กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู (๔) ชุมชนยุคสําริด พบรองรอยชุมชนกสิกรรมท่ีมีพัฒนาการตอเนื่องมาต้ังแต 1. ครซู ักถามนกั เรียนวา เพราะเหตุใดพฒั นาการ ยคุ หนิ ใหมมาถึงยคุ สํารดิ ในเขตจังหวดั แมฮอ งสอน เชียงใหม เชยี งราย นา น อุตรดติ ถ ตาก ลําพูน ของชุมชนโบราณในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื โดยพบวามีการใชทั้งเคร่ืองมือสําริดและหินขัด เครื่องมือเครื่องใชหลายชนิดของชุมชนในภาคน้ี จงึ นา จะมีความเกา แกกวาชุมชนโบราณใน แสดงใหเหน็ วามีการผสมผสานแลกเปล่ียนทางวฒั นธรรมระหวา งชมุ ชนตางๆ ดวย ภาคอนื่ ๆ ของประเทศไทย (แนวตอบ เพราะบริเวณนม้ี สี ภาพภมู ิศาสตรท่ี กาํ ไลสาํ รดิ ขดุ พบทแ่ี หลง โบราณคดบี า นยางทองใต 1 เหมาะแกการต้ังถน่ิ ฐานของมนษุ ยม ากกวา อาํ เภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชยี งใหม แหลง อ่นื กลาวคือ มสี ภาพภูมศิ าสตรเปน กลองมโหระทึกสําริด พบท่ีอําเภอเมือง จังหวัด ทุง หญา ปา โปรง มีแมน ํ้าลาํ คลอง ทําใหม นุษย อุตรดติ ถ สามารถตง้ั หลักแหลงและดํารงชพี อยูไ ด จงึ มี การพฒั นาจากชุมชน หมบู าน ไปสูเมืองซึง่ อยู (๕) ชมุ ชนยคุ เหลก็ ไดพ บแหลง ชมุ ชนโบราณที่ใชเ ครอื่ งมอื ทาํ จากเหลก็ กระจาย ตดิ ท่ี ไมไ ดเ รร อน ดังพบรอ งรอยการอยูอาศยั อยูตามลุม แมน ํ้าสายตา งๆ ในเขตจงั หวดั แมฮ องสอน เชียงใหม เชียงราย นา น อุตรดติ ถ ลําพูน ของมนุษยม าอยา งตอ เนอ่ื ง) หลักฐานทางโบราณคดีตางๆ แสดงใหเห็นวาชุมชนในบริเวณภาคเหนือมี 2. จากนน้ั ครูใหน กั เรยี นชวยกันยกตัวอยาง พัฒนาการชากวาภูมิภาคอื่น แตถึงกระน้ันในภาคเหนือก็มีการตั้งหลักแหลงอยูอาศัยกันอยาง ชุมชนโบราณสมยั กอ นประวตั ิศาสตรใ นภาค ตอ เนือ่ ง และสามารถพัฒนาจากชุมชนเปนบานเมือง เปน แควน และเปน อาณาจักรเชน เดยี วกัน ตะวนั ออกเฉียงเหนือมาพอสังเขป (แนวตอบ เชน ชุมชนโบราณที่บานเชียง จังหวัด ๓) พัฒนาการของชุมชนโบราณบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นท่ี อุดรธานี ชุมชนทีบ่ านนาดี บานโนนนกทา จังหวัดขอนแกน เนนิ อุโลก จงั หวดั นครราชสีมา สวนใหญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปนท่ีราบสูงท่ียกตัวสูงทางตะวันตกและลาดเอียงไปทาง เปนตน) ตะวันออกลงสูแมน้ําโขง ตอนกลางของภาคมีลักษณะเปนแองคลายกนกระทะ มีแมนํ้าชีและ แมน ํ้ามูลไหลผา น มแี นวทวิ เขากนั้ เปนขอบของภาคทางดา นตะวันตกและดา นใต บรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของไทยเปน แหลง ทม่ี มี นษุ ยอ าศยั อยตู ง้ั แตส มยั กอ นประวัตศิ าสตร โดยพบหลักฐานหลายแหง เชน (๑) ชมุ ชนยคุ หนิ เกา ทอ่ี าํ เภอเชยี งคาน จงั หวดั เลย และอาํ เภอดอนตาล จงั หวดั มุกดาหาร พบเครื่องมอื หนิ กะเทาะท่เี ปนเครอื่ งมอื ขุด สบั และตดั (๒) ชุมชนยคุ หนิ กลาง ทอ่ี าํ เภอเชียงคาน จงั หวัดเลย อําเภอดอนตาล จงั หวัด มกุ ดาหาร พบหลักฐานเครอื่ งมอื ขุดและเคร่ืองมอื สบั ตัด ซ่งึ ตอเน่ืองมาจากยุคหินเกา (๓) ชมุ ชนยคุ หนิ ใหม ทบี่ า นโนนนกทา อาํ เภอภเู วยี ง จงั หวดั ขอนแกน พบภาชนะ ดินเผา ลูกปด ทาํ จากเปลอื กหอย ขวานหินขดั หนิ สบั ๕๓ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู การหลอโลหะมีความสาํ คัญตอ ชมุ ชนโบราณสมัยกอนประวตั ิศาสตร 1 กลองมโหระทึกสาํ รดิ กลองมโหระทึกน้นั จะมลี วดลายท่คี อนขา งหลากหลาย อยา งไร ซึ่งลวดลายแตละลายจะมีความหมายทสี่ าํ คัญตอวถิ ชี ีวิตของมนษุ ยใ นสมัยกอน แนวตอบ การหลอโลหะแสดงใหเห็นถึงการพัฒนาทางดานเทคโนโลยี ประวตั ศิ าสตร เชน กบ ปลา เปนสัญลักษณท ่ีเกยี่ วขอ งกับนา้ํ ความอดุ มสมบรู ณ การผลิตเคร่อื งมือเครื่องใชที่มปี ระสิทธิภาพดีกวาเครื่องมือหนิ นอกจากชว ย หรอื พิธกี รรมขอฝน สว นนกยงู อาจเกี่ยวกับความรงุ เรอื งและการคมุ ครอง เปน ตน เพ่ิมผลผลิตแลว ยังทาํ เปนอาวธุ ทีแ่ ขง็ แกรง ซงึ่ มีสวนในการพฒั นาทางสังคม จากชมุ ชนไปสูบ า นเมืองและแควน ในเวลาตอมา มุม IT ศึกษาคนควา ขอมลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับแหลง โบราณคดบี า นโนนนกทา ไดที่ http:// cd.mculture.go.th/vdn/index.php?c=showitem&item=97 เวบ็ ไซตศนู ยขอ มลู กลางทางวฒั นธรรมจงั หวัดขอนแกน คมู อื ครู 53
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหนกั เรยี นดภู าพเคร่อื งปน ดินเผาเขียนสีแดง (๔) ชุมชนยคุ สาํ รดิ ที่บ้านเชียง อา� เภอหนองหาน ซงึ่ พบที่บา นเชียง จากหนงั สือเรยี น หนา 54 จงั หวดั อดุ รธาน ี ซง่ึ ไดร้ บั การประกาศใหเ้ ปน็ มรดกโลก เปน็ แหลง่ แลวใหแสดงความคิดเหน็ วา เคร่ืองปน ดนิ เผา ชมุ ชนสา� รดิ ทเ่ี กา่ แกแ่ ละสา� คญั ทสี่ ดุ ในประเทศไทย สง่ิ ของทพี่ บ มีความสําคัญตอ พฒั นาการของชมุ ชนสมยั กอน คอื ภาชนะดนิ เผาลายเขยี นสแี ดงบนพน้ื สนี วล มที ง้ั ลายเชอื กทาบ ประวตั ิศาสตรใ นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื อยางไร ลายขดู ขดี บนผวิ ขดั มนั โครงกระดกู มนษุ ย ์ โครงกระดกู สตั ว ์ เครอ่ื ง (แนวตอบ มคี วามสําคญั ในฐานะที่เปนหลกั ฐาน ประดบั ทา� จากลกู ปดั สง่ิ ของเครอื่ งใชท้ า� จากหนิ และโลหะ ทางประวตั ศิ าสตรป ระเภทหนึ่ง ท่แี สดงใหเห็นถึง เครอื่ งปนั ดนิ เผาเขยี นสแี ดง พบทบ่ี า้ นเชยี ง จงั หวดั ภาชนะและเคร่ืองมือเครื่องใช้ที่ท�าจากส�าริด แม่พิมพ์ การตง้ั ถิน่ ฐานของชมุ ชนโบราณในสมัยกอน อุดรธานี แสดงพัฒนาการของชุมชนในสมัยก่อน หินทรายท่ีใช้หล่อส�ารดิ ประวตั ศิ าสตร ซึ่งมพี ฒั นาการในดานเทคโนโลยี ประวตั ศิ าสตร์ ในการประดิษฐ์เครือ่ งมอื เคร่ืองใช้ การผลติ เครอ่ื งมือเครือ่ งใช อีกทงั้ เปนภาชนะท่ี เเพชื่อ่นก ารภดาา� รพงชเขีวิตียนสีที่ผาแต้ม 1ผาหมอนน้อย นอกจากน้ียังพบภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ผลติ ขน้ึ เพ่ือประโยชนใชสอยในชวี ติ ประจําวนั อ�าเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ภาพเขียนสีท่ี และมีการตกแตง ลวดลายใหมคี วามสวยงาม) เขาจนั ทนง์ าม อา� เภอสีควิ้ จงั หวดั นครราชสีมา เปน็ ต้น (๕) ชมุ ชนยคุ เหลก็ ชุมชนโบราณที่บ้านเชียง จงั หวดั อุดรธานี นา่ จะเป็นผนู้ �าใน 2. ครูใหนักเรียนคน ควา การทําเครอื่ งปน ดินเผา การใชเ้ หลก็ ก่อนทีอ่ นื่ ซงึ่ จากหลักฐานทางดา้ นโบราณคดีแสดงใหเ้ หน็ วา่ ชมุ ชนท่บี ้านเชียงมีความ ลายเขียนสบี านเชยี งเพม่ิ เตมิ จากแหลงการเรียนรู ก้าวหนา้ ดา้ นโลหกรรมมาก นอกจากทบ่ี า้ นเชยี งแลว้ ยงั คน้ พบเครอื่ งมอื ยุคเหลก็ ในทีอ่ ื่นๆ อีก เช่น ตา งๆ จากนนั้ นําขอ มูลมาอภปิ รายรวมกันใน ทบ่ี า้ นนาด ี บ้านโนนนกทา จงั หวดั ขอนแกน่ เนนิ อโุ ลก จงั หวดั นครราชสมี า เปน็ ตน้ นอกจากน้ี ชั้นเรียน ยงั พบแหลง่ แรเ่ หลก็ ในเขตจงั หวดั เลยทมี่ อี ายุประมาณ ๒,๘๐๐ ปีล่วงมาแล้ว พัฒนาการของชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเก่าแก่กว่าภาคอ่ืนๆ เพราะใน สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตรบ์ รเิ วณนม้ี สี ภาพภมู ศิ าสตรเ์ หมาะสมกวา่ แหลง่ อนื่ คอื มที งั้ ปา่ โปรง่ ทงุ่ หญา้ แมน่ า�้ ลา� คลอง ทร่ี าบสงู เปน็ แหลง่ เกลอื สนิ เธาว ์ ซง่ึ มนษุ ยส์ ามารถตง้ั หลกั แหลง่ และดา� รงชพี อยไู่ ด้ และมีการพัฒนาเข้าสูก่ ารเป็นชมุ ชน หมบู่ า้ น ชุมชนเมอื ง ทอ่ี ยู่ติดท ่ี เพราะจากการสา� รวจช้ันดนิ พบร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับภาคกลางแล้ว ชุมชนใน ภาคกลางมคี วามตอ่ เนื่องในการพัฒนาเป็นชุมชนเปน็ เมอื ง เป็นแคว้น และเป็นอาณาจกั รเรว็ กวา่ เนื่องจากดินแดนบริเวณภาคกลางมีความ อุดมสมบูรณ์กว่า และสะดวกในการ ตดิ ต่อกับชมุ ชนต่างแดนมากกวา่ แต่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มี พัฒนาการของชุมชนจนเข้าสู่ยุค ขวานส�ารดิ พบท่บี ้านเชยี ง อา� เภอหนองหาน จังหวดั อุดรธานี อาณาจกั รเช่นกัน ๕๔ นักเรียนควรรู กจิ กรรมทาทาย 1 ภาพเขยี นสีทผี่ าแตม ภาพเขยี นสกี ลุมผาแตมน้แี บงไดเ ปน 4 กลุม ตามช่อื ครใู หนกั เรียนสบื คนขอมลู เพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั พฒั นาการของชุมชนโบราณ หนา ผาเรียงตอ กันไป ดงั น้ี สมัยกอนประวัตศิ าสตรใ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคใต โดยนาํ ขอ มูล มาจัดทาํ เปน เสน เวลา (Timeline) 1. ผาขาม มภี าพเขียนดวยสีแดงเปนภาพปลาและภาพชา ง 2. ผาหมอนนอย มภี าพนาขาว ภาพคนกําลังไลส ตั วท่มี ีเขาเปน กง่ิ คลา ยกวาง ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ถานักเรยี นไปพบหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรทยี่ งั ไมเ คยมีใครสาํ รวจพบ ภาพคนยนื เหนี่ยวคนั ธนหู รือหนา ไมเลง็ ไปที่สตั วส่ีเทา มากอ น ควรดาํ เนินการอยา งไร 3. ผาแตม มีช่ือเสียงโดง ดงั ทีส่ ดุ โดยเขียนบนผนงั เพงิ ยาวประมาณ 180 เมตร แนวตอบ แจง ใหหนวยงานท่ีเกยี่ วขอ งโดยตรง เชน สํานกั งานศิลปากร กาํ นัน ผูใหญบ านในทองถนิ่ ใหรับทราบโดยเร็ว เพื่อจะไดดาํ เนนิ การสาํ รวจ มีภาพเขยี นประมาณ 300 รูป ประกอบดวย ภาพสตั วตางๆ คน วัตถุ ฝา มอื และเกบ็ รักษา และรูปสัญลักษณ สาํ หรับรปู ฝา มอื เขยี นดว ยสีแดง มีสดี าํ บางเลก็ นอ ย ปรากฏประมาณ 200 ภาพ 4. ผาหมอน มีภาพเขยี นดว ยสีแดงเหมือนกับโครงบา น ภาพคนยนื เทา สะเอว นุงผายาวแบบกระโปรงครงึ่ นอง 54 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู ๔) พฒั นาการของชมุ ชนโบราณบรเิ วณภาคใต บรเิ วณภาคใตเ้ ปน็ แหลง่ ทม่ี มี นษุ ย์ 1. ครสู มุ ถามนกั เรียนเกย่ี วกับชุมชนโบราณใน บรเิ วณภาคใตข องประเทศไทย พรอมทง้ั ยก อาศัยอยู่ตง้ั แต่ก่อนประวตั ศิ าสตร์เชน่ กัน ซง่ึ มีพฒั นาการ ดงั น้ี หลักฐานท่ีแสดงถึงการตั้งถิน่ ฐานประกอบ (๑) ชมุ ชนยคุ หนิ เกา ทจี่ งั หวดั กระบ ่ี พบเครอ่ื งมอื ยคุ หนิ เกา่ ทที่ า� เปน็ เครอ่ื งมอื ขดุ (แนวตอบ ชมุ ชนโบราณในภาคใตมีตั้งแต ยคุ หินเกา จนถึงยคุ เหลก็ ไดแก เครอื่ งมือสบั ตดั โดยเฉพาะทถ่ี า้� หลงั โรงเรยี นทบั ปรกิ ตา� บลทับปริก อา� เภอเมือง จังหวัดกระบี่ 1. ชมุ ชนยคุ หนิ เกา เชน ท่ถี าํ้ หลังโรงเรียน พบหลักฐานการพ�านักอาศัยของมนุษย์เก่าแก่ท่ีสุดในดินแดนไทยตั้งแต่ ๓๗,๐๐๐ - ๒๗,๐๐๐ ปี ทบั ปรกิ จังหวดั กระบี่ พบเครือ่ งมือหนิ ลว่ งมาแลว้ และยงั พา� นกั อาศยั ตอ่ มาอกี หลายสมยั สําหรับสับ ตัด เปน ตน 2. ชมุ ชนยุคหนิ กลาง เชน แหลง โบราณคดี (๒) ชุมชนยคุ หินกลาง พบเครื่องมอื หนิ กะเทาะ ที่จงั หวัดกระบ ่ี เช่นเดยี วกับที่ บานพลีควาย จงั หวดั สงขลา พบขวานหิน พบเครอ่ื งมอื ในยคุ หนิ เกา่ และพบขวานหนิ ทแี่ หลง่ โบราณคดบี า้ นพลคี วาย ตา� บลกระดงั งา อา� เภอ เปน ตน สทงิ พระ จังหวัดสงขลา 3. ชมุ ชนยุคหินใหม พบภาชนะดินเผาท่ที ําเปน หมอ สามขา และพบขวานหินขดั ในจงั หวดั (๓) ชมุ ชนยคุ หนิ ใหม พบภาชนะดนิ เผาทท่ี า� เปน็ กระบ่ี พังงา เหหมน็ ้อถสงึ ากมารขตาดิแตบอ่ บกเนัดรียะวหกวับา่ ใงนชเมุ ขชตนจ ังแหลวะัดพกบาขญวาจนนหบนิุรขี ดัแ1ชสนดดิงให้ 4. ชุมชนยุคสํารดิ เชน ทถี่ ้ําผหี วั โต จงั หวัด มีบา่ และไม่มบี ่าในจังหวดั กระบี ่ และพังงา กระบี่ พบภาพเขียนสสี มัยกอนประวตั ิศาสตร พบภาพเขียนส2ีส(ม๔ัย)กช่อมุนชปนรยะควุ ัตสาํิศราดิ ส ทตถ่ีร์เา�้ ปผห็ีนวัภโาตพ จคงั หนวสดั วกมระบี ่ เปน ตน ชดุ ยาว ทีศ่ ีรษะมรี ูปร่างคล้ายเขาสัตว์ แยกเปน็ ๒ แฉก 5. ชุมชนยคุ เหล็ก เชน ท่ีอําเภอคลองทอ ม พบรอ่ งรอยการกอ่ ตง้ั ชมุ ชนบรเิ วณอา่ ว รมิ ทะเล และ จังหวัดกระบี่ พบลูกปดพ้นื เมอื งจํานวนมาก รมิ แมน่ า้� ในเขตจงั หวดั สรุ าษฎรธ์ าน ี นครศรธี รรมราช เครื่องมือหินของมนุษย์ ขุดได้จากถ�้าหลังโรงเรียน และช้นิ สว นเครื่องมือเหลก็ เปน ตน ) กระบี่ พังงา สงขลา เป็นต้น หลักฐานทางด้าน ทับปริก อา� เภอเมือง จงั หวัดกระบ่ี โบราณคดีทีส่ า� รวจพบ เช่น ขวานหนิ ขัด หมอ้ ดนิ เผาสามขา ภาชนะดินเผาลายเขยี นสีแดง ใบมดี 2. จากน้ันครแู ละนักเรียนอภิปรายรว มกันถึง กา� ไล แหวน ลูกปดั กลองมโหระทกึ สา� ริด เปน็ ตน้ ความแตกตางระหวางพฒั นาการของชมุ ชน โบราณในภาคใตกบั ชมุ ชนโบราณในภาคอ่ืนๆ เรือ่ งนารู ของไทย มโหระทึก เปน็ เครือ่ งมอื ส�ารดิ ทีพ่ บไดท้ ่วั ไปในภูมิภาคอุษาคเนย์ หรือบริเวณเอเชยี มโหระทึก พบท่ีวัดตล่ิงพัง ตะวันออกเฉยี งใต้ ตั้งแต่เหนอื สดุ ท่ีมณฑลยนู นาน จนถงึ ใต้สุดท่หี ม่เู กาะอนิ โดนีเซีย (ซึ่งนับ (ครี วี งการาม) ตาํ บลตลง่ิ งาม เปน็ บรเิ วณอุษาคเนย์ทง้ั หมด เมื่อราว ๓,๐๐๐ ปมาแล้ว) อําเภอเกาะสมุย จังหวัด สรุ าษฎรธ านี มโหระทกึ มชี อื่ เรียกตา่ งๆ กนั บางแห่งเรยี กว่า “ฆอ งบ้งั ฆองกบ” บางแห่งเรยี กวา่ “กลองทอง (แดง) กลองกบ” ในยุคแรกๆ เป็นภาชนะใส่ส่ิงของศักดิ์สิทธ์ิฝังไว้กับศพ บางแห่งใส่กระดูกคนตาย ต่อมากลายเป็นเครื่องประโคมตีในพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีศพ จึงเรียกกันภายหลังว่า “กลอง” เพราะมีรูปร่างเหมือนกลองไม้ แต่บางทีก็เรียกว่า “ฆอง” เพราะหล่อด้วยส�าริด ปัจจุบันยังมีการใช้มโหระทึกประโคมในพิธีกรรมส�าคัญของรัฐและ พระเจ้าแผ่นดนิ ๕๕ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู ความเจรญิ ของชุมชนโบราณในแตล ะแหง เราสามารถพิจารณาไดจ ากอะไร 1 ขวานหินขดั หรอื ขวานฟา ภาษามลายู เรียกวา บาตูลินตา เปนเครอื่ งมือ 1. ขนาดพืน้ ทขี่ องชุมชน เครอ่ื งใชส มยั กอนประวตั ิศาสตร ใชสําหรับสบั ตัด ฟน เฉือน และใชตกทอดมาถงึ 2. ซากเมล็ดพืชที่บริโภค สมัยประวตั ิศาสตร เปน เคร่ืองมือที่ประดิษฐจ ากหินธรรมชาติ เชน หินกรวดแมน ํ้า 3. คุณภาพของเคร่อื งมือท่ีใช หินอัคนี เปนตน นกั โบราณคดีแบงขวานหนิ ขดั ที่พบในภาคใตออกเปน 3 ขนาด 4. จาํ นวนโครงกระดกู ที่ขดุ พบ ไดแก ขนาดเล็ก ยาวไมเ กนิ 6 เซนติเมตร ขนาดกลาง ยาวไมเ กิน 15 เซนตเิ มตร และขนาดใหญ ยาว 15 เซนติเมตรขึน้ ไป วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. เนื่องจากเครอื่ งมือเครือ่ งใชเปนประดษิ ฐกรรม 2 ภาพเขยี นสี เปนรูปภาพทสี่ รา งขึน้ ดว ยการลงสีท่ไี ดจากสธี รรมชาติบนพ้นื หิน โดยการวาดดวยสแี หง เขียนหรือระบายสี พน สี ทาบหรือประทับ และการสะบดั สี ทีส่ าํ คญั ยิง่ ของมนษุ ย โดยชุมชนโบราณรูจกั การทําเครื่องมือหิน และพัฒนา ภาพที่เกดิ จากการเขียนสีมีรูปรางแตกตางกันไป เชน คน สตั ว มอื และเทา ตนไม มาสกู ารหลอโลหะทีม่ คี ุณภาพดมี ากขึน้ แสดงใหเ ห็นถึงความเจรญิ กา วหนา ใบไม วัตถุและส่ิงของ สญั ลักษณตางๆ เปนตน ทางดานเทคโนโลยกี ารผลิตเครื่องมือเคร่ืองใชเพื่อประโยชนใชส อยใน ชีวิตประจําวัน คูม อื ครู 55
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูนาํ แผนทโี่ ครงรางประเทศไทยมาใหนกั เรียน (๕) ชมุ ชนยุคเหลก็ ทอ่ี �าเภอคลองท่อม 1จังหวัดกระบี่ พบลูกปัดพน้ื เมอื งจา� นวน ระบตุ าํ แหนงท่ีตง้ั ซ่งึ มีการสํารวจพบแหลง ชมุ ชน มาก และพบชน้ิ สว่ นเครอ่ื งมอื เหลก็ ในสภาพสกึ กรอ่ นและชา� รดุ มาก นอกจากนยี้ งั พบทจ่ี งั หวดั พงั งา โบราณสมัยกอ นประวัตศิ าสตรใ นภาคตางๆ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสงขลาดว้ ย ของประเทศไทยมาพอสังเขป การตง้ั หลักแหล่งของชุมชนในภาคใต้ พบว่ามกี ารอยู่อาศยั กันอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และ สามารถพัฒนาเปน็ ชมุ ชน เปน็ บา้ นเมอื ง เปน็ แคว้น และเปน็ อาณาจักรในที่สุด 2. จากนนั้ ครใู หน ักเรยี นชวยกันสรุปสาระสําคญั เก่ยี วกบั พฒั นาการของชมุ ชนโบราณในภาคตา งๆ ของประเทศไทยลงบนกระดานดาํ เพ่อื เปน การทบทวนความรู ลูกปัดแก้วรูปดอกไม้ รูปหน้าคน อาจมาจากแถวตะวันออกกลาง หรือจากโรมัน แผ่นหินคาร์นีเลียน2รูปสตรีแบบโรมัน และตราประทับ แสดงถงึ การตดิ ตอ่ สมั พันธก์ บั ดินแดนอ่นื พบทอี่ า� เภอคลองทอ่ ม จงั หวัดกระบ่ี ๑.๔ การสร้างสรรคภูมิปญญาของมนุษยกอ นประวัติศาสตร ในดินแดนประเทศไทย การศึกษาเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในดินแดน ประเทศไทย ก็เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจถงึ ภมู ปิ ัญญาของมนุษย์ในสมยั น้นั อันจะเปน็ ตัวอยา่ งในการนา� ไปใช้ ในการด�าเนนิ ชีวิตของคนไทยในปจั จบุ นั ได้ ๑) ปจ จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ การสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาของมนษุ ยก อ นประวตั ศิ าสตร การสร้างสรรคภ์ มู ิปญั ญาของมนุษยก์ ่อนประวตั ิศาสตร์เกดิ จากปจั จยั ที่สา� คัญๆ ดังน้ี ๑. ความต้องการความมน่ั คงในการดา� รงชวี ติ ประจา� วนั ในเรือ่ งอาหาร ทอี่ ยอู่ าศยั เครอื่ งนงุ่ หม่ และยารกั ษาโรค ๒. สภาพภูมศิ าสตรแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ ม เช่น การเกดิ ภยั ธรรมชาติ โรคระบาด ๓. คติความเชื่อ เช่น ความตาย ความเช่อื ในเรอ่ื งวญิ ญาณ เปน็ ต้น ๕6 นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT “นกั โบราณคดพี บรองรอยของชมุ ชนยุคเหลก็ หลายแหง ท่วั ทุกภูมิภาค 1 อาํ เภอคลองทอม เปน ท่ีต้ังของแหลง ชมุ ชนโบราณคลองทอ ม หรอื ควนลูกปด ของไทย” ขอมลู นี้บง บอกถึงอะไร ซงึ่ คาํ วา “ควนลกู ปด ” เปน ช่อื ท่ีชาวบานเรียกเมอ่ื มกี ารคน พบลูกปดแกวสีตางๆ 1. ผคู นเพม่ิ ขน้ึ ชมุ ชนจงึ ขยายตัว บนเนินดนิ บรเิ วณน้ี แตไมม ใี ครสนใจเพราะเหน็ วา ไมม ีคา หรือเพราะเห็นวา เปน 2. การใชเหล็กเริม่ คร้งั แรกท่ีดินแดนไทย ของโบราณ จึงเรียกบรเิ วณนี้วา ควนลกู ปด สว นชื่อคลองทอ มเปน ชอื่ หมบู า น 3. ชมุ ชนทกุ แหง เปนเครือญาตเิ ก่ยี วดองกัน ตําบล และอาํ เภอ 4. การกอตัวข้นึ เปน ชุมชนเรมิ่ ทยี่ คุ เหลก็ 2 หนิ คารน เี ลยี น ชาวกรกี เรยี กคารน เี ลยี นวา ซารด อิ สุ (sardius) โดยเชื่อวา มี วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ชมุ ชนยุคเหล็กเปนชมุ ชนท่ีเจรญิ เติบโตสบื อาํ นาจทจี่ ะคมุ ครองผูสวมใสจากภตู ผิ ีปศาจและประสบกบั ความสุขและความโชคดี ตอมาจากยคุ หนิ แตมีขนาดใหญขน้ึ เนื่องจากจํานวนประชากรเพ่มิ ขน้ึ และ จงึ นิยมนาํ มาประดบั รา งกายเพ่อื เปนเครือ่ งรางของขลัง หรอื เปน ตราประจาํ สําคญั มกี ารตดิ ตอกบั ชุมชนอืน่ ที่อยหู า งไกลออกไป จึงมีการกระจายกนั อยตู าม หรือตราประจาํ ตวั หรอื เปน ส่อื กลางแทนเงินตราในการแลกเปลย่ี นส่งิ ของ ทต่ี า งๆ ทั่วทุกภาคของแผน ดนิ ไทย 56 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) การสรางสรรคภูมิปญญาของมนุษยกอนประวัติศาสตร การสร้างสรรค์ 1. ครใู หนกั เรยี นกลุมท่ี 4 สงตวั แทนออกมา นาํ เสนอหนาชน้ั เรยี น และเปด โอกาสใหน ักเรียน ภมู ปิ ญั ญาของมนษุ ยก์ อ่ นประวตั ศิ าสตร ์ เปน็ การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาเพอ่ื การดา� เนนิ ชวี ติ เปน็ หลกั ซักถามจนเกิดความเขาใจ โดยมพี ัฒนาการขึ้นเป็นล�าดบั ทเ่ี หน็ ได้ชดั เจนมดี ังน้ี 2. จากนัน้ ครสู นทนากับนักเรยี นจนเขาใจวา (๑) ดานเกษตรกรรม จากการขุดค้นทางโบราณคดีสันนิษฐานได้ว่ามนุษย์ใน ชุมชนโบราณสมัยกอนประวัติศาสตรใ นดนิ แดน ยุคหินใหม่มีการเพาะปลูกแบบท�าไร่เลื่อนลอย บางแห่งมีการเพาะปลูกข้าวในที่ลุ่ม โดยจะย้าย ประเทศไทยไดพ ยายามปรบั ตวั ใหส อดคลองกับ แหล่งเพาะปลกู ไปเร่ือยๆ ขณะเดียวกันก็มกี ารลา่ สตั ว์เปน็ อาหาร การปลกู ข้าวเรม่ิ เม่ือ ๔,๓๐๐ ปี ธรรมชาติ และนําสงิ่ ที่มีอยใู นธรรมชาติมาใช ลว่ งมาแล้ว เพ่ือความสะดวกในการดาํ รงชีวิต ลักษณะเชน นี้ ตอ่ มาในยคุ สา� รดิ และยคุ เหลก็ มกี ารใชส้ า� รดิ และเหลก็ เปน็ เครอื่ งมอื เครอื่ งทนุ่ แรง เรียกวา ภูมิปญ ญา ในการเพาะปลกู มีการรจู้ กั “การทดนา้ํ ” มาใช้ในการเกษตรกรรมอกี ดว้ ย 3. ครขู ออาสาสมคั รนักเรียนใหบ อกปจ จยั ทีม่ ี (๒) ดา นโลหกรรม จากการศกึ ษาเกยี่ วกบั อทิ ธพิ ลตอ การสรา งสรรคภมู ปิ ญญาของมนษุ ย มนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์พบว่ามนุษย์ในสมัยน้ีรู้จัก สมัยกอ นประวัติศาสตร และยกตวั อยา ง การทา� เครอื่ งมือ เครือ่ งใช้จากสา� ริดและเหลก็ ในยุคโลหะ ภมู ปิ ญ ญาสมัยกอ นประวัตศิ าสตรมาพอสงั เขป (แนวตอบ ปจ จยั ดานความตอ งการในเร่อื ง มนุษย์ยุคเร่ิมแรกท�านาปลูกข้าว ปจจัย 4 ไดแ ก อาหาร เครอ่ื งนงุ หม ทอี่ ยูอาศัย ดั ง พ บ ห ลั ก ฐ า น ป ร า ก ฏ อ ยู ่ ใ น และยารักษาโรค ปจ จยั ทางสภาพภมู ิศาสตร ภาพเขียนสีทผี่ าหมอนน้อย อ�าเภอ และสง่ิ แวดลอ ม เชน ภัยธรรมชาติ โรคระบาด โขงเจียม จังหวดั อุบลราชธานี และ เปนตน และปจจยั ทางคตคิ วามเชื่อ สาํ หรับ พบเปลือกข้าวท่ีถ้�าปุงฮุง จังหวัด 1 ตัวอยา งภมู ิปญ ญา เชน แม่ฮ่องสอน และพบที่เนินอุโลก • ดา นเกษตรกรรม ดงั พบหลักฐานทีแ่ สดงถงึ อา� เภอโนนสงู จังหวัดนครราชสีมา การเพาะปลกู ขาวของมนุษย ทัง้ แบบทาํ ไร เลื่อนลอย และปลูกขาวในทีล่ มุ ด ีบุกห ล่อหลในอยมคุ อ2สอ�ากริดม ามเนปษุ็นยสร์�าู้จรักิดนแ�าลทะอนง�าแมดางผทส�ามเปก็บัน ขวานสา� รดิ ไดจ้ ากเบา้ หนิ ทราย พบทบ่ี า้ นเชยี ง • ดานโลหกรรม ดงั พบหลักฐานเครือ่ งมือ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับ เช่น ขวาน หม้อ อา� เภอหนองหาน จังหวัดอดุ รธานี เคร่อื งใชท่ีทาํ จากสํารดิ และเหลก็ ก�าไล เป็นต้น ต่อมามีการผลิตส�าริดที่มีดีบุกผสม • ดานหตั ถกรรม เชน การทอผาจากวสั ดุท่มี อี ยู ปริมาณมาก อันเป็นโลหะท่ีมีความแข็ง และมีสีนวล ในทองถนิ่ บางกว่าส�าริดสามัญ • ดานการสรา งที่อยอู าศยั โดยใชถํ้าหรือเพิงผา เปน ทีห่ ลบภัย รวมท้งั พบรอ งรอยของหลุมเสา ๕๗ ในแหลงโบราณคดหี ลายแหง • ดา นการรักษาโรค ดังพบหวั กะโหลกมนุษยท ี่ มีรองรอยวธิ กี ารรกั ษาโรคของคนสมัยโบราณ เปน ตน ) กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู ครูใหน ักเรยี นไปศกึ ษาคนควา วา ในทอ งถิ่นของตนหรอื ทอ งถน่ิ ใกลเคียง 1 เนนิ อโุ ลก เปน เนินดนิ ตง้ั อยูกลางทงุ นา จากการขดุ คนทางโบราณคดีพบวา มีหลกั ฐานอะไรท่ีแสดงใหเหน็ ถึงการสรางสรรคภูมิปญญาของมนุษยส มยั มีอายรุ ะหวา ง 2,500-1,500 ปม าแลว มีการพบศพที่มีอายอุ ยูใ นยคุ เหลก็ จาํ นวน กอนประวัติศาสตร และเมอ่ื เปรียบเทยี บกบั ภมู ปิ ญญาไทยสมัยปจจบุ นั แลว 126 ศพ เปนศพผูช าย ผูหญงิ เด็ก และทารก และมีประเพณกี ารฝง ศพทฝ่ี ง สิ่งของ มคี วามเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร โดยจัดทาํ เปนบันทกึ การศึกษา ตา งๆ ใหก ับผตู ายดวย เชน ภาชนะดนิ เผา เครือ่ งประดับ นิยมฝง ศพในหลุมทเ่ี ต็ม คน ควา ไปดว ยเมล็ดขาว ซ่ึงแสดงใหเ ห็นถึงความสําคัญของขา วทีน่ อกจากจะเปนอาหารหลกั แลว ยงั นาํ มาประกอบในพธิ กี รรมฝงศพ นอกจากนี้ยังพบแวดนิ เผาที่ใชสาํ หรบั ปน ดายเพื่อทอผา ดว ย 2 หลอ หลอม การท่มี นษุ ยคนพบวิทยาการนําโลหะมาหลอ หลอมทาํ เปน เคร่ืองมอื เครือ่ งใช อาวุธ สงผลทําใหชุมชนมีพฒั นาการท่ีรวดเรว็ กวาเดิม เน่อื งจาก เครอ่ื งมือโลหะมีความแขง็ แรงทนทาน พกพาสะดวก และใชง านไดมีประสทิ ธภิ าพ มากกวา เคร่อื งมือหนิ คมู อื ครู 57
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ครูใหนกั เรียนชวยกนั แสดงความคิดเห็นวา เครื่องมือเหล็ก พบที่บ้านใหม่ชัยมงคล ต�าบลสร้อยทอง เคร่ืองมือเหล็ก พบที่บ้านดอนตาเพชร อ�าเภอพนมทวน การนําเหลก็ มาใชประโยชนข องคนโบราณ อ�าเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์ จงั หวดั กาญจนบุรี แตกตางจากในปจ จบุ ันอยางไร (แนวตอบ แตกตา งในเรอื่ งกรรมวิธกี ารผลิต ในยุคเหล็ก การใช้เหล็กในดินแดนประเทศไทยน้ัน ในระยะแรกๆ มีการประดิษฐ์ใบหอก ทีป่ จจบุ ันมคี วามทันสมัยและซบั ซอ นกวา ทมี่ สี ว่ นบ้องเปน็ สา� รดิ แต่สว่ นปลายเป็นเหลก็ ตอ่ มาเหลก็ กลายเปน็ วตั ถุหลักในการท�าเคร่ืองมอื ตลอดจนสามารถนําเหล็กมาใชประโยชนได เคร่ืองใช้ เหลก็ ที่ใช้ในสมัยน้ีได้จากการถลงุ แร่เหลก็ และการทา� เคร่อื งมือเหลก็ หลากหลายกวา สมัยโบราณ โดยทาํ เปน คนในสมัยน้ันรู้จักการถลุงแร่เหล็ก โดยการน�าแร่เหล็กที่ท�าความสะอาดเรียบร้อยแล้วและ อตุ สาหกรรมขนาดใหญ) เตรียมให้ได้ขนาด มาผสมคลุกเคล้ากับถ่านแล้วใส่ลงในเตาถลุงเพ่ือเปล่ียนให้แร่เหล็กเป็นโลหะ เหล็ก รู้จักใช้ปูนขาวหรือวัสดุท่ีมีหินปูน เช่น กระดูกหรือเปลือกหอยใส่ลงไปในการถลุงเหล็ก 2. ครใู หนักเรยี นศกึ ษาเก่ียวกบั การสรา งสรรค เพอื่ จะทา� ให้แร่ธาตุอนื่ ๆ นอกเหนอื จากเหล็กแยกมารวมตัวกันเป็นตะกรันหรือขี้แรอ่ อกจากเหล็ก ภมู ปิ ญญาของมนษุ ยก อนประวตั ิศาสตรเพิม่ เตมิ การถลงุ เหลก็ แบบนเ้ี หล็กจะไม่หลอมเหลว แตจ่ ะรวมตัวกันเกาะเป็นก้อนเหลก็ หลงั จากนน้ั จะนา� จากหนังสือเรยี น แลว นําขอ มูลมาปรับปรงุ เหลก็ น้ีไปเผาใหร้ อ้ นแดง แลว้ ตเี หลก็ ซา้� ไปมา เพอ่ื ขบั ไลข่ แ้ี รท่ ย่ี งั เหลอื อยอู่ อกมาใหม้ ากทส่ี ดุ สา� หรบั เพ่มิ เติมในเสน เวลาแสดงความเจริญของมนษุ ย น�ามาประดษิ ฐ์เปน็ เครื่องมอื เครือ่ งใช้ตอ่ ไป กอ นประวตั ิศาสตรในดนิ แดนประเทศไทย หนา 58-59 เสน เวลา แสดงความเจรญิ ของมนษุ ยก อ นประวตั ศิ าสตรใ นดนิ แดนประเทศไทย พบเคร่ืองมอื หิน ๕0,000 ร๗า00ว, 00๗000,000 ป ลวงมาแล้ว พบหลกั ฐานการพักพิงราว ๓๗0,000 ป ลวงมาแ ้ลว อาศัยของมนุษย์ ๑0,000 ๒00,000 ๑๕0,000 ๑00,000 ปล ว่ งมาแล้ว ราว ๑80,000 ป พบหลักฐาน เกยี่ วกับมนษุ ย์ ๕8 ลวงมาแ ้ลว เบศูรณรากษารฐกิจพอเพยี ง ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT จากการพบหลกั ฐานตางๆ ในสมัยกอนประวัตศิ าสตร แสดงใหเ ห็นถงึ ครใู หนกั เรียนรว มกนั อภิปรายเก่ียวกบั ลักษณะการดาํ รงชวี ิตและการสรางสรรค การสรางสรรคภูมิปญ ญาของมนษุ ยสมัยกอ นอยางไร ภูมปิ ญ ญาของมนุษยยคุ กอนประวตั ิศาสตร จากน้นั ครตู งั้ ประเด็นคาํ ถามใหนกั เรียน แนวตอบ เคร่ืองมือเครื่องใชทพี่ บถกู ทาํ ขนึ้ เพอ่ื ใชประโยชนใ นการดํารงชวี ติ รวมกันตอบ เชน ประจาํ วัน ดังจะเห็นไดจากการทําเครือ่ งมือหินกะเทาะ หนิ ขดั เพอ่ื เปน อาวุธ ไวล า สตั ว หรอื เปน เคร่อื งมอื ขดุ สบั ตดั การทําเครอ่ื งปน ดนิ เผาสําหรบั เปน • มนุษยย คุ กอ นประวัติศาสตรมีการดาํ รงชวี ิตอยา งไร ภาชนะใสอ าหารและนาํ้ ประเพณกี ารฝงศพพรอ มกับสง่ิ ของตางๆ ซึง่ แสดง • มนษุ ยยคุ กอนประวตั ิศาสตรไดสรา งสรรคภ มู ิปญญาใดบาง ใหเ หน็ ถึงความเช่อื ของมนษุ ยในเรื่องเกยี่ วกบั ความตาย เปนตน • การดํารงชีวิตและการสรา งสรรคภ ูมปิ ญ ญาสมยั กอ นประวตั ศิ าสตรส อดคลอง กบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งอยา งไร 58 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand (๓) ดา นหตั ถกรรม สา� หรบั ภมู ปิ ญั ญาสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตรท์ างดา้ นหตั ถกรรม 1. ครใู หน กั เรยี นคน ควา เก่ียวกับพฒั นาการของ ไดแ้ ก ่ การทอผา้ จากการศกึ ษาคน้ ควา้ ทางดา้ นโบราณคดพี บวา่ ผคู้ นในสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ใน ชุมชนโบราณสมยั กอ นประวัตศิ าสตรใ นดินแดน ดนิ แดนประเทศไทยรู้จกั นา� เสน้ ใยจากพืช คือ ปา่ น กัญชา และเส้นใยจากสัตว์ คือ ไหม มาทอ ประเทศไทยเพมิ่ เตมิ จากหนงั สอื เรียน แลว เปน็ ผนื ผา้ ดว้ ยเทคนคิ การทอแบบงา่ ยๆ นอกจากนย้ี งั พบหลกั ฐานอน่ื ๆ อกี เชน่ หนิ ทบุ เปลอื กไม้ นําเสนอในรูปแบบตา งๆ เชน ตาราง สมดุ ภาพ ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะใช้ส�าหรับผลิตเส้นใยในการทอผ้าในแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ ผงั มโนทศั น เสนเวลา (Timeline) เปน ตน อีกด้วย 2. ครใู หน ักเรียนทํากจิ กรรมที่ 3.1 จากแบบวัดฯ ประวัตศิ าสตร ม.1 (๔) ดานการสรางที่อยูอาศัย ในยุคหินใหม่ มนุษย์ได้มีการดัดแปลงสภาพ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ แวดล้อมเพ่ือใช้เป็นท่ีอยู่อาศัย ด้วยการใช้ถ้�าหรือเพิงผาเป็นท่ีป้องกันอันตรายจากภัยธรรมชาติ และสัตวป์ า่ อนั เป็นการเริ่มต้นการตง้ั ถ่ินฐานของมนุษย์ ประวัตศิ าสตร ม.1 กิจกรรมที่ 3.1 หนว ยที่ 3 สมัยกอ นสุโขทยั ในดนิ แดนไทย ต่อมาในยุคโลหะ ได้พบรอ่ งรอยของหลมุ เสาในแหล่งโบราณคดหี ลายแหง่ ในประเทศไทย กอ่ ให้เกดิ ข้อสันนิษฐานว่ามนุษย์ในยคุ นน้ี ่าจะเรมิ่ มกี ารคิดค้นวิธกี าร กิจกรรมตามตวั ชว้ี ัด คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด กจิ กรรมท่ี ๓.๑ ใหน กั เรยี นอา นบทความตอ ไปนี้ แลว ตอบคาํ ถามตามประเดน็ ñõ ทกี่ าํ หนด (ส ๔.๓ ม.๑/๑) สรา้ งท่อี ยอู่ าศยั บ้างแล้ว จากการขุดคนทางโบราณคดีที่ชมุ ชนแหง หน่งึ ไดมกี ารคนพบหลักฐาน (๕) ดานการรักษาโรค นักโบราณคดีได้ เคร่ืองมือหินขัดท่ีมีลักษณะดานหนึ่งคม ดานหน่ึงมน และมีผิวเรียบ ขุดค้นแหล่งโบราณคดีท่ีเป็นแหล่งชุมชน พบหัวกะโหลก มีตั้งแตขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ จัดเปนเคร่ืองมือท่ีพัฒนาขึ้นมา มนษุ ยท์ ม่ี กี ารเจาะเปน็ รกู ลมและแตง่ ขอบรเู รยี บ สนั นษิ ฐาน จากหนิ กะเทาะเพอื่ ใหม ปี ระสิทธภิ าพในการใชสอยมากยงิ่ ขนึ้ นอกจากนี้ ยังพบภาชนะดินเผาท้ังแบบมีขาและไมมีขา ผิวขัดมัน โดยเฉพาะภาชนะดินเผา แบบมีขาสามขา อายุประมาณ ๔,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ ปมาแลว ซ่ึงนักโบราณคดีสันนิษฐานวามีลักษณะ คลายคลึงกับภาชนะของมนุษยสมัยกอนประวัติศาสตรที่ตําบลลุงชานหรือหลงชานในมณฑลชานตง ของจีน ท้ังยังพบโครงกระดูกมนุษยที่ฝงในหลุมศพรวมกับสิ่งของเคร่ืองใชตางๆ เชน ภาชนะดินเผา เครือ่ งมอื หนิ ขัด เครอ่ื งประดบั ท่ีทาํ จากเปลือกหอยและหนิ มีคา เปนตน ว่า เป็นวิธีการรักษาโรคปวดศีรษะหรือโรคลมบ้าหมู แต่ ๑. จากบทความดังกลา วควรจะเปน พัฒนาการของชุมชนโบราณในสมยั ใด เพราะเหตใุ ด ...............ส....ม....ยั ...ก....อ....น....ป....ร...ะ...ว...ตั ....ศิ ....า..ส....ต....ร....ใ ..น.....ช...ว ..ง....ย...คุ....ห....นิ.....ใ..ห....ม......โ...ด....ย...ด....จู...า...ก....ห....ล....กั....ฐ...า...น....ต....า...ง...ๆ......ท....พี่....บ.......เ..ช...น.......เ..ค....ร...อื่....ง...ม....อื ...ห....นิ....ข...ดั.... นกั มานษุ ยวทิ ยาเชอื่ วา่ เปน็ การกระทา� เพอ่ื ปลดปลอ่ ยผีร้าย เฉฉบลบั ย ซ....งึ่...ม....คี ....ว..า...ม....ป....ร...ะ...ณ.....ีต....แ...ล....ะ...ก....า..ว...ห....น.....า..ก....ว...า...เ..ค....ร...ื่อ...ง....ม...ือ....ห....ิน....ก....ะ...เ.ท.....า..ะ...ใ..น.....ย...คุ....ห....นิ.....เ.ก....า.......เ..ค....ร...อ่ื....ง...ป....น....ด....นิ.....เ.ผ....า...แ...บ....บ....ม....ขี ...า..ส....า...ม....ข...า.. ท่ีท�าให้เกิดอาการเจบ็ ปว่ ยใหอ้ อกไปจากศีรษะมนุษย ์ เพอื่ ในยคุ หินใหม่ มนุษย์รจู้ ักเพาะปลูกและสรา้ ง ซ....ง่ึ...ม....ีอ...า...ย...ุป....ร....ะ..ม....า..ณ..........๔...,..๐...๐....๐....-....๓....,..๐...๐...๐........ป....ม...า...แ...ล....ว.......โ..ค....ร....ง...ก....ร...ะ...ด....ูก....ม...น.....ุษ....ย...ใ...น....ห....ล....มุ....ศ....พ....พ....ร...อ....ม...ก....ับ.....ส....งิ่ ...ข...อ...ง....เ.ค....ร....อ่ื...ง....ใ..ช... ต....า...ง...ๆ.......ซ...ง่ึ....แ...ส....ด....ง...ใ...ห....เ.ห....น็.....ว...า..ม....น....ษุ....ย....ย...ุค....น.....ร้ี...ูจ....ัก....ป....ร...ะ...ด....ษิ ....ฐ...เ..ค....ร....อื่ ...ง...ม....อื ...เ..ค....ร...่อื....ง...ใ...ช...ท....ชี่...ว...ย...ใ...ห....ช ...ีว...ิต....ส....ะ..ด....ว...ก....ส....บ.....า..ย....ม...า...ก....ข...้นึ.... แ...ล....ะ...ย...งั....ป...ร....ะ...ก....อ...บ....พ....ิธ....ีก....ร...ร...ม....ฝ...ง....ศ....พ....ต....า..ม....ค....ว...า..ม....เ..ช...ื่อ...ข...อ....ง...ต....น.......เ..ป....น ....ต....น....................................................................................................... ลดอาการปวดศีรษะ ที่อยู่อาศัย ๒. ยุคสมัยนมี้ นษุ ยน าจะมพี ัฒนาการการดาํ รงชีวติ ในลกั ษณะใด ...............ม....น....ุ.ษ....ย....ใ...น....ย....ุค....ห....ิน.....ใ...ห....ม....ไ...ด....พ....ั.ฒ.....น.....า...ก....า...ร....ด...ํ.า...ร...ง....ช...ีว...ิต....ใ...ห.....ด....ีข...้ึน.....ก....ว...า...ย....ุค....ห....ิน.....เ..ก....า...แ....ล....ะ...ย...ุค.....ห....ิน.....ก....ล....า...ง........โ...ด....ย....ม...ี ก....า...ร...ป....ล....กู....ส....ร....า...ง...บ....า...น....เ..ร...อื....น....แ...ล....ะ...ต....ง้ั...ถ....่นิ....ฐ....า...น....เ..ป....น ....ห....ล....กั....แ...ห....ล....ง...ท....ถ่ี....า...ว...ร.......ม....กี ....า..ร....พ....ฒั.....น.....า..อ....า...ว..ุธ........เ..ค....ร...่ือ...ง....ม...ือ....เ.ค.....ร...ื่อ...ง....ใ..ช... ใ...ห....ด....ีข...น้ึ ....เ..พ....ื่อ...ป....ร....ะ..ส.....ทิ ....ธ...ิภ....า..พ....ใ...น....ก....า...ร....ใ..ช...ง...า...น.......ร....ูจ...ัก....ก....า...ร....เ.พ....า...ะ...ป....ล....ูก....แ...ล....ะ..เ..ล....ย้ี...ง....ส....ัต....ว.......................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................................... เริ่มปลูกขา้ ว ตง้ั ถ่นิ ฐาน เรม่ิ นา� เหลก็ มาทา� เครอ่ื งมอื .................................................................................................................................................................................................................................................... เครื่องใช้ ๕,000 ๓. จากหลกั ฐานทพี่ บ แสดงถงึ การสรา งสรรคภ มู ปิ ญ ญาของมนษุ ยส มยั กอ นประวตั ศิ าสตรอ ยา งไร ราว ๔,๓00 ป ลวงมาแ ้ลว ...............ก....า...ร...ป....ร....ะ..ด....ิษ....ฐ....เ..ค....ร...่ือ....ง...ม....ือ...เ..ค....ร...ื่อ....ง...ใ...ช...เ..พ....่ือ...ก....า...ร....ด....ํา..ร....ง...ช...ีว...ิต....ป....ร....ะ..จ....ํา...ว..ัน.........ด....ัง....จ...ะ...เ..ห....็น....ไ...ด....จ...า...ก....ก....า...ร...ท....ํา...เ..ค....ร...่ือ....ง...ม....ือ... ๔,000 ห....ิน.....ข...ดั ....เ.พ....อ่ื....เ..ป....น ....อ...า...ว...ุธ...ไ...ว...ล ....า ..ส.....ัต...ว.......ห....ร....ือ...เ..ป....น ....เ..ค....ร...อ่ื....ง...ม....ือ...ไ...ว..ข...ดุ........ส....ับ........ต....ัด........ก....า...ร...ท....ํา...เ..ค....ร...ือ่....ง...ป....น....ด....นิ.....เ.ผ....า...ส....ํา...ห....ร...บั....เ..ป....น.... ราว ๓,๕00 ปลวงมาแล้ว ภ....า...ช...น....ะ...ใ...ส....อ...า...ห....า...ร...แ....ล....ะ..น.....ํ้า.......ท....ั้ง...ย....ัง...แ...ส.....ด...ง....ใ..ห....เ..ห....็น.....ถ...ึง....ค....ว...า..ม....เ..ช...ื่อ...ข...อ....ง...ม....น....ุษ.....ย...ส....ม....ัย...น.....ี้เ..ก....ี่ย...ว...ก....ับ....พ....ิธ....ีก....ร...ร....ม...ใ...น....ก....า...ร...ฝ....ง... ๓,000 ศ....พ....ค....น.....ต....า..ย.......ไ..ม....ว ...า ..จ....ะ..เ..ป....น.....ก....า..ร....จ...ัด....ว...า...ง...ท....า...ท....า...ง...ข...อ...ง...ศ....พ.......ก....า...ร....ฝ...ง...ส....่งิ....ข...อ...ง...เ..ค....ร....อื่ ...ง...ใ...ช...ต....า...ง...ๆ......ล....ง...ไ...ป...ใ...น....ห....ล....ุม....ศ....พ....ด....ว...ย.... ๒,000 ราว ๒,๕00 ป ลวงมาแ ้ลว .................................................................................................................................................................................................................................................... ๑,000 ๒๖ (พิจารณาคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอ ยูในดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน) ตรวจสอบผล Evaluate เริ่มน�าสา� ริดมาท�า 1. ครตู รวจชิน้ งานเกีย่ วกบั พัฒนาการของชมุ ชน เครื่องมือเครอื่ งใช้ โบราณสมยั กอนประวตั ศิ าสตรในดินแดน ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ๕๙ ประเทศไทย 2. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมความมีสวนรว มในการตอบ ขอใดแสดงถึงภูมิปญญาสําคัญของชมุ ชนสมยั กอ นประวตั ิศาสตร คําถามและการแสดงความคดิ เหน็ ของนกั เรียน 1. รจู ักรวมกลุมกอ ต้งั เปนชุมชน 2. สรา งรายไดจ ากทรพั ยากรธรรมชาติ เกร็ดแนะครู 3. พบวธิ ีถลงุ โลหะที่นาํ ไปใชประโยชน 4. สามารถอยูรวมกันเปนกลมุ และไมส ูร บกัน ครคู วรอธบิ ายใหนกั เรียนเขา ใจวาการรกั ษาพยาบาลผปู ว ยในสมยั กอน ประวตั ศิ าสตรจะมีความเชื่อซ่งึ แตกตา งไปจากในปจ จบุ ัน ทเ่ี ร่อื งโรคภัยไขเ จบ็ เปน วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. วิธีถลุงโลหะจดั เปน ภูมปิ ญญาดานโลหกรรม เรือ่ งของวิทยาศาสตร แตก ารเจ็บปว ยสมัยกอ นประวัตศิ าสตรจะเปนเรื่องที่เกีย่ วขอ ง กับไสยศาสตรซึง่ เกิดจากความลกึ ลบั อาํ นาจของภูตผีปศาจ โดยยังสงผลมาถงึ ใน ของมนุษยสมัยกอ นประวตั ศิ าสตรท ี่รูจักนําสาํ รดิ และเหล็กมาทาํ เปน เครอื่ งมอื ปจ จุบนั ทม่ี ีการพ่ึงไสยศาสตรใ นการรกั ษาโรค เครอ่ื งใชต างๆ เพอื่ ประโยชนในการดาํ รงชีวติ ประจําวัน ซง่ึ มปี ระสิทธิภาพ และความคงทนมากกวาเคร่ืองมอื ท่ีทําจากหนิ มมุ IT ศกึ ษาคน ควา ขอ มูลเพ่ิมเติมเกยี่ วกับประวตั ขิ องผา ไทย ไดท ี่ http://phathai. tripod.com/html/Phathai1.html คมู อื ครู 59
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครูนําภาพหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรซ ่งึ เปน ๒. พัฒนาการจากชุมชนมาสรู่ ฐั โบราณ ภมู ปิ ญ ญาของรฐั โบราณในดินแดนไทย เชน สรอยคอทที่ ําจากลูกปด เมืองอูทอง พระปรางค ๒.๑ พฒั นาการจากชมุ ชนเปน็ บ้านเมือง สามยอด เมืองลพบรุ ี พระพทุ ธรปู ศลิ าขาว เมืองนครปฐม เปน ตน มาใหนักเรยี นดู จากน้ัน เมื่อชุมชนหลายๆ แห่ง หรือหลายหมู่บ้าน มีพัฒนาการมากขึ้น มีการติดต่อสัมพันธ์กับ ครูตั้งคาํ ถาม เชน ชุมชนอื่น ท�าให้ชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณท่ีเป็นศูนย์กลางของชุมชน การเดินทางไปมาสะดวกกลาย • ภาพอะไร และพบที่ใด เปน็ ศนู ย์กลางเศรษฐกจิ หรือเปน็ ชุมชนขนาดใหญ่ • ภาพดงั กลา วแสดงใหเห็นถงึ การต้งั ถน่ิ ฐาน เมื่อชุมชนรอบๆ เข้ามาติดต่อสัมพันธ์กันมากข้ึน ชุมชนที่เป็นศูนย์กลางก็มีการเติบโต ของรฐั โบราณในดินแดนไทยอยา งไร มีโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่ซับซ้อนข้ึน ท�าให้เกิดการแบ่งหน้าที่ในสังคม เกิด ชนชนั้ เชน่ ชนชั้นปกครอง นกั บวช ชา่ งฝมี ือ ชาวนา จนกระทงั่ เกดิ เป็นสังคมเมือง และพัฒนา 2. จากน้ันครูสนทนากับนกั เรียนจนเขาใจวา เปน็ เมอื งในท่ีสุด จากหลกั ฐานทางประวัติศาสตรทพี่ บแสดงให จากหลักฐานทางด้านโบราณคดีสันนิษฐาน เหน็ วา ดนิ แดนภาคตา งๆ ของประเทศไทยได ได้ว่า พัฒนาการของชุมชนที่จะขยายตัวเป็น มชี ุมชนตงั้ ถน่ิ ฐานอาศัยอยมู าตง้ั แตสมยั กอน บา้ นเมอื งจะเรม่ิ ชดั เจนตง้ั แตพ่ ทุ ธศตวรรษท่ี ๗ - ๘ ประวตั ิศาสตร และพัฒนามาเปน บา นเมอื ง โดยส่วนใหญ่จะพบมากในบริเวณที่อยู่ใกล้ทะเล แควน และอาณาจกั รตามลําดับ และที่ราบลุ่มแม่น�้ามากกว่าที่สูง เพราะมีความ สาํ รวจคน หา Explore ลูกปัดหินคาร์นีเลียน พบท่ีเมืองอู่ทอง อ�าเภออู่ทอง มอุดเี มมอื สงมทบสี่ ูรา� ณคญั ์กว ไ่าด แ้ เกช ่ ่นเม อื บงรสิเทวณงิ พคราะบ 1จสงั มหุทวดรั ภสางขคลใตา้ จังหวัดสุพรรณบุรี เมืองยะรัง จังหวัดปัตตานี ในภาคกลางบริเวณ ครใู หน ักเรียนศึกษาความรูเกยี่ วกบั พัฒนาการ จากชุมชนมาสูรัฐโบราณจากหนังสอื เรียน หนา 60-63 ท่ีราบลุ่มแม่น้�าท่าจีน แม่กลอง บางปะกง เจ้าพระยา ป่าสัก มีเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ในประเดน็ ตอไปนี้ เมืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมืองละโว้ จังหวัดลพบุรี เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี เมืองพระรถ จังหวัดชลบรุ ี เปน็ ต้น 1. พัฒนาการจากชมุ ชนเปน บา นเมือง อย่างไรก็ตามในบริเวณท่ีสูงหลายแห่งก็มีการ 2. พฒั นาการจากบานเมืองเปน แควน หรอื รัฐ พัฒนาจากชุมชนเป็นเมืองเช่นกัน ถ้าชุมชนนั้นมี 3. พัฒนาการจากแควนเปน อาณาจักร สภาพภูมิศาสตร์และส่ิงแวดล้อมที่เหมาะสมและ เอื้ออ�านวย เชน่ มที รพั ยากรที่มคี า่ หายาก เปน็ ท่ี ต้องการของชุมชนอ่ืน หรืออยู่ในเส้นทางคมนาคม ที่เป็นเส้นทางหลักในการติดต่อกับหลายๆ ชุมชน เชน่ ชุมชนบ้านปราสาท ในอ�าเภอโนนสูง จังหวัด นครราชสีมา บ้านดงพลอง อ�าเภอสตึก จังหวัด เหรียญเงิน พบท่ัวไปตามเมืองท่าชายฝั่งทะเล แสดง บรุ ีรมั ย์ เป็นตน้ ให้เห็นถึงความซับซ้อนของชุมชนท่ีพัฒนาขึ้นเป็นเมือง จากการติดต่อค้าขายกับดนิ แดนต่างๆ 60 นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เพราะเหตใุ ดชมุ ชนทีต่ ง้ั อยบู รเิ วณใกลทะเลและทีร่ าบลมุ แมน าํ้ จงึ ขยายตัว 1 เมืองสทงิ พระ ชุมชนโบราณสทิงพระเปน ชุมชนสาํ คญั ที่มีพฒั นาการตอเน่อื ง จากชมุ ชนไปสูบ านเมืองไดอยางรวดเรว็ มาจนเปน เมืองใหญ ซึ่งนา จะมศี ูนยก ลางอยูทีบ่ า นจะท้ิงพระ ตําบลจะทิง้ พระ แนวตอบ เพราะมีทําเลทีต่ ง้ั ที่เหมาะสมและเออ้ื อาํ นวยตอการขยายตวั เชน อาํ เภอสทงิ พระ จงั หวัดสงขลา ปจจบุ ันเรยี กวา ในเมอื ง (เปนทตี่ งั้ โรงเรยี นในเมือง) การอยูใกลท ะเลหรอื แมนํา้ ท่มี ที รัพยากรอดุ มสมบรู ณ เหมาะแกการนาํ มาใช ดังปรากฏรอ งรอยของคูนา้ํ คันดิน และซากโบราณสถาน โบราณวัตถจุ าํ นวนมาก เพาะปลกู หรืออปุ โภคบริโภค และการอยูในเสนทางแวะผานของผูคนจาก เมอื งสทิงพระมลี ักษณะผงั เมืองเปน รูปสีเ่ หล่ียมดานไมเทา มกี าํ แพง คเู มืองลอมรอบ ชมุ ชนอนื่ ๆ ทเ่ี ดนิ ทางไปมา ทําใหกลายเปน เมอื งทาในการติดตอ คา ขาย 4 ดาน สําหรับประวตั กิ ารกาํ เนดิ ของเมอื งสทิงพระยังไมปรากฏหลักฐานชัดเจน และมีความเจรญิ จนพัฒนาไปสบู า นเมือง สนั นษิ ฐานวานา จะเจริญรุงเรอื งมาตั้งแตพทุ ธศตวรรษที่ 12-18 ในสมัยตามพรลิงค และสมยั ศรวี ชิ ัย โดยเปนเมืองทาคาขายกับตางชาติ โดยเฉพาะจนี อนิ เดยี และอาหรับ 60 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู โครงกระดูกมนุษย พบที่บานโนนวัด ตําบล ครสู ุมตัวแทนนักเรียนออกมาอธิบาย พลสงคราม อาํ เภอโนนสงู จงั หวดั นครราชสมี า พฒั นาการจากชุมชนเปนบา นเมอื ง จากนน้ั สันนิษฐานวาเปนบุคคลสําคัญ เน่ืองจากมี ตัง้ คาํ ถามแลว ใหนกั เรียนชว ยกันตอบ เชน ส่ิงของมากมายฝงรวมอยูดวย เชน ภาชนะ ดนิ เผา ขวานสาํ รดิ ลกู ปด ตา งหทู าํ จากเปลอื ก • ชุมชนท่ีมีพฒั นาการเปน บา นเมอื งใน หอยทะเล กําไลทําจากเปลือกหอยทะเลและ ดินแดนไทยมที ีใ่ ดบา ง จงยกตัวอยา งมาพอ หนิ ออ น สังเขป (แนวตอบ เชน เมอื งอูทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ในชุมชนเหลานี้มีหลักฐานท่ีแสดงถึงการพัฒนาจาก เมอื งสทงิ พระ จงั หวดั สงขลา เมอื งพระรถ ชุมชนเปนบานเมืองหลายประการ เชน หลุมศพท่ีมีท้ัง จงั หวัดชลบุรี บานดงพลอง อาํ เภอสตึก ศพคนธรรมดาและผูนําซ่ึงจะหันศีรษะไปคนละทางและมี จงั หวดั บรุ รี มั ย เปน ตน) ขา วของมคี า ตา งกนั มาก นอกจากน้ี ยงั มรี อ งรอยของการ ขุดคูน้ําและคันดินลอมรอบชุมชนซ่ึงจําเปนตองใช • นักเรียนจะทราบไดอ ยา งไรวาชุมชนใดมี แรงงานคนจํานวนมาก และการจัดการแบงหนาที่กัน พฒั นาการไปสกู ารเปนบานเมอื ง ทาํ งาน แสดงใหเ หน็ วา ตอ งเปน เมอื งทมี่ ผี คู นคอ นขา งมาก (แนวตอบ ชุมชนท่จี ะพัฒนาไปสูบ า นเมอื ง และมีผนู าํ ชุมชนซึ่งเปนจุดเร่ิมตน ของการพฒั นาเปนเมอื ง จะตอ งมลี กั ษณะสาํ คัญ คอื มีผูค นมากและ ปจจัยสําคัญอีกประการท่ีทําใหเกิดการพัฒนาจาก แบงหนา ทกี่ ันทํางาน และมกี ารตดิ ตอ และ ชมุ ชนเปน บา นเมือง คอื การตดิ ตอและรบั อารยธรรมจาก ปูนปนรูปหนาคนตางชาติ พบท่ัวไปต้ังแต รับวฒั นธรรมจากตา งชาติ ซ่ึงเราทราบได ตางชาติ จากหลกั ฐานทางโบราณคดี และหลกั ฐานท่เี ปน จากหลักฐานทพี่ บ เชน รอ งรอยการขดุ คนู ้ํา จเมังือหงวอัดทู นอคง รจปงั หฐวมดั สแพุ ลระรทณี่เบมุรือี เงมคือูบงัวน1คจรังชหยั วศัดรี และคนั ดินลอมรอบชมุ ชนท่ตี อ งใชแรงงาน คนจาํ นวนมาก เหรยี ญโรมันทพี่ บทเ่ี มือง อทู อง ซงึ่ แสดงถึงการตดิ ตอ กับชาวตางชาติ เปนตน ) บันทึกของตางชาติ แสดงใหเห็นวา ชุมชนหลายแหง ราชบรุ ี เหรียญโรมัน พบท่ีเมืองอูทอง อําเภออูทอง จังหวัด ไดติดตอกับตางชาติ ท้ังจีน อินเดีย โรมัน สุพรรณบรุ ี ดา นหนามีรปู พระพกั ตรดานขา งของจักรพรรดิ เปอรเซีย และรับอารยธรรมจากตางชาติ ซีซาร วิคโตรินุส กษัตริยโรมัน สวนดานหลังของเหรียญ โดยเฉพาะจากอินเดียมาใช ทําใหเกิดชนชั้น เปนรปู ของเทพอี ะธีนา ปกครองที่มีฐานะทางสังคมสูงขึ้น เชน เปน ผนู าํ ทมี่ คี วามศกั ดสิ์ ทิ ธดิ์ จุ เทพเจา ทาํ ใหช มุ ชน ทร่ี บั นบั ถอื ศาสนาเดยี วกนั มวี ฒั นธรรมรว มกนั มีความเปนอันหน่ึงอันเดียวกัน สามารถ รวมกันไดโ ดยมีผูปกครองคนเดียวกัน ๖๑ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู ครใู หน กั เรยี นไปสอบถามหรือสมั ภาษณผ รู หู รอื ผมู ปี ระสบการณใ น 1 เมอื งคูบัว ตั้งอยูในเขตตําบลคูบัว อําเภอเมือง จงั หวดั ราชบุรี ในอดีตเปน ทองถน่ิ เก่ยี วกบั ความเปนบา นเมอื งในจงั หวัดทอี่ าศัยอยู แลวนาํ ผล ชมุ ชนท่มี คี วามสําคัญมากแหงหนง่ึ ในวฒั นธรรมทวารวดี เจริญรุงเรืองอยูในชว ง การสอบถามหรือสัมภาษณม าอภิปราย ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 12-17 มลี ักษณะผงั เมืองเปน รปู สีเ่ หล่ยี มผืนผาขนาดใหญ เปนเนนิ ดนิ ธรรมชาติที่อยูสงู จากระดับน้าํ ทะเลประมาณ 5 เมตร มีการกอ สรา ง คนู าํ้ 1 ชนั้ และคันดนิ 2 ช้นั ลอ มรอบตวั เมอื ง ซ่ึงเปนลักษณะของการสรา งเมอื ง แบบวัฒนธรรมทวารวดี จากการขดุ คน ทางโบราณคดีพบโบราณสถาน โบราณวัตถุ กระจดั กระจายอยูเปนจํานวนมากทั้งในและนอกตัวเมอื งโบราณคบู ัวซึ่งเปน วฒั นธรรม ทวารวดที ้ังสิน้ คูมือครู 61
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครใู หน ักเรยี นชวยกันสรปุ พฒั นาการจาก ๒.๒ พฒั นาการจากบ้านเมืองเป็นแคว้นหรอื รัฐ บา นเมืองเปน แควนหรอื รัฐ จากนัน้ ตง้ั คาํ ถามเพ่ือให นักเรียนอธิบายความรู เชน แควน หมายถึง กลุ่มเมืองหลายเมืองท่ีมารวมตัวกันอยู่ใน อาณาบรเิ วณที่มีขอบเขตค่อนขา้ งจะแน่นอน มีผู้คนจา� นวนมาก • การทบ่ี า นเมืองจะเปนแควนไดน ัน้ จะตองมี พอทจี่ ะตอ้ งมผี นู้ า� และมอี งคก์ รทางการปกครองทมี่ อี า� นาจรวม ลกั ษณะเชนไร ศูนย์ หรือมีอ�านาจเหนืออาณาบริเวณของตน และมีหน้าที่ (แนวตอบ ตองรวมตวั อยูในอาณาบริเวณท่ีมี จัดการปกครองให้เกดิ ระเบยี บและความสงบในสงั คม ขอบเขตคอ นขา งแนนอน มปี ระชากรมาก จากบนั ทกึ ของจนี ทก่ี ลา่ วถงึ แควน้ ตา่ งๆ ในดนิ แดนไทย และมผี นู าํ รวมทง้ั องคก รทางการปกครองท่ี เช่น “โถ-โล-โป-ต้ี” หรือ “แควนอี้เซ้ียนาโปลอ” หรือ มีอาํ นาจรวมศนู ย ซ่งึ มีหนา ทใ่ี นการจัดการ “อิศานปุระ” (กมั พชู า) แสดงใหเ้ ห็นว่าแตล่ ะแคว้นมีเมือง ปกครองใหเ กิดระเบียบและความสงบใน สา� คญั เปน็ ศนู ยก์ ลาง มกี ษตั รยิ ท์ ย่ี อมรบั นบั ถอื ศาสนาทมี่ า สงั คม) จากอนิ เดยี หรอื มคี นเชอื้ สายอนิ เดยี ทา� หนา้ ทที่ างศาสนา คตนราขปน้ึ รตะน้ทตับาดลนิ เแผลาะวค1วั นหขมีม่ อ้าบจาหรงกึ สอ์ ักตษรีศรปลู ลั จลักวระ บันทึกบางฉบับกลา่ วถงึ ศาสนสถาน รูปเคารพ พระสงฆ ์ • จากหลักฐานทางโบราณคดที ีพ่ บในภาคตา งๆ ชีวติ ความเปน็ อยูข่ องชาวเมอื ง ทา� ใหเ้ ห็นภาพของสงั คม พบที่เมืองจันเสน อ�าเภอตาคลี จังหวัด ของประเทศไทย บานเมอื งที่ขยายตวั เปน นครสวรรค์ แควน ในชว งพุทธศตวรรษที่ 12-15 มีทใี่ ดบาง จงยกตัวอยา ง ขณะนั้นว่าประกอบด้วยชนชั้นปกครอง คือ กษัตริย์ ขุนนาง โดยกษัตริย์มีวิถีชีวิตแตกต่างจาก (แนวตอบ ภาคกลาง เชน ละโว ทวารวดี คนทวั่ ไป ทา� ใหก้ ษตั รยิ ์ไม่ใชต่ วั แทนของชนกลมุ่ ใดกลมุ่ หนง่ึ แตก่ ลายเปน็ ศนู ยก์ ลางของชมุ ชนและ ภาคเหนือ เชน หรภิ ุญชัย ภาคตะวนั ออก- บ้านเมอื ง และชนชน้ั ที่ถูกปกครอง คอื ชาวบา้ น โดยมีพระสงฆ ์ นกั บวช พราหมณ ์ ทา� หน้าทท่ี าง เฉียงเหนอื เชน โคตรบรู ณ ภาคใต เชน ศาสนา ตามพรลงิ ค เปน ตน ) จากการส�ารวจหลักฐานทางด้านโบราณคดี พบบ้านเมืองหลายแห่งได้ขยายตัวเป็นแคว้น ตงั้ แตช่ ่วงพทุ ธศตวรรษท ี่ ๑๒ - ๑๕ ในบริเวณภาคต่างๆ ของไทย เชน่ ทวารวด ี ละโว ้ บรเิ วณ • สภาพสังคมของแควนประกอบดวยชนชั้นใด ภาคกลาง หรภิ ุญชัย บริเวณภาคเหนอื ตามพรลงิ ค ์ บริเวณภาคใต้ เป็นต้น (แนวตอบ ประกอบดว ย ชนช้ันปกครอง คอื กษัตรยิ แ ละขนุ นาง และชนช้นั ท่ถี กู ปกครอง คือ ราษฎรทั่วไป โดยมพี ระสงฆ นกั บวช พราหมณ ทาํ หนา ท่ีประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนา) สรอ้ ยลูกปัดทองค�าพร้อมจ้ี เปน็ เครื่องประดบั ของชนชน้ั สูง และภกิ ษอุ ้มุ บาตร ทา� ดว้ ยดินเผา พบท่อี า� เภออ่ทู อง จังหวดั สุพรรณบรุ ี แสดงการรับอิทธิพลพระพทุ ธศาสนาเขา้ มาสดู่ ินแดนสวุ รรณภมู ิ 6๒ นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT บานเมืองกบั แควนหรือรัฐมีความแตกตางกนั อยา งไร 1 เมอื งจนั เสน เปน แหลง ชมุ ชนทางวฒั นธรรมทวารวดที ีม่ คี วามสําคญั แหงหนงึ่ แนวตอบ บา นเมือง หมายถงึ ชมุ ชนแหงหนง่ึ ที่เจรญิ เติบโตขึ้น มคี วาม ในบริเวณลุม แมนา้ํ เจาพระยาฝงตะวนั ออก มีลกั ษณะผังเมอื งเปน รปู สเ่ี หลย่ี มมุมมน ซบั ซอนทางสงั คมมากขึ้นระหวางผคู นในบานเมอื งซงึ่ มหี นาทีห่ ลากหลาย ทงั้ 4 มมุ ลอมรอบดว ยคเู มือง ภายในคเู มืองมลี กั ษณะเปนเนนิ สูงกวา พื้นทีร่ อบนอก สวนแควนหรอื รฐั นน้ั คือ กลุมของบา นเมืองหลายๆ เมอื งรวมตัวกนั อยู คเู มอื ง จากการขุดคนทางโบราณคดที ําใหทราบวา ชาวจันเสนรจู กั การชลประทาน ในอาณาเขตท่คี อ นขางแนนอน และจะตอ งมผี นู าํ แควน หรือรัฐ มรี ปู แบบ ซึ่งคนในเมืองสามารถทาํ นาโดยนํานํ้าในคลองไปใชในการเพาะปลูกได นอกจากนี้ โครงสรางทางสงั คมทีซ่ ับซอ นกวาเดิม คือ มีชนชนั้ ปกครองและชนชนั้ ทถ่ี ูก ยงั มีการพบโบราณสถานและโบราณวัตถจุ ํานวนมาก เชน ทบ่ี ึงจนั เสน พบไหท่ี ปกครอง ตกแตงลวดลายตางๆ เศษภาชนะดนิ เผา แวดนิ เผาสําหรบั ใชใ นการปน ดา ย พระพมิ พด นิ เผา ลกู ปดแกว อาวธุ ตา งๆ เชน ขวานสาํ ริด หัวธนทู าํ ดว ยเหล็ก เปน ตน 62 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒.๓ พัฒนาการจากแคว้นเปน็ อาณาจกั ร 1. ครใู หนกั เรียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั พัฒนาการจากแควน เปนอาณาจกั รในประเดน็ อาณาจักร หมายถึง รัฐที่มีขนาดใหญ่ มีอ�านาจปกครองและมีอาณาบริเวณที่ชัดเจน คาํ ถามตา งๆ เชน มผี ปู้ กครองเปน็ ชนชนั้ ผนู้ า� ในสงั คม มกี ารรวมอา� นาจไวท้ ศี่ นู ยก์ ลาง มขี นุ นางทม่ี ตี า� แหนง่ ยศและ • แควนทพ่ี ฒั นาไปเปน อาณาจกั รไดนัน้ มหี นา้ ทช่ี ดั เจน เปน็ ผูช้ ่วยในการปกครองบ้านเมือง จะตอ งมีลกั ษณะอยางไร (แนวตอบ ตอ งเปนรฐั ขนาดใหญ มีอํานาจ การเติบโตจากแคว้นเป็น ปกครองและมอี าณาบรเิ วณทช่ี ัดเจน อาณาจกั รของดนิ แดนแตล่ ะแหง่ นนั้ มผี ูปกครองเปน ชนช้ันผนู ําในสงั คม มีการ มีปัจจัยแตกต่างกัน บางอาณาจักร รวมอาํ นาจไวท ่ศี ูนยก ลาง มีขุนนางท่ีมี พัฒนามาจากการเป็นศูนย์กลาง ตาํ แหนง ยศ และมีหนาท่ีชัดเจน เพ่อื เปน การค้า เช่น อาณาจักรท่ีต้ังอยู่ ผูช ว ยในการปกครองบานเมือง) บรเิ วณชายฝัง่ ทะเล ใกล้แม่น�า้ หรือ เส้นทางคมนาคม บางอาณาจักร 2. ครูใหน ักเรียนทาํ กจิ กรรมท่ี 3.2 จากแบบวัดฯ พัฒนามาจากการมีความเข้มแข็ง ประวัตศิ าสตร ม.1 ทางทหาร สามารถขยายขอบเขต อ�านาจออกไปปกครองและรวม ชมุ ชนท่ตี ั้งอยู่รมิ ชายฝ่งั ทะเล มีโอกาสพฒั นาเปน็ อาณาจกั รไดร้ วดเร็ว ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ แวน่ แคว้นอ่นื ได้ ประวัติศาสตร ม.1 กิจกรรมท่ี 3.2 อาณาจกั รหลายแห่งท่เี ติบโตข้นึ นอกจากจะมีปจั จยั เสรมิ เรื่องสภาพภมู ศิ าสตร์ ความมงั่ คัง่ หนวยที่ 3 สมยั กอนสุโขทัยในดนิ แดนไทย และความเข้มแข็งทางทหารแล้ว การขยายอ�านาจไปปกครองแว่นแคว้นอ่ืนยังต้องมีการสร้าง ความศกั ดส์ิ ทิ ธข์ิ องชนชน้ั ปกครองดว้ ย เชน่ การรบั คตเิ รอ่ื งกษตั รยิ เ์ ปน็ เทวราชา เปน็ จกั รพรรดริ าช กจิ กรรมที่ ๓.๒ ใหนกั เรียนอธิบายพัฒนาการจากชุมชนเปน บานเมอื ง เปน คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด เพอ่ื สรา้ งอา� นาจเดด็ ขาด และคตธิ รรมราชา เพอ่ื สรา้ งการเปน็ ผนู้ า� ทมี่ ที งั้ ความศกั ดสิ์ ทิ ธแ์ิ ละมคี ณุ ธรรม แควน หรอื รฐั และเปน อาณาจกั รในภมู ภิ าคตา งๆ (ส ๔.๓ ม.๑/๑) ñõ อาณาจักรยุคแรกๆ ที่มี พัฒนาการของบานเมือง อิทธิพลบนผืนแผ่นดินไทย เช่น ...............เ..ป....น....ช...ุม....ช...น....ข...น.....า...ด...ใ...ห....ญ.....ท....ี่ม...โี...ค....ร...ง....ส....ร...า...ง...ท....า...ง...ส....ัง....ค....ม........เ.ศ....ร....ษ....ฐ...ก....จิ........แ...ล....ะ...ก....า...ร...เ..ม...อื....ง...ท....ี่ซ....ับ....ซ....อ...น.....ข..น้ึ.........ม....ีก....า...ร...แ...บ....ง... อาณาจักรอิศานปุระ (กัมพูชา) ห....น.....า..ท....กี่....นั.....ใ..น.....ส....ัง...ค....ม.......เ..ก....ิด....ช...น....ช...ัน้.....ต....า...ง...ๆ......เ..ช...น........ช...น....ช....น้ั ....ป....ก....ค....ร...อ....ง......น.....ัก....บ....ว...ช......ช...า...ง...ฝ....ม...ือ.......ช...า...ว...น....า......ป....จ....จ...ยั....ท....ที่ ....าํ ..ใ...ห....เ..ก....ิด... ที่ขยายอ�านาจเข้ามาถึงบริเวณ ก....า...ร...พ....ฒั......น....า...จ...า...ก....ช...มุ....ช...น....เ..ป....น....บ....า...น.....เ.ม....อื...ง......ค....อื.......ม...กี....า...ร...ต....ดิ....ต....อ....แ...ล....ะ..ร....บั ....อ...า...ร....ย...ธ...ร....ร...ม....จ...า...ก....ต....า ..ง....ช...า..ต....ิ...ท....ง้ั...จ....า...ก....จ...นี........อ...นิ....เ..ด....ยี... ลุ่มแม่น�้าเจ้าพระยา และบริเวณ โ...ร...ม...น.ั .......เ.ป....อ....ร...เ..ซ...ยี......ด....งั...เ..ช...น.......ก....า...ร...พ....บ....เ..ห....ร...ยี...ญ.....โ...ร...ม...นั.....ท....เ่ี .ม....อื...ง...อ....ทู....อ...ง......จ....งั ...ห....ว..ดั....ส....พุ....ร....ร...ณ.....บ.....รุ ...ี...ห....ร...อื...ก....า...ร...พ....บ....ต....ะ...เ..ก...ย.ี ...ง...โ..ร....ม...นั.... ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ท....จี่....ัง...ห....ว...ัด....ก....า...ญ....จ....น....บ.....รุ ...ี...เ..ป...น.....ต....น.......ส....าํ...ห....ร...บั.....ช...ุม...ช...น.....ท....ข่ี...ย...า...ย...ต....ัว...เ..ป....น....บ....า...น.....เ.ม....ือ...ง......เ..ช...น........เ.ม....ือ...ง....ส....ท....งิ...พ....ร....ะ.....จ....งั ...ห....ว...ัด....ส....ง...ข...ล....า.. เม่ืออาณาจักรกัมพูชาเส่ือมอ�านาจ เ..ม...อื....ง...ย....ะ..ร....งั ......จ...ัง....ห....ว..ดั....ป....ต....ต....า...น....ี...เ..ม...อื....ง...อ....ูท ....อ...ง......จ....งั...ห....ว...ัด....ส....ุพ....ร....ร...ณ.....บ.....รุ ...ี...เ..ม...ือ....ง...น....ค....ร....ช...ัย...ศ....ร....ี...จ...ัง...ห....ว...ัด....น.....ค....ร...ป....ฐ....ม......เ..ป....น ....ต....น..... คนไทยจึงต้ังอาณาจักรท่ีเป็นของ ตนเองขึ้นในปลายพุทธศตวรรษท ่ี พฒั นาการของแควน / รฐั เฉฉบลับย ๑๘ คอื อาณาจกั รสุโขทัย ...............เ..ป....น.....ก....ล....ุม....เ..ม....ือ...ง....ห....ล....า...ย....เ..ม...ือ....ง....ท....่ีม...า...อ....ย....ูร....ว...ม...ก....ัน.....ใ...น.....อ...า...ณ......า...บ....ร...ิ.เ..ว...ณ.....ท....่ีม....ีข...อ....บ....เ..ข...ต....ค.....อ....น....ข....า...ง...แ...น.....น.....อ....น.........ม...ีผ....ูน.....ํา.. ซ....่ึง...เ..ป....น.....ก....ษ....ัต.....ร...ิย....เ..ป....น....ศ....ู.น....ย....ก....ล....า...ง...ข...อ....ง...บ.....า...น....เ..ม....ือ...ง........ท....ํ.า..ห....น.....า...ท....่ีป....ก....ค.....ร...อ....ง...ช...น.....ช...ั้น.....ท....ี่ถ....ูก....ป....ก....ค....ร....อ....ง.......ค....ื.อ........ช...า...ว...บ....า...น.... โ...ด....ย...ม....ีพ....ร....ะ...ส....ง...ฆ..... ....น.....ัก....บ....ว...ช........พ....ร....า...ห....ม...ณ...... ....ท....ํา...ห....น.....า...ท....ี่ท....า...ง...ศ....า...ส.....น....า........แ...ล....ะ...ม...ีอ....ง...ค....ก.....ร...ท....า...ง...ก.....า..ร....ป....ก....ค....ร....อ...ง....ท....ํา...ห....น.....า..ท....่ี จ....ัด....ก....า...ร...ป....ก....ค....ร...อ....ง...ใ...ห....เ..ม...ือ....ง...เ..ก....ิด....ร...ะ...เ..บ....ีย...บ.....แ...ล....ะ..เ..ก....ิด....ค....ว...า...ม...ส....ง....บ....เ..ร...ีย....บ....ร...อ....ย........เ..ม...ือ....ง...ห....ล....า...ย...แ...ห....ง....ไ..ด....ข...ย....า..ย....ต....ัว...เ.ป....น.....แ...ค....ว...น.... ต....ง้ั...แ....ต....ช ...ว..ง....พ....ุท....ธ...ศ....ต....ว...ร...ร....ษ....ท....่ี...๑...๒.....-....๑...๕.......เ..ช...น.......ท....ว...า...ร...ว...ด....ี...ล....ะ...โ..ว......ห....ร...ภิ....ุญ.....ช...ัย......เ..ป....น ....ต....น......................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................................ 1 พัฒนาการของอาณาจกั ร ...............เ..ป....น ....ร...ฐั....ท....มี่...ขี...น.....า..ด....ใ...ห....ญ.......ม....อี ...าํ...น....า...จ...ป....ก....ค....ร....อ...ง...แ...ล....ะ...ม...อี....า..ณ......า..บ.....ร...เิ..ว...ณ.....ท....ชี่...ดั....เ.จ....น.......ม....ผี ...ปู....ก....ค....ร...อ....ง...เ..ป....น ....ช...น....ช....น้ั ....ผ...นู.....าํ..ใ...น.... เทวสถานปรางค์แขก อา� เภอเมอื ง จงั หวัดลพบุรี แสดงให้เหน็ ถึงอิทธพิ ล ส....งั....ค....ม......โ..ด....ย...ร....ว..ม....อ...าํ...น....า...จ...ไ...ว...ท ...ศ.่ี ...นู.....ย...ก....ล....า..ง....แ...ล...ะ...ม...ขี...นุ.....น....า...ง...เ.ป....น.....ผ...ชู...ว...ย...ใ..น.....ก....า..ร....ป...ก....ค....ร....อ...ง...บ....า...น....เ..ม...อื....ง......ป....จ ...จ...ย.ั ...ท....ท่ี....าํ ..ใ...ห....แ ...ค....ว..น.... ของขอมทเ่ี ขา้ มายงั ดินแดนไทย พ....ัฒ......น....า...ไ..ป....ส....อู....า...ณ.....า...จ...ัก....ร....ม...หี....ล....า...ย...ป....ร....ะ..ก....า...ร.......เ..ช...น ........ป....จ...จ....ยั ...ท....า...ง...ภ....มู...ศิ....า...ส....ต....ร.... ...โ...ด....ย...แ...ค....ว...น.....ท....่ตี ....้งั ...อ...ย....ูบ ....ร...เิ..ว...ณ.....ช...า...ย....ฝ...ง...ท....ะ...เ..ล... ใ...ก....ล...แ...ม....น....า้ํ...ห....ร...อื....เ.ส....น.....ท....า..ง....ค....ม...น....า...ค....ม......ม....โี ..อ...ก....า...ส....จ....ะ..พ....ฒั.....น.....า..เ..ป....น....อ....า..ณ......า..จ....กั....ร...ไ...ด...ร....ว...ด...เ..ร...ว็......ห....ร...อื....ป...จ. ...จ...ย.ั ...ท....า..ง....ท....ห...า...ร......แ...ค....ว...น.... ท....มี่....คี ....ว...า..ม....เ..ข...ม ...แ...ข...็ง...ท....า...ง...ก....า...ร...ท....ห....า...ร....จ...ะ...ข...ย...า...ย...ข...อ....บ....เ..ข...ต...อ....ํา...น....า...จ...อ....อ...ก....ไ...ป....ป....ก....ค....ร...อ....ง...แ...ล....ะ...ร...ว...ม...แ...ว...น.....แ...ค....ว...น ....อ....นื่ ....ไ...ด.... ....เ..ป....น ....ต....น.... ส....าํ...ห....ร....บั ....อ...า...ณ.....า...จ....กั ....ร...ใ...น....ด....นิ....แ....ด....น....ไ...ท....ย......เ..ช...น.......อ...ศิ....า...น.....ป....ุร...ะ.....(...ก....มั ...พ....ูช...า...).....ส.....ุโ..ข...ท....ยั......เ..ป....น....ต....น.................................................................. 6๓ (พจิ ารณาคําตอบของนักเรยี น โดยใหอ ยูในดุลยพินจิ ของครผู ูส อน) ๒๗ บรู ณาการเชือ่ มสาระ นกั เรยี นควรรู ครูนาํ เนื้อหาเรอื่ งการต้ังถนิ่ ฐานของชุมชนโบราณไปบูรณาการเชอื่ มโยง 1 ปรางคแ ขก หรอื เทวสถานปรางคแ ขก เปนโบราณสถานท่ีมีอายเุ กาแกท ี่สดุ กับสาระภมู ิศาสตร หัวขอ ภูมิลกั ษณของประเทศไทย เพ่อื ที่นกั เรยี นจะได ของลพบรุ ี ตง้ั อยูใ กลกบั พระนารายณร าชนเิ วศน เปน ปรางคก อดว ยอิฐ 3 องค เขาใจวา สภาพทางภมู ศิ าสตรม ีความเกยี่ วของกบั การต้งั ถ่ินฐานของชุมชน ไดร ับอทิ ธพิ ลศลิ ปะเขมรแบบพะโค อายรุ าวพุทธศตวรรษท่ี 15 ในสมัยสมเดจ็ และเปนปจ จัยหนงึ่ ทส่ี งเสรมิ ใหชุมชนพฒั นาไปสูก ารเปน บานเมอื ง แควน พระนารายณม หาราชโปรดใหสรา งวิหารขนึ้ ดา นหนา และถังเก็บนํา้ ประปาทางดาน และอาณาจักร ทศิ ใตข องเทวสถาน บรู ณาการอาเซยี น ครูใหน ักเรยี นชว ยกนั สบื คนขอมลู เกีย่ วกับอาณาจกั รโบราณในสวุ รรณภมู ิ วาประเทศสมาชกิ อาเซียนมรี อ งรอยหลักฐานทีแ่ สดงการตง้ั บา นเมอื งในประเทศใด และอยใู นบริเวณใดบาง โดยใชแ ผนที่เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตประกอบการอธิบาย คูมอื ครู 63
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหน ักเรียนทบทวนความรเู ก่ยี วกับพัฒนาการ ó. Ã°Ñ âºÃÒ³áÅÐÃ°Ñ ä·Âã¹´¹Ô á´¹ä·Â จากชุมชนมาสูรัฐโบราณ จากนนั้ ครูใหน ักเรียน แบงกลุม กลุมละ 4 คน ใหสมาชิกแตละกลุม มี กอ นทชี่ นชาตไิ ทยจะอพยพเขา มาตง้ั อาณาจกั รขน้ึ ในดนิ แดนทเี่ ปน ประเทศไทยในปจ จบุ นั นนั้ หมายเลขประจําตวั 1-4 ไดม หี ลายชนชาตติ ง้ั หลกั แหลง อยูในบรเิ วณนมี้ ากอ นแลว กลมุ ชนเหลา นี้ไดส รา งสรรคค วามเจรญิ ของตน รวมท้ังรับการถายทอดอารยธรรมจากตางชาติมาประยุกตใชดวย ตอมาชนชาติไทย 2. นกั เรียนแตล ะหมายเลขแยกยา ยไปเขา กลุมใหม ไดอพยพเขามาและตั้งอาณาจักรของคนไทยข้ึนปกครองแทนที่อาณาจักรเดิม โดยชาวไทยไดรับ ทีม่ หี มายเลขเหมอื นกนั ใหนักเรียนกลมุ ใหม อารยธรรมบางอยางจากอาณาจกั รโบราณเหลา นน้ั ดว ย ศกึ ษาความรูเก่ยี วกบั รัฐโบราณและรฐั ไทยใน นอกจากนี้ ชุมชนกอนสมัยสุโขทัยก็ไดมีการ ดนิ แดนไทยจากหนังสือเรียน หนา 64-80 สรางสรรคภูมิปญญาของตนเอง สําหรับการแกปญหาใน ตามหัวขอท่กี าํ หนดให การดาํ รงชวี ติ จนมคี วามเจรญิ กา วหนา และสามารถดาํ รงอยู หมายเลข 1 ศึกษาพัฒนาการของอาณาจกั ร ไดเปนอยางดีทามกลางสภาวะแวดลอมและธรรมชาติใน โบราณในภาคกลาง ขณะนนั้ รวมทง้ั เกดิ ผลงานของบคุ คลสาํ คญั ตอ การดาํ รงอยู หมายเลข 2 ศกึ ษาพฒั นาการของอาณาจกั ร ของแวนแควนบางแหงเทาท่ีมีหลักฐานปรากฏ อันเปน โบราณในภาคเหนอื สวนหน่ึงของพ้ืนฐานแหงความเจริญกาวหนาของชุมชน ตราดินเผารูปเรือสําเภา พบที่เมืองนครชัยศรี หมายเลข 3 ศกึ ษาพฒั นาการของอาณาจกั ร ในสมยั ตอ ๆ มาบนผนื แผน ดนิ ทเ่ี ปน ประเทศไทยในปจ จบุ นั หรือเมืองนครปฐมโบราณ แสดงใหเห็นวา โบราณในภาคใต สวุ รรณภมู มิ กี ารตดิ ตอ คา ขายกบั ดนิ แดนตา งๆ หมายเลข 4 ศึกษาพัฒนาการของอาณาจักร อยา งกวา งขวาง โบราณในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 3. นักเรียนแตล ะกลุมชวยกนั ศกึ ษาความรู เสรจ็ แลว ใหผ ลัดกนั ทบทวน ซักถามขอ สงสัย จากนนั้ กลับเขากลมุ เดิม และสมาชิกแตล ะคน ผลัดกันอธิบายความรูที่ไดศ ึกษามาใหเ พอื่ นๆ ในกลุม ฟง จนเขาใจดที ุกคน 1 ปรางคศรเี ทพ ภายในอทุ ยานประวัติศาสตรศรเี ทพ จังหวดั เพชรบรู ณ ศาสนสถานในศาสนาพราหมณ- ฮินดู ศลิ ปะเขมร แสดงใหเ หน็ ถงึ การตงั้ ถน่ิ ฐานของชมุ ชนเมอื งโบราณศรเี ทพในบรเิ วณลมุ แมน าํ้ ปา สกั ซง่ึ มพี ฒั นาการมายาวนานตงั้ แตส มยั กอ นประวตั ศิ าสตร ตอ มาไดร บั อทิ ธพิ ลจากทวารวดี และเขมรตามลาํ ดบั กอ นจะถกู ทง้ิ รา งไปในชว งกอ นหรอื ตน สมยั สโุ ขทยั ๖๔ เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอใดเปน ปจ จัยสําคัญตอการพฒั นาของชุมชนไปสูการเปนแควนและ ครคู วรใชเทคนิคเลาเร่อื งรอบวงใหน ักเรยี นผลัดกันเลา เรือ่ งท่ศี ึกษามาใหเ พอื่ น อาณาจกั ร ฟงทลี ะคน โดยสมาชิกทกุ คนใชเวลาในการเลาเทาๆ กันหรอื ใกลเ คยี งกัน หลังจาก 1. การนาํ ตวั อักษรมาใช วนครบรอบวงแลวใหนกั เรียนในกลุมทุกคนชว ยกนั สรปุ ประเด็นสําคญั 2. รูจ ักการตอ เรอื สาํ เภา 3. มกี ารจัดระเบยี บสังคม นกั เรียนควรรู 4. ไดร ับอารยธรรมจากอนิ เดีย วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. การไดรับอารยธรรมอนิ เดยี ในดานตา งๆ 1 ปรางคศรเี ทพ โบราณสถานปรางคศรเี ทพ ประกอบดวยปราสาทประธาน สง ผลใหบ านเมืองเกดิ การเปลยี่ นแปลงมีความเจริญกา วหนา ชมุ ชนเกิด อาคารรปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผาเรยี กวา บรรณาลัยโคปรุ ะ กําแพง ชานชาลาหรือทางเดิน การพัฒนาไปสูการเปนแควนและอาณาจักร รปู กากบาท สะพานนาค และอาคารรปู สีเ่ หลย่ี มผืนผาที่ทอดยาวขนานกบั สะพานนาค 64 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๑ พฒั นาการของอาณาจักรโบราณในภาคกลาง 1. ครูนําซองคําถามเก่ียวกับอาณาจักรโบราณใน ภาคตางๆ ของประเทศไทย ไดแก ภาคกลาง อาณาจกั รโบราณในภาคกลางท่สี ําคญั มดี ังน้ี ภาคเหนือ ภาคใต และภาคตะวันออกเฉยี ง- ๑) อาณาจักรทวารวดี (พุทธศตวรรษท่ี ๑๑-๑๖) เปนอาณาจักรในสมัย เหนอื จํานวน 4 ซอง มาแจกใหกบั นักเรยี น ประวตั ศิ าสตรท่ีมหี ลักฐานแนนอนแหง แรกบนผนื แผน ดินไทย เรอื่ งราวของทวารวดปี รากฏอยูใน ทุกกลมุ บนั ทึกการเดินทางของหลวงจนี อีจ้ ิง ท่เี รียกชือ่ ในบันทึกวา “โถ-โล-โป-ตี้” วา เปนอาณาจกั รที่อยู ระหวา งอาณาจักรศรีเกษตร (พมาตอนใต) กับอาณาจักรอิศานปรุ ะ (เขมร) ซึ่งหมายความวา ตง้ั อยู 2. ครูใหน ักเรียนแตล ะกลุมเปดซองคําถามของ ในบรเิ วณลมุ แมนาํ้ เจาพระยา และอาจมศี ูนยกลางอยทู ่จี ังหวัดนครปฐม เพราะมีการพบเหรียญท่ี อาณาจกั รโบราณในภาคกลางกอน ซง่ึ ภายใน มจี ารึกภาษาสนั สกฤตวา “ศรที วารวตี ศวรปุณยะ” แปลวา “การบณุ ยข องพระเจา ศรที วารวดี” ๑๓ จะมคี ําถามเก่ยี วกับอาณาจกั รทวารวดีและ ในการขุดคนทางโบราณคดีที่เมืองนครชัยศรี อาณาจกั รละโว (จังหวัดนครปฐม) ไดพบหลักฐานสมัยทวารวดีจํานวนมาก เชน ธรรมจกั รศลิ า พระพุทธรปู ศลิ าขนาดใหญป ระทับน่งั หอย 3. ครใู หน กั เรยี นอานคําถามเก่ยี วกับอาณาจักร จพุลรปะบระาโททปณางเจแดสียดงธแรลระมฐารนวอมาถคึงาโรบทร่ีวาัดณพสรถะาเมนรขุน1หาดลใักหฐญาน ทเชานง ทวารวดกี อ น โดยใหนักเรียนระดมความคิด เหรียญเงิน ดานหนึ่งมีอักษรจารึก โบราณคดีเหลานี้แสดงใหเห็นถึงการเปนเมืองสําคัญของ รวมกนั เสร็จแลวสง ตวั แทนออกมาตอบ เปนภาษาสันสกฤตวา “ศรีทวารวตี นครปฐมในสมยั ทวารวดี และทจ่ี งั หวดั สพุ รรณบรุ ี สงิ หบ รุ ี และ ซง่ึ คาํ ถามมดี ังน้ี ศวรปุณยะ” อีกดานเปนลายหมอนํ้า • หลักฐานใดท่ีปรากฏเรื่องราวของอาณาจกั ร พบทีจ่ ังหวดั นครปฐม ชยั นาท กม็ กี ารพบเหรียญเงนิ ท่มี ีจารกึ ชอ่ื “ทวารวดี” ดว ย ทวารวดี (แนวตอบ บนั ทกึ การเดินทางของหลวงจีน »˜¨¨Øº¹Ñ ¹¡Ñ »ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÃÁ Õ¤ÇÒÁàËç¹à¡èÕÂǡѺ ๖๕ อจี้ งิ ที่เรียกชอ่ื ทวารวดีวา โถ-โล-โป-ตี้ ȹ٠¡ÅÒ§¢Í§ÍÒ³Ò¨¡Ñ ÷ÇÒÃÇ´ÕÇÒ‹ ¹‹Ò¨ÐÍ·‹Ù àèÕ ÁÍ× §¹¤ÃªÑÂÈÃÕ วา เปนอาณาจกั รทีอ่ ยรู ะหวางอาณาจักร ศรเี กษตร (พมาตอนใต) กบั อาณาจกั ร ¨Ñ§ËÇÑ´¹¤Ã»°Á àÁÍ× §ÅÐâÇŒ ¨§Ñ ËÇѴžºØÃÕ อิศานปรุ ะ (เขมร)) ¹Í¡¨Ò¡¹àÕé ÁÍ× §Í‹Ù·Í§ ¨Ñ§ËÇ´Ñ Ê¾Ø ÃóºÃØ Õ ¡Áç ¤Õ ÇÒÁÊÒí ¤ÑÞ • ศูนยก ลางของอาณาจกั รทวารวดอี ยู บริเวณใดในปจจบุ นั และทราบไดอ ยางไร ÁÒ¡´ŒÇ¹ФÃѺ (แนวตอบ สนั นิษฐานวาอยทู ี่จังหวดั นครปฐม ดงั พบเหรยี ญที่มจี ารึกภาษาสันสกฤตวา โบราณสถานท่เี มอื งโบราณอูทอง จงั หวดั สพุ รรณบุรี ศรที วารวตี ศวรปุณยะ แปลวา การบณุ ย ๑๓ ศลิ ปะทวารวดี : ตนกาํ เนดิ พุทธศลิ ปใ นประเทศไทย. สํานกั พพิ ิธภัณฑสถานแหงชาติ กรมศลิ ปากร, ของพระเจาศรที วารวดี) ๒๕๕๒. หนา ๒๘. • หลักฐานใดบา งที่แสดงใหเหน็ ถงึ ศลิ ปกรรม ทวารวดีในดินแดนไทย (แนวตอบ เชน ธรรมจกั รศลิ า พระพุทธรปู ศิลาขนาดใหญประทับนัง่ หอ ยพระบาท ปางแสดงธรรม จุลประโทณเจดีย ฐานอาคารทว่ี ดั พระเมรุ จงั หวดั นครปฐม เปน ตน ) ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู หากจะกลาววา ทวารวดีเปนอาณาจกั รโบราณในดินแดนไทยทเี่ ปน ครอู ธบิ ายใหน กั เรียนเขาใจวา พระพุทธรูปศลิ าซ่งึ พบท่ีวดั พระเมรุมีดวยกนั ท้ังสนิ้ ศนู ยก ลางของพระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาทในสมัยนัน้ นักเรยี นเหน็ ดวย 5 องค ปจ จุบนั ประดษิ ฐานอยูต ามทต่ี างๆ ไดแ ก ภายในวดั พระปฐมเจดยี 2 องค ใน หรือไม เพราะเหตใุ ด พพิ ธิ ภัณฑสถานแหงชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร 1 องค พิพธิ ภัณฑสถานแหงชาติ แนวตอบ เหน็ ดว ย เพราะหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท พี่ บในสมยั ทวารวดี เจา สามพระยา จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา 1 องค และในวัดหนา พระเมรุ จังหวดั เปนหลักฐานที่เกยี่ วเน่อื งกบั พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทเปนสว นใหญ พระนครศรีอยุธยา 1 องค ซึ่งพบกระจดั กระจายอยูทว่ั ไปในภมู ภิ าคตา งๆ ของประเทศไทย เชน ภาคใต พบพระพุทธรปู แบบทวารวดที จี่ งั หวัดสรุ าษฎรธ านี ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ นกั เรยี นควรรู พบศิลปะทวารวดีผสมกบั ศลิ ปะขอมที่เมอื งฟาแดดสงยาง จงั หวัดกาฬสินธุ ภาคตะวันออก พบศิลปะทวารวดีท่ีจงั หวดั จนั ทบรุ ี ปราจีนบุรี เปนตน 1 วัดพระเมรุ เปนศาสนสถานขนาดใหญทีต่ ้ังอยูนอกกาํ แพงเมืองโบราณนครปฐม แตเ ดมิ มีเจดียท ่ีมมี ขุ ประดษิ ฐานพระพุทธรูปท้ัง 4 ทิศ และไดมกี ารปฏิสังขรณต อ เน่อื ง กนั มาหลายสมัย หลักฐานสําคัญทพ่ี บ คือ พระพทุ ธรปู ศลิ าประทบั น่งั หอ ยพระบาท ปางแสดงธรรม ทาํ จากหนิ สีขาวและสีเทาขนาดใหญห ลายองค ปจ จบุ นั ประดษิ ฐาน อยูตามทต่ี างๆ คูม ือครู 65
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หนักเรยี นศึกษาเกีย่ วกบั ศลิ ปะทวารวดีจาก àÊÃÁÔ ÊÒÃÐ ÈÔŻзÇÒÃÇ´Õ หนังสอื เรยี น หนา 66 จากนนั้ ใหน ักเรยี นชว ยกนั ตอบคําถาม เชน ทวารวดี เป็นชื่อวัฒนธรรมหน่ึง ซ่ึงมีความเจริญในช่วงพุทธศตวรรษท่ี ๑๑-๑๖ โดยมีศูนย์กลาง • นอกจากหลักฐานทีพ่ บทีจ่ งั หวัดนครปฐมแลว ยงั มีการพบหลักฐานศลิ ปะทวารวดที ีใ่ ดอีก ความเจริญอยบู่ รเิ วณลมุ่ แม่น้�าเจา้ พระยาตอนลา่ ง นักประวัติศาสตรแ์ ละนกั โบราณคดสี นั นิษฐานว่า น่าจะอยบู่ รเิ วณ (แนวตอบ ภาคใต เชน พบพระพุทธรปู แบบ เมอื งใดเมอื งหน่งึ ระหว่างนครปฐมและอูท่ อง แลว้ เจรญิ แพร่หลายไปยงั ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย เชน่ ภาคใต้ ทวารวดศี ลิ าท่จี งั หวัดสุราษฎรธ านี ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื พบศลิ ปะทวารวดี พเมบือพงฟระาพแดุทดธสรงูปยแาบงบ1จทังวหาวรัดวกดาีศฬิลสาินทธ่ีจุ์ ังแหลวะัดภสาุรคาตษะฎวันร์ธอาอนกีพภบาศคิลอปีสะาทนวพารบวศดิลีในปเะขทตวจาังรหววดัดีผจสันมทผบสุราี นจกงั หับวศัดิลปประาขจอีนมบทุรี่ี ผสมกบั ศลิ ปะขอมที่เมืองฟาแดดสงยาง จังหวดั กาฬสินธุ ภาคตะวันออก พบศลิ ปะ เปน็ ต้น เนื่องจากมีการค้นพบศิลาจารึกภาษามอญโบราณหลายช้ินในเมืองโบราณสมัยทวารวดี จึงสันนิษฐานว่า ทวารวดใี นเขตจงั หวัดจนั ทบุรี ปราจีนบุรี ชาวทวารวดีนา่ จะมเี ชอื้ ชาตมิ อญ หรืออยา่ งนอ้ ยใชภ้ าษามอญเปน็ หลกั เปนตน ) • ศิลปะทวารวดที ีพ่ บสว นใหญเ ปนหลักฐาน งานศลิ ปกรรมทวารวดที พี่ บสว่ นใหญเ่ ปน็ ศาสนสถานเนอ่ื งในพระพทุ ธศาสนา สว่ นประตมิ ากรรมนน้ั มลี กั ษณะ ประเภทใด รูปแบบทีแ่ สดงให้เหน็ ถึงการรบั อทิ ธพิ ลศลิ ปะอนิ เดียแบบคปุ ตะและหลงั คปุ ตะ (แนวตอบ ศาสนสถานและศาสนวัตถเุ น่อื งใน พระพุทธศาสนา เชน เจดยี จุลประโทณ แผ่นหินจ�าหลักภาพพระพุทธรูปปางสมาธิ สมัยทวารวดี พระพทุ ธรูปปางสมาธิ สมัยทวารวดี พบทวี่ ัดพระบรมธาตุ พระพุทธรปู ปางสมาธิ ปางแสดงธรรม ใบเสมา พบท่ีต�าบลโคกปบ อา� เภอศรมี โหสถ จังหวัดปราจนี บุรี ไชยา อ�าเภอไชยา จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี ธรรมจกั รกบั กวางหมอบ เปน ตน ) 2. จากนนั้ ครูใหนกั เรียนแสดงความคดิ เห็นรวมกัน ถงึ ลกั ษณะเฉพาะของศิลปะทวารวดี ฐานศลิ าจา� หลกั ภาพพทุ ธประวตั ติ อนทรงแสดงธรรม ศลิ ปะ ใบเสมา ศิลปะทวารวดี พบท่ีเมืองโบราณฟาแดดสงยาง ทวารวดี พบทว่ี ดั ไทร อา� เภอนครชยั ศรี จงั หวดั นครปฐม อา� เภอกมลาไสย จงั หวดั กาฬสินธุ์ 66 เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ทวารวดีมคี วามสําคญั ตอ อาณาจกั รโบราณในดนิ แดนประเทศไทยอยางไร ครูแนะนาํ ใหน กั เรยี นเปด เว็บไซต www.youtube.com หัวขอ ตามรอยทวารวดี แนวตอบ ทวารวดเี ปนหน่งึ ในอาณาจักรโบราณในดินแดนเอเชียตะวันออก- ทน่ี ครปฐม เพื่อใหนักเรยี นเขาใจในพัฒนาการของอาณาจักรทวารวดี รวมทงั้ เฉยี งใตท ่ีไดร ับอิทธิพลของวฒั นธรรมอินเดยี โดยเจรญิ รงุ เรอื งขน้ึ ในบริเวณ ศลิ ปกรรมทวารวดที ม่ี ีความเจรญิ รุงเรอื งอยา งยิ่ง ภาคกลางของดนิ แดนประเทศไทย และไดแ ผขยายอิทธิพลทางวัฒนธรรรม ใหแ กอ าณาจักรตา งๆ โดยเฉพาะการนบั ถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท นกั เรียนควรรู ดงั จะเห็นไดจ ากงานศิลปะทวารวดีทเ่ี กี่ยวเนื่องในพระพทุ ธศาสนาท่พี บไดท ั่ว ทกุ ภูมภิ าคของประเทศไทย 1 เมอื งฟาแดดสงยาง หรอื ฟา แดดสงู ยาง เปนเมอื งโบราณทม่ี คี นั ดินลอ มรอบ 2 ชน้ั จากหลกั ฐานทางโบราณคดที คี่ นพบ ทําใหท ราบวามีการอยอู าศยั ภายใน เมอื งมาตงั้ แตส มัยกอ นประวตั ิศาสตร แลวเจริญรงุ เรืองมากขึน้ ในสมยั ทวารวดี เมอ่ื ราวพทุ ธศตวรรษท่ี 13-15 ดงั หลักฐานทางพระพุทธศาสนาท่ีปรากฏโดยทัว่ ไป ทงั้ ภายในเมอื งและนอกเมือง เชน ใบเสมาหินทราย ซึ่งจําหลักภาพเรื่องชาดกและ พทุ ธประวัติจํานวนมาก เปนตน 66 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู นอกจากนี้ มีการค้นพบจารึกโบราณที่เขียนด้วยภาษามอญ ครสู นทนากับนกั เรยี นเกยี่ วกบั ความเจรญิ ของ ในบริเวณจังหวัดนครปฐม สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท ลพบุรี และ วฒั นธรรมทวารวดี จากน้นั ใหนักเรียนคน ควา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สันนิษฐานว่าชาวมอญเป็นเจ้าของ เพม่ิ เติมเก่ียวกับอิทธิพลของวัฒนธรรมทวารวดีใน อารยธรรมทวารวด ี และการทอี่ าณาจกั รทวารวดตี งั้ อย่ใู นบรเิ วณทรี่ าบลมุ่ ภูมิภาคตางๆ ของประเทศไทย โดยนาํ ขอมลู มา อภิปรายรวมกนั ในชน้ั เรียน แม่น�้าเจ้าพระยา แม่น�้าแม่กลอง และอยู่ใกล้ทะเล ท�าให้มีพ่อค้า ต่างชาติ เช่น อินเดีย เข้ามาติดต่อค้าขาย ทวารวดีได้รับอิทธิพล พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนแบบแผน ในการปกครองจากอินเดีย เกิดการผสมผสานจนเปน็ อารยธรรม ทวารวดีท่ีแพร่หลายไปยังภูมิภาคต่างๆ ของไทย ดังพบได้จาก ธรรมจักรกับกวางหมอบ เป็นศิลปะ โบราณสถาน โบราณวัตถุ สมัยทวารวดีกระจายอยู่ท่ัวไป เช่น สมัยทวารวดี พบท่ีจังหวัดนครปฐม รูปน้ีมีนัยหมายถึงพระพุทธองค์ เ(ลมพอื บงนรุ )ีค รเชมยัอื ศงศร ีร(เี นทคพร ป1(เฐพมช)ร บเมรู ณือง)์ อเทู่มออื งง ฟ(าส้ แพุ ดรดรสณงบยรุา)ีง เ(มกาอื ฬงลสะนิ โธว)์ุ้ ทรงแสดงปฐมเทศนา ณ ปา อสิ ปิ ตน- มฤคทายวัน เมืองไชยา (สรุ าษฎร์ธาน)ี เป็นต้น ทวารวดไี ดร้ บั อทิ ธพิ ลอนิ เดยี หลายอยา่ ง เชน่ ดา้ นการปกครอง รบั ความเชอื่ เรอื่ งการปกครอง โดยกษัตรยิ ์ สันนษิ ฐานวา่ การปกครองสมยั ทวารวดีแบ่งออกเป็นแควน้ มเี จา้ นายปกครองตนเอง แต่มีความสัมพันธ์ในลักษณะเครือญาติ มีการแบ่งชนช้ันในสังคมออกเป็นชนชั้นปกครอง และ ชนชน้ั ทถ่ี ูกปกครอง ทางด้านศาสนาได้รับอิทธิพลศาสนาพราหมณ์ - ฮินด ู และพระพทุ ธศาสนาโดยเฉพาะนกิ ายเถรวาท จนท�าให้ทวารวดี กลายเป็นอาณาจักรของชาวพุทธ มีการให้ความส�าคัญต่อการ ทา� บญุ โดยไดพ้ บจารกึ แสดงการถวายสง่ิ ของแกว่ ดั และพระสงฆ ์ รวมถงึ มีการสร้างงานศิลปกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา จา� นวนมาก ดงั พบโบราณวตั ถ ุ เชน่ ธรรมจกั รศลิ า พระพทุ ธรปู ทท่ี า� จากศลิ า สา� รดิ และทองคา� เสาหนิ แปดเหล่ยี ม ใบเสมา ทมี่ จี ารกึ แสดงพระธรรม รอยพระพทุ ธบาท พระพทุ ธรปู ศลิ าขาว ภายในวดั พระปฐมเจดยี ร์ าชวรมหาวหิ าร จงั หวัดนครปฐม และ พระพุทธรูปศิลาขาว ท่ีประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศใต้ของ พระพุทธรูปศิลาขาว ปางแสดง องคพ์ ระปฐมเจดยี ์ในปจั จบุ นั รวมทงั้ สถาปตั ยกรรมทางพระพทุ ธ- ปฐมเทศนา ประทับนั่งห้อยพระบาท ศิลปะทวารวดี ประดิษฐานอยู่ด้านทิศ ศาสนาทส่ี า� คญั ในสมยั ทวารวด ี คือ พระปฐมเจดีย์ (องค์เก่า) ใต้องคพ์ ระปฐมเจดยี ์ จังหวัดนครปฐม ทีจ่ งั หวดั นครปฐม 6๗ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู จากหลักฐานท่ีพบในภาคตางๆ ของประเทศไทย นกั เรยี นสามารถสรปุ 1 เมืองศรีเทพ เดิมชอื่ เมอื งอภยั สาลี จากการศึกษาทางโบราณคดีทาํ ใหทราบ ความเจริญรุงเรอื งของอาณาจักรทวารวดไี ดเชนไร วาเมืองศรีเทพเปนชมุ ชนสมยั กอนประวตั ศิ าสตรตอนปลายเมอ่ื ประมาณ 2,000 ป แนวตอบ เปน วฒั นธรรมทมี่ ีความเจรญิ รุงเรืองในชว งพุทธศตวรรษที่ 11-16 ที่ผานมา ตอ มาไดพัฒนาขึ้นเปนสงั คมเมืองโดยรับวฒั นธรรมจากภายนอก ไดแ ก โดยมศี ูนยก ลางอยใู นบริเวณลมุ แมนํ้าเจา พระยาตอนลา ง สันนษิ ฐานวา วฒั นธรรมอนิ เดีย (พทุ ธศตวรรษท่ี 7-11) วฒั นธรรมทวารวดี (พุทธศตวรรษท่ี นา จะอยเู มืองใดเมืองหนึง่ ระหวางนครปฐมและอทู อง แลว เจรญิ แพรห ลาย 12-16) และวัฒนธรรมเขมรโบราณ (พทุ ธศตวรรษที่ 17-18) ในชวงทเ่ี มอื งศรีเทพ ไปยงั ภูมภิ าคตางๆ ของประเทศไทย ดงั จะทราบไดจ ากรอ งรอยหลกั ฐาน อยูภายใตว ฒั นธรรมทวารวดีน้ัน ไดก อ สรางศาสนสถานหลัก ไดแ ก โบราณสถาน ที่พบในที่ตา งๆ ไมว า จะเปนโบราณสถาน โบราณวตั ถุสมยั ทวารวดี เขาคลังใน โบราณสถานเขาคลังนอก ถํ้าเขาถมอรัตน และยังพบโบราณวตั ถุตางๆ เชน ธรรมจักรศลิ า จารึกเมอื งศรีเทพ พระพุทธรูป รปู พระโพธิสตั ว เปน ตน ซง่ึ แสดงใหเ หน็ วา ในชว งทรี่ บั วฒั นธรรมทวารวดี ชาวเมืองนับถือพระพุทธศาสนา เปนศาสนาหลัก คมู อื ครู 67
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครใู หน ักเรยี นแตล ะกลมุ อา นคาํ ถามเกี่ยวกบั ๒) อาณาจกั รละโว (พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๘) ตง้ั อย่ใู นบรเิ วณลมุ่ แมน่ า�้ เจา้ พระยา อาณาจักรละโว และใหน ักเรียนระดมความคิด ฝั่งตะวันออก ศูนย์กลางอยู่ที่เมืองละโว้ หรือจังหวัดลพบุรีในปัจจุบัน ละโว้เป็นเมืองส�าคัญ รวมกัน เสรจ็ แลวสงตัวแทนออกมาตอบ ซง่ึ คําถาม เมืองหนึ่งในสมัยทวารวดี สันนิษฐานว่าชาวละโว้ส่วนใหญ่เป็นชาวมอญ เพราะมีความใกล้ชิด มีดังนี้ กบั ทวารวดีมาก รวมทัง้ พบจารึกภาษามอญทอ้ งถนิ่ ที่เกา่ แก่มากบนเสาหินแปดเหลยี่ ม และจารกึ บนฐานพระพทุ ธรูปปางประทานพรท่ีลพบุร ี ในตา� นานจามเทววี งศ์ ซึ่งเปน็ ต�านานเมืองหริภุญชยั • ทาํ เลท่ตี ั้งของอาณาจักรละโวอยบู รเิ วณใด เรียกชาวละโว้ว่า “ชาวรามัญ” และมศี ูนยก ลางอยูทใี่ ด อาณาจักรละโว้ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีแม่น�้าส�าคัญ ๓ สาย (แนวตอบ อาณาจกั รละโวต ั้งอยใู นบรเิ วณ ไหลผา่ น ไดแ้ ก ่ แมน่ า�้ เจา้ พระยา แมน่ า�้ ปา่ สกั และแมน่ า�้ ลพบรุ ี ทา� ใหม้ คี วาม ลมุ แมน้ําเจา พระยาฝง ตะวันออก โดยมี อดุ มสมบรู ณ ์ และมเี สน้ ทางตดิ ตอ่ กบั เมอื งในลมุ่ แมน่ า�้ ปา่ สกั ทร่ี าบสงู โคราช ศนู ยกลางอยทู เี่ มอื งละโวห รือจงั หวัดลพบรุ ี และเขตทตี่ ดิ ตอ่ กบั ทะเลสาบเขมร ซงึ่ อดุ มสมบรู ณด์ ว้ ยปลานานาชนดิ ทา� ให้ ในปจ จุบัน) ละโวเ้ ปน็ ศนู ยร์ วมทรพั ยากร เปน็ ศนู ยก์ ลางการตดิ ตอ่ ระหวา่ งชมุ ชนโดยรอบ ส่งผลให้ละโว้กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ท่ีมีเศรษฐกิจดี การติดต่อกับ • อาณาจกั รละโวม ีความสมั พันธก บั ทวารวดี ต่างชุมชนท�าให้ละโว้ได้รับอิทธิพลจากต่างชาติท่ีส�าคัญ คือ อินเดีย และ อยางไร เมื่อพวกขอมหรือเขมรขยายอิทธิพลเข้ามาในลุ่มแม่น�้า (แนวตอบ ละโวเคยเปน เมอื งสําคญั ของ เจา้ พระยา ละโวไ้ ดก้ ลายเปน็ เมอื งประเทศราชของขอม เศทาวลรพูปรพะกราะฬนาจ1รังาหยวณดั ์ลพพบบทุรี่ี อาณาจักรทวารวดมี ากอ น ดงั พบจารกึ ภาษามอญและจารึกบนฐานพระพทุ ธรปู และรบั อารยธรรมของขอมดว้ ย ปางประทานพรทลี่ พบรุ ี หรอื ทบี่ ริเวณเจดยี (๑) ละโวในสมยั ทวารวดี (พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๖) เปน็ ช่วงทีร่ ับ วดั นครโกษา สาํ รวจพบสถาปต ยกรรมแบบ วฒั นธรรมจากอนิ เดยี คอ่ นขา้ งมาก รบั แนวคดิ เรอ่ื งการมกี ษตั รยิ ป์ กครอง ทวารวดขี นาดใหญ แสดงใหเห็นถึงการรับ มาดว้ ย แตห่ ลักฐานเกย่ี วกับรฐั และกษตั รยิ ์ในยคุ นพี้ บนอ้ ยมาก ทางดา้ น วัฒนธรรมทวารวดี โดยเฉพาะวฒั นธรรมทาง สงั คม มกี ารแบง่ ชนชนั้ ออกเปน็ ชนชน้ั สงู สามญั ชน และทาส พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาท ภาษา และ ขนบธรรมเนียมประเพณีแบบทวารวดี) ด้านศาสนาและความเช่ือ ศาสนาท่ีแพร่หลายและชนชั้น สงิ หป์ นู ปนั แบบทวารวดี พบท่ี ปกครองใหก้ ารอปุ ถัมภ ์ คือ พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาท เพราะไดพ้ บ อ า� เภอเม ือง จงั ห วดั ลพ บรุ ี จารึกภาษาบาลีท่ีกล่าวถึงการอุทิศถวายสิ่งของ ข้าทาส ให้แก่วัด และ พบประตมิ ากรรม เชน่ พระพทุ ธรูป และธรรมจักรอยู่ในบริเวณนีม้ าก นอกจากน ี้ พระพทุ ธศาสนา นิกายมหายานก็ได้เผยแผ่อยู่ในละโว้ ดังพบพระพิมพ์ท่ีมี รปู พระโพธสิ ตั วป์ ระทบั ขา้ งพระพทุ ธเจา้ รวมทงั้ ยงั มคี วามเชอ่ื ในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู จากอินเดียท่ีผ่านมาทางพวก พราหมณแ์ ละชนช้นั ปกครอง คนแคระปูนปันแบบทวารวดี พบที่ วดั นครโกษา อา� เภอเมอื ง จงั หวดั ลพบรุ ี 68 นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT อาณาจกั รละโวไ ดรบั รากฐานทางวัฒนธรรมท่ีสําคญั จากอาณาจกั รใด 1 ศาลพระกาฬ เดิมเรยี กวา ศาลสงู เปนเทวสถานของขอมสรา งดว ยศิลาแลง 1. จีน มลี ักษณะเปนปรางคเ ดี่ยวขนาดใหญ แผนผังเปนรูปสเี่ หลย่ี มจัตรุ ัส มมี ขุ ยนื่ ดา นหนา 2. อินเดยี อายปุ ระมาณตน พุทธศตวรรษท่ี 16 มีทับหลังรูปพระนารายณบรรทมสนิ ธุทาํ ดวย 3. ทวารวดแี ละขอม ศลิ าทรายวางอยตู ดิ ฝาผนงั วหิ ารหลังเล็กชน้ั บน และยังพบหลักศลิ าจารกึ อกั ษรมอญ 4. สรางขึ้นดว ยตนเอง โบราณ นอกจากน้ี ที่ศาลพระกาฬยังมฝี งู ลงิ เปนจาํ นวนมากดวย แนวตอบ ตอบขอ 3. อาณาจกั รละโวใ นชว งแรกเปน เมืองสาํ คญั ของ ทวารวดี จึงไดร ับอทิ ธิพลทางวฒั นธรรมอนิ เดียคอ นขางมาก ไมวา จะเปน มมุ IT ดานการเมือง การปกครอง ศลิ ปกรรม พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ตอ มา ภายหลังละโวอยูใตอ าํ นาจขอม จงึ ไดรับอทิ ธิพลทางวฒั นธรรมขอมในดา น ศกึ ษาคนควา ขอ มลู เพิ่มเตมิ เกย่ี วกับสถานท่สี ําคัญในจังหวัดลพบุรี ไดที่ http:// ตา งๆ เชน กฎหมาย ภาษา ศิลปกรรม พระพุทธศาสนานกิ ายมหายาน lopburi.mots.go.th เวบ็ ไซตส าํ นักงานการทอ งเทยี่ วและกฬี าจังหวัดลพบรุ ี ศาสนาพราหมณ-ฮินดู เปนตน 68 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู สวนความเชื่อพื้นเมืองท่ีมีอยู ไดแก การบูชาบรรพบุรุษ การนับถือสิ่งลี้ลับ • นกั เรยี นทราบไดอยางไรวาละโวอยูภายใต เหนอื ธรรมชาติ การบชู าพระราชมารดา ซง่ึ แสดงถงึ ความเชอื่ เรอ่ื งการนบั ถอื บรรพบรุ ษุ และยกยอ งสตรี การปกครองของขอม (แนวตอบ ทราบไดจากหลักฐานตา งๆ เชน ดานเศรษฐกิจ อาชีพสําคัญของชาวละโว คือ การเกษตร เพราะมีพ้ืนท่ีอุดม- ในพงศาวดารเหนือไดก ลาวถึงเรือ่ งพระรวงสง สมบูรณ และมีการติดตอคา ขายกับชมุ ชนตางถิน่ เชน จีน อินเดยี หลกั ฐานทีแ่ สดงถงึ การตดิ ตอ สวยนํา้ ใหขอม ในศิลาจารกึ ภาษาขอมทล่ี พบรุ ี คาขายกับตางชาติ เชน เครื่องถวยจีน เหรียญกษาปณที่มีรูปพระอาทิตยคร่ึงดวง ตราสังข กม็ ีขอ ความทีแ่ สดงวาขอมเขามาปกครอง ตราบัลลังก ซึ่งพบที่พมาและกัมพูชาดวย และละโวยังไดสงทูตไปเมืองจีน โดยจดหมายเหตุจีน บรเิ วณน้ี รวมทง้ั ภาพแกะสลักขบวนแหข อง ในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๙ เรียกละโววา “หลอหู” ทหารละโวท ร่ี ะเบยี งปราสาทนครวดั เปนตน ) (๒) ละโวภายใตอิทธิพลขอม (พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘) อาณาจักรขอมขยาย • จงยกตวั อยา งหลักฐานทีแ่ สดงวามอี าณาจักร อิทธิพลเขามาปกครองบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และลุมแมน้ําเจาพระยาตั้งแตปลาย ละโวใ นดนิ แดนไทย พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ ดังมีหลักฐาน เชน ในพงศาวดารเหนือกลาวถึงเรือ่ งราวพระรวงแหง เมอื งละโว (แนวตอบ เชน พระปรางคส ามยอด เทวสถาน สงสวยนํ้าใหขอมทุก ๓ ป ในศิลาจารึกภาษาขอมที่ลพบุรี ๓ หลัก มีขอความแสดงวาขอม ปรางคแขก เทวรปู พระโพธิสตั วอ วโลกิเตศวร เขามาปกครองบริเวณนี้ รวมท้ังภาพสลักขบวนทหารท่ีระเบียงปราสาทนครวัดก็มีตัวอักษรจารึก เทวรูปพระนารายณ ทจ่ี ังหวดั ลพบรุ ี เปนตน ) ระบชุ ่อื “ชาวละโว” เปน ตน • จากหลักฐานดังกลาว นักเรียนสามารถวิเคราะห “พลละโว” ภาพสลกั ขบวนแหของกรงุ ละโว ที่ ความรไู ดวา อยางไร ระเบียงดานทิศใตปกตะวันตกของปราสาท (แนวตอบ ชาวละโวน ับถือทัง้ พระพุทธศาสนา นครวัด ประเทศกมั พูชา เม่อื ราว พ.ศ. ๑๖๕๐ และศาสนาพราหมณ-ฮินด)ู เสร็จแลว ครชู มเชยนักเรยี นทีช่ ว ยกันแสดงความ คดิ เหน็ จากนั้นครูและนักเรยี นรวมกันสรปุ ความรู 1 ทับหลัง สมัยลพบุรี อิทธิพลศิลปะขอมแบบนครวัด พบท่ีปราสาทศขี รภูมิ จงั หวัดสุรนิ ทร ๖๙ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู จากภาพสลกั ขบวนทหารทร่ี ะเบยี งปราสาทนครวดั แสดงใหเหน็ ถึง 1 ทับหลงั เปนแทงหนิ รูปสเี่ หลย่ี มผืนผา ประดบั อยเู หนือกรอบประตทู างเขา ความสัมพนั ธร ะหวา งอาณาจกั รละโวก ับอาณาจกั รขอมอยางไร ในลกั ษณะเดยี วกบั ขอื่ เพอ่ื รบั นา้ํ หนักของชัน้ หลงั คา ทบั หลงั มี 2 ประเภท คือ แนวตอบ จากภาพสลกั ขบวนทหารทรี่ ะเบยี งปราสาทนครวดั มีตอนหนง่ึ เปน ทบั หลังจริง ซึง่ อยชู ้นั ใน ทาํ หนาท่ีรบั น้าํ หนักชน้ั หลงั คาอยา งแทจ รงิ และ ทบั หลัง ภาพทหารละโวยกทพั ไปชวยขอมรบกบั พวกจาม (เวยี ดนาม) แสดงใหเ หน็ ถึง ประดับ ซึง่ อยูชน้ั นอก เปน งานประดับสถาปตยกรรมซ่งึ นยิ มสลักลวดลายและ การทีล่ ะโวใ หก ารยกยองยอมรบั อาํ นาจอันยงิ่ ใหญของกษัตรยิ ข อมในชว งน้ัน ภาพเลาเร่ืองตางๆ ซึง่ ทบั หลงั ในแตละสมยั กจ็ ะมรี ูปแบบที่มีเอกลักษณท างศิลปะ คือ พระเจาสรุ ยิ วรมันท่ี 2 นอกจากน้ี เมอื งพระนครของขอมก็ไดอาศัยเมอื ง แตกตางกันไปท้งั ลกั ษณะการจดั วางและรายละเอยี ดการประดบั ตกแตง ดังนนั้ ละโวเ ปน ศูนยกลางทางการคมนาคมและการคาที่สําคัญทางดานตะวนั ตก ทับหลังจงึ เปน หลักฐานสาํ คญั ทสี่ ดุ อยางหน่ึงในการกาํ หนดอายศุ าสนสถานแหง นั้น และตะวนั ตกเฉียงเหนือ เพ่อื ขยายชอ งทางในการสรางความมั่งคั่งจากการคา และบอกไดว า ศาสนสถานน้นั สรา งข้ึนในศาสนาและลทั ธใิ ด ใหแ กขอมดว ย คูม ือครู 69
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครใู หนกั เรยี นดภู าพโบราณสถาน โบราณวตั ถุ เม่ือขอมเขาปกครองละโวนั้นตรงกับกษัตริยขอมสมัยพระเจา จากหนังสอื เรยี น หนา 70 แลวซกั ถามนักเรียน สรุ ยิ วรมนั ท่ี ๑(พ.ศ. ๑๕๔๕ - ๑๕๙๓) ขอมไดส ง ผแู ทนมาปกครองละโว ถงึ ความสําคัญของโบราณสถาน โบราณวตั ถุ ในฐานะเมอื งประเทศราช มีการออกกฎหมายบงั คบั ใชในละโว และ ดงั กลา ว และความเก่ยี วขอ งกับอาณาจักรละโว มรี ะบบตลุ าการ คอื ศาลสภา เปน ผตู ดั สนิ คดคี วาม ดงั จะเหน็ ไดจ าก ศลิ าจารกึ ภาษาขอมที่ศาลสงู จงั หวดั ลพบุรี 2. ครมู อบหมายใหนักเรียนคนควา เกยี่ วกับศิลปะ ดานศาสนา พระพุทธศาสนานิกายมหายานและศาสนา ละโวเ พิม่ เติมจากแหลงการเรียนรูต างๆ จากนน้ั พราหมณ - ฮินดู ไดเขามามีบทบาทในละโวแทน นาํ ขอ มูลมาอภิปรายรว มกันในชน้ั เรียนถงึ ความสมั พันธเ กยี่ วขอ งกับศิลปะขอม พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทโดยเฉพาะในสมัย พระเจา ชัยวรมนั ที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๔ - ๑๘๖๑) มกี ารสรา งสถาปต ยกรรม และประตมิ ากรรม ศีรษะรูปบุรุษ หรือเศียรเทวรูป ตเชาน มคพวราะมปรเชาง่ือคในส าศมายสอนดาเ1ปหรลาางนค้ีจแ ําขนกวเนทมวราปูก ศลิ ปะลพบุรี พบที่แหลงโบราณคดี เนนิ ทางพระ ตาํ บลบา นสระ อาํ เภอ สามชกุ จังหวดั สพุ รรณบุรี พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร เทวรูปพระนารายณ รูปสลักพระพรหมบน แผน ศลิ า เปน ตน หลังจากสมัยพระเจา ชัยวรมนั ที่ ๗ แลว อาณาจักรขอม เริ่มเสือ่ มอาํ นาจลง ทาํ ใหอ ทิ ธิพลขอมในละโวค อยๆ หมดตามไปดวย พระพทุ ธรปู ปางมารวิชยั สมัยลพบุรี พบทีอ่ ําเภอเมือง จังหวัดลพบรุ ี พระปรางคสามยอด อําเภอเมือง จังหวัดลพบรุ ี ๗๐ กจิ กรรมทาทาย นกั เรยี นควรรู ครูมอบหมายใหนกั เรยี นไปศกึ ษาคน ควาเกี่ยวกบั ปราสาทหินทสี่ รา งขึ้น ในสมยั พระเจา ชยั วรมนั ท่ี 7 ในประเทศกมั พูชาวา มแี หง ใดบา ง และ 1 พระปรางคสามยอด จังหวัดลพบุรี เปน ศลิ ปะเขมรแบบบายน สรางข้นึ ปราสาทหินใดทส่ี รางขึน้ รว มสมยั กับอาณาจักรละโว โดยใหห าภาพประกอบ ในรัชสมัยของพระเจา ชยั วรมันท่ี 7 ซงึ่ มีอายุราวพุทธศตวรรษท่ี 18 เพ่ือเปน และขอมลู ของปราสาทแตละแหงอยา งสังเขป แลว นาํ ขอ มลู ไปจดั ปายนิเทศ ศาสนสถานในพระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน สรางดวยศลิ าแลง หินทราย และตกแตงลวดลายปูนปน ท่สี วยงาม ตรงซุมประตเู ดิมคงมที ับหลงั แตท เี่ หลอื อยู ในปจจบุ นั คอื เสาประดบั กรอบประตูดา นลางแกะสลักเปนรปู ฤๅษีน่ังชันเขา ในซมุ เรือนแกว ซ่งึ เปนแบบเฉพาะของเสาประดบั กรอบประตศู ิลปะเขมรแบบบายน มุม IT ศกึ ษาคนควา ขอ มูลเพิ่มเติมเก่ียวกับประวตั เิ มอื งละโว ไดท่ี http://www. loppao.com เว็บไซตองคการบริหารสวนจงั หวดั ลพบุรี 70 คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๒ พัฒนาการของอาณาจักรโบราณในภาคเหนอื 1. ตอ ไปครูใหน ักเรียนแตล ะกลุมเปดซองคําถาม ของอาณาจักรโบราณในภาคเหนือ ซง่ึ ภายใน อาณาจกั รโบราณในภาคเหนือทีส่ าํ คัญ มดี งั นี้ จะมคี าํ ถามเกย่ี วกบั อาณาจกั รโยนกเชยี งแสน อาณาจกั รหรภิ ญุ ชยั และอาณาจกั รลา นนา ๑) อาณาจกั รโยนกเชยี งแสน (พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๙) มศี นู ยก ลางอยูทเ่ี มอื ง 2. ครใู หน กั เรยี นอา นคําถามเกยี่ วกบั อาณาจกั ร เชียงแสน (อาํ เภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย) โยนกเชียงแสนกอ น จากนน้ั ใหทุกคนในกลุม และขยายอํานาจอยูในบรเิ วณใกลเคยี ง ระดมความคดิ รว มกนั เสรจ็ แลว สง ตวั แทน เรื่องราวเก่ียวกับอาณาจักร ออกมาตอบ ซึง่ คําถามมีดังน้ี โยนกเชียงแสนปรากฏอยูในตํานาน • ศนู ยกลางของอาณาจกั รโยนกเชียงแสนอยู สิงหนวัติกุมารและตํานานลวจังกราช บรเิ วณใด กลาวถึงเจาชายสิงหนวัติกุมารผูสืบ (แนวตอบ เมืองเชยี งแสน (อําเภอเชยี งแสน เชอื้ สายเจา นายไท จากมณฑลยนู นาน จงั หวัดเชียงรายในปจจบุ ัน)) ทางตะวนั ตกเฉยี งใตข องจนี ไดอ พยพ • นกั เรียนสามารถศึกษาเรือ่ งราวเกยี่ วกับ ผูคนลงมากอตั้งเมืองที่เชียงแสนชื่อ อาณาจักรโยนกเชยี งแสนไดจ ากหลักฐานใด “อาณาจกั รโยนกเชยี งแสน” และขยาย ปกหนังสือตํานานสิงหนวัติกุมาร บาง อาณาเขตออกไปอยา งกวา งขวาง ตอ มา ฉบบั สอบคน โดยมานติ วลั ลโิ ภดม (แนวตอบ เชน ตาํ นานสงิ หนวตั ิกุมาร ตาํ นานลวจังกราช เปน ตน) พวกขอมเขายึดครองอาณาจักรโยนกเชียงแสน • ในการศกึ ษาจากหลกั ฐาน นักเรียนสามารถ และขับไลผ ูป กครองเดิมออกไป พระเจาพรหม- อธิบายเก่ยี วกับพัฒนาการของอาณาจกั ร กุมาร เชื้อสายของกษัตริยโยนกเชียงแสน โยนกเชยี งแสนไดว าอยางไร สามารถกูเอกราช และสรา งเมืองใหมข ้ึนท่ี (แนวตอบ เจา ชายสิงหนวัติกมุ ารไดกอตั้ง พระบรมราชานุสาวรียพระเจาพรหม เวยี งไชยปราการ หลงั สมยั พระเจา พรหม เมอื งเชียงแสน ตอมาไมนานขอมเขา กษัตริยผูย่ิงใหญแหงอาณาจักรโยนก พวกมอญที่เมืองสะเทิมในพมาได ยดึ ครอง และพระเจาพรหม เชือ้ สายกษตั ริย เชียงแสน ประดิษฐานอยูที่อําเภอ ยกทัพมารุกราน พระเจาไชยสิริโอรส โยนกเชียงแสนสามารถกอบกเู อกราชได แมสาย จงั หวัดเชียงราย และตงั้ เมืองใหมท ี่เวยี งไชยปราการ แตหลัง สมยั พระเจาพรหม พวกมอญท่เี มอื งสะเทิม ของพระเจาพรหมจึงพาผูคนอพยพ เขามารุกราน พระเจาไชยสิริ พระราชโอรส หนมี าสรางเมอื งใหมทก่ี ําแพงเพชร ตอมาในพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ ของพระเจาพรหมจงึ อพยพมาตงั้ เมอื งใหม มีการบูรณะเมืองเชียงแสนและมีกษัตริยไปปกครองอีก ทีก่ าํ แพงเพชร และตอ มาไดมีการอพยพ จนกระทั่งในพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ อาณาจักรโยนกเชยี งแสน กลบั ไปทเ่ี ชียงแสนอีกครง้ั จนในทสี่ ุดตกเปน จึงถกู รวมเขา เปนสวนหนงึ่ ของอาณาจักรลา นนา สวนหน่ึงของอาณาจักรลานนา) 1 เจดยี ว ดั ปา สกั อาํ เภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย เปนโบราณสถานที่เปนมรดกตกทอดมาจาก อาณาจักรโยนกเชยี งแสน ๗๑ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู เพราะเหตุใดอาณาจกั รโยนกเชยี งแสนจึงตองยายศูนยกลางการปกครอง 1 เจดียวัดปา สัก เปนเจดียท ่สี รางขน้ึ ในสมยั พระเจา แสนภู พระราชนัดดาของ หลายครง้ั พระยามังรายมหาราช เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. 1838 เพ่อื ประดษิ ฐานพระบรมสารรี ิกธาตุ (กระดูกตาตมุ ขา งขวา) จากเมืองปาฏลบี ุตร เจดยี ประธานทรงมณฑปยอดระฆัง 1. ถกู ศตั รรู กุ ราน ตกแตง ดว ยลวดลายปูนปน ที่สวยงาม ดว ยเหตทุ ี่พระเจา แสนภโู ปรดใหป ลูกตนสกั ไว 2. ไดร ับภัยธรรมชาติ โดยรอบ จงึ เปนที่มาของชื่อวดั ปาสัก 3. ทาํ เลท่ตี ง้ั ไมเ หมาะสม 4. ตองการหาทางออกทะเลเพอ่ื คา ขาย มุม IT วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ดงั จะเหน็ ไดจากในชว งแรกถูกขอมเขา ศกึ ษาคนควา ขอ มลู เพมิ่ เตมิ เก่ยี วกบั อาณาจักรโยนกเชียงแสน ไดท ี่ http:// web.chiangrai.net/tourcr/Trip/Ancient-Chiangsaen/Yonok.html เวบ็ ไซต ยึดครอง จงึ ยายไปสรา งเมืองใหมท เ่ี วียงไชยปราการ ตอ มาภายหลงั ถูก ศนู ยบ ริหารจดั การการทองเทยี่ ว จงั หวัดเชยี งราย พวกมอญทเ่ี มอื งสะเทิมของพมา รกุ ราน จงึ ตองอพยพมาสรา งเมอื งใหมที่ กําแพงเพชร ตอ มาในพุทธศตวรรษท่ี 18 ไดกลับมาทีเ่ มอื งเชียงแสนอกี คร้ัง และในพทุ ธศตวรรษที่ 19 ก็ถกู รวมเขากับลานนา คมู ือครู 71
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ตอ ไปครูใหน ักเรียนอานคาํ ถามเกย่ี วกับ ๒) อาณาจกั รหรภิ ญุ ชยั (พุทธศตวรรษท่ี ๑๓ - ๑๙) ตั้งอยทู ่ีเมืองหรภิ ญุ ชยั หรอื อาณาจกั รหรภิ ุญชัย จากนั้นใหทกุ คนในกลมุ ระดม จงั หวดั ลาํ พนู ในปจจุบัน และขยายอทิ ธิพลอยูในบรเิ วณใกลๆ เทานน้ั ในตาํ นานจามเทววี งศห รือ ความคดิ รวมกนั เสร็จแลว สงตัวแทนออกมาตอบ ตํานานเมืองหริภญุ ชัย กลา ววา ฤๅษวี าสเุ ทพเปน ผูสรา งเมอื งหริภญุ ชัย และขอใหก ษัตริยละโวสง ซง่ึ คาํ ถามมีดงั น้ี เช้ือพระวงศมาปกครอง ละโวจึงสงพระนางจามเทวีผูเปนพระราชธิดามาเปนปฐมกษัตริยแหง หรภิ ญุ ชยั และในตาํ นานมลู ศาสนาไดก ลา วถงึ สงิ่ มงคลทพี่ ระนางจามเทวขี อจากพระราชบดิ า ไดแ ก • ศูนยกลางของอาณาจักรหรภิ ญุ ชยั ตง้ั อยู พระสงฆ ๕๐๐ รูป ชางแกวแหวน ชา งเงิน ชา งทอง ชา งเหลก็ ชา งเขียน พอเลีย้ ง หมูหมอโหร บรเิ วณใด ไปชวยสรางเมอื งหริภุญชยั จนรงุ เรอื ง (แนวตอบ เมืองหริภญุ ชัย หรอื จงั หวัดลําพนู ใน สนั นษิ ฐานวา ชาวหรภิ ญุ ชยั เปน ชาวมอญจากเมอื งละโวท อี่ พยพ ปจจุบนั ) ขน้ึ ไปอยทู ห่ี รภิ ญุ ชยั เพราะในตํานานจามเทวีวงศเรียกชาวหริภุญชัยวา “ชาวรามญั ” และเรยี กกษตั รยิ ห รภิ ญุ ชยั วา “พระเจา รามญั ” ในระยะแรก • หลักฐานใดทีป่ รากฏเรือ่ งราวของอาณาจักร หริภุญชัยและละโวมีความสัมพันธท่ีดีตอกัน แตตอมา หรภิ ุญชยั เกิดการสูรบกัน สงผลใหหริภุญชัยตกอยูภายใต (แนวตอบ เชน ตาํ นานจามเทววี งศ ตํานาน อํานาจของละโวหลายคร้ัง ในปลายพุทธศตวรรษท่ี มลู ศาสนา เปนตน ) ๑๖ - ๑๗ แมวากองทัพละโวจะไมสามารถ เอาชนะได แตก็ทําใหหริภุญชัย • นกั เรยี นทราบไดอยา งไรวา อาณาจักร ออนแอลง ประชาชนเดือดรอนจึง หรภิ ญุ ชัยมีความสัมพันธท่ดี ีตอ ละโว อพยพไปอยูที่อ่ืน จนถึงประมาณ (แนวตอบ ในตาํ นานจามเทวีวงศเ รียกชาว ปลายพุทธศตวรรษท่ี ๑๗ พระเจา หริภุญชัยวา ชาวรามญั และเรยี กกษัตรยิ อาทิตยราชไดปกครองหริภุญชัย และ หริภญุ ชัยวา พระเจา รามญั นอกจากน้ี ไดส รา งความเจรญิ รงุ เรอื ง โดยเฉพาะการทาํ นบุ ํารงุ กษตั รยิ ล ะโวย งั สง พระนางจามเทวซี ง่ึ เปน พระพทุ ธศาสนา ทรงสรา งพระธาตหุ รภิ ญุ ชยั สรา งวดั พระราชธิดามาเปน ปฐมกษตั ริยแ หง หริภญุ ชยั ทําใหบานเมืองมีความสงบสุข พรอ มพระสงฆ 500 รูป ชา งแขนงตางๆ ตอเนื่องมาจนถึง พ.ศ. ๑๘๓๕ มากมายดว ย) พระยามังรายมหาราชแหง • อาณาจักรหรภิ ญุ ชัยลมสลายลงเพราะเหตุใด (แนวตอบ ถูกพระยามังรายมหาราชแหง ลา นนาเขา โจมตแี ละยึดครองเปน สว นหนึง่ ของอาณาจักรลา นนา) อาณาจักรลานนา ยกทพั มา โจมตีและรวมอาณาจักร หริภุญชัยเขาเปนสวนหนึ่ง 1 ของอาณาจักรลานนา (ภาพใหญ) พระธาตหุ รภิ ญุ ชยั จงั หวดั ลาํ พนู ศลิ ปกรรม ในพระพุทธศาสนาของอาณาจักรหรภิ ญุ ชัย (ภาพเลก็ ) พระบรมรปู พระนางจามเทวี ปฐมกษตั รยิ ข อง อาณาจกั รหริภุญชยั ๗๒ นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดกลา วถงึ อาณาจกั รหริภุญชยั ผิดไปจากความเปนจริง 1 พระธาตหุ รภิ ญุ ชัย มีรูปทรงลงั กา เปนปชู นียสถานสาํ คญั ของเมืองหริภญุ ชยั 1. นิยมสรางเมืองบริเวณทีล่ ุม ทพ่ี ระเจาอาทิตยราชทรงเปนผสู ถาปนาข้นึ เพ่อื ประดษิ ฐานพระบรมสารีรกิ ธาตุ 2. มีสายสมั พนั ธท ดี่ กี ับละโว (ธาตกุ ระหมอ ม ธาตกุ ระดูกอก ธาตกุ ระดกู นวิ้ มอื และธาตุยอย) ของพระพุทธเจา 3. กอ ตงั้ โดยผนู ําจากสุโขทยั และเปน ทเี่ คารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวลาํ พนู ตัง้ แตอ ดีตมาจนถึงปจจบุ ัน 4. ถกู ลานนายึดครองในภายหลงั นอกจากนี้ พระธาตุหริภุญชยั ยงั เปน พระธาตปุ ระจําปเกิดประกาดว ย วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การกอ ตัง้ ของอาณาจักรหริภุญชัยไมได เก่ยี วของกบั ผูนําสโุ ขทยั แตเ ปนละโวท ส่ี งพระนางจามเทวี พระราชธดิ าของ มุม IT กษตั รยิ ละโว มาเปน ผกู อ ตงั้ หรภิ ุญชัย ศกึ ษาคนควาขอ มูลเพ่มิ เติมเก่ยี วกับอาณาจกั รหรภิ ญุ ชยั ไดที่ http://www. lamphun.go.th เวบ็ ไซตจ ังหวดั ลาํ พนู 72 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) อาณาจักรลานนา (พุทธศตวรรษท่ี ๑๙ - ๒๕) อาณาจักรลา นนารุงเรอื งขน้ึ ครใู หน กั เรยี นอานคําถามเกยี่ วกบั อาณาจักร ในพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙ มีศูนยกลางอยทู ่ีเมืองนพบรุ ศี รีนครพงิ คเชยี งใหม (จังหวดั เชียงใหม) และ ลา นนา จากน้นั ใหทุกคนในกลุม ระดมความคิด ขยายอํานาจการปกครองไปทั่วดินแดนภาคเหนือ ผูกอต้ังอาณาจักรลานนา คือ พระยา รวมกนั เสรจ็ แลว สง ตัวแทนออกมาตอบ มงั รายมหาราช (พ.ศ. ๑๘๐๔ - ๑๘๕๔) ซึ่งเดิมปกครองเมอื งเชียงแสนในตน พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙ ซง่ึ คาํ ถามมดี งั น้ี ขณะนนั้ ในภาคเหนือมอี าณาจกั รใหญนอ ยหลายแหง เชน หรภิ ุญชัย เขลางคน คร (ลาํ ปาง) โยนก- เเขชาียดงแวยสกนนั เพปรน ะอยาาณมังารจากั ยรมลาหนานราาชสแาลมะตารั้งถราปชรธาาบนปแี รหามง ใแหลมะขรว้ึนบทร่ีเววมียงแกวุมนกแาคมวน1(ตปาจงจๆบุ ันใอนยภูใานคอเาํหเนภืออ • ราชธานีแหง แรกของอาณาจักรลานนาอยู สารภี จงั หวดั เชยี งใหม) ราว พ.ศ. ๑๘๓๗ แตป ระทบั อยเู พยี ง ๒ ป๑ ๔ กย็ า ยเมอื งไปอยทู เี่ ชยี งใหมใ น บริเวณใด และตอ มายา ยมาอยูท ่ใี ด พ.ศ. ๑๘๓๙ (แนวตอบ เวียงกุมกาม (ปจ จบุ นั อยูในอาํ เภอ อาณาจกั รลานนามีความเจรญิ รุงเรอื งหลายดา น ทสี่ าํ คัญมีดงั น้ี สารภี จังหวัดเชยี งใหม) ตอ มายายมาอยูที่ (๑) ดานการปกครอง ลานนาสามารถขยายอาณาเขตออกไปอยางกวางขวาง เมืองนพบรุ ศี รนี ครพิงคเ ชยี งใหม หรอื จังหวดั โดยรวบรวมหวั เมอื งตางๆ เชน เขลางคนคร นครพิงค แควน โยนก หริภญุ ชัย เขาเปนสว นหนง่ึ เชยี งใหมในปจ จุบัน) ของอาณาจักรลานนาซ่ึงปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย มีกฎหมายที่ใชปกครอง เรียกวา “มงั รายศาสตร” • ใครคอื ผูกอตั้งอาณาจกั รลา นนา (๒) ดานศาสนา ลานนารับพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศจากสุโขทัยและพมา (แนวตอบ พระยามงั รายมหาราช) มีการสังคายนาพระไตรปฎกใน พ.ศ. ๒๐๒๐ นับเปน การสงั คายนาพระไตรปฎ กเปนครงั้ ที่ ๘ มกี าร สรา งวัดหลายแหง เชน วัดเจดยี หลวง วัดโพธารามมหาวหิ าร (วัดเจดยี เจด็ ยอด) เปน ตน และมี • ความเจริญรงุ เรืองของอาณาจักรลานนา การอุปถัมภพระสงฆ นกั เรยี นทราบไดจากอะไร (๓) ดา นภาษา ลา นนามตี วั อกั ษรของตนเองใช ๓ แบบ คอื อกั ษรธรรมลา นนา 2 (แนวตอบ เชน การมกี ฎหมายใชป กครอง หรืออกั ษรตัวเมืองซ่ึงใชกันอยางแพรหลาย อักษรฝกขามท่ีดัดแปลงมาจาก เรยี กวา มงั รายศาสตร การสรา งวัดวาอาราม ตัวอกั ษรของพอขนุ รามคาํ แหงมหาราช และอักษร เชน วัดเจดียห ลวง วัดโพธารามมหาวหิ าร ขอมเมอื งหรอื อกั ษรไทยนเิ ทศ ซง่ึ ดดั แปลงมาจาก (วดั เจดียเจ็ดยอด) การมีตัวอกั ษรใชเ ปนของ อกั ษรสองแบบแรก ตนเอง ซ่งึ มอี ยู 3 แบบ ไดแก อักษรธรรม- ลานนาหรืออักษรตัวเมอื ง อักษรฝก ขาม ซากเวียงกุมกาม ซง่ึ เคยเปนราชธานขี องอาณาจักรลา นนามาช่วั ระยะเวลาหนง่ึ อกั ษรลา นนาไดร บั อทิ ธพิ ลจาก และอกั ษรขอมเมืองหรอื อักษรไทยนเิ ทศ อักษรสุโขทัย ซึ่งมีปรากฏใน เปนตน) จารกึ วดั พระยนื จงั หวดั ลาํ พนู • การลม สลายของอาณาจักรลา นนาเกิดจาก ๑๔ สรัสวดี อองสกุล. เวียงกุมกาม : การศึกษาประวัติศาสตรชุมชนโบราณในลานนา. พิมพคร้ังท่ี ๔. โรงพิมพ สาเหตใุ ด within Design Co.Ltd, ๒๕๔๘. หนา ๔๔. (แนวตอบ ความขดั แยงภายในระหวา ง ผูปกครองและขุนนาง ทําใหพมาและอยธุ ยา ผลดั กนั ขยายอํานาจเขา ไปครอบครอง จนถงึ ในสมัยธนบรุ ี ลานนาไดต กเปนประเทศราช ของไทย และในสมัยรตั นโกสนิ ทร รัชกาลที่ 5 ทรงรวมลานนาเขาเปนสว นหน่ึงของไทย) ๗๓ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู เพราะเหตุใดพระยามงั รายมหาราชจึงไดยา ยเมอื งหลวงจากเวยี งกุมกาม 1 เวียงกุมกาม เมอื งหลวงแหง แรกของอาณาจกั รลานนา ลม สลายลงเพราะถูก มาอยูทเ่ี มอื งเชยี งใหม น้ําทว มครง้ั ใหญ ทําใหเวียงกมุ กามหมดความสําคญั และถูกทิ้งใหร กรา งสบื ตอ มา แนวตอบ เนือ่ งจากเวียงกมุ กามถูกน้าํ ทวมครงั้ ใหญ สง ผลใหส ภาพ จนกระท่ังถงึ สมัยรชั กาลท่ี 5 เวยี งกมุ กามมสี ภาพเปน ชุมชนอกี คร้งั ภายใตช ือ่ บา นเมืองเสียหายยบั เยนิ เปน อยา งมาก หากจะซอ มแซมใหกลบั มาดดี งั เดิม บานชางค้าํ และมีความสาํ คัญตอประวัตศิ าสตรลา นนาในฐานะชมุ ชนโบราณเมื่อ คงเสยี เวลาและคาใชจ า ยมาก ดังนนั้ จึงเลือกท่ีตง้ั ใหมท ่เี หมาะสมกวาเดมิ พ.ศ. 2527 กค็ อื เมืองเชียงใหม 2 อักษรธรรมลานนา หรอื เรียกอกี ชือ่ หนง่ึ วา อักษรตวั เมือง อกั ษรชนิดนีพ้ ฒั นา มาจากอกั ษรมอญโบราณ และอาจสืบโยงไปถงึ อักษรพราหมขี องอินเดยี เปน อกั ษร ทีน่ ิยมใชจ ารคมั ภีรใ บลาน ซง่ึ เปน คมั ภรี ทางพระพทุ ธศาสนา นอกจากนย้ี ังนิยมใช บนั ทึกความรูตางๆ ในรปู ของสมุดที่ทาํ มาจากเปลอื กของไมสา เรียกวา พบั สาหรือ พับหนงั สา คูมอื ครู 73
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู ุมนักเรียนใหอ ธิบายความเจรญิ รงุ เรอื งของ อาณาจักรล้านนาเจริญสูงสุดในสมัยพระเจ้าติโลกราช 1(พ.ศ. ๑๙๘๔ - ๒๐๓๐) สมัยนี้ อาณาจักรลานนามาพอสังเขป จากนัน้ ใหน กั เรียน ลา้ นนามคี วามเขม้ แขง็ มาก และไดท้ า� สงครามกบั อาณาจกั รอยธุ ยาในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ชว ยกนั สรุปพฒั นาการของอาณาจกั รลานนา แลว (พ.ศ. ๑๙๙๑ - ๒๐๓๑) ตดิ ตอ่ กันเกอื บ ๒๔ ปี เขยี นบนกระดานดาํ หนา ชัน้ เรยี นเพ่ือเปนการทบทวน ปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๑ ลา้ นนาออ่ นแอลงเพราะความแตกแยก ความรู ของผปู้ กครองและขนุ นาง ดงั นน้ั ขนุ นางกลมุ่ หนง่ึ ไดเ้ ชญิ พระไชยเชษฐาธริ าช ซึ่งมีเชื้อสายล้านนาจากอาณาจักรล้านช้าง (ลาว) มาเป็นกษัตริย์ ของล้านนาระหว่าง พ.ศ. ๒๐๘๙ - ๒๐๙๑ แต่เมื่อพระโพธิสารราช ผู้เป็นพระบิดาส้ินพระชนม์ จึงกลับไปครองอาณาจักรล้านช้าง ดังเดมิ ความอ่อนแอของล้านนาท�าใหพ้ ม่าและอยุธยาขยาย อา� นาจเขา้ ไป จนตอ้ งตกเปน็ ประเทศราชของพมา่ ใน พ.ศ. ๒๑๐๑ หลงั จากน้นั กถ็ ูกพม่าและอยุธยาผลัดกันเข้ายดึ ครอง ในบางครงั้ ก็เป็นอสิ ระ จนในสมัยธนบรุ ี ลา้ นนาจึงตกเปน็ ประเทศราชของ ไทย และในสมัยรตั นโกสินทร ์ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ - พระบรมราชานุสาวรีย์พระยามังราย เจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๑๑ - ๒๔๕๓) ทรงรวมล้านนาเข้ามาเป็น มหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักร สว่ นหนงึ่ ของราชอาณาจักรสยาม ลา้ นนา ประดิษฐานอย่ทู ่ีอ�าเภอเมอื ง จงั หวัดเชยี งราย วดั เจดยี ห์ ลวง 2ศลิ ปกรรมในพระพทุ ธศาสนาของอาณาจักรล้านนา ๗๔ นักเรยี นควรรู กิจกรรมทา ทาย 1 พระเจาติโลกราช ทรงสรา งความม่ันคงภายในลานนาตลอดเวลาทีค่ รองราชย ครแู นะนําใหนักเรยี นไปสบื คน เพิ่มเตมิ เกยี่ วกบั อทิ ธพิ ลของอาณาจกั ร 46 ป สามารถยดึ ไดเ มอื งนาน เมอื งแพร จากนั้นจงึ ขยายอาํ นาจลงสูทางใต ทรง ลา นนาทยี่ งั คงหลงเหลอื ใหเห็นอยูในปจจุบนั จากนน้ั บนั ทึกสาระสาํ คัญ ทาํ สงครามกับอยุธยาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถนานถงึ 24 ป ทรงขยาย นาํ สงครูผูสอน อาณาเขตถึงลา นชา ง ดา นตะวันตกขยายออกไปถึงรัฐชานของพมา พระองคทรง เลอ่ื มใสและทํานุบาํ รงุ พระพุทธศาสนา ทาํ ใหฝ ายลังกาวงศใหมร ุงเรืองมาก มกี าร ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT สังคายนาพระไตรปฎกใน พ.ศ. 2020 ที่วัดโพธารามมหาวิหาร (วัดเจดยี เจ็ดยอด) อาณาจักรลา นนากอตั้งขึน้ ไดอยางไร จงอธบิ ายมาพอเขา ใจ นบั เปน การสังคายนาพระไตรปฎกคร้งั ท่ี 8 ของโลก แนวตอบ การกอเกิดของอาณาจกั รลานนาเรมิ่ ตนจากพระยามงั รายมหาราช 2 วดั เจดยี ห ลวง เปนวัดท่มี ีเจดียใหญทส่ี ดุ ของจงั หวัดเชยี งใหม สรางขน้ึ ในสมัย กษตั ริยผูครองแควน โยนก ไดขยายอาํ นาจออกไปโดยรอบพรอ มกบั ยาย พระเจาแสนเมอื งมาแหงราชวงศม ังราย (พ.ศ. 1913-1954) ตอ มาในสมัยพระเจา ราชธานมี าอยูท่เี มอื งเชยี งราย และใชเ ชียงรายเปนศนู ยกลางรวบรวมหัวเมือง ติโลกราชโปรดใหช า งขยายเจดียใหสูงและกวางกวาเดมิ แลว เสร็จเมือ่ พ.ศ. 2024 ตา งๆ เขา มาไวในอาํ นาจ เชน แควน หริภญุ ชยั เขลางคน คร (ลําปาง) และอญั เชญิ พระแกวมรกตมาประดิษฐานระหวาง พ.ศ. 2011-2091 ภายหลงั เกดิ เปนตน ทาํ ใหแ ควนโยนกขยายใหญข นึ้ และพฒั นามาเปนอาณาจกั รลานนา แผน ดนิ ไหวครง้ั ใหญเ ม่อื พ.ศ. 2088 ทาํ ใหยอดเจดียหักโคนลง ปจจบุ นั เจดียมี ความสูงเหลือ 40.8 เมตร 74 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๓ พฒั นาการของอาณาจักรโบราณในภาคใต ้ 1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลุมเปดซองคําถาม ของอาณาจักรโบราณในภาคใต ซง่ึ ภายใน อาณาจกั รโบราณในภาคใตท้ ่ีส�าคญั มดี งั นี้ จะมีคาํ ถามเกยี่ วกบั อาณาจกั รลังกาสกุ ะ อาณาจกั รตามพรลิงค และอาณาจักรศรวี ชิ ัย ๑) อาณาจักรลังกาสุกะ (พุทธศตวรรษที่ ๗ - ๒๓)* ตั้งข้ึนประมาณครึ่งหลัง 2. ครูใหนักเรียนอา นคําถามเก่ยี วกับอาณาจักร พุทธศตวรรษที่ ๗ มีหลักฐานปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุของจีน มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นท่ี ลงั กาสุกะกอ น จากน้นั ใหทกุ คนในกลุมระดม ในเขตจงั หวัดปัตตานีและจงั หวดั ยะลา มศี ูนยก์ ลางอย่ทู ี่อ�าเภอยะรัง จังหวดั ปัตตานี ความคดิ รวมกัน เสรจ็ แลวสง ตัวแทนออกมา อาณาจักรลังกาสุกะพัฒนาข้ึนมาจากการเป็นเมืองท่าส�าคัญท่ีมีการติดต่อค้าขาย ตอบ ซ่ึงคาํ ถามมีดงั น้ี กับต่างชาติ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย แต่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีนมากกว่า โดยส่งทูตไป • ศนู ยกลางของอาณาจกั รลังกาสุกะอยู เมืองจีนถึง ๖ คร้ัง ในช่วงกลางพุทธศตวรรษท่ี ๑๑ ถึงกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๒ พลเมือง บรเิ วณใด สว่ นใหญเ่ ปน็ ชาวพน้ื เมอื งและมพี อ่ คา้ ตา่ งชาตปิ ะปนอยดู่ ว้ ย ลงั กาสกุ ะมอี ารยธรรมทรี่ งุ่ เรอื งและมี (แนวตอบ อําเภอยะรงั จงั หวัดปตตานีใน สถาบันกษตั ริยท์ ป่ี กครองสบื ตอ่ กนั มายาวนาน ตอ่ มาตกอยภู่ ายใต้อทิ ธพิ ลของอาณาจักรศรวี ิชัย ปจจบุ ัน) อาณาจกั รลงั กาสกุ ะเปน็ ศนู ยก์ ลางสา� คญั ของพระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน ดงั ปรากฏ • นักเรยี นทราบไดอ ยางไรวา อาณาจกั ร หลกั ฐานจากจดหมายเหตขุ องหลวงจนี อจ้ี งิ และจากการขดุ คน้ ทางโบราณคดที อี่ า� เภอยะรงั จงั หวดั ลังกาสกุ ะเปน ศูนยกลางสําคัญของ ปัตตานี พบประติมากรรมส�าริดรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และสถูปจ�าลองรูปทรงต่างๆ พระพุทธศาสนานกิ ายมหายาน จา� นวนมาก ทา� ให้สันนษิ ฐานว่าเป็นแหลง่ ผลิตสถูปจ�าลองเพอื่ ส่งออก รวมท้งั มีการนบั ถอื ศาสนา (แนวตอบ หลกั ฐานตางๆ เชน จดหมายเหตุ พราหมณ์ - ฮินดู ลทั ธิไศวนิกายด้วย ของหลวงจีนอี้จงิ และการขุดคนทาง โบราณคดีท่ีอําเภอยะรัง จงั หวัดปต ตานี โบราณสถานเมืองโบราณยะรงั อ�าเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี อายุราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๔ พบประตมิ ากรรมสํารดิ รูปพระโพธสิ ตั ว *ชาวต่างชาติ คอื ชาวอาหรับ กลา่ วถงึ ลังกาสกุ ะเป็นพวกสดุ ทา้ ยใน พ.ศ. ๒๐๕๔ แต่การขดุ ค้นทางโบราณคดีท่ียะรัง อวโลกเิ ตศวร และสถปู จาํ ลองจํานวนมาก เปน ตน) แสดงวา่ ลงั กาสกุ ะยงั มกี ารตดิ ตอ่ คา้ ขายอยา่ งกวา้ งขวางระหวา่ งพทุ ธศตวรรษท ี่ ๑๙ - ๒๓ อา้ งองิ จาก กรมวชิ าการ. ประวตั ศิ าสตร • การปกครองในอาณาจักรลงั กาสุกะมี ไทยจะเรยี นจะสอนกนั อยางไร. หนา้ ๕๙ และชาร์ลส ไฮแอม และรัชนี ทศรัตน.์ สยามดึกดําบรรพ ยุคกอ นประวตั ศิ าสตร ลักษณะอยางไร ถงึ สมยั สุโขทยั . หน้า ๑๘๙ - ๑๙๑. (แนวตอบ ปกครองโดยพระมหากษตั รยิ ) • อาณาจักรลงั กาสุกะลม สลายลงดว ย เหตผุ ลใด (แนวตอบ ถกู อาณาจกั รศรวี ชิ ยั เขา โจมตีและ ยึดครอง) ๗๕ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู ปจจัยสําคญั ทีท่ าํ ใหเกดิ การกอตวั ของชุมชนบรเิ วณคาบสมทุ รภาคใต ครูอธบิ ายใหน ักเรยี นเขา ใจวา อาณาจกั รโบราณในดินแดนไทยในอดตี มกี ารรบั มาจากอะไร เพราะเหตุใด และสงผานวฒั นธรรมซ่งึ กันและกนั และมีการรบั วฒั นธรรมจากตางชาติ จากนัน้ แนวตอบ ปจจัยสําคัญเกดิ ข้นึ จากอทิ ธิพลทางการคาขาย เนื่องจากทาํ เล ใหนกั เรียนในช้นั เรยี นชว ยกนั แสดงความคดิ เห็นวา อาณาจกั รใดรับวฒั นธรรมจาก ทต่ี ง้ั บรเิ วณคาบสมุทรภาคใตแ ถบชายฝงทะเลเหมาะแกการเปน จดุ แวะพกั ที่ไหนไปบา ง เรอื สนิ คาของบรรดาพอคา ท่เี ดนิ ทางเขา มาคา ขาย ทําใหชมุ ชนแถบนมี้ ี ความรงุ เรอื งจากการคา และพฒั นาไปสูก ารเปน แควน และอาณาจักรตอไป มุม IT ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เติมเกยี่ วกบั เมืองโบราณยะรงั ไดท ี่ http://www. pattani.go.th/klang/ancient_city.htm เวบ็ ไซตสาํ นักงานคลังจงั หวัดปตตานี คูมอื ครู 75
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูใหนักเรยี นอา นคาํ ถามเก่ียวกบั อาณาจักร ๒) อาณาจักรตามพรลงิ ค (พุทธศตวรรษท่ี ๑๓ - ๑๘) เปน ตามพรลิงค จากนั้นใหทกุ คนในกลมุ ระดมความคิด อาณาจักรที่มีความเกาแกอาณาจักรหน่ึงทางภาคใตของไทย มีศูนยกลางอยูท่ี รว มกนั เสรจ็ แลวสงตัวแทนออกมาตอบ ซ่ึงคําถาม นครศรีธรรมราช มีหลักฐานท่ีกลาวถึงตั้งแตพุทธศตวรรษท่ี ๘ โดยเอกสาร มีดงั น้ี อินเดียโบราณกลาวถึงอาณาจักรตามพรลิงคในช่ือ “ตมลิง” “ตัมพลิงค” เอกสารจีนสมัยราชวงศถ ัง เรียกวา “ถามเหลง” สว นสมยั ราชวงศซ งเรยี ก • ศูนยกลางของอาณาจกั รตามพรลิงคอยู อาณาจกั รนี้วา “ตานหมา ล่งิ ” ตอ มาเรยี กวา “อาณาจกั รนครศรีธรรมราช” บริเวณใด อาณาจักรตามพรลิงครุงเรืองข้ึนมาจากการเปนเมืองทาของ (แนวตอบ เมอื งนครศรธี รรมราช) พอคาชาวอนิ เดียตงั้ แตพุทธศตวรรษท่ี ๑๓ ระยะแรกตามพรลิงคอ ยู ภายใตอ ทิ ธิพลของศรวี ิชัย แตในพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ ศรีวิชัยเสอ่ื ม พระวิษณุ พบที่หอพระนารายณ • เรื่องราวของอาณาจักรตามพรลิงคป รากฏอยู อาํ นาจลง ทาํ ใหต ามพรลงิ คข ยายตวั กลายเปน ศนู ยก ลางการคา และ อําเภอเมือง จังหวัดนครศรี- ในหลักฐานใด การเมืองในบริเวณคาบสมุทรภาคใต หลักฐานจีนสมัยราชวงศซง ธรรมราช ศิลปะอินเดียใตที่เกา (แนวตอบ เอกสารอินเดยี โบราณ โดยกลาวถงึ ไดก ลา วถงึ วา เปน เมอื งทา ทางการคา ทม่ี กี ารแลกเปลย่ี นสนิ คา กบั จนี ท่ีสุดองคหนง่ึ ทพี่ บในภาคใต อาณาจกั รตามพรลิงคใ นช่ือ “ตมลงิ ” “ตัมพลิงค” เอกสารจนี สมัยราชวงศถัง มากชนิดกวา ทอี่ น่ื และไดส งคณะทูตไปถวายเครอ่ื งราชบรรณาการแกจีนใน พ.ศ. ๑๖๑๓ แสดงวา เรยี กวา ถา มเหลง และสมยั ราชวงศซ ง ตามพรลิงคเ ปน รฐั อิสระ เรียกวา ตานหมา ลิ่ง ตอ มาเรยี กวา ดา นการปกครอง ในศลิ าจารกึ ทวี่ ดั หวั เวยี ง อาํ เภอไชยา จงั หวดั สรุ าษฎรธ านี กลา วถงึ นครศรธี รรมราช) โกศษกัตรราิยชแ”1หวงานเปคนรศผรูทีธี่รรวรบมรรวามชแใวนนรแาคชววนงใศหปญทนมอวยงเศข าพดวรยะนกันามไดวสาําเ“รพ็จรในะเพจุทาจธัศนตทวรรภราษณทุศี่ ร๑ีธ๘รรแมลาะ- ยงั เปนเครือญาตเิ ก่ยี วดองกบั ราชวงศพระรว งแหง อาณาจักรสโุ ขทยั ดวย • การปกครองและศาสนาของอาณาจักร ตามพรลิงคม ีลักษณะอยางไร 2 (แนวตอบ ดา นการปกครอง ตามพรลิงค ปกครองโดยพระมหากษัตริย สว นดา น พระบรมธาตุ ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ซ่ึงมีความเก่ียวพันกับท่ีต้ังเมืองยุคที่สาม ศาสนา ตามพรลิงคน ับถอื ศาสนาพราหมณ- ของอาณาจกั รตามพรลิงค ฮนิ ดู พระพุทธศาสนานกิ ายมหายานและ นกิ ายเถรวาทลทั ธลิ งั กาวงศ) ๗๖ • นักเรยี นเห็นดวยหรอื ไมก บั คํากลาวทว่ี า นครศรีธรรมราชเปน ศนู ยกลางสําคัญของ การเผยแผพระพทุ ธศาสนาในดินแดนไทย พรอ มอธิบายเหตผุ ลประกอบ (แนวตอบ เห็นดว ย เนอ่ื งจากนครศรีธรรมราช ไดสงพระสงฆเ ขามาเผยแผพระพุทธศาสนา นกิ ายเถรวาทลทั ธลิ งั กาวงศย งั กรงุ สุโขทยั ใน สมยั พอขุนรามคาํ แหงมหาราช ทําใหส ุโขทยั ไดรบั นับถือพระพทุ ธศาสนาเร่ือยมา) นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดคือสิง่ ที่สังคมไทยไดรบั เปนมรดกตกทอดมาจากนครศรีธรรมราช 1 พระเจาจันทรภาณศุ รีธรรมาโศกราช เปนกษตั ริยท ่มี ชี อื่ เสียงพระองคห น่ึง 1. การสรา งปราสาทหิน ในราชวงศศ รธี รรมาโศกราชแหงนครศรธี รรมราช หรืออาณาจกั รตามพรลงิ ค 2. การนับถือพระโพธสิ ตั ว ทรงแผข ยายพระราชอาํ นาจไปไกลถงึ เกาะลงั กา โดยการยกทัพไปตถี งึ 2 คร้งั 3. การนับถือพระพุทธศาสนา ตามประวัตจิ ากหลักฐานตาํ นานเมอื งนครศรีธรรมราชและตํานานพระธาตุ 4. การสรา งเจดียท รงพมุ ขา วบณิ ฑ นครศรธี รรมราช ทําใหทราบวา พระเจาจันทรภาณุเปนพระอนชุ าของพระเจา วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. นครศรธี รรมราชไดร ับเอาพระพุทธศาสนา ศรธี รรมาโศกราช เม่ือพระเจา ศรธี รรมาโศกราชสวรรคต พระองคท รงขน้ึ ครอง นกิ ายเถรวาทลทั ธลิ ังกาวงศมาจากลังกา ตอ มาไดเผยแผพระพทุ ธศาสนา ราชสมบตั สิ ืบตอ ซง่ึ กอนหนาที่พระเจาจันทรภาณจุ ะครองเมืองน้นั นครศรีธรรมราช ใหแกก รงุ สโุ ขทัยในสมยั พอ ขุนรามคําแหงมหาราช และสุโขทยั ไดสืบทอด เปน สวนหนง่ึ ของอาณาจักรศรีวิชัย คร้ันเม่ือ พ.ศ. 1773 จึงไดป ระกาศตนเปน อิสระ การนับถอื พระพุทธศาสนาใหแกสงั คมไทยมาจนถงึ ปจจบุ ัน 2 พระบรมธาตุ เมืองนครศรธี รรมราช สันนิษฐานวา สรางขนึ้ ในสมยั พระเจา ศรีธรรมาโศกราชเมอื่ พ.ศ. 1098 ลักษณะเปน เจดยี ท รงกลมแบบลงั กาหรอื ทรงโอควาํ่ ทยี่ อดเจดยี ห มุ ดวยทองคําแท ความมหัศจรรยขององคพระธาตุนี้ คอื จะไมมเี งาของ พระเจดียท อดลงพน้ื ไมวา แสงอาทติ ยจะสอ งกระทบไปทางใด จงึ ทําใหพ ระเจดยี นี้ เปน หนึง่ ใน Unseen Thailand ของเมืองไทย 76 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ดา้ นศาสนา อาณาจกั รตามพรลงิ คน์ บั ถอื ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ด ู และพระพทุ ธศาสนา ครใู หนักเรียนอานคําถามเกีย่ วกับอาณาจกั ร นกิ ายมหายาน โดยพบศวิ ลงึ คท์ ่ีมอี ายุเก่าแกป่ ระมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๘ พระนารายณ์ศลิ าทราย ศรวี ชิ ยั จากน้ันใหทกุ คนในกลมุ ระดมความคดิ และพระโพธิสตั วอ์ วโลกเิ ตศวร ต่อมาในพทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ พระเจา้ จนั ทรภาณศุ รีธรรมาโศกราช รวมกนั เสรจ็ แลว สงตวั แทนออกมาตอบ ซงึ่ คําถาม ทรงยกทัพไปโจมตลี ังกา ๒ ครั้ง เพ่ือแย่งชงิ พระทนั ตธาตุจากลงั กา ท�าให้อทิ ธิพลของพระพุทธ- มีดังนี้ ศาสนานกิ ายเถรวาท ลทั ธลิ งั กาวงศ ์ และศลิ ปะแบบลงั กาเขา้ มาเผยแผแ่ ละฝงั รากลกึ อย่ใู นอาณาจกั ร นครศรีธรรมราชตั้งแต่น้ัน ดังปรากฏศาสนสถานและศาสนวัตถุที่ส�าคัญ คือ เจดีย์พระบรมธาต ุ • ศนู ยก ลางของอาณาจกั รศรวี ิชัยอยบู รเิ วณใด จังหวัดนครศรีธรรมราช พระพุทธรูปประทับยืนส�าริดปางประทานธรรม ท�าให้นครศรีธรรมราช (แนวตอบ สนั นษิ ฐานวา นาจะอยูท่ีเมอื ง กลายเป็นศูนย์กลางส�าคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนไทย ซ่ึงพระสงฆ์จาก ปาเลม็ บงั บนเกาะสุมาตรา ประเทศ นครศรีธรรมราชได้น�าพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ไปเผยแผ่ยังกรุงสุโขทัยต้ังแต่สมัยพ่อขุน อินโดนเี ซีย ซงึ่ มีอทิ ธิพลครอบคลุมตงั้ แต รามคา� แหงมหาราช เกาะชวาในอินโดนีเซียขนึ้ มาถึงอําเภอไชยา จงั หวัดสรุ าษฎรธานี ขณะท่ีนกั วิชาการ ๓) อาณาจักรศรีวิชัย (พุทธศตวรรษท่ี ๑๓ - ๑๙) สันนิษฐานว่ามี บางทา นเชอ่ื วา นา จะอยทู อี่ าํ เภอไชยา) ศูนย์กลางอยู่ท่ีเมืองปาเล็มบังบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย มีอิทธิพล ครอบคลุมตั้งแต่เกาะชวาในอินโดนีเซีย ข้ึนมาถึงอ�าเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธาน ี • นกั เรียนทราบไดอยางไรวา อาณาจักร อน่งึ มนี กั วชิ าการบางทา่ นเช่ือวา่ ศนู ยก์ ลางของอาณาจกั รศรีวิชยั อาจจะอยทู่ ี่อ�าเภอ ศรวี ิชัยนาจะมคี วามเจริญรงุ เรืองมาก ไชยากเ็ ปน็ ได้ (แนวตอบ พจิ ารณาจากโบราณสถาน ระยะแรกอาณาจกั รศรวี ชิ ยั มคี วามรงุ่ เรอื งขน้ึ มาในฐานะศนู ยก์ ลางการคา้ โบราณวัตถทุ พ่ี บ รวมท้ังขอความจากจารกึ ทางทะเลระหวา่ งจนี และอนิ เดยี เพราะเปน็ เมอื งทา่ ทพี่ อ่ คา้ ตา่ งชาตเิ ขา้ มาคา้ ขายและ หรือเรอื่ งราวในจดหมายเหตจุ นี เปน ตน) พา� นกั เพอื่ คอยการเปลย่ี นลมมรสมุ ตอ่ มาในพทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๖ จนี เรมิ่ แตง่ เรอื สา� เภา ออกไปคา้ ขายยงั เมอื งตา่ งๆ โดยตรง ท�าให้บทบาทของศรีวิชัยในฐานะพ่อค้า • จากหลกั ฐานทพ่ี บ สันนิษฐานวา ชาวศรวี ชิ ัย คนกลางลดลง และท�าให้อ�านาจของศรีวิชัยในบริเวณคาบสมุทรเสื่อมลง นบั ถือศาสนาใด แตส่ ง่ ผลดตี อ่ เมอื งอนื่ ๆ ในคาบสมทุ รตอนใตข้ องไทย เพราะเมอื่ จนี เขา้ มา (แนวตอบ ระยะแรกนับถือศาสนาพราหมณ- ค้าขายโดยตรง ท�าให้เศรษฐกิจขยายตัวข้นึ เกดิ เมืองใหม่ขึ้นหลายแหง่ ฮินดู และพระพุทธศาสนานิกายมหายาน เชน่ ทเี่ มอื งไชยา ซงึ่ มชี มุ ชนอาศยั อยทู่ วั่ ไปบรเิ วณชายฝง่ั ทะเล รมิ แมน่ า�้ ตอมานบั ถอื พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ครี รี ฐั และแมน่ า้� หลวง เมอื งไชยาจงึ มีความส�าคัญ จากทวารวดี และพระพทุ ธศาสนาลัทธิ ขึ้นมาในฐานะเป็นเมืองการค้าและเมืองที่รับ ลังกาวงศจ ากนครศรธี รรมราช) อารยธรรมศรวี ิชยั แต่อิทธพิ ลของศรีวิชัยที่แพร่ ไปยังดินแดนตา่ งๆ สว่ นใหญเ่ ปน็ เรอื่ งของศลิ ปะ • หลกั ฐานในขอบนมีอะไรบาง จงยกตัวอยา ง แบบศรวี ชิ ยั มากกวา่ เ1รอ่ื งอา� นาจทางการเมอื ง (แนวตอบ เชน พระบรมธาตไุ ชยา อําเภอไชยา พระพุทธรูปปางนาคปรกสาํ ริด ทวี่ ัดหัวเวียง เจดีย์พระบรมธาตุไชยา อ�าเภอไชยา จังหวัด อําเภอไชยา เทวรปู พระโพธสิ ัตวอวโลกิเตศวร สรุ าษฎร์ธานี เปน็ โบราณสถานสมยั ศรวี ชิ ัย วดั ศาลาทึง อาํ เภอไชยา เปนตน) สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๕ ก่อด้วยอิฐโบกปูน ยอดเจดีย์ตกแต่งด้วย ๗๗ เจดยี ์เลก็ ๆ โดยรอบ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู เพราะเหตใุ ดอาณาจกั รโบราณทางภาคใตจ ึงมคี วามเจริญรงุ เรอื งขนึ้ มาได 1 เจดียพ ระบรมธาตไุ ชยา ประดษิ ฐานอยทู ี่วดั พระบรมธาตไุ ชยา ตาํ บลเวียง เรว็ กวาอาณาจกั รตอนใน อําเภอไชยา จังหวดั สรุ าษฎรธานี เปน พระเจดียเกาแกทีส่ รา งขนึ้ ในสมยั ศรวี ชิ ยั แนวตอบ เพราะมที าํ เลท่ตี ้งั อยูใ กลท ะเลซึ่งเปนศูนยกลางการคา ระหวาง เพอ่ื ใชประดษิ ฐานพระบรมสารีรกิ ธาตขุ องพระพทุ ธเจา และเปนพทุ ธสถาน จีนและอินเดีย ทาํ ใหมีฐานะทางเศรษฐกจิ ดี มรี ายไดทจ่ี ะนํามาพัฒนาชุมชน เพียงแหง เดยี วในประเทศไทยทีย่ งั คงรักษาความเปน เอกลกั ษณข องศิลปกรรม ไดม าก ขณะเดยี วกันการเปน ศนู ยก ลางการคา กท็ าํ ใหร บั วัฒนธรรมตางๆ สมยั ศรวี ชิ ัยไวไ ดอยา งสมบรู ณ จากภายนอกและนาํ มาปรบั ใชใ หเหมาะสมกบั ตนเอง ไมต อ งเสยี เวลาในการ คดิ คน จึงทาํ ใหอาณาจกั รมคี วามรงุ เรืองมากกวา อาณาจกั รในแผนดนิ ตอนใน มุม IT ศกึ ษาคนควา ขอ มลู เพิ่มเติมเกีย่ วกบั อาํ เภอไชยา ไดท่ี http://www.nmt. or.th/surat/talatchaiya/Lists/List39/AllItems.aspx เว็บไซตเ ทศบาลตําบลตลาด ไชยา อําเภอไชยา จงั หวดั สุราษฎรธานี คูม อื ครู 77
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหน ักเรียนแตละกลุมเปด ซองคําถามของ เร่ืองนา รู อาณาจกั รโบราณในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ซ่ึงภายในจะมคี ําถามเก่ียวกับอาณาจกั ร ศลิ ปะศรีวชิ ัย โคตรบรู ณและอาณาจักรอศิ านปุระ อาณาจกั รศรวี ชิ ยั เจรญิ รงุ่ เรอื งอยบู่ รเิ วณคาบสมทุ รภาคใตข้ องไทย ศลิ ปะศ1รวี ชิ ยั จงึ เกยี่ วขอ้ งกบั 2. ครูใหน กั เรยี นอานคาํ ถามเก่ียวกับอาณาจกั ร โคตรบูรณก อ น จากน้ันใหท ุกคนในกลมุ ระดม ศิลปะชวาภาคกลางของประเทศอินโดนีเซียซ่ึงใกล้ชิดกับศิลปะอินเดียแบบคุปตะ และแบบปาละ และ ความคิดรวมกัน เสรจ็ แลวสง ตัวแทนออกมาตอบ เน่ืองจากพระพุทธศาสนาฝายมหายานเจริญรุ่งเรืองในศรีวิชัย ชาวศรีวิชัยจึงนิยมสร้างพระโพธิสัตว์ ซงึ่ คําถามมดี ังนี้ อวโลกิเตศวร แต่ก็มีการสร้างพระพุทธรูปด้วย เช่น พระพุทธรูปนาคปรก พบท่ีวัดเวียง อ�าเภอไชยา พระพทุ ธรปู นาคปรก • ศนู ยก ลางของอาณาจักรโคตรบรู ณอยู จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี บรเิ วณใด (แนวตอบ จงั หวดั นครพนมในปจ จบุ นั โดยมี ในส่วนผลงานทางดา้ นสถาปัตยกรรมของศลิ ปะศรีวชิ ัยเหลอื อยู่นอ้ ยมาก เช่น เจดียพ์ ระบรม- อาณาเขตครอบคลุมพน้ื ที่ภาคตะวันออก- ธาตุไชยา อา� เภอไชยา จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี เคา้ โครงของพระบรมธาตไุ ชยาใกลเ้ คยี งกับเจดยี ใ์ นศิลปะ เฉยี งเหนอื ตลอดจนดนิ แดนฝงซายของ ชวาทางภาคกลางของประเทศอนิ โดนเี ซยี จงึ ชว่ ยสนบั สนนุ ขอ้ สนั นษิ ฐานในสว่ นทศ่ี ลิ ปะศรวี ชิ ยั เกย่ี วขอ้ ง แมนํ้าโขง) กบั ศิลปะชวาภาคกลาง • เร่ืองราวของอาณาจกั รโคตรบูรณป รากฏอยู พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ในหลักฐานใด (แนวตอบ ตาํ นานอุรังคธาตุ) สา� หรบั ดา้ นศาสนาในระยะแรกอาณาจกั รศรวี ชิ ยั ที่ไชยานบั ถอื ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ด ู • จากหลักฐานในขอ บน ทาํ ใหท ราบเก่ยี วกบั และพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ต่อมานับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทจากทวารวดี และ อะไร พระพทุ ธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศจ์ ากนครศรธี รรมราช ดงั ปรากฏศาสนสถานและศาสนวตั ถใุ นศาสนา (แนวตอบ ความเปนมาของชุมชนในอาณาจกั ร ตา่ งๆ เชน่ พระบรมธาตไุ ชยา อา� เภอไชยา พระพทุ ธรูปปางนาคปรกส�ารดิ ทว่ี ัดเวยี ง อ�าเภอไชยา ประวัตกิ ารสรางพระธาตุพนม โดยอาณาจกั ร เทวรูปพระโพธิสตั ว์อวโลกิเตศวร วดั ศาลาทงึ อา� เภอไชยา เป็นตน้ โคตรบูรณไดร บั อทิ ธพิ ลจากอินเดีย ปกครอง โดยกษตั ริย นับถอื พระพุทธศาสนานิกาย ๓.๔ พัฒนาการของอาณาจกั รโบราณในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เถรวาทตามแบบทวารวดี รวมทงั้ มีความเชอื่ พื้นเมอื งเร่อื งการนบั ถอื ส่งิ ศักด์ิสทิ ธิ์และ อาณาจักรโบราณในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ท่ีสา� คญั มดี ังน้ี การบูชาพญานาคดวย) • อาณาจักรโคตรบูรณส นิ้ สดุ อาํ นาจลงเพราะ ๑) อาณาจกั รโคตรบรู ณ (พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖) มศี นู ยก์ ลาง เหตุใด (แนวตอบ ถูกอาณาจกั รขอมขยายอทิ ธิพล อยู่ที่นครพนม มีอาณาเขตครอบคลมุ พืน้ ทภี่ าคตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจน เขา มาครอบครอง และตอมาถูกอาณาจักร ดินแดนฝง่ั ซา้ ยของแม่น�า้ โขง ลานชา งเขา ยดึ ครองเปนประเทศราช) เรอ่ื งราวของอาณาจกั รโคตรบรู ณ ์ ปรากฏอยใู่ น “ตาํ นานอรุ งั คธาต”ุ ทกี่ ลา่ วถงึ ความเปน็ มาของชมุ ชนในอาณาจกั ร และประวตั กิ ารสรา้ ง พระธาตพุ นม อาณาจกั รโคตรบรู ณ์ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากอนิ เดยี มกี าร ปกครองโดยกษัตริย์ นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ตามแบบทวารวดี และมีความเชื่อพื้นเมืองเร่ืองการนับถือ สิ่งศกั ดส์ิ ิทธ์แิ ละการบูชาพญานาค พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม โบราณสถานในพระพุทธศาสนา สรา้ งข้นึ เพอ่ื บรรจุพระอรุ ังคธาตขุ องพระพทุ ธเจา้ ๗8 นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ศิลปะอินเดยี แบบคปุ ตะ สมัยราชวงศค ปุ ตะ (พุทธศตวรรษท่ี 9-13) ไดรบั ครูใหนักเรยี นคน ควาประเพณีและพธิ ีกรรมทเี่ กีย่ วของกับความเชื่อ การยกยองใหเ ปนยุคทองของอินเดีย เพราะเปน สมัยทอี่ ารยธรรมอินเดยี มคี วาม พืน้ เมืองเร่อื งการนบั ถอื สงิ่ ศกั ด์ิสิทธ์แิ ละการบชู าพญานาคของชมุ ชนใน เจริญรงุ เรืองในทุกดาน ไมว าจะเปน ดานศาสนา ปรัชญา วรรณคดี ดนตรี นาฏศลิ ป ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ แลว บันทกึ ผลการคน ควา จิตรกรรม และประตมิ ากรรม ศิลปะคปุ ตะเจรญิ ข้นึ ทางภาคเหนือของอนิ เดียและได ขยายตัวออกไป ในระยะนพ้ี ระพุทธศาสนานิกายมหายานและเถรวาทเจรญิ รุง เรือง มาก เชน ที่เมอื งมถุรา เมอื งปาฏลบี ตุ ร มสี ถปู ท่สี วยงาม หรือทน่ี าลันทากไ็ ดเ ปน ศนู ยกลางทางการศึกษาพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ในขณะเดียวกนั ศาสนา พราหมณ- ฮนิ ดูกไ็ ดเจรญิ รงุ เรอื งขน้ึ อีกและคอยๆ กลืนพระพุทธศาสนาไปทีละนอ ย 78 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ศาสนสถานท่ีสําคัญของอาณาจักร คือ พระธาตุพนม1ตํานานอุรังคธาตุกลาววา ครูใหนกั เรยี นอา นคาํ ถามเกย่ี วกับอาณาจักร สรา งขึน้ หลงั จากพระพทุ ธเจา ปรินพิ พาน ๘ ป พระมหากสั สปะพรอ มดว ยพระอรหนั ต ๕๐๐ รูป อศิ านปุระ จากนน้ั ใหท กุ คนในกลุมระดมความคดิ เดินทางมายังดินแดนสุวรรณภูมิเพื่อเผยแผศาสนา และนําพระอุรังคธาตุหรือกระดูกสวนหนาอก รวมกนั เสรจ็ แลว สง ตัวแทนออกมาตอบ ซง่ึ คาํ ถาม ของพระพทุ ธเจามาดวย พรอมกับไดสรางเจดยี เ พ่อื บรรจพุ ระอุรงั คธาตุ มีดังน้ี ในพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ พระเจาชัยวรมันท่ี ๗ แหงอาณาจักรขอม ขยายอิทธิพลมา • เรือ่ งราวของอาณาจกั รอศิ านปุระ (เจนละ) ครอบครองดินแดนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ตอมาเม่ืออาณาจักรลานชาง (ลาว) ปรากฏอยูในหลักฐานใด มอี าํ นาจ อาณาจกั รโคตรบูรณไดตกเปนเมอื งขน้ึ ของลานชาง (แนวตอบ เชน จดหมายเหตจุ ีนราชวงศตา งๆ และบนั ทึกของราชทตู จีน ชอ่ื โจว ตา กวน ๒) อาณาจกั รอศิ านปรุ ะ (พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๘) อาณาจกั รอศิ านปรุ ะ(เจนละ) เปนตน ) หรืออาณาจกั รขอม รงุ เรืองข้นึ ในสมัยพระเจา อศิ านวรมนั (พ.ศ. ๑๑๕๙ - ๑๑๖๙) ตอ มาอาณาจกั ร • กษัตริยพระองคใดที่ทรงรวบรวมอาณาจักร แตกแยกเปน ๒ สวน คอื อาณาจกั รเจนละบกและเจนละน้าํ ในสมัยพระเจา ชยั วรมนั ที่ ๒ ทรง เจนละเขาดว ยกนั เปน อาณาจกั รขอม (เขมร) รวบรวมอาณาจกั รเจนละเขา ดว ยกันเปนอาณาจักรขอม (เขมร) เมือ่ พุทธศตวรรษท่ี ๑๔ พระองค (แนวตอบ พระเจา ชัยวรมันที่ 2) เร่มิ ตั้งเมืองหลวงในบรเิ วณใกลเ มืองพระนคร (เมอื งเสียมเรยี บ หรือเสียมราฐในปจ จบุ ัน) เร่อื งราว ขราอชงทอตูาณจีนาจชกั ื่อรอโศิจาวนตปารุ กะวหนรือ2ทเเี่จดนินลทะาปงมราากยฏังเอจยนูใลนะจใดนหพมุทาธยศเตหวตรุจรนี ษรทาี่ช๑ว๙งศแต ลา ะงเๆขยี แนลบะันในทบกึ ันเรท่ือึกงขรอาวง • เมืองหลวงของอาณาจักรขอม (เขมร) ของอาณาจกั รเจนละไวใ นชอ่ื “บันทึกวาดว ยขนบธรรมเนยี มประเพณีของเจนละ” อยูบ รเิ วณใด (แนวตอบ บรเิ วณใกลเมอื งพระนคร เสน เวลา (เมืองเสยี มเรียบหรอื เสียมราฐในปจ จบุ นั )) แสดงอาณาจกั รอศิ านปรุ ะ (ขอม) สมยั เมอื งพระนคร • อิทธิพลของอาณาจักรขอมตอดินแดนไทย พระเจา ชัยวรมนั ท่ี ๒ราว ุพทธศตวรรษ ่ีท ๑๔ ราว ุพทธศตวรรษ ่ีท ๑๘ พระเจา ชยั วรมันท่ี ๗ มอี ะไรบา ง สรา งเมอื งหริหราลยั สรา งนครธม (แนวตอบ มหี ลายดา น เชน การปกครองแบบ และพนมกุเลน สมบูรณาญาสิทธริ าชย แนวคิดสมมติเทพ เรมิ่ สมัยเมอื งพระนคร การปกครองแบบจตุสดมภ ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู พระพุทธศาสนานิกายมหายาน พทุ ธศตวรรษที่ ดงั ปรากฏหลกั ฐานโบราณสถาน โบราณวตั ถุ เชน ปราสาทหนิ ในภาคตา งๆ ประตมิ ากรรม ๑๐ ๑๕ ๒๐ ๒๕ รูปพระโพธสิ ัตว ศวิ ลงึ ค พระพทุ ธรปู ปาง นาคปรก เปน ตน ) พระเจา สุรยิ วรมนั ที่ ๒ราว ุพทธศตวรรษ ่ที ๑๗ สรางนครวดั ๗๙ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ขอใดมิใชเหตุผลที่อาณาจกั รขอมขยายอาํ นาจเขามายงั ดนิ แดนใน 1 พระธาตุพนม ไดร บั การบรู ณะปฏิสงั ขรณม าตามลาํ ดับ การบรู ณะครั้งแรก ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ของไทย และคร้ังท่ี 2 ไมไ ดบันทกึ ไว การบรู ณะครง้ั ท่ี 3 เมอ่ื พ.ศ. 2157 ครัง้ ที่ 4 เมอื่ พ.ศ. 2233 ครัง้ ที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2349 ครง้ั ท่ี 6 เมอ่ื พ.ศ. 2444 เปน การบรู ณะครง้ั ใหญ 1. สกดั กั้นอาํ นาจของละโว และตอ จากนน้ั มากม็ กี ารบรู ณะทวั่ ไป จนกระทงั่ พ.ศ. 2518 องคพ ระธาตุชํารดุ ลมลง 2. เปน ท่ตี ้ังทางยทุ ธศาสตร ทางราชการไดด าํ เนนิ การกอสรางข้ึนใหมใหคงสภาพเดมิ มาจนถงึ ปจ จบุ นั สําหรบั 3. แสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ งานนมสั การพระธาตพุ นมประจาํ ปจะเร่ิมตั้งแตว ันขึน้ 12 คํา่ ถึงวันแรม 1 คํา่ 4. ตอ งการไดกาํ ลงั คนเพ่ิมขน้ึ เดอื น 3 2 โจว ตากวน เปน ราชทูตจากราชวงศหยวนหรือมองโกล โดยโจว ตา กวนได วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เนอ่ื งจากละโวใ นชวงเวลานั้นไดอ ยูใตอาํ นาจ เขียนบนั ทึกการเดินทางและบันทกึ รายละเอยี ดเกย่ี วกบั สังคม ประเพณีของขอม ซึง่ บันทกึ น้ีแบงออกเปน 40 ตอนดว ยกนั ของอาณาจกั รขอมแลว จงึ ไมใชเหตุผลท่ลี ะโวจ ะแผขยายอาํ นาจเขา มายัง ดนิ แดนแถบน้ี สว นขอ อ่นื ลว นเปนปจ จัยที่ขอมตอ งการสาํ หรับการสรา งความ เจริญรุงเรืองใหแ กอาณาจักรตนทง้ั สิ้น คมู อื ครู 79
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูมอบหมายใหนกั เรียนแตละกลุม ไปคน ควา ระบุว่า อาณาจักรเจนละตั้งอยู่ระหว่างอาณาจักรทวารวดีและจามปา (เวียดนาม) ความรเู กย่ี วกบั ปราสาทหินทไี่ ดรบั อิทธพิ ลขอม ซงึ่ ได้แก่ บริเวณท่เี ปน็ ราชอาณาจักรกัมพชู าในปจั จุบัน ในภูมภิ าคตา งๆ ของประเทศไทย จากน้นั นาํ ในพทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ อาณาจักรอิศานปรุ ะ หรอื ขอมมอี า� นาจ และเจริญรุ่งเรอื งสูงสุด ขอ มูลมาอภปิ รายและจดั ปา ยนิเทศใหสวยงาม ในสมัยพระเจ้าสุรยิ วรมันท ่ี ๒ (พทุ ธศตวรรษที่ ๑๘) ผสู้ รา้ งปราสาทนครวัด ปราสาทหินพนมรงุ้ และพระเจ้าชยั วรมนั ที ่ ๗ ผ้สู ร้างนครธม (ปราสาทบายน) ปราสาทตาพรหม ในชว่ งเวลานก้ี ษัตริย์ 2. ครูใหน ักเรียนทบทวนความรูโดยทาํ กิจกรรมที่ ขอมยังได้สร้างปราสาทหินขนาดใหญ่มากมายในบริเวณที่อาณาจกั รขอมขยายอา� นาจไปถงึ เชน่ 3.3 จากแบบวัดฯ ประวตั ศิ าสตร ม.1 บรเิ วณสามเหลยี่ มปากแมน่ า�้ โขง ลาวตอนใต ้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคตะวนั ออกของไทย จนถงึ บรเิ วณลมุ่ แมน่ า้� เจา้ พระยา ดงั ปรากฏหลกั ฐานอยู่ทั่วไป เช่น ปราสาทหินพิมาย จังหวัด ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ พนคระรปรารชางสคมี ส์ าา ปมรยาอสดา ทจหงั นหิ พวัดนลมพรบงุ้ รุป ี รปารสาาสทาเทมเอืมงอื ตงา่� ส ิงจหงั ห ์ 1จวงัดั หบวรุ ดั รี กมั ายญ ์ ปจรนาบสรุา ีทเศปขีน็ รตภน้ มู ิ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ ประวตั ิศาสตร ม.1 กจิ กรรมที่ 3.3 อาณาจักรขอมได้เผยแพร่อารยธรรมไปยังรัฐท่ีอยู่ใกล้เคียงหลายด้าน ท้ังด้าน หนวยท่ี 3 สมัยกอนสุโขทัยในดนิ แดนไทย การปกครอง ได้แก่ การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ความเป็นสมมติเทพของกษัตริย ์ ระบบขนุ นาง การปกครองแบบจตสุ ดมภ ์ และกฎหมายพระธรรมศาสตร ์ ดา้ นศาสนาและความเชอื่ กจิ กรรมที่ ๓.๓ ใหน กั เรยี นสรปุ พฒั นาการของอาณาจกั รโบราณในดนิ แดน คะแนนเต็ม คะแนนทีไ่ ด ได้แก่ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู พระพุทธศาสนานิกายอาจริยวาท ไทยมาพอสังเขป (ส ๔.๓ ม.๑/๑) หรือมหายาน ดังจะเห็นได้จากโบราณสถานและโบราณวัตถุ เช่น òð ปราสาทหนิ เทวรปู ประตมิ ากรรมรปู พระโพธสิ ตั ว ์ ศวิ ลงึ ค ์ พระพทุ ธรปู ปางนาคปรก ความเช่อื เรื่องพญานาค เป็นตน้ พฒั นาการของ .......ท....ี่ส.....าํ ..ค....ัญ.........เ.ช...น........อ....า...ณ.....า...จ...กั....ร....ท....ว..า...ร....ว..ด....ี....ส....ัน....น.....ษิ....ฐ....า..น.....ว...า..ม....ีศ....ูน....ย....ก....ล....า..ง....อ...ย...ทู....ี่ อย่างไรก็ตาม การสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่ท่ีต้องใช้ อาณาจกั รโบราณ จ......น.....ค....ร...ป....ฐ...ม.......ด...งั....พ....บ....จ...า...ร....กึ ...ภ....า...ษ....า...ส....นั....ส.....ก...ฤ....ต....ว...า.....“...ศ....ร...ที....ว...า...ร...ว...ต....ี...ศ....ว..ร....ป....ณุ .....ย...ะ...”.. แรงงานคนและค่าใช้จ่ายจ�านวนมาก ท�าให้อาณาจักรขอม ในดินแดนไทย แ...ล....ะ..ห....ล....กั....ฐ...า...น....ท....า...ง...โ...บ....ร...า...ณ.....ค....ด....จี...าํ...น....ว...น....ม....า..ก.......ท....ว...า...ร...ว...ด...ไ.ี ..ด....ร...บั....อ....ทิ ....ธ...พิ....ล....อ...นิ....เ..ด....ยี... ค่อยๆ เสือ่ มโทรมลงตงั้ แต่พทุ ธศตวรรษท ี่ ๑๙ เป็นตน้ มา ภาคกลาง ท....า...ง...ด....า...น....ก....า...ร...ป....ก....ค....ร....อ...ง...แ...ล....ะ...ด....า...น....ศ....า...ส....น....า.......อ...า...ณ.....า...จ....ัก...ร....ล....ะ..โ...ว... ...ม....ีศ....ูน....ย....ก....ล....า..ง... อ....ย...ูท....่ี.เ..ม...ือ....ง...ล.....ะ..โ...ว...ห....ร....ือ........จ.......ล....พ....บ.....ุร...ีใ...น.....ป....จ....จ...ุ.บ....ัน.........ส....ั.น....น.....ิษ....ฐ....า...น.....ว...า...ช...า...ว...ล....ะ...โ...ว.. ส....ว...น....ใ...ห....ญ.....เ ..ป...น.....ช...า...ว...ม...อ....ญ.......แ...ล....ะ...ไ..ด....ร....ับ....อ...ทิ.....ธ...พิ ....ล....ท....งั้ ...จ....า..ก....ท....ว...า...ร...ว...ด....ีแ...ล....ะ...ข...อ...ม............. เฉฉบลับย ภาคเหนือ .......ท....่ี.ส....ํา...ค....ั.ญ.........เ..ช....น..........อ...า....ณ.....า...จ....ัก....ร....โ...ย....น....ก.....เ..ช...ีย....ง....แ...ส....น..........ม...ี.ศ....ูน.....ย....ก....ล....า...ง....อ....ย...ู.ท...ี่ อ......เ..ช...ยี ...ง....แ...ส....น.........จ......เ..ช...ีย...ง....ร...า...ย.......เ..ค....ย....ถ...ูก....ข...อ....ม...ป....ก....ค....ร....อ...ง...ม....า...ก...อ....น.........ต....อ...ม....า..ถ....กู ....ร....ว..ม... เ..ข...า..ก....ับ.....ล....า..น.....น....า.......อ....า...ณ.....า...จ...ัก....ร....ห....ร...ิภ....ุญ.....ช...ัย........ม...ีศ....ูน.....ย...ก....ล....า...ง...อ....ย...ูท....ี่เ..ม...ือ....ง...ห....ร....ิภ...ุญ.....ช...ัย... ห....ร....ือ........จ.......ล....ํา...พ....ูน.....ใ...น.....ป....จ....จ...ุ.บ....ัน.........เ..ค.....ย...ต.....ก....อ....ย...ูใ...ต.....อ...ํา...น.....า...จ....ข...อ....ง...ล....ะ...โ...ว...ม....า...ก.....อ...น.... ภ....า..ย....ห....ล....ัง...ต....อ...ม....า...ถ...ูก....ร....ว...ม...เ..ข...า...ก....ับ....ล....า ..น.....น....า.......อ...า...ณ.....า...จ...ัก....ร....ล....า..น.....น....า.......ม...ีศ....นู.....ย...ก....ล....า...ง.. อ...ย....ูท....ี่...จ......เ..ช...ีย...ง....ใ..ห....ม......ม....คี....ว...า..ม....เ..จ...ร....ญิ ....ร....ุง...เ..ร...อื....ง...ห....ล....า...ย...ด....า...น.................................................... ภาคใต .......ท....่ี.ส....ํ.า...ค....ั.ญ...........เ..ช.... น...........อ....า...ณ......า....จ...ั.ก.....ร....ล....ั ง....ก.....า...ส.....ุ ก.....ะ........ม....ี ศ....ู.น.....ย.....ก.....ล....า....ง....อ....ย...ู. .ท...่ี อ.......ย....ะ...ร...ัง.........จ.......ป....ต.....ต....า...น....ี......อ...า...ณ......า...จ....ัก....ร....ต.....า...ม...พ.....ร....ล....ิง....ค.........ม....ีศ....ูน.....ย....ก.....ล....า...ง....อ...ย....ู.ท...ี่ จ.......น....ค.....ร....ศ....ร...ีธ....ร....ร...ม....ร....า...ช........ท....้ัง....ล....ัง...ก.....า...ส....ุก....ะ...แ....ล....ะ...ต....า...ม....พ....ร....ล....ิง....ค....เ..ค.....ย...ต....ก.....อ...ย....ูใ...ต.... อ...ิ.ท....ธ...ิพ....ล....ข....อ...ง....ศ....ร...ีว...ิช...ั.ย........อ...า...ณ......า...จ...ัก....ร....ศ....ร...ี.ว..ิ.ช...ัย........ส....ัน.....น....ิ.ษ....ฐ...า...น.....ว...า...ม...ี.ศ....ูน....ย....ก....ล....า...ง... อ....ย...ูท....่ี.เ..ม...ือ....ง...ป....า...เ..ล....็ม....บ....ัง....บ....น.....เ..ก....า...ะ...ส....ุม....า...ต....ร...า........ป....ร...ะ...เ..ท....ศ....อ....ิน.....โ..ด.....น....ีเ..ซ....ีย........ข...ณ......ะ..ท....่ี น....กั....ว...ิช...า...ก....า...ร...บ....า...ง...ท....า...น.....เ.ช...ือ่....ว...า...อ...ย...ทู....ี่...อ......ไ...ช...ย....า.....จ......ส.....ุร...า...ษ....ฎ....ร...ธ...า...น.....ี ............................... ภาคตะวนั ออก .......ท....ส่ี....าํ...ค....ญั........เ.ช...น.......อ....า..ณ......า..จ....กั ....ร...โ..ค....ต....ร...บ.....รู ...ณ........ม...ศี....นู.....ย...ก....ล....า..ง...อ....ย...ทู....ี่...จ......น....ค....ร....พ....น....ม... เฉยี งเหนอื ด....งั...ป....ร...า...ก....ฏ....เ..ร...อ่ื....ง...ร...า...ว...อ...ย....ใู ..น.....ต...าํ...น.....า..น.....อ...รุ....งั ...ค....ธ...า...ต....ุ...ต....อ ...ม...า...ถ....กู....ข...อ...ม....แ...ล....ะ..ล....า...น....ช...า...ง... เ..ข...า ..ม....า..ป....ก....ค....ร....อ...ง...ต....า...ม....ล...าํ...ด....บั.......อ....า..ณ......า..จ....กั....ร...อ....ศิ ....า..น.....ป....รุ ...ะ...ห....ร...อื...ข...อ....ม......ม....เี .ม....อื...ง....ห...ล....ว...ง... ท....่ีเ..ม...ือ....ง...พ....ร....ะ...น....ค....ร....ห....ร...ือ....เ..ส....ีย...ม....ร...า...ฐ....ใ..น.....ป....จ...จ....ุบ....ัน.........ด....ัง....ป....ร...า...ก....ฏ....เ..ร...ื่อ....ง...ร...า...ว...อ....ย...ูใ...น.... จ....ด....ห....ม....า...ย...เ..ห....ต....ุจ....ีน.....ร....า..ช....ว...ง...ศ.....ต....า...ง...ๆ........แ...ล.....ะ..บ.....ัน....ท....ึ.ก....ข...อ....ง...ร....า...ช...ท....ูต....จ....ีน.....ช...่ือ........โ...จ....ว.. ต....า...ก...ว...น........อ...า...ณ.....า...จ...กั....ร....ข..อ....ม...ไ...ด....เ.ผ....ย...แ...พ....ร....อ...า...ร...ย....ธ...ร...ร....ม...ไ...ป....ย...งั...ร....ฐั ...ต....า...ง...ๆ......ใ..ก....ล....เ..ค....ยี...ง... ๒๘ (พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอ ยูในดุลยพนิ ิจของครูผูส อน) พระพุทธรปู ปางนาคปรก พบทป่ี ราสาทหนิ พมิ าย 2 80 ปราสาทหินพิมาย โบราณสถานในอ�าเภอพิมาย จังหวัด นครราชสีมา ซ่ึงได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจาก อาณาจักรอิศานปรุ ะ นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เพราะเหตุใดอาณาจกั รอศิ านปรุ ะจงึ คอยๆ เส่อื มโทรมลงและหมดความ 1 ปราสาทเมืองสิงห เปน โบราณสถานรปู แบบศิลปกรรมเขมรแบบบายนผสม ยิง่ ใหญลงไปหลงั จากสมยั พระเจาชัยวรมนั ท่ี 7 ศลิ ปะทวารวดี สรา งขึน้ ตามคติในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน เมอื่ ประมาณ แนวตอบ เนอ่ื งจากในสมัยพระเจา ชัยวรมันท่ี 7 ทรงสรา งปราสาทหิน พุทธศตวรรษท่ี 18 แผนผงั ปราสาทเปน รปู ส่ีเหลยี่ มผนื ผา มีกําแพงแกวทาํ ดวย มากมายซงึ่ ใชแ รงงานคนและคาใชจายจํานวนมหาศาล ทาํ ใหอ าณาจกั รขอม ศลิ าแลงลอ มรอบ ตรงกลางเปนปรางคป ระธานกอดวยศิลาแลงประดับปนู ปน เริม่ เกดิ ความออนแอ เมอื งท่ีเคยอยใู ตอาํ นาจตา งแยกตวั เปน อสิ ระ ซ่งึ สงผล ภายในปราสาทมกี ารพบเทวรูปพระโพธสิ ตั วอวโลกิเตศวร พระพุทธรปู ปางนาคปรก ทําใหข อมเสื่อมอํานาจลงในสมยั หลังตอ มา ปราสาทแหง น้ีไดร ับการประกาศเปนอุทยานประวัตศิ าสตรแหง แรกของประเทศไทย 2 ปราสาทหนิ พมิ าย ตง้ั อยูในบรเิ วณอุทยานประวตั ศิ าสตรพ มิ าย เปน ปราสาทหนิ ทม่ี ขี นาดใหญท่สี ดุ ในประเทศไทย สันนิษฐานวาสรางข้นึ เมอื่ ปลายพุทธศตวรรษท่ี 16 ในสมัยพระเจาสรุ ยิ วรมันที่ 1 เปน ศาสนสถานในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน สาํ หรับปราสาทหนิ พมิ ายมีลักษณะพเิ ศษ คอื สรา งหนั หนาไปทางทิศใต ซึง่ แตกตาง จากปราสาทหินอ่ืนทม่ี ักหันหนาไปทางทศิ ตะวันออก 80 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู àÊÃÔÁÊÒÃÐ ปราสาทหินในดินแดนไทย 1. ครูใหน ักเรียนศกึ ษาเก่ียวกับปราสาทหินใน ดนิ แดนไทยจากหนงั สอื เรยี น หนา 81 จากนน้ั ปราสาทหิน เปนศิลปกรรมที่แสดงถึงความเจริญรุงเรืองของอารยธรรม รว มกันสรุปสาระสาํ คญั ขอม ปรากฏอยูในประเทศไทยหลายสิบแหง จากทิศตะวันออกสุดบริเวณชายแดน 2. ครแู ละนกั เรียนรว มกนั สรปุ ความรูเก่ยี วกบั ไทย - กมั พชู า มกี ลมุ ปราสาทตาเมอื น จงั หวดั สรุ นิ ทร ทศิ ตะวนั ตกมปี ราสาทเมอื งสงิ ห รฐั โบราณและรัฐไทยในดนิ แดนไทย จากนน้ั จงั หวัดกาญจนบรุ ี และเหนือสุดมปี ราสาทวัดเจาจันทร จงั หวดั สโุ ขทยั ใหนกั เรียนทาํ กจิ กรรมท่ี 3.5 จากแบบวัดฯ ประวัตศิ าสตร ม.1 ปราสาทที่ปรากฏอยูในประเทศไทย มีลักษณะสําคัญสามารถ แบง ประเภทตามลักษณะการสรางออกได ๓ ประเภท ดงั น้ี ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ประวตั ิศาสตร ม.1 กิจกรรมที่ 3.5 ๑. ปราสาทหินท่ีเปนศาสนสถาน หนวยท่ี 3 สมัยกอ นสโุ ขทัยในดินแดนไทย หรือ เทวาลัย มักเปนปราสาทหินท่ีมี ขนาดใหญ สรางข้ึนเพ่ือเปนสถานท่ี กิจกรรมที่ ๓.๕ ใหนักเรียนดูภาพโบราณสถานตอไปนี้ แลวตอบคําถาม คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด ประกอบพธิ กี รรม เชน ปราสาทหนิ พนมรงุ ตามประเดน็ ที่กาํ หนด (ส ๔.๓ ม.๑/๑) อําเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย ñð เปนตน ชือ่ โบราณสถาน ปราสาทหินพมิ าย........................................................................................................................... ท่ีจังหวัด นครราชสีมา.............................................................................................................................................. 1 สมยั อาณาจักร อศิ านปุระ (ขอม)............................................................................................................................... ปราสาทหินพนมรงุ จงั หวัดบรุ รี ัมย ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ๒. ธรรมศาลา สรางข้นึ เพือ่ เปนที่พัก เฉฉบลับย สาํ หรบั คนเดนิ ทาง ตัง้ อยูตามเสนทางจาก ชอ่ื โบราณสถาน ........ว..ดั....พ.....ร...ะ...บ....ร...ม....ธ...า...ต....ุไ..ช...ย....า.................................................................... เมอื งพระนครมายงั ปราสาทหนิ พมิ าย เชน ๓๐ ทีจ่ ังหวดั สรุ าษฎรธานี.............................................................................................................................................. ปราสาทตาเมือน อําเภอกาบเชิง จงั หวัด สมัยอาณาจกั ร ศรีวิชัย............................................................................................................................... สุรนิ ทร เปนตน ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ปราสาทตาเมอื น จังหวดั สรุ นิ ทร ๓. อโรคยาศาล หรือ กุฏฤิ ๅษี ชอื่ โบราณสถาน ........ว..ดั....พ.....ร...ะ...ธ...า...ต...หุ....ร....ภิ....ุญ....ช....ัย..................................................................... หมายถงึ สขุ ศาลา หรอื สถานพยาบาลผปู ว ย ทจ่ี งั หวัด ลาํ พูน.............................................................................................................................................. ในชมุ ชน เชน ปราสาทตาเมอื นโตจ อาํ เภอ สมัยอาณาจักร หริภญุ ชยั............................................................................................................................... กาบเชงิ จงั หวดั สุรินทร เปนตน ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ชอื่ โบราณสถาน วดั พระมหาธาตุ........................................................................................................................... ที่จงั หวดั นครศรธี รรมราช.............................................................................................................................................. สมัยอาณาจักร ตามพรลิงค............................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ชือ่ โบราณสถาน พระปรางคสามยอด........................................................................................................................... ทจ่ี ังหวัด ลพบุรี.............................................................................................................................................. สมัยอาณาจักร ละโว............................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ปราสาทตาเมอื นโตจ จงั หวดั สรุ ินทร ๘๑ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู ปราสาทหินในวัฒนธรรมขอม แสดงใหเ หน็ ถงึ ความเจริญรงุ เรืองของ ครูอธบิ ายใหนักเรยี นเขาใจเพิ่มเติมวานอกจากปราสาทหินรปู แบบศลิ ปะขอม อาณาจักรอศิ านปุระอยางไร ทพี่ บในกมั พูชาและไทยแลว ยงั พบในลาวดวย ทีส่ าํ คญั เชน ปราสาทหินวัดพู เปน แนวตอบ ปราสาทหนิ เปนศาสนสถานทสี่ รางข้ึนเพ่อื ประดิษฐานรปู เคารพ ศาสนสถานในศาสนาพราหมณ- ฮินดู เม่ือลาวรบั พระพุทธศาสนา ปราสาทหนิ แหง น้ี และใชในการประกอบพิธที างศาสนา ซ่ึงจะตอ งสรางดว ยวสั ดุทม่ี ีความมั่นคง จึงไดเ ปน วัดในพระพทุ ธศาสนา นอกจากนี้ยงั ไดร ับการขน้ึ ทะเบียนจากองคการ แข็งแรงประเภทอิฐหรือหนิ และใชแรงงานคน วสั ดุ และคา ใชจ ายจาํ นวนมาก ยเู นสโกใหเปนมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2544 นอกจากน้ี การสรางปราสาทหนิ กย็ งั แสดงใหเ ห็นถงึ บญุ บารมีของกษัตริย แตละพระองค ยิ่งสรางมากเทา ใดกแ็ สดงวา มีบารมมี ากเพยี งน้นั ซ่ึงสงิ่ ตางๆ นกั เรียนควรรู เหลา นีล้ ว นแสดงใหเ ห็นถงึ ความเจริญรุง เรอื งของอาณาจักรขอมทง้ั สิ้น 1 ปราสาทหนิ พนมรุง ตั้งอยบู นยอดเขาพนมรุง ตําบลตาเปก อาํ เภอเฉลิมพระ- เกยี รติ จังหวดั บรุ ีรัมย เปน ศาสนสถานท่ีสรางขน้ึ เพ่อื ถวายพระศวิ ะ ซ่ึงตั้งหนั หนา ไป ทางทศิ ตะวนั ออก ในอดตี ตั้งอยบู นเสน ทางการติดตอ ระหวา งเมืองพระนคร ประเทศ กมั พูชาในปจจบุ นั กับปราสาทหนิ พิมาย โดยเปนศูนยกลางของชมุ ชนโบราณรอบๆ ที่ตั้งปราสาท ทเี่ รียกวา ดินแดนเขมรสงู ในชวงพุทธศตวรรษที่ 15-18 คมู อื ครู 81
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครใู หนกั เรยี นศึกษาการสรางสรรคภูมิปญ ญาของ ๓.๕ การสรา้ งสรรคภ มู ปิ ญ ญาของอาณาจกั รโบราณกอ นสมยั สโุ ขทยั อาณาจักรโบราณกอนสมยั สโุ ขทยั จากหนังสอื เรียน หนา 82-84 และจากแหลงการเรยี นรตู า งๆ จากน้นั การศึกษาเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาของมนุษย์ในอาณาจักรโบราณก่อนสมัยสุโขทัย ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบคําถามในประเด็นตอ ไปนี้ ในดนิ แดนประเทศไทย กเ็ พอื่ ใหเ้ ขา้ ใจถงึ ภมู ปิ ญั ญาของผคู้ นในอาณาจกั รโบราณสมยั ประวตั ศิ าสตร์ กอ่ นสมยั สโุ ขทยั ในดนิ แดนทเ่ี ปน็ ประเทศไทยปจั จบุ นั อนั อาจจะเปน็ ตวั อยา่ งในการนา� ไปใชใ้ นการ • ปจจัยทม่ี ีอทิ ธิพลตอ การสรางสรรคภมู ปิ ญญา ดา� เนนิ ชีวิตของคนไทยในปจั จุบนั ได้ ของอาณาจักรโบราณกอ นสมัยสุโขทยั มี อะไรบา ง จงอธิบายมาพอสงั เขป ๑) ปจจัยที่มีอิทธิพลตอการสรางสรรคภูมิปญญาของอาณาจักรโบราณกอน (แนวตอบ การสรางสรรคภมู ิปญ ญาของ สมยั สโุ ขทยั การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาของอาณาจกั รโบราณกอ่ นสมยั สโุ ขทยั ในดนิ แดนประเทศไทย อาณาจักรโบราณกอ นสมัยสุโขทัยเกดิ ข้นึ จาก ปจ จยั ภายในซึง่ เปนปจจยั พ้นื ฐาน และปจ จัย เกดิ จากปจั จยั ที่ส�าคัญๆ ดังนี้ ภายนอก โดยปจจัยพื้นฐาน ไดแก ลกั ษณะ (๑) ปจ จัยพ้นื ฐาน ทสี่ า� คัญมดี ังนี้ ทางภูมศิ าสตรและสิ่งแวดลอม ลักษณะรว ม และลกั ษณะแตกตา งทางสงั คมและวฒั นธรรม ไ หลผา่ น ใกล ท้ ะเ ล มีภ๑เู .ข าลสักงู ษ เณป็นะทตา้นง แภลูมะิศมามี สรตสรมุ ์แพ1ลัดะผส่ิงา่ นแวตดลลอ้ดอปมี คือเช ม่นร สเุมปต็นะทวี่รนั าอบอลกุ่มเฉ ียมงีแเหมน่นอื�้า สวนปจ จยั ภายนอก เชน การรบั อารยธรรม ในฤดหู นาว และมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตใ้ นฤดฝู น สภาพภมู ศิ าสตรแ์ ละสง่ิ แวดลอ้ มดงั กลา่ วเปน็ ปจั จยั อนิ เดยี จากพอ คา ท่ีเขา มาตดิ ตอ คาขายดวย ในการเสริมสร้างภูมิปัญญาของผู้คนในบริเวณอาณาจักรโบราณเหล่านี้ อันน�าไปสู่การหาหนทาง เชน ดา นภาษา ศาสนา เปน ตน) แกป้ ญั หาต่างๆ ทา่ มกลางสภาพแวดลอ้ มทางดา้ นภมู ศิ าสตรด์ ังกลา่ ว ๒. ลกั ษณะรว่ มและลักษณะแตกตา่ งทางสังคมและวัฒนธรรม เชน่ ผ้คู นใน อาณาจกั รโบราณเหล่านต้ี า่ งก็มีวฒั นธรรม “ขาว” คือ รบั ประทานข้าวเหมือนกนั ตอ้ งปลูกขา้ วเป็น อาหารคลา้ ยๆ กัน เปน็ ต้น ส�าหรับลักษณะแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรมก็เป็นปัจจัยทางด้าน ภูมิปญั ญาเหมือนกัน เช่น เมอื งละโวส้ มัยทวารวดี ผู้คนนบั ถอื ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู แต่เมือง นครชยั ศรีสมัยทวารวด ี ผคู้ นนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท เปน็ ตน้ (๒) ปจ จยั จากภายนอก เชน่ จากบคุ คลภายนอกทเี่ ขา้ มาตดิ ตอ่ คา้ ขาย กลา่ วคอื อาณาจกั รโบราณแถบน้ีได้รบั เอาอารยธรรมอินเดยี มาตั้งแต่แรกเร่ิม เชน่ ภาษา ศาสนา เป็นต้น ทา� ใหม้ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การเสรมิ สรา้ งภมู ปิ ญั ญาของบคุ คลในอาณาจกั รโบราณบรเิ วณแถบนเ้ี ชน่ เดยี วกนั 8๒ นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT การรับอทิ ธิพลของวฒั นธรรมจากดินแดนภายนอกสง ผลดีตอ อาณาจกั ร 1 มรสุม (Monsoon) เปนลมประจาํ ฤดู คําวา “มรสุม” เปนคําท่ีมาจากภาษา โบราณอยา งไร อาหรบั วา mausim แปลวา ฤดกู าล ใชเรียกลมที่เกิดข้ึนในบริเวณทะเลอาหรับ 1. ไมตอ งคิดคนดว ยตนเอง ซง่ึ พดั มาจากทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เปน เวลา 6 เดอื น และจากทศิ ตะวันตกเฉยี งใต 2. ทาํ ใหมวี ัฒนธรรมเหมือนชาติอนื่ เปนเวลา 6 เดอื น ตอมาคาํ นไ้ี ดน าํ ไปใชเ รียกลมทีพ่ ดั เปล่ยี นทิศทางตามฤดกู าลใน 3. รบั ความเจรญิ มาพฒั นาอาณาจกั รของตน รอบปเ ชน นอี้ นั เนอ่ื งมาจากความแตกตางของหยอ มความกดอากาศเหนอื ภาคพน้ื ทวีป 4. จะไดมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม กับมหาสมทุ รทอี่ ยขู างเคยี ง ตวั อยา งทเี่ ห็นไดช ดั ไดแ ก บริเวณอนุทวปี อินเดียและ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การรับอิทธพิ ลของวฒั นธรรมจากดนิ แดน ภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ภายนอกโดยเฉพาะอนิ เดีย เปนการรบั ความเจรญิ ทางดานตางๆ ของ อารยธรรมอนิ เดีย เชน ภาษา ศาสนา ศิลปะ เปนตน มาปรบั ใชใ นการพฒั นา อาณาจกั รของตนใหม ีความเจริญรงุ เรอื งยงิ่ ขึ้น 82 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) ผลงานการสรางสรรคภูมิปญญาของอาณาจักรโบราณกอนสมัยสุโขทัย 1. ครูตง้ั ประเดน็ วา จากการศึกษาเกีย่ วกบั การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาของอาณาจักรโบราณ ส่วนหนึ่งเกิดจากการรับอารยธรรมต่างชาติมา อาณาจกั รโบราณในภาคตา งๆ ท่ผี านมา ผสมผสานกบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ทา� ใหเ้ กดิ การพฒั นาทางดา้ นภมู ปิ ญั ญาขนึ้ ทสี่ �าคญั ดังนี้ ใหยกตวั อยา งผลงานการสรางสรรคภ ูมปิ ญญา (๑) การเกษตรกรรม ผคู้ นในสมยั ทวารวดไี ดม้ คี วามคดิ สรา้ งสรรค์ในการเพาะปลกู ของอาณาจกั รโบราณกอ นสมัยสโุ ขทัยมาพอ แบบใหม่ โดยมีการใช้แรงงานวัวไถนาผ่อนแรงคน ต่อมาได้พัฒนามาใช้แรงงานควายท�านา สงั เขป จากน้นั ครูใหน กั เรียนในช้ันเรยี นระดม ในที่ลุ่ม และเร่ิมเปล่ียนมาใช้พันธุ์ข้าวเมล็ดเรียว ซึ่งนิยมบริโภคกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยท่ีก่อน ความคดิ ในการหาคาํ ตอบ แลว สงตวั แทนมา หน้าน้ีใช้พันธุ์ข้าวเมล็ดป้อม การคิดหาวิธีไถนาด้วยการใช้แรงงานสัตว์ พบว่าการใช้ควายไถนา นําเสนอหนาชนั้ เรียน ในทลี่ มุ่ ซง่ึ มนี า้� ขงั ควายจะทา� งานไดด้ กี วา่ ววั นบั วา่ เปน็ ภมู ปิ ญั ญาทางดา้ นเกษตรกรรมอยา่ งหนงึ่ (แนวตอบ ภมู ปิ ญ ญาของอาณาจักรโบราณกอ น (๒) การเลือกทําเลในการสรางบานแปงเมือง การสร้างบ้านแปงเมืองจะต้อง สมยั สโุ ขทัย เชน อยู่ในทา� เลทต่ี งั้ ทเ่ี หมาะสม สามารถตดิ ตอ่ กบั ดนิ แดนภายในและภายนอกอาณาจกั รไดอ้ ยา่ งสะดวก • การเกษตรกรรม เชน ผคู นในสมัยทวารวดี เนพคื่อรผปลฐปมร ะคโยูบชัวน 1ท์เปัง้ ็นทตาง้นด ้าจนะกเหาร็นเไกดษ้วต่ารท ่ีตก้ังาขรคอา้ง เแมลือะงกเหารลป่ากนค้ีอรยอู่ใงน เเขชตน่ ล ทุ่มบ่ี แรมิเ่นวณ้�า เมมอืีทงาโงบอรอากณสอู่ทู่ทะอเลง ไดใชแรงงานวัวไถนาแทนแรงงานคน ตอ มา ซึ่งจะสะดวกต่อการค้าขายกับดินแดนภายนอก ขณะเดียวกันก็สามารถติดต่อกับดินแดนภายใน ไดพัฒนามาใชแ รงงานกระบอื ทํานาในทีล่ มุ ที่มพี ชื ผลอดุ มสมบรู ณ์ มที รพั ยากรและของป่าหายากอกี ด้วย และเปล่ียนมาใชพ ันธขุ า วเมล็ดเรยี วแทน (๓) การประดษิ ฐต วั อกั ษรขน้ึ ใช ในสมยั ทวารวด ี แตเ่ ดมิ กลมุ่ ชนเหลา่ นี้ใชภ้ าษา ขาวเมลด็ ปอ ม เปน ตน สันสกฤตและภาษาบาลีท่ีรับมาจากอินเดียในการส่ือสาร ภาษาสันสกฤต • การเลือกทาํ เลในการสรา งบานแปลงเมือง เกย่ี วขอ้ งกับชนชนั้ สูง และใชใ้ นคา� ประกาศพธิ ีกรรม ส่วนภาษาบาลี เชน บริเวณเมืองโบราณอทู อง นครปฐม เปน็ ภาษาในพระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาท เป็นภาษาทีศ่ ักด์ิสิทธิ ์ คูบัว จะมที าํ เลทตี่ งั้ อยูใ นเขตลมุ แมน้าํ เม่ือชาวทวารวดีได้รับเอาตัวอักษรนั้นมาแล้ว ก็มาดัดแปลง มที างออกสูท ะเลซ่ึงสะดวกตอการคา ขาย ผโบสรมาณผส ซานง่ึ เกปับน็ ภอกาั ษษารขในอทงช้อางวถทิ่นว ารจวึงดกี ล2ายมาเป็นอักษรมอญ กบั ดินแดนภายนอก เปนตน (๔) ศาสนา - ความเชอื่ อาณาจกั รโบราณ • การประดษิ ฐตวั อกั ษรใช เชน ชาวทวารวดี ในดินแดนประเทศไทยก่อนสมัยสุโขทัยได้มีการสร้างสรรค์ ไดร บั ภาษาสันสกฤตและภาษาบาลจี าก ภมู ิปัญญาอนั เกิดจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยมี อินเดียมาดัดแปลงผสมผสานกบั ภาษาใน การใช้ความเช่ือเกี่ยวกับค�าสั่งสอนในพระพุทธศาสนาเป็น ทอ งถ่ิน จนกลายมาเปนอักษรมอญโบราณ หลักยดึ เหนย่ี วจติ ใจของพทุ ธศาสนกิ ชนทงั้ หลาย เพอื่ ความ ซึง่ เปน อักษรของชาวทวารวดี เปนตน สงบสขุ ของสังคม และน�าไปสู่การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาทาง • ศาสนา ความเชือ่ จากความเล่อื มใสศรัทธา ด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม ดังเช่นที่ปรากฏอยู่ใน อักษรมอญโบราณ พุทธศตวรรษท่ี ๑๗ ในพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ- อาณาจักรทวารวดี และอาณาจักรหริภญุ ชัย เปน็ ต้น จารกึ วดั ดอนแกว้ อา� เภอเมอื ง จงั หวดั ลา� พนู ฮนิ ดู ไดนําไปสกู ารสรางสรรคศาสนสถาน ศาสนวตั ถมุ ากมาย ดังเชนท่ปี รากฏอยูใน 8๓ อาณาจกั รทวารวดี ลานนา ตามพรลิงค ละโว เปนตน) 2. ครูและนักเรียนรวมกนั สรปุ ความรเู ก่ียวกบั การสรา งสรรคภ ูมปิ ญ ญาของอาณาจักรโบราณ กอ นสมัยสโุ ขทัย บรู ณาการเชื่อมสาระ นกั เรยี นควรรู ครสู ามารถนําเนื้อหาเรอ่ื ง การสรา งสรรคภ มู ิปญ ญาของอาณาจักรโบราณ 1 คบู วั เปนชุมชนทีม่ ีความสําคัญแหง หนึ่งในวัฒนธรรมทวารวดีซงึ่ มี กอ นสมยั สโุ ขทยั ดา นศาสนา ความเชื่อ ไปบูรณาการเชอ่ื มโยงกับวชิ า ความเจริญรงุ เรืองในชว งประมาณพทุ ธศตวรรษที่ 12-17 ทต่ี ั้งของเมืองโบราณคูบวั พระพุทธศาสนา หัวขอ การเผยแผพ ระพทุ ธศาสนาเขาสปู ระเทศไทย เพอื่ ที่ อยใู นเขตตําบลคบู ัว อําเภอเมอื ง จังหวัดราชบรุ ี ลกั ษณะแผนผังของเมืองโบราณ นกั เรียนจะไดเขา ใจในเรือ่ งราวการเผยแผพ ระพทุ ธศาสนาในอาณาจกั รโบราณ เปน รปู ส่ีเหลีย่ มผืนผา ขนาดใหญ มกี ารกอ สรางคนู า้ํ 1 ชนั้ คนั ดิน 2 ช้นั ลอมรอบ ตางๆ ไดด ีย่ิงขนึ้ ตวั เมือง จากการขดุ คนพบโบราณสถานและโบราณวัตถกุ ระจัดกระจายอยเู ปน จํานวนมาก ท้ังในเมอื งและนอกตวั เมอื งโบราณคูบัว 2 ทวารวดี มีอายุอยูในชว งพทุ ธศตวรรษที่ 11-16 ศนู ยก ลางอยแู หง ใดยังไม สามารถสรุปไดแนชัด เพราะพบหลักฐานกระจายอยทู ัว่ ทกุ ภาคของไทย แตค าดวา นาจะอยบู รเิ วณท่รี าบลมุ นํา้ ภาคกลาง อาณาจักรทวารวดถี ือวา เปนอาณาจักรแรก ทีย่ อมรบั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา และเผยแผพ ระพุทธศาสนาไปยังดินแดนอ่ืนๆ ในภมู ิภาคตางๆ ของไทย คูมอื ครู 83
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู ครูใหน กั เรียนศกึ ษาความรเู กี่ยวกบั บุคคลสําคญั àÊÃÁÔ ÊÒÃÐ ในดินแบดุคนคปลระสเําทคศัญไขทอยงกออานณสามจักัยรสโโุบขรทาณยั ของอาณาจกั รโบราณในดินแดนประเทศไทยกอนสมัย สุโขทัยจากหนงั สือเรยี น หนา 84 แลว ใหน ักเรียนสรปุ สาระสาํ คญั รว มกนั ขยายความเขา ใจ Expand บคุ คลสาํ คญั ท่ีก่อใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงประวัติศาสตร์ในบรเิ วณแถบนี้ มีดงั ต่อไปนี้ ครใู หน ักเรียนไปสืบคน พระราชประวตั แิ ละ พระนางจามเทวี พระราชกรณยี กิจของกษัตริยของอาณาจกั รโบราณ ในดินแดนประเทศไทยพระองคอ น่ื เพมิ่ เตมิ จาก พระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญชัย ตามต�านานจามเทวีวงศ์กล่าวว่า หนงั สอื เรียน จากนั้นนําขอมูลมาอภปิ รายรวมกนั ใน พระนางเป็นธิดากษัตริย์เมืองละโว้ (ลพบุรี) ได้เสด็จจากเมืองละโว้ขึ้นมาปกครองเมือง ชัน้ เรียน หริภุญชัย (ล�าพูน) เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๓๑๐ - ๑๓๑๑ ราชวงศ์จามเทวีมีเช้ือสาย ปกครองเมอื งหรภิ ญุ ชยั สืบต่อกันมาจนถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ในสมัยพระยายี่บา จึงสิ้นราชวงศ์ พระนางจามเทวีมีความส�าคัญต่อการวางรากฐานทางวัฒนธรรมของ หรภิ ญุ ชยั และบรเิ วณใกล้เคยี ง เนือ่ งจากขณะเสด็จจากละโว้มาสรา้ งเมอื งหรภิ ญุ ชยั ไดน้ �า เอาผู้เชี่ยวชาญในศิลปวิทยาการต่างๆ มาด้วย เช่น พระภิกษุ นกั ปราชญ์ ช่างแขนงตา่ งๆ เป็นต้น นับได้ว่าเป็นการขยายตัวทางวัฒนธรรมทวารวดีจากเมืองละโว้มายงั หรภิ ญุ ชยั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ความเจรญิ ทางพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทในหรภิ ญุ ชยั ท�าให้แคว้น หริภุญชัยกลายเป็นศูนย์กลางส�าคัญของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทสืบต่อมาอีกเป็น เวลานาน พระเจา้ ชัยวรมนั ท ี่ ๗ พระเจ้าชัยวรมันท่ี ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๔ - ๑๗๖๑) เป็นกษัตริย์ท่ียิ่งใหญ่ท่ีสุดพระองค์หนึ่งของ อาณาจักรขอม เม่ือข้ึนครองราชย์แล้วได้ขยายอ�านาจของอาณาจักรขอมขึ้นไปทางเหนือและ ตะวันตกถึงดนิ แดนพมา่ และบางส่วนของแหลมมลายู พระเจ้าชัยวรมันท่ี ๗ ทรงมีศรัทธาอย่างแรงกลา้ ในพระพทุ ธศาสนานิกายมหายาน ซงึ่ นบั ถอื พระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวรเปน็ หลกั ทรงสรา้ งโรงพยาบาล สา� หรบั รกั ษาโรคภยั ไขเ้ จบ็ แกร่ าษฎรถงึ ๑๐๒ แห่ง งานสถาปตั ยกรรมส�าคญั ท่พี ระองคท์ รงสรา้ งไว้ คอื เมอื งนครธม มกี �าแพงแตล่ ะดา้ น ยาวถึง ๑๒ กิโลเมตร มีคูเมืองขนาดใหญ่ล้อมรอบ และมีประตู ๕ ประตู โดยมีปราสา1ทบายน เพปร็นะจขุดรศรคูน์ ย2ป์กรลาาสงาทนนอากคจพาันกนเป้ียั็นงทตรน้ งสร้างศาสนสถานอีกมาก เช่น ปราสาทตาพรหม ปราสาท นอกจากน้ี พระองคไ์ ดท้ รงสรา้ งประตมิ ากรรมมากกวา่ ๒๐,๐๐๐ ชน้ิ ทที่ า� ดว้ ยทองคา� เงนิ สา� รดิ และหนิ กระจายทัว่ ไปในอาณาจักรขอม 8๔ นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT พระนางจามเทวีและพระเจา ชัยวรมันท่ี 7 ทรงมบี ทบาทสําคญั ใน 1 ปราสาทตาพรหม เปนปราสาทหนิ ของขอมศลิ ปะแบบบายน สรางขึ้นใน การสง เสรมิ การเผยแผศาสนาใหเ จรญิ รุงเรอื งในอาณาจักรอยางไร สมัยพระเจาชัยวรมนั ท่ี 7 เมอื่ พ.ศ. 1729 เพอ่ื อทุ ิศถวายใหแ ดพ ระราชมารดา แนวตอบ พระนางจามเทวเี ปน กษตั รยิ ทที่ รงสงเสรมิ ใหพระพทุ ธศาสนา ซึ่งสน้ิ พระชนมไ ปแลว จดั เปน ศาสนสถานในพระพุทธศาสนานิกายมหายานท่ีมี เจรญิ รงุ เรอื งในอาณาจักรหริภุญชยั และกลายเปนศนู ยกลางสําคญั ของ ขนาดใหญโ ต ซ่ึงเต็มไปดว ยหมปู ราสาทมากมาย หลังจากปราสาทแหงน้ถี กู ปา พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาท สว นพระเจา ชัยวรมนั ที่ 7 เปน ผเู ผยแผ กลนื กินเปนเวลากวา 500 ป ทําใหป จจบุ นั มีรากไมใหญปกคลมุ มาก และนับเปน พระพทุ ธศาสนานิกายมหายานไปไดกวา งไกลและยงั สรา งศาสนสถานท่ี สถานทีท่ างประวัตศิ าสตรอีกแหงหนึ่งของกัมพูชาทีเ่ หมาะแกการไปเทย่ี วชม เก่ยี วเนือ่ งกับพระพุทธศาสนานิกายมหายานไวหลายแหง 2 ปราสาทพระขรรค กอสรางขึ้นเม่ือ พ.ศ. 1734 ในสมยั พระเจา ชัยวรมันที่ 7 ตามคติความเชอ่ื ในพระพุทธศาสนานกิ ายมหายาน เพ่ือถวายเปนพระราชกุศลแด พระราชบิดา แผนผังปราสาทเปนรปู สี่เหล่ียมผนื ผา มคี นู ้าํ ลอ มรอบ ภายในมีสถูป อยตู รงกลาง ปราสาทแหงนเ้ี คยใชเ ปน ทีป่ ระทบั ชวั่ คราวของพระเจาชัยวรมันที่ 7 เม่อื คร้งั ท่เี มอื งหลวงถูกทาํ ลายไปใน พ.ศ. 1714 84 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand กลาวโดยสรุป ดินแดนที่เปนประเทศไทยปจจุบันมีผูคนอาศัยอยูต้ังแตสมัยกอน 1. ครใู หน ักเรียนแสดงความคดิ เหน็ ในประเด็น ประวตั ศิ าสตร โดยมชี มุ ชนกระจายทว่ั ไปในทกุ ภาคของประเทศไทย ตอมาเมอื่ ชมุ ชนไดขยายตัว หากไมม ีอาณาจกั รโบราณ วฒั นธรรมของไทย ใหญข ้ึน และมีการติดตอแลกเปลยี่ นสนิ คา และวฒั นธรรมกบั ชมุ ชนอนื่ ทง้ั ชมุ ชนทอ่ี ยใู กลเ คยี ง จะเปน อยา งไร และดนิ แดนทอี่ ยหู า งไกลออกไป จงึ ทาํ ใหไ ดรับอิทธพิ ลทางอารยธรรมเขามาดวย ทสี่ ําคัญคือ (แนวตอบ วัฒนธรรมไทยก็คงไมเ กิดขึ้นและ อารยธรรมอนิ เดีย เชน ศาสนาพราหมณ - ฮนิ ดู พระพุทธศาสนา ภาษาสนั สกฤต ภาษาบาลี เจรญิ รุงเรอื งเหมอื นเชนในปจจบุ ัน เพราะ เปนตน ทําใหชุมชนพัฒนาเปนเมือง เปนแควนหรือรัฐ และเปนอาณาจักรข้ึนมาในทุกภาค วัฒนธรรมไทยหลายอยางไดร ับสืบทอดมาจาก ของประเทศไทย โดยเฉพาะอาณาจกั รทวารวดีในบรเิ วณลุมแมนํ้าภาคกลาง ซ่งึ มคี วามสําคญั อารยธรรมของอาณาจักรโบราณ ไมว าจะเปน อยางย่ิงตอการพัฒนาอาณาจักรโบราณในภาคกลางในระยะตอมา ไดแก อาณาจักรละโว ดา นเกษตรกรรม การรับนบั ถือพระพทุ ธศาสนา และอาณาจักรอโยธยา ซ่งึ เปนรากฐานของประเทศไทยในปจจบุ ัน ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู การรูจกั เลอื กทาํ เลท่ีต้งั ในการสรางบา นแปลงเมอื ง เปนตน) การเรียนรูเก่ียวกับสมัยกอนสุโขทัยในดินแดนไทย สามารถทําใหนักเรียนเขาใจ ความเปนมาของชาติไทยท่ีมีพัฒนาการความเจริญมาต้ังแตสมัยโบราณ และเกิดความรัก 2. ครใู หนักเรยี นแบงกลมุ จดั ทําแผน พบั “ตามรอย ความภาคภมู ใิ จในชาตไิ ทย วฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญาไทยสมยั โบราณทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ สงั คมไทย อาณาจกั รโบราณในดนิ แดนประเทศไทย” ในปจจุบัน พรอมทัง้ ติดภาพประกอบใหส วยงาม จากนนั้ นาํ ไปแจกนักเรยี นในโรงเรยี น 3. ครใู หน ักเรียนตอบคาํ ถามประจําหนวย การเรยี นรู ตรวจสอบผล Evaluate 1. ครตู รวจแผน พับ “ตามรอยอาณาจักรโบราณใน ดนิ แดนประเทศไทย” 2. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมความมีสวนรว มในการตอบ คาํ ถามและการแสดงความคดิ เห็นของนักเรยี น 8๕ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT บูรณาการอาเซยี น ภาพรวมของพฒั นาการจากบา นเมอื งเปน แควน และอาณาจกั รในดนิ แดน ครูควรฝกใหน ักเรียนเปนมคั คเุ ทศกใ นการแนะนาํ แหลงโบราณคดีในประเทศไทย ประเทศไทยมีลักษณะเชนไร จงอธิบายมาพอเขาใจ ทมี่ ีเปน จาํ นวนมากแกนักทอ งเท่ียวชาวไทยและชาวตา งชาติ และหากสามารถใช แนวตอบ ชมุ ชนโบราณในดินแดนประเทศไทยไดมพี ฒั นาการเปน บานเมือง ภาษาอ่ืนในการแนะนําไดจะเปนประโยชนอ ยา งมาก เชน ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื มาตั้งแตพุทธศตวรรษที่ 7-8 เปนแควนประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 12-15 ใชภ าษาอสี านหรือภาษาเขมร ภาคใตใ ชภาษาใตห รือภาษายาวี ภาคเหนอื ใชภาษา และกลายเปน อาณาจักรในชว งพทุ ธศตวรรษที่ 18-19 จากหลกั ฐานทีพ่ บใน คําเมอื ง เปน ตน รวมท้ังใชภาษาอังกฤษอยางงา ยเพือ่ เตรยี มตัวเขาสูประชาคมอาเซียน ภาคตางๆ ของไทยก็พิสูจนใหเ หน็ วา ดินแดนเหลานี้ไดมีชมุ ชนตงั้ ถนิ่ ฐานมา ที่ใชภ าษาองั กฤษเปน ภาษาราชการของอาเซียนดวย ต้งั แตตน จนพัฒนาไปสูการเปน บา นเมอื ง แควน และอาณาจกั รตามลาํ ดับ และในบางภมู ิภาคก็ไดร ับอิทธพิ ลทางวฒั นธรรมจากอาณาจักรอ่ืนท่อี ยใู กลก นั คูมือครู 85 โดยบริเวณภาคกลางเรม่ิ จากวัฒนธรรมสําคญั อยา งทวารวดี ละโว ภาคเหนอื มีวัฒนธรรมลา นนา หริภุญชยั สุโขทยั ภาคใตม วี ฒั นธรรมศรวี ิชยั นครศรธี รรมราช สวนภาคตะวันออกเฉียงเหนอื มกี ารรับวฒั นธรรมทวารวดี ละโว ขอม ลานชางผสมผสานกนั อยูทว่ั ไป ดังนัน้ จะเหน็ ไดวาดนิ แดนตา งๆ ท่ัวประเทศไทยมีการผสมผสานทางวัฒนธรรมซง่ึ มาจากแหลง ตา งๆ เขาดว ยกันและหลอหลอมจนกลายเปน วฒั นธรรมของคนไทยในปจจบุ ัน
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถูกตอ งในการตอบคําถาม คÓถามประจÓหนว่ ยการเรียนรู้ ประจําหนวยการเรียนรู ๑. เร่ืองราวสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในดินแดนประเทศไทย มีความส�าคัญต่อการศึกษา หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ประวตั ิศาสตร์ไทยอย่างไร ๒. มีปัจจัยใดบ้างท่สี ่งผลให้ชมุ ชนพฒั นาเป็นบา้ นเมือง เป็นแควน้ และเป็นอาณาจักร แผน พบั “ตามรอยอาณาจักรโบราณในดินแดน ๓. เพราะเหตุใดชุมชนท่ีตั้งอยู่ในบริเวณที่อยู่ริมชายฝั่งทะเล และแม่น�้า จึงมีพัฒนาการเป็น ประเทศไทย” อาณาจกั รไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ๔. เหตุผลใดบ้างทีส่ ่งผลให้รัฐในดนิ แดนประเทศไทยกอ่ ตวั ขึน้ เจรญิ รงุ่ เรอื ง และเส่ือมลง ๕. “อาณาจกั รโบราณ ตน้ แบบวัฒนธรรมไทย” นกั เรยี นมีความคดิ เห็นเชน่ ไรกบั ค�ากล่าวนี้ กิจกรรมสรา้ งสรรค์พัฒนาการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในดนิ แดนประเทศไทย แลว้ น�าขอ้ มูลมาสรุปสง่ ครผู ู้สอนเป็นรายบคุ คล กิจกรรมท่ี ๒ ใหน้ กั เรยี นจดั ทา� แผนทแ่ี สดงแหลง่ ทต่ี งั้ ของรฐั โบราณ และรฐั ไทยในดนิ แดน ประเทศไทย พร้อมคา� บรรยาย แล้วนา� ไปตดิ ทปี่ ้ายนเิ ทศประจา� ช้ันเรยี น กจิ กรรมท่ี ๓ ให้นักเรียนไปสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ รัฐโบราณ หรอื รัฐไทยทม่ี อี ยู่ในท้องถิ่นของนกั เรียน แล้วนา� มาสรปุ ข้อมูลเพือ่ อภปิ ราย รว่ มกันในชน้ั เรยี น 86 แนวตอบ คําถามประจาํ หนวยการเรยี นรู 1. ทาํ ใหมคี วามเขา ใจรากฐานของวัฒนธรรมไทยมากขึ้น เพราะไทยไดรบั มรดกทางวฒั นธรรมมาจากอาณาจกั รโบราณเหลา น้ี 2. มหี ลายปจจยั เชน การแสวงหาความอดุ มสมบรู ณในการตง้ั หลักแหลง และการติดตอและรบั อารยธรรมจากตา งชาติ เปน ตน 3. เพราะชมุ ชนมคี วามอุดมสมบรู ณ มที รพั ยากรหายากนาํ มาขายใหก ับพอคาตา งชาติ เชน อินเดีย จนี และรบั วัฒนธรรมตางชาติมาปรับใชใหเขา กับตนเอง จนสามารถ พัฒนาเปนอาณาจกั รในทสี่ ดุ 4. การกอตัง้ อาณาจักรเกิดขน้ึ โดยอาศัยปจจัยทางภูมศิ าสตรท ี่ตงั้ อยูบริเวณที่ราบลุมแมนํ้า หรือใกลชายฝง ทะเล พรอมกับการรับอารยธรรมจากภายนอกเขา มาปรบั ใช จนมคี วามเจริญรุง เรอื ง ทาํ ใหเปนทีส่ นใจของอาณาจกั รทเ่ี ขมแขง็ กวา ประกอบกับความออนแอของผูนําในอาณาจกั รนน้ั ๆ ทําใหอ าณาจกั รทเ่ี ขมแข็งกวาเขา ยึดครอง ไดงา ย อาณาจกั รเหลานัน้ จงึ เสือ่ มสลายไปในท่ีสดุ 5. อาณาจกั รโบราณกอ นสมัยสโุ ขทัยไดสรางสรรคว ฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาดานตา งๆ ไวห ลายดา น ทัง้ ดานเกษตรกรรม การเลือกทาํ เลในการสรางบานแปงเมือง การประดิษฐตัวอักษรขนึ้ ใช ตลอดจนศาสนาและความเชอื่ ซง่ึ วฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาดงั กลาวไดเปนตนแบบของวฒั นธรรมไทยในสมัยตอมา และหลอหลอม จนกลายเปนวัฒนธรรมไทยในปจจุบัน 86 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู ๔หนวยการเรยี นรูท ี่ 1. อธบิ ายปจ จัยทนี่ าํ ไปสูการสถาปนาอาณาจักร พฒั นาการของ และปจ จัยทม่ี ีอทิ ธพิ ลตอพัฒนาการของ อาณาจกั รสุโขทัย อาณาจักรสโุ ขทยั ได ตวั ช้ีวัด 2. วิเคราะหพ ัฒนาการของอาณาจกั รสุโขทยั ใน ดา นตา งๆ ได ● วิเคราะหพัฒนาการของอาณาจักรสุโขทัยใน ดา นตางๆ (ส ๔.๓ ม.๑/๒) 3. วเิ คราะหอิทธพิ ลของอารยธรรมตะวนั ออกที่ มีผลตอ สโุ ขทยั ได ● วเิ คราะหอ ทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญ ญา ไทยสมยั สุโขทัย และสังคมไทยในปจจุบัน 4. วเิ คราะหอ ิทธิพลของภูมปิ ญญาไทยสมัย (ส ๔.๓ ม.๑/๓) สโุ ขทัยได 5. อธิบายสาเหตกุ ารเสือ่ มอํานาจของอาณาจักร สโุ ขทยั ได สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต สาระการเรียนรูแกนกลาง อุทยานประวัตศิ าสตรสุโขทัย จังหวดั สโุ ขทัย คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค ● การสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย และปจจัย ºÃþºÃØ ÉØ ä·Âä´ÊŒ ¶Ò»¹Ò¡Ã§Ø ÊâØ ¢·ÂÑ ¢¹Öé ໹š ÃÒª¸Ò¹¢Õ ͧ 1. มีวนิ ัย ทเ่ี กย่ี วขอ ง (ปจ จยั ภายในและปจ จยั ภายนอก) ¤¹ä·ÂàÁ×èÍ ¾.È. ñ÷ùò áÅÐä´ÊŒ ÃÒŒ §ÊÃä¤ ÇÒÁà¨ÃÞÔ ã¹´ŒÒ¹ 2. ใฝเรยี นรู µÒ‹ §æ ·àÕè »¹š àÍ¡Å¡Ñ É³¢ ͧµ¹àͧ¢¹éÖ ÁÒ¡ÁÒ ·§éÑ ´ÒŒ ¹¡ÒÃàÁÍ× § 3. มุงมัน่ ในการทํางาน ● พัฒนาการของอาณาจักรสุโขทัย ในดาน ¡Òû¡¤Ãͧ àÈÃɰ¡¨Ô 椄 ¤Á áÅÐÇ²Ñ ¹¸ÃÃÁ ÍÒ³Ò¨¡Ñ ÃÊâØ ¢·ÂÑ 4. รักความเปน ไทย การเมอื ง การปกครอง เศรษฐกจิ สังคม และ ÊÒÁÒö´Òí çÍ‹äÙ ´Œ»ÃÐÁÒ³ òðð ¡ÇÒ‹ »‚ ¨¹¶Ù¡¼¹Ç¡ÃÇÁ໹š ความสมั พันธระหวางประเทศ ʋǹ˹èÖ§¢Í§ÍҳҨѡÃÍÂØ¸ÂÒ áµ‹Áô¡·Ò§ÀÙÁÔ»˜ÞÞÒµ‹Ò§æ ¡çä´ŒÊº× ·Í´µ‹ÍÁÒÂ§Ñ Í¹ªØ ¹Ã¹‹Ø ËÅ§Ñ áÅкҧÊÇ‹ ¹¡Âç §Ñ ÁÍÕ Ô·¸Ô¾Å ● วัฒนธรรมสมยั สโุ ขทัย เชน ภาษาไทย µÍ‹ Êѧ¤Áä·Âã¹»¨˜ ¨ØºÑ¹ วรรณกรรม ประเพณีสําคัญ ศลิ ปกรรมไทย ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÃÊ âØ ¢·ÂÑ ¨Ð·Òí ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁÀÒ¤ÀÁÙ ãÔ ¨ ● ภูมิปญญาไทยในสมัยสโุ ขทยั เชน áÅÐÊíҹ֡㹺ØÞ¤Ø³¢Í§ºÃþª¹ä·Â áÅиíÒçÃÑ¡ÉÒÁô¡ การชลประทาน เคร่อื งสังคโลก ·Ò§ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂãˤŒ §ÍÂÊÙ‹ ×ºä» ● ความเสื่อมของอาณาจกั รสโุ ขทัย กระตนุ ความสนใจ Engage ครใู หน ักเรียนดูภาพหนา หนวย จากนนั้ ครตู ง้ั คําถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น เชน • สถานทใ่ี นภาพนี้คือทใ่ี ด (แนวตอบ วดั มหาธาตุ จังหวดั สุโขทยั ) • สถานท่ดี ังกลา วมคี วามสําคัญอยา งไร (แนวตอบ เปน วดั สาํ คัญท่ีสดุ ของกรงุ สโุ ขทยั และเปนศูนยร วมจิตใจของชาวเมืองสุโขทยั ) เกรด็ แนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรยี นรูเพอื่ ใหนักเรียนสามารถวิเคราะหพ ัฒนาการของ อาณาจักรสุโขทยั ในดานตางๆ และอิทธิพลของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญญาไทยสมยั สโุ ขทยั ทม่ี ตี อสังคมไทยในปจ จุบัน โดยเนน ทกั ษะกระบวนการตา งๆ เชน ทักษะ การคิด ทักษะการส่อื สาร และกระบวนการสบื สอบ ดงั ตอ ไปน้ี • ครูใหนักเรยี นรวมกลุม กัน เพ่อื ชวยกันศกึ ษาพฒั นาการดานตา งๆ สมยั สโุ ขทยั แลว รวบรวมเปน รายงานและจัดทาํ เปน ผังมโนทัศน • ครูใหน กั เรียนศกึ ษาเกีย่ วกบั การสรา งสรรคภมู ปิ ญญาไทยสมัยสุโขทยั จาก แหลง การเรยี นรูตา งๆ แลว รวบรวมภาพและขอ มูลเปน สมดุ ภาพภูมปิ ญญา สมยั สุโขทยั • ครูใหน กั เรยี นสรปุ ความรูเกยี่ วกบั พัฒนาการของอาณาจกั รสุโขทัยหลังจาก การศกึ ษา แลวจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพรค วามรูแกผอู ่นื คูมือครู 87
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage ครใู หนกั เรยี นดภู าพโบราณสถานตางๆ ใน ñ. ¡ÒÃʶһ¹ÒÍÒ³Ò¨¡Ñ ÃÊØâ¢·ÂÑ จงั หวดั สุโขทัย หรือเปดเว็บไซต www.youtube. การที่ตองมีการศึกษาประวัติศาสตรสุโขทัย เน่ืองจากอาณาจักรสุโขทัยเปนอาณาจักรไทย com ใหน กั เรียนดู โดยพิมพค าํ วา อทุ ยาน ที่มีความเจรญิ รงุ เรอื ง มตี วั หนงั สอื ไทยทเ่ี รยี กวา “ลายสือไทย” เปน ของตนเองจนพัฒนามาเปน ประวตั ศิ าสตรส ุโขทยั และอุทยานประวัติศาสตร ตวั หนงั สอื ไทยในสมยั ปจ จบุ นั มสี ถาบนั พระมหากษตั รยิ เ ปน สถาบนั หลกั ทสี่ าํ คญั ของสงั คมสโุ ขทยั ศรีสชั นาลยั จากน้ันครูต้งั คําถาม เชน มีพระพุทธศาสนาเปนสถาบันหลักในการดําเนินชีวิตของคนไทย มีอาณาบริเวณกวางขวางและมี ผคู นดํารงอยเู ปนปกแผน จนสามารถตั้งเปน อาณาจกั รทเี่ ขมแข็ง มรี ะบอบการปกครองท่เี หมาะสม • นักเรยี นเคยไปเท่ียวสถานทดี่ งั กลา วหรอื ไม กับสภาพความเปน อยูข องอาณาจักรสุโขทยั ในสมัยน้นั ดังน้นั กอนทจี่ ะมีการสถาปนากรงุ สุโขทยั ถาเคยนกั เรยี นมีความรสู กึ อยา งไร เปนราชธานีของอาณาจักรสุโขทัยไดน้ัน สภาพแวดลอมและความพรอมของปจจัยที่นําไปสูการ สถาปนาอาณาจักรสุโขทยั ก็มคี วามสาํ คญั ตอ ประวตั ิศาสตรสุโขทยั เชน กัน • หากกลาวถงึ อาณาจักรสโุ ขทัย นกั เรียนนึกถงึ จ๑า.ก๑หลคักวฐาามนทเปางนดามนาโกบรอ านณกคาดีรไสดถแากป พนราะเปมราอื งงคสทุโ่ีวขัดพทรยั ะเพปายน หรลาวชง1ธจาังนหีวัดสุโขทัย สิง่ ใดบาง ภายหลงั ท่ีไดม กี ารศกึ ษาแลว พอจะสนั นษิ ฐานไดว า ชมุ ชนบรเิ วณเมอื งสโุ ขทยั นา จะมคี วามสมั พนั ธ (แนวตอบ เชน ศิลาจารึกสโุ ขทัย พระบรม- ราชานุสาวรียพอ ขนุ รามคําแหงมหาราช ประเพณีลอยกระทง ถว ยชามสังคโลก เปน ตน) สาํ รวจคน หา Explore กบั ชาวมอญทีเ่ คยสรางความเจริญรงุ เรอื งอยูท่ีเมอื งละโว (ลพบรุ )ี และขอม (เขมรโบราณ) ทีเ่ มือง พระนคร ครตู ั้งประเด็นคําถามวา สภาพบา นเมอื งกอ น นอกจากนี้ชุมชนบริเวณเมืองสุโขทัยแตด้ังเดิมยังมีความสัมพันธกับละวาหรือลั้ว 2และลาว การสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทยั เปนอยา งไร และ รวมทงั้ ไตหรอื ชาวไทยทก่ี ระจดั กระจายลงมาจากทางตอนใตข องจนี จนเกดิ การผสมผสานทางดา น ปจจยั ที่นาํ ไปสกู ารสถาปนาอาณาจักรมอี ะไรบาง วัฒนธรรมกระทง่ั กลายเปนชมุ ชนขนาดใหญ ที่มรี ะบอบการปกครองทม่ี นั่ คงจนไดร บั การสถาปนา จากนั้นใหน กั เรยี นคน ควา คาํ ตอบโดยศึกษาจาก เปนอาณาจักรสุโขทัยในท่ีสุด หนังสือเรยี น หนา 88-90 และจากแหลง การเรียนรู ตางๆ เชน หองสมดุ กลุม สาระ หอ งสมดุ โรงเรยี น ขอ มูลทางอนิ เทอรเ นต็ เปนตน วัดพระพายหลวง สันนิษฐานวาบริเวณนี้เปนท่ีตั้งของชุมชนดั้งเดิมของเมืองสุโขทัย เปนหลักฐานของชุมชนในยุคแรก ท่ไี ดร ับอทิ ธิพลขอมกอนจะมาเปนสุโขทัย ๘๘ นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT หลกั ฐานใดท่ชี ว ยยนื ยันวา สุโขทัยเปนเมืองที่มคี วามเจรญิ มากอนท่คี นไทย 1 วัดพระพายหลวง เปน โบราณสถานขนาดใหญท มี่ คี วามสาํ คญั มากแหง หนง่ึ จะสถาปนาเปนราชธานี ของเมอื งสโุ ขทยั มผี งั เมอื งเปน รปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผา มคี นู า้ํ ลอ มรอบ 3 ชน้ั ศนู ยก ลาง 1. ขอความจากศลิ าจารกึ ของวดั อยทู ปี่ รางคป ระธาน ซง่ึ เปน พระปรางค 3 องค กอ ดว ยศลิ าแลง ศลิ ปะเขมร 2. เรื่องราวจากเอกสารจนี แบบบายน ดา นหนาของวัดเปน อาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปน 4 อริ ยิ าบถ 3. ศาสนสถานศลิ ปะขอม ไดแ ก น่งั นอน ยืน และเดนิ 4. เจดยี ท รงพุมขาวบณิ ฑ 2 ละวาหรือลัว้ เปนกลุมชนดัง้ เดมิ ท่ีอาศัยอยูบริเวณอาณาจักรลานนามากอน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ดังพบหลักฐานทางโบราณคดีท่ีสําคัญ เชน ต้งั เมอื งเชียงใหม และตอมาไดล ม สลายลงเมอ่ื ประมาณ พ.ศ. 1200 ซง่ึ ตรงกบั สมยั พระปรางคท่วี ดั พระพายหลวง ซ่งึ มีรูปแบบศลิ ปะขอมเหมือนกบั ทว่ี ดั มหาธาตุ ของขุนหลวงวลิ งั คะ ผนู าํ ละวา คนสุดทาย จงั หวดั ลพบรุ ี และมีอายุเกา แกก วาการต้ังสุโขทัยเปน ราชธานี แสดงใหเ หน็ วา ชุมชนบรเิ วณสุโขทัยมีมากอ น พ.ศ. 1792 และมคี วามสัมพันธก บั ชาวมอญ ที่เมอื งละโว (ลพบุร)ี และชาวขอมที่เมืองพระนครดวย 88 คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู ๑.๒ ปจั จยั ทน่ี ำ� ไปสกู่ ำรสถำปนำอำณำจกั รสโุ ขทยั ครูสมุ ตวั แทนนกั เรยี นออกมาอธิบายเกี่ยวกับ สภาพบานเมอื งกอนการสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทัย ปัจจยั ทนี่ �ำไปสู่กำรสถำปนำอำณำจกั รสุโขทัยมีดังนี้ และปจ จัยทนี่ าํ ไปสกู ารสถาปนาอาณาจักรสุโขทยั ๑) ปจั จยั ภายใน ประกอบด้วย หนาช้นั เรียน ๑. กำรขยำยตัวของชุมชนสุโขทัย ตั้งแต่เดิมคงมี ชมุ ชนเลก็ ๆ ทีต่ ั้งอยู่บริเวณเมืองสโุ ขทยั มที ั้งชำวมอญ ขอม ละวำ้ (แนวตอบ สโุ ขทัยแตด ้งั เดิมเปน ชุมชนเมอื งท่ี หรอื ลัว้ ลำว รวมทัง้ ไตหรือคนไทยท่อี พยพลงมำจำกตอนใตข้ องจีน นาจะมีความสัมพนั ธกบั ชุมชนชาวมอญ ชาวขอม จนเกิดกำรผสมผสำนทำงวัฒนธรรม และมีกำรอพยพของ ชาวละวา หรอื ลว้ั ลาว รวมถงึ ชาวไตหรอื ชาวไทย คนไทยมำต้ังถิ่นฐำนมำกข้ึนเรื่อยๆ ในท่ีสุดได้มีกำรขยำยตัวของ ดงั พบหลกั ฐานทางโบราณคดี เชน พระปรางคท ่ี ชุมชนออกไปเพื่อรองรับกำรเคลื่อนย้ำยของคนไทยท่ีเข้ำมำพ�ำนัก วดั พระพายหลวง เปนพระปรางคท ่ไี ดร บั อทิ ธิพล ในชุมชนมำกขึ้น จนกระท่ังกลำยเป็นเมือง แคว้น และมีผู้น�ำเป็น มาจากขอม ตอมาพฒั นาจนเปนชมุ ชนขนาดใหญ คนไทยปกครองดแู ลสบื ตอ่ กนั มำ อนสุ าวรยี พ์ อ่ ขนุ ผาเมอื ง ประดษิ ฐาน มีการปกครองทมี่ ัน่ คง และสถาปนาเปนอาณาจกั ร ๒. ท�ำเลที่ตั้งของแคว้นสุโขทัย แคว้นสุโขทัยเป็น ณ อา� เภอหลม่ สกั จงั หวดั เพชรบรู ณ์ ในทีส่ ดุ สว นปจจยั ท่ีนาํ ไปสูการสถาปนาอาณาจักร มีท้งั ปจจัยภายในและปจจัยภายนอก ปจจัยภายใน ศนู ย์กลำงของอำณำจกั ร เพรำะต้ังอยู่ใกล้กับรมิ แม่น�้ำท่ีไหลมำจำกทำงตอนเหนอื ลงสูต่ อนใต้ออก เชน การขยายตัวของชุมชนสุโขทัย ทาํ เลท่ตี ัง้ เมอื ง สทู่ ะเล ไดแ้ ก่ แมน่ ำ�้ ปิง วงั ยม และนำ่ น และมำรวมตัวกันเป็นแม่น้�ำเจำ้ พระยำลงสู่อ่ำวไทย ทำ� ให้ การมีผูนาํ ท่ีเขม แข็ง สว นปจจยั ภายนอก เชน ชำวสุโขทัยสำมำรถค้ำขำยกับแคว้นต่ำงๆ ที่อยู่ใกล้เคียงและค้ำขำยกับชำวต่ำงชำติที่เดินทำงมำ การเสอ่ื มอาํ นาจของขอม การยอมรับอํานาจของ ทำงทะเลได้ท้ังทำงบกและทำงน้�ำ ซึ่งกลำยเป็นพ้ืนฐำนทำงเศรษฐกิจให้กับแคว้นสุโขทัยได้เป็น สุโขทยั จากคนไทยในแควนอน่ื ๆ เปน ตน) อยำ่ งด ี และสง่ ผลใหช้ มุ ชนสโุ ขทยั ขยำยตวั ออกไปมำกยงิ่ ขนึ้ ๓. มผี นู้ ำ� ทเี่ ขม้ แขง็ ชมุ ชนสโุ ขทยั เป็นแหล่งพ�ำนักที่ยั่งยืนและปลอดภัยของผู้คน เพรำะมผี นู้ ำ� ทมี่ คี วำมสำมำรถและเขม้ แขง็ เปน็ ท่ี ยอมรับของผู้คนในชุมชน โดยเฉพำะอย่ำงย่ิง พอ่ ขนุ บำงกลำงหำวและพ่อขนุ ผำเมือง ทช่ี ่วยกัน ขับไล่ขอมให้พ้นจำกกำรเข้ำครอบครองสุโขทัย ไดส้ �ำเร็จ จนสำมำรถสถำปนำอำณำจกั รสโุ ขทัยได้ ในท่สี ุด ๒) ปจั จัยภายนอก ประกอบด้วย ๑. ขอมเริ่มเส่ือมอ�ำนำจลง เนอ่ื งจำกพระเจำ้ ชยั วรมนั ท ่ี ๗ ซงึ่ เปน็ กษตั รยิ ข์ อม (เขมรโบรำณ) สน้ิ พระชนมป์ ระมำณ พ.ศ. ๑๗๖๑ ทำ� ใหส้ โุ ขทยั มคี วำมปลอดภยั มำกขน้ึ 1 ๒. คนไทยในแคว้นอื่นๆ ที่เคย ศาลตาผาแดง บรเิ วณอทุ ยานประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทยั เปน็ ศาสนสถานในศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู ลกั ษณะศลิ ปะขอม ตง้ั ตัวเป็นอิสระยอมรบั อ�ำนำจของแควน้ สโุ ขทยั แบบบายน ซง่ึ มกี ารพบเทวรปู ศลิ า ณ ทแี่ หง่ นดี้ ว้ ย 89 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ปจจยั ภายในทนี่ าํ ไปสกู ารสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทัยมหี ลายประการ 1 ศาลตาผาแดง มีลักษณะเปน โบราณสถานหลังเดยี่ วแบบปราสาทขอม กอดว ย ยกเวนขอ ใด ศลิ าแลง เมือ่ กรมศิลปากรดําเนนิ การขดุ แตงและบรู ณะศาลตาผาแดง ไดพบช้นิ สวน เทวรปู และเทวสตรปี ระดับเครอื่ งตกแตงอยางสวยงาม เมอื่ ศกึ ษาแลว พบวา เทียบได 1. การมผี ูนําท่เี ขม แขง็ กับศิลปะเขมรแบบนครวดั ปจ จบุ นั จดั แสดงอยทู พ่ี พิ ธิ ภณั ฑสถานแหง ชาติ รามคาํ แหง 2. ความเหมาะสมของทําเลทีต่ ัง้ จังหวดั สโุ ขทยั 3. การยอมรบั อํานาจจากแควนอื่นๆ 4. ความเจรญิ ในดานตางๆ ของเมือง มุม IT วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การยอมรับอํานาจจากแควนอ่ืนๆ เปนปจ จยั ศึกษาคน ควา ขอ มูลเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับอนุสาวรยี พอ ขนุ ผาเมือง ไดท่ี http://www. phetchabunpao.go.th เวบ็ ไซตองคก ารบรหิ ารสวนจังหวัดเพชรบูรณ ภายนอกที่นาํ ไปสูการสถาปนาอาณาจักรสุโขทยั สว นขอ 1. 2. และ 4. ลว นเปนปจ จยั ภายใน คมู ือครู 89
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Engage Explain Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู ครูอธิบายเช่อื มโยงใหน ักเรยี นเขา ใจวา จำกปัจจัยท้ังภำยในและภำยนอกท�ำให้กำรสถำปนำอำณำจักรสุโขทัยด�ำเนินไปด้วย จากปจจยั ตา งๆ ทีน่ ักเรยี นกลาวมา ลว นสงผลให ควำมเรียบร้อย ดงั จะเหน็ ได้ว่ำ เม่อื ผู้นำ� คนไทย คือ พ่อขุนศรีนำวนำ� ถุมซง่ึ เปน็ เจ้ำเมอื งสุโขทัยได้ การสถาปนาอาณาจกั รสุโขทยั ดําเนินไปไดดวยดี สนิ้ พระชนมล์ ง ปรำกฏวำ่ ขอมสะบำดโขลญลำ� พงซง่ึ เขำ้ ใจวำ่ เปน็ ขอมไดน้ ำ� กำ� ลงั เขำ้ ยดึ สโุ ขทยั ไวไ้ ด้ จากนน้ั ครูขออาสาสมัครนกั เรียนออกมาอธิบาย แตก่ ็ยึดเอำไวไ้ ดไ้ มน่ ำน ผู้น�ำคนไทย ไดแ้ ก่ พ่อขุนบำงกลำงหำว และพอ่ ขุนผำเมืองเจ้ำเมืองรำด เก่ียวกบั การสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทยั และเป็นโอรสของพ่อขุนศรีนำวน�ำถุม ได้ร่วมมือกันชิงเมืองสุโขทัยจำกขอมสะบำดโขลญล�ำพง สเอโุ ำขไทวยั้ไ ดแ้ ลห้วลถังวจำำยกพนรั้นะพน่อำขมุนว่ำผำ“เศมรือีองินไดท้สรถบำดปินนทำรพา่อทขิตุนยบ์”1ำใงหก้ ลแำตงห่พำ่อวขใุนหบ้ขำึ้นงเกปล็นำกงษหัตำรวิยท์ครรงอใชง้เเพมือียงง (แนวตอบ การสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทัยเกดิ จาก พระนำมว่ำ “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ซึ่งเป็นต้นรำชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย และสถำปนำ กลมุ คนไทยภายใตก ารนําของพอ ขุนบางกลางหาว กรุงสโุ ขทยั เปน็ รำชธำนีใน พ.ศ. ๑๗๙๒ และพอ ขนุ ผาเมืองชวยกนั ขบั ไลข อมทเ่ี ขามา กำรที่พ่อขุนผำเมืองร่วมมือกับพ่อขุนบำงกลำงหำวขับไล่อ�ำนำจขอมให้พ้นจำกสุโขทัย ยึดครองสโุ ขทยั ไดส าํ เร็จ จากนัน้ พอ ขนุ ผาเมอื งได จนสำมำรถสถำปนำกรุงสุโขทัยเป็นรำชธำนีของอำณำจักรสุโขทัยได้เป็นผลส�ำเร็จ แสดงถึงควำม สถาปนาพอ ขุนบางกลางหาวข้ึนเปน กษตั ริยค รอง สำมคั คีของคนไทย และกำรทีพ่ อ่ ขุนผำเมืองสนบั สนุนให้พ่อขุนบำงกลำงหำวขน้ึ เป็นกษัตริย์ครอง เมอื งสโุ ขทยั มีพระนามวา พอ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย และ กรงุ สุโขทยั นับเปน็ ตัวอย่ำงของควำมเสยี สละประโยชน์สว่ นตนเพือ่ ประโยชนส์ ว่ นรวมโดยแทจ้ ริง ทรงสถาปนากรงุ สโุ ขทยั เปน ราชธานใี น พ.ศ. 1792) ภำยหลังจำกกำรสถำปนำเมืองสุโขทัยเป็นรำชธำนีแล้ว อ�ำนำจสุโขทัยได้ครอบง�ำไปทั่ว เหนือดินแดนต่ำงๆ ท่ีเป็นของชุมชนไทยมำก่อน จนกลำยเป็นอำณำจักรสุโขทัยและด�ำรงอยู่ได้ ขยายความเขา ใจ Expand ติดต่อกันถึง ๒๐๐ ปีเศษ และมีพระมหำกษัตริย์ในรำชวงศ์พระร่วงปกครองสุโขทัยสืบต่อกันมำ ถงึ ๙ พระองค์ ครใู หน ักเรียนสรุปสาระสําคัญเก่ยี วกบั การสถาปนาอาณาจกั รสุโขทัยในรปู แบบแผนผงั ความคดิ นําสงครูผูส อน ตรวจสอบผล Evaluate รายพระนามพระมหากษตั รยิ ์ไทยในราชวงศพ์ ระรว่ งทีป่ กครองอาณาจักรสโุ ขทยั 1. ครตู รวจแผนผังความคดิ เกยี่ วกับการสถาปนา รายพระนามพระมหากษัตรยิ ์ ปที เ่ี ริ่มครองราชย์ ปที ี่สวรรคต อาณาจักรสุโขทยั ๑. พอ่ ขุนศรีอนิ ทรำทิตย์ พ.ศ. ๑๗๙๒ ไมป่ รำกฏ ๒. พอ่ ขนุ บำนเมือง ไม่ปรำกฏ พ.ศ. ๑๘๒๒ 2. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมความมีสว นรวมในการตอบ ๓. พอ่ ขุนรำมคำ� แหงมหำรำช พ.ศ. ๑๘๒๒ พ.ศ. ๑๘๔๑ คาํ ถามและการแสดงความคิดเหน็ ของนกั เรียน ๔. พระยำเลอไทย พ.ศ. ๑๘๔๑ ประมำณ พ.ศ. ๑๘๖๖* ๕. พระยำงัว่ น�ำถุม ประมำณ พ.ศ. ๑๘๖๖* พ.ศ. ๑๘๙๐ ๖. พระมหำธรรมรำชำที ่ ๑ (ลิไทย) พ.ศ. ๑๘๙๐ พ.ศ. ๑๙๑๑ ๗. พระมหำธรรมรำชำที ่ ๒ พ.ศ. ๑๙๑๑ ประมำณ พ.ศ. ๑๙๔๒ ๘. พระมหำธรรมรำชำท ี่ ๓ (ไสลอื ไทย) พ.ศ. ๑๙๔๓ พ.ศ. ๑๙๖๒ ๙. พระมหำธรรมรำชำท ่ี ๔ (บรมปำล) พ.ศ. ๑๙๖๒ ประมำณ พ.ศ. ๑๙๘๑ 90 *เป็นข้อสันนษิ ฐำนของ ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร นักเรยี นควรรู บูรณาการเช่ือมสาระ ในการอธบิ ายทาํ เลทตี่ งั้ และลักษณะภมู ปิ ระเทศของอาณาจกั รสโุ ขทยั 1 ศรีอินทรบดินทราทติ ย เดิมเปนพระนามทกี่ ษัตรยิ ขอมพระราชทานใหแ ก ครคู วรนาํ แผนท่แี สดงลักษณะภูมิประเทศของไทยมาใหนักเรยี นดปู ระกอบ พอ ขุนผาเมอื ง พรอมกับพระราชทานพระขรรคชัยศรใี นคราวทีพ่ อขุนผาเมืองทรง เพื่อบรู ณาการเชื่อมโยงกับสาระภูมิศาสตร หัวขอภูมิลกั ษณของประเทศไทย อภเิ ษกกบั นางสขุ รมหาเทวี พระราชธดิ า ตอ มาเมอ่ื พอ ขุนผาเมืองตไี ดเ มืองสุโขทัย เพ่อื ใหนกั เรียนไดเ ขาใจถึงสภาพภูมศิ าสตรข องภาคเหนือและภาคกลางของ แลว จงึ สถาปนาพอขนุ บางกลางหาวขนึ้ ครองเมอื งสโุ ขทัย และถวายพระนาม ไทย และสามารถวเิ คราะหขอไดเปรยี บ-เสียเปรียบ จากการมีทําเลทตี่ ัง้ และ ศรีอนิ ทรบดินทราทิตยใ หแกพ อ ขนุ บางกลางหาว ลักษณะภูมิประเทศดังกลาว มมุ IT ศึกษาคนควา ขอมูลเพมิ่ เติมเกยี่ วกบั พระมหากษัตริยองคสาํ คญั ของอาณาจกั ร สุโขทัย ไดท่ี http://www.sukhothai.go.th/history/hist_o6.htm เวบ็ ไซตจังหวดั สุโขทัย 90 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage กระตนุ ความสนใจ ò. ป˜¨¨ัยทมèÕ ÕÍิทธพิ ลµÍ‹ พัฒนาการãนสมยั สโุ ขทยั 1. ครูกระตุนความสนใจดวยการใหน กั เรยี น เลน เกมตอบคําถามความรูท ว่ั ไปเกยี่ วกบั ภำยหลังจำกท่ีไดม้ ีกำรสถำปนำสุโขทัยเปน็ รำชธำนีใน พ.ศ. ๑๗๙๒ เปน็ ต้นมำ อำณำจักร อาณาจกั รสุโขทยั โดยแบงนักเรียนในหอง สุโขทยั ไดม้ พี ฒั นำกำรอยำ่ งตอ่ เนอ่ื งในทุกๆ ด้ำน ไดแ้ ก่ กำรเมือง กำรปกครอง เศรษฐกจิ สังคม ออกเปน 2 ทมี ศิลปวัฒนธรรม และควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศ ปัจจยั ทม่ี ีอิทธพิ ลตอ่ พฒั นำกำรในสมัยสโุ ขทัย ประกอบด้วย 2. นักเรียนท้งั 2 ทีมสงตัวแทนออกมาหนา ช้นั เรยี น เพอื่ จบั ฉลากเลือกชุดคําถามจาก ๒.๑ ปัจจัยด้ำนภมู ิศำสตร์และสง่ิ แวดลอ้ ม ชดุ คาํ ถาม 2 ชุด คอื ชดุ คําถาม A และ ชดุ คําถาม B เมื่อจับฉลากไดแลว ใหไ ปรับ ปจั จัยดำ้ นภมู ศิ ำสตร์และสิง่ แวดล้อมของอำณำจกั รสุโขทัย มลี กั ษณะทัว่ ไปดังนี ้ ชดุ คําถามจากครผู ูสอน ยม๑ ) แสลภะนาำ่ พนภ 1ไูมหิปลรผะำ่ เนทจศำก เสหุโนขอื ทลัยงตใตั้งส้อลู่ยมุู่่ในแมอำน่ ณำ�้ เำจบำ้ พริเรวะณยำท ่ีปแรละะกไหอลบสดทู่ ้วะยเทล ี่รำเหบมลำุ่มะทก่ีมบั ี 3. นกั เรียนในแตล ะทีมชว ยกนั ตอบคําถาม แลว สง ตวั แทนออกมาเขยี นคาํ ตอบท่ีหนา กระดาน แมน่ ำ�้ ปงิ ครูเฉลยคําตอบ แลวกลา วชมเชยทีมท่ีชนะ กำรด�ำรงชีพด้ำนเกษตรกรรมและกำรค้ำขำยทั้งกับภำยในและภำยนอก ส่วนทำงด้ำนตะวันตก มีทิวเขำถนนธงชัยและตะนำวศร ี และทำงด้ำนตะวันออกมที ิวเขำเพชรบรู ณ์ สาํ รวจคน หา Explore ๒) สภาพภมู อิ ากาศ สโุ ขทยั ตงั้ อยทู่ ำ่ มกลำงทวิ เขำขนำนทงั้ ทวิ เขำถนนธงชยั ทวิ เขำ ตะนำวศร ี และทวิ เขำเพชรบรู ณ ์ ทำ� ใหอ้ ำกำศไมร่ อ้ นเกนิ ไป ประกอบกบั มลี มมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และลมมรสุมตะวันออกเฉยี งใต้พัดผำ่ น จึงมีฝนตกชกุ ในฤดูมรสุม ครใู หน กั เรียนศกึ ษาเกีย่ วกับปจ จัยท่ีมอี ทิ ธิพล ตอ พฒั นาการในสมยั สุโขทยั จากหนงั สือเรยี น แม่น�้ายมเปรียบเสมือนเส้นโลหิตหลักของสุโขทัย เพราะเป็นแหล่งน้�า หนา 91-92 หรอื จากแหลงการเรียนรอู นื่ ๆ เชน เพื่อการอปุ โภคบริโภค เพาะปลูก และเป็นเส้นทางสญั จรตดิ ตอ่ ค้าขาย หอ งสมุดกลุม สาระ หอ งสมุดโรงเรียน ขอ มลู ทาง อินเทอรเ น็ต เปนตน เพื่อนํามาอภิปรายรวมกันใน ช้ันเรียน 9๑ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู แมว า อาณาจักรสโุ ขทยั จะมีสภาพพน้ื ท่คี อนขางแหงแลงเพราะขาดแคลนนาํ้ 1 แมน ํ้าปง วงั ยม และนาน แมน า้ํ แตล ะสายเหลานีล้ วนมคี วามสาํ คญั ตอ แตสโุ ขทยั กส็ ามารถพฒั นาอาณาจักรใหร งุ เรืองได ทง้ั นเี้ ปน เพราะปจจัยใด กรุงสุโขทัยในดานการคมนาคมขนสง และทร่ี าบลุมแมน ้าํ ยงั เปน ทต่ี ง้ั หวั เมืองสาํ คัญ ดงั นี้ 1. เมอื งรายรอบเปนเครอื ญาติกนั 2. มแี หลง แรธ าตุสะสมอยใู ตดิน • ปง อยูท างทิศตะวนั ตกของสุโขทยั เปนที่ต้งั เมอื งสาํ คัญ เชน ชากงั ราว 3. มที ําเลทตี่ ้ังเอื้อตอ การตดิ ตอคาขายทีส่ ะดวก นครชมุ ไตรตรึงษ คณฑี เปน ตน 4. พระมหากษัตรยิ ใ หการอปุ ถมั ภดานการคาขาย • วงั ไหลมารวมกับแมน้าํ ปง ทต่ี าก วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. สโุ ขทยั มที าํ เลทตี่ ง้ั ครอบคลุมบรเิ วณลุมแมนํา้ • ยม เปน ทีต่ ง้ั ของกรงุ สโุ ขทยั ซึง่ มเี มอื งสาํ คัญถดั ขึ้นไปทางเหนอื คอื ปง วัง ยม และนาน ซง่ึ เปนแมนา้ํ ที่ไหลมาบรรจบกันเปนแมนาํ้ เจาพระยา ศรีสัชนาลัย ไปลงอา วไทย ทําใหส ะดวกในการตดิ ตอคาขายระหวา งเมืองภายในและ • นาน อยทู างทิศตะวนั ออกของสโุ ขทัย มีเมืองท่สี ําคญั เชน สระหลวง ภายนอก สองแคว เปน ตน คูม ือครู 91
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182