Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือเตรียมสอบเจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน-อปท.

คู่มือเตรียมสอบเจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน-อปท.

Published by เรเบค ก้า, 2021-10-08 04:12:58

Description: คู่มือเตรียมสอบเจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน-อปท.

Search

Read the Text Version

**สงวนลขิ สิทธ์ติ ามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบขา้ ราชการท้องถ่นิ เพื่อคนทอ้ งถ่นิ

รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ สารบญั เร่ือง หนา้ พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถ่ิน…………..…………………………………………………….………. ๑ แนวขอ้ ข้อสอบ พระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถ่ิน 2542……………………………..………… 16 พระราชบญั ญตั ิข้อมูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540……………………………………………………………….….….. 25 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติข้อมูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540…..………………………………………....…….. 37 แนวขอ้ สอบแนวขอ้ สอบพระราชบญั ญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 (ถาม – ตอบ)…………..….. 44 ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.2526 และแกไ้ ขเพิ่มเติม………………………………….. 50 ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรวี ่าดว้ ยงานสารบรรณ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2560…….…………………………………….. 74 แนวขอ้ สอบระเบยี บสานักนายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ.2526 และแก้ไขเพิ่มเติม………………… 75 ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยการรักษาความลบั ของทางราชการ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑……….…….. 91 แนวข้อสอบระเบียบสานักนายกรฐั มนตรวี ่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ (ฉบับที่ ๒)พ.ศ. ๒๕๖๑…… 93 แนวข้อสอบคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองตน้ ………………………………………………………………………………………………………… 95 ความรเู้ กย่ี วกบั งานธรุ การ งานสารบรรณ งานบรหิ ารท่ัวไป……………………………………………………………… 108 ความรเู้ กี่ยวกับงานตาม “ลักษณะงานทป่ี ฏบิ ตั ิ” ของตาแหนง่ เจา้ พนักงานธุรการปฏบิ ตั ิงาน………………… 110 ความรใู้ นดา้ นการบริหารจัดการทัว่ ไป……………………………………………………….………………………………….… 116 **สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย** ห้องติวสอบข้าราชการท้องถน่ิ เพือ่ คนท้องถ่ิน

-1- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ พระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถ่นิ พ.ศ. 2542 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 18 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2542 เปน็ ปีท่ี 54 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่าโดยทเี่ ป็นการสมควรมีกฎหมาย วา่ ด้วยระเบียบบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของ รัฐสภา ดังตอ่ ไปน้ี มาตรา 1 พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า \"พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542\" มาตรา 2* พระราชบัญญัตนิ ี้ให้ใช้บังคบั ตง้ั แต่วันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ต้นไป *[รก.2542/120ก/1/29 พฤศจิกายน.2542] มาตรา 3 ในพระราชบัญญตั ินี้ ควรจำ \"องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น\" หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเทศบาล องค์การ บรหิ ารส่วนตาบล กรุงเทพมหานคร เมืองพทั ยา และองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นอืน่ ที่มกี ฎหมายจัดตั้ง \"พนักงานส่วนท้องถิ่น\" หมายความว่า ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพนักงาน เทศบาล พนักงานส่วนตาบล ข้าราชการกรุงเทพมหานคร พนักงานเมืองพัทยา และข้าราชการหรือพนักงาน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอ่ืนที่มีกฎหมายจัดต้ัง ซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ปฏิบัติราชการโดยได้รับ เงินเดือนจากงบประมาณ หมวดเงินเดือนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือจากเงินงบประมาณ หมวดเงิน อดุ หนนุ ของรัฐบาลทีใ่ หแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น นามาจดั เปน็ เงินเดือน ของขา้ ราชการหรอื พนักงานส่วนท้องถ่ิน ออกบอ่ ย มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี หมวด 1 การบริหารงานบคุ คลในองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ………………………………….. ควรจำ มาตรา 5 ในองค์การบริหารส่วนจังหวดั แต่ละแหง่ ให้มีคณะกรรมการข้าราชการองคก์ าร บรหิ ารสว่ นจงั หวดั คณะหนึ่ง ประกอบด้วย (1) ผูว้ ่าราชการจังหวดั เป็นประธาน **สงวนลขิ สิทธิ์ตามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถนิ่ เพื่อคนทอ้ งถน่ิ

-2- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ (2) หัวหน้าส่วนราชการประจาจังหวัดจานวนสามคนจากส่วนราชการในจังหวัดนั้น ซึ่งผู้ว่า ราชการจังหวัดประกาศกาหนด ว่าเป็นส่วนราชการท่ีเก่ียวข้อง ท้ังน้ี ในกรณีจาเป็นเพ่ือประโยชน์ในการ บรหิ ารงานบคุ คล ผ้วู ่าราชการจงั หวดั จะประกาศเปล่ียนแปลงการกาหนดส่วนราชการทีเ่ กยี่ วขอ้ งเม่ือใดก็ได้ (3) ผแู้ ทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดจานวนสี่คน ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ซึง่ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดคัดเลือกจานวนหนึ่งคน ปลัดองค์การ บริหารสว่ นจังหวัด และผู้แทนข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวดั ซ่ึงคัดเลอื กกันเองจานวนหน่ึงคน (4) ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนสี่คน ซึ่งคัดเลือกจากบุคคลซ่ึงมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการ บริหารงานท้องถ่ิน ด้านการบริหารงานบุคคลด้านระบบราชการ ด้านการบริหารและการจัดการหรือด้านอ่ืนที่ จะเป็นประโยชน์แกก่ ารบริหารงานบคุ คลขององค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (4) ให้กรรมการตาม (1) และ (2) เสนอรายช่ือ บุคคลจานวนหกคน และกรรมการตาม (3) เสนอรายชื่อบุคคลจานวนหกคน และให้บุคคลทั้งสิบสองคนดังกล่าว ประชมุ เพื่อคดั เลอื กกนั เองให้เหลือสี่คน วิธีการคัดเลือกผู้แทนข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดและผู้ทรงคุณวุฒิให้ เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และเง่อื นไข ที่คณะกรรมการกลางข้าราชการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดกาหนด ควรจำ ใหผ้ วู้ ่าราชการจงั หวดั มหี น้าทด่ี าเนนิ การจัดให้มีการคัดเลือกผู้แทนข้าราชการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ให้ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นเลขานุการคณะกรรมการข้าราชการองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด ออกบอ่ ย มาตรา 6 กรรมการผูท้ รงคุณวฒุ ิตอ้ งมีคณุ สมบัติและไม่มีลกั ษณะต้องห้ามดงั ตอ่ ไปน้ี (1) มีสญั ชาติไทย (2) มอี ายุไม่ต่ากว่าส่สี ิบปบี รบิ ูรณ์ (3) ไม่เป็นข้าราชการซงึ่ มตี าแหนง่ หรอื เงินเดอื นประจา (4) ไมเ่ ปน็ พนักงานหรอื ลูกจา้ งของหนว่ ยราชการ หน่วยงานของรฐั รัฐวสิ าหกจิ หรอื องค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ (5) ไม่เปน็ ผู้ดารงตาแหนง่ ทางการเมือง (6) ไม่เปน็ สมาชกิ สภาท้องถน่ิ หรือผบู้ รหิ ารท้องถิน่ (7) ไมเ่ ป็นเจ้าหนา้ ทหี่ รอื ผู้มตี าแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมือง บุคคลซง่ึ ได้รบั การคดั เลอื กเป็นกรรมการผูท้ รงคณุ วุฒิต้องเปน็ ผู้มชี ่อื อยูใ่ นทะเบียนบ้าน ในเขต จงั หวดั นน้ั เปน็ เวลาตดิ ตอ่ กัน ไมน่ ้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันทีไ่ ดร้ ับการเสนอชอ่ื มาตรา 7 กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดและกรรมการ ผทู้ รงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับคัดเลือกอีกได้ ถ้ากรรมการซึ่งเป็นผู้แทนข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ วา่ งลงใหด้ าเนินการคดั เลอื กกรรมการ แทนตาแหนง่ ทวี่ ่างโดยเรว็ ตามหลักเกณฑ์และเงอื่ นไขในมาตรา 5 และ ใหก้ รรมการซ่งึ ได้รับการคัดเลอื กมวี าระอยู่ในตาแหนง่ เทา่ กับระยะเวลาทเ่ี หลืออยู่ของผู้ซ่ึงตนแทน ในระหว่างที่ยังมิได้คัดเลือกกรรมการแทนตาแหน่งทว่ี ่างตามวรรคสองและยังมีกรรมการเหลืออยู่ เกนิ กึง่ หนึ่ง ให้กรรมการทเี่ หลืออย่ปู ฏิบตั ิหน้าท่ตี ่อไปได้ **สงวนลขิ สิทธต์ิ ามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบข้าราชการท้องถิ่น เพื่อคนทอ้ งถน่ิ

-3- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ มาตรา 8 กรรมการซึ่งเปน็ ผู้แทนขา้ ราชการองค์การบริหารส่วนจังหวดั พ้นจากตาแหนง่ ก่อน วาระเมอ่ื ลาออกโดยยืน่ หนงั สือลาออกต่อประธานกรรมการ หรือพน้ จากการเป็นขา้ ราชการองค์การบริหารส่วน จงั หวัดขององค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั น้ัน มาตรา 9 นอกจากการพ้นจากตาแหนง่ ตามวาระ กรรมการผทู้ รงคุณวุฒพิ น้ จากตาแหน่งเม่อื (1) ตาย (2) ลาออก โดยย่ืนหนงั สอื ลาออกต่อประธานกรรมการ (3) เปน็ บคุ คลล้มละลาย (4) เปน็ คนไรค้ วามสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ (5) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 6 ออกบ่อย (6) ไดร้ บั โทษจาคกุ โดยคาพิพากษาถึงทส่ี ุดใหจ้ าคุก มาตรา 10 การประชุมของคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดต้องมี กรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึง ของจานวนกรรมการท้ังหมดจึงจะเป็นองค์ประชุมในการประชุม ถ้า ประธานไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ให้ท่ีประชุมเลือกกรรมการคนหน่ึงทาหน้าที่เป็น ประธานในที่ประชมุ ในการประชุม ถา้ มีการพจิ ารณาเรื่องเกย่ี วกับกรรมการผู้ใดโดยเฉพาะ กรรมการผนู้ ้ันไมม่ ีสิทธิ เขา้ ประชุม การวินิจฉัยช้ีขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหน่ึงให้มีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถ้า คะแนนเสียงเท่ากัน ใหป้ ระธานในท่ปี ระชุมออกเสียงเพมิ่ ข้ึนอีกเสียงหนงึ่ เป็นเสียงชี้ขาด มาตรา 11 คณะกรรมการข้าราชการองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั อาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพ่อื ดาเนินการใด ๆ ตามที่คณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั มอบหมายได้ ออกบอ่ ย มาตรา 12 ค่าตอบแทนของคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ คณะอนกุ รรมการ ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบทค่ี ณะกรรมการกลางขา้ ราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวัดกาหนด การกาหนดค่าตอบแทนตามวรรคหน่ึง ต้องคานึงถึงปริมาณงาน รายได้และ รายจ่ายของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแต่ละแห่ง และสามารถปรับลดหรือเพิ่มขึ้นได้ตามความเหมาะสมของปริมาณงาน และสภาพทางการเงนิ ขององคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ด้วย มาตรา 13 คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีอานาจหน้าที่กาหนด หลักเกณฑ์และดาเนินการเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลในองค์การบริหารส่วนจังหวัดน้ันในเรื่องดังต่อไปนี้ (1) กาหนดคุณสมบัติและลักษณะตอ้ งห้ามทมี่ ีความจาเปน็ เฉพาะสาหรบั ขา้ ราชการองค์การ บรหิ ารส่วนจังหวัดนั้น (2) กาหนดจานวนและอตั ราตาแหน่ง อตั ราเงินเดอื นและวิธีการจา่ ยเงนิ เดือน และประโยชน์ ตอบแทนอ่ืน สาหรบั ขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด (3) กาหนดหลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการคัดเลือก การบรรจุและแต่งตั้ง การย้ายการโอน การรับโอน การเลอ่ื นระดบั การเลื่อนขน้ั เงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวนิ ยั การใหอ้ อกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ **สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถ่ิน เพอื่ คนท้องถน่ิ

-4- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ (4) กาหนดระเบียบเกย่ี วกับการบรหิ ารและการปฏบิ ตั งิ านของขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวดั (5) กากับ ดูแล ตรวจสอบ แนะนาและช้ีแจง ส่งเสริมและพัฒนาความรู้แก่ข้าราชการ องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด การดาเนนิ การตาม (1) ถงึ (5) ตอ้ งได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการกลางข้าราชการ องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั มาตรา 14 การกาหนดหลักเกณฑ์และการดาเนินการเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลตาม มาตรา 13 ให้คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีอานาจกาหนดให้สอดคล้องกับความ ต้องการและความเหมาะสมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งน้ัน แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบมาตรฐานท่ัวไปท่ี คณะกรรมการกลางขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั กาหนดตามมาตรา 17 หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลที่คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วน จงั หวดั กาหนดตามมาตรา 13 ให้ประกาศโดยเปิดเผย ณ ทท่ี าการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั นน้ั และจัดสง่ สาเนาใหค้ ณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ทราบ ออกบ่อย มาตรา 15 การออกคาสั่งเกี่ยวกับการบรรจุและแต่งตั้ง การย้าย การโอน การรับโอน การเลอ่ื นระดบั การเล่ือนขั้นเงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และ การร้องทกุ ข์ หรือการอนื่ ใดท่ีเกี่ยวกบั การบริหารงานบุคคล ใหเ้ ป็นอานาจของนายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาหนด แต่สาหรับการออกคาส่ัง แต่งตั้ง และการให้ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพ้นจากตาแหน่ง ต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวดั กอ่ น อานาจในการดาเนินการเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลตามวรรคหนึ่ง นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดอาจมอบหมายให้ ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในตาแหน่งใดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งน้ัน เป็นผู้ใช้อานาจแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการข้าราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาหนด มาตรา 16 เพ่ือให้การปฏิบัติงานเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลขององค์การบริหารส่วนจังหวัด แตล่ ะแหง่ เปน็ ไปโดยมีมาตรฐานท่สี อดคล้องกัน ให้มีคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด คณะหนง่ึ ประกอบดว้ ย (1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งได้รับ มอบหมาย เป็นประธาน (2) ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนผู้อานวยการสานัก งบประมาณ อธิบดีกรมบญั ชีกลาง และอธบิ ดีกรมการปกครอง (3) ผแู้ ทนองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดจานวนหกคน ซ่ึงคัดเลือกจากนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดจานวนสามคน และปลัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดจานวนสามคน (4) ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนหกคน ซึ่งคัดเลือกจากบุคคลซ่ึงมีความรู้ความเช่ียวชาญในด้านการ บรหิ ารงานท้องถนิ่ ดา้ นการบรหิ ารงานบุคคล ด้านระบบราชการ ด้านการบริหารและการจัดการหรือด้านอื่นที่ จะเป็นประโยชนแ์ กก่ ารบรหิ ารงานบคุ คลขององค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั **สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถนิ่ เพ่ือคนทอ้ งถิน่

-5- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (4) ให้กรรมการตาม (1) และ (2) เสนอรายชื่อ บุคคลจานวนเก้าคน และกรรมการตาม (3) เสนอรายช่ือบุคคลจานวนเก้าคนและให้บุคคลทั้งสิบแปดคน ดงั กลา่ ว ประชมุ เพอ่ื คดั เลือกกันเองใหเ้ หลือหกคน วิธีการคัดเลือกผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดและผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงอ่ื นไขท่คี ณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถน่ิ กาหนด ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าท่ีดาเนินการจัดให้มีการคัดเลือกนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดหรือปลดั องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดแลว้ แตก่ รณี เปน็ ผู้แทนองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน แต่งต้ังข้าราชการในกรมการปกครองคนหน่ึงซึ่ง ดารงตาแหน่งไม่ตา่ กวา่ รองอธิบดีเป็นเลขานุการคณะกรรมการกลางขา้ ราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวดั กรรมการผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดซ่ึงคัดเลือกจากปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรรมการผ้ทู รงคุณวฒุ มิ ีวาระการดารงตาแหน่งคราวละสีป่ ี และอาจไดร้ บั คดั เลอื กอีกได้ และให้นาความใน มาตรา 6 วรรคหนง่ึ มาตรา 7 และมาตรา 9 มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม ในการปฏิบตั หิ น้าที่ของคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวัดใหน้ าความ ในมาตรา 10 และมาตรา 11 มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม มาตรา 17 คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดมีอานาจหน้าที่ดงั ต่อไปนี้ (1) กาหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกผู้แทนข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดและ ผู้ทรงคณุ วฒุ ติ ามมาตรา 5 วรรคสาม (2) กาหนดมาตรฐานท่วั ไปเกย่ี วกบั คณุ สมบตั ิและลกั ษณะตอ้ งห้ามเบื้องต้นสาหรับข้าราชการ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (3) กาหนดมาตรฐานทว่ั ไปเกีย่ วกับอัตราตาแหนง่ และมาตรฐานของตาแหนง่ (4) กาหนดมาตรฐานทวั่ ไปเก่ยี วกับอตั ราเงินเดอื นและวธิ ีการจา่ ยเงนิ เดือนและประโยชน์ตอบแทนอ่ืน (5) กาหนดมาตรฐานท่วั ไปเก่ียวกบั หลกั เกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลอื ก การบรรจแุ ละแตง่ ต้งั การย้าย การโอน การรบั โอน การเลอ่ื นระดับ และการเลอ่ื นขั้นเงินเดอื น (6) กาหนดมาตรฐานท่ัวไปเก่ียวกบั วินัยและการรักษาวินยั และการดาเนนิ การทางวนิ ัย (7) กาหนดมาตรฐานทัว่ ไปเกย่ี วกบั การให้ออกจากราชการ (8) กาหนดมาตรฐานทว่ั ไปเกี่ยวกับสิทธิการอุทธรณ์ การพิจารณาอุทธรณแ์ ละการร้องทกุ ข์ (9) กาหนดมาตรฐานทว่ั ไปเกีย่ วกบั โครงสรา้ งการแบ่งสว่ นราชการ วธิ ีการบริหารและการปฏบิ ตั งิ าน ของขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวดั และกิจการอนั เกยี่ วกบั การบรหิ ารงานบุคคลในองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั (10) ให้ข้อคิดเห็นหรือให้คาปรึกษาในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการข้าราชการองค์การ บริหารส่วนจงั หวดั (11) กากับดูแล แนะนาและช้ีแจง ส่งเสริมและพัฒนาความรู้แก่ข้าราชการองค์การบริหาร สว่ นจงั หวดั (12) ปฏิบัติการอ่ืนตามท่ีพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอานาจหน้าที่ของ คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด **สงวนลขิ สิทธต์ิ ามกฎหมาย** ห้องติวสอบขา้ ราชการท้องถน่ิ เพือ่ คนทอ้ งถ่ิน

-6- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ เพ่ือประโยชน์ในการพัฒนาข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เกิดประสิทธิภาพในการ บรหิ ารงานขององคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เป็นส่วนรวม การกาหนดมาตรฐานท่ัวไปเก่ียวกับการโอนหรือการรับ โอนตามวรรคหน่ึง (5) คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดต้องกาหนดหลักเกณฑ์ ให้ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดแต่ละแห่งมีโอกาสโอนไปปฏิบัติหน้าท่ีในระหว่างองค์การบริหารส่วน จงั หวดั ดว้ ยกันได้ มาตรา 18 การกาหนดมาตรฐานท่ัวไปตามมาตรา 17 ให้คณะกรรมการกลางข้าราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาหนดให้เหมาะสม กับลักษณะการบริหารและอานาจหน้าที่ขององค์การบริหาร ส่วนจังหวัด แต่จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานกลางเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลท่ีคณะกรรมการมาตรฐานการ บรหิ ารงานบคุ คลสว่ นท้องถน่ิ กาหนดตามมาตรา 33 (1) มาตรา 19 เมื่อคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กาหนดมาตรฐาน ท่ัวไปแล้ว ให้ใช้เป็นหลักเกณฑ์กลาง สาหรับคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดแต่ละแห่ง นาไปกาหนดหลกั เกณฑ์การบรหิ ารงานบุคคลตามมาตรา 13 ในกรณีทค่ี ณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวัดแหง่ ใดกาหนดหลกั เกณฑ์การ บริหารงานบุคคลหรือมีมตใิ ด ๆ ขัดแย้งกบั มาตรฐานทวั่ ไป ใหค้ ณะกรรมการกลางขา้ ราชการองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดแจ้งให้คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งน้ันดาเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ถ้า คณะกรรมการขา้ ราชการองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดไม่ดาเนนิ การแก้ไขภายในเวลาอนั สมควรหรอื การดาเนินการของ คณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการกลาง ข้าราชการองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดมอี านาจสั่งระงับการใชห้ ลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลหรือเพิกถอนมติน้นั ได้ มาตรา 20 ให้คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด จัดทาบัญชีอัตรา เงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่น ของข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดในแต่ละระดับให้เป็นมาตรฐาน เดียวกัน ควรจำ มาตรา 21 ค่าตอบแทนคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดและ คณะอนกุ รรมการ ให้เปน็ ไปตามท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎีกา มาตรา 22 ให้นาบทบัญญัติในหมวดนี้มาใช้บังคับกับการบริหารงานบุคคลสาหรับลูกจ้าง ขององคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดด้วยโดยอนุโลม ท้ังน้ี โดยให้กาหนดมาตรฐานท่ัวไปหลักเกณฑ์หรือวิธีปฏิบัติให้ เหมาะสมกบั ลักษณะการปฏิบตั ิงานของลูกจา้ งในองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด หมวด 2 การบริหารงานบุคคลในเทศบาล ………………………………….. มาตรา 23 เทศบาลที่อยู่ในเขตจังหวัดหนง่ึ ใหม้ คี ณะกรรมการพนักงานเทศบาลร่วมกัน คณะหนึ่งทาหนา้ ที่บรหิ ารงานบุคคลสาหรับเทศบาลทุกแห่ง ทอี่ ยู่ในเขตจังหวดั น้ัน ประกอบดว้ ย **สงวนลขิ สิทธติ์ ามกฎหมาย** ห้องติวสอบขา้ ราชการท้องถน่ิ เพ่ือคนทอ้ งถ่ิน

