หากท่านผู้อ่านไปนมัสการพระเขียวแก้วตอนรุ่งอรุณ หรือ เวลาเพล หรือตอนดวงอาทิตย์จะตกดิน ท่านจะได้ยินเสียงปีด่ ังอี่ แอ่ ถ้ารกั จะว่าองอาจ ถา้ เกลียดจะว่านา่ ราํ คาญ ท่ีให้จังหวะปีน้ันคือกลองแขกตัวผู้ตัวเมียคู่หน่ึงโต้ตอบกัน และมีกลองเล็กเสยี งดังมาก รัวโกร๊ก ๆ โกร๊ก ๆ ขาดแต่ฆ้อง ของ เขามีแต่ฉ่ิงกับฉาบเป็น “ฆน” ดนตรชี นดิ นี้ภาษาสิงหลเรยี กวา่ “มคลุ เพเร” ตรงกบั บาลี “มงั คละเภร”ี และไทย “กลองมังคละ”….. ดนตรีชนิดนีมีประวัติความเป็นมาช้านาน เดิมทีเดียวเปน็ ของทหาร คล้ายกลองสะบัดชัยของเรา เป็นการประโคมดังและ รวดเร็วเพื่อให้กาลังใจแก่กองทัพฝ่ายเรา และข่มขู่ศัตรูให้ สะพรึงกลัว ในขณะเดยี วกันเอามใชใ้ นวังเพราะทหารเปน็ ฝ่ายถวาย อารกั ขา เช้าเย็นจะมกี ารประโคมมังคละถวายบงั คม ในขบวนเสดจ็ ทหารจะนาหน้าโดยเป่าป่ีตีกลองและร่ายราเป็นการสาแดงถงึ พระ เดชานุภาพที่ร่ายรานันจะไม่ทาอ่อนหวานสวยงาม แต่จะทาแบบดุ รา้ ย ชศู อกชเู ข่า ทาเปน็ ราอาวธุ ตา่ ง ๆ ทาทา่ ผลักดันศตั รูตลอดจน ตลี ังกากม็ ี ต่อมาภายหลงั พระมหากษตั ริย์ผ้ศู รัทธาในพระศาสนาทรง เห็นดนตรีมงั คละและการรามงั คละเปน็ ของสงู จึงมีศรทั ธาถวายวดั ประวัติศาสตรทองถิน่ 49 ประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถิ่น จงั หวดั สุโขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
จึงกลายเป็นเครื่องประดับพระบารมีพระเขียวแก้วและพระ เจดยี ์สถานทส่ี าคัญ ๆ จนทุกวนั นี นอกจากจะใช้ดนตรีมังคละในการประดับพระบารมีพระ บรมสารรี ิกธาตุแลว้ ชาวบ้านยังใช้ดนตรีมังคละในพิธีมังคละในพิธี มงคลทุกอย่าง เช่นจะเผดียงพระไปสวดพระปริตต์ที่บ้านคหบดีก็ จะจ้างวงมังคละนาแห่พระจากวัดตามคันนาไปถึงบ้าน เม่ือให้ติ สรณะและปัญจศีลแล้ว ให้ประโคมมังคละเป็นการขับไล่เสนียด จญั ไร และเชญิ เทวดามาร่วมบญุ รว่ มกศุ ลด้วย เป็นตน้ ดนตรีชนิดนีจึงได้ช่อื วา่ “มงั คละ” พดู ง่าย ๆ คอื พอไดเ้ ยินเสียงดนตรมี งั คละ ผีปศี าจและส่ิง เลวร้ายจะหนีกระเจิง ในขณะท่ีเทวดาและความดีงามจะเขา้ มาสิง สถติ เจรญิ ขวญั เจรญิ พรแกช่ าวบ้านทงั ปวง ที่ผม (ไม่เคิล ไรท์) เสนอว่ากลองมังคละอาจจะเข้ามาจาก เกาะลังกานั้นอาจจะไม่เป็นที่สบใจท่านผู้อ่าน แต่โปรดอย่าพึง รงั เกียจเลย ไหน ๆ เป็นทย่ี อมรับกันทวั่ หน้าแลว้ วา่ พระศาสนาที่นับ ถือกันทุกวันนี้ก็เข้ามาจากลังกา ไม่มีใครเถียง ไม่มีใครรังเกียจ และถ้าหากว่าเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าดนตรีมังคละของ เราเข้ ามา จากลังกาจริงดังว่า ก็เท่ากับเป็นการพิสจู น์ได้ว่าดนตรีมังคละของ เราเข้ามาจากลังกาจริงดังว่า ก็เท่ากับเป็นการพิสูจน์ได้ว่าดนตรี มงั คละของเราเก่าแกถ่ งึ สมยั กรงุ สโุ ขทัยเปน็ ราชธานี และเป็นดนตรี หลวงจนกลายเป็นของถนิ่ ที่น้นั และรกั ษาไว้จนทกุ วนั นี้ ซ่ึงเป็นการ 50 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลัดระพนิ พุทฺธสิ าโร (ด้วงลอย)
เสริมความสาํ คัญแก่วงมังคละท่ีเหลืออยู่ และยังทําให้เราสามารถ ร้ือฟื้นและใช้ดนตรีนี้ในงานฉลองโดยเชื่ออย่างสนิทใจว่านี่แหละ ไม่ใช่ของใหม่หรือ ของไมม่ สี กลุ หาก เป็นดนตรีของพ่อ ขนุ ฯ โดยแท้ แต่ อย่างไรก็ดี จะตอ้ ง มีการศึกษาอีกมาก ตอ่ ไป…” จาก หนังสือของ ไม เคลิ ไรท์ . ฝร่งั คลงั่ สยาม. กรุงเทพ ฯ : มติชน.๒๕๔๑. ( ศิ ล ป วั ฒ น ธ ร ร ม ฉบับพิเศษ) หน้า ๑๗๒-๑๗๕ และ หน้า ๑๘๐-๑๘๓ ซ่ึงได้บันทึกเร่ืองเล่าส่วนหน่ึง ของ “มังคละ” หรือ “ปี่กลอง” ไว้ ดังที่ผู้เขียนได้นาข้อบันทึก เหล่านันมานาเสนอไว้ท่ีนี ประหน่ึงคัดลอกมาเก็บไว้ ในส่วนของ ความเป็นบ้านสวนสะท้อนให้เห็นว่าครังหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งมคี น บันทึกไว้เกี่ยวกับ “ปี่กลอง” ท่ีบ้านสวนแม้เวลาเปล่ียน คนที่ถูก ประวัติศาสตรท องถน่ิ 51 ประวตั ิศาสตรท์ อ้ งถิน่ จงั หวดั สโุ ขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
กล่าวถึงจะเป็นคนอ่ืน ๆ และถูกกล่าวถึงในมิติท่ีเปลย่ี นไป ล้มหาย ตายจากไปแล้วก็ตาม สาหรับวงดนตรีมังคละอาจมีในหลายพืนที่ในเขตจังหวัด สุโขทัย พิษณุโลก อุตรดิตถ์๒๑ แต่ในการบันทึกนี จะบันทึกไว้ สาหรับบ้านสวน นัยหน่ึงเพอ่ื การเรียนรทู้ อ้ งถิน่ บ้านสวน อีกนัยหน่ึง เพ่ือเป็นการส่งเสริมบคุ คลในบ้านสวน เพื่อให้เป็นแนวทางในการ อนุรักษ์ เปน็ แนวทางในการส่งเสรมิ ให้เกิดการเชือ่ มต่อยดึ โยงกบั คน ในชุมชน ประหน่ึงตอ้ งการบอกวา่ ของดีทีบ่ า้ นสวน กไ็ ด้ ๒๑ พระมหาเทวประภาส มากคล้าย. แนวทางการเสริมสร้าง สมานฉนั ทโ์ ดยใชก้ ลไกอัตลักษณว์ ฒั นธรรมป่ีกลองมงั คละ : ศึกษาเฉพาะกรณี ชุมชนภาษาถ่ินสุโขทัย ลุ่นนาน่านตอนบน ในจังหวัดอุตรดิตถ์. Veridian E- Journal,Silpakorn University (Humanities, Social Sciences and arts) Vol ๘ No ๓ (๒๐๑๕): ฉบับภาษาไทย มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และ ศิลปะ ( กนั ยายน - ธนั วาคม ๒๕๕๘ ) บทความ : มนษุ ยศาสตรส์ ังคมศาสตร์ 52 | ดิเรก ด้วงลอย | พระปลดั ระพิน พุทฺธสิ าโร (ดว้ งลอย)
ภาพ มงั คละในงานศพ แม่พลอย ด้วงลอย ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๑ ภาพ มังคละในงานศพ แม่พลอย ด้วงลอย ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๑ ในตาบลบา้ นสวนปัจจบุ นั มคี ณะท่ียงั ดาเนินการฝึกหดั และ สืบต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน คือคณะของ (๑) นาย สุวัจน์ สุวรรณ โรจน์ (หัวหน้าคณะ) ทาหนา้ ที่ตี กลองหลอน (๒) นาย ผิน โตนดดง ฆ้องหน้า (๓) นาย ฉอ้อน จันทร์ดอนตอง เป่าปี่ (๔) นายพัน ศรี ประวตั ศิ าสตรท อ งถนิ่ 53 ประวัตศิ าสตร์ท้องถิ่น จงั หวดั สุโขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
สุวรรณ กลองยืน (๕) นายบุญเลศิ คงเนียม ฆ้องหลัง (๖) นายสมิง ทองมา กลองโกร๊ก แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อย รู้จัก ก้เลยเรียกกันว่า กลองมงั คละ.) (ข้อมลู สมุ ิตรา จอ้ ยแกว้ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๓) ด้วยสภาพทเี่ ปลี่ยนไป ดนตรที ่เี คยเป็นส่วนหนึ่งของชุมและ มีพัฒนาการต่อเนื่องนับแต่อดีต นับวันก็หาผู้สืบทอดค่อนข้างยาก แต่ขอ้ ดีในปัจจุบันสถานศกึ ษาหลายแห่งไดจ้ ดั ให้มกี ารเรียนการสอน เป็นความรู้และสืบทอดดนตรที ่ีมีประวัติพัฒนาการ และกลายเปน็ ดนตรพี ืนถนิ่ ในปัจจบุ ัน เป็นต้น เอกสารอา้ งอิง จารุวรรณ บุญวงษ.์ (๒๕๕๘). วงมงั คละงานอวมงคล คณะราชธานี สโุ ขทยั จงั หวดั สโุ ขทยั = The case study of Mangala music for misfortune festivity, The Ratchathani Sukhothai band, Sukhothai province. การศกึ ษา คน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง ศศ.ม.(วทิ ยาการดนตรีและ นาฏศิลป์))--มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, ๒๕๕๘. ทรงเกียรติ จันทรห์ อม. (๒๕๕๕). วงดนตรมี ังคละ : กรณีศึกษาคณะ ศ. ราชพฤกษ์ จงั หวดั สุโขทยั . วทิ ยานพิ นธศ์ ิลปศาสตรมหา บัณฑิต. คณะมนษุ ยศ์ าสตร์ : มหาวิทยาลัยนเรศวร. ธนะษณิ อนิ พาเพียร. (๒๕๕๕). รามังคละในอาเภอพรหมพริ าม 54 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลัดระพิน พทุ ธฺ ิสาโร (ด้วงลอย)
จังหวดั พษิ ณโุ ลก. พิษณโุ ลก : คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร. สธน โรจนตระกลู . (๒๕๕๓). รายงานการวิจัยเร่อื งการสงั เคราะห์ ทานองเพลงจากวงดนตรีมงั คละเป็นทานองหลกั = An Synthetic Melody form Mangkhala Ensemble to Main Melody. รายงานการวจิ ัยนไี ด้รบั ทุนสนบั สนนุ จาก มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎพิบูลสงคราม. สรุ ารักษ์ วัยฉมิ พล.ี (๒๕๕๗). การสื่อสารเพอ่ื การผลติ ซาส่ือพืนบา้ น มังคละจังหวัดพิษณุโลก = A reproduction communication of mangkhala traditional media in phitsanulok. วิทยานิพนธ์ (นศ.ม. (การจดั การการ สอื่ สาร) มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. ประวัตศิ าสตรท อ งถน่ิ 55 ประวตั ศิ าสตรท์ ้องถิ่น จงั หวัดสุโขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
56 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลดั ระพนิ พุทธฺ สิ าโร (ด้วงลอย)
ศิษยเกส์ จิชมวาเวดั ดบ้าร็จนะสพฆวเนวรงักัดศระโจิษะพฆฆยชิ ์งัสฒุษโามฆเิตวษดจจ็ิตบาพาาร้ารรราะนามพยมุฒสก์ รจวุง(าเกโรทนตยพร์ ()งุโตเ)พทพรรพหหมรมังษรี งั ษี เริม่ หลวงพ่อฤทธิ์ เทโว อดีตเจา้ อาวาสวัดฤทธ์ิ ซึง่ ตังอยู่ท่ีหมทู่ ี่ ๔ ตาบลบ้านสวน อาเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เป็นวัดใน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เร่ิมก่อสร้างเม่ือประมาณ พ.ศ. ๒ ๔ ๓ ๘ แ ล ะ ได้ รั บ พ ร ะ ร า ชท า น วิ สุ ง คา ม สี ม า เ ม่ื อ วั น ท่ี ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๔ วัดฤทธ์ิมีเกจิคณาจารย์ท่ีเลื่องชื่อ คือ หลวงพอ่ สัมฤทธ์ิ เทโว อดตี เจา้ อาวาสวัดฤทธ์ิ และเปน็ ศิษย์สายตรง ของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) แหง่ วัดระฆังโฆษติ าราม กติ ติคณุ ของ ท่านเป็นที่เลื่องลือและได้รับการยอมรับในจังหวัดสุโขทัย และ ใกลเ้ คียง นอกจากนีหลวงพ่อสมฤทธิ์ เทโว ยงั เป็นอาจารย์ของหลวง พ่อห้อม อมโร (พระราชพฤฒาจารย์, ๑๙ มกราคม ๒๔๕๑-๒๑ เมษายน ๒๕๔๑) พระเกจิดัง แหง่ วัดคูหาสวุ รรณ และอดตี เจ้าคณะ จังหวัดสุโขทัย (พ.ศ.๒๕๒๙-๒๕๔๑) รวมไปถึงมีข้อมูลประวัติว่า หลวงพ่อซวง (๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๒-๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๐ สิริอายุ ๖๙ ปี พรรษา ๔๕) วดั ชปี ะขาว เคยมาเรียนพุทธมนต์กบั หลวงพ่อฤทธิ์ ท่ีจังหวัดสโุ ขทัย ตามคาแนะนาของพ่อแป้น วัดเสา ธงใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก็แนะนาให้ไปศึกษาต่อกับ หลวง พ่อฤทธิ์ วัดบ้านสวน จ.สุโขทัย สหธรรมิกของหลวงพ่อแป้นท่ี ประวัติศาสตรท อ งถ่ิน 57 ประวตั ศิ าสตรท์ ้องถิ่น จังหวดั สุโขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
สนิทสนมกันมาก ท่านเป็นพระเถระท่ีเก่งกล้าทางด้านไสยเวท เป็นอย่างสูง เป็นศิษย์สายตรงของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระ พุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ธนบุรี มีบันทึกทเ่ี ปน็ คาบอกเล่าของหลวงพ่อห้อม อมโร (พระราช พฤฒาจารย์) อดีตเจ้าอาวาสวัดคูหาสุวรรณ ท่านเล่าว่า แต่เดิม วฤั ทธิ์ ชอื่ ว่าวัดศิริ ตามที่ช่ือผู้สร้างวดั นขี นึ มาซ่งึ เปน็ อดีตตาทวดของ หลวงพ่อห้อม ที่ชื่อว่า ดี คาว่า วัดน้อย นีมาจากวัดนีเป็นวัดเล็กๆ อย่ขู า้ งคลองนา ซ่ึงฝัง่ ตรงข้ามทางทศิ ใต้ มีวดั ช่อื วัดคุ้งยางใหญ่ หรอื 58 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลดั ระพนิ พทุ ฺธสิ าโร (ด้วงลอย)
ที่ชาวบ้าน ตาบลบ้านสวน เรียกว่า วัดใหญ่ ซึ่งมีอาณาบริเวณ กว้างขวางใหญโ่ ตกวา่ มาก ชาวบ้านสวนจึงเรียก วดั ศริ ิ นีว่า วัดน้อย วัดบ้านสวน เป็นคาเรียกอีกอย่างหน่ึงของ \"วัดฤทธิ์\" โดย ปรากฏเป็นหลัก ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๔ หน้า ๑๓๕๒-๑๓๕๓ วันท่ี ๑๕ มีนาคม ร.ศ. ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๔๕๐) ตรงกับปีรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ท่ีให้ รายละเอียดถึงการเข้าไปจดั การศึกษายังหัวเมืองตามนโยบายการ จัดการศึกษาของชาติ ในยุคการปฏิรูปของพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดบ้านสวน ปรากฏในเอกสารราชกิจการ นุเบกษาวา่ ประวตั ศิ าสตรทองถิน่ 59 ประวัติศาสตรท์ อ้ งถิน่ จงั หวัดสโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
\"ด้วยได้รับบอกมณฑลพิศณุโลกที่ ๑๑/๖๘๗๐ ลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ศกนีว่า พลวงวรสาร พิจิตร์ ผู้พิพากษาศาลเมืองสโุ ขทัย พร้อมด้วย เจ้าอธิการวัดบ้านสวน ได้จัดตังโรงเรียน สอนหนังสือ ไทย ชันมูลศึกษาขึนที่วัดบ้านสวน โรง ๑ อาศรัยศาลาของวัดนัน เปนท่ีเลา่ เรยี น และได้เปิดสอนนกั เรียน เม่ือวันท่ี ๑๕ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๖ มีนักเรียน ๒๙ คน ได้จัดให้ พระโถ นักเรียนโรงเรยี นสโุ ขทัย วิทยาคม ซึ่ง สอบไล่ได้ประโยคหน่ึงเปนครูสอน ส่วนเงิน สาหรับ บารุงโรงเรยี นนี หลวงวรสารพิจิตร์ ไดบ้ อกบุญเรีย่ รายแก่ขา้ ราชการ และราษฏร ได้เงินรวม ๓๑๒ บาท ๑๖ อัฐ สาหรับจา่ ยใน จานวน ศก ๑๒๖ ส่วนในศก ต่อ ๆ ไป จะได้คิด จัดการเรย่ี รายบารงุ ตอ่ ไป กับของมอบโรง เรยี นนีให้อยู่ในความตรวจตราของข้า หลวงธรรม การ ขุนประพันธ์เนติวุฒิ ข้าหลวง ธรรมการ ได้รับโรงเรียนนีไว้ ใน ความตรวจ ตราแนะนาเหมือนอยา่ งโรงเรยี นทงั หลายแลว้ ผู้บริจาค ทรัพย์ทังหลายซึ่งได้บริจาคทรพั ย์บารุง โรงเรียนนี มีความยินดีขอ พระราชทาน ถวายพระราชกุศลมรี ายนามและจานวนแจง้ ตอ่ ไปนี. หลวงจานง กรมการพเิ ศษ เงนิ ๔๐ บาท หลวงวรสารพิจติ ร์ ผู้พพิ ากษา \"๓๒\" หลวงวนารกั ษ์ พนกั งานป่าไม้ \"๒๐\" หลวงอานวยเนติพจน์ ผู้พิพากษา \"๕\" ขนุ ศรีบุรภูมิ์ ผู้พพิ ากษา \"๑๒\" ขุนประพันธเ์ นตวิ ฒุ ิ ข้าหลวงธรรมการ เงนิ ๑๐ บาท 60 | ดิเรก ด้วงลอย | พระปลัดระพิน พทุ ธฺ ิสาโร (ดว้ งลอย)
นายคา ผู้ใหญบ่ า้ น เงิน ๘ บาท ๕๕ อฐั นายพนิ \"๘\" ๓๔ อฐั นายคง \"๕\" นายโต๊ะ ครูโรงเรยี น \"๕\" จีน กิม ลี \"๘๐\" นายบุญธรรม \"๔๐\" จนี สอน \"๕\" ผู้ท่ีบริจาคทรัพย์ตา่ กว่า ๔ บาท รวม ๒๔ คน เงิน ๔๐ บาท ๕๕ อฐั รวมทังสิน เปนเงิน ๓๑๒ บาท ๑๖ อัฐ กระทรวงธรรมการ ได้นากราบบังคมทูล พระกรุณาทราบฝ่าลอองธุลีพระบาท ทรงอนโุ มทนาในส่วนกศุ ลนีด้วยแลว้ . กระทรวงธรรมการ วันที่ ๑๑ มนี าคม ร.ศ.๑๒๖ (ลงนาม) เจา้ พระยาวิชติ วงษว์ ุฒไิ กร เสนาบดี \" ประวตั ศิ าสตรท องถิ่น 61 ประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถิน่ จงั หวดั สโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
(ภาพ หลวงพ่อห้อม อมโร ผ้เู ล่าเกี่ยวกบั ขอ้ มูลของวดั น้อยในอดีตไว้) 62 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลดั ระพิน พุทธฺ ิสาโร (ด้วงลอย)
ประวัติศาสตรท องถ่ิน 63 ประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถิน่ จงั หวดั สุโขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
64 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลดั ระพนิ พุทธฺ สิ าโร (ด้วงลอย)
จากหลักฐานทปี่ รากฏวัดฤทธ์ิ หรือ วัดบ้านสวน ในนิยามที่ ปรากฏในราชกิจกิจจานุเบกษา อาจไม่ใช่ช่ือ \"วัดบ้านสวน\" แต่ อาจเป็นวัดฤทธ์ิในเวลานัน แต่เม่ือมีการรายงาน จึงบันทึกเป็น \"วัด\" ตังอยู่ \"บ้านสวน\" จึงเป็นการใช้คาเรียกรวม ๆ รายงานทาง ราชการเหนือขึนไปว่า \"วัด(ที่) บ้านสวน\" ไปก็เป็นได้ ในช่วงเวลา นัน ตรงกับ ร.ศ.๑๒๖ หรอื พ.ศ. ๒๔๕๐ ตรงกบั ปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ \"เจ้าอธิการวัดบ้านสวน\" จึงน่าจะหมายถึงหลวงพ่อสัมฤทธ์ิ เท โว\" เน่ืองดว้ ยเปน็ บุคคลรว่ มสมัยกบั ชว่ งเวลานนั เชน่ หลวงพอ่ แป้น อตุ ตโม (พ.ศ. ๒๔๐๒-๒๔๙๑/อายุ ๘๙ ป)ี ] วดั เสาธงใหม่ ต.บางปะ หนั ต.เสาธง จ.พระนครศรอี ยธุ ยา ผู้เปน็ สหายธรรม ทีม่ ีขอ้ มูลวา่ มี อายุอ่อนกว่าหลวงพ่อฤทธ์ิ ๑๕ ปี ถ้าข้อมูลใหไ้ ว้อย่างนกี ็จะแปลว่า หลวงพ่อฤทธิ์เกิด พ.ศ. ๒๓๘๗ ซึ่งล่วงมาปรากฏในหนังสือราช กจิ จานเุ บกษา ใน ร.ศ.๑๒๖ หรือ พ.ศ. ๒๔๕๐ หลวงพอ่ ฤทธิ์กจ็ ะมี อายุพรรษากาล ๖๓ ปี หลวงพ่อฤทธิ์ ก็จะเป็นพระเถระทเ่ี ป็นผู้นา ชุมชนบ้านสวนอยู่ ร่วมกับหลวงพ่อเจ๊ก แห่งวัดหัวฝาย และหลวง พอ่ แปะ๊ แห่งวดั คุ้งยางใหญ่ ผ้เู คยไปศกึ ษาทีว่ ดั ระฆังโฆษิตาราม กบั สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรงั ษี/พ.ศ. ๒๓๓๑-๒๔๑๕ อายุ ๘๔ ปี) เป็นเวลาถึง ๖ พรรษา นอกจากนียังมีข้อมูลว่า พระยาวิเชียร ปราการ อดตี เจา้ เมอื งสโุ ขทยั ที่ดารงตาแหน่งระหว่าง พ.ศ. ๒๔๖๑- ๒๔๖๙ เคยน่ังเรอื ลดั เลาะแมน่ ามาพบและนมัสการหลวงพอ่ ฤทธิ์ ที่ วัดฤทธ์ินี ดังนันเมื่อจัดลาดับความสาคัญของช่วงเวลา และตัว ประวตั ศิ าสตรท องถน่ิ 65 ประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถิน่ จังหวัดสโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
บุคคลอาจพิเคราะห์ได้ว่า \"เจา้ อธิการวัดบ้านสวน\" แห่ง \"วดั บ้าน สวน\" คือหลวงพ่อฤทธ์ิ และวัดฤทธิ์ เพ่ือตังโรงเรียนขึนให้เป็น ศูนย์กลางทางการศึกษาในช่วงเวลานันพัฒนาเป็นโรงเรยี นวัดฤทธ์ิ ในปจั จบุ นั การศึกษาหาความรู้กบั คณาจารย์ ในอดีตใช้วิธีการฝากตวั เป็นศิษย์ในสานัก หรือการเดินทางไปอยู่รับใช้อุปัฏฐาก เพ่ือเรียน วิชา ในสมัยนัน (เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม มีช่ือเสียงโด่งดังมาก (หลวงพ่อ ฤทธ์ิ เทวะ) พรอ้ มด้วย (หลวงพ่อเจก๊ วัดหวั ฝาย), (หลวงพ่อแปะ๊ วดั คุ้งยางใหญ)่ ทีต่ าบล บา้ นสวน ไดต้ กลงเดินทางเพื่อไปเรยี นวิชากับ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารยโ์ ต ทวี่ ดั ระฆังโฆษิตาราม ธนบรุ ี ถงึ ๖ พรรษา เม่ือสาเรจ็ วิชาทีร่ า่ เรียนมาแล้ว จึงกราบลาพระอาจารย์ ของท่าน และได้ธุดงค์กลับ จังหวัดสุโขทัย ดังนันความเชื่อมโยง และการเรียนรู้ในครังอดีต ทาให้เห็นข้อมูลประวัติเกี่ยวกับความ เป็นเกจบิ า้ นสวน และความเป็นคณาจารย์ท่ีเช่ือมโยงกับความเปน็ เมืองในอดีตไดด้ ้วย การเรียนสมยั เก่าไม่ได้มีการเปิดการเรียนการ สอน ไม่ได้มีการเปดิ หลกั สูตรอย่างสมัยปจั จุบัน ใช่วิธีการเข้าหาครู เพลง ครูดนตรี ครูวชิ าอาคม ซง่ึ เปน็ เร่ืองเฉพาะและความสนใจ การ ไปเรียนแต่เดิม จึงเป็นการเรียนเพ่ือใช้และเป็นไปตามความสนใจ ของคนนัน ๆ อย่างแท้จริง ดังนันความเป็นคณาจารย์จึงเช่ือมดว้ ย 66 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลัดระพนิ พุทฺธสิ าโร (ด้วงลอย)
รูปแบบการจัดการเรียนการสอน การจัดการศึกษาในแบบเดิมดว้ ย เช่นกนั เอกสารอ้างองิ [ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๔ หน้า ๑๓๕๒-๑๓๕๓ วนั ที่ ๑๕ มีนาคม ร.ศ. ๑๒๖ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2450/050/132 5_1.PDF] ประวตั ศิ าสตรทองถ่นิ 67 ประวตั ศิ าสตรท์ ้องถิ่น จงั หวดั สุโขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
68 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลดั ระพนิ พุทธฺ สิ าโร (ด้วงลอย)
เกจเกคิ จิคณณาาจจาารรย์ชยา์ชวาบวา้ นบสา้ วนนสวน เ ก จิ ค ณ า จ า ร ย์ เ ป็ น พ ร ะ ส ง ฆ์ ห รื อ นั ก บ ว ช ใ น พระพุทธศาสนา ทเี่ ปน็ ผทู้ ีถ่ กู เคารพนบั ถือโดยชมุ ชน หรอื สมาชิกใน ชุมชน จนกระทงั่ กลายเปน็ ความเคารพ แลว้ แสดงออกต่อความผา่ น ความเชื่อ ศรัทธา หรอื การบชู าสิ่งทเ่ี นอ่ื งด้วยความเคารพ เชน่ วัตถุ มงคล หรืออ่ืน ๆที่เนื่องด้วยความเคารพนันในเขตบ้านสวนกม็ ีเกจิ หลายท่านท่ีถูกกล่าวขาน และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เช่น หลวง พ่อฤทธิ์ (วัดฤทธ์ิ) หลวงพ่อเจ๊ก (วัดหัวฝาย) หลวงพ่อแป๊ะ (วัดคุ้ง ยางใหญ่) หลวงพ่อห้อม (วัดคูหาสุวรรณ) ที่ล้วนเป็นชาวบ้านสวน หรอื เกจคิ ณาจารยใ์ นชนั หลงั อีกหลายท่าน ซ่ึงจะได้นามาเลา่ แบง่ ปนั ใหเ้ ป็นเกรด็ ความรเู้ กี่ยวกบั การศึกษาท้องถิ่นบ้านสวน จ.สุโขทยั ถ้าบ้านสวนต้องรู้จักหลวงพ่อฤทธ์ิ เกจิคณาจารย์ ที่ถูกตัง ตามช่ือวดั “วัดฤทธ์ิ” หลวงพ่อหอ้ ม พนื เพชาวบา้ นสวน แตไ่ ปบวช เป็นพระในเมือง หรือตัวจังหวัดสุโขทัย จนกระทั่งเป็นเจ้าคณะ จังหวัดสุโขทยั แต่ก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่อฤทธิ์อีกชันหนง่ึ หรือเกจิ คณาจารย์อ่ืน ๆ ท่ียังเป็นท่ีรู้จัก และเป็นที่จดจาของชาวบ้านสวน ตังแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบัน ในฐานะท่ีเป็นพระสงฆ์ต้นแบบ เป็น พระเกจคิ ณาจารยท์ ีเ่ ปน็ ทีพ่ ง่ึ เป็นหลักชยั ให้กบั ชุมชน ประวัตศิ าสตรท องถิ่น 69 ประวัตศิ าสตรท์ อ้ งถิน่ จังหวดั สโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
๑.หลวงพ่อฤทธิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดฤทธ์ิศิริราษฎร์เจริญ ธรรม หรือวัดบ้านสวน คนส่วนใหญ่เติบโตและคุ้นชินกับความเป็น หลวงพ่อฤทธ์ิมาตลอดระเวลานาน ด้วยเป็นเกจิที่เล่ืองช่ือในเขต บ้านสวน เก่ียวกับประวัติการสร้างศาลาท่ีไม่ต้องใช้ตะปู แต่ใช้ล่ิม ในแบบโบราณ ค า บ อ ก เ ล่ า ใ น เ ร่ื อ ง ก า ร ย่ น ระยะทาง ห รื อ ฤ ท ธิ ภิ นิ หาร ท่ีปรากฏ เกีย่ วกับท่าน หลวง พอ่ ฤทธ์ิ วัดบ้าน สวน พระเถรา จ า ร ย์ จั ง ห วั ด สุโขทัย (หลวง พ่อฤทธ์ิ เทวะ) อดีตเจ้าอาวาส วั ด ฤ ท ธ์ิ ศิ ริ ราษฎร์เจริญธรรม (วัดบ้านสวน) ประวัติของหลวงพ่อฤทธิ์ ไม่มีถูก บันทึกมากนัก จึงทาให้รู้ประวัติของท่านน้อยมาก ทราบแต่เพียง 70 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลดั ระพิน พทุ ฺธิสาโร (ดว้ งลอย)
จากคนเฒา่ คนแก่ และ ศษิ ยข์ อง (หลวงพ่อซวง และหลวงพ่อห้อม) เท่านัน (หลวงพ่อฤทธ์ิ เทวะ) ทา่ นเปน็ คนทีต่ าบลบา้ นสวน ทา่ นเกดิ ช่วงประมาณ ปีพ.ศ.๒๓๘๕ บ้านเกิดท่านอยู่แถวๆหมู่บ้านคลอง ตะเคียน เม่ือโตขึนมาก็มาอยู่ที่บ้าน นายพลอย-นางตาล สุวรรณ โรจน์ (โยมลุง-ปา้ ) ซ่ึงบ้านติดกับ วัดฤทธศ์ิ ริ ิราษฎรเ์ จริญธรรม ตาม ประวัติแล้ว เมื่อท่านได้บวชเป็นพระแล้ว ซ่ึงก็ไม่ทราบว่าท่านใด เปน็ พระอปุ ฌั าย์ หรือพระอนุเสาวนาจารย์ ของทา่ น ในสมัยนัน (เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหม รงั สี) อดตี เจา้ อาวาสวดั ระฆงั โฆสิตาราม มชี อ่ื เสยี งโดง่ ดงั มาก (หลวง พอ่ ฤทธิ์ เทวะ) พร้อมด้วย (หลวงพ่อเจ๊ก วดั หวั ฝาย), (หลวงพอ่ แปะ๊ วัดคุ้งยางใหญ่) ท่ีตาบล บ้านสวน ได้ตกลงเดินทางเพื่อไปเรียนวชิ า กับเจา้ ประคณุ สมเด็จพระ พฒุ าจารยโ์ ต ท่วี ัดระฆงั ฯ การเดนิ ทางไป ครังนีท่านร่าเรียนอยู่กบั (สมเด็จพุฒาจารย์โต) ถึง ๖ พรรษา เม่ือ สาเรจ็ วชิ าที่ร่าเรยี นมาแล้ว จึงกราบลาพระอาจารย์ของทา่ น และได้ ธดุ งค์กลบั จงั หวดั สโุ ขทัย สว่ นหลวงพอ่ ฤทธิ์ เทวะ ขอแยกเดนิ ธุดงค์ ไปกราบนมัสการ พระพุทธบาท ท่จี ังหวดั สระบุรี ณ ท่ีแห่งนี ขณะที่ไปปักกรดอยู่ ณ ป่าใกลก้ ับพระพุทธบาท ปรากฏว่าในตอนเชา้ ขณะ (หลวงพอ่ ฤทธ์)ิ กาลังจะออกไปบณิ ฑบาต ได้มีเสือโคร่งตวั ใหญ่ มานอนอยู่บริเวณหน้ากรดของ หลวงพ่อฤทธิ์ ท่านไม่ได้ตกใจกลัวเลย ท่านบอกกับเสือตัวนันว่า เฝ้ากรดไว้ให้ดี อย่าไปไหน จนกระท่ังท่านไปบิณฑบาตกับมาแล้ว ปรากฏว่าเสือ ประวตั ิศาสตรทอ งถ่ิน 71 ประวตั ิศาสตรท์ ้องถิน่ จังหวดั สโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
โครง่ ตัวนันก็ยงั คงนอนอยกู่ บั ท่ี ท่านจึงบอกว่าไปไดแ้ ลว้ เด๋ียวคนอน่ื เขาเหน็ เขาจะทาร้ายเอา เสือโครง่ ตวั ใหญ่จงึ เดินหลีกหนีไป ทา่ นอยู่ ท่ีน่ีและกราบรอยพระพทุ ธบาท บรรดาพระสงฆ์ทังหลายผชู้ ่ืนชอบ การธดุ งค์ ส่วนมากจะไปทน่ี ก่ี ันมากมายเพื่อกราบรอยพระพุทธบาท ที่จังหวัดสระบุรี (หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ก็มักพาลูกศิษย์คือ หลวงพ่อฤาษีลิงดา หลวงพ่อฤาษีลงิ ขาว หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก หรือ แม้แต่หลวงพ่อจง วดั หน้าตา่ งนอก กม็ าท่นี ี่) สมัยนันเส้นทางเดินนีเป็นป่ารกชัด มีทังสิงสาราสัตว์ดุร้าย มากมาย หลังจากกราบไหว้พระพทุ ธบาทเป็นทเี่ รียบรอ้ ยแล้วทา่ นก็ ได้เดินทางไปกราบ (หลวงปูแ่ สง วัดมณีชลขันธ์) ลพบุรี ผู้เปน็ พระ อาจารย์ (สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ระหว่างทางเดินธุดงค์ กลับเส้นทางลพบุรีเพื่อกลับมายังสุโขทัย ในป่าของเมืองลพบุรี (หลวงพ่อฤทธิ์) ท่านได้มาพักปักกรดหน้าภูเขาแห่งหน่ึงและอยู่ที่ บริเวณหน้าถา ท่านสังเกตุเห็นว่าจะมีคนนาห่อข้าวอะไรสักอย่าง หนึ่งมาแขวนไว้ท่ีต้นไม้ที่ ปากถา แล้วสักพักหน่ึงท่านก็เห็นมีคน ลักษณะคลา้ ยชเี ปลือยผม หนวดเครายาว ไมม่ เี สือผา้ อาภรณป์ กปดิ เดินลงมาเอาห่อขา้ วนันไป ท่านสังเกตอยู่ ๒-๓ วัน ในวันที่ ๓ ท่าน ตัดสินใจเดินขึนไปบนถานัน และเมื่อไปถึงทา่ นก็กราบไปท่ีชายคน นัน ท่านนาผา้ อาบนาฝนและจีวร เข้าไปถวายใหท้ า่ นบอกว่าทา่ นนี เป็น (พระอรหนั ต์) แลว้ ขออนญุ าตปลงผม ปลงหนวดท่าน และเม่ือ ครองผ้าเสร็จเรียบร้อย หลวงพ่อฤทธิ์ ก็ได้กราบขอเรียนวิชา กับ 72 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลดั ระพิน พทุ ฺธิสาโร (ดว้ งลอย)
พระอรหันตพ์ ระองค์นี พระอรหันตอ์ งคน์ ีอยใู่ นถาจนสบง-จวี ร ขาด เปื่อยไปหมด ไม่รู้ว่าอายุกี่ร้อยปี ท่านไปบิณฑบาตนาอาหารมา ถวาย หานามาถวายและท่านกไ็ ด้เรียนวิชา จากพระอรหนั ต์ทา่ นนี จนจบหมดทุกอย่าง ท่านจึงกราบลาพระอาจารย์เพ่ือเดินทาง กลับมาท่ี วัดฤทธ์ิ ต.บ้านสวน จังหวัดสุโขทัย หลังจากกลบั มาอยทู่ ่ี วัดชอื่ เสยี งของทา่ นกข็ จรขจายโดง่ ดัง เมื่อกลับมาอยู่ที่วัดฤทธ์ิฯ ท่านก็เร่ิมทาการสร้างบูรณะวัด ท่านตัดไม้ถางหญ้าเองมีชาวบ้านมาช่วยท่านสร้างกุฎิสงฆ์ จนแล้ว เสร็จ หลังจากนันทา่ นก็ดาริทีจ่ ะสรา้ งศาลาการเปรยี ญ สมัยก่อนมี ไม้จานวนมาก ต้นใหญ่ๆมากมายตังแต่บา้ นครุ หนองไผ่เตียบ และ ดงดีปลี ล้วนแต่เปน็ ปา่ รกชัด แถวบริเวณบา้ นเหมืองใหญ่ซ่ึงชา้ งชกุ ชุมมาก ถ้าไม่ตีปี๊บก็ต้องจดุ ปะทัดดินปนื ไล่ช้าง ไม่อย่างนัน ช้างจะ เข้าไปทาลายบ้านเรือน สมัยก่อนมีจระเข้มานอนข้างถนนมากมาย เมื่อคนเดินมามันก็วิ่งลงบึงหนองคิง ระหว่างก่อสร้างศาลาการ เปรยี ญทา่ น (พระครเู ผ่ือน อุตโม) อดตี เจา้ อาวาสวัดฤทธ์ฯิ องคห์ นึ่ง ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านเปน็ เด็กมาว่ิงเลน่ เห็นเขาทาศาลาการเปรียญ กนั กป็ รากฏว่ามีฝูงอีแรง้ มาบนิ วนอยู่เหนือบรเิ วณวัดฤทธิ์ฯ ชาวบา้ น ท่ีมาทาศาลาการเปรียญกด็ ูกันสง่ เสียงออื องึ หลวงพ่อฤทธิ์จึงบอกวา่ ”พวกมึงอยากดมู นั ใกล้ๆม๊ยั เดยี๋ วจะเรยี กมันให้ลงมา” มีบางคน ก็บอกว่าอยากดูครับ แล้วท่านก็ยืนแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วเอา มือกวกั ไปทฝี่ ูงนกอแี รง้ ด้วยอทิ ธิปาฏิหาริย์หรอื อยา่ งไรไมท่ ราบ นก ประวตั ิศาสตรทองถิ่น 73 ประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถิ่น จงั หวัดสุโขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
อีแร้งฝูงนีค่อยๆบินลงมา ที่หลวงพ่อฤทธิ์ยืนอยู่ทังฝูงส่งกลิ่น เหมน็ สาบ เตม็ ไปหมด แลว้ หลวงพ่อฤทธิ์ก็บอกกบั นกท่เี ปน็ จ่าฝงู ว่า ให้รอที่นี่นะแล้วท่านก็ขึนไปท่ีกุฎิท่าน ท่านลงมาพร้อมกับเศษจีวร ท่าน และมัดตะกรุดไว้ที่ขาของอแี ร้งท่ีเปน็ จ่าฝงู หลังจากนันจงึ ให้ มันบินจากไปทังฝูง \"พระครูเผอ่ื น\" ท่านเล่าว่าหลังจากนัน ไม่มีใคร ยิงนกอีแร้งฝูงนีออกเลย สักคนเดียว ปืนด้านหมด เพราะคนทั่วไป เม่ือเห็นอีแรง้ บินก็จะยิงเล่น มีคนไปพบอีกที ปรากฏว่านกอแี ร้งจา่ ฝูงนีไปแกต่ าย ท่หี นองยายจีน หา่ งจากวัดฤทธิ์ไปสกั ๖-๗ กโิ ลเมตร คนทไ่ี ปพบกไ็ ดต้ ะกรดุ ดอกนันไป วัดฤทธ์ฯิ สมัยก่อน เตม็ ไปดว้ ยผคู้ นทเ่ี คารพรักศรทั ธา ใน ตัวหลวงพ่อฤทธิ์ มาหาท่านจานวนมาก ท่านาบริเวณหน้าวัด คลาคล่าไปด้วยเรือ ที่มาจอดบรเิ วณวัด มีเรือมอญขายสนิ ค้าขนาด ใหญ่จอดอยู่ มีคนจีนเร่ิมมาปักหลัก ทามาหากนิ แขกประจาผู้หน่งึ ซง่ึ เมือ่ วา่ งเว้นงานราชการ ทา่ นก็จะมาหา หลวงพ่อฤทธเ์ิ ป็นประจา คือ ท่านเจ้าเมืองสุโขทัยสมัยนันคือ (พระยาวิเชียรปราการ) อดีต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ท่านมักชอบมาทางเรือเพราะสะดวก โดยนาเรือขึนไปทางบางคลอง แล้วเลยี วเข้าคลองต้นข้อก็จะผ่านไป ทางตาลเตีย และถึงที่วัดฤทธิ์พอดี ณ ท่ีแห่งนี หลวงพ่อฤทธิ์มีอีก สถานท่ีหนึง่ คือเครอื่ งสบู ทอง ท่านชอบเลน่ แรแ่ ปรธาตุ จนสามารถ ทาเป็นทองได้ (หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่) ท่านก็มาเรียนวิธีทา พระเนอื ชนิ กับหลวงพอ่ ฤทธิ์ ทา่ นเปน็ พระสหธรรมมิกกับหลวงพ่อ 74 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลดั ระพิน พุทธฺ ิสาโร (ด้วงลอย)
ฤทธิ์รักใครช่ อบพอกนั มาก ทา่ นมาทวี่ ัดบ่อยมาก หลวงพอ่ แป้น วัด เสาธงใหม่ ก็ส่งให้ (หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว) มาเรียนวิชาคาถา เพม่ิ เติมทน่ี ีจ่ าก (หลวงพ่อฤทธิ์) ขณะนัน หลวงพอ่ ซวง บวชไดเ้ พียง ๗ พรรษา และ (หลวงพ่อหอ้ ม) ก็ได้ร่าเรยี นวิชานีด้วยเชน่ กัน หลวงพ่อฤทธิ์ ท่านสามารถย่นระยะทางได้ มีวันหนึ่งทา่ น บอกกับพระกบั โยมว่า ท่านจะไปบางกอกแลว้ ท่านกไ็ ป พอถึงตอน เย็นท่านกก็ ลับมาพรอ้ มดว้ ยข้าวของพะรงุ พะรัง ครันเมื่อฉนั ท์เชา้ ก็ ปรากฏว่ามีกับข้าวดีๆ มีผลไม้แปลกๆที่แถวบ้านสวนไม่มี ท่านว่า ท่านไปบิณฑบาตที่บางกอก แล้วท่านก็สอน (หลวงพ่อซวง) กับ (หลวงพ่อห้อม) วา่ ถ้าสามารถทาสมาธจิ ิตใหเ้ ป็นหน่งึ ไดจ้ ะทาอะไรก็ ได้ทังนัน หลวงพ่อฤทธิ์ ใช้กระสุนคด ปราบคนเมา ป้าแป้นโยมผู้ ศรัทธาหลวงพ่อฤทธิ์ เป็นอย่างมาก ท่านเล่าให้ฟังว่าสมัยท่านเป็น เด็กมาวิ่งเล่นที่วัดงานประจาปีของวัดน้อย ขณะที่ผู้คนกาลัง สนุกสนานก็มีผู้ชายคนหน่ึงชื่อนายมี เมาเหล้าเดินเข้ามาในวัดส่ง เสียงดัง โวยวาย หลวงพ่อฤทธิ์ จงึ ใหค้ นไปบอกวา่ อย่าดัง แต่นายมกี ็ ไม่เชื่อกลับส่งเสียงดังมากขึน หลวงพ่อฤทธ์ิจึงใช้กระสุนยิง ซ่ึง ปรากฏว่าไม่ว่านายมีจะไปหลบท่ไี หนก็ได้ยินเสยี งดังโอยๆ กระสุน ไม่โดนใครเลยทังท่ีคนเต็มวัดถูกเฉพาะนายมีคนเดียวเท่านัน จน นายมีนีต้องร้องบอก หลวงพ่อครบั ผมยอมแล้วครบั หลวงพ่อฤทธ์ิ จงึ หยุดยิง ประวตั ศิ าสตรท องถ่ิน 75 ประวตั ศิ าสตร์ทอ้ งถิ่น จงั หวัดสโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
มีครังหนึ่งระหว่างที่ หลวงพ่อฤทธ์ิอยู่กับหลวงพ่อซวง พร้อมญาติโยม ทร่ี ิมคลองข้างวัดบริเวณวงั สาโรงใกลต้ ้นมะขาม วงั นี ได้ขึนชื่อว่าวังนาวนสมัยก่อน นาจะไหลมาหมุนวนท่ีน่ีน่ากลัวมาก จ่ๆู หลวงพอ่ ฤทธก์ิ บ็ อกวา่ ขา้ มีพระจะใหใ้ ครกล้าบา้ ง แลว้ ทา่ นกโ็ ยน ไปทบ่ี รเิ วณที่วังสาโรงนาไหลวนอยู่ นา่ อัศจรรย์ใจมาก พระลอยอยู่ เหนือนาไมจ่ มไป กับสายนาแตย่ ังลอยอย่ซู ง่ึ บริเวณนนั เปน็ วงั สาโรง (หลวงพอ่ ฤทธิ)์ ทา่ นก็บอกว่าใครอยากไดก้ ็ให้ไปเอา แตต่ รงนันเป็น วังสาโรงผู้คนต่าง กลัวไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เน่ืองจากเป็นวังนาวน หมุน แต่ก็ปรากฏว่า มีผู้ชายคนหน่ึงกล้ามาก เขาบอกหลวงพ่อวา่ เขาจะไปเอา แล้วเขากเ็ ดนิ ลงไปทใี่ นนา แต่สิง่ น่าอัศจรรยใ์ จกค็ ือเขา เดินบนผวิ นาได้อย่างสบายโดยท่เี ทา้ ไมเ่ ปยี ก นาเลย แลว้ กห็ ยบิ เอา พระน่ันใส่กระเป๋าแล้วก็กลบั มากราบทีเ่ ทา้ หลวงพ่อฤทธิ์ หลวงพ่อ ฤทธิ์ก็บอกคนอื่นๆว่า ”กูบอกแล้วว่าใครกล้าก็ไปเอาแต่พวกมึงไม่ กลา้ เอง” หลวงพ่อฤทธิ์ มีความชานาญในการสร้างเครื่องรางของ ขลังประเภทเนือชิน วัดของท่านถือเป็นสรรพวิชาทางด้านไสยเวท นอกจากนีท่านยังชานาญทางตารับ ยาสมุนไพร ยากลั่นหรือยา เปรียว ของท่าน สามารถใช้รักษาคนถูกสุนัขบ้ากัด งูกัด หรือใช้ รักษาโรคปวดท้องจากสาเหตุต่างๆ ได้ชะงัดนัก และท่ีสุดยอดมาก คือ ท่านยังสาเร็จวิชาเล่นแรแ่ ปรธาตุ สามารถแปลงโลหะธรรมดา 76 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลดั ระพนิ พทุ ฺธิสาโร (ด้วงลอย)
ใหเ้ ปน็ ทองคาได้ ซ่ึงท่านจะทาเปน็ ครังคราว เพอ่ื หาปจั จัยมาบูรณะ และสร้างศาสนสถานภายในวดั บ้านสวน ใหเ้ จรญิ มาเชน่ ปัจจบุ นั เกจิคณาจารยบ์ า้ นสวนนอกจากหลวงพ่อฤทธ์ิยงั มี หลวงพ่อเจ๊ก หรือพระครูสงั ฆรกั ษ์เจก๊ อดีตเจ้าอาวาสวัด หัวฝาย ท่ีมีประวัติว่าเคยมาศึกษาท่ีกรุงเทพ กับสมเด็จพระพุฒา จารยโ์ ต ซึง่ กเ็ ปน็ เถราจารย์ท่มี ผี ู้เคารพนบั ถือกระทง่ั ปัจจุบัน หลวงพอ่ แปะ๊ อดีตเจ้าอาวาสวัดคุ้งยางใหญ่ อันเปน็ ค่สู วด หลวงพอ่ หอ้ ม อมโร (พระราชพฤฒาจารย์ วดั คหู าสุวรรณ) มีประวัติ ในความเป็นเถราจารย์ท่ีเคยเดินทางไปยังกรุงเทพ ร่วมสมัยกับ หลวงพ่อฤทธิ์ (วัดฤทธิ์) หลวงพ่อเจ๊ก (วัดหัวฝาย) เคยไปศึกษากับ สมเดจ็ พระพุทฒาจารยโ์ ต แหง่ วดั ระฆงั และรอนแรมเดนิ ทางธดุ งค์ กลับมายังถ่ินบา้ นสวน สุโขทัย ประวัติศาสตรทอ งถ่ิน 77 ประวตั ิศาสตร์ท้องถิน่ จงั หวัดสุโขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
เกจิในชันต่อมาที่เป็นชาวบ้านสวน ท่ีนับเปน็ ศิษย์กม็ ีหลวง พ่อห้อม อมโร (วัดคูหาสวุ รรณ จ.สุโขทยั ) ซึ่งเป็นพระเถราจารย์ที่ ได้รบั ความเคารพนับถือ หลวงพ่อห้อม อมโร วัดคูหาสุวรรณ ต.ธานี อ.เมือง จ. สุโขทัย สมณศักด์ิชันสูงสดุ คือ พระราชพฤฒาจารย์ หรือ พระสุขว โรทยั เดมิ ช่ือ ห้อม เปน็ บุตรนายเรอื ง นางมาลัย ครฑุ นาค ปูช่ ือ่ นาย ครุฑ ย่าช่ือนางพลึง ตาชื่อนายต่ิง ยายช่ือนางปราง อยู่ในหมู่บ้าน เดียวกนั คอื บ้านคลองตะเคียน หมทู่ ี่ ๑๒ ปจั จบุ ันเป็นหมทู่ ี่ ๓ ตาบล บ้านสวน อาเภอเมือง จังหวัดสโุ ขทัย ปู่เป็นผใู้ หญบ่ ้าน พ่อ-แม่ อยู่ บ้านปู่ย่าจึงคลอดท่ีบา้ นปู่ คลอดวันอังคาร แรม ๑๓ ค่า เดือนย่ี ปี วอก วันท่ี ๑๙ มกราคม ๒๔๕๑ เวลาประมาณ ๕ โมงเย็น เวลา คลอดมีคนมาเยี่ยมกันมาก ปู่จึงถือนิมิตนี ตังช่ือให้ว่า ห้อม เม่ือ คลอดแล้วคงอยู่ที่บ้านปู่ ย่า ต่อมาพ่อถูกเกณฑ์ให้ไปเปน็ ทหารเขา้ ประจาการท่ีพิษณุโลก เม่ือถึงกาหนดปลดประจาการ ถูกระดมไป ในราชาภิเษกรัชกาลท่ี ๖ ขึนครองราชย์ เมื่อกลับมาถึงกอง ประจาการแล้วอยู่คอยรับใบกองหนุน เวลาเท่ียงคืนลงท้อง (ทอ้ งเสีย) อยา่ งแรง เขา้ ใจวา่ เปน็ อหิวาตกโรค พอสว่างก็ขาดใจตาย เขาเอาศพไปฝงั ไวท้ ี่ป่าชา้ วัดยาง พษิ ณุโลก ตายเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔ เดือน ๔ 78 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลัดระพนิ พทุ ฺธสิ าโร (ด้วงลอย)
นายเต่า ครุฑนาคพ่ีชายคนโต (ของพ่อ) ได้ไปขุดศพขึนมา เผาเก็บอัฐิธาตุมาให้ อัฐิธาตุนีได้เอาใส่ไว้หลุมนิมิต (หลุมลูกนิมิต) หลุมกลางรวมทังปู่ย่าด้วยในวันผูกพัทธสีมาวัดฤทธิ์ พ.ศ.๒๔๗๖ นายรอด คงเนียม (พ่อของท่านพระสุธรรมธีรคุณ (เจ้าคุณดารง พทฺธญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไทยชุมพล) เป็นลูกพ่ีลูกน้องกันไป เป็นทหารอยู่ด้วยกัน แต่เป็นทหารหลัง ๑ ปี เล่าว่า ได้เอาใจใส่ พยายามรักษาอย่างเต็มท่ี เวลาตายก็นอนตายในตักของแกเอง หลังจากพ่อตายแล้ว ตายายก็รับเอามาเลียงส่วนแม่ก็มีสามีต่อไป พ.ศ.๒๔๕๕ ถงึ พ.ศ.๒๔๗๗ เปน็ คุดทะราด คอื เป็นแผลตามใบหน้า ตามัวแขนขาแทบทังตัว ต้องรักษาอยู่ ๓ ปี จึงหายได้ พ.ศ.๒๔๕๘ เดือน ๗ ฝนตกนาขังในคลองแคน้อย ซ่ึงห่างจากบา้ นตา ประมาณ ๕ เสน้ ไดไ้ ปลงเล่นนา ไปคนเดียว เดินลงไปถงึ หลุมท่ีขดุ ไวจ้ งึ ตกลง ไปมดิ หวั ต้องกินนาเสยี หลายกลนื นายแจ้ง ดีร่อง สกั ว่าเป็นอา เอา ควายไปลงนาเห็นเข้า จึงได้เอาขึนมาได้ พ.ศ.๒๔๕๙ นายจ่าง พุ่ม ม่ัน ซ่ึงเป็นน้าออกจากทหารมาบวชจาพรรษาอยู่วัดศิริราฎรเ์ จริญ ธรรม(ฤทธ์ิ)เข้าไปอยูว่ ัดด้วย หลวงน้าใหเ้ รียนหนังสือ เดิมหัดเขียน ก.ข.๔ น้อย ซึ่งมี ๓๕ ตัว อักษรมีมีตัวอักษรดังต่อไปนี ก.ข.ค.ฆ.ง. จ.ฉ.ช.ฌ.ญ. ด.ต.ภ.ท.ธ.ฒ.พ.บ.ป.ผ.ฝ.ภ.ม.ย.ล.ร.ว.ส.ห.ฬ.อ.ฮฯ ใช้ ไม้กระดานยาวประมาณ ๒ ศอกกวา้ งประมาณ ๑๕นิว เอาดินหม้อ มาผสมขา้ วสุกทา เอาดินเหนียวมาปั้นเป็นดินสอเขียนหนังสือลงใน กระดาน พ.ศ.๒๔๖๑ ไปเข้าโรงเรียนประชาบาล วัดคุ้งยางใหญ่ ประวตั ศิ าสตรท อ งถ่ิน 79 ประวตั ศิ าสตร์ทอ้ งถิน่ จงั หวัดสโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
ตาบลบ้านสวน อาเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เรียนอยู่ ๒ ปีอ่าน หนงั สือแบบเรยี นเรว็ เลม่ ๑ ไดเ้ พยี งคร่ึงเล่ม พอบวกลบได้ทเี่ รียนได้ น้อยนัน เพราะปีหนึ่งได้เรียนเพียง ๓ เดือน คือเข้าเรียน ๓ เดือน นอกนนั ต้องออกไปเลียงควายอยู่ทุ่งนา พ.ศ.๒๔๖๕ ไปอยู่เลียงควายให้นายชุ่ม นางพลับ ป้ันสารี สกั เปน็ ยายซึ่งเป็นพ่ขี องยาย บ้านวงฆ้อง ตาบลเกาะตาเลยี ง อาเภอ ศรีสาโรง จังหวัดสุโขทัย เดือนอ้ายหนาวจัด ๓ โมงเช้าจึงเห็นดวง อาทิตย์ เล่นปืนก้านร่ม เอาก้านร่มที่เป็นเหล็ก มาตัดทาเป็นปืนใช้ ยิงนกเล็กๆ ขอดินปืนจากตาชุ่มใส่ขวดเล็กไว้ใช้ เอามาใช้เวลาเช้า มืด ข้างขวดเย็นเป็นนา จึงเอาขวดท่ีใส่ดินปืนมาอังไฟ (ลนไฟ) ไฟ แลบเข้าขวดดนิ ปนื ในขวดจงึ ระเบิดแตกกระเด็นใสต่ าข้างซ้ายถึงกับ หงายทอ้ ง ต้องรกั ษาตาอย่เู ดอื นจึงหาย ไปเลียงควายเขาให้ข้าว ๔๐ ถงั นัดให้แม่เอาล้อ(เกวียน)มาลาก แมไ่ มไ่ ปลากตามกาหนด เขารือ ครัวเข้า ข้าวกองอยู่ในลานนาบึง รุ่งวันไปดูขโมยลกั ขนเอาไปหมด ในปีนันไม่ได้คา่ แรง พ.ศ.๒๔๖๗ นายจ่อง พุ่มอิ่ม ไปทาไม้ที่บงึ หญ้า ตาบลสาม พวง อาเภอคีรมี าศ ในสมัยนนั ยงั เป็นอาเภอเมอื ง จังหวัดสุโขทัย มา ขอใหไ้ ปขับลอ้ (เกวียน) ลากไม้จากบงึ หญา้ มาลงทโ่ี ตนดทงิ ไมท้ ีห่ นา้ วัดวาลุการาม ไปอยู่แต่เดือน ๓ ถึงเดือน ๖ รวม ๔ เดือน ไม่ได้ ค่าแรงเลย พ.ศ.๒๔๖๙ ไปอยู่เลียงควายให้นายพลอย นางตาล สุวรรณโรจน์ ได้ข้าว ๑ เกวียน พ.ศ.๒๔๗๑ เดือน ๑๐ เป็นไข้หนกั 80 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลัดระพนิ พุทธฺ สิ าโร (ดว้ งลอย)
ถึงกับลืมตัว ได้หมอชวน อยู่ทอง รักษา เป็นหมอโบราณ เม่ือหาย แล้วผมรว่ ง มีพ่ีน้องร่วมท้องเดียวกัน ๔ คน แต่ต่างบิดากนั ๑.นาย ห้อม บุญมี ๒.นางจันทร์ ขาแจง ๓.นางถ้วน อยู่ทอง ๔.นายถนอม บุญมี ชีวิตในเพศบรรพชิต เข้าบวชท่ีพัทธสีมาวัดคุ้งยางใหญ่ ตาบลบ้านสวน อาเภอเมืองจังหวัดสุโขทัย มีพระครูวินัยสาร (ทิม ยสทินฺโน,พ.ศ.๒๔๒๔-๒๕๑๔,อายุ ๘๙ ปี พรรษา ๖๙) อดีตเจ้า อาวาสวัดราชธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าคณะอาเภอเมืองสุโขทยั ต่อมาท่านได้เลื่อนขึนเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย นามสมณะ ศักดวิ์ ่าพระครูวินิจฉัยพุทธบญั ญัติและต่อมาไดเ้ ลอื่ นขนึ เปน็ เจา้ คณะ จังหวัดสุโขทัย (พ.ศ.๒๕๐๘-๒๕๑๓) มีสมณะศักดิ์ว่าพระราชประ สิทธิคุณเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสงั ฆรกั เจ๊ก เจ้าอาวาสวัดหวั ฝาย เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการแปะ๊ เจา้ อาวาสวดั คุ้งยาง ใหญ่เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เข้าอุปสมบทในวันพฤหัสบดี แรม ๔ ค่า เดอื น ๕ ปีมะโรง วนั ที่๑๙ มีนาคม ๒๔๗๑ มีผเู้ ขา้ รว่ มอปุ สมบท ด้วยกันทังสิน ๒๗ คน เข้าโบสถ์เวลาเช้ามืด เข้าสวดญัตติคู่ท่ี ๑ มี พร้อมกัน ๓ คน ๑.นายแล เรืองโต ๒.นายห้อม บุญมี ๓.นายยาค เกตุเอ่ียม สาเร็จญัตติ เวลา ๙.๐๐ น.ได้นามฉายา อมโร ประเพณี การบวชที่ ต.บ้านสวน ในสมัยนัน ยังต้องไปแต่งตัวเป็นนาคที่วัด ก่อนบวช วันแรม ๓ ค่า ตอนบ่ายจึงไปโกนหัวอาบนาแต่งตัวรบั ศลี เป็นนาคท่ีวัดคุ้งยางใหญ่ แล้วขึนคานหาม แห่ไปพักท่ีร่มโพธ์ิทุ่งนา ประวตั ิศาสตรท องถน่ิ 81 ประวตั ิศาสตรท์ ้องถิ่น จังหวัดสุโขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
บา้ นคลองแคใหญ่ เตน้ รากนั พอสมควรแล้วขึนคานหาม แห่เขา้ บ้าน ตอนเย็นทาขวัญนาค ได้นายแว่ว เป็นหมอทาขวัญ กลางคนื มเี พลง บวชแล้วมีเพลงฉลองอีก ๑ คืน ในงานนีได้รับการช่วยเหลือเป็น อย่างมาก คือ ๑.นายพลอย-นางตาล สุวรรณโรจน์ ช่วยผ้าไตร ๑ ไตร ๒.นายไม้-นางพวง นักเพลงทมี่ ชี ่ือเสียงในสมัยนัน อยู่บ้านแสง ดาว พิษณุโลก มีศักด์ิเป็นน้า มาเล่นเพลงช่วย ๒ คืน ๓.นายทอง นายเท่ียง บ้านเกาะไม้แดง อ.ศรีสาโรง เอากลองยาวมาแห่ให้ ๔. นายหนาบ บ้านวัดบอน เอาพณิ พาทย์มาตใี ห้ ๕.พวกญาติไปหาปลา ในบึงมากันหลายหาบและที่บ้านก็เลียงหมไู ว้ด้วย ๖.บางพวกก็ทา เหล้า-นาขาว(สาโท) มาชว่ ยหลายโอง่ ในงานบวชครงั นจี ึงไมไ่ ด้กู้ยืม เงนิ ใครมาใชเ้ ลย เมื่อบวชแล้วจงึ มาอยู่จาพรรษาที่วัดฤทธ์ศิ ิรริ าษฎร์ เจรญิ ธรรม โดยมหี ลวงพอ่ ฤทธ์ิ เทวะ เปน็ เจา้ อาวาส มีพระอาจารย์ โป่ง เป็นรองเจ้าอาวาส ศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน พระเดช พระคุณหลวงพอ่ หอ้ ม ได้สนใจใฝ่ศกึ ษามาตังแต่เป็นวยั เด็กโดยมีตา ของท่านเปน็ ผมู้ วี ิชาอาคมเปน็ ทีอ่ ัศจรรย์ ท่านเล่าว่ามีอยู่ครังหนึ่งมี ไก่ตวั ผซู้ ึ่งเป็นไกท่ ตี่ เี ก่งและมันไปตดิ ตัวเมยี ไมย่ อมกลับบ้าน ทา่ นจึง จะ ออกไปตามหาแต่ตาของท่านบอกวา่ ไมต่ อ้ งไปหรอกประเดย๋ี วจะ เรียกมันกลับมาเอง ตอนนีให้ไปหาข้าวให้ตากินก่อน ท่านจึงไป จัดหาขา้ วให้ตากนิ ตอ่ มาเวลาพลบคา่ ตาท่านก็เรียกทา่ นมาหาบอก ว่าไก่มาแล้ว และท่านก็เห็นตาท่านอุ้มไก่อย่ใู นมุ้งแลว้ ก็ส่งให้หลวง พ่อ ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่ามันน่าอัศจรรย์ใจมากเพราะตาของท่านไม่ 82 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลัดระพิน พทุ ธฺ สิ าโร (ดว้ งลอย)
สามารถเดินไปไหนได้ ดวงตาทา่ นมองไมเ่ หน็ (ตาบอด) แตส่ ามารถ ใช้วิชาเรียกไก่มาได้ และทุกๆวันจะเห็นคนมาขอสีผึง ขอแป้งเสก จากตาท่านจานวนมาก ทาให้หลวงพ่อสนใจที่จะศึกษาวิชาด้านนี ต่อมาระหว่างไปเลียงควายได้พบกับลุงอีกคนหนงึ่ ชื่อว่าลุงช่วยเป็น คนบ้านสวน หลวงพ่อเล่าว่า ระหว่างเลยี งควายดว้ ยกันลุงกจ็ ะใช้ให้ ไปย้ายควายกินหญา้ บ้าง ให้เอาควายไปกินนาบา้ ง โดยลุงช่วยบอก ว่าจะสอนวิชาให้ แล้ววันหน่ึงลุงช่วยก็เรียกท่านมาแล้วบอกว่าให้ ลองเอามีดแทงท่ีแขนซิ ก็ปรากฏว่าไม่เข้า ทาให้ท่านตื่นเต้นมาก และลุงชว่ ยกส็ อนให้แกท่ ่านลงุ ช่วยบอกว่าเปน็ วิชาของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร ซ่ึงลุงช่วยเป็นลกู ศิษย์ของหลวงพอ่ เงนิ วัดบางคลาน ซ่ึงหลวงพ่อเงินสมัยนันมีช่ือเสยี งโด่งดังมาก ซ่ึงต่อมา พระเดชพระคุณหลวงพ่อห้อมได้นาวิชานีมาเป็นคาถาในการปลุก เศกวัตถุมงคลเพือ่ ให้มีผลในทางคงกระพัน ซึ่งท่านเล่าว่าก่อนทจ่ี ะ นาไปปลุกเศกเหรียญหรือวัตถุมงคล ทาอย่างไรจึงจะรู้ว่าคาถายัง ใชไ้ ด้ดอี ยู่ หลวงพ่อจึงลองปลกุ เศกตะกรุดและนาตะกรดุ ดังกลา่ วไป ใสใ่ นปลาชอ่ นซ่ึงตายแล้วและเห็นวา่ แมค่ รัวกาลงั จะทาอาหารถวาย พระใน วัดคหู าสุวรรณนนั่ เอง โดยท่านใชก้ ศุ โลบายวา่ ให้แมค่ รวั นัน ไปเอาของใหห้ น่อยและท่านก็เอาตะกรุดซง่ึ ลงอักขระยันต์ดังกลา่ ว ใส่ปากปลาช่อนนัน ต่อมาแม่ครัวก็กลับมาเพื่อทาปลาแต่ก็ปรากฏ ว่าไม่ว่าจะใช้มีดฟันไปท่ีปลาช่อนตัวนันไปกี่ครังก็ไม่เข้า เม่ือเห็น ดังนันท่านจึงบอกแม่ครัวให้ไปเอาของอีกครังหน่ึงและเอาตะกรุด ประวัติศาสตรท องถิน่ 83 ประวัติศาสตรท์ อ้ งถิ่น จังหวดั สโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
ดอกนันออกเสียและก็ใช้ พระคาถานันมาปลุกเศกวัตถุมงคลของ ท่านเพื่อให้เกิดผลในทาง คงกระพัน นับแต่นันมา (หลวงพ่อห้อม อมโร ขณะบวชได้ ๒ พรรษา) ในวยั เดก็ วัยหนุ่มของหลวงพ่อจงึ ได้ศึกษาวชิ าอาคมมาบา้ ง แลว้ ท่านเคยเลา่ ใหฟ้ งั ว่าว่าครงั หนง่ึ ทา่ นเป็นเด็กหนมุ่ ได้เดินทางไป เที่ยวถึงวดั บ้านซา่ น อาเภอศรีสาโรง จงั หวดั สุโขทยั ไปกับเพือ่ น ๒- ๓ คน เม่ือขณะกาลังจะเดินทางกลับก็มีวัยรุ่นแถวบ้านซ่าน หลาย คนทาท่าจะมาหาเร่ือง ท่านบอกว่าท่านไม่ได้รู้สึกกลัวเลย เฉยๆ ท่านบอกให้เพ่ือน ท่านเดินอ้อมไปก่อนส่วนตัวท่านสูบบุหร่ีอย่าง เตม็ ทที่ งั บริกรรมคาถา แลว้ ก็เดนิ ผ่านไปกลางวัยรนุ่ กลมุ่ นนั แล้วพ่น บุหรี่ไป ปรากฏว่าวัยรนุ่ กลุม่ นันก็ตกี นั เองจา้ ละหว่ัน สว่ นท่านก็กลบั บ้านโดยปลอดภัย ท่านเรยี กว่าวิชา (อาพดั บุหร่ี) ซงึ่ เหตุการณอ์ ย่าง นีก็เกิดหลายครังแต่ท่านก็ปลอดภัยทุกครัง เม่ือท่านถึงเวลา อุปสมบทท่านไปอยู่วัดฤทธิ์หรือวัดน้อย เนื่องด้วยมคี วามเคารพรกั แ ล ะ ศ รั ท ธ า ใ น ตั ว ห ล ว ง พ่ อ ฤ ท ธิ์ เ ป็ น อ ย่ า ง ม า ก เ ฉ ก เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ ชาวบ้านทังตาบลบ้านสวน และต้องการเรียนรู้วิปัสสนากรรมฐาน และคาถา-อาคมกับหลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ ซึง่ ท่านเจา้ อาวาสวัดฤทธ์ิฯ นี หลวงพอ่ ฤทธน์ิ ันเดมิ ทา่ นเปน็ คนบา้ นคลองตะเคียน ต.บา้ น สวนน่ีเอง ต่อมาท่านได้อุปสมบทและเม่ือครังกิตติคุณช่ือเสยี งของ เจา้ ประคุณสมเด็จพฒุ าจารย์โต พรหมรงั ษี แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม 84 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลดั ระพนิ พุทธฺ สิ าโร (ด้วงลอย)
โดง่ ดังมาก ท่านจงึ ไดช้ กั ชวนเพอื่ นสหธรรมมิกของท่านคือหลวงพ่อ เจ็ก วดั หัวฝาย และหลวงพอ่ แป๊ะ เจา้ อาวาสวดั คุ้งยางใหญ่ เดนิ ทาง ไปเรยี นศึกษาวปิ สั สนากรรมฐานกับเจา้ ประคณุ สมเดจ็ พุฒาจารย์โต พรมรังสี เจ้าอาวาสวัดระฆัง ที่บางกอก (สมัยนันเรียกกรุงเทพว่า บางกอก) เมอื่ เรยี นอยู่ทน่ี ่นั ๖ พรรษา สาเรจ็ จึงเดินทางกลบั มาบา้ น และเป็นเจ้าอาวาสวัดฤทธ์ิศิริราษฎรเจริญธรรม และมีช่ือเสียงโด่ง ดังมากในสมัยนัน (หลวงพ่อสัมฤทธ์ิ เทวะ) หลังจากพระเดช พระคุณหลวงพ่อห้อมได้มาพานัก ณ วัดฤทธ์ิศิริราษฏร์เจริญธรรม แล้ว ท่านก็เริ่มศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อฤทธ์ิซึ่งเป็น อาจารย์ทันที ท่านต้องท่องหนังสือหรือต่อหนังสือจากพระรุ่นพีซ่ งึ่ หลวงพ่อห้อม มคี วามรู้น้อยมากทา่ นเล่าว่าการตอ่ หนังสือก็โดยการ ใ ห้ พ ร ะ รุ่ น พ่ี ท่ อ ง ใ ห้ ฟั ง แ ล้ ว ท่ า น ก็ หัด ท่ อ ง ต า ม ซึ่ง เ รี ย ก กั น ว่ า ต่อ หนังสอื ท่านท่องจนได้ ในพรรษานที า่ นเร่มิ ทาสมาธิอยา่ งจรงิ ๆจังๆ และท่านก็ได้เล่าให้ฟังว่า ตอนทาสมาธิใหม่ๆเม่ือจิตเกิดความสงบ ขึนในจติ ใจก็ปรากฏว่าในนมิ ิตของท่านมีงูตัวใหญม่ ากมาฉกกัดท่าน แตท่ ่านก็ไมไ่ ด้รู้สกึ กลวั ท่านบอกว่าคงเป็นเทวดามาแกล้งทดลองใจ ทา่ นทาสมาธิไดด้ ีทเี ดยี ว นอกจากนีในวดั ฤทธิ์ก็ปรากฏวา่ มีแขกของ หลวงพ่อฤทธิ์ เทวะ รวมทังชาวบา้ นมาหาอยา่ งมากมายในแต่ละวัน แม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ในสมัยนันคือพระยาวิเชียร ปราการ ก็นาเรือมาทางแมน่ ายมและเลียวเข้าทางบางคลองเข้ามา เทยี บทา่ ทวี่ ดั ฤทธิเ์ พ่ือกราบนมสั การหลวงพอ่ ฤทธิ์ รวมทงั นาอาหาร ประวัติศาสตรท อ งถิ่น 85 ประวัติศาสตรท์ ้องถิน่ จงั หวดั สโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
มาถวายอย่างมากมาย หลวงพ่อเลา่ ว่าการเดินทางสมยั นันทางเรอื เปน็ ทางทีส่ ะดวกท่สี ุดเพราะว่าทางบกต้องเดิน หรือใชเ้ กวยี นซงึ่ ต้อง ใช้เวลา ท่านอยู่ท่ีวัดฤทธิ์อย่างมีความสุข และนอกจากชาวบ้าน แขกเหรื่อแล้ว ก็ยังมีพระเถระต่างๆ มาเยี่ยมเยียนหลวงพ่อฤทธิ์ จานวนมากไม่ว่าทังใกล้และไกล เท่าที่ท่านจาได้ก็มีหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ พระเกจิอาจารย์ช่ือดังของจังหวัดอยุธยา ก็เป็นพระ สหธรรมมกิ กบั หลวงพอ่ ฤทธิ์ เทวะดว้ ย ซึ่งหลวงพ่อแปน้ มาทีว่ ดั ฤทธ์ิ นีบ่อยมาก หลวงพ่อห้อมเล่าว่าท่านเดินทางมาศึกษาวิชาทาพระ เนือชินจากหลวงพ่อฤทธิ์ ซ่ึงวัดฤทธ์ิหรือวัดน้อยในสมัยนันยังเป็น ศูนย์รวมสรรพวิชา ไม่ว่าจะยาสมุนไพร หรือยากลั่นหรือยาเปรียว ซึง่ ตอ่ มาพระเดชพระคุณหลวงพ่อหอ้ มกม็ าใชร้ กั ษาคนถกู หมาบ้ากดั หรือถูกงูกดั หรอื แก้อาการปวดท้อง พระเดชพระคุณหลวงพ่อห้อม อยู่ทวี่ ัดฤทธ์ินีได้ ๑ พรรษา หลวงพ่อฤทธิ์ได้เรียกท่านมาหาแล้วบอกให้ท่านไปเรียน ศึกษาต่อที่ในจังหวัดสุโขทัยเพื่อให้มีความรมู้ ากขึน ซ่ึงท่านก็ได้มา อยู่ทวี่ ัดราชธานี แต่เนื่องจากในสมยั นันมพี ระอยจู่ านวนมาก จงึ ตอ้ ง ไปนอนในวิหารวัดราชธานีซึ่งปรากฏว่าในวิหารเย็นมากและ กลางคืนก็หนาว ซึ่งอยู่ท่ีวัดราชธานีได้ไมก่ ี่วันหลวงพ่อดับ (พระครู สขุ วโรทัย (ประดับ อนิ ฺทโชโต) ,พ.ศ. ๒๔๓๙-๒๔๗๗) เจ้าอาวาสวัด คูหาสุวรรณก็ได้เดินทางมาทว่ี ัดราชธานี เพ่ือชวนหลวงพ่อห้อมให้ ไปอยู่ด้วยกันที่วัดคูหาสุวรรณ ซ่ึงหลวงพ่อดับก็เป็นคนบ้านสวน 86 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลัดระพนิ พุทฺธิสาโร (ด้วงลอย)
เหมือนกัน เม่ือหลวงพ่อดับบอกว่าถึงท่ีวัดคูหาสุวรรณ มันจะคับ แคบแต่ก็อยากให้ไปอยู่ด้วยกัน ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อดับ ท่านจึงข้ามฝ่ังมาอยู่วัดคูหาสุวรรณ นับแต่นันมา คือวันท่ี ๑ เมษายน ๒๔๗๓ พ.ศ.๒๔๗๔ ท่านเข้าเรียนนักธรรมสอบได้นักธรรมชันตรี พ.ศ.๒๔๗๖ สอบได้นักธรรมชันโท พ.ศ.๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมชัน เอก ในสานักเรียนวัดราชธานี พ.ศ. ๒๔๘๗ สมัครเข้าสอบ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ ทีโ่ รงเรยี นสุโขทัยวิทยาคมสอบได้มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ หลวงพอ่ หอ้ มเป็นพระเถราจารย์ท่ีมผี นู้ บั ถอื จานวนมาก จดั สรา้ ง วัตถุมงคลหลายจานวนมาก รวมทังเคยดารงตาแหน่งเจ้าคณะ จังหวัดสุโขทัยระหว่าง พ.ศ.๒๕๒๙-๒๕๔๑ มีลูกศิษย์ลูกหาจานวน มาก โดยลูกศิษย์ของทา่ นที่เป็นเถราจารย์ในชันหลงั ต่อมา เช่น หลวงพ่อทองดี มหาวีโร อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองตะเคียน ระหว่าง พ.ศ.๒๕๒๙-๒๕๔๑ ทไ่ี ดว้ ชิ าในการทายากลัน่ หรอื ยารกั ษาพษิ สนุ ขั บ้า ซึ่งเป็นตารับยาโบราณที่เคย มีในอดีต การทามวลสาร พระผง พุทธคณุ การจานตระกรุด เปน็ ต้น ประวัตศิ าสตรท องถน่ิ 87 ประวตั ิศาสตร์ท้องถิน่ จังหวัดสโุ ขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
(ภาพ หลวงพอ่ ห้อม อมโร วัดคหู าสวุ รรณ และวัตถุมงคลทจ่ี ดั สรา้ ง) หลวงพ่อเกียว โกวิโท (พระครูวิมลกิจโกศล) อดีตเจ้า อาวาสวัดคุ้งยางใหญ่ อดีตเจ้าคณะอาเภอเมืองสุโขทัย เป็นพระเถ ราจารย์ชาวบานสวนอีก ๑ ท่าน อาจไม่ได้มีวัตถุมงคลจัดสร้าง จานวนมาก และภาพลักษณข์ องทา่ นก็เป็นพระนักปกครอง เผยแผ่ บรหิ ารเสยี มากกวา่ ความเป็นเกจิคณาจารย์ โดยท่านเองยังเปน็ ทน่ี บั ถือสักการะและกล่าวขานของชาวบ้านสวนและวัดคุ้งยางใหญ่ กระทง่ั ปัจจุบนั 88 | ดิเรก ด้วงลอย | พระปลัดระพนิ พุทฺธสิ าโร (ดว้ งลอย)
ประวัติศาสตรท องถ่ิน 89 ประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถิน่ จงั หวดั สุโขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
หลวงพ่อโพธ์ิ ภทฺทโก วัดตาลเตียจะมีเกจิหลวงพอ่ อีกทา่ น หน่ึงท่ีเป็นที่รู้จักกันในนามหลวงพ่อโพธิ์ เป็นพระท่ีเป็นท่ีพึ่งของ ชุมชนอีกท่านหน่ึง ในเร่ืองของการรดนามนต์ ไล่ผี ทาคุณไสย์ แม้ สมัยหลังอาจจะไม่เป็นท่ีรจู้ ัก แต่ก็มีวัตถุมงคลของท่านให้ได้จดจา สมยั เดก็ ๆ ผู้เขียนจะคุน้ ชนิ กบั เรอื่ งเล่าเกยี่ วกบั การทานามนต์ไล่ผี ไล่คุณไสย์ หรือวัตถุมงคลท่ีท่านจัดสร้าง ด้วยบุคลิกรูปร่างใหญ่ เสียงดัง จึงง่ายต่อการเปน็ ทีจ่ ดจาของชาวบ้านในช่วงเวลานันดว้ ย ท่านจดั สรา้ งวตั ถมุ งคลรว่ มสมยั กับทา่ นไวห้ ลายชนิดดว้ ยเชน่ กัน (ภาพ วดั ถุมงคลหลวงพ่อโพธ์ ภทฺทโก วดั ตาลเตยี ท่จี ัดสรา้ ง) หลวงพ่อทองดี หรืออาจารย์ทองดี มหาวีโร (พ.ศ. ๒๔๙๕-๒๕๔๑) อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองตะเคียน (พ.ศ.๒๕๒๙- ๒๕๔๑) ท่ีเป็นศิษย์ที่มีหลวงพ่อหอ้ ม อมโร เป็นพระอุปชั ฌาย์ และ มสี ่วนร่วมในการสรา้ งวัตถมุ งคล สายหลวงพ่อห้อมจานวนหลายรุ่น และมีความใกล้ชิด กับหลวงพ่อห้อมในฐานะเปน็ ศิษย์ เป็นคนบ้าน 90 | ดิเรก ด้วงลอย | พระปลดั ระพิน พทุ ฺธิสาโร (ด้วงลอย)
สวน และเปน็ พระภิกษทุ หี่ ลวงพอ่ หอ้ มคดั เลอื กให้มาเป็นเจ้าอาวาส วัดท่ีหลวงพ่อได้รเิ ริ่มสรา้ ง คือวัดคลองตะเคียน วัดป่าสัก วัดสักวัน (สักกะวัน) วัดไก่แจ้ หรืออีกหลาย ๆ วัดก่อนที่จะมาเป็นวัดคลอง ตะเคียนในปัจจุบัน โดยหลวงพ่อทองดี มหาวีโร ได้จัดสร้างวัตถุ มงคลในนามหลวงพ่อห้อม ท่ีเป็นเครอื่ งมอื ในการจดั สร้างคือหลวง พ่อวัดวัดคลองตะเคียน หลวงพ่อห้อม วัด สมเด็จ ๗ บึง โดยเป็น พระผง ท่ีนามวลสารจากบึงในประเทศไทย อาทิ บึงบ้านสวน บึงบรเพชร บึงแก่นนคร เป็นต้น นามาสร้างโดยให้หลวงพ่อห้อม และคณาจารยอ์ ธิฐานจติ จึงเป็นพระท่รี ุ่นเดยี วกัน และนามาเป็นที่ สักการะบูชา (ภาพหลวงพอ่ หอ้ ม อมโร/หลวงพอ่ ทองดี มหาวีโร) หลวงพ่อห้อม อมโร ที่ดาริสร้างวัดคลองตะเคียน ที่เป็น บ้านเกิด แล้วส่งพระปลัดทองดี มหาวีโร (พระครสู ุพัฒนพิธาน) ใน ฐานะศิษย์และคนบ้านคลองตะเคียน มาอย่เู ป็นเจ้าอาวาสวดั รูปแรก นับตงั แต่การจดั ตังวัดถูกตอ้ งตามกฏหมาย เม่ือ พ.ศ.๒๕๒๙ ประวตั ิศาสตรทองถน่ิ 91 ประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถิ่น จงั หวดั สโุ ขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
ภาพ : สมเด็จ ๗ บึง รุน่ ฉลองสมณศกั ด์ิ เป็นพระผงเนือพทุ ธคณุ จากคณาจารย์ ทพ่ี ระครสู ุพัฒน พธิ าน (ทองดี มหาวโี ร) ได้จัดสรา้ งมอบเปน็ ของท่รี ะลึกแกญ่ าตธิ รรมในโอกาสฉลองสมณศกั ดทิ์ ่ี พระครสู ัญญาบตั ร ใน พ.ศ.๒๕๓๙ โดยมคี ณาจารยอ์ าทิ หลวงพอ่ ห้อม อมโร เปน็ ผู้อธิษฐานจติ ภาพ : เหรียญปมั้ หลวงพ่อห้อม จัดสรา้ งโดยหลวงพ่อทองดี อดตี เจ้าอาวาส วัดคลองตะเคียน ใน พ.ศ.๒๕๓๘ เพอื่ จัดมอบในงานผูกพทั ธสีมาตัดลกู นมิ ติ ร วดั คลองตะเคียน จ.สุโขทัย ยกเกจิคณาจารย์มาเล่า เพ่ือต้องการบอกว่า พระเถรา จารย์เหล่านเี ปน็ จุดเชื่อมระหว่างพระพุทธศาสนากับชุมชน รวมทงั 92 | ดิเรก ดว้ งลอย | พระปลัดระพิน พุทธฺ ิสาโร (ด้วงลอย)
เปน็ บุคคลทเ่ี ป็นตานานของชุมชนตังแตอ่ ดตี จนกระทัง่ ปจั จบุ นั ตัว ตายแต่ชื่อยัง เป็นที่เล่าขานสืบต่อจนกระทั่งปัจจุบัน หนึ่งยกย่อง ความดใี นฐานะทีเ่ ป็นพระภิกษใุ นพระพุทธศาสนา ยกย่อเกียรติคุณ ของท่าน ในฐานะเป็นเกจิคณาจารย์ ท่ีศึกษาพุทธาคม และนามา เป็นช่วยเหลือลูกศิษย์ลูกหา ญาติโยมตามหลักสังคหวัตถุ คือ สงเคราะห์ด้วยวัตถุ ท่ีเรียกว่าวัตถุมงคล ให้เป็นท่ีพึง่ ยึดเหน่ียวทาง จติ ใจ เพือ่ ใหเ้ ปน็ หลักชัยในการเข้าถงึ และศึกษาพระพุทธศาสนาใน เชงิ กวา้ งมากยิ่งขนึ ภาพ เหรยี ญปัม้ จานวน ๑๙๙๙ เหรยี ญ แบบเนอื ทองเหลอื งและทองแดง ๑๑๑ ปหี ลวงพอ่ หอ้ ม อมโร หรือพระราชพฤฒาจารย์ อดตี เจา้ อาวาสวัดคหู าสุวรรณ จ.สุโขทัย และ ๖๗ ปี พระครู สพุ ัฒนพธิ าน (ทองดี อาจใหญ่/มหาวีโร) อดตี เจา้ อาวาสวัดคลองตะเคยี น จ.สุโขทัย ประวัตศิ าสตรท อ งถน่ิ 93 ประวัตศิ าสตรท์ อ้ งถิ่น จังหวัดสโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
ภาพ พระผงมวลสาร ๑๙๙๙ ชนดิ จัดทาจานวน ๙๙๙๙ องค์ เน่ืองในโอกาส ๑๑๑ ปี หลวงพอ่ หอ้ ม พระราชพฤฒาจารย์ และ ๖๗ ปี พระครูสพุ ฒั นพิธาน (ทองดี อาจใหญ่/ มหาวีโร) พระผงได้รบั มวลสารจากเถราจารย์ในหลาย ๆ วัด รวม มวลสารไม่นอ้ ยกว่า ๑๙๙๙ ชนดิ อนั ประกอบดว้ ย ๑.มวลสารสมเดจ็ ๗ บงึ หลวงพ่อทองดี มหาวโี ร วัดคลอง ตะเคียน จ.สโุ ขทยั ๒. มวลสารพระผงสมเด็จ หลวงพอ่ หอ้ ม อมโร วดั คูหา สวุ รรณ จ.สุโขทยั ๓.มวลสารผงพทุ ธคุณพระพุทธโสธร ๒ หนา้ รุ่นไตรมาส วัดสุทศั นเทพวราราม พ.ศ.๒๕๓๙ ๔.พระผงสมเด็จพระพฒุ าจารย์ (โต พรหมรส)ี วัด ระฆงั โฆษติ าราม กทม. 94 | ดเิ รก ด้วงลอย | พระปลดั ระพนิ พุทฺธิสาโร (ด้วงลอย)
๕.ผงพทุ ธคุณวดั ป่าญาณวิสุทธาวาส อ.กบินทรบ์ รุ ี จ. ปราจีนบุรี ๖.ผงว่านมหาโชค มหาลาภ ๑๐๘ วดั ศรสี งั วร จ.สุโขทยั ๗. มวลสารพระผงสมเด็จเกษไชโย อนุสรณ์ ๒๐๐ ปีสมเด็จ พระพฒุ าจารยโ์ ต พรหมรังษี วดั โชโยวรวหิ าร (เกษไชโย) จ.อ่างทอง ๘.มวลสารผงพทุ ธคณุ หลวงปพู่ กั ธมฺมทตโฺ ต วดั บึง ทองหลาง กทม. ๙.มวลสารผงพทุ ธคณุ สมเดจ็ พระพทุ ธญาณนาวา วัดยา นาวา กทม. ๑๐.มวลสารผงพทุ ธคณุ มวลสารผงทอง หลวงพอ่ ปาน วัด บางนมโค จ.พระนครศรีอยธุ ยา ๑๑.ผงพุทธคุณ ๑๐๘ วดั ท่าฬอ่ จ.พิจติ ร โดยพระครู พิจิตวรเวท ๑๒.มวลสารครบั ผงว่าน ๑๐๘ ผงดอกพกิ ุล ผงเหล็กนาพี ดนิ อดุ ปู วัดคบู างหลวงอนุกจิ วธิ ูร จ.ปทมุ ธานี ๑๓.พระสมเดจ็ เหล็กนาพี วัดคุ้งตะเภา จ.อุตรดติ ถ์ ๑๔.ผงมวลสารหม่นื ชนิด พระครภู าวนาอนิ ทคณุ (เฉลียว) วดั หนองบวั หง่ิ จ.ราชบรุ ี ๑๕.ผงมวลสารวดั พระสงิ หร์ าชวรวหิ าร จ.เชยี งใหม่ ๑๖.มวลสารหลวงพอ่ แดง นนฺทโิ ย วัดอินทาราม จ. สมุทรสงคราม ประวัตศิ าสตรท องถิ่น 95 ประวตั ิศาสตรท์ อ้ งถิน่ จงั หวดั สโุ ขทัย Local History of Bansuan Sukhothai Province
๑๗.มวลสารผงพทุ ธคณุ สดั ลาผักชี หลวงพ่อสงู กทม. ๑๘.มวลสารผงพทุ ธคณุ วดั นคสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ๑๙.ผงพทุ ธคุณ วดั สัมพันธวงศ์ กทม เปน็ ต้น ในชันครบรอบ ๑๐๐ วันแม่ผู้เขียนคือแม่พลอย ด้วงลอย (พ.ศ.๒๔๘๓-๒๕๖๒) ใช้โอกาสชาตกาล หลวงพ่อหอ้ ม อมโร อายุ ครบ ๑๑๑ ปี (พ.ศ.๒๔๕๑-๒๕๖๒) และหลวงพ่อทองดี มหาวีโร (พระครูสุพัฒนพิธาน) ครบรอบ ๖๗ ปี (พ.ศ.๒๔๙๕-๒๕๖๒) อัน หมายถึง ถ้าท่านทังสอง ยังมีอายุ อยู่จะมีอายุ เท่าตัวเลขท่ียก มา จึงอาศัยเหตุดังกล่าว จัดทาวัตถุมงคล เพื่อเป็นที่ระลึก โดยมีเถรา จารย์ จัดมอบมวลสาร และอธิษฐานจติ ให้จานวนมาก ดังท่ีกลา่ วมา จากนันจึงกราบนิมนต์พระเถราจารย์อีกหลายท่านได้อธิษฐาจติ ให้ เพื่อเปน็ การรักษาวิถมี นตราตามแบบเถราภิเษก โดยเม่ือ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๒ หลวงพ่อจง จัตตมโล (พระ สุขวโรทัย) วัดบ้านด่าน จ.สุโขทัย เถราภิเษกอธิษฐานจิต พระ 96 | ดิเรก ด้วงลอย | พระปลดั ระพิน พุทฺธสิ าโร (ดว้ งลอย)
สมเด็จ มหาลาภ ครบรอบชาตกาล ๑๑๑ ปี หลวงพ่อห้อม อมโร ( พ ร ะ ร า ช พ ฤ ฒ า จ า ร ย์ / พ . ศ . ๒ ๔ ๕ ๑ - ๒ ๕ ๔ ๑ / วั ด คู ห า สุ ว ร ร ณ) ครบรอบ ๖๗ ปี พระอาจารยท์ องดี มหาวีโร (พระครสู ุพัฒนพิธาน/ พ.ศ.๒๔๙๕-๒๕๔๑/วดั คลองตะเคียน) และครบรอบมรณภาพ ๒๑ ปี (๒๕๔๑) หลวงพ่อราม เถราภิเษก อธิษฐานจิต พระผงสมเด็จมหา ลาภ และเหรยี ญปม้ี หูหว่ ง ทรพั ยเ์ พิม่ พนู ๑๑๑ ปี หลวงพอ่ หอ้ ม อม โร หลวงพ่อดี มหาวีโร ๖๗ ปี วัดคลองตะเคียน จ.สุโขทยั เมื่อ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ประวัติศาสตรทอ งถ่นิ 97 ประวัติศาสตรท์ ้องถิ่น จังหวัดสโุ ขทยั Local History of Bansuan Sukhothai Province
พิธเี ถราภเิ ษก เมื่อวนั ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๒ พธิ ีเถราภิเษก วัตถุมงคล หลวงพ่อห้อม อมโร ๑๑๑ ปี หลวงพ่อทองดี มหาวีโร ๖๗ ปี โดยพระครูประภาตธรรมานันท์ (หลวงพ่อดา วัดบ้านนา) เจริญพุทธมนต์มงคลเถราภิเษก พระครูโสภิตกิจจานุกูล (รองเจัา อาวาสวดั คหู าสวุ รรณ) พระครสู พุ ัฒนเขมคณุ (เจัาอาวาสวัดหัวฝาย) พระครสู มหุ ส์ ริ วิ รงค์ ตกิ ขวโี ร (เจาั อาวาสวดั คลองตะเคียน) พระครู สมุห์สารวย ปุญญกาโม (เจัาอาวาสวัดฤทธิ์) พระครูสมหุ ์จักรรนิ ทร์ จตั ตมโล (เจัาอาวาสวัดคงุ้ ยางใหญ่) พระครใู บฎกี าสริ ชิ ยั (เจัาอาวาส วัดบึงวนาราม) พระอาจารยเ์ สน่ห์ (เถราจารย์วดั บ้านนา) พระสมุห์ บรรยงค์ (เจัาอาวาสวัดอมราวาส คลองด่าน) พระมหาอรชุน (วัด ราชาน)ี ฯลฯ ดังนันความเปน็ เถราจารย์ที่ยกมา นัยหนึ่งต้องการอธิบาย ถึงวัดกับชุมชน พระสงฆ์กับชุมชนบา้ นสวน ที่เป็นส่วนผสมรวมกัน 98 | ดิเรก ด้วงลอย | พระปลัดระพิน พุทธฺ สิ าโร (ดว้ งลอย)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259