www.kalyanamitra.org
I www.kalyanamitra.org
สรุปฌื้อหา จากหนังสือ \"สุขภาพนักสร้างบารมี\" พระธรรมเทศนาของ พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ท.ตตชีโว) Rifpiin www.kalyanamitra.org
โอวาทพระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ท.ตตซีโว) จากหนังสือ \"สุขภาพนักสร้างบารมี\" จากการรวบรวมความรู้จากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพตนเองและหมู่คณะอย่างสุดแมือ โดยเน้นการปัองกันเป็นหลัก จนในที่สุดทำให้หลวงพ่อ!ด้ช้อสรุปว่า ถ้าไมใช้โรคที่เกิดจากกรรมข้ามฃาติแล้ว โรคส่วนมากมักเกิดจากนิลัยมักง่ายตามใจตัวเอง เช้น นิสัยตามใจปาก ตามใจท้อง ความมักง่ายในอิริยาบถต่างๆ เป็นตัน ซี่งเป็นตัวปอนทำลายสุขภาพที่แท้จริงของเรา เพราะฉะนั้น ถ้าใครต้องการรักษาสุขภาพให้ดีไปตลอดขีวิต รวมทั้งหากพบว่าโรคภยใข้เจ็บของเรา เกิดจากความมักง่ายตามใจตัวเองเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะรักษาโรคให้ขะงัด ต้องพยายามหักดิบเลิกนิสัยไม่ดีของตัวเอง ให้หมดไปไวที่สุดเท่าที่จะทำไต้ 'ร^}^^^www.kalyanamitra.org
ฉบับย่อความจาก หนังสือสุขภาพนักสร้างบารมี หน์า ๑) บทนำ ๖ ๘ สาเหตุแห่งความเจ็บไข้ได้นํวย ๑๔ ๒๐ ๒) นิสัยรักษาสุขภาพ ๒๒ ๓๒ ๓) ที่มาของความรู้เรื่องสุขภาพ ๔๒ ๔) ดื่มนํ้าอย่างไร ให้ถูกดี ถีงดี พอดี ๔๘ ๕) การอั้นปีสสาวะและอั้นอุจจาระบั่นทอนสุขภาพ ๔๒ ๔๔ ๖) ท้องผูก-ริดสีดวงทวารหนัก ๔๖ ๔๘ ๗) การดูแลตัวเองเมื่อท้องเสีย ๖๐ ๖๒ ๘) อาหารคือยาหลัก ๖๖ ๖๗ ๙) นํ้าชุปดีอย่างไร ๑๐) การดื่มนํ้ามูตรเน่า ๖๙ ๗๒ ๑๑) วิธีรักษาสุขภาพระหว่างเดินทาง ๑๒) นั่งสมาธิแล้วหลับคอตก ๑๓) การดูแลรักษาสุขภาพฟ้น ๑๔) ดุลยภาพนำบัดคืออะไร สาเหตุที่ทำไห้โครงสร้างของร่างกายเสียสมดุล - ตัวอย่างโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น... เพราะโครงสร้างของร่างกายเสียสมดุล - ดุลยภาพนำบัดมีวิธีปฎิบัตอย่างไร www.kalyanamitra.org
ร)๕) การระวังรักษาภาวะสมดุลของอิริยาบถต่างๆ หน้า ให้สมดุลตลอดเวลา ๗๓ - อิริยาบถสมดุลพื้นฐาน ๗๖ ๘๒ - อิริยาบถในชีวิตประจำวัน ๘๘ ๙0 ๑๖) การบริหารเพื่อจัดโครงสร้างของร่างกาย ๑๐๒ - กายบริหารในท่านั่ง ๑๐(£ ๑๐๖ - กายบริหารในท่านอน ๑๐๗ ๑๐๘ - การลุกจากที่นอน ๑๑๐ - บริหารร่างกายแค่ไหนจึงจะพอดี ๑๑๓ - ข้อควรระวังในการบริหารร่างกาย ๑๑(เ^ ๑๘) การออกกำลังกาย ๑๑๖ ๑๑๘ - การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย ๑๒๐ ๑๒๒ - การเดิน ๑๒๔ - ข้อควรระวังในการออกกำลังกาย ๑๘) การผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น - การนวดคืออะไร - นวดอย่างไร จึงจะเหมาะสมสำหรับผู้ปฏิบ้ตธรรม - นวดหลังด้วยตนเอง - ข้อควรปฏิบ้ต๊เพื่อสุขภาพในแต่ละฃ่วงเวลา กับการทำงานของอวัยวะภายใน www.kalyanamitra.org
k sy บุญ1ท่านัน คือที่พื่งที่แท้จริงของเราเอง อย่างอื่นไมใช่ บุญซี่งเป็นที่มาของความสุข ความเจริญ ความดีงาม ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่การบรรลุสัมมาสัมโพซิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพทธเจ้า ก็ล้วนต้องอาศัยบุญทั้งสัน ต้องทำด้วยตนเอง ใครทำ ใครได้ .... เขาต้องทำบุญต่างๆ เหล่านั้นด้วยตัวของเขาเอง. เขาก็ต้องใช้ร่างกายกว้างศอก ยาววา หนาคืบ และมีใจครอง นี่แหละ ไปทำบุญ \\๖ V ฬกาฒี่!! www.kalyanamitra.org
นักสร้างบุญบารมีทั้งหลาย จึงต่างรักต่างให้คุณค่า ของร่างกายมนุษย์นี้ยิ่งนัก ซํ้ายังต่างถนอมร่างกายมนุษย์นี้ ไม่ต่างกับคนตาเดียว ถนอมนัยน์ตาข้างที่เหลือของเขาเลย ต้องถนอมร่างกายมนุษย์เป็นนักหนา เพราะ ๑. ร่างกายมนุษย์นี้แตกดับง่าย เพียงแค่หายใจเข้า-ออก ๒. ร่างกายมนุษย์นี้ยังเป็นรังของโรค มีโรคแฝง อยู่ในยีนส์ แฝงอยู่ในเนี้อเยื่ออยู่แล้ว รอแต่วันที่จะกำเริบ แล้วก็นัาความตายมาให้ ร่างกายของ แต่ละคนจึงโม่ต่างกัน กับเรือไม้ผุๆ ที่รอวันพัง .'ไ- ฟั^^^ www.kalyanamitra.org
สาเหตุแห่งความเจ็บไข้ได้ป่วย มาจาก เหตุ ๘ ประการใหญ่ๆ คือ ๑.โรคเกิดแต่ดีใฟ้โทษ ๒.โรคเกิดแต่เสมหะให้โทษ ๓. โรคเกิดแต่ลมให้โทษ ๔.โรคเกิดแต่ทั้งดี เสมหะ และลมให้โทษ ๕.โรคเกิดแต่ฤดูแปรปรวน ๖.โรคเกิดแต่การผลัดเปลี่ยนอิริยาบถไม่สมํ่าเสมอ ๗. โรคเกิดแต่ความเพียรเกินกำลัง ๘.โรคเกิดแต่วิบากกรรม cf www.kalyanamitra.org
เหตุแห่งโรค ๔ ประการแรก ๑.โรคเกิดแต่ดีให้โทษ ๒.โรคเกิดแต่เสมหะให้โทษ ๓.โรคเกิดแต่ลมให้เทษ ๔.โรคเกิดแต่ทั้งดี เสมหะ และลมให้โทษ มีสาเหตุมาจาก นิสัยประมาทในการไซ้ปิจจัย ๔ นั่นเอง โม่รู้จักระมัดระวัง และรู้ประมาณในการใซ้สอยปิจจัย ๔ เป็นหลัก (ถูกวัตถุประสงค ถูกวิธี ไม่รู้จักประมาณ) ก็จะนำโรคภัยไซ้เจ็บมาให้แก่ผู้นั่น \"You are what you eat\" ส่lวนนิe.tจจัa.ย' ทaีiเหลdืlออcdีก ๓ อย่Iาง ก๘็»ยyัง<ใ)พซ้สอยfด้วยความป, ระมาท มgัyกง:่ายดูเบากัน อย่เซ่นเดิม เหตุแห่งโรคประการที่ ๕ โรคเกิดแต่ฤดูแปรปรวน คือ ประมาทในการศึกษาทำความเข้าใจตนเอง และสิ่งแวดล้อมตามธรรมฃาดิ ๑. ไม่สนใจศึกษาธรรมชาติของร่างกายตนเองให้มากพอ ประมาทว่าร่างกายนี้จะคงทน ๒. ไม่ระมัดระวังในการเลือกใซ้นิจจัย ๔ ให้เหมาะสมในคราวฤดูแปรปรวน /คุผเ)าใfl ง่านา สบายๆ / ๙ www.kalyanamitra.org
เหตุแห่งโรคประการที่ ๖ โรคเกิดแต่การผลัดเปลี่ยนอิริยาบถไม่สมํ่าเสมอ มาจากนิสัยประมาท ขาดการหาความรู้เกี่ยวลับร่างกายตนเอง และมีนิสัยตามใจตนเองเป็นใหญ่ (ร่างกายมนุษย์นี้มีซื่อเต็มๆ ว่า สรีรยนต์ เพราะเครื่องยนต์ไม่ว่าชนิดใดๆ จำ เป็นต้องมีการเคลี่อนไหว ไปในทิศทาง ต่างๆ ตามที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามที่ถูกกำหนดไว้ ย่อมเกิดอาการ \"Over Load\" คือเกินกำลังของอิริยาบถนั้น แล้วก็จะนำมาซึ่งความ เสื่อมโทรม จะทำให้เจ็บไข้ไต้ป่วยโดยง่าย) เหตุแห่งโรคประการที่ ๗ โรคเกิดแต่ความเพียรเกินกำลัง หากหักโหมเกินไป ก็เป็นโทษ การไต้กัลยาณมิตรไว้คอยสะกิดเตือนลันบ้าง ให้รู้จักประมาณก็จะสามารถแก้ไขผ่านเหตุแห่งโรค ประการที่ ๗ ไปไดโดยไม่ยาก (ไม่เกิดกับคนเกียจคร้าน แต่กลับไปเกิดกับผู้ขยันที่มีปิญญา เห็นภัยในวัฏสงสาร จึงเร่งปรารภความเพียร หวังกำจัดกิเลส ให้สันเชื้อไม่เหลือเศษโดยเร็ว จึงเผลอไผลใช้ร่างกายหักโหม เกินกำลัง เกินอายุไปบ้าง เพราะต้องการสร้างบุญสร้างบารมี แข่งกับเวลา แม้ว่าการปรารภความเพียร เป็นเรื่องที่ควรแก่ การอนุโมทนา) \\๑0 V สฃทาฟท www.kalyanamitra.org
เหตุแห่งโรคประการที่ ๘ โรคเกิดแต่วิบากกรรม หากเกิดขึ้นแก่ผู้ใดแล้ว ก็ยากจะแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น แต่มีหนทางผ่อนหนักให้เป็นเบาไวิให้ คือ ๑. เมื่อยังทำอะไรไม่ได้ ก็ให้เร่งทำใจยอมรับความจริงว่าเราทำตัวของเรา เอง และห้ามไปโทษใครอื่นเด็ดขาดว่าเป็นผู้ทำให้ พร้อมทั้งหักห้ามใจจะไม่ ทำ กรรมชั่วเซ่นนั้นอีก ๒. เมื่อยอมรับผลแห่งอกุคลกรรมนั้นแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบุญใหม่ทุกซนิด ให้เต็มกำลังความสามารถ หากอกุศลกรรมเก่าไม่มากนัก ย่อมหายได้ แมไม่หายก็ผ่อนคลายทุกขเวทนาลง แม้ที่สุดหากอกุศลกรรมเก่ามากนัก ถึงคราวจักต้องตาย ถึงตายก็ไปดื มีสุคติเป็นที่ไป ทฺฌทำใสังำขา สบไบๆ / ๑๑ www.kalyanamitra.org
จากเหตุแห่งโรคทั้ง ๘ ประการที่กล่าวมานี้ ย่อมซี้ซัดลงไปว่าโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายที่รุมเร้ากายมนุษย์โทั้ผุพัง ร^^ อันควร ล้วนมีสาเหตุมาจากนิสัยประมาททั้งสิ้น คือ ๑. ประมาทขาดการศึกษาให้ทราบสภาพธรรมซาติแทจริงฃฮ่งรา.ง£สย ๒.ประมาทขาดการศึกษาวิธีดูแล วิธีใช้ วิธีซ่อมบำรุงร่าเกายนี๋ให้คงห้ใ!' ๓. ประมาทขาดการศึกษาถึงการนำร่างกายนี้ไปประกอบ่คุณงามคัวาฆดี อย่างคุ้มค่าให้เกิดเป็นบุญบารมีติดตัวไปในภายภาคห'นา www.kalyanamitra.org
ขอใหทุกคนตระหนักในพทธดำรัสที่ว่า \"การได้เกิดในสภาพร่างกายเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก การได้พบพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยาก ภารได้ฟ้งคำสั่งสอนของพระสัมมาส์'มพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก เ^ ธรรมก็เป็นเรื่องยาก\" การบรรลุธรรม เราจ้าเป็นต้องอาศัแฐ^งกาย ที่ประกอบด้วยเลือดเนื้อและต้อง เป็นร่างกายที่มีสุขภาพดีด้วย จึงจะมีททงส์าเร็จได้ คุ(inhTdf Jiui ainui ๑๓ www.kalyanamitra.org
๒)นิสัยรักษาสุขภาพ นิสัย คือ พฤติกรรมเคยชิน ซึ่งเกิดจากการทำสิ่ง หนึ่งสิ่งใดบ่อยๆ จนติด เมื่อติดแล้ว ล้าไม่ได้ทำอีกก็จะ รู้สึกหงุดหงิด (นิสัย เป็นเสมือนโปรแกรมประจำตัวที่ กำ หนดพฤติกรรมทางกาย วาจา และใจ ของแต่ละบุคคล ใครมีนิสัยอย่างไรก็จะทำตามความเคยชิน อย่างนึ่นโดย อัตโนมืต) %/ V. ^ บทแกสำหรับการสร้างนสัยด ๑. กิจวัตรประจำวันของตนเอง ได้แก่ การใช้สอย ดูแลเรื่องป้จจัย ๔ เป็นหลัก นับตั้งแต่ดูแลใช้สอยบริโภค เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาลัย และยารักษาโรค(รวมไปถง การ อาบบํ้า ล้างหน้า แปรงฟ้น ออกกำลังกาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของการรักษาสุขอนามัย) ๒. หน้าที่การงานที่ตนเองต้องรับผิดขอบ เซ่น งานอาซีพ งานเลี้ยงลูก งานดูแลพ่อแม่ งานสังคม สงเคราะห์ งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ๆลฯ ๑๔ สุขภาuinn www.kalyanamitra.org
เพราะฉะนั้น บทแกสำคัญสำหรับใช้ เป็นหลักในการลร้างนิสัยดี จึงอยู่ที่การใช้ สตร,พไิ;-จารณาสงdท,เราทาช°าๆ บ่Iอ-/ยๆ อ-ยู่เป็น ประจำทุกวันอย่างแยบคาย พิจารณาทบ โปทวนมาด้วยหลักเหตุผลว่า สิ่งใดดี ไม่ดี สิ่งใดควร ไม่ควร สิ่งใดยังกุศลให้เกิดขึ้น สิ่งใดยังอกุศลให้เสื่อมไป เมื่อได้ประจักษ์แกใจตนแล้วก็หักดิบ เลิกทำสิ่งที่ไม่ดี เลิกพฤติกรรมที่ไม่ดีให้ เด็ดขาด เลือกทำเฉพาะสิ่งที่กกต้องดีงาม และมีคุณประโยฃน์โดยเริ่มตั้งแต่คิดดี พูด ดี และทำดี อย่างต่อเนื่องสมื่าเสมอ เกี่ยวกับ เรื่องกิจวัตรประจำวันก่อน แล้วตามมาด้วย งานอาชีพ วิธีสร้างนิสัยดีอย่างถาวร ๑. อยู่ให้ห่างจากคนไม่ดี ๒. หมั่นเช้าใกล้คนดี ๓. หมั่นทำสมาธิให้เป็นกิจวัตรประจำวัน จะ เกิดกำลังใจและกำลังปีญญาในการสั่งสมคุณความดี ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป พร้อมทั้งหาวิธีคุ้มครองป้องกันตน ให้ ห่างจากความชั่วไต้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น fjfuriiM •{าขา (โบายา www.kalyanamitra.org
สร้าJ นสับที โทบๆๆร คิทที พูทที กำ ที ทบ่าป้ททเนทป้ฒาเฒท \\๑๘ V (โชทาฟคื www.kalyanamitra.org
ทฺถแไำไสัง่ายท สบายๆ / ๑๙ www.kalyanamitra.org
๓)ที่มาของความรู้เรื่องสุขภาพ ๑. จากการสังเกตตนเอง เตือนตนเองเสมอว่า แม้จะพบหมอเก่งเพียงใดก็ตาม ถ้าไม่รู้จักสังเกตเฝืาระวังดูแลตนเองด้วยแล้ว โอกาสที่จะ หายป่วยไข้เตยเด็ดขาดย่อมเป็นไปได้ยาก \\\\อ๐ V ฬุทาฒี่ท www.kalyanamitra.org
๒. จากการซักทามหมอ ทั้งเรื่องสาเหตุตลอดจนวิธีปีองกันรักษา เพื่อเป็นหลัก ประกันว่า โรคซนิดนี้หลังจากหายแล้วจะไม่ย้อนกลับมา เป็นอีก ๓. จากแหล่งความเต่างๆ หลวงพ่อได้ข้อสรุปว่าถ้าไมใช่โรคที่เกิดจากกรรมข้าม ชาติแล้วโรคส่วนมากมักเกิดจากนิสัยมักง่ายตามใจตัวเอง เช่น นิสัยตามใจปาก ตามใจท้อง ความมักง่ายในอิริยาบถ ต่างๆ เป็นด้น ฃึ่งเป็นตัวปอนทำลายสุขภาพที่แท้จริงของ^) เรา ทณทำไท ง่าบา สบาขๆ www.kalyanamitra.org
๔) ดื่มนํ้าอย่างไร ให้ถูกดี ถึงดี พอดี ความสำสัญฃองนํ้า คนเรามีส่วนประกอ่ย ที่เป็นนํ้า ถึง ๒ใน ๓ ส่วนฃองฺ^^ ร่างกาย และนำยังเป็นส่วนสำคั^ Jt ในการทำงานของทุกระบบภายใใ,น, ร่างกาย ^ ๘ , . ชุ ^^ เมื่อเป็นเซ่นน อย่าให*^' ร่างกายขาดนํ้า ต้องดื่มนํ้าให้ »■ มากเพียงพอ นํ้าก็จะซ่วยประคบ , ประคองสุขภาพของเราให้ดํPงอุยู่- ไต้อย่างปกติสุข C/ 0-0 \\\\g)lg) {^ขกาฟn www.kalyanamitra.org
ร่างกายขาดนํ้าทำให้เกิดผลเสิยอย่างไร จะมีมากหรือน้อยก็ฃีนอยู่กับปริมาณ และ^ะยะเาลาที่ขาดนํ้า aJ t «» ๑'. อวยวะภายในทำงานหนัก i' - •I กระเพาะอาหารและลำไส้ ระบบการไหลเวียนของ „ .. เลือดขาด^1า มี?^ทำให้เลือดข้น หัวใจ ปอด ไต ต้องทำงาน - • .. หน้กมากขึ้น It II 0 II ฟ.'ปวดสืรษุะ. ต้ามธรรมดาการสูบฉีดเลือดจากหัวใจ ขึ้นไปสู่ศีรษะ .. จะถูกแริ?โน้มถ่วงของโลกต้านไว้ เลือดที่ข้นและมีจำนวนน้อย »« จึงไปถงศีรษะไต้น้อยกว่าปกติ นอกจากนี้ที่ศีรษะมีเส้นประสาท น^ อยู่เป็นจำนวนมาก จึงไวต่อความรู้สึกปวดมากกว่าส่วนอื่น ๓? ค้ดจมูก ในขณะที่ร่างกายขาดนํ้า นํ้าที่มีอยู่ในตัวก็ร้อนราวกับ จะเดือดขึ้น ทำ ให้มีอาการคัดจมูก นํ้ามูกไหล ทุณถำใท ง่าบา สบาขา / ๒๓ www.kalyanamitra.org
๔. ไข้จากการขาดนํ้า ที่พบบ่อยคือ เกิดจากการได้รับเชื้อโรคชนิดใดซนิดหนึ่ง แลร การชาดนํ้าก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการไข้!ด้ ๔. แผลร้อนใน คออ้กเ.สบและทอนซิลอ้กเสบ แผลร้อนใน คออักเสบและทอนซิลอักเสบ เกิดได้จากหลาย สาเหตุ แต่สาเหตุหนึ่งที่เกิดได้บ่อย คือ การชาดนํ้า ๖. ท้องผูก-ริดสีดวงทวารหนัก ลำ ไส้ใหญ่มีอีกหน้าที่หนึ่งที่สำคัญ คือ ดูดนํ้าจากกากอาหาร กลับคืนเข้าสู่กระแสเลือด ๗. นิว ถ้าดื่มนํ้าน้อยจึงไม่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกปวด ปิสสาวะแล้วขับออกมาได้จึงต้องค้างอยู่ในระบบทางเดิน ปิสสาวะเป็นเวลานาน ตะกอนที่อยู่ในป้สสาวะจึงตกค้างและ ค่อยๆ จับตัวกันเป็นก้อน ในที่สุดก็เกิดเป็นนึ่วในไต หรือนึ่ว^ ท่อไต หรือนึ่วในกระเพาะปิสสาวะซึ่งเป็นอันตรา! \\\\§)๔ V ฬุทแบที่ที www.kalyanamitra.org
๘. เส้นติด เท้าแพลงบ่อยๆ ร่างกายขาดนํ้า ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และพังผืดเหี่ยว เมื่อเส้นเหี่ยวก็จะเกาะติดกันเป็นแผง มิหนำซํ้า บางเส้นยังไขว้กันอีกด้วย แม้ต่อมาจะพยายามออกกำลังกายเพิ่ม มากขี้นเท่าไร บริหารยืดเส้นยืดสายอย่างไร อาการเส้นติดก็ยาก ทีจะหลุดออกจากกัน กลับคืนสู่สภาพปกติ ๙. ตื่นแล้วไม่สดขื่น บางคนเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ก็ยังรู้สืกง่วงเหงาหาวนอนไม่ อยากจะลุกขึ้นรู้สึกว่ายังนอนไม่พอ ทั้งๆ ที่นอนมาทั้งคืน เมื่อตื่น ขึ้นมาแล้วรีบดื่มนํ้าเข้าไปลัก ๒-๓ แล้ว เซลล์ก็จะกลับชุ่มขื่นขึ้น เราก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ฤณไไำไท ง่ายา สบาบา /\\g)<t: www.kalyanamitra.org
๑๐. อิ่มแล้วง่วง บางคนรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ง่วง ล้านั่งสมาธิ ก็จะหลับสัปหงก สาเหตุที่สำคัญคือ ดื่มนํ้าน้อยไป หรือรับ ประทานอาหารมากไปจนไม่มีซ่องว่างสำหรับนา ทำ ให้อาหาร ในกระเพาะข้นมาก ยากต่อการย่อย วิธืสังเกตอาการที่ร่างกายขาดนํ้า อาการที่ร่างกายขาดนํ้า สามารถสังเกตได้จากอาการปาก แห้ง คอแห้ง กระหายนํ้า ปากแตก ผิวแตก เสียงแหบ ท้องผูกจัด ร้อนใน ฯลฯ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นสิ่งที่เตือนว่า นิสัยที่ไม่ดี คือขาด ความสังเกต มักง่ายเอาแตใจตนได้เกิดขึ้นในตัวเราแล้วอย่างใด อย่างหนึ่ง \\V ^ทาฟถ www.kalyanamitra.org
X อนึ่ง ยังมีวิธ๊ลำรวจตรวจสอบตัวเองง่ายๆ ว่า ร่างกายขาดนํ้าหรือไม่ ก็คือ หากปัสสาวะมืสิเหลือง ยิ่งถ้าเหลืองเข้มเหมือนกับนํ้าซาฃงแก่ๆ แสดงว่า ขาดนํ้าอย่างมาก ส่วนผู้ที่ปัสสาวะสเหลืองอ่อนหรือ ปัสสาวะใส แสดงว่า ร่างกายมีนาเพืยงพอ /ทฺทฬาใท้•ท้บา สบายๆ /\\ร)๗ www.kalyanamitra.org
ดื่มนํ้าอุ่นดีอย่างไร การดื่มนํ้าให้เพียงพอ ร่างกายดูดซึมนํ้าอุ่นได้ การดื่มนาไห้เพียงพอต่อ ง่ายกว่านํ้าเย็น เพราะนํ้าอุ่น ความต้องการของร่างกายนั้น อย่าไปกำหนดเพียงว่าวันนี้ต้อง มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับร่างกาย ไต้ปริมาณของนํ้า ๑๐ แก้ว หรือ (อุณหภูมิปกติของร่างกาย ๓๗ ๒๐ แก้วแล้วพอ แต่ให้คำนึงถึง องศาเซลเซียส)ถ้าเราดื่มนํ้าอุ่น สภาพตินฟ้าอากาศที่แวดล้อม ตัวเรา(กลางแดด/ถูกพัดลมเป่า) หรือจิบนํ้าร้อนเข้าไป ร่างกายก็ และกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน ด้วยเป็นเกณฑ์ (ออกกำลังกาย จะดูดซึมได้ทันที เสียเหงื่อมากๆ) อย่างนี้นํ้า ๑๐ แก้วไม่พอแล้ว อาจจะด้องเพีม เป็น (ร)๔-ร>๕ แก้ว เป็นต้น ๒๘ m ฬุทาพเไที www.kalyanamitra.org
มีวิธีสังเกตอย่างง่ายๆ ก็คือ ป้สสาวะมีสีใสเหมือนนํ้าที่ดื่มเข้าไป แสดงว่า การดื่มนํ้าในวัน'นั้นเพียงพอ แต่ถ้าป้สสาวะขุ่นคลั่กเหลืองอ๋อย หรือเป็นสี ฃาฃงแก่ๆ ต้องดื่มนํ้าเพิ่มเข้าไปอึกใ'ถ้มากพอ คนที่ดื่มนํ้าเป็น พอดื่นเข้าจะรืบดื่มนํ้าอุ่น ๒-๓ แก้วใงันที เพื่อใ'ฬ้ร่างกาย สดชื่นเร็วที่สุด ก่อนรับประทานอาหารเข้าอาจจะดื่มนํ้าอึกลักแก้วครึ่งแก้วก็ไต้ แต่ไม่ ควรมากกว่านั้น ครนหลังรับประทานอาหารเสร็จ ใ'ต้ดื่มนั้าตามไปสัก ๑ แก้วทันที ทิ้งฃ่วง อึกลักพักจึงดื่มนํ้าตามเข้าไปอีก ๑ - ๒ แก้ว กระเพาะและลำไส้ก็จะสามารถ บีบตัวย่อยอาหารไต้ง่าย จึงทำให้เราไม่ง่วงไม่เพลีย สำ หรับคนที่ต้องเดินทางออกจากบ้านในตอนเข้า เมื่อรับประทานอาหาร เข้าเสร็จก็ดื่มนั้าเพียง ๑ แก้วก็พอ ในฃ่วงเวลา ๑ ชั่วโมง ครั้นถืงที่หมายแล้ว จะดื่มนํ้าอึกกี่แก้วก็ดื่มไต้ตามความพอใจ ไม่กระทบต่อระบบการย่อยอาหาร ทณทำใท ง่าขา สบาชา /ไอ๙ www.kalyanamitra.org ||
\\๓๐ v cjtlfllฟร www.kalyanamitra.org
ก่อนนอนก็เหมือนกัน ก่อนนอน๒ชั่วโมง อย่า ดื่มนํ้ๆมาก ถ้าในระหว่าง ๒ ชั่วโมงนี้ กระหายนํ้า ก็ดื่มเพียงเล็กน้อยมิฉะนี้นจะต้องลุกเจ้าห้องนํ้าใน ตอนดึกอีก ยกเว้นในกรณีบุคคลที่ไม่สามารถดื่มนํ้าได้ มากเหมือนคนทั่วไป เข่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต ผู้ที่ ป่วยเป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรง (หัวใจล้มเหลว หรือ หัวใจวาย) เป็นต้น (เกิดอาการบวม หรืออาการ เหนือยหอบ) r|ณT^าใ(^ ยา auiuๆ /๓๑ www.kalyanamitra.org
๕) การอั้นปัสสาวะและอั้นอุจจาร บั่นทอนสุขภาพ ผลเสียของการอั้นป็สสาวะนานๆ ใครที่อั้นปิสสาวะจนมีความรูสีกว่าหายปวด อย่าเข้าใจ ผิดคิดว่าร่างกายฃองเราแข็งแรงนะ เพราะสภาวะเซ่นนั้น กำ ลัง ก่อความพินาศฉิบหายให้ลับร่างกายของเรา นับตั้งแต่กระเพาะ ปีสสาวะอักเสบ โลหิตพิการ ตับร้อน ไตร้อน โรคภูมิแพ้ กลิ่นตัว แรง นิ่ว กระเพาะปิสสาวะเกร็ง เปีนต้น รวมไปถึงทำให้ผลของการ ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าอีกด้วย \\๓\\อ ฬุกาพท!! www.kalyanamitra.org
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ผลของการอั้นปัสสาวะ ทำ ให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบและอๆการ เบื้องต้น ก็คือ เวลาปัสสาวะจนรู้สีกว่าหมดแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปไม่ถึง ๕ นาที กลับปวดปัสสาวะอีก ยิ่งไปกว่านั้น หากกระเพาะปัสสาวะอักเสบนาน ติดต่อกันเป็นอาทิตย์พอปัสสาวะว่าหมดแล้ว ทันทีที่ลุกขึ้นมันจะหยดติ๋งๆ เลย เพราะเมื่อเราอั้นปัสสาวะนานๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึมย้อนกลับ(Reabsorb) เข้าไปในเล้นเลือดแล้วก็ถูกขับออกมาใหม่ เพราะฉะนั้นจำนวนปัสสาวะออก มาใหม่เท่าไร ก็ฟัองว่ามันไต้ถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าไปอยู่ในเล้นเลือดเท่านั้น นึกเอาก็แล้วกันว่ามีอันตรายหรือไม่ บางคนมีการติดเขึ้อแบคทีเรืยร่วมด้วย ซึ่งเขึ้อโรคเหล่านี้พบมากที่ บริเวณทวารหนัก แล้วเก็ดการปนเฟ้อนเข้าสู่ท่อปัสสาวะจนมาถึงกระเพาะ ปัสสาวะ เมื่ออั้นปัสสาวะไว้นานๆ เชื้อโรคจึงมีช่วงเวลาในการแบ่งตัวและ เจริญเติบโต เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอันมาก จนทำให้มีอาการปัสสาวะกะปริบ กะปรอย หรือขัดเบา และแสบเวลาถ่ายปัสสาวะ บางคนอาจมีปัสสาวะช่น หรือมีเลือดปน บางคนเชื้อกระจายผ่านท่อไตขึ้นมาที่กรวยไต ทำ ให้มีอาการ ไข้สูงหนาวสั่น ปวดที่บริเวณลืข้างต้านที่มีการ[ ฃา สบาฃ า ๓๓ www.kalyanamitra.org
ปีสสาวะของดนปกติ มีคุณสมบ้ติเป็นกรดอ่อนๆ สังเกตดู ง่ายๆ จากเวลาที่เราปัสสาวะ ถ้ามันกระเด็น!ปโดนผิวหน้ง จะ รู้สึกแสบคัน เด็กผู้ชายเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเวลายนปัสสาวะ มักกระเด็นไปถูกหน้าแข้ง รู้สึกแสบๆ คันๆ ที่หน้าแข้ง ยิ่งใน หน้าหนาวอาจจะทำให้ผิวหน้าแข้งแตก ปัสสาวะมีคุณสมบติเป็นกรด แต่โดยธรรมซาติเม็ดเลือด แดงและเม็ดเลือดขาวรวมทั้งนํ้าเหลืองมีคุณลมน้ตเป็นต่าง อ่อนๆ ปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับ (Reabsorb) เข้าไปใน เส้นเลือด จะกลายเป็นกรดขึ้นมา มีผลให้เม็ดเลือดแดง เม็ด เลือดขาว และนํ้าเหลืองยํ่าแย่ลง ปริมาณปัสสาวะที่ถูกดูด ซึมย้อนกลับเข้าไปยิ่งมากและนานเท่าใด เม็ดเลือดแดง เม็ด เลือดขาว และนํ้าเหลืองก็จะยํ่าแย่ลงเท่านั้น นี่คือสาเหตุที่แห้ จริงของโลหิตพิการ และเม็ดเลือดน้อย ๓๔ \\ อุใเกาฒี่ท www.kalyanamitra.org
ตับร้อน ไตร้อน ตับทำหน้าที่กรองและทำลายสารพิษ เข่น สารพิษ ที่ปนเปีอนในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง ผงซูรส เป็นตันมีอะไรแปลกปลอมที่เป็นพิษปนเข้าMนร่างกาย ตับจะกรองและทำลายก่อน ส่วนไตทำหน้าที่ขับของเสีย ที่เป็นผลผลิตจากร่างกาย และกรองสารพิษที่หลงเหลือ ออกจากเส้นเลือด พูดง่ายๆ ก็คือไตทำหน้าที่กรองโลหิต (ให้บริสุทธิ้ เมื่ออั้นปิสสาวะนานๆปิสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับ เข้าไปในเส้นเลือด ก็กลายเป็นของเสียที่ร่างกายต้อง ทำ ลายและขับออก ของเสียในเลือดที่เพิ่มมากขึ้น ตับ ต้องทำงานหนักมากขึ้นตับจึงร้อน ไตทำงานหนักมาก ขึ้นไตจึงร้อน ยิ่งอั้นป้สสาวะนานเท่าไร ตับและไตต้อง ทำ งานหนักมากขึ้นตามไปเท่านั้น ชุทฬาใสัป้าขาสบายๆ /๓๕: www.kalyanamitra.org
สาวะนานๆ ปีสสาวะทถูกลูดซึมย้อนกลับเข้าไปในเส้นเลือด เป็นทั้งเนื้อทั้งตัวแช่ปีสสาวะ แล้วร่างกายจะยํ่าแย่ขนาดไหน เนื้อเราก็ [ลัน แช่อยู่ในปีสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าไ!ในเล้นเลือดนานๆ ป้สสาว ได้ซึมซาบปนเข้าเนื้อของเราเหมือนเนื้อแดดเดียวนั่นเอง ผลสุดท้ายของเสียในปีสสาวะทำให้ร่างกายของเราทำงานผดปฉติ ลมพิ■ษก็เป็นง่าย สีวก็ขึ้นง่าย นํ้าเหลืองก็เสียง่าย เม็ดผื่นที่สองข้างขาหนื้บขน ง่าย ภูมิแพ้ บางครั้งยุงลัดก็บวม บางครั้งกินอาหารทะเลหรือกินอะไรผิดไป หน่อยผื่นเห่อขึ้นมาเขียว บางทีอีดอัดหายใจไม่ค่อยออก เป็นด้น เมื่อคอยเฝืาสังเกตก็ทราบถึงสาเหตุว่า เวลาทายาไปแล้วก็หายได้พ้ ^ เมื่อเดินทางแล้วรถไปติดจีงด้องอั้นปีสสาวะ พอกลับมารู้สึกหน่วงๆ หน้' แต่คืนนั้นยังไม่เป็นไร พอข้ามมาอีกคืนเท่านั้น คันขึ้นมาเลย กว่าจะทราบถึง สาเหตุว่า อาการต่างๆ เกิดจากการอั้นปิสสาวะ ก็เป็นโรคนื้ตั้งแต่อายุประมาณ ๒๐ ปี มาจับทิศได้ถูกทางเมื่ออายุ ๔0 ปี ทรมานอยู่ ๒๐ ปี เพราะว่าช่วงจัย รุ่นเป็นนักกีฬา ลงสนามไปแช่งกีฬาตั้งแต่บ่ายโมง กว่าจะออกจากสนามได้ก็ ประมาณ ๕ โมงเย็น จึงด้องอั้นป้สสาวะตั้งแต่บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น เข้าสู่วัย ผู้ใหญ่ก็ทำงานแบบหามรุ่งหามคํ่า และติดนิสัยอั้นปีสสาวะครังละนานๆ ตังแต่ สมัยวัยรุ่น จึงด้องมาลำบากโดยใช่เหตุเช่นนื้ \\๓ (ทเทาฟที www.kalyanamitra.org
กลิ่นตัวแรง เมื่ออั้นปิสสาวะนานๆ ของเสียที่ถูก ดูดซึมย้อนกลับเข้าไปในเส้นเลือด กลาย เป็นทั้งเนื้อทั้งตัวแข่ปิสสาวะ ทำให้คนนั้นมี กลิ่นตัวแรง ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ คน อั้นป็สสาวะเหมือนทั้งร่างกายเป็นกระโถน ใส่ปีสสาวะเคลื่อนที่ได้นั่นเอง นิ่ว เมื่ออั้นปิสสาวะนานๆ แคลเซึยมที่เป็น ส่วนประกอบในป้สสาวะ จะตกค้างอยู่ใน ระบบทางเดิน■ปิสสาวะ ผลต่อไปข้างหน้า คือเป็นนิ่วในกระเพาะปิสสาวะ หรือนิ่วใน ท่อไต หรือนิ่วในไตก็ได้ใครที่เคยเทกระโถน ให้ผู้เฒ่า คงจะสังเกตเห็นว่ากระโถนที่ใข้ ไม่เกินหนึ่งเดือน ก็จะมีคราบหินปูนเกาะ คราบหินปูนนั้นคือแคลเซียมที่ตกค้างจาก ป้สสาวะนั่นเอง fjiuriiln ป้าบๅ สขาบา /๓๗ www.kalyanamitra.org
กระเพาะป็สสาวะเกร็ง ใครที่อั้นปัสสาวะไว้บ่อยๆ กล้ามเนื้อที่ กระเพาะปัสสาวะจะเกร็ง เมื่อเกร็งแล้วมันจึง ไม่ฟูทำให้กระเพาะปัสสาวะหดตัวมีฃนาดเล็ก ลง ความสามารถในการเก็บปัสสาวะของมันก็ ลดลง ก็จะทำให้เราเป็นโรคปวดปัสสาวะบ่อย วิธีปัองกันก็อย่าไบ่อั้นปัสสาวะไว้นานๆ และวิธีแกัIขโดยการออกกายบริหารให้มากสัก หน่อย จะกระโดดเชือก หรือเตะลม หรือโยคะ หรืออะไรก็ตามที แต่ต้องทำให้มากพอ อย่าง น้อยต้องต่อเนื่องกันไม่ตํ่ากว่าครึ่งชั่วโมง เมื่อ มันคลายเต็มที่แล้ว ความสามารถในการเก็บ ปัสสาวะ ก็จะกลับคืนมาเก็บปัสสาวะไต้มาก ขึ้นจนเป็นปกติตามเดิม วิธีที่ไต้ผลเร็วมากอีก วิธีหนื่งคือ หากวันไหนอั้นปัสสาวะนานๆ ก่อน นอนให้ใครที่นวดเป็น นวดบริเวณห้องน้อย และบริเวณกระดูกกระเบนเหน็บ (กระดูกที่ อยู่ระหว่างกันทั้งสองข้าง) จะช่วยให้อาการ เกร็งตัวของกระเพาะปัสสาวะคลายตัวลง ๓๘ \\ ฬฺทาฟร www.kalyanamitra.org
นั่งสมาธิไดไม่ดื การฒั้ป้สสาวะบ่อยๆ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ได้พูดเตือนหลวงพ่อไว้ว่า \"หลวงฟอทัตตะ การอั้นปัสสาวะนานๆ ต่อไปจะทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย แล้ว!!กสมาธิไม่ก้าวหน้า\" คำ เตือนของ คุณยายอาจารย์ๆ ย่อมมืนัยว่า ใครที่นั่งสมาธิแล้ว ยังเข้าไม่ถึงองคํพระ หาก ยังไม่เลิกอั้นปัสสาวะนานๆ ซาตืนี้ก็จะเข้าไม่ถึง ที่เข้าถึงแล้วก็จะไม่แตกฉาน จะไม่ก้าวหน้าต่อไปอีก จะเห็นได้ว่าแคใม่ระว้งในเรื่องของการอั้นปัสสาวะ ซึ่งเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เป็นอุปสรรคต่อการปฏิ'บตธรรมของพวกเรา อย่างมหันต์ a RflDhเท ป้ายา สยา www.kalyanamitra.org
ยฃองการอั้นอุจจาระ ลกษณะเฉพาะของอุจจาระที่สำคัญมี ๒ อย่าง คือ ๑. มีลักษณะกี่งแข็งกึ่งเหลว มันไม่ได้แข็งโปัก เหมือนอย่างลูกกระสุนยิง นก แล้วมันก็ไม่ใช่เหลวเละจน ปันก้อนไม่ติด ลักษณะของอุจจาระที่ปกติคือ กึ่งแข็งกึ่งเหลว ๒. มีกลิ่นเหมืน แต่ไม่มีกลิ่นเน่า กลิ่นเหม็นกับกลิ่นเน่ามันต่างกัน กลิ่น เหม็นเป็นธรรมดาของอุจจาระ เหม็นเพราะมืแก็สเจือปน เช่น แก๊สปิวเทน และ แก๊สมีเทน แต่ว่ากลิ่นเน่าอีกอย่างหนึ่ง ขอให้สังเกตกลิ่นอุจจาระในกระโถน ขณะที่อุจจาระลงไปใหม่ๆ ในกระโถนนั่นแค่กลิ่นเหม็นแต่ถ้าทิ้งไว้ในกระโถน ลักสองวัน นั่นกลิ่นอุจจาระเน่า ของเสียเข้าเสันเลือด เมื่อมีอาการปวดอุจจาระ แล้วเราอั้นเอาไว้นานๆ นํ้าที่ปนอยู่ในอุจจาระ ซึ่งทำให้อุจจาระมืสภาพกึ่งแข็งกึ่งเหลว จะถูกลูดซืมกลับเข้าไปในเส้นเลือด เช่นเดียวกับการอั้นปัสสาวะ ของเสียที่จะด้องขับทิ้ง ถูกดูดซึมกลับเข้าไปใน เส้นเลือด ผลที่ตามมาเป็นลูกโช่ก็คือโลหิตเสีย เลือดน้อย ตับร้อน ไตร้อน โรคภูมิแพ้ กลิ่นตัวแรง เป็นด้น ๔๐ V สุขทาพทึ่ที www.kalyanamitra.org
ห้องผูกสลับท้องเสีย อุจจาระแข็งที่ถูกอั้นเอาไว้ หลายว้น จะถูกแบคทีเรียที่อาศัย การอั้นอุจจาระเอาไว้นานๆ นํ้าจากอุจจาระจะถูกดูดซึมกลับ อยู่ในลำไล้เข้าไปกิน แล้วก็ฃับสาร พิษ(Toxic)ออกมา ทำ ให้อุจจาระ เข้าไปในเลันเลือด อุจจาระจึงแข็ง เปาและเกิดอาการท้องเสีย ขับถ่าย ถ่ายออกยาก ดีไม่ดีต้องแคะออก พรวดพราดออกมา กลิ่นเหม็นเน่า เพราะว่ามันค้างอยู่นาน อุจจาระที่ มาก เพราะฉะนั้นใครที่มีอาการ แข็งมาก เมื่อพยายามถ่ายออกมาก็ เดี๋ยวก็ท้องผูก เดี๋ยวก็ท้องเสียสลับ กัน พึงรู้เถิดว่าสาเหตุหนึ่งคือการ จะไปครูดกับผิวของทวารหนัก นี่คือ อั้นอุจจาระนาน ส่วนโรคภัยไข้เจ็บ อื่นๆ ที่จะตามมาอีกมากน้อยแค่ ที่มาของโรคริดสีดวงทวารหนัก Q ไหน ก็ขี้นอย่กับความประมาทของ ทุณใเาใท้ ป้ายๆ รบายา ๔๑ www.kalyanamitra.org
๖)ท้องผูก-ริดสีดวงทวารหนัก โรคท้องผูก สาเหตุทั่วไปของการเกิดโรคท้องผูก ได้แก่ ๑. ร่างกายขาดนํ้า ดื่มนํ้าน้อย หรือบางทีแม้ดื่มนํ้ามาก แต่ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเก็บนํ้าไวได้ก็ทำ ไท้ขาดนํ้า สาเหตุที่เก็บ บํ้าไม่ได้ ก็เพราะเราไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจงไม่ฟูทำไท้ เก็บนํ้าไว1มใด้หรือมิฉะนั้นการดื่มนํ้าเย็นจัด เซ่นนั้าใส่นํ้าแข็งก็ทำไท้ ร่างกายไม่เก็บนํ้า หรือการอยู่หน้าเตาไฟ หน้าตู้อบนานๆ ความร้อน จากเตาไฟ จากตู้อบดึงนํ้าในตัวออกไป แต่เจ้าตัวยังดื่มนํ้าในปริมาณ เท่าเดิม ผลที่ตามมาก็คือ มีอาการท้องผูก ๒.ไม่ชอบรับประทานพืฃผักผลไม้ขอบกินแต่อาหารประเภทเนื้อ หรือพวกอาหารที่มีกากน้อย แตใม่กินผักผลไม้ที่มีกากมาก ไครที่เคย ล้างท่อหรือล้างขวดจะเข้าใจได้ดีว่า ล้าจะไท้ท่อหรือขวดเกลี้ยง เขา ด้องไข้แปรงขัดด้ามยาวๆ ล้วงเข้าไปขัดในท่อหรือในขวด แต่ลำไล้ของ เรายาวกว่าขวด แล้วจะไข้แปรงอะไรสอดเข้าไปล้างลำไล้ ก็ใข้เล้นใย จากพืฃผักผลไม้ที่กินเข้าไป เพื่อไปทำหน้าที่ครูดเอาของเสืยออกจาก ผนังลำไล้ พืชผักผลไม้จึงเป็นเสมีอนแปรงล้างลำไล้ของคนเรานั่นเอง ๔!อ \\ {โซกาฟ www.kalyanamitra.org
๓. อั้นอุจจาระนานๆ การอั้นอุจจาระไว้นานๆ เป็นผลให้นํ้าที่มีอผู่ใน อุจจาระถูกลำไส้ใหญ่ดูดซึมกลับเข้าไปในเส้นเลือด หลังจากนาถูกดูดซึมออก จากอุจจาระ อุจจาระก็จะแข็ง ห้องจึงผูก เพราะฉะนั้นอย่าถ่ายอุจจาระผิด เวลาโดยใช่เหตุ ลืงเวลาเมื่อไรไม่ว่าจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ช่าง ขอเวลาไปถ่าย ก่อนเรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยว่ากัน ๔.ไม่ซอบออกกำลังกาย ยิ่งถ้านอนเฉยๆหรือนั้งเฉยๆ เป็นเวลานานๆจะ เป็นเหตุให้ลำไส้1ม่ค่อยบีบตัว อุจจาระก็ค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ติดต่อกันหลายวัน จึงเกิดอาการท้องผูกขึ้น หากทิ้งไว้นานๆ ห้องจะเลืยตามมา เพราะอุจจาระที่ ตกค้างเน่า fทุผทำใท[ง่าขา รนไยา /๔๓ www.kalyanamitra.org
คนท้องผูกอย่างหนักจะแก้ไขได้อย่างไร วิธีแก้ไขอาการท้องผูกอย่างหนักอาจทำได้ ๓ วิธีดังนี้ วิธีที่ ๑ เป็นวิธีง่ายๆ ตามแบบโบราณ กล่าวคือ เมื่อตื่นขี้น ในตอนเข้า แล้วก็ฃงนํ้าซาใส่ใบขาลงไปนิดหน่อยเพียงแค่มีกลิ่น นั่งตื่มนํ้าฃาอ่อนๆ อุ่นๆ ถึงแม้จะดื่มนํ้าฃาหมดไปกาสองกา ล้า ยังไม่ปวดอุจจาระก็ไม่เลิกดื่ม ดื่มนํ้าซาไปก็ออกกายบริหารเบาๆ ไป ไม่เร่งไม่ร้อน เดี๋ยวก็ปวดอุจจาระจนได้ เมื่อปวดแล้วก็ใท้ริบ ไปขับถ่ายเสีย ล้าหากวันแรกยังไม่ถ่ายก็อย่าเพิ่งท้อ ทำ ติดต่อ กันไม่เกิน ๓ วัน ก็ถ่ายจนได้และกลายเป็นนิสัยถ่ายแต่เข้าโดย อัตโนม้ติ วิธีที่ 1ร การไข้ยาระบาย ยาระบายควรอยู่ในรูปอาหาร เซ่น มะขามเปียก(มะขามเปรี้ยวดีกว่ามะขามหวาน)ยอดขุมเห็ดเทศ เป็นด้น ยาระบายที่อยู่ในรูปอาหารจะมีคุณค่ามากกว่า ยาถ่ายจากร้านขายยา เพราะการใข้ยาถ่ายจากร้านขายยา นานๆ ไป จะทำให้ติดยาถ่าย ล้าไม่กินยาก็ไม่ถ่าย ๔ร:\\ สุขกานเทที www.kalyanamitra.org
วิธีvjร^พสร้างกล้ามเนื้อ แล้วฃมิบจนกว่าจะถ่ายออก การ หูรูดที่ทวารหนัก วิธีนื้ทำ ได้โดยการ เบ่งพรวดเดียวไม่ได้ช่วยให้ลำไล้ได้ ออกกำลังที่ปากทวารหนัก กล่าวคือ มีโอกาสออกกำลัง แต่การเบ่งแล้ว ถ้ามีอาการท้องผูก เมื่อถึงคราวปวด ฃมิบเป็นการใข้กำลังที่ทวารหนัก อุจจาระแต่อุจจาระแข็งมากจนเบ่ง มาช่วยลำไล้ และในที่สุดกล้ามเนื้อ หูรูดที่ปากทวารหนักก็จะมีกำลัง ถ่ายไม่ออก ก็ให้เบ่งไม่แรงนักแล้วก็ ฃมิบ เบ่งนิดเดียวแล้วก็ฃมิบ (ไมใช่ ตามมาด้วย ล้าทำอย่างนื้ ไม่นาน เบ่งหนัาเขียวหน้าเหลือง) ถ้ายังไม่ อาการท้องผูกจะคลายลง เพราะ ออกก็ใฃ้หัวฉีดนํ้าล้างก้น ฉีดนํ้าไป ทั้งลำไล้ใหญ่และกล้ามเนื้อโดย ที่ปากทวารหนัก เพื่อให้บํ้าเข้าไป รอบทวารหนัก มีกำ ลังพอที่จะขับ ช่วยหล่อลน ทำ สลับกับการเบ่ง อุจจาระด้วยตนเองได้ /คุณฬสั ป้าบา สบาบา / ๙๕ www.kalyanamitra.org
ริดสีดวงทวารหนัก ผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังจะเป็นเหตุให้!รคริดสีดวงทวารหนักเกิดตามมา ได้ง่าย เพราะฉะนั้นผู้ที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี จะไม่ยอมให้ท้องผูกเป็น อันขาด เพื่อป้องกันไมให้เกิดริดสีดวงทวารหนักได้ แต่ทว่าเมื่อมีอาการริดสีดวงทวาร หนักเกิดขึ้น มีวิธีดูแลรักษาด้วยตนเอง ตังนี้ ๑.ถ้าใครมีอาการอักเสบที่บริเวณทวารหนัก เซ่นปากทวารหนักบวมเป้ง ปอยๆ ทั้งปวดและเจ็บจนแทบก้าวขาไม่ออก วิธีแก้ไขขั้นด้นอย่างง่ายๆ ซึ่งจะ ซ่วยให้ทุเลาลงได้ภายในไม่กี่นาที คือ เอามะกรูดแก่ๆ ผลหนี่งมาอังไฟ อาจ จะใช้โคมไฟดูหนังสือก็ได้โคมไฟที่มีความร้อนขนาด ๘๐ วัตต์กำลังดี (ถ้าไม่มี ๘๐ วัตต์ จะใช้ ๑๐๐ วัตต์ก็ได้ หรืออย่างน้อยด้อง ๖๐ วัตต์) อังพออุ่นๆ แล้ว ลองใช้หลังมือแตะดู เมื่อรู้สึกว่าอุ่นพอทนได้ ก็ใช้มะกรูดอุ่นๆ นั้นนาบที่บริเวณ ทวารหนัก พอลูกมะกรูดเย็นลงก็เอามาอังไฟใหม่ แล้วก็ไปนาบอีก ทำ สลับกัน ไปเซ่นนี้ประมาณ ๑๐ นาที เราก็จะรู้สึกด้วยตัวเองเลยว่าส่วนที่บวมอักเสบจะ ยุบ อย่างน้อย ๒๐ ถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ และอาจมากถึง ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ๔'๖ V สุขทาพทที www.kalyanamitra.org
บริเวณผิวที่นาบด้วยลูกมะกรูดนั้นถ้าปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืนอาจจะรู้สึกแสบ ต้องใข้ครีมทาช่วยลดการระคายเคือง อาจจะเป็นครีมทาหน้า หรีอครีมทาตัว ก็ได้ แล้วก็นอนหลับสักตื่น ตื่นขึ้นมาจะพบว่าอาการบวมยุบหายไปแล้วไม่ตํ่า กว่า ๖๐ ถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ สำ หรับผู้ที่เพิ่งเป็นครั้งแรกๆ อาการบวมอักเสบอาจจะเหี่ยวหายไปเลย แต่สำหรับผู้ที่เป็นมาเรื้อรัง จะไม่หายขาด เพียงแค่ทุเลาเท่านั้น แต่ในกรณีที่ ยังมีเลือดไหลไม่หยุด ก็ด้องไปหาหมอที่มีความเชี่ยวขาญโรคนื้เดยตรง ๒.ต้องหัดบริหารทวารหนักให้เปน วิธทำง่ายๆ และได้ผลซะงัดคือ แต่ละ ครั้งที่เข้าห้องนั้า ไม่ว่าถ่ายปิสสาวะหรืออุจจาระ ถ่ายเสร็จแล้วอย่าเพิ่งรีบออก จากห้องนํ้า ให้นั่งลงที่โถส้วมแล้วฃมิบทวารหนัก คราวละ ๓๐๐-๔๐๐ ครั้ง เสร็จแล้วจึงค่อยไปทำธุระอย่างอื่น ปฏิบ้ติต่อเนื่องลันไปอย่างนี้ ไม่เกิน ๑-๒ สัปดาห์ อาการท้องผูกและริดสีดวงทวารหนักจะหายไปพร้อมๆ ลัน อย่างน่า อัศจรรย์ nmitiln ง่ายา สบายๆ www.kalyanamitra.org
๗)การดูแลตัวเองเมื่อท้องเสีย วันหนึ่งมีพนักงานที่ครัวของวัดสิบกว่าคน เกิดอาการท้องเสืย เริ่มแรก โม่รุนแรงนัก แต่เนื่องจากปฏิบัติตัวโม่ถูกต้อง จีงมีอาการหนักขึ้น เมื่อส่งโปที่ ศูนย์พยาบาล หมอจึงต้องสั่งใท้นํ้าเกลือทางเส้นเลือดทุกคน อาการที่เรียกว่า ท้องเสีย หมายถึงภาวะที่มีอาการถ่ายอุจจาระเป็นนํ้า หรือถ่ายเหลวๆ มากกว่า ๓ ครั้ง หรือถ่ายเป็นมูก หรือมูกปนเลือด อาจมีอาการ ปวดท้อง และอาเจียนร่วมด้วย อาการท้องเสียเฉียบพลัน ส่วนมากมีสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ คือ อาหารที่มีสารพิษปนเปีอน เป็นสารพิษที่เกิดจากเขึ้อโรค หรือสารเคมี เข่น สารกันบูด ยาฆ่าแมลง เป็นต้น โดยทั่วโป ขึ้งมักจะพบว่ามีประวัติกินอาหาร ร่วมกัน และมีอาการพร้อมกันหลายคน อาการจะเกิดขึ้นเร็วหรือซ้า จะรุนแรง มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณที่กิน ซนัดของเขึ้อโรคและสารเคมีนั้นๆ รวมทั้ง ความต้านทานของแต่ละคนด้วย \\๙๘ V ^ทาฟที www.kalyanamitra.org
?ไ\\ V 5ฃองคบเรา จะมีการปรับสภาพฃ่วยเหลือตัวเองแบ'บ อัตโนม้ติ■สือถ้ากินสิ่ง'พี่เป็นพิษเข้าไป \"รี่างกายก็จะพยายามขับพิษออก'ตันพิไดย ลำ ไส้จะพยายามบีบตัวเ'พี่อขับพิษออกมาขณะลำไถ้กำลังษีบ ตัวเองเ'พี่อขับ สารพิษออกนั้น อาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดมวนท้อง ขับถ่าย หลายๆ หน เพื่อขับของเสียออกให้หมด เพราะฉะนั้น เมื่อท้องเสีย หากไม่มีคลื่นไถ้อาเจียนหรือมีคลื่นไส้อาเจียน แต่ไม่มาก ยังสามารถกินอะไรได้บ้าง เราจะต้องดื่มนํ้าเข้าไปให้มากๆ ถ้าให้ดี ควรเป็นนํ้าผสมเกลือแร่(ที่เขาทำเป็นซองๆ มีขายตามร้านขายยาที่'วไป)เพื่อ ทดแทนนั้าและเกลือแร่ที่เสียไป เพราะเมื่อร่างกายขาดนํ้าก็จะทำให้อ่อนเพลืย บางรายอาจรุนแรงจนถึงขั้นช็อกหมดสติเป็นอันตรายลืงฃืวิตได้ การดื่มนํ้ๆ เข้าไปได้มากเท่าไร จะช่วยทำให้สารพิษต่างๆในลำไถ้เจือจางลง อีกทั้งยังช่วย ขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกายไดีโดยเร็วอีกด้วย เมื่อของเสียถูกขับถ่ายออก หมด อาการต่างๆ ก็จะดีฃึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยาเลย ถ้าหากมีอาการมาก เช่นปวดมวนห้องมาก หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียนจนกินอะไรไมใต้เป็นด้นใน กรณีนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า จะต้องกินยาหรือฉีดยา ตามการวินิจฉัยของหมอ ทฺณฟ้าใท ง่าขา{ญาชา /๕๙ www.kalyanamitra.org
เพราะฉะนั้น อยากฝากพวกเราไว้ว่า เมื่อมี ความผิดปกติเกี่ยวกับสุขภาพ อย่าเพิ่งไปคิดพึ่ง ใคร ต้องคิดพึ่งตัวเองเป็นอันดับแรก แกลาวจาก ผลที่เกิดขึ้นไปหาต้นเหตุต้วยการสำรวจตัวเอง ต้วยการนึกทบหวนก่อนว่า สิ่งที่เราประพฤติใน วันนี้หรือวันอื่นๆ ที่ผ่านมา มีความผิดพลาดอะไร กับตัวเราบ้าง การนึกทบทวนนี้บางทีอาจจะผิด หรืออาจจะถูกก็ได้ แล้วนำไปเล่าให้หมอฟ้ง หมอ ซี่งมีความชำนาญมากกว่าเราจะช่วยตัดสินให้เรา ได้ว่า สิ่งที่เราลันนิษฐานนั้นผิดหรือถูกใช่หรือไม่ใช่ และล้าหมอได้ข้อมูลถูก หมอก็ลามารถมุ่งไปแล้!ข รักษาที่ต้นเหตุ ไม่นานพวกเราก็หายปวย ล้าการนึกทบทวนลอบลาวราวเรื่องของเรา ปรากฏว่าตรงตามความเป็นจริง ก็หมายความว่า เราเองเรื่มมีความรู มีความรอบคอบขึ้นบ้างแล้ว ก็จะเกิดความมั่นใจเพิ่มขึ้น และเป็นการลร้างนิสัย ช่างสังเกตให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ไม่เฉพาะเรื่องสุขภาพ เท่านั้น แม้ในเรื่องอื่นๆ ด้วย แล้วในที่สุดความเชื่อ มั่นในตัวของเราเองก็จะเพิ่มมากขึ้น ๕๐ V สปีทาฟท www.kalyanamitra.org
ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้น กับตัวเราจะร้ายหรอดีก็ตาม พึงเอาสิงนั้นมาเป็นบทแกให้เกิดนิสัย ข์างสังเกต ให้เกิดปืญณา ให้รู้จักตัวเอง ถ้าสังเกตไม่ออก ก็ให้ไปขอคำแนะนำจาก ท่านผู้รู้ อย่าอาย อย่ากลัวเสียหน้า แล้วเราก็จะไม่เจ็บตัวเปล่า เพราะเจ็บแล้วก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้น รู้จักระวังเพิ่มขึ้น ที่เ1ยกว่า ผิดเป็นครู คือ จะไม่มีการเจ็บซํ้าสองในเรื่องนั้นๆ อึกต่อไป i flniiiiM ง่าขา สบาขา i ๕๑ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127