Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี( ปรับปรุง63)

หลักสูตรวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี( ปรับปรุง63)

Published by เมตตา ชาญฉลาด, 2022-08-21 04:52:40

Description: หลักสูตรวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี( ปรับปรุง63)

Search

Read the Text Version

101 ชั้น ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถนิ่ เฟยี รเ์ หมาะสำหรับการโคจรของดาวเทียมรอบ โลกในระดับต่ำ ว 3.2 ม 1/2อธบิ ายปัจจัยท่ี - ลมฟ้าอากาศ เปน็ สภาวะของอากาศในเวลา มผี ลตอ่ การเปลยี่ นแปลง หนึ่งของพนื้ ทีห่ น่งึ ทม่ี ีการเปล่ียนแปลง องคป์ ระกอบของลมฟา้ ตลอดเวลาข้นึ อยู่กับองค์ประกอบลมฟา้ อากาศ อากาศ จากข้อมลู ท่ี ได้แก่ อุณหภมู ิอากาศ ความกดอากาศ ลม รวบรวมได้ ความชืน้ เมฆ และหยาดนำ้ ฟ้า โดยหยาดน้ำฟา้ ที่พบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศเปลย่ี นแปลง ตลอดเวลาขนึ้ อยู่กบั ปัจจยั ตา่ ง ๆ เชน่ ปริมาณ รงั สจี ากดวงอาทติ ยแ์ ละลักษณะพ้ืนผิวโลก สง่ ผลต่ออณุ หภูมิอากาศ อุณหภมู ิอากาศและ ปริมาณไอน้ำส่งผลต่อความช้ืน ความกดอากาศ ส่งผลต่อลม ความช้ืนและลมส่งผลต่อเมฆ ม.1 ว 3.2 ม 1/3เปรียบเทยี บ - พายุหมุนเขตร้อนเกดิ เหนือมหาสมทุ รหรือ กระบวนการเกดิ พายุ ฝนฟา้ ทะเล ทน่ี ้ำมีอณุ หภมู สิ งู ตงั้ แต่ 26-27 องศา คะนองและพายุหมุนเขต เซลเซยี ส ขึน้ ไป ทำให้อากาศทีม่ อี ุณหภูมแิ ละ รอ้ น และผลท่มี ตี ่อสงิ่ มชี วี ติ ความชื้นสูงบรเิ วณนัน้ เคลื่อนทส่ี งู ขน้ึ อย่าง และส่งิ แวดลอ้ ม รวมทงั้ รวดเร็วเปน็ บริเวณกว้าง อากาศจากบรเิ วณอน่ื นำเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ิ เคลอ่ื นเข้ามาแทนท่ีและพดั เวียนเขา้ หา ตนให้เหมาะสมและ ศนู ยก์ ลางของพายุ ยิ่งใกล้ศูนย์กลาง อากาศจะ ปลอดภยั เคล่อื นท่ีพัดเวียนเกือบเปน็ วงกลมและมี อตั ราเรว็ สูงทส่ี ดุ พายหุ มนุ เขตร้อนทำใหเ้ กิด คล่ืนพายุซดั ฝั่ง ฝนตกหนกั ซ่ึงอาจก่อให้เกดิ อันตรายต่อชวี ติ และทรัพยส์ นิ จงึ ควรปฏิบตั ติ น ให้ปลอดภยั โดยติดตามขา่ วสาร การพยากรณ์ อากาศ และไม่เข้าไปอยูใ่ นพ้ืนที่ทีเ่ สี่ยงภยั ว 3.2 ม 1/4อธิบายการ - การพยากรณอ์ ากาศเป็นการคาดการณล์ มฟ้า ขอ้ มลู การ พยากรณอ์ ากาศ และ อากาศ ทจ่ี ะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมกี าร พยากรณอ์ ากาศ พยากรณ์อากาศอย่างง่าย ตรวจวดั องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศ การสือ่ สาร ของท้องถ่ินตนเอง จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ แลกเปลีย่ นข้อมลู องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศ

102 ชั้น ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถน่ิ ระหวา่ งพืน้ ที่ การวเิ คราะหข์ ้อมลู และสร้างคำ พยากรณ์อากาศ ว 3.2 ม 1/5ตระหนักถึง - การพยากรณอ์ ากาศสามารถนำมาใช้ คณุ ค่าของการพยากรณ์ ประโยชน์ดา้ นต่าง ๆ เช่น การใชช้ ีวติ ประจำวัน อากาศ โดยนำเสนอแนว การคมนาคม การเกษตร การป้องกัน และเฝ้า ทางการปฏิบัตติ นและการ ระวงั ภยั พบิ ตั ิ ทางธรรมชาติ ใชป้ ระโยชนจ์ ากคำ พยากรณ์อากาศ - ภมู อิ ากาศโลกเกดิ การเปลย่ี นแปลงอยา่ ง ว 3.2 ม 1/6อธบิ าย ตอ่ เน่อื งโดยปัจจัยทางธรรมชาติ แต่ปจั จบุ ันการ สถานการณ์และผลกระทบ เปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศเกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศ เน่ืองจากกิจกรรมของมนษุ ย์ในการปลดปล่อย โลกจากขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ แก๊สเรอื นกระจกสูบ่ รรยากาศ แกส๊ เรอื นกระจก ท่ถี กู ปลดปล่อยมากท่สี ุด ได้แก่ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ซึง่ หมุนเวียนอยู่ในวฏั จกั ร คาร์บอน ม.1 ว 3.2 ม 1/7ตระหนกั ถึง - การเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศโลกกอ่ ให้เกิด ผลกระทบของการ ผลกระทบต่อส่ิงมชี ีวติ และส่งิ แวดล้อม เช่น การ เปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศโลก หลอมเหลวของน้ำแข็งขวั้ โลก การเพมิ่ ข้ึนของ โดยนำเสนอแนวทางการ ระดบั ทะเล การเปลย่ี นแปลงวัฏจักรนำ้ การ ปฏบิ ตั ิตนภายใต้การ เกดิ โรคอุบตั ิใหม่และอบุ ัติซำ้ และการเกิดภยั เปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศโลก พิบัติทางธรรมชาติทรี่ นุ แรงขึ้น มนษุ ยจ์ งึ ควร เรยี นรู้แนวทางการปฏิบตั ติ นภายใตส้ ถานการณ์ ดงั กลา่ ว ท้งั แนวทางการปฏบิ ัติตนใหเ้ หมาะสม และแนวทางการลดกิจกรรมทีส่ ง่ ผลตอ่ การ เปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลก

103 สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชีวิตในสงั คมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว ใชค้ วามรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพ่ือ แก้ปัญหาหรือพฒั นางานอยา่ งมคี วามคิดสรา้ งสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และ สิ่งแวดล้อม ชนั้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการ เรยี นรูท้ ้องถ่นิ ม.1 ว 4.1 ม 1/1อธิบาย - เทคโนโลยี เป็นส่ิงทม่ี นษุ ยส์ ร้างหรอื พฒั นาข้ึน ซง่ึ อาจ - แนวคดิ หลกั ของ เปน็ ได้ทัง้ ชน้ิ งานหรือวิธกี าร เพอ่ื ใช้แก้ปญั หา สนองความ เทคโนโลยใี น ตอ้ งการ หรือเพ่ิมความสามารถในการทำงานของมนุษย์ ชวี ิตประจำวนั และ - ระบบทางเทคโนโลยี เปน็ กลุ่มของสว่ นตา่ ง ๆ ต้งั แต่สอง วเิ คราะหส์ าเหตุหรือ ส่วนขึน้ ไปประกอบเขา้ ด้วยกันและทำงานร่วมกนั เพื่อให้ ปจั จยั ท่ีส่งผลตอ่ การ บรรลุวัตถปุ ระสงค์ โดยในการทำงานของระบบทาง เปลย่ี นแปลงของ เทคโนโลยจี ะประกอบไปดว้ ยตัวปอ้ น (input) กระบวนการ เทคโนโลยี (process) และผลผลิต (output) ทส่ี ัมพนั ธ์กนั นอกจากน้ี ระบบทางเทคโนโลยีอาจมีขอ้ มลู ยอ้ นกลับ (feedback) เพ่ือ ใช้ปรบั ปรงุ การทำงาน ได้ตามวตั ถุประสงค์ ซง่ึ การวิเคราะห์ระบบทางเทคโนโลยี ชว่ ยให้เขา้ ใจองคป์ ระกอบและการทำงานของเทคโนโลยี รวมถึงสามารถปรับปรุงให้เทคโนโลยที ำงานได้ตามตอ้ งการ - เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตัง้ แต่อดีตจนถึง ปจั จุบัน ซ่ึงมีสาเหตุหรอื ปจั จัยมาจากหลายด้าน เชน่ ปัญหา ความต้องการ ความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ตา่ ง ๆ เศรษฐกจิ สงั คม ว 4.1 ม 1/2 ระบปุ ัญหา - ปญั หาหรอื ความตอ้ งการในชวี ติ ประจำวนั พบไดจ้ ากหลาย - หรอื ความต้องการใน บรบิ ทขน้ึ กับสถานการณ์ท่ปี ระสบ เชน่ การเกษตร การ ชีวติ ประจำวนั รวบรวม อาหาร วเิ คราะหข์ ้อมลู และ - การแกป้ ญั หาจำเป็นต้องสืบคน้ รวบรวมขอ้ มูล ความรู้ แนวคิดทเี่ ก่ยี วข้องกบั จากศาสตรต์ ่าง ๆ ทเ่ี กีย่ วข้อง เพอื่ นำไปสู่ การออกแบบ ปญั หา แนวทางการแก้ปัญหา

104 ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการ เรียนร้ทู อ้ งถ่นิ ว 4.1 ม 1/3ออกแบบ - การวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตดั สินใจเลือกข้อมูลท่ี วิธกี ารแก้ปัญหา โดย จำเป็น โดยคำนึงถงึ เงื่อนไข และทรัพยากรที่มีอยู่ ชว่ ยให้ได้ - วิเคราะหเ์ ปรียบเทียบ แนวทางการแก้ปญั หาท่เี หมาะสม และตดั สนิ ใจเลือกข้อมูล - การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทำไดห้ ลากหลายวธิ ี ท่จี ำเป็น นำเสนอ เชน่ การร่างภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขยี นผังงาน แนวทางการแกป้ ัญหาให้ - การกำหนดขน้ั ตอนและระยะเวลาในการทำงานก่อน ผ้อู ืน่ เข้าใจ วางแผนและ ดำเนนิ การแก้ปัญหาจะช่วยให้ทำงานสำเรจ็ ได้ตาม ดำเนินการแก้ปัญหา เปา้ หมายและลดขอ้ ผดิ พลาดของการทำงานที่อาจเกิดข้ึน ว 4.1 ม 1/4. ทดสอบ - การทดสอบ และประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบชิ้นงาน - ประเมินผล และระบุ หรือวิธีการวา่ สามารถแกป้ ัญหาได้ตามวตั ถุประสงคภ์ ายใต้ ขอ้ บกพร่องที่เกดิ ขึ้น กรอบของปัญหา เพ่ือหาข้อบกพร่อง และดำเนินการ พร้อมทั้งหาแนวทางการ ปรบั ปรงุ โดยอาจทดสอบซ้ำเพือ่ ให้สามารถแกป้ ญั หาได้ ปรบั ปรงุ แก้ไขและ -การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิดเพ่ือใหผ้ ู้อืน่ นำเสนอผลการแกป้ ัญหา เข้าใจเก่ยี วกับกระบวนการทำงานและชิน้ งานหรือวิธกี ารที่ ได้ ซงึ่ สามารถทำได้หลายวธิ ี เชน่ การเขียนรายงาน การทำ แผ่นนำเสนอผลงาน การจดั นิทรรศการ การนำเสนอผา่ นสื่อ ออนไลน์ ม.1 ว 4.1 ม 1/5 ใช้ความรู้ - วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมีสมบตั ิแตกต่างกนั เช่น ไม้ โลหะ - และทกั ษะเก่ียวกบั วัสดุ พลาสติก จงึ ต้องมีการวเิ คราะหส์ มบตั ิ เพ่ือเลือกใชใ้ ห้ อปุ กรณ์ เครือ่ งมอื กลไก เหมาะสมกับลักษณะของงาน ไฟฟา้ หรือ - การสร้างช้ินงานอาจใชค้ วามรู้ เร่ืองกลไก ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนิกส์ เพือ่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ เชน่ LED บัซเซอร์ มอเตอรว์ งจรไฟฟา้ แก้ปญั หาได้อย่างถูกตอ้ ง - อปุ กรณ์และเครื่องมือในการสร้างชิ้นงานหรือพัฒนา เหมาะสมและปลอดภัย วธิ กี ารมหี ลายประเภท ต้องเลอื กใชใ้ ห้ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทัง้ รจู้ ักเก็บรักษา

105 สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาทีพ่ บในชีวติ จริงอย่างเปน็ ข้นั ตอนและ เปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการ แกป้ ญั หาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้เู ท่าทนั และมีจริยธรรม ชั้น ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถิ่น ม.1 ว 4.2 ม1/1 ออกแบบ - แนวคดิ เชงิ นามธรรม เปน็ การประเมิน - อลั กอริทมึ ท่ีใชแ้ นวคิดเชงิ ความสำคัญของรายละเอียดของปัญหา นามธรรมเพื่อแก้ปัญหาหรอื แยกแยะสว่ นท่เี ปน็ สาระสำคัญออกจากส่วนที่ อธบิ ายการทำงานท่ีพบใน ไมใ่ ช่สาระสำคญั ชวี ิตจริง - ตัวอย่างปญั หา เชน่ ตอ้ งการปหู ญ้าในสนาม ตามพื้นที่ท่กี ำหนด โดยหญา้ หนงึ่ ผนื มคี วาม กว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร จะใช้ หญ้าทงั้ หมดกี่ผนื ว 4.2 ม1/2ออกแบบและ - การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มกี ารใช้ตวั เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย แปร เงอื่ นไข วนซ้ำ เพ่ือแก้ปญั หาทาง - การออกแบบอลั กอริทึม เพื่อแก้ปัญหา ทาง คณิตศาสตร์หรือ คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตรอ์ ย่างงา่ ย อาจใช้ วิทยาศาสตร์ แนวคิดเชงิ นามธรรมในการออกแบบ เพื่อให้ การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพ - การแกป้ ญั หาอย่างเป็นขนั้ ตอนจะชว่ ยให้ แกป้ ญั หาได้ อย่างมีประสิทธิภาพ • ซอฟตแ์ วร์ท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch, python, java, c • ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมสมการ การ เคลื่อนท่ี โปรแกรมคำนวณหาพ้นื ที่ โปรแกรม คำนวณดชั นีมวลกาย

106 ชั้น ตวั ชี้วดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถนิ่ ม.1 ว 4.2 ม1/3 รวบรวมข้อมลู • การรวบรวมข้อมูลจากแหลง่ ขอ้ มูลปฐมภมู ิ ปฐมภมู ิ ประมวลผล ประมวลผล สรา้ งทางเลือก ประเมนิ ผล จะทำ ประเมนิ ผล นำเสนอข้อมูล ใหไ้ ด้สารสนเทศเพื่อใช้ในการแกป้ ญั หาหรือการ และสารสนเทศ ตาม ตดั สนิ ใจได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ วตั ถุประสงค์โดยใช้ • การประมวลผลเป็นการกระทำกับข้อมลู ซอฟต์แวร์ หรอื บรกิ ารบน เพอ่ื ให้ไดผ้ ลลัพธท์ ่ีมคี วามหมายและมปี ระโยชน์ อินเทอรเ์ น็ตทหี่ ลากหลาย ต่อการนำไปใชง้ าน สามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เช่น คำนวณอัตราสว่ น คำนวณค่าเฉล่ยี • การใชซ้ อฟต์แวร์หรือบรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ น็ต ทห่ี ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้าง ทางเลือก ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยให้ แกป้ ัญหาได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแมน่ ยำ • ตวั อย่างปัญหา เน้นการบูรณาการกับวชิ าอ่ืน เชน่ ต้มไขใ่ ห้ตรงกบั พฤติกรรมการบรโิ ภค ค่า ดัชนีมวลกายของคนในท้องถิ่น การสรา้ งกราฟ ผลการทดลองและวิเคราะหแ์ นวโน้ม ว 4.2 ม1/4ใชเ้ ทคโนโลยี • ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เช่น สารสนเทศอยา่ งปลอดภัย การปกป้องความเป็นส่วนตวั และอัตลักษณ์ ใช้สือ่ และแหลง่ ขอ้ มูลตาม • การจดั การอัตลักษณ์ เช่น การตงั้ รหสั ผ่าน ขอ้ กำหนดและข้อตกลง การปกป้องข้อมลู สว่ นตวั • การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนอ้ื หา เช่น ละเมิดความเปน็ ส่วนตวั ผู้อืน่ อนาจาร วจิ ารณ์ ผู้อ่ืนอยา่ งหยาบคาย • ขอ้ ตกลง ข้อกำหนดในการใชส้ อื่ หรือ แหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ เชน่ Creative commons

107 โครงสร้างรายวิชา ว 21101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั เนือ้ หา เวลา นำ้ หนกั (ช่วั โมง) คะแนน 1. สารรอบตวั เรา มฐ.ว 2.1 - ธาตุ 25 20 ม.1/1-3 - สารบริสทุ ธแิ์ ละสาร ม.1/4-6 ผสม ม.1/7-10 - อะตอมธาตุและ สารประกอบ 2. หนว่ ยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี ีวิต มฐ.ว 1.2 - เซลลพ์ ชื เซลล์สัตว์ 38 20 ม.1/1-4 - การแพร่และออสโมซสิ ว 1.2 ม.1/5 - การสงั เคราะห์ด้วยแสง ว 1.2 ม.1/6-8 - การลำเลียงนำ้ และ ว 1.2 ม.1/9-10 อาหาร - การสืบพันธ์ุของพชื ว 1.2 ม.1/11-18 3. การออกแบบเทคโนโลยี ว 4.1 ม.1/1 - เทคโนโลยี 15 10 ว 4.1 ม.1/2 - การแก้ปัญหา ว 4.1 ม.1/3 - วัสดอุ ุปกรณ์ เคร่ืองมือ ว 4.1 ม.1/4 ว 4.1 ม.1/5 คะแนนระหวา่ งเรยี น หน่วยการเรียนรู้ 78 50 สอบระหว่างภาค 1 20 คะแนนปลายภาค 1 30 รวมทง้ั สนิ้ ตลอดภาคเรยี น สอบปลายภาค 80 100 หมายเหตุ - อตั ราส่วนคะแนนระหวา่ งเรียนกบั การสอบปลายภาค 70/30

108 โครงสร้างรายวิชา ว 21102 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด เนื้อหา เวลา น้ำหนัก 1. แรงในชีวติ ประจำวนั (ชว่ั โมง) คะแนน ว2.2 ม.1/1 -ความดันอากาศ 22 2. พลงั งานความร้อน ว 2.3 ม.1/1-2 - ปรมิ าณความร้อน 38 20 ว 2.3 ม.1/3-4 - การขยายตัวหรือหดตวั ของสสาร - การถ่ายโอนความร้อน ว 2.3 ม.1/5-7 3. กระบวนการเปล่ยี นแปลง ว 3.2 ม.1/1 - บรรยากาศ 20 18 ลม ฟา้ อากาศ ว 3.2 ม.1/2 - ลม ฟา้ อากาศ 18 10 4. การออกแบบเทคโนโลยี ว 3.2 ม.1/3-7 78 50 คะแนนระหวา่ งเรยี น 1 20 คะแนนปลายภาค ว 4.2 ม.1/1 - ออกแบบอลั กอริทึม 1 30 80 100 ว 4.2 ม.1/2 - โปรแกรมอยา่ งง่าย ว 4.2 ม.1/3 - ข้อมลู สารสนเทศ ว 4.2 ม.1/4 คะแนนหน่วยการเรยี นรู้ สอบระหว่างภาค สอบปลายภาค รวมทงั้ สน้ิ ตลอดภาคเรียน หมายเหตุ - อัตราสว่ นคะแนนระหวา่ งเรียนกบั การสอบปลายภาค 70/30

109 คำอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเตมิ ว 21201 เทคโนโลยี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ช่วั โมง จำนวน 1 หน่วยกติ ............................................................................................. ......................................................................... ศึกษา ความรู้ ความเข้าใจ วิเคราะห์หลักการทำงาน บทบาทและประโยชน์ของ คอมพิวเตอร์ ความหมายของข้อมูล และประเภทของข้อมูล วัสดุอุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้า หรือ อิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะสำคัญและผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการ เปลีย่ นแปลงเทคโนโลยี หาแนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ขและแก้ปญั หาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั วธิ ีการประมวลผลข้อมูล ข้ันตอนการจัดการสารสนเทศ ระดับของสารสนเทศ วิธีการดูแล รกั ษาข้อมูล กระบวนการประมวลผลข้อมูล การจัดการสารสนเทศอย่างเห็นคุณค่าและนำไปใช้ในการส่ือสาร แก้ปัญหา ทำงานและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวนั อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และ มีคณุ ธรรม รหัสตัวช้ีวดั ว4.1ม.1/1 ,ม.1/2, ม.1/3,ม.1/4,ม.1/5 รวมทั้งหมด 5 ตัวชี้วดั

110 โครงสร้างรายวิชาเพม่ิ เติม ว21201 เทคโนโลยี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ลำดบั ชื่อหน่วย สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก ท่ี การเรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน 1 ร้จู ักคอมพวิ เตอร์ - กระบวนการทำงานของคอมพวิ เตอร์ 5 25 คอมพิวเตอร์ - บทบาทของคอมพวิ เตอร์ เบื้องต้น - ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ 2 รู้จกั เทคโนโลยี - ลกั ษณะสำคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 5 25 10 20 สารสนเทศ - ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ 20 70 3 ประมวลผลข้อมูล - ความหมายของข้อมลู และสารสนเทศ 20 10 20 สารสนเทศ - การประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ป็นขอ้ มูล 100 สารสนเทศ - ประเภทของขอ้ มลู - วิธีการประมวลผลขอ้ มลู - ข้ันตอนการจดั การสารสนเทศ - การดแู ลรักษาข้อมูล - ระดบั ของสารสนเทศ คะแนนระหว่างเรียน คะแนนหน่วยการเรียนรู้ สอบระหว่างภาค คะแนนปลายภาค สอบปลายภาค รวมทง้ั สิ้นตลอดภาคเรยี น

111 คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเตมิ ว 21202 เทคโนโลยี 2 (อลั กอรทิ ึมเบือ้ งตน้ ) กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ชวั่ โมง จำนวน 1 หน่วยกิต ............................................................................................................................. ......................................... ศึกษาปัจจัยในการวัดประสิทธิภาพของอลั กอริทมึ การแทนการเติบโตของฟังกช์ ันเวลาในการทำงานของ อลั กอริทึมด้วยสัญกรณ์เชงิ เส้นกำกับ การวิเคราะห์อัลกอริทึมการทำงานแบบลำดับ แบบมีเง่ือนไข แบบวนซ้ำ และ แบบเรียกเวยี นเกิด แนวทางการวเิ คราะหอ์ ัลกอริทึมกรณีเลวร้ายสุดและกรณีเฉล่ีย อลั กอรทึ ึมการแบ่งแยกและ เอาชนะ กำหนดการพลวตั อัลกอรทิ มึ เชิงละโมบ เทคนิคการค้นหาขั้นสงู เกิดเจตคติที่ดีในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสืบค้นข้อมูล เรียนรู้ ส่ือสาร แก้ปัญหาและทำงานอย่างมี ประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ล และมีคุณธรรม รหสั ตวั ชี้วัด ว4.2 ม.1/1 ,ม.1/2, ม.1/3,ม.1/4 รวมท้ังหมด 4 ตัวชี้วดั

112 โครงสรา้ งรายวิชาเพม่ิ เติม ว21202 เทคโนโลยี 2(อัลกอริทึมเบ้ืองต้น) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1 หนว่ ยกิต ลำดับ ชื่อหน่วย สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั ที่ การเรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน 1 เทคโนโลยีสารสนเทศ - ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยี 10 20 สารสนเทศ - ผลกระทบของเทคโนโลยี สารสนเทศ - ความหมายของข้อมูล และ สารสนเทศ - การประมวลผลขอ้ มูลให้เป็น ข้อมูลสารสนเทศ - ประเภทของข้อมลู - วธิ ีการประมวลผลข้อมลู - ขัน้ ตอนการจัดการสารสนเทศ - การดแู ลรกั ษาขอ้ มูล - ระดับของสารสนเทศ 2 อลั กอริทึมและการเขยี น -ความหมายอลั กอริทมึ 10 50 โปรแกรม หลกั การเขียนอัลกอรทิ ึม โฟลรช์ ารต์ คะแนนระหว่างเรยี น คะแนนหนว่ ยการเรียนรู้ 20 70 สอบระหว่างภาค 10 คะแนนปลายภาค สอบปลายภาค 20 รวมทั้งส้ินตลอดภาคเรียน 20 100

113 คำอธิบายรายวิชา ว 22101 วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ...................................................................................................................................................................... ศึกษา วิเคราะห์ โครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ ได้แก่ ระบบหายใจ ระบบ ขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และความสัมพันธ์ของระบบต่างๆ ของมนุษย์ การ แยกของผสมโดยการระเหยแหง้ การตกผลึก การกลนั่ อย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดดว้ ยตัวทำ ละลาย นำวิธีการการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ผลของชนิดตัวละลาย ชนิดตัวทำละลาย อุณหภูมิ และความดันท่ีมีต่อสภาพการละลายได้ของสาร ความเข้มข้นของสารและการใช้สารละลายในชีวิตประจำวันอย่าง ถูกต้องและปลอดภัย โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การ สืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล อธิบาย อภิปรายและสร้างแบบจำลอง เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความ เข้าใจ สื่อสาร สิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสิน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีได้จากการสังเกต การ ทดลอง และใช้สารสนเทศท่ีได้จากแหล่งขอ้ มูลต่างๆ เห็นคุณคา่ ของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ คุณธรรมจรยิ ธรรม และค่านยิ มทเ่ี หมาะสม พิจารณาสาเหตุ ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะ เกิดขึ้น วิเคราะห์ เปรียบเทียบ ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยี ผลกระทบที่เกิดข้ึนต่อชีวิต สังคม และส่ิงแวดล้อม ระบุปัญหาหรือความต้องการในชุมชนหรือท้องถิ่น รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและแนวคิดท่ีเก่ียวข้องกับปัญหา ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจำเป็นภายใต้เง่ือนไขและ ทรัพยากรที่มีอยู่ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหา วางแผนขั้นตอนการทำงานและดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเป็น ขน้ั ตอน ใช้ความรู้ และทักษะเกี่ยวกบั วสั ดุ อุปกรณ์ เครื่องมอื กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือแกป้ ัญหาหรือ พัฒนางานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย ทดสอบ ประเมินผล และอธิบายปัญหาหรือข้อบกพร่องท่ี เกิดข้ึนภายใต้กรอบเงอ่ื นไข หาแนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอผลการแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางาน รหสั ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 1.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3 ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, ม.2/7, ม.2/8, ม.2/9, ม.2/10 ม.2/11, ม.2/12, ม.2/13, ม.2/14, ม.2/15, ม.2/16, ม.2/17 มาตรฐาน ว 2.1 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4 ม.2/5, ม.2/6 วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) มาตรฐาน ว 4.1 ม.2/1, ม.2/2 , ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5 รวมท้ังหมด 28 ตวั ชี้วดั

114 อธบิ ายรายวิชา ว 22102 วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ............................................................................................................................. ......................................... ศึกษา วิเคราะห์ แรงท่ีกระทำต่อวัตถุ ขนาดและทิศทางของแรง แรงลัพธ์และผลของแรงลัพธ์ที่มีต่อวัตถุ แรงกิรยิ าและแรงปฏิกิริยา แรงพยุงของของเหลว แรงเสียดทาน โมเมนต์ของแรง การเคล่ือนที่ของวัตถุในแนวตรง และแนวโค้ง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟา้ และแรงโนม้ ถ่วงที่กระทำต่อวัตถุกับระยะห่าง จากแหล่งของสนามถึงวัตถุ อัตราเร็วและความเร็ว งานและพลังงาน หลักการทำงานของเคร่ืองกลอย่างง่าย พลังงานศักย์และพลังงานจลน์ การเปล่ียนรูปพลังงาน กฎการอนุรักษ์พลังงาน กระบวนการเกิด ลักษณะ และ สมบัติของดิน การใชแ้ ละการปรับปรงุ คุณภาพของดิน กระบวนการเกิด ลักษณะ และสมบตั ิของหิน ชนดิ แหล่งที่ พบ และประโยชนข์ องหิน วัฏจักรหิน ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่ ชนดิ แหล่งที่พบ และประโยชนข์ อง แร่ กระบวนการเกิดแร่ แหล่งสำรวจในประเทศ และการใช้ประโยชน์ของปิโตรเลียม ถ่านหิน ก๊าซรรม ชาติ ลักษณะและการเกดิ แหล่งน้ำผวิ ดิน น้ำใต้ดนิ การใช้ประโยชน์และการอนุรกั ษ์แหล่งน้ำในท้องถิ่น ธรณีพิบัติ ภัย ลักษณะโครงสร้างโลก ความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาบนเปลือก โลก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จดั กลุ่มข้อมูล อธบิ าย อภิปรายและสร้างแบบจำลอง เพอื่ ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สอื่ สาร สิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสิน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีได้จากการสังเกต การทดลอง และใช้สารสนเทศท่ีได้ จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มทีเ่ หมาะสม การใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหา หรอื การทำงานในชีวิตจริง ออกแบบอัลกอริทึม ออกแบบ และเขียนโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบ คอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยี การส่ือสาร เพอื่ ประยกุ ต์ใช้งานหรือแกป้ ัญหาเบื้องต้น ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง ปลอดภยั มีความรับผิดชอบ สรา้ งและแสดงสิทธใิ นการเผยแพรผ่ ลงาน รหสั ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ว 2.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3 ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, ม.2/7, ม.2/8, ม.2/9, ม.2/10 ม.2/11, ม.2/12, ม.2/13, ม.2/14, ม.2/15 มาตรฐาน ว 2.3 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4 ม.2/5, ม.2/6 มาตรฐาน ว 3.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3 ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, ม.2/7, ม.2/8, ม.2/9, ม.2/10 วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) มาตรฐาน ว 4.2 ม.2/1, ม.2/2 , ม.2/3, ม.2/4, รวมท้ังหมด 35 ตัวช้ีวดั

115 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลางและสาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต และ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ เปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปัญหาสง่ิ แวดล้อม รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ช้นั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน -- - - สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิ่งมชี วี ติ หนว่ ยพ้ืนฐานของส่งิ มชี ีวิต การลำเลยี งสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท่ขี องระบบต่าง ๆ ของสัตวแ์ ละมนษุ ยท์ ่ีทำงานสัมพนั ธ์ กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้ง นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ชั้น ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถิน่ ม.2 ว 1.2 ม 2/1 ระบุอวยั วะและ - ระบบหายใจมีอวยั วะตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง บรรยายหนา้ ทีข่ องอวัยวะท่ี ไดแ้ ก่ จมูก ท่อลม ปอด กะบังลม และกระดูก เกย่ี วขอ้ งในระบบหายใจ ซีโ่ ครง - มนุษยห์ ายใจเข้า เพอื่ นำแก๊สออกซเิ จนเขา้ ว 1.2 ม 2/2 อธบิ ายกลไกการ สู่ร่างกายเพ่ือนำไปใชใ้ นเซลล์ และหายใจออก หายใจเข้าและออก โดยใช้ เพื่อกำจัดแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ออกจาก แบบจำลอง รวมทงั้ อธิบาย ร่างกาย กระบวนการแลกเปลย่ี นแกส๊ - อากาศเคลือ่ นทเ่ี ข้าและออกจากปอดได้ เนอ่ื งจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรและ ความดนั ของอากาศภายในชอ่ งอกซ่ึง

116 ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่ิน เกีย่ วขอ้ งกบั การทำงานของกะบงั ลม และ กระดูกซี่โครง - การแลกเปลย่ี นแกส๊ ออกซเิ จนกับแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ใน ม.2 ว 1.2 ม 2/3 ตระหนกั ถึง ร่างกาย เกิดขนึ้ บริเวณถุงลมในปอดกบั หลอด ความสำคัญของระบบหายใจ โดย เลอื ดฝอยที่ถงุ ลม และระหวา่ งหลอดเลือดฝอย การบอกแนวทางในการดูแลรักษา กบั เนอ้ื เยื่อ อวัยวะในระบบหายใจใหท้ ำงาน - การสบู บหุ รี่ การสูดอากาศทม่ี สี ารปนเป้ือน เปน็ ปกติ และการเป็นโรคเก่ยี วกบั ระบบหายใจบางโรค อาจทำใหเ้ กิดโรคถุงลมโปง่ พอง ซ่งึ มีผลให้ ความจอุ ากาศของปอดลดลง ดงั นั้นจึงควรดแู ล รกั ษาระบบหายใจ ให้ทำหนา้ ที่เปน็ ปกติ ว 1.2 ม 2/4 ระบุอวยั วะและ ระบบขับถา่ ยมีอวยั วะท่ีเกีย่ วขอ้ ง คือ ไต ทอ่ - บรรยายหน้าทข่ี องอวัยวะ ใน ไต กระเพาะปสั สาวะ และท่อปัสสาวะ โดยมีไต ระบบขบั ถ่ายในการกำจดั ของเสยี ทำหน้าทกี่ ำจัดของเสีย เช่น ยเู รยี แอมโมเนยี ทางไต กรดยรู กิ รวมทง้ั สารท่ีร่างกายไม่ต้องการออก จากเลอื ด และควบคุมสารที่มีมากหรือน้อย ว 1.2 ม 2/5 ตระหนกั ถึง เกนิ ไป เชน่ นำ้ โดยขับออกมาในรปู ของ ความสำคญั ของระบบขบั ถ่าย ใน ปสั สาวะ การกำจัดของเสียทางไต โดยการ • การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม บอกแนวทางในการปฏบิ ัติตนที่ เชน่ รบั ประทานอาหารท่ีไม่มีรสเคม็ จดั การดมื่ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำหน้าท่ีได้ นำ้ สะอาดให้เพยี งพอ เป็นแนวทางหน่ึงทช่ี ว่ ย อยา่ งปกติ ให้ระบบขบั ถา่ ยทำหน้าท่ีได้อย่างปกติ

117 ชั้น ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่ิน ว 1.2 ม 2/6บรรยายโครงสรา้ ง -ระบบหมนุ เวียนเลือดประกอบด้วย หวั ใจ และหน้าท่ีของหวั ใจ หลอดเลือด หลอดเลือด และเลอื ด และเลอื ด - หัวใจของมนษุ ย์แบง่ เปน็ 4 ห้อง ได้แก่ หัวใจ หอ้ งบน 2 หอ้ ง และหอ้ งล่าง 2 หอ้ ง ระหวา่ ง หวั ใจห้องบนและหัวใจห้องล่างมลี น้ิ หัวใจก้ัน - หลอดเลอื ด แบ่งเปน็ หลอดเลือด อารเ์ ตอรี หลอดเลอื ดเวน หลอดเลือดฝอย ซ่ึงมี โครงสรา้ งต่างกัน - เลือด ประกอบด้วย เซลล์เม็ดเลือด เพลต เลต และพลาสมา ม.2 ว 1.2 ม 2/7 อธิบายการทำงาน - การบีบและคลายตัวของหัวใจทำให้เลือด ของระบบหมุนเวยี นเลือด โดยใช้ หมุนเวียนและลำเลียงสารอาหารแก๊ส ของเสีย แบบจำลอง และสารอ่นื ๆ ไปยังอวยั วะและเซลลต์ ่าง ๆ ทั่ว ร่างกาย - เลือดท่ีมีปรมิ าณแก๊สออกซิเจนสูงจะออกจาก หั ว ใจ ไป ยั ง เซ ล ล์ ต่ า ง ๆ ท่ั ว ร่ า ง ก า ย ขณะเดียวกนั แก๊สคาร์บอนไดออกไซดจ์ ากเซลล์ จะแพร่เข้าสู่เลือดและลำเลียงกลับเข้าสู่หัวใจ และถูกส่งไปแลกเปล่ยี นแกส๊ ทป่ี อด ว 1.2 ม 2/8ออกแบบการทดลอง ชีพจรบอกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ซึ่งอัตรา - และทดลอง ในการเปรียบเทียบ การเต้นของหัวใจในขณะปกติและหลังจากทำ อัตราการเต้นของหัวใจ ขณะปกติ กิจกรรมต่าง ๆ จะแตกต่างกัน ส่วนความดัน และหลงั ทำกจิ กรรม เลือด ระบบหมนุ เวียนเลือดเกิดจากการทำงาน ของหัวใจและหลอดเลอื ด - อตั ราการเต้นของหัวใจมีความแตกต่างกันใน แตล่ ะบคุ คล คนทเี่ ป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด จะสง่ ผลทำให้หัวใจสบู ฉดี เลือดไมเ่ ป็นปกติ

118 ชัน้ ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถน่ิ ว 1.2 ม 2/9 ตระหนักถึง - อตั ราการเต้นของหวั ใจมคี วามแตกต่างกันใน ความสำคญั ของระบบหมุนเวียน แตล่ ะบคุ คล คนทเ่ี ป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เลือด โดยการบอกแนวทางใน จะส่งผลทำให้หวั ใจสบู ฉีดเลือดไม่เปน็ ปกติ การดูแลรกั ษาอวยั วะในระบบ - การออกกำลังกาย การเลือกรับประทาน หมนุ เวยี นเลอื ดให้ทำงานเปน็ อาหาร การพักผ่อน และการรักษาภาวะ ปกติ อารมณ์ให้เปน็ ปกติ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการ ดแู ลรักษาระบบหมนุ เวียนเลอื ดใหเ้ ปน็ ปกติ ว 1.2 ม 2/10ระบุอวัยวะและ - ระบบประสาทส่วนกลาง ประกอบดว้ ยสมอง บรรยายหนา้ ท่ีของอวัยวะใน และไขสันหลัง จะทำหน้าทีร่ ว่ มกับเสน้ ประสาท ระบบประสาทส่วนกลางในการ ซึ่งเป็นระบบประสาทรอบนอก ในการควบคมุ ควบคมุ การทำงานตา่ ง ๆ ของ การทำงานของอวยั วะต่าง ๆ รวมถึงการแสดง รา่ งกาย พฤติกรรม เพ่ือการตอบสนองต่อส่งิ เรา้ ม.2 - เม่ือมสี ่งิ เรา้ มากระตุน้ หนว่ ยรับความรู้สกึ จะ เกดิ กระแสประสาทสง่ ไปตามเซลล์ประสาทรับ ความรูส้ ึก ไปยงั ระบบประสาทส่วนกลาง แลว้ ว 1.2 ม 2/11 ตระหนักถึง - สง่ กระแสประสาทมาตามเซลลป์ ระสาทสั่งการ ความสำคัญของระบบประสาท ไปยงั หน่วยปฏบิ ัติงาน เช่น กลา้ มเนื้อ โดยการบอกแนวทางในการดูแล ระบบประสาทเป็นระบบท่ีมีความซบั ซ้อนและมี รักษา รวมถงึ การป้องกนั การ ความสมั พนั ธ์กับทกุ ระบบในร่างกาย ดังนนั้ จึง กระทบกระเทอื นและอนั ตรายต่อ ควรป้องกนั การเกิดอุบตั ิเหตุท่ีกระทบกระเทือน สมองและไขสันหลงั ต่อสมอง หลกี เลี่ยงการใช้สารเสพติด หลกี เลย่ี ง ภาวะเครียด และรับประทานอาหารท่ีมี ประโยชน์เพ่อื ดูแลรกั ษาระบบประสาทให้ ทำงานเปน็ ปกติ

119 ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถิ่น ม.2 ว 1.2 ม 2/12 ระบุอวัยวะและ • มนุษย์มีระบบสืบพันธุ์ท่ีประกอบด้วย บรรยายหน้าท่ขี องอวยั วะในระบบ อวัยวะต่าง ๆ ท่ีทำหน้าท่ีเฉพาะ โดยรังไข่ใน สบื พันธ์ขุ องเพศชายและเพศหญิง เพศหญิงจะทำหน้าท่ีผลิตเซลล์ไข่ ส่วนอัณฑะ โดยใชแ้ บบจำลอง ในเพศชายจะทำหนา้ ทีส่ รา้ งเซลล์อสุจิ ว 1.2 ม 2/13 อธิบายผลของ • ฮอร์โมนเพศทำหน้าท่คี วบคุมการแสดงออก ฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงท่ี ของลักษณะทางเพศท่ีแตกต่างกัน เม่ือเข้าสู่ ควบคมุ การเปลย่ี นแปลงของ วัยหนุ่มสาว จะมีการสร้างเซลล์ไข่และเซลล์ ร่างกาย เมื่อเขา้ ส่วู ัยหนมุ่ สาว อสุจิ การตกไข่ การมีรอบเดือน และถ้ามีการ ปฏิสนธิของเซลล์ไข่และเซลล์อสุจิจะทำให้ เกดิ การตง้ั ครรภ์ ว 1.2 ม 2/14ตระหนักถึงการ • การมีประจำเดือน มีความสัมพันธ์กบั การตก เปลี่ยนแปลงของรา่ งกายเมอ่ื เขา้ สู่ ไข่ โดยเป็นผลจากการเปลีย่ นแปลงของระดบั วยั หนุม่ สาว โดยการดูแลรกั ษา ฮอรโ์ มนเพศหญิง รา่ งกายและจิตใจของตนเองในช่วง ท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลง

120 ชน้ั ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถนิ่ ม.2 ว 1.2 ม 2/15อธบิ ายการตกไข่ • เม่ือเพศหญงิ มีการตกไข่และเซลล์ไข่ได้รับ การมีประจำเดือน การปฏิสนธิ การปฏิสนธกิ บั เซลลอ์ สุจิจะทำให้ได้ไซโกต ไซ และการพฒั นาของไซโกต จน โกตจะเจริญเปน็ เอม็ บรโิ อและฟีตัส จนกระท่ัง คลอดเปน็ ทารก คลอดเปน็ ทารก แต่ถา้ ไม่มีการปฏิสนธิ เซลล์ ไข่จะสลายตวั ผนงั ด้านในมดลกู รวมท้ังหลอด เลอื ดจะสลายตัวและหลุดลอกออก เรียกวา่ ประจำเดือน ว 1.2 ม 2/16 เลือกวิธกี าร • การคมุ กำเนดิ เป็นวิธีป้องกนั ไม่ให้เกดิ การ คมุ กำเนิดท่เี หมาะสมกับ ตง้ั ครรภ์ โดยปอ้ งกันไมใ่ ห้เกิดการปฏิสนธิหรือ สถานการณ์ทก่ี ำหนด ไม่ใหม้ ีการฝังตัวของเอม็ บรโิ อ ซึง่ มีหลายวิธี เช่น การใชถ้ งุ ยางอนามัย การกนิ ยาคุมกำเนดิ ว 1.2 ม 2/17ตระหนักถึง ผลกระทบของการตงั้ ครรภ์ กอ่ นวยั อนั ควร โดยการประพฤติตนให้ เหมาะสม สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคญั ของการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมสาร พนั ธุกรรม การเปลย่ี นแปลงทางพนั ธกุ รรมทม่ี ีผลตอ่ สงิ่ มชี ีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพและ วฒั นาการของสิ่งมชี ีวิต รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชน้ั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถน่ิ -- - -

121 สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสสารกบั โครงสรา้ ง และแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ชัน้ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่ิน ม.2 ว 2.1 ม 2/1 อธบิ ายการแยกสาร ตัวละลายและตัวทำละลายที่เป็นของเหลวท่ีมี - ผสมโดยการระเหยแห้ง การตก จุดเดือดต่างกันมาก วิธีนี้จะแยกของเหลว ผลกึ การกลั่นอยา่ งง่าย โครมาโทก บริสุทธ์ิออกจากสารละลายโดยให้ความร้อน ราฟีแบบกระดาษ การสกัดดว้ ยตัว กับ สารละลาย ของเห ลวจะเดือดและ ทำละลาย โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ กลายเปน็ ไอแยกจากสารละลายแลว้ ควบแน่น ประจักษ์ กลับเป็นของเหลวอีกคร้ัง ขณะท่ีของเหลว เดือด อุณหภูมิของไอจะคงท่ี โครมาโทกราฟี ว 2.1 ม 2/2 แยกสารโดยการ แบบกระดาษเปน็ วธิ กี ารแยกสารผสมทม่ี ี ระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่น ปรมิ าณนอ้ ยโดยใชแ้ ยกสารท่ีมีสมบตั ิการ อย่างงา่ ย โครมาโทกราฟแี บบ ละลายในตวั ทำละลายและการถูกดดู ซับดว้ ย กระดาษ การสกดั ดว้ ยตวั ทำละลาย ตัวดูดซับแตกต่างกัน ทำให้สารแต่ละชนิด เคลื่อนท่ีไปบนตัวดูดซับได้ต่างกัน สารจึงแยก ออกจากกันได้ อัตราส่วนระหว่างระยะทางท่ี สารองค์ประกอบแต่ละชนิดเคลื่อนท่ีได้บนตัว ดูดซับ กับระยะทางที่ตัวทำละลายเคล่ือนท่ีได้ เป็นค่าเฉพาะตัวของสารแต่ละชนิดในตัวทำ ละลายและตัวดูดซับหน่ึง ๆ การสกัดด้วยตัว ทำละลาย เป็นวิธีการแยกสารผสมที่มีสมบัติ การละลายใน ตัวทำละลายท่ีต่างกันโดยชนิด ของตัวทำละลายมีผลต่อชนิดและปริมาณของ สารทส่ี กดั ได้ การสกดั โดยการกลัน่ ดว้ ยไอน้ำ ใชแ้ ยกสารท่ีระเหยง่าย ไม่ละลายน้ำ และไม่ ทำปฏกิ ริ ยิ ากบั นำ้ ออกจากสารทรี่ ะเหยยาก โดยใช้ไอนำ้ เป็นตัวพา

122 ชนั้ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถ่นิ ม.2 ว 2.1 ม 2/3 • ความร้ดู า้ นวิทยาศาสตรเ์ กีย่ วกับการแยก - นำวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปญั หาใน สาร บูรณาการกบั คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี ชวี ิตประจำวันโดยบูรณาการ โดยใชก้ ระบวนการทางวิศวกรรม สามารถ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นำไปใช้แกป้ ัญหาในชวี ิตประจำวันหรือปัญหา เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ ท่ีพบในชุมชนหรือสร้างนวตั กรรม โดยมี ขัน้ ตอน ดังนี้ - ระบุปญั หาในชวี ติ ประจำวนั ท่เี กย่ี วกับการ แยกสารโดยใช้สมบัติทางกายภาพ หรือ นวตั กรรมที่ต้องการพัฒนา โดยใชห้ ลกั การ ดงั กล่าว - รวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดเกยี่ วกบั การแยก สาร โดยใชส้ มบัตทิ างกายภาพที่สอดคลอ้ งกับ ปญั หาทีร่ ะบุ หรือนำไปสู่การพฒั นานวตั กรรม นนั้ - ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา หรอื พัฒนา นวัตกรรมท่เี กย่ี วกบั การแยกสารในสารผสม โดยใช้สมบตั ทิ างกายภาพ โดยเช่ือมโยง ความรู้ด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการทางวิศวกรรม รวมท้ังกำหนดและควบคุมตวั แปรอย่าง เหมาะสม ครอบคลุม - วางแผนและดำเนนิ การแกป้ ัญหา หรอื พัฒนา นวตั กรรม รวบรวมขอ้ มลู จัดกระทำขอ้ มลู และเลือกวธิ ีการสอ่ื ความหมายทเ่ี หมาะสมใน การนำเสนอผล - ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรบั ปรุงวิธีการ แกป้ ญั หา หรอื นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น โดยใช้ หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ทร่ี วบรวมได้

123 ชั้น ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่ิน ม.2 ว 2.1 ม 2/3 - นำเสนอวธิ กี ารแก้ปัญหา หรือผลของ นำวธิ กี ารแยกสารไปใชแ้ ก้ปญั หาใน นวตั กรรมที่พฒั นาขน้ึ และผลท่ีได้ โดยใช้ ชวี ิตประจำวันโดยบูรณาการ วิธีการส่อื สารทเี่ หมาะสมและน่าสนใจ วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ ว 2.1 ม 2/4 - สารละลายอาจมสี ถานะเปน็ ของแข็ง - ออกแบบการทดลองและทดลองใน ของเหลว และแกส๊ สารละลายประกอบดว้ ย การอธิบายผลของชนิดตัวละลาย ตวั ทำละลาย และตัวละลาย กรณีสารละลาย ชนิดตัวทำละลาย อุณหภูมิที่มีต่อ เกดิ จากสารที่มสี ถานะเดียวกัน สารทีม่ ี สภาพละลายได้ของสาร รวมท้ัง ปรมิ าณมากท่สี ดุ จัดเป็นตัวทำละลาย กรณี อธิบายผลของความดันที่มีต่อ สารละลายเกดิ จากสารที่มีสถานะตา่ งกนั สาร สภาพละลายได้ของสาร โดยใช้ ทีม่ ีสถานะเดียวกันกับสารละลายจัดเป็นตวั ทำ สารสนเทศ ละลาย - สารละลายทต่ี ัวละลายไมส่ ามารถละลายใน ตวั ทำละลายได้อีกท่อี ุณหภมู ิหน่งึ ๆ เรยี กวา่ สารละลายอิ่มตัว - สภาพละลายได้ของสารในตัวทำละลาย เป็นคา่ ทบี่ อกปริมาณของสารทล่ี ะลายได้ใน ตวั ทำละลาย 100 กรมั จนได้สารละลาย อ่มิ ตวั ณ อุณหภูมแิ ละความดันหน่ึง ๆ สภาพ ละลายได้ของสารบง่ บอกความสามารถในการ ละลายได้ของตวั ละลาย ในตัวทำละลาย ซง่ึ ความสามารถในการละลายของสารขึน้ อย่กู ับ ชนดิ ของตวั ทำละลายและตัวละลาย อุณหภมู ิ และความดัน - สารชนิดหน่งึ ๆ มสี ภาพละลายไดแ้ ตกตา่ ง กันในตวั ทำละลายท่แี ตกต่างกัน และสารตา่ ง ชนิดกัน มีสภาพละลายไดใ้ นตัวทำละลายหน่งึ ๆ ไมเ่ ทา่ กนั

124 ชัน้ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่นิ ม.2 ว 2.1 ม 2/4 - เมอ่ื อุณหภมู ิสงู ขนึ้ สารสว่ นมาก สภาพ ออกแบบการทดลองและทดลองใน ละลายไดข้ องสารจะเพิ่มข้นึ ยกเวน้ แก๊สเมื่อ การอธิบายผลของชนิดตัวละลาย อุณหภมู ิสงู ขนึ้ สภาพการละลายได้จะลดลง ชนิดตัวทำละลาย อุณหภูมิท่ีมีต่อ ส่วนความดันมผี ลตอ่ แก๊ส โดยเมื่อความดัน สภาพละลายได้ของสาร รวมท้ัง เพิม่ ขึน้ สภาพละลายได้จะสูงขึน้ อธิบายผลของความดันท่ีมีต่อ - ความรู้เกี่ยวกับสภาพละลายได้ของสาร สภาพละลายได้ของสาร โดยใช้ เม่ือเปล่ียนแปลงชนิดตัวละลาย ตัวทำละลาย สารสนเทศ และอุณหภูมิ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวัน เช่น การทำน้ำเช่ือมเข้มข้น การสกัดสารออกจากสมุนไพรให้ได้ปริมาณ มากทีส่ ดุ ว 2.1 ม 2/5 ระบุปรมิ าณตัว - ความเข้มข้นของสารละลาย เป็นการระบุ - ละลายในสารละลาย ในหนว่ ย ปริมาณ ตัวละลายในสารละลาย หน่วยความ ความเข้มขน้ เปน็ รอ้ ยละ ปรมิ าตร เข้มข้นมีหลายหน่วย ที่นิยมระบุเป็นหน่วย ต่อปริมาตร มวลต่อมวล และมวล เป็นร้อยละ ปริมาตรต่อปริมาตร มวลต่อมวล ตอ่ ปรมิ าตร และมวลต่อปริมาตร - ร้อยละโดยปริมาตรต่อปริมาตร เป็นการ ระบุปริมาตรตัวละลายในสารละลาย 100 หน่วยปริมาตรเดียวกัน นิยมใช้กับสารละลาย ทเี่ ป็นของเหลวหรือแกส๊ ว 2.1 ม 2/6 - ร้อยละโดยมวลตอ่ มวล เปน็ การระบุมวลตัว ตระหนักถึงความสำคัญของการนำ ละลายในสารละลาย 100 หน่วยมวลเดียวกัน ความรู้เรอ่ื งความเข้มข้นของสารไป นยิ มใชก้ บั สารละลายทีม่ ีสถานะเปน็ ของแข็ง ใช้ โ ด ย ย ก ตั ว อ ย่ า ง ก า ร ใช้ - ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร เป็นการระบุ สารละลายในชีวิตประจำวันอย่าง มวล ตัวละลายในสารละลาย 100 หน่วย ปริมาตร นิยมใช้กับสารละลายท่ีมีตัวละลาย ถกู ต้องและปลอดภัย เป็นของแข็ง ในตวั ทำละลายท่เี ปน็ ของเหลว - การใช้สารละลาย ในชีวิตประจำวัน ควร พจิ ารณาจากความเขม้ ข้นของสารละลาย

125 สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงท่กี ระทำตอ่ วตั ถุ ลักษณะการเคลื่อนทีแ่ บบ ตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ชั้น ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่ิน ม.2 ว 2.2 ม 2/1พยากรณ์การเคล่อื นทีข่ อง - แรงเป็นปรมิ าณเวกเตอร์ เม่ือมีแรง - วตั ถทุ ่เี ป็นผลของแรงลพั ธท์ ี่เกิดจาก หลาย ๆ แรงกระทำต่อวัตถุ แล้วแรง แรงหลายแรงท่ีกระทำตอ่ วัตถุในแนว ลัพธ์ เดียวกนั จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ทกี่ ระทำตอ่ วัตถุมีคา่ เปน็ ศูนย์ ว 2.2 ม 2/2 เขียนแผนภาพแสดง วตั ถจุ ะไมเ่ ปลีย่ นแปลงการเคลื่อนท่ี แรงและแรงลัพธ์ท่เี กิดจากแรงหลาย แต่ถา้ แรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อวัตถุ แรงท่กี ระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกนั มคี ่าไมเ่ ปน็ ศูนย์ วตั ถุจะเปลีย่ นแปลง การเคล่ือนที่ ว 2.2 ม 2/3 ออกแบบการทดลอง - เมอื่ วตั ถอุ ย่ใู นของเหลวจะมแี รงท่ี - และทดลองด้วยวธิ ี ท่ีเหมาะสมในการ ของเหลวกระทำต่อวัตถุในทุกทิศทาง อธิบายปัจจัยท่ีมีผลต่อความดันของ โดยแรงท่ขี องเหลวกระทำตั้งฉากกับผวิ ของเหลว วตั ถตุ อ่ หนึ่งหนว่ ยพน้ื ท่ี เรียกวา่ ความดัน ของของเหลว - ความดันของของเหลวมคี วามสมั พนั ธ์ กับความลกึ จากระดบั ผวิ หน้าของ ของเหลว โดยบรเิ วณทล่ี กึ ลงไปจาก ระดบั ผิวหน้าของของเหลวมากข้ึน ความดันของของเหลวจะเพิ่มข้นึ เนอ่ื งจากของเหลวท่อี ยู่ลึกกว่า จะมี น้ำหนกั ของของเหลวดา้ นบนกระทำ มากกวา่

126 ชั้น ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถนิ่ ม.2 ว 2.2 ม 2/4 วเิ คราะหแ์ รงพยุง - เม่ือวตั ถอุ ยู่ในของเหลว จะมแี รงพยุง และการจม การลอยของวัตถุใน เนือ่ งจากของเหลวกระทำต่อวัตถุ โดยมีทิศ ของเหลวจากหลกั ฐานเชิง ขึน้ ในแนวดงิ่ การจมหรือการลอยของวตั ถุ ประจกั ษ์ ขึ้นกบั นำ้ หนักของวัตถุและ ว 2.2 ม 2/5 เขยี นแผนภาพ แรงพยงุ ถา้ นำ้ หนักของวัตถุและแรงพยงุ ของ แสดงแรงท่ีกระทำต่อวัตถุ ใน ของเหลวมคี ่าเทา่ กัน วตั ถจุ ะลอยน่ิงอยูใ่ น ของเหลว ของเหลว แตถ่ า้ น้ำหนักของวัตถมุ คี ่า มากกวา่ แรงพยุงของของเหลววตั ถจุ ะจม ว 2.2 ม 2/6 อธบิ ายแรงเสียด - แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่าง - ทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ ผิวสัมผัสของวัตถุ เพ่ือต้านการเคล่ือนท่ีของ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ วัตถุน้ัน โดยถ้าออกแรงกระทำต่อวัตถุท่ีอยู่ นิ่งบนพ้ืนผิวให้เคล่ือนท่ี แรงเสียดทานก็จะ ต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานที่ เกิดขน้ึ ในขณะที่วตั ถยุ ังไม่เคลอื่ นทเี่ รยี ก แรง เสียดทานสถิต แต่ถ้าวตั ถุกำลังเคลื่อนท่ี แรง เสียดทานก็จะทำให้วัตถุนั้นเคล่ือนที่ช้าลง หรอื หยดุ นงิ่ เรยี ก แรงเสยี ดทานจลน์ ว 2.2 ม 2/7 ออกแบบการ - ขนาดของแรงเสียดทานระหวา่ งผวิ สัมผัส - ทดลองและทดลองดว้ ยวิธที ่ี ของวตั ถุข้นึ กับลักษณะผิวสมั ผัสและขนาด เหมาะสมในการอธิบายปจั จัยทมี่ ี ของแรงปฏิกิรยิ าต้ังฉากระหว่างผวิ สัมผสั ผลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ดทาน - กิจกรรมในชวี ิตประจำวันบางกจิ กรรม ต้องการ แรงเสียดทาน เช่น การเปดิ ฝา เกลยี วขวดนำ้ การใชแ้ ผ่นกนั ลนื่ ในห้องน้ำ ว 2.2 ม 2/8 เขียนแผนภาพ บางกิจกรรมไม่ต้องการแรงเสียดทาน เช่น แสดงแรงเสียดทานและแรงอ่ืน ๆ การลากวตั ถุบนพนื้ การใชน้ ้ำมนั หล่อลน่ื ใน ทกี่ ระทำต่อวัตถุ เคร่อื งยนต์

127 ชนั้ ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถิ่น ม.2 ว 2.2 ม 2/9 ตระหนกั ถึง - ความรเู้ ร่ืองแรงเสยี ดทานสามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ น ประโยชนข์ องความรเู้ รอื่ งแรงเสยี ด ชวี ติ ประจำวันได้ ทานโดยวิเคราะหส์ ถานการณ์ ปญั หาและเสนอแนะวธิ กี ารลดหรือ เพ่มิ แรงเสยี ดทานท่ีเป็นประโยชน์ ต่อการทำกจิ กรรมในชวี ิตประจำวนั ว 2.2 ม 2/10 ออกแบบการ - เม่อื มีแรงทกี่ ระทำต่อวัตถโุ ดยไม่ผ่านศนู ย์กลางมวล ทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ี ที่ ของวตั ถุ จะเกดิ โมเมนต์ของแรง ทำให้วตั ถหุ มนุ รอบ เหมาะสมในการอธิบายโมเมนต์ ศูนย์กลางมวลของวตั ถนุ นั้ ของแรง เม่ือวตั ถุอยู่ในสภาพสมดุล - โมเมนต์ของแรงเป็นผลคณู ของแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุ ตอ่ การหมุน และคำนวณโดยใช้ กบั ระยะทางจากจุดหมนุ ไปตั้งฉากกับแนวแรง เมื่อ สมการ ผลรวมของโมเมนต์ของแรงมีคา่ เป็นศูนย์ วตั ถจุ ะอยู่ใน M = Fl สภาพสมดุลต่อการหมนุ โดยโมเมนตข์ องแรงในทิศ ทวนเข็มนาฬิกาจะมขี นาดเท่ากบั โมเมนต์ของแรงใน ทศิ ตามเขม็ นาฬิกา - ของเลน่ หลายชนิดประกอบด้วยอปุ กรณ์หลายส่วน ที่ใชห้ ลักการโมเมนตข์ องแรง ความรู้เร่อื งโมเมนตข์ อง แรงสามารถนำไปใช้ออกแบบและประดิษฐ์ของเล่นได้ ว 2.2 ม 2/11 เปรยี บเทยี บแหล่ง - วตั ถทุ ่ีมีมวลจะมีสนามโนม้ ถ่วงอยู่โดยรอบ แรงโน้ม - ของสนามแมเ่ หล็ก สนามไฟฟ้า ถ่วงทก่ี ระทำต่อวตั ถุที่อยู่ในสนามโน้มถว่ งจะมที ศิ พุง่ และสนามโน้มถ่วง และทิศทางของ เข้าหาวตั ถทุ เ่ี ป็นแหลง่ ของสนามโน้มถว่ ง แรงทก่ี ระทำต่อวัตถุท่ีอยูใ่ นแต่ละ - วัตถทุ ่มี ีประจุไฟฟา้ จะมีสนามไฟฟ้าอยู่โดยรอบ แรง สนามจากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ ไฟฟ้าที่กระทำต่อวตั ถุท่ีมปี ระจจุ ะมีทิศพุ่งเขา้ หาหรือ ออกจากวัตถุที่มปี ระจทุ ี่เปน็ แหลง่ ของสนามไฟฟ้า ว 2.2 ม 2/12 เขียนแผนภาพ - วัตถุทีเ่ ปน็ แมเ่ หล็กจะมีสนามแมเ่ หล็กอยโู่ ดยรอบ แสดงแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้าและ แรงแม่เหล็กทีก่ ระทำต่อขั้วแมเ่ หลก็ จะมีทิศพุง่ เขา้ หา แรงโนม้ ถ่วงท่ีกระทำต่อวัตถุ หรอื ออกจากข้ัวแม่เหล็กท่เี ป็นแหล่งของ สนามแมเ่ หล็ก

128 ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถิน่ ม.2 ว 2.2 ม 2/13 วิเคราะห์ - ขนาดของแรงโน้มถ่วง แรงไฟฟา้ และแรงแมเ่ หลก็ ท่ี - ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งขนาดของแรง กระทำตอ่ วัตถุท่อี ยู่ในสนามนั้น ๆ จะมีคา่ ลดลง เม่ือ แม่เหลก็ แรงไฟฟา้ และแรงโนม้ วัตถุอยหู่ ่างจากแหลง่ ของสนามนน้ั ๆ มากขึน้ ถว่ งทกี่ ระทำต่อวตั ถทุ ่ีอยู่ในสนาม น้ัน ๆ กับระยะห่าง จากแหลง่ ของสนามถงึ วตั ถจุ าก ขอ้ มูลที่รวบรวมได้ ว 2.2 ม 2/14 อธบิ ายและคำนวณ - การเคลือ่ นท่ีของวตั ถุเป็นการเปล่ยี นตำแหนง่ ของวัตถุ - อตั ราเรว็ และความเร็วของการ เทยี บกบั ตำแหน่งอ้างอิง โดยมีปริมาณทเี่ กย่ี วข้องกับ เคลอื่ นที่ของวตั ถุ โดยใช้สมการ การเคลอ่ื นทีซ่ ึง่ มีทง้ั ปริมาณสเกลารแ์ ละปรมิ าณ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ เวกเตอร์ เชน่ ระยะทาง อตั ราเรว็ การกระจดั ความเร็ว ปรมิ าณสเกลาร์ เป็นปรมิ าณที่มขี นาด เช่น ว 2.2 ม 2/15 เขียนแผนภาพ ระยะทาง อตั ราเร็ว ปริมาณ แสดงการกระจัดและความเร็ว เวกเตอร์เป็นปรมิ าณที่มีท้ังขนาดและ ทิศทาง เช่น การกระจัด ความเรว็ - เขยี นแผนภาพแทนปริมาณเวกเตอรไ์ ดด้ ว้ ยลกู ศร โดย ความยาวของลกู ศรแสดง ขนาดและหวั ลกู ศรแสดงทิศทางของเวกเตอรน์ ้ัน ๆ - ระยะทางเป็นปริมาณสเกลาร์ โดยระยะทาง เป็น ความยาวของเส้นทางท่ีเคลือ่ นทไ่ี ด้ - การกระจัดเป็นปริมาณเวกเตอร์ โดยการกระจัดมีทิศ ชี้จากตำแหน่งเร่ิมต้นไปยังตำแหน่งสุดท้าย และมี ขนาดเทา่ กับระยะทส่ี ัน้ ที่สดุ ระหวา่ งสองตำแหน่งน้ัน - อัตราเร็วเป็นปริมาณสเกลาร์ โดยอัตราเร็วเป็น อัตราส่วนของระยะทางต่อเวลา - ความเร็วปริมาณเวกเตอร์มีทิศเดียวกับทิศของการ กระจัด โดยความเร็วเป็นอัตราส่วนของการกระจัดต่อ เวลา

129 สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่าง สสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณท์ ่ีเกย่ี วขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้ารวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชนั้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถน่ิ ม.2 ว 2.3 ม 2/1 วเิ คราะห์สถานการณ์และ - เมอื่ ออกแรงกระทำต่อวตั ถุ แลว้ ทำให้วตั ถุ - คำนวณเกี่ยวกับงานและกำลงั ที่เกิดจาก เคล่อื นที่ โดยแรงอยู่ในแนวเดียวกบั การ แรงท่กี ระทำต่อวัตถุ เคลื่อนทจี่ ะเกดิ งาน งานจะมีค่ามากหรือ โดยใชส้ มการ น้อยขน้ึ กับขนาดของแรงและ ระยะทางในแนวเดยี วกบั แรง และ - งานท่ีทำในหนึง่ หนว่ ยเวลาเรยี กวา่ กำลงั หลักการของงานนำไปอธิบายการ จากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ ทำงานของ ว 2.3 ม 2/2 วเิ คราะห์หลักการทำงาน ของเครือ่ งกลอย่างง่ายจากข้อมลู ท่ี รวบรวมได้ ว 2.3 ม 2/3 ตระหนักถึงประโยชนข์ อง - เครือ่ งกลอย่างง่าย ได้แก่ คาน พ้นื เอียง ความรขู้ องเครื่องกลอย่างงา่ ย โดยบอก รอกเดยี่ ว ลม่ิ สกรู ลอ้ และเพลา ซ่งึ นำไปใช้ ประโยชนแ์ ละการประยุกต์ใชใ้ น ประโยชนด์ ้านต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั ชวี ติ ประจำวัน ว 2.3 ม 2/4 ออกแบบและทดลองดว้ ย - พลังงานจลนเ์ ปน็ พลงั งานของวตั ถุท่ี วธิ ีทเ่ี หมาะสมในการอธบิ ายปัจจัยทม่ี ีผล เคลอื่ นที่ พลงั งานจลน์จะมคี ่ามากหรือน้อย ตอ่ พลงั งานจลน์ และพลังงานศักย์โนม้ ถว่ ง ขึน้ กับมวลและอัตราเร็ว สว่ นพลงั งานศักย์ โนม้ ถ่วงเกยี่ วข้องกบั ตำแหนง่ ของวัตถุ จะมี คา่ มากหรือน้อยข้นึ กับมวลและตำแหนง่ ของ วัตถุ เมือ่ วัตถุอยใู่ นสนามโนม้ ถ่วง วัตถจุ ะมี พลงั งานศักยโ์ น้มถว่ ง พลงั งานจลน์และ พลงั งานศักยโ์ นม้ ถว่ งเป็นพลงั งานกล

130 ชนั้ ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่ิน ม.2 - ผลรวมของพลงั งานศักย์โนม้ ถว่ งและ ว ว 2.3 ม 2/5 แปลความหมายขอ้ มูลและ พลงั งานจลน์เป็นพลงั งานกล พลังงานศักย์ อธบิ ายการเปลย่ี นพลงั งานระหวา่ ง โน้มถว่ งและพลังงานจลน์ของวตั ถหุ นึ่ง ๆ พลังงานศักย์โนม้ ถว่ งและพลงั งานจลน์ สามารถเปล่ยี นกลบั ไปมาได้ โดยผลรวมของ ของวัตถุโดยพลังงานกลของวัตถุ มคี า่ คง พลังงานศักยโ์ น้มถว่ งและ ตัวจากขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้ พลงั งานจลน์มคี ่าคงตวั นัน่ คือพลังงานกล ของวตั ถุมคี า่ คงตัว ว 2.3 ม 2/6 - พลังงานรวมของระบบมีค่าคงตวั ซง่ึ อาจ - วิเคราะหส์ ถานการณแ์ ละอธิบายการ เปลีย่ นจากพลงั งานหน่ึงเปน็ อีกพลงั งานหน่ึง เปลย่ี นและการถ่ายโอนพลงั งานโดยใชก้ ฎ เช่น พลังงานกลเปลยี่ นเป็นพลงั งานไฟฟ้า การอนรุ ักษ์พลงั งาน พลงั งานจลนเ์ ปลีย่ นเปน็ พลงั งานความรอ้ น พลังงานเสียง พลังงานแสง เน่ืองมาจากแรง เสยี ดทาน พลังงานเคมีในอาหารเปล่ยี นเปน็ พลงั งานที่ไปใชใ้ นการทำงานของส่งิ มีชวี ิต - นอกจากน้ีพลงั งานยงั สามารถถ่ายโอนไป ยังอีกระบบหนึง่ หรือไดร้ บั พลังงานจาก ระบบอืน่ ได้ เชน่ การถ่ายโอนความรอ้ น ระหว่างสสาร การถ่ายโอนพลังงานของการ สนั่ ของแหลง่ กำเนิดเสยี งไปยังผฟู้ งั ทั้งการ เปลี่ยนพลังงานและการถ่าย โอนพลงั งาน พลังงานรวมท้ังหมดมคี ่าเท่า เดมิ ตามกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน

131 สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏสิ ัมพันธ์ภายในระบบสุรยิ ะทสี่ ่งผลต่อสง่ิ มีชวี ิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ รหัสตัวชีว้ ัด ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ - - - - สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบน ผิวโลก ธรณีพบิ ัติภยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ โลก รวมทงั้ ผลตอ่ สิ่งมีชีวิตและสงิ่ แวดล้อม ชัน้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถนิ่ ม.2 ว 3.2 ม 2/1 เปรยี บเทียบ - เชือ้ เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์ เกิดจากการ แหล่งเรียนร้เู รื่อง กระบวนการเกิด สมบตั ิ เปลย่ี นแปลงสภาพของซากส่ิงมชี วี ติ ในอดีต โดย ซากดกึ ดำบรรพ์ใน และการใชป้ ระโยชน์ รวมทง้ั กระบวนการ ทางเคมีและธรณีวทิ ยา เช้อื เพลงิ ซาก ชุมชน อธบิ ายผลกระทบจากการใช้ ดึกดำบรรพ์ ได้แก่ ถา่ นหนิ หินนำ้ มัน และ เช้อื เพลิงซากดึกดำบรรพ์ ปโิ ตรเลียม ซงึ่ เกิดจากวตั ถตุ ้นกำเนิด และสภาพ จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ แวดลอ้ มการเกิดที่แตกต่างกนั ทำให้ไดช้ นดิ ของ เช้ือเพลิงซากดึกดำบรรพ์ที่มีลักษณะ สมบตั ิ และ การนำไปใช้ประโยชน์แตกตา่ งกนั สำหรับ ปโิ ตรเลยี มจะต้องมกี ารผ่านการกล่นั ลำดบั ส่วน กอ่ นการใชง้ านเพ่ือให้ไดผ้ ลิตภณั ฑ์ทเี่ หมาะสมต่อ การใช้ประโยชน์ เช้อื เพลิงซากดกึ ดำบรรพเ์ ป็น ทรพั ยากรทใ่ี ช้แลว้ หมดไป เน่ืองจากต้องใช้ เวลานานหลายล้านปีจงึ จะเกิดข้นึ ใหม่ได้

132 ชั้น ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถ่ิน ม.2 ว 3.2 ม 2/2 - การเผาไหมเ้ ชือ้ เพลิงซากดึกดำบรรพ์ในกจิ กรรม แสดงความตระหนกั ถึงผล ตา่ ง ๆ ของมนุษยจ์ ะทำใหเ้ กิดมลพษิ ทางอากาศ ซง่ึ จากการใช้เชอ้ื เพลงิ ซากดึก สง่ ผลกระทบต่อส่ิงมชี ีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม ดำบรรพ์ โดยนำเสนอแนว นอกจากน้แี กส๊ บางชนดิ ท่เี กดิ จากการเผาไหม้ ทางการใช้เชอ้ื เพลิงซากดึก เชื้อเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ เชน่ แกส๊ ดำบรรพ์ คาร์บอนไดออกไซด์ และไนตรัสออกไซด์ ยงั เปน็ แกส๊ เรอื นกระจกซึง่ สง่ ผลใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศของโลกรนุ แรงข้ึน ดงั น้ันจงึ ควรใช้ เชือ้ เพลิงซากดึกดำบรรพ์ โดยคำนงึ ถงึ ผลทเี่ กดิ ข้นึ ต่อสิง่ มีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม เชน่ เลือกใช้พลังงาน ทดแทน หรือเลือกใช้เทคโนโลยีที่ลดการใช้ เช้ือเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ว 3.2 ม 2/3 เปรียบเทียบ • เชือ้ เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์เป็นแหลง่ พลงั งานที่ ขอ้ ดีและข้อจำกัดของ สำคัญในกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เน่อื งจาก พลังงานทดแทนแตล่ ะ เชือ้ เพลิงซากดึกดำบรรพ์มปี ริมาณจำกัดและมัก ประเภทจากการรวบรวม เพ่มิ มลภาวะในบรรยากาศมากขึน้ จงึ มีการใช้ ข้อมลู และนำเสนอแนว พลงั งานทดแทนมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทติ ย์ ทางการใช้พลังงานทดแทน พลงั งานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล พลงั งาน ทเี่ หมาะสมในท้องถิน่ คลนื่ พลังงานความร้อนใต้พิภพพลงั งานไฮโดรเจน ซึง่ พลงั งานทดแทนแต่ละชนิดจะมขี ้อดแี ละ ขอ้ จำกดั ที่แตกต่างกนั ว 3.2 ม 2/4 • โครงสร้างภายในโลกแบง่ ออกเป็นชนั้ ตาม สร้างแบบจำลองทีอ่ ธิบาย องคป์ ระกอบทางเคมี ไดแ้ ก่ เปลือกโลก ซงึ่ อยนู่ อก โครงสรา้ งภายในโลกตาม สุด ประกอบดว้ ยสารประกอบของซลิ ิกอน และ องค์ประกอบทางเคมีจาก อะลมู ิเนยี มเปน็ หลกั เน้ือโลกคอื สว่ นท่ีอยู่ใต้เปลือก ขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ โลกลงไปจนถึงแกน่ โลก มีองค์ประกอบหลักเป็น สารประกอบของซลิ ิกอน แมกนเี ซยี ม และเหล็ก มี องคป์ ระกอบหลกั เป็นเหล็กและนิกเกลิ ซง่ึ แต่ละ ชั้นมีลักษณะแตกต่างกนั

133 ชั้น ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่ิน ว 3.2 ม 2/5 อธิบาย - การผพุ ังอยู่กับท่ี การกร่อน และการสะสมตัวของ กระบวนการผุพังอยู่กบั ท่ี ตะกอน เปน็ กระบวนการเปลี่ยนแปลงทาง การกร่อน และการสะสมตวั ธรณวี ิทยา ท่ีทำใหผ้ ิวโลกเกดิ การเปลยี่ นแปลงเปน็ ของตะกอนจากแบบจำลอง ภูมิลักษณแ์ บบ รวมท้ังยกตัวอย่างผลของ ตา่ ง ๆ โดยมีปจั จัยสำคัญ คือน้ำ ลม กระบวนการดังกลา่ วทท่ี ำให้ ธารนำ้ แขง็ แรงโน้มถว่ งของโลก สงิ่ มีชีวิต สภาพ ผวิ โลกเกดิ การเปลย่ี นแปลง อากาศ และปฏกิ ริ ยิ าเคมี - การผุพงั อยู่กบั ท่ี คือ การท่ีหินผพุ งั ทำลายลงดว้ ย กระบวนการต่าง ๆ ได้แก่ ลมฟ้า อากาศกับน้ำฝน และรวมทัง้ การกระทำของตน้ ไม้ กับแบคทเี รยี ตลอดจนการแตกตวั ทางกลศาสตร์ ซ่งึ มีการเพิ่มและลดอณุ หภมู ิสลับกัน เป็นต้น - การกร่อน คือ กระบวนการหน่ึงหรือหลาย กระบวนการทที่ ำให้สารเปลือกโลกหลุดไป ละลาย ไปหรือกรอ่ นไปโดยมีตัวนำพาธรรมชาติ คอื ลม น้ำ และธารน้ำแข็ง รว่ มกบั ปัจจยั อ่ืน ๆ ม.2 ไดแ้ ก่ ลมฟ้าอากาศ สารละลาย การครูดถู การ นำพา ทั้งนี้ไมร่ วมถึงการพงั ทลายเป็นกลมุ่ ก้อน เช่น แผ่นดนิ ถลม่ ภเู ขาไฟระเบิด - การสะสมตวั ของตะกอน คอื การสะสมตัวของวตั ถุ จากการนำพาของนำ้ ลม หรือธารนำ้ แขง็ ว 3.2 ม 2/6 อธบิ าย - ดินเกิดจากหนิ ท่ีผุพังตามธรรมชาตผิ สม ตวั อยา่ งดินใน ทอ้ งถน่ิ ลกั ษณะของช้นั หนา้ ตัดดิน คลุกเคล้ากับอนิ ทรียวัตถทุ ่ีได้จากการเนา่ เปื่อยของ และกระบวนการเกดิ ดนิ ซากพืช ซากสตั ว์ทับถมเปน็ ชน้ั ๆ บนผิวโลก ชัน้ ดนิ จากแบบจำลอง รวมท้ังระบุ แบง่ ออกเป็นหลายชั้น ขนานหรอื เกือบขนานไปกบั ปัจจยั ทีท่ ำใหด้ นิ มลี ักษณะ ผวิ หน้าดิน แต่ละชนั้ มลี ักษณะแตกต่างกันเนื่องจาก และสมบัติแตกตา่ งกัน สมบตั ทิ างกายภาพ เคมี ชวี ภาพ และลกั ษณะอนื่ ๆ เช่น สี โครงสรา้ ง เนอื้ ดนิ การยดึ ตวั

134 ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถนิ่ ม.2 กรด-เบส สามารถสังเกตได้จากการสำรวจ ภาคสนาม การเรียกช่ือชนั้ ดนิ หลกั จะใชอ้ ักษร ภาษาอังกฤษตัวใหญ่ ได้แก่ O, A, E, B, C, R - ชน้ั หนา้ ตัดดิน เป็นชน้ั ดินที่มีลกั ษณะปรากฏใหเ้ ห็น เรียงลำดับเป็นชนั้ จากชัน้ บนสดุ ถึงชน้ั ล่างสุด - ปัจจัยท่ีทำใหด้ นิ แต่ละท้องถ่ินมลี ักษณะและ สมบตั ิแตกตา่ งกนั ได้แก่ วัตถุต้นกำเนิดดิน ภมู อิ ากาศ สิ่งมีชีวิตในดนิ สภาพภูมิประเทศ และ ระยะเวลา ในการเกดิ ดิน ว 3.2 ม 2/7 ตรวจวัด - สมบตั บิ างประการของดนิ เชน่ เน้ือดนิ ความชน้ื สมบตั ิบางประการของดนิ ดนิ คา่ ความเปน็ กรด-เบส ธาตอุ าหารในดิน โดยใช้เครอื่ งมือทเี่ หมาะสม สามารถนำไปใชใ้ นการตัดสนิ ใจถงึ แนวทางการใช้ และนำเสนอแนวทางการใช้ ประโยชน์ทดี่ ิน โดยอาจนำไปใชป้ ระโยชน์ ทาง ประโยชน์ดนิ จากข้อมลู การเกษตรหรืออ่ืน ๆ ซ่ึงดนิ ท่ีไมเ่ หมาะสมต่อการ สมบัติของดนิ ทำการเกษตร เชน่ ดินจืด ดนิ เปรย้ี ว ดินเคม็ และ ดนิ ดาน อาจเกิดจากสภาพดนิ ตามธรรมชาตหิ รอื การใช้ประโยชนจ์ ะต้องปรบั ปรุงใหม้ สี ภาพ เหมาะสม เพอ่ื นำไปใช้ประโยชน์ ว 3.2 ม 2/8 อธิบายปจั จยั - แหลง่ น้ำผิวดนิ เกดิ จากน้ำฝนที่ตกลงบนพื้นโลก และกระบวนการเกิดแหล่ง ไหลจากทสี่ งู ลงสทู่ ่ีต่ำด้วยแรงโนม้ ถว่ ง การไหลของ น้ำผิวดินและแหล่งนำ้ ใต้ดนิ นำ้ ทำใหพ้ น้ื โลกเกิดการกดั เซาะเปน็ ร่องนำ้ เชน่ ลำ จากแบบจำลอง ธาร คลอง และแมน่ ำ้ ซง่ึ ร่องนำ้ จะมขี นาดและ รปู ร่างแตกต่างกัน ขึน้ อยู่กบั ปรมิ าณน้ำฝน ระยะเวลาในการกัดเซาะ ชนิดดนิ และหิน และ ลักษณะภมู ปิ ระเทศ เช่น ความลาดชัน ความสงู ตำ่ ของพืน้ ท่ี เมื่อน้ำไหลไปยังบรเิ วณทเี่ ป็นแอ่งจะเกิด การสะสมตวั เปน็ แหลง่ น้ำ เช่น บึง ทะเลสาบ ทะเล และมหาสมุทร

135 ชนั้ ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถนิ่ ม.2 - แหล่งนำ้ ใตด้ ินเกดิ จากการซึมของน้ำผวิ ดนิ ลงไป สะสมตัวใต้พื้นโลก ซง่ึ แบ่งเป็นนำ้ ในดินและนำ้ บาดาล น้ำในดินเปน็ น้ำที่อยรู่ ่วมกับอากาศตาม ชอ่ งว่างระหว่างเม็ดดนิ สว่ นน้ำบาดาลเป็นน้ำที่ไหล ซมึ ลึกลงไปและถูกกักเก็บไว้ในช้นั หินหรอื ช้นั ดนิ จนอ่ิมตัวไปดว้ ยนำ้ ว 3.2 ม 2/9 สรา้ ง - แหลง่ นำ้ ผิวดนิ และแหลง่ นำ้ ใต้ดินถูกนำมาใชใ้ น การใชป้ ระโยชน์ แบบจำลองที่อธบิ ายการใช้ กิจกรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์ ส่งผลตอ่ การจดั การการ จากแหลง่ น้ำใตด้ นิ นำ้ และนำเสนอแนว ใช้ประโยชนน์ ้ำและคุณภาพของแหล่งน้ำ เนื่องจาก และแหล่งนำ้ ผิวดิน ทางการใช้นำ้ อยา่ งยง่ั ยืนใน การเพ่ิมข้นึ ของจำนวนประชากร การใช้ประโยชน์ ภายในชมุ ชน ทอ้ งถิ่นของตนเอง พืน้ ทีใ่ นด้านตา่ ง ๆ เชน่ ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และการเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศ ทำให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงปริมาณนำ้ ฝนในพื้นทล่ี ุ่ม นำ้ และแหลง่ นำ้ ผวิ ดินไม่เพียงพอสำหรบั กจิ กรรม ของมนุษย์ นำ้ จากแหลง่ น้ำใต้ดนิ จงึ ถกู นำมาใชม้ าก ขนึ้ สง่ ผลให้ปรมิ าณนำ้ ใต้ดนิ ลดลงมาก จึงตอ้ งมีการจดั การใช้นำ้ อย่างเหมาะสมและย่งั ยืน ซึ่งอาจทำไดโ้ ดยการจดั หาแหลง่ นำ้ เพอ่ื ให้มีแหล่ง นำ้ เพียงพอสำหรบั การดำรงชีวติ การจัดสรรและการใชน้ ้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การ อนรุ กั ษ์และฟ้ืนฟูแหล่งน้ำ การปอ้ งกันและแก้ไข ปัญหาคณุ ภาพนำ้ ว 3.2ม 2/10 สรา้ ง - น้ำทว่ ม การกดั เซาะชายฝง่ั ดนิ ถลม่ หลุมยุบ ภัยพบิ ัตทิ ่ีเกดิ ข้นึ ใน แบบจำลองที่อธบิ าย แผ่นดินทรดุ มีกระบวนการเกิดและผลกระทบ ท่ี ท้องถ่ิน/จงั หวัด กระบวนการเกดิ และ แตกต่างกนั ซงึ่ อาจสร้างความเสยี หายร้ายแรง แก่ ผลกระทบของนำ้ ท่วม การ ชีวติ และทรพั ย์สนิ กดั เซาะชายฝั่ง ดนิ ถลม่ หลมุ ยุบ แผน่ ดนิ ทรดุ

136 ชนั้ ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ ม.2 ทอ้ งถนิ่ - นำ้ ทว่ ม เกดิ จากพ้ืนทห่ี น่งึ ได้รับปรมิ าณนำ้ เกิน กวา่ ท่จี ะกักเก็บได้ ทำให้แผน่ ดินจมอยู่ใตน้ ้ำ โดย ขน้ึ อยกู่ ับปริมาณน้ำและสภาพทางธรณีวิทยาของ พ้ืนท่ี - การกัดเซาะชายฝั่ง เปน็ กระบวนการ เปลย่ี นแปลงของชายฝั่งทะเลท่เี กดิ ขนึ้ ตลอดเวลา จากการกัดเซาะของคล่นื หรือลม ทำใหต้ ะกอนจาก ที่หนง่ึ ไปตกทับถมในอีกบริเวณหนงึ่ แนวของ ชายฝ่งั เดิมจงึ เปล่ยี นแปลงไป บรเิ วณท่ีมีตะกอน เคล่ือนเข้ามาน้อยกวา่ ปรมิ าณทต่ี ะกอนเคลอื่ น ออกไป ถือวา่ เปน็ บรเิ วณทมี่ ีการกัดเซาะชายฝั่ง - ดินถล่ม เปน็ การเคล่ือนทีข่ องมวลดนิ หรือหนิ จำนวนมากลงตามลาดเขา เน่ืองจากแรงโนม้ ถ่วง ของโลกเป็นหลัก ซึ่งเกดิ จากปัจจัยสำคญั ได้แก่ ความลาดชนั ของพน้ื ที่ สภาพธรณวี ทิ ยา ปริมาณ นำ้ ฝน พชื ปกคลมุ ดนิ และการใชป้ ระโยชน์พน้ื ที่ - หลุมยบุ คือ แอ่งหรอื หลุมบนแผ่นดินขนาดตา่ ง ๆ ที่อาจเกดิ จากการถลม่ ของโพรงถ้ำหินปนู เกลือหนิ ใต้ดิน หรอื เกิดจากน้ำพัดพาตะกอนลงไปในโพรง ถ้ำหรือธารน้ำใต้ดิน แผ่นดนิ ทรดุ เกดิ จากการยุบตัว ของชั้นดนิ หรอื หนิ ร่วน เมอ่ื มวลของแขง็ หรือ ของเหลวปรมิ าณมาก ทร่ี องรับอย่ใู ตช้ ้ันดินบรเิ วณ นน้ั ถกู เคล่ือนย้ายออกไปโดยธรรมชาติหรอื โดยการ กระทำของมนษุ ย์

137 สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชีวิตในสงั คมทม่ี ีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ใช้ ความรู้และทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อนื่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพฒั นา งานอย่างมีความคิดสรา้ งสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และส่งิ แวดลอ้ ม ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถนิ่ ม.2 ว 4.1 ม.2/1 คาดการณ์แนวโน้ม - สาเหตุหรอื ปจั จยั ต่าง ๆ เช่น ความกา้ วหน้า - เทคโนโลยีท่จี ะเกดิ ข้ึนโดยพจิ ารณาจาก ของศาสตรต์ ่าง ๆ การเปลย่ี นแปลงทางดา้ น สาเหตุหรอื ปัจจัยทีส่ ง่ ผลต่อการ เศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม ทำใหเ้ ทคโนโลยีมี เปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี และ การเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา วิเคราะห์ เปรยี บเทียบ ตัดสินใจเลือกใช้ - เทคโนโลยแี ต่ละประเภทมผี ลกระทบต่อชวี ิต เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบท่ี สังคม และสิ่งแวดล้อมที่แตกตา่ งกัน จึงต้อง เกดิ ข้ึนต่อชวี ติ สงั คม และส่งิ แวดลอ้ ม วิเคราะห์เปรียบเทยี บข้อดี ข้อเสยี และตัดสนิ ใจ เลอื กใช้ให้เหมาะสม ว 4.1 ม2/2 - ปญั หาหรือความต้องการในชมุ ชนหรือท้องถ่ิน ระบปุ ัญหาหรอื ความต้องการในชุมชน มหี ลายอย่าง ขน้ึ กับบรบิ ทหรือสถานการณท์ ี่ หรอื ทอ้ งถิ่น สรปุ กรอบของปัญหา ประสบ เช่น ด้านพลังงาน สง่ิ แวดลอ้ ม รวบรวม วเิ คราะหข์ ้อมลู และแนวคิดที่ การเกษตร การอาหาร เก่ยี วข้องกบั ปัญหา - การระบปุ ัญหาจำเปน็ ต้องมีการวเิ คราะห์ สถานการณ์ของปญั หาเพอื่ สรุปกรอบของ ปัญหา แลว้ ดำเนินการสบื คน้ รวบรวมข้อมลู ความรูจ้ ากศาสตร์ตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง เพ่ือ นำไปสกู่ ารออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา ว 4.1ม 2/3 - การวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตัดสินใจเลอื ก ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวเิ คราะห์ ข้อมลู ท่จี ำเปน็ โดยคำนึงถึงเง่ือนไขและ เปรียบเทียบ และตัดสนิ ใจเลือกข้อมลู ท่ี ทรพั ยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ขอ้ มูลและ จำเป็นภายใต้เง่ือนไขและทรัพยากรท่ีมี สารสนเทศ วัสดุ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ ช่วยให้ อยู่ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ ได้แนวทางการแก้ปญั หาท่ีเหมาะ

138 ชนั้ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถนิ่ ม.2 ผ้อู น่ื เข้าใจ วางแผนข้นั ตอนการทำงาน - การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาทำได้ และดำเนินการแก้ปัญหาอยา่ งเป็น หลากหลายวธิ ี เช่น การรา่ งภาพ การเขยี น ข้ันตอน แผนภาพ การเขียนผงั งาน - การกำหนดข้นั ตอนระยะเวลาในการทำงาน ก่อน ว 4.1ม 2/4 ทดสอบ ประเมินผล และ - การทดสอบและประเมินผลเปน็ การตรวจสอบ อธิบายปัญหาหรือขอ้ บกพร่องที่เกดิ ข้ึน ช้นิ งาน หรอื วิธกี ารว่าสามารถแก้ปญั หาได้ตาม ภายใตก้ รอบเงื่อนไข พรอ้ มทั้งหาแนว วัตถปุ ระสงค์ภายใต้กรอบของปญั หา เพือ่ หา ทางการปรบั ปรงุ แก้ไข และนำเสนอผล ขอ้ บกพร่อง และดำเนนิ การปรับปรงุ ใหส้ ามารถ การแกป้ ัญหา แก้ไขปญั หาได้ - การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิด เพ่อื ให้ผ้อู ื่นเขา้ ใจเกยี่ วกบั กระบวนการทำงาน และช้นิ งานหรือวธิ ีการท่ีได้ ซึ่งสามารถทำได้ หลายวธิ ี เชน่ การเขียนรายงาน การทำแผน่ นำเสนอผลงาน การจดั นทิ รรศการการนำเสนอ ผ่านสอ่ื ออนไลน์ ว 4.1ม 2/5 ใชค้ วามรู้ และทักษะ - วสั ดแุ ต่ละประเภทมสี มบตั ิแตกต่างกนั เชน่ เก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมอื กลไก ไม้ โลหะ พลาสตกิ จงึ ต้องมีการวิเคราะห์สมบตั ิ ไฟฟ้า และอิเลก็ ทรอนิกส์ เพื่อแก้ปัญหา เพอ่ื เลือกใช้ให้เหมาะสมกบั ลักษณะของงาน หรอื พฒั นางานได้อย่างถกู ต้อง - การสรา้ งช้ินงานอาจใช้ความรู้ เร่ืองกลไก เหมาะสม และปลอดภัย ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LED มอเตอร์ บัซ เซอร์ เฟือง รอก ลอ้ เพลา - อปุ กรณ์และเครื่องมือในการสร้างชิ้นงานหรอื พฒั นาวิธกี ารมหี ลายประเภท ต้องเลือกใชใ้ ห้ ถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมทง้ั รู้จัก เก็บรักษา

139 สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ญั หาที่พบในชวี ติ จริงอยา่ งเปน็ ข้ันตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ร้เู ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม ชั้น ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถน่ิ ม.2 ว 4.2 ม 2/1 ออกแบบอัลกอรทิ มึ - แนวคิดเชิงคำนวณ ท่ีใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการ - การแก้ปัญหาโดยใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณ แกป้ ญั หา หรอื การทำงานท่ีพบใน - ตวั อย่างปญั หา เช่น การเข้าแถวตามลำดับ ชวี ิตจริง ความสงู ใหเ้ รว็ ที่สดุ จัดเรยี งเส้ือใหห้ าได้ง่ายทส่ี ุด - ตัวดำเนินการบลู ีน ม.2 ว 4.2 ม 2/2 ออกแบบและเขียน - ฟงั ก์ชนั โปรแกรมทใ่ี ชต้ รรกะและฟงั ก์ชนั ใน - การออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีมกี ารใช้ การแก้ปัญหา ตรรกะ และฟังกช์ ัน - การออกแบบอัลกอริทมึ เพ่ือแก้ปัญหาอาจใช้ แนวคดิ เชิงคำนวณในการออกแบบ เพ่ือให้ การ แกป้ ญั หามปี ระสทิ ธิภาพ - การแกป้ ญั หาอย่างเปน็ ขน้ั ตอนจะช่วยให้ แกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ - ซอฟตแ์ วร์ที่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, python, java, c - ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรมตัดเกรดหา คำตอบท้ังหมดของอสมการหลายตัวแปร

140 ชั้น ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถนิ่ ม.2 ว 4.2 ม 2/3 อภิปราย - ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย โดย องค์ประกอบและหลักการทำงาน เลือกแนวทางปฏบิ ตั ิเม่ือพบเนือ้ หาท่ีไม่เหมาะสม ของระบบคอมพิวเตอร์ และ เชน่ แจ้งรายงานผ้เู กย่ี วข้อง ปอ้ งกันการเขา้ มา เทคโนโลยีการส่อื สาร เพ่ือ ของขอ้ มูลทีไ่ ม่เหมาะสม ไม่ตอบโต้ ไม่เผยแพร่ ประยุกต์ใชง้ านหรือแก้ปญั หา - การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมีความ เบื้องต้น รับผิดชอบ เชน่ ตระหนกั ถึงผลกระทบในการ เผยแพรข่ ้อมูล - การสร้างและแสดงสทิ ธิความเป็นเจา้ ของ ผลงาน - การกำหนดสทิ ธิการใช้ขอ้ มูล

141 โครงสรา้ งรายวิชา ว 22101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ชัว่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด เน้ือหา เวลา น้ำหนัก 1. รา่ งกายของเรา (ช่วั โมง) คะแนน ว 1.2 ม.2/1-3 - ระบบหายใจ 2. สารและสมบัตขิ องสาร 38 20 3. การใช้เทคโนโลยี ว 1.2 ม.2/4-5 - การกำจดั ของเสียทางไต 20 20 คะแนนระหว่างเรยี น ว 1.2 ม.2/6-9 - ระบบหมุนเวยี นเลือด คะแนนปลายภาค 20 10 ว 1.2 ม.2/10-11 - ระบบประสาท 78 50 ว 1.2 ม.2/12-17 - ระบบสืบพนั ธ์ุ 1 20 1 30 ว 2.1 ม.2/1-3 - การแยกสาร 80 100 ว 2.1 ม.2/4 - สารละลาย ม.2/3, ม.2/5-6 - ความเขม้ ข้นของสารละลาย ว 4.1 ม.2/1-4 - การใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือการ แกป้ ัญหา ว 4.1 ม.2/5 - วัสดุ อปุ กรณ์ เครอื่ งมือ กลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ หน่วยการเรียนรู้ สอบระหว่างภาค สอบปลายภาค รวมท้งั สิ้นตลอดภาคเรียน หมายเหตุ - อตั ราสว่ นคะแนนระหวา่ งเรียนกบั การสอบปลายภาค 70/30

142 โครงสร้างรายวชิ า ว 22101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 60 ชว่ั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั เนือ้ หา เวลา นำ้ หนกั (ชวั่ โมง) คะแนน 1. แรงและการเคลือ่ นที่ ว 2.2 ม.2/1 - การเคลอ่ื นท่ีของวตั ถุ 24 15 ว 2.2 ม.2/2 - แรงและแรงลัพธ์ ว 2.2 ม.2/3 - ความดนั ของของเหลว ว 2.2 ม.2/4-5 - แรงพยุง การจม การลอย ว 2.2 ม.2/6-9 - แรงเสียดทาน ว 2.2 ม.2/10 - โมเมนตข์ องแรง ว 2.2 ม.2/11-13 - แรงแมเ่ หล็ก แรงไฟฟ้าและพลังงานโนม้ ถว่ ง ว 2.2 ม.2/14-15 - อตั ราเรว็ ความเร็วและการกระจัด 2. งานและพลงั งาน ว 2.3 ม.2/1 - งานและกำลัง 15 10 ว 2.3 ม.2/2-3 - เครอ่ื งกลอย่างงา่ ย ว 2.3 ม.2/4-5 - พลังงานจลนแ์ ละพลังงานศักย์โน้มถ่วง ว 2.3 ม.2/6 - กฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน 3. กระบวนการ ว 3.2 ม.2/1-2, - พลังงานเช้อื เพลิงจากซากดึกดำบรรพ์ 24 15 เปลยี่ นแปลงของโลก ว 3.2 ม.2/3 - พลังงานทดแทน ว 3.2 ม.2/4 - โครงสรา้ งของโลก ว 3.2 ม.2/5 - การเปล่ยี นแปลงของผวิ โลก ว 3.2 ม.2/6-7 - ดนิ ว 3.2 ม.2/8-10 - น้ำ 4. การใชเ้ ทคโนโลยี ว 4.2 ม.2/1 - อลั กอริทึม 15 10 ว 4.2 ม.2/2 - ตรรกะและฟงั ก์ชนั ว 4.2 ม.2/3 - การประยกุ ต์ใช้งานหรือการแก้ปัญหา ว 4.2 ม.2/4 - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ คะแนนระหวา่ งเรียน หน่วยการเรียนรู้ 78 50 สอบระหว่างภาค 1 20 คะแนนปลายภาค สอบปลายภาค 1 30 รวมท้ังสิ้นตลอดภาคเรยี น 80 100

143 คำอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ว 22201 เทคโนโลยี 3 (งานกราฟิกและนำเสนอขอ้ มูล1) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ............................................................................................................................. ......................................... ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ และอธิบายหลักการงานกราฟิก และสร้างงานนำเสนอข้อมูล การสร้างส่ิงของ เครื่องใช้ ตามกระบวนการกราฟิกการออกแบบภาพร่าง 3 มิติ หลักการเบ้ืองต้น การสื่อสารข้อมูล หลักการและ วิธีการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ ค้นหาข้อมูลและติดต่อสื่อสาร หลักการใช้โปรแกรม นำเสนองาน การใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา กาค้นหาข้อมูล และการติต่อสื่อสาร การใช้ซอร์ฟแวร์ ระบบ ซอร์ฟแวรป์ ระยุกตด์ า้ นการคำนวณ นำกระบวนการเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์สิงของเครื่องใช้ อย่างปลอดภัย และมีหลักการ ออกแบบโดยถ่ายทอดความคิดของวิธีการเป็นภาพร่าง 3 มิติ หรือภาพฉาย เพ่ือนำไปสกู่ ารสรา้ งต้นแบบของส่ิงของ เคร่ืองใช้ หรือถ่ายทอดความคิดของวิธีการ เป็นแบบจำลองความคิด และการรายงานผล โดยนำเสนอผ่าน โปรแกรมนำเสนอ การใส่ข้อความ การตกแต่งข้อความ กำหนดรูปแบบการนำเสนอผลงาน โดยใช้กระบวนการ ค้นหาข้อมูลมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ และแก้ปัญหา หรือตอบสนองความ ต้องการในงานที่สร้าง สืบค้นข้อมูลและใช้โปรแกรมเรียกคืนข้อมูลอย่างเหมาะสม นำซอร์ฟแวร์ระบบ และ ซอรฟ์ แวรป์ ระยุกตด์ า้ นการคำนวณมาใชใ้ หเ้ หมาะสมกับงาน ดว้ ยกระบวนการคิดวเิ คราะห์ การแก้ปญั หา สรา้ งชิน้ งานอย่างสร้างสรรค์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมในการใช้อินเตอร์เนต็ ใช้เทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์ ตอ่ ชีวติ สงั คม สิ่งแวดล้อม คน้ หาข้อมูลและตดิ ต่อสอ่ื สารผา่ นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์อย่างมีคุณธรรมและจรยิ ธรรม และมีการจดั การเทคโนโลยีด้วยการลดการใช้ทรัพยากร หรอื เลอื กใช้เทคโนโลยที ี่ไม่มีผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดล้อม ผลการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายหลักการงานกราฟิกและสรา้ งงานนำเสนอข้อมลู การสรา้ งส่งิ ของเคร่อื งใช้ตาม กระบวนการกราฟิกการออกแบบภาพรา่ ง 3 มิติ 2. นกั เรยี นสามารถออกแบบภาพร่าง 3 มติ ิได้ภาพฉายเพื่อนำไปสู่การสร้างต้นแบบของสิ่งของเครื่องใช้ หรือ ถ่ายทอดความคิด ของวธิ กี าร เป็นแบบจำลอง 3. นักเรยี นสามารถนำเสนอผ่านโปรแกรมนำเสนอ การใส่ขอ้ ความ การตกแต่งข้อความ กำหนดรปู แบบ 4. นกั เรียนสามารถใช้กระบวนการค้นหาข้อมูลมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม และเลือกใช้เทคโนโลยีอยา่ ง สรา้ งสรรค์ 5. นกั เรียนสามารถนำซอร์ฟแวร์ ระบบซอร์ฟแวรป์ ระยุกต์ด้านการคำนวณมาใช้ให้เหมาะสมกับงาน 6. นักเรยี นสามารถแก้ปญั หา หรอื ตอบสนองความต้องการในงานท่ีสร้าง สบื คน้ ขอ้ มลู และใช้ โปรแกรมเรียกคนื ขอ้ มลู อย่างเหมาะสม

144 โครงสรา้ งรายวิชา ว 22202 วิชา เทคโนโลยี 3 (งานกราฟกิ และนำเสนอข้อมูล1 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี น 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ หน่วยที่ 1 ช่ือหน่วยการเรียน เวลา (ช่ัวโมง) น้ำหนักคะแนน 1 กระบวนการเทคโนโลยีและสารสนเทศ 2 5 -เทคโนโลยีสารสนเทศ information technology 2 งานกราฟฟิคเบ้ืองตน้ 3 10 3 การออกแบบและการสร้างงานนำเสนอข้อมลู 4 10 4 การออกแบบภาพรา่ ง3มิติ โดยใช้ 6 5 Program Powerpoint 5 การนำเสนองานด้วยโปรแกรมนำเสนอ 3 5 6 ซอรฟ์ แวร์ประยุกต์ด้านการคำนวณ 2 10 คะแนนระหวา่ งเรียน คะแนนหนว่ ยการเรียนรู้ - 70 สอบระหวา่ งภาค - 10 คะแนนปลายภาค สอบปลายภาค - 20 รวมท้ังส้ินตลอดภาคเรียน 20 100

145 คำอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเติม ว 22202 เทคโนโลยี 4 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ และอธิบายหลักการการใช้ซอร์ฟแวร์ระบบ และซอร์ฟแวร์ประยุกต์ด้านการ คำนวณมาใช้ให้เหมาะสมกับงาน นำหลักการใช้งานกราฟิก และสร้างงานนำเสนอข้อมูล การสร้างงานโดย โปรแกรมกราฟิก การทำหนังสืออิเล็กทรอนิคส์ การใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา การค้นหาข้อมูล และการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร นำกระบวนการเทคโนโลยีมาประยุกต์ใชใ้ นในดา้ นการคำนวณมาใชใ้ ห้เมาะสมกับงาน การสรา้ งสรรค์อิเลก ทรอนิคส์อย่างปลอดภัย และมีหลักการออกแบบ โดยถ่ายทอดความคิดหรือภาพฉายเพ่ือนำไปสู่การสร้างต้นแบบ ของแบบจำลองความคิดและการรายงานผล โดยใช้กระบวนการค้นหาขอ้ มูลมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม เลือกใช้ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ และแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการในงานท่ีสร้าง สืบค้นข้อมูลและใช้โปรแกรม เรียกคืนข้อมูลอย่างเหมาะสม ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม และกระบวนการ แก้ปญั หา สร้างชนิ้ งานอย่างสร้างสรรค์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมในการใช้อนิ เตอรเ์ น็ต ใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์ ต่อ ชีวติ สงั คม สิง่ แวดล้อม ค้นหาขอ้ มลู และตดิ ต่อส่ือสารผ่านเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรอ์ ย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม และมกี ารจดั การเทคโนโลยีดว้ ยการลดการใชท้ รัพยากร หรือเลือกใช้เทคโนโลยีท่ไี ม่มผี ลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อม ผลการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถใชแ้ ละอธิบายหลักการใชซ้ อร์ฟแวรร์ ะบบและซอร์ฟแวรป์ ระยุกตด์ า้ นการคำนวณมาใช้ให้ เหมาะสมกับงาน 2. นกั เรียนสามารถใช้ซอร์ฟแวร์ด้านการคำนวณ Microsoft Office Excel มาใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั งาน และ เกดิ ประโยชน์ในชวี ิตประจำวันได้ 3. นกั เรียนสามารถใช้งานกราฟิกและสร้างงานนำเสนอขอ้ มลู อยา่ งปลอดภัยได้ 4. นกั เรียนสามารถสรา้ งและนำเสนอหนงั สอื อิเลกทรอนิคส์ได้ (E-Book)ได้ 5. นกั เรยี นสามารถแก้ปัญหา หรือตอบสนองความตอ้ งการในงานทีส่ รา้ ง สืบค้นข้อมลู และใชโ้ ปรแกรมเรยี ก คน้ ข้อมูลได้อย่างเหมาะสม

146 โครงสร้างรายวชิ า ว 22202 เทคโนโลยี 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ลำดับท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี น เวลา นำ้ หนกั (ชัว่ โมง) คะแนน 1 ซอรฟ์ แวร์ประยกุ ต์ด้านการคำนวณ 10 20 -Microsoft Office Excel 2 กราฟฟคิ การทำ E-book 2 10 4 20 3 การออกแบบการทำ E-book 4 20 4 การทำ E-bookด้วยโปรแกรมประยกุ ต์ 70 10 คะแนนระหว่างเรยี น คะแนนหน่วยการเรียนรู้ 20 20 100 สอบระหวา่ งภาค คะแนนปลายภาค สอบปลายภาค รวมทง้ั สิ้นตลอดภาคเรียน

147 คำอธบิ ายรายวิชา ว 23101 วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ............................................................................................................................... ....................................... ศึกษา วิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน โวลต์มิเตอร์ แอมมิเตอร์ วงจรไฟฟ้าเม่ือต่อตัวต้านทานแบบอนุกรมและแบบขนาน ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า การ ทำงานของช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจร ค่าไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน การเลือกใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้า การเกิดและส่วนประกอบของคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสเปกตรัมคลื่น ประโยชน์และอันตรายจากคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า สมบัติของแสง การเคล่ือนที่ของแสง ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวกับแสง การเกิดภาพของทัศนอุปกรณ์ และเลนสต์ า ความสว่างของแสง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ แรงโน้มถ่วง การเกิดฤดู ปรากฏของ ดวงอาทิตย์ การเกิดข้างขึ้นข้างแรม การขึ้นและตกของดวงจันทร์ และการเกิดน้ำข้ึนน้ำลง โดยใช้กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล อธิบาย อภิปรายและสร้างแบบจำลอง เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสิน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีได้จากการสังเกต การทดลอง และใช้สารสนเทศท่ีได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เห็นคุณคา่ ของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และค่านิยมท่ี เหมาะสม วิเคราะห์สาเหตุ ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ ระบุปัญหาหรือความต้องการของท้องถ่ิน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล และแนวคิดที่เก่ียวข้องกับปัญหา ความถูกต้องด้านทรัพย์สินทางปัญญา ให้เหตุผลของปัญหาหรือข้อบกพร่อง ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไขและทรัพยากรท่ีมีอยู่ ใช้ความรู้ และทักษะ เก่ยี วกับวัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ที่ถกู ต้องกับลักษณะของงาน นำเสนอแนวทางการ แก้ปัญหาโดยใช้วิธีการท่ีหลากหลาย วางแผนกำหนดข้ันตอนการทำงาน และดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเป็น ขน้ั ตอน ทดสอบ ประเมินผล กำหนดแนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอผลการแกป้ ญั หาหรือพฒั นางาน รหสั ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ว 2.3 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/10 ม.3/11 ม.3/12 ม.3/13 ม.3/14 ม.3/15 ม.3/16 ม.3/17 ม.3/18 ม.3/19 ม.3/20 ม.3/21 มาตรฐาน ว 3.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 วิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) มาตรฐาน ว 4.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 รวม 30 ตัวชว้ี ดั

148 คำอธบิ ายรายวชิ า 23101 วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ...................................................................................................................................... ................................ อธิบาย สำรวจ ปฏิสมั พันธ์ขององค์ประกอบของระบบนเิ วศ ความสัมพันธ์ระหวา่ งสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชวี ิต รูปแบบต่าง ๆ การถ่ายทอดพลังงานในสายใยอาหาร ความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเกิดจีโนไทป์และฟีโน ไทป์ของลูก ความแตกต่างของการแบ่งเซลล์ของส่ิงมีชีวิต การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซม โรคทาง พนั ธกุ รรม การใช้ประโยชนจ์ ากส่ิงมีชวี ิตดัดแปรพนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางชีวภาพ วัสดุประเภทพอลเิ มอร์ เซรามิกส์ และวัสดุผสม การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี กฎทรงมวล ปฏิกิรยิ าดูดความรอ้ น และปฏกิ ิริยาคายความรอ้ น การ เปลีย่ นแปลงพลังงานความร้อนของปฏกิ ิริยาเคมี การเกิด ฝนกรด การสังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล อธิบาย อภิปราย และสร้างแบบจำลอง เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารสิ่งท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถใน การตัดสิน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้จากการสังเกต การทดลอง และใช้สารสนเทศท่ีได้จากแหล่งข้อมูล ต่างๆ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และ คา่ นยิ มทีเ่ หมาะสม รวบรวมข้อมูล ประมวลผล ประเมินผล นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ พัฒนาแอป พลิเคชันที่บูรณาการกับวิชาอ่ืนอย่างสร้างสรรค์ ใชซ้ อฟต์แวร์หรือบรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ตท่ีหลากหลาย และการใช้ งานอย่างรู้เท่าทัน การประเมินความน่าเช่ือถอื ของข้อมูล วิเคราะห์สือ่ และผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิด ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีความรบั ผิดชอบต่อสังคม ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ ใชล้ ขิ สทิ ธ์ิของผ้อู น่ื โดยชอบธรรม รหสั ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ว1.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 มาตรฐาน ว1.3 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/10 ม.3/11 มาตรฐาน ว2.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 วิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) มาตรฐาน ว4.2 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 รวม 29 ตัวช้ีวดั

149 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลางและสาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ เปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปญั หาสิ่งแวดล้อม รวมทัง้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ช้นั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถ่นิ ม.3 ว 1.1 ม3/1อธบิ ายปฏสิ ัมพันธ์ - ระบบนิเวศประกอบด้วยองค์ประกอบที่มีชีวิต สวน ขององคป์ ระกอบของระบบ เช่น พืช สัตว์ จุลินทรีย์ และองค์ประกอบท่ีไม่มี พฤกษศาสตร์ นิเวศทไ่ี ดจ้ ากการสำรวจ ชีวิต เช่น แสง น้ำ อุณ ห ภูมิ แร่ธาตุ แก๊ส สวนป่า ในโรงเรยี น องค์ประกอบเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์กัน เช่น พืช และชมุ ชน ต้องการแสง น้ำ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ใน การสร้างอาหาร สัตว์ต้องการอาหาร และ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการดำรงชีวิต เช่น อุณหภูมิ ความช้ืน องค์ประกอบทั้งสองส่วนนี้ จะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างเหมาะสม ระบบ นเิ วศจึงจะสามารถคงอยูต่ อ่ ไปได้ ว 1.1 ม3/2 อธบิ ายรูปแบบ - สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตมีความสัมพันธ์กันใน ความ สัมพนั ธร์ ะหว่าง รปู แบบต่าง ๆ เชน่ ภาวะพง่ึ พากนั ภาวะองิ อาศัย ส่ิงมีชวี ิตกบั สงิ่ มชี วี ิตรปู แบบ ภาวะเหยื่อกับผู้ลา่ ภาวะปรสติ ตา่ ง ๆ ในแหลง่ ท่ีอย่เู ดยี วกนั - สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันท่ีอาศัยอยู่ร่วมกันในแหล่ง ทไี่ ดจ้ ากการสำรวจ ที่อยู่เดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน เรียกว่า ประชากร - กลุ่มส่ิงมีชีวิตประกอบด้วยประชากรของ ส่ิงมีชีวิตหลาย ๆ ชนิด อาศัยอยู่ร่วมกันในแหล่ง ที่อยู่เดยี วกัน

150 ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถ่ิน ม.3 ว 1.1 ม3/3 สร้างแบบจำลอง - กลุ่มสงิ่ มีชีวิตในระบบนเิ วศแบ่งตามหน้าท่ไี ด้ ในการอธิบายการถ่ายทอด เป็น 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่ ผผู้ ลิต ผ้บู ริโภค และผู้ยอ่ ย พลงั งานในสายใยอาหาร สลายสารอนิ ทรีย์ สง่ิ มีชวี ิตทงั้ 3 กลุม่ น้ี มี ความสัมพนั ธ์กัน ผ้ผู ลิตเปน็ สิ่งมีชวี ิตที่สร้าง อาหารได้เอง โดยกระบวนการ ว 1.1 ม3/4 อธิบาย สงั เคราะหด์ ้วยแสง ผ้บู รโิ ภค เป็นส่งิ มีชีวติ ที่ไม่ ความสมั พันธ์ของผู้ผลิต สามารถสรา้ งอาหารไดเ้ อง และตอ้ งกินผผู้ ลติ ผู้บริโภค และผยู้ อ่ ยสลาย หรอื สง่ิ มชี ีวติ อ่ืนเปน็ อาหาร เมื่อผ้ผู ลิตและ สารอนิ ทรียใ์ นระบบนิเวศ ผู้บรโิ ภคตายลง จะถกู ย่อยโดยผ้ยู ่อยสลาย สารอินทรยี ซ์ ่ึงจะเปล่ยี นสารอินทรีย์เปน็ สารอนิ ว 1.1 ม3/5 อธิบายการสะสม นทรยี ก์ ลบั คืนสสู่ ง่ิ แวดลอ้ ม ทำให้เกิดการ - สารพิษในสิง่ มีชวี ติ ในโซ่ หมนุ เวยี นสารเปน็ วัฏจกั ร จำนวนผู้ผลิต ผบู้ รโิ ภค อาหาร และผู้ย่อยสลายสารอินทรยี ์ จะตอ้ งมคี วาม เหมาะสม จึงทำใหก้ ลุ่มส่ิงมชี ีวติ อยูไ่ ด้อย่างสมดุล - พลงั งานถกู ถ่ายทอดจากผู้ผลิตไปยังผู้บรโิ ภค ลำดบั ต่าง ๆ รวมทัง้ ผยู้ อ่ ยสลายสารอนิ ทรีย์ ใน รูปแบบสายใยอาหาร ท่ปี ระกอบด้วย โซ่อาหาร หลายโซท่ ่ีสมั พนั ธ์กนั ในการถ่ายทอดพลังงานใน โซอ่ าหาร พลังงานทีถ่ ูกถ่ายทอดไปจะลดลงเรอ่ื ย ว 1.1 ม3/6 ตระหนกั ถึง ๆ ตามลำดับของการบรโิ ภค ความสัมพนั ธ์ของสงิ่ มชี วี ิตและ - การถา่ ยทอดพลังงานในระบบนเิ วศ อาจทำให้ มี สิง่ แวดล้อมในระบบนิเวศ โดย สารพษิ สะสมอยใู่ นส่งิ มีชีวิตได้ จนอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ไมท่ ำลายสมดุลของระบบ อันตรายต่อสิ่งมชี ีวติ และทำลายสมดลุ ในระบบ นิเวศ นเิ วศ ดงั น้นั การดแู ลรักษาระบบนิเวศให้เกิด ความสมดลุ และคงอยตู่ ลอดไปจึงเป็นส่ิงสำคญั