Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมะโดนใจ 1

ธรรมะโดนใจ 1

Published by Dharma Online, 2021-01-12 06:18:16

Description: ธรรมะโดนใจ 1

Search

Read the Text Version

บางส่วนจากพระธรรมเทศนา หลวงพอ่ ปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช รวมรวมโดย ลกู ศษิ ย์หลวงพอ่ ปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช

บางสว่ นจากพระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช รวมรวมโดย ลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๑ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘ จำ� นวน ๑๐,๐๐๐ เลม่ สงวนลขิ สิทธิ์ ห้ามพิมพ์จ�ำหน่ายและห้ามคัดลอกหรือตัดตอนไปเผยแพร่ทาง สือ่ ทุกชนดิ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขยี น หรอื มลู นิธิส่อื ธรรม หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ผู้สนใจอ่านหรือฟังพระธรรม เทศนา สามารถดาวน์โหลดได้จาก http://www.dhamma.com ดำ� เนนิ การพมิ พ์โดย บริษัท พรีมา พบั บลชิ ชิง จำ� กัด ๓๔๒ ซอยพฒั นาการ ๓๐ ถนนพฒั นาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรงุ เทพฯ ๑๐๒๕๐ โทร. ๐๒-๗๑๗๕๑๑๑ หนังสอื เลม่ น้มี ูลนธิ หิ ลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช จัดพมิ พ์ด้วยเงินบรจิ าค ของผมู้ จี ติ ศรทั ธาเพอ่ื เปน็ ธรรมทาน เมอ่ื ทา่ นไดร้ บั หนงั สอื เลม่ นแ้ี ลว้ กรณุ า ต้ังใจศึกษาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งแก่ตนเองและผู้อ่ืน เพื่อให้สม เจตนารมณข์ องผู้บรจิ าคทุกๆ ทา่ นด้วย

คำ� น�ำ บางครงั้ คำ� พดู ทโี่ ดนใจเพยี งไมก่ คี่ ำ� สามารถเปลย่ี นชวี ติ ของคน ๆ หนึง่ ได้ หลวงพอ่ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช เป็นพอ่ แม่ครบู าอาจารย์ ผู้มีอัจฉริยภาพในการสอนให้โดนใจคนฟัง มีคนจ�ำนวน ไม่น้อยชีวิตเปล่ียนจากการฟังธรรมที่ท่านแสดงเพียงไม่ กคี่ รัง้ ลกู ศษิ ยผ์ เู้ หน็ ประโยชนจ์ งึ รวบรวมธรรมะโดนใจในหลาย ๆ วาระ จดั พิมพ์หนงั สอื เล่มนีข้ ึ้น เพ่อื กระต้นุ จิตผู้อา่ นให้ เดินอยู่ในร่องในรอยตามทางท่ีพระศาสดาและพ่อแม่ ครบู าอาจารย์ทา่ นเดินไปแล้วด้วยดี จติ ใจโดนกระตุน้ แล้ว ตอ้ งลงมือภาวนาเองด้วย ชีวติ จึง จะเปลีย่ นอย่างแท้จรงิ ลกู ศิษยห์ ลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘



จติ สง่ ออกนอก

ใจออกนอกเป็นเร่ืองปกติ ธรรมชาติของจิตต้องส่งออก นอก พอสง่ ออกนอกไปแลว้ เกดิ สขุ ใหร้ ู้ เกดิ ทกุ ขใ์ หร้ ู้ เกดิ ดใี ห้รู้ เกดิ ช่ัวใหร้ ู้ เกิดยนิ ดีใหร้ ู้ เกิดยนิ รา้ ยใหร้ ู้ การทจี่ ิต ออกไปกระทบอารมณน์ น้ั ดา้ นหนงึ่ เหมอื นไมด่ ี แตค่ วาม จริงดี เพราะการออกไปกระทบอารมณ์นั้นท�ำให้เกิด ความเปลย่ี นแปลง การกระทบอารมณเ์ รยี กว่าผสั สะ ผสั สะทำ� ให้เกิด เวทนา ร้สู ึกสขุ ทกุ ข์ อาศัยเวทนากเิ ลสกแ็ ทรกได้ เห็น สงั ขารปรงุ ได้ เหน็ จติ ทำ� งานได้ จติ ทำ� งานคอื ภพ คอื การ เรยี นกรรมฐานนนั่ เอง หลวงพ่อพธุ ทา่ นสอน การปฏิบตั ิ “ยืน เดนิ น่ัง นอน กนิ ดมื่ ท�ำ พูด คิด” คดิ ก็ไดแ้ ต่มสี ติ ใครยนื เดิน นั่ง นอน กนิ ดืม่ ท�ำ พูด ร่างกายเป็นคนยืน เดิน น่ัง นอน กิน ดมื่ ทำ� พูด ใครเป็นคนคิด ใจเป็นคนคดิ จะ เหน็ มันทำ� งานไดเ้ อง ไมใ่ ช่เรา ฉะน้ันอยา่ ไปกลัวจิตออก นอก ๖

จติ ออกนอกแล้วมีสติ คือปัญญา จิตไมย่ อมออก นอกเลยทรงตัวอย่เู ฉย ๆ คอื สมถะ คอื สมาธิ แต่ถา้ ออก นอกแลว้ ไมม่ สี ติ คอื หลง ฉะนน้ั การเจรญิ ปญั ญากบั ความ หลงคาบเสน้ กนั นิดเดียว ถา้ มีสติ การทจ่ี ติ ออกไปกระทบอารมณ์เรียกวา่ มี สติ ได้ปญั ญา จติ ออกไปกระทบอารมณ์ ไมม่ สี ติก็หลง หลวงพ่อพุธบอกว่า “เผลอกับรู้มันคาบเส้นกันนิดเดียว เอง” ฉะนั้นอย่าไปกลัวเลย ยังไงจิตก็ต้องออกนอก หลวงปู่ดูลย์สอนอย่างนี้ “อนึ่งธรรมชาติของจิตย่อมส่ง ออกนอก แต่เม่อื จติ สง่ ออกนอกแลว้ ไมม่ ีสตกิ ็เปน็ สมุทยั ผลที่จิตสง่ ออกนอกแลว้ ไมม่ ีสตเิ ป็น ทกุ ข์ ถ้าจิตส่งออก นอกแล้วมีสติอยู่ ตามรู้ตามเห็นอยู่ น้ันคือ การเจริญ มรรค ผลท่จี ิตส่งออกนอกแล้วมสี ติอยจู่ ะเปน็ นโิ รธ” ทา่ นไม่ไดบ้ อกวา่ หา้ มออกนอก สว่ นหน่งึ ของพระธรรมเทศนา หลวงพอ่ ปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช วนั ท่ี ๑๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๗ จากซดี แี สดงธรรม ณ วดั สวนสนั ติธรรม แผน่ ที่ ๕๗ ไฟล์ ๕๗๑๑๑๔B ๗



กรรมฐานสำ�หรบั คน เป็นพอ่ เป็นแม่

เลย้ี งลกู กท็ �ำกรรมฐานไดน้ ะ บางคนบอกวา่ ล�ำบาก ลกู มนั กวน อา้ ว ! ผลติ ออกมาเอง บางคนไมม่ ลี กู กพ็ ยายาม ไปหาหมอให้มีลูก มีลูกแล้วจะมาบ่นอะไร เลี้ยงลูกก็ ภาวนาได้ ไม่ใช่ว่าต้องเอาลูกไปฝากโรงเลี้ยงเด็กก่อน แล้วแมม่ าภาวนา ไม่จ�ำเปน็ ใครเคยปอ้ นขา้ วลกู บ้าง พวกมลี ูกยังไงกต็ ้องเคย บา้ งละ่ นะ เคยมไี หม วนั หนง่ึ ปอ้ นแลว้ มนั กนิ หมด กนิ ตยุ้ ๆ เลย รู้สึกน่ารักใช่ไหม น่ารัก รู้ว่ารัก นี่ ! แค่น้ีเอง ทำ� กรรมฐาน วันหน่ึงป้อนไปแล้วเอาไปอม เด็กมันเคยอมข้าว ใหด้ ูไหม ไม่ยอมเคยี้ ว มนั อมอย่นู น่ั แหละ อู๊ย เราก็ตอ้ ง รีบไปท�ำงาน งานก็ตั้งเยอะแยะ พ่อบ้านเราก็ห่วยแตก หนไี ปไหนแลว้ กไ็ มร่ ู้ งานเตม็ บา้ นตอ้ งท�ำ ลกู กอ็ มขา้ วอยู่ นนั่ แหละ ไมย่ อมกลนื ซกั ที เมือ่ ไหรจ่ ะหมดถ้วย โมโหก็ รู้ว่าโมโห ลูกท�ำบ้านเลอะ โมโหก็รู้ว่าโมโห วันน้ีลูก เรียบร้อย เรยี บรอ้ ยพอประมาณ เรียบรอ้ ยมา ๕ นาที ๑๐

แลว้ ปลม้ื กร็ วู้ า่ ปลม้ื เรยี บรอ้ ยมาชวั่ โมงกวา่ แลว้ มนั นง่ิ ๆ มันปว่ ยรเึ ปลา่ คนนี้ไม่เคยนง่ิ ถึง ๕ นาทีเลย มนั อยคู่ รึง่ ช่ัวโมงแล้วไม่กระดุกกระดิก กังวลก็รู้ว่ากังวล น่ีแหละ กรรมฐาน เห็นไหม ใจเราเปลี่ยนตลอดเวลา แค่เล้ียงลูกก็ ท�ำกรรมฐานได้ แต่ไม่ต้องเอาสามีหรือภรรยาทำ� กรรม ฐาน ไมเ่ หมาะ เอาลกู ดกี วา่ สามเี อามาทำ� กรรมฐานเดยี๋ ว โมโห ดู ๆ ไปมแี ตค่ วามน่าเกลียด อย่างจะไปดภู รรยา เปน็ ปฏกิ ลู อสุภะ ถ้าดูให้ดตู ัวเอง ดูแล้วเด๋ียว โอ้ ไมไ่ หว แลว้ คนนี้ ใช้ไม่ได้ต้องเปลี่ยน ปัญหามาก แตล่ ูกน่ีเอาไป ทงิ้ ไมไ่ ดใ้ ชไ่ หม ตอ้ งเลย้ี งดมู นั ไป มนั นา่ รกั กร็ ู้ มนั นา่ โมโห กร็ ู้ เหน็ ใจของเราทเี่ ปลี่ยนไปเรื่อย น่แี หละทำ� กรรมฐาน เหมาะกบั กรรมฐานยคุ นี้มากเลย ดจู ิตดใู จตัวเองไป แล้ววันหนึ่งจะเห็น ความรู้สึกรักลูกเกิดข้ึน ชว่ั คราวแลว้ ก็หายไป เป็นเร่ืองทีน่ ่าตกใจมากสำ� หรบั คน เป็นพ่อเป็นแม่ น่ีเราดขู องเราไปนะ เวลาลกู ท�ำอะไรไม่ ๑๑

ถกู ใจ เราโมโห เราก็เลน่ งานเดก็ เกินความจ�ำเปน็ หรือ บางคนเครียดมาจากที่อื่น มาระบายใส่เด็ก เด็กน้ี นา่ สงสารมากเลย แสดงวา่ อกศุ ลกำ� ลงั ใหผ้ ลนะ เลยมพี อ่ แมแ่ บบนี้ ลำ� บาก เราดขู องเราไวน้ ะ เราจะไดไ้ มไ่ ปรงั แก เดก็ แลว้ เรากไ็ มไ่ ปสปอยลม์ ากไป สอนเดก็ ใหส้ ปอยลเ์ กนิ ไป โอม๋ ากไป จนเด็กเหมอื นคนพกิ ารเลย คนไทยนี่เลี้ยงลูกแย่มาก พวกเราก็เป็นคนไทย เหมอื นกนั ยิ่งอย่างเอาอุปกรณไ์ อทีใหล้ กู เลน่ แทนการ เล้ยี งดลู กู แทนไมไ่ ด้นะ อันตรายมากเลย บางคนกม็ ัก งา่ ยเอาแทบ็ เล็ตให้ลกู เลน่ ตวั เองก็จะไดว้ ่าง วา่ ง ๆ แลว้ จะได้ดูละครน้�ำเน่า เสียเวลา เด็กหลงกับของพวกน้ี สขุ ภาพจติ ไมด่ หี รอก ความสมั พนั ธใ์ นบา้ นกจ็ ะเสยี ความ สัมพันธ์ในบ้านส�ำคัญมาก ฉะน้ันแต่ละวันแทนที่จะต่าง คนต่างเลน่ น่ันเล่นนี่ แม่ก็กดลูกกก็ ดคนละอยา่ ง หันมา คยุ กนั บา้ ง อยา่ ใหใ้ นบา้ นเกดิ ความเหงา บา้ นตอ้ งอบอนุ่ ตอ้ งรักษาตัวน้ใี หด้ ี ๑๒

สขุ ภาพจติ ลกู เราดี อกี หนอ่ ยเราสบาย ถา้ สขุ ภาพ จติ ลกู เราแย่ อกี หนอ่ ยเรากแ็ ย่ แลว้ เราล�ำบากแน่ มนั กอ่ เรอ่ื งก่อราว กา้ วร้าว รุนแรง เลน่ เกม เมื่อกอ่ นมีเกมฆา่ กนั ทัง้ นัน้ เลย เคยชะโงกไปดู โอ้ ! ยงิ กนั ระเนระนาด เล้ยี งลกู นลี่ ะ่ ทำ� กรรมฐาน กรรมฐานของคนเปน็ พ่อเป็นแม่ ไปฝกึ เอา ทำ� ได้หมดแหละ ศีลกท็ ำ� ได้ สมาธิ ก็ทำ� ได้ ใจไหลแลว้ รู้ ปญั ญาก็ท�ำได้ ศลี ทำ� ไง โมโหลูก อยากตีเต็มที รู้ทันไป ไม่ไปตีลูก ตีลูกบาปไหม บาป ถ้าตีด้วยโทสะบาปทันทีเลย ถ้าตีเพื่อสั่งสอนไม่บาป เป็นกุศล ส่วนหนง่ึ ของพระธรรมเทศนา หลวงพอ่ ปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช วนั ที่ ๑๐ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๗ จากซดี ีแสดงธรรม ณ วดั สวนสนั ติธรรม แผ่นท่ี ๕๖ ไฟล์ ๕๗๑๐๑๐B ๑๓



ตณั หา อุปาทาน ภพ

ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ กระทบอารมณ์ ถา้ สตเิ ราเร็ว นะ เราจะเห็นมันมีความไหว ความไหวความสะเทอื นจะ ขนึ้ ทางกลางหนา้ อกนี่ ตามองเหน็ สะเทอื นขนึ้ มา หไู ดย้ นิ เสียงสะเทือนข้ึนมา ถ้าสติเราไว เราเห็นความไหวข้ึน กลางอก มันจะไม่ปรุงต่อ จะเห็นความไหวเกิดขึ้นแล้ว กด็ บั ไหวขน้ึ แลว้ กด็ บั แตว่ า่ จะไมร่ วู้ า่ คอื อะไร ไมร่ วู้ า่ ปรงุ อะไร เพราะยังไม่มีการส�ำคัญมั่นหมาย ถา้ สตเิ ราไมไ่ วพอ มนั ไหว ตาเหน็ รปู หไู ดย้ นิ เสยี ง ใจคิด ไหวข้ึนกลางอก สติไม่ทัน มันจะเริ่มปรุงข้ึนมา ปรงุ เป็นความสุขบา้ ง เปน็ ความทุกขบ์ า้ ง พอมคี วามสขุ ความทุกข์ ถ้าเรารู้ทนั กจ็ บไป ถ้ารไู้ มท่ นั มันจะปรุงตอ่ อกี มีความสขุ ราคะก็ แทรกเขา้ มา มคี วามทกุ ข์ โทสะกแ็ ทรกเขา้ มา เฉย ๆ จบั อารมณ์ไม่ถูก โมหะก็แทรกเข้ามา กิเลสมันแทรกตาม เวทนาเขา้ มา ถา้ เราเหน็ ตรงทมี่ กี เิ ลสกย็ งั ใชไ้ ด้ ตรงทเี่ รา เห็นกิเลสผุดข้ึนมา กิเลสดับ ยังไม่ทันท�ำกรรม ใช้ได้ ๑๖

เรยี กวา่ เราละในขน้ั ของกเิ ลส เรามสี ตริ ทู้ นั ในขนั้ นี้ จติ จะ ไมท่ �ำกรรม จติ จะไม่ทกุ ข์ แตถ่ า้ ตรงนไี้ มท่ นั มนั จะเกดิ ความอยากขนึ้ มา พอ มีราคะ ก็จะอยากได้ อยากมี อยากเป็น พอมีโทสะ ก็อยากให้หายไป อยากให้หมดไป อยากให้ส้ินไป อยาก ใหม้ ันไมเ่ กดิ เวลามโี มหะ จับอารมณ์ไม่ถูก กอ็ ยากได้ อารมณ์อันใหม่ ใจจะมคี วามอยาก พอเวลามคี วามอยากเกดิ ขน้ึ จติ จะเรม่ิ เคลอื่ นออก ไป ไปแสวงหาอารมณ์ คลา้ ย ๆ เสอื ตวั หนงึ่ เสอื ตวั นห้ี วิ เลยออกจากถำ้� ไป เทยี่ วไปหากนิ ไปหากนิ อารมณน์ นั่ เอง ออกไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางล้นิ ทางกาย ทาง ใจ ออกไปเทีย่ วหาอาหาร อาหารของจิตก็คือ อารมณ์ ตา่ ง ๆ นั่นเอง อยากไดอ้ ารมณ์ที่ชอบใจ พอได้อารมณ์ ทช่ี อบใจ กต็ ะครบุ เลย แบบเสอื ตะครบุ เหยอื่ จะปบุ๊ ลงไป เลย ตอนทม่ี นั ออกหา เปน็ สภาวะทเ่ี รยี กวา่ ตณั หา ใจ มันแสวงหาอารมณ์ ออกไป อยากได้อารมณ์ พอเจอ ๑๗

มนั ตะครุบเอาไว้ เรยี กว่า อุปาทาน พอตะครบุ คราวน้ี ล่ะ เคยเห็นแมวจบั หนู จับจิ้งจกไหม จับแลว้ มนั ไมก่ นิ ทันที ต้องเขี่ย ๆ ให้มันวิ่ง พอมันวิ่งก็โดดตะครุบอีก อยู้ สนกุ นะ ลา่ ไปเรอ่ื ย หมาตวั เล็ก ๆ หน่อยกเ็ ปน็ นะ สญั ชาตญาณมัน ใจเราก็เหมือนพวกน้ีล่ะ มีสัญชาตญาณให้ไล่ ตะครบุ อารมณ์ ไล่แล้วก็ อู้ยมนั เล่นกับอารมณ์ตรงนัน้ ละ่ ตรงท่เี ลน่ กับอารมณ์ เรยี กว่า สงั ขาร หรอื เรียกว่า ภพ พอว่ายึดอารมณ์เมื่อไหร่ เสวยอารมณ์ จะเล่น อารมณ์ ไปกินอารมณ์ เรียกว่า สร้างภพ ถ้าไปจับ อารมณท์ ดี่ กี เ็ ปน็ ภพทด่ี ี ไปจบั อารมณท์ เี่ ลวกเ็ ปน็ ภพทเ่ี ลว จับอารมณท์ ่ดี ี ท�ำภพทดี่ ี คอื ทำ� กรรม ภพก็คอื ตัวกรรม น่ันเอง ท�ำกรรมดีก็เกิดวบิ ากทีด่ ี เกดิ วิบากดี เช่น ทำ� ศลี มาดี มหี นา้ ตาสวย มสี มาธดิ ี มใี จอยกู่ บั เนอื้ กบั ตวั ไม่ วอกแวก ไม่เปน็ โรคสมาธสิ ั้น อะไรอยา่ งนี้ มปี ัญญามา ดี กเ็ หน็ โลกตามความเปน็ จรงิ ไดง้ า่ ย ใจมนั คนุ้ เคยอยา่ ง น้ี ก็มโี อกาสท่ีจะพัฒนาตวั เองข้ึนไปเร่ือย ๆ แตถ่ า้ ใจไป ท�ำกรรมชั่ว มันกร็ บั ผลชว่ั ๑๘

แต่ไม่วา่ จะทำ� กรรมดี หรอื ท�ำกรรมช่ัว สง่ิ ทไี่ ดม้ า จะไดภ้ พทด่ี หี รอื ภพทเ่ี ลว ภพทดี่ กี ม็ รี ปู มนี ามทดี่ ี ภพทเี่ ลว ก็มีรูปมนี ามที่เลว แตว่ า่ รปู นามทง้ั หลายนนั้ เอาเขา้ จรงิ คอื ทกุ ขท์ ง้ั นน้ั เลย เปน็ ทกุ ขอ์ ยา่ งผดู้ หี นอ่ ย หรอื เปน็ ทกุ ข์ อยา่ งผู้รา้ ยหน่อยเท่านน้ั เอง ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา หลวงพอ่ ปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช วันที่ ๒๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ จากซดี ีแสดงธรรม ณ ศาลาลุงชิน แผ่นที่ ๗๐ ไฟล์ ๕๗๐๙๒๑ ๑๙



