Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม

คู่มือการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม

Published by NSEC Chanel, 2021-06-10 10:57:57

Description: คู่มือการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม

Search

Read the Text Version

คู่มอื การให้บรกิ ารชว่ งเชอื่ มตอ่ นักเรยี นพิการสู่ โรงเรียนเรียนรวมของศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ โดยการบริหารจดั การแบบมสี ่วนร่วม ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ ประจาจังหวดั นครสวรรค์ สานักบรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร



คำนำ คู่มือการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการ บริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการดำเนินงานการ ให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมี ส่วนร่วม สำหรับครูและบุคลากรของศูนย์การศึกษาพิเศษและผู้เกี่ยวข้องที่ดำเนินการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ นักเรียนพิการส่โู รงเรยี นเรียนรวม ในการจัดทำคู่มือการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษา พิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมเล่มนี้ ได้วิเคราะห์และจัดทำรูปแบบการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ นักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม โดยเนื้อหา ของคู่มือประกอบด้วย หลักการและแนวคิดเกี่ยวกับการให้บริการช่วงเชื่อมต่อรูปแบบการให้บริการช่วง เชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรยี นเรยี นรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม การ จัดทำแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ การติดตามและประเมินผลหลังการส่งต่อเข้าสู่สถานศึกษาใหม่ และ เอกสารประกอบการดำเนินงานทีเ่ กีย่ วข้อง เพือ่ เปน็ กรอบในการดำเนินงานต่อไป ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์ มีความคาดหวังว่าคู่มือการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ นักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมี ส่วนร่วมเล่มนี้ จะ เป็นประโยชน์ต่อครู บุคลากร ของศูนย์การศึกษาพิเศษ โรงเรียนเรียนรวม ผู้ปกครอง ผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจ ทั่วไป น้ำเพชร คงเพชรศกั ดิ์ รองผอู้ ำนวยการศนู ย์การศึกษาพเิ ศษ ประจำจงั หวดั นครสวรรค์ กรกฎาคม 2563

คำชแี้ จง คู่มือการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการ บริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการดำเนินงานการ ให้บริการช่วงเชื่อมต่อนกั เรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมี ส่วนร่วม สำหรับครูและบุคลากรของศูนย์การศึกษาพิเศษและผู้เกี่ยวข้องที่ดำเนินการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ นกั เรยี นพิการสู่โรงเรียนเรียนรวม ส่วนประกอบของคู่มือการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์ การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ บทที่ 1 หลักการและแนวคิด เกี่ยวกับการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ เป็นการนำเสนอเกี่ยวกับลักษณะของการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ ความสำคัญและแนวทางและขั้นตอนการจัดทำแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ บทที่ 2 รูปแบบการให้บริการ ช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม เป็นการนำเสนอขั้นตอนการดำเนินงานการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์ การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม โดยชี้แจงรายละเอียดในการปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ บทที่ 3 การจัดทำแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ เป็นตัวอย่างการเขียน แผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ การรายงานผลการพัฒนานักเรียนพิการ และการติดตามประเมินผล บทที่ 4 การติดตามและประเมินผลหลังการส่งต่อเข้าสู่สถานศึกษาใหม่ เป็นการนำเสนอการติดตามและประเมินผล หลังการส่งต่อเข้าสู่สถานศึกษาใหม่ เพื่อประเมินนักเรียนพิการว่าสามารถอยู่ในสถานศึกษาใหม่ได้หรือไม่ สามารถปรับตวั เขา้ สู่สถานศึกษาได้หรือไม่ และมปี ญั หาอปุ สรรคใด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของนักเรียนพิการ ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรของศูนย์การศึกษาพิเศษ และ ผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรยี นเรยี นรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษ โดยการบรหิ ารจัดการแบบมีส่วนร่วม ควรศึกษาขอ้ มูลตามขัน้ ตอนดงั น้ี 1. ศึกษาเอกสาร หลักการและแนวคิดเกี่ยวกบั การใหบ้ รกิ ารช่วงเชื่อมตอ่ 2. ศึกษาเครื่องมือสำหรับการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์ การศกึ ษาพิเศษโดยการบรหิ ารจดั การแบบมสี ่วนรว่ มจากภาคผนวก 3. ดำเนินการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดย การบริหารจัดการแบบมสี ่วนร่วม ตามขน้ั ตอนดังนี้

1. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนนิ งานการให้บรกิ ารชว่ งเชอื่ มต่อ ดำเนินการตามขนั้ ตอน 2. สำรวจความต้องการส่งต่อนักเรยี นและประเมนิ ความสามารถของนักเรียน 3. ประสานงานสถานศึกษาที่เปน็ เปา้ หมายในการส่งตอ่ และเขา้ ชมสถานศึกษา 4. แตง่ ต้ังคณะกรรมการจดั ทำแผนการให้บรกิ ารชว่ งเช่ือมตอ่ 5. รวบรวมข้อมูลนักเรียนและสถานศกึ ษาที่เปน็ เป้าหมายในการสง่ ตอ่ 6. จดั ทำแผนการใหบ้ ริการช่วงเช่อื มต่อ 7. ดำเนินการตามแผนการให้บริการชว่ งเช่ือมต่อ 8. ทบทวนแผนการใหบ้ ริการช่วงเชือ่ มตอ่ 9. การดำเนินการจำลองหอ้ งเรียนเตรยี มความพร้อมเพื่อการส่งตอ่ 10. ดำเนนิ การทดลองเรียนในสถานศึกษาท่ีเป็นเป้าหมายในการสง่ ต่อนักเรียน เดือน มกราคม ถึง เดอื นกุมภาพันธ์ จำนวน 3-5 วัน/สปั ดาห์ 11. ตดิ ตาม ดแู ล ระหว่างการทดลองเรียนในสถานศaึกษา 12. ประเมนิ ผลตามแผนการให้บรกิ ารชว่ งเช่ือมตอ่ สรปุ ผลการประเมนิ ไมผ่ า่ น เตรียมความ พร้อมใหม่ ผ่าน ณ ศนู ย์การศึกษา 13. ประสานงานเพ่อื สง่ ต่อเขา้ สสู่ ถานศกึ ษาเปา้ หมาย พิเศษ ไมส่ ามารถอยู่ ในสถานศึกษา ใหม่ได้ 14. ตดิ ตาม ประเมินผลหลังการสง่ ต่อเขา้ สู่สถานศกึ ษาใหม่ ท้ังนกี้ ารดำเนนิ การให้บริการชว่ งเชื่อมต่อนกั เรยี นพิการส่โู รงเรยี นเรยี นรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษ โดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ควรทำอย่างเป็นระบบต่อเนื่องเพื่อให้นักเรียนพิการได้รับการพัฒนา อยา่ งสูงสุด สามารถปรับตวั เข้ากับโรงเรียนเรียนรวมได้ และสามารถเรียนรวมได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

สารบญั หนา้ คำนำ คำชแี้ จง สารบญั สารบัญภาพ บทที่ 1 หลักการและแนวคิดเก่ียวกับการให้บริการชว่ งเชือ่ มต่อ....................................... 1 การให้บริการช่วงเชอ่ื มต่อ (Transition).................................................................. 1 ลักษณะการเช่ือมให้บรกิ ารชว่ งเช่อื มต่อนักเรียนพิการหรอื การเปลย่ี นผา่ น............. 2 ความสำคญั และประโยชน์ของการใหบ้ ริการช่วงเชื่อมต่อ........................................ 5 แนวทางและขน้ั ตอนการจดั ทำแผนการให้บริการช่วงเช่อื มตอ่ ................................. 6 การใหบ้ รกิ ารช่วงเชอ่ื มต่อนกั เรยี นพิการสูโ่ รงเรยี นเรยี นรวมของศูนยก์ ารศกึ ษา พิเศษโดยการบรหิ ารจัดการแบบมีสว่ นร่วม……...................................................................… 16 บทที่ 2 รูปแบบการให้บรกิ ารช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสโู่ รงเรียนเรยี นรวม ของศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษโดยการบรหิ ารจัดการแบบมสี ่วนรว่ ม............................ 17 ขัน้ ตอนท่ี 1 แตง่ ตัง้ คณะกรรมการดำเนินงานการใหบ้ รกิ ารช่วงเช่ือมต่อ................. 19 ขั้นตอนท่ี 2 สำรวจความตอ้ งการสง่ ต่อนักเรยี นและประเมินความสามารถของ นักเรียน…………....................................................................................................................... 20 ขั้นตอนท่ี 3 ประสานงานโรงเรยี นท่ีเปน็ เปา้ หมายในการสง่ ต่อและเขา้ ชม สถานศกึ ษา............................................................................................................................. 22 ขนั้ ตอนท่ี 4 แต่งต้งั คณะกรรมการจดั ทำแผนการให้บริการชว่ งเชอ่ื มต่อ.................. 21 ขน้ั ตอนที่ 5 รวบรวมขอ้ มูลนักเรียนและสถานศึกษาทเี่ ปน็ เปา้ หมายในการส่งต่อ.... 21 ข้นั ตอนท่ี 6 จดั ทำแผนการให้บรกิ ารช่วงเช่อื มต่อ (Individual Transition Plan: ITP)………………………….......................................................................................................….. 22 ขั้นตอนท่ี 7 ดำเนินการตามแผนการให้บรกิ ารช่วงเช่อื มต่อ……............................... 23 ขน้ั ตอนที่ 8 ทบทวนแผนการใหบ้ รกิ ารชว่ งเชอ่ื มต่อ…...........................................… 23 ขน้ั ตอนที่ 9 การดำเนินการจำลองห้องเรยี นเตรยี มความพร้อมเพ่ือการสง่ ต่อ......... 24 ข้นั ตอนท่ี 10 ดำเนนิ การทดลองเรยี นในสถานศึกษาทีเ่ ปน็ เปา้ หมายในการสง่ ต่อ นักเรียน............................................................................................................................... 24

สารบญั (ตอ่ ) หนา้ ขนั้ ตอนท่ี 11 ติดตาม ดูแล ระหวา่ งการทดลองเรยี นในสถานศกึ ษา....................... 25 ขั้นตอนท่ี 12 ประเมินผลตามแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ................................. 26 ข้ันตอนที่ 13 ประสานงานเพ่ือส่งต่อเขา้ สสู่ ถานศึกษาเป้าหมาย…......................… 26 ข้นั ตอนท่ี 14 ตดิ ตาม ประเมนิ ผลหลังการส่งต่อเขา้ สูส่ ถานศกึ ษาใหม่................... 26 บทที่ 3 การจดั ทำแผนการใหบ้ ริการช่วงเชือ่ มตอ่ …….................................................... 27 บทที่ 4 การตดิ ตามและประเมนิ ผลหลังการสง่ ต่อเขา้ สู่สถานศึกษาใหม่....................... 54 บรรณานุกรม................................................................................................................ 58 ภาคผนวก..................................................................................................................... 59 ภาคผนวก ก คำสั่งแตง่ ตง้ั คณะกรรมการดำเนินงานการให้บริการช่วงเชื่อมตอ่ ................. 60 ภาคผนวก ข แบบสำรวจความต้องการสง่ ต่อนกั เรยี นและประเมนิ ความสามารถของ นกั เรยี น................................................................................................................................ 62 ภาคผนวก ค หนงั สอื ขอความอนเุ คราะห์เข้าเย่ยี มชมสถานศกึ ษา..................................... 65 ภาคผนวก ง การแตง่ ต้ังคณะกรรมการจดั ทำแผนการใหบ้ ริการช่วงเชือ่ มต่อ.................... 66 ภาคผนวก จ แบบสำรวจ จดั ทำ จดั เก็บข้อมูลเพื่อวางแผนการให้บริการชว่ งเชอ่ื มตอ่ ...... 68 ภาคผนวก ฉ แบบบันทกึ ข้อมูลเพื่อวางแผนการใหบ้ ริการช่วงเช่อื มต่อ.............................. 75 ภาคผนวก ช แบบแผนปฏิบตั กิ ารการใหบ้ ริการช่วงเชอ่ื มต่อ……....................................... 77 ภาคผนวก ซ แบบบันทึกผลการใช้แผนการให้บริการชว่ งเชอื่ มตอ่ .................................... 79 ภาคผนวก ฌ ดำเนนิ การจำลองห้องเรยี นเตรยี มความพร้อมเพอื่ การสง่ ต่อ….................... 81 ภาคผนวก ญ หนังสอื ขอความอนุเคราะหส์ ่งนักเรียนส่งนักเรยี นเข้าเรียนระยะทดลองเพ่อื 83 เตรยี มความพร้อม……................................................................................................... ภาคผนวก ฎ แบบบนั ทึกผลการดำเนินการทดลองเรียนในสถานศกึ ษาท่ีเป็นเป้าหมาย.... 85 ภาคผนวก ฏ แบบสรปุ แผนการใหบ้ ริการชว่ งเชื่อมต่อ (ITP)….......................................... 92 ภาคผนวก ฐ หนังสือส่งตอ่ นักเรียน…................................................................................. 95 ภาคผนวก ฑ แบบสมั ภาษณ์การติดตามและประเมนิ ผลหลงั การส่งตอ่ เข้าสู่สถานศึกษาใหม่ ............................................................................................. .......................................... 97

สารบัญภาพ ภาพท่ี 1 โครงสร้างรปู แบบการใหบ้ ริการช่วงเชอ่ื มต่อนักเรียนพิการสูโ่ รงเรยี นเรยี นรวม หน้า ของศูนย์การศึกษาพเิ ศษโดยการบรหิ ารจดั การแบบมสี ว่ นร่วม............................................... 18



1 บทท่ี 1 หลักการและแนวคดิ เกีย่ วกบั การใหบ้ ริการช่วงเชื่อมตอ่ การใหบ้ รกิ ารชว่ งเชื่อมต่อ (Transition) การเช่อื มต่อการหรอื เปลย่ี นผา่ นมผี ใู้ หค้ วามหมายไวใ้ กลเ้ คยี งกนั ดงั ต่อไปนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (ม.ป.ป. : 29) ได้ให้ ความหมาย การเปลี่ยนผ่าน (Transition) คือ การเปลี่ยนจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง เช่น การเปลี่ยนแปลงจากสถานท่ี สภาพแวดล้อม ระยะเวลา จากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่ง โดยมีเป้าหมายอยู่ ข้างหน้าที่มีสภาพดีกว่าปัจจุบัน ดังนั้น การจัดช่วงเชื่อมต่อสำหรับผู้เรียนพิการ จึงอาจหมายถึง กระบวนการเลื่อนระดับการดำเนินชีวิตจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง เช่น จากบ้านสู่ศูนย์เตรียม ความพร้อมก่อนวัยเรียน ศูนย์การศึกษาพิเศษ โรงเรียน จากช้ันเรียนสู่ชั้นเรียน และจากโรงเรียนสู่ ชุมชน เป็นต้น โดยการดำเนินการเปลี่ยนผ่านต้องมีการวางแผนและจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่าน เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเป็นหลกั ประกันวา่ ผู้เรียนจะไดร้ ับการเตรียมความพร้อมในการเปลีย่ นผา่ น เชน่ เดียวกับการมแี ผนการจดั การศึกษาเฉพาะบุคคล กนกพร นทีธนสมบัติ (2555 : 105) ได้ให้ความหมาย การเปลี่ยนผ่าน คือ การเคลื่อนผ่าน จากช่วงชีวิตหนึ่ง ช่วงเงื่อนไขหนึ่ง หรือช่วงภาวะหนึ่ง ไปสู่อีกช่วงชีวิตหนึ่ง อีกช่วงเงื่อนไขหนึ่ง หรือ อีกชว่ งภาวะหนง่ึ สำนักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา (2555 : 3) ได้ให้ความหมาย การบริการสนับสนุน ในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transition Services) หมายถึง กระบวนการการให้บริการสนับสนุนที่เน้นผล ที่จะเกิดขึ้นต่อตัวคนพิการ โดยเน้นการช่วยเหลือให้คนพิการมีพัฒนาการทางวิชาการ และการใช้ ชีวิตประจำวันในระหว่างที่มีการเปลี่ยนผ่านจากโรงเรียนประถมศึกษาไปสู่ระดับมัธยมศึกษาสาย สามัญ หรือการศึกษาสายอาชีพ รวมทั้งการฝึกประกอบอาชีพ การดำรงชีวิตด้วยตนเองและการเข้า ร่วมกิจกรรมทางสังคมในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง กระบวนการที่เน้นความต้องการเฉพาะบุคคลของคน พกิ าร และคำนึงถึงศักยภาพ ความสามารถและความสนใจของแตล่ ะบคุ คล กระบวนการทีร่ วมถึงการ เรียนการสอน การให้บริการสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน การสนับสนุนการมีส่วนร่วม ทางสังคม การประกอบอาชีพและปรับตัวสู่เข้าส่วู ัยผใู้ หญ่ กรองทอง จุลิรัชนีกร (2556 : 90) ได้ให้ความหมาย การจัดทำแผนช่วงต่อ (Transition Plan) เปน็ การวางแผนการส่งต่อเด็กหรือการถ่ายโอนเด็กจากระดบั หนึ่งสู่อีกระดบั หนึ่งในสถานท่ีเดิม และสถานที่ใหม่ โดยครูที่อยู่ชั้นเดิมจะต้องสรุปผลการประเมิน ผลการเปลี่ยนแปลงทางพัฒนาการ ความสามารถ รวมถงึ การวางแผนการจดั ประสบการณ์ในการสอน การจดั กจิ กรรมในระดบั ต่อไป และ การถ่ายโอนข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เพื่อส่งต่อให้กับครูหรือผู้รับผิดชอบเด็กที่มีความต้องการ พิเศษในระดับต่อไป จะเห็นได้ว่า คำว่า ช่วงเชื่อมต่อ การบริการสนับสนุนในระยะเปลี่ยนผ่าน การเปลี่ยนผ่าน การจัดทำแผนช่วงต่อ มีความหมายใกล้เคียงกัน โดยในคู่มือเล่มน้ีใช้คำว่า การให้บริการช่วงเชื่อมต่อ ซึ่งหมายถึง กระบวนการที่จดั ขึ้นเพื่อเตรยี มความพรอ้ มนักเรียนพิการให้มคี วามสามารถเหมาะสมตอ่

