Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิชาออกแบบและเทคโนโลยี ชั้น ม.2

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาออกแบบและเทคโนโลยี ชั้น ม.2

Published by Guset User, 2022-08-11 10:12:55

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาออกแบบและเทคโนโลยี ชั้น ม.2

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาพน้ื ฐาน การออกแบบและเทคโนโลยี ม.2 ตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้ีวดั สาระเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 พระมหาปัณณทตั อภวิ ฑฺฒโน ครผู สู้ อน / ผจู้ ดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้

คำนำ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด สาระเทคโนโลยี กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพอ่ื ให้สถานศึกษานำไปใช้เปน็ กรอบทศิ ทางในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา วางแผนการจัดการเรยี นการสอนและ จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามเป้าหมายของ หลักสูตร ตลอดจนให้เกิดผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษา ดังนั้น ขั้นตอนการนำหลักสูตร สถานศกึ ษาไปปฏิบตั ิจรงิ ในช้นั เรยี นของครผู ้สู อน จงึ จดั เป็นหัวใจสำคัญในการพฒั นาผเู้ รยี น แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ จัดทำข้ึนเพื่อใช้เป็นแนวทางวางแผนจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานและ ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ (Backward Design) ตลอดจนเน้นกิจกรรมแบบ Active Learning อันจะช่วยใหผ้ ู้ปกครองและหน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้องกับการประเมินคุณภาพการศึกษา สามารถมน่ั ใจ ในผลการเรยี นรู้และคุณภาพของผ้เู รียนทม่ี หี ลักฐานตรวจสอบผลการเรยี นรู้อยา่ งเปน็ ระบบ แผนการจัดการเรียนรู้เล่มน้ี จัดทำข้ึนเป็นแนวทางวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการใช้หนังสือ เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โดยทั้งนี้การออกแบบการ เรียนรู้ (Instructional Design) ได้ดำเนินการตามกระบวนการ ดังนี้ 1 หลกั การจัดการเรยี นรอู้ ิงมาตรฐาน หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยจะกำหนดผลการเรียนรู้ไว้เป็นเป้าหมายในการจัดการเรียนการสอน ผู้สอน จะตอ้ งศึกษาและวเิ คราะหร์ ายละเอียดของมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้ีวัดทกุ ข้อว่า ระบุใหผ้ เู้ รียนต้องมคี วามรู้ความ เข้าใจเก่ียวกับเรื่องอะไร และต้องสามารถลงมือปฏิบัติอะไรได้บ้าง และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่เกิดข้ึนกับ ผู้เรยี นจะนำไปส่กู ารเสริมสร้างสมรรถนะสำคญั และคุณลักษณะอนั พึงประสงคด์ า้ นใดแก่ผู้เรยี น มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้ีวดั ผู้เรยี นรอู้ ะไร ผ้เู รยี นทำอะไรได้ นำไปสู่ 2 หลกั การจัดสมกริจรกถนระรสมำคกัญาขรอเรงผียเู้ รนียรนทู้ ีเ่ นน้ ผู้เรียนคเปุณน็ลกัสษำณคะัญอนั พึงประสงค์

เม่ือผู้สอนวิเคราะห์รายละเอยี ดของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด และได้กำหนดเป้าหมายการจัดการเรียน การสอนเรียบร้อยแล้ว จึงกำหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้และแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนลงมือ ปฏบิ ตั ิตามขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนรูท้ ี่ออกแบบไว้จนบรรลมุ าตรฐานและตวั ชีว้ ดั ทกุ ข้อ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ดั เปา้ หมาย หลักการจดั การเรยี นรู้ การเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น และการพฒั นา เนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคัญ คุณภาพ สนองความแตกต่างระหว่างบุคคล คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ของผูเ้ รยี น เนน้ พัฒนาการทางสมอง ของผูเ้ รยี น กระตุ้นการคิด เน้นความรู้คคู่ ุณธรรม 3 หลกั การบรู ณาการกระบวนการเรยี นรู้สผู่ ลการเรียนรู้ เมื่อผู้สอนกำหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้ และแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไว้แล้ว จึงกำหนด รูปแบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ ท่ีจะฝึกฝนใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรู้ บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด โดยเลือกใช้กระบวนการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่เป็นเป้าหมายในหน่วย น้ัน ๆ เช่น กระบวนการเรียนรูแ้ บบบูรณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการเรยี นรู้ด้วยตนเอง กระบวนการ เผชิญสถานการณ์และการแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการคดิ วิเคราะห์อย่างมวี ิจารณญาณ กระบวนการทางสังคม ฯลฯ กระบวนการเรียนรทู้ ่ี มอบหมายให้ผเู้ รียนลงมือปฏิบัตนิ ้ันจะตอ้ งนำไปสู่การเสรมิ สร้างสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของ ผเู้ รียนตามสาระการเรยี นร้ทู ก่ี ำหนดไวใ้ นแต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้ 4 หลักการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละหน่วย ผู้สอนต้องกำหนดข้ันตอนและ วธิ ปี ฏบิ ตั ิใหช้ ัดเจน โดยเนน้ ใหผ้ ู้เรยี นได้ลงมือฝึกฝนและฝกึ ปฏิบตั ิมากที่สดุ ตามแนวคดิ และวิธกี ารสำคญั คือ 1) การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางสติปัญญา ที่ผู้เรียนทุกคนต้องใช้สมองในการคิดและทำความเข้าใจ ในสิ่งต่างๆ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติ ทดลองค้นคว้า จนสามารถสรุปเป็นความรู้ได้ด้วยตนเอง และ สามารถนำเสนอผลงาน แสดงองคค์ วามรูท้ ี่เกดิ ขึน้ ในแต่ละหนว่ ยการเรยี นรูไ้ ด้

2) การสอน เป็นการเลือกวิธีการหรอื กิจกรรมท่ีเหมาะสมกับการเรียนรใู้ นหน่วยน้ัน ๆ และที่สำคญั คือ ต้อง เป็นวธิ ีการทีส่ อดคล้องกับสภาพผู้เรยี น ผูส้ อนจึงต้องเลือกใช้วิธกี ารสอน เทคนิคการสอน และรปู แบบการ สอนอย่างหลากหลาย เพอื่ ช่วยใหผ้ เู้ รยี นปฏิบตั กิ ิจกรรมการเรียนรไู้ ด้อยา่ งราบรื่นจนบรรลตุ วั ชีว้ ดั ทุกขอ้ 3) รูปแบบการสอน ควรเป็นวิธีการและขั้นตอนฝึกปฏิบัติท่ีส่งเสริมหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถคิดอย่าง เป็นระบบ เช่น รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) รูปแบบการสอนโดยใช้การคิดแบบ โยนิโสมนสิการ รูปแบบการสอนแบบ CIPPA Model รูปแบบการเรียนการสอนตามวัฏจักรการเรียนรู้ แบบ 4MAT รูปแบบการเรยี นการสอนแบบร่วมมอื เทคนิค JIGSAW, STAD, TAI, TGT 4) วิธกี ารสอน ควรเลือกใช้วธิ ีการสอนที่สอดคลอ้ งกับเนื้อหาของบทเรียน ความถนัด ความสนใจ และสภาพ ปัญหาของผู้เรียน วิธสี อนท่ีดจี ะช่วยใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุผลการเรียนรู้ตามในระดับผลสมั ฤทธิท์ ี่สงู เช่น วิธีการสอนแบบบรรยาย การสาธิต การทดลอง การอภิปรายกลุ่มย่อย การแสดงบทบาทสมมติ การใช้ กรณตี ัวอย่าง การใช้สถานการณจ์ ำลอง การใชศ้ นู ย์การเรยี น การใช้บทเรยี นแบบโปรแกรม เปน็ ต้น 5) เทคนิคการสอน ควรเลือกใชเ้ ทคนคิ การสอนทส่ี อดคลอ้ งกบั วิธกี ารสอน และช่วยให้ผู้เรยี นเขา้ ใจเนื้อหาใน บทเรียนได้ง่ายข้ึน สามารถกระตุ้นความสนใจและจูงใจให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมี ประสิทธิภาพ เช่น เทคนิคการใช้ผังกราฟิก (Graphic Organizers) เทคนิคการเล่านิทาน การเล่นเกม เทคนิคการใช้คำถาม การใช้ตัวอยา่ งกระตนุ้ ความคิด การใช้สอื่ การเรียนรู้ท่ีนา่ สนใจ เป็นต้น 6) สื่อการเรียนการสอน ควรเลือกใช้ส่ือหลากหลายกระตุ้นความสนใจ และทำความกระจ่างให้เน้ือหา สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้บรรลุตัวช้ีวัดอย่างราบรื่น เช่น ส่ือส่ิงพิมพ์ เอกสารประกอบการสอน แถบวีดิทัศน์ แผ่นสไลด์ คอมพิวเตอร์ VCD LCD Visualizer เปน็ ต้น ควรเตรียมส่อื ใหค้ รอบคลมุ ทงั้ สอ่ื การสอนของครแู ละสื่อการเรียนร้ขู องผเู้ รยี น 5 หลกั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบย้อนกลับตรวจสอบ เม่ือผู้สอนวางแผนออกแบบการจัดการเรียนรู้ รวมถึงกำหนดรูปแบบการเรียนการสอนไว้เรียบรอ้ ยแลว้ จึงนำ เทคนิควิธีการสอน วิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และส่ือการเรียนรู้ไปลงมือจัดการเรียนการสอน ซ่ึงจะนำผู้เรียนไปสู่ การสร้างช้ินงานหรือภาระงาน เกิดทักษะกระบวนการและสมรรถนะสำคัญตามธรรมชาติวิชา รวมท้ังคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดท่ีเป็นเป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ ตามลำดับขั้นตอน การเรียนรู้ที่กำหนดไว้ ดงั น้ี

