กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครเู ปด ประเดน็ เก่ียวกบั ปจ จัยที่มีอิทธพิ ล ๓) ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ สุโขทัยเต็มไปด้วยทรัพยำกร ตอพฒั นาการสมัยสโุ ขทยั จากนน้ั ครูสุมให นกั เรยี นอธิบายปจ จัยสาํ คญั ทมี่ ีอทิ ธพิ ลตอ ธรรมชำต ิ เช่น ป่ำไม้ สตั วป์ ่ำ ของปำ่ รวมไปถึงแรธ่ ำตตุ ำ่ งๆ ท่เี ปน็ ประโยชน์ตอ่ กำรดำ� เนนิ ชวี ิต พัฒนาการในสมยั สโุ ขทยั ทหี่ นาชั้นเรียน ของผู้คนในชมุ ชน 2. ครทู ดสอบความรดู วยการต้งั คําถามใหน ักเรยี น ๔) การคมนาคม สุโขทัยสำมำรถติดต่อทำงน้�ำกับแคว้นต่ำงๆ ท่ีอยู่ทำงตอนเหนือ ตอบ เชน • ปจจยั ใดบางท่มี อี ิทธพิ ลตอ พฒั นาการของ และแควน้ ทำงตอนใตไ้ ด้สะดวก ทำ� ใหเ้ ป็นเส้นทำงกำรค้ำท่ีสำ� คญั สว่ นทำงบกมีเส้นทำงที่สำมำรถ อาณาจกั รสโุ ขทัย ติดต่อกับแควน้ ตำ่ งๆ ไดท้ ง้ั ทำงเหนอื ทำงใต้ และตะวันตก (แนวตอบ ปจจยั ดานภูมิศาสตรและส่ิงแวดลอม สภำพภูมิศำสตร์และสิ่งแวดล้อมดังท่ีกล่ำวมำแล้ว สะท้อนให้เห็นว่ำท�ำเลที่ตั้งของ เชน สภาพภูมิประเทศที่ตงั้ อยบู นท่ีราบลุมและ ทสุโำ� ขกทำรัยเเพปำ็นะชปุมลชกู นเลทยี้ ำงงตกวัำเรอคง้ำไกดับ ้ โเดมยือใงชใร้ กะลบ้เบคชียลง ปแระลทะำชนำวเขตำ้ ่ำมงำชชำว่ตยิ ตเช่ำน่งภ ทำำ�ษนำบ พสุโรขะทรว่ ัยงส 1สำมระำนรำ้�ถหทร่ีจอื ะ มีแมน ํ้าปง วัง ยม และนา นไหลผาน จงึ เหมาะ ตระพัง เปน็ ตน้ แกก ารดํารงชพี ดา นเกษตรกรรม และยงั เปน เสน ทางคมนาคมทางนา้ํ ท่สี ะดวกในการ ๒.๒ ปัจจัยดำ้ นอำรยธรรม ตดิ ตอ คา ขายกบั เมืองตา งๆ สภาพภูมอิ ากาศ ที่ไมร อนมากเกนิ ไป และมีฝนตกชกุ ในฤดู อำรยธรรมต่ำงๆ ท่ีมีอิทธิพลต่อพัฒนำกำรของชุมชนสุโขทัยเกิดข้ึนจำกกำรรับวัฒนธรรม มรสุม การมีทรัพยากรธรรมชาตอิ ดุ มสมบรู ณ ภำยนอกท่ีมีกำรเผยแพร่เข้ำมำในบริเวณอำณำจักรสุโขทัยผสมผสำนกับวัฒนธรรมเดิมของไทย เชน ปาไม สัตวป า เปน ตน นอกจากนยี้ งั มี ทส่ี ำ� คญั กม็ ที งั้ ทำงดำ้ นศำสนำ ภำษำ กำรปกครอง กฎหมำย และศลิ ปกรรม โดยมพี ระพทุ ธศำสนำ ปจจัยดานอารยธรรม ซ่งึ สโุ ขทัยไดรบั อิทธพิ ล เปน็ หลกั ยดึ เหนย่ี วจติ ใจ และสรำ้ งสรรคศ์ ลิ ปวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญำไทยสบื ตอ่ กนั มำในสมยั หลงั จากวัฒนธรรมภายนอกและนาํ มาผสมผสาน กับวฒั นธรรมดั้งเดิมของตน) ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย แสดงให้เห็นว่าในสมัยสุโขทัยมีการจัดระบบชลประทานเพ่ือ กักเก็บนา�้ ไวใ้ ชใ้ นเมอื ง โดยการทา� คนู า้� สระนา้� หรอื ตระพงั 9๒ เกรด็ แนะครู บูรณาการเชอื่ มสาระ ครใู หนักเรียนดภู าพ หนา 92 และแนะนาํ การอานและแปลความภาพถาย ครูอาจนําภาพถา ยทางอากาศแสดงทต่ี ง้ั จงั หวดั สุโขทัยหรือระบบสารสนเทศ ทางอากาศ โดยบูรณาการเช่ือมโยงกบั สาระภมู ศิ าสตร หวั ขอ เคร่ืองมือทาง ทางภมู ศิ าสตร (GIS) มาใชประกอบการเรียนการสอน เพ่ือทน่ี ักเรยี นจะไดเหน็ ภมู ศิ าสตร เพ่อื ใหนกั เรียนสามารถวเิ คราะหล กั ษณะทําเลท่ตี ั้งของอาณาจกั ร ทาํ เลทต่ี ง้ั เมืองสุโขทยั ในมมุ ตา งๆ สุโขทัยได และนาํ ความรูไปใชใ นการอา นและแปลความภาพถา ยทางอากาศ อ่นื ๆ ตอไป นกั เรียนควรรู 1 ทาํ นบพระรวง หรอื สรดี ภงส เปน เขื่อนดิน (คันดิน) ที่สรา งข้นึ เพือ่ เก็บกักนํ้า และชักนํ้าไปตามคลองสงน้าํ มาเขากําแพงเมือง เขาสระนํ้าหรือตระพงั เพอื่ นําน้ํา ไปใชในเมอื งและพระราชวังในสมัยโบราณ ซงึ่ ในปจ จุบนั กรมชลประทานไดบรู ณะ และซอ มแซมขน้ึ มาใหม 92 คูม ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ó. พฒั นาการทางดา้ นการàมÍ× งการปกครÍงสมยั สโุ ขทยั 1. ครูแบง นกั เรยี นออกเปน 5 กลุม เพอื่ ศกึ ษา พฒั นาการทางดา นตา งๆ สมยั สโุ ขทยั กำรท่ีอำณำจักรสุโขทัยมีควำมเจริญรุ่งเรืองและสำมำรถด�ำรงอยู่ได้ยำวนำนถึง ๒๐๐ ปี โดยแตละกลุมศกึ ษา ดงั น้ี เศษนนั้ สำเหตสุ ำ� คัญประกำรหนึง่ สืบเนอื่ งมำจำกกำรมีระบบกำรเมอื งกำรปกครองท่ีเหมำะสมกับ กลุมท่ี 1 พฒั นาการทางดานการเมือง สถำนกำรณ์ในขณะน้ัน โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงกำรมีสถำบันพระมหำกษัตริย์เป็นหลักส�ำคัญในกำร การปกครอง ปกครองรำชอำณำจักร กลมุ ท่ี 2 พฒั นาการทางดานเศรษฐกิจ พฒั นำกำรทำงดำ้ นกำรเมอื งกำรปกครองของอำณำจกั รสโุ ขทยั มคี วำมเปน็ มำโดยลำ� ดบั ดงั น้ี กลุมที่ 3 พัฒนาการทางดา นสงั คม กลุมที่ 4 พัฒนาการทางดานศิลปวัฒนธรรม ๓.๑ ลกั ษณะควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งพระมหำกษัตรยิ ก์ ับรำษฎร กลมุ ที่ 5 พฒั นาการทางดานความสัมพันธ ระหวางประเทศ กำรปกครองของอำณำจักรสุโขทัยในยุคเร่ิมแรกเป็นกำรปกครองแบบ “พ่อปกครองลูก” ครูใหนักเรียนแตละกลมุ สรปุ สาระสําคญั จาก เช่น จำกกำรที่พ่อขุนรำมค�ำแหงมหำรำชโปรดให้แขวนกระด่ิงไว้ท่ีประตูวังเพ่ือให้รำษฎรท่ีมีเรื่อง การศึกษาคนควา จัดทาํ เปนรายงานสง ครูผสู อน เดอื ดร้อนไปส่นั กระดงิ่ ร้องทุกข์ได ้ แล้วพระองค์จะมำตดั สินคดดี ้วยพระองคเ์ อง เปน็ ต้น กำรที่พระมหำกษัตริย์สุโขทัยพระองค์นี้ทรงมีควำมห่วงใยต่อรำษฎรท่ีมีควำมทุกข์ยำก 2. ครใู หก ลมุ ท่ี 1 นําเสนอสาระสาํ คญั เก่ียวกับ และทรงเปิดโอกำสให้รำษฎรได้ร้องทุกข์ได้ด้วยตนเองอย่ำงใกล้ชิด โดยพระองค์จะทรงแก้ไข พัฒนาการทางดานการเมอื งการปกครองสมัย ควำมทุกข์ยำกของรำษฎรด้วยพระองค์เองเช่นน้ี นับเป็นธรรมเนียมทำงกำรเมืองกำรปกครองท่ี สุโขทยั หนาชน้ั เรยี น จากนน้ั ครตู ัง้ คาํ ถามเพ่ือ ส�ำคัญย่ิงของไทยในสมัยต่อๆ มำ ที่พระมหำกษัตริย์ทรงห่วงใยอำณำประชำรำษฎร์เสมือนหนึ่ง ใหนักเรียนวิเคราะห เชน บิดำห่วงใยต่อบุตร นับเป็นควำมสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่ำงพระมหำกษัตริย์กับรำษฎรของ • รปู แบบการปกครองของสโุ ขทยั ในระยะแรก พระองค์ เปนแบบใด และรูปแบบดงั กลา วมี ต่อมำในสมัยของพระมหำธรรมรำชำท่ี ๑ (ลิไทย) ได้มีกำรแสดงให้เห็นถึงฐำนะของ ความเหมาะสมตอ การปกครองบานเมือง พระมหำกษัตรยิ ท์ ี่ทรงเปน็ “ธรรมราชา” โดย ในสมัยนนั้ หรือไม อยางไร ย้�ำให้เห็นถึงพระมหำกษัตริย์ทรงปฏิบัติตำม (แนวตอบ ในระยะแรกสุโขทัยใชรปู แบบ หลักทำงพุทธศำสนำที่เรียกว่ำ “ทศพิธราช- การปกครองแบบพอปกครองลกู ซึ่งรปู แบบ ธรรม” หรือธรรม ๑๐ ประกำรเพ่ืออำณำ ดังกลาวมีความเหมาะสม เพราะสโุ ขทยั ประชำรำษฎร์จะได้มีควำมร่มเย็นเป็นสุข ดัง ในระยะแรกยังเปนอาณาจกั รขนาดเล็ก ปรำกฏอยู่ในหนังสือเร่ือง “ไตรภูมิพระร่วง” 1 ทผี่ คู นยังมจี ํานวนไมมากนกั การใชร ูปแบบ การปกครองแบบนี้จะทาํ ใหด ูแลราษฎรได อันเป็นพระรำชนิพนธ์ของพระมหำธรรม- อยา งทั่วถึง) รำชำท่ี ๑ (ลิไทย) ที่สะท้อนให้เห็นถึงกำร ปกครองแบบ “ธรรมราชา” นอกเหนอื ไปจำก กำรปกครองแบบ “พ่อปกครองลูก” ดังที่ได้ กลำ่ วมำแล้ว ภาพวาดจินตนาการพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช เสด็จออก รบั ฟังเรอ่ื งราวร้องทุกขจ์ ากราษฎร 9๓ บรู ณาการเช่อื มสาระ นกั เรยี นควรรู ครูเลา เรอ่ื งไตรภมู ิพระรวงใหน ักเรยี นฟงพอสังเขป พรอ มยกตัวอยาง 1 ไตรภมู พิ ระรว ง หรอื เตภมู กิ ถา เปนวรรณคดที างพระพทุ ธศาสนา แตงขนึ้ หลกั ธรรมทศพธิ ราชธรรม ซ่ึงเปนธรรม 10 ประการ ทีพ่ ระมหากษตั ริยทรง โดยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) เพ่อื เทศนาโปรดพระราชมารดาและส่ังสอน ปฏบิ ัติในการปกครองราษฎร โดยบรู ณาการเชอ่ื มโยงกับวชิ าพระพุทธศาสนา ประชาชนใหเ กรงกลัวตอบาป ประกอบแตค วามดี ทงั้ นีเ้ ปน ผลสืบเนื่องจาก เกี่ยวกับหลกั ธรรมของพระมหากษัตริยแ ละนกั ปกครอง จากน้ันใหน กั เรยี น การกอ ต้งั อาณาจักรขนึ้ ใหมซึ่งตองการใหป ระชาชนอยใู นศลี ธรรม มรี ะเบียบวนิ ัย รวมกนั แสดงความคดิ วา บา นเมอื งในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) รบู าปบุญคณุ โทษ และยดึ มน่ั ในพระพทุ ธศาสนา จงึ จะสามารถตอสกู บั ศตั รูได มสี ภาพความเปนอยูอยางไร ไตรภมู ิแบง ออกเปน กามภูมิ รปู ภมู ิ และอรปู ภูมิ มุม IT ศกึ ษาคนควา ขอมูลเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับไตรภมู พิ ระรวง ไดที่ http://www. sukhothai.go.th/history/hist_09.htm เวบ็ ไซตจ งั หวดั สโุ ขทยั คูม ือครู 93
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูสมุ นักเรียนใหสรปุ ความสมั พันธร ะหวา ง เทวรปู พระอิศวร พระมหากษตั รยิ กับราษฎรในสมัยสุโขทัย และ เปรียบเทียบกับพระราชกรณียกิจของพระบาท- 1 เทวรปู พระนารายณส ีก่ ร สมเด็จพระเจา อยูห ัวในสมัยปจจุบัน (ภาพใหญ) หอเทวาลัยเกษตรพิมาน ปรากฏขอความในศิลาจารึกวา สรางข้ึนเพื่อประดิษฐานเทวรูปในศาสนา (แนวตอบ อาณาจกั รสโุ ขทัยในระยะแรกปกครอง พราหมณ- ฮินดู (ภาพเล็ก) เทวรปู พระอศิ วร และเทวรปู พระนารายณสกี่ ร ศลิ ปะสุโขทัย แบบพอปกครองลกู พระมหากษัตริยมคี วามใกลชิด กบั ราษฎร เชน พอ ขนุ รามคาํ แหงมหาราชโปรดให นอกจากนี้ในสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) ในราชสํานักสุโขทัยไดเริ่มมีการใช แขวนกระดงิ่ ไวท ีป่ ระตูวังเพอ่ื ใหร าษฎรมาส่ันกระด่งิ ราชาศัพทกับพระมหากษัตริย ดังมีหลักฐานปรากฏอยูในศิลาจารึก แสดงใหเห็นถึงคติในการ รองทุกข แลวพระองคจ ะมาตัดสนิ คดคี วามดวย ปกครองที่พระมหากษัตริยทรงเปนสมมติเทพตามที่เชื่อกันวา พระองคประดุจดังอวตารของ พระองคเ อง ตอ มาพระมหากษัตรยิ ท รงปฏบิ ตั ิตาม พระผเู ปน เจา ตามศาสนาพราหมณ - ฮนิ ดู แตร ปู แบบการปกครองดงั กลา วนอ้ี าจยงั ไมช ดั เจนเหมอื น หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา รวมทง้ั ในชว ง กบั คติแบบสมมตเิ ทพในสมยั อยธุ ยา ปลายสมยั กม็ คี ตคิ วามเชอื่ ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ท่วี า พระมหากษตั รยิ ท รงเปน สมมติเทพดวย ดังน้ัน ในสมัยสุโขทัย ความสัมพันธระหวางพระมหากษัตริยกับราษฎรท่ีเดนชัดจะมี ในขณะทีป่ จ จุบนั ประเทศไทยปกครองในระบอบ ทั้งลักษณะบิดาปกครองบุตรและความเปน “ธรรมราชา” แตก็มีความเช่ือวาพระมหากษัตริย ประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ทรงเปนประมขุ ทรงเปนสมมติเทพอยูดวยเหมือนกัน โดยพระมหากษัตริยยังคงมีพระราชอํานาจสิทธิ์ขาดในการ ภายใตร ฐั ธรรมนญู ซง่ึ การปฏิบตั ิพระราชกรณยี กจิ ปกครองแผน ดิน ของพระบาทสมเด็จพระเจา อยหู วั ก็ไมแ ตกตาง เรอ่ื งนารู ไปจากพระมหากษัตรยิ ในสมยั สุโขทยั ทัง้ น้มี ี จุดมงุ หมายเพ่ือใหร าษฎรมชี วี ติ ความเปน อยูท ด่ี ี 1 และมคี วามสุข) ในสมัยสุโขทัยมีการสรางเทวรูปตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ - ฮินดู เชน พระนารายณ พระพรหม พระอศิ วร เปน ตน เทวรูปที่พบหลอดวยสํารดิ มีทัง้ ขนาดกลาง และขนาดเทาคนจรงิ หรือใหญก วา สนั นิษฐานวา สรา งขนึ้ เพ่อื ประกอบในพธิ ีกรรมของราชสาํ นักเก่ียวกบั พธิ ีบวงสรวง ซ่ึงเปนความเชอ่ื นอกเหนอื จากพระพุทธศาสนา ท่ปี ระดิษฐานอยา งมัน่ คงในสุโขทยั ศาสตราจารย หมอมเจา สุภทั รดิศ ดศิ กุล ทรงวิจัยเคร่อื งทรงของเทวรปู และ กาํ หนดอายโุ ดยตรวจสอบกบั หลักฐานจากศลิ าจารึก พบวา เทวรูปกลมุ หน่ึง (ภาพประกอบดา นบน) กาํ หนดอายุไว ราวรัชกาลของพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) เทวรูปกลุมน้ีมีพระพักตรรูปไข เคร่ืองแตงพระพักตรก็ไมตางจาก พระพุทธรูปสว นใหญของสุโขทัย นอกจากพระเนตรของเทวรูปทไ่ี มไ ดหรีล่ งตํ่า ๙๔ นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดตอไปน้ีเปน สาเหตุสาํ คัญทที่ ําใหค วามสมั พันธร ะหวางพระมหากษัตริย 1 หอเทวาลยั เกษตรพมิ าน หรอื เทวาลยั มหาเกษตร ตง้ั อยนู อกกาํ แพงเมอื งสโุ ขทยั กับประชาชนในสมยั สุโขทยั ตอนปลายหางเหินกนั ทางดา นทศิ ตะวนั ตก ชอื่ เทวาลยั มหาเกษตรปรากฏอยใู นศลิ าจารกึ วดั ปา มะมว ง 1. การรับแนวคิดเทวราชามาใช โดยกลา วถงึ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) ทรงประดษิ ฐานรปู พระอศิ วรและ 2. ประชาชนมุงอยกู ับการทํามาหากิน พระนารายณไ วท เี่ ทวาลยั มหาเกษตรในปา มะมว งนี้ เพอ่ื เปน ทสี่ กั การบชู าของ 3. พระมหากษตั รยิ ไมใ สพระทัยดแู ลราษฎร พวกดาบสและพราหมณท ง้ั หลายเมอื่ พ.ศ. 1892 ตวั โบราณสถานมแี ผนผงั เปน 4. พระมหากษตั ริยท รงมพี ระราชกรณยี กจิ มากกวาเดมิ รูปสเี่ หลี่ยมจตั ุรัส ผนงั กอดว ยอิฐ ท้งั ผนังและมณฑปมีขนาดใหญ หนั หนา ไปทาง วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ในสมัยสโุ ขทัยตอนปลายไดร ับแนวคดิ ทศิ ตะวนั ออก เทวราชามาจากขอมทพ่ี ระมหากษตั รยิ ทรงเปน เสมือนเทพเจา ดงั นน้ั วธิ หี รือ 2 เทวรปู เทวรูปของสุโขทัยทงั้ พระอศิ วรและพระนารายณมลี กั ษณะที่เปน ธรรมเนียมปฏบิ ตั กิ ็ตา งออกไปจากเดมิ มีข้ันตอนซับซอนมากขนึ้ เพอ่ื แสดงถงึ เอกลักษณ คอื มกี ารทรงเคร่อื งทรงแบบเทวดาของลงั กาทง้ั มงกฎุ และเครอ่ื งแตง กาย ฐานะท่สี งู สง ของพระมหากษัตรยิ จงึ เปน สาเหตุสาํ คญั ท่ีทําใหพระมหากษัตรยิ สําหรับพระพกั ตรและพระวรกายจะคลายคลึงกับพระพุทธรูปของสโุ ขทยั กับประชาชนหางเหินกันออกไป 94 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู ๓.๒ อาณาเขตการปกครอง 1. ครนู ําแผนทโ่ี ครงรา งอาณาจักรสุโขทยั มาให นกั เรยี นดู จากนนั้ ใหนกั เรียนชว ยกันบอก อาณาเขตการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ครอบคลุม อาณาเขตการปกครองของอาณาจักรสโุ ขทยั บรเิ วณเมอื งตา่ งๆ ไมม่ ากนกั มเี มอื งสโุ ขทยั เมอื งเชลยี ง (สวรรคโลก) และเมอื งแพร ่ ทางใตล้ งมา ในสมยั พอขนุ รามคําแหงมหาราชและสมัย ถงึ เมืองพระบาง (นครสวรรค)์ เปน็ ต้น ต่อมาในสมยั พอ่ ขุนรามค�าแหงมหาราช อาณาจกั รสโุ ขทัย พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) และสุมนกั เรียน ไดม้ ีอาณาเขตขยายกว้างขวางขึ้น ดงั น้ ี ออกมาชี้ตาํ แหนง ในแผนท่ีหนา ชัน้ เรยี น แผนท่แี สดงอาณาจักรสโุ ขทยั สมัยพ่อขุนรามคาำ แหงมหาราช ทิศตะวันออก 2. ครใู หน กั เรียนยกขอ ความจากศิลาจารกึ สโุ ขทยั ได้เมืองสระหลวง สองแคว (พิษณุโลก) ลมุ บาจาย แสนหวี จักรวรรดจิ ีน ท่ีกลาวถงึ อาณาเขตการปกครองของอาณาจกั ร (หลม่ เกา่ ) สระคาถงึ ขา้ มฝง่ั แมน่ า้� โขง ถงึ เวยี งจนั ทน์ สโุ ขทัย จากนัน้ ใหตคี วามพอสงั เขป และเวยี งคา� พกุ ามอังวะ น.โขงน.สาละวินเชียงรุงพงสาลี ญวนเหนอื ทศิ ตะวันตก น.โขงเชียงแสน 3. ครใู หน กั เรียนทาํ แผนผังแสดงอาณาเขต ไดเ้ มอื งฉอด หงสาวดจี นสดุ ฝง่ั ทะเลเปน็ อาณาเขต พกุ าม การปกครองของอาณาจกั รสโุ ขทยั ในสมัยพอ ขุน ทิศเหนอื น.อริ วดี รามคําแหงมหาราชและสมัยพระมหาธรรมราชา ไดเ้ มอื งแพร ่ เมอื งนา่ น เมอื งพลว่ั (อ. ปวั จ. นา่ น) ลานนา นา น อาวตังเกย๋ี ท่ี 1 (ลไิ ทย) โดยแยกตามทศิ ตางๆ จากนนั้ เลยฝง่ั โขงไปถึงเมืองชวา (หลวงพระบาง) เปรยี บเทียบความกวางขวางของพ้ืนท่ี ทศิ ใต้ หงสาวดี เชยี งใหมศรสสี สุโชัแขอพนงทารแัยล คยัเววยี งจธนั าทตนุพ นม ไดเ้ มอื งคนฑ ี(กา� แพงเพชร) พระบาง (นครสวรรค)์ พะสมิ แพรก (ชัยนาท) สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี อาวเมาะตะมะ สุโขทยั น.มลู ดานงั ละโว พิมายขดออนมนคมรดธแมดง ปากเซ สุพรรณภูมิ อโยธยา เพชรบรุ ี พระตะบอง น.โขง สตรึงเตรง ญวนใต อาวไทย ไซง อ น ทะเลอันดามนั นครศรธี รรมราช ทะเลจนี ใต นครศรธี รรมราชจนสุดฝั่งทะเล โกตาราช ในสมยั พระมหาธรรมราชาท ่ี ๑ (ลไิ ทย) เมดนั เกาะสุมชอางตแรคาบมะละกา พระองค์ได้ทรงรวบรวมอาณาจักรขึ้นใหม่ ครอบคลุมเมืองระหว่างล�าน�้าปิง ล�าน้�าน่าน และลา� น�้าปา่ สกั โดยแยกตามทิศต่างๆ ไดด้ ังนี้ ทิศตะวนั ออก ทศิ เหนอื ได้เมืองสระหลวง สองแคว (พษิ ณุโลก) ไดเ้ มอื งแพร่ไปจดเมอื งราด (นา่ น) และเมอื งชวา (หลวงพระบาง) ทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ ได้เมอื งปากยม (พจิ ิตร) ทไดิศเ้ ตมะอื วงนั สอรอะคกาเฉหียรอืงเเหมนอื องื สะคา้ 1 และเมอื งลมุ บาจาย ทศิ ใต้ (เมอื งหล่มเก่า จงั หวดั เพชรบูรณ์) ได้เมืองคนฑี (ก�าแพงเพชร) และเมืองพระบาง (นครสวรรค)์ ทิศตะวนั ตกเฉยี งใต้ ทศิ ตะวันตก จดเมอื งตาก แไดลเ้ ะมเอืมงอื ชงาบกางั งรพาวา นเม (2อืกง�าสแพุ พรงรเณพภชารว) เมอื งนครพระชมุ 95 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู อาณาเขตการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยมีลกั ษณะและการเปล่ียนแปลง 1 เมืองสระคาหรอื เมอื งสะคา ตามจารึกสุโขทยั หลักท่ี 1 กลาววา อยไู ปทาง อยางไร ตะวนั ออกและไกลจากสุโขทยั กวา เมอื งลมุ บาจาย ซงึ่ เช่อื กันวา ตรงกบั เมอื งหลม เกา แนวตอบ อาณาจักรสุโขทัยชวงแรกมีอาณาเขตการปกครองไมก วางขวาง จงั หวดั เพชรบรู ณ จารึกหลกั ที่ 8 กลาววา พระยาลไิ ทยตเี มอื งแถวแมนํ้าปา สักได มากนัก กลาวคอื สมยั พอ ขนุ ศรีอนิ ทราทติ ยม อี ํานาจทางการปกครอง ตลอดหมด จึงไปอยเู มอื งสองแคว เมอื งสระคาหรอื สะคา ก็นาจะอยู ครอบคลมุ เมอื งเชลียง (สวรรคโลก) และเมอื งแพรท างทิศเหนอื และทางใต แถวแควปาสัก เหนอื เมืองหลม เกาข้นึ ไปนัน่ เอง ลงมาถึงเมืองพระบาง (นครสวรรค) เทา นั้น กระทงั่ สมยั พอขนุ รามคาํ แหง 2 เมืองบางพาน เปน ชมุ ชนโบราณทต่ี ั้งอยบู นเสน ทางถนนพระรว งทจ่ี ะไปยัง มหาราชซงึ่ สโุ ขทัยมอี ํานาจทางการเมอื งเขมแข็ง อาณาเขตการปกครอง สุโขทัย มลี กั ษณะผังเมอื งคอ นขางกลม มคี ูน้าํ และคันดินลอมรอบ 3 ชนั้ ภายใน จึงไดกวางขวางมากขึน้ คอื ทางทิศตะวันออกจดเวียงจันทน ทิศตะวันตก เมืองพบซากโบราณสถานขนาดเลก็ มีสภาพเปน กองศิลาแลง ความสาํ คัญของ ถึงเมอื งหงสาวดี ทิศเหนอื ถึงเมืองชวา (หลวงพระบาง) และทิศใตถงึ เมอื ง ชุมชนแหงนี้ คือ เปนเมืองที่อยบู นเสนทางคมนาคมท่ีตดิ ตอกับกรุงสุโขทยั และ นครศรธี รรมราช อยา งไรก็ตาม หลงั จากการสวรรคตของพอ ขนุ รามคาํ แหง เมืองอืน่ ไดส ะดวก และตั้งอยูบนทรี่ าบลมุ ซี่ึงเพาะปลูกไดด ี มหาราช อํานาจทางการปกครองของสโุ ขทัยก็ออ นแอลงตามลาํ ดบั กระทง่ั สมยั พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) จงึ ไดขยายอาณาเขตการปกครอง คมู อื ครู 95 อีกคร้ัง แตก ไ็ มก วางขวางเทาสมยั พอ ขุนรามคาํ แหงมหาราช ในเวลาตอมา สุโขทยั กต็ กอยภู ายใตอ ํานาจการปกครองของอาณาจกั รอยธุ ยา
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครซู ักถามนกั เรยี นเกย่ี วกับรปู แบบการปกครอง ๓.๓ รูปแบบการปกครอง สมยั สุโขทยั เพ่ือทดสอบความรคู วามเขาใจ จากน้ัน ใหน ักเรยี นทํากิจกรรมที่ 4.1 จากแบบวัดฯ ราชธาสนมี ใัยนสรุโะขยทะแัยรพกรพะมระหมาหกาษกัตษรตั ิยรทิยรทงรมงีอมําีคนําานจาํ เหดน็ดาขพาดระในนากมาวราปก“พคอรอขงุน”ท1กรางรปปรกะคทรับอองมยูใีลนกั เษมณืองะ ประวตั ิศาสตร ม.1 การกระจายอํานาจการบริหารจากราชธานอี อกไปสหู ัวเมอื งตางๆ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝก ฯ เมืองตางๆ ท่ีขึ้นอยูกับกรุงสุโขทัยตามที่ปรากฏอยูในศิลาจารึกมักรวมกันเปนกลุมเมือง ประวัตศิ าสตร ม.1 กิจกรรมท่ี 4.1 ชนั้ ใน ชน้ั กลาง ชน้ั นอก ตามระยะทางใกลไ กลตามลาํ ดบั โดยมเี มอื งใหญท ส่ี าํ คญั ปกครองเมอื งเลก็ ๆ หนว ยที่ 4 พฒั นาการของอาณาจักรสุโขทัย อยู ๔ เมอื ง ไดแก กรุงสุโขทัย (ราชธานี) ศรีสชั นาลยั กําแพงเพชร และสองแคว (พิษณุโลก) พระมหากษตั รยิ ท รงแตง ตงั้ พระโอรสไปปกครองเมอื งดงั กลา ว๑๕(ยกเวน ราชธาน)ี ซงึ่ มกี ารปกครอง กจิ กรรมตามตวั ชี้วดั คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด เปนอิสระภายในเมืองของตน และเม่ือมีการผลัดเปล่ียนแผนดินมักเกิดปญหาการสืบราชสมบัติ ทาํ ใหมีการสรู บเพอื่ แยง ชงิ อํานาจกัน กจิ กรรมที่ ๔.๑ ใหนักเรียนดูภาพวาดเกี่ยวกับเรื่องราวในสมัยพอขุนราม- ñõ คําแหงมหาราช แลววิเคราะหในประเด็นคําถามท่ีกําหนด นอกจากนี้ การปกครองหัวเมืองตางๆ ที่อาศัยอํานาจของเมืองราชธานียังไมสามารถรวม ศูนยอํานาจไวในเขตราชธานีไดอยางแทจริง ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงพระมหากษัตริย (ส ๔.๓ ม.๑/๒) พระองคใหมในเมอื งราชธานี เมอื งข้ึนตางๆ ท่อี ยูหางไกล อาจต้งั ตัวเปนอสิ ระได เชน เมือ่ สิน้ สมยั พอ ขนุ รามคาํ แหงมหาราช เมอื งเลก็ ๆ อยา งเชยี งทอง (ตาก) และพระบาง (นครสวรรค) ตา งกพ็ ากนั เฉฉบลบั ย ต้งั ตัวเปนอิสระ เปนตน ๑. จากภาพแสดงใหเหน็ วาลักษณะการปกครองของสโุ ขทัยในระยะแรกเปน แบบใด ...............ก....า...ร....ป...ก....ค....ร....อ...ง....แ...บ....บ....พ....อ....ป....ก....ค....ร...อ....ง...ล....ูก.......โ..ด....ย....ม...ีพ....อ....ข...ุน....ท....ร...ง....ท....ํา..ห....น.....า...ท....่ดี ....แู ...ล....ท....กุ ....ข..ส.....ขุ ...ข...อ...ง...ร....า..ษ.....ฎ...ร............................... .................................................................................................................................................................................................................................................... ๒. ภาพนแ้ี สดงความสัมพนั ธระหวางพระมหากษัตริยกับราษฎรในลกั ษณะใด ...............พ.....ร...ะ...ม....ห....า...ก....ษ....ัต.....ร...ิย....ท....่ีม....ีค....ํา...น.....ํา...ห....น.....า...พ....ร....ะ..น.....า...ม....ว...า.......“...พ.....อ...ข...ุ.น....”........ท....ร...ง....ท....ํา...ห....น.....า...ท....ี่ด....ูแ....ล....ท....ุก....ข...ส.....ุข...ข...อ....ง...ร....า...ษ....ฎ....ร... .ท....ร...ง...ใ...ห....ค....ว...า...ม...ใ...ก....ล....ช...ิด....โ...ด...ย....ย...อ....ม....ร...ับ....ฟ....ง....ค....ว...า..ม....ค....ิด....เ..ห....็น....ซ....ึ่ง...ก....ัน.....แ...ล....ะ...ก....ัน........ท.....ร...ง...ใ...ห....ค....ว...า...ม...เ..ป....น....ธ....ร...ร....ม...แ...ก....ร....า...ษ....ฎ....ร...โ...ด....ย... .โ..ป....ร...ด....ใ...ห....ร...า...ษ....ฎ....ร...ท....เ่ี..ด....อื...ด....ร....อ ...น.....ส....า...ม...า...ร...ถ....ไ..ป....ส.....น่ั ....ก....ร...ะ...ด....งิ่...ร....อ ...ง...ท....กุ....ข...ไ...ด.... ..พ.....ร...ะ...ม...ห....า...ก....ษ....ตั....ร...ยิ....ก ....จ็ ...ะ...เ.ส.....ด....จ็ ...อ....อ...ก....ม....า..ร....บั ....ฟ....ง... .แ...ล....ะ..ช...ว...ย....แ...ก....ป....ญ ....ห....า...ค....ว...า...ม...เ..ด....ือ...ด....ร....อ...น.....ด....ัง...ก....ล....า...ว.................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................... ๓. นักเรียนมีความคดิ เหน็ อยางไรตอลักษณะการปกครองของสโุ ขทยั ดังท่ีปรากฏในภาพ ...............ก.....า..ร....ป....ก....ค....ร....อ...ง....แ...บ....บ.....พ....อ...ป....ก.....ค....ร...อ....ง...ล....ูก....ม....ีค....ว...า...ม...เ..ห....ม....า...ะ...ส....ม...ก....ั.บ....ก....า...ร...ป....ก....ค.....ร...อ....ง...อ....า..ณ......า...จ...ัก.....ร...ส....ุโ...ข...ท....ัย....ใ..น.....ร...ะ...ย....ะ.. .แ...ร...ก....ต....้ัง....ร...า...ช...ธ...า...น.....ี ....เ..พ....ร....า..ะ...ร....า..ษ.....ฎ...ร....ย...ัง....ม...ีจ....ํา...น....ว...น.....น....อ....ย...แ...ล....ะ...อ....า..ณ......า...เ.ข...ต....ข...อ....ง...ก....ร....ุง...ส....ุโ...ข...ท....ัย...ย....ัง...ไ...ม...ก....ว...า...ง....ข...ว..า...ง....ม...า...ก....น....ัก.... .พ....ร....ะ...ม...ห....า...ก.....ษ....ัต....ร....ิย....จ...ึ.ง...ท.....ร...ง....ส....ร....า...ง....ค....ว...า...ม....ส....ัม....พ....ัน.....ธ....ใ...ก....ล....ช...ิ.ด....ก....ับ....ร....า...ษ.....ฎ....ร...เ..พ....่ื.อ...จ....ะ...ไ...ด....ป....ก.....ค....ร....อ...ง....ด....ูแ...ล.....อ...า...ณ......า...จ...ั.ก....ร... .อ...ย....า...ง...ท....่ัว...ถ....ึง........แ...ต....ม....า..ใ...น.....ส....ม...ัย....ห....ล....ัง...พ.....ร...ะ...ม...ห....า...ก....ษ....ั.ต....ร...ิย....ท....ร...ง....ม...ีฐ....า...น....ะ...เ..ป....น....ธ....ร...ร....ม...ร....า...ช...า...โ..ด....ย....ป....ฏ....ิบ....ัต....ิต....า...ม...ห.....ล...ั.ก....ธ...ร...ร....ม... .ท....า..ง....พ....ร...ะ...พ....ทุ....ธ...ศ....า...ส....น....า...แ...ล....ะ...ท....ร...ง....เ.ป....น.....ส....ม...ม....ต....เิ ..ท....พ....ด....ว..ย.................................................................................................................................... (พิจารณาคาํ ตอบของนักเรียน โดยใหอยใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูส อน) ๓๗ 2 วดั พระศรรี ตั นมหาธาตเุ ชลยี ง เมอื งศรสี ชั นาลยั ซง่ึ เปน เมอื งสาํ คญั ในการปอ งกนั ขา ศกึ ทางดา นทศิ เหนอื โดยในสมยั สโุ ขทยั ตอนตน มีความสําคัญรองจากราชธานี ๙๖ ๑๕ สารานกุ รมประวตั ศิ าสตรไทย เลม ๑ อกั ษร ก. ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน. ๒๕๔๙ หนา ๑๘๗. นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT รปู แบบการปกครองของอาณาจักรสโุ ขทัยมีลักษณะอยา งไร 1 พอขนุ เปนคาํ ขนึ้ ตน พระนามพระเจา แผนดินในสมัยสุโขทยั ตอนตน โดยคําวา แนวตอบ สุโขทัยมีพระมหากษัตริยป กครอง โดยในระยะแรกปกครองแบบ “ขุน” เปน คาํ เรยี กพระนามพระเจา แผนดินครองแควน เลก็ ๆ เชน ขนุ สามชนแหง พอปกครองลกู ตอ มาปกครองแบบธรรมราชาทีพ่ ระมหากษตั ริยทรงใช เมืองฉอด สวนคาํ วา “พอ ” เปนหวั หนา ของขนุ ในแควนตางๆ เทยี บไดก บั คําวา หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาในการดแู ลทุกขส ขุ ของราษฎร รวมทัง้ มี “แม” ในคาํ แมทพั พอขุนจะทําหนา ท่ีดแู ลทกุ ขส ขุ ของราษฎร และปกครอง คตคิ วามเชือ่ ที่วา พระมหากษัตริยท รงเปนสมมตเิ ทพดว ย สวนการปกครอง บา นเมอื งใหม คี วามรมเยน็ หวั เมือง จะมีลักษณะของการกระจายอาํ นาจจากราชธานีไปยังหัวเมอื งตา งๆ 2 วดั พระศรรี ตั นมหาธาตเุ ชลียง หรอื เรยี กอีกชอื่ หนึง่ วา วดั พระปรางค ตั้งอยนู อกกําแพงเมืองเกาศรสี ัชนาลยั เปน กลุม โบราณสถานขนาดใหญและเปน พระอารามหลวง ภายในวดั มีโบราณสถานทสี่ าํ คัญ ไดแก ปรางคประธาน กอดวย ศิลาแลงฉาบปูน ดา นหนาองคพ ระปรางคม วี ิหารทภี่ ายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ขนาดใหญปางมารวชิ ัย กําแพงวัดเปน ศลิ าและแทน กลมขนาดใหญเ รียงชิดติดกนั เปน รปู สีเ่ หลยี่ มผืนผา 96 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ô. พฒั นาการทางด้านàศรɰก¨ิ สมยั สโุ ขทยั 1. ครเู ปดประเด็นเก่ยี วกับพัฒนาการทางดาน ในอำณำจกั รสโุ ขทัย คนไทยสว่ นใหญ่ประกอบอำชพี ทำงด้ำนเกษตรกรรม ได้แก ่ กำรทำ� นำ เศรษฐกจิ สมยั สุโขทัย จากนน้ั ใหนกั เรยี น ทซ่งึ�ำเไปร่ ็นทระ�ำบสวบนเศ รแษลฐะกเลจิ ี้ยแงบสบตั ยวัง์ ชสีพ่วน1อำชพี ท่สี ำ� คญั รองลงมำ ไดแ้ ก่ กำรคำ้ ขำย และกำรหัตถกรรม กลมุ ที่ 2 นําเสนอสาระสาํ คญั หนา ชน้ั เรียน 4.๑ ปจั จยั ทเ่ี ออ้ื ตอ่ พฒั นำกำรทำงดำ้ นเศรษฐกจิ ของอำณำจกั รสโุ ขทยั 2. ครูใหน ักเรียนดูภาพตระพงั ตระกวนจาก ปจั จัยทเ่ี อื้อต่อพัฒนำกำรด้ำนเศรษฐกิจของอำณำจักรสุโขทัยที่สำ� คญั มดี งั นี้ หนังสือเรยี น หนา 97 แลว ถามวาเก่ยี วของ ๑) การใช้ระบบชลประทานในการเกษตร สภำพพ้ืนท่ีของสุโขทัยส่วนใหญ่ กับเศรษฐกิจสุโขทัยอยางไร (แนวตอบ เปนแหลงน้ําสําหรับนาํ มาใชใ น ไม่เหมำะแก่กำรเพำะปลูก ฤดูแล้งจะมีน้�ำน้อย จึงต้องมีกำรใช้ระบบชลประทำนเข้ำช่วยจึงจะ การอุปโภคบรโิ ภคและเพาะปลูก) สำมำรถท�ำกำรเพำะปลูกได้ เช่น กำรสร้ำง “ตระพัง” เก็บน�้ำหรือสระส�ำหรับเก็บน้�ำไปใช้ในกำร เพำะปลูก เป็นตน้ ๒) เปนศูนย์กลางในการติดต่อกับดินแดนอ่ืนๆ ทั้งภายในและภายนอก อาณาจักร เน่ืองจำกสุโขทัยตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้�ำปิง ยม และน่ำน ซ่ึงเป็นเส้นทำงคมนำคม ติดต่อกบั ดินแดนทอ่ี ยทู่ ำงตอนเหนอื และตะวนั ออกของแมน่ ้ำ� ปิง รวมทัง้ ติดตอ่ กับดนิ แดนท่ีติดกบั ทะเลทำงดำ้ นตะวนั ตก และทะเลทำงดำ้ นตะวนั ออก ทำ� ใหส้ ง่ เสรมิ กำรประกอบอำชพี กำรคำ้ ไดเ้ ปน็ อยำ่ งดี ๓) นโยบายการยกเวน้ การจดั เกบ็ ภาษผี า่ นดา่ น ทเี่ รยี กวา่ “จกอบ” 2(จงั กอบ) กำรทส่ี โุ ขทยั มนี โยบำยกำรยกเวน้ กำรจดั เกบ็ ภำษผี ำ่ นดำ่ นหรอื “จกอบ” (จงั กอบ) มสี ว่ นชว่ ยใหก้ ำร คำ้ ขำยของอำณำจกั รสโุ ขทยั ขยำยตวั ออกไปไดใ้ นระดบั หนงึ่ เพรำะจะชว่ ยใหเ้ กดิ แรงจงู ใจใหม้ พี อ่ คำ้ เขำ้ มำคำ้ ขำยในสโุ ขทัยมำกขน้ึ ตระพงั ตระกวน เปน็ ตวั อยา่ งหนงึ่ ของสระนา�้ ทมี่ อี ยเู่ ปน็ จา� นวนมาก ซ่ึงขุดขึ้นในเขตราชธานี เพื่อสะดวกแก่การนา� น�้ามาใชป้ ระโยชน์ 97 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู ปจ จัยใดบา งท่สี ง ผลใหเ ศรษฐกจิ ของสุโขทัยมีความเจรญิ รงุ เรอื ง จงอธิบาย 1 ระบบเศรษฐกิจแบบยงั ชีพ เปน ระบบเศรษฐกจิ ทีผ่ คู นใชช ีวิตความเปนอยู มาพอสังเขป แบบงายๆ ไมซบั ซอ น เชน การเกบ็ หาของปา ลา สัตว เพาะปลูก จับปลาเพือ่ แนวตอบ มหี ลายปจ จยั เชน ปจจัยดานภูมิศาสตร จากท่ตี ั้งของสุโขทัยที่อยู บรโิ ภคภายในครวั เรือน ไมไ ดผ ลติ เพอื่ จําหนาย ซงึ่ เปน ลักษณะทางเศรษฐกจิ บริเวณลุม แมน า้ํ ปง วัง ยม และนาน จงึ เหมาะแกการเปนเสน ทางคมนาคม ของชุมชนในอดีต และคาขาย ปจ จยั ดา นทรพั ยากรธรรมชาติ เชน สตั วป า ของปา ปาไม 2 จกอบ เปนภาษชี นดิ หนึง่ ท่เี กบ็ จากผูนาํ สตั วแ ละสินคาไปขายในทตี่ างๆ หรือ ที่อุดมสมบูรณ ปจ จัยดานการชลประทาน ทที่ ําใหม ีน้ําไปใชในการเพาะปลกู เปนภาษีทีเ่ ก็บจากสตั วแ ละสนิ คา ทนี่ าํ เขามาขาย โดยวธิ ีเกบ็ จงั กอบในสมยั สุโขทยั ปจ จัยดา นนโยบายการยกเวนการเกบ็ ภาษผี า นดา นหรือจกอบ ซงึ่ จูงใจให จะเก็บในอตั รา 10 ชัก 1 และการเกบ็ นน้ั มิไดเก็บเปนเงินเสมอไป อาจเก็บเปน พอคาเขา มาคา ขายในสโุ ขทัยมากขน้ึ เปน ตน สิ่งของกไ็ ด ในการจัดเกบ็ จงั กอบ รฐั จะต้ังสถานทที่ ี่สะดวกคอยดักเก็บ เชน ถาเปน ทางบก กจ็ ะไปตง้ั ทีป่ ากทางหรอื ทางท่ีจะเขาเมือง ถา เปน ทางนํ้า ก็จะตั้งใกลทา นาํ้ โดยสถานทีเ่ ก็บจงั กอบ เรยี กวา ขนอน คมู อื ครู 97
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูสุมนกั เรียนออกมาอธบิ ายลกั ษณะทาง 4.๒ ลกั ษณะทำงดำ้ นเศรษฐกจิ ทส่ี ำ� คญั เศรษฐกจิ ของอาณาจักรสโุ ขทัยทห่ี นาชน้ั เรียน เพือ่ ทดสอบความรู เศรษฐกจิ ของสโุ ขทยั ท่สี �ำคญั ไดแ้ ก ่ กำรเกษตรกรรม กำรพำณชิ ยกรรม และกำรหัตถกรรม (แนวตอบ เศรษฐกิจของสโุ ขทยั ขึ้นอยูก บั ซ่งึ มลี ักษณะ ดงั น้ี การเกษตรกรรม พาณชิ ยกรรมจากการคา ขาย สนิ คา ตางๆ เชน เครือ่ งเทศ พริกไทย นํา้ ตาล ๑) การเกษตรกรรม พ้นื ฐำนทำงเศรษฐกิจของอำณำจักรสโุ ขทยั ส่วนใหญข่ ้นึ อยูก่ ับ งาชา ง หนงั สัตว นอแรด เปนตน รวมทัง้ การหัตถกรรม โดยการผลติ เครอ่ื งปน ดนิ เผา อำชพี เกษตรกรรม แตต่ อ้ งมกี ำรจดั ระบบชลประทำนเพอื่ ชว่ ยในกำรเพำะปลกู ในฤดแู ลง้ รวมไปถงึ หรอื เครอ่ื งสงั คโลก การคาขายเคร่อื งสงั คโลก เพื่อกำรอุปโภคและบริโภคด้วย เชน่ กำรสร้ำงรำงคนั ดนิ สร้ำงเหมือง ฝำย คู ตระพงั และท�ำนบ และสินคาชนิดตา งๆ ทั้งภายในอาณาจักรและ สงไปขายนอกอาณาจกั รนํารายไดม าสูส ุโขทัย กั้นน�้ำ (สรีดภงส)์ เปน็ ตน้ อยางมาก นอกจากนี้ การทสี่ โุ ขทยั ไมเก็บภาษี ผา นดา นจากพอ คา กท็ ําใหเกิดการขยายตัว ๒) การพาณิชยกรรม อำชีพท่ีส�ำคญั อยำ่ งหนง่ึ ของ ทางการคา ซึ่งสงผลใหเศรษฐกจิ ของสุโขทัยมี คนไทยในสมัยสุโขทัย คือ กำรค้ำขำย ในเมืองสุโขทัย ความเจริญกา วหนาพอสมควร) มเีตรลียำกดวค่ำ้ ำข“ตำลยาสด�ำปหสราับนให”1 ้ชกำำวรเซมื้อือขงำไยดแ้ซลื้อกขเำปยลส่ียินนคใน้ำ สมัยสุโขทัย นอกจำกจะมีกำรแลกเปล่ียนส่ิงของ 2. ครูอานขอความในศลิ าจารึกสุโขทยั หลักที่ 1 ซึ่งกันและกันแล้ว ในตอนปลำยสมัยสุโขทัย ใหนักเรยี นฟง ความวา “เมื่อช่ัวพอขนุ ราม- ได้มีกำรใช้เงินตรำในกำรซื้อขำยสินค้ำ เช่น คาํ แหง เมืองสุโขทยั น้ีดี ในนาํ้ มปี ลา ในนามี เงินพดด้วงใช้เป็นส่ือกลางการแลกเปลี่ยนในสมัยสุโขทัย ใน พ.ศ. ๑๙๐๔ ในศิลำจำรึกกล่ำวถึง “เบ้ีย” ขาว เจา เมอื งบเ อาจกอบในไพรลทู า ง เพ่อื นจงู คาดว่าเรม่ิ ใช้ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๐๐๐ เปน็ ตน้ มา ใน พ.ศ. ๑๙๙๙ มีกำรใชเ้ งิน “บาท” เปน็ เงินตรำ วัวไปคา ขม่ี า ไปขาย ใครจักใครคาชา งคา ใคร จกั ใครค า มาคา ใครจกั ใครค า เงอื นคาทองคา” สำ� หรบั เปน็ สอื่ กลำงใชแ้ ลกเปลย่ี น และมกี ำรใช ้ “เงนิ พดดว ง” ซง่ึ ทำ� ดว้ ยโลหะผสม เรมิ่ ใชใ้ นสมยั ใด จากน้นั ใหนักเรียนอภิปรายรว มกันเกี่ยวกบั ยงั ไมป่ รำกฏแนช่ ดั ในสมยั พระมหำธรรมรำชำท ่ี ๑ (ลไิ ทย) โปรดเกลำ้ ฯ ใหผ้ ลติ เงนิ หนกั หนงึ่ บำทขนึ้ สภาพเศรษฐกิจของสุโขทัยในสมัยพอ ขนุ ใชเ้ ปน็ มำตรฐำน สว่ นพอ่ คำ้ และรำษฎรผลติ เงนิ พดดว้ งขน้ึ ใชเ้ องได ้ แตต่ อ้ งมมี ำตรฐำนเหมอื นเชน่ รามคาํ แหงมหาราช ที่รำชกำรผลิต กำรมีระบบเงินตรำแสดงใหเ้ ห็นว่ำสโุ ขทัยมคี วำมเจรญิ รงุ่ เรอื งทำงดำ้ นกำรคำ้ มำก ในศิลำจำรึกระบุว่ำ กรุงสุโขทัยไม่มีกำรเก็บภำษีผ่ำนด่ำนจำกบรรดำพ่อค้ำทั้งหลำย ทั้งน้ี อำจเป็นเพรำะวำ่ ต้องกำรใหเ้ กิดกำรขยำยตัวทำงกำรคำ้ ส่วนภำษีอ่นื ๆ เชน่ คำ่ ธรรมเนยี มตำ่ งๆ ภำษรี ำยไดจ้ ำกกำรคำ้ ภำษคี ่ำนำ สนั นิษฐำนว่ำคงจะมีกำรเกบ็ ตำมปกติ เพือ่ เอำไวใ้ ชป้ ระโยชน์ใน รำชกำรแผน่ ดนิ กำรค้ำขำยแลกเปลี่ยนในสมัยสุโขทัย นอกจำกจะมีกำรค้ำขำยภำยในอำณำจักรแล้ว ยังมี กำรค้ำขำยกบั ดินแดนต่ำงๆ นอกรำชอำณำจกั รอีกดว้ ย เช่น หงสำวดี ตะนำวศร ี ล้ำนนำ ปตั ตำนี มะละกำ ชวำ ลงั กำ อนิ เดีย จนี เป็นตน้ สินค้ำออกท่ีส�ำคัญของสุโขทัย เช่น เครื่องเทศ ของป่ำหำยำก พริกไทย น�้ำตำล งำช้ำง หนงั สตั ว ์ นอแรด เปน็ ตน้ สว่ นสนิ คำ้ เขำ้ เชน่ ผำ้ ไหม ผำ้ ทอ เครอ่ื งประดบั ประเภทอญั มณ ี เปน็ ตน้ 98 นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดเปน ลักษณะการคา ของอาณาจกั รสโุ ขทยั 1 ตลาดปสาน คําวา “ปสาน” สันนษิ ฐานวา มีรากศพั ทมาจากคาํ วา “บาซาร” 1. ราษฎรคา ขายไดอ ยา งเสรี ในภาษาเปอรเซีย แปลวา ตลาด คาํ วา ตลาดปสานน้ันปรากฏอยูในศลิ าจารึกสโุ ขทัย 2. ราชการเปน ผูผ กู ขาดการคา หลักที่ 1 ของพอ ขนุ รามคําแหงมหาราช ความวา “...เบอ้ื งตีนนอนเมอื งสุโขทัยนี้ 3. ราชการคา ขายแขงกบั ราษฎร มีตลาดปสาน...” โดยตลาดน้ีสนั นิษฐานวา มมี ากอนสถาปนากรุงสุโขทัยโดยเปน 4. ราษฎรทาํ การคา ไดบ างชนิด ทชี่ ุมนมุ ของพอ คาชาวตางชาติ วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. ดงั ปรากฏขอ ความในศิลาจารึกสโุ ขทัย หลกั ที่ 1 วา “...ใครจกั ใครค าชา งคา ใครจักใครคา มา คา ใครจกั ใครคาเงอื น มมุ IT คา ทองคา ” ซง่ึ แสดงใหเห็นวา ในสมยั สุโขทัยทางราชการไดใหเ สรภี าพในการ คาขายแกราษฎร ศึกษาคนควา ขอมลู เพม่ิ เตมิ เกีย่ วกบั เงินพดดว ง ไดท ่ี http://www.thaibank- museum.or.th/museum110.php เวบ็ ไซตพพิ ิธภัณฑธนาคารไทย 98 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) การหตั ถกรรม การหตั ถกรรมของสโุ ขทยั สว นใหญเ ปน การผลติ เครอ่ื งปน ดนิ เผา 1. ครใู หน กั เรียนในชั้นเรียนวิเคราะหส ภาพทาง หรอื เครอื่ งสังคโลก มีหลายแบบ เชน แบบเคลือบสีเขียวไขกาท่ีมกี ารขดู ลายใตนาํ้ เคลอื บ เรยี กวา เศรษฐกิจของสโุ ขทยั ในปจ จุบนั เมือ่ เทยี บกบั อดตี เซลาดอน แบบสนี าํ้ ตาลลว น และแบบเคลอื บสขี าวทเี่ ขยี นลายดว ยสดี าํ หรอื นา้ํ ตาลเขม ใตน าํ้ เคลอื บใส (แนวตอบ ในปจ จบุ ันเศรษฐกจิ ของจังหวดั โดยไดมีการขดุ พบซากเตาเผาเครอื่ งสงั คโลกเปน จาํ นวนมากบรเิ วณเมอื งศรีสชั นาลัย สโุ ขทยั จะมหี ลากหลายประเภทมากขึน้ โดย เครื่องสังคโลกทําเปนส่ิงของเครื่องใชใน เศรษฐกจิ หลักกย็ ังขึ้นอยกู ับการเกษตรกรรม หลายรปู แบบ เชน จาน ชาม หมอ กระปกุ กานาํ้ นอกจากนย้ี งั มีการพาณชิ ยกรรมเชน เดียวกับใน รวมถึงเครื่องประดับสถาปตยกรรมทางศาสนา อดีต แตป จจบุ นั การคา มกี ารขยายตวั มากขึ้น เชน ชอฟา รูปปนเทวดา นักรบ หรือส่ิงของ แมวาจะมกี ารผลติ เครอ่ื งสงั คโลกเลยี นแบบของ เกี่ยวกับความเช่ือและศาสนา เชน มงั กร นาค ด้งั เดิมออกขายเหมือนอดตี แตก ็ไดม ีโรงงาน ยกั ษ เปนตน พบวา มกี ารสง เครอื่ งสงั คโลกออก อุตสาหกรรมขนาดใหญหลายแหง ซง่ึ เปนผลมา แลกเปล่ียนคาขายกับดินแดนตางๆ ท้ังชุมชน จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ ) ชายฝง ทะเล คาบสมทุ รทางใต และตามหมเู กาะ ตางๆ เชน ฟลปิ ปนส อินโดนีเซยี ญี่ปนุ เปนตน 2. ครแู ละนักเรยี นรว มกันสรุปความรูเก่ียวกับ แสดงใหเ หน็ ถงึ เครอื ขา ยการคา ทก่ี วา งขวางของ พฒั นาการทางดา นเศรษฐกิจสมัยสุโขทัย เครอ่ื งสังคโลก 1 จากน้ันใหนักเรยี นทํากิจกรรมท่ี 4.2 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ม.1 เตาทเุ รยี งปา ยาง พบทเี่ ขตอทุ ยานประวตั ศิ าสตรศ รสี ชั นาลยั ซ่งึ เปนแหลงผลติ เครอ่ื งสังคโลกแหลง ใหญของสโุ ขทัย ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ ประวตั ิศาสตร ม.1 กิจกรรมที่ 4.2 หนวยที่ 4 พฒั นาการของอาณาจกั รสุโขทยั เรอ่ื งนารู กิจกรรมที่ ๔.๒ ใหน กั เรยี นตอบคาํ ถามเกย่ี วกบั พฒั นาการดา นเศรษฐกจิ และ คะแนนเตม็ คะแนนท่ไี ด สงั คมของสุโขทยั ดังตอไปนี้ (ส ๔.๓ ม.๑/๒) สังคโลก คือ เครื่องปนดินเผาชนิดเคลือบ เนื้อละเอียด สวนใหญจะมี òð สนี า้ํ ตาล สนี ํา้ ตาลปนเหลอื ง สีเขียวไขก า สีขาวแบบหนาทึบ รปู แบบของเครอ่ื งสังคโลก มีต้ังแตเคร่อื งใชส อยถว ยชาม ไห โอง ครก ตกุ ตา ตลอดจนเครอ่ื งประดบั ตกแตง อาคาร ๑. สภาพเศรษฐกิจของอาณาจักรสโุ ขทยั มีลกั ษณะอยา งไร สถานทตี่ า งๆ ...............พ....ื้น.....ฐ...า...น.....ท....า..ง....เ..ศ....ร...ษ....ฐ....ก....ิจ...ข...อ....ง...อ....า...ณ.....า...จ...ัก.....ร...ส....ุโ...ข...ท....ัย...ส.....ว...น....ใ...ห....ญ.....ข...ึ้น....อ....ย...ูก....ับ.....อ...า...ช...ีพ....เ..ก....ษ....ต....ร....ก....ร...ร....ม........ม...ีก....า...ร....ป....ล....ูก... พ....ืช...พ.....ัน....ธ...ุธ....ญั ....ญ.....า...ห....า...ร...ม....า..ก....ม....า..ย........เ.ช....น........ข...า ..ว.......ห....ม...า...ก........พ....ล....ู....ม...ะ...พ....ร...า...ว.......ม...ะ...ม...ว...ง.......เ..ป....น....ต....น.........น....อ....ก...จ....า...ก....น....ี้....ช...า...ว...ส....โุ..ข...ท....ยั... เชอื่ กนั วา คาํ วา “สงั คโลก”เพยี้ นมาจากคาํ วา “สวรรคโลก” หรอื คาํ วา “ซอ งโกลก” ย....ัง...ป....ร...ะ...ก....อ...บ.....อ...า...ช...พี....ค....า...ข...า..ย....โ..ด....ย....ม...ีต....ล....า...ด....ป....ส....า...น....เ..ป....น....แ...ห....ล....ง...ซ....้ือ...ข...า...ย....แ...ล....ก....เ.ป....ล....ี่ย....น....ส....ิน.....ค....า ......ม...ีก....า...ร...ใ...ช...เ..ง...ิน....ต....ร....า...ใ..น.....ก....า..ร... ซึ่งหมายถึง เตาแผนดินซอ ง เนอ่ื งจากสโุ ขทยั ไดร ับเทคนิคการทําสงั คโลกมาจากจีน ซ....้อื...ข...า...ย......ร....ว...ม...ถ....งึ ...อ....า..ช...พี....ห....ตั....ถ....ก....ร...ร....ม......โ...ด....ย...ก....า...ร...ผ....ล....ิต....เ.ค....ร....อ่ื ...ง....ป...น.....ด....ิน....เ..ผ....า..ห....ร....อื ...เ..ค....ร...ือ่....ง...ส....งั....ค....โ..ล....ก....เ..ป....น....จ....าํ ..น.....ว...น....ม....า..ก........... สาํ หรบั เตาทใ่ี ชผ ลติ เครอ่ื งสงั คโลกนน้ั มอี ยหู ลายแหง ครอบคลมุ อาณาบรเิ วณ .................................................................................................................................................................................................................................................... พื้นท่ีเมืองเกาสุโขทยั ศรสี ชั นาลัย ท่ีสโุ ขทยั มแี หลงเตาเผา เรยี กวา “เตาทเุ รยี งสโุ ขทยั ” ที่ศรีสัชนาลัยมีแหลงเตาเผาท่ีปายาง เรียกวา “เตาทุเรียงปายาง” และแหลงเตาเผา ๒. นักเรียนคิดวาปจจัยใดที่สงผลใหการเกษตรกรรมและพาณิชยกรรมในสมัยสุโขทัยมีความ ทเ่ี กาะนอย เรยี กวา “เตาทเุ รียงเกาะนอย” เจริญรุง เรือง ...............ม....ีห....ล...า...ย....ป....จ...จ....ยั .......เ..ช...น.........ป....จ...จ....ัย...ด....า...น....ส.....ภ...า...พ....ภ....ูม...ศิ....า...ส....ต....ร.... ....ก....ร...ุง....ส....โุ..ข...ท....ัย....ต....้งั ...อ...ย....ูบ....ร...ิเ..ว...ณ.....ท....ี่ร....า...บ....ล....มุ ...ท....่ีม....แี ...ม...น.....าํ้...ป...ง... ว...งั......ย...ม.......น....า..น.....ไ..ห....ล....ผ...า...น.......จ....งึ ...เ.ห....ม....า..ะ...แ...ก....ก....า..ร....เ.พ....า...ะ...ป...ล....กู.......บ....ร...โิ...ภ...ค....อ....ปุ....โ..ภ....ค......แ...ล....ะ...ส....ะ..ด....ว...ก....ใ..น.....ก....า..ร....ส....ญั.....จ...ร...ค....า...ข...า..ย....ท....า..ง....น....า้ํ.. ป....จ....จ...ยั....ด....า ..น.....ท....ร...ัพ....ย....า...ก....ร...ธ...ร....ร...ม....ช...า..ต....ิ....เ..ช...น ........ป....า..ไ...ม.......ส....ัต....ว...ป....า ......ข...อ...ง....ป....า ......ซ...งึ่....ส....ุโ..ข...ท....ยั....ม...ีอ....ย...อู....ย...า...ง...อ....ดุ ....ม...ส....ม....บ....ูร...ณ...... ...ป....จ....จ...ยั... เฉฉบลับย ด....า...น....ก....า...ร....ช...ล....ป...ร....ะ..ท....า...น........โ..ด....ย...ก....า...ร....ส....ร...า...ง...ส....ร....ดี ....ภ....ง...ส....ส....าํ...ห....ร...ับ....ก....ัก....เ..ก....็บ....น.....าํ้...เ.อ....า..ไ...ว...ใ..ช...ใ...น....ฤ....ด....แู...ล....ง......เ..พ....อ่ื....ช...ว ...ย...ใ...ห....ส....า..ม....า...ร...ถ... ทําการเพาะปลกู ได เปน ตน.................................................................................................................................................................................................................................................... ๓. “…เจาเมืองบเอาจกอบในไพรลูทาง เพ่ือนจูงวัวไปคา ขี่มาไปขาย ใครจักใครคาชาง คา ใครจักใครค ามา คา ใครจักใครค า เงอื นคา ทอง คา…” จากขอ ความดังกลาว นกั เรียนคดิ วา สงผลดีตอเศรษฐกิจของสุโขทัยอยางไร ...............ใ...น....ส....ม....ยั ...ส....โุ...ข..ท....ยั....ไ..ด....ม...ก.ี ...า...ร...ย....ก....เ.ล....กิ....ก....า...ร...เ..ก....บ็....ภ....า..ษ.....ผี ...า...น....ด....า...น....ห....ร...อื....จ...ก....อ....บ....แ...ล....ะ..ก....า...ร...ใ...ห....เ .ส....ร....ภี ...า...พ....ท....า...ง...ก....า...ร...ค....า...ข...า..ย... กลาวไดวาพัฒนาการทางดานเศรษฐกิจของอาณาจักรสุโขทัย มีความเจริญกาวหนา อ....ย...า...ง...เ..ต....ม็...ท....่ี...จ....ึง...ท....าํ...ใ..ห....พ....อ....ค....า...เ.ก....ิด....แ...ร....ง...จ....ูง...ใ..จ....ท....จี่...ะ...เ..ข...า..ม....า...ค....า..ข...า...ย...ใ...น....ส.....ุโ..ข...ท....ยั....ม...า...ก....ข...น้ึ .......ส....ง...ผ....ล....ใ..ห....ก....า...ร...ค....า...ข...อ....ง...ส....โุ..ข...ท....ยั... เพยี งพอทจี่ ะทาํ ใหบ า นเมอื งดาํ รงอยไู ดใ นระยะเวลาหนงึ่ ขณะทอ่ี าํ นาจทางการเมอื งและการทหาร ก็มคี วามเขม แข็งเฉพาะในสมัยพอ ขุนรามคําแหงมหาราช ขยายตัวออกไป.................................................................................................................................................................................................................................................... ๙๙ .................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... ๔. พระพทุ ธศาสนาไดเ ขามามอี ทิ ธพิ ลตอ วิถีชีวติ ของผูคนในสังคมสโุ ขทัยอยางไร จงวิเคราะห ...............พ....ร....ะ..พ....ทุ....ธ...ศ....า...ส....น.....า...ไ..ด....เ..ข...า ..ม....า..ม....อี...ทิ....ธ....พิ ....ล....ต....อ ...ว...ถิ....ชี ...วี ...ติ ....ข..อ....ง...ค....น.....ท....กุ ....ช...น....ช...น้ั.....ใ..น.....ส....งั...ค....ม.......เ.ร....ม่ิ ...จ....า..ก....พ....ร....ะ..ม....ห....า...ก....ษ....ตั ....ร...ยิ... ไ...ด....น....ํา...ห....ล....ัก....ธ...ร....ร...ม....ท....า...ง...พ....ร....ะ..พ....ุท....ธ....ศ....า..ส.....น....า...ม....า..ป....ร....ับ....ใ...ช...ใ..น.....ก....า...ร...ป....ก....ค....ร....อ...ง........เ..ช...น.........พ....อ...ข...ุน.....ร...า...ม....ค....ํา...แ...ห....ง...ม....ห....า..ร....า...ช...ท....ร...ง... ส....ง่ั....ส....อ...น.....ศ....ลี ....ธ...ร...ร....ม...แ...ก....ร....า...ษ....ฎ....ร...ใ..น.....ว...ัน....พ....ร....ะ......ห....ร....ือ...พ....ร....ะ..ม....ห....า..ธ....ร...ร....ม...ร...า...ช...า...ท....่ี ....๑.......(..ล....ไิ...ท....ย...)......ท....ร....ง...อ....อ...ก....ผ...น.....ว...ช.......ร...ว...ม...ท....้ัง... พ....ร....ะ..ร....า...ช...น....ิพ....น.....ธ...ว...ร....ร...ณ.....ก....ร....ร...ม....ท....า...ง...พ....ร....ะ..พ....ุท....ธ....ศ....า..ส.....น....า.......เ..ร....ื่อ...ง........ไ..ต....ร....ภ....ูม...ิพ....ร....ะ..ร....ว...ง...ห....ร...ือ....เ..ต....ภ....ูม...ิก....ถ....า.......ข...ณ.....ะ...เ..ด....ีย...ว...ก....ัน.... ร....า..ษ.....ฎ...ร....ส....โุ..ข...ท....ยั....ก....็ใ..ห....ท....า...น....แ....ล...ะ...ถ....ือ...ศ....ลี.......ม....ีก....า..ร....ท....อ...ด....ก....ฐ....นิ .......ฟ....ง...เ..ท....ศ....น....ม....ห....า...ช...า..ต....ิ............................................................................... ๓๘ (พิจารณาคาํ ตอบของนกั เรียน โดยใหอ ยใู นดุลยพินจิ ของครผู สู อน) ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู ขอ ใดตอไปนเี้ ปน สินคา หลกั ของอาณาจักรสโุ ขทัยที่พอคา ตางชาตติ องการ ครอู าจพานักเรยี นไปดแู หลงผลติ เคร่ืองสงั คโลกท่อี ําเภอศรีสชั นาลยั จังหวดั อยา งมาก สุโขทยั หรอื ไปแวะชมศูนยศึกษาและอนรุ ักษเ ตาสงั คโลก (เตาทุเรียง) เพือ่ ให นกั เรียนมีความรูเ กย่ี วกบั โบราณวัตถุท่ยี ังคงคณุ คา มาจนถึงปจ จุบนั 1. เครือ่ งสงั คโลก 2. ผลติ ผลจากปา นกั เรยี นควรรู 3. ผลิตผลทางการเกษตร 4. ผลิตภัณฑป ระเภทผา ไหม 1 เตาทุเรียง เปน เตาสาํ หรับเผาเครื่องถว ยชามตางๆ หรอื เครือ่ งสังคโลกใน สมัยสุโขทัย พบมากที่เมืองศรสี ัชนาลยั เตาทเุ รียงจะพบอยูในบริเวณใกลล าํ นํ้า วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะสุโขทยั มีความอดุ มสมบูรณข อง เพราะน้ําเปน สว นประกอบสาํ คญั ในกระบวนการผลิต ตง้ั แตขน้ั ตอนการเตรยี มดิน หมกั ดิน การปน จนถึงการเผา รวมท้งั ลํานา้ํ ยงั เปนเสนทางในการขนสง อกี ดวย ทรัพยากรปา ไม ดงั นน้ั ผลผลติ จากปาท่ีสาํ คัญ เชน เคร่อื งเทศ หนงั สตั ว ครงั่ ยางสน นา้ํ ผ้งึ ไมก ฤษณา เปนตน จึงเปนทีต่ อ งการของพอ คาตา งชาติ มาก เพราะเปน สินคา ทม่ี ีคุณภาพและราคาไมแ พง คมู อื ครู 99
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูเปด ประเดน็ เกี่ยวกับพฒั นาการทางดา น ๕. พัฒนาการทางดา้ นสังคมสมัยสโุ ขทยั สังคมสมยั สุโขทัย จากนั้นใหน กั เรียนกลมุ ที่ 3 นาํ เสนอสาระสําคัญหนา ช้นั เรยี น จำกกำรท่ีมีกำรรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นของคนไทยรอบๆ บริเวณเมืองสุโขทัยและบริเวณ ใกลเ้ คยี งในระยะแรกๆ จนกระทงั่ ไดม้ กี ำรขยำยตวั ของชมุ ชนจำกหมบู่ ำ้ นกลำยเปน็ เมอื ง และกลำย 2. ครูนําบตั รคาํ ของกลมุ คนในสังคมสโุ ขทัย ไดแ ก เปน็ อำณำจักรในทส่ี ดุ ไดท้ �ำใหส้ ภำพของสงั คมไทยสมยั สโุ ขทัยมีลกั ษณะผู้คนทม่ี ีควำมหลำกหลำย พระมหากษตั รยิ พระราชวงศ ขุนนาง ไพร มำกขนึ้ ดงั นั้น ผู้คนในสงั คมไทยสมัยสุโขทยั จงึ จำ� เปน็ ต้องมอี �ำนำจหน้ำทแี่ ละควำมรับผิดชอบตอ่ และขา มาใหน ักเรียนชว ยกันบอกความหมาย สงั คมเพอื่ ให้สงั คมสำมำรถดำ� รงอยูไ่ ดจ้ นสำมำรถตง้ั เป็นอำณำจักรได้ และบทบาทหนา ที่ในสังคม สภำพของโครงสร้ำงสงั คมสโุ ขทยั มลี ักษณะดงั นี้ 3. ครูใหนกั เรียนรว มกันแสดงความคิดเหน็ วา 5.๑ กลมุ่ คนในสงั คมสโุ ขทยั ในสมยั สุโขทัยใชว ิธีการใดในการสรา งความ สงบสุขใหแ กสังคม กลุ่มคนในสังคมสมยั สโุ ขทัย สำมำรถแบ่งออกไดเ้ ป็น ๒ ประเภท ได้แก ่ บคุ คลท่มี อี ำ� นำจ (แนวตอบ นอกจากกฎหมายแลว ผูน าํ สโุ ขทยั ได หนำ้ ที่ในกำรปกครอง ประกอบดว้ ย พระมหำกษตั รยิ ์ พระรำชวงศ ์ (เจ้ำนำย) ขุนนำง และบุคคล ใชศาสนาเปนเคร่ืองมือในการอบรมราษฎรใหมี ทอี่ ยู่ใต้กำรปกครอง ประกอบด้วย ไพร่ และข้ำ โดยมรี ำยละเอียดดังน้ี ศีลธรรม เชน ในสมัยพอ ขนุ รามคาํ แหงมหาราช ทรงนมิ นตพระสงฆจ ากนครศรธี รรมราชมา พระมหำกษัตริย์ เผยแผแ ละสั่งสอนธรรมแกราษฎร หรอื ในสมยั คอื ผมู้ อี �ำ น�จสงู สดุ ในก�รปกครองอ�ณ�จกั รในระยะเรม่ิ แรก พระมห�กษตั รยิ ส์ โุ ขทยั เปรยี บเสมอื น พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) ทรงพระราช- นพิ นธหนังสอื ไตรภมู ิพระรว ง ที่สอนใหคนทํา บดิ �ของร�ษฎร ตอ่ ม�พระมห�กษตั รยิ ม์ ลี กั ษณะเปน็ “ธรรมร�ช�” สว่ นคว�มเปน็ สมมตเิ ทพของ แตค วามดี ละเวน ความช่วั เมอื่ ราษฎรอยูใน พระมห�กษัตริย์จะเริม่ ขนึ้ ในตอนปล�ยสมยั สุโขทยั แตย่ งั ไมช่ ดั เจนเท่�กับสมยั อยุธย� ศลี ธรรม มพี ระพทุ ธศาสนาเปนเครือ่ งยดึ เหนยี่ ว จติ ใจ สงั คมก็จะเกิดความสงบสุข) พระรำชวงศ์ เปน็ ผทู้ มี่ เี ชอ้ื ส�ยรว่ มกบั กษตั รยิ ์ บ�งครง้ั เรยี กว�่ “เจ�้ น�ย” บรรด�พระร�ชวงศท์ ใี่ กลช้ ดิ และ มีคว�มส�ม�รถอ�จได้รับมอบหม�ยจ�กพระมห�กษัตริย์ให้ปกครองดูแลเมืองสำ�คัญ หรืออ�จ มีโอก�สไดส้ บื ร�ชสมบัติได้ ขนุ นำง หม�ยถึง ผู้ท่ีปฏิบัติหน้�ที่ดูแลบ้�นเมือง ปกครองผู้คน และเป็นผู้นำ�กำ�ลังไพร่พลออก ทำ�สงคร�มป้องกันอ�ณ�จกั รต�มพระบรมร�ชโองก�รของพระมห�กษตั รยิ ์ ไพร่ 1 หม�ยถงึ ร�ษฎรส�มญั ชนธรรมด� มอี สิ ระในก�รด�ำ รงชวี ติ มสี ทิ ธภิ �ยใตก้ ฎหม�ยทกี่ �ำ หนดไว้ ไพรจ่ ะถกู เกณฑแ์ รงง�นไปใชเ้ ปน็ ครง้ั คร�ว ไพรม่ ที งั้ ไพรท่ เี่ ปน็ ของหลวงหรอื ของพระเจ�้ แผน่ ดนิ และที่ขึน้ อยูก่ บั เจ้�น�ยหรือคนอน่ื ๆ ข้ำ หม�ยถึง กลุ่มคนท่ีไม่มีอิสระและเสรีภ�พในก�รดำ�เนินชีวิตของตนเอง และต้องเสียสละ แรงง�นใหก้ บั น�ยในสมยั สโุ ขทยั มศี ลิ �จ�รกึ กล�่ วว�่ พระมห�ธรรมร�ช�ท่ี๑(ลไิ ทย)ทรงน�ำ เชลยศกึ ม�เปน็ ข�้ พระวดั ป�่ แดง หรอื ศลิ �จ�รกึ บ�งหลกั กก็ ล�่ วว�่ พระมห�เถรศรศี รทั ธ�ฯ ซอ้ื คนปลดปลอ่ ยเปน็ ๑00 อสิ ระในขณะทเ่ี ดนิ ท�งจ�กสโุ ขทยั ไปล�ำ พนู ดงั นน้ั ในสมยั สโุ ขทยั คนธรรมด�ทวั่ ไปกส็ �ม�รถมขี �้ ได้ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ วา นอกจากกลมุ คนตา งๆ ดังกลาวแลว สุโขทยั ยังมพี ระสงฆ ครใู หนักเรียนศกึ ษาคน ควา ความรเู พ่มิ เติมเกย่ี วกบั วถิ ีชีวติ ความเปน อยู ทที่ ําหนา ท่ีสง่ั สอนธรรมใหแกป ระชาชน ซ่ึงพระสงฆสมยั สโุ ขทัยแบงเปน 2 ฝาย คือ ของคนในสมยั สโุ ขทยั สรุปสาระสําคัญและนํามาอภปิ รายในชนั้ เรียน คามวาสี เปน กลมุ พระสงฆท จี่ าํ พรรษาในเมือง เนนการศกึ ษาพระคมั ภีร กับ อรญั วาสี เปนกลมุ พระสงฆที่จําพรรษานอกชมุ ชน เนน การปฏิบตั ธิ รรม ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ไพรม บี ทบาทสาํ คัญอยางไรในสังคมสโุ ขทัย นักเรยี นควรรู แนวตอบ ไพรถอื เปนประชากรจาํ นวนมากของสงั คมสโุ ขทยั เปน ราษฎรท่ีมี อิสระในการดาํ รงชีวติ มีสทิ ธิตามทกี่ ฎหมายกาํ หนด โดยจะถูกเกณฑแรงงาน 1 ราษฎรสามัญชน ในสังคมสโุ ขทัยราษฎรสโุ ขทยั มีความผูกพนั ใกลชดิ กบั หรอื ออกศึกเปน คร้งั คราว พระพุทธศาสนา ดงั จะเห็นไดจากการอยใู นศีลธรรมและเขารวมพิธีกรรมทางศาสนา เชน ฟง ธรรม รักษาศีล ทําบญุ ใหทาน สรางวดั ดังปรากฏขอ ความในศิลาจารึก สโุ ขทยั หลักท่ี 1 วา “...วนั เดือนดับ เดอื นโอกแปดวนั วันเดือนเตม็ เดือนบา งแปดวัน ฝูงปูครู เถร มหาเถร ขน้ึ นั่งเหนือขดารหินสูดธรรมแกอ บุ าสก ฝูงทวยจําศลี ...” และ อกี ตอนหนงึ่ วา “...คนในเมืองสโุ ขทยั น้ี มักทาน มักทรงศลี มกั โอยทาน...” 100 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู นอกจำกน ี้ ยงั มพี ระภกิ ษสุ งฆซ์ งึ่ เปน็ กลมุ่ สำ� คญั อกี กลมุ่ หนง่ึ เนอ่ื งจำกพระพทุ ธศำสนำนิกำย 1. ครูและนกั เรยี นรวมกนั สรปุ ความรูเ ก่ยี วกับ หนิ ยำน หรือนิกำยเถรวำทลัทธลิ ังกำวงศเ์ จริญร่งุ เรืองในสุโขทยั ซึ่งพระมหำกษตั ริย์ลงมำถึงไพร่ พฒั นาการทางดา นสังคมสมัยสุโขทัย และข้ำ ก็สำมำรถบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ได้ อีกท้ังบรรดำพระภิกษุสงฆ์ยังได้รับกำรอุปถัมภ์ จำกพระมหำกษัตริย์แหง่ กรุงสโุ ขทัยอีกด้วย 2. ครเู ปด ประเด็นเก่ียวกับพัฒนาการทางดา น ศิลปวฒั นธรรมสมัยสุโขทัย จากนัน้ ใหนกั เรยี น 5.๒ กฎหมำยและกำรพจิ ำรณำคดคี วำม กลุม ท่ี 4 นาํ เสนอสาระสําคญั หนา ช้นั เรียน ในสมัยสุโขทัยได้มีหลักฐำนท่ีแสดงให้เห็นว่ำมีกำรตรำกฎหมำยในลักษณะต่ำงๆ เพ่ือสร้ำง ควำมเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยและควำมเปน็ ธรรมใหเ้ กดิ ขน้ึ ในสงั คม กฎหมำยทต่ี รำขนึ้ ในสมยั สโุ ขทยั จำกหลกั ฐำนทค่ี น้ พบและตคี วำมได้จำกศลิ ำจำรึกสุโขทยั มีลักษณะตำ่ งๆ ดงั นี้ ๑. ลักษณะทรัพยส์ ินมรดก ๒. ลกั ษณะกำรพิจำรณำคดีควำม ๔๓.. ลลักกั ษษณณะะโกจำรร1รอ้ งฎกี ำ อย่ำงไรก็ตำม กล่ำวได้ว่ำ ลักษณะสังคมในสมัยสุโขทัยยังไม่มีควำมสลับซับซ้อนมำกนัก ทั้งน้ีเน่ืองจำกในสมัยน้ันจ�ำนวนผู้คนยังไม่มำก ประกอบกับชำวสุโขทัยมีพระพุทธศำสนำเป็น เครอ่ื งยดึ เหนยี่ วจิตใจ จงึ ทำ� ให้กำรด�ำเนินชีวิตของผู้คนในสมยั สุโขทัยคอ่ นขำ้ งมลี กั ษณะเรียบง่ำย และสงบสุข ๖. พฒั นาการทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมสมยั สโุ ขทยั ศิลปวัฒนธรรมช่วยให้เกิดควำมเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันของคนไทยในสมัยสุโขทัย ศิลป- วฒั นธรรมเหลำ่ นเี้ กดิ จำกกำรผสมผสำนระหวำ่ งวฒั นธรรมดงั้ เดมิ ของคนไทยกบั วฒั นธรรมทแ่ี พร่ เข้ำมำจำกภำยนอก จนกลำยเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยสมัยสุโขทัย และมีกำรสืบทอดมำจนถึง ปัจจุบนั พฒั นำกำรทำงดำ้ นศลิ ปวฒั นธรรมทส่ี ำ� คญั ในสมัยสโุ ขทยั มีดงั นี้ ๖.๑ ดำ้ นศลิ ปกรรม ศิลปกรรมสมัยสุโขทัยเป็นศิลปะท่ีมีกำรผสมผสำนระหว่ำงศิลปะดั้งเดิมกับศิลปะที่ได้ รับมำจำกอำรยธรรมอ่ืน จนกลำยเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะไทยสมัยสุโขทัย โดยเฉพำะอย่ำงย่ิง กำรรับเอำพระพุทธศำสนำนิกำยเถรวำทลัทธิลังกำวงศ์จำกนครศรีธรรมรำชมำประดิษฐำนใน กรุงสุโขทัย ส่งผลท�ำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงทำงด้ำนศิลปกรรมอย่ำงมำกมำย จำกหลกั ฐำนทำง ดำ้ นโบรำณคดที ยี่ งั หลงเหลอื อย ู่ พบวำ่ ศลิ ปกรรมสมยั สโุ ขทยั มที ง้ั ดำ้ นสถำปตั ยกรรม ประตมิ ำกรรม และจติ รกรรม โดยมีรำยละเอยี ด ดงั นี้ ๑0๑ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู ขอใดเปน เครือ่ งกํากับพฤตกิ รรมของชาวสุโขทยั ทําใหส ภาพสงั คมมี 1 ลกั ษณะโจร กฎหมายลักษณะโจรสมยั สโุ ขทยั (จากศลิ าจารกึ หลักที่ 38) ความสงบสุข มลี ักษณะเปนกฎหมายอาญา เชน ใหร างวัลแกผ ูจับขโมยหรือนําของถกู ขโมยไป คนื เจา ของ การไมช วยจับโจรมีความผดิ เสมอื นลกั ทรัพยผูอ ื่น เปนตน กฎหมายนี้ 1. กฎหมาย มีจดุ มุงหมายเพอื่ ทีจ่ ะใหป ระชาชนพยายามนาํ ตวั ผกู ระทาํ ความผิดมาลงโทษใหได 2. ระบบชนช้นั และเพ่ือเปนการสงเสรมิ ใหป ระชาชนเปน พลเมอื งดี 3. พระพทุ ธศาสนา 4. จํานวนประชากร มมุ IT วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. พระพทุ ธศาสนาเปนเคร่ืองกํากบั พฤติกรรม ศกึ ษาคนควา ขอมูลเพ่มิ เติมเกยี่ วกับลักษณะกฎหมายในสมัยสุโขทัย ไดท่ี http://www.info.ru.ac.th/province/sukhothai/pkr8.htm เวบ็ ไซตส ารสนเทศ ทสี่ าํ คญั ของชาวสุโขทัย จากความเลือ่ มใสศรทั ธาและการปฏิบัติตนตาม จงั หวัดทตี่ ้ังสาขาวิทยบรกิ ารเฉลมิ พระเกยี รติ มหาวทิ ยาลัยรามคาํ แหง หลกั ธรรมตางๆ รวมถึงการควบคุมพฤติกรรมของชาวสโุ ขทัยของ พระมหากษตั ริยผ า นทางวรรณคดที างพระพุทธศาสนาเร่ือง ไตรภูมิพระรว ง คูม ือครู 101
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครนู ําภาพศิลปกรรมสโุ ขทยั เชน เจดยี องคใหญ ๑) สถาปัตยกรรม สถำปตั ยกรรมทีส่ �ำคัญของสโุ ขทยั ประกอบด้วย เจดยี ์ อำคำร ที่วัดมหาธาตุ วดั ชางลอม วดั เจดยี เจด็ แถว พระพุทธรูปปางลลี า เปน ตน มาแสดงให วิหำร โบสถ์ หรอื อโุ บสถ เปน็ ต้น นักเรียนดู จากนั้นใหน กั เรียนแสดงความคิดเห็น (๑) เจดยี ์ เจดยี ์แบบสโุ ขทยั แทฐ้ ำนจะเป็นสีเ่ หลย่ี ม ๓ ช้ันตั้งซอ้ นกัน องค์เจดีย์มี เกี่ยวกบั ลักษณะและความงดงามของศลิ ปกรรม สมัยสุโขทยั ลกั ษณะเปน็ ทรงกลม หรอื ยอ่ มมุ แบบเหลยี่ ม มซี มุ้ จระนำ� ปลำยเจดยี จ์ ะทำ� เปน็ รปู ทรงพมุ่ ขำ้ วบณิ ฑ์ หรือดอกบัวตูม เช่น พระเจดีย์องค์ใหญ่ที่วัดมหำธำตุ พระเจดีย์องค์กลำงท่ีวัดเจดีย์เจ็ดแถว 2. ครูใหนักเรียนดภู าพเจดยี จากหนังสอื เรียน หนา เมืองศรีสัชนำลัย และในสมัยสุโขทัยยังมีกำรสร้ำงเจดีย์แบบลังกำ (ทรงระฆังคว่�ำ) มีฐำนเป็นรปู 102 แลว ใหน ักเรยี นเปรยี บเทยี บเจดยี ร ปู แบบ สี่เหล่ียม บำงแห่งท�ำเป็นรูปปูนปั้นช้ำงคร่ึงตัวยื่นศีรษะออกมำรำยรอบท่ีฐำนพระเจดีย์ ฐำนช้ันท่ี ตา งๆ ในสมยั สุโขทัยวา มีลักษณะแตกตางกัน สองมซี มุ้ ประดษิ ฐำนพระพทุ ธรปู อยโู่ ดยรอบ ตอ่ จำกนน้ั จงึ เปน็ ฐำนกลมซอ้ นขนึ้ ไปจนถงึ องคร์ ะฆงั ควำ�่ อยา งไร แบบลงั กำ ส่วนบนของระฆงั เปน็ บลั ลังก์รูปส่ีเหล่ยี มต่อด้วยปล้องไฉน รปู วงแหวนเปน็ ชั้นๆ จนถงึ (แนวตอบ เจดยี ท ่สี รา งในสมยั สุโขทยั มีอยหู ลาย ยอดรูปบัวตูม เช่น พระเจดีย์วัดช้ำงล้อม เมืองศรีสัชนำลัย นอกจำกนี้ยังมีกำรสร้ำงเจดีย์ แบบ เชน แบบลงั กำผสมศรวี ชิ ยั มฐี ำนเปน็ รปู สเี่ หลย่ี มแบบศรวี ชิ ยั และอำจมคี หู ำประดษิ ฐำนพระพทุ ธรปู ดว้ ย • เจดียแ บบสุโขทัยแท ฐานเปนส่ีเหลีย่ ม 3 ชน้ั ตอนบนเปน็ พระเจดีย์ทรงลังกำ เช่น เจดยี ์ท่วี ัดเจดียเ์ จ็ดแถว เมอื งศรีสชั นำลัย เปน็ ต้น องคเ จดยี เปน ทรงกลม หรือยอมุมแบบเหลยี่ ม มีซมุ จระนํา ยอดเจดยี เ ปนทรงพมุ ขา วบณิ ฑ 1 เจดยี ท์ รงกลมแบบลงั กา เจดียแ์ บบลังกาผสมศรีวชิ ยั หรือดอกบวั ตมู เชน เจดยี ป ระธานท่ี วัดช้างล้อม จังหวัดสโุ ขทัย วดั เจดยี ์เจด็ แถว จงั หวัดสโุ ขทยั วัดมหาธาตุ เปนตน เจดีย์ทรงพุ่มขา้ วบิณฑ์ • เจดยี แบบลงั กา มฐี านเปน รปู ส่ีเหลย่ี ม มีปนู ปน วัดเจดยี ์เจด็ แถว จงั หวดั สุโขทัย ประดับโดยรอบ ฐานช้ันที่สองมซี มุ ประดับ พระพทุ ธรูปโดยรอบ ชัน้ ตอ ไปเปน ฐานกลม (๒) อาคาร หลักฐำนที่ยงั หลงเหลืออยูต่ ำมวดั วำอำรำม มีลักษณะเป็นอำคำรโถง ซอ นขึ้นไปจนถงึ องคเจดยี ท รงระฆงั ควาํ่ หรอื อำคำรทม่ี ฝี ำผนงั มหี ลงั คำซอ้ นกนั เปน็ ชนั้ ๆ ผงั อำคำรเปน็ รปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผำ้ ทำงดำ้ นหนำ้ กอ่ สวนบนของระฆังเปน บลั ลงั กร ูปสี่เหล่ียมตอ เปน็ มขุ ยนื่ ออกมำ มบี นั ไดขนึ้ สองขำ้ งทำง เชน่ วหิ ำรทวี่ ดั สวนแกว้ อทุ ยำนนอ้ ย เมอื งศรสี ชั นำลยั ดวยปลอ งไฉนรปู วงแหวนเปนช้ันๆ จนถึง เปน็ ตน้ ยอดรูปบัวตูม เชน เจดียทว่ี ดั ชา งลอม เปนตน สำ� หรบั สถำปตั ยกรรมรปู ทรงอำคำรที่ก่อด้วยศิลำแลง หลังคำใช้เรียงด้วยศลิ ำแลง • เจดยี แ บบลงั กาผสมศรวี ชิ ัย มีฐานเปน ซอ้ นเหลอ่ื มกนั ขนึ้ ไปจนถงึ ชนั้ สงู สดุ ทไ่ี ปบรรจบกนั เชน่ วหิ ำรทว่ี ดั กฎุ รี ำย เมอื งศรสี ชั นำลยั เปน็ ตน้ รูปสีเ่ หล่ยี มแบบศรีวิชยั ยอดเจดยี เ ปน ทรง ลังกา เชน เจดียท่วี ัดเจดียเจ็ดแถว เปนตน) ๑0๒ นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เจดยี ท รงพมุ ขาวบณิ ฑเปนเอกลกั ษณทางสถาปตยกรรมของสโุ ขทัยดว ย 1 เจดียทรงพมุ ขา วบิณฑ เปน สถาปตยกรรมแบบสโุ ขทัยแทท ศ่ี ิลปนสุโขทยั นยิ ม เหตผุ ลใด สรา งไวตามหัวเมืองสําคญั ของสุโขทัย อาทิ ศรีสัชนาลยั นครชุม สองแคว เปน ตน 1. มีความงดงามสมสวน ซึ่งการพบเจดยี ท รงลกั ษณะเชน นีต้ ามเมืองตา งๆ อาจแสดงถึงอาํ นาจทางการเมอื ง 2. เปนรปู แบบท่ีสุโขทัยริเริม่ สรา งสรรคข้นึ การปกครองของสโุ ขทยั ตอหัวเมอื งนนั้ ๆ ก็เปน ได 3. เปนเจดยี ท ่ีพบมากที่สุดในอาณาจักรสโุ ขทยั 4. มีลกั ษณะของการผสมผสานอทิ ธพิ ลทางศลิ ปะแบบตางๆ มมุ IT วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เจดยี ทรงพมุ ขาวบณิ ฑร ิเร่มิ สรา งสรรคข้ึนใน อาณาจกั รสุโขทยั ไมมีการสรางเจดียแ บบนีใ้ นอาณาจักรอนื่ สมัยหลังตอ มา ศกึ ษาคน ควาขอมลู เพิม่ เตมิ เก่ียวกบั เจดยี ร ูปทรงตางๆ ไดท ี่ http://www.info. โดยมลี กั ษณะโดดเดน เปน ของตนเองอยา งเดนชดั จงึ กลาวไดวา เปน ru.ac.th/province/sukhotai/art1.htm เว็บไซตสารสนเทศจังหวดั ทีต่ ง้ั สาขา เอกลกั ษณท างสถาปตยกรรมของสุโขทัยโดยแท วิทยบรกิ ารเฉลมิ พระเกียรติ มหาวทิ ยาลัยรามคาํ แหง 102 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู พระอจนะ ครใู หนกั เรยี นอธบิ ายเก่ยี วกบั สถาปตยกรรม ประเภทอาคาร วหิ าร และโบสถในสมัยสโุ ขทยั วา มณฑปวัดศรชี มุ ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปูนป้นั ปางมารวชิ ัย ปรากฏเรยี กในศิลาจารึกว่า “พระอจนะ” มีลักษณะอยางไร สว่ นอาคารทเี่ ปน็ ปราสาทราชวงั ปจั จบุ นั นไ้ี มป่ รากฏหลกั ฐานทจี่ ะใหท้ า� การศกึ ษาได้ (แนวตอบ เราสามารถทราบเพยี งโครงสรา้ งกวา้ งๆ เทา่ นน้ั เพราะสว่ นใหญส่ รา้ งดว้ ยไมจ้ งึ ผพุ งั ไปตามกาลเวลา • อาคาร กอ ดวยศิลาแลง มีแผนผังเปน แล ดบหบลทน่ัี่มกีโถันงไ ปเชถงึ่นสย ว่อมนดณส ฑถหาปลปวงั ตัคดั ยาศกเรปรีชร็นมุมช ร2ั้นเปูมปทอื รรงะงสมอโุาขาณคทา ัยร๓ ทเ ปมี่ ช็นลี้นั ตกั ษ้นทณเ่ี ระียเกปวน็ า่ ส เ่ี “หมลณย่ี ฑม ปจ”ะม1มหี ีทลัง้ งั แคบาบเปทน็ ีม่ ชผี น้ั นแงั หแลลมะ รูปส่เี หลย่ี มผนื ผา มีฝาผนงั หลงั คาซอ นกนั (๓) วิหาร วหิ ารมีลักษณะใหญ่กว่าโบสถ์ กา� แพงทึบและเจาะเป็นช่องเล็กๆ คลา้ ย เปนช้นั ๆ เรยี กวา มณฑป ดา นหนาเปนมขุ หนา้ ตา่ งเพอื่ ใหแ้ สงลอดเขา้ ไปขา้ งในได ้ นยิ มสรา้ งไวด้ า้ นหนา้ ของเจดยี ์ เชน่ พระวหิ ารหลวงกลาง ยนื่ ออกมา มบี ันไดขึ้นสองทาง เมอื งสโุ ขทยั นอกจากนกี้ ม็ ลี กั ษณะเปน็ วหิ ารทม่ี ผี นงั กน้ั ขน้ึ มาครงึ่ หนง่ึ เชน่ วหิ ารหลวงวดั มหาธาตุ • วหิ าร เปนสิ่งกอ สรางมีกําแพงทบึ และเจาะ บางแหง่ มศี ลิ าแทง่ สรา้ งเปน็ รว้ั เลยี นแบบรวั้ ไม ้ เชน่ ทวี่ ดั พระเชตพุ น บรเิ วณอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ เปนชอ งเลก็ ๆ คลา ยหนา ตาง นิยมสรางไว สโุ ขทัย เป็นตน้ ดา นหนา ของเจดยี • โบสถ มแี ผนผงั เปน รปู สเี่ หลยี่ มผนื ผา หนั หนา (๔) โบสถห์ รอื อโุ บสถ เปน็ สงิ่ กอ่ สรา้ งทส่ี า� คญั และมคี นเขา้ ไปใชง้ านมากทส่ี ดุ ของวดั ไปทางทิศตะวนั ออก มีขอบเขตสมี าเพ่ือใช และใชเ้ ปน็ ทปี่ ระกอบสงั ฆกรรม จงึ ต้องมกี ารกา� หนดขอบเขต หรอื ท่เี รยี กว่า “สมี า” โบสถส์ ุโขทัย ประกอบสังฆกรรม) แทบทกุ หลงั จะหนั หน้าไปทางทศิ ตะวันออก มแี ผนผงั เป็นสเี่ หล่ียมผนื ผา้ เช่น โบสถว์ ัดมหาธาต ุ โบสถ์วดั นางพญา เมืองศรสี ัชนาลยั เปน็ ต้น นอกจากน ี้ ยงั พบสถาปตั ยกรรมอกี ประเภทหนง่ึ ซงึ่ ยงั คงเหลอื รอ่ งรอยมาจนถงึ ปจั จบุ นั คือ พวกกา� แพงเมอื ง ซ้มุ ประตู ป้อมปราการ โดยก�าแพงเมืองจะมีการขุดคลู ้อมรอบ ตวั อยา่ งที่ เหน็ ไดเ้ ดน่ ชดั เชน่ กา� แพงเมอื งเกา่ สโุ ขทยั กา� แพงและปอ้ มทงุ่ เศรษฐ ี จงั หวดั กา� แพงเพชร เปน็ ตน้ 103 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู ความเจรญิ ทางศิลปวฒั นธรรมของอาณาจกั รสุโขทยั เปน รากฐานของ 1 มณฑป เปน คาํ เรยี กอาคารชนิดหนึ่งในศิลปะสุโขทัย มลี กั ษณะเปน ทรง ศลิ ปวัฒนธรรมไทยในปจ จุบนั หลายดา น ยกเวน ขอใด สเี่ หลี่ยม กอ ดวยอฐิ หรือศิลาแลง มีประตูดา นหนา เพียงดานเดียว ภายในประดษิ ฐาน พระพทุ ธรปู ขนาดใหญ สวนหลังคากอดว ยอิฐหรอื ศลิ าแลง มีทงั้ ทเ่ี ปนทรงจ่ัวและ 1. พระพทุ ธรปู หลงั คาโคง แตหากอาคารใดหลังคาพงั ทลายไปแลว สนั นิษฐานวานาจะเปนหลงั คา 2. เครอ่ื งสงั คโลก เคร่อื งไมม งุ กระเบื้อง 3. พระพทุ ธศาสนา 2 มณฑปวัดศรีชุม เปน มณฑปที่ใหญทสี่ ุดของสุโขทัย โดยเปนอาคารทรง 4. ภาษาและวรรณกรรม สีเ่ หลยี่ ม ทผ่ี นังมอี ุโมงคเ ปน ทางเดินขึน้ ไปถงึ ยอดมณฑปได จึงมกั เรยี กวา อโุ มงค วดั ศรีชมุ ภายในอุโมงคน ย้ี ังเปน ทีค่ นพบศิลาจารกึ สโุ ขทยั หลักที่ 2 (จารกึ วดั ศรีชมุ ) วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เคร่ืองสังคโลกเปน ศิลปวฒั นธรรมของ ซ่ึงจารกึ เรือ่ งราวการกอต้ังราชวงศผาเมือง ราชวงศพระรวง และการสถาปนา กรุงสุโขทัย อาณาจกั รสุโขทยั ท่ีไมปรากฏหลกั ฐานวา เปน รากฐานของการพฒั นาอยาง สบื เนือ่ งของเครอ่ื งปน ดินเผาไทยในปจ จุบัน คูมือครู 103
