บทสรุปผ้บู ริหาร การศึกษาความพึงพ อใจต่อการจัดการศึ กษาท างไกลผ่าน โทรทัศน์ ระบบดิ จิทัล ของ สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดตอ่ เช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 มีวตั ถปุ ระสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาระดบั ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั 2) เพื่อศึกษาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเภทผูใ้ ชบ้ ริการกบั ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษา ทางไกล ผ่านโท รทัศน์ระบ บดิ จิทัล ของส านักงาน ส่ งเสริ มการศึ กษาน อกระบ บและ การศึกษ า ตามอธั ยาศยั 3) เพ่ือศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างประเภทรายการท่ีออกอากาศกับความพึงพอใจต่อ การจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั นร์ ะบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศยั 4) เพื่อศึกษาขอ้ เสนอแนะในการจัดการศึกษาทางไกลผ่านโทรทัศน์ระบบดิจิทลั ของ สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั การวิจยั คร้ังน้ีเป็ นการวิจยั ขอ้ มูลดา้ นปริมาณ กลุ่มตวั อย่างในการศึกษาเป็ นผูใ้ ช้บริการ ท่ีรับชมรายการของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ผ่านทาง สถานีโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั ช่อง 52 ท่ีออกอากาศ 24 ชว่ั โมง ต้งั แตว่ นั ท่ี 1 กรกฎาคม 2563 สิ้นสุดวนั ท่ี 15 พฤศจิกายน 2563 เพื่อรองรับการเปิ ดภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2563 โดยมี ผูต้ อบแบบสอบถาม จานวน 748 คน เคร่ืองมือที่ใช้เป็ นแบบสอบถามออนไลน์ สร้างเป็ นคิวอาร์โคด้ (QR Code) เผยแพร่ปรากฏบนหนา้ จอโทรทศั น์ขณะรับชมรายการ เพื่อใหก้ ลมุ่ เป้าหมายผูร้ ับบริการ ให้ขอ้ มูลตอบกลบั มา สถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล คือ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉล่ียเลขคณิต ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานใชก้ ารวิเคราะห์ความแปรปรวน และการวิเคราะห์เน้ือหา ผลการศึกษาสรุปไดด้ งั น้ี 1. ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั โดยรวม อยูใ่ นระดบั มาก โดยกลุ่มเป้าหมาย มีความพึงพอใจในด้านความรู้ความเข้าใจ และด้านการนาความรู้ไปใช้ อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนดา้ นคุณภาพของการออกอากาศ และดา้ นสื่อการเรียนรู้ กลุ่มเป้าหมายมีความพึงพอใจอยู่ใน ระดบั มาก
ข 2. ประเภทผใู้ ชบ้ ริการที่ต่างกนั มีความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ ระบบดิจิทลั ของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นคุณภาพ การออกอากาศ ดา้ นส่ือการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ และดา้ นการนาความรู้ไปใช้ แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ 3. ผูใ้ ช้บริการที่รับชมรายการประเภทที่ต่างกนั มีความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษา ทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นคุณภาพการออกอากาศ ดา้ นสื่อการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ และดา้ นการนาความรู้ไปใช้ แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ 4. ขอ้ เสนอแนะในการจดั การศึกษาทางไกลผ่านโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั พบวา่ ดา้ นบริหารจดั การ การพฒั นาการออกอากาศจากเดิมที่สามารถใหบ้ ริการผา่ นโทรทศั น์ระบบดาวเทียม KU-Band เท่าน้ัน จนมาสู่การออกอากาศผ่านโทรทัศน์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทัล ช่อง 52 น้ี ถือเป็ นประสบการณ์ใหม่ท่ีดีของผูร้ ับชม ที่ผูร้ ับชมรายการสามารถรับชมผ่านเครื่องรับโทรทศั น์ ปกติแบบช่องทีวีสาธารณะท่ัวไปที่แต่ละครัวเรือนมีอยู่แล้วได้อย่างง่ายดาย สะดวกมากข้ึน ซ่ึงถือได้ว่าเป็ นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย และเห็นควรให้มีการเผยแพร่ในการให้บริการ ผา่ นโทรทศั นภ์ าคพ้นื ดินในระบบดิจิทลั แบบช่องทีวสี าธารณะทวั่ ไป ต่อไปอีกอยา่ งต่อเน่ือง ควรมุ่งพฒั นากิจกรรมประชาสัมพนั ธ์เชิงรุกให้มากยิ่งข้ึน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย ผู้ใช้บริการรับทราบผังออกอากาศรายการ เพ่ือให้เป็ นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางมากย่ิงข้ึน ท้งั รายการและสถานีวิทยุโทรทศั น์เพื่อการศึกษา ในนามสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั กระทรวงศึกษาธิการ และควรเพิ่มช่องทางในการติดต่อสอบถามของ สถานีที่มีความหลากหลาย เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายผูร้ ับชมท่ีอยากมีส่วนร่วม สามารถมีส่วนร่วมใน การแสดงความคิดเห็น ให้ขอ้ มูลตอบกลบั Feed Back ต่างๆ เพ่ือเป็ นประโยชน์ต่อการพฒั นารายการ พฒั นาสถานี และการพฒั นาการให้บริการให้ดีย่ิงข้ึนได้ นอกจากน้ียงั ควรมีช่องทางการร่วมสนุก ในกิจกรรมต่างๆ ของสถานี และของแต่ละรายการ เพ่ือเป็นการสร้างสัมพนั ธ์อนั ดีระหว่างผรู้ ับชม รายการกบั ทางสถานี อนั เป็นการสร้างความเขม้ แขง็ ของเครือขา่ ยผรู้ ับชมรายการ ควรพัฒนาช่องทางการให้บริการผ่านเว็บไซต์ ควบคู่ไปกับการออกอากาศ ผ่านโทรทัศน์ด้วย และพฒั นาช่องทางการให้บริการดาวน์โหลดไฟล์สื่อ ไฟล์เอกสารประกอบ การรับชมตา่ งๆ เพ่ือใหส้ ะดวกต่อการรับชมยอ้ นหลงั หรือรับชมซ้าในยามวา่ งได้
ค ภาครัฐควรมีการสนบั สนุนดา้ นอุปกรณ์ชุดรับสัญญาณโทรทศั น์ใหท้ นั สมยั สามารถ รองรับความตอ้ งการใชง้ านและทนั ต่อเทคโนโลยที ่ีเปลี่ยนแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว ดา้ นคณุ ภาพรายการ รายการของสถานีมีเน้ือหาท่ีหลากหลาย ครอบคลุมการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมการศึกษาเพ่ือพฒั นาอาชีพ ส่งเสริมความรู้และทกั ษะจาเป็ นท่ีควรรู้ในยุคศตวรรษที่ 21 ซ่ึงรูปแบบและการนาเสนอเขา้ ใจไดง้ า่ ย แต่ควรสอดแทรกรายการประเภทบนั เทิงดว้ ย รายการของสถานีท่ีมีเน้ือหาวิชาหลักส่งเสริมการศึกษาในระบบโรงเรียน มีครู วิทยากรผูส้ อนที่เก่ง สามารถสอนให้เขา้ ใจไดง้ ่าย ใชภ้ าษาท่ีเป็ นกนั เอง และรายการของสถานีที่มี เน้ือหาส่งเสริมการศึกษานอกระบบโรงเรียน ควรมีการผลิตรายการอยา่ งต่อเน่ืองให้ครบทุกเน้ือหา สาระตามหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้นื ฐานของ กศน. ดา้ นคณุ ภาพการออกอากาศ ควรปรับปรุงเพ่ิมความคมชดั ของภาพในรายการ และสัญญาณการออกอากาศ
สารบัญ หน้า ก บทสรุปผ้บู ริหาร ช ญ สารบัญตาราง 1 สารบัญภาพ 3 4 บทที่ 1 บทนา 4 1.1 ที่มาและความสาคญั ของปัญหา 5 1.2 วตั ถุประสงคข์ องการศึกษา 5 1.3 สมมติฐานการวิจยั 1.4 ขอบเขตการวจิ ยั 7 1.5 ประโยชนที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 14 1.6 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 19 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กย่ี วข้อง 46 2.1 โทรทศั นร์ ะบบดิจิทลั 2.2 แนวคดิ และทฤษฎีความพึงพอใจ 51 2.3 การจดั การศึกษาของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ 52 และการศึกษาตามอธั ยาศยั ในสถานการณ์การแพร่ระบาด 55 ของโรคติดต่อเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 55 2.4 งานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง บทที่ 3 ระเบยี บวธิ กี ารวิจยั 3.1 ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 3.2 เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการศึกษา 3.3 วธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู 3.4 การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและสถิติท่ีใช้
จ สารบัญ (ต่อ) หน้า บทท่ี 4 ผลการศึกษา 4.1 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม 58 ดา้ นคุณลกั ษณะสงั คมประชากร และการรับชมรายการในการออกอากาศ 4.2 ผลการวิเคราะห์ระดบั ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกล 61 ผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั ในดา้ นคุณภาพของการออกอากาศ ดา้ นส่ือการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ และดา้ นการนาความรู้ไปใช้ 4.3 ผลการวิเคราะห์ความสัมพนั ธร์ ะหว่างประเภทผใู้ ชบ้ ริการกบั ความพงึ พอใจ 65 ตอ่ การจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของ สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั 4.4 ผลการวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเภทรายการท่ีออกอากาศ 73 กบั ความพึงพอใจตอ่ การจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั 4.5 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ เสนอแนะในการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ 79 ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั บทท่ี 5 สรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 82 5.1 สรุปผลการศึกษา 86 5.2 อภิปรายผล 91 5.3 ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม 93
ฉ สารบัญ (ต่อ) หน้า ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบสอบถามความพงึ พอใจตอ่ การจดั การศึกษาทางไกล 99 ผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดต่อเช้ือไวรัสโคโรน่า 201 ภาคผนวก ข การวเิ คราะห์คา่ ความเท่ียงตรง/ค่าความเช่ือมมนั่ ของแบบสอบถาม 103 ภาคผนวก ค ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ 107 และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ คณะผ้วู จิ ัย 116
ช สารบัญตาราง ตาราง หน้า 2.1 แบบฟอร์มของสัญญาการเรียนรู้ 32 2.2 งบประมาณท้งั โครงการ 44 3.1 แสดงคา่ ความเช่ือมน่ั ของแบบสอบถาม 55 4.1 แสดงขอ้ มลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามเพศ และอายุ 59 4.2 แสดงขอ้ มลู ทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามประเภทผใู้ ชบ้ ริการ 60 4.3 แสดงผลการวิเคราะหก์ ารแจกแจงความถี่และร้อยละ 60 จาแนกตามการรับชมรายการในการออกอากาศ 4.4 แสดงผลการวเิ คราะหค์ ่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 61 ของระดบั ความพงึ พอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จาแนกตามดา้ นคณุ ภาพของการออกอากาศ 4.5 แสดงผลการวเิ คราะหค์ ่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 62 ของระดบั ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จาแนกตามดา้ นส่ือการเรียนรู้ 4.6 แสดงผลการวิเคราะหค์ ่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 63 ของระดบั ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จาแนกตามดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ 4.7 แสดงผลการวิเคราะหค์ ่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 63 ของระดบั ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จาแนกตามดา้ นการนาความรู้ไปใช้
ซ สารบัญตาราง (ต่อ) หน้า 64 ตาราง 66 4.8 ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั 67 ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ในภาพรวม 69 4.9 แสดงการวเิ คราะห์ความแปรปรวนของความพงึ พอใจ ตอ่ การจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั 71 ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จาแนกตามประเภทผใู้ ชบ้ ริการ 72 4.10 แสดงสถิติเปรียบเทียบความแตกตา่ งของความพึงพอใจ ต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นคุณภาพการออกอากาศ จาแนกตามประเภทผใู้ ชบ้ ริการ 4.11 แสดงสถิติเปรียบเทียบความแตกตา่ งของความพงึ พอใจ ต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นส่ือการเรียนรู้ จาแนกตามประเภทผูใ้ ชบ้ ริการ 4.12 แสดงสถิติเปรียบเทียบความแตกต่างของความพงึ พอใจ ต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ จาแนกตามประเภทผใู้ ชบ้ ริการ 4.13 แสดงสถิติเปรียบเทียบความแตกตา่ งของความพงึ พอใจ ตอ่ การจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นการนาความรู้ไปใช้ จาแนกตามประเภทผใู้ ชบ้ ริการ
ฌ สารบัญตาราง (ต่อ) หน้า 74 ตาราง 4.14 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนของความพงึ พอใจ 75 ตอ่ การจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั 76 ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จาแนกตามประเภทรายการท่ีออกอากาศ 77 4.15 แสดงสถิติเปรียบเทียบความแตกต่างของความพงึ พอใจ ต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั 78 ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นคุณภาพการออกอากาศ จาแนกตามประเภทรายการที่ออกอากาศ 4.16 แสดงสถิติเปรียบเทียบความแตกตา่ งของความพงึ พอใจ ต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นสื่อการเรียนรู้ จาแนกตามประเภทรายการท่ีออกอากาศ 4.17 แสดงสถิติเปรียบเทียบความแตกตา่ งของความพึงพอใจ ต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ จาแนกตามประเภทรายการที่ออกอากาศ 4.18 แสดงสถิติเปรียบเทียบความแตกตา่ งของความพึงพอใจ ต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นการนาความรู้ไปใช้ จาแนกตามประเภทรายการท่ีออกอากาศ
ญ สารบัญภาพ ภาพ หน้า 2.1 การทางานของโทรทศั น์ระบบดิจิทลั 9 2.2 รายการโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั 20 ช่อง 11 2.3 วิธีรับชมโทรทศั น์ระบบดิจิทลั โดยใชก้ ลอ่ งรับสญั ญาณ Digital TV 12 หรือ Set Top Box 2.4 วธิ ีรับชมโทรทศั น์ระบบดิจิทลั โดยใชท้ ีวที ่ีมี Digital Tuner แบบ DVB-T2 ในตวั 13 2.5 วธิ ีการรับชมดิจิทลั ทีวี 14 2.6 โครงสร้าง สานกั งาน กศน. 25 2.7 รายการเพ่ือการศึกษา จานวน 17 ช่องรายการ 39
บทที่ 1 บทนำ 1.1 ทมี่ ำและควำมสำคัญของปัญหำ ในสถานการณ์ปัจจุบนั ไดม้ ีการระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ซ่ึงเป็ นไวรัส ชนิดหน่ึงท่ีพบการระบาดในช่วงปี 2562 ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยในตอนน้ันเราจะรู้จกั กนั ในช่ือวา่ ไวรัสอู่ฮน่ั ก่อนท่ีภายหลงั จะระบุเช้ือก่อโรคไดว้ า่ เป็นเช้ือในตระกูลโคโรนาไวรัส แตเ่ ป็น สายพนั ธุ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดข้ึนมาก่อน ดงั น้ัน ทางองคก์ ารอนามยั โลก จึงไดต้ ้งั ช่ือโรคติดต่อชนิดน้ี ใหม่อย่างเป็ นทางการ โดยมีชื่อว่า COVID-19 เพ่ือไม่ให้เกิดรอยมลทินกบั พ้ืนที่ท่ีเกิดการระบาด ของโรค ซ่ึงยงั คงขยายวงกวา้ งอย่างต่อเน่ืองในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยเองดว้ ย การก่อโรค จะเกิดข้นึ ท่ีทางเดินหายใจมีการแพร่กระจายเช้ือทางอากาศ (airborne) สัตวท์ ี่แพร่เช้ือตอ้ งพ่นสิ่งคดั หลง่ั ออกมาทางปาก หรือผูป้ ่ วยตอ้ งไอ จาม และสารคดั หลงั่ อย่างน้ามูก น้าลาย หรืออุจจาระ ดงั น้ัน การแพร่เช้ือโคโรนาไวรัสสายพนั ธุ์ใหม่ ผูท้ ี่อยู่ใกลช้ ิดก็ตอ้ งไดร้ ับเช้ือผ่านการสูดดมละอองฝอย ขนาดใหญ่และละอองฝอยขนาดเล็กในอากาศรับเช้ือเขา้ ไปในทางเดินหายใจ หรือใครที่อยู่ใกล้ ผปู้ ่ วยในระยะ 1-2 เมตร ก็อาจจะติดเช้ือจากการสูดฝอยละอองขนาดใหญ่ และฝอยละอองขนาดเล็ก จากการไอ จาม รดกันโดยตรง หรือหากอยู่ห่างจากผูต้ ิดเช้ือในระยะ 2 เมตรข้ึนไป ก็อาจติดเช้ือ จากการสูดฝอยละอองขนาดเล็กได้เหมือนกนั นอกจากน้ียงั อาจแพร่เช้ือโดยการสัมผสั ได้ เช่น การจบั ของใชส้ าธารณะร่วมกนั แลว้ มาสัมผสั เยื่อบุต่างๆ ในร่างกาย เช่น ขย้ีตา สัมผสั ปาก หรือ หยบิ ของกินเขา้ ปาก เป็นตน้ (แพทยสภา, 2563, หนา้ 1 – 12) การระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ส่งผลต่อระบบการศึกษาเป็ นอย่างมาก ต้งั แต่เช้ือไวรัสเร่ิมระบาดในประเทศจีนปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบนั UNESCO รายงานว่า รัฐบาล 191 ประเทศทว่ั โลก ประกาศปิ ดสถานศึกษาท้งั ประเทศ มีผูเ้ รียนไดร้ ับผลกระทบกว่า 1.5 พนั ลา้ นคน (มากกว่าร้อยละ 90 ของผูเ้ รียนท้ังหมด) สาหรับประเทศไทยสถานการณ์การระบาดเกิดข้ึน ในช่วงสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานปิ ดภาคเรียน โดยในวนั ท่ี 7 เมษายน 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ให้เล่ือนวนั เปิ ดเทอมภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2563 จากวนั ที่ 16 พฤษภาคม 2563 ไปเป็ นวนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2563 ประเทศไทยจึงมีโอกาสทบทวนบทเรียนจากต่างประเทศ เพื่อเตรียมตวั ใหพ้ ร้อม ในการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ท่ีสอดรับกับมาตรการป้องกันการระบาด พร้อมกับ เตรียมมาตรการต่างๆ เพือ่ ป้องกนั ไมใ่ หผ้ เู้ รียนไดร้ ับผลกระทบจากรูปแบบการเรียนท่ีเปลี่ยนไป
2 จากภาวการณ์ดงั กล่าวขา้ งตน้ จึงจาเป็นอย่างยงิ่ ที่กระทรวงศึกษาธิการตอ้ งวางแนวทาง การจดั การเรียนการสอนภายใตภ้ าวะวิกฤตไวรัสโคโรนา 2019 ในทุกระดบั ช้ันและทุกประเภท ท้งั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน อาชีวศึกษา การศึกษาเอกชน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั การศึกษาสาหรับผพู้ ิการและผดู้ อ้ ยโอกาสซ่ึงกระทรวงศึกษาธิการโดยรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ (นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ) ได้มีนโยบายเร่งด่วนที่จะแก้ไขปัญหาการจดั การเรี ยนการสอน ในช่วงภาวะวิกฤตไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้แนวนโยบายการจดั การเรียนการสอนทางไกล “โรงเรียนอาจหยุดได้ แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้” โดยมีการกาหนดรูปแบบการเรียนการสอน ออกแบบให้สอดคล้องกับความปลอดภัยในพ้ืนที่ โดยมีการเรียนรู้แบบ Onsite ในพ้ืนท่ีท่ีมี ความปลอดภยั สามารถไปโรงเรียนได้ ขณะที่พ้ืนที่ไม่ปลอดภยั จะมีการเรียนรู้หลกั ผา่ นการ On Air ทางสถานีโทรทัศน์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทัล จานวน 17 ช่อง ซ่ึงได้รับการอนุเคราะห์สื่อ จากมูลนิธิการศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียมในพระบรมราชูปถมั ภเ์ ป็ นหลกั และจดั ให้มีการเรียนรู้ เสริมผา่ นระบบ Online จากแนวนโยบายในการจัดการเรี ยนการสอนผ่านสถานี โทรทัศน์ ภาคพ้ืนดินในระบบ ดิจิตอล (On Air) เพื่อรองรับการเปิ ดภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2563 ในวนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2563 ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไดอ้ นุมตั ิจดั สรรช่องทีวีดิจิทลั ให้กระทรวงศึกษาธิการสาหรับใชเ้ ป็นช่องทีวีดิจิทลั เพ่ือการศึกษา จานวน 17 ช่อง เพ่ือสนับสนุน ส่งเสริมการจดั การเรียนการสอนและการเรียนรู้ของเด็กและ เยาวชนในช่วงภาวะวิกฤตไวรัสโคโรนา 2019 โดยในส่วนของสานักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั (สานกั งาน กศน.) ทางคณะกรรมการ กสทช. ไดจ้ ดั สรรช่องท่ี 52 จานวน 1 ช่อง ให้ทดลองส่งสัญญาณโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน นบั ต้งั แต่วนั ที่ 16 พฤษภาคม 2563 เป็ นตน้ ไป หรือถา้ สามารถกลบั มาดาเนินการสอนไดต้ ามปกติ ก็ให้หยุดทดลองออกอากาศไดน้ ้นั โดยทางสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั ไดบ้ ูรณาการรายการโทรทศั น์เพ่ือการศึกษา ประกอบดว้ ย รายการส่งเสริมการศึกษา ข้นั พ้ืนฐานท้งั 3 ระดบั ช้นั (ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย) รายการส่งเสริม การศึกษาตอ่ เน่ืองที่เนน้ การส่งเสริมอาชีพ รายการส่งเสริมการศึกษาสาหรับคนพิการ และรายการ ส่งเสริมการศึกษาสาหรับผูส้ ูงอายุ เป็ นตน้ พร้อมท้งั ดาเนินการทางด้านเทคนิคเพื่อควบคุมและ เชื่อมโยงสญั ญาณใหส้ ามารถออกอากาศไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพสูงสุด เพ่ือมุ่งหวงั ใหก้ ล่มุ เป้าหมาย สามารถใช้ประโยชน์ในการศึกษาและการเรี ยนรู้จากรายการโทรทัศน์ เพื่ อการศึ กษา ผ่าน ท าง สถานีโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั ช่องที่ 52 ไดอ้ ย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเร่ิมออกอากาศ
3 ทุกวนั ตลอด 24 ชว่ั โมงต้งั แต่วนั ที่ 1 กรกฎาคม 2563 สิ้นสุดวนั ที่ 15 พฤศจิกายน 2563 ซ่ึงนบั เป็ น มิติใหม่ของการพฒั นาการจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ดังน้ัน ผูว้ ิจยั จึงมีความสนใจที่จะศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาทางไกล ผ่านโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเช่ือไวรัสโคโรนา 2019 เพ่ือเป็นประโยชน์ในการพฒั นา คุณภาพ การให้บริ การรายการโทรทัศน์เพ่ือการศึกษ าในนาม ของสานกังานส่ งเสริ มการศึกษ า นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผา่ นช่องทางท่ีทนั สมยั ในโอกาสตอ่ ไป 1.2 วัตถุประสงค์ในกำรศึกษำ 1.2.1 เพ่ือศึกษาระดับความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผ่านโทรทัศน์ระบบ ดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั 1.2.2 เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเภทผู้ใช้บริการกับความพึงพอใจต่อ การจดั การศึกษาทางไกลผ่านโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั 1.2.3 เพ่ือศึกษาความสมั พนั ธร์ ะหว่างประเภทรายการท่ีออกอากาศกบั ความพึงพอใจต่อ การจดั การศึกษาทางไกลผ่านโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั 1.2.4 เพ่ือศึกษาขอ้ เสนอแนะในการจดั การศึกษาทางไกลผ่านโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของ สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั
4 1.3. สมมตฐิ ำนกำรวิจัย 1.3.1 ผใู้ ชบ้ ริการมีความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผ่านโทรทัศน์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อยใู่ นระดบั มาก 1.3.2 ประเภทผูใ้ ช้บริการที่แตกต่างกันมีความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกล ผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั แตกต่างกนั 1.3.3 ผใู้ ช้บริการรับชมรายการประเภทท่ีแตกต่างกนั มีความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษา ทางไกลผ่านโทรทัศน์ระบบดิจิทลั ของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั แตกตา่ งกนั 1.4 ขอบเขตของกำรวิจยั ในการวิจยั คร้ังน้ี ผวู้ จิ ยั ไดก้ าหนดขอบเขตในการศึกษาดงั ตอ่ ไปน้ี 1.4.1 ขอบเขตด้ำนเนื้อหำ ศึกษาความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผ่านโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ของผูใ้ ชบ้ ริการรับชมรายการ ประกอบด้วย ด้านคุณภาพการออกอากาศ ด้านสื่อการเรียนรู้ ด้านความรู้ความเข้าใจ และ ดา้ นการนาความรู้ไปใช้ 1.4.2 ขอบเขตด้ำนระยะเวลำ การศึกษาคร้ังน้ีดาเนินการวจิ ยั ในช่วงของการออกอากาศผา่ นทางสถานีโทรทศั น์ ภาคพ้นื ดินในระบบดิจิทลั ช่อง 52 คอื ระหวา่ งวนั ที่ 1 กรกฎาคม 2563 – 15 พฤศจิกายน 2563
5 1.5 ประโยชนท่คี ำดว่ำจะได้รับ 1.5.1 ได้ทราบถึงระดับความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาทางไกลผ่านโทรทัศน์ ระบบดิจิทลั ของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ท่ีออกอากาศ ผา่ นทางสถานีโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั ช่อง 52 ระหวา่ งวนั ที่ 1 กรกฎาคม 2563 สิ้นสุด 15 พฤศจิกายน 2563 1.5.2 เพ่ือนาข้อมูลท่ีได้รับจากข้อเสนอแนะมาพัฒนาคุณภาพรายการโทรทัศน์ เพ่ือการศึกษาและปรับปรุงการบริ หารจัดการในการจัดการศึกษาทางไกลผ่านโทรทัศน์ ระบบดิจิทลั ของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เพื่อรองรับ การพฒั นาสถานีวทิ ยโุ ทรทศั น์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ETV) ใหเ้ ป็นสถานีวิทยโุ ทรทศั น์ เพือ่ การศึกษาสาธารณะ (Free TV) ในอนาคต 1.6. นิยำมศัพท์เฉพำะ ผู้ใช้บริกำร หมายถึง ผู้ใช้บริการท่ีรับชมรายการในการออกอากาศของสานักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ภาคพ้ืนดิน ในระบบดิจิทลั ช่อง 52 แบ่งออกเป็ นกลุ่มต่างๆ เช่น นักศึกษา กศน. ประชาชนทวั่ ไป นักเรียน ในระบบโรงเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา เด็กและเยาวชน พระภิกษุ สามเณร คนพิการหรือ ผเู้ ก่ียวขอ้ ง รำยกำรในกำรออกอำกำศ หมายถึง รายการโทรทศั น์เพ่ือการศึกษาของสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ทางสถานีโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั ช่อง 52 โดยแบ่งประเภทของรายการเป็ น 4 ประเภท คือ รายการเสริมการศึกษาในระบบโรงเรียน รายการเสริมการศึกษานอกระบบโรงเรียน รายการเสริมการศึกษาตามอธั ยาศยั รายการพฒั นาครู และบคุ ลากรทางการศึกษา 1) รำยกำรเสริมกำรศึกษำในระบบโรงเรียน หมายถึง รายการท่ีมีเน้ือหาความรู้ ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานในระบบโรงเรียน และรายการเสริมความรู้ให้กับนักเรียน ในระดบั ประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เพื่อเป็ นส่ือเสริม สาหรับโรงเรียนในรายวิชาที่ขาดแคลนครูผูส้ อนหรือเป็ นรายวิชาที่มีเน้ือหาซับซ้อนหรือยาก ตอ่ การทาความเขา้ ใจ
6 2) รำยกำรเสริมกำรศึกษำนอกระบบโรงเรียน หมายถึง รายการท่ีที่มีเน้ือหาความรู้ ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานของ กศน. และรายการที่ส่งเสริมการศึกษานอกระบบ ในระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยเน้น เน้ือหาวิชาที่ยากต่อการทาความเขา้ ใจซ่ึงจะคดั เลือกเน้ือหาที่ยากมานาเสนอในรายการโทรทศั น์ เพ่ือใหผ้ เู้ รียนสามารถเขา้ ใจไดด้ ียง่ิ ข้นึ 3) รำยกำรเสริมกำรศึกษำตำมอัธยำศัย หมายถึง รายการท่ีมีเน้ือหาเพ่ิมพูนความรู้ ทกั ษะจาเป็น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวิตตามความสนใจ เพอื่ การพฒั นาตนเอง พฒั นาอาชีพ พฒั นาคุณภาพชีวติ ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ตามศกั ยภาพของแตล่ ะบุคคล 4) รำยกำรพัฒนำครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ หมายถึง รายการท่ีจัด ผลิตข้ึน เพ่ือพฒั นาบุคลากรทางการศึกษา เช่น ครู ผบู้ ริหารการศึกษา และบุคลากรอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพ่ือให้ บุคลากรดังกล่าวได้รับความรู้และได้รับการพัฒนาทักษะที่จาเป็ นเพื่อนาไปปรับใช้ในการ ปฏิบตั ิงานตอ่ ไป ควำมพึงพอใจในกำรรับชม หมายถึง ความรู้สึกต่อการรับชมรายการในการออกอากาศ ของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ผ่านการจดั การศึกษา ทางไกลทางสถานีโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบ ช่อง 52 ท้งั ในดา้ นคุณภาพของการออกอากาศ ดา้ น ส่ือการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ และดา้ นการนาความรู้ไปใช้ 1) ด้ำนคุณภำพของกำรออกอำกำศ หมายถึง ประสิทธิภาพในการออกอากาศของ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ภาคพ้นื ดินในระบบดิจิทลั ช่อง 52 เช่น ความคมชดั ช่วงเวลาออกอากาศ เป็นตน้ 2) ด้ำนสื่อกำรเรียนรู้ หมายถึง รายการที่ออกอากาศของนักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทัล ช่อง 52 ไปสู่ผเู้ รียน ซ่ึงทาใหเ้ กิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพ และเกิด ความเขา้ ใจในวิชาที่เรียน ท่ีสอนกนั ไดม้ ากข้ึน 3) ด้ำนควำมรู้ควำมเข้ำใจ หมายถึง ความรู้ ความเขา้ ใจ ในรายการที่ออกอากาศของ นกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ผา่ นทางสถานีโทรทศั น์ภาคพ้ืนดิน ในระบบดิจิทลั ช่อง 52 4) ด้ำนกำรนำควำมรู้ไปใช้ หมายถึง การนาความรู้จากการรับชมรายการในการ ออกอากาศของนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ผ่านทาง สถานีโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั ช่อง 52 ไปประยุกตใ์ ช้ในการปฏิบตั ิงาน และสามารถ เผยแพร่หรือถา่ ยทอดได้
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วข้อง การศึกษาวิจยั เร่ือง ความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาทางไกลผา่ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ของสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดต่อเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ผูจ้ ดั ทาไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวขอ้ งนาเสนอ สาระสาคญั ดงั น้ี 2.1 โทรทศั นร์ ะบบดิจิทลั 2.2 แนวคิดและทฤษฎีความพึงพอใจ 2.3 การจดั การศึกษาของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 2.4 งานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง 2.4.1 งานวจิ ยั ในประเทศ 2.4.2 งานวิจยั ในตา่ งประเทศ 2.1 โทรทัศน์ระบบดิจทิ ลั 2.1.1 ความเป็ นมาและความหมายของโทรทศั น์ระบบดิจิทัล สถานีวิทยุโทรทศั น์กองทพั บก (2553, ออนไลน์) ไดก้ ล่าวว่า โทรทศั น์ระบบดิจิทลั หรือ โทรทศั น์ดิจิทัล (องั กฤษ: Digital Television) หรือทีวีดิจิทัล คือการส่งผ่านของเสียงและ วดิ ีโอโดยสญั ญาณดิจิทลั ท่ีมีประสิทธิภาพสูงท้งั ความคมชดั ของภาพและเสียง การส่งขอ้ มลู แบบน้ี สามารถส่งขอ้ มูลไดม้ ากกวา่ แบบแอนะลอ็ กในหน่ึงช่องสญั ญาณ จึงเรียกไดอ้ ีกอยา่ งวา่ Multicasting การส่งสญั ญาณเป็นแบบดิจิทลั จึงทาใหไ้ ดค้ ุณภาพของภาพและเสียงดีกวา่ ดว้ ย เช่น โทรทศั นร์ ะบบ HDTV ตรงกนั ขา้ มแอนะล็อกก็ใชก้ บั สัญญาณโทรทศั น์แอนะล็อก หลายประเทศจะเปล่ียนการรับ สัญญาณโทรทศั น์จากระบบแอนะล็อกเป็ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั เพื่อออกอากาศโทรทศั น์แบบแอ นะลอ็ กได้ จึงใชว้ ิทยคุ ลื่นความถี่เดิม โทรทศั น์แตเ่ ดิมใชร้ ะบบแอนะลอ็ ก (analog) หรือ เชิงเสน้ ท้งั ในภาคการส่งสญั ญาณและภาครับสญั ญาณ แต่ต่อมาเมื่อระบบคอมพิวเตอร์ได้มีการพฒั นาอย่างกวา้ งขวางข้ึน จึงได้มีการนา ระบบคอมพิวเตอร์นามาพฒั นาแปรสัญญาณภาพและเสียงใช้ในการออกอากาศ เพ่ือให้เกิด ความคมชดั และมีจานวนช่องสัญญาณท่ีมากข้ึน ดงั น้นั จึงไดป้ รับปรุงโทรทศั น์ใหใ้ ชร้ ะบบดิจิทลั
8 ด้วย และเน่ืองจากโทรทัศน์ใช้กันทั่วโลก การเปลี่ยนระบบจากอนาล็อกเป็ นระบบดิจิทัล จึงมีความจาเป็ นต้องเปลี่ยนท่วั โลกตามไปด้วย ซ่ึงคณะกรรมการสหภาพโทรคมนาคมสากล (ITU) ไดม้ ีการกาหนดมาตรฐานดงั น้ี 1) ระบบแพร่ภาพดิจิทลั ผ่านดาวเทียม (DVB-S The Digital Video Broadcasting Satellite System) 2) ระบบแพร่ภาพดิจิทลั ผา่ นสายเคเบิล (DVB-C The digital cable eleliverly system) 3) ระบบแพร่ภาพดิจิทลั ภาคพ้ืนดิน (DVB-T The Digital Terrestrial Television System) กลไกการทางานของโทรทศั น์ระบบดิจิทลั เป็ นระบบการรับส่งสัญญาณภาพและ เสียงที่มีข้อมูลที่มีการเข้ารหัสเป็ นดิจิทลั ทีมีค่า “0” กับ “1” เท่าน้ัน โดยมีกระบวนการต่างๆ ท่ีจะทาการแปลงสัญญาณภาพและเสียงใหเ้ ป็น ดิจิทลั มีการบีบอดั ขอ้ มูล โดยทาการเขา้ รหสั ขอ้ มูล ก่อนที่จะทาการผสมสัญญาณขอ้ มลู คล่ืนพาร์ (Modulation) ขอ้ มูลดิจิตอลเหล่าน้ี เพ่ือส่งผา่ นตวั กลาง ไปสู่ผูร้ ับปลายทาง ซ่ึงต่างกนั อย่างสิ้นเชิงกบั โทรทศั น์ระบบแอนะล็อก เม่ือสัญญาณดิจิทลั ถูกส่ง มายงั เครื่องรับโทรทัศน์จะผ่านกระบวนการบีบอัดขอ้ มูลสัญญาณดิจิทัล โดย MPEG-2 หรือ MPEG-4 ทาการถอดรหัส หลังจากน้ันสัญญาณจะถูกส่งไปยังหลอดภาพ แล้วหลอดภาพ จะยิงลาแสงออกไปยงั หนา้ จอโทรทศั น์ ทาใหห้ น่วยที่เลก็ ที่สุดของภาพท่ีแสดงบนจอภาพ (Pixel) ซ่ึงในระบบ HDTV น้นั จะให้ภาพท่ีมีความละเอียดของ Pixel สูงกว่าโทรทศั น์ทว่ั ไปมาก จึงทาให้ ภาพที่ออกมามีความคมชดั ละเอียด และไม่มีการกระพริบของสัญญาณภาพ ลกั ษณะการยงิ ลาแสง แบ่งได้ 2 แบบ คือ การสแกนภาพแบบสลบั เส้น (Interlaced Scanning) และการสแกนต่อเน่ือง เรียงไปทีละเส้นภาพ (Progressive Scanning) มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ (2556, หน้า 1-4) กล่าวว่า ทีวีดิจิทลั หรือโทรทศั น์ ระบบดิจิทัล (Digital television) เป็ นระบบการส่งผ่านสัญญาณภาพวีดีโอและเสียงโดยระบบ ดิจิทลั ซ่ึงแต่เดิมระบบการรับสัญญาณโทรทศั น์ในบา้ นเราใช้เป็ นระบบแอนะล็อก โดยระบบ ดิจิทลั มีจุดเด่นกว่าระบบแอนะล็อกท้งั ในดา้ นความคมชดั ของภาพและเสียง และการส่งขอ้ มูล แบบดิจิทลั สามารถส่งขอ้ มูลไดม้ ากกว่าแบบเดิม (Multicasting) ซ่ึงตอนน้ีหลายๆ ประเทศไดท้ า การพัฒนาระบบการรับส่งสัญญาณดิจิทัลไปอีกระดับแล้ว เช่น โทรทัศน์จอกว้าง (WIDE SCREEN) โทรทัศน์ความคมชัดสูง (HDTV) ในขณะที่ระบบแอนะล็อกไม่สามารถพัฒนา ประสิทธิภาพได้ ซ่ึงระบบสัญญาณดิจิทลั เกิดข้ึนมาจากการนาระบบคอมพิวเตอร์นามาพฒั นาใช้ ในการช่วยโทรทศั น์ แลว้ จึงไดม้ ีการปรับปรุงโทรทศั นใ์ หใ้ ชร้ ะบบดิจิทลั ดว้ ย
9 ภาพท่ี 2.1 การทางานของโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ท่ีมา : http://www.personnel.psu.ac.th/m_sance/book13.pdf (มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์, 2556) วิกิพีเดีย (2563, ออนไลน์) โทรทศั น์ระบบดิจิทลั โทรทศั น์ดิจิทลั หรือ ทีวีดิจิทลั (Digital television) เป็ นรูปแบบการถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียงโดยกระบวนการดิจิทัล เป็ นกระบวนการท่ีตรงขา้ มกับระบบการถ่ายทอดสัญญาณแบบแอนะล็อกซ่ึงใช้การแบ่งคลื่น ออกเป็ นหลายๆ ช่องสัญญาณ โทรทัศน์ดิจิทัลสามารถรองรับรายการโทรทัศน์ได้มากกว่า หน่ึงรายการในช่องแบนด์วิดทเ์ ดียว นอกจากสญั ญาณภาพและเสียงแลว้ การแพร่ภาพระบบดิจิทลั ยงั สามารถส่งขอ้ มูลอื่นๆ อาทิ ผงั รายการ บทบรรยาย มาพร้อมกนั ไดอ้ ีกด้วย ถือเป็ นนวตั กรรม ดา้ นโทรทศั น์ท่ียิง่ ใหญ่สุดนบั ต้งั แต่การเปล่ียนจากโทรทศั น์ขาวดาเป็นโทรทศั น์สีในทศวรรษที่ 1950 ในปัจจุบนั หลายๆประเทศไดท้ ยอยเปลี่ยนมาใชก้ ารแพร่ภาพแบบดิจิทลั โดยที่ในแต่ละภูมิภาค ก็ใชม้ าตรฐานการแพร่ภาพท่ีแตกต่างกนั ไป สาหรับในส่วนโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินระบบดิจิทลั ปัจจุบนั การแพร่สัญญาณมาตรฐาน DVB-T เป็นที่แพร่หลายที่สุดของโลก ซ่ึงมีใชอ้ ยูใ่ นส่วนใหญ่ของทวีปเอเชีย แอฟริกา และยโุ รป ในขณะท่ีในทวีปอเมริกาเหนือและเกาหลีใตจ้ ะใชม้ าตรฐาน ATSC ในทวีปอเมริกาใต,้ ญ่ีป่ ุนและ
10 ฟิ ลิปปิ นส์ใช้มาตรฐาน ISDB-T ส่วนประเทศจีนเป็ นประเทศเดียวของโลกท่ีใช้มาตรฐาน DTMB ซ่ึงเป็นมาตรฐานที่จีนพฒั นาข้ึนมาเอง 2.1.2 จดุ ด้อยของระบบการส่งสัญญาณแบบเดมิ (แอนะลอ็ ก) 1) หากอยใู่ กลอ้ ปุ กรณ์ไฟฟ้าหรือแม่เหลก็ จะส่งผลใหภ้ าพไม่คมชดั โดยเฉพาะช่องต่า 2) หากมีสัญญาณอื่นที่ส่งมาจากสถานีวิทยหุ รือโทรทศั น์มารบกวน จะทาให้การรับ สญั ญาณไม่คมชดั 3) หากโทรทศั น์ท่ีรับสัญญาณอยูใ่ นพ้ืนท่ีที่มีส่ิงปลูกสร้างอย่างตึก หรือภูเขาบงั การ รับสัญญาณโทรทศั น์ ทาใหใ้ หเ้ ครื่องรับไมส่ ามารถรับสญั ญาณไดด้ ี 4) แบบอแอนะลอ็ กไม่สามารถบีบอดั สญั ญาณได้ ทาใหต้ อ้ งใชค้ วามถี่มากในการส่ง ทาใหม้ ีสถานีนอ้ ย 5) การส่งสัญญาณอื่นๆ ไปร่วมกนั สัญญาณแบบแอนะล็อกทาได้โดยยาก เพราะ จะมีผลต่อการรบกวนคล่ืนสญั ญาณ 6) ช่องสัญญาณนอ้ ย ไม่พอการใชง้ านท่ีมีการเติบโตข้ึนเรื่อยๆ 2.1.3 จุดเด่นของระบบการส่งสัญญาณแบบใหม่ (ดจิ ิทลั ) 1) ระบบดิจิทลั มีระบบการบีบอดั สัญญาณ (Digital Compression) ทาให้สามารถ ส่งรายการต่อช่อง ไดม้ ากข้ึน จากเดิม 1 ช่องส่งได้ 1 รายการ แตร่ ะบบดิจิทลั 1 ช่อง จะสามารถส่ง ไดถ้ ึง 4-6 รายการ ทางภาคพ้นื ดิน และ 8-10 รายการทางดาวเทียม 2) สามารถใหบ้ ริการเสริมอ่ืนๆ ได้ (ในกรณีที่กฎหมายอนุญาต) 3) สามารถรับชมขณะอยใู่ นพาหนะเคลื่อนท่ีได้ เช่น รับโทรทศั นบ์ นรถยนตไ์ ด้ 4) สามารถใหบ้ ริการฟรี (Free to Air) หรือบริการเกบ็ ค่าสมาชิกได้ 5) เน่ืองจากเครื่องส่ง 1 เครื่อง สามารถส่งไดห้ ลายรายการ ทาใหค้ ่าใชจ้ ่ายต่อรายการ ลดลง (จากเดิม 1 ช่องส่งได้ 1 รายการ) 6) ระบบดิจิทลั สามารถพฒั นาใหม้ ีประสิทธิภาพเพิ่มข้นึ ได้ เพอื่ รองรับเทคโนโลยีใน การส่งและรับโทรทัศน์ในอนาคตได้ เช่น โทรทัศน์จอกว้าง (WIDE SCREEN) โทรทัศน์ ความคมชดั สูง (HDTV) ในขณะท่ีระบบแอนะลอ็ กไม่สามารถพฒั นาประสิทธิภาพได้ 7) เนื่องจากระบบดิจิทลั น้ัน เคร่ืองส่งใช้กาลงั ออกอากาศลดลง ทาให้ประหยดั พลงั งาน 8) คุณภาพในการรับชมดีข้ึน ไม่มีเงา การรบกวนนอ้ ย เพราะถา้ จะรับไดช้ ดั ก็ชดั เลย แตถ่ า้ อยใู่ นท่ีรับไม่ชดั กจ็ ะรับไม่ได้
11 2.1.4 การออกอากาศโทรทัศน์ภาคพืน้ ดินระบบดจิ ิทัลในประเทศไทย ปัจจุบนั เทคโนโลยีการส่งสัญญาณโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินระบบดิจิทลั ถูกนามาแทนที่ ระบบแอนะลอ็ กในหลายประเทศ เน่ืองจากใหค้ วามคมชดั สูงเทา่ กบั แหลง่ กาเนิดสัญญาณช่วงคลื่น ความถี่ (7-8MHz) ส่งช่องรายการได้มากกว่า 8 ช่องรายการ ทาให้สามารถบริหารจดั การคล่ืน ความถ่ีได้มีประสิทธิภาพสูง วนั ที่ 1 เมษายน 2557 เป็ นวนั ท่ีมีการส่งออกอากาศโทรทัศน์ ภาคพ้ืนดินระบบดิจิทลั ในประเทศไทยวนั แรก (รุ่งเรือง หวนระลึก, 2563) การออกอากาศโทรทัศน์ภาคพ้ืนดินระบบดิจิทัลในประเทศไทยส่งออกอากาศ ในระบบ DVB-T2 มีการจดั เรียงช่องอตั โนมตั ิ ตามคาส่ังของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เพ่ือให้ผูร้ ับชมรายการโทรทศั น์ระบบดิจิทลั สามารถจดจาไดง้ ่าย ระบบ DVB-T2 ไดร้ ับการยอมรับว่าเป็ นรูปแบบการออกอากาศท่ีมาตรฐาน และประสิทธิภาพสูงสุด การออกอากาศโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินระบบดิจิทลั มีแผนการส่งออกอากาศท้งั สิ้น จานวน 6 ความถ่ี 48 ช่องรายการ ในปัจจุบนั มีการแพร่ภาพออกอากาศจานวน 5 ความถ่ี 20 ช่องรายการ ภาพท่ี 2.2 รายการโทรทศั น์ภาคพ้นื ดินในระบบดิจิทลั 20 ช่อง ท่ีมา : https://www.hstn.co.th/content/10479/โทรทัศน์ภาคพ้ืนดินระบบดิจิทัลในประเทศไทย (รุ่งเรือง หวนระลึก, 2563)
12 2.1.5 วธิ กี ารรับชมสัญญาณโทรทศั น์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ (2556, หน้า 1-4) ไดอ้ ธิบายวิธีการรับชมดิจิทัลทีวี จานวน 2 วิธี ดงั น้ี 1) ใช้กล่องรับสัญญาณ Digital TV หรือ Set Top Box ท่ีสามารถรับสัญญาณ DVB-T2 ได้ ขอ้ ดีคือไม่ว่าคุณจะใช้ทีวีรุ่นไหนก็ตาม CRT / LCD TV / LED TV / PLASMA TV จะเก่าจะใหม่ ก็สามารถดูไดห้ มด ยกตวั อยา่ ง ถา้ ทีวีมีช่องต่อ HDMI ก็ใชต้ ่อผ่านช่องน้ีเพ่ือรับชม ดว้ ยสัญญาณดิจิทลั ไดเ้ ลย ถา้ เป็นจอแกว้ รุ่นเก่า ใชช้ ่องต่อ AV แดงขาวเหลือง ตวั กล่องก็จะทาหน้าท่ี แปลงสญั ญาณจากดิจิทลั เป็นแอนะลอ็ กเพือ่ เขา้ ทีวีรับชม ไดเ้ หมือนกนั ภาพที่ 2.3 วธิ ีรับชมโทรทศั น์ระบบดิจิทลั โดยใชก้ ล่องรับสญั ญาณ Digital TV หรือ Set Top Box ท่ีมา : http://www.personnel.psu.ac.th/m_sance/book13.pdf (มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์, 2556)
13 2) ใชท้ ีวที ่ีมี Digital Tuner แบบ DVB-T2 ในตวั ภาพที่ 2.4 วิธีรับชมโทรทศั น์ระบบดิจิทลั โดยใชท้ ีวีที่มี Digital Tuner แบบ DVB-T2 ในตวั ท่ีมา : http://www.personnel.psu.ac.th/m_sance/book13.pdf (มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์, 2556) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) (2557, ออนไลน์) มีวธิ ีการรับชมดิจิทลั ทีวี จานวน 3 วธิ ี ดงั น้ี 1) โทรทศั น์ท่ีใชก้ นั ทว่ั ไปในปัจจุบนั ไม่วา่ จะเป็น จอโคง้ จอแบน ท้งั LED, LCD, Plasma หรือ Smart TV ต่างๆ ลว้ นมีโอกาสเป็นโทรทศั น์รุ่นเก่าท่ีมีภาครับสัญญาณระบบแอนะล็อก แต่สามารถรับชมโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั ง่ายๆ เพียงนาโทรทศั น์เครื่องเดิมที่ใชอ้ ยู่ เช่ือมต่อกบั Set Top Box (STB) หรือกล่องรับสัญญาณระบบดิจิทลั ที่มีสัญญาณ “นอ้ งดูดี ดิจิทลั ทีวี” และ Hologram กสทช. Class A Broadcast และมีหนวดกุง้ หรือเสากา้ งปลาเป็นตวั รับสญั ญาณเท่าน้ี ก็สามารถรับชมไดท้ นั ที 2) ถา้ ตอ้ งการซ้ือโทรทศั น์เครื่องใหม่ ซ่ึงเป็ นโทรทศั น์ท่ีมีดิจิทลั จูนเนอร์หรือ ภาครับสัญญาณดิจิทลั ทีวีได้ในตวั (Integrated Digital Television หรือ iDTV) เพียงต่อโทรทศั น์ iDTV กบั เสากา้ งปลาหรือหนวดกุง้ ก็สามารถรับชมโทรทศั น์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิทลั ไดแ้ ลว้ ซ่ึงวธิ ีน้ีผรู้ ับชมจะสามารถรับชมจานวนช่องไดท้ ้งั หมด 48 ช่อง สาหรับการสังเกตวา่ โทรทศั น์รุ่นใหม่ ท่ีมีวางขายอยู่ในตลาดน้ันรุ่นใดที่เป็ นโทรทศั น์ระบบดิจิทลั ท่ีมีดิจิทลั จูนเนอร์หรือภาครับสัญญาณ ในตัวน้ัน ให้สังเกตสัญลกั ษณ์ฉลาก หรือ Hologram กสทช. Class A Broadcast จะมัน่ ใจไดว้ ่า โทรทศั น์เครื่องน้นั สามารถใชง้ านกบั ระบบดิจิทลั ทีวีไดอ้ ยา่ งดีและผา่ นการรับรองโดย กสทช. แลว้
14 3) ถา้ รับชมดว้ ยจานดาวเทียมหรือผ่านเคเบิ้ล สามารถรับชมรายการไดท้ ้งั หมด 36 ช่อง (ไม่รวมช่องบริการชุมชนท้ัง 12 ช่อง) ซ่ึงระบบจานดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีสามารถ ดึงสัญญาณภาพไปให้บริการได้ แต่คุณภาพความคมชดั อาจจะไม่เท่ากบั การต่อสัญญาณผ่านเครื่อง แปลงสัญญาณหรือ Set Top Box (STB) ภาพท่ี 2.5 วธิ ีการรับชมดิจิทลั ทีวี ที่มา : https://broadcast.nbtc.go.th/TVDigital/TVDigital (กสทช., 2557) 2.2 แนวคิดและทฤษฎีความพงึ พอใจ 2.2.1 ความหมายของความพงึ พอใจ ความพึงพอใจ (Satisfaction) เป็ นผลจากการได้รับการตอบสนองต่อแรงจูงใจหรือ ความตอ้ งการของแต่ละบุคคล ซ่ึงมีผใู้ หค้ วามหมายของความพงึ พอใจไวห้ ลายความหมาย ดงั น้ี กดู๊ (Good, 1973, p. 320) กลา่ ววา่ ความพงึ พอใจ หมายถึง สภาพ คณุ ภาพ หรือระดบั ความพึงพอใจ ซ่ึงเป็นผลมาจาก ความสนใจตา่ งๆ และทศั นคติที่บุคคลน้นั มีต่อสิ่งน้นั วลั ลภา ชายหาด (2532, หน้า 65) ได้กล่าวว่า ความพึงพอใจของประชากรท่ีมีต่อ การบริการสาธารณะ หมายถึง ระดบั ของความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการไดร้ ับบริการใน ลกั ษณะของ
15 1) การใหบ้ ริการอยา่ งเท่าเทียมกนั 2) การใหบ้ ริการอยา่ งรวดเร็วและทนั เวลา 3) การใหบ้ ริการอยา่ งตอ่ เน่ือง 4) การใหบ้ ริการอยา่ งกา้ วหนา้ สุเทพ เมฆ (2532, หนา้ 8) กล่าววา่ ความพึงพอใจในบรรยากาศในการเรียนการสอน หมายถึง ความรู้สึกพอใจในการจดั องคป์ ระกอบท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การเรียนการสอน ซ่ึงมีความสาคญั ในการช่วยให้นกั เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีชีวิตชีวา มีความเจริญงอกงาม มีความกระตือรือร้น เพอื่ จะเรียนใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ราณี เชาวนปรีชา (2538, หนา้ 18 อา้ งถึงใน วฤทธ์ิ สารฤทธิคาม, 2548, หนา้ 31) กล่าววา่ ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกหรือทศั นคติของบุคคลที่มีต่อส่ิงใดสิ่งหน่ึงหรือปัจจยั ต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ความรู้สึกพึงพอใจจะเกิดเม่ือความตอ้ งการของบุคคลที่มีต่อสิ่งใดส่ิงหน่ึงหรือ ปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ความรู้สึกพึงพอใจจะเกิดข้ึนเม่ือความต้องการของบุคคลได้รับ การตอบสนองหรือบรรลุตามจุดมุ่งหมายในระดบั หน่ึง ความรู้สึกดงั กล่าวจะลดลงหรือไม่เกิดข้ึน หากความตอ้ งการหรือจุดมุ่งหมายน้ันไม่ไดร้ ับการตอบสนอง ความพึงพอใจต่อการใช้บริการ จึงเป็ นความรู้สึกของผูท้ ี่มารับบริการมีต่อสถานบริการตามประสบการณ์ท่ีไดร้ ับจากการเขา้ ไป ติดตอ่ ขอรับบริการในสถานบริการน้นั ๆ สุภาลกั ษณ์ ชัยอนันต์ (2540, หน้า 17) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจไว้ว่า ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกส่วนตวั ท่ีรู้สึกเป็นสุขหรือยนิ ดีท่ีไดร้ ับความตอบสนองความตอ้ งการ ในส่ิง ท่ีขาดหายไป หรือสิ่งท่ีทาใหเ้ กิดความไม่สมดุล ความพึงพอใจเป็นสิ่งที่กาหนดพฤติกรรม ท่ีจะแสดงออกของบุคคล ซ่ึงมีผลตอ่ การเลือกที่จะปฏิบตั ิในกิจกรรมใดๆ น้นั พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน (2542, หนา้ 793) ไดใ้ หค้ วามหมายความพงึ พอใจ หมายถึง รัก ชอบใจ และพงึ ใจ หมายถึง พอใจ ชอบใจ วริ ุฬ พรรณเทวี (2542, หนา้ 111) ไดใ้ หค้ วามหมายความพงึ พอใจ หมายถึง ความรู้สึก ภายในจิตใจของมนุษย์ที่ไม่เหมือนกันข้ึนอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะคาดหวงั กับส่ิงหน่ึงอย่างไร ถา้ คาดหวงั หรือมีความต้งั ใจมากและไดร้ ับการตอบสนองดว้ ยดีจะมีความพึงพอใจมาก แต่ในทาง ตรงกนั ขา้ มอาจผิดหวงั หรือไม่พึงพอใจเป็ นอย่างยิ่งเมื่อไม่ไดร้ ับการตอบสนองตามท่ีคาดหวงั ไว้ ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั สิ่งที่ตนต้งั ใจไวว้ า่ มีมากหรือนอ้ ย
16 วฤทธ์ิ สารฤทธิคาม (2548, หนา้ 32) ไดใ้ หค้ วามหมายความพงึ พอใจวา่ เป็นปฏิกิริยา ด้านความรู้สึกต่อส่ิงเร้าหรือส่ิงกระตุ้นท่ีแสดงผลออกมาในลกั ษณะของผลลพั ธ์สุดท้ายของ กระบวนการประเมิน โดยแบ่งออกถึงทิศทางของผลการประเมินวา่ เป็นไปในลกั ษณะทิศทางบวก หรือทิศทางลบหรือไม่มีปฏิกิริยา อรรถพร คาคม (2546, หน้า 29) ไดส้ รุปว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ทศั นคติหรือ ระดบั ความพึงพอใจของบุคคลต่อกิจการรมตา่ งๆ ซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงประสิทธิภาพของกิจกรรม น้นั ๆ โดยเกิดจากพ้ืนฐานของการรับรู้ ค่านิยมและประสบการณ์ที่แต่ละบุคคลจะไดร้ ับ ระดบั ของ ความพงึ พอใจจะเกิดข้นึ เม่ือกิจกรรมน้นั ๆ สามารถตอบสนองความตอ้ งการแก่บุคคลน้นั ได้ จากการความหมายขา้ งตน้ สรุปได้ว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกท่ีดีหรือ ทศั นคติท่ีดีของบุคคล ซ่ึงมกั เกิดจากการไดร้ ับการตอบสนองตามที่ตนตอ้ งการ ก็จะเกิดความรู้สึก ท่ีดีต่อสิ่งน้ัน ตรงกันขา้ มหากความต้องการของตนไม่ได้รับการตอบสนองความไม่พึงพอใจ ก็จะเกิดข้ึน 2.2.2 แนวคดิ และทฤษฎีความพงึ พอใจ ความพึงพอใจเป็นความรู้สึกท่ีสามารถแสดงออกมาให้เห็น อาจจะเป็นกริยาท่าทาง หรือการแสดงออกทางสีหน้าเกี่ยวข้องกบั ความพึงพอใจที่ได้รับการตอบสนองอย่างท่ีตนเอง คาดหวงั ไว้ ซ่ึงมีนกั การศึกษาไดน้ า เสนอแนวคิด หลกั การไวอ้ ยา่ งหลากหลาย ดงั น้ี เดวิส (Davis, 1967, p. 61) กล่าวว่า ความพึงพอใจเป็ นส่ิงท่ีเกิดข้ึนกับบุคคล เม่ือความตอ้ งการพ้ืนฐานท้งั ร่างกายและจิตใจไดร้ ับการตอบสนอง พฤติกรรมเกี่ยวกบั ความพึงพอใจ ของมนุษย์ เป็ นความพยายามท่ีจะขจดั ความตึงเครียด หรือความกระวนกระวายหรือสภาวะ ไม่สมดุลในร่างกายเมื่อสามารถขจดั ส่ิงต่างๆ ดงั กล่าวออกไปได้ มนุษยย์ อ่ มจะไดร้ ับความพึงพอใจ ในสิ่งที่ตอ้ งการ ทฤษฎีความตอ้ งการตามลาดบั ข้นั ของมาสโลว์ (Maslow, 1970, p. 35-47) ไดเ้ รียงลาดบั สิ่งจูงใจ หรือความต้องการของมนุษย์ไว้ 5 ระดับ โดยเรียงลาดับข้ันของความต้องการไว้ ตามความสาคญั ดงั น้ี 1) ความตอ้ งการพ้นื ฐานทางสรีระ 2) ความตอ้ งการความปลอดภยั รอดพน้ อนั ตรายและมน่ั คง 3) ความตอ้ งการความรัก ความเมตตา ความอบอุ่น การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ 4) ความตอ้ งการเกียรติยศชื่อเสียง การยกยอ่ ง และความเคารพตวั เอง 5) ความตอ้ งการความสาเร็จดว้ ยตนเอง
17 ความพอใจในข้นั ต่างๆ ของความต้องการของมนุษย์น้ี ความต้องการข้ันสูงกว่า บางคร้ัง ไดป้ รากฏออกมาใหเ้ ห็นแลว้ ก่อนที่ความตอ้ งการข้นั แรกจะไดเ้ ห็นผลเป็นที่พอใจเสียดว้ ยซ้า อย่างไรก็ตามบุคคลแต่ละคนส่วนมากแสดงให้เห็นว่า ตนมีความพอใจอย่างสูงสุด ในลาดบั ข้นั ความตอ้ งการข้นั ต่าๆ มากกว่าข้นั สูง จากการสารวจ พบว่า คนธรรมดาทวั่ ไปจะมีความพอใจ ในลาดบั ข้นั ตอนตา่ งๆ ดงั น้ี ความตอ้ งการทางดา้ นกายภาพ 85% ความตอ้ งการความปลอดภยั 70% ความตอ้ งการทางดา้ นสงั คม 50% ความตอ้ งการเด่นในสงั คม 40% ความตอ้ งการท่ีจะไดร้ ับความสาเร็จในสิ่งท่ีตนปรารถนา 10% อเดย์ และแอนเดอร์สัน (Aday & Anderson, 1975, p. 4) กล่าวว่า ความพึงพอใจ เป็นความรู้สึก ความนึกคิดเห็นท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ทศั นคติของคนท่ีเกิดจากประสบการณ์ท่ีผรู้ ับบริการ เขา้ ไปในสถานที่ที่ใหบ้ ริการน้นั และประสบการณ์เป็ นไปตามความคาดหวงั ของผูร้ ับบริการและ ความพงึ พอใจมากหรือนอ้ ยข้นึ อยกู่ บั ปัจจยั ที่แตกตา่ งกนั หลุย จาปาเทศ (2533, หน้า 8) อธิบายว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความตอ้ งการ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย สงั เกตไดจ้ ากสายตา คาพูด และการแสดงออก เชลล่ี (Shelli, 1995, p. 9) ได้ศึกษาแนวคิดเก่ียวกับความพึงพอใจ สรุปได้ว่าเป็ น ความรู้สึกสองแบบของมนุษย์ คือ ความรู้สึกในทางบวกและ ความรู้สึกในทางลบ ความรู้สึก ในทางบวกเป็ นความรู้สึกที่เม่ือเกิดข้ึนแลว้ ทาให้ความรู้สึกที่มีระบบยอ้ นกลับและความสุขน้ี สามารถทาใหเ้ กิดความสุขหรือความรู้สึกทางบวกเพ่ิมข้ึนไดอ้ ีก ดงั น้นั จะเห็นไดว้ ่า ความสุขเป็น ความรู้สึกที่สลับซับซ้อนและความสุขน้ีจะมีผลต่อบุคคลมากกว่าความรู้สึกในทางบวกอ่ืนๆ ความรู้สึกทางลบ ความรู้สึกทางบวกและความสุขมีความสัมพนั ธ์กันอย่างสลบั ซับซ้อนและ ระบบความสัมพนั ธ์ของความรู้สึกท้ังสามน้ีเรียกว่าระบบความพึงพอใจ โดยความพึงพอใจ จะเกิดข้ึนเมื่อระบบความพงึ พอใจมีความรู้สึกทางบวกมากกวา่ ความรู้สึกทางลบ ศิริพงศ์ พฤทธิพนั ธุ์ และ พยตั วุฒิรงค์ (2547, หน้า 57 - 58) สรุปประเด็นเกี่ยวกบั ความพึงพอใจ ดงั น้ี 1) ความพึงพอใจเป็นการเปรียบเทียบความรู้สึกกบั ความคาดหวงั 2) ความพงึ พอใจเป็นการเปรียบเทียบความรู้สึกกบั สิ่งเร้า 3) ความพงึ พอใจเป็นการเปรียบเทียบความรู้สึกหรือทศั นคติกบั สิ่งที่ไดร้ ับ 4) ความพึงพอใจเป็นการเปรียบเทียบประสบการณ์กบั การคาดหวงั
18 สรชยั พิศาลบุตร (2551, หนา้ 98 - 99) ไดก้ ล่าวถึง การวดั ระดบั ความพึงพอใจของ ลูกคา้ หรือผใู้ หบ้ ริการวา่ สามารถทาได้ 2 วิธี คอื 1) วดั จากการสอบถามความคิดเห็นของลูกคา้ หรือผูใ้ ชบ้ ริการ เป็ นการวดั ระดบั ความพึงพอใจของลูกคา้ หรือผใู้ ช้บริการจากการสอบถามความคิดเห็นของลูกคา้ หรือผใู้ ชบ้ ริการ โดยตรงทาได้โดยกาหนดมาตรวดั ระดับความพึงพอใจที่ลูกคา้ หรือผูใ้ ช้บริการที่มีต่อคุณภาพ ของสินคา้ หรือบริการน้ันๆ และกาหนดเกณฑ์ช้ีวดั ระดับความพึงพอใจจากผลการวดั ระดับ ความพึงพอใจเฉล่ียท่ีลูกคา้ หรือผใู้ ชบ้ ริการที่มีต่อคณุ ภาพของสินคา้ หรือบริการน้นั ๆ 2) วดั จากตวั ช้ีวดั คุณภาพการใหบ้ ริการท่ีกาหนดข้ึน โดยการวดั ระดบั ความพึงพอใจ ของลูกคา้ หรือผูใ้ ช้บริการจากเกณฑ์ช้ีวดั ระดับคุณภาพสินคา้ หรือบริการท่ีกาหนดข้ึนน้ีอาจใช้ เกณฑค์ ุณภาพระดบั ต่างๆ ที่กาหนดข้ึนโดยผใู้ หบ้ ริการ ผปู้ ระเมินผลการใหบ้ ริการ และมาตรฐานกลาง หรือมาตรฐานสากลของการใหบ้ ริการน้นั จากแนวคิดของนกั วิชาการขา้ นตน้ สรุปไดว้ ่า ความพึงพอใจ คือ ความรู้สึก อารมณ์ กริยาท่าทาง หรือการแสดงออก เก่ียวข้องกับความพึงพอใจท่ีได้รับการตอบสนองอย่างที่ ตนคาดหวงั ไว้ เมื่อไดร้ ับการตอบสนองต่อส่ิงท่ีตนเองตอ้ งการแลว้ ก็จะเกิดควมตอ้ งการข้นั ต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด โดยความพึงพอใจจะเกิดข้ึนระดบั ใดข้ึนอย่กู บั ปริมาณการรับสนองความตอ้ งการท่ี เกิดข้นึ ไดค้ รบถว้ นเพยี งใด 2.2.3 ลกั ษณะความพงึ พอใจ ลกั ษณะความพึงพอใจผูว้ ิจยั ได้ศึกษาจากเอกสารงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ งและไดน้ ามา เสนอลกั ษณะของความพึงพอใจของนกั วชิ าการตา่ งๆ ดงั น้ี สุรศกั ด์ิ นาถวลิ (2544, หนา้ 10) ไดก้ ล่าววา่ ลกั ษณะความพงึ พอใจไว้ ดงั น้ี 1) ความพึงพอใจเป็นการแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกทางบวกของบุคคล หรือสิ่งหน่ึงสิ่งใด บุคคลจะรับรู้ความพงึ พอใจจาเป็นตอ้ งมีการปฏิสัมพนั ธ์กบั สภาพแวดลอ้ มรอบ ตวั การตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ ส่วนบุคคลดว้ ยการโตต้ อบกบั บุคคลอ่ืนและสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจาวนั ทาให้แต่ละคนมีประสบการณ์รับรู้ เรียนรู้ ส่ิงที่ไดร้ ับการตอบสนองแตกต่างกนั ไป และหากสิ่งที่ไดร้ ับเป็นไปตามความตอ้ งการก็จะก่อใหเ้ กิดความพงึ พอใจ 2) ความพึงพอใจเกิดจากการประเมินความแตกต่าง ระหวา่ งสิ่งที่คาดหวงั กบั สิ่งที่ ได้รับจริงในสถานการณ์บริการก่อนท่ีลูกค้าจะมาใช้บริการใดก็ตาม มักจะมีมาตรฐานของ การบริการน้ันไวใ้ นใจอยู่ก่อนเสมอแลว้ ซ่ึงมีแหล่งอา้ งอิงมาจากคุณค่าหรือเจตคติที่ยึดถือต่อ บริการ ประสบการณ์ด้งั เดิมท่ีเคยใชบ้ ริการ การบอกเล่าของผอู้ ่ืน การรับทราบขอ้ มูล การรับประกนั บริการจากโฆษณา การให้คามน่ั สัญญาของผูใ้ ห้บริการเหล่าน้ีเป็ นปัจจยั พ้ืนฐานที่ผูร้ ับบริการ
19 ใช้เปรียบเทียบกับบริการที่ได้รับในวงจรของการให้บริการตลอดช่วงเวลาของความจริง ส่ิงที่ ผบู้ ริการไดร้ ับความรู้เกี่ยวกบั การบริการท่ีไดร้ ับการบริการ คือ ความคาดหวังในส่ิงท่ีคิดว่าไดร้ ับ (Expectations) น้ีมีอิทธิพลต่อช่วงเวลาของการเผชิญความจริงหรือการพบปะระหวา่ งผใู้ หบ้ ริการ และผู้รับบริ การเป็ นอย่างมาก เพราะผู้รับบริ การจะประเมินเปรี ยบเทียบส่ิงท่ีได้รับจริ ง ในกระบวนการบริการที่เกิดข้ึน (Performance) กับความหวงั เอาไว้หากส่ิงท่ีได้รับเป็ นไป ตามความคาดหวงั ถือวา่ เป็นการยนื ยนั ที่ถูกตอ้ ง (Confirmation) กบั ความคาดหวงั ท่ีมีผูร้ ับบริการ ย่อมเกิดความพึงพอใจต่อการบริการดงั กล่าว แต่ถา้ ไม่เป็ นไปตามคาดหวงั อาจจะสูงหรือต่ากว่า นบั วา่ เป็นการยนื ยนั ที่คลาดเคล่ือน (Disconfirmation) ความคาดหวงั ดงั กล่าว ท้งั น้ีช่วงความแตกต่าง (Discrimination) ท่ีเกิดข้ึนจะช้ีให้เห็นระดบั ความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจมากน้อยได้ ถา้ ยืนยนั เบ่ียงเบนไปในทางบวกแสดงถึงความพึงพอใจ ถา้ ไปในทางลบแสดงถึงความไม่พอใจ จากความหมายที่กล่าวมาท้ังหมดข้างตน้ สรุปได้ว่า ลักษณะของความพึงพอใจ เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกทางบวกและทางลบของบุคคลหรือส่ิงหน่ึงสิ่งใด บุคคล จะรับรู้ความพงึ พอใจที่รู้สึกไดใ้ นข้นั สุดทา้ ยท่ีไดร้ ับผลสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ 2.3 การจัดการศึกษาของสานักงานส่ งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2.3.1 บริบทของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย วสิ ัยทัศน์ คนไทยไดร้ ับโอกาสการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ สามารถ ดารงชีวิตที่เหมาะสมกับช่วงวยั สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีทักษะ ท่ีจาเป็นในโลกศตวรรษท่ี 21 พนั ธกจิ 1) จัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยท่ีมีคุณภาพ สอดคลอ้ งกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือยกระดบั การศึกษา พฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ ของประชาชนทกุ กลมุ่ เป้าหมายใหเ้ หมาะสมทุกช่วงวยั พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงบริบททางสังคม และกา้ วสู่การเป็นสงั คมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวติ อยา่ งยง่ั ยนื 2) ส่งเสริม สนบั สนุน แสวงหา และประสานความร่วมมือเชิงรุกกบั ภาคีเครือข่าย ใหเ้ ขา้ มามีส่วนร่วมในการสนบั สนุนและจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั และ การเรียนรู้ตลอดชีวติ ในรูปแบบต่างๆ ให่กบั ประชาชน
20 3) ส่งเสริมและพฒั นาเทคโนโลยที างการศึกษา และนาเทคโนโลยดี ิจิทลั มาใชพ้ ฒั นา ประสิทธิภาพในการจัดและให้บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยให้กับ ประชาชนอยา่ งทวั่ ถึง 4) พฒั นาหลกั สูตร รูปแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือและนวตั กรรม การวดั และ ประเมินผลในทุกรูปแบบใหม้ ีคุณภาพและมาตรฐาน สอดคลอ้ งกบั บริบทในปัจจุบนั 5) พฒั นาบุคลากรและระบบการบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่ง จดั การศึกษาและการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ โดยยดึ หลกั ธรรมาภิบาล เป้าประสงค์ 1) ประชาชนผูด้ อ้ ย พลาด และขาดโอกาสทางการศึกษา รวมท้งั ประชาชนทวั่ ไป ไดร้ ับโอกาสทางการศึกษาในรูปแบบการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน การศึกษา ต่อเนื่อง และการศึกษาตามอธั ยาศยั ท่ีมีคุณภาพอยา่ งเท่าเทียมและทว่ั ถึง เป็นไปตามสภาพ ปัญหา และความตอ้ งการของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย 2) ประชาชนไดร้ ับการยกระดบั การศึกษา สร้างเสริมและปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความเป็ นพลเมืองท่ีสอดคลอ้ งกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอนั นาไปสู่การยกระดบั คุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความเขม้ แข็งให้ชุมชน เพ่ือพฒั นาไปสู่ความมน่ั คงและยงั่ ยนื ทางดา้ น เศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม ประวตั ิศาสตร์ และส่ิงแวดลอ้ ม 3) ประชาชนไดร้ ับโอกาสในการเรียนรู้และมีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เหมาะสม สามารถคิด วิเคราะห์ และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั รวมท้งั แกป้ ัญหาและพฒั นา คุณภาพชีวิตไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ 4) ประชาชนไดร้ ับการสร้างและส่งเสริมให้มีนิสยั รักการอ่านเพอื่ พฒั นาการแสวงหา ความรู้ดว้ ยตนเอง 5) ชุมชนและภาคีเครือขา่ ยทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการจดั ส่งเสริม และสนบั สนุน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั รวมท้งั การขบั เคล่ือนกิจกรรมการเรียนรู้ของ ชุมชน 6) หน่วยงานและสถานศึกษา กศน. สามารถนาเทคโนโลยีทางการศึกษา และ เทคโนโลยีดิจิทลั มาใช้ในการยกระดับคุณภาพในการจดั การเรียนรู้และเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ ใหก้ บั ประชาชน
21 7) หน่วยงานและสถานศึกษาพฒั นาส่ือ นวตั กรรม และการจดั กระบวนการเรียนรู้ เพ่ือแกป้ ัญหาและพฒั นาคุณภาพชีวิต ท่ีตอบสนองกบั การเปล่ียนแปลงบริบทด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วฒั นธรรม ประวตั ิศาสตร์และสิ่งแวดลอ้ ม รวมท้งั ตามความตอ้ งการของประชาชนและ ชุมชนในรูปแบบที่หลากหลาย 8) หน่วยงานและสถานศึกษามีระบบการบริหารจดั การองคก์ รท่ีทนั สมยั มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามหลกั ธรรมาภิบาล 9) บุคลากร กศน.ทุกประเภททุกระดับได้รับการพฒั นาเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการ ปฏิบตั ิงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั และการปฏิบตั ิงานตามสายงานอย่างมี ประสิทธิภาพ นโยบายเร่งด่วนเพ่ือร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศ 1) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นความมนั่ คง 1.1) พฒั นาและเสริมสร้างความจงรักภกั ดีต่อสถาบนั หลกั ของชาติ พร้อมท้งั น้อมนา และเผยแพร่ศาสตร์พระราชา หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รวมถึงแนวทางพระราชดาริต่างๆ 1.2) เสริ มสร้างความรู้ความเข้าใจ และการมีส่ วนร่ วมอย่างถูกต้องกับ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็ นประมุข ในบริบทของไทย มีความเป็นพลเมืองดี ยอมรับและเคารพความหลากหลายทางความคิดและอุดมการณ์ 1.3) ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาเพ่ือป้องกันและแก้ไขปัญหา ภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ท้งั ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ภยั จากไซเบอร์ ภัยพิบตั ิจากธรรมชาติ โรคอบุ ตั ิใหม่ ฯลฯ 1.4) ยกระดับคุณภาพการศึกษาและสร้างเสริมโอกาสในการเข้าถึงบริการ การศึกษา ในเขตพฒั นาพเิ ศษเฉพาะกิจจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ และพ้ืนที่ชายแดนอ่ืนๆ 1.5) สร้างความรู้ ความเขา้ ใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี วฒั นธรรมของประเทศ เพอ่ื นบา้ นกลุ่มชาติพนั ธุ์ และชาวตา่ งชาติที่มีความหลากหลาย 2) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสร้างความสามารถในการแข่งขนั 2.1) ยกระดบั การจดั การศึกษาอาชีพ กศน. เพ่ือพฒั นาทกั ษะอาชีพของประชาชน ให้รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (First S - curve และ New S - curve) โดยเฉพาะ ในพ้ืนที่เขตระเบียงเศรษฐกิจ และเขตพฒั นาพิเศษตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ สาหรับพ้ืนท่ี ปกติใหพ้ ฒั นาอาชีพท่ีเนน้ การตอ่ ยอดศกั ยภาพและตามบริบทของพ้ืนที่
22 2.2) จัดการศึกษาเพื่อพฒั นาพ้ืนท่ีภาคตะวันออก ยกระดับการศึกษาให้กับ ประชาชนให้จบการศึกษาอย่างน้อยการศึกษาภาคบงั คบั สามารถนาคุณวุฒิท่ีได้รับไปต่อยอด ในการประกอบอาชีพ รองรับการพฒั นาเขตพ้นื ที่ระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวนั ออก (EEC) 2.3) พฒั นาและส่งเสริมประชาชนเพ่ือต่อยอดการผลิตและจาหน่ายสินคา้ และ ผลิตภัณฑ์ กศน.ออนไลน์ พร้อมท้ังประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการเพ่ิมช่องทาง การจาหน่ายสินคา้ และผลิตภณั ฑใ์ หก้ วา้ งขวางยง่ิ ข้นึ 3) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการพฒั นาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรัพยากรมนุษย์ 3.1) สรรหา และพฒั นาครูและบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมและ การเรียนรู้ เป็นผูเ้ ชื่อมโยงความรู้กบั ผูเ้ รียนและผูร้ ับบริการ มีความเป็ น “ครูมืออาชีพ” มีจิตบริการ มีความรอบรู้และทนั ต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม และเป็ น “ผูอ้ านวยการการเรียนรู้” ท่ีสามารถ บริหารจดั การความรู้ กิจกรรม และการเรียนรู้ที่ดี 3.1.1) เพ่ิมอตั ราขา้ ราชการครูใหก้ บั สถานศึกษาทุกประเภท 3.1.2) พฒั นาขา้ ราชการครูในรูปแบบครบวงจร ตามหลกั สูตรท่ีเชื่อมโยงกบั วิทยฐานะ 3.1.3) พฒั นาครูให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้น เร่ืองการพฒั นาทกั ษะการจดั การเรียนการสอนออนไลน์ ทกั ษะภาษาต่างประเทศ ทกั ษะการจดั กระบวนการเรียนรู้ 3.1.4) พฒั นาศึกษานิเทศก์ ใหส้ ามารถปฏิบตั ิการนิเทศไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 3.1.5) พฒั นาบุคลากรทุกระดบั ทุกประเภทให้มีความรู้และทกั ษะเร่ืองการใช้ ประโยชน์จากดิจิทัล และภาษาต่างประเทศที่จาเป็ น รวมท้ังความรู้เก่ียวกับอาชีพที่รองรับ อตุ สาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (First S - Curve และ New S - Curve) 3.2) พฒั นาหลักสูตรการจัดการศึกษาอาชีพระยะส้ัน ให้มีความหลากหลาย ทนั สมยั เหมาะสมกบั บริบทของพ้นื ที่ และตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนผรู้ ับบริการ 3.3) ส่งเสริมการจดั การเรียนรู้ที่ทนั สมยั และมีประสิทธิภาพ เอ้ือต่อการเรียนรู้ สาหรับทุกคน สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา มีกิจกรรมที่หลากลาย น่าสนใจ สนองตอบความ ตอ้ งการของชุมชน 3.4) เสริมสร้างความร่วมมือกบั ภาคีเครือข่าย ประสาน ส่งเสริมความร่วมมือภาคี เครือข่าย ท้งั ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน รวมท้งั ส่งเสริมและ สนบั สนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน เพ่ือสร้างความเขา้ ใจ และให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม สนบั สนุน และจดั การศึกษาและการเรียนรู้ใหก้ บั ประชาชนอยา่ งมีคณุ ภาพ
23 3.5) พฒั นานวตั กรรมทางการศึกษาเพื่อประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาและ กลุ่มเป้าหมาย เช่น จดั การศึกษาออนไลน์ กศน. ท้งั ในรูปแบบของการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน การพฒั นา ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพและการศึกษาตามอธั ยาศัย รวมท้งั ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการ ปฏิบตั ิงาน การบริหารจดั การ การจดั การเรียนรู้ และใชก้ ารวิจยั อยา่ งง่ายเพือ่ สร้างนวตั กรรมใหม่ 3.6) พัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา และประชาชนทั่วไป ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจและทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทลั (Digital Literacy) 3.7) ยกระดับการศึกษาให้กับกลุ่มเป้าหมายทหารกองประจาการ รวมท้ัง กลุ่มเป้าหมายพิเศษอื่นๆ อาทิ ผูต้ อ้ งขงั คนพิการ เด็กออกกลางคนั ประชากรวยั เรียนท่ีอยู่นอก ระบบการศึกษา ใหจ้ บการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน 3.8) พฒั นาทกั ษะภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารของประชาชนในรูปแบบต่างๆ โดยเนน้ ทกั ษะภาษาเพ่ืออาชีพ ท้งั ในภาคธุรกิจ การบริการ และการท่องเที่ยว 3.9) เตรียมความพร้อมของประชาชนในการเขา้ สู่สังคมผูส้ ูงอายทุ ่ีเหมาะสมและ มีคณุ ภาพ 3.10) จดั กิจกรรมวิทยาศาสตร์เชิงรุกให้กบั ประชาชนในชุมชน โดยให้ความรู้ วิทยาศาสตร์อย่างง่าย ท้งั วิทยาศาสตร์ในวิถีชีวิต และวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจาวนั รวมท้งั ความกา้ วหนา้ ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรม 3.11) ส่งเสริมการรู้ภาษาไทยให้กับประชาชนในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะ ประชาชนในเขตพ้ืนที่สูงให้สามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาไทย เพ่ือประโยชน์ในการใช้ ชีวติ ประจาวนั ได้ 4) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม 4.1) พฒั นาแหล่งเรียนรู้ให้มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ มีความพร้อมในการใหบ้ ริการกิจกรรมการศึกษาและการเรียนรู้ 4.1.1) เร่งยกระดับ กศน.ตาบลนาร่อง 928 แห่ง (อาเภอละ 1 แห่ง) ให้เป็ น กศน.ตาบล 5 ดี พรีเมียมที่ประกอบด้วย ครูดี สถานที่ดี (ตามบริบทของพ้ืนที่) กิจกรรมดี เครือข่าย ดี และมีนวตั กรรมการเรียนรู้ท่ีดีมีประโยชน์ 4.1.2) จดั ให้มีศูนยก์ ารเรียนรู้ตน้ แบบ กศน. เพ่ือยกระดบั การเรียนรู้เป็นพ้ืนที่ การเรียนรู้(Co - Learning Space) ที่ทนั สมยั สาหรับทุกคน มีความพร้อมในการใหบ้ ริการตา่ งๆ 4.1.3) พฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ให้เป็น Digital Library
24 4.2) จดั ต้งั ศูนยก์ ารเรียนรู้สาหรับทุกช่วงวยั ที่มีกิจกรรมท่ีหลากหลาย ตอบสนอง ความตอ้ งการในการเรียนรู้ในแต่ละวยั เพ่ือให้มีพฒั นาการเรียนรู้ท่ีเหมาะสม และมีความสุขกบั การเรียนรู้ตามความสนใจ 4.3) ส่งเสริมและสนบั สนุนการจดั การศึกษาและการเรียนรู้สาหรับกลุ่มเป้าหมาย ผพู้ กิ าร โดยเนน้ รูปแบบการศึกษาออนไลน์ 5) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสร้างการเติบโตบนคณุ ภาพชีวติ ท่ีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดลอ้ ม 5.1) ส่งเสริมให้มีการให้ความรู้กับประชาชนในการรับมือและปรับตวั เพ่ือลด ความเสียหายจากภยั ธรรมชาติและผลกระทบที่เกี่ยวขอ้ งกบั การเปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศ 5.2) สร้างความตระหนกั ถึงความสาคญั ของการสร้างสงั คมสีเขียว ส่งเสริมความรู้ ใหก้ บั ประชาชนเก่ียวกบั การคดั แยกต้งั แต่ตน้ ทาง การกาจดั ขยะ และการนากลบั มาใช้ซ้า 5.3) ส่งเสริมให้หน่วยงานและสถานศึกษาใช้พลงั งานท่ีเป็ นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม รวมท้ังลดการใช้ทรัพยากรที่ส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม เช่น รณรงค์เรื่องการลดการใช้ ถงุ พลาสติก การประหยดั ไฟฟ้า เป็นตน้ 6) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการปรับสมดุลและพฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ 6.1) พฒั นาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการให้ทันสมยั มีความโปร่งใส ปลอดการทุจริ ตและประพฤติมิชอบ บริ หารจัดการบนข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ มุ่งผลสมั ฤทธ์ิมีความโปร่งใส 6.2) นานวตั กรรมและเทคโนโลยีระบบการทางานที่เป็ นดิจิทัลมาใช้ในการ บริหารและพฒั นางาน 6.3) ส่งเสริมการพฒั นาบุคลากรทุกระดบั อย่างต่อเนื่อง ให้มีความรู้และทกั ษะ ตามมาตรฐานตาแหน่งใหต้ รงกบั สายงาน ความชานาญ และความตอ้ งการของบุคลากร
25 โครงสร้างสานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ภาพท่ี 2.6 โครงสร้าง สานกั งาน กศน. ณ วนั ที่ 15 มิถนุ ายน 2563 ท่ีมา:http://www.nfe.go.th/onie2019/index.php/about-us/organizational-structure.html(สานกั งานกศน.,2563) รู ปแบบการจัดการศึกษาของสานักงานส่ งเสริมการศึ กษานอกระบบและการศึ กษา ตามอธั ยาศัย อญั ชลี ธรรมะวิธีกุล (2554, ออนไลน์) กล่าวว่า การจดั การเรียนรู้ ตามหลกั สูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 มุ่งเน้นการจดั การเรียนรู้ ตามปรัชญา “คิดเป็ น” และยึดหลกั ว่าผูเ้ รียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ผูเ้ รียน แต่ละคนมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน ท้งั ด้านวยั วุฒิภาวะ ความถนัด ความสนใจ วิธีการเรียนรู้ ตลอดจนมีการดาเนินชีวิตและส่ิงแวดลอ้ มที่แตกต่างกนั ซ่ึงส่งผลต่อการเรียนรู้ของผเู้ รียน ดงั น้นั การจดั การเรียนรู้จึงตอ้ งยึดผูเ้ รียนเป็ นสาคญั เพ่ือส่งเสริมให้ผูเ้ รียนไดพ้ ฒั นาความสามารถของ ตนเองตามธรรมชาติ เตม็ ตามศกั ยภาพท่ีมีอยู่ และเรียนรู้อยา่ งมีความสุข
26 1) ข้นั ตอนการจดั การเรียนรู้ ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มี 4 ข้นั ตอน ดงั น้ี ข้นั ตอนที่ 1 การแนะแนว การแนะแนวเป็นข้นั ตอนแรกที่มีความสาคญั สถานศึกษาตอ้ งจดั บริการแนะแนว เกี่ยวกบั หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 เพราะเป็นขอ้ มูล เบ้ืองตน้ ท่ีประชาชนหรือกลุ่มเป้าหมายควรจะไดม้ ีความเขา้ ใจเก่ียวกบั วิธีเรียน กศน. ซ่ึงมีการ จดั การเรียนรู้ท่ีหลากหลายที่กลุ่มเป้าหมายสามารถเลือกเรียนได้ และจะตอ้ งให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การจบหลกั สูตรการศึกษา การเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ การเทียบโอนผลการเรียน ที่ผเู้ รียนสามารถนาผลการเรียน หรือนาประสบการณ์ มาขอเทียบโอนความรู้ตามหลกั สูตรฯ และ เรียนเพิ่มเติมบางสาระท่ีไม่สามารถเทียบโอนได้ สถานศึกษาจะตอ้ งจดั บริการแนะแนวให้กบั กลุ่มเป้าหมายไดเ้ ขา้ ใจแต่เริ่มตน้ เพ่ือเขาจะไดต้ ดั สินใจเลือกเรียนไดอ้ ย่างเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการและวถิ ีชีวิตของตนเอง ข้นั ตอนที่ 2 การรับสมคั รผเู้ รียน และการตรวจสอบหลกั ฐานการศึกษา การรับสมคั รผูเ้ รียน และการตรวจสอบหลกั ฐานการศึกษา สถานศึกษาจะตอ้ ง ตรวจสอบหลกั ฐานการสมคั รให้ถูกตอ้ งครบถว้ น เช่น การกรอกใบสมคั รเป็ นนักศึกษา กศน. วุฒิการศึกษา สาเนาทะเบียนบา้ นผสู้ มคั รที่มีชื่อบิดามารดา บตั รประจาตวั ประชาชน ใบเปล่ียนชื่อ – ชื่อสกลุ หรือใบทะเบียนสมรส ใบหยา่ รูปถ่ายหนา้ ตรงไมส่ วมแว่นตาดาและไม่สวมหมวก เป็นตน้ เม่ือตรวจสอบหลักฐานและใบสมัครเป็ นนักศึกษา กศน. ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้กรอก ใบลงทะเบียนเรียน การลงทะเบียนเรียนน้นั นกั ศึกษาตอ้ งยน่ื ขอลงทะเบียนเรียนตามสาระรายวิชา ท่ีสถานศึกษาเปิ ดสอนและตามจานวนหน่วยกิตท่ีกาหนดใหล้ งทะเบียนไดต้ ามวนั เวลาท่ีกาหนด ระดบั ประถมศึกษา ลงทะเบียนเรียนไดภ้ าคเรียนละ 12 – 14 หน่วยกิต ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ลงทะเบียนเรียนไดภ้ าคเรียนละ 14 – 16 หน่วยกิต ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ลงทะเบียนเรียนไดภ้ าคเรียนละ 18 – 20 หน่วยกิต ท้งั น้ี ข้ึนอยกู่ บั ความพร้อมของสถานศึกษาที่เปิ ดใหล้ งทะเบียน ข้นั ตอนท่ี 3 การปฐมนิเทศ และการวางแผนการเรียน การปฐมนิเทศและการวางแผนการเรียน เป็นข้นั ตอนที่มีความสาคญั มากสาหรับ ผูเ้ รียน สถานศึกษาตอ้ งช้ีแจงให้ผูเ้ รียนเขา้ ใจเก่ียวกบั วิธีเรียน กศน. การวดั ผลและประเมินผล ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีเปิ ดโอกาส ให้ผูเ้ รียนที่ลงทะเบียนเรียนไดเ้ ลือกรูปแบบการเรียนรู้ท่ีเหมาะสม ตามความตอ้ งการ สอดคลอ้ ง กบั วิถีชีวิต และการทางานของผเู้ รียน เช่น การเรียนแบบพบกลุ่ม การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้
27 แบบทางไกล การเรียนรู้แบบช้นั เรียน และการเรียนรู้รูปแบบอื่นๆ ซ่ึงการเรียนรู้ตามรูปแบบตา่ งๆ ดงั กล่าว ในแต่ละรายวิชาผเู้ รียนสามารถเลือกเรียนรูปแบบใดรูปแบบหน่ึง หรืออาจเลือกการเรียน หลายๆ รูปแบบ ไดต้ ามความตอ้ งการและความเหมาะสมของผเู้ รียนที่ผเู้ รียนคิดวา่ จะทาใหป้ ระสบ ความสาเร็จในการเรียน ท้งั น้ีข้ึนอยู่กบั ความพร้อมของสถานศึกษา สถานศึกษาจะตอ้ งช้ีแจงให้ ผเู้ รียนเขา้ ใจถึงวิธีการเรียนรู้รูปแบบตา่ งๆ ดงั กล่าว ข้นั ตอนที่ 4 การวดั และประเมินผล การวัดและประเมินผลการเรี ยนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มีเป้าหมายสาคญั เพ่อื นาผลการประเมินไปพฒั นาผเู้ รียนให้ บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตรฯ หรือนาไปใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการปรับปรุงแกไ้ ข ส่งเสริม การเรียนรู้และพฒั นาการของผูเ้ รียนโดยตรง และนาไปปรับปรุงแกไ้ ขการจดั กระบวนการเรียนรู้ ให้มีประสิทธิภาพยง่ิ ข้ึน รวมท้งั การนาไปใชใ้ นการพิจารณาตดั สินความสาเร็จทางการศึกษาของ ผูเ้ รียน การวดั ผลและประเมินผลการเรียนตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มี 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี (1) การวดั และประเมินผลการเรียน (1.1) การวดั และประเมินผลการเรียนรายวิชา (1.2) การประเมินกิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต (1.3) การประเมินคุณธรรม (2) การประเมินคณุ ภาพการศึกษานอกระบบระดบั ชาติ สถานศึกษาตอ้ งจดั ทาระเบียบการประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา รวมท้งั จดั ทาหลกั เกณฑแ์ ละแนวปฏิบตั ิในการวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้ของผูเ้ รียนตาม หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ของสถานศึกษาให้ ชดั เจนเพื่อใหบ้ ุคลากรท่ีเกี่ยวขอ้ งทกุ ฝ่ ายถือปฏิบตั ิร่วมกนั และเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกนั 2) วธิ ีเรียน กศน. การจัดการเรียนรู้ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ยดึ หลกั การ ดงั น้ี (1) พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติพุทธศกั ราช 2542 และแกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 (2) พระราชบญั ญตั ิการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั พทุ ธศกั ราช 2551 (3) หลกั ปรัชญา “คดิ เป็น”
28 วิธีเรี ยน กศน. เป็ นวิธีเรี ยนที่ผู้เรี ยน ต้องฝึ กกระบวนการคิดวิเคราะห์ใน สถานการณ์ต่างๆ เกี่ยวกบั เน้ือหาสาระในแต่ละรายวิชา รวมท้งั การเรียนท่ีเน้นผูเ้ รียนเป็ นสาคญั ตามสภาพความพร้อมพร้อมและความตอ้ งการของผเู้ รียนโดยมีครูเป็นผสู้ ่งเสริมและอานวยความ สะดวกในการเรียนรู้และพฒั นาการเรียนรู้ของผูเ้ รียนอย่างต่อเน่ืองตลอดหลกั สูตร พร้อมท้งั มีการ ให้บริการแนะแนวหรือระบบดูแลช่วยเหลือผูเ้ รียน ดว้ ยการให้คาปรึกษา ช่วยเหลือ แนะนาและ ร่วมกบั ผเู้ รียนและผเู้ ก่ียวขอ้ งในการแกป้ ัญหาใหก้ บั ผเู้ รียน ซ่ึงวธิ ีการเรียนรู้ตามหลกั สูตรการศึกษา นอกระบบระดบั การศึกข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ดงั ท่ีกลา่ วมาแลว้ เรียกวา่ “วิธีเรียน กศน.” ซ่ึง สามารถจดั การเรียนรู้ไดห้ ลายรูปแบบ โดยพจิ ารณาจากปัจจยั ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ความพร้อม ความสนใจ และศกั ยภาพของผเู้ รียน (2) ความพร้อมในการบริหารจดั การของสถานศึกษา (3) ความพร้อมและศกั ยภาพของครูผสู้ อน (4) ความยากงา่ ยของเน้ือหารายวิชา วิธีเรียน กศน. ตามตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ที่เหมาะสมกบั ผูเ้ รียน เช่น การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การ เรียนรู้แบบทางไกล การเรียนรู้แบบช้นั เรียน ซ่ึงการเรียนรู้แตล่ ะรูปแบบมีลกั ษณะ ดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1) การเรียนรู้แบบพบกลมุ่ การเรียนรู้แบบพบกลุ่มเป็นการจดั การเรียนรู้ท่ีกาหนดให้ผู้เรียนมาพบกนั โดยมีครูเป็นผดู้ าเนินการใหเ้ กิดกระบวนการกลุ่ม เพื่อใหม้ ีการอภิปราย แลกเปล่ียนเรียนรู้และหา ขอ้ สรุปร่วมกนั ทกุ สปั ดาหค์ รูจะตอ้ งจดั ใหม้ ีการพบกล่มุ อยา่ งนอ้ ยสัปดาห์ละ 3 ชว่ั โมง หลกั การในการจดั การเรียนรู้แบบพบกลมุ่ มีดงั น้ี (1)) จดั พบกลมุ่ ในรายวชิ าท่ียากปานกลาง (2) เนน้ การแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหวา่ งผเู้ รียนกบั ผเู้ รียนและผเู้ รียนกบั ครู (3) ให้ผเู้ รียนเรียนรู้ดว้ ยการศึกษาคน้ ควา้ เป็นรายบุคคล เป็นกลุ่ม และ การทาโครงงาน (4) จัดกระบวนกลุ่มที่เน้นผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ และสอดแทรก กระบวนการ “คิดเป็น” ใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึ ก คิดวิเคราะห์ในแต่ละรายวิชาท่ีเชื่อมโยงสู่การประยุกตใ์ ช้ ในชีวิตจริงและอาจสอนเพ่มิ เติมในบางเน้ือหาที่ผเู้ รียนตอ้ งการ (5) มีการทดสอบยอ่ ย (QUIZ) (6) จดั พบกลุม่ อยา่ งนอ้ ยสัปดาหล์ ะ 3 ชวั่ โมง
29 วธิ ีดาเนินการจดั การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม มีดงั น้ี (1) การนาเสนอผลจากการศึกษาคน้ ควา้ ครูให้ผูเ้ รียนนาเสนอผลจาก การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองหรืองานกล่มุ ซ่ึงเป็นการทากิจกรรมตามที่ไดร้ ับมอบหมายจากการพบ กลุ่มสัปดาห์ที่ท่ีผา่ นมา ครูจะตอ้ งทาหนา้ กระตุน้ ให้ผูเ้ รียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ และ ครูและผูเ้ รียน สรุปองคค์ วามรู้ร่วมกนั (2) การจดั การเรียนการสอนตามสาระการเรียนรู้ ครูจดั การเรียนการ สอนตามสาระการเรียนรู้ท่ีไดว้ างแผนการเรียนรู้ร่วมกบั ผูเ้ รียนไว้ โดยครูจดั กระบวนการเรียนรู้ เพ่ิมเติมความรู้ในเน้ือหาสาระท่ีสาคญั ท่ีผูเ้ รียนยงั ไม่เขา้ ใจและตอ้ งการจะเรียนรู้ โดยครูสอน เพิ่มเติมบางเน้ือหาท่ีผเู้ รียนตอ้ งการ หรือจดั สอนเสริมนอกเหนือจากเวลาพบกลุ่ม ในเน้ือหาวิชาที่ ยาก ที่ผเู้ รียนไม่สามารถเรียนรู้ดว้ ยตนเองได้ เช่น วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาองั กฤษ และวิทยาศาสตร์ เป็ นตน้ (3) การนาเสนอโครงงาน โดยให้ผู้เรี ยนนาเสนอความคิด และ ความก้าวหน้าในการทาโครงงานต่อกลุ่มใหญ่ เพ่ือให้ผูเ้ รียนคนอ่ืนและครูช่ วยกันวิเคราะห์ ซักถาม ให้ขอ้ เสนอแนะ คาแนะนา ทาให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้ เป็ นการต่อยอดหรือพฒั นา ความคดิ และนาไปสู่การพฒั นาโครงงานในสปั ดาห์ต่อไป การนาเสนอโครงงานดงั กล่าวจะเป็นไป อยา่ งต่อเน่ืองทุกคร้ังที่พบกลุ่มจนสิ้นสุดภาคเรียน (4) การสอบยอ่ ย (QUIZ) เป็นการทดสอบความรู้ความเขา้ ใจในเน้ือหา สาระ โดยครูและสถานศึกษาเป็ นผูจ้ ดั ทาขอ้ สอบย่อย ในลกั ษณะ ถาม – ตอบ (QUIZ) ให้ผูเ้ รียน ตอบคาถามส้ัน ๆ ในลกั ษณะสรุปความคิดรวบยอด ที่เป็ นความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั เน้ือหาใน รายวิชาน้นั ๆ ของผเู้ รียนเอง (5) การฝึ กกระบวนการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการ “คิดเป็น” ใหผ้ เู้ รียน ฝึ กคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองจากส่ือ เช่น สถานการณ์ ข่าว นสพ. บทความ ท่ีเก่ียวขอ้ งกับ เน้ือหารายวิชาที่กาลงั เรียน ครูจะทาหน้าที่เป็ นผูก้ ระตุน้ เสริมแรง ใช้ กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมใหผ้ เู้ รียนทุกคนไดแ้ ลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกนั ตลอดช่วงเวลาพบ กลุ่ม โดยครูต้งั ประเด็นคาถามปลายเปิ ดให้ผูเ้ รียนได้ร่วมคิด ร่วมอภิปรายเพ่ือหาคาตอบ และ พยายามเช่ือมโยงเรื่องที่เรียนรู้จากรายวิชาน้นั เขา้ สู่วิถีชีวิตของผูเ้ รียนไดม้ องเห็นประโยชน์จากการ พบกลุ่ม (6) ฝึ กให้ผูเ้ รียนแสดงออก เพ่ือให้สามารถนาความรู้และทกั ษะไปใช้ ในชีวิตจริงได้ เช่น การนาเสนองานประกอบการใชส้ ื่อ การฝึกพดู ในโอกาสต่างๆ การใชภ้ าษาไทย ท่ีถูกตอ้ ง การฟังและจบั ประเดน็ สาคญั การพดู และการเขยี นเพ่ือสรุปใจความสาคญั
30 (7) การวางแผนจดั กิจกรรมการเรียนรู้ต่อเน่ือง คือการท่ีครูและผูเ้ รียน ร่วมกนั กาหนดและนดั หมายการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างสัปดาห์ รวมท้งั เรื่องท่ีผูเ้ รียนจะตอ้ ง ศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตวั เอง ตามแผนการเรียนรู้ท่ีไดร้ ่วมกนั กาหนดไว้ และครูจะตอ้ งกาหนดตวั ผเู้ รียน ท่ีจะมานาเสนองานต่อกลุ่มในสัปดาห์ต่อไป และกาหนดการทากิจกรรมการเรียนรู้สาหรับผเู้ รียน คนอื่นๆ ดว้ ย (8) การติดตามและช่วยเหลือผเู้ รียน ครูติดตามช่วยเหลือผเู้ รียน เพ่ือให้ คาแนะนา คาปรึกษาในการเรียน ครูอาจใชว้ ิธี “เพ่ือนช่วยเพ่ือน” คือให้เพ่ือน หรือกลุ่มเพื่อนของ ผเู้ รียน คอยช่วยเหลือใหค้ าแนะนาคาปรึกษาในการเรียน 2.2) การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง เป็นการเรียนรู้ที่ผเู้ รียนแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง โดยผูเ้ รียนกาหนดแผนการเรียนรู้ของตนเองให้สอดคลอ้ งกับรายวิชาท่ีลงทะเบียน โดยระบุ ข้นั ตอนการเรียนรู้ต้งั แต่ตน้ จนจบ และมีครูเป็นท่ีปรึกษา ใหค้ าแนะนาในการศึกษาหาความรู้จาก สื่อต่างๆ และแหล่งการเรียนรู้ 2.1.1) ลกั ษณะของผเู้ รียนที่สามารถเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (1) สมคั รใจที่จะเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ไม่ไดเ้ กิดจากการบงั คบั (2) ผเู้ รียนเป็นแหลง่ ขอ้ มูล คือสามารถบอกไดว้ า่ ตนเองจะเรียนเร่ือง อะไร มีทกั ษะและขอ้ มูลอะไรบา้ ง สามารถกาหนดเป้าหมายได้ บอกวธิ ีการรวบรวมขอ้ มลู ได้ บอก วิธีการประเมินผลการเรียนได้ รู้ถึงความสามารถของตนเอง ตดั สินใจได้ มีความรับผิดชอบต่อ หนา้ ท่ีและเป็นผเู้ รียนรู้ท่ีดี (3) รู้ “วิธีการท่ีจะเรียน” คือรู้ข้นั ตอนในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ว่า จะตอ้ งทากิจกรรมอะไรบา้ งจึงจะทาใหเ้ กิดการเรียนรู้ (4) มีความคิดเชิงบวก มีแรงจูงใจ และสามารถเรียนแบบร่วมมือกบั เพอื่ นหรือบคุ คลอ่ืน (5) มีระบบการเรียน รู้จกั ประยกุ ตก์ ารเรียน และสนุกกบั การเรียน (6) มีการเรียนรู้จากขอ้ ผิดพลาดและความสาเร็จ มีการประเมินผล เองและเขา้ ใจถึงศกั ยภาพของตนเอง (7) มีความพยายามหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อหาคาตอบ รู้จกั ประยุกตใ์ ช้ ความรู้ที่ไดจ้ ากการเรียนไปใช้กบั สถานการณ์จริง และหาโอกาสในการพฒั นา คน้ ควา้ หาขอ้ มูล เพื่อแกป้ ัญหา
31 (8) สามารถแสดงความคิดเห็นและ อภิปรายในกลุ่มเรียนอย่าง สร้างสรรค์ (9) การมีปฏิสัมพนั ธ์กบั บุคคลอื่นสามารถเก็บขอ้ มูล และนาขอ้ มูล ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการเรียน 2.1.2) วิธีการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (1) การวิเคราะห์และกาหนดความต้องการ ผูเ้ รียนวิเคราะห์และ กาหนดความตอ้ งการในการเรียนรู้ โดยคานึงถึงความตอ้ งการและความสนใจเกี่ยวกบั เน้ือหาสาระ ที่ตอ้ งการเรียน (2) การกาหนดจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้ ผเู้ รียนกาหนดจุดมุ่งหมายใน การเรียนรู้ ท่ีมีความเป็ นไปไดแ้ ละสามารถปฏิบตั ิไดจ้ ริง โดยศึกษาจุดมุ่งหมายของรายวิชา แลว้ เขียนจุดมุ่งหมายในการเรียน และระบุพฤติกรรมที่คาดหวงั หรือผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั ท่ีสามารถ วดั ได้ (3) การวางแผนการเรียน ผูเ้ รียนกาหนดแนวทางในการเรียนของ ตนเอง เพื่อให้บรรลุวตั ถุประสงคข์ องรายวิชา กาหนดเวลาเรียน คือกาหนดจานวนชว่ั โมง และ จานวนคร้ัง ในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ทากิจกรรมกลุ่ม พบครูเพ่ือขอคาปรึกษา แนะนา สอนเสริม และกาหนดเวลาท่ีสิ้นสุดการเรียนของตนเอง (4) การเลือกรูปแบบการเรียน คือผเู้ รียน เลือกกิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ย ตนเองไดแ้ ก่แหล่งวิทยาการ ผรู้ ู้ แหล่งเรียนรู้ เช่น ห้องสมุด วดั สถานีอนามยั และส่ือในการเรียน เช่นหนงั สือเรียน วซี ีดี ส่ือคอมพิวเตอร์ (5) การกาหนดบทบาทผูช้ ่วยเหลือในการเรียน เพื่อช่วยให้ผูเ้ รียน เขา้ ใจในเน้ือหาสาระ และเกิดทกั ษะย่ิงข้ึน และประสบผลสาเร็จในกาเรียน เช่นมีเพ่ือร่วมเรียน เพอ่ื ใหเ้ กิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้ (6) การกาหนดวธิ ีการประเมินผลการเรียน ครูและผเู้ รียน ควรร่วมกนั กาหนดวิธีการวดั ผลและประเมินผล เช่น กาหนดเคร่ืองมือวดั ผลไดแ้ ก่แบบทดสอบต่าง ๆ หรือ ชิ้นงาน เป็นตน้ 2.1.3) การทาสัญญาการเรียนรู้ ในการเรียนรู้ดว้ ยตนเองน้ัน เพ่ือให้การเรียนรู้เป็ นไปตามเป้าหมาย ผูเ้ รียนแต่ละคนจะตอ้ งมีการจดั ทาขอ้ ตกลงการเรี ยนหรือสัญญาการเรียนรู้กบั ครู เพื่อครูจะได้ ทราบความกา้ วหนา้ ในการเรียนของผเู้ รียนเป็นรายบุคคล
32 สัญญาการเรียนรู้ (Learning Contact) คือ ขอ้ ตกลงที่ผเู้ รียนไดท้ าไว้ กบั ครูวา่ ผเู้ รียนจะปฏิบตั ิตนอยา่ งไรในการเรียน เพื่อใหบ้ รรลุจุดมุ่งหมายของหลกั สูตร โดยผเู้ รียน จะเป็นผเู้ ขียนสัญญาการเรียนรู้ ระบุวา่ จะเรียนรู้อะไร จะวดั ผลดว้ ยวิธีใด จะมีหลกั ฐานการเรียนรู้ อะไรบา้ ง และผลการเรียนควรเป็นอยา่ งไร เมื่อเขยี นเสร็จแลว้ จดั ทาสาเนาให้ครู 1 ชุด เพื่อครูจะได้ ติดตาม ตรวจสอบ ความกา้ วหนา้ ของผเู้ รียนแตล่ ะคน แบบฟอร์มของสัญญาการเรียนรู้ จุดมุ่งหมาย แหล่งวิทยาการ/วิธีการ หลกั ฐาน การประเมินผล 1.ระบุวา่ ผเู้ รียนตอ้ งการ ระบวุ า่ ผเู้ รียนจะเรียนรู้ ระบุหลกั ฐานการเรียนรู้ที่ ระบวุ า่ ผเู้ รียนจะ เรียนรู้เรื่องอะไรและระบุ อยา่ งไร จากแหลง่ เป็นรูปธรรมสามารถนามา สามารถมีผลของการ ผลสาเร็จของการเรียนรู้ที่ ความรู้ใด อา้ งอิงได้ โดยเก็บรวบรวม เรียนรู้ในระดบั ใด ผเู้ รียนตอ้ งการ เป็ นแฟ้มสะสมงาน ตารางท่ี 2.1 แบบฟอร์มของสญั ญาการเรียนรู้ 3) การเรียนรู้แบบทางไกล การเรียนรู้แบบทางไกล เป็ นการจดั การเรียนรู้ ที่ผูเ้ รียนจะเรียนรู้จากสื่อต่าง ๆ โดยผเู้ รียนและครูจะสื่อสารทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็ นส่วนใหญ่ เช่นการเรียนรู้แบบ e – learning (อญั ชลี ธรรมะวิธีกุล, 2554, ออนไลน)์ 3.1) หลกั ในการเรียนรู้แบบทางไกล 3.1.1) ผเู้ รียนตอ้ งมีเคร่ืองมือท่ีสามารถสื่อสาร และใชอ้ ุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ ได้ เช่น คอมพวิ เตอร์ โทรศพั ท์ ฯลฯ 3.1.2) ผเู้ รียนตอ้ งมีเวลาส่ือสารทางอิเลคทรอนิกส์ กบั ครูตามเวลาท่ีไดต้ กลง ร่วมกนั กบั ครู เช่น Chat room, E – mail, Web board, Blog, face book ฯลฯ 3.1.3) สถานศึกษาและครู มีบทบาทในการจดั เตรียมส่ือทางไกล และอานวย ความสะดวก ให้ความช่วยเหลือ แนะนา ให้คาปรึกษาให้ผูเ้ รียนสามารถเรียนรู้แบบทางไกลได้ สาเร็จตามจุดม่งุ หมาย 3.2) วิธีการเรียนรู้แบบทางไกล 3.2.1) การศึกษาแนวทางการเรียนรู้แบบทางไกลจากสื่อต่างๆ 3.2.2) การเรียนรู้จากส่ือทางไกลตามท่ีสถานศึกษากาหนด 3.3.3) การประเมินความรู้ก่อนเรียน คือผเู้รียนประเมินความรู้ของตนเองก่อนเรียน 3.3.4) ศึกษาเน้ือหาสาระจากสื่อตา่ งๆ และส่งงานที่ครูมอบหมายตามกาหนด
33 3.3.5) การส่ือสารกบั ครูตามเวลาที่กาหนด เพ่ือขอคาแนะนา คาปรึกษา และ นดั หมายการทากิจกรรมการเรียนรู้ 3.3.6) การประเมินความรู้หลงั เรียน คอื ผเู้รียนประเมินความรู้ของตนเองหลงั เรียน 4) การเรียนรู้แบบช้นั เรียน การเรียนรู้แบบช้นั เรียน เป็ นการเรียนรู้ในลกั ษณะแบบห้องเรียน ท่ีสถานศึกษา กาหนดรายวิชา เวลาเรียน และสถานท่ีที่เรียนชดั เจน การเรียนรู้แบบช้นั เรียนเหมาะสาหรับผูเ้ รียน ท่ีมีเวลามาเขา้ ช้นั เรียนสม่าเสมอ 4.1) หลกั ในการเรียนรู้แบบช้นั เรียน 4.1.1) สถานศึกษากาหนดสถานที่เรียนและตารางเรียนท่ีเหมาะสม 4.1.2) จดั ให้มีการประชาสมั พนั ธ์การเรียนรู้แบบช้นั เรียน เก่ียวกบั สถานที่ วนั เวลาท่ีเรียนและครูผรู้ ับผิดชอบใหผ้ เู้ รียนทราบอยา่ งทวั่ ถึง 4.1.3) สถานศึกษาจดั หาสื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอน เช่นเครื่องมือ – อุปกรณ์ทดลองวทิ ยาศาสตร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และโสตทศั นูปกรณ์ ท่ีมีคุณภาพ 4.1.4) ผเู้ รียนจะตอ้ งมีเวลามาเรียนตามที่กาหนดไวใ้ นตารางเรียน 4.2) วธิ ีดาเนินการจดั การเรียนรู้ 4.2.1) การจดั กระบวนการเรียนรู้ การจดั กระบวนการเรียนรู้ โดยครู ผรู้ ู้ หรือ ผูเ้ ชี่ยวชาญ ดา้ นเน้ือหาน้ัน ๆ เป็นผถู้ ่ายทอดความรู้และฝึ กทกั ษะใหก้ บั ผเู้ รียน โดยเปิ ดโอกาสให้ ผเู้ รียน ซกั ถาม แสดงความคิดเห็นและลงมือฝึ กปฏิบตั ิจริง และครูควรจดั เวลาในการให้คาปรึกษา แก่ผเู้ รียน 4.2.2) การจดั กระบวนการปฏิสัมพนั ธ์ เป็นการจดั กระบวนการท่ีส่งเสริมการ มีปฏิสัมพนั ธ์ในการเรียนรู้ระหวา่ งครูกบั ผูเ้ รียน และผเู้ รียนกบั ผูเ้ รียน เช่นกิจกรรมกลุ่ม การจดั ท่ี นงั่ เป็นกลมุ่ 4.2.3) การจดั ใหม้ ีการปรับบทบาทผูเ้ รียน เช่นการแบ่งผเู้ รียนเป็นกลุ่มยอ่ ย ๆ และมอบหมายงานใหป้ ฏิบตั ิ ในการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครูจะจดั กิจกรรม 3 ลกั ษณะ ดงั น้ี (1) การใหข้ อ้ มลู ขอ้ เทจ็ จริง (2) การเรียนรู้ดว้ ยการลงมือปฏิบตั ิจริง (3) การสะทอ้ นการเรียนรู้ร่วมกนั ระหวา่ งผเู้ รียนและครู 4.2.4) การติดตาม และช่วยเหลือผเู้ รียน เช่นจดั บริการแนะแนว จดั บริการให้ คาปรึกษา จดั ใหม้ ีผชู้ ่วยสอน และการติดตามช่วยเหลือโดยเพอื่ หรือกลุ่มเพอ่ื น
34 การเรียนรู้ท้ัง 4 รูปแบบ ดังท่ีกล่าวข้างต้น สถานศึกษาและผูเ้ รียนจะ ร่วมกนั กาหนดวา่ ในแตล่ ะรายวิชาจะเรียนรู้แบบใด ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ความยากง่ายของเน้ือหาสาระของ แต่ละรายวิชาน้นั ๆ โดยใหส้ อดคลอ้ งกบั วิถีชีวิตและการประกอบอาชีพของผูเ้ รียน และข้ึนอยู่กบั ความพร้อมของสถานศึกษาในการจดั สอนเสริมเพอื่ เติมเต็มความรู้ให้กบั ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้ให้บรรลุ มาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ นอกจากน้ันสถานศึกษาสามารถออกแบบการเรียนรู้แบบอ่ืนๆ ไดต้ ามความตอ้ งการของผเู้ รียนและความพร้อมของสถานศึกษาแต่ละแห่ง รูปแบบการจัดการศึกษาทางไกลของสานักงานส่ งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย หน่วยศึกษานิเทศก์ สานกั งาน กศน. (2551, หนา้ 42-45) กล่าววา่ การศึกษาทางไกล เป็นรูปแบบการจดั การศึกษาอีกรูปแบบหน่ึงที่เนน้ การใชส้ ื่อเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ โดยมุ่งให้ ผเู้ รียนศึกษาดว้ ยตนเองเป็นหลกั ไม่มีขอ้ จากดั เรื่องสถานที่และเวลา บริการไดอ้ ย่างกวา้ งขวาง มี ความคล่องตวั และยดื หยนุ่ 1) วตั ถปุ ระสงคข์ องการศึกษาทางไกล 1.1) เพ่ือให้ผูเ้ รียนสามารถเรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยใช้สื่อประสมต่างๆ ท่ีเป็ น พ้ืนฐาน เช่น ส่ือไปรษณีย์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทศั น์ การสอนเสริม สื่อบุคคล และมีการใช้ เทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมด้วย เช่น ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ดาวเทียมไทยคม และเครือข่าย คอมพิวเตอร์ เป็นตน้ 1.2) เพื่อให้ผูเ้ รียนที่อยู่ต่างจงั หวดั หรือผูท้ ี่อยู่ห่างไกลในชนบทไดม้ ีโอกาสทาง การศึกษาเทา่ เทียมกบั ผเู้ รียนที่อยใู่ นเมืองหลวง 1.3) เพื่อเป็ นการส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิต ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง 2) รูปแบบการจดั การศึกษาทางไกลสาหรับการจดั การศึกษาในระบบ การศึกษานอก ระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั 2.1) การศึกษาทางไกลสาหรับการศึกษาในระบบ การจดั การศึกษาทางไกลใน ระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศึกษาน้ันอยู่ในรูปของวิทยุโรงเรียน โทรทศั น์เพ่ือการศึกษาผ่าน ดาวเทียม ซ่ึงจุดมุ่งหมายของการใชส้ ่ือต่างๆ ดงั กลา่ ว ก็เพ่ือเป็นการส่งเสริมการเรียนการสอน และ เนน้ วิชาที่ยากและขาดแคลน ครู-อาจารยเ์ ฉพาะสาขา ในระดบั อุดมศึกษา การศึกษาทางไกลจะอยู่ ในรูปของการใชส้ ื่อประสม เช่น สื่อส่ิงพิมพ์ วิทยุโทรทศั น์ผา่ นดาวเทียม เทปเสียง เทปโทรทศั น์ หรือใหค้ วามรู้โดยวิธี e-Learning โดยผา่ นทางระบบ On-line ทาง Internet
35 2.2) การศึกษาทางไกลสาหรับการศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาทางไกลในรูป ของส่ือประสมในลกั ษณะของการจดั การศึกษาพ้ืนฐานและการศึกษาต่อเน่ือง (หลกั สูตรระยะส้ัน) เพอื่ การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ การประกอบอาชีพ และการพฒั นาสงั คมชุมชน 2.3) การศึกษาทางไกลสาหรับการศึกษาตามอธั ยาศยั เป็ นการศึกษาทางไกลใน รูปแบบของการให้ขอ้ มูลข่าวสารและการศึกษาท่ีส่งเสริมการพฒั นาสังคมและคุณภาพชีวิตของ ประชาชนทวั่ ไป ในลกั ษณะของส่ือส่ิงพิมพ์ การฟังวิทยุ การดูโทรทศั น์ การใชส้ ื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ ตา่ งๆ หรือระบบโทรคมนาคม เป็นตน้ 2.3.2 บริบทศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย ประวตั คิ วามเป็ นมา - พ.ศ. 2495 ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา เดิมช่ือ กองเผยแพร่การศึกษา ต้ังข้ึน เม่ือวนั ท่ี 8 มีนาคม พ.ศ.2495 สังกดั กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ทาหนา้ ที่โฆษณาเผยแพร่ ให้ประชาชนเห็นคุณค่าของการศึกษา แนะนาการศึกษาและอาชีพ โดยมีคุณหญิงอมั พร มีศุข เป็นหวั หนา้ กองเผยแพร่การศึกษาเป็นคนแรก - พ.ศ. 2497 รัฐบาลไดเ้ ห็นความสาคญั ของการใชว้ ทิ ยเุ พอื่ การศึกษา จึงมีมติอนุมตั ิให้ กระทรวงศึกษาธิการ จดั ต้งั สถานีวิทยุกระจายเสียงข้ึน โดยใชช้ ่ือว่า “สถานีวิทยุศึกษา” ต้งั อยู่ที่ วิทยาลยั เทคนิคกรุงเทพ สังกัดกองเผยแพร่ เริ่มส่งการกระจายเสียงเป็ นคร้ังแรก ต้ังแต่วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2497 ออกอากาศเพื่อใหก้ ารศึกษาแก่ประชาชน ในสาขาต่างๆ และในปี เดียวกนั รัฐบาลไดอ้ อกพระราชกฤษฎีกา จดั วางระเบียบราชการกรมวิชาการ พ.ศ. 2497 แกไ้ ขใหม่ให้โอน กองเผยแพร่การศึกษา ไปข้ึนกบั สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ - พ.ศ. 2500 หลงั จากที่มีประสบการณ์เกี่ยวกบั การจดั รายการวิทยุ เพ่ือให้การศึกษา แก่ประชาชนแลว้ ต่อมาใน พ.ศ. 2500 กองเผยแพร่การศึกษา ไดเ้ ร่ิมการทดลองใชว้ ิทยุ เพอ่ื เป็นส่ือ การเรียนการสอนในโรงเรียนซ่ึงเรียกวา่ “วิทยุโรงเรียน” เริ่มดาเนินการออกอากาศรายการใน พ.ศ. 2501 และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2502 กองเผยแพร่การศึกษา ไดเ้ ริ่มจดั รายการโทรทศั น์เพื่อการศึกษา เป็ นคร้ังแรก โดยออกอากาศรายการส่งเสริมเผยแพร่ศิลปะการฟ้อนรา และการดนตรีของไทย เรียกช่ือรายการวา่ “นาฎดุริยางควิวฒั น”์ ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทศั น์กองทพั บก ในรายการ บนั เทิงภาคสุดทา้ ย เดือนละ 1 รายการ
36 - พ.ศ. 2515 รัฐบาลไดป้ รับปรุงระเบียบบริหารราชการใหม่ โดยรวมงานการกระจายเสียง ท้งั วิทยแุ ละโทรทศั น์ งานผลิตเอกสาร วารสารของกองเผยแพร่การศึกษา สานกั งานปลดั กระทรวง งานผลิตโสตทศั นูปกรณ์ของกรมวิชาการ และแผนกโสตทศั นศึกษา กรมสามญั ศึกษา มารวมเขา้ ดว้ ยกนั และต้งั เป็ น “ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา” สังกัดกรมวิชาการ ตามพระราชกฤษฎีกา เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2515 - พ.ศ. 2522 รัฐบาลไดอ้ อกพระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ท่ี 216 ลงวนั ที่ 29 กนั ยายน พ.ศ. 2515 ต้งั กรมการศึกษานอกโรงเรียนข้ึน เมื่อวนั ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2522 และไดโ้ อนศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษาเขา้ สงั กดั กรมการศึกษานอกโรงเรียน - พ.ศ. 2522 รัฐบาลไดอ้ นุมตั ิโครงการพฒั นาวิทยุกระจายเสียง ตามโครงการพฒั นา การศึกษา คร้ังท่ี 5 ซ่ึงมีระยะเวลาดาเนินการต้งั แต่ พ.ศ. 2522 ถึง 2527 ในส่วนหน่ึงของโครงการน้ี รัฐบาลไดอ้ นุมตั ิให้สร้างอาคารศูนยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษาข้ึนใหม่ พร้อมห้องบนั ทึกเสียง และ ห้องผลิตรายการวิทยุ ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษาจึงไดย้ า้ ยท่ีทาการจากเดิม ซ่ึงอย่ภู ายในบริเวณ กระทรวงศึกษาธิการ มาอยู่ ณ อาคารแห่งใหม่ ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ต้งั แต่ พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2527 กระทรวงศึกษาธิการ ไดอ้ นุมตั ิให้ต่อเติมอาคารดา้ นทิศตะวนั ตกของ ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา เพื่อเป็ นศูนยผ์ ลิตรายการวิดีโอเทปเพื่อการศึกษา ได้ดาเนินการ ติดต้งั อุปกรณ์การผลิตรายการ เสร็จสมบูรณ์และเร่ิมจดั และผลิตรายการวิดีโอเทปอย่างจริงจงั ต้งั แตเ่ ดือนมกราคม 2529 - พ.ศ. 2537 หลงั จากท่ีงานผลิตรายการโทรทศั นเ์ พ่ือการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการ ไดด้ าเนินการมาแลว้ กว่า 30 ปี กระทรวงศึกษาธิการโดยความร่วมมือของมูลนิธิไทยคม ไดจ้ ดั ต้งั สถานีวทิ ยโุ ทรทศั น์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ หรือ ETV ข้ึนเป็นคร้ังแรก โดยมอบหมาย ให้กรมการศึกษานอกโรงเรียน โดยศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษาเป็ นผูด้ าเนินงาน และไดร้ ับ อนุมตั ิใหจ้ ดั ต้งั สถานีโทรทศั นอ์ ยา่ งเป็นทางการ จากกรมประชาสมั พนั ธ์ ในปี พ.ศ. 2542 - พ.ศ. 2546 กรมการศึกษานอกโรงเรี ยน ได้ปรับเปล่ียนองค์กรใหม่เป็ น สานกั บริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน สังกดั สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงเป็นไปตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริ หารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 โดยเร่ิมกาหนด ปรับเปล่ียนต้ังแต่วันท่ี 1 กรกฎาคม 2546 ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา จึงต้องสังกัด สานกั บริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน สานกั งานปลดั กระทวงศึกษาธิการเป็นตน้ มา
37 - พ.ศ. 2551 สานักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน สังกัดสานักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ เปลี่ยนชื่อเป็ น สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั (สานกั งาน กศน.) ต้งั แต่วนั ที่ 4 มีนาคม 2551 ซ่ึงเป็นไปตามพระราชบญั ญตั ิส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั พ.ศ.2551 วิสัยทัศน์ มุ่งส่งเสริมและขยายโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ประชาชน ผ่านเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาที่ทนั สมยั และมีคุณภาพ พนั ธกจิ 1) พฒั นาระบบ โครงสร้างพ้ืนฐาน และสถานีวิทยุศึกษา และสถานีวิทยุโทรทศั น์ เพื่อการศึกษา (ETV) 2) บริหารจดั การสถานีวทิ ยศุ ึกษา และสถานีวิทยโุ ทรทศั นเ์ พ่อื การศึกษา (ETV) 3) ผลิตและเผยแพร่รายการวิทยุเพ่ือการศึกษา โทรทศั น์เพ่ือการศึกษา สื่อการศึกษา ออนไลน์ สื่อการศึกษาเพอ่ื คนพกิ ารและส่ืออ่ืนๆ 4) ส่งเสริม สนบั สนุนดาเนินการวิจยั การผลิตการใชแ้ ละเผยแพร่เทคโนโลยเี พ่ือการศึกษา 5) พฒั นาบคุ ลากร ผผู้ ลิตและผใู้ ชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ การศึกษา 6) ส่งเสริม สนบั สนุน หน่วยงานเครือขา่ ยเทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษา 7) บริหารจดั การทรัพยากร และขอ้ มูลสารสนเทศดา้ นเทคโนโลยเี พื่อการศึกษา 8) ปฏิบตั ิงาน สนบั สนุนหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง หน้าที่และความรับผดิ ชอบ 1) ดาเนินการจดั ผลิต พฒั นา และเผยแพร่เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาที่ทนั สมยั และ มีคุณภาพในรูปแบบรายการวิทยุกระจายเสียงเพ่ือการศึกษา รายการโทรทศั น์เพ่ือการศึกษา ส่ือมลั ติมีเดียเพ่อื การศึกษา และสื่อรูปแบบอ่ืนๆ เพอื่ สนองตอบความตอ้ งการทางการศึกษาตลอดชีวิต 2) บริหารจดั การสถานีวิทยุศึกษาและสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) กระทรวงศึกษาธิการ 3) ใหบ้ ริการสื่อเทคโนโลยเี พ่ือการศึกษาท้งั ส่ือ Online และ Offline 4) ส่งเสริม สนบั สนุน และดาเนินการเก่ียวกบั การวิจยั การพฒั นา การผลิต การใช้ และเผยแพร่เทคโนโลยเี พอื่ การศึกษา 5) ส่งเสริม สนบั สนุน และพฒั นาเครือข่ายการผลิต พฒั นาและเผยแพร่เทคโนโลยี เพอื่ การศึกษา ท้งั ในระดบั ชาติและระดบั ทอ้ งถิ่น เพือ่ ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวติ
38 6) พัฒนาบุคลากรท้ังด้านผู้ผลิตและผูใ้ ช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาให้มีความรู้ ความสามารถ และทกั ษะในการผลิตและการใชเ้ ทคโนโลยที ่ีเหมาะสม มีคุณภาพและประสิทธิภาพ 7) ปฏิบตั ิงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานอื่นท่ีเกี่ยวขอ้ ง ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย 2.3.3 การจัดการศึกษาทางไกลของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ ต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การจดั การศึกษาออนไลน์ (Online) เน่ืองจากการแพร่ระบาดโรคติดต่อเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้ทุกคนตอ้ ง ปรับตวั ในการใช้ชีวิตประจาวนั สู่ชีวิตปกติวิถีใหม่ (New Normal) ประกอบกับการพฒั นาของ เทคโนโลยีดิจิทลั ที่มีความกา้ วหนา้ อยา่ งรวดเร็ว ทาให้ความตอ้ งการเรียนรู้และรูปแบบการเรียนรู้ ของผูค้ นเปล่ียนแปลงไป การพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัลได้นาไปสู่บริการออนไลน์เพื่อ ปรับเปล่ียนใหเ้ ขา้ กบั การใชช้ ีวิตของสังคมยุคปัจจุบนั รวมท้งั การศึกษาดว้ ย เทคโนโลยีออนไลน์ ทาใหเ้ ราสามารถ เรียนรู้ไดต้ ลอดชีวติ ทุกท่ี ทุกเวลา ดงั น้นั การจดั การศึกษาของสานกั งานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ไดม้ ีการพฒั นารูปแบบการจดั การเรียนการสอน ผ่านแอปพลิเคช่ัน กศน.ออนไลน์ ซ่ึงสอดรับกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี เน้ือหาวิชาท่ีครอบคลุมท้งั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน การศึกษาต่อเน่ือง อาชีพ และตลาดออนไลน์ รวมท้งั สามารถรองรับแพลตฟอร์ม ท้งั Tablet Smartphone คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์พกพาที่ใช้ ระบบปฎิบตั ิการ IOS และ Android ซ่ึงจะทาให้จดั การศึกษาออนไลน์มีประสิทธิภาพ สามารถ พฒั นาไปสู่การเติบโตของประชาชน และประเทศอยา่ งยงั่ ยนื ตอ่ ไป เน้ือหาของแอปพลิเคชนั่ กศน.ออนไลน์ แบง่ ออกเป็น 3 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 1) กศน.ออนไลน์ ซ่ึงเป็นการศึกษาเรียนรู้รายวชิ า ตามหลกั สูตรการศึกษานอก ระบบและการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมธั ยมศึกษาตอน ปลาง ดว้ ยระบบออนไลน์ สามารถเรียนรู้ไดท้ กุ ที่ ทกุ เวลา สาหรับนกั ศึกษาและประชาชนท่ีสนใย 2) กศน. เพ่ืออาชีพและคุณภาพชีวิตออนไลน์ โดยนาเสนอหลกั สูตรเพ่ือการ เรี ยนการสอนต่อเน่ือง (หลักสูตรระยะส้ัน) เพื่อส่งเสริ มความรู้ในลักษณะต่างๆ ของ สถาบนั การศึกษาทางไกล 3) กศน.ตลาดออนไลน์ โดยเปิ ดพ้ืนท่ีช่องทางการบริการ ซ้ือ ขาย แลกเปลี่ยน สินคา้ ระหว่างชาว กศน. และประชาชนทวั่ ไป ในรูปแบบ e-Commerce ซ่ึงถือว่าตอบโจทยก์ บั รูปแบบการเรียนรู้ของคนไทยในยคุ ดิจิทลั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128