จากเปา้ หมายและ เปา้ หมายการเรียนรขู้ องหน่วย หลักฐาน คดิ ยอ้ นกลบั หลักฐานชิน้ งาน/ภาระงาน แสดงผลการเรียนรูข้ องหน่วย สู่จดุ เรม่ิ ตน้ ของกจิ กรรมการเรียนรู้ 4 กิจกรรม คำถามชวนคิด แสดงผลการเรียนรู้ของหนว่ ย 3 กจิ กรรม คำถามชวนคิด จากกจิ กรรมการเรยี นรู้ 2 กิจกรรม คำถามชวนคดิ ทีละขนั้ บนั ได 1 กิจกรรม คำถามชวนคิด ส่หู ลกั ฐานและ เปา้ หมายการเรยี นรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงแล้ว จะต้อง ฝึกฝนกระบวนการคิดทุกข้ันตอน โดยใช้เทคนิคการตั้งคำถามกระตุ้นความคิด และใช้ระดับคำถามให้สัมพันธ์กับ เน้ือหาการเรียนรู้ ตั้งแต่ระดับความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่า และ การสร้างสรรค์ นอกจากจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจบทเรียนอย่างลึกซึ้งแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อสอบ O-NET ซงึ่ เป็นการทดสอบระดับชาตทิ ี่เน้นกระบวนการคิดระดบั วิเคราะห์ด้วย และในแต่ละแผนการเรยี นรู้ จึงมีการระบุคำถามเพื่อกระตุ้นความคิดของผู้เรียนไว้ด้วยทุกกิจกรรม ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนวิธีการทำข้อสอบ O-NET ควบคไู่ ปกบั การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเรยี นรตู้ ามผลการเรยี นรู้ท่สี ำคัญ ทั้งนี้การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยจะครอบคลุมกิจกรรมการเรียนรู้ และการ ประเมินผลด้านความรู้ความเข้าใจ (K) ด้านทักษะกระบวนการ (P) และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) ตาม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั สาระเทคโนโลยี กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม หลักสูตรแกนกลางฯ การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 พร้อมทั้งออกแบบเครื่องมือการวัดและประเมินผล ตลอดจนแบบบันทึกผลการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ไว้ครบถ้วน สอดคล้องกับมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน เช่น แบบบันทึกผลด้านการคดิ วิเคราะห์ ดา้ นการอ่านและแสวงหาความรู้ ด้านสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตร เป็นต้น ผู้สอนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ประกอบการจัดทำรายงานการ ประเมินตนเอง (Self Assessment Reports) จงึ ม่ันใจอย่างย่ิงวา่ การนำแผนการจัดการเรยี นรเู้ ลม่ นี้ไปเปน็ แนวทาง จัดการเรียนการสอนจะช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงข้ึนตามมาตรฐานการศึกษาและการ ประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษาทุกประการ คณะผจู้ ัดทำ

สารบญั สรุปหลกั สตู รฯ วิทยาศาสตร์ หนา้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง วทิ ยาศาสตร์ พิเศษ 1-3 คำอธิบายรายวชิ า เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 พเิ ศษ 4 โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 Pedagogy พิเศษ 6 โครงสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เทคโนโลยกี บั ชีวิต พิเศษ 7 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 การเปลีย่ นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี พเิ ศษ 9-10 พิเศษ 11-14 15 25 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 วสั ดุอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี 40 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับวสั ดุ 53 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 เครอ่ื งกลและเครือ่ งมือในการสรา้ งชิ้นงาน 63 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 เสยี งและอปุ กรณ์ท่ีทำให้เกดิ เสียง 74 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ไฟฟา้ และอุปกรณท์ ่ีทำให้เกิดแสง 81 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 98 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 110 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม 120 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 การคิดเชงิ ออกแบบ 135 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 กระบวนการคิดเชิงออกแบบ 147 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ถอดความคดิ เชงิ ออกแบบของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร 155 มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร

สรปุ หลกั สตู ร วิทยาศาสตร์* ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้กำหนดสาระการเรียนรู้ออกเป็น 4 สาระ ได้แก่ สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ และสาระท่ี 4 เทคโนโลยี มีสาระเพิ่มเติม 4 สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ และสาระโลก ดาราศาสตร์ และ อวกาศ องค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในด้านของเน้ือหา การจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละระดับช้ันให้มีความ ต่อเนื่องเช่ือมโยงกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ได้กำหนดตวั ชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางที่ผู้เรียนจำเป็นตอ้ งเรียนเปน็ พื้นฐาน เพ่ือให้สามารถนำ ความรู้น้ีไปใช้ในการดำรงชีวิต หรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ได้ โดยจัดเรียงลำดับความยากง่ายของ เนื้อหาในแต่ละระดับช้ันให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ ผู้เรียนพัฒนาความคิด ท้ังความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญท้ังทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ ตรวจสอบได้ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้ปรับปรุงเพ่ือให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกัน ภายในสาระการเรียนรู้เดียวกัน และระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการ เชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความทันสมัยต่อการ เปล่ียนแปลง และความเจริญกา้ วหนา้ ของวิทยาการตา่ ง ๆ และทัดเทยี มกับนานาชาติ ซ่งึ สรปุ ไดด้ ังแผนภาพ *สรปุ และลดทอนจาก สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ตัวชวี้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการ เรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั , 2560). พิเศษ 1

พเิ ศษ 2

พเิ ศษ 3

มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง วทิ ยาศาสตร์ สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยีเพือ่ การดำรงชวี ติ ในสงั คมทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใช้ความรแู้ ละทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพื่อแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยี อยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม ชั้น ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.2 1. คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีทจี่ ะเกิดข้ึน  สาเหตุหรอื ปจั จัยต่าง ๆ เช่น ความกา้ วหน้าของศาสตร์ โดยพจิ ารณาจากสาเหตุหรือปัจจยั ทส่ี ง่ ผล ต่าง ๆ กาเรปลี่ยนแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจ สังคม ตอ่ การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี และ วฒั นธรรม ทำใหเ้ ทคโลยมี กี ารเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา วเิ คราะห์ เปรียบเทยี บ ตัดสนิ ใจ เลือกใช้  เทคโนโลยแี ตล่ ะประเภทมีผลกระทบตอ่ ชีวิต สังคม และ เทคโนโลยี โดยคำนึงถงึ ผลกระทบทเี่ กิดขน้ึ สง่ิ แวดล้อมทแี่ ตกต่างกัน จึงตอ้ งวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ ต่อชวี ติ สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม ขอ้ ดี ข้อเสยี และตดั สนิ ใจเลือกใช้ใหเ้ หมาะสม 2. ระบปุ ญั หาหรอื ความต้องการในชุมชน  ปญั หาหรือความต้องการในชุมชนหรือท้องถ่ินมีหลาย หรือท้องถิ่น สรปุ กรอบของปัญหา อย่าง ขึน้ กบั บริบทหรือสถานการณ์ท่ปี ระสบ เชน่ รวบรวม วเิ คราะห์ ขอ้ มูลและแนวคดิ ที่ ดา้ นพลังงาน สิ่งแวดล้อม การเกษตร การอาหาร เกย่ี วข้องกบั ปัญหา  การระบุปัญหาจำเปน็ ต้องมกี ารวเิ คราะหส์ ถานการณ์ของ ปัญหาเพื่อสรปุ กรอบของปญั หาแลว้ ดำเนนิ การสบื คน้ รวบรวมข้อมูล ความรจู้ ากศาสตร์ต่าง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง เพอื่ นำไปสูก่ ารออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา 3. ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หา โดยวเิ คราะห์  การวิเคราะห์ เปรยี บเทยี บ และตัดสนิ ใจเลอื กข้อมลู ท่ี เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมลู ที่ จำเป็น โดยคำนึงถงึ เง่ือนนไขและทรัพยากร เชน่ ง จำเป็นภายใต้เงื่อนไขและทรัพยากรที่มอี ยู่ งบประมาณ เวลา ข้อมลู และสารสนเทศ วสั ดุ เคร่ืองมือ นำเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาใหผ้ ้อู ืน่ และอุปกรณ์ช่วยให้ได้แนวทางการแก้ปญั หาที่เหมาะสม เข้าใจ วางแผนขัน้ ตอนการทำงานและ  การออกแบบแนวทางการแก้ปญํ หาทำได้หลากหลายวธิ ี ดำเนนิ การแก้ปญั หาอยา่ งเป็นขนั้ ตอน เชน่ การรา่ งภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขียนผังงาน  การกำหนดข้ันตอนระยะเวลาในการทำงานก่อน ดำเนนิ การแก้ปัญหาจะชว่ ยให้การทำงานสำเรจ็ ได้ตาม เป้าหมาย และลดข้อผดิ พลาดของการทำงานที่ อาจเกิดขึน้ พิเศษ 4

ชนั้ ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 4. ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธิบายปัญหา  การทดสอบและประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบช้นิ งาน หรอื ข้อบกพรอ่ งที่เกดิ ขน้ึ ภายใต้กรอบ หรือวิธกี ารว่าสามารถแกป้ ญั หาไดต้ ามวตั ถุประสงค์ เงอื่ นไข พร้อมทั้งหาแนวทางปรับปรุงแก้ไข ภายใตก้ รอบของปญั หา เพื่อหาข้อบกพร่อง และ และนำเสนอผลการแกป้ ญั หา ดำเนนิ การปรบั ปรงุ ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้  การนำเสนอผลงานเปน็ การถ่ายทอดแนวคิดเพ่ือให้ผู้อน่ื เขา้ ใจเก่ียวกับกระบวนการทำงานและชิ้นงานหรือวธิ กี าร ทีไ่ ด้ ซงึ่ สามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เช่น การเขยี นรายงาน การทำแผน่ นำเสนอผลงาน การจดั นิทรรศการ 5. ใชค้ วามรู้ และทักษะเก่ยี วกับวสั ดุ อปุ กรณ์  วสั ดุแตล่ ะประเภทมีคณุ สมบัติแตกตา่ งกัน เชน่ ไม้ โลหะ เครอ่ื งมอื กลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ พลาสติก จงึ ต้องมีการวเิ คราะหส์ มบตั เิ พ่ือเลอื กใชใ้ ห้ เพอ่ื แกป้ ญั หาหรือพัฒนางานได้อย่าง เหมาะสมกับลักษณะของงาน ถูกต้องเหมาะสม และปลอดภัย  การสร้างช้ินงานอาจใช้ความรู้ เรอื่ งกลไล ไฟฟา้ อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LED มอเตอร์ บซั เซอร์ เฟือง รอก ลอ้ เพลา  อปุ กรณ์และเครื่องมอื ในการสร้างชิ้นงานหรอื พฒั นา วิธีการมหี ลายประเภท ต้องเลือกใชใ้ ห้ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมท้งั ร้จู ักเก็บรกั ษา พิเศษ 5

คำอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา 20 ชวั่ โมง ศกึ ษาสาเหตุหรือปัจจัยท่ีส่งผลต่อการเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลง เทคโนโลยตี ่อมนุษย์ และสงั คม ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีตอ่ เศรษฐกจิ ผลกระทบจากการ เปลีย่ นแปลงเทคโนโลยตี อ่ ส่งิ แวดล้อม ประเภท ของวสั ดุอุปกรณเ์ พอื่ ใหส้ ามารถสรา้ งชิน้ งานไดต้ รงกบั ความต้องการ มคี วามปลอดภัย และใชท้ รพั ยากรได้อยา่ งคมุ้ คา่ เครอ่ื งกลในการสรา้ งชน้ิ งาน ได้แก่ รอก คาน ล้อและเพลา พืน้ เอยี ง ลม่ิ สกรู เครอื่ งมือในการสร้างชนิ้ งาน เคร่ืองมอื วัด เคร่ืองมือตัด เครื่องมือ ยดึ ติด เคร่ืองมือเจาะ เสยี งและอปุ กรณ์ท่ี ทำใหเ้ กิดเสียง อุปกรณท์ ีท่ ำให้เกดิ เสยี ง ไฟฟ้าและอปุ กรณ์ทท่ี ำใหเ้ กดิ แสง วงจรไฟฟ้าและ การต่อตวั ต้านทาน ประเภทและการต่อวงจรไฟฟ้า ความสมั พันธข์ องกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์แนวคิด กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ระบบเทคโนโลยีการคิดเชิงออกแบบ แนวคดิ หลัก ของการคดิ เชงิ ออกแบบ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ และความคดิ เชงิ ออกแบบของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกา- ธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยอาศยั กระบวนการเรียนรโู้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) และการเรียนรู้แบบ สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เนน้ ให้ผู้เรยี นได้ลงมือปฏบิ ตั ิ ฝกึ ทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์ การแกป้ ัญหาวางแผนการเรียนรู้ และ นำเสนอผา่ นการทำกิจกรรมโครงงาน เพอ่ื ให้ผเู้ รียนมีความรู้ความเข้าใจ ความสัมพนั ธ์ของความรู้วิทยาศาสตรท์ ่ีมผี ลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี ประเภทต่าง ๆ และการพฒั นาเทคโนโลยีที่ส่งผลใหม้ กี ารคิดคน้ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ทกี่ า้ วหน้า ผลของเทคโนโลยี ต่อชวี ติ สังคม และสิง่ แวดลอ้ ม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีไปใช้ใหเ้ กิด ประโยชน์ตอ่ สังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการ แก้ปัญหาและการจดั การทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสนิ ใจ เป็นผู้ท่ีมจี ติ วิทยาศาสตรม์ ีคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์ ตวั ชีว้ ดั ว 4.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 รวม 5 ตัวชว้ี ดั พิเศษ 6

โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ชนั้ ม.2 ลำดับที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน มโนทัศนส์ ำคัญ เวลา 1. เทคโนโลยีกับชวี ิต การเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั (ชม.) 2. วสั ดุ อุปกรณ์ทาง ว 4.1 ม.2/1 มนุษย์ค้นพบและสร้างองค์ความรู้หลายสาขา 2 เทคโนโลยี เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสตร์ท่ีส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอย่าง มาก คือ วิทยาศาสตร์ เป็นความรู้ท่ีเก่ียวกับสิ่ง ต่าง ๆ ในธรรมชาติท้ังท่ีมีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยมีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ท่ีใช้ในการสืบ เสาะหาความรู้นั้นอาศัยการสังเกตเป็นพ้ืนฐาน และคณิตศาสตร์ที่เก่ียวข้องกับการอธิบาย โครงสร้าง ความสัมพันธ์ ระเบียบ รูปแบบ หรือแบบแผนต่าง ๆ ท้ังท่ีอยู่ในธรรมชาติ รอบตัวและภาพที่อยู่ในสมอง เท่าท่ีมนุษย์จะ ส า ม า ร ถ รั บ รู้ ได้ ท้ั ง ใน เชิ งน า ม ธ ร ร ม แ ล ะ เชิ ง รูปธรรม โดยอาศัยการคำนวณและโมเดลทาง คณิตศาสตร์มาอธิบาย ดังนั้น การค้นพบทาง วิทยาศาสตร์ท่ีมีการอธิบายในรูปแบบของ สมการทางคณิตศาสตร์ท่ีแม่นยำจะช่วยให้เกิด เทคโนโลยีใหม่ ๆ ข้ึนมาอีกมากมาย และ เท ค โน โล ยี ท่ี พั ฒ น าข้ึ น ส ร้ า งผ ล ก ร ะ ท บ ทั้ ง ทางด้านมนุษย์และสังคม ด้านเศรษฐกิจ และ ดา้ นสง่ิ แวดล้อม ว 4.1 ม.2/5 ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยพี ฒั นาและ 8 ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จึงได้มีการนำความรู้ เห ล่ า น้ี ม า พั ฒ น า แ ล ะ ป รั บ ป รุ ง วั ส ดุ ต่าง ๆ เพ่ือตอบสนองต่อความต้องการ ที่หลากหลาย โดยผ่านกระบวนการทาง เทคโนโลยี และถูกส่งต่อจนพัฒนามาเป็น กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยการ พเิ ศษ 7

ลำดบั ที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน มโนทศั นส์ ำคัญ เวลา 3. กระบวนการออกแบบ การเรียนร/ู้ ตัวช้วี ดั (ชม.) เชิงวิศวกรรม สร้างเครื่องมือหรือชิ้นงาน ความรู้เกี่ยวกับวสั ดุ 4. การคดิ เชงิ ออกแบบ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก เสียง แสง ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกสเ์ ป็นสิ่งสำคัญ ซ่ึงจะ ช่ ว ย ท ำ ใ ห้ ส ร้ า ง ช้ิ น ง า น ได้ เห ม า ะ ส ม แ ล ะ ปลอดภัย ว 4.1 ม.2/2 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เป็น 6 ม.2/3 กระบวนการที่สามารถนำมาแก้ปัญหาหรือ ม.2/4 สร้างสรรค์ส่ิงใหม่ ๆ ซ่ึงกระบวนการออกแบบ วิศวกรรมจะเริ่มจากการระบุปัญหาหรือส่ิงท่ี ต้องการท่ีจะสร้างข้ึน จากนั้นรวบรวม องค์ ความรู้ ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา วางแผน ดำเนินการ ประเมินผล และนำเสนอการ แก้ปญั หาหรอื ผลงานของชิน้ งาน ซง่ึ กระบวน- การเหล่าน้ีเรียกว่า STEM ที่เป็นการรวบรวม ศาสตร์ต่าง ๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิ ศ ว ก ร ร ม ศ า ส ต ร์ แ ล ะ ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ มาประยุกต์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาหรือ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ว 4.1 ม.2/2 การคิดเชิงออกแบบเป็นแนวคิดที่ใช้ในการ 4 ม.2/3 แก้ปัญหา โดยยึดเอาคนหรือประสบการณ์ ม.2/4 ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง และร่วมกันค้นคิดวิธีการ แก้ปัญหาร่วมกันของทีมงานอย่างสร้างสรรค์ ทำให้ต้นแบบที่ผลิตข้ึนมาเป็นเทคโนโลยีที่มี ความท่ีมีข้อผิดพลาดน้อย และเทคโนโลยีนั้น มีมูลค่าท่ีสูงข้ึน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาด้วย การเน้นทำความเข้าใจว่าคนต้องการอะไร แท น ท่ี วิธีก ารแบ บ เดิ ม ที่ มัก เริ่ม ต้น จาก “ปญั หา” พเิ ศษ 8

Pedagogy สื่อการเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 ผู้จัดทำได้ออกแบบการสอน (Instructional Design) อันเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนที่เป่ียมด้วยประสิทธิภาพและมีความ หลากหลายให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผ้เู รียนสามารถบรรลุผลสัมฤทธ์ิตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด รวมถึงสมรรถนะ และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผู้เรยี นที่หลักสูตรกำหนดไว้ โดยครสู ามารถนำไปใช้สำหรับจัดการเรยี นร้ใู นชั้นเรยี น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงในรายวิชานี้ ได้นำรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) และรูปแบบการสอนแบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (problem - based learning) มาใชใ้ นการออกแบบการสอน ดงั น้ี กระบวนการเรยี นรู้ เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เน่ืองจากเป็นรูปแบบการ สอนแบบท่ีมุ่งให้ผู้เรียนได้สร้างองคค์ วามรู้ใหม่ โดยเช่ือมโยงส่ิงที่เรียนรู้เข้ากบั ประสบการณ์หรือความเดิมให้เป็นองค์ ความรู้หรือแนวคดิ ของผู้เรียนเอง ดงั นน้ั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้จึงสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มคี วามสามารถในการ แก้ปัญหาโดยเน้นการปฏิบัติจริง มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน เสริมสร้างความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการ ขน้ั ตอนอยา่ งเป็นวฏั จกั ร ซ่ึงกระบวนการปฏบิ ัตมิ ขี ้ันตอนดังนี้ 1. กระตุ้นความสนใจ ให้ผู้เรยี นสนใจใครร่ ใู้ นเรอื่ งทีเ่ รียน มีลกั ษณะเปน็ การนำเขา้ สูบ่ ทเรยี น 2. สำรวจและคน้ หา เปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นได้รับประสบการณ์ตรง รว่ มกันสรา้ งและพัฒนาความคดิ รวบยอด 3. อธิบายความรู้ นำเอาความรู้จากการสำรวจและค้นหา ที่พัฒนาเป็นความคิดรวบยอดมาอภิปราย แลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ซ่ึงกนั และกนั 4. ขยายความเข้าใจ ผเู้ รยี นไดข้ ยายความรู้ความเข้าใจในความคิดรวบยอดใหก้ ว้างขวางและลึกซ้ึงยิ่งข้นึ 5. ตรวจสอบผล ผเู้ รียนได้ตรวจสอบแนวความคดิ ทีไ่ ดเ้ รียนร้มู าแลว้ วา่ ถกู ตอ้ งและไดร้ บั การยอมรับเพยี งใด เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem - based learning) เพ่ือเน้นให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ และสร้างองค์ความรู้ใหม่จาก การใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานเป็นการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหา เป็นเคร่อื งมือในการกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจและต้องการศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลเพื่อนำไปสูก่ ารแกป้ ญั หา ซง่ึ ผู้เรียน จะได้วเิ คราะหแ์ ละแกป้ ัญหาและทำให้เกิดความเข้าใจปัญหาอย่างชัดเจนและสามารถใชท้ ักษะกระบวนการที่นำไปสู่ การแกป้ ญั หาได้ โดยผา่ นกระบวนการจดั กจิ กรรมท่ีสำคัญ ดังน้ี 1. กำหนดปัญหา ผ้สู อนจดั สถานการณ์ต่าง ๆ กระตุ้นให้ผเู้ รียนเกดิ ความสนใจ มองเห็นปัญหา และเกิดความ สนใจท่จี ะค้นหาคำตอบ 2. ทำความเข้าใจกับปญั หา ผ้เู รยี นจะตอ้ งทำความเข้าใจปัญหาท่ีตอ้ งการเรียนรู้ ซ่งึ ผูเ้ รยี นจะตอ้ งอธิบายสิ่ง ตา่ ง ๆ ท่เี กยี่ วข้องกับปัญหาได้ พเิ ศษ 9

3. ดำเนนิ การศึกษาค้นควา้ ผเู้ รยี นตอ้ งกำหนดส่ิงท่ีต้องเรียน ดำเนนิ การศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเองโดยใช้ วธิ ีการที่หลากหลาย 4. สังเคราะห์ความรู้ ผูเ้ รยี นนำความรทู้ ่ไี ดค้ ้นคว้ามาแลกเปล่ยี นเรียนรูร้ ว่ มกนั อภปิ รายผล และสังเคราะห์ ความรูท้ ี่ได้มาว่ามีความเหมาะสมหรอื ไม่ 5. สรปุ และประเมินคา่ ของคำตอบ ผู้เรียนสรปุ ผลงานของกลมุ่ หรือผลงานของตนเอง และประเมินผลงานวา่ ข้อมูลท่ีได้ศึกษาค้นควา้ มีความเหมาะสมหรอื ไม่ โดยตอ้ งตรวจสอบแนวคดิ อย่างอสิ ระ และสรปุ เป็นองค์ความรู้ใน ภาพรวมของปัญหาอีกครั้ง 6. นำเสนอและประเมนิ ผลงาน ผเู้ รยี นนำข้อมูลท่ีไดม้ าจดั ระบบองค์ความรู้และนำเสนอเปน็ ผลงานใน รูปแบบทีห่ ลากหลาย ผ้เู รียนทุกกลุ่มรวมท้ังผทู้ เ่ี กยี่ วข้องกับปญั หารว่ มกันประเมินผลงาน วิธกี ารสอน (Teaching Method) ผ้จู ัดทำเลอื กใช้วิธสี อนท่ีหลากหลาย เช่น การอภิปราย การใช้สถานการณ์จำลอง การใช้เกม เป็นต้น เพ่ือส่งเสริม การเรียนรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem - based learning) ให้เกดิ ประสิทธภิ าพมากที่สุด และยังมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกดิ องค์ความรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ โดยการคิด และลงมอื ปฏบิ ตั ิ ซ่ึงจะช่วยใหผ้ เู้ รียนมคี วามรูแ้ ละเกดิ ทักษะทค่ี งทน เทคนิคการสอน (Teaching Technique) ผู้จัดทำเลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเร่ืองที่เรียน เช่น การต้ังคำถาม การยกตัวอย่าง การใช้สื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เพ่ือส่งเสริมวิธีการสอนและรูปแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ให้ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถฝึกทักษะการเรียนรู้และทักษะการปฏบิ ตั ิเกีย่ วกับงานตา่ ง ๆ ในศตวรรษที่ 21 ได้ พเิ ศษ 10

โครงสรา้ งแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเท หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ วธิ สี อน/วิธีการจดั 1. เทคโนโลยกี ับชีวติ กิจกรรมการเรียนรู้ แผนที่ 1 การเปลีย่ นแปลงและ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ผลกระทบของ (5Es Instructional Model) เทคโนโลยี 2. วัสดุ อปุ กรณ์ แผนท่ี 1 ความรเู้ ก่ยี วกับวสั ดุ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ทางเทคโนโลยี (5Es Instructional Model) พเิ ศ

ทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 เวลา 20 ชั่วโมง ทักษะที่ได้ การประเมนิ เวลา (ชว่ั โมง) 1. ทกั ษะการสอ่ื สาร 1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 2. ทกั ษะการแลกเปล่ียนข้อมลู เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวติ 2 3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 4. ทักษะการสังเกต 2. ตรวจใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง เศรษฐกจิ พอเพยี ง 2 5. ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 6. ทกั ษะการสืบคน้ ข้อมลู 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล 5. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ 1. ทกั ษะการสื่อสาร 6. สงั เกตความซื่อสัตย์ สุจรติ ความมวี ินัย 2. ทกั ษะการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู 3. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ความรับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่ันในการทำงาน7. 4. ทักษะการสังเกต ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 5. ทกั ษะการทำงานร่วมกนั เรือ่ ง เทคโนโลยีกับชวี ติ 6. ทักษะการสืบค้นข้อมลู 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 วัสดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี 2. ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 เรอื่ ง นกั ออกแบบผลติ ภัณฑ์ 3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 4. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล 5. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ 6. สงั เกตความซ่ือสตั ย์ สุจรติ ความมวี ินัย ความรบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน ศษ 11

หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วธิ สี อน/วธิ ีการจัด กิจกรรมการเรยี นรู้ แผนที่ 2 เครอื่ งกลและเครอื่ งมอื แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ในการสร้างช้ินงาน (5Es Instructional Model) แผนที่ 3 เสยี งและอปุ กรณ์ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ท่ีทำให้เกิดเสยี ง (5Es Instructional Model) พิเศ

ทักษะท่ีได้ การประเมนิ เวลา (ช่ัวโมง) 1. ทักษะการสอื่ สาร 1. ตรวจใบงานที่ 2.2.1 เรอื่ ง เครอื่ งมือชา่ ง 2 2. ทกั ษะการแลกเปล่ียนขอ้ มลู 2. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 2 3. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล 4. ทักษะการทำงานรว่ มกนั 4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 5. ทักษะการสืบคน้ ข้อมลู 5. สังเกตความซื่อสตั ย์ สุจริต ความมวี นิ ยั 1. ทักษะการสื่อสาร ความรับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน 2. ทกั ษะการแลกเปลีย่ นข้อมลู 3. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 1. ประเมินการนำเสนอผลงาน 4. ทักษะการสังเกต 2. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล 5. ทักษะการทำงานรว่ มกนั 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม 6. ทักษะการสบื คน้ ขอ้ มลู 4. สงั เกตความซอื่ สตั ย์ สุจรติ ความมวี ินยั ความรบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน ศษ 12

หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วิธสี อน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรยี นรู้ แผนท่ี 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ที่ทำให้เกิดแสง (5Es Instructional Model) 3. กระบวนการออกแบบ แผนที่ 1 กระบวนการทาง แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es เชิงวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ (5Es Instructional Model) แผนที่ 2 กระบวนการออกแบบ แบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน เชิงวศิ วกรรม (Problem–based Learning) พิเศ

ทักษะทไี่ ด้ การประเมิน เวลา (ช่ัวโมง) 1. ทกั ษะการสอ่ื สาร 1. ตรวจใบงานท่ี 2.4.1 เรอื่ ง ไฟฟา้ และอุปกรณ์ 2. ทักษะการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ที่ทำให้เกดิ แสง 2 3. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 4. ทักษะการสงั เกต 2. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 2 5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล 6. ทักษะการสืบคน้ ข้อมลู 4. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม 4 5. สงั เกตความซอื่ สตั ย์ สุจรติ ความมวี ินยั 1. ทกั ษะการสื่อสาร 2. ทกั ษะการแลกเปลยี่ นข้อมลู ความรับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน 3. ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 6. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 4. ทักษะการสังเกต 5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน วัสดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี 6. ทกั ษะการสบื ค้นข้อมลู 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 1. ทักษะการสอ่ื สาร กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 2. ทักษะการแลกเปล่ยี นขอ้ มลู 2. ตรวจใบงานที่ 3.1.1 เร่อื ง กระบวนการทาง 3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 4. ทกั ษะการสังเกต วิทยาศาสตร์ 5. ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 6. ทักษะการสบื คน้ ขอ้ มลู 4. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล ศษ 13 5. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 6. สังเกตความมีวินัย ความรบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมัน่ ในการทำงาน 1. ประเมินการนำเสนอผลงาน 2. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล 3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ 4. ตรวจชนิ้ งานการออกแบบเชิงวิศวกรรม 5. สงั เกตความมีวินยั ความรบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งม่นั ในการทำงาน

หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ วิธสี อน/วิธกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.การคดิ เชงิ ออกแบบ แผนที่ 1 กระบวนการคดิ เชงิ แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ออกแบบ (Problem–based Learning) แผนท่ี 2 ถอดความคดิ เชงิ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ออกแบบของ (5Es Instructional Model) พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถ บพิตร พิเศ

ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) 6. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 1. ทกั ษะการสื่อสาร 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 2 2. ทักษะการแลกเปล่ยี นข้อมลู การคิดเชงิ ออกแบบ 2 3. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 4. ทักษะการทำงานร่วมกัน 2. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 5. ทกั ษะการสืบคน้ ข้อมลู 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล 4. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ 1. ทักษะการส่อื สาร 5. สงั เกตความซอื่ สัตย์ สจุ ริต ความมวี ินัย 2. ทักษะการแลกเปล่ยี นข้อมลู 3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ ความรบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมัน่ ในการทำงาน 4. ทักษะการสงั เกต 1. ประเมินการนำเสนอผลงาน 5. ทักษะการทำงานร่วมกนั 2. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล 6. ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ 4. สังเกตความมีวินัย ความรบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมนั่ ในการทำงาน 5. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 การคดิ เชงิ ออกแบบ ศษ 14

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เทคโนโลยีกับชวี ติ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เทคโนโลยีกับชีวิต เวลา 2 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พื่อการดำรงชวี ติ ในสังคมทมี่ กี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามร้แู ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพ่ือแกป้ ัญหาหรือ พฒั นางานอย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และส่ิงแวดล้อม ว 4.1 ม.2/1 คาดการณ์แนวโนม้ เทคโนโลยีท่ีจะเกิดขนึ้ โดยพจิ ารณาจากสาเหตุหรอื ปจั จยั ทีส่ ง่ ผลต่อการเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี และวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ ตดั สินใจ เลอื กใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบทเี่ กิดขน้ึ ต่อชีวติ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1) สาเหตุหรอื ปจั จัยต่าง ๆ เช่น ความกา้ วหน้าของศาสตรต์ า่ ง ๆ การเปลี่ยนแปลงทางด้าน เศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม ทำให้เทคโนโลยีมกี ารเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา 2) เทคโนโลยแี ตล่ ะประเภทมีผลกระทบต่อชีวิตสังคม และส่ิงแวดล้อมท่ีแตกตา่ งกนั จงึ ต้องวเิ คราะห์ เปรียบเทียบขอ้ ดี ข้อเสยี และตดั สินใจเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสม 2.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ (พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา) 3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด มนุษย์คน้ พบและสร้างองค์ความรมู้ ากมายหลายสาขา เช่น วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สงั คมศาสตร์ นติ ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างย่ิงศาสตรท์ ส่ี ง่ ผลต่อการพฒั นาเทคโนโลยีอย่างมาก คอื วทิ ยาศาสตร์ เป็นความรู้ทเ่ี กี่ยวกับสงิ่ ต่าง ๆ ในธรรมชาติท้ังทีม่ ชี ีวิตและไมม่ ีชวี ิต โดยมีวธิ กี ารทาง วทิ ยาศาสตรท์ ีใ่ ชใ้ นการสบื เสาะหาความรู้นน้ั อาศยั การสังเกตเปน็ พื้นฐาน และคณติ ศาสตร์ท่เี กยี่ วข้องกบั การอธบิ ายโครงสร้าง ความสมั พันธ์ ระเบียบ รปู แบบ หรือแบบแผนตา่ ง ๆ ทง้ั ทอ่ี ยู่ในธรรมชาติรอบตัวและ ภาพท่ีอยู่ในสมอง เท่าที่มนษุ ย์จะสามารถรบั รู้ไดท้ ั้งในเชิงนามธรรมและเชิงรูปธรรม โดยอาศยั การคำนวณ และโมเดลทางคณติ ศาสตร์มาอธิบาย ดงั นั้น การคน้ พบทางวิทยาศาสตรท์ มี่ ีการอธบิ ายในรปู แบบของ สมการทางคณิตศาสตรท์ แ่ี มน่ ยำจะช่วยใหเ้ กิดเทคโนโลยใี หม่ ๆ ข้ึนมาอีกมากมาย และเทคโนโลยที ่ี พัฒนาข้นึ สร้างผลกระทบทง้ั ทางดา้ นมนษุ ย์และสังคม ดา้ นเศรษฐกจิ และดา้ นสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 15

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เทคโนโลยกี บั ชวี ติ 4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี นและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. ซอื่ สัตย์ สจุ ริต - ทักษะการสื่อสาร 2. มีวนิ ยั รับผิดชอบ - ทกั ษะการแลกเปล่ยี นขอ้ มลู 3. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ความสามารถในการคดิ 4. อยอู่ ยา่ งพอเพียง - ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 5. มุง่ ม่ันในการทำงาน 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทักษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ - ทกั ษะการทำงานร่วมกนั 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทักษะการสบื ค้นขอ้ มลู 5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - 6. การวัดและการประเมินผล รายการวดั วธิ ีวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน 7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมินตามสภาพจรงิ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่อง เทคโนโลยีกบั ชีวติ 7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั - ใบงานที่ 1.1.1 - ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 กิจกรรม การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 1) ผลกระทบของเทคโนโลยี 2) พฤตกิ รรมการทำงาน รายบคุ คล 3) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 16

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยกี ับชวี ติ รายการวัด วธิ ีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ 4) การนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ผลงาน การนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 7.3 การประเมินหลังเรยี น - สงั เกตความซื่อสัตย์ - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ - แบบทดสอบหลังเรียน สจุ รติ ความมวี ินัย คณุ ลักษณะ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 ความรบั ผิดชอบ อันพึงประสงค์ เร่อื ง เทคโนโลยีกับชีวิต ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ยา่ ง พอเพยี ง และมุ่งม่ัน ในการทำงาน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน ประเมินตามสภาพจรงิ หลงั เรียน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง เทคโนโลยกี บั ชีวิต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 17

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เทคโนโลยีกับชวี ติ เรื่องที่ 1: การเปลยี่ นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี เวลา 4 ช่วั โมง วิธกี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ขัน้ นำ ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. นักเรยี นสแกนควิ อารโ์ คด้ เร่อื ง การเปลยี่ นแปลงเทคโนโลยีจากหนังสือเรยี น โดยให้นักเรียน สรปุ ประเดน็ สำคัญทไี่ ดจ้ ากการดคู ลิปวดี ิโอลงในสมดุ ประจำตวั ของตนเอง 2. นกั เรยี นสังเกตภาพพัฒนาการของยานพาหนะจากอดีตถึงปัจจบุ นั โดยครอู ธบิ ายเพิ่มเติมกบั นักเรยี นเพ่ือเชอ่ื มโยงเข้าสบู่ ทเรียน ขน้ั สอน ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน หรอื ตามความเหมาะสม โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั สืบคน้ การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยีที่มผี ลกระทบทำให้สังคมมนุษย์ดีข้นึ จากทางอนิ เทอร์เน็ต ท่ีเครอื่ งคอมพิวเตอรข์ องตนเอง โดยครสู ่มุ นักเรียน 2-3 กลุ่ม ออกมานำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน 2. นักเรยี นดูภาพการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยที างการสอื่ สารและภาพการเปล่ยี นแปลงของ เทคโนโลยีโทรศพั ทใ์ นรปู แบบของนวตั กรรม และเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกัน วิเคราะหจ์ ากตัวอยา่ งการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยขี องแต่ละกลุ่มตนเอง ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 3. นักเรียนแบง่ กลุ่ม (กลมุ่ เดิม) และรว่ มกนั วิเคราะห์ตวั อย่างการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี ทแี่ ตล่ ะกลมุ่ คัดเลือกมาวา่ เทคโนโลยดี ังกลา่ วส่งผลกระทบทั้งทางบวกและลบในแตล่ ะดา้ น อย่างไร ตามหวั ข้อทกี่ ำหนดให้ ขั้นท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 4. นักเรยี นแตล่ ะคนทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเน้อื หาโดยให้ผู้เรยี นฝกึ ปฏิบัตเิ พื่อพัฒนาความรู้ และทักษะ (Design Activity) 5. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม (กล่มุ เดิม) เพือ่ ทำใบงานท่ี 1.1.1 เร่อื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี 6. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอข้อมูลหนา้ ชัน้ เรียน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 18

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เทคโนโลยกี ับชวี ิต ขนั้ สรปุ ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครปู ระเมินผลการนำเสนอของนกั เรียน 2. ครตู รวจสอบความถูกต้องจากการทำใบงานท่ี 1.1.1 3. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ความรเู้ ก่ียวกับเทคโนโลยกี บั ชีวติ 4. นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพฒั นาทกั ษะการคิดของผู้เรยี น (Unit Activity) จากนน้ั ให้นักเรียนตอบคำถามลงในสมุดประจำตัว 5. นักเรยี นตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดยพจิ ารณาข้อความวา่ ถกู หรอื ผิด หากนักเรยี นพิจารณาข้อความไมถ่ ูกต้อง ใหน้ ักเรยี นกลบั ไปทบทวนเนอื้ หา ตามหัวขอ้ ที่กำหนดให้ 6. นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง เทคโนโลยีกับชวี ติ เพ่ือ วัดความรูท้ ่นี กั เรียนไดร้ บั หลังจากผา่ นการเรยี นรู้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 19

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เทคโนโลยกี ับชวี ิต 8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เทคโนโลยีกบั ชีวติ 2) ใบงานที่ 1.1.1 เรือ่ ง ผลกระทบของเทคโนโลยี 3) เครื่องคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1) ห้องคอมพวิ เตอร์ 2) อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 20

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เทคโนโลยีกับชวี ติ แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 คำชีแ้ จง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดกล่าวถึงเทคโนโลยี 5. สมาร์ทโฟน เปน็ เทคโนโลยที ี่พฒั นาขึ้นจากปัจจยั ก. การสงั เกตปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอยา่ ง การเปล่ียนแปลงในขอ้ ใด ต่อเนอ่ื ง ก. การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ ข. นำทฤษฎีมาใชป้ ระโยชนท์ ำให้เกิดความแม่นยำ ข. ความกา้ วหน้าของศาสตรต์ ่าง ๆ ในการทำนาย ค. การแกป้ ัญหาต่างท่ีเกดิ ขนึ้ ในสังคม ค. นำความรมู้ าประยุกต์ใช้ในการสร้างเครอ่ื งมือ ง. การผลติ สินคา้ ทเี่ พ่ิมมากขนึ้ ที่อำนวยความสะดวกให้กบั มนษุ ย์ 6. ไฟฟ้าทีเ่ กิดจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นเทคโนโลยี ง. ใช้ความคดิ สรา้ งสรรค์พฒั นาและผลิตสนิ ค้าใหม่ ท่ีพฒั นาขึน้ จากปัจจัยการเปลีย่ นแปลงเทคโนโลยี เพอ่ื ประโยชนใ์ นเชงิ พาณชิ ย์ ในขอ้ ใด 2. ข้อใดไม่ใช่ประโยชนข์ องเทคโนโลยี ก. การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ ก. ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตมนุษย์ ข. ความกา้ วหนา้ ของศาสตรต์ า่ ง ๆ ข. ช่วยแก้ปัญหาท่ีเกิดขน้ึ ในสงั คม ค. การแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ทีเ่ กิดขนึ้ ในสังคม ค. ทำใหเ้ กดิ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ง. การผลิตสินคา้ ทเ่ี พม่ิ มากขนึ้ ฃ มากขนึ้ 7. “อนิ เทอรเ์ น็ต” ทำใหเ้ กิดการแลกเปล่ยี นความร้แู ละ ง. ทำให้กระบวนการผลติ มปี ระสทิ ธภิ าพมากข้ึน วฒั นธรรมของคนทั่วโลก จงึ กลา่ วไดว้ ่าอนิ เทอร์เน็ต 3. ข้อใดไมใ่ ช่ปัจจยั ท่ีทำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง ส่งผลกระทบด้านใดจากการเปลีย่ นแปลงเทคโนโลย เทคโนโลยี ก. ด้านสังคมและมนุษย์ ก. การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ ข. ด้านเศรษฐกจิ ข. ความกา้ วหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ ค. ดา้ นส่งิ แวดล้อม ค. การแก้ปัญหาต่าง ๆ ทเ่ี กิดขนึ้ ในสังคม ง. ด้านกฎหมาย ง. การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม 8. “การโอนเงินผา่ นมือถอื ” ส่งผลกระทบดา้ นใด 4. “การใช้เปลอื กของกงุ้ ล็อบสเตอร์มาผลติ เปน็ จากการเปลย่ี นแปลงเทคโนโลยี พลาสติกชวี ภาพท่ยี ่อยสลายง่าย” ส่งผลกระทบ ก. ด้านสงั คมและมนษุ ย์ ดา้ นใดจากการเปลย่ี นแปลงเทคโนโลยี ข. ด้านเศรษฐกิจ ก. ดา้ นสงั คมและมนษุ ย์ ข. ด้านเศรษฐกิจ ค. ด้านสง่ิ แวดลอ้ ม ค. ด้านสิ่งแวดลอ้ ม ง. ดา้ นกฎหมาย ง. ดา้ นกฎหมาย เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 21

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เทคโนโลยีกับชวี ิต 9. ความร้เู รอื่ งฟ้าผ่า เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ 10. เพราะเหตุใดเราจึงต้องวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบข้อดี ทเี่ กดิ ขน้ึ จากอเิ ลก็ ตรอนจำนวนมากเคล่ือนที่ไปมา ข้อเสียทเี่ กดิ ขึ้นกอ่ นลงมอื สร้างเทคโนโลยี ระหว่างเมฆกับเมฆหรอื ระหวา่ งเมฆกับพ้ืนโลก ก. เพราะจะไดส้ ร้างเทคโนโลยีท่ีมีต้นทนุ ตำ่ ทสี่ ุด เป็นความรทู้ ่ีเกย่ี วขอ้ งกับศาสตร์ดา้ นใด ข. เพราะเทคโนโลยที ี่สร้างขึ้นมีความสามารถ ก. วิทยาศาสตร์ ดที ส่ี ดุ ข. คณิตศาสตร์ ค. เพราะเทคโนโลยีท่ีสร้างขึ้นสร้างรายได้ ค. สังคมศาสตร์ ใหป้ ระเทศมากข้นึ ง. เศรษฐศาสตร์ ง. เพราะเทคโนโลยีที่สร้างข้ึนจะเกิดประโยชน์ สงู สุดแก่มนษุ ย์ เฉลย 1. ค 2. ค 3. ง 4. ค 5. ก 6. ค 7. ก 8. ข 9. ก 10. ง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 22

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เทคโนโลยีกบั ชีวติ แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 คำช้แี จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดกล่าวถงึ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5. เทคโนโลยีใดทพี่ ัฒนาขึ้นเพ่ือตอบสนองความต้องการ ก. การใชเ้ ปลอื กของกุ้งล็อบสเตอร์มาผลิตเป็น ของมนษุ ย์ ทำให้มนษุ ย์ได้รบั ความสะดวกมากข้ึน พลาสติกชีวภาพ ก. สมาร์ทโฟน ข. ฟา้ ผ่า เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทเ่ี กิดขึ้น ข. ยานอวกาศ จากอเิ ล็กตรอนจำนวนมากเคลื่อนทีไ่ ปมา ค. ไฟฟา้ จากพลังงานแสงอาทติ ย์ ระหว่างเมฆกับเมฆหรือระหวา่ งเมฆกบั พนื้ โลก ง. ดาวเทยี ม ค. ห่นุ ยนต์เชอ่ื มโลหะในสายการผลิตของโรงงาน 6. เทคโนโลยใี ดท่ีพัฒนาข้นึ เพื่อแกป้ ัญหาการขาดแคลน ง. โดรนปฏบิ ัตกิ ารพ่นสารเคมี ปุ๋ย ฮอรโ์ มนพืช พลังงาน 2. การนำความรวู้ ิทยาศาสตร์มาประยุกตใ์ ช้สำหรับ ก. โดรน การสร้างเคร่ืองมือที่อำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ ข. ยานอวกาศ คืออะไร ค. กังหนั ลม ก. เทคโนโลยี ข. วิศวกรรม ง. ดาวเทยี ม ค. นวัตกรรม ง. คณติ ศาสตร์ 7. ข้อใดไมเ่ ก่ียวขอ้ งกับเทคโนโลยีทีท่ ำใหเ้ กิดรูปแบบ 3. ข้อใดจัดเป็นการใชเ้ ทคโนโลยเี พือ่ แกป้ ัญหา การค้นหาข้อมลู ในห้องสมดุ ของนกั เรยี นทปี่ ลี่ยนไป การขาดแคลนพลงั งาน ก. คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้ ก. หนุ่ ยนต์เชื่อมโลหะในสายการผลิตของโรงงาน ข. อนิ เทอรเ์ นต็ ข. การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทติ ย์ ค. ดาวเทยี ม ค. การใช้เปลอื กของกุ้งล็อบสเตอร์มาผลิต ง. ยานอวกาศ เป็นพลาสตกิ ชวี ภาพ 8. ข้อใดคือผลกระทบทางลบท่รี ุนแรงทีส่ ุดทเี่ กิดจาก ง. การใช้โดรนปฏบิ ัติการพ่นสารเคมี ปุ๋ย ฮอร์โมนพืช การใช้เทคโนโลยีท่ีชาญฉลาด 4. ขอ้ ใดไม่ใช่ปัจจยั ท่ที ำใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลง ก. การใชพ้ ลังงานไฟฟ้าทมี่ ากขึ้น เทคโนโลยี ข. ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสอ่ื มลง ก. การตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ค. สายตาเสยี จากการใช้คอมพวิ เตอร์เป็นเวลานาน ข. การแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสงั คม ง. การยกเลิกการจา้ งแรงงานคนในการทำงาน ค. การเปล่ียนแปลงทางสังคม บางดา้ น ง. ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ ่าง ๆ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 23

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เทคโนโลยกี บั ชวี ิต 10. การลงมอื สรา้ งเทคโนโลยเี พ่ือก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ สูงสดุ ของมนุษยจ์ ะตอ้ งทำส่ิงใด 9. ข้อใดคอื ผลกระทบทางบวกของการใช้เทคโนโลยี ก. วิเคราะห์เปรยี บเทียบข้อดี-ข้อเสียก่อนลงมอื อนิ เทอรเ์ น็ต สรา้ งเทคโนโลยี ก. ทำให้ติดต่อส่ือสารกับบคุ คลอ่ืนได้อย่างลา่ ชา้ ข. สำรวจความตอ้ งการของผใู้ ชง้ าน ข. ทำใหต้ ลาดการค้าขายถดถอย ค. เปรยี บเทียบกับคู่แข่งก่อนลงมือสร้างเทคโนโลยี ค. ทำใหต้ ิดตามเคลอื่ นไหวจากข่าวสารท่วั โลก ง. คดั เลอื กวสั ดทุ ่ีดที ส่ี ุดในการสร้างเทคโนโลยี อยา่ งรวดเร็ว ง. ทำใหม้ ีการใช้ไฟฟา้ มากข้นึ ส่งผลกระทบ ตอ่ สายตา เฉลย 1. ข 2. ก 3. ข 4. ค 5. ก 6. ค 7. ข 8. ง 9. ค 10. ก เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 24

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เทคโนโลยกี ับชวี ติ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี 1. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด เวลา 2 ช่ัวโมง 1.1 ตัวชว้ี ัด คาดการณแ์ นวโน้มเทคโนโลยที ีจ่ ะเกิดขึน้ โดยพจิ ารณาจากสาเหตหุ รือปจั จัย ว 4.1 ม.2/1 ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ ตัดสนิ ใจ เลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถงึ ผลกระทบทีเ่ กิดข้ึนตอ่ ชวี ิต สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปล่ยี นแปลงเทคโนโลยีไดถ้ ูกตอ้ ง (K) 2. ยกตัวอย่างเทคโนโลยแี ละวิเคราะห์ว่าเกดิ จากปัจจยั ตอ่ การเปลีย่ นแปลงเทคโนโลยไี ด้ถกู ต้อง (K) 3. เขียนผลกระทบทางบวกและผลกระทบทางลบของเทคโนโลยีได้ (P) 4. เล็งเห็นถึงความสำคัญของผลกระทบท้ังทางบวกและผลกระทบทางลบในสรา้ งเทคโนโลยี (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง - สาเหตหุ รอื ปจั จัยต่าง ๆ เชน่ ความก้าวหน้า ของศาสตร์ต่าง ๆ การเปล่ียนแปลงทางดา้ น เศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม ทำใหเ้ ทคโนโลยี มกี ารเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา - เทคโนโลยแี ต่ละประเภทมผี ลกระทบต่อชีวิต สงั คม และส่ิงแวดลอ้ มท่แี ตกต่างกัน จึงต้อง วิเคราะหเ์ ปรียบเทียบข้อดี ขอ้ เสยี และตัดสินใจ เลือกใช้ใหเ้ หมาะสม เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 25

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เทคโนโลยกี บั ชีวติ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด มนษุ ย์ค้นพบและสร้างองค์ความรู้มากมายหลายสาขา เชน่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงศาสตร์ท่สี ่งผลตอ่ การพฒั นาเทคโนโลยีอย่างมาก คอื วิทยาศาสตร์ เป็นความรู้ทเี่ กย่ี วกบั ส่งิ ตา่ ง ๆ ในธรรมชาติท้งั ที่มีชวี ิตและไมม่ ชี วี ิต โดยมีวธิ กี ารทาง วิทยาศาสตรท์ ่ีใชใ้ นการสบื เสาะหาความรู้นนั้ อาศัยการสงั เกตเป็นพน้ื ฐาน และคณติ ศาสตร์ท่ีเกย่ี วข้องกบั การอธิบายโครงสร้าง ความสัมพันธ์ ระเบียบ รปู แบบ หรือแบบแผนตา่ ง ๆ ท้ังทอ่ี ยู่ในธรรมชาตริ อบตัวและ ภาพทีอ่ ยู่ในสมอง เท่าท่ีมนษุ ย์จะสามารถรับรู้ไดท้ ง้ั ในเชงิ นามธรรมและเชงิ รูปธรรม โดยอาศัยการคำนวณ และโมเดลทางคณิตศาสตรม์ าอธบิ าย ดงั นั้น การค้นพบทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่มีการอธบิ ายในรูปแบบของ สมการทางคณิตศาสตรท์ แ่ี ม่นยำจะช่วยให้เกิดเทคโนโลยใี หม่ ๆ ข้นึ มาอกี มากมาย และเทคโนโลยีที่ พฒั นาขึน้ สรา้ งผลกระทบท้ังทางด้านมนุษย์และสังคม ด้านเศรษฐกิจ และดา้ นสิ่งแวดล้อม 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. ซอื่ สัตย์ สุจรติ - ทักษะการส่ือสาร 2. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ - ทกั ษะการแลกเปลี่ยนข้อมูล 3. ใฝ่เรียนรู้ 2. ความสามารถในการคิด 4. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 5. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ - ทักษะการทำงานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทักษะการสืบคน้ ขอ้ มูล 6. กิจกรรมการเรยี นรู้  วิธกี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 26

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เทคโนโลยกี บั ชีวติ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การเปลีย่ นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี ช่วั โมงที่ 1 ข้นั นำ ข้ันท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง เทคโนโลยกี บั ชวี ติ 2. นักเรียนสแกนควิ อาร์โคด้ เร่ือง การเปลีย่ นแปลงเทคโนโลยี จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง เทคโนโลยี กับชีวติ โดยให้นักเรยี นสรปุ ประเดน็ สำคัญที่ไดจ้ ากการดูคลิปวีดโิ อลงในสมดุ ประจำตวั ของ ตนเอง 3. ครูสรุปความรรู้ ่วมกับนักเรยี นจากการดวู ีดทิ ัศน์ว่า“การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีมีผลตอ่ การเปลย่ี นกจิ กรรมของมนุษย์ โดยอำนวยความสะดวกและตอบสนองความตอ้ งการของมนษุ ย์ ในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ ววิ ัฒนาการของการสอ่ื สารจากอดีตถึงปัจจบุ นั โดยเริ่มจากการสง่ รหัสมอรส์ > จดหมาย > โทรศัพท์ > โทรสาร > อีเมล์ > โปรแกรมสนทนาออนไลน์ จะเห็นไดว้ า่ เป็น การพฒั นาข้ึนเพื่อตอบสนองให้มนษุ ย์ส่อื สารได้หลากหลายรูปแบบ และทำใหก้ ารส่ือสาร เกดิ ประโยชน์สูงสดุ กบั มนุษย์” 4. นักเรยี นสังเกตภาพพัฒนาการของยานพาหนะจากอดตี ถึงปัจจบุ นั จากหนังสอื เรียน เพ่อื ให้ นกั เรียนเข้าใจถึงการเปลยี่ นแปลงของยานพาหนะจากอดีตถึงปัจจุบนั ทมี่ ผี ลกระทบทด่ี ีขึ้น ตอ่ ชีวิตมนุษย์ 5. ครูอธิบายเพ่ิมเติมกับนกั เรียนว่า“กอ่ นปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรมไดม้ ีการใช้ยานพาหนะท่ใี ชแ้ รงงาน สตั ว์เกดิ ขึน้ เพื่อตอบสนองการเดินทางหรอื การขนย้ายสง่ิ ของทม่ี ีนำ้ หนักมาก แต่การเดินทาง ดว้ ยสัตว์เปน็ ไปอยา่ งล่าช้า จงึ ไดม้ ีการพัฒนายานพาหนะทขี่ ับเคลื่อนด้วยพลงั งานไอนำ้ ทำให้ มนษุ ยเ์ ดินทางไดเ้ ร็วขึน้ แต่เน่ืองจากพาหนะทีข่ บั เคลื่อนดว้ ยพลงั งานไอนำ้ ต้องใช้ทรัพยากร ธรรมชาติเป็นเช้ือเพลิงหลักจึงสง่ ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ดังนัน้ จงึ ได้มกี ารพัฒนา และประดิษฐ์เครื่องยนต์ท่ีใชน้ ำ้ มันดเี ซลข้นึ ซงึ่ เปน็ พาหนะท่ีมคี นนิยมใชม้ ากเพราะรวดเร็ว และสะดวกสบาย แตก่ ม็ ผี ลกระทบให้มีการใชน้ ้ำมนั สงู ขน้ึ จนมกี ารพยากรณว์ า่ การผลิตนำ้ มนั จะเรมิ่ ลดจำนวนลงหลังปี ค.ศ. 2020 จึงมีการคน้ ควา้ และพัฒนาพาหนะทใ่ี ช้พลงั งานทางเลือก โดยใช้พลงั งานไฟฟ้าจากแสงอาทิตยเ์ ปน็ เช้ือเพลงิ หลัก ดงั นั้นพาหนะท่ใี ช้พลงั งานไฟฟา้ จาก แสงอาทิตย์จึงนิยมจนถึงปัจจบุ นั เพราะชว่ ยใหก้ ารเดนิ ทางสะดวกมากขนึ้ และช่วยลดปญั หา การใช้พลังงานเกนิ ความจำเป็น” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 27

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เทคโนโลยกี บั ชวี ติ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การเปล่ียนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี ข้ันสอน ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน หรอื ตามความเหมาะสม โดยให้นักเรยี นรว่ มกันสืบคน้ การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยที ่ีมีผลกระทบทำใหส้ ังคมมนุษย์ดขี ึน้ จากทางอนิ เทอร์เน็ต ทเี่ ครื่องคอมพวิ เตอร์ของตนเอง 2. ครสู ุ่มนักเรยี น 2-3 กลุ่ม ออกมานำเสนอข้อมลู ตามท่ีได้สืบคน้ หนา้ ชั้นเรยี น โดยครู เปิดโอกาสใหเ้ พื่อนรว่ มช้นั สามารถซกั ถามขอ้ สงสัยได้อย่างอสิ ระ โดยครูคอยให้คำแนะนำ เพ่ิมเติมตามความเหมาะสม 3. ครอู ธบิ ายกบั นักเรียนว่า“การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยเี กิดขึ้นจากหลายปจั จัย แต่ปจั จัย ทม่ี ผี ลตอ่ การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยีอยา่ งต่อเนื่อง คอื 3 ปจั จัย ดงั น้ี 1) การตอบสนองความต้องการของมนุษย์ 2) ความก้าวหนา้ ของศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 3) การแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ทเ่ี กิดขน้ึ ในสงั คม” 4. นักเรียนดูภาพการเปลย่ี นแปลงเทคโนโลยีทางการสื่อสารและภาพการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยีโทรศพั ทใ์ นรปู แบบของนวตั กรรม พร้อมวิเคราะห์ถึงการเปลยี่ นแปลงจากอดีต ส่ปู ัจจุบนั 5. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั วิเคราะหจ์ ากตัวอย่างการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยขี องแต่ละกลุม่ วา่ เทคโนโลยีดังกลา่ วเกดิ ขึน้ จากปจั จยั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีปัจจัยใด โดยใหน้ กั เรียน วิเคราะหแ์ ละสรปุ ร่วมกันภายในกลมุ่ จากน้นั ให้แตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมานำเสนอขอ้ มลู หนา้ ชนั้ เรยี น ช่ัวโมงที่ 2 ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 6. ครอู ธิบายกบั นักเรียนวา่ “เทคโนโลยีทีอ่ ำนวยความสะดวกสบายกก็ ่อใหเ้ กิดข้อเสียหลายอยา่ ง ต่อการใช้ชีวติ ของมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรง 3 ดา้ น คือ 1) ดา้ นมนุษย์และสงั คม 2) ดา้ นเศรษฐกจิ 3) ดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม 7. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม (กลุม่ เดมิ ) และร่วมกันวเิ คราะห์ตวั อยา่ งการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี ทแี่ ต่ละกลมุ่ คัดเลือกมาวา่ เทคโนโลยีดงั กลา่ วส่งผลกระทบท้ังทางบวกและลบในแต่ละด้าน อยา่ งไร ตามหัวข้อดงั นี้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 28

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยกี ับชวี ิต แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การเปลีย่ นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี 1) ด้านมนุษย์และสังคม 1.1) ความต้องการของสังคม 1.2) ความกา้ วหน้าของวิทยาการ 1.3) การเปลย่ี นแปลงทางวฒั นธรรม 2) ด้านเศรษฐกจิ 3) ดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม 8. ครูอธิบายเกรด็ เสริมความรู้เกี่ยวขอ้ งกับเนื้อหา (Design Focus) เรอ่ื ง การเปลย่ี นแปลงทาง วัฒนธรรมว่า“วัฒนธรรมเป็นสิง่ ท่เี ปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา วัฒนธรรมในสงั คมจะมกี าร เปล่ียนแปลงเรว็ หรือชา้ ขึน้ อยู่กับสังคมนน้ั มีโอกาสสมั ผสั กับวฒั นธรรมภายนอกไดส้ ะดวก มากหรือน้อย โอกาสทว่ี ทิ ยาการต่าง ๆ เขา้ สู่สงั คมยอ่ มมีผลกระทบต่อวฒั นธรรม ปัจจุบัน วิทยาการตา่ ง ๆ ก้าวหนา้ ไปมาก ประกอบกบั มีอนิ เทอรเ์ นต็ เชื่อมตอ่ กนั ถึงทว่ั โลก จึงเกิด การเปลยี่ นแปลงดา้ นวัฒนธรรมอยา่ งรวดเรว็ ” ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 9. นักเรียนแตล่ ะคนทำกจิ กรรมทส่ี อดคล้องกบั เนือ้ หาโดยให้ผู้เรยี นฝกึ ปฏบิ ตั ิเพ่ือพฒั นาความรู้ และทกั ษะ (Design Activity) โดยให้นักเรยี นพิจารณาภาพและวเิ คราะห์ถงึ ข้อดีและข้อเสยี ของเทคโนโลยี พรอ้ มอธบิ ายถงึ การทำงานของเทคโนโลยีนั้นว่าสามารถนำไปใช้ใหเ้ กิด ประโยชน์อย่างไร 10. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม (กลุม่ เดมิ ) เพ่ือทำใบงานที่ 1.1.1 เรอ่ื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี โดยให้ นักเรียนอา่ นและทำความเข้าใจเนอื้ ห าพร้อมตอบคำถามลงในประเด็นท่กี ำหนดใหอ้ ย่าง ถกู ต้อง 11. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอข้อมลู หน้าชน้ั เรียน Note วตั ถุประสงค์ของกิจกรรมเพอื่ ใหน้ ักเรียน - มที ักษะการทำงานรว่ มกนั โดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรอื การทำ กจิ กรรมเพ่ือใหเ้ กดิ การส่ือสารและแลกเปลี่ยนขอ้ มูลรว่ มกันภายในกลุม่ - มที กั ษะการสบื ค้นข้อมลู โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอรเ์ น็ต เพอ่ื สบื เสาะหาความรูต้ ามหัวขอ้ ที่ได้รับมอบหมาย - มที กั ษะการสังเกต โดยให้นักเรยี นสงั เกตภาพพัฒนาการทางเทคโนโลยีจากอดีต จนถึงปจั จบุ ันจากหนังสือเรียนเพือ่ นำไปปรับใชใ้ นการเรยี นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - มีทักษะการคดิ วเิ คราะห์ โดยให้นกั เรยี นพจิ ารณาเน้ือหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา ขอ้ มลู จากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ เชน่ หนังสือเรยี น อินเทอรเ์ น็ต เป็นต้น เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 29

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยกี บั ชีวิต แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การเปลีย่ นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี ขน้ั สรุป ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครปู ระเมนิ ผลการนำเสนอของนกั เรยี น 2. ครตู รวจสอบความถูกต้องจากการทำใบงานที่ 1.1.1 3. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรเู้ กีย่ วกบั เทคโนโลยีกับชวี ิตว่า“เทคโนโลยที ม่ี กี ารพฒั นา อย่างต่อเน่ืองเกิดจากปจั จัยสำคญั ๆ ได้แก่ 1) การตอบสนองความต้องการของมนุษย์ 2) ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ ่าง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงศาสตร์ดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละ คณติ ศาสตร์ 3) การแกป้ ัญหาต่างที่เกิดข้นึ ในสังคม ซง่ึ การพัฒนาเทคโนโลยหี รือเลอื กใช้เทคโนโลยี สง่ิ สำคัญคือการประเมินวา่ เทคโนโลยนี ัน้ สง่ ผลกระทบทง้ั ทางบวกและทางลบ ดา้ นมนุษยแ์ ละสงั คม ด้านเศรษฐกจิ และดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งไรเพ่ือเป็นแนวทาง ในการพัฒนาเทคโนโลยีหรอื เลือกใชเ้ ทคโนโลยนี ้ัน ๆ ได้อย่างเหมาะสม” 4. นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาทกั ษะการคดิ ของผเู้ รียน (Unit Activity) จากนัน้ ให้นักเรียนตอบคำถามลงในสมุดประจำตวั 5. นักเรยี นตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-Check) โดยพิจารณาขอ้ ความวา่ ถกู หรอื ผดิ หากนักเรยี นพิจารณาข้อความไมถ่ ูกต้อง ใหน้ กั เรยี นกลบั ไปทบทวนเนื้อหา ตามหัวขอ้ ท่กี ำหนดให้ 6. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เรอื่ ง เทคโนโลยีกับชีวติ เพ่ือ วัดความรู้ที่นักเรียนได้รับหลังจากผ่านการเรยี นรู้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 30

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เทคโนโลยกี บั ชวี ติ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การเปลย่ี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี 7. การวดั และประเมินผล วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจรงิ 7.1 การประเมินก่อนเรียน ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 - ใบงานท่ี 1.1.1 - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ เรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิต - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 7.2 การประเมินระหว่างการจัด กิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 1) ผลกระทบของเทคโนโลยี ผา่ นเกณฑ์ 2) พฤตกิ รรมการทำงาน การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม รายบคุ คล ระดบั คุณภาพ 2 - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ผลงาน การนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 4) การนำเสนอผลงาน - สงั เกตความซื่อสตั ย์ - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์ สจุ รติ ความมีวนิ ัย คุณลักษณะ 5) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ความรับผดิ ชอบ อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ อย่อู ย่าง 7.3 การประเมินหลงั เรียน พอเพยี ง และมุ่งม่นั - แบบทดสอบหลงั เรยี น ในการทำงาน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง เทคโนโลยกี ับชีวิต - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน ประเมินตามสภาพจริง หลงั เรยี น เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 31

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เทคโนโลยกี บั ชีวติ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เทคโนโลยีกบั ชีวติ 2) ใบงานท่ี 1.1.1 เร่ือง ผลกระทบของเทคโนโลยี 3) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อนิ เทอรเ์ น็ต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 32

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เทคโนโลยกี ับชีวิต แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การเปลีย่ นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี ใบงานที่ 1.1.1 เรือ่ ง ผลกระทบของเทคโนโลยี คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นอ่านและทำความเขา้ ใจกับเน้ือหา พร้อมตอบคำถามลงในประเด็นที่กำหนดให้ บรษิ ทั สตารท์ อัพ Shell works ประเทศองั กฤษได้พัฒนาพลาสตกิ ชวี ภาพ ใชเ้ ปลือกของกุ้ง ลอ็ บสเตอร์ ซึง่ ในเปลือกกงุ้ ล็อบสเตอร์มสี ารพอลเิ มอร์ชีวภาพทเ่ี รียกวา่ ไคตนิ (Chitin) เปน็ องค์ประกอบสูงมาก สามารถนำมาพัฒนาเปน็ วสั ดุทีย่ อ่ ยสลายไดแ้ ละยงั สามารถนำกลับมาใชใ้ หมไ่ ดอ้ ีกดว้ ย โดยขัน้ แรกเริม่ จากการนำ เปลอื กล็อบสเตอร์มาปั่นใหเ้ ปน็ ผงและย่อยสลายตอ่ โดยใชต้ ัวทำละลายอนิ ทรีย์ เพือ่ สกดั เอาไคตินออกมา ไคตนิ จะถูก นำไปทำปฏิกริ ิยากบั สารละลายกรดเบส จนไดเ้ ปน็ ผงไคโตซาน ทีไ่ ดม้ าผสมกับนำ้ สม้ สายชู จนไดส้ ารละลายพลาสตกิ ชีวภาพ ซงึ่ สามารถนำไปใชท้ ำผลติ ภัณฑส์ ามมิติ เช่น ถุงพลาสตกิ พลาสติกชวี ภาพจากเปลือกก้งุ ลอ็ บสเตอร์ มคี ณุ สมบตั ิพเิ ศษทสี่ ามารถตา้ นทานเช้อื ราและแบคทเี รยี ได้รวมท้งั สามารถยอ่ ยสลายกลายเป็นปุ๋ยได้ โดยไม่ก่อให้เกดิ อนั ตรายต่อสง่ิ แวดลอ้ ม อยา่ งไรก็ตาม แมบ้ รรดานกั วิจัยจะหวงั ว่า ในอนาคตจะมีการใช้พลาสติกชวี ภาพผลติ ช้อนส้อมแบบใชแ้ ล้วทงิ้ แพร่หลายขน้ึ แตบ่ างคนบอกวา่ เราอาจจะไม่ไดเ้ ห็น ถุงพลาสติกจากก้งุ ล็อบสเตอรใ์ นเรว็ ๆ นี้ เพราะกระบวนการผลติ นน้ั มีราคาค่อนขา้ งสงู เมอ่ื เทียบกบั พลาสติกทีผ่ ลติ ใน อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทมี่ า : http://www.nsm.or.th/other-service/679-online-science/knowless-inventory/science- news/science-news-science-museum/3734 ผลกระทบทางบวกและลบของเทคโนโลยีการผลิตพลาสตกิ ชวี ภาพ ผลกระทบ ผลกระทบทางบวก ผลกระทบทางลบ ดา้ นสงั คม ด้านเศรษฐกิจ ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม การตัดสนิ ใจเลือกใช้เทคโนโลยี  เลอื กใช้  ไม่เลอื กใช้ เหตผุ ล ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ........................................... เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 33

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยกี ับชีวติ เฉลย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การเปล่ียนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี ใบงานท่ี 1.1.1 เรอ่ื ง ผลกระทบของเทคโนโลยี คำช้แี จง : ให้นักเรียนอ่านและทำความเข้าใจกบั เนื้อหา พร้อมตอบคำถามลงในประเด็นที่กำหนดให้ บรษิ ทั สตาร์ทอพั Shell works ประเทศองั กฤษได้พฒั นาพลาสตกิ ชวี ภาพ ใชเ้ ปลอื กของกงุ้ ลอ็ บสเตอร์ ซ่งึ ในเปลอื กกุ้งล็อบสเตอรม์ สี ารพอลเิ มอรช์ ีวภาพทเ่ี รียกว่า ไคตนิ (Chitin) เป็นองคป์ ระกอบสงู มาก สามารถนำมาพัฒนาเปน็ วสั ดุทย่ี ่อยสลายได้และยงั สามารถนำกลบั มาใช้ใหม่ได้อีกด้วย โดยข้ันแรกเร่ิมจากการนำ เปลอื กล็อบสเตอรม์ าปน่ั ใหเ้ ป็นผงและยอ่ ยสลายตอ่ โดยใชต้ วั ทำละลายอินทรยี ์ เพอ่ื สกัดเอาไคตินออกมา ไคตนิ จะถกู นำไปทำปฏิกริ ยิ ากบั สารละลายกรดเบส จนไดเ้ ปน็ ผงไคโตซาน ทไี่ ดม้ าผสมกับนำ้ ส้มสายชู จนไดส้ ารละลายพลาสติก ชวี ภาพ ซ่ึงสามารถนำไปใช้ทำผลติ ภณั ฑ์สามมิติ เชน่ ถงุ พลาสติก พลาสตกิ ชวี ภาพจากเปลือกกุง้ ลอ็ บสเตอร์ มคี ณุ สมบตั พิ ิเศษท่สี ามารถต้านทานเชอ้ื ราและแบคทีเรยี ได้รวมท้ัง สามารถย่อยสลายกลายเปน็ ปุ๋ยได้ โดยไมก่ ่อให้เกดิ อนั ตรายตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม อย่างไรกต็ าม แมบ้ รรดานกั วจิ ัยจะหวังว่า ในอนาคตจะมกี ารใชพ้ ลาสตกิ ชวี ภาพผลติ ช้อนส้อมแบบใชแ้ ลว้ ทง้ิ แพรห่ ลายขึน้ แตบ่ างคนบอกว่าเราอาจจะไม่ไดเ้ ห็น ถงุ พลาสตกิ จากกุ้งล็อบสเตอร์ในเร็ว ๆ นี้ เพราะกระบวนการผลติ นนั้ มรี าคาค่อนขา้ งสูงเมื่อเทียบกบั พลาสตกิ ทผี่ ลติ ใน อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ ทม่ี า : http://www.nsm.or.th/other-service/679-online-science/knowless-inventory/science- news/science-news-science-museum/3734 ผลกระทบทางบวกและลบของเทคโนโลยกี ารผลติ พลาสตกิ ชีวภาพ ผลกระทบ ผลกระทบทางบวก ผลกระทบทางลบ ดา้ นสังคม พลาสตกิ ชีวภาพจากเปลอื กกงุ้ ลอ็ บสเตอร์ มี - คุณสมบัตพิ ิเศษทส่ี ามารถต้านทานเชื้อราและ แบคทเี รีย เหมาะกับการบรรจุอาหาร ด้านเศรษฐกิจ สามารถนำไปสรา้ งบรรจภุ ณั ฑ์แทนพลาสติก ต้นทุนการผลติ ราคาค่อนข้างสงู ทำให้สนิ ค้า กระดาษ หรอื ทรัพยากรท่มี แี นวโนม้ ลดลง เปน็ ราคาสงู ขนึ้ ทางเลือกสำหรับผูบ้ รโิ ภคทร่ี ักษ์โลก - พลาสติกชวี ภาพ (Bioplastic) ทส่ี ามารถยอ่ ย - สลายไดใ้ นธรรมชาตแิ ละเปน็ ปยุ๋ ในดิน ด้านสงิ่ แวดลอ้ ม - ลดขยะทเ่ี กดิ จากพลาสตกิ ทมี่ มี ากข้ึน การตดั สินใจเลอื กใช้เทคโนโลยี  เลอื กใช้  ไม่เลือกใช้ เหตผุ ล .ม..ีผ...ล..ก..ร..ะ...ท..บ...ใ.น...ท...า..ง..บ..ว..ก...ม..า..ก..ก...ว..า่..ท...า..ง.ล...บ.....แ..ล...ะ..ป...จั ..จ..ุบ...นั..ม...ีป...ร..ิม..า..ณ...ข...ย..ะ..จ...า..ก..ถ..ุง..พ..ล...า..ส..ต..ิก...ท..่มี...า..ก..ข...ึ้น.................. .............ซ...ึง่ .ท...ำ..ล..า..ย...ย..า..ก....ร..ว..ม..ท...้ัง..เ.ป...น็ ..ภ...ัย..ต...่อ..ส..ัต...ว..โ์.ล...ก..ท...่ีม..า..ก...ข..้นึ....โ.ด...ย..เ.ฉ...พ...า..ะ..อ..ย..่า..ง..ย...่งิ .ส...ตั ..ว..์ท..ะ..เ..ล....................................... เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 34

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เทคโนโลยกี ับชีวิต แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การเปลย่ี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่อง ทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32  1 การแสดงความคดิ เหน็  2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อนื่   3 การทำงานตามหน้าท่ีทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย   4 ความมีนำ้ ใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 35

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เทคโนโลยกี บั ชวี ติ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่อง ทต่ี รงกับระดับคะแนน การมี ลำดบั ที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม ของนกั เรียน ความ ฟังคนอนื่ ตามท่ไี ด้รบั น้ำใจ การ 15 คดิ เห็น มอบหมาย คะแนน ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 13 2 1 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../............... ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 36

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เทคโนโลยกี ับชีวติ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การเปลยี่ นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำช้แี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา   2 ความคดิ สรา้ งสรรค์   3 วิธีการนำเสนอผลงาน   4 การนำไปใชป้ ระโยชน์   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชื่อ ................................................... ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 37

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เทคโนโลยกี ับชวี ิต แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การเปล่ียนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คำชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ ง ทีต่ รงกับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน 32 1 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ กษัตรยิ ์ 1.2 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทีส่ รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรียน 1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทีเ่ กย่ี วกับสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามที่โรงเรียนจดั ข้นึ 2. ซ่ือสตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมูลที่ถกู ต้องและเปน็ จริง 2.2 ปฏบิ ัตใิ นส่ิงทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวนิ ยั รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครัว มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมต่างๆ ในชวี ิตประจำวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู ักใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ 4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เช่ือฟงั คำส่งั สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตั้งใจเรยี น 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินและสงิ่ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และร้คู ุณคา่ 5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงิน 6. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความตง้ั ใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสำเร็จ 7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสำนึกในการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน 8.2 รจู้ กั การดูแลรักษาทรพั ย์สมบัติและส่ิงแวดลอ้ มของหอ้ งเรยี นและ โรงเรียน ลงช่อื ..................................................ผู้ประเมนิ ............/.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 51–60 ดีมาก พฤติกรรมท่ีปฏิบัตชิ ดั เจนและบอ่ ยครัง้ ให้ 2 คะแนน 41–50 ดี 30–40 พอใช้ พฤตกิ รรมท่ีปฏิบตั บิ างครงั้ ให้ 1 คะแนน ต่ำกว่า 30 ปรบั ปรงุ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 38

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เทคโนโลยกี ับชวี ติ . แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี ) ....... 9 ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ีได้รับมอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชือ่ ( ตำแหน่ง 10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน  ดา้ นความรู้  ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น  ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)  ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทีม่ ีปัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 39


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook