Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการศึกษาเรื่อง พื้นฐานการนวดพื้นบ้านภาคใต้

รายงานการศึกษาเรื่อง พื้นฐานการนวดพื้นบ้านภาคใต้

Description: รายงานการศึกษาเรื่อง พื้นฐานการนวดพื้นบ้านภาคใต้

Search

Read the Text Version

รายงานการศึกษา เรือ่ ง พื้นฐานการนวดพืน้ บ้าน ภาคใต้ กองการแพทยพ์ น้ื บา้ นไทย กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ

รายงานการศึกษา เร่อื ง พืน้ ฐานการนวดพ้ืนบ้าน ภาคใต้ กองการแพทย์พื้นบ้านไทย กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข



ค�ำ น�ำ รายงาน เรื่อง พื้นฐานการนวดพ้ืนบ้านภาคใต้ เป็นผลงานการวิจัยเล่มหนึ่งภายใต้โครงการศึกษา และพัฒนาภูมิปัญญาการนวดพื้นบ้านในการผสมผสานเข้าสู่ระบบบริการสาธารณสุขของรัฐ จัดท�ำข้ึน โดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือเผยแพร่องค์ความรกู้ ารนวดพืน้ บา้ นทั้ง ๔ ภาค ใหเ้ ป็นทรี่ ู้จกั และยอมรบั ในวงการสาธารณสุข มากข้ึน รวมท้ังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภูมิปัญญาการนวดพ้ืนบ้านไทยเป็นวิชาชีพแขนงหน่ึง ตามพระราชบัญญัตวิ ชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ วา่ ดว้ ยการนวดไทย โดยน�ำองคค์ วามร้แู ละภูมปิ ญั ญา เกี่ยวกบั การนวดพ้ืนบา้ นท้ัง ๔ ภาค ซง่ึ เปน็ ภมู ิปัญญาดง้ั เดมิ มกี รรมวิธใี นการตรวจวนิ ิจฉัย บ�ำบัด รักษา สง่ เสริม และฟ้นื ฟูสุขภาพ มาด�ำเนนิ การศกึ ษาวจิ ัยโดยจัดการความรู้และสงั เคราะหใ์ ห้เปน็ รูปธรรม ผลการศกึ ษาทไ่ี ดจ้ ะเปน็ ข้อมูลพื้นฐานท่ีส�ำคัญในการเสนอ เพื่อขอรับการพิจารณาประกอบการรับรองให้ภูมิปัญญาการนวดพื้นบ้านไทย เปน็ วชิ าชีพแขนงหนงึ่ ในสาขาการนวดไทยตอ่ ไป กองการแพทย์พื้นบ้านไทย ได้ด�ำเนินการศึกษาวิจัยในพื้นที่น�ำร่องท้ัง ๔ ภูมิภาค มีทีมที่ปรึกษา ๓ ท่าน ได้แก่ ๑) ดร.อุษา กล่ินหอม ๒) อาจารย์ดารณี อ่อนชมจันทร์ ๓) อาจารย์ณัฐกิตต์ิ พรบัณฑิตย์ปัทมา เปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญด�ำเนนิ การศกึ ษาวจิ ยั โดยรวบรวมผลการศกึ ษาขอ้ มลู เชงิ ลกึ ดา้ นองคค์ วามรกู้ ารนวดของหมอพนื้ บา้ น การอภิปรายกลุ่ม ท้ัง ๔ ภาค และน�ำผลการศึกษามารวบรวมและสังเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ ท�ำให้ ทราบถงึ กระบวนการนวดแบบพ้ืนบ้าน การใช้สมนุ ไพร พิธีกรรม ขอ้ ห้าม ขอ้ ควรปฏิบัติ ซึ่งเปน็ ภมู ิปัญญาดั้งเดิมของ การนวดพน้ื บา้ นไทยทคี่ นในสงั คมควรเรยี นรู้ โดยความรทู้ ไ่ี ดร้ วบรวมมานส้ี ามารถน�ำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดแู ลสขุ ภาพ ของตนเองและคนในชุมชนได้ นอกจากนั้นผู้ที่มีความรู้ด้านการนวดมาแล้ว ยังสามารถน�ำผลการศึกษานี้ไปปรับใช้ ในการพฒั นา แนวทางการนวดแกอ้ าการตา่ งๆ ไดอ้ ีกดว้ ย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เห็นความส�ำคัญในการศึกษาภูมิปัญญา การนวดพนื้ บา้ นไทย ๔ ภาค จงึ ไดจ้ ดั พมิ พร์ ายงานฉบบั สมบรู ณเ์ ลม่ นข้ี น้ึ โดยคาดหวงั วา่ ภมู ปิ ญั ญาการนวดแบบพนื้ บา้ น ซงึ่ มคี วามเปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะของทอ้ งถนิ่ นน้ั ๆ จะไดร้ บั การอนรุ กั ษ์ สบื ทอดและยกยอ่ งใหเ้ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ส�ำหรับคนไทยสืบต่อไป ท้ังนี้ หากมีข้อเสนอแนะประการใดสามารถแจ้งกลับมาได้ที่ กองการแพทย์พื้นบ้านไทย หมายเลขโทรศพั ท์ ๐ ๒๕๙๑ ๗๘๐๘ เพ่ือการปรับปรงุ แก้ไขในโอกาสตอ่ ไป นายแพทย์สุเทพ วชั รปิยานันทน์ อธิบดีกรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก ก

กติ ติกรรมประกาศ รายงานการศึกษาเร่ือง “พืน้ ฐานการนวดพน้ื บา้ นภาคใต้” ส�ำ เรจ็ ลลุ ่วงไปไดด้ ้วยดีดว้ ยความกรณุ าของท่าน อธิบดกี รมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก และผอู้ �ำ นวยการกองการแพทยพ์ ้ืนบ้านไทยท่ใี ห้ความสำ�คญั กับโครงการศึกษาและพัฒนาภูมิปัญญาการนวดพื้นบ้านในการผสมผสานเข้าสู่ระบบบริการสาธารณสุขของรัฐ ซ่ึงเป็นโครงการที่มีความส�ำ คัญต่อการพัฒนาภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านไทยเป็นอย่างย่ิง ขอขอบคุณทีมท่ีปรึกษา ทุกภาค ขอขอบคุณอาจารย์ณัฐกิตต์ พรบัณฑิตย์ปัทมาและคณะเป็นอย่างสูง ที่ได้สละเวลาอันมีค่าและเป็นกำ�ลัง สำ�คัญในการศึกษาวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลองค์ความรู้ของหมอนวดพ้ืนบ้านภาคใต้ได้ทุกมิติ สามารถทำ�ให้ รายงานฉบบั นส้ี �ำ เรจ็ เปน็ รปู เลม่ โดยเฉพาะการน�ำ รปู แบบการนวดทเ่ี ปน็ วฒั นธรรมของภาคใตม้ าไวใ้ นรายงานฉบบั น้ี ไดอ้ ยา่ งนา่ สนใจ ขอขอบคณุ หมอพน้ื บา้ นทกุ ทา่ น ทไ่ี ดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในโครงการนแี้ ละยนิ ดถี า่ ยทอดความรู้ ความเขา้ ใจและ ประสบการณ์ท่ีส่ังสมมา เพื่อให้คณะผู้วิจัยได้นำ�มารวบรวมสังเคราะห์และดำ�เนินงานจัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ความรู้ท่ี เปน็ ประโยชน์และเปน็ วทิ ยาทานให้กับชนรุ่นหลงั ไดต้ ่อไป ขอขอบคุณคณะทำ�งาน เจ้าหน้าที่ และผู้มีส่วนเก่ยี วขอ้ ง ทุกท่านของกองการแพทย์พื้นบ้านไทย ท่ีเข้ามามีส่วนร่วมในการทำ�งานโครงการนี้ ขอขอบคุณคณะผู้วิจัยทุกท่าน เป็นอยา่ งสงู รวมท้ังท่านทไ่ี มไ่ ดก้ ลา่ วนามในทนี่ ้ี ทใี่ หค้ วามร่วมมอื จนผลการศกึ ษาเสรจ็ สมบูรณ์ ผลบญุ กุศลที่ได้จาก การศึกษานี้ขออุทิศให้กับผู้เป็นเจ้าของภูมิปัญญาทุกท่านท่ีอนุญาตให้คณะผู้วิจัยได้ศึกษาและนำ�มาจัดพิมพ์เผยแพร่ ใหก้ ับสาธารณชนเพอ่ื ประโยชนต์ ่อการศกึ ษาและการเรียนรู้ของคนในสังคมไทย คณะทีมผู้วจิ ัย ข

บทคัดยอ่ การศกึ ษาเรอ่ื งพืน้ ฐาน การนวดพ้ืนบา้ นภาคใต้จัดท�ำขน้ึ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ศกึ ษาลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ ของการเป็นหมอนวดแบบพื้นบ้าน กระบวนการนวดแบบพื้นบ้าน รวมทั้งพิธีกรรมและสมุนไพรที่ใช้ร่วมกับ การนวดรกั ษา วิธีการศึกษาเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง คือ หมอนวดพื้นบ้านภาคใต้ โดยได้ก�ำหนด เกณฑใ์ นการคดั เลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ ง คอื ตอ้ งเปน็ หมอนวดพนื้ บา้ นทมี่ ปี ระสบการณใ์ นการนวดมากกวา่ ๑๐ ปี มจี �ำนวน ผู้ป่วยท่ีมารับบริการนวดมากกว่า ๑๐๐ ราย และที่ส�ำคัญเป็นหมอนวดที่ชุมชนยอมรับและยังให้บริการนวด จนถึงปัจจุบัน จนได้กลุ่มตัวอย่าง ๒๑ คน โดยเคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแนวทางการสัมภาษณ์เจาะลึก และสนทนากลุ่ม จนได้ขอ้ มูลครบถว้ นตามวตั ถปุ ระสงค์ของการศกึ ษา แลว้ น�ำมาวเิ คราะห์เชงิ พรรณนา ผลการศกึ ษา ๑) ลักษณะท่ีพึงประสงค์ของการเป็นหมอนวดพื้นบ้านภาคใต้ พบว่า คุณสมบัติการเป็น หมอนวดพน้ื บา้ นภาคใตจ้ ากภายนอกทเี่ หน็ คอื เปน็ คนออ่ นนอ้ ม ถอ่ มตน ไมโ่ ออ้ วด ไมม่ วั เมาอบายมขุ แตง่ กายสะอาด ส่วนด้านจิตใจ เป็นคนมีคุณธรรม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่แบ่งชนช้ันในการรักษา ไม่เห็นแก่ลาภมากเกินควร โดยสถานท่นี วดควรสะอาด มีอากาศถา่ ยเท โปร่ง ห้องนวดต้องสะอาด สว่ นรปู แบบการนวดภาคใตม้ ี ๙ รูปแบบ คือ การเขย่ี เสน้ การคลงึ เสน้ การรดี เสน้ การเหยยี บเสน้ การดงึ เสน้ การกดเสน้ การหยบิ เสน้ การประคองเสน้ และการไตเ่ สน้ ๒) กระบวนการนวดแบบพน้ื บา้ นภาคใต้ พบวา่ สว่ นใหญห่ มอนวดพน้ื บา้ นภาคใตจ้ ะตอ้ งมอี งคค์ วามรพู้ นื้ ฐาน เกี่ยวกบั ลักษณะของเส้นเอน็ และจดุ ต�ำแหน่งท่ีนวด ในการรกั ษาโรคแกอ้ าการ โดยยึดเส้นหลกั ๑๐ เสน้ ตามต�ำรา นวดภาคใต้ ส่วนใหญ่หมอนวดแบบพื้นบ้านภาคใต้จะยึดหลักวินิจฉัยโรคและอาการจากการซักประวัติจากผู้มา รับบริการนวด และสอบถามอาการแสดงหรืออาการส�ำคัญ และการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลังจากนั้น จึงจะตรวจร่างกายก่อนนวด ซ่ึงหมอนวดแบบพื้นบ้านภาคใต้สามารถนวดและแก้อาการได้ทั้งสิ้น ๖๐ อาการ โดยหลงั การนวดจะแนะน�ำใหผ้ ปู้ ่วยดืม่ น�้ำมาก ๆ เพื่อลดอาการปวดหรืออักเสบ หา้ มสะบัดแขน ปอ้ งกันการฉกี ขาด และหลีกเลี่ยงอาหารเคม็ มนั หวานจัด เพราะท�ำให้หายช้า ๓) พธิ กี รรม พบวา่ พธิ กี รรมสว่ นใหญข่ องหมอนวดพนื้ บา้ นภาคใต้ จะมพี ธิ กี รรมกอ่ นการนวด ระหวา่ งการนวด หลังการนวดและการท�ำพิธีไหว้ครูประจ�ำปี ส่วนข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติประกอบการนวดรักษา พบว่า หมอนวดพื้นบ้านภาคใต้จะห้ามในกรณีผู้ป่วยมีอาการบวมแดง มีไข้สูงหรือกระดูกหัก เป็นมะเร็ง ส่วนข้อควรระวัง ในการนวด คือ บริเวณทัดดอกไม้ ไหปลาร้าตรงซอกคอ ใต้คาง ใต้ข้อพับเข่าด้านใน ใต้ข้อพับศอกและบริเวณ ไขสนั หลงั ขอ้ เสนอแนะ ๑) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ควรเน้นรูปแบบการนวดแบบพ้ืนบ้านให้เป็นส่วนหนึ่งในการผสมผสาน การให้บริการในสถานบรกิ ารสาธารณสุขของรัฐเพ่อื ให้สอดรบั กับ พ.ร.บ.วชิ าชีพการแพทยแ์ ผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒) ขอ้ เสนอแนะเชงิ ปฏบิ ตั ิ ๒.๑ การปรับบทบาทหมอนวดพ้ืนบ้าน ควรจัดอบรมให้หมอนวดพื้นบ้านภาคใต้ให้สามารถเป็น วิทยากรในการถา่ ยทอดองค์ความร้แู บบพื้นบา้ นภาคใต้ ๒.๒ ข้อมลู ท่ีได้ ควรน�ำขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการศึกษาไปประยกุ ตใ์ ช้ โดยการฝกึ อบรมใหก้ ับแพทย์แผนไทย ในโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพต�ำบล (รพ.สต.) ทีก่ รมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก ใหก้ ารสนบั สนนุ เพอ่ื ใหแ้ พทยแ์ ผนไทยใชเ้ ปน็ ทางเลอื กในการดแู ลสขุ ภาพของประชาชนในพน้ื ทไี่ ดจ้ รงิ ค

Abstract A study based on indigenous massage from southern part of Thailand. The study was conduced with the objective to study the characteristics of good folk massager, folk medicine system and ritual and herbs combined with massage therapy. The Study is qualitative research. Sample is Southern folk massager. Criteria for the selection of samples is folk massager with over 10 years of massage experience and has served more than 100 patients. Accepted by the community, and continues to massage. The sample is 21 cases. The instrument used for data collection was in-depth interviews and group discussions. When l got the data it will bring to a descriptive analysis. Results 1) The characteristics of good folk massager : humble, Unpretentious, Don’t be infatuated, dress clean, morality, not greedy. The massage facilities are clean and air flow. A southern traditional massager is 4 types: Kia sen, Kerd sen, Reed sen, Yeab sen, Deung sen, Kod sen, Yeeb sen, Prakong sen, Tai sen 2) The southern traditional massage : To know about the tendons, Points Massage for therapy. The southern traditional massage textbook has 10 lines. The southern folk massager diagnosis by history taking and physical examination before treatment. The southern folk massager can treatment of 60 symptoms. Recommendations after treatment is to drink lots of water and don’t move your arms to reduce inflammation and avoid eating fatty, sweet and salty, because it makes the illness worse. 3) The ritual with massage therapy : The southern folk massager have a ritual before, during and after the massage and have Wai Kru Ceremony every year. The prohibition of the massage include don’t massage patients with symptoms of swelling, broken bones, high fever, and patients with cancer. Parts of the body should be careful in massage; Pterion, Clavicle, Popliteal Space, Under chin and spinal cord. Suggestion 1) Policy suggestions : The massage patterns is consistent with the public health service of the State. Conforms Thai traditional medicine act in 2013 2) Practical suggestions 2.1) Adjusting to the role of the folk massager : Training a folk massager can transfer of knowledge. 2.2) Data obtained : The data were training for Thai traditional medicine in the hospital is supported by the Department of Thai Traditional and Alternative Medicine. ง

สารบญั เร่อื ง หน้า เรื่อง ก ข ค�ำ น�ำ ค กิตตกิ รรมประกาศ จ บทคดั ย่อ ช สารบัญ ซ สารบัญตาราง ฎ สารบัญภาพ สารบัญแผนภมู ิ ๑ ๒ บทท่ี ๑ บทน�ำ ๒ ๒ ความเปน็ มาและความส�ำ คญั ของปัญหา ๓ วตั ถปุ ระสงค ์ ขอบเขตการศึกษา ๕ คำ�จำ�กัดความ ๗ ผลที่คาดว่าจะไดร้ บั ๑๗ ๒๒ บทท่ี ๒ การทบทวนเอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กี่ยวข้อง ๓๑ ประวตั ิการนวดในประเทศไทย ๓๓ แนวคดิ การนวดไทย ๓๔ ประวัติการนวดแบบพ้ืนบา้ นภาคใต ้ ๓๖ งานวจิ ยั ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั การนวดแบบพ้นื บ้านภาคใต ้ ๓๖ กรอบแนวคิดในการศึกษา บทท่ี ๓ วิธีการศกึ ษา ประชากรและการเลอื กกลุ่มตัวอยา่ ง เครอื่ งมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู การเก็บรวบรวมขอ้ มลู การวเิ คราะห์ข้อมูล จ

เรอื่ ง หน้า บทท่ี ๔ ผลการศกึ ษา ๓๗ ๓๘ การวิเคราะหล์ ักษณะทพี่ ึงประสงคข์ องหมอนวดพ้ืนบา้ นภาคใต ้ ๑๐๙ การวเิ คราะหก์ ระบวนการนวดแบบพ้นื บา้ นภาคใต ้ การวิเคราะหพ์ ิธีกรรมท่ีใชร้ ่วมกบั การนวดรักษาภาคใต ้ ๑๑๑ ๑๑๒ บทท่ี ๕ สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ๑๑๔ ๑๑๕ สรปุ ผลการศกึ ษา อภปิ รายผล ๑๑๙ ขอ้ เสนอแนะ ๑๒๑ บรรณานกุ รม ๑๒๕ ภาคผนวก ๑๒๖ ภาคผนวก ก รายชอ่ื หมอนวดพนื้ บา้ นภาคใตท้ ี่เข้ารว่ มโครงการ ๑๓๓ ภาคผนวก ข เครอ่ื งมือการสมั ภาษณเ์ จาะลกึ หมอนวดพื้นบ้านภาคใต ้ ภาคผนวก ค แนวทางสนทนากลมุ่ ของหมอนวดพ้ืนบา้ นภาคใต ้ ภาคผนวก ง สมนุ ไพรทใี่ ช้รว่ มในการนวดรกั ษาภาคใต้ ภาคผนวก จ กฎหมายทเี่ กยี่ วข้องกบั การนวดพื้นบา้ น ฉ

สารบัญตาราง หน้า ๔๑ ตารางที ่ ๑ โรค/อาการ ทร่ี กั ษาได้ด้วยการนวด ช

สารบัญภาพ หน้า ภาพท่ ี ๕๐ ๕๐ ๑ การนวดรกั ษาอาการปวดต้นคอ ๕๑ ๒ การนวดรักษาอาการคอแข็ง/ตกหมอน/คอเคล็ด ๕๒ ๓ การนวดรักษาอาการขากรรไกรแข็ง/ค้าง (วธิ ที ี่ ๑) ๕๒ ๔ การนวดรกั ษาอาการขากรรไกรแขง็ /คา้ ง (วิธีท่ี ๒) ๕๓ ๕ การนวดรกั ษาอาการหูออ้ื ๕๓ ๖ การนวดรกั ษาอาการปวดหัว (วิธที ี่ ๑) ๕๔ ๗ การนวดรกั ษาอาการปวดหวั (วิธีที่ ๒) ๕๔ ๘ การนวดรักษาอาการลมปะกงั (ไมเกรน) (วธิ ที ี่ ๑) ๕๕ ๙ การนวดรักษาอาการปวดขมับ ๕๕ ๑๐ การนวดรกั ษาอาการตาพรา่ มวั (วิธที ี่ ๑) ๕๖ ๑๑ การนวดรักษาอาการตาพร่ามวั (วธิ ีท่ี ๒) ๕๖ ๑๒ การนวดรักษาอาการตาลม ๕๗ ๑๓ การนวดรักษาอาการตาแขง็ ๕๗ ๑๔ การนวดรักษาอาการตาแห้ง ๕๗ ๑๕ การนวดรกั ษาอาการตากระตุก ๕๘ ๑๖ การนวดรักษาอาการปวดระหว่างควิ้ ๕๙ ๑๗ การนวดรักษาอาการนอนไม่หลบั ๕๙ ๑๘ การนวดรกั ษาอาการปวดหวั รุนแรง (วธิ ีท่ี ๑) ๖๐ ๑๙ การนวดรกั ษาอาการปวดหัวรนุ แรง (วธิ ที ่ี ๒) ๖๐ ๒๐ การนวดรักษาอาการเปน็ ลมธรรมดา ไมร่ นุ แรง/ลมแดด ๖๐ ๒๑ การนวดรักษาอาการเปน็ ลมเกร็ง/ลมชกั /ลมบา้ หม ู ๖๑ ๒๒ การนวดรกั ษาอาการนอนกรน ๖๒ ๒๓ การนวดรักษาอาการภูมิแพ้/หอบหดื (วิธที ี่ ๑) ๖๓ ๒๔ การนวดรักษาอาการภูมิแพ้/หอบหดื (วธิ ที ่ี ๒) ๖๔ ๒๕ การนวดรกั ษาอาการปวดสะบัก ๒๖ การนวดรกั ษาอาการสะบกั จม ซ

ภาพท่ี หน้า ๒๗ การนวดรกั ษาอาการไหล่ติด (วธิ ีที่ ๑) ๖๕ ๒๘ การนวดรักษาอาการไหล่ตดิ (วธิ ีท่ี ๒) ๖๖ ๒๙ การนวดรักษาอาการไหล่ติด (วธิ ที ี่ ๓) ๖๗ ๓๐ การนวดรกั ษาอาการปวดกระดูกหลงั ๖๗ ๓๑ การนวดรักษาอาการปวดหลัง (วธิ ที ่ี ๑) ๖๘ ๓๒ การนวดรกั ษาอาการปวดหลงั (วธิ ที ี่ ๒) ๖๙ ๓๓ การนวดรกั ษาอาการปวดเอว (วิธีท่ี ๑) ๗๐ ๓๔ การนวดรกั ษาอาการปวดเอว (วธิ ีท่ี ๒) ๗๐ ๓๕ การนวดรกั ษาอาการปวดเอว (วิธีท่ี ๓) ๗๑ ๓๖ การนวดรักษาอาการปวดหมอนรองกระดูก (วิธที ี่ ๑) ๗๒ ๓๗ การนวดรกั ษาอาการปวดหมอนรองกระดกู (วิธที ่ี ๒) ๗๒ ๓๘ การนวดรกั ษาอาการปวดหมอนรองกระดูก (วธิ ีที่ ๓) ๗๒ ๓๙ การนวดรักษาอาการกระดกู ทับเส้น (วธิ ที ี่ ๑) ๗๓ ๔๐ การนวดรกั ษาอาการกระดูกทับเสน้ (วิธีท่ี ๒) ๗๓ ๔๑ การนวดรกั ษาอาการกระดกู ทบั เสน้ (วธิ ีที่ ๓) ๗๔ ๔๒ การนวดรกั ษาอาการกระดูกทับเส้น (กรณกี ระดกู ข้อท่ี ๑-๓ มีปญั หา) ๗๔ ๔๓ การนวดรักษาอาการกระดูกทับเส้น (กรณกี ระดกู ข้อท่ี ๔ ขึ้นไปมปี ัญหา) ๗๕ ๔๔ การนวดรักษาอาการปวดทีก่ น้ ย้อยหรือกน้ กบ ๗๖ ๔๕ การนวดรักษาอาการปวดขอ้ ศอก ๗๗ ๔๖ การนวดรักษาอาการปวดหลงั แขน ๗๘ ๔๗ การนวดรักษาอาการปวดข้อพบั ๗๙ ๔๘ การนวดรักษาอาการปวดขอ้ มอื ๘๐ ๔๙ การนวดรกั ษาอาการปวดขอ้ นว้ิ หวั แม่มอื ๘๑ ๕๐ การนวดรกั ษาอาการน้วิ ล็อก ๘๒ ๕๑ การนวดรกั ษาอาการไหล่หลุด ๘๓ ๕๒ การนวดรกั ษาอาการมอื เยน็ ๘๓ ๕๓ การนวดรกั ษาอาการปวดชาทง้ั แขน ๘๔ ๕๔ การนวดรักษาอาการขอ้ ศอกหลุด ๘๕ ๕๕ การนวดรกั ษาอาการข้อมอื หลดุ ๘๕ ฌ

ภาพที่ หน้า ๕๖ การนวดรกั ษาอาการปวดตน้ ขา (วิธที ่ี ๑) ๘๖ ๕๗ การนวดรกั ษาอาการปวดตน้ ขา (วธิ ที ่ี ๒) ๘๗ ๕๘ การนวดรกั ษาอาการเขา่ เสือ่ ม ๘๘ ๕๙ การนวดรักษาอาการปวดเขา่ ๘๙ ๖๐ การนวดรกั ษาอาการเข่าเคลอื่ น (เกดิ จากอุบัติเหต)ุ ๘๙ ๖๑ การนวดรักษาอาการปวดใต้ขอ้ พบั ขา ๙๐ ๖๒ การนวดรกั ษาอาการปวดร่องหน้าแขง้ ๙๐ ๖๓ การนวดรกั ษาอาการเสน้ เลอื ดขอดบรเิ วณน่อง (วิธที ่ี ๑) ๙๑ ๖๔ การนวดรักษาอาการเส้นเลือดขอดบรเิ วณนอ่ ง (วิธีท่ี ๒) ๙๑ ๖๕ การนวดรักษาอาการปวดขอ้ เทา้ (พลกิ แพลง แขง็ ) ๙๒ ๖๖ การนวดรกั ษาอาการปวดขอ้ หัวแม่เทา้ -นิว้ กอ้ ยเทา้ (วธิ ีที่ ๑) ๙๓ ๖๗ การนวดรักษาอาการปวดข้อหัวแม่เทา้ -นวิ้ กอ้ ยเทา้ (วธิ ีที่ ๒) ๙๓ ๖๘ การนวดรกั ษาอาการปลายเทา้ ชา ๙๔ ๖๙ การนวดรักษาอาการปวดส้นเท้า (รองช�้ำ) (วิธีท่ี ๑) ๙๕ ๗๐ การนวดรกั ษาอาการปวดสน้ เทา้ (รองช้�ำ) (วิธีที่ ๒) ๙๕ ๗๑ การนวดรักษาอาการปวดส้นเท้า (รองช�ำ้ ) (วธิ ีท่ี ๓) ๙๖ ๗๒ การนวดรักษาอาการปวดสน้ เท้า (รองช�ำ้ ) (วธิ ีท่ี ๔) ๙๖ ๗๓ การนวดรกั ษาอาการปวดโคนขาด้านใน ๙๗ ๗๔ การนวดรกั ษาอาการปวดโคนขาดา้ นหน้าขา ๙๗ ๗๕ การนวดรกั ษาอาการปวดโคนขาด้านหนา้ หลัง ๙๘ ๗๖ การนวดรกั ษาอาการปวดโคนขาด้านนอก (จุดนั่งพับเพยี บ) ๙๙ ๗๗ การนวดรักษาอาการเท้าเยน็ ๑๐๐ ๗๘ การนวดรักษาอาการน่องเปน็ ตะคริว (วิธที ี่ ๑) ๑๐๑ ๗๙ การนวดรกั ษาอาการน่องเปน็ ตะครวิ (วธิ ีที่ ๒) ๑๐๒ ๘๐ การนวดรักษาอาการเข่าหลุด/สะบา้ เข่าหลุด ๑๐๓ ๘๑ การนวดรกั ษาอาการอมั พฤกษ์ (วธิ ที ี่ ๑) ๑๐๓ ๘๒ การนวดรกั ษาอาการอัมพฤกษ์ (วิธีที่ ๒) ๑๐๖ ๘๓ การนวดรักษาอาการอมั พาต (วธิ ที ี่ ๑) ๑๐๗ ญ

สารบญั แผนภูมิ หน้า ๓๑ แผนภูมิท ่ี ๑ กรอบแนวคิดการศกึ ษา พ้นื ฐานการนวดพืน้ บ้านภาคใต้ ฎ



๑บทที่ บทน�ำ ๑. ความเปน็ มาและความสำ�คัญของปญั หา ภูมิปัญญาการนวดพ้ืนบ้านของภาคใต้จะแตกต่างจากภาคอ่ืน เพราะหมอพื้นบ้านที่รักษาส่วนใหญ่เป็น หมอสมนุ ไพรทเี่ ชยี่ วชาญการใชส้ มนุ ไพรทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ หมอตำ� แยทนี่ วดรกั ษาแทบจะไมเ่ หลอื อยแู่ ลว้ เชน่ เดยี วกบั หมอต�ำแยในภูมิภาคอื่น ๆ (รัชดา ชราภาค, ๒๕๔๖) เว้นแต่ในชุมชนมุสลิมที่ยังคงใช้บริการกับหมอต�ำแยอยู่บ้าง บางคนฝากครรภท์ โ่ี รงพยาบาล แตใ่ หห้ มอตำ� แยนวดแตง่ ทอ้ ง ซง่ึ ทำ� ใหห้ ลงั ตง้ั ครรภม์ คี วามสบายคลายความเจบ็ ปวด เป็นการจัดท่าของทารกในครรภ์ ลดการกดทับของศีรษะเด็กที่มีต่ออุ้งเชิงกรานในช่วงอายุครรภ์ ๗-๘ เดือนคร่ึง หรือให้หมอต�ำแยนวดตัวให้ก็มี แต่อย่างไรก็ตาม พบว่า ชุมชนที่นับถือศาสนาพุทธจะเปิดรับความเช่ือและกระแส การเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ได้รวดเร็วกวา่ ชุมชนชาวมสุ ลิม (เลศิ ชาย ศิรชิ ยั และอุดม หนทู อง, ๒๕๔๔: ๔๑) หมอนวดพื้นบ้าน หรือหมอนวดแผนโบราณในภาคใต้ในสมัยก่อนไม่มีการแบ่งแยกว่านี้เป็นการนวด แบบเชลยศักด์ิ แบบราชส�ำนัก หรือแบบอายุรเวท ส่วนใหญ่มักสืบทอดจากบรรพบุรุษ แต่เดิมวิชาการนวด แบบพ้ืนบ้านมีที่มาจากพุทธศาสนา เพราะต�ำรานวดทางภาคใต้ พระภิกษุสงฆ์ได้น�ำเข้ามาจากประเทศอินเดีย แล้วน�ำมาผสมผสานกับความรู้การนวดดั้งเดิมจากประสบการณ์ที่เคยนวดมาก่อน และส่วนใหญ่หมอนวดพื้นบ้าน ในภาคใตร้ นุ่ เกา่ ๆ ไมเ่ คยขน้ึ ไปศกึ ษาหาความรจู้ ากภาคกลางทกี่ รงุ เทพฯ เพราะผทู้ ข่ี น้ึ ไปเรยี นวชิ าในสมยั นนั้ จะตอ้ ง เป็นลูกหลานของผู้ที่มีฐานะทางการเงินดีเท่านั้น ส่วนใหญ่จะไม่เรียนแพทย์แผนโบราณ แต่จะไปเรียนเพ่ือสอบเข้า เป็นข้าราชการหรืออื่น ๆ มากกวา่ เรยี นการนวด (กมลสถิตย์ จนั ทรเ์ มือง, ๒๕๕๐ : ๘๑) สว่ นคำ� วา่ “หมอนวด” ในภาษาทอ้ งถน่ิ ในภาคใตเ้ รยี กวา่ “หมอบบี ” จะเนน้ นวดเพอื่ รกั ษา เมอื่ ใดทม่ี ปี ญั หา เกยี่ วกับเสน้ เคล็ด ขัด ยอก ปวดเอว ปวดหลัง สะบกั จม เปน็ ตน้ และไปหาหมอนวดพ้ืนบ้านซ่งึ ในภาคใตเ้ รยี กว่า “หมอบ้าน” จะพูดสน้ั ๆ ว่า ไปหาหมอบีบใหจ้ บั เส้น ซึ่งมคี วามหมายว่า การรกั ษาโรคภัยไข้เจบ็ (สมศริ ิ ย้มิ เมือง, ๒๕๔๖: ๒) ซ่ึงหมอบีบ หรอื หมอนวดพืน้ บา้ นในภาคใตก้ ใ็ ช้ความรเู้ กี่ยวกบั เสน้ และเอน็ ในการรักษา อาการปวดเมอื่ ย และโรคบางอย่าง จากการศึกษาข้อมลู เบ้อื งตน้ โดย สมศิร ิ ยิ้มเมือง และคณะ (๒๕๔๖) พบวา่ หมอบีบสว่ นใหญ่มีความเช่อื ในเรอื่ งครหู มอ ซง่ึ เปน็ เจา้ ของความรู้ สาเหตทุ มี่ าเปน็ หมอบบี นน้ั มที ง้ั จากตนเองหรอื คนใกลเ้ คยี งเจบ็ ปว่ ย มคี วามสนใจ และเพราะครหู มอยนิ ดใี หส้ บื ทอด สว่ นรปู แบบทหี่ มอบบี ใชใ้ นการรกั ษาโดยการนวดจบั เสน้ บางครง้ั อาจใชอ้ วยั วะอนื่ เช่น เข่า ศอก และใช้เทคนิคจากการบีบ ดัด ดึง เป็นต้น นอกจากนี้ อาจใช้อุปกรณ์ชว่ ย เช่น ใชเ้ ขากวาง ลกู เหล็ก ควบคู่กบั คาถาอาคม แตบ่ างอาการอาจจ�ำเป็นต้องใชส้ มุนไพรรว่ มในการรกั ษา หลังการรกั ษาสว่ นใหญ่ไม่ไดก้ �ำหนด พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 1

ค่าบริการชัดเจนตายตัว แล้วแตผ่ ู้ป่วยจะให้ ผลการรักษาหลายโรคหลายอาการ ไม่จ�ำเปน็ ตอ้ งรับประทานยากห็ าย เปน็ ปกต ิ แตป่ ระชาชนสว่ นใหญย่ งั ไมย่ อมรบั มากนกั เพราะหมอนวดพน้ื บา้ นทางภาคใตส้ ว่ นใหญย่ งั ไมม่ กี ารจดบนั ทกึ ผลการรกั ษาทใ่ี ชเ้ ป็นหลกั ฐานอ้างอิง ทำ� ใหก้ ารสืบคน้ หาขอ้ มลู เพ่ือใช้ในการถา่ ยทอดเปน็ ไปไดย้ าก ทำ� ใหป้ ระชาชน สว่ นใหญ่ไม่ยอมรับวา่ เป็นทางเลือกในการแกไ้ ขโรคบางอยา่ งหรอื อาการการเจ็บปว่ ยได้จริง จากปญั หาดงั กลา่ วขา้ งตน้ ผวู้ จิ ยั และคณะเหน็ วา่ นา่ จะมกี ารถอดองคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั การนวดแบบพนื้ บา้ น ในภาคใต้เก่ียวกับลักษณะที่พึงประสงค์ของการเป็นหมอนวดพื้นบ้าน ระบบการนวดแบบพ้ืนบ้านรวมทั้งพิธีกรรม และสมนุ ไพรทใ่ี ชร้ ว่ มกบั การนวดรกั ษา ดว้ ยเหตุนี้ จึงได้ศึกษาการจดั การฐานขอ้ มูลองคค์ วามรูก้ ารนวดแบบพ้ืนบ้าน เพื่อการจัดทำ� ต�ำรานวดพนื้ บา้ นเบื้องต้น กรณศี กึ ษา การนวดพ้ืนบ้านภาคใตข้ ้นึ โดยคาดหวังว่า จะเป็นฐานขอ้ มูล ในการอนรุ ักษฟ์ น้ื ฟูองค์ความรู้การนวดแบบพ้นื บ้านภาคใต้ให้คนรนุ่ หลังได้สบื ทอดในอนาคต ๒. วัตถปุ ระสงค์ ๑) เพ่ือศึกษาลักษณะที่พึงประสงค์ของการเป็นหมอนวดแบบพ้ืนบ้านเกี่ยวกับคุณสมบัติของหมอนวด แบบพ้ืนบา้ น คณุ ลกั ษณะของสถานทที่ ีใ่ ห้บริการและรปู แบบการใหบ้ รกิ ารนวดแบบพน้ื บ้าน ๒) เพ่ือศึกษากระบวนการนวดแบบพ้ืนบ้านเก่ียวกับองค์ความรู้พื้นฐานในการนวด หลักการวินิจฉัยโรค และโรค/อาการท่ีรักษาได้ด้วยการนวดแบบพื้นบ้าน รูปแบบและวิธีการนวดรักษาแก้โรค/อาการ ข้อควรปฏิบัติ หลงั การนวด และข้อควรระวังและขอ้ หา้ มในการนวด ๓) เพ่อื ศึกษาพิธกี รรมร่วมกบั การนวดรกั ษาเก่ยี วกับรปู แบบพธิ กี รรม ที่ใช้ร่วมในการนวดรกั ษา ๓. ขอบเขตการศึกษา ๑) กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา หมอนวดพื้นบ้านภาคใต้ใน ๑๔ จังหวัด ซ่ึงเป็นหมอพื้นบ้านที่มี ประสบการณ์ในการนวดมากกว่า ๑๐ ปขี น้ึ ไป และมผี ูป้ ่วยมากกวา่ ๑๐๐ ราย ทผี่ า่ นการนวดมากอ่ น ทส่ี �ำคัญยงั คง ให้บรกิ ารนวดแบบพื้นบา้ นจนถงึ ปัจจุบัน ๒) เนื้อหาการนวดแบบพ้ืนบ้าน จะศึกษาเฉพาะองค์ความรู้เกี่ยวกับการนวดแบบพื้นบ้านจาก หมอนวดพื้นบ้านภาคใต้ใน ๑๔ จังหวัด เพ่ือรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยที่หมอนวดพื้นบ้านรักษาได้ด้วย การนวดหรอื อาจใช้เทคนิค อุปกรณ์ หรอื สมนุ ไพรรว่ มในการรักษาดว้ ย ๔. คำ�จำ�กดั ความ ๑) การนวดแบบพ้ืนบ้าน หมายถึง การนวดเพ่ือรักษาโรค/อาการ ของผู้มารับบริการ ด้วยวิธีการกด การคลึง การบีบ การจับเส้น การดัด การดึง หรือโดยวิธีอ่ืนตามศาสตร์และศิลปะของการนวด ซ่ึงสอดคล้องกับ วัฒนธรรม วิถีชวี ติ ของแตล่ ะชุมชน แตล่ ะท้องถน่ิ ทีช่ มุ ชนใหก้ ารยอมรบั ๒) การนวดเพื่อรักษา หมายถึง การนวดท่ีท�ำให้เกิดผลต่ออวัยวะและเนื้อเยื่อที่อยู่ลึก ๆ โดยการเพิ่ม การไหลเวยี นของเลือด และเพ่มิ การท�ำงานของเสน้ ประสาท ๓) หมอบบี หมายถงึ หมอนวดพนื้ บา้ นทใี่ ชเ้ รยี กตามภาษาท้องถิน่ ในภาคใต้ ๔) เอ็นชอ่ หมายถงึ อาการเสน้ เอ็นไมเ่ รยี บ จบั กันเป็นก้อนนนู ท�ำใหเ้ ลอื ดลมเดนิ ไม่สะดวก ปวดตามขอ้ ปวดในเสน้ ๕) เสน้ จม หมายถงึ เสน้ ไม่อยใู่ นตำ� แหนง่ ปกติ เคลื่อนออกจากต�ำแหนง่ หรอื แนวของจดุ นั้น ๖) ลมติด หมายถึง เลอื ดลมเดินไม่สะดวก 2 พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้

๗) เส้นขบกระดูก หมายถึง เส้นและเอ็นติดกระดูกถ้าปล่อยไว้นานจะสร้างพังผืดออกมายึดระหว่างเส้น กับกระดกู ๘) การเข่ยี เสน้ หมายถงึ การนวดกระตุ้นโดยใช้นวิ้ ชีเ้ ขีย่ เส้นเลก็ ๆ ท่ขี นานกบั เสน้ เอน็ ๙) การคลึงเส้น หมายถงึ การนวดกระตุ้นโดยใชอ้ ปุ กรณช์ ่วย เช่น หินบาง ๆ เหรยี ญ สะกิดเส้นท่ีผิดปกติ ทีอ่ ยลู่ กึ น้วิ เขา้ ไม่ถงึ ๑๐) การรีดเส้น หมายถึง การไล่ลมในเส้นที่ติดขัดให้เดินสะดวกโดยใช้นิ้วหัวแม่มือรีดไปตามเส้น หมอบางทา่ นจะใช้ส้นเทา้ รีดไปตามเสน้ ส่วนใหญ่จะใช้น�้ำมันช่วยเพือ่ ให้รดี ลนื่ ผู้ทถี่ ูกรดี จะไม่เจบ็ ๑๑) การเหยียบเส้น หมายถงึ การใช้ส้นเทา้ และฝา่ เทา้ สมั ผัสกบั เสน้ โดยผเู้ หยยี บจะข้ึนอยบู่ นรา่ งกาย ๑๒) การดึงเส้น หมายถึง การนวดกระตุ้นเส้นอย่างรวดเร็ว จะใช้ในการนวดเฉพาะจุด เช่น นวดเร่ง นำ�้ นมแม ่ อัมพฤกษ์ อัมพาต ๑๓) การกดเส้น หมายถึง การใช้นิ้วหรืออุปกรณ์กดลงบนเส้นเฉพาะจุด เพ่ือเรียกเลือดลมเข้ามา ในบรเิ วณท่ีกด ๑๔) การหยกิ เส้น หมายถงึ การกระตุน้ เส้น โดยการใช้นิว้ หวั แม่มอื และนว้ิ ช้ี จบั เสน้ ดึงออกมาเบาๆ และ ไล่ไปตามเส้น ๑๕) การประคองเส้น หมายถึง การใช้น้ิวหัวแม่มือข้างหน่ึงกดบนเส้น และใช้น้ิวหัวแม่มืออีกข้างหนึ่ง กดดา้ นข้างของเสน้ ไวเ้ พ่อื ปอ้ งกันเส้นพลกิ ๑๖) การไต่เส้น หมายถงึ การใชน้ ิ้วหัวแม่มอื กดสลับกันไปตามเสน้ ๕. ผลทค่ี าดวา่ จะได้รบั ๑) ผลการศึกษาจะเป็นข้อมูลเบื้องต้น ประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารในการก�ำหนดทิศทาง การพัฒนาการนวดพื้นบา้ นภาคใต้ใหเ้ ปน็ ทางเลือกในการดแู ลสขุ ภาพของคนในชุมชนต่อไป ๒) เป็นข้อมูลในการจัดท�ำต�ำรานวดพื้นบ้านเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการอบรมเสริมความรู้ให้ แพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพต�ำบล ๓) สามารถพัฒนาการนวดแบบพ้ืนบ้านให้เป็นวิชาชีพแขนงหน่ึงของการนวดเพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. วชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 3

4

๒บทที่ การทบทวนเอกสารและงานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง การศึกษา เร่ือง พื้นฐานการนวดพืน้ บ้านภาคใต้ ผูว้ จิ ัยและคณะได้ทบทวนเอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ ก่ยี วข้อง เพ่อื เปน็ แนวทางในการศึกษาครั้งน้ี ซ่งึ มรี ายละเอียดเก่ียวกบั การนวดแบบพื้นบา้ นของภาคใต้ ดังนี้ ๑. ประวตั กิ ารนวดในประเทศไทย ๒. แนวคดิ การนวดไทย ๓. ประวัติการนวดแบบพ้ืนบ้านภาคใต้ ๔. งานวิจัยท่เี ก่ยี วข้องกบั การนวดแบบพ้ืนบา้ นภาคใต้ ๕. กรอบแนวคดิ ในการศกึ ษา ๑. ประวัติการนวดในประเทศไทย ๑.๑ ประวัตคิ วามเป็นมาของการนวดไทย สมยั กอ่ นกรงุ รตั นโกสินทร์ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการนวดท่ีเก่าแก่ที่สุด คือ ศิลาจารึกสมัยสุโขทัยท่ีขุดพบ ทป่ี า่ มะมว่ ง ตรงกบั จารึกเปน็ รปู การรกั ษา โดยการนวด เมอ่ื ถงึ ยคุ สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา รชั สมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช การแพทยแ์ ผนไทยเจรญิ รงุ่ เรอื งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนวดศักดินา ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน ที่ตราขึ้นในปี พ.ศ. ๑๙๙๘ มีการแบ่งกรม หมอนวดเป็นฝ่ายขวา-ซ้าย เป็นกรม ท่ีค่อนข้างใหญ่มากมีหน้าท่ีความรับผิดชอบมาก และต้องใช้หมอมากกว่า กรมอื่น ๆ หลกั ฐานจากจดหมายเหตขุ องราชทตู แหง่ ฝรงั่ เศสชอ่ื เดอ ลา ล ู แบร ์ ไดบ้ นั ทกึ หมอนวดในแผน่ ดนิ สยาม มีความว่า “ในกรุงสยามเร่ิมท�ำเส้นสายยืด โดยให้ผู้ช�ำนาญในทางนี้ขึ้นไปบนร่างกายของผู้ป่วย แล้วใช้เท้าเหยียบ กล่าวกนั ว่าหญงิ มคี รรภ์ มกั ใชใ้ หเ้ ดก็ เหยยี บเพื่อให้คลอดบตุ รง่ายไม่ทำ� ใหเ้ จบ็ ปวดมาก” ตอ่ มาในสมยั พระบรมไตรโลกนาถ ในกฎหมายตราสามดวง “นาพลเรอื น” กลา่ วถงึ การแบง่ สว่ นราชการ ให้กรมหมอนวดหมื่น พัน และมีศักดนิ าเช่นเดียวกบั ขา้ ราชการสมยั นน้ั ๑.๒ ประวตั ิความเปน็ มาของการนวดไทย สมยั กรงุ รตั นโกสินทร์ รชั กาลที่ ๑-รัชกาลที่ ๖ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ การแพทย์แผนไทยได้สืบทอดรูปแบบต่อจากสมัยอยุธยา แต่เอกสาร และวิชาการความรู้บางสว่ นได้สาบสูญไปเนื่องจากภาวะสงคราม แตอ่ ย่างไรกต็ าม หมอกลางบ้านและหมอพระท่ีอยู่ ตามหวั เมอื ง ยงั มีอีกเปน็ จ�ำนวนมาก จึงงา่ ยตอ่ การระดม พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 5

ในชั้นหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดให้ปั้นรูปฤๅษีดัดตน ซึ่งเป็น รปู หลอ่ ดว้ ยสงั กะสผี สมดบี กุ และจารกึ สรรพวชิ าการนวดไทย ลงบนแผน่ หนิ ออ่ น ๖๐ ภาพ แสดงถงึ จดุ นวดอยา่ งละเอยี ด ประดับบนผนังศาลารายและบนเสา ต่อมารัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากหลักฐานการแบ่งส่วนราชการยังคงมี กรมหมอนวด เช่น โปรดให้หมอยา และหมอนวดถวายงานนวดทุกคร้ัง ได้ช�ำระต�ำราการนวดไทย และเรียกต�ำรา แพทยห์ ลวงหรอื แพทยใ์ นพระราชสำ� นกั ครน้ั เมอื่ การแพทยแ์ ผนตะวนั ตกเขา้ มาในสงั คมไทย การนวดจงึ หมดบทบาท จากราชส�ำนักในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนหมอนวดแบบชาวบ้านได้รับการเรียนรู้สืบทอด จากบรรพบุรุษ ๑.๓ ประวัตคิ วามเป็นมาของการนวดไทย สมยั ตอ่ มาจนถึงปจั จบุ ัน ตงั้ แต่รัชกาลท่ี ๗ จนถงึ ปัจจุบันการนวดเพอื่ รักษาโรคของไทยมี ๒ แบบ คือ การนวดแบบราชสำ� นกั และการนวดแบบเชลยศักดิ์ (แบบทั่วไป) ซ่ึงมีการเรียนการสอนหรือถ่ายทอดสืบต่อกันมา ทั้งในสถาบันการศึกษา และภายในครอบครัวสถานศึกษาการนวดแบบเดมิ ของไทยแห่งแรก คอื วัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลารามราชวรวหิ าร (วดั โพธ)ิ์ ปัจจุบันไดเ้ พม่ิ ขึ้นอกี หลายแห่ง เช่น วดั สามพระยา วัดปรินายก เปน็ ตน้ ส่วนการนวดแบบราชส�ำนักปัจจุบันมีการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบท่ีอายุรเวทวิทยาลัย (ชีวกโกมารภัจจ์) ซอยอารีย์ กรุงเทพฯ ซึ่งย้ายมาจากตึกมหามงกุฎบวรนิเวศน์ ซึ่งก่อตั้งโดยศาสตราจารย์ นายแพทยอ์ วย เกตสุ งิ ห์ ทา่ นเหน็ วา่ การเรยี นแผนโบราณอยา่ งเดยี วทำ� ใหล้ า้ สมยั ไมส่ ามารถนำ� มาใชไ้ ด้ สว่ นการเรยี น แผนปจั จุบนั อยา่ งเดียวกท็ ำ� ใหก้ า้ วหนา้ ขนึ้ ไปจนมองขา้ มประโยชน์ของทรพั ยากรตา่ ง ๆ ของไทย ที่ไม่ได้พฒั นาน�ำไป ใชป้ ระโยชน์อยา่ งจริงจัง ศาสตราจารยน์ ายแพทยอ์ วย เกตสุ งิ ห ์ จงึ นำ� การแพทยท์ งั้ สองระบบนี้ มาผสมผสานประยกุ ตเ์ ขา้ ดว้ ยกนั โดยใหน้ กั ศกึ ษาทจี่ บชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ หรอื เทยี บเทา่ สอบทงั้ ขอ้ เขยี น และสมั ภาษณผ์ า่ นเขา้ มาเรยี นวชิ าแผนโบราณ ทกุ สาขาและวชิ าพนื้ ฐานสาขาเวชกรรมของแผนปจั จบุ นั ทกุ วชิ า เรยี กชอื่ ตามกฎหมายวา่ “แพทยโ์ บราณแบบประยกุ ต”์ และท่านยังเล็งเห็นความส�ำคัญของการนวดไทยแบบราชส�ำนักที่ยังไม่มีการสอนแพร่หลายเหมือนแบบเชลยศักด์ิ จงึ ไดเ้ ชิญอาจารย์ณรงคส์ ักข์ บญุ รตั นหิรญั ผูม้ ีความช�ำนาญทางด้านการนวดแบบราชส�ำนักเปน็ อยา่ งดี ได้ถ่ายทอด ความรู้ให้กับนักศึกษาแพทย์แผนโบราณแบบประยุกต์ โดยท่านได้รับความรู้และเป็นศิษย์เอกท่านหนึ่งของ อาจารย์ชิต เดชพันธ์ ซึ่งเป็นบุตรชายคนเล็กของหมออินเทวดา สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ อาจารย์หลวงราชรักษา แพทย์ในราชส�ำนัก, ท่านอาจารย์พัว หลายศรีโพธ์ิ ลูกศิษย์หลวงรามเดชะ และท่านยังเป็นครูมวยไทย ซึ่งน�ำท่ามวยไทยหลายท่ามาประยุกต์เป็นท่านวด และน�ำจุดนวดต่าง ๆ ไปใช้ป้องกันและปราบคู่ต่อสู้ เป็นผลให้ มวยไทยเปน็ ท่ีร้จู ักแก่ชาวโลกจนทุกวนั น้ี อาจารย์ณรงค์สักข์ บุญรัตนหิรัญ น�ำการนวดไทยแบบราชส�ำนัก มาสอนให้กับนักศึกษาแพทย์ แผนโบราณแบบประยุกต์ หลักสตู ร ๓ ปี มกี ารเรยี นและฝกึ ปฏบิ ัติควบคกู่ ันไป เป็นการสอนดว้ ยตนเอง ไม่มีต�ำรา นักศึกษาต้องจดบนั ทกึ ท่ที า่ นสอนตลอดเวลา หากใครไม่จด ทา่ นกจ็ ะเตือนใหจ้ ด ต่อมาท่านไดด้ �ำริวา่ ควรจะจดั ทำ� หลักสูตรการนวดเอาไว้ เพ่ือนักศึกษาจะได้ไม่ต้องจด แต่เนื่องจากมีโรคประจ�ำตัว หลักสูตรท่ีท่านด�ำริจึงยังไม่ได้ จดั ท�ำและได้เสยี ชวี ิตไปเสียก่อน 6 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

ในส่วนการจัดท�ำคู่มือด้านการนวดแผนไทยน้ัน พบว่า มีการจัดท�ำคู่มือและเอกสารวิชาการเก่ียวกับ การนวดไทยแบบราชสำ� นกั โดยอาจารยแ์ พทยห์ ญงิ เพญ็ นภา สถาบนั การแพทยแ์ ผนไทย ซง่ึ ขณะนน้ั ดำ� รงตำ� แหนง่ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี ได้รวบรวมจากประสบการณ์ที่ได้รับความรู้จากอาจารย์ณรงค์สักข์ บญุ รตั นหริ ญั ในชว่ งเวลาสน้ั ๆ รว่ มกบั การศกึ ษาและแลกเปลย่ี นประสบการณก์ บั แพทยแ์ ผนโบราณประยกุ ตห์ ลายคน ในขณะน้ัน ท�ำให้มีหนังสือเส้น จุด โรคในทฤษฎี การนวดไทยและการนวดไทยส�ำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และได้น�ำเผยแพร่ในการฝึกอบรมด้านการแพทย์แผนไทย รวมท้ังได้เร่ิมคัดเลือกท่าฤๅษีดัดตนมาทดลองฝึกปฏิบัติ ในการอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จึงเป็นที่มาของหนังสือกายบริหารแบบไทย ท่าฤๅษีดัดตนพื้นฐาน ๑๕ ท่า ซงึ่ ถกู คดั เลอื กมาจากการรวบรวมไวก้ อ่ นแลว้ และไดม้ กี ารเผยแพรใ่ นการฝกึ อบรมเจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสขุ และประชาชน อย่างกวา้ งขวาง ๒. แนวคดิ การนวดไทย การนวดหรือหัตถเวช แบ่งเป็นสองแบบคือ การนวดแบบราชส�ำนัก และการนวดแบบท่ัวไปหรือการนวด พ้ืนบ้าน การนวดเป็นการรักษาโรคที่พัฒนามาจากการช่วยเหลือตัวเองภายในครัวเรือนด้วยการใช้มือท่ีมีผลต่อ การรักษาโรคบางชนิดเป็นอย่างดี และรุ่งเรืองมากในสมัยอยุธยา โดยมีการจัดต้ังเป็น “กรมหมอนวดซ้าย-ขวา” จนมาในสมัยรัตนโกสินทร์ การนวดก็ยังนับว่ามีความรุ่งเรืองมากจนเมื่อมีการบัญญัติ “พระราชบัญญัติควบคุม การประกอบโรคศิลปะ” ท�ำให้หมอแผนโบราณและหมอพ้ืนบ้านกลายเป็นหมอเถื่อนเป็นอันมาก ส่วนใหญ่จึงเลิก ประกอบวิชาชีพการนวดไป จนมาถึงยุคที่มีการฟื้นฟูการนวดแบบราชส�ำนักข้ึนมาโดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ อวย เกตุสงิ ห์ อาจารย์กรงุ ไกร เจนพานชิ ย ์ และอาจารยณ์ รงค์สักข ์ บุญรัตนหริ ัญ ไดฟ้ ้ืนฟกู ารนวดแบบราชสำ� นัก ส�ำหรับการนวดแบบทั่วไปอาจเรียกว่า “การนวดเชลยศักด์ิ” มีการเรียนการสอนถ่ายทอดกันมา ท้ังใน สถาบันการศึกษาและภายในครอบครวั สถานศึกษาการนวดเดมิ ของไทยแห่งแรก ๆ คือ วดั พระเชตุพนฯ (วดั โพธ)์ิ วดั สามพระยา และปัจจุบนั เผยแพรอ่ ย่างกว้างขวาง แมแ้ ต่ชาวตา่ งประเทศยังมาเรียนเปน็ จ�ำนวนมาก ไดแ้ ก่ วัดโพธ์ิ โรงพยาบาลบรรเทาทกุ ขภ์ าคเหนอื นอกจากการนวดที่เปน็ ต�ำรับวิธีของแผนไทยทใ่ี ชส้ บื ต่อกันมาแลว้ ยังมแี บบแผนการนวดของตา่ งชาติ เชน่ จนี แขก สวีเดน ญี่ปนุ่ ฯลฯ ซ่ึงหากน�ำมาใชส้ มควรตอ้ งมกี ารประยกุ ตใ์ ห้เหมาะกับคนไทยตอ่ ไป ๒.๑ ประเภทของการนวดไทย ๑) การนวดแบบทว่ั ไป (แบบเชลยศกั ด)ิ์ หมายถงึ การนวดแบบสามญั ชน มกี ารสบื ทอดฝกึ ฝนแบบแผน การนวดตามวัฒนธรรมท้องถิ่น ซ่ึงเหมาะส�ำหรับชาวบ้านนวดกันเอง ใช้สองมือและอวัยวะส่วนอ่ืน โดยไม่ต้อง ใช้ยา ในปัจจุบันเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในสังคมไทย การนวดแบบเชลยศักด์ิเป็นการนวดบริเวณกล้ามเน้ือและ ขอ้ ศอกตา่ งๆ ของร่างกาย การนวดไทยแบบเชลยศกั ด ์ิ เปน็ การนวดทปี่ รากฏอยใู่ นวดั และในสงั คมทว่ั ไป มกี ารสอบแบบสบื ทอด กนั มาจากคนรนุ่ เกา่ และมแี บบแผนการนวดตามวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ กอ่ นเรมิ่ นวด ผนู้ วดจะตอ้ งพนมมอื ไหวค้ รเู สยี กอ่ น ในขณะทีผ่ ูป้ ่วยนอนอยบู่ นพื้น หลังจากนนั้ ผนู้ วดจงึ เริม่ นวดจากเท้าข้นึ ไปยงั หัวเขา่ แล้วไปส่โู คนขา มีการนวดท้อง หลัง ไหล่ ตน้ คอ และแขนจนท่ัวทง้ั ตัว พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 7

การนวดแบบเชลยศักด ์ิ รจู้ กั กันทั่วไปวา่ “จบั เส้น” เพ่ือให้ “เลือดลมเดนิ ได้สะดวกข้ึน” ซงึ่ ตรงกบั แพทยแ์ ผนปจั จบุ นั คอื การนวดเพอื่ เพม่ิ หรอื สง่ เสรมิ การไหลเวยี นของเลอื ดและนำ�้ เหลอื ง นอกจากน้ี ยงั มผี ลสะทอ้ น ท�ำให้การท�ำงานของอวัยวะที่อยู่ห่างออกไปจากบริเวณนวดซึ่งเดิมมีน้อยกลับเพ่ิมขึ้นจนกลับสู่สภาวะปกติ ฉะน้ัน ข้อบ่งชี้ของการนวดจึงมีมากมาย เช่น รักษาหรือบรรเทาอาการเคล็ด ขัดยอก ซ้น คอแข็งจากการตกหมอน รกั ษาอาการอาหารไมย่ อ่ ย ทอ้ งอืด เฟ้อ ทอ้ งผูก ปวดหลัง เจ็บเอว ปวดเขา่ ตะครวิ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ อาการ วงิ เวยี น ช่วยคลายความเครียดทางกายและใจ ช่วยใหข้ อ้ ทเี่ คลอื่ นกลบั เขา้ ท่ีได้ ลกั ษณะการนวดไทยแบบเชลยศกั ดิ์ ๑. การนวดไทยแบบเชลยศักดิ์ จะเริ่มต้นการนวดทฝี่ ่าเทา้ ๒. การนวดไทยแบบเชลยศกั ดจ์ิ ะทำ� การนวดผปู้ ว่ ยในทา่ นงั่ ทา่ นอนหงายหรอื นอนตะแคง และทา่ นอนควำ่� ๓. การนวดไทยแบบเชลยศักดิ์สามารถดัดหรืองอข้อ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายด้วยก�ำลังแรง มีการนวดโดยใชเ้ ข่า ขอ้ ศอกทำ� ให้เกดิ ผลตอ่ อวยั วะและเน้อื เยอ่ื น้ัน ๔. การนวดแบบเชลยศักดิ์หวังผลโดยการนวดคลึงเป็นคร้ังคราวและการกดนวดเป็นส่วนใหญ่ ซ่ึงผู้นวด บางคนมีความรู้ทางกายวิภาคไม่ดีพอ อาจท�ำให้อาการป่วยแต่เดิมกลับเป็นมากขึ้นหรืออาจก่อให้เกิดอันตราย อยา่ งอนื่ ข้ึนกบั ผปู้ ว่ ยได้ ประโยชน์ ลดการเกร็งตัวของกล้ามเน้อื เพ่มิ ระบบไหลเวยี นโลหติ เพมิ่ ประสิทธภิ าพของระบบทางเดนิ หายใจ ฟืน้ ฟูสภาพของระบบกล้ามเนอ้ื และระบบไหลเวียนโลหติ ข้อห้ามในการนวด ส�ำหรับข้อห้ามในการนวด ได้แก่ ผู้ป่วยไข้พิษ ไข้กาฬ มีตัวร้อนจัด มีอาการเจ็บกระดูกและขุมขน (ฝีดาษ บาดทะยัก) เป็นไส้ติ่งอักเสบใกล้แตก ผู้ป่วยโรคผิวหนังที่ติดต่อได้ ผู้ที่กระเพาะอาหารเป็นแผล หรอื เป็นน่วิ ในไต เป็นตน้ ๒) การนวดแบบราชสำ� นกั หมายถงึ การนวดเพอ่ื ถวายพระมหากษตั รยิ แ์ ละเจา้ นายชน้ั สงู ของราชสำ� นกั ผนู้ วด จะต้องเดินเข่าเข้าหาผู้ป่วยท่ีนอนอยู่บนพ้ืน เม่ืออยู่ห่างผู้ป่วยราว ๒ ศอก จึงนั่งพับเพียบและคารวะขออภัยผู้ป่วย หลังจากนั้นหมอจะคล�ำชีพจรท่ีข้อมือ และหลังเท้าข้างเดียวกัน เมื่อตรวจดูอาการของโรคแล้ว จึงเร่ิมท�ำการนวด คล้ายการนวดแบบทั่วไปต่างกันที่ต�ำแหน่งการวางมือ องศาท่ีแขนของผู้นวดท�ำกับตัวของผู้ป่วยและท่าทางของ ผู้นวดซึ่งจะต้องกระท�ำอย่างสุภาพย่ิง การนวดแบบราชส�ำนัก พิจารณาถึงคุณสมบัติของผู้เรียนอย่างปราณีตถี่ถ้วน และการสอนมีข้ันตอนจรรยามารยาทของการนวด การนวดต้องสุภาพมาก ใช้อวัยวะได้น้อย และต้องตรงตามจุด จึงกล่าวได้ว่าการฝึกมือและการนวดมือเอกลักษณ์เฉพาะ การนวดแบบราชส�ำนักเป็นการนวดพ้ืนฐานต่าง ๆ เช่น พ้ืนฐานขา (แบ่งเป็นขาด้านนอกและด้านในขาในท่านอน) พื้นฐานหลัง พ้ืนฐานแขน (แบ่งเป็นแขนด้านนอก และด้านใน) พื้นฐานบ่า การนวดกล้ามเน้ือต้นคอ การนวดศีรษะ (แบ่งเป็นด้านหน้าและด้านหลัง) การนวด คลายกล้ามเนือ้ บริเวณหน้าท้อง (ทา่ แหวก ท่านาบ) 8 พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

ประโยชน์ ลดการเกร็งตวั ของกล้ามเนือ้ เพ่ิมระบบการไหลเวยี นโลหิตและนำ�้ เหลือง กระตนุ้ ระบบประสาท เพิม่ ประสิทธภิ าพของระบบทางเดนิ หายใจ ฟ้ืนฟสู ภาพของระบบกล้ามเนอื้ ระบบไหลเวยี นโลหติ และระบบประสาท การเรียนการสอนการนวดไทยสายราชส�ำนักน ี้ ม ี ๓ ขนั้ ตอน คอื ๑) การนวดข้นั พนื้ ฐาน ๒) การกดจดุ ทฤษฎีและวธิ กี ารรักษาโรค ๓) การใชว้ ิธีนวด เทคนคิ ความแตกต่างของการนวดแบบเชลยศักดิ์กับแบบราชส�ำนัก นวดแบบราชสำ� นกั นวดแบบเชลยศักดิ์ ๑. ต้องมีกิริยามารยาทเรียบร้อย เดินเขา่ เข้าหาผู้ป่วย ๑. มคี วามเป็นกนั เองกบั ผปู้ ว่ ย ไม่หายใจรดผ้ปู ่วย ไมเ่ งยหน้า ๒. เรมิ่ นวดตั้งแต่ใต้เขา่ ลงมาข้อเทา้ หรือจากต้นขา ๒. เร่มิ นวดทฝ่ี ่าเท้า ลงมาถึงข้อเทา้ ๓. ใชเ้ ฉพาะมอื คอื น้วิ หัวแมม่ อื ปลายนว้ิ และองุ้ มือ ๓. ใช้อวัยวะทุกสว่ น เช่น มือ เข่า ศอก ในการนวด ในการนวดเท่านนั้ แขนต้องเหยยี ดตรงเสมอ ๔. ทำ� การนวดผปู้ ่วยทอ่ี ยูใ่ นทา่ น่งั นอนหงายและ ๔. ท�ำการนวดผ้ปู ่วยท่านัง่ นอนหงาย ตะแคง และ ตะแคง ไมน่ วดผูป้ ว่ ยในทา่ นอนคว่ำ� ทา่ นอนคว�ำ่ ๕. ไม่มกี ารนวดโดยใชเ้ ท้า เขา่ ข้อศอก ไมม่ ีการ ๕. มกี ารนวดโดยใช้เท้า เขา่ ข้อศอก มีการดดั งอขอ้ ดัดงอข้อ หรือสว่ นใดของรา่ งกาย และส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ๖. ผู้นวดเนน้ ใหเ้ กิดผลต่ออวัยวะและเนอื้ เยอื่ ๖. ผนู้ วด เน้นผลท่เี กดิ จากการกดและนวดคลึง โดยยดึ หลกั กายวภิ าคเพื่อเพมิ่ การไหลเวียน ตามจดุ ตา่ ง ๆ ของเลือดและการทำ� งานของเส้นประสาท ๒.๒ ความร้พู ื้นฐานเก่ยี วกับรา่ งกายมนษุ ยต์ ามทฤษฎแี พทย์แผนไทย ระบบตา่ ง ๆ ทีส่ ำ� คัญของร่างกาย ซงึ่ ควรรู้ ได้แก่ ๒.๒.๑ ระบบผวิ หนัง ระบบผิวหนังประกอบด้วยหนังก�ำพร้า หนังแท้ เอ็น ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ และขน ท�ำหน้าทส่ี �ำคัญ คือ ห่อหมุ้ รา่ งกาย ปอ้ งกนั เชื้อโรคเขา้ สูร่ า่ งกาย ขับเหงื่อและขับไขมนั มาหลอ่ เลยี้ งผวิ หนัง นอกจากนี้ ผิวหนงั ยงั ทำ� หน้าทท่ี ่ีส�ำคัญคอื รกั ษาอณุ หภูมขิ องร่างกายและรับรู้สัมผสั ตา่ ง ๆ ที่ผิวหนงั เช่น ปวด รอ้ น เยน็ สมั ผสั และแรงกด โดยอาศยั ตวั รบั ความรูส้ กึ ของประสาททีฝ่ งั ตัวอยทู่ ีผ่ วิ หนัง ทำ� ให้อุณหภูมิผิวหนงั เพมิ่ ขนึ้ พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 9

การนวดมีผลท�ำให้เลือดท่ีผิวหนังไหลเวียนได้ดีขึ้น ท�ำให้อุณหภูมิท่ีผิวหนังเพ่ิมข้ึนมีผลกระตุ้นการ ขบั เหงือ่ และไขมัน ทำ� ให้ผิวหนงั เต่งตงึ กวา่ เดมิ และท�ำความสะอาดงา่ ย ๒.๒.๒ ระบบกระดูกและกล้ามเน้ือ ระบบน้ีประกอบด้วยกระดูกข้อต่อ กล้ามเน้ือ เอ็น และ กระดกู อ่อน หนา้ ทส่ี ำ� คัญของระบบนี้ คอื ทำ� ใหม้ ีรปู ร่าง ท�ำให้เกดิ การเคลอื่ นไหวหรือหยดุ การเคลือ่ นไหว ป้องกัน อวยั วะภายใน สรา้ งเมด็ เลอื ด และเปน็ แหลง่ สะสมแรธ่ าตแุ คลเซยี ม การนวดมผี ลทำ� ใหก้ ลา้ มเนอ้ื คลายตวั เคลอ่ื นไหว ไดส้ ะดวกข้นึ ๒.๒.๓ ระบบไหลเวยี นเลอื ดและน�ำ้ เหลือง ระบบไหลเวียนเลือดท�ำหน้าที่ส�ำคัญ คือ เป็นแหล่งล�ำเลียงเลือดซ่ึงมีก๊าซออกซิเจน และ สารอาหารต่าง ๆ ไปสู่เซลล์ แลกเปลี่ยนของเสียอันเกิดจากการท�ำงานของเซลล์และน�ำไปก�ำจัดทิ้งทางปัสสาวะ ระบบนป้ี ระกอบดว้ ยหัวใจ หลอดเลือดแดง หลอดเลือดด�ำ และเสน้ เลอื ดฝอยขนาดต่าง ๆ การนวดและการยดื ดัดขอ้ มผี ลทำ� ให้การไหลเวียนเลอื ดดขี นึ้ เส้นเลือดฝอยขยายตัว และขบั ถา่ ย ของเสยี จากเซลลส์ รู่ ะบบเลอื ดดำ� และปสั สาวะไดเ้ พมิ่ ขน้ึ ทำ� ใหบ้ รรเทาอาการปวดอนั เนอื่ งมาจากการคง่ั คา้ งของสาร เคมที ีเ่ ปน็ ของเสียจากการทำ� งานของเซลล์ นอกจากนี้ การนวดทั้งตัวอาจมผี ลทำ� ให้ความดนั โลหิตลดลงไดเ้ ลก็ น้อย ระบบไหลเวียนน้�ำเหลือง มีหน้าที่ส�ำคัญคือ ช่วยเสริมการไหลของเลือดด�ำ โดยการล�ำเลียง นำ�้ เหลอื งเขา้ สรู่ ะบบไหลเวยี นเลอื ด (เขา้ ทางเสน้ เลอื ดดำ� ) นอกจากน้ี ยงั ทำ� หนา้ ทตี่ อ่ สกู้ บั เชอ้ื โรคในรา่ งกายไมใ่ หแ้ พร่ กระจายโดยการกรองไปไวท้ ต่ี อ่ มนำ�้ เหลอื งและสรา้ งระบบภมู คิ คมุ้ กนั ปลอ่ ยไปตามกระแสเลอื ด ระบบนป้ี ระกอบดว้ ย ทอ่ น�ำ้ เหลอื ง ตอ่ มน�้ำเหลือง และน้�ำเหลอื ง ผู้ท่ีเป็นโรคติดเช้ือมักจะมีอาการต่อมน้�ำเหลืองบวมโต อาจคล�ำได้เป็นก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณหน่ึง ดงั นี้ ใตร้ กั แร ้ เหนอื กระดกู ไหปลารา้ ใตต้ อ่ กระดกู ขากรรไกรลา่ ง และบรเิ วณขาหนบี (ไขด่ นั ) หากพบตอ่ มนำ้� เหลอื งโต (คลำ� พบแต่ปกติคล�ำไมพ่ บ) แสดงว่า อาจมโี รคตดิ เชอื้ หรืออาจเปน็ เนือ้ งอกทบี่ ริเวณใกล้เคยี ง ควรงดการนวด ๒.๒.๔ ระบบหายใจ ท�ำหน้าที่หลักคือ น�ำเอาก๊าซออกซิเจนเข้าสู่ปอดแล้วแลกเปลี่ยนเอา ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อันเป็นผลิตผลจากการท�ำงานของเซลล์ออกมาสู่อากาศภายนอก การแลกเปลี่ยนก๊าซ ทง้ั สองนอ้ี าศยั การซมึ ซาบผา่ นถงุ ลมเลก็ ๆ ในเนอื้ ปอด นอกจากน้ี ระบบหายใจยงั ทำ� หนา้ ทร่ี อง คอื ชว่ ยปรบั อณุ หภมู ิ ของร่างกาย โดยการระบายความร้อนออกมากับลมหายใจออกและช่วยให้เกิดเสียง องค์ประกอบหลักของระบบน้ี คือ จมกู คอหอย กล่องเสยี ง หลอดลม ท่อลมปอด และปอด นอกจากน้ี ยงั มอี วัยวะที่ช่วยหายใจอีก คอื กระบังลม และผนังทรวงอก การนวดไม่ค่อยมีผลโดยตรงต่อระบบนี้ อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าหลังการนวดท้ังตัวเมื่อผู้ถูกนวด ผอ่ นคลายทำ� ใหอ้ ัตราการหายใจลดลง ๒.๒.๕ ระบบประสาท เป็นระบบส�ำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต ระบบนี้ท�ำหน้าท่ีควบคุมสั่งการ และรับรู้ การท�ำงานของร่างกาย ถ้ามีการกระทบกระเทือนมากอาจเป็นอัมพาต หมดสติหรือตายได้ ข้ึนอยู่กับต�ำแหน่งและ ความรุนแรงของการท�ำลายที่ระบบประสาท ระบบนีป้ ระกอบดว้ ยสว่ นทส่ี ำ� คัญคอื สมอง สมองน้อย ไขสันหลังและ เสน้ ประสาทตา่ ง ๆ 10 พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

การนวดมีผลท�ำให้รู้สึกผ่อนคลายท้ังระบบประสาทและกล้ามเน้ือ การกดนวดตามแนวเส้นต่าง ๆ ไมม่ ผี ลเสียตอ่ เส้นประสาท เนอื่ งจากมีไขมนั กลา้ มเนื้อ และเอน็ รองรับอยู่ แตถ่ ้าตั้งใจกด เขย่ี หรือขยเี้ สน้ ประสาท ท่ีอยตู่ น้ื ๆ เชน่ ท่ดี า้ นข้างของคอและทด่ี ้านในของข้อศอก อาจทำ� ใหเ้ ส้นประสาทชำ้� ถึงข้ันเป็นอัมพาตได้ การดึงดัด กระดูกคอและกระดูกสันหลังในคนแก่หรือคนท่ีมีข้อหลวมหรือกระดูกเปราะ หรือข้อสันหลังเคลื่อน อาจท�ำให้เกิด ภาวะกระดกู ทบั เส้นประสาท (Disc syndrome) และเปน็ อมั พาตได้ การนวดในผู้ท่ีมภี าวะเหล่าน้ีจงึ เปน็ ขอ้ พึงระวงั และห้ามการดงึ ดัดโดยเด็ดขาด ๒.๒.๖ ระบบย่อยอาหาร ระบบยอ่ ยอาหารทำ� หนา้ ทีห่ ลกั ๓ ประการ คือ บดและกลืนอาหาร ยอ่ ยอาหาร ขบั ถา่ ยกากอาหาร ซ่ึงกล่าวโดยรวม คือ ท�ำให้เซลล์ของร่างกายได้รับสารอาหารไปหล่อเลี้ยงให้มีชีวิตอยู่ได้และ ขับเอากากอาหารออกจากร่างกาย ดังนั้น ระบบนี้จึงต้องอาศัยองค์ประกอบส�ำคัญดังน้ี คือ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ล�ำไส้เล็ก ล�ำไส้ใหญ่ ไส้ตรงและทวารหนัก นอกจากน้ี ยังมีอวัยวะอ่ืน ๆ ช่วย ได้แก่ ลิ้น ฟัน ต่อมนำ�้ ลาย ตบั อ่อน ตับและถุงน้ำ� ดี การยอ่ ยอาหาร และดดู ซึมสารอาหารเกิดขึ้นที่ลำ� ไสเ้ ล็กผ่านเส้นเลือดฝอยและ ทอ่ น�ำ้ เหลืองท่ีผนังล�ำไสเ้ ลก็ การนวดมีผลกระตุ้นการเคล่ือนไหวของล�ำไส้ ท�ำให้ย่อยอาหารและขับถ่ายกากอาหารได้ดีขึ้น ดังนั้น การนวดจึงมีผลลดอาการท้องผูก และช่วยให้มีความอยากรับประทานอาหาร ควรงดการนวดในระหว่าง ที่เพ่ิงจะรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ เพราะอาจท�ำให้ขย้อนอาหารออกมาได้ ควรรอให้อาหารย่อยพอสมควร (ประมาณ ๓๐ นาทหี ลงั รบั ประทานอาหาร) แล้วจึงนวดได้ ๒.๓ ความรใู้ นการคน้ หาสาเหตขุ องโรค นอกจากความรพู้ น้ื ฐานเกยี่ วกบั รา่ งกายมนษุ ยแ์ ลว้ ผนู้ วดตอ้ งมคี วามรเู้ กย่ี วกบั การคน้ หาสาเหตขุ องโรค ซงึ่ สามารถไดข้ อ้ มูลจากวธิ กี ารต่อไปน้ี ๒.๓.๑ การซกั ประวตั ิ ตอ้ งถามผถู้ กู นวดในเรอ่ื งตา่ ง ๆ เพอ่ื นำ� มาคดิ พจิ ารณาวา่ ผถู้ กู นวดเปน็ โรคอะไร ดงั นี้ อาการส�ำคัญ คอื อาการท่นี �ำผู้ถูกนวดมาหาผนู้ วด หรืออาการทก่ี ่อใหเ้ กดิ ความรำ� คาญอย่างมากแก่ ผถู้ กู นวด เชน่ เจบ็ ไหลข่ วาเวลายกแขนหรอื ยกแขนไมไ่ ด้ มคี วามเจบ็ ปวดลกั ษณะอยา่ งไร เปน็ มานานเพยี งใด ทำ� ทา่ ไหน ปวดมากท่ีสุด ท่าไหนปวดน้อยทีส่ ดุ เคล่ือนไหวทา่ ใดได้หรอื ไมไ่ ด้ เพราะปวดไหล่ติดหรือเพราะไมม่ แี รง ฯลฯ ประวัตกิ ารเจบ็ ป่วยปัจจุบัน มคี วามเกี่ยวข้องกับอาการส�ำคัญ ตอ้ งทราบถงึ ลักษณะการเริ่มเจบ็ ปว่ ย (คือเป็นทันทีหรือค่อยเป็นค่อยไป) อะไรเป็นสาเหตุ (เช่น อุบัติเหตุ ยกของผิดท่า ยกของหนักเกินไป เป็นต้น) ความรนุ แรง (อยู่ในระดับมากหรือน้อย) เคยมกี ารอักเสบ (ปวด บวม แดง รอ้ น) บริเวณนน้ั บริเวณอืน่ หรอื ไม่ ประวตั กิ ารเจบ็ ปว่ ยในอดตี เชน่ เคยไดร้ บั อบุ ตั เิ หต ุ ไดร้ บั การผา่ ตดั ปว่ ยเปน็ โรคอะไรบา้ งฯลฯ เพราะอาจ เกยี่ วข้องกบั การเจ็บปว่ ยในคร้ังนีก้ ไ็ ด้ พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 11

ประวัติส่วนตัวและประวัติครอบครัว เช่น หอบหืด โรคปอด โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงหรือต่�ำ โรคเบาหวาน โรคคอพอกเป็นพิษ การสูบบุหรี่ การเสพสุรา การออกก�ำลัง ปัญหาส่วนตัว ปัญหาครอบครัว หรือ การงานเป็นเหตุให้เกิดความเครียดอยู่ ซึ่งจะน�ำไปสู่การป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้อีก ที่เรียกว่า โรคทางกายอันเนื่อง มาจากจิตเครียด วา้ วุ่น เจ้าอารมณ์ เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร อาการหอบหืด นอนไม่หลบั ลำ� ไสใ้ หญอ่ กั เสบ หรอื เส้นเลือดแดงของหวั ใจตบี ตนั โรคผิวหนังบางชนิด ฯลฯ ๒.๓.๒ การตรวจรา่ งกาย การตรวจท่ัวไป โดยอาศัยการดู คล�ำ จับส่วนพิการ เคลื่อนไหวดู หรือให้ผู้ถูกนวดเคล่ือนไหวเอง ดูว่าเขาท�ำได้หรือไม่ ท�ำได้มากน้อยเพียงใด มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วยหรือไม่ ลักษณะการเจ็บปวดเป็นอย่างไร (เสยี ดแทง หรอื ตอื้ ๆ) ปวดรา้ ว ปวดตบุ ๆ ฯลฯ การเจบ็ ปวดทเุ ลาหรอื เปน็ มากขนึ้ จากสาเหตอุ ะไร เชน่ ทเุ ลาจากการ บีบ นวด ขย�ำ ใช้ยาถูนวด การประคบด้วยความร้อน หรือเป็นมากข้ึนจากการท�ำงานหนัก ไม่ได้พักส่วนนั้น ๆ ถูกความเย็นจัด หรือมีความนกึ คดิ แบบ “ตีตนไปกอ่ นไข้” เป็นตน้ การตรวจก่อนลงมือนวด เพ่ือป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดข้ึนได้จากการท่ีผู้ถูกนวดมีโรคอ่ืน แทรกซอ้ นอยูแ่ ล้ว ผู้นวดจะต้องตรวจดูระบบการทำ� งานของหวั ใจ (ชพี จร) และการหายใจ (บนั ทกึ อัตราการหายใจ) ถ้าผู้ถูกนวดอ่อนแอ ลักษณะการหายใจและการท�ำงานของหัวใจผิดปกติหรือปวดหลังอย่างมาก ควรจัดท่านวด โดยใหผ้ ถู้ กู นวดนอนตะแคงหรอื นอนหงาย (ไมค่ วรนอนควำ่� เพราะทอ้ งและอกจะถกู กดอยา่ งมาก อาจเปน็ อนั ตราย ต่อสุขภาพได)้ เปน็ ต้น ๒.๔ หลกั พน้ื ฐานการนวดไทย ๒.๔.๑ ต้องรู้กายวิภาค หมายถึง ต้องรู้ว่ารูปร่างหน้าตาและต�ำแหน่งของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ถ้าไมร่ ูอ้ าจท�ำใหก้ ารนวดผดิ พลาดเป็นอันตรายได้ ๒.๔.๒ ตอ้ งรสู้ รรี วทิ ยา หมายถงึ ตอ้ งรหู้ นา้ ทขี่ องอวยั วะตา่ ง ๆ วา่ ทำ� งานไดแ้ คไ่ หน อยา่ งไร โดยเฉพาะ ขอ้ ตอ่ และกลา้ มเนอ้ื การเรยี นรใู้ หเ้ ขา้ ใจถงึ สภาพและหนา้ ทขี่ องระบบตา่ ง ๆ จงึ เปน็ พน้ื ฐานสำ� คญั ทจี่ ะทำ� ใหเ้ ราปฏบิ ตั ิ ต่อร่างกายตนเอง และคนอื่นได้อย่างถูกต้อง เพื่อการศึกษาโครงสร้างและหน้าท่ีของร่างกายแต่ละส่วนเราจำ� เป็น ต้องแบ่งร่างกายออกเป็นระบบต่างๆ และระบบท่ีเก่ียวข้องกับการนวดมากที่สุด ได้แก่ ระบบกระดูกข้อต่อและ กล้ามเนื้อ ระบบประสาท ระบบไหลเวยี นเลือดและระบบหายใจ ๒.๔.๓ การวิเคราะห์โรค ต้องวิเคราะห์โรคจากการซักประวัติและการตรวจร่างกาย หมอไทย เดมิ ไมม่ หี อ้ งปฏิบตั ิการ เพราะฉะน้นั การซักประวัตแิ ละการตรวจรา่ งกายต้องใชค้ วามชำ� นาญมาก จงึ จะได้ข้อมลู วา่ ผู้ปว่ ยเปน็ โรคอะไร จากสาเหตุอะไร ต�ำแหนง่ ท่ีเปน็ ระยะทีเ่ ปน็ เชน่ เป็นมานานเทา่ ไร ตอนเรม่ิ มีอาการ เรม่ิ ทันที หรือคอ่ ย ๆ มอี าการทลี ะนอ้ ย การด�ำเนนิ ของโรคท่ผี ่านมามนั ทเุ ลาเองไดห้ รอื ไม่ หรอื ตอ้ งทำ� อย่างไรถงึ ทุเลา ๒.๔.๔ ตำ� แหนง่ นวดหรือจดุ นวด (หมอไทยเดมิ มักจะเรยี กวา่ เสน้ สาย) จะอยเู่ ป็นจดุ หรอื เป็นแนวไป ตามกลา้ มเนือ้ หรอื หลอดเลือด เปน็ ตน้ หมอตอ้ งรวู้ า่ ตำ� แหน่งไหนรกั ษาอาการอะไร เป็นตรงไหนควรจะนวดจุดไหน เร่ืองน้ตี ้องข้นึ กบั การวิเคราะห์โรคให้ถูก ถา้ วเิ คราะห์ไมถ่ กู กจ็ ะนวดไมถ่ ูกจุดเช่นกัน 12 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้

๒.๔.๕ ทา่ นวด หมายถงึ ทา่ ของทง้ั หมดทงั้ ผนู้ วดและผปู้ ว่ ย ตอ้ งคดิ วา่ ผปู้ ว่ ยจะนงั่ ขดั สมาธิ นอนหงาย หรอื นอนตะแคงนวดจงึ จะดี ส�ำหรบั การนอนคว�ำ่ นวดคงไม่เหมาะ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการนวดสนั หลงั เชน่ คนอ้วน จะติดทีห่ น้าท้องหรือผูห้ ญิงจะตดิ ทีห่ น้าอก ๒.๔.๖ ทา่ นวดนรี้ วมไปทอ่ี งศาทหี่ มอทำ� กบั ผปู้ ว่ ย องศาทนี่ ว้ิ หมอกบั ตำ� แหนง่ ทน่ี วด รวมทง้ั การวางมอื เชน่ วางไปตามแนวกล้ามเน้ือ วางขวางแนวกล้ามเนอื้ และลกั ษณะการกด เช่น กดนง่ิ กดขน้ึ กดลง ท่ีส�ำคัญทั้งหมอ และผู้ปว่ ยตอ้ งอยู่ในทา่ ท่สี บาย ๒.๔.๗ แรงที่ใช้นวด ควรเร่ิมต้นจากน้อยไปก่อนและค่อย ๆ เพ่ิมขึ้น การท่ีจะก�ำหนดว่าต้องใช้แรง กี่กิโลกรัมหรือก่ีปอนด์คงท�ำได้ยาก แต่ถ้ากล่าวเป็นร้อยละซ่ึงอาจจะกล่าวได้ เช่น กดสักร้อยละ ๒๕ ของแรงหมอ และคอ่ ย ๆ เพ่มิ เป็นร้อยละ ๕๐ หรือร้อยละ ๗๕ ตามความเหมาะสมเป็นราย ๆ ไป การออกแรงนวดน้ีเปน็ ความ รู้สึกละเอียดอ่อน จะบอกว่าเป็นโรคนี้ต้องใช้แรงเท่าน้ันเท่านี้ไม่ได้ เพราะผู้ป่วยคนเดียวแต่ในระยะเวลาท่ีต่างกัน อาจต้องใช้แรงท่ีแตกตา่ งกนั ไปด้วย หรอื รูปรา่ งคล้าย ๆ กนั แต่อาจมีความเจ็บปวดหรือมอี าการปว่ ยมากหรอื นอ้ ย แตกต่างกนั คอื ตอ้ งออกแรงจากน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพมิ่ ขึน้ ตามล�ำดับ ๒.๔.๘ ระยะเวลาท่ีใช้นวด ผู้นวดต้องทราบว่า จะต้องใช้เวลานวดนานหรือนวดเพียงระยะส้ัน เช่น กดเพียงชว่ั ครู่ หรือกดอยู่นาน และเวลาปล่อยจะต้องค่อย ๆ ปลอ่ ย ไม่ใชก่ ดแลว้ ปล่อยทนั ที เพราะผ้ปู ว่ ยจะระบม การใช้เวลานวดเท่าไรน้ัน หมอไทยเดิมมักจะก�ำหนดจากลมหายใจเข้าแล้วหายใจออก รวมกันหน่ึงครั้ง เป็น ๑ คาบ ถ้าหายใจสนั้ กเ็ รยี กว่า “คาบส้ัน” ถ้าหายใจยาวเรียก “คาบยาว” เรอื่ งนีต้ ้องใชค้ วามชำ� นาญมากจึงจะ ประมาณชว่ งเวลาได้ ๒.๔.๙ ลำ� ดบั ของการนวด (กอ่ น-หลงั ) การทจ่ี ะกดนวดบรเิ วณใดกอ่ นหลงั เชน่ กดตรงคอไลไ่ ปทไี่ หล่ เรยี งไปตามตำ� แหนง่ ๑ ๒ ๓ ๔ หรอื ๔ ๓ ๒ ๑ ก็จะต้องรู้เชน่ กนั ว่าอาการเช่นไรนวดอยา่ งไรใหไ้ ดผ้ ลดีทส่ี ุด ๒.๔.๑๐ การนวดซำ�้ ในแตล่ ะคราวเม่อื นวด ๑ ๒ ๓ ๔ ไป ๑ รอบแลว้ ตอ้ งนวดอีกกร่ี อบ อาจเป็น ๒ รอบหรือ ๓ รอบ ต้องรู้หรือพิจารณาให้เหมาะสมเพราะถ้าน้อยไปอาจไม่ได้ผล ถ้ามากไปอาจท�ำให้ผู้ป่วยเกิด การระบมหรอื กล้ามเนือ้ ช้ำ� ได้ ๒.๔.๑๑ จ�ำนวนครั้งของการนวด (ตั้งแต่เร่ิมจนกระทั่งหายจากอาการเจ็บปวด) หมอที่ช�ำนาญ จะประมาณได้ว่าอาการนี้นวดก่ีคร้ังหาย อนึ่ง ผู้ป่วย (ไม่ว่าจะรักษาแผนใดก็ตาม) มักอยากรู้ว่าตนเป็นอย่างไร นวดนานแคไ่ หนกวา่ จะหาย สิ่งนสี้ �ำคัญมากที่หมอต้องทราบและบอกผูป้ ่วยได้ ๒.๔.๑๒ ความถ่ขี องการนวด หมายถงึ “ก่ีวนั ผู้ป่วยจงึ จะตอ้ งไปหาหมอครง้ั หนึง่ ” เป็นสิง่ ทห่ี มอตอ้ ง บอกซงึ่ ผปู้ ว่ ยเองมคี วามอยากทราบเชน่ กนั ไมใ่ ชน่ วดทกุ ๆ วนั ผปู้ ว่ ยอาจระบม การนวดนน้ั บางครง้ั จำ� เปน็ ตอ้ งหยดุ ให้เวลาร่างกายรักษาตนเองบ้าง เพราะโดยธรรมชาติร่างกายจะรักษาตนเองอยู่แล้ว ดังนั้น อาจนวดคร้ังหน่ึงแล้ว เวน้ ไปซกั ๒-๓ วนั จงึ นวดใหม่ ๒.๔.๑๓ ผลดี-ผลเสีย ของการนวดผู้ป่วยแต่ละคน เมื่อเราตรวจตามขั้นตอนแล้วจะต้องพิจารณาว่า เมื่อนวดแล้วจะมีผลดีผลเสียอย่างไร เช่น ท�ำ ๓ ครั้ง พอหรือมากไป ไม่ใช่นวดแล้วขอเพิ่มอีกนิด ถ้านวดมากไป ผปู้ ว่ ยอาจไดร้ บั อนั ตราย ทกุ ครง้ั ทน่ี วดจะตอ้ งรอบคอบและขณะทน่ี วดตอ้ งมสี ตสิ มั ปชญั ญะอยเู่ สมอ กลา่ วคอื ผนู้ วด จะตอ้ งสังเกตอาการของผู้ปว่ ยตลอดเวลาที่นวด พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 13

๒.๔.๑๔ ค�ำแนะน�ำ มีความส�ำคัญมาก เช่น ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวอย่างไร ถ้าไม่มีค�ำแนะน�ำท่ีดีแล้ว กม็ กั เป็นอกี ฉะนน้ั ควรใหค้ ำ� แนะน�ำแกผ่ ้ปู ่วย ท้งั ส่ิงที่ควรกระท�ำกับสิ่งท่ีควรละเว้น เชน่ หมอนวดตอ้ งสอบถามหรอื วิเคราะห์อาการใหแ้ น่ชดั ก่อนลงมอื นวด หมอนวดและผู้ปว่ ยควรท�ำจติ ใจใหส้ บาย ไมค่ วรเรง่ รีบ หรือลุกลี้ลกุ ลน ถ้าหมอนวดเป็นโรคติดต่อ ไม่ควรไปนวดผู้ป่วย และถ้าผู้ป่วยเป็นโรคติดต่อก็ควรรักษา ใหห้ ายเสยี กอ่ นจึงจะไปนวด จดุ นวดบางจุด เชน่ บริเวณไหปลารา้ หรอื ใต้รักแร้ ถ้านวดกดในลกั ษณะนานไปจะเกดิ อนั ตรายต่อผ้ปู ่วยได้ หมอนวดและผู้ป่วยควรระวังสุขภาพตนเอง ถ้าไม่พร้อม เช่น เพลียไป หิวไป หรอื อม่ิ มากเกนิ ไป ไมค่ วรนวด ควรพกั ผอ่ นรา่ งกายใหอ้ ยู่ในสภาพปกตเิ สยี กอ่ น หมอนวดและผู้ป่วยต้องค�ำนึงถึงความสะอาดของสถานท่ีนั่งที่นอนและความเหมาะสม ในการแตง่ ตวั หมอนวดตอ้ งค�ำนึงถึงวยั ของผูป้ ่วยดว้ ย เช่น ผ้ปู ่วยสงู อายอุ าจมกี ระดูกบางหรือผุ และ หลอดเลือดแขง็ หรอื มีอาการอักเสบ ๒.๔.๑๕ ข้อหา้ มทา่ การนวด ท่ีควรยึดถือปฏบิ ัตขิ องทง้ั ผ้ปู ว่ ยและหมอนวด ทำ� อะไรตอ้ งมขี อ้ หา้ ม เชน่ ถ้าผิวหนังของผู้ป่วยเป็นฝี ไม่ควรไปกดบริเวณนั้น ผู้ป่วยท่ีมีการอักเสบของไส้ต่ิงอักเสบ ถ้าไปกดท้องอาจท�ำให้ ไสต้ ง่ิ แตกและผปู้ ว่ ยอาจเสยี ชวี ติ ได ้ ผปู้ ว่ ยทเ่ี ปน็ โรคบางโรค เชน่ ไตหยอ่ นยานลงมาแลว้ มกี ารกดบรเิ วณใด อาจเปน็ อันตรายต่อผู้ป่วยได้เช่นกัน ส�ำหรับหมอนวดถ้าไม่แข็งแรง เพราะป่วยหรือเพิ่งหายไข้ก็ไม่ควรออกแรงนวดผู้ป่วย เพราะการนวดจะไม่ได้ผล และจะเกิดอันตรายกับหมอนวดเอง ๒.๕ รปู แบบการนวดแบบพน้ื บา้ น การนวดแบบไทยหรอื การนวดแผนไทยเดิมนั้น สามารถแยกรายละเอียดลกั ษณะการนวดได้ดงั น้ี ๒.๕.๑ การกด การกดมักใช้น้ิวหัวแม่มือกดลงที่ส่วนของร่างกาย เพ่ือช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ให้เลือดถูกขับออกจากหลอดเลือดที่บริเวณนั้น และเม่ือลดแรงกดลง เลือดก็จะพุ่งมาเลี้ยงบริเวณน้ันมากขึ้น เพื่อใหร้ ะบบการไหลเวยี นของเลือดทำ� หนา้ ที่ไดด้ ี ช่วยซ่อมแซมสว่ นท่สี กึ หรอได้เรว็ ขน้ึ ข้อเสียของการกด คือ ถ้ากดนานเกินไปหรือหนักเกินไปจะท�ำให้หลอดเลือดเป็นอันตรายได้ เช่น ทำ� ให้เสน้ เลือดฉีกขาด เกิดรอยชำ้� เขียวบรเิ วณท่ีกดนน้ั ๒.๕.๒ การคลึง คอื การใชห้ ัวแมม่ ือ น้ิวมอื หรือสนั มอื ออกแรงกดใหล้ ึกถึงกล้ามเนื้อใหเ้ คล่ือนไปมา หรือคลึงเปน็ ลกั ษณะวงกลม ข้อเสียของการคลึง คือ การคลงึ ท่ีรุนแรงมากอาจทำ� ให้เสน้ เลือดฉกี ขาด หรอื ถ้าไปคลึงทเ่ี ส้นประสาท บางแหง่ ทำ� ใหเ้ กดิ ความรู้สกึ เสียวแปลบ ท�ำใหเ้ ส้นประสาทอกั เสบได้ ๒.๕.๓ การบีบ เป็นการจับกล้ามเนื้อให้เต็มฝ่ามือแล้วออกแรงบีบที่กล้ามเนื้อ เป็นการเพิ่ม การไหลเวียนของเลือดมายังกล้ามเน้ือ ช่วยให้หายจากอาการเม่ือยล้า การบีบยังช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ได้ดว้ ย ข้อเสียของการบีบ เช่นเดียวกับการกดคือ ถ้าบีบนานเกินไปอาจท�ำให้กล้ามเนื้อช�้ำ เพราะเกิดการ ฉีกขาดของเส้นเลอื ดภายในกล้ามเน้ือน้นั 14 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

๒.๕.๔ การดึง เป็นการออกแรงเพื่อท่ีจะยึดเส้นเอ็นของกล้ามเนื้อหรือพังผืดของข้อต่อที่หด สั้นเข้าไปออก เพื่อให้ส่วนน้ันท�ำหน้าท่ีได้ตามปกติ ในการดึงข้อต่อมักจะได้ยินเสียงลั่นในข้อ ซ่ึงแสดงว่าการดึงน้ัน ไดผ้ ลและไม่ควรดึงตอ่ ไปอกี สำ� หรบั กรณที ่ีไม่ไดย้ ินเสียงก็ไม่จ�ำเปน็ ต้องพยายามท�ำให้เกิดเสียง เสยี งลั่นในขอ้ ตอ่ เกดิ จากอากาศที่ซึมเข้าข้อต่อถูกไล่ออกมาจากข้อต่อ ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งให้อากาศมีโอกาสซึมเข้าสู่ข้อต่ออีกจึงเกิด เสียงได้ ข้อเสียของการดึง คือ อาจท�ำให้เส้นเอ็นหรือพังผืดที่ฉีกขาดอยู่แล้วขาดมากขึ้น ดังนั้น จึงไม่ควร ทำ� การดงึ เมอื่ มอี าการแพลงของขอ้ ตอ่ ในระยะเรมิ่ แรก ตอ้ งรอใหห้ ลงั การบาดเจบ็ แลว้ อยา่ งนอ้ ย ๑๔ วนั จงึ ทำ� การดงึ ได้ ๒.๕.๕ การบดิ เป็นการออกแรงเพื่อหมุนข้อตอ่ หรอื กลา้ มเน้อื เสน้ เอ็นให้ยึดออกทางดา้ นขวาง ข้อเสียของการบิด คล้ายกับข้อเสยี ของการดึง ๒.๕.๖ การดัด เปน็ การออกแรงเพ่ือให้ข้อตอ่ ทต่ี ดิ ขัดเคลื่อนไหวไดต้ ามปกติ การดัดตอ้ งออกแรงมาก และค่อนข้างรุนแรง ก่อนท�ำการดัดควรจะศึกษาเปรียบเทียบช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อที่จะท�ำการดัดกับ ขอ้ ต่อปกติ ปกตจิ ะตอ้ งค�ำนึงถงึ อายุของผูป้ ่วยดว้ ย โดยถือวา่ เดก็ ย่อมมีการเคล่อื นไหวของขอ้ ต่อดกี วา่ ผู้ใหญ่ ข้อเสียของการดัด คือ อาจท�ำให้กล้ามเน้ือฉีกขาดได้ ถ้าผู้ป่วยไม่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อตอ่ นนั้ หรือกรณีทำ� การดดั คอในผสู้ งู อายุ ซึ่งมีกระดูกคอ่ นข้างบาง การดัดท่รี ุนแรงอาจท�ำให้กระดูกหักได้ ในผปู้ ว่ ยทเี่ ปน็ อมั พาตมกี ลา้ มเนอื้ ออ่ นแรงไมค่ วรทำ� การดดั เพราะอาจทำ� ใหข้ อ้ ตอ่ เคลอ่ื นออกจากเดมิ หรอื กรณีข้อเทา้ แพลง ไม่ควรท�ำการดดั ทนั ที อาจท�ำใหม้ อี าการอกั เสบและปวดมากขนึ้ ๒.๕.๗ การตบตีหรือการทบุ การสับ เป็นการออกแรงกระตุ้นกลา้ มเนอ้ื อย่างเปน็ จงั หวะ เรามกั ใช้วิธี การเหลา่ นี้กบั บริเวณหลังเพ่อื ช่วยอาการปวดหลัง ปวดคอ หรือช่วยในการขับเสมหะเวลาไอ ขอ้ เสยี ของการตบตี คอื ทำ� ให้กล้ามเนือ้ ชอกชำ�้ และบาดเจบ็ ได้ ๒.๕.๘ การเหยยี บ เปน็ วิธีท่ีนยิ มท�ำกันโดยใหเ้ ด็กหรือผู้อืน่ ขึน้ ไปเหยียบหรอื เดนิ อยบู่ นหลงั ข้อเสียของการเหยียบ คือ เป็นท่านวดที่อันตรายมาก เพราะจะท�ำให้กระดูกสันหลังหัก และอาจ ทิม่ แทงถกู ไขสนั หลงั ท�ำใหเ้ ปน็ อมั พาตได้ หรือท�ำให้เกดิ อันตรายตอ่ อวัยวะภายใน เช่น ตบั ไต เกดิ การบาดเจ็บได้ ๒.๖ ข้อบง่ ชีใ้ นการนวด และข้อหา้ มในการนวด ๒.๖.๑ โรค/อาการที่สามารถนวดแบบพ้ืนบ้านได้ การบวม (ท่ีไม่ได้เกิดจากการอกั เสบ) มี ๒ ชนิด - บวมน�ำ้ เกิดจากการคั่งของเลอื ดและนำ�้ - บวมเนอ่ื งจากการอุดตนั ของท่อนำ้� เหลือง กลา้ มเนื้อลบี แขนขาชา ขบั เสมหะโดยการเคาะปอด ภาวะทเี่ กดิ แผลเปน็ ท่ีผวิ หนงั ในกล้ามเนอื้ เยื่อห้มุ ข้อ ข้อต่อตา่ ง ๆ ขอ้ ตดิ เนอ่ื งจากไมไ่ ดใ้ ช้งานหรอื ฉกี ขาด นวดเยอื่ หุ้มข้อและกลา้ มเนือ้ ท่อี ย่โู ดยรอบ กล้ามเนื้อเกิดการเกรง็ (ตะครวิ ) พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 15

กรณีที่มีความเจ็บปวด การฉีกขาดของกล้ามเนื้อ เอ็น พังผืด หรือจากการใช้งานมาก เกนิ ไป ท�ำใหป้ วดแตย่ ังไมถ่ ึงกบั ฉกี ขาด นวดเพ่ือการขบั ถา่ ย เชน่ เดก็ ๆ จะมีการนวดบริเวณกระเพาะปัสสาวะใหป้ สั สาวะได้ นวดตามจุดตา่ ง ๆ ทใี่ ชฝ้ งั เขม็ หรือในต�ำรานวดแผนโบราณ เพอื่ แกอ้ าการต่าง ๆ ๒.๖.๒ ขอ้ หา้ มในการนวด บรเิ วณบาดแผล เพราะอาจเกดิ การตดิ เชอื้ เจบ็ ปว่ ยหรอื แผลแยก ทำ� ใหห้ ายชา้ แตน่ วดเบา ๆ รอบ ๆ แผลได้ บริเวณที่เป็นมะเร็ง เพราะการนวดอาจท�ำให้มะเร็งกระจายไปที่อื่น แต่ถ้าปวดเม่ือย สว่ นอน่ื สามารถนวดได้ บรเิ วณทเี่ กดิ สดี ำ� เพราะเนอ้ื ตายจากเสน้ เลอื ดอดุ ตนั หรอื เลอื ดไปเลย้ี งนอ้ ย เพราะการนวด อาจทำ� ใหก้ อ้ นเลอื ดในหลอดเลอื ดดำ� เคลอื่ นไปอดุ หลอดเลอื ดในปอดหรอื สมอง ถา้ จำ� เปน็ ต้องนวดดว้ ยความระมดั ระวงั เสน้ เลอื ดอกั เสบ โรคผิวหนงั เพราะจะท�ำให้เชือ้ แพร่ออกไป มอี าการอักเสบอยา่ งเฉียบพลัน เพราะการนวดทำ� ใหอ้ าการรุนแรงขน้ึ ขณะมไี ข้ คร่ันเนอ้ื ครัน่ ตวั กระดูกหัก ข้อเคล่ือน ไม่ควรนวดบริเวณท่ีมีกระดูกหักหรือข้อเคลื่อน แต่ถ้าปวดเม่ือย ทอ่ี ่นื ก็นวดได้ ภาวะเลือดออก น้�ำร้อนลวก ไฟไหม ้ พอง ฝี ในผปู้ ว่ ยเบาหวานหา้ มใชก้ ารนวดทรี่ นุ แรง เพราะอาจทำ� ใหเ้ กดิ การชำ้� ถา้ ชำ�้ แลว้ ทำ� ใหเ้ กดิ เป็นแผลซง่ึ หายชา้ จนบางครง้ั อาจตอ้ งตัดสว่ นนั้นออก ๒.๖.๓ คณุ ธรรม ๑๐ ประการ (จรรยาแพทย)์ ตามทฤษฎีแพทย์แผนไทย มีเมตตาจิตแกผ่ ปู้ ว่ ย ไม่เลอื กช้ันวรรณะ มคี วามอ่อนนอ้ มถอ่ มตน ไม่ยกตนข่มท่าน มีความละอาย เกรงกลัวตอ่ บาป อันเป็นเวรกรรม มคี วามละเอยี ดรอบคอบสขุ มุ มสี ตใิ ครค่ รวญ ไม่โลภเห็นแก่ลาภของผปู้ ่วยแตฝ่ า่ ยเดียว ไม่โอ้อวดวิชาความรู้ใหผ้ ูอ้ น่ื หลงเชื่อ ไมเ่ ป็นคนเกียจคร้าน เผอเรอ มักง่าย ไม่ลอุ �ำนาจแกอ่ คติ ๔ คอื ความล�ำเอยี งด้วยความรกั ความโกรธ ความกลัว ความหลง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งทีเ่ ป็นโลกธรรม ๘ คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สขุ และความเสื่อม ไมม่ ีสนั ดานชอบการมวั เมาในหมู่อบายมขุ 16 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้

๒.๖.๔ มารยาทในขณะท�ำการนวด และขอ้ ปฏิบัตหิ ลังการนวด (๑) มารยาทในขณะท�ำการนวด ก่อนท�ำการนวด ผูน้ วดควรสำ� รวมจติ ใจให้เปน็ สมาธิ ระลกึ ถึงคุณครอู าจารย์ สำ� หรบั การนวดแบบราชส�ำนักจะมีการยกมือไหว้ผู้ถูกนวด เพื่อเป็นการขอขมาที่ล่วงเกิน บนรา่ งกาย ขณะนวดควรน่ังห่างจากผู้ถูกนวดพอสมควรในด้านที่จะท�ำการนวด ไม่ควรคร่อมตัว ผู้ถกู นวด ส�ำหรบั การนวดแบบราชส�ำนัก จะเดนิ เขา่ เข้าหาผู้ถกู นวดอยา่ งนอ้ ย ๔ ศอก และน่งั หา่ งจากผถู้ กู นวดประมาณ ๑ ศอก และจบั ชพี จรดูลมเบอ้ื งสงู กับลมเบ้ืองตำ่� ขณะนวดไม่ควรก้มหน้าจะท�ำให้หายใจรดผู้ถูกนวด ซึ่งในการนวดแบบราชส�ำนัก ไดม้ คี ำ� กลา่ วไวว้ า่ “แมล้ มหายใจกไ็ มใ่ หร้ ดพระวรกาย” ขณะทำ� การนวดจงึ มกั จะหนั หนา้ ตรงไปขา้ งหน้า โดยไม่ก้มหน้า และไม่เงยหนา้ มองฟา้ อันเป็นการแสดงความไมเ่ คารพ ขณะทำ� การนวด หา้ มรบั ประทานอาหารหรอื สง่ิ ใด ๆ และระมดั ระวงั การพดู ทอี่ าจทำ� ให้ ผู้ถูกนวดตกใจ สะเทือนใจ หรือหวาดกลัว ควรซักถามและสังเกตอาการอยู่เสมอ ควรหยุดเมือ่ ผู้ถูกนวดขอให้พัก หรือเจ็บปวดจนทนไม่ไหว (๒) ขอ้ ปฏบิ ัติหลงั การนวด ค�ำแนะน�ำส�ำหรับผู้นวด หากผู้นวดมีอาการปวดน้ิวมือ ให้แช่มือในน้�ำอุ่นเพ่ือช่วยให้ กลา้ มเนอื้ ผ่อนคลายและการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น หรอื ใชผ้ ้าชบุ นำ�้ อนุ่ ประคบมอื และ นวดคลงึ บริเวณเนินกลา้ มเนอ้ื ฝ่ามือและรอบข้อน้วิ มือ คำ� แนะนำ� หลังการนวดสำ� หรับผถู้ ูกนวด - งดอาหารแสลง เช่น อาหารมัน อาหารทอด หน่อไม้ ข้าวเหนียว เครื่องในสัตว์ เหลา้ เบียร์ ของหมักดอง - ห้าม สลดั บบี ดดั สว่ นท่ีมีอาการเจบ็ ปวด - ทา่ กายบริหารเฉพาะโรคหรืออาการ - คำ� แนะนำ� อ่นื ๆ เชน่ หลีกเลย่ี งพฤติกรรมท่ีเป็นมูลเหตเุ กดิ โรค ๓. ประวัติการนวดแบบพืน้ บ้านภาคใต้ ภาคใต้มีพ้ืนที่ต้ังอยู่บนคาบสมุทรท่ีอุดมสมบูรณ์ เป็นเส้นทางการเดินเรือติดต่อกับชนชาติอ่ืนมาตั้งแต่อดีต จวบจนปัจจุบันก็ยังคงมีความแตกต่างกันในทางศาสนาของคนในพื้นท่ี ท�ำให้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมค่อนข้าง แตกต่างไปจากพื้นที่ในภาคอื่นของไทย แต่กระน้ันส�ำหรับคนส่วนใหญ่ความเชื่อในด้านชีวิตและสุขภาพก็ยังอิงอยู่ บนหลักพทุ ธศาสนา มคี วามเช่ือในอำ� นาจเหนือธรรมชาติ พร้อม ๆ กบั รบั เอาความรใู้ นการดูแลสขุ ภาพ โดยเฉพาะ ในส่วนของการใช้สมุนไพรจากส่วนกลางไปใช้ปฏิบัติควบคู่กันด้วย มีการศึกษาพบว่า ชุมชนที่นับถือศาสนาพุทธ จะเปิดรับเอาความเช่ือและกระแสการเปล่ียนใหม่ ๆ ได้รวดเร็วกว่าชุมชนชาวมุสลิม (เลิศชาย ศิริชัย และ อุดม หนูทอง ๒๕๔๔: ๔๑) พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 17

จากการท่ีคนทางภาคใต้มีโอกาสได้แลกเปล่ียนความคิด ความรู้และรับเอาวัฒนธรรมจากคนพ้ืนท่ีอื่นท่ี แวะเวยี นผา่ นดนิ แดนแถบนมี้ าแตค่ รง้ั โบราณ บางสว่ นกอ็ พยพเขา้ มาตงั้ รกรากอยใู่ นพนื้ ทเ่ี ลย ประกอบกบั พนื้ ทบ่ี รเิ วณน้ี กม็ คี วามอดุ มสมบรู ณท์ ง้ั บนพนื้ ดนิ และชายฝง่ั มผี นู้ บั ถอื ศาสนาอสิ ลามอยมู่ ากกวา่ พน้ื ทอี่ นื่ ๆ ปจั จยั เหลา่ นเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ท่ีท�ำให้ชาวบ้านในภาคใต้ไม่ต้องมีความรู้สึกพึ่งพิงอยู่กับอ�ำนาจเหนือธรรมชาติมากนัก พิธีกรรมเพื่อวิงวอนร้องขอ จากอ�ำนาจเหนือธรรมชาติจึงไม่ค่อยปรากฏ แม้ในส่วนของพุทธศาสนาเองก็ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นต่อวิถีชีวิต ของชาวบา้ นมากเทา่ กบั ในภาคอน่ื ๆ แนวคดิ เกย่ี วกบั ชวี ติ และสขุ ภาพของคนภาคใตส้ ว่ นใหญจ่ งึ สมั พนั ธอ์ ยกู่ บั สาเหตุ ทางธรรมชาตเิ ปน็ หลกั แตก่ ระนนั้ ความสมั พนั ธต์ อ่ อำ� นาจเหนอื ธรรมชาตกิ ม็ ใิ ชจ่ ะไมม่ เี ลย ชาวบา้ นยงั คงใหค้ วามเคารพ บูชาเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าท่ีเจ้าทางที่ดูแลเรือกสวนไร่นารวมท้ังท้องทะเลโดยมีพิธีกรรมท่ีถือปฏิบัติทั้งในระดับชุมชน และในระดับครวั เรือน ซง่ึ จะพบเหน็ ศาลเพ่ือการสักการะเจ้าปา่ เจ้าเขา และในสวนผลไม้ไดท้ ั่วไป ๓.๑ ความหมาย การนวดพื้นบ้านภาคใต้จัดเป็นการนวดที่ชาวบ้านใช้ช่วยเหลือกันโดยมีจุดประสงค์เพ่ือบ�ำบัดรักษา อาการปวดเม่ือย และอาการอื่นท่ีเกี่ยวกับกล้ามเน้ือ เส้นเอ็น เส้นประสาท เพื่อให้ระบบไหลเวียนเลือดและระบบ ประสาทท�ำงานได้ตามปกติ สมสิริ ย้ิมเมือง ให้ความหมายของหมอนวดในภาคใต้ว่า “หมอนวดภาษาท้องถิ่นในภาคใต้เรียกว่า หมอบีบ เม่ือใดมีปัญหาเกี่ยวกับเส้น เคล็ด ขัด ยอก ปวดเอว ปวดหลัง สะบักจม และไปหาหมอพ้ืนบ้านซ่ึงใน ภาคใต้เรียกว่า หมอบ้าน จะใช้วลีว่า ไปหาหมอบีบให้จับเส้น ซ่ึงมีนัยถึงการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ (สมศิริ ยิ้มเมือง ๒๕๔๖: ๒) ๓.๒ ความคดิ และความเช่ือพื้นฐาน สำ� หรับหมอบีบหรอื หมอนวดภาคใต้ก็ใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั เส้นและเอน็ ในการรักษาอาการปวดเม่ือยและ โรคบางอย่าง โดยให้นิยามค�ำว่า เส้น หมายถึง เส้นเล็ก ๆ ที่อยู่ขนานอยู่ใต้เอ็นท่ัวร่างกาย ส่วนเอ็น หมายถึง เอ็นที่รัดตึงร่างกาย โดยท่ีหมอบีบจะมีเป้าหมายในการบีบเพื่อให้เส้นร่วง คือ เส้นท่ีบีบนั้นคลายตัว ท�ำให้เลือดลม เดินสะดวกท่ัวร่างกาย ไม่ติดอยู่ตามเส้น ในกรณีท่ีมีปัญหาการเจ็บป่วยจากเส้นเอ็น กล้ามเนื้อและเพื่อผ่อนคลาย จากการทำ� งานหนักท�ำใหเ้ คลด็ ขดั ยอก หมอบีบมีความเช่ือและอธิบายถึงสาเหตุของอาการหรือโรคท่ีเป็น เช่น โรคหรืออาการที่เกี่ยวกับเส้น และเอน็ จะเจบ็ และปวดบรเิ วณทเี่ ปน็ เชน่ สะบกั จม เสน้ อกั เสบ ขอ้ เทา้ แพลง มอื ซน้ ปวดตามขอ้ จะทำ� ใหป้ วดไปตาม เสน้ จากจดุ ทเี่ ปน็ เนอื่ งจากเสน้ ปดิ เพราะกนิ อาหารทม่ี ไี ขมนั มาก ทำ� ใหล้ มตดิ เดนิ ไมส่ ะดวก สว่ นโรคอมั พฤกษ์ อมั พาต ขยบั ร่างกายสว่ นท่ีเปน็ ไม่ได้ หรอื ล�ำบาก บางคนปากเบ้ยี ว ตากระตุก พูดไมช่ ัด เพราะเส้นเสีย ลมตดิ เดินไมส่ ะดวก เป็นต้น 18 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นโดย สมศิริ ยิ้มเมือง และคณะ ท�ำการสัมภาษณ์หมอบีบใน ๕ จังหวัด ภาคใต้ตอนล่าง จ�ำนวน ๒๐ ราย พบว่า หมอบีบส่วนใหญ่ มีความเชื่อในเร่ืองครูหมอ ซึ่งเป็นเจ้าของความรู้ สาเหตทุ ีม่ าเป็นหมอบีบนั้นมีทงั้ จากตนเองหรือคนใกลเ้ คียงเจ็บปว่ ย มีความสนใจและเพราะครูหมอสบื ทอดให้ เช่น “ไดร้ บั การครอบมอื จากพอ่ เฒ่า (พอ่ ของแม่) ในความฝัน พอ่ เฒา่ มาหา บอกวา่ นัง่ ซิ ยกมือขน้ึ ครอบมอื ให้ ในฝันก็ ยกมือขึ้นแล้วพ่อเฒ่าก็จับมือบอกว่า ฉันครอบมือให้แล้ว น้ิวแกจะไม่เจ็บปวด นวดเขาได้ ปวดเมื่อยก็ไม่เป็น ซึ่งตอนน้ันอายุประมาณ ๑๑ ปี หลังครอบมือแล้วเมื่อเห็นคนเดินเท้าแพลง เอ็นช่อ (เส้นเอ็นไม่เรียบมีรอยนูน) กจ็ ะไปชว่ ยเขา ใจอยากชว่ ย” ดงั นนั้ ในการรกั ษาของหมอบบี จงึ ตอ้ งมกี ารกราบครหู มอ ซง่ึ เปน็ การระลกึ ถงึ ครหู มอ ผู้เปน็ เจ้าของความร้ทู ่สี ืบทอดมาให้มาชว่ ยรกั ษา ก่อนท�ำการรักษา อาจจะจดุ ธูป เทยี น ถวายหมากพลู ถวายดอกไม้ กล่าวด้วยวาจาหรอื ระลึกถึงในใจตามแตไ่ ด้เคยปฏบิ ตั มิ า ๓.๓ รปู แบบการนวดพน้ื บา้ น จากข้อมูลเบื้องต้นท่ี สมศิริ ยิ้มเมือง และคณะได้สัมภาษณ์หมอบีบ ๒๐ ราย ผู้เขียนสามารถน�ำมา วิเคราะห์ถงึ รูปแบบการใช้ภูมปิ ัญญาได้ ดงั น้ี ๓.๓.๑ โรคหรืออาการท่ีหมอบีบสามารถรักษาได้ ได้แก่ เอ็นช่อ (อาการเส้นเอ็นไม่เรียบ จับกัน เปน็ กอ้ นนนู ทำ� ใหเ้ ลอื ดลมเดนิ ไมส่ ะดวก ปวดตามขอ้ ปวดในเสน้ ) เสน้ จม (เสน้ ไมอ่ ยใู่ นตำ� แหนง่ ปกติ เคลอื่ นออกจาก ต�ำแหน่งหรือแนวของจุดนั้น) สะบักจม คอเคล็ด ลมติด (เลือดลมเดินไม่สะดวก) เส้นขบกระดูก (เส้นและเอ็นติด กระดกู ถา้ ปลอ่ ยไวน้ านจะสรา้ งพงั ผดื ออกมายดึ ระหวา่ งเสน้ กบั กระดกู ) ปวดเมอื่ ยกลา้ มเนอื้ ปวดศรี ษะ ลมขนึ้ เบอื้ งสงู เหน็บชา อัมพฤกษ์ อัมพาต แน่นหน้าอก เมารถเมาเรือ นวดก่อนคลอด นวดหลังคลอด นวดกระตุ้นน้�ำนม มดลกู หยอ่ น เสอ่ื มสมรรถภาพทางเพศ ๓.๓.๒ วิธีการทีห่ มอบบี ใช้ในการรกั ษา ได้แก่ ๑) การนวดจับเส้น เปน็ การรักษาที่เกยี่ วกบั เสน้ ซึ่งมหี ลายวิธี ไดแ้ ก่ (๑) การเขีย่ เสน้ เปน็ การนวดกระตนุ้ โดยการใช้น้วิ ช้ีเข่ยี เส้นเล็ก ๆ ทีข่ นานกับเส้นเอ็น (๒) การคลึงเสน้ เป็นการนวดกระตุน้ โดยใชอ้ ุปกรณ์ช่วย เช่น หนิ บาง ๆ เหรยี ญ สะกดิ เสน้ ทผ่ี ดิ ปกตทิ อ่ี ยู่ลกึ นิว้ เข้าไมถ่ ึง (๓) การรีดเส้น เป็นการไล่ลมในเส้นท่ีติดขัดให้เดินสะดวกโดยใช้น้ิวหัวแม่มือรีดไปตาม เส้น หมอบางท่านจะใช้ส้นเท้ารีดไปตามเส้น ส่วนใหญ่จะใช้น�้ำมันช่วยเพ่ือให้รีดล่ืน ผู้ที่ถกู รดี จะไมเ่ จ็บ (๔) การเหยียบเส้น เป็นการใช้ส้นเท้าและฝ่าเท้าสัมผัสกับเส้น โดยผู้เหยียบจะขึ้นอยู่ บนร่างกาย (๕) การดึงเส้น เป็นการนวดกระตุ้นเส้นอย่างรวดเร็ว จะใช้ในการนวดเฉพาะจุด เช่น นวดเรง่ น้ำ� นมแม่ อัมพฤกษ์ อัมพาต (๖) การกดเสน้ เปน็ การใชน้ ว้ิ หรอื อปุ กรณก์ ดลงบนเสน้ เฉพาะจดุ เพอ่ื เรยี กเลอื ดลมเขา้ มา ในบริเวณที่กด พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 19

(๗) การหยกิ เส้น เป็นการกระตนุ้ เสน้ โดยการใช้นิว้ หวั แม่มอื และนิ้วช ้ี จับเสน้ ดงึ ออกมา เบา ๆ และไลไ่ ปตามเส้น (๘) การประคองเส้น เป็นการใช้นิ้วหัวแม่โป้งข้างหนึ่งกดบนเส้น และใช้นิ้วหัวแม่โป้ง อกี ขา้ งหน่ึง กดดา้ นข้างของเส้นไวเ้ พื่อปอ้ งกันเสน้ พลิก (๙) การไตเ่ สน้ เปน็ การใชน้ ้วิ หัวแมโ่ ปง้ กดสลบั กันไปตามเสน้ ๒) การใช้อวัยวะอื่นและเทคนิคการนวด นอกจากการรักษาเส้นโดยใช้มือและเท้าหรือ สน้ เทา้ เหยียบแลว้ หมอบีบบางคนยังใชอ้ วยั วะอื่น เชน่ เขา่ ศอก ใช้เทคนิคการบีบ ดดั ดึง หรอื ใช้มอื ศอก เข่า เทา้ นวดโดยสัมพันธ์กนั พร้อมกัน ๒ จดุ เช่น ใช้มือนวดเสน้ บ่า ขณะเดียวกันใช้หัวเขา่ นวดเส้นหลงั เป็นตน้ ๓) การใช้อุปกรณ์ช่วย หมอบีบบางคน จะมีอุปกรณ์ช่วยในการนวด เพ่ือให้มีน�้ำหนัก ในการกด สามารถเข้าถึงจุดหรือเส้นได้ง่ายและตรงจุดมากข้ึน บางคร้ังใช้ควบคู่กับคาถาอาคม เช่น ใช้เขากวาง ลกู เหลก็ เปน็ ตน้ ๔) การใช้สมุนไพรร่วมในการรักษา ในบางอาการหรือบางโรค หมอบีบจะใช้สมุนไพรร่วม มีทง้ั สมนุ ไพรประคบ นำ�้ มนั สมนุ ไพรสำ� หรับทา และสมุนไพรตำ� รบั สำ� หรบั รบั ประทาน ๓.๓.๓ ข้ันตอนวิธีการรักษาของหมอบีบ ในการรักษาของหมอบีบส่วนใหญ่จะมีขั้นตอนเร่ิมต้น เหมือนกัน คือ กราบครูหมอขอให้ช่วยรักษา สอบถามอาการ สอบถามประวัติการเจ็บป่วย ท�ำการนวด จับเส้น รักษาตามอาการหรือโรคที่เป็น บางคนมีการใช้คาถาและอุปกรณ์ร่วมด้วย บางคนมีการใช้สมุนไพรร่วมด้วย ในท่ีน้ี จะยกตวั อยา่ งการรักษาผู้ป่วยอมั พฤกษ์ อมั พาตของหมอบบี ทา่ นหนง่ึ เพ่อื ใหเ้ หน็ กระบวนการชัดเจนขึ้น ดังนี้ ตวั อยา่ งขนั้ ตอนวธิ กี ารนวดเพอื่ รกั ษาอาการอมั พฤกษ์ อมั พาต (ของนายสวสั ดิ์ ภกั ดรุ ี ต.บา้ นเนนิ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช) ๑) สาเหตุและลักษณะอาการ ขยับร่างกายส่วนที่เป็นไม่ได้ หรือล�ำบาก บางคนปากเบ้ียว ตากระตกุ พดู ไม่ชดั สาเหตทุ ีเ่ ป็นกันมากมาจากความเครยี ดและสารเคมี ๒) ข้ันตอนการรักษา (๑) ให้ผู้ป่วยน่ังเข้าซอง (ผู้ป่วยน่ังระหว่างขาของหมอบีบโดยหันหลังให้หมอบีบ) เพ่ือพยุงหลัง (๒) ตรวจอาการด้วยการบีบ (กดเส้น) ตรวจดวู ่าลมแลน่ ไปถงึ ไหน (๓) เริ่มรกั ษาหากพดู ไม่ไดป้ ากเบ้ยี วจะแก้อาการตรงน้นั ก่อนเพอื่ ให้พดู ได้ (๔) ใหร้ บั ประทานยาลูกกลอนสมุนไพรเพ่อื ขับเมอื กในท้อง (๕) ประคบดว้ ยน�้ำรอ้ นท่ตี ม้ กบั เถาวัลย์เปรยี ง (สมุนไพรชนดิ หนงึ่ ) (๖) ช่วยประคองให้หัดเดนิ เพือ่ ออกกำ� ลังกายและเกาะราวเดิน ๓) วิธกี ารนวด นวดเส้นใหญ่ของรา่ งกาย หรอื เส้นประธาน ดงั นี้ (๑) บีบ (กดไล่ตามเส้น) วา่ ลมของผู้ปว่ ยแล่นตามเสน้ ไปถึงไหน (๒) รดี เสน้ บรเิ วณหน้า รอบกระบอกตา (๓) กดเสน้ ที่กระบอกตา เพราะเปน็ จดุ ศนู ย์รวมประสาท 20 พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

(๔) รีดเส้นทเ่ี ทา้ ใช้ขอ้ ศอกคลงึ ทฝี่ ่าเทา้ เรยี กเลือดลมใหเ้ สน้ ทำ� งาน (๕) นวิ้ หวั แมม่ อื กดบ่อเลอื ดหรือประตลู ม (๖) นวิ้ คลงึ ท่ีปีกไก่ (สะบัก) (๗) กระตกุ เส้นใตร้ ักแร้ แล้วไลม่ าตามใตท้ อ้ งแขน (๘) ประคบน�้ำร้อนต้มกับเถาวัลย์เปรียง พร้อมกับคลึงเส้นใหญ่บริเวณขาทั้ง ๒ ข้าง และบรเิ วณแขน โดยจบั แขนยกขน้ึ เหนือศรี ษะ แล้วประคบจากตน้ แขนถึงปลายมือ โดยใหท้ ำ� ในตอนทอี่ าบน้ำ� ๔) ค่าตอบแทนจากการนวด จากกรณีตัวอย่างหมอบีบ ๒๐ ราย ท่ีสมศิริ ยิ้มเมือง และ คณะทำ� การสมั ภาษณห์ มอบบี ทยี่ งั คงบทบาทในปจั จบุ นั ในจงั หวดั นครศรธี รรมราช พทั ลงุ สงขลา พงั งา ภเู กต็ สตลู กระบ่ี และนราธิวาส หมอบบี หรอื หมอนวดนน้ั ยงั เป็นทีต่ อ้ งการของชุมชนในทกุ พืน้ ท่ี เปน็ การชว่ ยเหลือเกอ้ื กูลกนั ไมไ่ ด้กำ� หนดคา่ บรกิ ารชัดเจนตายตัว แล้วแต่ผู้ป่วยจะให้ ชว่ ยเหลอื ทำ� บญุ กนั บางคนก็ขอใหช้ ว่ ยบริจาคค่าน้�ำมัน ซึ่งก็แล้วแต่จะบริจาคอีกเช่นกัน ซึ่งหมอบางท่านกล่าวว่า “เป็นหมออย่าเห็นแก่เงิน เขามีใจให้ก็เอา เป็นหน้าที่ ของเราต้องท�ำให้หาย บางคนไม่มีจะไปเอาของเขาได้อย่างไร ต้องถือคติ อย่าเห็นแก่ตัว” หมอบางท่านกล่าวว่า “ท�ำเอาบุญไม่ได้คิดค่ารักษา เมื่อเขาหายเขาจะให้เอง เท่าไรก็แล้วแต่เขา เงินท่ีได้ส่วนหนึ่งเอาไปท�ำบุญที่วัดให้ ครูหมอ อีกส่วนหน่ึงก็เก็บไว้ใช้” แต่ก็มีบางท่านที่คิดค่าบริการ เช่น หมอนวดแผนไทยปัจจุบัน ในกรณีการนวด เพอื่ ผอ่ นคลาย “นวดเพอื่ ผอ่ นคลาย แกเ้ มอื่ ยตามตวั เคลด็ ขดั ยอกชว่ั โมงละ ๑๐๐ บาท รกั ษาโรคอมั พฤกษ ์ อมั พาต ญาติพ่นี อ้ งผ้ปู ่วยจะใหเ้ ป็นสปั ดาห์แล้วแตฐ่ านะ หากชว่ ยรกั ษาโรคอืน่ ๆ เก่ยี วกับเสน้ ทเ่ี ห็นแลว้ เขา้ ไปช่วยรกั ษาให ้ จะไมเ่ รียกรอ้ ง บางคนกใ็ ห้บหุ ร่”ี ๕) คณุ คา่ การดำ� รงอยขู่ องหมอนวดพนื้ บา้ น หมอบบี หรอื หมอนวดพนื้ บา้ นนนั้ มลี กั ษณะเดน่ ทเ่ี ปน็ การรักษาท้งั รา่ งกายและจิตใจ เครอ่ื งมอื ในการรักษาทดี่ ที ส่ี ดุ ของหมอนวดพนื้ บ้านคอื มือ และจติ ใจและทา่ ที ของผรู้ กั ษาตอ่ ผปู้ ว่ ยและอาการเจบ็ ปว่ ยนนั้ บรรยากาศในการรกั ษาเปน็ กนั เอง คนุ้ เคยในวฒั นธรรมประเพณเี ดยี วกนั ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีกฎระเบียบ ค่าใช้จ่ายไม่ตายตัว แปรเปลี่ยนไปตามความสัมพันธ์ของหมอกับผู้ป่วยการพูดคุย ในเรื่องชวี ติ ประจ�ำวันท่ีคุ้นเคย ทำ� ใหผ้ อ่ นคลาย ไม่ตึงเครยี ด ผปู้ ว่ ยสามารถระบายความรู้สึกและแลกเปลยี่ นข้อมูล ขา่ วสารกันได้ เชือ่ มความสัมพนั ธ์ของชมุ ชนใหอ้ ยรู่ ่วมกนั อย่างถอ้ ยทถี อ้ ยอาศัย ช่วยเหลือเก้อื กูลกนั นับเป็นคุณค่า ของภมู ิปญั ญาทคี่ วรสบื ทอดสูร่ ุ่นลูกหลานให้ยงั คงดำ� รงอยูใ่ นวิถีชีวิตสืบสานวฒั นธรรมต่อไป ๓.๔ ตวั อยา่ งการนวดแบบพ้นื บ้านภาคใต้ ๑) จับเส้นแผนโบราณของหมอเมืองคอน อย่างที่รู้จักว่า “การนวดจับเส้น” ต่างจากการนวด เพื่อผอ่ นคลายอยา่ งลิบลับ เพราะการนวดจบั เสน้ หรอื บางครัง้ อาจใช้ค�ำว่า “การนวดแบบเชลยศักด์”ิ เป็นการนวด เพ่ือแก้อาการโรคมากกว่าเป็นการนวดเพ่ือผ่อนคลาย คุณอัศฐาพร แสวงรู้ หมอนวดจับเส้นเมืองคอน ผู้ได้รับ การถ่ายทอดการนวดจับเส้นจากพ่อซ่ึงเป็นหมอนวดแผนโบราณ เล่าหลักการรักษาว่า “หลักการนวดจับเส้น คือ เราตอ้ งสงั เกตกลา้ มเนอื้ ของผปู้ ว่ ยวา่ มดั ไหนตงึ มดั ไหนหยอ่ น เมอื่ จบั ไดจ้ งึ คอ่ ยไลล่ มทอ่ี ยตู่ ามเสน้ เลอื ด โดยใชก้ ารกด กดหนักบ้าง เบาบ้าง เพ่ือไล่ลม เม่ือลมในร่างกายเราหายไป เลือดก็ไหลเวียนไปซ่อมแซมอวัยวะท่ีผิดปกติได้ เหมือนเดิม” การนวดจับเส้นของคุณอัศฐาพร สามารถรักษาผู้ป่วยในกลุ่มกล้ามเนื้ออักเสบ เคล็ดขัดยอก ท้องอืด ทอ้ งเฟอ้ นอนไม่หลับ และสามารถไลล่ มบนใบหนา้ ใหผ้ ิวหน้าเปล่งปลั่งไดอ้ กี ดว้ ย พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 21

๒) นวดน�้ำมนั ลงั กาสุกะ การนวดน�้ำมันลังกาสุกะ เกิดจากการรวบรวมองค์ความรู้จากหมอพ้ืนบ้านใน ๓ จังหวัด ชายแดนภาคใตเ้ ขา้ กบั การนวดแผนไทยราชสำ� นกั เขา้ ดว้ ยกนั ในอดตี การนวดในพน้ื ที่ ๓ จงั หวดั ภาคใต้ จะมแี คเ่ ฉพาะ การนวดผหู้ ญิงหลังคลอดโดยโตะ๊ บแิ ด (หมอต�ำแย) และการนวดแก้ปวดเมอื่ ยส�ำหรบั ผชู้ ายเทา่ นัน้ เมอื่ เปน็ การนวด ผสมผสานหลายศาสตร์ การนวดนำ้� มนั ลังกาสะกุจึงมีเอกลกั ษณ์ที่ไม่เหมอื นใคร สูตรการท�ำน�้ำมนั ลงั กาสกุ ะ น้ัน ไดม้ าจากการคัดเลอื กสมุนไพรท่ดี ีท่สี ุดของโตะ๊ บีแด ๑๕ คน น�ำมาตม้ กบั น้�ำมนั งาหรือน้ำ� มันถัว่ เหลอื ง และผสมกบั น�ำ้ มนั ฮับบาตสุ เซาดะห์ หรอื น้ำ� มนั ยห่ี ร่าดำ� ท่ชี าวมุสลิมเชอ่ื วา่ สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด การนวดด้วยการใช้น�้ำมันจะมีข้อดีตรงท่ีช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและผิวหนังชุ่มชื้น ซึ่งการจะท�ำให้น้�ำมันซึมเข้าผิวหนังได้ดีต้องท�ำควบคู่กับการประคบร้อนด้วยก้อนหินเพ่ือกระตุ้นระบบการไหลเวียน ของเลอื ด ผ่อนคลายเส้นเอ็นและเนือ้ เยือ่ พังผืดต่าง ๆ การนวดน�ำ้ มนั ลงั กาสุกะ น้นั ไม่มีขอ้ ห้ามใด ๆ สามารถนวดไดท้ ุกเพศทกุ วยั แต่เพ่อื ใหไ้ ดผ้ ล ดยี ง่ิ ขน้ึ การนวดนำ�้ มนั ลงั กาสกุ ะจะเหมาะกบั ผทู้ ม่ี ปี ญั หาปวดหวั เขา่ โดยเฉพาะผสู้ งู อายแุ ละหญงิ วยั หมดประจำ� เดอื น ท่ีมีปัญหาเข่าเสื่อม หมอนวดจะใช้น�้ำมันนวดบริเวณหัวเข่าและประคบร้อนด้วยก้อนหินเพื่อให้กล้ามเน้ือซึมซับด้วย ยาได้ดียิ่งข้ึน ๔. งานวิจยั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับการนวดแบบพื้นบา้ นภาคใต้ กรุงไกร เจนพาณิชย์ และประเสริฐศักด์ิ ตู้จินดา. (๒๕๓๔). ศึกษา “ผลการนวดแบบเดิมของไทย ตอ่ ระบบการไหลเวยี นของเลอื ด” ผลการศกึ ษาพบวา่ การนวดทขี่ าของคนปกต ิ ทง้ั ชายและหญงิ ทำ� ใหอ้ ณุ หภมู ขิ องผวิ กาย (ท่ีหลังเท้า) เพิ่มขึ้น อัตราชีพจรและความดันเลือดลดลง (ยกเว้นความดันไดแอสโตลิค ในอาสาสมัครเพศชาย) บรเิ วณท่ถี กู นวด จะรู้สึกสบายบางรายถึงหลับและบางรายรูส้ ึกอยากหลับ กรุงไกร เจนพาณิชย์ และประเสริฐศักดิ์ ตู้จินดา. (๒๕๓๔) ศึกษา “นวดเป็นยา การรักษา อาการทอ้ งอดื ” ผลการศกึ ษาพบว่า ผู้ปว่ ยหลังผา่ ตัดที่มอี าการท้องอืด และมไิ ดร้ บั การผ่าตัด อาการทอ้ งอดื หายไป ซ่งึ นบั วา่ เป็นผลดีท่ีสุด ปลอดภัยและประหยดั จติ ร์จารกึ ทองทบั และคณะ (๒๕๕๑). เร่ือง “การนวดบรรเทาอาการปวดหลังและขาในหญงิ ตง้ั ครรภ์” ผลการศกึ ษา พบวา่ หญิงตง้ั ครรภ์ มอี าการปวดหลงั เอวและชาบรเิ วณขานอ้ ยลง โดยหญิงต้งั ครรภ์ อายคุ รรภ์ ๒๘-๓๒ สปั ดาห์ จำ� นวน ๗ คน รสู้ กึ ผอ่ นคลายดมี าก รอ้ ยละ ๒๘.๕๗ ผอ่ นคลายดี รอ้ ยละ ๗๑.๔๓ อายคุ รรภ์ ๓๓-๓๕ สปั ดาห์ จำ� นวน ๙ คน รสู้ กึ ผอ่ นคลายดมี าก รอ้ ยละ ๔๔.๔๔ ผอ่ นคลายดี รอ้ ยละ ๕๕.๕๖ อายคุ รรภ์ ๓๖ สปั ดาหข์ นึ้ ไป จำ� นวน ๗ คน รสู้ กึ ผอ่ นคลายดมี าก รอ้ ยละ ๒๗.๕๗ ผอ่ นคลายดี รอ้ ยละ ๗๑.๔๓ ผดู้ แู ลมที กั ษะในการนวดใหห้ ญงิ ตง้ั ครรภม์ ากขน้ึ โดยญาตหิ รอื ผดู้ แู ลสามารถนวดใหห้ ญงิ ตงั้ ครรภอ์ าการดขี นึ้ รอ้ ยละ ๘๖.๙๖ อาการพอใช้ รอ้ ยละ ๑๓.๐๔ รวมทง้ั ทำ� ให้เจ้าหนา้ ที่ หญงิ ต้งั ครรภ์ และผดู้ ูแลมสี มั พนั ธภาพทดี่ เี ปน็ พน้ื ฐานของการใหบ้ รกิ าร รบั บรกิ ารในงานดา้ นอนื่ ๆ ตอ่ ไป และทำ� ใหผ้ ลการตอบรบั ของงานแพทยแ์ ผนไทยในชมุ ชน มมี ากขึน้ เนอื่ งจากงานแพทยแ์ ผนไทยมสี ว่ นร่วมในการดแู ลสุขภาพประชาชน ทกุ กลมุ่ อายุ 22 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้

ขอ้ สรุป หลังจากได้รบั การนวด หญิงมคี รรภ์รูส้ ึกผอ่ นคลายดี และมีอาการดขี ้ึนหลังไดร้ ับการนวดจากญาติ หรอื ผูด้ ูแล จมิ ร ี แกว้ งาม (๒๕๓๘). เรอ่ื ง “การรกั ษาโรคอมั พาตของแพทยแ์ ผนโบราณในจงั หวดั สงขลา” ผลการศกึ ษา วิจยั ปรากฏผล ดังนี้ ๑. วิธีการรักษาโรคอัมพาตของแพทย์แผนโบราณ การรักษาโรคอมั พาตของแพทยแ์ ผนโบราณในจังหวัด สงขลา สรุปได้ดงั นี้ ๑.๑ การตรวจโรคอมั พาตแบบแผนแพทยแ์ ผนโบราณ ซงึ่ จะมวี ธิ กี ารตรวจตามชนดิ ของโรคอมั พาต คอื โรคอัมพาตใบหนา้ โรคอัมพาตครงึ่ ทอ่ น โรคอัมพาตครึ่งซกี และโรคอมั พาตท้งั ตวั ๑.๒ การรักษาโรคอมั พาตโดยวธิ ีการของแพทย์แผนโบราณ จะมีวธิ กี ารรกั ษาอยู่ ๒ วธิ ี คอื การรกั ษา โดยการนวด ซึ่งจะนวดตามอวัยวะแล้วแต่ชนิดของโรคอัมพาต และการรักษาโดยการใช้สมุนไพร ซึ่งจะรักษา โดยวธิ กี ารรบั ประทานยาสมุนไพร การประคบดว้ ยสมนุ ไพร และการอาบดว้ ยสมนุ ไพร ๑.๓ การรกั ษาโรคอมั พาตโดยวธิ กี ารผสมผสานการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั เขา้ รว่ มกบั การแพทยแ์ ผนโบราณ ซ่ึงแพทย์แผนโบราณใช้วิธีการผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบันเข้าร่วมกับการแพทย์แผนโบราณ ๓ อย่าง คือ การใชฟ้ ลิ ม์ เอก็ ซเรย์ การใช้ยาแผนปัจจุบนั และการใช้เครอ่ื งนวดไฟฟ้า ๒. วิธีการปฏบิ ตั ติ นของแพทยแ์ ผนโบราณในการรักษาโรคอมั พาต จะปฏิบัตติ น ดงั น้ี ๒.๑ การปฏิบัติตนของแพทย์แผนโบราณเพื่อเตรียมการรักษาโรคอัมพาต โดยวิธีการปฏิบัติศาสนกิจ ตามหลักศาสนาที่นบั ถือ คือ สวดมนตแ์ ละขอพรดอุ าอฺ ๒.๒ การปฏิบัติตนของแพทย์ระหว่างท�ำการรักษาโรคอัมพาต โดยแพทย์แผนโบราณชาวไทยพุทธ จะสวดมนต์ สว่ นแพทยแ์ ผนโบราณชาวไทยมสุ ลมิ จะทำ� พิธีขอพรดุอาอฺ ๒.๓ การปฏิบัติตนของแพทย์แผนโบราณหลังจากการรักษาโรค แพทย์แผนโบราณชาวไทยพุทธจะ ท�ำพิธีไหว้ครู ส่วนแพทย์แผนโบราณชาวไทยมุสลิมจะไม่มีการปฏิบัติตนของแพทย์แผนโบราณหลังการท�ำ การรกั ษาโรค ๓. วธิ กี ารปฏบิ ัตติ นของผูป้ ว่ ยในการรกั ษาโรคอมั พาต จะปฏิบตั ติ น ดังนี้ ๓.๑ การปฏิบัติตนของผู้ป่วยเพื่อเตรียมการรักษาโรคอัมพาต ซ่ึงผู้ป่วยจะต้องน�ำขันหมากหาหมอไป ใหแ้ พทย์แผนโบราณตามประเพณขี องการรกั ษา ๓.๒ การปฏบิ ตั ติ นของผปู้ ว่ ยระหวา่ งการรกั ษาโรคอมั พาต ผปู้ ว่ ยจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามคำ� แนะนำ� ของแพทย์ ในเรือ่ งของโภชนบำ� บัด ๓.๓ การปฏิบัติตนของผู้ป่วยหลังจากการรักษาโรคอัมพาต ผู้ป่วยจะต้องประกอบพิธีกรรม ซึ่งแพทย์ แผนโบราณชาวไทยพทุ ธ เรยี กว่า “การเด็ดพิษ” ส่วนแพทย์แผนโบราณชาวไทยมุสลมิ เรียกวา่ “การเสยี เคราะห”์ พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 23

เจือจันทน์ วัฒกีเจริญ (๒๕๓๔). ศึกษาเปรียบเทียบผลการนวดไทยประยุกต์กับการรับประทาน ยาพาราเซตามอลตอ่ ระดบั การปวดศรี ษะและระยะเวลาทกี่ ารปวดศรี ษะลดระดบั ลง ในผปู้ ว่ ยทมี่ อี าการปวดศรี ษะจาก ความเครียด พบวา่ การนวดแบบไทยประยุกต์สามารถลดการปวดศรี ษะไดด้ ีกว่าการรบั ประทานยาพาราเซตามอล ต้ังแตเ่ วลาที่ ๑๕ นาท ี ๒๐ นาที และ ๓๐ นาที และการนวดสามารถลดการปวดศรี ษะได้ทนั ทีและรวดเรว็ กวา่ การ รับประทานยาพาราเซตามอลในเวลา ๑๕ นาที ชตุ มิ าพร ไตรนภากลุ และคณะ (๒๕๕๑). เรอ่ื ง การศกึ ษาเปรยี บเทยี บการไหลของนำ้� นมหญงิ หลงั คลอด ที่ถูกนวด-ประคบเต้านมด้วยลูกประคบสมุนไพรสดและกระเป๋าน�้ำร้อน ผลการศึกษา พบว่า เมื่อเปรียบเทียบ การนวด-ประคบ ทงั้ ๒ วธิ ี ทเ่ี วลา ๐, ๑ และ ๓ ชวั่ โมง คะแนนการไหลของนำ้� นมหลงั การนวด-ประคบดว้ ยลกู ประคบ สมุนไพรสดมากกว่าการนวด-ประคบดว้ ยกระเปา๋ น�้ำรอ้ นอยา่ งมนี ัยสำ� คัญทางสถิติ (คา่ P < ๐.๐๕) ข้อสรุป การนวด-ประคบเต้านมด้วยลูกประคบสมุนไพรสดจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งส�ำหรับบริการแก่หญิง หลังคลอด ผลการศึกษาน้ีจึงเป็นข้อมูลวิชาการส�ำหรับการพัฒนาระบบบริการต่อไปเพื่อเอื้อให้หญิงหลังคลอด ประสบความสำ� เรจ็ ในการเล้ยี งลกู ดว้ ยนมแม่ ดารณี ออ่ นชมจนั ทร์ และคณะ (๒๕๕๐). ศกึ ษา “องคค์ วามรกู้ ารนวดกอ่ นคลอด หลงั คลอดและนวดกระตนุ้ น�้ำนมของโต๊ะบิแด (หมอต�ำแยชาวไทยมุสลิม) ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้” ผลการศึกษา พบว่า โต๊ะบิแด ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงบทบาทดูแลหญิงต้ังครรภ์และหลังคลอดที่เก่ียวข้องกับพิธีกรรมและการนวด หญิงต้ังครรภ์จะไปให้โต๊ะบิแดนวดก่อนคลอด หลังคลอดเพ่ือผ่อนคลายกล้ามเน้ือและนวดกระตุ้นน้�ำนม โต๊ะบิแด อธบิ ายการนวดกอ่ นคลอดวา่ เพ่อื เป็นการชว่ ยผอ่ นคลายกลา้ มเน้ือ คลายเส้นทีพ่ นั กนั บรเิ วณขาหนบี และเป็นการจดั ทา่ เดก็ ใหอ้ ยใู่ นทา่ ปกต ิ โดยจะบบี นวดบรเิ วณแขน ขา เทา่ นน้ั สว่ นการนวดคดั ทอ้ ง/ยกทอ้ งจะนวดใหใ้ นรายทศ่ี รี ษะ ทารกอยู่ในช่องเชิงกรานหรือกดบริเวณเชิงกราน ท�ำให้มารดาแน่นอึดอัดท้อง และอธิบายการนวดหลังคลอดว่า เพอ่ื ใหก้ ลา้ มเนอื้ เสน้ เอน็ คลายการเกรง็ ตวั จากการคลอด เลอื ดลมเดนิ ไดส้ ะดวกสง่ ผลใหก้ ารทำ� งานของอวยั วะตา่ ง ๆ เป็นไปตามปกติ ช่วยให้มดลูกหดรัดตวั ขบั นำ�้ คาวปลาและจะนวดกระตนุ้ น้�ำนมให้ทกุ คร้งั นฤมล ลลี ายวุ ฒั น์ (๒๕๔๑). ศกึ ษา “ประสทิ ธผิ ลทางสรรี วทิ ยาของการนวดไทยในการลดปวด การทำ� งาน ของกลา้ มเนื้อ และภาวะแทรกซ้อน” พบว่า ผลการนวดไทยไมท่ ำ� ให้ความดันเลอื ดซีสโตลิกเปลย่ี นแปลง แต่มีผลต่อ การลดการเตน้ ของชพี จรอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ เชน่ เดยี วกบั การนอน และอณุ หภมู ผิ วิ หนงั บรเิ วณหลงั ของประชากร ท่ีได้รับการนวดเพ่ิมขึ้นอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ผลของการนวดไทยในการลดปวด พบว่า มีระดับการปวดลดลง สว่ นผลการนวดไทยในการทำ� งานของกลา้ มเนอื้ พบวา่ การนวดไทยมผี ลตอ่ ความทนทานของการทำ� งานของกลา้ มเนอื้ มากขน้ึ มากกวา่ กลมุ่ นอนอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ ในกลมุ่ ควบคมุ มคี วามทนทานของกลา้ มเนอื้ ลดลงอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถิติ ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อดีข้ึน นอกจากน้ี ยังพบการเปลี่ยนแปลงของ Integral EMG ในกลุ่มที่ได้รับ การนวดแนวโน้มมคี ่าลดลงตงั้ แต่วนิ าทีที่ ๓๐ แตก่ ลุม่ ควบคมุ แนวโน้มมคี า่ ลดลงในช่วง ๒๐ วนิ าทีแรก และเพ่ิมขึ้น ตัง้ แตว่ นิ าทีที่ ๓๐ 24 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

บาทหลวงการ์โล เวลาโด และบาทหลวงสมชาติ ผิวเกล้ียง. (๒๕๔๒). ศึกษา “ประสิทธิภาพการนวด ของหมอนวด เปน็ การศกึ ษาทศั นคตขิ องผรู้ บั บรกิ าร ญาต ิ และผใู้ หบ้ รกิ ารในสถานบรกิ ารศาลาสขุ สมั ผสั ” เปน็ การวจิ ยั ทางสงั คมศาสตร์ โดยการสอบถามความนยิ ม ความเชือ่ ถือและความคิดเหน็ ท่มี ตี ่อการนวดไทย พบว่า บคุ คลท่นี ยิ ม มาใชบ้ รกิ ารนวดไทย จากสถติ แิ สดงจำ� นวนผนู้ ยิ มนวดนนั้ คอื อายุ ๔๑-๕๐ ปี รอ้ ยละ ๒๙ อายุ ๕๑-๖๐ ปี รอ้ ยละ ๒๕ และในผู้ที่มานวดประจำ� มอี ายุ ๔๐-๖๐ ปี รอ้ ยละ ๕๔ อายุ ๒๐-๓๐ ปี รอ้ ยละ ๖ และอายุ ๓๑-๔๐ ปี รอ้ ยละ ๑๑ อายุ ๖๑-๗๐ ปี ร้อยละ ๑๕ อายุ ๗๑-๘๐ ปี รอ้ ยละ ๔.๘ และเกนิ ๘๐ ปี ร้อยละ ๑ สว่ นอาชพี ทม่ี ารับบริการ เปน็ อาชีพอสิ ระมากที่สดุ รอ้ ยละ ๕๗ รองลงมาคือ อาชีพแมบ่ า้ น ร้อยละ ๑๔ รบั ราชการ ร้อยละ ๑๒ อาชพี คา้ ขาย ร้อยละ ๖.๕๙ และอ่ืน ๆ เบญจวรรณ ธรี ะเทอดตระกลู (๒๕๓๙) ศกึ ษา “ผลการนวดรว่ มกบั การบรหิ ารคออยา่ งมแี บบแผนตอ่ ระดบั การปวดศรี ษะในผู้ป่วยท่ีไดร้ บั การผา่ ตดั ในท่านอนหงายศรี ษะแหงน” พบวา่ ๑. ผปู้ ว่ ยภายหลงั ไดร้ บั การนวดและการบรหิ ารคออยา่ งมแี บบแผน มรี ะดบั การปวดศรี ษะนอ้ ยกวา่ ผปู้ ว่ ย ท่ีไดร้ ับการพยาบาลตามปกติทเี่ วลา ๑๐, ๓๐, ๔๕, ๖๐ นาที และ ๖ ชว่ั โมง อย่างมนี ัยสำ� คัญทางสถิติ (P< .๐๐๑) ๒. ผู้ป่วยภายหลังได้รับการนวดและการบริหารคออย่างมีแบบแผนท่ีเวลา ๑๐, ๓๐, ๔๕, ๖๐ นาที และ ๖ ชวั่ โมง มรี ะดบั การปวดศรี ษะนอ้ ยกวา่ กอ่ นไดร้ บั การนวดและการบรหิ ารคออยา่ งมแี บบแผน อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ (P< .๐๐๑) ๓. ผปู้ ว่ ยภายหลงั ไดร้ บั การพยาบาลตามปกตทิ เ่ี วลา ๑๐, ๓๐, ๔๕, ๖๐ นาท ี มรี ะดบั การปวดศรี ษะเทา่ กบั ก่อนได้รับการพยาบาลตามปกต ิ ส่วนทเ่ี วลา ๖ ช่ัวโมงระดับการปวดศรี ษะนอ้ ยกวา่ ก่อนได้รบั การพยาบาลตามปกติ อย่างมีนยั ส�ำคัญทางสถิติ (P< .๐๐๑) ประโยชน์ บญุ สนิ สขุ และคณะ (๒๕๒๗) ศกึ ษา “การรกั ษาอาการปวดหลงั ดว้ ยการนวดแบบเดมิ ของไทย” พบว่า การนวดแบบไทย โดยมีการกดจดุ สามารถลดอาการปวดหลงั ระดบั บ้นั เอวของผ้ปู ว่ ยได้ ประโยชน์ บุญสินสุข และคณะ (๒๕๓๕) ศึกษา “ผลการนวดไทยในผู้ป่วยกล้ามเน้ือและข้อ โดยใช้ การนวด ๓ วันติดต่อกัน” พบว่า อุณหภูมิร่างกายไม่เปลี่ยนแปลง อัตราชีพจรความดันโลหิตทั้งซีสโตลิกและ ไดแอสโตลกิ ไมเ่ ปลยี่ นแปลง แตร่ ะดบั อาการปวดลดลง ๑ ระดบั ในระดบั ผปู้ ว่ ยกลมุ่ ทมี่ อี าการปวดกลา้ มเนอ้ื มอี าการ ปวดลดลงมากกว่ากลุม่ ทม่ี ีอาการปวดลักษณะอน่ื ๆ หลงั จากการนวดครง้ั ที่ ๓ ระดับการปวดลดลงเฉลยี่ ๒ ระดบั ปัจมา สรเสริมสมบัติ และวรรณวิมล อุดมศรีลาภ (๒๕๒๔) ศึกษา “ทางเลือกในการบ�ำบัดรักษา : นวด กดจุด และฝงั เขม็ พบวา่ การนวด กดจดุ และฝังเขม็ ให้ผลดใี นการรกั ษาโรคและอาการตา่ ง ๆ ได้ดี โดยเฉพาะ โรคเกย่ี วกับกระดูก กล้ามเนือ้ และเส้นประสาท ซึ่งสอดคล้องกบั รายงานเอกสารท่ีไดค้ ้นคว้ารวบรวมได้ ภทั รพล จงึ สมเจตไพศาล และคณะ (๒๕๓๙) ศกึ ษา “ทศั นคตแิ ละการยอมรบั ของบคุ ลากรทางการแพทย์ และสาธารณสขุ แผนปจั จบุ นั ในจงั หวดั กาญจนบรุ ี ตอ่ การนวดไทยในการแกป้ ญั หาสขุ ภาพ” พบวา่ การนวดเปน็ การรกั ษา อาการปวด ตามวิธกี ารของการแพทยแ์ ผนไทย ซ่งึ เป็นภูมปิ ญั ญาของคนไทยสมัยก่อน สามารถทดแทนยาแกป้ วดได้ ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายฟื้นฟูและส่งเสริมอย่างชัดเจน จากการศึกษาทัศนคติของบุคลากรทางการแพทย์และ สาธารณสุขแผนปัจจุบัน จ�ำแนกตามปัจจัยด้านอาชีพ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และรายได้ของบุคลากรตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ข้นึ ไป มที ศั นคตเิ ชิงลบ สว่ นการยอมรับ พบวา่ แพทย์และเภสัชกรมีแนวโน้มยอมรบั การนวดไทย เม่ือมีอาการปวด เคลด็ ขดั ยอกน้อยกว่าอาชีพอน่ื อยา่ งมีนัยส�ำคัญทางสถิติ พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 25

มนตรี นาคะเกศ และวชิ ยั องึ พนิ จิ พงศ ์ (๒๕๕๐). ศกึ ษา “ผลของการนวดแผนไทยแบบเชลยศกั ดต์ิ อ่ ระดบั ความผ่อนคลายของผ้มู ารับบริการ” ผลการศึกษา พบว่า กอ่ นการนวด ความดันโลหิตซิสโตลิก (systolic blood pressure) เท่ากบั ๑๐๗.๕๘ ± ๙.๓๗ มม.ปรอท อัตราชีพจร (pulse rate) เท่ากบั ๗๓.๘๘ ± ๑๐.๐๔ คร้ัง ต่อนาท ี และผลรวมคะแนนของแบบทดสอบความเครียดเท่ากับ ๓๗.๘๕ ± ๙.๒๐ และหลังได้รับการนวด ความดันโลหิต ซิสโตลิก (๑๐๒.๘๒ ± ๘.๖๗ มม.ปรอท) อัตราชีพจร (๖๖.๖๕ ± ๙.๒๗ ครั้งต่อนาที) และผลรวมคะแนนของ แบบทดสอบความเครยี ด (๒๘.๓๑ ± ๗.๘๐) มคี ่าลดลงอยา่ งมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดบั ๐.๐๕ ส่วนความดนั โลหติ ไดแอสโตลิก (diastolis blood pressure) มีค่าก่อนการนวด (๖๙.๖๒ ± ๖.๗๘ มม.ปรอท) และหลังการนวด (๗๒.๖๙ ± ๘.๑๓ มม.ปรอท) เพม่ิ ขนึ้ อยา่ งมนี ยั สำ� คัญทางสถิตทิ ร่ี ะดับ ๐.๐๕ รงุ่ ทวิ า ชาญพทิ ยานกุ ลู กจิ และคณะ (๒๕๒๘) ศกึ ษา “ผลของวธิ กี ารนวดแผนโบราณแบบเปดิ ปดิ ประตลู ม ทข่ี าในคนปกต”ิ พบวา่ อณุ หภมู สิ งู ขนึ้ ความตา้ นทานผวิ หนงั ชพี จรและความดนั เลอื ดเปลย่ี นแปลงเลก็ นอ้ ย แตห่ ลงั จาก การเปดิ ประตูลม ผถู้ ูกนวดจะรูส้ ึกรอ้ นวิ่งจากโคนขาไปตามขาขา้ งที่ถกู นวด และเกดิ ความรสู้ ึกสบาย รงุ่ ทวิ า ชาญพทิ ยานกุ ลู กจิ และคณะ (๒๕๒๘) ศกึ ษา “การรกั ษาอาการปวดตน้ คอดว้ ยวธิ กี ารนวดแบบเดมิ ของไทย” พบวา่ ผปู้ ว่ ยทม่ี อี าการปวดตน้ คอ เนอ่ื งจากการเกรง็ ของกลา้ มเนอ้ื และการจำ� กดั การเคลอ่ื นไหวของขอ้ ตอ่ เมอ่ื รักษาด้วยการนวดกดจดุ แล้วจะสามารถลดอาการปวดทต่ี ้นคอได้ ลดาวลั ย์ นชิ โรจน์ และคณะ (๒๕๕๐). เรอื่ ง “ผลของการนวดกดจดุ ฝา่ เทา้ ตอ่ ความเครยี ดและความดนั โลหติ ในผปู้ ว่ ยโรคความดนั โลหติ สงู ชนดิ ไมท่ ราบสาเหต”ุ ผลการวจิ ยั พบวา่ ผลของการนวดกดจดุ ฝา่ เทา้ ในผปู้ ว่ ยกลมุ่ ทดลอง มีค่าเฉล่ียของระดับคะแนนความเครียดต่�ำกว่าในผู้ป่วยกลุ่มควบคุมท่ีได้รับการพยาบาลแบบปกติอย่างมีนัยส�ำคัญ ทางสถิติ (คา่ p < ๐.๐๐๑) และผลของการนวดกดจดุ ฝ่าเท้าในผปู้ ่วยกลุม่ ทดลองมคี ่าเฉล่ียของระดบั ความดนั โลหิต ซิสโตลิกและความดันโลหิตไดแอสโตลิกต่�ำกว่าในผู้ป่วยกลุ่มควบคุมท่ีได้รับการพยาบาลแบบปกติอย่างมีนัยส�ำคัญ ทางสถิติ (ค่า p < ๐.๐๕ และค่า p < ๐.๐๑ ตามลำ� ดบั ) วจิ ติ รา กสุ มุ ภ์ (๒๕๓๒) ศกึ ษา “ผลการกดจดุ และนวดตอ่ ระดบั ความเจบ็ ปวดในผปู้ ว่ ยหลงั สว่ นลา่ ง” พบวา่ ระดบั ความเจบ็ ปวดของกลมุ่ ทดลองลดลงอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั p < ๐.๐๐๑ ระดบั ความออ่ นแอของหลงั ของกลุ่มทดลอง ภายหลังได้รับการกดจุดและนวด ต่�ำกว่าก่อนได้รับการกดจุดและนวดอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิต ิ ระดับความเจ็บปวดของกลุ่มทดลองมีระดับลดลงอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ปริมาณยาแก้ปวดที่ผู้ป่วยรับประมาณ ในกลมุ่ ทดลองน้อยกว่ากลมุ่ ควบคุมอย่างมนี ัยสำ� คญั ทางสถติ ิ วชิ ยั องึ พนิ จิ พงศ์ และคณะ (๒๕๓๕) ศกึ ษา“ผลทางสรรี วทิ ยาในผปู้ ว่ ยปวดหลงั ทมี่ สี าเหตจุ ากขอ้ สนั หลงั เสอื่ ม และกล้ามเนื้อหลังอักเสบ พบว่า การนวดไทยเพ่ิมอุณหภูมิผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่นของล�ำตัว และลดปวด แต่ไม่มีผลตอ่ สัญญาณชีพ วิชัย อึงพินิจพงศ์ และ นิศรา มนตรี (๒๕๔๒) ศึกษา “ผลทางสรีรวิทยาเบื้องต้นของการนวดเท้า แบบประยกุ ตใ์ นคนปกต”ิ พบวา่ มผี ลตอ่ สญั ญาณชพี อณุ หภมู ขิ องผวิ หนงั ปรมิ าณการไหลเวยี นทผี่ วิ หนงั บรเิ วณทนี่ วด และความยืดหยนุ่ ของตะโพก และลำ� ตวั นอกจากนี้ ยังพบวา่ ผูถ้ ูกนวดมีความพงึ พอใจในความรสู้ ึกของการนวดเทา้ และรสู้ ึกสบายเท้าหลังนวด พงึ พอใจมาก รอ้ ยละ ๖๐ พึงพอใจปานกลาง ร้อยละ ๒๔ และพึงพอใจนอ้ ย ร้อยละ ๑๖ 26 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

วิมล วงศ์สุรสิทธ์ิ และคณะ (๒๕๓๕) (ม.ป.ป.) ศึกษา “ผลของการนวด กดจุด ฝังเข็ม ตามแบบ การนวดไทยในผู้หญิงที่มีอาการปวดศีรษะในท่านอนตะแคงและท่าน่ัง” พบว่า การนวด กดจุดในผู้ป่วยท่ีมีอาการ ปวดศรี ษะ และมกี ารเกรง็ ของกลา้ มเนอื้ ตน้ คอ บา่ ทำ� ใหร้ ะดบั อาการปวดลดลง และสามารถเคลอื่ นไหวคอไดม้ ากขนึ้ วีระพงษ์ ชดิ นอก และคณะ (๒๕๕๐). ศกึ ษา “ผลของการฝึกบริหารกายด้วยฤๅษีดดั ตนต่อความแขง็ แรง ของกล้ามเนือ้ หายใจ และสมรรถภาพกาย การออกกำ� ลังกายในเพศหญิง ผลการศกึ ษา พบว่า ผูร้ ว่ มวจิ ยั ทัง้ สองกลมุ่ มคี ุณลักษณะทางกาย ประกอบด้วยอายุ น้�ำหนัก สว่ นสูง ดชั นีมวลกาย เปอรเ์ ซน็ ตไ์ ขมนั ในร่างกาย คา่ แรงดนั หายใจ เข้าสูงสุด และแรงดันหายใจออกสูงสุด ค่าก�ำลังสูงสุดและความสามารถแบบไม่ใช้ออกซิเจนไม่แตกต่างกัน (p>๐.๐๕) ก่อนท�ำการศึกษา และหลังการฝึกครบ ๘ สัปดาห์ พบว่า กลุ่มฝึกฤๅษีดัดตนมีค่าแรงดันหายใจเข้า สูงสุดและแรงดันหายใจออกสูงสุด ค่าก�ำลังสูงสุดและความสามารถแบบไม่ใช้ออกซิเจนมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่าง มีนัยส�ำคัญทางสถิติ (p<๐.๐๕) ช่วงสัปดาห์ที่ ๔ และหลังฝึกครบ ๘ สัปดาห์ และพบว่า ในกลุ่มฝึกฤๅษีดัดตน มคี า่ แรงดนั หายใจเขา้ สงู สดุ และแรงดนั หายใจออกสงู สดุ คา่ กำ� ลงั สงู สดุ และความสามารถแบบไมใ่ ชอ้ อกซเิ จนเพม่ิ ขนึ้ อย่างมีนยั ส�ำคัญทางสถิติ (p<๐.๐๕) ช่วงสปั ดาหท์ ี่ ๔ และหลงั การฝึกครบ ๘ สปั ดาห์ เมื่อเทียบกบั กอ่ นฝกึ ข้อสรุป ผลของการฝึกฤๅษีดัดตนสามารถเพ่ิมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหายใจ และสมรรถภาพการ ออกกำ� ลังกายแบบไมใ่ ช้ออกซเิ จนไดใ้ นเพศหญิง วไิ ล อดุ มพทั ยาสรรพ์ และคณะ (๒๕๔๘) ศกึ ษา “ประสบการณ์ในการดแู ลมารดากอ่ นคลอด ระยะคลอด และหลงั คลอด ของโตะ๊ บแิ ดในจงั หวดั ปตั ตาน”ี พบวา่ การนวดในระยะ ๓ วนั แรกหลงั คลอด โตะ๊ บแิ ดจะนวดยกมดลกู และการนวดเตา้ นมเพอ่ื ชว่ ยใหน้ ำ�้ นมไหลดี โดยจะนวดจากฐานนมดา้ นนอกเขา้ หาลำ� ตวั ของผถู้ กู นวด สว่ นการนวดตวั พบวา่ รปู แบบการนวดจะเปน็ รปู แบบการนวดแบบสมั ผสั บำ� บดั โดยผนู้ วดจะตอ้ งมสี มาธิ มกี ารสวดคาถาขณะทำ� การ นวดจะมีการสมั ผสั ลูบ จากบนลงล่าง เชน่ จากโคนขาไปปลายเท้า จากตน้ แขนไปปลายมอื ศภุ รกั ษ์ศภุ เอม.(๒๕๕๐)ศกึ ษา“ผลของการนวดไทยตอ่ ความเจบ็ ปวดและความรสู้ กึ สบายกาย” ผลการศกึ ษา พบว่า การนวดไทยแบบเชลยศักดิ์ช่วยลดความเจ็บปวดทางกายได้เฉล่ีย ๓.๘ ใน ๑๐ คะแนน และเพ่ิมความรู้สึก สบายกายได้ ๓.๐ ใน ๑๐ คะแนน โดยการวัดด้วยเครื่องมือ visual analog scale (๐-๑๐ ซม.) ที่ระดับ ความเชอื่ มน่ั รอ้ ยละ ๙๕ (คา่ p<๐.๐๐๑) ซงึ่ ทดสอบทางสถติ ดิ ว้ ยวธิ ี Wilcoxon signed rank test จากการวเิ คราะห์ ทางสถิตดิ ้วยวธิ ี multivariate analysis of variance พบว่า ปจั จยั ดา้ นเพศมคี วามสัมพันธ์กับการลดความเจบ็ ปวด ทางกายของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยหญิงตอบสนองต่อการนวดไทยในแง่การลดความเจ็บปวดทางกายมากกว่าผู้ป่วยชาย อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ จากการศึกษาน้ีอาจสรุปได้ว่า การนวดไทยสามารถลดความเจ็บปวดทางกายและ เพม่ิ ความรูส้ กึ สบายกายได้ และปจั จัยด้านเพศมคี วามสัมพันธก์ ับผลของการนวดไทยตอ่ ความเจบ็ ปวดทางกาย สมเกยี รติ ฉายะศรวี งศ์ และคณะ (๒๕๓๐) ศึกษา “ทัศนคติของผ้รู บั บริการในสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั เก่ียวกับการน�ำการนวดไทยมาใช้ในสถานบรกิ ารสาธารณสุข” พบวา่ รอ้ ยละ ๙๖ ของผู้ป่วยท่รี ว่ มโครงการ ร้อยละ ๘๐ ของผู้ป่วยท่ัวไป/ญาติ ท่ีมารับบริการและร้อยละ ๘๔ ของเจ้าหน้าที่รัฐในสถานบริการสาธารณสุข ท่ีท�ำวิจัย มีความเชื่อว่านวดแล้วท�ำให้อาการดีขึ้นและเห็นด้วยต่อการน�ำการนวดมาใช้บริการในสถานบริการ สาธารณสขุ ของรัฐ และมขี ้อเสนอแนะจากเจา้ หน้าท่ขี องรฐั ในสถานท่ที ำ� วจิ ัยว่า ควรนำ� มาผสมผสานหรือประยกุ ต์ ใช้การนวดไทย และการแพทย์แผนปจั จบุ ันเข้าด้วยกัน ในสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั รอ้ ยละ ๘๑ พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 27

สร้อยศรี เอ่ียมพรชัย และคณะ (๒๕๕๑). ศึกษาเรื่อง “ประสิทธิผลของการนวดไทยแบบราชส�ำนัก และการประคบด้วยสมุนไพรในการลดอาการปวดหลังในระยะหลังคลอดชว่ งแรก” ผลการศึกษา พบว่า อาสาสมัคร ทง้ั ๒ กลมุ่ อยู่ในชว่ งกลุ่มอายุ ๒๑-๓๐ ปี ส่วนใหญ่เปน็ ครรภ์ที่ ๒ เคยคลอดมาแล้ว ๑ ครง้ั กลมุ่ ทดลอง มีอาการ ปวดบัน้ เอวและกระเบนเหน็บ ร้อยละ ๘๐ รองลงมาปวดหน้าขาและต้นขา ร้อยละ ๕๘ สว่ นกลุ่มควบคมุ มอี าการ ปวดบ้ันเอวและกระเบนเหนบ็ ร้อยละ ๘๒ รองลงมาปวดหนา้ ขาและตน้ ขา ร้อยละ ๗๐ ซึง่ กลุ่มตัวอย่างทัง้ สองกลุ่ม ไม่แตกต่างกันมาก เม่ือเปรียบเทียบอาสาสมัครกลุ่มท่ีได้รับการนวดไทยแบบราชส�ำนักและประคบด้วยสมุนไพร กบั กลมุ่ หญงิ หลงั คลอดทไี่ ดร้ บั การดแู ลรกั ษาตามปกติ พบวา่ กลมุ่ ทไ่ี ดร้ บั การนวดไทยแบบราชสำ� นกั และประคบดว้ ย สมนุ ไพรมรี ะดบั อาการปวดหลงั ลดลงอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ (คา่ P < ๐.๐๐๑) และมคี วามพงึ พอใจตอ่ ผลการบำ� บดั รกั ษาด้วยการนวดไทยแบบราชสำ� นกั และการประคบด้วยสมนุ ไพรในระดับสงู ๘-๑๐ (คิดเปน็ ร้อยละ ๘๒) ข้อสรุป จากการศึกษา พบว่า การนวดไทยแบบราชส�ำนักและการประคบด้วยสมุนไพรสามารถช่วยลด หรือบรรเทาอาการปวดหลงั ในหญงิ หลังคลอดได้ ซึง่ อาจน�ำไปใชใ้ นการบรรเทาอาการปวดจากปัจจยั อน่ื ๆ ได้ สุทิศา ปล้ืมปิติวิริยะเวช และเสาวภา พรสิริพงษ์ (๒๕๔๓) ศึกษา “การนวดพื้นบ้านอีสานในเชิง กายวภิ าคศาสตรแ์ ละสรรี วทิ ยา” พบวา่ หมอนวดพน้ื บา้ นอสี านใหค้ วามสำ� คญั กบั “เสน้ ” โดยเชอื่ วา่ รา่ งกายประกอบ ด้วยเส้นจ�ำนวนมากที่สัมพันธ์กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การวินิจฉัยโรคใช้วิธีการสังเกตลักษณะภายนอกและ การคลึงโดยประสบการณ์ การรักษาเน้นการนวดที่จุดรวมเส้น เพ่ือให้เลือดลมเดินดี ส่งผลให้เส้นอื่น ๆ คลายตัว กลุ่มอาการท่ีนวด ได้แก่ ปวดเนื้อ เม่ือยกล้ามเนื้อ กล้ามเน้ือเกร็งตัว อัมพฤกษ์ อัมพาต และอาการมดลูกลง จากการวเิ คราะหท์ า่ นวด เทคนคิ และวธิ กี ารนวดของหมอพน้ื บา้ นแลว้ ทราบวา่ มหี ลายวธิ ที เี่ หมาะสม และมหี ลายวธิ ี ทต่ี อ้ งระมดั ระวงั จุดนวดทีค่ วรระมัดระวัง ไดแ้ ก่ ทา่ ยกขาตั้งฉาก แลว้ ใช้ศอกกดทีฝ่ ่าเทา้ จุดกดบรเิ วณสามเหลย่ี ม เหนือกระดูกไหปลาร้า จุดกดในรักแร้ จุดกดที่ขาหนีบ และการรักษาขากรรไกรค้าง การนวดสามารถรักษาและ บรรเทาอาการเจบ็ ปว่ ยบางอยา่ งได ้ เปน็ เทคนคิ วธิ ที ช่ี าวบา้ นสามารถเรยี นรแู้ ละแสวงหาความชำ� นาญได ้ มอี นั ตราย น้อยสามารถพัฒนาและส่งเสริมให้เป็นอาชีพเสริมได้ แต่สิ่งที่ต้องด�ำเนินการควบคู่ไปกับการสวนคือ การให้ความรู้ พ้ืนฐานเกี่ยวกับลักษณะทางกายวิภาคและสรีรวิทยาอย่างง่ายแก่ผู้เรียนท่านวดที่ควรระวังเป็นพิเศษ รวมทั้งอาการ ท่หี มอนวดไมส่ ามารถนวดได้แตต่ อ้ งสง่ ตอ่ ให้แพทยแ์ ผนปจั จบุ ัน สุภาวดี ทับกล่�ำ และคณะ (๒๕๕๐). ศึกษา “ผลของโปรแกรมการพัฒนาความสามารถของมารดา ในการนวดทารกแบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive Infant Massage) ต่อความรักใคร่ผูกพันระหว่างมารดา-ทารก การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกที่เกิดจากมารดาติดเชื้อไวรัสเอดส์ ผลการศึกษา พบว่า มารดาท่ีเข้าร่วม โปรแกรมการพัฒนาความสามารถในการนวดทารก มีคะแนนความรักใคร่ผูกพันระหว่างมารดาและทารกสูงกว่า มารดาในกลุ่มท่ีไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ (p<๐.๐๕) ทารกในกลุ่มทดลองมีอัตราการเพิ่ม ของน้�ำหนักและความยาวล�ำตัวมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ (P<๐.๐๕) ทารกในกลุ่มทดลอง มคี ะแนนการประเมินพฤตกิ รรมสงู กวา่ ทารกในกลุ่มควบคมุ อย่างมนี ัยส�ำคญั ทางสถติ ิ โดยเฉพาะพฤติกรรมการตอบ สนองต่อสิ่งกระตุ้น (habituation) (p<๐.๐๑) ด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม (social interaction) (p<.๐๐๑) ดา้ นมอเตอร์ (motor system) (p<๐.๐๑) ด้านการปรับตวั (state regulation) (p<๐.๐๐๑) และความสามารถ ของทารกท่ีแสดงออกทางพฤติกรรม (supplementary items) (p<๐.๐๐๑) 28 พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

สุรัติ เล็กอุทัย และคณะ (๒๕๕๑) เร่ือง “ผลของการประคบสมุนไพรเพ่ือบรรเทาอาการปวดในผู้ป่วย ขอ้ เขา่ เสอ่ื มทมี่ กี ารอกั เสบ” ผลการวจิ ยั พบวา่ หลงั การรกั ษาผปู้ ว่ ยทง้ั ๓ กลมุ่ มอี าการปวดขอ้ เขา่ และมคี วามลำ� บาก ในการทำ� กจิ กรรมลดลงอยา่ งมนี ัยส�ำคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดบั ๐.๐๑ การเปรยี บเทยี บระหวา่ งกลุม่ พบวา่ ผ้ปู ว่ ยมอี าการ ปวด ระยะหา่ งของเวลาที่มอี าการปวดและความล�ำบากในการทำ� กิจกรรมไม่แตกตา่ งกัน โดยพบว่า ระหวา่ งสองวัน แรกของการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีการประคบสมุนไพร มีค่าเฉล่ียของอาการปวดลดลงอย่างรวดเร็ว กว่ากลุม่ อื่นอย่างมีนยั ส�ำคญั ทางสถิติท่รี ะดบั ๐.๐๑ ข้อสรุป คณะผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า สถาบันการแพทย์แผนไทยควรน�ำข้อค้นพบจากการวิจัยคร้ังนี้ไปใช้ ในการกำ� หนดแนวทางเวชปฏบิ ตั กิ ารแพทยแ์ ผนไทย โดยใชว้ ธิ กี ารประคบสมนุ ไพรในสองวนั แรก เพอื่ ลดการอกั เสบ เม่อื อาการอกั เสบลดลงแลว้ ควรใชก้ ารรักษาด้วยวิธีอน่ื แทน เชน่ การประคบรอ้ น หรอื การบริหารขอ้ เขา่ เน่ืองจาก มีค่าใช้จ่ายน้อยกวา่ มผี ลการรักษาไม่แตกต่างกนั และไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านอักเสบ สุธน พรบณั ฑิตยป์ ัทมา (๒๕๔๘) ศึกษา “ภมู ปิ ัญญาโต๊ะบแิ ดในการดูแลสุขภาพอนามยั กลุ่มหญงิ ตง้ั ครรภ์ และทารกชาวไทยมุสลิมใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่า ระยะฝากครรภ์ โต๊ะบิแดจะนวดหญิงต้ังครรภ์ทั้งตัว เพอื่ ใหส้ บายตวั ไมเ่ ครียดและจะนวดไทย การแต่งทอ้ งกลบั หวั เดก็ อยใู่ นทา่ ปกติ สว่ นระยะคลอด พบวา่ โตะ๊ บิแด จะนวดเพอื่ คลายความเกรง็ และเปน็ การใหก้ ำ� ลงั ใจหญงิ ตงั้ ครรภท์ เ่ี ตรยี มตวั คลอด สว่ นระยะหลงั คลอด พบวา่ โตะ๊ บแิ ด จะนวดเพื่อใหม้ ดลกู เขา้ อู่ หรอื เป็นการแต่งกุน (มดลกู ) จะนวด ๓ วันหลังคลอด ไม่เน้นจดุ ใดจุดหนงึ่ จะนวดอีกครั้ง เม่ือครบ ๗ วัน หรือเมือ่ สะดือทารกหลดุ แลว้ อนวุ ฒั น ์ ศภุ ชตุ กิ ลุ (๒๕๓๐) ศกึ ษา “การนวดไทยบำ� บดั อาการปวดกลา้ มเนอ้ื และปวดขอ้ ในโรงพยาบาล อุดรธานี โดยท�ำการศึกษากับผู้ป่วย ๘๔ ราย ที่มารับบริการโรงพยาบาลอุดรธานี แบ่งเป็น ๔ กลุ่มอาการ คือ ปวดศีรษะและคอ ๒๑ ราย ปวดไหล่ ๑๔ ราย ปวดหลงั ๓๑ ราย และปวดเข่า ๑๘ ราย พบวา่ การนวดสามารถ ลดอาการเจ็บปวดได้ ๒ ใน ๓ ของผ้ปู ว่ ยทั้งหมด มอี าการปวดลดลงมากสดุ คอื อาการปวดศรี ษะ กลุ่มอาการทป่ี วด ลดนอ้ ยสุด คือ อาการปวดไหล่ อมรรตั น์ ภาระราช และคณะ (๒๕๔๘) ศึกษา “ผลของการนวดแผนไทยประยุกต์ตอ่ ความเมื่อยลา้ ของ กล้ามเน้อื และความสุขสบายในผ้ปู ว่ ยคาท่อช่วยหายใจทางปากที่ใช้เครอื่ งชว่ ยหายใจ ผลการศึกษา พบว่า กอ่ นการ นวดแผนไทยประยกุ ต์ บรเิ วณท่ผี ู้เข้ารว่ มโครงการท้งั ๕ ราย มคี า่ เฉลยี่ คะแนนความเม่อื ยลา้ ของกล้ามเนื้อมากท่สี ุด เรียงตามลำ� ดับ คือ บริเวณหลงั ลำ� คอ ไหล่ ใบหน้า และภายหลงั ได้รับการนวดแผนไทยประยกุ ต์พบวา่ ผู้เข้าร่วม โครงการทุกราย มีค่าคะแนนเฉล่ียความเม่ือยล้าของกล้ามเน้ือลดลง และมีค่าคะแนนความสุขสบายเพิ่มข้ึน นอกจากนยี้ งั พบวา่ ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการมคี วามพงึ พอใจตอ่ การนวดทไี่ ดร้ บั ในระดบั ปานกลางถงึ มากทส่ี ดุ และตอ้ งการ ให้นำ� การนวดแผนไทยประยกุ ตม์ าใช้รว่ มกบั การรกั ษาแผนปัจจุบนั อดุ ม อดุ มวรรธนก์ ุล. (๒๕๔๕). เรอื่ ง “การถ่ายทอดการนวดแผนไทยบ้านปา่ บง” มวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือศกึ ษา การถ่ายทอดการนวดแผนไทย วิธีการรักษาและการเข้าสู่การเป็นหมอนวดแผนไทยภาคใต้ บริบททางสังคม และวฒั นธรรมชมุ ชนวธิ กี ารศกึ ษาวจิ ยั : ไดใ้ ชว้ ธิ วี จิ ยั เชงิ คณุ ภาพ โดยไดม้ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู หลายวธิ ผี สมผสานกนั ได้แก่ การสัมภาษณแ์ บบไมม่ โี ครงสร้างแนน่ อน การสังเกต การสนทนากล่มุ และผลของการศกึ ษาวจิ ยั สรุปได้ดงั น้ี พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้ 29

ประชาชนท่ศี กึ ษาเป็นประชาชนทั้งชมุ ชนโดยเฉพาะหมอนวดแผนไทยทีย่ งั คงให้บริการและเลิกบริการแล้ว ประชาชนชาวบ้านป่าบงมวี ิถีชวี ติ แบบเรียบง่าย มวี ัฒนธรรมความเชอื่ เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และมีความสมั พันธ์ เป็นวงศาคณาญาติ มีความเอ้อื อาทรและพงึ่ พงิ กัน ชุมชนแห่งนจ้ี ึงเป็นชมุ ชนทม่ี กี ารถ่ายทอดความรดู้ ้วยการสืบทอด ความรู้จากบรรพบุรุษ มีการถ่ายทอดความรู้กันในลักษณะการกล่อมเกลาทางสังคม โดยพ่อสอนให้ลูกหลาน สมาชิกในครอบครัว เครือญาติ และเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังได้มีการเรียนรู้จากผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้รู้หมอพื้นบ้าน ทง้ั ภายในชมุ ชนและภายนอกชมุ ชน เนอ่ื งจากในอดตี สมยั ทม่ี กี ารคมนาคมไมส่ ะดวก มสี ถานบรกิ ารของรฐั อยหู่ า่ งไกล ประชาชนท่มี ีการเจบ็ ปว่ ยจะต้องพงึ่ พาการรกั ษาพยาบาลแบบดั้งเดมิ ที่ได้เรียนรู้กันมานนั่ เอง คือ การรักษาดว้ ยการ บบี นวด เหยยี บ ดว้ ยสมนุ ไพร ดว้ ยไสยศาสตร์ และความรใู้ นการรกั ษาพยาบาลดว้ ยการนวดแผนไทย ดว้ ยไสยศาสตร์ ได้มีการสืบทอดกันมาให้ได้พบเห็นถึงปัจจุบัน ส่วนมากมักจะสืบทอดอยู่ในครอบครัวที่บรรพบุรุษเป็นหมอพื้นบ้าน ของชุมชนมาก่อน แต่ในปัจจุบันหมอพ้ืนบ้านยังมีให้ได้พบเห็นอยู่ ถึงแม้คุณค่าสังคมสมัยปัจจุบันได้เห็นว่า การรักษาพยาบาลแพทย์แผนปัจจุบันได้ผลท่ีรวดเร็วตอบสนองความเจ็บป่วยที่เห็นทันตากว่าการรักษาพยาบาล แบบพื้นบ้าน ความพงึ พอใจของผปู้ ว่ ยใชบ้ รกิ ารนวดแผนไทยของประชาชนในชนบทกงึ่ เมอื งดว้ ยวธิ กี ารบบี นวด เหยยี บขาง และไสยศาสตร์ ยังให้ความพึงพอใจและยอมรับ ศรัทธาซึ่งความพอใจและยอมรับของการรักษาแบบพื้นบ้าน การนวดไทยส่วนมากผู้สูงวัยและผู้สูงอายุยังมีความเช่ือว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บและนิยมใช้กันอยู่ เน่ืองจาก ความเชื่อท่ีได้รับการถ่ายทอดกันมาในอดีตผ่านวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ประเพณีแล้วบอกเล่าและให้ปฏิบัติสืบต่อ กันมา และอีกประการหนึ่งปัจจัยทางสังคมจิตวิทยาของผู้ป่วยหรือผู้รับบริการด้านความเชื่อด้ังเดิมมา มีความ พงึ พอใจในระบบบรกิ ารสงู มคี วามกงั วลในเรอ่ื งคา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย แตส่ มยั ปจั จบุ นั ทงั้ เดก็ และเยาวชนซงึ่ เปน็ คนสมยั ใหม่ ให้ความพึงพอใจและยอมรับการรักษาด้วยระบบการแพทย์แผนไทยน้อยกว่าผู้สูงวัยและผู้สูงอายุ เนื่องจาก คนเหลา่ นไี้ ดเ้ รยี นรกู้ ารรกั ษาพยาบาลจากสอ่ื ตา่ ง ๆ และจากหนว่ ยงานภาครฐั โดยเฉพาะสาธารณสขุ ใหร้ จู้ กั การรกั ษา สุขภาพอนามัยและการรักษาพยาบาลด้วยวิธีวิทยาศาสตร์มากกว่าวิธีแพทย์แผนโบราณ และส่วนมากยังไม่เคยมี ประสบการณ์ในการรกั ษาพยาบาลดว้ ยการนวดแผนไทย และปัจจบุ นั ก็ยังพบว่า การรกั ษาพยาบาลดว้ ยการแพทย์ แผนโบราณ ยังคงมีอยูก่ บั ประชาชนทกุ กล่มุ ควบค่ไู ปกบั การรกั ษาพยาบาลดว้ ยแพทยแ์ ผนปจั จุบัน อไุ ร นโิ รธนนั ท์ (๒๕๓๙) ศกึ ษา “ผลการนวดตอ่ ความเจบ็ ปวดและความทกุ ขท์ รมานในผปู้ ว่ ยมะเรง็ ” พบวา่ ระดับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของกลุ่มตัวอย่างท่ีได้รับการนวดลดลงมากกว่าไม่ได้รับการนวดอย่างมี นัยส�ำคัญทางสถติ ิ (p<.๐๐๑) 30 พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้

๕. กรอบแนวคดิ ในการศึกษา จากการทบทวนเอกสารและงานวจิ ัยที่เกยี่ วขอ้ ง พบวา่ การนวดแบบพนื้ บา้ นภาคใต้ เป็นรูปแบบการนวด ทไี่ ดร้ บั อทิ ธพิ ลสว่ นหนง่ึ มาจากภาคกลาง อกี สว่ นมาจากวฒั นธรรมทอ่ี งิ ไทยพทุ ธศาสนาและองิ ไทยมสุ ลมิ และพบวา่ ภูมิหลังการเป็นหมอนวดพื้นบ้านภาคใต้ ส่วนใหญ่มาจากการสืบทอดจากบรรพบุรุษ ซึ่งมีรูปแบบการนวดเป็นการ เฉพาะท่ีคนในชุมชนให้การยอมรับ ซึ่งจ�ำเป็นต้องจัดระบบการนวดพ้ืนบ้าน โดยการถอดองค์ความรู้ตามภูมิปัญญา การนวดแบบพ้ืนบ้านของภาคใต้ ผู้วิจัยจึงได้น�ำข้อมูลจากการทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาก�ำหนด กรอบแนวคิดในการศกึ ษาตามแผนภูมทิ ี่ ๑ แผนภูมทิ ี่ ๑ กรอบแนวคดิ การศกึ ษา พน้ื ฐานการนวดพ้ืนบา้ นภาคใต้ ลกั ษณะท่ีพึงประสงคข์ องการ กระบวนการนวดแบบพน้ื บา้ น ผลลัพธ์ทีเ่ กิดขึน้ เป็นหมอนวดพน้ื บา้ น คุณสมบัตกิ ารเปน็ หมอนวดพื้นบา้ น องคค์ วามรู้พ้นื ฐานในการนวด องคค์ วามรู้การนวดแบบพนื้ บ้าน - ทางกายภาพ - ทางกายภาพ เฉพาะภาค - ทางจิตวญิ ญาณ/จรรยาบรรณ - ทางสรรี วิทยา รปู แบบการนวดแบบพ้ืนบ้าน สถานท่ใี หบ้ รกิ ารนวดพื้นบา้ น - ตำ� แหนง่ นวดหรอื จดุ นวด เฉพาะภาค - ท่บี ้าน หลักการวนิ จิ ฉยั โรค - นอกบ้าน - การซกั ประวตั ิ รปู แบบการใหบ้ รกิ ารนวดแบบพน้ื บา้ น - การตรวจรา่ งกาย - การนวดจับเส้น วิธีการนวดแก้โรค/อาการ - การใชอ้ วัยวะอ่ืนและการนวดอื่น - สาเหตุ ร่วมดว้ ย - อาการที่แสดง - ขั้นตอนการนวด พิธีกรรมทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ข้อควรระวงั และขอ้ ห้ามในการนวด พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 31

32

๓บทที่ วธิ ีการศึกษา จากการทบทวนเอกสารและวัตถุประสงค์ของการศึกษาคร้ังน้ี เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพที่เป็นองค์ความรู้ การนวดแบบพ้ืนบา้ นท่หี มอพน้ื บ้านใชใ้ นการดแู ลสขุ ภาพในชมุ ชน ซึง่ สามารถกำ� หนดวธิ ีการศึกษา ตามรายละเอียด ดังน้ี ๑. ประชากรและการเลอื กกล่มุ ตัวอย่าง ๑.๑ ประชากรในการศกึ ษา เปน็ หมอนวดพน้ื บา้ นในชมุ ชน ทส่ี บื ทอดองคค์ วามรกู้ ารนวดแบบพน้ื บา้ นจากบรรพบรุ ษุ หรอื บคุ คลอนื่ ในลักษณะการเรียน การสอน แบบตัวต่อตัว ซ่ึงผู้วิจัยได้รายช่ือหมอนวดพ้ืนบ้านภาคใต้จากฐานข้อมูลของ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส�ำรวจหมอนวดพ้ืนบ้านจาก ๑๔ จังหวัด ในภาคใต้ พบว่า มีหมอนวดพนื้ บ้านทง้ั หมด ๓๕๖ คน จึงถอื เป็นประชากรในการศกึ ษาครง้ั น้ี ๑.๒ การเลือกกลมุ่ ตวั อย่าง เน่ืองจากหมอนวดพ้ืนบ้าน จ�ำนวน ๓๕๖ คน มีความหลากหลายในรูปแบบการนวดและระยะเวลา ประสบการณ์ในการนวดที่แตกต่างกัน ผู้วิจัยจึงจ�ำเป็นต้องก�ำหนดคุณสมบัติหมอนวดพ้ืนบ้านในการเลือกกลุ่ม ตวั อย่างในการศึกษาคร้ังนี้ ดงั นี้ หลกั เกณฑ์ในการคดั เลอื กกลมุ่ ตัวอย่าง เปน็ หมอพน้ื บา้ นมปี ระสบการณ์ในการนวดมากกวา่ ๑๐ ปขี ้ึนไป มีจ�ำนวนผปู้ ว่ ยมากกว่า ๑๐๐ ราย ท่ผี ่านการนวดมาก่อน เป็นหมอนวดพน้ื บา้ นที่ชมุ ชนให้การยอมรบั การนวดแบบพื้นบา้ น เปน็ หมอพน้ื บ้านท่ียังให้บรกิ ารนวดแบบพ้นื บา้ นจนถงึ ปัจจุบัน จากหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยจะเลือกสุ่มจากรายชื่อหมอนวด พ้ืนบ้านจากฐานข้อมูลของกองการแพทย์พ้ืนบ้านไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยการ สัมภาษณ์เจาะลึก ตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างดังกล่าว จากการสุ่มเลือกแบบเจาะจง พบว่า ได้หมอนวดพ้ืนบ้านตามเกณฑ์คัดเลือกจ�ำนวน ๗๔ คน ผู้วิจัยจึงได้ด�ำเนินการคัดเลือกจากหมอนวดพื้นบ้าน จ�ำนวน ๗๔ คน โดยคดั เลือกหมอนวดพื้นบา้ นท่มี ผี ูป้ ว่ ยมารับบริการนวดจากหมอนวดพน้ื บ้านมากกว่า ๕ คนตอ่ วัน จึงไดห้ มอนวดพ้ืนบา้ นในภาคนี้ จำ� นวน ๒๑ คน จงึ ไดก้ ลุม่ ตวั อยา่ งในการศึกษาในภาคน้ี จ�ำนวน ๒๑ คน พื้ น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 33

๒. เคร่อื งมอื ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู สำ� หรับเคร่ืองมอื ทีใ่ ช้ในการศึกษาครงั้ น้ี ประกอบดว้ ย เครอ่ื งมือ ๒ ชุด เป็นแนวทางการสัมภาษณ์เจาะลกึ และสนทนากลมุ่ มรี ายละเอยี ดดังน้ี ชุดที่ ๑ แนวทางการสมั ภาษณ์เจาะลกึ ประกอบด้วย สว่ นที่ ๑ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ของหมอนวดพ้นื บา้ น ๑.๑ คุณสมบตั ขิ องหมอนวดพนื้ บา้ น คุณสมบตั ิทางกายภาพ คุณสมบตั ทิ างจติ วญิ ญาณและจรรยาบรรณ ๑.๒ คุณลักษณะของสถานทท่ี ใี่ หบ้ รกิ ารนวด อาคารนวด หอ้ งนวด ๑.๓ รูปแบบการใหบ้ รกิ ารนวด นวดน้ำ� มนั จบั เส้น คลงึ เส้น กดเสน้ เหยียบเสน้ อบ ประคบสมุนไพร ส่วนท่ี ๒ กระบวนการนวดแบบพื้นบา้ น ๒.๑ องค์ความรพู้ ื้นฐานในการนวด ลกั ษณะของเส้นเอน็ และจดุ การนวด ทางเดนิ ของเส้นเอน็ ๒.๒ กระบวนการนวดรกั ษา ๒.๒.๑ หลกั การวินจิ ฉัยโรค ซกั ประวตั ิ ตรวจรา่ งกาย ๒.๒.๒ โรค/อาการของโรคที่รกั ษาไดด้ ้วยการนวดพ้ืนบา้ น สว่ นหัว/คอ ส่วนหลงั สว่ นแขน/มือ ส่วนขา/เทา้ ส่วนหน้าอก/ทอ้ ง ทกุ สว่ นของรา่ งกาย โดยแต่ละส่วนจะระบุ โรค/อาการ อาการแสดง และสาเหตุท่ีท�ำให้ เกดิ โรค/อาการ 34 พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พ้ื น บ้ า น ภ า ค ใต้

๒.๒.๓ วิธกี ารนวดรักษา โรคและอาการส่วนศีรษะ/คอ โรคและอาการส่วนหน้าอก/ทอ้ ง โรคและอาการสว่ นหลัง โรคและอาการสว่ นแขน/มอื โรคและอาการส่วนขา/เทา้ โรคและอาการคร่งึ ทอ่ น/คร่งึ ซีก/ทั้งตัว ๒.๒.๔ ขอ้ ห้ามและข้อควรปฏิบตั ิประกอบการรกั ษา ขอ้ หา้ มในการนวด ขอ้ ควรระวงั ในการนวด ขอ้ ควรปฏิบัตหิ ลงั การนวด สว่ นท่ี ๓ พธิ ีกรรมท่เี กีย่ วข้อง ประกอบดว้ ย ๓.๑ รูปแบบพธิ กี รรม กอ่ นการรักษา ระหวา่ งการรักษา หลงั การรักษา ชดุ ท่ี ๒ แนวทางการสนทนากล่มุ นำ� เครอื่ งมอื ชุดท่ี ๑ เป็นแนวทางการสนทนากลุ่ม ประกอบดว้ ยประเด็นดงั ต่อไปน้ี ลักษณะทพี่ ึงประสงคข์ องหมอนวดพนื้ บ้าน - คณุ สมบตั ิของหมอนวดพืน้ บา้ น - คุณลักษณะของสถานที่ท่ใี หบ้ ริการนวด - รปู แบบการใหบ้ รกิ ารนวด ระบบการนวดพื้นบา้ น - หลักการวนิ จิ ฉยั โรค - โรค/อาการของโรคที่รกั ษาได้ด้วยการนวดพนื้ บ้าน - วิธีการนวด - ข้อห้าม/ขอ้ ควรปฏบิ ัติ พธิ ีกรรม - รูปแบบพธิ ีกรรม พ้ื น ฐ า น ก า ร น ว ด พื้ น บ้ า น ภ า ค ใต้ 35