Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tidtam_64

tidtam_64

Published by chuaysong, 2021-11-01 08:38:54

Description: รายงานการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ 2654

Search

Read the Text Version

คำนำ ตามนโยบายและจุดเน้นการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการและจุดเน้น การดำเนินงานของสำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่ให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษาและเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษานอกระบบและ การจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้เชื่อมโยงและตอบสนองต่อการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยของสถานศึกษา เพอื่ กระจายโอกาสทางการศึกษาสำหรบั กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ใหม้ ที างเลือกในการเรียนรู้ทห่ี ลากหลายและมีคณุ ภาพ สามารถพัฒนาตนเองให้รเู้ ท่าทนั ส่อื และเทคโนโลยี สารสนเทศเพือ่ การสอื่ สาร เพ่ือลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เสริมสร้างคุณภาพทางการศึกษาและ การเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชน เพื่อให้การดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวบรรลุตามวัตถุประสงค์ ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สำนักงาน กศน. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการผลิต พัฒนาและเผยแพร่ เทคโนโลยเี พ่ือการศกึ ษาในรูปแบบโทรทัศนเ์ พ่ือการศกึ ษา วทิ ยเุ พ่อื การศกึ ษา สือ่ การศึกษาเพ่อื สง่ เสริมความรู้ เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการติดตามผล การใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทลั เพอ่ื การศกึ ษาจากผู้รับบรกิ ารในพ้นื ที่ เพื่อเปน็ แนวทางในการพัฒนาการให้บริการ สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ต่อไป และนำข้อมูลสารสนเทศที่ได้มาใช้ในการวางแผนกำหนดทิศทางการพัฒนางานต่อไปอย่างเป็น รปู ธรรม ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ขอขอบคุณผู้บริหารสำนักงาน กศน.จังหวัด ผู้บริหาร กศน. อำเภอ ครู กศน.ตำบล นักศึกษา กศน. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ ข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามด้วยดี ทำให้ภารกิจการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 บรรลผุ ลสำเร็จตามเปา้ หมายทุกประการ (นางวรภร ประสมศรี) ผู้อำนวยการศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษา ตุลาคม 2564

สารบญั หน้า บทสรปุ ผูบ้ ริหาร ก-ฏ บทท่ี 1 4 1 บทนำ................................................................................................................. 4 วตั ถุประสงค์ของการวิจยั ............................................................................... 5 ขอบเขตของการวิจยั .................................................................................... 5 ประเด็นท่ีศกึ ษา............................................................................................ 6 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ.......................................................................................... 7 ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รบั ............................................................................ 7 17 2 เอกสารและงานวจิ ยั ที่เก่ียวข้อง.......................................................................... 19 แนวคิดทเี่ กีย่ วขอ้ งกับเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพ่อื การศึกษา.................................... เอดการ์ เดล (กรวยประสบการณ์) 21 แนวคิดและทฤษฎคี วามพงึ พอใจ 28 นโยบายของรฐั บาล/กระทรวง/กรม ที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีดจิ ิทลั 33 เพื่อการศึกษา................................................................................................ 37 ศูนย์เทคโนโลยีทางการศกึ ษา....................................................................... 26 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวข้อง.................................................................... 38 กรอบแนวคิดในการติดตามผลการใชส้ อื่ เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลเพือ่ การศึกษา...... 42 3 วิธดี ำเนนิ การวิจัย.............................................................................................. 35 การศกึ ษาเชงิ ปริมาณ (Quantitative Approach)………………………………... ข้นั ตอนการดำเนนิ งานการตดิ ตามผลการใชส้ ่ือเทคโนโลยีดิจิทัล 45 เพ่อื การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย................................... 69 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ..................................................................................... ตอนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์การศึกษาสภาพความพร้อมในการให้บรกิ ารและ การใช้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจทิ ลั เพือ่ การศกึ ษา ในรูปแบบโทรทัศนเ์ พอื่ การศึกษา (ETV) วิทยเุ พื่อการศึกษา ส่อื การศึกษาเพื่อสง่ เสริมความรู้เก่ยี วกับ ประชาคมอาเซียน และสอื่ ดจิ ิทลั เพ่อื การศึกษา.......................................... ตอนที่ 2 ผลการวเิ คราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพฒั นาการใช้สื่อเทคโนโลยี ดจิ ทิ ลั เพื่อการศึกษา......................................................................................

สารบัญ (ตอ่ ) หน้า ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ความต้องการด้านเนื้อหาเพอ่ื ใช้ในการผลิต 78 และเผยแพรเ่ ทคโนโลยีดจิ ิทลั เพอ่ื การศึกษาใหส้ อดคล้องกับความต้องการ ของผู้รบั บรกิ าร............................................................................................. 101 ตอนที่ 4 ผลการวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาการใหบ้ รกิ ารสอ่ื เทคโนโลยีดจิ ิทลั 105 เพอ่ื การศึกษาของศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา............................................ 105 5 สรปุ ผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ.................................................. 120 สรปุ ผลการวิจยั .............................................................................................. 130 อภปิ รายผล.................................................................................................... 132 ข้อเสนอแนะ.................................................................................................. 135 บรรณานกุ รม............................................................................................................. 136 ภาคผนวก.............................................................................................................. ... 143 แบบสอบถามสำหรบั ครู กศน. ..............................................................…………. 148 แบบสอบถามสำหรบั นักศึกษา กศน. ................................................................ 149 การวิเคราะหค์ วามสอดคล้องข้อคำถาม............................................................. 295 รายชอ่ื กลุ่มตวั อย่างท่ีไปติดตามผลการใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลเพือ่ การศึกษา ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564.................................................................................. 151 หนังสอื ตดิ ตอ่ ประสานงานกับสำนักงาน กศน.จังหวัดในการติดตามผลการใช้ เทคโนโลยีดิจทิ ัลเพอื่ การศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564.................................. 152 หนังสอื ตดิ ตอ่ ประสานงานกบั สถานศึกษาในการตดิ ตามผลการใชเ้ ทคโนโลยี 154 ดิจิทัลเพอื่ การศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564.................................................. 156 ภาพการตดิ ตามผลการใช้สอ่ื เทคโนโลยดี จิ ทิ ัลเพ่ือการศึกษา.............................. คณะผ้จู ดั ทำ

สารบญั ตาราง ตาราง หน้า 3.1 แสดงจำนวนกลุ่มตวั อยา่ งทใ่ี ช้ในการตดิ ตามผลการใช้เทคโนโลยีดิจิทลั ............. 39 ตอนที่ 1 การศึกษาสภาพความพร้อมในการใหบ้ ริการและการใชบ้ รกิ าร ครู กศน.ตำบล 4.1 แสดงข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม............................................................... 46 4.2 แสดงความพรอ้ มในการให้บรกิ ารและการใช้ส่ือโทรทศั น์เพื่อการศึกษา................. 47 4.3 แสดงความพึงพอใจในการรบั ชมรายการ (ETV)...................................................... 49 4.4 แสดงความพรอ้ มในการใหบ้ ริการและการใช้สื่อวิทยุศกึ ษา..................................... 50 4.5 แสดงความพรอ้ มในการใหบ้ รกิ ารและการใช้สือ่ การศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้ เกีย่ วกบั ประชาคมอาเซียน..................................................................................... 52 4.6 แสดงความพงึ พอใจต่อรายการเพ่ือส่งเสรมิ ความรเู้ กี่ยวกบั ประชาคมอาเซียน...... 53 4.7 แสดงความพรอ้ มในการใหบ้ ริการและการใชส้ ่อื ดจิ ิทัลเพื่อการศึกษา.................... 54 นกั ศึกษา กศน. 4.8 แสดงขอ้ มลู ทว่ั ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม............................................................... 59 4.9 แสดงความพร้อมในการใช้บริการสือ่ โทรทศั น์เพ่ือการศกึ ษา................................... 60 4.10 แสดงความพึงพอใจในการรบั ชมรายการ (ETV)..................................................... 61 4.11 แสดงความพร้อมในการใช้บรกิ ารส่ือวทิ ยศุ ึกษา..................................................... 62 4.12 แสดงความพร้อมในการใชบ้ ริการสอื่ การศึกษาเพื่อส่งเสรมิ ความรู้เก่ียวกบั ประชาคมอาเซยี น.................................................................................................. 63 4.13 แสดงความพึงพอใจในการรับชมรายการเพือ่ สง่ เสริมความรู้เกย่ี วกับ ประชาคมอาเซียน.................................................................................................. 64 4.14 แสดงความพร้อมในการใชบ้ รกิ ารสื่อดจิ ิทัลเพ่ือการศึกษา.................................... 64 ตอนท่ี 2 ข้อเสนอแนะแนวทางในการพฒั นาการใช้สอ่ื เทคโนโลยีดิจทิ ัลเพื่อ 69 การศึกษา 71 72 ครู กศน.ตำบล 73 4.15 แสดงประเด็นข้อเสนอแนะในการพัฒนาใชร้ ายการ ETV ………………….............. 4.16 แสดงประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาใช้รายการวทิ ยุศกึ ษา.............. 4.17 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการส่ืออาเซียน........ 4.18 แสดงประเด็นแนวทางการในการพฒั นาการใหบ้ ริการส่ือดจิ ิทลั .........................

สารบญั ตาราง (ตอ่ ) ตาราง หนา้ นกั ศกึ ษา กศน. 74 75 4.19 แสดงประเด็นข้อเสนอแนะในการพัฒนาใช้รายการ ETV………....................……. 76 4.20 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะแนวทางในการพฒั นาใชร้ ายการวิทยศุ กึ ษา.............. 77 4.21 แสดงประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาใชบ้ ริการสอื่ อาเซียน............. 4.22 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาใหบ้ รกิ ารสอื่ ดจิ ิทลั ................ ตอนท่ี 3 ความต้องการด้านเนอ้ื หาเพ่ือใช้ในการผลิตและเผยแพรเ่ ทคโนโลยีดจิ ิทัล 78 ครู กศน.ตำบล 79 82 4.23 แสดงความต้องการด้านเนอื้ หาเพื่อใชใ้ นการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดจิ ทิ ัล 86 ด้านการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน.................................................................................... 88 4.24 แสดงความต้องการด้านเนอ้ื หาเพื่อใชใ้ นการผลติ และเผยแพรเ่ ทคโนโลยีดิจิทลั 89 ดา้ นการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานแตล่ ะวิชา................................................................... 89 93 4.25 แสดงความตอ้ งการด้านเนื้อหาเพ่อื ใชใ้ นการผลิตและเผยแพรเ่ ทคโนโลยีดิจทิ ลั 98 ดา้ นการศึกษาอาชีพ.......................................................................................... 100 4.26 แสดงความต้องการด้านเนื้อหาเพอื่ ใชใ้ นการผลติ และเผยแพรเ่ ทคโนโลยีดิจทิ ลั ด้านการศึกษาตามอธั ยาศัย................................................................................ 4.27 แสดงความต้องการด้านเน้ือหาเพอ่ื ใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจทิ ัล ด้านการส่งเสริมความรู้เกีย่ วกบั ประชาคมอาเซียน............................................ นกั ศึกษา กศน. 4.28 แสดงความต้องการด้านเนือ้ หาเพอ่ื ใชใ้ นการผลิตและเผยแพรเ่ ทคโนโลยดี ิจทิ ัล ดา้ นการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน.................................................................................... 4.29 แสดงความตอ้ งการด้านเนอ้ื หาเพอ่ื ใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัล ดา้ นการศึกษาข้ันพนื้ ฐานแตล่ ะวิชา................................................................... 4.30 แสดงความตอ้ งการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพรเ่ ทคโนโลยีดจิ ิทัล ดา้ นการศกึ ษาอาชพี .......................................................................................... 4.31 แสดงความตอ้ งการด้านเนื้อหาเพ่อื ใชใ้ นการผลติ และเผยแพรเ่ ทคโนโลยีดจิ ทิ ัล ดา้ นการศกึ ษาตามอัธยาศัย................................................................................ 4.32 แสดงความต้องการด้านเนื้อหาเพ่ือใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัล ด้านการสง่ เสริมความรู้เกย่ี วกบั ประชาคมอาเซยี น............................................

สารบัญตาราง (ตอ่ ) ตาราง หนา้ ตอนท่ี 4 แนวทางการพัฒนาการให้บรกิ ารสื่อเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอื่ การศึกษา 101 ครู กศน. ตำบล 103 4.33 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใหบ้ รกิ าร สอ่ื เทคโนโลยีดจิ ิทัลของศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา........................................... นกั ศึกษา กศน. 4.34 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะแนวทางในการพฒั นาการให้บรกิ าร สื่อเทคโนโลยดี จิ ิทลั ของศูนย์เทคโนโลยที างการศกึ ษา...........................................

สารบัญภาพ หนา้ ภาพ 14 15 2.1 แสดงภาพไทยแลนด์เข้าสยู่ ุคดจิ ิทัล 4.0........................................................... 16 2.2 แสดงภาพยุคแห่งขอ้ มลู และบิ๊กดาต้า.............................................................. 17 2.3 แสดงภาพยคุ ดจิ ทิ ัล 4.0.................................................................................. 18 2.4 แสดงภาพการร้ใู ช้ รเู้ ขา้ ใจ รูส้ ร้างสรรค์.......................................................... 37 2.5 แสดงภาพกรวยประสบการณข์ อง เอดการ์เดล.............................................. 44 2.6 แสดงกรอบแนวคิดในการตดิ ตามผล.............................................................. 3.2 แสดงข้ันตอนการดำเนินงานการติดตามผลการใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั ..............

บทสรุปผู้บริหาร การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปงี บประมาณ 2564 มีวตั ถปุ ระสงค์ 4 ข้อ ไดแ้ ก่ 1) เพื่อศึกษาสภาพความพร้อมในการให้บริการและการใช้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรเู้ กยี่ วกบั ประชาคมอาเซยี น และส่อื ดิจิทลั เพ่ือการศกึ ษา 2) เพอื่ สอบถามข้อเสนอแนะแนวทางการพฒั นาการใช้สื่อเทคโนโลยีดจิ ิทัลเพอื่ การศึกษา 3) เพื่อสอบถามความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัล เพือ่ การศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั ความต้องการของผู้รบั บริการ 4) เพื่อหาแนวทางการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษา ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม เก็บข้อมูลโดยการลงพื้นที่ ภาคสนาม จำนวน 2 ภาค คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และเนื่องจากเกิดสถานการณ์ แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถลงพื้นท่ี ภาคสนามเพื่อเก็บข้อมูลได้ จำนวน 3 ภาค คือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษาได้ทำหนังสือประสานงานขอความอนุเคราะห์ให้ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอ ให้คัดเลือก ครู กศน. ตำบล อำเภอละ 4 คน นักศกึ ษา กศน. จำนวน 8 คน เพ่อื เป็นกลุ่มตัวอย่างในการตอบแบบสอบถาม แลว้ ส่งไปรษณยี ต์ อบกลับ มายงั ศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศกึ ษา สามารถนำเสนอบทสรปุ ได้ดังน้ี ตอนที่ 1 ผลการศึกษาสภาพความพร้อมในการให้บริการและการใช้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศกึ ษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรเู้ กีย่ วกับประชาคมอาเซยี น และสื่อดิจิทลั เพ่อื การศึกษา สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลที่นิยมใชใ้ นการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยมากที่สดุ ของ กศน.ตำบล คือ สื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา (ร้อยละ 67.68) รองลงมา คือ รายการโทรทัศน์ ETV (ร้อยละ 31.82) และรายการวิทยุเพื่อศึกษา (ร้อยละ 0.50) ตามลำดับ และนักศึกษา กศน. คือ สื่อดิจิทลั เพื่อการศึกษา (สื่อออนไลน์) (ร้อยละ 87.90) รองลงมา คือ รายการโทรทัศน์ ETV (ร้อยละ 11.60) และ รายการวทิ ยุเพื่อศกึ ษา (ร้อยละ 0.50) ตามลำดับ 1.1 การให้บรกิ ารและการใชส้ ื่อโทรทัศน์เพอื่ การศกึ ษา ETV กศน.ตำบล ส่วนใหญ่มชี ดุ รบั สญั ญาณรายการโทรทัศน์ผา่ นดาวเทียมที่ใชง้ านได้ คือ ระบบ KU-BAND (รอ้ ยละ 60.10) โดยสว่ นใหญ่มกี ารให้บรกิ ารและใชโ้ ทรทศั น์เพื่อการศกึ ษา (ETV) ได้แก่ รบั ชม ทางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน (ร้อยละ 89.80) รองลงมา คือ รับชมทางเครื่องคอมพิวเตอร์ PC/ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (ร้อยละ 71.21) รับชมทางอุปกรณ์รับโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (ร้อยละ 35.35) และ รับชมทางเคเบิ้ลทีวีส่วนท้องถิ่น (ร้อยละ 5.56) ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีเนื้อหารายการ ETV ที่รับชมเป็น ประจำ ไดแ้ ก่ รายการ ติวเขม้ เติมเตม็ ความรู้ (รอ้ ยละ 65.15) รองลงมา คือรายการเพื่อส่งเสริมการศึกษา สายสามัญ (ร้อยละ 53.54) รายการเพื่อส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพ และรายการส่งเสริมการศึกษา ตามอัธยาศัย (ร้อยละ 34.85 เท่ากัน) รายการเพื่อพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (ร้อยละ 29.80) และ รายการอาเซยี น (รอ้ ยละ 13.13) ตามลำดบั ผรู้ บั บริการโทรทัศน์เพอ่ื การศึกษาส่วนใหญ่ ได้แก่ นักศกึ ษา กศน.

ข (ร้อยละ 96.97) รองลงมา คือ ครแู ละบุคลากรทางการศึกษา (รอ้ ยละ 62.63) ประชาชนทั่วไป (ร้อยละ 23.74) นักเรียน ในระบบ (ร้อยละ 6.06) เด็กและเยาวชน (ร้อยละ 5.56) ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่มีปัญหาและ อุปสรรคในการใช้บริการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ใช้ในการรับชม บางครั้ง มีปัญหา ไมเ่ สถียร และค่อนข้างช้า (ร้อยละ 49.49) รองลงมา คือ อปุ กรณช์ ุดรบั สัญญาณจานดาวเทียมเสีย และชำรุด เก่า ไม่ทันสมัย (ร้อยละ 32.83) เวลาตารางในการออกอากาศไม่ตรงกับพบกลุ่มนักศึกษา (ร้อยละ 28.28) และโทรทัศน์มีขนาดเล็กเกินไป เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการสอนกลุ่มใหญ่ (รอ้ ยละ 25.25) ตามลำดบั ความพึงพอใจในการรับชมรายการโทรทัศนเ์ พื่อการศึกษา ETV พบว่า โดยภาพรวม อยู่ใน ระดับมาก ก่อนรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับปานกลาง หลังรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น อยู่ในระดับมาก และหากพิจารณาเป็นรายข้อจากความพึงพอใจ สูงสุด ลำดับแรก คือ สารประโยชน์ที่ได้รับจากรายการ รองลงมา คือ วิทยากรและผู้ดำเนินรายการ ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ วิธีการนำเสนอรายการ รูปแบบรายการ ช่วงเวลาในการเผยแพร่ ออกอากาศ และระยะความยาวของรายการ (นาท)ี ตามลำดบั นักศึกษา กศน. ส่วนใหญ่มีการใช้บริการสื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV (ร้อยละ 68.50) ส่วนใหญ่เนื้อหารายการ ETV ที่รับชมเป็นประจำ ได้แก่ รายการเพื่อส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพ (ร้อยละ 48.70) รองลงมา คือ รายการส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย (ร้อยละ 45.20) รายการติวเข้ม เติมเต็มความรู้ (ร้อยละ 42.20) รายการเพื่อส่งเสริมการศึกษาสายสามัญ คิดเป็นร้อยละ 40.90 และ รายการอาเซยี น (รอ้ ยละ 12.10) ตามลำดับ ความพงึ พอใจในการรับชมรายการโทรทัศนเ์ พื่อการศึกษา ETV พบวา่ โดยภาพรวม อยู่ใน ระดับมาก ก่อนรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับปานกลาง หลังรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น อยู่ในระดับมาก และหากพิจารณาเป็นรายข้อจากความพึงพอใจ สูงสุด ลำดับแรก คือ สารประโยชน์ที่ได้รับจากรายการ รองลงมา คือ วิทยากรและผู้ดำเนินรายการ ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ วิธีการนำเสนอรายการ รูปแบบรายการ ช่วงเวลาในการเผยแพร่ ออกอากาศ และระยะความยาวของรายการ (นาท)ี ตามลำดับ 1.2 การใหบ้ รกิ ารและการใช้วิทยุเพ่อื การศกึ ษา กศน.ตำบล ส่วนใหญ่ไมเ่ คยรับฟังรายการวทิ ยุศึกษาท่ีผลิตและเผยแพรโ่ ดยศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษา (ร้อยละ 69.70) รองลงมาคือ เคยรับฟังทางอินเทอร์เน็ต www.moeradiothai.net (รอ้ ยละ 18.69) รบั ฟังทางอุปกรณร์ บั สญั ญาณดาวเทียม ชอ่ ง R32 (รอ้ ยละ 7.57) และรบั ฟงั จากเครอ่ื งรับ วิทยุที่คลื่น FM 92 MHz / AM 1161 kHz (ร้อยละ 4.04) ตามลำดับ โดยมีการนำรายการวิทยุศึกษา ไปใช้ในการส่งเสริมการศึกษานอกระบบ (ร้อยละ 20.20) มีการนำรายการวทิ ยุศึกษาไปใชใ้ นการส่งเสริม การศึกษาตามอัธยาศัย (ร้อยละ 17.68) ส่วนใหญ่มีการรับฟังรายการวิทยุทั่วไป ผ่านทางช่องทาง โทรศพั ทม์ อื ถือสมารท์ โฟน (รอ้ ยละ 44.95) รองลงมา คือ เครอ่ื งรบั วิทยุ (รอ้ ยละ 27.78) และเครื่องคอมพิวเตอร์ (รอ้ ยละ 19.70) ไม่เคยรับฟงั รายการวิทยเุ ลย (รอ้ ยละ 7.57) ตามลำดับ สว่ นใหญ่มีการรับฟงั รายการวิทยุ ทั่วไป ในรูปแบบรบั ฟงั รายการสด (รอ้ ยละ 46.97) และรับฟังรายการย้อนหลัง (ร้อยละ 45.96) ตามลำดบั โดยส่วนใหญ่มีปญั หาอุปสรรคในการใช้รายการวิทยุศึกษาเพ่ือส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย คือ ไม่นิยมใช้วิทยุเป็นเครื่องมือ ในการส่งเสริมการศึกษาเพราะมีสื่อเทคโนโลยีอื่น ๆ (ร้อยละ 33.84) รองลงมา คือ ไม่ทราบรายละเอียดคลื่นความถี่และช่องทางการรับฟัง (ร้อยละ 23.74)

