Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-พุทธศักราช-2564

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-พุทธศักราช-2564

Published by som.phuket2524, 2022-03-29 03:34:20

Description: หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-พุทธศักราช-2564

Search

Read the Text Version

หลักสูตรปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๔ ตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โรงเรียนวัดทงุ่ หลอ่ สำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๓ สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

ประกาศโรงเรยี นวัดทงุ่ หลอ่ เรื่อง ให้ใช้หลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๐ โรงเรียนวัดทงุ่ หล่อ ****************** เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนวัดทุ่งหล่อ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๓ สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกจิ สังคมและความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ สนองนโยบาย คุณธรรมนำความรู้ ตอบสนองความ ต้องการของผู้เรยี น ชุมชน ทอ้ งถิน่ และสังคม ยึดหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงตามแนวพระราชดำริ โรงเรยี นวดั ทุ่งหล่อ ได้ดำเนินการเพ่ือให้เปน็ ไปตามตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๑๒๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ให้ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จึงประกาศให้ใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โรงเรียนวัดทุ่งหล่อ ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ทั้งน้ี หลกั สตู รโรงเรียนได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน เมื่อวันท่ี ๑๖ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จงึ ประกาศให้ใช้หลกั สตู รโรงเรียน ต้งั แต่บดั น้เี ป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (ลงชื่อ) (นายอณุชณ สรุ พงศามาศ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวัดทุ่งหลอ่



คำนำ กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศให้สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกัด ใช้หลักสูตร การศกึ ษาปฐมวัย ตามคำสัง่ กระทรวงศึกษาธกิ าร ท่ี สพฐ. ๑๒๒๓/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ เร่ือง ให้ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยนำหลักสูตรนี้ไปใช้ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับเด็ก และสภาพทอ้ งถน่ิ โรงเรียนวัดทุ่งหล่อ จึงได้จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตร การศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยใช้หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ เปน็ แกนหลักเพ่ือ กำหนดการจัดทำโครงสร้างและสาระหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา และ สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ซึ่งในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาครั้งนี้ เป็นการสร้าง หลักสูตรทีอ่ าศัยการมีส่วนร่วมของนักเรียน คณะครู ผู้ปกครองและชุมชน ทั้งนี้เพ่ือให้สามารถขบั เคล่ือนไปสู่ การจัดการประสบการณ์ ที่ส่งผลให้ผู้เรียนมีคุณภาพครบทุกด้าน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กปฐมวยั พัฒนาไปส่คู วามเป็นมนุษย์ทีส่ มบูรณ์ เกดิ คณุ ค่าต่อตนเอง ครอบครวั ชุมชน สงั คมและประเทศชาติสืบไป ขอขอบคณุ ผูม้ ีส่วนเก่ยี วข้องทกุ ภาคส่วนท่ีใหค้ วามรว่ มมอื และมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาหลกั สูตรฉบับน้ี ให้มีความสมบูรณแ์ ละเหมาะสมตามบริบทต่อการจัดการศึกษาในโรงเรยี นวดั ท่งุ หล่อ ตง้ั แต่ ภาคเรยี นที่ ๒ ปี การศกึ ษา ๒๕๖๔ เป็นต้นไป (ลงชอื่ ) (นายอณุชณ สรุ พงศามาศ) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวัดท่งุ หล่อ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

๒๕ สารบญั หน้า เร่อื ง ๒ ความนำ ๓ สาระสำคัญ หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๓ ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย ๓ วิสยั ทศั น์ ๔ หลักการ ๔ แนวคดิ การจดั การศกึ ษาปฐมวยั ๖ หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๔ ๖ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๖ โรงเรยี นวดั ทุ่งหล่อ ๖ ๘ ๑. ปรชั ญา ๑๐ ๒. วสิ ยั ทัศน์ ๑๙ ๓. จุดหมาย ๑๙ ๔. พฒั นาการเดก็ ปฐมวัย ๔๕ ๕. มาตรฐานคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ๖๘ ๖. ระยะเวลาเรียน ๗๙ ๗. สาระการเรียนรู้รายปี ๙๘ ๘. การจดั ประสบการณ์ ๑๐๕ ๙. การจดั สภาพแวดล้อม ส่อื และแหล่งเรียนรู้ ๑๐๖ ๑๐.การประเมินพฒั นาการเดก็ ปฐมวัย ๑๑.การบรหิ ารจัดการหลกั สตู ร ๑๐๙ ๑๒.การจดั การศกึ ษาปฐมวยั (เด็กอายุ๓-๕ปี)สำหรับกลุม่ เปา้ หมายเฉพาะ ๑๑๐ ๑๓.การเช่อื มตอ่ ของการศึกษาระดับปฐมวัย กับระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ บรรณานุกรม ภาคผนวก

๑ ความนา สภาพการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศประกอบ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ รวมทั้งกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) แผนการศึกษา แห่งชาติ (พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๖๒ ) แผนยุทธศาสตร์ชาติดา้ นเดก็ ปฐมวัย (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔)นำไปสูก่ ารกำหนด ทกั ษะสำคัญสำหรับเดก็ ในศตวรรษที่ ๒๑ ที่มคี วามสำคญั ในการกำหนดเป้าหมายในการพฒั นาเด็กปฐมวัยให้มี ความสอดคลอ้ งและทนั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงทกุ ด้าน กระทรวงศกึ ษาธิการมีนโยบายให้มีการพัฒนาการศึกษาปฐมวัยอย่างจรงิ จงั และต่อเนื่องโดยได้แต่งต้ัง คณะทำงานพิจารณาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพื่อปรับปรงุ ให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดงั กล่าว หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เป็นหลักสูตรสถานศึกษา สถาบันพัฒนาเด็กปฐมวัย และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานตามจุดหมาย หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่กำหนดเป้าหมายในการ พัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติในอนาคต โรงเรยี นวัดทงุ่ หลอ่

๒ สาระสำคัญ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ปรัชญาการศกึ ษาปฐมวัย การศึกษาปฐมวยั เป็นการพฒั นาเด็กตง้ั แตแ่ รกเกดิ ถึง ๖ ปี บรบิ รู ณ์ อย่างเปน็ องค์รวม บนพื้นฐานการ อบรมเลี้ยงดู และส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละคนให้ เต็มตามศักยภาพภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความ เข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เกิ ดคุณค่าต่อ ตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ วสิ ัยทศั น์ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมุ่งพัฒนาเด็กทุกคนให้ได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาอยา่ งมีคุณภาพและต่อเน่ือง ไดร้ บั การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุขและเหมาะสม ตามวัย มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดี มีวินัย และสำนึกความ เป็นไทย โดยความร่วมมอื ระหว่างสถานศกึ ษา พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายท่ีเกีย่ วข้องกับการพัฒนา เด็ก หลักการ เด็กทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการตามอนุสั ญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ตลอดจนไดรับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธท์ ี่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็ก กับผู้สอน เด็กกับผู้เลี้ยงดูหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในการอบรมเลี้ยงดู การพัฒนา และให้การศึกษาแก่เด็กปฐมวัย เพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลำดับขั้นของพัฒนาการทุกด้าน อย่างเป็นองค์รวม มีคุณภาพ และเต็ม ตามศกั ยภาพโดยมีหลกั การดังนี้ ๑. สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรูแ้ ละพัฒนาการทคี่ รอบคลุมเดก็ ปฐมวัยทุกคน ๒. ยึดหลักการอบรมเล้ียงดแู ละให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหวา่ ง บคุ คลและวถิ ชี วี ิตของเดก็ ตามบริบทของชมุ ชน สงั คม และวฒั นธรรมไทย ๓. ยึดพัฒนาการและการพัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นอย่างมีความหมายและมีกิจกรรมท่ี หลากหลาย ได้ลงมือกระทำในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัย และมีการพักผ่อนท่ี เพยี งพอ ๔. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีทักษะชีวิต และสามารถปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ คนดี มวี นิ ัย และมีความสขุ ๕. สร้างความรู้ ความเข้าใจและประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็กระหว่างสถานศึกษากับพ่อ แม่ ครอบครัว ชุมชน และทกุ ฝา่ ยทเี่ กย่ี วข้องกับการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั

๓ แนวคิดการจดั การศึกษาปฐมวยั หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พฒั นาขน้ึ บนแนวคิดหลักสำคัญเก่ยี วกับพัฒนาการ เด็กปฐมวัย โดยถือว่าการเล่นของเด็กเป็นหัวใจสำคัญของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ภายใต้การจัด สภาพแวดลอ้ มทีเ่ อื้อต่อการทำงานของสมอง ผา่ นสื่อท่ีตอ้ งเอื้อใหเ้ ด็กได้เรียนรู้ผา่ นการเล่นประสาทสัมผัสทั้ง ห้า โดยครูจำเป็นตอ้ งเข้าใจและยอมรับว่าสังคมและวัฒนธรรมที่แวดล้อมตัวเด็กมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และ การพัฒนาศักยภาพและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ทั้งนี้ หลักสูตรฉบับนี้มีแนวคิดในการจัดก ารศึกษา ปฐมวัย ดังนี้ ๑. แนวคิดเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก พัฒนาการของมนุษย์เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ต่อเน่ืองในตัวมนุษย์เริ่มตั้งแต่ปฏิสนธิไปจนตลอดชีวิต พฒั นาการของเด็กแตล่ ะคนจะมีลำดับข้ันตอนลักษณะ เดียวกัน แต่อัตราและระยะเวลาในการผ่านขั้นตอนต่างๆอาจแตกต่างกันได้ขั้นตอนแรกๆจะเป็นพื้นฐาน สำหรับพัฒนาการขั้นต่อไป พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา แต่ละส่วนส่งผล กระทบซ่ึงกนั และกัน เมือ่ ดา้ นหนงึ่ กา้ วหนา้ อีกด้านหน่ึงจะก้าวหนา้ ตามดว้ ยในทำนองเดียวกันถา้ ด้านหน่ึงด้าน ใดผิดปกติจะทำให้ด้านอื่นๆผิดปกติตามด้วย แนวคิดเกี่ยวกับทฤษฎีพัฒนาการด้านร่างกายอธิบายว่าการ เจรญิ เติบโตและพฒั นาการของเด็กมีลักษณะต่อเน่ืองเป็นลำดับช้ัน เด็กจะพฒั นาถึงขั้นใดจะต้องเกิดวุฒิภาวะ ของความสามารถด้านนั้นก่อน สำหรับทฤษฎีด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคมอธิบายว่า การอบรมเลี้ยงดูในวัย เด็กส่งผลตอ่ บคุ ลกิ ภาพของเด็ก เมื่อเติบโตเปน็ ผูใ้ หญ่ ความรักและความอบอุน่ เป็นพน้ื ฐานของความเช่ือม่ันใน ตนเอง เด็กท่ีไดร้ บั ความรักและความอบอนุ่ จะมีความไวว้ างใจในผู้อื่น เห็นคณุ ค่าของตนเอง จะมีความเช่ือมั่น ในความสามารถของตน ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของความเป็นประชาธิปไตยและ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และทฤษฎีพัฒนาการด้านสติปัญญาอธิบายว่า เด็กเกิดมาพร้อมวุฒิภาวะ ซึ่งจะ พัฒนาขน้ึ ตามอายุ ประสบการณ์ รวมทั้งค่านยิ มทางสงั คมและส่ิงแวดล้อมทเี่ ด็กไดร้ บั ๒. แนวคิดเกี่ยวกับการเล่นของเด็ก การเล่นเป็นหัวใจสำคัญของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การเล่นอย่างมีจุดมุ่งหมายเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการ เรียนรู้ของเด็ก ขณะที่เด็กเล่นจะเกิดการเรียนรูไ้ ปพร้อมๆกันด้วย จากการเล่นเด็กจะมีโอกาสเคลื่อนไหวส่วน ต่างๆของร่างกาย ได้ใช้ประสาทสัมผัสและการรับรู้ผ่อนคลายอารมณ์ และแสดงออกของตนเอง เรียนรู้ ความรู้สึกของผู้อื่น เด็กจะรู้สึกสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้สังเกต มีโอกาสทำการทดลอง คิดสร้างสรรค์ คิด แก้ปัญหาและค้นพบด้วยตนเอง การเล่นช่วยให้เด็กเรียนรู้สิ่งแวดล้อม และช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ดังนั้นเด็กควรมีโอกาสเล่น ปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สิ่งแวดล้อม รอบตวั และเลอื กกิจกรรมการเล่นดว้ ยตนเอง ๓. แนวคิดเกี่ยวกับการทำงานของสมอง สมองเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญที่สุดในร่างกายของ คนเรา เพราะการทีม่ นุษย์สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆไดน้ ัน้ ต้องอาศัยสมองและระบบประสาทเป็นพื้นฐานการรับรู้ รับความรสู้ ึกจากประสาทสัมผัสท้ังห้า การเช่อื มโยงต่อกนั ของเซลลส์ มองสว่ นมากเกิดข้ึนก่อนอายุ ๕ ปี และ ปฏสิ มั พันธแ์ รกเร่มิ ระหวา่ งเด็กกับผู้ใหญ่ มผี ลโดยตรงตอ่ การสรา้ งเซลลส์ มองและจดุ เช่ือมต่อ โดยในช่วง ๓ ปี แรกของชีวิต สมองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก มีการสร้างเซลล์สมองและจุดเช่ือมต่อขึ้นมามากมาย มีการ

๔ สรา้ งไขมันหรือมนั สมองหุ้มล้อมรอบเสน้ ใยสมองด้วย พอเดก็ อายุ ๓ ปี สมองจะมขี นาดประมาณ ๘๐ % ของ สมองผู้ใหญ่ มีเซลล์สมองนับหมื่นล้านเซลล์ เซลล์สมองและจุดเชื่อมต่อเหล่านีย้ ิ่งได้รับการกระตุ้นมากเท่าใด การเชื่อมต่อกันระหว่างเซลล์สมองยิ่งมีมากขึ้นและความสามารถทางการคิดยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากเด็ก ขาดการกระตุ้นหรือส่งเสริมจากสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เซลล์สมองและจุดเชื่อมต่อที่สร้างขึ้นมาก็จะหายไป เด็กที่ได้รับความเครยี ดอยตู่ ลอดเวลาจะทำให้ขาดความสามารถท่ีจะเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตา่ งๆของสมอง เจริญเติบโตและเริ่มมีความสามารถในการทำหน้าที่ในช่วงเวลาต่างกัน จึงอธิบายได้ว่าการเรียนรู้ทักษะ บางอยา่ งจะเกิดขน้ึ ได้ดีทสี่ ุดเฉพาะในชว่ งเวลาหน่ึงที่เรียกว่า”หน้าต่างของโอกาสการเรยี นรู้” ซึ่งเป็นช่วงท่ีพ่อ แม่ ผู้เลี้ยงดแู ละครสู ามารถช่วยให้เด็กเรยี นรู้และพัฒนาสิง่ นั้นๆได้ดีท่ีสุด เมื่อพ้นช่วงนี้ไปแล้วโอกาสนัน้ จะฝึก ยากหรือเด็กอาจทำไม่ได้เลย เช่น การเชื่อมโยงวงจรประสาทของการมองเห็นและรับรู้ภาพจะต้องได้รับการ กระตุ้นทำงานตั้งแต่ ๓ หรือ ๔ เดือนแรกของชีวิตจงึ จะมพี ัฒนาการตามปกติ ช่วงเวลาของการเรียนภาษาคอื อายุ ๓ – ๕ ปีแรกของชีวิต เด็กจะพูดได้ชัด คล่องและถูกต้อง โดยการพัฒนาจากการพูดเป็นคำๆมาเป็น ประโยคและเลา่ เรอื่ งได้ เปน็ ตน้ ๔. แนวคดิ เกย่ี วกับสอื่ การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรทู้ ำใหเ้ ด็กเกิดการเรียนรตู้ ามจุดประสงค์ท่วี างไว้ ทำใหส้ ง่ิ ที่ เป็นนามธรรมเข้าใจยากกลายเป็นรูปธรรมที่เด็กเข้าใจและเรียนรู้ได้ง่าย รวดเร็ว เพลิดเพลิน เกิดการเรียนรู้และ ค้นพบด้วยตนเอง การใช้สื่อการเรียนรู้ต้องปลอดภัยต่อตัวเดก็ และเหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความแตกต่างระหว่าง บุคคล ความสนใจ และความต้องการของเด็กที่หลากหลาย สื่อประกอบการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวยั ควรมี สื่อทั้งท่ีเป็นประเภท ๒ มิติและ/หรือ ๓ มิติ ที่เป็นส่ือของจริง สื่อธรรมชาติ สื่อที่อยูใ่ กล้ตัวเด็ก สื่อสะท้องวัฒนธรรม สอ่ื ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น สื่อเพ่อื พัฒนาเดก็ ในดา้ นต่างๆให้ครบทุกด้าน ทั้งน้ี ส่อื ตอ้ งเออื้ ใหเ้ ด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัส ทั้งห้าโดยการจัดการใช้สื่อสำหรับเด็กปฐมวัยต้องเริ่มต้นจากสื่อของจริง ของจำลอง ภาพถ่าย ภาพโครงร่างและ สญั ลกั ษณ์ตามลำดับ ๕. แนวคิดเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรม เด็กเมื่อเกิดมาจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งไม่ เพยี งแต่จะได้รบั อิทธพิ ลจากการปฏิบตั แิ บบดัง้ เดมิ ตามประเพณี มรดก และความร้ขู องบรรพบุรษุ แตย่ งั ได้รับอิทธิพล จากประสบการณ์ ค่านิยมและความเชื่อของบุคคลในครอบครัว และชุมชนของแต่ละที่ด้วย บริบทของสังคมและ วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่หรือแวดล้อมตัวเด็กทำให้เด็กแต่ละคนแตกต่างกันไป ครูจำเป็นต้องเข้าใจและยอมรับว่า สังคมและวัฒนธรรมที่แวดล้อมตัวเด็ก มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ครูควรต้องเรียนรู้บริบททางสังคมและวัฒนธรรมของเด็กที่ตนรับผิดชอบ เพื่อช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนา เกิดการ เรียนรู้และอยู่ในกลุ่มคนที่มาจากพื้นฐานเหมือนหรือต่างจากตนได้อย่างราบรานมีความสุข เป็นการเตรียมเด็กไปสู้ สังคมในอนาคตกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีความหลากหลายทางความคิด ความเชื่อและ วัฒนธรรมเช่น ความคล้ายคลึงและความแตกต่างระหวา่ งวัฒนธรรมไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องศาสนา ประเทศ พม่า ลาว กัมพูชากจ็ ะคล้ายคลึงกับคนไทยในการทำบุญตักบาตร การสวดมนต์ไหว้พระ การให้ความเคารพพระสงฆ์ การทำบุญเล้ียงพระ การเวยี นเทียนเนอื่ งในวนั สำคัญทางศาสนา ประเพณีเขา้ พรรษา สำหรบั ประเทศมาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามจงึ มีวัฒนธรรมแบบอิสลาม ประเทศฟิลิปปินส์ได้รับอิทธิพลจาก คริสต์ศาสนา ประเทศสิงคโปร์และเวียดนามนับถือหลายศาสนา โดยนับถือลัทธิธรรมเนียมแบบจีนเป็นหลัก เป็น ตน้

๕ หลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ โรงเรียนวัดท่งุ หลอ่ ……………………………………………………………………………… ๑. ปรัชญาการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนวดั ทงุ่ หลอ่ โรงเรียนวัดทุ่งหล่อ จัดการพัฒนาเด็ก อายุ ๓ – ๖ ปี บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริม กระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพ ภายใต้ บริบทสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้าง รากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์เกิดคุณค่าต่อตนเองครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ๒. วสิ ัยทัศน์ พันธกจิ เป้าหมาย ๒.๑ วิสยั ทศั น์ ภายในปี ๒๕๖๕ ของโรงเรียนวัดทุ่งหล่อ มุ่งพัฒนาปฐมวัยอายุ ๓ – ๖ ปี ให้มีพัฒนาการด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เน้นให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น การลงมือปฏิบัติ ผ่านสื่อที่ หลากหลายและเรียนรู้อย่างมีความสุข น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างเหมาะสมกับวัย เป็นคนดี มีวินัย สำนึกรักชุมชนแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และมีเจตคติที่ดีภายใต้ความร่วมมือของ สถานศึกษา พ่อแม่ ครอบครวั ชมุ ชน และทุกฝ่ายที่เกย่ี วขอ้ ง ๒.๒ พันธกจิ ๑. พฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาท่มี งุ่ เนน้ พัฒนาการเดก็ ปฐมวัยทั้ง ๔ ด้าน อยา่ งสมดลุ และ เตม็ ศักยภาพมีเจตคติทดี่ ีตอ่ ทอ้ งถิน่ สนใจใฝ่รู้ และเรยี นรู้อย่างมคี วามสขุ ๒. พฒั นาครูและบคุ ลากรด้านการจัดประสบการณ์ท่ีสง่ เสริมการเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ และการ ลงมือปฏิบตั ิทห่ี ลากหลาย สอดคล้องกบั พัฒนาการเด็ก ๓. สง่ เสริมการจดั สภาพแวดล้อม สือ่ เทคโนโลยีและแหล่งเรยี นรู้ในการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย ๔. จดั ประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีหลากหลายซึ่งสอดคล้องกบั พฒั นาการทางสมองของเด็ก โดยนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้เสริมสร้างพัฒนาการและ การเรียนรู้ของเด็ก ๕. ส่งเสรมิ การมีสว่ นร่วมของผู้ปกครองและชมุ ชนในการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั

๖ ๒.๓ เป้าหมาย ๑. เดก็ ปฐมวยั ทกุ คนได้รบั การพฒั นาด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญาเป็น องค์รวมอยา่ งสมดลุ มเี จตคติท่ีดตี ่อทอ้ งถ่ิน สนใจใฝ่รู้ และเรยี นรู้อย่างมีความสุข ๒. ครูมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถจดั ประสบการณ์ท่สี ่งเสริมการเรียนรผู้ ่านการเลน่ โดยใช้กระบวนการวางแผน การปฏบิ ัติ และสอดคล้องกบั พฒั นาการเดก็ ๓. มสี ภาพแวดลอ้ ม สอื่ เทคโนโลยี และแหล่งเรียนร้ทู เ่ี อ้ือตอ่ การสง่ เสรมิ พฒั นาการเด็ก ปฐมวัยอย่างพอเพียง ๔. ครนู อ้ มนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแหลง่ เรียนรู้ ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน มาใช้ในการจัด ประสบการณ์ใหก้ บั เด็กอยา่ งเหมาะสมกบั วัยและบรบิ ทของสถานศึกษา ๕. มีเครือข่าย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ชมุ ชน และหนว่ ยงานที่เก่ยี วข้องมสี ว่ นร่วมในการพฒั นา เดก็ ปฐมวยั ด้วยวธิ ีการท่ีหลากหลายและมคี วามต่อเนอื่ งในทศิ ทางเดยี วกนั กบั สถานศกึ ษา ๓. จุดหมาย หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั มงุ่ ให้เดก็ มีพฒั นาการตามวัยเต็มตามศกั ยภาพ และเม่อื มีความพร้อมใน การเรยี นร้ตู อ่ ไป จงึ กำหนดจุดหมายเพอื่ ให้เกิดกับเดก็ เม่ือเด็กจบการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั ดังนี้ ๑. มรี ่างกายเจรญิ เตบิ โตตามวัย แข็งแรง และมสี ุขนิสัยที่ดี ๒. มสี ุขภาพจติ ดี มสี ุนทรยี ภาพ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรมและจิตใจทดี่ งี าม ๓. มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีวินัย และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสขุ ๔. มที ักษะการคดิ การใชภ้ าษาส่ือสาร และการแสวงหาความร้ไู ดเ้ หมาะสมกับวัย ๔. พฒั นาการเด็กปฐมวัย พฒั นาการของเด็กปฐมวยั ด้านร่างกาย จิตใจ สงั คม และสติปญั ญาแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นตามวุฒิภาวะและสภาพแวดล้อมที่เด็กได้รับ พัฒนาการเด็กในแต่ละช่วงวัยอาจเร็วหรือช้าแตกต่างกัน ไปในเดก็ แต่ละคน มีรายละเอียด ดงั นี้ ๑. พัฒนาการดา้ นร่างกาย เปน็ พัฒนาการทเ่ี ป็นผลมาจากการเปลยี่ นแปลงในทางทดี่ ีข้นึ ของร่างกาย ในด้านโครงสร้างของร่างกาย ด้านความสามารถในการเคลื่อนไหว และด้านการมีสุขภาพอนามัยที่ดี รวมถึง การใช้สัมผัสรับรู้ การใช้ตาและมือประสานกันในการทำกิจกรรมต่างๆ เด็กอายุ ๓-๖ ปีมีการเจริญเติบโต รวดเร็วโดยเฉพาะในเรือ่ งน้ำหนักและสว่ นสงู กลา้ มเน้อื ใหญจ่ ะมคี วามกา้ วหนา้ มากกว่ากล้ามเนื้อเล็ก สามารถ บังคับการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ดี มีความคล่องแคล่วว่องไวในการเดิน สามารถวิ่ง กระโดด ควบคุมและ บังคับการทรงตัวได้ดี จึงชอบเคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง พร้อมที่จะออกกำลังและเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆสว่ น กลา้ มเนื้อเล็กและความสัมพนั ธ์ระหวา่ งตาและมือยงั ไม่สมบูรณ์ การสัมผัสหรือการใชม้ อื มีความละเอียดขึน้ ใช้ มือหยิบจับสิ่งของตา่ งๆได้มากขึน้ ถ้าเด็กไม่เครียดหรือกังวลจะสามารถทำกิจกรรมที่พฒั นากล้ามเนื้อเล็กไดด้ ี และนานขึน้

๗ ๒. พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ เป็นความสามารถในการรู้สึกและแสดงความรู้สึกของเด็ก เช่น พอใจ ไมพ่ อใจ รกั ชอบ สนใจ เกยี ด โดยท่เี ด็กรูจ้ ักควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมกับวยั และสถานการณ์ เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดจนการสร้างความรู้สึกที่ดีและการนับถือตนเอง เด็กอายุ ๓-๖ ปีจะแสดง ความรู้สึกอย่างเต็มที่ไม่ปิดบัง ช่อนเร้น เช่น ดีใจ เสียใจ โกรธแต่จะเกิดเพียงชั่วครู่แล้วหายไปการที่เด็ก เปลี่ยนแปลงอารมณ์งา่ ยเพราะมีช่วงความสนใจระยะสั้น เมื่อมีสิ่งใดน่าสนใจกจ็ ะเปล่ียนความสนใจไปตามสง่ิ นนั้ เดก็ วนั น้ีมักหวาดกลัวสงิ่ ต่างๆ เช่น ความมดื หรือสัตว์ตา่ งๆ ความกลวั ของเด็กเกิดจากจนิ ตนาการ ซ่ึงเด็ก ว่าเป็นเรื่องจริงสำหรับตน เพราะยังสับสนระหว่างเรื่องปรุงแต่งและเรื่องจริง ความสามารถแสดงอารมณ์ได้ สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสมกับวัย รวมถึงชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อ่ืน เพราะยึดตัวเองเปน็ ศูนยก์ ลางนอ้ ยลงและต้องการความสนใจจากผู้อน่ื มากขนึ้ ๓. พัฒนาการด้านสังคม เป็นความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมครั้งแรกใน ครอบครัว โดยมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่และพี่น้อง เมื่อโตขึ้นต้องไปสถานศึกษา เด็กเริ่มเรียนรู้การติดต่อและ การมีสัมพันธ์กับบุคคลนอกครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กในวัยเดียวกัน เด็กได้เรียนรู้การปรับตัวให้เข้า สังคมกบั เด็กอืน่ พร้อมๆกับรู้จักรว่ มมือในการเล่นกบั กลุ่มเพื่อน จดั กิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังและ สร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตให้แก่นักเรียนสร้างความตระหนักให้นักเรียน ยึดถือประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้านทุจริต ละอายและเกรงกลัวที่จะไม่ทุจริตและไม่ทนต่อการทุจรติ ทกุ รปู แบบ เจตคติและพฤติกรรมทางสังคมของเดก็ จะก่อข้ึนในวยั น้แี ละจะแฝงแน่นยากที่จะเปลี่ยนแปลงใน วัยต่อมา ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าพฤติกรรมทางสังคมของเด็กวัยนี้ มี ๒ ลักษณะ คือลักษณะแรกนั้น เป็น ความสัมพนั ธ์กบั ผูใ้ หญ่และลักษณะที่สองเป็นความสัมพนั ธ์กับเด็กในวยั ใกลเ้ คยี งกัน ๔. ด้านสติปัญญา ความคิดของเด็กวัยนี้มีลักษณะยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ยังไม่สามารถเข้าใจ ความรู้สึกของคนอื่น เด็กมีความคิดเพียงแต่ว่าทุกคนมองสิ่งต่างๆรอบตัว และรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ เหมือนตนเอง ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ท่ีสุด เมื่ออายุ ๔-๕ ปี เด็กสามารถโต้ตอบหรือมีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุสิ่งของที่อยู่ รอบตัวได้ สามารถจำสิ่งต่างๆ ที่ได้กระทำซ้ำกันบ่อยๆ ได้ดี เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น แต่ยังอาศัยการรับรู้เป็น สว่ นใหญ่ แก้ปัญหาการลองผดิ ลองถูกจากการรับรู้มากกว่าการใช้เหตุผลความคิดรวบยอดเกี่ยวกับส่ิงต่างๆ ท่ี อยู่รอบตัวพัฒนาอยา่ งรวดเรว็ ตามอายุที่เพิม่ ข้ึน ในสว่ นของพัฒนาการทางภาษา เดก็ วยั นี้เป็นระยะเวลาของ การพัฒนาภาษาอย่างรวดเร็ว โดยมีการฝึกฝนการใช้ภาษาจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในรูปของการพูดคุย การตอบคำถาม การเล่าเรื่อง การเล่านิทานและการทำกิจกรรมต่าง ๆ ท เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาใน สถานศึกษา เด็กปฐมวัยสามารถ ใช้ภาษาแทนความคิดของตนและใช้ภาษาในการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นได้ คำพูดของเดก็ วัยนี้ อาจจะทำให้ผใู้ หญบ่ างคนเขา้ ใจว่าเด็กรู้มากแลว้ แต่ทจ่ี ริงเด็กยังไมเ่ ขา้ ใจความหมายของคำ และเรอื่ งราวลกึ ซงึ้ นกั

๘ ๕. มาตรฐานคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กำหนดมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์จำนวน ๑๒ มาตรฐาน ประกอบดว้ ย ๑. พฒั นาการดา้ นร่างกาย ประกอบด้วย ๒ มาตรฐานคือ มาตรฐานที่ ๑ รา่ งกายเจริญเติบโตตามวยั และมสี ขุ นสิ ัยที่ดี มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเนอ้ื ใหญ่และกลา้ มเน้ือเล็กแข็งแรงใชไ้ ด้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ และ ประสานสมั พนั ธ์กัน ๒. พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ประกอบด้วย ๓ มาตรฐานคอื มาตรฐานที่ ๓ มสี ขุ ภาพจติ ดีและมคี วามสขุ มาตรฐานท่ี ๔ ช่ืนชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลอ่ื นไหว มาตรฐานท่ี ๕ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และมจี ติ ใจท่ดี ีงาม ๓. พฒั นาการด้านสังคม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐานคอื มาตรฐานที่ ๖ มที กั ษะชีวติ และปฏบิ ัติตนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาตรฐานท่ี ๗ รักธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม และความเปน็ ไทย มาตรฐานที่ ๘ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ืน่ ได้อย่างมคี วามสขุ และปฏิบัติตนเปน็ สมาชกิ ทด่ี ขี องสงั คม ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งเกิดวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต สร้าง ความตระหนักให้นักเรยี น ยดึ ถอื ประโยชนส์ ว่ นรวมมากกว่าประโยชน์สว่ นตน มีจติ พอเพยี งต้านทุจริต ละอาย และเกรงกลัวท่ีจะไม่ทจุ ริตและไม่ทนต่อการทจุ ริตทุกรปู แบบ ๔. พัฒนาการดา้ นสติปัญญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐานคอื มาตรฐานท่ี ๙ ใชภ้ าษาส่ือสารได้เหมาะสมกบั วยั มาตรฐานท่ี ๑๐ มคี วามสามารถในการคดิ ที่เปน็ พ้ืนฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี ๑๑ มีจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคติท่ดี ตี ่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ เหมาะสมกบั วยั ๕.๑ ตวั บ่งช้ี ตัวบ่งชี้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาเด็กที่มีความสัมพันธ์สอดคล้อ งกับมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง ประสงค์

๙ ๕.๒ สภาพที่พึงประสงค์ สภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาดหวังให้เด็กเกิด บนพื้นฐาน พัฒนาการตามวัยหรอื ความสามารถตามธรรมชาติในแตล่ ะระดบั อายุเพื่อนำไปใช้ในการกำหนดสาระเรียนรู้ใน การจัดประสบการณ์ กิจกรรมและประเมินพัฒนาการเด็ก โดยมีรายละเอียดของมาตรฐาน มาตรฐาน คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ และสภาพทพี่ ึงประสงค์ ดังน้ี มาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ ๑.พฒั นาการดา้ นร่างกาย มาตรฐานที่ ๑ รา่ งการเจรญิ เตบิ โตตามวยั และมีสขุ นิสยั ทด่ี ี ตวั บ่งชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่พี ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑.๑ นำ้ หนักและ ๑.๑.๑ น้ำหนกั และ ๑.๑.๑ น้ำหนกั และ ๑.๑.๑ น้ำหนกั และ สว่ นสูง สว่ นสงู ตามเกณฑ์ของ สว่ นสงู ตามเกณฑข์ อง ส่วนสูงตามเกณฑข์ อง ตามเกณฑ์ กรมอนามยั กรมอนามยั กรมอนามัย ๑.๒ มีสุขภาพอนามัย ๑.๒.๑ ยอมรับประทาน ๑.๒.๑ รับประทาน ๑.๒.๑ รับประทาน สขุ นสิ ัยที่ดี อาหารที่มีประโยชน์ อาหารทม่ี ปี ระโยชน์ อาหารทมี่ ปี ระโยชนไ์ ด้ และด่มื น้ำทส่ี ะอาดเม่ือ และดมื่ น้ำสะอาดดว้ ย หลายชนดิ และดมื่ นำ้ มีผชู้ ี้แนะ ตนเอง สะอาดไดด้ ้วยตนเอง ๑.๒.๒ ลา้ งมอื ก่อน ๑.๒.๒ ล้างมอื ๑.๒.๒ ลา้ งมือ รบั ประทานอาหารและ ก่อน รบั ประทาน ก่อนรับประทานอาหาร หลังจากใช้หอ้ งน้ำ อาหารและหลังจากใช้ และหลงั จากใช้ห้องน้ำ หอ้ งส้วมเมื่อมผี ู้ชี้แนะ ห้องนำ้ ห้องส้วมดว้ ย หอ้ งสว้ มด้วยตนเอง ตนเอง ๑.๒.๓ นอนพกั ผ่อน ๑.๒.๓ นอนพกั ผ่อน ๑.๒.๓ นอนพกั ผอ่ น เป็นเวลา เปน็ เวลา เปน็ เวลา ๑.๒.๔ ออกกำลงั กาย ๑.๒.๔ ออกกำลงั กาย ๑.๒.๔ ออกกำลงั กาย เปน็ เวลา เป็นเวลา เปน็ เวลา ๑.๓ รักษาความ ๑.๓.๑ เลน่ และทำ ๑.๓.๑ เลน่ และทำ ๑.๓.๑ เลน่ ทำ ปลอดภัยของ กิจกรรมอยา่ งปลอดภัย กจิ กรรมอยา่ งปลอดภยั กจิ กรรมและปฏิบตั ติ ่อ ตนเองและผ้อู ื่น เม่ือมผี ู้ชแ้ี นะ ดว้ ยตนเอง ผูอ้ ื่นอยา่ งปลอดภยั

๑๐ มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเนื้อเลก็ แขง็ แรง ใชไ้ ดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว และประสาทสมั พนั ธ์กนั ตัวบง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๒.๑ เคล่อื นไหว ๒.๑.๑ เดนิ ตามแนวที่ ๒.๑.๑ เดนิ ต่อเท้าไป ๒.๑.๑ เดนิ ต่อเท้าถอยหลัง รา่ งกายอย่าง กำหนดได้ ข้างหน้าเป็นเสน้ ตรงได้ เปน็ เสน้ ตรงได้โดยไมต่ อ้ งกาง คลอ่ งแคลว่ โดยไมต่ อ้ งกางแขน แขน ประสานสมั พันธ์ ๒.๑.๒ กระโดดสองขา ๒.๑.๒ กระโดดขาเดยี ว ๒.๑.๒ กระโดดขาเดียวไป และทรงตวั ได้ ข้นึ ลงอยกู่ ับทีไ่ ด้ อยูก่ ับที่ไดโ้ ดยไม่เสีย ข้างหนา้ ได้อยา่ งต่อเน่ืองโดยไม่ การทรงตัว เสียการทรงตัว ๒.๑.๓ ว่ิงแล้วหยุดได้ ๒.๑.๓ วิง่ หลบหลีกส่ิง ๒.๑.๓ วิ่งหลบหลกี สิ่งกีดขวางได้ กดี ขวางได้ อย่างคลอ่ งแคล่ว ๒.๑.๔ รับลูกบอลโดย ๒.๑.๔ รบั ลกู บอลโดย ๒.๑.๔ รบั ลกู บอลท่ีกระตอบ ใชม้ อื และลำตัวชว่ ย ใชม้ ือทัง้ สองข้าง ขึน้ จากพนื้ ได้ ๒.๒ ใช้มือ-ตา ๒.๒.๑ใช้กรรไกรตัดกระดาษ ๒.๒.๑ ใช้กรรไกรตัด ๒.๒.๑ใช้กรรไกรตัดกระดาษตาม ประสานสมั พันธ์กัน ขาดจากกันไดโ้ ดยใช้มือเดยี ว กระดาษตามแนวเสน้ ตรงได้ แนวเสน้ โคง้ ได้ ๒.๒.๒ เขียนรปู วงกลม ๒.๒.๒เขียนรปู สเี่ หลย่ี ม ๒.๒.๒ เขยี นรูปสามเหล่ียม ตามแบบได้ ตามแบบไดอ้ ย่างมมี ุม ตามแบบไดอ้ ยา่ งมมี ุมชัดเจน ชัดเจน ๒.๒.๓ร้อยวัสดุทมี่ รี ขู นาด ๒.๒.๓ร้อยวสั ดทุ มี่ รี ูขนาด ๒.๒.๓ร้อยวสั ดุทม่ี รี ูขนาดเส้นผ่าน เส้นผ่านศูนย์กลาง๑ชม.ได้ เส้นผ่านศูนย์กลาง๐.๕ชม.ได้ ศนู ยก์ ลาง๐.๒๕ชม.ได้ มาตรฐานท่ี ๓ มีสขุ ภาพจิตดีและมคี วามสุข ตัวบง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี ๓.๑.๑ แสดงอารมณ์ อายุ ๔-๕ ปี ๓.๑.๑ แสดงอารมณ์ ๓.๑ แสดงออก ความรู้สึกไดเ้ หมาะสม ความรู้สกึ ไดส้ อดคลอ้ งกบั ทางอารมณไ์ ด้ กับบางสถานการณ์ ๓.๑.๑ แสดงอารมณ์ สถานการณ์อย่างเหมาะสม อย่างเหมาะสม ความร้สู ึกได้ตาม ๓.๒.๑ กล้าพดู กลา้ สถานการณ์ ๓.๒.๑ กล้าพดู กล้า ๓.๒ มคี วามรู้สึกทดี่ ี แสดงออก แสดงออกอย่าง ต่อตนเองและ ๓.๒.๑ กล้าพดู กลา้ เหมาะสมตาม ผู้อน่ื แสดงออกอย่าง สถานการณ์ เหมาะสมบาง สถานการณ์

๑๑ ๓.๒.๒ แสดงความพอใจ ๓.๒.๒ แสดงความพอใจ ๓.๒.๒ แสดงความพอใจ ในผลงานตนเอง ในผลงานและ ในผลงานและ ความสามารถของตนเอง ความสามารถของตนเอง และผอู้ ื่น มาตรฐานที่ ๔ ชนื่ ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคลือ่ นไหว ตวั บง่ ช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่ีพงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๔.๑ สนใจ มคี วามสขุ ๔.๑.๑ สนใจ มี ๔.๑.๑ สนใจ มี ๔.๑.๑ สนใจ มี และแสดงออก ความสุข และ ความสขุ และ ความสุข และ ผา่ นงานศิลปะ แสดงออกผา่ นงาน แสดงออกผ่านงาน แสดงออกผ่านงาน ดนตรี และ ศลิ ปะ ศลิ ปะ ศลิ ปะ การเคลอื่ นไหว ๔.๑.๒ สนใจ มี ๔.๑.๒ สนใจ มี ๔.๑.๒ สนใจ มี ความสขุ และ ความสขุ และ ความสุข และ แสดงออกผ่าน แสดงออกผา่ น แสดงออกผา่ น เสยี งเพลง ดนตรี เสียงเพลง ดนตรี เสยี งเพลง ดนตรี ๔.๑.๓ สนใจ มี ๔.๑.๓ สนใจ มี ๔.๑.๓ สนใจ มี ความสุข และแสดง ความสุข และแสดง ความสุข และแสดง ทา่ ทาง/เคลือ่ นไหว ท่าทาง/เคลอ่ื นไหว ท่าทาง/เคลื่อนไหว ประกอบเพลง จังหวะ ประกอบเพลง จังหวะ ประกอบเพลง จงั หวะ และดนตรี และดนตรี และดนตรี มาตรฐานท่ี ๕ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และมจี ิตใจทด่ี งี าม ตัวบ่งชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๕.๑ ซอื่ สตั ย์สจุ ริต ๕.๑.๑ บอกหรือช้ีได้ว่า ๕.๑.๑ ขออนุญาตหรือ ๕.๑.๑ ขออนญุ าตหรือ สง่ิ ใดเปน็ ของตนเอง รอคอยเมื่อต้องการ รอคอยเมื่อต้องการ และส่ิงใดเป็นของผู้อน่ื สิ่งของของผู้อนื่ เม่ือมีผู้ สงิ่ ของของผู้อ่ืนดว้ ย ชี้แนะ ตนเอง ๕.๒ มีความเมตตา ๕.๒.๑ แสดงความรัก ๕.๒.๑ แสดงความรัก ๕.๒.๑ แสดงความรกั กรณุ า มีนำ้ ใจ เพือ่ นและมีเมตตา เพอ่ื นและมเี มตตา เพ่ือนและมเี มตตา และช่วยเหลือ สัตวเ์ ลยี้ ง สตั วเ์ ลีย้ ง สัตว์เลยี้ ง แบง่ ปัน

๑๒ ๕.๓ มีความเห็นอก ๕.๓.๑ แสดงสีหนา้ ๕.๓.๑ แสดงสหี นา้ ๕.๓.๑ แสดงสีหน้า เหน็ ใจผูอ้ นื่ หรือทา่ ทางรบั รู้ และท่าทางรบั รู้ และทา่ ทางรับรู้ ความรสู้ ึกผอู้ นื่ ความรู้สึกผูอ้ ่นื ความร้สู ึกผู้อ่นื อยา่ ง สอดคล้องกับ สถานการณ์ ๕.๔ มีความรับผดิ ชอบ ๕.๔.๑ ทำงานทไี่ ดร้ ับ ๕.๔.๑ ทำงานท่ีไดร้ บั ๕.๔.๑ ทำงานท่ีได้รบั มอบหมายจนสำเรจ็ มอบหมายจนสำเร็จ มอบหมายจนสำเร็จ เมื่อมผี ู้ชว่ ยเหลอื เมื่อมผี ูช้ แ้ี นะ ด้วยตนเอง มาตรฐานท่ี ๖มีทักษะชีวิตและปฏบิ ัติตนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ตัวบ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่ีพึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๖.๑ช่วยเหลือตนเอง ๖.๑.๑ แต่งตวั โดยมผี ู้ ๖.๑.๑ แต่งตวั ดว้ ยตนเอง ๖.๑.๑ แตง่ ตวั ดว้ ยตนเอง ในการปฏิบตั ิ ช่วยเหลือ ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว กิจวตั รประจำวนั ๖.๑.๒ รบั ประทานอาหาร ๖.๑.๒ รบั ประทานอาหาร ๖.๑.๑รบั ประทานอาหาร ดว้ ยตนเอง ดว้ ยตนเอง ด้วยตนเองอย่างถูกวธิ ี ๖.๑.๓ ใชห้ อ้ งน้ำหอ้ งสว้ ม ๖.๑.๓ ใชห้ ้องน้ำหอ้ งสว้ ม ๖.๑.๓ ใชแ้ ละทำความ โดยมีผชู้ ว่ ยเหลือ ด้วยตนเอง สะอาดหลงั ใชห้ อ้ งน้ำหอ้ ง ส้วมดว้ ยตนเอง ๖.๒มวี นิ ัยในตนเอง ๖.๒.๑เกบ็ ของเล่นของใช้ ๖.๒.๑เก็บของเลน่ ของใช้ ๖.๒.๑เก็บของเล่นของใช้ เข้าที่เมอื่ มี เข้าที่ดว้ ยตนเอง เขา้ ทอ่ี ยา่ งเรยี บรอ้ ยดว้ ย ผชู้ ้แี นะ ตนเอง ๖.๒.๒เข้าแถวตามลำดบั ๖.๒.๒เขา้ แถวตามลำดบั ๖.๒.๒เข้าแถวตามลำดับ ก่อนหลงั ได้เม่ือมีผ้ชู ีแ้ นะ กอ่ นหลงั ได้ด้วยตนเอง กอ่ นหลังไดด้ ว้ ยตนเอง ๖.๓ประหยดั และ ๖.๓.๑ ใช้สง่ิ ของเครอ่ื งใช้ ๖.๓.๑ ใชส้ งิ่ ของเครอื่ งใช้ ๖.๓.๑ ใช้สิ่งของเครือ่ งใช้ พอเพยี ง อย่างประหยัดและพอเพยี ง อยา่ งประหยดั และพอเพียง อยา่ งประหยดั และพอเพียง เมอ่ื มี เมื่อมี ดว้ ยตนเอง ผชู้ ี้แนะ ผชู้ ีแ้ นะ

๑๓ มาตรฐานที่ ๗ รกั ธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อม และความเปน็ ไทย ตัวบง่ ชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพทีพ่ ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๗.๑ ดแู ลรกั ษา ๗.๑.๑ มสี ว่ นรว่ มดูแล ๗.๑.๑มสี ว่ นรว่ มดูแล ๗.๑.๑ ดแู ลรักษา ธรรมชาติและ รกั ษาธรรมชาตแิ ละ รกั ษาธรรมชาตแิ ละ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่ิงแวดลอ้ ม ส่ิงแวดลอ้ มเมือ่ มีผู้ชี้แนะ สิ่งแวดลอ้ มเมอ่ื มผี ู้ชแี้ นะ ด้วยตนเอง ๗.๑.๒ ทงิ้ ขยะได้ถกู ที่ ๗.๑.๒ ท้งิ ขยะไดถ้ กู ท่ี ๗.๑.๒ ทิ้งขยะได้ถูกท่ี ๗.๒ มีมารยาทตาม ๗.๒.๑ปฏิบัติตนตาม ๗.๒.๑ปฏิบตั ิตนตาม ๗.๒.๑ปฏิบตั ิตนตาม วัฒนธรรมไทย มารยาทไทยไดเ้ มื่อมผี ู้ช้ีแนะ มารยาทไทยไดด้ ้วยตนเอง มารยาทไทยไดต้ ามกาลเทศะ และรกั ความเป็น ๗.๒.๒ กล่าวคำ ๗.๒.๒ กล่าวคำ ๗.๒.๒ กลา่ วคำ ไทย ขอบคุณและขอโทษ ขอบคุณและขอโทษ ขอบคุณและขอโทษ เมอ่ื มีผ้ชู แ้ี นะ ด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง ๗.๒.๓ หยุดยืนเมือ่ ได้ ๗.๒.๓ ยืนตรงเมอ่ื ได้ ๗.๒.๓ ยนื ตรงและร่วม ยินเพลงชาติไทยและ ยนิ เพลงชาตไิ ทยและ รอ้ งเพลงชาติไทยและ เพลงสรรเสรญิ เพลงสรรเสรญิ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี พระบารมี พระบารมี มาตรฐานที่ ๘อยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่ืนไดอ้ ยา่ งมีความสขุ และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกทีด่ ีของสงั คมในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข ตวั บ่งชี้ อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่ีพงึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๘.๑ ยอมรบั ความ ๘.๑.๑ เล่นและทำ ๘.๑.๑ เลน่ และทำ ๘.๑.๑ เล่นและทำกจิ กรรม เหมอื นและความ กิจกรรมร่วมกับเดก็ ท่ี กจิ กรรมร่วมกับเด็กที่ รว่ มกับเด็กที่แตกต่างไป แตกตา่ งระหว่าง แตกตา่ งไปจากตน แตกต่างไปจากตน จากตน บคุ คล ๘.๒ มีปฏิสัมพนั ธ์ท่ีดี ๘.๒.๑ เลน่ ร่วมกบั ๘.๒.๑เลน่ หรือทำงาน ๘.๒.๑เลน่ หรือทำงานรว่ มมือ กบั ผู้อ่นื เพ่อื น ร่วมกบั เพ่ือนเปน็ กลุ่ม กบั เพื่อนอย่างมีเป้าหมาย ๘.๒.๒ ยม้ิ หรือทักทาย ๘.๒.๒ ยมิ้ ทักทายหรือ ๘.๒.๒ ยิม้ ทักทายและพดู คุย ผใู้ หญ่และบุคคลทคี่ นุ้ เคย พูดคุยกบั ผใู้ หญ่และ กบั ผู้ใหญ่และบคุ คลท่คี ุ้นเคยได้ เมอื่ มผี ู้ชีแ้ นะ บุคคลที่คุน้ เคยได้ด้วย เหมาะสมกบั สถานการณ์ ตนเอง

๑๔ ตวั บ่งชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์ ๘.๓ ปฏิบัติตน อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี เบื้องตน้ ในการ เปน็ สมาชกิ ทดี่ ี ๘.๓.๑ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ๘.๓.๑ มสี ว่ นรว่ มสร้าง ๘.๓.๑ มีสว่ นรว่ มสร้างขอ้ ตกลง ของสังคม เม่อื มผี ชู้ แี้ นะ ข้อตกลงและปฏิบตั ติ าม และปฏิบัติตามขอ้ ตกลงดว้ ย ขอ้ ตกลงเม่อื มี ผชู้ แี้ นะ ตนเอง ๘.๓.๒ปฏิบตั ิตนเป็นผนู้ ำ ๘.๓.๒ปฏิบัตติ นเป็นผนู้ ำ ๘.๓.๒ปฏบิ ัติตนเปน็ ผ้นู ำและผู้ และผ้ตู ามเมอ่ื มี ผูช้ ้ีแนะ และผู้ตามไดด้ ้วยตนเอง ตามไดเ้ หมาะสมกับสถานการณ์ ๘.๓.๓ ยอมรับการ ๘.๓.๓ ประนีประนอม ๘.๓.๓ ประนปี ระนอมแก้ไข ประนปี ระนอมแกไ้ ข แก้ไขปัญหาโดย ปญั หาโดยปราศจากการใช้ ปญั หาเมือ่ มีผ้ชู ี้แนะ ปราศจากการใชค้ วาม ความรุนแรงดว้ ยตนเอง รุนแรง เมือ่ มีผูช้ ้แี นะ มาตรฐานท่ี ๙ใชภ้ าษาสอ่ื สารไดเ้ หมาะสมกับวัย สภาพที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ อายุ ๓-๔ ปี อายุ ๔-๕ ปี อายุ ๕-๖ ปี ๙.๑ สนทนาโต้ตอบ ๙.๑.๑ ฟงั ผู้อืน่ พูดจน ๙.๑.๑ ฟงั ผูอ้ ่ืนพูดจนจบ ๙.๑.๑ ฟงั ผ้อู ืน่ พดู จนจบและ และเลา่ เร่อื งให้ จบและพดู โตต้ อบ ผู้อื่นเขา้ ใจ เกีย่ วกับเร่ืองท่ฟี ัง และสนทนาโตต้ อบ สนทนาโตต้ อบอยา่ งต่อเน่อื ง ๙.๑.๒ เลา่ เรื่องด้วย สอดคล้องกบั เรอื่ งที่ฟัง เช่ือมโยงกบั เรื่องท่ฟี งั ประโยคสั้นๆ ๙.๒ อ่าน เขยี นภาพ ๙.๒.๑ อ่านภาพ และ ๙.๑.๒เล่าเรือ่ งเป็นประโยค ๙.๑.๒เลา่ เปน็ เร่อื งราวต่อเน่อื ง และสัญลักษณไ์ ด้ พดู ข้อความดว้ ยภาษา ของตน อยา่ งต่อเนอื่ ง ได้ ๙.๒.๒ เขยี นขดี เขี่ย ๙.๒.๑ อ่านภาพ ๙.๒.๑ อ่านภาพสญั ลักษณ์ คำ อยา่ งมีทศิ ทาง สญั ลักษณ์ คำพร้อมทง้ั ช้ี ดว้ ยการชห้ี รือกวาดตามอง หรอื กวาดตามองข้อความ จุดเริม่ ต้นและจุดจบของ ตามบรรทดั ขอ้ ความ ๙.๒.๒เขยี นคลา้ ย ๙.๒.๒เขยี นชอื่ ของตนเองตาม ตวั อักษร แบบเขียนขอ้ ความดว้ ยวิธที ีค่ ดิ ข้ึนเอง

๑๕ มาตรฐานท่ี ๑๐ มคี วามสามารถในการคดิ ทีเ่ ป็นพืน้ ฐานในการเรียนรู้ ตัวบ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑๐.๑ มี ๑๐.๑.๑บอกลักษณะของ ๑๐.๑.๑บอกลักษณะและ ๑๐.๑.๑บอกลักษณะ ความสามารถ สิง่ ต่างๆจากการสังเกตโดย ส่วนประกอบของสิง่ ตา่ งๆจาก ส่วนประกอบการ ในการคดิ รวบยอด ใช้ประสาทสัมผสั การสังเกตโดยใช้ประสาทสมั ผสั เปล่ยี นแปลงหรือ ความสมั พันธ์ของสิ่งตา่ งๆ จากการสงั เกตโดยใช้ ประสาทสมั ผสั ๑๐.๑.๒จบั คหู่ รอื ๑๐.๑.๒จับค่แู ละเปรยี บเทียบ ๑๐.๑.๒จับคู่และ เปรียบเทยี บส่งิ ต่างๆโดย ความแตกต่างหรอื ความเหมอื น เปรียบเทยี บความแตกต่าง ใชล้ กั ษณะหรือหน้าที่การ ของสง่ิ ตา่ งๆโดยใชล้ กั ษณะที่ และความเหมอื นของสิง่ ใชง้ านเพียงลักษณะเดยี ว สังเกตพบเพียงลกั ษณะเดยี ว ตา่ งๆโดยใชล้ ักษณะท่ี สังเกตพบสองลกั ษณะข้ึนไป ๑๐.๑.๓คดั แยก สง่ิ ๑๐.๑.๓จำแนกและจัดกลมุ่ สงิ่ ๑๐.๑.๓จำแนกและจดั กลุ่ม ตา่ งๆตามลักษณะหรือ ต่างๆโดยใชอ้ ย่างนอ้ ยหน่ึง ส่ิงต่างๆโดยใช้ตั้งแตส่ อง หนา้ ทีก่ ารใชง้ าน ลกั ษณะเป็นเกณฑ์ ลักษณะข้ึนไปเป็นเกณฑ์ ๑๐.๑.๔ เรยี งลำดับ ๑๐.๑.๔ เรยี งลำดบั สิ่งของ ๑๐.๑.๔ เรยี งลำดับ สิ่งของหรือเหตกุ ารณ์ หรอื เหตกุ ารณ์ อย่างน้อย ส่งิ ของและเหตุการณ์ อย่างน้อย ๓ ลำดบั ๔ ลำดบั อยา่ งน้อย ๕ ลำดบั ๑๐.๒ มี ๑๐.๒.๑ ระบุทีเ่ กิดขึน้ ๑๐.๒.๑ ระบุสาเหตุหรือ ๑๐.๒.๑ อธบิ าย ความสามารถใน ในเหตุการณห์ รือการ ผลทีเ่ กิดขน้ึ ในเหตุการณ์ เชื่อมโยงสาเหตแุ ละผล การคิดเชงิ เหตผุ ล กระทำเมื่อมผี ู้ชแ้ี นะ หรอื การกระทำเมื่อมผี ู้ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในเหตุการณ์ ช้ีแนะ หรือการกระทำดว้ ย ตนเอง ๑๐.๒.๒ คาดเดา หรือ ๑๐.๒.๒ คาดเดา หรือ ๑๐.๒.๒ คาดคะเนสง่ิ ท่ี คาดคะเนส่ิงท่ีอาจจะ คาดคะเน สง่ิ ท่ีอาจจะ อาจจะเกดิ ขน้ึ และมี เกิดขึน้ เกดิ ข้ึน หรือมสี ว่ นรว่ มใน สว่ นรว่ มในการลง การลงความเหน็ จากข้อมูล ความเห็นจากข้อมูล อยา่ งมีเหตุผล

๑๖ ตัวบ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี ๑๐.๓.๑ ตัดสินใจใน อายุ ๔-๕ ปี ๑๐.๓.๑ ตดั สนิ ใจใน ๑๐.๓ มี เร่อื งง่ายๆ เร่อื งง่ายๆ และยอมรบั ความสามารถ ๑๐.๓.๑ ตดั สินใจในเรอ่ื ง ผลทีเ่ กิดขน้ึ ในการคิด ง่ายๆ และเร่มิ เรยี นรผู้ ลที่ แกป้ ญั หาและ เกดิ ข้นึ ตดั สินใจ ๑๐.๓.๒ แกป้ ัญหาโดย ๑๐.๓.๒ ระบปุ ัญหา และ ๑๐.๓.๒ ระบุปัญหา สร้างทางเลือกและเลือก ลองผิดลองถกู แก้ปญั หาโดยลองผดิ ลอง วิธแี ก้ปัญหา ถกู มาตรฐานที่ ๑๑มีจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ ตัวบ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพท่พี งึ ประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑๑.๑ ทำงานศลิ ปะ ๑๑.๑.๑ สร้างผลงาน ๑๑.๑.๑ สรา้ งผลงาน ๑๑.๑.๑ สร้างผลงาน ความจินตนาการและ ศลิ ปะเพือ่ สื่อสาร ศลิ ปะเพื่อสื่อสาร ศลิ ปะเพ่ือส่ือสาร ความคดิ สรา้ งสรรค์ ความคดิ ความรสู้ ึก ความคิด ความรูส้ ึกของ ความคดิ ความรสู้ ึกของ ของตนเอง ตนเองโดยมีการดัดแปลง ตนเองโดยมีการดัดแปลง และแปลกใหม่จากเดิม แปลกใหมจ่ ากเดิม และมี หรือมีรายละเอยี ดเพ่ิมขึ้น รายละเอยี ดเพ่ิมขึ้น ๑๑.๒ แสดงท่าทาง/ ๑๑.๒.๑ เคลือ่ นไหว ๑๑.๒.๑ เคล่ือนไหว ๑๑.๒.๑ เคล่อื นไหว เคลือ่ นไหวตาม ท่าทางเพ่อื สื่อสาร ทา่ ทางเพื่อส่ือสาร ท่าทางเพอ่ื สื่อสาร จนิ ตนาการอยา่ ง ความคดิ ความรู้สึก ความคดิ ความร้สู กึ ของ ความคิด ความรสู้ กึ ของ สรา้ งสรรค์ ของตนเอง ตนเองอย่างหลากหลาย ตนเองอยา่ งหลากหลาย หรือแปลกใหม่ และแปลกใหม่

๑๗ มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรูไ้ ด้เหมาะสม กบั วยั ตวั บ่งช้ี อายุ ๓-๔ ปี สภาพทพี่ ึงประสงค์ อายุ ๕-๖ ปี อายุ ๔-๕ ปี ๑๒.๑ มเี จตคตทิ ดี่ ตี อ่ ๑๒.๑.๑ สนใจฟงั หรือ ๑๒.๑.๑ สนใจซกั ถาม ๑๒.๑.๑ สนใจหยิบ การเรียนรู้ อ่านหนังสือดว้ ยตนเอง เกีย่ วกับสญั ลกั ษณ์หรือ หนงั สือมาอ่านและ ตวั หนงั สอื ท่ีพบเหน็ เขียนสื่อความคดิ ด้วย ตนเองเปน็ ประจำอย่าง ต่อเน่ือง ๑๒.๑.๒ กระตอื รือรน้ ๑๒.๑.๒ กระตือรือรน้ ๑๒.๑.๒ กระตือรือร้น ในการเข้ารว่ มกจิ กรรม ในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ในการร่วมกจิ กรรม ตั้งแต่ตน้ จนจบ ๑๒.๒ มีความสามารถ ๑๒.๒.๑ ค้นหาคำตอบ ๑๒.๒.๑ คน้ หาคำตอบ ๑๒.๒.๑ คน้ หาคำตอบ ในการแสวงหา ของขอ้ สงสัยตา่ งๆ ตาม ของขอ้ สงสัยต่างๆ ตาม ของข้อสงสัยตา่ งๆ โดย ความรู้ วิธกี ารทีม่ ผี ู้ชี้แนะ วธิ ีการของตนเอง ใชว้ ธิ กี ารที่หลากหลาย ดว้ ยตนเอง ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค คำถามว่า “ใคร” คำถามว่า “ที่ไหน” คำถามวา่ “เม่ือไร” “อะไร” ในการค้นหา “ทำไม” ในการคน้ หา “อยา่ งไร” ในการ คำตอบ คน้ หาคำตอบ ๖ ระยะเวลาเรียน หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โรงเรียนวดั ทุ่งหลอ่ กำหนดกรอบโครงสร้างเวลาในการจัดประสบการณใ์ ห้กับเด็ก ๒ ปีการศกึ ษา ปี การศึกษาละ ๒ ภาคเรียน โดยมีเวลาเรียนสำหรับเด็กปฐมวัยไม่น้อยกว่า ๑๘๐ วัน ต่อ ๑ ปีการศึกษา ใน แต่ละวันจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง โดยสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามบริบทและสถ านการณ์ ดงั น้ี ๖.๑ การจัดช้ันเรยี น ๖.๑.๑ ชั้นอนบุ าลปที ี่ ๑ ช่อื ย่อ อ.๑ เดก็ ช่วงอายุ ๓-๔ ปี ๖.๑.๒ ช้นั อนบุ าลปีที่ ๒ ชอื่ ยอ่ อ.๒ เดก็ ชว่ งอายุ ๔-๕ ปี ๖.๑.๓ ชัน้ อนุบาลปที ่ี ๓ ช่ือยอ่ อ.๓ เด็กช่วงอายุ ๕-๖ ปี

๑๘ ๖.๒ โครงสรา้ งเวลาในการจดั ประสบการณ์ ปีการศึกษาละ ๒ ภาคเรยี น ๖.๒.๑ ภาคเรียนท่ี ๑ (๑๖ พฤษภาคม - ๑๐ ตุลาคม) ๖.๒.๑ ภาคเรียนท่ี ๒ (๑ พฤศจิกายน - ๓๑ มีนาคม) ๖.๓ เวลาเรยี น สำหรบั เดก็ ปฐมวยั ๑ ปีการศึกษาไมน่ อ้ ยกว่า ๑๘๐ วัน ๖.๓.๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน ในแตล่ ะวนั เวลาไม่นอ้ ยกว่า ๕ ช่ัวโมง ๖.๓.๑ ภาคเรียนท่ี ๒ ไม่นอ้ ยกวา่ ๙๐ วัน ในแตล่ ะวนั เวลาไม่นอ้ ยกว่า ๕ ชว่ั โมง ๗. สาระการเรยี นรู้รายปี สาระการเรยี นรู้ใช้เปน็ สื่อกลางในการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็กเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ ทุกด้าน ให้เป็นไปตามจุดหมายของหลักสูตรที่กำหนด ประกอบด้วย ประสบการณ์สำคัญและสาระที่ควร เรียนรู้ ดังนี้ ๑. ประสบการณ์สำคัญ ประสบการณ์สำคัญเป็นแนวทางสำหรับผู้สอนไปใช้ในการออกแบบการจัดประสบการณ์ ให้เด็ก ปฐมวัยเรยี นรู้ ลงมือปฏบิ ัติ และไดร้ บั การส่งเสรมิ พฒั นาการครอบคลุมทุกดา้ น ดังนี้ ๑.๑ ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย เป็นการสนับสนุนให้เดก็ ได้มีโอกาส พัฒนาการใช้กลา้ มเนื้อใหญ่ กล้ามเนื้อเล็ก และการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อและระบบประสาท ใน การทำกิจวัตรประจำวันหรือทำกิจกรรมต่างๆและสนับสนุนให้เด็กมีโอกาสดูแลสุขภาพและสุขอนามัย และ การรกั ษาความปลอดภัย ดงั น้ี ๑.๑.๑ การใช้กล้ามเนอื้ ใหญ่ ๑.๑.๑.๑ การเคลื่อนไหวอย่กู ับที่ ๑.๑.๑.๒ การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่ ๑.๑.๑.๓ การเคลื่อนไหวพรอ้ มวัสดุอุปกรณ์ ๑.๑.๑.๔ การเคลื่อนไหวที่ใช้การประสานสัมพันธ์ของการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในการขว้าง การจบั การโยน การเตะ ๑.๑.๑.๕ การเลน่ เครอื่ งเลน่ สนามอยา่ งอสิ ระ ๑.๑.๒ การใช้กลา้ มเนอื้ เลก็ ๑.๑.๒.๑ การเล่นเครื่องเล่นสมั ผสั และการสรา้ งจากแท่งไม้ บลอ็ ก ๑.๑.๒.๒ การเขยี นภาพและการเลน่ กบั สี ๑.๑.๒.๓ การปนั้ ๑.๑.๒.๔ การประดิษฐ์ส่ิงต่างๆด้วย เศษวสั ดุ ๑.๑.๒.๕ การหยบิ จบั การใชก้ รรไกร การฉีก การตดั การปะ และการร้อยวัสดุ

๑๙ ๑.๑.๓ การรักษาสุขภาพอนามยั ส่วนตัว ๑.๑.๓.๑ การปฏิบัตติ นตามสขุ อนามยั สุขนสิ ยั ท่ดี ใี นกิจวตั รประจำวนั ๑.๑.๔ การรกั ษาความปลอดภัย ๑.๑.๔.๑ การปฏบิ ัติตนให้ปลอดภัยในกิจวตั รประจำวนั ๑.๑.๔.๒ การฟังนิทาน เรอื่ งราว เหตุการณ์ เกีย่ วกบั การปอ้ งกันและรักษาความปลอดภยั ๑.๑.๔.๓ การเลน่ เคร่ืองเล่นอย่างปลอดภยั ๑.๑.๔.๔ การเล่นบทบาทสมมติเหตุการณต์ ่างๆ ๑.๑.๕ การตระหนกั รูเ้ ก่ียวกบั ร่างกายตนเอง ๑.๑.๕.๑ การเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมตนเองไปในทิศทาง ระดบั และพื้นที่ ๑.๑.๕.๒ การเคลือ่ นไหวข้ามสง่ิ กดี ขวาง ๑.๒ ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจเป็นการสนับสนุนให้เด็กได้ แสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกของตนเองที่เหมาะสมกับวัย ตระหนักถึงลักษณะพิเศษเฉพาะที่เป็นอัต ลักษณ์ ความเป็นตัวของตัวเอง มีความสุข ร่าเริงแจ่มใส การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม สนุ ทรียภาพ ความรู้สึกทีด่ ตี อ่ ตนเอง และความเช่อื มัน่ ในตนเองขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ดงั น้ี ๑.๒.๑ สุนทรียภาพ ดนตรี ๑.๒.๑.๑ การฟงั เพลง การร้องเพลง และการแสดงปฏกิ ิริยาโต้ตอบเสยี งดนตรี ๑.๒.๑.๒ การเคลอื่ นไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี ๑.๒.๑.๓ การเล่นบทบาทสมมติ ๑.๒.๑.๔ การทำกิจกรรมศลิ ปะตา่ งๆ ๑.๒.๑.๕ การสรา้ งสรรคส์ ่ิงสวยงาม ๑.๒.๒ การเล่น ๑.๒.๒.๑ การเล่นอสิ ระ ๑.๒.๒.๒ การเลน่ รายบุคคล กลุ่มย่อย กลมุ่ ใหญ่ ๑.๒.๒.๓ การเลน่ ตามมุมประสบการณ์ ๑.๒.๒.๔ การเลน่ นอกหอ้ งเรียน ๑.๒.๓ คุณธรรม จรยิ ธรรม ๑.๒.๓.๑ การปฏิบัตติ นตามหลักศาสนาทีน่ ับถือ ๑.๒.๓.๒ การฟังนิทานเก่ยี วกับคุณธรรม จริยธรรม ๑.๒.๓.๓ การรว่ มสนทนาแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ เชิงจรยิ ธรรม ๑.๒.๔ การแสดงออกทางอารมณ์ ๑.๒.๔.๑ การสะทอ้ นความรู้สกึ ของตนเองและผ้อู น่ื ๑.๒.๔.๒ การเล่นบทบาทสมมติ