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครสู มุ นักเรยี นอธบิ ายลกั ษณะของพระพุทธรปู ๒) ประติมากรรม ผลงำน สมยั สโุ ขทยั จากภาพพระพทุ ธรปู ในหนงั สือเรยี น ทำงดำ้ นประตมิ ำกรรมทส่ี ำ� คญั ในสมยั สโุ ขทยั หนา 104 ได้แก่ กำรแกะสลักศิลปวัตถุต่ำงๆ กำรปั้น (แนวตอบ จากภาพเปน พระอจนะในวัดศรชี ุม พระพุทธรูป และกำรท�ำเครื่องปั้นดินเผำ เปน พระพุทธรูปปางมารวิชัย มพี ระพักตรรปู ไข (สังคโลก) ซึ่งก็มีกำรปั้นรูปสัตว์ต่ำงๆ เช่น พระขนงโกง พระนาสกิ แหลมงมุ พระโอษฐบาง รปู นำค รูปช้ำง เปน็ ตน้ และแสดงอาการยมิ้ พระรัศมีเปน เปลวเพลงิ งดงาม พระวรกายออนชอยสงางามสมสดั สวน พระพุทธรูปสุโขทัยได้รับกำร พระอรุ ะผาย พระอังสาใหญ พระกรยาวและ ยกยอ่ งวำ่ เปน็ พทุ ธประตมิ ำกรรมทม่ี คี วำมงำม กลมกลึง นว้ิ พระหตั ถเรยี วยาว) สมบรู ณอ์ ยำ่ งลงตวั คอื “พระพกั ตรเ์ รยี วรปู ไข่ ปรำศจำกไรพระศก พระขนงโกง่ พระนำสกิ งมุ้ 2. ครูใหนักเรยี นคน ควาเกีย่ วกับพระพทุ ธรูปสมัย พระกรรณยำว พระโอษฐเ์ ลก็ บำง ลกั ษณะคลำ้ ย สุโขทยั จากน้ันนาํ ขอ มูลมาอภิปรายรวมกันใน ยม้ิ เลก็ นอ้ ย” ช้นั เรยี น ควำมงดงำมของพระพุทธรูป สุโขทัยเป็นผลของพัฒนำกำรทำงศิลปะที่ สั่งสมมำจำกกำรสร้ำงสรรค์ของช่ำง รวมถึง ประติมากรรมในสมัยสุโขทัยที่เป็นพระพุทธรูป ได้รับการ กำรสนับสนุนของพระมหำกษัตริย์และได้ ยกยอ่ งมากวา่ สามารถสร้างสรรคไ์ ดอ้ ย่างงดงามมาก สง่ อทิ ธพิ ลตอ่ กำรสรำ้ งงำนพทุ ธศลิ ปแ กบ่ ำ้ นเมอื งในยคุ ตอ่ มำจนถงึ ปจั จบุ นั ภ ำพลำยเส้น๓ส)ล ักจบติ นรกแรผร่นมช นในวสนมหยั ินส โุ ขปทรยัะด ภับำมพณจติฑรปกรวรัดมศมรทีีชงัุ้มภ 1ำจพังลหำวยัดเสสน้ ุโแขลทะัยภ ำเพปเ็ขนยีภนำโพดชยเำฉดพกำทะี่ มอี ทิ ธพิ ลของศลิ ปะลงั กำ โดยเฉพำะเทวดำทปี่ รำกฏมลี ักษณะใกล้เคียงกับศลิ ปะลงั กำอย่ำงมำก สำ� หรับจติ รกรรมฝำผนงั นั้นต่ำงจำกภำพลำยเสน้ สีที่ใชเ้ ปน็ สีแบบด�ำ แดง ทเี่ รยี กว่ำ “สเี อกรงค์” ภำพเขียนทีส่ �ำคญั คือ ภำพเขยี นทวี่ ัดเจดียเ์ จ็ดแถว เมอื งศรีสชั นำลยั ภาพโคชานิยชาดก เป็นภาพลายเส้นสลัก บนแผ่นหินชนวน ประดับมณฑปวัดศรีชุม จงั หวดั สุโขทัย ๑04 เกรด็ แนะครู บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครนู าํ ภาพทแ่ี สดงถงึ ความเปนเอกลกั ษณอ ันโดดเดน ทางดานศลิ ปกรรม ครูเลา ใหนักเรยี นฟง วาภายในมณฑปวดั ศรชี มุ ผนงั ทางดา นหลงั องคพระอจนะ ในสมัยสโุ ขทยั เชน เจดียทรงพมุ ขาวบิณฑ พระพุทธรูปปางลลี า มารว มกนั จะมีอุโมงคแ คบๆ ทคี่ นสามารถเดนิ เขา ไปยังหลังเศียรพระได เมื่อขึน้ ไปแลว และ อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับความงดงามทางศิลปะ โดยบรู ณาการ พดู ออกมาดังๆ เสียงจะดังกองกังวานเหมอื นวาพระอจนะพดู ได จึงเปน ท่ีมาของ เช่อื มโยงกบั กลมุ สาระการเรียนรูศลิ ปะ วชิ าทัศนศิลป หวั ขอทศั นศลิ ปใน คํารํ่าลอื วา พระพูดได ซึ่งในสมัยกอนจะเปน วิธหี นึง่ ทใ่ี ชใ นการปลกุ ปลอบขวัญทหาร วัฒนธรรมไทย เชน เจดยี ท รงพุม ขา วบณิ ฑหรอื ทรงดอกบัวตมู เปน เจดีย ในยามสงคราม ลักษณะพเิ ศษทป่ี รากฏที่สโุ ขทัยและเมืองสําคัญๆ ทีม่ ีความเกีย่ วของกับ ราชธานสี ุโขทยั โดยตวั เจดยี ต ้ังอยบู นฐานสงู เพื่อใหด ูเดน เจดยี ลักษณะน้ี นกั เรยี นควรรู เปน การผสมผสานรปู แบบจากศิลปะเขมร ลา นนา และพุกาม จนกลายเปน เอกลักษณท ่โี ดดเดนของสุโขทัย ในการสรา งเจดยี ท รงนจี้ ะมเี จดยี ท รงพุม 1 วดั ศรชี มุ คําวา “ศรี” มาจากภาษาพน้ื เมืองเดิมวา “สะหลี” ซึ่งหมายถงึ ตนโพธิ์ ขาวบิณฑอยตู รงกลางเปน เจดียประธาน อาจเปน สัญลักษณข องศนู ยก ลาง ดังน้นั ชื่อศรีชุม จงึ แปลวา ดงของตน โพธิ์ สนั นิษฐานวา วัดนมี้ ีมาต้งั แตสมยั จักรวาลหรือเขาพระสเุ มรุ ซึ่งเปนเขาที่สถิตอยใู จกลางจกั รวาลตามความเชื่อ พอ ขุนรามคาํ แหงมหาราช จดุ เดน ของวัด คอื พระอจนะ ดงั ปรากฏชื่ออยูใ นศลิ าจารึก ในไตรภมู ิพระรว ง เพ่อื แสดงใหเห็นวาสโุ ขทยั เปนเมอื งศูนยกลางแหงอํานาจ สโุ ขทัยหลกั ท่ี 1 ซง่ึ สนั นษิ ฐานวาคอื พระพุทธรปู องคใหญท ่ีวัดแหง น้ี โดยพระอจนะ ตัวเจดยี ป ระธานต้ังอยเู หนอื เรือนธาตสุ ่เี หลี่ยมยอไมย ส่ี บิ หมายถึง ผูไ มหว่ันไหว เปน พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ัย ขนาดหนาตักกวา ง 11.3 เมตร 104 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๖.๒ ดานภาษาและวรรณกรรม 1. ครูสนทนากับนักเรียนเพ่อื ใหเขา ใจถึง ความเจรญิ ของสุโขทยั ทางดา นภาษาและ ความเจริญดานภาษาและวรรณกรรมนับเปนวัฒนธรรมท่ีสําคัญยิ่ง วรรณกรรมวา เปนวัฒนธรรมสําคัญท่ีจัดเปน ในสมยั สโุ ขทยั เพราะเปน มรดกตกทอดมาจนถงึ คนไทยในยคุ ปจ จบุ นั ทาํ ให มรดกตกทอดมาถงึ คนไทยในปจ จบุ ัน เกิดความภูมิใจในบรรพบุรุษที่ไดสรางสรรคสิ่งท่ีเปนเกียรติภูมิของ คนไทยใหด ํารงอยูม าจนทกุ วนั นี้ 2. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกความสาํ คัญของ ลายสอื ไทยและวรรณกรรมสมยั สโุ ขทยั ตอ ๑) ดานภาษา พอขุนรามคําแหงมหาราชไดทรงประดิษฐ คนไทยในปจจบุ ัน (แนวตอบ ลายสอื ไทยท่ีพอ ขนุ รามคําแหง เอรักียษกรวไาทย“ลโาดยยสดือัดไแทปยล”ง1จแาลกะอไักดษมรีกขาอรมพแัฒละนมาอมญาจขน้ึนเใปนนพอัก.ศษ. ร๑ไ๘ท๒ย๖ มหาราชทรงประดิษฐข ึ้น ทําใหค นไทยมี ในปจ จุบนั ทาํ ใหป ระเทศไทยเปนหน่ึงในไมก ่ปี ระเทศในโลกทม่ี ีภาษา ศิลาจารึกสโุ ขทยั หลักที่ ๑ ตวั อกั ษรใชเปนของตนเอง ซ่ึงอักษรไทยทีใ่ ชก นั เปนของตนเอง ท้ังภาษาเขียนและภาษาพูดอยางสมบูรณ คนไทยทุกคนจึงควรภาคภูมิใจ อยูในปจจบุ นั ก็มีววิ ฒั นาการมาจากลายสือไทย และสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริยและบุญคุณของบรรพบุรุษ ท่ีไดสรางสรรค ดงั นั้น คนไทยรุนหลงั จึงควรภาคภมู ใิ จและใช อกั ษรและภาษาไทยใหต กทอดสบื มาจนถงึ ปจ จบุ นั และควรรว มมอื รว มใจกนั อนรุ กั ษใ หค งอยสู บื ไป ภาษาไทยใหถกู ตอง สวนวรรณกรรมสโุ ขทยั เชน ศิลาจารกึ สุโขทัยหลกั ท่ี 1 ไตรภูมพิ ระรวง ๒) ดานวรรณกรรม วรรณกรรมสมัยสุโขทัยท่ีรจู กั กันโดยท่วั ไป คือ ศิลาจารกึ และ นอกจากจะสะทอ นสภาพสงั คมและวฒั นธรรม ไตรภมู ิพระรวง ของสโุ ขทยั แลว ยงั ส่ังสอนใหค นทําแตค วามดี (๑) ศลิ าจารกึ ใหค วามรทู างดา นประวตั ศิ าสตร โบราณคดี อกั ษรศาสตร และอนื่ ๆ ละเวนการทาํ บาป) อีกหลายอยา ง เชน ในศลิ าจารึกสุโขทัยหลกั ที่ ๑ สะทอนใหเห็นถงึ สภาพสังคมและวัฒนธรรมของ สุโขทัยไดเ ปน อยางดี เปน ตน (๒) ไตรภูมิพระรว ง พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) ทรงพระราชนิพนธขึ้น เม่ือ พ.ศ. ๑๘๘๘ โดยไดรับอิทธิพล จากพระพุทธศาสนา นับวาเปนวรรณคดีเลมแรกของไทย โดยบรรยายถึงความทุกขยากของนรก พรรณนาถึงสวรรค ถอยคําบรรยายกอใหเกิดภาพพจนและอารมณ ทําใหเกิดความเกรงกลัวตอบาปและมุงทําแต ความดี นอกจากน้ี ยงั มหี ลกั คาํ สอนใหพ ระมหา- กษตั รยิ ท รงประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามหลกั ทศพธิ ราช- ธรรมในพระพทุ ธศาสนา จงึ จะไดช อ่ื วา เปน ธรรม- ราชา และจะทําใหอาณาประชาราษฎรรมเย็น ไตรภูมพิ ระรวงเปนวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาท่ีวาดวยเร่ือง เปนสขุ นรก-สวรรค พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลไิ ทย) พระราชนพิ นธขนึ้ เพอื่ ใชส ง่ั สอนราษฎรใหตงั้ มน่ั อยูในศีลธรรม ๑๐๕ บรู ณาการเชื่อมสาระ นกั เรยี นควรรู ครเู ลาเร่อื งยอของวรรณคดใี นสมยั สุโขทยั เชน ไตรภมู ิพระรว ง เปนตน 1 ลายสอื ไทย คณุ ลกั ษณะพิเศษของลายสอื ไทย คอื ความสงู ตํ่าของตัวอักษร โดยบูรณาการเช่ือมโยงกบั กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย วิชาภาษาไทย เสมอกันและวางรูปพยัญชนะและสระทุกตวั ไวในบรรทดั เดยี วกนั ทําใหไมส้ินเปลอื ง (วรรณคดี) เกีย่ วกบั การวิเคราะหคณุ คา ของวรรณคดี และวชิ าพระพุทธศาสนา เนือ้ ท่ี และจากรปู อักษรท่ีสวนมากเปนเสน เดียวกนั ตลอด จึงทําใหเขยี นงายและ เก่ียวกบั หลักธรรมตางๆ ทส่ี อนใหค นมุงทําความดี โดยครยู กตัวอยา ง รวดเร็ว การวิเคราะหค ุณคา ของวรรณคดีทางดา นวรรณศิลป ดานเน้อื หา ดา นสงั คม และการประยกุ ตใช จากน้นั ใหน ักเรยี นไปอานวรรณคดเี ร่ืองอื่นเพ่ิมเติม มุม IT แลวทาํ การสรุปเร่ืองยอ และวเิ คราะหคุณคาของวรรณคดี นํามาเลาใหเพอ่ื นฟง ในชั้นเรียน ศกึ ษาคนควา ขอมลู เพ่มิ เตมิ เกี่ยวกับไตรภูมพิ ระรว ง ไดท่ี http://www.info. ru.ac.th/province/sukhothai/wtripoom.htm เวบ็ ไซตสารสนเทศจังหวดั ทีต่ ัง้ สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ มหาวทิ ยาลัยรามคําแหง คมู อื ครู 105
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูสมุ ตัวแทนนักเรยี นออกมาสรุปเกย่ี วกับ 6.๓ ด้านศาสนาและความเชือ่ ศาสนาและความเชือ่ และประเพณีสาํ คญั ของสุโขทัย เพือ่ เปนการทบทวนความรู ในสมัยสุโขทัยราษฎรโดยทั่วไปมีการนับถือผี วิญญาณของบรรพบุรุษ ปรากฏการณ์ตาม ธรรมชาติ และพระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาทลทั ธิลังกาวงศ์ ส่วนศาสนาพราหมณ์ - ฮินด ู อาจจะ (แนวตอบ ชาวสุโขทัยนับถือทั้งพระพทุ ธศาสนา มีการนบั ถืออยู่บา้ งในราชส�านักสมยั สโุ ขทัยตอนปลาย นิกายเถรวาทลทั ธิลงั กาวงศ ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู และนับถอื ผี วญิ ญาณของบรรพบุรษุ สวนประเพณี 6.๔ ดา้ นประเพณที ส่ี า� คญั สาํ คัญ เชน การใหทานและถอื ศลี ซึง่ ชาวสุโขทัย จะถอื ศลี ในชวงเขา พรรษา การเผาเทียนเลน ไฟ ในสมัยสุโขทัยมีประเพณีส�าคัญท่ีคนไทยได้ยึดถือปฏิบัติและได้เป็นมรดกตกทอดทาง ดวยการจดุ เทียนและตะเกยี งนา้ํ มนั หากอยบู นบก วัฒนธรรมมาจนถึงสมัยปัจจุบัน ประเพณีเหล่าน้ีล้วนมีคุณค่าทางวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างมาก หรือถาอยใู กลน ํา้ ก็จุดเทยี นใสก ระทงลอยนํ้าเลน และมีประโยชน์ตอ่ สังคมไทยมาตง้ั แต่สมัยสุโขทัยจนถงึ สมยั ปจั จบุ นั ประเพณที ีส่ า� คญั และปรากฏ ซง่ึ การเผาเทยี นเลนไฟนจ้ี ะกระทํากันหลังออกพรรษา หลักฐานโดยนา� มาเปน็ ตวั อย่าง มีดังน้ี การทอดกฐนิ แกพระภิกษสุ งฆ การทาํ บุญ ฟง ธรรม การฟงเทศนมหาชาติ ซ่งึ เปน เรอื่ งราวในอดีตชาติ ๑) การให้ทานและถือศีล ในศิลาจารึกกล่าวถึงชาวสุโขทัยให้ทานและถือศีล ของพระพุทธเจาเมอื่ ครั้งเสวยพระชาตเิ ปน พระเวสสนั ดร เปนตน ) เป็นประเพณีนิยม แม้แต่บรรดาเจ้านายและขุนนางทั้งชายหญิงต่างก็ล้วนแต่ถือศีลในช่วงเวลา เขา้ พรรษา แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ประเพณกี ารนบั ถือพระพทุ ธศาสนาของชาวเมอื งสโุ ขทยั ๒) การเผาเทยี นเล่นไฟ ในสมัยสโุ ขทยั มีประเพณีการเผาเทียนเลน่ ไฟ ซ่งึ ปรากฏ เป็นหลักฐานในศิลาจารึก การเผาเทียนเล่นไฟน้ีในสมัยน้ันสันนิษฐานว่าเป็นการจุดเทียนและ ตะเกียงน�า้ มนั ผ้คู นทอ่ี ย่บู นพื้นดนิ หรอื บนบกก็สามารถท�าได ้ แตถ่ า้ อยู่ใกลน้ �้ากส็ ามารถจดุ เทียน ใส่กระทงลอยน�้าเล่นได้ หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า “ลอยกระทง” การเผาเทียนเล่นไฟน้ีกระท�ากัน หลงั ออกพรรษา และมีการทอดกฐินตามประเพณี ประเพณจี องเปรยี งลอยพระประทปี ซงึ่ สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะเกดิ ในสมยั สโุ ขทยั อนั เปน็ ทม่ี าของประเพณลี อยกระทงในปจั จบุ นั 106 เกร็ดแนะครู บรู ณาการเชื่อมสาระ ครเู ลาถงึ วิถีการดาํ เนินชีวิตของชาวสุโขทัยท่ียึดมั่นและผกู พันกบั ครอู าจใหนักเรยี นไปคน ควา เกยี่ วกับงานลอยกระทงเผาเทยี นเลน ไฟของสุโขทัย พระพุทธศาสนาสืบทอดมาจนถึงปจ จบุ ัน โดยบูรณาการเชอื่ มโยงกบั วิชา ทไ่ี ดร บั การฟน ฟูขนึ้ มาใหมเ ม่อื พ.ศ. 2520 จนทําใหมชี อื่ เสียงและไดรบั ความสนใจ พระพทุ ธศาสนา เก่ียวกบั การประดษิ ฐานและการสง เสริมพระพทุ ธศาสนา ท้ังจากชาวไทยและชาวตา งชาติเปนจาํ นวนมาก จากน้นั นําขอ มูลมาอภปิ ราย ในสมยั สุโขทัย รวมถึงเนนเกยี่ วกบั การปฏบิ ัติตนของชาวเมืองสโุ ขทัยเนื่อง รวมกันในชั้นเรียน ในวันสาํ คัญทางศาสนา โดยนําขอ ความตามท่ีปรากฏในศลิ าจารึกหลกั ที่ 1 มาใหนกั เรียนศึกษาประกอบ มุม IT ศกึ ษาคน ควาขอ มูลเพิม่ เติมเกยี่ วกับประเพณีลอยกระทง ไดที่ http://www. m-culture.go.th/ckffi inder/userffi iles/E-book/lbook.pdf 106 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) การทอดกฐิน ในสมัยสุโขทัย มีขอความในศิลาจารึกไดกลาวถึงประเพณีการ 1. ครูใหนักเรียนคนควาเกี่ยวกบั ประเพณีสุโขทัย ท่ีสบื ทอดมาจนถงึ ปจ จบุ นั เชน การใหท านและ ทอดกฐินหลังออกพรรษาแลว พระมหากษัตริย เจานาย ขุนนาง และราษฎรท้ังชายและหญิง ถอื ศลี ในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา ตางก็ยึดถือประเพณีการถวายผาพระกฐินแดพระภิกษุสงฆ ซ่ึงประเพณีดังกลาวนี้ก็ยังคงสืบทอด ประเพณีลอยกระทง ประเพณีทอดกฐนิ ตอ กนั มาจนถงึ ทุกวนั นี้ การทําบุญและฟงธรรม เปน ตน จากน้ันให นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ รว มกนั ถึงความ ๔) การทาํ บญุ และฟง ธรรม เนื่องจากชาวสุโขทัยนบั ถอื พระพุทธศาสนา ประเพณี สําคญั ของประเพณดี ังกลาวตอวถิ ชี ีวติ ของ คนไทย สําคัญอยางหน่ึง คือ การทําบุญและฟงธรรม จากหลักฐานในศิลาจารึกกลาวถึงการทําบุญและ ฟงธรรมในวันพระท้ังวันข้ึนและวันแรม ๘ คํ่า และ ๑๕ คํ่า ซึ่งปจจุบันนี้ชาวพุทธในไทยก็ยัง 2. ครแู ละนกั เรยี นรวมกันสรุปความรูเก่ยี วกับ ทาํ บญุ รกั ษาศลี ฟง ธรรม ในวนั พระหรอื วนั ธรรมสวนะตามวดั ตา งๆ เหมอื นเชน ในสมยั สโุ ขทยั พัฒนาการทางดานศลิ ปวัฒนธรรมสมยั สโุ ขทยั สมเด็จพระส๕ัม)มากสาัมรพฟุทงธเทเจศานในมคหรั้งาทชี่เาสตวิยพเปรนะชกาาตรฟิเปงนเทพศรนะเเวกสี่ยสวันกดับรเ1ร่ือขงณระาทวใรนงอบดําเีตพช็ญาตบิขาอรมงี เปนชาติสุดทาย คือ ทานบารมี กอนที่จะตรัสรูเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา ถือกันวาหากใครได ฟง เทศนม หาชาตจิ นจบ และบาํ เพญ็ กศุ ลตามกาํ หนดกจ็ ะไดบุญมาก และไดไปเกิดในศาสนาของ พระศรีอริยเมตไตรย ซึง่ จะมาตรัสรเู ปนพระพทุ ธเจาองคตอไป ๖) การนับถือผีและเทวดา ประเพณีสําคัญอยางหน่ึงสําหรับผูครองเมืองสุโขทัยที่ จทะสี่ ตถอ ติ งอปยฏใู นิบภตั เูิเขปาน2สเาํพครญั าะคเชอื อื่ กกานั รวแา สถดา งปคฏวบิ าตัมถิเคกู าตรอ พงบตชูามาสปงิ่รศะเกั พดณสิ์ ทิี ธจ์ิะอทนั าํ ไใดหแบ กา น เเทมวอื ดงารแม ลเะยหน็ วัเปหนนสา ขผุ ี แตถ า ปฏบิ ตั ไิ มถ ูกตอ งตามประเพณีจะกอใหเกดิ ผลรา ยตอ บา นเมอื ง ฐานเจดยี ว ดั ปา มะมวง อยนู อกเมืองสุโขทยั ดา นทิศตะวนั ตก ปรากฏขอความในศลิ าจารกึ วา พระยาลิไทยโปรดใหสรา งข้ึน ๑๐๗ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู ประเพณใี ดในสมยั สุโขทัยท่ีเกดิ จากความเชอ่ื ดง้ั เดิม 1 พระเวสสันดร ทรงบาํ เพ็ญทานบารมโี ดยบรจิ าคพระโอรส พระธดิ า และ 1. การทอดกฐนิ พระชายาใหแกพราหมณชูชก เพือ่ นาํ ไปรบั ใชภรรยา ในทางพระพุทธศาสนาถือวา 2. การเผาเทยี นเลนไฟ เปนการใหท านระดับกลาง คอื ข้ันอปุ ทานบารมี ทเี่ สยี สละเพ่อื ประโยชนแ กส วนรวม 3. การนบั ถือผีและเทวดา แตใ นทางสังคมของฆราวาสแลวถอื วา เปนสิง่ ที่กระทาํ ไดยากอยา งยิ่ง และเหน็ วา 4. การฟง เทศนมหาชาติ ขดั กบั จริยธรรมในฐานะบิดาที่ตองดแู ลบตุ รธิดาและภรรยาใหม ีความสุข 2 หวั หนา ผีทสี่ ถติ อยูในภูเขา โดยชาวสุโขทยั เช่ือวา ผพี ระขพุง ซงึ่ สถติ อยู วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การนบั ถอื ผีและเทวดาเปนความเชื่อดัง้ เดมิ ณ เขาหลวง มีความสาํ คญั สงู กวา ผีอ่นื ใดในบานเมือง โดยเปนวิญญาณศักดสิ์ ทิ ธ์ิ ทที่ าํ หนาที่คมุ ครองบานเมอื ง ดังปรากฏขอ ความในศิลาจารกึ สโุ ขทัยหลักที่ 1 วา ของผคู นในดนิ แดนอุษาคเนย รวมทงั้ สุโขทยั กอ นการรับอิทธิพลทางพระพุทธ- “...มพี ระขพงุ ผเี ทพดา ในเขาอันนน้ั เปนใหญก วาทุกผี ในเมอื งนี้ ขุนผูใดถือเมือง ศาสนาและศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู ซง่ึ ยงั คงสบื ทอดความเชอื่ เร่ืองผมี าจนถงึ สโุ ขทยั น้แี ล ไหวด ีพลถี ูก เมืองนเ้ี ทีย่ ง เมอื งน้ีดี ผไิ หวบด ี พลีบถ ูก ผีในเขาอั้น สมัยปจจุบนั บค มุ บเกรง เมืองนีห้ าย...” คมู อื ครู 107
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูเปด ประเดน็ เกย่ี วกับพัฒนาการทางดาน ÷. พฒั นาการทางดา้ นคÇามสมั พนั ¸ร์ ÐËÇา‹ งปรÐàทÈสมยั สโุ ขทยั ความสมั พันธร ะหวา งประเทศสมัยสุโขทัย จากน้นั ใหน กั เรียนกลมุ ที่ 5 สง ตัวแทนนาํ เสนอ กำรที่อำณำจักรสุโขทัยสำมำรถด�ำรงรักษำควำมมั่นคงและสร้ำงสรรค์ควำมเจริญรุ่งเรือง สาระสาํ คัญหนา ชั้นเรียน อยู่ได้ถึง ๒๐๐ ปีนั้น ปัจจัยที่ส�ำคัญประกำรหน่ึงเป็นผลมำจำกกำรด�ำเนินควำมสัมพันธ์ระหว่ำง ประเทศทเี่ หมำะสมและสอดคล้องกบั สถำนกำรณ์ในขณะนนั้ กำรทำ� ควำมเขำ้ ใจถึงพัฒนำกำรของ 2. ครูทดสอบความรูโ ดยใหน กั เรยี นแบง กลุม ใหม สโุ ขทยั ทำงดำ้ นควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งประเทศจะทำ� ใหม้ คี วำมเขำ้ ใจประวตั ศิ ำสตรส์ โุ ขทยั มำกยงิ่ ขนึ้ กลมุ ละ 4 คน แตล ะคนมหี มายเลขประจาํ ตวั 1, 2, 3, 4 เพ่ือตอบคําถามจากบตั รคําท่คี รู 7.๑ จดุ ประสงค์ในกำรสรำ้ งควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งประเทศ เตรยี มไว โดยใหปฏิบตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี สมาชิกหมายเลข 1 อา นคําถาม กำรสร้ำงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศของไทยสมัยสุโขทัย กล่ำวโดยภำพรวมก็เพื่อขยำย สมาชกิ หมายเลข 2 วิเคราะหค ําถามและหา อำ� นำจหรอื ขอบเขตใหก้ วำ้ งขวำงออกไป เพอ่ื รกั ษำควำมมน่ั คงและปอ้ งกนั กำรรกุ รำนจำกภำยนอก คาํ ตอบ เพื่อผลประโยชน์ทำงด้ำนเศรษฐกิจและกำรค้ำ เพ่ือเผยแพร่และรับกำรถ่ำยทอดวัฒนธรรม และ สมาชิกหมายเลข 3 ตรวจสอบคําตอบ เพือ่ รกั ษำสมั พนั ธไมตรีกับรัฐอ่นื สมาชิกหมายเลข 4 นําเสนอคาํ ตอบของกลุม 7.๒ ลักษณะกำรสรำ้ งควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงประเทศ 3. ครูเร่มิ แจกบัตรคําถามเกย่ี วกับความสัมพันธ ระหวางสโุ ขทัยกับลานนากอน โดยคาํ ถาม เชน ลักษณะกำรสร้ำงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศของไทยสมัยสุโขทัยมีหลำยวิธีด้วยกัน • ลกั ษณะความสัมพนั ธระหวา งสโุ ขทยั กบั แล้วแต่ว่ำสถำนกำรณ์ในขณะน้ันจะมีกำรเผชิญหน้ำกันหรือมีควำมสัมพันธ์อันดีต่อกัน ลักษณะ ลา นนาเปน แบบใด กำรสรำ้ งควำมสมั พันธ์จึงมคี วำมแตกต่ำงกันออกไป • ความสัมพันธร ะหวางสุโขทยั กับลานนาใน บรรดำรฐั ตำ่ งๆ ทมี่ คี วำมสัมพันธก์ บั สโุ ขทัย มีรำยละเอยี ดดังต่อไปนี้ สมัยพอ ขุนรามคาํ แหงมหาราชมีลกั ษณะ อยางไร ๑) ความสมั พนั ธก์ บั ลา้ นนา ในสมยั สโุ ขทยั พอ่ ขนุ รำมคำ� แหงมหำรำชไดท้ รงดำ� เนนิ • เพราะเหตใุ ดในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) สโุ ขทัยกับลา นนาถึงหา งเหินกนั ควำมสมั พนั ธท์ ำงกำรทตู กบั อำณำจกั รลำ้ นนำ ดว้ ยกำรรว่ มมอื กบั พระยำมงั รำยมหำรำช • สโุ ขทยั เผยแผพระพทุ ธศาสนาใหแกลา นนา และพระยำงำ� เมอื งแหง่ แควน้ พะเยำ เพอ่ื ปอ้ งกนั กำรรกุ รำนจำกมองโกล โดยวิธใี ด นอกจำกนี้ พ่อขุนรำมค�ำแหงมหำรำชและพระยำง�ำเมือง • ในสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี 3 (ไสลือไทย) แหง่ แควน้ พะเยำยงั ไดเ้ สดจ็ ไปชว่ ยพระยำมงั รำยมหำรำชเลอื กชยั ภูมิ ความสัมพนั ธร ะหวา งสุโขทัยกับลา นนาเปน และวำงผงั เเชมียอื งงใรหำชมธ่”ำ1นขแีอหงลง่ ใ้ำหนมน ่ คำ อื เ“มนื่อพ บพรุ ศ.ี ศร.นี ค๑ร๘พ๓งิ ๙ค ์ เชน ไร ตำมคำ� เชญิ ของพระยำมังรำยมหำรำช ควำมร่วมมอื กันของกษตั รยิ ์ท้งั ๓ พระองค์ แสดง ใหเ้ หน็ ถงึ ควำมสำมคั คขี องชนชำตไิ ทยในกำรรว่ มมอื กนั ป้องกนั กำรรกุ รรำนจำกศตั รภู ำยนอกไดเ้ ปน็ อย่ำงดี ภาพวาดจนิ ตน2าการพอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราชแหง่ สโุ ขทยั และ พระยาง�าเมอื งแห่งพะเยา เสดจ็ ไปชว่ ยพระยามังรายมหาราช แหง่ ลา้ นนา เลอื กชยั ภมู ใิ นการสรา้ งราชธานแี หง่ ใหมข่ องลา้ นนา ๑08 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ลกั ษณะความสัมพันธระหวางสุโขทยั กับลานนามจี ุดประสงคใดเปน สาํ คญั 1 นพบุรีศรนี ครพิงคเ ชียงใหม ดวยเหตทุ ี่พอขุนรามคําแหงมหาราชทรงรว มสรา ง 1. ความมัน่ คง บํารุงพระพทุ ธศาสนา เมืองเชียงใหมดวย ทาํ ใหผ ังเมอื งเชยี งใหมไ ดร ับอทิ ธพิ ลจากสโุ ขทัย เมอื่ แรกสรา ง 2. บํารุงพระพทุ ธศาสนา คาขายระหวา งกนั กาํ แพงเมืองมีขนาดกวา ง 1,800 เมตร ยาว 2,000 เมตร และขดุ คูนํ้ากวาง 18 เมตร 3. คาขายระหวางกนั สานสมั พันธกบั จนี ซึง่ ภายหลังไดปรับเปลี่ยนจนปจ จบุ ันเปนรปู สเี่ หลย่ี มยาวดา นละ 1,160 เมตร 4. สานสัมพนั ธก บั จีน สรา งสรรคง านศิลป 2 พระยางําเมอื ง เปน กษตั ริยค รองเมอื งพะเยาองคที่ 9 เม่ือพระชนมายุได 16 วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. สุโขทัยในสมัยพอ ขุนรามคําแหงมหาราช ชนั ษา พอขุนม่งิ เมืองพระราชบดิ าทรงสง ไปศกึ ษาวิชาความรูทเ่ี มืองลพบุรี จึงไดร จู ัก ไดรวมมอื กับลานนาและพะเยา เพอ่ื ปอ งกนั การรกุ รานจากพวกมองโกลที่ กบั พอขุนรามคําแหงมหาราชแหง กรุงสโุ ขทยั และเปน พระสหายกันนบั แตน้ันมา ยึดครองจีนในเวลาน้ัน และสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 2 ไดสงพระสมุ นมหา- ใน พ.ศ. 1310 พระราชบิดาสวรรคต จึงขึ้นครองราชยแทน ตอ มาพระยามังราย เถระข้นึ ไปเผยแผพ ระพุทธศาสนายังเมอื งเชียงใหมตามการนมิ นตของพระยา มหาราชทรงยกทัพมาประชดิ เมอื งพะเยา พระองคจงึ ยกเมืองชายแดนบางเมืองให กอื นาแหงลา นนา เพ่ือเปนการสงบศึก และทง้ั สองพระองคไ ดทาํ สญั ญาเปนมติ รตอกนั พอขุน รามคาํ แหงมหาราชซงึ่ เสด็จมาเยย่ี มพอขุนงําเมอื งจึงไดมโี อกาสรจู กั กับพระยา มังรายมหาราชดว ย ทงั้ สามพระองคจ งึ ทาํ สัญญาวา จะเปนมิตรสหายทด่ี ีตอ กนั 108 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ในสมยั พระมหำธรรมรำชำท่ ี ๑ (ลิไทย) ลกั ษณะควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงสุโขทัยทีม่ ีต่อล้ำนนำ 1. ครใู หเ วลานกั เรยี นแตละกลมุ ระดมความคดิ ใน เริม่ หำ่ งเหินกนั เพรำะล้ำนนำไดส้ ง่ กองทพั เข้ำยึดเมืองตำกของสโุ ขทยั การตอบคําถาม จากนน้ั ใหน ักเรียนสงตวั แทน ต่อมำใน พ.ศ. ๑๙๑๒ ตรงกับสมัยพระมหำธรรมรำชำท ี่ ๒ แห่งสโุ ขทัย พระยำกือนำแ1ห่ง ออกมาตอบหนา ชน้ั เรยี น ลำ้ นนำทรงมศี รทั ธำในพระพทุ ธศำสนำนกิ ำยเถรวำทแบบลงั กำวงศ ์ จงึ ทรงนมิ นตพ์ ระสมุ นมหำเถระ ซึ่งเปน็ พระภกิ ษุชำวสโุ ขทยั ใหจ้ ำรกิ ขน้ึ ไปเผยแผ่พระพุทธศำสนำท่เี มืองเชียงใหม่ 2. เม่อื แตล ะกลุมตอบครบ ครูเฉลยคาํ ตอบ ก ลบั คนืพเรหะมมอื หนำเธดรมิ ร มจงึรทำชรงำสทง่ ี่ พ๒ร ะสทมุ รนงเมหห็นำเเปถ็รนะโข2อนึ้กไำปสยดงั ีทเม่ีจอืะเงสเชริมยี งสใรห้ำมงต่สำัมมพคันำ� ขธ์ออัขนอดงีกพับรละ้ำยนำกนอืำนใหำ ้ (แนวตอบ ส่งผลให้พระพุทธศำสนำนิกำยเถรวำทแบบลังกำวงศ์ได้ไปประดิษฐำน และมีควำมเจริญรุ่งเรือง • มีหลายแบบ ขึ้นอยกู บั สถานการณในขณะนั้น ในอำณำจกั รลำ้ นนำตงั้ แตน่ น้ั ขณะเดยี วกนั พระสมุ นมหำเถระไดเ้ จรจำควำมเมอื งขอเมอื งตำกจำก เชน การดําเนินความสัมพันธทางการทูต พระยำกือนำคืนให้แก่อำณำจักรสุโขทัยตำมเดิม เพรำะเดิมเมืองตำกขึ้นกับสุโขทัย ต่อมำล้ำนนำ การสง กําลังทหารเขา ยึดครอง การสง กองทพั ได้แผ่ขยำยอ�ำนำจเขำ้ ครอบครอง เขาชว ยเหลือ การเผยแผพระพุทธศาสนา ต่อมำในสมัยพระมหำธรรมรำชำที่ ๓ (ไสลือไทย) แห่งกรุงสุโขทัยได้ทรงส่งกองทัพขึ้นไป เปน ตน ช่วยท้ำวยี่กุมกำม พระเชษฐำของพระยำสำมฝั่งแกนแห่งล้ำนนำบุกเข้ำตีเมืองเชียงใหม่แต่ • การดาํ เนนิ ความสัมพนั ธท างการทูต ดวยการ ไม่ส�ำเร็จ นโยบำยกำรสร้ำงควำมสัมพันธ์ต่อล้ำนนำของสุโขทัยในลักษณะดังกล่ำวย่ิงท�ำให้ ชว ยเหลือพระยามังรายมหาราชแหงลานนา ควำมบำดหมำงระหวำ่ งสโุ ขทยั กับล้ำนนำมีมำกขึ้น ในการเลือกชัยภูมแิ ละวางผังเมืองราชธานี แหง ใหม • เพราะลานนาสง กองทัพมายึดเมืองตากของ สโุ ขทัย • ดว ยการสงพระสมุ นมหาเถระไปเผยแผ พระพุทธศาสนายงั เมอื งเชียงใหม • มีความหา งเหนิ กัน เพราะสุโขทัยไดแ ผขยาย อทิ ธิพลเขา ไปยงั ลา นนา) 3. ครชู มเชยนักเรยี นทกุ กลมุ ท่รี ว มปฏิบัติกจิ กรรม เปนอยา งดี และเนน เกี่ยวกบั ความรับผดิ ชอบ ในการทาํ งานเปน กลุม ภาพวาดจินตนาการแสดงการสู้รบระหว่างทหารสุโขทัยกับทหารล้านนา อันเป็นผลมาจากการที่สุโขทัยพยายามที่จะ แผ่ขยายอทิ ธิพลขึ้นไปทางตอนบน ๑09 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู การสรา งความสมั พนั ธอ ันดกี ับลานนา สงผลใหอ าณาจักรสโุ ขทยั ไดร ับผลดี 1 พระยากอื นา ทรงเลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนา พระองคท รงสรา งวัดสวนดอก อยางไร หรือวัดบปุ ผารามใน พ.ศ. 1914 เพื่อใหเปนที่จําพรรษาของพระสุมนมหาเถระ แนวตอบ การสรางความสัมพนั ธท่ีดกี บั ลานนา ทั้งการชวยลา นนาเลือก และเมอ่ื ประมาณ พ.ศ. 1916 โปรดใหสรางเจดียบ รรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตขุ อง ชยั ภมู ใิ นการสรา งราชธานีแหงใหม ลว นสงผลดตี อสโุ ขทัย ทําใหป ลอดภัย พระพุทธเจา ซงึ่ พระสุมนมหาเถระอญั เชิญมาจากสโุ ขทัย โดยประดิษฐานไวท ี่ จากการถกู พวกมองโกลโจมตีทางเหนือ หรือการสงพระภกิ ษสุ โุ ขทยั ไปเผยแผ วดั พระธาตุดอยสเุ ทพและวดั บุปผาราม พระพุทธศาสนาท่เี ชยี งใหม กส็ งผลใหสุโขทัยมบี ทบาทสาํ คัญในการเผยแผ 2 พระสุมนมหาเถระ หลงั จากที่พระยากือนานิมนตท า นมายงั เมอื งเชียงใหม พระพุทธศาสนาไปยังดนิ แดนตา งๆ ในชวงสมยั น้ัน รวมทงั้ ปลอดภยั จาก กไ็ ดถ วายสวนดอกไมท างทิศตะวันตกของเมืองเชยี งใหมใ หสรางเปน วัด มีชอ่ื วา การโจมตีของดนิ แดนเหลา นัน้ ดว ย วดั บปุ ผาราม หรอื เรยี กวา วดั สวนดอก ทว่ี ดั แหงน้ีปรากฏเจดียท รงพมุ ขาวบณิ ฑ เปนเจดียบ รวิ าร ซง่ึ แสดงใหเ ห็นถงึ ความสัมพนั ธระหวา งสุโขทยั กบั ลา นนา คมู ือครู 109
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ตอ ไปครแู จกบัตรคาํ ถามเกย่ี วกับความสมั พนั ธ ระหวางสโุ ขทัยกับอยุธยา โดยคาํ ถาม เชน • ลกั ษณะความสมั พันธระหวา งสุโขทัยกับ ๒) ความสมั พันธ์กบั อยุธยา กรงุ ศรีอยุธยำไดร้ ับกำรสถำปนำข้ึนเม่อื พ.ศ. ๑๘๙๓ อยธุ ยาเปนแบบใดบาง ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสุโขทัยกับอยุธยำมีหลักฐำนในต�ำนำนชินกำลมำลีปกรณ์กล่ำวว่ำ สมเด็จ • ในตํานานชนิ กาลมาลีปกรณไ ดก ลา วถงึ พระรำมำธิบดที ่ี ๑ (อู่ทอง) แหง่ กรุงศรอี ยุธยำ ไดท้ รงยกทพั ไปยึดเมอื งพิษณุโลกของสุโขทัยไว้ได้ ต่อมำพระมหำธรรมรำชำท่ี ๑ (ลิไทย) ได้ส่งคณะทูตพร้อมเครื่องรำชบรรณำกำรไปเจรจำขอ ความสัมพันธระหวา งสโุ ขทัยกับอยุธยาไว เมอื งพษิ ณุโลกคนื ซึ่งสมเด็จพระรำมำธิบดที ่ี ๑ (อูท่ อง) กพ็ ระรำชทำนคืนแก่สุโขทัย อยา งไร ใน พ.ศ. ๑๙๒๑ ซง่ึ ตรงกบั สมยั พระมหำธรรมรำชำท ่ี ๒ มหี ลกั ฐำนวำ่ สมเดจ็ พระบรม- • ความสัมพนั ธร ะหวางสุโขทยั ในสมัย รำชำธิรำชที่ ๑ (ขุนหลวงพง่ัว) อยุธยำได้ยกทัพมำตีเมืองก�ำแพงเพชรของสุโขทัยได้ และ พระมหำธรรมรำชำท ่ี ๒ ตอ้ งออกมำถวำยบงั คมและยอมเปน็ เมอื งขนึ้ พระมหาธรรมราชาที่ 2 กับอยธุ ยามลี ักษณะ ต่อมำใน พ.ศ. ๑๙๔๓ พระมหำธรรมรำชำท่ ี ๓ (ไสลอื ไทย) แห่งอำณำจกั รสโุ ขทยั ทรง อยา งไร ประกำศให้สโุ ขทยั เปน็ เอกรำช แตถ่ งึ ตอนปลำยรชั กำลหลงั พ.ศ. ๑๙๕๒ สโุ ขทยั ตกเปน็ เมอื งขนึ้ • การสรา งความสัมพนั ธท างเครือญาติกบั ของอยธุ ยำอกี ซง่ึ ตรงกบั สมยั สมเดจ็ พระอนิ ทรำชำ (เจำ้ นครอนิ ทร;์ พ.ศ. ๑๙๕๒ - ๑๙๖๗) กษตั รยิ ์ อยธุ ยาสง ผลดตี อ สโุ ขทัยอยางไร แหง่ กรงุ ศรอี ยธุ ยำ • ความขดั แยง ภายในของสุโขทัยในชวงปลาย นอกจำกน้ี สุโขทัยยังได้สร้ำงควำมสัมพันธ์ฉันเครือญำติกับอยุธยำโดยพระรำชธิดำ สงผลตอ อาณาจักรสโุ ขทัยอยา งไร ของพระมหำธรรมรำชำท่ี ๒ (เป็นพ่ีสำวของพระยำบำล) ได้ทรงอภิเษกกับเจ้ำสำมพระยำ 2. ครูใหเวลานกั เรียนแตละกลุม ระดมความคิด (ต่อมำได้เป็นกษัตริย์อยุธยำ ทรงมีพระนำมว่ำ “สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี ๒” ) ซึ่งเป็น จากนัน้ ใหนกั เรียนสงตวั แทนออกมาตอบ พระรำชโอรสของสมเด็จพระอินทรำชำ กษตั รยิ ์อยุธยำอกี ดว้ ย 3. เมื่อแตละกลุมตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ ภำยหลังสน้ิ สุดรชั กำลพระมหำธรรมรำชำท่ี ๓ (ไสลือไทย) แห่งกรงุ สโุ ขทยั ใน พ.ศ. (แนวตอบ ๑ท๙�ำใ๖ห๒้ส มพเรดะ็จโอพรรสะขออินงทพรรำะชมำหต้อำธงรทรรมงรนำ�ำชทำัพทจี ่ ำ๒ก กครอื ุง ศพรรีอะยยุธำยบำำขล้ึนกับมพำถรึงะเยมำือรำงมพ รไะดบต้ ำ่องส1 (ู้ชนิงคอร�ำสนวำรจรกคัน์) • มที ้งั การสง กาํ ลงั ทหารเขา ยดึ ครอง เพอ่ื ระงบั เหต ุ จนเหตกุ ำรณส์ งบลง พระยำบำลหรอื บรมปำลไดค้ รองเมอื งพษิ ณโุ ลก ทรงมพี ระนำม การดําเนนิ การทางการทตู และการสรา ง วำ่ “พระมหาธรรมราชาที่ ๔ (บรมปาล)” สว่ นพระยำรำมครองกรงุ สโุ ขทยั พระยำเชลยี งครองเมอื ง ความสมั พนั ธท างเครือญาติ เชลียง (สวรรคโลก) พระยำแสนสอยดำวครองเมืองก�ำแพงเพชร โดยท่ีอำณำจักรสุโขทัยมีฐำนะ • สมเด็จพระรามาธิบดที ่ี 1 (อูทอง) แหงอยธุ ยา เปน็ เมอื งประเทศรำชของอยุธยำ ทรงยึดเมืองพษิ ณุโลกของสโุ ขทยั ไว ตอ มา พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) ทรงสง คณะทูตไปเจรจากลับคืนมา • การสง กําลังทหารเขายดึ ครอง โดยขุนหลวง พองั่วแหง อยธุ ยาทรงยกทัพมาตไี ดเมอื ง กําแพงเพชรของสโุ ขทัย ทําใหส โุ ขทัยยอม ภาพวาดจินตนาการพระมหาธรรม- เปนเมืองข้ึน ราชาท่ี ๑ (ลิไทย) ส่งคณะทูตมา • ทาํ ใหอาณาจกั รสโุ ขทยั มคี วามม่ันคงเปน เจรจาขอเมืองพิษณุโลกกลับคืนจาก สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ (อู่ทอง) ปกแผน มากขึ้น แหง่ กรุงศรีอยุธยา • ทําใหอาณาจกั รสโุ ขทัยตองเปนประเทศราช ๑๑0 ของอยุธยา) 4. ครชู มเชยนักเรียนทกุ กลุม ที่รว มปฏบิ ัตกิ ิจกรรม เปน อยา งดี ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู 1 เมืองพระบาง เปน เมอื งโบราณซึง่ สันนิษฐานวา ตงั้ ข้นึ ในสมยั สโุ ขทัย โดยปรากฏ จากการศึกษาเร่อื งความสมั พนั ธร ะหวา งสุโขทัยกับอยธุ ยา นักเรยี นสามารถ ชือ่ ในศลิ าจารึกวา เมอื งพระบาง เปน เมอื งหนาดา นสําคัญในการทาํ ศึกสงครามของ สรปุ ไดวาอยา งไร ไทยมาทุกยคุ สมัย นกั วิชาการบางทานใหทัศนะวา ตัวเมืองดงั้ เดิมนา จะต้งั อยูบรเิ วณ แนวตอบ ความสัมพนั ธระหวางสโุ ขทยั กับอยธุ ยามีหลายลักษณะ ทง้ั การใช เชงิ เขาขาด (เขาฤๅษ)ี จรดวดั หวั เมือง (วัดนครสวรรค) ดงั มหี ลกั ฐานเชิงเทนิ ดิน กาํ ลังทหารเขายดึ ครอง โดยขึน้ อยูก บั ความเขมแขง็ ของสโุ ขทยั ในชวงเวลานั้น เปนแนวปรากฏอยู ตอมาเมืองนี้ไดเปล่ียนช่ือเปน เมืองชอนตะวัน เพราะตวั เมอื งต้งั เมือ่ ใดท่สี ุโขทัยเกิดความออ นแอ กจ็ ะถกู ยดึ ครองไดโดยงาย แตถา มีความ อยูบนฝงตะวนั ตกของแมนํ้าเจา พระยา และหนั หนาเมืองไปทางแมน ํา้ ซึง่ อยทู างทิศ เขม แข็งกจ็ ะประกาศตนเปน อิสระ นอกจากน้ี สโุ ขทัยยังมีความสมั พันธทาง ตะวันออก ทาํ ใหแ สงอาทติ ยสอ งเขาหนา เมืองในชวงเชา ภายหลังจงึ เปลยี่ นชอ่ื เปน เครอื ญาติกบั อยุธยาดวย อยา งไรก็ดี ภายหลังรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ 3 เมอื งนครสวรรค (ไสลือไทย) สุโขทัยออนแอจากการแยง ชงิ ราชสมบตั ิภายในราชวงศ จึงทาํ ให อยธุ ยาเขามาแทรกแซง และในทีส่ ุดก็ผนวกสุโขทยั รวมเขา เปนสวนหนงึ่ ของ อยธุ ยา 110 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู และได้ถูกผนคววกาเมขส้ามัเปพ็นนั สธ่วข์ นอหงนสโุ่ึงขขทอยังตออ่ยอุธยยธุายาเมในื่อฐสามนเะดเ็จมพอื งรปะบระรเมทไศตรราโชลสกน้ินสาดุถลแ1งหใ่งนกรพุงศ.ศร.ีอ๒ย๐ุธ๐ย๖า 1. ครแู จกบตั รคาํ ถามเก่ยี วกบั ความสมั พนั ธ ระหวางสุโขทยั กบั นครศรีธรรมราช โดยคําถาม เสด็จขน้ึ มาปกครองเมืองพษิ ณโุ ลกในฐานะราชธานีแทนกรงุ ศรีอยธุ ยา เชน • ลักษณะความสมั พนั ธระหวา งสุโขทยั กบั ผลจากการเปล่ียนวิธีการปกครองสุโขทัยในครั้งน้ัน ท�าให้สุโขทัยกลายเป็นดินแดน นครศรธี รรมราชเปน แบบใด • ความสมั พนั ธร ะหวา งสโุ ขทยั กบั ส่วนหน่ึงของอยุธยาอย่างสมบูรณ์ และนับจากนี้เป็นต้นไปเมืองพิษณุโลกของสุโขทัยก็กลายเป็น นครศรีธรรมราช สนั นิษฐานวาเริ่มตน ข้นึ ใน สมยั พระมหากษัตริยพ ระองคใด หัวเมอื งราชธานีของกรุงศรีอยุธยา จนสนิ้ สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ • พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาทลัทธลิ ังกาวงศ ประดษิ ฐานในสุโขทัยไดอ ยา งไร ๓) ความสมั พนั ธ์กบั นครศรีธรรมราช สโุ ขทยั มีความสมั พันธก์ ับนครศรีธรรมราช • เพราะเหตุใดหลงั สมัยพอ ขนุ รามคําแหง ในลักษณะของการขยายอิทธิพลทางการเมืองเข้าไปปกครองดแู ลในฐานะเมืองประเทศราช และมี มหาราช ความสมั พันธร ะหวางสุโขทยั กบั นครศรธี รรมราชถึงเส่ือมลง ความสัมพันธ์ทางดา้ นวฒั นธรรมผา่ นทางพระพทุ ธศาสนา • สโุ ขทยั ไดร บั ประโยชนในเรอ่ื งใดมากท่สี ุด จากการติดตอสมั พนั ธก บั นครศรีธรรมราช ความสัมพันธ์ระหว่างสุโขทัยกับเมืองนครศรีธรรมราช สันนิษฐานว่าน่าจะเริ่มต้นขึ้น 2. ครูใหเวลานักเรยี นแตละกลมุ ระดมความคดิ ใน ในสมัยพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช เมื่อนครศรีธรรมราชยอมรับอิทธิพลทางการเมืองของสุโขทัย การตอบคําถาม จากนนั้ ใหนักเรยี นสงตัวแทน ออกมาตอบหนา ชัน้ เรยี น โดยยอมเป็นเมืองประเทศราชของสุโขทยั 3. เมื่อแตล ะกลุมตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ นอกจากน้ี สโุ ขทัยยงั มคี วามสัมพนั ธ์ทางดา้ นวฒั นธรรมกับเมืองนครศรธี รรมราช โดย 2 (แนวตอบ พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชโปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์ • การขยายอทิ ธิพลทางการเมอื งของสโุ ขทัย เขาไปปกครองดแู ลนครศรธี รรมราชในฐานะ จากนครศรีธรรมราชขึ้นมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สุโขทัย ท�าให้พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท เมอื งประเทศราช และความสมั พันธด าน วฒั นธรรมผานการเผยแผพ ระพุทธศาสนา ลัทธลิ งั กาวงศ์ประดิษฐานอยา่ งมั่นคงในสุโขทยั นบั ต้งั แต่น้ันเป็นตน้ มา • พอขุนรามคาํ แหงมหาราช • พอขุนรามคาํ แหงมหาราชโปรดใหนมิ นต ความสัมพันธ์ท่ีสุโขทัยมีต่อนครศรีธรรมราช เริ่มเสื่อมลงหลังสมัยพ่อขุนรามค�าแหง พระสงฆจ ากนครศรีธรรมราชขน้ึ มาเผยแผ พระพทุ ธศาสนาท่สี โุ ขทยั มหาราช เนอ่ื งจากระยะทางทอ่ี ยหู่ า่ งไกล รวมทงั้ ภายหลงั เมอ่ื มกี ารกอ่ ตง้ั อยธุ ยาทอี่ ยถู่ ดั จากสโุ ขทยั • ระยะทางท่ีหา งไกล และการขยายอาํ นาจ ของอยธุ ยาเขาไปแทนทส่ี โุ ขทัย ลงมา แล้วอยธุ ยาเรม่ิ ขยายอ�านาจเข้าไปแทนที่ • การนบั ถอื พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาทลัทธิ ลังกาวงศ) ภาพวาดจินตนาการพ่อขุนราม- คา� แหงมหาราชทรงนมิ นตพ์ ระสงฆ์ 4. ครูชมเชยนักเรียนทุกกลุมที่รว มปฏบิ ตั ิกิจกรรม จากนครศรีธรรมราชมาเผยแผ่ เปน อยา งดี พระพุทธศาสนาทส่ี ุโขทยั 111 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู ลักษณะความสัมพนั ธระหวา งอาณาจกั รสโุ ขทัยกับเมืองนครศรธี รรมราช 1 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระองคทรงเปนพระราชโอรสของเจาสามพระยา ในขอ ใดถูกตอง และมพี ระมารดาเปนเจาหญิงแหงราชวงศพระรว งของสุโขทยั ดงั น้ัน พระองคจ งึ มี เช้อื สายฝา ยสโุ ขทัย เม่อื พระมหาธรรมราชาท่ี 4 (บรมปาล) สวรรคต พระองคเมอื่ 1. เศรษฐกิจการคา ความมั่นคง ครงั้ ดาํ รงตําแหนง เปน พระมหาอปุ ราชไดค รองเมอื งพษิ ณุโลก และเมือ่ พระองคขน้ึ 2. ความม่นั คง อาํ นาจการปกครอง ครองราชสมบัตกิ ไ็ ดผนวกสุโขทยั เขากบั อยุธยาอยางสมบรู ณ 3. อํานาจการปกครอง ศาสนาและวัฒนธรรม 2 พระสงฆในพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทลทั ธลิ งั กาวงศ โดยพอ ขุนรามคาํ แหง 4. ศาสนาและวฒั นธรรม เศรษฐกจิ การคา มหาราชโปรดใหอ ยูว ัดอรัญญิก นอกเมอื งสโุ ขทยั และพระองคจ ะเสดจ็ ไปนมัสการ เปนประจําทกุ วันกลางเดอื นและส้นิ เดอื น วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. สุโขทัยไดข ยายอทิ ธิพลทางการปกครอง ไปถึงเมืองนครศรีธรรมราช และปกครองในฐานะเปน เมอื งประเทศราช สวนเมืองนครศรีธรรมราชท่ศี าสนาและวฒั นธรรมมคี วามเจรญิ รงุ เรืองกไ็ ด ชวยในการเผยแผพ ระพทุ ธศาสนามายังกรงุ สุโขทัยตามพระราชประสงคของ พอ ขุนรามคําแหงมหาราช พระพุทธศาสนาในอาณาจกั รสุโขทยั จงึ เปน นกิ าย เถรวาทลทั ธลิ ังกาวงศ คูมอื ครู 111
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครแู จกบตั รคําถามเก่ียวกบั ความสัมพันธระหวาง ๔) ความสัมพันธ์กับหัวเมืองมอญ สุโขทยั กับหวั เมืองมอญ และสโุ ขทัยกบั ลังกา สุโขทัยมีความสัมพันธ์กับหัวเมืองมอญในลักษณะ โดยคําถาม เชน ของความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง โดยสุโขทัย • ลกั ษณะความสัมพนั ธระหวา งสโุ ขทยั กบั หัวเมอื งมอญเปน แบบใดบา ง ปกครองหัวเมืองมอญในฐานะเมืองประเทศราช • หัวเมืองมอญในสมัยสโุ ขทยั ประกอบดวย ส�าหรับความสัมพันธ์ทางด้านการค้า สุโขทัยใช้ เมอื งใด หัวเมืองมอญเป็นเมืองท่าส�าหรับการค้าขายทาง • หัวเมอื งมอญมีความสําคัญตอสโุ ขทยั อยางไร • สโุ ขทัยกบั ลงั กามคี วามสมั พันธใ นลกั ษณะใด ด้านอ่าวเมาะตะมะหรือทะเลอันดามัน รวมทั้ง • สุโขทัยไดรับประโยชนในเรอื่ งใดมากที่สดุ จากการตดิ ตอ สมั พนั ธก ับลงั กา ความสมั พนั ธท์ างดา้ นวฒั นธรรมผา่ นทางพระพทุ ธ- ศาสนา 2. ครูใหเ วลานกั เรยี นแตละกลุมระดมความคิดใน การตอบคําถาม จากน้นั ใหน กั เรยี นสง ตัวแทน หัวเมืองมอญในสมัยสุโขทัย ได้แก่ ออกมาตอบหนา ชน้ั เรยี น ภาพวาดจินตนาการสุโขทัยใช้หัวเมืองมอญเป็น เมืองมะรดิ ทวาย ตะนาวศรี หงสาวดี สะเทิม และ 3. เมอ่ื แตละกลุม ตอบครบ ครเู ฉลยคาํ ตอบ เมอื งท่าการค้าดา้ นทะเลอนั ดามนั นครพนั (แนวตอบ • ความสัมพันธดานการเมืองโดยสุโขทัยปกครอง ในสมัยพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช อิทธิพลของสุโขทัยได้เข้าไปควบคุมหัวเมืองมอญ ในฐานะเมอื งประเทศราช ดา นการคา และ ในลักษณะหัวเมืองประเทศราชของสุโขทัย ภายหลังส้ินสมัยพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชไปแล้ว ดา นวัฒนธรรมผา นทางพระพทุ ธศาสนา • เมอื งมะริด ทวาย ตะนาวศรี หงสาวดี สะเทมิ หวั เมืองมอญเริ่มเป็นอิสระ และบางครงั้ ก็อยู่ใตอ้ า� นาจรฐั ที่เข้มแข็งกว่าสุโขทยั และนครพนั • เปน เมอื งทาสําคัญในการตดิ ตอคา ขายกบั ทางด้านการค้า สุโขทัยใช้หัวเมืองมอญเป็นเมืองท่าในการติดต่อค้าขายกับพ่อค้า พอคา ตา งชาติ และเปนท่ศี กึ ษาพระธรรมวินัย ชาวต่างชาติที่แล่นเรือส�าเภามาจากอาหรับ อินเดีย และลังกา นอกจากนี้ ทางด้านวัฒนธรรม ของพระสงฆส โุ ขทัย สโุ ขทยั ยงั ไดจ้ ดั สง่ คณะสงฆเ์ ดนิ ทางไปศกึ ษาพระธรรมวนิ ยั กบั คณะสงฆม์ อญ แลว้ นา� กลบั มาเผยแผ่ • ความสมั พันธดานวัฒนธรรมผานทาง พระพุทธศาสนา ให้แกช่ าวสุโขทัยอกี ตอ่ หนงึ่ ดว้ ย • การเผยแผพระพุทธศาสนา) ๕) ความสัมพันธ์กับลังกา ลังกาเป็นเกาะอยูท่ างตอนใตข้ องอินเดยี ในมหาสมทุ ร 4. ครูชมเชยนักเรียนทุกกลุม ที่รวมปฏบิ ตั กิ ิจกรรม อนิ เดยี สโุ ขทยั มคี วามสมั พนั ธก์ บั ลงั กาทางดา้ นวฒั นธรรม เพราะในสมยั พอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราช เปน อยางดี ทรงนิมนต์พระมหาเถรสังฆราชจากเมืองนครศรีธรรมราชพร้อมคณะภิกษุสงฆ์น�าเอาพระพุทธ- ศาสนานิกายเถรวาทลัทธิลงั กาวงศ์มาประดิษฐานในกรุงสโุ ขทัย ตอ่ มาประมาณ พ.ศ. ๑๙๐๐ ตรงกบั สมยั พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลไิ ทย) พระอโนมทสั สี และพระสุมนมหาเถระน�าพระพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์เก่า (หรือรามัญวงศ์) จากนครพันมา เผยแผ่ทส่ี ุโขทัย คร้ันถึง พ.ศ. ๑๙๗๒ ตรงกบั สมัยพระมหาธรรมราชาท่ี ๔ (บรมปาล) พระธรรม คัมภีรจ์ ากเชียงใหมน่ �าพระพทุ ธศาสนานิกายลังกาวงศใ์ หมจ่ ากลงั กามาเผยแผ่ท่ีสุโขทยั อกี ด้วย 112 เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ประโยชนท่สี โุ ขทัยไดร ับจากการมคี วามสมั พนั ธอันดกี ับหัวเมืองมอญคอื ขอใด ครูเลา เร่อื งเก่ยี วกับมะกะโทหรอื พระเจา ฟา รว่ั ซ่งึ มีความสัมพนั ธทางเครอื ญาตกิ ับ 1. ไดเมืองไวส ูศกึ กบั พมา สุโขทัยสมยั พอขุนรามคาํ แหงมหาราชใหนักเรียนฟงวา มะกะโทเปนพอคาชาวมอญ 2. ไดเมืองทาออกสทู ะเล ตอมาไดเขารับราชการในราชสํานกั สุโขทยั และอภเิ ษกสมรสกบั พระราชธดิ าของ 3. ไดแหลงซ้อื ขา วราคาถูก พอ ขนุ รามคําแหงมหาราช ภายหลงั ไดกลบั ไปต้ังตัวเปน ใหญท เี่ มืองเมาะตะมะ 4. ไดแ รงงานทม่ี ีคณุ ภาพ พอ ขนุ รามคาํ แหงมหาราชจงึ พระราชทานนามแกมะกะโทวา พระเจา ฟารั่ว ใหเ ปน วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. สุโขทัยใชหวั เมอื งมอญเปนเมืองทาสาํ หรบั ปฐมกษัตริยแ หง เมอื งเมาะตะมะ จากนั้นครใู หนักเรยี นอภปิ รายรวมกันถึงประโยชน คา ขายทางดานอาวเมาะตะมะ นอกจากนยี้ งั ไดร ับการเผยแพรว ฒั นธรรม ที่สุโขทัยไดรบั จากความสัมพนั ธดงั กลา วกบั มอญ ผา นทางพระพทุ ธศาสนาจากพระสงฆมอญดว ย 112 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู Explain ๖) ความสัมพันธ์กับจีน สุโขทัยมีควำม 1. ครูแจกบตั รคาํ ถามเกย่ี วกบั ความสัมพันธ สคัวมำพมันสธมั ์กพับนั จธีนด์ ทงั ำกงลดำ่ ้ำวน สกโุ ำขรทคยั ้ำจในะตรอ้ะบงสบง่ บครณรณะทำตูกพ1ำรร อ้ ลมักเคษรณอื่ งะ ระหวางสุโขทัยกบั จนี โดยคําถาม เชน บรรณำกำรไปถวำยจักรพรรดิจีน ท�ำให้จีนเข้ำใจว่ำสุโขทัย • ลกั ษณะความสมั พันธร ะหวา งสุโขทัยกบั จนี แสดงควำมออ่ นนอ้ มตอ่ จนี จงึ อนญุ ำตใหพ้ อ่ คำ้ ทร่ี ว่ มเดนิ ทำง เปนแบบใด มำกับคณะทูตสำมำรถซื้อขำยสินค้ำจีนได้อย่ำงสะดวกโดย • ในสมยั พอ ขนุ รามคําแหงมหาราช สโุ ขทยั ไมต่ ้องเสยี ภำษ ี และเมือ่ เดินทำงกลบั จีนก็ไดจ้ ดั มอบส่ิงของ สรา งความสัมพันธก บั จีนอยา งไร ใหก้ บั คณะทูตนำ� กลบั มำยงั สุโขทยั ด้วย • การทส่ี โุ ขทยั มีความสมั พนั ธอ ันดกี บั จีน กำรสร้ำงควำมสัมพันธ์กับจีนในลักษณะของ สง ผลดีตอสโุ ขทัยอยา งไร กำรค้ำในระบบบรรณำกำร เรมิ่ ตน้ ในสมัยพ่อขุนรำมคำ� แหง มหำรำช โดยในชว่ ง พ.ศ. ๑๘๓๕ - ๑๘๔๐ สโุ ขทยั สง่ คณะทตู ภาพวาดจินตนาการแสดงเหตุการณ์สุโขทัย 2. ครูใหเวลานกั เรียนแตละกลุมระดมความคิด พรอ้ มเครอื่ งบรรณำกำรไปจนี และในสมยั พระยำเลอไทยก็ได้ ส่งคณะราชทูตพร้อมเคร่ืองบรรณาการ จากนนั้ ใหน กั เรยี นสงตัวแทนออกมาตอบ ส่งไปอกี ไปถวายจักรพรรดิจีน 3. เมอื่ แตล ะกลุมตอบครบ ครูเฉลยคาํ ตอบ กำรท่ีสุโขทัยสร้ำงควำมสัมพันธ์อันดีกับจีน นับว่ำเป็นประโยชน์ต่อสุโขทัยอย่ำงย่ิง (แนวตอบ ทเพำรงำทะะนเลอ กกจำำรกตจดิ ะตไดอ่ ้ผคลำ้ ขปำรยะโ ยแชลนะว์ทธิ ่ีคีกุ้มำครท่ำทำ� เำคงรดอื่ ้ำงนปกั้นำดรคิน้ำเผแำลใ2้วห ม้ ยคี ังณุไดภ้รำับพคดวจีำมำกรชู้เก่ำ่ียงวจกนี ับอกกี ำดร้วเยดินเรือ • ความสัมพันธดา นการคาในระบบบรรณาการ • สุโขทัยสงคณะทตู พรอ มเครอ่ื งบรรณาการ ø. Íิท¸พิ ÅขÍงÍารย¸รรมµÐÇันÍÍกทÕมè ¼Õ Åµ‹Íสุโขทยั ไปถวายแกจกั รพรรดจิ นี • ทําใหไ ดร ับความรเู กีย่ วกับการเดินเรอื ทาง อำณำจักรสุโขทัยได้มีกำรพัฒนำอย่ำงต่อเน่ืองและเจริญก้ำวหน้ำมำเป็นล�ำดับ ทั้งทำงด้ำน ทะเล กาํ ไรจากการคา ขาย และวิธีการทาํ กำรเมืองกำรปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม และควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศ เครือ่ งปนดินเผาใหมีคณุ ภาพดจี ากชา งจีน) ส่วนหน่ึงล้วนไดร้ บั อิทธพิ ลจำกอำรยธรรมตะวันออกท้ังสนิ้ อำรยธรรมตะวนั ออกท่ีมีอิทธพิ ลตอ่ พฒั นำกำรของอำณำจกั รสโุ ขทัย ทส่ี �ำคญั มดี งั นี้ 4. ครูชมเชยนกั เรียนทกุ กลมุ ท่รี วมปฏิบตั กิ ิจกรรม เปน อยางดี และเนน ยา้ํ เกยี่ วกับความรับผดิ ชอบ 8.๑ ดำ้ นกำรเมอื งกำรปกครอง ในการทํางานเปน กลมุ 5. ครแู ละนักเรียนรว มกันสรุปความรูเกยี่ วกบั พัฒนาการทางดานความสมั พนั ธร ะหวา ง ประเทศสมยั สุโขทัย กำรเมอื งกำรปกครองสมยั สโุ ขทยั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจำกพระพทุ ธศำสนำนกิ ำยเถรวำทลทั ธลิ งั กำวงศ์ ขยายความเขา ใจ Expand จำกลังกำ ที่สั่งสอนให้พระมหำกษัตริย์ต้องทรงไว้ซ่ึงทศพิธรำชธรรม ดังจะเห็นได้จำกในสมัย พระมหำธรรมรำชำท ี่ ๑ (ลไิ ทย) ไดท้ รงเผยแพรแ่ ละแสดงออกถงึ ควำมเป็น “ธรรมราชา” ของ ครใู หนกั เรยี นกลุม เดมิ สรุปพัฒนาการทางดา น พระมหำกษัตริย์สุโขทัย ซึ่งได้รับอิทธิพลมำจำกพระพุทธศำสนำนิกำยเถรวำทลัทธิลังกำวงศ์ ตางๆ สมัยสุโขทัยเปนผังมโนทัศนนาํ สงครผู สู อน นอกจำกน้ี พระมหำกษัตริย์ยังต้องมีทศพิธรำชธรรมในกำรปกครองด้วย ซ่ึงอิทธิพลทำงด้ำน กำรปกครองน้ีไดเ้ ป็นรำกฐำนใหก้ บั พระมหำกษัตรยิ ท์ ี่ขึ้นปกครองบ้ำนเมอื งในสมัยต่อๆ มำดว้ ย ตรวจสอบผล Evaluate กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1. ครูตรวจรายงานและผังมโนทัศนพ ฒั นาการทาง ๑๑๓ ดา นตา งๆ สมยั สโุ ขทัย 2. ครูสังเกตพฤตกิ รรมความมสี วนรวมในการตอบ คาํ ถามและการแสดงความคดิ เห็นของนักเรยี น นักเรียนควรรู ครใู หน กั เรยี นสืบคน ความสมั พนั ธร ะหวางสุโขทยั กบั อาณาจักรทีต่ นสนใจ 1 คณะทตู เอกสารฝา ยจนี ระบวุ า อาณาจกั รสโุ ขทัยไดส งคณะทูตพรอมดวย เพิ่มเตมิ จากหนงั สอื เรียน แลว จัดทาํ เปน บันทกึ การศกึ ษาคนควา โดยเนน ของพน้ื เมอื งเปนกํานัลแกจักรพรรดิราชวงศห ยวนของจนี รวม 14 คร้ัง ระหวา ง เกยี่ วกับลกั ษณะความสัมพันธว า เปน แบบใด พ.ศ. 1835-1865 สว นจนี สมัยราชวงศห ยวน สง ทูตมายงั สุโขทยั 4 คร้ัง แตม าถึง สโุ ขทยั เพยี ง 3 ครง้ั โดยมจี ุดหมายเพ่อื ท่จี ะแผอาํ นาจของจักรพรรดิกุบไลขาน และใหส ุโขทัยยอมออ นนอม 2 เครือ่ งปน ดนิ เผา สุโขทยั มเี คร่อื งปน ดินเผาที่มีคุณภาพและมีความสวยงาม ซง่ึ มลี ักษณะเดนตรงทกี่ ารเคลือบเนื้อละเอียด โดยเฉพาะเคร่ืองถว ยสเี ขียวไขก า หรอื ทเ่ี รยี กวา เซลาดอน ซงึ่ เคร่อื งถว ยของสุโขทัยไดร บั เทคนิควิธกี ารมาจาก การทาํ เครอื่ งถวยจีน และเครื่องถวยของสโุ ขทัยยังเปน สนิ คา สงออกไปขายยงั อาณาจักรตา งๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต ดังพบหลักฐานจากซากเรือ ท่ีจมในอา วไทยและพบเศษเครื่องถว ยสุโขทยั คมู อื ครู 113
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครยู กตวั อยางอารยธรรมตะวนั ออกทีม่ ีผลตอ สุโขทัย แลว สุมใหนักเรียนตอบวาไดร ับอิทธพิ ลมา จากแหลงใด เชน นอกจำกนี้ ลักษณะควำมเชื่อท่ีถือว่ำพระมหำกษัตริย์ของสุโขทัยมีฐำนะเป็น “สมมติเทพ” ในสมัยสุโขทัยตอนปลำย ก็ได้รับอิทธิพลมำจำกศำสนำพรำหมณ์ - ฮินดู ซึ่งเขมรได้รับมำจำก • การเมอื งการปกครองแบบธรรมราชา อินเดีย และสุโขทัยก็เริ่มรับอิทธิพลของศำสนำพรำหมณ์ - ฮินดู มำจำกเขมร ซึ่งถือว่ำ (แนวตอบ ไดรับอทิ ธพิ ลจากพระพทุ ธศาสนา พระมหำกษัตริย์เป็นเทพเจ้ำอวตำรมำปกครองมนุษย์ และสุโขทัยมำปรับปรุงใช้เป็นสมมติเทพ นกิ ายเถรวาทลทั ธลิ งั กาวงศจากลังกา) แนวคิดทำงกำรเมืองดงั กลำ่ วน้กี ็ไดร้ บั อิทธพิ ลมำจำกอำรยธรรมตะวนั ออกเชน่ กนั • ลักษณะเศรษฐกจิ แบบการคาสาํ เภา 8.๒ ด้ำนเศรษฐกิจ (แนวตอบ ไดร ับอทิ ธพิ ลจากจนี ) ลกั ษณะทำงเศรษฐกจิ ของอำณำจกั รสโุ ขทยั สว่ นหนง่ึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลทำงดำ้ นอำรยธรรมจำกจนี สาํ รวจคน หา โดยเฉพำะทำงดำ้ นกำรคำ้ สำ� เภำทพี่ อ่ คำ้ จนี เขำ้ มำคำ้ ขำยกบั สโุ ขทยั นอกจำกน ้ี กำรทส่ี โุ ขทยั ทำ� กำร Explore คำ้ ขำยกบั จนี ทำ� ใหท้ ำงสโุ ขทยั ตอ้ งยอมรบั กำรคำ้ ในระบบบรรณำกำรของจนี ทง้ั นเ้ี พอื่ ผลประโยชน์ ทำงดำ้ นกำรค้ำขำย ครูใหนกั เรียนศกึ ษาอิทธิพลของอารยธรรม ตะวันออกทีม่ ีผลตอ สุโขทัยจากหนังสอื เรียน หนา 8.๓ ด้ำนสังคม 113-115 แลว นาํ มาอภิปรายในชัน้ เรียน ทรงมีฐกำำนระทเสี่ปโุน็ ข ท“ยัธไรดรมร้ บัราอชทิ าธ”พิ 1แลสขดองงใวหฒั ้เหนน็ธรวรำ่ มกทำรำเงปดลำ้ ่ียนนพแรปะลพงทุ ฐธำศนำะสขนอำง พสง่รผะมลหใหำพ้กษระัตมรหิยำ์ในกษสงัตั ครมยิ ์ อธบิ ายความรู Explain สุโขทัย ได้รบั อิทธิพลมำจำกพระพทุ ธศำสนำนกิ ำยเถรวำทลัทธลิ ังกำวงศ์จำกลังกำ ครูตั้งคําถามเพอื่ ใหน ักเรียนตอบ เชน นอกจำกนี้ กำรท่ีคนไทยในสมัยสุโขทัยนับถือพระพุทธศำสนำ ท�ำให้กุลบุตรได้เข้ำมำบวช • พระพทุ ธศาสนาและศาสนาพราหมณ- ฮินดไู ด มอี ิทธิพลตอการเมืองการปกครองของสุโขทัย เปน็ พระภกิ ษสุ งฆ์ในพระพทุ ธศำสนำ พระภกิ ษสุ งฆ์ในสงั คมไทยไดร้ บั กำรเคำรพโดยทว่ั ไป นบั ตงั้ แต่ พระมหำกษัตริย์จนถึงบรรดำไพร่ - ข้ำ เนื่องด้วยพระภิกษุสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย อยางไร อนั ไดแ้ ก ่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ (แนวตอบ พระมหากษตั ริยส โุ ขทยั ทรงปฏบิ ัติ ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อให 8.4 ดำ้ นวัฒนธรรม ราษฎรมีความรม เยน็ เปน สขุ นอกจากน้ี พระมหากษัตริยย งั ทรงมีฐานะเปนสมมตเิ ทพ วัฒนธรรมไทยส่วนหน่ึงได้รับอิทธิพลมำจำกอำรยธรรมตะวันออก และสุโขทัยได้รับเข้ำมำ ทถ่ี ือวาพระองคเปนเทพเจา อวตารลงมา ผสมผสำนกบั วฒั นธรรมไทยจนกลำยเป็นวฒั นธรรมสโุ ขทยั ปกครองมนษุ ยด ว ย) ตวั อยำ่ งวฒั นธรรมทสี่ ำ� คญั ๆ ของสโุ ขทยั เชน่ ทำงดำ้ นพระพทุ ธศำสนำ สโุ ขทยั ไดร้ บั อทิ ธพิ ล • อารยธรรมจีนมีอทิ ธพิ ลตอสุโขทัยเรือ่ งใดบาง พระพุทธศำสนำจำกลังกำผำ่ นทำงนครศรีธรรมรำช และหวั เมอื งมอญ (แนวตอบ เชน การคา สาํ เภา การคาในระบบ ทำงดำ้ นสถำปตั ยกรรม สว่ นหนงึ่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลมำจำกลงั กำ เชน่ กำรสรำ้ งพระพทุ ธรปู ทำงดำ้ น บรรณาการ วธิ กี ารทาํ เครอื่ งสังคโลก เปน ตน) หตั ถกรรม สว่ นหนงึ่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจำกจนี เชน่ กำรทำ� เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผำหรอื เครอื่ งสงั คโลก ส�ำหรับ • วัฒนธรรมสโุ ขทยั ทไ่ี ดร บั อิทธพิ ลจากอารยธรรม วรรณกรรมพระพทุ ธศำสนำ เช่น ไตรภมู ิพระร่วง ก็ได้รับอิทธพิ ลจำกอนิ เดียและลังกำ ทำงดำ้ น ตะวันออกมีอะไรบาง จงยกตวั อยา ง ภำษำสว่ นหนงึ่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจำกขอม มอญ และอนิ เดยี เชน่ ตวั อกั ษรสโุ ขทยั ของพอ่ ขนุ รำมคำ� แหง มหำรำช กฎหมำยไดร้ บั อิทธพิ ลจำกพระธรรมศำสตรข์ องอินเดยี ผ่ำนมำทำงมอญ เป็นตน้ (แนวตอบ เชน การสรางพระพทุ ธรปู ที่ไดร บั อิทธิพลจากลงั กา การทําเครอื่ งปน ดินเผาที่ ไดรบั อทิ ธิพลจากจนี ภาษาและกฎหมายไดรบั ๑๑4 อทิ ธิพลจากอนิ เดยี ผานทางมอญ ขอม เปนตน) ขอ สอบ O-NET นักเรียนควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกับอิทธิพลของอารยธรรมตะวนั ออกท่ีมีตอ ไทย 1 ธรรมราชา หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาทเี่ กย่ี วเนอื่ งกบั การเปน ธรรมราชา อารยธรรมตะวันออกขอใดท่ีมผี ลตอ ประเทศไทยในดานเศรษฐกจิ ของพระมหากษตั รยิ ทส่ี าํ คญั ไดแ ก “ทศพธิ ราชธรรม” 10 ประการ ไดแ ก 1. การใชป ฏทิ นิ 1. การให (ทาน) 2. การตง้ั อยใู นศลี (ศลี ) 3. การบรจิ าค (ปรจิ จาคะ) 2. การทาํ เครอื่ งสงั คโลก 4. ความซอื่ ตรง (อาชชวะ) 5. ความออ นโยน (มทั ทวะ) 6. ความมตี บะ (ตบะ) 3. การปกครองระบอบประชาธิปไตย 7. ความไมโ กรธ (อกั โกธะ) 8. ความไมเบยี ดเบียน (อวิหิงสา) 9. ความอดทน 4. พระมหากษัตรยิ ตามแบบธรรมราชา (ขันต)ิ 10. ความไมคลาดธรรม (อวโิ รธนะ) และ “จักรวรรดิวตั ร” 12 ประการ เชน สงเคราะหช ว ยเหลือบคุ คลภายในพระราชฐานและหมทู หารใหดี สงเคราะห วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การทาํ เครื่องสังคโลกสมยั สโุ ขทัยไดร บั อทิ ธพิ ลทางเทคนคิ วธิ ีการผลติ จากจนี จัดเปน งานหตั ถกรรมทส่ี รา งรายได กษัตริยเ จา เมืองขนึ้ ทงั้ หลายใหด ี คมุ ครองพราหมณแ ละคหบดีทั้งหลายอยาให ใหแ กส โุ ขทัยเปนอยา งมาก เดอื ดรอ น ทํานุบํารุงผูขัดสนไรทรพั ย เปน ตน 114 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage กระตนุ ความสนใจ 8.5 ทำงดำ้ นควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งประเทศ ครูใหน ักเรยี นดภู าพภมู ิปญญาสมยั สุโขทยั เชน เครือ่ งสังคโลก ลายสือไทย พระพทุ ธรปู ปางลีลา อำรยธรรมตะวันออกมีอิทธิพลต่อควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศในสมัยสุโขทัยอยู่ไม่น้อย สรดี ภงส เปนตน จากนั้นครตู ้ังคําถาม เชน อำรยธรรมตะวันออกท่ีมีผลดีต่อกำรสร้ำงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศของสุโขทัยมีหลำยด้ำน เชน่ พระพทุ ธศำสนำที่ไดร้ บั จำกลงั กำมสี ว่ นทำ� ใหค้ วำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งสโุ ขทยั กบั นครศรธี รรมรำช • ภาพนค้ี ืออะไร ลังกำ มอญ และล้ำนนำ ด�ำเนินไปด้วยควำมรำบร่ืนโดยอำศัยพระพุทธศำสนำเป็นส่ือเช่ือม • ภาพดังกลาวมคี วามสําคัญตอชาวสโุ ขทยั ควำมสัมพนั ธ์ นอกจำกนี้กำรที่สุโขทัยยอมรับกำรค้ำในระบบบรรณำกำรของจีนตำมรูปแบบวัฒนธรรม อยางไร กำรค้ำของจีน ช่วยท�ำให้สุโขทัยมีควำมสัมพันธ์อันดีกับจีนโดยตลอด และได้รับผลประโยชน์ทำง • ในทอ งถ่ินของนักเรียนมีสิง่ ของเครอื่ งใช ด้ำนกำรคำ้ กบั จนี ด้วยควำมรำบรน่ื กล่ำวโดยสรุป อำรยธรรมตะวันออกท่ีมีอิทธิพลต่อไทยสมัยสุโขทัยในด้ำนกำรเมือง อะไรบา งทเี่ ปน ภมู ปิ ญ ญาไทย จงยกตัวอยา ง กำรปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม และควำมสมั พันธร์ ะหว่ำงประเทศ ดงั ได้กลำ่ วมำแลว้ มาพอสงั เขป มสี ่วนสำ� คัญทนี่ ำ� ไปสูก่ ำรพฒั นำควำมเจรญิ กำ้ วหน้ำของอำณำจักรสโุ ขทัยในที่สุด สาํ รวจคน หา Explore ๙. การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาในสมยั สโุ ขทยั ครใู หนักเรียนศกึ ษาคนควาเกย่ี วกับ อำณำจักรสุโขทัยด�ำรงอยู่ได้เป็นเวลำนำนถึง ๒๐๐ ปีเศษ ปัจจัยส�ำคัญประกำรหนึ่ง คือ การสรา งสรรคภ มู ิปญ ญาในสมยั สุโขทัย กำรมีภูมิปัญญำเป็นของตนเอง ดังจะเห็นได้จำกกำรที่คนไทยสมัยสุโขทัยสำมำรถอำศัยวิธีคิด จากหนังสอื เรียน หนา 115-120 และจาก ว ิธกี ำรด แงั นละั้นจ ินกำตรนศำกึ กษำำรใเกน่ยีกวำกรแับกก้ไำขรปสรญั ้ำหงสำใรนรคกำภ์ รมู ดิปำ� ัญเนญินำชไวี ทิตยขสอมงยัตสนุโใขหทด้ ัย�ำ 1รจงงึ อมยวี ไู่ ตัดถ้อุปยร่ำะงสปงรคกท์ตจ่ีสิ ะุขให้ แหลง การเรียนรตู า งๆ เชน หอ งสมดุ กลมุ สาระ คนไทยมีควำมรู้ควำมเข้ำใจ และภูมิใจในควำมเป็นไทยที่ได้สั่งสมมำและได้เป็นมรดกตกทอดมำ หองสมดุ โรงเรยี น ขอ มูลทางอนิ เทอรเนต็ เปนตน จนถงึ ปจั จบุ นั นี้ 9.๑ ควำมหมำยของภูมิปัญญำไทย ค�ำว่ำ “ภูมิปัญญาไทย” หมำยถึง ควำมรู้ ทักษะ ควำมเชื่อ และพฤติกรรมของคนไทย ในกำรปรับตัวให้เข้ำกับธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม แล้วสร้ำงสรรค์สังคมและสั่งสมประสบกำรณ์ เหล่ำนัน้ เปน็ เวลำนำนเพ่ืออนุชนรุ่นหลังตอ่ มำ 9.๒ ปัจจัยทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ กำรสรำ้ งสรรค์ภมู ิปญั ญำไทยสมยั สุโขทยั ในสมัยสโุ ขทัยมปี จั จยั ส�ำคัญท่สี ง่ ผลตอ่ กำรสรำ้ งสรรคภ์ มู ปิ ัญญำของคนไทย ดงั น้ี ๑. ควำมตอ้ งกำรปจั จยั ในกำรดำ� รงชีวิต เช่น เครอื่ งมือ เคร่ืองใช ้ เปน็ ต้น ๒. ควำมตอ้ งกำรแกไ้ ขปญั หำท่ีเกิดจำกสภำพแวดลอ้ มตำมธรรมชำติ เชน่ ต้องกำร เก็บกักนำ�้ เอำไว้ใชใ้ นฤดรู ้อน (แลง้ ) เป็นต้น ๑๑5 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู ปจ จยั ใดบา งทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอการสรางสรรคภมู ิปญ ญาไทยสมยั สโุ ขทัย ครใู หขอ เสนอแนะนักเรียนในการทาํ งานรวมกันเปน ทมี การแบงหนา ท่แี ละ แนวตอบ มีหลายปจจยั ท่สี ําคญั เชน ความตองการปจจยั ในการดํารงชวี ติ ภาระงานท่ีเหมาะสมแกส มาชิกในกลมุ เพอ่ื ใหก ารปฏบิ ตั ิงานกลุมบรรลุวตั ถปุ ระสงค เชน เคร่อื งมือเคร่ืองใช ความตอ งการแกไขปญหาทีเ่ กิดจากสภาพแวดลอ ม ท่วี างไวรว มกัน ตามธรรมชาติ เชน สรา งท่กี กั เกบ็ นํา้ ไวใชใ นฤดแู ลง ความตอ งการทจ่ี ะใช หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาในการสรางสังคมใหส งบสุข เชน การปลกู ฝง นักเรยี นควรรู ใหคนเกรงกลวั การทาํ บาป ทาํ แตค วามดี ความตอ งการใหเ กิดความม่ันคง ในอาณาจกั ร เชน การประดษิ ฐล ายสือไทย เพอ่ื ใหค นไทยมีภาษาไทยและ 1 ภมู ปิ ญญาไทยสมยั สโุ ขทัย เครือ่ งสังคโลกสโุ ขทัยจดั เปนภมู ิปญ ญาในสมยั อักษรไทยใชแบบเดยี วกันท่ัวอาณาจกั ร เปน ตน สโุ ขทยั ประเภทหนงึ่ ที่ถูกสรางสรรคข ้นึ มา ซึง่ เทคนคิ ในการเผาตอ งมีการพัฒนามา อยา งยาวนานกวา จะกลายเปนเครือ่ งสังคโลกที่สวยงามได ในระยะแรกอาจเปน การผลิตเพ่ือใชส อยภายในครัวเรอื น และตอมาไดม ีการพฒั นาการผลิตเพื่อสง ออก ในสมัยสโุ ขทยั คมู ือครู 115
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหน ักเรยี นชวยกนั ยกตัวอยา งภมู ิปญญาไทย ๓. ควำมต้องกำรที่จะใช้ประโยชน์จำกหลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำเพื่อน�ำมำสร้ำง สมัยสุโขทยั มาพอสงั เขป แลวบอกประโยชนของ ควำมสงบสุขให้กบั สังคม เชน่ ปลูกฝังให้คนไทยเกิดควำมเกรงกลวั ต่อบำป เป็นตน้ ภมู ปิ ญ ญาดงั กลาว ๔. ควำมต้องกำรให้เกิดควำมมั่นคงของอำณำจักร เช่น ต้องกำรให้คนไทยมีกำร (แนวตอบ เชน สรีดภงสหรือทํานบพระรว ง พดู อ่ำน เขยี นภำษำเดยี วกัน อันแสดงถงึ ควำมเป็นคนในเช้ือชำติเดียวกนั เพือ่ จะไดร้ ่วมกันสร้ำง มปี ระโยชนในการกกั เก็บนา้ํ ไวใ ชใ นฤดแู ลง ควำมเจริญรุ่งเรืองใหก้ ับอำณำจกั ร เป็นตน้ ตระพงั หรือสระสาํ หรับเก็บนา้ํ และระบายนา้ํ ปัจจัยส�ำคัญเหล่ำน้ีท�ำให้เกิดภูมิปัญญำไทยต่ำงๆ อันเป็นผลงำนจำกกำรสร้ำงสรรค์ การนําศลิ าแลงซ่งึ เปน วสั ดใุ นทอ งถ่ินมาสรา ง ของชำวสุโขทยั อาคาร สถานที่ตา งๆ เชน กําแพงชนั้ ในของ เมืองศรีสชั นาลยั การผลติ เครือ่ งสังคโลกสําหรบั 9.๓ ผลงำนกำรสรำ้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญำไทยในสมยั สโุ ขทยั เปนภาชนะในครวั เรอื นและสง เปน สินคาออกขาย การประดษิ ฐโลหกรรมสํารดิ เพื่อนํามาใชทําเปน ในสมัยสุโขทัย มีผลงำนทำงด้ำนภูมิปัญญำไทยหลำยอย่ำงที่แสดงให้เห็นถึงควำมสำมำรถ เครื่องมอื เครอ่ื งใชตา งๆ หรอื ปน พระพทุ ธรูป ของคนไทยในกำรแก้ไขปัญหำกำรด�ำรงชีวิตในลักษณะต่ำงๆ ได้เป็นอย่ำงดี โดยจะยกตัวอย่ำง เปนตน ) ให้เหน็ พอสงั เขป ดงั นี้ ๑. กำรรจู้ กั สรำ้ งทกี่ กั เกบ็ นำ้� เอำไวใ้ ชใ้ นฤดแู ลง้ เนอื่ งจำกสภำพของดนิ ในสมยั สโุ ขทยั 2. ครใู หน ักเรียนทํากิจกรรมท่ี 4.5 จากแบบวดั ฯ สว่ นใหญเ่ ปน็ ดนิ ปนทรำยที่ไมอ่ มุ้ นำ�้ ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หำในกำรเพำะปลกู เพรำะขำดแคลนนำ้� โดยเฉพำะ ประวตั ศิ าสตร ม.1 ในฤดแู ล้ง ดว้ ยเหตุน้ ี ชำวสุโขทยั จงึ หำวธิ กี ำรแกไ้ ขปญั หำดงั กล่ำว ด้วยกำรสร้ำงระบบชลประทำน เพือ่ เก็บน�ำ้ เอำไวใ้ ชไ้ ด้ตลอดทั้งป ี มีกำรชักน้�ำ เก็บกกั นำ้� และระบำยน�ำ้ ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ ประวตั ศิ าสตร ม.1 กิจกรรมท่ี 4.5 กลำ่ วคอื มกี ำรชกั นำ้� หนว ยท่ี 4 พัฒนาการของอาณาจกั รสุโขทยั จำกที่สูงทำงด้ำนตะวันตกของ สุโขทัยมำยังบริเวณที่เป็นแหล่ง กจิ กรรมที่ ๔.๕ ใหน กั เรยี นดภู าพ ๒ ภาพตอ ไปนี้ แลว ตอบคาํ ถามทกี่ าํ หนด คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได ที่อยู่อำศัย ตลอดจนมีกำรสร้ำง แนวคันดินเพื่อบังคับน�้ำที่ไหล (ส ๔.๓ ม.๑/๓) ñõ จำกที่สูงและหุบเขำมำเก็บไว้ใน ค ู ห้วย สระนำ�้ โดยมที อ่ ดนิ ขนำด ภาพท่ี ๑ ภาพที่ ๒ ใหญ่ฝังลึกอยู่ใต้ผิวดินเป็นท่อ นลำ�้�ำเนลี้ ยี เงร แียนกววค่ำนั ด“สนิ รสีดำ� ภหงรสบั ์”บ1หงั ครบัือ ๑. ภูมปิ ญ ญาท้ังสองภาพคืออะไรและจัดอยูในสมยั ใด “ทา� นบพระรว่ ง” ...............ภ....า...พ....ท....่ี ...๑......ค....ือ......ส....ร....ดี ....ภ...ง....ส....ใ..น.....ส....ม....ยั ...ส....ุโ...ข...ท....ยั ............................................................................................................................................ ภาพที่ ๒ คือ เขื่อนในสมยั รัตนโกสินทร.................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ สรดี ภงสห์ รอื ทา� นบพระรว่ ง เปน็ ภมู ปิ ญั ญาของชาวสโุ ขทยั ทด่ี ดั แปลงภมู ปิ ระเทศ เฉลย.................................................................................................................................................................................................................................................... สร้างเป็นอ่างเก็บน้�าขนาดใหญข่ ึน้ มา เพือ่ แก้ปญั หาการขาดแคลนน�้า .................................................................................................................................................................................................................................................... ๑๑๖ .................................................................................................................................................................................................................................................... ๒. วตั ถุประสงคในการสรางสรรคภ ูมิปญญาเพ่ืออะไร ...............ส....ร....ดี ....ภ...ง....ส....ส ....ร...า...ง...ข...นึ้....เ..พ....อื่....ก....กั ....เ.ก....บ็....น.....า้ํ...ไ..ว...ใ..ช...ใ...น....ฤ....ด....แู...ล....ง......เ..น....อื่....ง...จ...า...ก....ส....ภ....า...พ....ด....นิ ....ข...อ...ง....ส....โุ..ข...ท....ยั...ส.....ว ..น.....ใ..ห....ญ.....เ..ป....น ....ด....นิ.... ป....น.....ท....ร...า...ย........ไ..ม....อ...ุม....น....้ํา........จ...ึง...ท....ํา...ใ...ห....เ.ก....ิด....ป....ญ.....ห....า...ข...า...ด....แ...ค....ล....น....น.....ํ้า..ท....ํา...ก....า...ร...เ..พ....า...ะ...ป....ล....ูก....ใ..น.....ฤ...ด....ูแ...ล....ง........ส....ว...น.....เ.ข...ื่อ....น....ส.....ร...า...ง...ข...้ึน.... เ..พ....อื่...ก....กั....เ..ก....บ็....น.....าํ้ ..ไ...ว...ใ ..ช...เ..ม...อื่....เ.ก....ดิ....ข...า...ด....แ...ค....ล....น....น.....า้ํ ..ใ...น....ฤ....ด....แู...ล....ง...เ..ช...น....เ..ด....ยี...ว...ก....บั....ส.....ร...ดี....ภ....ง...ส.......แ...ล....ะ..เ..ข...อ่ื...น.....บ....า...ง...แ...ห....ง...ย....งั ...ส....า...ม...า...ร...ถ.... ผ....ล....ติ ....ก....ร...ะ...แ...ส....ไ..ฟ....ฟ.....า.....ร....ว..ม....ท....ั้ง...ใ...ช...เ..ป...น.....ส....ถ....า...น....ท....ท่ี....อ....ง...เ..ท....่ยี ...ว...ไ..ด....อ....ีก....ด....ว...ย....................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... ๓. ภมู ปิ ญญาทงั้ สองภาพสงผลตอ การดาํ รงชวี ติ ของมนุษยในอดตี จนถงึ ปจ จบุ ันอยา งไร ...............ก....า...ร...ส....ร....า...ง...ท....ี่ก....ัก....เ..ก....็บ....น....ํ้า...ไ...ว...ใ..ช...ใ...น....ฤ....ด....ูแ...ล....ง...จ....ะ...ช...ว...ย...แ...ก....ไ...ข...ป....ญ.....ห....า..ก....า...ร...ข...า...ด....แ...ค....ล....น.....น....ํ้า.......ใ...ห....ส....า...ม...า...ร....ถ...ม....ีน....ํ้า...ไ...ว...ใ..ช... อ....ุป....โ..ภ....ค....บ....ร....ิโ..ภ....ค....แ....ล...ะ...ใ...ช...ส....ง....เ.ส.....ร...ิม....ใ..น.....ก....า..ร....เ..พ....า...ะ..ป....ล....ูก.........ซ...่ึง....ช...ว...ย...ใ...ห....เ..ก....็บ....เ..ก....่ีย...ว...ผ....ล....ผ...ล....ิต....ท....า...ง...ก....า...ร...เ..ก....ษ.....ต...ร....ไ...ด....ม...า...ก....ข...้ึน.... น.....อ...ก....จ....า...ก....น....ี้.....เ..ข...ื่อ...น.....ท....ี่ส....า...ม....า..ร....ถ....ผ...ล....ิต....ก....ร....ะ...แ...ส....ไ...ฟ....ฟ....า...ไ..ด.....ก...็.ช...ว...ย...ใ...ห....ม....น....ุษ....ย....ใ...น....ส....ม....ัย...ป.....จ...จ....ุบ....ัน.....ม...ีค....ว...า...ม....ส....ะ...ด....ว...ก....ส....บ....า...ย... มากขนึ้ ดว ย.................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................(..พ....จิ....า..ร....ณ.....า...ค....าํ...ต....อ...บ....ข...อ....ง...น....กั....เ..ร....ีย...น.......โ...ด....ย...ใ...ห....อ...ย....ูใ..น.....ด...ุล....ย....พ....ิน....จิ....ข...อ...ง....ค....ร...ูผ....สู ....อ...น.....)............................................... ๔๑ นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดตอ ไปนไ้ี มใ ชภ ูมปิ ญญาในสมยั สโุ ขทยั ที่เกิดจากลักษณะทางภมู ศิ าสตร 1 สรดี ภงส อยใู นอทุ ยานประวตั ศิ าสตรส โุ ขทยั โดยตง้ั อยนู อกกาํ แพงเมืองเกา ทาง 1. การสรางตระพังไวเกบ็ นํา้ ทิศตะวนั ตกเฉียงใต ตรงบรเิ วณท่ีถูกขนาบดวยภูเขา 2 ลูก คือ เขาพระบาทใหญ 2. การผสมตะกว่ั ในการหลอมสาํ ริด กับเขากว่ิ อายมา ในปจจบุ นั สรีดภงสไ ดรับการปรบั ปรุงขน้ึ ใหมโ ดยกรมชลประทาน 3. การใชศ ิลาแลงสรางโบสถและวหิ าร รว มกับกรมศลิ ปากรใหม คี วามสงู และแขง็ แรงกวาเดิมสําหรบั ใชเก็บกกั นาํ้ มคี วามสงู 4. การเผาเครอ่ื งสงั คโลกดวยเตาทุเรยี งในฤดฝู น ประมาณ 10 เมตร สามารถกกั เกบ็ นํ้าไดถ ึง 400,000 ลกู บาศกเ มตร และยงั สามารถ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. การผสมตะกวั่ ในการหลอมสาํ ริดเปน ความรู ใชป ระโยชนไดด ีมาถึงปจ จบุ นั นบั เปน ภมู ิปญญาและวทิ ยาการทน่ี า ท่งึ อยา งหนงึ่ ดานการประดษิ ฐโลหกรรมที่ชาวสุโขทัยคิดคน ขน้ึ มาเพือ่ ประโยชนในการ ของชาวสุโขทัย ดาํ รงชีวติ ซ่ึงเหมาะสมในการใชท ําภาชนะ เคร่ืองประดบั เปน ตน 116 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู นอกจากน้ีก็มีการสราง “ตระพัง” หรือสระสําหรับเก็บน้ํา มีการสรางแหลงรับน้ํา 1. ครตู ัง้ คําถามใหน ักเรยี นชว ยกันวิเคราะห เชน และระบายนํา้ ทเ่ี ปน สว นเกินจากแหลงกกั เกบ็ นา้ํ จะใชวิธกี ารระบายนาํ้ โดยทางนํ้าเล็กๆ ลงสูที่ตํา่ • ระหวา งสรดี ภงสก ับเขอ่ื นในปจจบุ ัน ซึ่งมีทงั้ สระนํ้าขนาดใหญและลาํ คลองทีท่ าํ หนา ที่ระบายนํา้ ลงสแู มนํา้ ลําคลอง แหลงสาํ หรบั รบั น้าํ นักเรียนคดิ วามีความเหมอื นหรอื แตกตา งกนั และเก็บน้าํ เพ่อื ระบายนํา้ สว นเกนิ ไปยังพ้ืนทีท่ ีต่ ํา่ กวา นนั้ เรียกวา “สรีดภงส” อยางไร (แนวตอบ ความเหมอื น คอื สรา งขึ้นสําหรับ การท่ีชาวสุโขทัยสามารถคิดคนวิธีเอาชนะปญหาการขาดแคลนน้ําในฤดูแลงดวย กักเก็บน้าํ ไวใ ชในฤดแู ลง ความแตกตา ง คอื วธิ ีการที่ปจ จุบัน เรียกวา “การชลประทาน” จดั ไดว าเปน ภมู ปิ ญ ญาไทยอยา งหนึ่งของชาวสโุ ขทัย เข่ือนในปจจบุ ันสามารถนาํ มาใชป ระโยชน ซึ่งแนวคิดนกี้ ็ยังคงใชปฏบิ ตั ิตอ เน่ืองกันมาในสมัยหลงั ๆ ไดห ลากหลายกวา โดยนํามาใชผลิตกระแส ไฟฟา กไ็ ด หรือเปนสถานทีท่ องเทย่ี ว) ๒. การรูจักใชศิลาแลงมาสรางอาคารสถานที่ตางๆ ศิลาแลงเปนหินท่ีจะกลายสภาพ • หากสมมตใิ หนักเรียนเปน คนงาน จะมาชวย เปนดินในระยะหลังตอๆ มา แตยังไมเปนดินที่แทจริง มีสภาพแข็งและมีลักษณะพรุน มีสีแดง กอสรางอาคารสถานท่ใี นสุโขทัยอยางไร และสะสมอยูในพ้นื ดนิ ชาวสโุ ขทยั สามารถจะตัดศลิ าแลงเหลาน้ีเอามาสรา งโบสถหรือศาสนสถาน (แนวตอบ ในการกอสรางจะใชวัสดุ ทีเ่ รียกวา ตางๆ ได โดยสกัดเอาศิลาแลงออกมาเปนแผนๆ และนํามาซอนเรียงกันจนมีลักษณะเปนผนัง ศิลาแลง มีสแี ดง แข็ง และมรี ูพรุน ตอ งรบี ของอาคารสถานที่น้ัน จากน้ันใชน้ํายาเปนตัวประสานใหศิลาแลงแตละแผนเชื่อมตอกันเปนศิลา นาํ มาใชทันทที ขี่ ุดโดยนาํ มาสกัดเปน แผน แผน ใหญ ใชทาํ เปน ผนังของอาคารได ตวั อยางอาคารสถานทีท่ ่กี อดว ยศิลาแลง เชน กาํ แพงเมอื ง แลว วางเรยี งซอนกนั โดยใชนาํ้ ยาเปน ช้ันในของเมอื งศรสี ัชนาลัย เปนตน ตวั ประสาน สวนใหญใ ชใ นการกอ สรา ง อาคาร โบสถ ศาสนสถานตางๆ) การรูจักใชศิลาแลงท่ีมีอยูในธรรมชาติมาใชใหเปนประโยชนของชาวสุโขทัย จัดเปน ภมู ปิ ญ ญาไทยอยางหน่งึ ท่ีรูจกั นาํ วสั ดุทีม่ อี ยูใกลต ัวมาสรา งอาคารสถานท่ี 2. ครใู หน กั เรยี นไปคนควา เพิ่มเตมิ วา ศลิ าแลง สามารถนาํ มาใชป ระโยชนอ ะไรไดอีกบางใน ปจจุบัน (แนวตอบ ในปจจบุ ันศิลาแลงถูกนาํ มาใช ประโยชนม ากมาย เชน เปน วสั ดตุ กแตง บานเรอื น อาคารสมยั ใหม ทาํ ถนน และทํา หนิ ประดบั ปพู น้ื เปนตน ) โบสถว ดั มหาธาตุ 1ซงึ่ อยกู ลางราชธานี ผงั เปน รปู สเี่ หลยี่ ม เสากอ ดว ยศลิ าแลง ๑๑๗ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู จากภูมิปญญาดา นการชลประทานของสโุ ขทยั กอ ใหเกดิ ประโยชนตอ ครอู ธิบายใหนักเรียนเขาใจเพิ่มเตมิ วา ศลิ าแลงเปน วสั ดธุ รรมชาตทิ ่เี กดิ ขนึ้ ใน อาณาจักรสุโขทัยอยางไร บรเิ วณมรสุมเขตรอน ซง่ึ ผคู นในทวีปเอเชยี และเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตร จู กั นํามาใช แนวตอบ ภมู ิปญญาดานการชลประทานของสโุ ขทัยจะเปน การรจู ักสราง ประโยชนเปน เวลานานแลว นบั ต้งั แตส มยั กอ นประวตั ศิ าสตร โดยนาํ ศิลาแลงมาบด ทกี่ ักเกบ็ นํ้าไวใ ชใ นฤดูแลง ท่เี รียกวา สรดี ภงสหรือทาํ นบพระรว ง ซ่ึงกอให ผสมกบั ยางไมใ ชเปนสใี นการวาดภาพตามถํา้ และหนา ผาหนิ และยงั นํามาใชสรา ง เกดิ ประโยชนแ กอ าณาจกั รสุโขทยั โดยรวม โดยชวยแกปญ หาการขาดแคลน วดั และปราสาทหิน ซ่งึ พบไดท ง้ั ในประเทศไทย ลาว และกมั พูชา นํ้าในการเพาะปลูก และการอุปโภคบริโภคของชาวสุโขทยั นกั เรียนควรรู 1 วดั มหาธาตุ ราชธานสี โุ ขทยั มวี ดั มหาธาตเุ ปนวดั กลางเมือง หรือวดั ทีเ่ ปน ศนู ยกลางของอาณาจักร โดยวดั มหาธาตุสโุ ขทยั แหงน้ีมเี จดยี ท รงพมุ ขาวบณิ ฑเปน เจดยี ประธานของวดั ซึ่งเปน เจดียท ่มี รี ูปแบบเปน เอกลักษณเ ฉพาะตวั ของสุโขทยั เจดียลกั ษณะนจ้ี ะกระจายไปอยตู ามเมืองตางๆ ทีม่ ีความสัมพนั ธกบั สุโขทัย โดยสันนษิ ฐานวาตน แบบนา จะมาจากท่ีวดั มหาธาตสุ ุโขทยั คูมอื ครู 117
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู นทนากับนกั เรียนเก่ยี วกับภูมปิ ญญาไทยใน ๓. กำรรู้จักเคลือบเครื่องปั้นดินเผำให้มีควำมสวยงำม คนไทยรู้จักกำรใช้ดินเหนียว การทําเครื่องสังคโลก และการประดษิ ฐโลหกรรม มำปน้ั เปน็ ภำชนะตำ่ งๆ แลว้ นำ� ไปเผำจนแกรง่ กอ่ นนำ� ไปใชง้ ำน โดยมกี ำรสบื สำนตอ่ กนั มำตงั้ แตส่ มัย สาํ ริด จากนั้นใหน กั เรียนชวยกนั สรปุ สาระสาํ คญั ก่อนประวัติศำสตร์ แต่เม่ือมำถึงสมัยสุโขทัย คนไทยเริ่มรู้จักกำรเคลือบเคร่ืองปั้นดินเผำ ของภมู ิปญ ญาดงั กลา ว ใหม้ คี วำมสวยงำม เคร่ืองเคลือบดนิ เผำนเ้ี รียกวำ่ “เคร่อื งสงั คโลก” ภมู ปิ ญั ญำไทยในกำรทำ� เครอ่ื งสงั คโลกของชำวสโุ ขทยั น ี้ เรม่ิ ตงั้ แตก่ ำรรจู้ กั ใชด้ นิ เหนยี ว (แนวตอบ การทาํ เครอ่ื งสังคโลกนั้นเรม่ิ ต้งั แต และดินขำวท่ีมีคุณภำพในกำรปั้น กำรน�ำยำงไม้บำงชนิดมำประกอบในกำรผลิตน�้ำยำเคลือบ รูจักใชด ินเหนยี วและดินขาวที่มคี ุณภาพในการปน บภรำเิชวนณะแเพหล่ือง่ใหผล้ดติูสทวยส่ี ำง� คำมญั กไดำรแ้ สกร ่ ้ำเงตเำตทำเุ เรผยี ำงทที่สเ่ี มำอืมงำเรกถำ่ รสะโุ บขทำยยั ค 1วเตำำมทรเุ้อรนยี งไดท้ เี่ กดำังะหนลอ้ ักย ฐำแนละทเี่พตำบทอเุ ยรยูี่ในง การนาํ ยางไมมาใชประกอบในการผลิตนา้ํ ยาเคลือบ ทปี่ ำ่ ยำงทำงตอนเหนอื ของเมอื งศรสี ชั นำลยั ภาชนะใหดสู วยงาม ตลอดจนการสรางเตาเผาที่ ภูมิปัญญำอีกอย่ำงหน่ึงก็คือ กำรเผำเคร่ืองปั้นดินเผำ ในกำรเผำเครื่องปั้นดินเผำ ระบายความรอ นไดด ี สวนโลหกรรมสาํ ริด จะตอง มักจะเผำกันมำกในฤดูฝน เพรำะว่ำอำกำศในเตำและฟนท่ีจะใช้เผำมีควำมช้ืนมำกขึ้น ท�ำให้ ผสมตะกัว่ ลงในสําริด เพือ่ ใหโ ลหะหลอมไดงายและ เคร่ืองเคลือบดนิ เผำสเี ขยี วไข่กำมคี วำมสวยงำมกว่ำเผำในฤดรู ้อน ชวยลดฟองอากาศในโลหะเหลว จะทําใหว ตั ถุที่หลอ มีคณุ ภาพดี ซงึ่ เหมาะแกการทําเปน ภาชนะ เครอ่ื งประดับ แตถา ทําเครอื่ งมือ อาวธุ หรอื ปน พระพุทธรูป มักจะไมผ สมตะกวั่ ลงในสํารดิ ) จานและกาน้�าสังคโลกสเี ขียวไข่กา ๔. กำรรู้จักประดิษฐ์โลหกรรมส�ำริด มนุษย์รู้จักประดิษฐ์โลหกรรมมำตั้งแต่สมัย กอ่ นประวตั ศิ ำสตร ์ โดยน�ำมำใช้ทำ� เครือ่ งมอื เคร่อื งใช้ต่ำงๆ กำรประดิษฐ์โลหกรรมส�ำริดของคนไทยสมัยสุโขทัย ได้เกิดภูมิปัญญำไทยอย่ำงหนึ่ง คือ กำรที่ชำวสุโขทัยได้ทดลองจนพบว่ำ กำรผสมตะก่ัวลงในส�ำริดนั้นท�ำให้โลหะหลอมได้ง่ำย มำกขึ้น และช่วยลดฟองอำกำศในโลหะเหลว ท�ำให้วัตถุท่ีหล่อมีคุณภำพดี เหมำะสมกับกำรใช้ ท�ำภำชนะ เคร่ืองประดับ และใช้ท�ำวัตถุที่มีรูปร่ำงซับซ้อน แต่ถ้ำท�ำเครื่องมือและอำวุธ หรือ ปน้ั พระพุทธรปู มกั จะไม่ผสมตะกั่วลงในสำ� ริด เพรำะตอ้ งกำรสำ� ริดท่แี ขง็ แกร่ง และทนทำน ๑๑8 นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 เตาทุเรียงท่ีเมอื งเกาสโุ ขทยั ปจจบุ ันอยูในบริเวณอุทยานประวัติศาสตรส โุ ขทัย ครูใหน กั เรียนสืบคนขอ มลู เกี่ยวกบั ภมู ิปญ ญาในการผลิตเครื่องสงั คโลก ตําบลเมืองเกา อาํ เภอเมอื งสโุ ขทัย เปนแหลง เตาท่ีอยูใกลก ับวดั พระพายหลวงบริเวณ สมยั สุโขทัยจากแหลง การเรียนรูต า งๆ เชน หอ งสมุด อินเทอรเน็ต เปน ตน แนวคเู มอื งสุโขทยั เกา เรยี กวา แหลงเตาแมโจน โดยพบเตาทเุ รียงกวา 40 เตา โดยจัดทําลงในกระดาษ A4 พรอมทง้ั บอกความสําคัญของภมู ปิ ญญา เรียงรายอยตู ามลํานา้ํ แมโจน สวนใหญจะผลติ ภาชนะถว ยโถโอชามที่เปนของใชสอย ดังกลาวตอ สงั คมไทยสมยั สโุ ขทยั เครือ่ งปน ดินเผาเคลือบสีดาํ หรอื สีนํ้าตาล เบศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง ครูใหนกั เรียนชวยกันยกตัวอยางภูมปิ ญ ญาไทยในสมัยสโุ ขทยั จากนน้ั ครตู งั้ ประเดน็ ใหน กั เรยี นรว มกันอภปิ ราย เชน • ภูมิปญ ญาไทยสมัยสุโขทัยทม่ี ีผลตอสงั คมไทยในปจ จบุ นั • ภูมิปญ ญาไทยสมยั สโุ ขทัยกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 118 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เรอ่ื งนารู ครูสมุ นกั เรียนอกมาอธิบายความรเู กี่ยวกับ ภูมิปญ ญาการทาํ ปูนปน ในสมัยสโุ ขทยั ท่หี นา ชนั้ เรียน พระพทุ ธรูปสมัยสโุ ขทยั การสรา งพระพุทธรปู ในสมยั สุโขทัยแบงออกเปน ๔ หมวด ดังนี้ (แนวตอบ ภมู ิปญญาในการทําใหป ูนแขง็ ตวั โดย ๑. หมวดวดั ตระกวน เปนพระพทุ ธรูปสมัยสโุ ขทัยรุนแรก ทําจากปนู ปน เชน พระพทุ ธรปู ใชป นู ผสมทรายและนา้ํ ออย ทาํ ใหเ หมาะในการปน พระพทุ ธรปู และงานปนประดบั ตกแตงศาสนสถาน ปนู ปน วัดพระพายหลวง จงั หวดั สุโขทัย ตา งๆ) ๒. หมวดใหญ สว นใหญห ลอ ดว ยสาํ รดิ ปร1ะทบั นงั่ ขดั สมาธริ าบ และยงั นยิ มสรา งในอริ ยิ าบถ หรอื ปางลลี า เชน พระพทุ ธรปู ปางลลี าทรี่ ะเบยี งคดวดั เบญจมบพติ รฯ กรงุ เทพมหานคร ๓. หมวดพระพทุ ธชินราช เปน การหลอ พระพทุ ธรูปสาํ ริดขนาดใหญ ทจ่ี ดั วาเปนงานปน หลอ ที่สมบรู ณข ั้นสงู สดุ เชน พระพทุ ธชินราช วัดพระศรรี ตั นมหาธาตุ จังหวดั พิษณุโลก ๔. หมวดกาํ แพงเพชร พบไดนอยและไมค อ ยมีช่ือเสยี ง เชน พระพทุ ธรปู ปางมารวิชยั ใน พิพธิ ภณั ฑสถานแหงชาติ กําแพงเพชร จังหวัดกําแพงเพชร ประดิษฐกรรมโลหกรรมสําริดในสมัยสุโขทัยมีอยูท่ัวไป ท้ังเคร่ืองมือ เคร่ืองใช และ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ปางลีลาลอยตัวท่ีทําดวยสําริดในสมัยสุโขทัย เปนตน นับไดวาเปน ภมู ิปญญาในการประดษิ ฐโลหกรรมสํารดิ ไดอยางหนง่ึ ๕. การรูจักใชวัสดุที่มีสวนผสมเหมาะสําหรับทําใหปูนปนแข็งตัว เพ่ือผลงานและ ลวดลายจะไดป รากฏออกมาอยา งสวยงาม ชาวสุโขทัยไดคนหาวิธีตางๆ เพื่อจะใหปูนปนแข็งตัว ถือวาเปนภูมิปญญาท่ีสําคัญ อยา งหน่ึง เพราะชาวสโุ ขทยั ไดคน พบวา การใชป ูน ทราย และนาํ้ ออยผสมกันทําใหป นู ปน แข็งตัว ไดภายในเวลาไมนาน เหมาะสําหรับการ ปนพระพุทธรูป และการปนสิ่งประดิษฐ ตกแตงศาสนสถานตางๆ ตามที่ตองการ ไดงา ยข้นึ เชน ลวดลายปูนปน ที่มณฑป วดั ตระพงั ทองหลางนอกเมอื งสโุ ขทยั ทาง ทิศตะวันออก เปนตน วัดตระพังทองหลาง มีลวดลายปูนปนอันวิจิตรรอบ มณฑป แมจะหักพังไปเปนสวนใหญก็ยังพอเหลือ รอ งรอยใหจนิ ตนาการถงึ ความสวยงามได ๑๑๙ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู หากนกั เรียนตอ งการไปดูภูมปิ ญญาสมยั สโุ ขทยั เกย่ี วกบั งานปูนปน สามารถ ครแู นะนําใหนักเรยี นไปศกึ ษางานศิลปะปนู ปน ทมี่ ีชื่อเสียงเพ่ิมเตมิ เชน ศลิ ปะ ไปดูไดจากทใ่ี ด ปูนปนเมืองเพชรบรุ ี หรือเปดเวบ็ ไซต www.youtube.com คนหาเกี่ยวกับศิลปะ แนวตอบ หลายแหง โดยเฉพาะทจ่ี งั หวัดสุโขทัย เชน ภาพปูนปนพระสาวก ปูนปน เพอื่ ศกึ ษาขั้นตอนในการสรางสรรคงานปูนปน ซึง่ เปน งานศลิ ปะแขนงหน่ึง ทฐ่ี านเจดยี ป ระธานวัดมหาธาตุ ภาพปูนปน ปางเสด็จจากดาวดึงสในซุมดา น ทางดา นวิจิตรศิลป ทงั้ ยงั ชวยเปน การอนุรกั ษศิลปะไทยอันทรงคณุ คา ดว ย ทศิ ใตของมณฑปวดั ตระพงั ทองหลาง ภาพปูนปน ฐานเจดยี วดั เจดียส ี่หอ ง ลวดลายปูนปนประดบั ผนังวิหารวัดนางพญา เมอื งศรสี ัชนาลยั เปน ตน นกั เรยี นควรรู 1 พระพุทธรูปปางลลี า ถือเปน งานประติมากรรมทง่ี ามท่สี ุดชิ้นหน่งึ ของ ศลิ ปกรรมไทยสมยั สโุ ขทยั สาํ หรบั ความเปน มาของพระพทุ ธรปู ปางลลี านนั้ นาจะมา จากพระพทุ ธรปู ปางเสดจ็ ลงจากสวรรคช น้ั ดาวดึงส ภายหลังจากเสด็จขน้ึ ไปเทศนา โปรดพระราชมารดา โดยเปน ตอนทพ่ี ระพุทธเจาทรงพระดําเนินลงมาตามบันได คมู ือครู 119
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูซักถามนักเรียนวา นอกจากภมู ปิ ญญาดังท่ี ๖. กำรใช้คติควำมเชื่อในเรื่องพระพุทธ- กลาวมา สโุ ขทัยยังมีภมู ิปญ ญาดานอนื่ อีกหรือไม ศำสนำควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคม กำรปลูกฝัง จงยกตัวอยา งมาพอสงั เขป นิสัยของคนไทยในสมัยสุโขทัยให้มีแต่ควำมสงบ และมี ศลี ธรรม เพือ่ ควำมร่มเย็นของผคู้ นในสงั คม จ�ำเปน็ ตอ้ ง (แนวตอบ มี เชน การแตงหนงั สอื ไตรภูมพิ ระรว ง อำศัยวิธีกำรที่แยบยล จึงมีกำรประยุกต์น�ำเอำค�ำสอนใน เพื่อใชความเชอื่ ทางศาสนาควบคุมพฤตกิ รรม พระพุทธศำสนำมำเป็นเครื่องมือปลูกฝังศีลธรรมของ ของคนในสังคม หรอื การประดิษฐอักษรไทยของ คนในสังคม ตัวอย่ำงเช่น กำรน�ำเอำนรก สวรรค์ ซึ่ง พอขนุ รามคําแหงมหาราชทด่ี ดั แปลงมาจากอกั ษร ปรำกฏในหนังสือไตรภูมิพระร่วงมำสอนให้คนยึดท�ำ ขอมและมอญ ทําใหสะดวกในการเขียนและ แตค่ วำมดีและเกรงกลัวต่อบำป เป็นตน้ การพมิ พใ นสมัยปจจบุ นั เปน อยางมาก และทส่ี าํ คัญ กำรใช้คติควำมเชื่อในเรื่องพระพุทธศำสนำ คอื ทาํ ใหค นไทยมตี วั อักษรใชเปนแบบฉบับของ มำเป็นเคร่ืองควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคมจึงนับ ภาพวาดในสมดุ ไทยเ1กยี่ วกบั นรก - สวรรค์ ตนเอง เปน ตน) เปน็ ภูมปิ ญั ญำอันชำญฉลำดอยำ่ งหน่งึ ของชำวสุโขทัย ตามเรือ่ งท่ปี รากฏอย่ใู นไตรภมู ิพระร่วง ๗. กำรประดษิ ฐต์ วั อกั ษรไทยขนึ้ มำใชเ้ ปน็ แบบฉบบั ของตนเอง กำรประดษิ ฐอ์ กั ษรไทย ท่ีเรยี กว่ำ “ลายสอื ไทย” ของพอ่ ขนุ รำมค�ำแหงมหำรำช เมือ่ พ.ศ. ๑๘๒๖ น้ัน ทรงไดด้ ัดแปลง ตัวหนังสือขอม มอญ ซ่ึงนิยมใช้กันอยู่แถบแม่น้�ำเจ้ำพระยำแต่เดิม นอกจำกนี้ตัวอักษรของ พ่อขุนรำมคำ� แหงมหำรำชน่ำจะไดร้ ับอิทธิพลจำกลงั กำและอินเดยี ด้วย ภูมิปัญญำในกำรประดิษฐ์อักษรไทยของ พ่อขุนรำมค�ำแหงมหำรำช มีลักษณะพิเศษและมี ประโยชนต์ อ่ กำรใชเ้ ขยี นเปน็ อยำ่ งมำก เชน่ กำรนำ� สระมำ เรียงอยู่ระดับเดียวกันกับพยัญชนะ จึงท�ำให้เกิดควำม สะดวกต่อกำรพมิ พ์ในยุคปจั จุบัน (แต่สมยั ต่อมำไดน้ ำ� เอำ สระไปไว้ข้ำงบนตัวพยัญชนะบ้ำงข้ำงล่ำงพยัญชนะบ้ำง) หรอื กำรเขยี นพยญั ชนะทกุ ตวั เรยี งอยบู่ รรทดั เดยี วกนั ไมม่ ี พยัญชนะซอ้ นกนั เหมอื นตวั หนงั สือของเขมร มอญ พมำ่ นับว่ำเป็นควำมส�ำคัญยิ่ง เพรำะสะดวกต่อกำรพิมพ์ใน ยุคหลงั เปน็ อยำ่ งมำก เปน็ ตน้ ควำมพเิ ศษของตวั อกั ษรไทยทพ่ี อ่ ขนุ รำมคำ� แหง มหำรำชไดท้ รงประดษิ ฐข์ นึ้ มำน ้ี ถอื ไดว้ ำ่ เปน็ ภมู ปิ ญั ญำไทย ในสมัยสโุ ขทยั ท่กี ลำยเป็นมรดกตกทอดมำจนทุกวันน้ี ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ ของพ่อขุนราม- ค�าแหงมหาราช และตัวอย่างการเรียง อักษรบนบรรทัดเดียวกัน ๑๒0 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดกลาวไดถ กู ตองเก่ียวกับอิทธิพลทางวฒั นธรรมสมยั สโุ ขทยั ทมี่ ีตอ 1 สมดุ ไทย เปนสมุดทท่ี าํ จากใบลานหรอื ใบขอ ยทน่ี ํามาพบั ทางดา นแนวขวาง สงั คมไทยปจ จุบัน แลวพับทบกลบั ไปมา เพือ่ ใชบนั ทึกขอ มลู ตา งๆ ถือเปน หลักฐานที่สามารถนํามาใช 1. วรรณคดที ี่เก่ียวขอ งกบั พระพุทธศาสนาลว นไดรับอทิ ธพิ ลจาก ศึกษาเร่อื งราวทางประวัตศิ าสตรใ นดา นน้นั ๆ ได ไตรภูมพิ ระรว ง 2. เคร่อื งปน ดินเผาในปจ จบุ ันมวี ิวัฒนาการมาจากเครอ่ื งสงั คโลกในสมัย มุม IT สโุ ขทัย 3. สรดี ภงสห รือทํานบพระรว งเปน ตน กําเนิดของเขอื่ นชลประทานตา งๆ ศึกษาคน ควา ขอมูลเพม่ิ เติมเก่ียวกบั ลายสือไทย ไดที่ http://www. ในปจจุบนั siamarchives.com เว็บไซตสยามจดหมายเหตุ 4. พอ ขนุ รามคําแหงมหาราชทรงประดษิ ฐอ กั ษรไทยเพ่ือใชใ นการติดตอ สือ่ สารมาจนถงึ ปจ จบุ ัน 120 คมู ือครู วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. พอ ขนุ รามคาํ แหงมหาราชทรงประดิษฐ อกั ษรไทยใน พ.ศ. 1826 โดยดดั แปลงมาจากอักษรมอญและขอม และมี ววิ ัฒนาการสืบเนอ่ื งตอ กันมาจนเปน อักษรไทยในปจ จบุ นั
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เสน้ เวลา 1. ครใู หน กั เรยี นในช้ันเรยี นรวมกันประมวล ลาํ ดบั เหตกุ ารณส าํ คญั ในสมยั สโุ ขทยั เหตกุ ารณสําคัญในสมัยสุโขทัยตามท่ีศึกษามา แลว นํามาเขียนเพมิ่ เตมิ ลงในตารางลาํ ดับ พ.ศ. พ.ศ. ๑79๒ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เร่ิมเสวยราชย์เป็นพระมหากษัตริย์อาณาจักรสุโขทัย เหตกุ ารณสาํ คญั ในสมยั สโุ ขทัยจาก นับเป็นปท่ีสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี รวมท้ังเป็นปท่ีเร่ิมต้นของราชวงศ์ หนงั สือเรยี น หนา 121 ๑๗๕๐ พระรว่ งอกี ด้วย ๑๘๐๐ 2. ครูยกตวั อยา ง พ.ศ. ทเี่ กิดเหตกุ ารณสําคญั ใน ๑๘๕๐ พ.ศ. ๑8๒๒ พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชข้ึนเสวยราชย์ และเป็นปท่ีพระองค์ทรงปลูกต้นตาล ประวตั ศิ าสตรไทยสมยั สโุ ขทัย หรอื ยกตวั อยาง อนั เป็นพชื มงคลทีส่ �าคัญของสุโขทัย พระมหากษัตรยิ สุโขทยั รัชกาลตางๆ จากน้ัน สมุ นกั เรียนใหอ ธบิ ายเหตุการณส าํ คญั ทาง พ.ศ. ๑8๒4 สโุ ขทยั ไดเ้ มอื งเมาะตะมะเปน็ หวั เมืองประเทศราช ประวัตศิ าสตรท ีเ่ กิดขึน้ ในชวงเวลานนั้ หรือ พ.ศ. ๑8๒๖ พอ่ ขุนรามค�าแหงมหาราชทรงประดิษฐอ์ ักษรไทย (ลายสอื ไทย) เกดิ ขึน้ ในรชั กาลนนั้ มาพอสงั เขป พ.ศ. ๑8๓0 พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชได้ทรงท�าสัญญาเป็นไมตรีร่วมกันกับพระยามังราย มหาราช แหง่ อาณาจักรล้านนา และพระยางา� เมืองแหง่ แควน้ พะเยา พ.ศ. ๑84๑ พอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราชสวรรคต พ.ศ. ๑88๓ พระยาลิไทยครองเมืองศรีสชั นาลยั พ.ศ. ๑888 พระยาลไิ ทยพระราชนิพนธ์ “ไตรภมู พิ ระรว่ ง” ๑๙๐๐ พ.ศ. ๑890 พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลไิ ทย) เสวยราชสมบัติกรงุ สโุ ขทัย ๑๙๕๐ พ.ศ. ๑904 พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) ทรงผนวชทวี่ ดั ป่ามะมว่ ง 1 พ.ศ. ๑905 พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) เสด็จไปประทับท่ีเมืองสองแคว (พิษณุโลก) เพื่อปองกนั ทัพกรงุ ศรอี ยุธยา จนถึง พ.ศ. ๑๙๑๑ พ.ศ. ๑9๒๑ พระมหาธรรมราชาท่ี ๒ เสดจ็ ออกมาถวายบังคมสมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชที่ ๑ (ขนุ หลวงพงั่ว) (พ.ศ. ๑๙๑๓ - ๑๙๓๑) แห่งกรุงศรอี ยธุ ยา และสุโขทัยตกเปน็ เมอื งข้นึ ของอยุธยาระหว่าง พ.ศ. ๑๙๒๑ - ๑๙๓๑ พ.ศ. ๑9๓๑ สโุ ขทยั เป็นอสิ ระไม่ข้ึนตอ่ อยุธยา ๒๐๐๐ พ.ศ. ๑9๖๒ พระมหาธรรมราชาท่ี ๓ สวรรคต พระยาบาลกับพระยาราม พระราชโอรสของ พระมหาธรรมราชาที่ ๒ ไม่สามารถตกลงกันได้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้สืบราชสมบัติ เกดิ การตอ่ สแู้ ยง่ ชงิ อา� นาจกนั จนกระทงั่ สมเดจ็ พระอนิ ทราชาแหง่ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ตอ้ งเสดจ็ ขน้ึ ไปจดั การเหตกุ ารณจ์ นเปน็ ทเ่ี รยี บรอ้ ย พระยาบาลไดเ้ ปน็ พระมหา- ธรรมราชาท่ี ๔ ครองเมืองพิษณุโลก ส่วนพระยารามครองเมืองสุโขทัย และ อาณาจักรสโุ ขทยั ตกเป็นเมอื งขึ้นของอาณาจักรอยุธยาอกี ครัง้ หนง่ึ พ.ศ. ๒00๖ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยาผนวกอาณาจักรสุโขทัยเข้ากับ อาณาจกั รอยธุ ยา ๒๐๕๐ ๑๒๑ กิจกรรมทา ทาย นกั เรียนควรรู ครใู หน กั เรียนศกึ ษาเหตกุ ารณส าํ คัญในสมัยสุโขทยั จากหนงั สือเรยี น 1 พษิ ณโุ ลก เปน เมอื งทจ่ี ดั วา มคี วามสาํ คญั ทางประวตั ศิ าสตรมายาวนาน หนา 121 หรือจากแหลงการเรยี นรูตา งๆ เพ่มิ เตมิ แลวใหนกั เรยี นลําดบั เดมิ เมืองพษิ ณโุ ลกเปน เมอื งเกา สมัยขอม ซงึ่ อยูหา งจากที่ตัง้ เมืองปจจบุ ันลงไป เวลาและจดั ทาํ เปน เสน เวลา (Timeline) ลงในกระดาษ ตกแตงใหสวยงาม ทางใตประมาณ 5 กโิ ลเมตร เรยี กวา เมอื งสองแคว เหตทุ มี่ ชี อ่ื นี้เพราะตั้งอยู ระหวา งแมน ้ํา 2 สาย คือ แมน าํ้ นา นกับแมน ้ําแควนอย สาํ หรับที่ตั้งตัวเมอื งเกา ในปจ จบุ ันอยูบ ริเวณวดั จุฬามณี ซงึ่ เปนวดั เกา แกของพษิ ณโุ ลก เม่ือประมาณ พ.ศ. 1900 สมยั พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลไิ ทย) โปรดใหยายเมอื งสองแควมาตั้ง อยูบรเิ วณตัวเมอื งในปจ จบุ ัน และในสมยั อยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรง เปลีย่ นชือ่ เปน เมืองพิษณโุ ลก คมู ือครู 121
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูใหน กั เรียนในชัน้ เรยี นศึกษาพระราชกรณยี กจิ àÊÃÁÔ ÊÒÃÐ ของอาณาบจุคักครสลสโุ ขําคทัญยั สําคญั ของพอขุนรามคาํ แหงมหาราช จากนนั้ ใหชวย กันบอกวามผี นู ําหรอื บคุ คลสาํ คัญใดอีกบา งท่ีอยูรว ม พอ่ ขนุ รำมคำ� แหงมหำรำช สมยั กบั พระองค และแตล ะพระองคมคี วามสัมพันธ กนั อยางไร ทรงเป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และ พระนางเสือง มีพระนามเดิมว่า “ราม” พระองค์ทรงมีความ กลา้ หาญในการศกึ ษาสงครามมาตงั้ แตย่ งั มไิ ดเ้ สดจ็ ขนึ้ ครองราชย์ วรี กษตั รยิ ผ์ ทู้ รง โดยทรงกระท�ายุทธหัตถีกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด ส่งผลให้ เป็นท้ังนักรบ นักปราชญ์ และนักปกครอง แว่นแคว้นตา่ งๆ ไมก่ ลา้ มาคกุ คามอาณาจักรสุโขทยั และเมื่อเสด็จ ทรงพฒั นาอาณาจกั รสโุ ขทยั จนเจรญิ รงุ่ เรอื ง ข้นึ ครองราชย์แล้ว ก็ทรงมสี ่วนส�าคัญในการสรา้ งสรรค์ชาติไทย ราษฎรอยู่ดีมีสุข ด้วยพระราชกรณียกิจ ทม่ี คี ณุ ปุ การอนั ยง่ิ ใหญ่ จงึ ทรงไดร้ บั การ ยกย่องเป็น “มหาราช” พระองค์แรก ของคนไทย พระรำชกรณยี กจิ ที่สำ� คัญ ทรงขยำยอำณำเขต ของอาณาจักรสุโขทัยออกไปอย่าง กว้างขวางมากท่สี ุดในสมยั สโุ ขทัย ทรงวำงรูปแบบกำรปกครอง “แบบพอปกครองลูก” โดยทรงดูแลทุกข์สุขของราษฎรอย่างใกล้ชิด เช่น โปรดให้แขวน กระด่ิงไว้ที่ประตูพระราชวังเพื่อให้ราษฎรได้ร้องทุกข์ และพระองค์ ก็จะทรงตัดสินด้วยพระองค์เอง เป็นต้น อันเป็นแบบอย่างให้กับ ผูป้ กครองบา้ นเมืองในยคุ หลงั ๆ ของไทย ทรงส่งเสริมให้มีกำรค้ำเสรี โดยไม่เก็บภาษีผ่านด่าน ทเ่ี รียกว่า จกอบ (จังกอบ) ท�าใหก้ ารค้าขายของสุโขทัยขยายตวั 1 ทรงคดิ ประดิษฐ์อกั ษรไทย เรียกว่า “ลายสือไทย” ขึ้น เม่ือ พ.ศ. ๑๘๒๖ ท�าให้คนไทยมอี ักษรไทยใชม้ าจนถงึ ทุกวนั น้ี และ โปรดใหจ้ ารกึ ตวั อกั ษรลงบนศลิ าจารกึ หลกั ที่ ๑ ทา� ใหค้ นไทยยคุ หลงั ไดร้ ับรู้เรื่องราวตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนในสมยั สโุ ขทัย ทรงน�ำพระพุทธศำสนำนิกำยเถรวำทลัทธิลังกำวงศ์ จากเมืองนครศรีธรรมราชมาเผยแผ่ที่กรุงสุโขทัย ท�าให้พระพุทธ- ศาสนาได้วางรากฐานม่นั คงในอาณาจกั รสโุ ขทยั จนกระทั่งไดก้ ลาย เป็นศาสนาประจา� ชาตไิ ทยมาจนถงึ ปจั จุบนั ทรงเปนพันธมิตรกับพระยำมังรำยมหำรำชแห่ง ล้ำนนำและพระยำง�ำเมืองแห่งพะเยำ เพื่อปองกันการรุกราน ของพวกมองโกล รวมทั้งทรงช่วยเหลอื พระยามังรายมหาราชในการ เลือกชัยภมู ิและวางผงั เมอื งราชธานแี หง่ ใหม่ คอื นพบุรีศรีนครพงิ ค์ เชยี งใหม่ ทรงสร้ำงควำมสัมพันธ์ทำงกำรทูตกับจีน โดยส่งคณะทูตพร้อมเครื่องราชบรรณาการไปเข้าเฝาฯ พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชแห่งสุโขทัยและพระยาง�าเมือง จกั รพรรดิกุบไลข่านแหง่ ราชวงศห์ ยวนเมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๕ แหง่ พะเยา เสดจ็ ไปชว่ ยพระยามงั รายมหาราชแหง่ ลา้ นนา เลอื กชยั ภมู ใิ นการสรา้ งราชธานแี หง่ ใหมข่ องลา้ นนา ๑๒๒ นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT จดุ ประสงคสาํ คญั ในการสรา งความสมั พนั ธระหวา งประเทศของอาณาจกั ร 1 ลายสอื ไทย แตกตางไปจากอักษรขอมและอักษรมอญท่ใี ชก นั มาแตด ้งั เดมิ สโุ ขทัย คอื อะไร ลกั ษณะสําคัญ คือ เปน ตวั อักษรทีล่ ากข้นึ ลงเปนเสนตรง รปู อักษรอยูใ นทรงเหลีย่ ม แนวตอบ การสรา งความสัมพันธร ะหวางประเทศของไทยในสมยั สุโขทยั เรยี กวา อกั ษรเหล่ียม การเขยี นเร่ิมตนจากหวั อักษร ลากเสน สืบตอ กนั ไปโดยไมตอง โดยภาพรวมมจี ดุ ประสงคเ พื่อขยายอาํ นาจและรกั ษาความมั่นคง เพอ่ื ยกเครอ่ื งมอื เขยี นขนึ้ วางรปู สระอยใู นบรรทดั เดยี วกบั รูปพยญั ชนะ และมีเคร่ืองหมาย ผลประโยชนท างการคา เพ่ือเผยแพรห รือรบั การถา ยทอดทางวฒั นธรรม วรรณยุกตเอกและโท ใชป ระกอบการเขยี น เพือ่ ใหอ านไดครบตามเสยี งในภาษาไทย และรักษาสัมพันธไมตรกี ับรฐั อนื่ 122 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ñð. คÇามàสÍè× มÍÓนา¨ขÍงÍา³า¨กั รสโุ ขทยั 1. ครูซักถามนกั เรียนวา จากการศกึ ษาพฒั นาการ ทางประวตั ศิ าสตรส มยั สุโขทัยในดานตางๆ อำณำจกั รสุโขทัยเส่ือมอำ� นำจลงในทส่ี ุด และต้องสญู เสียอำ� นำจให้กบั อยธุ ยำ ดว้ ยสำเหตุ มาแลว ใหน ักเรยี นอภิปรายรวมกนั เกีย่ วกับ ดงั ต่อไปนี้ สาเหตขุ องการเส่อื มอาํ นาจของอาณาจกั ร ๑. อ�ำนำจทำงทหำรของสโุ ขทัยเริม่ อ่อนแอ เช่น กำรท่อี ยุธยำยกมำตเี มืองพษิ ณโุ ลกได ้ สโุ ขทัย จนพระมหำธรรมรำชำท่ี ๑ (ลิไทย) แห่งสุโขทัยต้องส่งทูตมำเจรจำขอเมืองคืน หรือกำรท่ี พระมหำธรรมรำชำท่ ี ๒ ไม่สำมำรถปรำบหวั เมืองหงสำวดที ตี่ งั้ ตวั เป็นอิสระได ้ เปน็ ต้น แสดงให้ 2. ครแู ละนกั เรยี นรวมกันสรปุ ความรูเ ก่ียวกับ เห็นถงึ ควำมออ่ นแอทำงด้ำนกำรทหำรของสุโขทยั ได้เปน็ อย่ำงดี พฒั นาการของอาณาจกั รสโุ ขทยั ทไ่ี ดศกึ ษา ๒. เกิดกำรแย่งชิงอ�ำนำจทำงกำรเมืองภำยในรำชวงศ์พระร่วง เช่น กรณีที่เกิดควำม มาแลว ทงั้ หมด ขัดแย้งกันระหว่ำงพระยำบำลและพระยำรำม พระรำชโอรสของพระมหำธรรมรำชำท่ี ๒ จนมี กำรสู้รบกันเอง ทำ� ให้เกิดควำมอ่อนแอภำยในรำชสำ� นกั 3. ครใู หน ักเรียนจดั ทําสมดุ ภาพภูมิปญญา ๓. กำรค้ำขำยกับต่ำงประเทศซบเซำลง เนื่องจำกหัวเมืองมอญและอยุธยำซึ่งอยู่ทำง สมยั สโุ ขทัย พรอ มทง้ั วิเคราะหอทิ ธิพลของ ตอนใตใ้ กล้ฝัง่ ทะเลมีควำมเขม้ แขง็ ขนึ้ ทำ� ให้สโุ ขทัยถูกแยง่ ชิงผลประโยชน์ทำงเศรษฐกจิ ไป ภูมปิ ญญาดงั กลาวตอสงั คมไทยในปจ จบุ นั ด้วยเหตุผลดังกล่ำวข้ำงต้น ท�ำให้อำณำจักรสุโขทัยเริ่มอ่อนแอและเสื่อมลงตำมล�ำดับ จนในท่ีสุดได้ถูกผนวกเข้ำเป็นส่วนหน่ึงของอำณำจักรอยุธยำ ซ่ึงเป็นกลุ่มอ�ำนำจของคนไทย 4. ครใู หนกั เรียนตอบคําถามประจําหนว ย ด้วยกันเอง เม่อื พ.ศ. ๒๐๐๖ การเรยี นรู กล�่ วโดยสรปุ นบั ตงั้ แตบ่ รรพบรุ ษุ ไทยไดส้ ถ�ปน�อ�ณ�จกั รสโุ ขทยั ขนึ้ เมอ่ื พ.ศ ๑๗๙๒ ตรวจสอบผล Evaluate อ�ณ�จกั รแหง่ นไ้ี ด้มพี ัฒน�ก�รในด�้ นต�่ งๆ ม�โดยตลอด ทงั้ ท�งด้�นก�รเมอื งก�รปกครอง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และคว�มสัมพันธ์ระหว่�งประเทศ ส่งผลให้อ�ณ�จักรสุโขทัย 1. ครตู รวจสมดุ ภาพภูมปิ ญญาสมยั สโุ ขทัย มีคว�มเจริญรุ่งเรือง ร�ษฎรอยู่ดีมีสุข และมีคว�มม่ันคงจนส�ม�รถขย�ยอ�ณ�เขตออกไป 2. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมความมีสว นรว มในการตอบ อย่�งกว�้ งขว�ง คําถามและการแสดงความคิดเห็นของนกั เรียน สุโขทัยดำ�รงอยู่ม�ได้ประม�ณ ๒๐๐ ปเศษ หลังจ�กสมัยพ่อขุนร�มคำ�แหงมห�ร�ช ไปแลว้ อ�ำ น�จท�งทห�รของสุโขทัยเริม่ อ่อนแอ เกดิ ก�รแย่งชิงอำ�น�จท�งก�รเมือง ก�รค้� ซบเซ� สง่ ผลใหอ้ �ณ�จกั รสโุ ขทยั เสอ่ื มอ�ำ น�จลงต�มล�ำ ดบั และถกู ผนวกเข�้ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของ อ�ณ�จกั รอยุธย� ซึง่ เป็นอ�ณ�จกั รของคนไทยเช่นกัน ใน พ.ศ. ๒๐๐๖ มรดกท�งภูมิปญญ�ไทยอันทรงคุณค่� แ1ละเป็นเอกลักษณ์ของสมัยสุโขทัย เช่น ก�รประดิษฐ์ตัวอักษรไทย ก�รสร้�งพระพุทธรูป ก�รชลประท�น เครื่องสังคโลก เป็นต้น ได้ตกทอดสืบม�ถึงอนุชนรุ่นหลัง และบ�งส่วนก็ยังมีอิทธิพลม�ถึงปจจุบัน คนไทยทุกคน จึงควรตระหนักถึงคุณค่� และสำ�นึกในพระมห�กรุณ�ธิคุณของพระมห�กษัตริย์และ บรรพบุรุษไทย ที่ได้สร้�งสรรค์มรดกอันลำ้�ค่�ข้ึนม� และควรร่วมมือร่วมใจกันธำ�รงรักษ� ใหเ้ ป็นสมบตั ทิ �งวัฒนธรรมอย่คู ชู่ �ตไิ ทยตลอดไป ๑๒๓ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู ปจจัยสําคญั ท่ีสุดทท่ี ําใหอาณาจักรสโุ ขทยั ออ นแอคอื ขอ ใด 1 การสรางพระพทุ ธรูป พระพุทธรูปสมยั สุโขทัยสรางข้นึ ตามคตพิ ระพุทธศาสนา 1. ถกู จนี รุกราน นกิ ายเถรวาทลัทธิลงั กาวงศ พบมากในบริเวณภาคเหนือตอนลาง (เชน สุโขทัย 2. ประสบภยั ธรรมชาติ กําแพงเพชร พษิ ณุโลก และจังหวัดใกลเ คียง) วสั ดุทใ่ี ชสรางพระพทุ ธรปู นิยมหลอ 3. พระมหากษตั ริยอ อ นแอ ดวยโลหะและปนู ปน พระพทุ ธรูปสมยั สุโขทยั ถอื ไดวามคี วามงดงามตามอดุ มคตไิ ทย 4. อาณาจักรอยธุ ยามคี วามเขมแขง็ แทนท่ี อยางแทจรงิ โดยมลี ักษณะสําคัญ คอื พระวรกายโปรง พระพักตรร ปู ไขยาวสมสว น ยม้ิ พองาม พระขนงโกงรับกบั พระนาสกิ ท่งี ุม เลก็ นอ ย พระโอษฐแ ยมอ่ิม ดมู เี มตตา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. อาณาจกั รอยธุ ยาไดกอ ต้ังและเจรญิ รงุ เรืองขนึ้ พระเกตุมาลารูปเปลวเพลิง พระสังฆาฏยิ าวจรดพระนาภี พระศกแบบกน หอย ไมมีไรพระศก พระพทุ ธรูปศลิ ปะสุโขทัยท่มี ีช่ือเสียงมาก เชน พระพทุ ธชนิ ราช ตง้ั แต พ.ศ. 1893 เปนตน มา ในขณะที่สโุ ขทัยเรมิ่ ออ นแอลงจากการแยงชิง พระพุทธชนิ สหี พระพทุ ธรปู ปางลีลา เปนตน อํานาจภายใน ประกอบกบั การคาซบเซา จงึ ทําใหถูกผนวกเขา กบั อาณาจักร อยุธยาใน พ.ศ. 2006 สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ คูมอื ครู 123
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครูตรวจสอบความถูกตองในการตอบคาํ ถาม คÓ¶ามปรШÓËนÇ‹ ยการàรยÕ นรู้ ประจําหนว ยการเรียนรู ๑. ปจั จัยใดทที่ ำ� ใหค้ นไทยสำมำรถสถำปนำอำณำจักรสโุ ขทัยข้นึ มำไดส้ ำ� เร็จ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๒. กำรปกครองสมยั สโุ ขทยั มลี กั ษณะเดน่ อยำ่ งไร และสง่ ผลตอ่ พฒั นำกำรของสโุ ขทยั อยำ่ งไร ๓. ใ นสมัยสุโขทัยประกอบด้วยคนกลุ่มใดบ้ำง แต่ละกลุ่มมีบทบำทหน้ำที่และมีควำมส�ำคัญ 1. รายงานและผงั มโนทศั นพ ฒั นาการทางดาน ตางๆ สมยั สุโขทัย อยำ่ งไร ๔. เหตุผลในกำรสร้ำงสัมพันธไมตรีกับดินแดนต่ำงๆ ของสุโขทัยมีอะไรบ้ำง จงอธิบำยมำ 2. สมดุ ภาพภูมปิ ญญาสมยั สุโขทยั พอสังเขป ๕. กำรเส่ือมอ�ำนำจของสโุ ขทยั เกดิ จำกสำเหตุใดบำ้ ง ๖. ม รดกทำงวฒั นธรรมของสโุ ขทยั ทส่ี บื ทอดมำถงึ ปจั จบุ นั มอี ะไรบำ้ ง และนกั เรยี นจะมวี ธิ กี ำร อนุรักษ์ใหค้ งอย่สู บื ไปได้อย่ำงไร กิ¨กรรมสรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการàรยÕ นรู้ กจิ กรรมท ่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ ๕ คน จดั ทำ� รำยงำนพฒั นำกำรของอำณำจกั ร สุโขทัยในแต่ละด้ำน แล้วส่งตัวแทนออกมำสรุปประเด็นส�ำคัญๆ หน้ำชั้น แลว้ น�ำรำยงำนสง่ ครูผ้สู อน กิจกรรมที ่ ๒ ใหน้ ักเรียนเลอื กภำพศิลปกรรมสโุ ขทัยมำ ๑ ตัวอย่ำง น�ำมำติดบนกระดำษ โปสเตอร์แล้วอธิบำยลักษณะเดน่ ทำงศิลปะ พร้อมตกแต่งให้สวยงำม กจิ กรรมท ่ี ๓ ใหน้ กั เรยี นจดั ทำ� สมดุ ภำพภมู ปิ ญั ญำสมยั สโุ ขทยั และรว่ มกนั วเิ ครำะหอ์ ทิ ธพิ ล ของภูมิปญั ญำดังกล่ำวต่อสังคมไทยในปัจจุบนั ๑๒4 แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรยี นรู 1. ความรวมมอื ของผูนาํ คนไทยระหวา งพอ ขนุ บางกลางหาวกบั พอ ขุนผาเมืองขับไลขอมสบาดโขลญลาํ พงออกจากสโุ ขทยั จงึ ทาํ ใหส ามารถสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทัยไดสําเรจ็ 2. สมัยสุโขทยั มกี ารปกครองแบบพอปกครองลกู ที่พระมหากษัตริยทรงดูแลราษฎรอยางใกลชดิ นบั เปน ธรรมเนียมการปกครองทสี่ ําคญั ยิง่ ของไทยในสมัยตอมาจนถึงปจจุบัน 3. สงั คมสมยั สุโขทยั ประกอบดวย พระมหากษัตริยเ ปน ผมู อี าํ นาจสูงสุดในการปกครอง พระราชวงศไดรับมอบหมายจากกษัตริยใหปกครองเมอื งสาํ คญั ขุนนางเปนผดู ูแล บา นเมอื ง ไพรเ ปนสามัญชนธรรมดา และขาเปน กลุมคนที่ไมมีอิสระในการดําเนินชวี ิต นอกจากนี้ ยงั มพี ระภกิ ษสุ งฆเปนกลุมทม่ี ีบทบาทสําคัญในการเผยแผพระพทุ ธ- ศาสนาดว ย 4. สโุ ขทยั ตอ งการขยายอาณาเขตในลา นนาและนครศรธี รรมราช ตอ งการผลประโยชนด านเศรษฐกิจและการคา กับหวั เมืองมอญและจีน รวมทั้งการเผยแผแ ละรบั วฒั นธรรม ทางพระพทุ ธศาสนาจากลังกา หัวเมอื งมอญ และนครศรธี รรมราช 5. สุโขทยั มีความออ นแอทางทหารจนไมส ามารถปอ งกันการรุกรานของอยุธยาได ความออ นแอของราชสาํ นกั ซึ่งมีปญ หาภายในจากการแยงชงิ อํานาจกนั เองภายในราชวงศ และการคาขายทางทะเลกับตางชาติซบเซา เพราะหัวเมืองมอญและอยุธยาเขม แขง็ ขน้ึ 6. มรดกทางวัฒนธรรมของสโุ ขทัย เชน คตคิ วามเชอ่ื ในหนังสือไตรภูมิพระรวง ท่ีสอนใหคนทําความดีและเกรงกลวั ตอ การทาํ บาป ลกั ษณะการเขยี นอกั ษรไทยดวยการนาํ สระวางเรียงแนวเดียวกบั พยญั ชนะ ประเพณีการลอยกระทง เผาเทียนเลนไฟ เปน ตน วธิ ีการอนรุ กั ษมรดกทางวฒั นธรรมสุโขทัย เชน เรยี นรูเกีย่ วกับไตรภมู พิ ระรว งแลว นาํ ไปปรับใชในชวี ติ ประจาํ วนั การใชภ าษาไทยใหถูกตอ ง เปน ตน 124 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรียนรู ๕หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1. อธบิ ายทตี่ งั้ และสภาพภูมิศาสตรท ี่มีผลตอ พัฒนาการของ พัฒนาการในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต 2. อธิบายพัฒนาการทางประวัตศิ าสตรของ ประเทศตา งๆ ในภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออก- เฉยี งใตไ ด 3. อธบิ ายความรว มมอื ของอาเซียนในดา นตางๆ ได ตัวชวี้ ัด สมรรถนะของผเู รียน ● อธิบายพฒั นาการทางสงั คม เศรษฐกจิ และ 1. ความสามารถในการสื่อสาร การเมอื งของประเทศตา งๆ ในภมู ิภาคเอเชยี 2. ความสามารถในการคดิ ตะวนั ออกเฉยี งใต (ส ๔.๒ ม.๑/๑) 3. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต สาระการเรียนรแู กนกลาง คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค ● ทตี่ ั้งและสภาพทางภูมศิ าสตรของประเทศ 1. มีวินยั ตางๆ ในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต 2. ใฝเรียนรู ทีม่ ีผลตอพัฒนาการทางดา นตา งๆ 3. มงุ มัน่ ในการทํางาน ● พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร สังคม เศรษฐกิจ มารนี า เบย แซนดส (Marina Bay Sands) ในบริเวณอาวมารีนา กระตนุ ความสนใจ Engage และการเมืองของประเทศตางๆ ในภมู ิภาค ประเทศสงิ คโปร เปนศูนยกลางธุรกิจและการเงนิ ของประเทศ เอเชยี ตะวันออกเฉียงใต ครูนาํ ภาพท่เี ปนเอกลกั ษณของประเทศตางๆ ÀÙÁÔÀÒ¤àÍàªÕµÐÇѹÍÍ¡à©Õ§㵌໚¹´Ô¹á´¹·èÕÁÕ¼ÙŒ¤¹ ในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต เชน วิถชี ีวิต ● ความรว มมอื ผา นการรวมกลมุ เปน อาเซยี นของ µÑé§¶èÔ¹°Ò¹ÁÒµéѧᵋÊÁÑÂâºÃÒ³ à¹è×ͧ¨Ò¡ÁÕ·èÕµÑé§áÅÐÊÀÒ¾ ความเปน อยู อาคารบา นเรือน ศาสนสถาน อาหาร ประเทศในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต ·Ò§ÀÙÁÔÈÒʵ÷èÕÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞµ‹Í¾Ñ²¹Ò¡Ò÷ҧ´ŒÒ¹µ‹Ò§æ ชดุ แตง กายประจาํ ชาติ เปน ตน มาใหน กั เรยี นดู ที่ถือวาเปน พัฒนาการของภมู ภิ าค ¢Í§ÀÙÁÔÀÒ¤ áÅÐÂѧÁÕ·ÃѾÂҡøÃÃÁªÒµÔÍØ´ÁÊÁºÙó ¨Ö§ÁÕ แลว ตั้งคาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น เชน ËÅÒªҵԾÂÒÂÒÁ¢ÂÒÂÍÔ·¸Ô¾ÅࢌÒÁÒ¤Ãͺ¤Ãͧ ·íÒãËŒ à¡Ô´¤ÇÒÁäÁ‹Ê§º¢éÖ¹ã¹ÀÙÁÔÀÒ¤ ÀÒÂËÅѧ¨Ò¡ä´ŒÃѺàÍ¡ÃÒª • เปนภาพเกย่ี วกับประเทศใดในภมู ิภาค »ÃÐà·Èµ‹Ò§æ «Öè§ÁÕ¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§¡Ñ¹·éѧ´ŒÒ¹ÍØ´Á¡Òó·Ò§ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ¡ÒÃàÁÍ× § àÈÃɰ¡¨Ô 椄 ¤Á áÅÐ͹×è æ ä´ÃŒ ÇÁµÇÑ ¡¹Ñ ໹š ÍÒà«ÂÕ ¹ áÅо²Ñ ¹Ò໹š »ÃЪҤÁÍÒà«ÂÕ ¹ à¾Íè× »ÃÐÊÒ¹¤ÇÒÁÃÇ‹ ÁÁÍ× ¡¹Ñ • ภาพดังกลาวมคี วามสาํ คัญตอประเทศนัน้ ã¹Í¹Ñ ·èըоѲ¹ÒÀÁÙ ÔÀÒ¤¹ÕéãËŒà¨ÃÞÔ ¡ŒÒÇ˹ŒÒä»´ŒÇ¡ѹ อยางไร • เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตในความรูจักของ นกั เรียนเปน อยางไร เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูท่สี อดแทรกการพัฒนาทักษะกระบวนการ ที่สําคญั ไดแ ก กระบวนการสืบสอบ กระบวนการกลมุ และทักษะการคดิ แบบตา งๆ เชน การคดิ วิเคราะห สงั เคราะห และการคิดอยางเปน ระบบ เพ่อื ใหน กั เรยี นสามารถ อธิบายพฒั นาการทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของประเทศตางๆ ในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉยี งใต ดังตอไปน้ี • ครใู หน กั เรียนรวมกลมุ กันศึกษาพฒั นาการของประเทศในภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตจ ากแหลง การเรียนรตู า งๆ แลว จัดทําเสน เวลา (Timeline) แสดงพัฒนาการของประเทศเหลา นน้ั ตง้ั แตอดตี จนถงึ ปจจบุ นั • ครูใหนักเรยี นรวมกลมุ กันศกึ ษาเกย่ี วกับความรวมมอื ของประเทศในภูมภิ าค เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต แลวจดั ทํารายงานเกยี่ วกบั กลุมความรวมมอื ท่สี ําคัญ ของภูมภิ าค ไดแก อาเซยี น คูมอื ครู 125
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage ครใู หนกั เรียนดภู าพแผนท่แี สดงประเทศใน ñ. ·àÍÕèµàªÑé§áÕµÅÐÐÇʹÑÀÍҾ͡·àÒ©§ÕÂÀ§ÙÁãÔȵҌ Ê1µÃ·èÕÁռŵ‹Í¾Ñ²¹Ò¡ÒÃã¹ÀÙÁÔÀÒ¤ ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตจ ากหนังสอื เรียน หนา 126 จากนนั้ ยกตวั อยา งชือ่ ประเทศมา 4-5 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตมีผูคนต้ังถ่ินฐานมาเปนเวลานาน ปจจุบันมีประชากร ประเทศ แลวสุม ใหนักเรยี นบอกตําแหนงท่ีต้งั และ ราว ๖๒๘ ลา นคน (พ.ศ. ๒๕๕๘) มคี วามอดุ มสมบรู ณด ว ยทรพั ยากรธรรมชาติ อณุ หภมู พิ อเหมาะ อาณาเขตตดิ ตอของประเทศดังกลาว สาํ รวจคน หา Explore ไมร อ นไมห นาวจนเกนิ ไป มลี มมรสมุ พดั ผา นซง่ึ เปน ผลดแี กก ารเพาะปลกู และเปน ประโยชนต อ การ เดินเรือในสมัยกอน นอกจากน้ี ยังอยูในเสนทางการเดินเรือคาขายระหวางอินเดียกับจีน ทําให ครูใหนักเรียนศึกษาเกย่ี วกับท่ตี ั้งและสภาพทาง อารยธรรมที่สาํ คัญของโลกสมัยโบราณ คอื อารยธรรมอินเดยี และอารยธรรมจีนมาพบกัน สงผล ภมู ศิ าสตรท่มี ีผลตอพฒั นาการในภมู ิภาคเอเชีย ใหมีอิทธิพลตอประเทศตางๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต และยังมีศาสนาสําคัญของโลกเผยแผ ตะวันออกเฉียงใตจากหนงั สอื เรียน หนา 126-134 เขามาในเวลาตอมา จึงทําใหภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และจากแหลง การเรียนรูตางๆ เพม่ิ เตมิ เชน ศาสนา ภาษา และวฒั นธรรม หองสมดุ กลุม สาระ หองสมดุ โรงเรยี น ขอมูลทาง ความอุดมสมบูรณของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะเครื่องเทศและพริกไทย ทําใหชาติตะวันตก 2 อนิ เทอรเ น็ต เปนตน แสวงหาเสนทางเดินเรือมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต การแขงขันกันทางการคาไดนําไปสูการ ยึดดินแดน ทําใหชาติท้ังหลายยกเวนไทย ตางตกเปนอาณานิคมของชาติตะวันตก จนกระท่งั การเรยี กชอ่ื ประเทศและชาวเมยี นมา หลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ จงึ ไดร บั เอกราช ปจ จบุ นั ประเทศตา งๆ ในภมู ภิ าคนี้ไดร ว มมอื กันจัดตั้ง แตเ ดมิ ไทยเรยี กประเทศพมา มาตง้ั แตส มยั ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) และรว มมือกันในทกุ ดา นอยางใกลช ดิ มากยง่ิ ข้นึ โบราณ กระทง่ั ภายหลงั การประชุมสภาคร้ังแรก เม่อื วนั ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554 จงึ ไดเปล่ียน แผนที่แสดงประเทศในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ชอ่ื ประเทศเปน สาธารณรฐั แหง สหภาพเมียนมาร (The Republic of the Union of Myanmar) เมียนมา* เวยี ดนาม ปจ จุบนั สาํ นกั งานราชบัณฑิตยสภา โดยคณะ ลาว กรรมการจัดทําพจนานุกรมชื่อภูมศิ าสตรส ากล ฟลิปปนส ไดกาํ หนดใหเ รียกช่อื ประเทศวา สาธารณรฐั ไทย ทะเลจีนใต มหาสมุทรแปซฟิ ก แหง สหภาพเมยี นมา โดยสามารถใชเ รียกท่วั ไป กมั พชู า บรูไน ไดทั้งเมยี นมาและพมา ดงั นัน้ ในสว นหนังสอื ตมิ อร- เลสเต เรียนและคูมือครทู ี่ปรากฏคาํ วา “เมยี นมาร” ทะเล จงึ ใหใ ชเ ปน “เมียนมา” หรือ “พมา” แทน อนั ดามัน มาเลเซยี สงิ คโปร อินโดนเี ซีย มหาสมทุ รอนิ เดยี * เดิมไทยเรียกประเทศพมา มาตัง้ แตส มัยโบราณ กระทงั่ ภายหลังการประชมุ สภาเปน ครง้ั แรกเม่อื วนั ท่ี ๓๑ มกราคม ๑๒๖ พ.ศ. ๒๕๕๔ จงึ ไดเ ปลี่ยนชื่อประเทศเปนสาธารณรัฐแหงสหภาพเมยี นมา (The Republic of the Union of Myanmar) นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดกลา วไดถกู ตองเกย่ี วกบั ปจจัยดานท่ีต้ังทม่ี ีผลตอพัฒนาการของ 1 เอเชียตะวันออกเฉียงใต หมายถึง ดินแดนท่อี ยูร ะหวางประเทศจนี และ ภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต ประเทศอนิ เดีย ปจจุบนั ไดแ ก ประเทศเมียนมาร เวียดนาม ลาว ไทย กัมพูชา 1. เปน จุดบรรจบกันของอารยธรรมจนี และอนิ เดีย มาเลเซยี สงิ คโปร อินโดนเี ซยี บรูไน ฟล ปิ ปน ส และติมอร-เลสเต ดนิ แดนแถบนี้ 2. เปน ภมู ิภาคแรกท่ีชาติตะวนั ตกเขา มาครอบครอง บางทีเรยี กวา เอเชยี อาคเนย สวนคาํ วา “เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต” เรม่ิ ใชคร้ังแรก 3. กอใหเกดิ แหลงทรพั ยากรธรรมชาติท่ีใหญท ่สี ดุ ในโลก ในระหวางสงครามโลกครั้งที่ 2 เพือ่ กาํ หนดเขตปฏบิ ตั กิ ารของกองทพั พนั ธมติ รใน 4. สงเสรมิ ใหเกิดการรวมกลมุ ทางเศรษฐกิจไดอ ยา งมัน่ คง ภมู ิภาคน้ี วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตอ ยูใน 2 ชาตติ ะวนั ตก โดยวาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) ชาวโปรตเุ กส เสน ทางเดินเรือคา ขายระหวา งจีนและอนิ เดยี เปนผลทาํ ใหอ ิทธิพลของ เปนชาวตะวนั ตกชาติแรกท่เี ดนิ ทางออ มแหลมกดู โฮปทางตอนใตของทวปี แอฟรกิ า ทง้ั สองอารยธรรมสง ตอมายังประเทศตางๆ ในภมู ิภาคน้ี อทิ ธิพลทาง ผานมหาสมทุ รอินเดียไปยงั อนิ เดยี ไดใ น พ.ศ. 2041 นับเปน การเปด เสน ทางใหม อารยธรรมทสี่ ําคญั เชน ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู พระพุทธศาสนาซึง่ เปน ไปยังตะวันออกไกล ที่เรยี กวา เสนทางเครอื่ งเทศ เริ่มต้ังแตเ มอื งกัว (Goa) ศาสนาท่ีสําคญั ของภมู ภิ าค ทางตอนใตข องอินเดยี ศรีลงั กา มะละกา จนถงึ หมเู กาะโมลกุ กะ (ซึ่งไดช อื่ วา เปน หมูเกาะเคร่อื งเทศ) ในอินโดนีเซีย 126 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู 1.1 ที่ตงั้ และสภาพภูมิศาสตร ์ 1. ครูนาํ แผนที่หรอื ลกู โลกจาํ ลองมาใหน กั เรียน ช้ีตาํ แหนง ทต่ี งั้ ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก- ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตต้ งั้ อยรู่ ะหวา่ งละตจิ ดู ๑๐ องศาใตท้ ตี่ มิ อร์ - เลสเต กบั ละตจิ ดู เฉยี งใต และบอกอาณาเขตตดิ ตอ ของประเทศ ๒๘ องศาเหนือที่ภาคเหนือของเมียนมา และลองจิจูด ๙๒ องศาตะวันออกท่ีภาคตะวันตก ตา งๆ ในภูมภิ าคน้ี ขปอาปงเัวมนียวิ นกินมี า1ม ีทกา�ับเลลอทง่ีตจัง้ ิจแูดล ะอ๑า๔ณ๑า เขอตง ศดางั ตนะี ้ วันออก บริเวณชายแดนปาปัว (อินโดนีเซีย) กับ 2. ครตู งั้ คาํ ถามเก่ียวกบั ทต่ี ง้ั และสภาพภูมิศาสตร ทิศเหนอื ทศิ ตะวันตก ทศิ ตะวนั ออก ทศิ ใต้ ของภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต โดยให ติดต่อกบั สาธารณรฐั ติดต่อกับอินเดีย จดมหาสมทุ รแปซฟิ กิ จดทะเลติมอร ์ และ นักเรยี นในชนั้ เรียนชว ยกนั ตอบ เชน ประชาชนจีน บังกลาเทศ และ และปาปัวนิวกินี ทะเลอะราฟรู า • ภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตม ที าํ เลทีต่ ัง้ มหาสมุทรอนิ เดยี เปนอยา งไร (แนวตอบ ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตต ้งั อยู ประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ ระหวา งละตจิ ูด 10 องศาใตท่ตี ิมอร-เลสเต กับละติจดู 28 องศาเหนือทีภ่ าคเหนอื ของ ประกอบดว้ ย ๑๑ ประเทศ ตง้ั อยบู่ นพน้ื ท ่ี ๒ สว่ น เมียนมา และลองจจิ ดู 92 องศาตะวนั ออก ทภ่ี าคตะวนั ตกของเมยี นมา กบั ลองจจิ ดู คือ ประเทศที่ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ 141 องศาตะวนั ออกบรเิ วณชายแดนปาปว (อินโดนีเซีย) กับปาปว นวิ กินี) มเมาียเลนเมซยาี ก2ไบัทปยร ะลเทาศว ทเตี่ วงั้ ียอดยนบู่ านมเก ากะัมหพรอื ูชหาม เู่แกลาะะ • ภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตมีกีป่ ระเทศ และมที ต่ี งั้ อยางไร ได้แก่ สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย (แนวตอบ มี 11 ประเทศ โดยตง้ั อยูบนพ้นื ท่ี 2 สวน คอื ประเทศทตี่ ง้ั อยบู นผนื แผน ดนิ ใหญ และติมอร์ - เลสเต ไดแ ก เมียนมา ไทย ลาว เวยี ดนาม กมั พชู า และมาเลเซยี กบั ประเทศทตี่ งั้ อยบู นเกาะหรือ ลักษณะภูมิประเทศของภูมิภาคเอเชีย แมน่ ้ำ� โขงเป็นแมน่ ำ�้ นำนำชำตทิ ่ไี หลผำ่ นหลำยประเทศ หมเู กาะ ไดแก สงิ คโปร บรไู น ฟล ิปปน ส ในภมู ภิ ำคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ อินโดนเี ซยี และตมิ อร-เลสเต) ตะวนั ออกเฉียงใต ้ แบ่งออกได ้ ๔ ลกั ษณะ ดังน้ี • ภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใตมอี าณาเขต ๑. เขตที่ราบลุ่มแม่น�้า ท่ีส�าคัญ เช่น ติดตอ กบั บริเวณใด (แนวตอบ ทศิ เหนือตดิ ตอกับจีน ทิศตะวันตก ท่ีราบลุ่มแม่น้�าโขงในกัมพูชาและลาว ซ่ึงเป็น ตดิ ตอกับอินเดีย บงั กลาเทศ และมหาสมทุ ร เขตที่อดุ มสมบูรณ์และเปน็ เขตเกษตรกรรมหลักของประเทศ อินเดีย ทิศตะวันออกจดมหาสมทุ รแปซิฟก และประเทศปาปว นิวกินี และทิศใตจดทะเล ๒. บรเิ วณทเี่ ปน็ ชายฝง่ั ทะเล คาบสมทุ ร เกาะ และหมเู่ กาะ เชน่ ชายฝง่ั ทะเลตอนใต ้ และ ติมอรแ ละทะเลอะราฟูรา) ตะวันตกของเมียนมา ทางตะวนั ตกและตะวันออกของไทย ประเทศท่เี ปน็ เกาะ คือ สิงคโปร์ และ หมเู่ กาะ คือ อินโดนีเซีย ฟิลปิ ปินส์ บรเิ วณนี้มสี ัตว์น�า้ อดุ มสมบรู ณ์ บางประเทศมแี หลง่ น้�ามนั ดบิ และแกส๊ ธรรมชาติ ๓. เขตทร่ี าบสงู ทส่ี า� คญั เชน่ ทร่ี าบสงู ทางตะวนั ออกของเมยี นมา ทมี่ ปี ระชากรอาศยั อยู่ ไมม่ ากนกั เพราะอากาศแหง้ แลง้ และการเดนิ ทางลา� บาก แตม่ ที รพั ยากรธรรมชาตทิ างเศรษฐกจิ ทมี่ คี า่ เช่น ป่าไม้ อญั มณี เปน็ ต้น 127 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู ลักษณะภมู ปิ ระเทศเขตใดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใตท เี่ ปน แหลง 1 ปาปว นวิ กนิ ี เปนประเทศในเขตโอเชียเนีย ตง้ั อยูท างตะวนั ตกของมหาสมุทร ตัง้ ถน่ิ ฐานของประชากรและมพี ัฒนาการกลายเปน เมืองทีส่ ําคญั ในปจ จบุ นั แปซิฟก ประกอบดว ยสว นตะวันออกของเกาะนิวกนิ ี เกาะบเู กนวิลล และกลุมเกาะ แนวตอบ เขตท่ีราบลุมแมน ้ําและเขตชายฝง ทะล โดยเขตทีร่ าบลุม แมน าํ้ บิสมารก เมอื งหลวงชื่อ พอรต มอรสบี เคยเปนดนิ แดนที่อยภู ายใตการดูแลของ มีความอดุ มสมบูรณของดนิ และนํ้าเหมาะแกก ารเกษตรกรรมและการคมนาคม ออสเตรเลยี มากอ น ประกอบดวยดนิ แดนปาปวและดนิ แดนทรัสตเทรริทอรีแหง ขนสง ภายในแผนดนิ สว นเขตชายฝงทะเลมีทาํ เลทีต่ งั้ ท่ีเหมาะสมตอ การเปน นิวกนิ ี ไดร บั เอกราชเมือ่ พ.ศ. 2518 เมืองทาคาขาย ตลอดจนการทาํ ประมงชายฝง 2 มาเลเซีย ต้ังอยใู นเขตเสน ศูนยสตู ร ประกอบดว ยดนิ แดน 2 สว น คอื มาเลเซียตะวนั ตก ต้งั อยูบ นคาบสมุทรมลายู ประกอบดวย 11 รฐั ไดแ ก ปะหงั สลงั งอร เนกรเี ซมบลิ ัน มะละกา ยะโฮร เประ กลนั ตนั ตรงั กานู ปน ัง เกดะห และ ปะลสิ กบั มาเลเซยี ตะวนั ออก ตง้ั อยูบนเกาะบอรเ นียว (กาลิมันตัน) ประกอบดวย 2 รัฐ คือ ซาบาหแ ละซาราวัก นอกจากนี้ ยังมีเขตการปกครองภายใตสหพันธรฐั อีก 3 เขต คือ กรงุ กัวลาลัมเปอร เมืองปตุ ราจายา และเกาะลาบวน คูม อื ครู 127
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครตู ง้ั คาํ ถามเพื่อใหนกั เรยี นอธิบายถงึ ลกั ษณะ ๔. เขตทิวเขา แบงเปน ๒ ลักษณะ คือ ทิวเขาท่ีมีขนาดไมสูงใหญมากนักและ ภูมปิ ระเทศและภมู ิอากาศในภมู ภิ าคเอเชีย เปน บริเวณทีเ่ ปลือกโลกสงบตวั จึงไมเกดิ แผนดนิ ไหวหรอื ภเู ขาไฟปะทุ เชน เขตทวิ เขาในรฐั ฉาน ตะวันออกเฉียงใต เชน ของเมียนมา และเขตทิวเขาที่มีขนาดสูงใหญและเปลือกโลกยังเคล่ือนไหวอยูจึงเกิดแผนดินไหว • ลักษณะภมู ปิ ระเทศในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออก- และภเู ขาไฟปะทุ เชน ทวิ เขาในเกาะสมุ าตรา เกาะชวา ในอนิ โดนเี ซยี และทวิ เขาในหมเู กาะฟล ปิ ปน เฉยี งใตแ บง ออกเปน กล่ี ักษณะ อะไรบาง เปนตน (แนวตอบ แบงเปน 4 ลักษณะ ไดแก สภาพภูมิอากาศเปนแบบรอนช้ืนและอยู 1. เขตทร่ี าบลุมแมน า้ํ ท่ีสําคัญ เชน ทีร่ าบลมุ ในเขตมรสมุ โดยชว งเดอื นพฤษภาคมถงึ ตลุ าคม แมน าํ้ โขงในกัมพชู าและลาว เปน ตน มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใตพัดจากมหาสมุทร 2. บรเิ วณชายฝง ทะเล คาบสมทุ ร เกาะ และ อินเดียผานเอเชียตะวันออกเฉียงใตไปยังจีน หมูเ กาะ เชน ทางตะวนั ตกและตะวันออก ทําใหมีฝนตกชุกและชวงเดือนพฤศจิกายนถึง ของไทย สิงคโปร อินโดนเี ซีย ฟล ปิ ปน ส เมษายน มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจาก เปนตน จีนเขามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต 3. เขตที่ราบสงู ท่สี าํ คญั เชน ทรี่ าบสงู ทาง 1 ทําใหอุณหภูมิต่ําลงและมีฝนนอย นอกจากน้ี ตะวันออกของเมียนมา เปน ตน ยังมีลมพายุไตฝุนจากทะเลจีนใต และลมพายุ 4. เขตเทือกเขา แบง เปน 2 ลกั ษณะ คือ นาขน้ั บนั ไดบรเิ วณทิวเขาในหมเู กาะฟลิปปน เทือกเขาที่มีขนาดไมส ูงใหญมากนัก เชน เขตเทอื กเขาในรัฐฉานของเมยี นมา และเขต ไซโคลนจากอาวเบงกอลพัดผานเขามาเปนครั้งคราวทําใหเกิดลมแรง ฝนตกหนักในบางประเทศ เทอื กเขาทม่ี ีขนาดสงู ใหญ เชน เทือกเขา เชน เวียดนาม ลาว ไทย ไดรับผลกระทบจากการเกิดอุทกภยั และวาตภัย ซงึ่ สง ผลตอ การดําเนิน ในเกาะสมุ าตรา เกาะชวาในอนิ โดนีเซีย ชีวิตของประชากรอยางมาก เปนตน) ทรัพยากรธรรมชาตทิ ่ีสําคัญในภมู ิภาคน้ี ไดแ ก ปา ไม สัตวปา แรธ าตุ อัญมณี และนาํ้ มัน รวมถึงการมีทรัพยากรดินและน้ําที่อุดมสมบูรณ ทําใหสามารถอยูไดโดยไมตองพ่ึงพาทรัพยากร 2. ครูสมุ นกั เรียนออกมาอธบิ ายเกีย่ วกบั ลักษณะ จากถน่ิ อน่ื ภูมอิ ากาศของประเทศตางๆ ในภูมภิ าค สาํ หรบั ประเทศไทย ตง้ั อยบู รเิ วณกงึ่ กลาง เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต แลวใหเ พือ่ นๆ แผน ดนิ ใหญข องภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต รวมแสดงความคดิ เหน็ เพ่มิ เติม ภมู ปิ ระเทศสว นใหญเ ปน ทร่ี าบลมุ แมน า้ํ โดยเฉพาะ ทางตอนกลางของประเทศมีท่ีราบลุมแมน้ํา เจาพระยา ซึ่งเปนเขตเกษตรกรรมท่ีสําคัญ ของประเทศ ทางตอนเหนือเปน ทวิ เขาสลบั กบั ที่ราบระหวางหุบเขา เปนตนกําเนิดของแมนํ้า หลายสาย และมีปา ไมอ ุดมสมบรู ณ สว นทางใต มีภูมิประเทศเปนคาบสมุทรแคบยาวยื่นลงไป ในทะเล แมนา้ํ เจา พระยา แมน ้ําสายสําคญั ของประเทศไทย ๑๒๘ เกรด็ แนะครู บูรณาการเชื่อมสาระ ครมู อบหมายใหน ักเรยี นศกึ ษาคนควา ภาพและขอ มลู ของลักษณะทาง ครนู าํ ชมจากส่อื คอมพิวเตอร โดยเขาโปรแกรม Google Earth ใหน กั เรยี นดู ภมู ิศาสตรท ส่ี ําคัญของภมู ภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต เชน โตนเลสาบใน ภาพถายทางอากาศทาํ เลท่ีตง้ั ของประเทศในภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต แลว ประเทศกมั พูชา เกาะบาหลีในประเทศอินโดนีเซีย เพ่อื บรู ณาการเชอ่ื มโยง อธิบายใหนักเรยี นฟงเกยี่ วกบั ลักษณะภูมปิ ระเทศของประเทศตางๆ อยางสงั เขป กับสาระภมู ิศาสตร ในหวั ขอ สภาพแวดลอมทางกายภาพของทวีปเอเชีย แลวจัดทําเปน ปา ยภาพโดยมีขอมลู ประกอบ พรอมทัง้ ตกแตงใหสวยงาม นักเรียนควรรู 1 หมูเกาะฟลิปปน ประกอบดว ยเกาะตา งๆ ประมาณ 7,100 เกาะ ตง้ั อยใู น มหาสมทุ รแปซิฟก พน้ื ทีท่ ุกเกาะมีภูเขาเปน แกนกลาง ยอดเขาท่สี งู ทส่ี ดุ ในฟลิปปนส มชี ือ่ วา อาโป (Apo) ต้งั อยูบนเกาะมนิ ดาเนา นอกจากน้ี หมูเกาะฟล ิปปนยังตงั้ อยู ในแนวแผน ดนิ ไหวของโลกอกี ดว ย จึงมักเกิดแผนดนิ ไหวรนุ แรงข้นึ บอยๆ สวนท่รี าบ มอี ยนู อย ทีร่ าบสําคัญอยทู างตอนกลางของเกาะลูซอน เรยี กวา ท่รี าบมะนลิ า 128 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๑.๒ ท่ีตัง้ และสภาพทางภมู ิศาสตรทมี่ ผี ลตอ พัฒนาการของภูมิภาค ครูสนทนากบั นกั เรยี นเพื่อทบทวนลกั ษณะ เอเชียตะวันออกเฉียงใต ภูมิประเทศของภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต แลว ตัง้ คาํ ถามใหน กั เรยี นวเิ คราะห เชน ที่ตั้งและสภาพภูมิศาสตรดังที่กลาวมาแลว ลวนสงผลตอพัฒนาการของภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใตมาตั้งแตอดีต เนื่องจากภูมิภาคนี้ตั้งอยูระหวางอินเดียและจีน จึงเปนชุมทาง • จากทต่ี ้ังและสภาพภมู ศิ าสตรดังทีไ่ ดศกึ ษา การคาสําคัญมาตั้งแตสมัยโบราณ และการเปนจุดแวะพักของเรือสําเภาเพ่ือคอยการเปล่ียน มาแลว สงผลตอพฒั นาการของภมู ิภาค ฤดูมรสมุ เพื่อเตมิ เสบยี งอาหาร หรือซอ มแซม เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตอ ยา งไร เรอื ทาํ ใหต อ งพาํ นกั อยรู ะยะหนง่ึ พอ คา ตา งชาติ (แนวตอบ จากการท่ภี มู ิภาคน้ตี ้ังอยรู ะหวาง บางคนเขามาต้ังหลักแหลงแตงงานกับชาว อินเดียและจีน จึงเปน จดุ แวะพักของ พนื้ เมอื ง นอกจากนย้ี งั มชี าวพน้ื เมอื งเดนิ ทางออก เรอื สนิ คา พอ คา ตา งชาตบิ างสวนไดเขามา ไปยงั ตา งถน่ิ อกี ดว ย ประกอบกบั การมสี นิ คา จาก ตั้งถนิ่ ฐานทนี่ ี่ จนกอใหเ กดิ การแลกเปลีย่ น ตางถิ่น และมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีคาและ วฒั นธรรมระหวา งกนั ซึ่งมผี ลตอพัฒนาการ หายากอยมู าก จงึ ทาํ ใหม ผี คู นหลากหลายเชอื้ ชาติ ทางดานตา งๆ ของชุมชนในภมู ิภาคนี้ ศาสนา เขามาติดตอ จนเกิดการแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะอยางยงิ่ มีชมุ ชนหลายแหง ทีเ่ ตบิ โต วัฒนธรรมตอกัน สงผลใหภูมิภาคนี้ไดรับ สภาพพื้นที่ท่ีเปนคาบสมุทร ทําใหดินแดนตางๆ ของ จนกลายเปน เมอื งทา ที่สาํ คัญ เชน มะละกา วฒั นธรรมหลากหลายจากภายนอก ซง่ึ มผี ลตอ ภาคใตข องไทยเตบิ โตขนึ้ เปน เมอื งทา สาํ คญั มาตง้ั แตอ ดตี ปตตาเวีย (กรงุ จาการตา) นครศรธี รรมราช เปนตน) พัฒนาการดานตางๆ ของชุมชนในภูมิภาคน้ี โดยเฉพาะอยางยิ่งทําใหชุมชนพ้ืนเมืองหลายแหง เติบโตขึ้นเปน เมอื งทา เชน กรงุ ศรีอยธุ ยา นครศรีธรรมราช ไชยา มะละกา ปาเล็มบัง ปต ตาเวีย • นักเรียนคิดวา สภาพภมู ศิ าสตรในบริเวณใด อเปานณตานจักแรลจะาพมัฒปานใานเเปวน ียรดัฐนหารมือออาณาณาจากัจัรกโรบเจรานณละต1า งอๆาณหาลจาักยรอขาอณมาใจนกั กรัมพเชูชน า อาณาจกั รนามเวยี ด ท่ีมีการตง้ั ถนิ่ ฐานของผคู นจํานวนมาก อาณาจักรสุโขทัยในไทย อาณาจักรศรีเกษตร อาณาจักรพุกามในพมา ออาาณณาาจจักักรรมทะวตาะรรวัมด2ี เพราะเหตุใด อาณาจักรมชั ปาหติ ในอินโดนเี ซยี เปนตน (แนวตอบ บรเิ วณทีร่ าบลุมแมน าํ้ เชน ทร่ี าบลมุ แมน า้ํ อริ ะวดใี นเมยี นมาและทรี่ าบลมุ แมน ํ้าเจาพระยาในไทย เปนตน เพราะมี แหลงนํ้าอดุ มสมบูรณเ หมาะสาํ หรับการ อุปโภคบรโิ ภค การเพาะปลูก การเลย้ี งสตั ว รวมทง้ั บรเิ วณท่ีราบชายฝงทะเลกเ็ หมาะ แกก ารเปน จุดแวะพกั แลกเปลย่ี นสินคาของ พอคา ตา งชาติ และการคมนาคมระหวางกัน) อานันทเจดยี และวหิ ารสพั พัญู ประเทศเมียนมา เมืองโบราณมิเซิน ประเทศเวียดนาม เปนพุทธสถาน เปน พทุ ธสถานแบบเถรวาท ในสมัยอาณาจักรพุกาม แบบมหายาน ในสมัยอาณาจกั รจามปา ๑๒๙ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ฤดมู รสุมเปน ปจ จยั สาํ คญั ทางภมู ศิ าสตรท่ีกอใหเกดิ การเผยแพรอารยธรรม 1 อาณาจักรเจนละ เปน อาณาจกั รขอมยุคตน สนั นิษฐานวามีศูนยกลางอยูทาง จากภายนอกภูมภิ าคอยางไร ตอนกลางของลุมแมนา้ํ โขงแถบเมืองจาํ ปาศักดิ์ในประเทศลาวปจจุบนั ภายหลงั ตอมา อาณาจักรเจนละไดแ ตกเปน 2 สว น ไดแก เจนละบกหรอื เจนละเหนอื กบั เจนละนํา้ 1. การเปด เมืองทา คา ขายเมือ่ พน ฤดมู รสมุ หรือเจนละใต ในตอนปลายยุคเจนละนํา้ ไดต กอยูใตอ ทิ ธพิ ลของชวา จนกระทง่ั 2. การสง กองเรอื คาขายของกษัตรยิ เมอ่ื ฤดมู รสมุ สนิ้ สดุ ลง ในสมยั ของพระเจา ชัยวรมันท่ี 2 ทรงรวบรวมเจนละบกและเจนละน้ําเขา ดวยกัน 3. การเดินเรอื สมั พนั ธกับความเช่อื เรื่องเทพเจา ในธรรมชาติ และสรา งอาณาจกั รขอมสมยั เมอื งพระนครข้ึน 4. การรอฤดูมรสมุ ทเี่ หมาะสมตอ การเดินเรอื ของพอคา ตา งชาติ 2 อาณาจักรมะตะรมั ตงั้ ยตู อนกลางของเกาะชวา มอี ายอุ ยใู นชวงประมาณ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การรอฤดูมรสมุ ทเี่ หมาะสมตอการเดนิ เรอื พทุ ธศตวรรษที่ 12-15 เจา ผูครองเมือง คือ ราชวงศส ัญชยั ไดขยายอํานาจไปจนถึง เกาะบาหลี สมุ าตรา และเขมร เปนคูแขงกบั อาณาจักรศรีวิชยั ตัง้ แตพุทธศตวรรษที่ ของพอคา ตางชาติ ทําใหพอ คาตอ งพํานกั อยูใ นภูมภิ าคระยะหนึง่ จงึ เกิด การเผยแพรอ ารยธรรมและความสัมพนั ธกบั คนในภูมภิ าคในรปู แบบตางๆ 15-16 และเปน ฝายแพ มะตะรมั กลับมามอี าํ นาจอีกคร้งั หนง่ึ ในชวงพทุ ธศตวรรษที่ 22 มีการสถาปนาราชวงศม ะตะรมั ข้นึ ในชว งกลางพทุ ธศตวรรษท่ี 22 มะตะรัมสามารถ ยึดครองชวาไดเ กือบทั้งเกาะ แตเม่ือเผชญิ กับการขยายอทิ ธพิ ลของฮอลนั ดา ประกอบกับเกดิ การแยงชิงอํานาจภายในเชอื้ พระวงศ มะตะรัมจึงออ นแอลงภายใต อิทธิพลของฮอลนั ดานับตง้ั แตพทุ ธศตวรรษที่ 22 เปน ตนมา คมู ือครู 129
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูขออาสาสมัครนกั เรยี นออกมาสรปุ สาระสาํ คัญ ทต่ี งั้ และสภาพทางภมู ศิ าสตรม์ ผี ลตอ่ พฒั นาการของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตใ้ นดา้ น เกีย่ วกับอิทธิพลของทตี่ ง้ั และสภาพภมู ิศาสตรท ม่ี ผี ล ต่างๆ ดังตอ่ ไปนี้ ตอพฒั นาการของภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต ดา นการเมอื งหนา ชน้ั เรยี น จากนน้ั ครูใหนักเรยี นใน ๑) การเมือง รัฐก่อนสมัยใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับแนวคิดด้านการ ชั้นเรียนรว มกันวิเคราะหแนวคิดทางการเมอื ง การปกครองของประเทศในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต ปกครองจากอินเดียและจีน โดยรับแนวคิดผู้ปกครองเป็นสมมติเทพจากศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ในชว งกอนและหลงั จากชาตติ ะวนั ตกเขา มาใน จแกัลระพครตริธดร ิรกมารราสชอาบขเขอา้งรพบั รระาพชุทกาธรศแา1ลสะนลาทั จธาขิกงอจินอ๊ื เจดาียก จสนี ่ว ตนอ่เวมียาดรฐันใานมอรนิ ับโแดนนวเี ซคยีิดแกลาะรมปากเคลเรซอยีงประจั บจบอุ บนั ภมู ภิ าคน้ี ตา่ งยอมรับนบั ถือศาสนาอสิ ลาม การปกครองจึงยึดตามหลักศาสนา ผปู้ กครองเรยี กว่า “สลุ ต่าน” ส่วนฟิลปิ ปินสม์ ีการปกครองแบบชนเผา่ เมอื่ ชาวตะวันตกเข้ามาในพทุ ธศตวรรษที่ ๒๑ ฟลิ ปิ ปนิ ส์ (แนวตอบ ในชว งกอ นทช่ี าตติ ะวนั ตกเขา มายัง ได้ตกเป็นอาณานิคมของสเปน จึงได้รับอิทธิพลของคริสต์ศาสนาและวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา ดนิ แดนแถบนีไ้ ดรับแนวคดิ การเมืองการปกครอง ผสมผสาน มาจากอนิ เดยี และจนี กลา วคอื แนวคดิ ทผ่ี ปู กครองเปน สมมตเิ ทพในศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู และคตธิ รรมราชา ทางพระพทุ ธศาสนาจากอนิ เดีย และแนวคดิ การปกครองระบอบจกั รพรรดิ การสอบเขารับราชการ และลทั ธขิ งจื๊อจากจนี ตอ มาเมอ่ื ชาติตะวนั ตกเขา มา ยดึ ครองดินแดนตางๆ เปน อาณานิคม กไ็ ดเ ผยแพร แนวคิดการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยและ คอมมวิ นสิ ตใ หแ กป ระเทศตางๆ) มัสยิดปตุ รำ แสดงใหเ้ ห็นถึงอิทธพิ ลของศำสนำอิสลำม โบสถ์สมัยบำโรก แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของคริสต์ ท่ีเข้ำมำในประเทศมำเลเซยี ศำสนำทเ่ี ขำ้ มำในประเทศฟิลปิ ปนิ ส์ เมอ่ื เขา้ สสู่ มยั จกั รวรรดนิ ยิ มในพุทธศตวรรษที่ ๒๔ รฐั สว่ นใหญ่ในเอเชยี ตะวนั ออก- เฉียงใต้ตกเปน็ อาณานคิ มของชาตติ ะวนั ตก ไดแ้ ก ่ พม่า มลาย ู สงิ คโปร์ บรูไน เปน็ ขององั กฤษ เวยี ดนาม ลาว เขมร เปน็ ของฝรั่งเศส อนิ โดนเี ซียเปน็ ของฮอลันดา (เนเธอร์แลนด)์ ฟลิ ิปปินส์ เปน็ ของสเปน และต่อมาเป็นของสหรัฐอเมรกิ า และตมิ อร์ - เลสเตเปน็ ของโปรตเุ กส ในสมยั อาณานคิ ม ชาวเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตไ้ ดร้ บั แนวคดิ ทางการเมอื งเขา้ มาอยา่ ง หลากหลาย หลังสงครามโลกครง้ั ที่สองสนิ้ สดุ ใน พ.ศ. ๒๔๘๘ หลายประเทศไดร้ ับเอกราช ขณะที่ บางประเทศต้องต่อส้ทู า� สงครามกับเมืองแม่ เชน่ เวียดนามท�าสงครามกบั ฝรั่งเศส ใน พ.ศ. ๒๔๙๗ ในชว่ งสงครามเยน็ (พ.ศ. ๒๔๙๐ - ๒๕๓๔) ประเทศตา่ งๆ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ต่างได้รับ ผลกระทบจากความขดั แยง้ แยง่ ชงิ อา� นาจระหวา่ งฝา่ ยโลกเสรที มี่ สี หรฐั อเมรกิ าเปน็ ผนู้ า� กบั ฝา่ ยโลก คอมมวิ นิสต์ท่มี สี หภาพโซเวียตเปน็ ผูน้ า� ทา� ให้เกิดสงครามขนึ้ ในภูมภิ าค เช่น สงครามเวียดนาม และการสรู้ บเพื่อแยง่ อา� นาจระหวา่ งฝ่ายรฐั บาลกบั พรรคคอมมวิ นสิ ต์ในประเทศต่างๆ 13๐ นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT การท่ีพระมหากษตั รยิ ไ ทยทรงมีฐานะเปนสมมติเทพ เปน คติความเช่ือใน 1 การสอบเขา รับราชการ เปนระบบทร่ี าชสาํ นกั จีนในสมยั สงั คมศกั ดนิ าจัดขน้ึ ศาสนาใด เพือ่ คัดเลอื กปญ ญาชนเขารบั ราชการ ซง่ึ เร่ิมใชต งั้ แตส มัยราชวงศส ยุ จนถงึ ราชวงศชิง 1. คติดั้งเดมิ โดยแบง ออกเปน ระดบั ตา งๆ ดงั เชน ในสมัยราชวงศห มงิ และราชวงศช งิ มกี ารสอบ 2. ศาสนาพราหมณ- ฮินดู ในระดบั ทองถนิ่ (ถงเซงิ ) การสอบระดบั ภมู ภิ าค (เซียงซอ่ื ) จะจัดข้นึ ทกุ 3 ปท่ี 3. พระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาท เมอื งหลวงของมณฑลตา งๆ การสอบระดับประเทศ (ฮุยซื่อ) จัดขึ้นทุก 3 ปเชนกนั 4. พระพทุ ธศาสนานิกายมหายาน การสอบในพระราชวัง (เตี่ยนซ่อื ) กษัตริยทรงเปนผูออกขอ สอบเอง ผทู ี่สอบได วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ไทยรับแนวคิดพระมหากษตั ริยท รงเปน อันดบั 1 จะไดรับตาํ แหนง “จวงหยวน” (จอหงวน) สมมตเิ ทพจากศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู ซง่ึ เชอ่ื วา พระมหากษตั รยิ เปนอวตาร ปางหนงึ่ ของพระนารายณ จงึ มีฐานะความเปน อยูเหนอื คนทัง้ ปวง 130 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู àÊÃÔÁÊÒÃÐ สงครามเยน็ ครูใหนักเรยี นดูภาพและอานเสรมิ สาระเรือ่ ง สงครามเย็นจากหนงั สือเรียน หนา 131 สงครามเย็น 1คือ สภำวะควำมตึงเครียด ครตู ้ังคําถามเพอื่ ใหน กั เรยี นอธบิ ายความรู เชน ท่ีเกิดขึ้นหลังสงครำมโลกคร้ังท่ี ๒ ระหว่ำงกลุ่มประเทศ • สงครามเยน็ เกิดขึ้นจากสาเหตใุ ด โลกเสรีที่มีสหรัฐอเมริกำเป็นผู้น�ำและโลกคอมมิวนิสต์ (แนวตอบ เกดิ จากความขัดแยง ทางดาน ท่ีมีอดีตสหภำพโซเวียตเป็นผู้น�ำ โดยท้ัง ๒ ประเทศ อดุ มการณท างการเมืองของประเทศ พยำยำมใช้วิธีกำรต่ำงๆ เช่น กำรโฆษณำชวนเชื่อ มหาอํานาจท้ังสองประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา ทปี่ กครองในระบอบประชาธปิ ไตยกบั กำรท�ำสงครำมจิตวิทยำ เพ่ือปองกันมิให้ฝำยตรงข้ำม สหภาพโซเวียตทีป่ กครองในระบอบ ขยำยอิทธิพลเข้ำมำยังเขตของตน ในขณะเดียวกัน คอมมิวนิสต) ก็พยำยำมรักษำผลประโยชน์ของตนไว้ หรือพยำยำม แสวงหำให้มีมำกขึ้น โดยเฉพำะกำรพยำยำมดึง • กาํ แพงเบอรล ินมคี วามเก่ียวขอ งกับ ประเทศต่ำงๆ ให้เข้ำมำเป็นบริวำรของตนจนก่อ สงครามเยน็ อยา งไร (แนวตอบ เปน สัญลักษณของสงครามเยน็ ให้เกิดควำมขัดแย้งในประเทศน้ันๆ ตัวอย่ำงที่เห็น โดยสหภาพโซเวียตสรางขึน้ เพ่ือปด กัน้ ไมใ ห ได้ชัด คือ กำรเกิดสงครำมเกำหลีและสงครำม ชาวเยอรมันอพยพจากเบอรลนิ ตะวันออก เวียดนำม สงครำมเย็นได้ส้นิ สุดลง ใน พ.ศ. ๒๕๓๔ ไปยงั เบอรลนิ ตะวนั ตก) เม่ือสหภำพโซเวียตล่มสลำยและแยกออกเป็น • สงครามเยน็ มคี วามแตกตา งจากสงคราม ๑๕ ประเทศ ทั่วไปอยางไร เหตกุ ำรณก์ ำรสูร้ บในสงครำมเวียดนำม (แนวตอบ สงครามท่ัวไปจะเปนการสูรบกนั โดยตรงของคูสงคราม 2 ฝาย แตส งคราม กำ� แพงเบอรล์ ิน สัญลักษณ์ของสงครำมเย็น เย็นนนั้ คสู งครามจะไมรบกันโดยตรง แตจะ ถกู สรำ้ งขนึ้ เพอื่ กน้ั กรงุ เบอรล์ นิ ตะวนั ตกกบั เบอรล์ นิ ตะวนั ออก สดู ว ยวิธกี ารแขง ขันแยง ชิงอาํ นาจและขยาย อทิ ธิพลในดา นตา งๆ เชน ดา นการทตู ดาน การทหาร ดานการโฆษณาชวนเชื่อ โดยใช คาํ พูด ส่ิงตีพิมพ หรอื การเผยแพรเ อกสาร ตางๆ เปน ตน) 131 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ครใู หนักเรียนคน ควาเกี่ยวกับวิกฤตการณสงครามเย็นท่ีสําคัญในหวั ขอ ครูเปด วดี ทิ ัศนส ารคดเี กีย่ วกับวิกฤตการณส งครามเยน็ เชน สงครามเวยี ดนาม ความเปนมาของเหตุการณโดยสงั เขป และผลของเหตกุ ารณท่มี ตี อ โลก สงครามเกาหลี จากน้ันใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเก่ยี วกบั ผลของสงครามดงั กลาว แลวนาํ ขอ มลู จัดทาํ เปนรายงานสงครผู ูสอน ตอ ประเทศนนั้ และภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตโ ดยรวม นักเรยี นควรรู 1 สงครามเยน็ (Cold War, พ.ศ. 2488-2534) คําวา “สงครามเย็น” เปน ศพั ทใ หมท เ่ี รียกสถานการณของโลกต้งั แตภายหลังสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 เปน ตนมา โดยเปนสงครามท่ีประเทศคสู งครามไมใชอาวธุ ทําสงครามกันอยางเปด เผย แตจะ มกี ารสะสมกําลงั อาวธุ และกําลังรบ ควบคไู ปกบั การตอสูดว ยวิธีการแขงขันแยงชิง อํานาจและอิทธิพลในดา นตางๆ เชน ดานการทูต ดานการทหาร ดา นอุดมการณ ทางการเมือง และการแสวงหาพันธมติ รไวเปน พวกหรอื บรวิ าร เปน ตน วิกฤตการณ สงครามเยน็ ที่สาํ คัญ เชน สงครามเกาหลี สงครามเวยี ดนาม เปนตน คมู อื ครู 131
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูซกั ถามนกั เรียนเกี่ยวกับอทิ ธพิ ลของทีต่ ้ังและ ปจจบุ นั เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตมีรูปแบบการปกครองหลายแบบ ไดแ ก สภาพภูมศิ าสตรท ีม่ ีผลตอพฒั นาการของภูมภิ าค ประเทศทป่ี กครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ เ ปน ประมขุ ไดแ ก ไทย กมั พชู า เอเชียตะวันออกเฉียงใตในดานเศรษฐกิจ เชน และมาเลเซยี • พื้นฐานทางเศรษฐกิจของภมู ภิ าคเอเชยี พระบาทสมเดจ็ พระบรมนาถนโรดม สหี มนุ ี พระมหากษตั รยิ สมเด็จพระราชาธิบดฮี จั ญี ฮสั ซานัล โบลเกียห มอู ซิ ซดั ดิน ตะวนั ออกเฉยี งใตข้ึนอยกู บั อะไร แหงกมั พูชา วดั เดาละหแ หง บรูไน (แนวตอบ เกษตรกรรม) ประเทศที่ปกครองระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชย คอื บรูไน • ชมุ ชนใดบา งทเ่ี ปน เมอื งทาการคา ทางทะเล ท่สี าํ คญั ในอดีตของภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออก- เฉยี งใต เพราะเหตุใด (แนวตอบ เชน ศรีวิชัย มัชปาหิต เปนตน เพราะตงั้ อยบู ริเวณชายฝงทะเลทสี่ ะดวกใน การตดิ ตอ คา ขาย และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม กบั ดนิ แดนภายนอก จึงสามารถควบคมุ เสนทางการคาทางทะเลได) ประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีประธานาธิบดีเปนประมุข ไดแก อินโดนีเซีย ฟลิปปน ส สงิ คโปร เมยี นมา และตมิ อร - เลสเต ประเทศทป่ี กครองระบอบสังคมนิยม ไดแ ก เวยี ดนาม และลาว ๒) เศรษฐกจิ พนื้ ฐานเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉยี งใตตงั้ แตอดตี จนถึงปจจุบนั คือ เกษตรกรรม ซ่ึงผลผลิตทางการเกษตรหลายอยางลวนมีความสําคัญตอการคามาต้ังแตอดีต เชน เครอื่ งเทศ ของปา ขาว ซทง่ึ ําตใง้ัหอห ยลูใานยบเรมเิ อืวณงพชฒั อ งนแาคเปบน มอะาลณะกาาจ1ักทราํ แใลหะส เาปมน าเรมถอื คงวทบาคกมุารเสคนาขทอางง ภมู ภิ าค เชน อาณาจกั รศรวี ชิ ยั การคาทางทะเลทส่ี ําคัญในหมูเกาะอินโดนีเซีย และระหวางหมเู กาะอินโดนีเซียกับจนี ตอนใต และ เมอื่ พอ คา ตา งชาตเิ ขา มาตดิ ตอ คา ขาย ทาํ ใหไ ดร บั อารยธรรมตา งชาติ เชน ศาสนาพราหมณ - ฮนิ ดู พระพุทธศาสนานิกายมหายานจากอินเดีย สวนอาณาจักรมัชปาหิตเปนอาณาจักรพ้ืนเมือง ที่สืบทอดความเจริญตอจากอาณาจักรศรีวิชัย สามารถขยายอิทธิพลครอบคลุมรัฐอิสระหลายรัฐ ในแหลมมลายูและเกาะสุมาตรา เปนอาณาจักรท่ีเติบโตจากการเปนเมืองทาจนสามารถควบคุม เสน ทางการคาทางทะเลได เปน ตน ต้ังแตพ ทุ ธศตวรรษท่ี ๒๔ เปนตน มา สินคา สาํ คัญของภมู ิภาค คือ ขาว ยางพารา ดีบกุ เเปขนาคทวตี่ บอ คงุกมาทรามงาเกศใรนษตฐลกาิจดแโลลกะบทังาํคใับหใใ หนปสลมูกยั พอาืชณเศารนษคิ ฐมกิบจางสปวรนะสเทิงคศโปเชรน ก2็เอปนิ นโแดหนลเี ซงยีสงถอกู อเกมสอื ินงแคมา จนกระทงั่ ไดพัฒนาไปเปน เมอื งทา สาํ คญั ของภูมภิ าค ๑๓๒ นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอ ใดไมจดั เปน ปจจยั สาํ คัญท่ที าํ ใหภ ูมภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต 1 ชอ งแคบมะละกา อยรู ะหวา งตอนใตข องคาบสมทุ รมลายกู บั เกาะสมุ าตรา สามารถเพาะปลกู ขา วไดดี เชอ่ื มระหวา งมหาสมทุ รอนิ เดยี กบั ทะเลจนี ใต ชอ งแคบมะละกาถอื เปน เสน ทางเดนิ เรอื 1. พ้ืนดนิ อดุ มสมบรู ณ ขนสง สนิ คา ทมี่ คี วามสาํ คญั มากทส่ี ดุ แหง หนง่ึ ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต 2. ผคู นชอบอาชีพชาวนา และของโลก ทเ่ี ชอื่ มประเทศตา งๆ ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตเ ขา กบั ดนิ แดน 3. มีปริมาณน้าํ ฝนเพยี งพอ แถบตะวนั ออกกลางและยโุ รป โดยแตละปจ ะมีเรือพาณชิ ยแ ลน ผา นเสน ทางนถี้ งึ กวา 4. มีแสงแดดจดั ตลอดท้งั ป 50,000 ลาํ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. การทภี่ มู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต 2 สงิ คโปร เศรษฐกจิ เกอื บทงั้ หมดขนึ้ อยกู บั การคา เพราะลกั ษณะทต่ี งั้ ของสงิ คโปร สามารถเพาะปลูกขา วไดดี เนอื่ งจากมีปจ จยั ทางดานสภาพแวดลอม เปรยี บเสมอื นประตกู ารคมนาคมทางทะเลระหวา งมหาสมทุ รอนิ เดยี ทะเลจนี ใต เอือ้ อํานวย จงึ ไมเ กย่ี วของกบั พฤติกรรมการชอบเปนชาวนาของประชากร และมหาสมทุ รแปซฟิ ก ทงั้ ยงั เปน จดุ เชอ่ื มตอ จากภาคพน้ื ทวปี เอเชยี ลงไปสหู มเู กาะ อนิ โดนเี ซยี ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด จงึ เปน ทาํ เลทตี่ ง้ั ทเี่ หมาะสมในการแวะพกั ของเรอื เดนิ สมทุ ร และทาํ ใหส งิ คโปรเ ปน เมอื งทา ทเี่ จรญิ รงุ เรอื งมาตงั้ แตค รง้ั เปน อาณานคิ มขององั กฤษจนถงึ ปจ จบุ นั 132 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู ปจั จุบันเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้เปน็ แหลง่ ปลกู ขา้ วรายใหญข่ องโลก โดยไทยและเวียดนาม ครูเกริ่นนําเก่ยี วกับสภาพสงั คมและวัฒนธรรม เปน็ ผสู้ ง่ ออกขา้ วอนั ดบั ตน้ ๆ บางประเทศ เชน่ มาเลเซยี บรูไน อนิ โดนเี ซยี มที รพั ยากรนา�้ มนั มาก ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตพ อสงั เขป เมียนมามีปา่ ไมแ้ ละอญั มณ ี ซงึ่ นอกจากจะมีวตั ถุดบิ มาก ตน้ ทุนต�่าแล้วยังมีแรงงานทง้ั มีฝีมือและ จากนน้ั ต้งั คาํ ถามเพ่อื ใหนักเรียนอธิบายความรู เชน มีค่าแรงถูกอยู่มาก ท�าให้มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาต้ังโรงงานอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท เชน่ อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ โรงงานประกอบรถยนต์ ผลิตเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ เปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ าม • ความเชือ่ ดั้งเดมิ ของชนพืน้ เมอื งในภูมภิ าค บางประเทศ คอื ลาว กมั พชู า และเมยี นมา มฐี านะทางเศรษฐกจิ ไม่ดแี ละสาธารณปู โภคพนื้ ฐาน เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตก อ นจะมีการนับถือ ยงั ไมไ่ อดยม้ ่าางตไรรฐกา็ตนากมย็ งั กคางรพรึง่ วพมากเกันษเปต็นรกปรรระมชแาลคะมกอาารเทซ่อียงนเท ย่ีเขวตเปก็นาหรคล้าักเสรี 1และความร่วมมือทาง ศาสนาตา งๆ เปน อยางไร เศรษฐกิจกับประเทศนอกภูมิภาค เช่น กลุ่มเอเปก ก็ท�าให้มีความร่วมมือเพ่ือพัฒนาเศรษฐกิจ (แนวตอบ นับถอื ส่ิงศกั ดิส์ ทิ ธิ์ ธรรมชาติ ทง้ั ในและนอกภมู ภิ าคเพมิ่ มากขนึ้ และทา� ใหม้ อี า� นาจตอ่ รองทางการคา้ กบั ประเทศตา่ งๆ เพมิ่ ขนึ้ ดว้ ย และภูตผปี ศาจ) ๓) สังคมและวัฒนธรรม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นดินแดนที่มีผู้คนตั้งถิ่นฐาน • เพราะเหตใุ ดเวียดนามจงึ ไดร ับอทิ ธิพลของ อารยธรรมจนี มากกวาอินเดีย มานาน ชนพน้ื เมอื งมวี ฒั นธรรม มคี วามเชอื่ และภาษาของตนเอง ความเชอื่ ดง้ั เดมิ คอื การนบั ถอื (แนวตอบ เพราะทาํ เลที่ตัง้ ทอ่ี ยูตดิ กบั จนี และ สิง่ ศักดสิ์ ิทธิ์ นับถอื ธรรมชาติและผี ตอ่ มาเม่ือมีการตดิ ต่อกบั อนิ เดยี จีน และอาหรบั กท็ า� ใหไ้ ดร้ ับ เคยถกู จนี ปกครองมาเปน เวลาประมาณพันป อารยธรรมของชาตเิ หลา่ นนั้ เขา้ มาผสมผสาน ไมว่ า่ จะเปน็ ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ด ู พระพทุ ธศาสนา จึงทําใหอ ารยธรรมจีนฝงรากลกึ ในเวียดนาม) และศาสนาอสิ ลาม รวมทง้ั ภาษา วรรณกรรม กฎหมาย ธรรมเนยี มประเพณีในราชสา� นกั ประเพณี พธิ ีกรรมทางศาสนา รูปแบบการด�าเนินชีวติ เชน่ อาหาร การแตง่ กาย ส่ิงของเคร่อื งใช้ ทัง้ จาก อนิ เดีย จีน และอาหรบั ทตี่ ง้ั และสภาพทางภมู ศิ าสตรย์ งั มผี ลตอ่ การรับอารยธรรมแตกต่างกัน เช่น เวียดนาม เป็น ประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ีรับ อารยธรรมจนี อย่างลกึ ซง้ึ เพราะอยตู่ ดิ กับจีน เคยถกู จนี ปกครองประมาณพนั ป ี อารยธรรมจนี จงึ ฝงั รากลกึ ในเวียดนาม เช่น ชนชั้นปกครองและปัญญาชน เวียดนามนับถือลัทธิขงจื๊อแบบจีน ประชาชนนับถือ พระพทุ ธศาสนานิกายมหายานจากจนี ส่วนประเทศ อ่ืนๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รับอารยธรรมจาก อนิ เดยี มากกวา่ จนี 2 เจดยี ว์ ดั เทยี นมู่ เมอื งเว้ ประเทศเวยี ดนาม เปน็ วดั ในพระพทุ ธศาสนา นิกายมหายาน 133 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู การตดิ ตอ กบั ตางชาติ เชน อินเดีย จีน สงผลตอ วถิ ีชีวติ ของชาวเอเชีย 1 เขตการคาเสรี (Free Trade Area : FTA) เปนความตกลงระหวาง 2 ประเทศ ตะวันออกเฉยี งใตอยางไร ขึน้ ไป โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ พอื่ ลดอุปสรรคทางการคา ใหเหลือนอ ยทสี่ ดุ เพอ่ื ใหเกดิ แนวตอบ ทําใหอ ารยธรรมตางชาตโิ ดยเฉพาะอินเดยี และจีนเขา มามีอิทธพิ ล การคา เสรีระหวางกัน และในปจจุบนั ประเทศตา งๆ ก็ไดพ ยายามขยายขอบเขตของ ตอวิถกี ารดาํ เนนิ ชวี ิตของประชากร ไมว าจะเปน ดา นการเมอื งการปกครอง FTA ใหครอบคลุมการคา และการบริการ เชน การปกครองแบบเทวราชา ระบบการสอบคัดเลือกเขา รบั ราชการ 2 วัดเทียนมู เปนวดั โบราณทีส่ วยที่สดุ ของเมืองเว ซง่ึ มเี จดียท่ีเปนทรงแปดเหลีย่ ม ดา นเศรษฐกิจ เชน การผลติ เครอื่ งสังคโลก การคา ผา ไหม ดา นอกั ษรศาสตร 7 ชน้ั แตละชั้นหมายถงึ ชาติภพตา งๆ ของพระพทุ ธเจา โดยไดรบั อิทธพิ ลทาง เชน ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ดานศาสนา เชน การนบั ถอื พระพุทธศาสนา สถาปต ยกรรมจนี ผสมกับความเชอ่ื ของพระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน ทางดา นซา ย ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ลัทธิขงจอ๊ื ลัทธิเตา การสรางพระพุทธรูป วัด เจดยี และดานขวาของเจดยี เปนทตี่ ง้ั ของศลิ าจารึก และระฆังสาํ ริดขนาดใหญซง่ึ หนกั โบสถ วิหาร เปน ตน 2,000 กิโลกรัม สว นทางดา นหลังของเจดียเ ปน ประตทู างเขาสูบรเิ วณภายในวัด โดยมีรูปปนเทพเจา 6 องค คอยยืนเฝาปกปองมิใหค วามชัว่ เขามาแผวพาน คมู ือครู 133
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู ครูและนักเรยี นสรุปความรูเ กย่ี วกับทีต่ ้ังและ อกี ตัวอย่างหนง่ึ คือ ประเทศลาวตงั้ อยู่ในบริเวณที่ สภาพทางภมู ศิ าสตรท มี่ ผี ลตอพัฒนาการของ ไม่มีทางออกสู่ทะเลและถูกล้อมรอบด้วยประเทศอ่ืน ลาว ภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใตใ นดา นตางๆ จึงไม่อยู่ในฐานะเมืองท่าท่ีต่างชาติจะเข้ามาติดต่อค้าขาย เพอ่ื เปนการทบทวนความรูทั้งหมด ขยายความเขา ใจ Expand และมีการติดต่อกับภายนอกน้อยกว่าอาณาจักรอื่นๆ วฒั นธรรมจากภายนอกจึงเข้าไปถงึ ช้า แต่มขี ้อดีคือ ทา� ให้ สามารถรักษาวัฒนธรรมพ้ืนเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของตน ครูใหน กั เรียนชว ยกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั ไวไ้ ดม้ ากกวา่ ประเทศทอี่ ารยธรรมตา่ งชาตเิ ขา้ ถงึ ไดส้ ะดวก ความสําคญั ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตท ีม่ ี ท้ังน้ีสังคมของรัฐโบราณในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอโลกตงั้ แตอ ดีตจนถงึ ปจจบุ ัน แลวสรปุ ผลลง จะแบง่ คนออกเปน็ ชนชน้ั ปกครอง และชนชน้ั ผถู้ กู ปกครอง สมุดจดงานสง ครผู ูสอน ชำวหลวงพระบำง ประเทศลำว ในปจจุบัน โดยมีศาสนสถานเป็นศูนย์รวมของคนในชุมชน พระสงฆ ์ ยงั คงมีวิถีชีวิตแบบดัง้ เดิม โดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ นักบวช และผ้มู ีความรทู้ างศาสนา เปน็ ผู้ได้รบั การยกย่อง (แนวตอบ เชน เปนแหลงการคาเครื่องเทศท่สี ําคญั วถิ ชี วี ิตท่ผี กู พนั กบั พระพุทธศำสนำ นบั ถอื มาก และมีทรพั ยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ เชน ปา ไม สินคา ของปา ซง่ึ เปนท่ตี อ งการของพอ คาตา งชาติ ศิลปกรรมแขนงต่างๆ ในภมู ภิ าคส่วนใหญส่ รา้ งข้นึ จากความศรทั ธา นอกจากน้ยี งั เปน ภูมภิ าคท่ีมีผูคนมาตง้ั ถน่ิ ฐานและ ในศาสนา เช่น นครวัด - นครธมในกัมพูชา บุโรพุทโธในอินโดนีเซีย สรางสมความเจริญมาเปนเวลายาวนาน ซงึ่ ความ เจดยี ์ชเวดากองในเมยี นมา พระบรมธาตเุ จดยี ์ในไทย เปน็ ตน้ เจรญิ ตางๆ ไดเ ปน มรดกตกทอดแกคนรุน หลงั และ คร้ันถึงพุทธศตวรรษท่ี ๒๔ อารยธรรมตะวันตกได้แพร่เข้ามา กลายเปนแหลง มรดกโลกในปจจบุ นั เชน บุโรพุทโธ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าสมัยอ่ืน โดยเฉพาะการศึกษาแบบ ปรมั บานันในประเทศอินโดนเี ซีย เมอื งโบราณฮอยอนั กสามรยั ปใกหคมร่ กอาง รแแลพะทควยา์ ศมิลยปตุ วธิ ิทรรยมาใกนาสรงัตคะมวนั ศตากส นแานควรคสิ ดิ ตเ ์1กส่ียง่ วผกลับใหกส้าภรเามพอื ง ในประเทศเวียดนาม เปน ตน) ตรวจสอบผล Evaluate สังคมของภูมิภาคเปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ท�าให้ ชนชน้ั กลางมบี ทบาทสงู ในสงั คมแทนทข่ี นุ นาง ขา้ ราชการ การรบั 1. ครูตรวจสมุดจดงานของนักเรยี น วฒั นธรรมท่หี ลากหลายจากภายนอกเขา้ มาผสมผสานกับ 2. ครูสังเกตพฤติกรรมความมสี วนรว มในการตอบ วัฒนธรรมท้องถ่ิน ท�าให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีวัฒนธรรมแบบผสมผสาน และมีเอกลักษณ์ คาํ ถามและการแสดงความคดิ เห็นของนักเรียน เปน็ ของตนเอง พระเจดีย์ชเวดำกองในกรุงย่ำงกุ้ง ประเทศเมียนมำ เปน็ พทุ ธสถำนทปี่ ระชำชนใหค้ วำมเคำรพนบั ถอื มำก 134 นักเรยี นควรรู กิจกรรมทา ทาย 1 ศาสนาครสิ ต โดยประชากรสว นใหญใ นประเทศฟล ปิ ปน สก บั ตมิ อร- เลสเต ครูใหน กั เรียนจัดทาํ ตารางหรอื ผงั กราฟกแสดงอิทธพิ ลทางภูมิศาสตร จะนบั ถอื ศาสนาครสิ ตน กิ ายโรมนั คาทอลกิ เหตผุ ลหนง่ึ มาจากการทป่ี ระเทศเหลา นี้ ท่มี ตี อ พฒั นาการของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใตท งั้ ทางดา นการเมือง เคยอยใู ตก ารปกครองของชาตติ ะวนั ตกมากอ น กลา วคอื ฟล ปิ ปน สเ คยอยใู ตอ ทิ ธพิ ล การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวฒั นธรรม โดยนักเรียนอาจคน ควา ภาพ ของสเปน สว นตมิ อร- เลสเตอยใู ตอ ทิ ธพิ ลของโปรตเุ กสกอ นทอ่ี นิ โดนเี ซยี จะเขา มา หรือขอ มูลเพิ่มเตมิ จากแหลงการเรยี นรตู างๆ ตามความสนใจ ยดึ ครองในภายหลงั มมุ IT ศึกษาคน ควาขอมลู เพมิ่ เติมเกยี่ วกับภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ไดท ี่ http://www.seas.arts.tu.ac.th เว็บไซตโ ครงการเอเชียตะวันออกเฉยี งใตศกึ ษา 134 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Engage กระตนุ ความสนใจ ò. ¾Ñ²¹Ò¡Òâͧ»ÃÐà·Èã¹ÀÙÁÀÔ Ò¤àÍàªÕµÐÇ¹Ñ ÍÍ¡à©Õ§㵌 ครนู าํ ภาพโบราณวตั ถุหรอื โบราณสถานทสี่ ําคญั ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตมา ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตม ผี คู นตง้ั ถนิ่ ฐานมานบั หมน่ื ป และมกี ารกอ ตงั้ เปน อาณาจกั ร ใหน ักเรยี นดู จากนั้นตัง้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ มานานกวา ๑,๐๐๐ ปแลวในเกือบทุกสวนของภูมิภาค เชน ทวารวดี พุกาม ศรีวิชัย กัมพูชา ของนักเรียน เชน เปนตน อีกท้ังมีความรุงเรืองอยางสูง เมื่อชาติตะวันตกเขามาคาขาย และลาอาณานิคม หลาย อาณาจักรยกเวนไทยตางตกเปนอาณานิคมของชาติตะวันตก คือ อังกฤษ ฝร่ังเศส ฮอลันดา • นกั เรียนรูจกั ภาพใดบา ง (เนเธอรแ ลนด) สเปน และสหรฐั อเมรกิ า หลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ กลมุ ประเทศอาณานคิ มทงั้ หลาย • ภาพดังกลาวอยใู นประเทศใด ตางไดรับเอกราช และพยายามพัฒนาประเทศตามพ้ืนฐานและความสามารถของตน ปจจุบัน ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต ๑๐ ประเทศไดรวมกันเปนประชาคมอาเซียน เพื่อ และมคี วามสาํ คญั อยา งไร ชวยเหลือและรวมมือกันในดานตางๆ เพ่ือใหเกิดความเขาใจพัฒนาการของประเทศในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต จึงแบงการอธิบายออกเปนสมัยโบราณ สมัยใหม และสมัยปจจุบัน สาํ รวจคน หา Explore ดังตอไปน้ี ครูใหน ักเรยี นแบง ออกเปน 3 กลุม คละกัน ๒.๑ พัฒนาการในสมยั โบราณ ตามความสามารถ เพื่อศกึ ษาเกี่ยวกบั พัฒนาการ ของประเทศในภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต เอเชียตะวันออกเฉียงใตมีผูคนอยูอาศัยมานาน หลักฐานท่ีเกาแกที่สุด คือ โครงกระดูก จากหนังสือเรยี น หนา 135-145 และจากแหลง มนษุ ยช วาพบที่รมิ ฝงแมน ้าํ โซโลใกลเ มืองตรินิล (Trinil) บนเกาะชวา มีอายปุ ระมาณ ๕๐๐,๐๐๐ ป การเรียนรตู างๆ เพิม่ เติมในประเด็นตอไปน้ี รลูจว ักงมกาาแรลนวําโแลลหะะเปโดน ยดเนิฉแพดานะนทําี่ไดสสํารราิดงมสารใรชค ค เวชานมเจทรี่ดิญอทงัดซเอทนยี ม1กบั ดนิ แดนอน่ื ในเวลาเดยี วกัน คือ กลมุ ที่ 1 ศึกษาเรือ่ ง พฒั นาการในสมัยโบราณ กลมุ ที่ 2 ศึกษาเรอ่ื ง พฒั นาการในสมยั ใหม กลมุ ท่ี 3 ศึกษาเรือ่ ง พฒั นาการในสมยั ปจ จุบนั ในเวยี ดนาม บา นเชียงในไทย และรูจักการเพาะปลกู คือ รจู กั อธบิ ายความรู Explain การเพาะปลกู ขาว เมอื่ ประมาณ ๖,๐๐๐ ปม าแลว ผูคนของเอเชียตะวันออกเฉียงใตสรางสมความเจริญ ของตนเอง ประกอบกับเอเชียตะวันออกเฉียงใตอยูระหวาง ครูใหน กั เรียนกลมุ ท่ี 1 สง ตัวแทนออกมานําเสนอ เสนทางการคาอินเดียกับจีน จึงไดรับอิทธิพลทางอารยธรรม รายงานหนาชนั้ เรยี น จากนน้ั เปดโอกาสใหเพอื่ นๆ จากสองอารยธรรมใหญ คอื อารยธรรมจนี ทางดานตะวันออก กลมุ อืน่ ทสี่ งสยั ซกั ถามจนเกดิ ความเขาใจ ซึง่ มอี ิทธพิ ลตอ เวียดนามมาก และวฒั นธรรมอินเดียทางดาน ตะวันตก ซ่ึงมอี ิทธิพลตอพมา ไทย ลาว และกมั พชู า สาํ หรับ อินโดนีเซียและมาเลเซีย ไดรับอิทธิพลในระยะแรก สวน ฟล ปิ ปนส อารยธรรมอินเดยี และจีนยังแผเ ขาไปไมถ งึ สําหรับอารยธรรมอินเดียกอใหเกิดพัฒนาการทาง ประวัติศาสตรข้ึนมาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต คือ การตั้ง กลองมโหระทึกสําริด พบที่เวียดนาม อาณาจกั รตามแบบอินเดีย และเครื่องมือสําริด พบที่บานเชียง อาํ เภอหนองหาน จงั หวัดอดุ รธานี ๑๓๕ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉยี งใต ปจ จัยใดท่มี ีความหลากหลายมากทสี่ ุด ครูอาจใชเ ทคนิคการสอนแบบรวมมอื โดยใหน ักเรียนแบง หนา ท่ีกนั ทํางาน 1. ศาสนา ตามที่ไดรบั มอบหมาย นักเรียนแตละคนจะมกี ารอภปิ ราย ซักถาม แลกเปลีย่ น 2. กลมุ ชาตพิ นั ธุ ความคิดเหน็ ตลอดจนมีการชว ยเหลือซึ่งกันและกนั เพ่อื ใหทุกคนมีสว นรว มใน 3. สภาพภูมิศาสตร การทาํ งานภายในกลมุ และงานประสบผลสําเร็จอยางมีประสทิ ธภิ าพ 4. การประกอบอาชพี นกั เรยี นควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. กลมุ ชาติพนั ธเุ ปน ปจจัยที่มีความหลากหลาย 1 ดองซอน เปนวัฒนธรรมสมัยกอ นประวัติศาสตรใ นยคุ สําริดตอนปลาย มากที่สดุ ของสังคมเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต โดยนักมานุษยวทิ ยาไดแ บง มีศนู ยกลางอยทู ่ีลมุ แมน า้ํ แดงทางตอนเหนือของเวยี ดนาม วัฒนธรรมนีม้ ีอิทธพิ ล ชาตพิ นั ธุข องคนในภูมภิ าคนีต้ ามเกณฑดานภาษาออกเปน 6 กลุม ใหญ ไดแก ตอ ภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตโดยเฉพาะในคาบสมทุ รมลายตู ้ังแต 1,000-1 ไท-กะได ออสโตรเนเชียน เนกริโต จนี -ทิเบต ออสโตร-เอเชยี ติก และเวียติก ปก อนครสิ ตศักราช เรมิ่ รจู กั การทาํ นา มรี ะบบชลประทาน การเลยี้ งสตั ว การทาํ ประมง นอกจากนยี้ งั มคี วามสามารถในการหลอมสาํ ริด หลกั ฐานสําคัญ คือ กลองมโหระทึกดองซอน คูมอื ครู 135
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูสนทนากบั นักเรยี นเพอื่ ใหเขาใจวาพฒั นาการ ฟชูนอื่ นัอ า1(ฝณู้หานจากัน)ร อาณาจกั รสําคญั ท่ีได้รบั อิทธพิ ลอารยธรรมอนิ เดยี ของภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตเร่มิ ต้งั แตการ ท่ีต้ัง ชว่ งเวลา/เหตกุ ารณส าํ คัญ ต้งั ถ่ินฐานของชุมชนในสมยั กอนประวตั ิศาสตร และไดส รางสมความเจรญิ จนพฒั นาเปน กมั พูชา พุทธศตวรรษที่ ๗ - ๑๒ ฟูนันหมดอ�านาจ เพราะเกิดความ อาณาจกั รตา งๆ โดยไดรบั อิทธิพลจากวฒั นธรรม แตกแยกข้นึ ภายใน อาณาจักรขอมหรือเขมรข้ึนมาแทนที ่ ตางชาตเิ ขา มาผสมผสานกับวฒั นธรรมด้ังเดิม ของตนเอง โดยเฉพาะอนิ เดยี และจีน จามปา เวยี ดนามตอนกลาง พทุ ธศตวรรษท่ ี ๘ - ๑๕ ได้รบั อทิ ธิพลทางอารยธรรมจากอนิ เดีย มีการท�าสงครามกับขอมและเวียดนาม หมดอ�านาจเพราะแพ้ 2. จากนัน้ ครูตงั้ คาํ ถามใหน กั เรยี นตอบวา อาณาจกั ร เวยี ดนาม โบราณในดินแดนเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตใดบา ง ท่ไี ดรับอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดยี ศรวี ชิ ยั เกาะสมุ าตราและ ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๓ - ๑๙ เป็นอาณาจักรท่ีรุ่งเรืองทาง (แนวตอบ เชน อาณาจักรฟนู นั อาณาจกั รเจนละ ทางใต้ของไทย การค้า อาณาจกั รขอมหรอื เขมรในกัมพชู า อาณาจักร ตลอดแหลมมลายู พกุ ามในพมา อาณาจักรจามปาในเวียดนาม อาณาจกั รมัชปาหติ อาณาจกั รมะตะรมั ใน ขอมหรือเขมร กมั พูชา ในชว่ งศตวรรษท ่ี ๑๒ - กลางพทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๔ เรยี กวา่ “อาณาจกั ร อนิ โดนเี ซีย เปน ตน) ศรเี กษตรและพุกาม พม่า เจนละ หรอื เจนิ้ ลา่ ” ตงั้ แตก่ ลางพทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๔ คอื อาณาจกั ร ขอมสมยั เมอื งพระนคร หรอื เมอื งนครหลวงสนิ้ สดุ อา� นาจในปลาย ทวารวดี ไทย พุทธศตวรรษท่ี ๒๐ มีการสร้างศาสนสถานท่ีใหญ่โต สวยงาม มากมาย มกี ษตั รยิ ท์ ยี่ ง�ิ ใหญ ่ คอื พระเจ้าสรุ ิยวรมนั ท ่ี ๒ ผสู้ รา้ ง นครวัด และพระเจา้ ชยั วรมนั ท ี่ ๗ ผู้สร้างนครธม พุทธศตวรรษท่ี ๘ - ๑๙ เริ�มจากอาณาจักรปยุหรือศรีเกษตรที่ นบั ถอื พระพุทธศาสนา ตอ่ ดว้ ยอาณาจักรพุกามในทางเหนอ� ของ พม่า พุทธศตวรรษท่ี ๑๕ ส่วนทางใต้เป็นอาณาจักรมอญ ออนาณริ ทุ าธจ ์2ักซรง�ึ พทุรกงาขมยมาีกยอษา�ัตนราิยจ์ทไดี่ยก้�ิงวใหา้ งญให่ ญค ื่อท รพงทรา�ะนเจบุ ้าา� อรโงุ นพรรธะาพหทุ รธือ- ศาสนา และเป็นผ้สู ร้างเจดีย์ชเวชิกอน พทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๑ - ๑๖ เปน็ สมยั ท่พี ระพทุ ธศาสนารุ่งเรืองมาก โดยเผยแผ่ถึงทุกภาคของไทย มะตะรมั เกาะชวา พุทธศตวรรษท่ ี ๑๔ กษตั รยิ ์แห่งราชวงศ์ไศเลนทรส์ ร้างบุโรพทุ โธ อินโดนเ� ซยี พระเจา้ ทักษาแหง่ ราชวงศ์สัญชยั สรา้ งปรมั บานัน 136 ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกบั อทิ ธพิ ลของอารยธรรมตา งชาตติ อดนิ แดน นกั เรียนควรรู เอเชียตะวันออกเฉียงใต อารยธรรมใดเปน รากฐานที่สาํ คัญทสี่ ดุ ของดินแดนเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต 1 ฟูนนั เปน คาํ มาจากภาษาเขมรโบราณ (ขอม) วา “บนัม” และภาษาเขมร 1. จีน ปจ จบุ ันวา “พนม” แปลวา ภูเขา เร่อื งราวของอาณาจกั รฟูนนั ทราบไดจากบนั ทกึ 2. อินเดีย ของราชทตู จนี ซึ่งเขา มายังดนิ แดนน้เี มือ่ ประมาณปลายพทุ ธศตวรรษท่ี 8 ฟนู นั ได 3. อิสลาม รับวัฒนธรรมอนิ เดียทง้ั รูปแบบการปกครอง สงั คมและวฒั นธรรม มเี มอื งทาสาํ คัญ 4. กรีก-โรมัน คอื เมอื งออกแกว (Oc-EO) (อยูในเวยี ดนามปจจบุ นั ) เปน แหลง รายไดสาํ คญั วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะหลกั ฐานทพี่ บสวนใหญเปนหลกั ฐาน ฟนู นั เสื่อมอํานาจลงเมือ่ ตกอยูภายใตการปกครองของอาณาจักรเจนละ ท่ีเกย่ี วขอ งกับศาสนาที่รบั มาจากอนิ เดีย ทง้ั ศาสนาพราหมณ-ฮินดู เชน 2 พระเจา อโนรธาหรอื อนริ ทุ ธ ทรงปกครองพกุ ามในชวง พ.ศ. 1587-1620 ศวิ ลงึ ค เทวรปู พระวษิ ณุ พระนารายณ และพระพทุ ธศาสนา เชน พระพทุ ธรูป ทรงรวบรวมกลมุ คนและดนิ แดนตา งๆ ในบรเิ วณลมุ แมน าํ้ อริ วดใี หอ ยภู ายใต วัด เจดีย เทวรปู พระโพธสิ ตั วอ วโลกิเตศวร เปน ตน การปกครองของพกุ าม ดนิ แดนสําคญั ที่พระองคข ยายอํานาจไปปกครอง คอื เมอื งสะเทิมของพวกมอญ ทําใหไ ดรับอิทธิพลของพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท จากดนิ แดนมอญและรับวฒั นธรรมมอญ 136 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู อิทธิพลของอารยธรรมอินเดียท่ีมีต่ออาณาจักรต่างๆ เหล่านี้ คือ แนวความคิดเรื่อง 1. ครซู กั ถามตอ โดยใหน กั เรยี นชว ยกนั ยกตวั อยา ง พระมหากษตั รยิ ท์ เี่ ปน็ เทวราช หรอื กษตั รยิ ผ์ ทู้ รงทศพธิ ราชธรรม กฎหมายตามแนวพระธรรมศาสตร ์ อิทธิพลของอารยธรรมอินเดียทมี่ ีตอ อาณาจกั ร ภาษาสนั กฤตและบาล ี วรรณกรรมเรอ่ื งรามเกยี รตแิ์ ละมหาภารตะ การใชพ้ ทุ ธศกั ราชและจลุ ศกั ราช โบราณตา งๆ ในภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต เแฉบียบงอใยตา่้มงีกศาลิ รปเะล ือสกถราับปอตั ายรกยรธรมรร อมยอา่ ินงเไดรกียต็ าเมพ รจาะะเไหมน็ ่ไไดด้รช้ ับดั รเจะนบวบา่ วผรคู้ รนณใะนซ1ภ่ึงมู เปภิ า็นคกเาอรเชแยีบต่งะแวยนั กอผอู้คกน- (แนวตอบ อทิ ธิพลของอารยธรรมอนิ เดยี มหี ลาย ในสงั คมทต่ี ายตวั เขา้ มา และยงั คงรกั ษาวฒั นธรรม ความเชอ่ื เรอื่ งผสี างวญิ ญาณของตนเองไวด้ ว้ ย ดา น ทง้ั ดา นการเมอื งการปกครอง เชน แนวคิด ต ้งั แตต่ อ้นิทพธุทิพธลศขตอวงรอราษรทย่ี ธ๑ร๙รม เอปิน็นเตด้นียมทาี่ม ีตเพ่ออราาะณกาาจรักทรศี่ ตา่าสงนๆา อใสิ นลเาอมเชเ2ผียยตแะผวัน่เขอ้าอมกาเทฉาียงงหใมตเู่้เกสาื่อะมขลองง เทวราชา ท่ีเชอ่ื วาพระมหากษตั ริยค ือเทพเจา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการรุกรานของพวกมองโกลท่ีปกครองจีนต่ออาณาจักรต่างๆ ท่ีรับ อวตารลงมา หรือธรรมราชา ที่พระมหากษตั ริย อารยธรรมอินเดีย รวมถึงเกาะชวา ทรงใชท ศพิธราชธรรมเปน หลักในการปกครอง ส�าหรับอาณาจักรเวียดนาม จีนปกครองเวียดนามเป็นเวลาประมาณ ๑,๐๐๐ ปี จนปลาย ดา นวรรณกรรม เชน เรอื่ งรามเกยี รต์ิ ดา นภาษา พทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๖ จงึ เปน็ อสิ ระจากจนี มกี ารสู้รบกับพวกจาม จนพวกจามพา่ ยแพอ้ ยา่ งเด็ดขาด เชน ภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต ดา นศาสนา ใน พ.ศ. ๒๐๑๔ เชน การนบั ถอื ศาสนาพราหมณ- ฮินดู หลงั จากอาณาจกั รทร่ี บั อารยธรรมของอนิ เดยี เสอ่ื มและหมดอา� นาจไป ดนิ แดนตา่ งๆ ก็มกี าร พระพทุ ธศาสนา เปนตน ) กอ่ ตง้ั อาณาจกั รขน้ึ มาใหม ่ โดยทอี่ ารยธรรมอนิ เดยี มคี วามสา� คญั ลดลงไป เชน่ ราชวงศต์ องอูในพมา่ อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรอยุธยาในไทย เป็นต้น พอถึงกลางพุทธศตวรรษท่ี ๒๑ ภูมิภาค 2. ครูสนทนากบั นักเรยี นจนเขาใจวา นอกจาก เอเชยี ตะวันออกเฉียงใตเ้ ร่มิ มีการเปล่ียนแปลงจากการเข้ามาของชาติตะวนั ตก อารยธรรมอนิ เดียแลว ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก- เฉยี งใตยังไดรบั อิทธิพลจากอารยธรรมจีนและ เสน เวลา อิสลาม กอ นการเขามาของชาติตะวนั ตก แสดงอทิ ธพิ ลของอารยธรรมตา งชาตติ อ ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต จากน้นั ครใู หนักเรยี นไปคน ควา อารยธรรมจีน และอสิ ลามเพมิ่ เติม แลว บอกวา อทิ ธพิ ลของ อารยธรรมจนี และอสิ ลามทม่ี ผี ลตอ อาณาจกั ร โบราณตา งๆ ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต มอี ะไรบา ง โดยยกตวั อยา งมาพอสงั เขป ราวพุทธศตวรรษที่ 7 อำรยธรรมอนิ เดยี เขำ้ มำ ราว ุพทธศตวรรษ ี่ท 21 ชำติตะวนั ตกและ ยกเว้นเวยี ดนำมท่ีได้รบั ครสิ ต์ศำสนำเข้ำมำ อำรยธรรมจำกจีน พทุ ธศตวรรษท่ี ๕ ๑๐ ๑๕ ๒๐ ๒๕ ศำสนำอิสลำมเผยแผเ่ ขำ้ มำ ราว ุพทธศตวรรษที่ 19 137 กจิ กรรมทา ทาย นักเรยี นควรรู ครใู หนกั เรียนคน ควา เพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั การเขามาของศาสนาอิสลามใน 1 ระบบวรรณะ วรรณะ แปลวา สีผวิ ซึง่ ชาวอารยันท่ีรกุ รานอินเดียไดนํามาใช ภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตจ ากแหลงการเรียนรตู างๆ จากน้ันให ในการแบง ชนช้นั ทางสงั คมของอนิ เดีย แตล ะวรรณะจะมีสถานะทางสังคมไม แสดงความคดิ เห็นในประเด็นคําถามทีว่ า เพราะเหตุใดศาสนาอิสลาม เทาเทยี มกัน ประกอบดว ย 4 วรรณะ ไดแ ก พราหมณ กษัตรยิ แพศย และศูทร จงึ ประสบความสําเร็จในการเผยแผศ าสนาจนกลายเปน ศาสนาท่ปี ระชากร นอกจากนี้ยังมพี วกนอกวรรณะซ่ึงเกดิ จากการแตงงานขา มวรรณะ โดยทีห่ ญงิ มี ในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตนบั ถอื กนั มากท่ีสุด โดยเขียนคําตอบลง สถานะทางสงั คม (วรรณะ) สูงกวา ชาย คือ หญิงอยใู นวรรณะพราหมณ ชายอยูใ น สมุดจดงานสง ครูผูสอน วรรณะศทู ร บตุ รทเี่ กิดมาจะเรยี กวา จัณฑาล เปนที่รังเกียจของวรรณะอื่น 2 ศาสนาอสิ ลาม ปจ จยั ที่ทําใหศาสนาอสิ ลามเขา มาเผยแผใ นชีวติ ประจําวัน ของประชาชนในบรเิ วณหมูเกาะไดนน้ั เพราะศาสนาอสิ ลามมีหลกั การท่ีเขากนั ไดดี กับวิถชี ีวติ ของผคู น จนทาํ ใหม อี ิทธพิ ลตอ การดาํ รงชวี ิต เชน หลักของศาสนาที่วา อิสลามิกชนทุกคนเปนพน่ี องกนั ตองชว ยเหลอื เก้ือกูลกนั หรอื ในการปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ผนู ําจะเปนบุคคลใดกไ็ ดท ชี่ มุ ชนน้นั ยกขึ้นมา เพราะศาสนาอิสลามไมม ีองคก รสงฆ เปนตน ทําใหศาสนาอิสลามเปนทีน่ ิยมของกษัตรยิ ชนช้นั สงู และสามญั ชน คมู ือครู 137
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูทบทวนความรขู องนกั เรียน โดยสมุ นกั เรียน ในสมัยโบราณ หรืออาณาจกั รยุคโบราณ มพี ฒั นาการทางดา้ นตา่ งๆ ดังนี้ ใหออกมาอธบิ ายถึงพฒั นาการทางดา นตา งๆ ของภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใตสมัยโบราณ ๑) พัฒนาการทางด้านการเมืองการปกครอง มีลักษณะส�าคัญ คือ มีสถาบัน ท่หี นา ชน้ั เรียน กษัตริย์เป็นแกนส�าคัญ ในพม่า ไทย และลาว มีการนบั ถอื พระพุทธศาสนา มี “พระมหากษัตริย์” ในมลายู (มาเลเซีย) 2. ครูใหน กั เรยี นทํากจิ กรรมที่ 5.1 จากแบบวดั ฯ ชวา (อินโดนีเซีย) ซ่ึงนับถือศาสนาอิสลาม มี “สุลต่าน” ประวัติศาสตร ม.1 ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝก ฯ ในเวยี ดนามซง่ึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลอารยธรรมจนี ม ี “จกั รพรรด”ิ หรอื “หวา่ งเด”๋ สว่ นฟลิ ปิ ปนิ สย์ งั ไมไ่ ดร้ วมเปน็ ประเทศมเี พยี งหวั หนา้ ประวตั ศิ าสตร ม.1 กิจกรรมท่ี 5.1 หรอื ผนู้ า� ของแตล่ ะชนเผา่ ในชว่ งเวลานอ้ี �านาจของอาณาจักร หนว ยท่ี 5 พัฒนาการของภมู ภิ าคเอเชย� ตะวันออกเฉียงใต ต่างๆ ข้ึนอยู่กับความเข้มแข็งและความสามารถของประมุข กิจกรรมตามตัวช้วี ดั เช่น พระเจ้าบุเรงนองของพม่า พ่อขุนรามค�าแหงมหาราช คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด ของไทยสมยั สุโขทัย พระเจ้าชัยวรมนั ท่ ี ๗ ของขอมหรอื เขมร กิจกรรมที่ ๕.๑ ใหน กั เรยี นอา นขอ ความทกี่ าํ หนดให แลว ทาํ เครอื่ งหมาย ✓ ลงในชอ งใหส มั พนั ธก นั (สามารถตอบไดม ากกวา ๑ ประเทศ) ñõ (ส ๔.๒ ม.๑/๑) ขอความ ไทย โบราณ เป็นต้น ดังนั้น อาณาจักรสมัยนี้จึงมีการท�าสงคราม พมา ท้ังแย่งชิงอ�านาจภายใน และการสงครามระหว่างอาณาจักร ลาว ต่างๆ อยู่มาก ฝ่ายชนะก็มีการกวาดต้อนผู้คน ยึดทรัพย์สิน ักมพูชา ของมีคา่ รวมทงั้ งานศลิ ปวัตถกุ ลับไปยังบา้ นเมืองของตน เ ีวยดนาม มาเลเ ีซย ๒) พัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจ ลักษณะ สิงคโป ร ิอนโด ีนเซีย ฟลิป ปน ส บรูไน ิตมอ ร - เลสเต ๑. ใชส กลุ เงนิ ดอ ง ✓ พระบรมรำชำนสุ ำวรยี พ์ ระเจำ้ บเุ รงนอง 1 ๒. เมอื งหลวงชอื่ กรงุ ดลิ ี แยกตวั ออกจาก ✓ พระมหำกษตั รยิ ท์ ส่ี รำ้ งควำมเปน็ ปกึ แผน่ อนิ โดนเี ซยี ให้กับพมำ่ ✓ ๓. สงออกขาวเปน อนั ดบั ตนๆ ของโลก ✓ ✓ ✓ ✓✓ ✓ ๔. มกี ารปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ✓ ✓ เฉฉบลับย ๕. ประชาชนสว นใหญน บั ถอื ครสิ ตศ าสนา ✓ ๖. ประเทศทม่ี จี าํ นวนหมเู กาะมากทส่ี ดุ ใน ✓ ภูมภิ าค ✓✓ ส�าคัญ คือ เป็นเศรษฐกิจแบบยังชีพ หรือเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเอง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ๗. ทีต่ ัง้ ของสํานกั งานเลขาธิการอาเซยี น ๘. เคยเปนท่ีต้ังของอาณาจักรศรีวิชัย ✓ การเกษตรมีการทา� นาเป็นหลัก และปลกู พชื ผลอ่ืนกเ็ พอ่ื บรโิ ภคในครวั เรอื น ถา้ มเี หลอื กข็ ายหรอื และเคยเจริญรงุ เรอื งทางการคา ๙. ใชภาษาอังกฤษเปนภาษาประจําชาติ ✓✓ ✓✓ เปล่ยี นเป็นสว่ ยใหก้ ับทางราชการ มีการเลยี้ งสัตว ์ และเกบ็ หาของป่าทง้ั เพ่อื ใช้ประโยชน์และขาย หรอื ภาษาราชการ ๑๐. มศี าสนสถานสําคัญ คอื บุโรพุทโธ ✓ ๑๑. เคยถกู ฝรัง่ เศสเขา ยดึ ครอง ✓✓✓ มีแรงงานคนและสตั ว์ เชน่ โค กระบือ เปน็ แรงงานสา� คญั ในการผลิต ๑๒. พระราชวงั โบราณเมืองเว ✓ เมืองโบราณฮอยอัน การคา้ ในแบบเกา่ มที ง้ั การคา้ ภายในและการคา้ ภายนอก ทส่ี า� คญั คอื การคา้ ทางทะเล ๑๓. ตาํ แหนง ประมขุ สูงสดุ ของประเทศ ✓ ✓✓ ✓ คือ พระมหากษัตริย โดยอาศัยลมมรสุมในการเดินเรือ ตลาดส�าคัญ คือ จีน ญี่ปุ่น ทางด้านตะวันออก และอินเดีย ๑๔. ประเทศผูกอตัง้ อาเซยี น ✓ ✓✓✓✓ ✓ ๑๕. ประเทศในภมู ภิ าคทไี่ มม ที างออกสทู ะเล มเปะอลระ์เกซาีย 2 พทราะนงดค้ารนศตรีอะวยันธุ ยตาก เโปด็นยตเม้นือ สงทิน่าคสา้ �าสค�าัญคญั ใน รเชะยน่ ะ แขรอกงอปย่าู่ท ี่เหกนาังะสสุัตมวา์ ตเรคาร ่ือตง่อเทมศา คพือร กิเมไทือยง ๔๘ ก�ายาน เปน็ ต้น ๓) พฒั นาการดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม ลกั ษณะสา� คญั เปน็ สงั คมชนชน้ั คอื ชนชนั้ ปกครองหรอื มลู นาย กบั ผถู้ กู ปกครอง หรอื ราษฎรสามญั ทาส สว่ นพระสงฆ์ไดร้ บั การเคารพยกยอ่ ง จากสงั คม และผเู้ คยบวชเรยี นมโี อกาสดีในการเลอ่ื นฐานะทางสงั คม ทา� นองเดยี วกนั ในสงั คมมสุ ลมิ ผเู้ คยไปแสวงบญุ ท่นี ครเมกกะ ก็ได้รบั การยกย่องเช่นเดียวกนั 138 นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ลกั ษณะทางเศรษฐกจิ ของภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตใ นขอ ใดทีค่ งอยู 1 พระเจาบุเรงนอง เปนกษตั ริยพ มา พระองคท่ี 3 ในราชวงศต องอู ทรงมี ตง้ั แตส มัยโบราณจนถึงปจ จบุ ัน เกียรตปิ ระวตั ิทางการรบอนั เล่อื งลอื จนไดรับฉายาวา “ผชู นะสบิ ทิศ” กอ นทพ่ี ระองค 1. การแบง ชนช้ันทางสังคมระหวา งเจา นายกับทาส จะเสดจ็ ขึน้ ครองราชย ทรงมีฐานะเปนแมทพั คนสําคญั ของพระเจา ตะเบ็งชะเวต้ี 2. การทาํ สงครามเพ่ือกวาดตอ นผคู นและทรพั ยส ินมีคา สาํ หรบั พระนามของพระเจาบเุ รงนอง ในสาํ เนียงพมาจะออกเสยี งวา บาเยนอง 3. การประกอบอาชีพทางการเกษตรและคา ขายกบั ภายนอก มีความหมายวา พระเชษฐาธิราช และมีพระนามเตม็ วา บาเยนองจอเดงนรธา 4. การปกครองท่ยี ึดพระปรชี าสามารถของกษตั ริยผ เู ปน ประมขุ (ซ่ึงไทยเรยี กเพ้ยี นเปนบุเรงนองกะยอดินนรธา) วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การประกอบอาชพี ทางการเกษตรและคาขาย 2 มะละกา ตั้งอยทู างใตข องคาบสมทุ รมลายบู ริเวณชองแคบมะละกา ตรงขา ม กบั ภายนอกยงั คงเปนกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ที่สาํ คัญของภมู ิภาคนใ้ี นปจ จุบนั กับเกาะสุมาตรา มะละกาตงั้ ข้ึนเมื่อประมาณ พ.ศ. 1945 โดยผูคนทีอ่ พยพล้ีภัยมา เม่อื พิจารณาจากสินคาสงออกสําคัญของหลายประเทศ เชน ไทย เวียดนาม จากเกาะสมุ าตรา และไดพัฒนาจนเจริญรุงเรอื งเปน เมืองทา ทดี่ ึงดูดเรือและพอ คา เปน ผูสงออกขา วรายใหญของโลก เปน ตน จํานวนมากจากดินแดนตา งๆ เชน จีน อินเดีย อาหรบั และยุโรป รัฐมะละกาเคย ตกอยูภายใตการปกครองของประเทศตา งๆ ไดแก โปรตเุ กส ฮอลนั ดา และองั กฤษ แตภายหลังสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 มะละกาเขา รวมอยใู นสหพันธรฐั มลายาและกลาย เปนสว นหนึ่งของมาเลเซียเมอ่ื มาเลเซยี ไดร ับเอกราชจากอังกฤษ 138 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2.2 พฒั นาการในสมยั ใหม่ 1. ครูใหน ักเรยี นกลมุ ท่ี 2 สง ตวั แทนออกมา นําเสนอรายงานหนา ชน้ั เรยี น จากน้ันเปด โดยทวั่ ไปถอื วา่ ประวตั ศิ าสตรภ์ มู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตส้ มยั ใหมเ่ รม่ิ ในกลางพทุ ธศตวรรษ โอกาสใหเพ่ือนๆ กลุมอื่นทีส่ งสัยซกั ถาม ท ่ี ๒๑ เมอื่ โปรตเุ กสเขา้ มายดึ ครองมะละกาในมลายหู รอื มาเลเซยี ซงึ่ เปน็ เมอื งทา่ สา� คญั ของภมู ภิ าค จนทกุ คนเกดิ ความเขา ใจ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๕๔ และในปีเดียวกันนั้นโปรตุเกสก็เดินทางถึงหมู่เกาะเคร่ืองเทศและเป็นผู้ผูกขาด การคา้ เครอ่ื งเทศเปน็ เวลานาน โดยมสี เปน องั กฤษ ฮอลนั ดา (เนเธอรแ์ ลนด)์ พยายามเขา้ มาแขง่ ขนั 2. ครเู กรนิ่ นาํ เก่ยี วกบั พฒั นาการในสมยั ใหมใ น ระยะแรกของการแขง่ ขนั ของชาตติ ะวนั ตกในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ มจี ดุ มงุ่ หมายทส่ี า� คญั ชว งท่ีชาติตะวนั ตกเขา มา จากนัน้ ต้งั คําถาม คือ เข้าควบคุมเมืองท่าส�าคัญและแหล่งผลิตเครื่องเทศ ในบริเวณหมู่เกาะของเอเชียตะวันออก- และใหนักเรยี นชว ยกนั ตอบ เชน เฉยี งใต ้ ยกเวน้ ฟิลิปปินสซ์ ่งึ สเปนเขา้ ยึดครองต้งั แตแ่ รกในปลายพทุ ธศตวรรษที่ ๒๑ • ชาตติ ะวนั ตกใดบางท่ีเขา มาขยายอิทธิพลใน พฒั นาการทางประวัติศาสตร์ของหลายประเทศ เช่น พมา่ ไทย กัมพูชา พระมหากษตั รยิ ์ ภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ทรงลดความเป็นเทพเจ้าลง และเป็นธรรมราชามากขึ้น พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็น (แนวตอบ โปรตุเกส สเปน ฮอลนั ดา องั กฤษ ศาสนาท่ีมีความส�าคัญ ยกเว้นในมลายู (มาเลเซีย) อินโดนีเซียท่ีเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ฝร่ังเศส และสหรฐั อเมริกา) ในฟิลิปปินส์ที่นับถือคริสต์ศาสนา และในเวียดนามท่ีนับถือลัทธิขงจ๊ือและพระพุทธศาสนานิกาย • ในชว งแรกทช่ี าติตะวันตกเขามามจี ุดประสงค มหายาน อะไร และแตกตา งจากชว งหลังอยา งไร ดงั ไดก้ ลา่ วมาแลว้ วา่ ชาตติ ะวนั ตกทเี่ ขา้ มายดึ ครองประเทศตา่ งๆ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (แนวตอบ ในชว งแรกมจี ดุ ประสงคเ พือ่ การคา เร่ิมจากการยึดครองเมืองท่าและแหล่งผลิตเคร่ืองเทศก่อน ดังน้ัน จึงท�าให้บริเวณที่เป็นหมู่เกาะ เครือ่ งเทศและการเผยแผคริสตศาสนา แต ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของชาติตะวันตก โดยฮอลันดาค่อยๆ ขยายอิทธิพลเข้าครอบครอง ในชว งหลงั เพ่อื เขา ยดึ ครองดนิ แดนตา งๆ อินโดนีเซียแทนโปรตุเกส อังกฤษขอเช่าเกาะสิงคโปร์จากสุลต่านแห่งยะโฮร์ และเม่ือ พ.ศ. เปนอาณานิคม เพราะตองการไดทรพั ยากร ๒๓๖๗ ได้ทา� สนธสิ ญั ญากบั ฮอลนั ดาแบง่ เขตอิทธิพลกันในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ โดยฮอลนั ดา และกาํ ลงั คนไปใช เนือ่ งจากการปฏิวัติ จะมอี ทิ ธพิ ลตง้ั แต่ใตเ้ กาะสงิ คโปรล์ งไป สว่ นองั กฤษมอี ทิ ธพิ ลเหนอื เกาะสงิ คโปรข์ น้ึ มา หลงั จากนนั้ อตุ สาหกรรมและการเกดิ ระบบทนุ นยิ มใน องั กฤษไดข้ ยายอทิ ธพิ ลเขา้ สูม่ ลาย ู จนมีอา� นาจการปกครองเหนอื มลายูทัง้ หมด ยุโรป) ในปีเดียวกันกับท่ีอังกฤษท�าสนธิสัญญากับฮอลันดา อังกฤษเร่ิมท�าสงครามคร้ังแรกกับ พม่า ซึ่งท�าให้พม่าเริ่มเสียดินแดนบางส่วนให้อังกฤษ และในครั้งท่ี ๓ พม่าต้องสูญเสียเอกราช ใหแ้ กอ่ ังกฤษใน พ.ศ. ๒๔๒๘ และถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนงึ่ ของจักรวรรดิอินเดียของอังกฤษ สว่ นฝรง่ั เศสไดท้ า� สงครามกบั เวยี ดนาม เมอื่ พ.ศ. ๒๔๐๑ เวยี ดนามแพต้ อ้ งทา� สนธสิ ญั ญาใน พ.ศ. ๒๔๐๕ ยกดินแดนเวียดนามตอนล่างที่เรียกว่า “โคชินไชน่า” (Cochin-China) ให้ฝร่ังเศส พร้อมกับเปิดเมืองท่าและต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม และให้ฝร่ังเศสมสี ทิ ธเิ ดนิ เรอื ในแมน่ �้าโขง จากนนั้ ฝรงั่ เศสไดข้ ยายอา� นาจตอ่ ไป จนไดเ้ วยี ดนามทงั้ หมดใน พ.ศ. ๒๔๒๘ นอกจากน ี้ ฝรง่ั เศสยงั ขยายอา� นาจเขา้ ไปในกมั พชู าและลาว ซงึ่ เปน็ ประเทศราชของไทย โดย ใน พ.ศ. ๒๔๑๐ ได้เขมรด้านตะวันออก พ.ศ. ๒๔๓๖ ได้ดนิ แดนลาวส่วนใหญ่ และตอ่ มาไดก้ ัมพชู า และลาวสว่ นท่ีเหลือจากไทย 139 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู สาเหตุทช่ี าตติ ะวันตกตอ งการไดด นิ แดนมะละกาในมลายเู ปน อาณานคิ ม ครูอธิบายใหนักเรยี นเขาใจเพมิ่ เตมิ วา ชาติตะวันตกท่เี ขา มายึดครองดนิ แดน คืออะไร ตางๆ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตเปนอาณานิคมน้นั มวี ธิ กี ารปกครอง 2 รูปแบบ คอื การปกครองทางตรง โดยประเทศแมจะสง ผสู ําเรจ็ ราชการมาปกครองโดยตรง กบั 1. มีแหลงน้ํามนั ท่มี ีปริมาณมาก การปกครองทางออ ม ท่ปี ระเทศแมยอมใหเจาเมอื งปกครองตนเองได แตยงั ตอ งมี 2. เหมาะในการใชเปนฐานทัพเรือ ท่ีปรึกษา ซึ่งเปนผูส าํ เรจ็ ราชการท่ีประเทศแมสงมา จากการปกครองทงั้ 2 รปู แบบ 3. เปนศูนยก ลางทางการคาและขนสง ประเทศแมจ ะบงั คบั ใหชาวอาณานคิ มปฏิบตั ติ นอยูภายใตกฎหมายและการปกครอง 4. เปน จุดยุทธศาสตรข องการผูกขาดการคา เดียวกัน และในบางเขตกจ็ ะถกู รวมเปน เขตเดียวกนั เพอื่ ความสะดวกในการปกครอง เชน ฝรง่ั เศสไดร วมเขตอาณานคิ มของตน ไดแก เวยี ดนาม ลาว และกมั พชู า วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เมืองมะละกาเปนศูนยกลางทางการคา และ เขาดว ยกนั รวมเรียกวา อนิ โดจีน หรืออังกฤษปกครองพมา โดยรวมใหเปน สวนหน่ึง ของอินเดยี โดยอยภู ายใตการปกครองของผูสาํ เร็จราชการของอินเดีย เปนตน ขนสง ทส่ี าํ คัญในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต เนื่องจากต้งั อยใู นชอ งแคบ มะละกาที่เปน เสน ทางเดนิ เรือคาขายเชอื่ มระหวา งโลกตะวนั ออกกบั ตะวนั ตก อกี ทั้งยังเปน แหลงผลติ สนิ คา สําคัญ เชน เครือ่ งเทศตางๆ จงึ เปนทีต่ องการ ครอบครองของชาตติ ะวนั ตก คูมอื ครู 139
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หน กั เรยี นดตู ารางแสดงการยึดครอง ตารางแสดงการยึดครองดนิ แดนในเอเชียตะวนั ออกเฉย� งใตข้ องชาติตะวนั ตก ดนิ แดนในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต ของชาติตะวันตกจากหนงั สือเรียน หนา 140 ชาตติ ะวนั ตก ดินแดน ไดเ้ อกราช แลวซักถามวา ทเ่ี ขา้ ยดึ ครอง ท่ถี ูกยดึ ครอง • ประเทศในภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตตก เปนอาณานิคมของชาตติ ะวนั ตกใดบา ง อังกฤษ พมา่ พ.ศ. ๒๔๙๑ (แนวตอบ พมา มลายู (มาเลเซีย) สิงคโปร พ.ศ. ๒๕๐๐, พ.ศ. ๒๕๐๖ ก่อตัง้ มาเลเซีย (รวมมลายู บรูไนตกเปน ของอังกฤษ เวยี ดนาม กัมพูชา มลาย ู(มา1เลเซยี ) สิงคโปร ์ ซาบาห ์ (บอร์เนย� วเหนอ� ) และซาราวัก) ลาวตกเปนของฝรง่ั เศส อินโดนเี ซยี ตกเปนของ พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้สทิ ธิปกครองตนเอง ฮอลันดา ฟลปิ ปน สต กเปน ของสหรัฐอเมรกิ า สิงคโปร์ พ.ศ. ๒๕๐๘ สิงคโปร์แยกจากมาเลเซยี เป็นประเทศเอกราช และติมอรตะวันออกตกเปน ของโปรตุเกส) บรูไน พ.ศ. ๒๕๒๗ • ประเทศใดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต ท่ไี มตกเปน อาณานคิ ม ฝรง�ั เศส เวียดนาม พ.ศ. ๒๔๙๗ (แนวตอบ ประเทศไทย) กัมพชู า พ.ศ. ๒๔๙๖ ลาว พ.ศ. ๒๔๙๗ 2. ครูใหนักเรยี นทํากิจกรรมท่ี 5.2 จากแบบวดั ฯ ประวัตศิ าสตร ม.1 ฮอลันดา อนิ โดนเ� ซีย พ.ศ. ๒๔๙๒ สหรฐั อเมรกิ า ฟลิ ปิ ปนิ ส์ พ.ศ. ๒๔๘๙ โปรตเุ กส ติมอรต์ ะวนั ออก พ.ศ. ๒๕๑๙ อนิ โดน�เซียรวมตมิ อรต์ ะวนั ออก พ.ศ. ๒๕๔๕ ติมอรต์ ะวนั ออกเปน็ เอกราช ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ และเปล่ียนชื่อเปน็ ติมอร์ - เลสเต แบบฝก ฯ เสน เวลา ประวัติศาสตร ม.1 กิจกรรมที่ 5.2 การไดร บั เอกราชของดนิ แดนในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตจ ากชาตติ ะวนั ตก หนว ยที่ 5 พฒั นาการของภมู ภิ าคเอเชย� ตะวนั ออกเฉยี งใต พ.ศ. 25๐๐ พ.ศ. 25๐2 กิจกรรมที่ ๕.๒ ใหน กั เรยี นดภู าพธงชาตติ ะวนั ตกตอ ไปนี้ แลว เขยี นชอื่ ประเทศ คะแนนเตม็ คะแนนทไ่ี ด มลายู (มาเลเซยี ) ไดร้ ับเอกรำชจำกอังกฤษ สงิ คโปร ไดส้ ิทธปิ กครองตนเองจำกอังกฤษ ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตท ต่ี กเปน อาณานคิ มลงใน õ พ.ศ. 2491 พ.ศ. 2519 พมา่ ได้รบั เอกรำชจำกอังกฤษ อินโดนเี ซีย รวมติมอรต์ ะวนั ออก ชอ งวางใหถกู ตอ ง (ส ๔.๒ ม.๑/๑) เขา ยึดครอง ....พ....ม....า.....ม....ล....า...ย...ู...(..ม....า..เ..ล....เ..ซ...ยี....).....ส....งิ...ค....โ...ป....ร......บ....ร....ไู ..น........ องั กฤษ พ.ศ. 2489 พ.ศ. 2527 ฝรง่ั เศส ฟลปิ ปน ส์ ได้รับเอกรำชจำกสหรฐั อเมริกำ บรไู น ไดร้ บั เอกรำชจำกอังกฤษ สหรฐั อเมริกา เนเธอรแลนด เขายึดครอง พ.ศ. โปรตุเกส .........................เ..ว..ยี....ด....น....า...ม......ก....ัม....พ....ูช...า......ล....า..ว........................... ๒๔๕๐ ๒๕๐๐ ๒๕๕๐ เขายึดครอง เฉฉบลบั ย พ.ศ. 2492 พ.ศ. 25๐8 พ.ศ. 2545 ฟล ิปปนส........................................................................................................ อินโดนเี ซีย ไดร้ บั เอกรำชจำกฮอลนั ดำ สิงคโปร์ แยกจำกมำเลเซีย ตมิ อร์ พ.ศ. 2496 เปน็ ประเทศเอกรำช ตะวันออก กมั พูชา ได้รบั เอกรำชจำกฝรง่ั เศส ได้รบั เอกรำช เขายึดครอง จำกอินโดนีเซยี อินโดนเี ซีย........................................................................................................ และเปลี่ยนชอื่ 2 เขา ยึดครอง พ.ศ. 2497 พ.ศ. 25๐6 เป็นติมอร์-เลสเต เวียดนามและลาว ไดร้ บั เอกรำชจำกฝร่งั เศส มลายู (มาเลเซยี ) กอ่ ตงั้ มำเลเซีย 14๐ (รวมมลำย ู สงิ คโปร ์ ซำบำห์ (บอร์เนียวเหนอื ) และซำรำวัก) .................................ต...ิม....อ...ร....ต ....ะ..ว...นั.....อ...อ....ก.................................... ๔๙ นักเรยี นควรรู กจิ กรรมทา ทาย 1 สิงคโปร กอนทจี่ ะอยูใตอทิ ธิพลขององั กฤษ เคยตกเปนอาณานิคมของโปรตเุ กส ครใู หนักเรียนศกึ ษาคน ควา เพิ่มเตมิ เก่ียวกบั ประเทศในภูมภิ าคเอเชยี และฮอลันดามากอน ภายหลังอังกฤษขอเชา เกาะสงิ คโปรจ ากสุลตานยะโฮร ตะวันออกเฉียงใตในยคุ จกั รวรรดินิยมมาคนละ 1 ประเทศ โดยกาํ หนดให และตอมาไดป กครองภายใตร ะบบสเตรทส เซทเทิลเมนส (Straits Settlements) มขี อมูลของการตกเปน อาณานคิ มของประเทศน้นั สถานการณข องประเทศ ซงึ่ ใหบ ริษทั อนิ เดียตะวนั ออกของอังกฤษเขาควบคมุ ดแู ลสิงคโปร รวมทงั้ ปนงั และ ขณะเปนอาณานคิ ม และการไดร ับเอกราช แลว จดั ทาํ เปน บันทกึ การศกึ ษา มะละกา ตอมารัฐบาลอังกฤษจงึ ไดเขา มาดแู ลระบบนีเ้ องใน พ.ศ. 2410 สงิ คโปร คนควา สง ครผู ูส อน จึงกลายเปนอาณานคิ มของอังกฤษ 2 ติมอร- เลสเต เดิมคือ ตมิ อรตะวันออก ซง่ึ เคยเปน อาณานิคมของโปรตุเกส ตง้ั แต พ.ศ. 2063 ภายหลงั โปรตุเกสถอนตวั ออกไป อินโดนเี ซยี จงึ ไดสง ทหารเขา ยึดครองตมิ อรต ะวันออก โดยผนวกเขาเปนจังหวดั ท่ี 27 เม่อื พ.ศ. 2518 และ ใน พ.ศ. 2542 ติมอรตะวันออกไดแ ยกตัวเปน อสิ ระและไดร ับเอกราชเมอื่ วันท่ี 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีชื่อเรยี กประเทศอยางเปน ทางการ คอื ติมอร-เลสเต (Timor-Leste) ซ่งึ เปน ช่ือในภาษาโปรตุเกส 140 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู การที่ชาติตะวันตกเขามายึดครองประเทศตางๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต มีทั้งผลดีและ ครูใหนักเรยี นอภปิ รายรวมกนั ถงึ ผลดีและ ผลเสีย ดงั น้ี ผลเสยี ของการที่ชาตติ ะวนั ตกเขา มายึดครอง ประเทศตา งๆ ในภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต ๑) ผลดี ๑. ทาํ ใหค วามขดั แยง และการสงครามระหวา งอาณาจกั รตา งๆ ทมี่ มี านานสนิ้ สดุ ลง (แนวตอบ ผลดี เชน อาจไดรับการสนับสนนุ ๒. คนพ้ืนเมืองสวนหนึ่งมีโอกาสไดรับการศึกษาตามแบบชาติตะวันตก โดยเฉพาะใน ชวยเหลือดา นการเงนิ การทหาร การศึกษา การเกษตร รวมถงึ ไดร บั การถายทอดวทิ ยาการ มลายูและพมา ที่ถูกอังกฤษยดึ ครอง ตางๆ จากประเทศแม ๓. มีการพัฒนาพ้ืนที่ใหเปนแหลงเพาะปลูกขนาดใหญ เพื่อสงเปนสินคาออก เชน ผลเสยี เชน ขาดอิสรภาพ ถกู กดข่ี สญู เสีย การขยายพื้นที่นาเพื่อปลูกขาวในพมา การปลูกยางพาราในมลายูและเวียดนาม การปลูกกาแฟ วัฒนธรรมบางอยา งของชาติ เชน ภาษา ประเพณี ในอนิ โดนีเซีย เปนตน ตา งๆ เปนตน โบราณวัตถมุ คี า ซง่ึ เปนมรดกของ ชาติและทรัพยากรธรรมชาตอิ าจถกู นาํ ออกนอก ๔. กอใหเกิดสํานึกในความเปนชาติหรือชาตินิยมรวมกัน เพื่อเรียกรองหรือตอสูเพื่อ ประเทศ รวมถึงอาจตองสูญเสยี เลอื ดเนื้อจากการ เอกราชของตน ตอสูเพื่อปลดแอกจากประเทศแม เปน ตน ) ๒) ผลเสีย ๑. หลายชาตถิ กู ชาตทิ ปี่ กครองแยง ผลประโยชนเ พอื่ นาํ ไปเลย้ี ง ไปบาํ รงุ บา นเมอื งของ ตนเอง โดยใหความสนใจตอชาวพ้ืนเมืองนอย หรือไมใหความสนใจในการปรับปรุงชีวิตความ เปน อยขู องชาวพ้นื เมอื งใหด ขี ึ้นเทา ทค่ี วร เชน กรณขี องเวยี ดนาม อินโดนเี ซยี เปนตน ๒. หลายชาติไดเอกราชจากการตอสูอยางรุนแรง เชน เวียดนาม อินโดนีเซีย ทําให สูญเสยี ชีวติ ผูค นเปน จาํ นวนมาก สําหรบั เวียดนามแมจะไดรบั เอกราช แตป ระเทศตอ งถกู แบงแยก เปน ๒ สว น คอื เวยี ดนามเหนอื กบั เวยี ดนามใต ตองตอสูเ พอ่ื รวมประเทศอีกหลายป จนกระทัง่ พ.ศ. ๒๕๑๘ จงึ รวมประเทศไดส าํ เรจ็ แตค วามเสยี หายจากสงครามยงั สง ผลตอ เนอ่ื งอกี เปน เวลานาน ของญกี่ปาุนรรไะดหร วบั าเงอสกงรคาชราขมอโงลบกาคงรช้ังาทตี่ิใน๒เอหเชรยีือตสะงวคนั รอาอมกมเหฉายี เงอใเตช ียสบว นูรพหานงึ่ 1(เพกดิ.ศข.นึ้ ๒จ๔า๘กก๔าร-สน๒บั ๔ส๘น๘นุ ) ซึ่งญ่ีปุนมีการเผยแพรอุดมการณ “ทวีปเอเชียสําหรับชาวเอเชีย” เมื่อญี่ปุนเขายึดครองภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใตก ็ไดใชพลังชาตินิยมนส้ี นับสนนุ ญปี่ นุ โฮจมิ นิ ห ผนู าํ คนสาํ คญั ในการทาํ สงครามรวมชาตเิ วยี ดนาม ไดสาํ เรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ ๑๔๑ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู ญีป่ นุ ใชวธิ กี ารใดในการหาแนวรว มในดนิ แดนเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต ครูอาจนาํ วดี ิทัศนส ารคดเี กีย่ วกับชวี ประวตั ขิ องโฮจมิ นิ ห (Ho Chi Minh) มาให เพ่ือรวมรบในสงครามโลกครั้งท่ี 2 นักเรียนดู เพ่ือจะไดร ูแ ละเขาใจเก่ยี วกับนักปฏิวัติชาวเวยี ดนาม ผนู าํ คนสาํ คัญใน แนวตอบ ญปี่ นุ ใชการเผยแพรอ ุดมการณ “ทวปี เอเชยี สําหรับชาวเอเชยี ” การปลดแอกจากการยดึ ครองของฝรงั่ เศสและสามารถรวมชาติเวยี ดนามไดเ ปน ซึ่งขณะนนั้ ประเทศสว นใหญใ นภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใตเปนอาณานคิ ม ผลสาํ เรจ็ โฮจมิ นิ หถ อื เปนรฐั บรุ ุษทช่ี าวเวยี ดนามใหการเคารพอยา งมาก ของชาติตะวันตก ญี่ปนุ จึงใชพลงั ชาตินิยมเพอ่ื ปลกุ กระแสใหช าวเอเชียรวมกนั ตอ สเู พ่อื ปลดแอกจากตา งชาตทิ เ่ี ขา มายดึ ครองดนิ แดน นกั เรยี นควรรู 1 สงครามมหาเอเชียบูรพา เปน สวนหนง่ึ ของสงครามโลกครง้ั ที่ 2 โดยเปน สงครามทีเ่ กิดขึ้นในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกและเอเชยี แปซฟิ ก ในระหวาง สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ญ่ปี ุนไดใชนโยบาย “วงไพบลู ยร ว มกันแหง มหาเอเชียบูรพา” ตอชาติเอเชียตางๆ เพอ่ื ใหห ลุดพน จากอทิ ธพิ ลของชาติตะวนั ตก โดยแบง เปน วงไพบลู ยดา นใน ไดแก ญป่ี ุน จนี แมนจูกัว และ วงไพบลู ยด า นนอก คือ ดินแดน ในแถบเอเชยี ตะวันออกเฉียงใตและหมูเกาะในมหาสมุทรแปซฟิ ก คมู อื ครู 141
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182