2 การเปลี่ยนแปลงจากการศึกษาแบบการให้บรกิ ารช่วยเหลือระยะแรกเร่ิมสู่การศึกษาแบบเรียนรวมใน สถานศกึ ษา ลักษณะการให้บริการชว่ งเชอ่ื มตอ่ นักเรียนพิการหรือการเปลย่ี นผา่ น การให้บรกิ ารชว่ งเชอ่ื มตอ่ นักเรยี นพกิ ารนน้ั มีหลายรูปแบบและเกดิ ได้ในทุกชว่ งของชวี ิต โดยสามารถแบง่ ประเภท ดังน้ี สจุ ิตรพร สฝี ้นั (2550: 37) ได้แบง่ ลักษณะการเช่ือมตอ่ ไวด้ งั น้ี 1. การเช่อื มตอ่ เพือ่ เข้าสูร่ ะบบโรงเรียน โรงเรียนและผู้ปกครองจะต้องวางแผนร่วมกันเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของการจัด โปรแกรมการเรียนการสอนและบริการเสริมที่จำเป็น เด็กที่จะเข้าสู่ระบบโรงเรียนอาจจะมาจาก โปรแกรมกอ่ นเขา้ โรงเรียน โปรแกรมจากศนู ยด์ แู ลเดก็ โปรแกรมการบำบดั ทบ่ี ้าน 2. การเช่ือมต่อระหวา่ งกจิ กรรมและสภาพแวดล้อมของแต่ละวัน เด็กที่มีความต้องการพิเศษบางคนมีประวัติเกี่ยวกับความยากลำบากในการปรบั ตัวต่อ การเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตประจำวัน วิธีการลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ก็คือ ต้องให้การเตือนหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า ด้วยระยะเวลาและรายละเอียดของ ข้อมูลที่เพียงพอระหว่างการเปลี่ยนกิจกรรม แต่ละครั้ง กลวิธีที่สามารถทำได้ได้แก่ การจัดตารางส่ือ ทางสายตา เพื่อบอกให้เด็กทราบลำดับขั้นของเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในวันนั้น การให้ สัญญาณเตือนการเปล่ียนแปลง เนื่องจากการจัดตารางเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพอที่จะเตรยี ม เด็กสู่การเปลีย่ นแปลง เด็กบางคนต้องการการใช้สัญลักษณ์หรือสิ่งของที่ช่วยใหเ้ ด็กเขา้ ใจว่ากิจกรรม หรือสภาพแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นต่อไปคืออะไร รวมทั้งอาจใช้กลวิธีการใช้เรื่องทางสังคม โดยเฉพาะ การใช้รูปถ่ายหรือรูปภาพ จะมีประสิทธิภาพอย่างมากในการเตรียมเด็กเข้าสู่สถานการณ์ใหม่หรือ กิจกรรมที่ไม่คุ้นเคย โดยใช้ร่วมกับสื่อทางสายตาและการให้คำสั่งทางคำพูดร่วมด้วยการเชื่อมต่อ ระหว่างระดับชน้ั หนึง่ ไประดับชั้นถัดไป 3. การเชือ่ มตอ่ จากโรงเรยี นหนง่ึ ไปอกี โรงเรียนหน่ึง เราสามารถประยุกต์วิธีการจัดทำแผนการให้บริการในระยะเชื่อมต่อระหว่างระดับ ชั้นหนึ่งไประดับชั้นถัดไป สำหรับการเชื่อมต่อจากโรงเรียนหนึ่งไปอีกโรงเรียนหนึ่งได้ แต่อาจต้องใช้ ระยะเวลาในการเตรียมความพรอ้ มนานกว่า ให้ขอ้ มูลเพมิ่ เติมเก่ียวกบั รูปแบบการจัดการของโรงเรียน ใหม่ และฝึกทักษะที่จำเป็นเพิ่มเติมสำหรับการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมใหม่ ได้แก่การพึ่งพาตนเอง ในโรงเรียน กฎระเบียบของโรงเรียนใหม่ที่แตกต่างจากโรงเรียนเดิม ทักษะทางสังคม และ สถานท่ี ทีเ่ ดก็ สามารถขอรบั ความช่วยเหลือด้านตา่ ง ๆได้ 4. การเชื่อมตอ่ เพอ่ื เขา้ สวู่ ยั ผูใ้ หญ่ ควรเริม่ วางแผนตง้ั แต่เน่ิน ๆ กอ่ นเดก็ จะอายุครบ 15 ปบี รบิ รู ณ์ นนั่ คือ เด็กและพ่อแม่ จะต้องเข้าร่วมการประชุมเพื่อวางแผนตั้งแต่ปีแรกของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ในด้านทางเลือก ในการทำงาน ทางเลือกในการศึกษาหรือฝึกอบรมหลังจบการศึกษา โอกาสได้รับการสนับสนุนด้าน รายได้ ทางเลือกของการอยู่อาศัย ระบบขนส่ง บริการทางการแพทย์ กิจกรรมยามว่างและ นันทนาการ การคงไวซ้ ึ่งสัมพันธภาพกบั ครอบครวั และเพื่อน และการปกครอง

3 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (ม.ป.ป. : 11) ไดใ้ หล้ กั ษณะการเปลยี่ นผ่านสำหรับผเู้ รียนที่มคี วามตอ้ งการจำเปน็ พิเศษ ดังน้ี 1. การเปลย่ี นผา่ นในระบบโรงเรยี น (Transition into the school system) ครอบครัวของผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ เมื่อรับทราบถึงความต้องการของ บุตรหลานทีต่ ้องเข้าเรียนจำเปน็ ต้องแสวงหาสถานทีเ่ รยี นสำหรบั บุตรหลานเพื่อเข้าสูร่ ะบบการศึกษา หรือระบบการชว่ ยเหลอื ระยะแรกเร่ิม ผู้ปกครองจึงเป็นบุคคลแรกที่แสวงหาบรกิ ารแก่บุตรหลานโดย การไปพบปะผเู้ กี่ยวข้องเช่น ครู นักวชิ าชพี หรือแสวงหาข้อมลู จากแหลง่ ต่าง ๆ เพอ่ื เขา้ รบั การศึกษา 2. การเปลี่ยนผ่านระหว่างชั้นเรียนและการเลื่อนชั้น (Transitions between grade levels and class transfers) เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาในแต่ละระดับชั้น และต้องเข้าสู่การศึกษาในชั้นที่สูงขึ้นจึงมี ความจำเป็นทจี่ ะต้องเตรยี มความพร้อมผูเ้ รียนและครูผู้รบั การส่งต่อในชั้นถัดไป ทงั้ น้ีเพื่อที่ครูที่รับการ ส่งต่อจะได้รับทราบข้อมูลและความต้องการจำเป็นของผู้เรียน เพื่อให้การช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง ครูผู้รับส่งต่อผู้เรียนจึงควรมาเย่ียมชั้นเรียนของผู้เรียน สังเกตพฤติกรรม สภาพแวดล้อมของผู้เรียน และนำข้อมลู มาเตรียมความพรอ้ มในการจดั ชนั้ เรยี นให้ผเู้ รียนได้อยา่ งเหมาะสม 3. การเปล่ยี นผา่ นระหว่างโรงเรียน (Transitions between schools) เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาหนึ่งแล้ว หรือมีการย้ายสถานศึกษา จำเป็นต้องมีการส่งต่อข้อมูลจากสถานศึกษาเดิมให้ สถานศึกษาใหม่ที่รับส่งต่อ โดยสถานศึกษาใหม่ อาจตั้งผู้ประสานงานที่ให้ผู้เรียนสามารถติดต่อสอบถามได้ รวมถึงการให้ข้อมูลแก่ผู้ปกครองและ ผเู้ รียนอืน่ ในโรงเรยี นใหม่ รับสมัครเพ่อื นอาสาเป็นพี่เลย้ี งแก่ผู้เรียนที่มคี วามต้องการจำเปน็ พเิ ศษ และ เตรยี มพร้อมความรู้ทักษะท่จี ำเป็นในการดำเนนิ ชีวิตในโรงเรียนใหมแ่ กผ่ ้เู รยี นท่ีมีความต้องการจำเป็น พเิ ศษ 4. การเปลี่ยนผ่านจากระดับมัธยมศึกษาสู่การศึกษาในระดับสูงขึ้นและวัยผู้ใหญ่ (Transition from secondary school to higher education or adult life) เมื่อผู้เรียนสำเร็จการศึกษาระดับมธั ยมศึกษาแลว้ ตอ้ งการศึกษาต่อในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น การฝกึ อาชีพ วิชาชพี เฉพาะทาง การเรียนต่อระดบั อาชีวศกึ ษา และระดบั อุดมศึกษา จำเปน็ ต้อง ไดร้ บั การเตรียมความพร้อมในการศึกษาที่สงู ข้ึนเชน่ การศึกษาในระดบั อดุ มศกึ ษา จำเป็นตอ้ ง วางแผนเลือกโปรแกรมการศึกษาให้สอดคล้องกับศกั ยภาพและความต้องการของผูเ้ รียนมากท่ีสุด เตรยี มทุนการศึกษาสำหรบั การใช้จา่ ยในการเรยี นและบริการตา่ ง ๆ ท่ีเก่ยี วข้อง

4 Beth S. Rous, Rena A. Hallam, 2006; State Board of Education North Carolina, 2013 (อ้างถึงใน สมพร หวานเสร็จ: ออนไลน์) กำหนดลักษณะการจัดช่วงเชื่อมต่อ สำหรับผู้เรยี นพกิ าร มีอยู่ 4 ลกั ษณะไดแ้ ก่ 1. การจัดช่วงเชื่อมต่อเพื่อเข้าสู่ระบบโรงเรียน (Transition into the school system) เมอ่ื ครอบครัวของผูเ้ รยี นพิการ รบั ทราบวา่ บตุ รหลานตอ้ งเข้าเรยี น จำเป็นตอ้ งแสวงหา สถานที่เรียนสำหรับบุตรหลานเพื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาหรือระบบการช่วยเหลือระยะแรกเร่ิม ผู้ปกครองจึงเป็นบุคคลแรกที่แสวงหาบริการแก่บุตรหลาน โดยการไปพบปะผู้เกี่ยวข้อง เช่น ครู นักวิชาชีพ หรือแสวงหาข้อมลู จากแหลง่ ตา่ ง ๆ เพ่ือเข้ารบั การศึกษา 1.1 การจดั ช่วงเชอื่ มต่อจากระดบั อนุบาลสู่ระดับประถมศึกษา เด็กอายุ 7 ถึง 9 ปี เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของชีวิตเด็ก ทั้งพัฒนาการทางกายภาพ สังคม อารมณ์ ความสามารถในการคิด แม้ว่านักเรียนจะรู้สึกมั่นใจในตนเองมากขึ้นแต่ก็จะมีความวิตกกังวลกับการ เข้าสู่สังคมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีเพื่อน มีนักเรียนมากขึ้น และมีความแตกต่างกับสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย เด็กวัยนี้จะมีความรู้สึกไวต่อการถูกวิจารณ์จากคนอื่นทั้งการทำงานที่สำเร็จและไม่สำเร็จ ในวัยนี้เด็ก จะเรียนรู้การทำงานเป็นกลุ่ม เรียนรู้การเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี เรียนรู้ที่จะเข้าใจพฤติกรรมของคน อน่ื ๆ 1.2 การจัดช่วงเชื่อมต่อระดับประถมศึกษาสู่ระดับมัธยมศึกษา นักเรียนวัยนีก้ ำลัง ย่างเข้าสู่วัยรุ่นหนุ่มสาวซึ่งมีความแตกต่างกันในตัวนักเรียนแต่ละคนทั้งในทักษะทัศนคติ พฤติกรรม 5 และคุณสมบัติ นักเรียนมีความต้องการทางสังคม ความรู้ความเข้าใจอารมณ์และทางกายภาพที่ไม่ซำ้ กันบนพน้ื ฐานของจิตใจของแตล่ ะคน 1.3 การจัดช่วงเชื่อมต่อมัธยมต้นสู่ระดับมัธยมปลายหรืออาชีวศึกษา นักเรียน พิการวัยรุ่นหลายคนเขา้ ศกึ ษาตอ่ ระดับมัธยมปลาย โดยหวงั วา่ จะมที างเลอื กในการดำเนนิ ชีวิตมากขึ้น และต้องการมีเพื่อนมากขึ้น แต่นักเรียนจะมีความกังวลเกี่ยวกับการที่จะล้อเลียนโดยนักเรียนรุ่นพี่ที่ เก่งกว่า กลัวผลการเรียนลดลงเน่ืองจากอยู่ในสังคมท่ีมีขนาดใหญ่ขึ้นครแู ละผู้ปกครองต้องร่วมมือกนั เพื่อสร้างความคิดเชิงบวก การจัดการกับความเครียดการตอบสนองที่เหมาะสมในสังคม ทั้งอารมณ์ ร่างกายและสร้างความตอ้ งการทางวิชาการ ในช่วงปีนี้นักเรยี นต้องมีความรู้สกึ เป็นส่วนหนึ่งของกล่มุ สร้างมิตรภาพจากกิจกรรมและเหตุการณ์ ที่รู้สึกปลอดภัย การสร้างมาตรฐานการศึกษาที่สูงขึ้นและ ลดปญั หาทางสงั คมและอารมณ์ 2. การจัดช่วงเชื่อมต่อระหว่างชั้นเรียนและการเล่ือนชั้น (Transitions between grade levels and class transfers) เมื่อผู้เรียนพิการจบการศึกษาในแต่ละระดับชั้นและต้องเข้าสู่การศึกษาในชั้นที่สูงข้ึน จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมผู้เรียนพิการและครูผู้รับการเชื่อมต่อในชั้นถัดไป ให้ครูรับทราบข้อมูล และความต้องการจำเป็นของผู้เรียนพิการเพื่อให้การช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง ครูผู้รับการเชื่อมต่อ ผู้เรียนพิการจึงควรมาเยี่ยมชั้นเรียนของผู้เรียนพิการ สังเกตพฤติกรรม สภาพแวดล้อมของผู้เรียน พกิ ารและนำข้อมลู มาเตรยี มความพร้อมในการจัดชน้ั เรียนใหผ้ ู้เรยี นพิการได้อยา่ งเหมาะสม

5 3. การจัดชว่ งเชอ่ื มต่อระหวา่ งโรงเรียน (Transitions between schools) เมอ่ื ผเู้ รยี นพิการจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาหนงึ่ แล้วหรอื มีการย้ายสถานศึกษา จำเป็นต้องมีการเช่ือมต่อข้อมลู จากสถานศกึ ษาเดิมใหส้ ถานศึกษาใหมท่ ่ีรับส่งต่อ โดยสถานศึกษาใหม่ อาจแต่งตั้งผู้ประสานงานทใ่ี หผ้ ู้เรยี นพิการสามารถตดิ ต่อสอบถามได้ รวมถงึ การใหข้ ้อมลู แก่ผู้ปกครอง และผู้เรียนพิการอื่นในโรงเรียนใหม่ รับสมัครเพื่อนอาสาเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้เรียนพิการและเตรียมพร้อม ความรทู้ ักษะท่ีจำเป็นในการดำเนินชีวติ ในโรงเรยี นใหม่แกผ่ ้เู รยี นพกิ าร 4. การจัดชว่ งเชือ่ มตอ่ จากระดับมัธยมศึกษาสู่วัยผ้ใู หญ่ (Transition from secondary school to adult life) เป็นการสร้างเปา้ หมายชวี ิตหลงั ออกจากโรงเรยี น หรอื เม่อื ผเู้ รียนพกิ ารสำเร็จการศึกษา ระดับมัธยมศึกษา แล้วต้องการเข้าสู่การศึกษาเฉพาะทางหรือระดับอาชีวศึกษา จำเป็นต้องได้รับการ เตรียมความพร้อมด้านอาชีพ การจดั ชว่ งเชื่อมต่อในระยะนี้ เป็นระยะสำคญั ทน่ี ำไปสู่การพ่ึงพาตนเอง ในการดำเนินชีวิต จึงต้องมีการเตรียมแผนการบริการและแหล่งสนับสนุนต่าง ๆ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูล การเปลี่ยนผา่ นท่ีดำเนนิ การมาทงั้ หมดมาพจิ ารณาจุดแขง็ และเป้าหมายของผ้เู รียนพิการทค่ี วรส่งเสริม เพ่อื นำไปสู่การวางแผนการจดั ชว่ งเชอ่ื มต่อสำหรับดำเนินชีวิตในวยั ผู้ใหญ่ โดยการจดั ชว่ งเชื่อมต่อต้อง มีระบบความร่วมมือระหว่างองค์กรท้องถิ่น สถานประกอบการ ในขณะที่ต้องมั่นใจว่ามีนโยบายใน ระดับความร่วมมือระหว่างองค์กรและกระบวนการสร้างความสำเร็จในการพัฒนาเด็กและครอบครัว ระหวา่ งองคก์ รตา่ ง ๆ จะเห็นได้ว่าการให้บริการช่วงเชื่อมต่อหรือการเปลี่ยนผ่านนั้นเกิดได้หลายลักษณะทั้ง ในลกั ษณะของการเช่ือมต่อภายในห้องเรียน ภายในโรงเรียน ระหว่างโรงเรียน หรือการเชื่อมต่อสู่การ มีงานทำ ซง่ึ ทกุ ลักษณะจำเปน็ ต้องมกี ารวางแผนเพ่ือให้การเชือ่ มต่อบรรลุตามเปา้ หมาย ความสำคัญและประโยชนข์ องการใหบ้ ริการชว่ งเชื่อมตอ่ การให้บริการช่วงเชื่อมต่อนั้นมีประโยชน์ต่อตัวของผู้รับบริการ ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้อง เป็นอยา่ งมาก ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรงศึกษาธิการ (ม.ป.ป. : 6) กล่าวว่า การวางแผนการเปลี่ยนผ่านเป็นการบริการที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างโ อกาสให้แก่ผู้เรียน ประสบความสำเร็จต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต เป็นการเตรียมผู้เรียนให้สามารถเข้าสู่สังคมและ การพ่งึ พาตนเอง เปรยี บเสมอื นการสร้างสะพานเชือ่ มระหวา่ งชวี ิตในวัยเรยี นไปสู่การดำรงชวี ติ ใน วัย ผู้ใหญ่ เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ สามารถผ่านขั้นตอนในระยะต่าง ๆของชีวิตได้ และสามารถอยรู่ ่วมในสงั คมตามศกั ยภาพสงู สุด สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (2555 : 30) กล่าวว่า การให้บริการเปลี่ยนผ่าน จะกอ่ ให้เกิดประโยชน์ทัง้ สำหรับตวั คนพิการในการเรียนรูส้ ่ิงใหม่ๆ สำหรบั พอ่ แม่ ผปู้ กครองให้มีความ มั่นใจและลดความวิตกกังวลต่อการเข้าสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ของคนพิการ และสำหรับผู้สอนจะช่วยให้ ได้รับข้อมูลในการวางแผนการจัดการเรียนการสอน และให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมแก่คนพิการ ดงั น้ี

6 1. คนพกิ ารจะไดร้ ับประโยชนจ์ ากการให้บริการในระยะเปลี่ยนผา่ น คือ 1.1 ทำให้เกิดความตอ่ เน่อื งของประสบการณ์ทางการเรียนรู้ 1.2 เพิ่มแรงจูงใจและเปิดโอกาสในการเรยี นรปู้ ระสบการณ์ใหม่ 1.3 ส่งเสรมิ ความมน่ั ใจในตวั เอง 1.4 ส่งเสรมิ สมั พนั ธภาพระหวา่ งคนพิการกับพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และผูส้ อน 1.5 ทำใหเ้ กดิ ความรูส้ ึกไว้วางใจในผสู้ อนคนใหม่ 2. พ่อแม่ ผปู้ กครองจะได้รับประโยชน์จากการใหบ้ ริการในระยะเปลย่ี นผา่ น คือ 2.1 เพิ่มความม่ันใจในความสามารถของคนพิการ ว่าจะสามารถประสบความสำเร็จใน สภาพแวดล้อมใหม่ได้ 2.2 เพิ่มความมั่นใจในความสามารถตัวเองในการติดต่อสื่อสารกับผู้สอนหรือผู้ให้ บริการทเ่ี กี่ยวขอ้ งได้ 2.3 ทำใหเ้ กิดความภาคภมู ใิ จในการเขา้ ไปมสี ่วนรว่ มในการวางแผนการศึกษาของบุตร 2.4 ทำใหไ้ ดร้ บั ความรเู้ พ่มิ เติม และเช่ือม่ันในผ้สู อน และผู้ให้บริการที่เกย่ี วข้อง 3. ผู้สอนจะไดร้ ับประโยชน์จากการใหบ้ รกิ ารในระยะเปลย่ี นผา่ น คอื 3.1 เพิ่มความรู้เกี่ยวกับคนพิการและส่งเสริมความสามารถของคนพิการได้อย่าง เหมาะสม 3.2 สามารถช่วยเหลอื พอ่ แม่ ผู้ปกครองท่ีมีปัญหาไปได้พรอ้ ม ๆ กบั ชว่ ยเหลือคนพิการ 3.3 ขยายเครือขา่ ยการทำงานรว่ มกับทีมอืน่ ๆ 3.4 เพมิ่ ความรสู้ ึกของการเป็นมืออาชพี และภาคภมู ิใจในตนเอง แนวทางและขนั้ ตอนการจัดทำแผนการให้บรกิ ารชว่ งเช่อื มตอ่ แนวทางการจัดทำแผนการให้บรกิ ารชว่ งเชอื่ มต่อ การให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนและจัดทำแผนเพ่ือ ดำเนินการใหบ้ ริการ โดยเรยี กวา่ แผนการให้บริการชว่ งเช่ือมต่อ (Individual Transition Plan: ITP) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (ม.ป.ป. : 7) ได้กำหนดแนว ทางการจัดทำแผนการให้บรกิ ารชว่ งเช่ือมต่อโดยมีขน้ั ตอนดงั นี้ ขน้ั ตอนที่ 1 การศกึ ษานโยบายและหลกั การ การศึกษากฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจดั การศึกษาเพื่อคนพิการกฎหมายและ พระราชบญั ญัติทางการศกึ ษาของประเทศไทย ได้กลา่ วถงึ การสนบั สนุนใหค้ นพกิ ารสามารถดำรงชีวิต อิสระ มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และมีหลักเกณฑ์กำหนดใหผ้ ู้เรียนท่ีมีความต้องการจำเป็นพิเศษ ต้องมีแผนจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล โดยแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลระบุถึงแนวทางจัด การศึกษา ที่นำมาเชื่อมต่อสู่การวางแผนการเปลี่ยนผ่านได้ ดังนั้นการวางแผนการเปลี่ยนผ่านจึง สามารถทำควบคู่ไปกับการวางแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบคุ คล

7 ขัน้ ตอนที่ 2 การร่วมกันให้คำปรึกษา การวางแผนการเปลี่ยนผ่านจำเป็นต้องให้ผู้เกี่ยวข้องมาประชุมให้คำปรึกษาร่วมกันเพื่อ วางเป้าหมายในอนาคตตามความต้องการของผู้เรียน และจัดหาทรัพยากรสนับสนุนการดำเนินงาน ตามแผนให้บรรลุเป้าหมายท่ีกำหนดไว้ ขน้ั ตอนที่ 3 กระบวนการวางแผนการเปลี่ยนผ่าน ในขน้ั ตอนนี้ เป็นกระบวนการรวบรวมขอ้ มลู ไปสูก่ ารวางแผน การนำไปใช้ และการตดิ ตามผล ขั้นตอนท่ี 4 การจดั ทำแผนการเปลี่ยนผา่ นเฉพาะบุคคล เป็นแผนที่กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร เช่นเดียวกับแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล หรือแผนการให้บริการเฉพาะครอบครัว (IEP/IFSP) โดยผ่านกระบวนการขั้นตอนท่ี 1-3 จนมีแผน 8 การเปลย่ี นผ่านเฉพาะบคุ คล สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (ม.ป.ป.: 35) ได้กำหนดแนวทางกิจกรรมการบรกิ ารช่วงเชอ่ื มต่อ ดงั น้ี 1. สำรวจ จัดทำและจัดเก็บข้อมูลของหน่วยงานผู้ปฏิบัติงานและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับคน พกิ าร ทง้ั ดา้ นการศึกษา การแพทย์ การสงั คมสงเคราะห์และการอาชพี 2. ประสานการเชื่อมต่อคนพิการเพื่อไปรับบริการ เช่น วินิจฉัยหรือฟื้นฟูทางการแพทย์ ฝึกอาชพี เป็นตน้ 3. ประเมินความพร้อมของคนพิการ ความต้องการจำเป็นของคนพิการ / ครอบครัว โดย การมีส่วนร่วมของคณะบุคคลสหวิชาชีพ เช่น จากสถานศึกษาหนึ่งไปอีกสถานศึกษาหนึ่ง จากบ้าน ไปสูส่ ถานศึกษา/โรงพยาบาล/สถานประกอบการ อนื่ ๆ เพื่อให้การเปลีย่ นผา่ นของคนพิการมีข้อจำกัด น้อยทีส่ ุด ได้รับโอกาสในการพฒั นาศกั ยภาพมากทส่ี ดุ 4. ประสานงานเพื่อดำเนินการเปลี่ยนผ่านคนพิการไปสู่สภาพแวดล้อมอื่นตามความ เหมาะสม เช่น วินจิ ฉัยหรอื ฟน้ื ฟูทางการแพทย์ ฝึกอาชพี เป็นตน้ 5. ติดตามผลการเปลี่ยนผ่านเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้คนพิการได้รับความช่วยเหลือท่ี เหมาะสมต่อไป Nova Scotia Department of Education (2005, อา้ งถงึ ใน สมพร หวานเสรจ็ : ออนไลน์) เสนอกระบวนการวางแผนการจัดช่วงเชื่อมต่อทางการศึกษา ประกอบด้วย องค์ประกอบที่สำคัญ 4 องคป์ ระกอบ คือ 1. นโยบายและหลักการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สิทธิ การมีส่วนร่วม นักเรียนเป็นศูนย์กลางการ เลอื กบรกิ ารที่เหมาะสม การมงุ่ ผลสัมฤทธิ์ 2. การมีส่วนร่วมของผทู้ เ่ี ก่ยี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ พอ่ แม่ นักเรียน ผบู้ รหิ ารโรงเรยี น ครู และอน่ื ๆ 3. กระบวนการวางแผนการจัดช่วงเชื่อมต่อ ได้แก่ ทีมงานมีความรับผิดชอบต่อบทบาท หน้าที่และชัดเจนในการวางเป้าหมายเฉพาะบุคคล ประเมินความก้าวหน้าและประสิทธิผลของ แผนการจัดชว่ งเชอื่ มตอ่

8 4. แผนการจัดช่วงเชื่อมต่อเฉพาะบุคคล คือ ประสิทธิผลการจัดช่วงเชื่อมต่อคือตรงกับ ความต้องการจำเป็นของนักเรียนทั้งการศึกษา อาชีพ ดูแลบ้าน ดูแลสุขภาพ สร้างมิตรภาพ นนั ทนาการ การใชจ้ ่ายเงนิ Robert& Marcia Kraft-Sayre (2003, อ้างถึงใน สมพร หวานเสรจ็ : ออนไลน์) ได้กล่าวไว้ ในหนังสอื Successful Kindergarten Transition วา่ ในการพัฒนาออกแบบและปฏบิ ตั ติ ามแผน การ จัดช่วงเชื่อมต่อในระดับชุมชน มีหลักการชี้แนะอยู่ 5 ประการ ในการทำให้การจัดช่วงเชื่อมต่อ ใน9 ระดบั โรงเรียนอนุบาลประสบความสำเรจ็ ไดแ้ ก่ 1. ความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันเป็นทรัพยากร ความสัมพันธ์ที่สนับสนุนกันและกันในระหว่าง ผู้เกี่ยวข้องกับเด็กผู้เรียนพิการ และระหว่างบุคคลที่ทำงานและอาศัยอยู่กับเด็กผู้เรียนพิการเป็น เหมือนทรัพยากรหลักที่จะช่วยพัฒนาเด็ก เมื่อเด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนกันและกันจะชว่ ย ทำให้การจัดช่วงเชอื่ มตอ่ สโู่ รงเรียนระดับอนุบาลเปน็ ไปได้อย่างราบรืน่ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ พ่อแม่ที่ต้อง ส่งลูกเข้าสู่กระบวนการจัดช่วงเชื่อมต่อเป็นครั้งแรกความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันระหว่างพ่อแม่กับครู จะชว่ ยให้พอ่ แมแ่ ละเดก็ ผู้เรยี นพิการฟนั ฝา่ ปัญหาการจดั ช่วงเช่ือมต่อไปสรู่ ะดับอนุบาลได้เปน็ อย่างดี 2. ส่งเสริมความต่อเนื่องจากโรงเรียนเตรียมความพรอ้ มไปสู่โรงเรียนอนุบาล ความสัมพันธ์ ซึ่งมน่ั คงและย่ังยนื จะเป็นสะพานเชื่อมระหวา่ งครอบครัวและโรงเรยี นและต่อเนื่องจากโรงเรียนเตรียม ความพร้อมสู่โรงเรียนอนุบาล ความสัมพันธ์เหล่านี้จะพบได้ในพ่อแม่ ครู เจ้าหน้าที่ที่ทำงานกับ ครอบครัว เจ้าหน้าที่ของโรงเรียน เพื่อนของเด็กผู้เรียนพิการ เช่น ถ้าโรงเรียนเตรียมความพร้อมและ โรงเรยี นอนบุ าลทำงานร่วมกันด้วยดี กอ็ าจจะมกี ารพัฒนาโครงการที่ช่วยพฒั นาเด็กผู้เรยี นพิการอย่าง ต่อเน่อื ง 3. เน้นให้ความสำคัญกับจุดแข็งของครอบครัว ครอบครัวของเด็กผู้เรียนพิการจะรู้สึกมี กำลังใจอย่างดี หากปฏิสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับครอบครัวอยู่บนฐานของความสามารถของ ครอบครัว มากกว่าบนฐานของความล้มเหลว เราสามารถที่จะค้นพบจุดแข็งของครอบครัวได้โดย ความสัมพันธ์ที่เป็นบวกเกื้อกูลกันและริเริม่ โดยโรงเรียน ซึ่งจะช่วยเด็กและครอบครัวที่ดอ้ ยโอกาสได้ เปน็ อยา่ งดี 4. ออกแบบกระบวนการที่ตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคล การปฏิบัติการเรื่อง การจัดช่วงเชื่อมต่อต้องอยู่บนฐานของความต้องการและจุดแข็งของเด็กผู้เรียนพิการ ครอบครัว ครู โรงเรียน และชุมชน แนวทางนี้เน้นที่เสนอทางเลือกหลากหลายบนหลักการชีแ้ นะ โดยออกแบบแผน ให้ยดื หยุ่นด้วยฐานของความต้องการและจุดแข็งที่มีอยู่ 5. สร้างความสัมพันธ์ที่เน้นความร่วมมือร่วมใจกันทำงาน ความร่วมมือร่วมใจระหว่าง บุคคลหลักในกระบวนการจัดช่วงเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็นครู ครูใหญ่ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานกับครอบครัว ครอบครวั เปน็ รากฐานแห่งการพัฒนาและดำเนินการให้การจัดชว่ งเชื่อมต่อประสบความสำเรจ็ ในการ ทำงานอาจมีข้อขัดแย้งหรือความคิดที่ตกลงกันไม่ได้ แต่ในฐานะของเพื่อนร่วมงานที่แท้จริงต้อง สามารถทำงานหาข้อตกลงร่วมกันและประนีประนอมกันได้ และสุดท้ายแผนการจัดช่วงเชื่อมต่อ ที่สมบูรณ์ก็เป็นผลงาน สรุปได้ว่ารูปแบบการพัฒนา (Development Model) ของการจัดช่วง เชื่อมต่อของเด็กอนุบาลจะพิจารณาที่องค์ประกอบของเด็กผู้เรียนพิการ ที่เครือข่ายทางสังคมของ เด็กผู้เรียนพิการซึ่งเกี่ยวกับครอบครัว โรงเรียน เพื่อนผู้เรียนพิการและชุมชน และปฏิสัมพันธ์ของ

190 องค์ประกอบเหลา่ นี้เช่อื มกบั การเปลย่ี นแปลงของมิติกาลเวลา รูปแบบนเ้ี น้นเร่อื งการประสานระหว่าง ผู้เก่ียวขอ้ งทั้งหลายเพื่อมาชว่ ยพัฒนากระบวนการจัดชว่ งเชอ่ื มต่อ ในส่วนของแผนการจดั ช่วงเชื่อมต่อ ควรจะประกอบด้วยหลักการพื้นฐานได้แก่ ความสัมพันธ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การส่งเสริมความ ต่อเนื่องระหว่างโรงเรียนเตรียมความพร้อมกับโรงเรียนอนุบาล การให้ความสำคัญกับจุดแข็งของ ครอบครัวการพฒั นากระบวนการแนวการทำงานท่ียืดหยุ่นสามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละ บคุ คล และการพัฒนาการทำงานเปน็ ทีม ข้ันตอนการจัดทำแผนการให้บริการช่วงเชือ่ มต่อ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (ม.ป.ป. : 18) ได้ กำหนดขั้นตอนการจัดทำแผนการเปล่ียนผ่านสำหรับผู้เรียนไปสู่ความสำเรจ็ เพื่อใหไ้ ด้แผนการเปล่ียน ผ่านที่สะท้อนถึงตัวผู้เรียนและตอบสนองความต้องการในอนาคตของผู้เรียน โดยมีผู้เรียนเป็น ศูนย์กลางในทุกขัน้ ตอนของกระบวนการจดั ทำแผนการเปล่ียนผ่าน ประกอบด้วย 6 ข้ันตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 การแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่าน (Build A Transition Planning Team) - คณะกรรมการจัดทำแผนการเปล่ียนผา่ น - บทบาทหน้าทขี่ องคณะกรรมการจดั ทำแผนการเปลยี่ นผา่ น ข้นั ที่ 2 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู (Gather Information) - เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู 1. แผนภาพขอ้ มลู พน้ื ฐานของผเู้ รยี น (Background Map): ประวตั ิส่วนบคุ คล (Personal Life History) 2. แผนภาพพรสวรรค์หรือคุณลักษณะของผู้เรยี น (Gifts or Contributions Map) 3. แผนภาพความชอบหรือความสนใจ (Preferences Map) 4. แผนภาพการสื่อสาร (Communication Map) 5. แผนภาพความสัมพันธ์ (Relationship Map) ขน้ั ท่ี 3 การพัฒนาแผนการเปลี่ยนผ่าน (Develop Transition Plan) ขน้ั ท่ี 4 การนำแผนการเปล่ยี นผ่านไปสกู่ ารปฏบิ ัติ (Put Transition Plan Into Action) 11 ขั้นท่ี 5 การปรบั หรอื ทบทวนแผนการเปล่ยี นผา่ น (Update Transition Plan) ขั้นท่ี 6 การจัดประชมุ ก่อนผเู้ รียนจบการศกึ ษา (Hole an Exit Meeting) Robert & Marcia Kraft-Sayre (2003, อ้างถงึ ใน สมพร หวานเสร็จ : ออนไลน์) ไดเ้ สนอ ขั้นตอนการจัดช่วงเชื่อมต่อซึ่งเกี่ยวกับเด็กเล็ก ได้ขั้นตอน เช่น การจัดตั้งทีมงานร่วมกันทำงาน ซึง่ ทมี งานควรประกอบดว้ ย ครูโรงเรยี นเรยี นรว่ ม ครโู รงเรียนอนบุ าล เจ้าหน้าทีท่ ำงานด้านครอบครัว ครูใหญ่ พ่อแม่ และผู้แทนในระดับชุมชนและโรงเรียน ซึ่งทุกคนต้องมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการ วางแผน ปฏิบัติการ ประเมินผล แผนการจัดช่วงเชือ่ มต่อของชุมชน ซึ่งคณะทำงานควรประกอบด้วย 2 ระดับได้แก่ ระดับชุมชนและระดับโรงเรียน และการแต่งตั้งผู้ประสานงาน โดยผู้ประสานงานการ จัดช่วงเชื่อมต่ออาจเป็นผู้นำองค์กรที่ปรึกษาด้านการแนะแนว ครูใหญ่ ผู้ประสานงานโครงการ หรือ ผู้บริหารของโรงเรียน ซึ่งสามารถนำเอาบทบาทนี้เข้ากับงานประจำของตนเองได้ ซึ่งบทบาทของผู้ ประสานงานการจดั ช่วงเชื่อมต่อ คือ

10 1. การประสานงาน เอื้ออำนวยความสะดวก ผู้ประสานงานควรคุ้นเคยกับความต้องการ ของครอบครัวและโรงเรียนสามารถระบุถึงทรัพยากรที่จะมาใช้ได้ มีทักษะในการสื่อสารที่ดีกับ ครอบครัวทีห่ ลากหลาย 2. มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรงเรียนเตรียมความพร้อม โรงเรียนอนุบาล และการบริการ ของชุมชน ความเป็นผู้นำและทกั ษะการบริหารจดั การเป็นส่ิงสำคญั ทผ่ี ปู้ ระสานงานควรมี 3. ประสานจดั การประชมุ ประจำ และจดั ประเมนิ ความต้องการ การประชมุ ทมี งานในทงั้ 2 ระดบั เปน็ ส่งิ ทจ่ี ำเปน็ การมสี ่วนรว่ มของทุกฝา่ ยทีเ่ กยี่ วขอ้ งสง่ เสรมิ ความรว่ มมอื ในการทำแผนเช่ือมต่อ ที่เป็นจริง ซึ่งสามารถพัฒนาและปฏิบัติได้ ผู้เข้าร่วมประชุมควรเข้าใจในจุดประสงค์ เป้าหมาย และ แผนเพื่อการจัดช่วงเชื่อมต่อ กระบวนการนี้จะสร้างความร่วมมือแบบเพื่อนร่วมงาน (Partnership) และทำความเขา้ ใจในคำศัพทท์ ี่ใช้ในการจดั ช่วงเชอ่ื มต่อซง่ึ มคี วามคดิ เห็นทหี่ ลากหลายระหว่างทีมงาน ด้วยกัน 4. ระดมความคิดเพื่อดำเนินการจัดช่วงเชื่อมต่อ เมื่อความต้องการของโรงเรียนและชุมชน ได้ถูกระบุออกมาและเป้าหมายของการจัดช่วงเชื่อมต่อได้ถูกกำหนด ทีมที่ทำงานด้านการจัดช่วง เชื่อมต่อควรระดมความคิด เพื่อหาแนวทางโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวกับการจัดช่วงเชื่อมต่อ ซงึ่ เนน้ ไปทก่ี ารตอบสนองความตอ้ งการในกระบวนการจัดช่วงเชือ่ มต่อ 5. สร้างแผนกำหนดการจดั ช่วงเช่ือมต่อ แผนกำหนดการจะช่วยสร้างผังยุทธศาสตร์ในการ จัดช่วงเชื่อมต่อในการทำกำหนดการจัดช่วงเชื่อมต่อทีมงานควรทำกิจกรรมข้อ 4 ให้เสร็จ และปรับ เรยี งลำดับความสำคญั ของการทำกจิ กรรมเช่ือมต่อใส่ในแผนกำหนดการ 6. เตรียมการสำหรับอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น ก่อนดำเนินการแผนการจดั ช่วงเชื่อมต่อ เราควร จะพิจารณาองค์ประกอบท่ีจะบั่นทอนกำลังใจ หรอื ทำให้ทมี งานไม่มีสว่ นรว่ ม ไมก่ ระตือรือร้น ทีมงาน ควรประเมินศักยภาพและข้อจำกัดของทรัพยากรในโรงเรียน ได้แก่ งบประมาณ บุคลากร และเวลา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาให้อยู่ในแผนการจัดช่วงเชื่อมต่อด้วย เช่น ปัญหาบางอย่างที่ เกี่ยวกับอุปสรรคในการมีส่วนรว่ มของพ่อแม่ในการจัดชว่ งเช่ือมต่อ ได้แก่ กิจกรรมการจดั ช่วงเช่ือมต่อ รบกวนเวลาทำงาน ไม่มรี ถรับสง่ เพ่อื เข้าร่วมกิจกรรม ไม่รู้จกั ใครในโรงเรียน มปี ัญหาสุขภาพ ฯลฯ 7. ทบทวนความคิดและแผนกำหนดการ เมื่อประเด็นอุปสรรคได้ถูกระบุขึ้นมา ทีมงานท้ัง ในระดับชุมชนและในระดับโรงเรียนต้องทบทวนความคิดและแผนกำหนดการเพื่อจะแก้ปัญหาหรือ 12 จัดการปัญหาทอ่ี าจจะเกิดขึ้นซึง่ ขัน้ ตอนท่ี 4 ถึง 7 เป็นขน้ั ตอนท่เี กี่ยวโยงกันและคดิ ทบทวนกลับไปมา ได้ โดยนำเอาอปุ สรรคมาพิจารณาแล้วย้อนกลบั ไปปรบั แผน 8. ดำเนินการจัดช่วงเช่อื มต่อ โดยจดั ทำแผนกิจกรรมท่ผี ่านการระดมความคิด และทบทวน เป็นอย่างดีเพ่อื ใหก้ ารจดั ช่วงเชื่อมตอ่ สามารถเรมิ่ ตน้ ดำเนนิ การได้ 9. วัด ประเมินผล และทบทวนการปฏิบัติงาน เมื่อกระบวนการจัดช่วงเชื่อมต่อดำเนินการ เสร็จ ทีมงานด้านการจัดช่วงเชื่อมต่อต้องประเมินกิจกรรมที่ได้ดำเนินการมา ระบุถึงความต้องการ ที่ยังไม่สามารถทำใหบ้ รรลุ ค้นหาหรือเน้นยุทธศาสตร์ทีท่ ำให้งานเป็นไปไดด้ ี ทบทวนแผนสำหรับการ จดั ชว่ งเช่อื มตอ่ ในอนาคต ทมี งานควรประเมนิ ผลงานที่ออกมาจากแผนการจัดช่วงเช่ือมต่อท้งั ในระดับ ชมุ ชนและระดับโรงเรยี น และหาทางปรบั ปรุงเปลยี่ นแปลงในอนาคต กระบวนการนเ้ี ปน็ กระบวนการ

11 ทท่ี ำต่อเน่ือง เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการประเมินได้แก่ การสัมภาษณ์ แบบรายการตรวจสอบ แบบสอบถาม ฯลฯ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ม.ป.ป. : 8-12) กล่าวว่า กระบวนการให้บริการ ในระยะการเปล่ยี นผ่านประสบผลสำเร็จ คอื พจิ ารณาว่าผลทีต่ ้องการตามวัตถุประสงค์ของการบริการ สนับสนุนในระยะเปลี่ยนผ่านสำหรับนักเรียนพิการคืออะไร ทำอย่างไรจะบรรลุวัตถุประสงค์ดังกลา่ ว และวิธีการให้ผลการพัฒนานั้นคงอยู่ ซึ่งกระบวนการของการวางแผนให้บริการในระยะการเปลี่ยน ผา่ น มดี งั นี้ 1. การติดตอ่ ประสานงาน ในการทำงานเป็นทีมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้ประสานงาน เพื่อแจ้งความรับผิดชอบให้ แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ ซึ่งตำแหน่งผู้ประสานงานนี้อาจหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันภายใน สมาชิกของทมี ได้ ท้งั น้ีขึ้นอย่กู ับลักษณะความต้องการพิเศษของนักเรียนพกิ าร และครอบครัว สำหรับ ความรับผิดชอบของผู้ประสานงานในระยะการเปลี่ยนผ่าน คือจะต้องทราบกระบวนการของการ ให้บริการในระยะการเปลี่ยนผ่าน เข้าไปมีส่วนร่วมทั้งในกระบวนการส่ง และการรับของแต่ละระบบ13 การใหบ้ ริการ และต้องทราบแหลง่ ทรพั ยากร การจดั ชั้นเรียน และทางเลือกของบรกิ ารทม่ี ีในชุมชน 2. การเยย่ี มชมระบบการให้บริการใหม่ ผู้ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการในระยะการเปลี่ยนผ่าน ควรทำความคุ้นเคยกับระบบการ ใหบ้ ริการใหมท่ จี่ ะส่งนักเรียนพกิ ารไปเข้าเรียนทง้ั ในด้านของวิชาการและสงั คม ไดแ้ ก่ การจัดช้ันเรียน แผนการเรียน ขอบเขตของกิจกรรม และการจัดการเรียนการสอนของอาจารย์ รวมทั้งมีการประชุม พูดคุยระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องจากระบบการให้บริการเดิมและระบบการให้บริการใหม่ โดยเฉพาะ ผู้บริหารของระบบการให้บริการใหม่ ซึ่งหากเข้าร่วมในการประชุมจะเกิดประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากเปน็ ผู้ท่ีสามารถอธบิ ายการจัดบรกิ ารที่มีอยู่ของสถานศึกษาได้ดีที่สุด ในระหว่างการเย่ียมชม ระบบการให้บริการใหม่น้ี ผู้ทำหน้าที่ประสานงานจะต้องมีการจดบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ไว้ด้วย โดยเฉพาะความเหมือนและความต่างระหว่างสองระบบในด้านสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน พฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ในหอ้ งเรียนของผู้สอนและผู้เรียน และกิจกรรมในห้องเรียน ซึ่งความต่างที่ พบนั้นก็คอื ปัญหา หรือสง่ิ ทตี่ ้องเตรียมความพรอ้ มให้แกผ่ ้เู รยี นในระยะการเปลย่ี นผา่ นนนั่ เอง 3. การประชมุ รว่ มกันระหว่างบุคลากรของทมี ท่ีจะส่งผู้เรียนหลังจากการเยี่ยมชม เน้นหนัก ถึงการพิจารณาระหว่างความแตกต่างของสองระบบในสว่ นสำคญั ต่อไปน้ี 3.1 ทีมผู้สอน ได้แก่ จำนวนผู้สอน ผู้ช่วยและจำนวนอาสาสมัครในห้องเรียน จำนวน ผเู้ รียนในหอ้ งเรียน และอตั ราสว่ นของจำนวนบุคลากรกบั จำนวนผเู้ รยี น 3.2 ลักษณะการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพทั่วไป ประกอบด้วย รูปแบบการจัด กิจกรรมกลุ่ม การจัดโต๊ะในห้องเรียน การแบ่งแยกพื้นที่การเรียนกับการทำกิจกรรมอย่างชัดเจน ตำแหนง่ ของหอ้ งน้ำ และหอ้ งอาหาร เปน็ ต้น 3.3 ตารางกิจกรรมประจำวัน โดยพิจารณาสัดส่วนของการเรียนกับการทำกิจกรรมวา่ มีความแตกต่างและเหมาะสมหรือไม่ ระยะเวลาในการทำกิจกรรมนานเท่าใด เป็นกิจกรรมกลุ่มใหญ่ หรือกลมุ่ เล็ก กจิ กรรมท่ตี ้องใช้ทักษะหรือความสามารถพิเศษมหี รือไม่ และจัดในช่วงใด กิจกรรมตาม อิสระมีขอบเขตเพียงใด การเปลยี่ นตารางกิจกรรมประจำวนั มคี วามบอ่ ยเพียงใด

12 3.4 พฤติกรรม เป็นการสังเกตว่าผู้เรียนสามารถทำงาน หรือเรียนในกลุ่มที่ไม่มีผู้สอน อยู่ได้หรือไม่ ถ้าภายในห้องเรียนมีศูนย์การเรียนอยู่ ผู้เรียนจะเลือกกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนใจด้วย ตนเองหรือจำเป็นต้องให้ผู้สอนเป็นผู้บอกให้ผู้เรียนทำกิจกรรมนั้น รวมทั้งผู้เรียนสามารถแสดง พฤตกิ รรมทางสงั คมขณะทำงาน และขณะทำงานเสรจ็ อย่างเหมาะสมหรอื ไม่ 3.5 ทักษะการช่วยเหลอื ตนเองอะไรที่ผ้เู รียนทำได้ดีทส่ี ุด และทำไดอ้ ยูใ่ นระดบั ใด 3.6 การเตรียมความพร้อมทางวิชาการ สามารถพิจารณาได้จากการเรียนรู้ในการเข้า กจิ กรรมของผเู้ รียน การเขยี นบนกระดาน การทำงานในใบงาน การตอบสนองตอ่ คำถาม และลกั ษณะ คำตอบของผู้เรียน ซึ่งการเตรียมความพร้อมทางวิชาการจะต้องให้สอดคลอ้ งกับทักษะที่ต้องการของ14 ระบบการใหบ้ รกิ ารปลายทาง 4. การประชมุ ระหว่างครอบครวั และทมี ควรมีการประชุมระหว่างครอบครัวและทีมการจัดการศึกษา ประมาณ 9-12 เดือนก่อน การให้บริการในระยะการเปลยี่ นผ่าน เพ่อื ให้ครอบครัวได้เรียนรู้และเตรียมความพรอ้ ม ซ่งึ การประชุม จะทำหลังจากการประชุมทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล และต้องตั้งเป้าหมายของการ ให้บริการในระยะการเปลี่ยนผ่านให้สอดคล้องกับเป้าหมายของแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ในการประชุมนี้จะเริ่มจากผู้ประสานงานกล่าวแนะนำกระบวนการให้บริการในแต่ละหัวข้อ หลังจาก นั้นผู้สอนจะสรุปความก้าวหน้าของผู้เรียนจากระบบการให้บริการเดิม พร้อมกับให้ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับเปา้ หมายในอนาคต เสร็จแล้วให้ผูป้ กครองอภิปรายร่วมกับผู้สอนเพือ่ พิจารณาเป้าหมายใหม่ ท่สี มั พนั ธ์กับการให้บริการในระยะการเปล่ยี นผ่าน ในสว่ นนผ้ี ูป้ กครองมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูล เก่ียวกับจุดเด่น และความต้องการจำเป็นของผู้เรียน ประเด็นของการประชุมการให้บริการในระยะ การเปลี่ยนผ่านควรครอบคลุมรายละเอียดในด้านความสามารถ ความสนใจ และกิจกรรมที่ผู้เรียน ชนื่ ชอบ เปา้ หมายและวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรจู้ ากระบบการให้บริการเดิม ข้อมูลเฉพาะทโ่ี รงเรียนควร จะได้รับทราบ บริการเสริมที่ผู้เรียนได้รับ ประเภทและวิธีการช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาทางด้าน รา่ งกาย การดแู ลสขุ ลักษณะ วิธีการตดิ ต่อส่ือสาร วิธกี ารท่รี ะบบโรงเรียนและระบบการให้บริการเดิม ใช้ต่างกัน เทคนิคการสอนที่ใช้กับในห้องเรียน การให้งาน และการปรับงานเพื่อให้ผู้เรียนสามารถทำ ได้สำเร็จ การพิจารณาผลงานเดิมของผู้เรียน การให้เพื่อนร่วมชั้นมีส่วนร่วมในการพัฒนาผู้เรียน การจัดสภาพแวดล้อมท่ีช่วยให้สามารถเรียนรู้ได้ กระบวนการวางแผนและเทคนิคการสื่อสารท่ีเคยใช้ ในระบบการให้บรกิ ารเดมิ พัฒนาการของทักษะทางสังคม และการฝึกอบรมเจ้าหนา้ ท่ี 5. สถานศึกษาเดิมของผู้เรียนเป็นผู้จัดระบบการบริการส่งต่อผู้เรียนโดยเน้นการเตรียม ความพรอ้ มให้กับผู้เรยี น ผู้สอนจะต้องเตรียมผูเ้ รียนสู่สิ่งแวดล้อมของระบบใหม่ การจัดกิจกรรมให้แก่ผูเ้ รยี นจะต้อง ส่งเสริมทักษะที่จำเป็นต้องใช้ในสิ่งแวดล้อมใหม่ โดยค่อยๆ เพิ่มความรับผิดชอบเกี่ยวกับตนเองและ ในการดูแลตนเองด้านกิจวัตรประจำวนั ดว้ ยตนเอง สอนให้เข้าใจความแตกต่างของการใช้ห้องน้ำชาย และห้องน้ำหญิง ค่อยๆ ลดการกระตุ้นเตือนจากผู้สอนลงทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ เพิ่มเวลาให้ทำงาน และทำกิจกรรมด้วยตนเองอย่างอิสระ สอนให้เข้าแถวและเปลี่ยนแถวเพื่อเข้าสู่กิจกรรมใหม่ สอนให้ ทำงานหนึ่งเสร็จก่อนการเริ่มทำงานชิ้นใหม่ สอนให้รู้จักสิ่งของของตัวเอง และสามารถแสดงความ เป็นเจ้าของได้ สอนให้เข้าใจตารางและรูปแบบการเปลี่ยนกิจกรรมของชั้นเรียนให้กิจกรรมที่มี

13 ระยะเวลาแตกต่างกัน ใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย สอนกฎระเบียบเรื่องความปลอดภัยทุก ๆวัน เล่นบทบาทสมมตเิ กีย่ วกบั การพบเพื่อนใหม่และวิธีการเร่มิ ผกู มิตร 6. การจัดหมูเ่ รียน อาจตอ้ งมกี ารประชุมย่อยหลายคร้ังเกีย่ วกับการจัดหมู่เรียนท่เี หมาะสมให้แกผ่ ู้เรียน เน้ือหา ในการประชุมจะต้องพิจารณาความสามารถทุกด้าน และความต้องการในอนาคตของผู้เรียน ได้แก่ บริการพิเศษในโปรแกรมใหม่ บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง การจัดหาผู้ให้การบริการและช่วยเหลือ หรือ ผเู้ ชีย่ วชาญพิเศษ ซ่ึงในการประชุมควรประกอบไปดว้ ย พอ่ แม่ ผู้ประสานงาน บคุ ลากรจากระบบการ ให้บริการเดิม ผู้สอนของระบบใหม่ ผู้บริหาร หรือหัวหน้าโปรแกรม และผู้เกี่ยวข้องทางการศึกษา พิเศษ โดยผู้สอนของสถานศึกษาใหม่ควรมาเยี่ยมชมระบบการให้บริการเดิม เพื่อแจ้งรายละเอียด ของการเรียนใหม่ และเข้าสังเกตในชั้นเรียนเดิม เพื่อให้ทราบถึงความสามารถในปัจจุบันและความ ต้องการพิเศษ เพื่อกำหนดเป้าหมายในอนาคต ในขณะเดียวกันผู้ปกครองควรจะมีโอกาสได้เยี่ยมชม สถานศกึ ษาใหม่ด้วยเช่นกนั 7. การถ่ายโอนขอ้ มูล ในการถ่ายโอนข้อมูลของผู้เรียนถือเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่ง เนื่องจากบางครั้งไม่ได้ส่ง ข้อมูลที่ถูกต้อง หรือให้ข้อมูลกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่ได้อ่านข้อมูล เป็นต้น ผู้ปกครองจะต้องได้รับ ทราบเกี่ยวกับการสง่ ข้อมูลที่ถูกต้องว่าจะส่งให้ใครและเม่ือใด การถ่ายโอนข้อมูลเหล่านีม้ ักจะใชเ้ วลา ประมาณ 9 เดือนก่อนการให้บริการในระยะการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะรวมไปถึงตาราง กิจกรรมที่เคยทำ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์และการอภิปรายร่วมกับผู้ที่เคยสอนผู้เรียนโครงสร้าง ของแผนเชิงปฏิบัติการณ์ตามกระบวนการที่เฉพาะเจาะจง และข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกของบริการ ที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามคำถามที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ ได้แก่ วิธีการของแต่ละระบบการ ให้บริการคืออะไรหลังจากได้รับข้อมูลจากผู้ปกครอง วิธีการบันทึกข้อมูลของระบบการให้บริการเดมิ กับระบบใหม่ต่างกันหรือไม่ ข้อมูลใหม่เพิ่มเติมได้เมื่อใดและอย่างไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบในการส่ง ขอ้ มูล ใครเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบในการรบั ขอ้ มลู และจะมกี ารส่งขอ้ มลู เมื่อใดและอยา่ งไร 8. ผู้เรียนและครอบครัวเข้าเยีย่ มชมสถานศึกษาใหม่ ในขั้นตอนนี้ควรมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยก่อนการเยี่ยมชมอาจให้ได้ดูรูปของสถานท่ี ใหม่ว่าเป็นอย่างไรก่อนก็ได้ ในการเยี่ยมชมนี้ควรจะให้ทั้งผู้เรียนและครอบครัวได้เห็นอาคารเรียน เวลาในการเข้าช้ันเรียน และเวลาในการทำกิจกรรมนอกห้องเรียน ซึ่งจะเป็นการดีอย่างมากถ้าผู้สอน ของระบบการให้บริการใหม่จะใช้เวลากับผู้เรียนและครอบครัวในการพบปะพูดคุยในการมาเยี่ยมชม ครั้งน้ี การมาเยี่ยมชมแบบไม่เป็นทางการนี้จะทำให้ผู้เรียนและครอบครัวมีประสบการณ์เกี่ยวกับ สถานทใ่ี หม่ และไมเ่ กดิ ความวิตกกงั วลเกีย่ วกับการเปล่ียนแปลงทีจ่ ะเกดิ ขึ้น 9. การย้ายเข้าส่รู ะบบการให้บรกิ ารใหม่ สำหรับบางคนการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาอาจเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ผู้เรียนอาจ ควบคุมตนเองให้ตรงตามเวลาท่ีกำหนดในตารางไม่ได้ ผู้เรียนอาจจะสามารถเข้าร่วมเรียนเพียงวันละ ไม่กี่ชั่วโมง สำหรับสัปดาห์แรกของการเข้าสู่ระบบการบริการใหม่ การปรับจำนวนชั่วโมงเพิ่มขึ้นเร็ว เพียงใดขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวของผู้เรียน นอกจากนี้บุคลากรจากทีมเดิม หรือ

14 ผู้ปกครอง อาจจะต้องเข้าร่วมการเข้าสู่ช้ันเรียนใหม่ จนกว่าผู้เรยี นจะเริ่มรูส้ ึกผ่อนคลายกับห้องเรยี น ใหม่ จึงค่อย ๆ ถอนตัวออก อย่างไรก็ตามผู้เรียนอาจจะยังคงต้องเข้ารับบริการเดิมในบางเวลาขณะ กำลังเริ่มเข้าห้องเรียนใหม่ เนื่องจากห้องเรียนและบริการใหม่มีความแตกต่างกับระบบ การให้บริการเดิมจึงอาจทำให้ผู้เรียนกลัวได้บ้าง สำหรับผู้สอนคนใหม่มีบทบาทในการช่วยให้การ ให้บริการในระยะการเปลยี่ นผา่ นง่ายข้ึนโดยการพูดเกี่ยวกับช้ันเรียนใหมใ่ ห้ ผูเ้ รียนฟงั ว่าผู้เรียนจะไดร้ ับความสนุกสนานในการเรยี นในชนั้ เรียนใหมน่ ี้อย่างไรบา้ ง ในช่วง เริ่มแรกอาจจะให้ผู้เรียนได้มีเวลาทำกิจกรรมค่อนข้างมาก เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ใช้วิธีการสอนที่ง่ายๆ 1-2 ขั้นตอน แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อนขึ้น จัดช่วงเวลา และประเภทของ กจิ กรรมอย่างหลากหลาย มจี ำนวนผทู้ ช่ี ว่ ยเหลอื หลายคน แตใ่ หค้ วามช่วยเหลอื เฉพาะผเู้ รียนบางคนท่ี ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น บอกถึงกฎและกิจกรรมในประจำวันของชั้นเรียนบ่อย ๆ รวมทั้งจับคู่ ให้เพ่ือนใหมไ่ ดแ้ ลกเปลยี่ นประสบการณแ์ ละช่วยเหลือซงึ่ กนั และกัน 10. การจดั บรกิ ารเสริม ในช่วงแรกของชั้นเรียนใหม่ ผู้เรียนอาจจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบริการ 4 ด้าน ที่ผู้สอนในชั้นเรียนใหม่ต้องจัดให้ผู้เรียน คือ การประชุมเพื่อให้ผู้สอนได้ ทราบถึงปัญหาและความก้าวหน้าของผู้เรียน การแลกเปลี่ยนข้อมูลแก่ครอบครัว การแลกเปลี่ยน แนวความคดิ เกี่ยวกบั วิธีการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนระหว่างผูส้ อนเดิมและผู้สอนใหม่ และ การทบทวนบทเรยี นใหแ้ กผ่ ้เู รยี น และกล่าวถึงการประเมินเพื่อวางแผนให้บริการในระยะเปลี่ยนผ่าน มักจะประเมินในด้าน ตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1. การประเมินความสามารถในการทำงาน (Functional Assessment) ประกอบด้วย การสังเกตอย่างมีโครงสร้าง อย่างน้อย 1 ชุด การสัมภาษณ์ผู้ปกครอง การสัมภาษณ์ครู และ การ พิจารณาจากเอกสารต่าง ๆ ที่จัดทำขึ้นโดยครูและผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกับนักเรียนพิการ ดว้ ยการวัดอย่างไมเ่ ป็นทางการ 2. การประเมินทางสังคม (Social Assessment) ได้จากการสัมภาษณ์เกี่ยวกับประวัติ พัฒนาการของนักเรียนพิการและสถานภาพของครอบครัว การปฏิสัมพันธ์ของนักเรียนพิการกับ ครอบครัวและเพื่อน รวมทั้งการปรับตัวของนักเรียนพิการให้เข้ากับการดำรงชีวิตประจำวัน การ ประเมินนี้รวมถึงการหาข้อมูลจากการสังเกตการติดต่อสื่อสารพูดคุยกับนักเรียนพิการ และการเยี่ยม บา้ นนักเรยี นพิการด้วย 3. การประเมินทางการศึกษา (Educational Assessment) เป็นการประเมินจุดเด่น และ จุดด้อยทางดา้ นวชิ าการของนักเรียนพิการ ประกอบด้วย การทดสอบพฒั นาการก่อนการเขา้ สู่ระบบที่ เน้นวิชาการ และการทดสอบความถนัดทางการเรียนรู้ของนักเรียนพิการ ซึ่งการทดสอบนี้จะกระทำ เป็นรายบุคคลร่วมกับการสงั เกต การสัมภาษณ์ และการพิจารณาจากตวั อย่างผลงานที่นักเรียนพิการ เคยทำ 4. การประเมินทางจิตวิทยา (Psychological Assessment) ทำการประเมินโดย นักจิตวทิ ยาเก่ียวกับด้านสตปิ ัญญา สังคม การปรับตัว บุคลิกภาพ พฤติกรรม และสภาวะอารมณ์ของ นักเรียนพิการ โดยมุ่งเน้นถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของนักเรียนพิการในกิจกรรมที่

15 เหมาะสมกับพัฒนาการอย่างไร และวิธีการจัดการกับอารมณ์และพฤติกรรมของนักเรียนพิการ คอื อะไร โดยอาจประเมนิ ดว้ ยการทดสอบเป็นรายบคุ คลรว่ มกับการสมั ภาษณ์ 5. การประเมินด้านภาษาและการพูด (Speech/Language Assessment) เป็นการ ประเมินและวิเคราะห์ในส่วนของการพูด ความชัดเจนของการออกเสียง คุณภาพของเสียงความ ต่อเนื่อง ระดับความสามารถในการสื่อสาร และพัฒนาการทางภาษา ซึ่งผู้ประเมินจะใช้วิธีการท่ี หลากหลาย ท้งั การสมั ภาษณ์จากครอบครัว การสังเกตนักเรยี นพกิ ารและการทดสอบนักเรยี นพิการ 6. การประเมินอื่น ๆ เช่น การประเมินทักษะการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมัดใหญ่และ กล้ามเนื้อมัดเล็ก สขุ ภาพ การมองเห็น การได้ยิน สมาธิ อุปกรณ์ช่วยทีจ่ ำเป็น การประเมินเพื่อพิจารณาว่า การให้บริการในระยะเปลี่ยนผ่านนั้นประสบความสำเร็จ หรือไม่ สามารถพิจารณาได้จากพฤติกรรมการแสดงออก 4 ด้าน ได้แก่ พฤติกรรมทางสังคมและ การควบคมุ ตนเองในช้นั เรยี น พฤตกิ รรมด้านการติดต่อสอ่ื สาร พฤตกิ รรมที่เกีย่ วกบั การทำงาน และ พฤติกรรมการชว่ ยเหลือตนเอง ซึ่งการประเมินการใหบ้ ริการในระยะการเปลี่ยนผ่านสามารถประเมิน ได้ดังน้ี 1. คนพิการชอบและต้องการไปสถานศึกษาและมคี วามรูส้ ึกที่ดีต่อผู้สอนพ่อแมแ่ ละเพื่อน ร่วมช้ัน 2. คนพกิ ารแสดงพัฒนาการการเรยี นรไู้ ดด้ ีท้งั ทางร่างกาย สังคม อารมณ์ และสติปัญญา 3. พ่อแมก่ ระตือรอื ร้นในการใหค้ วามร่วมมือในการศึกษาของคนพิการ 4. พ่อแม่และผู้เกี่ยวข้องมีทัศนคติที่ดีต่อสถานศึกษาและวิธีการส่งเสริมการเรียนรู้แก่ คนพิการ 5. สภาพแวดล้อมของชั้นเรียนเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทั้งคนพิการและผู้สอนรู้สึก ผ่อนคลาย 6. ทงั้ ผู้สอนและครอบครัวมีทัศนคติที่ดตี ่อกัน

16 การให้บรกิ ารช่วงเช่อื มต่อนกั เรียนพกิ ารสูโ่ รงเรยี นเรยี นรวมของศนู ย์การศึกษาพิเศษ โดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนรว่ ม ผู้วิจัยได้วเิ คราะหห์ ลักการ ทฤษฎี และบทบาทหน้าทีข่ องศูนย์การศกึ ษาพิเศษเก่ียวกับการ ให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการและได้จำกิจกรรมสนทนากลุ่ม ศึกษาเอกสาร การศึกษาทฤษฎี การปรับปรับเพื่อเข้าสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ และแนวทางการช่วงต่อนักเรียนพิการ ประกอบด้วย ผู้ปกครองและครูผู้เกี่ยวข้อง ทำให้ได้รูปแบบในการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ และมีการปรับปรุงพัฒนา ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงได้รูปแบบการให้บรกิ ารช่วงเชือ่ มต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์ การศกึ ษาพเิ ศษโดยการบริหารจัดการแบบมสี ว่ นร่วม ดงั น้ี 1. แต่งต้งั คณะกรรมการดำเนินงานการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ 2. สำรวจความตอ้ งการส่งต่อนกั เรียนและประเมนิ ความสามารถของนักเรยี น 3. ประสานงานสถานศึกษาที่เป็นเปา้ หมายในการสง่ ตอ่ และเข้าชมสถานศกึ ษา 4. แตง่ ตง้ั คณะกรรมการจดั ทำแผนการใหบ้ ริการชว่ งเชอ่ื มต่อ 5. รวบรวมขอ้ มลู นักเรียนและสถานศึกษาทเี่ ปน็ เปา้ หมายในการส่งต่อ 6. จัดทำแผนการใหบ้ รกิ ารชว่ งเชอื่ มต่อ 7. ดำเนนิ การตามแผนการให้บริการชว่ งเชือ่ มตอ่ 8. ทบทวนแผนการใหบ้ ริการช่วงเช่ือมตอ่ 9. การดำเนนิ การจำลองหอ้ งเรียนเตรียมความพรอ้ มเพ่ือการส่งต่อ (ห้องเตรียมความพรอ้ มเพ่อื การสง่ ต่อ เดือนพฤศจกิ ายน-ธนั วาคม) 10. ดำเนินการทดลองเรยี นในสถานศึกษาท่ีเป็นเปา้ หมายในการส่งตอ่ นักเรยี น เดือน มกราคม ถึง เดอื นกุมภาพนั ธ์ จำนวน 3-5 วนั /สัปดาห์ 11. ติดตาม ดแู ล ระหว่างการทดลองเรียนในสถานศึกษา 12. ประเมินผลตามแผนการให้บรกิ ารช่วงเช่ือมต่อ 13. ประสานงานเพ่อื สง่ ต่อเขา้ สู่สถานศึกษาเปา้ หมาย 14. ตดิ ตาม ประเมินผลหลงั การสง่ ตอ่ เข้าสู่สถานศึกษาใหม่

17 บทที่ 2 รูปแบบการใหบ้ ริการชว่ งเชอ่ื มต่อนกั เรยี นพิการส่โู รงเรยี นเรยี นรวม ของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจดั การแบบมสี ว่ นร่วม ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์ ได้ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความ ต้องการจำเป็นในการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการของศูนย์การศึกษาพิเศษและได้กำหนด รูปแบบในการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดย การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม โดยได้ทดลองใช้รูปแบบ จำนวน 1 ปีการศึกษา และนำปัญหามา ปรับปรงุ และพัฒนาให้มีความเหมาะสมสำหรับนักเรยี นพิการของศนู ย์การศกึ ษาพเิ ศษใหด้ ยี ิ่งข้ึน จึงได้ รูปแบบการให้บริการช่วงเชือ่ มต่อนักเรียนพิการสู่โรงเรียนเรียนรวมของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการ บริหารจดั การแบบมสี ว่ นรว่ ม ดงั นี้ 1. แต่งต้ังคณะกรรมการดำเนินงานการใหบ้ รกิ ารชว่ งเชื่อมต่อ 2. สำรวจความตอ้ งการส่งตอ่ นักเรียนและประเมนิ ความสามารถของนักเรยี น 3. ประสานงานสถานศึกษาที่เปน็ เปา้ หมายในการส่งตอ่ และเขา้ ชมสถานศึกษา 4. แต่งตัง้ คณะกรรมการจัดทำแผนการให้บรกิ ารชว่ งเช่ือมต่อ 5. รวบรวมข้อมูลนักเรยี นและสถานศึกษาทีเ่ ปน็ เปา้ หมายในการส่งต่อ 6. จดั ทำแผนการให้บรกิ ารชว่ งเชอ่ื มตอ่ 7. ดำเนนิ การตามแผนการให้บรกิ ารชว่ งเชอ่ื มตอ่ 8. ทบทวนแผนการให้บริการชว่ งเช่อื มต่อ 9. การดำเนนิ การจำลองห้องเรยี นเตรียมความพรอ้ มเพือ่ การสง่ ต่อ (หอ้ งเตรียมความพร้อมเพือ่ การสง่ ต่อ เดอื นพฤศจกิ ายน-ธนั วาคม) 10. ดำเนินการทดลองเรียนในสถานศกึ ษาท่ีเป็นเปา้ หมายในการสง่ ต่อนักเรยี น เดอื นมกราคม ถึง เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ จำนวน 3-5 วนั /สปั ดาห์ 11. ตดิ ตาม ดแู ล ระหว่างการทดลองเรยี นในสถานศึกษา 12. ประเมนิ ผลตามแผนการให้บริการช่วงเช่อื มตอ่ 13. ประสานงานเพอ่ื ส่งต่อเขา้ สสู่ ถานศึกษาเป้าหมาย 14. ติดตาม ประเมนิ ผลหลังการสง่ ต่อเข้าสู่สถานศกึ ษาใหม่

18 โครงสร้างรปู แบบการใหบ้ ริการช่วงเชื่อมต่อนกั เรยี นพกิ ารสู่โรงเรยี นเรยี นรวม ของศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม 1. แต่งตงั้ คณะกรรมการดำเนินงานการใหบ้ ริการชว่ งเช่ือมต่อ ดำเนินการตามข้นั ตอน 2. สำรวจความตอ้ งการสง่ ต่อนักเรยี นและประเมินความสามารถของนกั เรียน 3. ประสานงานสถานศึกษาที่เป็นเปา้ หมายในการส่งตอ่ และเข้าชมสถานศึกษา 4. แต่งต้งั คณะกรรมการจัดทำแผนการใหบ้ รกิ ารช่วงเชือ่ มต่อ 5. รวบรวมขอ้ มูลนักเรยี นและสถานศึกษาทเ่ี ป็นเป้าหมายในการส่งตอ่ 6. จัดทำแผนการใหบ้ ริการชว่ งเช่ือมต่อ 7. ดำเนินการตามแผนการให้บริการช่วงเชือ่ มต่อ 8. ทบทวนแผนการใหบ้ ริการชว่ งเช่อื มตอ่ 9. การดำเนินการจำลองห้องเรียนเตรียมความพรอ้ มเพื่อการสง่ ต่อ 10. ดำเนินการทดลองเรียนในสถานศึกษาท่ีเป็นเป้าหมายในการสง่ ตอ่ นักเรียน เดอื น มกราคม ถงึ เดอื นกุมภาพนั ธ์ จำนวน 3-5 วัน/สปั ดาห์ 11. ตดิ ตาม ดูแล ระหว่างการทดลองเรียนในสถaานศึกษา 12. ประเมนิ ผลตามแผนการให้บรกิ ารชว่ งเช่ือมตอ่ ไม่ผา่ น เตรียมความ พรอ้ มใหม่ สรุปผลการประเมนิ ณ ศนู ย์การศกึ ษา ผ่าน พิเศษ 13. ประสานงานเพือ่ ส่งต่อเขา้ สสู่ ถานศึกษาเป้าหมาย ไมส่ ามารถอยู่ ในสถานศึกษา ใหมไ่ ด้ 14. ตดิ ตาม ประเมินผลหลังการสง่ ตอ่ เข้าสู่สถานศึกษาใหม่ ภาพท่ี 1 โครงสร้างการดำเนินงานการให้บริการชว่ งเช่อื มต่อนกั เรยี นพกิ าร ของศนู ย์การศึกษาพิเศษโดยการบรหิ ารจดั การแบบมสี ว่ นรว่ ม

19 ข้นั ตอนท่ี 1 แต่งต้ังคณะกรรมการดำเนินงานการใหบ้ ริการช่วงเชื่อมต่อ ระยะดำเนนิ การ (ดำเนินการช่วงเดือน เมษายน) การแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานการให้บริการช่วงเชื่อมต่อเป็นขั้นตอนในการ ดำเนินงาน ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรยี บร้อย และให้การดำเนินงานให้บรกิ ารช่วง เชื่อมเชื่อมต่อนักเรียนพิการของศูนย์การศึกษาพิเศษโดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมต่อ บรรลุ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ มีหน้าท่ีสำรวจความต้องการส่งต่อนักเรียน และประเมินความสามารถของนกั เรยี น ประสานงานสถานศึกษาที่เปน็ เป้าหมายในการส่งต่อและเขา้ ชมสถานศึกษา และ นิเทศ ตดิ ตาม การดำเนนิ งานการใหบ้ รกิ ารช่วงเชอื่ มตอ่ คณะกรรมการดำเนินงานการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ ประกอบด้วยบุคลากรของศูนย์ การศกึ ษาพิเศษ ดังนี้ 1. ผู้อำนวยการศนู ย์การศึกษาพิเศษ ประธาน 2. รองผูอ้ ำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ รองประธาน 3. หวั หนา้ กลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ กรรมการ 4. หัวหน้ากลุ่มบริหารแผนงานและงบประมาณ กรรมการ 5. หัวหน้ากลมุ่ บริหารงานบคุ คล กรรมการ 6. หวั หน้ากลุม่ บริหารงานท่วั ไป กรรมการ 7. หัวหนา้ งานใหค้ ำปรกึ ษา แนะแนว และสง่ ต่อ กรรมการและเลขานุการ โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ (คำสั่งแต่งต้ัง คณะกรรมการดำเนินงานการให้บริการชว่ งเชือ่ มต่อ ภาคผนวก ก) หมายเหตุ : ท้ังนกี้ ารแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนนิ งานการให้บรกิ ารชว่ งเชอื่ มต่อขึน้ อยู่กับ ความเหมาะสมของแต่ละสถานศกึ ษา

20 ขัน้ ตอนท่ี 2 สำรวจความต้องการส่งต่อนักเรียนและประเมนิ ความสามารถของนกั เรยี น ระยะดำเนินการ (ดำเนนิ การช่วงเดือน เมษายน) คณะกรรมการดำเนินงานการให้บริการช่วงเชื่อมต่อดำเนินการการสำรวจความต้องการสง่ ตอ่ นกั เรียนและประเมนิ ความสามารถของนักเรียนเป็นไปตามประเดน็ ดังต่อไปน้ี 1) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนพิการ เช่น ความสามารถของนักเรียนพิการในด้านต่าง ๆ ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับระบบสถานศกึ ษาใหม่ 2) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้ปกครอง เช่น ความต้องการส่งบุตรหลานของตนเข้าสู่ระบบ สถานศึกษาใหม่ ความมั่นใจต่อสถานศึกษาที่จะส่งบุตรหลานของตนไปเรียน ความพร้อมของ ผปู้ กครองในการสง่ ตอ่ บตุ รหลานของตนไปสถานศกึ ษาใหม่ 3) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาใหม่ เช่น ความพร้อมของสถานศึกษาในการจัดการ เรียนการสอนสำหรับนักเรียนพิการ ในด้านสภาพแวดล้อม บุคลากร และวิธีการในการจัดการเรียน การสอน (แบบสำรวจความต้องการสง่ ตอ่ นักเรียนและประเมินความสามารถของนกั เรยี น ภาคผนวก ข) ข้ันตอนท่ี 3 ประสานงานโรงเรยี นทเ่ี ปน็ เปา้ หมายในการส่งต่อและเข้าชมสถานศกึ ษา ระยะดำเนินการ (ดำเนินการชว่ งตน้ เดอื นพฤษภาคม) ศูนย์การศึกษาพิเศษโดยคณะกรรมการดำเนินงานการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ ดำเนินการ ประสานงานกับสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายในการส่งต่อนักเรียนพิการ โดยทำหนังสือขอความ อนเุ คราะห์เข้าเยย่ี มชมสถานศกึ ษา โดยพาผู้ปกครองและนักเรียนพกิ ารเขา้ เยี่ยมชมสถานศึกษาที่เป็น เป้าหมายในการส่งต่อ เพื่อให้ผู้ปกครองได้เห็นสภาพที่แท้จริงของสถานศึกษา อาคารสถานที่ ดูกระบวนการจัดการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมของโรงเรียน และเพื่อให้สถานศึกษาได้เห็น สภาพของนักเรียนพิการ เพ่อื วเิ คราะหว์ ่าสามารถเรียนในสถานศึกษาไดห้ รือไม่ ทัง้ นเ้ี พอื่ เป็นการสร้าง ความมน่ั ใจใหก้ บั ผปู้ กครองในการส่งบุตรหลานของตนเขา้ เรยี นในสถานศึกษา (หนงั สอื ขอความอนุเคราะหเ์ ข้าเยย่ี มชมสถานศึกษา ภาคผนวก ค)

21 ขน้ั ตอนท่ี 4 แต่งต้งั คณะกรรมการจัดทำแผนการใหบ้ รกิ ารช่วงเช่ือมต่อ ระยะดำเนนิ การ (คำเนนิ การช่วงตน้ เดือนพฤษภาคม) การแตง่ ตั้งคณะกรรมการจดั ทำแผนการใหบ้ ริการชว่ งเชื่อมต่อ ประกอบดว้ ย 1) ผอู้ ำนวยการศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษหรือผ้แู ทน 2) ผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษาท่ีเปน็ เปา้ หมายในการส่งต่อหรือผู้แทน 3) ผปู้ กครองนกั เรยี น 4) ครูผรู้ บั ผิดชอบ 5) นักกายภาพบำบดั 6) นักกจิ กรรมบำบัด 7) ครูการศกึ ษาพเิ ศษ 8) หัวหน้างานใหบ้ รกิ ารเปลยี่ นผ่านนักเรียน บทบาทหน้าท่ขี องคณะกรรมการจดั ทำแผนการให้บริการชว่ งเชือ่ มต่อ คอื เกบ็ รวบรวมข้อมูล ที่เกี่ยวข้องของนักเรียนพิการ ข้อมูลสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายการส่งต่อ ข้อมูลความสามารถของ นักเรียนพิการ ข้อมูลความสามารถของนักเรียนพิการท่ีสถานศึกษาต้องการ และนำข้อมูลไปวางแผน เพ่อื จดั ทำแผนการให้บริการชว่ งเช่ือมต่อ ใหเ้ หมาะสมกับนักเรยี นพิการ (คำสัง่ แต่งตั้งคณะกรรมการ จดั ทำแผนการให้บรกิ ารช่วงเชือ่ มตอ่ ภาคผนวก ง) หมายเหตุ : ทั้งนี้การแตง่ ต้งั คณะกรรมการจดั ทำแผนการใหบ้ ริการช่วงเชื่อมต่อขน้ึ อยู่กับความ เหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา ขน้ั ตอนที่ 5 รวบรวมขอ้ มูลนักเรยี นและสถานศกึ ษาที่เปน็ เปา้ หมายในการส่งตอ่ ระยะดำเนินการ (เดอื นพฤษภาคม) การรวบรวมข้อมูลนักเรียนและสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายในการส่งต่อ ดำเนินการเพื่อ จัดเก็บข้อมูลเพื่อวางแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญ เพราะข้อมลู ที่มคี วามถกู ตอ้ ง ครบถ้วน จะนำไปวางแผนไดเ้ หมาะสมกับนกั เรียนพิการมากท่ีสุด โดยใน ขั้นตอนการสำรวจ จัดทำ จัดเก็บข้อมูล จะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนพิการและ ขอ้ มูลของสถานศกึ ษาทีเ่ ป้าหมายในการส่งต่อ ดังนี้ 1) ขอ้ มูลทว่ั ไปของนักเรียน เปน็ ข้อมูลสว่ นตัวพ้ืนฐานของนักเรยี น ได้แก่ ชอ่ื สกลุ เพศ อายุ ประเภทความพิการ บิดา มารดา ทีอ่ ยู่ เปน็ ต้น 2) ข้อมูลด้านสุขภาพ เป็นการสอบถามเกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือ ข้อ กำจัดอ่ืน ๆ 3) เป้าหมายในการส่งต่อ เป็นการวางเป้าหมายว่าจะส่งต่อนักเรียนไปสู่สถานศึกษาแห่งใด เช่น โรงเรียนเรียนรวม โรงเรียนเฉพาะความพิการ และข้อมูลที่ตั้งของโรงเรียน ระยะทางในการ เดนิ ทางไปโรงเรียน ทงั้ นเี้ พื่อใชใ้ นการวางแผน

22 4) แผนภาพข้อมูลประวัตนิ ักเรียน เป็นขอ้ มลู ประวตั ิของนักเรียนผ่านแผนภาพเพ่ือให้เข้าใจ มากขึ้น โดยเร่ิมตัง้ แต่เกิดถึงปจั จุบัน โดยใหร้ ะบุเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ท่สี ำคญั หรอื การเปลย่ี นแปลงต่าง ๆ ท่เี กิดขึน้ กบั ตวั นกั เรยี น 5) แผนภาพการมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น (relationship Map) เป็นการแสดง ความสมั พันธ์ระหว่างนักเรียนกับผเู้ กีย่ วข้อง ได้แก่ ครอบครวั เพอ่ื น ผใู้ หบ้ ริการ และบุคคลอนื่ โดยให้ แสดงความสมั พันธ์บุคคลทมี่ ีความใกล้ชิดมากหรือมีอทิ ธิพลกบั นักเรยี นมากและใกล้ชิดน้อยลงแต่ยังมี อิทธิพลต่อนักเรียน 6) แผนภาพความพงึ พอใจ/ความชอบ (Preferences Map) เป็นการสอบถามนักเรยี น พกิ าร ผปู้ กครอง หรือผใู้ กล้ชิด เก่ียวกบั สง่ิ ทน่ี ักเรียน ชอบ ไม่ชอบ จุดท่เี ป็นการสง่ เสรมิ และจุดทีเ่ ป็น ขอ้ จำกัดของนักเรียนพิการ เพอ่ื ใชเ้ ป็นข้อมลู ในการวางแผนพัฒนา ป้องกนั หรือแก้ไขปัญหาตอ่ ไป 7) แผนภาพความฝัน ความหวังและความกลัวของผู้ปกครองนักเรียน (Dreams Hopes Fears Map) เป็นการเขียนภาพความคาดหวังของครอบครัวนักเรียน ใน 4 เรื่อง ได้แก่ บ้าน คือ เป้าหมายเมื่อนักเรียนอยู่บ้านลักษณะของการดำรงชีวิตในบ้านของตน ชุมชน คือเป้าหมายลักษณะ การดำรงชีวิตของนักเรียนเมื่ออยู่ในชุมชนของตนหรือชุมชนอื่น การศึกษา คือความคาดหวังของ ผู้ปกครองต่อระดับการศึกษาของนักเรียน และอาชีพ คือ ความคาดหวังของผู้ปกครองต่ออาชีพใน อนาคตของนกั เรยี น และความกลัวของผปู้ กครองตอ่ การดำรงชีวติ ของนกั เรยี น 8) แผนภาพสภาพแวดล้อมและสถานที่ (Environment and Places Map) เป็นการเขียน แผนภาพเพื่อบรรยายสภาพแวดล้อมภายในและรอบ ๆ สถานที่ที่นักเรียนมีความเกี่ยวข้อง ได้แก่ (1) สภาพแวดล้อมและสถานที่ภายในชุมชนของนักเรียน และ (2) สภาพแวดล้อมและสถานที่ของ สถานศึกษาทีเ่ ป็นเป้าหมายในการส่งตอ่ (แบบสำรวจ จัดทำ จัดเก็บขอ้ มูลเพือ่ วางแผนการใหบ้ ริการชว่ งเช่อื มตอ่ ภาคผนวก จ) ข้ันตอนท่ี 6 จดั ทำแผนการใหบ้ ริการช่วงเช่ือมตอ่ (Individual Transition Plan: ITP) ระยะดำเนินการ (ตน้ เดือนมิถุนายน) การจัดทำแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ โดยการประชุมคณะกรรมการให้บริการช่วง เชื่อมต่อ โดยนำข้อมูลของนักเรียนพิการของครอบครัว ของสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายในการส่งต่อ มาใช้ในการวางแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ โดยแผนการให้บริการช่วงเช่ือมจะมีความสอดคล้อง กับแผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบุคคล ทั้งน้ีเพือ่ เป็นการเตรียมความพร้อมของนักเรยี นพิการ ส่งเสริม พฒั นาการและความสามารถของนักเรียนพิการให้มีความเหมาะสมต่อการส่งต่อเข้าสู่สถานศึกษาใหม่ โดยมีรายละเอยี ด ดงั นี้ 1) ใช้แบบบันทึกข้อมูลเพื่อวางแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ โดยการประเมิน ความสามารถปัจจุบันของนักเรียนพิการตามทักษะการเรียนรู้ 7 ทักษะ และระดับความสามารถของ นักเรียนพิการตามความต้องการของสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายในการส่งต่อ ทั้งนี้เพื่อวางแผนให้ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียนและตรงกับความตอ้ งการของสถานศึกษา (แบบบนั ทึกข้อมลู เพอื่ วางแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ ภาคผนวก ฉ)

23 2) วางแผนปฏิบัติการช่วงเชื่อมต่อนักเรียนพิการเข้าสู่สถานศึกษาใหม่ ตามทักษะการ เรยี นรู้ 7 ทกั ษะ ทงั้ น้ีอาจดำเนนิ การในบางทักษะท่ีตอ้ งการพัฒนาให้มคี วามสามารถเหมาะสมต่อการ สง่ ตอ่ สำหรับทกั ษะที่มีความสามารถเหมาะสมอยู่แลว้ หรือมีพฒั นาการสมวัย ไมจ่ ำเปน็ ต้องกำหนดลง ในแผนปฏิบัติการช่วงเชื่อมต่อ โดยในแผนปฏิบัติการช่วงเชื่อมต่อต้องระบุ ระยะเวลาในการ ดำเนนิ การ ทรัพยากรทใี่ ช้ในการดำเนินการ และกำหนดผ้รู ับผิดชอบชัดเจน 3) กำหนดระยะเวลาการดำเนนิ การจำลองหอ้ งเรยี นเตรยี มความพร้อมเพ่อื ส่งต่อ 4) กำหนดระยะเวลาในการดำเนนิ การทดลองเรียนในสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายในการส่ง ต่อนักเรียนเข้าสู่สถานศกึ ษาท่ีเปน็ เป้าหมายในการสง่ ต่อ เดอื นมกราคม ถงึ เดือนกุมภาพันธ์ จำนวน 3-5 วัน/สปั ดาห์ (แบบแผนปฏิบตั กิ ารให้บรกิ ารช่วงเชอื่ มต่อ ภาคผนวก ช) ขนั้ ตอนท่ี 7 ดำเนินการตามแผนการใหบ้ ริการชว่ งเชอ่ื มตอ่ ระยะดำเนินการ (1 มถิ นุ ายน – 30 มีนาคม) ครูผู้รับผิดชอบนำแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อไปดำเนินกิจกรรมตามที่วางแผนไว้ และ บันทึกผลการใช้แผนการแผนการให้บริการช่วงเชือ่ มต่อ ตามแบบบันทึกผลการใช้แผนการให้บริการ ช่วงเชื่อมต่อ โดยการบันทึกผลการใช้แผนปฏิบัติการแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ ให้ครู ผู้รับผิดชอบบันทึกข้อมูลให้ละเอียดว่านักเรียนพิการมีความสามารถระดับใด สามารถทำได้ตามท่ี ต้ังเป้าหมายไวห้ รือไม่ มลี กั ษณะพฤติกรรมอยา่ งไรเม่ือให้ทำกจิ กรรม ระดบั การกระต้นุ ทัง้ นเี้ พอ่ื ใช้ใน การประเมินความสามารถของนกั เรยี นพิการก่อนดำเนนิ การส่งตอ่ ขา้ สู่สถานศึกษาใหม่ (แบบบนั ทึกผลการใชแ้ ผนการใหบ้ ริการช่วงเชอ่ื มต่อ ภาคผนวก ซ) ข้ันตอนที่ 8 ทบทวนแผนการใหบ้ ริการช่วงเชอื่ มต่อ ระยะดำเนนิ การ (ช่วงเดือนตุลาคม) การประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ เพื่อทบทวนแผนที่ผ่านมา ว่านักเรียนพิการมีความสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ ต้องมีการปรับปรุงหรือพัฒนา แผนการใหบ้ ริการชว่ งเช่ือมต่อ ใหม้ คี วามเหมาะสมกับนกั เรียนพิการเพิ่มเตมิ หรือไม่ มีปัญหา อุปสรรค ในการดำเนินงานอย่างไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อสรุปผลว่าสมควรใช้แผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อฉบับเดิม หรอื ต้องปรับปรุง พฒั นา เพื่อใหน้ ักเรียนพกิ ารบรรลุตามเป้าหมายท่ีกำหนด ทั้งนี้ผลการพิจารณาความสามารถของนักเรียนพิการ ดูจากแบบบันทึกผลการใช้แผนการ ใหบ้ รกิ ารชว่ งเชือ่ มตอ่ (ภาคเรียนที่ 1) เมื่อพิจารณาได้ข้อสรุปในการใช้แผนการให้บรกิ ารชว่ งเชื่อมต่อ ให้ผู้รับผดิ ชอบดำเนินการ จัดการศึกษาให้สอดคล้องกับแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อต่อไป โดยบันทึกผลลงในแบบบันทึกผล การใช้แผนการให้บรกิ ารชว่ งเชอ่ื มต่อ (ภาคเรยี นท่ี 2) ต่อไป

24 ขนั้ ตอนที่ 9 การดำเนินการจำลองห้องเรยี นเตรียมความพรอ้ มเพอ่ื การสง่ ต่อ ระยะดำเนนิ การ (ชว่ งเดือนพฤศจกิ ายน ถงึ เดอื นธนั วาคม) การดำเนินการจำลองหอ้ งเรียนเตรียมความพร้อมเพื่อการส่งต่อ (ห้องเตรียมความพร้อมเพือ่ การส่งต่อ) เป็นการจำลองสถานการณ์ในห้องเรยี นให้เหมอื นกับสถานศกึ ษาที่เป็นเป้าหมายในการสง่ ต่อนักเรียน โดยจัดห้องให้เหมาะสมเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนส่งนักเรียนทดลองเรียนใน สถานศึกษาจริง โดยในการห้องเรียนจำลองประกอบด้วย กระดานดำ/กระดานไวท์บอร์ด โต๊ะนกั เรียน กำหนดตารางเรียนให้เหมาะสมกับนักเรียน ฝึกการนั่งบนเก้าอี้ และการเขียนหรือทำงานตามครูสั่ง กฎ ระเบยี บ การขออนุญาต การทำกจิ กรรมร่วมกบั เพ่ือน โดยการดำเนินการจำลองห้องเรียนเตรียม ความพร้อมเพื่อการส่งต่อ ดำเนินการทุกวันต้ังแต่เดือนพฤศจิกายน ถงึ เดอื นธนั วาคม เพื่อให้นักเรียน ได้เรียนรู้และเตรยี มปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานศกึ ษาใหม่ โดยมอบหมายใหค้ รูท่รี ับผิดชอบห้องเรียน เตรียมความพร้อมเพื่อการส่งต่อ ดำเนินการจัดกิจกรรมและสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม และสังเกต พฤติกรรมของนักเรียนแล้วบนั ทึกผลลงในแบบบนั ทึกการจำลองห้องเรียนเตรียมความพร้อมเพ่ือการ ส่งต่อ (แบบบนั ทกึ การจำลองห้องเรียนเตรยี มความพร้อมเพ่ือการสง่ ตอ่ ภาคผนวกที่ ฌ) ข้ันตอนท่ี 10 ดำเนินการทดลองเรียนในสถานศึกษาที่เป็นเปา้ หมายในการส่งตอ่ นกั เรยี น ระยะดำเนนิ การ (ชว่ งเดอื นมกราคม ถงึ เดือนกมุ ภาพันธ์) การดำเนินการทดลองเรียนในสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายในการส่งตอ่ นักเรยี น ดำเนินการ ดงั นี้ ศูนย์การศึกษาพิเศษ พานักเรียนพิการเข้าสู่สถานศึกษาในระยะทดลอง โดยทำหนังสือขอ ความอนุเคราะห์ให้นักเรียนได้เข้าเรียนร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียน เพื่อให้นักเรียนพิการได้ทำกิจกรรม ร่วมกับเพื่อนในสถานศึกษา เข้าไปร่วมเรียนกับเพื่อนในชั้นเรียน เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับเพื่อนใน สถานศึกษา เพื่อให้นักเรียนพิการคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม กิจกรรมภายในสถานศึกษา ฝึกนักเรียน พิการให้ปรับตัวเข้าสู่ระบบของสถานศึกษา และสถานศึกษาได้รู้จักนักเรียนพิการมากขึน้ รวมถึงเพิ่ม โอกาสใหผ้ ปู้ กครองมคี วามมั่นใจในการสง่ บตุ รหลานเข้าเรียนในปีการศึกษาต่อไป โดยกำหนดการทดลองเรียนในสถานศกึ ษาท่ีเป็นเป้าหมายในการสง่ ต่อนกั เรยี น เดอื น มกราคม ถงึ เดอื นกุมภาพนั ธ์ (3-5 วนั /สัปดาห)์ (หนังสือขอความอนุเคราะห์สง่ นักเรียนส่งนักเรยี นเข้าเรยี นระยะทดลองเพื่อเตรียมความ พร้อม ภาคผนวก ญ) ทั้งนี้ในระหว่างดำเนินการทดลองเรียนในสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมาย ครูผู้รับผิดชอบของ ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ จะติดตามและสอบถามข้อมลู จากครูผู้รับผิดชอบของสถานศึกษาทเี่ ปน็ เป้าหมาย ในการส่งต่อ ที่ดูแลนักเรียนพิการในขณะดำเนินการทดลองเรียนในสถานศึกษา โดยมีการบันทึกผล การทดลองเรียนในสถานศกึ ษา เป็นรายดา้ น ดงั น้ี 1. ด้านรา่ งกายและการเคล่ือนไหว (ทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ)่

25 1.1 ความสามารถในการเคลอ่ื นย้ายตัวเองภายในห้องเรยี น 1.2 ความสามารถการเคล่ือนยา้ ยตัวเองภายนอกหอ้ งเรียน 2. ดา้ นการใชก้ ลา้ มเน้ือมือ (ทักษะกลา้ มเน้ือมดั เล็ก) 2.1 ความสามารถในการใช้มือ การขดี เขยี น การหยบิ จบั 2.2 ความสามารถในการเขียนบนกระดานตามครู 3. ดา้ นการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน (ทกั ษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวนั ) 3.1 ความสามารถในการรับประทานอาหาร 3.2 ความสามารถในการดื่มน้ำหรือนม 3.3 ความสามารถในการเขา้ ห้องน้ำ/การขบั ถ่าย 3.4 ความสามารถในการแปรงฟนั 4. ดา้ นการสือ่ สารและการปฏิบตั ิตามคำส่ัง (ทักษะการรับรู้และแสดงออกทางภาษา) 4.1 ความสามารถในการบอกความต้องการของตนเอง 4.2 ความสามารถในการปฏิบัติตามคำสั่งท่วั ไป 4.3 ความสามารถในการทำงานตามคำสง่ั ของครู 4.4 ความสามารถในการนั่งเรียนในชน้ั เรยี นโดยไม่ลุกออกจากที่ 5. ดา้ นสังคม (ทักษะทางสังคม) 5.1 ความสามารถในการอยู่ตามลำพังในห้องเรียน 5.2 ความสามารถในการอยูร่ ่วมกบั เพื่อนในห้องเรยี น 5.3 ความสามารถในการร่วมทำกจิ กรรมกับเพ่อื นในหอ้ งเรียน 5.4 ความสามารถในการร่วมกิจกรรมเขา้ แถวหนา้ เสาธง 5. ดา้ นสตปิ ัญญา (ทกั ษะทางสติปัญญา) 5.1 ความสามารถในการเรยี น การใชส้ ตปิ ญั ญา (แบบบนั ทกึ ผลการดำเนินการทดลองเรยี นในสถานศึกษาท่ีเปน็ เป้าหมาย ภาคผนวก ฏ) ขน้ั ตอนที่ 11 ตดิ ตาม ดแู ล ระหว่างการทดลองเรียนในสถานศกึ ษา ระยะดำเนนิ การ (ชว่ งเดือนมกราคม ถึง เดือนกมุ ภาพนั ธ์) การติดตาม ดูแล ระหว่างการทดลองเรียนในสถานศึกษา ครูผู้รับผิดชอบติดตาม สอบถาม เกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียน ความสามารถในการอยู่กับเพื่อนในชั้นเรียน และการทำกิจกรรมต่าง ๆของโรงเรียน คอยให้คำปรึกษา แนะนำ แก้ไขปัญหา และคอยช่วยเหลือครูผู้รับผิดชอบใน สถานศึกษา ในกรณีที่เกิดปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับนักเรียน เช่น นักเรียนมีพฤติกรรมที่ครู ผู้รับผิดชอบไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ครูของศูนย์การศึกษาพิเศษต้องให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหา ร่วมกัน

26 ขัน้ ตอนที่ 12 ประเมินผลตามแผนการให้บรกิ ารชว่ งเชือ่ มตอ่ ระยะดำเนินการ (ชว่ งเดือนมีนาคม) การประเมินผลตามแผนการให้บรกิ ารชว่ งเชื่อมต่อ พิจารณาจากการบนั ทกึ ผลตามแผนการ ให้บริการช่วงเชื่อมต่อ ผลการดำเนินการจำลองห้องเรียนเตรียมความพร้อมเพื่อการส่งต่อ และ ดำเนินการทดลองเรียนในสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายในการส่งต่อนักเรียน ตามแบบสรุป ความสามารถตามการให้บริการช่วงเช่อื มตอ่ (ITP) ผลการประเมินผลตามแผนการใหบ้ ริการช่วงเชื่อมต่อนกั เรียนพิการ ผ่าน ให้ดำเนินการสง่ ตอ่ เข้าสูส่ ถานศกึ ษาใหม่ได้ ผลการประเมินผลตามแผนการให้บริการชว่ งเชื่อมต่อนักเรียนพิการ ไม่ผ่าน ให้ดำเนินการ เตรยี มความพรอ้ มใหม่ ณ ศูนย์การศึกษาพเิ ศษ (แบบสรุปแผนการให้บริการชว่ งเช่ือมตอ่ (ITP) ภาคผนวก ฎ) ข้ันตอนท่ี 13 ประสานงานเพื่อสง่ ต่อเข้าสู่สถานศึกษาเปา้ หมาย ระยะดำเนินการ (ชว่ งเดือนมีนาคม) ขั้นตอนนี้เป็นการส่งต่อนักเรียนพิการเข้าสู่สถานศึกษาใหม่ที่เป็นเป้าหมายในการส่งต่อ ซึ่งนักเรียนพิการได้ผ่านกระบวนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว และมีผลการประเมินผ่าน ซึ่งศูนย์การศึกษาพิเศษ จะประสานงานกับผู้ปกครองและสถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายใน การส่งต่อ พร้อมทำหนงั สอื สง่ ต่อนกั เรยี น โดยศนู ยก์ ารศึกษาพเิ ศษ จะดำเนินการสง่ ตอ่ นกั เรียนพกิ ารใน ปีการศกึ ษาใหม่ (หนังสอื สง่ ตอ่ นกั เรียน ภาคผนวก ฐ) ขั้นตอนที่ 14 ตดิ ตาม ประเมนิ ผลหลังการสง่ ต่อเข้าสู่สถานศกึ ษาใหม่ ระยะดำเนินการ (ชว่ งพฤษภาคม หลังการส่งต่อ 1 สปั ดาห์) ขั้นตอนนี้เป็นการติดตามและประเมินผลหลังการส่งต่อนักเรียนพิการเขา้ สู่สถานศึกษาใหม่ เพอื่ ประเมินความสามารถการอย่ใู นสถานศึกษา และความสามารถการปรบั ตวั อยู่ในสถานศึกษา ของ นักเรียนพกิ ารท่ีผา่ นระบบการใหบ้ รกิ ารชว่ งเช่อื มตอ่ ของศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษ โดยดำเนนิ การหลังจาก ส่งต่อนักเรียนเข้าสู่สถานศึกษาแล้วเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งจะดำเนินการสัมภาษณ์ผู้ปกครอง และครูประจำชั้นของสถานศึกษาใหม่ โดยใช้แบบสัมภาษณ์การตดิ ตามและประเมินผลหลงั การส่งต่อ เข้าสู่สถานศึกษา (แบบสัมภาษณก์ ารตดิ ตามและประเมนิ ผลหลงั การส่งตอ่ เขา้ สู่สถานศกึ ษาใหม่ ภาคผนวก ฑ)

27 บทท่ี 3 การจดั ทำแผนการใหบ้ รกิ ารช่วงเชื่อมต่อ การจัดทำแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ (Individual Transition Plan : ITP) ของศูนย์ การศึกษาพิเศษ เป็นการเขียนแผนการการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักเรียน พิการของศูนย์การศึกษาพิเศษเข้าสู่สถานศึกษาได้ ได้แก่ โรงเรียนเรียนรวม ซึ่งการเขียนแผนการ ให้บริการช่วงเชื่อมต่อเป็นการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนพิก ารและสถานศึกษาที่เป็น เป้าหมายในการส่งต่อ และนำข้อมูลที่ได้มาวางแผน กำหนดกิจกรรมลงในแผนการให้บริการช่วง เชื่อมต่อ โดยแผนการให้บริการช่วงเชื่อมต่อมีความสอดคล้องกับแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ซึง่ จะต้องดำเนินการไปพร้อมกันเพื่อให้นักเรียนพิการบรรลตุ ามเปา้ หมายท่ีกำหนด โดยมแี นวทางการ จดั ทำแผนการใหบ้ ริการชว่ งเชือ่ มต่อ ดงั น้ี

28 ตัวอย่างแผนการใหบ้ ริการช่วงเช่ือมต่อ แผนการใหบ้ รกิ ารชว่ งเชื่อมต่อ (Individual Transition Plan: ITP) ช่อื ....เด็กหญงิ แอน....นามสกลุ ......ไพเราะ...... ประเภทความพิการ....สตปิ ญั ญา...เตรยี มความพรอ้ ม ปี 2561 เปา้ หมาย สง่ ตอ่ เขา้ ส่สู ถานศกึ ษา....โรงเรียนวดั บางกอก....ปกี ารศึกษา 2562 ศนู ย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวดั นครสวรรค์ สำนกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

29 1. ข้อมลู ทัว่ ไป ชื่อ.....เด็กหญิงแอน... นามสกลุ .....ไพเราะ..... เพศ  ชาย  หญิง เลขประจำตวั ประชาชน 1-1111-11111-11-1 การจดทะเบยี นคนพิการ  ไมจ่ ด  ยังไม่จด  จดแลว้ เกิดวันท่ี 1 เดือน มกราคม พ.ศ. 2553 อายุ 9 ปี - เดือน ศาสนา พทุ ธ ประเภทความพิการ บกพรอ่ งทางสติปญั ญา ลักษณะความพกิ าร เรียนรู้ช้า ไม่คอ่ ยมสี มาธิ ชอ่ื -ช่อื สกุลบิดา นายสมศักด์ิ ไพเราะ ชอ่ื -ชื่อสกุลมารดา นางสมใจ ไพเราะ ชือ่ -ชือ่ สกลุ ผปู้ กครอง นางสมใจ ไพเราะ เกยี่ วขอ้ งเป็น มารดา ท่อี ยูผ่ ูป้ กครองทตี่ ิดต่อได้บา้ นเลขที่ 4 ตรอก/ซอย - หมู่ที่ 4 ชอื่ หมบู่ า้ น/ถนน - ตำบล/แขวง นครสวรรค์ออก อำเภอ/เขต เมือง จงั หวัด นครสวรรค์ รหัสไปรษณีย์ 60000 โทรศัพท์ - โทรศพั ท์เคล่อื นที่ 089-9999999 โทรสาร - E-mail address – 2. ข้อมูลด้านสุขภาพ  โรคประจำตัว (ระบ)ุ ......................-................................................  ประวตั กิ ารแพ้ยา (ระบุ)...................-.............................................  ข้อจำกัดอน่ื ๆ (ระบุ).........................-............................................. 3. เป้าหมาย (สู่การส่งตอ่ ) ศึกษาต่อสถานศกึ ษา โรงเรียนวดั บางกอก ระดบั ชน้ั อนุบาล 2 ท่ตี ้ังสถานศึกษา โรงเรยี นวดั บางกอก เลขที่ 9 หมู่ 9 ต. นครสวรรคอ์ อก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ระยะทางจากบ้านถงึ สถานศึกษา 7 กิโลเมตร การเดินทางไปสถานศกึ ษา ผปู้ กครองรับส่งโดยรถยนต์

30 4. แผนภาพขอ้ มูลประวตั นิ ักเรียน (History Map) ผปู้ กครองตอ้ งการให้นกั เรยี นเข้าเรียน อายุ 10 ปี เข้าเรยี นในโรงเรียนใกลบ้ ้าน ในโรงเรยี นเรยี นรวมใกลบ้ ้าน โรงเรียนวดั บางกอก ในปีการศกึ ษา 2562 เมือ่ เด็กหญงิ แอน อายุ 9 เม่อื เดก็ หญิงแอน อายุ 3 ขวบ ไดเ้ ขา้ รับการ ขวบ เดก็ หญงิ แอนมี ใหบ้ ริการช่วยเหลอื ระยะแรกเรม่ิ ที่ศนู ย์ พฒั นาการทด่ี ี สามารถ การศกึ ษาพเิ ศษ ประจำจงั หวัดนครสวรรค์ ช่วยเหลอื ตนเองได้ พอสมควร สามารถใช้มือ ผูป้ กครองให้การเลีย้ งดู ได้ดี สามารถอยู่รว่ มกับ เดก็ หญงิ แอนเปน็ อยา่ งดี เพื่อนได้ เข้ารบั การกระตุ้นพัฒนาการ ท่ี รพ.อยา่ งต่อเน่ือง จนกระ เกิด 1/ม.ค./53 ท่ี รพ.ประจำจงั หวดั เดก็ หญงิ ท้งั อายุ 3 ขวบ แอนมคี วามพิการแตก่ ำเนดิ แพทยร์ ะบุว่า เป็นอาการดาวนซ์ ินโดม

31 5. แผนภาพการมีสมั พันธภาพกับบคุ คลอืน่ (relationship Map) เพ่อื น ครอบครวั อมุ้ พอ่ มอส พี่สาว นนท์ จิมม่ี แม่ ยาย เด็กหญงิ แอนC,j ครหู น่งึ ลุงเชดิ นกั กิจกรรมบำบดั ครูแต ครกู ๊อป ปา้ นา ครูชา บุคคลอื่น ผู้ใหบ้ ริการ

32 6. แผนภาพความพงึ พอใจ/ความชอบ (Preferences Map) ส่งิ ทีช่ อบ สงิ่ ทไี่ ม่ชอบ ชอบฟงั นทิ าน ไมช่ อบอยคู่ นเดียว ชอบดกู าร์ตนู ไมช่ อบเสยี งดัง ชอบเลน่ ของเลน่ กับเพ่อื น ชอบระบายสี ข้อจำกัด มีสมาธิสนั้ จดุ สง่ เสรมิ ชว่ ยเหลือตนเองได้ไมเ่ ตม็ ท่ี กลา้ แสดงออก ชอบการเรียนรู้ เออื้ เฟ้ือเผื่อแผ่ 7. แผนภาพความฝนั ความหวัง และความกลวั ของผู้ปกครองนักเรียน (Dreams Hopes Fears Map) ความฝนั และความหวัง บา้ น ชมุ ชน เด็กหญิงแอนสามารถช่วยเหลอื ตนเองไดเ้ ม่อื อยู่ เดก็ หญงิ แอนสามารถทำกิจกรรมในชมุ ชน บา้ นไม่เป็นภาระตอ่ ครอบครวั ร่วมกับผอู้ น่ื ได้และชุมชนให้การยอมรบั การศกึ ษา อาชพี มีอาชีพที่มัน่ คง สามารถเล้ียงดูตนเองได้ ต้องการให้เดก็ หญิงแอนเขา้ เรียนในโรงเรยี น และเรียนได้ในระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ความกลัว - การยอมรบั ของสังคม การใหโ้ อกาสของสังคมแกผ่ ู้พิการ

33 8. แผนภาพสภาพแวดลอ้ มและสถานท่ี (Environment and Places Map) สภาพแวดล้อมและสถานทภ่ี ายในชมุ ชนของนกั เรียน ตลาด สนามเด็กเล่น ลานกจิ กรรมในหมู่บา้ น โรงอาหาร ห้องนำ้ บ้านเพ่อื น อาคารเรยี น สถานีอนามัย อาคารเรยี น หอ้ งน้ำ สภาพแวดล้อมและสถานท่ีของสถานศึกษาท่เี ปน็ เปา้ หมายในการสง่ ตอ่

34 9. แบบบันทกึ ขอ้ มลู เพื่อวางแผนการใหบ้ รกิ ารชว่ งเชื่อมต่อ ทักษะ ความสามารถปัจจบุ นั ความสามารถของนกั เรียนพกิ ารตาม ของนกั เรียนพิการ ความต้องการของสถานศกึ ษาที่เป็น กลา้ มเนือ้ มัดใหญ่ - สามารถเดนิ ไดด้ ว้ ยตนเอง เป้าหมาย ในการส่งตอ่ - ไม่สามารถกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ได้ - สามารถเดินได้ดว้ ยตนเอง กล้ามเนือ้ มดั เล็ก - สามารถหยิบจับสงิ่ ของได้อย่าง - สามารถจบั ดนิ สอไดด้ แี ละสามารถ การชว่ ยเหลือ ม่นั คง สามารถหยบิ จับส่งิ ตา่ งๆไดม้ ัน่ คง ตนเองใน ชวี ิตประจำวัน - สามารถจบั ดนิ สอได้แต่ยังไม่ถูกต้อง ขดี เขยี นไดบ้ า้ ง - สามารถรับประทานอาหารและดม่ื - สามารถรบั ประทานอาหารได้ดว้ ย นำ้ ไดด้ ้วยตนเอง ตนเอง - สามารถเข้าหอ้ งน้ำได้ - สามารถเข้าห้องนำ้ ได้ด้วยตนเอง แตต่ อ้ งมคี นคอยกระตุ้นเตือน การรบั รู้และ - สามารถพูดสื่อสารไดเ้ ข้าใจ - สามารถพูดสอ่ื สารได้เขา้ ใจ แสดงออกทาง - สามารถบอกความต้องการของ - สามารถบอกความต้องการของ ภาษา ตนเองได้ ตนเองได้ ทางสังคม - สามารถเลน่ กบั เพื่อนในกลมุ่ ได้ - สามารถอยู่ร่วมกับเพ่ือนและทำ - สามารถร่วมกจิ กรรมต่างๆได้ กิจกรรมรว่ มกับเพ่ือนได้ ไม่มี พฤติกรรมทำรา้ ยผู้อ่นื ทางสติปญั ญา - รจู้ กั สแี ละพยัญชนะไทยบางตวั - สามารถเรียนร้ไู ด้พอสมควร มสี มาธิ - ร้จู ักตวั เลข 1-5 ในการเรยี น - รจู้ ักตวั เลขและพยัญชนะไทย และสบี า้ งเพื่อเป็นพนื้ ฐานในการเรยี น ให้ทันเพ่ือน จำเปน็ เฉพาะ - มสี มาธสิ ั้น - นักเรยี นมีสมาธิ สามารถนงั่ โดยไม่ ความพิการ วงิ่ ออกนอกหอ้ งเรียน

ขั้นตอนของแผนปฏิบัตกิ ารการให้บริการช่วงเชื่อมต่อ 10. แผนปฏิบตั กิ าร ทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ระยะเวลา กิจกรรม 1. ฝกึ การกระโดดข้ามสิง่ กีดขวาง ปีการศึกษา 2561 1 2 ทักษะกล้ามเน้อื มดั เล็ก กจิ กรรม ปีการศึกษา 2561 1 1. ฝึกการจับดินสอให้ถูกต้องและมัน่ คง ปีการศึกษา 2561 2 2. สามารถเขยี นตามรอยปะได้ ทักษะการช่วยเหลือตนเองในชวี ติ ประจำวนั ปีการศึกษา 2561 1 กิจกรรม 2 1. ฝกึ การเขา้ ห้องน้ำด้วยตนเอง - ทกั ษะการรับร้แู ละแสดงออกทางภาษา - กิจกรรม 1. - 2–

รการใหบ้ ริการช่วงเช่อื มต่ 35 ทรัพยากรทีใ่ ช้ ผู้รบั ผดิ ชอบ 1. ทอ่ PVC สูง 10 เซนติเมตร 1. ครูประจำชั้น 2. นกั กายภาพบำบัด 2. ผู้ปกครอง 1. ดินสอ 1. ครูประจำชัน้ 2. แบบฝกึ เขียนตามรอยปะ 2. ผปู้ กครอง 1. ห้องนำ้ 1. ครปู ระจำช้ัน 2. นักกายภาพบำบัด 2. ผูป้ กครอง -- --

แผนปฏิบตั กิ ารการให ข้ันตอนของแผนปฏบิ ัติการการให้บรกิ ารชว่ งเชื่อมต่อ ระยะเวลา ทกั ษะทางสังคม กิจกรรม - 1. - - 2– ปีการศึกษา 2561 ทักษะสตปิ ัญญา ปกี ารศึกษา 2561 1. รู้จักสี จำนวน 10 สี ปกี ารศกึ ษา 2561 2. รจู้ กั ตวั เลข 1-10 3. รจู้ กั พยญั ชนะไทย จำนวน 20 ตัว ปกี ารศกึ ษา 2561 ทักษะจำเปน็ เฉพาะความพิการ กจิ กรรม 1. ฝกึ สมาธใิ ห้นกั เรยี นสามารถน่ังทำงานได้ เป็นเวลา 20 นาที การดำเนนิ การจำลองห้องเรียนเตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื เดือนพฤศจิกายน การส่งตอ่ (ห้องเตรียมความพรอ้ มเพอ่ื การส่งตอ่ ) - เดือนธันวาคม พ.ศ. 2561

36 หบ้ ริการชว่ งเชื่อมต่อ ผรู้ ับผิดชอบ ทรัพยากรที่ใช้ - - - - 1. สี 1. ครูประจำช้นั 2. บัตรตวั เลข 2. ผูป้ กครอง 3. บตั รภาพพยญั ชนะ 1. อุปกรณ์ร้อยลูกปดั 1. ครปู ระจำช้นั 2. อุปกรณเ์ สยี บหมุด 2. ผูป้ กครอง 1. จัดเตรียมหอ้ งเรยี นเสมือนหอ้ งเรียน 1. ครปู ระจำชน้ั ของสถานศกึ ษาใหม่ 2. ผรู้ ับผดิ ชอบห้องเรียนเตรียมความ พรอ้ มเพ่ือการสง่ ต่อ

แผนปฏิบตั กิ ารให้บ ขั้นตอนของแผนปฏบิ ัติการการให้บรกิ ารชว่ งเชื่อมต่อ ระยะเวลา ดำเนินการทดลองเรียนในสถานศึกษาทเ่ี ปน็ เป้าหมายในการส่งต่อนักเรยี น เขา้ สู่สถานศึกษาที่เป็นเป้าหมายในระยะทดลอง เดอื นมกราคม ถงึ เดอื นกุมภาพนั ธ์ จำนวน 3-5 วนั /สปั ดาห์ ดำเนนิ การส่งต่อนกั เรียนพิการเข้าสู่สถานศกึ ษาใหม่ ปีการศกึ ษา 2562 สถานศกึ ษา.......โรงเรยี นวดั บางกอก ...............

บรกิ ารชว่ งเช่ือมต่อ 37 ทรัพยากรทใ่ี ช้ ผู้รบั ผิดชอบ - 1. สถานศึกษาท่เี ป็นเป้าหมาย 2 ในการส่งต่อ - 2. ผปู้ กครอง 3. ครปู ระจำชนั้ ของศนู ยฯ์ 1. ผู้ปกครอง 2. คณะกรรมการการใหบ้ ริการ ชว่ งเช่อื มตอ่

38 11. คณะกรรมการจดั ทำแผนการให้บรกิ ารชว่ งเช่ือมต่อ ชือ่ -สกุล ตำแหน่ง ลายมือช่ือ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพเิ ศษหรือผ้แู ทน ผอู้ ำนวยการสถานศกึ ษาหรอื ผูแ้ ทน ผูป้ กครอง ครูผู้รบั ผดิ ชอบของศูนย์การศึกษาพิเศษ นักกายภาพบำบดั นักกิจกรรมบำบดั ครกู ารศึกษาพิเศษ หวั หนา้ งานการให้บริการชว่ งเช่ือมตอ่ วันท่ีประชุม...........................................................