เพือ่ ความปลอดภัย พยายาม มีสติ รกั ษาศีล ๕ เอาไว้

เจริญสติไว้ มสี ติไว้ ความรู้สกึ อะไรเกดิ ทีใ่ จคอยรู้ ความ รสู้ กึ อะไรเกดิ ทใี่ จคอยรู้ รบู้ อ่ ย ๆ รจู้ นมนั เคยชนิ ทจ่ี ะรู้ ไม่ ไดเ้ จตนาจะรกู้ ร็ ขู้ น้ึ ไดเ้ อง พอเราภาวนาถงึ จดุ ทไ่ี มเ่ จตนา จะรกู้ ร็ ไู้ ดเ้ อง ตอ่ ไปเวลานมิ ติ ไมด่ เี กดิ ตอนจะตาย สตเิ กดิ เองเลย ถา้ นมิ ติ ดเี กดิ จติ ใจกร็ า่ เรงิ ไป นมิ ติ ไมด่ เี กดิ จติ ใจ ตกใจขนึ้ มา จิตใจกลัวขึน้ มา มนั เหน็ ปบ๊ั ขาดสะบนั้ เลย ฉะน้ันวิธีเอาตวั รอดของพวกเรา ถา้ หลาย ๆ คน กย็ ังท�ำบาปอยู่ ต่อไปก็ลด พยายามถือศีล ๕ ไว้ ใจมนั จะรวมง่าย มสี มาธเิ กิดขนึ้ ไดง้ ่าย ๆ ถอื ศีล ๕ ไว้ แล้วก็ คอ่ ย ๆ ฝกึ รทู้ นั ใจของตวั เองบอ่ ย ๆ ใจของเราเปลยี่ นแปลง ทงั้ วนั เดย๋ี วกส็ ขุ เดย๋ี วกท็ กุ ข์ เดย๋ี วกด็ ี เดย๋ี วกช็ ว่ั หมนุ เวยี น เปลย่ี นแปลงตลอดเวลา คอยรู้อย่เู ท่าน้พี อแล้วเหลือเฟือ แล้ว ใจจะสขุ ก็รู้ มันจะเห็นเลยวา่ ความสุขมาแล้วก็ไป ใจจะทกุ ขก์ ็รู้ กจ็ ะเห็นวา่ ความทกุ ขม์ าแลว้ ก็ไป ใจเป็น กศุ ลกร็ ู้ ใจโลภ โกรธ หลง กร็ ู้ กเ็ หน็ อีกวา่ ทุกอยา่ งมา ๒๒

แลว้ ก็ไป เห็นซ้ำ� ๆๆ บางคนมบี ญุ วาสนามาก ไมต่ อ้ งเอาไปใชต้ อนตาย ตอนท่ีเราคอยรู้กายรู้ใจอยู่อย่างนี้ เราเห็นทุกอย่างเกิด แลว้ ก็ดบั ไป ดบั ไป สุขทุกข์ ดชี ว่ั มาแล้วก็ไปหมด ใจมนั เกิดปัญญาข้ึนมาอย่างแก่กล้า มันเห็นความจริงว่า สงิ่ ใดสง่ิ หนงึ่ เกดิ ขน้ึ เปน็ ธรรมดา สงิ่ นนั้ ทงั้ หมดดบั ไปเปน็ ธรรมดา ใจสรปุ ได้ ไมใ่ ชเ่ ราสรุป ไม่ใช่ใชส้ มองคิดเอง ใจมนั เขา้ ถงึ ความจรงิ ใจมนั ยอมรบั ความจรงิ ตรงนเี้ ปน็ พระโสดาบนั ถา้ ไดโ้ สดาบนั นไี่ ดอ้ นนั ตรยิ กรรมฝา่ ยดแี ลว้ จะไม่ ไปอบาย สบายหน่อย สบายใจได้หน่อย แตถ่ ามว่า แลว้ กรรมฝา่ ยช่วั ทเ่ี คยท�ำมาก่อนเปน็ พระโสดาบัน มันจะให้ ผลไหม มนั จะไปให้ผลหลังจากการเกดิ แล้ว หมายถึงวา่ มันอาจจะใหผ้ ลในชวี ิตน้กี ็ได้ ตอนนก้ี ็เป็นชีวติ หลงั ทเี่ กดิ มาแลว้ มนั จะไม่ใหผ้ ลในการพาไปเกดิ เพราะอนนั ตรยิ กรรมการบรรลุโสดาบัน เปน็ อนันตรยิ กรรมฝ่ายดี เปน็ ตวั พาเราไปเกดิ ไปเกดิ เปน็ มนษุ ยก์ ไ็ ด้ เป็นเทพก็ได้ เปน็ ๒๓

พรหมก็ได้ แล้วแต่คณุ ภาพของจติ ใจ ถ้าเรามีศีลมีธรรม อยอู่ ย่างน้พี อดี ๆ อยา่ งนี้กเ็ ปน็ มนุษยไ์ ป หรอื ถ้าใจเป็น บุญเปน็ กุศลมาก รา่ เรงิ ในธรรมมาก กเ็ ป็นเทพไป ใจ สงบมาก กไ็ ปเปน็ พรหมไป ใจมันกไ็ ปตามกรรมพาไป ท�ำไปนะ จะไมไ่ ปอบาย ปลอดภยั หนอ่ ย เพราะ ฉะนนั้ ชาตนิ เี้ พอ่ื ความปลอดภยั พยายามเจรญิ สตใิ หม้ าก พยายามพากเพยี ร พยายามมีสติ รักษาศลี ๕ เอาไว้ให้ ดที ส่ี ดุ เทา่ ทจ่ี ะทำ� ได้ ฆราวาสรกั ษาศลี ๕ ยาก แค่ ๕ ขอ้ กย็ ากแล้ว ตอ้ งพยายาม ต้องอดทนเอา สิ่งท่ยี ่วั ยวนให้ เราผิดศลี มนั มากมายไปหมด สว่ นหนึ่งของพระธรรมเทศนา หลวงพอ่ ปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ จากซีดแี สดงธรรม ณ วัดสวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๗ ไฟล์ ๕๗๑๐๑๒ ๒๔

เร่อื งของสมาธิ

สมาธิ มี ๒ อย่าง - สมาธิท่ีเพ่งอยู่ในอารมณ์อันเดียว สมาธิอันน้ีมีมา กอ่ นพระพทุ ธเจ้า แตท่ ่านกไ็ ม่ได้ปฏิเสธ ทา่ นเหน็ วา่ มี ประโยชน์ เอาไว้พักผ่อน - สมาธิอกี ชนดิ หน่ึงกค็ อื จิตตง้ั ม่นั เป็นผู้รู้ ผตู้ นื่ ผู้เบิก บาน จิตถึงฐาน จิตอยู่กับตัวของตัวเอง ไม่ไหลไป ไม่ไหลมาโดยที่ไม่ได้บังคบั ไว้ เวลาท่เี ราภาวนา แตเ่ ดมิ หดั ทำ� สมาธิ จติ ไปสงบ อยใู่ นอารมณอ์ ันเดียว สง่ิ ท่ไี ด้กค็ อื ความสุข ความสงบ ถา้ ยงั สขุ ยงั สงบไมเ่ ตม็ ที่ กไ็ ดน้ มิ ติ เกดิ นมิ ติ ขน้ึ มา มคี วาม สุขมีความสงบข้นึ มา ลกึ ขึ้นมา ช�ำนชิ �ำนาญขึ้นมา กไ็ ด้ อภิญญา อภิญญา ๕ ขอ้ เปน็ โลกียอภญิ ญา หูทิพย์ ตา ทพิ ย์ รจู้ ติ คนอน่ื รวู้ า่ ใครตายไปไหน รชู้ าตกิ อ่ น สง่ิ เหลา่ นเ้ี กิดจากสมาธิท่จี ิตสงบอยู่ในอารมณ์อนั เดยี ว ๒๖

ส่วนสมาธิที่จิตต้ังมั่นอยู่กับจิต เป็นสมาธิเอาไว้ เดินปัญญา พวกเราตอ้ งฝกึ ตัวนใี้ ห้ได้ เพราะเวลาท่ีเรา สร้างคุณงามความดี แตล่ ะคราว ๆ ทเ่ี ราสรา้ งความดี ความดกี ม็ ตี ง้ั เยอะแยะหลายอยา่ ง วนั นร้ี กั ษาศลี วนั นที้ ำ� ทาน วนั นท้ี �ำสมาธิ เดนิ จงกรม วนั นเ้ี จรญิ ปญั ญา ความ ดขี องเราแต่ละวัน ๆ กระจัดกระจายเต็มไปหมด มนั ไม่ รวมตัว แต่ละวัน ๆ ท�ำความดีอยา่ งโนน้ ความดอี ยา่ งนี้ แต่ความดีพลังของความดีไม่รวมตัวกันเข้ามา จุดท่ีคุณ งามความดที งั้ หลายท่ีเราสะสมไวน้ ้ี เรียกว่า บารมี จะ รวมตวั กันเขา้ มาดว้ ยกนั ได้ดว้ ยอำ� นาจของสัมมาสมาธิ สมั มาสมาธิ คือสภาวะทจ่ี ิตมันตง้ั ม่นั เปน็ ความ ตง้ั มน่ั ของจติ จติ อยกู่ บั จติ จติ ไมห่ ลงไมไ่ หลไปหาอารมณ์ ภายนอกโดยทไี่ มไ่ ด้บงั คับไว้ ถ้าจติ หลงจิตไหลไปหาอารมณ์ภายนอก เรยี กว่า ย่อหย่อนเกินไป อารมณภ์ ายนอกก็มรี ูป มีเสียง มกี ลน่ิ มีรส มสี มั ผสั เรยี กวา่ กามคุณอารมณ์ จติ ท่ไี หลออกไป เป็นจิตทีห่ ลงไป จติ ที่หลงไปเปน็ จิตทย่ี ่อหยอ่ น ใช้ไม่ได้ ๒๗

เปน็ กามสขุ ลั ลิกานโุ ยค รูป เสียง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ เปน็ กามคณุ อารมณ์ เวลาเราคดิ กค็ ดิ แตเ่ รอื่ งสนกุ สนาน เพลิดเพลิน เรยี กว่า กามธรรม น่ีเรื่องกามทง้ั หมดเลย เวลาใจเราหลงไปอยู่ทางตา หู จมูก ล้นิ กาย หรือหลง ไปคิดเพลิดเพลินสนุกสนานไป จิตหลงไปในกาม ย่อหยอ่ นไป ตามกิเลสไป จิตอย่างน้ีไม่มคี ณุ ภาพ สว่ นจิตทีเ่ ป็นผู้รู้ ผูต้ นื่ ผเู้ บิกบานนน้ั ถ้ารู้ ตน่ื เบิกบานด้วยการบังคับเอาไว้ ควบคุมเอาไว้ เป็นการ บังคบั ตวั เอง เป็น อตั ตกิลมถานโุ ยค เพราะฉะน้ันจิตท่ี เปน็ ตัวรู้ ทเ่ี ปน็ ทางสายกลางจริง ๆ ไม่เผลอไป แตก่ ็ไม่ ได้บังคับเอาไว้ ไม่ได้เพ่ง มันเกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ได้ เจตนาใหเ้ กดิ เกดิ แลว้ เราไมไ่ ด้เจตนารกั ษา อยูข่ องมนั ไดเ้ อง หลวงพ่อถงึ จ้ำ� จี้จำ้� ไชมากเลย พวกเราตอ้ งฝกึ ผ้รู ู้ ผตู้ ่นื ผู้เบกิ บาน เกิดจากอะไร เกิดจากเรามี สติรู้ทนั จติ ทีเ่ คล่อื นไป จิตเคลอื่ นไปทางตา เรารู้ทนั จติ เคลอื่ นไปทางหู รทู้ นั จติ เคลอื่ นไปทางจมกู ทางลน้ิ ทาง กาย ร้ทู นั จติ เคลอ่ื นทางใจ เคล่ือนทางใจเคลื่อนไปคิด ๒๘

เคลื่อนไปนึกคิดปรุงแต่ง เรารู้ทัน มันเคลื่อนอยู่ท้ัง ๖ ชอ่ งทาง แตช่ อ่ งทเี่ คลอ่ื นบอ่ ยทสี่ ดุ คอื ชอ่ งของจติ จติ คิดทั้งวันต้ังแต่ต่นื จนหลบั หลบั แลว้ ก็คดิ ต่อเรยี กว่า ฝัน จติ มันหลงไป ไหลไปอยู่ตลอดเวลา พอเรามีสตริ ูท้ นั จติ ก็ไม่หลงไป ไม่ไหลไป ตวั รกู้ ็เกดิ ไม่ไดเ้ จตนาให้ตวั รูเ้ กดิ ตัวรู้ก็เกดิ ตวั รเู้ กดิ ของตัวรูเ้ อง ตัวรอู้ ย่างน้ลี ะ่ จะเป็น ผูร้ ู้ ผตู้ ื่น ผู้เบิกบาน มันมีลกั ษณะทเ่ี บา เรยี กวา่ ลหุตา มลี ักษณะนุ่ม นวล ออ่ นโยน เรียก มทุ ุตา มนั มีลักษณะคล่องแคล่ว วอ่ งไว เรยี กวา่ ปาคญุ ญตา ไมห่ นดื ๆ ไมเ่ ฉอ่ื ย ๆ มนั ขยนั มันไม่ขี้เกียจ ขยันที่จะรู้ความจริงของรูปนาม เป็น กัมมญั ญตั ตา ควรแก่การงาน เปน็ จติ ทีค่ วรท่จี ะใช้งาน ใชเ้ จรญิ ปญั ญา มี อชุ กุ ตา ซอ่ื ตรงในการรอู้ ารมณ์ อะไร เกิดข้ึนก็สักว่ารู้ ว่าเห็นไป ไม่เข้าไปแทรกแซง ถ้า แทรกแซงก็ไม่ใช่ตัวรู้ ถ้าแทรกแซง จิตมีโลภะ มีโทสะ บงการอยู่ ๒๙

เราไม่ไปบังคับจิต แต่เราอาศัยรู้ทันจิตท่ีเคล่ือน บอ่ ย ๆ เราจะเหน็ ได้บ่อยถ้าเราหดั ดู ตอ้ งทำ� ในรูปแบบ แบง่ เวลาทำ� กันในรูปแบบอย่างนอ้ ยท่สี ดุ วันละ ๑๕ นาที ในเบ้ืองตน้ ไหวพ้ ระ สวดมนต์นิดหน่อย แลว้ คอยร้ทู นั เวลาจิตมันเคลื่อนไป จิตเคลื่อนไปไหน ส่วนใหญ่คือ เคล่อื นไปคิด เกดิ บ่อยทส่ี ดุ งั้นเราเล่นตวั ที่เกิดบอ่ ยท่สี ดุ น่ลี ะ่ ไมต่ ้องไปเลน่ ทง้ั ๖ ชอ่ งทาง ถ้าอยากดูตั้งแตจ่ ติ ไปดู ไปฟัง ไปรู้รส ไปร้กู ลนิ่ ไปรสู้ ัมผัสทางกาย ไปเคล่อื นไหวทางใจ ๖ ช่อง มนั ดู ยากไป เอามันช่องเดียวล่ะ ช่องที่เกิดบอ่ ยที่สดุ ก็คอื จิต หลงไปทางใจ หลงไปทางใจท่ีเกิดบ่อยที่สุด หลงไปคิด เลน่ ตัวท่ีเป็นหัวโจกเลย อยา่ ไปเลน่ ตวั เล็กตวั นอ้ ย ส่วนหนง่ึ ของพระธรรมเทศนา หลวงพอ่ ปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช วันที่ ๒๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ จากซีดแี สดงธรรม ณ ศาลาลงุ ชิน แผน่ ที่ ๗๒ ไฟล์ ๕๗๑๒๒๑ ๓๐

ส้ใู ห้พน้ ภัยของวฏั ฏะ

ปีใหม่เหมือนหลักกิโลเมตร ผ่านไปอีก ๑ หลักแล้ว เรารูว้ ่าเราผา่ นมากห่ี ลกั แล้ว แตเ่ ราไม่รูว้ า่ เราเหลืออกี ก่ี หลัก งานทางใจของเราต้องรีบท�ำ เพราะเราไม่รู้เวลา ของเราเหลือแคไ่ หนแล้ว จะต้องไมใ่ หเ้ สียใจทหี ลัง ตอน ทมี่ เี วลาอยเู่ ราไมไ่ ดท้ ำ� ตอนทเี่ วลาจะหมดแลว้ ครำ�่ ครวญ เสียดายว่าทำ� น้อยไป ก็ตงั้ อกตงั้ ใจ อย่าขเ้ี กยี จ ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาของคนใจอ่อน คนโลเล เปน็ ศาสนาของคนสู้ เรามองเหน็ ภยั ของวฏั ฏะ สงั สารวฏั น่ีน่ากลัวท่ีสุดเลย น่ากลัวยิ่งกว่ารัฐบาลของประเทศ ใด ๆ ท้ังสิน้ ย่งิ กวา่ ทุกหนทกุ แหง่ น่ากลวั ที่สดุ เลย คน อน่ื ท�ำร้ายเราได้ครั้งเดียว ตายครงั้ เดยี ว แตว่ ฏั ฏะฆา่ เรา แล้ว ฆา่ เราอีก ถ้าเรายังไมเ่ หน็ ทกุ ข์ ไม่เห็นโทษ เราก็ ไม่มกี ำ� ลังทีจ่ ะพ้นจากมันไป เหน็ ทุกข์ เหน็ โทษของวัฏฏะ ใจจะไม่เพกิ เฉยแลว้ ใจจะดน้ิ รนวา่ ทำ� ยงั ไงจะพน้ ออกไปได้ ตราบใดทยี่ งั ไมพ่ น้ มันรู้ตัวเองว่า ภาระของเรายงั มอี ยู่ ยังมีทกุ ข์อยู่ในใจ มี กิเลสทยี่ ังครอบงำ� ใจได้ งานเรายงั ไม่เสรจ็ ใจจะทนอยู่ ๓๒

เฉย ๆ ไม่ได้ ใจจะต่อสู้ ทำ� ยงั ไงจะตอ้ งช่วยตวั เองให้พ้น ใหไ้ ด้ ไม่เหลือวิสยั หรอกท่คี น ๆ หน่ึง จะปฏบิ ตั ิตามคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ จนเขา้ ถงึ ความบรสิ ทุ ธห์ิ ลดุ พน้ มนั ยากสำ� หรบั คนทไ่ี มเ่ คยไดย้ นิ คำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ ถา้ เราไดย้ นิ ไดฟ้ งั แลว้ เรารวู้ ธิ ปี ฏบิ ตั วิ า่ ทางสายกลางนนั้ เปน็ อย่างไร ทางของศลี ทางของการฝกึ จติ ฝกึ ใจให้มีสมาธิ ทถี่ กู ตอ้ ง เสน้ ทางของการเจรญิ ปญั ญา แยกรปู แยกนาม เหน็ รปู นามขนั ธ์ ๕ แสดงไตรลกั ษณ์ นค่ี อื ทางของปญั ญา ทางสายกลางก็คือ ศลี สมาธิ ปัญญา นเี่ อง ถา้ เราสะสมไดม้ ากพอ มนั คลา้ ย ๆ เปน็ พลงั จติ ใจ จะสะสมพลงั ไปเรอ่ื ย ๆ ความดที ้งั หลายเรากส็ ร้างไปทกุ อยา่ ง ทาน ศีล สจั จะ ขนั ติ เมตตา ปัญญา ไปดูเอา เร่ืองบารมี ๑๐ ประการ ทบทวนตัวเอง อันไหนยัง บกพร่องอยคู่ ่อย ๆ ฝกึ คอ่ ย ๆ พฒั นาไป ๓๓

แตจ่ ุดส�ำคญั ทขี่ าดไม่ได้เลยกค็ อื การฝึกจติ ฝกึ ใจ ใหถ้ งึ ฐาน จติ ทถี่ งึ ฐานคอื จติ ทท่ี รงสมาธทิ ถ่ี กู ตอ้ ง สมาธิ หลวงพ่อสอนทุกคราวเลย เน้นมาก เพราะมันเป็นจุด สำ� คญั ทว่ี า่ ชาตนิ เ้ี ราจะทำ� ไดห้ รอื ไมไ่ ด้ เราจะเจรญิ ปญั ญา ไดไ้ หม ถา้ เจรญิ ปญั ญาไมไ่ ด้ กไ็ มม่ ที างไดม้ รรคไดผ้ ล จะ เจริญปัญญาได้ สมาธิตอ้ งถูกชนิด ตวั นีเ้ รื่องใหญ่ คนที่ ปฏิบัติมีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่คนท่ีภาวนาส�ำเร็จมีนิดเดียว เพราะไปท�ำสมาธิฤๅษกี นั หมด ส่วนหนึง่ ของพระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช วนั ท่ี ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ จากซีดีแสดงธรรม ณ ศาลาลงุ ชิน แผ่นท่ี ๗๒ ไฟล์ ๕๗๑๒๒๑ ๓๔

แคจ่ ติ เผลอแลว้ รู้

ถา้ เราภาวนาเป็นเราจะเห็นจิตทไ่ี หลไปแล้วรทู้ ัน จติ ไหล ไปแล้วร้ทู ันน่ไี ม่ใช่ไดแ้ ค่สมาธิ ตรงที่จติ ไหลไป เรารูท้ นั ปุ๊บเราได้สมาธิ แล้วไดจ้ ิตผรู้ ู้ขน้ึ มา จิตต้ังมน่ั แล้ว แลว้ เราไมร่ ักษา ตรงทไี่ ม่ได้รักษาให้มันตัง้ ตลอดเวลาน่ี ตัวรู้ มนั ก็ดบั กลายเป็นตัวคดิ ตวั หลงข้ึนมาใหม่ เราก็จะเหน็ ว่าตัวรู้กไ็ ม่เทยี่ ง ตวั หลงกไ็ ม่เทีย่ ง เราจะเห็นว่าท้งั วันจิต มีอยู่ ๒ ชนิดเทา่ นัน้ เองคอื จติ หลง กบั จิตรู้ จติ หลง เรารทู้ นั จิตหลงก็ดบั จติ รู้รู้ทัน อยไู่ ด้ชวั่ คราว เราไมไ่ ด้ รกั ษาไวม้ นั กด็ บั มแี ตส่ งิ่ ใดเกดิ สงิ่ นน้ั ดบั สงิ่ ใดเกดิ สงิ่ นนั้ ดับ เพราะฉะนั้นแค่เราปฏิบัติน่ี เราท�ำกรรมฐานแค่ คอยร้ทู ัน จิตหลงไปคดิ แล้วรู้ จติ หลงไปคิดแลว้ รูน้ ่แี หละ ถา้ มองเปน็ เดนิ ปญั ญาไดด้ ว้ ย ไมใ่ ชไ่ ดแ้ คส่ มาธิ คอื จะเหน็ วา่ จติ หลงกไ็ มเ่ ทย่ี ง จติ รกู้ ไ็ มเ่ ทยี่ ง จติ หลงกส็ งั่ ไมไ่ ด้ จติ รู้ก็ส่ังไม่ได้ จะได้ท้ังสมาธิ ได้ทั้งปัญญาเลย แต่ตัวนี้ ละเอยี ดมากตอ้ งอาศยั สตทิ ร่ี วดเรว็ เพราะวา่ ปกตจิ ติ หลง ไป เรายังรูไ้ มท่ ัน ต้องหลงไปพกั หนึง่ แลว้ ถึงจะรู้ สว่ น ๓๖

ใหญ่ท่ีท�ำได้คือ จิตหลงไปแล้วเกิดสุข เกิดทุกข์ ค่อยรู้ พวกน้ีกย็ งั ดี บางคนจติ หลงไปคดิ ปรงุ แตง่ แลว้ เกดิ สขุ เกดิ ทกุ ข์ ก็ยงั ไมร่ ู้ ไปรทู้ ันตอนท่ีเกิดกเิ ลส อยา่ งมคี วามสุขราคะ แทรก มคี วามทกุ ขโ์ ทสะแทรก ไปรตู้ อนราคะโทสะแทรก กย็ ังใช้ได้ ช้าหนอ่ ยแตก่ ็ยังดี ราคะโทสะเกิดแล้ว จิตกระโดดโลดเต้นดิ้นรน ท�ำงานไป ความทกุ ขเ์ กิดขึ้น ไปเหน็ ตอนทีม่ นั ทุกข์แล้ว ตรงน้แี ก้อะไรไม่ทันแล้ว ต้องรับทุกข์ รับวิบาก ความ ทุกข์เป็นวิบาก แก้ไม่ได้ ถ้าแก้ต้องตัดวงจรต้ังแต่ไม่ให้ กิเลสมันท�ำงานได้ สติรทู้ ันปุ๊บ กิเลสดับ ไม่มีการปรงุ แตง่ ทางใจขนึ้ มา จติ ไมไ่ ดท้ �ำกรรม ความทกุ ขไ์ มเ่ กดิ อยู่ ทค่ี วามเร็วของสติ ว่าจะรู้ทันได้เรว็ แค่ไหน ถา้ เรว็ ทส่ี ดุ แคจ่ ติ ไหลไปปุบ๊ รทู้ ัน ตรงน้ียังไม่ทันจะปรงุ สุข ปรุงทุกข์ ปรงุ ดี ปรงุ ชว่ั อะไรขน้ึ มา กเิ ลสกย็ งั ไมเ่ กดิ กศุ ลกย็ งั ไมม่ ี แตว่ ่ามันเห็น วับไป แลว้ เรารู้ ตรงท่ีรู้นีเ่ ปน็ กุศลชั้นเลศิ ๓๗

มสี ติ มจี ติ ตงั้ มนั่ แลว้ กเ็ หน็ ความจรงิ วา่ ตวั หลงกไ็ มเ่ ทยี่ ง ตัวรูก้ ็ไม่เท่ยี ง นไี่ ดป้ ัญญาด้วย เวลาปฏบิ ตั ิ รูปแบบของการปฏิบตั มิ ีตง้ั มากมาย มหาศาล แตถ่ า้ ทำ� เปน็ จรงิ ๆ จดุ เลก็ นดิ เดยี วนก่ี พ็ อแลว้ ครบหมดเลย จติ เผลอไปแล้วรู้ ไดอ้ ะไรบ้าง จติ เผลอไป แลว้ เรารู้ รวู้ ่าเผลอ เดีย๋ วก็เผลออกี รอู้ ีก เผลออีก รอู้ กี เห็นการเผลอบอ่ ย ๆ จติ จำ� การเผลอไดแ้ มน่ อะไรจะเกิด เวลาจติ จ�ำสภาวะไดแ้ มน่ สตจิ ะเกดิ เหน็ ไหม แคจ่ ติ เผลอ แลว้ รู้ เผลอแลว้ รู้ ได้สติ พอจติ เผลอแลว้ รู้ สติระลึกปบุ๊ ไดอ้ ะไรอกี ความเผลอนน้ั การเคล่ือนไปน้ัน เคล่ือนไป ด้วยอ�ำนาจของความฟุ้งซ่าน ทันทีท่ีสติระลึกรู้ ความ ฟงุ้ ซา่ นดบั เมอ่ื ความฟงุ้ ซา่ นดบั สมาธเิ กดิ เหน็ ไหม ตรง ท่ีจติ เคล่อื นแล้วรู้ เคลอ่ื นแลว้ รู้ สตกิ ็ได้ สมาธิก็ได้ แล้ว ถา้ เคล่อื นไป แล้วกิเลสเกดิ รูท้ นั อกี ศีลก็เกดิ ขึ้น เพราะ กิเลสจะครอบง�ำจติ ไมไ่ ด้ ปฏิบัตอิ ยตู่ รงจิตจุดเดยี ว เล็กนิดเดียวนล่ี ่ะ จะได้ ความดคี รบทกุ อยา่ งเลย กระทั่งปญั ญา ปญั ญากจ็ ะเห็น ๓๘

ว่าจิตรูเ้ กดิ แล้วดบั จิตหลงเกิด แล้วก็ดบั จิตเพ่งเกิด แลว้ กด็ ับ จิตอะไร ๆ เกดิ ดบั หมดเลย แตถ่ ้าแค่หลงแล้ว รู้ หลงแลว้ รู้ เนย่ี แคน่ ก้ี พ็ อแลว้ ไมต่ อ้ งไปเพง่ ถา้ เพง่ แลว้ เสียเวลานาน หลงแล้วรู้ ๆ สุดทา้ ยกจ็ ะเหน็ วา่ สิง่ ใดเกิด สิ่งนนั้ กด็ บั นเ่ี ปน็ ตวั ปญั ญา ฉะนน้ั พวกเราตอ้ งสนใจหนอ่ ย ทกุ วันแบง่ เวลาไว้ทำ� ในรูปแบบ คอยรู้ทันเวลาจติ มันไหลไป คดิ เบอื้ งตน้ หดั รทู้ นั ไป กจ็ ะไดส้ ติ ตอ่ ไปจติ ไหลไปคดิ ไม่ ได้เจตนาจะรู้ มันรู้ของมันเอง น้ันเรียกว่ามีสติ สติ อัตโนมัติเกดิ พอสตอิ ัตโนมตั ิเกดิ แลว้ จิตไหลไปคิด ร้ปู ๊ับ ในขณะทร่ี ู้ขึ้นมาน้นั เกดิ สมาธเิ รียบร้อยแลว้ จิตดวงน้ัน มีสมาธิ มีสติ อยูด่ ว้ ยกันเลย แล้วก็จะเหน็ จิตหลงก็เกดิ ดับ จติ รูก้ เ็ กิดดับ ก็เป็นปัญญา สะสมไปมาก ๆ มากเข้า ฝกึ อยทู่ จ่ี ติ ทใ่ี จนลี่ ะ่ เวลาทอี่ รยิ มรรคจะเกดิ นน้ั มนั จะเกดิ ที่จติ ท่ีเดียว ไม่เกิดทอ่ี ่ืนเลย ไม่เกิดทตี่ า ไม่เกดิ ท่ีหู ไม่ เกดิ ทจ่ี มกู ไมเ่ กดิ ทล่ี นิ้ ไมเ่ กดิ ทกี่ าย ไมเ่ กดิ ทไี่ หนเลย เกดิ ท่ีใจดวงเดยี ว ทจ่ี ิตน้ีเอง ๓๙

เวลาทอ่ี รยิ มรรคจะเกดิ สมาธจิ ะตงั้ มน่ั ขน้ึ ทจี่ ติ ตง้ั อย่างประณีตลึกซึ้งถึงขั้นอัปปนาสมาธิ อย่างพวกเรา เวลาหัด เราเข้าฌาณไม่เป็น จิตหลงแล้วรู้ จิตหลงแล้ว รอู้ ยา่ งนไ้ี ปเรอ่ื ย แตเ่ วลาทก่ี ำ� ลงั มนั พอแลว้ คณุ งามความ ดที งั้ หลายทเ่ี ราสรา้ งสะเปะสะปะไปทกุ วนั ๆ ทำ� โนน้ ทำ� นี้ ๆ ความดีมันกระจัดกระจายไปหมด แต่ว่าเราฝึกให้จิตตั้ง มนั่ บอ่ ย ๆ ตอ่ ไปพอจติ มนั ตง้ั มน่ั บารมพี อแลว้ มนั จะรวม ความดที ั้งหลายจะรวมลงมาทีจ่ ิตดวงเดียว ดว้ ยอ�ำนาจ ของสมาธิ ด้วยสมั มาสมาธิ พระพทุ ธเจา้ ถงึ บอกวา่ สมั มาสมาธเิ หมอื นภาชนะ ท่รี องรบั องค์มรรคท้ัง ๗ ทีเ่ หลอื รวมทงั้ คุณงามความ ดีทั้งหลาย องค์ธรรมเรียก โพธิปักขยิ ธรรมท้ังหลาย จะ มารวมลงทจ่ี ติ ดวงเดยี ว ในขณะจติ เดยี ว ดว้ ยอำ� นาจของ สมั มาสมาธิ หากเราฝกึ เราไม่เคยฝึกสัมมาสมาธเิ ลย ไม่เคย ฝึกให้จิตอยกู่ บั จิตเลย มีแตจ่ ติ หลงไปอยู่กบั อารมณ์ นงั่ ๔๐

สมาธิก็จิตไปอยู่ที่อารมณ์ หลงมากกว่าน้ันก็เห็นนิมิต อยา่ งนน้ั ไมม่ วี ันเกิดอรยิ มรรคเลย เพราะมันอยูน่ อกจติ สว่ นหนง่ึ ของพระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วนั ท่ี ๒๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ จากซีดแี สดงธรรม ณ ศาลาลุงชิน แผน่ ท่ี ๗๒ ไฟล์ ๕๗๑๒๒๑ ๔๑



จรกิตรใรนมกฐาารนทำ�

กรรมฐานในสติปัฏฐาน ๔ แยก กาย เวทนา จิต ธรรม กายและเวทนา นี่กลมุ่ หน่งึ จติ และธรรม เปน็ อกี กลุม่ หนึง่ จริตนิสัยของคนเราในเวลาท�ำสมถะกับวิปัสสนา การแยกจรติ จะไมเ่ หมอื นกนั ถา้ เวลาเราจะท�ำสมถะ เรา ดูจรติ มี ๖ อยา่ ง ราคจริต โทสจรติ โมหจริต พุทธิจรติ วิตกจรติ ศรทั ธาจริต อย่างพวกศรัทธามาก ๆ คิดถึง พระพุทธเจา้ คดิ ถึงอะไรอย่างน้ี ใจก็สบาย สงบ พวกฟ้งุ มาก ๆ ก็รลู้ มหายใจไป พวกขี้โมโหกเ็ จริญเมตตา พวก บา้ กามกพ็ จิ ารณาอสุภะ พิจารณาความตายอะไรไปแล้ว ใจก็สงบ แตอ่ ารมณจ์ รติ นสิ ยั จรติ ทใ่ี ชท้ ำ� วปิ สั สนา เราแยก ๒ ส่วนเทา่ น้ันเอง เรียกวา่ ตณั หาจรติ พวกรกั สขุ รกั สบาย รกั สวย รักงาม ทิฏฐจิ ริต พวกเจ้าความคดิ เจา้ ความเห็น ๔๔

พวกตัณหาจริต มีกรรมฐานท่ีเหมาะคือ การดู กาย หรือ เวทนา พวกทิฏฐิจริต เจ้าความคิดเจ้าความเห็น มี กรรมฐานท่ีเหมาะคือ ดูจิต หรือ ธรรม แต่ละจรติ มี ๒ อย่าง พวกรกั สุข รักสบาย รกั สวย รักงาม ดกู าย หรือ เวทนา พวกท่ปี ัญญาแก่กล้าแล้วจะไปดทู ีเ่ วทนา พวกท่ี ยังไม่แก่กลา้ ดูกาย กายดูงา่ ยกว่าเวทนา พวกเจ้าความคดิ เจ้าความเห็น ดจู ติ เอา เหน็ จิต เปน็ กศุ ลบ้าง อกศุ ลบา้ ง ดงู า่ ย ถ้าปญั ญาแกก่ ลา้ ขนึ้ ไป ก็ไปดธู ัมมา เจริญธัมมานปุ ัสสนา จะเห็นความละเอยี ด ลกึ ซ้ึงประณีตของสภาวธรรมแตล่ ะอนั ๆ อย่างจติ ตานุ ปสั สนา เหน็ จติ มโี ทสะ ร้วู า่ มโี ทสะ ดแู คน่ เ้ี อง ถา้ ข้นึ ไป ถึงธัมมานุปัสสนา มันจะประณีตข้ึนไปอีก อย่างจิตมี ปฏิฆะ ความไม่พอใจเกิดข้ึน มีพยาบาท พยาปาทะ ๔๕

ไม่พอใจ คดิ ถงึ ตรกึ ถึงอารมณ์ท่ีไม่พอใจน่ีเหน็ แล้ว ไม่ ต้องรอให้โกรธ ประณตี กว่ากนั เราร้ดู ว้ ยว่าทำ� ไมถึงเกดิ จติ ทม่ี คี วามพยาบาทขนึ้ รดู้ ว้ ยวา่ ท�ำยงั ไงความพยาบาท จะไม่เกิดขึ้น เห็นไหม จะรู้เหตุ รู้ผล รู้ลึกซึ้งลงไปอีก หรือดูโพชฌงค์ จะเห็นเลยคุณธรรมค่อยอัพเกรดข้ึนไป เร่อื ย ๆ แต่ดูยากกวา่ กนั พวกเราสันนิษฐานไว้ก่อนก็แล้วกันเพ่ือความ ปลอดภยั วา่ พวกเราอนิ ทรยี อ์ อ่ น อนิ ทรยี แ์ ขง็ คงไปเรยี น จากพระพทุ ธเจ้า แลว้ คงบรรลกุ ันไปหมดแลว้ สมัยนั้น พวกเราบางคนก็อาจจะเคยเจอพระพุทธเจ้ามาแล้ว แต่ เราเปน็ ลกู ศษิ ยเ์ ทวทตั กเ็ ลยไมไ่ ดธ้ รรมะอะไร แลว้ ส�ำคญั ผดิ อะไรอยา่ งนี้ หรอื ตอนเราไปเจอพระพทุ ธเจา้ แตต่ อน นนั้ เราเปน็ เดยี รถยี ์ เราไปแอนตพี้ ระพทุ ธเจา้ ซะดว้ ยซำ้� ไป ง้นั บารมีพวกเราน่ี ตกมาถงึ รุ่นนี้ ถือวา่ บารมีอ่อนกแ็ ลว้ กัน ฉะน้นั คนไหนรักสขุ รักสบาย รกั สวย รกั งาม ให้ ดกู ายไว้ เพราะกายนจี่ ะสอนให้เหน็ วา่ ไม่สุข ไม่สบาย ไม่ ๔๖

สวย ไมง่ าม ถา้ คนไหนเจ้าความคดิ เจ้าความเห็นใหด้ จู ติ จติ เดย๋ี วกด็ ี จติ เดยี๋ วกร็ า้ ย คมุ้ ดคี มุ้ รา้ ยทง้ั วนั เดยี๋ วกโ็ ลภ เด๋ียวก็หายโลภ เด๋ียวโกรธ เด๋ียวหายโกรธ เดี๋ยวหลง เด๋ยี วหายหลง ให้เราดจู รติ นิสยั ของตัวเอง สว่ นหนง่ึ ของพระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโฺ ช วันที่ ๑๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ จากซีดีแสดงธรรม ณ วัดสวนสันตธิ รรม แผน่ ที่ ๕๖ ไฟล์ ๕๗๐๙๑๔A ๔๗



การทำ�งานของขนั ธ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook