Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี( ปรับปรุง63)

หลักสูตรวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี( ปรับปรุง63)

Published by เมตตา ชาญฉลาด, 2022-08-21 04:52:40

Description: หลักสูตรวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี( ปรับปรุง63)

Search

Read the Text Version

51 ชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่ิน ป.4 ว 4.2 ป 4/2 ออกแบบ - การออกแบบโปรแกรมอย่างงา่ ย เชน่ การ และเขยี นโปรแกรม ออกแบบโดยใช้ storyboard หรอื การ อยา่ งงา่ ย โดยใช้ ออกแบบอลั กอริทมึ ซอฟตแ์ วร์ หรอื สื่อ - การเขียนโปรแกรมเปน็ การสรา้ งลำดับของ และตรวจหา คำส่ัง ใหค้ อมพวิ เตอร์ทำงาน เพ่อื ให้ได้ ขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไข ผลลพั ธ์ตาม ความต้องการ หากมีข้อผดิ พลาด ให้ตรวจสอบ การทำงานทลี ะคำสง่ั เม่อื พบจุด ทที่ ำให้ผลลัพธ์ ไม่ถกู ต้อง ให้ทำการแกไ้ ข จนกวา่ จะไดผ้ ลลพั ธท์ ี่ถกู ต้อง - ตวั อยา่ งโปรแกรมที่มเี ร่อื งราว เชน่ นทิ านท่ี มี การตอบโต้กับผู้ใช้ การต์ ูนส้ัน เล่ากิจวตั ร ประจำวนั ภาพเคล่อื นไหว การฝกึ ตรวจหาข้อผดิ พลาดจากโปรแกรมของ ผู้อ่ืนจะช่วยพัฒนาทักษะการหาสำเหตขุ อง ปัญหาได้ดียง่ิ ขน้ึ -ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, logo ป.4 ว 4.2 ป 4/4 รวบรวม - การรวบรวมขอ้ มลู ทำได้โดยกำหนดหัวขอ้ ประเมนิ นำเสนอ ทตี่ ้องการ เตรียมอปุ กรณใ์ นการจดบนั ทกึ ข้อมลู และสารสนเทศ - การประมวลผลอยา่ งงา่ ย เชน่ เปรยี บเทียบ โดยใชซ้ อฟตแ์ วรท์ ่ี จัดกลมุ่ เรียงลำดบั การหาผลรวม หลากหลาย เพอื่ - วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือกทเี่ ป็นไปได้ แกป้ ญั หาใน ประเมินทางเลือก (เปรียบเทียบ ตดั สนิ ) ชีวติ ประจำวนั - การนำเสนอข้อมลู ทำไดห้ ลายลกั ษณะตาม ความเหมาะสม เช่น การบอกเล่า เอกสารรายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนำเสนอ - การใช้ซอฟต์แวร์เพ่ือแก้ปญั หาใน ชวี ติ ประจำวัน เชน่ การสำรวจเมนอู าหาร กลางวนั โดยใช้ซอฟตแ์ วรส์ รา้ งแบบสอบถาม และเก็บขอ้ มูล ใชซ้ อฟตแ์ วร์ตารางทำงานเพ่ือ ประมวลผลข้อมลู รวบรวมข้อมูลเกย่ี วกับ

52 ช้ัน ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่นิ คุณค่าทางโภชนาการและสรา้ งรายการอาหาร สำหรบั 5 วนั ใชซ้ อฟต์แวร์นำเสนอผลการ สำรวจ รายการอาหารทีเ่ ป็นทางเลอื ก และ ข้อมูลดา้ นโภชนาการ ว 4.2 ป 4/5 ใช้ - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั เทคโนโลยีสารสนเทศ เข้าใจสิทธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิ อยา่ งปลอดภัย เข้าใจ ของผู้อ่นื เช่น ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งให้ สทิ ธิและหนา้ ท่ขี องตน ผอู้ ่นื ไมส่ รา้ ง ความเดอื ดร้อนต่อผ้อู ืน่ โดยการ เคารพในสิทธิของผู้อืน่ ส่งสแปม ขอ้ ความลูกโซ่ สง่ ต่อโพสต์ที่มีขอ้ มลู แจ้งผู้เก่ียวข้องเม่ือพบ ส่วนตวั ของผู้อ่ืน ส่งคำเชญิ เล่นเกม ไมเ่ ขา้ ถงึ ขอ้ มูล หรอื บุคคลที่ไม่ ข้อมูลสว่ นตัวหรอื การบ้านของบุคคลอนื่ โดย เหมาะสม ไมไ่ ด้รบั อนุญาต ไม่ใชเ้ ครอ่ื งคอมพิวเตอร/์ ช่อื บญั ชขี องผู้อ่ืน - การส่อื สารอย่างมีมารยาทและรูก้ าลเทศะ - การปกป้องข้อมูลส่วนตัว เชน่ การออกจาก ระบบเมื่อเลกิ ใชง้ าน ไม่บอกรหสั ผา่ น ไม่บอก เลขประจำตัวประชำชน

53 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 รหสั วชิ า ว14101 เวลา 80 ช่ัวโมง / ปี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ เนอ้ื หา จำนวน น้ำหนกั ตัวช้ีวัด (ช่วั โมง) คะแนน 1. ส่วนต่างๆของพชื ว.1.2 ป.4/1 -หนา้ ท่ีของราก ลำตน้ ใบ และดอกของพชื ดอก 7 5 2. พชื และสัตว์ ว.1.3 ป.4/1, -ความเหมือนและความต่างของสิ่งมชี วี ิต 18 12 ว.1.3 ป.4/2, -พืชดอก พืชไม่มดี อก 18 12 3. สมบตั ิทาง ว.1.3 ป.4/3, -สัตว์มกี ระดูก สตั ว์ไมม่ ีกระดูก 15 8 กายภาพ ว.1.3 ป4/4 -สตั วม์ ีกระดกู สันหลงั 75 ว.2.1 ป.4/1, -สมบัตทิ างกายภาพของวสั ดุ 15 8 4. แรงโนม้ ถว่ งของ ว.2.1 ป.4/2, -การนำวสั ดไุ ปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน โลก ว.2.1 ป.4/3, -สถานะของสาร 5. ตัวกลางของแสง ว.2.1 ป4/4 การใชเ้ ครื่องมือวดั มวล ปรมิ าตร ว.2.2 ป.4/1, -แรงโน้มถ่วง 6. ดวงจนั ทร์และ ว.2.2 ป.4/2, -เครือ่ งชัง่ สปรงิ ระบบสุริยะ ป4/3 -ผลการเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ ว.2.3 ป.4/1 -ตัวกลางโปร่งใส -ตวั กลางโปรง่ แสง ว 3.1 ป4/1, -วตั ถุทบึ แสง ว 3.1 ป4/2, -การข้ึนและการตกของดวงจันทร์ ว 3.1 ป4/3 -การเปล่ยี นแปลงรกู รา่ งของดวงจันทร์ -พยากรณร์ ปู ร่างปรากฏของดวงจันทร์ -ระบบสรุ ิยะ

54 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอื้ หา จำนวน น้ำหนัก ตัวชว้ี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน 7. วิทยาการคำนวณ ว 4.2 ป4/1, -ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย 40 10 ว 4.2 ป4/2, -การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกปัญหา 120 60 60 ว 4.2 ป4/3, และการทำงาน ตรวจหาข้อผิดพลาด 10 30 ว 4.2 ป4/4, -ใช้อินเทอร์เนต็ ในการหาขอ้ มูล 100 ว 4.2 ป4/5 -นำเสนอข้อมลู โดยใชซ้ อฟแวร์ -ใช้เทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภยั -สิทธิหน้าที่ของตน และผู้อ่ืน รวม 21 คะแนนระหวา่ งเรยี น คะแนนสอบกลางปี คะแนนสอบปลายปี รวมคะแนนทั้งปี

55 คำอธิบายรายวิชา ว 15101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 5 เวลา 80 ช่ัวโมง ศึกษา วิเคราะห์ โครงสร้างและลักษณะของส่ิงมีชีวิต การดำรงชีวติ ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชวี ิตกับการ ดำรงชีวิต การปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในแต่ละแหล่งท่ีอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต และ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต โซ่อาหาร หน้าที่ของส่ิงมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภค คุณค่า ของส่ิงแวดล้อมที่มีต่อการดำรงชีวิต การดูแลรักษาส่ิงแวดล้อม ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมีการถ่ายทอดจากพ่อ แม่ส่ลู ูก ลกั ษณะทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั ของตนเองกับพ่อแม่ การเปลีย่ นสถานะของสสาร การละลายของสารในน้ำ การเปลย่ี นแปลงของสารเม่ือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลย่ี นแปลงที่ผันกลับได้และการเปล่ยี นแปลงที่ ผันกลับไม่ได้ แรงท่ีกระทำต่อวัตถุ แรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกัน การใช้เครื่องชั่งสปริงวัดแรงที่ กระทำต่อวัตถุ แรงเสียดทาน แรงเสียดทานและแรงท่ีกระทำตอ่ วัตถุในแนวเดยี วกัน เสียงและการได้ยินเสียง การเกดิ เสียงสูง เสียงตำ่ เสียงคอ่ ย การวัดระดับเสียงโดยใช้เครอ่ื งมือวัดระดับเสียง การหลกี เลีย่ งและลดมลพิษ ทางเสียง ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาว ตำแหน่งและเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี ปริมาณน้ำในแต่ละแหล่งน้ำ คุณค่าของ น้ำ การใช้น้ำอย่างประหยัดและการอนุรักษ์น้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง และน้ำค้าง แข็ง การเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจ ตรวจสอบ การสบื คน้ ขอ้ มลู การเปรยี บเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ การอธบิ าย อภปิ ราย และ การสรา้ งแบบจำลอง เพื่อให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มคี วามสามารถใน การตดั สนิ ใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจำวนั มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา การทำงาน การคาดการณผ์ ลลพั ธจ์ ากปัญหาอย่างง่าย การออกแบบ อธิบาย และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือส่ือ และตรวจหาขอ้ ผิดพลาดและ แก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล รวบรวม นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศโดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือบริการบนอินเตอร์เน็ต เพื่อแก้ปัญหาใน ชวี ิตประจำวัน ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั มมี ารยาท เข้าใจสทิ ธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิ ของผู้อนื่ แจ้งผเู้ กีย่ วข้องเมื่อพบขอ้ มูลหรือบุคคลที่ไมเ่ หมาะสม รหัสตัวช้ีวัด ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 มาตรฐาน ว 1.1 ป.5/1, ป.5/2 มาตรฐาน ว 1.3 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 มาตรฐาน ว 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 มาตรฐาน ว 2.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ป.5/4 มาตรฐาน ว 2.3

56 มาตรฐาน ว 3.1 ป.5/1, ป.5/2 มาตรฐาน ว 3.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) มาตรฐาน ว 4.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 รวม 32 ตัวชว้ี ดั

57 ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลางและสาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธร์ ะหว่างสิ่งไม่มชี ีวติ กบั สง่ิ มีชีวติ และ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปญั หาส่งิ แวดล้อมรวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่ิน ป.5 ว 1.1 ป 5/1 บรรยาย - ส่ิงมชี วี ติ ทงั้ พชื และสตั วม์ โี ครงสรา้ ง - โครงสรา้ งและลกั ษณะของ และลกั ษณะ ท่ีเหมาะสมในแตล่ ะแหล่ง สิง่ มชี วี ติ ทเี่ หมาะสมกับการ ทีอ่ ยู่ ซึง่ เป็นผลมาจาก การปรับตวั ของ ดำรงชวี ิตซ่งึ เป็นผลมาจากการ สิ่งมีชวี ิต เพื่อให้ดำรงชวี ติ และอยรู่ อดได้ ปรับตัวของสงิ่ มีชีวติ ในแตล่ ะ ในแต่ละแหล่งทอ่ี ยู่ เช่น ผกั ตบชวามีชอ่ ง แหล่งที่อยู่ อากาศในก้านใบ ชว่ ยให้ลอยน้ำได้ ตน้ โกงกางที่ขนึ้ อยู่ใน ป่าชายเลนมีรากค้ำ จนุ ทำให้ลำต้นไมล่ ม้ ปลามีครีบชว่ ยใน การเคลอ่ื นท่ใี นน้ำ ว 1.1 ป 5/2 อธิบาย - ในแหล่งทีอ่ ยหู่ น่งึ ๆ ส่ิงมีชีวิตจะมี - สิ่งมีชีวิตที่พบใน ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสง่ิ มีชีวิต ความสัมพนั ธ์ ซง่ึ กนั และกนั และสมั พนั ธ์ โรงเรยี น และ กบั ส่งิ มีชวี ิต และความสัมพันธ์ กบั สง่ิ ไม่มีชวี ติ เพือ่ ประโยชนต์ อ่ การ บรเิ วณต่าง ๆ เช่น ระหว่างสง่ิ มชี ีวติ กบั ดำรงชวี ติ เชน่ ความสัมพนั ธ์กนั ดา้ น ป่าชายเลน เป็นต้น ว 1.1 ป 5/3 เขยี นโซ่อาหาร การกนิ กันเป็นอาหาร เป็นแหล่งท่ีอยู่ และระบุบทบาทหน้าทขี่ อง อาศัย หลบภยั และเลยี้ งดูลูกอ่อน ใช้ สิ่งมีชวี ิตทเี่ ป็นผผู้ ลิตและ อากาศในการหายใจ ผู้บรโิ ภคในโซอ่ าหาร - ส่งิ มีชีวติ มกี ารกินกันเปน็ อาหารโดยกิน ว 1.1 ป 5/4 ตระหนกั ในคุณค่า ตอ่ กัน เปน็ ทอด ๆ ในรปู แบบของโซ่ ของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อ การ อาหารทำใหส้ ามารถระบบุ ทบาทหน้าท่ี ดำรงชวี ติ ของสิง่ มชี วี ิต โดยมี ของสิง่ มชี วี ติ เปน็ ผู้ผลิตและผู้บรโิ ภค ส่วนร่วม ในการดแู ลรกั ษา ส่ิงแวดลอ้ ม

58 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสิง่ มีชวี ิต หน่วยพื้นฐานของสิง่ มชี ีวติ การลำเลยี งสารผ่านเซลล์ ความสมั พันธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ทข่ี องระบบต่าง ๆ ของสตั ว์และมนุษย์ทีท่ ำงานสัมพนั ธ์ กนั ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าทีข่ องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชทท่ี ำงานสมั พนั ธก์ นั รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ชัน้ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถนิ่ -- -- สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม สารพันธกุ รรม การเปล่ียนแปลงทางพนั ธุกรรมทมี่ ีผลตอ่ ส่ิงมชี ีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและ ววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี ีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชนั้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่นิ ป.5 ว 1.2 ป 5/1 อธบิ าย - ส่งิ มีชีวิตท้งั พืช สตั ว์ และมนษุ ย์ เมื่อโตเต็มทจี่ ะมี ศึกษาลักษณะ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมที่ การสบื พนั ธเุ์ พ่ือเพม่ิ จำนวนและดำรงพนั ธุ์ โดยลกู ท่ี การถ่ายทอด มกี ารถ่ายทอดจากพอ่ แม่ เกิดมาจะไดร้ บั การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ทางพนั ธกุ รรม สลู่ กู ของพชื สตั ว์ และ จากพ่อแม่ทำให้มีลักษณะทางพันธกุ รรมท่เี ฉพาะ ของตนเองและ มนุษย์ แตกต่างจากสง่ิ มีชวี ติ ชนิดอ่นื ครอบครัว ว 1.2 ป 5/2 แสดงความ - พืชมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม เชน่ - อยากรู้อยากเห็นโดยการ ลักษณะของใบ สดี อก ถามคำถามเกี่ยวกับ - สัตว์มกี ารถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม เช่น สี ลกั ษณะที่คล้ายคลงึ กัน ขน ลกั ษณะของขน ลักษณะของหู ของตนเองกบั พ่อแม่ - มนุษย์มกี ารถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม เช่น เชงิ ผมท่หี นา้ ผาก ลกั ย้มิ ลกั ษณะหนังตำ การห่อ ล้ิน ลกั ษณะของต่ิงหู

59 สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ องสสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะ ของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ชัน้ ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถน่ิ ป.5 ว 2.1 ป 5/1 อธิบายการเปลี่ยน - การเปลยี่ นสถานะของสสารเป็นการ - สถานะของสสาร เมื่อทำให้ เปล่ียนแปลงทางกายภาพ เมื่อเพ่ิมความร้อน สสารร้อนขึ้นหรอื เยน็ ลง โดยใช้ ใหก้ บั สสารถงึ ระดับหนงึ่ จะทำให้สสารท่ีเป็น หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ของแขง็ เปลย่ี นสถานะเป็นของเหลว เรียกวา่ การหลอมเหลว และเม่ือเพ่ิม ความรอ้ นต่อไป จนถงึ อีกระดับหน่ึงของเหลวจะเปลยี่ นเป็นแก๊ส เรยี กวา่ การกลายเปน็ ไอ แตเ่ มื่อลดความร้อนลง ถึงระดบั หนึง่ แกส๊ จะเปลีย่ นสถานะเป็นของเหลว เรียกวา่ การควบแนน่ และถา้ ลดความรอ้ นต่อไป อกี จนถึงระดบั หน่ึงของเหลวจะเปลยี่ นสถานะ เป็นของแข็ง เรยี กว่า การแข็งตวั สสารบางชนดิ สามารถเปล่ยี นสถานะจากของแขง็ เปน็ แกส๊ โดย ไม่ผา่ นการเปน็ ของเหลว เรยี กวา่ การระเหดิ ส่วนแกส๊ บางชนดิ สามารถเปลี่ยนสถานะเป็น ของแข็งโดยไมผ่ า่ น การเป็นของเหลว เรียกว่า การะเหิดกลบั ป.5 ว 2.1 ป 5/2อธิบายการละลาย - เมอ่ื ใส่สารลงในนำ้ แลว้ สารนั้นรวมเปน็ เน้ือ ของสารในน้ำ โดยใช้หลักฐาน เดียวกันกับนำ้ ทวั่ ทุกสว่ น แสดงว่าสารเกิดการ เชงิ ประจักษ์ ละลาย เรยี กสารผสมท่ไี ดว้ า่ สารละลาย ว 2.1 ป 5/3วเิ คราะหก์ าร - เมื่อผสมสาร 2 ชนดิ ขนึ้ ไปแล้วมีสารใหม่เกิดข้ึน เปลย่ี นแปลงของ เมื่อเกดิ การ ซึ่งมสี มบตั ิจากสารเดิม หรอื เม่อื สารชนิดเดยี ว เปลย่ี นแปลงทางเคมี โดยใช้ เกดิ การเปล่ียนแปลงแล้วมสี ารใหมเ่ กิดขึ้น การ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ เปล่ยี นแปลงนเี้ รียกวา่ การเปลยี่ นแปลงทางเคมี ซงึ่ สงั เกตได้จากมีสี หรอื กล่นิ ต่างจากสารเดมิ หรอื มฟี องแกส๊ หรอื มีตะกอนเกิดขน้ึ หรอื มีการ เพมิ่ ขนึ้ หรือลดลงของอุณหภูมิ ว 2.1 ป 5/4 วิเคราะหแ์ ละระบุ เมื่อสารเกิดการเปล่ียนแปลงแล้ว สารามารถ

60 ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถิ่น การเปล่ียนแปลงทีผ่ นั กลับได้ เปล่ียนกลบั เป็นสารเดิมได้ เปน็ การปลี่ยนแปลงท่ี และการเปลย่ี นแปลงท่ผี ันกลับ ผนั กลับได้ เชน่ การหลอมเหลว การกลายเปน็ ไอ ไม่ได้ การละลาย แตส่ ารบางอยา่ งเกดิ การเปลีย่ นแปลง แลว้ ไม่สามารถเปลีย่ นกลบั เป็นสารเดมิ ได้ เป็น การเปลยี่ นแปลงทผี่ ันกลับไม่ได้ เช่น การเผาไหม้ การเกิดสนิม

61 สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ติ ประจำวนั ผลของแรงท่ีกระทำต่อวตั ถุ ลักษณะการเคล่ือนที่ แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชั้น ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถิ่น ป.5 ว 2.2 ป 5/1อธิบายวธิ กี ารหา - แรงลัพธเ์ ปน็ ผลรวมของแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุ โดย แรงลัพธข์ องแรงหลายแรงใน แรงลพั ธ์ของแรง 2 แรงทก่ี ระทำตอ่ วัตถุเดียวกันจะ แนวเดยี วกันที่กระทำต่อวัตถใุ น มีขนาดเท่ากบั ผลรวมของแรงท้งั สองเมือ่ แรงทง้ั กรณีทีว่ ตั ถุอยนู่ งิ่ จากหลกั ฐาน สอง อยู่ในแนวเดียวกนั และมีทศิ ทางเดียวกัน แต่ เชิงประจักษ์ จะมขี นาดเทา่ กับผลต่างของแรงทั้งสองเมอื่ แรงทงั้ ว 2.2 ป 5/2 เขยี นแผนภาพ สอง อยู่ในแนวเดยี วกนั แต่มีทิศทางตรงขา้ มกัน แสดงแรงท่ีกระทำตอ่ วตั ถุท่ีอยู่ สำหรบั วัตถุที่อยนู่ ิง่ แรงลัพธ์ทกี่ ระทำต่อวตั ถุมีคา่ ในแนวเดียวกนั และแรงลพั ธ์ที่ เป็นศูนย์ กระทำต่อวัตถุ - การเขียนแผนภาพของแรงทกี่ ระทำต่อวัตถุ ว 2.2 ป 5/3 ใช้เครื่องชงั่ สปรงิ สามารถเขียนได้โดยใชล้ ูกศร โดยหัวลกู ศรแสดง ในการวดั แรงที่กระทำต่อวัตถุ ทิศทางของแรง และความยาวของลกู ศรแสดง ขนาดของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ว 2.2 ป 5/4 ระบุผลของแรง - แรงเสียดทานเปน็ แรงทเ่ี กิดขึน้ ระหวา่ งผวิ สมั ผสั เสยี ดทานท่ีมีต่อ การ ของวตั ถุ เพื่อต้านการเคลื่อนทีข่ องวตั ถุนัน้ โดยถ้า เปลย่ี นแปลงการเคล่ือนที่ของ ออกแรงกระทำต่อวัตถุทอ่ี ย่นู ่ิงบนพนื้ ผวิ หนึ่งให้ วตั ถจุ ากหลักฐานเชิงประจักษ์ เคลอื่ นท่ี แรงเสยี ดทานจากพื้นผวิ น้ันกจ็ ะตา้ นการ ว 2.2 ป 5/5 เขียนแผนภาพ เคล่ือนท่ีของวตั ถุ แต่ถ้าวตั ถุกำลงั เคลือ่ นท่ี แรง แสดงแรงเสยี ดทานและแรง ท่ี เสียดทานกจ็ ะทำใหว้ ัตถุนัน้ เคลื่อนท่ีชา้ ลง หรือ อยู่ในแนวเดยี วกนั ทกี่ ระทำต่อ หยดุ น่ิง วัตถุ

62 สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจำวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ที่ เกี่ยวขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทัง้ นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ช้นั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่ิน ป.5 ว 2.3 ป 5/1 อธิบายการไดย้ ิน - การได้ยินเสยี งนนั้ ตอ้ งอาศัยตวั กลางโดย - เสียงผ่านตัวกลาง จากหลกั ฐาน อาจเป็นของแข็ง ของเหลว หรืออากาศ เสียง เชงิ ประจักษ์ จะสง่ ผา่ นตัวกลางมายังหู ว 2.3 ป 5/2 ระบตุ ัวแปร - เสยี งทไี่ ดย้ นิ มีระดับสูงตำ่ ของเสยี งตา่ งกัน - ทดลองและอธบิ าย ลกั ษณะ ข้นึ กบั ความถี่ของการสนั่ ของแหลง่ กำเนดิ และการเกดิ เสียงสูง เสียงตำ่ เสยี ง โดยเม่อื แหล่งกำเนิดเสียงส่นั ดว้ ยความถ่ี ว 2.3 ป 5/3 ออกแบบกำรทดล ต่ำจะเกิดเสียงต่ำ แตถ่ ้าสัน่ ดว้ ยความถีส่ ูงจะ องและอธบิ าย ลกั ษณะและการ เกดิ เสยี งสงู สว่ นเสียงดงั คอ่ ยทีไ่ ดย้ ินขนึ้ กบั เกิดเสียงดงั เสยี งค่อย พลงั งานการส่ันของแหล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อ ว 2.3 ป 5/4 วัดระดับเสยี งโดย แหล่งกำเนิดเสยี งสัน่ พลังงานมากจะเกดิ เสียง ใช้เคร่ืองมือวัดระดบั เสียง ดงั แต่ถ้าแหล่งกำเนดิ เสยี งสั่นด้วยพลังงาน ว 2.3 ป 5/5 ตระหนักในคุณคา่ นอ้ ยจะเกดิ เสียงค่อย ของความรเู้ รือ่ งระดับเสียงโดย - เสียงดงั มาก ๆ เป็นอนั ตรายตอ่ การได้ยนิ เสนอแนะแนวทางในการ และเสยี งท่ีก่อให้เกิดความรำคาญเป็นมลพษิ หลกี เลี่ยงและลดมลพษิ ทาง ทางเสียง เดซิเบลเป็นหน่วยท่ีบอกถงึ ความดัง เสยี ง ของเสยี ง ว 3.2 ป 5/2ตระหนักถึงคุณค่า - นำ้ จืดทีม่ นุษย์นำมาใช้ไดม้ ีปรมิ าณน้อยมาก แหล่งนำ้ ในชุมชน ของน้ำโดยนำเสนอแนวทาง จงึ ควรใช้นำ้ อย่างประหยดั และร่วมกันอนุรักษ์ การใชน้ ้ำอยา่ งประหยัดและ น้ำ การอนรุ ักษน์ ้ำ ว 3.2 ป 5/3 สร้างแบบจำลอง - วัฏจักรนำ้ เปน็ การหมุนเวียนของน้ำที่มี ทอ่ี ธบิ ายการหมุนเวียน แบบรปู ซำ้ เดมิ และต่อเน่ืองระหว่างนำ้ ใน

ของน้ำในวฏั จักรน้ำ 63 บรรยากาศ น้ำผิวดิน และน้ำใตด้ นิ โดย พฤติกรรมการดำรงชีวติ ของพืชและสัตว์สง่ ผล ต่อวฏั จกั รนำ้ สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซดี าวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมท้ังปฏิสัมพนั ธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะทีส่ ง่ ผลต่อสิง่ มีชีวิตและการประยกุ ตใ์ ช้ เทคโนโลยีอวกาศ ช้ัน ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่ิน ป.5 ว 3.1 ป 5/1 เปรยี บเทยี บ - ดาวที่มองเห็นบนท้องฟ้าอยู่ในอวกาศซึง่ - ความแตกตา่ งของดาว เป็นบริเวณทอ่ี ยนู่ อกบรรยากาศของโลกมี เคราะหแ์ ละดาวฤกษจ์ าก ท้ังดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์เปน็ แบบจำลอง แหล่งกำเนิดแสงจึงสามารถมองเห็นได้ ส่วน ดาวเคราะห์ ไมใ่ ช่แหลง่ กำเนิดแสง แต่ สามารถมองเห็นได้เนื่องจากแสงจากดวง อาทิตยต์ กกระทบดาวเคราะห์แลว้ สะทอ้ น เข้าส่ตู ำ ว 3.1 ป 5/2 ใช้แผนท่ีดาว - การมองเหน็ กลุม่ ดาวฤกษม์ ีรูปรา่ งตา่ ง ๆ - ระบุตำแหน่งและเส้นทาง เกิดจากจินตนาการของผสู้ งั เกต กลมุ่ ดาว การขึ้นและตกของกลมุ่ ฤกษต์ ่าง ๆ ท่ปี รากฏในท้องฟ้าแตล่ ะกลุ่มมี ดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟา้ และ ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงเรยี งกนั ที่ตำแหนง่ คงท่ี อธบิ ายแบบรปู เสน้ ทาง และมเี สน้ ทางการขึน้ และตกตามเส้นทาง การขึน้ และตก ของกลุ่ม เดิมทุกคืน ซง่ึ จะปรากฏตำแหน่งเดมิ การ ดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟ้าในรอบ สงั เกตตำแหนง่ และการขึ้นและตกของดาว ปี ฤกษ์และกลุ่มดาวฤกษ์สามารถทำไดโ้ ดยใช้ แผนท่ีดาว ซงึ่ ระบุมุมทิศและมมุ เงยท่ีกลุ่ม ดาวน้นั ปรากฏ ผูส้ ังเกตสามารถใช้มอื ในการ ประมาณคา่ ของมุมเงยเมือ่ สงั เกตดาวใน ท้องฟ้า

64 มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ เปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและ ภูมอิ ากาศโลกรวมทง้ั ผลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ และส่งิ แวดล้อม ชน้ั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถ่นิ ป.5 ว 3.2 ป 5/1 - โลกมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มซ่ึงอยู่ในแหล่งน้ำต่าง ๆ เปรียบเทียบปริมาณ ท่ีมีทั้งแหล่งน้ำผิวดิน เช่น ทะเล มหาสมุทร บึง น้ำในแต่ละแหล่ง และ แม่น้ำ และแหล่งน้ำใต้ดิน เช่น น้ำในดิน และน้ำ ระบปุ รมิ าณน้ำท่ี บาดาล น้ำทั้งหมดของโลกแบ่งเป็นน้ำเค็มประมาณ มนุษย์สามารถนำมาใช้ ร้อยละ ๙๗.๕ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรและแหล่งน้ำอ่ืน ๆ ประโยชน์ได้ จาก และท่ีเหลืออีกประมาณร้อยละ ๒.๕ เป็นน้ำจืด ถ้า ขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ เรียงลำดับปริมาณน้ำจืดจากมากไปน้อยจะอยู่ท่ี ธารน้ำแขง็ และพืดน้ำแข็ง นำ้ ใต้ดิน ชั้นดินเยือกแข็ง คงตัวและน้ำแข็งใต้ดิน ทะเลสาบ ความช้ืนในดิน ความช้ืนในบรรยากาศ บึง แม่น้ำ และน้ำใน ส่ิงมชี วี ิต ว 3.2 ป 5/2 ตระหนัก - น้ำจืดที่มนุษย์นำมาใช้ได้มีปริมาณน้อยมาก จึง ถึงคุณค่าของน้ำโดย ควรใช้น้ำอย่างประหยัดและร่วมกนั อนรุ กั ษน์ ้ำ นำเสนอแนวทาง การ ใชน้ ้ำอยา่ งประหยดั และการอนรุ ักษน์ ำ้ ว 3.2 ป 5/3 สร้าง - วัฏจกั รน้ำ เปน็ การหมนุ เวยี นของน้ำทมี่ แี บบรปู แบบจำลองท่ีอธบิ าย ซ้ำเดิม และต่อเน่ืองระหวา่ งนำ้ ในบรรยากาศ น้ำผิว การหมุนเวียน ของน้ำ ดนิ และนำ้ ใตด้ นิ โดยพฤตกิ รรมการดำรงชีวิตของ พืชและสตั วส์ ่งผลตอ่ วัฏจกั รน้ำ ในวัฏจักรน้ำ ว 3.2 ป 5/4 - ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองน้ำ เปรียบเทียบ เล็ก ๆ โดยมีละอองลอย เช่น เกลือ ฝุ่นละออง กระบวนการเกดิ เมฆ เกสรดอกไม้ เป็นอนุภาคแกนกลาง เม่ือละอองน้ำ หมอก นำ้ คา้ ง และ จำนวนมากเกาะกลุ่มรวมกันลอยอยู่สูงจากพ้ืนดิน นำ้ คา้ งแข็ง จาก มาก เรียกว่า เมฆ แต่ละอองน้ำท่ีเกาะกลุ่มรวมกัน แบบจำลอง อยู่ใกล้พ้ืนดิน เรียกว่า หมอก ส่วนไอน้ำท่ีควบแน่น เป็นละอองน้ำเกาะอยู่บนพื้นผิววัตถุใกล้พ้ืนดิน เรียกว่า น้ำค้าง ถ้ำอุณหภูมิ ใกล้พื้นดินต่ำกว่าจุด เยอื กแข็ง น้ำคา้ งก็จะกลายเป็นน้ำคา้ งแข็ง

65 ช้ัน ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ ป.5 ว 3.2 ป 5/5 - ฝน หมิ ะ ลกู เหบ็ เปน็ หยาดนำ้ ฟา้ ซึง่ เป็นน้ำทม่ี ี เปรียบเทยี บ สถานะตา่ ง ๆ ทต่ี กจากฟ้าถึงพ้นื ดนิ ฝน เกิดจาก กระบวนการเกดิ ฝน ละอองนำ้ ในเมฆที่รวมตวั กนั จนอากาศไมส่ ามารถ หิมะ และลูกเหบ็ จาก พยงุ ไว้ได้จงึ ตกลงมาหมิ ะเกิดจากไอนำ้ ในอากาศ ข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ระเหิดกลับเป็นผลึกนำ้ แขง็ รวมตวั กันจนมีน้ำหนัก มากขึ้นจนเกนิ กว่าอากาศจะพยุงไวจ้ ึงตกลงมา ลูกเห็บเกิดจากหยดนำ้ ท่ีเปลย่ี นสถานะเปน็ นำ้ แข็ง แล้วถูกพายุพัดวนซำ้ ไปซำ้ มาในเมฆฝนฟ้าคะนองที่ มีขนาดใหญ่และอยใู่ นระดับสูงจนเปน็ กอ้ นน้ำแขง็ ขนาดใหญ่ขึ้นแลว้ ตกลงมา สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพอ่ื การดำรงชีวติ ในสังคมท่ีมีการเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ สงั คม และสิ่งแวดล้อม ชั้น ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ -- - ทอ้ งถ่นิ - สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชวี ิตจริงอยา่ งเป็นขน้ั ตอนและเป็น ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมีจริยธรรม ชนั้ ตัวชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ ป.5 ว 4.2 ป 5/1 ใชเ้ หตผุ ลเชงิ - การใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือ - ตรรกะในการแก้ปญั หา เงอื่ นไขท่ีครอบคลุมทุกกรณีมาใชพ้ ิจารณา ในการ การอธิบายการทำงาน แกป้ ญั หา การอธิบายการทำงาน หรอื การ การคาดการณ์ผลลพั ธ์ คาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอย่างงา่ ย - สถานะเรม่ิ ตน้ ของการทำงานท่แี ตกต่างกนั จะให้ ผลลัพธท์ ่แี ตกตา่ งกัน - ตัวอยา่ งปญั หา เชน่ เกม Sudoku , โปรแกรม

66 ชั้น ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่นิ ทำนายตวั เลข, โปรแกรมสรา้ งรปู เรขาคณติ ตามค่า ขอ้ มูลเขา้ , การจัดลำดับการทำงานบ้านในช่วง วันหยดุ , จัดวางของในครวั ว 4.2 ป 5/2ออกแบบและ - การออกแบบโปรแกรมสามารถทำไดโ้ ดยเขยี น เปน็ เขยี นโปรแกรมท่ีมกี ารใช้ ข้อความ หรือผงั งาน เหตุผลเชงิ ตรรกะอย่างง่าย - การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มกี ารตรวจสอบ ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและ เง่ือนไขที่ครอบคลมุ ทุกกรณเี พ่ือให้ได้ผลลัพธ์ท่ี แก้ไข ถูกต้องตรงตามความต้องการ - หากมีขอ้ ผิดพลาดให้ตรวจสอบการทำงาน ทีละ คำส่งั เมอ่ื พบจดุ ท่ีทำให้ผลลพั ธไ์ ม่ถูกต้อง ให้ทำการ แกไ้ ขจนกว่าจะไดผ้ ลลัพธท์ ี่ถูกต้อง - การฝึกตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรมของผู้อน่ื จะชว่ ยพฒั นาทักษะการหาสาเหตขุ องปัญหาได้ดี ยิง่ ข้นึ - ตวั อย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมตรวจสอบเลขคู่ เลขค่ี โปรแกรมรับข้อมลู น้ำหนักหรอื ส่วนสงู แลว้ แสดงผลความสมสว่ นของร่างกาย, โปรแกรมส่งั ให้ ตัวละครทำตามเงื่อนไขที่กำหนด - ซอฟตแ์ วร์ท่ีใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, logo ป.5 ว 4.2 ป 5/3 ใช้ - การคน้ หาข้อมลู ในอินเทอรเ์ น็ต และการพจิ ารณา อินเทอรเ์ นต็ ค้นหาข้อมลู ผลการค้นหา ตดิ ต่อสอ่ื สารและทำงาน - การติดตอ่ ส่ือสารผา่ นอนิ เทอร์เน็ต เช่น อีเมล ร่วมกนั ประเมินความ บล็อก โปรแกรมสนทนา น่าเช่ือถอื ของข้อมลู - การเขียนจดหมาย (บูรณาการกับวิชาภาษาไทย) - การใชอ้ ินเทอร์เนต็ ในการติดตอ่ สือ่ สารและทำงาน ร่วมกนั เชน่ ใช้นัดหมายในการประชุมกลมุ่ ประชำ สมั พันธ์กจิ กรรมในห้องเรยี น การแลกเปล่ยี นความรู้ ความคดิ เห็นในการเรียน ภายใตก้ ารดแู ลของครู - การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มูล เช่น เปรียบเทยี บความสอดคล้อง สมบูรณข์ องข้อมลู จาก

67 ช้ัน ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่นิ หลายแหลง่ แหล่งต้นตอของขอ้ มูล ผูเ้ ขยี น วนั ที่ เผยแพรข่ ้อมลู - ข้อมลู ทดี่ ตี ้องมรี ายละเอียดครบทกุ ดา้ น เชน่ ข้อดี และข้อเสยี ประโยชนแ์ ละโทษ ว 4.2 ป 5/4 รวบรวม - การรวบรวมข้อมลู ประมวลผล สรา้ งทางเลือก ประเมิน นำเสนอ ขอ้ มูล ประเมนิ ผล จะทำให้ไดส้ ารสนเทศเพ่ือใช้ในการ และสารสนเทศ ตาม แกป้ ัญหาหรือการตัดสินใจได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ วัตถปุ ระสงค์โดยใช้ - การใชซ้ อฟต์แวร์หรอื บริการบนอนิ เทอร์เนต็ ที่ ซอฟต์แวรห์ รอื บรกิ ารบน หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้าง อินเทอรเ์ น็ตทห่ี ลากหลาย ทางเลอื ก ประเมินผล นำเสนอ จะชว่ ยให้การ เพื่อแกป้ ัญหาใน แกป้ ัญหาทำได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแมน่ ยำ ชีวติ ประจำวนั - ตัวอยา่ งปัญหา เชน่ ถ่ายภาพและสำรวจแผนท่ี ใน ทอ้ งถิ่นเพ่ือนำเสนอแนวทางในการจัดการพืน้ ท่ีว่าง ใหเ้ กิดประโยชน์ ทำแบบสำรวจความคดิ เหน็ ออนไลน์ และวเิ คราะห์ข้อมูล นำเสนอข้อมลู โดยการ ใช้ Blog หรือ web page ว 4.2 ป 5/5ใชเ้ ทคโนโลยี อันตรายจากการใช้งานและอาชญากรรม ทาง สารสนเทศอยา่ งปลอดภัย อนิ เทอรเ์ นต็ มมี ารยาท เข้าใจสิทธแิ ละ - มารยาทในการติดตอ่ ส่ือสารผา่ นอินเทอรเ์ นต็ หนา้ ทขี่ องตน เคารพใน (บูรณาการกับวิชาทเี่ ก่ยี วข้อง) สทิ ธิของผอู้ น่ื แจ้ง ผเู้ กีย่ วข้องเมอ่ื พบข้อมูล หรือบุคคลท่ีไม่เหมาะสม

68 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 รหัสวิชา ว15101 เวลา 80 ช่ัวโมง / ปี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนือ้ หา จำนวน น้ำหนกั ตัวชวี้ ัด (ชัว่ โมง) คะแนน 1. สิ่งมีชวี ติ และ ว 1.1 ป.5/1 -โครงสร้างและลักษณะของสง่ิ มชี วี ิต 11 5 สง่ิ ไม่มีชีวติ ว 1.1 ป.5/2 -ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่งิ มชี วี ติ กบั สิ่งมีชวี ติ / สิ่งไมม่ ีชวี ิต ว 1.1 ป.5/3 -โซอ่ าหาร ว 1.1 ป.5/4 -สิง่ แวดล้อมทีม่ ีผลต่อการดำรงชวี ิต 2. พนั ธกุ รรมของพืช ว 1.3 ป.5/1 -ลักษณะทางพนั ธกุ รรม 84 และสตั ว์ ว 1.3 ป 5/2 -ลกั ษณะที่คลา้ ยคลงึ กนั ของตนเองกบั พ่อแม่ 3. สถานะของสาร ว 2.1 ป.5/1 -การเปลี่ยนสถานะของสสาร 11 4 ว 2.1 ป.5/2 -การละลายของสารในนำ้ ว 2.1 ป.5/3 -การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ว 2.1 ป 5/4 -การเปลยี่ นแปลงท่ผี ันกลบั ได้/ผันกลบั ไม่ได้ 4. แรง ว 2.2 ป.5/1 -การหาแรงลพั ธ์ 15 10 5. เสยี ง ว 2.2 ป.5/2 -แรงท่กี ระทำต่อวัตถุที่อยใู่ นแนวเดียวกัน 11 6 6. ดาว ว 2.2 ป.5/3 -การวดั แรงทีก่ ระทำตอ่ วัตถุ 9 5 ว 2.2 ป.5/4 แรงเสียดทานท่ีมีต่อการเปล่ยี นแปลงการ เคลื่อนท่ีของวตั ถุ ว 2.2 ป.5/5 -แรงเสียดทานและแรงท่ีอยู่ในแนวเดยี วกนั ท่ี กระทำตอ่ วัตถุ ว 2.3 ป.5/1 -การไดย้ ินเสียงผา่ นตวั กลาง ว 2.3 ป 5/2 -ลักษณะและการเกิดเสยี งสูงเสยี งต่ำ ว 2.3 ป 5/3 -ลักษณะและการเกดิ เสยี งดงั เสยี งคอ่ ย ว 2.3 ป 5/4 -การใช้เครอ่ื งมือวัดระดบั เสยี ง ว 2.3 5/5 แนวทางในการหลีกเลีย่ งและลดมลพษิ ทางเสียง ว 3.1 ป.5/1 -ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์ ว 3.1 ป 5/2 -ตำแหนง่ และเสน้ ทางการข้ึนและตกของกล่มุ ดาวฤกษ์

69 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอ้ื หา จำนวน นำ้ หนกั 7. นำ้ และการเปลย่ี นแปลง ตัวชว้ี ดั (ชั่วโมง) คะแนน 8. วทิ ยาการคำนวณ ว 3.2 ป.5/1 -ปรมิ าณน้ำในแตล่ ะแหล่ง 15 10 รวม ว 3.2 ป.5/2 -คุณค่าของน้ำ/แนวทางการใช้น้ำ 40 16 อยา่ งประหยดั /การอนุรักษ์น้ำ 120 60 60 ว 3.2 ป.5/3 -การหมนุ เวยี นของนำ้ ในวฏั จกั รน้ำ 10 30 ว 3.2 ป.5/4 -กระบวนการเกิดเมฆ หมอก นำ้ ค้าง 100 และนำ้ คา้ งแขง็ ว 3.2 ป.5/5 -กระบวนการเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ ว 4.2 ป.4/1 -เหตุผลเชิงตรรกะ ว 4.2 ป.4/2 -เหตุผลเชงิ ตรรกะอยา่ งง่าย ว 4.2 ป4/3 -การใชอ้ นิ เตอร์เน็ต ว 4.2 ป4/4 -ขอ้ มูลและสารสนเทศตามวตั ถุประสงค์ ว 4.2 ป4/5 -เทคโนโลยีสารสนเทศ/สิทธแิ ละหน้าท่ีของตน และผู้อน่ื 32 คะแนนระหว่างเรยี น คะแนนสอบกลางปี คะแนนสอบปลายปี รวมคะแนนทงั้ ปี

70 คำอธิบายรายวชิ า ว 16101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เวลา 80 ช่ัวโมง ศกึ ษา วิเคราะห์ สารอาหาร ประโยชนข์ องสารอาหาร การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับ เพศและวัย และความปลอดภัยต่อสุขภาพ ระบบยอ่ ยอาหาร หน้าที่ของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร การย่อย อาหารและการดูดซึมสารอาหาร ความสำคัญของระบบยอ่ ยอาหาร การดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหาร การแยกสารผสม การหยิบออก การรอ่ น การใชแ้ มเ่ หล็กดงึ ดดู การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน การแยกสารในชีวิตประจำวัน การเกิดแรงไฟฟ้าจากการขัดถูของวัตถุ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อวงจรไฟฟ้าอนุกรมและแบบขนาน การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและขนาน การเกิดเงามืด เงามัว สุริยุปราคา และจันทรุปราคา พัฒนาการของเทคโนโลยีอวกาศและการใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน การเกิด หินอัคนี หินตะกอน และหินแปร วัฏจักรหิน ประโยชน์ของหินและแร่ในชีวิตประจำวัน การเกิดซากดึกดำ บรรพ์ สภาพแวดล้อมในอดตี การเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสมุ ผลของมรสุมต่อการเกดิ ฤดูของประเทศไทย ลักษณะและผลกระทบของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม สึนามิ แผ่นดินไหว ผลกระทบของภัย ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย การปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ การเกิดแก๊สเรือนกระจก ปรากฏการณ์เรือนกระจก ผลกระทบจากปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใน การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ การอธิบาย อภิปราย และการสร้างแบบจำลอง เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจสามารถ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์มี จริยธรรม คณุ ธรรมและค่านิยมท่เี หมาะสม ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา การทำงาน การคาดการณผ์ ลลพั ธ์ จากปญั หาอย่างง่าย ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใชซ้ อฟต์แวร์ หรอื สื่อ และตรวจหาข้อผดิ พลาดและแกไ้ ข ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตค้นหาความรู้ รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ โดยใชซ้ อฟตแ์ วรท์ ี่หลากหลาย เพอ่ื แกป้ ญั หาในชีวติ ประจำวัน ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั เข้าใจสิทธิและหนา้ ที่ของตน เคารพใน สทิ ธขิ องผ้อู นื่ รหสั ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5 มาตรฐาน ว 2.1 ป.6/1 มาตรฐาน ว 2.2 ป.6/1 มาตรฐาน ว 2.3 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป.6/5 , ป.6/6 , ป.6/7 , ป.6/8 มาตรฐาน ว 3.1 ป.6/1 , ป.6/2 มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป’6/5 , ป.6/6 , ป.6/7 , ป.6/8 , ป.6/9 วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) มาตรฐาน ว 4.2 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3, ป.6/4 รวม 30 ตัวชวี้ ัด

71 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลางและสาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธ์ระหว่างสง่ิ ไม่มีชวี ิตกับส่งิ มีชีวติ และ ความสัมพันธ์ระหว่างสงิ่ มชี ีวิตกับสง่ิ มีชวี ิตตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลงั งาน การ เปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปญั หาและผลกระทบที่มีต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปญั หาสงิ่ แวดล้อมรวมทั้งนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ชัน้ ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ -- -- สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของส่ิงมชี วี ติ หน่วยพ้นื ฐานของสิ่งมีชวี ติ การลาเลียงสารผ่านเซลล์ความสมั พนั ธ์ ของโครงสรา้ ง และหน้าที่ของระบบตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ทีท่ ำงานสมั พนั ธ์กัน ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชทีท่ างานสัมพนั ธ์กันรวมทัง้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ช้นั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่ิน ป.6 ว 1.2 ป 6/1ระบุสารอาหาร - สารอาหารทอี่ ยใู่ นอาหารมี 6 ประเภท อาหารท่ีนักเรยี น และบอกประโยชนข์ อง ได้แก่ คารโ์ บไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ รับประทานท่ี สารอาหารแตล่ ะประเภท วติ ามินและนำ้ โรงเรยี น และ จากอาหารทต่ี นเอง - อาหารแตล่ ะชนดิ ประกอบด้วยสารอาหาร ที่ อาหารประเภท รบั ประทาน แตกตา่ งกัน อาหารบางอย่างประกอบด้วย ตา่ ง ๆ ในท้องถิ่น ว 1.2 ป 6/2บอกแนวทาง สารอาหารประเภทเดยี ว อาหารบางย่าง - ในการเลือกรบั ประทาน ประกอบดว้ ยสารอาหารมากกว่าหนงึ่ ประเภท - อาหารใหไ้ ดส้ ารอาหาร - สารอาหารแต่ละประเภทมีประโยชนต์ อ่ ครบถว้ นในสัดส่วนที่ ร่างกายแตกตา่ งกัน โดยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน เหมาะสมกับเพศและวยั และไขมนั เปน็ สารอาหารที่ให้พลงั งานแก่ รวมทง้ั ความปลอดภัยตอ่ ร่างกาย ส่วนเกลือแร่ วติ ามนิ และน้ำ เปน็ สขุ ภาพ สารอาหารทไี่ ม่ให้พลงั งานแก่รา่ งกาย แต่ช่วย ว 1.2 ป 6/3 ตระหนักถึง ให้ร่างกายทำงานไดเ้ ปน็ ปกติ – การ ความสำคญั ของสารอาหาร รับประทานอาหารเพ่อื ให้รา่ งกายเจริญ เติบโต โดยการเลอื กรับประทาน มกี ารเปล่ยี นแปลงของรา่ งกายตามเพศและวัย อาหารทีม่ สี ารอำหาร และ มีสขุ ภาพดี จำเป็นต้องรบั ประทานให้ได้

72 ช้นั ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่นิ ครบถว้ นในสัดสว่ นท่ี พลังงานเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เหมาะสมกับเพศและวยั และให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดสว่ นท่ี รวมทง้ั ปลอดภัยต่อสุขภาพ เหมาะสมกับเพศ และวยั รวมท้งั ตอ้ งคำนงึ ถงึ ชนดิ และปริมาณของวตั ถุ เจอื ปนในอาหารเพอ่ื ความปลอดภัยต่อสุขภาพ ป.6 ว 1.2 ป 6/4 สร้าง - ระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวยั วะต่าง ๆ - แบบจำลองระบบยอ่ ย ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร อาหาร และบรรยายหนา้ ที่ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตบั และตับ ของอวัยวะในระบบยอ่ ย ออ่ น ซึ่งทำหนา้ ทรี่ ว่ มกนั ในการยอ่ ยและดูดซมึ อาหาร รวมท้งั อธบิ ายการ สารอาหาร ยอ่ ยอาหารและการดดู ซึม - ปาก มฟี นั ช่วยบดเค้ยี วอำหารใหม้ ขี นาดเล็ก สารอาหาร ลงและมลี ้ินชว่ ยคลุกเคล้าอาหารกับน้ำลาย ใน นำ้ ลาย มเี อนไซม์ย่อยแปง้ ใหเ้ ปน็ น้ำตาล ว 1.2 ป 6/5 ตระหนักถึง – หลอดอาหาร ทำหน้าท่ลี ำเลียงอาหารจาก ความสำคัญของระบบย่อย ปาก ไปยังกระเพาะอาหาร ภายในกระเพาะ อาหาร โดยการบอก อาหารมีการยอ่ ยโปรตีนโดยกรดและเอนไซม์ท่ี แนวทางในการดูแลรกั ษา สร้างจากกระเพาะอาหาร อวยั วะในระบบย่อยอาหาร - ลำไสเ้ ลก็ มเี อนไซม์ทสี่ ร้างจากผนงั ลำไส้เลก็ ใหท้ ำงานเป็นปกติ เองและจากตับอ่อนท่ชี ว่ ยย่อยโปรตีน คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน โดยโปรตนี คาร์โบไฮเดรต และไขมนั ทผ่ี ่านการยอ่ ยจนเป็น สารอาหารขนาดเล็กพอทจ่ี ะ ดดู ซึมได้ รวมถงึ น้ำ เกลอื แร่ และวติ ามิน จะ ถูกดดู ซึม ทผี่ นงั ลำไส้เลก็ เขา้ สู่กระแสเลือด เพ่ือ ลำเลยี งไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย ซ่ึงโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน จะถกู นำไปใช้เป็น แหลง่ พลงั งานสำหรับใช้ในกจิ กรรมต่าง ๆ สว่ น น้ำ เกลือแร่ และวติ ามิน จะช่วยใหร้ า่ งกาย ทำงานได้เปน็ ปกติ - ตบั สร้างนำ้ ดีแล้วส่งมายงั ลำไส้เล็กช่วยให้ ไขมันแตกตัว - ลำไส้ใหญท่ ำหน้าทดี่ ูดน้ำและเกลือแร่เป็น

73 ช้นั ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่ิน บรเิ วณทมี่ อี าหารทย่ี ่อยไม่ได้ หรือยอ่ ย ไมห่ มด เปน็ กากอาหาร ซ่งึ จะถกู กำจัด ออกทางทวารหนกั - อวัยวะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหาร มคี วามสำคญั จงึ ควรปฏบิ ัติตน ดูแล รักษาอวัยวะให้ทำงานเป็นปกติ สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม สารพันธุกรรม การเปล่ยี นแปลงทางพนั ธุกรรมที่มผี ลต่อส่ิงมีชวี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพและ ววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี ีวิต รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชั้น ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถนิ่ -- -- สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ช้นั ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถิน่ ป.6 ว 2.1 ป 6/1อธบิ ายและ - สารผสมประกอบดว้ ยสารตั้งแต่ 2 ชนิดข้ึนไป เปรยี บเทยี บการแยกสาร ผสมกัน เช่น น้ำมนั ผสมนำ้ ข้าวสารปนกรวด ผสม โดยการหยบิ ออก การ ทราย วธิ ีการ ทีเ่ หมาะสมในการแยกสารผสม รอ่ น การใช้แมเ่ หล็กดึงดูด ขน้ึ อย่กู ับลกั ษณะและสมบตั ิของสารที่ผสมกันถ้า การรนิ ออก การกรอง และ องค์ประกอบของสารผสมเป็นของแข็งกับ การตกตะกอน โดยใช้ ของแข็งท่ีมีขนาดแตกต่างกนั อยา่ งชัดเจน อาจใช้ หลักฐานเชิงประจกั ษ์ วิธีการหยบิ ออกหรอื การรอ่ นผา่ นวัสดุ ทม่ี ีรู ถำ้ มี รวมทง้ั ระบวุ ิธีแก้ปญั หาใน สารใดสารหนงึ่ เป็นสารแมเ่ หล็กอาจใชว้ ธิ ี การใช้ ชีวิตประจำวันเก่ียวกับการ แมเ่ หล็กดึงดูด ถำ้ องค์ประกอบเป็นของแข็ง แยกสาร ทีไ่ มล่ ะลายในของเหลว อาจใช้วธิ กี ารรนิ ออก การกรอง หรอื การตกตะกอน ซึ่งวธิ ีการแยกสาร สามารถนำไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวนั ได้

74 สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวติ ประจำวัน ผลของแรงทกี่ ระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคล่อื นที่ แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชน้ั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถ่นิ ป.6 ว 2.2 ป 6/1 อธิบายการเกดิ - วตั ถุ 2 ชนิดทีผ่ ่านการขัดถูแลว้ เม่อื - และผลของแรงไฟฟา้ ซ่ึงเกดิ จาก นำเขา้ ใกล้กัน อาจดึงดูดหรือผลกั กัน แรง วตั ถทุ ี่ผ่านการขัดถูโดยใช้ ท่เี กิดขน้ึ นเ้ี ป็นแรงไฟฟ้า ซ่ึงเป็นแรงไม่ หลักฐานเชงิ ประจักษ์ สมั ผสั เกิดขึ้นระหวา่ งวัตถุท่มี ีประจไุ ฟฟา้ ซึ่งประจไุ ฟฟา้ มี 2 ชนิด คอื ประจุไฟฟ้า บวกและประจุไฟฟา้ ลบ วตั ถุท่มี ีประจุ ไฟฟ้าชนดิ เดียวกนั ผลกั กัน ชนิดตรงขา้ ม กนั ดงึ ดดู กนั สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่ เกยี่ วขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมท้ังนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ช้นั ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการ เรยี นรูท้ ้องถ่ิน ป.6 ว 2.3 ป 6/1 ระบสุ ว่ นประกอบ - วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วย - และบรรยายหน้าท่ี ของแตล่ ะ แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า สายไฟฟ้า และ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า อย่าง เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าหรอื อุปกรณ์ไฟฟา้ ง่ายจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ แหล่งกำเนิดไฟฟ้า เชน่ ถา่ นไฟฉาย หรือ ว 2.3 ป 6/2 เขยี นแผนภาพและ แบตเตอรี่ ทำหน้าทใ่ี ห้พลังงานไฟฟ้า ตอ่ วงจรไฟฟา้ อยา่ งง่าย สายไฟฟา้ เปน็ ตัวนำไฟฟา้ ทำหน้าท่ีเช่อื มต่อ ระหว่างแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ และเคร่ืองใช้ไฟฟ้า เข้าด้วยกนั เครื่องใชไ้ ฟฟา้ มีหน้าทเ่ี ปล่ียน พลงั งานไฟฟา้ เป็น พลงั งานอ่ืน ว 2.3 ป 6/3 ออกแบบกำรทดลอง - เมอื่ นำเซลลไ์ ฟฟ้าหลายเซลล์มาต่อ และทดลองดว้ ยวธิ ที ่ีเหมาะสมใน เรยี งกัน โดยให้ขวั้ บวกของเซลลไ์ ฟฟา้ เซลล์ การอธิบายวิธกี ารและผลของการ หน่ึงต่อกับข้ัวลบของอีกเซลล์หน่งึ เปน็ การต่อ ต่อเซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนุกรม แบบอนกุ รม ทำให้มพี ลังงานไฟฟา้ เหมาะสม

75 ชน้ั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการ เรียนรทู้ ้องถ่ิน ว 2.3ป 6/4 ตระหนกั ถึงประโยชน์ กบั เครื่องใช้ไฟฟ้า ซงึ่ การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าแบบ ของความรู้ของการต่อเซลล์ไฟฟ้า อนุกรมสามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ น แบบอนกุ รมโดยบอกประโยชน์และ ชีวติ ประจำวนั เช่น การต่อเซลลไ์ ฟฟา้ ในไฟ การประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ฉาย ว 2.3ป 6/5 ออกแบบการทดลอง - การตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมเมื่อ และทดลองดว้ ยวิธที ่เี หมาะสมใน ถอดหลอดไฟฟา้ ดวงใดดวงหน่งึ ออกทำให้ การอธบิ ายการตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบ หลอดไฟฟา้ ทเ่ี หลอื ดบั ทัง้ หมด ส่วนการตอ่ อนกุ รมและแบบขนาน หลอดไฟฟา้ แบบขนาน เมือ่ ถอดลอดไฟฟ้า ว 2.3 ป 6/6 ตระหนักถงึ ดวงใดดวงหน่งึ ออก หลอดไฟฟ้าที่เหลือก็ยงั ประโยชน์ของความรูข้ องการต่อ สวา่ งได้ การต่อหลอดไฟฟ้าแตล่ ะแบบ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบ สามารถนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ เช่น การตอ่ ขนาน โดยบอกประโยชน์ ขอ้ จำกดั หลอดไฟฟ้าหลายดวงในบา้ นจงึ ตอ้ งต่อหลอด ไฟฟ้าแบบขนานเพื่อเลือกใชห้ ลอดไฟฟ้าดวง และการประยกุ ต์ใช้ใน ใดดวงหนง่ึ ได้ตามต้องการ ชวี ิตประจำวนั ว 2.3 ป 6/7 อธบิ ายการเกิดเงามืด - เมื่อนำวัตถุทบึ แสงมาก้ันแสงจะเกดิ เงาบน เงามัวจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ฉากรบั แสงท่ีอยู่ด้านหลังวตั ถุ โดยเงามรี ปู ร่าง ว 2.3 ป 6/8เขยี นแผนภาพรังสี คล้ายวตั ถุท่ีทำใหเ้ กิดเงา เงามัวเปน็ บริเวณท่ีมี ของแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามวั แสงบางส่วนตกลงบนฉาก ส่วนเงามืดเป็น บริเวณทไี่ ม่มีแสงตกลงบนฉากเลย สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซดี าวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสมั พันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและการประยกุ ต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ ชั้น ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถิน่ ป.6 ว 3.1 ป 6/1 สรา้ ง - เมื่อโลกและดวงจนั ทร์ โคจรมาอยใู่ นแนว - แบบจำลองท่ีอธิบายการเกดิ เสน้ ตรงเดียวกนั กบั ดวงอาทติ ย์ในระยะทางที่ และเปรียบเทยี บ เหมาะสม ทำให้ดวงจนั ทรบ์ ังดวงอาทิตย์ เงา ปรากฏการณ์สรุ ิยุปราคา ของดวงจนั ทร์ทอดมายังโลก ผู้สังเกตทอี่ ยู่ และจนั ทรุปราคา บรเิ วณเงาจะมองเหน็ ดวงอาทิตยม์ ดื ไป เกิด ปรากฏการณส์ ุรยิ ปุ รำคำ ซงึ่ มีทง้ั สรุ ิยปุ ราคาเต็ม

76 ช้นั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถนิ่ ดวง สรุ ิยปุ ราคาบางส่วน และสุริยปุ ราคาวง แหวน หากดวงจันทรแ์ ละโลกโคจรมาอยู่ในแนว เสน้ ตรงเดียวกันกับดวงอาทติ ย์ แล้วดวงจันทร์ เคลอ่ื นที่ผ่านเงาของโลก จะมองเหน็ ดวงจันทร์ มดื ไป เกิดปรากฏการณจ์ ันทรุปราคา ซ่งึ มีทงั้ จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง และจันทรุปราคาบางส่วน ว 3.1 ป 6/2 อธบิ าย - เทคโนโลยีอวกาศเร่ิมจากความต้องการของ - พฒั นาการของเทคโนโลยี มนษุ ย์ในการสำรวจวตั ถุท้องฟ้าโดยใช้ตาเปล่า อวกาศ และยกตวั อย่างการ กลอ้ ง-โทรทรรศน์ และได้พฒั นาไปส่กู ารขนส่ง นำเทคโนโลยอี วกาศมาใช้ เพ่อื สำรวจอวกาศด้วยจรวดและยานขนส่ง ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน อวกาศ และยงั คงพัฒนาอยา่ งตอ่ เนื่อง ปจั จบุ นั จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ มกี ารนำเทคโนโลยีอวกาศบางประเภทมา ประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำวัน เช่น การใช้ ดาวเทียมเพื่อการสื่อสาร การพยากรณ์อากาศ หรือการสำรวจทรพั ยากรธรรมชำติ การใช้ อปุ กรณ์วดั ชีพจรและการเต้นของหวั ใจ หมวก นริ ภยั ชดุ กีฬา สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสมั พนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณพี บิ ัติภัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมชี ีวิตและสิ่งแวดล้อม ชน้ั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถิ่น ป.6 ว 3.2 ป 6/1เปรียบเทยี บ - หินเป็นวัสดแุ ขง็ เกดิ ขึน้ เองตามธรรมชำติ - หินท่พี บในท้องถิ่น กระบวนการเกิดหนิ อคั นี หิน ประกอบ ด้วยแร่ตัง้ แต่หน่ึงชนดิ ข้นึ ไป และทั่ว ๆ ไป ตะกอน และหินแปรและ สามารถจำแนกหินตำมกระบวนการเกดิ ได้ อธิบายวัฏจักรหินจาก เป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ หินอัคนี หิน แบบจำลอง ตะกอน และหินแปร - หินอัคนีเกดิ จากการเย็นตวั ของแมกมา เนือ้ หนิ มลี กั ษณะเป็นผลกึ ท้ังผลกึ ขนาด ใหญ่และขนาดเลก็ บางชนิดอาจเป็นเนื้อ

77 ชนั้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถิ่น แกว้ หรอื มรี ูพรุน - หนิ ตะกอน เกิดจากการทับถมของ ตะกอนเม่ือถูกแรงกดทับและมีสารเช่อื ม ประสานจึงเกิดเป็นหิน เนอ้ื หินกลุม่ นส้ี ว่ น ใหญ่มลี กั ษณะเป็นเม็ดตะกอน มีทง้ั เนอ้ื หยาบและเน้อื ละเอยี ด บางชนดิ เปน็ เน้อื ผลกึ ท่ยี ดึ เกาะกันเกดิ จากการตกผลึกหรอื ตกตะกอนจากน้ำโดยเฉพาะน้ำทะเล บาง ชนดิ มีลักษณะเป็นชน้ั ๆ จงึ เรียกอีกชอื่ ว่า หนิ ช้ัน - หินแปร เกดิ จากการแปรสภาพของหนิ เดมิ ซ่ึงอาจเปน็ หนิ อัคนี หินตะกอน หรือ หนิ แปร โดยการกระทำของความรอ้ น ความดัน และปฏิกิรยิ าเคมี เนื้อหนิ ของหิน แปรบางชนดิ ผลึกของแรเ่ รยี งตวั ขนานกัน เปน็ แถบ บางชนิดแซะออกเป็นแผ่นได้ บางชนิด เป็นเน้อื ผลึกท่ีมีความแขง็ มาก - หินในธรรมชาตทิ ั้ง ประเภท มกี าร เปลย่ี นแปลงจากประเภทหนงึ่ ไปเป็นอีก ประเภทหนึ่ง หรอื ประเภทเดิมได้ โดยมี แบบรปู การเปลี่ยนแปลงคงท่ีและตอ่ เน่ือง เปน็ วัฏจักร

78 ช้นั ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถน่ิ ป.6 ว 3.2 ป 6/2 บรรยายและ หนิ และแรแ่ ตล่ ะชนิดมลี ักษณะและสมบัติ - หินและแร่ทม่ี ใี น ยกตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์ แตกต่างกัน มนุษย์ใชป้ ระโยชนจ์ ากแรใ่ น ทอ้ งถนิ่ และใน ของหินและแร่ใน ชวี ิตประจำวนั ในลักษณะตา่ ง ๆ เช่น นำแร่ จงั หวัด- ชีวติ ประจำวนั จากข้อมลู ท่ี มาทำเคร่ืองสำอาง ยำสีฟัน เครื่องประดบั รวบรวมได้ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และนำหนิ มาใช้ในงาน ก่อสร้างตา่ ง ๆ เปน็ ต้น ว 3.2 ป 6/3สร้าง - ซากดกึ ดำบรรพเ์ กิดจากการทับถม หรอื การ - ซากดกึ ดำบรรพท์ ่ี แบบจำลองท่ีอธบิ ายการเกดิ ประทับรอยของส่งิ มีชีวติ ในอดตี จนเกิดเป็น มีในท้องถ่ิน และ ซากดกึ ดำบรรพ์และ โครงสร้างของซากหรือร่องรอยของสง่ิ มีชีวิตท่ี สถานที่ตา่ ง ๆ ใน คาดคะเนสภาพแวดลอ้ มใน ปรากฏอยใู่ นหิน ในประเทศไทยพบซากดึกดำ จังหวัด อดีตของซากดึกดำบรรพ์ บรรพ์ ทห่ี ลากหลาย เช่น พืช ปะกำรงั หอย ปลา เตา่ ไดโนเสาร์ และรอยตีนสตั ว์ - ซากดึกดำบรรพส์ ามารถใชเ้ ปน็ หลักฐานหนง่ึ ทชี่ ว่ ยอธบิ ายภาพแวดล้อมของพ้นื ท่ใี นอดีต ขณะเกดิ สงิ่ มชี วี ติ นั้น เชน่ หากพบซากดึกดำ บรรพ์ของ หอยนำ้ จดื สภาพแวดลอ้ มบรเิ วณ นั้นอาจเคยเป็นแหล่งน้ำจดื มาก่อน และหาก พบซากดึกดำบรรพ์ของพืช สภาพแวดล้อม บรเิ วณนน้ั อาจเคยเป็นป่ามาก่อน นอกจากน้ี ซากดึกดำบรรพ์ยังสามารถใช้ระบอุ ายุของหนิ และเปน็ ข้อมลู ในการศึกษาววิ ัฒนาการของ สงิ่ มีชวี ติ ว 3.2 ป 6/5 อธบิ ายผลของ - มรสุมเป็นลมประจำฤดเู กดิ บรเิ วณเขตร้อน - มรสมุ ต่อการเกิดฤดูของ ของโลก ซ่งึ เปน็ บริเวณกว้างระดบั ภูมิภาค ประเทศไทย จากข้อมูลท่ี ประเทศไทยได้รับผลจากมรสุม รวบรวมได้ ตะวนั ออกเฉียงเหนือในชว่ งประมาณ กลางเดอื นตลุ ำคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ทำให้ เกิด ฤดูหนาว และไดร้ ับผลจากมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงประมาณกลางเดือน

79 ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ พฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลำคมทำใหเ้ กดิ ฤดูฝน ส่วนช่วงประมาณกลางเดอื น กุมภาพนั ธจ์ นถงึ กลางเดือนพฤษภาคมเปน็ ช่วงเปลี่ยนมรสุมและประเทศไทยอยู่ใกลเ้ ส้น ศนู ยส์ ูตร แสงอาทิตยเ์ กือบตัง้ ตรงและตง้ั ตรง ประเทศไทย ในเวลาเท่ยี งวันทำใหไ้ ด้รับความ ร้อนจำกดวงอาทิตย์อยา่ งเต็มทอี่ ากาศจึงร้อน อบอา้ วทำให้เกดิ ฤดูร้อน ป.6 ว 3.2 ป 6/6 - นำ้ ท่วม การกัดเซาะชายฝ่งั ดินถล่ม - ภยั ธรรมชาตแิ ละ บรรยายลักษณะและ แผน่ ดนิ ไหว และ สึนามิ มผี ลกระทบตอ่ ชีวติ ธรณพี ิบัตภิ ยั ทอ่ี าจ ผลกระทบของ นำ้ ท่วม การ และสงิ่ แวดลอ้ มแตกตา่ งกนั เกดิ ในท้องถนิ่ หรือ กดั เซาะชายฝ่งั ดินถลม่ - มนุษยค์ วรเรยี นรู้วธิ ีปฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภยั จงั หวัดใกลเ้ คยี ง แผ่นดนิ ไหว สึนามิ เชน่ ตดิ ตามขา่ วสารอยา่ งสมำ่ เสมอ เตรียมถุง ว 3.2 ป 6/7ตระหนกั ถึง ยังชพี ใหพ้ ร้อมใชต้ ลอดเวลา และปฏิบตั ิตาม ผลกระทบของภัยธรรมชำติ คำสัง่ ของผู้ปกครองและเจา้ หนา้ ท่อี ย่าง และธรณพี ิบัตภิ ัย โดย เคร่งครดั เมื่อเกดิ ภยั ทางธรรมชำติและธรณี นำเสนอแนวทางในการเฝ้า พบิ ตั ภิ ยั ระวังและปฏบิ ตั ติ นให้ ปลอดภยั จากภยั ธรรมชาติ และธรณพี บิ ตั ภิ ัยทอี่ าจเกดิ ในท้องถ่ิน ว 3.2 ป 6/8สร้างแบบ - ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจากแก๊สเรือน - สภาพหรือเหตู จำลองท่ีอธบิ ายการเกดิ กระจกในชั้นบรรยากาศของโลก กักเก็บความ การณ์ในทอ้ งถน่ิ ที่ ปรากฏการณเ์ รือนกระจก ร้อนแล้ว คายความร้อนบางส่วนกลบั สู่ผิวโลก เกิดจากผล และผลของปรากฏการณ์ ทำใหอ้ ากาศ บนโลกมอี ุณหภมู ิเหมะสมต่อ ผลกระทบของ เรือนกระจกต่อสิง่ มีชวี ติ การดำรงชวี ิต ปรากฏการณเ์ รือน ว 3.2 ป 6/9ตระหนกั ถึง - หากปรากฏการณ์เรือนกระจกรนุ แรงมาก กระจก ผลกระทบของปรากฏการณ์ ขน้ึ จะมผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศโลก เรือนกระจกโดยนำเสนอ มนุษย์ จงึ ควรรว่ มกันลดกิจกรรมท่กี ่อใหเ้ กิด แนวทางการปฏบิ ัตติ นเพ่ือ แก๊สเรอื นกระจก ลดกิจกรรมท่ีก่อใหเ้ กิดแก๊ส เรอื นกระจก

80 สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพือ่ การดำรงชวี ิตในสังคมทีม่ ีการเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และส่งิ แวดลอ้ ม ชัน้ ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ -- -- สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชวี ติ จริงอย่างเปน็ ขน้ั ตอนและเป็น ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถน่ิ ป.6 ว 4.2 ป 6/1ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ - การแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนจะช่วยให้ - ในการอธบิ ายและออกแบบ แก้ปญั หาได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ วธิ ีการแกป้ ญั หาท่ีพบใน - การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเป็น ชวี ิตประจำวัน การนำกฎเกณฑ์ หรือเง่อื นไขท่ีครอบคลมุ ทุก กรณีมาใช้พจิ ารณา ในการแกป้ ญั หา - แนวคิดของการทำงานแบบวนซ้ำ และ เงอื่ นไข - กำรพิจารณากระบวนการทำงานท่ีมีการ ทำงานแบบวนซ้ำ หรือเงือ่ นไขเปน็ วธิ ีการทจ่ี ะ ชว่ ยใหก้ ารออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หาเปน็ ไป อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ - ตวั อย่างปัญหา เช่น การค้นหาเลขหนา้ ที่ ต้องการให้เร็วทสี่ ดุ การทายเลข 1 – 1,000,000 โดยตอบให้ถูก ภายใน 20 คำถาม, การคำนวณเวลาในการ เดินทาง โดยคำนงึ ถึงระยะทาง เวลา จุดหยดุ พกั

81 ช้นั ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่นิ ว 4.2 ป 6/2ออกแบบและเขียน - การออกแบบโปรแกรมสามารถทำได้โดย โปรแกรมอยา่ งง่าย เพ่ือแก้ปัญหา เขยี น เป็นข้อความ หรือผังงาน ในชีวิตประจำวนั ตรวจหาขอ้ ผดิ - การออกแบบและเขยี นโปรแกรม พลาด ของโปรแกรมและแกไ้ ข ท่ีมีการใช้ตวั แปร การวนซ้ำ การตรวจสอบเง่ือนไข – หากมขี ้อผดิ พลาดให้ตรวจสอบ การทำงาน ทลี ะคำสง่ั เม่ือพบจดุ ทที่ ำให้ผล ลัพธ์ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแกไ้ ขจนกว่าจะได้ ผลลัพธ์ทถี่ กู ต้อง - การฝึกตรวจหำขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรม ของผู้อ่นื จะชว่ ยพัฒนาทักษะการหาสาเหตุ ของปญั หาได้ดียิ่งขึน้ - ตัวอย่างปญั หา เช่น โปรแกรมเกม โปรแกรมหาคา่ ค.ร.น เกมฝึกพิมพ์ - ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, logo ป.6 ว 4.2 ป 6/3 ใช้อนิ เทอร์เน็ตใน - การค้นหาอยา่ งมีประสิทธภิ าพ เปน็ การ การค้นหาข้อมลู อย่างมี ค้นหาข้อมลู ที่ไดต้ รงตามความตอ้ งการในเวลา ประสิทธภิ าพ ที่รวดเรว็ จากแหล่งข้อมลู ทีน่ า่ เช่อื ถือหลาย แหลง่ และข้อมูล มคี วามสอดคลอ้ งกัน – การ ใช้เทคนคิ การคน้ หาขั้นสงู เชน่ การใช้ ตัว ดำเนินการ การระบรุ ูปแบบของข้อมูล หรือ ชนดิ ของไฟล์ - การจดั ลำดบั ผลลพั ธ์จากกาค้นหาของ โปรแกรมคน้ หา - การเรยี บเรียง สรปุ สำระสำคัญ (บูรณาการ กับวิชาภาษาไทย)

82 ช้ัน ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่ิน ว 4.2 ป 6/4 ใช้เทคโนโลยี - อนั ตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรม สารสนเทศทำงานร่วมกนั อย่าง ทางอินเทอร์เนต็ แนวทางในการป้องกัน ปลอดภัย เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหนา้ ท่ี - วธิ กี ำหนดรหสั ผ่าน ของตน เคารพในสทิ ธิของผอู้ ื่น - การกำหนดสิทธ์กิ ารใชง้ าน (สิทธใิ์ นการ แจ้งผู้เกีย่ วขอ้ งเมื่อพบขอ้ มลู หรอื เข้าถงึ ) บุคคลท่ีไมเ่ หมาะสม - แนวทางการตรวจสอบและปอ้ งกนั มลั แวร์ – อันตรายจากการติดต้งั ซอฟตแ์ วรท์ ี่ อย่บู นอนิ เทอร์เน็ต

83 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 รหัสวชิ า ว16101 เวลา 80 ชั่วโมง / ปี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอ้ื หา จำนวน น้ำหนกั ตัวช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน 1. สารอาหารและ ว 1.2 ป6/1 -สารอาหาร 13 5 ระบบยอ่ ยอาหาร ว 1.2 ป6/2 -การเลือกรบั ประทานอาหาร ว 1.2 ป6/3 -ความสำคัญของสารอาหาร 4 ว 1.2 ป6/4 -ระบบยอ่ ยอาหาร 4 15 2. การแยกสาร ว 1.2 ป6/5 -การดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร 7 ว 2.1 ป6/1 -การแยกสาร 5 15 3. แรงไฟฟา้ ว 2.2 ป6/1 -การเกดิ และผลของแรงไฟฟ้า 7 4. วงจรไฟฟ้า ว 2.3 ป6/1 -วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย 22 ว 2.3 ป6/2 -การตอ่ วงจรไฟฟา้ อย่างง่าย ว 2.3 ป6/3 -การตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรม ว 2.3 ป6/4 -การประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวนั ว 2.3 ป6/5 -การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน ว 2.3 ป6/6 -การประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ว 2.3 ป6/7 -การเกดิ เงามืดเงามวั ว 2.3 ป6/8 -รงั สขี องแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามวั 5. สุรยิ ุปราคา ว 3.1 ป6/1 -ปรากฏการณส์ ุรยิ ปุ ราคาและจันทรุปราคา 9 จันทรุปราคาและ ว 3.1 ป6/2 เทคโนโลยีอวกาศ 22 เทคโนโลยีอวกาศ 6. โลกและการ ว 3.2 ป6/1 -การเกิดหนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร เปลย่ี นแปลง ว 3.2 ป6/2 -การใชป้ ระโยชน์ของหนิ และแรใ่ น ชีวติ ประจำวนั ว 3.2 ป6/3 -การเกดิ ซากดึกดำบรรพ์ ว 3.2 ป6/4 -การเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสุม ว 3.2 ป6/5 -ผลของมรสุมต่อการเกดิ ฤดูของประเทศไทย ว 3.2 ป6/6 -ลักษณะและผลกระทบของน้ำทว่ ม ว 3.2 ป6/7 -ผลกระทบของภัยธรรมชาตแิ ละธรณีพิบัตภิ ัย ว 3.2 ป6/8 -การเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ว 3.2 ป6/9 -ผลกระทบของปรากฏการณ์เรอื นกระจก

84 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ เนอ้ื หา จำนวน น้ำหนัก 7. วทิ ยาการคำนวณ ตวั ชวี้ ัด (ชว่ั โมง) คะแนน รวม ว 4.2 ป6/1, -การใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ 40 12 ว 4.2 ป6/2, -การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย 120 60 60 ว 4.2 ป6/3, -การคน้ หาข้อมูล 10 30 ว 4.2 ป6/4 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 100 30 คะแนนระหวา่ งเรยี น คะแนนสอบกลางปี คะแนนสอบปลายปี รวมคะแนนท้งั ปี

85 คำอธิบายรายวชิ า ว 21101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต .......................................................................................................................................................................... ศึกษา วเิ คราะห์ สมบตั ิทางกายภาพ ของธาตทุ ่เี ปน็ โลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ และธาตุกมั มันตรงั สี จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่น และใช้เคร่ืองมือเพื่อวัดมวลและปริมาตรของสารบรสิ ุทธิ์และสารผสม อะตอม ธาตุ และสารประกอบ โครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน การ จัดเรียงอนุภาคแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและการเคลื่อนที่ของอนุภาค พลังงานความร้อนกับการเปลี่ยน สถานะของสสาร เปรียบเทียบรูปร่าง ลักษณะโครงสร้างและหน้าท่ีของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ การใช้กล้อง จุลทรรศน์แบบใช้แสง ความสัมพันธ์ระหว่างรูปร่างกับหน้าท่ีของเซลล์ การจัดระบบส่ิงมีชีวิต กระบวนการ แพร่และการออสโมซิส ปัจจัยท่ีจำเป็น และความสำคัญของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง คุณค่าของพืชที่มี ต่อสิ่งมชี ีวติ และส่ิงแวดล้อม การลำเลียงสารของไซเล็มและโฟลเอ็ม การสืบพนั ธุแ์ บบอาศยั เพศและไมอ่ าศัยเพศ ลกั ษณะโครงสร้างดอก การถา่ ยเรณู การปฏสิ นธิ การเกดิ ผลและเมลด็ การกระจาย การงอกของเมล็ด การ เลือกใช้ธาตุอาหารที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช การขยายพันธุ์พืช ความสำคัญเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง เนอ้ื เยือ่ พืช โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลมุ่ ขอ้ มลู อธิบาย อภิปรายและสรา้ งแบบจำลอง เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถ นำเสนอส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสิน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีได้จากการสังเกต การ ทดลองแบบจำลอง และใช้สารสนเทศที่ได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ในชวี ิตประจำวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และคา่ นยิ มทเี่ หมาะสม อธิบายแนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการ เปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ระบุปัญหาหรือความต้องการในชีวิตประจำวัน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและ แนวคิดท่ีเก่ียวข้องกับปัญหา ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา วิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่ จำเป็น นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา ใช้ความรู้ ทักษะ เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง เหมาะสมและ ปลอดภัย ทดสอบ ประเมินผล และระบุข้อบกพร่องท่ีเกดิ ขึ้น กำหนดแนวทางการปรับปรุงแก้ไขและนำเสนอ ผลการแกป้ ญั หาหรือพัฒนางาน รหสั ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ว 1.2 ม.1/1 , ม.1/2 , ม.1/3 , ม.1/4 , ม.1/5 , ม.1/6 , ม.1/7 , ม.1/8 , ม.1/9 , ม.1/10 , ม.1/11 , ม.1/12 , ม.1/13 , ม.1/14 , ม.1/15 , ม.1/16 , ม.1/17 , ม.1/18 มาตรฐาน ว 2.1 ม.1/1 , ม.1/2 , ม.1/3 , ม.1/4 , ม.1/5 , ม.1/6 , ม.1/7 , ม.1/8 , ม.1/9 , ม.1/10 วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รวมทัง้ หมด 33 ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ว 4.1 ม.1/1 , ม.1/2 , ม.1/3 , ม.1/4 ม.1/5

86 คำอธบิ ายรายวิชา ว 21102 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต ................................................................................................................ ...................................................... ศึกษา วิเคราะห์ คำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปล่ียนอุณหภูมิและสถานะ การใช้ เทอร์โมมิเตอร์ การขยายตัวหรือหดตัว การถ่ายโอนความร้อน ปริมาณความร้อนท่ีถ่ายโอนระหว่างสสารจน เกิดสมดุลความร้อน การนำความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสีความร้อน ความสัมพันธ์ความดันอากาศ กับความสูงจากพ้ืนโลก การแบ่งชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ กระบวนการเกิดพายุ ฝนฟ้า คะนองและพายุหมุนเขตร้อน การพยากรณ์อากาศ และผลกระทบและการปฏิบัติตนของการเปลี่ยนแปลง ภูมอิ ากาศโลก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บนั ทึก จัดกลมุ่ ข้อมูล อธิบาย อภิปรายและสรา้ งแบบจำลอง เพื่อใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถ นำเสนอสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสิน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้จากการสังเกต การ ทดลองแบบจำลอง และใช้สารสนเทศที่ได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ในชีวติ ประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม ใช้แนวคิดเชงิ นามธรรมเพือ่ แกป้ ญั หา อธบิ ายการทำงานทีพ่ บในชีวิตจริง ออกแบบอลั กอริทึม การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย เพ่ือแกป้ ญั หาทางคณติ ศาสตร์หรือวทิ ยาศาสตร์ รวบรวมขอ้ มลู ปฐมภูมิ ประมวลผล ประเมินผล นำเสนอข้อมลู และสารสนเทศ ใช้ซอฟตแ์ วร์ หรอื บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ต ทห่ี ลากหลาย ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั ใชส้ ่ือและแหลง่ ข้อมลู ตามขอ้ กำหนดและขอ้ ตกลง รหัสตัวช้ีวัด มาตรฐาน ว 2.1 ม.1/1 , ม.1/2 , ม.1/3 , ม.1/4 , ม.1/5 , ม.1/6 , ม.1/7, ม.1/8 , ม.1/9 , ม.1/10 มาตรฐาน ว 2.2 ม.1/1 มาตรฐาน ว 3.2 ม.1/1 , ม.1/2 , ม.1/3 , ม.1/4 , ม.1/5 , ม.1/6 , ม.1/7 วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) มาตรฐาน ว 4.2 ม.1/1 , ม.1/2 , ม.1/3 , ม.1/4 รวมท้ังหมด 22 ตัวชี้วดั

87 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลางและสาระการเรียนร้ทู ้องถนิ่ สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พันธร์ ะหว่างสิ่งไม่มชี ีวติ กบั ส่ิงมีชวี ติ และความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอด พลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและ ผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดลอ้ มรวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู ้องถน่ิ -- - - สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของส่ิงมชี ีวติ หน่วยพื้นฐานของสิ่งมชี ีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธข์ องโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทำงานสัมพันธ์ กัน รวมทงั้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ชั้น ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่ิน ม.1 ว 1.2 ม1/1เปรยี บเทียบ - เซลลเ์ ปน็ หนว่ ยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี วี ิต - สวนพฤกษศาสตร์ รูปร่าง ลกั ษณะ และ สิ่งมชี ีวติ บางชนดิ มเี ซลล์เพยี งเซลล์เดียว เชน่ สวนปา่ โครงสร้างของเซลล์พืชและ อะมีบา พารามเี ซยี ม ยสี ต์ บางชนดิ มีหลาย - สระนำ้ ในโรงเรยี น เซลลส์ ตั ว์ รวมทงั้ บรรยาย เซลล์ เชน่ พชื สตั ว์ และชุมชน หนา้ ท่ีของผนงั เซลล์ เย่อื ห้มุ - โครงสร้างพนื้ ฐานทพี่ บทงั้ ในเซลลพ์ ืชและ เซลล์ ไซโทพลาซึม เซลลส์ ัตว์ และสามารถสงั เกตไดด้ ว้ ยกล้อง นวิ เคลยี ส แวควิ โอล จลุ ทรรศน์ใชแ้ สง ไดแ้ ก่ เยอ่ื หุ้มเซลล์ ไซ ไมโทคอนเดรยี และ โทพลาซึม และนวิ เคลียส โครงสร้างท่พี บใน คลอโรพลาสต์ เซลล์พชื แตไ่ ม่พบในเซลลส์ ัตว์ ได้แก่ ผนงั เซลลแ์ ละคลอโรพลาสต์ ว 1.2 ม1/2 - โครงสรา้ งต่าง ๆ ของเซลล์มีหน้าที่ ใชก้ ล้องจลุ ทรรศน์ใชแ้ สง แตกตา่ งกัน ศกึ ษาเซลล์ และโครงสร้าง - ผนังเซลล์ ทำหน้าทใ่ี ห้ความแขง็ แรงแก่ ตา่ ง ๆ ภายในเซลล์ เซลล์ - เยอื่ หมุ้ เซลล์ ทำหนา้ ทหี่ ่อหุ้มเซลล์และ

88 ช้นั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถน่ิ ควบคุมการลำเลยี งสารเขา้ และออกจาก เซลล์ - นิวเคลยี ส ทำหน้าทค่ี วบคุมการทำงานของ เซลล์ - ไซโทพลาซึม มีออร์แกเนลล์ทที่ ำหนา้ ท่ี แตกต่างกัน ม.1 - แวคิวโอล ทำหนา้ ท่เี ก็บนำ้ และสารตา่ ง ๆ - ไมโทคอนเดรีย ทำหน้าที่เก่ียวกับการสลาย สารอาหารเพ่ือให้ได้พลงั งานแกเ่ ซลล์ - คลอโรพลาสต์ เปน็ แหล่งท่เี กิด การสังเคราะห์ด้วยแสง ว 1.2 ม1/3 อธิบาย - เซลล์ของสิ่งมีชีวติ มีรปู ร่าง ลักษณะ ท่ี - ความสัมพันธ์ระหวา่ งรปู ร่าง หลากหลาย และมคี วามเหมาะสมกบั หนา้ ที่ กับการทำหน้าท่ีของเซลล์ ของเซลลน์ ้นั เชน่ เซลล์ประสาทส่วนใหญ่ มี เส้นใยประสาทเปน็ แขนงยาว นำกระแส ประสาทไปยังเซลลอ์ ืน่ ๆ ที่อยู่ไกลออกไป เซลลข์ นราก เปน็ เซลล์ผิวของรากที่มผี นัง เซลล์และเยื่อหุ้มเซลล์ยื่นยาวออกมา ลกั ษณะ คลา้ ยขนเสน้ เล็ก ๆ เพื่อเพ่มิ พื้นทผี่ วิ ในการดูด น้ำและธาตอุ าหาร ว 1.2 ม1/4 - พชื และสัตว์เปน็ สง่ิ มชี ีวติ หลายเซลล์มกี าร - อธิบายการจดั ระบบของ จดั ระบบ โดยเร่ิมจากเซลล์ไปเปน็ เนือ้ เย่ือ ส่งิ มชี วี ติ โดยเรม่ิ จากเซลล์ อวัยวะ ระบบอวยั วะ และส่ิงมีชีวิตตามลำดบั เนอ้ื เยอื่ อวยั วะ ระบบ เซลลห์ ลายเซลลม์ ารวมกันเป็นเนื้อเยอื่ อวยั วะ จนเป็นส่ิงมีชวี ิต เนื้อเยื่อหลายชนดิ มารวมกนั และทำงาน ร่วมกนั เป็นอวัยวะ อวัยวะตา่ ง ๆ ทำงาน รว่ มกนั เป็นระบบอวยั วะ ระบบอวยั วะทกุ ระบบทำงานร่วมกันเป็นสงิ่ มีชีวิต

89 ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถน่ิ ว 1.2 ม1/5 - เซลล์มกี ารนำสารเขา้ สเู่ ซลล์ เพือ่ ใชใ้ น วัสดุ อุปกรณ์การ อธิบายกระบวนการแพรแ่ ละ กระบวนการต่าง ๆ ของเซลล์ และมกี ารขจัด ทดลองท่ีอยู่ใน ออสโมซิสจากหลักฐานเชิง สารบางอยา่ งทเ่ี ซลลไ์ มต่ ้องการออกนอก ชวี ติ ประจำวนั เช่น ประจักษ์ และยกตัวอย่าง เซลล์ การนำสารเข้าและออกจากเซลล์มี ไขไ่ ก่ ไขเ่ ป็ด เป็น การแพร่และออสโมซิสใน หลายวธิ ี เชน่ การแพรเ่ ป็นการเคล่อื นท่ีของ ตน้ ชีวิตประจำวนั สารจากบรเิ วณทีม่ ีความเข้มข้นของสารสงู ไปสู่บรเิ วณทมี่ ีความเข้มข้นของสารต่ำ ส่วน ออสโมซิส เปน็ การแพร่ของน้ำ ผา่ นเย่ือหุ้ม เซลล์ จากดา้ นทีม่ ีความเข้มข้นของ สารละลายตำ่ ไปยังด้านที่มีความเข้มขน้ ของ สารละลายสูงกวา่ ม.1 ว 1.2 ม1/6 - กระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื ท่ี ใบพืชท่ีมีในบริเวณ ระบุปัจจัยที่จำเป็นในการ เกิดข้ึนในคลอโรพลาสต์ จำเป็นต้องใช้แสง โรงเรียนและชุมชน สังเคราะห์ ด้วยแสงแล ะ แกส๊ คารบ์ อนได-ออกไซด์ คลอโรฟลิ ล์ และ เช่น ชบาด่าง และ ผลผลิตท่ีเกิดขึ้นจากการ นำ้ ผลผลิตที่ไดจ้ าก ใบ พื ช ต่างๆที่มีสี สังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้ การสงั เคราะห์ด้วยแสง ไดแ้ ก่ นำ้ ตาลและ เขยี ว หลักฐานเชิงประจักษ์ แกส๊ ออกซเิ จน ว 1.2 ม1/7 - การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง เปน็ กระบวนการท่ี อธบิ ายความสำคัญของการ สำคัญต่อส่ิงมีชวี ติ เพราะเปน็ กระบวนการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช เดยี ว ทส่ี ามารถนำ ต่อสงิ่ มชี ีวิตและสง่ิ แวดลอ้ ม พลังงานแสงมาเปล่ยี นเปน็ พลังงานในรูป ว 1.2 ม1/8 สารประกอบอนิ ทรีย์และเก็บสะสมในรปู แบบ ตระหนักในคุณค่าของพชื ท่ีมี ตา่ ง ๆ ในโครงสรา้ งของพชื พืชจึงเปน็ แหล่ง ต่อส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม อาหารและพลงั งานทีส่ ำคัญของส่งิ มชี วี ติ อนื่ โดยการรว่ มกันปลกู และดแู ล นอกจากนี้กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงยงั รักษาต้นไม้ในโรงเรียนและ เปน็ กระบวนการหลักในการสรา้ งแกส๊ ชุมชน ออกซเิ จนให้กับบรรยากาศเพ่ือให้ส่งิ มีชีวิตอืน่ ใช้ในกระบวนการหายใจ

90 ช้ัน ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถ่นิ ว 1.2 ม1/9 บรรยาย - พชื มไี ซเลม็ และโฟลเอ็ม ซึ่งเป็นเนื้อเย่ือ พืชท่มี ีอย่ใู น ลกั ษณะและหน้าทขี่ อง มีลักษณะคลา้ ยท่อ เรยี งตวั กันเปน็ กลมุ่ ท้องถนิ่ เช่น ผกั ไซเล็มและโฟลเอ็ม เฉพาะท่ี โดยไซเล็มทำหน้าที่ลำเลียงนำ้ กระสงั ตน้ เทยี น และธาตอุ าหาร มที ิศทางลำเลยี งจากราก หรือพชื ทม่ี ีลำต้น ว 1.2 ม1/10 ไปสลู่ ำต้น ใบ และส่วนต่าง ๆ ของพืช ลักษณะใส เขียนแผนภาพท่ี เพอื่ ใชใ้ นการสงั เคราะหด์ ้วยแสงรวมถงึ กระบวนการอืน่ ๆ สว่ นโฟลเอ็มทำหนา้ ที่ บรรยายทศิ ทางการ ลำเลียงสารในไซเล็ม ลำเลยี งอาหารที่ได้จากการสงั เคราะหด์ ้วย และโฟลเอ็มของพชื แสง มีทศิ ทางลำเลยี งจากบรเิ วณทม่ี ีการ สังเคราะหด์ ้วยแสงไปสสู่ ว่ นตา่ ง ๆ ของ พืช ว 1.2 ม1/11 - พืชดอกทุกชนิดสามารถสืบพันธ์ุแบบ อธิบายการสืบพันธ์แุ บบ อาศัยเพ ศได้ และบ างชนิดสามารถ อาศยั เพศ และไมอ่ าศัย สบื พันธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศได้ เพศของพชื ดอก ว 1.2 ม1/12 - การสืบพันธุแ์ บบอาศยั เพศเปน็ การ พืชดอกในชุมชน อธบิ ายลักษณะ สืบพนั ธทุ์ มี่ ี โครงสรา้ งของดอกท่มี ี การผสมกันของสเปริ ์มกบั เซลลไ์ ข่ การ สว่ นทำให้เกดิ การถา่ ย สืบพันธ์ุ แบบอาศัยเพศของพืชดอก เรณู รวมท้ังบรรยาย เกิดขึน้ ที่ดอก โดยภายในอับเรณูของส่วน การปฏสิ นธขิ องพืชดอก เกสรเพศผู้มีเรณู ซ่งึ ทำหน้าท่ีสรา้ งสเปิร์ม การเกดิ ผลและเมลด็ ภายในออวลุ ของส่วนเกสรเพศเมยี มถี ุง การกระจายเมล็ด และ เอม็ บริโอ ทำหน้าทีส่ รา้ งเซลล์ไข่ การงอกของเมลด็ - การสืบพนั ธุ์แบบไมอ่ าศัยเพศ เป็นการ สืบพนั ธุ์ทพ่ี ชื ตน้ ใหม่ไม่ได้เกิดจากการ ปฏิสนธิระหว่างสเปริ ์ม กับเซลลไ์ ข่ แตเ่ กิด จากสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื เชน่ ราก ลำต้น ใบ มีการเจริญเตบิ โตและพฒั นาขน้ึ มา เปน็ ตน้ ใหม่ได้

91 ช้ัน ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถิ่น ว 1.2 ม1/12 - การถ่ายเรณู คือ การเคลอ่ื นยา้ ยของเรณูจากอบั พชื ดอกในชมุ ชน อธบิ ายลักษณะโครงสรา้ ง เรณไู ปยังยอดเกสรเพศเมีย ซ่ึงเกย่ี วขอ้ งกบั ของดอกทีม่ สี ว่ นทำให้เกิด ลกั ษณะและโครงสรา้ งของดอก เช่น สขี องกลีบ การถ่ายเรณู รวมท้งั ดอก ตำแหน่งของเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย บรรยาย การปฏสิ นธขิ อง โดยมีสงิ่ ท่ีชว่ ยในการถา่ ยเรณู เช่น แมลง ลม พืชดอก การเกิดผลและ - การถา่ ยเรณจู ะนำไปสู่การปฏสิ นธิ ซ่ึงจะเกิดขึ้นท่ี เมล็ด การกระจายเมล็ด ถงุ เอ็มบริโอภายในออวุล หลังการปฏสิ นธจิ ะได้ไซ และการงอกของเมล็ด โกต และเอนโดสเปิรม์ ไซโกตจะพัฒนาต่อไปเป็น เอม็ บริโอ ออวลุ พฒั นาไปเป็นเมล็ด และรังไข่ ว 1.2 ม1/13 พฒั นาไปเป็นผล ตระหนักถึงความสำคัญ - การถา่ ยเรณูจะนำไปสู่การปฏสิ นธิ ซึง่ จะเกิดขึน้ ของสตั ว์ทช่ี ่วยในการถา่ ย ท่ีถุงเอ็มบริโอภายในออวุล หลงั การปฏิสนธจิ ะได้ เรณูของพืชดอก โดยการ ไซโกต และเอนโดสเปิร์ม ไซโกตจะพฒั นาต่อไป ไมท่ ำลายชวี ิตของสตั ว์ท่ี เป็นเอ็มบริโอ ออวลุ พฒั นาไปเปน็ เมล็ด และรงั ไข่ ชว่ ยในการถ่ายเรณู พฒั นาไปเปน็ ผล - ผลและเมล็ดมกี ารกระจายออกจากต้นเดมิ โดย วธิ ีการตา่ ง ๆ เม่ือเมลด็ ไปตกในสภาพแวดล้อมท่ี เหมาะสมจะเกิดการงอกของเมล็ด โดยเอม็ บริโอ ภายในเมลด็ จะเจริญออกมา โดยระยะแรกจะ อาศัยอาหารที่สะสมภายในเมลด็ จนกระทง่ั ใบแท้ พฒั นา จนสามารถสงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้เต็มท่ี และสรา้ งอาหารได้เองตามปกติ

ชั้น ตวั ชี้วัด 92 สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ทอ้ งถิน่ ม.1 ว 1.2 ม1/14 อธบิ าย - พชื ต้องการธาตุอาหารที่จำเปน็ หลาย - ความสำคัญของธาตุอาหาร ชนิดในการเจริญเติบโตและการ บางชนิดทมี่ ีผลต่อการ ดำรงชีวติ เจริญเตบิ โตและการ - พชื ตอ้ งการธาตุอาหารบางชนดิ ใน ดำรงชวี ติ ของพชื ปริมาณมาก ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซยี ม แคลเซยี ม ว 1.2 ม1/15 เลือกใช้ปุ๋ยที่มี แมกนีเซยี ม และกำมะถัน ซงึ่ ในดนิ ธาตุอาหารเหมาะสมกบั พชื อาจมีไม่เพยี งพอ สำหรับการ ในสถานการณ์ท่ีกำหนด เจริญเติบโตของพืช จงึ ตอ้ งมีการให้ ธาตุอาหารในรปู ของป๋ยุ กบั พืชอยา่ ง เหมาะสม ว 1.2 ม1/16 เลือกวิธกี าร - มนษุ ยส์ ามารถนำความรู้เร่อื งการ การขยายพันธ์พุ ืชโดย ขยายพนั ธพ์ุ ชื ให้เหมาะสม สืบพนั ธุ์ แบบอาศัยเพศและไม่อาศัย ใช้พชื ในโรงเรยี นและ กับความต้องการของมนุษย์ เพศ มาใช้ในการขยายพนั ธเ์ุ พ่ือเพิ่ม ชุมชน โดยใชค้ วามร้เู กย่ี วกบั การ จำนวนพชื เช่น การใชเ้ มล็ดท่ีได้จาก สบื พนั ธ์ขุ องพชื การสืบพนั ธุแ์ บบอาศัยเพศมา เพาะเลี้ยง วธิ กี ารน้จี ะได้พืชในปริมาณ ว 1.2 ม1/17 อธิบาย มาก แต่อาจมีลกั ษณะทแ่ี ตกต่างไป ความสำคญั ของเทคโนโลยี จากพ่อแม่ ส่วนการตอนกิ่ง การปักชำ การเพาะเลีย้ งเนื้อเยอื่ พชื ใน การตอ่ ก่ิง การติดตา การทาบกิง่ การ การใช้ประโยชนด์ า้ นต่าง ๆ เพาะเลี้ยงเนอ้ื เยื่อ เปน็ การนำความรู้ เร่ืองการสืบพนั ธแุ์ บบไมอ่ าศัยเพศของ พชื มาใชใ้ นการขยายพันธุ์ เพ่ือใหไ้ ด้พชื ที่มลี ักษณะเหมือนตน้ เดิม ซงึ่ การ ขยายพันธุ์แตล่ ะวธิ ี มขี นั้ ตอนแตกต่าง กัน จึงควรเลอื กให้เหมาะสมกับความ ต้องการของมนุษย์

93 ชั้น ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่นิ ม.1 ว 1.2 ม1/18ตระหนกั ถงึ โดยต้องคำนึงถึงชนดิ ของพชื และ - ประโยชนข์ องการ ลักษณะการสบื พันธ์ุของพืช ขยายพันธ์ุพืช โดยการนำ - เทคโนโลยกี ารเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อพชื ความรูไ้ ปใช้ใน เป็นการนำความรเู้ ก่ยี วกับปัจจยั ทจี่ ำเป็น ชวี ติ ประจำวนั ต่อการเจริญเตบิ โตของพชื มาใช้ในการ เพ่ิมจำนวนพชื และทำให้พชื สามารถ เจริญเตบิ โตไดใ้ นหลอดทดลอง ซ่ึงจะได้ พชื จำนวนมากในระยะเวลาสั้น และ สามารถนำเทคโนโลยีการเพาะเลีย้ ง เนอ้ื เย่อื มาประยุกต์ เพือ่ การอนุรกั ษ์ พันธุกรรมพืช ปรับปรงุ พันธุพ์ ืชทม่ี ี ความสำคัญทางเศรษฐกจิ การผลิตยา และสาระสำคัญในพชื และอ่ืน ๆ สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมสาร พนั ธกุ รรม การเปลยี่ นแปลงทางพันธกุ รรมทีม่ ีผลต่อสงิ่ มีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ฒั นาการของส่งิ มีชวี ิต รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชนั้ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ -- - ท้องถ่นิ -

94 สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหวา่ งสมบัตขิ องสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ช้นั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่นิ ม.1 ว 2.1 ม1/1 - ธาตุแต่ละชนิดมสี มบัตเิ ฉพาะตัวและมี - อธบิ ายสมบตั ทิ างกายภาพบางประการ สมบตั ิ ทางกายภาพบางประการ ของธาตโุ ลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ โดยใช้ เหมอื นกันและบางประการต่างกัน ซง่ึ หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ท่ีไดจ้ ากการสังเกต สามารถนำมาจัดกลมุ่ ธาตุเปน็ โลหะ และการทดสอบ และใช้สารสนเทศที่ได้ อโลหะ และกึ่งโลหะ ธาตโุ ลหะมจี ดุ เดือด จากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ รวมท้ังจัดกลุม่ ธาตุ จุดหลอมเหลวสูง มีผิวมนั วาว นำความ เป็นโลหะ อโลหะ กงึ่ โลหะ ร้อนนำไฟฟ้า ดงึ เปน็ เส้นหรอื ตเี ปน็ แผ่น บาง ๆ ได้ และมคี วามหนาแน่นท้ัง สูงและต่ำ ธาตอุ โลหะ มีจุดเดือด จุด หลอมเหลวต่ำ มีผิวไมม่ ันวาว ไม่นำ ความรอ้ น ไมน่ ำไฟฟา้ เปราะ แตกหัก ง่าย และมีความหนาแนน่ ตำ่ ธาตกุ ึ่ง โลหะมีสมบตั ิบางประการเหมือนโลหะ และสมบัติบางประการเหมือนอโลหะ ว 2.1 ม1/2 วเิ คราะห์ผลจากการใช้ธาตุ - ธาตโุ ลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ ท่ี โลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ และธาตุ สามารถแผร่ งั สีได้ จัดเปน็ ธาตุ กัมมนั ตรงั สี ท่ีมีตอ่ สิ่งมีชีวิต ส่งิ แวดล้อม กัมมันตรังสี เศรษฐกิจและสงั คม จากข้อมูลทีร่ วบรวม - ธาตุมที ัง้ ประโยชน์และโทษ การใช้ธาตุ ได้ โลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี ว 2.1 ม1/3 ตระหนักถงึ คุณค่าของการใช้ ควรคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อส่ิงมีชีวติ ธาตุโลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ ธาตุ ส่งิ แวดล้อม เศรษฐกจิ และสังคม กมั มันตรังสี โดยเสนอแนวทางการใชธ้ าตุ อย่างปลอดภัย คุม้ คา่

95 ช้นั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถ่ิน ว 2.1 ม1/4 เปรยี บเทียบจดุ เดือด จดุ - สารบรสิ ุทธป์ิ ระกอบด้วยสารเพยี งชนดิ หลอมเหลวของสารบรสิ ุทธิแ์ ละสารผสม เดียว ส่วนสารผสมประกอบด้วยสาร โดยการวัดอุณหภมู ิ เขยี นกราฟ แปล ตั้งแต่ 2 ชนดิ ข้นึ ไป สารบริสุทธ์แิ ต่ละ ความหมายข้อมูลจากกราฟ หรอื ชนิดมสี มบตั ิบางประการที่เป็นค่า สารสนเทศ เฉพาะตวั เชน่ จุดเดอื ดและจดุ หลอมเหลวคงที่ แตส่ ารผสมมีจดุ เดอื ด และจุดหลอมเหลวไมค่ งที่ ขึ้นอยกู่ ับชนิด และสดั สว่ นของสารท่ผี สมอยู่ดว้ ยกนั ม.1 ว 2.1 ม1/5อธิบายและเปรยี บเทียบความ - สารบรสิ ุทธแ์ิ ตล่ ะชนดิ มคี วามหนาแน่น หนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธแิ์ ละสารผสม หรือมวลต่อหน่งึ หนว่ ยปรมิ าตรคงที่ เป็น คา่ เฉพาะของสารนัน้ ณ สถานะและ อุณหภูมหิ น่ึง แต่สารผสมมีความ หนาแน่นไม่คงท่ีขึ้นอยู่กบั ชนิดและ ว 2.1 ม1/6ใช้เครือ่ งมือเพื่อวดั มวลและ สดั ส่วนของสารทผ่ี สมอยู่ดว้ ยกนั ปรมิ าตรของสารบริสุทธ์ิและสารผสม ว 2.1 ม1/7อธิบายเกย่ี วกับความสัมพนั ธ์ - สารบริสุทธ์ิแบ่งออกเป็นธาตแุ ละ ระหวา่ งอะตอม ธาตุ และสารประกอบ สารประกอบ ธาตุประกอบด้วยอนภุ าคท่ี โดยใช้แบบจำลองและสารสนเทศ เลก็ ทส่ี ดุ ท่ยี งั แสดงสมบัตขิ องธาตนุ นั้ เรยี กวา่ อะตอม ธาตแุ ต่ละชนิด ประกอบด้วยอะตอมเพยี งชนดิ เดยี วและ ไม่สามารถแยกสลายเป็นสารอ่ืนไดด้ ว้ ย วธิ ที างเคมี ธาตเุ ขยี นแทนด้วยสญั ลักษณ์ ธาตุ สารประกอบเกิดจากอะตอมของ ธาตุตง้ั แต่ 2 ชนดิ ข้นึ ไปรวมตัวกนั ทาง เคมใี นอตั ราสว่ นคงที่ มีสมบตั ิแตกต่าง จากธาตทุ เี่ ปน็ องค์ประกอบ สามารถ แยกเปน็ ธาตุได้ดว้ ยวิธที างเคมี ธาตแุ ละ สารประกอบสามารถเขยี นแทนไดด้ ว้ ย สูตรเคมี - อะตอมประกอบด้วยโปรตอน

96 ช้ัน ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถิ่น นิวตรอน และอิเลก็ ตรอน โปรตอนมี ประจไุ ฟฟ้าบวก ธาตุชนดิ เดียวกันมี จำนวนโปรตอนเทา่ กันและเป็นคา่ เฉพาะ ของธาตุนั้น นิวตรอนเปน็ กลางทางไฟฟา้ สว่ นอเิ ลก็ ตรอนมีประจุไฟฟ้าลบ เม่ือ ว 2.1 ม1/8อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมท่ี อะตอมมีจำนวนโปรตอนเทา่ กับจำนวน ตัวอย่าง ประกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอน และ อิเลก็ ตรอน จะเป็นกลางทางไฟฟ้า องคป์ ระกอบของ อเิ ลก็ ตรอน โดยใช้แบบจำลอง โปรตอนและนิวตรอนรวมกนั ตรงกลาง สารใน อะตอมเรียกว่า นวิ เคลยี ส ส่วน ชีวติ ประจำวัน อเิ ลก็ ตรอนเคล่อื นทีอ่ ยู่ในท่วี ่างรอบ นวิ เคลยี ส ว 2.1 ม1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการ -สสารทกุ ชนิดประกอบดว้ ยอนภุ าค วตั ถุทีม่ อี ยูร่ อบๆตวั จัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง โดยสารชนิดเดยี วกันท่มี สี ถานะของแข็ง อนุภาค และการเคล่ือนท่ีของอนุภาคของ ของเหลว แก๊ส จะมีการจดั เรียงอนุภาค สสารชนิดเดียวกันในสถานะของแข็ง แรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค การ ของเหลว และแกส๊ โดยใชแ้ บบจำลอง เคลอ่ื นที่ของอนภุ าคแตกตา่ งกัน ซึง่ มผี ล ตอ่ รปู ร่างและปรมิ าตรของสสาร - อนุภาคของของแข็งเรียงชดิ กนั มแี รง ยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนุภาคมากทีส่ ุด อนุภาคสน่ั อยู่กบั ท่ี ทำให้มีรปู ร่างและ ปริมาตรคงที่ - อนภุ าคของของเหลวอยู่ใกลก้ ัน มีแรง ยดึ เหน่ียวระหว่างอนุภาคน้อยกว่า ของแขง็ แต่มากกว่าแก๊ส อนภุ าค เคลื่อนที่ไดแ้ ต่ไมเ่ ปน็ อสิ ระเท่าแกส๊ ทำ ให้มีรปู รา่ งไมค่ งท่ี แตป่ รมิ าตรคงท่ี - อนภุ าคของแก๊สอยูห่ ่างกนั มาก มแี รง ยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคน้อยทสี่ ุด อนุภาคเคลื่อนท่ีได้อย่างอิสระทกุ ทิศทาง ทำให้มีรปู รา่ งและปรมิ าตรไม่คงที่

97 ชนั้ ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถน่ิ ม.1 ว 2.1 ม1/10อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง • เมอ่ื ให้ความร้อนแก่ของเหลว อนุภาค สารใกลต้ วั พลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ ของของเหลวจะมีพลังงานและอุณหภมู ิ ของสสาร โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ เพิม่ ขึ้นจนถงึ ระดับหนึง่ ซ่งึ ของเหลวจะ และแบบจำลอง ใช้ความร้อนในการเปลีย่ นสถานะเปน็ แกส๊ เรียกความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยน สถานะจากของเหลวเปน็ แกส๊ วา่ ความ รอ้ นแฝงของการกลายเปน็ ไอ และ อณุ หภมู ขิ ณะเปลยี่ นสถานะจะคงท่ี เรียกอณุ หภมู นิ ้วี า่ จุดเดือด • เม่ือทำให้อณุ หภูมิของแก๊สลดลงจนถงึ ระดบั หนึ่งแก๊สจะเปล่ยี นสถานะเป็น ของเหลว เรียกอุณหภมู นิ ้วี ่า จุด ควบแนน่ ซ่งึ มีอุณหภมู เิ ดียวกับจดุ เดอื ด ของของเหลวนัน้ • เมอื่ ทำให้อณุ หภูมิของของเหลวลดลง จนถงึ ระดบั หนง่ึ ของเหลวจะเปลย่ี น สถานะเปน็ ของแขง็ เรยี กอุณหภมู ินวี้ า่ จดุ เยอื กแขง็ ซง่ึ มีอุณหภูมเิ ดียวกบั จดุ หลอมเหลวของของแขง็ นนั้ สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวติ ประจำวัน ผลของแรงท่ีกระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคลื่อนท่ี แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ชนั้ ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถน่ิ ม.1 ว 2.2 ม 1/1สรา้ งแบบจำลองท่ี - เม่ือวตั ถุอยู่ในอากาศจะมีแรงทอ่ี ากาศกระทำ - อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่าง ตอ่ วตั ถใุ นทุกทิศทาง แรงท่ีอากาศกระทำตอ่ ความดันอากาศกับความสงู จาก วตั ถขุ ้ึนอยู่กับขนาดพน้ื ท่ีของวัตถนุ ัน้ แรงที่ พ้นื โลก อากาศกระทำต้ังฉากกับผิววตั ถตุ ่อหน่งึ หน่วยพื้นท่ี เรียกวา่ ความดันอากาศ

98 -ความดนั อากาศมีความสัมพันธก์ บั ความสงู จากพื้นโลก โดยบริเวณทสี่ ูงจากพ้นื โลกข้นึ ไป อากาศเบาบางลง มวลอากาศน้อยลง ความดันอากาศก็จะลดลง สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ ง สสาร และพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ท่เี กย่ี วข้องกับเสยี ง แสง และคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้ารวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชนั้ ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถน่ิ ม.1 ว 2.3 ม 1/1 - เมอื่ สสารไดร้ ับหรือสูญเสยี ความร้อนอาจ - วเิ คราะห์ แปลความหมายข้อมูล และ ทำใหส้ สารเปล่ยี นอุณหภูมิ เปลีย่ นสถานะ คำนวณปรมิ าณความร้อนท่ีทำใหส้ สาร หรอื เปล่ยี นรูปรา่ ง เปลี่ยนอณุ หภูมแิ ละเปล่ยี นสถานะ - ปรมิ าณความร้อนท่ีทำใหส้ สารเปล่ียน โดยใช้สมการ อุณหภูมขิ น้ึ กบั มวล ความร้อนจำเพาะ และ Q = mcΔt และ อณุ หภูมิ ทีเ่ ปล่ยี นไป Q = mL - ปรมิ าณความร้อนที่ทำใหส้ สารเปลี่ยน ว 2.3 ม 1/2ใชเ้ ทอร์มอมเิ ตอรใ์ นการ สถานะขน้ึ กับมวลและความร้อนแฝง วดั อุณหภมู ิของสสาร จำเพาะ โดยขณะทส่ี สารเปลี่ยนสถานะ อุณหภมู ิจะไมเ่ ปลีย่ นแปลง ว 2.3 ม 1/3สรา้ งแบบจำลองที่อธิบาย - ความร้อนทำใหส้ สารขยายตัวหรอื หดตัว - การขยายตวั หรอื หดตวั ของสสาร ได้ เนอ่ื งจากเมื่อสสารไดร้ บั ความร้อนจะทำ เนื่องจากได้รบั หรือสญู เสียความรอ้ น ใหอ้ นภุ าคเคล่ือนทเ่ี ร็วขึ้น ทำใหเ้ กิดการ

99 ช้นั ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ ท้องถ่ิน ม.1 ว 2.3 ม 1/4 ตระหนกั ถึง ขยายตัวแต่เม่ือสสารคายความรอ้ นจะทำให้ ประโยชนข์ องความรขู้ องการ อนภุ าคเคลื่อนท่ีชา้ ลง ทำให้เกิดการหดตวั หดและขยายตัวของสสาร - ความรู้เร่ืองการหดและขยายตวั ของ เนือ่ งจากความรอ้ น โดย สสารเนอื่ งจากความร้อนนำไปใช้ประโยชน์ วเิ คราะห์สถานการณป์ ญั หา ได้ด้านตา่ ง ๆ เช่น การสร้างถนน การสรา้ ง และเสนอแนะวิธกี ารนำความรู้ รางรถไฟ การทำเทอรม์ อมิเตอร์ มาแก้ปญั หาในชวี ิตประจำวัน ว 2.3 ม 1/5 วเิ คราะห์ - ความร้อนถ่ายโอนจากสสารทมี่ ีอุณหภูมิ สถานการณ์การถา่ ยโอนความ สูงกวา่ ไปยงั สสารทมี่ ีอุณหภูมิต่ำกวา่ รอ้ นและคำนวณปริมาณความ จนกระทง่ั อณุ หภูมิของสสารท้ังสองเทา่ กนั ร้อนทีถ่ ่ายโอนระหว่างสสารจน สภาพท่ีสสารทั้งสองมีอุณหภมู ิเท่ากนั เกดิ สมดุล เรยี กวา่ สมดลุ ความร้อน ความรอ้ นโดยใช้สมการ - เม่ือมีการถา่ ยโอนความร้อนจากสสารทม่ี ี Qสูญเสีย = Qไดร้ ับ อณุ หภูมติ า่ งกนั จนเกิดสมดุลความรอ้ น ความรอ้ นท่เี พมิ่ ข้นึ ของสสารหนงึ่ จะเทา่ กับ ความรอ้ นทีล่ ดลงของอีกสสารหนึง่ ซง่ึ เปน็ ไปตามกฎการอนุรกั ษ์พลังงาน ว 2.3 ม 1/6สร้างแบบจำลองที่ -การถา่ ยโอนความร้อนมี 3 แบบ คอื การ อธิบายการถ่ายโอนความร้อน นำความรอ้ น การพาความร้อน และการแผ่ โดยการนำความร้อน การพา รงั สคี วามรอ้ น การนำความร้อนเปน็ การ ความร้อน การแผร่ งั สคี วามรอ้ น ถา่ ยโอนความร้อนท่ีอาศัยตัวกลาง โดยที่ ตวั กลางไม่เคล่ือนที่ การพาความร้อนเปน็ การถ่ายโอนความรอ้ นที่อาศัยตวั กลาง โดย ว 2.3 ม 1/7ออกแบบ เลือกใช้ ท่ตี ัวกลางเคลื่อนที่ไปด้วย ส่วนการแผร่ งั สี แ ล ะ ส ร้ า ง อุ ป ก ร ณ์ เพ่ื อ ความรอ้ นเป็นการถา่ ยโอนความร้อนที่ไม่ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดย ตอ้ งอาศยั ตวั กลาง ใช้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอน - ความรเู้ กยี่ วกับการถ่ายโอนความร้อน ความรอ้ น สามารถนำไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั ได้ เช่น การเลือกใช้วัสดเุ พอ่ื นำมาทำ ภาชนะบรรจอุ าหาร เพ่ือเกบ็ ความร้อน หรือการออกแบบระบบระบายความรอ้ น

100 สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทงั้ ปฏสิ มั พันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะทสี่ ง่ ผลตอ่ สงิ่ มีชวี ติ และการ ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ ชนั้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถิน่ -- - - สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบและความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายใน โลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัตภิ ัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ ช้ัน ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถนิ่ ม.1 ว 3.2 ม 1/1 สรา้ ง - โลกมบี รรยากาศห่อหุ้ม นักวทิ ยาศาสตร์ใช้ - แบบจำลองที่อธิบายการ สมบัตแิ ละองคป์ ระกอบของบรรยากาศในการ แบง่ ช้ันบรรยากาศ และ แบง่ บรรยากาศของโลกออกเปน็ ชั้น ซ่งึ แบง่ ได้ เปรยี บเทยี บประโยชน์ของ หลายรปู แบบตามเกณฑ์ทีแ่ ตกต่างกัน บรรยากาศแต่ละชั้น โดยท่วั ไปนักวิทยาศาสตร์ใชเ้ กณฑ์การ เปลยี่ นแปลงอณุ หภมู ิตามความสงู แบ่ง บรรยากาศได้เป็น 5 ช้นั ไดแ้ ก่ ช้นั โทรโพสเฟยี ร์ ชัน้ สตราโตสเฟยี ร์ ชน้ั มโี ซสเฟียร์ ชน้ั เทอรโ์ มส เฟยี ร์ และชนั้ เอกโซสเฟียร์ • บรรยากาศแตล่ ะช้ันมีประโยชนต์ อ่ สง่ิ มชี ีวติ แตกต่างกัน โดยชัน้ โทรโพสเฟียร์มี ปรากฏการณ์ ลมฟ้าอากาศที่สำคญั ตอ่ การ ดำรงชีวิตของสง่ิ มชี วี ติ ชั้นสตราโตสเฟียร์ชว่ ย ดดู กลืนรงั สอี ัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ไม่ให้มายังโลกมากเกินไป ชั้นมีโซสเฟียรช์ ่วย ชะลอวตั ถนุ อกโลกทผ่ี ่านเขา้ มา ให้เกิดการเผา ไหม้กลายเป็นวัตถุขนาดเล็ก ลดโอกาสท่ีจะทำ ความเสียหายแก่ส่ิงมีชวี ติ บนโลก ช้ันเทอรโ์ มส เฟียรส์ ามารถสะท้อนคลน่ื วทิ ยุ และชัน้ เอกโซส