ค ไม่มีเครื่องรับวิทยุ (ร้อยละ 23.23) ไม่ทราบว่า มีรายการวิทยุส่งเสริมการศึกษาของ กศน. ให้บริการ (ร้อยละ 21.72) และรบั ฟังไมไ่ ด้ ไมม่ สี ัญญาณ (รอ้ ยละ 11.11) ตามลำดบั นักศึกษา กศน. ส่วนใหญ่ไม่เคยรับฟังรายการวิทยุศึกษาที่ผลิตและเผยแพร่โดย ศนู ย์เทคโนโลยที างการศึกษา (ร้อยละ 65.05) รองลงมาคอื เคยรบั ฟังทางอินเทอร์เน็ต www.moeradiothai.net (ร้อยละ 26.08) ฟังจากเครื่องรับวิทยุที่คลื่น FM 92 MHz / AM 1161 kHz (ร้อยละ 5.11) และฟังทาง อุปกรณร์ ับสญั ญาณดาวเทียม ชอ่ ง R32 (ร้อยละ 3.76) ตามลำดบั สว่ นใหญ่ประเภทของรายการท่ีเคยรับ ฟงั รายการวิทยุศึกษา คอื ความรู้ท่ัวไป (ร้อยละ 27.20) รองลงมา คือ อาชีพ (ร้อยละ 15.10) สาระบันเทงิ (ร้อยละ 9.70) และภาษา (ร้อยละ 5.10) ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีปัญหาอุปสรรคในการใช้รายการวิทยุ ศึกษาเพ่อื สง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั คอื ไม่นิยมใช้วทิ ยุเป็นเคร่ืองมือในการ ส่งเสริมการศึกษาเพราะมีสื่อเทคโนโลยีอื่น ๆ (ร้อยละ 39.50) รองลงมา คือ ไม่มีเครื่องรับวิทยุ (ร้อยละ 24.70) ไม่ทราบว่า มีรายการวิทยุส่งเสริมการศึกษาของ กศน. ให้บริการ (ร้อยละ 17.70) ไม่ทราบ รายละเอียดคลื่นความถี่และช่องทางการรับฟัง (ร้อยละ 15.90) และรับฟังไม่ได้ ไม่มีสัญญาณ (ร้อยละ 12.40) ตามลำดับ 1.3 การใหบ้ รกิ ารและการใชส้ ่อื การศึกษาเพ่อื ส่งเสริมความรเู้ กย่ี วกับประชาคมอาเซียน กศน.ตำบล ส่วนใหญ่มีการให้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคม อาเซียน (ร้อยละ 94.44) ส่วนใหญ่มีประเภทสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ทมี่ ีใหบ้ ริการ ได้แก่ ส่อื ดิจทิ ัลเพอ่ื การศกึ ษา (รอ้ ยละ 60.10) รองลงมาคือ สือ่ VCD/DVD (รอ้ ยละ 47.47) สอื่ โทรทัศนเ์ พือ่ การศึกษา (รอ้ ยละ 33.84) และสอ่ื วทิ ยุเพอื่ การศึกษา (ร้อยละ 4.55) ตามลำดบั สว่ นใหญ่ มีผู้ใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ได้แก่ นักศึกษา กศน. (ร้อยละ 96.46) รองลงมา คือ ครูและบุคลากรทางการศึกษา (ร้อยละ 49.49) ประชาชนทั่วไป (ร้อยละ 41.41) เด็กและเยาวชน (ร้อยละ 14.14) และนักเรยี นในระบบ (ร้อยละ 10.10) ตามลำดบั โดยสว่ นใหญ่มีปัญหา และอุปสรรคในการใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน คือ นักศึกษา ประชาชนไม่ค่อยให้ความสนใจ (ร้อยละ 44.44) รองลงมา คือ สื่ออาเซียนค่อนข้างเก่า ชำรุด ไม่ทันสมัย (ร้อยละ 42.93) สื่ออาเซียนมีให้บริการน้อยไม่เพียงพอ (ร้อยละ 32.83) และไม่มีเนื้อหารายวิชาอาเซียน ในการเรียนการสอนบางเทอม (ร้อยละ 29.80) ตามลำดับ ความพึงพอใจต่อรายการเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ก่อนรับชมรายการอาเซียน ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับปานกลาง หลังรบั ชมรายการอาเซยี น ผใู้ ช้มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเพิ่มขึ้น อยู่ในระดับมาก และหากพจิ ารณาเป็นรายข้อ จากความพึงพอใจสูงสุด ลำดับแรก คือ สารประโยชน์ที่ได้รับจากรายการ รองลงมา คือ วิทยากรและ ผู้ดำเนินรายการ วิธีการนำเสนอรายการ ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ รูปแบบรายการ ช่วงเวลาในการเผยแพรอ่ อกอากาศ และระยะความยาวของรายการ (นาที) เท่ากนั ตามลำดับ นักศึกษา กศน. ส่วนใหญ่ใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคม อาเซียน (ร้อยละ 71.20) ส่วนใหญ่มีประเภทสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ที่มีให้บริการ คือ สื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา (ร้อยละ 69.60) รองลงมา คือ สื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (รอ้ ยละ 37.90) สือ่ Offline ประเภท VCD/DVD (รอ้ ยละ 23.10) และวิทยุเพ่ือการศึกษา (ร้อยละ 8.30) ตามลำดับ ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบในการใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคม อาเซียน คือ สื่ออาเซียนมีให้บริการน้อยและไม่เพียงพอ (ร้อยละ 54.00) รองลงมา คือ สื่ออาเซียน คอ่ นข้างเกา่ ชำรดุ ไม่ทันสมัย (รอ้ ยละ 39.80) ตามลำดบั

ง ความพึงพอใจในการรับชมรายการเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ก่อนรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับปานกลาง หลงั รับชมรายการ ETV ผใู้ ช้มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเพิม่ ขน้ึ อยใู่ นระดบั มาก และหากพิจารณาเป็นรายขอ้ จาก ความพงึ พอใจสงู สุด ลำดับแรก คือ สารประโยชนท์ ไี่ ด้รับจากรายการ รองลงมา คือ วทิ ยากรและผู้ดำเนิน รายการ วิธีการนำเสนอรายการ ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ รูปแบบรายการ ช่วงเวลาในการ เผยแพร่ออกอากาศ และระยะความยาวของรายการ (นาที) ตามลำดบั 1.4 การใหบ้ รกิ ารและการใช้ส่ือดิจิทัลเพื่อการศึกษา กศน.ตำบล ส่วนใหญ่มีความพร้อมด้านโครงข่ายการให้บริการสื่อดิจิทัล โดยมีการติดต้ัง โครงข่ายอินเทอร์เน็ต WIFI ความเร็วสูง (ร้อยละ 99.44) ส่วนใหญ่มีความพร้อมด้านเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับให้บริการสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา คือ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้บริการไม่เพียงพอ (ร้อยละ 42.42) รองลงมา คอื ไมม่ ีเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ให้บริการ (ร้อยละ 38.89) มเี คร่ืองคอมพิวเตอร์ให้บริการอย่างเพียงพอ (ร้อยละ 18.69) ตามลำดับ ส่วนใหญ่ใช้สื่อดิจิทัลโดยการศึกษาจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ของตนเอง (ร้อยละ 75.25) รองลงมา คือ ศึกษาจากเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของครู (ร้อยละ 15.15) ศึกษาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ กศน.ตำบล (ร้อยละ 9.60) ตามลำดับ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ใช้บริการ สื่อดิจิทัลเพื่อศึกษาค้นคว้าเนื้อหาความรู้ต่าง ๆ (ร้อยละ 83.84) รองลงมา คือศึกษาบทเรียน Online (ร้อยละ 75.76) ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม (ร้อยละ 69.19) ติดต่อสังคม Online (ร้อยละ 54.55) ศึกษา แนวทางเพื่อประกอบอาชีพ (ร้อยละ 43.43) ตามลำดับ ส่วนใหญ่ผู้ใช้บริการสื่อดิจิทัล ได้แก่ นักศึกษา กศน. (รอ้ ยละ 99.49) รองลงมา คอื ประชาชนท่ัวไป (ร้อยละ 77.78) ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (ร้อยละ 68.18) เดก็ และเยาวชน (ร้อยละ 25.76) และนักเรยี นในระบบ (รอ้ ยละ 16.16) ตามลำดับ กลมุ่ ตัวอยา่ งสว่ นใหญ่ มีการนำสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มาใช้ในการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย ได้แก่ Line (ร้อยละ 96.97) รองลงมา คือ Facebook (ร้อยละ 92.93) Google Classroom (ร้อยละ 68.69) และอื่น ๆ เช่น YouTube (ร้อยละ 15.29) และ Twitter (ร้อยละ 4.55) ตามลำดับ กิจกรรมส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการส่งเสริมการศึกษา คือ แจ้งนัดหมายนักศึกษา (ร้อยละ 91.92) รองลงมา คือ ส่งงาน/ส่งการบ้าน (ร้อยละ 83.33) เผยแพร่ข่าวสาร (ร้อยละ 79.29) การค้าขายออนไลน์ OOCC (ร้อยละ 60.10) Digital Literacy (ร้อยละ 46.46) สรุปย่อเนื้อหาสั้น ๆ เผยแพร่ (ร้อยละ 40.91) ตามลำดับ กล่มุ ตัวอยา่ งส่วนใหญ่มีการเข้าใชส้ ื่อดิจิทัลที่เผยแพรโ่ ดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาเว็บไซต์ www.etvthai.tv (ร้อยละ 86.87) มีการเข้าใช้สื่อดิจิทัลที่เผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา เว็บไซต์ www.moeradiothai.net (ร้อยละ 17.17) มีการเข้าใช้สื่อดิจิทัลที่เผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษาเว็บไซต์ www.cet.go.th (ร้อยละ 29.29) ส่วนใหญ่มีการเข้าใช้ สื่อดิจิทัลช่อง YouTube (ร้อยละ 73.23) โดยสว่ นใหญ่มปี ญั หาและอุปสรรคในการให้บริการและการใช้สื่อดจิ ิทลั เพ่ือการศึกษา คือ ไม่มีคอมพิวเตอร์ให้บริการ คอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอ (ร้อยละ 64.65) รองลงมาคือ อุปกรณ์มีให้บริการ ไม่เพียงพอ ไม่เอื้ออำนวยในการให้บริการ และคุณภาพต่ำ (ร้อยละ 51.52) สัญญาณอินเทอร์เน็ต WIFI ล่าช้าไม่เสถียร (ร้อยละ 43.94) และการประชาสัมพันธ์การใช้สื่อดิจิทัลไม่ทั่วถึง (ร้อยละ 20.71) ตามลำดบั

จ นักศึกษา กศน. ส่วนใหญ่ใช้สื่อดิจิทัลโดยการศึกษาจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือ แท็บเล็ตของตนเอง (ร้อยละ 80.90) รองลงมา คือ ศึกษาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ กศน.ตำบล จัดไว้ให้ (ร้อยละ 13.20) และศึกษาจากเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของครู กศน.ตำบล (ร้อยละ 5.90) ตามลำดับ ส่วนใหญ่ใช้บริการสื่อดิจิทัลเพื่อศึกษาค้นคว้าเนื้อหาความรู้ต่าง ๆ (ร้อยละ 82.00) รองลงมา คือ ศึกษา บทเรียน Online (ร้อยละ 59.90) ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม (ร้อยละ 59.10) ศึกษาแนวทางเพื่อการประกอบ อาชีพ (ร้อยละ 49.50) ติดต่อสังคม Online (ร้อยละ 41.40) และอื่น ๆ เช่น การหารายได้ ขายสินค้า เปน็ ต้น (รอ้ ยละ 2.70) ตามลำดับ ส่วนใหญ่มกี ารนำส่อื สงั คมออนไลน์ (Social Media) มาใชใ้ นการส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย คือ Line (ร้อยละ 85.50) รองลงมา คือ Facebook (ร้อยละ 84.70) Google Classroom (ร้อยละ 48.40) Twitter (ร้อยละ 12.10) อื่น ๆ เช่น Google Meet เป็นต้น (ร้อยละ 3.20) ตามลำดับ กิจกรรมส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการส่งเสริมการศึกษา คือ ส่งงาน/ส่งการบ้าน (ร้อยละ 81.50) รองลงมา คือ แจ้งนัดหมายนักศึกษา (ร้อยละ 78.00) การค้าขายออนไลน์ OOCC (ร้อยละ 32.50) และDigital Literacy (ร้อยละ 17.20) ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีการเข้าใช้สื่อดิจิทัล ที่เผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาเว็บไซต์ www.etvthai.tv (ร้อยละ 62.10) มีการเข้าใช้ สื่อดิจิทัลที่เผยแพร่โดยศูนยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษาเว็บไซต์ www.moeradiothai.net (ร้อยละ 18.10) มกี ารเข้าใช้ส่ือดจิ ิทัลทเี่ ผยแพรโ่ ดยศนู ย์เทคโนโลยที างการศกึ ษาเว็บไซต์ www.cet.go.th (ร้อยละ 26.60) ส่วนใหญ่มีการเข้าใช้สื่อดิจิทัลที่เผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาช่องทาง YouTube ของ ETV (ร้อยละ 73.10) ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบในการใช้บริการส่ือดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ต WIFI ล่าช้าไม่เสถียร (ร้อยละ 54.00) รองลงมา คือ นักศึกษาบางคนไม่มีมือถือ Smart Phone (ร้อยละ 33.90) อุปกรณ์มีให้บริการไม่เพียงพอไม่เอื้ออำนวย การให้บริการ และมีคุณภาพต่ำ (ร้อยละ 32.00) อุปกรณ์ของผู้ใช้บริการมีสเปคต่ำ ไม่มีความพร้อม (ร้อยละ 23.70) การประชาสัมพันธ์การใช้สื่อดิจิทัลไม่ทั่วถึง (ร้อยละ 21.50) และอื่น ๆ เช่น มีค่าใช้จ่าย ไมม่ เี วลารับชม เป็นตน้ (รอ้ ยละ 1.30) ตามลำดับ ตอนที่ 2 ผลการศึกษาข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย 2.1 ข้อเสนอแนะในการใช้บริการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV เพื่อส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย กศน. ตำบล ให้ขอ้ เสนอแนะในการใชบ้ รกิ ารโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV ดงั นี้ ด้านบริหารจัดการ คือ ควรมีการประชาสัมพันธ์สื่อ ETV วิธีการรับชมรายการ ETV ย้อนหลัง และช่องทางการเข้าถึงสื่อ ETV ให้มากขึ้นเป็นไปอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เช่น การจัดอบรมครู ในการใช้และเข้าถึงสื่อ ETV เป็นต้น (ร้อยละ 19.18) เวลาตารางในการออกอากาศไม่ตรงกับเวลา ที่ลงทะเบียนเรียน (ร้อยละ 9.59) ควรนำเสนอสื่อออนไลน์ควบคู่กับการออกอากาศทั่วไป (ร้อยละ 5.48) ส่งเสรมิ การใช้สื่อ ETV ใหม้ ากขนึ้ และพฒั นาการนำเสนอผ่านส่ือออนไลน์เป็นหลกั (รอ้ ยละ 1.37 เทา่ กัน) ดา้ นคณุ ภาพรายการ คอื เนือ้ หาวชิ าสายสามัญควรมีความยาวไม่เกนิ 5 – 10 นาที และ เนื้อหารายการดีมาก มีประโยชน์ สามารถนำไปปรับใชใ้ นการเรียนการสอนได้ดี มีการสอนเชงิ สนกุ สนาน ไม่น่าเบื่อ (ร้อยละ 8.22 เท่ากัน) วิทยากรหรือผู้ดำเนินรายการควรเพิ่มเทคนิคการสอน ทำให้รายการ น่าตื่นเต้นมีความน่าสนใจ กระชับ และเข้าใจง่าย (ร้อยละ 6.85) เนื้อหาวิชาสายอาชีพควรมีความยาว พอเหมาะกับเนื้อหา (ร้อยละ 5.48) ควรมีจัดการทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียนของรายการ ETV ควรมี

ฉ เอกสารประกอบการเรียนการสอน ใบงานของรายการ ETV และต้องการให้ผลิตรายการเกี่ยวกับรายวิชา สามัญ รายวิชาเลือกบังคับ ด้านเทคนิคการจำ การคิดเร็ว การทำอาชีพ และการเลี้ยงสัตว์ให้มากขึ้น (ร้อยละ 4.11 เท่ากัน) ควรผลิตรายการที่มีลักษณะการเล่มเกมโชว์ การตอบคำถามในรายการชิงรางวัล เพื่อเป็นการเสริมแรงและกระตุ้นการเรียนรู้ ปรับรายการให้มีความน่าสนใจ และต้องการให้มีรายการติว ของ กศน. โดยเฉพาะ (ร้อยละ 2.74 เท่ากัน) รูปแบบรายการสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ควรเพิม่ รายการตวิ เขม้ ทีห่ ลากหลาย และปรับปรุงรายการเป็นคลปิ การสอนแตล่ ะวชิ าให้เป็นปัจจุบันและ นา่ สนใจ (รอ้ ยละ 1.37 เท่ากัน) ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ คือ ควรจัดสรรอุปกรณ์ที่ทันสมัยให้กับ กศน.ตำบล เช่น Smart TV เพื่อทำให้การใช้งานดียิ่งขึ้น (ร้อยละ 9.59) และขาดงบประมาณในการซ่อมบำรุงรักษา อปุ กรณ์ (รอ้ ยละ 2.74) นกั ศึกษา กศน. ให้ขอ้ เสนอแนะในการใชบ้ ริการโทรทัศนเ์ พื่อการศึกษา ETV ดังนี้ ด้านบริหารจัดการ คือ ควรประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวิธีการ ช่องทางการรับชมรายการ ย้อนหลังที่หลากหลายช่องทาง (ร้อยละ 6.38) นำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ควบคู่กับสื่อปัจจุบัน เช่น แบบ Live สด ใน Facebook เป็นต้น (ร้อยละ 3.19) และควรปรับปรุงการเข้าถึงสื่อที่สามารถเข้าชมได้ หลากหลายชอ่ งทาง (ร้อยละ 2.13) ด้านคุณภาพรายการ คือ ควรนำเสนอเน้ือหารายการแบบสนุกสนานควบคู่ไปกับเน้ือหา สาระที่อัดแน่น แต่ไม่เป็นวิชาการมากเกินไป อาทิ วิทยากรหรือผู้ดำเนินรายการควรเพิ่มเทคนคิ การสอน เพื่อทำให้รายการน่าตื่นเต้นมีความน่าสนใจ กระชับ และเข้าใจง่าย นำวิทยากรที่เป็นคนดังและอาจารย์ ที่สอนสนุกมาจัดรายการ เช่น ครูลูกกอล์ฟ เป็นต้น สอดแทรกเกมในระหว่างการเรียนการสอนไปด้วย จัดทำรายการในรูปแบบเกมโชว์ เพิ่มตัวการ์ตูนเพื่อดึงดูดความสนใจ (ร้อยละ 33.00) รูปแบบรายการ ความยาวของรายการมีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว สามารถดูได้อย่างต่อเนื่อง สะดวก เข้าใจง่าย มีความ นา่ สนใจ ไม่นา่ เบอ่ื มปี ระโยชนอ์ ย่างมาก สามารถนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (ร้อยละ 22.34) เนอื้ หาวิชา สายอาชีพควรมีความยาวเพิ่มขึ้น และมีความกระชับ เข้าใจง่าย (ร้อยละ 9.58) ควรผลิตรายการให้มี ความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น เช่น การทำอาหาร กลุ่มคนพิการ แนวทางการเข้ามหาวิทยาลัยท้ัง ในประเทศและต่างประเทศแบบเจาะลึก เป็นต้น (ร้อยละ 6.38) เนื้อหาวิชาสายสามัญควรมีความยาว 5 นาที (ร้อยละ 3.19) สามารถรับชมรายการย้อนหลังได้เมือ่ ไม่เข้าใจเนื้อหา ควรพัฒนารูปแบบการสอน วิชาสามัญให้อธบิ ายเขา้ ใจงา่ ย ควรพฒั นารูปแบบรายการให้มีความเหมาะสม กระชบั เข้าใจง่าย ต้องการ ให้ทำรายการเป็นคลิป 10 นาที และมีความน่าสนใจ และควรปรับปรุงการเปิดรายการทำให้มี ความนา่ สนใจ ดงึ ดดู สายตามากกวา่ น้ี (ร้อยละ 1.06 เทา่ กัน) ดา้ นคณุ ภาพการออกอากาศ คือ ตอ้ งการใหร้ ะบบภาพมคี วามคมชัด และสดใสขน้ึ (ร้อยละ 3.19) ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ คือ ควรปรับปรุงระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสงู ให้ครอบคลุม ทุกแหง่ (ร้อยละ 5.32) 2.2 ข้อเสนอแนะแนวทางในการใช้รายการวิทยุศึกษา เพื่อส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศยั กศน.ตำบล ให้ข้อเสนอแนะแนวทางในการใช้รายการวิทยุศึกษา ดงั น้ี ด้านบริหารจัดการ คือ ประชาสัมพันธ์แนะนำการเข้าถึงสื่อและการเข้าใช้วิทยุศึกษา ที่หลากหลายช่องทางให้กับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป เช่น ผ่านสื่อออนไลน์ Facebook ผ่านมือถือ Smart Phone สง่ Link รายการที่น่าสนใจให้กลุ่มเป้าหมาย ขอความร่วมมือกับผู้นำหมู่บ้านเปิดเสียงตามสาย

ช รายการวิทยุศึกษา ในช่วงเช้าหรอื เยน็ เปน็ ตน้ (ร้อยละ 77.76) ควรจัดรายการวิทยุแบบ Facebook Live และแบบ Live สด (ร้อยละ 8.34) ควรพฒั นาวิทยศุ กึ ษาใหเ้ ปน็ แบบ Application (ร้อยละ 5.56) ดา้ นคุณภาพรายการ คือ ควรมกี ารเปดิ เพลงคัน่ รายการ (รอ้ ยละ 2.78) ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ คือ สนับสนุนอุปกรณ์ในการศึกษา และควรมีการขยาย คลื่นความถใ่ี หค้ รอบคลมุ ท่ัวประเทศ (ร้อยละ 2.78 เท่ากนั ) นักศกึ ษา กศน. ให้ขอ้ เสนอแนะแนวทางในการใช้รายการวิทยศุ กึ ษา ดังนี้ ด้านบริหารจัดการ คือ ควรประชาสัมพันธ์ช่องทางการรับฟังออนไลน์ให้มากขึ้น และ พฒั นารปู แบบให้มคี วามทันสมัย (ร้อยละ 33.33 เท่ากนั ) ด้านคณุ ภาพรายการ คือ การจัดรายการวิทยุศกึ ษาทำให้เข้าใจเนือ้ หามากขึ้น (รอ้ ยละ 11.11) ด้านเครอื่ งมอื และอุปกรณ์ คือ สนับสนุนอุปกรณ์ในการรบั ฟงั (ร้อยละ 22.23) 2.3 ข้อเสนอแนะแนวทางในการให้บริการและใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้ เกย่ี วกับประชาคมอาเซยี น กศน.ตำบล ให้ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรู้เกยี่ วกบั ประชาคมอาเซยี น ดงั น้ี ด้านบริหารจัดการ คือ ควรทำสื่ออาเซียนให้มีหลากหลายรูปแบบ ทันสมัย และ มีรูปแบบน่าสนใจ (ร้อยละ 44.44) ควรประชาสัมพันธ์สื่ออาเซียนและช่องทางการเข้าถึงที่หลากหลาย ชอ่ งทาง เชน่ สอื่ ออนไลน์ จัดส่งสอื่ อาเซียนให้ กศน.ตำบล เป็นตน้ (ร้อยละ 26.67) จดั ส่อื ให้เป็นหมวดหมู่ นำเสนอผ่านรูปแบบ QR Code (ร้อยละ 11.12) และนำสื่ออาเซียนมาใช้ประกอบหรือสดแทรกใน การเรียนการสอน (รอ้ ยละ 6.67) ด้านคุณภาพรายการ คือ ควรนำเสนอรายการเกี่ยวกับกลุ่มประเทศอาเซียน ด้านการ ทำอาหารของประเทศกลุ่มอาเซียน (ร้อยละ 4.44) ควรมีการพัฒนารูปแบบรายการสื่ออาเซียนให้มี ความแตกตา่ ง และควรทำเปน็ คลปิ สั้นๆ ใส่เนือ้ เพลงทท่ี นั สมัยเหมาะกบั วัยรุ่น (รอ้ ยละ 2.22 เทา่ กัน) ดา้ นเครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ คอื จัดสรรอปุ กรณท์ ี่ทันสมัยให้กับ กศน. ตำบล (รอ้ ยละ 2.22) นักศึกษา กศน. ให้ขอ้ เสนอแนะแนวทางในการพฒั นาการใช้บริการส่ือการศึกษาเพ่ือส่งเสริม ความรเู้ ก่ียวกับประชาคมอาเซียน ดงั นี้ ด้านบริหารจัดการ คือ ควรพัฒนาเป็นรูปแบบส่ือเสียง รปู แบบ Application และควรมี ภาษามือประกอบในแตล่ ะรายการ (ร้อยละ 2.56 เทา่ กัน) ด้านคุณภาพรายการ คือ ควรจดั ทำเนอ้ื หาภาษาท่ีมีความหลากหลาย เชน่ ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย เป็นต้น (ร้อยละ 35.90) ควรจัดทำเนื้อหาการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคม อาเซียนให้มีความหลากหลาย (ร้อยละ 23.09) ควรนำเสนอรายการรูปแบบการท่องเที่ยวเห็นภาพ บรรยากาศ ภูมิประเทศนั้นๆ รูปแบบตัวการ์ตูนหรือแอนิเมชั่น (ร้อยละ 15.40) ต้องการให้ทำเนื้อหา เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ทันสมัย (ร้อยละ 5.13) ผลิตสื่อให้มีความดึงดูดน่าสนใจมากขึ้น (ร้อยละ 5.13) และต้องการเนื้อหาท่ไี ม่ซับซ้อน กระชบั เขา้ ใจง่าย (รอ้ ยละ 2.56) ด้านคุณภาพการออกอากาศ คอื พฒั นาระบบภาพให้มคี วามทนั สมยั (รอ้ ยละ 2.56)

