คู่มือ วินิจฉยั โรคอ้อย คมู ือการวนิ จิ ฉัยโรคออย 1
คำ� น�ำ ปญั หาการระบาดของโรคและแมลงศตั รอู อ้ ย รวมทงั้ สาเหตอุ ยา่ ง อืน่ ท่ที ำ� ใหอ้ อ้ ยแสดงอาการผดิ ปกติ อันส่งผลเสยี ใหอ้ ้อยไม่สามารถเจริญ เติบโตไดอ้ ย่างเป็นปกติ ไม่สามารถให้ผลผลิตได้ หรือให้ผลผลติ ได้ไมเ่ ตม็ ศักยภาพเท่าท่ีควรจะเป็น ส่งผลเสียต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อยท่ีต้องได้รับ ความเสียหายจากต้นทุนการผลิตที่ใช้ไปหรือต้องจ่ายเพ่ิมข้ึนเพื่อแก้ไข อาการผดิ ปกตขิ องออ้ ย แตอ่ าจไมท่ ำ� ใหอ้ อ้ ยสามารถผลผลติ กลบั มาไดอ้ ยา่ ง เดมิ สง่ ผลเสยี ตอ่ โรงงานนำ้� ตาลทจ่ี ะไมม่ อี อ้ ยเขา้ หบี ตามเปา้ หมายทว่ี างไว้ รวม ทงั้ สง่ ผลกระทบตอ่ อตุ สาหกรรมออ้ ยและนำ้� ตาลทรายของประเทศไทยทง้ั ระบบ และกระทบตอ่ รายไดข้ องประเทศทเี่ กดิ จากการขายนำ�้ ตาลในตลาด โลกและอตุ สาหกรรมตอ่ เนอ่ื งตา่ งๆ ทล่ี ดลงดว้ ย การทเี่ กษตรกรชาวไรอ่ อ้ ยและผเู้ กย่ี วขอ้ งจะผลติ ขยายออ้ ยใหไ้ ด้ ประสทิ ธภิ าพ และไดร้ บั ผลผลติ อยา่ งเตม็ ศกั ยภาพตามเปา้ หมายทว่ี างไว้ รวมทงั้ ไดร้ บั ผลกระทบจากปญั หาความผดิ ปกตขิ องออ้ ยอนั เกดิ จากโรคแมลง ศตั รอู อ้ ย และสาเหตอุ น่ื ๆ นอ้ ยทสี่ ดุ จำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ ทตี่ อ้ งมคี วามสามารถใน การจำ� แนกชนดิ และลกั ษณะอาการของความผดิ ปกตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ กบั ออ้ ยใหไ้ ด้ อยา่ งถกู ตอ้ งและรวดเรว็ เพอื่ ใหส้ ามารถปอ้ งกนั หรอื แกไ้ ขปญั หาความผดิ ปกตไิ ดอ้ ยา่ งไดอ้ ยา่ งทนั ทว่ งที จงึ เปน็ ทม่ี าของคมู่ อื วนิ จิ ฉยั อาการผดิ ปกตขิ อง ออ้ ย เพอ่ื เปน็ คมู่ อื ใหแ้ กเ่ กษตรกรชาวไรอ่ อ้ ย และผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ ง สามารถใช้ งานเพอ่ื วนิ จิ ฉยั อาการผดิ ปกตขิ องออ้ ยเปน็ เบอื้ งตน้ และหาทางในการแกไ้ ข ปญั หาได้ เอกสารคมู่ อื การวนิ จิ ฉยั ออ้ ยผดิ ปกตเิ บอ้ื งตน้ ฉบบั น้ี เปน็ การรวบรวม ขอ้ มลู จากแหลง่ ขอ้ มลู ตา่ งๆ เอกสารวชิ าการ หนงั สอื รวมทง้ั บทความวชิ าการ ของนกั วชิ าการโดยนำ� มาทำ� การวเิ คราะห์ประมวลผลและจดั แบง่ กลมุ่ ขอ้ มลู ใหเ้ ปน็ รปู แบบทส่ี ามารถใชง้ านเปน็ คมู่ อื เพอ่ื การวนิ จิ ฉยั ออ้ ยผดิ ปกตใิ นสภาพ ไรไ่ ดอ้ ยา่ งงา่ ย เพอื่ ใหส้ ามารถใชป้ ระโยชนใ์ นการระบชุ นดิ ของความผดิ ปกติ และดำ� เนนิ การตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ตอ่ ไป นายธวชั หะหมาน • มนี าคม 2559 • พมิ พค์ รัง้ ที่ 2 2 ค่มู ือการวินิจฉัยโรคออ้ ย
เร่ิมตน้ ใช้งาน คูม่ ือวนิ ิจฉัยโรคอ้อย เรม่ิ ตน้ การใชง้ านคมู่ อื วนิ จิ ฉยั ออ้ ยผดิ ปกตเิ บอ้ื งตน้ โดยเลอื กสว่ นทถ่ี นดั 1. ระบชุ อื่ อาการผดิ ปกติ (หน้า 3-6) เมื่อทราบช่อื อาการผิดปกติและศัตรอู ้อย 2. ระบกุ ารวินจิ ฉัยจากอาการผิดปกติและภาพเปรียบเทียบ โดยแบ่งเปน็ กลุ่มอาการผิดปกต ิ (หนา้ 7-33) (หนา้ 7) 1. อาการบนใบ (หน้า 7) 1-1) ใบดา่ ง (หนา้ 10) 1-2) ใบจดุ (หน้า 13) 1-3) ใบดา่ งเป็นลายซีดขาว หรอื เหลือง (หน้า 14) 1-4) ใบเปน็ หดู ปุ่มปม (หน้า 14) 1-5) ใบขีดแดง เส้นกลางใบแดง (หนา้ 16) 1-6) ใบอ้อยสีซีด และแหง้ (หนา้ 17) 1-7) ใบเวา้ แหวง่ (หน้า 18) 1-8) มสี ีดำ� ปกคลุมใบอ้อย (หนา้ 19) 1-9) ใบมีสีแดง หรอื มว่ งอมแดง (หน้า 19) (หนา้ 20) 2. อาการบนยอด 2-1) ยอดตาย ใบอ่อนบดิ เบย้ี ว 2-2) ยอดซีดเหยี่ ว ไมม่ อี าการไหม ้ 2-3) ใบอ่อนดา่ งซีด แตไ่ มเ่ ห่ียว คมู่ ือการวนิ ิจฉยั โรคอ้อย 3
2-4) ยอดขดเปน็ กา้ นสีดำ� คล้ายแส ้ (หนา้ 21) 2-5) โคนใบอ่อนสซี ีด (หน้า 22) 2-6) ยอดแห้งตาย (หนา้ 22) 2-7) ยอดเป็นสเี หลือง / สนี ำ�้ ตาล (หนา้ 24) 3. อาการภายในลำ� ตน้ 3-1) เนื้อภายในลำ� เน่าแห้ง มีสีมว่ งแดง (หน้า 25) 3-2) เนือ้ ภายในลำ� สนี ำ�้ ตาล และเหม็นเน่า (หนา้ 25) 3-3) เนอ้ื ภายในสนี ำ้� ตาลนมิ่ มกี ลนิ่ คลา้ ยสบั ปะรด (หน้า 26) 3-4) เน้อื ภายในถกู กดั กนิ หายไป (หน้า 26) 4. อาการท่เี หงา้ , ราก (หนา้ 28) 4-1) รากบวมเป็นปม (หนา้ 28) 4-2) แตกรากผิดปกติ มาก หรอื น้อย (หนา้ 30) 4-3) รากอ้อยขาดวน่ิ (หนา้ 30) 4-4) ท่อนพันธ์ุเปน็ โพรง 5. อาการผดิ ปกตอิ ่นื ๆ (หน้า 31) 5-1) มีคราบและป่มุ ปมตามล�ำ และกาบใบ (หนา้ 32) 5-2) การแตกกอของออ้ ยผิดปกติ (หนา้ 33) 5-3) ขอ้ ปลอ้ งหดสน้ั ลง 4 ค่มู อื การวนิ ิจฉยั โรคออ้ ย
โรคออ้ ย และอาการผิดปกตขิ องอ้อย ท่เี กดิ จากธาตุอาหาร โรคออ้ ย อาการผดิ ปกติจากธาตอุ าการ โรคใบด่าง โรคใบจดุ เหลือง 34 ขาดธาตแุ มกนเี ซยี ม 71 โรคราสนมิ 36 โรคใบขีดสีน�้ำตาล 38 ขาดธาตแุ คลเซยี ม 73 โรคใบจดุ สนี �้ำตาล 41 โรคใบจุดวงแหวน 42 ขาดธาตุซลิ ิคอน 75 โรคใบลวก 43 โรคราน้ำ� คา้ ง 45 ขาดธาตุโพแทสเซียม 76 โรคใบขาว 47 โรคฟจิ ิ 49 ขาดธาตเุ หล็ก 78 โรคใบขีดแดง 52 โรคเน่าคอออ้ ย 54 ขาดธาตสุ งั กะส ี 80 โรคแสด้ �ำ 56 โรคยอดบดิ /พกกะบอง 58 ขาดธาตุโบรอน 82 โรคเหย่ี วเน่าแดง 60 โรคเนา่ กลน่ิ สับปะรด 62 ขาดธาตุทองแดง 84 โรคตอแคระแกรน็ 65 โรคกอตะไคร้ 67 ขาดธาตคุ ลอรนี 85 69 ขาดธาตกุ �ำมะถัน 86 อลมู เี นยี มเปน็ พิษ 88 ขาดธาตุไนโตรเจน 89 ขาดธาตฟุ อสฟอรัส 91 ขาดธาตุแมงกานสี 93 ธาตโุ ซเดียมเปน็ พิษ 94 ธาตโุ บรอนเปน็ พษิ 95 ขาดธาตุโมลิบดินมั 96 คูม่ ือการวนิ ิจฉยั โรคอ้อย 5
แมลงศัตรอู ้อย และอ่นื ๆ แมลงศัตรูอ้อย แมลงศัตรอู อ้ ยและอื่น ๆ หนอนชอนใบ 97 หนอนกอสีชมพู 118 แมลงหว่ีขาว 98 หนอนกอลายจดุ ใหญ่ 120 โรคอ้อยใยสีขาว 100 หนอนกอสีขาว 123 เพลย้ี กระโดดดำ� 102 ด้วงหนวดยาว 125 มวนอ้อย 104 แมลงนูนหลวง 128 ตกั๊ แตน 106 ปลวก 131 ด้วงงวงออ้ ย 108 เพล้ยี แป้งสีชมพ ู 133 หนอนบุง้ 110 เพลี้ยหอยอ้อย 136 เพลีย้ สำ� ลีแป้ง 112 หนู 138 ไรอ้อยสีแดง 114 ไส้เดอื นฝอย 139 หนอนกอลายจุดเลก็ 115 ขาดนำ้� , แลง้ 142 6 ค่มู ือการวนิ ิจฉัยโรคออ้ ย
การวนิ จิ ฉยั ออ้ ยผดิ ปกตเิ บอ้ื งตน้ ตามกลมุ่ อาการ 1. อาการบนใบ 1-1 ใบดา่ ง 1-1a ดา่ งในเน้ือใบเปน็ ลายขีดเห็นชัดเจนบนใบอ้อย หรอื เมื่อสอ่ งกบั แสง 1-2 ใบจดุ โรคใบด่าง (หนา้ 34) >> 1-2a จดุ เลก็ สเี หลอื งจาง เป็นมาก ๆ แผลลุกลามตอ่ กนั อาจมสี ีแดงหรือสีนำ้� ตาลทว่ั ไปท้ังใบ โรคใบจุดเหลอื ง (หนา้ 36) >> ค่มู ือการวนิ ิจฉัยโรคออ้ ย 7
1-2b แผลเป็นขดี สแี ดงปนนำ�้ ตาล ด้านหลังแตกขรขุ ระ เวลาจับจะมสี สี นมิ ตดิ มือมา 1-2c แผลเปน็ ขีดยาว โรคราสนมิ (หน้า 38) >> ส้นั บา้ ง ยาวบ้าง โรคใบขดี สนี �ำ้ ตาล (หนา้ 41) >> อาจมีสีเหลือง ลอ้ มรอบรอบแผล 1-2d แผลเปน็ จุดสีน�ำ้ ตาลแดง ถ้าเปน็ มากแผลเชอ่ื มต่อ กันยาวเป็นป้นื โรคใบจดุ สีน้�ำตาล (หน้า 42) >> 8 คมู่ อื การวินิจฉยั โรคออ้ ย
1-2e แผลสนี ้�ำตาลออ่ น ขอบแผลสนี ำ้� ตาลเข้ม รปู รา่ งไมแ่ นน่ อนอาจลกุ ลามตอ่ กันจนใบแห้ง 1-2f โรคใบจดุ วงแหวน (หนา้ 43) >> จุดซดี หรอื ประแดง เฉพาะจุด 1-2f1 ขอบและปลายใบสเี หลอื งสม้ มจี ดุ ไหมต้ ามใบ ยอดพมุ่ ขาดธาตโุ พแทสเซยี ม (หนา้ 76) >> 1-2f2 จดุ ประแดงทง้ั ใบ คลา้ ยสนมิ โดยเฉพาะของลา่ งของใบ ไมม่ สี สี นมิ ตดิ มอื ขาดธาตุแมกนเี ซยี ม (หนา้ 71) >> ค่มู อื การวนิ จิ ฉยั โรคอ้อย 9
1-2f3 แกแ่ หง้ ตายเปน็ จดุ ประ ขาดธาตแุ คลเซยี ม (หนา้ 73) >> 1-2g ใบเปน็ จุดประเลก็ สีขาว ใบแก่แห้งตายเรว็ กวา่ ปกติ ขาดธาตซุ ลิ คิ อน (หนา้ 75) >> 1-3 ใบด่างเป็นลายซดี ขาว หรอื เหลือง 1-3a มีเส้นซีดขาวตลอดใบคลา้ ยดินสอใบอาจสเี หลือง หรือขาวซดี เป็นทางคลา้ ยใบขาว ใบเหี่ยวงุ้ม โรคใบลวก (หนา้ 45) >> 10 ค่มู ือการวินจิ ฉัยโรคออ้ ย
1-3b ใบเป็นรอยด่างขาวตามความยาวใบ ชว่ งเชา้ ดูหลังใบ จะเห็นผลสปอรส์ ีขาว รนุ แรงมากใบฉกี ขาดเป็นฝอย โรคราน�้ำค้าง (หนา้ 47) >> 1-3c ใบมสี ขี าว เรียวเลก็ ขาวตลอดทง้ั ใบ แตกหนอ่ สีขาว จำ� นวนมากทโ่ี คน เมอ่ื นำ� ไปปลกู ตอ่ พบวา่ เปน็ หนอ่ ออ้ ย ใบเรียวเล็กสขี าว โรคใบขาว (หนา้ 49) >> 1-3d ใบมีสีขาวสลบั เขยี วเปน็ ลายทาง ไมข่ าวทั้งใบเส้น กลางใบยงั สีเขียว เร่มิ จากใบยอดขนาดใบไม่ลด ขาดธาตุเหล็ก (หนา้ 78) >> คมู่ ือการวินจิ ฉยั โรคอ้อย 11
1-3e ใบมีสีขาวหรอื เหลือง เสน้ กลางใบและแนวเส้น ใบยังคงเขียว เรม่ิ จากใบออ่ นขนาดใบไม่ลด 1-3f ขาดธาตุสงั กะสี (หนา้ 80) >> พบรอยสขี าวเปน็ แนวยาว มที ง้ั ขนาดเลก็ ใหญไ่ มแ่ นน่ อน อยภู่ ายในเนอ้ื ใบ และพบรรู อยเจาะออกจากแผน่ เนอื้ ออ้ ย หนอนชอนใบ (หน้า 97) >> 1-3g เสน้ ใบเกดิ เปน็ สเี หลอื งซดี จากปลายใบเขา้ หาโคนใบ เกิดข้นึ ท่ีใบออ่ น และหากเปน็ รุนแรงใบจะซีดเหลอื ง ไปทั้งใบ ขาดธาตุแมงกานีส (หนา้ 93) >> 12 คู่มือการวนิ ิจฉัยโรคอ้อย
1-3h เส้นใบเป็นสใี ส ขอบใบกลายเปน็ สเี หลอื งซีด และ ลามเข้ามาขา้ งใน ใบอาจมว้ นงอ ธาตุโบรอนเป็นพิษ (หนา้ 95) >> 1-3i มีเสน้ ขดี สีเหลอื ง ส้ันๆ ประมาณ 1 ใน 3 ของใบ ตามความยาวของใบ และเมอ่ื ใบแกข่ น้ึ จะ กลายเปน็ สแี ดง ขาดธาตโุ มลบิ ดินัม (หนา้ 96) >> 1-4 ใบเป็นหดู ปมุ่ ปม 1-4a ใต้ใบมรี อยนนู ตามความยาวใบ หลายขนาด อ้อย แคระแกรน็ ยอดฉกี ขาด ใบสเี ขียวเขม้ ตง้ั ช้ีแขง็ โรคฟจิ ิ (หนา้ 52) >> คมู่ ือการวินจิ ฉัยโรคอ้อย 13
1-5 ใบขดี แดง เสน้ กลางใบแดง 1-5a เสน้ กลางใบเปน็ แผลสีแดง กลางแผลอาจกลายเปน็ สีเทา มจี ุดสดี ำ� โรคใบขดี สีแดง (หน้า 54) >> 1-5b มีแนวเส้นสีแดงจากกลางใบ ลงมาถึงโคนใบและอาจ ตอ่ กนั เปน็ ปน้ื ลามถงึ ยอดทำ� ใหย้ อดและลำ� ตน้ เนา่ เละเหมน็ โรคใบเนา่ คออ้อย (หน้า 56) >> 1-6 ใบออ้ ยสีซีด และแห้ง 1-6a ใบสีซีดและเหลืองกระจายเปน็ หยอ่ ม ๆ มเี ม็ด คลา้ ยเกลด็ สขี าว กระจายตดิ ใตท้ อ้ งใบ ทงั้ ใบออ่ นใบแก่ แมลงหว่ีขาว (หน้า 98) >> 14 คู่มอื การวินิจฉัยโรคอ้อย
1-6b ใบสีซดี และเหลือง พบเปน็ จุดใต้ทอ้ งใบ คล้ายใบแมงมมุ เลก็ ๆ กระจายเต็มใตใ้ บ ไรอ้อยใยสีขำว (หนำ้ 100) >> 1-6c ใบซีดเหลอื ง และบิดม้วน กลม มวนออ้ ย (หนำ้ 104) >> 1-6d ใบออ้ ยมีลกั ษณะเปน็ จุดเหลอื งซดี และใบออ้ ยจะแห้ง จากขอบใบเขา้ หาเสน้ กลางใบ ตรวจสอบพบเพล้ยี ปากดดู ตัวสดี �า มจี ดุ สีขาวและแดงบนปกี เพลี้ยกระโดดด�ำ (หนำ้ 102) >> คมู อื การวนิ จิ ฉยั โรคออย 15
1-6e ใบอ้อยแหง้ กลายเป็นสีนำ�้ ตาลจากปลายใบเข้ามาหา โคนใบ จากใบล่างขึ้นหาใบบน 1-6f ขาดธาตไุ นโตรเจน (หนา้ 89) >> ยอดอ้อยและขอบใบแหง้ เป็นแผลแห้งเกรยี ม กลายเปน็ สซี ดี จาง อาจพบคราบสขี าวของเหลอื บนดนิ ธาตโุ ซเดียมเป็นพษิ (หนา้ 94) >> 1-7 ใบเว้าแหวง่ 1-7a เน้ือใบเว้าแหว่งหายไป อาจเหลอื เพยี งเสน้ กลางใบ ตัก๊ แตน (หน้า 106) >> 16 คมู่ อื การวินจิ ฉัยโรคอ้อย
1-7b ใบเว้าแหว่งเขา้ ไปเพยี งบางจดุ เลก็ นอ้ ย และ มรี ่องรอยกัดแทะ ดว้ งงวงออ้ ย (หน้ำ 108) >> 1-7c ใบออ้ ยมีการ เว้าแหวง่ และ อาจพบขนของ หนอนอย่ตู าม กาบใบ ฟงุ้ กระจาย และท�าให้คัน หนอนบุง้ (หน้ำ 110) >> 1-8 มีสีด�าปกคลุมใบอ้อย 1-8a มคี ราบสดี า� ปกคลมุ บนใบออ้ ย และพบเปน็ แมลงสขี าว เป็นขยุ สขี าว รวมดดู กินอยู่ดา้ นล่างใบออ้ ยเปน็ กลมุ่ ๆ เพล้ยี สำ� ลีแปง (หน้ำ 112) >> คมู อื การวินจิ ฉัยโรคออย 17
1-9 ใบมีสแี ดง หรือมว่ งอมแดง 1-9a ด้านใตใ้ บและบนใบมีสีแดงและบนใบ โดยอาจเรมิ่ พบเปน็ จดุ เลก็ ๆ แล้วกระจายมาก พบไรเปน็ ตวั กระจายอย่ทู วั่ ไป ไรอ้อยสีแดง (หนา้ 114) >> 1-9b ใบกลายเปน็ สีม่วงอมแดง จากใบแกข่ ึน้ มาหาใบออ่ น แดง ใบแก่ตายเร็ว ขาดธาตฟุ อสฟอรัส (หน้า 91) >> 18 คมู่ ือการวินจิ ฉัยโรคอ้อย
2.อาการบนยอด 2-1 ยอดตาย ใบออ่ นบดิ เบยี้ ว 2-1a ใบออ่ นสว่ นยอดไมค่ ล่ี โคง้ เปน็ ตะขอ สว่ นปลายใบไหม้ ขาดธาตุแคลเซยี ม (หนา้ 73) >> 2-1b ใบบดิ เบยี้ ว หดย่น มจี ดุ โปร่งใสในใบยอด แตกหนอ่ มากผิดปกติ ขาดธาตุโบรอน (หนา้ 82) >> 2-2 ยอดซีดเห่ยี ว ไมม่ อี าการไหม้ 2-2a ใบยอดซดี เหีย่ ว ไม่มีอาการไหม้ สจี างลง และแผ่น ใบบางลงคล้ายแผ่นกระดาษ ขาดธาตทุ องแดง (หนา้ 84) >> ค่มู อื การวนิ ิจฉยั โรคอ้อย 19
2-2b ใบอ่อนซีดเหีย่ ว ใบหักพบั ตกลงมากในชว่ งกลางวัน กลางวันฟนื้ คนื ปกติ ขาดธาตุคลอรีน (หน้า 85) >> 2-3 ใบอ่อนดา่ งซีดแตไ่ ม่เหย่ี ว 2-3a ใบดา่ ง เปน็ ทางตามยาว ระหวา่ งเส้นใบ ขาดธาตุแมงกานีส (หนา้ 93) >> 2-3b ใบดา่ งเป็นทางยาว และซดี ขาวทั้งใบ เส้นกลางใบ เป็นสเี ขียว ขาดธาตเุ หลก็ (หนา้ 78) >> 20 ค่มู ือการวนิ จิ ฉัยโรคอ้อย
2-3c ใบด่างขาวทัง้ ใบ แตเ่ ส้นกลางใบ เสน้ ใบ และ ขอบใบเปน็ สเี ขียว ขาดธาตุสังกะสี (หนา้ 80) >> 2-3d ใบอ่อนสซี ีด ส้ันแคบ มสี มี ่วงตามขอบใบ ตน้ ผอมแคระแกรน็ 2-4 ยอดขดเป็นกา้ นสีดำ� คลา้ ยแส้ ขาดธาตกุ �ำมะถนั (หนา้ 86) >> 2-4a สว่ นยอดผดิ ปกติ มว้ นรวมเปน็ แส้ สดี ำ� โรคแส้ดำ� (หนา้ 58) >> ลบู จบั มผี งสดี ำ� ตดิ มอื คมู่ อื การวินจิ ฉัยโรคอ้อย 21 แตกกอมากคลา้ ย ตะไคร้
2-5 โคนใบออ่ นสซี ดี 2-5a โคนใบอ่อนมีสขี าวซดี ใบไม่คลอ่ี อก สว่ นยอดใบหงกิ ย่น บิดม้วน ฉีดขาด โรคยอดบิด/ พกกะบอง (หน้ำ 60) >> 2-6 ยอดแห้งตาย 2-6a ออ้ ยระยะแตกกอ ยอดแห้งตายเปน็ สีนา�้ ตาล ดงึ หลดุ ขาดง่าย มรี อยเจาะจ�านวนมาก มหี ลายยอดตอ่ กอ หนอนกอ ลำยจุดเล็ก (หน้ำ 115) >> 2-6b อ้อยระยะแตกกอ ยอดแห้งตายเปน็ สนี �า้ ตาล ดึงหลดุ ขาดงา่ ย มรี อยเจาะ 1-2 รตู อ่ ยอดอาจมหี ลายยอดตอ่ กอ หนอนกอ สชี มพ ู (หน้ำ 118) >> 22 คมู ือการวินจิ ฉัยโรคออย
2-6c ออ้ ยระยะเป็นลำ� ยอดกลายเป็นสนี ำ�้ ตาล อาจพบ แตกตาขา้ ง และยอดอาจหกั พบรอยขหี้ นอนบริเวณ รูเจาะขา้ งลำ� หนอนกอ ลายจุดใหญ่ (หนา้ 120) >> 2-6d ออ้ ยระยะเปน็ ลำ� ยอดกลายเปน็ สนี ำ�้ ตาล หกั พบั และทงั้ ลำ� อาจกลายเปน็ สนี ำ�้ ตาล มกี ลนิ่ เหมน็ เนา่ ผา่ พบเนอ้ื ในเนา่ เละ สนี ำ�้ ตาล มกี ลนิ่ เหมน็ รนุ แรง เนา่ จากยอดลงลา่ ง โรคเนา่ คอออ้ ย (หนา้ 56) >> 2-6e ออ้ ยระยะเป็นล�ำ ยอดกลายเปน็ สีนำ้� ตาล และทัง้ ลำ� อาจกลายเปน็ สนี ำ�้ ตาล ผา่ พบเนื้อยบุ แห้ง มีสีนำ้� ตาล ปนแดง หรือมว่ ง อาจพบเส้นใยเชือ้ ราสเี ท่า เน่าแห้ง จากโคนข้ึนไปหายอด โรคเห่ยี วเนา่ แดง (หนา้ 62) >> ค่มู ือการวินิจฉยั โรคออ้ ย 23
2-7 ยอดเปน็ สเี หลือง/น้า� ตาล 2-7a ออ้ ยระยะแตกกอ ยอดตายกลายเปน็ สีเหลอื ง หรอื สนี า้� ตาล เมอื่ คลใ่ี บดพู บว่ามรี อยเจาะเปน็ แนวตรง รพู รุนที่เนอ้ื ใบ หนอนกอสขี ำว (หนำ้ 123) >> 2-7b อ้อยระยะเป็นล�า ยอดกลายเป็นสีเหลอื งน้า� ตาล และ ทง้ั ลา� อาจแหง้ ตายกลายเปน็ สนี า�้ ตาล ผา่ พบเนอ้ื ยบุ แหง้ มีสีน�้าตาลปนแดง หรือมว่ ง อาจพบเสน้ ใยเชอื้ ราสีเทา เนา่ แหง้ จากโคนขึ้นไปหายอด โรคเหย่ี วเน่ำแดง (หน้ำ 62) >> 24 คูมอื การวนิ ิจฉัยโรคออ ย
3.อาการภายในลำ� ตน้ 3-1 เน้ือภายในลำ� เนา่ แหง้ มีสแี ดงมว่ ง 3-1a เนอื้ เนา่ แหง้ สมี ว่ ง หรอื สแี ดงมว่ งปนเทา อาจพบเสน้ ใย เชอื้ ราเปน็ สเี ทาขน้ึ ปกคลมุ พบเมอื่ อากาศมคี วามชนื้ สงู หรือน�้ำท่วมขัง โรคเหยี่ วเนา่ แดง (หนา้ 62) >> 3-2 เน้อื ภายในล�ำสนี ำ�้ ตาลเละเหมน็ เนา่ 3-2a เนอ้ื อ้อยเน่าเละกลายเปน็ สีนำ้� ตาล เหม็นเนา่ มีการช้ำ� บรเิ วณข้อออ้ ย และยอดอ้อยอาจมีการหกั พบั โรคเนา่ คอออ้ ย (หนา้ 56) >> คมู่ ือการวินจิ ฉยั โรคออ้ ย 25
3-3 เน้ือภายในสีนำ้� ตาลน่มิ 3-3a มีกลนิ่ คล้ายสับปะรด เน้อื ภายในลำ� อาจกลาง เปน็ สีนำ้� ตาล หรอื สแี ดง ไดก้ ลน่ิ คล้ายสบั ปะรด โรคเน่ากล่นิ สบั ปะรด (หนา้ 65) >> 3-4 เนอ้ื ภายในลำ� ถูกกดั กินหายไป 3-4a เนอ้ื ออ้ ยภายในล�ำถูกกัดกนิ หายไป กลายเป็นโพรง ชอ่ งวา่ งภายในลำ� อ้อย จากโคนขน้ึ ไปถงึ กลางลำ� หรือสงู กวา่ ออ้ ยอาจหกั ลม้ ด้วงหนวดยาว (หน้า 125) >> 3-4b เน้ืออ้อยภายในล�ำถูกกดั กนิ หายไป กลายเปน็ โพรง ชอ่ งวา่ งภายในล�ำออ้ ย จากเหง้าและขน้ึ มาทีโ่ คน สูงไม่ก่ปี ลอ้ งจากพน้ื ดิน ออ้ ยอาจหกั ลม้ แมลงนูนหลวง (หน้า 128) >> 26 คมู่ ือการวินจิ ฉยั โรคอ้อย
3-4c เน้ืออ้อยภายในลำ� ถูกกัดกนิ หายไป และมกี ารเอาดนิ ขึ้นไปไวภ้ ายในล�ำออ้ ย อ้อยอาจไม่หกั ลม้ ปลวก (หนา้ 131) >> 3-4d เนอ้ื ออ้ ยภายในลำ� ถกู เจาะทำ� ลาย ออ้ ยอาจแตกตาขา้ ง และพบรอยเจา้ พรอ้ มขห้ี นอนบรเิ วณขา้ งลำ� และยอดออ้ ย อาจหักขาดหายไป หนอนกอ ลายจดุ ใหญ่ (หนา้ 120) >> 3-4e ล�ำออ้ ยถกู กัดท�ำลาย พบร่องรอยการกดั อาจกัดทโ่ี คน หรือกดั ท่ียอด หนู (หนา้ 138) >> คูม่ อื การวินจิ ฉัยโรคอ้อย 27
4.อาการที่เหง้า, ราก 4-1 รากบวมเปน็ ปม 4-1a รากมกี ารบวมเป็นปุ่มปม ปมุ่ ปมมองเหน็ เป็นเม็ด คล้ายปมุ่ ปมถั่ว แต่ขนาดเล็กกว่า ไสเ้ ดือนฝอย (หนา้ 139) >> 4-2 แตกรากผดิ ปกติ มาก อลูมิเนียมเปน็ พษิ (หนา้ 88) >> หรอื นอ้ ย 4-2a แตกรากน้อย แต่ รากหนาใหญ่ ตลอดทงั้ เส้นราก หนาโตกวา่ ปกติ 4-2b แตกรากมาก รากหนา และสน้ั แตกรากขา้ งมากกวา่ ปกติ ขาดธาตุคลอรีน (หนา้ 85) >> 28 ค่มู อื การวนิ จิ ฉัยโรคออ้ ย
4-2c แตกรากมาก รากหนา และสน้ั แตกรากข้าง น้อยลงกวา่ ปกติ ธาตุคลอรีน เปน็ พิษ (หนา้ 85) >> 4-3 รากออ้ ยขาดวนิ่ 4-3a รากออ้ ยขาดว่ินจากการถกู กัดกิน และมีร่องรอยซาก ของการถกู กัดกนิ แมลงนนู หลวง (หน้า 128) >> 4-3b รากแห้งยุบ ขาดว่นิ กลายเปน็ สนี ำ�้ ตาล รากบบี นิม่ ขาดนำ�้ , แลง้ (หนา้ 142) >> คู่มอื การวินจิ ฉัยโรคออ้ ย 29
4-4 ท่อนพันธุ์อ้อยเปน็ โพรง 4-4a ท่อนพันธอุ์ ้อยถกู ทำ� ลายเป็นโพรง มีตัวหนอนน่มิ สีขาวนวลอยู่ภายใน ด้วงหนวดยาว (หนา้ 125) >> 4-4b ทอ่ นพันธ์อุ อ้ ยถูกทำ� ลายเป็นโพรง พบมดี ินอยู่ภายใน ทอ่ นพนั ธ์ุ ปลวก (หน้า 131) >> 30 คู่มอื การวินจิ ฉยั โรคออ้ ย
5.อำกำรผิดปกติอน่ื ๆ 5-1 มคี ราบ และปุ่มปม ตามล�า และกาบใบ 5-1a มีคราบเมอื กสขี าว หรอื สีชมพภู ายในซอกกาบใบ เม่อื ลอกกาบใบจะมองเหน็ เพลย้ี ดูดกินอยูเ่ ปน็ กล่มุ ๆ เพลยี้ แปง สีชมพ ู (หนำ้ 133) >> 5-1b พบว่าปลอ้ งอ้อยสนั้ ลง มเี กลด็ คลา้ ยหอยปกคลมุ อยู่ บรเิ วณลา� อ้อย เพลีย้ หอยออ้ ย (หนำ้ 136) >> 5-1c มคี ราบสดี า� ปกคลมุ บนลา� ออ้ ย และพบเปน็ แมลงสขี าว เป็นขยุ สีขาว รวมดดู กนิ อยู่ เพล้ียสำ� ลแี ปง (หน้ำ 112) >> คูมือการวินิจฉยั โรคออย 31
5-2 การแตกกอของอ้อยผดิ ปกติ 5-2a ออ้ ยแคระแกร็น 5-2a1 ออ้ ยเจรญิ เตบิ โตชา้ กวา่ ปกติ โตไมส่ ม่�ำเสมอ ผา่ ดูล�ำจะมีรอยขดี หรือจุดสีด�ำภายในขอ้ โรคตอ แคระแกร็น (หนา้ 67) >> 5-2a2 อ้อยแตกกอเปน็ พมุ่ เตี้ย ใบสั้นแข็ง ช้สี เี ขยี วเข้ม ยอดฉีกขาดมีแผลนนู ตามแนวใบ โรคฟิจิ (หนา้ 52) >> 5-2b ออ้ ยแตกกอเป็นพมุ่ ฝอย 5-2b1 ออ้ ยแตกกอเป็นพมุ่ ฝอย คลา้ ยกอตะไคร้ ใบสเี ขียว ปกติ อาจสซี ดี จาง แตกหนอ่ เปน็ ฝอยเลก็ ๆ จำ� นวนมาก โรคกอตะไคร้ (หนา้ 69) >> 32 ค่มู ือการวนิ ิจฉยั โรคอ้อย
5-2b2 ออ้ ยแตกกอเปน็ พ่มุ ฝอย คล้ายกอตะไคร้ ใบกลายเป็น สขี าวทง้ั ใบ เรยี วเลก็ แตกหนอ่ เปน็ ฝอยเลก็ ๆ จำ� นวนมาก 5-3 ข้อปล้องหดสัน้ ลง โรคใบขาว (หนา้ 49) >> 5-3a ขอ้ ปลอ้ งหดสนั้ ลง ขาดธาตไุ นโตรเจน (หนา้ 89) >> เปน็ ชว่ งตอ่ เนอ่ื งกนั อาจมี 3-5 ปลอ้ ง พบมอี าการใบแหง้ จากใบลา่ งขึ้นไป หาใบบนแห้งจาก ปลายใบเขา้ หา โคนใบ 5-3b ขอ้ ปลอ้ งหดสนั้ ลง เปน็ ชว่ งตอ่ เนอ่ื งกนั อาจมี 3-5 ปลอ้ ง ขาดนำ้� , แล้ง (หนา้ 142) >> คูม่ ือการวนิ ิจฉัยโรคอ้อย 33
รายละเอยี ดคมู่ อื การวนิ จิ ฉยั ออ้ ยผดิ ปกตเิ บอ้ื งตน้ โรคใบดา่ ง (ซา้ ย) ลกั ษณะอาการเปน็ โรคใบดา่ งอยา่ งรนุ แรงบนใบออ้ ย (กลาง) ลกั ษณะอาการบนลำ� ออ้ ยระยะรนุ แรง (ขวา) ลกั ษณะอาการบนลำ� ออ้ ย สาเหตขุ องโรค เช้อื ไวรสั Sugarcane Mosaic Virus (SCMV) ลักษณะอาการโรค อ้อยท่ีเป็นโรคจะมีปริมาณคลอโรฟลิ ล์ในใบลดลง ทำ� ใหใ้ บอ้อยดา่ งเปน็ รอยขีดสัน้ ๆ สเี ขยี วออ่ นสลบั กับสีเขยี วเขม้ ทว่ั ทงั้ ใบ เมอ่ื สอ่ งดใู บกบั แสงแดด จะเหน็ รอยดา่ งชดั เจน อาการตา่ ง ๆ ปรากฏ บนใบอ่อนเห็นชัดเจนกว่าที่ใบแก่ ในพันธุ์ท่ีอ่อนแอต่อโรคอาจปรากฏ รอยขีดด่างบนลำ� ออ้ ยด้วย การเจริญลดลง ลำ� ออ้ ยเลก็ ลบี ลง 34 คมู่ อื การวนิ จิ ฉัยโรคออ้ ย
การแพร่ระบาด โรคระบาดติดไปกับท่อนพันธุ์ท่ีเป็นโรค และมีเพลี้ย ออ่ นเป็นแมลงพาหะในการถ่ายทอดโรค คำ� แนะน�ำการปอ้ งกนั ก�ำจัด • คัดเลอื กออ้ ยท่ีสมบูรณไ์ ม่เปน็ โรคสำ� หรับใชเ้ ปน็ ทอ่ นพันธ์ุ • หลกี เลย่ี งการปลูกอ้อยพนั ธท์ุ ีอ่ ่อนแอต่อโรคเป็นพ้ืนทก่ี วา้ ง • หลกี เลยี่ งการปลกู พชื ทอี่ าจเปน็ พชื อาศยั หรอื พชื อาศยั สลบั ของ เชอ้ื โรค หรอื เปน็ พชื อาหารของเพลย้ี ออ่ น เชน่ ขา้ วโพดหวาน เพราะอาจ มกี ารถา่ ยทอดโรคสลบั กับออ้ ย • กำ� จดั วชั พชื ในไรอ่ อ้ ย เพอื่ ไมใ่ หเ้ ปน็ ทอ่ี าศยั ของแมลงพาหะโรค • หาแนวทางในการปอ้ งกนั กำ� จดั แมลงพาหะ ประกอบดว้ ย Hyper- myzus lactucae, Dactynotus ambrosiae, Hysteroneura, Aphis gossypii, Rhopalosiphum maidis, Carolinaia cyperi, มวนบางชนดิ , เหาพชื • ปฏิบัติการเขตกรรมอย่างเหมาะสม ให้อ้อยเจริญเติบโตดี แข็งแรง ชว่ ยลดความเสียหายของออ้ ยจากโรค คูม่ อื การวินิจฉยั โรคอ้อย 35
โรคใบจุดเหลอื ง (ซา้ ย) อาการเรม่ิ ตน้ บนใบออ้ ย ในระยะทเี่ รมิ่ เปน็ โรค ซง่ึ พบเปน็ จดุ สเี หลอื งกระจายทว่ั ไป ทง้ั ใบ (ขวา) แผลมกี ารขยายรวมกนั กลายเปน็ สฟี างขา้ วขยายปกคลมุ ทวั่ พนื้ ผวิ ใบออ้ ย และจะเหน็ สปอรข์ องเชอ้ื ราทบ่ี รเิ วณดา้ นหลงั ใบ เมอื่ มกี ารตดั ใบออ้ ยตามแนวขวาง จะเหน็ วา่ เชอ้ื รามกี ารสรา้ งสว่ นขยายพนั ธจ์ุ ากแผลที่ อยบู่ นใบออ้ ย และพรอ้ มทจี่ ะปลดปลอ่ ยสปอรอ์ อกไปพรอ้ มกบั ลม หรอื ฝน สาเหตุของโรค เชือ้ รา Mycovelosiella koepkei ลกั ษณะอาการโรค เกดิ จดุ เหลืองเลก็ ๆ ขนาดเท่าปลายเข็ม กระจาย ไปทว่ั บนใบออ้ ย ตอ่ มาจดุ แผน่ เหลอื งขยายขนาด รปู รา่ งแผลไมแ่ นน่ อน แผลอาจเปลี่ยนเป็นสีแดง หรือน�้ำตาลแดง เมื่อแผลแก่เห็นกลุ่มของ 36 คมู่ ือการวินจิ ฉัยโรคอ้อย
ก้านชูสปอร์ และสปอร์ของเช้ือราสาเหตุลักษณะคล้ายฝุ่นผงสีเทาใน บรเิ วณกลางจดุ แผล แผลอาจเกิดเดยี่ ว ๆ หรอื ขยายจนขอบแผลตดิ กัน เปน็ ปน้ื ปกคลมุ ผวิ ใบออ้ ย ในระยะตน้ ของการระบาดจำ� นวนจดุ แผลจะ หนาแน่นในใบล่างมากกว่าใบด้านบน แต่ในระยะที่โรคระบาดรุนแรง หรอื พันธุอ์ อ้ ยมคี วามอ่อนแอตอ่ โรค แผลจดุ เหลอื งจะปรากฏหนาแนน่ บนใบทกุ ใบของล�ำออ้ ย จนทำ� ให้อ้อยมใี บเหลอื ง กอแหง้ โทรม ไร่อ้อย ทพ่ี บวา่ มกี ารระบาดของโรคใบจดุ เหลอื งจะมองเห็นเป็นสีนำ�้ ตาลทัง้ ไร่ ส่วนขอบแผลด้านหลังใบมักมีสปอร์ของเชื้อเห็นเป็นผงสีด�ำ ๆ อยู่เต็ม ในอ้อยแกจ่ ะแตกหน่อบรเิ วณยอดอยเู่ รอ่ื ย ๆ ตาขา้ งอาจจะงอก การแพร่ระบาด ในพื้นท่ีที่สภาพอากาศเหมาะสมต่อการระบาดของ โรค มฝี นตกชุก และความชน้ื สูง มักพบการระบาดของโรคใบจดุ เหลือง เปน็ ประจ�ำ พบว่าเช้อื สามารถอยขู่ ้ามฤดูในเศษซากออ้ ยท่เี ปน็ โรคทีอ่ ยู่ ในพนื้ ทไ่ี ด้ รวมทงั้ สปอรข์ องเชอื้ สามารถกระจายไปไดพ้ รอ้ มกบั ลมและ ฝน พบเขา้ ทำ� ลายออ้ ยได้ตั้งแตอ่ ้อยสามารถตง้ั ตวั ไดเ้ ม่อื อายุ 6 เดือน ข้นึ ไป จนกระทง่ั เกบ็ เก่ยี ว คำ� แนะนำ� การป้องกันก�ำจดั • การปลกู ออ้ ยพนั ธท์ุ อ่ี อ่ นแอตอ่ โรค สามารถทำ� ไดใ้ นพนื้ ทซี่ งึ่ ไมม่ ี การระบาดของโรค หรอื มกี ารระบาดไมม่ ากนกั ไมอ่ ยา่ งนน้ั จะเกดิ ความ เสยี หายไปพรอ้ มกนั ท้ังพื้นท่ไี ด้ • ควรบำ� รงุ ออ้ ยใหม้ กี ารเจรญิ เตบิ โตดี จะลดความเสยี หายอนั เกดิ จากโรคได้ การใส่ปุ๋ยเด่ียวอย่างไนโตรเจน โดยขาดฟอสฟอรัสและ โพแทสเซียมจะท�ำให้ออ้ ยมคี วามอ่อนแอต่อโรคใบจุดเหลอื ง • วางแผนการตัดอ้อยไม่ใหอ้ ้อยพนั ธุ์ทอ่ี อ่ นแอหรอื เปน็ โรครนุ แรง คา้ งอยใู่ นไร่ คูม่ อื การวินิจฉัยโรคออ้ ย 37
โรคราสนมิ ลกั ษณะอาการบนใบออ้ ยทเ่ี หน็ เดน่ ชดั คอื แผลสสี นมิ มวี งสเี หลอื งลอ้ มรอบ สว่ นทใ่ี ตใ้ บ จะเหน็ มรี อยแผลขรขุ ระ เปน็ รอบแผลนนู และมกี ารแตกฉกี ขาด ดา้ นลา่ งผวิ ใบแผลแตก เมอ่ื ลบู จะมสี สี นมิ ตดิ มอื เปน็ สว่ นสปอรข์ องเชอ้ื ราทส่ี ามารถ หลดุ ปลวิ ไปพรอ้ มกบั ลม และฝน เพอ่ื ระบาดกระจายตอ่ ไปไดอ้ กี 38 คู่มือการวนิ จิ ฉยั โรคออ้ ย
สาเหตุของโรค เชือ้ รา Puccinia melanocephala ลกั ษณะอาการโรค เชอื้ สาเหตเุ รมิ่ เขา้ ทำ� ลายใบออ่ น เหน็ เปน็ จดุ เลก็ ๆ สแี ดง ตอ่ มาจดุ แผลจะพฒั นาขนึ้ จนเหน็ ไดช้ ดั เจนเมอ่ื ใบออ้ ยเจรญิ เปน็ ใบแก่ แผลขยายยาวออก ขนาดแผลกว้าง 1-3 มิลลิเมตร ยาว 2-10 มลิ ลเิ มตร เปล่ยี นเป็นสนี ้�ำตาลแดง แผลนูนข้นึ โดยเฉพาะดา้ นหลังใบ โดยเชอื้ ราจะมกี ารสรา้ งสปอรใ์ นสว่ นแผลนนู ดงั กลา่ วทบ่ี รเิ วณใตใ้ บ เมอ่ื แผลแตกออกมีลกัษณะแผลขรุขระ มีผงสปอร์สีน้�ำตาลแดงลักษณะ คล้ายสีสนิมจ�ำนวนมาก พบมีแผลหนาแน่นบนใบล่างมากกว่าใบบน ของล�ำ แผลเกิดกระจายทั่วไป ในพันธุ์อ้อยท่ีอ่อนแอต่อโรคแผลเกิด ตดิ ตอ่ กนั จนอาจมองไมเ่ หน็ ผวิ ใบ ทำ� ใหอ้ อ้ ยสญู เสยี พน้ื ทก่ี ารสงั เคราะห์ แสง โดยทใ่ี บอ้อยทเ่ี ป็นโรคจะแหง้ กวา่ ก่อนทใ่ี บจะแก่ แผลงอ้อยแหง้ โทรม การเจรญิ ของออ้ ยไมส่ มบรู ณ์ แตห่ ากเปน็ โรคไมร่ นุ แรงออ้ ยจะยงั สามารถเจรญิ เตบิ โตตอ่ ไปไดโ้ ดยทผี่ ลผลติ ไมล่ ดลงมาก การแพร่ระบาด สปอร์ (teliospore) ของราสนิมจะยังคงอยู่บนใบอ้อย ที่เป็นโรคข้ามฤดู และเช้ือสามารถอยู่ในเศษซากอ้อย ท้ังนี้ สปอร์ (uredospore) สามารถแพรก่ ระจายไปตามสายลมและพรอ้ มกบั ฝนได้ โดยท่โี รคสามารถเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งรนุ แรงเมอ่ื อากาศมคี วามอบอุ่น และ มีความช้นื สูง คมู่ อื การวนิ ิจฉยั โรคออ้ ย 39
คำ� แนะนำ� การป้องกนั กำ� จัด • เนอ่ื งจากสปอรข์ องเชอื้ ราสาเหตโุ รคปลวิ แพรก่ ระจายไปตามลม จงึ ควรหลกี เลย่ี งการปลกู พนั ธอ์ุ อ้ ยท่ีอ่อนแอตอ่ โรคเป็นพ้ืนท่กี วา้ ง เพ่อื ไมใ่ หโ้ รคมีการระบาดรนุ แรง • ใช้พันธุ์อ้อยท่ีต้านทานต่อโรค และหลีกเล่ียงการใช้พันธุ์อ้อยท่ี ออ่ นแอและอาจมกี ารทำ� แปลงพนั ธอ์ุ อ้ ยทแี่ ยกตา่ งหากไวเ้ พอ่ื เปน็ ทอ่ น พันธุ์ • เมอ่ื พบสว่ นของออ้ ยทเี่ ปน็ โรค ควรมกี ารเกบ็ ออกจากแปลงออ้ ย เผาทำ� ลายทงิ้ รวมทง้ั กำ� จดั วชั พชื อนั อาจเปน็ พชื อาศยั สลบั ของเชอ้ื สาเหตุ โรค • ในกรณีท่เี พิง่ พบโรคราสนิม อาจมกี ารใช้สารเคมเี ชน่ Ferbam, Ziram, triadiamefon หรอื metalaxyl ซงึ่ สามารถทำ� ลายเชอื้ โรคราสนมิ ได้ แตห่ ากตอ้ งใชส้ ารเคมฉี ดี พน่ ใหท้ วั่ แปลงนนั้ อาจมกี ารสน้ิ เปลอื งมาก ไม่คุ้มค่ากับการใช้จ่าย หากจ�ำเป็นต้องใช้ควรใช้เฉพาะที่เป็นแหล่ง กำ� เนดิ ของเชอ้ื โดยตรงในระยะทเ่ี รมิ่ มโี รคระบาดขนึ้ กบั ตน้ ออ่ น เปน็ การ ท�ำลายและลดปริมาณเช้ือ และเป็นการป้องกันก�ำจัดเช้ือในระยะเริ่ม ต้น ไมใ่ หม้ ีการแพร่ระบาดออกไป 40 คมู่ อื การวนิ ิจฉัยโรคอ้อย
โรคใบขดี สีนำ้� ตาล อาการเรม่ิ แรกของออ้ ย ทเ่ี ปน็ โรคใบขดี สนี ำ้� ตาล สาเหตขุ องโรค เชอื้ รา Cochliobolus stenospilus T.Mats. & Yamam. (perfect stage) และ Helminthosporium stenospilum Drechs.(imperfect stage) ลกั ษณะอาการโรค อาการเรมิ่ ตน้ จะปรากฏบนใบออ่ น โดยเปน็ จดุ ชำ้� ๆ เลก็ ๆ มสี แี ดงตรงกลางหลงั จากนนั้ แผลจะขยายยาวขน้ึ ขนานกบั เสน้ ใบ และมสี นี ำ�้ ตาลปนแดงลอ้ มรอบดว้ ยรอยแผลสเี หลอื ง ความยาวแผลไม่ แน่นอน มีตั้งแต่ 2-50 มลิ ลิเมตร กวา้ ง 2-4 มลิ ลเิ มตร ถา้ ออ้ ยเปน็ โรค รนุ แรงมาก แผลจะตดิ ตอ่ กนั ทำ� ใหใ้ บออ้ ยแหง้ ตายไดเ้ รว็ ขน้ึ ในออ้ ยพนั ธ์ุ ท่ีอ่อนแอตอ่ โรคจะท�ำให้เกดิ อาการยอดเน่าได้เช่นกัน การแพรร่ ะบาด เชอ้ื สาเหตโุ รคสามารถอยขู่ า้ มฤดไู ดใ้ นเศษซากออ้ ยท่ี เป็นโรค และเมื่อมคี วามชนื้ สงู เชื้อราจะสร้างสปอรป์ ลิวไปตามลม โดย ดนิ ท่ีขาดความอดุ มสมบูรณ์และทีข่ าดปยุ๋ โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส จะ ยง่ิ ท�ำใหโ้ รคมคี วามรุนแรงมากยงิ่ ข้ึน ค�ำแนะน�ำการปอ้ งกันก�ำจัด • ปลูกอ้อยพันธุ์ต้านทานโรค และหลีกเลี่ยงการปลูกอ้อยพันธุ์ที่ ออ่ นแอตอ่ โรค • เติมปุ๋ยโปแตสเซียมและฟอสฟอรัส ชว่ ยท�ำใหโ้ รคน้ีลดนอ้ ยลง คู่มอื การวนิ จิ ฉัยโรคออ้ ย 41
โรคใบจุดสนี ำ้� ตาล อาการบนใบนัน้ มีลักษณะแผล เป็นรูปไข่ หรอื เปน็ เสน้ สีนำ�้ ตาลแดง สาเหตขุ องโรค เชอื้ รา Cercospora longipes Butl ลักษณะอาการโรค เริ่มเกิดบนใบอ่อนทั้งหน้าใบและหลังใบ เป็นจุด เล็ก ๆ สแี ดง ต่อมาแผลขยายเปน็ ขีดสนี ำ้� ตาลแดง ซ่ึงมกั เกิดติดกนั เป็น ป้ืน ขนาดของแผลมที ้งั เล็กและใหญ่ ใบสว่ นเป็นโรคจะแห้ง เห็นเปน็ สี น้�ำตาลหลงั ใบบริเวณแผลมจี ุดสีดำ� ๆ ของสปอรข์ องเชื้อ การแพร่ระบาด เช้ือสามารถอยู่ในแปลงจากส่วนของอ้อยที่เป็นโรค ขณะทม่ี กี ารปลกู ออ้ ยใหม่ หรอื ตดิ มากบั เศษซากพชื ทเ่ี ปน็ โรคสปอรป์ ลวิ ไปตามลมและฝน ค�ำแนะน�ำการป้องกนั ก�ำจดั • กำ� จัดและท�ำลายสว่ นทีเ่ ป็นโรค • หากโรคระบาดรนุ แรงมากจนถงึ ใหต้ อ้ งใขย้ ากอ็ าจใชย้ า copper ox choride และ benomyl จะชว่ ยลดการระบาดได้มาก 42 คมู่ อื การวินิจฉยั โรคอ้อย
โรคใบจดุ วงแหวน (ซา้ ย) อาการโรคใบจุดวงแหวนบนใบอ้อยในระยะแรก (ขวา) อาการโรคใบจุดวงแหวนบนใบออ้ ยทมี คี วามรุนแรง สาเหตขุ องโรค Leptosphaeria sacchari B.de Haan (perfect stage) Phyllosticta saccharicola Henn. (imperfect stage) ลักษณะอาการโรค เร่ิมแรกเป็นจุดสีเขียวชุ่มน�้ำ ต่อมาเปลี่ยนเป็นสี เขยี วเขม้ ขอบสนี ำ�้ ตาล หรอื จดุ สนี ำ�้ ตาลเลก็ ๆ ตรงกลางมสี ขี าว ลกั ษณะ คลา้ ยรปู ไข่ ตอ่ มาแผลเปลยี่ นเปน็ สนี ำ้� ตาลแดง และมสี เี หลอื ง ลอ้ มรอบ (halo) เม่ือแผลขยายใหญ่ขึ้น ภายในแผลก็จะแห้งสีคล้ายสีฟางข้าว และขอบแผลเปน็ สนี ำ้� ตาล ถงึ นำ�้ ตาลเขม้ เมอื่ เกดิ แผลจำ� นวนมากตดิ ตอ่ กันใบจะไหม้เป็นบริเวณกว้าง แต่ยังมีขอบล้อมรอบแต่ละแผลอยู่เช่น เดมิ ภายในแผลพบ fruiting bodies ของเชอ้ื เหน็ เป็นจุดสดี �ำเลก็ ๆ ใบ ทีเ่ ปน็ โรคกจ็ ะแห้งตายและร่วงหล่น สว่ นมากจะแห้งตง้ั แต่ปลายใบลง มา ขนาดของแผลอาจจะแตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับพันธุ์ว่าทนทานต่อ โรคมากนอ้ ยเพียงใด ออ้ ยบางพนั ธท์ุ ่มี ใี บสีเขียวมาก สีของแผลจะเป็น สีน�้ำตาลแดง ซ่ึงตา่ งกันเล็กน้อยกับพนั ธ์ุทีม่ ใี บสีเขียวธรรมดา คู่มือการวนิ จิ ฉยั โรคออ้ ย 43
ปกตเิ ชอื้ จะเขา้ ทำ� ลายสว่ นใบแกท่ อ่ี ยดู่ า้ นลา่ งของลำ� ตน้ แตห่ ากเชอ้ื สาเหตโุ รคมคี วามรนุ แรงกจ็ ะมกี ารเขา้ ทำ� ลายทใ่ี บออ่ น หรอื แมแ้ ตท่ ก่ี าบ ใบและล�ำตน้ เชอ้ื กส็ ามารถเขา้ ท�ำลายได้ และมกั พบวา่ จะมโี รคเกดิ ขนึ้ กบั อ้อยท่อี ายมุ ากกวา่ 6 เดอื นข้ึนไป การแพรร่ ะบาด พบวา่ เชอ้ื สาเหตโุ รคสามารถอยใู่ นเศษซากพชื ทอ่ี ยใู่ น แปลงอ้อย สปอร์ปลิวไปตามลมและฝน และโรคอาจมีการระบาดได้ มากในสภาพท่ีมคี วามชืน้ สูง คำ� แนะน�ำการป้องกนั ก�ำจัด • กำ� จดั ใบท่เี ป็นโรคออกและเผาทำ� ลายเสีย • ทำ� ความสะอาดและกำ� จดั วชั พืชในแปลงปลูก • ปลกู พชื หมนุ เวยี นทกุ ๆ 2 ปี โดยใช้ ขา้ ว ขา้ วโพด ถว่ั หรอื ผกั ตา่ ง ๆ • ปลกู อ้อยพนั ธุ์ตา้ นทานโรค หรอื เปน็ โรคเพยี งเล็กนอ้ ย เชน่ พนั ธุ์ ซีบี 38-22, ซีโอ 775, บี 4098,แร็กนาร์,เอ็นซีโอ 310,เอฟ 134,137,144,146,148,149 และ 153 เป็นต้น 44 คู่มอื การวนิ จิ ฉัยโรคอ้อย
โรคใบลวก ลกั ษณะอาการทชี่ ดั เจนของโรค นี้ คอื มแี ถบสขี าวยาวตามความ ยาวของใบ คลา้ ยกบั อาการเรมิ่ ต้นของโรคใบขาวอ้อย หรือ มี ลกั ษณะคลา้ ยกบั โรคใบดา่ งแถบ ขาว หรือโรคใบขาวลายทาง สาเหตุของโรค เชื้อแบคทีเรยี Xanthomonas albilineans (Ashby) Dows ลักษณะอาการโรค ใบจะมสี ีเปลยี่ นไปเป็นทางยาวเรียว สเี ทา เหลอื ง ปนเขยี ว เหลอื ง หรอื ครมี โดยมากจะยาวสุดความยาวของใบหรือกาบ ใบ ต่อไปจะขยายตัวขึ้น โดยเร่ิมจากปลายใบลงมา ต่อจากน้ันใบจะ แหง้ ตามรอยแผลจะเปน็ สนี ำ�้ ตาลหรอื สแี ดง แตกตาขา้ ง ถา้ หากเกดิ โรคนี้ รุนแรง ต้นอ้อยจะแห้งตายและเห่ียวไปท้ังต้น เนื่องจากเชื้อแบคทีเรีย จะเข้าไปอุดตันท่อน้�ำท่ออาหาร อ้อยตายเป็นหย่อม ๆ หรือส่วนมาก เกือบทง้ั แปลงแสดงอาการหรือไม่แสดงอาการเปน็ แถบสคี รีมกไ็ ด้ คมู่ อื การวนิ จิ ฉัยโรคออ้ ย 45
การแพรร่ ะบาด เกดิ โรคไดร้ นุ แรงมากยง่ิ ขน้ึ ในสภาพทอ่ี อ้ ยมกี ารขาดนำ�้ ดินท่ีมีการระบายน้�ำไม่ดี และมีความอุดมสมบูรณ์ต่�ำ ท้ังน้ี เชื้อโรค สามารถตดิ ไปกบั ท่อนพันธุ์ ติดไปกับเคร่อื งมอื วัสดุอุปกรณท์ ่ีใช้ดำ� เนนิ การในไร่อ้อย หรอื สามารถระบาดไปกับน้ำ� และลม คำ� แนะนำ� การป้องกันก�ำจัด • ปลกู พนั ธอ์ุ อ้ ยทตี่ า้ นทานตอ่ โรค และหลกี เลย่ี งการปลกู พนั ธอ์ุ อ้ ย ที่ออ่ นแอ • แช่ท่อนพนั ธ์ุอ้อยในสารเคมีกำ� จดั เช้อื สาเหตโุ รคก่อนการนำ� มา ปลกู หรอื อาจมกี ารแชใ่ นนำ้� รอ้ น 50 องศาเซลเซยี สนาน 2-3 ชวั่ โมงกอ่ น นำ� ไปปลูก • ใช้ท่อนพนั ธุ์ท่ีเชื่อมั่นไดว้ ่าปลอดโรค • กำ� จดั วชั พชื และเศษซากอ้อยที่เปน็ โรคออกจากแปลงออ้ ย เพอ่ื ปอ้ งกันไม่ใหม้ กี ารแพร่ระบาดตอ่ ไป • ดแู ลเครอ่ื งมือเครอ่ื งใชใ้ หส้ ะอาด และทำ� ความสะอาดสมำ�่ เสมอ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการถา่ ยทอดเชอ้ื สาเหตโุ รค 46 คมู่ อื การวนิ จิ ฉยั โรคอ้อย
โรคราน�้ำค้าง อ้อยแสดงอาการของโรครานำ�้ คา้ ง ใบมกี ารฉีดขาดเปน็ ฝอย สาเหตขุ องโรค เชือ้ รา Sclerospora spontanea Weston ลกั ษณะอาการโรค ระยะออ้ ยงอก ความงอกจะลดลง พบแผลเปน็ ทาง ยาวสเี หลืองบนใบท่ีเพง่ิ แตกขึน้ มาตอ่ จากน้ันทางยาวสเี หลืองน้จี ะเกิด เพมิ่ ขน้ึ จนมองเหน็ ใบเปน็ สขี าวเหลอื งเรยี งสลบั กนั ตลอดใบ และทดี่ า้ น ใตใ้ บ ถา้ สงั เกตในตอนเชา้ หรอื ตอนทอ่ี ากาศคอ่ นขา้ งเยน็ และชน้ื จะพบ ผงสีขาวข้ึนอยู่ ผงสีขาวนี้เป็นส่วนของเช้ือราท่ีจะแพร่ระบาดไป ท�ำให้ คมู่ ือการวนิ จิ ฉัยโรคออ้ ย 47
พืชต้นอ่ืนเกิดโรคอีกได้ เม่ือใบแก่ แผลจะเปลี่ยนไปเป็นสีน้�ำตาลและ แห้ง ใบเหล่านโ้ี ดยมากจะฉกี ขาดตามรอยแผลท่เี กิดโรค หรอื ปลายใบ จะฉีกขาดออกจากกนั เปน็ ฝอย ลำ� ออ้ ยเลก็ ผอม ไม่สมบรู ณ์ หรือแคระ แกรน็ นอกจากน้ี อ้อยบางตน้ ยงั แสดงอาการใบหงิกงอ (leaf twisting) อกี ด้วย การแพรร่ ะบาด สปอรห์ รอื conidia จะปลวิ ไปตามลม เสน้ ใยตดิ ไปกบั ทอ่ นพนั ธ์ุ oospre ตดิ ไปกบั สว่ นของพชื หรอื ดนิ หรอื เครอื่ งมอื ทใี่ ชป้ ฏบิ ตั ิ ในไร ่ คำ� แนะน�ำการปอ้ งกันก�ำจดั • ปลูกออ้ ยต้านทานโรค • ไมค่ วรนำ� อ้อยจากแหลง่ ทม่ี โี รคระบาดไปใช้ท�ำพนั ธ์ุ • แชท่ ่อนพนั ธุ์ในน้�ำร้อน อณุ หภมู คิ งที่ 52 องศาเซลเซยี ส 30 นาที กอ่ นปลกู • เผาท�ำลายอ้อยทเ่ี ปน็ โรคและพืชอาศยั เช่น หญา้ พงเพอื่ ทำ� ลาย เช้ือและลดโอกาสทเี่ ชื้อจะแพรร่ ะบาด • ทำ� ความสะอาดเครอ่ื งมอื ทใี่ ชป้ ฏบิ ตั กิ ารในไรท่ ม่ี โี รคระบาดเพอื่ ปอ้ งกันไม่ใหม้ ีเชื้อตดิ มา 48 คู่มือการวินิจฉัยโรคอ้อย
โรคใบขาวของออ้ ย ลกั ษณะกออ้อยทแี่ สดงอาการใบขาว อาการใบขาวของออ้ ยบนออ้ ยตอ อาการของโรคใบขาวใน ในระยะเร่มิ ต้น อ้อยปลกู ในระยะเริ่มต้น สาเหตขุ องโรค เชื้อไฟโตพลาสมา (Phytoplasma) คูม่ อื การวนิ ิจฉัยโรคออ้ ย 49
ลกั ษณะอาการโรค โรคใบขาวสามารถเกดิ ขน้ึ ไดก้ บั ทกุ ระยะการเจรญิ เตบิ โตของออ้ ย โดยอาการจะปรากฏใหเ้ หน็ ไดช้ ดั เจนในระยะกลา้ ออ้ ย แตกกอฝอยมีหน่อเลก็ ๆ ท่ีมใี บสีขาวจำ� นวนมาก คล้ายกอหญ้า หน่อ ไมเ่ จรญิ เปน็ ลำ� หากอาการโรครนุ แรงออ้ ยจะแหง้ ตายทง้ั กอในทสี่ ดุ หาก หนอ่ ออ้ ยในกอเจรญิ เปน็ ล�ำได้ ล�ำอ้อยทไ่ี ด้จะไมส่ มบรู ณ์ อาจมใี บขาว ทป่ี ลายยอด หรอื มหี นอ่ ขาวเลก็ ๆ งอกจากตาขา้ งของล�ำ บางครงั้ อาการ ของโรคจะปรากฏทงั้ บนออ้ ยปลกู และออ้ ยตอ ในบางครง้ั พบวา่ ออ้ ยเปน็ โรคต้ังแต่เริ่มปลูก บางคร้ังพบเม่ือเป็นอ้อยตอ ทั้งนี้ อาจจะเนื่องจาก ปริมาณของเชื้อสาเหตุของโรคว่ามีอยู่มากน้อยแค่ไหน พอท่ีจะท�ำให้ ออ้ ยแสดงอาการของโรคหรือไม ่ การแพรร่ ะบาด โรคใบขาวของออ้ ยแพรร่ ะบาดโดยมเี ชอื้ ตดิ ไปกบั ทอ่ น พันธุ์อ้อย นอกจากน้ัน ยังมีเพล้ียจักจ่ันสีน�้ำตาล (Matsumuratettix hiroglyphicus) เปน็ แมลงพาหะ ถา่ ยทอดเชอ้ื จากกอออ้ ยท่ีเป็นโรคไป ยงั กออ้อยปกติในไร่ พบจ�ำนวนมากในชว่ งฤดฝู น คำ� แนะนำ� การปอ้ งกันก�ำจัด ก่อนการเกบ็ เกี่ยว/การด�ำเนินการในไร่ • ตรวจแปลงออ้ ยสม�่ำเสมอ ในแปลงทเ่ี รม่ิ พบกอเปน็ โรคใหร้ บี ขดุ ทิง้ ท�ำลาย หรือพน่ กอเปน็ โรคด้วยสารก�ำจดั วัชพืชไกลโฟเสท 1% • เตรียมคดั เลือกหาพนั ธุ์ออ้ ยทที่ นทานต่อโรค เชล่ ฟิลล์ 58-260, 85-118, 85-105, 87-2-113 50 ค่มู อื การวินิจฉยั โรคอ้อย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144