์ ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก ซ่ึงปุ๋ยแต่ละชนิดมีธาตุอาหารที่ แตกตา่ งกนั ซ่ึงการปรบั ปรงุ บารงุ ดินทาไดห้ ลายๆ วธิ ี ดงั นี้ 1) ปรับสภาพความเป็นกรดของดนิ ใหเ้ หมาะสมกับหม่อน โดยใชว้ ัสดุปูนชนิด ต่างๆ เช่น ใช้ปูนโดโลไมท์ หรือ ปูนขาว เป็นต้น สาหรับอัตราที่ใช้ขึ้นกับความ รุนแรงของกรดในดิน โดยทว่ั ไป อตั รา 3-5 กิโลกรัมตอ่ หลมุ ปลกู 2) ปรบั ปรงุ บารงุ ดินโดยใชอ้ นิ ทรียวตั ถุ - การไถกลบฟางข้าว และรดด้วยปุ๋ยอินทรีย์น้า อัตรา 5 ลิตรต่อไร่ หมักทิ้งไว้ ช่วยใหฟ้ างยอ่ ยสลายเรว็ ขึน้ เพมิ่ อนิ ทรียวตั ถุใหแ้ ก่ดิน - ใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรา 2-4 ตันต่อไร่ คลุกเคล้ากับดินแปลงปลูก หรอื บรเิ วณหลุมปลูกหมอ่ น ใชอ้ ัตราเฉลยี่ 25-50 กิโลกรัมตอ่ ไร่ - ปลูกพืชปุ๋ยสด เช่น โสนอัฟริกัน ปอเทือง ถั่วพุ่ม ถั่วพร้า และไถกลบ ลงดิน ในช่วงเริ่มออกดอก (50-60 วัน หลังปลูก) ก่อนปลูกพืชหลักทุกชนิด เพิ่มอินทรียวัตถุ ทาให้ดินร่วนซุย การถ่ายเทอากาศดี การระบายน้าดี ดินมีความ อดุ มสมบรู ณเ์ พิ่มขน้ึ เทคนิคการปลูกหม่อนเลย้ี งไหมอตุ สาหกรรมให้มนั่ คง มง่ั คั่ง ย่งั ยนื 45

3) เพิ่มฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตของพืช โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้าฉีดพ่นให้พืช หรือรดลงดิน ช่วยให้รากพืชแข็งแรง การดูดใช้ธาตุอาหารเป็นไปอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ พชื เจรญิ เติบโตดี ให้ผลผลิตสูงขึ้น 4) เพ่ิมความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน โดยใส่ปุ๋ยเคมีตามความจาเป็น ชนิดและ อตั ราตามคาแนะนา โดยใช้ร่วมกับป๋ยุ อนิ ทรีย์ 5) การดูแลรักษาความชื้นในดิน โดยใช้วัสดุต่างๆ คลุมดิน เช่น ฟางข้าว แกลบสด ใบหญ้าแฝก หรือพลาสติก เพ่ือปูองกันการชะล้างหน้าดิน ลดการ สูญเสียธาตุอาหารพืช และรักษาความชื้นในดิน หรือปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดิน เมอื่ ยอ่ ยสลายเพิ่มธาตอุ าหารใหแ้ ก่พชื ทป่ี ลูกด้วย 6) การจัดการดินหลังการเก็บเก่ียวผลผลิต ควรปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถ่ัวเหลือง ถ่ัวลิสง หลังเก็บผลผลิตแล้วให้ไถกลบ หรือสับกลบตอซัง เป็นการปรบั ปรุงบารงุ ดินให้สมบรู ณ์ เหมาะสาหรบั ปลกู พชื ในฤดกู าลต่อไป สาหรับพื้นที่ดินที่ลาดชัน หรือที่สูง ควรทาการปลูกหญ้าแฝกเป็นแถวขวาง ความลาดเท หรือปลูกหญ้าแฝกเป็นแถวระหว่างแถวปลูกพืช ปลูกหญ้าแฝกรอบ โคนต้นไมห้ รือปลูกหญา้ แฝกคร่ึงวงกลม ตัดใบคลุมดินบริเวณโคนต้น ใบหญ้าแฝก ชว่ ยรกั ษาความชื้นในดิน เมื่อย่อยสลายเพ่ิมอินทรียวัตถุให้แก่ดิน รากและต้นช่วย ดดู ซบั น้า และเป็นกาแพงชะลอการไหลบ่าของน้า ลดการสูญเสียหน้าดินและธาตุ อาหารพชื วิธีการต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น เป็นวิธีการที่ช่วยปรับปรุงบารุงดินให้มีความ อดุ มสมบูรณ์ ไมเ่ สอื่ มสภาพและสามารถปลกู พชื ให้ผลผลติ สงู ไดอ้ ยา่ งย่ังยืน 46 เทคนคิ การปลูกหม่อนเลีย้ งไหมอุตสาหกรรมให้ม่ันคง ม่งั คง่ั ยั่งยนื

3.4.4 เทคนิคการนามูลไหมใส่แปลงหม่อน ไถเปดิ ล่องลกึ ๆ ใสม่ ลู ไหม , ก่งิ หม่อน , หรอื วชั พชื ไถกลบใหม้ ดิ จะได้อนิ ทรีย์วัตถุที่ มอี ย่แู ลว้ นามาใช้ให้เกดิ ประโยชน์ ประหยัดปยุ๋ ข้ีไก่ เทคนิคการปลูกหมอ่ นเลี้ยงไหมอตุ สาหกรรมใหม้ ัน่ คง ม่งั คง่ั ย่งั ยนื 47

ขอ้ ห้ามในการใสม่ ูลไหม หา้ ม นามูลไหมวางเตม็ ร่อง โดยไม่มกี ารไถกลบ หา้ ม นามลู ไหมไปกองท้ิง ขา้ งแปลงหม่อน เพราะเปน็ การสะสมเชอื้ โรค และพร้อม จะแพร่กระจายอยตู่ ลอด ข้อเสนอแนะ ควรตรวจวเิ คราะห์ดนิ ทุก 1-2 ปี เพ่ือให้ทราบการเปลีย่ นแปลง สมบตั ิของดิน และนาผลการวเิ คราะห์ไปพิจารณาหาแนวทาง หรือ วธิ ีการปรบั ปรงุ บารุงดินท่เี หมาะสมต่อไป 48 เทคนคิ การปลกู หมอ่ นเลี้ยงไหมอุตสาหกรรมให้มนั่ คง มั่งคัง่ ยง่ั ยนื