ซ 2.4 แนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศยั กศน.ตำบล เสนอแนวทางในการพัฒนาการให้บรกิ ารและใช้บรกิ ารส่ือดิจิทลั ดงั น้ี ด้านบริหารจัดการ คือ ประชาสัมพันธ์การเข้าให้และช่องทางการเข้าถึงสื่อดิจิทัล ให้มากขึน้ และมชี ่องทางทห่ี ลากหลาย (ร้อยละ 19.57) ควรมีการอัปโหลดส่ือดจิ ิทลั ให้มากขึ้น และควรมี การจัดอบรมเกี่ยวกับการสืบค้นขอ้ มูลออนไลนใ์ ห้กับนักศึกษา (ร้อยละ 2.17 เทา่ กัน) ด้านคุณภาพรายการ คือ ควรจัดหมวดหมู่ให้มีความชัดเจน เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูล ได้ง่าย และมีการจัดรายการที่ดี เป็นช่องทางการเรียนรู้ที่มีประโยชน์มาก (ร้อยละ 4.35 เท่ากัน) ควรมี การพัฒนาเนื้อหาที่นำเสนอและสื่อให้มีความทันสมัย (ร้อยละ 4.28) ต้องการให้นำเสนอสื่อเกี่ยวกับ ติวเข้ม กศน. ใหม้ ากขึน้ และต้องการใหม้ ีแบบทดสอบออนไลน์ เพือ่ เป็นการประเมนิ ความรู้ (รอ้ ยละ 2.17 เท่ากนั ) ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ คือ ควรสนับสนุนงบประมาณ และจัดสรรอุปกรณ์ให้บริการ ให้เพียงพอ ทันสมัย และมีคุณภาพ (ร้อยละ 47.83) ควรปรับปรุงระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ ครอบคลมุ ทุกแหง่ (รอ้ ยละ 10.87) นกั ศกึ ษา กศน. เสนอแนวทางในการพฒั นาการใหบ้ ริการส่ือดิจิทลั ดังน้ี ด้านบริหารจัดการ คือ ควรมีการประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายช่องทาง (ร้อยละ 44.24) สามารถเข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็ว (ร้อยละ 3.85) ส่งเสริมให้ กศน.ตำบล นำมาใช้ประกอบ การเรียนการสอน และต้องการใหส้ ามารถดาวนโ์ หลดดแู บบออฟไลนไ์ ด้ (รอ้ ยละ 1.92 เท่ากัน) ด้านคุณภาพรายการ คือ ต้องการให้เพิ่มเนื้อหาให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ด้านอาชีพ เปน็ ตน้ (ร้อยละ 11.54) และพฒั นารูปแบบการนำเสนอให้มีความน่าสนใจ (ร้อยละ 1.92) ด้านคุณภาพการออกอากาศ คือ พฒั นาระบบภาพ ใหม้ คี วามคมชดั (รอ้ ยละ 5.77) ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ คือ ต้องการให้เพิ่มจุดให้บริการอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และ มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมทุกแห่ง (ร้อยละ 15.38) จัดสรรอุปกรณ์ให้บริการให้เพียงพอ ทันสมัย และมคี ณุ ภาพ (ร้อยละ 13.46) ตอนที่ 3 ผลการศึกษาความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือ การศึกษาให้สอดคลอ้ งกับความต้องการของผูร้ ับบรกิ าร กศน.ตำบล 1) ด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษ (ร้อยละ 28.00) รองลงมา คือ วิชาคณิตศาสตร์ (ร้อยละ 27.20) วิชาวิทยาศาสตร์ (ร้อยละ 19.60) วิชาภาษาไทย (ร้อยละ 14.40) วิชาเลือกบังคับ (ร้อยละ 8.80) วิชาอื่นๆ คิดเป็นร้อย 2.00 ตามลำดับ แบง่ รายละเอียดแต่ละวชิ า ดงั น้ี วิชาภาษาอังกฤษ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการสนทนาทักทาย/ การสื่อสารในชีวิตประจำวัน (ร้อยละ 42.86) รองลงมา คือ หลักการอ่าน (ร้อยละ 11.43) ติวเข้ม กศน. (ร้อยละ 10.00) การฟงั การเขียน (รอ้ ยละ 8.57) ตามลำดบั วิชาคณิตศาสตร์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านติวเข้ม กศน. (ร้อยละ 13.24) รองลงมา คือ เศษส่วน (ร้อยละ 10.29) การคิดคำนวณ (ร้อยละ 8.82) ตรีโกณมิติ และ สมการ (รอ้ ยละ 7.35 เทา่ กัน) ตามลำดับ

ฌ วิชาวิทยาศาสตร์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านโครงงานวิทยาศาสตร์ (ร้อยละ 22.45) รองลงมา คือ การทดลอง (ร้อยละ 14.29) ติวเข้ม กศน. (ร้อยละ 12.24) ดาราศาสตร์ (รอ้ ยละ 8.16) ตามลำดับ วิชาภาษาไทย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านหลักภาษา (ร้อยละ 19.44) รองลงมา คือ ติวเข้ม (ร้อยละ 13.89) วรรณคดี/วรรณกรรม (ร้อยละ 11.11) การพูดอ่านเขียน (ร้อยละ 8.33) ตามลำดับ วิชาเลือกบังคับ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าใน ชวี ติ ประจำวนั (ร้อยละ 22.73) รองลงมา คอื ลูกเสือ กศน. ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย การเงนิ เพื่อชีวิต และ วสั ดศุ าสตร์ (รอ้ ยละ 18.18) การเรยี นรูส้ ภู้ ัยธรรมชาติ (ร้อยละ 4.55) ตามลำดบั วชิ าอืน่ ๆ พบวา่ กล่มุ ตวั อยา่ งส่วนใหญต่ อ้ งการเนอ้ื หาดา้ นอาชีพในการดำรงชวี ติ กฎหมาย ที่ควรรู้ การเย็บกระเป๋าด้วยมือ คุณธรรม/หน้าที่พลเมือง และคลิปสอนอาชีพแบบง่ายอุปกรณ์น้อย (รอ้ ยละ 20.00 เท่ากนั ) 2) ด้านการศกึ ษาอาชพี ด้านเกษตรกรรม พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านโคกหนองนาโมเดล (ร้อยละ 9.87) รองลงมา คือ เกษตรปลอดสารพิษ (ร้อยละ 5.92) เกษตรอินทรีย์ และการปลูกข้าว (ร้อยละ 4.61) การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ การเลี้ยงปูนา และเกษตรทฤษฎีใหม่ (ร้อยละ 3.29 เท่ากัน) ตามลำดับ ด้านช่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านช่างไฟฟ้า (ร้อยละ 17.81) รองลงมา คือ ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ (ร้อยละ 15.07) ช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือ (ร้อยละ 10.27) ช่างเชื่อม (ร้อยละ 9.59) ตามลำดับ ด้านอาชีพอิสระ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการค้าขายออนไลน์ (ร้อยละ 23.89) รองลงมา คือ เสริมสวย (ร้อยละ 16.81) ช่างตัดผม (ร้อยละ 12.39) การนวด เพอื่ สุขภาพ/นวดแผนไทย (ร้อยละ 7.96) ตามลำดับ 3) ด้านการศกึ ษาตามอัธยาศยั เนื้อหาสำหรับเดก็ และเยาวชน คอื กลุม่ ตวั อย่างส่วนใหญต่ ้องการเน้ือหาด้านนทิ านสำหรับ เด็กและเยาวชน/นิทานสอนใจ (ร้อยละ 11.76) รองลงมา คือ เพศศึกษา ทักษะชีวิตในการเข้าสังคม การป้องกันและโทษของยาเสพติด การใช้เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ที่ปลอดภัย และการใช้ภาษาไทย ที่ถูกต้อง (ร้อยละ 6.72 เท่ากัน) การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร/คุณแม่วัยใส (ร้อยละ 5.88) พ.ร.บ. คอมพวิ เตอร์ และกฎหมายสำหรบั เด็กและเยาวชน (ร้อยละ 5.04 เทา่ กนั ) ตามลำดับ เนื้อหาสำหรับผู้สูงอายุ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการดูแลสุขภาพ (รอ้ ยละ 44.17) รองลงมา คอื โภชนาการ (ร้อยละ 17.18) อาชพี ทเ่ี หมาะสมกบั ผสู้ งู อายุ (รอ้ ยละ 10.43) การออกกำลงั กาย (รอ้ ยละ 5.52) ตามลำดับ 4) ด้านการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการ เนื้อหาสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว (ร้อยละ 52.02) รองลงมา คือ ภาษาอาเซียน/อาเซียน +3 (ร้อยละ 43.94) วิถีชีวิต ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม (ร้อยละ 42.42) ภาษาอังกฤษ (ร้อยละ 39.39) การประกอบอาชีพ (ร้อยละ 37.37) การเมืองการปกครอง (ร้อยละ 20.20) และการศึกษา (ร้อยละ 18.69) ตามลำดบั

ญ นกั เรยี น กศน. 1) ด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการวิชาภาษาอังกฤษ (ร้อยละ 37.33) รองลงมา คือ วิชาคณิตศาสตร์ (ร้อยละ 26.22) วิชาวิทยาศาสตร์ (ร้อยละ 16.00) วิชาภาษาไทย (ร้อยละ 13.33) วิชาเลือกบังคับ (ร้อยละ 4.44) วิชาอื่น ๆ (ร้อยละ 2.67) ตามลำดับ แบง่ รายละเอยี ดแต่ละวชิ า ดังนี้ วิชาภาษาอังกฤษ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการสนทนาทักทาย/ การพูดสื่อสาร (ร้อยละ 51.79) รองลงมา คือ การอ่านออกเสียง (ร้อยละ 14.29) คำศัพท์ (ร้อยละ 6.55) แปลภาษา (ร้อยละ 5.36) ตามลำดบั วิชาคณิตศาสตร์ พบว่า กลมุ่ ตัวอยา่ งสว่ นใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านสมการ (รอ้ ยละ 14.41) รองลงมา คือ เศษส่วน เลขยกกำลัง และการคิดคำนวณ (ร้อยละ 11.02 เท่ากัน) การคิดเลขเร็ว (ร้อยละ 6.78) เซต การหาพ้นื ที่ และเรขาคณิต (ร้อยละ 4.24 เท่ากัน) ตามลำดบั วิชาวิทยาศาสตร์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการทดลอง (ร้อยละ 46.48) รองลงมา คือ โครงงานวิทยาศาสตร์ (ร้อยละ 8.45) เคมี (ร้อยละ 5.63) เซลล์ และดาราศาสตร์ (รอ้ ยละ 4.23 เทา่ กนั ) ตามลำดบั วชิ าภาษาไทย พบวา่ กล่มุ ตัวอย่างส่วนใหญต่ ้องการเน้ือหาด้านการอา่ นออกเสยี ง (ร้อยละ 15.00) รองลงมา คอื หลกั ภาษา (ร้อยละ 10.00) วรรณกรรม/วรรณคดี การใช้คำทถี่ กู ตอ้ ง หลกั การเขียน และการสะกดคำ (ร้อยละ 8.33 เท่ากัน) หลักการฟัง การเขียนเรียงความ และแต่งกลอน (ร้อยละ 6.67 เทา่ กนั ) ตามลำดับ วิชาเลือกบังคับ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย (ร้อยละ 40.00) รองลงมา คือ ลูกเสือ กศน. (ร้อยละ 25.00) การใช้พลังงานไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน (รอ้ ยละ 15.00) วัสดุศาสตร์ (ร้อยละ 10.00) ตามลำดบั อื่นๆ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านกีฬา ประเพณี มารยาทการวางตัว ในสังคม และมาตรฐานความรู้ (ร้อยละ 16.67 เท่ากัน) การประดิษฐ์ รักษ์ท้องถิ่น ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี (รอ้ ยละ 8.33 เท่ากนั ) ตามลำดบั 2) ด้านการศึกษาอาชพี ด้านเกษตรกรรม พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการปลูกผัก (ร้อยละ 14.29) รองลงมาคือ การปลูกข้าว (ร้อยละ 13.51) การทำปุ๋ยอินทรีย์ (ร้อยละ 10.04) การปลูกผัก ปลอดสารพษิ (รอ้ ยละ 5.41) ตามลำดับ ด้านช่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านช่างไฟฟ้า (ร้อยละ 21.71) รองลงมา คือ ช่างยนต์ (ร้อยละ 16.00) ช่างเชื่อม (ร้อยละ 10.86) ช่างคอมพิวเตอร์ (ร้อยละ 7.43) ตามลำดับ ด้านอาชีพอิสระ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการค้าขายออนไลน์ (รอ้ ยละ 23.71) รองลงมา คือ เสริมสวย (ร้อยละ 19.59) การค้าขาย (ร้อยละ 15.46) ช่างตดั ผม (ร้อยละ 7.73) ตามลำดับ

ฎ 3) ด้านการศกึ ษาตามอัธยาศยั เนื้อหาสำหรับเด็กและเยาวชน คือ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านกฎหมาย สำหรับเด็กและเยาวชน (ร้อยละ 14.83) รองลงมา คือ การดูแลเด็กตามพัฒนาการสมวัย (ร้อยละ 9.09) การดูแลสุขภาพ และนิทาน/การ์ตูน (ร้อยละ 8.13 เท่ากัน) การประกอบอาชีพสำหรับเยาวชน (ร้อยละ 7.66) ตามลำดับ เนื้อหาสำหรับผู้สูงอายุ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหาด้านการดูแลสุขภาพ (ร้อยละ 35.05) รองลงมา คือ การออกกำลังกาย (ร้อยละ 16.36) การดูแลผู้สูงอายุ (ร้อยละ 15.42) โภชนาการ (รอ้ ยละ 9.35) ตามลำดับ 4) ด้านการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการ เนื้อหาสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว (ร้อยละ 57.70) รองลงมา คือ วิถีชีวิต ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม (ร้อยละ 48.90) ภาษาอังกฤษ (ร้อยละ 44.20) การประกอบอาชีพ (ร้อยละ 42.60) ภาษาอาเซียน/ อาเซียน +3 (ร้อยละ 40.40) การศึกษา (ร้อยละ 31.90) และการเมืองการปกครอง (ร้อยละ 19.80) ตามลำดบั ตอนที่ 4 ผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย กศน.ตำบล ให้ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลของ ศนู ย์เทคโนโลยีทางการศกึ ษา ดังน้ี ด้านบริหารจัดการ คือ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารตลอดจนช่องทางการเข้าถึงสื่อไปยัง กลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้นและต่อเนื่อง (ร้อยละ 22.08) ประชาสัมพันธ์สื่อในหลากหลายช่องทาง เช่น YouTube FreeTV เป็นต้น (ร้อยละ 15.58) ควรออกมาติดตามงานและแนะนำสื่อเป็นประจำ และ ควรฝึกอบรมครูและบคุ ลากรในการใช้และผลิตส่อื เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา (ร้อยละ 9.09 เทา่ กนั ) พัฒนา สื่อให้เป็นระบบออนไลน์ เช่น ทำบทเรียนเป็นเรื่องๆ และนำลง YouTube การ Live สด มีกิจกรรม สง่ เสริมการเรียนรู้ เป็นต้น (รอ้ ยละ 5.20) ควรนำเสนอส่ือในรปู แบบคลปิ วิดีโอทมี่ ีความกระชับและเข้าใจ ง่าย โดยอาจนำเสนอผา่ น TikTok (ร้อยละ 3.90) ควรมีการนำเสนอรายการผ่านระบบ QR Code พัฒนา ช่องทางการสืบค้นข้อมูลให้ง่ายขึ้น โดยการจัดให้เป็นหมวดหมู่ ควรมีการประเมินการใช้สื่อในแต่ละ รายการ ควรพัฒนาการเข้าถึงสื่อให้ง่ายในทุกช่องทาง และควรพัฒนาการออกอากาศแบบ FreeTV (รอ้ ยละ 1.30 เทา่ กนั ) ด้านคุณภาพรายการ คือ ควรพัฒนาสื่อให้มีความหลากหลาย อาทิ การพัฒนาอาชีพผู้สูงอายุ การท่องเที่ยวแบบประหยัด การเป็นผู้นำ เช่น การดูแลบุคลิกภาพ พิธีกร เป็นต้น (ร้อยละ 7.79) ควรพัฒนาสื่อทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย (ร้อยละ 6.49) มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้มาก ควรแนบเอกสารประกอบการเรียนในแต่ละวิชาให้สามารถดาวน์โหลดได้ และควรพัฒนาสือ่ รปู แบบรายการ พธิ ีกร ผ้ดู ำเนินรายการสรา้ งจุดสนใจ เพื่อใหเ้ กิดแรงดึงดดู ในการรับชม รายการ ทำให้มีความน่าสนใจ น่าตื่นเต้น และมีเนื้อหาที่กระชับ (ร้อยละ 2.60 เท่ากัน) ควรมีรายการ ให้ครอบคลุมเนื้อหาทุกช่วงวัย และควรผลิตรายการเหมือนการเล่าข่าวตอนเข้า เสนอเนื้อหาที่เป็น ส่ิงรอบตวั ของผู้รับบรกิ าร (ร้อยละ 1.30 เทา่ กัน) ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ คือ ควรสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการจัดการเรี ยน การสอนระดับตำบล (ร้อยละ 3.90)

ฏ นักศึกษา กศน. ให้ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลของ ศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษา ดังน้ี ด้านบริหารจัดการ คือ ควรประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายช่องทางอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง (สื่อดีมีประโยชน์อยู่แล้ว) เช่น ออกมาประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ พบกลุ่มนักศึกษา กศน. วันปฐมนิเทศ เปน็ ต้น (ร้อยละ 42.59) ด้านคุณภาพรายการ คือ ควรจัดทำสื่อทีม่ ีความหลากหลาย เชน่ ปญั ญาประดษิ ฐ์ (AI) สำหรับ คนทว่ั ไป การทำงานต่างประเทศ การศกึ ษาสายช่างกลที่มีเน้ือหาชัดเจน ด้านภาษาใหม้ ีความหลากหลาย เนื้อหาด้านอาชีพ การ Live สด เป็นต้น (ร้อยละ 12.96) ต้องการเนื้อหาที่กระชับ เข้าใจง่าย และดึงดูด ความนา่ สนใจ (ร้อยละ 11.11) พฒั นาสอื่ ตามความตอ้ งการของผ้รู ับบริการ (รอ้ ยละ 5.56) เป็นสื่อที่ดมี าก สามารถเข้าถึงเนื้อหาสาระสำคัญได้ เข้าถึงได้ง่าย และทำความเข้าใจได้ง่าย (ร้อยละ 9.26) ควรปรับปรุง รูปแบบการนำเสนอที่เป็นกันเองไม่เน้นวิชาการมาก ให้มีความบันเทิงมากขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจ (ร้อยละ 3.70) ต้องการให้วิทยากรพูดเสียงดังฟังชัด และดึงดูดความสนใจ การประชาสัมพันธ์โดยการ ออกมาแนะนำสื่อตามพื้นที่ กศน.อำเภอ เป็นการนำเสนอที่ดีมาก ได้รับความรู้มากขึ้น และควรนำ วทิ ยากรทีเ่ ป็นคนดังมาจัดรายการ เชน่ ดาราเกาหลี เป็นต้น ดา้ นคุณภาพการออกอากาศ คอื ภาพไมค่ ่อยชัด (รอ้ ยละ 1.85) ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ คือ จัดสรรอุปกรณ์การให้บรกิ ารอินเทอรเ์ น็ตในพื้นที่ส่วนภูมิภาค (รอ้ ยละ 7.41) ข้อเสนอแนะต่อหนว่ ยงาน 1. การกำหนดแผนงานผลิตสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาในแต่ละปีของศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษา ควรนำผลที่ได้จากการวิจัยติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาของปีก่อน (Research-Based Policy Making) มาประกอบการวิเคราะห์ กำหนดทิศทาง จุดเน้นการดำเนินงาน เพื่อให้การผลิตและเผยแพร่สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาของศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนกล่มุ เป้าหมาย 2. ควรมีการเพิ่มการประชาสัมพันธ์สื่อและช่องทางการเข้าถึงสื่อของศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษาในเชิงรุก ควรเพิ่มจำนวนรายการของสื่อศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาลงในช่องทาง YouTube เพอื่ ความหลากหลายและมีการบูรณาการกับ กศน.จังหวดั /กศน.ภาค เพอื่ สร้างสื่อท่ีเหมาะสม กับหลักสูตรของนักศึกษา กศน. และควรมีการสำรวจติดตามความต้องการผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับ ทัง้ ผู้บรหิ าร ครู นกั ศกึ ษา และประชาชน ทำเปน็ วจิ ัยเชิงประเมนิ ความตอ้ งการจำเป็น (Needs Assessment)

บทที่ 1 บทนำ เทคโนโลยีการศึกษา หรือ เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา เป็นศาสตร์ที่ประยุกต์วิชาการต่างๆ มาจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล โดยการนำคำ “เทคโนโลยี” ซ่ึงมีความหมายว่าเป็นศาสตร์แห่งวธิ ีการ ซึ่งไม่ได้มีความหมายว่าเป็นศาสตร์ แห่งเครื่องมือเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงวัสดุและวิธีการ เมื่อนำมาใช้ กับ “การศึกษา” จึงเป็นคำใหม่ที่มี ความหมายว่า การประยุกต์เครื่องมือ วัสดุและวิธีการไปส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ รวมถึงการจัด สภาพแวดล้อมใหม่เพื่อการเรียนรู้ “สื่อสาร” เป็นกระบวนการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารจากผู้ส่งไปยังผู้รับ โดยอาศัยสื่อหรือช่องทางต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจและเป็นแบบปฏิสัมพันธ์ (วิกิพีเดีย, 2564, ออนไลน์) เทคโนโลยีทางการศึกษาเป็นการประยุกต์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างมีระบบเพื่อนำมาใช้ใน กระบวนการเรียนการสอน แก้ไขปัญหา และพัฒนาการศึกษาให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มีความหมายไม่เพียงแตเ่ ป็นวทิ ยาศาสตร์ทางธรรมชาติเท่าน้ัน แต่ยังรวมหมายถึง วิทยาศาสตร์ทางจิตวิทยา และศาสตร์ในการบริหารงานครอบคลุมทั้งด้านบริหารวิชาการและบริการ ดังนั้น ในการนำเทคโนโลยที างการศึกษามาปรับปรุงประสิทธิภาพในการศึกษา จึงครอบคลุม 3 ด้าน คือ 1. เครื่องมืออุปกรณ์การสอนต่าง ๆ (Devices หรือ Hardware) เป็นการนำอุปกรณ์มาใช้ในการศึกษา 2. วัสดุ (Materials หรือ Software) เป็นการผลิตวัสดุการสอนแนวใหม่ การนำเอาวัสดุการสอนมาใช้ ตลอดจนการผลิตบทเรียนสำเร็จรูปในแบบต่าง ๆ 3. วิธีการและเทคนิค (Methods and Techniques) ได้แก่ กระบวนการ กิจกรรมต่าง ๆ ที่ประยุกต์มาใช้ในการศึกษา การนำเทคโนโลยีทางการศกึ ษามาใชใ้ น การจัดการศึกษานั้นจะยึดหลักการทั่วไปเหมือนการนำเทคโนโลยีไปใช้ในสาขาวิชาการอ่ื น ๆ คือ 1) ประสิทธิภาพ (Efficiency) หมายความว่า เมื่อนำเอาเทคโนโลยีมาใช้แล้วทำให้เกิดการเรียนรู้ตามที่ วางจดุ มงุ่ หมายเชงิ พฤตกิ รรมไว้ในแผนการสอน 2) ประสทิ ธิผล (Productivity) หลังจบกระบวนการเรียน การสอนแล้ว ผู้เรียนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดเกิดการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ 3) ประหยัด (Economy) การที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน ต้องตระหนักถึงข้อนี้ ในการเรียน การสอนถ้ามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดก็ย่อมถือว่าสามารถบริหารจัดการ เกินคมุ้ ค่า และตามนัยของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 9 การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้สึก การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างจรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ อันเกิดจากสภาพแวดล้อม สังคมการเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เป็นระบบการประยุกต์ผลิตผลทางวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรม ผสมผสานกับ หลักทางสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา มาใช้ในการศึกษาเพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยครอบคลุมการจัดและออกแบบระบบพฤติกรรม เทคนิควิธีการ การสื่อสาร การจัดสภาพแวดล้อม การจัดการเรียนการสอน และการประเมิน เทคโนโลยเี พือ่ การศึกษา ในทีน่ ีจ้ ะมีความหมายครอบคลุมการ ผลิต การใช้การพัฒนาสื่อสารมวลชน (ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์) เทคโนโลยี สารสนเทศ (คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต มัลติมีเดีย) และโทรคมนาคม (โทรศัพท์ เครือข่ายโทรคมนาคม

2 การสื่อสารอื่นๆ) เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้ตามความต้องการของผู้เรียนในทุกเวลาและสถานที่ (มกั ตา สมะแอ, 2564, ออนไลน)์ กระทรวงศกึ ษาธิการได้มีนโยบายและจดุ เนน้ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ให้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการศึกษาให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพในทุกมิติ โดยใช้จ่ายงบประมาณ อย่างคุ้มค่า เพ่ือมุ่งเป้าหมาย คือ ผู้เรียนทุกชว่ งวัย โดยกระทรวงศึกษาธิการมุ่งม่ันดำเนินการภารกิจหลกั ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อน ทกุ แผนย่อยในประเด็น 12 การพฒั นาการเรียนรู้ และแผนย่อยที่ 3 ในประเด็น 11 ศกั ยภาพคนตลอดช่วงชีวิต รวมทั้งแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และนโยบายรัฐบาลทั้งในส่วนนโยบายหลักด้านการปฏิรูป กระบวนการเรียนรู้ และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย และนโยบายเร่งด่วน เรื่องการเตรียม คนไทยสูศ่ ตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ยังสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนแมบ่ ทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาตปิ ระเด็นอ่ืน ๆ รวมทั้งนโยบายและแผนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคาดหวังว่าผู้เรียนทุกช่วงวัยจะได้รับการพัฒนาในทุกมิติ เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ และมีความพร้อมร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และ ยั่งยืน โดยปรับรื้อและเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ โดยมุ่งให้ครอบคลุมถึงการจัด การศึกษาเพื่อคุณวุฒิ และการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ด้วยจุดเน้นการเรียนรตู้ ลอดชีวติ ดงั นี้ 1. จัดการเรยี นรตู้ ลอดชวี ิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวยั เนน้ ส่งเสรมิ และยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ (English for All) 2. ส่งเสริมการเรียนการสอนที่เหมาะสมสำหรับ ผู้ที่เข้าสู่สังคมสูงวัย อาทิ อาชีพที่เหมาะสมรองรับสังคมสูงวัย หลักสูตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต และ หลักสูตรการดูแลผู้สูงวัย หลักสูตร BUDDY โดยเน้นการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน โรงเรียน และ ผู้เรียน หลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อส่งเสริมประชาสัมพันธ์สินค้าออนไลน์ระดับตำบล 3. พัฒนาครู ใหม้ ที กั ษะ ความรู้ และความชำนาญในการใช้เทคโนโลยดี ิจิทัล ปญั ญาประดษิ ฐ์ และภาษาอังกฤษ รวมทั้ง การจดั การเรยี นการสอนเพ่ือฝึกทักษะการคดิ วิเคราะห์อยา่ งเป็นระบบและมีเหตผุ ลเป็นขนั้ ตอน 4. พัฒนา สมรรถนะและความรู้ความสามารถของบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงาน รองรับความเปน็ รัฐบาลดจิ ทิ ัลอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ โดยจดั ใหม้ ศี นู ยพ์ ฒั นาสมรรถนะบุคลากรระดับจังหวัด ทั่วประเทศ (ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, 2562, หน้า 1 - 2) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย ได้ดำเนินแนวทางตามยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดำเนินงานในภารกิจต่อเนื่อง ประจำปีงบประมาณ 2564 ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ที่ว่า ข้อที่ 1. ผลิตและพัฒนารายการวิทยุและ รายการโทรทัศนเ์ พือ่ การศกึ ษา เพอื่ ให้เช่อื มโยงและตอบสนองตอ่ การจัดกจิ กรรมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยของสถานศึกษา เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ให้มที างเลือกในการเรียนรู้ท่หี ลากหลายและมีคณุ ภาพ สามารถพัฒนาตนเองให้รเู้ ท่าทนั สอ่ื และเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการสื่อสาร เช่น รายการพัฒนาอาชีพเพื่อการมีงานทำ รายการติวเข้มเติมเต็มความรู้ รายการทำกินก็ได้ ทำขายก็ดี ฯลฯ เผยแพร่ทางสถานีวิทยุศึกษา สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร (ETV) และทางอินเนอร์เน็ต ข้อที่ 2 พัฒนาการเผยแพร่การจัดการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยผ่านระบบเทคโนโลยีดิจทิ ัล และช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น YouTube Facebook หรือ Application อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้ครู กศน. นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการสร้าง กระบวนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (Do It Yourself : DIY) ขอ้ ท่ี 3 พฒั นาสถานวี ทิ ยุศึกษาและสถานีโทรทัศน์ เพื่อการศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการออกอากาศให้กลุ่มเป้าหมายสามารถใช้เป็น ช่องทางการเรียนรู้ที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยขยายเครือข่ายการรับฟังให้สามารถรับฟัง ได้ทุกที่ ทุกเวลา ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และเพิ่มช่องทางให้สามารถรับชมรายการโทรทัศน์ได้

3 ทั้งระบบ Ku – Band, C – Band, Digital TV และทางอินเทอร์เน็ต พร้อมที่จะรองรับการพัฒนาเป็น สถานีวิทยุโทรทศั น์เพื่อการศึกษาสาธารณะ (Free ETV) ข้อที่ 4 พัฒนาระบบการให้บรกิ ารสื่อเทคโนโลยี เพื่อการศึกษา เพื่อให้ได้หลายช่องทางทั้งทางอินเทอร์เน็ต และรูปแบบอื่น ๆ อาทิ Application บน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และ Tablet รวมทั้งสื่อ Offline ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเลือกใช้ บริการเพื่อเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ได้ตามความต้องการ ข้อที่ 5 สำรวจ วิจัย ติดตาม ประเมินผลด้านการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำผลมาใช้ในการพัฒนางานให้มี ความถูกต้อง ทันสมัยและสามารถส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนได้ อย่างแท้จริง (สำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย, 2564, หนา้ 8 - 9) ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย สำนกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานทร่ี ับผิดชอบงานด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา จัด ผลิต พัฒนา เผยแพร่ และให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาที่มีคุณภาพและทันสมัย เพอื่ ตอบสนองนโยบายดงั กลา่ ว ในรูปแบบโทรทัศนเ์ พ่ือการศึกษา (ETV) วทิ ยเุ พื่อการศกึ ษา ส่ือการศึกษา เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน สื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมการศึกษาทั้งในระบบโรงเรียน นอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยมี ช่องทางการเผยแพร่ให้ผู้รับบริการสามารถเลือกใช้บริการได้หลากหลาย ได้แก่ สถานีวิทยุของ กระทรวงศึกษาธิการ สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ETV) และสถานีวิทยุ โทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) นอกจากนี้ยังพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ผ่านระบบ Online ทางอินเทอร์เน็ต Social Network ผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์มือถือ Smart Phone แท็บเล็ต เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายและ เป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนอีกด้วย ตามยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดำเนินงานสำนักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่ให้มีการนำสื่อและ เทคโนโลยดี จิ ทิ ัลเพื่อการศึกษาทห่ี ลากหลายและมีคุณภาพมาใช้ในการจัดกระบวนการการเรียนรู้เพ่ือเพ่ิม ประสิทธิภาพและคุณภาพในการจัดการศึกษา โดยใช้แผนและการวิจัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการ ดำเนินการทั้งการออกแบบกิจกรรม การนิเทศ การติดตามผล การปรับปรุง การพัฒนา เพื่อให้ การดำเนินงานดา้ นการผลติ พัฒนาและเผยแพรเ่ ทคโนโลยีดิจิทลั เพอื่ การศึกษาบรรลุตามเป้าหมายอย่างมี ประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็นต้องมีการติดตามผลการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา เพื่อที่จะได้นำ ข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับมาใช้ในการพัฒนาเนื้อหาสาระ การบริหารจัดการเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ และการหาแนวทางการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายต่อไปอย่างเป็น รูปธรรม

4 วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย 1. เพื่อศึกษาสภาพความพร้อมในการให้บริการและการใช้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรเู้ ก่ียวกับประชาคมอาเซียน และส่อื ดจิ ิทลั เพ่อื การศกึ ษา 2. เพ่ือสอบถามข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา เพือ่ ส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย 3. เพื่อสอบถามความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัล เพอ่ื การศกึ ษาให้สอดคลอ้ งกับความต้องการของผู้รบั บรกิ าร 4. เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลของศูนย์เทคโนโลยี ทางการศกึ ษา ขอบเขตของการวิจัย การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ 2564 มขี อบเขตของการศึกษา ดงั น้ี 1. ขอบเขตดา้ นเทคโนโลยดี ิจทิ ลั เพอ่ื การศกึ ษา การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาในครั้งนี้ เป็นการติดตามผลเฉพาะ สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาที่ผลิตและเผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สังกัดสำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ( ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่ อดิจิทัล เพือ่ การศกึ ษา 2. ขอบเขตด้านประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาในครั้งนี้ มีการเก็บรวบรวมข้อมูล จากประชากรกลุ่มตัวอย่างจากสถานศึกษาในสังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอ ในพ้ืนที่ 5 ภาค ไดแ้ ก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวนั ออก และภาคกลาง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครู กศน.ตำบล ซึ่งผู้บริหาร กศน.อำเภอ เป็นผู้พิจารณามอบหมายให้เป็นผู้ตอบ แบบสอบถาม จำนวน 198 คน และนกั ศึกษา กศน. จำนวน 372 คน 3. ขอบเขตด้านระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมลู การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทลั เพ่ือการศึกษาในครัง้ นี้กระทำในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ระยะเวลาเกบ็ รวบรวมข้อมูล อยใู่ นระหวา่ งเดอื น ธนั วาคม 2564 ถงึ เดอื นกนั ยายน 2564

5 ประเด็นทศ่ี กึ ษา ในการติดตามผลการใช้สอื่ เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศกึ ษาครงั้ นี้ มีประเดน็ ที่มงุ่ ศึกษา ได้แก่ 1. ข้อมลู ท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 2. การใหบ้ รกิ ารและการใช้สอ่ื เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพื่อการศึกษา/แนวทางในการพัฒนาการใช้ส่ือ เทคโนโลยีดิจทิ ลั เพ่อื การศกึ ษา 2.1 สอื่ โทรทศั น์เพ่ือการศึกษา (ETV) 2.2 สอ่ื วิทยุเพ่ือการศึกษา 2.3 สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกย่ี วกับประชาคมอาเซียน 2.4 สอ่ื ดจิ ิทัลเพ่ือการศึกษา 3. ความต้องการด้านเน้ือหาเพอ่ื การผลิตและเผยแพรส่ ่ือเทคโนโลยดี ิจิทัลเพือ่ การศึกษา 3.1 การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 3.2 การศึกษาอาชีพ 3.3 การศกึ ษาตามอัธยาศัย 3.4 การส่งเสริมความรเู้ ก่ยี วกับประชาคมอาเซียน 4. ข้อเสนอแนะแนวทางในการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาของ ศนู ย์เทคโนโลยีทางการศกึ ษา นิยามศพั ท์เฉพาะ เพื่อให้เข้าใจความหมายของคำที่ใช้ในการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา คร้ังนี้ให้ตรงกนั ไดน้ ยิ ามความหมายของคำตา่ ง ๆ ได้ดงั น้ี 1. สอ่ื เทคโนโลยดี ิจทิ ัลเพอ่ื การศกึ ษา หมายถงึ สอ่ื การศกึ ษาในรปู แบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัล เพอื่ การศกึ ษา 2. การให้บริการ หมายถึง การจัดสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาโดยครู กศน.ตำบล เพื่อให้บริการรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) รายการวิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพือ่ สง่ เสรมิ ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษาเพื่อการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย 3. การใช้บริการ หมายถึง ครู กศน.ตำบล / นักศึกษา กศน. ใช้บริการสื่อเทคโนโลยี เพ่ือการศึกษาในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษาเพื่อการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย 4. สื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา หมายถึง สื่อออนไลน์เพื่อการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ท่ผี ลิตโดยศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศกึ ษา

6 ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1. การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาในครั้งนี้ จะทำให้ได้ข้อมูลสารสนเทศ ที่ถูกต้องตามความเป็นจริงในปัจจุบันเกี่ยวกับสภาพการให้บริการและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษาของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ตลอดจน ความต้องการ ปัญหาและข้อเสนอแนะต่าง ๆ รวมถึงแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยี ดิจิทัลเพื่อการศึกษา เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการเทคโนโลยดี ิจิทัลเพื่อการศึกษา ต่อไป 2. ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา จะได้นำข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับจากการติดตามผลการใช้ส่ือ เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาในครั้งน้ีไปใช้ในการวางแผน การดำเนินงานด้านการผลิต การเผยแพร่ รายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับ ประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา ให้มีเนื้อหาสาระสอดคล้องกับความต้องการของ กลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการอย่างแท้จริง รวมทั้งนำเสนอรายงานการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพ่ือการศึกษานีใ้ ห้กับกลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนกั งาน กศน. เพือ่ เป็นข้อมลู ในการวางแผนบริหาร จัดการเพื่อให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ ชาติ ในด้าน Hardware Software โครงข่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านค่าบริการ การบริการเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาให้เกิดความคล่องตัวและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มเป้าหมาย เด็ก นกั เรยี น ประชาชน ผดู้ ้อยโอกาสทางการศกึ ษา กลมุ่ เปา้ หมายทกุ กล่มุ ทกุ ชว่ งวัย อยา่ งเปน็ รปู ธรรม

บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กยี่ วข้อง การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย ได้ศึกษาเนื้อหาสาระสำคัญ ๆ ที่สะท้อนถึงองค์ความรู้ เป็นการศึกษาเอกสารและ งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วข้อง เพอ่ื กำหนดเป็นกรอบแนวคดิ ในการศึกษา เรยี งตามลำดับ ดงั น้ี 1. แนวคิดทเ่ี กีย่ วข้องกบั เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลเพอ่ื การศกึ ษา 2. เอดการ์ เดล (กรวยประสบการณ์) 3. ทฤษฎีความพงึ พอใจ 4. นโยบายของรฐั บาล/กระทรวง/กรม ทเี่ กยี่ วข้องกบั ด้านเทคโนโลยีดจิ ิทัลเพอื่ การศกึ ษา 5. ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา 6. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 7. กรอบแนวคิดในการตดิ ตามผลการใชส้ ื่อเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลเพื่อการศึกษา 1. แนวคดิ ที่เกีย่ วข้องกับเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั เพือ่ การศกึ ษา ความหมายของเทคโนโลยีเพ่อื การศึกษา มีนักวิชาการได้ให้ความหมายของ เทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษา ในมิตติ ่าง ๆ อยมู่ ากมาย ดังน้ี วจิ ิตร ศรสี อา้ น (อา้ งถึงใน ปาริชาติ โต๊ะเอี่ยม, 2556, หนา้ 46) ไดใ้ หค้ วามหมายของเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาว่า เป็นการประยุกต์เอาเทคนิค วิธีการ แนวความคิด อุปกรณ์และเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ เพ่อื ชว่ ยแกป้ ัญหาทางการศึกษา ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ (อ้างถงึ ใน วิไลวรรณ เรืองอไุ ร, 2556, หน้า 22) ไดใ้ ห้ความหมายเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาว่า เป็นระบบการออกแบบการดำเนินการและการประเมินกระบวนการเรียนการสอน ทั้งมวลในลักษณะของจุดมุ่งหมายเฉพาะบนพื้นฐานของการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้ของมนุษย์และ การสื่อสารโดยรวมเอาทรัพยากรทั้งที่เป็นมนุษย์และเครื่องมือหรือวัสดุมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ การจดั การเรียนการสอน วิไลวรรณ เรืองอุไร (2556, หน้า 23) ได้ให้ความหมายเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาว่า เป็นการ ประยุกตค์ วามรู้ทางวิทยาศาสตรอ์ ย่างมีระบบเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน แก้ไขปัญหาและ พัฒนาการศึกษาให้ก้าวต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มีความหมายไม่เพียงแต่เป็น วทิ ยาศาสตร์ทางธรรมชาตเิ ทา่ นน้ั แตย่ ังรวมหมายถงึ วิทยาศาสตรท์ างจิตวิทยาและศาสตรใ์ นการจัดบริหาร งานครอบคลมุ ทง้ั ด้านบริหารวิชาการและบริการ ปาริชาติ โต๊ะเอี่ยม (2556, หน้า 46) ได้ให้ความหมายเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาว่า เป็นการ ปฏิบตั ิงานระหว่างคนกับเคร่ืองมอื และวัสดุ รวมถงึ การใชเ้ ทคโนโลยีทุกรูปแบบในการศึกษาอย่างมีระบบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางการศึกษา และพัฒนาปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนให้มี ประสิทธิภาพยง่ิ ข้นึ

8 เพชรรัตน์ เวสน์ไพบูลย์ (2556, หนา้ 13) ไดใ้ หค้ วามหมายเทคโนโลยีเพ่อื การศึกษาวา่ เป็นการ นำศาสตร์แห่งวิธีการ หรือการประยุกต์วิทยาศาสตร์มาใช้ในการศึกษา โดยคำว่า วิทยาศาสตร์ ในที่น้ี มุ่งเน้นที่วิชาพฤติกรรมศาสตร์ เพราะถือว่าพฤติกรรมศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งเช่นเดียวกับ วชิ าฟสิ ิกส์ เคมี ชีววิทยา เป็นต้น ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา (2558, หน้า 1) ได้ให้ ความหมายเทคโนโลยเี พอื่ การศึกษาว่า เปน็ การสื่อสารในรูปคล่นื ความถี่ สอ่ื ตัวนำ และโครงสร้างพื้นฐาน อื่นที่จำเป็นต่อการแพร่ภาพ เสียง และการสื่อสารในรูปแบบอื่น โดยครอบคลุมสื่อสารมวลเทคโนโลยี สารสนเทศและโทรคมนาคม สื่อโสตทัศน์ แบบเรียน ตำรา หนังสือทางวิชาการ หรือแหล่งการเรียนรู้ ที่นำมาใช้เพื่อประโยชน์ให้บรกิ ารทางการศึกษา เทคโนโลยกี ารศึกษา (ความสำคญั ของนวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจัดการเรียน การสอนและการเรยี นรู้. 2561 : ออนไลน)์ “เทคโนโลยีการศึกษา” หมายถึง การนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อการ ออกแบบและส่งเสริมระบบการเรียนการสอน เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการทางการศึกษา การพัฒนา และ การประยุกต์วัสดุ เครื่องมือ วิธีการ เพื่อนำมาใช้ในสถานการณ์การเรยี นการสอนได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ เพ่ือประสทิ ธภิ าพการเรียนรู้ของคนใหด้ ียงิ่ ขน้ึ นอกจากนเี้ ทคโนโลยีทางการศกึ ษา เปน็ การขยายแนวคิดเก่ียวกับ โสตทศั นศึกษา ใหก้ วา้ งขวางยิ่งข้ึน ท้ังน้ีเน่ืองจากโสตทศั นศกึ ษาหมายถงึ การศกึ ษาเกยี่ วกบั การใช้ตาดูหูฟัง ดังนั้นอุปกรณ์ในสมัยก่อนมักเน้นการใช้ประสาทสัมผัส ด้านการฟังและการดูเป็นหลัก จึงใช้คำว่าโสตทัศน อปุ กรณ์ คำทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศึกษา การจัดการ หมายถึง ชุดของหน้าที่ต่าง ๆ ที่กำหนดทิศทางในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร ทัง้ หลายอย่างมปี ระสิทธภิ าพและประสิทธิผล เพื่อใหบ้ รรลุเป้าหมายขององคก์ ร การใช้ทรัพยากรอย่างมี ประสิทธิภาพ (Efficient) หมายถึง การใช้ทรัพยากรอย่างเฉลียวฉลาด และคุ้มค่า ส่วนการใช้ทรัพยากร อย่างมีประสทิ ธผิ ล (Effective) หมายถึงการตัดสินใจอยา่ งถูกต้อง และมกี ารปฏิบตั ิการได้สำเร็จตามแผน ที่กำหนดไว้ ดงั นน้ั ผลสำเรจ็ ของการจดั การต้องมีทั้งประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลควบคู่กนั ไป การบริหาร หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมมือกันดำเนินการ เพื่อให้ บรรลวุ ตั ถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายๆอย่างท่บี ุคคลรว่ มกนั กำหนดโดยใช้กระบวนอย่างมีระบบ และใหท้ รัพยากรตลอดจนเทคนคิ ตา่ งๆ อยา่ งเหมาะสม นวัตกรรม หมายถงึ ความคิด การปฏบิ ตั ิ หรอื สิ่งประดษิ ฐใ์ หม่ ๆ ท่ยี ังไม่เคยมีใชม้ ากอ่ น หรอื เป็น การพัฒนาดัดแปลงมาจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น เมื่อนำนวัตกรรมมาใช้ จะช่วยให้การทำงานน้ันได้ผลดีมีประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วย ประหยัดเวลาและ แรงงานได้ดว้ ย เทคโนโลยีทางการศึกษา (Educational Technology) ตามรูปศัพท์ เทคโน (วิธีการ) + โลยี (วิทยา) หมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการทางการศึกษา ครอบคลุมระบบการนำวิธีการ มาปรับปรุง ประสิทธภิ าพของการศึกษาให้สูงขน้ึ เทคโนโลยีทางการศกึ ษาครอบคลุมองค์ประกอบ 3 ประการ คอื วัสดุ อปุ กรณ์ และวิธีการ ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น บุคคล สิ่งของสถานที่ ฯลฯ ขอ้ มลู เปน็ เรอ่ื งเกยี่ วกบั เหตกุ ารณ์ทีเ่ กิดข้ึนอย่างต่อเน่ืองข้อมูลต้องถกู ต้องแม่นยำครบถ้วนขึ้นอยู่กับ ผู้ดำเนินการที่ให้ความสำคัญของความรวดเรว็ ของการเก็บขอ้ มูล

9 สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรืออาจกล่าวได้ว่า สารสนเทศ เกิดจากการนำข้อมูล ผ่านระบบการประมวลผล คำนวณ วิเคราะห์และแปลความหมายเปน็ ขอ้ ความท่ีสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เชน่ สารสนเทศท่ีเปน็ ความรูท้ ่ีเกดิ จากวิทยุ โทรศัพท์มือถือ ข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ รอบตัวเราซึ่งอาจมาจาก วิทยุ โทรทัศน์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ดาวเทียม โทรศัพท์ เครอ่ื งจักร ที่เก่ียวกบั สารสนเทศได้ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ ระบบสอ่ื สารโทรคมนาคมสมัยใหม่ เชน่ การฝาก ถอนเงินผา่ นเคร่ือง ATM การจองตวั๋ เครื่องบิน การลงทะเบียน ฯลฯ ระบบสารสนเทศ (Information System ) หมายถึง ระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์ มาช่วยใน การรวบรวม จัดเก็บ หรือจัดการกับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมูลนั้นกลายเป็นสารสนเทศที่ดี สามารถ นำไปใชใ้ นการประกอบการตดั สนิ ใจไดใ้ นเวลาอนั รวดเรว็ และถกู ตอ้ ง ระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา หมายถึง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับงาน ดา้ นการศกึ ษา อันไดแ้ ก่ การจัดเกบ็ ข้อมูล และประมวลผลฐานข้อมูล การพัฒนาระบบสารสนเทศ ชว่ ยการเรียน การสอน การวางแผนและการบริหารการศกึ ษา การวางแผนหลักสตู ร การแนะแนวและบริการ การทดสอบ วดั ผล การพัฒนาบุคลากร การสื่อสาร (Communication) หมายถึง กระบวนการส่งข่าวสารข้อมูลจากผู้ส่งข่าวสารไปยัง ผ้รู บั ขา่ วสาร มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ชักจูงให้ผรู้ ับข่าวสารมีปฏิกริ ยิ าตอบสนองกลับมา โดยคาดหวังให้เป็นไป ตามที่ผสู้ ง่ ตอ้ งการ เครือข่าย หมายถงึ กลุม่ ของคอมพวิ เตอร์ และอปุ กรณค์ อมพิวเตอร์ท่ถี ูกนำมาเชื่อมตอ่ กัน ดังน้ัน เครือข่าย คอมพิวเตอร์จึงประกอบด้วยสื่อการติดต่อสื่อสาร อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ที่จำเป็นในการ เชอ่ื มโยงคอมพิวเตอร์ ตัง้ แต่ 2 ระบบเขา้ ดว้ ยกัน รวมท้ังอุปกรณอ์ ืน่ ๆ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมายถึง เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับข่าวสาร ข้อมูลและ การสื่อสาร นับตั้งแต่การสร้าง การนำมาวิเคราะห์ หรือประมวลผลการรับและส่งขอ้ มลู การจัดเก็บและ การนำไปใช้ใหม่ เทคโนโลยีเหล่านี้ มักจะหมายถึง คอมพิวเตอร์ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ (hardware) ส่วนคำสั่ง (software) และส่วนข้อมูล (data) และระบบการสื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ระบบส่ือสารขอ้ มลู ดาวเทียม หรือเคร่อื งมอื ส่ือสารใดๆ ทัง้ มสี ายและไร้สาย เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา หมายถึง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับ ข่าวสาร ข้อมูลและการสื่อสารสารสนเทศกับงานด้านการศึกษา อันได้แก่ การจัดเก็บข้อมูล และประมวลผล ฐานข้อมูล การพัฒนาระบบสารสนเทศช่วยการเรียนการสอน การวางแผนและ การบริหารการศึกษา การ วางแผนหลักสูตร การแนะแนวและบริการ การทดสอบวัดผล การพัฒนา บุคลากร ซึ่งเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเพื่อการสื่อสารนั้น จะมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ของใช้งาน เช่น บางคร้ังอาจจะใช้เทคโนโลยีดาวเทยี ม เครือข่ายอินเตอรเ์ น็ต ระบบ e-Learning หรอื เทคโนโลยอี ืน่ ๆ ที่มคี วามจำเป็นในการพฒั นาการศึกษา จากความหมายของเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาดังกล่าว สรุปได้ว่า เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา หมายถึง การประยุกต์วิทยาศาสตร์มาใช้ในการศึกษา โดยการนำเทคนิค วิธีการ แนวความคิด อุปกรณ์ และเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางการศึกษา และพัฒนา ปรบั ปรุงกระบวนการเรียนการสอนใหม้ ปี ระสิทธภิ าพยง่ิ ข้ึน

10 การนำเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้ในการเรียนการสอนจะยดึ หลักการท่ัวไปเหมือนการนำเอา เทคโนโลยีไปใชใ้ นสาขาวชิ าอืน่ นอกจากน้นั แล้วยังพจิ ารณาเน้นเฉพาะเมื่อเกย่ี วกบั กจิ กรรมการศึกษา คือ ประสิทธิภาพ (Efficiency) ในการเรียนการสอน หมายความว่า เมื่อนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ การเรียนการสอนแล้ว ถ้าทำให้เกิดการเรียนรู้ตามที่วางจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมไว้ในแผนการสอน ทกุ ประการก็จดั วา่ การเรียนการสอนนนั้ มปี ระสิทธิภาพสงู ประสิทธิผล (Productivity) หลังจบกระบวนการเรียนการสอนแล้วผู้เรียนทั้งหมดหรือเกือบ ทั้งหมดเกิดการเรียนรู้มีผลตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าถ้าการเรียนการสอนน้ัน มีประสทิ ธิภาพยอ่ มจะมปี ระสิทธิผลสูงด้วย ประหยัด (Economy) การที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนต้องตระหนักถึงขอ้ นี้ เพราะบางครั้งพิจารณาดูแล้วจะเห็นว่ามีการลงทุนสูง แต่ถ้าผลการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลในช่วงระยะเวลาที่สั้นกว่าย่อมคุ้มทนดังนั้นจำเป็นต้องพิจารณาในแง่การลงทุนกับผลที่ได้ ออกมาในแง่เศรษฐศาสตร์ การศึกษาแล้วเลือกวิธีการที่คุ้มค่ามีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สะดวกและ ประหยดั ทรพั ยากร เช่น เงนิ เวลา วสั ดุ อุปกรณแ์ ละบคุ ลากร เป็นตน้ ดังนั้น เทคโนโลยีทางการศึกษาไม่ได้หมายถึงแต่เฉพาะวัสดุ (Software หรือ Materials) กับอุปกรณ์ (Hardware) เท่านั้น ยังหมายถึงวิธีการจัดระบบ แนวความคิดและระบบต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันรวมทั้ง เทคนิควิธีการ แนวปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินงานลุล่วงไปสู่จุดหมายที่ต้องการซึ่งสิ่งต่าง ๆ จะเป็นระบบ สมั พนั ธ์กนั ความสำคญั ของเทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษา ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนาเกือบทุก ๆ ด้านทั้งด้านธุรกิจ ด้านสาธารณสุข ด้านการทหารและความม่ันคง ด้านโทรคมนาคมและการส่ือสาร ซึ่งจะส่งผลต่อการเพ่มิ ศักยภาพการแข่งขันของประเทศให้สูงขึ้นทัดเทียมกับนานาประเทศไทย ดังจะเห็นได้ว่า หน่วยงานธุรกิจ ส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหาร การจัดการในองค์กร อีกทั้ง เพิ่มระดับความสำคัญมากขึ้นในแต่ละปี มีการจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งไว้เพื่อการจัดการกับข้อมูล สารสนเทศเป็นการเฉพาะ มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อวางกลยุทธ์หาความได้เปรียบในตลาด โดยรวม อกี ทงั้ ยังเป็นเครอ่ื งมอื สำคญั ในการจดั การเพื่อเพ่ิมผลผลติ รวมถงึ ใชเ้ ป็นชอ่ งทางสำหรับเผยแพร่ สารสนเทศขององคก์ รมากขึ้นด้วย ในส่วนของการศึกษา เทคโนโลยีก็มีบทบาทที่สำคัญในการเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการส่งเสริม การจัดการศกึ ษาใหแ้ ก่กลมุ่ เปา้ หมาย เพ่อื ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ โดยคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษาแห่งสหรัฐอเมริกา (The Commission on Instructional Technology) ได้สรุปสาระสำคัญของเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาว่ามีความสำคัญต่อระบบ การศกึ ษา ดงั นี้ (Tickton, 1970, หน้า 108 อ้างถงึ ในเอกวิทย์ แก้วประดษิ ฐ์, 2545, หน้า 25 – 27) 1. ทำใหก้ ารเรียนการสอน การจดั การศึกษามคี วามหมายมากขึน้ การนำเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มาใช้ในการเรียนการสอนจะช่วยทำให้ผู้เรียนเรียนได้มากและรวดเร็ว ทำสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็น รปู ธรรม ง่ายต่อการทำความเขา้ ใจ ทำให้การเรียนสนุกน่าสนใจ เม่อื ผู้เรยี นไดเ้ ห็นหรือได้สมั ผัสกับสิ่งท่ีตน เรียนและยังทำให้ครู มีเวลาให้กับผู้เรียนมากขึ้นเนื่องจากเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจะช่วยลดเวลา ในการเรยี นน่นั เอง 2. สามารถสนองตอบเร่ืองความแตกต่างระหว่างบุคคลได้ ผ้เู รยี นแตล่ ะคนมภี ูมหิ ลังทีแ่ ตกต่างกัน มคี วามแตกต่างกันท้ังทางด้านสติปญั ญา การอบรมเลยี้ งดูดา้ นส่งิ แวดล้อมและดา้ นอ่ืน ๆ ผ้เู รียนแต่ละคน

11 จะมีความถนดั หรือมคี วามสนใจแตกต่างกันตามสภาวะของแต่ละบุคคล เมื่อนำเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เข้ามาใช้จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถศึกษาได้ตาม ความสนใจของตนเอง ผู้เรียนจะมีอิสระในการศึกษาหา ความรู้ เทคโนโลยีเพ่ือการศกึ ษาจะช่วยให้ การเสาะแสวงหาความใหมส่ ะดวกและง่ายข้ึน เปรียบเสมือน ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนไดเ้ ลือกโอกาสทจี่ ะเรียนตามความสามารถ ตามความต้องการ 3. ทำให้การจัดการศึกษาตั้งอยู่บนรากฐานของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพราะเทคโนโลยี เพื่อการศึกษามิได้หมายถึงเฉพาะแต่เครื่องมือและอุปกรณ์แต่เพียงอย่างเดียว ยังรวมถึงแนวคิด เทคนิค และวิธีการต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการศึกษาด้วย ดังนั้นวิธีระบบก็เป็นรูปแบบของการจัดการศึกษาอีก ลกั ษณะหน่งึ ทีต่ รวจสอบได้ตามวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ 4. ช่วยใหก้ ารจัดการศึกษามพี ลงั มากข้ึน สื่อที่ใชใ้ นการเรียนการสอนนบั วันจะพฒั นาตวั มนั เองให้ มีคุณค่าสะดวกตอ่ การใช้มากขึ้นและงา่ ยต่อการเรยี นรู้ เมอ่ื นำส่อื มาใช้จะทำให้ประหยัดเวลาในการเรียน แต่เรียนได้ปรมิ าณมากขึ้น ทำให้การเรียนน่าสนใจ สื่อสามารถจับยึดประสบการณ์ให้จำได้นาน ทุกวันนี้ โลกมกี ารเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว สื่อก็เปน็ ผลิตผลอย่างหนงึ่ ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ดังนน้ั หากนำ สื่ออันเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาใช้อย่างจริงจัง จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าทำให้ การศึกษามีประสิทธภิ าพ มีประสิทธผิ ล เพิม่ พลงั การเรียนรู้ 5. ช่วยทำให้การเรียนรู้อยู่แค่เอื้อม การนำเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ อย่างกว้างขวางมากขึ้น เนื่องจากสามารถศึกษาหาความรู้จากสื่อประเภทต่าง ๆ สื่อแต่ละชนิดจะไม่มี ความสมบูรณ์ในตัวมันเอง สื่อทุกชนิดจะมีข้อจำกัดเฉพาะตัว ดังนั้นเมื่อได้ศึกษาจากสื่อหลายๆ แหล่ง ทำให้เป็นการเปิดโลกทัศน์การเรยี นรู้ได้กว้างขวาง ไดเ้ หน็ สภาพความเปน็ จรงิ ในสังคมด้วยประสาทสัมผัส ของผู้เรียนเอง เป็นการนำโลกภายนอกเข้ามาสู่ห้องเรียน เป็นการลดช่องว่างทางการเรียนรู้ระหว่าง โรงเรียนกับสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ลดน้อยลง เช่น การศึกษาทางอินเทอร์เน็ต การศึกษาโดยผ่านส่ื อ โทรคมนาคม การศกึ ษาผา่ นทางโทรทศั น์ วทิ ยุและสอ่ื มวลชนอื่น 6. ช่วยทำให้เกิดความเสมอภาคในทางการศึกษา เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาช่วยทำให้ขยายโอกาส ทางการศึกษาของบุคคลในสังคมให้มีมากขึ้นทุกระดับชั้น ทุกภูมิภาคสามารถศึกษาหาความรู้ได้ อย่างทดั เทียมกันทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ เช่น การผลิตสอ่ื ทีม่ คี ุณภาพให้สามารถใชส้ อนวิชาเดียวกัน กับผเู้ รยี นทีอ่ ย่ตู ่างถ่นิ ต่างสถานท่กี ัน เป็นตน้ นวตั กรรมการศึกษาเกิดขนึ้ ตามสาเหตุใหม่ ๆ ดังตอ่ ไปน้ี (ความสำคัญของนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการเรียนการสอนและ การเรยี นรู้, 2561, ออนไลน์) • การเพิ่มปริมาณของผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ นกั เทคโนโลยีการศึกษาต้องหานวัตกรรมใหมๆ่ มาใช้เพอ่ื ใหส้ ามารถสอนนกั เรียนได้มากขนึ้ • การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเรว็ การเรียนการสอนจึงต้องตอบสนองการ เรียนการสอนแบบใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วและเรียนรู้ได้มากในเวลาจำกัดนักเทคโนโลยี การศึกษา จึงตอ้ งค้นหานวัตกรรมมาประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่อื วัตถปุ ระสงค์น้ี • การเรียนรู้ของผู้เรียนมีแนวโน้มในการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น ตามแนวปรัชญาสมัยใหม่ที่ยึด ผ้เู รยี นเป็นศูนยก์ ลาง นวตั กรรมการศึกษาสามารถช่วยตอบสนองการเรียนรู้ตามอัตภาพ ตามความสามารถของ แตล่ ะคน • ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่ส่วนผลักดันให้มีการใช้ นวตั กรรมการศึกษาเพิม่ มากข้นึ

12 การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้ในกระบวนการศึกษา ด้วยเหตุผลสำคัญ ดังตอ่ ไปนี้ • ความเจริญอย่างรวดเร็วทางด้านวิชาการต่างๆ ของโลกโดยเฉพาะระยะหลังสงครามโลก ครั้งที่สองเป็นตน้ มา วิทยาการใหมๆ่ และสิ่งประดิษฐต์ ่างๆ ได้ถกู คน้ คิดประดิษฐข์ ึน้ มาใช้ในสงั คมมากมาย เป็นทวีคูณ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวทางด้านหลักสูตรการเรียนการสอนของ สถานศึกษา และส่งผลเป็นลูกโซต่ ่อไปถงึ ปัญหาการเรียนการสอน การเลือกโปรแกรมและการทำความเข้าใจ กับเนื้อหาสาระใหม่ๆ ของนักเรียน ความรุนแรงและความสลับซับซ้อนของปัญหาเหล่านี้มีมากขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง ปริมาณเนื้อหาวิชาการใหม่ๆ มีมากมายเกินความสามารถของผู้เกี่ยวข้องจะเลือกบันทึกจดจำ และนำเสนอในลักษณะเดมิ ได้ จึงมคี วามจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมท่ีเหมาะสม กับสถานการณ์เข้ามาช่วย เช่น การเสนอข้อมูลทางวิชาการโดยเทปบันทึกเสียง เทปบันทึกภาพ ไมโครฟอรม์ และแผน่ เลเซอร์ การแนะแนวการเรยี นโดยระบบคอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ • การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคม ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากพัฒนาการทาง ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดังกล่าวมาแล้ว มีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิต การปรับตัวและ พฒั นาการของนักเรียน การแนะแนวสว่ นตัวและสังคมแกน่ กั เรยี น จำเป็นตอ้ งใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ท่เี หมาะสมกบั สถานการณน์ ัน้ ๆ จงึ จะสามารถใหบ้ ริการครอบคลมุ ถงึ ปญั หาตา่ งๆ ได้ • ลกั ษณะสังคมสารสนเทศหรือสังคมข้อมูลข่าวสาร ซง่ึ เป็นผลมาจากพัฒนาการทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีโทรคมนาคม ทำให้ข่าวสารทุกรูปแบบ คือ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว กราฟกิ และข้อมลู คอมพิวเตอร์สามารถถ่ายทอดและส่งถงึ กนั ไดอ้ ย่างรวดเร็วทกุ มมุ โลก สังคมในปัจจุบัน และอนาคตจะเปน็ สังคมทท่ี ว่ มทน้ ดว้ ยกระแสข้อมูลและขา่ วสาร ความสำคญั ของนวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศกึ ษา นวัตกรรมมคี วามสำคญั ตอ่ การศึกษาหลายประการ คือ • เพื่อให้ทนั สมัยต่อการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี และสภาพสังคมทเ่ี ปลีย่ นแปลงไป • เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาทางด้านการศกึ ษาบางอย่างทเ่ี กิดขน้ึ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ • เพอ่ื แก้ไขปัญหาทางด้านการศกึ ษาในบางเร่ือง เช่น ปัญหาที่เกย่ี วเน่อื งกับจำนวนผู้เรียนท่ีมากขึน้ การพัฒนาหลักสูตรใหท้ นั สมยั การผลติ และพฒั นาสื่อใหม่ ๆ ขึน้ มา • เพอ่ื ตอบสนองการเรยี นรู้ของมนษุ ย์ให้เพม่ิ มากขึน้ ดว้ ยระยะเวลาทีส่ ้นั ลง การใช้นวัตกรรมมาประยุกต์ในระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาก็มีส่วนช่วยให้การใช้ ทรพั ยากรการเรียนรเู้ ปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพทงั้ น้ีเน่ืองจากในโลกยุคโลกาภิวัตต์โลกมกี ารเปล่ียนแปลง ในทุกด้านอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความก้าวหน้าทั้งด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ การศึกษา จงึ จำเป็นต้องมีการพฒั นาเปล่ียนแปลงจากระบบการศกึ ษาทีม่ ีอยู่เดมิ เพอ่ื ใหท้ นั สมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี และสภาพสงั คมทีเ่ ปลี่ยนแปลงไป อกี ท้งั เพื่อแกไ้ ขปญั หาทางดา้ นศึกษาบางอย่างทเี่ กดิ ขนึ้ อยา่ งมี ประสิทธิภาพ เช่นเดียวกันการเปลย่ี นแปลงทางด้านการศกึ ษาจงึ จำเป็นตอ้ งมกี ารศกึ ษาเกยี่ วกบั นวัตกรรม การศึกษาทจี่ ะนำมาใช้เพ่ือแก้ไขปญั หาทางการศกึ ษาในบางเรอ่ื ง เชน่ ปัญหาทเ่ี กีย่ วเนือ่ งกันจำนวนผู้เรยี น ท่ีมากขน้ึ การพัฒนาหลักสูตรใหท้ นั สมัย การผลติ และพัฒนาสอ่ื ใหม่ๆ ขน้ึ มาเพอื่ ตอบสนองการเรียนรู้ของ มนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นด้วยระยะเวลาที่สั้นลง การใช้นวัตกรรมมาประยุกต์ในระบบการบริหารจัดการ ด้านการศกึ ษากม็ ีสว่ นช่วยให้การ ใช้ทรัพยากรการเรียนรู้เป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ

13 บทบาทของนวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศกึ ษา 1. เทคโนโลยีการศกึ ษาทำใหก้ ารเรียนการสอน มคี วามหมายมากขนึ้ ทำให้ผู้เรยี นสามารถเรียนได้ กวา้ งขวาง เรยี นได้เร็วขึน้ ทำใหผ้ ู้สอนมเี วลาใหผ้ ู้เรียนมากขึ้น 2. เทคโนโลยีการศึกษาสามารถตอบสนองความแตกต่างของผู้เรียน ผู้เรียนสามารถเรียนได้ ตามความสามารถของผู้เรียน การเรียนการสอนจะเป็นการตอบสนองความสนใจและความต้องการของ แต่ละบุคคลไดด้ ี 3. เทคโนโลยีการศึกษาทำให้การจัดการศึกษา ตั้งบนรากฐานของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ การจัดการศึกษาเป็นระบบและเปน็ ข้นั ตอน 4. เทคโนโลยีการศึกษาช่วยให้การศึกษามีพลังมากขึ้น การนำเทคโนโลยีด้านสื่อเป็นเครื่องมือ อยา่ งหนงึ่ ทจี่ ะทำใหก้ ารศกึ ษามีพลัง 5. เทคโนโลยีการศึกษาทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง และได้พบกับสภาพความ จรงิ ในชีวิตมากทส่ี ดุ 6. เทคโนโลยีการศกึ ษาทำให้เปิดโอกาสทางการศึกษาทงั้ ๆ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั คุณค่าและประโยชนข์ องนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษาและการเรียนการสอน การนำนวตั กรรมทางการศึกษาไปใช้จัดการเรยี นการสอน นอกจากจะส่งผลให้ผ้เู รยี นได้พฒั นาการ เรียนรตู้ ามจดุ ประสงค์ของรายวิชาแลว้ ยังมปี ระโยชน์ดงั นชี้ ่วยใหผ้ เู้ รยี นเรยี นรไู้ ด้เรว็ ข้ึน 1. ชว่ ยให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนเป็นรปู ธรรม 2. ชว่ ยใหบ้ รรยากาศการเรียนรู้ สนุกสนาน 3. ชว่ ยใหบ้ ทเรียนนา่ สนใจ 4. ชว่ ยลดเวลาในการสอน 5. ชว่ ยประหยัดค่าใช้จ่าย 6. ช่วยพัฒนาศกั ยภาพ และความสามารถสูงสุดของบุคคล 7. ชว่ ย ขยายขอบเขตความรู้ และโลกทศั นท์ างวชิ าการได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ 8. ช่วยลดปัญหาเรอื่ งความแตกต่างระหวา่ งบุคคล 9. ชว่ ยเปิดโอกาสทางการเรยี นใหก้ ับผู้เรียนอย่างท่วั ถงึ 10. ช่วยใหค้ นสามารถปรบั ตวั ในสังคมทเ่ี ปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ได้ 11. ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด ในการศึกษาหาความรู้ เพม่ิ เติม มองเทคโนโลยีเพือ่ การศึกษาในยคุ ดิจิทลั “ดิจิทัล 4.0” และ “ดิจิทัลไทยแลนด์” เป็นวลีที่คนไทยเริ่มจะได้ยินบ่อยขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าหมายถึงอะไร เกี่ยวข้องกับพวกเรายังไง สง่ ผลอะไรตอ่ ชวี ิตเราบ้าง และประเทศ ไทยในตอนนีอ้ ยใู่ นยคุ ใด คนไทยมีชวี ติ ผูกตดิ กบั ดจิ ิทัลมานานแลว้ ไมว่ า่ จะเป็นการใช้อนิ เทอร์เน็ต ซ้ือขาย ออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ ทำธุรกรรมการเงินผ่านแอพพลิเคชั่น การสื่อสาร แต่เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะพา สงั คมไทยเขา้ สู่ยคุ ดจิ ิทัล 4.0 ได้ก่อนทจี่ ะศึกษานิยามของ Digital 4.0 เรามาทำความรจู้ กั ยุคแรกๆของโลก ดิจทิ ลั กนั ก่อน 1.0 ถึง 3.0 คอื อะไร มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร

14 ภาพที่ 2.1 แสดงภาพไทยแลนด์เข้าสู่ยุคดจิ ิทัล 4.0 Digital 1.0 เปดิ โลกอินเทอร์เน็ต ยุคนีเ้ ป็นยคุ เร่ิมต้นของ “Internet” เป็นช่วงเวลาท่ีกิจกรรมและการดำเนนิ ชีวิตของผู้คนเปลี่ยน จากออฟไลน์ (offline) มาเป็นออนไลน์(online) มากขึ้น เช่น การส่งจดหมายทางไปรษณีย์ก็เปลี่ยน มาเปน็ การสง่ อเี มล์ E-mail และอีกหนึง่ ตวั อย่างที่เห็นได้ชดั คอื การถอื กำเนิดของเวบ็ ไซต์ Website ท่ีทำ ให้เราเข้าถึงทุกอย่างได้ง่ายขึ้นและทั่วถึง การอัพเดตรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง การเปลี่ยนแปลงครั้งน้ี ได้ส่งผลกระทบครั้งใหญ่และเป็นวงกว้าง การดำเนินกิจกรรมสะดวกและรวดเร็ว เริ่มมีกิจกรรม เชิงพาณชิ ย์และโฆษณาผ่านเครอ่ื งมือออนไลน์เสมอื นกับมหี น้าร้านที่ทกุ คนบนโลกจะเหน็ เราได้งา่ ยขน้ึ Digital 2.0 ยุคโซเชียลมเี ดีย ต่อยอดจากยุค 1.0 ก็จะเป็นยุคที่ผู้บริโภคเริ่มสร้างเครือข่ายติดต่อสื่อสารกันในโลกออนไลน์ เครือข่ายสังคม Social Network นี้เริ่มจากการคุยหรือแชทกับเพื่อน สมาคม กลุ่มเล็ก ๆ ของผู้คน ที่ต้องการความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสาร จุดเล็ก ๆนี้เริม่ พัฒนาและขยายวงกว้างไปสู่การดำเนิน กิจกรรมในเชิงธุรกิจ โดยนักธุรกิจส่วนใหญ่มองว่า Social Media เป็นเครื่องมือเชื่อมต่อและ สร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้แกพ่ วกเขาไดเ้ ปน็ อย่างดดี ว้ ยการคลกิ เพียงครงั้ เดยี ว อกี ทงั้ ยงั ชว่ ยในการพฒั นา Brand วัดผลการดำเนินงานของธุรกิจ ส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ เสมือนว่า Social Media เป็น กระบอกเสียงและเวทีเสนองานแก่นักธุรกิจสู่สายตาชาวโลกเป็นอย่างดี เครื่องมือโซเซียลยังสามารถ เป็นอำนาจในการต่อรองของผู้บริโภคที่กำลังตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการ เนื่องจากมีตัวเลือกและ รา้ นคา้ ให้เหน็ มากขนึ้ อกี ด้วย

15 ภาพท่ี 2.2 แสดงภาพยุคแหง่ ข้อมูลและบิก๊ ดาตา้ Digital 3.0 ยคุ แห่งขอ้ มลู และบิก๊ ดาต้า ยุคแห่งการใช้ข้อมูลที่วิ่งเข้าออกเป็นล้านๆดาต้าให้เป็นประโยชน์ การเติบโตของโซเซียลมีเดีย และ E-Commerce จากยุค 2.0 ทำให้เกดิ การขยายของขอ้ มูลอยา่ งมหาศาล ทุกแพลตฟอร์มไมว่ ่าจะเป็น สื่อโซเซียล เว็บเบราวเซอร์ หรือแม้แต่ธุรกิจอย่างธนาคาร โลจิสติกส์ ประกันภัย รีเทล ต่างมีข้อมูล เข้าออกเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และเริ่มมีการนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ดังคำกล่าวที่ว่า “ใครมีข้อมูลมาก ก็มีอำนาจมาก” ข้อมูล ถูกนำมาประมวลผล จับสาระ วิเคราะห์ถึงความต้องการของ ผบู้ รโิ ภคเพอ่ื สร้างสินค้าและบรกิ ารท่ีสามารถตอบสนองโจทย์ของลกู ค้าได้ ทกุ องคก์ รต่างเห็นความสำคัญ ของการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่การนำบิ๊กดาต้ามาตอบสนองอย่างเรียลไทม์น้ัน จำเปน็ ตอ้ งมีระบบคลาวด์ Cloud Computing มาช่วยอำนวยความสะดวก จัดเกบ็ ข้อมูล เลือกทรพั ยากร ตามการใชง้ าน และทำให้เราสามารถเข้าถงึ ขอ้ มูลบนคลาวด์จากทใ่ี ดกไ็ ด้ ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบ ข้อมูลต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถจัดการ บริหารข้อมูล และแบ่งปันข้อมูลกับผู้อื่น (Shared Services) ลดต้นทุนและลดความยุ่งยากเพื่อโฟกัสกับงานหลัก เพิ่มความเร็วในการบริการและการทำ ธุรกิจได้มากขึ้น บิ๊กดาต้าสามารถนำมาต่อยอดโดยการคิดค้น เฟ้นหา และประยุกต์ใช้ข้อมูลนั้น พัฒนา เป็นแอพลเิ คชนั่ Application ทใ่ี หค้ วามสะดวกสบายแกผ่ ้บู รโิ ภคผา่ นทางสมารท์ โฟนและแท็บเล็ตอีกด้วย Digital 4.0 เมอ่ื เทคโนโลยมี มี นั สมอง และเรากม็ าถึงยุคที่ความฉลาดของเทคโนโลยีจะทำใหอ้ ุปกรณต์ ่าง ๆ สอ่ื สารและทำงานกนั เองได้ อยา่ งอัตโนมัติ เทคโนโลยใี นสามยุคแรกที่กล่าวไปเปรียบเสมอื นเป็นแขน ขา ให้แกม่ นุษย์ เป็นเทคโนโลยี ทช่ี ว่ ยเหลือ อำนวยความสะดวก หยบิ จบั คำนวณ ประมวลผมให้มนุษย์ มแี ขน ขา แตไ่ มม่ ีสมองเป็นของ ตัวเอง ในยุค 4.0 เทคโนโลยีถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อลดบทบาทของมนุษย์ และเพิ่มศักยภาพของ มนุษย์ในการใช้ความคิดเพื่อข้ามขีดจำกัด สร้างสรรค์พัฒนาสิ่งใหม่ๆ โดยจะใช้ชื่อยุคนี้ว่าเป็น ยุค Machine-to-Machine เช่น เราสามารถเปิด-ปิด หรือสั่งงานอื่น ๆกับเคร่ืองใช้ไฟฟ้าในบ้านตัวเอง ผ่านแอพลิเคชั่นโดยไม่ต้องเดินไปกดสวิตช์ หรือตัวอย่างที่ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วอย่างการพูดคำว่า “แคปเจอร์” กับแอพถ่ายภาพในสมาร์ทโฟน โทรศัพท์ก็จะถ่ายรูปให้อัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องกดถ่าย ด้วยซ้ำ หรือแม้แต่เทคโนโลยีซิมูเลช่ัน Simulation จำลองสถานการณ์เพื่อฝึกอบรมพนักงาน วางแผน สถานการณโ์ ดยที่ไมต่ ้องเดินทางไปถงึ สถานที่จรงิ หรอื เป็นสอ่ื การเรียนรแู้ บบ Interactive เปน็ ตน้

16 ภาพที่ 2.3 แสดงภาพยคุ ดิจทิ ัล 4.0 เทคโนโลยีและโลกดิจิทัลมักไปไว และเคลื่อนที่ไม่มีหยุด องค์กรจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน ตามเทรนด์ พัฒนานวัตกรรมเพื่อต่อยอดธุรกิจบนการแข่งขันที่รวดเร็วและรอบด้าน จาก SMEs ให้กลายเป็น Smart Enterprise ที่มีศักยภาพสูงขึ้น จากบริการธรรมดาให้กลายเป็น High Value Service เพอ่ื ความมัน่ คง ม่งั ค่ัง และยง่ั ยืนของธรุ กิจ ( เม่ือโลกขบั เคลื่อนด้วยเทคโนโลยี : ออนไลน์ ) การรดู้ จิ ิทัล (Digital Literacy) การรู้ (Literacy) หมายถึง ความสามารถอ่านและเขียนในภาษาที่ใช้ร่วมกันของวัฒนธรรม ส่วนการรู้ดิจิทัล หมายถึง การอ่าน และการเขียนข้อความดิจิทัล เช่น สามารถ ‘อ่าน’ เว็บไซต์โดยผ่าน การเชื่อมโยงหลายมิติ และ ‘การเขียน’ โดยการอัปโหลดภาพถ่ายดิจิทัลเพื่อเว็บไซต์เครือข่ายสังคม ทักษะการทำงานท่ีจำเปน็ ในการดำเนนิ การและการส่ือสาร ดว้ ยเทคโนโลยีและส่ือ นอกจากน้ียังหมายถึงความรเู้ กย่ี วกบั ความสำคัญของเทคโนโลยีและสอื่ ทม่ี ีผลกระทบแต่ท่ีสำคัญ กวา่ นัน้ คือความสามารถท่จี ะวิเคราะหแ์ ละประเมิน ความรู้ท่มี ีอยใู่ นเว็บไซต์ การรู้ดิจทิ ัลในรายวิชาตา่ ง ๆ ไมจ่ ำเปน็ ต้องนำมาซงึ่ การเปล่ียนแปลงการสอนอยา่ งส้ินเชงิ ทกั ษะ ตา่ ง ๆ ท่ีเปน็ สว่ นหนึ่งของการเป็นความรู้แบบดิจิทัลโดยเฉพาะอย่างยงิ่ การตง้ั คำถามท่ีสำคัญ ทักษะของ การศึกษาที่มีประสิทธิภาพและการวิเคราะห์ความผูกพันของผู้เรียนกับเนื้อหาวิชา จะยังคงช่วยให้ครู หาวิธีการสร้างสรรค์ ที่มีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร การรู้ดิจิทัล มีความหมายมากกว่าทักษะด้าน เทคโนโลยีอย่างง่าย ความเข้าใจรวมถึงทักษะที่ซับซ้อน มากขึ้นของ องค์ประกอบและการวเิ คราะห์ ความสามารถ ในการสร้างความหลากหลายของเน้ือหาท่มี กี ารใชเ้ คร่อื งมือ ดิจิทัลต่าง ๆ ทักษะและความรู้ทีจ่ ะใชค้ วามหลากหลาย ของการใช้งานซอฟต์แวร์สื่อดิจิทัลและอุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตความสามารถในการเข้าใจ ส่ือดจิ ทิ ัลเน้อื หา การใช้งานและความรคู้ วามสามารถในการสรา้ งด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

17 ภาพท่ี 2.4 แสดงภาพการรูใ้ ช้ รเู้ ขา้ ใจ ร้สู รา้ งสรรค์ ความสำคญั ของการเรยี นรูด้ จิ ิทัล เทคโนโลยีให้โอกาสในการมีส่วนร่วมในชนิดใหม่ของการเรียนรู้ ชุมชน สังคม และกิจกรรม การทำงาน ทกุ คนจะตอ้ งมคี วามรู้ดิจิทัลเพอื่ ใช้ประโยชน์สูงสดุ จากโอกาสเหล่านี้ หลักฐานท่ีแสดงให้เห็น ว่าในขณะท่ี เยาวชนคนหนุ่มสาว รู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับการใชเ้ ทคโนโลยีนี้ ไม่ได้เป็นส่ิงบ่งบอกถึงสมรรถนะ หรือความสามารถ ท่ีแท้จริง ในดา้ นทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ เชน่ ความ ตระหนักถงึ กลยุทธ์ทางการค้า หรืออคติจากสื่อต่าง ๆ ตลอดจนความปลอดภัยในการใช้งาน การพัฒนาการเรียนรู้ดิจิทัลเป็นเรื่อง เกี่ยวกับ การเปล่ียนแปลงธรรมชาตขิ องความรูค้ วามเขา้ ใจ ครูทกุ คนสามารถนำเสนอมมุ มองทแี่ ตกตา่ งกัน ในเรื่องวิธีการ ที่เทคโนโลยีสามารถเพิ่มคุณค่าในการเรียนของผู้เรียน นอกจากนี้ยังช่วยให้ออนไลน์ อย่างปลอดภัยหากผู้เรียน มีความสามารถในการตัดสินใจที่เหมาะสมและมีข้อมูล เกี่ยวกับการใช้ เทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบ ตอ่ การศกึ ษาตลอดชีวิต รวมถึงชวี ติ การทำงานในอนาคต จากความหมายของเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ดิจิทัลสรุปได้ว่า เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา คือ การผนวกกันของทักษะความรู้และความเข้าใจที่ผู้สอนหรือผู้เรียนต้องเรียนรู้ที่จะใช้ เทคโนโลยดี ิจทิ ัลเพ่ือการศกึ ษา โดยเปน็ ทักษะในการนำเครอื่ งมอื อุปกรณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัลท่ีมีอยู่ใน ปจั จบุ ัน อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศพั ท์ แท็ปเล็ต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และส่ือดจิ ทิ ัลออนไลน์ มาใช้ให้เกิด ประโยชน์สูงสุดในการเรียนการสอนของครู และผู้เรียน ให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ได้ผลิตและเผยแพร่สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาในรูปแบบ โทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อ Offline ประเภท VCD/DVD เพื่อการศึกษา สอ่ื การศึกษาเพ่ือส่งเสรมิ ความร้เู ก่ยี วกบั ประชาคมอาเซยี น และสือ่ ดิจทิ ัลเพื่อการศึกษา 2. เอดการ์ เดล (กรวยประสบการณ)์ เอดการ์ เดล (Dale 1969:107-128) ได้จัดแบ่งสื่อการสอนเพื่อเป็นแนวทางในการอธิบายถึง ความสมั พันธร์ ะหว่างสื่อโสตทัศนูปกรณ์ต่าง ๆ ในขณะเดยี วกนั ก็เปน็ การแสดงขน้ั ตอนของประสบการณ์ การเรียนรู้ และการใช้สื่อแต่ละประเภทในกระบวนการเรียนรู้ด้วย โดยพัฒนาความคิดของ Bruner ซึง่ เปน็ นกั จิตวิทยา นำมาสรา้ งเปน็ “กรวยประสบการณ์” (Cone of Experiences)

18 ภาพที่ 2.5 แสดงภาพกรวยประสบการณข์ อง เอดการ์เดล โดยแบง่ เป็นข้ันตอนดังนี้ 1. ประสบการณ์ตรง โดยการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรงจากของจริง เช่น การจับต้อง และ การเหน็ เปน็ ตน้ 2. ประสบการณ์รอง เป็นการเรียนโดยให้ผู้เรียนเรียนจากสิ่งทีใกลเ้ คียงความเป็นจริงที่สุด ซึ่งอาจเปน็ การจำลองก็ได้ 3. ประสบการณ์นาฏกรรมหรือการแสดง เป็นการแสดงบทบาทสมมติหรือการแสดงละคร เนื่องจาก ข้อจำกัดด้วยยุคสมัยเวลา และสถานที่ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เป็น นามธรรม เปน็ ตน้ 4. การสาธิต เปน็ การแสดงหรือการทำเพ่อื ประกอบคำอธิบายเพอ่ื ใหเ้ หน็ ลำดับขั้นตอนของการกระทำนนั้ 5. การศึกษานอกสถานที่ เป็นการเรียนรูจ้ ากประสบการณ์ต่าง ๆ ภายนอกสถานที่เรียน อาจเป็นการ เยี่ยมชมสถานท่ี การสัมภาษณบ์ ุคคลต่าง ๆ เป็นต้น 6. นิทรรศการ เป็นการจัดแสดงส่ิงของต่าง ๆ เพื่อให้สาระประโยชน์แกผ่ ู้ชม โดยการนำประสบการณ์ หลายอยา่ งผสมผสานกนั มากทีส่ ุด 7. โทรทัศน์ โดยใช้ทั้งโทรทศั น์การศึกษาและโทรทัศน์การสอนเพื่อให้ข้อมลู ความรู้แก่ผู้เรยี นหรือผู้ชม ท่ีอยู่ในหอ้ งเรียนหรืออยู่ทางบา้ น 8. ภาพยนตร์ เป็นภาพที่บันทึกเรื่องราวลงบนฟิล์มเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ทั้งภาพและเสียง โดยใช้ประสาทตาและหู 9. การบันทึกเสียง วิทยุ ภาพนิ่ง อาจเป็นทั้งในรูปของแผ่นเสียง เทปบันทึกเสียง วิทยุ รูปภาพ สไลด์ ข้อมลู ทอี่ ยู่ในขั้นน้ีจะใหป้ ระสบการณ์แกผ่ ้เู รยี นท่ีถึงแม้จะอา่ นหนงั สือไมอ่ อกแต่ก็จะสามารถเข้าใจเน้ือหาได้ 10. ทัศนสญั ลกั ษณ์ เช่น แผนท่ี แผนภมู ิ หรอื เครื่องหมายตา่ ง ๆ ทีเ่ ป็นสัญลักษณแ์ ทนส่งิ ของต่าง ๆ

19 11. วจนสญั ลักษณ์ ไดแ้ ก่ตัวหนงั สอื ในภาษาเขียน และเสยี งพดู ของคนในภาษาพดู การใช้กรวยประสบการณ์ของเดลจะเริ่มต้นด้วยการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอยู่ในเหตุ การณ์หรือ การกระทำจริงเพือ่ ให้ผู้เรยี นมีประสบการณต์ รงเกิดขึ้นกอ่ น แล้วจึงเรยี นรู้โดยการเฝ้าสงั เกตในเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นขั้นต่อไปของการได้รับประสบการณ์รอง ต่อจากนั้นจึงเป็นการเรียนรู้ด้วยการรับ ประสบการณ์โดยผา่ นสื่อตา่ งๆ และท้ายที่สดุ เปน็ การให้ผู้เรียนเรียนจากสญั ลักษณซ์ ึง่ เป็นเสมือนตัวแทน ของเหตกุ ารณ์ทเี่ กิดขน้ึ 3. แนวคดิ และทฤษฎคี วามพงึ พอใจ ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกที่สามารถแสดงออกมาให้เห็น อาจจะเป็นกริยาท่าทางหรือ การแสดงออกทางสีหน้าเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจที่ได้รับการตอบสนองอย่างที่ตนเองคาดหวงั ไว้ ซึ่งมี นกั การศกึ ษาได้นำ เสนอแนวคิด หลักการไวอ้ ย่างหลากหลาย ดังนี้ เดวิส (Davis, 1967, p. 61) กลา่ วว่า ความพึงพอใจเปน็ สิ่งท่ีเกิดขึ้นกับบุคคล เม่ือความต้องการ พื้นฐานทั้งร่างกายและจิตใจได้รับการตอบสนอง พฤติกรรมเกี่ยวกับความพึงพอใจของมนุษย์เป็น ความพยายามที่จะขจัดความตึงเครียด หรือความกระวนกระวายหรือสภาวะไม่สมดุลในร่างกาย เม่อื สามารถขจัดสงิ่ ต่าง ๆ ดงั กลา่ วออกไปได้ มนุษย์ยอ่ มจะไดร้ ับความพงึ พอใจในส่งิ ท่ตี อ้ งการ ทฤษฎีความต้องการตามลำดับขั้นของมาสโลว์ (Maslow, 1970, p. 35-47) ได้เรียงลำดับ สิง่ จงู ใจ หรือความต้องการของมนุษย์ไว้ 5 ระดบั โดยเรียงลำดบั ขัน้ ของความต้องการไว้ ตามความสำคัญ ดังนี้ 1) ความตอ้ งการพืน้ ฐานทางสรีระ 2) ความตอ้ งการความปลอดภัยรอดพน้ อันตรายและมน่ั คง 3) ความต้องการความรกั ความเมตตา ความอบอ่นุ การมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมตา่ ง ๆ 4) ความต้องการเกียรติยศชอ่ื เสยี ง การยกยอ่ ง และความเคารพตวั เอง 5) ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเอง ความพอใจในขั้นต่างๆ ของความต้องการของมนุษย์นี้ ความต้องการขั้นสูงกว่าบางคร้ัง ได้ปรากฏออกมาให้เห็นแล้วก่อนที่ความต้องการขั้นแรกจะได้เห็นผลเป็นที่พอใจเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม บุคคลแต่ละคนส่วนมากแสดงให้เห็นว่า ตนมีความพอใจอย่างสูงสุด ในลำดับขั้นความต้องการขั้นต่ำ ๆ มากกว่าขัน้ สงู จากการสำรวจ พบวา่ คนธรรมดาทวั่ ไปจะมคี วามพอใจในลำดบั ข้ันตอนต่างๆ ดงั น้ี ความตอ้ งการทางด้านกายภาพ 85% ความต้องการความปลอดภยั 70% ความต้องการทางด้านสงั คม 50% ความต้องการเดน่ ในสังคม 40% ความตอ้ งการทจ่ี ะได้รับความสำเรจ็ ในสิ่งที่ตนปรารถนา 10% อเดย์ และแอนเดอร์สัน (Aday & Anderson, 1975, p. 4) กล่าวว่า ความพึงพอใจ เปน็ ความรู้สกึ ความนกึ คดิ เหน็ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั ทัศนคตขิ องคนท่ีเกิดจากประสบการณ์ท่ีผูร้ บั บริการเข้าไปใน สถานทีท่ ่ใี ห้บริการนน้ั และประสบการณ์เปน็ ไปตามความคาดหวงั ของผูร้ ับบรกิ ารและความพึงพอใจมาก หรอื น้อยขึน้ อยูก่ ับปจั จัยที่แตกต่างกนั หลยุ จำปาเทศ (2533, หนา้ 8) อธบิ ายว่า ความพงึ พอใจ หมายถึง ความตอ้ งการ ให้บรรลุ เป้าหมาย สังเกตไดจ้ ากสายตา คำพูด และการแสดงออก

20 เชลล่ี (Shelli, 1995, p. 9) ไดศ้ ึกษาแนวคดิ เกีย่ วกบั ความพงึ พอใจ สรุปไดว้ ่าเป็นความรู้สึก สองแบบของมนุษย์ คือ ความรู้สึกในทางบวกและ ความรู้สึกในทางลบ ความรู้สึก ในทางบวกเป็น ความรู้สึกที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้ความรู้สึกที่มีระบบย้อนกลับและความสุขนี้สามารถทำให้เกิดความสุข หรือความรู้สึกทางบวกเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ความสุขเป็นความรู้สึกที่สลับซับซ้อนและ ความสุขนี้จะมีผลต่อบุคคลมากกว่าความรู้สึกในทางบวกอื่นๆ ความรู้สึกทางลบ ความรู้สึกทางบวกและ ความสขุ มีความสมั พันธ์กนั อย่างสลบั ซบั ซอ้ นและ ระบบความสัมพันธข์ องความรู้สึกท้ังสามนีเ้ รยี กว่าระบบ ความพึงพอใจ โดยความพึงพอใจ จะเกิดขึ้นเมื่อระบบความพึงพอใจมีความรู้สึกทางบวกมา กกว่า ความรสู้ กึ ทางลบ ศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ และ พยัต วุฒิรงค์ (2547, หน้า 57 - 58) สรุปประเด็นเกี่ยวกับ ความพึงพอใจ ดังน้ี 1) ความพงึ พอใจเป็นการเปรยี บเทียบความรู้สกึ กับความคาดหวงั 2) ความพึงพอใจเปน็ การเปรยี บเทียบความร้สู ึกกับส่ิงเรา้ 3) ความพึงพอใจเป็นการเปรยี บเทยี บความรสู้ กึ หรือทัศนคติกับส่งิ ทไี่ ดร้ ับ 4) ความพึงพอใจเปน็ การเปรยี บเทยี บประสบการณ์กบั การคาดหวัง สรชยั พิศาลบตุ ร (2551, หน้า 98 - 99) ได้กล่าวถงึ การวดั ระดบั ความพึงพอใจของลูกค้า หรือผใู้ ห้บริการว่าสามารถทำได้ 2 วธิ ี คอื 1) วดั จากการสอบถามความคิดเห็นของลกู ค้าหรือผู้ใชบ้ ริการ เป็นการวัดระดับความพงึ พอใจ ของลกู คา้ หรอื ผ้ใู ช้บริการจากการสอบถามความคิดเหน็ ของลกู ค้าหรือผูใ้ ช้บริการโดยตรงทำได้โดยกำหนด มาตรวดั ระดบั ความพงึ พอใจทลี่ ูกค้าหรอื ผูใ้ ช้บรกิ ารทม่ี ีต่อคุณภาพของสนิ คา้ หรือบริการน้ันๆ และกำหนด เกณฑ์ชี้วัดระดับความพึงพอใจจากผลการวัดระดับความพึงพอใจเฉลี่ยที่ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการที่มีต่อ คุณภาพของสินคา้ หรือบรกิ ารนั้นๆ 2) วัดจากตัวชี้วัดคุณภาพการให้บริการที่กำหนดขึ้น โดยการวัดระดับความพึงพอใจของ ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการจากเกณฑ์ชี้วัดระดับคุณภาพสินค้าหรือบริการที่กำหนดขึ้นน้ีอาจใช้ เกณฑ์คุณภาพ ระดับตา่ งๆ ท่ีกำหนดขน้ึ โดยผู้ให้บรกิ าร ผปู้ ระเมินผลการให้บริการ และมาตรฐานกลาง หรือมาตรฐานสากล ของการให้บรกิ ารนั้น จากแนวคิดของนักวชิ าการข้านต้น สรุปได้ว่า ความพึงพอใจ คือ ความรู้สึก อารมณ์ กริยา ท่าทาง หรือการแสดงออก เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจที่ได้รับการตอบสนองอย่างที่ตนคาดหวังไว้ เม่ือไดร้ บั การตอบสนองต่อสง่ิ ที่ตนเองต้องการแลว้ ก็จะเกดิ ความตอ้ งการขนั้ ตอ่ ไปไม่มีท่สี ้ินสุด โดยความพึงพอใจ จะเกดิ ขน้ึ ระดบั ใดข้ึนอยกู่ บั ปรมิ าณการรับสนองความตอ้ งการท่เี กิดขึ้นไดค้ รบถ้วนเพียงใด ลกั ษณะความพึงพอใจ ลักษณะความพงึ พอใจผูว้ ิจยั ได้ศึกษาจากเอกสารงานวิจยั ทีเ่ ก่ียวข้องและได้นำมาเสนอลักษณะ ของความพงึ พอใจของนกั วชิ าการตา่ ง ๆ ดงั นี้ สุรศักดิ์ นาถวิล (2544, หน้า 10) ได้กลา่ วว่า ลักษณะความพงึ พอใจไว้ ดังน้ี 1) ความพึงพอใจเป็นการแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกทางบวกของบุคคลหรือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด บุคคลจะรับรู้ความพึงพอใจจำเป็นต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมรอบตัว การตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ส่วนบุคคลด้วยการโต้ตอบกับบุคคลอื่นและสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันทำให้แต่ละคนมีประสบการณ์รับรู้ เรียนรู้ สิ่งที่ได้รับการตอบสนองแตกต่างกนั ไป และ หากสง่ิ ทีไ่ ดร้ บั เปน็ ไปตามความตอ้ งการก็จะก่อใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจ

21 2) ความพึงพอใจเกดิ จากการประเมินความแตกตา่ ง ระหว่างส่ิงทีค่ าดหวงั กับสิง่ ทีไ่ ด้รับ จรงิ ในสถานการณ์บริการก่อนทีล่ ูกค้าจะมาใช้บรกิ ารใดก็ตาม มกั จะมมี าตรฐานของการบรกิ ารนั้นไว้ในใจ อยกู่ อ่ นเสมอแล้ว ซ่งึ มีแหล่งอา้ งองิ มาจากคณุ คา่ หรือเจตคติทีย่ ึดถอื ต่อบริการ ประสบการณด์ งั้ เดิมท่ีเคยใช้ บริการ การบอกเลา่ ของผ้อู ่ืน การรบั ทราบข้อมูล การรับประกันบริการจากโฆษณา การใหค้ ำมัน่ สญั ญาของ ผู้ให้บริการเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ผู้รับบริการใช้เปรียบเทียบกับบริการที่ได้รับในวงจรของ การให้บรกิ ารตลอดช่วงเวลาของความจริง ส่งิ ทีผ่ ู้บรกิ ารไดร้ บั ความรู้เก่ียวกบั การบริการทไี่ ดร้ ับการบริการ คือ ความคาดหวังในสิ่งที่คิดว่าไดร้ ับ (Expectations) นม้ี อี ทิ ธิพลตอ่ ช่วงเวลาของการเผชญิ ความจริงหรือ การพบปะระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการเป็นอย่างมาก เพราะผู้รับบริการจะประเมินเปรียบเทียบ สิ่งที่ได้รับจริงในกระบวนการบริการที่เกิดขึ้น (Performance) กับความหวังเอาไว้หากสิ่งที่ได้รับเป็นไป ตามความคาดหวังถือว่าเป็นการยืนยันที่ถูกต้อง (Confirmation) กับความคาดหวังที่มีผู้รับบริการ ย่อมเกิดความพงึ พอใจต่อการบริการดังกล่าว แต่ถา้ ไมเ่ ปน็ ไปตามคาดหวงั อาจจะสูงหรือต่ำกว่านับว่าเป็น การยืนยันที่คลาดเคลื่อน (Disconfirmation) ความคาดหวังดังกล่าว ทั้งนี้ช่วงความแตกต่าง (Discrimination) ทีเ่ กดิ ข้นึ จะชี้ให้เห็นระดับความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจมากน้อยได้ ถ้ายนื ยันเบี่ยงเบน ไปในทางบวกแสดงถึงความพงึ พอใจ ถ้าไปในทางลบแสดงถงึ ความไมพ่ อใจ จากความหมายที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น สรุปได้ว่า ลักษณะของความพึงพอใจเป็นการ แสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกทางบวกและทางลบของบุคคลหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด บุคคลจะรับรู้ ความพงึ พอใจทร่ี ู้สึกได้ในขั้นสุดท้ายที่ไดร้ บั ผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ 4. นโยบายของรฐั บาล/กระทรวง/กรม ท่เี ก่ียวข้องกบั ด้านเทคโนโลยีดิจิทลั เพื่อการศึกษา พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทแี่ กไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 หมวด 9 เทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษา เป็นกฎหมายที่กำหนดบทบัญญัติ เป็นกรอบแนวทางในการปฏิรูปการศึกษาทัง้ ระบบ ทั้งในเรื่องสิทธิ และหน้าที่ทางการศึกษา ระบบการศึกษา แนวทางการจัดการศึกษา การบริหารและการจัดการศึกษา มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา ครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ทรัพยากรและ การลงทุนเพอื่ การศกึ ษา และเทคโนโลยเี พอ่ื การศกึ ษา ซึ่งกฎหมายฉบับนถี้ ือไดว้ า่ เป็นกฎหมายการศึกษา ฉบับแรกที่ใหค้ วามสำคัญกบั การนำเทคโนโลยีเพื่อการศึกษามาใชป้ ระโยชน์ โดยมีบทบัญญัติท่ีเกี่ยวข้อง ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาทั้งหมด 7 มาตรา (มาตรา 63 – 69) ดังนี้ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2546, หน้า 30 – 31) มาตรา 63 รัฐต้องจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำและโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่จำเป็นต่อการ ส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารในรูปอื่น เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและ วัฒนธรรมตามความจำเปน็ มาตรา 64 รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิต และพัฒนาแบบเรียน ตำรา หนังสือ ทางวิชาการ สื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่น โดยเร่งรัด พัฒนา ขีดความสามารถในการผลิต จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิตและมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิต และพัฒนา เทคโนโลยีเพอื่ การศกึ ษา ทั้งน้ี โดยเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอยา่ งเป็นธรรม

22 มาตรา 65 ให้มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้ผลิต และผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้ มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในการผลิต รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม มีคุณภาพ และ ประสทิ ธภิ าพ มาตรา 66 ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาใน โอกาสแรกทที่ ำได้ เพ่ือให้มีความรู้ และทกั ษะเพียงพอท่จี ะใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื การศึกษา ในการแสวงหาความรู้ ด้วยตนเองไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ืองตลอดชีวิต มาตรา 67 รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและการพัฒนา เทคโนโลยี เพื่อการศึกษา รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพ่อื ให้เกิดการใชท้ คี่ ุ้มคา่ และเหมาะสมกบั กระบวนการเรยี นรขู้ องคนไทย มาตรา 68 ให้มีการระดมทุน เพื่อจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจากเงินอุดหนนุ ของรัฐ ค่าสัมปทาน และผลกำไร ที่ได้จากการดำเนินกิจการสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ และ โทรคมนาคมจากทุกฝ่ายทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และองคก์ รประชาชน รวมทง้ั ให้มกี ารลดอตั รา ค่าบรกิ ารเปน็ พเิ ศษในการใชเ้ ทคโนโลยีดงั กล่าวเพือ่ พัฒนาคนและสงั คม โดยหลักเกณฑแ์ ละวิธีการจัดสรร เงินกองทุนเพื่อการผลิต การวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาให้เป็นไปตามกำหนด ในกฎกระทรวง มาตรา 69 รัฐต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน ส่งเสริม และ ประสานการวจิ ยั การพฒั นา และการใช้ รวมท้งั การประเมินคุณภาพ และประสิทธภิ าพของการผลิต และ การใช้เทคโนโลยเี พือ่ การศึกษา นโยบายรฐั บาล (ภายใต้การนำของ พลเอกประยทุ ธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตร)ี ได้แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2557 โดยในส่วนนโยบาย ดา้ นการศึกษาปรากฏอยู่ในนโยบายที่ 4 การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม ซึ่งมีสาระของนโยบาย 10 ประเด็น ได้แก่ (สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั , 2558, หนา้ 3) 1. จัดให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้โดยให้ความหมายทั้งการศึกษาในระบบและ การศึกษาทางเลือกไปพร้อมกัน 2. ปรบั เปลย่ี นการจดั สรรงบประมาณสนับสนุนการศกึ ษาให้สอดคล้องกบั ความจำเป็นของผู้เรียน และลักษณะพื้นที่ของสถานศึกษาและจัดให้มีคูปองการศึกษาเพื่อการศึกษาทั้งในระบบโรงเรียนและ นอกโรงเรียน 3. ให้องค์กรภาคประชาสงั คม ภาคเอกชน องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินและประชาชนทั่วไปร่วม จดั การศึกษาท่ีมีคณุ ภาพและท่ัวถึง และรว่ มปฏริ ปู การศึกษาและการเรียนรู้ 4. พัฒนาคนทกุ ช่วงวยั โดยส่งเสริมการเรียนร้ตู ลอดชีวิตโดยเนน้ ความร่วมมอื ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง ในและนอกโรงเรยี น 5. ส่งเสริมอาชีวศึกษาและการศึกษาระดับวิทยาลัยชุมชน สร้างแรงงานที่มีทักษะและพัฒนา คณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษาให้เชื่อมโยงกบั มาตรฐานวิชาชพี 6. พฒั นาระบบการผลิตและพัฒนาครูทมี่ คี ณุ ภาพและมีจติ วิญญาณของความเปน็ ครู 7. สนับสนุนให้องค์กรทางศาสนามีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม การสร้าง สันติสุขและความปรองดองสมานฉนั ทใ์ นสงั คมอยา่ งย่งั ยนื

23 8. อนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม ภาษาไทย และภาษาถิ่น ภูมิปัญญาท้องถ่ิน เพือ่ การเรยี นรู้ การสรา้ งจติ สำนกึ ความเปน็ ไทยและการเพ่ิมมูลคา่ ทางเศรษฐกจิ ใหแ้ ก่ประเทศ 9. สนับสนุนการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านและวัฒนธรรม สร้างสรรค์ 10. ปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่ดีให้เยาวชนและประชาชนได้มีโอกาสแสดงออกอย่าง สร้างสรรค์ นโยบายรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสวุ รรณ ประกาศนโยบายเม่ือวันที่ 27 สิงหาคม 2558 กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้มนี โยบายเก่ยี วกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ การศึกษาไวใ้ นนโยบายทั่วไป โดยมีเปา้ หมายในการดำเนนิ นโยบาย ดงั น้ี (พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ,์ 2558, หนา้ 3) 1. จดั ใหม้ ชี อ่ งทางการสือ่ สารอยา่ งเป็นระบบ นำเทคโนโลยีการสอ่ื สารเขา้ มาชว่ ยปฏิบัตงิ าน อาทิ การประชุมทางไกล โปรแกรมไลน์ เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างความเข้าใจภายในองค์กรให้ มากขึ้น ให้ผู้บริหารมีช่องทางติดต่อสื่อสารได้ตลอดเวลา สามารถถ่ายทอดคำสั่งไปยังหน่วยรองและ หน่วยปฏิบัติได้ทันที รวดเร็ว และทั่วถึง ให้มีการรายงานที่รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ และทดสอบระบบที่มี อยเู่ สมอ 2. ให้มีการนำ ICT มาใช้ในการบริหารงานในกระทรวงศึกษาธิการอย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพ ให้มีการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาทางไกล (Distance Learning Thailand) โดยบูรณาการเข้ากับสถานี วิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ (ETV) และเครือข่ายของสำนักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษาใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารเพื่อการศึกษาที่มีคุณภาพ จัดให้มี CEO ด้าน ICT เพื่อขับเคลื่อนงานการจัดการศึกษา การใช้สื่อเพื่อสร้างความเข้าใจความสนใจ และการประชาสัมพันธ์ ดา้ น “เสมาสนเทศ” และ “ประชาสนเทศ” นโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ประกาศนโยบายเมื่อวันท่ี 27 ธนั วาคม 2562 (ณัฏฐพล ทปี สุวรรณ, 2562, หน้า 1 - 2) กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดม้ นี โยบายและจดุ เนน้ ของกระทรวงศึกษาธิการ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 ให้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการศึกษาให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพในทุกมิติ โดยใช้จ่ายงบประมาณ อยา่ งคุม้ คา่ เพอื่ มุง่ เป้าหมาย คอื ผเู้ รยี นทกุ ชว่ งวัย โดยกระทรวงศกึ ษาธกิ ารมุ่งม่นั ดำเนินการภารกิจหลัก ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ในฐานะหนว่ ยงานเจ้าภาพขับเคล่อื น ทุกแผนย่อยในประเด็น 12 การพัฒนาการเรียนรู้ และแผนย่อยที่ 3 ในประเด็น 11 ศักยภาพคนตลอด ช่วงชีวิต รวมทั้งแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และนโยบายรัฐบาลทั้งใน ส่วนนโยบายหลัก ด้านการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย และนโยบายเร่งด่วน เรื่อง การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ยังสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาตปิ ระเดน็ อนื่ ๆ รวมท้งั นโยบายและแผนตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง โดยคาดหวังวา่ ผูเ้ รียนทกุ ชว่ งวัย จะได้รับการพัฒนาในทุกมิติ เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ และมีความพร้อมร่วมขับเคลื่อนการพัฒนา ประเทศสู่ความมัน่ คง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยปรับรื้อและเปลี่ยนแปลงระบบการจดั การศึกษาและการเรียนรู้ โดยมุ่งให้ครอบคลุมถึงการจัดการศึกษาเพื่อคุณวุฒิ และการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่สามารถตอบสนอง การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษท่ี 21 ด้วยจุดเนน้ การเรียนรตู้ ลอดชวี ิต ดงั น้ี 1. จัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย เน้นส่งเสริมและยกระดับทักษะ ภาษาอังกฤษ (English for All)

24 2. ส่งเสริมการเรียนการสอนที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เข้าสู่สังคมสูงวัย อาทิ อาชีพที่เหมาะสม รองรับสังคมสูงวัย หลักสูตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต และหลักสูตรการดูแลผู้สูงวัย หลักสูตร BUDDY โดยเน้นการมีสว่ นร่วมในการพฒั นาชมุ ชน โรงเรยี น และผู้เรียน หลักสูตรการเรยี นรู้ออนไลน์ เพอ่ื ส่งเสริม ประชาสมั พนั ธส์ ินคา้ ออนไลน์ระดบั ตำบล 3. พัฒนาครูให้มที ักษะ ความรู้ และความชำนาญในการใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดษิ ฐ์ และภาษาอังกฤษ รวมทั้งการจัดการเรียนการสอนเพื่อฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบและมี เหตผุ ลเป็นขั้นตอน 4. พัฒนาสมรรถนะและความรู้ความสามารถของบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการ ให้มี ความพร้อมในการปฏิบัตงิ านรองรับความเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดให้มีศูนย์พัฒนา สมรรถนะบุคลากรระดับจังหวดั ท่ัว คำแถลงนโยบายการจัดการศึกษา ของ นางสาวตรีนชุ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุมราชวัลลภ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ (คำแถลงนโยบายรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ, ออนไลน)์ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2535 ซึ่งเป็นวันก่อตั้งกระทรวงศึกษาธิการของเรา ที่แต่เดิม มีชื่อว่า “กระทรวงธรรมการ” นับจนถึงวันนี้ ซึ่งในอีกสามวันข้างหน้าก็จะครบรอบ 129 ปีแห่งการ สถาปนาพอดี องค์กรของเรามีทั้งเรื่องราวและผู้คนมากมายผ่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการหมุนเวียน เปลีย่ นผา่ น มีวิกฤต และโอกาสเกิดขน้ึ นับครัง้ ไม่ถ้วน อกี ท้งั ในปจั จุบนั นี้ สถานการณ์โลกเปล่ียนแปลงไป อย่างรวดเร็ว ดังที่มีคำกล่าวว่าเป็น “โลกไร้พรมแดน”จึง นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาอย่างยิ่ง ที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่บน ความคาดหวังของสังคม พวกเราจะต้อง สร้าง “ความเชื่อมั่น ไว้วางใจ” หรือ “TRUST” ให้กับสังคม โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง เด็กและผู้ปกครอง วา่ เราสามารถที่จะเปน็ หลัก หรือทพี่ ่ึงใหก้ ับพวกเขาได้ “TRUST” หมายถึง “ความไว้วางใจ” เป็นรูปแบบการทำงานที่จะทำให้ครู บุคลากรทางการ ศึกษา ผู้ปกครอง ผเู้ รียน และประชาชน กลับมาให้ ความไว้วางใจในการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ อกี คร้งั โดย T ยอ่ มาจาก Transparency (ความโปรง่ ใส) R ย่อมาจาก Responsibility (ความรบั ผิดชอบ) U ย่อมาจาก Unity (ความเปน็ อนั หนึ่งอันเดยี ว) S ย่อมาจาก Student-Centricity (ผเู้ รยี นเป็นเป้าหมายแหง่ การพัฒนา) T ย่อมาจาก Technology (เทคโนโลยี) รูปแบบการทำงาน “TRUST” คือการพัฒนาต่อยอดจากรูปแบบการทำงาน “MOE ONE TEAM” หรือ “การทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวของกระทรวงศึกษาธิการ” ที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการมาโดย ตลอด ซึ่ง “TRUST” จะเข้ามาเป็นส่วนเสริมในเรื่องความโปร่งใส ทั้งในเชิง กระบวนการทำงานและกระบวนการตรวจสอบจากภาคส่วนต่าง ๆ การสนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคน ดำเนินการตามภารกิจของตน ด้วยความรับผิดชอบต่อตัวเอง องค์กร ประชาชน และประเทศชาติ ให้ความสำคัญกับการประสานความ ร่วมมือจากทุกภาคส่วน (Participation) ผ่านกลไกการรบั ฟังความ คิดเห็นมาประกอบการดำเนินงานต่าง ๆ ท่ี เป็นประโยชน์ต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา ทั้งนี้ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารเป็นพ้นื ท่ีของทกุ คน มคี วามเป็น อันหน่งึ อนั เดยี วระหว่างครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง ผู้เรียน และประชาชน ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกัน คือ การมีผู้เรียนเป็นเป้าหมายแห่งการพัฒนา

25 โดยการทำใหผ้ เู้ รียนมีวิธคี ิดและทักษะทเี่ ป็นสากลสอดคลอ้ งกับ พลวตั ในศตวรรษที่ 21 ควบคไู่ ปกบั สำนึก และความเข้าใจในความเป็นไทย ผ่านการมีความพร้อมด้าน เทคโนโลยี ทั้งในเชิงโครงสร้าง (Infrastructure) คือ การเข้าถึงสิ่งจำเป็นและสิ่งอำนวยความสะดวกด้าน การศึกษาอย่างทั่วถึง เพื่อลด ความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการศึกษา และในเชิงการเรียนรู้ (Learning) คือ แหล่งข้อมูล แหล่งเรียนรู้ รปู แบบตา่ ง ๆ ทท่ี นั สมัย และจะช่วยใหผ้ ้เู รยี นทกุ คนถึงพร้อมซงึ่ คณุ ลักษณะอันพึง ประสงคท์ ุกประการ เพื่อเปน็ การตระหนักถึงความสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการพฒั นาและเสรมิ สร้างศักยภาพ ทรัพยากร มนษุ ย์ โดยเฉพาะแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) ประเด็นการพัฒนา ศักยภาพคน ตลอดช่วงชีวิต การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ การพัฒนาเด็กตั้งแต่ ช่วงตั้งครรภ์จนถึงปฐมวัย การพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น การพัฒนาและยกระดับ ศักยภาพวัยแรงงาน รวมถึง การส่งเสริมศักยภาพวัยผู้สูงอายุ ประเด็นการพฒั นาการเรียนรู้ที่ตอบสนอง ต่อการเปลย่ี นแปลงในศตวรรษที่ 21 และพหปุ ญั ญาของมนุษย์ที่หลากหลาย และประเด็นอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง จึงขออนุญาตนำเสนอนโยบายการจดั การศึกษาท้งั 12 ข้อ ดังนี้ ข้อ 1 การปรบั ปรุงหลกั สูตรและกระบวนการเรียนรู้ให้ทันสมยั และทนั การเปล่ียนแปลงของโลก ใน ศตวรรษที่ 21 โดยมุ่งพัฒนาผูเ้ รียนทุกระดบั การศึกษาให้มีความรู้ ทักษะและคุณลักษณะท่ีเหมาะสม กับ บรบิ ทสงั คมไทย ข้อ 2 การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูและอาจารย์ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและ อาชีวศึกษา ให้มีสมรรถนะทางภาษาและดจิ ิทัล เพื่อให้ครแู ละอาจารย์ไดร้ ับการพัฒนาให้มีสมรรถนะทงั้ ดา้ นการจดั การ เรียนรู้ ดว้ ยภาษาและดิจิทัล สามารถปรับวธิ กี ารเรียนการสอนและการใชส้ อ่ื ทันสมยั และ มีความรับผดิ ชอบต่อ ผลลพั ธท์ างการศกึ ษาทีเ่ กิดกับผู้เรียน ขอ้ 3 การปฏิรปู การเรยี นรูด้ ว้ ยดจิ ิทลั ผ่านแพลตฟอร์มการเรยี นรูด้ ว้ ยดิจิทัลแหง่ ชาต(ิ NDLP) และ การ ส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีหน่วยงานรับผิดชอบพัฒนาแพลตฟอร์ม การเรียนรู้ด้วย ดิจิทัลแห่งชาติที่สามารถนำไปใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ทันสมัยและเข้าถึง แหล่งเรียนรู้ได้อย่าง กว้างขวางผ่านระบบออนไลน์ และการนำฐานข้อมูลกลางทางการศึกษามาใช้ ประโยชน์ในการพัฒนา ประสิทธภิ าพการบริหารและการจดั การศกึ ษา ข้อ 4 การพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการศึกษา โดยการส่งเสริมสนับสนุน สถานศึกษาให้มี ความเปน็ อสิ ระและคล่องตัว การกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศกึ ษาโดยใช้ จังหวัดเป็นฐาน โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายการศึกษาแห่งชาติที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อกำหนดให้มี ระบบบริหารและการ จัดการ รวมถึงการจัดโครงสร้างหน่วยงานให้เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนใหม้ ี คุณภาพ สถานศึกษาให้มี ความเป็นอิสระและคล่องตัว การบริหารและการจัดการศึกษาโดยใช้จังหวัด เปน็ ฐาน มรี ะบบการบรหิ ารงาน บุคคลโดยยดึ หลกั ธรรมาภิบาล ข้อ 5 การปรับระบบการประเมินผลการศึกษาและการประกันคุณภาพ พร้อมจัดทดสอบวัด ความรู้และ ทักษะทีจ่ ำเป็นในการศึกษาต่อระดับอุดมศกึ ษาท้ังสายวชิ าการและสายวิชาชีพ เพื่อให้ระบบ การประเมนิ ผล การศกึ ษาทุกระดบั และระบบการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา ได้รบั การปรับปรุงให้ทันสมัย ตอบสนองผลลัพธ์ ทางการศกึ ษาไดอ้ ย่างเหมาะสม ข้อ 6 การจัดสรรและการกระจายทรัพยากรให้ทั่วถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการระดม ทรพั ยากรทาง การศกึ ษาจากความร่วมมือทกุ ภาคส่วน เพ่อื ใหก้ ารจัดสรรทรพั ยากรทางการศึกษามีความ เป็นธรรมและสร้าง โอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพทัดเทียมกลุ่มอื่น ๆ กระจาย ทรัพยากรทง้ั บคุ ลากรทาง การศึกษา งบประมาณและสอ่ื เทคโนโลยีไดอ้ ย่างทั่วถึง

26 ข้อ 7 การนำกรอบคณุ วุฒแิ หง่ ชาติ (NQF) และกรอบคุณวฒุ อิ า้ งองิ อาเซียน (AQRF) สู่การปฏิบัติ เป็นการผลิตและการพัฒนากำลังคนเพื่อการพัฒนาประเทศโดยใชก้ รอบคณุ วฒุ แิ ห่งชาติ เชื่อมโยงระบบ การศึกษา และการอาชีพโดยใช้กลไกการเทียบโอนประสบการณ์ด้วยธนาคารหน่วยกิตและการจัดทำ มาตรฐานอาชีพใน สาขาที่สามารถอา้ งองิ อาเซียนได้ ขอ้ 8 การพฒั นาเด็กปฐมวยั ใหไ้ ด้รบั การดูแลและพัฒนากอ่ นเข้ารับการศึกษาเพื่อพัฒนาร่างกาย จติ ใจ วนิ ยั อารมณส์ งั คม และสติปัญญาให้สมกับวยั เพ่อื เป็นการขบั เคลือ่ นแผนบรู ณาการการพัฒนาเด็ก ปฐมวัย ตามพระราชบญั ญัติการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. 2562 สกู่ ารปฏิบัติเปน็ รปู ธรรม โดยหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง นำไปเป็นกรอบในการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย และมีการติดตาม ความก้าวหน้าเป็นระยะ ข้อ 9 การศึกษาเพื่ออาขีพและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ผู้จบ การศกึ ษา ระดับปรญิ ญาและอาชวี ศกึ ษามอี าชพี และรายได้ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพและคณุ ภาพชีวิตที่ ดี มสี ่วนชว่ ย เพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขนั ในเวทีโลกได้ ข้อ 10 การพลิกโฉมระบบการศึกษาไทยด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ใน การจัด การศึกษาทุกระดับการศึกษา เพื่อให้สถาบันการศึกษาทุกแห่งนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ ทนั สมัยมาใช้ใน การจัดการศกึ ษาผา่ นระบบดจิ ทิ ลั ข้อ 11 การเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพของกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา และ ผู้เรยี นที่มคี วามต้องการจำเปน็ พิเศษ เพอื่ เป็นการเพิ่มโอกาสและการเขา้ ถงึ การศึกษาที่มคี ณุ ภาพของ กลุม่ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา และผเู้ รยี นท่ีมีความต้องการจำเป็นพิเศษ ขอ้ 12 การจดั การศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศยั โดยยดึ หลกั การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการมี ส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพของ กลุ่มผดู้ ้อยโอกาสทาง การศึกษาและผเู้ รียนทม่ี คี วามต้องการจำเปน็ พิเศษ เนอ่ื งดว้ ยสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิด ความนิยมในรูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ (Online) มากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมี นยั สำคัญตอ่ การ เตรียมผ้เู รยี นไทยให้มที กั ษะทีจ่ ำเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 ซ่งึ มงุ่ เน้นความเป็นผ้ปู ระกอบการ (Entrepreneurship) และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ (Resilience) รวมถึง ปัญหาความปลอดภัยของ สถานศึกษาและปัญหาความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการศึกษาที่นับวันจะทวี ความรุนแรงมากยงิ่ ข้นึ จึงเสนอให้มวี าระเรง่ ด่วน (Quick Win) ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ดังตอ่ ไปน้ี วาระท่ี 1 เรือ่ งความปลอดภยั ของผู้เรยี น โดยจัดใหม้ ีรปู แบบ วิธกี าร หรอื กระบวนการในการดูแล ชว่ ยเหลือนกั เรยี น เพ่อื ให้ผเู้ รียนเกิดการ เรยี นร้อู ยา่ งมคี ุณภาพ มคี วามสขุ และได้รับการปกป้องคุ้มครอง ความปลอดภัยทั้งด้านร่างกายและ จิตใจ รวมถึงการสร้างทักษะให้ผู้เรียนมีความสามารถในการดูแล ตนเองจากภัยอนั ตรายตา่ ง ๆ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางสงั คม วาระท่ี 2 หลักสตู รฐานสมรรถนะ มงุ่ เน้นการจัดการเรียนร้ทู ่หี ลากหลายโดยยึดความสามารถของ ผเู้ รียนเป็นหลกั และพัฒนาผเู้ รียนให้ เกิดสมรรถนะทต่ี ้องการ วาระที่ 3 Big Data พัฒนาการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและไมซ่ ำ้ ซ้อน เพื่อให้ไดข้ ้อมูลภาพ รวมการศึกษาของประเทศ ท่มี คี วามครบถว้ น สมบรู ณ์ถกู ต้องเป็นปจั จบุ ัน และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ ไดอ้ ย่างแท้จริง วาระที่ 4 ขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) สนับสนุนการ ดำเนนิ งานของศูนยค์ วามเปน็ เลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) ตามความ เปน็ เลศิ ของแต่ละ

27 สถานศึกษาและตามบริบทของพื้นที่ สอดคล้องกับความต้องการของประเทศทั้งใน ปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนมกี ารจัดการเรยี นการสอนดว้ ยเครอื่ งมือท่ที นั สมัย สอดคลอ้ งกบั เทคโนโลยปี จั จบุ นั วาระที่ 5 พัฒนาทักษะทางอาชีพ ส่งเสริมการจัดการศึกษาทีเ่ น้นพัฒนาทักษะอาชีพของผู้เรียน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพและ รายได้ที่เหมาะสม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ วาระท่ี 6 การศึกษาตลอดชวี ิต การจดั เรยี นรู้ตลอดชวี ิตสำหรบั ประชาชนทุกช่วงวัยให้มีคุณภาพ และมาตรฐาน ประชาชนในแต่ละช่วง วัยได้รับการศึกษาตามความต้องการอย่างมีมาตรฐาน เหมาะสม และเต็มตามศกั ยภาพตัง้ แตว่ ยั เด็ก จนถงึ วยั ชรา และพัฒนาหลกั สูตรท่ีเหมาะสมเพอ่ื เตรียมความพร้อมใน การเข้าส่สู งั คมผู้สูงวยั วาระท่ี 7 การจัดการศึกษาสำหรบั ผู้ทมี่ คี วามต้องการจำเป็นพเิ ศษ สง่ เสรมิ การจัดการศกึ ษาให้ผู้ท่ี มีความต้องการจำเปน็ พเิ ศษได้รับการพฒั นาอย่างเต็มศักยภาพ สามารถดำรงชีวิตในสังคมอย่างมเี กยี รติ ศักดศ์ิ รีเทา่ เทียมกับผู้อนื่ ในสังคม สามารถชว่ ยเหลอื ตนเอง และมสี ่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดำเนนิ งานในภารกจิ ตอ่ เน่อื ง ของสำนกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ประจำปีงบประมาณ 2564 ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั , 2564 , หนา้ 18 - 20) 1. ผลิตและพัฒนารายการวิทยุและรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา เพื่อให้เชื่อมโยงและ ตอบสนองต่อการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อกระจายโอกาสทาง การศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ให้มีทางเลือกในการเรียนรู้ที่หลากหลายและมีคุณภาพ สามารถ พฒั นาตนเองใหร้ ูเ้ ทา่ ทนั ส่ือและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสอื่ สาร เช่น รายการพัฒนาอาชีพเพื่อการมี งานทำ รายการติวเข้มเติมเต็มความรู้ ฯลฯ เผยแพร่ทางสถานีวิทยุศึกษา สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร (ETV) และทางอนิ เนอร์เน็ต 2. พัฒนาการเผยแพร่การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยผ่านระบบ เทคโนโลยีดิจิทัล และช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น YouTube Facebook หรือ Application อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้ครู กศน. นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Do It Yourself : DIY) 3. พัฒนาสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และ การออกอากาศให้กลมุ่ เป้าหมายสามารถใช้เป็นชอ่ งทางการเรยี นรู้ทม่ี ีคุณภาพไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยขยายเครือข่ายการรับฟังให้สามารถรับฟังได้ทุกที่ ทุกเวลา ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และ เพิ่มช่องทางให้สามารถรับชมรายการโทรทัศน์ได้ทั้งระบบ Ku – Band , C – Band , Digital TV และ ทางอินเทอรเ์ นต็ พรอ้ มท่ีจะรองรบั การพฒั นาเป็นสถานวี ิทยโุ ทรทศั นเ์ พือ่ การศกึ ษาสาธารณะ (Free ETV) 4. พัฒนาระบบการให้บริการสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้ได้หลายช่องทางทั้งทาง อินเทอร์เน็ต และรูปแบบอน่ื ๆ อาทิ Application บนโทรศัพท์เคล่อื นท่ี และ Tablet รวมทงั้ สอ่ื Offline ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเลือกใช้บริการเพื่อเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและ การเรยี นรู้ไดต้ ามความตอ้ งการ 5. สำรวจ วิจัย ติดตามประเมนิ ผลดา้ นการใชส้ อื่ เทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพือ่ นำผล มาใช้ในการพัฒนางานให้มีความถูกตอ้ ง ทนั สมัยและสามารถส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ของประชาชนไดอ้ ย่างแทจ้ ริง

28 5. ศูนยเ์ ทคโนโลยที างการศกึ ษา ความเป็นมาของศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา เดิมชื่อกองเผยแพร่การศึกษา สังกัดกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2495 ทำหน้าที่โฆษณาเผยแพร่ให้ประชาชนเห็นคุณค่าของการศึกษาและ อาชีพ ต่อมารฐั บาลได้เหน็ ความสำคัญของการใชว้ ทิ ยุเพ่อื การศกึ ษา จงึ มีมติอนุมัตใิ ห้กระทรวงศึกษาธกิ าร จัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “สถานีวิทยุศึกษา” สังกัดกองเผยแพร่การศึกษา เริ่มออกอากาศเพอ่ื ให้การศึกษาแก่ประชาชนในสาขาต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2497 และในปีเดียวกันนั้นเอง รัฐบาลไดอ้ อกพระราชกฤษฎีกา จดั วางระเบยี บราชการใหม่ โดยโอนกองเผยแพร่การศกึ ษาไปขึ้นกบั สำนักงาน ปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร หลังจากที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดรายการวิทยุเพื่อให้การศึกษาแก่ประชาชนแล้ว กองเผยแพร่ การศกึ ษาไดเ้ รม่ิ ทดลองใชว้ ิทยุ เพ่ือเป็นสอ่ื การเรยี นการสอนในโรงเรียน เรยี กว่า “วทิ ยโุ รงเรยี น” เริ่มดำเนนิ การ ออกอากาศรายการในปี พ.ศ. 2501 เป็นต้นมา และในเดือนตุลาคม 2502 ได้เริ่มจัดรายการโทรทัศน์ เพื่อการศึกษาเป็นครั้งแรก โดยออกอากาศรายการส่งเสริมเผยแพร่ ศิลปะการฟ้อนรำและการดนตรีของไทย ออกอากาศทางสถานวี ทิ ยุโทรทัศน์กองทัพบก (ช่อง 5) พ.ศ. 2515 รัฐบาลได้รวมงานการกระจายเสียงทั้งวิทยุ โทรทัศน์ งานผลิตเอกสาร วารสารของ กองเผยแพร่การศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ งานผลิตโสตทัศนูปกรณ์ของกรมวิชาการ และแผนกโสตทัศนศกึ ษาของกรมสามญั ศกึ ษา ต้ังเป็น “ศนู ยเ์ ทคโนโลยีทางการศกึ ษา” สังกดั กรมวชิ าการ ตามพระราชกฤษฎีกา เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ต่อมาได้โอนเข้าสังกัดกรมการศึกษานอก โรงเรยี น เมื่อวันที่ 24 มนี าคม 2522 ตามพระราชบญั ญัติแกไ้ ขเพมิ่ เติม ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 216 ที่ได้มีการตัง้ กรมการศกึ ษานอกโรงเรียนขึน้ และรัฐบาลได้อนุมตั ิโครงการพัฒนาวิทยุกระจายเสียง ตามโครงการพฒั นาการศึกษา ครัง้ ที่ 5 ซึง่ มรี ะยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2522 – 2527 ในสว่ นหนึ่ง ของโครงการน้ี รัฐบาลไดอ้ นุมัตใิ ห้สร้างอาคารศนู ย์เทคโนโลยที างการศกึ ษาขน้ึ ใหม่ พรอ้ มห้องบันทึกเสียง และห้องผลิตรายการวิทยุ และได้ย้ายที่ทำการจากเดิม ซึ่งอยู่ภายในบริเวณกระทรวงศึกษาธิการ มาอยู่ ณ อาคารใหม่ ถนนศรอี ยุธยา เขตราชเทวี กรงุ เทพมหานคร ตั้งแต่ พ.ศ. 2526 และอนุมัตใิ หต้ ่อเติมอาคาร ด้านทิศตะวันตกของศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา พร้อมติดตั้งอุปกรณ์การผลิตรายการโทรทัศน์และ วิดีโอเทปตามโครงการจัดตั้งศูนย์ผลิตรายการโทรทัศน์และวิดีโอเทปเพื่อการศึกษา ตั้งแต่วันที่ 22 มถิ ุนายน 2527 พ.ศ. 2536 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์ผลิตรายการโทรทัศน์และ วิดีโอเทปเพื่อการศึกษา โดยเล็งเห็นว่ารายการโทรทัศน์เป็นสื่อเทคโนโลยีอีกสื่อหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ ในการจดั การศกึ ษาทางไกล ซงึ่ จะช่วยเสรมิ เตมิ และอธิบายขอ้ มูลความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน และน่าสนใจยิ่งขึ้นจึงอนุมัติงบประมาณให้ก่อสร้างอาคาร ศูนย์ผลิตรายการโทรทัศน์และวิดีโอเทป เพื่อการศึกษา โดยใช้พื้นที่ จำนวน 30 ไร่ บริเวณคลอง 6 ถนนรังสิต-นครนายก อำเภอธัญบุรี จังหวัด ปทุมธานี เพอ่ื ผลิตรายการโทรทัศนแ์ ละวิดีโอเทป ออกอากาศสัปดาห์ละ 19 ชั่วโมง พ.ศ. 2537 รัฐบาลได้อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินโครงการจัดการศึกษาทางไกล ผ่านดาวเทียมไทยคม โดยใช้สื่อโทรทัศน์เพื่อจัดการศึกษาทางไกล ให้กับประชาชน ผู้ด้อยโอกาสทาง การศึกษาและเพื่อยกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของประชากรกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนักเรียน ในระบบโรงเรยี น กลมุ่ นักศกึ ษานอกโรงเรยี น และกลุม่ ประชาชนทว่ั ไป โดยเร่มิ ทดลองออกอากาศคร้ังแรก

29 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2537 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ETV) และ ไดด้ ำเนนิ การผลติ และเผยแพรร่ ายการโทรทศั นเ์ พอ่ื การศกึ ษาตอ่ มาจนถึงปจั จบุ ัน บทบาท ภารกิจดา้ นการผลติ พฒั นาและเผยแพร่เทคโนโลยเี พ่ือการศึกษา ปัจจุบันศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา อยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มีบทบาท สำคัญในการดำเนินการผลิต พัฒนา และเผยแพร่เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ในการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย รวมทั้งส่งเสริมการศึกษาเพื่อคนพิการ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังในการพัฒนาคุณภาพของเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา อีกทั้ง มุ่งพัฒนาการให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รายการวิทยุเพื่อการศึกษา รายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ สื่อการศึกษา Online รวมทั้งสือ่ การศึกษาOffline ประเภทCD VCD DVD และ MP3 เป็นต้น โดยให้บริการผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่หลากหลาย เช่น ทางสถานีวิทยุศึกษา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ เพ่อื การศึกษา (ETV) และเคเบ้ิลทีวีทอ้ งถิ่น ทางเครอื ข่ายสากลตามเว็บไซต์ท่ีศนู ย์เทคโนโลยีทางการศึกษาเป็น ผู้รับผิดชอบ ทางโทรศัพท์มือถือ Smartphone ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ IOS และทางสังคม ออนไลน์ (Social Network) เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ให้ประชาชนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันสามารถ สนองตอบ เจตนารมณ์ ในการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) “คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างมีคุณภาพ” โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษามีบทบาท ภารกิจ ดังนี้ (ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา, มปป, หน้า 5 – 28) วทิ ยเุ พ่อื การศึกษา สื่อวิทยุกระจายเสียงมีบทบาทต่อชีวิตของคนในสังคมไทยมานานกว่า 80 ปี ซึ่งเป็นสื่อที่มีบทบาท หน้าที่ในการเผยแพรข่ ่าวสาร ความรู้ความบันเทิง ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นจำนวนมากและเป็นท่ี ยอมรับกนั ว่าวทิ ยุกระจายเสยี งเป็นส่ือท่มี ีความสามารถในการบรกิ ารผู้ฟงั ในเขตรัศมีการส่งกระจายเสียง ที่กว้างและไกลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถเขา้ ไปถึงชนบทที่อยูห่ ่างไกลความเจริญและทุรกนั ดารเพียงใด ก็ได้ ในขณะที่สื่ออื่นเข้าไปไมถ่ ึง เพราะเครื่องรับสื่อวิทยุกระจายเสียงมีราคาถูกและสามารถพกพาไปได้ อย่างสะดวก สถานีวิทยุศึกษาปัจจุบันก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการ ส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพื่อสร้าง ศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน ปรับตัว รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้งมีค่านิยมและพฤติกรรมที่เหมาะสม และอนุรักษ์สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม จึงเน้น การพัฒนาคุณภาพรายการและการออกอากาศ โดยเฉพาะการขยายช่องทางการรับฟัง ทั้งการรับฟัง ผ่านดาวเทียม และระบบออนไลน์ เพือ่ ให้ผูฟ้ งั สามารถเลอื กรบั ฟงั รายการได้ตามความตอ้ งการและในเวลา ท่ีสะดวก ปจั จบุ นั สถานีวิทยุศึกษานอกจากกระจายเสียงดว้ ยระบบ FM ความถี่ 92 MHz และระบบ AM ความถี่ 1161 kHz แล้ว ยังสามารถรับฟังผ่านดาวเทียมได้ทาง ช่อง R 32 และทางอินเทอร์เน็ตท่ี www.moeradiothai.net ซึ่งผู้ฟังสามารถรับฟังได้ทั้งรายการสด (Live Radio) และเลือกรับฟังรายการ ตามความต้องการ (Radio on Demand) รายการที่สถานีวิทยุศึกษาดำเนินการผลิตและออกอากาศ เพื่อตอบสนองนโยบายการพัฒนาการศึกษา เพื่อพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ซึ่งมีเนื้อหาสาระครอบคลุม ตามช่วงอายุ มตี ัวอย่างรายการดังน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook