(ตัวอยา่ งคำตอบ การเขยี นโปรแกรมแบบทางเลือกจะมกี ารกำหนดทิศทางการทำงาน ซึ่งจะต้องตัดสนิ ใจ ด้วยเง่ือนไข ส่วนการเขียนโปรแกรมแบบลำดับจะทำงานทีละคำส่ังโดยไมม่ ีการตัดสินใจดว้ ยเงื่อนไข) - นกั เรียนยกตวั อยา่ งโปรแกรมทใี่ ชค้ ำสง่ั แบบทางเลือก 3. นักเรียนร่วมกนั ศกึ ษาคน้ ควา้ ข้อมูลเกย่ี วกับโครงสร้างแบบทางเลอื กแต่ละประเภทจากแหลง่ การ เรยี นรตู้ ่าง ๆ อยา่ งหลากหลาย เชน่ อนิ เทอร์เนต็ หนงั สอื เรยี น 4. นักเรยี นร่วมกนั วิเคราะห์ผังงานการประมวลผลการเรียน แลว้ ตอบคำถาม ดังนี้ เร่ิมตน้ คะแนนเกบ็ = x คะแนนสอบ = y sum = x + y จริง sum < 50 เทจ็ ติด 0 ไมต่ ิด 0 แสดงผลสอบ จบ - ถ้าคะแนนเก็บเท่ากับ 39 คะแนน คะแนนสอบเทา่ กับ 11 คะแนน จะแสดงผลสอบใดออกมา (ไมต่ ดิ 0) - ถา้ คะแนนเกบ็ เท่ากับ 28 คะแนน คะแนนสอบเทา่ กบั 21 คะแนน จะแสดงผลสอบใดออกมา (ตดิ 0) 7 ซม. 5. นกั เรยี นร่วมกันวิเคราะห์วงกลมตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคำถาม
- รศั มีของวงกลมคือเทา่ ไร (รศั มีเท่ากับ 7 ซม.) - พืน้ ท่วี งกลมคอื เท่าไร (ประมาณ 153.86 ตารางเซนติเมตร) - เสน้ รอบวงกลมคือเท่าไร (ประมาณ 43.96 ซม.) 6. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความคดิ รวบยอดเกยี่ วกบั โครงสร้างแบบทางเลือกแตล่ ะประเภท ดังนี้โครงสร้าง แบบทางเลือกแต่ละประเภทสามารถนำไปใช้เขยี นโปรแกรมทีม่ ีการกำหนดทศิ ทางการทำงาน ซึ่งจะต้องตัดสินใจ ด้วยเงื่อนไข ควรเลอื กใชโ้ ครงสรา้ งแบบทางเลือกแตล่ ะประเภทให้เหมาะสมกบั งาน เชน่ การเขยี นโปรแกรม ประมวลผลการเรียน ควรใช้โครงสร้างแบบทางเลือกหลายทาง 7. นักเรยี นร่วมกนั ศึกษาเกย่ี วกับโครงสรา้ งแบบทางเลอื กทางเดยี ว 8. นกั เรยี นร่วมกนั พิจารณาผงั งานการคำนวณพื้นท่ีวงกลมแบบทางเลือกทางเดียว แล้วตอบคำถาม ต่อไปน้ี start OUTPUT “Find area of circle press 1:” INPUT choice OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius area = 22/7 * radius ** 2 False choice = = 1 True OUTPUT (“Area =” , area) end - ถ้าปอ้ นข้อมูลใน Find area of circle press 1: เป็นเลข 1 จะเกิดอะไรข้ึน
(โปรแกรมจะใหป้ อ้ นข้อมูล Enter radius และทำการประมวลผลลพั ธ์ออกมา) - ถา้ ป้อนข้อมูลใน Find area of circle press 1: เป็นเลข 0 จะเกิดอะไรขึ้น (โปรแกรมจะไม่แสดงผลลัพธอ์ อกมา) - ถ้าปอ้ นข้อมูลใน Find area of circle press 1: เท่ากบั 1 และปอ้ นขอ้ มลู ใน Enter radius เทา่ กับ 7 จะได้ผลลัพธเ์ ท่าใด (Area = 154.0) 9. นักเรยี นจบั คู่ตามความเหมาะสมของจำนวนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยมนี กั เรียน 1 คนที่มีประสบการณ์ ในการใช้คอมพวิ เตอร์ จากน้ันปฏิบตั กิ ารเขียนโปรแกรมคำนวณหาพื้นทว่ี งกลม เม่อื ป้อนเลข 1 ดงั ตัวอย่าง 10. นกั เรียนรว่ มกันศึกษาโครงสรา้ งแบบทางเลือกสองทาง 11. นักเรยี นร่วมกันพิจารณาผงั งานการหาพื้นท่วี งกลมแบบทางเลอื กสองทาง แล้วตอบคำถามตอ่ ไปน้ี star Fals OUTPUT “Find atrea of circle press OUTPUT 1/ Find circumference of circle “Circumference =”, circumference INprPeUssTocthheorisc”e OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius area = 22/7 * radius ** 2 circumference = 2 * 22/7 * choice = = 1 Tru OUTPUT “Area =” , area end
- ถา้ ตัวแปร choice = 1 จะเกิดอะไรขึ้น (จะแสดงพ้ืนท่วี งกลม (area)) - ถ้าตวั แปร choice = 2 จะเกิดอะไรขนึ้ (จะแสดงเส้นรอบวงกลม (circumference)) - ถา้ ตัวแปร choice = 1 และ radius = 7 ผลลัพธ์เทา่ กบั เท่าไร (Area = 154.0) - ถา้ ตวั แปร choice = 2 และ radius = 7 ผลลัพธ์เท่ากับเท่าไร (Circumference = 44.0) 12. นักเรียนร่วมกนั ปฏิบัติการเขียนโปรแกรมการหาพ้นื ที่วงกลมเม่อื ปอ้ นหมายเลข 1 และความยาว เส้นรอบรูปวงกลมหากปอ้ นหมายเลขอ่ืน ดังตัวอยา่ ง 13. นักเรยี นร่วมกันศึกษาโครงสร้างแบบทางเลือกหลายทาง 14. นักเรียนรว่ มกันพจิ ารณาผงั งานการหาพืน้ ท่วี งกลมแบบทางเลือกหลายทาง แล้วตอบคำถามต่อไปน้ี star OUTPUT “Find areatof circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others:” INPUT choice OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius area = 22/7 * radius ** 2 circumference = 2 * 22/7 * radius choice = = Fals choice = = Fals e Tru True OUTPUT “Area =” , area OUTPUT “Area =” , area OUTPUT “Circumference OUTPUT “Circumferenc =”, e =”, end
- ถา้ ตวั แปร choice = 1 จะเกิดอะไรขน้ึ (จะแสดงพ้นื ท่ีวงกลม (area)) - ถ้าตัวแปร choice = 2 จะเกิดอะไรข้ึน (จะแสดงเสน้ รอบวงกลม (circumference) - ถ้าตัวแปร choice = 3 จะเกิดอะไรขน้ึ (จะแสดงพ้ืนทว่ี งกลม (area) และเส้นรอบวงกลม (circumference) 15. นกั เรียนรว่ มกนั ปฏิบตั ิการเขียนโปรแกรมคำนวณหาพนื้ ทว่ี งกลม เม่อื ป้อนหมายเลข 1 ความยาว เสน้ รอบรูปวงกลม เม่ือป้อนหมายเลข 2 พน้ื ท่วี งกลมและความยาวเส้นรอบรูปวงกลม เมื่อปอ้ นหมายเลขอ่นื ๆ ดัง ตวั อยา่ ง
3. ขน้ั สรุป นักเรียนรว่ มกันสรุปส่งิ ท่ีเข้าใจเปน็ ความร้รู ่วมกนั ดังนี้การเขียนโปรแกรมแบบทางเลือก (Decision Control Statement) เป็นลักษณะการเขียนคำสั่งโปรแกรมตัดสนิ ใจเลอื กทำงานอยา่ งใดอย่างหน่งึ ตามเงือ่ นไขท่กี ำหนด โดยมีรูปแบบโครงสร้างแบบทางเลอื ก 4 ประเภท ได้แก่ แบบทางเลอื กทางเดียว แบบ ทางเลือกสองทาง แบบทางเลือกหลายทาง และแบบทางเลือกเชงิ ซ้อน 9. สื่อและแหลง่ เรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น 2. PowerPoint 3. ใบงาน 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1. ห้องเรียน 2. ห้องปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ 10. การวดั และประเมินผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารวัด 1. ดา้ นความรู้ - การสังเกต - แบบสังเกต 1. สามารถตอบคำถามใน - แบบประเมินผลงาน แบบฝกึ หดั ได้ถกู ต้องตาม - การทดสอบปฏิบตั ิ หลักการ 80% ขึ้นไป - การตรวจผลงาน 2. ด้านทกั ษะ - การสังเกต - แบบสงั เกต 2. สามารถตอบคำถามในใบ กระบวนการ - การทดสอบปฏิบตั ิ - แบบประเมนิ ผลงาน งานได้ 80% - การตรวจผลงาน 3. ด้านคณุ ลกั ษณะอัน - แบบสังเกต 3. นกั เรียนมีคุณลักษณะอัน พงึ ประสงค์ - การสังเกต - แบบประเมินผลงาน พงึ ประสงค์ได้ 85% ข้นึ ไป - การตรวจผลงาน
ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง โปรแกรมตัดเกรด ชื่อ_____________________________เลขท_่ี _____ชนั้ __________ นกั เรยี นเขยี นโปรแกรมตดั เกรด โดยใชโ้ ครงสร้างแบบทางเลือก แลว้ ทดลองรันโปรแกรม จากนนั้ บนั ทกึ คำสั่งโปรแกรมและผลลพั ธ์ลงใน คำสัง่ โปรแกรม ผลลัพธ์
บนั ทกึ ผลหลังการสอน 1. ผลการจดั การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 2. ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................... ................................ .................................................................................................. ........................................................................ .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................. .................. ................................................................................................................ .......................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ................................................................................................................................... ................................................. ลงช่ือ............................................................ ( นางสาวกัลยรตั น์ มัน่ สัตย์ ) ตำแหน่ง ครูผู้สอน ขอ้ เสนอแนะและความคดิ เห็นของหวั หนา้ สถานศึกษา ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอื่ ............................................................ ( นายวศิ ษิ ฐ์ ศริ วิ ัฒพงศ์ ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลเมืองนครสวรรค์ ( เขากบ วิวรณ์สุขวทิ ยา)
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15 รายวชิ า วิทยาการคำนวณ กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22201 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 รายวิชา เพม่ิ เตมิ ชอื่ หน่วยที่ 3 การแก้ปญั หาดว้ ยภาษาไพทอน ชื่อแผน การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ำ สอนโดย นางสาวกลั ยรัตน์ มนั่ สัตย์ เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 สอนวันท่ี..........เดือน............พ.ศ.2564 ............................................................................................................................. ....................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและ เป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม 2. สาระสำคญั การออกแบบข้ันตอนการทำงานของโปรแกรมหรอื การออกแบบอลั กอริทึม เป็นการออกแบบลำดบั ขนั้ ตอนการทำงานของโปรแกรม ซ่ึงสามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 3 ลกั ษณะ คือ การใช้ภาษาธรรมชาติ การใชร้ หัส จำลอง และการใชผ้ งั งาน 3. ผลการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั ผลการเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย มีความรบั ผดิ ชอบ สร้างและแสดงสทิ ธ์ิ ในการเผยแพรผ่ ลงาน ตัวชวี้ ัด ตวั ช้วี ดั ที่ ม2/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟังก์ชนั ในการแกป้ ัญหา 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายการเขียนโปรแกรมแบบวนซำ้ ดว้ ยคำส่ัง while (K) 2. เขียนโปรแกรมแบบวนซ้ำด้วยคำส่ัง while (P) 3. มคี วามกระตือรือร้นในการเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ำดว้ ยคำสง่ั while (A) 5. สมรรถนะท่ีสำคญั 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสอื่ สาร 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. สาระการเรียนรู้ คำสัง่ while เปน็ คำสงั่ ที่กำหนดใหโ้ ปรแกรมทำซำ้ ขณะทเ่ี ง่ือนไขเปน็ จรงิ ใหโ้ ปรแกรมทำงาน คำสัง่ หลัง while ถ้าเงื่อนไขเปน็ เทจ็ จะออกจากการทำซ้ำแล้วไปทำงานคำสง่ั อนื่ คำสั่ง while เหมาะกบั
งานทไี่ ม่ทราบรอบของการทำซ้ำทแ่ี นน่ อน 7. ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรยี นรอู้ ่นื ๆ /บรู ณาการ 1. กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ 2. การใช้ DLIT 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 29-30 1. ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมจากชวั่ โมงทผ่ี ่านมาเกีย่ วกบั การเขียนโปรแกรมทางเลือก 2. นกั เรยี นร่วมกันสังเกตภาพการทำงานซำ้ ของตวั เลข แลว้ ตอบคำถาม ดงั น้ี 1 12 123 1234 - ลกั ษณะของตวั เลขเปน็ อยา่ งไร (ตัวอย่างคำตอบ เปน็ การทำซ้ำ) - จากภาพเป็นการทำงานซ้ำอย่างไร (ตัวอยา่ งคำตอบ ในแต่ละบรรทัดจะมีการเพมิ่ จำนวนตัวเลขมาบรรทดั ละ 1 จำนวน) - จากภาพตัวเลขหยดุ ทำซ้ำทีเ่ ลขใด (เลข 5) 2. ขั้นสอน 1. นักเรยี นรว่ มกนั ตอบคำถามเก่ยี วกับการเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้ำ ดังนี้ - นักเรยี นเคยเขยี นโปรแกรมแบบวนซำ้ หรอื ไม่ (เคย/ไมเ่ คย) - การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ำแตกตา่ งกบั การเขยี นโปรแกรมแบบทางเลือกอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ การเขยี นโปรแกรมแบบวนซำ้ จะมลี ักษณะการทำงานตามจำนวนรอบหรอื ตาม เงอ่ื นไขกำหนด ถา้ เงื่อนไขเป็นจรงิ ใหโ้ ปรแกรมทำงาน แต่ถา้ เปน็ เทจ็ จะออกจากการทำซำ้ ส่วนการเขียนโปรแกรม แบบทางเลือกจะไม่มกี ารทำงานวนซำ้ ) - การวนซ้ำมีลักษณะใดบ้าง (แบบ while และ for) - นกั เรียนยกตวั อย่างโปรแกรมท่ใี ช้คำสัง่ วนซ้ำ (ตัวอย่างคำตอบ โปรแกรมแม่สูตรคณู โปรแกรมแสดงตัวเลข 1-10)
2. ครผู ้สู อนให้นักเรยี นรว่ มกันศึกษาค้นควา้ ข้อมูลเก่ียวกับโครงสร้างวนซำ้ แบบ while จากแหลง่ การ เรียนรตู้ า่ ง ๆ อย่างหลากหลาย เชน่ อินเทอรเ์ น็ต หนงั สือเรียน 3. นกั เรียนร่วมกนั วิเคราะหผ์ งั งานการแสดงตวั เลขค่ี แลว้ ตอบคำถาม ดงั น้ี start num = 1 num < = 20 False Tru OUTPUT neum num = num + 2 end - จากผงั งานจะแสดงเลขคหู่ รือเลขคี่ และแสดงตัวเลขใดบ้าง (แสดงเลขคี่ จะแสดงตวั เลข 1 3 5 7 9 11 13 15 17 19) - ถา้ ต้องการแสดงเลขคตู่ ้ังแต่ 2-20 ควรทำอย่างไร (เปลย่ี น num = 2 ) - ถ้าตอ้ งการใหแ้ สดงตัวเลข 1-10 ควรทำอย่างไร (เปลี่ยน num < = 10 และ num = num + 1 ) 4. นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความคิดรวบยอดเกี่ยวกบั โครงสรา้ งวนซ้ำแบบ while ดงั น้ี คำสั่ง while ใช้ สำหรบั การทำงานวนซำ้ ถ้าเง่ือนไขเปน็ จรงิ จะทำงานซำ้ ไปเร่ือย ๆ จนเงอื่ นไขเป็นเทจ็ จงึ ออกจากคำสงั่ การเขียน โปรแกรมด้วยคำส่งั while ควรออกแบบผังงานข้นึ มาก่อน เพื่อใหง้ ่ายตอ่ การเขียนโปรแกรม 5. นักเรยี นรว่ มกันศกึ ษาเกีย่ วกบั โครงสร้างวนซ้ำแบบ while (while loop) 6. นักเรยี นร่วมกนั พจิ ารณาผังงานโปรแกรมแสดงตวั เลข 1-10 แลว้ ตอบคำถาม ดงั น้ี 7. นักเรียนร่วมกนั พิจารณาผังงานโปรแกรมแสดงตัวเลข 1-10 แลว้ ตอบคำถาม ดงั น้ี start NCounter = 1 Fals NCounter < = 10 True OUTPUT NCounter = NCounter + 1 end
- จากผังงานจะแสดงผลลพั ธ์ใด ให้ไดผ้ ลลัพธ์แบบเดมิ (1 2 3 4 5 6 7 8 9 10) - ถา้ NCounter เท่ากบั 11 จะเกิดอะไรขนึ้ (โปรแกรมจะหยุดการทำงาน) - ถ้าต้องการแสดงผลลพั ธ์เป็นเลขคคี่ วรทำอย่างไร (เปลี่ยน NCounter = NCounter + 2 ) - จากผังงานมกี ารทำงานวนซ้าํ กรี่ อบ (มีการทำงานวนซ้ํา 10 รอบ) - มีวธิ ีใดอกี บ้างที่เขยี นคำส่ัง NCounter < = 10 (NCounter < 11) 8. นกั เรียนจับคตู่ ามความเหมาะสมของจำนวนเคร่อื งคอมพิวเตอร์ โดยมนี กั เรยี น 1 คน ที่มีประสบการณใ์ นการใช้คอมพวิ เตอร์ จากน้นั ปฏบิ ัตกิ ารเขยี นโปรแกรมแสดงตวั เลข 1-10 ดังตัวอย่าง 9. นกั เรยี นทดลองเปลี่ยนค่าตัวแปรและเงื่อนไข เพ่ือใหแ้ สดงตัวเลขตามต้องการ 10. นักเรียนเปล่ยี นคา่ ตัวแปรและเงอ่ื นไข เพื่อให้แสดงผลลพั ธเ์ ปน็ เลขค่แู ละเลขคี่ 11. นกั เรียนรว่ มกนั พจิ ารณาผงั งานโปรแกรมรับตัวเลข 10 ตวั แล้วหาคา่ เฉลยี่ แลว้ ตอบคำถาม start i=0 sum = 0 False i < 10 True OUTPUT “Enter number”, i INPUT x sum =sum + x i=i+1 OUTPUT “average =”, sum/i end
- จากผังงานเก่ยี วกับอะไร (การหาคา่ เฉลี่ยตัวเลข 10 ตัว) - sum หมายถงึ อะไร (ผลบวก) - สามารถปอ้ นข้อมลู นำเขา้ ได้กี่จำนวน เพราะอะไร (10 จำนวน เพราะเงื่อนไขคือ i < 10 และมกี ารบวกคา่ i ในทกุ ๆ รอบ) 12. นักเรยี นร่วมกันปฏบิ ัตกิ ารเขียนโปรแกรมรบั ตัวเลข 10 ตัว แลว้ หาคา่ เฉลี่ย ดงั ตัวอย่าง 13. นกั เรียนรว่ มกันเขียนโปรแกรมรบั ตัวเลข 10 ตัว แลว้ หาผลบวก แลว้ ทดลองรนั โปรแกรมเมื่อผลลัพธ์ ถูกต้องให้บันทึกคำสง่ั โปรแกรมและผลลัพธ์ลงในชน้ิ งานที่ 6 เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมรับตัวเลข 10 ตวั แลว้ หา ผลบวก 14. นักเรยี นรว่ มกันสรุปส่ิงทีเ่ ขา้ ใจเป็นความร้รู ว่ มกัน ดงั น้ี คำสั่ง while เป็นคำสั่งท่ีกำหนดใหโ้ ปรแกรม ทำซ้ำขณะท่ีเงอื่ นไขเปน็ จริงให้โปรแกรมทำงานตามคำสั่งหลงั while ถ้าเง่อื นไขเปน็ เทจ็ จะออกจากการทำซ้ำแลว้ ไปทำงานคำสั่งอนื่ คำสง่ั while เหมาะกับงานท่ีไมท่ ราบรอบของการทำซ้ำทีแ่ น่นอนนักเรียนออกมานำเสนอ ขัน้ ตอนการเขียนโปรแกรมและการแสดงผลลัพธข์ องโปรแกรมรับตวั เลข 10 ตัว แล้วหาผลบวกและบอกปญั หาที่ พบหนา้ ชน้ั เรียน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กนั และร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง 3. ข้นั สรุป นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรุปเกยี่ วกบั วิธีการทำงานใหเ้ ห็นการคดิ เชิงระบบและวธิ กี ารทำงาน ทมี่ ีแบบแผน 9. สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ 9.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน 2. PowerPoint 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. ห้องปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์
10. การวดั และประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการวดั ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์การวดั 1. สามารถตอบคำถามใน 1. ดา้ นความรู้ - การสงั เกต - แบบสงั เกต แบบฝึกหัดได้ถูกต้องตาม - แบบประเมินผลงาน หลักการ 80% ข้ึนไป - การทดสอบปฏิบตั ิ 2. สามารถตอบคำถามในใบ - การตรวจผลงาน งานได้ 80% 2. ด้านทกั ษะ - การสังเกต - แบบสังเกต 3. นักเรียนมีคุณลักษณะอัน กระบวนการ - การทดสอบปฏิบตั ิ - แบบประเมินผลงาน พงึ ประสงค์ได้ 85% ขึ้นไป - การตรวจผลงาน 3. ด้านคณุ ลักษณะอัน - แบบสงั เกต พึงประสงค์ - การสงั เกต - แบบประเมนิ ผลงาน - การตรวจผลงาน
บันทกึ ผลหลังการสอน 1. ผลการจัดการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ......................................................................................................................................................................... ........... 2. ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................. ........................................................................ .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ................................................................... ....................................................................................................... .......... 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอื่ ............................................................ ( นางสาวกลั ยรตั น์ มั่นสตั ย์ ) ตำแหน่ง ครูผูส้ อน ขอ้ เสนอแนะและความคดิ เห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอ่ื ............................................................ ( นายวิศิษฐ์ ศิรวิ ฒั พงศ์ ) ตำแหนง่ ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนอนบุ าลเมืองนครสวรรค์ ( เขากบ ววิ รณ์สุขวทิ ยา)
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 16 รายวชิ า วิทยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22201 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 รายวิชา เพ่ิมเตมิ ชอื่ หน่วยที่ 3 การแกป้ ญั หาดว้ ยภาษาไพทอน ช่ือแผน การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ำด้วยคำสั่ง range และ for สอนโดย นางสาวกัลยรตั น์ ม่ันสัตย์ เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 สอนวนั ท่ี..........เดือน............พ.ศ.2564 ............................................................................................................................. ....................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอนและ เปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมี ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม 2. สาระสำคญั การออกแบบข้ันตอนการทำงานของโปรแกรมหรอื การออกแบบอลั กอริทมึ เปน็ การออกแบบลำดับ ข้ันตอนการทำงานของโปรแกรม ซึ่งสามารถแบ่งได้เปน็ 3 ลกั ษณะ คอื การใชภ้ าษาธรรมชาติ การใช้รหสั จำลอง และการใช้ผงั งาน 3. ผลการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั ผลการเรียนรู้ นักเรียนสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั มีความรบั ผิดชอบ สร้างและแสดงสทิ ธ์ิ ในการเผยแพรผ่ ลงาน ตัวช้วี ดั ตัวช้ีวัดท่ี ม2/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ญั หา 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการเขียนโปรแกรมแบบวนซำ้ ดว้ ยคำส่งั while (K) 2. เขยี นโปรแกรมแบบวนซ้ำด้วยคำสง่ั while (P) 3. มีความกระตือรือร้นในการเขยี นโปรแกรมแบบวนซำ้ ด้วยคำสง่ั while (A) 5. สมรรถนะทีส่ ำคญั 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสอ่ื สาร 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. สาระการเรียนรู้ คำส่ัง range เป็นฟงั กช์ ันทใี่ ช้สรา้ งลำดับเลขตามขอบเขตท่ีกำหนด ส่วนคำส่งั for เปน็ คำส่ังทีก่ ำหนด ให้โปรแกรมทำซ้ำด้วยจำนวนรอบที่แน่นอน ถ้าผลการตรวจสอบเงื่อนไขเปน็ จรงิ จะทำคำสง่ั for ถา้ เง่ือนไขเป็นเท็จ
จะออกจากการทำซ้ำไปทำงานคำสง่ั อื่นงานทไี่ มท่ ราบรอบของการทำซ้ำท่ีแน่นอน 7. ความสัมพนั ธ์กบั กลมุ่ สาระการเรยี นร้อู ่ืน ๆ /บรู ณาการ 1. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ 2. การใช้ DLIT 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 31-32 1. ขั้นนำเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครทู บทวนความรู้เดิมจากช่วั โมงท่ผี า่ นมาเก่ยี วกับการเขียนโปรแกรมการทำงานแบบวนซำ้ 2. ขั้นสอน 1. ครผู ู้สอนให้นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถามเกี่ยวกับคำส่งั range และ for ดังนี้ - นักเรยี นรจู้ กั คำสัง่ range หรอื ไม่ (รจู้ กั /ไมร่ ู้จัก) - คำสั่ง range ในภาษาไพธอนคอื อะไร (เปน็ ฟังก์ชนั ทใ่ี ช้สร้างลำดบั เลขตามขอบเขตท่กี ำหนด) - นกั เรยี นเคยเขียนโปรแกรมดว้ ยคำสง่ั for หรือไม่ (เคย/ไมเ่ คย) - คำสัง่ for ในภาษาไพธอนคืออะไร (ตัวอยา่ งคำตอบ เป็นคำสง่ั ท่ีกำหนดให้โปรแกรมทำซำ้ ด้วยจำนวนรอบทแี่ นน่ อน ถ้าผล การตรวจสอบเง่ือนไขเปน็ จริงจะทำคำส่ังหลงั for ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จจะออกจากการทำซ้ำแล้วไปทำงานคำสัง่ อ่นื ) - นกั เรยี นยกตัวอย่างโปรแกรมทีใ่ ช้คำสั่ง for (ตัวอยา่ งคำตอบ โปรแกรมแสดงเลขคร่ี ะหวา่ งตัวเลข 1-10 โปรแกรมแมส่ ตู รคูณ โปรแกรม หาค่ามากที่สดุ ) 2. นักเรียนรว่ มกนั ศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลเกยี่ วกบั การใช้คำส่ัง range และ for จากแหลง่ การเรียนรู้ ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต หนังสอื เรียน 3. นักเรียนร่วมกนั วิเคราะหเ์ ก่ยี วกบั การใช้คำส่ัง range แลว้ ตอบคำถาม ดงั น้ี - range (15) จะแสดงผลลพั ธ์เปน็ หมายเลขใดบา้ ง (0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14) - range (2, 12) จะแสดงผลลัพธ์เป็นหมายเลขใดบ้าง (2 3 4 5 6 7 8 9 10 11) - range (4, 15, 3) จะแสดงผลลพั ธ์เปน็ หมายเลขใดบ้าง (4 7 10 13) 4. นักเรียนรว่ มกนั วิเคราะหผ์ งั งานคำสั่ง for แลว้ ตอบคำถาม ดงั น้ี
start False A=0 A< = 12 True OUTPUT A A= A + 2 end - จากผังงานจะแสดงผลลัพธ์ใด (แสดงเลขคู่ ไดแ้ ก่ 0 2 4 6 8 10 12) - ถ้าเปลยี่ นค่าตวั แปร A = 1 จะแสดงผลลัพธใ์ ดออกมา (1 3 5 7 9 11) - ถ้าตอ้ งการให้ A เพิ่มขนึ้ ทีละ 5 จะทำอยา่ งไร (เปลย่ี น A = A + 5 ) 5. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปความคิดรวบยอดเกยี่ วกบั การใช้คำส่งั range และ for ดังน้ี คำส่งั range ใน ภาษาไพทอน เปน็ ฟังกช์ ันชนิดหน่ึงทใ่ี ชส้ รา้ งลำดับเลขตามขอบเขตที่กำหนด ซ่ึงจะใชค้ กู่ ับคำสงั่ for ทำให้การ เขียนโปรแกรมเขยี นไดง้ ่าย และใชค้ ำสั่งไม่ซับซ้อน 6. นกั เรียนร่วมกนั ศกึ ษาคำสั่ง range และ for 7. นกั เรียนจับคตู่ ามความเหมาะสมของจำนวนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยมีนักเรียน 1 คน ทีม่ ีประสบการณ์ในการใช้คอมพิวเตอร์ จากนนั้ ปฏบิ ัตกิ ารเขียนโปรแกรมแสดงเลขค่รี ะหว่างตวั เลข 1-10 ดังตวั อย่าง 8. นักเรียนทดลองเปล่ยี นตัวเลขเพื่อใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ตามต้องการ 9. นักเรียนเขยี นโปรแกรมให้แสดงผลลพั ธเ์ ปน็ เลขค่รู ะหว่าง 2-16 10. นกั เรยี นเขียนโปรแกรมหาค่ามากท่ีสดุ จากการรบั ตัวเลขมา 10 จำนวน ดังตวั อย่าง
11. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ส่งิ ทีเ่ ขา้ ใจเป็นความรรู้ ่วมกนั ดงั น้ี คำสั่ง range เป็นฟงั ก์ชนั ท่ีใช้สรา้ งลำดับเลข ตามขอบเขตท่ีกำหนด สว่ นคำสงั่ for เป็นคำสง่ั ที่กำหนดให้โปรแกรมทำซำ้ ด้วยจำนวนรอบที่แน่นอน ถ้าผลการ ตรวจสอบเงอื่ นไขเปน็ จรงิ จะทำคำส่ัง for ถ้าเงื่อนไขเป็นเทจ็ จะออกจากการทำซ้ำไปทำงานคำส่งั อนื่ 3. ขนั้ สรปุ นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายสรุปเกย่ี วกับวธิ กี ารทำงานให้เห็นการคดิ เชงิ ระบบและวธิ ีการทำงานท่มี ี แบบแผน 9. สื่อและแหลง่ เรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น 2. PowerPoint 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1. ห้องเรียน 2. หอ้ งปฏบิ ตั ิการคอมพิวเตอร์ 10. การวัดและประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมอื เกณฑ์การวัด 1. ด้านความรู้ - การสังเกต - แบบสงั เกต 1. สามารถตอบคำถามใน - การทดสอบปฏิบัติ - แบบประเมนิ ผลงาน แบบฝกึ หัดได้ถูกต้องตาม - การตรวจผลงาน หลกั การ 80% ข้นึ ไป 2. ด้านทกั ษะ - การสังเกต - แบบสงั เกต 2. สามารถตอบคำถามในใบ กระบวนการ - การทดสอบปฏิบัติ - แบบประเมินผลงาน งานได้ 80% - การตรวจผลงาน 3. ดา้ นคุณลักษณะอนั - แบบสังเกต 3. นกั เรียนมคี ุณลักษณะอัน พงึ ประสงค์ - การสังเกต - แบบประเมินผลงาน พงึ ประสงค์ได้ 85% ข้นึ ไป - การตรวจผลงาน
บนั ทกึ ผลหลังการสอน 1. ผลการจดั การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 2. ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................... ................................ .................................................................................................. ........................................................................ .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................. .................. ................................................................................................................ .......................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ................................................................................................................................... ................................................. ลงช่ือ............................................................ ( นางสาวกัลยรตั น์ มัน่ สัตย์ ) ตำแหน่ง ครูผู้สอน ขอ้ เสนอแนะและความคดิ เห็นของหวั หนา้ สถานศึกษา ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอื่ ............................................................ ( นายวศิ ษิ ฐ์ ศริ วิ ัฒพงศ์ ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลเมืองนครสวรรค์ ( เขากบ วิวรณ์สุขวทิ ยา)
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 17 รายวชิ า วิทยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22201 ชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 รายวิชา เพม่ิ เติม ชือ่ หน่วยที่ 3 การแก้ปญั หาด้วยภาษาไพทอน ชอื่ แผน ฟังก์ชันจากไลบรารีมาตรฐาน (Standard Library) สอนโดย นางสาวกัลยรัตน์ มั่นสัตย์ เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 สอนวันที่..........เดือน............พ.ศ.2564 ............................................................................................................................. ....................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ิตจรงิ อย่างเปน็ ข้นั ตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รูเ้ ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม 2. สาระสำคญั การออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมหรอื การออกแบบอลั กอริทมึ เปน็ การออกแบบลำดับ ขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม ซ่ึงสามารถแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คอื การใชภ้ าษาธรรมชาติ การใชร้ หสั จำลอง และการใช้ผงั งาน 3. ผลการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด ผลการเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั มีความรับผดิ ชอบ สร้างและแสดงสทิ ธิ์ ในการเผยแพร่ผลงาน ตวั ชีว้ ดั ตัวช้วี ดั ท่ี ม2/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและฟงั ก์ชนั ในการแกป้ ัญหา 4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายการเขยี นโปรแกรมด้วยฟงั กช์ นั จากไลบรารีมาตรฐาน (K) 2. เขยี นโปรแกรมดว้ ยฟงั กช์ ันจากไลบรารีมาตรฐาน (P) 3. มีความกระตือรือรน้ ในการเขยี นโปรแกรมดว้ ยฟังกช์ ันจากไลบรารมี าตรฐาน (A) 5. สมรรถนะทสี่ ำคญั 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการส่ือสาร 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. สาระการเรียนรู้ ฟงั ก์ชันจากไลบรารีมาตรฐาน (Standard Library) เปน็ ฟังก์ชนั ที่ถกู สร้างขึน้ โดยทีมผู้พัฒนาภาษาไพทอน
สามารถเรียกใช้ได้โดยไม่ตอ้ งเขียนโปรแกรมขน้ึ เอง แบ่งเป็น 2 ส่วน คอื Built-in Function เป็นฟังกช์ นั ทีเ่ รียก ใชไ้ ด้ทนั ทีโดยไม่ต้องอ้างอิง Library Functions เป็นฟังกช์ ันท่ตี อ้ งมีการเรยี กโมดลู (import module) ก่อนถึงจะ สามารถอา้ งอิงถึงโมดูล และเรยี กชอื่ ฟงั กช์ ันท่ีต้องการใช้งาน 7. ความสัมพนั ธ์กับกลมุ่ สาระการเรยี นร้อู ่ืน ๆ /บูรณาการ 1. กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ 2. การใช้ DLIT 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 33-34 1. ขั้นนำเขา้ ส่บู ทเรียน 1. ครทู บทวนความรู้เดิมจากช่ัวโมงท่ผี ่านมาเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมแบบวนซำ้ 2. ข้ันสอน 1. ครผู ูส้ อนให้นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถามเกยี่ วกบั ฟงั กช์ นั ในภาษาไพทอน ดังนี้ - ฟังกช์ นั คืออะไร (ตวั อย่างคำตอบ ฟงั ก์ชันเป็นชุดคำสั่งทมี่ หี นา้ ท่ีทำงานอย่างใดอยา่ งหน่งึ สามารถเรยี กใชง้ าน ก่ีคร้ังก็ได้ โดยไม่ตอ้ งเขยี นโปรแกรมขนึ้ มาใหม่) - ฟังกช์ ันมปี ระโยชนอ์ ย่างไรตอ่ การเขยี นโปรแกรม (ตัวอย่างคำตอบ ทำให้การเขียนโปรแกรมท่ีซับซ้อนทำไดง้ ่ายข้ึน) - ฟงั ก์ชนั มกี ่ีประเภท อะไรบ้าง (ฟงั ก์ชนั มี 2 ประเภท ได้แก่ ฟงั ก์ชนั จากไลบรารมี าตรฐานและฟังก์ชนั ทผ่ี ู้เขียนโปรแกรม สร้างขน้ึ มาเอง) - นักเรยี นเคยเขยี นโปรแกรมดว้ ยฟังกช์ ันหรอื ไม่ (เคย/ไมเ่ คย) 2. ครผู ู้สอนให้นกั เรยี นรว่ มกันศกึ ษาคน้ คว้าข้อมูลเก่ยี วกบั ฟังกช์ นั จากไลบรารีมาตรฐาน จากแหลง่ การ เรียนรู้ต่าง ๆ อยา่ งหลากหลาย เชน่ อินเทอรเ์ น็ต หนงั สอื เรยี น 3. นักเรียนรว่ มกนั วเิ คราะห์ Built-in Function พ้ืนฐานที่นำมาใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม จากน้ัน ส่งตวั แทนออกมาโยงเสน้ ความสมั พนั ธบ์ นกระดาน โดยไมซ่ ้ำคนเดมิ ดงั นี้ len (x) แปลงจานวนเตม็ เป็นเลขทศนิยม int (x) รบั ขอ้ มูลเขา้ จากคียบ์ อร์ด input (x) x ยกกาลงั y float (x) สร้างขอ้ มูลแบบลาดบั ทอ่ี ยู่ในช่วงท่ีกาหนด range (x) ตรวจสอบและแสดงชนิดขอ้ มูล type (x) หาค่าสัมบูรณ์ของ x str (x) หาความยาวของอกั ขระในขอ้ ความ print (x) แปลงจานวนและตวั อกั ษรเป็นจานวนเตม็ pow (x, แสดงผลทางหนา้ จอ y) แปลงตวั เลขเป็นตวั อกั ษร abs (x)
4. นักเรยี นร่วมกนั ยกตวั อย่างฟังก์ชันการคำนวณทางคณติ ศาสตร์ โดยบนั ทึกคำตอบเป็นแผนภาพ ความคดิ ดงั ตวั อยา่ ง sqrt ( ) ฟังก์ชัน sin ( ) pow ( ) exp ( ) การคานวณทาง คณิตศาสตร์ log ( ) 5. นักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความคดิ รวบยอดเก่ยี วกับฟังกช์ นั จากไลบรารีมาตรฐาน ดังนีผ้ ูพ้ ัฒนาภาษาไพทอน ไดส้ รา้ งฟังก์ชนั สำหรบั ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรมเฉพาะด้านตา่ ง ๆ เชน่ ฟงั กช์ ันการคำนวณทางคณติ ศาสตร์ (math) สถติ ิ (statistics) ปฏิทนิ (calendar) เวลา (time) กราฟิก (graphic) การเชอื่ มตอ่ ฐานข้อมูล (sqlite3) หรอื ระบบ เครือข่าย (RPyC) ทำให้การเขยี นโปรแกรมง่ายข้นึ 6. นักเรยี นจบั ค่ตู ามความเหมาะสมของจำนวนเครื่องคอมพวิ เตอร์ โดยมีนักเรียน 1 คน ท่ีมปี ระสบการณ์ในการใชค้ อมพิวเตอร์ จากนัน้ ปฏบิ ตั ิการเขียนโปรแกรมการเรยี กใช้ฟังกช์ นั จากโมดูล ดว้ ย import ดงั ตวั อยา่ ง 7. นกั เรียนทดลองเปลี่ยนตัวเลขเพอ่ื หาผลลพั ธท์ ต่ี ้องการ 8. นกั เรียนปฏบิ ตั ิการเขยี นโปรแกรมการเรยี กใช้ฟงั กช์ ันจากโมดูลด้วย from…import… ดงั ตวั อยา่ ง
9. นกั เรยี นทดลองเปล่ียนตัวเลขเพอ่ื หาผลลัพธ์ทต่ี ้องการ 10. นกั เรยี นปฏิบัตกิ ารเขยี นโปรแกรมการเรียกใช้ฟงั ก์ชันจากโมดลู ด้วย from…import* ดงั ตัวอย่าง 11. นักเรยี นทดลองเปล่ยี นตัวเลขเพ่ือหาผลลพั ธ์ท่ีต้องการ 12. นกั เรียนเพ่ิมคำส่งั ฟังกช์ ันการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เชน่ print (pow (2, 4)) 13. นกั เรยี นรว่ มกันสรุปส่ิงที่เข้าใจเป็นความรู้รว่ มกนั ดงั นี้ ฟังก์ชนั จากไลบรารีมาตรฐาน (Standard Library) เป็นฟงั กช์ ันท่ถี ูกสรา้ งข้นึ โดยทมี ผู้พัฒนาภาษาไพธอน สามารถเรยี กใช้ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเขยี นโปรแกรมขน้ึ เอง แบง่ เป็น 2 สว่ น คอื Built-in Function เป็นฟังก์ชนั ที่เรียกใช้ไดท้ นั ทีโดยไม่ต้องอ้างอิง Library Functions เป็น ฟงั ก์ชนั ทีต่ ้องมกี ารเรียกโมดลู (import module) ก่อนถงึ จะสามารถอา้ งอิงถึงโมดูล และเรียกชอื่ ฟังก์ชนั ท่ตี ้องการ ใช้งาน 14. นักเรียนออกมานำเสนอข้นั ตอนการเขยี นโปรแกรมและการแสดงผลลพั ธข์ องโปรแกรม การเรียกใช้ฟงั ก์ชันจากโมดูล แลว้ บอกปญั หาท่พี บหน้าชัน้ เรยี น เพอื่ แลกเปล่ยี นเรียนรู้กัน พร้อมร่วมกันตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง 3. ข้นั สรุป นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายสรปุ เกีย่ วกบั วธิ ีการทำงานใหเ้ ห็นการคดิ เชงิ ระบบและวธิ ีการทำงานทม่ี แี บบแผน 9. สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ 9.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. PowerPoint 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1. หอ้ งเรียน 2. หอ้ งปฏิบัตกิ ารคอมพวิ เตอร์ 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ กี ารวัดผล เครื่องมอื เกณฑก์ ารวดั 1. ดา้ นความรู้ - การสงั เกต - แบบสงั เกต 1. สามารถตอบคำถามใน - การทดสอบปฏบิ ตั ิ - แบบประเมนิ ผลงาน แบบฝึกหดั ได้ถกู ต้องตาม - การตรวจผลงาน หลักการ 80% ข้ึนไป
2. ดา้ นทักษะ - การสังเกต - แบบสังเกต 2. สามารถตอบคำถามในใบ กระบวนการ - การทดสอบปฏิบตั ิ - แบบประเมินผลงาน งานได้ 80% - การตรวจผลงาน 3. ด้านคณุ ลักษณะอนั - แบบสังเกต 3. นกั เรยี นมคี ณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - การสงั เกต - แบบประเมนิ ผลงาน พึงประสงคไ์ ด้ 85% ขน้ึ ไป - การตรวจผลงาน
บันทกึ ผลหลงั การสอน 1. ผลการจัดการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ......................................................................................................................................................................... ........... 2. ปญั หาและอุปสรรค .................................................................................................. ........................................................................ .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข .......................................................................................................................................................................... .......... ........................................................................................................................ ............................................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................................................... ......................................... ลงชอ่ื ............................................................ ( นางสาวกัลยรตั น์ มั่นสตั ย์ ) ตำแหนง่ ครผู ูส้ อน ขอ้ เสนอแนะและความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ..................................................................................................................................................... ............................... ลงชื่อ............................................................ ( นายวศิ ิษฐ์ ศิรวิ ฒั พงศ์ ) ตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลเมืองนครสวรรค์ ( เขากบ วิวรณ์สขุ วิทยา)
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 18 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22201 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 รายวิชา เพ่ิมเติม ชือ่ หน่วยที่ 4 การแกป้ ัญหาด้วย Micro :bit ช่อื แผน นักออกแบบระบบ สอนโดย นางสาวกลั ยรตั น์ ม่ันสัตย์ เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 สอนวันท่ี..........เดอื น............พ.ศ.2564 .................................................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชวี ติ จริงอย่างเปน็ ข้นั ตอนและ เปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หาได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทัน และมจี ริยธรรม 2. สาระสำคัญ การออกแบบโปรแกรมทีม่ กี ารใชต้ ัวแปร เง่ือนไข วนซ้ำ การออกแบบอัลกอรทิ มึ เพอ่ื แก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์อย่างงา่ ย อาจใชแ้ นวคิดเชิงนามธรรมในการออกแบบเพื่อให้การแกไ้ ขปญั หามี ประสทิ ธภิ าพ การแก้ปญั หาอยา่ งเป็นขนั้ ตอนจะช่วยให้แก้ปญั หาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซอฟแวร์ทใี่ ชใ้ นการเขยี น โปรแกรมเช่นScratch,code.org, microbit, blockly, python, java และ c เขยี นโปรแกรมทางเลือกและคำสง่ั วนซ้ำตวั อย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมสมาการเคลื่อนท่ี โปรแกรมคำนวณหาพ้นื ท่ี โปรแกรม 3. ผลการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั ผลการเรียนรู้ นักเรยี นสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั มีความรับผดิ ชอบ สรา้ งและแสดงสิทธ์ิ ในการเผยแพรผ่ ลงาน ตัวชว้ี ัด ตวั ชี้วดั ที่ ม2/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟังกช์ นั ในการแก้ปญั หา 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายการแนวคดิ เชิงคำนวณ เชน่ การแยกย่อยปัญหา การสร้างรปู แบบ การคิดเชิงนามธรรม การลำดบั ขนั้ ตอนในการแก้ปัญหาได(้ K) 2. สามารถใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณ ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม(P) 3. มีความกระตือรือรน้ ในการเขยี นโปรแกรมด้วยฟังกช์ ันจากไลบรารมี าตรฐาน (A) 5. สมรรถนะที่สำคญั 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. สาระการเรียนรู้ 1. แนวคิดเชงิ คำนวณ 2. กำรแก้ปญั หำโดยใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณ 7. ความสัมพันธ์กบั กลุม่ สาระการเรยี นรู้อนื่ ๆ /บรู ณาการ 1. กลมุ่ สาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ 2. การใช้ DLIT 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 35-36 1. ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครทู บทวนความรูเ้ ดิมในชวั่ โมงที่แล้วเกี่ยวกับองค์ประกอบและหลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ 2. ครูนำเขา้ สบู่ ทเรยี น เร่ือง การเกษตรยุคใหม่ สมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm) 2. ข้ันสอน 1. อธบิ ายการแนวคดิ เชิงคำนวณ เช่น การแยกย่อยปัญหา การสร้างรูปแบบ การคิดเชงิ นามธรรม การลำดับข้ันตอนในการแกป้ ัญหา เรือ่ ง ความหมายของแนวคดิ เชงิ คำนวณ ในการใช้ในชีวติ ประจำวนั 2. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปราย เรอื่ ง สานต่องานท่ีพอ่ ทำ ระบบสมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm) 3. ครตู น้ ทางสาธิตการใช้ออกแบบและทดลองการวดั ความช้นื ในดนิ โดยประยุกต์ใช้ อปุ กรณ์ micro bit ตัวอย่างจากเวบ็ ไซต์ https://makecode.microbit.org/projects/soil-moisture และ https://www.youtube.com/watch?v=S8NppVT_paw มวี ิธีดำเนินการดงั ต่อไปน้ี 3.1 กจิ กรรมสาธิตการใช้ออกแบบและทดลองการวดั ความชืน้ ในดิน โดยประยกุ ตใ์ ช้ อุปกรณ์ micro: bit” อุปกรณ์ท่ีต้องเตรยี ม 1. บอร์ด micro : bit พร้อมแบตเตอรี่ 2. ตะปูขนาด 5 – 6 นิ้ว จำนวน 2 ตวั 3. สายไฟพร้อมหวั หนีบแบบปากจระเข้ 2 เสน้ 4. กระถางตน้ ไม้ขนาดเลก็ พร้อมดนิ 2 กระถาง 3.2 ครูตน้ ทางเตรียมดินใส่กระถางทัง้ 2 กระถาง โดยใสต่ ้นไมเ้ ลก็ ๆ ไวใ้ นกระถางท่ี 1 ส่วน กระถางท่ี 2 ใสด่ นิ เพียงอย่างเดยี ว 3.3 ครูเตรียมโคด้ micro : bit ดงั น้ี 3.4 ตอ่ ตะปูตวั ที่ 1 เขา้ กบั Pin 3V ดว้ ยสำยไฟพร้อมหวั หนีบแบบปำกจระเข้ แล้วนำไปเสียบลง ดนิ ในกระถาง 3.5 ตอ่ ตะปูตัวที่ 2 เขา้ กบั Pin 0 ดว้ ยสำยไฟพร้อมหวั หนีบแบบปำกจระเข้ แล้วนำไปเสยี บลงดิน ในกระถางเดยี วกนั
รปู แบบการเช่อื มตอ่
4. ออกแบบลำดบั ขนั้ ตอนการคดิ ระบบการรดนำ้ อัตโนมัติ ดว้ ยการวาดภาพและการเขียนความเรียง เร่ือง ระบบกำรรดนำ้ อตั โนมัติ 3. ข้นั สรปุ 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ เนอื้ หาร่วมกนั 2. นกั เรยี นสรปุ และบันทึกเนื้อหาการเรียนรูท้ สี่ ำคัญลงในสมดุ เรยี น 9. ส่อื และแหล่งเรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. เวบ็ ไซตเ์ ขียนโปรแกรมบอร์ด micro:bit https://makecode.microbit.org/ 4. เว็บไซตต์ วั อย่างโครงงานโดยใช้บอร์ดhttps://makecode.microbit.org/projects/soil- moisture 5. คลปิ วดี โี อ ตัวอย่างโครงงานวัดความช้นื ในดนิ 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. ห้องปฏิบตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ 10. การวดั และประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธกี ารวัดผล เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารวัด 1. ด้านความรู้ - การสงั เกต - แบบสังเกต 1. สามารถตอบคำถามใน - การทดสอบปฏบิ ตั ิ - แบบประเมนิ ผลงาน แบบฝกึ หดั ได้ถูกต้องตาม - การตรวจผลงาน หลกั การ 80% ขนึ้ ไป 2. ด้านทกั ษะ - การสงั เกต - แบบสังเกต 2. สามารถตอบคำถามในใบ กระบวนการ - การทดสอบปฏบิ ัติ - แบบประเมนิ ผลงาน งานได้ 80% - การตรวจผลงาน 3. ด้านคณุ ลกั ษณะอัน - แบบสงั เกต 3. นกั เรียนมีคุณลักษณะอัน พงึ ประสงค์ - การสงั เกต - แบบประเมินผลงาน พึงประสงค์ได้ 85% ข้นึ ไป - การตรวจผลงาน
บนั ทกึ ผลหลังการสอน 1. ผลการจดั การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 2. ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................... ......................................... ......................................................................................... ................................................................................. .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอื่ ............................................................ ( นางสาวกัลยรัตน์ ม่นั สัตย์ ) ตำแหนง่ ครูผูส้ อน ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ................................................................................................... ....................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงช่อื ............................................................ ( นายวิศิษฐ์ ศริ วิ ฒั พงศ์ ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเมืองนครสวรรค์ ( เขากบ ววิ รณส์ ุขวทิ ยา)
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 19 รายวิชา วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22201 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 รายวิชา เพิ่มเตมิ ชือ่ หน่วยที่ 4 การแก้ปัญหาด้วย Micro :bit ชือ่ แผน รู้จักไมโครบิต สอนโดย นางสาวกัลยรัตน์ มน่ั สัตย์ เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 สอนวันที่..........เดือน............พ.ศ.2564 ................................................................................................................................................................................... . 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นข้นั ตอนและ เป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หาได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทัน และมจี ริยธรรม 2. สาระสำคญั การออกแบบโปรแกรมท่ีมีการใช้ตวั แปร เง่อื นไข วนซ้ำ การออกแบบอลั กอริทึม เพอ่ื แก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์อย่างง่าย อาจใชแ้ นวคิดเชิงนามธรรมในการออกแบบเพ่ือให้การแกไ้ ขปัญหามี ประสิทธภิ าพ การแก้ปัญหาอย่างเป็นขัน้ ตอนจะชว่ ยให้แก้ปัญหาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ซอฟแวร์ทใี่ ช้ในการเขียน โปรแกรมเชน่ Scratch,code.org, microbit, blockly, python, java และ c เขียนโปรแกรมทางเลอื กและคำสงั่ วนซำ้ ตัวอย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรมสมาการเคลอ่ื นท่ี โปรแกรมคำนวณหาพนื้ ที่ โปรแกรม 3. ผลการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด ผลการเรยี นรู้ นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย มีความรบั ผดิ ชอบ สรา้ งและแสดงสทิ ธ์ิ ในการเผยแพรผ่ ลงาน ตัวชว้ี ัด ตัวช้ีวดั ท่ี ม2/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ญั หา 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายการแนวคดิ เชงิ คำนวณ เช่น การแยกยอ่ ยปัญหา การสร้างรูปแบบ การคิดเชิงนามธรรม การลำดับขนั้ ตอนในการแก้ปัญหาได(้ K) 2. สามารถใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณ ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม(P) 3. มคี วามกระตือรือรน้ ในการเขียนโปรแกรมด้วยฟังกช์ นั จากไลบรารีมาตรฐาน (A) 5. สมรรถนะทส่ี ำคญั 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการส่อื สาร 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. สาระการเรยี นรู้ 1. ไมโครบิท 2. การเขยี นคาส่งั ควบคุมไมโครบทิ 7. ความสัมพนั ธก์ ับกล่มุ สาระการเรยี นร้อู นื่ ๆ /บูรณาการ 1. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ 2. การใช้ DLIT 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 37-38 1. ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั ไมโครคอนโทรลเลอรท์ ีเ่ คยได้ยนิ หรอื ร้จู ัก และคุณสมบัติ สำคญั ของไมโครคอนโทรลเลอร์น้นั 2. ครยู กตัวอย่าง Microbit และการนำ Microbit ไปประยุกตใ์ ชง้ าน 2. ขัน้ สอน 1. ครูใหน้ ักเรยี นเข้าเวบ็ ไซต์ https://makecode.microbit.org และทดลองใชง้ านดว้ ยตนเอง เป็นเวลา 10 นาท 2. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปและนำเสนอองคค์ วามรู้ที่ไดจ้ ากการทดลองใชง้ าน 3. ครูสาธติ การเขียนคำส่งั บน micro:bit เพอื่ แสดงผลขอ้ มูล และการควบคุมอุปกรณ์ และอธบิ ายถึงส่วนประกอบของบอร์ด ดงั ตอ่ ไปนี้ 3.1 ครูอธบิ ายถงึ ส่วนประกอบของบอรด์ ฟีเจอรแ์ ละเซ็นเซอร์ตา่ งๆ ในบอร์ด LED L คือ Light (แสง) E คอื Emitting (เปล่งประกาย) D คอื Diode (ไดโอด) เม่อื นำทัง้ 3 คามามารวมกนั จะมีความหมายว่า “ไดโอดทส่ี ามารถ เปล่งแสงได”้ ในตวั บอร์ด micro:bit จะมี LED 25 ดวง ตดิ ตง้ั มาใหเ้ รยี บรอ้ ยแล้ว สามารถเขยี นโปรแกรมเพื่อแสดงเปน็ รปู หรอื ตัวอกั ษรได้
Button ในบอร์ด micro:bit มปี ุ่มกดติดตัง้ มาให้ 2 ป่มุ คือ -ป่มุ A อยู่ทางด้านซ้ายของบอรด์ -ปมุ่ B อย่ทู างดา้ นขวาของบอร์ด สามารถเขยี นโปรแกรมเพ่อื ใชเ้ ป็น Input ใหก้ บั บอรด์ Pin คอนเนคเตอร์ 25 pin บนขอบ PCB สองด้าน ประกอบดว้ ย Large pins -0: GPIO (general purpose digital input and output) with analogue to digital convertor (ADC) -1: GPIO with ADC -2: GPIO with ADC -3V and GND Light Sensor เซ็นเซอรว์ ดั ความเข้มแสง ใช้ LED ทีอ่ ยูบ่ นบอรด์ เป็น Input เพ่ือใช้วดั ปรมิ าณแสงโดยรอบตัวบอรด์
Temperature Sensor เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมขิ องสภาพแวดล้อมโดยรอบ (℃ องศาเซลเซยี ส) Compass เซ็นเซอรเ์ ขม็ ทิศอาศยั หลักการทางานของแรงดึงดูดระหว่างสนามแม่เหลก็ โลกกบั แม่เหล็กของเขม็ ทศิ ใน การบอกทิศทาง ใช้ชิพ NXP/Freescale MAG3110 ส่ือสารผ่านทาง I2C Interface Accelerometer เซน็ เซอร์ วัดความเร่งแบบ 3 แกน สามารถใช้ตรวจจับการเคลื่อนไหว เชน่ การเขยา่ , การเอียง และการ ตกแบบอสิ ระ ใช้ชพิ NXP/Freescale MMA8652 สื่อสารผ่านทาง I2C Interface
Radio เปน็ ฟเี จอร์ท่ีใชค้ ลน่ื วทิ ยุเพื่อใช้สื่อสารระหวา่ งบอรด์ micro:bit ตัวอย่างการใช้งาน เชน่ ส่งขอ้ ความ สง่ ข้อมลู เซ็นเซอร์ สรา้ งเกมหลายผู้เล่น เป็นต้น Bluetooth บลทู ธู พลังงานต่า (Bluetooth Low Energy) ความถี่ 2.4GHz ใช้ชิพ Nordic NRF51822 สามารถ เชื่อมตอ่ กับ PC, Smart Phone หรอื Tablet ใชใ้ นสอ่ื สารหรอื อัพโหลดโปรแกรมลงบนบอร์ดได้ 4. ครผู ูส้ อนให้นกั เรียนคำสัง่ บน micro:bit ดว้ ยตนเอง
3. ขนั้ สรุป 1. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปเน้อื หารว่ มกนั 2. นกั เรียนสรปุ และบันทึกเน้ือหาการเรียนรทู้ ่ีสำคญั ลงในสมุดเรียน 9. สือ่ และแหลง่ เรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น 2. เว็บไซตเ์ ขียนโปรแกรมบอรด์ micro:bit https://makecode.microbit.org/ 4. เว็บไซตต์ วั อย่างโครงงานโดยใชบ้ อร์ดhttps://makecode.microbit.org/projects/soil- moisture 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1. หอ้ งเรียน 2. ห้องปฏิบัตกิ ารคอมพิวเตอร์ 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวัดผล เครือ่ งมือ เกณฑ์การวัด 1. ดา้ นความรู้ - การสงั เกต - แบบสงั เกต 1. สามารถตอบคำถามใน - การทดสอบปฏิบัติ - แบบประเมนิ ผลงาน แบบฝกึ หดั ได้ถูกต้องตาม - การตรวจผลงาน หลกั การ 80% ข้ึนไป 2. ดา้ นทกั ษะ - การสังเกต - แบบสงั เกต 2. สามารถตอบคำถามในใบ กระบวนการ - การทดสอบปฏบิ ตั ิ - แบบประเมินผลงาน งานได้ 80% - การตรวจผลงาน 3. ดา้ นคุณลักษณะอนั - แบบสังเกต 3. นักเรยี นมคี ณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - การสังเกต - แบบประเมนิ ผลงาน พึงประสงค์ได้ 85% ขน้ึ ไป - การตรวจผลงาน
บันทกึ ผลหลงั การสอน 1. ผลการจดั การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 2. ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................... ................................ .................................................................................................. ........................................................................ .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................. .................. ................................................................................................................ .......................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ................................................................................................................................... ................................................. ลงชื่อ............................................................ ( นางสาวกัลยรตั น์ มั่นสัตย์ ) ตำแหนง่ ครูผูส้ อน ขอ้ เสนอแนะและความคดิ เห็นของหวั หนา้ สถานศึกษา .......................................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงช่ือ............................................................ ( นายวศิ ิษฐ์ ศริ วิ ฒั พงศ์ ) ตำแหน่ง ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลเมืองนครสวรรค์ ( เขากบ ววิ รณ์สุขวิทยา)
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 20 รายวิชา วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว22201 ชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 รายวิชา เพม่ิ เตมิ ช่อื หน่วยที่ 4 การแกป้ ัญหาด้วย Micro :bit ชือ่ แผน ระบบอตั โนมัติดว้ ยไมโครบิท สอนโดย นางสาวกลั ยรัตน์ มัน่ สัตย์ เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 สอนวนั ที่..........เดือน............พ.ศ.2564 ............................................................................................................................. ....................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเปน็ ขั้นตอนและ เปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทัน และมจี รยิ ธรรม 2. สาระสำคัญ การออกแบบโปรแกรมทมี่ ีการใชต้ ัวแปร เง่อื นไข วนซ้ำ การออกแบบอัลกอริทึม เพือ่ แก้ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์อย่างงา่ ย อาจใช้แนวคิดเชิงนามธรรมในการออกแบบเพื่อให้การแกไ้ ขปัญหามี ประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาอยา่ งเป็นข้นั ตอนจะชว่ ยใหแ้ ก้ปัญหาได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ซอฟแวร์ท่ใี ชใ้ นการเขยี น โปรแกรมเช่นScratch,code.org, microbit, blockly, python, java และ c เขยี นโปรแกรมทางเลือกและคำสง่ั วนซำ้ ตัวอย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรมสมาการเคล่ือนที่ โปรแกรมคำนวณหาพืน้ ท่ี โปรแกรม 3. ผลการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด ผลการเรยี นรู้ นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั มีความรบั ผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธิ์ ในการเผยแพร่ผลงาน ตัวชว้ี ัด ตัวชว้ี ัดที่ ม2/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ัญหา 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกหลักการพัฒนาระบบอตั โนมตั ไิ ด้(K) 2. อธิบายวธิ กี ารพัฒนาระบบอัตโนมัติด้วยไมโครบทิ ได้(K) 2. เขียนคาสงั่ ควบคมุ ไมโครบิทในการพัฒนาระบบอตั โนมัติได้(P) 3. มคี วามกระตือรือร้นในการเขียนโปรแกรมดว้ ยฟังกช์ ันจากไลบรารีมาตรฐาน (A) 5. สมรรถนะทีส่ ำคัญ 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการส่อื สาร 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. สาระการเรียนรู้ 1. การพฒั นาระบบอัตโนมตั ิ 2. การพฒั นาระบบอตั โนมัติด้วยไมโครบทิ 7. ความสัมพนั ธก์ ับกล่มุ สาระการเรยี นร้อู ื่น ๆ /บูรณาการ 1. กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ 2. การใช้ DLIT 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ 39-40 1. ข้ันนำเขา้ สู่บทเรียน 1. นกั เรียนรว่ มกันทบทวนองค์ความรู้เก่ียวกับการเขยี นคำสงั่ ควบคมุ ไมโครบิท 2. ข้ันสอน 1. ครยู กตวั อย่างการนำ micro:bit ไปประยกุ ตใ์ ชง้ านและพัฒนาเป็นระบบอตั โนมัตจิ ากเว็บไซต์ https://makecode.microbit.org 2. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นว่าจะพัฒนาระบบอัตโนมัติด้วยไมโครบิทอยา่ งไรได้บา้ ง 3. ครสู าธติ วธิ กี ารพฒั นาระบบอตั โนมตั ิ เช่น “ระบบปดิ เปิดไฟตามระดบั แสง” ระบบเปิดปดิ พดั ลม (มอเตอร์)ตามระดับอุณหภมู ิ หรือระบบควบคมุ เซอร์โวมอเตอร์ 4. นักเรียนปฏิบัตติ ามข้นั ตอนทคี่ รสู าธิต และทดลองคำสง่ั อ่ืนๆ ตามทสี่ นใจใน เรื่องพฒั นาระบบอัตโนมตั ิ ดว้ ยไมโครบทิ เป็นเวลา 15 นาที ตัวอยา่ งดังต่อไปน้ี 4.1 ระบบอตั โนมตั ิส่ังการมอเตอรท์ ีต่ ่อกบั Pin1 โดยกาหนดใหต้ รวจสอบอุณหภมู ิ ถ้าอุณหภูมิ สงู กวา่ 35 องศาใหม้ อเตอร์(พัดลม) ทางาน และถ้าอุณหภูมิต่ากว่า 30 องศา ใหม้ อเตอร์(พดั ลม) หยดุ ทำงาน Blocks JavaScript basic.forever(function () { if (input.temperature() > 30) { pins.digitalWritePin(DigitalPin.P0, 1) basic.showString(\"Tune On\") } else { pins.digitalWritePin(DigitalPin.P0, 0) basic.showString(\"Tune Off\") } })
4.2 ตัวอย่างระบบอัตโนมัตสิ ั่งการหลอดไฟท่ตี ่อกับ Pin1 โดยกาหนดให้ตรวจสอบระดับ ความสวา่ ง ถ้าความสว่างน้อยกวา่ 50 ให้เปดิ ไฟ แต่ถ้าความสวา่ งมีค่าต้ังแต่ 50 ขึน้ ไปให้ปดิ ไฟ Blocks JavaScript basic.forever(function () { if (input.lightLevel() < 50) { pins.digitalWritePin(DigitalPin.P0, 1) basic.showString(\"Open Light\") } else { pins.digitalWritePin(DigitalPin.P0, 0) basic.showString(\"Close Light\") } }) 4.3 การควบคมุ เซอร์โวมอเตอร์ คำสง่ั ควบคุม servo โดย servo จะมีหมนุ ตามทิศทางของ micro:bit Blocks JavaScript pins.servoSetPulse(AnalogPin.P0, 1500) pins.servoWritePin(AnalogPin.P0, 0) basic.forever(function () { pins.servoWritePin(AnalogPin.P0, input.compassHeading()) basic.pause(3000) })
รูปแบบการเช่อื มต่ออปุ กรณ์ 5. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ๆ ละไมเ่ กนิ 3 คน ประชมุ และปรกึ ษากันในกล่มุ เกีย่ วกับระบบอัตโนมตั ทิ ่ีต้องการทำ 6. ครใู หเ้ วลานักเรยี นแต่ละกล่มุ พฒั นาระบบอัตโนมตั ิของตนเองเปน็ เวลา 40 นาที โดยใชอ้ ุปกรณ์และ เคร่ืองมือท่ีมีอยู่ในห้องเรยี นเทา่ น้ัน และนกั เรียนสามารถใช้กระดาษ ฟิวเจอร์บอรด์ หรอื วัสดอุ ่ืนๆ ประดิษฐ์เป็น แบบจำลองอย่างง่ายได้ 7. แตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงานของตนเอง 3. ข้นั สรุป 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปเน้อื หารว่ มกนั 2. นักเรยี นสรุปและบันทึกเนื้อหาการเรยี นรู้ท่ีสำคัญลงในสมดุ เรียน 9. สอื่ และแหลง่ เรียนรู้ 9.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน 2. เวบ็ ไซต์เขยี นโปรแกรมบอรด์ micro:bit https://makecode.microbit.org/ 4. เว็บไซตต์ ัวอย่างโครงงานโดยใช้บอร์ดhttps://makecode.microbit.org/projects/soil- moisture
9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. หอ้ งปฏิบัตกิ ารคอมพวิ เตอร์ 10. การวัดและประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวัดผล เคร่อื งมือ เกณฑ์การวดั 1. สามารถตอบคำถามใน 1. ด้านความรู้ - การสังเกต - แบบสังเกต แบบฝึกหดั ได้ถูกต้องตาม - แบบประเมนิ ผลงาน หลักการ 80% ขึ้นไป - การทดสอบปฏบิ ตั ิ 2. สามารถตอบคำถามในใบ - การตรวจผลงาน งานได้ 80% 2. ดา้ นทักษะ - การสงั เกต - แบบสงั เกต 3. นักเรียนมคี ณุ ลักษณะอนั กระบวนการ - การทดสอบปฏบิ ัติ - แบบประเมนิ ผลงาน พึงประสงคไ์ ด้ 85% ข้ึนไป - การตรวจผลงาน 3. ด้านคุณลกั ษณะอนั - แบบสังเกต พึงประสงค์ - การสงั เกต - แบบประเมินผลงาน - การตรวจผลงาน
บนั ทกึ ผลหลังการสอน 1. ผลการจดั การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 2. ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................... ............................................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 3. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................... ......................................... ......................................................................................... ................................................................................. .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอื่ ............................................................ ( นางสาวกัลยรัตน์ ม่นั สัตย์ ) ตำแหนง่ ครูผูส้ อน ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ................................................................................................... ....................................................................... .......... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงช่อื ............................................................ ( นายวิศิษฐ์ ศริ วิ ฒั พงศ์ ) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเมืองนครสวรรค์ ( เขากบ ววิ รณส์ ุขวทิ ยา)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144