-7- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ (1) ผู้ว่าราชการจงั หวัดเป็นประธาน (2) หัวหน้าส่วนราชการประจาจังหวัดจานวนห้าคนจากส่วนราชการในจังหวัดนั้นซึ่งผู้ว่า ราชการจังหวัดประกาศกาหนดว่าเป็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ท้ังน้ี ในกรณีจาเป็นเพื่อประโยชน์ในการ บรหิ ารงานบุคคล ผ้วู า่ ราชการจงั หวัดจะประกาศเปล่ียนแปลงการกาหนดสว่ นราชการท่เี กีย่ วข้องเมื่อใดก็ได้ (3) ผแู้ ทนเทศบาลจานวนหกคน ดังนี้ (ก) ประธานสภาเทศบาล ซึ่งประธานสภาเทศบาลในเขตจังหวัดนั้นคัดเลือกกันเอง จานวนสองคน (ข) นายกเทศมนตรี ซ่ึงนายกเทศมนตรีในเขตจงั หวัดน้ันคัดเลอื กกนั เองจานวนสองคน (ค) ผแู้ ทนพนักงานเทศบาล ซึ่งปลัดเทศบาลในเขตจังหวดั น้ันคัดเลือกกันเองจานวนสองคน (4) ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนหกคน ซ่ึงคัดเลือกจากบุคคลซ่ึงมีความรู้ความเช่ียวชาญในด้านการ บริหารงานทอ้ งถิ่น ด้านการบริหารงานบุคคล ดา้ นระบบราชการ ด้านการบริหาร และการจัดการหรือด้านอ่ืนท่ี จะเปน็ ประโยชน์แกก่ ารบริหารงานบุคคลของเทศบาล ในการคัดเลือกประธานสภาเทศบาล นายกเทศมนตรี และผู้แทนพนักงานเทศบาลให้ผู้ว่า ราชการจังหวัดมีหน้าท่ีดาเนินการจัด ให้มีการคัดเลือก ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขท่ีคณะกรรมการกลาง พนักงานเทศบาลกาหนด การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (4) ให้กรรมการตาม (1) และ (2) เสนอรายช่ือ บุคคลจานวนเก้าคน และกรรมการตาม (3) เสนอรายชื่อบุคคลจานวนเก้าคนและให้บุคคลทั้งสิบแปดคน ดังกล่าวประชุมเพื่อคัดเลือกกันเองให้เหลือหกคน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขท่ีคณะกรรมการกลางพนักงาน เทศบาลกาหนด ใหผ้ ้วู ่าราชการจงั หวดั แต่งตั้งขา้ ราชการหรอื พนักงานเทศบาลคนหนึ่งในจังหวดั เป็นเลขานุการ คณะกรรมการพนักงานเทศบาล กรรมการซึง่ เปน็ ผูแ้ ทนพนกั งานเทศบาลและกรรมการผทู้ รงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตาแหน่งคราว ละสป่ี ี และอาจได้รับคดั เลือกอีกได้ และใหน้ าความในมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 มาใช้บังคับ โดยอนุโลม ใหน้ าความในมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 14 และมาตรา 15 มา ใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ ของคณะกรรมการพนักงานเทศบาลด้วยโดยอนุโลม ท้ังนี้ โดยให้การใช้อานาจ หน้าที่ตามบทบัญญัติดังกล่าวเป็นอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล คณะกรรมการพนักงาน เทศบาล หรือนายกเทศมนตรี แล้วแตก่ รณี มาตรา 24 เพ่ือให้การปฏิบัติงานเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาลแต่ละแห่ง เป็นไปโดยมีมาตรฐานทส่ี อดคล้องกัน ให้มีคณะกรรมการกลางพนกั งานเทศบาลคณะหน่งึ ประกอบด้วย (1) รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย หรอื รฐั มนตรีช่วยวา่ การกระทรวงมหาดไทยซงึ่ ได้รับ มอบหมาย เปน็ ประธาน (2) ปลดั กระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนผู้อานวยการสานัก งบประมาณ อธิบดกี รมบญั ชีกลาง และอธิบดีกรมการปกครอง (3) ผู้แทนเทศบาลจานวนหกคน ซ่ึงคัดเลือกจากนายกเทศมนตรีจานวนสามคนและปลัดเทศบาล จานวนสามคน **สงวนลขิ สิทธ์ติ ามกฎหมาย** ห้องติวสอบข้าราชการท้องถิน่ เพือ่ คนท้องถิน่

-8- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ (4) ผทู้ รงคุณวฒุ ิจานวนหกคน ซ่งึ คัดเลือกจากบุคคลซ่ึงมีความรู้ความเชย่ี วชาญในด้านการ บริหารงานท้องถิ่น ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารและการจัดการ หรือด้านอ่ืนท่ีจะเป็นประโยชน์ แกก่ ารบรหิ ารงานบคุ คลของเทศบาล การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (4) ให้กรรมการตาม (1) และ (2) เสนอรายชื่อ บุคคลจานวนเก้าคน และกรรมการตาม (3) เสนอรายช่ือบุคคลจานวนเก้าคนและให้บุคคลทั้งสิบแปดคน ดังกล่าว ประชมุ เพื่อคดั เลือกกันเองใหเ้ หลือหกคน วิธีการคัดเลือกผู้แทนเทศบาลและผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถน่ิ กาหนด ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดาเนินการจัดให้มีการคัดเลือกนายกเทศมนตรีหรือ ปลดั เทศบาล แลว้ แตก่ รณี เป็นผู้แทนเทศบาล ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แต่งตั้งข้าราชการในกรมการปกครองคนหนึ่งซึ่ง ดารงตาแหนง่ ไมต่ า่ กวา่ รองอธบิ ดเี ป็นเลขานุการคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล กรรมการผู้แทนเทศบาลซ่ึงคัดเลือกจากปลัดเทศบาลและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการ ดารงตาแหน่งคราวละส่ีปี และอาจได้รับคัดเลือกอีกได้ และให้นาความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง มาตรา 7 และ มาตรา 9 มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม ให้นาความในมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 17 มาตรา 18 มาตรา 19 มาตรา 20 มาตรา 21 และมาตรา 22 มาใช้บังคับกบั การปฏิบัตหิ น้าท่ี ของคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลด้วยโดย อนุโลม ท้ังน้ี โดยให้การใช้อานาจหน้าท่ีตามบทบัญญัติดังกล่าว เป็นอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการกลาง พนักงานเทศบาล หรอื คณะกรรมการพนักงานเทศบาล แล้วแตก่ รณี หมวด 3 การบริหารงานบุคคลในองคก์ ารบริหารส่วนตาบล ………………………………………… ออกบ่อย มาตรา 25 องค์การบริหารส่วนตาบลที่อยู่ในเขตจังหวัดหน่ึง ให้มีคณะกรรมการพนักงาน ส่วนตาบลร่วมกันคณะหน่ึง ทาหน้าท่ีบริหารงานบุคคล สาหรับองค์การบริหารส่วนตาบลทุกแห่งที่อยู่ในเขต จงั หวัดนน้ั ประกอบดว้ ย (1) ผ้วู ่าราชการจังหวัด หรอื รองผูว้ า่ ราชการจงั หวัดซ่งึ ไดร้ บั มอบหมายเป็นประธาน (2) นายอาเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจาจังหวัดนั้น จานวนแปดคนซ่ึงผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศกาหนดวา่ เปน็ ส่วนราชการท่ีเก่ียวข้อง ท้ังนี้ ในกรณีจาเป็นเพื่อประโยชน์ในการบริหารงานบุคคล ผู้ว่า ราชการจงั หวดั จะประกาศเปลี่ยนแปลงการกาหนดสว่ นราชการทีเ่ กย่ี วข้องเมอื่ ใดก็ได้ (3) ผ้แู ทนองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลจานวนเกา้ คน ดังน้ี (ก) ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตาบล ซ่ึงประธานสภาองค์การบริหารส่วนตาบลใน เขตจังหวดั นั้นคดั เลือกกนั เองจานวนสามคน (ข) ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตาบล ซ่ึงประธานกรรมการบริหาร องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลในเขตจงั หวัดนนั้ คดั เลือกกนั เองจานวนสามคน **สงวนลิขสิทธต์ิ ามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถนิ่ เพือ่ คนทอ้ งถิน่

-9- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ (ค) ผู้แทนพนักงานส่วนตาบลซึ่งปลัดองค์การบริหารส่วนตาบลในจังหวัดนั้นคัดเลือก กันเองจานวนสามคน (4) ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนเก้าคน ซึ่งคัดเลือกจากบุคคลซ่ึงมีความรู้ความเช่ียวชาญในด้านการ บริหารงานท้องถนิ่ ดา้ นการบริหารงานบคุ คล ด้านระบบราชการ ด้านการบริหารและการจัดการหรือด้านอ่ืนท่ี จะเป็นประโยชน์แก่การบริหารงานบุคคลขององค์การบรหิ ารส่วนตาบล การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (4) ให้กรรมการตาม (1) และ (2) เสนอรายช่ือ บคุ คลจานวนสิบหา้ คน และกรรมการตาม (3) เสนอรายชื่อบุคคลจานวนสิบห้าคน และให้บุคคลท้ังสามสิบคน ดังกลา่ วประชุมเพอ่ื คดั เลอื กกนั เองให้เหลือเก้าคน วิธีการคัดเลือกผู้แทนองค์การบริหารส่วนตาบลและผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงือ่ นไขที่คณะกรรมการกลางพนักงานสว่ นตาบลกาหนด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีหน้าท่ีจัดให้มีการคัดเลือกประธานสภาองค์การบริหารส่วนตาบล ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตาบลหรือปลัดองค์การบริหารส่วนตาบลแล้วแต่กรณี เป็นผู้แทน องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งข้าราชการหรือพนักงานส่วนตาบลคนหนึ่งในจังหวัดเป็น เลขานกุ ารคณะกรรมการพนกั งานสว่ นตาบล กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนพนักงานส่วนตาบล และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีวาระการดารง ตาแหน่งคราวละสี่ปี และอาจได้รับคัดเลือกอีกได้ และให้นาความในมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 และ มาตรา 9 มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม ใหน้ าความในมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 14 และมาตรา 15 มา ใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าท่ีของคณะกรรมการพนักงานส่วนตาบลด้วยโดยอนุโลม ท้ังน้ี โดยให้การใช้อานาจ หน้าท่ตี ามบทบญั ญตั ิดังกล่าวเปน็ อานาจหนา้ ที่ของคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตาบล คณะกรรมการพนักงาน สว่ นตาบล หรอื ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารสว่ นตาบล แลว้ แตก่ รณี มาตรา 26 เพื่อให้การปฏิบัติหน้าท่ีเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลขององค์การบริหารส่วน ตาบลแต่ละแห่งเป็นไปโดยมีมาตรฐานที่สอดคล้องกัน ให้มีคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตาบลคณะหน่ึง ประกอบดว้ ย (1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งได้รับ มอบหมาย เปน็ ประธาน (2) ปลดั กระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนผู้อานวยการสานัก งบประมาณ อธบิ ดีกรมบญั ชกี ลาง และอธิบดกี รมการปกครอง (3) ผู้แทนองค์การบริหารส่วนตาบลจานวนหกคน ซ่ึงคัดเลือกจากประธานกรรมการบริหาร องคก์ ารบริหารสว่ นตาบลจานวนสามคน และปลัดองค์การบริหารส่วนตาบลจานวนสามคน (4) ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนหกคน ซึ่งคัดเลือกจากบุคคลซึ่งมีความรู้ความเช่ียวชาญในด้านการ บริหารงานท้องถน่ิ ดา้ นการบริหารงานบุคคล ด้านระบบราชการ ด้านการบริหารและการจัดการหรือด้านอ่ืนที่ จะเปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารบรหิ ารงานบคุ คลขององค์การบรหิ ารสว่ นตาบล การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (4) ให้กรรมการตาม (1) และ (2) เสนอรายชื่อ บุคคลจานวนเก้าคน และกรรมการตาม (3) เสนอรายช่ือบุคคลจานวนเก้าคน และให้บุคคลท้ังสิบแปดคน ดังกลา่ วประชุมเพอ่ื คดั เลอื กกันเองให้เหลือหกคน **สงวนลขิ สิทธ์ิตามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบขา้ ราชการท้องถนิ่ เพ่อื คนท้องถิ่น

-10- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ วิธีการคัดเลือกผู้แทนองค์การบริหารส่วนตาบลและผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นท้องถิน่ กาหนด ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีหน้าท่ีดาเนินการจัดให้มีการคัดเลือกประธานกรรมการบริหาร องค์การบริหารส่วนตาบลหรอื ปลดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล แล้วแต่กรณี เป็นผแู้ ทนองค์การบริหารส่วนตาบล ให้อธิบดกี รมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถ่นิ แต่งตง้ั ขา้ ราชการในกรมการปกครองคนหนึ่งซ่ึงดารง ตาแหนง่ ไมต่ า่ กว่ารองอธิบดีเปน็ เลขานกุ ารคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตาบล กรรมการผู้แทนองค์การบริหารส่วนตาบลซ่ึงคัดเลือกจากปลัดองค์การบริหารส่วนตาบลและ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดารงตาแหน่งคราวละส่ีปี และอาจได้รับคัดเลือกอีกได้ และให้นาความใน มาตรา 6 วรรคหนึง่ มาตรา 7 และมาตรา 9 มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม ให้นาความในมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 17 มาตรา 18 มาตรา 19 มาตรา 20 มาตรา 21 และมาตรา 22 มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าท่ี ของคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตาบลด้วย โดยอนุโลม ท้ังน้ี โดยให้การใช้อานาจหน้าที่ตามบทบัญญัติดังกล่าว เป็นอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลาง พนกั งานส่วนตาบล หรือคณะกรรมการพนกั งานส่วนตาบลแลว้ แตก่ รณี หมวด 4 การบริหารงานบคุ คลในกรงุ เทพมหานคร …………………………………… มาตรา 27 การบริหารงานบุคคลของกรุงเทพมหานคร ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการกรงุ เทพมหานคร หมวด 5 การบริหารงานบุคคลในเมอื งพัทยา ……………………… ออกบ่อย มาตรา 28 เมืองพัทยาให้มีคณะกรรมการพนักงานเมืองพัทยาคณะหน่ึง ทาหน้าที่กาหนด หลกั เกณฑแ์ ละดาเนินการเกยี่ วกับการบรหิ ารงานบคุ คลของพนักงานเมืองพทั ยา ประกอบดว้ ย (1) ผูว้ า่ ราชการจังหวดั ชลบุรเี ป็นประธาน (2) นายอาเภอหรือหวั หน้าส่วนราชการในจังหวดั ชลบรุ ีจานวนสามคน ซง่ึ ผวู้ ่าราชการจังหวัด ชลบุรีประกาศกาหนดว่าเป็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ท้ังน้ี ในกรณีจาเป็นเพ่ือประโยชน์ในการบริหารงานบุคคล ผู้ว่า ราชการจงั หวัดชลบุรีจะประกาศเปลี่ยนแปลงการกาหนดส่วนราชการทีเ่ ก่ียวข้องเมื่อใดก็ได้ (3) ผู้แทนเมอื งพัทยาจานวนสี่คน ประกอบด้วย นายกเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา ซ่ึง สภาเมืองพัทยาคัดเลือกจานวนหนึ่งคน ปลัดเมืองพัทยา และผู้แทนพนักงานเมืองพัทยาซ่ึงคัดเลือกกันเอง จานวนหนง่ึ คน (4) ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนส่ีคน ซ่ึงคัดเลือกจากบุคคลซ่ึงมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการ บริหารงานทอ้ งถิน่ ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านระบบราชการ ด้านการบริหารและการจัดการหรือด้านอ่ืนที่ จะเป็นประโยชนแ์ ก่การบรหิ ารงานบุคคลของเมืองพทั ยา **สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบขา้ ราชการท้องถิน่ เพื่อคนทอ้ งถน่ิ

-11- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดิษฐ์ การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (4) ให้กรรมการตาม (1) และ (2) เสนอรายช่ือ บุคคลจานวนหกคน และกรรมการตาม (3) เสนอรายช่ือบุคคลจานวนหกคน และให้บุคคลทั้งสิบสองคน ดงั กล่าวประชุมเพื่อคัดเลือกกันเองให้เหลือส่คี น วิธีการคัดเลือกผู้แทนพนักงานเมืองพัทยาและผู้ทรงคุณวุฒิ ให้นาหลักเกณฑ์และเง่ือนไขที่ คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลกาหนด มาใช้บังคับโดยอนโุ ลม ให้ผ้วู ่าราชการจังหวัดชลบุรี มีหน้าท่ีดาเนินการจัดให้มีการคัดเลือกพนักงานเมืองพัทยา เป็น ผู้แทนพนกั งานเมอื งพัทยา ให้ปลดั เมอื งพทั ยาเป็นเลขานุการคณะกรรมการพนกั งานเมืองพัทยา กรรมการซ่ึงเป็นผู้แทนพนักงานเมืองพัทยาและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดารง ตาแหน่งคราวละส่ีปี และอาจได้รับคัดเลือกอีกได้ และให้นาความในมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 และ มาตรา 9 มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม ให้นาความในมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 14 มาตรา 15 มาตรา 20 และมาตรา 22 มาใช้บังคับ กับการปฏิบัติหน้าท่ีของคณะกรรมการพนักงานเมืองพัทยาด้วยโดย อนุโลม ทั้งนี้ โดยให้การใช้อานาจหน้าที่ตามบทบัญญัติดังกล่าว เป็นอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการพนักงาน เมืองพัทยา หรอื นายกเมอื งพทั ยา แลว้ แต่กรณี การกาหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับการบริหารงานบุคคลของคณะกรรมการพนักงานเมืองพัทยา ให้มีอานาจกาหนด ให้สอดคล้องกับความต้องการและความเหมาะสมของเมืองพัทยาแต่จะต้องอยู่ภายใต้ มาตรฐานทั่วไปเกีย่ วกับการบรหิ ารงานบุคคลทคี่ ณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลกาหนด หมวด 6 การบรหิ ารงานบคุ คลในองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ อ่นื …………………………………. มาตรา 29 การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอ่ืนให้เป็นไปตามกฎหมาย ว่าดว้ ยการน้ัน หมวด 7 คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลส่วนท้องถ่ิน …………………………………….. ควรจำ มาตรา 30 เพื่อประโยชน์ในการกากับดูแลการบริหารงานบุคคลของพนักงานในองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบให้มีประสิทธิภาพเพ่ือประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถิ่นและประโยชน์ของ ประเทศเป็นส่วนรวมและสามารถรองรับการกระจายอานาจให้แก่ท้องถิ่นได้ให้มี คณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนทอ้ งถิ่น เรียกโดยยอ่ วา่ \"ก.ถ.\" ประกอบด้วย (1) บคุ คลซงึ่ ไดร้ ับการคัดเลือกตามมาตรา 31 เป็นประธาน (2) กรรมการโดยตาแหน่งจานวนหกคน ได้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อานวยการสานักงบประมาณ ปลัดกระทรวงการคลงั ปลดั กระทรวงมหาดไทย และอธิบดกี รมการปกครอง **สงวนลขิ สิทธิ์ตามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบขา้ ราชการท้องถ่ิน เพอื่ คนท้องถ่นิ

-12- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ (3) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจานวนห้าคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งต้ังจากผู้ซ่ึงมีความรู้ความ เช่ียวชาญในด้านการบริหารงานท้องถิ่น ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านระบบราชการด้านบริหารและการ จดั การหรือด้านกฎหมาย ซึ่งมผี ลงานทางวิชาการ หรือมีความรเู้ ป็นทย่ี อมรับ (4) ผู้แทนคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจานวนหนึ่งคน ผู้แทน คณะกรรมการกลางพนกั งานเทศบาลจานวนหนง่ึ คน ผแู้ ทนคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตาบลจานวนหนึ่ง คน ผแู้ ทนคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครจานวนหนึ่งคน ผู้แทนคณะกรรมการพนักงานเมืองพัทยา จานวนหน่ึงคน และในกรณีท่ีมีกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอ่ืน ให้มีผู้แทนคณะกรรมการ พนกั งานองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ อ่ืนซึ่งองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินอ่นื นั้นคดั เลือกกันเองจานวนหนึ่งคน การคดั เลือกกรรมการตาม (4) ให้คัดเลอื กจากกรรมการซึ่งเป็นผแู้ ทนองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ของคณะกรรมการนน้ั ใหห้ ัวหน้าสานกั งานคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลส่วนท้องถ่ินเป็นเลขานกุ าร คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถิ่น ให้นาความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง มาตรา 7 และมาตรา 9 มาใช้บังคับกับการดารงตาแหน่ง ของกรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิ และให้นาความในมาตรา 10 มาตรา 11 และมาตรา 21 มาใช้บังคบั กับการปฏบิ ัติ หนา้ ที่ของคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลสว่ นท้องถ่นิ ดว้ ยโดยอนโุ ลม มาตรา 31 ในการคัดเลือกประธานกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินให้ กรรมการตามมาตรา 30 (2) (3) และ (4) เสนอรายช่ือบุคคลจานวนฝุายละสามคนและให้บุคคลท้ังเก้าคน ดังกล่าวประชุมเพอ่ื คดั เลอื กกนั เอง โดยใหผ้ ้ไู ดร้ บั คะแนนสูงสุดเปน็ ผู้ไดร้ ับการคดั เลือก บุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นผู้ซ่ึงมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการ บริหารงานท้องถิ่น ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านระบบราชการ ด้านการบริหารและการจัดการหรือด้าน กฎหมาย ซ่ึงมีผลงานทางวิชาการหรือมีความรู้เป็นที่ยอมรับ และไม่ได้เป็นกรรมการของคณะกรรมการกลาง ขา้ ราชการหรือพนกั งานสว่ นทอ้ งถน่ิ หรอื กรรมการของคณะกรรมการขา้ ราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น และ ให้นาความในมาตรา 6 วรรคหนงึ่ มาใชบ้ งั คบั ด้วย ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดาเนินการจัดให้มีการคัดเลือกประธาน กรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน ตามหลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขท่ีคณะรฐั มนตรีกาหนด ในกรณีท่ีได้รายชื่อบุคคลซ่ึงได้รับการคัดเลือกแล้ว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกาศแต่งต้งั บุคคลดังกล่าว เปน็ ประธานกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถ่ิน มาตรา 32 ให้ประธานกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน มีวาระอยู่ใน ตาแหนง่ คราวละหกปนี บั แต่วนั ท่ีไดร้ บั การแต่งตั้ง และให้ดารงตาแหน่งได้เพยี งวาระเดียว นอกจากการพ้นจากตาแหนง่ ตามวาระ ประธานกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วน ท้องถิน่ พน้ จากตาแหนง่ เมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก โดยย่นื หนังสอื ลาออกต่อรฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (3) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยส่ังให้ออก โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เนอ่ื งจากมีความประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่อง หรือไม่สจุ รติ ตอ่ หนา้ ท่ี (4) ขาดคุณสมบตั ิตามมาตรา 31 วรรคสอง (5) เป็นบุคคลล้มละลาย **สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถน่ิ เพื่อคนทอ้ งถิน่

-13- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ (6) เป็นคนไรค้ วามสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ (7) ได้รับโทษจาคกุ โดยคาพิพากษาถึงท่ีสุดใหจ้ าคุก มาตรา 33 ให้คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินมีอานาจหน้าที่ ดงั ต่อไปน้ี (1) กาหนดมาตรฐานกลางและแนวทางในการรักษาระบบคุณธรรมเกี่ยวกับการบริหารงาน บุคคลโดยเฉพาะ ในเร่ืองการแต่งต้ังและการให้พ้นจากตาแหน่งของพนักงานส่วนท้องถ่ิน รวมตลอดถึงการ กาหนดโครงสร้างอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่น ให้มีสัดส่วนท่ีเหมาะสมแก่รายได้และการพัฒนา ท้องถ่ินตามอานาจหนา้ ทขี่ ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท้ังนี้ การกาหนดมาตรฐานกลางและแนวทางจะต้อง ไม่มีลักษณะเป็นการกาหนดหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลโดยเฉพาะเจาะจงที่ทาให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นไม่สามารถบริหารงานบุคคลตามความต้องการ และความเหมาะสมของแต่ละองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่นิ ได้ (2) กาหนดแนวทางการพัฒนาการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพ่ือรองรับการกระจายอานาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น (3) กาหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกตามมาตรา 16 วรรคสาม มาตรา 24 วรรค สาม และมาตรา 26 วรรคสาม (4) ส่งเสรมิ ใหม้ ีการศึกษา วเิ คราะห์ หรอื วจิ ยั เกี่ยวกบั การบริหารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถิ่น (5) ใหค้ าปรึกษา คาแนะนา และพิจารณาปญั หาเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลสว่ นท้องถนิ่ แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (6) ประสานงานกับคณะรัฐมนตรี หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน คณะกรรมการ ข้าราชการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบขา้ ราชการประเภทตา่ ง ๆ คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงาน ส่วนท้องถิ่น และคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมให้การบริหารงานบุคคลส่วน ทอ้ งถ่นิ มปี ระสิทธิภาพ (7) ปฏบิ ตั ิการอนื่ ตามท่ีกาหนดไวใ้ นพระราชบัญญตั ินหี้ รือกฎหมายอื่น การกาหนดมาตรฐานกลางตามวรรคหน่ึง (1) ให้ใช้เป็นแนวทางในการบริหารงานบุคคลของ กรุงเทพมหานคร เมอื งพทั ยา และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นอน่ื ทม่ี ีกฎหมายจดั ตง้ั ขน้ึ ตามมาตรา 29 ดว้ ย มาตรา 34 ในกรณีท่ีคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเห็นว่าการ กาหนดมาตรฐานทั่วไปของคณะกรรมการกลางข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถ่ินขัดแย้งกับมาตรฐานกลาง หรือแนวทางตามมาตรา 33 หรือมีปัญหาข้อโต้แย้งในการกาหนดหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคล ระหว่าง คณะกรรมการขา้ ราชการหรอื พนักงานส่วนท้องถ่ินกับคณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ให้ คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินแจ้ง ให้คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงาน ส่วนท้องถ่ินหรือคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ิน แล้วแต่กรณี ดาเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ตามมาตรฐานกลาง และถ้ามิได้มีการดาเนินการในเวลาอันสมควรหรือการดาเนินการของคณะกรรมการกลาง ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ิน หรือคณะกรรมการข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถ่ินจะเกิดความ เสียหายอย่างร้ายแรงต่อการบริหารเป็นส่วนรวมหรือไม่เป็นธรรมแก่ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ให้ คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นมีอานาจสั่งระงับการใช้หลักเกณฑ์การบริหารงา น บคุ คลนัน้ ได้ **สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบขา้ ราชการท้องถิน่ เพ่ือคนทอ้ งถิ่น

-14- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ มาตรา 35 ในการจ่ายเงินเดือน ประโยชน์ตอบแทนอ่ืน และเงินค่าจ้างของข้าราชการ หรือ พนกั งานส่วนทอ้ งถิ่น และลูกจ้าง ท่ีนามาจากเงินรายได้ที่ไม่รวมเงินอุดหนุนและเงินกู้หรือเงินอ่ืนใดน้ัน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งจะกาหนดสูงกว่าร้อยละสี่สิบของเงินงบประมาณรายจ่ายประจาปีขององค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินนน้ั ไมไ่ ด้ ออกบ่อย มาตรา 36 ใหจ้ ัดตั้งสานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินขึ้น ในสานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงมหาดไทย มหี นา้ ท่รี ับผดิ ชอบงานในราชการของคณะกรรมการมาตรฐาน การบริหารงานบุคคลสว่ นท้องถนิ่ และมีอานาจหน้าทีด่ ังต่อไปน้ี (1) รับผิดชอบในงานธุรการของคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน (2) ศึกษา วเิ คราะห์ และรวบรวมข้อมลู ต่าง ๆ เกีย่ วกบั งานของคณะกรรมการมาตรฐานการ บรหิ ารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่นิ (3) ประสานงาน ตดิ ตาม และประเมินผลการบรหิ ารงานบุคคลขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น (4) ช่วยเหลือ และให้คาปรึกษาและแนะนาเกีย่ วกับการบริหารงานบุคคลของสว่ นท้องถิ่น (5) จัดประชมุ สมั มนา ฝกึ อบรม รวมทัง้ การประชาสมั พนั ธ์และเผยแพร่ความรเู้ กย่ี วกับการ บรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (6) จัดทารายงานประจาปเี กยี่ วกับวตั ถุประสงค์ ผลงาน และอปุ สรรคในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีและ ในการดาเนนิ งานของคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถิ่น และสานกั งานคณะกรรมการมาตรฐาน การบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถน่ิ (7) ปฏิบัติงานอ่ืน ๆ ตามที่คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มอบหมาย บทเฉพาะกาล ............................. มาตรา 37 ผู้ใดเป็นข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานเทศบาลพนักงานส่วน ตาบล หรือพนักงานเมืองพัทยา อยู่ก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้ผู้นั้นเป็นข้าราชการหรือพนักงาน สว่ นท้องถ่นิ ตามพระราชบัญญัตนิ ต้ี อ่ ไป โดยได้รบั เงินเดอื นหรอื คา่ จา้ ง และสิทธิและประโยชนเ์ ช่นเดิม มาตรา 38 ผู้ใดเป็นลูกจ้างประจาขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลองค์การบริหาร ส่วนตาบล หรือเมืองพัทยา อยู่ก่อนวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ผู้น้ันเป็นลูกจ้างตามพระราชบัญญัตินี้ ตอ่ ไป โดยไดร้ บั ค่าจา้ ง และสิทธิและประโยชน์เชน่ เดมิ มาตรา 39 ให้ดาเนินการจัดให้มีคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น และคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วน ท้องถ่ิน และสานักงานคณะกรรมการมาตรฐานงานบคุ คลสว่ นท้องถน่ิ ตามพระราชบัญญัตินีภ้ ายในหน่ึงปนี ับแต่ วนั ท่ีพระราชบัญญัติน้ีใชบ้ งั คับ **สงวนลขิ สิทธ์ิตามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบขา้ ราชการท้องถิ่น เพื่อคนท้องถนิ่

-15- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ ในระหว่างท่ียังไม่มีคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ินตามพระราชบัญญัติ น้ี ให้การบริหารงานบุคคล ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นเป็นไปตามท่ีกาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการ จัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินน้ันจนกว่าจะมีคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ินตาม พระราชบญั ญัตนิ ้ี ในระหว่างที่ยังไม่มีการกาหนดมาตรฐานกลาง มาตรฐานทั่วไป หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติ เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติน้ี ให้พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคาสั่งที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานเทศบาล พนักงานส่วนตาบล และพนักงานเมืองพัทยา ท่ีใช้บังคับอยู่ใน วันทพี่ ระราชบัญญตั นิ ี้ใชบ้ ังคบั ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าท่ไี ม่ขัดหรือแย้งกบั พระราชบัญญัติน้ี มาตรา 40 ในวาระเร่ิมแรกก่อนที่จะมีกรรมการตามมาตรา 30 (4) ให้คณะกรรมการ มาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนทอ้ งถ่นิ ประกอบด้วยกรรมการตามมาตรา 30(2) และ (3) เพอ่ื ทาหน้าที่ เท่าท่จี าเป็น ใหก้ รรมการตามวรรคหนึง่ ดาเนินการกาหนดหลักเกณฑ์และเงือ่ นไขการคดั เลอื กกรรมการ ตามมาตรา 33 (3) ภายในกาหนดเวลาไม่เกินเก้าสิบวัน นับแต่วันท่ีคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการตาม มาตรา 30 (3) ให้กรรมการตามวรรคหน่งึ เลือกกรรมการผ้หู น่งึ เปน็ ประธานกรรมการ เพื่อทาหน้าที่ไปพลาง ก่อนจนกวา่ จะมีกรรมการตามมาตรา 30 (4) มาตรา 41 บรรดากิจการท่ีกาหนดเป็นอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการข้าราชการหรือ พนักงานส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติน้ี ถ้าได้มีการดาเนินการไปแล้วหรือกาลังดาเนินการอยู่ก่อนวันท่ี พระราชบัญญตั ินใ้ี ชบ้ งั คับ ถ้าการนั้นได้กระทาโดยชอบดว้ ยกฎหมายท่ีใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้ บังคบั ให้ถือว่าการนน้ั ไดด้ าเนินการไปแล้วหรอื กาลงั ดาเนนิ การอยู่ตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 42 องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นใดที่จ่ายเงินเดือน ประโยชน์ตอบแทนอ่ืนและค่าจ้าง ของขา้ ราชการหรอื พนักงานส่วนทอ้ งถ่ิน และลูกจ้าง ไมเ่ ป็นไปตามท่ีกาหนด ในมาตรา 35 ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ ใชบ้ งั คับ ตอ้ งดาเนนิ การให้เป็นไปตามมาตรา 35 ภายในหา้ ปนี บั แตว่ ันทีพ่ ระราชบัญญัตนิ ี้ใช้บงั คบั มาตรา 43 ในระหว่างท่ียังมิได้จัดต้ังสานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงาน บุคคลสว่ นท้องถิ่น ให้กรมการปกครองรบั ผิดชอบปฏิบัติหนา้ ทเ่ี ทา่ ทจี่ าเป็นไปพลางก่อน ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภยั นายกรัฐมนตรี **สงวนลขิ สิทธิต์ ามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบขา้ ราชการท้องถ่นิ เพ่อื คนท้องถนิ่

-16- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ แนวข้อข้อสอบ พระราชบัญญัตริ ะเบียบบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถนิ่ 2542 1. พระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารงานบุคคลใช้บังคบั วันทเ่ี ทา่ ใดนบั แต่วนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก. 30 กนั ยายน 2542 ข. 30 ตลุ าคม 2542 ค. 30 พฤศจิกายน 2542 ง. 30 ธนั วาคม 2542 เฉลย ค. 30 พฤศจกิ ายน 2542 2. บคุ คลใดเปน็ ประธานคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวดั ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ข. นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ค. อธิบดกี รมสง่ เสริมการปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ง. ผ้วู ่าราชการจงั หวดั เฉลย ง. ผู้ว่าราชการจังหวดั 3. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ านาจหน้าทขี่ องคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ก. กาหนดมาตรฐานตาแหนง่ ทั่วไป ข. กาหนดจานวนและอัตราตาแหน่ง ค. กาหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือก ง. กาหนดคณุ สมบัติและลกั ษณะต้องห้าม เฉลย ก. กาหนดมาตรฐานตาแหน่งทว่ั ไป 4. ใครไมใ่ ชผ่ แู้ ทนคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด ก. ปลัดจังหวัด ข. นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ค. ผวู้ ่าราชการจงั หวัด ง. สมาชิกสภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัด เฉลย ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด 5. การคัดเลือกผู้ทรงคุณวฒุ ิให้ผแู้ ทนคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวัดเสนอรายชื่อจานวนก่ีคน ก. 3 คน ข. 4 คน ค. 5 คน ง. 6 คน เฉลย ง. 6 คน 6. ข้อใดถูกต้องเกีย่ วกบั ความร้คู วามเชียวชาญของผู้ทรงคุณวฒุ ิในคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ก. ด้านการบรหิ ารงานท้องถิน่ ข. ด้านการบรหิ ารงานบุคคล ค. ดา้ นการระบบราชการ ง. ถูกทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถกู ทกุ ข้อ **สงวนลขิ สิทธิ์ตามกฎหมาย** ห้องติวสอบข้าราชการท้องถน่ิ เพอ่ื คนท้องถ่ิน

-17- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ 7. ผ้ทู รงคุณวฒุ ใิ นคณะกรรมการขา้ ราชการองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั มวี าระในการดารงตาแหนง่ กีป่ ี ก. 4 ปี และอาจไดร้ บั คบั เลอื กอีก ข. 2 ปวี าระเดยี ว ค. 4 ปี 2 วาระ4 ปี ง. 3 ปี ไม่เกิน 2 วาระ เฉลย ก. 4 ปี และอาจได้รับคับเลือกอีก 8. ผทู้ ีม่ ีหน้าทีด่ าเนนิ การให้มีการคัดเลือกผ้แู ทนคณะกรรมการข้าราชการองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั คอื ใคร ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ข. นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ง. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย เฉลย ก. ผวู้ ่าราชการจังหวัด 9. ใครเปน็ เลขานุการคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวัด ก. ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ข. ปลัดองค์การบริหารส่วนจงั หวัด ค.ปลัดจังหวัด ง. บุคคลที่อธิบดแี ต่งตั้ง เฉลย ง. บคุ คลที่อธบิ ดีแต่งตงั้ 10. ใครเป็นประธานคณะกรรมการกลางขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวัด ก. ผู้วา่ ราชการจังหวดั ข. ปลัดจงั หวัด ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ง. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย เฉลย ง. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 11. บุคคลใดเปน็ คณะกรรมการกลางข้าราชการองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ก. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ข. เลขาธิการ ก.พ. ค. อธิบดีกรมบญั ชีกลาง ง. ถกู ทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถูกทกุ ข้อ 12. ใครเปน็ เลขานุการคณะกรรมการกลางขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ก. ผูว้ ่าราชการจงั หวดั ข. บุคคลทอี่ ธบิ ดีกรมส่งเสรมิ การปกครองแต่งตั้ง ค. ปลัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ง. ปลดั จงั หวดั เฉลย ข. บุคคลทีอ่ ธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองแต่งต้ัง **สงวนลขิ สิทธ์ติ ามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถิ่น เพ่ือคนทอ้ งถ่นิ

-18- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ 13. ผทู้ รงคุณวฒุ ใิ นคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั มวี าระในการดารงตาแหน่งกป่ี ี ก. 4 ปี และอาจได้รับคับเลือกอีก ข. 2 ปวี าระเดยี ว ค. 4 ปี 2 วาระ4 ปี ง. 3 ปี ไมเ่ กิน 2 วาระ เฉลย ก. 4 ปี และอาจได้รบั คับเลอื กอีก 14. บคุ คลใดเป็นประธานคณะกรรมการพนักงานเทศบาลตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารงานท้องถิ่น 2542 ก. ผูว้ ่าราชการจงั หวดั ข. นายกเทศมนตรี ข. นายอาเภอ ง. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย เฉลย ก. ผ้วู า่ ราชการจงั หวัด 15. บคุ คลใดไม่ไดเ้ ปน็ ผู้แทนคณะกรรมการพนักงานเทศบาล ก. ประธานสภาเทศบาล ข. นายกเทศมนตรี ค. ผ้แู ทนพนักงานเทศบาล ง. รองนายกเทศมนตรี เฉลย ง. รองนายกเทศมนตรี 16. คณะกรรมการพนักงานเทศบาลมีทั้งหมดก่ีคนตามพระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารงานทอ้ งถิน่ 2542 ก. 12 คน ข. 18 คน ค. 27 คน ง. 36 คน เฉลย ข. 18 คน 17. ใครเป็นเลขานุการคณะกรรมการพนกั งานเทศบาล ก. ผ้วู ่าราชการจงั หวัด ข. บคุ คลท่ผี ู้ว่าราชการจังหวดั แตง่ ตั้ง ค.ปลัดจังหวดั ง. บุคคลที่อธบิ ดีกรมส่งเสรมิ การปกครองแต่งต้งั เฉลย ข. บุคคลทผ่ี ้วู ่าราชการจงั หวัดแตง่ ตัง้ 18. ผูท้ รงคุณวุฒใิ นคณะกรรมการพนักงานเทศบาลมีวาระในการดารงตาแหน่งกปี่ ี ก. 4 ปี และอาจได้รบั คบั เลอื กอีก ข. 2 ปีวาระเดยี ว ค. 4 ปี 2 วาระ4 ปี ง. 3 ปี ไมเ่ กิน 2 วาระ เฉลย ก. 4 ปี และอาจไดร้ บั คับเลอื กอีก **สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบขา้ ราชการท้องถ่นิ เพ่ือคนทอ้ งถิ่น

-19- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ 19. บคุ คลใดไมไ่ ดเ้ ปน็ คณะกรรมการกลางพนกั งานเทศบาลตามพระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ ารงานทอ้ งถ่นิ 2542 ก. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ข. อธิบดีกรมสง่ เสรมิ การปกครองท้องถน่ิ ค. เลขาธกิ าร ก.พ. ง. ผู้อานวยการสานกั งบประมาณ เฉลย ข. อธิบดีกรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถิน่ 20. ผทู้ ่มี ีหน้าท่จี ดั ให้มกี ารคัดเลอื กผแู้ ทนคณะกรรมการกลางพนกั งานเทศบาลคอื ใคร ก. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ข. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ค. เลขาธกิ าร ก.พ. ง. อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถน่ิ เฉลย ก. ปลัดกระทรวงมหาดไทย 21. คณะกรรมการพนักงานสว่ นตาบลมที ้งั หมดก่ีคนตามพระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ ารงานทอ้ งถิน่ 2542 ก. 12 คน ข. 18 คน ค. 27 คน ง. 36 คน เฉลย ค. 27 คน 22. ใครเปน็ ประธานคณะกรรมการพนักงานส่วนตาบลตามพระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารงานท้องถิ่น 2542 ก. ผูว้ ่าราชการจังหวัด ข. ผวู้ ่าราชการจงั หวดั หรอื รองผวู้ ่าราชการท่ไี ด้รบั มอบหมาย ค. ปลัดจังหวดั ง. นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล เฉลย ข. ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดหรือรองผู้ว่าราชการที่ไดร้ บั มอบหมาย 23. ผทู้ ี่จดั ให้มกี ารคัดเลอื กผู้แทนคณะกรรมการพนกั งานส่วนตาบลคอื ใครตามพระราชบญั ญตั ิระเบียบ บริหารงานทอ้ งถน่ิ 2542 ก. นายอาเภอ ข. ปลดั จังหวดั ค. ผูว้ า่ ราชการจงั หวดั ง. นายกองค์การบรหิ าร. เฉลย ค. ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั 24. ใครเป็นเลขานุการคณะกรรมการพนักงานส่วนตาบลตามพระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ ารงานทอ้ งถน่ิ 2542 ก. ปลัดองค์การบรหิ ารส่วนตาบล ข. บคุ คลท่ีผวู้ ่าราชการจังหวดั แตง่ ต้ัง ค. ปลดั จงั หวัด ง. บคุ คลท่อี ธิบดีกรมสง่ เสรมิ การปกครองแต่งตงั้ เฉลย ข. บคุ คลท่ีผู้วา่ ราชการจังหวดั แตง่ ต้ัง **สงวนลิขสิทธิต์ ามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถิน่ เพือ่ คนทอ้ งถ่ิน

-20- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ 25. คณะกรรมการกลางพนักงานสว่ นตาบลมีทั้งหมดกี่คนตามพระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารงานทอ้ งถิน่ 2542 ก. 12 คน ข. 18 คน ค. 27 คน ง. 36 คน เฉลย ค. 27 คน 26. ขอ้ ใดถกู ต้องเก่ยี วกับความรคู้ วามเชยี วชาญของผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตาบล ก. ด้านการบรหิ ารงานบุคคล ข. ด้านการระบบราชการ ค. ด้านการบริหารและการจดั การ ง. ถูกทกุ ข้อ เฉลย ง. ถกู ทุกขอ้ 27. ผทู้ ่มี ีหน้าท่ีจดั ให้มกี ารคัดเลือกผู้แทนคณะกรรมการกลางพนักงานสว่ นตาบลคอื ใคร ก. นายกองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล ข. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ค. ปลดั กระทรวงมหาดไทย. ง. อธบิ ดีกรมสง่ เสริมการปกครองท้องถนิ่ เฉลย ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย 28. คณะกรรมการพนักงานเมืองพทั ยามที ั้งหมดกี่คนตามพระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารงานท้องถ่นิ 2542 ก. 12 คน ข. 18 คน ค. 27 คน ง. 36 คน เฉลย ก. 12 คน 29. ใครเป็นประธานคณะกรรมการพนักงานเมอื งพัทยาตามพระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบริหารงานทอ้ งถิน่ 2542 ก. ผูว้ า่ ราชการจังหวดั ข. ผูว้ ่าราชการจงั หวัดชลบรุ ี ค. รองผ้วู ่าราชการจงั หวัด ง. รองผ้วู า่ ราชการจงั หวัดชลบรุ ี เฉลย ข. ผูว้ า่ ราชการจงั หวัดชลบุรี 30. บคุ คลใดคือผ้แู ทนคณะกรรมการพนักงานเมอื งพัทยาตามพระราชบัญญัตริ ะเบยี บบริหารงานทอ้ งถ่นิ 2542 ก. นายกเมืองพัทยา ข. สมาชิกสภาเมอื งพทั ยา ค. ผแู้ ทนพนกั งานเมืองพัทยา ง. ถูกทุกขอ้ เฉลย ง. ถูกทุกข้อ **สงวนลิขสิทธิต์ ามกฎหมาย** ห้องติวสอบข้าราชการท้องถนิ่ เพื่อคนทอ้ งถิน่

-21- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ 31. ใครเปน็ เลขานุการคณะกรรมการพนกั งานเมืองพัทยาตามพระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารงานท้องถิ่น 2542 ก. ปลดั เมืองพทั ยา ข. บุคคลทผ่ี ู้ว่าราชการจงั หวดั ชลบุรแี ตง่ ต้ัง ค.บคุ คลท่ีนายกเมืองพัทยาแต่งตัง้ ง. บุคคลที่อธบิ ดีกรมสง่ เสริมการปกครองแต่งตงั้ เฉลย ก. ปลดั เมืองพัทยา 32. การกาหนดหลักเกณฑเ์ ก่ียวกบั การบริหารงานบุคคลของคณะกรรมการพนักงานเมืองพัทยาต้องอยูภ่ ายใต้ มาตรฐานทวั่ ไปของคณะกรรมการใด ก. คณะกรรมการพนักงานสว่ นตาบล ข. คณะกรรมการกลางพนกั งานเทศบาล ค.คณะกรรมการกลางข้าราชการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด ง. คณะกรรมการขา้ ราชการกรงุ เทพมหานคร เฉลย ข. คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล 33. คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถ่ินมีชื่อย่อวา่ ตามพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บ บริหารงานทอ้ งถนิ่ 2542 ก. ค.ก.ถ. ข. กถ. ค. ก.ถ. ง. .ก.ถ. เฉลย ค. ก.ถ. 34. คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถ่ินมที ัง้ หมดกี่คน ก. 15 คน ข. 18 คน ค. 27 คน ง. 36 คน เฉลย ข. 18 คน 35. ตาแหน่งใดเป็นคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถนิ่ ก. ผอู้ านวยการสานักงบประมาณ ข. ปลัดกระทรวงการคลงั ค. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ง. ถกู ทกุ ขอ้ ง. ถกู ทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถกู ทุกข้อ **สงวนลขิ สิทธ์ติ ามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถน่ิ เพอ่ื คนท้องถ่ิน

-22- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดิษฐ์ 36. ผแู้ ทน ก.ถ. ทม่ี ากจากคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตาบลมีท้งั หมดกคี่ น ก. 4 คน ข. 3 คน ค. 2 คน ง. 1 คน เฉลย ง. 1 คน 37. ใครเปน็ เลขานุการคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถ่ิน ก. บุคคลท่ปี ระธาน ก.ถ. แต่งตงั้ ข. อธบิ ดกี รมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถ่นิ แต่งต้งั ค. หัวหน้าสานักงาน ก.ถ. ง. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง เฉลย ค. หัวหน้าสานกั งาน ก.ถ. 38. ใครเป็นผู้ท่จี ัดให้มีการคดั เลอื กประธานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่นตาม พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารงานทอ้ งถนิ่ 2542 ก. นายกรฐั มนตรี ข. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ค. ปลดั สานักนายกรฐั มนตรี ง. อธบิ ดกี รมสง่ เสรมิ การปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น เฉลย ข. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย 39. ใครเปน็ บุคคลท่ีประกาศแต่งตงั้ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถ่ินตาม พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บบริหารงานทอ้ งถ่ิน 2542 ก. นายกรฐั มนตรี ข. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ค. ปลัดสานกั นายกรัฐมนตรี ง. อธบิ ดกี รมส่งเสรมิ การปกครองสว่ นท้องถน่ิ เฉลย ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 40. ประธานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถน่ิ มีวาระในการดารงตาแหน่งคราวละกป่ี ีตาม พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารงานท้องถิ่น 2542 ก. 3 ปวี าระเดียว ข. 4 ปีวาระเดยี ว ค. 6 ปี วาระเดียว ง. 6 ปแี ต่ไม่เกนิ 2 วาระ เฉลย ค. 6 ปี วาระเดียว **สงวนลขิ สิทธิ์ตามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถ่ิน เพ่ือคนทอ้ งถ่นิ

-23- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ 41. ข้อใดคืออานาจหนา้ ทีข่ องคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถ่ิน ก. กาหนดมาตรฐานกลาง ข. กาหนดแนวทางการพฒั นาการบริหารบุคคลสว่ นท้องถน่ิ ค. สง่ เสริมใหม้ ีการวิเคราะห์เกีย่ วกับการบริหารงานบุคคล ง. ถกู ทกุ ข้อ เฉลย ง. ถกู ทุกข้อ 42. การจ่ายเงนิ เดือนพนักงานส่วนทอ้ งถนิ่ หา้ มมใิ ห้องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ กาหนดสูงกวา่ เท่าไร ก. ร้อยละ 15 ข. รอ้ ยละ 20 ค. ร้อยละ 25 ง. รอ้ ยละ 40 เฉลย ง. ร้อยละ 40 43. ใหจ้ ัดตัง้ สานกั งานคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นทอ้ งถิน่ ขน้ึ ในส่วนราชการใด ก. สานักนายกรฐั มนตรี ข. สานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงมหาดไทย ค. สานักงานปลดั สานักนายกฯ ง. สานกั งาน ก.พ.ร. เฉลย ข. สานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงมหาดไทย 44. ข้อใดคืออานาจหน้าท่ีของสานักงาน ก.ถ. ก. รบั ผดิ ชอบงานธุรการของ ก.ถ. ข. ประสานงาน ติดตาม และประเมินผลการบรหิ ารงานบุคคล ข. ช่วยเหลอื และใหค้ าแนะนาในการบริหารงานบุคคล ง. ถกู ทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถูกทกุ ข้อ 45. ขอ้ ใดคือเหตผุ ลที่ตราพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. 2542 ก. มีอิสระในการบริหารงานบุคคล ข. มีคณะกรรมการพนักงานส่วนทอ้ งถิน่ เป็นของตนเอง ค. เพื่อให้มกี ารกาหนดมาตรฐานในการบริหารงานบุคคล ง.ถกู ทกุ ขอ้ เฉลย ง.ถกู ทุกข้อ 46. ในระหว่างท่ยี ังไม่มีสานกั งานคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถนิ่ ใหห้ น่วยงานใดมี หนา้ ท่ีรับผดิ ชอบ ก. กรมการปกครอง ข. กรมสง่ เสริมการปกครองท้องถิน่ ค. สานักนายกรฐั มนตรี ง. สานักงานปลดั สานกั นายกรฐั มนตรี เฉลย ก. กรมการปกครอง **สงวนลขิ สิทธต์ิ ามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบข้าราชการท้องถิน่ เพอื่ คนท้องถน่ิ

-24- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดิษฐ์ 47. หวั หน้าสว่ นราชการประจาจังหวัดท่ีเปน็ คณะกรรมการข้าราชการองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดมีท้งั หมดกี่คน ก. 1 คน ข. 2 คน ค. 3 คน ง. 4 คน เฉลย ค. 3 คน 48. ผทู้ รงคุณวุฒิในคณะกรรมการพนักงานส่วนตาบลต้องมีอายุไมต่ า่ กว่าก่ีปี ก. 25 ปี ข. 30 ปี ค. 35 ปี ง. 40 ปี เฉลย ง. 40 ปี 49. เมื่อนายกองค์การบริหารสว่ นตาบลสั่งให้พนักงานสว่ นตาบลพ้นจากตาแหนง่ ต้องได้รับความเห็นชอบจากใคร ก. คณะกรรมการพนักงานสว่ นตาบล ข. คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตาบล ค. สภาองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล ง. นายอาเภอ เฉลย ก. คณะกรรมการพนักงานส่วนตาบล 50. เม่ือนายกเทศมนตรีสัง่ ให้พนกั งานเทศบาลพน้ จากตาแหน่งต้องไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากใคร ก. คณะกรรมการพนักงานเทศบาล ข. คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ค. สภาเทศบาล ง. ผูว้ ่าราชการจงั หวัด เฉลย ก. คณะกรรมการพนักงานเทศบาล 51. เม่อื นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดสั่งให้ขา้ ราชการองค์การบริหารส่วนจังหวดั พ้นจากตาแหน่งต้องได้รับ ความเห็นชอบจากใคร ก. คณะกรรมการข้าราราชองค์การบริหารส่วนจงั หวดั ข. คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด ค. สภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ง. ผู้วา่ ราชการจังหวัด เฉลย ก. คณะกรรมการขา้ ราราชองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด 52. ใครเป็นประธานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนทอ้ งถิน่ คนปจั จุบัน ก. นายพงศโ์ พยม วาศภูติ ข. นายปรญิ ญา นาคฉตั รีย์ ค. นายอาษา เมฆสวรรค์ ง. นายประยรู พรหมพันธุ์ เฉลย ก. นายพงศ์โพยม วาศภูติ **สงวนลขิ สิทธิ์ตามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบข้าราชการท้องถนิ่ เพื่อคนทอ้ งถ่ิน

-25- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ พระราชบญั ญัติขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ภูมิพลอดลุ ยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี 2 กันยายน พ.ศ. 2540 เป็นปีที่ 52 ในรัชกาลปัจจบุ ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยท่เี ป็นการสมควรใหม้ ีกฎหมายว่าด้วยข้อมลู ข่าวสารของราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา 1 พระราชบญั ญัตินี้เรยี กวา่ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 2(1) พระราชบัญญตั ิน้ใี ห้ใช้บงั คบั เมอ่ื พ้นกาหนดเกา้ สิบวันนบั แตว่ นั ประกาศในราชกจิ จา นุเบกษาเป็นตน้ ไป มาตรา 3 บรรดากฎหมาย กฎ ระเบยี บ และข้อบงั คับอืน่ ในส่วนท่ีบัญญตั ิไวแ้ ลว้ ในพระราชบญั ญตั ินี้ หรือซง่ึ ขดั หรือแยง้ กับบทแห่งพระราชบัญญัตินใี้ หใ้ ชพ้ ระราชบัญญตั นิ ้ีแทน ควรจำ มาตรา 4 ในพระราชบญั ญัตินี้ “ขอ้ มลู ข่าวสาร” หมายความว่า ส่ิงที่สือ่ ความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเทจ็ จรงิ ข้อมลู หรือส่งิ ใดๆ ไม่วา่ การสอื่ ความหมายนน้ั จะทาไดโ้ ดยสภาพของสง่ิ นนั้ เองหรือโดยผ่านวิธกี ารใดๆ และไมว่ า่ จะไดจ้ ดั ทาไวใ้ นรปู ของ เอกสารแฟูม รายงาน หนังสือ แผนผงั แผนท่ี ภาพวาด ภาพถา่ ย ฟิลม์ การบันทึกภาพหรอื เสียง การบันทึกโดย เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ หรอื วธิ อี ่ืนใดทที่ าใหส้ ิ่งท่บี นั ทึกไวป้ รากฏได้ “ข้อมลู ข่าวสารของราชการ” หมายความว่าข้อมลู ข่าวสารท่ีอยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของ หน่วยงานของรัฐ ไมว่ า่ จะเป็นข้อมลู ข่าวสารเกย่ี วกบั การดาเนินงานของรัฐหรือข้อมูลขา่ วสารเก่ียวกับเอกชน “หน่วยงานของรัฐ” หมายความวา่ ราชการส่วนกลาง ราชการสว่ นภมู ิภาค ราชการสว่ นท้องถิ่น รฐั วสิ าหกจิ สว่ นราชการสังกดั รฐั สภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เก่ียวกับการพจิ ารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุม การประกอบวิชาชพี หนว่ ยงานอิสระของรัฐและหนว่ ยงานอ่นื ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง “เจ้าหน้าท่ขี องรัฐ” หมายความวา่ ผ้ซู งึ่ ปฏบิ ัตงิ านใหแ้ กห่ น่วยงานของรัฐ “ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับส่ิงเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทางาน บรรดาท่ีมีชื่อของผู้น้ัน หรือมีเลขหมาย รหัสหรือส่ิงบอกลักษณะอ่ืนที่ทาให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์น้ิวมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียง ของคนหรือรูปถา่ ย และใหห้ มายความรวมถึงขอ้ มลู ขา่ วสารเก่ยี วกับสง่ิ เฉพาะตัวของผู้ที่ถงึ แก่กรรมแลว้ ดว้ ย **สงวนลขิ สิทธ์ติ ามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบข้าราชการท้องถ่นิ เพอ่ื คนทอ้ งถ่ิน

-26- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ ออกบอ่ ย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการ “คนตา่ งด้าว” หมายความวา่ บุคคลธรรมดาทไ่ี มม่ ีสญั ชาติไทยและไมม่ ีถน่ิ ที่อยู่ในประเทศไทยและนิติ บุคคลดงั ต่อไปนี้ (1) บรษิ ทั หรอื ห้างหุ้นส่วนท่มี ที นุ เกนิ กงึ่ หน่ึงเป็นของคนต่างดา้ วใบหนุ้ ชนดิ ออกให้แก่ผถู้ อื ใหถ้ ือว่าใบ หนุ้ นัน้ คนต่างดา้ วเป็นผู้ถือ (2) สมาคมที่มสี มาชิกเกินกึ่งหน่ึงเปน็ คนตา่ งด้าว (3) สมาคมหรือมูลนิธิท่มี วี ัตถุประสงคเ์ พอ่ื ประโยชนข์ องคนต่างด้าว (4) นิตบิ คุ คลตาม (1) (2) (3) หรือนติ บิ คุ คลอื่นใดทีม่ ีผจู้ ดั การหรือกรรมการเกนิ ก่งึ หน่ึงเปน็ คนต่างด้าว นติ ิบคุ คลตามวรรคหนึ่ง ถา้ เข้าไปเป็นผู้จดั การหรือกรรมการ สมาชิกหรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือวา่ ผจู้ ดั การหรือกรรมการ หรือสมาชกิ หรอื เจ้าของทนุ ดงั กล่าวเป็นคนตา่ งด้าว มาตรา 5 ให้นายกรฐั มนตรีรักษาการตามพระราชบญั ญัตินี้ และมอี านาจออกกฎกระทรวงเพ่อื ปฏบิ ัติ ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ กฎกระทรวงน้นั เมื่อประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแล้วใหใ้ ชบ้ งั คับได้ ออกบ่อย มาตรา 6 ให้จัดต้ังสานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการข้ึนในสานักงานปลัดสานัก นายกรัฐมนตรี มีหน้าท่ีปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการ และคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ และให้คาปรึกษาแก่เอกชนเกี่ยวกับการ ปฏิบัติตามพระราชบัญญตั ิน้ี หมวด 1 การเปดิ เผยขอ้ มูลข่าวสาร ควรจำ มาตรา 7 หนว่ ยงานของรฐั ตอ้ งส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปน้ีลงพิมพ์ในราชกิจจา นุเบกษา (1) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดาเนินงาน (2) สรุปอานาจหนา้ ที่ทีส่ าคัญและวิธีการดาเนนิ งาน (3) สถานทต่ี ิดต่อเพือ่ ขอรบั ข้อมลู ข่าวสารหรือคาแนะนาในการตดิ ต่อกับหนว่ ยงานของรัฐ (4) กฎ มตคิ ณะรัฐมนตรี ขอ้ บังคับ คาส่ัง หนังสือเวยี น ระเบยี บแบบแผน นโยบาย หรือการตีความ ทัง้ นี้ เฉพาะท่จี ัดใหม้ ีขึน้ โดยสภาพอย่างกฎเพื่อใหม้ ีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนทเ่ี กีย่ วข้อง (5) ขอ้ มลู ขา่ วสารอนื่ ตามท่ีคณะกรรมการกาหนด ข้อมลู ขา่ วสารใดท่ีไดม้ กี ารจดั พมิ พ์เพ่ือให้แพร่หลายตามจานวนพอสมควรแล้ว ถ้ามีการลงพิมพ์ในราช กิจจานุเบกษาโดยอา้ งองิ ถึงสงิ่ พมิ พ์นนั้ ก็ใหถ้ ือวา่ เปน็ การปฏิบตั ิตามบทบัญญัตวิ รรคหนง่ึ แลว้ ให้หน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหน่ึงไว้เผยแพร่เพื่อขายหรือจาหน่าย จ่ายแจก ณ ทีท่ าการของหนว่ ยงานของรัฐแหง่ นั้นตามทีเ่ ห็นสมควร **สงวนลิขสิทธต์ิ ามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบขา้ ราชการท้องถ่นิ เพ่ือคนทอ้ งถนิ่

-27- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ มาตรา 8 ข้อมูลข่าวสารที่ต้องลงพิมพ์ตามมาตรา 7 (4) ถ้ายังไม่ได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา จะนามาใช้บังคับในทางท่ีไม่เป็นคุณแก่ผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่ผู้น้ันจะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารน้ันตามความเป็นจริงมา กอ่ นแล้วเป็นเวลาพอสมควร ออกบ่อย มาตรา 9 ภายใต้บังคับมาตรา 14 และมาตรา 15 หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของ ราชการอย่างนอ้ ยดังต่อไปน้ไี ว้ใหป้ ระชาชนเขา้ ตรวจดูได้ท้ังน้ี ตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารที่คณะกรรมการกาหนด (1) ผลการพจิ ารณาหรือคาวินจิ ฉัยทีม่ ีผลโดยตรงต่อเอกชนรวมท้งั ความเห็นแย้งและคาส่ังทเี่ ก่ียวข้อง ในการพจิ ารณาวินจิ ฉยั ดงั กล่าว (2) นโยบายหรือการตีความท่ีไมเ่ ข้าข่ายต้องลงพมิ พใ์ นราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 7 (4) (3) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจาปีของปีที่กาลงั ดาเนินการ (4) คมู่ ือหรอื คาสงั่ เกยี่ วกับวิธีปฏิบตั ิงานของเจ้าหน้าทขี่ องรัฐซึ่งมีผลกระทบถงึ สทิ ธิหนา้ ที่ของเอกชน (5) สิ่งพิมพ์ท่ีได้มีการอ้างอิงถึงตามมาตรา 7 วรรคสอง (6) สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการ จัดทาบรกิ ารสาธารณะ (7) มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการท่ีแต่งต้ังโดยกฎหมายหรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ท้ังนี้ ให้ ระบรุ ายชื่อรายงานทางวชิ าการ รายงานขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ข้อมูลข่าวสารทนี่ ามาใชใ้ นการพจิ ารณาไวด้ ้วย (8) ขอ้ มูลข่าวสารอ่นื ตามท่ีคณะกรรมการกาหนด ข้อมูลข่าวสารที่จัดใหป้ ระชาชนเขา้ ตรวจดูไดต้ ามวรรคหนงึ่ ถา้ มสี ว่ นทต่ี อ้ งห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทาโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ส่วนน้ัน บคุ คลไมว่ ่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสาเนาหรือขอสาเนาที่มีคา รับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียมในการน้ันก็ได้ ในการน้ีให้คานึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้ น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เวน้ แต่จะมีกฎหมายเฉพาะบญั ญตั ไิ ว้เปน็ อย่างอน่ื คนต่างด้าวจะมสี ทิ ธิตามมาตราน้ีเพยี งใดใหเ้ ป็นไปตามที่กาหนดโดยกฎกระทรวง มาตรา 10 บทบัญญัติมาตรา 7 และมาตรา 9 ไม่กระทบถึงข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีมีกฎหมาย เฉพาะกาหนดใหม้ ีการเผยแพรห่ รือเปดิ เผยด้วยวธิ กี ารอย่างอ่ืน มาตรา 11 นอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดไว้ให้ ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้วหรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา 26 แล้ว ถ้าบุคคลใดขอข้อมูล ขา่ วสารอื่นใดของราชการและคาขอของผู้น้ันระบุข้อมูลข่าวสารท่ีต้องการในลักษณะท่ีอาจเข้าใจได้ตามควรให้ หน่วยงานของรฐั ผู้รับผดิ ชอบจดั หาขอ้ มูลข่าวสารนัน้ ให้แก่ผ้ขู อภายในเวลาอนั สมควรเว้นแต่ผู้นั้นขอจานวนมาก หรือบ่อยครงั้ โดยไมม่ เี หตุผลอนั สมควร ข้อมูลขา่ วสารของราชการใดมีสภาพท่อี าจบบุ สลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหา ใหห้ รอื จะจดั ทาสาเนาใหใ้ นสภาพอย่างหนึ่งอยา่ งใดเพอื่ มิใหเ้ กดิ ความเสียหายแกข่ ้อมูลข่าวสารนน้ั ก็ได้ **สงวนลขิ สิทธ์ติ ามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถิ่น เพือ่ คนท้องถ่ิน

-28- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหน่ึงต้องเป็นข้อมูลข่าวสารท่ีมีอยู่แล้ว ในสภาพท่ีพร้อมจะให้ได้ มิใช่เป็นการต้องไปจัดทาวิเคราะห์ จาแนก รวบรวม หรือจัดให้มีขึ้นใหม่เว้นแต่เป็น การแปรสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารท่ีบันทึกไว้ในระบบการบันทึกภาพหรือเสียง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอนื่ ใด ทง้ั น้ี ตามทคี่ ณะกรรมการกาหนด แต่ถ้าหนว่ ยงานของรฐั เหน็ ว่ากรณีที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหา ผลประโยชนท์ างการค้า และเป็นเร่ืองที่จาเป็นเพื่อปกปูองสิทธิเสรีภาพสาหรับผู้นั้นหรือเป็นเร่ืองที่จะเป็นประโยชน์ แก่สาธารณะ หนว่ ยงานของรัฐจะจัดหาข้อมลู ข่าวสารนัน้ ใหก้ ไ็ ด้ บทบัญญตั ิวรรคสามไมเ่ ป็นการห้ามหนว่ ยงานของรัฐท่จี ะจัดให้มีข้อมลู ข่าวสารของราชการใดขึน้ ใหม่ ให้แกผ่ รู้ ้องขอหากเปน็ การสอดคล้องดว้ ยอานาจหนา้ ทต่ี ามปกติของหน่วยงานของรฐั น้นั อยแู่ ล้ว ให้นาความในมาตรา 9 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี มาใช้บงั คบั แกก่ ารจัดหาข้อมลู ขา่ วสารให้ตาม มาตราน้ี โดยอนโุ ลม มาตรา 12 ในกรณีทม่ี ีผ้ยู ่นื คาขอขอ้ มลู ข่าวสารของราชการตามมาตรา 11 แม้ว่าข้อมูลข่าวสารที่ขอ จะอยู่ในความควบคุมดูแลของหน่วยงานส่วนกลางหรือส่วนสาขาของหน่วยงานแห่งน้ัน หรือจะอยู่ในความ ควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐแห่งอ่ืนก็ตาม ให้หน่วยงานของรัฐที่รับคาขอให้คาแนะนาเพ่ือไปย่ืนคาขอต่อ หน่วยงานของรัฐทค่ี วบคมุ ดแู ลข้อมูลขา่ วสารน้ันโดยไม่ชกั ช้า ถ้าหน่วยงานของรัฐผู้รับคาขอเห็นว่าข้อมูลข่าวสารท่ีมีคาขอเป็นข้อมูลข่าวสารท่ีจัดทาโดยหน่วยงาน ของรัฐแหง่ อ่ืน และไดร้ ะบุห้ามการเปดิ เผยไวต้ ามระเบียบท่ีกาหนดตามมาตรา 16 ให้ส่งคาขอนั้นให้หน่วยงาน ของรัฐผูจ้ ัดทาขอ้ มลู ข่าวสารน้ันพิจารณาเพอื่ มีคาสง่ั ต่อไป มาตรา 13 ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 7 หรือไม่จัดข้อมูล ข่าวสารไวใ้ หป้ ระชาชนตรวจดูไดต้ ามมาตรา 9 หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา 11 หรือฝุาฝืน หรือไมป่ ฏิบัตติ ามพระราชบญั ญัตนิ ี้ หรือปฏิบัติหน้าท่ีล่าช้า หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอัน สมควร ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเก่ียวกับการมีคาสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา 15 หรือคาส่ังไม่รับฟังคาคัดค้านตามมาตรา 17 หรือคาสั่งไม่แก้ไขเปล่ียนแปลงหรือลบข้อมูล ขา่ วสารส่วนบุคคลตามมาตรา 25 ออกบ่อย ในกรณีท่ีมีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับคาร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจาเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผล และรวมเวลาท้งั หมดแล้วต้องไม่เกินหกสิบวนั หมวด 2 ข้อมูลขา่ วสารทไ่ี ม่ต้องเปิดเผย มาตรา 14 ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจก่อให้เกดิ ความเสยี หายตอ่ สถาบนั พระมหากษตั ริย์จะ เปดิ เผยมไิ ด้ **สงวนลขิ สิทธิ์ตามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบข้าราชการท้องถน่ิ เพือ่ คนท้องถน่ิ

-29- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ ควรจำ มาตรา 15 ขอ้ มลู ข่าวสารของราชการท่ีมีลักษณะอย่างหน่ึงอย่างใดดังต่อไปน้ี หน่วยงานของรัฐหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคาส่ังมิให้เปิดเผยก็ได้ โดยคานึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนท่ีเก่ียวข้องประกอบกัน (1) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรอื ความม่นั คงในทางเศรษฐกจิ หรือการคลังของประเทศ (2) การเปิดเผยจะทาให้การบังคับใชก้ ฎหมายเส่ือมประสทิ ธิภาพหรือไม่อาจสาเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการฟูองคดี การปูองกันการปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งท่ีมาของ ขอ้ มูลข่าวสารหรือไมก่ ็ตาม (3) ความเห็นหรือคาแนะนาภายในหน่วยงานของรัฐในการดาเนินการเรื่องหน่ึงเร่ืองใด แต่ท้ังน้ีไม่ รวมถงึ รายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นามาใช้ในการทาความเห็นหรือคาแนะนา ภายในดังกล่าว (4) การเปดิ เผยจะก่อใหเ้ กิดอันตรายต่อชวี ติ หรอื ความปลอดภยั ของบคุ คลหนึ่งบุคคลใด (5) รายงานการแพทยห์ รอื ข้อมูลข่าวสารสว่ นบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกลา้ สทิ ธิสว่ นบคุ คลโดย ไม่สมควร (6) ข้อมูลข่าวสารของราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผยหรือข้อมูลข่าวสารท่ีมีผู้ให้มาโดยไม่ ประสงคใ์ ห้ทางราชการนาไปเปิดเผยตอ่ ผูอ้ น่ื (7) กรณีอ่นื ตามท่กี าหนดในพระราชกฤษฎกี า คาส่ังมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการจะกาหนดเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ด้วยว่าที่ เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด และให้ถือว่าการมีคาสั่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ของราชการเปน็ ดลุ พินิจโดยเฉพาะของเจ้าหน้าท่ีของรัฐตามลาดับสายการบังคับบัญชา แต่ผู้ขออาจอุทธรณ์ต่อ คณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิดเผยข้อมูลขา่ วสารไดต้ ามทีก่ าหนดในพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา 16 เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติว่าข้อมูลข่าวสารของราชการจะเปิดเผยต่อบุคคลใด ได้หรือไม่ภายใต้เงื่อนไขเช่นใด และสมควรมีวิธีรักษามิให้รั่วไหลให้หน่วยงานของรัฐกาหนดวิธีการคุ้มครอง ข้อมลู ขา่ วสารนนั้ ทง้ั น้ี ตามระเบียบทคี่ ณะรัฐมนตรกี าหนดว่าด้วยการรกั ษาความลบั ของทางราชการ มาตรา 17 ในกรณที ี่เจา้ หน้าทข่ี องรฐั เห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึง ประโยชนไ์ ด้เสียของผูใ้ ด ให้เจา้ หน้าทขี่ องรัฐแจง้ ให้ผู้น้ันเสนอคาคัดค้านภายในเวลาท่ีกาหนดแต่ต้องให้เวลาอัน สมควรทผ่ี ู้นน้ั อาจเสนอคาคดั ค้านได้ ซง่ึ ตอ้ งไมน่ ้อยกวา่ สิบห้าวันนบั แต่วันท่ีไดร้ บั แจง้ ผู้ที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึง ประโยชน์ได้เสียของตน มีสิทธิคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารน้ันได้โดยทาเป็นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้รบั ผดิ ชอบ ในกรณที ม่ี กี ารคัดคา้ นเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐผรู้ บั ผดิ ชอบต้องพิจารณาคาคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ ผู้คัดค้านทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีท่ีมีคาส่ังไม่รับฟังคาคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้น มิไดจ้ นกว่าจะลว่ งพ้นกาหนดเวลาอุทธรณ์ตามมาตรา 18 หรือจนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสารไดม้ คี าวนิ จิ ฉัยให้เปิดเผยข้อมลู ขา่ วสารนัน้ ไดแ้ ลว้ แต่กรณี **สงวนลขิ สิทธ์ติ ามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบข้าราชการท้องถิ่น เพอ่ื คนท้องถ่ิน

-30- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ มาตรา 18 ในกรณที เ่ี จา้ หนา้ ท่ีของรฐั มีคาสงั่ มใิ หเ้ ปิดเผยข้อมลู ขา่ วสารใดตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 หรือมีคาสั่งไม่รับฟังคาคัดค้านของผู้มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา 17 ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ วิ นิ จ ฉั ย ก า ร เ ปิ ด เ ผ ย ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ภ า ย ใ น สิ บ ห้ า วั น นั บ แ ต่ วั น ท่ี ไ ด้ รั บ แ จ้ ง ค า สั่ ง นั้ น โ ด ย ยื่ น ค า อุ ท ธ ร ณ์ ต่ อ คณะกรรมการ มาตรา 19 การพจิ ารณาเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ขา่ วสารที่มีคาสง่ั มิใหเ้ ปิดเผยนั้นไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของ คณะกรรมการ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือศาลก็ตาม จะต้องดาเนินกระบวนการ พิจารณาโดยมิให้ข้อมูลข่าวสารนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดท่ีไม่จาเป็นแก่การพิจารณาและในกรณีท่ีจาเป็นจะ พิจารณาลบั หลังคูก่ รณหี รอื คู่ความฝุายใดก็ได้ มาตรา 20 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดแม้จะเข้าข่ายต้องมีความรับผิดตามกฎหมายใด ให้ถือว่า เจ้าหน้าท่ขี องรฐั ไม่ตอ้ งรับผดิ หากเปน็ การกระทาโดยสุจริตในกรณีดังตอ่ ไปน้ี (1) ข้อมลู ข่าวสารตามมาตรา 15 ถา้ เจ้าหน้าท่ขี องรัฐได้ดาเนนิ การโดยถูกต้องตามระเบยี บตามมาตรา 16 (2) ข้อมลู ข่าวสารตามมาตรา 15 ถา้ เจ้าหน้าทข่ี องรัฐในระดับตามที่กาหนดในกฎกระทรวง มีคาส่ังให้ เปิดเผยเป็นการทั่วไปหรอื เฉพาะแก่บุคคลใดเพื่อประโยชน์อันสาคัญยิ่งกว่าที่เก่ียวกับประโยชน์สาธารณะ หรือ ชวี ิต รา่ งกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล และคาส่ังน้ันได้กระทาโดยสมควรแก่เหตุ ในการนี้จะมีการ กาหนดขอ้ จากัดหรอื เง่อื นไขในการใช้ขอ้ มลู ข่าวสารน้ันตามความเหมาะสมก็ได้ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหน่ึงไม่เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐพ้นจากความรับผิดตาม กฎหมายหากจะพงึ มีในกรณีดังกล่าว หมวด 3 ข้อมูลขา่ วสารส่วนบคุ คล ออกบ่อย มาตรา 21 เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ บุคคล หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยและ บคุ คลธรรมดาทีไ่ ม่มีสัญชาติไทยแตม่ ีถนิ่ ท่อี ยูใ่ นประเทศไทย มาตรา 22 สานักขา่ วกรองแหง่ ชาติ สานกั งานสภาความม่นั คงแหง่ ชาติ และหน่วยงานของรัฐแห่งอ่ืน ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวงอาจออกระเบียบโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่มิให้นาบทบัญญัติวรรคหนึ่ง (3) ของมาตรา 23 มาใช้บังคับกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลท่ีอยู่ใน ความควบคุมดแู ลของหนว่ ยงานดังกลา่ วก็ได้ หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นท่ีจะกาหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหน่ึงน้ัน ต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่ง การเปิดเผยประเภทข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา 23 วรรคหน่ึง (3) จะเป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อการ ดาเนินการของหนว่ ยงานดังกลา่ ว **สงวนลขิ สิทธ์ิตามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบขา้ ราชการท้องถิน่ เพอ่ื คนท้องถ่นิ

-31- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ มาตรา 23 หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติเก่ยี วกับการจัดระบบข้อมูลข่าวสารสว่ นบุคคลดังต่อไปน้ี (1) ต้องจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลเพียงเท่าที่เกี่ยวข้องและจาเป็นเพ่ือการดาเนินงานของ หนว่ ยงานของรัฐให้สาเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงคเ์ ท่านน้ั และยกเลิกการจัดให้มรี ะบบดงั กลา่ วเม่ือหมดความจาเปน็ (2) พยามยามเก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีท่ีจะกระทบถึง ประโยชนไ์ ด้เสยี โดยตรงของบคุ คลน้นั (3) จดั ให้มกี ารพิมพ์ในราชกจิ จานุเบกษาและตรวจสอบแก้ไขให้ถกู ต้องอยเู่ สมอเก่ียวกับสง่ิ ดังต่อไปน้ี (ก) ประเภทของบุคคลที่มกี ารเกบ็ ข้อมูลไว้ (ข) ประเภทของระบบขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคล (ค) ลกั ษณะการใชข้ ้อมลู ตามปกติ (ง) วธิ ีการขอตรวจดูข้อมูลขา่ วสารของเจา้ ของขอ้ มูล (จ) วิธกี ารขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงขอ้ มูล (ฉ) แหลง่ ที่มาของข้อมูล (4) ตรวจสอบแก้ไขข้อมลู ข่าวสารส่วนบคุ คลในความรับผิดชอบใหถ้ กู ต้องอยเู่ สมอ (5) จัดระบบรักษาความปลอดภยั ให้แก่ระบบขอ้ มลู ข่าวสารส่วนบุคคลตามความเหมาะสมเพื่อปูองกัน มิให้มกี ารนาไปใช้โดยไมเ่ หมาะสมหรอื เปน็ ผลร้ายต่อเจา้ ของขอ้ มลู ในกรณีทเ่ี ก็บข้อมูลขา่ วสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบ ลว่ งหนา้ หรือพร้อมกับการขอข้อมลู ถึงวตั ถปุ ระสงค์ที่จะนาข้อมูลมาใช้ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติและกรณีท่ี ขอขอ้ มูลนนั้ เป็นกรณที ีอ่ าจให้ข้อมลู ได้โดยความสมัครใจหรือเปน็ กรณีมีกฎหมายบงั คับ หน่วยงานของรฐั ตอ้ งแจ้งใหเ้ จา้ ของข้อมลู ทราบในกรณีที่มกี ารใหจ้ ดั สง่ ข้อมลู ข่าวสารส่วนบุคคลไปยังที่ ใดซ่ึงจะเปน็ ผลใหบ้ คุ คลทั่วไปทราบขอ้ มูลข่าวสารนน้ั ได้ เวน้ แตเ่ ปน็ ไปตามลักษณะการใช้ขอ้ มูลตามปกติ มาตรา 24 หน่วยงานของรฐั จะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อ หนว่ ยงานของรฐั แหง่ อนื่ หรือผู้อื่นโดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือ ในขณะน้นั มิไดเ้ วน้ แตเ่ ป็นการเปิดเผย ดังต่อไปนี้ (1) ตอ่ เจ้าหน้าท่ขี องรัฐในหน่วยงานของตนเพอื่ การนาไปใช้ตามอานาจหน้าทขี่ องหนว่ ยงานของรฐั แหง่ นนั้ (2) เปน็ การใชข้ ้อมลู ตามปกติภายในวัตถุประสงค์ของการจัดใหม้ ีระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบคุ คลน้ัน (3) ต่อหน่วยงานของรัฐท่ีทางานด้านการวางแผนหรือการสถิติหรือสามะโนต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ต้อง รักษาข้อมลู ขา่ วสารส่วนบุคคลไวไ้ มใ่ ห้เปิดเผยต่อไปยงั ผู้อืน่ (4) เป็นการให้เพ่ือประโยชนใ์ นการศกึ ษาวจิ ยั โดยไม่ระบุช่อื หรือสว่ นทท่ี าให้รู้ว่าเป็นข้อมูลข่าวสารส่วน บุคคลทเ่ี กีย่ วกับบุคคลใด (5) ต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร หรอื หน่วยงานอนื่ ของรฐั ตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง เพ่ือ การตรวจดคู ุณค่าในการเก็บรกั ษา (6) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อการปูองกันการฝุาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การสืบสวน การสอบสวน หรือการฟูองคดี ไม่วา่ เปน็ คดีประเภทใดก็ตาม (7) เป็นการใหซ้ ่ึงจาเปน็ เพอ่ื การปูองกันหรอื ระงบั อันตรายต่อชวี ิตหรอื สขุ ภาพของบุคคล (8) ต่อศาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มีอานาจตามกฎหมายที่จะขอ ข้อเทจ็ จรงิ ดงั กลา่ ว **สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบขา้ ราชการท้องถ่ิน เพอื่ คนทอ้ งถิน่

-32- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดิษฐ์ (9) กรณีอน่ื ตามท่กี าหนดในพระราชกฤษฎีกา การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามวรรคหน่ึง (3) (4) (5) (6) (7) (8) และ (9) ให้มีการจัดทา บญั ชแี สดงการเปิดเผยกากับไว้กบั ข้อมูลขา่ วสารนน้ั ตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการทกี่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 25 ภายใตบ้ ังคับมาตรา 14 และมาตรา 15 บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วน บุคคลท่ีเก่ียวกับตน และเมื่อบุคคลน้ันมีคาขอเป็นหนังสือ หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้น จะต้องให้บุคคลนั้นหรือผู้กระทาการแทนบุคคลนั้นได้ตรวจดูหรือได้รับสาเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลส่วนที่ เกยี่ วกบั บคุ คลน้นั และให้นามาตรา 9 วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม การเปิดเผยรายงานการแพทย์ที่เก่ียวกับบุคคลใด ถ้ากรณีมีเหตุอันควรเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยต่อ เฉพาะแพทย์ท่บี ุคคลน้นั มอบหมายก็ได้ ถ้าบคุ คลใดเหน็ วา่ ขอ้ มลู ข่าวสารส่วนบคุ คลที่เกยี่ วกบั ตนส่วนใดไมถ่ ูกต้องตามที่เปน็ จริง ให้มีสิทธิยื่นคา ขอเป็นหนงั สือใหห้ นว่ ยงานของรฐั ท่ีควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น ไดซ้ ึ่งหนว่ ยงานของรัฐจะต้องพจิ ารณาคาขอดังกลา่ ว และแจง้ ให้บุคคลน้นั ทราบโดยไม่ชกั ชา้ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปล่ียนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามท่ีมีคาขอ ให้ผู้นั้นมี สิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคาสั่งไม่ ยินยอมแก้ไขเปล่ียนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยย่ืนคาอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ และไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้ เจ้าของขอ้ มลู มสี ิทธริ อ้ งขอให้หน่วยงานของรฐั หมายเหตคุ าขอของตนแนบไวก้ ับข้อมูลขา่ วสารส่วนทีเ่ ก่ยี วข้องได้ ให้บุคคลตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวงมีสิทธิดาเนินการตามมาตรา 23 มาตรา 24 และมาตราน้ีแทน ผูเ้ ยาว์ คนไรค้ วามสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรอื เจ้าของข้อมูลท่ีถงึ แกก่ รรมแลว้ ได้ หมวด 4 เอกสารประวตั ศิ าสตร์ ออกบอ่ ย มาตรา 26 ข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีหน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะเก็บรักษาหรือมีอายุครบ กาหนดตามวรรคสองนับแต่วันท่ีเสร็จส้ินการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารน้ัน ให้หน่วยงานของรัฐส่งมอบให้แก่หอ จดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศิลปากรหรือหนว่ ยงานอน่ื ของรัฐตามทกี่ าหนดในพระราชกฤษฎีกาเพื่อคัดเลือกไว้ให้ ประชาชนได้ศกึ ษาค้นควา้ กาหนดเวลาต้องสง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการตามวรรคหนึ่งใหแ้ ยกตามประเภท ดังน้ี (1) ข้อมูลขา่ วสารของราชการตามมาตรา 14 เมอ่ื ครบเจด็ สิบหา้ ปี (2) ขอ้ มูลข่าวสารของราชการตามมาตรา 15 เม่ือครบย่สี ิบปี กาหนดเวลาตามวรรคสอง อาจขยายออกไปได้ในกรณีดังตอ่ ไปน้ี (1) หน่วยงานของรัฐยังจาเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารของราชการไว้เองเพ่ือประโยชน์ในการใช้ สอยโดยต้องจัดเก็บและจัดให้ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้าตามท่ีจะตกลงกับหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร (2) หน่วยงานของรฐั เหน็ วา่ ข้อมลู ขา่ วสารของราชการน้ันยังไม่ควรเปิดเผยโดยมีคาสั่งขยายเวลากากับ ไว้เปน็ การเฉพาะราย คาสง่ั การขยายเวลานัน้ ให้กาหนดระยะเวลาไว้ดว้ ย แตจ่ ะกาหนดเกินคราวละหา้ ปีไม่ได้ **สงวนลิขสิทธิต์ ามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถน่ิ เพื่อคนทอ้ งถ่นิ

-33- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ การตรวจสอบหรือทบทวนมิให้มีการขยายระยะเวลาไม่เปิดเผยจนเกินความจาเป็นให้เป็นไปตาม หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารท่กี าหนดในกฎกระทรวง บทบัญญัติตามมาตรานี้มิให้ใช้บังคับกับข้อมูลข่าวสารของราชการตามท่ีคณะรัฐมนตรีออกระเบียบ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐจะตอ้ งทาลายหรืออาจทาลายได้ โดยไม่ตอ้ งเก็บรักษา หมวด 5 คณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ ควรจำ มาตรา 27 ให้มีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประกอบด้วยรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมายเป็นประธาน ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสภาความมั่นคง แห่งชาติ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้อานวยการสานักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้อานวยการสานักงบประมาณ และผทู้ รงคุณวุฒอิ นื่ จากภาครัฐและภาคเอกชน ซง่ึ คณะรฐั มนตรีแต่งตง้ั อีกเกา้ คนเปน็ กรรมการ ให้ปลัดสานักนายกรัฐมนตรีแต่งต้ังข้าราชการของสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรีคนหน่ึงเป็น เลขานกุ าร และอกี สองคนเปน็ ผูช้ ว่ ยเลขานุการ มาตรา 28 คณะกรรมการมีอานาจหนา้ ท่ี ดังตอ่ ไปนี้ (1) สอดส่องดแู ลและใหค้ าแนะนาเก่ยี วกบั การดาเนินงานของเจ้าหนา้ ที่ของรฐั และหน่วยงานของรัฐใน การปฏิบัติตามพระราชบัญญตั ินี้ (2) ให้คาปรึกษาแก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ตามทไ่ี ด้รับคาขอ (3) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือระเบียบของคณะรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญตั ิน้ี (4) พิจารณาและให้ความเห็นเร่อื งร้องเรยี นตามมาตรา 13 (5) จดั ทารายงานเกยี่ วกับการปฏิบัตติ ามพระราชบัญญัตินเี้ สนอคณะรัฐมนตรีเป็นคร้ังคราว ตามความ เหมาะสม แต่อย่างน้อยปีละหนึง่ ครง้ั (6) ปฏิบัติหนา้ ท่อี ื่นตามทีก่ าหนดในพระราชบัญญัตนิ ี้ (7) ดาเนินการเรอื่ งอ่นื ตามทีค่ ณะรฐั มนตรหี รือนายกรัฐมนตรมี อบหมาย ออกบอ่ ย มาตรา 29 กรรมการผทู้ รงคุณวุฒซิ ึ่งได้รบั แตง่ ต้ังตามมาตรา 27 มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสาม ปนี บั แตว่ นั ทไี่ ด้รบั แตง่ ตั้ง ผทู้ ี่พ้นจากตาแหน่งแลว้ อาจไดร้ บั แตง่ ตัง้ ใหม่ได้ **สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถิ่น เพ่อื คนท้องถิ่น

-34- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ มาตรา 30 นอกจากการพน้ จากตาแหนง่ ตามวาระ กรรมการ ผูท้ รงคุณวุฒซิ ง่ึ ได้รับแต่งต้ังตามมาตรา 27 พ้นจากตาแหน่ง เม่ือ (1) ตาย (2) ลาออก (3) คณะรฐั มนตรีให้ออกเพราะมีความประพฤติเส่ือมเสยี บกพร่องหรือไมส่ ุจรติ ต่อหนา้ ทห่ี รือหยอ่ น ความสามารถ (4) เป็นบคุ คลลม้ ละลาย (5) เปน็ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (6) ไดร้ ับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถงึ ทีส่ ุดให้จาคกุ เวน้ แตเ่ ป็นโทษสาหรับความผดิ ที่ได้กระทาโดย ประมาทหรือความผิดลหโุ ทษ มาตรา 31 การประชุมของคณะกรรมการตอ้ งมกี รรมการมาประชุมไม่น้อยกวา่ กง่ึ หน่งึ ของจานวน กรรมการทั้งหมดจึงจะเปน็ องค์ประชุม ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในทีป่ ระชุมถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรอื ไม่อาจปฏิบัติ หนา้ ทไี่ ด้ ให้กรรมการที่มาประชมุ เลือกกรรมการคนหน่ึงเป็นประธานในทป่ี ระชมุ การวินิจฉัยช้ีขาดของที่ประชุมใหถ้ ือเสียงข้างมากกรรมการคนหน่งึ ใหม้ ีเสยี งหน่ึงในการลงคะแนน ถา้ คะแนนเสียงเท่ากัน ใหป้ ระธานในทปี่ ระชุมออกเสยี งเพิ่มข้ึนอกี เสียงหนึ่งเปน็ เสียงช้ขี าด มาตรา 32 ให้คณะกรรมการมีอานาจเรียกให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคาหรือให้ส่งวัตถุ เอกสาร หรือ พยานหลักฐานมาประกอบการพจิ ารณาได้ มาตรา 33 ในกรณที ่หี น่วยงานของรฐั ปฏเิ สธว่าไมม่ ขี ้อมลู ข่าวสารตามท่ีมีคาขอไม่ว่าจะเป็นกรณีตาม มาตรา 11 หรือมาตรา 25 ถ้าผู้มีคาขอไม่เช่ือว่าเป็นความจริงและร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามมาตรา 13 ให้คณะกรรมการมีอานาจเข้าดาเนินการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวข้องได้แ ละแจ้งผลการ ตรวจสอบใหผ้ ู้รอ้ งเรียนทราบ หนว่ ยงานของรฐั หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยินยอมให้คณะกรรมการหรือผู้ซ่ึงคณะกรรมการมอบหมาย เขา้ ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่อยใู่ นความครอบครองของตนได้ไมว่ า่ จะเปน็ ข้อมูลข่าวสารท่ีเปดิ เผยได้หรือไม่กต็ าม มาตรา 34 คณะกรรมการจะแต่งตัง้ คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมายก็ได้ และให้นาความในมาตรา 31 มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม หมวด 6 คณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิดเผยขอ้ มูลขา่ วสาร มาตรา 35 ใหม้ ีคณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสารสาขาตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ซง่ึ คณะรฐั มนตรีแตง่ ต้งั ตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มีอานาจหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณค์ าสง่ั มิให้เปิดเผย ขอ้ มูลขา่ วสารตามมาตรา 14 หรอื มาตรา 15 หรือคาสั่งไมร่ ับฟังคาคัดค้านตามมาตรา 17 และคาส่ังไมแ่ กไ้ ข เปลยี่ นแปลงหรอื ลบข้อมูลขา่ วสารส่วนบคุ คลตามมาตรา 25 **สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย** ห้องติวสอบขา้ ราชการท้องถิ่น เพอ่ื คนทอ้ งถิ่น

-35- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ การแต่งต้ังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งให้แต่งตั้งตามสาขาความ เช่ียวชาญเฉพาะด้านของข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจและการคลังของ ประเทศหรอื การบังคบั ใชก้ ฎหมาย ออกบอ่ ย มาตรา 36 คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารคณะหนึ่ง ๆ ประกอบด้วยบุคคลตาม ความจาเป็นแต่ต้องไม่น้อยกว่าสามคนและให้ข้าราชการที่คณะกรรมการแต่งต้ังปฏิบัติหน้าท่ีเป็นเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ในกรณีพิจารณาเก่ยี วกับขอ้ มลู ข่าวสารของหนว่ ยงานของรัฐแห่งใดกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสารซึ่งมาจากหน่วยงานของรฐั แห่งนน้ั จะเข้าร่วมพิจารณาดว้ ยไม่ได้ กรรมการวนิ ิจฉยั การเปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสาร จะเป็นเลขานุการหรือผ้ชู ่วยเลขานกุ ารไมไ่ ด้ มาตรา 37 ให้คณะกรรมการพิจารณาส่งคาอุทธรณ์ให้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล ขา่ วสาร โดยคานึงถึงความเชยี่ วชาญเฉพาะด้านของคณะกรรมการวินจิ ฉยั การเปดิ เผยขอ้ มลู ข่าวสารแต่ละสาขา ภายในเจ็ดวนั นบั แต่วันท่ีคณะกรรมการไดร้ ับคาอทุ ธรณ์ คาวินิจฉยั ของคณะกรรมการวินิจฉยั การเปดิ เผยขอ้ มลู ข่าวสารให้เป็นที่สุด และในการมีคาวินิจฉัยจะมี ข้อสงั เกตเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อใหห้ น่วยงานของรฐั ที่เกีย่ วข้องปฏิบัติเก่ียวกบั กรณใี ดตามที่เห็นสมควรก็ได้ ให้นาความในมาตรา 13 วรรคสอง มาใช้บงั คบั แกก่ ารพิจารณาอุทธรณ์ของคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปดิ เผยขอ้ มูลขา่ วสารโดยอนโุ ลม มาตรา 38 อานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแต่ละสาขาวิธีพิจารณา และวินิจฉัยและองค์คณะในการพิจารณาและวินิจฉัยให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกาหนดโดย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 39 ให้นาบทบัญญัติมาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 32 และบทกาหนดโทษท่ีประกอบกับ บทบญั ญัติดังกลา่ วมาใช้บังคบั กบั คณะกรรมการวินจิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารโดยอนโุ ลม หมวด 7 บทกาหนดโทษ ออกบอ่ ย มาตรา 40 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของคณะกรรมการท่ีสั่งตามมาตรา 32 ต้องระวางโทษจาคุกไม่ เกินสามเดอื น หรือปรบั ไม่เกนิ หา้ พันบาทหรือท้งั จาทง้ั ปรับ มาตรา 41 ผู้ใดฝุาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อจากัดหรือเง่ือนไขท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐกาหนดตามมาตรา 20 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกนิ หนึ่งปีหรอื ปรับไม่เกนิ สองหมื่นบาท หรอื ทงั้ จาทง้ั ปรบั **สงวนลขิ สิทธ์ติ ามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถ่นิ เพ่อื คนท้องถิ่น

-36- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ บทเฉพาะกาล มาตรา 42 บทบัญญตั ิมาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 มิให้ใช้บังคับกับข้อมูลข่าวสารของราชการ ทเี่ กิดข้นึ ก่อนวันที่พระราชบญั ญตั นิ ี้ใช้บงั คบั ให้หน่วยงานของรัฐจัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามวรรคหน่ึง หรือจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหน่ึงไว้ เพ่อื ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารทค่ี ณะกรรมการจะได้กาหนด มาตรา 43 ให้ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2517 ในส่วนท่ีเกี่ยวกับ ข้อมูลข่าวสารของราชการ ยังคงใช้บังคับต่อไปได้เท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งต่อพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ระเบียบที่ คณะรัฐมนตรีกาหนดตามมาตรา 16 จะได้กาหนดเปน็ อย่างอ่ืน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชวลติ ยงใจยทุ ธ นายกรฐั มนตรี หมายเหตุ :-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ ในระบอบประชาธิปไตย การให้ประชาชนมี โอกาสกว้างขวางในการไดร้ ับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกบั การดาเนินการต่าง ๆ ของรัฐเป็นส่ิงจาเป็น เพื่อท่ีประชาชน จะสามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องกับความเป็นจริง อันเป็นการส่งเสริมให้มี ความเปน็ รัฐบาลโดยประชาชนมากยงิ่ ขึ้น สมควรกาหนดใหป้ ระชาชนมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารของราชการ โดย มีข้อยกเวน้ อนั ไมต่ ้องเปดิ เผยท่แี จ้งชดั และจากัดเฉพาะข้อมูลข่าวสารท่ีหากเปิดเผยแล้วจะเกิดความเสียหายต่อ ประเทศชาติหรือต่อประโยชน์ที่สาคัญของเอกชน ทั้งน้ี เพ่ือพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้ม่ันคงและจะ ยังผลให้ประชาชนมีโอกาสรู้ถึงสิทธิหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ เพื่อท่ีจะปกปักรักษาประโยชน์ของตนได้อีก ประการหน่ึงด้วย ประกอบกับสมควรคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับข้อมูลข่าวสารของราชการ ไปพร้อมกัน จึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ินี้ **สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบขา้ ราชการท้องถิ่น เพ่ือคนท้องถ่นิ

-37- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ขอ้ มลู ขำ่ วสำร 2540 1. ข้อมลู ข่าวสารของราชการ คืออะไร ก. ข้อมลู ข่าวสารท่อี ย่ใู นความครอบครองของหนว่ ยงานของรัฐ ข. ขอ้ มลู ขา่ วสารท่ีอยู่ควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ค. ขอ้ มลู ขา่ วสารเก่ยี วกบั การดาเนินงานของรัฐ ง. ถกู ทกุ ขอ้ 2. ข้อใดไม่ใชค่ วามหมายของหน่วยงานของรฐั ก. ราชการสว่ นกลาง ราชการส่วนภมู ิภาค ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ ข. ศาลในสว่ นท่เี กยี่ วกับการพิจารณาพิพากษาคดี ค. รัฐวิสาหกจิ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ง. องคก์ รควบคุมการประกอบวชิ าชีพ หนว่ ยงานอิสระของรัฐ 3. ผใู้ ดเปน็ ผู้รักษาการตามพระราชบญั ญัตขิ ้อมลู ข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ก. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ข. รฐั มนตรปี ระจาสานกั นายกรฐั มนตรี ค. นายกรัฐมนตรี ง. ปลดั กระทรวงมหาดไทย 4. หนว่ ยงานของรัฐต้องส่งข้อมลู ขา่ วสารใดไปลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ก. โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดาเนนิ งาน ข. มติคณะรฐั มนตรี ข้อบังคบั คาสงั่ หนงั สือเวยี น ค. สรปุ อานาจหน้าทที่ ี่สาคญั และวิธดี าเนนิ งาน ง. ถกู ทกุ ขอ้ 5. กฎ ระเบียบ คาส่งั มติคณะรฐั มนตรี ถ้ายงั ไม่ไดล้ งพิมพ์ในราชกิจจานเุ บกษา จะมีผลอย่างไร ก. นามาบงั คับในทางที่ไม่เป็นคุณแกผ่ ใู้ ดไมไ่ ด้ ข. เป็นโมฆะ ค. เปน็ โมฆียะ ง. ไมม่ ผี ลบงั คบั ในทางกฎหมาย 6. บคุ คลใดมสี ิทธเิ ขา้ ตรวจดู ขอสาเนาหรือขอสาเนาที่มีคารบั รองถูกต้องของข้อมลู ขา่ วสารได้ ก. บุคคลท่มี ีส่วนได้เสยี เกย่ี วข้อง ข. บุคคลทไ่ี มม่ สี ว่ นไดเ้ สยี ค. คนตา่ งด้าว ง. ถกู ทุกข้อ 7. ขอ้ มูลขา่ วสารท่ีหนว่ ยงานของรัฐจัดให้แกผ่ ู้ขอตอ้ งเปน็ ข้อมลู ขา่ วสารประเภทใด ก. อยใู่ นสภาพพรอ้ มท่ีจะให้ได้ ข. ตอ้ งนาไปจัดทาวเิ คราะห์ จาแนก หรือรวบรวมก่อน ค. ตอ้ งจดั ข้นึ มาใหม่ โดยไมส่ อดคล้องกบั อานาจหนา้ ทีต่ ามปกตขิ องหน่วยงานของรฐั ง. ไมม่ ีข้อถูก **สงวนลขิ สิทธ์ิตามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบข้าราชการท้องถ่ิน เพือ่ คนท้องถ่ิน

-38- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ 8. เมื่อมกี ารร้องเรียนเกีย่ วกับหนว่ ยงานของรฐั ไมจ่ ัดหาข้อมูลข่าวสารจะต้องร้องเรียนต่อใคร ก. ปลดั สานักนายกรัฐมนตรี ข. คณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ ค. คณะกรรมการวนิ จิ ฉัยการเปิดเผยข้อมลู ขา่ วสาร ง. ประธานรฐั สภา 9. ในกรณเี จา้ หน้าทีข่ องรฐั มีคาสั่งมใิ ห้เปิดเผยข้อมูลขา่ วสาร ผูข้ อจะอุทธรณ์ต่อใคร ก. ปลัดสานกั นายกรฐั มนตรี ข. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ค. คณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยข้อมลู ข่าวสาร ง. ประธานรฐั สภา 10. การยน่ื อุทธรณ์คาส่ังของเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐทม่ี ิใหเ้ ปิดเผยข้อมลู ข่าวสาร ต้องอุทธรณ์ภายในกาหนดเวลาเท่าใด ก. 15 วัน นับแต่วนั ย่ืนคาขอ ข. 15 วนั นับแต่วันทไี่ ดร้ ับแจง้ คาส่ัง ค. 30 วัน นับแต่วนั ยื่นคาขอ ง. 30 วัน นับแต่วันที่ไดร้ ับแจ้งคาสง่ั 11. คณะกรรมการวนิ ิจฉัยการเปดิ เผยขอ้ มลู ข่าวสาร คณะหน่งึ ต้องมีไมน่ ้อยกว่ากค่ี น ก. 3 คน ข. 5 คน ค. 7 คน ง. 9 คน 12. ผใู้ ดมไิ ด้เป็นคณะกรรมการขอ้ มูลข่าวสารของราชการ ก. ปลดั กระทรวงกลาโหม ข. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ค. ปลดั กระทรวงการคลัง ง. ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ 13. ขอ้ มูลขา่ วสารทีไ่ ม่ต้องเปิดเผยตามมาตรา 14 มีกาหนดเวลาครบกปี่ ีหากหนว่ ยงานของรฐั จะสง่ ข้อมลู ข่าวสารมอบให้แก่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ก. 50 ปี ข. 75 ปี ค. 100 ปี ง. ไม่มีกาหนดเวลา **สงวนลขิ สิทธ์ิตามกฎหมาย** ห้องติวสอบข้าราชการท้องถ่นิ เพอ่ื คนทอ้ งถิน่

-39- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดิษฐ์ 14. ข้อมลู ข่าวสารท่ีหน่วยงานของรัฐอาจมีคาส่ังมิใหเ้ ปิดเผยตามมาตรา 15 มีกาหนดเวลาครบก่ปี หี าก หนว่ ยงานของรฐั จะส่งข้อมูลข่าวสารมอบใหแ้ ก่หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ ก. 10 ปี ข. 15 ปี ค. 20 ปี ง. 25 ปี 15. ข้อมูลขา่ วสารส่วนบคุ คล ข้อใดกล่าวไม่ถกู ต้อง ก. เปิดเผยเพอ่ื ประโยชน์ในการศึกษาวิจยั โดยระบุช่ือหรือส่วนท่ที าใหร้ ้วู า่ เป็นข้อมลู ข่าวสารส่วนบุคคลที่ เกี่ยวกบั บคุ คลใด ข. เปิดเผยได้ เมอ่ื ได้รบั ความยนิ ยอมเป็นหนงั สือของเจา้ ของข้อมูลทีใ่ หไ้ ว้ล่วงหน้า ค. เปิดเผยตอ่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพอื่ การปูองกันการฝุาผืนหรือไมป่ ฏิบัติตามกฎหมาย ง. เปิดเผยต่อเจ้าหน้าท่ีของรฐั ในหน่วยงานของตน เพอื่ การนาไปใชต้ ามอานาจหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานของรฐั แห่งนน้ั 16. ผู้ใดเปน็ ผู้รกั ษาการตามพระราชบัญญัติข้อมูลขา่ วสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงกลาโหม ค. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร ง. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย 17. ใหจ้ ดั ตัง้ สานกั งานคณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการขึ้นในสังกัดใด ก. สานกั นายกรฐั มนตรี ข. สานกั งานปลัดสานกั นายกรฐั มนตรี ค. สานักงานขา่ วกรองแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม ง. สานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 18. หน่วยงานของรฐั ต้องส่งขา่ วสารของราชการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ข้อใดถูกตอ้ ง ก. โครงสรา้ งและการจดั องค์กรในการดาเนนิ งาน สรปุ อานาจหนา้ ท่ที ่ีสาคัญและวิธกี ารดาเนนิ งาน ข. สถานท่ีตดิ ต่อเพื่อขอรับข้อมูลขา่ วสารหรอื คาแนะนาในการตดิ ต่อกบั หน่วยงานของรัฐ ค. กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคบั คาส่ัง หนังสอื เวียน ระเบยี บแบบแผน นโยบาย ง. ถูกทกุ ข้อ 19. ขอ้ มลู ขา่ วสารที่จัดใหป้ ระชาชนเข้าตรวจดไู ด้ถ้ามีสว่ นท่ีตอ้ งห้ามมใิ ห้เปิดเผยอย่ดู ว้ ย ข้อใดถูกต้อง ก. ให้ลบขอ้ มูลข่าวสารส่วนน้ัน ข. ใหต้ ดั ทอนข้อมูลขา่ วสารสว่ นนนั้ ค. กระทาโดยประการอื่นท่ีไม่เปน็ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนน้ัน ง. ถกู ทกุ ข้อ **สงวนลิขสิทธิต์ ามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบข้าราชการท้องถิ่น เพ่ือคนท้องถิ่น

-40- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ 20. ผใู้ ดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาหรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสาร ไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ หรือไม่จัดหาข่าวสารให้แก่ตน หรือฝุาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือ ปฏบิ ัติหน้าทีล่ ่าช้า ผนู้ ้นั มีสทิ ธดิ าเนนิ การตามขอ้ ใด ก. รอ้ งเรียนตอ่ คณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ ข. รอ้ งเรยี นต่อคณะกรรมการวินจิ ฉยั การเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสาร ค. รอ้ งทุกข์ตอ่ คณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ ง. รอ้ งทุกข์ตอ่ คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผยข้อมลู ข่าวสาร 21. ในกรณีที่มีการรอ้ งเรยี นต่อคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการ คณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของ ราชการ ตอ้ งพจิ ารณาให้แล้วเสร็จ ขอ้ ใดถูกต้องที่สดุ ก. ภายใน 15 วนั นบั แต่วนั ทีไ่ ด้รับคารอ้ งเรียน ข. ภายใน 30วันนบั แต่วนั ทไี่ ดร้ ับคาร้องเรียน ค. ภายใน 60วันนับแต่วนั ท่ีไดร้ บั คาร้องเรยี น ง. ภายใน 90วันนับแตว่ ันท่ีไดร้ บั คารอ้ งเรียน 22. ในกรณีที่มเี หตจุ าเปน็ ให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตผุ ลและรวมเวลาทัง้ หมด ข้อใดถูกต้องท่สี ุด ก. ตอ้ งไม่เกิน 15 วนั นับแตว่ นั ท่ไี ด้รบั คารอ้ งเรยี น ข. ต้องไม่เกนิ 30 วนั นบั แต่วันท่ีได้รับคารอ้ งเรยี น ค. ต้องไม่เกิน 60 วันนบั แต่วันทไี่ ดร้ ับคาร้องเรยี น ง. ตอ้ งไมเ่ กิน 90 วันนับแตว่ นั ทีไ่ ดร้ ับคารอ้ งเรียน 23. ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการจะเปดิ เผยมิได้ ขอ้ ใดถูกต้องทีส่ ดุ ก. ขอ้ มลู ข่าวสารของราชการทอี่ าจก่อให้เกิดความเสียหายตอ่ สถาบันพระมหากษัตริย์ ข. การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายตอ่ ความมนั่ คงของประเทศ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างประเทศ หรอื ความม่ันคงในทางเศรษฐกิจหรือการคลงั ของประเทศ ค. การเปิดเผยจะทาใหก้ ารบังคบั ใชก้ ฎหมายเสอ่ื มประสิทธิภาพหรอื ไม่อาจสาเร็จตามวตั ถุประสงค์ได้ ไม่ วา่ จะเกี่ยวกบั การฟูองคดี การปูองกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรอื การรแู้ หลง่ ทม่ี า ของขอ้ มลู ข่าวสารหรอื ไม่กต็ าม ง. การเปดิ เผยจะก่อให้เกดิ อันตรายต่อชวี ติ หรอื ความปลอดภยั ของบคุ คลใดบุคคลหน่ึง 24. ในกรณีทเ่ี จ้าหนา้ ที่ของรัฐเห็นวา่ การเปดิ เผยขอ้ มลู ข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถงึ ประโยชน์ได้เสยี ของผใู้ ด ให้เจ้าหน้าท่ขี องรฐั แจ้งให้ผนู้ นั้ เสนอคาคดั ค้านภายในเวลาที่กาหนด ข้อใดถกู ต้องทีส่ ุด ก. ตอ้ งไม่น้อยกว่า 7 วนั นับแตว่ ันทไ่ี ด้รับแจง้ ข. ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 15 วนั นับแต่วันท่ีไดร้ ับแจ้ง ค. ตอ้ งไมน่ ้อยกว่า 30 วนั นบั แต่วนั ที่ไดร้ บั แจ้ง ง. ตอ้ งไมน่ ้อยกว่า 60 วนั นบั แตว่ ันท่ีไดร้ ับแจ้ง **สงวนลิขสิทธ์ติ ามกฎหมาย** ห้องติวสอบขา้ ราชการท้องถ่ิน เพ่ือคนทอ้ งถ่ิน

-41- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ 25. ในกรณีทเ่ี จา้ หน้าท่ีขอองรัฐมีคาสงั่ มใิ ห้เปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสาร หรอื มีคาสง่ั ไมร่ ับฟังคาคัดค้านของผู้มี ประโยชนไ์ ด้เสยี ผขู้ ออาจดาเนนิ การตามข้อใด ก. ร้องทกุ ขต์ ่อคณะกรรมการวนิ ิจฉัยการเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสาร ภายใน 15 วนั นบั แตว่ นั ที่ได้รับแจ้งคาสงั่ ข. ร้องทกุ ข์ตอ่ คณะกรรมการขอ้ มูลข่าวสารของราชการ ภายใน 15 วันนบั แตว่ ันทีไ่ ด้รับแจง้ คาสั่ง ค. อทุ ธรณต์ ่อคณะกรรมการวินจิ ฉยั การเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสาร ภายใน 15 วันนับแตว่ ันท่ีไดร้ บั แจง้ คาส่ัง ง. อทุ ธรณต์ ่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ภายใน 15 วนั นบั แตว่ ันทไ่ี ด้รบั แจง้ คาสั่ง 26. ถา้ บคุ คลใดเห็นวา่ ข้อมูลขา่ วสารส่วนบคุ คลทเี่ กย่ี วกบั ตนสว่ นใดไมถ่ ูกต้องตามท่ีเปน็ จริง ใหม้ สี ิทธิย่นื คาขอ เป็นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐทค่ี วบคมุ ดแู ลข้อมูลข่าวสารแกไ้ ขเปล่ยี นแปลง หรือลบขอ้ มูลข่าวสารสว่ น นนั้ หากหนว่ ยงานของรฐั ไม่แกไ้ ขเปลี่ยนแปลงหรอื ลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามท่ีมคี าขอ ให้ผูน้ ัน้ มสี ทิ ธิ ดาเนินการตามข้อใด ก. รอ้ งทุกข์ต่อคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปดิ เผยข้อมูลขา่ วสารภายใน 30 วนั นบั แตว่ ันได้รับแจง้ คาส่งั ไม่ ยินยอมแก้ไขเปลยี่ นแปลงหรือลบข้อมูลขา่ วสาร ข. รอ้ งทกุ ข์ต่อคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการภายใน 30 วนั นบั แตว่ ันไดร้ บั แจ้งคาสง่ั ไม่ยนิ ยอม แกไ้ ขเปลยี่ นแปลงหรือลบข้อมลู ขา่ วสาร ค. อทุ ธรณต์ อ่ คณะกรรมการวินจิ ฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 30 วันนบั แต่วนั ได้รับแจง้ คาส่ังไม่ ยนิ ยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร ง. อทุ ธรณต์ ่อคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของราชการภายใน 30 วันนับแตว่ นั ได้รับแจง้ คาสง่ั ไมย่ นิ ยอม แกไ้ ขเปลี่ยนแปลงหรือลบขอ้ มลู ขา่ วสาร 27. ข้อมูลขา่ วสารของราชการสถาบันพระมหากษตั รยิ ์เมื่อครบกาหนดกีป่ ีนบั แตว่ ันทเี่ สร็จส้ินการจัดให้มีข้อมลู ขา่ วสารน้นั ให้หนว่ ยงานของรัฐส่งมอบให้แก่จดหมายเหตุแห่งชาติ ก. เมอื่ ครบ 75 ปี ข. เมอ่ื ครบ 60 ปี ค. เมือ่ ครบ 25 ปี ง. เมอื่ ครบ 20 ปี 28. ข้อมลู ขา่ วสารสว่ นบคุ คลอายุเม่ือครบกาหนดกี่ปนี บั แต่วันท่เี สร็จสน้ิ การจัดใหม้ ีข้อมูลข่าวสารน้ัน ให้ หนว่ ยงานของรฐั สง่ มอบให้แก่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ก. เมอ่ื ครบ 75 ปี ข. เมื่อครบ 60 ปี ค. เมื่อครบ 25 ปี ง. เม่อื ครบ 20 ปี 29. กรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการมีวาระอยู่ในตาแหน่งตามข้อใด ก. คราวละ 1 ปนี ับแตว่ นั ท่ีได้รบั แตง่ ตงั้ ผ้ทู ่พี ้นตาแหน่งแล้วอาจไดร้ บั แต่งตัง้ ใหม่ได้ ข. คราวละ 2 ปนี บั แตว่ นั ทไ่ี ด้รับแต่งตงั้ ผทู้ ี่พ้นตาแหนง่ แล้วอาจได้รับแต่งต้ังใหม่ได้ ค. คราวละ 3 ปีนบั แตว่ นั ทไี่ ด้รับแต่งตง้ั ผทู้ ี่พ้นตาแหน่งแล้วอาจได้รบั แต่งต้งั ใหม่ได้ ง. คราวละ 4 ปีนับแต่วนั ทีไ่ ด้รับแตง่ ตง้ั ผทู้ ่ีพ้นตาแหนง่ แล้วอาจไดร้ ับแต่งต้ังใหม่ได้ **สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถนิ่ เพือ่ คนท้องถิน่

-42- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ 30. ในกรณีท่หี นว่ ยงานของรัฐปฏิเสธว่าไมม่ ีข้อมลู ขา่ วสารตามทีม่ ีคาขอ ถ้าผู้มีคาขอไม่เช่ือวา่ เป็นความจรงิ ผู้ น้นั สามารถดาเนินการไดต้ ามข้อใด ก. รอ้ งเรียนต่อผู้อานวยการสานกั ข่าวกรองแห่งชาติ ข. รอ้ งเรียนตอ่ คณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการ ค. รอ้ งทกุ ขต์ อ่ ผู้อานวยการสานักขา่ วกรองแหง่ ชาติ ง. ร้องทกุ ขต์ ่อคณะกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ 31. ผทู้ เ่ี สนอแต่งตง้ั คณะกรรมการวินจิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสารคอื ใคร ก. คณะรฐั มนตรี ข. รฐั มนตรที ่คี ณะรัฐมนตรีมอบหมาย ค. คณะกรรมการขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ ง. ผูอ้ านวยการสานกั ขา่ วกรองแหง่ ชาติ 32. ผู้ทแี่ ต่งต้ังคณะกรรมการวนิ จิ ฉัยการเปดิ เผยข้อมูลขา่ วสารคอื ใคร ก. คณะรัฐมนตรี ข. รฐั มนตรที ีค่ ณะรัฐมนตรีมอบหมาย ค. คณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของราชการ ง. เลขาธิการสภาความมัน่ คงแหง่ ชาติ 33. ใหม้ คี ณะกรรมการวนิ ิจฉัยการเปดิ เผยข้อมลู ขา่ วสารสาขาตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม คณะกรรมการ วนิ จิ ฉยั การเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสารคณะหนง่ึ ๆ ประกอบด้วยบคุ คลตามความจาเปน็ โดยใหแ้ ตง่ ตงั้ ตามสาขา เช่ยี วชาญเฉพาะด้านของข้อมูลขา่ วสารของราชการจานวนเท่าใด ก. จานวนไมน่ อ้ ยกว่า 3 คน ข. จานวนไมน่ ้อยกว่า 5 คน ค. จานวนไมน่ อ้ ยกวา่ 7 คน ง. จานวนไม่นอ้ ยกวา่ 9 คน 34. ผู้ใดไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคาสงั่ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ที่ส่ังเรียกให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคา หรือใหส้ ่งวัตถุ เอกสาร หรือพยานหลักฐานมาประกอบการพิจารณาได้ ผ้นู ้นั มคี วามผิดตามขอ้ ใด ก. ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกิน 1 เดอื น หรือปรบั ไม่เกิน 1,000 บาท หรือทง้ั จาท้ังปรับ ข. ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกนิ 3 เดือน หรอื ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือท้งั จาทงั้ ปรับ ค. ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 6 เดอื น หรือปรบั ไมเ่ กิน 10,000 บาท หรือท้งั จาทง้ั ปรับ ง. ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ 1 ปี หรือปรับไมเ่ กิน 20,000 บาท หรือ ท้งั จาทั้งปรบั 35. กรณีการเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสารทางราชการที่จะทาให้การบงั คับใชก้ ฎหมายเสอ่ื มประสทิ ธภิ าพหรือไม่อาจ สาเรจ็ ตามวตั ถุประสงคไ์ ด้ ไมว่ ่าจะเก่ยี วกบั การฟอู งคดี การปอู งกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ ผู้ใดฝาุ ฝืนหรือไม่ปฏบิ ัตติ ามผู้นัน้ มีความผิดตามขอ้ ใด ก. ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรบั ไมเ่ กนิ 1,000 บาท หรือทั้งจาท้งั ปรบั ข. ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกนิ 3 เดือน หรือปรบั ไม่เกนิ 5,000 บาท หรอื ท้ังจาท้งั ปรบั ค. ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 6 เดอื น หรือปรับไม่เกนิ 10,000 บาท หรือท้ังจาทง้ั ปรับ ง. ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไมเ่ กิน 20,000 บาท หรอื ทง้ั จาทั้งปรับ **สงวนลขิ สิทธิต์ ามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบขา้ ราชการท้องถ่นิ เพอื่ คนทอ้ งถิ่น

-43- เฉลยแนวขอ้ สอบ พ.ร.บ.ขอ้ มูลข่าวสาร 2540 21 รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ 22 1 ง 11 ก 23 ข 31 ค 2 ข 12 ง 24 ค 32 ก 3 ค 13 ข 25 ก 33 ก 4 ง 14 ค 26 ข 34 ข 5 ก 15 ก 27 ค 35 ง 6 ง 16 ก 28 ค 7 ก 17 ข 29 ก 8 ข 18 ง 30 ง 9 ค 19 ง ค 10 ข 20 ก ข **สงวนลขิ สิทธต์ิ ามกฎหมาย** หอ้ งตวิ สอบขา้ ราชการท้องถ่นิ เพื่อคนทอ้ งถิ่น

-44- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ขอ้ มลู ขา่ วสาร 2540 (ถาม - ตอบ) 1. กฎหมายใดท่ีเก่ยี วข้องกับ พ.ร.บ. ขอ้ มลู ขา่ วสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ตอบ ระเบียบว่าด้วยการรกั ษาความปลอดภยั แห่งชาติ พ.ศ. 2517 2. ลักษณะสาคัญของข้อมลู ข่าวสารทสี่ าคัญตาม พ.ร.บ. ขอ้ มูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ตอบ 1) ขอ้ มูลขา่ วสารของทางราชการท่ีต้องเปดิ เผย โดยลงการพมิ พใ์ นราชกจิ จานเุ บกษา (ม.7) 2) ขอ้ มลู ข่าวสารของทางราชการท่ีไม่ตอ้ งเปิดเผยแต่ต้องจัดไว้เพ่ือให้ประชาชนเขา้ ตรวจดไู ด้ 3) ขอ้ มลู ข่าวสารที่ตอ้ งเปิดเผยเม่อื มีคาขอของประชาชน 4) ขอ้ มูลข่าวสารของราชการทหี่ น่วยงานของรัฐ หรอื เจ้าหน้าทีข่ องรัฐ อาจมีคาสง่ั มิให้เปิดเผยดว้ ย เหตผุ ลเก่ยี วกับประโยชนส์ าธารณะ ประโยชน์ของเอกชน และการปฏบิ ัติหน้าท่ตี ามกฎหมายของ หนว่ ยงานของรัฐ (ม. 15) 3. ผ้รู ักษาการตาม พ.ร.บ.ข้อมลู ขา่ วสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ซงึ่ มอี านาจออกกฎกระทรวงเพ่ือปฏบิ ัติ ตามพระราชบญั ญตั ิ คือ ตอบ นายกรฐั มนตรี (ม.5) 4. หน่วยงานของรัฐท่ีอยู่ในบังคบั ของ พ.ร.บ.ข้อมลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 (ม.4) ตอบ 1) ราชการบรหิ ารสว่ นกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ราชการบรหิ ารส่วนทอ้ งถิน่ 2) รัฐวสิ าหกจิ 3) ส่วนราชการท่สี ังกัดรฐั สภา 4) องค์กรควบคุมการประกอบวชิ าชพี เช่น สภาทนายความ 5. ขอ้ ใดเป็นหลกั การสาคัญของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ตอบ 1) ถอื เปน็ สิทธิ ของประชาชนในการรับรขู้ ้อมูลขา่ วสารของราชการ ส่วนข้อมูลขา่ วสารทีไ่ ม่ต้อง เปิดเผยถือว่าเป็นข้อยกเว้น 2) การให้ความคุ้มครองสทิ ธิของบุคคล ผซู้ ่งึ มีข้อมลู ข่าวสารบุคคลของเขาอยใู่ นความควบคมุ ดูและ ของทางราชการ 6. ข้อใดเปน็ ข้อจากัดสิทธิ ในการรบั รูข้ ่าวสารของทางราชการ (ข้อมลู ข่าวสารของทางราชการท่ีไมต่ ้องเปิดเผย) ตอบ 1) ขอ้ มลู ข่าวสารของราชการท่อี าจก่อความเสียหายต่อสถาบนั พระมหากษัตริย์ 2) ข้อมลู ข่าวสารทห่ี ากเปดิ เผยจะกระทบต่อความม่นั คงของประเทศ 3) ขอ้ มลู ข่าวสารทีห่ ากเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวติ หรอื ความปลอดภยั ของบุคคลหนง่ึ บุคคลใด 4) ขอ้ มลู ข่าวสารท่ีมีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการนาไปเปิดเผยต่อผอู้ ่ืน 7. ขอ้ ใดเป็นคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.ขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 ตอบ 1) คณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของทางราชการ 2) คณะอนกุ รรมการวินิจฉัยการเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสาร 8. การเข้าถึงข้อมลู ข่าวสารในลักษณะใดที่คนในชาติ (พลเมอื ง) มสี ิทธิดีกวา่ คนต่างดา้ ว ตอบ ขอ้ มูลข่าวสารของราชการท่ีไม่ต้องเปดิ เผย แตต่ อ้ งจัดไวเ้ พ่ือให้ประชาชนเขา้ ตรวจดไู ด้ **สงวนลิขสิทธ์ติ ามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถ่นิ เพ่ือคนทอ้ งถ่ิน

-45- รวบรวมและจดั ทาโดย แอดมินดิษฐ์ 9. นิตบิ ุคคลต่างด้าวตาม พ.ร.บ. ข้อมลู ขา่ วสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 คือใคร ตอบ 1) นติ บิ ุคคลท่มี ีทุนเกินกว่า 50% เป็นของคนต่างด้าว 2) นติ ิบคุ คลที่มสี มาชกิ เกนิ กว่า 50% เปน็ ของคนต่างด้าว 3) นิตบิ คุ คลทม่ี ีผแู้ ทนนติ ิบคุ คลเกินกวา่ 50% เป็นของคนต่างดา้ ว 4) นิติบุคคลมีวัตถุประสงค์เปน็ ไปเพื่อประโยชนข์ องคนตา่ งดา้ ว 10. โครงสร้างและการจดั องคก์ ร อานาจหน้าท่ี ภารกจิ กรมการปกครอง จดั เป็นข้อมลู ข่าวสารของทางราชการประเภทใด ตอบ ขอ้ มูลข่าวสารทีต่ ้องเปิดเผย โดยการลงพมิ พ์ในราชกจิ จานเุ บกษา 11. ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ท่อี าจก่อให้เกิดความเสียหายตอ่ สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ต้องส่งมอบให้ หอ จดหมายเหตุแหง่ ชาติ เม่ือมีอายคุ รบกีป่ ี ตอบ 75 ปี 12. สัญญาสมั ปทาน เป็นข้อมลู ข่าวสารประเภทใด ตอบ จดั ให้ประชาชนเขา้ ตรวจดไู ด้ 13. องค์ประกอบของ คณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสาร ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 (ไมร่ วมฝาุ ยเลขานุการ) มจี านวนกี่คน ตอบ 23 คน (มาประชุมไม่น้อยกวา่ ก่ึงหนึ่ง คือไมน่ ้อยกว่า 12 คน) 14. อานาจหนา้ ที่ของคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารของทางราชการ ตอบ 1) สอดส่องดแู ล และให้คาแนะนาเก่ียวกบั การดาเนินงานของเจ้าหน้าท่ีของรฐั และหน่วยงานของรฐั ในการปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญัติ 2) ใหค้ าปรกึ ษาแกเ่ จ้าหน้าที่ของรฐั หรอื หน่วยงานของรัฐเกีย่ วกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ตามทีไ่ ด้รบั คาขอ 3) เสนอแนะในการตรา พ.ร.ฎ. และออกกฎกระทรวง หรอื ระเบียบของคณะรัฐมนตรีตาม พระราชบัญญตั ิ 4) พิจารณาและให้ความเหน็ เรอ่ื งร้องเรยี น กรณีหน่วยงานของรัฐไมจ่ ัดพมิ พข์ ้อมูลขา่ วสารท่ตี ้องเปิดเผย ไมจ่ ัดข้อมูลขา่ วสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ หรอื ไมจ่ ดั หาข้อมูลข่าวสารท่ีประชาชนร้องขอ และ เรอื่ งร้องเรยี นในกรณีท่ีมีการฝุาฝืน ใหป้ ฏิบัตติ าม พ.ร.บ.หรอื ปฏบิ ัติหน้าที่ลา่ ช้า หรือไม่อานวย ความสะดวกโดยไม่มี เหตุอนั สมควร 15. องค์ประกอบของ คณะกรรมการวินิจฉยั การเปดิ เผยข้อมูลขา่ วสาร ตาม พ.ร.บ.ขอ้ มูลขา่ วสารของทาง ราชการ พ.ศ. 2540 (ไม่รวมฝุายเลขานุการ) มจี านวนกีค่ น ตอบ ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 คน อาจมีคณะหน่ึงหรือหลายคณะตามความจาเปน็ ซงึ่ คณะรัฐมนตรจี ะไดแ้ ต่งต้ังตาม ข้อเสนอของคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสาร 16. อานาจหนา้ ท่ีท่สี าคัญของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลขา่ วสาร ตอบ 1) พจิ ารณาวนิ ิจฉยั อุทธรณค์ าสงั่ มิใหเ้ ปดิ เผยข้อมูลขา่ วสารทอ่ี าจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ (ตาม ม.14) 2) พจิ ารณาวินจิ ฉัยอุทธรณ์คาสงั่ มิใหเ้ ปิดเผยข้อมลู ข่าวสารทก่ี ระทบกระเทือนต่อประโยชน์ สาธารณะ ประโยชน์ของเอกชน และการปฏิบตั หิ น้าทต่ี ามกฎหมายของหนว่ ยงานของรฐั (ตาม ม. 15) **สงวนลขิ สิทธติ์ ามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถน่ิ เพ่อื คนทอ้ งถ่นิ

-46- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมนิ ดษิ ฐ์ 3) พิจารณาวนิ ิจฉยั อุทธรณ์คาสง่ั ไมร่ ับฟังคาคัดคา้ นของผ้ซู ่ึง หากมกี ารเปดิ เผยข้อมลู ข่าวสารของ ทางราชการ จึงจะกระทบประโยชน์ไดเ้ สยี ของเขา (ตาม ม. 17) 4) พจิ ารณาวนิ จิ ฉัยอุทธรณ์คาส่ัง ไม่แกไ้ ขเปลยี่ นแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารสว่ นบุคคล ของบคุ คล ซ่ึงเหน็ วา่ ขอ้ มลู ข่าวสารสว่ นบุคคลทเ่ี ก่ยี วกบั ตนไม่ถูกต้องตามทเี่ ป็นจริง 17. สิทธทิ สี่ าคญั ของบุคคลซ่ึงขอ้ มูลข่าวสารสว่ นบุคคลท่ีเกย่ี วกบั ตน อยใู่ นความควบคุมดูแลของหน่วยงานของรฐั ตอบ 1) สทิ ธิทจ่ี ะได้รับรู้ถึงข้อมลู ข่าวสารส่วนบคุ คลทเ่ี ก่ียวข้องกับตน 2) สทิ ธทิ ี่จะไดต้ รวจดู หรือได้สาเนาขอ้ มลู ขา่ วสารทเี่ กย่ี วข้องกับตน เม่ือมีคาขอเปน็ หนังสอื ไปยงั หน่วยงานของรฐั 3) สทิ ธิท่ีจะย่ืนคาขอเป็นหนังสอื ต่อหน่วยงานของรัฐท่ีมีหน้าท่คี วบคุมดูแลใหแ้ ก้ไขเปลยี่ นแปลง หรอื ลบขอ้ มูลขา่ วสารท่ไี มถ่ ูกต้องตามความเปน็ จริง 4) สิทธิที่จะยืน่ คาอทุ ธรณ์ไปยังคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสาร เมอื่ หน่วยงานของ รฐั ไม่แก้ไขเปล่ียนแปลง หรือลบข้อมูลข่าวสารทไ่ี ม่ถูกตอ้ งตามท่เี ป็นจริง เมื่อได้มีคาขอเช่นว่าน้ัน 18. การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบคุ คลของหนว่ ยงานของรัฐ ข้อใดไมต่ ้องได้รบั ความยินยอมจากเจ้าของข้อมลู นน้ั ตอบ 1) การใชข้ ้อมลู ตามอานาจหน้าทข่ี องหน่วยงานของรัฐ 2) การใช้ข้อมลู เพื่อการฟูองคดี 3) การใช้ขอ้ มลู เพ่ือการสามะโนประชากร 4) การใช้ข้อมูลเพื่อการวจิ ัย โดยไม่ระบุชอื่ เจ้าของข้อมูล 19. ข้อมลู ข่าวสารฯ คอื อะไร ตอบ ขอ้ มูลข่าวสารของทางราชการ หมายความวา่ ข้อมลู ขา่ วสารทอ่ี ยูใ่ นความครอบครองหรือ ควบคมุ ดแู ลของหน่วยงานของรัฐ 20. หนว่ ยงานของรฐั คืออะไร ตอบ หน่วยงานของรัฐ หมายความว่า ราชการสว่ นกลาง ส่วนภมู ภิ าค สว่ นท้องถิ่น รัฐวิสาหกจิ สว่ นราชการ สงั กดั รัฐสภา ศาลเฉพาะในสว่ นที่ไมเ่ ก่ยี วกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบ วชิ าชพี หนว่ ยงานอิสระของรฐั และหนว่ ยงานอ่ืนตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง - ราชการสว่ นกลาง มี 15 กระทรวง 173 กรม 11 - ส่วนภมู ภิ าค มี 75 จงั หวดั 795 อาเภอ 81 ก่ิงอาเภอ - ส่วนทอ้ งถนิ่ 75 อบจ. 1129 เทศบาล 6,745 อบต. 1 พทั ยา 1 กทม. - รฐั วิสาหกิจ 58 แห่ง - สว่ นราชการสงั กดั รัฐสภา คอื สนง.เลขาธิการวฒุ ิสภา สนง.เลขานกุ ารสภาผ้แู ทนราษฎร - องค์กรควบคมุ การประกอบวิชาชีพ เชน่ สภาทนายความ แพทยสภา เนตบิ ณั ฑิตสภา ฯลฯ - หน่วยงานอสิ ระของรฐั 11 หนว่ ย 21. เจา้ หน้าที่ของรัฐ คืออะไร ตอบ ผซู้ ง่ึ ปฏบิ ตั ิงานให้แกห่ น่วยงานของรัฐ **สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย** ห้องตวิ สอบข้าราชการท้องถน่ิ เพ่อื คนทอ้ งถิ่น

-47- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดิษฐ์ 22. ข้อมูลขา่ วสารสว่ นบุคคล ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ตอบ ข้อมลู ขา่ วสารส่วนบุคคล หมายความวา่ ขอ้ มลู ข่าวสารเกี่ยวกับส่งิ เฉพาะตวั ของบุคคล เชน่ การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัตสิ ุขภาพ ประวัตอิ าชญากรรม หรอื ประวัติการทางาน บรรดาที่มชี ่ือ ของผนู้ น้ั หรอื มีหมายเลข รหัส หรือสิ่งบอกลกั ษณะอนื่ ท่ีทาให้ร้ตู ัวผ้นู ้นั ได้ เชน่ ลายพมิ พ์นวิ้ มอื แผ่น บันทกึ ลักษณะเสียงของคนหรือรูปถา่ ย และให้หมายความรวมถงึ ข้อมลู ข่าวสารเกีย่ วกับสงิ่ เฉพาะตวั ของผทู้ ่ีถงึ แกก่ รรมแลว้ ด้วย 23. ข้อมลู ที่เปิดเผยได้ มอี ะไรบา้ ง ตอบ 1) ขอ้ มลู ขา่ วสารทตี่ ้องพิมพ์เผยแพร่ (ม.7) ไดแ้ กข่ ้อมลู ขา่ วสารที่หน่วยงานของรัฐต้องส่งลงพิมพ์ใน ราชกิจจานุเบกษา และรวบรวมนาเผยแพรเ่ พื่อขายหรือจาหนา่ ยจ่ายแจก ณ ท่ีทาการของหนว่ ยงาน ของรฐั นั้น 2) ข้อมูลขา่ วสารทีต่ อ้ งจัดให้ประชาชนเข้าตรวจดไู ด้ (ม.9) ได้แก่ขอ้ มลู ข่าวสารที่ไม่ตอ้ งสง่ ลงพมิ พ์ใน ราชกจิ จานุเบกษา แตห่ นว่ ยงานของรฐั ต้องจัดให้มเี พื่อประชาชนเข้าตรวจดไู ด้ ทงั้ นี้ ผขู้ อเขา้ ดจู ะ เปน็ ผู้มีส่วนได้สว่ นเสยี หรอื ไม่ก็ได้ 3) ข้อมูลขา่ วสารที่ประชาชนอาจขอดไู ด้ (ม.11) ถา้ ขอข้อมูลขา่ วสารอ่นื ใดนอกจากข้อ 1 และข้อ 2 ตอ้ งเปน็ ข้อมลู ขา่ วสารท่ีมีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมจะใหไ้ ด้ มิใช่เปน็ การไปจัดทา วิเคราะห์ จาแนก รวบรวม หรือจดั ใหม้ ขี ึ้นใหม่ ใหห้ น่วยงานของรฐั ผ้รู บั ผดิ ชอบ จัดหาข้อมูลขา่ วสารนั้นให้แก่ผขู้ อ ในเวลาอนั พอสมควร เว้นแต่ผู้น้ันขอจานวนมาก หรือบ่อยครงั้ โดยไมม่ ีเหตผุ ลสมควร 24. ข้อมูลท่ีเปิดเผยไมไ่ ด้ มีอะไรบ้าง ตอบ ข้อมูลขา่ วสารท่ีไมต่ ้องเปิดเผย มี 2 ประเภท ได้แก่ 1. ขอ้ มลู ที่อาจก่อใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่ สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ จะเปิดเผยมิได้ 2. ขอ้ มูลข่าวสารของหนว่ ยราชการ ดงั นี้ ก. เปิดเผยแลว้ กระทบต่อความม่นั คงของประเทศ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งประเทศ หรอื ความ มน่ั คงทางเศรษฐกจิ หรอื การคลงั ของประเทศ ข. เปิดเผยแล้วอาจทาให้กฎหมายเสือ่ มประสทิ ธิภาพ หรอื ไม่อาจสาเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ค. ความเหน็ หรือข้อแนะนาภายในหน่วยงานของรบั ในการดาเนนิ การเร่อื งหน่ึงเร่ืองใด ง. เปดิ เผยแลว้ อาจเป็นอนั ตรายตอ่ ชวี ิตของบคุ คลหนง่ึ บุคคลใด จ. รายงานทางการแพทย์ที่อาจจะรกุ ล้าสทิ ธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร ฉ. ข้อมลู ขา่ วสารของทางราชการทมี่ ีกฎหมายคุ้มครองมใิ หเ้ ปิดเผย ช. กรณีอนื่ ตามที่กาหนดในพระราชกฤษฎีกา 25. ขอ้ มลู สว่ นบุคคล คืออะไร ใครมีอานาจขอดู ตอบ ขอ้ มลู ข่าวสารทเี่ ปิดเผยเป็นการเฉพาะ ได้แกข่ ้อมูลขา่ วสารส่วนบคุ คล และบคุ คลในที่น้หี มายถึง บคุ คลธรรมดาท่ีมีสัญชาตไิ ทย และบคุ คลธรรมดาท่ไี ม่มสี ัญชาติไทย แตม่ ีถนิ่ ท่ีอยู่ในประเทศไทย โดย ให้หนว่ ยงานของรฐั เกบ็ ข้อมลู เทา่ ทีเ่ ก่ยี วข้องและจาเปน็ และจัดระบบรักษาความปลอดภัยของขอ้ มูล ตามความเหมาะสม ทง้ั นกี้ าหนดใหส้ านกั งานขา่ วกรองแห่งชาติ และหน่วยงานของรฐั แห่งอื่น กาหนดหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไข ซ่ึงประเภทของบคุ คลทีจ่ ะเก็บขอ้ มลู ข่าวสารสว่ นบคุ คลไว้ เจา้ ของข้อมูลอาจขอตรวจดูข้อมลู ของตนเองได้ **สงวนลขิ สิทธติ์ ามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบขา้ ราชการท้องถนิ่ เพื่อคนทอ้ งถิน่

-48- รวบรวมและจัดทาโดย แอดมินดษิ ฐ์ 26. ขอ้ มูลประวตั ศิ าสตร์ คืออะไร ตอบ ข้อมูลขา่ วสารท่ีคัดเลือกไว้ให้ประชาชนศึกษา คน้ คว้า ได้แกเ่ อกสารประวัตศิ าสตร์ แบ่งเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ 1. ขอ้ มูลขา่ วสารทีอ่ าจก่อให้เกดิ ความเสยี หายต่อสถาบนั พระมหากษตั ริย์ เมื่อมีอายคุ รบ 75 ปี 2. ข้อมูลขา่ วสารท่มี ลี ักษณะบางประการท่หี นว่ ยงานของรัฐหรือเจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐ อาจมีคาสั่งไม่ให้ เปดิ เผย เม่ือมีอายคุ รบ 20 ปี ขอ้ มูลข่าวสารตามข้อ 1. และ 2. ทห่ี น่วยงานของรัฐไม่ประสงคจ์ ะเก็บรกั ษาหรือมีอายคุ รบกาหนด ให้หนว่ ยงานของรัฐสง่ มอบให้แก่หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ กรมศิลปากร หรือหนว่ ยงานอ่ืน ตามทก่ี าหนดใน พระราชกฤษฎีกาแต่กาหนดเวลาขา้ งตน้ อาจขยายออกไปในกรณที ีห่ น่วยงานของรฐั ยงั จาเป็นต้องเกบ็ ไวใ้ ช้ สอย หรอื ยงั ไม่ควรเปดิ เผย ใหม้ คี าสั่งขยายเวลากากับไวเ้ ป็นการเฉพาะราย 27. ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ข้อมูล ปี 2540 ทเ่ี ปิดเผยตอ้ งพิมพใ์ นราชกิจจานุเบกษามีอะไรบ้าง ตอบ 1) โครงสรา้ งและการจัดองค์กรในการดาเนนิ งาน 2) สรปุ อานาจหนา้ ที่ทีส่ าคญั และวธิ กี ารดาเนินงาน 3) สถานท่ตี ดิ ตอ่ เพ่ือขอรับข้อมลู ขา่ วสารหรือคาแนะนาในการติดต่อกับหนว่ ยงานของรัฐ 4) กฎ มตคิ ณะรฐั มนตรี ข้อบังคับ คาสง่ั หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรอื การตีความ ท้งั นี้ เฉพาะทจ่ี ัดใหม้ ีข้ึนโดยมีสภาพอย่างกฎ เพ่อื ใหม้ ีผลเป็นการทวั่ ไปต่อเอกชนที่เก่ยี วข้อง 5) ข้อมลู ข่าวสารอน่ื ตามท่คี ณะกรรมการกาหนด 28. สถานท่ขี อดขู ้อมูลขา่ วสาร เชน่ สาเนาบัตรประชาชนอยู่ทไี่ หน ตอบ สานกั ทะเบียนจงั หวดั สานักทะเบียนอาเภอ สานักทะเบียนท้องถ่ิน 29. ตามมาตรา 15 หลักเกณฑ์การดาเนินการขอ้ มลู ข่าวสารไมเ่ ปิดเผยอยา่ งไร ตอบ มี 7 กรณี คอื ก. เปิดเผยแลว้ กระทบต่อความมนั่ คงของประเทศ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างประเทศ หรอื ความมั่นคงทาง เศรษฐกจิ หรือการคลังของประเทศ ข. เปดิ เผยแลว้ อาจทาให้กฎหมายเสื่อมประสิทธภิ าพหรือไม่อาจสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ได้ ค. ความเหน็ หรือข้อแนะนาภายในหน่วยงานของรับในการดาเนินการเรื่องหนึ่งเรอื่ งใด ง. เปิดเผยแล้วอาจเป็นอันตรายตอ่ ชวี ิตของบคุ คลหน่งึ บุคคลใด จ. รายงานทางการแพทย์ท่ีอาจจะรกุ ลา้ สทิ ธสิ ่วนบคุ คลโดยไมส่ มควร ฉ. ข้อมลู ข่าวสารของทางราชการทีม่ ีกฎหมายคุ้มครองมใิ หเ้ ปิดเผย ช. กรณอี น่ื ตามท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎีกา 30. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ มีอะไรบา้ ง ตอบ คณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารของทางราชการ ประกอบด้วย รฐั มนตรีท่ีนายกรัฐมนตรมี อบหมาย เปน็ ประธาน ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี กลาโหม เกษตรและสหกรณ์ การคลัง การตา่ งประเทศ มหาดไทย พาณชิ ย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน สภาความมนั่ คงแหง่ ชาติ สภา ผแู้ ทนราษฎร ผู้อานายการสานักงานขา่ วกรองแหง่ ชาติ และผอู้ านวยการสานักงบประมาณ เป็นกรรมการโดย ตาแหนง่ กรรมการผู้ทรงคุณวฒุ จิ ากภาครัฐและภาคเอกชน ซงึ่ คณะรฐั มนตรีแต่งตง้ั อีก 9 คน โดยมขี ้าราชการ ของสานักปลดั สานักนายกรัฐมนตรี ซงึ่ ปลัดสานักนายกรฐั มนตรีแต่งตงั้ เปน็ เลขานุการและผ้ชู ่วยเลขานกุ าร **สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย** หอ้ งติวสอบข้าราชการท้องถ่นิ เพอื่ คนท้องถิ่น