๒๐ ๑.๒.๔.๓ การเคล่อื นไหวตามเสียงเพลง/ดนตรี ๑.๒.๔.๔การร้องเพลง ๑.๒.๔.๕ การทำงานศลิ ปะ ๑.๒.๕ การมีอตั ลกั ษณเ์ ฉพาะตนและเชอ่ื ว่าตนเองมคี วามสามารถ ๑.๒.๕.๑ การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่างๆตามความสามารถของตนเอง ๑.๒.๖ การเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ่นื ๑.๒.๖.๑ การแสดงความยินดีเม่ือผู้อื่นมคี วามสุขเห็นอกเห็นใจเมือ่ ผูอ้ ื่นเศร้าหรือเสียใจและ การช่วยเหลือปลอบโยนเม่อื ผู้อืน่ ได้รบั บาดเจ็บ ๑.๓ ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้มีโอกาส ปฏิสัมพันธ์กับบุคลและสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวจากการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ผ่านการเรียนรู้ทางสังคม เช่น การเลน่ การทำงานกับผู้อืน่ การปฏิบตั กิ ิจวัตรประจำวัน การแกป้ ญั หาขอ้ ขดั แยง้ ต่างๆ ๑.๓.๑ การปฏบิ ตั กิ จิ วัตรประจำวนั ๑.๓.๑.๑ การชว่ ยเหลอื ตนเองในกจิ วัตรประจำวนั ๑.๓.๑.๒การปฏบิ ตั ติ นตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๑.๓.๒ การดูแลรกั ษาธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ๑.๓.๒.๑ การมสี ่วนร่วมรบั ผิดชอบดแู ลรกั ษาสิง่ แวดลอ้ มทัง้ ภายในและภายนอกห้องเรียน ๑.๓.๒.๒ การทำงานศลิ ปะที่ใชว้ สั ดุหรือสิ่งของทใ่ี ชแ้ ลว้ มาใชซ้ ้ำหรือแปรรปู แลว้ นำกลับมา ใช้ใหม่ ๑.๓.๒.๓ การเพาะปลกู และดแู ลตน้ ไม้ ๑.๓.๒.๔ การเลี้ยงสัตว์ ๑.๓.๒.๕ การสนทนาข่าวและเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใน ชวี ิตประจำวนั ๑.๓.๓ การปฏบิ ัตติ ามวัฒนธรรมท้องถิ่นท่ีอาศยั และความเป็นไทย ๑.๓.๓.๑ การเลน่ บทบาทสมมตุ กิ ารปฏบิ ตั ิตนในความเปน็ คนไทย ๑.๓.๓.๒ การปฏิบตั ติ นตามวฒั นธรรมท้องถ่นิ ทอี่ าศยั และประเพณไี ทย ๑.๓.๓.๓ การประกอบอาหารไทย ๑.๓.๓.๔ การศกึ ษานอกสถานที่ ๑.๓.๓.๕ การละเลน่ พ้นื บ้านของไทย ๑.๓.๔ การมีปฏสิ มั พันธ์ มีวินัย มีสวนร่วม และบทบาทสมาชิกของสงั คม ๑.๓.๔.๑ การร่วมกำหนดขอ้ ตกลงของห้องเรยี น ๑.๓.๔.๒ การปฏิบัติตนเปน็ สมาชิทีด่ ขี องหอ้ งเรยี น

๒๑ ๑.๓.๔.๓ การให้ความรว่ มมือในการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ๑.๓.๔.๔ การดแู ลหอ้ งเรียนร่วมกัน ๑.๓.๔.๕ การรว่ มกิจกรรมวันสำคญั ๑.๓.๕ การเล่นแบบรว่ มมอื ร่วมใจ ๑.๓.๕.๑ การร่วมสนทนาและแลกเปล่ียนความคดิ เห็น ๑.๓.๕.๒ การเล่นและทำงานรว่ มกับผอู้ ่นื ๑.๓.๕.๓ การทำศิลปะแบบร่วมมอื ๑.๓.๖ การแกป้ ัญหาความขัดแยง้ ๑.๓.๖.๑ การมีสว่ นรว่ มในการเลือกวิธกี ารแกป้ ัญหา ๑.๓.๖.๒ การมสี ว่ นรว่ มในการแกป้ ัญหาความขัดแย้ง ๑.๓.๗ การยอมรบั ในความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างบุคคล ๑.๓.๗.๑ การเลน่ หรือ ทำกจิ กรรมรว่ มกับกลมุ่ เพอื่ น ๑.๓.๘ ความรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกบั การป้องกนั การทจุ รติ ๑.๓.๘.๑ มกี ารคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑.๓.๘.๒ มคี วามอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต ๑.๓.๘.๓ เกิด STRONG : จติ พอเพียงต้านทุจริต ๑.๓.๘.๔ เป็นพลเมืองและความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ๑.๔ ประสบการณส์ ำคัญที่สง่ เสริมพัฒนาการด้านสตปิ ัญญา เป็นการสนบั สนุนให้เด็กได้รับรู้ เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตวั ผา่ นการมปี ฏิสมั พนั ธ์กบั ส่งิ แวดล้อม บคุ คลและสอื่ ตา่ งๆ ดว้ ยกระบวนการเรยี นร้ทู ่หี ลากหลาย เพ่ือเปดิ โอกาสใหเ้ ด็กพฒั นาการใช้ภาษา จินตนาการความคดิ สร้างสรรค์ การแกป้ ัญหา การคิดเชิงเหตผุ ล และการคิด รวบยอดเก่ียวกับส่ิงตา่ งๆ รอบตวั และมคี วามคดิ รวบยอดทางคณติ ศาสตร์ที่เป็นพ้ืนฐานของการเรยี นรู้ในระดับ ทีส่ งู ข้นึ ตอ่ ไป ๑.๔.๑ การใช้ภาษา ๑.๔.๑.๑ การฟงั เสยี งตา่ งๆ ในสง่ิ แวดล้อม ๑.๔.๑.๒ การฟังและปฏบิ ตั ิตามคำแนะนำ ๑.๔.๑.๓ การฟังเพลง นิทาน คำคลอ้ งจอง บทร้อยกรงหรือเรือ่ งราวต่างๆ ๑.๔.๑.๔ การแสดงความคดิ ความรูส้ ึก และความต้องการ ๑.๔.๑.๕ การพูดกับผู้อื่นเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเอง หรือพูดเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ตนเอง ๑.๔.๑.๖ การพดู อธิบายเกยี่ วกับส่ิงของ เหตกุ ารณ์ และความสมั พันธ์ของสิ่งตา่ งๆ ๑.๔.๑.๗ การพดู อย่างสร้างสรรคใ์ นการเลน่ และการกระทำตา่ งๆ ๑.๔.๑.๘ การรอจงั หวะที่เหมาะสมในการพดู ๑.๔.๑.๙ การพดู เรียงลำดบั เพือ่ ใช้ในการสื่อสาร

๒๒ ๑.๔.๑.๑๐ การอ่านหนงั สือภาพ นทิ าน หลากหลายประเภท/รูปแบบ ๑.๔.๑.๑๑ การอา่ นอสิ ระตามลำพงั การอ่านรว่ มกัน การอ่านโดยมีผู้ชี้แนะ ๑.๔.๑.๑๒ การเหน็ แบบอย่างของการอา่ นทถ่ี ูกต้อง ๑.๔.๑.๑๓ การสงั เกตทศิ ทางการอา่ นตวั อักษร คำ และข้อความ ๑.๔.๑.๑๔ การอ่านและชข้ี ้อความ โดยกวาดสายตาตามบรรทดั จากซ้ายไปขวา จากบนลงลา่ ง ๑.๔.๑.๑๕ การสงั เกตตวั อกั ษรในชอื่ ของตน หรือคำคุน้ เคย ๑.๔.๑.๑๖ การสังเกตตัวอักษรที่ประกอบเปน็ คำผา่ นการอ่านหรอื เขยี นของผู้ใหญ่ ๑.๔.๑.๑๗ การคาดเดาคำ วลีหรือประโยค ที่มีโครงสร้างซ้ำๆกัน จากนิทาน เพลง คำคล้อง จอง ๑.๔.๑.๑๘ การเลน่ เกมทางภาษา ๑.๔.๑.๑๙ การเห็นแบบอย่างของการเขยี นทถ่ี ูกต้อง ๑.๔.๑.๒๐ การเขยี นรว่ มกนั ตามโอกาส และการเขียนอสิ ระ ๑.๔.๑.๒๑ การเขียนคำท่ีมคี วามหมายกับตวั เดก็ /คำคุ้นเคย ๑.๔.๑.๒๒ การคดิ สะกดคำและเขยี นเพอื่ สอื่ ความหมายด้วยตนเองอยา่ งอสิ ระ ๑.๔.๒ การคิดรวบยอด การคดิ เชิงเหตผุ ล การตดั สินใจและแกป้ ญั หา ๑.๔.๒.๑ การสงั เกตลกั ษณะ สว่ นประกอบ การเปลย่ี นแปลง และความสัมพนั ธ์ของสิ่งตา่ งๆ โดยใช้ประสาทสมั ผสั อย่างเหมาะสม ๑.๔.๒.๒ การสังเกตส่งิ ตา่ งๆ และสถานที่จากมมุ มองท่ีต่างกนั ๑.๔.๒.๓ การบอกและแสดงตำแหนง่ ทิศทาง และระยะทางของส่ิงต่างๆดว้ ยการกระทำ ภาพวาด ภาพถา่ ย และรปู ภาพ ๑.๔.๒.๔ การเล่นกับสอื่ ต่างๆทเี่ ป็นทรงกลม ทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉาก ทรงกระบอก กรวย ๑.๔.๒.๕ การคดั แยก การจัดกลุ่ม และการจำแนกสิ่งตา่ งๆตามลักษณะและรปู รา่ ง รูปทรง ๑.๔.๒.๖ การต่อของช้ินเลก็ เติมในชนิ้ ใหญใ่ ห้สมบรู ณ์ และการแยกชิ้นส่วน ๑.๔.๒.๗ การทำซำ้ การตอ่ เตมิ และการสรา้ งแบบรปู ๑.๔.๒.๘ การนับและแสดงจำนวนของสง่ิ ต่างๆในชีวิตประจำวัน ๑.๔.๒.๙ การเปรียบเทียบและเรียงลำดบั จำนวนของสิง่ ต่างๆ ๑.๔.๒.๑๐ การรวมและการแยกสิ่งต่างๆ ๑.๔.๒.๑๑ การบอกและแสดงอนั ดับท่ีของสิ่งตา่ งๆ ๑.๔.๒.๑๒ การชั่ง ตวง วัดส่งิ ตา่ งๆโดยใชเ้ ครื่องมือและหนว่ ยท่ไี มใ่ ชห่ น่วยมาตรฐาน ๑.๔.๒.๑๓ การจับคู่ การเปรียบเทียบ และการเรียงลำดับ สิ่งต่างๆ ตามลักษณะความยาว/ ความสงู น้ำหนกั ปรมิ าตร ๑.๔.๒.๑๔ การบอกและเรียงลำดับกจิ กรรมหรือเหตกู ารณ์ตามช่วงเวลา

๒๓ ๑.๔.๒.๑๕ การใช้ภาษาทางคณติ ศาสตรก์ บั เหตุการณใ์ นชวี ติ ประจำวนั ๑.๔.๒.๑๖ การอธบิ ายเช่อื มโยงสาเหตุและผลท่เี กดิ ขึ้นในเหตุการณ์หรอื การกระทำ ๑.๔.๒.๑๗ การคาดเดาหรอื การคาดคะเนสิ่งทอี่ าจเกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ๑.๔.๒.๑๘ การมสี ่วนรว่ มในการลงความเหน็ จากข้อมูลอย่างมีเหตผุ ล ๑.๔.๒.๑๙ การตัดสนิ ใจและมีส่วนร่วมในกระบวนการแกป้ ญั หา ๑.๔.๓ จนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ๑.๔.๓.๑ การรบั รู้ และแสดงความคิดความรู้สกึ ผา่ นสือ่ วัสดุ ของเลน่ และช้นิ งาน ๑.๔.๓.๒ การแสดงความคดิ สรา้ งสรรค์ผา่ นภาษา ทา่ ทาง การเคล่ือนไหว และศิลปะ ๑.๔.๓.๓ การสรา้ งสรรค์ชน้ิ งานโดยใช้รูปร่างรูปทรงจากวสั ดทุ หี่ ลากหลาย ๑.๔.๔ เจตคตทิ ด่ี ีตอ่ การเรยี นรู้และการแสวงหาความรู้ ๑.๔.๔.๑ การสำรวจส่ิงตา่ งๆ และแหล่งเรียนรรู้ อบตัว ๑.๔.๔.๒ การตั้งคำถามในเรอื่ งท่ีสนใจ ๑.๔.๔.๓ การสบื เสาะหาความรเู้ พือ่ ค้นหาคำตอบของข้อสงสัยตา่ งๆ ๑.๔.๔.๔ การมีส่วนร่วมในการรวบรวมข้อมูลและนำเสนอข้อมูลจากการสืบเสาะหาความรู้ ในรูปแบบตา่ งๆและแผนภูมิอย่างงา่ ย ๒. สาระที่ควรเรียนรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ เป็นเรื่องราวรอบตัวเด็กที่นำมาเป็นสื่อกลางในการจัดกิจกรรมให้เด็กเกิดแนวคิด หลงั จากนำสาระการเรียนรนู้ ั้น ๆ มาจดั ประสบการณ์ให้เด็ก เพอ่ื ให้บรรลจุ ัดหมายที่กำหนดไว้ทงั้ นี้ ไม่เน้นการ ท่องจำเนื้อหา ครูสามารถกำหนดรายละเอียดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวัย ความต้องการ และความสนใจของ เด็ก โดยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์สำคัญ ทั้งนี้ อาจยืดหยุ่นเนื้อหาได้โดยคำนึงถึงประสบการณ์และ ส่ิงแวดล้อมในชวี ติ จรงิ ของเด็ก ดงั นี้ ๒.๑ เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เด็กควรรู้จักชื่อ นามสกุล รูปร่างหน้าตา รู้จักอวัยวะต่างๆ วิธีระวัง รักษาร่างกายให้สะอาดและมีสุขภาพอนามัยทีด่ ี การรับประทานอาหารท่ีเป็นประโยชน์ การระมัดระวังความ ปลอดภัยของตนเองจากผู้อื่นและภัยใกล้ตัว รวมทั้งการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างปลอดภัย การรู้จักความเป็นมา ของตนเองและครอบครวั การปฏิบตั ิตนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวและโรงเรียน การเคารพสิทธิของตนเอง และผู้อื่น การรจู้ กั แสดงความคิดเห็นของตนเองและรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ื่น การกำกับตนเอง การเลน่ และ ทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองตามลำพังหรือกับผู้อื่น การตระหนักรู้เกี่ยวกับตนเอง ความภาคภูมิใจในตนเอง การ สะท้อนการรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น การแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกอย่าง เหมาะสม การแสดงมารยาทท่ีดี การมีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ๒.๒ เรื่องราวเก่ยี วกับบุคคลและสถานทแี่ วดลอ้ มเด็ก เด็กควรเรียนรเู้ ก่ียวกบั ครอบครวั สถานศกึ ษา ชุมชน และบุคคลต่างๆ ที่เด็กต้องเกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน สถานที่สำคัญ วัน สำคญั อาชพี ของคนในชุมชน ศาสนา แหลง่ วฒั นาธรรมในชมุ ชน สญั ลกั ษณ์สำคัญของชาติไทยและการปฏิบัติ ตามวฒั นธรรมท้องถน่ิ และความเปน็ ไทย หรอื แหล่งเรียนรจู้ ากภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ อนื่ ๆ

๒๔ ๒.๓ ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อ ลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลงและ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ สัตว์ พืช ตลอดจนการรู้จักเกี่ยวกับดิน น้ำ ท้องฟ้า สภาพอากาศ ภัยธรรมชาติ แรง และพลงั งานในชีวติ ประจำวันท่แี วดลอ้ มเด็ก รวมทง้ั การอนุรักษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและการรกั ษาสาธารณสมบตั ิ ๒.๔ สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมายในชีวิตประจำวัน ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้หนังสือและตัวหนังสือ รู้จักชื่อ ลักษณะ สี ผิวสัมผัส ขนาด รูปร่ าง รูปทรง ปริมาตร น้ำหนัก จำนวน ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆรอบตัว เวลา เงิน ประโยชน์ การใช้งาน และการเลือกใช้สิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะ การคมนาคม เทคโนโลยีและการสื่อสาร ตา่ งๆ ทใ่ี ชอ้ ยู่ในชีวิตประจำวันอย่างประหยัด ปลอดภยั และรักษาสงิ่ แวดล้อม

๒๕ ตารางวิเคราะหส์ าระการเรียนรู้รายปี ช่วงอายุ ๓ – ๔ ปี พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย มาตรฐานที่ ๑รา่ งกายเจริญเติบโตตามวัย และมีสขุ นิสยั ท่ีดี ตัวบง่ ชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์ สาระการเรยี นรูร้ ายปี ชน้ั อนุบาลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ปี) ประสบการณส์ ำคญั สาระท่คี วรเรยี นรู้ ๑.๑ มีนำ้ หนักและ -นำ้ หนักและสว่ นสงู ตามเกณฑ์ ๑.การปฏบิ ัตติ นตามสุขอนามัย ตัวเดก็ ส่วนสงู ตามเกณฑ์ ของกรมอนามัย สุขนิสยั ที่ดใี นกิจวตั รประจำวัน ๑. การรบั ประทานท่ีมี ประโยชน์ ๒. การช่ังนำ้ หนักและวัด ส่วนสงู ๓. การวดั เสน้ รอบศีรษะ ๑.๒ มีสขุ ภาพอนามัย -ยอมรบั ประทานอาหารที่มี ๑.การปฏบิ ัติตนตามสขุ อนามัย ตวั เด็ก สขุ นสิ ัยทีด่ ี ประโยชนแ์ ละดม่ื นำ้ ทส่ี ะอาด สุขนิสัยที่ดใี นกจิ วัตรประจำวัน ๑. การปฏบิ ตั ติ นตาม เม่ือมผี ูช้ แี้ นะ ๒. การประกอบอาหารไทย สุขอนามัย - การรบั ประทานอาหาร อาหารหลกั ๕ หมู่ ๒. อาหารท่ีมปี ระโยชนแ์ ละ ไม่มีประโยชน์ -ลา้ งมือก่อนรับประทานอาหาร ๑.การปฏิบตั ิตนตามสขุ อนามัย ตัวเดก็ และหลังจากใชห้ ้องน้ำห้องสว้ ม สุขนิสัยท่ดี ีในกิจวตั รประจำวัน ๑. การปฏบิ ัติตนตาม สุขอนามยั เม่ือมผี ชู้ แ้ี นะ ๒. การปฏบิ ัติตนให้ปลอดภยั - การทำความสะอาด รา่ งกาย ในกจิ วตั รประจำวัน ๓. การฟงั นทิ าน เรื่องราว เหตกุ ารณเ์ กี่ยวกับการป้องกนั และรักษาความปลอดภยั ๔.การช่วยเหลอื ตนเองในกิจวัตร ประจำวนั - ล้างหนา้ และแปรงฟันหลงั ๑.การปฏบิ ตั ิตนตามสขุ อนามัย ตวั เดก็ รับประทานอาหารเมื่อมีผู้ สขุ นสิ ัยที่ดีในกิจวตั รประจำวัน ๑. การปฏิบัติตนตาม ชี้แนะ ๒. การปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภยั ใน สุขอนามยั กจิ วตั รประจำวนั

๒๖ ๓.การฟังนทิ าน เรื่องราว ๒. การทำความสะอาด เหตุการณเ์ ก่ยี วกับการป้องกนั รา่ งกาย และรักษาความปลอดภยั ๔. การชว่ ยเหลอื ตนเองในกิจวตั ร ประจำวัน -นอนพักผ่อนเป็นเวลา ๑. การปฏิบตั ิตนตามสขุ อนามยั ตวั เดก็ -ออกกำลงั กายเป็นเวลา สขุ นิสัยทด่ี ใี นกิจวัตรประจำวัน -การพักผ่อน ตัวบง่ ชท้ี ่ี ๑.๓ รกั ษา -เลน่ และทำกจิ กรรมอย่าง ความปลอดภัยของ ปลอดภยั เม่ือมีผูช้ ีแ้ นะ ๑. การเคลอ่ื นไหวขา้ มส่ิงกดี ตวั เดก็ ตนเองและผอู้ ่ืน ขวาง ๑. การออกกำลงั กาย ๒. การเล่นเครอ่ื งเลน่ อย่าง ๒. การเลน่ เคร่ืองเล่นสนาม ปลอดภัย ๓.การละเล่นพื้นบา้ นของ ๓. การเล่นเครือ่ งเล่นสนามอย่าง ไทย อิสระ ๔. การเลน่ อสิ ระ ๕. การเล่นนอกห้องเรียน ๖. การละเล่นพนื้ บา้ นของไทย ๑.การปฏิบตั ติ นให้ปลอดภยั ใน ตัวเด็ก กิจวัตรประจำวัน ๑. ความปลอดภยั ในการ ๒. การฟังนทิ าน เรื่องราว ปฏบิ ัตกิ จิ วตั รประจำวัน เหตุการณ์เกยี่ วกับการป้องกัน และรกั ษาความปลอดภยั ๓. การเลน่ บทบาทสมมติ เหตกุ ารณ์ต่างๆ ๔. การเล่นเครอ่ื งเลน่ อย่าง ปลอดภัย ๕.การเล่นและทำงานร่วมกบั ผูอ้ น่ื ๖.การพูดกบั ผอู้ นื่ เกย่ี วกับ ประสบการณ์ของตนเองหรือพดู เรื่องราวเก่ียวกับตนเอง

๒๖ มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเน้อื ใหญแ่ ละกลา้ มเนื้อเล็กแข็งแรงใช้ไดอ้ ย่างคล่องแคล่วและประสานสมั พนั ธ์กัน ตวั บง่ ชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้รายปี ชั้นอนุบาลปที ี่ ๑ (๓ – ๔ ปี) ประสบการณส์ ำคัญ สาระทีค่ วรเรียนรู้ ตัวบง่ ชี้ท่ี ๒.๑ -เดนิ ตามแนวทก่ี ำหนดได้ ๑. การเคลอ่ื นไหวอยู่กับที่ ตวั เดก็ เคลือ่ นไหวร่างกาย -กระโดดสองขา ขึ้นลงอย่กู ับท่ี ๒. การเคลือ่ นไหวเคลอ่ื นที่ ๑. การเคลื่อนไหวร่างกาย อย่างคล่องแคลว่ ได้ ๓. การเคลื่อนไหวพร้อมอปุ กรณ์ ในลกั ษณะตา่ งๆ ประสานสมั พันธ์และ -วง่ิ แลว้ หยดุ ได้ ๔. การเคล่ือนไหวทใ่ี ช้การ ทรงตัวได้ -โยนรับลูกบอลโดยใช้มือและ ประสานสมั พนั ธ์ของกล้ามเน้ือ ลำตัวช่วย ใหญ่ในการขวา้ ง การจับ การโยน การเตะ ๕. การเล่นเครื่องเล่นสนามอย่าง อิสระ ๖. การเคลื่อนไหวโดยควบคุม ตนเองไปในทิศทาง ระดับ และ พืน้ ท่ี ๗.การเคลือ่ นไหวข้ามสงิ่ กีดขวาง ตัวบ่งช้ที ี่ ๒.๒ ใช้มือ- - ใช้กรรไกรตัดกระดาษขาด ๑. การเลน่ เครอื่ งเลน่ สมั ผัส และ ตัวเดก็ ตาประสานสัมพันธ์ จากกันไดโ้ ดยใชม้ ือเดยี ว การสรา้ งส่ิงต่างๆจากแท่งไม้ ๑. การใชม้ อื ทำส่งิ ตา่ งๆ กัน - เขียนรูปวงกลมตามแบบได้ บล็อก ๒. การใชก้ รรไกรที่ถูกวธิ ี -ร้อยวัสดุที่มีรูขนาดเส้นผ่าน ๒.การเขียนภาพและการเล่นกับสี ๓. การทำงานศิลปะ ศูนย์กลาง ๑ ซม.ได้ ๓. การประดิษฐ์สิ่งต่างๆด้วยเศษ วสั ดุ ๔. การหยิบจับ การใช้กรรไกร การฉีก การตัด การปะ การร้อย วัสดุ

๒๗ ๒.พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ มาตรฐานท่ี ๓ มีสุขภาพจิตดีและมคี วามสขุ ตวั บง่ ชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี ๓.๑ แสดงออกทาง อารมณ์อยา่ ง ช้ันอนบุ าลปีที่ ๑ (๓ – ๔ ปี) ประสบการณ์สำคญั สาระทีค่ วรเรียนรู้ เหมาะสม -แสดงอารมณค์ วามร้สู กึ ได้ ๑. การพดู สะท้อนความรู้สึก ตัวเด็ก ๓.๒ มคี วามรสู้ กึ ท่ีดี เหมาะสมกบั บางสถานการณ์ ของตนเองและผู้อ่ืน ๑. อารมณ์ ความรู้สึก ความ ต่อตนเองและผ้อู ื่น ๒. การเลน่ บทบาทสมมุติ ต้องการ- อารมณ์ต่างๆ -กลา้ พดู กล้าแสดงออก ๓. การเคลื่อนไหวตาม - การแสดงออกทางอารมณ์ที่ -แสดงความพอใจในผลงานตนเอง เสียงเพลง ดนตรี เหมาะสมกับบางสถานการณ์ ๔. การรอ้ งเพลง - ความต้องการทางรา่ งกาย และการ ๕. การทำงานศลิ ปะ ตอบสนอง ๑. การแสดงออกอยา่ งมน่ั ใจ ๑. การแสดงความภาคภูมิใจในสง่ิ ท่ี ตนเองทำแล้วประสบความสำเรจ็ มาตรฐานท่ี ๔ ชน่ื ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคลอื่ นไหว ตัวบ่งช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์ สาระการเรียนร้รู ายปี ๔.๑ สนใจและมีความสขุ ชนั้ อนุบาลปีที่ ๑ (๓ – ๔ ปี) ประสบการณส์ ำคญั สาระท่ีควรเรยี นรู้ และแสดงออกผา่ นงาน -สนใจและมคี วามสุขและ ศลิ ปะ ดนตรีและการ แสดงออกผา่ นงานศิลปะ ๑. การทำกจิ กรรมศลิ ปะตา่ งๆ - การทำกจิ กรรมศลิ ปะ เคลือ่ นไหว -สนใจ มีความสุขและแสดงออก ๒. การสร้างสรรคส์ ่งิ สวยงาม สร้างสรรค์ ผา่ นเสยี งเพลง ดนตรี ๓. การรบั รู้และแสดงความคดิ ความรสู้ กึ ผา่ นสอ่ื วัสดุ ของ เลน่ และชิ้นงาน ๔. การปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ตามความสามารถของตนเอง ๑. การฟังเพลง การร้องเพลง - การฟงั ดนตรี การรอ้ งเพลง และการแสดงปฏกิ ิรยิ าโต้ตอบ เสียงดนตรี ๒. การเล่นเครอื่ งดนตรี ประกอบจังหวะ ๔. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ตามความสามารถของตนเอง

๒๘ ตวั บง่ ช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี ชัน้ อนุบาลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ปี) ประสบการณ์สำคญั สาระท่คี วรเรียนรู้ -สนใจ มคี วามสุขและแสดง ๑. การฟงั เพลง การร้องเพลง - การแสดงทา่ ทางเคล่อื นไหว ทา่ ทาง/เคลื่อนไหวประกอบเพลง และการแสดงปฏิกิรยิ าโต้ตอบ ประกอบเพลง จังหวะและ จงั หวะและ ดนตรี เสียงดนตรี ดนตรี ๒. การเคลอื่ นไหวตาม เสียงเพลง ดนตรี ๔. การปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ตามความสามารถของตนเอง ๕. การเล่นเคร่อื งดนตรี ประกอบจังหวะ มาตรฐานท่ี ๕ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรมและมีจิตใจท่ดี งี าม ตวั บ่งช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงค์ สาระการเรียนรูร้ ายปี ๕.๑ ซือ่ สตั ย์ สุจรติ ช้ันอนบุ าลปีที่ ๑ (๓ – ๔ ป)ี ประสบการณ์สำคญั สาระท่คี วรเรยี นรู้ -บอกหรือชี้ได้ว่าสิ่งใดเป็นของ ๑. ปฏิบตั ติ นเป็นสมาชิกทดี่ ี บุคคลและสถานที่แวดล้อม ตนเองและสิ่งใดเปน็ ของผอู้ ื่น ของหอ้ งเรียน เดก็ ๒. การฟังนทิ านเก่ยี วกับ ๑. คุณธรรมจรยิ ธรรม คุณธรรม จรยิ ธรรม - ความซื่อสัตย์ สุจริต ๓. การรว่ มสนทนาและ - ความเกรงใจ แลกเปลยี่ นความคดิ เห็นเชิง ๒. การเคารพสิทธิของตนเอง จริยธรรม และผอู้ ่ืน ๔. เล่นบทบาทสมมุติ ๕. การเลน่ และทำงานร่วมกบั ผูอ้ ่นื ๖. การปฏิบัตติ นตามหลัก ศาสนาทน่ี บั ถอื ๕.๒ มีความเมตตา กรุณา มี -แสดงความรักเพื่อนและมี ๑. การฟงั นิทานเกยี่ วกับ ๑. คณุ ธรรมจรยิ ธรรม น้ำใจและชว่ ยเหลอื แบง่ ปนั เมตตาสัตวเ์ ลย้ี ง คุณธรรม จรยิ ธรรม - ความเมตตากรณุ า ๒. เลน่ บทบาทสมมุติ - ความเอ้อื เฟือ้ เผื่อแผ่ ๓. การเล้ียงสตั ว์ -แบ่งปันสิง่ ของใหผ้ ู้อ่นื ได้เมื่อมี ๑. การฟังนทิ านเกี่ยวกบั ๑. คุณธรรมจรยิ ธรรม ผชู้ ้แี นะ คุณธรรม จริยธรรม - ความมีน้ำใจ ช่วยเหลือ แบ่งปัน ๒. เลน่ บทบาทสมมตุ ิ ๓. ปฏบิ ัตติ นเป็นสมาชกิ ทดี่ ี ของหอ้ งเรยี น

๒๙ ตัวบง่ ช้ี สภาพที่พงึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี ชั้นอนุบาลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ป)ี ประสบการณส์ ำคญั สาระทคี่ วรเรียนรู้ ๔. การเลน่ รายบคุ คล กลุ่ม ยอ่ ย และกลุ่มใหญ่ ๕. การเล่นตามมุม ประสบการณ์/มมุ เลน่ ต่างๆ ๕.๓ มีความเห็นอกเห็นใจ -แสดงสีหน้าหรือท่าทางรับรู้ ๑. การเล่นและทำงานร่วมกับ ๑. คุณธรรมจริยธรรม ผู้อื่น ความร้สู กึ ผูอ้ ่นื ผูอ้ ่ืน - ความเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ นื่ ๒. การเลน่ บทบาทสมมตุ ิ ๓. การแสดงความยินดีเมื่อ ผอู้ ่นื มคี วามสุข เหน็ ใจเม่อื ผ้อู ื่น เศร้าหรือเสียใจและการ ช่วยเหลือปลอบโยนเมื่อผู้อ่ืน ไดร้ บั บาดเจบ็ ๕.๔ มคี วามรับผดิ ชอบ -ทำงานที่ได้รับมอบหมายจน ๑. การทำกิจกรรมศลิ ปะตา่ งๆ ๑. คณุ ธรรมจรยิ ธรรม สำเร็จเมื่อมีผ้ชู ว่ ยเหลอื ๒. การดแู ลห้องเรียนร่วมกนั - ความรบั ผดิ ชอบ ๓. การมสี ว่ นร่วมรบั ผิดชอบ - ระเบียบวนิ ัย ดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มทง้ั ภายในและภายนอกห้องเรียน ๔. การร่วมกำหนดข้อตกลง ของหอ้ งเรยี น ๓.พฒั นาการด้านสงั คม มาตรฐานท่ี ๖ มีทักษะชีวติ และปฏบิ ัติตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ตัวบ่งชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี ชน้ั อนุบาลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้ ปี) ๖.๑ ชว่ ยเหลอื ตนเองใน - แตง่ ตัวโดยมผี ู้ช่วยเหลอื ๑. การช่วยเหลือตนเองในกิจวตั ร ๑. การปฏิบตั กิ จิ วัตรประจำวนั การปฏบิ ัตกิ ิจวตั ร - รับประทานอาหารด้วยตนเอง ประจำวัน - การแต่งกาย ประจำวัน ๒. การให้ความร่วมมอื ในการ - การรับประทานอาหาร -ใช้ห้องน้ำห้องสว้ มโดยมีผู้ ปฏิบัติกิจกรรมตา่ งๆ - การใช้ห้องน้ำห้องส้วม ชว่ ยเหลอื ๓. การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่างๆตาม ความสามารถของตนเอง ตัวบ่งชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี

๓๐ ๖.๒ มีวินยั ในตนอง -เก็บของเล่นของใชเ้ ข้าท่ีเมอ่ื มีผู้ ๑. การร่วมกำหนดข้อตกลงของ ๑. การเล่น ๖.๓ ประหยดั และ ชีแ้ นะ หอ้ งเรียน ๒. ระเบียบวนิ ัย พอเพยี ง ๒. การปฏบิ ัติตนเปน็ สมาชกิ ทด่ี ี ๓. ความรับผดิ ชอบ -เข้าแถวตามลำดับก่อนหลังได้ ของหอ้ งเรียน ๑. การรอคอยตามลำดับก่อนหลัง เมื่อมีผู้ชแ้ี นะ ๓. การให้ความรว่ มมือในการ ๒. การเข้าแถว ปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ ๔. การดูแลห้องเรยี นรว่ มกนั -ใช้สิง่ ของเครอ่ื งใช้อย่าง ๑. การปฏบิ ตั ติ นตามแนวทางหลัก ๑. การปฏบิ ตั ิกิจวตั รประจำวัน ประหยดั และพอเพยี งเมือ่ มผี ู้ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. การใช้ของใช้อย่างถกู วิธี ช้ีแนะ ๒. การใชว้ สั ดแุ ละสงิ่ ๓. การเห็นคุณค่าของสิ่งของ ของเคร่อื งใช้อยา่ งคมุ้ ค่า เคร่ืองใช้ มาตรฐานท่ี ๗ รักธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อม วฒั นธรรม และความเปน็ ไทย ตวั บง่ ช้ี สภาพทพี่ งึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี ชน้ั อนุบาลปที ี่ ๑ (๓ – ๔ ปี) ๗.๑ ดูแลรักษาธรรมชาติ -มสี ว่ นร่วมในการดูแลรักษา ประสบการณส์ ำคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้ และสง่ิ แวดล้อม ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมเมอื่ มี ผ้ชู แี้ นะ ๑. การมสี ว่ นรว่ มในการดูแลรกั ษา บคุ คลและสถานทีแ่ วดลอ้ มเด็ก -ท้ิงขยะไดถ้ กู ที่ ส่งิ แวดล้อมท้งั ภายในและ ๑. สิ่งแวดล้อมในโรงเรียนและ ภายนอกห้องเรียน การดแู ลรกั ษา ๒.การสนทนาข่าวและเหตกุ ารณ์ที่ - ส่ิงมีชีวิต ส่งิ ไม่มชี วี ิต เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในชวี ติ ประจำวนั รอบตัว ๓. การเพาะปลกู และดูแลต้นไม้ ๒. การมีระเบยี บวนิ ัย ๔. การอธบิ ายเชอ่ื มโยงสาเหตแุ ละ ผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการ กระทำ ๕. การตดั สนิ ใจและมีสว่ นรว่ มใน กระบวนการแกป้ ญั หา ๑. การคัดแยก การจัดกลุ่มและ ๑. การดแู ลรักษาสิ่งแวดล้อม จำแนกสิ่งต่างๆตามลักษณะและ ๒. การมรี ะเบียบวนิ ัย รูปรา่ ง รูปทรง ๒. การใช้วัสดุและสิ่งของเคร่ืองใช้ อยา่ งคุ้มค่า ๓. การทำงานศิลปะที่นำวัสดุหรอื สิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำ หรอื แปรรปู แลว้ นำกลับมาใชใ้ หม่

๓๑ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี ตวั บง่ ชี้ ชนั้ อนบุ าลปที ี่ ๑ (๓ – ๔ ป)ี ประสบการณส์ ำคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้ ๔. การสรา้ งสรรคช์ น้ิ งานโดยใช้ รูปร่างรูปทรงจากวัสดุท่ี หลากหลาย ๕. การปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดี ของหอ้ งเรยี น ๗.๒ มีมารยาทตาม -ปฏิบัติตนตามมารยาทไทยได้ ๑. การปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรม ๑. การปฏิบัติตนตามมารยาท วัฒนธรรมไทยและรักความ เมอ่ื มผี ู้ช้ีแนะ ท้องถน่ิ ทีอ่ าศัยและประเพณไี ทย และวฒั นธรรมไทย เป็นไทย ๒. การเลน่ บทบาทสมมตุ กิ าร - การแสดงความเคารพ ปฏบิ ตั ิตนในความเปน็ คนไทย -กล่าวคำขอบคุณและขอโทษ ๑. การปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรม ๑. การปฏิบัติตนตามมารยาท เมอื่ มีผู้ชแ้ี นะ ทอ้ งถิน่ ท่อี าศยั และประเพณไี ทย และวฒั นธรรมไทย ๒. การเลน่ บทบาทสมมตุ ิการ - การกล่าวคำขอบคุณและขอ ปฏิบัตติ นในความเป็นไทย โทษ ๓. การพูดสะท้อนความรู้สึกของ ตนเองและผอู้ ่ืน -หยุดเมื่อได้ยินเพลงชาติไทย ๑. การปฏิบตั ติ นตามวฒั นธรรม ส่งิ ตา่ งๆอบตวั และเพลงสรรเสรญิ พระบารมี ท้องถนิ่ ทอี่ าศยั และประเพณไี ทย ๑. วันสำคัญของชาติ ศาสนา ๒. การเลน่ บทบาทสมมุตกิ าร พระมหากษตั ริย์ ปฏบิ ตั ิตนในความเป็นไทย ๒. สญั ลักษณ์สำคัญของชาติไทย ๓. การร่วมกจิ กรรมวันสำคญั มาตรฐานที่ ๘ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบ ประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ ตวั บง่ ช้ี สภาพที่พงึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี ช้นั อนุบาลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ปี) ประสบการณส์ ำคญั สาระท่ีควรเรียนรู้ ๘.๑ ยอมรับความเหมือน -เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับเด็กท่ี ๑.การเล่นและทำงานร่วมกบั สิง่ ต่างๆรอบตวั และความแตกต่าง แตกตา่ งไปจากตน ผู้อน่ื ๑. การเลน่ และการทำ ระหวา่ งบคุ คล ๒. การเลน่ พนื้ บา้ นของไทย กิจกรรมร่วมกับผูอ้ น่ื ๓. การศกึ ษานอกสถานท่ี ๘.๒ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับ -เลน่ ร่วมกับเพอ่ื น ๔. การเล่นและทำกิจกรรม ๒. การแสดงความเคารพ ผอู้ ่นื ร่วมกับกล่มุ เพ่อื น

๓๒ ตวั บง่ ช้ี สภาพที่พึงประสงค์ สาระการเรยี นรู้รายปี ชนั้ อนบุ าลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ปี) ประสบการณ์สำคญั สาระท่ีควรเรยี นรู้ -ยิ้มหรือทักทายผู้ใหญ่และบุคคลที่ ๕. การทำศิลปะแบบรว่ มมือ คนุ้ เคยเมอ่ื มีผู้ชแ้ี นะ ๖. การร่วมสนทนาและ แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ๗. การเลน่ รายบุคคล กลมุ่ ย่อยและกล่มุ ใหญ่ ๘.๓ ปฏิบัติตนเบื้องต้นใน -ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลงเม่อื มผี ู้ชแี้ นะ ๑. การรว่ มกำหนดข้อตกลง ๑. การปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บ การเป็นสมาชิกที่ดีของ ของหอ้ งเรียน และข้อตกลง สังคม ๒.การปฏบิ ตั ติ นเป็นสมาชกิ ท่ีดี ๒. ผู้นำผ้ตู าม -ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้นำและผูต้ ามเม่ือมีผู้ ของห้องเรียน ๓. การเลน่ ร่วมกับผู้อน่ื ชแี้ นะ ๓. การให้ความรว่ มมือในการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ -ยอมรับการประนีประนอมแก้ไข ๔. การรว่ มกิจกรรมวันสำคัญ ๕. การมสี ่วนร่วมในการเลือก ปัญหาเมือ่ มผี ้ชู ้ีแนะ วธิ ีการแกป้ ญั หา ๖. การมสี ่วนร่วมในการ แกป้ ญั หาความขดั แยง้ ๔. ดา้ นสติปญั ญา มาตรฐานที่ ๙ ใช้ภาษาส่ือสารได้เหมาะสมกบั วัย ตวั บง่ ช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงค์ สาระการเรียนร้รู ายปี ชน้ั อนบุ าลปที ี่ ๑ (๓ – ๔ ป)ี ประสบการณ์สำคญั สาระทีค่ วรเรียนรู้ ๙.๑ สนทนาโต้ตอบและเล่า -ฟังผู้อื่นพูดจนจบและโต้ตอบ ๑. การฟังเสียงตา่ งๆในสง่ิ แวดล้อม ส่ิงตา่ งๆรอบตัว เรื่องให้ผูอ้ ่นื เขา้ ใจ เก่ียวกบั เร่ืองท่ฟี ัง ๒. การฟงั และปฏิบตั ิตามคำแนะนำ การส่ือสาร ๓. การฟังเพลง นิทาน คำคล้องจอง - มารยาทในการฟัง บทร้อยกรอง หรอื เรือ่ งราวต่างๆ - การสนทนา ๔. การเล่นเกมทางภาษา -เล่า เรอ่ื งด้วยประโยคสั้นๆ ๑. การพูดแสดงความคิด ความรู้สึก ๑. การใชภ้ าษาในการส่ือ และความตอ้ งการ - การเลา่ เรอ่ื ง ๒. การพูดเกี่ยวกับประสบการณ์ของ ตนเอง หรือพูดเร่อื งราวเกีย่ วกบั ตนเอง ๓. การพูดอธิบายเกี่ยวกับสิ่งของ เหตุการณ์ และความสัมพันธ์ของส่ิง ต่างๆ ๔. การพูดอย่างสร้างสรรค์ในการเล่น และการกระทำตา่ งๆ

๓๓ ตวั บง่ ชี้ สภาพท่พี ึงประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี ชน้ั อนุบาลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ปี) ๙.๒ อ่าน เขียนภาพ และ -อา่ นภาพ และพูดขอ้ ความ ประสบการณส์ ำคญั สาระทีค่ วรเรียนรู้ สัญลกั ษณ์ได้ ด้วยภาษาของตน ๕. การรอจังหวะท่เี หมาะสมในการพดู -เขียนขดี เขี่ย อยา่ งมีทศิ ทาง ๖. การพูดเรียงลำดับเพื่อใช้ในการ ส่ือสาร ๗. การเลน่ เกมทางภาษา ๑. การอ่านหนงั สือภาพ นิทาน ๑. การใชภ้ าษาในการส่ือ หลากหลายประเภท/รูปแบบ - การอา่ นภาพ สัญลักษณ์ ๒. การอา่ นอย่างอิสระตามลำพงั การ นทิ าน อา่ นรว่ มกนั การอ่านโดยมผี ูช้ ีแ้ นะ ๓. การเหน็ แบบอยา่ งของการอ่านที่ ถูกต้อง ๔. การสังเกตทิศทางการอ่านตัวอกั ษร คำ และข้อความ ๕. การอ่านและชี้ข้อความ โดยกวาด สายตาตามบรรทัดจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง ๖. การสังเกตตัวอักษรในชื่อของตน หรอื คำคุน้ เคย ๗. การสังเกตตัวอักษรที่ประกอบเป็น คำผ่านการอา่ นหรือเขียนของผูใ้ หญ่ ๘. การคาดเดาคำ วลี หรอื ประโยคท่ีมี โครงสร้างซ้ำๆกันจากนิทาน เพลง คำ คล้องจอง ๙. การเล่นเกมทางภาษา ๑๐. การเห็นแบบอยา่ งของการเขียนท่ี ถูกต้อง ๑. การเขียนร่วมกันตามโอกาส และ ๑. การใชภ้ าษาในการส่อื สาร การเขยี นอสิ ระ - การเขยี นภาพ สัญลักษณ์ ๒. การเขียนคำที่มีความหมายกับตัว เดก็ /คำคนุ้ เคย ๓. การคิดสะกดคำและเขียนเพื่อส่ือ ความหมายดว้ ยตนเองอย่างอสิ ระ ๔. การเล่นเกมทางภาษา

๓๔ มาตรฐานที่ ๑๐ มคี วามสามารถในการคิดท่เี ป็นพน้ื ฐานในการเรยี นรู้ ตวั บง่ ชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี ชน้ั อนบุ าลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ป)ี ประสบการณ์สำคัญ สาระทค่ี วรเรยี นรู้ ๑๐.๑ มีความสามารถในการคิด -บอกลักษณะของสิ่งของ ๑. การสังเกตลกั ษณะ สิ่งต่างๆรอบตวั รวบยอด ต่างๆจากการสังเกตโดยใช้ สว่ นประกอบ การเปลยี่ นแปลง ๑. การคิด ประสาทสัมผัส และความสมั พนั ธ์ของส่ิงตา่ งๆ - ประสาทสมั ผัส โดยใช้ประสาทสมั ผสั อยา่ ง - การสงั เกต เหมาะสม ๒. การสังเกตสงิ่ ตา่ งๆแลละ สถานท่จี ากมุมมองที่ต่างกัน ๓. การเล่นกับส่ือต่างๆที่เปน็ ทรงกลม ทรงสเ่ี หลย่ี มมมุ ฉาก ทรงกระบอก ทรงกรวย ๔. การใช้ภาษาทางคณติ ศาสตร์ กับเหตุการณใ์ นชีวิตประจำวัน -จับค่หู รอื เปรยี บเทียบสิ่ง ๑. การคัดแยก การจดั กลุม่ และ ๑. การคิด ต่างๆโดยใชล้ กั ษณะหรือ การจำแนกสง่ิ ตา่ งๆตามลกั ษณะ - การจับคู่ หนา้ ทกี่ ารใช้งานเพียง และรูปร่าง รูปทรง - การเปรียบเทียบ ลักษณะเดยี ว ๒. การต่อของชิ้นเล็กเติมในชิ้น ใหญ่ให้สมบูรณ์ และการแยก ชิ้นส่วน ๓. การจบั คู่ การเปรียบเทยี บ และการเรยี งลำดับสงิ่ ตา่ งๆตาม ลกั ษณะความยาว/ความสงู นำ้ หนัก ปริมาตร ๔. การใชภ้ าษาทางคณติ ศาสตร์ กบั เหตกุ ารณใ์ นชวี ิตประจำวนั -คัดแยกส่ิงต่างๆตามลักษณะ ๑. การคัดแยก การจัดกลุ่ม และ ๑. การคิด หรือหนา้ ทก่ี ารใชง้ าน การจำแนกส่งิ ตา่ งๆตามลักษณะ - การจำแนก และรปู รา่ ง รูปทรง - การจัดกลมุ่ ๒. การทำซ้ำ การต่อเติม และ การสรา้ งแบบรปู ๓. การรวมและการแยกสิง่ ตา่ งๆ ๔. การใชภ้ าษาทางคณิตศาสตร์ กบั เหตุการณใ์ นชวี ติ ประจำวนั -เรียงลำดับสิ่งของหรือ ๑. การนบั และแสดงจำนวนของ สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก เหตุการณอ์ ยา่ งน้อย ๓ ลำดบั สิ่งตา่ งๆในชวี ติ ประจำวัน ๑. การคดิ - การเรยี งลำดบั

๓๕ สภาพทีพ่ ึงประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี ตัวบง่ ชี้ ช้นั อนบุ าลปที ่ี ๑ (๓ – ๔ ป)ี ประสบการณส์ ำคัญ สาระทคี่ วรเรียนรู้ ๒. การเปรยี บเทยี บและ - จำนวนและตวั เลข เรยี งลำดบั จำนวนของส่งิ ต่าง ๆ ๓. การบอกและแสดงอันดบั ที่ ของส่ิงตา่ ง ๆ ๔. การบอกและเรยี งลำดบั กจิ กรรมหรือเหตกุ ารณ์ตามชว่ ง หรือเวลา ๕. การใชภ้ าษาทางคณติ ศาสตร์ กบั เหตุการณใ์ นชวี ติ ประจำวัน ๖. การบอกและแสดงตำแหน่ง ทิศทาง และระยะทางของสงิ่ ตา่ งดว้ ยการกระทำ ภาพวาด ภาพถ่าย และรปู ภาพ ๑๐.๒ มีความสามารถในการคิด -ระบุผลท่เี กิดข้ึนในเหตกุ ารณ์ ๑. การชั่ง ตวง วัดส่งิ ตา่ งๆโดย ๑. การแสดงความคดิ เหน็ เชิงเหตุผล หรือการกระทำเมอ่ื มผี ชู้ ี้แนะ ใชเ้ คร่ืองมือและหนว่ ยทไี่ มใ่ ช่ - การชง่ั หน่วยมาตรฐาน - การตวง ๒. การอธิบายเชื่อมโยง สาเหตุ - การวดั และผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ หรอื การกระทำ -คาดเดา หรือ คาดคะเนสิ่งท่ี ๑ . ก า ร ค า ด เ ด า ห ร ื อ ก า ร -การหาความสมั พนั ธ์ อาจเกิดขน้ึ คาดคะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น อยา่ งมเี หตุผล ๒. การมีส่วนร่วมในการลง ความเห็นจากข้อมูลอย่างมี เหตผุ ล ๑๐.๓ มีความสามารถในการคิด -ตดั สินใจในเร่อื งงา่ ยๆ ๑. การตดั สนิ ใจและมสี ่วนร่วม ๑. การตดั สินใจ แกป้ ญั หาและตดั สนิ ใจ ในกระบวนการแก้ปญั หา - การเล่นหรือทำสิ่งต่างๆ ๒. การอธิบายเช่ือมโยง สาเหตุ ด้วยตนเองคนเดียวหรือ และผลทเ่ี กิดข้นึ ในเหตกุ ารณ์ กบั ผอู้ ่ืน หรอื การกระทำ -แก้ปัญหาโดยลองผดิ ลองถกู ๑. การตดั สินใจและมสี ่วนรว่ ม ๑. การแก้ปัญหา ในกระบวนการแกป้ ัญหา - การเรียนรู้ในการทำส่ิง ตา่ งๆ

๓๖ สภาพท่พี งึ ประสงค์ สาระการเรยี นร้รู ายปี ตวั บ่งชี้ ช้นั อนุบาลปที ี่ ๑ (๓ – ๔ ป)ี ประสบการณส์ ำคัญ สาระทคี่ วรเรยี นรู้ ๒. การคาดเดาหรือการ คาดคะเนส่งิ ทีอ่ าจจะเกิดขนึ้ อยา่ งมีเหตผุ ล ๓. การมสี ่วนรว่ มในการลง ความเหน็ จากข้อมลู อย่างมี เหตุผล มาตรฐานที่ ๑๑ มีจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ ตวั บง่ ชี้ สภาพท่พี ึงประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี ๑๑.๑ เลน่ /ทำงานศิลปะ ชน้ั อนุบาลปีที่ ๑ (๓ – ๔ ประสบการณ์สำคญั สาระท่ีควรเรียนรู้ ตามจนิ ตนาการและ ความคิดสร้างสรรค์ ปี) -สร้างผลงานศลิ ปะเพอื่ ๑. การแสดงความคดิ ๑. การทำงานศลิ ปะ ส่ือสารความคดิ ความรสู้ ึก สรา้ งสรรคผ์ ่านภาษา ทา่ ทาง ของตนเอง การเคลือ่ นไหว และศิลปะ ๒. การเขียนภาพและการเล่น กับสี ๓. การปั้น ๔. การประดิษฐ์สิ่งต่างๆด้วย เศษวัสดุ ๕. การทำงานศิลปะที่นำวัสดุ หรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้แล้ว มาใช้ซ้ำหรือแปรรูปแล้วนำ กลบั มาใช้ใหม่ ๖. การหยิบจบั การใช้กรรไกร การฉีก การตัด การปะและ การร้อยวัสดุ ๗.การแสดงความคดิ สร้างสรรคผ์ ่านภาษา ท่าทาง การเคล่อื นไหว และศลิ ปะ ๘. การทำงานศลิ ปะ ๙. การสร้างสรรค์ชิ้นงานโดย ใช้รูปร่าง รูปทรง จากวัสดุที่ หลากหลาย

๓๗ ตัวบ่งช้ี สภาพท่พี งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี ๑๑.๒ แสดงท่าทาง/ ช้ันอนุบาลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ประสบการณ์สำคญั สาระท่ีควรเรยี นรู้ เคลื่อนไหวตาม จินตนาการอยา่ ง ปี) สรา้ งสรรค์ ๑๐. การรบั รู้และแสดง ความคิด ความร้สู ึกผา่ นส่ือ วสั ดุ ของเลน่ และชนิ้ งาน -เคล่อื นไหวทา่ ทางเพ่อื สอ่ื สาร ๑. การเคล่ือนไหวอย่กู บั ที่ - การแสดงท่าทางต่างๆตาม ความคิด ความรู้สึกของ ๒. การเคลื่อนไหวเคลื่อนท่ี ความคดิ ของตนเอง ตนเอง ๓. การเคลื่อนไหวพร้อม วัสดุอปุ กรณ์ ๔. การแสดงความคดิ สร้างสรรค์ผา่ นภาษา ทา่ ทาง การเคลอ่ื นไหว และศลิ ปะ ๕. การเคลื่อนไหวโดย ควบคมุ ตนเองไปในทิศทาง ระดับและพื้นที่ ๖. การเคลอ่ื นไหวตาม เสยี งเพลง/ดนตรี ๗. การฟงั เพลง การรอ้ ง เพลงและการแสดง ปฏิกริ ยิ าโตต้ อบ เสยี งดนตรี มาตรฐานที่ ๑๒ มเี จตคตทิ ด่ี ตี ่อการเรยี นรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ไดเ้ หมาะสมกับวยั ตวั บง่ ชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี ช้ันอนบุ าลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ปี) ๑๒.๑ มีเจตคติที่ดีต่อการ - สนใจฟังหรอื อา่ นหนงั สือ ประสบการณส์ ำคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้ เรียนรู้ ดว้ ยตนเอง ๑. การสำรวจสิ่งต่างๆ และ ๑. การทำกิจกรรม เล่นเกม -กระตอื รอื รน้ ในการเข้ารว่ ม กิจกรรม แหลง่ เรียนรู้รอบตวั การละเลน่ ตา่ งๆ ๒. การตั้งคำถามในเรื่องที่ ๒. การอ่านหนงั สือภาพ สนใจ ๑. การให้ความร่วมมือในการ ๑. การแสดงออกทางอารมณ์ ปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ และความรู้สึก

๓๘ ตัวบง่ ช้ี สภาพท่พี ึงประสงค์ สาระการเรยี นรูร้ ายปี ๑๒.๒ มคี วามสามารถในการ ชั้นอนุบาลปีท่ี ๑ (๓ – ๔ ปี) ประสบการณส์ ำคญั สาระที่ควรเรยี นรู้ แสวงหาความรู้ ๒. การตั้งคำถามในเรื่องที่ ๒. ความสนใจในการทำ สนใจ กจิ กรรม ๓. การมีส่วนร่วมในการ รวบรวมข้อมูลและนำเสนอ ข ้ อ ม ู ล จ า ก ก า ร สื บ เ ส า ะ ห า ความรู้ในรูปแบบต่างๆและ แผนภมู ิอยา่ งงา่ ย -ค้นหาคำตอบของข้อสงสัย ๑. การสำรวจสิ่งต่างๆ และ - การเรียนรู้ที่จะเล่นและทำ ตา่ งๆ ตามวธิ กี ารท่ีมผี ชู้ ้ีแนะ แหล่งเรยี นรู้รอบตัว สิง่ ตา่ งๆ ๒. การตั้งคำถามในเรื่องท่ี สนใจ ๓. การสืบเสาะหาความรู้เพ่อื ค้นหาคำตอบของข้อสงสัย ตา่ งๆ ๔. การมีส่วนร่วมในการ รวบรวมข้อมูลและนำเสนอ ข้อมูลจากการสืบเสาะหา ความรู้ในรูปแบบต่างๆและ แผนภมู อิ ยา่ งง่าย -เชื่อมโยงคำถาม “อะไร” ใน ๑. การตั้งคำถามในเรื่องท่ี - การสนใจซักถามในสิ่งที่ตน การคน้ หาคำตอบ สนใจ อยากรู้ ๒. การสืบเสาะหาความรู้เพอื่ ค้นหาคำตอบของข้อสงสัย ตา่ งๆ

๓๙ ตารางวเิ คราะหส์ าระการเรียนร้รู ายปี ชว่ งอายุ ๔ – ๕ ปี ๑.พฒั นาการด้านร่างกาย มาตรฐานท่ี ๑ ร่างกายเจริญเติบโตตามวยั เดก็ มีสุขนิสยั ทดี่ ี ตวั บ่งชี้ สภาพท่พี งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้รายปี ช้นั อนบุ าลปที ี่ ๒ (๔ – ๕ ป)ี ประสบการณส์ ำคญั สาระทคี่ วรเรียนรู้ ๑.๑ มีนำ้ หนัก -น้ำหนกั และส่วนสูงตาม ๑.การปฏบิ ัติตนตามสุขอนามัย ๑. การปฏบิ ัติกจิ วตั ร และส่วนสงู เกณฑ์ของกรมอนามัย สขุ นสิ ยั ท่ีดใี นกิจวัตรประจำวัน ประจำวนั ตามเกณฑ์ - การเปลย่ี นแปลงของ ร่างกาย ๑.๒ มสี ขุ ภาพ -รบั ประทานอาหารที่มี ๑.การปฏิบัติตนตามสุขอนามัย สิง่ ต่างๆรอบตวั อนามัย สขุ ประโยชนแ์ ละดืม่ นำ้ สขุ นสิ ัยทด่ี ีในกจิ วัตรประจำวัน ๑. การปฏบิ ัตกิ ิจวตั ร นสิ ยั ท่ีดี สะอาดดว้ ยตนเอง ๒. การประกอบอาหารไทย ประจำวนั - สขุ นิสัยทด่ี ีในการ รบั ประทานอาหาร -ลา้ งมือก่อนรบั ประทาน ๑.การปฏบิ ตั ติ นตามสุขอนามัย ๑. การปฏิบัตกิ จิ วตั ร อาหารและหลงั จากใช้ สุขนิสยั ทด่ี ใี นกจิ วัตรประจำวนั ประจำวัน หอ้ งน้ำหอ้ งส้วมด้วยตนเอง ๒. การชว่ ยเหลอื ตนเองในการ - การทำความสะอาด ร่างกาย ปฏิบัตกิ จิ กวัตรประจำวนั ๓. การปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภยั ใน ๑. การปฏิบัตกิ ิจวตั ร กจิ วตั รประจำวนั ประจำวัน ๔. การฟงั นทิ าน เร่ืองราว - การทำความสะอาด เหตกุ ารณเ์ กย่ี วกบั การป้องกนั ร่างกาย และรกั ษาความปลอดภยั -ลา้ งหนา้ และแปรงฟนั ถูก ๑.การปฏบิ ัติตนตามสุขอนามัย วธิ หี ลังรับประทานอาหาร สุขนสิ ัยท่ดี ใี นกิจวัตรประจำวัน ๒. การช่วยเหลอื ตนเองในการ ปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำวนั ๓. การปฏิบัติตนใหป้ ลอดภัยใน กิจวัตรประจำวนั ๔. การฟังนทิ าน เร่ืองราว เหตุการณเ์ กี่ยวกับการป้องกัน และรักษาความปลอดภัย

๔๐ ตวั บง่ ช้ี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ สาระการเรยี นร้รู ายปี ๑.๓ รกั ษา ช้นั อนบุ าลปที ่ี ๒ (๔ – ๕ ป)ี ประสบการณ์สำคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้ ความ ปลอดภัยของ -นอนพักผ่อนเปน็ เวลา - การปฏบิ ัติตนตามสุขอนามัย - การพักผ่อน ตนเองและ -ออกกำลังกายเปน็ เวลา สุขนสิ ยั ทด่ี ีในกิจวตั รประจำวัน ผู้อน่ื -เลน่ และทำกจิ กรรมอยา่ ง ๑. การเล่นอิสระ - การออกกำลงั กาย ปลอดภยั ด้วยตนเอง ๒. การเคลอ่ื นไหวข้ามส่งิ กดี ขวาง - การเล่นในห้องเรยี นและ ๓. การเลน่ เครื่องเล่นอย่าง นอกห้องเรียน ปลอดภยั ๔. การละเล่นพืน้ บา้ นไทย ๕. การเลน่ นอกห้องเรยี น ๖. การเล่นเครอ่ื งเล่นสนามอย่าง อิสระ ๑.การปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภัยใน - การเลน่ และทำงานด้วย กิจวัตรประจำวนั ตนเอง ๒. การฟังนทิ าน เร่ืองราว เหตุการณเ์ กย่ี วกับการป้องกัน และรกั ษาความปลอดภัย ๓. การเลน่ บทบาทสมมตุ ิ เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ๔. การพูดกบั ผู้อื่นเกยี่ วกับ ประสบการณ์ของตนเองหรอื พูด เรือ่ งราวเก่ยี วกับตนเอง ๕. การเลน่ เครอ่ื งเล่นอย่าง ปลอดภัย ๖. การเลน่ และทำงานรว่ มกับ ผอู้ นื่

๔๑ มาตรฐานท่ี ๒ กลา้ มเน้อื ใหญแ่ ละกล้ามเนื้อเลก็ แข็งแรงใชไ้ ด้อยา่ งคลอ่ งแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน ตัวบ่งชี้ สภาพท่พี งึ ประสงค์ สาระการเรียนรู้รายปี ชน้ั อนบุ าลปที ี่ ๒ (๔ – ๕ ป)ี ประสบการณส์ ำคัญ สาระท่คี วรเรยี นรู้ ตวั บ่งชีท้ ี่ ๒.๑ -เดินต่อเท้าไปข้างหน้าเป็น ๑. การเคลือ่ นไหวอยกู่ ับท่ี ๑. การเคลอ่ื นไหว เคลื่อนไหวรา่ งกายอยา่ ง เส้นตรงได้โดยไม่ต้องกาง ๒. การเคล่ือนไหวเคล่อื นท่ี ร่างกายในลักษณะตา่ ง ๆ คลอ่ งแคลว่ ประสาน แขน ๓. การเคลื่อนไหวพร้อม ๒. การใช้มอื ทำสิง่ ตา่ ง ๆ สมั พันธแ์ ละทรงตัวได้ -กระโดดขาเดียวอยู่กับท่ีได้ อปุ กรณ์ โดยไมเ่ สียการทรงตวั ๔. การเคล่อื นไหวท่ใี ช้การ -วิ่งหลบหลกี สง่ิ กีดขวางได้ ประสานสมั พันธข์ อง -โยนรับลูกบอลได้ด้วยมือ กลา้ มเน้ือใหญใ่ นการขวา้ ง ทงั้ สองขา้ ง การจบั การโยน การเตะ ๕. การเล่นเครื่องเล่น สนามอย่างอิสระ ๖. การเคลื่อนไหวข้ามสิ่ง กีดขวาง ๗. การเคลื่อนไหวโดย ควบคุมตนเองไปใน ทศิ ทางระดับและพน้ื ที่ ตัวบ่งชี้ที่ ๒.๒ ใช้มือ-ตา -ใช้กรรไกรตัดกระดาษตาม ๑. การเลน่ เครื่องเลน่ - การใช้มอื ทำสงิ่ ต่าง ๆ ประสานสมั พนั ธก์ ัน แนวเสน้ ตรงได้ สัมผสั และการสร้างสิ่ง -เขียนรูปสี่เหลี่ยมตามแบบ ตา่ งๆจากแท่งไม้บล็อก ได้อยา่ งมมี ุมชดั เจน ๒.การเขียนภาพและการ -ร้อยวัสดุที่มีรูขนาดเส้น เลน่ กบั สี ผ่านศูนย์ กลาง ๐.๕ ซม.ได้ ๓. การประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ด้วยเศษวัสดุ ๔. การหยิบจับ การใช้ กรรไกร การฉีก การตัด การปะ การร้อยวสั ดุ

๔๒ ๒.พฒั นาการด้านอารมณ์ จิตใจ มาตรฐานที่ ๓ มสี ขุ ภาพจิตดแี ละมีความสุข ตวั บง่ ช้ี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี ๓.๑ แสดงออกทางอารมณ์ ชน้ั อนบุ าลปีที่ ๒ (๔ – ๕ ปี) อยา่ งเหมาะสม ประสบการณส์ ำคญั สาระท่คี วรเรยี นรู้ -แสดงอารมณ์ ความรสู้ ึกได้ตาม ๓.๒ มีความรู้สกึ ทด่ี ีตอ่ ตนเอง สถานการณ์ ๑. การพูดสะท้อนความรู้สกึ ๑. อารมณ์และความรูส้ ึก และผอู้ ่นื -กล้าพูดกลา้ แสดงออกอยา่ ง ของตนเองและผอู้ ืน่ - การแสดงออกทางอารมณ์ เหมาะสมบางสถานการณ์ -แสดงความพอใจในผลงานและ ๒. การเล่นบทบาทสมมตุ ิ ทเี่ หมาะสมกบั สถานการณ์ ความสามารถของตนเอง ๓. การเคล่อื นไหวตาม ตา่ ง ๆ เสยี งเพลง ดนตรี - ความตอ้ งการทางรา่ งกาย ๔. การร้องเพลง และการตอบสนอง ๕. การทำงานศลิ ปะ - ความต้องการทางจติ ใจ และการตอบสนอง - การพดู แสดงความคดิ เหน็ - การประสบความสำเรจ็ ใน ส่ิงตา่ งๆ ที่ทำ มาตรฐานที่ ๔ ช่ืนชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคล่อื นไหว ตัวบ่งช้ี สภาพทพี่ งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี ๔.๑ สนใจและมีความสุข ชัน้ อนบุ าลปีที่ ๒ ประสบการณส์ ำคญั สาระท่ีควรเรียนรู้ และแสดงออกผ่านงาน ศิลปะ ดนตรแี ละการ -สนใจและมคี วามสขุ และ ๑. การทำกจิ กรรมศลิ ปะต่างๆ - การทำกจิ กรรมศิลปะ เคลื่อนไหว แสดงออกผ่านงานศลิ ปะ ๒. การสรา้ งสรรคส์ งิ่ สวยงาม สรา้ งสรรค์ -สนใจ มีความสุขและแสดงออก ผา่ นเสยี งเพลง ดนตรี ๓. การรบั ร้แู ละแสดงความคดิ ความรสู้ ึกผ่านส่อื วสั ดุ ของ เลน่ และชิน้ งาน ๔. การปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆ ตามความสามารถของตนเอง ๑. การฟังเพลง การรอ้ งเพลง - การฟงั การร้องเพลง และการแสดงปฏกิ ิรยิ าโตต้ อบ เสียงดนตรี ๒. การเลน่ เครอื่ งดนตรี ประกอบจงั หวะ ๔. การปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ตามความสามารถของตนเอง

๔๓ ตัวบง่ ช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงค์ สาระการเรียนรรู้ ายปี ชนั้ อนบุ าลปที ี่ ๒ ประสบการณส์ ำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ -สนใจ มีความสขุ และแสดง ๑. การฟังเพลง การรอ้ งเพลง - การแสดงท่าทางเคล่อื นไหว ทา่ ทาง/เคลอ่ื นไหวประกอบเพลง และการแสดงปฏกิ ิริยาโตต้ อบ ประกอบเพลง จงั หวะและ จังหวะและ ดนตรี เสียงดนตรี ดนตรี ๒. การเคล่ือนไหวตาม เสยี งเพลง ดนตรี ๔. การปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ตามความสามารถของตนเอง ๕. การเลน่ เคร่ืองดนตรี ประกอบจงั หวะ มาตรฐานที่ ๕ มีคุณธรรม จริยธรรมและมีจติ ใจที่ดงี าม ตวั บง่ ชี้ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ สาระการเรยี นรรู้ ายปี ชน้ั อนบุ าลปีที่ ๒ ประสบการณส์ ำคญั สาระทคี่ วรเรยี นรู้ ๕.๑ ซ่ือสัตย์ สจุ ริต - ขออนุญาตหรือรอคอยเมื่อ ๑. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ สมาชิกท่ีดขี อง ส่ิงตา่ งๆรอบตวั เดก็ ต้องการสิ่งของของผู้อื่นเมื่อมีผู้ หอ้ งเรียน ๑. คุณธรรมจริยธรรม ชแี้ นะ ๒. การฟังนิทานเกีย่ วกบั คณุ ธรรม - ความซื่อสัตย์ สจุ ริต จริยธรรม - ความเกรงใจ ๓. การรว่ มสนทนาและแลกเปล่ียน ๒. การเคารพสิทธิของตนเองและ ความคิดเหน็ เชงิ จรยิ ธรรม ผู้อืน่ ๔. เลน่ บทบาทสมมตุ ิ ๕. การเล่นและทำงานร่วมกับผู้อนื่ ๖. การปฏบิ ัตติ นตามหลกั ศาสนาที่ นับถอื ๕.๒ มีความเมตตา -แสดงความรักเพื่อนและมเี มตตา ๑. การฟังนทิ านเก่ียวกบั คณุ ธรรม ๑. คณุ ธรรมจริยธรรม กรุณา มีน้ำใจและ สตั ว์เลย้ี ง จริยธรรม - ความเมตตากรณุ า ช่วยเหลอื แบง่ ปัน ๒. เล่นบทบาทสมมุติ ๓. การเลีย้ งสตั ว์ -ชว่ ยเหลอื และแบ่งปันผู้อื่นได้เมื่อ ๑. การฟงั นทิ านเก่ียวกบั คณุ ธรรม ๑. คุณธรรมจริยธรรม - ความมีนำ้ ใจ ช่วยเหลอื แบง่ ปัน มีผู้ช้ีแนะ จรยิ ธรรม - ความกตญั ญู ๒. เลน่ บทบาทสมมตุ ิ ๓. ปฏิบตั ติ นเป็นสมาชกิ ที่ดีของ หอ้ งเรียน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook