คำนำ การจัดการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐานจะต้องสอดคล้องกับการเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม สภาพแวดล้อม และความรทู้ างวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ่ีเจริญก้าวหนา้ อย่างรวดเร็ว เพอ่ื พัฒนาและ เสรมิ สรา้ งศักยภาพคนของชาติใหส้ ามารถเพ่ิมขดี ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ โดยการยกระดับคณุ ภาพการศึกษาและการเรียนรู้ใหม้ ีคณุ ภาพและมาตรฐานระดับสากล สอดคลอ้ งกบั ประเทศไทย ๔.๐ และโลก ในศตวรรษท่ี ๒๑ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารโดยสานกั งานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้นื ฐานจึงได้ดาเนินการทบทวนหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ โดยนาขอ้ มูล จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี และแผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ มาใช้เป็นกรอบ และทศิ ทางในการพัฒนาหลักสูตรให้มีความเหมาะสมชดั เจนยิง่ ข้นึ และ เห็นควรปรบั ปรงุ หลกั สตู รในกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกล่มุ สาระ การเรยี นร้สู งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซ่งึ มีความสาคญั ต่อการพัฒนาประเทศ และเปน็ รากฐานสาคัญ ทีจ่ ะช่วยให้มนษุ ย์มคี วามคิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์ คิดอยา่ งมีเหตผุ ล เปน็ ระบบ สามารถวิเคราะห์ปัญหา หรือ สถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถถี่ ว้ น สามารถ นาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ตลอดจนการใชเ้ ทคโนโลยีที่ เหมาะสมในการบรู ณาการกบั ความรู้ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพ่อื แกป้ ญั หา หรือพฒั นางานดว้ ย กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมท่นี าไปส่กู ารคดิ คน้ ส่ิงประดิษฐ์ หรอื สรา้ งนวตั กรรมต่างๆ ท่เี อื้อประโยชน์ ตอ่ การดารงชวี ิต การใชท้ กั ษะการคดิ เชิงคานวณ ความรู้ ทางดา้ นวทิ ยาการคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยี และ การส่ือสาร ในการแก้ปญั หาท่ีพบในชวี ติ จรงิ ได้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รวมทง้ั ใช้ความรู้ ความสามารถ ทักษะ กระบวนการ และเครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ เรยี นรูส้ ง่ิ ตา่ ง ๆ ที่อยรู่ อบตวั อย่างเขา้ ใจสภาพที่เป็นอยู่ และการ เปลี่ยนแปลงเพื่อนาไปสู่การจัดการและปรับใช้ในการดารงชีวติ และการประกอบอาชพี อย่างสรา้ งสรรค์ ท้งั น้ี กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) รับผิดชอบในการปรับปรงุ หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระ เทคโนโลยี และสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานรับผดิ ชอบปรบั ปรงุ สาระภูมิศาสตร์ ในกลมุ่ สาระ การเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชวี้ ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และเพ่ือใหก้ ารขับเคลือ่ นนโยบาย การพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาสู่ห้องเรยี นอย่างเป็นรูปธรรม สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา อดุ รธานี เขต 2 ไดจ้ ดั คู่มือ 6 มติ คิ ณุ ภาพสู่การปฏิบัติ เพื่อเปน็ แนวทางให้สถานศึกษาในสังกัด ใชเ้ ป็นกรอบในการ พฒั นาหลักสตู รสถานศึกษาและจดั การเรียนการสอน ตลอดจนเปน็ แนวทางให้ผ้ทู ี่เกีย่ วข้อง เข้าใจในเปา้ หมาย การพฒั นาผูเ้ รยี น และมสี ่วนรว่ มในการสง่ เสริม สนับสนนุ ให้ผเู้ รยี นบรรลุตามเปา้ หมายที่ กาหนดไว้ สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาอดุ รธานี เขต 2 ขอขอบคุณ คณะกรรมการดาเนินการ จดั ทาคู่มือ 6 มติ ิคุณภาพสู่การปฏบิ ัติทกุ ท่าน ที่ช่วยใหก้ ารพฒั นาหลกั สูตรฉบบั น้ี มีความสมบูรณแ์ ละ เหมาะสมต่อการจดั การศึกษาเพ่อื คุณภาพของผู้เรยี น กลุ่มนเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการจัดการศึกษา สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาอดุ รธานี เขต 2
สำรบัญ หนำ้ ความรู้พืน้ ฐานเก่ียวกบั หลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 1 และฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช 2560......................................................... 1 2 บทนา .................................................................................................................. 3 สาระสำคญั ของการปรบั ปรงุ หลักสตู ร ............................................................. 4 กระบวนการจัดทำหลกั สูตรสถานศกึ ษา ……………………………………………………… 28 องค์ประกอบหลักสูตรสถานศึกษา ……………………………………………………………… 34 แนวทางการตรวจสอบองคป์ ระกอบของหลกั สตู รสถานศึกษา ............................ 35 การวจิ ัยและตดิ ตามผลการใช้หลกั สูตร ……………………………………………………….. 45 การนาหลกั สูตรสู่การปฏิบตั ิ ................................................................................................................................ 49 การจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ ……………………………………………………………….. เอกสารประกอบหลกั สูตรสถานศกึ ษา ……………………………………………………….. 50 การนำหลักสตู รสถานศึกษาตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน 53 54 พุทธศักราช 2551 ไปใช้ ……………………………………………………………… 55 บทสรปุ …………………………………………………………………………………………………… บรรณานกุ รม ………………………………………………………………………………………….. คาสงั่ แต่งต้งั คณะกรรมการจัดทาคูม่ ือ 6 มติ คิ ุณภาพส่กู ารปฏิบัติ .......................
1 ความรูพ้นื ฐานเก่ียวกบั หลกั สูตรการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และฉบบั ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ บทนา กระทรวงศึกษาธกิ ารไดประกาศใชห ลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ใหเปนหลักสูตรแกนกลางของประเทศ เมื่อวนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เร่ิมใชในโรงเรยี น ตนแบบการใชห ลักสตู รและโรงเรียนทม่ี คี วามพรอมในปการศึกษา ๒๕๕๒ และเรมิ่ ใชใ นโรงเรียนท่วั ไป ตง้ั แตป ก ารศึกษา ๒๕๕๓ เปนตนมา สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐานโดยสาํ นักวชิ าการ และ มาตรฐานการศกึ ษาไดด าํ เนนิ การตดิ ตามผลการนาํ หลักสตู รไปสูการปฏิบตั ิอยางตอ เน่อื งในหลาย รปู แบบพบวา มีขอดีในหลายประการ เชน กาํ หนดเปา หมายการพัฒนาไวชดั เจน มคี วามยืดหยนุ เพียงพอใหสถานศึกษาบริหารจดั การหลักสตู รสถานศกึ ษาได สาํ หรับปญหาทพ่ี บสวนใหญเ กดิ จาก การนาํ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สูการปฏิบัติในสถานศกึ ษาและใน หองเรียน นอกจากน้ีทศิ ทางของกรอบยุทธศาสตร แผนแมบท และกฎหมายท่เี กย่ี วขอ งกบั การพฒั นา ประเทศ พบวา ประเด็นสาํ คญั เพอ่ื เปลย่ี นแปลงแผนไปสกู ารปฏิบตั ใิ หเกดิ ผลสัมฤทธิไ์ ดอ ยางแทจ รงิ คอื การเตรียมพรอ มดานกําลงั คนและการเสรมิ สรางศักยภาพของประชากรในทกุ ชวงวัย มุง เนน การยกระดบั คณุ ภาพมนษุ ยของประเทศ โดยพัฒนาคนใหเหมาะสมตามชว งวยั เพ่ือใหเติบโตอยา ง คุณภาพ การพฒั นาทกั ษะทสี่ อดคลอ งกับความตอ งการในตลาดแรงงานและทักษะทีจ่ ําเปน ตอ การดาํ รงชวี ติ ในศตวรรษที่ ๒๑ ของคนในแตละชว งวยั ตามความเหมาะสม การเตรยี มความพรอมของ กาํ ลังคนดานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยที ี่จะเปลย่ี นแปลงในอนาคต ตลอดจนการยกระดบั คุณภาพ การศึกษาสคู วามเปนเลิศ ในการขบั เคลื่อนยทุ ธศาสตรช าติเพ่อื เตรียมความพรอ มคนใหสามารถปรับตัวรองรบั ผลกระทบ จากการเปล่ียนแปลง ในยุคโลกาภวิ ัตนไ ดอ ยา งเหมาะสม กระทรวงศึกษาธกิ ารจงึ กาํ หนด เปนนโยบายสําคัญและเรง ดวนใหม กี ารปรบั ปรุงหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ในกลุมสาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร วทิ ยาศาสตร และสาระภูมศิ าสตรใ นกลมุ สาระการเรียนรู สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมรวมทั้งสาระเทคโนโลยี โดยมอบหมายใหส ถาบันสงเสริมการสอน วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) ดําเนนิ การปรบั ปรงุ กลุมสาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร กลุมสาระ การเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร และสาระเทคโนโลยี และมอบหมายใหส ํานกั งานคณะกรรมการการศึกษา ขนั้ พ้นื ฐานดําเนินการปรบั ปรุงสาระภูมิศาสตร ในกลุมสาระการเรียนรสู ังคมศึกษา ศาสนาและ วฒั นธรรม การปรบั ปรุงหลักสูตรคร้งั นี้ ยังคงหลกั การและโครงสรางเดิมของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ คือ ประกอบดวย ๘ กลมุ สาระการเรียนรูไ ดแ ก กลมุ สาระการเรยี นรู ภาษาไทย คณิตศาสตร วิทยาศาสตร สังคมศึกษา ศาสนารรมและวฒั นธรรม สุขศกึ ษาและ พลศึกษา ศิลปะ การงานอาชพี และเทคโนโลยี และภาษาตา งประเทศ แตมุงเนน การปรับปรงุ เน้อื หา ใหมคี วาม ทันสมัย ทันตอ การเปลย่ี นแปลงและความเจรญิ กาวหนาทางวทิ ยาการตา งๆ คาํ นงึ ถึงการสง เสรมิ ใหผเู รยี น มีทกั ษะทจี่ ําเปนสําหรบั การเรยี นรูในศตวรรษที่ ๒๑ เปนสําคญั เตรียมผเู รยี นให มีความพรอมทีจ่ ะ เรียนรูส ิ่งตางๆ พรอ มท่จี ะประกอบอาชพี เมอ่ื จบการศึกษาหรอื สามารถศึกษาตอ ใน ระดบั ทส่ี ูงขน้ึ สามารถแขงขนั และอยรู ว มกบั ประชาคมโลกได
2 กรอบในการปรับปรุง คอื ใหมีองคความรูทเ่ี ปน สากลเทียบเทา นานาชาติ ปรับมาตรฐาน การเรยี นรู และตัวชวี้ ัดใหม ีความชดั เจน ลดความซํา้ ซอน สอดคลอ งและเชอื่ มโยงกันภายในกลมุ สาระ การเรียนรูแ ละระหวาง กลุม สาระการเรียนรู ตลอดจนเชื่อมโยงองคค วามรูทางวิทยาศาสตร คณิตศาสตร และเทคโนโลยีเขาดวยกนั จัดเรียง ลาํ ดับความยากงา ยของเนือ้ หาในแตล ะระดบั ช้ันตาม พัฒนาการ แตล ะชวงวยั ให มีความเช่ือมโยงความรแู ละกระบวน การเรียนรโู ดยใหเรยี นรผู า นการปฏิบัติ ท่ีสง เสรมิ ใหผูเรยี นพฒั นาความคิด สาระสาคัญของการปรบั ปรงุ หลักสูตร มีดงั น้ี ๑. กลมุ สาระการเรยี นรูค ณิตศาสตร และวทิ ยาศาสตร์ ๑.๑ จดั กลมุ ความรใู หมและนาํ ทกั ษะกระบวนการไปบูรณาการกับตวั ชว้ี ัด เนน ใหผูเ รยี น เกิดการคิดวิเคราะห คดิ แกปญหา และมีทักษะในศตวรรษท่ี ๒๑ ๑.๒ กาํ หนดมาตรฐานการเรียนรูแ ละตวั ช้วี ัดสําหรับผูเ รยี นทกุ คนที่เปนพนื้ ฐานที่เกี่ยวของ กบั ชีวิตประจําวนั และเปนพนื้ ฐานสําคญั ในการศึกษาตอ ระดบั ทีส่ งู ข้ึน ๑.๓ ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี ๔ – ๖ กําหนดตัวชว้ี ัด เปนรายปเ พื่อเปน แนวทางให สถานศึกษาจัดตามลาํ ดับการเรียนรู อยางไรกต็ ามสถานศึกษาสามารถพจิ ารณาปรับเล่อื นไหลระหวางป ไดต ามความเหมาะสม ๒. กลุมสาระการเรยี นรูว ทิ ยาศาสตร ไดเ พิ่มสาระเทคโนโลยี ซึง่ ประกอบดวยการออกแบบ และเทคโนโลยแี ละวิทยาการคาํ นวณ ทง้ั นี้เพ่ือเอื้อตอการจดั การเรยี นรูบรูณาการสาระทาง คณติ ศาสตร วทิ ยาศาสตร และเทคโนโลยี กบั กระบวนการเชงิ วศิ วกรรม ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา ๓. สาระภมู ิศาสตร ซ่งึ เปนสาระหน่งึ ในกลุมสาระการเรียนรสู ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ไดปรบั มาตรฐเารนยี กนารรูแ ละตวั ชวี้ ัดใหมคี วามชดั เจน สอดคลองกบั พัฒนาการตามชว งวยั มีองคค วามรู ทเ่ี ปนสากล เพิ่มความสามารถ ทักษะและกระบวนการทางภูมศิ าสตร ทีช่ ัดเจนข้ีน ๔. กลมุ สาระการเรยี นรูการงานอาชพี และเทคโนโลยี ตามคาํ สง่ั สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน ที่ ๙๒๑/๒๕๖๑ เร่ือง ใหย กเลิกมาตรฐานการเรียนรแู ละตัวช้วี ัด สาระที่ ๒ การออกแบบ และเทคโนโลยี และสาระที่ ๓ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ในกลมุ สาระ การเรียนรกู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และเปล่ยี นช่อื กลมุ สาระ การเรียนรูดังนี้ ๔.๑ ยกเลิกมาตรฐานการเรยี นและตัวชี้วดั สาระท่ี ๒ การออกแบบเทคโนโลยี และสาระ ท่ี ๓ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร ในกลุม สาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ คงเหลือ ๒ สาระ คือ สาระที่ ๑ การดํารงชีวิตและครอบครวั และสาระที่ ๔ การอาชพี ๔.๒ เปลี่ยนช่อื สาระท่ี ๔ การอาชพี เปนสาระท่ี ๒ การอาชีพ ในกลมุ สาระการเรียนรู การงานอาชีพและเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
3 เงื่อนไขและระยะเวลาการยกเลิกและเปล่ยี นชือ่ สาระ ตามขอ ๑ และ ขอ ๒ ใหเปน ไป ดังน้ี ๑. ปก ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ใหย กเลิกและเปล่ยี นชอ่ื สาระในชน้ั ประถมศึกษาปที่ ๑ และ๔ และชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี ๑ และ ๔ ๒. ปก ารศึกษา ๒๕๖๒ ใหยกเลิกและเปลย่ี นชอื่ สาระในชัน้ ประถมศึกษาปที่ ๑ , ๒ , ๔ และ ๕ และชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี ๑ , ๒ , ๔ และ ๕ 3. ๓. ตงั้ แตป การศกึ ษา ๒๕๖๓ เปน ตน ไป ใหยกเลิกและเปลี่ยนชอ่ื สาระทุกชัน้ เรยี น ๔. ตัง้ แตปการศึกษา 2563 เปนตนไป ใหเ ปลีย่ นช่ือกลมุ สาระการเรยี นรู ดังน้ี ๔.๑ กลมุ สาระการเรยี นรกู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี เปน กลุมสาระการเรยี นรูการงาน อาชพี ๔.๒ กลมุ สาระการเรียนรวู ทิ ยาศาสตร เปน กลมุ สาระการเรียนรวู ิทยาศาสตรแ ละ เทคโนโลยี กระบวนการจดั ทำหลกั สตู รสถานศกึ ษา การจดั ทาหลักสตู รสถานศกึ ษามีกระบวนการ ดงั น้ี 1. แตง ตั้งคณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและงานวชิ าการของสถานศึกษา และคณะทาํ งาน 2. ศึกษา วิเคราะหห ลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กรอบหลักสูตรระดบั ทองถนิ่ และเอกสารประกอบหลักสตู รตางๆ รวมทั้งขอ มลู สารสนเทศเกี่ยวกบั สภาพ ปญหาจุดเนน ความตอ งการของสถานศึกษา ผเู รียนและชมุ ชน 3. 3. จัดทําหลกั สตู รสถานศึกษา ซงึ่ มีองคป ระกอบสาํ คัญ ดังน้ี สวนนํา โครงสรางหลกั สูตร สถานศึกษา คาํ อธิบายรายวิชา เกณฑก ารวดั และประเมินผล และเกณฑการจบการศกึ ษา 4. ตรวจสอบองคประกอบหลกั สูตรสถานศึกษา โดยพจิ ารณาคุณภาพ ความถกู ตอ งและ ความเหมาะสม ๕. นําเสนอคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พนื้ ฐานพจิ ารณาใหความเห็นชอบ หากมี ขอเสนอแนะจากคณะกรรมการ ใหนําขอเสนอแนะไปพิจารณาปรับปรุงกอ นการอนุมตั ใิ ชหลกั สูตร 6. จัดทําเปน ประกาศหรอื คําสงั่ เรอ่ื งใหใ ชหลักสูตรสถานศึกษา โดยผูบรหิ ารสถานศกึ ษา และประธานกรรมการสถานศึกษาเปนผลู งนาม หรือผูบรหิ ารสถานศกึ ษาเปนผูล งนาม 7. การใชหลักสูตรสถานศึกษา ครูผสู อนนาํ หลักสตู รสถานศกึ ษาไปกาํ หนดโครงสรางแราลยะาวิช ออกแบบหนว ยการเรยี นรเู พ่ือพัฒนาผูเรยี นใหมคี ุณภาพตามเปา หมาย 8. วิจยั และตดิ ตามผลการใชห ลักสูตร ดําเนนิ การตดิ ตามผลการใชห ลกั สตู รอยางตอ เน่ือง เปน ระยะๆ เพอื่ นําผลจากการติดตามมาใชเปนขอ มูลพจิ ารณาปรับปรุงหลักสูตรใหม คี ุณภาพและมีความ เหมาะสมยิ่งขึ้น
4 องคประกอบหลักสูตรสถานศึกษา ประกอบดวย ๑. สวนนาํ ขอมูลในสว นนช้ี ว ยใหค รูผสู อนและผูเ ก่ียวของทราบถึงเปาหมายโดยรวมของ สถานศกึ ษาในการพัฒนาผูเรียน ประกอบดว ยสวนสาํ คัญ คอื ความนาํ วิสัยทศั น สมรรถนะสาํ คัญ ของผูเรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค ๒. โครงสรา งหลักสูตรสถานศึกษา เปนสวนทีใ่ หข อ มลู เกีย่ วกบั การกาํ หนดรายวชิ าทจ่ี ัดสอน ในแตละป/ ภาคเรยี น ประกอบดว ยรายวชิ าพ้ืนฐาน รายวชิ าเพมิ่ เติม กิจกรรมพฒั นาผูเ รียนพรอม ทัง้ จาํ นวนเวลาเรยี น หรอื หนวยกิตของรายวชิ าเหลานั้น (โครงสรา งเวลาเรยี น และโครงสรา งหลกั สูตรช้ันป) ๓. คำอธิบายรายวชิ า สว นนเี้ ปน รายละเอียดท่ชี ว ยใหทราบวาผเู รียนจะเรียนอะไรจากรายวชิ า น้นั ๆ ในคําอธบิ ายรายวชิ าจะประกอบดวยรหัสวิชา ชอ่ื รายวิชา ประเภทวชิ า (พ้นื ฐาน/ เพมิ่ เติม) กลุมสาระ การเรยี นรู้ ระดบั ชั้นทส่ี อนพรอมทัง้ คําอธิบายใหท ราบวา เม่อื เรยี นรายวิชานั้นแลว ผูเรียนจะมี ความรู ทกั ษะ คณุ ลักษณะหรอื เจตคตอิ ะไร ซึ่งอาจระบุใหท ราบถึงกระบวนการเรยี น หรือประสบการณ สําคญั ทผ่ี เู รียน จะไดรับดวยกไ็ ด ๔. กจิ กรรมพฒั นาผเู รียน แบงเปน ๓ ลกั ษณะ คือ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๒. กจิ กรรมนักเรยี น และ ๓. กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน ๕. เกณฑการจบการศึกษา เปน สวนทส่ี ถานศึกษากาํ หนดคณุ สมบตั ิของผูท่ีจะจบการศกึ ในแตล ะ ระดับ โดยพฒั นาเกณฑดงั กลา วใหส อดคลอ งสมั พันธกับเกณฑก ารจบหลกั สูตรแกนกลาง แตสถานศกึ ษา จะตองจดั ทาํ ระเบียบวาดว ยการวดั และประเมินผลการเรียนเพ่ือใชควบคูกบั หลกั สตู รสถานศึกษาดวย อกี เลม หนงึ่ รายละเอียดรูปเลม ตามองคประกอบของหลกั สตู รสถานศกึ ษา ๑. ปกหลักสตู รสถานศึกษาควรประกอบไปดว ยตราสัญลักษณของโรงเรียน ชือ่ โรงเรยี น ปี พ.ศ.ท่เี ร่ิมใชห้ ลกั สตู รและหน่วยงานทีโ่ รงเรยี นสงั กดั หากหลังจากใชไ้ ประยะหนึ่งแลว้ สถานศึกษามี การปรับปรุงหลักสตู ร ให้ปรับเปลย่ี นปี พ.ศ. ใหม่ใหส้ อดคล้องกับปีทป่ี รบั ปรงุ ตวั อยางที่ ๑ ปกหลักสตู รสถานศึกษา ตวั อยางท่ี ๒ ปกหลักสูตรสถานศึกษา ตราโรงเรยี น ตราโรงเรยี น หลักสตู รสถานศึกษา หลักสูตรโรงเรียน……………….……….. โรงเรยี น....................... พุทธศกั ราช...2563....(ปท เ่ี รมิ่ ใช) พุทธศกั ราช...2563.....(ปทเี่ รม่ิ ใช) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) สาํ นักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา สาํ นกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา อุดรธานี เขต 2 อดุ รธานี เขต 2 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
5 ๒.ประกาศหรือคาํ สง่ั ใหใชห ลกั สตู รสถานศกึ ษา หลงั จากคณะกรรมการสถานศึกษา ขัน้ พ้ืนฐานเหน็ ชอบแลวใหจัดทาํ ประกาศหรอื คําส่งั โดยผบู ริหารสถานศกึ ษา และประธานกรรมการสถาน ศกึ ษาเปน ผูลงนาม หรอื ผบู รหิ ารสถานศึกษาเปนผลู งนามแตเพียงผเู ดยี ว ตัวอยา่ งประกาศโรงเรยี น ตวั อยา งท่ี ๑ ประกาศโรงเรียนเรื่องใหใ ชห้ ลักสูตร ตัวอยา งท่ี ๒ ประกาศโรงเรียนเร่ืองใหใ ชหลักสตู ร ประกาศโรงเรยี น................... ประกาศโรงเรียน............... เรือ่ ง ให้ใชห้ ลกั สตู รโรงเรียน.....พทุ ธศกั ราช...(ปีท่เี รม่ิ ใช)้ เรือ่ ง ให้ใชห้ ลกั สูตรโรงเรยี น......พุทธศักราช.....(ปที ่ีเร่ิมใช)้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ …………………………………………. ……………………………………………………………. .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ................................................................................................................................. .................................................................................................................................... ................................................................................................................................. ...................................................................................................................................... ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ท้งั น้ี หลกั สตู รโรงเรยี นได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ทง้ั น้ี หลักสตู รโรงเรียนไดร้ บั ความเหน็ ชอบจาก คณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน เมือ่ วันท่ี .....เดอื น................พ.ศ. ................ จงึ ประกาศใหใ้ ช้หลกั สตู รโรงเรียนตั้งแตบ่ ดั น้ีเปน็ ต้นไป เมือ่ วันที่ .....เดือน................พ.ศ. ................ จึงประกาศให้ใช้หลกั สูตรโรงเรียนตงั้ แต่บดั นี้เปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ ....เดอื น.............พ.ศ. .......... ประกาศ ณ วันที่ ....เดอื น..........พ.ศ. .......... ................................... (.................................) ............................... ................................ ผู้อานวยการโรงเรยี น………………. (.............................) (....................................................) ประธานคณะกรรมการ......ผู้อานวยการโรงเรยี น....
6 ๓. ความนาํ เขียนแสดงใหเห็นความเชอ่ื มโยงระหวางหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา ขัน้ พื้นฐานพุทธศกั ราช 2551 มาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชวี้ ัดกลุมสาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร วทิ ยาศาสตร และสาระภูมิศาสตร ในกลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมท้งั คาํ สั่งและประกาศตา งๆ ที่เกย่ี วขอ ง กรอบหลกั สูตรระดับทอ งถ่ิน จดุ เนน และความตองการ ของโรงเรยี น ๔. วสิ ยั ทัศนโ รงเรยี น เปนเจตนารมณ อุดมการณ หลกั การ ความเชื่อ อนาคตทพี่ ึงประสงค เอกลกั ษณของโรงเรียนเพอื่ สรา งศรัทธา จดุ ประกายความคดิ ในการพัฒนาองคก รและคณุ ภาพผเู รยี น ทสี่ อดคลอ งกบั หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กรอบหลกั สูตรระดับทอ งถิ่น จดุ เนน และความตอ งการของโรงเรยี น มแี นวทางการกาํ หนด ดงั นี้ 4.1 ศกึ ษาขอมลู ตอ ไปนี้ 1. ศกึ ษา วเิ คราะห วิสยั ทัศนห ลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 2. ศกึ ษากรอบหลักสูตรระดบั ทองถน่ิ 3. ศกึ ษาขอ มลู ความตอ งการ จดุ เนน ของทองถ่ินและโรงเรียน 4.2 กําหน ดคาํ สําคญั ท่บี ง บอกถงึ เจตนารมณ อุดมการณ หลักการ ความเช่อื อนาคต ที่พึงประสงคทีจ่ ะพัฒนาผูเ รยี นไปสูจดุ หมายของสถานศึกษา 4.3 ลกั ษณะของวิสยั ทัศนทส่ี มบรู ณ ควรประกอบดว ยประเดน็ ตอ ไปน้ี 1. สอดคลอ งกับจดุ หมาย หลกั การของหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ 2. สอดคลองกบั กรอบหลักสูตรระดบั ทอ งถ่นิ 3. แสดงภาพอนาคตของผเู รยี นทคี่ รอบคลุมสภาพความตองการของโรงเรียน ชุมชน และ ท้องถิ่น 4. ใชภาษาทก่ี ระชับ ชัดเจน สามารถนําไปสูการปฏบิ ตั ิได และไมค วรคัดลอกวสิ ยั ทศั น์ ของหลักสตู รแกนกลางฯ มาทงั้ หมด ควรนาํ มาเทียบเคียงและปรบั ใหเ ปน ของสถานศึกษาตนเอง ๕. สมรรถนะสาํ คญั ของผูเ รียน เปน สมรรถนะจําเปน พ้นื ฐาน ๕ ประการ ไดแ ก ๑) ความสามารถในการ สื่อสาร ๒) ความสามารถในการคิด ๓) ความสามารถในการแกป ญ หา 4) ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ ๕) ความสามารถในการใชเทคโนโลยี ท่มี ุงพัฒนาผูเรียนใหม ี คณุ ภาพ ตามมาตรฐานการเรียนรู ซ่ึงกาํ หนดไวใ นหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สมรรถนะสําคญั เหลานไี้ ดห ลอมรวมอยใู นมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วดั ของกลมุ สาระการเรียนรูตา งๆ ทั้ง ๘ กลมุ สาระการเรยี นรูและกิจกรรมพฒั นาผเู รยี น ๖. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑1 กําหนดไว 8 ประการ ไดแก 1) รกั ชาติศาสนก ษัตริย 2) ซื่อสตั ยส จุ รติ 3) มวี ินยั 4) ใฝเรียนรู\" 5) อยูอยา งพอเพียง 6) มงุ ม่ันในการทาํ งาน 7) รกั ความเปน ไทย 8) มจี ติ สาธารณะ เปนคณุ ลักษณะ ท่ตี อ งการใหเกดิ แก ผเู รียนทกุ คนในระดบั การศึกษาขัน้ พื้นฐาน โรงเรยี นอาจจะเพ่ิมเตมิ ตามจดุ เนน ของ โรงเรียนไดต ามความเหมาะสม
7 ๗. โครงสรางหลกั สตู รสถานศึกษา การจดั ทาํ โครงสรา งหลักสูตรสถานศึกษา จะตองทํา ๒ สวน ไดแก โครงสรา งเวลาเรยี น และ โครงสรางหลกั สูตรชนั้ ป โดยพิจารณาจากขอ มลู ตอ ไปนี้ ๑. โครงสรางเวลาเรียน เวลาเรียน กลุ่มสาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม ระดับประถมศึกษา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 - 6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 200 200 200 160 160 160 120 120 120 240 ภาษาไทย (3 นก.) (3 นก.) (3 นก.) (6 นก.) คณิตศาสตร์ 200 200 200 160 160 160 120 120 120 240 (3 นก.) (3 นก.) (3 นก.) (6 นก.) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 80 80 80 80 80 120 120 120 (3 นก.) (3 นก.) (3 นก.) 240 สังคมศกึ ษา ศาสนา และ 120 120 120 120 120 120 160 160 160 (6 นก.) วัฒนธรรม (4 นก.) (4 นก.) (4 นก.) 320 (8 นก.) ประวัตศิ าสตร์ 40 40 40 40 40 40 40 40 40 80 ศาสนา ศีลธรรม (1 นก.) (1 นก.) (1 นก.) (2 นก.) จรยิ ธรรม 80 120 120 120 240 (3 นก.) (3 นก.) (3 นก.) (6 นก.) หนา้ ทีพ่ ลเมือง วฒั นธรรม 80 80 80 80 80 และการดาเนินชวี ิต 80 80 80 80 120 (2 นก.) (2 นก.) (2 นก.) ในสังคม (3 นก.) 80 80 80 80 เศรษฐศาสตร์ (2 นก.) (2 นก.) (2 นก.) 120 (3 นก.) ภูมิศาสตร์ 80 80 80 80 (2 นก.) (2 นก.) (2 นก.) 120 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 80 80 80 80 80 (3 นก.) ศิลปะ 80 80 80 80 80 การงานอาชพี 40 40 40 80 80 ภาษาต่างประเทศ 200/120 200/120 200/120 80 80 80 120 120 120 240 (6 นก.) รวมเวลาเรยี น 840 840 840 840 840 (3 นก.) (3 นก.) (3 นก.) (พ้ืนฐาน) 1,640 840 880 880 880 (22นก.) (22นก.) (22 นก.) (41 นก.) กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น 120 120 120 120 120 120 120 120 120 360 รายวิชา/กิจกรรมที่สถานศกึ ษา ปลี ะไม่น้อยกวา่ 40 ชวั่ โมง ไม่นอ้ ยกวา่ เพมิ่ เตมิ ตามความพรอ้ มและจดุ เนน ปลี ะไม่นอ้ ยกวา่ 220 ชั่วโมง 1,600 ชั่วโมง รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด ไม่น้อยกว่า 1,000 ช่ัวโมง/ปี รวม 3 ปี ไม่ ไมน่ ้อยกวา่ 1,200 ช่ัวโมง/ปี นอ้ ย กว่า ,3600 ชั่วโมง
8 ตวั อย่างโครงสร้างเวลาเรยี นระดบั ประถมศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนร/ู้ กจิ กรรม เวลาเรยี น ระดบั ประถมศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 ภาษาไทย 840 840 840 คณติ ศาสตร์ 840 840 840 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศกึ ษา ศาสนา และ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม หนา้ ท่ีพลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนินชวี ติ ในสงั คม เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ศิลปะ การงานอาชีพ ภาษาตา่ งประเทศ รวมเวลาเรยี น(พ้ืนฐาน) กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น O กิจกรรมแนะแนว O กิจกรรมนกั เรียน -ลกู เสอื ยวุ กาชาด -ชมรม ชุมนุม O กิจกรรมเพอื่ สงั คมและ สาธารณประโยชน์ รวมเวลากจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น รายวชิ า/กจิ กรรมที่ สถานศึกษาจัดเพมิ่ เตมิ ตามความพรอ้ มและ จุดเน้น รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด ใหโ้ รงเรยี นระบเุ วลาเรยี นตามท่โี รงเรยี นกาหนด
9 ตวั อย่างโครงสรา้ งเวลาเรียนระดับมัธยมศึกษา กลุม่ สาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียน ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ม.1 ม.2 ม.3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สงั คมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม ประวัตศิ าสตร์ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หนา้ ทพ่ี ลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชีวติ ในสังคม เศรษฐศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ศลิ ปะ การงานอาชีพ ภาษาต่างประเทศ รวมเวลาเรยี น(พนื้ ฐาน) รายวชิ าเพิ่มเตมิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น O กิจกรรมแนะแนว O กจิ กรรมนักเรยี น -ลกู เสอื ยวุ กาชาด รด. -ชมรม ชมุ นมุ O กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ รวมเวลากิจกรรมพฒั นาผู้เรียน รวมเวลาเรียน ให้โรงเรยี นระบุเวลาเรยี นตามทโ่ี รงเรียนกาหนด
10 2) โครงสร้างหลักสูตรชัน้ ปี เวลาเรยี น(ชม./ปี) ตวั อยา่ งโครงสรา้ งหลักสูตรชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ......... 840 รายวชิ า/กจิ กรรม รายวชิ าพน้ื ฐาน ท11101 ภาษาไทย ค11101 คณติ ศาสตร์ ว11101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส11101 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส11102 ประวตั ศิ าสตร์ พ11101 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ศ11101 ศลิ ปะ ง11101 การงานอาชีพ อ11101 ภาษาอังกฤษ รายวชิ า/กิจกรรมเพ่ิมเตมิ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน 120 กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน - ลกู เสือ/เนตรนารี/ยวุ กาชาด - ชมรม ชมุ นุม กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ รวมเวลาเรียนทง้ั หมด
11 ตัวอย่างโครงสรา้ งหลักสตู รชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ..... ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยกติ /ชวั่ โมง ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชา/ รายวชิ า/กิจกรรม รายวิชา/กิจกรรม กิจกรรม รายวชิ าพื้นฐาน 11.0(440) รายวชิ าพื้นฐาน 11.0(440) ท21101 ภาษาไทย ท21102 ภาษาไทย ค21101 คณิตศาสตร์ ค21102 คณติ ศาสตร์ ว21101 วทิ ยาศาสตร์ ว21102 วทิ ยาศาสตร์ ส21101 สงั คมศกึ ษา ส21103 สงั คมศกึ ษา ส21102 ประวตั ศิ าสตร์ ส21104 ประวัตศิ าสตร์ พ21101 สขุ ศกึ ษา พ21103 สขุ ศึกษา พ21102 พลศึกษา พ21104 พลศกึ ษา ศ21101 ดนตรีและนาฏศลิ ป์ ศ21102 ทัศนศลิ ป์ ง21101 การงานอาชีพ ง21102 การงานอาชพี อ21101ภาษาองั กฤษ อ21102ภาษาองั กฤษ รายวชิ าเพิม่ เติม รายวชิ าเพ่ิมเติม กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 60 กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 60 กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี น กจิ กรรมนกั เรยี น -ลูกเสอื -นตรนารี -ลูกเสอื -เนตรนารี -ชมรม ชมุ นุม -ชมรม ชมุ นมุ กจิ กรรมเพ่ือสงั คม กจิ กรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ และสาธารณประโยชน์ รวมเวลาเรยี น รวมเวลาเรียน
12 1) การจดั สรรเวลาเรยี นในรายวชิ าพื้นฐาน ผเู รียนตอ งมคี ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรูและ ตวั ชวี้ ัดที่หลักสตู รแกนกลางฯ กําหนด 2) การจดั เวลาเรียนต้องให้สอดคล้องกับเกณฑ์การจบ และคานงึ ถงึ ศักยภาพของผู้เรียน 3) วชิ าหน้าทพี่ ลเมือง สถานศึกษาทุกแห่งยงั คงต้องจัดการเรียนการสอนหน้าท่ีพลเมอื ง เปา้ หมายของการจัด คอื การส่งเสรมิ การสรา้ งความเป็นพลเมืองดีของชาตติ ามความพร้อม และ บรบิ ทของสถานศึกษา โดยมีทางเลือกในการจัดการเรยี นการสอน 4 ทางเลอื ก ดังนี้ (1) เพม่ิ วชิ าหน้าที่พลเมืองในหลกั สตู รสถานศกึ ษา โดยจดั เป็นรายวิชาเพิ่มเติมในกลุ่มสาระ การเรยี นรู้สังคมฯ (วดั ผลรายวิชาเพม่ิ เติมหน้าท่ีพลเมือง) (2) บูรณาการกบั การเรยี นรายวิชาอืน่ ท้งั รายวิชาพน้ื ฐาน หรือเพมิ่ เติมในกล่มุ สาระ การเรยี นรู้ สงั คมศึกษาฯ (วัดผลรวมอยูใ่ นรายวชิ านน้ั ๆ) (3) บูรณาการกบั การเรียนร้ใู นรายวิชาพืน้ ฐาน หรอื รายวชิ าเพม่ิ เติม ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น (วัดผลรวมอย่ใู นรายวชิ าน้นั ๆ) (4) บูรณาการการเรยี นรู้กบั กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น หรอื กจิ กรรม/โครงการ/โครงการหรือวิถี ชีวิตประจาวนั ในโรงเรียน (วดั ผล ผา่ น – ไมผ่ า่ น ตามลักษณะของกจิ กรรม) ทั้งนี้ สถานศกึ ษาควรระบุไดว้ า่ จัดการเรียนการสอนหนา้ ท่พี ลเมอื งในลักษณะใด ผลการจัด บรรลุ เปา้ หมายหรอื ไม่ เชน่ ระบใุ นแผนการจดั การเรียนรู้ หรอื หนว่ ยการเรียนรู้ 4) การเรียนการสอนประวัตศิ าสตร์ ระดบั ประถมศึกษาใหเ้ รียนสาระประวตั ศิ าสตร์ 40 ชม/ปี ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น 40 ชม/ปี (๓ หนว่ ยกติ ) และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 80 ชม/ปี (2 หนว่ ยกติ ) 5) การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ สถานศึกษาทุกแห่งยังคงตอ้ งจดั การเรยี นการสอน ภาษาอังกฤษ ในชนั้ ป.1 – 3 จานวน 200 ชม/ปี โดยเสนอทางเลือก 2 ทาง ดังนี้ (1)จดั การเรยี นการสอนภาษาอังกฤษ เป็นรายวิชาพนื้ ฐาน อย่างนอ้ ย 200 ชม/ปี (2) จดั การการสอนภาษาองั กฤษ เปน็ รายวชิ าพื้นฐาน อย่างน้อย 120 ชม/ปี และจดั เป็น รายวชิ า เพม่ิ เตมิ หรอื กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น หรอื กิจกรรมเสรมิ หลักสูตร 80 ชม./ปี รวมเวลาเรยี น ภาษาองั กฤษทงั้ หมด จํานวน 200 ชม./ปี 6)การจัดการเรยี นการสอนหลกั สูตรตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา (Anti-Corruption Education) กลุ่มเป้าหมายครอบคลมุ ทุกระดบั ชั้นเรยี น โดยมีแนวทางการนาไปใชต้ ามความเหมาะสมของแต่ละโรงเรยี น ดงั น้ี (1) นาไปจดั ทาเป็นรายวิชาเพ่ิมเตมิ ของโรงเรยี น (2) นาไปใช้ในชว่ั โมงลดเวลาเรยี นเพ่ิมเวลารู้ (3) นาไปบูรณาการกับการจัดการเรยี นการสอนในกลุม่ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (สาระหน้าท่ีพลเมอื ง) หรือนาไปบรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ ื่นๆ โรงเรยี นสามารถดาวน์โหลดหลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษา เพ่ือนาไปใช้ประกอบการเรยี นการสอน ได้ท่เี วบ็ ไซต์ สานักงาน ป.ป.ช. ที่ www.nacc.go.th สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ท่ี www.obec.go.th และโรงเรยี นสจุ ริต ท่ี www.uprightschool.net
13 7) การจดั กจิ กรรมลดเวลาเรียนเพม่ิ เวลารู้ โรงเรียนสามารถปรับโครงสร้างเวลาเรยี นและโครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา ได้ดังน้ี (๑) ระดับประถมศึกษา ปรบั เวลาเรียนพื้นฐานของแต่ละกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ไดต้ ามความเหมาะสม และบรู ณาการการเรยี นรู้ ทั้งนีต้ ้องมีเวลาเรยี นรวมตามทกี่ าหนดไวใ้ นโครงสร้างเวลาเรยี น โดยรายวิชา พ้ืนฐาน เทา่ กับ ๘๔๐ ชัว่ โมง/ปี และรายวิชา/กจิ กรรมทส่ี ถานศึกษาจัดเพ่มิ เติมตามความพร้อมและจดุ เน้น ไม่น้อยกว่า ๔๐ ชวั่ โมง/ปี โดยผู้เรียนต้องมีคณุ ภาพตาม มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ัดทก่ี าหนด เวลาของการจัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น จานวน ๑๒๐ ชวั่ โมง/ป (๓ ช่วั โมง/สปั ดาห์) จดั เป็นกิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” บังคบั ตามหลักสูตร ประกอบด้วย กิจกรรม แนะแนว กจิ กรรมนกั เรยี น และกิจกรรม เพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ โดยเวลาเรียนรวมท้งั หมดไม่น้อยกวา่ ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง/ปี (๒) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ สถานศึกษาจัดแบง่ จานวนหนว่ ยกติ ทเ่ี รยี นของแตล่ ะรายวิชาต่อ ภาคเรียนได้ตามความเหมาะสม และบูรณาการการเรยี นรู้ แตท่ งั้ นต้ี ้องเปน็ ไปตามโครงสรา้ งเวลาเรียน ท่หี ลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนด โดยรายวิชาพืน้ ฐาน เทา่ กบั ๘๘๐ ชัว่ โมง/ปี และ รายวิชา/กจิ กรรมท่ีสถานศึกษาจัดเพมิ่ เติมตามความพรอ้ มและจดุ เน้น อย่างน้อย ๒๐๐ ชวั่ โมง/ปี รวมท้งั ส้นิ โดยผู้เรยี นต้องมคี ุณภาพตามมาตรฐาน การเรียนรู้และตัวชวี้ ัดทก่ี าหนด เวลาของการจัดกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง/ปี (๓ ชวั่ โมง/ สปั ดาห์) จดั เป็นกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้” บังคบั ตามหลักสตู ร ประกอบดว้ ย กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน และกิจกรรม เพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ เวลาเรยี นรวม ทัง้ หมดไม่น้อยกวา่ ๑,๒๐๐ ชว่ั โมง/ปี 8) จานวนมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวัด และลักษณะตวั ช้ีวดั 8.1 จานวนมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวช้ีวัด ศึกษาและพิจารณาจานวนตวั ชว้ี ัดชน้ั ปี และ ตวั ชี้วดั ช่วงชัน้ ในแตล่ ะกลุม่ สาระการเรียนรู้ เพ่ือการกาหนดเวลาเรียนในหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขั้น พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 แต่ละวชิ าตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาใหเ้ ปน็ ไปอยา่ ง เหมาะสม สาหรบั จานวนมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้วี ัดของกลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์และ วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) มดี ังนี้
14 คณติ ศาสตรพ์ นื้ ฐาน มาตรฐานการเรยี นรู้ จำนวนตัวช้ีวัดแตล่ ะระดับ/แต่ละสาระ รวม ช่อื สาระ จำนวน รหัส ประถมศึกษา ม.ตน้ จำนวน 1.จานวนและพชื คณิต มาตรฐาน มาตรฐาน ตวั ช้ีวดั 3 ค 1.1 ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 ม.1 ม.2 ม.3 5 8 11 16 9 12 3 2 - 66 ค 1.2 1 - 1 - - 1 - 2 2 7 ค 1.3 - - - - - - 3 - 3 6 2.การวดั และเรขาคณติ 2 ค 2.1 2 6 13 3 4 3 - 2 2 35 ค 2.2 1 1 1 2 4 4 2 5 3 23 3.สถติ ิและความนา่ จะเป็น 2 ค 3.1 1 1 2 1 2 1 1 1 1 11 ค 3.2 - - - - - - - - 1 1 7- 10 16 28 22 19 21 9 12 12 149 รวมตวั ชี้วัด 116 33 วทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน มาตรฐานการเรยี นรู้ จานวนตัวชวี้ ดั แตล่ ะระดับ/แตล่ ะสาระ รวม จำนวน รหสั ประถมศกึ ษา ม.ต้น จำนวน ตวั ชี้วัด ช่ือสาระ มาตรฐาน มาตรฐาน ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 ม.1 ม.2 ม.3 1.วิทยาศาสตร์ 3 ว 1.1 ชีวภาพ 2 - - - 4 - - - 6 12 ว 1.2 2 3 4 1 - 5 18 17 - 50 2.วิทยาศาสตร์ ว 1.3 - 1 - 4 2 - - - 11 18 กายภาพ 3 ว 2.1 2 4 2 4 4 1 10 6 8 41 ว 2.2 3.วทิ ยาศาสตรโ์ ลก ว 2.3 - - 4 3 5 1 1 15 - 29 และอวกาศ 2 ว 3.1 1 2 3 1 5 8 7 6 21 54 4.เทคโนโลยี ว 3.2 2 ว 4.1 2 - 3 3 2 2 - - 4 16 ว 4.2 1 2 4 - 5 9 7 10 - 38 10 - - - - - - - 5 5 5 15 รวมตวั ช้ีวัด 5 4 5 5 5 4 4 4 4 40 15 16 25 21 32 30 52 63 59 313 139 174
15 8.2 ลกั ษณะตัวชี้วดั การทาความเข้าใจลักษณะตวั ช้ีวัดเพ่ือนาไปใช้ประกอบการพจิ ารณา ตัดสินใจกาหนดรายวชิ า โดยศึกษาความยากง่าย และลาดับความตอ่ เนื่องสมั พันธข์ องแต่ละตัวชีว้ ัด ตวั อย่างการบนั ทกึ มีดังนี้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้…………………… ช้ัน……………………………. ภาคเรียนท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 วชิ า......................จานวน.......................หน่วยกติ วชิ า......................จานวน.......................หน่วยกติ สาระ...................................................................... สาระ.................................................................... มาตรฐาน......................................................... มาตรฐาน........................................................ ตวั ชี้วดั .................................................. ตัวชี้วัด........................................................ มาตรฐาน......................................................... มาตรฐาน........................................................ ตวั ชวี้ ดั .................................................. ตัวชีว้ ัด................................................... มาตรฐาน......................................................... มาตรฐาน........................................................ ตัวชว้ี ดั .................................................. ตวั ชวี้ ดั ................................................... สาระ..................................................................... สาระ.................................................................... มาตรฐาน......................................................... มาตรฐาน........................................................ ตัวช้ีวดั ..................................................... ตัวช้ีวัด.................................................. มาตรฐาน......................................................... มาตรฐาน........................................................ ตวั ชี้วัด.................................................. ตวั ช้วี ัด........................................................ มาตรฐาน......................................................... มาตรฐาน....................................................... ตวั ชว้ี ัด................................................ ตวั ชวี้ ัด.................................................. 9) เปา้ หมาย จุดเน้น การพฒั นาผูเ้ รียนของท้องถ่ินและของโรงเรยี น เพือ่ ให้การจัดการศึกษาของแตล่ ะโรงเรียนสง่ ผลต่อคุณภาพผู้เรยี นตามท่ที ้องถิน่ และ โรงเรยี นต้องการ ดงั น้นั โรงเรียนควรพจิ ารณากาหนดรายวิชาและกิจกรรรมพัฒนาผู้เรียนในโครงสร้าง หลกั สูตรสถานศกึ ษาให้สอดคลอ้ งกบั เป้าหมาย/จุดเนน้ การพัฒนาผ้เู รียนของกรอบหลกั สูตรระดับ ทอ้ งถน่ิ (จดั ทาโดยเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา) และความต้องการ/จดุ เนน้ ของโรงเรียน 10) ระเบยี บ แนวปฏบิ ตั ิในการบรหิ ารจัดการหลักสูตร ไดแ้ ก่ ๑๐.๑ การกาํ หนดรายวิชา สถานศกึ ษาจะตอ งนําความรแู ละทักษะตามมาตรฐาน การเรียนรู ของแตละ“กลุม สาระการเรยี นร”ู (Learning areas ) ไปจดั ทาํ เปน “รายวชิ า” (courses) โดยตง้ั ชื่อรายวิชาให สะทอนสิ่งทส่ี อนในรายวิชานน้ั ๆ กําหนดรหัสวิชา รวมท้ังระบุจาํ นวนเวลาเรยี น หรือจาํ นวนหนวยกิตของรายวิชา เหลานั้นกํากับไวดว ย ทง้ั นร้ี ะดับประถมศึกษาจดั ทาํ รายวิชาเปน รายป ระดบั มัธยมศึกษาจัดทําเปนรายภาคเรยี น
16 10.2 ประเภทของรายวิชา มดี งั น้ี 10.2.1 รายวิชาพนื้ ฐาน เปน รายวิชาที่เปดสอนเพอื่ พัฒนาผเู รียนตามมาตรฐาน การเรยี นรู/ ตัวช้ีวัด และสาระการเรยี นรูแกนกลางท่ี กําหนดไวในหลักสูตรแกนกลางซง่ึ เปนส่ิงที่ผเู รียน ทุกคน ในระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานตองเรียนรู การตัง้ ชอื่ รายวชิ าพ้นื ฐานสอดคลอ งกับ การเรยี นรูห รือสะทอ น ถึง จดุ เนนและเนือ้ หาสาระทีส่ อน และระดับความยากงายของสิง่ ท่ีสอนในรายวชิ าน้นั 10.2.2 รายวชิ าเพมิ่ เติม เปน รายวิชาที่สถานศึกษาแตละแหงสามารถเปดสอน เพมิ่ เตมิ จากสง่ิ ท่กี าํ หนดไวใ นหลกั สตู รแกนกลาง เพือ่ ใหสอดคลอ งกับจุดเนน ความตอ งการและ ความถนัด ของผูเรียน หรือความตอ งการของทอ งถ่นิ โดยมกี “ผลการเรียนรู ”เปน เปาหมายในการพัฒนาผูเรียน ทงั้ นี้ จะตอง สอดคลอ งกับเกณฑการจบการศึกษา สาํ หรับชื่อรายวชิ าเพ่มิ นัน้ ควรสอดคลองกับกลุมสาระการเรียน รู หรือสะทอ นถึงจดุ เนนและระดบั ความยากงา ยของสิ่งทีส่ อนในรายวิชานั้น 10.3 การจัดรายวิชา 10.3.1 ระดบั ประถมศึกษา รายวิชาพื้นฐาน 1) ใหสถานศกึ ษาจดั รายวชิ าพืน้ ฐานตามกลุมสาระการเรยี นรู กลุมละ 1 รายวชิ าตอ ป ยกเวน กลุมสาระการเรยี นรสู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กําหนดเปนรายวชิ าสังคมศึกษา และรายวชิ าประวัตศิ าสตร โดยรายวชิ าประวตั ศิ าสตร ใหจัดการเรียนการสอน 40 ชั่วโมงตอ ป 2) สาระเทคโนโลยี เปน สาระหนึ่งในกลมุ สาระการเรียนรวู ทิ ยาศาสตร จงึ จัดอยใู น รายวชิ าวทิ ยาศาสตร โดยไมแยกเปนรายวิชาเฉพาะ รายวชิ าเพมิ่ เติม สถานศึกษาสามารถกําหนดรายวชิ าเพมิ่ เตมิ ความพรอม จุดเนน ของสถานศึกษา ตามความตองการและความถนัดของผูเรยี นโดยจัดเปน รายปแ ละมกี ารกําหนด “ผลการเรียนรู” ของราย1วิช0า.3นนั้.2ๆระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ รายวิชาพื้นฐาน 1) ในแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ รวมทง้ั กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตรแ์ ละ วทิ ยาศาสตร อาจจดั ไดมากกวา ๑ รายวิชาในแตละภาค/ป ๒) สามารถจดั รายวชิ าพื้นฐานใน ๑ ภาคเรียนใหเ รยี นครบ/ไมค รบ ทงั้ ๘ กลมุ สาระการเรยี นรไู ด แตเมอ่ื จบหนงึ่ ปการศกึ ษา สถานศึกษาตองจดั ใหเ รียนรายวิชาพ้ืนฐาน ๘ กลมุ สาระการ เรยี นรู ๓) กาํ หนดให ๑ รายวิชามีคานาํ หนกั ไมนอยกวา ๐.๕ หนว ยกิต (๑ หนว ยกติ คิดเปน ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรยี น) และเมื่อรวมจาํ นวนหนว ยกิตของรายวิชาพ้นื ฐานในแตล ะกลมุ สาระ การเรียนรูแลว ตองมเี วลาเรยี นรวม ๘๘๐ ชั่วโมงตอ ป (๒๒ หนว ยกิต) ๔) กลมุ สาระการเรยี นรสู ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมใหจัดสาระ ประวัติศาสตรเ ปน รายวิชาเฉพาะ ภาคเรยี นละ ๑ รายวิชา (๐.๕ หนว ยกิต) ทกุ ภาคเรียน รวม ๖ รายวิชา (๓.๐ หนว ยกติ ) รายวิชาเพมิ่ เติม สถานศกึ ษาสามารถกําหนดรายวิชาเพิ่มเติมตามความ พรอ ม จดุ เนน ของสถานศึกษา ความตองการและความถนดั ของผูเรยี นโดยจดั เปน รายภาคและมกี าร กําหนด“ผลการเรยี นรู” ของรายวชิ านั้นๆ
17 10.4 การกำหนดรหสั วชิ า เพือ่ ใหเ้ กิดความสะดวกและความเข้าใจตรงกันในการ ส่อื สาร สถานศกึ ษาจาเปน็ ต้องกาหนดรหสั วชิ าอยา่ งเปน็ ระบบ ระบบรหสั วชิ า การกาหนดรหัสวิชาควรใชต้ ัวเลขอารบิก เพือ่ ส่ือสารและการจัดทาเอกสาร หลักฐานการศึกษา สาหรับรายวชิ าพน้ื ฐานและรายวิชาเพม่ิ เติม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วยตวั อกั ษรและตวั เลข 6 หลัก ดงั นี้ หลักที่ 1 เป็นรหสั ตวั อักษรแสดงกลมุ่ สาระการเรียนรู้ คือ ท หมายถึง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ค หมายถึง กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ว หมายถึง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ส หมายถงึ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พ หมายถึง กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา ศ หมายถึง กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ ง หมายถึง กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หมายถึง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศให้ใช้รหัสของแต่ละภาษาตาม รายการ
18 1. รหัสตัวอักษรกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ 1.1 รายการรหัสตวั อกั ษรกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศทีจ่ ะนาไปใส่แทน ก หมายถึง ภาษาเกาหลี ข หมายถึง ภาษาเขมร จ หมายถึง ภาษาจนี ซ หมายถึง ภาษารสั เซยี ญ หมายถงึ ภาษาญปี่ นุ่ ต หมายถึง ภาษาเวียดนาม น หมายถงึ ภาษาลาติน บ หมายถึง ภาษาบาลี ป หมายถงึ ภาษาสเปน ฝ หมายถึง ภาษาฝรง่ั เศส ม หมายถงึ ภาษามลายู ย หมายถงึ ภาษาเยอรมัน ร หมายถงึ ภาษาอาหรับ ล หมายถงึ ภาษาลาว อ หมายถงึ ภาษาองั กฤษ ฮ หมายถึง ภาษาฮินดู 1.2 กรณที ี่มสี ถานศกึ ษาใดจัดทาํ รายวชิ าภาษาอังกฤษและภาษาตา งประเทศอืน่ ๆ นอกเหนอื จากทก่ี ําหนดไวใหส ถานศึกษาทาํ เรือ่ งเสนอสาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน เพื่อกาํ หนดรหสั ตวั อักษรกลมุ สาระการเรียนรภู าษตางประเทศและประกาศใหสถานศกึ ษาทว่ั ประเทศเพ่มิ เตมิ ประเทศไดรับทราบและใชตรงกนั 2.กรณีกาํ หนดรายวิชากลมุ เทคโนโลยี ในกลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตรใ หใ ชร หสั วชิ า ว และถากําหนดในกลมุ สาระการเรียนรูก ารงานอาชีพและเทคโนโลยใี หใ ชรหัสวชิ า ง หลักท่ี ๒ เปนรหัสตัวเลขแสดงระดับการศึกษาในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนตน และ มัธยมศึกษาตอนปลาย สะทอนระดบั ความรูและทักษะในรายวิชาท่ีกาํ หนดไว คือ 1 หมายถงึ รายวชิ าระดบั ประถมศกึ ษา 2 หมายถงึ รายวชิ าระดบั มธั ยมตอนต้น 3 หมายถงึ รายวิชาระดบั มัธยมตอนปลาย หลักท่ี 3 เปน็ รหัสตัวเลขท่ีแสดงปที เี่ รยี นของรายวิชา ซงึ่ สะทอ้ นระดับความรู้และทักษะใน รายวิชาท่ีกาหนดไวใ้ นแต่ละปี คอื 0 หมายถึง รายวชิ าท่ไี ม่กาหนดปีทีเ่ รียน จะเรยี นปใี ดก็ได้ในระดับประถมศกึ ษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย 1 หมายถงึ รายวชิ าที่เรยี นในปีท่ี 1 ของระดบั ประถมศกึ ษา มัธยมศกึ ษาตอนต้น และ มัธยมศกึ ษา ตอนปลาย (ป.1 , ม.1 และ ม.4) 2 หมายถึง รายวิชาทเ่ี รยี นในปีที่ 2 ของระดับประถมศึกษา มัธยมศกึ ษาตอนต้น และ มธั ยมศึกษาตอนปลาย (ป.2 , ม.2 และ ม.5) 3 หมายถึง รายวิชาทเี่ รยี นในปีที่ 3 ของระดับประถมศึกษา มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ป.3 , ม.3 และ ม.6) 4 หมายถึง รายวชิ าทเ่ี รยี นในปีที่ 4 ของระดบั ประถมศึกษา (ป.4) 5 หมายถึง รายวิชาทเ่ี รยี นในปีที่ 5 ของระดับประถมศึกษา (ป.5) 6 หมายถึง รายวชิ าท่เี รียนในปที ี่ 6 ของระดบั ประถมศึกษา (ป.6) หลักท่ี 4 เปน็ รหสั ตวั เลขแสดงประเภทของรายวิชา คือ 1 หมายถงึ รายวิชาพื้นฐาน 2 หมายถงึ รายวิชาเพ่มิ เติม
19 หลักที่ 5 และหลักท่ี 6 เปน็ รหัสตวั เลขแสดงลาดับของรายวิชาแต่ละกล่มุ สาระการเรียนรู้ ในระดบั การศึกษาเดยี วกัน ในระดบั ประถมศกึ ษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย มีจานวน ตง้ั แต่ 01 – 99 ดังน้ี รายวชิ าทก่ี าหนดปที ีเ่ รียน ให้นับรหัสหลักท่ี 5 - 6 ต่อเนอ่ื งในปเี ดียวกัน หากจัดรายวิชา เป็นรายภาคให้กาหนดเรยี งลาดบั รายวิชาในกลมุ่ สาระการเรยี นรเู้ ดียวกันให้เสรจ็ ในภาคเรยี นแรกก่อน แลว้ จึงกาหนดต่อในภาคเรยี นท่ีสอง รายวิชาท่ีไม่กาหนดปีทเี่ รยี น ให้นับรหสั หลักท่ี 5 – 6 ตอ่ เน่อื งในระดบั ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย รหสั หลกั ที่ 5 และหลกั ท่ี 6 ของรายวชิ าเพิ่มเติม ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ให้กาหนดรหัสวชิ า เป็นช่วงลาดับ ดงั น้ี ลาดบั ท่ี 01 - 19 หมายถึง รายวิชาในกลุ่มฟสิ กิ ส์ ลาดบั ท่ี 21 - 39 หมายถึง รายวิชาในกลมุ่ เคมี ลาดบั ที่ 41 - 59 หมายถึง รายวิชาในกลุ่มชีววิทยา ลาดบั ท่ี 61 - 79 หมายถงึ รายวิชาในกลุ่มโลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ ลาดบั ที่ 81 - 99 หมายถึง รายวิชาในกล่มุ วิทยาศาสตร์อ่ืนๆ ตัวอย่างรายวิชาพื้นฐานและเพมิ่ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ประถมศึกษา รายวชิ าพืน้ ฐาน ท11101 ภาษาไทย จานวน 200 ช่ัวโมง ท12101 ภาษาไทย จานวน 200 ช่ัวโมง ท13101 ภาษาไทย จานวน 200 ชว่ั โมง ท14101 ภาษาไทย จานวน 160 ชั่วโมง ท15101 ภาษาไทย จานวน 160 ชวั่ โมง ท16101 ภาษาไทย จานวน 160 ชว่ั โมง รายวชิ าเพม่ิ เติม ท11201 ภาษาไทย จานวน 40 ชั่วโมง ท12201 ภาษาไทย จานวน 40 ชั่วโมง ท13201 ภาษาไทย จานวน 40 ชว่ั โมง ท14201 ภาษาไทย จานวน 40 ชว่ั โมง ท15201 ภาษาไทย จานวน 40 ชว่ั โมง ท16201 ภาษาไทย จานวน 40 ชว่ั โมง
20 ตัวอยา่ งรายวิชาพ้นื ฐานและเพ่มิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ รายวชิ าพ้นื ฐาน ท21101 ภาษาไทย จานวน 60 ชั่วโมง 1.5 หนว่ ยกิต ท21102 ภาษาไทย จานวน 60 ช่ัวโมง 1.5 หน่วยกติ ท22101 ภาษาไทย จานวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต ท22102 ภาษาไทย จานวน 60 ช่วั โมง 1.5 หน่วยกิต ท23101 ภาษาไทย จานวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ท23102 ภาษาไทย จานวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต รายวิชาเพ่ิมเติม ท21201 เสริมทกั ษะการอา นรอ ยแกว รอ ยกรอง จานวน 40 ช่วั โมง 1 หน่วยกติ ท21202 เสริมทักษะการอา นจับใจความ จานวน 20 ช่วั โมง 0.5 หนว่ ยกติ ท22201 เสริมทกั ษะอานบทประพนั ธ จานวน 40 ช่วั โมง 1 หน่วยกติ ท22202 เสริมทกั ษะการเขยี นเรอื่ งส้นั จานวน 40 ชวั่ โมง 1 หน่วยกติ ท23201 เสริมทักษะการเขยี นสรางสรรค จานวน 40 ชวั่ โมง 1 หนว่ ยกติ ท23202 เสรมิ ทักษะการพูดในชนั้ เรียน จานวน 40 ช่ัวโมง 1 หนว่ ยกติ 11) คำอธบิ ายรายวิชา เมอื่ สถานศึกษากาหนดรายวิชาท่จี ะเปิดสอนในแต่ละปี/ภาคเรียน เรียบร้อยแล้ว จะต้อง เขียนคาอธิบายรายวชิ า ทงั้ รายวชิ าพน้ื ฐาน และรายวชิ าเพิ่มเติมไว้ในหลักสูตรสถานศึกษาดว้ ย คาอธิบายรายวิชา เปน็ ข้อมูลรายละเอียดของแตล่ ะรายวิชา ประกอบด้วยมาตรฐาน การเรยี นรู้ เน้อื หาสาระ เวลาเรียน รหสั วชิ า จานวนหนว่ ยกติ ระดับชัน้ เพื่อใชเ้ ปน็ กรอบทิศทาง ในการวางแผนและออกแบบการเรยี นการสอน คาอธบิ ายรายวชิ ามไี ว้เพื่ออะไร ๑. เพื่อสร้างความเขา้ ใจว่าในรายวชิ าน้นั ผเู้ รียนจะไดเ้ รียนร้อู งค์ความรู้ ฝึกทกั ษะ กระบวนการ มคี ณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคท์ ส่ี าคญั อะไรบ้าง และเกิดสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี นอะไรบ้าง ๒. เพื่อเปน็ แนวทางให้ผสู้ อนนาไปออกแบบการจดั การเรยี นรู้ คาอธิบายรายวิชามลี ักษณะอยา่ งไร คําอธิบายรายวิชามีลักษณะเปนความเรยี งที่ประกอบดวยองคค วามรู ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค และสมรรถนะสําคญั ของผูเ รยี น คําอธิบายรายวิชาของรายวิชาพื้นฐาน ใหว เิ คราะหจ าก ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นรแู กนกลางทีห่ ลักสตู รแกนกลางฯ กาํ หนด สําหรบั คาํ อธบิ ายรายวชิ า เพมิ่ เตมิ ให วเิ คราะห จากผลการเรยี นรูท่ีสถานศึกษากาํ หนดข้ึน คาํ อธิบายรายวิชาเขยี นเปน รายปส าํ หรบั ระดับ ประถมศึกษา และเปนรายภาคเรียนสาํ หรับระดับมัธยมศกึ ษา
21 องค์ประกอบสำคญั ของคำอธบิ ายรายวชิ าคืออะไร องคป์ ระกอบสาคัญของคาอธิบายรายวิชา............................จาแนกได้ ๓ สว่ นดังนี้ ส่วนท่ี 1 ประกอบด้วย รหัสวชิ า..................ช่อื รายวิชา................................กลุ่มสาระการเรียนรู้................... ช้นั ปี..........................จานวนชั่วโมงหรือหนว่ ยกติ ส่วนที่ 2 ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะสาคัญ โดยมีแนวทางเขียนที่สาคญั ดังนี้ 1. ผู้เรยี นได้เรียนร้อู ะไรบา้ ง 2. ผูเ้ รียนสามารถทาอะไร ไดบ้ ้าง 3. ผเู้ รียนมคี ณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์อะไรบ้างตามหลักสตู รแกนกลางฯ และตามธรรมชาตขิ องวชิ า 4. ผเู้ รียนเกิดสมรรถนะสาคัญ อะไรบ้างตามหลักสตู รแกนกลางฯ สว่ นท่ี 3 ประกอบด้วยรหสั ตวั ชี้วัดหรอื ผลการเรียนรู้ท้ังหมดในรายวชิ าน้ัน คำอธิบายรายวิชาเขียนอยา่ งไร รายวชิ าพน้ื ฐาน เปน็ รายวชิ าทีส่ อนใหผ้ ูเ้ รียนบรรลมุ าตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วดั ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 การเขยี นคาอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐาน มีข้ันตอนดังน้ี 1. วเิ คราะห์ตวั ชวี้ ัดชน้ั ปีในระดบั ประถมศกึ ษา สาหรับมธั ยมศกึ ษาตอนต้นวเิ คราะห์ ตัวชวี้ ัด ชัน้ ปเพื่อกําหนดเปนรายภาค หรือตัวชวี้ ดั ชว งชัน้ ในระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลายเปน รายภาค และ สาระการเรียนรูแกนกลาง ตามท่กี ําหนดไวใ นหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 2.วิเคราะหสาระการเรียนรทู องถ่ินจากกรอบหลักสตู รระดบั ทองถ่ินของสาํ นกั งานเขตพื้นท่ี การศึกษา ความตองการและบริบทของโรงเรยี น เพือ่ กําหนดสาระการเรยี นรูทองถนิ่ ที่เกี่ยวของกบั ตวั ชีว้ ัด ในรายวชิ านน้ั 3.จดั กลุมตัวชี้วดั สาระการเรียนรแู กนกลาง สาระการเรยี นรูทองถิ่นทีม่ ีความเชอื่ มโยง สัมพันธก นั เพ่ือหลอมรวมและเรียบเรยี ง เขยี นเปน ความเรียง ใหเ หน็ สิง่ ที่ตองการใหผเู รียนมคี วามรู ความสามารถ คณุ ลักษณะ และสมรรถนะสําคัญ ในรายวชิ านั้น 4. เขียนรายละเอียดตามองค์ประกอบของคาอธิบายรายวชิ า รายวิชาเพิ่มเติม เปน็ รายวิชาที่โรงเรยี นกาหนดข้ึน ตามจดุ เนน้ ความตอ้ งการของโรงเรียน หรอื ทอ้ งถิน่ การเขียนคาอธบิ ายรายวชิ าเพม่ิ เติม มีขัน้ ตอน ดงั น้ี 1. กาหนดผลการเรยี นรู้ซึง่ โรงเรียนเปน็ ผู้กาหนดขนึ้ 2. กาหนดสาระการเรยี นรทู้ สี่ อดคล้องกับผลการเรยี นรู้ 3. จัดกลุ่มผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ที่มีความเช่อื มโยงสัมพันธ์กนั เพ่ือหลอมรวม และ เรยี บเรยี ง เขียนเปน็ ความเรยี ง ให้เหน็ ส่ิงทตี่ อ้ งการใหผ้ เู้ รยี นมีความร้คู วามสามารถ และคณุ ลกั ษณะ ในรายวชิ าน้นั 4. เขียนรายละเอยี ดตามองคป์ ระกอบของคาอธบิ ายรายวิชา การวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด สามารถทาไดห้ ลายวิธี ในทนี่ ีไ้ ดเ้ สนอตวั อย่างการวเิ คราะห์ตัวชี้วัดประกอบการ สร้างความเข้าใจ 2 รปู แบบ ดงั ต่อไปนี้
22 รูปแบบที่ 1 การวเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั เปน็ ส่ิงทีผ่ ู้เรยี นควรรู้และสามารถ ปฏบิ ตั ไิ ด้ แบบบนั ทึกการวเิ คราะห์เพื่อจดั ทาคา อธิบายรายวิชา กลุ่มสาระการเรยี นรู้.............................รายวชิ า..........................................ชั้น............................. สาระ............................................................................................................................. ......................... มาตรฐาน............................................................................................. ................................................ ตัวชวี้ ัด รู้อะไร ทำอะไรได้ สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ แกนกลาง ทอ้ งถิ่น รปู แบบท่ี 2 การวเิ คราะหมาตรฐานการเรยี นรู/ตวั ชี้วัด ทกั ษะ/กระบวนการ และคุณลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ แบบบนั ทึกการวเิ คราะหเ พ่ือจดั ทำคำอธิบาย กลุม่ สาระการเรยี นรู้....................................รายวิชา...............................................ชนั้ ……………………………….. สาระ........................................................ มาตรฐาน..................................................................................... ตัวช้ีวัด ความรู้ ทักษะ/ คณุ ลักษณะ สมรรถนะสาคญั สาระการเรียนรู้ กระบวนการ อนั พึงประสงค์ ท้องถ่นิ
23 คำอธิบายรายวิชา รหัสวิชา…………………………………..................................................................... ช่ือรายวิชา ............................ รายวิชาพื้นฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ........................... ชั้น....................................................................................................................ภาคเรยี นท่ี.......เวลา............ชวั่ โมง (จำนวนหน่วยกิต) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……. (เขียนเปนความเรียงใหไดใจความวา ผเู รียนไดเ รียนรูอะไร สามารถทําอะไรได และ มคี ณุ ลักษณะอนั พึงประสงค สมรรถนะสาํ คัญ ใดบา งตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน และธรรมชาติของวิชา) .................................................................................................................................................................................................. ......... ......................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................ .......... .................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................................... รหัสตัวชี้วดั (รายวิชาพน้ื ฐาน) .............................................. ........................................................................................................................................................... ............................................. ........................................................................................................................................................... ............................................. ........................................................................................................................................................... .............................................. ........................................................................................................................................................... ............................................. ........................................................................................................................................................... ............................................. ........................................................................................................................................................... รวมทง้ั หมด............ตวั ชว้ี ัด
24 คำอธบิ ายรายวิชา รหัสวิชา…………………………………..................................................................... ชอ่ื รายวชิ า ............................ รายวชิ าเพ่ิมเติม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ........................... ชนั้ ....................................................................................................................ภาคเรยี นที่.......เวลา............ช่ัวโมง (จำนวนหน่วยกติ ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. (เขยี นเปนความเรียงใหไ ดใ จความวาผเู รยี นไดเรยี นรูอ ะไร สามารถทําอะไรได และมี คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค สมรรถนะสําคญั ใดบางตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน และธรรมชาตขิ องวชิ า) .................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................ .......... .................................................................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................................... ผลการเรยี นรู้(รายวชิ าเพมิ่ เติม) .............................................. ............................................. ............................................. .............................................. ............................................. ............................................. รวมทงั้ หมด............ผลการเรยี นรู้
25 12) กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาผูเรยี นแบง เปน ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนักเรยี นและ ๓) กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณะประโยชน โดยพจิ ารณาจากโครงสรา งเวลาเรียนที่กําหนดไว ในหลักสูตรแกนกลาง และเปา หมาย/จุดเนน ของทองถน่ิ พรอ มทงั้ พจิ ารณาความตองการและจดุ เนน ของสถานศึกษา เพอื่ จัดเวลาใหเหมาะสมกับบริบทของสถานศกึ ษาแตล ะแหง หลกั สตู รแกนกลางได กําหนดกิจกรรมพัฒนาผเู รยี น สําหรบั ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๑ ถงึ มธั ยมศึกษาปท ่ี ๓ ปละ ๑๒๐ชวั่ โมง และชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี ๔ – ๖ จาํ นวน ๓๖๐ ชว่ั โมง จํานวนเวลาท่กี ําหนด เปนเวลารวมในการปฏิบตั ิ กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนกั เรียน และกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน ในสวนของ กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนน้ัน หลักสูตรแกนกลางระบุใหสถานศึกษาจดั สรรเวลาให ผูเรียนไดป ฏบิ ัตกิ ิจกรรม ดงั นี้ ระดับประถมศึกษา (ป.1 - 6) รวม 6 ปี จานวน 60 ชว่ั โมง ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ (ม.1 - 3) รวม 3 ปี จานวน 45 ชว่ั โมง ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) รวม 3 ปี จานวน 60 ช่วั โมง จากโครงสร้างเวลาเรยี นดังกล่าว สถานศึกษาสามารถพิจารณาจัดแบ่งจานวนเวลาสาหรบั ผเู้ รียนแต่ละระดบั ช้ันปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ไดต้ ามความเหมาะสมและอาจ จดั ให้ผเู้ รียนได้ทากิจกรรมดังกลา่ วในบางช่ัวโมงของลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด หรอื กิจกรรมชุมนุม ต่างๆ กไ็ ด้ นอกจากนน้ั ยังสามารถสอดแทรกในการเรยี นการสอนรายวชิ าต่างๆ โดยมีหลักฐานที่ สามารถยนื ยันเวลาที่ผูเ้ รียนไดป้ ฏิบัติกิจกรรมดังกล่าวครบตามเวลาทส่ี ถานศึกษากาหนด พร้อมท้งั การประเมินการปฏบิ ตั ิไวอ้ ยา่ งชดั เจน การจบหลักสตู รในแต่ละระดับ ผู้เรยี นจะต้องเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนตามกิจกรรมดงั น้ี ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้นจัดใหผ้ ู้เรยี นเข้าร่วมกจิ กรรม ดังนี้ 1. กจิ กรรมแนะแนว 2. กิจกรรมนกั เรียน 2.1 ลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผบู ําเพ็ญประโยชน 2.2 ชมุ นมุ ชมรม ผูเรียนตองเขารวมและไดร บั การประเมินกิจกรรมทัง้ 2.1 และ 2.2 3. กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย จัดใหผ เู รียนไดเขารวมกิจกรรม ดงั นี้ 1. กิจกรรมแนะแนว 2. กจิ กรรมนักเรียน 2.1 ลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้บาเพญ็ ประโยชน์ หรือนักศกึ ษาวชิ าทหาร 2.2 ชุมนุม ชมรม ผเู้ รยี นสามารถเข้าร่วมกจิ กรรมทัง้ 2.1 และ 2.2 หรือเลือกอย่างใดอย่างหน่ึงได้ตามความ เหมาะสม 3 .กจิ กรรมสงั คมและสาธารณประโยชน์
26 แนวทางการจดั กจิ กรรมพัฒนาผเู รียน แนวการเขียนการจัดกิจกรรมพฒั นาผูเ รยี น ของโรงเรยี น แบง เปน 3 ลกั ษณะตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดแ ก 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กจิ กรรมนักเรียน และ 3) กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชนใน แตละกิจกรรมใหร ะบุแนวการจัดกิจกรรม เวลา และการจัดกจิ กรรม และแนวทางการประเมินกจิ กรรมท่ี โรงเรยี นกาํ หนด ตวั อย่างกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นเป็นกิจกรรมท่ีม่งุ ให้ผู้เรยี นพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพ่ือความเป็นมนุษย์ท่สี มบรู ณ์ ทง้ั ร่างกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และเสรมิ สรา้ ง ใหเ้ ป็นผูม้ ศี ลี ธรรม จริยธรรม มรี ะเบียบวนิ ัย ปลกู ฝงั และสร้างจิตสานึกของการทาประโยชนเ์ พ่ือสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอย่รู ว่ มกับผู้อ่นื อย่างมีความสุข โรงเรียน………………………………………………………………..ไดจ้ ัดกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน โดยแบง่ ออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ ดงั นี้ 1. กจิ กรรมแนะแนว เปน็ กจิ กรรมทีส่ ่งเสรมิ และพัฒนาผู้เรยี นให้ .......................................................................................... .............................................................. นกั เรยี นทกุ คนควรเขา้ ร่วมกิจกรรมแนะแนว ระดับประถมศึกษา.............ชัว่ โมงต่อ ปกี ารศกึ ษา ระดบั มธั ยมศึกษา...........ชัว่ โมงต่อภาคเรยี น แนวการจัดกจิ กรรมแนะแนว ............................................................................................................................. ... ........................ 2. กจิ กรรมนกั เรยี น เป็นกจิ กรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรยี นให้ ........................................................................................................................................................ กิจกรรมนักเรยี นประกอบดว้ ย 2.1 กิจกรรมลกู เสอื /เนตรนารี /ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนกั ศึกษา วิชาทหาร นักเรียนทกุ คนต้องเข้ารว่ มกจิ กรรมลูกเสอื /เนตรนารี/ยุวกาชาด ผู้บาเพ็ญประโยชน์ และนักศกึ ษาวิชาทหาร ระดับประถมศึกษา.......ช่วั โมงตอ่ ปีการศกึ ษาระดับมธั ยมศกึ ษา.......... ชวั่ โมงตอ่ ภาคเรียน แนวการจดั กจิ กรรมลูกเสอื /เนตรนาร/ี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และ นักศกึ ษาวิชาทหาร ........................................................................................................................... . ........................ 2.2 กจิ กรรมชมุ นุม ผเู้ รยี นทกุ คนต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมชมุ นุม ระดบั ประถมศึกษา ..........ชว่ั โมงต่อปกี ารศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษา.........ชว่ั โมงต่อภาคเรียน แนวทางจดั กจิ กรรมชมุ นุม ..................................................................................................................... ....... .......................... หมายเหตุ สามารถระบุช่ือกิจกรรมชมุ นมุ ที่โรงเรยี นจดั ใหผ เู รยี นเลือกเรียน หรอื ช่อื กิจกรรมชมุ นุมทโี่ รงเรียนจัดใหม ี 3.กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน เปน กิจกรรมทีส่ ง เสริมและพัฒนาผูเรยี นให ผูเรียนทุกคนตอ งเขารวมกจิ กรรมสังคมและสาธารณประโยชน ระดบั ประถมศึกษา.......ช่ัวโมงตอ ปก ารศึกษา ระดับมัธยมศึกษา............ชว่ั โมงต่อภาคเรยี น
27 แนวการจดั กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ........................................................................................................................ ................................. แนวทางการประเมินผลการจดั กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ............................................................................................................................. ............................ หมายเหตุ การประเมนิ ผลอาจเขยี นแยกการประเมินผลแต่ละกจิ กรรม หรือเขยี นรวมในภาพรวม ของกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นก็ได้ 13) เกณฑ์การจบการศึกษา หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน กาหนดเกณฑก์ ลางสาหรบั การจบการศกึ ษาเปน็ 3 ระดบั คอื ระดบั ประถมศกึ ษา ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 13.1 เกณฑ์การจบระดบั ประถมศกึ ษา 1.ผูเ รียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชา /กจิ กรรมเพ่ิมเติม โดยเปน รายวชิ าพน้ื ฐาน ตามโครงสรางเวลาเรียนทีห่ ลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐานกาํ หนดและรายวชิ า/กิจกรรมเพม่ิ เตมิ ท่สี ถานศกึ ษากําหนด 2. ผู้เรียนมผี ลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามทีส่ ถานศึกษา กาหนด 3. ผเู รยี นมีผลการประเมินการอาน คดิ วเิ คราะห และเขียนในระดับผา นเกณฑ การประเมิน สถานศึกษากาหนด สถานศกึ ษากาหนด 4. ผูเ รียนมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคในระดบั ผา นเกณฑก ารประเมนิ ตามที่ 5. ผู้เรียนเขา รว มกิจกรรมพฒั นาผูเรยี นและมผี ลการประเมินผา นเกณฑการประเมนิ ตามท่สี ถานศกึ ษากาหนด 13.2 เกณฑ์การจบระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ผูĚđรยี นรายวชิ าóîĚČ åćîĒúąđóĉęöđêĉöǰēé÷đðŨîøć÷üĉßćóĚîČ åćîǰǰ ĀîŠü÷ÖĉêĒúąøć÷üßĉ ć đóĉęöđêöĉ êćöìęĊÿëćîýÖċ þćÖĞćĀîé 2. ผเู รยี นตอ งไดหนว ยกิตตลอดหลกั สูตรไมน อ ยกวา ๗๗ หนวยกิต โดยเปนรายวชิ า พนื้ ฐาน ๖๖ หนว ยกติ และรายวชิ าเพมิ่ เติมไมน อยกวา ๑๑ หนว ยกิต 3. ผู้เรยี นมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนในระดับเกณฑ์ การประเมิน ตามทีส่ ถานศึกษากาหนด 4. ผูเ้ รียนมีผลการประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผา่ นเกณฑ์ การประเมิน ตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด 5. ผู้เรียนเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นและมผี ลการประเมนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามที่สถานศกึ ษากาหนด 13.3 เกณฑ์การจบระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 1. ผเู้ รยี นมีรายวิชาพ้ืนฐานและเพ่มิ เติม โดยเปน็ รายวิชาพ้ืนฐาน 41 หน่วยกิตและ รายวิชาเพิ่มเติมตามทีส่ ถานศึกษากาหนด 2.ผูเรยี นตอ งไดห นว ยกิตตลอดหลกั สตู รไมน อยกวา ๗๗ หนว ยกติ โดยเปนรายวิชา พน้ื ฐาน ๔๑ หนว ยกิต และรายวชิ าเพิ่มเติมไมน อ ยกวา ๓๖ หนว ยกติ
28 3. ผเู รยี นมผี ลการประเมินการอาน คิดวเิ คราะห และเขียนในระดบั ผานเกณฑ การประเมินตามท่ีสถานศึกษากําหนด 4. ผูเ รียนมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค ในระดับผา นเกณฑการประเมนิ ตามทส่ี ถานศึกษากาํ หนด 5. ผเู รยี นเขา รว มกจิ กรรมพฒั นาผูเรยี นและมีผลการประเมนิ ผา นเกณฑก ารประเมิน ตามที่สถานศึกษากาหนด นอกจากนน้ั การจัดทาโครงสร้างหลักสตู รสถานศึกษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จะต้อง ให้ ความสาคญั กบั เงื่อนไขคุณสมบัติผู้สมัครสอบเข้าเรียนต่อในระดับอดุ มศึกษา คณะ/สาขาตา่ งๆ เช่น แพทย์ศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ พยาบาลศาสตร์และสถาปตั ยกรรมศาสตร์ สถานศึกษาจาเปน็ ต้อง จัดทาโครงสร้างหลักสูตรสถานศกึ ษาให้มรี ายวิชาและหนว่ ยกิตทีเ่ รยี นครบตามคุณสมบัติ แนวทางการตรวจสอบองค์ประกอบของหลกั สูตรสถานศกึ ษา การตรวจสอบองคป์ ระกอบของหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 มีวตั ถุประสงค์ ดงั นี้ 1. เพื่อหาแนวทางแก้ไขปรบั ปรุงสง่ิ ทพี่ บในองค์ประกอบหลกั สูตรสถานศกึ ษา การตรวจสอบ ในลกั ษณะน้สี ามารถทาไดใ้ นขณะท่ีกาลงั ยกรา่ งเอกสารหลักสตู รหรอื ในขณะที่นาหลกั สูตรไปใช้ โดยพจิ ารณา ว่าองคป์ ระกอบของหลกั สตู รสถานศกึ ษาทีจ่ ดั ทามคี วามเหมาะสมและสอดคล้องเพยี งใดเพื่อหาแนวทาง ในการแก้ไขและปรับปรงุ ให้ดีขึ้น 2.เพ่ือเปน ขอ มูลในการชว ยตัดสนิ ใจของผูบรหิ ารโรงเรยี นกอ นนําหลักสูตรสถานศกึ ษาไปใช ใหพ จิ ารณาวาหลักสตู รทย่ี กรา งหรอื จดั ทํามคี วามครอบคลมุ หรอื ไม และเม่อื โรงเรียนใช ระยะหนง่ึ ควรนําขอ มูล ในสว นนี้ไปสรุปรวมกบั การประเมินคุณภาพของหลกั สตู รวา มคี ณุ ภาพดีมากนอยเพยี งไร บรรลตุ าม มาตรฐานและตวั ชว้ี ดั ท่ีหลกั สูตรแกนกลางกําหนดหรือไม และเหมาะสมท่จี ะนาํ หลักสูตรนไ้ี ปใชห รอื ไม ขอ้ เสนอแนะในการตรวจสอบองคป์ ระกอบของหลักสูตรสถานศึกษา ดำเนินการดงั นี้ 1. ดาเนนิ การในรูปของคณะกรรมการ 2. สร้างความเข้าใจและชี้แจงวัตถปุ ระสงค์ของการตรวจสอบองค์ประกอบของหลักสูตร สถานศกึ ษา ให้บคุ ลากรในโรงเรียนและผู้ท่ีเก่ยี วขอ้ งทราบอยา่ งท่ัวถึง 3. ดาเนินการตรวจสอบองค์ประกอบของหลักสตู รสถานศึกษาเป็นรายบคุ คล 4. หลังจากตรวจสอบองคป์ ระกอบของหลกั สูตรสถานศกึ ษา ควรจัดให้มีการจัดประชมุ เสนอ ผลการ ตรวจสอบในภาพรวม ปัญหา ข้อเสนอแนะ เพือ่ นาไปปรบั ปรงุ และพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ให้มีคณุ ภาพยง่ิ ข้ึน
29 แบบตรวจสอบองคประกอบหลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี น…….……………………………….. อำเภอ………………………. จังหวัด………………………………. สังกัด………………………………………………………………………………………………………………..…………... คาชแ้ี จง ใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและงานวชิ าการสถานศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานและผ้ทู ่ีเก่ยี วข้อง ดาเนนิ การตรวจสอบองคป์ ระกอบหลักสูตรโรงเรียน ตามลาดบั ดงั นี้ ๑. ตรวจสอบองค์ประกอบหลักสูตรโรงเรยี นตามรายการที่กาหนดแลว้ เขียนเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งผล การตรวจสอบตามความเป็นจรงิ 2. บนั ทึกแนวทางในการปรับปรงุ /แกไ้ ขเพ่ือใหโ้ รงเรียนนาไปใชป้ ระโยชน์ในการปรบั ปรุง และพฒั นาหลักสูตรโรงเรยี นต่อไป ๓. สรปุ ผลการตรวจสอบภาพรวมองคป์ ระกอบหลักสูตรโรงเรยี น โดยเขียนเคร่ืองหมาย ลงในตาราง แสดงผลการตรวจสอบภาพรวมองค์ประกอบหลกั สตู รโรงเรยี น ๔.หากมขี อ้ คิดเห็นหรอื ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ให้บันทกึ ลงในช่องวา่ งทก่ี าหนดให้
30 องคป์ ระกอบของหลกั สตู รโรงเรยี น ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 รายการ ผลการตรวจสอบ ข้อเสนอแนะ ปรากฏ ไม่ปรากฏ ปรบั ปรงุ /แก้ไข 1. ส่วนนา 1.1 ความนำ แสดงความเชอ่ื มโยงระหวา่ งหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กรอบหลักสูตรระดบั ท้องถิ่น จุดเนน้ และความต้องการของโรงเรียน 1.2 วสิ ัยทศั น์ 1.2.1 แสดงภาพอนาคตของผูเ้ รียนทสี่ อดคล้องกบั วิสัยทัศน์ของหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 อย่างชัดเจน 1.2.2 แสดงภาพอนาคตของผเู้ รยี นสอดคล้องกับ กรอบหลักสตู รระดบั ท้องถ่นิ 1.2.3 แสดงภาพอนาคตของผูเ้ รยี น ครอบคลุมสภาพ ความตอ้ งการของโรงเรียน ชุมชน ท้องถิ่น 1.2.4 มีความชดั เจนสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ 1.3 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น มีความสอดคล้องกบั หลักสูตรแกนกลางการศึกษา พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 1.4 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1.4.1 มคี วามสอดคลอ้ งกับหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา ขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 1.4.2 มีความสอดคล้องกับเป้าหมายจดุ เน้นกรอบหลักสตู ร ระดบั ทอ้ งถน่ิ 1.4.3 สอดคล้องกับวสิ ัยทัศน์ของโรงเรยี น
31 รายการ ผลการตรวจสอบ ข้อเสนอแนะ ปรากฏ ไม่ปรากฏ ปรับปรุง/แก้ไข 2. โครงสร้างเวลาเรยี นของหลกั สูตรโรงเรยี น 2.1 มีการระบรุ ายวิชาพนื้ ฐานทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ พรอ้ มทง้ั ระบเุ วลาเรยี นและ/หรอื หนว่ ยกิต 2.2 มีการระบุรายวิชาเพม่ิ เตมิ หรอื กจิ กรรมเพ่มิ เติมท่ี สถานศึกษากาหนดพร้อมทงั้ ระบุเวลาเรยี นและ/หรอื หน่วยกติ 2.3 มีการระบกุ จิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นพรอ้ มทง้ั ระบุเวลาเรยี น 2.4 เวลาเรียนรวมของหลักสูตรโรงเรียนสอดคล้องกับโครงสร้าง เวลาเรยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 2.5 มีการกาหนดโครงสรา้ งกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ไวอ้ ยา่ งชดั เจน 2.6 มกี ารระบุรหสั วิชา ช่ือรายวชิ า จานวน เวลาเรียนและ หนว่ ยกติ ไว้อย่างถกู ต้องชดั เจน 2.7 รายวิชาเพิม่ เติม/กจิ กรรมเพ่ิมเติมสอดคลอ้ งกับวสิ ยั ทศั น์ ของโรงเรียน 3. คำอธบิ ายรายวิชา 3.1 มีการระบรุ หัสวชิ า ชอื่ รายวชิ า และชือ่ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ไวอ้ ย่างถูกต้องชัดเจน 3.2 มกี ารระบุชัน้ ปที ส่ี อนและจานวนเวลาเรียนและ/หรอื หนว่ ยกติ ไว้อย่างถกู ต้องชัดเจน 3.3 การเขยี นคาอธบิ ายรายวิชา เขียนเปน็ ความเรยี ง โดยระบอุ งค์ความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลกั ษณะหรือ เจตคตทิ ตี่ ้องการ ๓.๔ มีการจดั ทาคาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐานครอบคลมุ ตวั ช้ีวดั สาระ การเรยี นรแู้ กนกลาง ๓.๕ มีการระบรุ หสั ตวั ชี้วดั ในรายวิชาพนื้ ฐานและจานวนรวมของ ตัวชวี้ ดั ๓.๖ มกี ารระบผุ ลการเรียนรู้ ในรายวิชาเพิม่ เติม และจานวนรวม ของผลการเรยี นรู้ ๓.๗ มีการกาหนดสาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ สอดแทรกอยู่ใน คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐานหรอื รายวชิ าเพม่ิ เตมิ
32 รายการ ผลการตรวจสอบ ข้อเสนอแนะ ปรากฏ ไมป่ รากฏ ปรับปรงุ /แกไ้ ข ๔. กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน ๔.๑ จดั กิจกรรมทงั้ 3 กิจกรรมตามที่กาหนดไวใ้ นหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ๔.๒ จัดเวลาทง้ั 3 กจิ กรรมสอดคล้องกับโครงสรา้ งเวลาเรียนท่ี หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๔.๓ มีแนวทางการจดั กจิ กรรมทชี่ ดั เจน ๔.๔ มีแนวทางการประเมินกจิ กรรมท่ชี ัดเจน 5. เกณฑก์ ารจบหลกั สูตร ๕.๑ มกี ารกาหนดเกณฑ์การประเมนิ รายวิชาพนื้ ฐานครบ 8 กล่มุ สาระและรายวชิ าเพ่ิมเติมตามโครงสรา้ งเวลาเรยี นที่ กาหนด ๕.๒ มกี ารกาหนดเกณฑ์การประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ๕.๓ มกี ารกาหนดเกณฑ์การประเมินคณุ ลักษณะ อนั พึงประสงค์ ๕.๔ มกี ารกาหนดเกณฑ์การผ่านกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน เกณฑก์ ารตรวจสอบ ผา่ น หมายถึง ผลการตรวจสอบองค์ประกอบหลกั สตู รโรงเรียนปรากฏข้อมูล ตามรายการที่กาหนดทกุ รายการ ควรปรบั ปรงุ หมายถึง ผลการตรวจสอบองค์ประกอบหลักสตู รโรงเรยี นปรากฏข้อมูล ครบหรือขาดบางรายการท่ีกาหนด ลงนาม ……………………………..……… ผู้ตรวจสอบ ( …………………………….... ) ตาแหนง่ .................................................. ………/………../………
33 ส่วนที่ 4 : สรุปผลการตรวจสอบภาพรวมองคป์ ระกอบหลักสูตรโรงเรยี น โรงเรยี น............................................................ อาเภอ....................................................... สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาอุดรธานี เขต ๒ ตอนที่ 1 ตารางแสดงผลการตรวจสอบภาพรวมองคป์ ระกอบหลกั สตู รโรงเรยี น ผลการตรวจสอบองค์ประกอบ ที่ รายการตรวจสอบโรงเรยี น หลกั สตู รโรงเรียน ผ่าน ควรปรบั ปรุง 1 สว่ นนา 2 โครงสร้างเวลาเรียนของหลักสูตรโรงเรยี น 3 คาอธิบายรายวิชา 4 กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น 5 เกณฑ์การจบหลกั สูตร สรุปผลการตรวจสอบภาพรวม ตอนท่ี 2 สรุปผลการตรวจสอบองค์ประกอบหลักสตู รโรงเรียน จดุ เด่น จุดที่ต้องเพมิ่ เติมและพฒั นา จดุ เด่นของหลักสตู รโรงเรียน ................................................................................................................................................................................................................................... จดุ ที่ต้องเพ่ิมเตมิ /พฒั นา 1. ส่วนนำ 1.1 ความนา ..................................................................................................................................................................................... 1.2 วสิ ยั ทศั น์โรงเรยี น..................................................................................................................................................................... 1.3 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน....................................................................................................................................................... 1.4 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์............................................................................................................................................................ 2. โครงสร้างเวลาเรยี นของหลักสตู รโรงเรียน.................................................................................. 3. คำอธิบายรายวิชา...................................................................................................................... 4. กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น................................................................................................................. 5. เกณฑ์การจบหลกั สตู ร............................................................................................................... .................................... ผู้รบั รองข้อมูล (...................................) ตาแหน่ง ................................................
34 การวจิ ยั และตดิ ตามผลการใชหลักสูตร การวจิ ัยจะเปน ท่ีมาของขอมูลขาวสารทีแ่ มนตรงแสดงจดุ แข็ง จุดออ น ปญหาสาเหตุ และ แนวทางปรับปรงุ พัฒนาใหสถานศึกษาสามารถจดั หลักสูตรการเรียนการสอนไดอ ยางมีประสทิ ธิภาพ ดงั นนั้ สถานศึกษาควรดาํ เนิน การ ดงั น้ี การวิจยั พัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษามุง เนน การวิจัยเพอ่ื นําผลมาประกอบการพิจารณา ปรับปรงุ หลกั สูตร สถานศกึ ษาใหเ หมาะสม สอดคลอ งกับผูเรียนและความตอ งการของผปู กครอง ชุมชน 1) การประเมินความตอ งการจาํ เปนในการศึกษาตอ และการประกอบอาชีพของผูเ รยี นในอนาคต เพ่อื นาํ มาใชกําหนดโครงการเรยี นรู และเวลาเรียน 2) การประเมนิ ความตองการของพอแมผปู กครอง และชุมชนในการพฒั นาผเู รียน เพอื่ นาํ มาใชก ําหนด โปรแกรมการเรียน และโครงการตางๆ 3) การประเมนิ ผลหลกั สูตรสถานศกึ ษาโดยมีหวั ขอ ในการพจิ ารณา เชน ความครบถวนขององคประกอบ หลักสตู ร ความสอดคลองของแตล ะองคประกอบสอดคลอ งกับหลกั สูตรแกนกลางฯ และ กรอบหลกั สตู รระดบั ทอ งถิ่น สอดคลอ งกบั ความตอ งการของผเู รยี น พอ แม ผูปกครองและชุมชน ความเหมาะสมของแนวทางการ จดั การเรยี นรู การจดั กิจกรรมพัฒนาผเู รียน และระบบการวดั และประเมนิ ผล เปนตน การวจิ ัย ประเมนิ ผลการใชหลักสูตร การใชหลักสูตรเปนสว นสาํ คัญสว นหน่ึงของกระบวนการพฒั นาหลักสตู รซง่ึ สถานศึกษาจะตอ งมีความ ตระหนกั ในการปรบั ปรงุ หรอื พัฒนาหลักสูตรอยางตอเน่ือง เพ่อื เปน หลกั ประกันวา าผเู รยี นจะไดรบั การพัฒนา ท้ังดา นสตปิ ญญา รา งกาย คุณธรรม บรรลุตามมาตรฐาน การเรียนรรู ะดบั ชาติและสามารถาํ รงชีวิตในสงั คมได อยา งมคี วามสขุ กระบวนการประเมนิ ผลการใชห ลกั สูตรสามารถดําเนินการได ทง้ั ระหวางการใชหลักสตู ร และเมอ่ื นาํ หลักสตู รไปใชเ รียบรอยแลว หรอื การติดตามจากผลผลิตของหลกั สูตร คือ ผเู รียนทจี่ บการศึกษาตามหลกั สตู ร เพ่ือใหก ารประเมินผลการใชหลกั สูตรบรรลุเปา หมายของการควบคมุ คณุ ภาพ สถานศึกษา ควรจดั ใหม ีการประเมินทง้ั ระบบ คือ 1. กาหนดใหม้ ีการประเมนิ การใช้หลกั สตู ร เปน็ กจิ กรรมหลักของสถานศกึ ษา 2. สร้างความเข้าใจเก่ยี วกับการประเมินการใช้หลักสูตรด้วยตนเองใหเ้ กดิ ขน้ึ กับคณะครู 3. วางระบบเครือข่ายการทางานและมอบหมายงานประเมินให้คณะผ้ปู ฏิบัติงานแตล่ ะคณะ ดาเนินการประเมนิ เปน็ ระยะๆ โดยกาหนดให้ชดั เจนวา่ คณะใดต้องประเมินรายการใดบ้าง 4.สรุปผลการประเมิน และนาผลการประเมนิ มาปรับปรงุ และพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา การประเมนิ ผลการใชห้ ลักสตู รมแี นวทางการดาเนนิ การทส่ี าคญั คือ พจิ ารณาองค์ประกอบของหลกั สูตร ทปี่ ระเมิน พิจารณาหลกั เกณฑท ีจ่ ะใชใ นการประเมนิ ออกแบบการจดั เกบ็ ขอมลู ดาํ เนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ มลู วเิ คราะหขอมูลเพอ่ื ใชพจิ ารณาตัดสินใจในการปรบั ปรุงหลกั สูตรตอ ไป สําหรับประเด็น ในการประเมินนนั้ สามารถประเมินไดทัง้ เรือ่ งปจจยั ที่มีผลตอการใชห ลักสตู ร กระบวนการใชห ลกั สตู ร และผล จากการใชห ลกั สตู ร อยา งไรกต็ าม สถานศึกษาควรมุง เนน การประเมนิ สวนที่เก่ยี วของตอ คุณภาพ ของผเู รียน เปนสําคัญและควรคํานึงถงึ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนรูและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข องผเู รียน สถานศึกษาจะตอ ง ใหค้ วามสําคัญ โดยนาํ ผลการประเมนิ ระดับสถานศกึ ษา ระดบั เขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาและระดบั ชาติมาพิจารณาทง้ั ผล การประเมินในภาพรวมและผลการประเมนิ ท่แี ยกรายวิชาและแยกรายมาตรฐาน หากผลการประเมินไมเปน ไปตาม เปา หมายท่ีคาดหวัง ควรศกึ ษาวิเคราะหเ พ่ือคน หา สาเหตุที่แทจ ริง ซง่ึ สาเหตุยอ มเกดิ มาจากปจ จัยและกระบวนการ ใชหลกั สตู รสถานศกึ ษานั่นเอง จากน้นั จงึ หาวธิ แี กปญ หาเพ่อื พัฒนาคุณภาพตอไป
ประเดน็ เกี่ยวข้องในการประเมินผลการใช้หลักสูตร 35 ปจั จัยของการใช้ กระบวนการใช้หลักสูตร ผลการเรียนร้ขู องผู้เรียน หลกั สตู ร การออกแบบและ คุณภาพของผู้เรยี นตาม หลกั สูตรสถานศึกษา การจดั การเรยี นรู้ของครู มาตรฐานการเรียนรู้/ ความพร้อมของ การนิเทศ ติดตามผล ตวั ช้ีวดั การใช้หลักสูตร การเปลี่ยนแปลง บุคลากร พฤติกรรมของผู้เรยี น ทักษะการถ่ายทอด การประเมนิ ผลการ คณุ ลักษณะอันพึง เรยี นรู้ ประสงคแ์ ละสมรรถนะ ของครู ฯลฯ สาคัญของผู้เรียน เทคนคิ การสอน ความสาเรจ็ ในการศึกษา สื่อการเรียนการสอน ตอ่ และประกอบอาชีพ การวัดผลประเมิน การบรหิ ารจัดการ ฯลฯ หลักสตู ร ฯลฯ นอกจากนั้นสถานศึกษาควรสนบั สนุนสงเสรมิ ใหครูทําวจิ ัยปฏิบัตกิ าร (Action research) เพอ่ื แกปญ หา และพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนของตนเองโดยการวจิ ัยน้ันอาจเริม่ ตนจากการเลือกปญ หาการวิจยั ทีม่ ี ความ สาํ คัญและสง ผลกระทบตอผเู รยี นมากทีส่ ดุ และท่ีมาของปญหาการวจิ ัยอาจเกิดจากผเู รียน เชน ปญ หา พฤติกรรม ปญ หาการเรียน เปนตน หรอื อาจเกิดจากการจัดการเรียนรูของครูไมเ หมาะสมสอดคลองกับผเู รยี น รายคน เมื่อไดปญ หาจากการวจิ ยั แลวจงึ ดําเนินการตามขั้นตอนการวิจยั ตอไป การนาหลกั สตู รสู่การปฏิบัติ การนาหลักสูตรส่กู ารปฏิบตั ใิ นชัน้ เรียน ครูผู้สอนจะต้องศึกษา วเิ คราะหม์ าตรฐาน การเรียนรู้/ตวั ชี้วัด ทีร่ ะบุคณุ ภาพของผู้เรยี นว่าควรรอู้ ะไร และทาอะไรได้ ไปสกู่ ารออกแบบการจัดการเรยี นรู้ และนาพาผเู้ รียนให้เกิดสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยดาเนินการ ใหม้ ี ความเชื่อมโยงต้งั แต่ระดับชาติ ซ่ึงได้แก่ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั เขตพ้นื ที่การศึกษาในส่วนของจุดเน้นคุณภาพของผู้เรยี น ระดบั สถานศึกษา ซ่ึงได้แก่ หลักสตู ร ระดบั ช้นั เรยี น ตงั้ แตโ่ ครงสร้างรายวชิ า หน่วยการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรยี นรู้
36 แผนภาพที่ 1 แสดงความเช่ือมโยงระหว่างหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู ร สถานศึกษา สู่การจดั การเรียนรู้ในชัน้ เรยี น ระดบั ชาติ ระดบั เขตพนื้ ที่การศึกษ ระดับสถานศึกษา ระดบั ชัน้ เรยี น หลักสตู รสถานศึกษา หลักสตู ร 1.จุดเน้น คาอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวชิ า แกนกลาง การศึกษา คณุ ภาพผ้เู รยี ข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2.สาระ 2551 การเรยี นรทู้ ้องถน่ิ หนว่ ย หนว่ ย การเรียนรู้ การเรยี นรู้ หนว่ ย การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจัด การเรียนรู้ แผนการจัด การเรียนรู้ ในการจัดการเรยี นรู้ ครูผูส้ อนตอ้ งศึกษาความเช่ือมโยงของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 จดุ เนน้ คุณภาพผู้เรยี นและสาระการเรียนรทู้ ้องถ่ินของเขตพืน้ ที่การศกึ ษา และหลักสตู ร สถานศกึ ษา จากหลกั สูตรสถานศกึ ษาครผู ู้สอนต้องวเิ คราะห์คาอธิบายรายวิชาโดยวิเคราะหค์ วามสัมพันธ์ เชือ่ มโยงของ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั ท่ปี รากฏในคาอธบิ ายรายวิชา ซึ่งสามารถนามาจดั กจิ กรรม การเรยี นการสอนร่วมกนั ได้ กาหนดเปน็ โครงสร้างรายวิชา โดยโครงสรา้ งรายวิชาประกอบด้วย หน่วยการเรียนรทู้ ค่ี รอบคลมุ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั ตลอดปีการศกึ ษา/ภาคเรยี น พรอ้ มท้ัง กาหนดสาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด สัดส่วนเวลาเรียน และน้าหนกั ความสาคัญของแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ ในแตล่ ะหนว่ ยการเรียน ครูผสู้ อนสามารถนาไปจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้สาหรับใช้ในห้องเรียนต่อไปได้
37 แผนภาพท่ี 2 แสดงการนาหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สู่การจดั การเรียนรู้
38 โครงสร้างรายวิชา รายวชิ าแตละรายวชิ าน้นั ประกอบดว ยหนว ยการเรียนรูห ลายหนวย ซงึ่ ไดว างแผนและออกแบบ ไวเพอ่ื พฒั นาผูเรียนใหม คี ณุ ภาพตามเปา หมาย ดังน้ันเพ่อื ท่ีจะชวยใหผูสอนเหน็ ภาพรวมของแตล ะรายวชิ า จําเปน ตอ งมกี ารจัดทาํ โครงสรา งรายวชิ า เพ่ือใหไ ดท ราบวารายวิชานัน้ ประกอบดวยหนว ยการเรียนรูจ ํานวน เทา ใด เรื่องใดบา ง แตละหนวยพฒั นาใหผ เู รียนบรรลุตัวช้วี ดั ใด โดยใชเ วลาในการจัดการเรยี นการสอน เทา ใด สดั สวนการเก็บคะแนนของรายวิชานัน้ เปน อยางไร โครงสรา งรายวชิ าประกอบดวยขั้นตอน การจดั ทํา ดงั นี้ 1. ศึกษาโครงสร้างเวลาเรยี นของหลกั สูตรสถานศึกษา ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือ รายวิชา และศึกษาคาอธิบายรายวชิ า 2. ศึกษามาตรฐานการเรยี นรู/ตวั ช้วี ดั ในกลมุ สาระการเรยี นรู/รายวิชาทรี่ ับผดิ ชอบ 3. พจิ ารณาคดั เลือกมาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวชวี้ ัดทีส่ อดคลอ ง และสามารถนํามาจัดกจิ กรรม การเรียนรูรว มกันไดกอนจัดทําเปน หนว ยการเรียนรู ๔. จดั ทํามาตรฐานการเรยี นรู/ตัวชว้ี ดั ทสี่ อดคลองกันและนํามาจดั กิจกรรมการเรยี นรูรว มกัน เปนหนวยการเรียนรใู หเ หมาะสมตามสาระการเรียนรู ๕. วเิ คราะหแ์ ก่นความรู้/ความคดิ รวบยอดของแต่ละตวั ชี้วัดท่ีนามาจัดกลุม่ รว่ มกันเปน็ หน่วย การเรยี นรู้ ๖. นาแก่นความรู้/ความคิดหลัก มาหลอมรวมเปน็ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอดของหน่วย การเรียนร้นู นั้ ในบางกรณใี ห้พจิ ารณาสาระการเรยี นรปู้ ระกอบการเขยี นสาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ๗. ต้งั ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ๘. กาหนดเวลาเรยี นในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ควรให้เหมาะสมกบั กระบวนการเรียนรู้ที่จะใช้ ในการพฒั นาผู้เรียนตามตัวชวี้ ดั และสาระการเรียนรู้ เมื่อกาหนดเวลาเรยี นครบทกุ หนว่ ยการเรยี นรู้ แลว้ เวลาเรียนต้องเทา่ กบั จานวนเวลาท่ีกาหนดไว้ในโครงสร้างเวลาเรยี นตามหลกั สตู รของกลุ่มสาระ การเรียนรูน้ ้นั ๆ ๙. กาหนดนา้ หนักคะแนนในแตล่ ะหน่วยการเรยี นรู้ โดยพิจารณาจากจานวนตวั ช้ีวดั ความยากง่าย ความซบั ซ้อนของเน้อื หา และการจดั กิจกรรมการเรียนรเู้ พ่ือให้ผเู้ รียนเกดิ คุณภาพ ตามตัวชี้วัด โดยสามารถกาหนดน้าหนกั คะแนนทุกหนว่ ยการเรยี นรู้ นา้ หนักคะแนนแต่ละหนว่ ย การเรยี นรูถ้ อื เปน็ คะแนนระหว่างเรียนให้นาไปรวมกับคะแนนปลายปี/ปลายภาค รวมเป็น 100 คะแนน โดยมีแนวทางการกาหนดสัดสว่ นคะแนนระหว่างเรียนให้นาไปรวมกับคะแนนปลายปี : ปลายภาค เช่น 60 : 40, 70 : 30, 80 : 20 ตามทโี่ รงเรียนกาหนด
39 รายวชิ า ........................... ตัวอยา่ งโครงสรา้ งรายวิชา หนว่ ยกติ ชน้ั ............................................. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้......................................................... ภาคเรียนท่ี ....................จำนวน....................... มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนัก (ช่ัวโมง) คะแนน หน่วยที่ ชอ่ื หน่วย ตวั ชว้ี ัด การเรยี นรู้ (หรือผลการเรยี นรู้- รายวชิ าเพ่ิมเตมิ 1 ตัวอยา่ ง ได้จากการวเิ คราะห์แกน่ ความรู้ 10 12 ท 1.1 ม.3/1 ม.3/2 แตล่ ะมาตรฐานการเรยี นรู้ ม.3/3 ม.3/5 ตัวชีว้ ัด รวมท้ังความรู้ทีผ่ เู้ รยี น ม.3/6 ม.7/7 จะไดร้ ับ มาตรฐานการเรียนรู้ ม3/8,ม.3/9 ตัวช้วี ัดในหนว่ ยการเรยี นรู้ ม.3/10 ท 2.1 ม.3/1,ม.3/4 ตัวอย่าง ม.3/10 บทร้อยแก้วมคี ติสอนใจชว่ ยให้ ท 3.1 ม.3/1,ม.3/2 ม.3/4 ผู้อา่ นได้ขอ้ คิดแนวทาง ดาเนนิ ชวี ิตประจาวนั โดยการ ท 4.1 ม.3/5 อ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ ท 5.1 ม.3/1ม.3/2 นาเสนอแง่คิดโดยการพูด และ เขยี นอยา่ งมีมารยาท ม.3/3,ม.3/4 รวมทัง้ ส้ิน
40 หนว่ ยการเรยี นรู้ ความสำคัญของหน่ วยการเรียนรู้ หนว ยการเรยี นรู เปน ข้นั ตอนที่สําคัญของการนําหลกั สตู รสถานศกึ ษาเขา สชู ้นั เรยี น การออกแบบ หนว ยการเรยี นรูตองเปน หนว ยการเรยี นรูทีอ่ งิ มาตรฐาน เชน เดยี วกบั หลกั สูตร ในการออกแบบหนว ยการเรยี นรู ครผู สู อนสามารถพจิ ารณาเลือกออกแบบไดหลายวธิ ี แตควร ครอบคลมุ ขัน้ ตอน การออกแบบ 3 ขน้ั ตอน ประกอบ ดวย การกำหนดเปาหมายการเรยี นรู หลักฐานการเรียนรู และ กิจกรรมการเรียนรู สาํ หรบั แนวคิดหนง่ึ ท่ี สามารถนําไปเปนแนวทางการออกแบบการเรยี นรู คอื การออกแบบยอนกลับ (Backward Design) โดยในการ กาํ หนดเปาหมายการเรียนรู ควรมกี ารกาํ หนด ความเขาใจที่คงทน (Enduring Understanding) ซึ่งเปนความรู ความเขาใจท่ีฝง แนน ติดอยใู นตวั ผเู รียน อนั เกดิ จากการเรียนรูทผ่ี า นกจิ กรรมตามหนว ยการเรยี นรูนัน้ ๆ ติดตัว ผเู รียนไปใชใ นชีวิตประจําวนั องค์ประกอบหน่วยการเรียนรู้ ตอ งเรม่ิ จากการวิเคราะหค วามสมั พนั ธเช่ือมโยงมาตรฐานการเรยี นร/ู ตวั ชวี้ ัดทส่ี ามารถนํามา จัดกจิ กรรมการเรียนรูร วมกันได รวมท้งั การจัดกิจกรรมการเรยี นรูในหนว ยการเรยี นรตู อ งสามารถนําพาผูเรยี น ใหเ กดิ สมรรถนะสําคัญของผูเรียนและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคไ ดดว ย การออกแบบหนวยการเรียนรู ควรมีองคประกอบสําคญั ดงั น้ี 1. ชื่อหนวยการเรียนรู 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ /ตัวชว้ี ดั 3. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง เปา้ หมายการเรียนรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถ่ิน 5 สมรรถนะสาคัญของนักเรยี น 6 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 7 ชน้ิ งาน/ภาระงาน 8 การวดั และประเมนิ ผล หลกั ฐานการเรียนรู้ 9 กิจกรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑๐ เวลาเรียน/จานวนชั่วโมง การออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ 1. ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ต้องสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงสาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด หรือประเด็น หลกั ใน หนว่ ยการเรยี นรู้นั้นๆ ดังน้นั ชือ่ หนว่ ยการเรียนรคู้ วรมีลักษณะดงั นี้ 1.1 นา่ สนใจ อาจเป็นประเด็นปญั หา ขอ้ คาถามหรือข้อโต้แยง้ ที่สาคญั 1.2 สอดคล้องกบั ชีวติ ประจาวันและสังคมของผเู้ รยี น
41 2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั ที่นามาจดั ทาหนว่ ยการเรียนรู้ต้องมีความสัมพันธ์เชอ่ื มโยงกนั และนามาจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้รว่ มกันได้ ซึ่งอาจมาจากลุ่มสาระการเรยี นรเู้ ดียวกันหรือต่างกลุ่มสาระการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัดบางตัวอาจต้องฝึกซา้ เพื่อให้เกิดความชานาญ จึงสามารถอยู่ในหน่วยการเรียนรู้ มากกวา่ หน่ึงหน่วยการเรยี นรูไ้ ด้เพื่อใหผ้ ู้เรยี นได้รบั การพฒั นาให้บรรลตุ ามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สาระสาคญั /ความคิดรวบยอดไดจ้ ากการวิเคราะห์แก่นความร้แู ต่ละมาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชีว้ ดั รวมถึงสาระการเรยี นรทู้ ี่ผเู้ รียนจะไดร้ บั จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั ในหน่วยการเรียนรู้ 4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรูที่นาํ มาใชใ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรตู ามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวชี้วัด ประกอบดวยสาระการเรียนรแู กนกลาง และสาระการเรียนรทู องถ่ิน (ถาม)ี 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น วเิ คราะหไ์ ด้จากหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ซึ่งเปน็ ผลจากการนามาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด มาจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ตลอดจน สอดคล้องกบั ทักษะ/กระบวนการตามธรรมชาตวิ ชิ า 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ วเิ คราะห์ไดจ้ ากหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 จุดเนน้ ของเขตพืน้ ที่การศึกษา สถานศึกษา และกลุม่ สาระการเรียนรู้ ซง่ึ เป็นผล จากการนามาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั มาจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน ชนิ้ งาน/ภาระงาน ทก่ี าํ หนดตองสะทอนถึงความสามารถของผูเ รยี นจากการใชค วามรูและ ทักษะที่กาํ หนดไว ซึง่ สอดคลอ งตามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวช้วี ัด โดยผา นกจิ กรรมการเรียนรู ชิน้ งาน/ภาระงาน อาจเปน ส่งิ ท่ีครูผูส อนกาํ หนดให หรอื ครูผูสอนและผูเรียนรว มกนั กําหนดข้ึน เพ่ือใหผ เู รียนไดลงมือปฏบิ ตั ใิ นแตละหนว ยการเรยี นรู ช้ินงาน/ภาระงาน ตองแสดงใหเห็นถึงพฒั นาการ ในการเรียนรู ของผูเรียนและเปนรอ งรอยหลกั ฐานแสดงวาผูเรยี นมีความรู ทักษะและ ความสามารถ บรรลุตามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตวั ชี้วดั ทีก่ ําหนดไวใ นหนวยการเรยี นรู ชน้ิ งาน/ภาระงาน อาจจะเกดิ ขนึ้ ไดใ นระหวา งการจดั การเรียนรหู รือ ชิน้ งาน/ภาระงาน รวบยอด แตตองแสดงใหเห็นวาผเู รียนไดนาํ ความรู ทักษะและความสามารถที่ไดจากการเรยี นรใู นหนว ยการเรียนรู นน้ั ออกมาใชอยางเปนรูปธรรม ตัวอยา งชิน้ งาน/ภาระงาน ช้ินงาน เชน รายงาน เรยี งความ จดหมาย โคลง กลอน หนังสือเลมเล็ก ภาพวาด แผนภาพ แผนผัง แผนภมู ิ กราฟ ตาราง งานประดษิ ฐ งานแสดงนิทรรศการ หนุ จาํ ลอง แฟมสะสมงาน ฯลฯ ภาระงาน เชน การพูด/รายงานปากเปลา การอภิปราย การอา น การกลา วรายงาน โตวาที รองเพลง เลนดนตรี การเคลอื่ นไหวรา งกาย ฯลฯ งานทีม่ ีลักษณะผสมผสานกนั ระหวา่ งชิ้นงาน/ภาระงาน เชน่ โครงงาน การทดลอง การสาธิต ละคร วีดทิ ศั น์ ฯลฯ
42 8. การวดั และประเมินผล การวัดและประเมนิ ผล ประกอบดว ยการวดั และประเมินผลระหวางการจดั กิจกรรม การเรยี นรู และการวัดและประเมินผลเม่อื สิน้ สุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู ในการกําหนดวธิ กี ารวัดและ ประเมินผล ตลอดจนเกณฑการประเมนิ ตองเชอื่ มโยงกับมาตรฐานการเรยี นรู/ตวั ชวี้ ดั ทกี่ ําหนดในหนวย การเรียนรู ครูผสู อนและผเู รียนควรรวมกันสรางเกณฑการประเมิน ช้ินงาน/ภาระงาน การปฏิบตั งิ าน เพ่อื เปนแนวทางในการประเมินคุณภาพผูเ รยี น 9. กิจกรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรเู ปนการนาํ เทคนคิ การสอนตา งๆ มาใชใ นการจัดการเรยี นรูใหส อดคลอง กบั ธรรมชาติของวิชา/วิธีการจัดการเรยี นรู ซึง่ จะนาํ ผเู รยี นไปสูการสรา งชน้ิ งาน/ภาระงาน เกดิ ทักษะและ ความสามารถตามสมรรถนะสาํ คัญของผเู รยี น กระบวนการตามธรรมชาตวิ ิชา คุณลักษณะอันพึงประสงค และบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวชีว้ ดั ซ่งึ กาํ หนดไวในหนวยการเรยี นรู 10. เวลาเรยี น/จำนวนช่วั โมงเรียน เวลาการจัดกิจรรมการเรยี นรูใ้ นแตล่ ะหน่วยการเรียนรจู้ ะตอ้ ง วิเคราะหใหเหมาะสมกับลักษณะของกิจกรรมการเรียนรูและสอดคลองกบั จํานวนมาตรฐานการ เรียนร/ู ตัวชวี้ ดั ทป่ี รากฏในหนว ยการเรียนรจู ากโครงสรา งรายวชิ า การจัดทาหนว่ ยการเรียนรู้ การจดั ทาํ หนว ยการเรียนรมู ีแนวทางในการปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1. สรา้ งความรูค้ วามเข้าใจ ๑.๑ ควรทําความเขาใจกับหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ จดุ เนน คุณภาพ ผเู รียน สาระการเรียนรทู อ งถิน่ ของเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา (ถามี) หลักสตู รสถานศึกษา กลมุ สาระการเรยี นรู ทรี่ บั ผิดชอบ และองคประกอบทสี่ าํ คัญของหนวยการเรียนรู ๑.๒ ควรรูว าในแตล ะกลุมสาระการเรยี นรูท่จี ะจัดการเรียนรูนัน้ ประกอบไปดวยมาตรฐาน การเรียนรู/ตวั ชวี้ ัด จํานวนเทาไร สาระการเรียนรทู ่ีไดจ ากคําอธิบายรายวชิ า สมรรถนะสาํ คัญของผเู รยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงคต ามหลักสูตร และธรรมชาตขิ องกลมุ สาระการเรียนรู ๑.๓ ควรรวู ธิ ีการออกแบบหนวยการเรยี นรู ซึ่งสามารถจัดทาํ ไดห ลายลักษณะแตต องยดึ มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชวี้ ัดเปน เปา หมายสําคัญในการพฒั นาผเู รยี น หนว ยการเรยี นรสู ามารถออกแบบได ๒ วิธี คอื วิธที ่ี 1 ออกแบบหน่วยการเรียนรู้เริม่ จากการวิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั วธิ ีท่ี 2 ออกแบบหน่วยการเรียนรเู้ ริ่มจากการกาหนดประเด็น/หวั เรือ่ งจากสภาพปัญหา หรอื สิง่ ทผ่ี ้เู รยี นสนใจ 2. วางแผนและจัดทำหน่วยการเรยี นรู้ เมื่อมีความรู้ความเข้าใจในการจดั ทาหน่วยการเรยี นร้แู ล้วในขั้นตอ่ มาเป็นการวางแผนในการ จัดทาหนว่ ยการเรยี นรู้ ครูผสู้ อนตอ้ งนาตัวชี้วดั ในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ท่ีรบั ผิดชอบมาพิจารณาว่าในแต่ละตวั ชีว้ ดั เมือ่ นามาจดั การเรยี นรู้ ผเู้ รยี นควรรูอ้ ะไรและทาอะไรได้ ควบคกู่ ับการวิเคราะห์สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นว่าจะ นาพาใหผ้ ้เู รยี นเกิดสมรรถนะใดจากสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนทหี่ ลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดไว้ 5 ประการ และคุณลักษณะอันพงึ ประสงคท์ ีห่ ลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดไว้ 8 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในสว่ นของคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
43 กรณที ี่วเิ คราะหแลวไมป รากฏคณุ ลกั ษณะในหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ อยางชัดเจน สามารถวิเคราะหเพ่ิมเติมไดจ ากคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคทเี่ ปนจดุ เนน ของเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา สถานศึกษา แกละกลมุ สาระการเรยี นรูท ีส่ อดคลอ งกับตัวชว้ี ดั กอ นนําหนวยการเรยี นรูไปจัดทําแผนการจดั การเรียนรู ควรมีการตรวจสอบคณุ ภาพ หนวยการเรยี นรู เพื่อใหค รอบคลุมและมีความสอดคลองแตละองคป ระกอบ ครผู สู อนอาจใชตัวอยาง แบบประเมิน หนวยการเรียนรดู งั ตอไปนีเ้ ปนตวั อยา ง
44 ตวั อย่างแบบประเมนิ หน่วยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้......................................ช้ัน..........................เวลา..........................ชว่ั โมง คาชแ้ี จง โปรดเขียนเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดบั การประเมิน ระดับการประเมิน 4 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/เหมาะสมมากทส่ี ุด 3 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/เหมาะสมมาก 2 หมายถงึ มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/เหมาะสมนอ้ ย 1 หมายถงึ มีความสอดคล้อง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสมน้อยท่ีสดุ รายการประเมนิ ระดบั การ ประเมิน 4321 1.ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ น่าสนใจ กะทดั รัด ชดั เจน ครอบคลุมเนอ้ื หาสาระ 2.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์มีความ เช่อื มโยงกนั อยา่ งเหมาะสม 3.ความสอดคล้องของสาระสาคัญ/ความคิดรวบยอดกับมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด 4.ความสอดคลอ้ งของสาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอดกบั สาระการเรียนรู้ 5.ความเชือ่ มโยงสัมพันธ์กนั ระหวา่ งช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด/สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด สาระการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ 6.กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้ 7.กจิ กรรมการเรยี นรู้มีความครอบคลุมในการพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีความรู้ ทักษะ/กระบวนการ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8.กจิ กรรมการเรยี นรมู้ ีความเหมาะสมสามารถนาผู้เรยี นไปสู่การสรา้ งชิ้นงาน/ภาระงาน 9.มกี ารประเมนิ ผลตามสภาพจริงและสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด/กิจกรรมการ เรียนรู้ 10.ประเดน็ และเกณฑ์การประเมินสามารถสะทอ้ นคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั 11.ส่ือการเรยี นรู้ในแต่ละกิจกรรม มีความเหมาะสมกับเวลาและการนาไปประยุกตใ์ ช้ได้จริง 12.กาหนดได้เหมาะสมกบั กิจกรรมและสามารถนาไปปฏิบตั ไิ ด้จรงิ รวม/สรุปผล.......................................................... หรอื เฉลี่ย/สรปุ ผล.............................................. การแปลความหมายการประเมินหนว่ ยการเรียนรู้ เกณฑ์ คา่ เฉลยี่ 1.00 - 1.99 ปรับปรงุ 2.00 - 2.99 พอใช้ 3.00 - 3.99 ดี 3.99 - 4.00 ดีมาก หรือ คะแนน 12 - 20 ปรบั ปรงุ 21 - 30 พอใช้ 31 - 39 ดี 40 – 48 ดมี าก
45 การจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรูเ ปนเคร่ืองมอื สําคญั สาํ หรับครใู นการจดั เตรียมกจิ กรรมการจัดการ เรียนรู ใหแกนักเรยี นไดเ รยี นครบน ถวนตรงตามหลักสูตรและบรรลจุ ุดประสงคการเรยี นรทู ี่กาํ หนด ครูสามารถสอนได ทันเวลาทกี่ ําหนดไวใ นโครงสรางเวลาเรยี น และตรงตามมาตรฐานและตวั ชีว้ ัดของหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ดังแผนภาพแสดงความเชือ่ มโยงของหนวยการเรยี นรู สูการจดั ทาํ แผนการ จดั การเรยี นรู โครงสรา้ งรายวชิ า หนว่ ยการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ 10 ชว่ั โมง 13 ชัว่ โมง 15 ช่ัวโมง 10 ชวั่ โมง จดั แบ่งเนือ้ หาเวลา ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ แผนที่ 1 แผนที่ 2 แผนท่ี 3 แผนที่ 4 แผนที่ 5 2 ชว่ั โมง 1 ช่ัวโมง 3 ช่วั โมง 4 ช่ัวโมง 5 ชั่วโมง แตล่ ะแผน 1.อะไรเปน็ เปา้ หมายสาหรบั ผเู้ รยี นในการจดั การเรยี นรู้คร้ังนี้ (Goal Setting) ตอ้ งตอบ 2.ทาอยา่ งไรผู้เรยี นจึงบรรลุเปา้ หมาย (Instructional Plan) คาถาม 3.ตดั สินอยา่ งไรวา่ ผูเ้ รยี นบรรลุเป้าหมาย (Technical Evaluation) ตอ่ ไปน้ี
46 การจัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้ มีองคป์ ระกอบท่ีสาคัญและวิธเี ขียน ดงั น้ี ๑. สาระสาํ คญั ไดจ ากการวิเคราะหแกน ความรแู ตละมาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้วี ดั รวมถึง สาระการเรยี นรทู ี่ ผูเ รยี นจะไดรับจากการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูต ามมาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้วี ัด ในหนวย การเรยี นรทู น่ี าํ มาจากโครงสรา งรายวิชาที่ไดทาํ การวเิ คราะห หรือจะเขียนข้นึ ใหมกไ็ ด 2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั นามาจากมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด ท่ีกาหนดไว้ในหน่วยการเรียนรู้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ นามาจากจุดประสงค์การเรยี นรู้ ตอ้ งมคี วามสัมพนั ธแ์ ละสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้ ทก่ า่ี หนดไวใ้ นหน่วยการเรยี นรู้ เขยี นให้ครอบคลมุ พฤติกรรมของผเู้ รียน คือ ด้านพทุ ธพิ ิสยั ทักษะพสิ ยั และจิตพิสัย การเขยี นจุดประสงคก์ ารเรียนรทู้ ีแ่ สดงพฤตกิ รรมของผู้เรียนดา้ นพทุ ธิพิสยั ทักษะพิสัย และ จิตพิสัยของบลูม (Bloom) แครทโรล (Krathrohl) และแฮร์ โรว์ (Harrow) ได้ แก่ ๑. ดา นพุทธพิ สิ ยั จุดประสงคการเรยี นรูดานพุทธิพิสัย หมายถงึ จุดประสงคท ี่แสดง ความสามารถของสตปิ ญญาในการประมวลขอมลู พฤติกรรมท่ีชบ้ี ง ความสามารถในดานนส้ี ามารถ แบง ได 6 ระดบั จากระดบั พ้ืนฐานไปสรู ะดับทีซ่ ับซอน ดงั น้ี ๑.๑ ความรู ความจาํ (knowledge) เชน เลือก ระบุ อธบิ าย เตมิ คาํ ใหส มบรู ณ ช้บี ง จดั ทาํ รายการ จบั คู เรยี กชอื่ ระลึก บอก และกําหนด เปนตน ๑.๒ ความเขา ใจ (comprehension) เชน เปลย่ี น อธบิ าย ประมาณการ ขยายความ สรุป อางอิง แปลความหมาย คาดคะเน ตีความ ขยายความ อุปมาอุปมัยสรุป และยกตัวอยา ง เปนตน 1.3 การนาไปใช้ (application) เช่น การประยุกต์ การคานวณ การสาธิต การพัฒนา การคน้ พบ การดดั แปลง การดาเนนิ การ การมสี ่วนร่วม การแสดง วางแผน ทานาย เชื่อมโยง แสดง และ ทาใหด้ ู เป็นต้น 1.4 การวเิ คราะห์ (analysis) เช่น วเิ คราะห์ แยกแยะ จัดพวก จดั ชั้น จดั ประเภท จดั กลุ่ม เปรียบเทียบ หาความแตกตา่ ง วจิ ารณ์ แสดงแผนภมู ิ จาแนก สรุปอา้ งอิง และกาหนด องค์ประกอบ เป็นตน้ 1.5 การสังเคราะห์ (synthesis) เช่น การออกแบบ วางแผน และนาเสนอโครงการ คากรยิ าท่ีแสดงทักษะการสังเคราะห์ ได้แก่ จัดเตรยี ม จดั ประเภท แบง่ พวกรวบรวมผสมผสาน กาหนด สร้าง ออกแบบ พฒั นา ผลติ ดดั แปลง จดั ระบบ วางแผน ปฏริ ปู วางระบบ ปรบั ปรงุ ทบทวน สรปุ รวบยอด สงั เคราะห์ ประพนั ธ์ แต่ง นาเสนอ และจดั การแสดง เป็นต้น 1.6 การประเมินคุณคา่ (evaluation) เช่น โตแ้ ยง้ ประเมิน เปรียบเทียบ สรุปความ วิจารณ์ ตดั สนิ อธิบายตคี วาม จดั ลาดับที่ จัดชั้น และเทียบกับมาตรฐาน เป็นตน้ 2. ดา้ นจติ พสิ ัย จุดประสงค์การเรยี นรดู้ ้านจิตพิสัย หมายถึง จดุ ประสงค์ทีแ่ สดงพฤติกรรม ทเี่ ก่ียวกบั ความรสู้ กึ เจตคติและคา่ นยิ ม ซ่งึ การเรยี นรู้ด้านเจตคติและค่านิยม มีลาดบั ขนั้ ของการเกิด พฤติกรรม ดงั นี้ 2.1 การรับรู้ (receiving) เชน่ ถาม เลอื ก อธิบาย ตอบ บอกชอื่ สาธติ ระบุ บอกความ แตกต่าง และบอกจดุ เดน่ เป็นต้น 2.2 การตอบสนอง (responding) เชน่ พสิ ูจน์ รวบรวม ทาตามคาส่งั แสดง ฝึกปฏิบัติ นาเสนอ และเลือก เป็นตน้
47 ๒.๓ การเห็นคุณคา (valuing) เชน อธบิ าย ทําตาม รเิ ร่ิม เขารวม นาํ เสนอ และทําให สมบูรณ เปน ตน ๒.๔ การจัดระเบียบ (organizing) เชน จดั ระเบยี บ รวบรวม สรปุ บูรณาการ ดดั แปลง จัดลําดับ สงั เคราะห สราง และ จัดระบบ เปน ตน ๒.๓ การสรา งระบบคานิยมของตนเอง (internalization of values) ไดแ ก ปฏิบัติ แสดงออก แกป ญหา ประกาศตัว แสดงตน อทุ ิศตน ทุมเท ยอมรับ และเกิดสาํ นึก เปนตน ๓. ดา นทักษะพสิ ัย เปน ทกั ษะความสามารถทางกายทอี่ าศัยการเคลื่อนไหวของกลา มเน้ือเล็ก และกลา มเนอ้ื ใหญใ นการทาํ งาน เชน การเลนกฬี าตา ง ๆ การเตนรํา งานชา งฝม ือตา งๆ การประกอบอาหาร การทาํ งานประดิษฐ การเลนเครอ่ื งดนตรี เขียน ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บ ทําตามขอกาํ หนด ขวั้นก่ิง ตอนกง่ิ ทําตามขน้ั ตอน ทาํ ความเคารพ ฝก ปฏบิ ตั งิ าน รองเพลง แสดงละคร ตรวจสอบ ประกอบเคร่ืองมอื ใชเครอื่ งมอื ใชอปุ กรณ ปฏบิ ัตงิ าน ตดิ ตงั้ อปุ กรณ ตรวจและแกไ ข ซอมบาํ รุง สรา ง ประดิษฐ เปนตน ๔. สาระการเรยี นรู นํามาจากสาระการเรียนรูแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (รายวชิ าพ้นื ฐาน) หรอื สาระการเรียนรูทอ งถน่ิ (รายวิชาเพม่ิ เติม) ตองเขยี นใหช ดั เจนกะทดั รดั เหมาะสม ครอบคลุมเนอ้ื หาการเรียนรู เขียนเปนความเรียง ๕. สอ่ื การเรียนรู เปน การใชสื่อ อปุ กรณ วิธกี าร ฯลฯ ทจี่ ะนาํ มาประกอบการจดั กิจกรรม การเรียนรู เพอ่ื ใหผ ูเรยี นไดรบั ประสบการณ ไดป ฏบิ ตั กิ ิจกรรม หรือไดเ รยี นรู เพื่อใหบรรลุ การเรียนรู ตามแผน จดั การเรียนรูตอ ง กําหนดใหสอดคลองกบั จดุ ประสงค สาระการเรียนรู กิจกรรมการเรียนรู และเวลาเรยี น ตอ งเขยี นระบุใหช ดั เจน ๖. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค นาํ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคต ามหลกั สตู รแกนกลาง กพาัฒรนศาึกใษนาแขผนั้ นพกน้ื าฐราจนดั กาพรทุ เรธยีศนักรรูาช ๒๕๕๑ หรือจดุ เนน ทีเ่ ขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา หรอื สถานศึกษากําหนด ทีต่ อ งการ ๗. ดานสมรรถนะสำคญั ของผูเรียน นําสมรรถนะสําคญั ของผเู รียนตามหลกั สูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หรอื จดุ เนน ทเี่ ขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา หรอื สถานศกึ ษากําหนด ที่ตองการ พัฒนาในแผนการจัดการเรยี นรู ๘. ดา นการอา น คดิ วิเคราะห และเขยี น แผนการจดั การเรยี นรูตองพฒั นาการอาน คิดวิเคราะหแ ละเขยี น ซึ่งเปนเกณฑใ นการจบ หลักสตู รจึงตอ งเขยี นใหส อดคลองกบั สาระการเรยี นรู ตวั ชีว้ ัด และกิจกรรมการเรยี นร ู ๙. การบรู ณาการ (ถา มกี ารบรู ณาการ) การจัดการเรียนรบู างกจิ กรรมอาจมกี ารเช่ือมโยง ไปยังกลุมสาระการเรยี นรูต า งๆ ที่เกยี่ วของและหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๑๐. กิจกรรมการเรียนรู ลกั ษณะการเขยี นกจิ กรรมการเรยี นรู ตองเนนใหผ ูเ รียนเปน ผลู งมือ ปฏิบตั ิจรงิ (Active Learning) มากกวาการใหผูเ รยี นนั่งฟง อา นหรือทองจําเพียงอยางเดียว (Passive Learning) การเขยี นกระบวนการจัดการเรยี นรูในแผนการจัดการเรยี นรมู ี ๓ ขัน้ ตอน คือ ๑. ข้ันนําเขา สบู ทเรียน เขียนระบุกิจกรรมที่นาํ มาใชเพ่อื กระตุน ใหผเู รียนเกิดความสนใจ เปนกจิ กรรมทน่ี า สนใจ และเชอื่ มโยงกับบทเรยี นที่เรยี นโดยใชร ะยะเวลาสัน้ ๆ ๒. ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู เปน การเขียนรายละเอยี ดของกจิ กรรมแตล ะขน้ั ตอนของแตล ะสาระ การเรยี นรู หลักการเขยี นกิจกรรมตอ งลําดบั ส่ิงทีผ่ เู รยี นรูไปสูส่ิงทผี่ เู รยี นยงั ไมร ู กจิ กรรมตองสอดคลองกับจดุ ประสงค การเรยี นรูทก่ี าํ หนดไว และควรเนน ใหผ ูเรยี นมีสว นรว มในการวางแผน การจดั กจิ กรรม โดยการลงมือปฏบิ ัติจริง ๓. ขนั้ สรุปบทเรยี น เปน การเขยี นกิจกรรมหรอื คําถามนาํ ทางใหผ ูเรยี นสรปุ บทเรียนไดด ว ยตนเอง
Search