- ขอ้ เสีย 1. การกระจายรายไดแ้ ละการจัดสรรทรัพยากรไม่เทา่ เทยี มกนั และไมท่ ่วั ถงึ เพราะผบู้ ริโภค ในสงั คมต่างมีรายได้และทรัพยส์ ินไมเ่ ทา่ เทยี มกัน ทาํ ใหพ้ วกนายทนุ ได้เปรียบ 2. ในภาวะท่เี กิดการขาดแคลน สินค้า เชน่ ในยามสงคราม ถา้ รฐั ไมเ่ ข้ามาแทรกแซงกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ แลว้ ก็จะทาํ ใหเ้ กดิ การขาดแคลน สินคา้ ท่จี ําเปน็ ได้ 3. หากมีผ้ผู ลิตสนิ คา้ และบรกิ ารน้อยราย ผู้ผลติ อาจรวมตวั กันผกู ขาดในการผลิตได้ เพราะ รฐั ไม่ได้เขา้ มาแทรกแซง ซง่ึ ผลเสยี ก็จะตกอยู่กับผบู้ รโิ ภค เชน่ การรวมตวั กนั ขึ้นราคาสนิ ค้า การกดคา่ จ้างแรงงาน 4. มีการใชท้ รัพยากรอยา่ งส้นิ เปลือง เชน่ การแข่งขนั กันสรา้ งหา้ งสรรพสินคา้ . ระบบสังคมนิยมคอมมิวนสิ ต์ - ข้อดี 1. ไม่มคี วามแตกตา่ งระหวา่ งรายได้ เพราะประชาชนไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบในเชิง เศรษฐกจิ 2. ประชาชนได้รับสวัสดิการอยา่ งทว่ั ถงึ และเพียงพอ เพราะรฐั เปน็ ผแู้ บง่ ปันเครื่องบรโิ ภคตา่ งๆ อย่าง เท่าเทียมกัน 3. ไมม่ กี ารผูกขาดของเอกชนในการดาํ เนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ . - ข้อเสยี 1. ขาดเสรีภาพในการเลอื กประกอบอาชีพและเลอื กบริโภค 2. ขาดแรงจูงใจในการผลิต เพราะเอกชนไมม่ ีสิทธเิ์ ปน็ เจ้าของทรัพยส์ ิน. ระบบสงั คมนิยมประชาธปิ ไตย - ข้อดี 1. การกระจายรายได้มคี วามเป็นธรรมขนึ้ มรี ายได้ตา่ งกันน้อยลง ช่วยลดความเหลือ่ มลา้ํ ทางฐานะและรายไดข้ องบคุ คล 2. ประชาชนไดร้ ับสวสั ดกิ ารจากรฐั อย่างท่วั ถึงและเพยี งพอ 3. การแข่งขันกนั เพ่ือแสวงหากาํ ไรสงู สดุ น้นั ไมม่ ี เพราะรัฐเป็นผผู้ ลิตรายใหญ่และไม่ให้มกี ารผกู ขาดโดยเอกชนในธรุ กิจบางชนิด. - ขอ้ เสยี 1. ผูบ้ ริโภคไมม่ เี สรภี าพในการเลอื กซอื้ สินคา้ และบริการไดเ้ ต็มที่ 2. เอกชนไมม่ เี สรภี าพ ทําธุรกจิ ได้เตม็ ที่ เพราะเอกชนทําไดเ้ ฉพาะกจิ การขนาดเลก็ เท่านัน้ สว่ นกิจการขนาดใหญร่ ัฐเขา้ ควบคมุ 3. ขาดแรงจูงใจในการทํางานและขาดการแข่งขนั ทําให้การพฒั นาเทคโนโลยที างการผลติ ไม่ก้าวหนา้ มากนัก. ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม - ขอ้ ดี 1. การกระจายรายได้และการจัดสรรทรัพยากรเปน็ ไปอยา่ งทั่วถงึ 2. ผูใ้ ชแ้ รงงานไดร้ บั ผลตอบแทนตามกําลงั ความสามารถและอาชพี 3. เอกชนมบี ทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้น และมีการแข่งขันใน การผลิตสนิ คา้ และบริการ 4. ผบู้ รโิ ภคมีโอกาสเลือกซอ้ื สนิ ค้าและบรกิ ารไดม้ ากพอสมควร - ข้อเสยี 1. รฐั ไม่อาจสัง่ การแบบรบี ดว่ นไดต้ ามภาวะเศรษฐกจิ ทเี่ ปลยี่ นแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ 2. การ วางแผนจากรัฐเพอื่ ใหเ้ อกชนเขา้ ร่วมหรอื ปฏิบตั ติ ามอาจเป็นไปไดย้ าก 3. รัฐมีอาํ นาจในการกาํ หนดนโยบายและ ใช้อาํ นาจต่างๆ จงึ ทาํ ใหเ้ อกชนขาดความมน่ั ใจในการลงทนุ 4. การมีกรรมสทิ ธ์ิในทรัพย์สนิ และการมกี ําไรอาจ ก่อให้เกดิ ชอ่ งวา่ งทางฐานะและรายได้ ปญั หาความเหล่อื มลา้ํ จะตามมา 5. กลไกราคาทร่ี ฐั เขา้ แทรกแซง อาจก่อใหเ้ กิด ปัญหา เช่น เปิดโอกาสให้มกี ารคอรปั ชนั เอกชนไมก่ ล้าลงทนุ อย่างเต็มท.่ี 11. ตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ (Perfect Competition) ตลาดแขง่ ขนั ไมส่ มบูรณ์ (Imperfect Competition ตลาดแขง่ ขันสมบูรณ์ - ลักษณะสําคัญ 1. ผู้ซ้ือและผู้ขายมีจาํ นวนมาก 2. สินคา้ มลี กั ษณะเหมือนกนั ทุกประการ 3. ผู้ซ้ือและ ผขู้ ายมคี วามร้ขู องสภาวะตลาดเปน็ อยา่ งดี 4. การติดต่อซ้ือขายจะต้องกระทําโดยสะดวก สนิ ค้าสามารถโยกยา้ ยไป ยังภูมภิ าคต่างๆ ได้สะดวกและรวดเรว็ 5. หนว่ ยธุรกิจสามารถเขา้ หรือออกจากธุรกิจไดโ้ ดยเสรี - ขอ้ สงั เกต ราคาสินคา้ ในตลาดทีม่ ีการแข่งขันสมบูรณ์จะมรี าคาเดยี วกันท้งั หมดและเปน็ ราคาทีเ่ หมาะสม ไมม่ ีผซู้ ้อื ผ้ขู ายรายใดมอี ทิ ธพิ ลต่อราคา และไมจ่ ําเปน็ ตอ้ งมีการโฆษณา ตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์นี้ถอื เป็นตลาดใน อุดมคติ (Ideal Market) ตลาดทีม่ ีลักษณะใกลเ้ คียงกับตลาดแข่งขันสมบูรณก์ ็คือ ตลาดสินค้าเกษตร เช่น ตลาดข้าวเปลอื ก ตลาดมันสําปะหลัง ตลาดหนุ้ . โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 26 _____________________สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (51)
- ขอ้ ดี 1. ดา้ นผ้บู ริโภค : จากสภาพการแขง่ ขนั ราคาจงึ ค่อนข้างยุตธิ รรมตอ่ ผูบ้ ริโภคและผู้บรโิ ภค ยอ่ มมที างเลือกในการบรโิ ภคได้มาก เพราะสนิ คา้ ที่เหมอื นกันจึงใชท้ ดแทนกันได้ดี ดา้ นผผู้ ลติ : จากสภาพการ แขง่ ขนั เสรีและไม่มกี ารผกู ขาด ผู้ผลติ จะปรบั ปรงุ คุณภาพสินค้าและบรกิ ารของตน ดา้ นสงั คม : มีการใช้ ทรพั ยากรอยา่ งคมุ้ คา่ เพอื่ ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพทางเศรษฐกิจ. - ขอ้ เสยี 1. ผู้ผลิตอาจจะลดต้นทนุ การผลติ เพอ่ื ให้สามารถแข่งขนั ได้ โดยปราศจากการสาํ นกึ ในความรับ ผดิ ชอบต่อสังคมและส่งิ แวดล้อม เช่น ใช้วัตถดุ ิบไม่ได้มาตรฐานในการผลติ เพอื่ ลดต้นทนุ สินคา้ จงึ ไม่มีคุณภาพ ใชก้ ระบวนการผลิตทก่ี ่อใหเ้ กิดมลพษิ เช่น ไม่สร้างบ่อบําบดั นา้ํ เสยี เพราะทําใหเ้ สยี ค่าใชจ้ ่ายเพ่มิ ข้นึ 2. สินค้า และบรกิ ารท่จี ําเปน็ บางอยา่ งอาจมไี มเ่ พียงพอกับความตอ้ งการของประชาชน เชน่ การจดั การศกึ ษา การปอ้ งกัน ประเทศ จงึ ทาํ ใหร้ ฐั ตอ้ งเข้าไปควบคมุ เอง 3. อตุ สาหกรรมทใ่ี ชเ้ งินลงทุนสงู เชน่ กจิ การสาธารณูปโภค ไฟฟา้ ประปา ตน้ ทนุ ตอ่ หนว่ ยสูงมาก ถ้าผู้ผลติ รายเดียวหรือไมก่ ่ีรายทําจะคุ้มกว่า เพราะเป็นการประหยัดจากขนาดการผลิต (Economies of Scale) ท่เี น้นการลดต้นทนุ เฉลย่ี โดยการซ้อื วตั ถดุ บิ คราวละมากๆ และซ้ือไดใ้ นราคาตาํ่ ลง ผลิตสินค้าคราวละมากๆ ผลคือ ทําใหต้ ้นทนุ เฉลีย่ ตอ่ หน่วยของสินคา้ ลดตาํ่ ลง. ตลาดแขง่ ขนั ไม่สมบรู ณ์ 1. ตลาดผูกขาด (Monopoly) 2. ตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly) 3. ตลาดกึง่ แข่งขนั กงึ่ ผกู ขาด (Mouopolistic Competition) ตลาดแข่งขัน ตลาดแขง่ ขนั ไมส่ มบรู ณ์ด้านผูข้ าย สมบูรณ์ ลักษณะท่วั ไป ตลาดผกู ขาด ตลาดผู้ขาย ตลาดกึ่งแข่งขนั มาก น้อยราย กงึ่ ผกู ขาด 1. จํานวนผู้ขาย สินค้าเหมือนกัน 2. ลกั ษณะสินค้า ทุกประการ ใช้แทนกนั รายเดียว น้อย มาก ไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ ที่ขาย ไมม่ ีสินค้าอืน่ สินคา้ แตกตา่ งกัน สินค้าแตกตา่ งกัน ง่ายมาก ที่ใช้แทนกันได้ บ้างเลก็ น้อย แต่ใช้แทนกนั ได้ 3. ความยากงา่ ย แต่ใช้แทนกนั ได้ ในการเขา้ สูต่ ลาด ไม่มี ของผูข้ ายรายใหม่ ยากมาก คอ่ นข้างยาก งา่ ย ตลาดท่ีใกลเ้ คียงกบั 4. การมีปฏสิ มั พนั ธ์ ตลาดแข่งขนั สมบรู ณ์ ไม่มี มี ไมม่ ี ต่อกันของผู้ขาย เชน่ ตลาดขา้ ว ไฟฟ้า ประปา นํา้ มัน น้ําอัดลม เสื้อผ้าสาํ เร็จรูป 5. ตัวอยา่ ง ตลาดหุ้น รถไฟ หนังสอื พิมพ์ รองเท้า สบู่ ปนู ซีเมนต์ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (52) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
การมีปฏสิ ัมพันธ์ต่อกันหรือการขึน้ อย่ตู อ่ กนั และกนั ของผ้ขู ายแต่ละราย หมายความวา่ การดําเนิน นโยบายของผู้ผลิตรายหน่งึ ๆ จะมผี ลกระทบตอ่ ผผู้ ลิตรายอ่ืนๆ ในตลาดหรือไม่ กรณีตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายน้ี ผู้ขายจะไมใ่ ช้ราคาเป็นเคร่อื งมอื ในการแข่งขัน (กค็ อื เปน็ การแขง่ ขนั ทไี่ ม่ใช่ราคา) เน่ืองจากถา้ ฝา่ ยหนง่ึ ลดราคา คู่แข่งจะลดราคาตามทนั ที และถ้าผู้ขายข้ึนราคา คู่แข่งจะไมข่ ึน้ ตาม ทําใหส้ ว่ นแบ่งตลาดลดลง ฉะนน้ั การแข่งขนั จึงใชว้ ธิ อี นื่ เชน่ การโฆษณา การบรรจุหบี หอ่ ขอ้ สังเกตถา้ ผขู้ ายน้อยรายร่วมมือกันเพอื่ กาํ หนดราคา หรือปรมิ าณสนิ คา้ ในตลาดจะกลายเปน็ การรวมกลุ่มในลักษณะของกล่มุ ผูกขาด ทีเ่ รยี กวา่ คาร์เทล (cartel) เช่น กลุม่ ประเทศผ้สู ่งนํา้ มนั เป็นสนิ ค้าออก (OPEC = Organization of Petroleum Exporting Countries) ตลาดผกู ขาด - สาเหตเุ กิดจาก 1. การผกู ขาดโดยธรรมชาติ (Natural Monopoly) เมื่อมกี ารผลิตขนาดใหญ่ ผผู้ กู ขาด สามารถขยายขนาดการผลิตจนทาํ ให้สามารถลดตน้ ทุนเฉลย่ี ลงมาตาํ่ มาก ซ่งึ ผู้ผลติ อาจต้องใช้เงนิ ทุนจาํ นวนมาก หรอื ใชเ้ ทคโนโลยีขนั้ สูงในการผลิต ผู้ผลิตรายย่อยไม่สามารถเขา้ มาแขง่ ขนั ได้ 2. การเปน็ เจา้ ของปัจจยั การผลติ แต่เพียงผเู้ ดยี ว 3. การไดร้ บั ลขิ สิทธต์ิ ามกฎหมาย เช่น การจดสิทธบิ ัตร หรอื ไดร้ ับอาํ นาจจากรัฐให้เปน็ ผดู้ าํ เนินการ แต่เพียงผเู้ ดียว เช่น การให้สัมปทาน การให้ใบอนุญาต. - ข้อดี 1. เกดิ การประหยดั จากขนาดการผลิตในกรณีการผลติ ขนาดใหญ่ เช่น กิจการสาธารณูปโภค เพราะทําให้ต้นทนุ ต่อหน่วยลดลงเมื่อมีการผลิตคราวละมากๆ และจะขายสนิ ค้าได้ในราคาท่ตี ่าํ ลง 2. กรณสี ินคา้ และบริการบางประเภทที่ใหค้ ุณและโทษต่อสังคม รัฐเป็นผู้ผูกขาด เช่น บรกิ ารป้องกนั ประเทศ การผลติ วคั ซีน โรงงานยาสูบ 3. เกดิ การวิจัยพฒั นาเทคนคิ การผลิต เช่น อุตสาหกรรมยา - ขอ้ เสีย 1. การผลิตสนิ คา้ เป็นไปอยา่ งไมม่ ปี ระสิทธภิ าพ เพราะผ้ผู กู ขาดไมม่ ีคูแ่ ข่งทางการคา้ 2. ผลผลติ อาจมีจาํ นวนไม่พอเพียงกับความตอ้ งการ ถา้ ผผู้ กู ขาดต้งั ราคาสงู . 12. อปุ สงค์ (Demand) อปุ ทาน (Supply) อปุ สงค์ - อปุ สงค์ คอื ปรมิ าณสนิ ค้าหรอื บรกิ ารชนดิ ใดชนิดหน่ึงท่ีผ้บู ริโภคตอ้ งการซ้อื ในช่วงเวลาหนึง่ ณ ระดับราคาตา่ งๆ ของสินค้าหรอื บริการชนิดน้นั ความตอ้ งการซื้อดงั กลา่ วต้องประกอบด้วยความเต็มใจทีจ่ ะซอื้ และมีอาํ นาจซือ้ (Purchasing Power) หรอื มเี งินดว้ ย แตถ่ ้ามแี ตค่ วามต้องการในสนิ ค้าโดยไมม่ ีเงินท่ีจะซอื้ เราเรยี กความต้องการลักษณะนน้ั ว่าความตอ้ งการ (Want) - กฎของอุปสงค์ ถา้ ราคาสนิ ค้าสูงข้ึน อปุ สงค์จะลดลง และถา้ ราคาสนิ ค้าลดลง อปุ สงคจ์ ะเพม่ิ ข้ึน เส้นอุปสงคจ์ ึงมีลกั ษณะเปน็ เส้นลาดเอียงจากบนซ้ายมาล่างขวา ซึ่งแสดงวา่ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างราคาและปรมิ าณ ซื้อเป็นไปในทางแปรผกผัน (หรือทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม P D ; P D ) เสน้ มคี ่าความชนั เป็นลบ. - ปัจจยั ที่กําหนดอุปสงค์ 1. ราคาสนิ คา้ ทีซ่ ้อื 2. รายไดข้ องผบู้ รโิ ภค 3. รสนยิ มของผู้บรโิ ภค 4. ราคาของสินค้าชนิดอ่นื ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง 5. การคาดคะเนเกีย่ วกับราคาสินค้าในอนาคต - สนิ คา้ ปกตแิ ละสินคา้ ดอ้ ย กรณีสนิ ค้าปกตถิ า้ ผบู้ รโิ ภคมรี ายไดส้ งู ข้ึน อปุ สงค์สินค้าเพ่ิมข้ึน และ ถ้ามรี ายไดล้ ดลง อปุ สงค์สนิ ค้าลดลงด้วย ดังน้นั อปุ สงคส์ ินค้าปกตจิ ะแปรผัน (ทิศทางเดยี วกนั ) ตามรายไดข้ อง ผบู้ รโิ ภค กรณที เ่ี ป็นสินคา้ ดอ้ ย อปุ สงค์สินค้าด้อยจะแปรผกผนั (ทิศทางตรงกนั ขา้ ม) กับรายได้ของผูบ้ รโิ ภค เช่น เมอ่ื ผู้บริโภคมรี ายไดเ้ พมิ่ ข้นึ อุปสงคท์ มี่ ตี อ่ บะหมีส่ าํ เรจ็ รูปลดลง. โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (53)
- สนิ ค้าทใี่ ช้ทดแทนกันและสินคา้ ท่ีใชป้ ระกอบกนั กรณีสนิ คา้ ท่ีใชท้ ดแทนกัน อปุ สงคส์ นิ ค้าชนิดหน่งึ จะแปรผนั (ทิศทางเดยี วกัน) ตามราคาของสนิ ค้าที่ใชท้ ดแทนกัน เชน่ ถา้ ราคาเน้ือไกถ่ กู ลง อปุ สงค์เนือ้ หมูจะ ลดลง ในทางกลบั กนั ถา้ ราคาเนอ้ื ไกแ่ พงข้ึน อุปสงคต์ ่อเน้ือหมจู ะเพมิ่ ข้นึ กรณสี ินคา้ ท่ใี ช้ประกอบกนั หรือสนิ ค้าที่ ใชร้ ว่ มกนั อปุ สงคส์ นิ คา้ ชนิดหน่งึ จะแปรผกผนั (ทศิ ทางตรงกันข้าม) กับราคาของสนิ คา้ ทใี่ ช้ประกอบกัน เชน่ ถา้ ราคาไม้ตีปิงปองสูงขน้ึ อปุ สงค์ตอ่ ลกู ปิงปองจะลดลง ตัวอย่างอ่นื ๆ เช่น ปากกาหมกึ ซึมกบั นํา้ หมกึ รถยนต์ กบั นาํ้ มนั ปืนกบั กระสุน. อุปทาน - อุปทาน คือ ปรมิ าณสนิ ค้าหรือบริการชนดิ ใดชนิดหนง่ึ ท่ผี ผู้ ลิตตอ้ งการผลติ ออกขายในชว่ งเวลาหนง่ึ ณ ระดบั ราคาตา่ งๆ ของสนิ คา้ หรือบริการชนิดนั้น ซึ่งเปน็ ปริมาณสนิ ค้าทผ่ี ูผ้ ลิตเต็มใจจะนาํ ออกขายในระยะเวลา หนึ่งๆ เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงปรมิ าณสนิ คา้ ทีผ่ ู้ผลติ ผลติ ขน้ึ ทัง้ หมด. - กฎของอุปทาน ถา้ ราคาสินคา้ สงู ขึน้ อปุ ทานจะเพมิ่ ขน้ึ และถา้ ราคาสนิ ค้าลดลง อุปทานจะลดลง เส้นอุปทานจงึ มลี กั ษณะเปน็ เส้นลาดเอยี งข้นึ จากลา่ งซ้ายไปบนขวา ซง่ึ แสดงว่าความสัมพนั ธ์ระหวา่ งราคาและ ปรมิ าณขายเป็นไปในทางแปรผัน (หรือทิศทางเดยี วกนั P S ; P S ) เส้นมีคา่ ความชันเป็นบวก. - ปัจจยั ที่กาํ หนดอปุ ทาน 1. ราคาสินค้าท่ีผลิต 2. จาํ นวนผู้ผลติ 3. ราคาปจั จัยการผลติ ทม่ี ผี ล ต่อตน้ ทนุ การผลิต 4. เทคโนโลยีการผลติ 5. สภาพดินฟา้ อากาศ 6. การคาดคะเนเกยี่ วกับราคาในอนาคต. 13. ดุลยภาพของตลาด (Market Equilibrium) อุปทานส่วนเกนิ (Excess Supply) อปุ สงค์ ส่วนเกนิ (Excess Demand) - ดุลยภาพของตลาด เปน็ สภาวะท่ปี รมิ าณซอ้ื เทา่ กบั ปรมิ าณขาย ท้ังนี้ระดับราคาสินค้าท่ีปริมาณ ซื้อเท่ากับปรมิ าณขายจะเรียกวา่ ราคาดุลยภาพ (Equilibrium Price) และปรมิ าณสินค้าท่ีเทา่ กันระหว่าง ปรมิ าณซ้อื กบั ปริมาณขายจะเรียกวา่ ปริมาณดุลยภาพ (Equilibrium Quantity) - อปุ ทานสว่ นเกิน ถ้าราคาสินคา้ แพงกวา่ ราคาดลุ ยภาพ ปริมาณขายจะมากกว่าปรมิ าณซอื้ (S > D) และเกดิ สนิ คา้ สว่ นเกิน (Surplus) หรอื อุปทานส่วนเกิน. - อุปสงคส์ ่วนเกิน ถ้าราคาสินคา้ ถกู กว่าราคาดุลยภาพ ปริมาณซอ้ื จะมากกว่าปรมิ าณขาย (D > S) และทาํ ใหเ้ กดิ การขาดแคลนสินค้า (Shortage) หรอื อปุ สงคส์ ว่ นเกิน. - การปรบั ตัวเข้าสดู่ ลุ ยภาพ ถา้ ตลาดไม่อยูใ่ นภาวะดลุ ยภาพ กลไกราคาจะทาํ หนา้ ทเี่ พื่อทาํ ให้ตลาด ปรบั เข้าสดู่ ลุ ยภาพดงั นี้ เมือ่ ใดทเ่ี กดิ สินค้าส่วนเกินหรืออปุ ทานส่วนเกนิ (ณ ระดับราคาท่สี งู กวา่ ราคาดลุ ยภาพ) จะมผี ลกดดนั ทําใหร้ าคาสนิ ค้าถกู ลง จนปรบั เขา้ สู่ราคาดลุ ยภาพ หรอื เมือ่ ใดทเี่ กดิ การขาดแคลนสินคา้ หรือ อปุ สงค์สว่ นเกิน (ณ ระดับราคาที่ตํ่ากวา่ ราคาดลุ ยภาพ) จะมีผลกดดันทําให้ราคาสินคา้ แพงขนึ้ . ราคาส้ม ปรมิ าณซอ้ื ส้ม ปรมิ าณขายสม้ มีสม้ ส่วนเกิน สภาวะ (บาท/กก.) (กก./วัน) (กก./วัน) มสี ม้ สว่ นเกนิ อุปทานส่วนเกิน = 55 กก./วัน 11 25 80 อปุ ทานส่วนเกนิ = 30 กก./วัน 9 40 70 7 60 60 ดลุ ยภาพ ปรมิ าณซ้อื สม้ = ปรมิ าณขายส้ม 5 75 35 มสี ้มขาดแคลน อปุ สงคส์ ่วนเกิน = 40 กก./วัน 3 90 20 มสี ้มขาดแคลน อปุ สงค์สว่ นเกิน = 70 กก./วัน สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (54) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 26
ราคา D S ราคา D อปุ ทานสว่ นเกนิ S 11 11 9 9 7 E (จุดดลุ ยภาพ) 7 E 5S D 5S D 3 3 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100 ปรมิ าณส้ม 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100 ปรมิ าณสม้ ราคา D S 11 9 7E 5 3 S D อุปสงค์ส่วนเกนิ 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100 ปริมาณสม้ 14. การกาํ หนดราคาเชิงกลยุทธ์ในสังคมไทย การกาํ หนดคา่ จ้าง การกาํ หนดราคาเชงิ กลยทุ ธใ์ นสังคมไทย การกําหนดราคาสินค้าโดยทัว่ ไปอาจไม่ไดเ้ ป็นไปตามอปุ สงคแ์ ละอุปทานเพยี งอยา่ งเดียว แต่ในทาง ปฏบิ ัติการกาํ หนดราคานน้ั ยังข้ึนอยูก่ ับวัตถปุ ระสงคข์ องผู้ผลติ ด้วย โดยเฉพาะในระบบเศรษฐกิจของไทยน้นั เป็น ตลาดแขง่ ขันไมส่ มบูรณ์ ซึง่ กลไกราคาไม่ไดท้ ําหน้าท่อี ย่างสมบรู ณ์ การกาํ หนดราคาสินค้าของผผู้ ลติ อาจเปน็ ไป เพื่อการสร้างกําไร การสร้างยอดขายหรือการขยายตลาด ข้อสงั เกตผู้ผลิตจะไมแ่ ข่งขนั กนั ดา้ นราคา แตห่ ันมา พัฒนาสินค้า จัดทาํ บรรจภุ ัณฑใ์ หม่ให้สวยงาม มีการกระจายตัวสนิ คา้ สง่ เสรมิ การตลาด เชน่ การตั้งราคาโดยใช้ ส่วนลด การตัง้ ราคาโดยใชเ้ ลขคี่ การตงั้ ราคาขายควบคู่ การตัง้ ราคาเพ่ือสร้างภาพลักษณ์ เปน็ ต้น. การกําหนดค่าจ้าง - คา่ จา้ งท่แี ทจ้ รงิ (Real Wage) คอื อํานาจซ้อื ของคา่ จ้างทีเ่ ปน็ ตัวเงนิ ซ่ึงมีที่มาจากการนาํ ค่าจา้ ง ทีเ่ ป็นตัวเงนิ หารดว้ ยดัชนรี าคา ถ้ากาํ หนดใหร้ ะดบั ราคาสินค้าคงท่ี แต่คา่ จา้ งทเ่ี ปน็ ตวั เงินเพม่ิ ข้ึน (พูดง่ายๆ ก็คอื ราคาของเท่าเดมิ ขณะทเ่ี งนิ เดือนเพมิ่ เราดใี จแน่) กม็ ีผลทําใหค้ ่าจ้างทแี่ ท้จริงจะเพ่ิมขนึ้ และถ้ากาํ หนดให้ ค่าจ้างท่เี ปน็ ตัวเงนิ คงท่ี แต่ระดบั ราคาสนิ ค้าเพม่ิ สูงขนึ้ (พูดง่ายๆ ก็คือ เงนิ เดอื นเท่าเดมิ แต่ราคาของแพงขน้ึ นน่ั คือความจริงในปัจจุบนั ใชไ่ หม) ก็มีผลทาํ ให้ค่าจา้ งที่แทจ้ ริงจะลดลง สรปุ ว่าคา่ จา้ งท่ีแท้จริงจะสูงข้นึ กต็ ่อเม่ือ ค่าจ้างทเี่ ป็นตัวเงินสงู ขนึ้ ในสดั ส่วนทมี่ ากกวา่ ระดบั ราคาสนิ คา้ . - การกาํ หนดค่าจา้ งนั้นขึน้ กบั อปุ สงค์แรงงาน (Demand of Labour) และอปุ ทานแรงงาน (Supply of Labour) อุปสงค์แรงงาน ดจู ากความตอ้ งการซอ้ื แรงงานของนายจ้างเปน็ หลกั วา่ ตอ้ งการจ้าง แรงงานมากน้อยเพยี งใด อุปทานแรงงาน ดูจากการเสนอขายแรงงานของลูกจ้างตามอตั ราคา่ จา้ งต่างๆ กนั ถ้าอปุ สงคแ์ รงงานมากกว่าอปุ ทานแรงงานในตลาดแรงงานประเภทใด คา่ จา้ งของแรงงานประเภทนัน้ จะสงู ในทาง ตรงกันข้ามถ้าตลาดแรงงานประเภทใดมอี ปุ สงคแ์ รงงานนอ้ ย แต่มอี ปุ ทานแรงงานมาก คา่ จ้างของแรงงาน ประเภทนัน้ จะตา่ํ . โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (55)
- การกําหนดค่าจ้างข้ันตํ่า เป็นการแทรกแซงกลไกราคาในตลาดแรงงานของรัฐบาล การกําหนด ค่าจ้างขั้นต่ําในประเทศไทยเป็นการพิจารณาร่วมกันของไตรภาคีอันประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล อัตราค่าจ้างข้ันตํ่าในประเทศไทยมีความแตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ การกําหนดค่าจ้าง ขัน้ ตํ่าจะมผี ลทําให้เกิดอปุ ทานแรงงานส่วนเกิน ความต้องการจ้างแรงงานลดลง เพราะเมื่ออัตราค่าจ้างสูงข้ึน ลูกจ้างมีความต้องการทํางานมากข้ึน ในขณะท่ีนายจ้างจะจ้างแรงงานน้อยลง การกําหนดค่าจ้างขั้นต่ําจะ ก่อใหเ้ กิดปัญหาการวา่ งงานตามมา. - การจ้างงานเตม็ ที่ (Full Employment) หมายถงึ สภาวการณ์ท่ีคนทีต่ ้องการทาํ งานทุกคน สามารถหางานทาํ ได้ ณ ระดบั ค่าจ้างท่ีพงึ พอใจ การจา้ งงานเต็มทีม่ ไิ ด้หมายความว่ากําลังแรงงานท้งั หมดตอ้ งมี งานทํา อาจยงั มีแรงงานจาํ นวนหน่งึ ว่างงานอยู่ แต่เปน็ การว่างงานโดยสมัครใจ หรือเปน็ การว่างงานช่ัวคราว. - การวา่ งงานแฝง (Disguised Employment) หมายถึง ผทู้ ี่มีงานทําแต่การทาํ งานนน้ั ไมไ่ ด้ทํา ให้ผลผลติ เพิม่ ขน้ึ หรือเป็นการทํางานที่ตาํ่ กวา่ ระดบั ความรู้ความสามารถ เช่น นายมีเหน็ วา่ ลูกชายนั่งอยเู่ ฉยๆ จงึ ให้ลงไปชว่ ยทํานา ถึงจะไม่ทาํ ใหไ้ ดผ้ ลผลติ เพิ่มข้นึ ก็ถอื เปน็ การฝกึ นิสยั ไม่ใหเ้ กยี จคร้าน หรือกรณนี ายโชค มีความรรู้ ะดับปริญญาตรี แตห่ างานที่เหมาะสมกบั ความรคู้ วามสามารถไม่ได้ จงึ ยอมไปเป็นพนักงานรักษา ความปลอดภยั . 15.การแทรกแซงราคาโดยรัฐบาล การกําหนดราคาข้ันตํา่ (Minimum Price) การกําหนดราคาขนั้ สงู (Maximum Price) - การกําหนดราคาขน้ั ต่าํ การท่ีรฐั บาลเข้ามากาํ หนดราคาขนั้ ตา่ํ หรือราคาประกนั ให้สูงกว่าราคา ดลุ ยภาพ เพอื่ ชว่ ยเหลอื ผู้ผลิตใหข้ ายสินค้าไดใ้ นราคาทสี่ งู ขึน้ เพราะราคาดลุ ยภาพหรอื ราคาตลาดในขณะนนั้ ตาํ่ เกินไปจนผ้ผู ลติ เดอื ดร้อน สนิ คา้ ที่ถูกกาํ หนดราคาขนั้ ตํ่ามกั ไดแ้ ก่ สนิ คา้ เกษตรกรรม เชน่ ขา้ วเปลอื ก มนั สาํ ปะหลงั ในการกาํ หนดราคาขนั้ ตํา่ ณ ราคาประกนั ทาํ ใหเ้ กิดอุปทานสว่ นเกินหรือภาวะผลผลิตล้นตลาด รฐั จงึ ตอ้ งรับซื้อ ผลผลิตส่วนเกนิ ทาํ ใหส้ ้นิ เปลอื งงบประมาณมาก ปัจจบุ นั รัฐบาลอาจใชว้ ิธอี ืน่ ในการแก้ปญั หา เชน่ การลด ปริมาณการผลิต หรือการให้เงินอุดหนนุ แกเ่ กษตรกร - การกําหนดราคาข้ันสงู การที่รฐั บาลเข้ามากาํ หนดราคาข้ันสูงหรือเพดานราคาใหต้ า่ํ กวา่ ราคา ดลุ ยภาพ เพ่อื ชว่ ยเหลอื ผู้บรโิ ภคใหซ้ อ้ื สนิ คา้ ไดใ้ นราคาทีถ่ กู ลง เม่ือเกดิ ภาวะเงินเฟ้อหรือสงคราม เชน่ การ ควบคมุ ราคาน้าํ ตาลทราย นา้ํ มนั เป็นตน้ การกาํ หนดราคาขนั้ สงู อาจทาํ ให้เกดิ อปุ สงคส์ ่วนเกินหรอื การขาดแคลน สินคา้ ท่ีมกี ารควบคุมราคา เพราะปรมิ าณสินคา้ ทผี่ ูข้ ายนําออกขายมจี ํานวนไมเ่ พยี งพอกบั ความต้องการ รฐั จงึ ต้องใชม้ าตรการเสริมดว้ ยวธิ ีการปนั สว่ น แต่ปญั หาทีจ่ ะเกดิ ตามมา คอื ตลาดมืด มีการลักลอบซอื้ ราคากันใน ราคาท่สี ูงกว่าราคาควบคมุ สรปุ วา่ ตลาดมดื ก็คอื การซื้อขายสนิ คา้ ทล่ี ะเมิดกฎหมายควบคมุ ราคา ตลาดมดื เกดิ ขึน้ เมือ่ มกี ารกาํ หนดราคาขน้ั สูง ทาํ ให้เกดิ อุปสงค์ส่วนเกนิ ณ ระดบั ราคาควบคุม. P DS P D S Pf อุปทานสว่ นเกนิ Pb A A B ราคาขนั้ ต่าํ Pe E D Pe E S Pc C F ราคาขน้ั สูง S อุปสงค์สว่ นเกิน D 0 Qd Qe Qs Q0 Qs Qe Qd Q สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (56) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26
- ขอ้ ดีและข้อเสยี ของการแทรกแซงราคาของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ ขอ้ ดี คอื นโยบายนช้ี ว่ ย แก้ไขปญั หาความเดือดรอ้ นของกลุ่มบุคคลในสังคม ทาํ ใหเ้ กิดการกระจายสวัสดิการสังคมได้ทวั่ ถงึ เช่น การ กาํ หนดราคาขั้นตา่ํ เพ่อื ชว่ ยเหลอื เกษตรกร การกาํ หนดค่าจา้ งข้ันตาํ่ เพ่ือช่วยเหลือแรงงาน การเกบ็ ภาษี (Taxation) เพื่อลดการบริโภคสินค้าบางอยา่ งลง การใหเ้ งนิ อุดหนนุ (Subsidy) เพือ่ ส่งเสรมิ ให้มีการผลติ สินคา้ บางอย่างเพิม่ ขึ้น ข้อเสีย คอื ผลประโยชน์จากการแทรกแซงอาจตกอย่กู ับกลมุ่ คนจาํ นวนนอ้ ย เช่น กรณที ีร่ ัฐรับ ซือ้ ข้าวเปลือกในราคาประกัน. ทดสอบพลงั สมองเร่ือง “ระบบเศรษฐกิจ ตลาด กลไกราคา” 1. ระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนิยมเป็นระบบท่ี (กลไกตลาด / กลไกรฐั ) มีบทบาทต่อมนษุ ย์ในการ ตัดสินใจทางเศรษฐกจิ 2. การกําหนดปรมิ าณการผลติ ในระบบเศรษฐกจิ ทนุ นยิ มข้ึนอยู่กบั (ตน้ ทุนการผลติ และจํานวนผู้ผลิต / ความต้องการซ้ือและความตอ้ งการขาย) 3. ข้อดขี องระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนยิ ม (การกระจายรายไดข้ องประชาชนมคี วามใกล้เคยี งกนั เพราะรัฐใหก้ ารดูแล / ประชาชนทาํ งานได้อย่างเต็มท่ี เพราะรฐั ให้ค่าตอบแทนที่แนน่ อน) 4. ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยมดกี วา่ ระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนยิ มในเร่อื ง (ความเปน็ ธรรมในสังคมและ การกระจายรายได้ / แรงจูงใจและความคิดรเิ ริม่ ) 5. ระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบผสม เพราะ (มีการจัดต้งั สหกรณข์ องเอกชน และมี รฐั วิสาหกจิ / มกี ารวางแผนและใชร้ าคาในการจัดสรรทรัพยากร) 6. ภาวะดลุ ยภาพของตลาดจะเกิดขน้ึ เมือ่ (ปรมิ าณเสนอซ้ือสมดลุ กับราคาเสนอขาย / อปุ สงคส์ ว่ นเกิน และอปุ ทานส่วนเกินมีค่าเทา่ กบั ศูนย)์ 7. ราคาท่ที ําใหป้ ริมาณอุปสงคม์ ากกวา่ ปริมาณอปุ ทาน คือ (ราคาท่ีตํา่ กวา่ ดลุ ยภาพ / ราคาที่สูงกวา่ ดุลยภาพ) 8. การกําหนดค่าจ้างขน้ั ต่าํ สูงขึ้น จะมผี ลทาํ ให้เกิดการเปลีย่ นแปลงในตลาดแรงงาน (มีอุปทานแรงงาน ส่วนเกนิ การจา้ งงานลดลง / มอี ปุ สงค์แรงงานสว่ นเกิน การจา้ งงานลดลง) 9. ประเภทของตลาดท่ีไมจ่ าํ เปน็ ตอ้ งโฆษณาสนิ คา้ (ตลาดแข่งขนั ไมส่ มบูรณ์ / ตลาดแข่งขันสมบูรณ)์ 10.ขอ้ ดขี องตลาดแบบผูกขาด คอื (ผบู้ รโิ ภคซอ้ื สนิ ค้าในราคายตุ ธิ รรม / มกี ารวจิ ยั และพฒั นาเทคนคิ การผลิต) โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีที่ 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (57)
เศรษฐกจิ พอเพียงและสหกรณ 16. เศรษฐกจิ พอเพียง - เศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ ปรชั ญาทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงมีพระราชดาํ รัสช้แี นะแนวทาง การดําเนินชีวิตแกพ่ สกนกิ รชาวไทยมาโดยตลอดนานกวา่ 30 ปี ตงั้ แต่ก่อนเกิดวิกฤตการณท์ างเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 และเม่อื ภายหลังไดท้ รงเน้นยา้ํ แนวทางแก้ไขเพ่อื ใหร้ อดพ้นและสามารถดํารงอยูไ่ ดอ้ ยา่ งมน่ั คงและย่ังยืน ภายใตก้ ระแสโลกาภิวัตน์และความเปล่ียนแปลงตา่ งๆ. - กรอบแนวคิด เป็นปรชั ญาทช่ี ้ีแนะแนวทางการดํารงอยู่และปฏิบตั ิตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมี พื้นฐานมาจากวถิ ชี ีวิตดั้งเดิมของสงั คมไทยทส่ี ามารถนํามาประยกุ ตใ์ ช้ได้ตลอดเวลา และเปน็ การมองโลกเชงิ ระบบทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลงอยูต่ ลอดเวลา มงุ่ เนน้ การรอดพน้ จากภัยและวิกฤต เพ่อื ความมัน่ คงและความยง่ั ยืน ของการพัฒนา. - คุณลักษณะ เศรษฐกจิ พอเพยี งสามารถนาํ มาประยกุ ตใ์ ชก้ ับการปฏบิ ตั ิตนได้ในทุกระดับ โดยเน้น การปฏิบัตบิ นทางสายกลางและการพัฒนาอย่างเป็นข้นั ตอน - คาํ นิยาม ความพอเพียงจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คณุ ลกั ษณะพร้อมๆ กนั ดงั นี้ 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีทีไ่ มน่ อ้ ยเกินไปและไมม่ ากเกนิ ไป โดยไมเ่ บียดเบียน ตนเองและผู้อน่ื เชน่ การผลิตและการบริโภคทีอ่ ยู่ในระดบั พอประมาณ. 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ระดับความพอเพียงนั้นจะต้องเปน็ ไปอย่างมีเหตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ ัจจัยท่ีเกีย่ วขอ้ ง ตลอดจนคาํ นงึ ถงึ ผลท่ีคาดว่าจะเกดิ ขนึ้ จากกระทําน้ันๆ อยา่ งรอบคอบ. 3. การมีภูมคิ มุ้ กันในตัวทดี่ ี หมายถงึ การเตรยี มตวั ให้พร้อมรบั ผลกระทบและการเปลีย่ นแปลงดา้ น ตา่ งๆ ทีจ่ ะเกดิ ขึน้ โดยคาํ นึงถงึ ความเปน็ ไปไดข้ องสถานการณต์ ่างๆ ท่คี าดว่าจะเกิดขนึ้ ในอนาคตท้งั ใกลแ้ ละไกล. - เง่ือนไข การตัดสินใจและการดาํ เนนิ กจิ กรรมต่างๆ ใหอ้ ยู่ในระดับพอเพียงนนั้ จะตอ้ งอาศยั ท้งั ความร้แู ละคณุ ธรรมเป็นพ้ืนฐาน กลา่ วคอื 1. เง่อื นไขความรู้ เก่ยี วกับวิชาการต่างๆ ท่เี กีย่ วขอ้ งอยา่ งรอบดา้ น ความรอบคอบทจี่ ะนําความรู้ เหล่านัน้ มาพิจารณาให้เชือ่ มโยงกันเพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวงั ในขั้นปฏิบัต.ิ 2. เงือ่ นไขคุณธรรม มคี วามตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสตั ยส์ จุ ริต ความอดทน ความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการดาํ เนนิ ชีวิต ไมโ่ ลภ และไมต่ ระหน่ี. ทางสายกลาง พอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมคิ ุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี เง่ือนไขความรู้ เงอื่ นไขคุณธรรม (รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวัง) (ซ่อื สัตยส์ จุ รติ ขยันอดทน สติปญั ญา แบง่ ปนั ) นาํ สู่ เศรษฐกิจ/สังคม/สิ่งแวดล้อม/วัฒนธรรม สมดลุ /มน่ั คง/ย่งั ยนื สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (58) _____________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26
- แนวทางปฏิบตั แิ ละผลท่คี าดหมาย เมอื่ นําเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ต์ใช้ ผลที่ไดร้ บั คอื การพฒั นาทีส่ มดลุ และยัง่ ยืน พรอ้ มรบั ต่อการเปล่ยี นแปลงในทกุ ดา้ น ทั้งดา้ นเศรษฐกิจ สังคม สง่ิ แวดล้อม ความรู้และเทคโนโลย.ี - องค์ประกอบสาํ คญั ของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมีดงั น้ี 1. ทางสายกลาง คอื การต้งั อยูใ่ นความไมป่ ระมาท พึ่งพาตนเองใหม้ ากขนึ้ ในทกุ ระดบั พอเหมาะ. 2. ความสมดุลและยัง่ ยืน คอื การเนน้ การพัฒนาในลกั ษณะองค์รวม มีความพอดพี อเหมาะ มีความหลากหลายและกลมกลืน มคี วามย่งั ยนื รกั ษาความสมดุล และปกปอ้ งทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม. 3. ความพอประมาณอย่างมเี หตผุ ล คือ การไมโ่ ลภ ไมฟ่ ุ้งเฟ้อ การรู้จักพอ มเี หตผุ ลมีความ พอประมาณ. 4. ภูมิคมุ้ กนั และรเู้ ทา่ ทนั โลก คือ มคี วามรอบรแู้ ละรู้เทา่ ทนั การเปลย่ี นแปลงจากสิ่งแวดลอ้ ม ภายนอก การเปล่ยี นแปลงเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของโลก ตลอดจนสามารถป้องกันหรอื ลดผลกระทบ อนั เกดิ จากความผนั ผวนของโลกภายนอก. 5. การส่งเสรมิ สร้างคุณภาพคน คอื การสํานึกในคุณธรรม ความซ่อื สัตยส์ จุ ริตมีไมตรี เอ้อื อาทรต่อกนั มีวินยั พัฒนาปญั ญาและความร้อู ยา่ งต่อเน่อื งในยุคปัจจบุ ัน. - หลกั การสําคญั ของเศรษฐกจิ พอเพยี งมดี งั นี้ 1. พอเพียงสําหรับทกุ คน ทุกครอบครัว หมายถึง เป็นเศรษฐกิจแบบพึง่ พาซง่ึ กนั และกัน เพอ่ื รกั ษาสมดลุ แห่งความพอเพียง. 2. มีจติ ใจพอเพยี ง หมายความวา่ มคี วามเข้มแขง็ สามารถพง่ึ พาตนเองได้ มจี ติ สํานกึ ทีด่ ี เออ้ื อาทร ประนีประนอม และนึกถงึ ผลประโยชนส์ ่วนรวม. 3. เก้ือหนุนส่งิ แวดล้อม เพ่อื ใหเ้ กิดความพอเพียง หมายถึง รจู้ ักใชท้ รัพยากรอย่างฉลาดและ รอบคอบ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความย่งั ยนื สงู สดุ และเพอื่ พัฒนาประเทศใหม้ น่ั คง. 4. ชมุ ชนเขม้ แข็งอยา่ งพอเพยี ง หมายถึง ร่วมมอื ผนกึ กําลงั กันแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชมุ ชน คนในชมุ ชนมคี วามชว่ ยเหลือเกื้อกลู กนั สร้างความเข้มแขง็ ให้ชุมชนโดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้ทเ่ี กดิ จากฐานรากที่ มนั่ คงและแข็งแรง 5. เรียนร้รู ่วมกันในการปฏิบตั ิและมีการปรับตัว หมายถึง รจู้ ักใชเ้ ทคโนโลยที เี่ หมาะสมสอดคล้อง กบั ความต้องการ มกี ารพฒั นาเทคโนโลยีจากภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่นอยา่ งสอดคล้องและเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดลอ้ ม ของชุมชน. 6. อยบู่ นพื้นฐานวัฒนธรรมพอเพยี งทางเศรษฐกจิ หมายถึง การใชช้ วี ติ อยา่ งพอเพยี ง เพิม่ รายได้ ลดรายจา่ ย ดํารงชวี ิตอยา่ งพออยู่พอกินตามอตั ภาพและฐานะ. 7. พอเพยี งอยา่ งม่นั คง ไม่ใช่ชั่วคราว หมายถงึ การใช้ชีวติ อยา่ งสมาํ่ เสมอ โดยมคี ุณธรรม กํากบั การดาํ เนินชีวิต. - แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่นํามาใชใ้ นการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมในปัจจุบนั นับต้ังแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) ที่มีการอัญเชิญ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมานําทางในการพัฒนาและบริหารประเทศ ต่อเนื่องมาจนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) ท่ยี ังคงมีจุดยืนเดิม กล่าวคือประเทศไทยจําเป็นต้องปรับตัว โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (59)
หันมาทบทวนกระบวนทัศน์การพัฒนาในทิศทางที่พ่ึงตนเองและมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงเป็นแนวทางปฏิบัติควบคู่ไปกับการพัฒนาแบบบูรณาการเป็นองค์รวมที่ยึดคนเป็นศูนย์กลางการ พัฒนา เพ่ือให้การพัฒนาและบริหารประเทศเป็นไปในทางสายกลางบนพ้ืนฐานดุลยภาพเชิงพลวัตของการ พฒั นาท่ีเชือ่ มโยงทกุ มิติของการพัฒนาอยา่ งบรู ณาการ ท้งั มติ ิตัวคน สงั คม เศรษฐกจิ ส่งิ แวดล้อมและการเมือง มีการวิเคราะหอ์ ย่างมีเหตุผล และใช้หลกั ความพอประมาณ ใหเ้ กิดความสมดุลระหว่างมิติทางวัตถุกับจิตใจของ คนในชาติ ความสมดุลระหว่างสังคมชนบทกับสังคมเมือง มีการเตรียมระบบภูมิคุ้มกัน ด้วยการบริหารจัดการ ความเสี่ยงให้เพียงพอพร้อมรับผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงท้ังจากภายนอกและภายในประเทศ ท้ังน้ี การขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาทุกขั้นตอนต้องใช้ความรอบรู้ ในการพัฒนาด้านต่างๆ ด้วยความรอบคอบ เป็นไปตามลําดับข้ันตอน และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของสังคมไทย รวมทั้งการเสริมสร้างศีลธรรมและสํานึกใน คุณธรรม จริยธรรมในการปฏิบัติหน้าท่ีและดําเนินชีวิตด้วยความเพียร อันจะเป็นภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีให้พร้อม เผชิญการเปลี่ยนแปลงทเ่ี กิดขน้ึ ทั้งในระดบั ครอบครัว ชมุ ชน สังคมและประเทศชาต.ิ 17. การประยุกตใ์ ช้เศรษฐกจิ พอเพยี งในภาคการเกษตร เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรทฤษฎีใหม่ เปน็ ตัวอยา่ งการประยุกต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตร โครงการต้นแบบ ของเกษตรทฤษฎีใหม่ คือ โครงการพฒั นาพน้ื ที่บรเิ วณวัดมงคลชยั พฒั นาอนั เนื่องมาจากพระราชดําริ อําเภอเมือง จังหวดั สระบุรี โดยมีการแบง่ พ้ืนที่ในอัตราสว่ น 30 : 30 : 30 : 10 กล่าวคอื ขุดสระน้ําและเลยี้ งปลา 30 สว่ น ปลกู ขา้ ว 30 สว่ น ปลกู พืชไร่พชื สวน 30 สว่ นและ 10 ส่วนสุดท้ายเป็นท่อี ยอู่ าศัยและเลยี้ งสตั ว์ การประยกุ ต์ใช้ เกษตรทฤษฎใี หมต่ อ้ งอาศยั ปจั จยั สาํ คัญ 2 ประการ คือ การเตรียมความพรอ้ มของพืน้ ท่ี และการบรหิ ารจดั การทดี่ .ี หลกั การทฤษฎใี หมม่ ี 3 ข้ัน คอื ขนั้ ที่ 1 การจัดสรรทอ่ี ยู่อาศัยและทีท่ ํากิน โดยการบรหิ ารจัดการทด่ี ินใหเ้ ป็นระบบและตอ้ งมีน้าํ เพยี งพอท่ีจะทาํ การเพาะปลกู ได้ตลอดปี การบริหารจดั การท่ีดนิ และน้าํ จงึ มคี วามสาํ คญั และทาํ ใหเ้ กษตรกรอยู่รอดได.้ ขั้นท่ี 2 การรวมพลงั กนั ในรูปของกลมุ่ หรอื สหกรณเ์ พ่อื การผลติ การตลาด การเปน็ อยู่ สวสั ดิการ การศึกษา สังคมและศาสนา. ข้ันที่ 3 การให้กลมุ่ หรอื สหกรณ์ในชมุ ชนตดิ ตอ่ ประสานงานกบั องค์กร ภาคเอกชน แหลง่ เงนิ แหล่ง พลงั งาน เชน่ ธนาคาร บริษัทนาํ้ มัน เพื่อมาช่วยลงทนุ และพฒั นาคุณภาพชีวิตและพัฒนาอาชีพต่างๆ ใหก้ บั กล่มุ . 18.การประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งในภาคการธุรกจิ - เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลกั การทเี่ น้นความพอดี ความสมดุล ซง่ึ จะนาํ ไปสูค่ วามมน่ั คงและความ ย่ังยนื และเป็นหลักการทรี่ วมถึงความรอบคอบระมัดระวงั และความไมโ่ ลภ ธุรกจิ ทีป่ ระยกุ ต์ใชห้ ลกั เศรษฐกิจ พอเพียงยอ่ มมีแนวโนม้ สูงที่จะอยู่รอดอย่างม่ันคง แม้ในสถานการณย์ ากลาํ บาก ท้ังเป็นธรุ กจิ ท่ีใหค้ วามสาํ คญั ตอ่ คุณธรรม คณุ ภาพและประสิทธภิ าพไปพร้อมกนั ธุรกจิ ทีป่ ระยุกต์ใชห้ ลักเศรษฐกิจพอเพยี งจะเป็นธุรกิจที่มี ความรับผดิ ชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) นนั่ เอง. 19. สหกรณ์ - สหกรณ์ คือ องค์กรอสิ ระของบคุ คลซ่ึงรวมกันสมคั รใจต้ังแต่ 10 คนขนึ้ ไป มีการจดั ตงั้ และ ดาํ เนินการวิสาหกจิ ทม่ี ีความเปน็ เจ้าของร่วมกัน โดยกลมุ่ บุคคลผมู้ คี วามประสงค์อยา่ งเดียวกันเพ่อื สนองความ ต้องการและจดุ มุ่งหมายทางเศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม และมกี ารควบคมุ ตามแนวทางประชาธิปไตย. สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (60) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
- สหกรณแ์ หง่ แรกของโลก คือ สหกรณ์รอชเดล ก่อตัง้ จากกลุ่มทอผา้ ท่ีเมอื งรอชเดล ประเทศ อังกฤษเมื่อ ค.ศ. 1844 เปน็ สหกรณ์รา้ นคา้ ที่ถอื เปน็ ตน้ แบบของสหกรณ์ท่วั โลก มีหลักปฏบิ ตั ิ เช่น เปดิ รับ สมาชิกทัว่ ไป สมาชิกหนงึ่ คนออกเสยี งลงคะแนนไดเ้ สยี งเดยี ว ขายสนิ ค้าตามราคาตลาดและขายดว้ ยเงนิ สด เปน็ ตน้ บิดาแหง่ สหกรณ์ของโลกเป็นชาวอังกฤษชอ่ื โรเบริ ์ต โอเวน (Robert Owen) - หลักการของระบบสหกรณ์ 1. การเปดิ รบั สมาชิกทว่ั ไปและด้วยความสมัครใจ 2. การควบคุม โดยสมาชิกตามหลักประชาธปิ ไตย 3. การมสี ว่ นรว่ มทางเศรษฐกิจโดยสมาชกิ 4. การปกครองตนเองและ ความเป็นอสิ ระ 5. การศึกษา การฝึกอบรมและขา่ วสาร 6. การรว่ มมือระหวา่ งสหกรณ์ 7. ความเออ้ื อาทรตอ่ ชุมชน. - สหกรณ์ในประเทศไทยเกิดขึ้นคร้ังแรกในสมัยรชั กาลท่ี 5 โดยพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพทิ ยา ลงกรณ์ ทรงเป็นผู้รเิ ร่มิ และได้รบั การยกย่องเปน็ “บิดาแหง่ การสหกรณไ์ ทย” สหกรณใ์ นประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังน้ี สหกรณ์ในภาคการเกษตร 1. สหกรณ์การเกษตร : จดั ต้ังเพอื่ ช่วยแก้ปญั หาของผปู้ ระกอบอาชีพทางการเกษตร โดยจดั หาเงินกู้ อุปกรณ์การเกษตรในราคายุตธิ รรม จดั หาตลาดและตอ่ รองราคาผลผลิตผลการเกษตรให้. 2. สหกรณป์ ระมง : จัดตง้ั เพื่อชว่ ยเหลอื ชาวประมงโดยจดั หาเงนิ กู้และใหค้ วามรเู้ กีย่ วกบั การประกอบ อาชพี . 3. สหกรณน์ คิ ม : จดั ตงั้ เพอ่ื จดั สรรท่ดี ินทาํ กินให้สมาชิก จัดหาเงนิ กู้ จดั หาตลาดและให้ความรู้แก่ สมาชิก. สหกรณน์ อกภาคการเกษตร 1. สหกรณ์รา้ นคา้ : จดั ตั้งเพือ่ ให้สมาชิกซ้อื สนิ ค้าในราคายตุ ิธรรม และมีรายได้จากการนําสนิ คา้ มา จําหนา่ ย. 2. สหกรณ์ออมทรพั ย์ : จดั ตงั้ เพอื่ ส่งเสรมิ การออมทรัพย์ของสมาชกิ โดยการถอื ห้นุ และฝากเงิน ใหบ้ ริการเงินกู้หรือบรกิ ารสนิ เช่อื แกส่ มาชิกในอัตราดอกเบี้ยตาํ่ . (สนิ เชือ่ = หนี้อันเกิดจากการตดิ ต่อทางการคา้ และการเงิน) 3. สหกรณบ์ ริการ : จัดตัง้ เพอื่ จดั หาวสั ดุอุปกรณใ์ นการประกอบอาชีพให้แก่สมาชกิ บริการเงนิ กู้ จัดหาตลาดและช่วยเหลือด้านกฎหมายใหแ้ ก่สมาชกิ . 4. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน : จดั ต้งั เพอ่ื ชว่ ยเหลือสมาชิกผมู้ รี ายได้ไม่ประจําท่ีอยใู่ นวงการเดียวกัน เช่น มที อ่ี ยู่อาศยั ในชมุ ชนเดยี วกนั มอี าชีพการงานเดียวกนั เป็นสมาชิกในสมาคมเดียวกัน สหกรณ์เครดติ ยเู น่ยี นให้ บรกิ ารเงินฝาก บรกิ ารเงนิ กู้ และมงุ่ พฒั นาชุมชนและสังคม ข้อสงั เกต สหกรณ์เครดิตยเู นยี่ นเดมิ เป็นสหกรณ์ ออมทรัพย์ในชุมชน ความแตกตา่ งของสหกรณ์เครดิตยูเนย่ี นและสหกรณ์ออมทรพั ย์ คอื สหกรณเ์ ครดิตยูเนยี่ น มกั จดั ตั้งตามแหล่งชุมชน หมู่บา้ น กลมุ่ ทีท่ าํ กิจกรรมรว่ มกันหรือกลมุ่ สมาคมเดียวกัน แต่สหกรณ์ออมทรัพย์ มักจดั ตั้งข้ึนในหน่วยงาน โดยมากสมาชิกจะมเี งินเดอื นประจําและถกู หกั เป็นเปอร์เซนตจ์ ากเงนิ เดือนเพอื่ สะสม เปน็ ค่าหนุ้ ทกุ ๆ เดอื น. - ปัจจัยท่ีทาํ ใหส้ หกรณ์ประสบผลสําเร็จ 1. สมาชกิ เป็นผู้ท่ีมีความรู้ความเข้าใจในระบบสหกรณ์ 2. คณะกรรมการดําเนินการจะต้องปฏบิ ตั งิ านด้วยความซื่อสตั ย์สุจริต 3. ผู้จัดการและเจ้าหน้าทตี่ อ้ งเปน็ ผู้ทม่ี ี ความรูค้ วามสามารถ 4. การสนบั สนุนจากภาครฐั ในดา้ นต่างๆ เชน่ งบประมาณ การหาตลาดและขยายตลาด เป็นต้น. โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 26 _____________________สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (61)
- วิสาหกิจชมุ ชน เป็นกจิ การของชมุ ชนที่คนในชุมชนเปน็ เจา้ ของกิจกรรมการผลติ สนิ ค้าและบรกิ าร เพ่อื ส่งเสรมิ รายได้ของตนเอง ครอบครวั ชุมชนและระหว่างชมุ ชน โดยการนาํ ทนุ ของชมุ ชนที่มีอยู่ ไดแ้ ก่ ภูมิปญั ญา ความรู้ วิถชี ีวติ วัฒนธรรม และทรัพยากรธรรมชาติ ผสมผสานกบั การบริหารจัดการสมัยใหม่ การใช้เทคโนโลยที เี่ หมาะสมมาผลิตสนิ คา้ และบรกิ าร สร้างรายได้ให้กบั คนในชมุ ชน เพอื่ ให้คนในชมุ ชนพอกนิ พอใช้ แลว้ คอ่ ยพฒั นาไปสูก่ ารจดั การเชงิ ธรุ กิจ. - สหกรณก์ บั การพฒั นาเศรษฐกจิ สหกรณเ์ ปน็ สถาบนั ทางเศรษฐกิจและสงั คมทส่ี นบั สนุนและ ส่งเสริมใหเ้ กดิ การออมทรัพย์ การสะสมทุน พฒั นาและสง่ เสรมิ การประกอบอาชีพและการร่วมมอื กนั ในการ ดําเนนิ ธรุ กจิ ในรปู แบบต่างๆ ท้งั ดา้ นการใหส้ นิ เชือ่ การผลิต การตลาด การแปรรปู การคมนาคมขนสง่ การธนาคารและการประกนั ภยั การส่งเสรมิ สวสั ดิการตา่ งๆ ซ่งึ สงิ่ เหลา่ นี้เป็นกลไกสาํ คญั ของรฐั และเอกชนใน การพฒั นาชมุ ชนและประเทศชาติ. การพัฒนาเศรษฐกจิ ของไทย 20.การพัฒนาทางเศรษฐกจิ (Economic Development) การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Growth) การพฒั นาทางเศรษฐกจิ - การพฒั นาทางเศรษฐกิจ หมายถึง การสร้างความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจพรอ้ มกบั การ เปลีย่ นแปลงโครงสรา้ งท้ังทางเศรษฐกจิ สังคม และการเมืองให้อยใู่ นสภาวะทเ่ี หมาะสม หรอื การทาํ ใหร้ ะดับ รายได้ท่แี ทจ้ รงิ เฉลย่ี ตอ่ บุคคลเพ่มิ ขน้ึ อยา่ งต่อเนอื่ งเป็นระยะเวลานาน จุดมงุ่ หมายทสี่ ําคัญของการพัฒนาทาง เศรษฐกจิ คือ เพือ่ ยกระดับมาตรฐานการครองชีพหรือความอยู่ดีกนิ ดขี องประชาชน ทาํ ใหเ้ กิดการกระจายรายได้ ท่เี ปน็ ธรรม และลดความเหลื่อมล้ําด้านคณุ ภาพชวี ติ . - ปจั จัยสําคญั ของการพฒั นาเศรษฐกจิ มีดังนี้ 1. ปจั จัยทางเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ ทีด่ ิน ทุน แรงงาน ความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาการ ตลาด 2. ปัจจัยอ่ืนๆ ได้แก่ โครงสร้างทางสงั คม ครอบครัว ระบบการเมือง การปกครองและกฎหมาย. การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ - การเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจ หมายถึง การขยายตัวของกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ต่างๆ ภายใน ระบบเศรษฐกิจหน่ึง การเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจจงึ เป็นสิ่งท่ีช้ีถงึ ศกั ยภาพในการผลิตหรอื การสร้างรายได้ของ ประเทศในรอบเวลาหนงึ่ . - ตัวช้ีวดั การเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจท่สี ําคญั ไดแ้ ก่ GDP GNP PCI 21. ผลติ ภัณฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP : Gross Domestic Product) ผลิตภัณฑ์มวลรวม ประชาชาติ (GNP : Gross National Product) รายได้เฉล่ยี ต่อบุคคล (PCI : Per Capita Income) - ผลิตภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP) มูลคา่ รวม ณ ราคาตลาดของสนิ ค้าและบริการ ขัน้ สดุ ท้ายทีผ่ ลติ ขนึ้ ภายในประเทศในรอบ 1 ปี - ผลิตภัณฑม์ วลรวมประชาชาติ (GNP) มูลคา่ รวม ณ ราคาตลาดของสินค้าและบริการขัน้ สุดทา้ ย ท่ีผลิตขึ้นโดยทรัพยากรของประเทศในรอบ 1 ปี GNP = GDP + รายได้สุทธิจากต่างประเทศ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (62) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26
- รายได้สทุ ธิจากต่างประเทศ = รายไดจ้ ากทรัพยากรของประเทศเราในตา่ งประเทศ - รายได้จาก ทรัพยากรของต่างประเทศในประเทศเรา - รายไดเ้ ฉล่ยี ต่อบุคคล (PCI) คาํ นวณจากรายได้ประชาชาติ (GDP หรือ GNP) หารด้วยจาํ นวน ประชากรทัง้ ประเทศ รายได้เฉลีย่ ต่อบคุ คลหรอื ตอ่ หวั ใช้เปรยี บเทยี บฐานะทางเศรษฐกจิ ของแตล่ ะประเทศ. 22.แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ - แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 1 (พ.ศ. 2504-2509) เปน็ แผนท่ีกาํ หนดวัตถุประสงค์เดียว คือ เร่งรดั อัตรา การขยายตัวทางเศรษฐกจิ มีการวางแผนจากหนว่ ยงานสว่ นกลางจากบนสู่ลา่ ง แผนนเี้ น้นการลงทนุ ของรฐั บาล ในโครงสรา้ งพนื้ ฐาน (Infrastructure) กิจการสาธารณปู โภคต่างๆ ไดแ้ ก่ ถนน ไฟฟา้ ประปา - แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 2 (พ.ศ. 2510-2514) ยงั เนน้ การขยายอตั ราความเจริญเตบิ โตทาง เศรษฐกิจเปน็ หลกั การพฒั นาสังคมถูกมองในเชิงเพ่อื สนบั สนนุ การพฒั นาทางเศรษฐกิจ เรม่ิ กระจายการ วางแผนไปสรู่ ะดบั กระทรวง เน้นการวิเคราะห์เป็นรายสาขา. - แผนพฒั นาฯ ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2515-2519) ยังเนน้ การขยายอัตราความเจรญิ เติบโตทาง เศรษฐกจิ ใหค้ วามสําคัญกับการรักษาเสถยี รภาพทางการเงินมากขน้ึ มีการกาํ หนดนโยบายประชากรเป็นครงั้ แรก แตเ่ นน้ เฉพาะด้านการลดอัตราการเพ่ิมประชากรเท่านัน้ . - แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2520-2524) เนน้ การฟืน้ ฟูเศรษฐกิจของประเทศทม่ี งุ่ ขยายการ ผลติ สาขาเกษตร ปรบั ปรงุ โครงสรา้ งอตุ สาหกรรมการผลิตเพ่ือสง่ ออก กระจายรายไดแ้ ละการมีงานทํา ในภมู ิภาค มีการเรง่ รัดการปฏริ ปู ทด่ี ิน จัดสรรแหล่งน้าํ ในประเทศ อนุรักษ์ทะเลหลวง สาํ รวจและพัฒนา แหล่งพลังงานในอ่าวไทยและภาคใตฝ้ ัง่ ตะวนั ออก. - แผนพฒั นาฯ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525-2529) การวางแผนยังมีลักษณะจากบนไปล่าง แต่เรม่ิ มีการ กระจายสู่ระดบั ภมู ิภาคและพ้นื ท่ี ปรับแนวนโยบายทเ่ี น้นยดึ พื้นที่เป็นหลกั ในการวางแผน เชน่ พ้ืนทีเ่ ปา้ หมาย เพ่ือพฒั นาชนบท พ้ืนทช่ี ายฝัง่ ทะเลภาคตะวันออก มีการระดมความร่วมมือจากภาคเอกชน. - แผนพัฒนาฯ ฉบบั ท่ี 6 (พ.ศ. 2530-2534) เน้นการขยายตวั ของระบบเศรษฐกจิ ควบค่ไู ปกับการ รกั ษาเสถยี รภาพของการเงิน การคลงั เน้นการเพิ่มบทบาทขององค์กรประชาชนในท้องถิ่นเพื่อพฒั นาทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม เริ่มแผนหลักการพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มีแผนพฒั นารัฐวิสาหกิจ การพฒั นาเมืองและพ้ืนทเ่ี ฉพาะ กระจายความเจริญส่ภู มู ภิ าค ขยายขอบเขตพัฒนาชนบทครอบคลุมท่วั ประเทศ. - แผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 7 (พ.ศ. 2535-2539) เริม่ มีแนวความคิดการพัฒนาทีย่ ัง่ ยืน เน้นความ สมดุล 3 ประการ คอื ความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ การกระจายรายได้ การพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ คุณภาพ ชวี ติ และสงิ่ แวดล้อม. - แผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2540-2544) เน้นพฒั นาศักยภาพคนโดยให้คนเป็นศนู ยก์ ลางการ พัฒนา (เดมิ คนเปน็ เพียงปัจจัยการผลติ ) มีการวางแผนจากลา่ งสบู่ น แต่ในปลาย พ.ศ. 2540 ประเทศไทยต้อง ประสบกับวกิ ฤตเศรษฐกิจ. - แผนพฒั นาฯ ฉบับท่ี 9 (พ.ศ. 2545-2549) อันเชญิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเปน็ แนว ทางการพฒั นา ซ่ึงยงั คงเนน้ คนเป็นศูนย์กลางของการพฒั นาสืบต่อเน่อื งมา โดยมวี สิ ัยทศั น์ คือ สังคมทีเ่ ข้มแข็ง และมดี ุลยภาพ ซึ่งหมายถึง สงั คมคุณภาพ สังคมแหง่ ภูมิปญั ญาและการเรยี นรู้ และสงั คมสมานฉนั ท์และ เออื้ อาทรต่อกัน. โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (63)
23.แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2550-2554) - แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 10 ดาํ เนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งให้คนเป็นศนู ยก์ ลางของการ พฒั นาสบื ตอ่ เน่ืองมา โดยมวี ิสัยทัศน์ คือ สงั คมอยูเ่ ย็นเป็นสุขรว่ มกนั โดยมียุทธศาสตรก์ ารพฒั นา ดังน้ี 1. การพฒั นาคณุ ภาพคนและสังคมส่สู งั คมแห่งภมู ิปัญญาและการเรยี นรู้ 2. การสรา้ งความเข้มแขง็ ของชมุ ชน และสังคมให้เป็นรากฐานที่มนั่ คงของประเทศ 3. การปรับโครงสรา้ งเศรษฐกจิ ให้สมดุลและยงั่ ยืน 4. การพัฒนาบน ความหลากหลายทางชีวภาพและการสร้างความม่ันคงของฐานทรพั ยากรและส่ิงแวดลอ้ ม 5. การเสรมิ สร้าง ธรรมาภบิ าลในการบริหารจัดการประเทศที่มคี วามโปร่งใส มีความรบั ผิดชอบ ตรวจสอบไดแ้ ละเป็นธรรม. 24.แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559) แผนพัฒนาฯ 11 ใชแ้ นวคิดท่ีต่อเนือ่ งจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8-10 โดยยังคงยดึ หลัก “ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง” ทีใ่ ห้ “คนเป็นศนู ยก์ ลางของการพฒั นา” และ “สร้างสมดลุ การพฒั นา” ในทุกมิติ / วิสยั ทัศน์ “สงั คมอยรู่ ่วมกันอยา่ งมคี วามสุข ดว้ ยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภมู ิคมุ้ กันต่อการเปลีย่ นแปลง / 3 พนั ธกิจ ไดแ้ ก่ การพัฒนาฐานการผลติ และบรกิ าร การสรา้ งความเป็นธรรมและลดความเหลอ่ื มลํ้าทาง เศรษฐกิจ สังคม และสร้างภูมคิ ุ้มกนั จากวกิ ฤตการณ์ / 3 วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ให้ทรัพยากรและส่ิงแวดลอ้ มอุดม สมบูรณอ์ ย่างย่งั ยนื คนไทยอย่รู ว่ มกนั อย่างสันตสิ ุข และพร้อมเชิญกบั การเปล่ียนแปลงไดอ้ ย่างเปน็ สขุ / 4 เป้าหมายหลกั ได้แก่ เศรษฐกิจมีความเข้มแขง็ สมดุล ความสามารถในการแข่งขันสงู ขนึ้ มหี ลักประกันสงั คม ท่ีท่วั ถงึ และสังคมไทยมคี วามสขุ อยา่ งมีธรรมาภบิ าล / 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การสร้างฐานการผลติ ใหเ้ ข้มแข็ง สมดลุ อย่างสรา้ งสรรค์ การสร้างสภาพแวดล้อมทเ่ี ออ้ื อาํ นวยต่อการผลติ การค้า การลงทุน การพัฒนา คุณภาพคน ทงั้ ความรูค้ ู่คณุ ธรรม สงั คม มัน่ คงเป็นธรรม มีพลังและเออื้ อาทร เนน้ การผลติ และบรโิ ภคทเ่ี ป็น มิตรกบั สงิ่ แวดลอ้ ม มคี วามม่นั คงของพลังงานและอาหาร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ ทดสอบพลงั สมอง เรื่อง “เศรษฐกจิ พอเพยี งและสหกรณ การพัฒนาเศรษฐกจิ ของไทย” 1. คณุ ลักษณะของเศรษฐกจิ พอเพียง คอื (พอประมาณ มเี หตุผล มีภมู คิ ุม้ กันในตวั ทด่ี ี / พ่งึ ตนเอง ความสามคั คี ชุมชนเขม้ แขง็ ) 2. หลกั การสหกรณก์ บั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีความสอดคล้องกันในเร่อื ง (การรว่ มมอื รว่ มใจกนั ในสงั คมระดบั ทอ้ งถนิ่ / การยดึ แนวทางการพึ่งพาตนเอง) 3. สหกรณท์ ่ีมีกจิ กรรมคล้ายธนาคารพาณชิ ย์ ไดแ้ ก่ สหกรณอ์ อมทรพั ย์ สหกรณก์ ารเกษตร และ (สหกรณ์บรกิ าร / สหกรณ์ร้านคา้ ) 4. ถา้ ประเทศ ก. มรี ายไดป้ ระชาชาตสิ ูงกว่าประเทศ ข. หมายความว่า (คนในประเทศ ก. มีความ เปน็ อยดู่ กี ว่าคนในประเทศ ข. / ประเทศ ก. ผลติ สินคา้ บรกิ ารไดม้ ากกว่าประเทศ ข.) 5. ส่ิงทีแ่ สดงว่าประเทศ ก พัฒนามากกว่าประเทศ ข (รายไดป้ ระชาชาติเฉลย่ี ตอ่ หัวของประเทศ ก. มากกวา่ ประเทศ ข. / คุณภาพของประชากรในประเทศ ก. ดกี วา่ ประเทศ ข.) 6. ส่งิ ท่ีแสดงว่าประเทศมคี วามเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ (สดั ส่วนของคนยากจนต่อประชากรลดลง / รายไดเ้ ฉล่ยี ต่อหัวของประชากรสงู ข้นึ ) สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (64) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26
7. การพฒั นาเศรษฐกจิ มจี ดุ มุง่ หมายสําคญั ที่สุด คอื (การลดความเหลอ่ื มลํา้ ทางด้านคุณภาพชีวติ / การเพมิ่ รายได้ประชาชาต)ิ 8. จดุ มงุ่ หมายทสี่ าํ คัญทส่ี ดุ ของการพฒั นาเศรษฐกจิ คอื (การกระจายรายไดอ้ ยา่ งยตุ ิธรรม / การกระจายระดับรายได้ตอ่ หวั ) 9. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติฉบับแรกทอี่ ัญเชญิ “ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง” ตาม พระราชดํารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวมาเปน็ ปรชั ญานําทางในการพัฒนาประเทศ (ฉบับท่ี 8 / ฉบับที่ 9) 10.เหตุการณ์ที่ส่งผลให้คนไทยได้ตระหนกั ถงึ ความสาํ คัญของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ซึง่ พระบาท- สมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ได้ทรงช้ีแนะแก่พสกนิกรมาต้ังแต่ พ.ศ. 2517 (การเกดิ วกิ ฤตการณภ์ ัยแลง้ เม่อื พ.ศ. 2537 / การเกิดวกิ ฤตเศรษฐกจิ เมอื่ พ.ศ. 2540) การเงนิ และการคลงั 25.การเงิน - เงนิ (Money) คือ สงิ่ ใดๆ กต็ ามทีเ่ ป็นทย่ี อมรับกันโดยทวั่ ไปวา่ ใช้เป็นสอ่ื กลางในการแลกเปล่ยี น เงนิ มีหนา้ ทสี่ าํ คญั 4 ประการ คือ 1. เป็นส่ือกลางในการแลกเปลยี่ น 2. เปน็ มาตรฐานการวัดค่า 3. เปน็ เครื่องเกบ็ รักษามลู ค่า 4. เป็นมาตรฐานในการชาํ ระหนใ้ี นอนาคต. - ปรมิ าณเงนิ (Money Supply) คอื จํานวนเงนิ ทหี่ มุนเวียนอยูใ่ นระบบเศรษฐกิจหรอื เรียกอกี อย่างหน่ึงวา่ อปุ ทานของเงนิ ปรมิ าณเงนิ ในความหมายแคบ (M1) ได้แก่ เหรียญกษาปณ์ ธนบตั ร และเงินฝาก กระแสรายวนั ส่วนปรมิ าณเงินในความหมายกวา้ ง (M2) ได้แก่ เหรยี ญกษาปณ์ ธนบตั ร และเงนิ ฝากกระแส- รายวนั เงินฝากออมทรัพย์ เงนิ ฝากประจํา และสิ่งอ่นื ท่ใี กล้เคียงกบั เงนิ ดว้ ย. - ตลาดการเงนิ (Financial Market) 1. ตลาดเงิน (Money Market) เป็นตลาดที่มกี ารระดมเงนิ ทุนและการใหส้ ินเช่อื ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี การโอนเงิน การซ้อื ขายหลกั ทรพั ย์ทางการเงนิ ท่มี ีอายกุ ารไถ่ถอนระยะส้นั 1. ตลาดเงนิ ในระบบประกอบด้วย สถาบันการเงินทีจ่ ัดตงั้ ขน้ึ ตามกฎหมาย ได้แก่ ธนาคารพาณชิ ย์ บริษทั เงนิ ทุนและหลกั ทรพั ย์ ธนาคารกลาง 2. ตลาดเงินนอกระบบที่ไมม่ ีกฎหมายรองรบั สถานภาพ เชน่ การเลน่ แชร์ การใหก้ ู้ การขายฝาก เป็นต้น. 2. ตลาดทนุ (Capital Market) เปน็ ตลาดท่มี ีการระดมเงนิ ออมระยะยาว และการใหส้ นิ เชือ่ ระยะยาว ตง้ั แต่ 1 ปขี ้ึนไป ได้แก่ เงินฝากประจํา หุน้ กู้ หนุ้ สามญั และพันธบตั รทง้ั ของรฐั บาลและเอกชน สถาบันในตลาดทนุ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทนุ และหลกั ทรัพย์ ตลาดหลกั ทรัพย์แหง่ ประเทศไทย บริษทั ประกันชีวติ เป็นตน้ . - ตลาดการเงินมคี วามสําคญั ดงั นี้ ช่วยระดมทนุ จากหนว่ ยเศรษฐกจิ ทีม่ เี งนิ ออม เกดิ การจัดสรรทุน อย่างมปี ระสิทธิภาพ ช่วยสร้างความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ และชว่ ยแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกจิ เช่น เมอื่ เกดิ ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ธนาคารกลางอาจใชน้ โยบายการเงินชว่ ยแกป้ ัญหาโดยการขายพันธบตั รรัฐบาล. โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (65)
- สถาบนั การเงิน (Financial Institution) 1. สถาบนั การเงนิ ที่เป็นธนาคาร เช่น ธนาคารแหง่ ประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสนิ . 2. สถาบนั การเงนิ ที่ไมใ่ ช่ธนาคาร เช่น บรษิ ัทเงินทุน บริษัทประกันชีวิต กองทนุ ประกันสงั คม โรงรับจํานาํ . - ธนาคารกลางหรอื ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นสถาบันการเงนิ ที่อยภู่ ายใต้การกาํ กบั ดแู ลของรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงการคลงั ธนาคารกลางมีอาํ นาจหน้าที่ดังนี้ 1. ออกธนบัตร 2. เปน็ นายธนาคาร ของรัฐบาล 3. เป็นนายธนาคารของธนาคารพาณิชย์ 4. ดาํ เนนิ นโยบายการเงิน 5. กํากบั และตรวจสอบ สถาบันการเงนิ 6. ควบคุมการแลกเปลย่ี นเงินตราตา่ งประเทศ. 26.เงินเฟอ้ (Inflation) - เงนิ เฟ้อ คือ ภาวะทร่ี ะดับราคาสนิ คา้ โดยท่ัวไปสูงขึ้นไปเรอ่ื ยๆ อย่างต่อเน่ือง (ข้อสงั เกต ราคาทีว่ ่า นไี้ มใ่ ชร่ าคาสินคา้ ชนิดหนึ่งหรอื ราคาสินค้าทกุ ชนิดในระบบเศรษฐกิจ) - สาเหตุของเงนิ 1. สาเหตขุ องเงนิ เฟ้อดา้ นอปุ สงค์ (เงนิ เฟอ้ ที่เกดิ ข้นึ จากแรงดึงของอุปสงค์) เชน่ ปรมิ าณเงิน ในระบบเศรษฐกิจเพิ่มข้ึนเนอ่ื งจากรัฐบาลพิมพธ์ นบัตรออกมาใช้จ่ายมากเกนิ ไป หรือรฐั บาลใช้นโยบายงบประมาณ ขาดดลุ มากเกินไปและอย่างตอ่ เนอื่ ง. 2. สาเหตุของเงนิ เฟอ้ ด้านอุปทาน (เงินเฟอ้ ที่เกดิ ขึ้นจากแรงดันของตน้ ทนุ การผลิต) เช่น คา่ จ้าง แรงงานเพิม่ สูงขึน้ ผผู้ ลติ บวกกาํ ไรในราคาขายเพิม่ ข้นึ ราคาเช้อื เพลงิ และวตั ถดุ ิบนาํ เข้าเพมิ่ ขึ้น. - ผลกระทบจากเงนิ เฟ้อ - ระดับราคาสนิ คา้ โดยทั่วไป (สูงข้ึน / ลดลง) → ต้นทุนการผลติ สนิ ค้า (สงู ขึน้ / ลดลง) - คา่ ของเงิน (สงู ขึ้น / ลดลง) = จาํ นวนสินคา้ เทา่ เดิมแต่ต้องใช้เงนิ มากขนึ้ เพื่อซอื้ สินคา้ น้นั - อาํ นาจซ้ือ (สงู ขึ้น / ลดลง) = จํานวนเงินเท่าเดมิ แต่ซอื้ สนิ ค้าไดน้ อ้ ยลง - การลดลงของอาํ นาจซอ้ื วัดได้จากการ (เพ่ิมขึน้ / ลดลง) ของดชั นีราคา - ความตอ้ งการถือเงิน (สงู ข้ึน / ลดลง) เพราะคา่ ของเงนิ ลดลงเรอ่ื ยๆ แต่จะกักตุนสินคา้ มากขึน้ - คา่ ครองชพี (สูงขน้ึ / ลดลง) = คา่ ใช้จา่ ยในชวี ติ ประจําวันสูงข้นึ - มาตรฐานการครองชีพ (สงู ข้ึน / ลดลง) = ระดับการกินดีอยู่ดีลดลง - รายไดท้ ีแ่ ทจ้ ริง (สูงขึน้ / ลดลง) → การกระจายรายได้ไมเ่ ทา่ เทยี มกนั (เพ่ิมขึ้น / ลดลง) - ราคาสินค้าสง่ ออก (สูงขึ้น / ลดลง) → มลู ค่าการสง่ ออก (สูงขน้ึ / ลดลง) - ผู้เสยี เปรียบ ได้แก่ ผู้มรี ายไดป้ ระจํา (เช่น ข้าราชการ ผใู้ ชแ้ รงงาน ครทู ี่โรงเรยี น) เจ้าหนี้ ผผู้ ลิต สินค้าสง่ ออก ผูไ้ ด้รบั รายไดจ้ ากดอกเบ้ยี เงินฝาก. - ผู้ได้เปรียบ ไดแ้ ก่ พ่อคา้ แม่คา้ ลูกหน้ี เจ้าของท่ีดิน เจ้าของโรงเรยี น. สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (66) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
27. การคลังภาครฐั บาล (Public Finance) รายรับของรฐั บาล - รายรบั ของรัฐบาลน้นั มาจาก 2 แหล่งใหญ่ คือ รายได้ของรฐั บาล และเงินกู้ ซง่ึ รายไดข้ อง รฐั บาลมาจากรายไดจ้ ากภาษีอากร รายได้จากการขายสง่ิ ของและบรกิ าร รายได้จากรฐั พาณชิ ย์ และรายไดอ้ นื่ ๆ เช่น คา่ แสตมป์ฤชา คา่ ปรับ. - ภาษที างตรงและภาษีทางออ้ ม ภาษที างตรงเป็นภาษีทผี่ ูเ้ สยี ภาษีไม่สามารถผลกั ภาระไปให้ ผู้อน่ื ได้ เช่น ภาษเี งินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงนิ ได้นิติบุคคล ภาษเี งนิ ได้ปิโตรเลียม ภาษที างอ้อมเปน็ ภาษีทผี่ ู้ เสยี ภาษสี ามารถผลกั ภาระไปให้ผอู้ ่นื ได้ เช่น ภาษมี ูลค่าเพมิ่ ภาษีศลุ กากร ภาษีสรรพสามิต อากรแสตมป์ ภาษี การขายเฉพาะ เชน่ ภาษนี ้าํ มนั และผลติ ภณั ฑ์น้ํามัน คา่ ภาคหลวงแร่ รัฐบาลมีรายไดจ้ ากภาษที างออ้ ม มากกวา่ ภาษีทางตรง. - วัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษี 1. เพื่อหารายได้มาใช้ในการดําเนินกิจการของรัฐ 2. เพ่ือควบคุมหรือส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 3. เพื่อเป็นการกระจายรายได้และทรัพย์สินให้เป็นธรรม 4. เพอื่ รักษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ในดา้ นตา่ งๆ เชน่ ดา้ นราคาสนิ ค้า ดา้ นการจา้ งงาน. รายจา่ ยของรัฐบาล - งบประมาณแผ่นดิน คอื แผนการเงินท่ีแสดงถึงรายได้และรายจา่ ยของรฐั บาล งบประมาณ แผน่ ดินแบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คอื งบประมาณเกนิ ดลุ งบประมาณขาดดุล และงบประมาณสมดุล - กรณที ่ภี าวะเศรษฐกิจตกต่ํา รฐั บาลจะจดั ทาํ งบประมาณแบบขาดดุล (กาํ หนดรายได้น้อย กวา่ รายจ่าย) ซงึ่ เปน็ การอัดฉีดเงนิ เขา้ ไปในระบบเศรษฐกจิ ใหม้ ากข้นึ ในขณะเดียวกนั กจ็ ะเกบ็ ภาษีใหต้ ํา่ กว่า รายจา่ ย ซงึ่ จะทาํ ให้เกิดการกระตุ้นให้มกี ารจ้างงาน การผลติ สนิ คา้ และบริการก็จะเพิม่ สงู ขึน้ . - งบประมาณมคี วามสาํ คัญดงั น้ี 1. เป็นเคร่อื งมอื หนึง่ ของนโยบายการคลงั ที่ใช้แกป้ ัญหาภาวะ เงนิ เฟ้อและเงินฝืด 2. เป็นเครอื่ งมือของรัฐบาลท่ใี ชก้ ําหนดงานของหน่วยราชการใหป้ ระสานกับทรัพยากร ของประเทศ 3. เปน็ สื่อกลางทีช่ ว่ ยให้เกดิ ความเขา้ ใจและความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งฝ่ายนิติบญั ญัติกบั ฝ่ายบรหิ าร 4. เป็นเครื่องมือท่ชี ่วยวดั ประสทิ ธิภาพในการดาํ เนินงานของรัฐบาล. การก่อหนีส้ าธารณะของรัฐบาล - หน้สี าธารณะ (Public Debt) คือ หนี้สินของรัฐบาลซง่ึ รวมทงั้ การยืมโดยตรง (การก่อหน้ี ภายในประเทศ และการกอ่ หน้ีต่างประเทศ) และการคาํ้ ประกันเงินกูข้ องรฐั บาลและรฐั วสิ าหกจิ เงนิ กู้ถือเปน็ รายรบั ส่วนหน่ึงของรัฐบาล ในกรณีทรี่ ฐั บาลมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ รัฐจําเป็นตอ้ งกอ่ หน้สี าธารณะ. - การก่อหน้สี าธารณะมีวัตถปุ ระสงค์ดงั นี้ 1. ใชพ้ ัฒนาเศรษฐกจิ และสังคม 2. ใชจ้ า่ ยในยาม สงครามหรือเพ่ือความม่นั คงของประเทศ 3. ใช้จ่ายในการบริหารการคลงั ของรฐั บาลในระยะสั้น 4. ใชช้ ําระหน้ี ทถ่ี งึ กําหนดชาํ ระเงินต้นและดอกเบีย้ คืน 5. ใช้ปรับโครงสรา้ งหน้.ี 28.นโยบายการเงนิ (Monetary Policy) นโยบายการคลัง (Fiscal Policy) กบั การแกไ้ ขปญั หาเงินเฟ้อ นโยบายการเงิน : การควบคมุ ปรมิ าณเงนิ และสนิ เชื่อโดยธนาคารกลาง 1. นโยบายการเงนิ แบบหดตัว มีวัตถปุ ระสงค์เพือ่ ลดปรมิ าณเงินหรือดงึ ปรมิ าณเงินออกจากระบบ ซึง่ มักใช้ในกรณเี กดิ ปัญหาเงินเฟ้อ ธนาคารกลางจะใชม้ าตรการทางการเงนิ ดงั นี้ เพิม่ อตั ราดอกเบยี้ เพิ่มอัตรา เงนิ สดสํารอง เพิม่ อตั รารับช่วงซือ้ ลด ขายพนั ธบัตรรฐั บาล ซึง่ มีผลทาํ ใหป้ รมิ าณเงนิ ในระบบเศรษฐกิจลดลง อตั ราดอกเบ้ียเพ่มิ ขน้ึ การกูย้ มื ทาํ ได้ยากข้ึน การใช้จ่ายโดยรวมลดลง การลงทุนและการจา้ งงานลดลง เศรษฐกิจชะลอตัวลง. โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (67)
2. นโยบายการเงนิ แบบขยายตวั มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พื่อเพิม่ ปริมาณเงนิ ในระบบซ่ึงมักใช้ในช่วงทเ่ี ศรษฐกิจ ตกตาํ่ หรอื เกดิ ปัญหาเงินฝดื ธนาคารกลางจะใช้มาตรการทางการเงินดงั น้ี ลดอตั ราดอกเบ้ยี ลดอัตราเงินสด สาํ รอง ลดอตั รารับช่วงซอ้ื ลด ซอ้ื พันธบตั รรฐั บาล ซง่ึ มีผลทําให้ปรมิ าณเงินในระบบเศรษฐกจิ เพม่ิ ข้ึน อตั รา ดอกเบ้ียลดลง การกู้ยืมทําไดง้ ่ายขน้ึ การใชจ้ ่ายโดยรวมเพิม่ ขน้ึ การลงทนุ และการจา้ งงานเพ่มิ ขึน้ กจิ กรรมทาง เศรษฐกิจเพิ่มข้นึ เศรษฐกจิ ขยายตวั ข้นึ . นโยบายการคลงั : นโยบายเก่ยี วกบั การใชร้ ายไดแ้ ละรายจา่ ยของภาครัฐ เช่น นโยบายดา้ นรายได้ หรือนโยบายภาษีอากร นโยบายดา้ นรายจ่ายหรือนโยบายงบประมาณ นโยบายหน้ีสาธารณะ 1. นโยบายการคลังแบบหดตัว ในกรณปี ัญหาเงินเฟ้อ ภาครฐั จะใชม้ าตรการทางการคลงั ดงั น้ี ลดการใชจ้ า่ ยของภาครฐั เพ่ิมภาษี ใช้งบประมาณแบบเกินดุล (ใช้จา่ ยน้อยกว่ารายไดท้ ห่ี ามา) ก็จะทําให้ อุปสงคม์ วลรวมของประเทศลดลงหรือความต้องการใชจ้ า่ ยมวลรวมลดลง กําลังซื้อลดลง การลงทนุ และ การจ้างงานลดลง รายไดร้ วมของประเทศลดลง เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง. 2. นโยบายการคลังแบบขยายตวั ในกรณีเกดิ ภาวะเศรษฐกจิ ตกต่ํา ภาครฐั จะใชม้ าตรการทางการคลัง ดงั นี้ เพมิ่ การใช้จา่ ยของภาครัฐ ลดภาษี ใช้งบประมาณแบบขาดดลุ (ใชจ้ า่ ยใหม้ ากกว่ารายได้ทไ่ี ดม้ า) เงินเฟ้อ นโยบายการเงนิ แบบหดตัว นโยบายการคลังแบบหดตวั เพอ่ื ลดปรมิ าณเงนิ ในระบบ เพอ่ื ลดการใชจ้ า่ ยของภาครัฐ - เงินเฟอ้ ที่เกดิ จากอปุ สงค์ - เพ่มิ อตั ราดอกเบีย้ - ลดการใชจ้ ่ายของภาครัฐ - เพ่มิ อตั ราภาษี ใช้มาตรการทางกรอบขวามือ. - เพมิ่ อัตราเงินสดสาํ รอง - ใช้งบประมาณแบบเกินดลุ - เงินเฟ้อด้านอุปทานหรือเกิด - เพมิ่ อัตรารบั ชว่ งซ้ือลด จากต้นทุนการผลิต เช่น เกิด - ขายพันธบัตรรัฐบาล วิกฤตทางพลังงาน รัฐบาลจะ - ลดการขยายเครดติ ของธนาคาร ใช้นโยบายภาษีแก้ปัญหา โดย พาณชิ ย์ ลดอตั ราภาษีบางประเภท เพ่ือ - ลดหรือควบคุมการปล่อยสินเชอื่ ลดต้นทนุ การผลิต ทําให้ราคา สินค้าลดลง 29.บทบาทของภาครฐั เกี่ยวกบั นโยบายการเงนิ นโยบายการคลังในการพฒั นาเศรษฐกิจ - บทบาทของภาครัฐ รฐั บาลเข้ามาดําเนนิ งานในการพัฒนาเศรษฐกจิ โดยมีเป้าหมายสําคัญ ดังน้ี เพอื่ ใหเ้ กิดการจัดสรรทรพั ยากรอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ (เน่ืองจากความลม้ เหลวของกลไกตลาดทําใหรัฐเข้าแทรกแซง) เพ่อื ให้เกดิ ความเปน็ ธรรมทางเศรษฐกิจ (เช่น รฐั จัดใหม้ กี ารเกบ็ ภาษใี นอตั รากา้ วหนา้ คือ ผู้ทีม่ รี ายได้สงู จะเสีย ภาษีในอัตราท่ีสงู เก็บภาษีสนิ คา้ ฟุ่มเฟอื ยในอตั ราสงู เกบ็ ภาษมี รดกหรอื ภาษที รัพยส์ นิ เพ่ือลดช่องวา่ งของ การกระจายรายได้ รัฐเข้าไปกาํ หนดราคาขนั้ ตํา่ เพื่อช่วยเหลอื เกษตรกรหรือการกาํ หนดค่าแรงขั้นต่าํ ) การสรา้ ง ความเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจ การรักษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ (โดยใชน้ โยบายการเงนิ และนโยบายการคลงั ในกรณที เ่ี ศรษฐกจิ ขยายตัวหรอื หดตวั เกินไปจนมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ) สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (68) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26
- ความล้มเหลวของตลาด บางกรณกี ลไกตลาดไม่สามารถทาํ หนา้ ทใี่ นการจดั สรรทรพั ยากรอยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพหรอื ทีเ่ รยี กว่า ความลม้ เหลวของตลาดหรือกลไกราคา (Market Failure) ความลม้ เหลวของ ตลาดอาจเกิดจากสาเหตุตา่ งๆ ได้แก่ 1. การลงทนุ ขนาดใหญท่ ่ใี ช้เงินลงทนุ มาก (เช่น การผลติ ไฟฟ้า นาํ้ ประปา) 2. สนิ ค้านนั้ เป็นสินคา้ สาธารณะ (เช่น ถนน สะพาน เขื่อน โรงเรยี น โรงพยาบาล) 3. การผลติ และการบรโิ ภคที่ ก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบภายนอก (ผลกระทบภายนอกดา้ นบวก เช่น การจัดการศึกษา การใหบ้ รกิ ารทางการแพทย์ และสาธารณสขุ ผลกระทบภายนอกดา้ นลบ เช่น มลพษิ ทเี่ กดิ จากโรงงานอุตสาหกรรม) 4. ข้อมลู ข่าวสารที่ไม่ ท่ัวถงึ และไม่สมบูรณท์ าํ ให้มกี ารเอารัดเอาเปรยี บผูบ้ ริโภคได้ สาเหตุดังกล่าวจงึ ทําให้รฐั บาลตอ้ งเข้ามาแทรกแซง เพ่ือใหเ้ กดิ การจัดสรรทรัพยากรอยา่ งมีประสิทธภิ าพ. ทดสอบพลังสมอง เร่ือง “การเงินและการคลัง” 1. สาเหตุหน่ึงทาํ ใหเ้ กดิ ภาวะเงินเฟ้อ (ปริมาณเงนิ ในระบบเศรษฐกจิ มมี ากเกินไป / อปุ ทานของ สนิ ค้ามมี ากเกนิ ไป) 2. สงิ่ ทใ่ี ชว้ ัดภาวะเงินเฟ้อ (ดชั นีราคาผู้บรโิ ภค / ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกจิ ) 3. สภาพการณท์ บ่ี ง่ บอกว่าเกดิ ภาวะเงนิ เฟ้อขน้ึ ในระบบเศรษฐกจิ (อาํ นาจซ้อื ของเงินในมอื ประชาชน ลดลง / เงินจํานวนเท่าเดิมไมส่ ามารถซ้อื สนิ คา้ และบริการตามทีต่ อ้ งการได)้ 4. เงนิ เฟ้อก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบ (อํานาจซ้อื ของผมู้ รี ายไดป้ ระจําสงู ขึ้น / ลูกหน้ีไดเ้ ปรยี บ เจ้าหน้ี เสียเปรยี บ) 5. สถาบนั การเงนิ ที่ไม่ได้ใหบ้ ริการทางการเงินแกบ่ ุคคลทั่วไป คือ (ธนาคารกลาง / ธนาคารอาคาร สงเคราะห)์ 6. รัฐบาลใช้ “นโยบายการคลงั แบบหดตวั ” เพ่อื รกั ษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ โดยวิธีการ (ลดรายจา่ ย ในการซื้อสนิ ค้าและบรกิ าร / ขน้ึ ราคาคา่ กจิ การสาธารณปู โภคของรัฐวิสาหกจิ ) 7. นโยบายการเงินแบบขยายตวั ในการแก้ปญั หาเศรษฐกิจของประเทศ (การเพ่มิ ปริมาณเงินใน ระบบเศรษฐกจิ / การขายหลักทรัพยข์ องธนาคารกลาง) 8. การแกไ้ ขปัญหาเงินเฟอ้ ในระยะยาว (เพิ่มอัตราภาษี เพม่ิ อตั ราดอกเบ้ยี ลดการใชจ้ า่ ยของรฐั / ลดอตั ราภาษี ลดอตั ราดอกเบย้ี ลดการใชจ้ ่ายของรฐั ) 9. เม่ือเกดิ ภาวะเงนิ เฟ้อ รัฐบาลจะใช้มาตรการนโยบายการเงนิ แก้ไขโดยวิธี (การลดอัตราดอกเบ้ียเงนิ กู้ ของธนาคารพาณชิ ย์ / การลดการขยายเครดิตของธนาคารพาณิชย์) 10.การเก็บภาษีชนิดนจี้ ะชว่ ยลดความเหลอื่ มลา้ํ ของการกระจายรายได้ (เกบ็ ภาษีมรดก / ขนึ้ ภาษี มูลค่าเพม่ิ ) โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (69)
เศรษฐกิจระหวา งประเทศ 30.การคา้ ระหวา่ งประเทศ - การคา้ ระหว่างประเทศ คือ การซอ้ื ขายสินคา้ และบรกิ ารระหวา่ งประเทศหนงึ่ กับประเทศอ่ืนๆ สาเหตุ ท่ีก่อให้เกดิ การค้าระหวา่ งประเทศ ได้แก่ ความแตกตา่ งทางภมู ศิ าสตร์ ความแตกต่างทางทรัพยากรธรรมชาติ ความได้เปรยี บทางการผลิต. - ประโยชนข์ องการค้าระหวา่ งประเทศ 1. ดา้ นการส่งสินค้าออก ได้แก่ การมเี งนิ ตราตา่ งประเทศ การเพ่มิ รายไดข้ องผผู้ ลิต การเจริญเตบิ โต ของระบบเศรษฐกจิ การเปน็ แหลง่ รายได้ของรัฐบาล การเป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศ การมคี วามสามารถใน การชาํ ระหน้คี นื . 2. ด้านการนําสินคา้ เข้า ได้แก่ การไดร้ ับประโยชนข์ องผู้บรโิ ภค การเพิม่ การลงทนุ การมรี ายได้ เพิ่มขน้ึ ของรฐั บาล การเพิ่มประสิทธิภาพการผลติ . 3. อ่นื ๆ ได้แก่ 1. ทาํ ให้ประเทศสามารถใชป้ จั จยั การผลิตทปี่ ระเทศมีอย่ใู ห้เกดิ ประโยชนไ์ ดอ้ ย่าง เตม็ ท่ี 2. ทําใหป้ ระเทศสามารถนําเข้าสนิ ค้าต่างๆ ทีต่ ้องการ 3. ช่วยสง่ เสรมิ การออมและการลงทุนภายในประเทศ 4. ช่วยทําใหม้ กี ารแขง่ ขันในการประกอบการเพ่มิ ขึน้ 5. ช่วยทําให้เกิดการลงทนุ ในธรุ กจิ ใหมๆ่ 6. ช่วยแกป้ ญั หา ดา้ นการคลงั ของรัฐบาล. - นโยบายการคา้ 1. นโยบายการคา้ เสรี เป็นนโยบายทเ่ี ปิดใหม้ กี ารตดิ ต่อคา้ ขายไดโ้ ดยเสรี ไมม่ ีอปุ สรรคใดมา ขวางกัน ไมม่ ขี ้อจาํ กัดทางการคา้ ประเทศที่มีการค้าคอ่ นข้างเสรีจะเก็บภาษีนําเขา้ ในอัตราตํ่า. 2. นโยบายการคา้ ค้มุ กัน เปน็ นโยบายที่รฐั เขา้ มาแทรกแซงเพอื่ มิใหส้ ินค้าจากตา่ งประเทศเขา้ มา แขง่ ขันกับสนิ ค้าทีผ่ ลิตไดภ้ ายในประเทศ โดยใช้มาตรการทางภาษี (คือ การเกบ็ ภาษีนําเขา้ และภาษสี ่งออก) และ มาตรการที่มใิ ชภ่ าษี เชน่ การต้งั กาํ แพงภาษี การกาํ หนดโควตานําเข้า การจัดเกบ็ คา่ ธรรมเนียมการนําเขา้ การเลอื กปฏบิ ตั ิโดยการเกบ็ ภาษีหลายอตั รา การทมุ่ ตลาด (Dumping) การใหส้ ทิ ธปิ ระโยชน์ตา่ งๆ แกผ่ ู้ผลิต ภายในประเทศ การกาํ หนดมาตรฐานคุณภาพสนิ คา้ นาํ เข้าไว้สงู . นโยบายการคา้ คมุ้ กนั ขอ้ ดี 1. ทําใหก้ ารผลติ สินค้าภายในประเทศขยายตวั 2. ทําใหป้ ระเทศมรี ายได้จาก ภาษมี ากขึ้น 3. คุ้มกันสินคา้ ทีผ่ ลติ ภายในประเทศ 4. พง่ึ สนิ ค้าจากประเทศอนื่ นอ้ ยลง 5. ประเทศสามารถ ขยายตลาดการค้าต่างประเทศ ข้อเสยี 1. ผบู้ ริโภคต้องซื้อสนิ ค้าทส่ี ัง่ เขา้ มาจากตา่ งประเทศในราคาแพง 2. ผูผ้ ลติ ภายในประเทศอาจไม่ปรับปรงุ ประสิทธภิ าพการผลติ . 31. การลงทุนระหว่างประเทศ การลงทนุ ระหวา่ งประเทศ แบง่ ออกเปน็ 1. การลงทนุ ทางตรง เปน็ การลงทุนที่ผู้เปน็ เจา้ ของทุนเปน็ ผูด้ ําเนินกิจการเอง เชน่ ชาวญ่ีป่นุ นํา เงนิ ทุนเขา้ มาโรงงานอตุ สาหกรรมประกอบรถยนตใ์ นประเทศไทย ผลตอบแทนของการลงทุนทางตรง คือ กาํ ไร. 2. การลงทุนทางอ้อม เปน็ การลงทนุ ทผ่ี เู้ ป็นเจ้าของทนุ ไมไ่ ดด้ ําเนินกจิ การเอง เชน่ การโยกยา้ ย เงนิ ทนุ ไปลงทนุ ในตลาดเงินหรือตลาดทนุ โดยการนําเงินทุนไปซอ้ื หลักทรพั ย์ของรฐั บาลและเอกชนในต่างประเทศ ซ่งึ มกั จะเปน็ การลงทนุ ระยะสนั้ และมผี ลกระทบตอ่ เสถียรภาพของอตั ราการแลกเปลี่ยน ผลตอบแทนของการ ลงทุนทางออ้ ม คอื เงินปนั ผลและดอกเบย้ี . สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (70) _____________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 26
- ประโยชนจ์ ากการลงทนุ ทางอ้อมมีดงั นี้ 1. ทําให้เกดิ การจดั สรรทรัพยากรการเงินไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ 2. ทําให้ประชาชนมีความเปน็ อยูท่ ่ดี ีขนึ้ 3. ทําให้ประเทศผูไ้ ด้รับการลงทนุ มีการพฒั นาเศรษฐกิจ. 32.การเงนิ ระหว่างประเทศ ดลุ การชาํ ระเงนิ ระหวา่ งประเทศ - ดุลการชาํ ระเงิน เปน็ รายการท่แี สดงถงึ การรับและการจ่ายเงินตราต่างประเทศ ดุลการชาํ ระเงิน ประกอบดว้ ย ดุลบญั ชีเดนิ สะพดั และดลุ บญั ชเี งนิ ทุน - ดลุ บญั ชีเดินสะพัด เป็นส่วนหน่ึงของดุลบัญชีการชาํ ระเงนิ ดลุ บญั ชเี ดนิ สะพดั ประกอบด้วย ดลุ การค้า ดลุ บริการ ดลุ เงนิ โอนหรือบรจิ าค รายได้ - บญั ชเี งินทนุ ประกอบดว้ ย บญั ชที ุน และบญั ชีการเงิน - ทนุ สาํ รองระหว่างประเทศ เปน็ หลกั ทรัพยเ์ พ่อื ใชช้ ําระหน้ตี ่างประเทศ ทุนสํารองระหวา่ ง ประเทศ ประกอบด้วย ทองคาํ เงนิ ตราต่างประเทศทเี่ ป็นสกุลหลัก ทนุ สาํ รองระหวา่ งประเทศนัน้ สมั พันธก์ บั ดลุ การชําระเงิน ในกรณีท่ีดลุ การชําระเงนิ ขาดดลุ (ยอดรายรบั เงนิ ตราต่างประเทศนอ้ ยกว่ายอดรายจ่าย เงินตราต่างประเทศ) มีผลทาํ ใหท้ ุนสํารองระหว่างประเทศลดลง เพราะต้องนําเอาส่วนใดสว่ นหนง่ึ ของ ทุนสาํ รองนนั้ มาชดเชยสว่ นที่ขาดดุล ในทางกลบั กันถา้ ดุลการชาํ ระเงินเกินดลุ (ยอดรายรบั เงินตราตา่ งประเทศ มากกว่ายอดรายจ่ายเงินตราตา่ งประเทศ) ก็จะทาํ ใหท้ นุ สํารองระหวา่ งประเทศเพิม่ ขน้ึ . ดลุ การชาํ ระเงนิ = บัญชีเดินสะพัด + บัญชที ุน (เคล่ือนย้าย) ดุลการค้า ดุลบรกิ าร ดุลเงนิ โอนหรือบริจาค รายได้ - ดลุ การค้าขาดดลุ : ดลุ การชําระเงนิ ไม่จาํ เปน็ ตอ้ งขาดดลุ . - ดุลการชําระเงนิ ขาดดลุ : ดุลการค้าไมจ่ าํ เป็นตอ้ งขาดดลุ . - ดลุ การชาํ ระเงนิ ขาดดุล : ดุลบัญชีเดนิ สะพัดไม่จําเป็นต้องขาดดุล. - ดุลการชาํ ระเงนิ ขาดดลุ : ยอดรายรับน้อยกว่ายอดรายจา่ ยเงินตราตา่ งประเทศ. - ดุลการชาํ ระเงินขาดดุล : ทนุ สํารองระหวา่ งประเทศลดลง ยอดบญั ชที ุนสํารองมคี า่ เป็นบวก. - ดลุ การชําระเงนิ เกินดุล : ทุนสาํ รองระหวา่ งประเทศเพ่ิมข้ึน ยอดบัญชีทุนสาํ รองมคี ่าเป็นลบ. - ถา้ รับเงินตราตา่ งประเทศเข้ามา : ตอ้ งบนั ทกึ รายการด้านเครดิต. - ถ้าจ่ายเงินตราตา่ งประเทศออกไป : ต้องบนั ทกึ รายการดา้ นเดบิต. - การแกไ้ ขปัญหาดลุ การชําระเงินขาดดลุ มมี าตรการ ดงั นี้ สง่ เสรมิ การสง่ ออก ลดการนําสินค้าเขา้ ส่งเสรมิ การทอ่ งเทย่ี วในประเทศ ลดรายจา่ ยของภาครัฐบาล ลดคา่ เงินบาท. โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (71)
อตั ราการแลกเปล่ยี นเงนิ ตราตา่ งประเทศ - อัตราการแลกเปล่ียนเงนิ ตราต่างประเทศของไทยกบั สหรฐั อเมริกาเทา่ กบั 35 บาท หมายความว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ แลกเป็นเงินไทยได้ 35 บาท ตัวอยา่ ง การท่ีอัตราแลกเปล่ยี นจาก 1 ดอลลารส์ หรัฐฯ เท่ากบั 35 บาท เป็น 1 ดอลลารส์ หรัฐฯ เท่ากับ 30 บาท แสดงวา่ - เงนิ บาทมคี ่าแข็งข้นึ เพราะใช้เงนิ บาทจาํ นวน (มากขนึ้ / น้อยลง) ในการแลกดอลลาร.์ - เงนิ 1 บาทแลกดอลลาร์ไดจ้ ํานวน (มากข้นึ / นอ้ ยลง). - เงิน 1 ดอลลาร์แลกบาทไดจ้ ํานวน (มากขน้ึ / น้อยลง). - ราคาสินคา้ จากต่างชาติ (แพงขนึ้ / ถูกลง) ในสายตาคนไทย. - ราคาสินคา้ ไทย (แพงข้ึน / ถกู ลง) ในสายตาชาวต่างชาติ. - ชาวตา่ งชาตเิ ข้ามาเที่ยวในประเทศไทย (เพิ่มขนึ้ / ลดลง). - ราคาสินคา้ ออก (สงู ขน้ึ / ลดลง) → ปริมาณการสง่ ออก (สงู ขน้ึ / ลดลง). - ราคาสนิ คา้ เข้า (สูงขึน้ / ลดลง) → ปริมาณการนําเข้า (สงู ข้นึ / ลดลง). - การสั่งสินค้าเขา้ จากต่างประเทศ (เพ่มิ ขน้ึ / ลดลง) เพราะซือ้ สินค้าเข้าโดยจา่ ยเงินบาท เปน็ จํานวนนอ้ ยลง. - ดลุ การคา้ ขาดดุล (เพิ่มขน้ึ / ลดลง). - การแข่งขันทางค้ากบั ประเทศคูแ่ ข่ง (ยากขน้ึ / ง่ายขึน้ ). - ปจั จบุ ันประเทศไทยใช้ระบบอตั ราแลกเปลยี่ นลอยตวั แบบจัดการ (Managed Float Exchange Rate System) เป็นระบบอตั ราแลกเปล่ียนแบบยืดหย่นุ คือ ธนาคารแหง่ ประเทศไทยสามารถเขา้ ไปแทรกแซงได้ เพ่ือใหค้ ่าเงนิ เปลย่ี นแปลงไปในทศิ ทางที่เหมาะสม. 33.การเปดิ เสรที างเศรษฐกจิ ในยคุ โลกาภวิ ัตน์ - โลกาภวิ ัตน์ (Globalization) กระแสการเปลย่ี นแปลงท่ีทําให้ภมู ิภาคตา่ งๆ ในโลกมคี วามคลา้ ยคลึงกนั หรอื รวมเปน็ หนงึ่ เดียวกนั มากข้ึน ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นเศรษฐกจิ สังคมและการเมอื ง โดยมีองคป์ ระกอบสําคญั คือ 1. การเปดิ เสรีทางเศรษฐกิจและการคา้ ระหวา่ งประเทศ (ได้แก่ การเปิดเสรที างการคา้ การเปดิ เสรที างการเงนิ และการลงทุน การรวมตัวทางเศรษฐกจิ ในระดับภมู ภิ าค) 2. การปรบั โครงสร้างความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศ 3. การพฒั นาเทคโนโลยี คมนาคมและสารสนเทศ. - บรรษทั ขา้ มชาติ (MNC : Multi National Corporations) เป็นบริษัทเอกชนของประเทศใดๆ ท่ี เขา้ ไปดําเนินกจิ การหรอื สาขาครอบคลุมในประเทศตา่ งๆ โดยการบริหารงานยดึ ถอื ตามนโยบายสงู สุดทกี่ ําหนด มาจากประเทศแม่ มเี ทคโนโลยีทีท่ ันสมัยและมเี งินทนุ สูง เช่น ธรุ กจิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ธุรกิจค้าปลกี ข้าม ชาติ ถงึ แม้ว่าการขยายตัวของบรรษัทขา้ มชาติจะทาํ ใหก้ ารลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพมิ่ ข้นึ แตอ่ าจทาํ ให้ ผลกระทบทต่ี ามมา เชน่ เกดิ การครอบงําจากตา่ งชาติ เกดิ การกระจายรายได้ทไ่ี ม่เปน็ ธรรม. - ผลกระทบจากการเปดิ เสรที างการคา้ ตอ่ เศรษฐกจิ มีดงั น้ี 1. เกดิ การพึ่งพาทางเศรษฐกจิ 2. เกิดจาก การครอบงาํ จากต่างชาติ 3. เกิดการกระจายรายไดท้ ีไ่ มเ่ ป็นธรรม 4. ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ภายในประเทศเส่ือมโทรม 5. อน่ื ๆ เช่น เกดิ ผลกระทบตอ่ ภาคการเกษตร ภาคอตุ สาหกรรม และภาคการค้าการบรกิ าร. สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (72) _____________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
34.ความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ - ลักษณะของการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ 1. เขตการค้าเสรี (FTA : Free Trade Area) เปน็ การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่มีการยกเว้นภาษี ศุลกากรระหวา่ งกนั ในประเทศสมาชิก แตล่ ะประเทศยังคงมอี สิ ระในการกําหนดอัตราภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ คา้ นอกกลมุ่ ตัวอย่าง เขตการค้าเสรยี ุโรป (EFTA : European Free Trade Association), เขตการคา้ เสรี อาเซียน (AFTA : ASEAN Free Trade Area), ข้อตกลงเขตการค้าเสรอี เมรกิ าเหนือ (NAFTA : North American Free Tade Area) 2. สหภาพศลุ กากร (Customs Union) เปน็ การรวมกลุ่มทม่ี ีการยกเลิกภาษศี ลุ กากรและ ขอ้ จํากดั ทางการค้าระหวา่ งกันในกลมุ่ นอกจากนป้ี ระเทศสมาชิกทกุ ประเทศตอ้ งใช้ข้อกาํ หนดอตั ราภาษศี ุลกากร กับประเทศคูค่ า้ นอกกลมุ่ ในอัตราเดียวกนั ตัวอยา่ ง สหภาพศุลากรบาวาเรีย (Bavaria-Wurttemberg customs union), สหภาพศุลกากรเยอรมันกลาง (Middle German Commercial Union), สหภาพศลุ กากรมอนโดเวยี น วอลลาเชยี่ น (mondovian customs union) ในประเทศโรมาเนีย. 3. ตลาดรว่ ม (Common Market) เป็นการรวมกลุ่มทีม่ ีลักษณะเหมือนกับสหภาพศุลกากร มเี พิม่ เตมิ คอื ให้มีการเคล่อื นย้ายปัจจัยการผลติ ระหวา่ งประเทศสมาชกิ เชน่ แรงงานและทนุ ได้อยา่ งเสรี ตัวอย่าง ตลาดรว่ มอเมริกากลาง (CACM : Central American Common Market) 4. สหภาพเศรษฐกิจ (Economic Union) เป็นการรวมกลมุ่ ทีม่ ีลกั ษณะเหมือนกบั ตลาดรว่ ม มีเพิ่มเตมิ คือ ให้ประเทศสมาชิกร่วมกนั กาํ หนดนโยบายทางเศรษฐกิจตา่ งๆ เป็นรปู แบบเดยี วกัน เช่น นโยบาย การเงนิ นโยบายการคลงั การลงทุนและการค้ากบั ตา่ งประเทศ. 5. สหภาพเหนือชาติ (Supranational Union) เปน็ การรวมกลุ่มทางเศรษฐกจิ ขัน้ สงู สดุ โดยมี วัตถปุ ระสงคเ์ พื่อรวมกันเป็นชาติเดียวกัน รฐั บาลของแตล่ ะประเทศไม่สามารถกาํ หนดนโยบายของตนเองได้ แต่สหภาพจะกาํ หนดนโยบายใหป้ ระเทศสมาชกิ ดาํ เนินการเอง ปัจจุบันยังไม่มีการรวมกลมุ่ ในรูปแบบสมบูรณ์ ที่สดุ ดังกล่าว. 35.องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ทีส่ าํ คัญ - ความร่วมมอื ระดบั โลก เชน่ WTO ; IMF ; World Bank ; UNCTAD - ความรว่ มมือระดับภมู ิภาค เช่น OPEC ; APEC ; EU ; NAFTA ; ASEAN ; AFTA ; ADB ; BIS ; EMEAP ; SEACEN - ความรว่ มมอื ระดับอนุภมู ภิ าค เชน่ GMS ; ACMECS องค์การการค้าโลก (World Trade Organization) - WTO เปน็ องคก์ ารทพ่ี ฒั นามาจากแกตต์ (GATT : General Agreement on Tariffs and Trade ข้อตกลงทวั่ ไปวา่ ด้วยพิกัดอัตราภาษีศุลกากรและการคา้ ) ทําหนา้ ท่เี ป็นเวทีเจรจาการคา้ และระงบั ขอ้ พิพาทของ ประเทศสมาชกิ ซึ่งองค์การน้จี ดั ทําอย่ใู นรปู แบบของความตกลงระดับพหภุ าคี (Multilateral Agreements) และใช้ระบบการตดั สินใจในลักษณะฉนั ทามติ (Consensus) WTO มีสํานกั งานใหญ่อยทู่ ก่ี รุงเจนีวา ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์. โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (73)
- WTO มีวัตถุประสงคเ์ พื่อเป็นเวทีในการเจรจาลดอุปสรรค หามาตรการลดการกดี กันทางการค้า การเลอื กปฏิบัติ เพอ่ื สร้างความเป็นธรรม ความโปรง่ ใสและเปดิ กวา้ งสู่การคา้ เสรตี อ่ กัน และมีบทบาทหน้าที่ ดงั นี้ 1. เปน็ เวทีในการเจรจาลดอปุ สรรคทางการคา้ ระหวา่ งประเทศสมาชกิ ทง้ั มาตรการภาษแี ละมาตรการที่ มิใช่ภาษศี ลุ กากร 2. ตดิ ตามสถานการณ์การค้าระหวา่ งประเทศและจัดใหม้ ีการทบทวนนโยบายการคา้ ของสมาชกิ อย่างสม่ําเสมอ 3. ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกําลงั พฒั นาในดา้ นข้อมลู และข้อแนะนาํ เพ่อื ให้สามารถปฏบิ ัติ ตามพันธกรณไี ด้ 4. ประสานงานกับกองทนุ การเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) เพอื่ ใหน้ โยบายเศรษฐกจิ โลกสอดคล้องกนั ยิ่งขึ้น. กองทุนการเงนิ ระหว่างประเทศ (IMF : International Monetary Fund) - IMF มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ดูแลเสถยี รภาพของระบบการเงนิ ระหว่างประเทศ แกไ้ ขปัญหาการเงนิ ระหว่างประเทศ สนบั สนุนใหก้ ารค้าระหวา่ งประเทศขยายตัวอย่างสมดุล เสรมิ สรา้ งเสถียรภาพในอตั ราแลกเปล่ียน เงนิ ตราระหวา่ งประเทศ ป้องกันการแข่งขนั ลดค่าเงินเพ่ือชิงความไดเ้ ปรยี บทางการค้า และควบคุมการแลกเปล่ยี น เงินตราเพือ่ นาํ ไปสู่ระบบเสรี นอกจากนี้ IMF ได้สรา้ งระบบการเงินระหวา่ งประเทศขึ้นมาชนดิ หน่ึงในกองทนุ สาํ รอง เรียกวา่ สทิ ธพิ ิเศษถอนเงิน (SDRs : Special Drawing Rights) IMF มีสาํ นกั งานใหญอ่ ยู่ท่ี กรงุ วอชิงตัน ด.ี ซ.ี ธนาคารโลก (World Bank) หรอื ธนาคารเพือ่ การบรู ณะและพฒั นาระหว่างประเทศ (IBRD : International Bank for Reconstruction and Development) - World Bank มีวัตถุประสงค์ใหก้ ยู้ มื แกป่ ระเทศกาํ ลงั พฒั นานําไปใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ ไดแ้ ก่ นําไปพัฒนาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน (Infrastructure) หรอื กจิ การสาธารณปู โภคพืน้ ฐาน เช่น สรา้ งถนน เขือ่ น ไฟฟา้ และประปา แกไ้ ขปญั หาความยากจนและยกระดบั ความเป็นอย่ขู องประชาชนในประเทศกําลังพฒั นา โดยยึดหลักการสําคัญ คอื ตอ้ งการให้เกดิ การพฒั นาทางสงั คมและเศรษฐกจิ ทีย่ ั่งยืน World Bank จดั วา่ เป็น แหล่งเงินก้ทู ่ีมีตน้ ทุนตํ่า มีเวลาชําระคนื นาน และมเี งอ่ื นไขการให้ทีย่ ืดหยนุ่ กว่าแหลง่ เงนิ ทนุ อนื่ World Bank มีสาํ นักงานใหญ่อยทู่ ่กี รุงวอชิงตนั ด.ี ซ.ี การประชมุ สหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการคา้ และการพัฒนาหรือองั ถดั ภ์ (UNCTAD : United Nations Conference on Trade and Development) - UNCTAD เป็นองคก์ รชํานญั พิเศษภายใต้กรอบสหประชาชาตอิ งคก์ รเดยี วที่เชื่อมมติ ิดา้ นการ พฒั นาเขา้ กับการคา้ ระหวา่ งประเทศ โดยให้ความสาํ คัญเป็นพิเศษกับมติ ขิ องการพฒั นาเพอื่ เสริมสร้างขดี ความ สามารถของประเทศกําลังพัฒนาให้พรอ้ มและทนั ตอ่ การแข่งขนั ในเวทีเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ อังถดั ภจ์ ึงมีวัตถุ ประสงคเ์ พือ่ แกไ้ ขปญั หาการค้าระหวา่ งประเทศและการพฒั นาของประเทศกาํ ลงั พัฒนา อังถัดภ์มบี ทบาท สําคัญตอ่ ประเทศกาํ ลังพัฒนาอยา่ งมาก เนื่องจากเปน็ การเปิดโอกาสให้ประเทศกําลังพฒั นาไดเ้ สนอขอ้ เรยี กรอ้ ง ตอ่ ประเทศทีพ่ ฒั นาแลว้ ใหห้ นั มาช่วยเหลือผอ่ นคลายมาตรการทเี่ ปน็ อุปสรรคตอ่ ประเทศกาํ ลงั พฒั นา ประเทศกําลัง พฒั นาคาดหวังว่าอังถัดภ์จะเปน็ กลไกหลกั ในการคานอาํ นาจการชี้นําของประเทศพฒั นา และสร้างสมดลุ ในการ กําหนดทิศทางและนโยบายเศรษฐกิจของโลก UNCTAD มีสาํ นักงานใหญอ่ ย่ทู กี่ รุงเจนวี า ประเทศสวติ เซอร์แลนด์. กลมุ่ ประเทศผสู้ ง่ ออกนาํ้ มนั (OPEC : Organization of Petroleum Exporting Countries) - OPEC เป็นกลุม่ ประเทศที่รว่ มมอื กันในการกําหนดนโยบายด้านการผลติ และการตั้งราคานา้ํ มนั ดบิ ในตลาดโลก โอเปกมีอิทธิพลอย่างมากตอ่ ระบบเศรษฐกจิ และการเมอื งระหว่างประเทศ ประเทศท่มี ีปริมาณ นํา้ มันดิบสํารองมากทสี่ ุดในโลก คือ ซาอุดอี าระเบีย OPEC มีสาํ นักงานใหญ่อยทู่ ีก่ รงุ เวียนนา ประเทศออสเตรยี (การรวมตวั เป็นกลุ่มโอเปกน้ีนบั เปน็ ตัวอย่างหน่งึ ของกลุ่มผกู ขาด ท่เี รยี กวา่ Cartel ของผผู้ ลิตในตลาดผู้ขาย น้อยราย) สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (74) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 26
ความรว่ มมือทางเศรษฐกจิ ในภูมภิ าคเอเชยี -แปซฟิ ิก (APEC : Asia-Pacific Economic Coorperation) - ปฏญิ ญาโบกอร์ (เมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซยี ) เม่ือ พ.ศ. 2537 ผู้นําเอเปกไดร้ ่วมกัน ประกาศปฏิญญาโบกอรท์ ่จี ะสง่ เสริมการเปดิ เสรีดา้ นการค้าและการลงทนุ ในภมู ภิ าคเอเชียและแปซฟิ ิก โดยสมาชกิ ท่เี ปน็ ประเทศพัฒนาแลว้ ตอ้ งเปดิ เสรภี ายใน พ.ศ. 2553 และสมาชกิ ทเ่ี ปน็ ประเทศกาํ ลงั พฒั นาต้องเปิดเสรี ภายใน พ.ศ. 2563 สรปุ ว่าจากปฏญิ ญาโบกอรน์ ้ี เอเปกได้กาํ หนดแนวทางความร่วมทางเศรษฐกิจไว้ 3 ดา้ น คอื 1. การเปิดเสรีทางการคา้ และการลงทุน 2. การอํานวยความสะดวกด้านทางการค้าและการลงทนุ 3. ความร่วมมอื ด้านเศรษฐกจิ และวชิ าการ. - หลักการความร่วมมือของเอเปกมีดังน้ี 1. เปน็ เวทปี รกึ ษาหารอื เก่ยี วกบั ประเดน็ ทางเศรษฐกิจ 2. ยึดหลกั ฉนั ทามตใิ นการดําเนนิ การใดๆ โดยยอมรบั ความเสมอภาคของประเทศสมาชกิ 3. ยดึ หลักผลประโยชน์ รว่ มกัน โดยคํานึงถึงความแตกตา่ งของระดับการพฒั นาทางเศรษฐกิจ ระบบสังคม และการเมืองการปกครอง ของประเทศสมาชกิ . - วตั ถปุ ระสงคข์ องเอเปกมีดังน้ี 1. สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื ทางการคา้ การลงทนุ การถ่ายทอด เทคโนโลยี และการพัฒนาทรพั ยากรมนษุ ย์ เพือ่ ความเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจในภมู ภิ าคและเศรษฐกจิ โลก 2. ส่งเสรมิ ระบบการค้าหลายฝา่ ยหรือระบบพหุภาคีท่เี ปิดเสรีภายใตร้ ะบบองค์การการค้าโลก 3. ลดอุปสรรค ทางการคา้ การบรกิ ารและการลงทุน 4. ไม่เป็นการรวมกลุ่มทางการคา้ แบบปิด 5. ปรึกษาและแลกเปลย่ี น ความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ภาวะเศรษฐกจิ และแนวทางแกป้ ญั หาทางเศรษฐกจิ ท้ังของสมาชกิ และของภูมภิ าค. - ปัจจุบันเอเปกมีสมาชิกรวม 21 เขตเศรษฐกิจ ถอื วา่ เปน็ กลมุ่ ทางเศรษฐกจิ ที่มขี นาดใหญ่มาก เพราะรวมประเทศสมาชกิ ที่เปน็ ประเทศมหาอํานาจดว้ ย ได้แก่ สหรฐั อเมริกา จีน ญี่ปุ่น และอาเซียน. สหภาพยโุ รป (EU : European Union) - EU พัฒนามาจาก EC (European Community ประชาคมยุโรป) ซงึ่ ประชาคมยุโรปนีเ้ กดิ จาก การรวม 3 องคก์ รเข้าดว้ ยกนั คือ ประชาคมถา่ นหินและเหลก็ กล้ายโุ รป (ECSC : European Coal and Steel Community) ประชาคมเศรษฐกิจยโุ รป (EEC : European Economic Community) และประชาคมพลงั งาน ปรมาณูแหง่ ยโุ รป (EURATOM : European Atomic Energy Community) สรปุ ง่ายๆ ดังนี้ ECSC + EEC + EURATOM → EC → EU ปัจจุบนั EU มีสมาชกิ ทั้งหมด 27 ประเทศ. - สหภาพยโุ รปเป็นตลาดขนาดใหญแ่ ละมีความเขม้ แขง็ ของกลมุ่ สงู มักมีขอ้ จํากดั และกฎระเบียบ ทางการค้าทีเ่ ข้มงวดกบั ประเทศนอกกล่มุ ซง่ึ ประเทศไทยมกั ประสบกบั ปัญหากฎระเบยี บดงั กลา่ ว เชน่ กฎด้าน มาตรฐานความปลอดภัยและด้านสง่ิ แวดลอ้ ม สนิ ค้าเกษตรประเภทอาหาร สนิ คา้ อตุ สาหกรรม เป็นตน้ . เขตการคา้ เสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA : North American Free Trade Area) - NAFTA ประกอบดว้ ยประเทศสมาชิก 3 ประเทศ ไดแ้ ก่ สหรฐั อเมรกิ า แคนาดา และเม็กซโิ ก มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือขจดั อปุ สรรคทางการค้าการลงทนุ และการบรกิ ารระหวา่ งประเทศสมาชกิ และยงั ร่วมมือกัน เพื่อเพม่ิ มาตรฐานการคุ้มครองสิทธิในทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา และเพมิ่ ศกั ยภาพการแข่งขนั กบั ประเทศอนื่ ๆ. โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (75)
สมาคมประชาชาตแิ หง่ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ (ASEAN : Association of Southeast Asia Nations) - อาเซียนตง้ั ขึน้ เม่ือวันท่ี 8 สงิ หาคม พ.ศ. 2510 ตามปฏิญญาณกรงุ เทพฯ (Bangkok Declaration) ปัจจบุ ันอาเซียนมสี มาชกิ ทั้งหมด 10 ประเทศ วตั ถปุ ระสงคข์ องการก่อตงั้ อาเซียนกเ็ พอ่ื สง่ เสริม ความร่วมมอื และความชว่ ยเหลือซง่ึ กันและกันในด้านต่างๆ ของประเทศสมาชิก ทัง้ ทางดา้ นเศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม เทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์ รวมไปถึงสนั ติภาพและความมนั่ คงในภมู ิภาค ท้งั น้เี พ่อื ให้ประชาชนใน อาเซียนมคี วามเปน็ อยูแ่ ละคุณภาพชีวติ ทด่ี .ี - กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter) คอื ธรรมนูญของอาเซียนทจี่ ะทาํ ให้อาเซียนมสี ถานะ เปน็ นติ ิบคุ คล เปน็ การวางกรอบกฎหมายตลอดจนโครงสร้างองค์กรใหก้ ับอาเซยี น เพ่ือให้อาเซยี นทาํ งานได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพมากขึน้ เสริมสร้างกลไกการตดิ ตามความตกลงต่างๆ ให้มีผลเป็นรปู ธรรม และช่วยให้ อาเซียนเป็นประชาคมเพ่ือประชาชนอย่างแท้จริง ความสาํ คัญของกฎบตั รอาเซยี น คือ เพอ่ื การรวมตวั เป็น ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 ทาํ ให้อาเซยี นเป็นเขตการคา้ เสรีภายในประเทศสมาชกิ และมอี าํ นาจตอ่ รองกบั กลมุ่ ประเทศอ่นื ๆ ท่มี กี ารรวมตัวกันเปน็ ประชาคมหรือเปน็ สหภาพ อกี ทัง้ เพ่อื ให้มีการรว่ มมอื กันทางดา้ นต่างๆ ของประเทศสมาชิกดยี ่งิ ข้ึน ยิ่งกว่าการร่วมมอื กนั ในปฏญิ ญาอาเซยี น. - คําขวัญของอาเซยี น คอื One Vision, One Identity, One Community หนึง่ วสิ ัยทัศน์ หน่ึงอัตลักษณ์ หนึ่งประชาคม - ประชาคมอาเซยี น (ASEAN Community) ประกอบดว้ ย 3 เสาหลัก คอื 1. ประชาคมการเมอื งความมน่ั คงอาเซยี น (APSC : ASEAN Political Security Community) 2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC : ASEAN Economic Community) 3. ประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC : ASEAN Socio-Cultural Community) - ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี นมเี ปา้ หมายสําคัญ 4 ดา้ น คือ 1. เป็นตลาดและฐานการผลิตรว่ มกนั 2. สร้างขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ 3. สรา้ งความเทา่ เทยี มในการพฒั นาทางเศรษฐกิจ 4. การบูรณาการ เขา้ กบั เศรษฐกิจโลก. ประเทศอาเซียนกับสาขาการผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารตามความถนัด 8 อาชพี เสรใี นอาเซยี น 1. พมา่ : สาขาผลติ ภณั ฑเ์ กษตรประมง 1. วศิ วกรรม 2. มาเลเซยี : สาขาผลติ ภัณฑย์ างและสงิ่ ทอ 2. การสํารวจ 3. อนิ โดนเี ซยี : สาขายานยนตแ์ ละผลิตภัณฑ์ไม้ 3. สถาปัตยกรรม 4. ฟลิ ปิ ปนิ ส์ : สาขาอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 4. แพทย์ 5. สิงคโปร์ : สาขาเทคโนโลยสี ารสนเทศและสขุ ภาพ 5. ทนั ตแพทย์ 6. ไทย : สาขาการท่องเทย่ี วและการบนิ 6. พยาบาล 7. เวยี ดนาม : สาขาโลจิสตกิ ส์ 7. บญั ชี 8. การบรกิ าร/การท่องเทย่ี ว สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (76) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 26
ศพั ทต์ อ้ งรูท้ ่เี กี่ยวกบั อาเซียน ASEAN + 3 - ประกอบดว้ ยสมาชกิ อาเซยี น 10 ประเทศ รว่ มกบั จนี ญป่ี นุ่ เกาหลีใต้ ASEAN + 6 ASEAN + 8 - ประกอบด้วยสมาชกิ อาเซียน 10 ประเทศ ร่วมกบั จนี ญปี่ ่นุ เกาหลีใต้ อนิ เดยี ออสเตรเลีย นวิ ซีแลนด์ ZOPFAN TAC - ก็คอื ASEAN + 6 และเพิม่ สหรฐั อเมรกิ าและรสั เซีย SEANWFZ - เขตสันตภิ าพ เสรภี าพและความเป็นกลาง (ZOPFAN : Zone of Peace, Freedom ARF and Neutrality) ASEM - สนธิสัญญาไมตรแี ละความร่วมมอื ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC : Treaty of EWEC Amity and Cooperation) NSEC - สนธิสญั ญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ (SEANWFZ : Treaty on the Southeast Asian Nuclear Weapon Free Zone) SEC - การประชุมว่าด้วยการเมืองและความมั่นคงในภูมภิ าคเอเชีย-แปซิฟกิ (ARF : ASEAN Regional Forum) เนน้ การสง่ เสริมความไว้เนื้อเช่ือใจกัน การพฒั นาการทูตเชงิ ปอ้ งกนั การแก้ไขความขัดแยง้ - อาเซมหรอื การประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM : Asia-Europe Meeting) - ระเบยี งเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) เปน็ การเชอื่ ม ระหวา่ งมหาสมทุ รแปซฟิ ิกทางตะวนั ออกและมหาสมุทรอนิ เดยี ทางตะวนั ตก เร่ิมตน้ จาก เมอื งดานงั ประเทศเวียดนาม เมืองทา่ สาํ คัญของเวียดนาม ตดั ผ่านลาวและไทย มายัง เมืองมะละแหม่งในพมา่ - ระเบยี งเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) เชอ่ื มจนี ตอนใต้ ลาว พมา่ และไทย และจนี ตอนใตก้ ับเวียดนาม จุดเรม่ิ ตน้ ในแนวเหนอื -ใต้ คอื เมืองคนุ หมงิ สว่ นจุดปลายจะแยกเปน็ สองสาย คอื ไทยและเวียดนาม - ระเบียงเศรษฐกจิ ตอนใต้ (Southern Economic Corridor) เช่อื มระหวา่ งไทย กัมพชู า และเวียดนาม เขตการค้าเสรอี าเซียน (AFTA : ASEAN Free Trade Area) - AFTA ก่อต้งั ข้นึ จากการรเิ ร่มิ ของนายอานันท์ ปันยารชนุ วัตถปุ ระสงคข์ องการจดั ตั้งเขต การคา้ เสรอี าเซียนเพือ่ ส่งเสริมการคา้ ระหวา่ งกนั โดยการลดภาษีและอปุ สรรคกีดกันทางการคา้ ทไ่ี มใ่ ชภ่ าษรี ะหวา่ ง กันภายในภมู ิภาค และดงึ ดูดการลงทนุ จากภายนอกใหเ้ ข้ามาลงทุนในภูมิภาคมากยง่ิ ข้นึ เขตการค้าเสรีอาเซียนนี้ จะบรรลผุ ลสมบรู ณใ์ นปี ค.ศ. 2010 รวมทงั้ ได้มมี าตรการตา่ งๆ ในการส่งเสรมิ การค้า การลงทนุ และความ รว่ มมอื กันทางด้านอตุ สาหกรรม การเงนิ การธนาคาร และการบรกิ ารระหวา่ งกนั ซง่ึ จะทาํ ใหภ้ าคอุตสาหกรรม ของอาเซียนมีประสทิ ธภิ าพและพรอ้ มทจี่ ะแข่งขนั ในตลาดโลก. โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (77)
ธนาคารเพ่ือการพัฒนาเอเชยี (ADB : Asian Dvelopment Bank) - ADB เป็นแหลง่ เงนิ ทุนสําหรับการพัฒนาประเทศในภมู ภิ าคเอเชียและแปซิฟกิ มีวตั ถุประสงค์ หลัก คือ เพ่ือแกไ้ ขปญั หาความยากจนและพฒั นาคุณภาพชีวิต แนวทางการทํางานจะคาํ นึงถงึ การพฒั นาท่ีเน้น ภาคเศรษฐกิจท่ยี ากจนควบคไู่ ปกบั การพฒั นาทางสงั คมและยึดหลักธรรมาภิบาล ใหค้ วามชว่ ยเหลือประเทศ สมาชิกในทางเทคนคิ และการจัดหาเงนิ ทนุ ADB มีสาํ นกั งานใหญอ่ ยทู่ ี่กรุงมะนิลา ประเทศฟลิ ปิ ปินส.์ ธนาคารเพ่ือการชาํ ระหน้รี ะหวา่ งประเทศ (BIS : Bank for International Settlements) - BIS ทาํ หนา้ ที่คลา้ ยกบั ธนาคารกลางของธนาคารกลางในประเทศตา่ งๆ ทว่ั โลก กค็ อื เปน็ ธนาคารสาํ หรบั ธนาคารกลางโดยไมร่ ับฝากเงินหรือให้บรกิ ารกับบคุ คลหรือองคก์ รภายนอกทวั่ ไป หนา้ ท่หี ลัก คือ การพัฒนา และกาํ กับสถาบันการเงินทีด่ ําเนินกิจการอย่ใู นตลาดเงินระหวา่ งประเทศให้มคี วามมั่นคงและเป็น มาตรฐานเดยี วกนั . ธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกและแปซฟิ ิก (EMEAP : Executives’ Meeting of East Asia Pacific Central Banks) - EMEAP เปน็ ความรว่ มมือของกลุ่มธนาคารกลางในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออกและแปซิฟกิ จัดต้ังขึน้ เม่ือ พ.ศ. 2534 เพ่ือเสรมิ สรา้ งความรว่ มมือและความสัมพนั ธ์ระหว่างธนาคารกลางของ 11 เขตเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อนิ โดนเี ซยี ญ่ปี ุ่น เกาหลี มาเลเซยี นิวซีแลนด์ ฟิลปิ ปินส์ สงิ คโปร์ และไทย. ธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEACEN : The South East Asian Central Banks) - SEACEN จดั ตัง้ ข้นึ เพือ่ สง่ เสริมความรูค้ วามเขา้ ใจทางด้านการเงิน การธนาคาร และเศรษฐศาสตร์ และส่งเสรมิ ความรว่ มมือระหวา่ งกล่มุ ธนาคารกลางสมาชิกในเรอื่ งโครงการวจิ ยั และฝึกอบรม ปัจจบุ นั มสี มาชิก 16 ประเทศ. ความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระดบั อนุภมู ิภาค 1. UPMEC Quadrangle โครงการความรว่ มมืออนภุ มู ิภาคลุ่มน้าํ โขงตอนบน (Quadrangle Economic Coorperation หรือ Upper Mekhong Economic Coorperation) มีสมาชิก ได้แก่ ไทย ลาว พม่า มณฑลหยุนหนานของจนี 2. ACMECS ยุทธศาสตร์ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ อิรวดี-เจา้ พระยา-แม่โขง (Ayeyawady- Chao Phraya-Mekong Economic Coorperation Strategy) มีสมาชกิ ไดแ้ ก่ ไทย พมา่ ลาว กัมพูชา เวยี ดนาม 3. GMS ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ในอนภุ มู ิภาคล่มุ แม่นาํ้ โขง (Greater Mekong Subregion Economic Coorperation) หรือ หกเหลย่ี มเศรษฐกิจ มสี มาชกิ ไดแ้ ก่ ไทย จนี พมา่ ลาว กมั พูชา เวยี ดนาม 4. BIMSTEC ความริเริม่ แห่งอ่าวเบงกอล (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation Ministerial Meeting) มสี มาชกิ ได้แก่ บังกลาเทศ อินเดยี พม่า ศรีลังกา ไทย เนปาล ภูฏาน 5. MGC ความร่วมมอื ล่มุ แม่นํา้ โขง-คงคา (Mekong-Ganga Cooperation) มสี มาชกิ ไดแ้ ก่ ไทย อนิ เดยี พม่า ลาว กัมพูชา เวยี ดนาม สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (78) _____________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีที่ 26
เขตสเี่ หลย่ี มเศรษฐกจิ (Quadrangle Economic Coorperation) - เขตสี่เหล่ยี มเศรษฐกจิ หรือโครงการความร่วมมืออนภุ มู ิภาคล่มุ นํา้ โขงตอนบน มีสมาชิก ได้แก่ ไทย ลาว พมา่ มณฑลหยนุ นานของจนี โดยมเี ปา้ หมายรว่ มมอื กนั พฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเสน้ ทางคมนาคมทางบก ทางนาํ้ ทางอากาศ การพฒั นาการท่องเท่ยี ว การคา้ และการลงทุนร่วมกัน. ความรว่ มมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมภิ าคลมุ่ แม่นาํ้ โขง (GMS : Greater Mekong Subregion Economic Coorperation) หรอื หกเหลย่ี มเศรษฐกิจ - GMS เป็นความร่วมมือของ 6 ประเทศทมี่ ีแม่นา้ํ โขงไหลผ่าน ไดแ้ ก่ ลาว กมั พูชา พมา่ จนี เวยี ดนาม และไทย โดยมธี นาคารเพื่อการพัฒนาเอเชยี (ADB) เปน็ ผ้สู นับสนุนหลัก มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ส่งเสริม ใหเ้ กิดการขยายตัวทางการคา้ การลงทนุ อุตสาหกรรม การเกษตรและบรกิ าร สนับสนุนการจา้ งงานและ ยกระดบั ความเป็นอยขู่ องประชาชนในพื้นทีใ่ หด้ ขี ึน้ ส่งเสรมิ และพฒั นาความรว่ มมอื ทางเทคโนโลยแี ละการศึกษา ระหวา่ งกนั ตลอดจนการใช้ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่สี ่งเสริมกันอย่างมีประสิทธภิ าพ ส่งเสรมิ และเพิม่ ขดี ความสามารถ รวมท้งั โอกาสทางเศรษฐกิจในเวทีการคา้ โลกของประเทศสมาชกิ การดาํ เนินงานทส่ี าํ คญั เชน่ การเชื่อมต่อ เสน้ ทางคมนาคมทางบกระหว่างประเทศสมาชิก เป็นต้น สาํ หรับพ้ืนทกี่ ารดาํ เนินงานตามโครงการนใี้ นประเทศไทย นั้นประกอบด้วย ภาคเหนอื (ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮอ่ งสอน ลําพนู ลาํ ปาง แพร่ นา่ น และตาก) ภาคตะวนั ออก (ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว) ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (ไดแ้ ก่ นครพนม เลย สกลนคร หนองคาย อุดรธานี อาํ นาจเจรญิ อบุ ลราชธานี มกุ ดาหาร) ยุทธศาสตร์ความรว่ มมือทางเศรษฐกิจ อริ วดี-เจ้าพระยา-แมโ่ ขง (ACMECS : Ayeyawady- Chao Phraya-Mekong Economic Coorperation Strategy) ACMECS มีสมาชิก ได้แก่ ไทย พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม จัดตงั้ ขนึ้ เพือ่ ใชป้ ระโยชน์จากความ แข็งแกรง่ และความหลากหลายของสมาชิกท้งั 5 ประเทศ เพ่ือส่งเสริมการพฒั นาอย่างสมดลุ มสี าขาความ ร่วมมือกันทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาอาํ นวยความสะดวกการค้าการลงทนุ สาขาเกษตรและอตุ สาหกรรม สาขาการเชือ่ มโยงคมนาคม สาขาการทอ่ งเทย่ี ว สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์ และสาขาสาธารณสุข. 36.วกิ ฤตการณท์ างเศรษฐกจิ ทร่ี นุ แรง วกิ ฤตการณ์ตม้ ยํากุ้ง (พ.ศ. 2540) - สาเหตุวิกฤตการณ์ต้มยํากุ้ง (พ.ศ. 2540) เกิดจาก 1. การเปิดเสรีทางการเงินโดยการตั้ง กรุงเทพวิเทศธนกิจ (BIBF : Bangkok International Banking Facilities) ทําให้ภาคเอกชนก่อหนี้ต่างประเทศ เป็นจํานวนมหาศาลและหน้ีเงินกู้เพ่ิมขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อรัฐบาลปล่อยค่าเงินบาทลอยตัว 2. จากการลงทุนใน ธุรกจิ ทไ่ี มก่ ่อใหเ้ กิดการผลติ เชน่ การเก็งกําไรทดี่ นิ และตลาดหนุ้ ไทย การลงทุนสร้างอสังหาริมทรพั ย์ท่ีเกินความ ต้องการ เช่น คอนโดมิเนยี ม บ้านจดั สรร ทําให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก 3. รัฐบาลดําเนินโยบายผิดพลาดโดยการ ใช้เงินกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินน้ันไปช่วยเหลือสถาบันการเงินจนเกิดความเสียหายอย่างหนัก และจําตอ้ งปิดบริษัทไฟแนนซ์ 56 แห่งซ่ึงทําให้ปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL : Non-Performing Loan) อยู่ในสัดส่วนท่ีสูงมากเนื่องจากลูกหน้ีประสบกับภาวะการขาดทุนและล้มละลายเป็นจํานวนมาก 4. การท่ี รัฐบาลนําเงินทุนสํารองระหว่างประเทศไปปกป้องการโจมตีค่าเงินบาท จนนําไปสู่วิกฤตการณ์เงินทุนสํารอง ทําให้เงินบาทขาดเสถียรภาพนับต้ังแต่การตัดสินใจเปล่ียนระบบอัตราการแลกเปลี่ยนจากระบบตะกร้าเงินมา เป็นระบบลอยตวั เมอื่ วนั ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540. โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (79)
วกิ ฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ วกิ ฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์เป็นวิกฤตการณก์ ารเงินทมี่ ีจดุ เร่มิ ต้นจากปญั หาเรอ่ื ง Subprime หรือสนิ เชือ่ ท่มี ีความนา่ เชอ่ื ถอื ตํา่ ในธรุ กิจอสงั หาริมทรพั ย์ของสหรฐั อเมริกา แลว้ ไดล้ กุ ลามไปยังสินเชอ่ื ประเภท อื่นและสง่ ผลกระทบตอ่ สถาบนั การเงนิ ต่างๆ จนนาํ ไปสูก่ ารขาดความเชื่อมนั่ ตอ่ สถาบันการเงินและปัญหาสภาพ คล่องในระบบการเงนิ ทั่วโลก. เพิ่มพลังสมอง เร่ือง “เศรษฐกจิ ระหวา งประเทศ วกิ ฤตเิ ศรษฐกจิ ” 1. รายการท่ีแสดงอยใู่ นบัญชเี ดินสะพดั (ดลุ การค้า ดลุ บรจิ าค ดลุ การชําระเงนิ / ดลุ การคา้ ดุลบรกิ าร ดุลบรจิ าค) 2. บัญชีเดนิ สะพดั ในบัญชีดุลการชาํ ระเงนิ ระหวา่ งประเทศ แสดงถึง (การแลกเปล่ยี นสนิ คา้ และ บรกิ าร / มลู คา่ สินคา้ สง่ ออกและสินคา้ นําเขา้ ) 3. การท่ที นุ สาํ รองระหวา่ งประเทศของไทยลดลง แสดงถงึ (การขาดดลุ การชําระเงนิ / การขาดดลุ การค้า) 4. ครลู ลิ ลี่ส่ังซอ้ื กระเปา๋ ถือแบรนด์เนมจากอิตาลีเปน็ มลู คา่ 1 ลา้ นบาท เพ่อื นํามาขายในประเทศ รายการดงั กลา่ วตอ้ งบันทกึ ในบัญชี (บญั ชีการเงิน / บญั ชเี ดนิ สะพดั ) 5. ถา้ ค่าเงินบาทแข็งขน้ึ เมอ่ื เทยี บกับเงินดอลลาร์สหรฐั (เงนิ 1 บาท แลกเงนิ ดอลลารไ์ ด้นอ้ ยลง / เงิน 1 ดอลลาร์ แลกเงนิ บาทได้นอ้ ยลง) 6. ถา้ อัตราแลกเปลยี่ น 1 ดอลลาร์ ต่อ 33 บาท เปลี่ยนเป็น 1 ดอลลาร์ ตอ่ 31 บาท โดยประมาณ จะทาํ ให้เกดิ (ราคาสนิ คา้ ออกของไทยถกู ลง / ราคาสนิ คา้ ออกของไทยแพงขนึ้ ) 7. ประเทศสมาชกิ กําหนดนโยบายการเงนิ และนโยบายการคลังใหเ้ ปน็ แนวเดยี วกนั เป็นการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ (สหภาพเศรษฐกจิ / สหภาพเหนอื ชาต)ิ 8. “ขอ้ ตกลงเชนเกน” ในกลมุ่ สหภาพยุโรปเปน็ เรอ่ื งเกีย่ วกบั (การขอวซี า่ เขา้ ประเทศ / การเคลือ่ นยา้ ย สนิ ค้าโดยไมต่ อ้ งผา่ นศลุ กากร) 9. วกิ ฤตเศรษฐกิจของไทยที่เร่มิ เม่อื พ.ศ. 2540 สาเหตุสาํ คัญมาจาก (เงนิ บาทแขง็ คา่ เกนิ ไป บญั ชีเดินสะพัดขาดดุลมาก / เงนิ บาทอ่อนค่าเกินไป ดุลการชําระเงนิ ขาดดุลมาก) 10.ปญั หาซับไพร์ม (Sub-Prime) ในสหรัฐอเมรกิ ามตี น้ เหตุมาจากสถาบนั การเงนิ ปลอ่ ยสินเชือ่ ให้ ลูกหน้ดี อ้ ยคณุ ภาพเพื่อซ้ือ (อสังหารมิ ทรพั ย์ / หนุ้ ) สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (80) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26
รูทัน...ขอ สอบหนา ท่ีพลเมอื งฯ ป 2558 จงเลือกคําตอบท่ถี ูกตอ้ งทส่ี ดุ 1. พลเมอื งของรัฐตอ้ งมีคณุ สมบัติประการใดสําคญั ทส่ี ุด 1) เป็นผมู้ สี ทิ ธแิ ละเสรีภาพตามกฎหมาย 2) เป็นผ้ทู เี่ กิดในประเทศน้ัน 3) เป็นผูม้ ีสัญชาติของรฐั นน้ั 4) เป็นผ้เู สยี ภาษอี ากรใหแ้ กร่ ัฐ 2. พจิ ารณาจากโครงสรา้ งและการใชอ้ ํานาจอธปิ ไตยของรฐั แลว้ สามารถแบ่งประเภทของรัฐได้ 2 รปู แบบตามขอ้ ใด 1) รัฐทุนนิยม รฐั สังคมนยิ ม 2) รฐั เดย่ี ว รฐั รวม 3) ราชอาณาจักร สาธารณรัฐ 4) รฐั บาลกลาง รฐั บาลท้องถิน่ 3. ประเทศใดทมี่ ีระบอบการปกครอง ประมขุ และหวั หน้าฝ่ายบรหิ ารประเทศคล้ายคลึงกบั ไทยมากทีส่ ดุ 1) ฟลิ ปิ ปนิ ส์ อนิ โดนเี ซีย 2) ลาว บรไู น 3) พม่า เวยี ดนาม 4) กมั พชู า มาเลเซีย 4. ประเทศใดทรี่ ัฐธรรมนญู มกี ารบญั ญัติไว้เปน็ ลายลกั ษณ์อักษรเป็นประเทศแรกในโลก 1) อังกฤษ 2) สหรฐั อเมรกิ า 3) ฝรั่งเศส 4) เยอรมนี 5. หลักการพืน้ ฐานที่สาํ คญั ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยคอื ขอ้ ใด 1) อาํ นาจนิติบัญญัติ 2) อาํ นาจบรหิ าร 3) อํานาจอธปิ ไตย 4) อํานาจตลุ าการ 6. ขอ้ ใดสอดคล้องกับคํากล่าวท่ีวา่ “อํานาจอธิปไตยเป็นอํานาจสงู สุด สมบูรณ์ เดด็ ขาด” 1) ความยตุ ธิ รรมในระบอบประชาธิปไตย 2) ความมัน่ คงและม่ังคัง่ ของการปกครองรฐั 3) ความชอบธรรมในการปกครองรัฐ 4) ความเด็ดขาดของระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ 7. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ ักษณะพนื้ ฐานของอํานาจอธิปไตย 4) ไมถ่ าวร 1) เปน็ การท่วั ไป 2) แบ่งแยกไม่ได้ 3) ความเด็ดขาด 8. ขอ้ ใดเปน็ ขอ้ ดีของระบอบเผด็จการ 2) ทาํ ให้ประเทศพฒั นาได้รวดเร็ว 1) ตดั สินใจได้รวดเรว็ 3) แกป้ ญั หาไดม้ ีประสิทธิภาพ 4) เกิดขอ้ ผิดพลาดได้ยาก 9. หนา้ ที่ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยและเผด็จการมคี วามคลา้ ยคลึงกนั ในประเด็นใดมากทส่ี ุด 1) การตรวจสอบการบรหิ ารงานของรฐั 2) การเชอื่ ฟังคาํ สั่งของผ้ปู กครองรัฐ 3) การประท้วงเรยี กรอ้ งสวสั ดกิ ารต่อรัฐ 4) การปฏบิ ัติตามกฎหมายของรฐั โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (81)
10. การใช้หลกั การปกครองโดยเสียงข้างมากในระบอบประชาธปิ ไตย หมายถงึ อะไร 1) การกระทําเพ่อื ใหป้ ระชาชนสว่ นมากร้สู กึ ว่าเสยี งขา้ งมากเป็นสิง่ ทศี่ ักดสิ์ ิทธท์ิ ี่จะตอ้ งยอมรับ 2) การถอื ฝา่ ยเสียงข้างมากเป็นหลัก โดยไม่จําเปน็ ต้องให้ความสาํ คัญกบั ฝ่ายค้าน 3) การใช้เสียงขา้ งมาก โดยการยอมรับสทิ ธขิ องฝ่ายข้างนอ้ ย 4) การถอื จํานวนเสยี งขา้ งมากเป็นหลักในการแกป้ ญั หาต่างๆ 11. การทําใหป้ ระชาชนมีสทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคกนั ตามหลักการประชาธปิ ไตยนั้นมแี นวทางปฏิบัติ ท่ีสําคญั หลายประการ ยกเว้นขอ้ ใด 1) การกาํ หนดสิทธิและเสรภี าพของประชาชนไว้ในรัฐธรรมนญู 2) การกาํ หนดให้ประชาชนเป็นเจ้าของอํานาจอธปิ ไตย 3) การรวมอาํ นาจไว้ในสว่ นกลางของประเทศ 4) การปกครองตนเองของประชาชน 12. เหตุผลสําคญั ขอ้ ใดทที่ ําใหต้ อ้ งมีการแบ่งอํานาจอธปิ ไตยออกเป็น 3 ทาง คอื นติ บิ ญั ญตั ิ บรหิ าร และตุลาการ 1) เพ่ือเปน็ การแบง่ หน้าทีค่ วามรับผิดชอบให้แก่ 3 องคก์ รหลกั อย่างชดั เจน 2) เพือ่ เป็นการตรวจสอบและถว่ งดุลไมใ่ หอ้ ํานาจไปรวมศนู ยอ์ ยทู่ ฝี่ ่ายใดฝา่ ยหนึ่ง 3) เพ่ือเปน็ การแบง่ กันทาํ งานตามความชาํ นาญเฉพาะดา้ น 4) เพ่อื ป้องกนั ปัญหาและความขัดแยง้ ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ ระหว่างบคุ คลทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั แตล่ ะอาํ นาจ 13. การกระทาํ ใดท่แี สดงถงึ การใชอ้ าํ นาจอธิปไตยขน้ั สงู สุดของประชาชน 1) การเสนอรา่ งกฎหมายโดยผ่านทางสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2) การเขา้ ช่อื กนั เพอื่ เสนอรา่ งกฎหมายตอ่ ประธานรัฐสภา 3) การออกเสยี งลงประชามตริ บั หรอื ไมร่ ับร่างกฎหมาย 4) การลงชื่อถอดถอนผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมืองการปกครองทปี่ ฏบิ ัติหนา้ ทีโ่ ดยมชิ อบ 14. พฤติกรรมลกั ษณะใดสอดคล้องกบั วิถชี วี ิตประชาธปิ ไตยมากทส่ี ุด 1) กลา้ พดู กลา้ แสดงออก 2) รู้จักวิพากษ์วจิ ารณ์ 3) เช่อื มน่ั ในตนเอง 4) รับฟังความคิดเห็นของผอู้ น่ื 15. การวางแผนพฒั นาขององค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั เปน็ การวางแผนในระดับใด 1) การวางแผนสว่ นรวม 2) การวางแผนแหง่ ชาติ 3) การวางแผนระดบั ภาค 4) การวางแผนทอ้ งถิ่น 16. ขอ้ ใดเป็นหลกั การทีส่ ําคัญทส่ี ดุ ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 1) ประชาชนมสี ทิ ธิทจี่ ะแสดงความคิดเหน็ ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ 2) แมเ้ สียงข้างมากจะเป็นผู้ปกครอง แต่ก็ต้องฟังเสยี งขา้ งน้อยด้วย 3) ประชาชนตอ้ งปฏิบัตติ ามกฎหมายและมรี ะเบียบวนิ ยั อย่างเครง่ ครดั 4) ชาตบิ า้ นเมืองตอ้ งมีความมนั่ คงและมงั่ ค่งั สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (82) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 26
17. ขอ้ ดีของระบอบประชาธปิ ไตยคือข้อใด 1) เปน็ การปกครองท่ีประชาชนท้งั ประเทศยอมรับ 2) ถือกฎหมายเป็นมาตรฐานในการปกครอง 3) มีความประหยัดในการดําเนนิ การปกครอง 4) มีความรวดเรว็ ในการตัดสนิ ใจดาํ เนินการ 18. ขอ้ เสยี ของหลักการรวมอาํ นาจไวท้ ีส่ ว่ นกลาง คอื ขอ้ ใด 1) ไมเ่ กดิ เอกภาพทางการปกครอง 2) ไมป่ ระหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการบริหาร 3) การวางแผนรักษาความมั่นคงทําไดไ้ มส่ ะดวก 4) ไม่อาจสนองความตอ้ งการของทอ้ งถิน่ ได้ 19. การปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ มีความสําคัญอย่างไร 1) ชว่ ยใหม้ ีการกระจายรายไดส้ ูท่ ้องถนิ่ 2) ชว่ ยให้รัฐบาลควบคมุ ประชาชนได้ 3) ช่วยให้ประชาชนฝึกฝนการเมอื งแบบประชาธิปไตย 4) ช่วยใหป้ ระชาชนควบคุมข้าราชการจากส่วนกลางได้ 20. การท่ปี ระชาชนในชนบทออกไปลงคะแนนเสียงเลอื กตงั้ โดยความสมัครใจ แสดงวา่ การพัฒนาชนบทประสบ ผลสําเร็จสบื เน่อื งมาจากปัจจยั ขอ้ ใด 1) หลกั การมสี ว่ นร่วมทางการเมอื ง 2) หลักการพัฒนาทางการเมือง 3) หลกั การกระจายอํานาจทางการปกครอง 4) หลกั การแบ่งอาํ นาจทางการปกครอง 21. คณุ ธรรม จริยธรรมของการเปน็ พลเมอื งทดี่ ี เร่ืองใดทส่ี อดคล้องกบั หลักการสาํ คญั ของประชาธปิ ไตยท่ีว่า “ถือเสียงขา้ งมากและเคารพสิทธขิ องเสยี งข้างน้อย” 1) การมวี นิ ัย 2) การมนี ้าํ ใจนกั กีฬา 3) การเสียสละประโยชนส์ ว่ นตวั เพ่อื ประโยชนส์ ่วนรวม 4) ความซือ่ สัตย์สุจรติ 22. ขอ้ ใดมิใช่สทิ ธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรมตามปฏญิ ญาสากลวา่ ด้วยสิทธมิ นุษยชน 1) สทิ ธิในการเป็นเจา้ ของทรัพย์สนิ 2) สทิ ธใิ นการพักผอ่ นและเวลาวา่ ง 3) สทิ ธทิ ี่จะไดร้ บั การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน 4) สิทธทิ จี่ ะเขา้ รว่ มกับสหพันธ์กรรมกรเพือ่ คมุ้ ครองผลประโยชน์ของตน 23. รฐั สภาแบบใดที่ประเทศไทยไม่เคยนํามาใช้ 1) สภาเดียว : สมาชิกมาจากการแตง่ ตงั้ ทั้งหมด 2) สภาเดยี ว : สมาชิกมาจากการเลอื กต้ังและแตง่ ตัง้ 3) สองสภา : สมาชิกมาจากการเลอื กตั้งทง้ั หมด 4) สองสภา : สมาชิกมาจากการแต่งตง้ั ทง้ั หมด โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (83)
24. ขอ้ ใดแสดงสดั สว่ นของสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลือกตัง้ กบั แบบบญั ชีรายชื่อ ตามทบี่ ญั ญตั ิ ไวใ้ นรัฐธรรมนูญ 2550 ไดถ้ ูกตอ้ ง 1) 500 : 150 2) 375 : 125 3) 480 : 150 4) 480 : 80 25. คณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดนิ ได้เมือ่ ใด 1) คณะรัฐมนตรแี ถลงนโยบายตอ่ รัฐสภาภายใน 15 วัน นบั แต่วนั เข้ารบั หนา้ ทแี่ ล้ว 2) พระมหากษัตรยิ ม์ ีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตง้ั นายกรฐั มนตรีแล้ว 3) คณะกรรมการกฤษฎกี าออกพระราชกฤษฎีกาเรยี กประชมุ คณะรัฐมนตรีแลว้ 4) ประธานรฐั สภาเรยี กประชมุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชกิ วุฒิสภาพรอ้ มกันแลว้ 26. เม่ือครบวาระหรือมกี ารยุบสภาก็จะมกี ารเลอื กตั้งใหม่ หากผแู้ ทนราษฎรคนใดไดร้ บั ความไว้ใจจากประชาชน กจ็ ะได้รับเลอื กเข้ามาทาํ หน้าทีต่ ่อไป ข้อความนแ้ี สดงถึงหลักการสาํ คัญในระบอบประชาธปิ ไตยในข้อใด 1) หลักความยนิ ยอม 2) หลกั เหตผุ ล 3) หลักประนีประนอม 4) หลกั เสรภี าพ 27. ตามรัฐธรรมนูญ 2550 การยุบสภาผู้แทนราษฎรใหก้ ระทําโดย .................... ซ่ึงต้องกาํ หนดวันเลือกตงั้ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรใหม่เปน็ การเลอื กตั้งทวั่ ไปภายในระยะเวลา .................... นับแตว่ ันยุบสภาผ้แู ทน- ราษฎร และวนั เลือกต้ังน้นั ต้องกําหนดเปน็ วนั เดียวกันทั่วราชอาณาจักร 1) พระราชบญั ญัติ ไม่นอ้ ยกว่า 45 วนั 2) พระราชกําหนด ไม่นอ้ ยกว่า 60 วัน 3) พระราชกฤษฎกี า ไมน่ อ้ ยกว่า 45 วันแต่ไมเ่ กนิ 60 วัน 4) พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ไม่นอ้ ยกวา่ 45 วนั แตไ่ ม่เกิน 60 วนั 28. กลมุ่ บุคคลใดไมม่ สี ิทธใิ นการเสนอรา่ งพระราชบญั ญตั ิ ตามรัฐธรรมนูญ 2550 1) คณะรฐั มนตรี 2) สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรจํานวนไมน่ อ้ ยกว่ายส่ี บิ คนทพี่ รรคให้ความเห็นชอบแลว้ 3) ศาลหรือองค์กรอสิ ระตามรัฐธรรมนูญ 4) ประชาชนผูม้ สี ทิ ธเิ ลือกต้งั ไม่นอ้ ยกวา่ หนึ่งหม่นื คน 29. ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ประชาชนผู้มสี ทิ ธิเลือกตงั้ จํานวนไมน่ อ้ ยกวา่ .................... คน มสี ิทธิเขา้ ชื่อร้อง ขอต่อ .................... เพื่อใหถ้ อดถอนผู้ดาํ รงตาํ แหน่งทางการเมอื ง ผ้ใู ดทม่ี พี ฤติการณร์ ํา่ รวยผิดปกติ สอ่ ไปในทางทุจริตตอ่ หนา้ ท่ี 1) 10,000 คน ประธานรัฐสภา 2) 20,000 คน ประธานวุฒิสภา 3) 30,000 คน ประธานสภาผูแ้ ทนราษฎร 4) 50,000 คน ประธานองคมนตรี 30. รัฐธรรมนูญฉบบั ปจั จบุ ัน กาํ หนดให้ประชาชนไดร้ ับการศกึ ษาไม่นอ้ ยกวา่ 15 ปอี ย่างทว่ั ถงึ โดยเฉพาะ ผยู้ ากไร้ ผพู้ ิการหรอื ทพุ พลภาพ หรอื ผ้อู ยูใ่ นสภาวะยากลําบาก ข้อบญั ญตั ินสี้ อดคลอ้ งกบั หลักการใด ในระบอบประชาธปิ ไตย 1) หลักเสรีภาพ 2) หลักสิทธิ 3) หลักความเสมอภาค 4) หลักนิตธิ รรม สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (84) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26
31. คําว่า “สิทธิมนษุ ยชน” ถูกนาํ มาบญั ญัติเปน็ ครั้งแรกในรัฐธรรมนูญฉบบั ใด 1) ฉบบั ที่ 15 2) ฉบบั ที่ 16 3) ฉบบั ที่ 17 4) ฉบบั ท่ี 18 32. “สิทธิของประชาชนทสี่ ามารถเขา้ ถึงรายละเอยี ดของข้อตกลงระหว่างประเทศ ก่อนจะมีผลผกู พนั กนั ตาม กฎหมายระหว่างประเทศ หากวา่ ข้อตกลงน้ันจะกอ่ ให้เกิดผลกระทบตอ่ ประชาชน ความมนั่ คงทาง เศรษฐกิจ และสงั คมของประเทศอย่างกวา้ งขวาง” กําหนดไวใ้ นมาตราใด ตามรฐั ธรรมนญู 2550 1) มาตรา 63 2) มาตรา 93 3) มาตรา 111 4) มาตรา 190 33. การบญั ญตั ิรับรองสิทธเิ สรีภาพของประชาชนในการชมุ นุมโดยปราศจากอาวุธ กาํ หนดไวใ้ นรัฐธรรมนูญ 2550 มาตราใด 1) มาตรา 63 2) มาตรา 93 3) มาตรา 111 4) มาตรา 190 34. รา่ งพระราชบญั ญัติใดก็ตาม เม่ือนําทูลเกล้าถวายใหพ้ ระมหากษตั ริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยจะตอ้ งใหเ้ วลานาน เท่าใด เพือ่ ให้พระมหากษัตริย์พิจารณาวา่ ทรงเหน็ ชอบดว้ ยหรือไม่ โดยใช้เวลาสําหรับการพจิ ารณาครั้งแรก และครงั้ ทสี่ อง เปน็ เวลากี่วัน 1) 180 วนั และ 120 วัน 2) 90 วนั และ 30 วัน 3) 60 วัน และ 45 วัน 4) 120 วัน และ 45 วนั 35. การท่รี ฐั เปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนไดแ้ สดงความคิดเห็นในกิจการท่ีเป็นประโยชน์ได้เสียของชาติหรือของประชาชน โดยสว่ นรวม เรียกว่าอะไร 2) การรณรงค์ประชาธิปไตย 1) การทําประชามติ 4) การทํามติมหาชน 3) การทาํ ประชาพิจารณ์ 36. ข้อใดเปน็ หลักการใหม่ในรัฐธรรมนญู 2550 1) ประชาชนสามารถเขา้ ช่ือเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรฐั ธรรมนูญได้ 2) ประชาชนสามารถเขา้ ช่อื เสนอร่างกฎหมายได้ 3) ประชาชนสามารถเข้าช่ือถอดถอนผู้ดาํ รงตําแหนง่ ทางการเมอื งได้ 4) ประชาชนสามารถมสี ทิ ธพิ ิทักษร์ ฐั ธรรมนูญ 37. ขอ้ ใดเปน็ หนา้ ทที่ ่สี าํ คัญของรฐั สภา 2) ควบคมุ การบรหิ ารงานของรฐั บาล 1) เลอื กนายกรัฐมนตรี 4) เป็นสอื่ กลางระหว่างประชาชนกบั รัฐบาล 3) ตรากฎหมายในฐานะฝ่ายบริหาร 38. ตามรัฐธรรมนญู 2550 การเขา้ ช่ือเสนอญตั ตขิ อเปิดอภิปรายทว่ั ไปเพอื่ ลงมติไม่ไวว้ างใจนายกรัฐมนตรี จะตอ้ งใชค้ ะแนนเสยี งในสดั สว่ นเทา่ ใดของจํานวนสมาชิกท้งั หมดทมี่ ีอยูข่ องสภาผแู้ ทนราษฎร 1) ไม่นอ้ ยกวา่ 1 ใน 5 2) ไมน่ อ้ ยกว่า 2 ใน 5 3) ไม่นอ้ ยกวา่ 1 ใน 6 4) ไม่นอ้ ยกว่าก่ึงหนงึ่ 39. มาตรา 204 ตามรัฐธรรมนญู 2550 กาํ หนดให้ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรฐั ธรรมนญู คนหนึง่ และตลุ าการศาลรฐั ธรรมนูญอ่ืนอกี .................... คน 1) 8 2) 9 3) 10 4) 14 โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (85)
40. หนว่ ยงานใดมีอํานาจหนา้ ท่พี ิจารณาวนิ จิ ฉัยว่าผ้ดู าํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมือง ผ้ใู ดจงใจไมย่ นื่ บญั ชีทรัพย์สิน และหน้สี ินหรือยน่ื ดว้ ยขอ้ ความอันเป็นเท็จ ตามรฐั ธรรมนญู 2550 1) ศาลปกครองสงู สดุ 2) อยั การสูงสดุ 3) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผดู้ ํารงตําแหนง่ ทางการเมือง 4) ศาลรัฐธรรมนญู 41. หน่วยงานใดทาํ หน้าทีใ่ นการกาํ กบั ดูแลคุณธรรมจรยิ ธรรมของผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมอื ง 1) คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 2) คณะกรรมการตรวจสอบการกระทาํ ที่กอ่ ให้เกดิ ความเสียหายแกร่ ัฐ 3) คณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดิน 4) คณะกรรมการการเลือกตงั้ 42. องค์กรใดไม่เก่ียวข้องโดยตรงในกระบวนการดําเนินคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองตาม รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2550 1) คณะกรรมการการเลอื กต้งั 2) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 3) อัยการสงู สดุ 4) ศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผ้ดู ํารงตาํ แหนง่ ทางการเมอื ง 43. ขอ้ ใดเปน็ บุคคลผมู้ สี ทิ ธสิ มคั รรบั เลือกตง้ั เป็นสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรและสมาชกิ วฒุ สิ ภา 1) บุคคลล้มละลาย 2) บุคคลท่ตี ิดยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ 3) บุคคลตาบอดหรอื หูหนวก 4) บคุ คลที่ถกู คมุ ขังอยโู่ ดยหมายของศาล 44. กลุ่มผลประโยชนเ์ ปน็ การรวมกลมุ่ ของบุคคลท่ีมวี ัตถุประสงคแ์ ตกต่างจากพรรคการเมืองในประเดน็ ใด 1) รักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตน 2) มีส่วนรว่ มในอํานาจรฐั 3) แสวงหาอาํ นาจทางการเมอื ง 4) เขา้ ไปจดั ต้งั รฐั บาล 45. ลกั ษณะของกฎหมายท่วี ่า “กฎหมายตอ้ งเปน็ คาํ ส่งั หรอื ข้อบงั คับทใี่ ชบ้ งั คับได้ทัว่ ไป” หมายความว่าอย่างไร 1) กฎหมายทุกฉบับจะตอ้ งใช้บังคับแกบ่ คุ คลทกุ คน 2) กฎหมายทกุ ฉบับจะต้องใช้บังคบั แกบ่ คุ คลทกุ คนไดท้ ุกสถานทีแ่ ละทกุ เวลา 3) กฎหมายแตล่ ะฉบบั จะต้องใชบ้ ังคบั แก่ทุกบุคคลทีม่ ีส่วนเกยี่ วขอ้ ง 4) กฎหมายแต่ละฉบับจะต้องใชบ้ ังคบั แกท่ กุ บคุ คลท่ีมสี ่วนเก่ยี วข้องได้ทุกสถานท่ี และทกุ เวลา 46. กฎหมายไทยจดั อยใู่ นระบบใด 1) ระบบกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2) ระบบประมวลกฎหมาย 3) ระบบกฎหมายจารตี ประเพณี 4) ระบบลกู ผสมของระบบประมวลกฎหมายและระบบกฎหมายจารีตประเพณี สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (86) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26
47. กฎหมายที่ทนั สมยั ฉบบั แรกของไทยคอื กฎหมายฉบบั ใด 1) กฎหมายลกั ษณะอาญา ร.ศ.127 2) กฎหมายตราสามดวง 3) ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ 4) ประมวลกฎหมายอาญา 48. กฎหมายรฐั ธรรมนูญต่างจากกฎหมายปกครองในข้อใด 1) กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายมหาชน แตก่ ฎหมายปกครองเปน็ กฎหมายเอกชน 2) กฎหมายรฐั ธรรมนูญเป็นกฎหมายสงู สุด แต่กฎหมายปกครองเป็นกฎหมายต่าํ สุด 3) กฎหมายรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการใชอ้ าํ นาจของอธปิ ไตย แต่กฎหมายปกครองว่าดว้ ยอาํ นาจบริหาร 4) กฎหมายรฐั ธรรมนญู เปน็ เรื่องของฝา่ ยนิติบัญญตั แิ ละฝ่ายบริหาร แตก่ ฎหมายปกครองเป็นเรอ่ื งของ ฝา่ ยบรหิ ารเท่านัน้ 49. เหตใุ ดกฎหมายรฐั ธรรมนญู จงึ เปน็ กฎหมายสงู สดุ ทใี่ ช้ในการปกครองประเทศ 1) เปน็ กฎหมายทพี่ ระมหากษัตริย์จะตอ้ งทรงลงพระปรมาภไิ ธย 2) เป็นกฎหมายรฐั ธรรมนญู ที่ยกเลกิ หรือเปลี่ยนแปลงไดย้ าก 3) เปน็ กฎหมายท่ีมีท่ีมาจากประชาชนอย่างแทจ้ รงิ 4) เปน็ กฎหมายทจี่ ะมกี ฎหมายใดมาขดั แย้งไม่ได้ 50. กฎหมายในรูปแบบใดไมจ่ ําเปน็ ต้องนํามาขอความเห็นชอบจากรัฐสภา 1) พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู 2) พระราชบญั ญัติ 3) พระราชกําหนด 4) พระราชกฤษฎีกา 51. นบั แตว่ นั ที่เจ้ามรดกถงึ แก่ความตายเปน็ ระยะเวลาเทา่ ใด ท่ีไมอ่ าจถอื ว่าทารกทีเ่ กิดมีชีวติ เป็นทายาทของ เจา้ มรดก 1) 210 วัน 2) 260 วัน 3) 310 วนั 4) 365 วัน 52. ข้อใดไมใ่ ช่สภาพบังคับของกฎหมาย 1) การบังคบั ใหผ้ ขู้ ายไปจดทะเบยี นโอนกรรมสิทธ์ทิ ี่ดนิ ตามสัญญาจะซ้ือขาย 2) การชดใช้คา่ เสียหายใหแ้ กผ่ ู้ถูกทํารา้ ยร่างกาย 3) การบังคับให้ผูก้ ชู้ ําระหนตี้ ามสัญญากยู้ ืมเงิน 4) การบงั คบั ให้สมรสตามสัญญาหมน้ั 53. ขอ้ ใดต่อไปนี้ทําใหน้ ติ ิกรรมมีผลสมบูรณ์ 1) นายกิตทาํ สัญญาซ้อื ขายบา้ นและทีด่ นิ กับนายศักด์โิ ดยทาํ เป็นหนังสือระหวา่ งกนั เอง 2) นายสันตซ์ ่ึงเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถทําพนิ ยั กรรมด้วยตนเอง 3) นายโชคทําสญั ญาจ้างใหบ้ รษิ ทั นําเทยี่ วพาไปทัศนศกึ ษาดาวพฤหสั 4) นายชาตอิ ายุ 19 ปี ทําสัญญาซ้ือรถยนตม์ าขบั ข่ี โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (87)
54. มาตรา 653 ป.พ.พ. บญั ญัติไว้ว่า “การกู้ยมื เงนิ เกินกวา่ 2,000 บาทขึ้นไปนนั้ ถา้ มไิ ด้มหี ลกั ฐานแห่งการ กู้ยมื เปน็ .................... อย่างใดอย่างหนง่ึ ลงลายมอื ชื่อ .................... เปน็ สําคญั ทา่ นวา่ จะ .................... จงเติมข้อความท่ถี ูกตอ้ ง ผู้ยมื ฟ้องร้องบังคบั คดีหาได้ไม่ 1) หนังสอื และจดทะเบยี นตอ่ พนกั งานเจ้าหนา้ ที่ ผูย้ มื และผใู้ ห้ยืม บงั คับชาํ ระหนีก้ ันมิได้ 2) หนังสือและจดทะเบียนตอ่ พนักงานเจา้ หน้าที่ ผู้ยมื ฟอ้ งรอ้ งบงั คบั คดหี าไดไ้ ม่ 3) หนงั สอื ผู้ยืมและผใู้ หย้ ืม บงั คับชาํ ระหนีก้ นั มิได้ 4) หนงั สือ 55. การหม้ันทสี่ มบรู ณแ์ ละมผี ลผกู พนั บังคับชายหญงิ คหู่ ม้ันไดน้ น้ั จะต้องประกอบด้วยเงือ่ นไขสาํ คัญในเรือ่ งใด 1) ชายหญงิ อายุ 17 ปีบริบรู ณ์ ไดร้ ับความยินยอม มีของหมนั้ มีสนิ สอด 2) ชายหญงิ อายุ 17 ปีบริบูรณ์ ได้รับความยนิ ยอม มีของหม้ัน ไมม่ ีสนิ สอดก็ได้ 3) ชายหญิงอายุ 18 ปบี รบิ ูรณ์ ไดร้ ับความยินยอม ไม่มขี องหมัน้ ก็ได้ มสี นิ สอด 4) ชายหญงิ อายุ 18 ปีบริบรู ณ์ ได้รับความยินยอม ไมม่ ีของหมนั้ ก็ได้ ไมม่ ีสนิ สอดก็ได้ 56. การสมรสข้อใดเป็นโมฆะ 2) การสมรสกบั บตุ รบญุ ธรรม 1) การสมรสกับผู้เยาว์ 4) การสมรสกับคนลม้ ละลาย 3) การสมรสกบั บุคคลวิกลจรติ 57. การสมรสขอ้ ใดถกู ตอ้ งตามกฎหมาย 2) พี่ชายสมรสกับน้องสาว 1) ชายสมรสกับหญิงสตไิ มด่ ี 4) ชายตาบอดสมรสกับหญงิ ใบ้ 3) ปสู่ มรสกบั หลานสาว 58. ขอ้ ใดไม่ใช่สนิ ส่วนตัว 1) ทรพั ย์สินซึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนง่ึ ได้มาระหวา่ งสมรสโดยการให้ดว้ ยเสน่หา 2) ทรัพยส์ ินท่ีฝ่ายใดฝา่ ยหน่งึ มอี ยู่ก่อนสมรส 3) เครอื่ งใช้สอยส่วนตวั 4) ดอกผลของสินส่วนตัว 59. นายมากลักแหวนเพชรภรรยาของตนไปจาํ นาํ นายมากต้องรบั ผิดหรอื ไม่ 1) ผิดฐานลักทรัพย์ แต่กฎหมายลดโทษให้ก่งึ หนึ่ง 2) ผดิ ฐานลกั ทรพั ย์ แต่กฎหมายยกเว้นความผิดให้ 3) ผิดฐานลกั ทรัพย์ แต่กฎหมายยกเว้นโทษให้ 4) ไม่มคี วามผิด เพราะกฎหมายถอื ว่าลักทรพั ย์ตนเอง 60. ถา้ เบญจวรรณรบั โชคชัย อายุ 19 ปี ซึ่งสมรสแล้วเปน็ บุตรบุญธรรม จะตอ้ งได้รบั ความยนิ ยอมจากใครบา้ ง 1) คสู่ มรสของโชคชยั 2) คูส่ มรสของโชคชยั และโชคชัย 3) โชคชยั และบิดามารดาของโชคชยั 4) โชคชัย บิดามารดาของโชคชัย และคสู่ มรสของโชคชัย สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (88) _____________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
61. ข้อใดเป็นความผิดลหโุ ทษ 1) พาอาวุธไปในเมอื งหรือทางสาธารณะโดยไมม่ เี หตุสมควร 2) เกบ็ ได้ซง่ึ สังหารมิ ทรัพยอ์ นั มีคา่ แล้วเบียดบังเอาเปน็ ของตน 3) สง่ั ซือ้ และบรโิ ภคอาหารโดยรวู้ ่าไม่สามารถชาํ ระเงินคา่ อาหารนัน้ 4) ทําให้เส่อื มค่าซงึ่ ทรพั ยท์ ีม่ ีไว้เพอื่ สาธารณประโยชน์ 62. การขบั รถประมาทชนคนตายหรือไดร้ บั บาดเจบ็ สาหัส ตอ่ มาญาติของผตู้ ายหรอื ผ้ไู ด้รับบาดเจ็บบอกว่า ได้รบั ชดใช้คา่ เสียหายคา่ ทาํ ขวญั เป็นท่ีพอใจแลว้ ไมต่ ิดใจเอาความ กฎหมายถือว่าการกระทํานเี้ ป็นความผดิ อาญาประเภทใด 1) ความผดิ ท่ีกฎหมายยกเว้นโทษให้ 2) ความผดิ ลหุโทษ 3) ความผิดอาญาแผ่นดนิ 4) ความผิดทีย่ อมความได้ 63. นายเอกขว้างก้อนหินขนาดใหญ่เข้าไปในรถโดยสารประจําทางในขณะท่ีวิ่งเข้ามาในระยะใกล้ แต่เผอิญ ก้อนหินนนั้ ไปถกู ศีรษะนายโทซึ่งนงั่ อยใู่ นรถโดยสารประจาํ ทางคันน้ัน ทําให้นายโทถึงแก่ความตาย นายเอก จะมคี วามผดิ หรอื ไม่ อยา่ งไร 1) ผดิ ฐานฆา่ คนตายโดยเจตนา 2) ผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา 3) ผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาท 4) ไมผ่ ดิ เพราะเป็นอุบตั เิ หตุ 64. การบงั คบั คดอี าญา ในกรณที ี่ศาลพพิ ากษาลงโทษประหารชีวิตและจาํ คุกนัน้ ศาลจะส่งั ให้ .................... เปน็ ผู้จัดการบงั คบั ให้เปน็ ไปตามคําพพิ ากษา 1) เจา้ พนักงานตาํ รวจ 2) เจา้ พนักงานอัยการ 3) เจ้าพนักงานบังคบั คดี 4) เจา้ พนักงานราชทัณฑ์ 65. ในกรณใี ดทกี่ ฎหมายบงั คับให้ศาลตอ้ งทาํ การไตส่ วนมลู ฟอ้ งกอ่ น 1) ราษฎรเ์ ปน็ โจทก์ฟอ้ งคดอี าญา 2) การฟอ้ งความผดิ ต่อสว่ นตวั 3) พนกั งานอยั การฟอ้ งคดีอาญา 4) การฟอ้ งความผดิ ลหโุ ทษ 66. ในกรณนี อกจากพนักงานอยั การแลว้ บคุ คลใดท่ีมอี าํ นาจฟอ้ งคดีต่อศาลไดอ้ กี 1) พนกั งานสอบสวน และผู้เสียหาย 2) พนกั งานสอบสวน 3) ผูเ้ สียหาย 4) ทนายความ และผพู้ บเห็น 67. นายสมศักดิฝ์ ากสรอ้ ยไวท้ ีน่ างชูศรี แตน่ างชูศรกี ลับเอาไปขายแล้วทําทเี ป็นว่าไมร่ เู้ รอื่ งใดๆ ทง้ั ส้ิน พฤติกรรม เช่นนเ้ี ข้าขา่ ยความผิดตามกฎหมายอาญาฐานใด 1) ยกั ยอกทรพั ย์ 2) รีดเอาทรัพย์ 3) กรรโชกทรพั ย์ 4) ลกั ทรพั ย์ 68. อนสุ ิทธิบตั รแตกตา่ งจากสิทธิบตั รการประดษิ ฐอ์ ยา่ งไร 1) อนสุ ทิ ธบิ ตั รไม่ต้องมีขน้ั การประดษิ ฐส์ ูงข้นึ 2) อนสุ ิทธิบัตรไม่ตอ้ งจดทะเบยี นก็มผี ลสมบรู ณ์ 3) อนุสทิ ธิบตั รไมต่ ้องผา่ นกรรมวธิ จี ากโรงงานอุตสาหกรรม 4) อนุสิทธิบตั รไม่ต้องมเี ครอ่ื งหมายการคา้ มาเกี่ยวข้อง โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (89)
69. คุณลกั ษณะพิเศษขอ้ ใดทท่ี าํ ให้มนษุ ย์แตกตา่ งไปจากสตั วอ์ ่นื 1) ดาํ รงชวี ติ อยูต่ ามลาํ พงั ได้ 2) ปรบั ตวั เขา้ กบั สงิ่ แวดลอ้ มไดด้ กี วา่ 3) มีการแบ่งหน้าท่ีกนั ทํางาน 4) ความสามารถในการใช้สัญลักษณ์ 70. ทางสังคมวทิ ยามนุษยเ์ หมือนกับสตั วใ์ นข้อใด 2) ความเฉลยี วฉลาด 1) การสรา้ งความเจริญก้าวหน้า 4) ความสามารถในการใช้สญั ลักษณ์ 3) การปรบั ตัวให้เข้ากบั สภาพแวดล้อม 71. ความสามารถในข้อใดทช่ี ้ีวา่ มนษุ ยเ์ ปน็ สตั ว์สังคมที่แตกต่างไปจากสตั ว์ประเภทอนื่ 1) ความสามารถในการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม 2) ความสามารถในการดาํ รงเผ่าพันธุ์ของกลุ่ม 3) ความสามารถในการสรา้ งกฎเกณฑ์แบบแผนของกลมุ่ 4) ความสามารถในการปรับตัวเขา้ กบั สภาวะแวดลอ้ มของกลมุ่ 72. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้อง 1) ภาษาและวฒั นธรรมเปน็ มรดกทางสงั คม จึงมกี ารสบื ทอดและแพรก่ ระจายไปสู่สังคมอ่ืนได้ 2) วัฒนธรรมของแตล่ ะสงั คมย่อมเปน็ เครือ่ งชถ้ี งึ เอกลกั ษณข์ องตน จึงไม่มกี ารรบั จากสังคมอืน่ 3) ภาษาเปน็ สว่ นหนึ่งของวัฒนธรรม จึงหมายถึงภาษาพดู และภาษาเขียนท่ีใช้เปน็ ภาษาราชการเปน็ หลกั 4) ภาษาในสังคมดัง้ เดิมเป็นภาษาทง่ี า่ ยๆ และสละสลวย แต่สามารถใชใ้ นสังคมปัจจุบันไดโ้ ดยไมเ่ ปล่ียนแปลง 73. ขอ้ ใดถอื เป็นลักษณะสาํ คญั ทส่ี ดุ ของสังคมมนุษย์ 1) การพ่ึงพาอาศยั ซ่งึ กนั และกัน 2) การมวี ิถีชีวติ ในรูปแบบเดียวกัน 3) ความรสู้ กึ วา่ เปน็ กลุ่มพวกเผ่าพนั ธเุ์ ดยี วกัน 4) การต้งั หลักแหลง่ ทาํ มาหากนิ ร่วมกัน 74. การท่มี นษุ ยร์ ู้จักใช้ .................... จงึ ทําใหม้ นษุ ยส์ ามารถส่งั สมและถา่ ยทอดความรไู้ ด้ 1) เคร่ืองมอื เครือ่ งใช้ 2) จินตนาการ 3) ภาษา 4) สญั ลักษณ์ 75. “วัฒนธรรมคอื มรดกของสงั คม” หมายความว่าอยา่ งไร 1) วัฒนธรรมเปน็ เสมอื นสมบตั ขิ องสังคม 2) วัฒนธรรมเป็นสง่ิ ทีถ่ ่ายทอดกนั มา 3) วฒั นธรรมเป็นส่ิงที่ถกู สร้างอย่างประณตี บรรจง 4) วฒั นธรรมเปน็ สงิ่ ที่มคี ่าควรจะอนุรักษ์ไว้ 76. ขอ้ ใดเป็นวฒั นธรรมทเ่ี รียกวา่ “สหธรรม” ของสังคมไทย 1) การน่งั พบั เพยี บในวัด 2) การรกั ษาผปู้ ่วยดว้ ยน้าํ มนต์ 3) การปลอ่ ยปลาไหลสะเดาะเคราะห์ 4) การไหวพ้ ระราหูในคนื จันทรคราส 77. ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ ง 2) สัตว์มสี ังคมแต่ไม่มีวฒั นธรรม 1) สัตวม์ สี ังคมและมีวัฒนธรรม 3) สัตวม์ สี งั คมแตไ่ มม่ สี ัญชาตญาณ 4) สัตวม์ สี ญั ชาตญาณและมีสญั ลกั ษณ์ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (90) _____________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26
78. ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ วามจําเป็นขั้นพน้ื ฐานท่มี นุษยต์ อ้ งมาอย่รู ่วมกนั เปน็ สังคม 1) ความจาํ เป็นขน้ั ยังชพี 2) ความจําเปน็ ในการพิทักษป์ กปอ้ ง 3) ความจําเป็นในการส่งทอดทางวัฒนธรรม 4) ความจําเปน็ ในการปกครอง 79. สถาบันใดทท่ี าํ หนา้ ท่ีถา่ ยทอดวฒั นธรรมของสังคม ค่านยิ ม และปลูกฝังทกั ษะอาชีพ 1) สถาบันครอบครวั 2) สถาบนั ศาสนา 3) สถาบนั การเมืองการปกครอง 4) สถาบันการศกึ ษา 80. หนา้ ทส่ี ถาบันการศกึ ษาในขอ้ ใดทีเ่ หมอื นกับหน้าทข่ี องสถาบนั เศรษฐกิจ 1) กําหนดสถานภาพและชนชัน้ ในสังคม 2) สนองความต้องการทางจิตใจแก่สมาชิก 3) สรา้ งความเป็นปึกแผ่นในสังคม 4) ถ่ายทอดวฒั นธรรมของสังคม 81. คาํ พังเพยของไทยทว่ี า่ “เข้าเมืองตาหลวิ่ ให้หล่ิวตาตาม” ตรงกับขอ้ ใด 1) บรรทัดฐานทางสงั คม 2) การขัดเกลาทางสังคม 3) การเคลอื่ นทีท่ างสงั คม 4) การจัดระเบยี บทางสังคม 82. นักเรียนเอาเวลาไปเลน่ แทนท่ีจะต้งั ใจเรียนหนงั สือ แสดงวา่ นักเรยี นมีแต่สถานภาพ แตข่ าดสิง่ ใด 1) ความรบั ผดิ ชอบ 2) หนา้ ท่ี 3) ความเป็นคนดี 4) บทบาท 83. ข้อใดเปน็ กระบวนการขัดเกลาทางสังคมทางอ้อม 1) โรงเรียนจดั ปฐมนเิ ทศแกน่ กั เรยี นใหม่ 2) อาจารยพ์ านักเรยี นไปเขา้ คา่ ยชมรมอนุรกั ษธ์ รรมชาติ 3) แมส่ อนใหล้ ูกสาวหดั เยบ็ ปกั ถกั ร้อย 4) ชวู ิทยเ์ ขา้ ฟงั อภปิ รายเร่ืองรฐั ธรรมนญู ฉบบั ปัจจุบัน 84. ขอ้ ใดเกี่ยวข้องกับความสมั พันธ์แบบปฐมภมู ินอ้ ยท่ีสดุ 1) มีความใกลช้ ิดสนิทสนม 2) มคี วามสัมพันธ์เฉพาะหน้า 3) มีจาํ นวนสมาชิกไมม่ ากนกั 4) มีความพงึ พอใจเปน็ การส่วนตัว 85. การกระทําใดเปน็ การกระทําที่ผิดจารตี ประเพณไี ทย 1) การอกตญั ญตู อ่ พ่อแม่ ครูอาจารย์ 2) การแตง่ กายไม่เรยี บรอ้ ยเข้าหอ้ งเรียน 3) การสวมชดุ ดาํ ไปในงานแตง่ งาน 4) การไม่แสดงความเคารพตอ่ ครอู าจารย์ 86. ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ กู ต้องเก่ียวกับคา่ นยิ ม 1) ค่านยิ มมผี ลตอ่ ความเจริญของสงั คม 2) ค่านิยมมีความสมั พนั ธ์กบั วัฒนธรรม 3) ค่านยิ มจะแปรเปลยี่ นไปตามสภาพแวดล้อมของสังคม 4) คา่ นยิ มเป็นสิ่งทม่ี คี ่าและมคี วามถูกตอ้ งนา่ พงึ ปรารถนา โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (91)
87. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถูกต้องเก่ยี วกับสงั คมชนบทและสังคมเมือง 1) สงั คมชนบทมีความสมั พันธเ์ ป็นแบบปฐมภูมิ แต่สงั คมเมืองมีความสมั พนั ธ์เปน็ แบบทตุ ิยภูมิ 2) สังคมชนบทมีความสัมพันธก์ นั ตามหลกั เหตผุ ล แตส่ ังคมเมอื งมคี วามสัมพันธก์ นั ดว้ ยอารมณ์ 3) สังคมชนบทมีความสมั พนั ธ์เปน็ ไปตามประเพณี แตส่ ังคมเมอื งยึดผลประโยชนเ์ ป็นเกณฑ์ 4) สังคมชนบทมีขอบเขตความสัมพนั ธก์ วา้ งขวาง แตส่ ังคมเมอื งมขี อบเขตความสมั พนั ธแ์ คบเฉพาะเรือ่ งใด เร่อื งหน่ึง 88. เทศกาลใดของสงั คมไทยท่สี ะท้อนคา่ นิยมในเรอ่ื งความกตัญญกู ตเวทีไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 1) เทศกาลสงกรานต์ 2) เทศกาลเขา้ พรรษา 3) เทศกาลตรุษ 4) เทศกาลออกพรรษา 89. วฒั นธรรมทอ้ งถิ่นใดท่ีแสดงถงึ ความสัมพนั ธ์กับบรรพบรุ ุษทลี่ ว่ งลับไปแลว้ 1) ประเพณตี านก๋วยสลาก 2) ประเพณงี านบญุ คูนลาน 3) ประเพณีบญุ บงั้ ไฟ 4) ประเพณีรบั บวั โยนบัว 90. การละเลน่ ของไทย เช่น เต้นกาํ รําเคยี ว เป็นประเพณีที่บอกใหเ้ รารวู้ า่ วฒั นธรรมไทยนั้นมพี ้ืนฐานมาจาก ลักษณะใด 1) เกษตรกรรม 2) ความสนุกสนาน 3) พธิ กี รรม 4) ความสามัคคี 91. ประเพณใี ดได้รบั อิทธพิ ลจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู 1) ประเพณสี ารทเดอื นสบิ 2) ประเพณรี ับบัวโยนบวั 3) ประเพณกี ารสืบชะตาหรือต่ออายุ 4) ประเพณีกนิ ผกั 92. ขอ้ ใดเป็นภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ินของชาวใต้ 1) เพลงบอก 2) เพลงฉอ่ ย 3) ลําตัด 4) เพลงอแี ซว 93. ประเพณที อ้ งถน่ิ ในภูมิภาค ขอ้ ใดสัมพันธก์ ัน 1) ภาคอสี าน - ฮตี สิบสอง, บุญคูนลาน, รํากลองยาว 2) ภาคกลาง - รบั บวั โยนบวั , ตกั บาตรดอกไม้, รํากระทบไม้ 3) ภาคเหนือ - ตานกว๋ ยสลาก, ฟอ้ นเล็บ, เซ้ิงกระติบ 4) ภาคใต้ - บุญสารทเดอื นสิบ, ชกั พระ, รําโนรา 94. การเปลย่ี นแปลงดา้ นความรู้ ความคิด ความเชอื่ ในทางสงั คมวิทยาถอื วา่ เป็นการเปลีย่ นแปลงในเรอื่ งใด 1) การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม 2) การเปลีย่ นแปลงทางบคุ ลกิ ภาพ 3) การเปลีย่ นแปลงทางสงั คม 4) การเปลี่ยนแปลงทางพฤตกิ รรม 95. ขอ้ ใดคอื ความหมายที่ถูกต้องของการเปล่ยี นแปลงทางวฒั นธรรม 1) เปน็ การเปล่ียนแปลงในความสัมพันธร์ ะหว่างมนุษย์กบั ส่งิ ของ 2) เปน็ การเปลย่ี นแปลงทเ่ี กี่ยวข้องกับโครงสรา้ งทางสงั คม 3) เปน็ การเปลย่ี นแปลงในความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมาชกิ ในสังคม 4) เปน็ การเปลย่ี นแปลงทเี่ ก่ยี วข้องกับสถานภาพและบทบาททางสังคม สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (92) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26
96. ข้อใดเป็นการเปล่ียนแปลงทางสงั คม 1) เกษตรกรนาํ ระบบชลประทานและป๋ยุ มาใชเ้ พอ่ื เพิม่ ผลผลติ 2) การนําเอาภาพถา่ ยดาวเทยี มมาประยุกต์ในงานดา้ นป่าไม้ 3) หนมุ่ สาวชนบทหนั มาทาํ งานในโรงงานอตุ สาหกรรมกนั มาก 4) การนาํ เอาแนวความคดิ การปกครองแบบประชาธปิ ไตยมาใชใ้ นประเทศไทย 97. “การเปลย่ี นแปลงที่มที ิศทาง มเี ป้าหมายตามเจตจํานงของคนในสงั คมทแ่ี สดงออกในรปู ของการวางแผน หรือไม่กไ็ ด”้ หมายถงึ ข้อใด 1) การพัฒนาสังคม 2) การทาํ ใหเ้ ปน็ สังคมสมัยใหม่ 3) การปฏิวัติสังคม 4) ความก้าวหนา้ ทางสงั คม 98. ปัญหาขอ้ ใดมีความเกยี่ วขอ้ งกบั ปญั หาความยากจน 1) ปัญหาจราจร 2) ปญั หาโรคเอดส์ 3) ปญั หาส่ิงแวดล้อม 4) ปัญหาโสเภณี 99. ข้อใดไมใ่ ช่สาเหตุสําคญั ของปญั หาอาชญากรรม 1) ความบกพรอ่ งทางรา่ งกายและจากกรรมพันธุ์ 2) ความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม 3) สภาพครอบครวั ทแ่ี ตกแยก 4) การขาดประสทิ ธิภาพของมาตรการทางกฎหมาย 100. คุณชายพฒุ ภิ ทั รซง่ึ เปน็ บุตรลาํ ดบั ท่ี 3 ในตระกูลจุฑาเทพ เปน็ แพทย์ประจาํ ทีโ่ รงพยาบาลบํารงุ รกั ษ์” ขอ้ ความดงั กล่าวแสดงถึงอะไร 1) บทบาททางสังคม 2) สถานภาพทางสังคม 3) บรรทัดฐานทางสังคม 4) ความสัมพันธท์ างสงั คม เฉลย TEST...รูทนั ขอ สอบหนา ท่ีพลเมอื งฯ ป 2558 1. Z 2. Y 3. [ 4. Y 5. Z 6. Z 7. [ 8. X 9. [ 10. Z 11. Z 12. Y 13. Z 14. [ 15. [ 16. Y 17. Y 18. [ 19. Z 20. X 21. Y 22. X 23. [ 24. Y 25. X 26. X 27. Z 28. Y 29. Y 30. Y 31. Y 32. [ 33. X 34. Y 35. X 36. X 37. Y 38. X 39. X 40. Z 41. X 42. X 43. Z 44. X 45. [ 46. Y 47. X 48. Z 49. [ 50. [ 51. [ 52. [ 53. Y 54. Z 55. Y 56. Z 57. [ 58. [ 59. Z 60. Y 61. X 62. Z 63. X 64. [ 65. X 66. Z 67. X 68. X 69. [ 70. Z 71. Z 72. X 73. Y 74. [ 75. Y 76. X 77. Y 78. [ 79. [ 80. [ 81. X 82. [ 83. [ 84. [ 85. X 86. [ 87. Y 88. X 89. X 90. X 91. X 92. X 93. [ 94. X 95. X 96. Z 97. X 98. [ 99. [ 100. Y โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (93)
รทู นั ...ขอสอบเศรษฐศาสตร ป 2558 จงเลือกคําตอบท่ีถูกต้องทสี่ ุด 1. เศรษฐศาสตร์มหภาคไม่มีความเกีย่ วข้องกบั เร่ืองใด 1) ปริมาณการไหลเข้าและไหลออกของเงินในวงจรเศรษฐกิจ 2) การเข้าประกันราคาข้าวเพือ่ ช่วยเหลือเกษตรกร 3) ระดับราคาสนิ ค้าโดยทว่ั ไปในระบบเศรษฐกิจ 4) ปญั หาการว่างงานในระบบเศรษฐกิจ 2. ข้อใดจัดเปน็ เศรษฐศาสตร์ตามทเ่ี ป็นจริง (Positive Economics) 1) การเพม่ิ ขึ้นของอตั รารายได้ประชาชาติควรจะสูงกว่าอตั ราการเพม่ิ ขึ้นของระดบั ราคาสินคา้ บรกิ าร 2) ศูนยว์ ิจัยกสกิ รไทยประเมนิ ว่าสินเชอื่ แบงกค์ ร่ึงปีหลังชะลอตวั 3) การเพ่มิ สงู ข้ึนของราคานํา้ มัน ส่งผลให้ปรมิ าณการขายรถยนต์ลดลง 4) หลงั จากปริมาณการส่งข้าวไปต่างประเทศเพิ่มข้นึ ดุลการคา้ ของประเทศไทยนา่ จะดขี ้ึน 3. โดยหลกั เศรษฐศาสตร์ การจัดสรรทรพั ยากรจะเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพสูงสุดในกรณใี ด 1) เมอื่ มีการผลติ ขนาดใหญ่ท่สี ุด 2) เม่ือมีการผลติ แบบผกู ขาด 3) เมื่อการผลิตอยภู่ ายใต้ตลาดแข่งขนั ไม่สมบรู ณ์ 4) เมื่อการผลติ อยู่ภายใต้ตลาดแข่งขนั สมบรู ณ์ 4. ปัจจยั การผลิตใดท่ีมคี วามสําคญั ทสี่ ดุ ในการสรา้ งความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ 1) ที่ดิน 2) ทนุ 3) แรงงาน 4) ผปู้ ระกอบการ 5. ขอ้ ใดต่อไปนี้มปี จั จัยการผลติ ครบทัง้ สป่ี ระเภท 1) ดบี กุ เครือ่ งใช้สํานักงาน นักการภารโรง นายจ้าง 2) ปริมาณนํา้ ฝน เสมยี น เงนิ ทนุ นํา้ มัน 3) ดนิ ฟ้าอากาศ ควายไถน่ า ปลาในเขอื่ น กรรมการบรหิ ารงาน 4) แมบ่ ้าน โรงงาน เครอ่ื งสบู นํ้า อณุ หภูมิ 6. ขอ้ ใดไม่ใช่การผลติ ในลักษณะของการให้บรกิ าร 1) การเขยี นแบบบ้านให้ลูกคา้ ของสถาปนกิ 2) การรักษาพยาบาลคนไขข้ องแพทย์ 3) การซอ้ื ขายทด่ี นิ เพือ่ เกง็ กําไร 4) การให้คาํ ปรกึ ษาของวศิ วกรเก่ยี วกบั บอ่ บาํ บดั นํ้าเสยี สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (94) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 26
7. โครงสรา้ งเศรษฐกิจพ้ืนฐาน (Infrastructure) หมายถงึ ขอ้ ใด 1) ไฟฟา้ ประปา การสื่อสารและการคมนาคมขนสง่ เป็นต้น 2) กิจกรรมการผลติ ข้นั ปฐมภูมิที่เปน็ พืน้ ฐานของสังคม 3) หนว่ ยย่อยในระบบเศรษฐกิจ ได้แก่ ครวั เรือน หน่วยธุรกิจ และรฐั บาล 4) หลักการแก้ปัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐกจิ และการจดั สรรทรัพยากร 8. สนิ ค้าขอ้ ใดแตกต่างจากสินค้าข้ออ่ืน 1) ยารกั ษาโรคท่โี รงพยาบาลจา่ ยให้คนอนาถา 2) สมุดและหนงั สอื เรียนทีร่ ฐั แจกใหฟ้ รีแก่นักเรียนยากจน 3) บัตรโดยสารรถเมลไ์ ม่เสยี เงนิ ของทหารผ่านศกึ 4) อากาศและแสงแดดที่ชายทะเล 9. ขอ้ ใดจัดเปน็ สินค้าสาธารณะท่ีแท้จรงิ 2) บ้านจดั สรร 1) การปอ้ งกนั ประเทศ 4) หา้ งสรรพสินค้า 3) ถนน 10. สินคา้ ขัน้ กลาง ถกู นบั รวมในผลิตภัณฑ์ในประเทศเบื้องต้นหรอื ไม่ เพราะเหตุใด 1) ไม่นับรวม เพราะไมม่ มี ูลค่าการผลติ ทแี่ ท้จริง 2) ไมน่ ับรวม เพราะเป็นการนับซาํ้ 3) นบั รวม เพราะเปน็ ผลผลิตในประเทศไทย 4) นับรวม เพราะเปน็ ขนั้ ตอนหนึ่งของการผลิตสินค้าขน้ั สุดทา้ ย 11. ร้าน “ปา้ ลิลล”่ี ทาํ เคก้ กลว้ ยหอมขาย โดยใช้แป้ง 500 บาท ไข่ 300 บาท น้ําตาล 700 บาท กลว้ ย 200 บาท ทําเคก้ กลว้ ยหอมขายได้ 100 กล่อง ขายกล่องละ 30 บาท จงหามลู คา่ เพ่มิ ในการผลิต 1) 1,200 บาท 2) 1,300 บาท 3) 1,400 บาท 4) 1,500 บาท 12. นายแดงจบปรญิ ญาตรซี ึ่งอตั ราค่าจา้ งขน้ั ต่ําสาํ หรับผจู้ บปรญิ ญาตรี คือ 7,500 บาท นายแดงได้พยายาม ไปสมัครงานหลายแห่ง แตก่ ็หางานทําไม่ได้ ทาํ ใหน้ ายแดงตอ้ งว่างงานอยเู่ ป็นเวลานานถงึ 3 เดือน ในทส่ี ุด นายแดงจงึ จําเป็นตอ้ งไปรบั จ้างเป็นยามเฝ้าบริษัทแห่งหน่งึ ไดร้ บั เงินเดือน 5,000 บาท และได้รบั เบย้ี เลยี้ ง พเิ ศษอีกเดอื นละ 500 บาท คา่ เสียโอกาสของนายแดงในท่นี ี้เทา่ กับเทา่ ใด 1) 5,000 บาท 2) 5,500 บาท 3) 7,500 บาท 4) 0 บาท 13. เม่ือรายได้ของผบู้ รโิ ภคเพ่ิมขึ้น ผ้บู รโิ ภคจะซ้ือสนิ คา้ นอ้ ยลง ถา้ สินค้านั้นเปน็ สินคา้ ประเภทใดในทาง เศรษฐศาสตร์ 2) สินค้าดอ้ ย 1) สินค้าทใ่ี ชป้ ระกอบกนั 3) สนิ คา้ ทีใ่ ช้แทนกนั 4) สินค้าสาธารณะ โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีที่ 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (95)
14. เศรษฐทรพั ยจ์ ะตอ้ งมคี ณุ สมบตั ิข้อใดเป็นส่ิงสาํ คัญทีส่ ุด 1) มีมลู คา่ ในการซ้ือขายแลกเปล่ียน 2) มีคณุ ภาพดี 3) เป็นสิ่งทม่ี ปี ระโยชน์ 4) มปี รมิ าณน้อย 15. ในทางเศรษฐศาสตร์ การจ้างงานเต็มที่ (Full Employment) หมายความว่าอย่างไร 1) การทีป่ ระชาชนในชาติมงี านทําทกุ คน 2) การทีป่ ระชาชนในชาตทิ อ่ี ยากทํางานมงี านทาํ 3) การทปี่ ระชาชนในชาติได้ทาํ งานตามความสามารถ 4) การทีป่ ระชาชนในชาติมีงานทําและไดร้ บั สวสั ดิการจากรัฐทุกคน 16. ข้อใดแสดงความหมายของคําว่า “รายได”้ ในทางเศรษฐศาสตร์ 1) นายกิตได้รบั ชาํ ระหนค้ี ืน 15,000 บาท 2) นายกิ่งไดร้ บั เงินเดือนจากการรอ้ งเพลงเดือนละ 20,000 บาท 3) นายไก่ถกู ลอ็ ตเตอร่ี 50,000 บาท 4) นายกรไดร้ ับมรดกจากคณุ ปู่ 100,000 บาท 17. จุดม่งุ หมายของผู้บริโภคในทางเศรษฐศาสตรค์ อื ขอ้ ใด 1) การมเี งนิ สําหรับซื้อสินค้าท่ีมีความตอ้ งการมากท่สี ุด 2) การบริโภคสินคา้ ทมี่ ีคุณภาพในระดบั รายไดท้ ่มี ีอยู่ 3) ความพอใจสูงสุดจากการบรโิ ภคสินคา้ ในระดับรายไดท้ มี่ ีอยู่ 4) การแสวงหาสินคา้ มาสนองความตอ้ งการใหไ้ ดม้ ากทสี่ ุด 18. ขอ้ ความใดเก่ยี วข้องกับเรือ่ งของอุปสงค์ 1) เทคนิคการผลิตทด่ี ขี ้ึนมีผลทําใหต้ น้ ทนุ การผลติ ลดลง 2) การเก็บภาษขี องรัฐเปน็ เคร่ืองมือหน่งึ ทช่ี ่วยในการกระจายรายได้ 3) ผู้ทมี่ ีรายไดส้ ูงมกั จา่ ยเงนิ ซ้อื สินคา้ ในจาํ นวนมาก 4) สนิ ค้าทน่ี าํ มาขายในตลาดนดั มหี ลายประเภท 19. ปัจจัยข้อใดไม่ไดม้ ีส่วนในการกาํ หนดปริมาณซ้ือเนื้อวัวในตลาด 1) รสนยิ มของผู้ซอ้ื ทีม่ ตี อ่ เน้อื ววั 2) ราคาของเน้ือหมู 3) จาํ นวนผู้ขายเนือ้ วัวในตลาด 4) จาํ นวนเงนิ ท่ผี ูซ้ ื้อมอี ยู่ 20. ปรมิ าณเสนอขายสินค้าชนดิ ใดชนดิ หนงึ่ ขึน้ อยูก่ ับปัจจัยในข้อใดนอ้ ยท่ีสุด 1) ราคาสินค้าชนิดน้นั 2) ราคาปจั จยั การผลติ ทีใ่ ช้ผลิตสินค้าชนิดนน้ั 3) รายไดข้ องผ้ซู ือ้ 4) ระดบั เทคโนโลยี 21. กฎของอปุ ทาน (Law of Supply) เป็นไปตามขอ้ ใด 1) ปรมิ าณขายและราคาสนิ คา้ ยอ่ มเปล่ียนแปลงในทศิ ทางเดยี วกัน 2) ปริมาณขายและราคาสนิ คา้ ย่อมเปลีย่ นแปลงในทิศทางตรงกันข้าม 3) ถา้ ราคาสินค้าสงู ขนึ้ ปริมาณเสนอการขายจะลดลง 4) ราคาสินค้ายอ่ มไม่มผี ลกระทบตอ่ ปริมาณการเสนอขาย สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (96) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 26
22. คํากล่าวท่ีวา่ “อปุ สงค์ต่อราคาทีผ่ ซู้ ้ือมีตอ่ วิทยเุ ป็นเสน้ ท่ีลาดจากซ้ายลงมาทางขวา” มีความหมายว่าอย่างไร 1) เมื่อวทิ ยุมีราคาลดลง ปริมาณซ้ือวทิ ยุจะเพ่มิ ขนึ้ 2) เมือ่ วิทยุมีราคาเพิ่มขน้ึ ปริมาณซ้ือวิทยจุ ะเพมิ่ ข้นึ 3) เม่ือเครื่องรบั โทรทศั น์มรี าคาเพมิ่ ขึ้น ปริมาณซอื้ วิทยุจะเพม่ิ ขึน้ 4) เมื่อวทิ ยุมีคุณภาพดขี ึน้ ปรมิ าณซื้อวทิ ยจุ ะเพ่มิ ขึ้น 23. ราคาดุลยภาพ (Equilibrium Price) หมายถงึ ขอ้ ใด 1) ระดับราคาสินค้าเฉลยี่ โดยทั่วไป 2) ราคาสนิ คา้ ทเี่ ปน็ ธรรมตอ่ ผซู้ ื้อและผขู้ าย 3) ราคาสูงสุดทีผ่ ูซ้ ้ือจะยอมซือ้ สนิ คา้ หนว่ ยหนงึ่ ๆ 4) ราคาท่ปี ริมาณเสนอซือ้ เท่ากบั ปริมาณเสนอขาย 24. “ตลาดมดื ” จะเกดิ ขนึ้ ในกรณใี ด 1) มกี ารกาํ หนดราคาขั้นสงู ในระดบั ตาํ่ กวา่ ราคาดุลยภาพ 2) มีการกาํ หนดราคาขน้ั สูงในระดบั สูงกว่าราคาดุลยภาพ 3) มีการกาํ หนดราคาขั้นตํ่าในระดับต่ํากวา่ ราคาดุลยภาพ 4) มีการกาํ หนดราคาข้นั ตาํ่ ในระดบั สงู กว่าราคาดุลยภาพ 25. ถา้ ระดับราคาสนิ ค้าท่ีเปน็ อย่ใู นขณะนั้นสูงกว่าราคาดุลยภาพ จะเกิดเหตุการณใ์ ด 1) เกิดอปุ สงคส์ ่วนเกิน 2) สนิ คา้ ขาดแคลน และเกดิ ตลาดมดื 3) รัฐบาลต้องเขา้ มาประกันราคาสินคา้ 4) ราคาสินค้ามีแนวโนม้ ลดลง 26. ราคาขน้ั ตาํ่ จะถกู กาํ หนดไว้ ณ ระดับใด 1) ตา่ํ กว่าราคาดลุ ยภาพ เพ่ือช่วยเหลือผู้บริโภค 2) สูงกวา่ ราคาดลุ ยภาพ เพ่อื ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ผลิต 3) ณ ระดับราคาท่ผี ้บู รโิ ภคพอใจ 4) ณ ระดับราคาท่ผี ู้ผลติ ได้กาํ ไรสงู สดุ 27. ในการกําหนดราคาขน้ั สงู จะสง่ ผลอย่างไร 2) เกิดราคาดุลยภาพลดลง 1) เกดิ อุปทานส่วนเกนิ 4) เกดิ ราคาดลุ ยภาพเพิม่ ข้ึน 3) เกดิ อปุ สงคส์ ่วนเกิน 28. การจัดสรรทรพั ยากรในระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนิยม อาศัยกลไกในข้อใด 1) กลไกราคา 2) กลไกรัฐ 3) กลไกภาษี 4) กลไกการคา้ 29. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะที่สําคัญที่สุดของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม 1) การทํางานของระบบอาศัยกลไกราคา 2) เอกชนมคี วามเสมอภาคในรายได้ 3) เอกชนมเี สรภี าพในการประกอบการทกุ อยา่ ง 4) เอกชนมีกรรมสิทธใิ์ นทรพั ยส์ ินทุกอยา่ ง โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (97)
30. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ระบบเศรษฐกิจแบบทนุ นยิ ม 1) รัฐใหเ้ อกชนดําเนนิ ธรุ กจิ โดยเสรี 2) ผลกําไรเปน็ เปา้ หมายสงู สุดในการประกอบการ 3) ธุรกจิ ที่เปน็ สาธารณูปโภคสงวนให้รัฐเป็นผ้จู ดั 4) ระบบราคาเป็นกลไกควบคมุ การค้าและการเคลอ่ื นไหวทางเศรษฐกจิ 31. ระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมนยิ มใช้อะไรเปน็ สง่ิ พจิ ารณาในการจดั สรรทรัพยากร 1) สังคมเป็นผ้พู ิจารณา 2) ระบบการเมือง 3) รัฐบาลเปน็ ผชู้ ้ขี าด 4) กลไกราคา 32. ข้อใดเป็นข้อดขี องระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมนยิ ม 1) การจดั สรรทรพั ยากรมปี ระสิทธิภาพ 2) เอกชนมีเสรีภาพในการดาํ เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 3) มคี วามเทา่ เทียมกนั ในฐานะทางเศรษฐกจิ ระหว่างบคุ คล 4) มคี วามยดึ หยุ่นในการเลือกใชเ้ ครื่องมอื เพอื่ แก้ปญั หาพืน้ ฐานทางเศรษฐกจิ 33. ทีเ่ รียกวา่ ระบบเศรษฐกจิ แบบผสมนนั้ ผสมระหวา่ งระบบอะไรกับระบบอะไร 1) สังคมนยิ มและคอมมิวนิสต์ 2) เสรนี ยิ มและระบบตลาด 3) สงั คมนิยมประชาธิปไตยและทนุ นิยม 4) ทนุ นยิ มและสงั คมนิยม 34. ขอ้ ใดไมใ่ ชบ่ ทบาทของรฐั บาลในระบบเศรษฐกิจแบบผสม 1) คุ้มครองสวัสดิการของสังคม 2) จัดสรรสนิ คา้ และบริการตา่ งๆ 3) กาํ หนดให้มีการวางแผนเศรษฐกิจและสังคม 4) กาํ กบั ดแู ลกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ใหเ้ กดิ ความเป็นธรรม 35. ระบบสงั คมนยิ มกับระบบทุนนิยมมีข้อแตกตา่ งในเร่ืองใด 1) ระบบสังคมนิยมรฐั บาลจะเปน็ ผดู้ าํ เนนิ การในเรอ่ื งเศรษฐกิจทกุ เรื่อง 2) ระบบสังคมนยิ มจะใหค้ วามสาํ คญั ในเร่อื งเศรษฐกจิ มากกว่าทุนนิยม 3) ระบบสงั คมนิยมประชาชนสามารถซอื้ สินค้าในราคาต้นทนุ ได้ 4) ประชาชนในประเทศสงั คมนิยมจะมีฐานะเท่าเทียมกันทกุ ประการ 36. ขอ้ ใดไม่ใชล่ ักษณะของระบบเศรษฐกิจไทย 1) มีการแขง่ ขนั กนั มากโดยเฉพาะในกจิ การขนาดเล็ก 2) มีรฐั บาลเป็นผผู้ กู ขาดกจิ การดา้ นการผลติ บางประเภท 3) เปน็ แบบผสมทีผ่ ปู้ ระกอบการเอกชนมีบทบาทสาํ คญั 4) รฐั บาลยินยอมให้เอกชนกาํ หนดทศิ ทางของเศรษฐกิจทงั้ หมด สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (98) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 26
37. ข้อใดไม่ใชล่ ักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ 1) ผ้บู ริโภคเหน็ ว่าสนิ ค้าของผู้ผลติ แตล่ ะคนไม่มีความแตกต่างกัน 2) จํานวนผู้ผลติ มีมากพอทจ่ี ะไม่มผี ผู้ ลิตรายใดสามารถมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ราคาตลาด 3) ผผู้ ลิตสามารถเลิกผลิตไดโ้ ดยไม่กระทบกระเทือนตลาด 4) ผู้ผลิตแตล่ ะรายจะสง่ เสรมิ การขายดว้ ยการโฆษณา 38. ตลาดประเภทใดทมี่ อี ุปสงค์และอปุ ทานเป็นตัวกาํ หนดราคาและปริมาณ 1) ตลาดแขง่ ขันสมบูรณ์ 2) ตลาดผ้ขู ายน้อยราย 3) ตลาดกึ่งแข่งขันกง่ึ ผกู ขาด 4) ตลาดผูกขาด 39. ข้อใดจัดเปน็ สินคา้ ในตลาดผขู้ ายน้อยราย 2) รถไฟฟา้ 1) รถยนต์ 4) ข้าวขาหมู 3) ขา้ วเปลือก 40. หนว่ ยธุรกิจใดมีลักษณะใกลเ้ คียงกบั สภาพแข่งขันสมบูรณม์ ากท่ีสุด 1) บรษิ ัท ฟอร์ด มอเตอร์ 2) สายการบินไทย 3) นายสี ชาวนา 4) องคก์ ารโทรศพั ท์ 41. การโฆษณาหรอื การสง่ เสรมิ การขายมีอทิ ธพิ ลต่อการเปลย่ี นแปลงราคาสินคา้ ประเภทใดน้อยที่สดุ 1) โทรศพั ท์มอื ถอื 2) ข้าวเปลอื ก 3) หนงั สือพิมพ์รายวนั 4) ปนู ซีเมนต์ 42. ความลม้ เหลวของ “กลไกราคา” ในตลาดแข่งขันสมบรู ณ์เกิดจากสาเหตุใด 1) การผกู ขาดการผลติ ในสินคา้ บางชนิด 2) การดาํ เนนิ นโยบายทผี่ ดิ พลาดของรฐั บาล 3) อปุ สงค์ของผู้บริโภคสงู กว่าปริมาณสินค้าท่ผี ลติ ได้ 4) การกระจายรายได้ทไี่ ม่เปน็ ธรรม 43. สหกรณป์ ระเภทใดมกี ิจกรรมคล้ายธนาคารพาณชิ ย์ 1) สหกรณอ์ อมทรัพย์ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์บรกิ าร 2) สหกรณ์บรกิ าร สหกรณน์ ิคม สหกรณ์รา้ นค้า 3) สหกรณก์ ารเกษตร สหกรณร์ า้ นคา้ สหกรณ์ออมทรพั ย์ 4) สหกรณ์ร้านค้า สหกรณอ์ อมทรัพย์ สหกรณ์นิคม 44. ข้อใดเปน็ คณุ ลกั ษณะของเศรษฐกจิ พอเพียง 1) พอประมาณ มีเหตผุ ล มีภูมคิ ุ้มกันในตวั ท่ดี ี 2) ประหยัด ทางสายกลาง ประกอบอาชีพสจุ ริต 3) พ่งึ ตนเอง ความสามคั คี ชุมชนเขม้ แข็ง 4) ความยง่ั ยนื ความสมดุล มีการบรหิ ารจดั การท่ดี ี โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (99)
45. ขอ้ ใดเปน็ เงือ่ นไขท่สี ําคัญของเศรษฐกจิ พอเพียง 1) ความรับผิดชอบ ซอื่ สัตยส์ ุจรติ 2) ธรรมาภบิ าล โลกาภวิ ัตน์ 4) พอประมาณ มภี ูมิคุ้มกนั ท่ีดี 3) ความรู้ คุณธรรม 46. ทฤษฎใี หมข่ ้ันท่ี 2 อธบิ ายถงึ เรอ่ื งใด 1) ผลติ อาหารบริโภคเอง เหลือเอาไว้ขาย ทําให้มีกนิ อมิ่ ไมต่ ดิ หนี้ มีเงนิ ออม 2) ม่งุ เนน้ แก้ปัญหาของเกษตรกรท่ีอยหู่ ่างไกลแหลง่ นํา้ 3) รวมตัวกันเป็นองคก์ รชุมชน ทาํ เศรษฐกิจชุมชนในรปู แบบต่างๆ 4) ติดต่อประสานงานเพอื่ จดั หาทุนและแหลง่ เงิน 47. ขอ้ ใดเปน็ วิธกี ารเพม่ิ ผลิตภัณฑ์รวมภายในประเทศต่อหัวประชากรของไทยเพื่อความได้เปรียบในการแขง่ ขัน ทางการคา้ ระหวา่ งประเทศ 1) การสรา้ งเครือข่ายวสิ าหกิจในกลุม่ อตุ สาหกรรม 2) การใช้นโยบายการคา้ แบบเสรอี ยา่ งแทจ้ รงิ 3) การลดตน้ ทุนและคา่ แรงงานภายในประเทศ 4) การเรง่ สร้างปจั จยั โครงสรา้ งพน้ื ฐานใหเ้ พียงพอ 48. ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ปริมาณเงนิ ในความหมายอย่างแคบ (M1) หมายถงึ ข้อใด 1) ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ และเงินฝากกระแสรายวนั 2) ธนบตั ร เหรยี ญกษาปณ์ เงนิ ฝากกระแสรายวนั และเงนิ ฝากประจาํ 3) ธนบตั ร เหรยี ญกษาปณ์ เงินฝากกระแสรายวนั เงนิ ฝากประจํา และเงนิ ฝากออมทรัพย์ 4) ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ เงนิ ฝากกระแสรายวัน เงนิ ฝากประจํา เงนิ ฝากออมทรัพย์ และเงินท่อี ยู่ในมอื ธนาคารกลางและกระทรวงการคลัง 49. สถาบนั การเงินในตลาดเงนิ ทีม่ บี ทบาทในการรบั ฝากเงนิ และให้กู้ยมื เงินแกป่ ระชาชนมากทสี่ ุดไดแ้ ก่ขอ้ ใด 1) ธนาคารพาณชิ ย์ 2) ธนาคารแหง่ ประเทศไทย 3) ธนาคารออมสนิ 4) ตลาดหลกั ทรัพยแ์ ห่งประเทศไทย 50. เม่ือรายไดป้ ระชาชาตเิ พิ่มขนึ้ พร้อมๆ กับอัตราการเกดิ ของประชากรลดลง จะมีผลทาํ ใหเ้ กดิ อะไร 1) ประชากรในวยั แรงงานมจี าํ นวนเพิ่มข้นึ 2) อตั ราการสะสมทนุ เพ่ิมขน้ึ 3) รายไดป้ ระชาชาตเิ ฉลี่ยตอ่ บคุ คลเพม่ิ ขนึ้ 4) ประสทิ ธภิ าพของแรงงานเพม่ิ ข้ึน 51. รายการใดทนี่ ํามาคิดรวมในรายได้ประชาชาติ 1) เงินคา่ นายหนา้ จากการเปน็ ตวั แทนขายกรมธรรมป์ ระกนั ชวี ติ จํานวน 20,000 บาท 2) เงินคา่ ขายบา้ นและที่ดนิ ที่ไดร้ ับมรดกมาเปน็ มลู คา่ 5 ล้านบาท 3) เงินจากการจบั เด็กไปเรยี กค่าไถ่จาํ นวน 300,000 บาท 4) เงินรางวลั ท่จี ่ายให้ผถู้ กู สลากกินแบ่งรฐั บาลจํานวน 50,000 บาท สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (100) ____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224