หลกั การปอ้ งกนั ตนเองของเจ้าหน้าท ่ี จากการ¶ูกทา� รา้ ยโดยผู้ตอ้ งขงั นำงสำวสริ ิประภำ แก้วศรีนวล นกั จติ วิทยำคลินกิ ชำ� นำญกำร เรอื นจ�ำจังหวัดนนทบรุ ี ค�าจา� กดั ความการãชพ้ Äติกรรมที่กอ่ ความรØนแรงท�าร้ายผ้อู ่นื “เปน็ ความต้งั ใจทจี่ ะใช้ก�าลังทางกายหรืออาวุธ เพอื่ ขม่ ขหู่ รือทา� อันตรายต่อบุคคลอื่นโดยสง่ ผลใหเ้ กดิ หรอื มีความ นา่ จะเปน็ สงู วา่ จะเกดิ การบาดเจบ็ เสยี ชวี ติ กระทบกระเทอื นดา้ นจติ ใจ” (ดดั แปลงจากคา� นยิ ามของ พญ. พอใจ มหาเทพ) สาเหตทØ ที่ า� ãห้ผู้ตอ้ งขังท�าร้ายเจ้าหนา้ ท่ี หลัก Bio Psycho Social Model การใช้หลักทฤษฎีในการหาสาเหตทุ ีท่ า� ใหผ้ ู้ตอ้ งขังท�ารา้ ยเจา้ หน้าท ่ี โดยใชห้ ลัก Bio Psycho Social Model 1. Biological (ด้านพฤติกรรม) พนั ธกุ รรม ฮอรโ์ มน พยาธสิ ภาพทางสมอง การใช้สารเสพตดิ 2. Psychological (ด้านจติ ใจ) สุขภาพจิต บุคลิกภาพ อารมณ ์ ความเช่อื ความคาดหวัง ทกั ษะการแก้ปัญหา 3. Sociological (ด้านสังคม) ครอบครัว เพ่ือน ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การสนับสนุนทางสังคม การขาด การเล้ยี งด ู การเปล่ยี นแปลงทางเศรษฐกิจสงั คม หลกั ทÄÉ®อี าชÞาวทิ ยา การศกึ ษาสาเหตุและปจั จยั ทีผ่ ู้ตอ้ งขังเลือกท่ีจะกระท�าการใด ๆ ท่ีผิดกฎหมาย โดยศกึ ษาจากทฤษฎ ี ได้แก่ ทฤษฎี การเลอื กแบบมีเหตุผลและทฤษฎีปกตนิ สิ ยั 1. Rational Choice Theory: ทฤษฎกี ารเลือกแบบมเี หตผุ ล 1) การเรียนรแู้ ละประสบการณ ์ เป็นองคป์ ระกอบส�าคญั ในการจะก่ออาชญากรรม : เรียนรู้ว่าเม่ือใดควรเสี่ยง/ ไมค่ วรเส่ยี ง 2) การเลอื กสถานท่กี ่ออาชญากรรม 3) การเลือกเปา้ หมาย 4) เรยี นรูเ้ ทคนคิ ของการเป็นอาชญากร ตัวอยา่ ง เช่น โจรลักรถยนต์จะเลอื กรถที่ไมต่ ดิ ต้ังสญั ญาณกันขโมยเพราะมีโอกาสขโมยส�าเร็จ สถาบนั เวชศาสตรป์ ้องกนั ศกึ ษา กรมควบคมุ โรค 43
2. Routine Activities Theory: ทฤษฎปี กตนิ สิ ยั อตั ราการตกเปน็ เหยอ่ื อาชญากรรมจะเพม่ิ ขนึ้ เมอื่ มอี งคป์ ระกอบ ครบ ไดแ้ ก ่ เหยอ่ื เปา้ หมายและการขาดความคมุ้ ครอง Routine Activities คอื กิจวตั รหรอื การกระท�าของบุคคลที่เกดิ บ่อยคร้งั เป็นประจา� สมมุติฐาน: การเกิดอาชญากรรมเกดิ จากการกระทา� ท่เี ปน็ นิสยั ประจ�าของเหยือ่ อาชญากรรมนัน่ เอง การประเมนิ ผู้ตอ้ งขัง ลักษณะเส่ยี งของผตู้ ้องขังที่จะท�ำรำ้ ยเจำ้ หนำ้ ท่ี 1. มีประวัติพฤติกรรมรนุ แรงมาก่อน เช่น คดฆี ่า คดขี ่มขนื ฯลฯ 2. มกี ารแสดงพฤตกิ รรมคุกคามผู้อื่นเมอ่ื ไมน่ านมาน ี้ เช่น พูดจาข่มข่เู พือ่ นผ้ตู อ้ งขงั ดว้ ยกันเอง มกี ารทะเลาะ เบาะแวง้ กบั ผตู้ ้องขังดว้ ยกนั 3. แสดงความโกรธอยา่ งรุนแรง เช่น เสยี งดงั กา� หมัด กดั กราม คา� พูดท่ีเต็มไปด้วยความโกรธแคน้ หายใจเรว็ ข้นึ กล้ามเน้อื เกรง็ 4. มีภาวะเครียดหรอื ภาวะกดดันอยา่ งรุนแรง 5. มีอาการสบั สน มอี าการทางจิตเวชกา� เริบ 6. ผู้ต้องขังเขา้ ใหม่ให้ประวตั ิเสพยาเสพตดิ ด่ืมสุราทุกวัน ปวยโรคทางจติ เวชขาดการกนิ ยาตอ่ เนื่อง การเ½า้ ระวงั ปอ้ งกนั ถึงแม้ว่าบุคลากรสายการแพทย์จะเป็นผู้ท่ีให้การช่วยเหลือเรื่องโรคภัยไข้เจ็บแก่ผู้ต้องขัง เป็นบุคคลท่ีผู้ต้องขัง ให้ความเคารพเช่ือฟัง แต่ควรอยู่บนพืน้ ฐานความไมป่ ระมาท ตอ้ งมคี วามระมดั ระวงั ตนเอง ส่งิ ส�าคัญคือความปลอดภัย ของบคุ ลากรสายการแพทยน์ ั่นเอง 1. ในการให้บริการแก่ผู้ต้องขัง ควรให้เจ้าหน้าที่ฝายควบคุมเข้าร่วมในการดูแลและสังเกตการณ์ด้วยเสมอ ในกรณที ก่ี ารตรวจรกั ษาตอ้ งการความเปน็ สว่ นตวั เจ้าหน้าทค่ี วรอยู่ในต�าแหน่งทพี่ ร้อมให้การช่วยเหลอื ได ้ ในทันทีเมื่อเกิดเหตุ และอยใู่ นระยะทเ่ี หมาะสมไม่รบกวนในการตรวจรกั ษา 2. สถานทใ่ี หบ้ รกิ าร ควรจดั สงิ่ แวดลอ้ มใหป้ ลอดภยั ปลอดอาวธุ บรเิ วณหอ้ งตรวจรกั ษา ควรเกบ็ วสั ดเุ ครอ่ื งมอื ทผี่ ้ตู ้องขงั สามารถหยิบจบั นา� มาเปน็ อาวธุ ได้ 3. เจ้าหน้าท่ีควรทราบข้อมูลเบ้ืองต้นเก่ียวกับผู้ต้องขังที่เข้ารับบริการ เช่น โรคประจ�าตัว ประวัติยาเสพติด ความสามารถในการควบคุมตัวเองและความเครียด อารมณ ์ ณ ขณะนน้ั ของผู้ต้องขัง 44 สรุปเนือ้ หาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตร์ราชทณั ฑ์ระยะส้นั
โรคäมต่ ิดตอ่ และการบาดเจบç ท่ีพบบ่อยãนเรือนจ�าและการดูแลเบ้อื งต้น พญ.รวมทิพย์ สุภำนนั ท์ อำยุรแพทย์ ทณั ฑส์ ถำนโรงพยำบำลรำชทณั ฑ์ ผ้ตู ้องขังที่เข้ารบั การรกั ษาในราชทัณฑแ์ บ่งออกเปน็ 3 ประเภท ดงั นี้ 1. มีโรคประจ�าตวั มียาทาน พบแพทยเ์ ปน็ ประจา� 2. มโี รคประจ�าตวั แตไ่ มไ่ ดร้ กั ษาต่อเนอื่ ง 3. ไมเ่ คยตรวจสขุ ภาพ ไม่ทราบวา่ ตัวเองมีโรคประจา� ตัว อาการท่พี บบอ่ ยและการดูแลเบ้อื งต้น 1. หมดสติ ไม่ร้สู ึกตวั การด�าเนินการข้ันแรกดู A-B-C, IV line, หยอด DTX, สัญญาณชีพ (V/S), neuro sign, บาดแผล ระยะเวลาทเี่ กดิ อาการถา้ เปน็ ทนั ท ี ใหส้ งสยั วา่ อาจเกดิ จากอาการชกั /หลอดเลอื ดสมอง/ไขก้ าฬหลงั แอน่ และควร ดูวา่ มเี หตกุ ารณ์/อาการก่อนหน้าท่จี ะหมดสตหิ รือไม่ เชน่ มีโรคประจ�าตัว ปวดศรี ษะ อาเจียน แขนขาออ่ นแรง ปัสสาวะ มาก/น้อย การประเมนิ สัญญาณทางระบบประสาท Glasgow Coma Scale (GCS) แบง่ ได้ดงั น้ี E (Eye opening) คะแนน 1 - 4 : 4 = ลมื ตาเอง 3 = ลมื ตาเมื่อเรียก 2 = ลมื ตาเมอ่ื ทา� ให้เจบ็ กระตุ้นโดยใชข้ อ้ น้ิวกดไปท่หี น้าอก หรือขอ้ น้ิวกดไปท่ีกลางกระหมอ่ ม 1 = ไม่ลมื ตา V (Verbal response) คะแนน 1 - 5 : 5 = ตอบรู้เรื่อง 4 = ตอบสับสน 3 = ค�าพูดไม่ส่อื สาร 2 = สง่ เสยี งไมเ่ ปน็ ค�า 1 = ไมส่ ง่ เสยี ง M (Motor response) ดูจากการขยบั ของแขนและขา คะแนน 1 - 6 : 6 = ท�าไดต้ ามทสี่ ั่ง 5 = ทราบต�าแหน่งท่ีถกู ทา� ใหเ้ จบ็ 4 = ขยับแขนหรอื ขาเม่ือทา� ใหเ้ จบ็ 3 = งอแขนตอบสนองเมือ่ ทา� ให้เจบ็ 2 = เหยียดแขนตอบสนองเม่อื ท�าใหเ้ จบ็ 1 = ไมข่ ยับ หากการประเมินคะแนนรวม ไมถ่ ึง 9 จะตอ้ งพิจาณาช่วยเรอื่ งทางเดินหายใจใหก้ ับผู้ปว ย สถาบันเวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา กรมควบคุมโรค 45
คนไขห้ มดสตใิ หร้ ะวงั วา่ อาจมกี ารบาดเจบ็ ทกี่ ระดกู สนั หลงั สว่ นคอ การเคลอื่ นยา้ ยผปู้ ว ยตอ้ งทา� การดามตรงกระดกู สันหลัง สาเหตขุ องภาวะรูส้ กึ ตวั ลดลงสามารถแบง่ ออกได้ 2 สาเหต ุ ดังน้ี 1) Neurologic เช่น Stroke, Seizure CNS infection, Brain herniation 2) Systemic เชน่ RF, Liver failure, hypo/hyperglycemia Na Ca เปน็ ตน้ 2. แนนหน้ำอก (Chest pain) ใหแ้ บง่ โรคทอี่ าการคอ่ นข้างฉกุ เฉิน ดงั น้ี 1) ACS อาการแนน่ ๆ บบี ๆ กลางหนา้ อกราวนมซา้ ย รา้ วไปคอไมเ่ กนิ สว่ นหวั และสว่ นลา่ ง ไมเ่ กนิ ทอ้ ง ระยะเวลา แสดงอาการมากกว่า 10 นาที 2) Aortic dissection อาการเหมือนถกู แทงทีก่ ลางอก ร้าวไปตรงกลางหลงั ระหว่างหวั ไหล ่ 2 ข้าง เกดิ ขึ้นทนั ที รุนแรง ชพี จรเต้นไม่เท่ากนั ตอ้ ง refer ดว่ นไปทา� การผ่าตัด 3) Pulmonary embolism อาการไมแ่ นน่ อน อาจเจบ็ แปลบ ๆ หอบ หายใจเรว็ ความดนั ตา�่ เกดิ ทนั ทเี ปน็ ชวั่ โมง 4) Pneumonia อาการแปลบ ๆ ไข้ ไอ เสมหะ หอบ ระยะเวลาแสดงอาการไม่แน่นอน 5) Pneumothorax อาการแปลบ ๆ หอบ เสยี งปอดลดลง อาการที่แสดง 6) GERD อาการแสบรอ้ นแน่นหนา้ อกตรงลนิ้ ปข ้ึนคอ อาจให้ยาทาน ถ้าอาการไม่ดขี ้นึ ใหท้ �า EKG 7) Costochondritis กลา้ มเนื้ออักเสบ อาการแน่น ๆ หนา้ อก แปลบ ๆ สัมพนั ธ์กับการเคล่ือนไหว วิธกี ารด ู EKG 12 lead รปู ที่ 1: แสดงปกตจิ ะดคู า่ P Q R S T wave โดยค่า ST segment ตอ้ งเทา่ กับ PR interval 46 สรปุ เนือ้ หาการอบรมหลักสตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะส้นั
รปู ที่ 2: แสดงตวั อย่างกลา้ มเนอื้ หวั ใจขาดเลือด โดยจะแสดงภาวะดงั น ี้ Ischemia = T wave inversion, Injury = ST segment elevation, Infarction = significant Q wave กำรรกั ษำเบอื้ งตน้ ในเรอื นจำ� กอ นสง ตอ : ใหว้ ดั สญั ญาณชพี (V/S) ดคู า่ ออกซเิ จนในเลอื ดมากกวา่ 90% เปดิ เสน้ เลอื ด งดอาหาร เตรียมรถกู้ชพี ใหเ้ คีย้ ว Aspirin 160-325 mg ถา้ คนไข้มีประวตั ิแพ้ยาห้ามใหท้ าน (ให้ปรึกษาโรงพยาบาล แมข่ า่ ยกอ่ นให้) ยา ISDN 5 mg อมใต้ลิน้ ถ้ามีอาการแน่นหน้าอกให้หลีกเลยี่ ง ถา้ มีภาวะ SBP นอ้ ยกวา่ 90 3. แขนขำออนแรง (weakness) แบง่ เปน็ 1) Upper Motor Neuron : สว่ นสมองใหญ ่ แกนสมอง ไขสนั หลัง ลักษณะจะเป็นแบบ Quadriplegia : ตัง้ แต่ คอลงทงั้ ตวั Paraplegia : กลางลา� ตวั ลงปลายเทา้ Hemiplegia : ครง่ึ ซกี มคี วามตงึ แบบ Spasticity, rigidity 2) Lower Motor Neuron : Anterior horn cell รากประสาทไขสันหลัง กลา้ มเนื้อ ฯลฯ ลกั ษณะอาการ Hypotonia อ่อนแรงบางจดุ , Fasciculation การตรวจท�างา่ ย ๆ โดยใช้ปลายปากกาขีดจากปลายสน้ เท้า ไปน้วิ ก้อยไปนิว้ แม่โปง้ ประวตั ิทคี่ วรถามผู้ปวย ไดแ้ ก ่ การมองเหน็ การกลืน การหายใจ แขนขาอ่อนแรงขา้ งใดข้างหนง่ึ ใหน้ ึกถงึ โรคทาง สมอง ขาอ่อนแรง 2 ขา้ งและชาแบบมี sensory level ใหน้ กึ ถงึ โรคท่เี กิดกบั ไขสนั หลงั อ่อนแรงแขนขาส่วนปลายและชา แบบถงุ มือถงุ เท้าให้นึกถึงโรคท่ีเกิดกบั เส้นประสาทสว่ นปลาย แนวทำงกำรดแู ลเบอ้ื งตน้ กอ นสง ตอ : ประเมนิ ทางเดนิ หายใจ ไมค่ วรใหย้ ารกั ษาภาวะความดนั โลหติ สงู ใหอ้ อกซเิ จน ในเลอื ดมากกว่า 94% วัดระดบั น�้าตาล เปดิ หลอดเลอื ดด�า ไมค่ วรใหส้ ารน�า้ ท่มี นี �้าตาล งดอาหาร และนา้� สอบถามเวลา เริ่มมอี าการ แจง้ โรงพยาบาลปลายทางล่วงหนา้ 4. ปวดทอ้ ง (Abdominal pain) ใหแ้ ยกระหวา่ งปวดทอ้ งฉกุ เฉนิ กบั ไมฉ่ กุ เฉนิ โดยแบง่ ตามบรเิ วณทป่ี วด เชน่ ปวด ดา้ นขวาบนอวยั วะท่เี กยี่ วกบั การปวดจะเปน็ ตับ ถงุ นา้� ด ี ด้านซ้ายบนอวยั วะท่ีเกี่ยวกบั การปวดจะเป็น กระเพาะ ลา� ไส ้ ด้านขวาล่าง อวัยวะทีเ่ กย่ี วกบั การปวดจะเป็นไสต้ ง่ิ อกั เสบและรงั ไข่ 1) ไสต้ ง่ิ อกั เสบ (Appendicitis) จะมวี ธิ กี ารประเมนิ โดยใช ้ Alvarado score โดยดรู ะดบั คะแนน มากกวา่ 7-10 และมีอาการร่วมดว้ ย เช่น เบือ่ อาหาร คลืน่ ไส ้ ปวดท้องด้านขวาลา่ ง ไข้ ฯลฯ 2) ปวดทอ้ งฉุกเฉินสงสยั โรคทางศลั ยกรรม อาการปวดทอ้ งเป็นมากขึน้ เร่ือย ๆ กดท้องแขง็ guarding ควรสง่ refer ใหง้ ดนา�้ งดอาหาร สถาบนั เวชศาสตรป์ ้องกนั ศึกษา กรมควบคมุ โรค 47
5. ควำมดนั โลหิตสูง ระดบั ปกติ SBP 120 - 129 DBP 80 - 84 การวัดความดันไมค่ วรด่มื ชา กาแฟก่อนวัด pulse อยู่ระดับเดียวกับหัวใจ งดพูดคุย ไม่เกร็งแขน ไม่ก�ามือ ให้มีการซักประวัติร่วมด้วยกับระดับความดันโลหิต เป้าหมาย แบง่ ตามช่วงอาย ุ ดงั นี้ อายุ 18-65 = 120-130/70-79, อาย ุ 65-79 = 130-139/70-79, อายุมากกวา่ หรอื เทา่ กับ 80 = 130-139/70-79 แนวทางการรกั Éาโรคความดนั โลหติ สูง 1. ปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรม เชน่ ลดน�้าหนกั จา� กัดปรมิ าณเกลือ ออกกา� ลังกาย 2. การใช้ยา ไมแ่ นะน�าการให ้ ASA: primary prevention ดงั แสดงในรูป รปู ที่ 3: แสดงแนวทางการรกั ษาโรคความดนั โลหติ สงู ในเวชปฏิบตั ิ พ.ศ. 2562 สมาคมความดนั โลหติ สูงแห่งประเทศไทย 6. เบำหวำน อาการคลนื่ ไส ้ อาเจยี น กระหายน�า้ ปัสสาวะบ่อย ปวดแนน่ ทอ้ ง ชัก ซมึ หายใจหอบลกึ Kussmaul breathing แสดงอาการเปน็ ชว่ั โมงหรอื เปน็ วนั การคัดกรองผู้ทีม่ อี ายุ 35 ปขน้ึ ไป พ่อ แม ่ ญาตเิ ปน็ โรคเบาหวาน ทานยา โรคความดันโลหิต ระดับไขมันในเลอื ดผดิ ปกติ เคยตรวจพบเป็น IFG ฯลฯ การตรวจคัดกรองจากปลายนิ้ว ผลมากกวา่ หรอื เทา่ กับ 126 ถอื วา่ เปน็ เบาหวาน ควรมกี ารตรวจคดั กรองภาวะแทรกซ้อนปละ 1 ครง้ั เช่น จอตาผดิ ปกติ คดั กรอง ไต urine protein หลอดเลือดหวั ใจและหลอดเลอื ดสมอง การดแู ลเท้า สุขภาพชอ่ งปากและฟัน 7. กำรบำดเจบ็ ทพี่ บไดบ้ อ ยในเรอื นจำ� ไดแ้ ก ่ การทะเลาะววิ าท พลดั ตกหกลม้ ทา� รา้ ยรา่ งกายจากการปฏบิ ตั งิ าน/ ฝกวิชาชีพ แมลงสัตว์กดั ต่อย การดแู ลเบ้อื งตน้ ให้ทา� ABC, Support cervical spine, Resuscitation, การชว่ ยหายใจ, การให ้ fluid resuscitation, การห้ามเลือด 48 สรุปเนอ้ื หาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตรร์ าชทัณฑ์ระยะส้นั
1) การได้รับบาดเจ็บท่ีศีรษะ อาการต่อไปน้ีให้พิจารณาส่งรักษาต่อ : ความรู้สึกตัวลดลง อาการผิดปกติทาง ระบบประสาท (focal neurological deficit) กะโหลกศีรษะแตกร้าว หรือมีบาดแผลทะลุเข้าสู่สมอง มีอาการชกั ไดร้ ับการบาดเจบ็ หมดสตินานกว่า 10 นาท ี ปวดศรี ษะมาก คอแขง็ อาเจยี นพุง่ 8. ไหลห ลุด (Shoulder dislocation) จะเห็นรอยบมุ ที่ไหล่ชัดเจน อาจให้ยาแกป้ วดก่อนแล้ว reduction โดยใช้ ผา้ มอื ค่อย ๆ ดึง 9. ได้รบั สำรพษิ หรอื ยำเกินขนำด สามารถดูแลรักษาเบอื้ งตน้ ดงั นี้ 1) ล้างทอ้ ง (Gastric lavage) ถ้าหากสารพษิ ทก่ี ินเข้าไปเป็นกรดหรอื ด่าง ไม่แนะนา� ใหล้ า่ งทอ้ ง 2) ให้ผงถา่ นกมั มนั ต ์ (Activated charcoal) •ข้อควรระวงั การãช้ยา หลีกเลี่ยงการให้ยากลุ่มเดียวกัน อาทิ NSAIDs (Ibuprofen, Naproxen Diclofenac Indomethacin ••Meloxicam Piroxicam Celecoxib/Celebrex Ponstan), ACEI (Enalapril), ARB (Losartan) ยาทสี่ ง่ ผลกบั ตัวโรค เช่น Thiazide : Gout, Metformin: CKD, B-blocker: heart block, severe asthma ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งยา ไมแ่ นะนา� ใหใ้ ชย้ ากลมุ่ Simvastatin ไดแ้ ก ่ Itraconazole ketoconazole Erythromycin clarithromycin HIV PI Gemfibrozil รว่ มกบั กลมุ่ ยาฆา่ เชอ้ื รา Ergotamine ไดแ้ ก ่ Azole Erythromycin Clarithromycin NNRTI PI สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกันศึกษา กรมควบคมุ โรค 49
โรคสา� คัÞทพี่ บäด้บอ่ ยãนเรือนจา� การคดั กรองวนิ จิ ©ยั เบอ้ื งตน้ / หลกั การสอบสวนโรคและการควบคมØ โรคãนเรอื นจ�า นพ.ชำโล สำณศิลปน กองระบำดวทิ ยำ กรมควบคมุ โรค โรคสา� คญั ทพ่ี บไดบ้ อ่ ยในเรอื นจา� และการคดั กรองวนิ จิ ฉยั เบอื้ งตน้ ใหจ้ า� แนกอาการของผตู้ อ้ งขงั ตามกลมุ่ โรค ไดแ้ ก ่ กลมุ่ อาการทางเดนิ หายใจ กล่มุ อาการทางเดินอาหาร กลมุ่ โรคผิวหนงั กลา้ มเน้อื ออ่ นแรงอ่ืน ๆ โรคติดเช้อื ทางเดนิ หายãจ โรคตดิ เชือ้ ทางเดินหายใจ เกิดจากการติดเช้ือโรคของระบบทางเดนิ หายใจ ตง้ั แต่จมกู คอ หลอดลมไปจนถึงปอด เชอื้ ทเ่ี ปน็ สาเหตสุ ่วนใหญ่เกดิ จากเชื้อไวรัส เช่น Influenza virus, Rhinovirus เปน็ ต้น การติดเช้ือจากแบคทเี รีย ไดแ้ ก่ Mycobacterium tuberculosis, Mycoplasma pneumoniae เป็นตน้ โรคตดิ เชอื้ ทางเดินหายใจท่เี กิดไดท้ ั้งในเด็กและ ผใู้ หญ ่ บางคนอาจเป็นปล ะมากกวา่ 1 ครงั้ การติดตอ่ โรคติดเช้ือทางเดินหายใจ สามารถตดิ ตอ่ ได้โดยการหายใจเอาเชื้อโรค ที่ปนเปอนกับละอองฝอยของเสมหะ น้�ามูก น้�าลาย เข้าไปในร่างกาย การระบาดของโรคติดเช้ือทางเดินหายใจมักจะ เกิดข้ึนอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอนั สั้นและบางคร้ังอาจมีการระบาดอยา่ งตอ่ เนือ่ ง อำกำรของโรคตดิ เช้อื ทำงเดนิ หำยใจข้ึนอยกู ับสำเหตุของโรค แบง ออกเปน 1) อาการของระบบทางเดินหายใจสว่ นบน ไดแ้ ก่ ไอ เสมหะ น�า้ มกู เจบ็ คอ 2) อาการของระบบทางเดนิ หายใจส่วนล่าง ไดแ้ ก่ หอบเหนือ่ ย 3) อาการอน่ื ๆ นอกเหนือจากระบบทางเดินหายใจ ได้แก ่ ผ่ืน ตาแดง การรับรูก้ ลน่ิ การรบั รู้รส โรคติดเชอ้ื ทำงเดินหำยใจในเรอื นจ�ำทีส่ �ำคัญ 1) ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) 2) โรคหดั (Measles) 3) วัณโรค (Tuberculosis) โรคไข้หวดั ใหญ (Influenza) ไขห้ วดั ใหญ ่ มสี าเหตจุ ากเชอ้ื ไวรสั ไขห้ วดั ใหญ ่ (Influenza virus) มลี กั ษณะรปู รา่ งเปน็ ทรงกลมหรอื เปน็ สาย สามารถ จ�าแนกเปน็ 3 ชนดิ คือ เอ บี และ ซี ซ่ึงสามารถแพรต่ ดิ ตอ่ ไปยังผูอ้ ่ืนโดยการไอ จามรดกนั โดยตรง หรอื ไดร้ ับเชื้อทางอ้อม ผ่านทางมอื หรอื สงิ่ ของเครื่องใชท้ ป่ี นเปอ นเชื้อ เชน่ แกว้ นา้� ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผา้ เชด็ มอื เปน็ ตน้ โดยเชือ้ จะเขา้ สู่ ร่างกายทางจมูก ตา ปาก ผู้ปว ยสามารถแพรเ่ ชื้อได้ต้ังแต่ 1 วนั กอ่ นปวยถึง 7 วนั หลงั เร่มิ ปว ย โรคไข้หวดั ใหญ่สามารถ แพร่ระบาดได้ตลอดท้ังป โดยในแตล่ ะปก ารระบาดของโรคไข้หวัดใหญจ่ ะมีอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงฤดหู นาว และฤดูฝน ผปู้ ว ยโรคไข้หวัดใหญม่ กั มอี าการไขส้ ูง (> 38 ˚C) รว่ มกับอาการไอ ส่วนมากเป็นไอแหง้ ๆ เจบ็ คอ เยื่อบโุ พรงจมกู อักเสบ ปวดศีรษะ และปวดกล้ามเน้ือ ในผู้ปวยเด็ก อาจพบอาการแสดงระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น คล่ืนไส้ อาเจยี น ท้องรว่ ง เป็นต้น ผู้ปว ยกลมุ่ เสีย่ ง เช่น ผสู้ งู อายุ ผูท้ ม่ี ีโรคประจา� ตวั อาจมภี าวะปอดอักเสบ และเสียชวี ิตไดห้ าก ไม่ได้รบั การรกั ษาอยา่ งทันทว่ งที กำรวนิ จิ ฉยั โรค อาศยั อาการทางคลนิ กิ และผลการตรวจสารพนั ธกุ รรมของ Influenza virus จากสารคัดหลั่งใน ระบบทางเดนิ หายใจ 50 สรุปเน้ือหาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตรร์ าชทณั ฑ์ระยะสน้ั
กำรรักษำ เป็นการรักษาตามอาการ ในรายที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น ในกลุ่มเส่ียงซึ่งมีแนวโน้มจะมีอาการ รุนแรงหรอื ภาวะแทรกซ้อน จะพจิ ารณาใหย้ าต้านไวรสั Oseltamivir ภายใน 48 ชว่ั โมง กำรควบคุมป้องกันโรค ได้แก่ การล้างมือด้วยน้�าและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ให้ผู้ต้องขังท่ีมีอาการปวย สวมหน้ากากอนามัยและอยู่ในห้องแยกกัก จัดสุขาภิบาลเรือนจ�าให้ถูกสุขลักษณะ รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรค ไขห้ วัดใหญ่ตามฤดูกาล โรคหดั (Measles) โรคหัดมสี าเหตุจากเชอื้ ไวรสั หดั (Measles Virus) ติดต่อผ่านทางระบบทางเดินหายใจ (droplet หรอื air borne) มีแหลง่ รังโรค คอื คนเท่าน้ัน ระยะฟกั ตัวของโรคหัดประมาณ (ระยะเวลาจากวันทสี่ ัมผัสถึงออกผื่น) 7-18 วนั โดยเฉลย่ี 14 วัน โรคหัดสามารถแพร่ไปสู่ผู้อ่ืนได้ในขณะที่ผู้ติดเชื้อยังไม่แสดงอาการของโรค ระยะติดต่อของโรคหัดประมาณ 4 วันกอ่ นมผี ่ืนจนถึง 4 วนั หลงั มีผนื่ ผปู้ ว ยโรคหดั ระยะแรกมกั มอี าการคลา้ ยไข้หวัด คือ มีไข้ น�า้ มกู ไหล มักไอแหง้ ๆ ตาแดงและแฉะ แสบตาเวลาโดน แสง ปากและจมกู แดง ตอ่ มา 3-4 วนั จะมอี าการมไี ขส้ งู มผี นื่ นนู แดงตดิ กนั เปน็ ปน ๆ เรมิ่ ขน้ึ จากหลงั หลู ามไปหนา้ บรเิ วณ ชิดขอบผมแลว้ แผก่ ระจายไปตามลา� ตัว แขน ขา ผ่ืนกระจายท่ัวร่างกายใชเ้ วลาประมาณ 2 วนั มจี ุดขาว ๆ เลก็ ๆ มีขอบ สแี ดง ๆ อยู่ในกระพงุ้ แกม้ (Koplik s spots) โดยจุดในกระพงุ้ แกม้ จะปรากกฏ 1-2 วนั กอ่ นผนื่ ขนึ้ และคงอยู่ 2-3 วัน จากนัน้ ไขจ้ ะเร่ิมลดลง อาการของโรคจะหายไดเ้ องหลงั จากตดิ เช้ือ 7-10 วนั ในผปู้ วยบางรายอาจพบภาวะแทรกซ้อน ไดแ้ ก ่ ปอดอักเสบ สมองอักเสบซงึ่ เป็นสาเหตใุ ห้เสียชีวิต กำรวินิจฉัย อาศยั อาการทางคลนิ ิกและผลการตรวจทางห้องปฏิบัตกิ าร - อาการคลินิก ไดแ้ ก่ ลักษณะการเกิดผื่นในวนั ท ี่ 4 และการแพร่กระจายของผน่ื จากหน้าไปยังแขนขาและพบ Koplik’s spots - การตรวจทางห้องปฏิบตั กิ าร การตรวจหา IgM antibody ตอ่ measles ดว้ ยวธิ ี ELISA ใหเ้ จาะเลอื ดเพยี ง ครัง้ เดยี วในชว่ ง 4-30 วนั หลังผนื่ ขน้ึ หรอื ตรวจแยกเช้อื ไวรัส จาก throat swab หรือ nasal swab โดยเก็บ ในชว่ ง 1-5 วันหลังผ่ืนขึน้ กำรรักษำ - ใหแ้ ยกผูป้ ว ยที่สงสัยเป็นหัดจนถึง 4 วันหลังผ่นื ขึ้น - ให้การรักษาตามอาการ กำรปอ้ งกนั ควบคุมโรคหดั รูปท่ี 1: แสดงแผนการด�าเนนิ งานป้องกนั ควบคมุ โรคหัด สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศกึ ษา กรมควบคมุ โรค 51
ตามแผนเรง่ รดั กา� จดั โรคหดั ของประเทศไทยตามพนั ธสญั ญานานาชาต ิ ไดม้ กี ารดา� เนนิ การรณรงคใ์ หว้ คั ซนี ปอ้ งกนั โรคหัดในประชากรกลมุ่ เสยี่ ง ประกอบไปดว้ ย - โครงกำรรณรงคใ์ หว้ ัคซนี ป้องกนั โรคหดั ในกลมุ เดก็ อำยุ 1-12 ป พ.ศ. 2562-2563 เป้ำหมำย เดก็ อายุ 1-12 ป ทยี่ ังไม่เคยไดร้ ับวัคซีนป้องกนั โรคหดั หรือทไี่ ดร้ ับวัคซีนไมค่ รบตามเกณฑ์ - โครงกำรรณรงคใ์ ห้วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคหดั ในกลุม ผูใ้ หญ อำยุ 20-40 ป พ.ศ. 2563 เป้ำหมำย ผใู้ หญอ่ ายุ 20-40 ป ทหารเกณฑ ์ ผู้ต้องขัง บุคลากรสาธารณสขุ แรงงาน วณั โรค วณั โรค (Tuberculosis หรอื TB) เปน็ โรคตดิ ตอ่ ทเี่ กดิ จากเชอ้ื แบคทเี รยี Mycobacterium ซงึ่ เชอื้ Mycobacterium มหี ลายชนดิ ทพ่ี บบอ่ ยทส่ี ดุ และเปน็ ปญั หาในประเทศไทย คอื Mycobacterium tuberculosis วณั โรคเกดิ ไดใ้ นทกุ อวยั วะ ของร่างกาย ส่วนใหญม่ กั เกิดทีป่ อด เชอื้ วัณโรคสามารถแพร่ตดิ ต่อไปยงั ผู้อน่ื ผา่ นระบบทางเดนิ หายใจ ผา่ นละอองฝอย ของเสมหะ (airborne transmission) สถำนกำรณ์ ประเทศไทยเป็น 1 ใน 14 ประเทศท่ีองคก์ ารอนามัยโลกจดั เปน็ กลมุ่ ประเทศท่ีมีภาระวณั โรคสูง (High Burden Country Lists) จากรายงานวณั โรคระดบั โลกป 2562 โดยองคก์ ารอนามยั โลก (WHO, Global TB report 2019) ไดค้ าด ประมาณทางระบาดวทิ ยาวา่ ประเทศไทยมผี ปู้ ว ยวณั โรครายใหมป่ ระมาณ 106,000 ราย คดิ เปน็ 153 ตอ่ ประชากรแสนคน ผ้ตู ้องขังในเรอื นจา� เปน็ ประชากรกลมุ่ เสีย่ งท่ีส�าคัญ (Risk population) ตอ่ การปว ยเป็นวณั โรคและวัณโรคดือ้ ยา เนื่องจากมีการย้ายเข้า-ออกของผู้ต้องขังตลอดเวลา ประกอบกับสภาพแวดล้อมในเรือนจ�าท่ีมีข้อจ�ากัดทางด้านสถานท่ี และจ�านวนผตู้ อ้ งขังหนาแน่น ท�าใหง้ า่ ยต่อการแพร่กระจายเชอื้ วณั โรค โดยเฉลย่ี จะมีอุบัตกิ ารณ์วัณโรคของผู้ตอ้ งขงั ใน เรอื นจา� สูงกวา่ ประชากรทั่วไป 6-8 เทา่ ผู้สัมผสั ผูป้ ว ยวัณโรคมีเพยี งประมาณร้อยละ 30 ท่ีติดเช้ือวณั โรค (TB infection) ประมาณรอ้ ยละ 90 ของผ้ตู ดิ เช้อื วัณโรคจะไม่มอี าการผดิ ปกตใิ ด ๆ และไม่สามารถแพรก่ ระจายเชื้อใหผ้ อู้ น่ื ได้ มเี พียงประมาณรอ้ ยละ 10 ทีจ่ ะปว ยเปน็ วณั โรค (TB disease) รปู ที่ 2: แสดงการติดเชื้อและการปว ยเปน็ วณั โรค แนวทางการคัดกรองเพือ่ ค้นหาวัณโรค 52 สรปุ เนอื้ หาการอบรมหลักสตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑร์ ะยะส้นั
รูปท่ี 3: แสดงกิจกรรมทตี่ อ้ งด�าเนินการเพ่ือควบคุมและป้องกนั วณั โรคในเรือนจา� กำรป้องกนั ควบคุมวัณโรค 1. นา� ผตู้ อ้ งขงั ทเ่ี ปน็ วณั โรคไปแยกกกั และรกั ษาตามมาตรฐานการรกั ษาตามแนวทางการควบคมุ วณั โรคประเทศไทย - ตอ้ งรับประทานยาอย่างน้อย 6 เดือน ในกรณที เี่ ปน็ วณั โรคดื้อยา อาจได้รบั การรกั ษาดว้ ยยาฉดี - ตอ้ งรบั ประทานยาในขนาดทเี่ พียงพอและระยะเวลาที่กนิ ยาต้องครบถ้วน - ผู้ปวยต้องกินยาอย่างสม่�าเสมอภายใต้การก�ากับของเจ้าหน้าท่ี (หากเจ้าหน้าที่พบอาการผิดปกติระหว่าง การรับประทานยาใหป้ รึกษาแพทย)์ - ถา้ ได้รบั การรกั ษาทถี่ ูกต้องจะหายจากโรค 2. คน้ หาและติดตามอาการของผู้ทีเ่ ปน็ ผสู้ มั ผัสใกลช้ ดิ ของผ้ปู ว ยยืนยนั 3. คน้ หาผทู้ เี่ ปน็ หรอื ผทู้ มี่ เี หตอุ นั ควรสงสยั วา่ เปน็ โรคตดิ ตอ่ อนั ตรายหรอื โรคระบาดเพม่ิ เตมิ (Active case finding) 4. จดั สภาพแวดล้อมในเรอื นจ�าให้มคี วามเหมาะสม มำตรกำรควบคุมและปอ้ งกนั โรคระบบทำงเดนิ หำยใจในเรือนจำ� 1. อสรจ. และเจา้ หนา้ ทใ่ี นหนว่ ยพยาบาลของเรอื นจา� ทา� การคดั กรองผตู้ อ้ งขงั ทกุ วนั ตามแบบคดั กรอง รวมถงึ มกี าร คัดกรองอาการทางระบบทางเดนิ หายใจก่อนการปล่อยผ้ตู ้องขัง 2. หากพบมอี าการทางระบบทางเดนิ หายใจ ใหผ้ ปู้ ว ยใสห่ นา้ กากอนามยั และแยกผปู้ ว ยออกจากผตู้ อ้ งขงั ทมี่ อี าการ ปกตใิ นหอ้ งแยก เพอื่ ปอ้ งกนั การกระจายเชอื้ รวมถงึ จดั เจา้ หนา้ ทดี่ แู ลผปู้ ว ยโดยเฉพาะ โดยไมใ่ หย้ า้ ยไปมาระหวา่ ง แดนตา่ ง ๆ 3. จดั ใหม้ พี นื้ ทร่ี องรบั ผตู้ อ้ งขงั ใหมท่ ม่ี อี าการของระบบทางเดนิ หายใจ รวมถงึ เตรยี มถงั ขยะและกระดาษชา� ระสา� หรบั ท้งิ ขยะติดเชื้อท่ีมาจากผ้ปู ว ย 4. งดการเคลอ่ื นยา้ ยผตู้ ้องขงั โดยเฉพาะอย่างย่งิ การยา้ ยไปเรือนจา� อื่น ๆ 5. เจ้าหนา้ ทท่ี ุกคน โดยเฉพาะเจา้ หน้าทีใ่ นหน่วยพยาบาล ตอ้ งสวมใสอ่ ุปกรณ์ป้องกนั เชน่ หนา้ กากอนามยั และ ท�าความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจลอย่างสม�า่ เสมอ สถาบันเวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา กรมควบคุมโรค 53
6. ลดจา� นวนคร้งั ของการเยี่ยมญาติ และจัดใหม้ วี ธิ ีการเยย่ี มอยา่ งเหมาะสม 7. หลกี เลีย่ งการท�ากิจกรรมร่วมกนั ระหว่างผปู้ วยและผู้ตอ้ งขังทีม่ ีอาการปกติ ไม่ใช้ภาชนะ ชอ้ น ส้อมหรอื แกว้ น้า� รว่ มกัน 8. เรอื นจ�าให้สขุ ศกึ ษาแก่ผ้ตู อ้ งขัง เรอื่ งการล้างมือ โดยเรอื นจ�าจะต้องเตรยี มที่ล้างมือ สบเู่ หลว กระดาษเช็ดมอื และถงั ขยะใหเ้ รียบร้อย 9. เรอื นจา� ควรทา� ความสะอาดใหญ่ (Big cleaning) โดยเน้นทา� ความสะอาดวัสดทุ ี่ตอ้ งใช้รว่ มกนั เชน่ โตะ เกา้ อ ้ี ลูกกรง แก้วน้�า ตลอดจนหโู ทรศพั ท์ที่ใช้ส�าหรบั ตดิ ต่อกบั ญาติทม่ี าเยีย่ ม 10. การฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมและป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจในเรือนจ�า เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด แก่ผู้ตอ้ งขังในขณะเกิดการระบาดของโรค หรือการฉีดวคั ซนี ป้องกนั โรคไขห้ วดั ใหญต่ ามฤดูกาลใหแ้ กผ่ ู้ต้องขัง ปละ 1 คร้งั โรคอาหารเปนš พÉิ โรคอาหารเปน็ พษิ มสี าเหตมุ าจากการรับประทานอาหารหรือนา�้ ที่มีส่งิ ปนเปอน ไดแ้ ก่ แบคทเี รีย ไวรัส โปรโตซวั สารพิษและสารเคมี การระบาดของโรคอาหารเป็นพิษมักจะพบมีการเจ็บปวยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น ภายหลงั จากการรับประทานอาหาร อาการของโรคอาหารเป็นพษิ ข้ึนอยกู่ ับสาเหตขุ องโรค อาการที่ส�าคัญ ไดแ้ ก่ คลนื่ ไส้ อาเจยี น ปวดทอ้ ง ถา่ ยเหลว บางรายมอี าการถา่ ยเปน็ มกู เลอื ด มไี ขห้ รอื มอี าการทางระบบประสาท ในการคดั กรองอาการ เจ้าหน้าท่ตี อ้ งสอบถามอาการไข้ คลน่ื ไส้ อาเจยี น ปวดท้อง ถ่ายเหลว ถา่ ยเป็นมูกเลือด รวมถงึ อาการทางระบบประสาท เช่น ชาบริเวณรอบปาก ปลายมือปลายเท้า หนังตาตก กลนื ล�าบาก แขนขาออ่ นแรงร่วมด้วย สำเหตุของโรคทำงเดนิ อำหำร แบคทเี รยี : Bacillus cereus, Staphylococcus aureus, Escherichia coli, Salmonella spp., Shigella spp., Vibrio cholerae, Vibrio parahaemolyticus, Campylobacter jejuni, Clostridium botulinum, Clostridium perfringens ไวรัส: Hepatitis A, Norovirus, Rotavirus โปรโตซัว: Giardia lamblia, Entamoeba, histolytica สารพษิ & สารเคม:ี 1. สารพิษจากอาหารทะเล เช่น Tetrodotoxin Scombroid toxin เป็นต้น 2. เหด็ พษิ 3. โลหะหนกั เช่น ตะก่วั แคดเมยี ม สงั กะสี เป็นต้น 4. อ่ืน ๆ เชน่ พษิ จากยาฆ่าแมลง เป็นต้น หากจ�าแนกสาเหตขุ องโรคอาหารเปน็ พิษตามอาการสามารถจ�าแนกได้ตามรูปท ี่ 4 54 สรุปเนอ้ื หาการอบรมหลักสตู รเวชศาสตร์ราชทณั ฑ์ระยะส้นั
รูปท่ี 4: แสดงสาเหตขุ องโรคอาหารเปน็ พษิ จา� แนกตามอาการ มำตรกำรควบคุมและปอ้ งกนั โรคระบบทำงเดินอำหำรในเรือนจำ� 1. เรอื นจา� ใหส้ ขุ ศกึ ษาแกผ่ ตู้ อ้ งขงั อสรจ. และเจา้ หนา้ ทใี่ นหนว่ ยพยาบาลของเรอื นจา� คดั กรองเพอ่ื หาผปู้ ว ยรายใหม่ ในชว่ งเชา้ ของทกุ วนั ตามแบบคดั กรอง 2. เรอื นจา� ควรแยกผปู้ ว ยไปอยใู่ นหอ้ งขงั แยก จนกวา่ ผปู้ ว ยอาการหายเปน็ ปกตอิ ยา่ งนอ้ ย 48 ชว่ั โมง รวมถงึ เพอ่ื น ทท่ี า� กจิ กรรมรว่ มกบั ผู้ปวย ควรแยกออกไปไวใ้ นห้องขงั แยกเพอ่ื ไว้สงั เกตอาการของโรค 3. เรอื นจ�าควรจัดห้องน้า� แยกสา� หรับผู้ปว ยกบั ผู้ต้องขังทม่ี อี าการปกติ 4. เรอื นจา� ควรจดั เจา้ หนา้ ทที่ า� ความสะอาดโดยเฉพาะสา� หรบั แดนทม่ี ผี ปู้ ว ย การทา� ความสะอาดใหใ้ ชน้ า้� ยาฟอกขาว หรอื ผลิตภัณฑท์ �าความสะอาดท่เี หมาะสม 5. เรือนจ�าควรจ�ากัดการเคล่ือนย้ายของผู้ต้องขังและหลีกเล่ียงการท�ากิจกรรมร่วมกันระหว่างผู้ปวยและผู้ต้องขัง ที่มีอาการปกติ ไมใ่ ชภ้ าชนะ ชอ้ น สอ้ มหรอื แก้วน�า้ ร่วมกัน 6. ผูต้ อ้ งขังและเจ้าหนา้ ทีล่ า้ งมอื ทุกครั้งหลงั จากใชห้ อ้ งนา้� และกอ่ นรบั ประทานอาหาร โดยเรอื นจ�าจะต้องเตรยี ม ทล่ี ้างมือ สบู่เหลว กระดาษเชด็ มอื และถงั ขยะใหเ้ รยี บรอ้ ย รวมทงั้ สอนวิธีการลา้ งมือทถ่ี กู ต้อง 7. เรอื นจา� ควรดา� เนนิ การจดั การและควบคมุ อาหารใหส้ ะอาดและปลอดภยั ตงั้ แตก่ ระบวนการเลอื กซอ้ื เตรยี ม ปรงุ และเก็บอาหาร 8. เรือนจ�าควรมีการเฝ้าระวังการปนเปอนของอาหารท่ีจัดเลี้ยงผู้ต้องขัง ด�าเนินการตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่และ ผตู้ อ้ งขงั ทปี่ ฏบิ ตั งิ านสทู กรรม รวมถงึ มกี ารใหค้ วามรแู้ กเ่ จา้ หนา้ ทแี่ ละผตู้ อ้ งขงั ทป่ี ฏบิ ตั งิ านสทู กรรมเรอ่ื งสขุ าภบิ าล อาหารและโภชนาการ โรคผิวหนัง/โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ การคดั กรองใหพ้ จิ ารณาดงั น้ี 1) ลกั ษณะผน่ื เชน่ ผืน่ ราบ ผืน่ นูน เป็นตน้ 2) ตา� แหนง่ ทเี่ รมิ่ เปน็ เชน่ เรมิ่ ขน้ึ จากหลงั หลู ามไปหนา้ บรเิ วณชดิ ขอบผมแลว้ แผก่ ระจายไปตามลา� ตวั แขน ขา ผน่ื กระจายท่วั รา่ งกาย 3) ระยะเวลาทเี่ ป็น เชน่ ผื่นของโรคเรอื้ นมกั ใชร้ ะยะเวลานานอย่างนอ้ ย 3 เดอื น สถาบนั เวชศาสตรป์ ้องกนั ศึกษา กรมควบคุมโรค 55
4) ชว่ งไหนทที่ า� ใหเ้ กดิ อาการมากทสี่ ดุ เชน่ ผปู้ ว ยเรม่ิ ขนึ้ จากหลงั หลู ามไปหนา้ บรเิ วณชดิ ขอบผมแลว้ แผก่ ระจายไป ตามล�าตัว แขน ขา ผนื่ กระจายท่วั ร่างกาย 5) อาการทเ่ี กิดรว่ มด้วย เช่น อาการคนั ปวด ชา แสบรอ้ น เปน็ ต้น เชน่ ผ่ืนในผู้ปว ยโรคเร้ือน (Leprosy) มกั มี ลกั ษณะเป็นวงด่าง แบนราบ สีจางหรอื เข้มกว่าผวิ หนังปกต ิ มีอาการชา และไมค่ ัน 6) ประวัติการสมั ผัสยา สารเคมี และสง่ิ กระตุ้นตา่ ง ๆ เช่น แสงแดด สบู่ ครมี โรคผิวหนัง/โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธ ์ ทีส่ �าคÞั ãนเรอื นจา� 1) โรคหิด 2) การตดิ เช้อื เอชไอวี โรคหิด (Scabies) โรคหดิ เกิดจากตัวหิด (Scabies mite) ช่ือ Sarcoptes Scabiei จัดเป็นปรสิต (Parasite) ด�ารงชีวิตอยูบ่ นผวิ หนัง ของคนและกนิ เซลลผ์ วิ หนังเป็นอาหาร โรคหิดสามารถแพร่ผ่านจากการใชส้ ิง่ ของเคร่อื งใชร้ ว่ มกัน การนอนตดิ กัน และ การมเี พศสัมพนั ธ์ อาการและอาการแสดงของโรคหิด ไดแ้ ก ่ ตุ่มแดง คันกระจายตามร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณง่ามน้ิวมอื และนว้ิ เทา้ รกั แร ้ รอบหวั นม สะดอื ลกู อณั ฑะ อวยั วะเพศชาย งา่ มกน้ อาจมรี อยนนู คดเคยี้ วคลา้ ยเสน้ ดา้ ยสน้ั ๆ ทผี่ วิ หนงั เกิดจากการทีห่ ดิ ตวั เมียไชลงไปในหนังก�าพรา้ (Burrows) กำรปอ้ งกันและควบคุมโรคหิด 1. ใหก้ ารรกั ษาผทู้ เ่ี ปน็ หดิ และผทู้ ส่ี มั ผสั ใกลช้ ดิ ทกุ คน ถงึ แมย้ งั ไมป่ รากฏอาการ โดยการรกั ษานนั้ จะแบง่ เปน็ การ ฆา่ ตวั หดิ การบรรเทาอาการคนั การรกั ษาอาการตดิ เชอื้ แบคทเี รยี แทรกซอ้ น ยาทฆ่ี า่ ตวั หดิ ไดแ้ ก ่ Permethrin 5% cream, Benzyl benzoate 25% emulsion, Ivermectin oral 2. ก�าจดั หดิ ท่อี าจหลงเหลอื อยใู่ นสิ่งแวดล้อม เพอ่ื ปอ้ งกนั การแพร่โรคใหผ้ ู้อื่นและการกลับมาตดิ หดิ ซา�้ 3. ทา� ความสะอาดเรอื นจา� บรเิ วณทพี่ กั อาศยั และบรเิ วณเรอื นนอนโดยกวาด ถ ู เชด็ ลา้ งทา� ความสะอาดและนา� อปุ กรณ์ เครอ่ื งเรอื นออกไปตากแดด 4. ท�าความสะอาดผ้าเชด็ ตวั เสอื้ ผ้า/เครอ่ื งน่งุ หม่ และเคร่อื งนอน (ผ้าห่ม) โดยการตม้ น้ารอ้ น อุณหภูม ิ 60 องศา เซลเซยี สข้ึนไป เวลา 20-30 นาที แลว้ ซักล้างด้วยผงซกั ฟอกและนา� ไปตากแดด หากอุปกรณใ์ ดไมส่ ามารถน�ามา ตม้ น�้าร้อนได ้ ควรใสถ่ ุงพลาสติกปิดปากถุงให้มิดชิดเปน็ เวลา 72 ช่ัวโมง ตวั หดิ กจ็ ะตาย การติดเชอ้ื เอชäอวี (HIV infection) เชอื้ ไวรสั Human Immunodeficiency Virus (HIV) เปน็ ไวรสั ทที่ า� ลายเมด็ เลอื ดขาวแหลง่ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั โรค ทา� ให้ ร่างกายของผตู้ ดิ เช้ืออ่อนแอลงและตดิ เช้อื ฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ง่าย เชอ้ื HIV สามารถแพรต่ ิดตอ่ ทางเพศสัมพันธโ์ ดยไมส่ วมถุงยางปอ้ งกัน การใช้เข็มและอปุ กรณใ์ นการฉีดยาร่วมกนั การรับเลอื ดจากผู้ตดิ เชอื้ HIV และแพรเ่ ชอ้ื จากมารดาสทู่ ารกในครรภ ์ มาตรฐานการวินจิ ฉยั การติดเชอื้ HIV ในปจั จบุ ัน คือ วธิ ีการตรวจ Antibody ตอ่ เชื้อ HIV ปจั จบุ นั ยาตา้ นไวรสั มสี ว่ นสา� คญั ทจี่ ะทา� ใหผ้ ปู้ ว ยทมี่ ภี มู ติ า้ นทานตา�่ สามารถกลบั มามคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ และมชี วี ติ ท่ียืนยาวเกอื บเป็นปกติ การปอ้ งกันการติดเชอื้ เอชไอวี ไดแ้ ก ่ การใชถ้ ุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพนั ธ ์ การไม่ใชเ้ ขม็ ฉีดยารว่ มกบั ผู้อื่น การรบั ประทานยา PrEP (Pre-exposure Prophylaxis) ในบุคคลทเี่ ป็นกล่มุ เสยี่ ง 56 สรุปเนื้อหาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตรร์ าชทัณฑ์ระยะส้นั
โรคทท่ี า� ãหเ้ กิดอาการกล้ามเนอ้ื อ่อนแรง โรคไทรอยดเ์ ปนพิษ โรคไทรอยดเ์ ปน็ พษิ เกดิ จากระดบั ฮอรโ์ มนไทรอยดใ์ นกระแสเลอื ด “สงู กวา่ ปกต”ิ ทา� ใหเ้ กดิ อาการตา่ ง ๆ เชน่ ใจสน่ั มอื สน่ั น้า� หนักลด นอนไม่หลบั เหนอื่ ยง่าย ออ่ นเพลยี ถา้ เปน็ อาการรนุ แรง อาจเสยี ชีวิตจากภาวะหัวใจลม้ เหลว สาเหตทุ ่ี ส�าคัญแบ่งเปน็ ตอ่ มไทรอยด์ทา� งานผดิ ปกต ิ หรือเกิดจากการรับประทานฮอรโ์ มนไทรอยดเ์ ขา้ ไป หลักการสอบสวนโรคและการควบคØมโรคãนเรอื นจา� การสอบสวนโรค เป็นการคน้ หาขอ้ เท็จจริงของเหตกุ ารณ์การระบาด โดยรวบรวมข้อมลู ตา่ ง ๆ ทส่ี �าคัญ อธบิ าย รายละเอียดของการระบาด ค้นหาปัจจัยเส่ียง เพ่ือน�าไปสู่มาตรการควบคุมการระบาดคร้ังน้ัน และป้องกันไม่ให้เกิด การระบาดในครั้งต่อไป วัตถุประสงคข์ องกำรสอบสวนโรคในเรือนจ�ำ 1. เพ่อื ยนื ยนั การวนิ จิ ฉัยและการระบาด 2. เพื่อพรรณนาลักษณะของการระบาดตามบคุ คล เวลา และสถานที่ 3. เพอ่ื คน้ หาปัจจยั เส่ียงของการระบาด 4. เพือ่ กา� หนดมาตรการในการควบคุมป้องกนั โรค นยิ ำมของกำรระบำด 1. เหตกุ ารณท์ ม่ี ผี ลตอ่ สขุ ภาพประชาชนทเี่ กดิ ขนึ้ ตงั้ แตค่ น 2 คนขน้ึ ไป ในระยะเวลาอนั สนั้ หลงั รว่ มกจิ กรรมดว้ ยกนั 2. เหตุการณ์ที่มีจ�านวนผู้ปว ยมากผดิ ปกตใิ นช่วงเวลาใกล้เคยี งกนั 3. เหตกุ ารณท์ ี่มผี ปู้ ว ยเพยี งรายเดียวซึ่งสงสัยโรคตดิ ตอ่ อุบตั ิใหม่ – อุบัติซา�้ ลักษณะของกำรระบำด (Outbreak patterns) 1. แหล่งโรคร่วม (Common source) เป็นการระบาดท่ีผู้ปวยทั้งหมดหรือเกือบท้ังหมดได้รับเช้ือมาจากแหล่ง เดียวกัน สามารถควบคุมการระบาดของโรคเมื่อทราบแหล่งโรค ตัวอย่างการระบาด เช่น การระบาดของโรค อาหารเป็นพิษในเรอื นจ�า 2. แหลง่ โรคแพรก่ ระจาย (Propagated source) เปน็ การระบาดทผ่ี ปู้ ว ยมกี ารแพรเ่ ชอ้ื ตอ่ กนั ไปเรอื่ ย ๆ ไมต่ อ้ งคน้ หา แหลง่ โรคร่วม การควบคมุ ป้องกนั โรคตอ้ งใชม้ าตรการหลาย ๆ อยา่ งรว่ มกัน ซึง่ มกั เปน็ การปรับปรงุ สขุ าภิบาล สงิ่ แวดลอ้ มรว่ มกบั การปรบั พฤตกิ รรมสขุ ภาพ ตวั อยา่ งการระบาด เชน่ การระบาดของโรคไขห้ วดั ใหญใ่ นเรอื นจา� ขั้นตอนกำรสอบสวนโรคในเรือนจำ� 1. กำรยืนยนั กำรวินิจฉัยโรคและกำรระบำด เมื่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยพยาบาลของเรือนจ�าได้รับข้อมูลการระบาด เช่น ได้รับจากอาสาสมัครสาธารณสุข เรอื นจา� (อสรจ.) เจา้ หนา้ ทจี่ ะตอ้ งดา� เนนิ การตรวจสอบความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู โดยการตรวจสอบขอ้ มลู อาการ อาการแสดง ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของผูป้ ว ยทีไ่ ดร้ ับรายงาน การวินจิ ฉัยโรค และการยนื ยันการระบาดของโรค โดยใชน้ ยิ ามของ การระบาด 2. กำรเตรยี มตัวในกำรสอบสวนทำงระบำดวทิ ยำ เมอ่ื ตรวจสอบขอ้ มลู แลว้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทใ่ี นหนว่ ยพยาบาลของเรอื นจา� ตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งในการ สอบสวนโรค ได้แก่ โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพต�าบล โรงพยาบาลในพน้ื ท ่ี สา� นักงานสาธาณสขุ อา� เภอ และส�านกั งาน สาธารณสุขจังหวัด/ส�านักอนามัยกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ในหน่วยพยาบาลของเรือนจ�ารายงานข้อมูลผู้ปวย ผา่ นระบบเฝา้ ระวงั รง. 506 (สา� หรบั โรคทไี่ มม่ ใี นระบบรง. 506 ใหร้ ายงานผา่ นระบบเฝา้ ระวงั ของโรคนน้ั ) และรายงานขอ้ มลู สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกันศกึ ษา กรมควบคุมโรค 57
การระบาดผา่ นฐานขอ้ มลู ระบบเฝา้ ระวงั เหตกุ ารณ ์ (Event-based surveillance) ของกรมควบคมุ โรค เตรยี มทมี กา� หนด วัตถุประสงค์ในการสอบสวนโรค ก�าหนดบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกภายในทีม ร่วมกันทบทวนและอภิปรายขั้นตอน สอบสวนโรค เตรียมเคร่ืองมือและความรู้ที่จ�าเป็นในการสอบสวนโรค เช่น แบบสอบสวนโรค อุปกรณ์เก็บและน�าส่ง สง่ิ สง่ ตรวจยาและเวชภัณฑต์ า่ ง ๆ 3. กำรตงั้ นยิ ำมผ้ปู วย นิยามผู้ปวยจะต้องตอบวัตถุประสงค์ของการสอบสวนโรค มีความเข้าใจง่ายและชัดเจน นิยามในการค้นหา ผปู้ ว ยเพมิ่ เตมิ นยิ ามควรมอี าการทางคลนิ กิ ทสี่ า� คญั เวลา สถานท ่ี และบคุ คล โดยอาจจะแบง่ ผปู้ ว ยออกเปน็ ผปู้ ว ยสงสยั (suspected case) ผูป้ วยนา่ จะเป็น (probable case) และผู้ปวยยืนยนั (confirmed case) ผู้ปว ยสงสัย (suspected case) คือ ผ้ทู มี่ ีอาการและอาการแสดงเขา้ ไดก้ ับโรค ผปู้ วยน่าจะเป็น (probable case) คอื ผู้ปวยสงสัยท่มี ีผลทางห้องปฏิบตั กิ ารเบ้อื งตน้ เข้าได้กับโรคหรือมีความ เชื่อมโยงทางระบาดวทิ ยากับผปู้ ว ยยนื ยัน ผ้ปู วยยืนยัน (confirmed case) คอื ผปู้ ว ยสงสยั ท่มี ีผลทางห้องปฏบิ ัติการยืนยันเช้อื กอ่ โรค 4. กำรค้นหำผปู้ วยเพิม่ เตมิ ท้ังเชิงรับท่ีหน่วยพยาบาลของเรือนจ�าซ่ึงท�าการรักษาผู้ต้องขัง และเชิงรุก ได้แก่ การคัดกรองอาการของ ผตู้ อ้ งขัง ญาติผูต้ ้องขังทีม่ าเยี่ยม และเจ้าหนา้ ทใี่ นเรือนจ�าโดยทมี สอบสวนโรค การเกบ็ ขอ้ มูลผปู้ ว ยควรจะมีรายละเอียด ทีส่ �าคัญ ประกอบดว้ ย 4.1) ข้อมลู ส่วนบุคคล ไดแ้ ก ่ ช่ือ อายุ เพศ วนั เดอื นปเกดิ แดนและเรอื นนอน เบอรโ์ ทรศพั ท ์ (ถา้ มี) 4.2) ข้อมลู อาการปว ย ได้แก ่ อาการและอาการแสดง ความรุนแรง เวลาเรม่ิ ปว ย การรักษาต่าง ๆ 4.3) ขอ้ มลู ดา้ นปจั จยั เสย่ี ง ไดแ้ ก ่ สอบถามประวตั เิ สยี่ ง โรคประจา� ตวั ประวตั กิ ารไดร้ บั วคั ซนี การใกลช้ ดิ ผมู้ อี าการ ปว ย และข้อมลู อ่นื ๆ ทเี่ กยี่ วข้อง 5. พรรณนำลกั ษณะของกำรระบำดตำมบุคคล เวลำ และสถำนท่ี โดยวเิ คราะห์หาอตั ราปว ยและตายในกล่มุ ผูต้ ้องขงั ร้อยละของอาการและอาการแสดงของโรคในกลุ่มผ้ตู อ้ งขงั สรา้ งฮสิ โทแกรมระหวา่ งวนั ทผี่ ปู้ ว ยเรมิ่ มอี าการและจา� นวนผปู้ ว ยเพอื่ ใหท้ ราบลกั ษณะการระบาดและประมาณระยะเวลา การได้รับเชอ้ื รวมถงึ ทา� แผนท่หี รือแผนภาพแสดงขอ้ มูลว่าแดนหรอื เรือนนอนใดพบอัตราปว ยสงู สดุ 6. กำรศกึ ษำสงิ่ แวดล้อมและกำรศกึ ษำทำงหอ้ งปฏิบัตกิ ำร 6.1) การศกึ ษาสงิ่ แวดลอ้ มเปน็ การเกบ็ ขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วกบั สงิ่ ทนี่ า่ จะเปน็ ปจั จยั เสย่ี งของการระบาด เชน่ สา� รวจสภาพ ความเป็นอยู่ในเรือนนอน ลักษณะของสถานที่ท�างานในแต่ละแผนกของเรือนจ�า โรงอาหารและโรงครัว ใชใ้ นการประกอบอาหาร กรรมวธิ กี ารประกอบอาหาร สถานทอี่ าบนา้� สถานทที่ า� งาน รอบเวลาการเขา้ เยย่ี ม ของญาติ สงั เกตพฤติกรรมการท�างานและการใช้ชวี ติ ประจา� วัน เปน็ ต้น 6.2) การศึกษาทางห้องปฏิบัตกิ าร เพือ่ บอกชนดิ ของเชอ้ื หรอื สารท่กี ่อใหเ้ กิดการปวย ส�าหรับโรคระบบทางเดิน อาหาร การศึกษาทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารนอกจากจะเก็บอุจจาระหรอื rectal swab ผตู้ ้องขงั และเจ้าหน้าทที่ ่ีม ี อาการปว ยแลว้ ทมี สอบสวนโรคจะตอ้ งเกบ็ ตวั อยา่ งของเจา้ หนา้ ทแี่ ละผตู้ อ้ งขงั ทปี่ ฏบิ ตั งิ านสทู กรรม อาหาร และภาชนะ เพือ่ บอกชนิดของเชือ้ หรือสารทีก่ อ่ ให้เกดิ การปวยด้วย 7. กำรตง้ั และพิสจู นส์ มมติฐำน ข้อมูลท่ไี ด้จากการศกึ ษาเชงิ พรรณนา การศึกษาสงิ่ แวดล้อม และการเกบ็ ตัวอย่างสง่ ตรวจทางห้องปฏบิ ตั กิ าร จะเปน็ ขอ้ มูลพื้นฐานในการตงั้ สมมติฐานมา ใครคอื ประชากรกลมุ่ เส่ียงทีจ่ ะเกิดโรค อะไรคือพาหะน�าโรคหรือแหลง่ โรค หรอื โรคแพร่กระจายไปอย่างไร 58 สรปุ เนอ้ื หาการอบรมหลักสตู รเวชศาสตรร์ าชทัณฑร์ ะยะส้นั
การพิสูจน์สมมติฐานจะต้องอาศัยการศึกษาระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ซ่ึงเป็นการศึกษาเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง ของการระบาด โดยทมี สอบสวนโรคจะตอ้ งเกบ็ ขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ที่มคี วามจ�าเพาะมากขึ้น 8. มำตรกำรควบคมุ และปอ้ งกันโรคในเรือนจำ� เม่อื ทีมสอบสวนโรคทราบการแพรก่ ระจายของโรค ประชากรกล่มุ เสยี่ ง แหลง่ โรคหรือพาหะนา� โรค และปัจจัย เสย่ี ง ทมี สอบสวนโรคจะสามารถกา� หนดมาตรการควบคมุ และปอ้ งกนั โรคในเรอื นจา� ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยเปา้ หมายของ มาตรการในชว่ งแรกของการสอบสวนโรค คอื เพ่อื ควบคุมและตัดวงจรการถ่ายทอดโรค และเป้าหมายในระยะยาว คือ เพ่อื ป้องกันการเกิดการระบาดในอนาคต 9. กำรนำ� เสนอผลกำรศึกษำและเขยี นรำยงำน เช่น หนังสือรายงานทางราชการแกผ่ บู้ งั คบั บญั ชา รายงานการสอบสวนโรคเบ้ืองตน้ และรายงานฉบบั สมบูรณ์ รายละเอียดควรประกอบดว้ ย ความเปน็ มา วิธีการศึกษา ผลการศกึ ษา สิ่งที่ได้ดา� เนินการไปแลว้ ส่งิ ท่จี ะด�าเนินการท�า ตอ่ ไป ข้อเสนอแนะ/ขอ้ พจิ ารณา เอกสำรอ้ำงอิง 1. กรมควบคมุ โรค.ไขห้ วดั ใหญ ่ (Influenza) [อนิ เตอรเ์ นต็ ]. [เขา้ ถงึ เมอ่ื 12 สงิ หาคม 2563]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://ddc.moph. go.th/disease_detail.php?d=13 2. ปิยนิตย์ ธรรมาภรณ์พิลาศ, เลิศฤทธ์ิ ลีลาธร. แนวทางการเฝ้าระวังควบคุมโรค การตรวจรักษาและส่งตัวอย่างตรวจทาง หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื การกา� จดั โรคหดั ตามโครงการกา� จดั โรคหดั ตามพนั ธะสญั ญานานาชาต ิ (ฉบบั ปรบั ปรงุ วนั ท ี่ 16 สงิ หาคม พ.ศ. 2559). พิมพ์ครงั้ ท ่ี 3. นนทบรุ :ี สา� นกั พิมพอ์ ักษรกราฟฟคิ แอนดด์ ไี ซน์; 2559. 3. สา� นักวณั โรค กรมควบคมุ โรค. แนวทางการควบคมุ วัณโรคประเทศไทย พ.ศ. 2561. กรุงเทพมหานคร: ส�านักพมิ พ ์ อักษรกราฟฟิค แอนดด์ ไี ซน.์ พิมพค์ ร้ังที่ 1; 2561 : ISBN 978-616-11-3670-3. 4. อรรถเกียรติ กาญจนพิบลู วงศ์, กฤษฎา กลั ยาณธรี ์, ปารวัน กลั ยาณธรี ์, อุดม สุขใจ. การระบาดของไข้หวัดใหญ ่ สายพนั ธุใ์ หม่ ชนิดเอ (H1N1) 2009 ในเรือนจ�ากลางจังหวัดสระบุรี เดือนสิงหาคม 2552. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจ�าสัปดาห์. 2553;40(51): 853-7. 5. Bick JA. Infection control in jail and prisons. Clin Infect Dis. 2007 Oct 15;45(8): 1047-55. 6. Suphanchaimat R, Doung-Ngern P, Ploddi K, et al. Cost Effectiveness and Budget Impact Analyses of Influenza Vaccination for Prisoners in Thailand: An Application of System Dynamic Modelling. Int J Environ Res Public Health. 2020;17(4):1247. Published 2020 Feb 14. doi:10.3390/ijerph17041247 7. กรมควบคุมโรค. ค�าแนะน�าการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีเกิดการระบาดในเรือนจ�า และทัณฑสถาน [อินเทอร์เน็ต].[เข้าถึงเม่ือ 2 มีนาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/ introduction/introduction23.pdf 8. Chatterji M, Baldwin AM, Prakash R, Vlack SA, Lambert SB. Public health response to a measles outbreak in a large correctional facility, Queensland, 2013. Commun Dis Intell Q Rep. 2014;38(4):E294-E297. Published 2014 Dec 31. 9. ส�านักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. Food poisoning [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเม่ือ 12 สิงหาคม 2563]. เข้าถึง ได้จาก http://www.boe.moph.go.th/fact/Food_Poisoning.htm สถาบันเวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา กรมควบคมุ โรค 59
10. ชนศิ า เกยี รตสิ รุ ะยานนท.์ โรคหดิ [อนิ เตอรเ์ นต็ ]. [เขา้ ถงึ เมอ่ื 12 สงิ หาคม 2563]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://inderm.go.th/news/ myfile/267155ae6b33a1bd01_scabies.pdf 11. กรมควบคุมโรค.แนวทางการตรวจรักษาและป้องกันการติดเช้ือเอชไอวีประเทศไทย ป 2560. พิมพ์คร้ังที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จา� กัด, 2560. 12. พจมาน ศริ ิอารยาภรณ,์ ลกั ขณา ไทยเครอื . การสอบสวนทางระบาดวทิ ยา. ใน: ค�านวณ องึ้ ชูศกั ด์ิ, ปฐม สวรรค์ปญั ญาเลศิ , วทิ ยา สวสั ดวิ ฒุ พิ งศ,์ ชลุ พี ร จริ ะพงษา. พนื้ ฐานระบาดวทิ ยา. พมิ พค์ รง้ั ท ี่ 1. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พแ์ คนนา กราฟฟคิ ; 2557. หนา้ 178-211. 13. Public Health England. Multi-agency contingency plan for the management of outbreaks of communicable diseases or other health protection incidents in prisons and other places of detention in England. London; 2018. 14. Health Protection Agency and Department of Health. Prevention of communicable disease and infection control in prisons and places of detention: a manual for healthcare workers and other staff. London; 2011. 60 สรุปเนื้อหาการอบรมหลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะสน้ั
การบริหารจัดการกรณีการเกิดโรคระบาดãนเรือนจา� 1. นพ.ชำตรี สุนพงศรี วทิ ยำกรอภิปรำยโดย 2. พญ.วลัยรตั น์ ไชยฟู ผู้อ�ำนวยกำรทัณฑสถำนโรงพยำบำลรำชทณั ฑ์ 3. นำยสุขสนั ต์ จิตติมณี ผทู้ รงคุณวุฒิกรมควบคมุ โรค รองผอู้ ำ� นวยกำรสถำบนั ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคเขตเมอื ง นำยสุขสันต์ จติ ติมณี : การบรหิ ารจัดการกรณีเกิดโรคระบาดในเรือนจา� โรคระบาดคอื โรคตดิ ตอ่ เป็นเหตกุ ารณ์ ของโรคหรือภยั สุขภาพอะไรก็ได ้ ถา้ เกดิ ตอนนีจ้ ะม ี 2 แบบ คอื เกดิ ในระยะสัน้ เป็นโรคทสี่ ่วนใหญ่จะระยะฟักตวั สนั้ ๆ เชน่ ท้องร่วง อาหารเป็นพิษ อีกส่วนหนึ่งก็จะเรียกว่าเป็นโรคท่ีมีการระบาดใหญ่ เช่น เดิมเคยมีโรคนี้เกิดข้ึนอยู่แล้วแต่เกิด เหตุการณผ์ ดิ ปกติ เช่น เหตุการณเ์ กิดโรคหดั ระบาดใหญ่ขนึ้ มาซงึ่ มจี �านวนมากเกนิ 2 เท่า มจี �านวนผู้ปวยมากกว่าปกต ิ ระบาดมากเป็นกลุ่มก้อนของจ�านวนผู้ปวย จึงเรียกว่าเป็นโรคระบาด คือ community disease นั่นเอง อันดับแรก ขอนา� เสนอสัดส่วนผตู้ ้องขงั สูงสุดในโลก ผู้ตอ้ งขังท้งั โลกมอี ยู่ 11 ล้านคน และประเทศไทยเราตดิ 1 ใน 5 ของจา� นวนผู้ตอ้ งขัง ทมี่ สี ดั ส่วนผูต้ อ้ งขงั สูงสุดในโลก รูปท่ี 1: แสดงประเทศทม่ี ีสัดสว่ นผูต้ ้องขงั ตอ่ ประชากรสงู สดุ ในโลก สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกันศกึ ษา กรมควบคมุ โรค 61
รูปที่ 2: แสดงจา� นวนผู้ต้องขังท้งั หมดต่อปและความจุเตม็ ทข่ี องเรอื นจ�าและทัณฑสถานในประเทศ ในขณะเดยี วกนั จ�านวนผตู้ ้องขงั ตอ่ ปกับความจผุ ู้ตอ้ งขัง ต้ังแต่ป 58 เพิ่มข้นึ มาเรื่อย ๆ เกินไปถึง 44% เฉล่ียแล้ว ท�าให้ผตู้ ้องขัง 1 คน ใชพ้ นื้ ท่ ี 2.25 ตารางเมตร แตม่ าตรฐานประเทศไทยคอื 1.2 ตารางเมตรต่อ 1 คน ตอนนี้เกนิ ไป 40% ทา่ นรัฐมนตรีสมศกั ด์ิจึงไดค้ ดิ เพม่ิ พน้ื ทอี่ น่ื กเ็ ลยท�าเปน็ ที่นอน 2 ช้นั เพอื่ เพม่ิ จา� นวนพื้นที่ในหอ้ งขงั แต่กย็ ังมีปัญหาเรอ่ื ง ความแออัดอยูใ่ นห้อง เรอื่ งวณั โรคในเรือนจา� มีรายงานจ�านวนผู้ปว ยในเรอื นจ�าทปี่ ว ยเป็นวัณโรค ป 2551 – 2562 มีจา� นวนทีเ่ พิม่ ขึ้น เรอื่ ย ๆ จงึ มมี าตราการคดั กรองวณั โรคแบบ 100% โดยการถา่ ยภาพรงั สที รวงอก ซง่ึ พบปญั หาในการอา่ นผลหรอื ยงั ไมเ่ ปน็ มาตรฐานโดยเฉพาะในระยะแรก ๆ จงึ ไดอ้ า้ งองิ ผลการอ่านขององคก์ ารอนามัยโลก แบ่งกลมุ่ การอา่ น เปน็ 6 กล่มุ ท�าใหม้ ี การอ่านทเี่ ป็นไปในทศิ เดียวกนั การเขยี นเหมือนกนั ผลการศกึ ษาคือ 1) วิธกี ารถ่ายภาพรงั สีทรวงอก 100% แล้วก็จา� เปน็ ตอ้ งเกบ็ เสมหะสง่ ตรวจ พบภาพรงั สที รวงอกผดิ ปกติรอ้ ยละ 6.3 2) ผู้ตอ้ งขงั ชายมีผลการถ่ายภาพรังสที รวงอกผิดปกตมิ ากกว่าผ้ตู ้องขงั หญงิ ร้อยละ 7.1 กับรอ้ ยละ 1.5 3) ผตู้ อ้ งขงั ที่มีผลการถา่ ยภาพรงั สที รวงอกผิดปกติมากทส่ี ุด คอื กล่มุ อาย ุ 45-54 ป ร้อยละ 10.2 4) ถูกคุมขงั ตัง้ แต ่ 5 ปข ึน้ ไปรอ้ ยละ 11.5 และคุมขงั ในแดน 2 เป็นผูต้ ้องขงั ชายกา� หนดโทษระหวา่ ง 5-10 ป ร้อยละ 7.9 5) ผู้ต้องขังที่ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ต�่ากว่า 20.0 กก./ม2 พบผลการถ่ายภาพรังสีทรวงอกผิดปกติมากที่สุด รอ้ ยละ 19.1 6) คะแนนรวมในแบบฟอรม์ TB-P1 >3 พบผลการถา่ ยภาพรังสที รวงอกผิดปกต ิ ร้อยละ 18.8 7) ภาพรังสีทรวงอกผิดปกติกลุ่มท่ี 5 สามารถแยกคนที่มีผลตรวจเสมหะยืนยันว่าปวยเป็นวัณโรค (Bacteriologically confirmed TB) ได้ถูกต้องรอ้ ยละ 96.3 8) ดัชนีมวลกาย (BMI) < 20 กก./ม2 มีคา่ ความไวร้อยละ 56.5 9) คะแนนในแบบฟอรม์ TB-P1 ทคี่ ะแนนรวม > 3 มคี า่ ความไวร้อยละ 22.2 10) การวเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์แบบตัวแปรพหุ (Multiple logistic regression analysis) พบว่า 62 สรุปเน้ือหาการอบรมหลกั สตู รเวชศาสตร์ราชทณั ฑร์ ะยะส้นั
• ดัชนีมวลกาย (BMI) < 20 กก./ม2 มีความสัมพันธ์กับการปวยเป็นวัณโรคปอด อย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ •(p = 0.018) ผู้ทีม่ ีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) < 20 กก./ม2 มีโอกาสเสี่ยงทีจ่ ะปวยเปน็ วัณโรคปอด 3.21 เทา่ ของผทู้ ีม่ ีค่าดชั น ี มวลกาย (BMI) > 20 กก./ม2 (aOR=3.21; 95% CI=1.2-8.5) สรุปก็คือคนผอมจะเป็นมากกว่าคนอ้วน ซ่ึงในเรือนจ�ามีการชั่งน้�าหนักผู้ต้องขังใหม่ทุกราย และตรวจสุขภาพ ประจ�าป ซงึ่ เป็นวิธีการ Monitor ในเรือ่ งน้�าหนกั และสขุ ภาพของผตู้ อ้ งขัง นยิ ำมแนวทำงกำรทำ� งำน คอื Standardization, Modernization, Harmonization (มาตรฐานตรงกนั ทนั สมยั เปน็ นติ ย์ คดิ เป็นหนึ่งเดยี ว) กับการบริหารจัดการในกรณีเกิดโรคระบาดในเรือนจ�า นพ.ชำตรี สนุ พงศรี : การบรหิ ารจัดการกรณีเกดิ โรคระบาดในเรอื นจา� หลกั การขอ้ ท่ ี1 คือการบริหาร โดยมีการแต่งต้ังคณะท�างาน คณะกรรมการ คิดว่าทุกแห่งควรมีไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล/เรือนจ�าก็ต้องแต่งต้ังคณะกรรมการ คณะท�างานในส่วนของเรือนจ�าหรือในส่วนของโรงพยาบาลแม่ข่าย รวมถงึ ตา่ งจงั หวดั กค็ อื เปน็ คณะกรรมการของจงั หวดั แตง่ ตงั้ ขนึ้ มา ซง่ึ ของกรงุ เทพฯ กจ็ ะเปน็ ของเขตทเ่ี วลาเกดิ การระบาด เราจะแจง้ ทางกรงุ เทพฯ เช่นกนั หลักการข้อท่ ี 2 คอื การจัดระบบซง่ึ การบริหารจดั การ ทม่ี ีท้งั เชิงรบั เชงิ รุก ในเชงิ รับกค็ อื ต้องสง่ เสรมิ สขุ ภาพผ้ตู ้องขัง ใหม้ อี งค์ความรดู้ า้ นชวี อนามยั ในเชงิ รับคือดา้ นส่งิ แวดลอ้ มของเรอื นจา� เพื่อจะปอ้ งกนั แตถ่ ้าเปน็ เชงิ รกุ คือ เฝา้ ระวังเวลาม ี การระบาดก็ตอ้ งสอบสวนด้วยความรวดเรว็ แล้วกค็ วบคุมโรคนน้ั ๆ ให้ได้ หลักการข้อท่ ี3 สนับสนุนการบ�าบัดรักษา เวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ในการควบคุมโรค การบริหารจัดการก็คือ โรงพยาบาลแมข่ ่ายหรือส่วนท่เี กย่ี วข้อง ตอ้ งให้การสนับสนุนเรือนจ�าด้วยอยา่ งทที่ ราบกนั เรอื นจา� เวลาเกิดโรคระบาดทีไ่ ม ่ สามารถควบคุมไดเ้ พราะไมม่ เี ครอื่ งมือ ไมม่ อี ุปกรณ์ป้องกนั ซ่ึงพวกนที้ างหลักการแล้วควรจะต้องไดร้ ับการสนับสนนุ หลักการขอ้ ท ่ี4 วางระบบรายงานโรคตามบรบิ ทของเรอื นจา� และสอดคลอ้ งกบั กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ คือเม่ือเกิดการระบาดแลว้ จะต้องรายงานเพื่อใหท้ างหนว่ ยงานท่ีเก่ยี วขอ้ งเข้ามาชว่ ยกันสอบสวนโรค กระบวนการข้ันตอนการเฝ้าระวัง สอบสวนโรคท่ีเรือนจ�า และรพ.แม่ข่ายด�าเนินการ เรือนจ�า ตรวจสอบข้อมูล การระบาดเบ้ืองตน้ แยกผปู้ วย กลุม่ ปวย กลุม่ เส่ียง กลมุ่ สัมผัส ประสานรพ.แมข่ า่ ย Strong Big Cleaning เน้นจดุ สัมผสั แจง้ สถานการณก์ ารระบาดใหท้ กุ หนว่ ยทกุ แดนในเรอื นจา� ทราบ รายงานสถานการณก์ ารระบาดรายวนั รพ.แมข่ า่ ย ตรวจสอบ ขา่ วการระบาด ประสานทมี SRRT ในพนื้ ทด่ี า� เนนิ การสอบสวนโรค ตดิ ตามผลการเกบ็ สง่ิ สง่ ตรวจ สนบั สนนุ เวชภณั ฑ ์ อปุ กรณ์ ในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรค สรปุ รายงานผลการสอบสวนโรค โรคระบาดทพ่ี บบอ่ ยในเรอื นจา� ไดแ้ ก ่ หดิ ไขห้ วดั ใหญ ่ ตาแดง หดั ไข้กาฬหลงั แอน่ อุจจาระรว่ ง อีสกุ อใี ส ไขเ้ ลอื ดออก โรคฉหี่ นู แขนขาอ่อนแรง การบรกิ ารวคั ซีนปอ้ งกนั โรคในเรอื นจ�า ม ี 2 อย่างคือ วคั ซนี ไขห้ วดั ใหญ ่ (Influenza Vaccine) และวัคซนี ป้องกนั โรคหดั (MR) ส¶านการณ์การระบาดทเี่ คยเกิดขนÖ้ ãนเรือนจ�าเขต กรงØ เทพÏ ในป พ.ศ. 2561 ไข้หวัดใหญ่ เรือนจ�าพิเศษมีนบุรี 142 ราย ทัณฑสถานหญิงธนบุรี 150 ราย Chickenpox เรอื นจา� พิเศษกรุงเทพฯ 4 ราย เรือนจ�าพเิ ศษมีนบุรี 18 ราย Neisseria meningitis ทัณฑสถานหญงิ กลาง 2 ราย ในป พ.ศ. 2562 ไขห้ วดั ใหญ่ เรอื นจา� กลางคลองเปรม 76 ราย เรือนจา� พิเศษมีนบุรี 193 ราย เรอื นจ�าพเิ ศษธนบรุ ี 206 ราย (2 คร้งั ) ทัณฑสถานหญงิ ธนบรุ ี 32 ราย Neisseria meningitis ทณั ฑสถานหญิงกลาง 1 ราย ในป พ.ศ. 2563 ไข้หวัด ใหญ่ เรอื นจ�ากลางคลองเปรม 66 ราย Paralysis เรอื นจา� พิเศษกรงุ เทพฯ 6 ราย Neisseria meningitis เรอื นจ�าพเิ ศษ กรุงเทพฯ 2 ราย ทณั ฑสถานบ�าบัดพิเศษกลาง 2 ราย Food poisoning เรือนจา� พเิ ศษธนบรุ ี 90 ราย สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกันศึกษา กรมควบคุมโรค 63
ป˜ÞหาและอปØ สรรคãนการด�าเนินงานดา้ นการบรหิ ารจัดการกรณีเกดิ โรคระบาดãนเรือนจา� 1) ไดร้ บั การแจ้งการระบาดของโรคลา่ ชา้ ท�าใหเ้ ข้าสอบสวนโรคได้ช้า เกดิ การระบาดของโรคทีข่ ยายวงกว้าง 2) ติดตอ่ สือ่ สารกับเรอื นจ�าไดย้ ากลา� บาก เรอื นจา� ไมใ่ หค้ วามส�าคัญกบั การป้องกันโรค 3) อุปกรณ์และเวชภัณฑ์ ทใ่ี ชใ้ นการควบคมุ โรคไม่พอเพียง 4) ผตู้ อ้ งขงั หนาแน่น ท�าให้เส่ียงตอ่ การระบาดของโรคได้ง่าย 5) พืน้ ที่ในการแยกผปู้ วย คับแคบ ไม่เป็นสดั สว่ น เกดิ การติดตอ่ ได้งา่ ย การดา� เนนิ งานดา้ นการเ½า้ ระวงั และคน้ หาการติดเชอ้ื ãนประชากรกล่Øมเสย่ี ง กรณีโรคติดเช้ือäวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ãนเรือนจา� มาตรการของกรมราชทณั ฑ ์ ในการเฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั และควบคมุ การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 1) การบริหารจดั การในเรอื นจา� งดเยี่ยมญาติ • งดการเข้าไปท�ากจิ กรรมของบุคคลภายนอก • งดการเคล่ือนยา้ ยผ้ตู ้องขังทัง้ รับเขา้ และย้ายออก •• งดการใหผ้ ตู้ ้องขังออกท�างานสาธารณะ การฝก วิชาชีพ หรอื งานอน่ื ใดที่ตอ้ งออกนอกเรอื นจา� 2) ด้านการคัดกรองเจ้าหนา้ ทแี่ ละผู้ต้องขัง คดั กรองผูต้ อ้ งขงั เขา้ ใหม่ • แยกกกั ตัวผ้ตู อ้ งขังเข้าใหมท่ กุ ราย 14 วัน •• คดั กรองเจ้าหนา้ ทีท่ กุ รายกอ่ นเขา้ ปฏิบตั งิ านในเรอื นจา� ••3) การสอื่ สารความเส่ียง ประชาสัมพันธ์ความรู้ใหแ้ กเ่ จา้ หนา้ ท ่ี ผู้ตอ้ งขัง และญาติอย่างต่อเน่อื ง เพ่ือลดความตน่ื ตระหนก เพมิ่ ชอ่ งทางการตดิ ตอ่ สอ่ื สารระหวา่ งผตู้ อ้ งขงั กบั ญาตเิ พอ่ื ลดความตงึ เครยี ด ผา่ นทางแอพพลเิ คชนั่ ไลน ์ หรอื E-mail •4) การรายงานสถานการณแ์ ละผลการดา� เนินงาน เรอื นจ�ารายงานสถานการณ์ ไปยังกองบริการทางการแพทยท์ ุกวนั ผา่ นทางแอพลิเคชัน่ ไลน์ การจดั กิจกรรม •ใหค้ วามรสู้ ง่ เสรมิ การปอ้ งกนั ภายใตส้ ถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) การซอ้ มแผนรองรับสถานการณ/์ เหตุการณ ์ การระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รว่ มกบั •เรอื นจา� เครอื ข่าย การเฝา้ ระวงั เชงิ รกุ ในการปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ในทณั ฑสถาน •โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเรือนจา� เครือข่าย จดั อบรมใหค้ วามร ู้ เรอ่ื ง การทา� ความสะอาดพนื้ ทที่ ม่ี คี วามเสย่ี งในการตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) แกบ่ คุ ลากรทางการแพทย ์ เจา้ หนา้ ท ่ี และอาสาสมคั รสาธารณสขุ ในเรอื นจา� ในทณั ฑสถานโรงพยาบาลราชทณั ฑ์ •และเรอื นจ�าเครอื ข่าย จดั อบรมใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั การเกบ็ สง่ิ สง่ ตรวจหาการตดิ เชอื้ ไขห้ วดั ใหญ ่ (Influenza) และไวรสั โคโรนา 2019 (COVID–19) ของผู้ท่ีมสี ว่ นเก่ียวข้องกับการเก็บส่ิงสง่ ตรวจในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ ์ และเรอื นจา� •เครอื ขา่ ย จัดอบรมให้ความรู้เก่ียวกับสุขอนามัยส่วนบุคคลแก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าท่ี และอาสาสมัคร สาธารณสขุ เรอื นจา� (อสรจ.) ส�าหรับทณั ฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑแ์ ละเรือนจ�าเครือข่าย 64 สรุปเน้ือหาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑร์ ะยะสน้ั
• จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการคัดกรอง และป้องกันโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แกบ่ คุ ลากรทางการแพทย ์ เจา้ หนา้ ท ี่ และอาสาสมคั รสาธารณสขุ ในเรอื นจา� ในทณั ฑสถานโรงพยาบาลราชทณั ฑ์ และเรือนจ�าเครือขา่ ย พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู : ในแง่ของการจัดการการระบาดมีอะไรบ้าง ในการใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ มีการแปลผล เพ่ือบอกได้ว่าตอนนี้มีความผิดปกติ เช่น ถ้าเราบอกว่ามีคนไข้ท่ีมาด้วยอาการระบบทางเดินหายใจเม่ือไหร่ เราจะรู้ว่าเราจะ สอบสวนอย่างไรและเม่ือไหร่ การเก็บข้อมูลการสอบสวน เก็บมาแล้วต้องน�าวิเคราะห์เหตุการณ์ สามารถที่จะน�าไป จดั การไดห้ รอื ไม ่ เพราะสดุ ทา้ ยแลว้ กจ็ ะเกดิ การควบคมุ โรคเกดิ ขน้ึ คอื การจดั การการระบาด ซงึ่ การจดั การของการระบาด ใชห้ ลกั คือ Host , Agent และ Environment เรียกว่าเปน็ ปจั จัยสามทางระบาดวทิ ยา คอื วา่ เมอ่ื ไหร่ที่ไม่มที ัง้ 3 ขอ้ นีไ้ ม่ครบ กไ็ ม่นา่ จะเกิดภัยสุขภาพใด ๆ 1) Host คือ ตวั บุคคล ในทีน่ ้ีกค็ ือ ผู้ตอ้ งขัง เจา้ หนา้ ท่ใี นเรือนจ�า การจัดการโดยเพิ่มความตา้ นทานให้ Host เชน่ การฉีดวัคซนี ปอ้ งกันการตดิ เช้ือ ใส่หน้ากากอนามยั ทา� ความสะอาดอย่สู มา่� เสมอ รกั ษาสขุ ภาพใหแ้ ข็งแรงและ มีความรคู้ วามเขา้ ใจโรคและภัยสุขภาพ 2) Agent คอื ตวั เชือ้ โรคตา่ ง ๆ ทจ่ี ะเกิดต่อสขุ ภาพในเรือนจ�า การจัดการโดย กา� จดั ลด ในทน่ี ้ีคอื ก�าจดั เชอื้ โรค เชน่ การลา้ งมอื บอ่ ย ๆ ทา� ความสะอาดพนื้ ผวิ จา� กดั การแพรก่ ระจายของเชอ้ื โรค รวมถงึ ปจั จยั สาเหตขุ องการเกดิ โรค 3) Environment คือ ส่ิงแวดลอ้ ม การจัดการโดยเสริมใหด้ ขี ึ้น เชน่ การท�าความสะอาดในหอนอน เรือนจา� ลดการ แออดั ในหอนอน ดแู ลสขุ าภิบาลโรงครัว รวมถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมทดี่ ี ในเร่ืองของโรคโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุขมีแผนบูรณาการความร่วมมือพหุภาคี เพ่ือความปลอดภัยและลด ผลกระทบจากโรคโควคิ -19 มเี ป้าหมายคอื 1) เพ่ือลดโอกาสการแพรเ่ ช้อื เขา้ สปู่ ระเทศไทย 2) เพ่ือใหท้ กุ คนในประเทศไทยปลอดภัยจากโรคโควิค-19 3) เพ่ือลดผลกระทบทางสขุ ภาพ เศรษฐกจิ สังคม เพอื่ ความมนั่ คงของประเทศ. ซึ่งเป้าหมายดงั กล่าวมแี ผนการ ดา� เนนิ 6 กลยทุ ธ ์ (6C) ดว้ ยกนั คอื Capture การเฝ้าระวัง ด่านฯ สถานพยาบาล และชมุ ชน • Case management การดแู ลรกั ษาและป้องกันการแพรเ่ ชอ้ื • Contract tracing การตดิ ตามผ้สู ัมผัสและควบคมุ โรค • Communication การสอ่ื สารความเส่ยี ง • Community participation & Law มาตราการทางกฎหมายและชุมชนมสี ่วนรว่ ม •• Coordinating and Joint information center การประสานงานและรวบรวมขอ้ มูล อกี ท้งั ยังมแี ผนการเตรียมตัวรบั การระบาดครั้งใหม่ของโรคโควดิ -19 มเี ป้าหมายเพอ่ื การตอบโต้ภาวะฉกุ เฉิน ซ่ึงมี เป้าหมายเหมือนกับแผนบูรณาการความร่วมมือพหุภาคี เพ่ือความปลอดภัยและลดผลกระทบจากโรคโควิค-19 แต่มี กลยทุ ธใ์ นการจัดการกบั โรคโควดิ -19 ต่างกนั คือ มี 5 กลยุทธ์ (QTTIQ) คือ 1) Quarantine การกกั กนั กลุม่ ผูส้ ัมผัส มาตราการส่วนบุคคล 2) Testing การเฝ้าระวังและตรวจจบั ที่รวดเรว็ 3) Tracing การตดิ ตามผสู้ มั ผัสและควบคุมโรค 4) Isolation การแยกกกั ผปู้ ว ย 5) Quarantine การกักกนั ผูส้ ัมผัส (รอบที่ 2/14 วัน) สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา กรมควบคมุ โรค 65
มาตรการปอ้ งกนั การระบาดของโรคäทรอยด์เปนš พÉิ สถานการณก์ ารระบาดทผี่ า่ นมาประเทศไทยมกี ารรายงานเหตกุ ารณก์ ารระบาดของโรคไทรอยดเ์ ปน็ พษิ ในเลอื ดตา�่ ต้ังแตป่ พ.ศ. 2559 ถึงป พ.ศ. 2562 จ�านวน 10 เหตกุ ารณ์ครัง้ แรกคอื จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน ตอ่ มาเกิดในเรอื นจา� จังหวัด ศรสี ะเกษ รอ้ ยเอด็ ขอนแกน่ 2 ครง้ั ครง้ั แรกในปพ .ศ. 2561 และครง้ั ท ่ี 2 ในปพ .ศ. 2562 เชยี งราย เชยี งใหม ่ มหาสารคาม สกลนครและเพชรบุรี สาเหตุการระบาดของทกุ เหตกุ ารณม์ คี วามสมั พนั ธ์กบั อาหาร ไดแ้ ก่ เนอ้ื หม ู เน้ือไก ่ หมูบด เคร่อื งในหมแู ละลกู ช้ินไก ่ ซึ่งพบว่าเน้ือหมูหรือเนื้อวัวบางส่วนมีการปนเปอนหลอดลมโดยเฉพาะเนื้อสัตว์บด จากการส่งตัวอย่างเน้ือดังกล่าว ไปตรวจทางจลุ ภาคกายวภิ าคศาสตรข์ องการระบาดจงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนและศรสี ะเกษ พบเนอ้ื เยอื่ ของตอ่ มไทรอยดใ์ นเนอื้ สตั ว ์ ท่ีจัดให้ผู้ต้องขังรับประทาน ซึ่งขณะนั้นยังตรวจไทรอยด์ฮอร์โมนในเนื้อสัตว์ไม่ได้ ต่อมาการระบาดในจังหวัดสกลนคร ได้เร่ิมมีการตรวจวัดไทรอยด์ฮอร์โมนโดยคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้เก็บตัวอย่างเนื้อสัตว์และ เครอ่ื งในจากตลาดมาตรฐานแห่งหน่งึ ในจงั หวัดเชียงใหม ่ พบว่าระดบั ของไทรอยด์ฮอรโ์ มน T3 และ T4 ในเนือ้ หมูและ เนื้อไก่ท่ีเก็บจากเรือนจ�าสูงกว่าจากตลาดเล็กน้อยและในเคร่ืองในหมูที่เก็บจากเรือนจ�าสูงกว่าในเน้ือหมูหรือเนื้อไก ่ เปน็ จา� นวนมาก มาตรการãนการป้องกนั การเกดิ โรคทผ่ี ่านมาต้ังแตป่ ‚ พ.ศ. 2559 1) ทุกเหตุการณ์งดรับเนื้อสัตว์หรืออาหารที่สงสัย พบว่าจ�านวนผู้ปวยลดลงจนเหตุการณ์สามารถสงบได้เองโดย ไม่จา� เปน็ ต้องใหย้ าต้านไทรอยด์ 2) กรมควบคมุ โรค ประสานกรมราชทณั ฑก์ า� หนดแนวทางปฏบิ ตั ใิ หห้ ลกี เลยี่ งการนา� เนอ้ื สตั วท์ ไ่ี มส่ ามารถระบอุ วยั วะ ทีช่ ดั เจนได้มาประกอบเปน็ อาหารให้กบั ผ้ตู ้องขัง 3) ถอดบทเรยี นภายหลงั ของเหตกุ ารณก์ ารระบาดทจี่ งั หวดั ศรสี ะเกษ ทางกองระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรครว่ มกบั กรมราชทัณฑ์ได้ร่วมกันถอดบทเรียน และกระตุ้นเตือนให้เรือนจ�าและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องตระหนักถึงความ ส�าคัญของการเฝ้าระวังโรคไทรอยด์เป็นพิษโดยมี ศ.นพ. รัชตะ รัชตะนาวิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข ในฐานะผู้เช่ยี วชาญด้านต่อมไทรอยด์ 4) กองบรกิ ารทางการแพทย ์ กรมราชทณั ฑจ์ ดั ทา� ประกาศและหนงั สอื เวยี นแจง้ เรอื นจา� ทง้ั ประเทศ เพอ่ื ใหเ้ ฝา้ ระวงั คุณภาพวตั ถดุ บิ และกา� ชบั การเฝ้าระวังเพือ่ ป้องกนั โรคไทรอยดเ์ ป็นพิษในเรอื นจ�า จ�านวน 5 คร้ัง 5) กองบรกิ ารทางการแพทย์ กรมราชทณั ฑ์จัดระบบการรายงานสถานการณโ์ รคระบาดในเรอื นจ�าหลายชอ่ งทาง เช่น Application Line, email เป็นต้น มาตรการป้องกนั การระบาดของโรคไทรอยดเ์ ป็นพษิ 10 มกราคม 2563 กระทรวงสาธารณสุขโดยส�านักงานปลดั กระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัยและกรมควบคมุ โรคร่วมกับกองบรกิ ารทางการแพทย ์ กรมราชทณั ฑแ์ ละกรมปศุสัตว์ ประชุมร่วมกันเพ่ือจัดท�ามาตรการเร่งด่วนในการด�าเนินการป้องกันการเกิดโรคไทรอยด์เป็นพิษในเรือนจ�าเมื่อวันท่ี 10 มกราคม 2563 ด้วยกา� หนดมาตรการและหนงั สือแจง้ ไปทกุ จงั หวัด ดงั นี้ 1) โรงพยาบาลที่ดูแลเรือนจ�าร่วมกับพยาบาลในเรือนจ�าท�าการทบทวนประวัติการปวยของผู้ต้องขัง ในเรือนจ�า 1 ถึง 3 เดอื นย้อนหลงั ดว้ ยโรคไทรอยด์เปน็ พษิ และกรณพี บเปน็ กลมุ่ กอ้ นให้ท�าการสอบสวนการเกดิ โรค 2) เรอื นจา� จัดระบบเฝ้าระวงั อาการทีเ่ กิดจากโรคไทรอยดเ์ ปน็ พิษ เช่น ใจสัน่ มือส่นั เหงอื่ ออกงา่ ย แขนขาออ่ นแรง นอนไม่หลับหรอื ชีพจรเต้นเร็ว ด้วยการคัดกรองประจา� วันจากหวั หน้าห้องนอนหรอื อาสาสมัครเรอื นจ�าซ่ึงได้มี การอบรมแลว้ กรณพี บอาการผิดปกติใหร้ ายงานพยาบาลทันที 66 สรปุ เน้อื หาการอบรมหลกั สตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะสน้ั
3) เรอื นจา� ตรวจสอบและดา� เนนิ มาตรการการใชว้ ตั ถดุ บิ ตามหนงั สอื สง่ั การของกรมราชทณั ฑโ์ ดยขอความรว่ มมอื จากปศุสัตว์จังหวัดและงานสุขาภิบาลอาหารของโรงพยาบาลหรือส�านักงานสาธารณสุขจังหวัดในการร่วม ดา� เนินงาน 4) การก�าหนดคณุ ลักษณะของวตั ถุดบิ เนอื้ สตั วท์ ี่น�ามาประกอบอาหารในเรือนจา� ควรไดร้ ับมาตรฐาน การฆ่าสตั ว์ ของกรมปศุสัตว์และสามารถตรวจสอบใบรับรองให้จ�าหน่ายเน้ือสัตว์หรือมีตราประทับรับรองให้จ�าหน่าย เนื้อสัตว์ของสตั วท์ ่ฆี ่าในเรือนฆา่ สัตวไ์ ด ้ ทงั้ น้กี รมปศสุ ัตวจ์ ะจดั ส่งรายชอื่ โรงฆ่าสตั วท์ ีม่ ใี บรบั รองจากปศสุ ตั ว์ให้ กรมราชทณั ฑ์ 5) กรมอนามัยร่วมกับกรมราชทัณฑ์จัดท�าก�าหนดรายการอาหารหรือมีการเสริมโภชนาการเพื่อป้องกันการขาด โภชนาการ เช่น การขาดวิตามนิ ดีซึ่งทา� ใหไ้ ทรอยด์เปน็ พษิ มอี าการรุนแรงขนึ้ กระบวนกำรจัดกำรโรคระบำด 1) มีระบบเฝ้าระวัง 2) เตรยี มทมี สอบสวน เจา้ หนา้ ที่ อสม. 3) เตรยี มของ วสั ดุอปุ กรณท์ เ่ี กีย่ วข้องในการป้องกันโรค 4) มีทมี สนบั สนนุ เช่น ทีมช่วยจัดการความเรยี บร้อยกับการบรหิ ารจดั การภายในทมี 5) มีเครอื ขา่ ย เชน่ เรอื นจา� โรงพยาบาล สาธารณสุขจงั หวดั ส�านกั งานปอ้ งกนั ควบคุมโรค เปน็ ต้น 6) มีแผนและการซอ้ มแผน สถาบันเวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา กรมควบคุมโรค 67
การประเมินสขØ Àาพจิตและการãช้ยาเสพตดิ ของผูต้ ้องขัง นพ.ทปั ปณ สัมปทณรักษ์ โรงพยำบำลวชิระภูเก็ต 1. การส�ารวจความคดิ เหน็ ระหว่าง การลดผตู้ ้องขังหรือขยายขนาดเรือนจา� โดยมีผู้ใหค้ วามคิดเหน็ ดงั น้ี 1) ลดผตู้ อ้ งขัง 2) ควรจะดา� เนนิ การไปควบคกู่ นั ตน้ เหตทุ คี่ นเขา้ มาในคกุ ใหไ้ ปดบู ทลงโทษ การกา� หนดโทษ ควรจะไปดว้ ยกนั หากผ้ตู ้องหายงั ไมไ่ ด้รบั โทษ แล้วต้องออกมาในสงั คมกไ็ ม่สมควร 2. คนไข้ทเี่ กีย่ วข้องกบั ยาเสพติดแล้วถกู จองจ�า หลังออกภายในหน่ึงป มีโอกาสกลับไปใช้สารเสพติดอกี ประมาณ 85% (70-98%) 3. คนไข้ท่ีใช้สารเสพติดเมทแอมเฟตามนี แล้วมีอาการทางจิต ภายใน 5 ป เสยี ชีวติ เกือบ 10% สาเหตทุ ี่พบบ่อย ได้แก่ ฆา่ ตัวตาย (ร้อยละ 35.9) อุบตั เิ หต ุ (รอ้ ยละ 18.5) 4. เยาวชนท่ีถูกด�าเนินคดีในสถานพินิจ มีสัดส่วนของอาการทางจิต 91% ปัญหาหลักคือ Substance used/ dependence disorders (SUD: ความผิดปกติของการใช้สารเสพติด), Conduct Disorder (Conduct: โรคพฤติกรรมเกเร), Attention-deficit hyperactivity disorder (ADHD: โรคสมาธสิ ้นั ) 5. Screening Brief Intervention Referral to Treatment 75-85% Negative 15-25% Unhealthy Alcohol and Drug use (Risky Use & SUD) 6. Health and Incarceration (ภาวะสขุ ภาพกับการถูกจองจา� ) 1) Mental illness (อาการปว ยทางจิต) 45-64% 2) 10-17% SMI (มีกลุ่มรนุ แรงทางจิต) 3) Substance Use (มีการใช้สารเสพติด) 43-69% 4) 30% have co-occurring SMI (มีกลุ่มรนุ แรงทางจิต) ••5) Aging related – significantly higher (อายุมาก มีโรคประจ�าตวั มากขน้ึ ) Hypertension (ความดันโลหิตสงู ) Diabetes (เบาหวาน) 7. อตั ราการติดเชื้อ HIV ในผ้ตู อ้ งขังสงู กวา่ บุคคลทั่วไปมาก 8. บรบิ ทของกระทรวงสาธารณสุขกบั กระทรวงยตุ ิธรรมมคี วามแตกต่างกนั เปรยี บเทยี บดังต่อไปนี้ 68 สรปุ เนือ้ หาการอบรมหลกั สตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑร์ ะยะส้นั
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยตุ ิธรรม พนั ธกิจคือสาธารณสขุ พันธกจิ คอื ความปลอดภัยของสาธารณะ ด�าเนนิ การตามการเปลีย่ นแปลง ดา� เนินการตามค�าสง่ั และข้อกฎหมาย มนษุ ยธรรม, มนษุ ยนิยม ระบอบ ระเบยี บ ระบบ การแต่งกายไมเ่ ป็นทางการ การแตง่ กายตามรปู แบบท่ีกา� หนด ป้องกนั /จดั แจง/ดูแลรักษา การลงโทษ (ฟน ฟู) มเี จา้ ตัวหรอื ชุมชนเปน็ ศูนยก์ ลาง มีสถานที่ชดั เจน จา� กดั บริเวณ ความยืดหย่นุ กฎระเบยี บเคร่งครัด ดา� เนนิ การแบบสร้างสรรค์ มแี นวปฏบิ ัติที่ชดั เจน และดา� เนินตามนัน้ 9. การจอดรถกบั ความผดิ ปกตขิ องบุคลกิ ภาพ รูปที่ 1: แสดงการจอดรถกับความผิดปกติของบุคลิกภาพ 1) Paranoid (หวาดระแวง) 2) Narcissist (หลงตัวเอง) 3) Dependent (เกาะตดิ กบั คนอื่น) 4) Passive-Aggressive (ดอื้ เงยี บ) 5) Borderline (ขวาง) 6) Antisocial (ต่อต้านสงั คม) 7) Histrionic (ตวั เองเป็นจุดเดน่ ) 8) Obsessive (ยา�้ คดิ ย้า� ท�า) 9) Avoidant (หลกี เลีย่ งสงั คม) 10) Schizoid (แยกตวั จากสังคม) 11) Schizotypal (ความเชอ่ื และพฤตกิ รรมแปลก) สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา กรมควบคมุ โรค 69
10. Defense mechanism (กลไกทางจิตของผตู้ ้องขัง) Narcissistic defenses Mature defense Denial Altruism (ความไม่เห็นแกต่ วั ) Distortion Anticipation (การคาดการณล์ ่วงหนา้ ) Primitive Idealization Asceticism (การถอื สันโดษ) Projection Humor (การใช้อารมณข์ นั ) Projective Identification Sublimation (การใชก้ จิ กรรมผ่อนคลาย) Splitting Suppression (ความสามารถอดทนได้) Idealization Affiliation (ยอมใหผ้ ูอ้ ืน่ ช่วยเหลือ) Devaluation Self-assertion (การแสดงออกท่ีเหมาะสม) Self-observation (การสังเกตตวั เอง) 11. ความเขา้ ใจผดิ เกยี่ วกบั ลา� ดบั ขน้ั ความตอ้ งการของมนษุ ย์ ควำมตอ้ งกำรทำงสนุ ทรยี ะ (Aesthetic Needs) ควำมต้องกำรร้แู ละเข้ำใจ (Know and Understanding) ควำมตระหนกั แท้ในตนเอง (Self Actualization) ควำมต้องกำรได้รับกำรยกยอง (Esteem Needs) ควำมตอ้ งกำรควำมรักและเปน เจ้ำของ (Love and Belonging Needs) ควำม(ตS้อaงfกeำtรyคNวeำมedปsล)อดภยั ควำมตอ้ งกำรทำงกำย (Physiological Needs) รูปท่ี 2: แสดงลา� ดบั ขน้ั ความตอ้ งการของมนษุ ย์ 12. Here and Now สา� คัญทส่ี ดุ 1) Anxiety: คนที่คดิ ถงึ อนาคตมาก ๆ 2) Depression: คนทน่ี กึ ถงึ แตอ่ ดตี 13. ความขดั แย้ง (Conflict) 1) Worry gives a small thing a big shadow การวติ กกงั กลท�าใหเ้ ร่ืองเลก็ กลายเปน็ เรื่องใหญ่ 2) Worry is like blood pressure การวิตกกังกลทพี่ อดเี ปน็ สง่ิ ทด่ี ี ท�าให้เราสามารถคาดการณอ์ นาคตได้ 70 สรปุ เนือ้ หาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตรร์ าชทัณฑร์ ะยะส้นั
14. Tolerance Factors (ปัจจัยสา� คญั ของคนท่ปี ระสบความส�าเร็จในชีวติ ) 1) social support : มสี ังคมแวดล้อมท่ีดี 2) hardiness : ความเขม้ แขง็ อดทน 3) optimism : การมองโลกในแง่ด ี ตรงขา้ มกบั pressimistic การมองโลกในแงร่ ้าย 4) sensational seeking : การมองหาส่งิ ทที่ า้ ทายในชวี ิตเพ่ิมข้นึ 5) autonomic nervous system : ระบบประสาทอัตโนมัติ นอนให้เพียงพอ ออกก�าลังกาย เล่นดนตร ี ท�าสมาธ ิ จะกระตนุ้ ระบบได้ดี 15. อารมณ ์ Cognitive Triads/Cognitive Therapy ปัจจัยส�าคญั ท่ีทา� ให้เกิดโรคซึมเศร้า คอื Hope ความส้ินหวงั Help ไมม่ ีใครช่วยได ้ Worth คุณคา่ ในตัวเอง Psychotic disorders : คนท่ีมอี าการทางจิต จะมอี าการดงั น้ี 1) Reality testing (การรบั รคู้ วามจรงิ ผิดปกติ) 2) Judgement (การตดั สนิ ใจผิดปกต)ิ 3) Insight (การมองเห็นผดิ ปกต)ิ 16. แบบคัดกรองโรคซมึ เศรา้ Bipolar ไม่มใี นแบบคัดกรอง และมาตรการรักษาของประเทศไทย เน้นยาต้านเศรา้ 17. Psychiatric Masquerades (Medical conditions with psychiatric symptoms) 1) 9-18% ของผูป้ วยจติ เวช มาจากความผดิ ปกตทิ างกาย 2) Neurological d. 3) Endocrine d. 4) Pulmonary d. 5) Gastrointestinal d. 6) Renal d. 7) Hematologic d. 8) Infectious diseases 9) Metabolic and toxic d. 10) Collagen vascular d. 11) Neoplasms 18. การวนิ จิ ฉยั และการวนิ จิ ฉยั แยกโรคทางสขุ ภาพจติ หรอื จติ เวชในกรณที ผ่ี ูป้ ว ยมา รพ. ดว้ ยอาการทางจติ สงิ่ สา� คญั กค็ อื การแยกภาวะทเ่ี กดิ จากแอลกอฮอล์ หรอื สารเสพตดิ ใดกต็ ามทสี่ ง่ ผลตอ่ อาการทางจติ รวมทง้ั โรคทางกาย ตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ ถงึ แมว้ า่ หยดุ ใชย้ าแลว้ กย็ งั มผี ล สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศึกษา กรมควบคุมโรค 71
รูปที่ 3: แสดง Other psychotic disorders 19. Integrated Service การดูแลผปู้ ว ยแบบผสมผสาน “Dual diagnosis” คือ การยอมรับวา่ ภาวะเสพตดิ จาก แอลกอฮอล์และสารเสพติดสามารถเกิดโรคร่วมกับภาวะผิดปกติทางสุขภาพจิตได้เป็นจ�านวนมาก ก่อให้เกิด ความยากลา� บากในการดแู ลรกั ษา ความผดิ ปกตทิ ง้ั คตู่ า่ งเสรมิ ความรนุ แรงกนั เพมิ่ สาเหตขุ องการกอ่ อาชญากรรม การดูแลสุขภาพและสขุ อนามัยบกพรอ่ ง กอ่ ใหเ้ กิดความขัดแยง้ หรอื ทะเลาะเบาะแวง้ แยกกนั อยู่ ขาดคนดแู ล หรอื เอือมระอา สภาวะตกงาน มกี ารทา� รา้ ยตนเองสงู ขน้ึ มสี ภาวะการติดเชอ้ื ทง้ั HIV HCV (ตับอักเสบชนิด C) ก่อพฤติกรรมเสย่ี งและเปน็ อนั ตรายต่อตนเอง เกิดอาการเสพติดซ�า้ ซอ้ น อาการทางจิตแยล่ งและไมร่ ับประทานยา เพมิ่ อตั ราการนอนโรงพยาบาลจากอาการกา� เรบิ รูปที่ 4: แสดง Dual diagnosis 72 สรุปเน้อื หาการอบรมหลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑร์ ะยะสน้ั
การกา� เนดิ ของโรครว่ ม กเ็ หมอื นกบั กรณ ี ไกก่ บั ไข ่ วา่ อะไรเปน็ สาเหตขุ องอะไร ซง่ึ ปญั หาอนั หนงึ่ เมอื่ ไดร้ บั การแกไ้ ข ไมค่ รบถว้ น ก็ก่อใหเ้ กดิ อีกปัญหาได้ Co-Occurring Disorders (COD) พหโุ รคา เท่ากับ รกั ษาสองคนในคนเดยี วกัน SAMHSA USA ได้ศกึ ษาไว้วา่ มอี ยา่ งนอ้ ย หน่ึงในสามของผูใ้ ชส้ ารเสพตดิ มอี าการทางจติ เปน็ โรครว่ มเสมอ รูปท่ี 5: แสดง Co-Occurring Disorders (COD) Continuum of Care ความต่อเนื่องของการรักษาคือส่ิงส�าคัญ ประกอบด้วย การป้องกันอันตรายโดยการ ให้ความร ู้ การรกั ษาและการลดอันตรายในกรณเี สพติดรนุ แรง รปู ท่ี 6: แสดง Treatment Modules สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศกึ ษา กรมควบคมุ โรค 73
การรกั ษาในรปู แบบทดี่ ที สี่ ดุ จากการพสิ จู นด์ ว้ ยงานวจิ ยั WHO พบวา่ คอื การรกั ษาภาวะเสพตดิ ไปพรอ้ มกบั การรกั ษา ทางจติ เวช หรือเรียกว่า Integrated Treatment (COD-Capable Programs) รูปท่ี 7: แสดง Harm Related รูปท่ี 8: แสดงการแก้ไขปญั หาโรคทางกาย นอกจากน้ัน การแก้ไขปัญหาโรคทางกาย การดูแลช่วยเหลือทางกฎหมาย และการด�ารงชีพล้วนมีส่วนช่วยลด อันตราย และเพิ่มการเข้าถึงระบบบรกิ ารดูแลรกั ษามากย่งิ ข้นึ 20. Holistic Harm Reduction การลดอันตรายแบบรอบด้าน UNODC ได้ให้ข้อแนะน�าลา่ สุดคือ ค�าวา่ Harm Reduction ถูกตีความทก่ี วา้ งข้นึ กว่าในอดตี และมีสว่ นคาบเก่ยี วกบั กระบวนการปอ้ งกันและดูแลรกั ษาอย่าง แยกกนั ได้ยาก 74 สรุปเน้ือหาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตรร์ าชทณั ฑ์ระยะสน้ั
รูปที่ 9: แสดงการลดอันตราย การลดอันตราย สามารถน�ามาใช้ได้ทั้งระยะลังเลใจ ตกลงใจ เตรียมการ ด�าเนินการ และบ�ารุงรักษาต่อเนื่อง หลักการสา� คญั คือ H: Human rights, A: Adverse events, R: Responsibilities และ M: Management การคัดกรอง ควรเกิดข้ึนท้ังด้านเสพติด จิตเวชและการเจ็บปวยทางรา่ งกายด้วย 21. Vulnerable Subjects (กลมุ่ เปราะบาง) ไดแ้ ก่ 1) กลมุ่ หญงิ ตั้งครรภ์ 2) เดก็ กลมุ่ เสย่ี ง/มปี ัญหาพฤตกิ รรม-อารมณ์ สโี่ รคหลัก (สติปญั ญาบกพรอ่ ง ออทสิ ตกิ สมาธิสน้ั บกพรอ่ ง ทางการเรียน) 3) กลุ่มท่ีไดร้ บั ผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครวั 4) กลมุ่ ผู้ปว ยยาเสพตดิ ท่ีมอี าการทางจติ เสีย่ งสูงตอ่ การก่อความรนุ แรง 5) กลุ่มผู้ปวยทางจิตเวชท่ีมโี อกาสถกู ชักจูงไปใชย้ าเสพตดิ และสารเสพติด 6) กลมุ่ ผูป้ วยเอชไอวีทีม่ โี อกาสใช้ยาหรือสารเสพติดเพ่อื แก้ไขความผดิ ปกตดิ า้ นจติ ใจ 7) กลมุ่ เดก็ วัยรุ่น และผู้พกิ าร 8) กลมุ่ พ้นโทษจากราชทณั ฑ์/ศนู ยฝ์ กอบรมเด็กและเยาวชน (กรมพินิจและค้มุ ครองเดก็ และเยาวชน) 9) กลุ่มท่หี ลดุ จากการบา� บดั ทกุ ระบบหรอื ผดิ นัดทุกกรณี 10) กลุ่มเปราะบาง คนชายขอบ หรอื กลมุ่ ต่างประเทศ กลุ่มเปราะบางได้รับความส�าคัญมากย่ิงขึ้นในปัจจุบัน หลายองค์กรท�าการยกระดับการดูแลในเบ้ืองต้นนอกจาก เรื่องการใช้สารเสพตดิ ในแมท่ ต่ี ั้งครรภ์ยงั มกี ลุม่ ต่าง ๆ อยา่ งน้อยสิบกลมุ่ ท่เี ราควรให้ความสา� คญั คือควรเข้าใจถงึ ชอ่ งว่าง ของการรักษา คนไข้ SUD ไม่เข้าหาการรักษา ไม่รู้จะเร่ิมต้นยังไง มีปัญหาการเงิน หาท่ีรักษายาก รักษาไม่ครบถ้วน มคี วามเร่งรบี หรอื ไมเ่ หมาะกบั วัฒนธรรมหรอื วิถกี ารด�าเนนิ ชีวติ ควรได้รบั การเสรมิ พลงั ให้กลุ่มเปราะบางหรอื ยกระดบั ในการดแู ลใหเ้ ขา้ ถงึ ระบบบรกิ าร ลดการตตี ราหรอื ความรสู้ กึ ในดา้ นลบทงั้ ของผปู้ ว ยและสงั คม คนไขท้ ไ่ี มไ่ ดร้ บั การรกั ษา เร่ืองสารเสพตดิ ทค่ี รบถ้วน จะกอ่ ให้เกิดความสูญเสยี ทส่ี ูงทีส่ ุดมากกวา่ ทุกระบบ การถูกจองจา� ความเปน็ อิสระ และการ ถกู จองจ�าอีกครัง้ หนงึ่ คอื ความเชื่อมโยงของสขุ ภาพ ท้งั ภายในและภายนอกเรือนจ�า ผู้ถกู จองจา� ยงั ไงก็กลบั คืนสชู่ ุมชน บคุ คลท่ีถกู จองจ�าโดยสว่ นใหญส่ ุขภาพแย ่ สร้างภาระทางสุขภาพสูงกว่าประชากรทัว่ ไป การมีระบบการดแู ลต่อเนอื่ งท่ดี ี คอื ความส�าคญั ผู้ปว ยท่ตี ิดเชอ้ื HIV คอื สูงกวา่ ในกลุม่ ที่ขาดการรักษา หรือไมม่ าตามนดั สถาบนั เวชศาสตรป์ ้องกนั ศกึ ษา กรมควบคุมโรค 75
22. Health Umbrella รม่ แห่งสขุ ภาพ 1) NATIONAL DRUG CONTROL STRATEGY ยทุ ธศาสตรช์ าตดิ า้ นยาเสพตดิ แนวทางชาตใิ นการบา� บดั รกั ษา สารเสพติด ไดอ้ อกข้อแนะน�าส�าหรับการรกั ษาในป 2020 2) การดแู ลรกั ษาตง้ั แตป่ ฐมภมู ไิ ปจนถงึ ระบบการสง่ ตอ่ ดว้ ยการคดั กรอง และใหค้ า� แนะนา� เบอื้ งตน้ ทเ่ี หมาะสม 3) NIDA ได้กลา่ วย�า้ เรือ่ ง Comorbidity: Addiction and Other Mental Illnesses 4) คนไข้ท่ีมารักษาในแผนกตา่ ง ๆ คอื กลุ่มบคุ คลทมี่ ปี ญั หาทางสารเสพตดิ ได้พอ ๆ กนั กบั การมารักษาเรื่องการ เสพติดโดยตรง ดงั นน้ั การคัดกรองทุกแผนกย่อมได้ประโยชนเ์ ช่นกัน ทั้งคนไขน้ อกและคนไข้ในทุกแผนก 5) Roizen’s 4L คอื ตวั แทนของการดแู ล ลดอนั ตรายดา้ นสขุ ภาพ สงั คม ชวี ติ และกฎหมาย นา� ไปสกู่ ารประเมนิ สภาวะผลกระทบจากการเสพตดิ ท่ีเรยี ก ASI (Addiction Severity Index) ไดแ้ ก่ Liver: สุขภาพ (เช่น อุบตั ิเหตุจราจร) • Love: คนรอบข้าง และสังคม (เชน่ การก่อความรนุ แรง) • Livelihood: ความเปน็ อยู ่ การงาน อาชพี รายได ้ (เชน่ การสูญเสยี งาน) •• Law: ปญั หาทางด้านกฎหมาย (เชน่ เมาแล้วกอ่ ปญั หา) 6) Health Umbrella คือ การใช้ด้านสุขภาพ เป็นตัวน�าการแก้ปัญหาสารเสพติด ได้แก่ BIO PSYCHO SOCIAL SPIRITUAL 7) HARM REDUCTION STRATEGIES มเี ปา้ หมายส�าคญั คอื ลดผลกระทบด้านลบทัง้ ตอ่ บุคคล และสังคม 8) Five groups service หา้ กลมุ่ บริการในอนาคต ทางดา้ นสขุ ภาพจิต ยาเสพตดิ และสารเสพตดิ หา้ กล่มุ SP รปู แบบใหม ่ คือ ครอบครวั ชุมชน และกลมุ่ เปราะบาง • วัยเรยี นและสถานศกึ ษา • วัยทา� งานและสถานทีท่ �างาน • สถานพยาบาล บุคลากรและระบบที่เกยี่ วขอ้ ง •• กลมุ่ บคุ คลท่ีเกีย่ วข้องกับกระบวนการทางยตุ ิธรรม 9) จิตเวชเดก็ คอื อาการเริ่มต้น ตามมาดว้ ยสารเสพติด ลงทา้ ยก็คือจติ เวชท่ีมีผลมาจากสารเสพตดิ การดูแล จึงเชื่อมโยงต่อกัน 10) สุขภาพจิตในวัยเด็ก ก่อให้เกดิ การเสพติดได้อยา่ งชัดเจนทางสถติ ิ 11) การท�ารา้ ยตนเองส�าเรจ็ ล้วนมกี ารใช้สารเสพติดน�ามาก่อนเปน็ ส่วนใหญ่ •• 12) กลมุ่ ผปู้ ว ยทางจิตเวชท่มี ีโอกาสถกู ชกั จงู ไปใช้ยาเสพตดิ และสารเสพติด คือ กลุม่ ท่ีใชส้ ุราหรอื สารเสพติดแล้วมีอาการทางจิต กลุ่มทมี่ อี าการทางจิตแล้วมักไปใช้สรุ าหรอื สารเสพตดิ ผมู้ ปี ญั หาทางสขุ ภาพจติ ยอ่ มถกู ชกั จงู ไปใชส้ ารเสพตดิ ไดส้ งู มาก สขุ ภาพจติ ดว้ ยบคุ ลกิ ภาพแบบอนั ธพาล มกี ารใช้ สารเสพตดิ ไดถ้ งึ 84% โรคอารมณแ์ ปรปรวน พบมกี ารใชส้ ารเสพตดิ มากถงึ 56% และโรคจติ เภท มกี ารใชส้ ารเสพตดิ 47% 13) DSM-5 ไมม่ กี ารแยก Abuse กบั Dependence อีกตอ่ ไป แบง่ การใชส้ ารเป็น 3 ระดับเรยี กรวมกันวา่ “Substance Use Disorder” 14) ICD-11 การเสพติดท้งั สารเสพตดิ และพฤติกรรมเสพตดิ และระบุเพิ่มเติมถึงอันตรายตอ่ ผู้อืน่ โดยเฉพาะ ดา้ นสุขภาพ 76 สรปุ เนื้อหาการอบรมหลักสตู รเวชศาสตร์ราชทณั ฑร์ ะยะส้นั
ส¶านการณ์การเ½า้ ระวงั โรคและÀัยสØขÀาพãนเรือนจา� พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผูท้ รงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค การจดั การโรคทกุ โรคทเี่ กดิ ขน้ึ ในเรอื นจา� จะใชร้ ะบบเฝา้ ระวงั ในการควบคมุ ปอ้ งกนั โรค ถา้ หากไมม่ รี ะบบเฝา้ ระวงั จะไมม่ ขี อ้ มลู ทบี่ อกไดเ้ ลยวา่ มโี รคอะไรเกดิ ขนึ้ บา้ ง สง่ิ สา� คญั ของทางเรอื นจา� ทต่ี อ้ งทา� คอื ตอ้ งจดั ระบบเฝา้ ระวงั ในเรอื นจา� จึงมคี วามพยายามเช่ือมโยงระบบการเฝา้ ระวงั 5 กลมุ่ โรค 5 มติ ิ เพอ่ื ลดภัยสุขภาพ 5 มติ ทิ ี่เฝ้าระวัง ไดแ้ ก ่ 1.ปัจจัยเส่ยี ง : 1.1 Determinants, Behavior Risk โดยจะดถู ึง Agent factors, Socio-economic factors, 1.2 Host behavior 2. Intervention: 2.1 Programs response หรือมาตรการทดี่ า� เนินการ ไม่ค่อยได้มกี ารตดิ ตามในระบบ ซึ่งทางเรอื นจา� สามารถจดั ใหม้ หี รือลองหามาตรการท่ีจะต้องติดตามไประยะยาว ๆ เพือ่ ทา� ใหเ้ กิดการลดโรค ลดภยั สุขภาพได้ อาจจะใช ้ Biomedical intervention, Social intervention, Law enforcement, Taxation and financing เปน็ ตวั กา� หนดให ้ ด�าเนินการ 3. Health Outcome โดยดจู าก 3.1 การปว ย การตาย พิการ 3.2 เหตุการณ์ทผ่ี ิดปกต ิ (Abnormal Event) 5 กลมุ่ โรคหลักท่ตี อ้ งเฝา้ ระวังในเรือนจา� ไดแ้ ก ่ 1.CD , 2.NCDs, 3.Injury, 4.AIDS/TB STIs, 5.Env-Occ การเฝา้ ระวงั โรค เหล่าน้ีจะท�าให้ทราบสาเหตุ ปัจจัยของการเกิดโรคน�าไปสู่การพยากรณ์โรค มีมาตรการควบคุมป้องกันโรค ลดการ แพร่ระบาด โดยเป้าหมายการเฝ้าระวังคือสามารถลดปัจจัยเส่ียง ลดการปวยตาย ลดการระบาด และลดจุดอ่อนของ แผนงาน การเฝ้าระวังโรคและภยั สขุ ภาพ ทุกกลุม่ โรคและภัยสขุ ภาพตอ้ งมีการตดิ ตามอยเู่ สมอ โดยถา้ จะเฝา้ ระวังใหล้ ึก ลงไปควรเฝา้ ระวงั /จดั การทตี่ น้ เหต ุ (รากเหงา้ ของปญั หา) พฤตกิ รรมเสยี่ ง มาตรการทที่ า� และจากทดี่ า� เนนิ การไป การปว ย/ การตาย เหตุการณผ์ ิดปกตแิ ละการระบาดลดลงหรือไม ่ อย่างไร ดงั แสดงในรปู รูปที่ 1: แสดงการเช่อื มโยงระบบเฝ้าระวัง 5 กลุ่มโรค 5 มิติ สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกันศกึ ษา กรมควบคมุ โรค 77
รูปที่ 1: แสดงการเชือ่ มโยงระบบเฝา้ ระวงั 5 กลุ่มโรค 5 มิติ (ตอ่ ) ส¶านการณก์ ารระบาดãนเรอื นจ�า ประเทศäทย จ�านวนเหตุการณท์ ่มี กี ารระบาดในเรอื นจ�า ตง้ั แตว่ ันท่ ี 1 มกราคม 2559 – 31 กรกฎาคม 2563 โดยระบบขอ้ มูล เร่ิมจากเรือนจ�าคีย์ข้อมูลส่งให้สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สาธารณสุขจังหวัดส่งข้อมูลให้ส�านักงานป้องกันควบคุมโรค (สคร.) กรมควบคุมโรค ในอนาคตจะมีระบบ event base ให้ทกุ ระดับสามารถเขา้ ถึงได้ จากตารางจะเห็นว่าในป พ.ศ. 2559 – 2562 มีจ�านวนผู้ปวยเพิ่มสูงข้ึน จ�านวนผู้เสียชีวิตน้อยลง ซึ่งในช่วง มกราคม - กรกฎาคม 2563 จะเห็นว่าจา� นวนเหตกุ ารณ์ลดนอ้ ยลงกวา่ ปท ผี่ า่ นมา อาจเนอ่ื งดว้ ยสถานการณ์โรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รูปที่ 2: แสดงจ�านวนเหตุการณ์ท่มี ีการระบาดในเรือนจ�า ตง้ั แต่วนั ท ี่ 1 มกราคม 2559 – 31 กรกฎาคม 2563 78 สรปุ เนื้อหาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตรร์ าชทณั ฑร์ ะยะส้นั
จงั หวดั ทพ่ี บเหตกุ ารณก์ ารระบาดในเรอื นจา� สงู ทส่ี ดุ ตง้ั แต ่ 1 มกราคม 2559-31 กรกฎาคม 2563 จา� นวน 11 จงั หวดั ส่วนใหญเ่ รือนจ�าขนาดใหญจ่ ะมจี า� นวนเหตุการณ์ท่สี ูง เชน่ เรอื นจ�ากรุงเทพมหานคร พิษณุโลก ฯลฯ รปู ท่ี 3: แสดงจงั หวัดท่ีพบเหตกุ ารณก์ ารระบาดในเรอื นจ�าสงู ที่สุด ตงั้ แต ่ 1 มกราคม 2559-31 กรกฎาคม 2563 จ�านวนเหตุการณ์ท่ีมีการระบาดในเรือนจ�า จ�าแนกตามโรคและปที่ได้รายงาน ต้ังแต่ 1 มกราคม 2559 – 31 กรกฎาคม 2563 (N=226 เหตุการณ์) 5 อนั ดบั กลุม่ โรคทีพ่ บเรียงจากมากไปนอ้ ย ไดแ้ ก่ ไข้หวดั ใหญ่ อาหารเปน็ พษิ อจุ จาระรว่ ง หิด ไฮเปอร์ไทรอยด์ รปู ที่ 4: แสดงจา� นวนเหตกุ ารณท์ ีม่ ีการระบาดในเรือนจ�า จา� แนกตามโรคและปท ไ่ี ดร้ ายงาน ตง้ั แต ่ 1 มกราคม 2559 – 31 กรกฎาคม 2563 สถาบนั เวชศาสตรป์ ้องกนั ศกึ ษา กรมควบคุมโรค 79
สถานการณโ์ รคในเรอื นจา� ประเทศไทย จา� นวน 19 เหตการณ ์ ยงั มโี รคทพี่ บ ดงั น ี้ สงสยั โรคสกุ ใส ไขห้ วดั ใหญ ่ อาหาร เปน็ พษิ สงสัยโรคเย่อื บตุ าอกั เสบจากไวรัส (ตาแดง) โรคหัดเยอรมนั โรคหิด สงสยั ไทรอยดเ์ ปน็ พษิ สุกใส ดงั แสดงในรูป รูปท่ี 5: แสดงสถานการณโ์ รคในเรือนจ�า ประเทศไทย จา� นวน 19 เหตการณ์ ส¶านการณโ์ รคติดเชื้อäวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ãนเรอื นจ�าประเทศäทย โรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เกดิ จากเช้ือ SARS-CoV-2 เกดิ ครั้งแรกทีเ่ มอื งอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจนี เมื่อเดอื นธันวาคม 2562 เชื้อมีต้นก�าเนิดมาจากค้างคาวมงกุฎเทาแดง แตย่ ังไมย่ นื ยนั ติดได้ทัง้ คนและสัตว์ การตดิ ตอ่ จากคนสู่คนผ่านละอองฝอย (Droplet) ของน้�ามูก นา้� ลาย ระยะฟกั ตวั ของโรค 2-14 วนั อาการที่แสดงได้แก ่ มีไข้ คัดจมกู มนี า้� มูก หายใจลา� บาก ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ไดก้ ล่ิน ลิ้นไม่รบั รส ท้องร่วง บางรายอาจไม่แสดงอาการ อาการรุนแรงจะมี ปอดบวมหรอื ปอดอกั เสบ ทางเดนิ หายใจล้มเหลว ไตวาย เสยี ชวี ิต (ส่วนใหญเ่ ป็นผู้มีโรคประจ�าตวั ผสู้ ูงอายุ) จะมีการตั้ง นิยามในการคัดกรองโรคในผู้สงสัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยนิยามมาตรการจะมีการปรับเปลี่ยนเพ่ือให้ทัน ต่อสถานการณ์การระบาด การเก็บตวั อย่างสง่ ตรวจยนื ยันทางห้องปฏิบัตกิ ารสามารถทา� ได ้ ดงั น้ี ปัจจุบันจะใช้การตรวจ Nasopharyngeal และ RT-PCR 80 สรปุ เนือ้ หาการอบรมหลกั สตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะสน้ั
รปู ท่ี 6: แสดงเกบ็ ตัวอย่างสง่ ตรวจยนื ยันทางหอ้ งปฏิบตั กิ าร การรายงานโรคตาม พ.ร.บ โรคตดิ ต่อ พ.ศ 2558 มาตรา 31 หากพบผทู้ ี่เปน็ หรอื มเี หตอุ ันสงสัยวา่ เปน็ โรค ตอ้ งแจ้ง ภายใน 3 ช่ัวโมง ใช้หลักการเดียวกับ XDR-TB ที่เรือนจ�ามีประสบการณ์ในการรายงานสถานการณ์โรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ในเรอื นจา� ประเทศไทย จา� นวน 7 เหตกุ ารณ ์ โดยมสี ถานทแี่ ละจา� นวนเหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขน้ึ ดงั นี้ 1. เรอื นจา� คลองเปรม จ�านวน 1 ราย 2. เรอื นจา� กลางจังหวัดราชบรุ ี จา� นวน 1 ราย 3. เรือนจ�าจังหวดั นครนายก จา� นวน 1 ราย 4. เรือนจา� อา� เภอนาทว ี จา� นวน 2 ราย 5. เรอื นจา� อา� เภอนาทว ี จ�านวน 2 ราย 6. เรอื นจ�าจงั หวดั ชุมพร จ�านวน 2 ราย 7. เรอื นจา� จงั หวดั สระบรุ /ี เรอื นจา� กลางชลบรุ /ี เรอื นจา� กลางฉะเชงิ เทรา/เรอื นจา� อา� เภอธญั บรุ ี จา� นวน 4 ราย ดงั แสดง ในรูป สถาบนั เวชศาสตร์ป้องกนั ศกึ ษา กรมควบคมุ โรค 81
รปู ท่ี 7: แสดงสถานการณ์โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID -19) ในเรอื นจา� ประเทศไทย จา� นวน 7 เหตกุ ารณ ์ กจิ กรรมทต่ี อ้ งดา� เนนิ การเพอ่ื ควบคมุ และปอ้ งกนั การระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 ในเรอื นจ�า ดังน้ี 1) กักกนั ผูต้ อ้ งขังแรกรับ 14 วนั 2) ตรวจหาเชือ้ โควิด 19 ในผู้ตอ้ งขังแรกรับทุกราย 3) แยกกักผปู้ วยสงสยั ส่งตรวจหาเชอื้ และเมื่อเปน็ ผู้ปวยยนื ยันส่งต่อเพ่อื การรกั ษา 4) ค้นหาและตดิ ตามอาการของผ้สู มั ผัสใกล้ชิดผปู้ วยยนื ยนั 5) ค้นหาผู้ท่เี ปน็ หรือผทู้ ีม่ ีเหตอุ นั ควรสงสยั 6) ทา� ลายสิ่งของปนเปอ นเชอื้ โรคติดต่อ 82 สรุปเนือ้ หาการอบรมหลกั สูตรเวชศาสตร์ราชทณั ฑร์ ะยะส้นั
การ«อ้ มแผนการเ½า้ ระวงั สอบสวน และควบคมØ โรคãนเรือนจ�า วทิ ยำกรโดย 1. นสพ.ธีรศักดิ์ ชกั นำ� นำยสตั วแพทย์ชำ� นำญกำรพิเศษ กองระบำดวทิ ยำ 2. นพ.ชำโล สำณศิลปน นำยแพทย์ช�ำนำญกำรพิเศษ กองระบำดวิทยำ แบบ½ƒกหดั สอบสวนโรคãนทณั ฑส¶าน แบบฝก หดั นี้ถูกดัดแปลงมาจากการสอบสวนโรคในทณั ฑสถานทเี่ ปน็ เหตกุ ารณจ์ รงิ ซึ่งได้มกี ารปรบั เปลยี่ นขอ้ มูล บางอยา่ งใหเ้ หมาะกบั การนา� มาใช ้ โดยตวั อยา่ งนจ้ี ะนา� เสนอในลกั ษณะคา� ถามและคา� ตอบ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นไดฝ้ ก กระบวนการ คิดในการสอบสวนโรคจากตัวอยา่ งเหตกุ ารณจ์ ริง วตั ถปุ ระสงค์กำรเรยี นรู้ : เพือ่ 1. ทราบถึงขัน้ ตอนหลักในการสอบสวนการระบาด 2. อธิบายวธิ กี ารท่ีใช้ในการศกึ ษาระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา 3. การวเิ คราะห ์ และแปลผลข้อมลู ท่ีเกบ็ รวบรวมมา สถำนกำรณ์ : ระหว่างวันท ่ี 1 - 2 มกราคม 2563 เวลา 9.00 น. หนว่ ยพยาบาลในเรือนจ�าไดร้ ับแจง้ จาก อสรจ. ว่าพบผตู้ ้องขังมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเม่ือยกล้ามเน้อื กระจายไปหลายเรอื นนอน ประกอบกับมผี ตู้ ้องขงั ทยอยเขา้ มา ขอรบั ยาแกป้ วดและยาลดไข้เป็นจ�านวนมากกว่าปกติ คำ� ถำมที่ 1 : ถา้ ทา่ นเปน็ เจา้ หนา้ ทใ่ี นหนว่ ยพยาบาลของเรอื นจา� เมอื่ ไดร้ บั แจง้ เหตกุ ารณด์ งั กลา่ วแลว้ จะดา� เนนิ การ อย่างไรตอ่ ไป ตอบ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลว่า เหตุการณ์ท่ีได้รับแจ้งเป็นจริงหรือไม่ว่า ผู้ปวยมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ เปน็ จา� นวนกี่คน เกดิ ขึ้นทเ่ี รอื นนอนใด สถำนกำรณ์ : ท่านได้ตัดสินใจตรวจสอบรายละเอียดเพ่ิมเติมจาก อสรจ. ที่ปฏิบัติงานเฝ้าระวังผู้ปวยในกลุ่ม ••ผู้ต้องขงั กลมุ่ นั้น และรวบรวมขอ้ มูลการรักษาพยาบาลและแบบคดั กรองผ้ปู ว ยประจา� วัน ไดข้ อ้ มลู ว่า มผี ปู้ วยสงสัยไข้หวดั ใหญ ่ เกดิ ข้ึนในแดนชายและแดนหญิง และเจา้ หน้าท ่ี 1 ราย ไดข้ ้อมลู เบอื้ งต้นวา่ ในวนั ท่ี 1 - 2 มกราคม 2563 เวลา 9.00 น. หนว่ ยพยาบาลในเรือนจ�าได้รับแจง้ จาก อสรจ. ว่าพบผู้ต้องขังมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเม่ือยกล้ามเน้ือ เม่ือตรวจสอบจากแบบคัดกรองผู้ปวยในเรือนจ�า ประจ�าวนั พบผูป้ ว ยมอี าการระบบทางเดินหายใจสะสมต้ังแตเ่ ดือนตุลาคม 720 ราย พบมากสุดเดอื นธันวาคม 350 ราย ในจ�านวนนมี้ ผี ู้ตอ้ งขังสูงอาย ุ 5 ราย ทม่ี อี าการรนุ แรงจนตอ้ งส่งตอ่ โรงพยาบาลภายนอก สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกนั ศกึ ษา กรมควบคุมโรค 83
รปู ท่ี 1: แสดงจ�านวนผูป้ ว ยอาการระบบทางเดินหายใจในเรอื นจา� ประจา� เดือนมกราคม – ธันวาคม ป พ.ศ. 2562 คำ� ถำมที่ 2 : ท่านพจิ ารณาวา่ จะท�าการสอบสวนโรคหรือไม ่ ดว้ ยเหตผุ ลใด และจะเริ่มดา� เนนิ การสอบสวนอย่างไร ตอบ จากข้อมูลในรูปท่ ี 1 พบวา่ จา� นวนผู้ปวยในแตล่ ะเดอื นของป 2562 สว่ นใหญม่ คี า่ มากกว่าค่ามธั ยฐาน 5 ป ยอ้ นหลงั ซง่ึ ถอื วา่ มกี ารระบาดของโรคระบบทางเดนิ หายใจในเรอื นจา� ซง่ึ อาการของผตู้ อ้ งขงั ทไี่ ดร้ บั รายงานเปน็ กลมุ่ อาการ เขา้ กบั ไขห้ วดั ใหญ ่ และเขา้ เกณฑก์ ารสอบสวนโรค เรอื นจา� จะตอ้ งดา� เนนิ การประสานโรงพยาบาลและสา� นกั งานสาธารณสขุ ในพ้นื ทีเ่ พ่ือดา� เนนิ การสอบสวนโรค เกณฑก์ ารสอบสวนโรค กรณีเกิดการระบาดโรคãนเรือนจา� เกณฑ์การสอบสวน โรค เรือนจาํ โรงพยาบาล / อาํ เภอ / สสจ. ใช้ตามเกณฑฯ์ อุจจาระรว่ ง/อาหารเป็นพิษ/บิด (Acute diarrhea/ Food - ผู้ปวย 5 รายข้ึนไปในแดนเดยี วกนั - พบผูป้ ว ยเป็นกลุ่มกอ้ นที่เห็นได้ชดั เจน poisoning/ Dysentery) ภายใน 2 วัน ในเวลา 2 วัน ตอ่ มไทรอยด์เปน็ พษิ /เหน็บชาจาก การขาดวิตามิน บ ี 1 - กรณเี สียชีวิตทุกราย - กรณเี สยี ชวี ติ ทุกราย (Hyperthyroidism/Beri Beri) - ผู้ปวยมีอาการใจสนั่ หรือ ออ่ นแรง - กรณเี สยี ชีวิตทุกราย 2 รายขึน้ ไปในแดนเดียวกนั และ - พบโรคไทรอยด์เป็นพษิ ต้ังแต ่ 2 ราย ชว่ งเวลาใกล้เคยี งกัน ขึ้นไปในแดนเดยี วกัน และช่วงเวลา ใกลเ้ คียงกัน 84 สรปุ เน้อื หาการอบรมหลักสตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะส้นั
เกณฑ์การสอบสวน โรค เรอื นจาํ โรงพยาบาล / อาํ เภอ / สสจ. ใช้ตามเกณฑฯ์ อหวิ าตกโรค (Cholera) - ผูป้ ว ยยืนยันทุกราย - กลมุ่ อาการตาเหลือง - ผู้ปว ย ตง้ั แต ่ 2 รายขนึ้ ไป ในแดน - ผ้ปู ว ยยนื ยนั โรคไวรสั ตับอกั เสบเอ ตัวเหลอื งเหมือนขาดอาหารและน�้า เดียวกนั ภายใน 1 เดอื น 2 ราย ข้ึนไปในช่วงเวลาเดียวกนั ไอกรน (Pertussis) - ผู้ปวยสงสยั ทกุ ราย - ผู้ปว ยสงสัยทกุ ราย - พบผ้ปู ว ยยืนยันเปน็ กลุ่มก้อนต้ังแต่ 2 รายข้นึ ไป ภายใน 1 เดอื น - กรณเี สยี ชวี ติ ทกุ ราย ตาแดง (Conjunctivitis) - พบผู้ปว ย 2 รายขนึ้ ไป ในแดน - เดยี วกนั หดิ (Scabies) - สอบสวนและควบคุมโรคเม่อื พบ - ผปู้ วยทุกราย กลุ่มอาการคลา้ ยไข้หวัดใหญ ่ (ILI) - ผปู้ ว ยตั้งแต ่ 5 รายขนึ้ ไป ภายใน - ผ้ปู วย ILI เกิดขึน้ อยา่ งตอ่ เนื่อง 1 สปั ดาห์ ในแดนเดยี วกัน ในช่วงเวลา 3 วันติดกนั - กรณเี สียชีวิตทุกราย วณั โรคปอด (Pulmonary - ผู้ปว ยวัณโรครายใหม่ - ผู้ปว ยวณั โรคดอ้ื ยา (MDR) ทุกราย Tuberculosis) - ผู้ปว ยวัณโรคกลับเป็นซ้�าทกุ ราย - ผู้ปว ยวณั โรค 2 รายขนึ้ ไป ในหอนอนเดียวกัน ไข้กาฬหลังแอน่ - ผปู้ วยสงสัยทุกราย - ผ้ปู ว ยสงสยั ทุกราย (Meningococcemia or Meningococcal meningitis) ไข้ออกผ่ืน - ผู้ปว ยออกผ่นื 2 รายขน้ึ ไปใน - พจิ ารณาตามเกณฑป์ กต ิ ขน้ึ กบั โรค แดนเดียวกัน ภายใน 1 สปั ดาห์ สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกันศกึ ษา กรมควบคมุ โรค 85
สถำนกำรณ์ : ทา่ นไดต้ ดั สนิ ใจประสานหนว่ ยงานสาธารณสขุ ในพนื้ ท ี่ และรว่ มลงพน้ื ทส่ี อบสวน ในวนั ท ี่ 3 มกราคม 2562 คำ� ถำมที่ 3 : วตั ถปุ ระสงค์ของการสอบสวนโรคครง้ั น้ีคอื อะไร? ตอบ 1. เพือ่ ยืนยนั การวนิ ิจฉยั และการระบาดของโรคระบบทางเดนิ หายใจในเรอื นจา� 2. เพอ่ื พรรณนาลกั ษณะของการระบาดตามบุคคล เวลา และสถานท่ี 3. เพือ่ คน้ หาปจั จัยเส่ียงของการระบาด 4. เพอื่ ก�าหนดมาตรการในการควบคมุ ป้องกนั โรค คำ� ถำมท่ี 4 : ทา่ นจะทา� การยืนยนั การวินจิ ฉัย และการระบาดในเหตกุ ารณน์ ้ีอย่างไร? ตอบ ยนื ยันการวนิ ิจฉยั โรค โดยการเก็บ Nasopharygeal swab, throat swab หรอื เสมหะ ตรวจหาการติดเชื้อ แบคทเี รียและไวรัสในระบบทางเดนิ หายใจ ยนื ยันการระบาดไดด้ า� เนินการแล้วในค�าถามท ี่ 2 ค�ำถำมท่ี 5 : ท่านจะดา� เนนิ การสอบสวนอย่างไร เพื่อให้ทราบขนาดของปญั หาของการระบาดในภาพรวม? ทา่ นจะ ••ก�าหนดนยิ ามผูป้ วยอยา่ งไร? กระบวนการและกจิ กรรมการสอบสวนโรค นยิ ามผปู้ ว ยของกลุ่มท่านคือ ตอบ กระบวนการสอบสวนโรค ได้แก่ การเตรียมทีมสอบสวนโรค การก�าหนดวัตถุประสงค์ในการสอบสวนโรค กา� หนดบทบาทหนา้ ทข่ี องสมาชกิ ภายในทมี รว่ มกนั ทบทวนและอภปิ รายขน้ั ตอนสอบสวนโรค เตรยี มเครอื่ งมอื และความ รทู้ จี่ า� เปน็ ในการสอบสวนโรค เชน่ แบบสอบสวนโรค อปุ กรณเ์ กบ็ และนา� สง่ สง่ิ สง่ ตรวจ ยาและเวชภณั ฑต์ า่ ง ๆ การตง้ั นยิ าม ผปู้ ว ยเพอื่ คน้ หาผปู้ ว ยเพมิ่ เตมิ ศกึ ษาลกั ษณะการระบาดและสภาพแวดลอ้ มในเรอื นจา� วเิ คราะหข์ อ้ มลู สรปุ ผลการศกึ ษา และด�าเนินมาตรการควบคมุ ป้องกันโรค นิยามผู้ปว ยจะต้องตอบวตั ถปุ ระสงคข์ องการสอบสวนโรค มีความเข้าใจงา่ ยและชัดเจน นิยามในการคน้ หาผู้ปวย เพม่ิ เติม นิยามควรมอี าการทางคลินิกทสี่ า� คัญ เวลา สถานที ่ และบคุ คล สถำนกำรณ์ ก�าหนดนยิ ามผู้ปว ย ท่ใี ชใ้ นการสอบสวนคร้ังน ้ี คือ ผู้ปว ยสงสยั (Suspected case) หมายถงึ ผ้ตู ้องขังและเจ้าหนา้ ทใ่ี นทณั ฑสถานแห่งนี ้ มีอาการไข ้ ≥ 37.8 องศา เซลเซียส ร่วมกับอาการอย่างน้อย 2 ใน 5 อาการดงั ตอ่ ไปน ี้ คือ ไอ เจบ็ คอ มีนา้� มกู เสมหะ ปวดศรี ษะ และปวดเมอื่ ย กลา้ มเน้อื ในระหว่างวนั ท่ี 15 ธนั วาคม 2562 – 3 มกราคม 2563 ผ้ปู ว ยยืนยนั (Confirm case) หมายถึง ผูป้ วยสงสัยท่มี ผี ลการตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารพบเช้ือไวรสั ไข้หวัดใหญ ่ สร้างแบบเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผู้ปวย ซง่ึ ประกอบด้วย: ข้อมูลส่วนบุคคล (ช่อื อายุ เพศ โรคประจ�าตวั ประวัติวัคซีน แดน เรือนนอน วันที่เริ่มเข้ามาอยู่ในเรือนจ�า) ข้อมูลอาการและอาการแสดง วันและเวลาเร่ิมปวย ประวัติการสัมผัสใกล้ชิด ผู้มีอาการทางเดนิ หายใจ 14 วันกอ่ นเร่ิมปวย และด�าเนนิ การค้นหาผปู้ ว ยเพิม่ เตมิ รวมทงั้ สมั ภาษณ์ผู้เกีย่ วขอ้ งภายในเรือนจา� เก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจากผู้ปวย ส่งไปตรวจหาเชื้อก่อโรคระบบทางเดินหายใจ ณ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย ์ กระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ 86 สรปุ เนือ้ หาการอบรมหลกั สตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑร์ ะยะสน้ั
• Nasopharyngeal swab หรอื Throat swab ใสใ่ น Viral transport media (VTM) หรอื ใน Universal •transport media (UTM) เก็บรกั ษาตัวอยา่ งในกระตกิ หรอื กล่องโฟมบรรจุนา�้ แข็ง ส่งตรวจภายใน 24 ชม. คำ� ถำมที่ 6 : จงสรา้ งแบบสอบถามเพือ่ เกบ็ ข้อมูลในพนื้ ท่ที ที่ า่ นลงสอบสวน (ระบตุ วั แปรท่ตี ้องการ) ตอบ 1. ประวัติเรม่ิ ปว ย 2. อาการและอาการแสดง 3. ผลการตรวจจากห้องปฏบิ ตั กิ าร 4. การวินจิ ฉยั และประวัติการรกั ษาพยาบาล 5. ปัจจยั เสยี่ งและปัจจยั ป้องกนั 6. กิจวตั รประจา� วันของผูป้ วย 7. ผู้สัมผสั ใกลช้ ดิ ผปู้ วย 8. ชอื่ ทีท่ �างาน เบอร์โทรศพั ท์ ของผสู้ อบสวนโรค คำ� ถำมท่ี 7 : ขอ้ มลู การสอบสวนอนื่ ๆ ท่ีทา่ นต้องดา� เนนิ การในข้นั ตอนน ้ี มีอะไรอกี บา้ ง? ตอบ นอกเหนอื จากสมั ภาษณผ์ ปู้ ว ย การศกึ ษาเรอื่ งสภาพแวดลอ้ มมคี วามสา� คญั ในการสอบสวนโรค ประกอบดว้ ย ศึกษาความหนาแน่นของเรือนนอน กิจกรรมท่ีผู้ต้องขังท�าร่วมกัน กิจกรรมพบญาติ ระบบการป้องกันควบคุมโรคใน เรอื นจ�า เชน่ หอ้ งแยกในเรือนจ�า การท�าความสะอาดเรือนจ�า รวมถึงการท�าความสะอาดสิง่ ของทต่ี อ้ งใชร้ ว่ มกัน การใช้ หนา้ กากอนามยั แอลกอฮอล์เจล เป็นตน้ ค�ำถำมท่ี 8-9 : ทา่ นจะท�าการวิเคราะห์ขอ้ มลู ระบาดวิทยาเชิงพรรณนา ทีเ่ ก็บรวบรวมมา อยา่ งไรบ้าง? จากขอ้ มลู เชงิ พรรณนา ทา่ นคดิ วา่ ปจั จยั ดา้ นพฤตกิ รรมเสย่ี งใดเปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ การระบาดครง้ั น ้ี และทา่ นจะมวี ธิ ี พสิ ูจนอ์ ยา่ งไร? ตอบ พรรณนาลักษณะของการระบาดตามบุคคล เวลา และสถานท่ี โดยวิเคราะห์หาอัตราปวยและตายในกลุ่ม ผู้ต้องขัง ร้อยละของอาการและอาการแสดงของโรคในกลุ่มผู้ต้องขัง สร้างฮิสโทแกรมระหว่างวันที่ผู้ปวยเร่ิมมีอาการ และจ�านวนผู้ปวยเพ่ือให้ทราบลักษณะการระบาดและประมาณระยะเวลาการได้รับเชื้อ รวมถึงท�าแผนที่หรือแผนภาพ แสดงข้อมูลว่าแดนหรอื เรือนนอนใดพบอตั ราปว ยสูงสดุ เร่อื งปจั จยั เสีย่ งของการเกิดโรค เชน่ เวลาไปสมั ภาษณ์แล้วรู้ว่าเขาไมไ่ ดล้ า้ งมอื ด้วยเจลแอลกอฮอลจ์ ึงท�าใหท้ ราบได ้ วา่ น้ันคือปัจจยั เสย่ี ง กรณีผู้ปว ยหลายคน ใหพ้ จิ ารณาว่า ปัจจยั เสย่ี งระหว่างเรอื นนอนชายและเรือนนอนหญิง การท�า กิจกรรมรว่ มกบั ผู้อ่ืน การพบญาติ เป็นตน้ ค�ำถำมที่ 10-11 : จะใช้รูปแบบการศึกษาใดท่ีเหมาะสมกับเหตุการณ์น้ี ระบุเหตุผล ท่านจะอภิปรายและสรุป ผลการสอบสวนอย่างไร? ตอบ สรปุ ผลการสอบสวนโรค ควรมรี ายละเอยี ดตง้ั แตข่ อ้ มลู จากทไี่ ดร้ บั รายงานมา การตรวจสอบความถกู ตอ้ งของ ข้อมูล การยืนยันการวนิ ิจฉยั การยืนยันการระบาด การทบทวนการศกึ ษาว่าจะเป็นโรคอะไรไดบ้ า้ ง ข้อมูลผปู้ วย อาการ ขอ้ มลู ทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร การรกั ษา การคน้ หาผปู้ ว ยเพม่ิ เตมิ ซงึ่ ขน้ึ อยกู่ บั นยิ ามตามแบบสอบสวนโรค การเกบ็ สง่ิ สง่ ตรวจ ขอ้ มลู ที่ได้รับกน็ า� มาวเิ คราะห์เชิงพรรณนาตาม เวลา สถานท่ี และบคุ คล สถาบันเวชศาสตรป์ ้องกันศกึ ษา กรมควบคมุ โรค 87
มอี ุบตั ิการณ์เกดิ ในแตล่ ะที่เท่าไหร ่ สภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ของเรอื นจ�าทเี่ กยี่ วข้อง ปัจจยั เสย่ี งคืออะไร เหตกุ ารณ์ ระบาดสามารถแพร่จากบคุ คลไปยงั กลุ่มบุคคลไดห้ รอื ไม่ มาตรการทด่ี า� เนนิ การไปแลว้ และข้อเสนอแนะในการควบคมุ ป้องกนั โรค หมำยเหตุ ในการศกึ ษาปจั จยั เส่ียง อาจต้องมีการต้ังสมมตฐิ านและใชก้ ารศึกษาระบาดวิทยาเชงิ วเิ คราะห์เพ่ิมเตมิ เชน่ cohort study หรือ case-control study คำ� ถำมที่ 12 : ทา่ นจะใหค้ �าแนะนา� การควบคมุ โรคครง้ั นี ้ และปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกดิ การระบาดทค่ี ลา้ ยกัน ในอนาคตอกี อยา่ งไร? ตอบ มาตรการควบคุมปอ้ งกันโรคขึ้นอยูก่ บั ว่า ทมี สอบสวนโรคสามารถท�าไดม้ ากนอ้ ยขนาดไหน มปี จั จยั ทค่ี ้นพบ จากการสอบสวนโรคคอื อะไร ปจั จยั ใดเปน็ ปจั จยั เสยี่ งจากญาตหิ รอื ปจั จยั เสยี่ งของผตู้ อ้ งขงั เองทมี่ พี ฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะสม เชน่ การไมใ่ สอ่ ปุ กรณป์ อ้ งกนั โรค การไมล่ า้ งมอื หรอื แอลกอฮอลเ์ จล การใชอ้ ปุ กรณร์ ว่ มกนั ทง้ั หมดนตี้ อ้ งอาศยั ประสบการณ์ เรอื่ งการสอบถามและสอบสวนโรค และข้ึนอยู่กบั โรคต่าง ๆ มาตรการควบคมØ และป้องกันโรคระบบทางเดินหายãจãนเรอื นจา� 1. อสรจ. และเจ้าหน้าทใ่ี นหน่วยพยาบาลของเรือนจ�า ท�าการคัดกรองผู้ต้องขังทกุ วันตามแบบคัดกรองรวมถึงมี การคดั กรองอาการทางระบบทางเดนิ หายใจกอ่ นการปลอ่ ยผู้ตอ้ งขัง 2. หากพบมอี าการทางระบบทางเดนิ หายใจ ใหผ้ ปู้ ว ยใสห่ นา้ กากอนามยั และแยกผปู้ ว ยออกจากผตู้ อ้ งขงั ทม่ี อี าการ ปกติในห้องแยก เพ่ือป้องกันการกระจายเช้ือ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ปวยโดยเฉพาะโดยไม่ให้ย้ายไปมา ระหว่างแดนตา่ ง ๆ 3. จัดให้มีพ้ืนท่ีรองรับผู้ต้องขังใหม่ที่มีอาการของระบบทางเดินหายใจ รวมถึงเตรียมถังขยะและกระดาษช�าระ สา� หรับทิง้ ขยะติดเชอ้ื ทมี่ าจากผูป้ ว ย 4. งดการเคลอื่ นย้ายผู้ตอ้ งขงั โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการยา้ ยไปเรือนจ�าอื่น ๆ 5. เจา้ หน้าที่ทกุ คน โดยเฉพาะเจ้าหน้าทใี่ นหนว่ ยพยาบาล ตอ้ งสวมใส่อปุ กรณ์ป้องกนั เช่น หน้ากากอนามัย และ ทา� ความสะอาดมือดว้ ยแอลกอฮอล์เจลอยา่ งสม�่าเสมอ 6. ลดจา� นวนคร้งั ของการเยย่ี มญาติ และจดั ให้มวี ิธกี ารเยย่ี มอย่างเหมาะสม 7. หลกี เลย่ี งการทา� กจิ กรรมรว่ มกนั ระหวา่ งผปู้ ว ยและผตู้ อ้ งขงั ทมี่ อี าการปกต ิ ไมใ่ ชภ้ าชนะ ชอ้ น สอ้ มหรอื แกว้ นา�้ รว่ มกัน 8. เรอื นจา� ใหส้ ุขศกึ ษาแกผ่ ตู้ ้องขัง เร่ืองการลา้ งมือ โดยเรือนจา� จะต้องเตรียมท่ลี า้ งมอื สบู่เหลว กระดาษเช็ดมอื และถงั ขยะใหเ้ รยี บรอ้ ย 9. เรือนจา� ควรทา� ความสะอาดใหญ ่ (Big cleaning) โดยเนน้ ท�าความสะอาดวัสดทุ ี่ต้องใช้ร่วมกนั เช่น โตะ เก้าอี้ ลกู กรง แกว้ น�้า ตลอดจนหูโทรศพั ท์ที่ใช้ส�าหรบั ติดตอ่ กับญาตทิ ี่มาเยี่ยม 10. การฉดี วคั ซนี เพอื่ ควบคมุ และปอ้ งกนั โรคระบบทางเดินหายใจในเรอื นจ�า เชน่ การฉดี วัคซีนป้องกันโรคหดั แก่ ผู้ต้องขังในขณะเกิดการระบาดของโรค หรือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลให้แก่ผู้ต้องขัง ปละ 1 ครัง้ 88 สรปุ เนือ้ หาการอบรมหลกั สตู รเวชศาสตรร์ าชทณั ฑร์ ะยะสน้ั
สว่ นที่ 3 บริบทของกรมราชทัณฑ์ สถาบันเวชศาสตร์ป้องกนั ศึกษา กรมควบคมุ โรค 89
พระราชบÞั Þัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 นำยสัญญำ เตำหมิ ผอู้ �ำนวยกำรกลุม งำนคดีและควำมรับผิดทำงละเมดิ กรมรำชทณั ฑ์ 90 สรปุ เนอ้ื หาการอบรมหลักสตู รเวชศาสตรร์ าชทณั ฑ์ระยะส้นั
สถาบนั เวชศาสตรป์ ้องกันศึกษา กรมควบคมุ โรค 91
92 สรุปเนอ้ื หาการอบรมหลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑร์ ะยะสน้ั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166