Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จากอดีตสู่ปัจจุบัน : มหันตภัยสารอินทรีย์ระเหย (ในดินและน้ำใต้ดิน)

จากอดีตสู่ปัจจุบัน : มหันตภัยสารอินทรีย์ระเหย (ในดินและน้ำใต้ดิน)

Published by konmanbong_k3, 2021-10-07 03:48:12

Description: จากอดีตสู่ปัจจุบัน : มหันตภัยสารอินทรีย์ระเหย (ในดินและน้ำใต้ดิน)

Search

Read the Text Version

• การศึกษาสถานการณ์การปนเปื้อนของสาร อินทรีย์ระเหยในดินและน้�ำใตด้ นิ • การจดั ทำ� แบบจำ� ลองทางคณติ ศาสตรท์ ศิ ทางการ ไหลของน�้ำใต้ดินและการเคลื่อนท่ีของมวลสาร อันตราย • การตดิ ตงั้ ระบบ In-Situ Bioremediation ในการ บำ� บดั นำ้� ใตด้ นิ ทปี่ นเปอ้ื นสาร VOCs และประเมนิ ประสิทธิภาพระบบ • การออกแบบและตดิ ตงั้ ระบบบำ� บดั ดนิ ทป่ี นเปอ้ื น สาร VOCs โดยใชเ้ ทคนคิ Soil Vapor Extraction (SVE) • การจัดท�ำฐานข้อมูลเทคนิคในการฟื้นฟูดินและ น�้ำใต้ดินทีป่ นเปอ้ื นสารอันตราย • การจัดล�ำดับความรุนแรงของพ้ืนที่ปนเปื้อน เพ่ือป้องกัน แก้ปัญหา และบ�ำบัดฟื้นฟูดิน และ น�ำ้ ใตด้ ิน ในพ้ืนท่จี ังหวดั ระยอง จากอดตี ส่ปู ัจจุบนั มหนั ตภยั สารอนิ ทรียร์ ะเหย (ในดนิ และนำ้ �ใตด้ นิ ) 149

การศกึ ษาสถานการณ์การปนเปือ้ น ของสารอินทรยี ร์ ะเหยในดินและน้ำ�ใตด้ ิน กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อมได้ด�ำเนินการ ศึกษาสถานการณ์การปนเปื้อนของสารอินทรีย์ระเหย ในดินและน้�ำใต้ดินในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ในชว่ งแรกของการศกึ ษาประมาณปี 2550 ไดเ้ รม่ิ ศกึ ษาใน พน้ื ทม่ี าบตาพดุ ซง่ึ ชว่ งนน้ั มปี ระเดน็ รอ้ งเรยี นมากในพน้ื ท่ี ในขณะน้ันไม่มีข้อมูลการศึกษาในเร่ืองการปนเปื้อนของ สารอินทรยี ์ระเหยในดนิ และน�้ำใต้ดินในพื้นทีเ่ ลย ด้วยพ้ืนท่ีที่มีขนาดใหญ่การด�ำเนินงานศึกษา การปนเปื้อนสารอินทรีย์ระเหยในดินจึงต้องเร่ิมต้นด้วย เทคนิคท่ีให้ผลเร็วจึงใช้การตรวจวัดการปนเปื้อนของ สารอินทรีย์ระเหยในดินเบื้องต้นโดยเคร่ืองตรวจวัดสาร อนิ ทรยี ร์ ะเหยรวมในไอสารในดนิ (Total Volatile Organic Compounds: TVOC) เทคนิคน้ีถึงแม้จะให้ผลไว แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสารอินทรีย์ระเหยชนิดใด ผลการตรวจวัดน้ีจะน�ำมาใช้ในการบ่งชี้พ้ืนท่ีที่มีโอกาส การปนเปื้อนของสารอินทรีย์ระเหยมากเป็นพิเศษ (hot spot) ใชส้ ำ� หรับวางแผนการด�ำเนนิ งานในข้ันตอนตอ่ ไป ซ่ึงต้องวิเคราะห์หาปริมาณสารอินทรีย์ระเหยแบบ แยกชนิดโดยใช้เครื่องวิเคราะห์แก๊สโครมาโตกราฟี่ (Gas Chromatography; GC) 150 ศูนยว์ ิจัยและฝกึ อบรมดา้ นสิ่งแวดล้อม

การสมุ่ เกบ็ ตวั อยา่ งไอสารในดนิ ดำ� เนนิ การในเกอื บ ทกุ โรงงานในนคิ มอตุ สาหกรรมมาบตาพดุ โดยระยะแรก สุ่มเก็บตวั อย่างจำ� นวน 4-10 จดุ ในแต่ละโรงงานในพืน้ ท่ี ทม่ี โี อกาสเสยี่ งของการปนเปอ้ื นและวเิ คราะหห์ าปรมิ าณ สารอินทรีย์ระเหยแบบแยกชนิด และได้ด�ำเนินการเก็บ ตัวอย่างไอสารในดินมากข้ึนในพื้นท่ีโรงงานที่ตรวจพบ ปริมาณสารอินทรีย์ระเหยสูงซึ่งเก็บตัวอย่างโรงงานละ ประมาณ 40-70 จุด รวมจุดเก็บตัวอย่างไอสารท้ังสิ้น 1,068 จดุ สมุ่ ตวั อยา่ ง พบวา่ มกี ารปนเปอ้ื นของสารอนิ ทรยี ์ ระเหยหลายชนิดในดินในพ้ืนท่ีโรงงานอุตสาหกรรม กระจายอยทู่ ั่วไป จากอดตี สู่ปัจจบุ นั มหนั ตภัยสารอินทรีย์ระเหย (ในดินและนำ้ �ใต้ดนิ ) 151

ภ า พ แ ส ด ง จุ ด เ ก็ บ ตั ว อ ย ่ า ง ไ อ ส า ร อิ น ท รี ย ์ ร ะ เ ห ย ใ น ดิ น ใ น พื้นที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด 152 ศนู ย์วิจัยและฝกึ อบรมด้านสิ่งแวดลอ้ ม

ตัวอย่างการกระจายตัวของ Ethylbenzene ในไอสารในดนิ จากอดีตสูป่ ัจจบุ นั มหนั ตภยั สารอินทรยี ร์ ะเหย (ในดนิ และน้ำ�ใตด้ ิน) 153

สำ� หรบั การตรวจสอบการปนเปอ้ื นสารอนิ ทรยี -์ ระเหยในน้ำ� ใตด้ นิ ในชว่ งปี 2552-2553 กรมส่งเสริม- คณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มไดด้ ำ� เนนิ การเกบ็ ตวั อยา่ งในบอ่ นำ้� ใต้ดินในพื้นที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (รวมบ่อสังเกตการณ์ของโรงงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ่อ ตน้ื มีความลกึ บ่อไมเ่ กนิ 15 เมตรโดยประมาณ และ บ่อท่ีกรมทรัพยากรน้�ำบาดาลได้ด�ำเนินการขุดเจาะใน ชว่ งภยั แลง้ ปี 2549 ซงึ่ โดยทวั่ ไปมคี วามลกึ บอ่ มากกวา่ 60 เมตร) และสุ่มส�ำรวจในบ่อชาวบ้านรอบนิคมฯ ด้วย พบการศึกษาในช่วงปีดังกล่าวพบว่าในน้�ำใต้ดิน มีการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ระเหย เช่น Trichlo- roethylene (TCE), Tetrachloroethylene (PCE), cis-dichloroethylene, 1,1-dichloroethylene, 1,2-dichloroethane, Benzene, Vinyl chloride เปน็ ต้น 154 ศนู ย์วิจยั และฝกึ อบรมด้านสิง่ แวดลอ้ ม

บอ่ เกบ็ ตวั อยา่ งนำ้� ใตด้ นิ (สดี ำ� ) และบ่อท่ีพบสารอินทรีย์ระเหย มคี า่ เกนิ คา่ มาตรฐานนำ้� ใตด้ นิ (สเี ทา) จากอดีตสปู่ จั จุบัน มหันตภยั สารอินทรยี ร์ ะเหย (ในดินและน้ำ�ใต้ดนิ ) 155

จากทไ่ี ดก้ ลา่ วไวข้ า้ งตน้ วา่ ไดม้ กี ารแตง่ ตงั้ คณะทำ� งานเพอ่ื บูรณาการข้อมูลและก�ำกับการด�ำเนินงานการปนเปื้อนมลพิษ ของแหลง่ นำ้� ใตด้ นิ และดนิ ในพน้ื ทจี่ งั หวดั ระยอง เนอ่ื งจากหลาย หน่วยงานมีภารกิจในการตรวจสอบมลพิษในดินและน�้ำใต้ดิน ในพนื้ ท่ีจงึ มหี ลายหนว่ ยงานเปน็ คณะทำ� งานจากผลการบรู ณาการ ข้อมูลของทุกหน่วยงานในปี 2552 พบว่าการปนเปื้อน สารอนิ ทรยี ร์ ะเหยในนำ�้ ใตด้ นิ ในบอ่ บาดาลและบอ่ สงั เกตการณ์ ในเขตควบคุมมลพิษ จงั หวัดระยอง ประมาณ 250 บ่อ มี 17% ของบอ่ ดงั กลา่ วมกี ารปนเปอ้ื นสารอนิ ทรยี ร์ ะเหยในนำ้� ใตด้ นิ ทมี่ ี คา่ เกนิ มาตรฐานนำ้� ใตด้ ิน 156 ศูนย์วิจยั และฝกึ อบรมดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม

บอ่ ชัดตืน้ ท่ไี มพ่ บการปนเป้ือน บอ่ ชดั ตืน้ ท่ีพบการปนเปอื้ นแตไ่ ม่เกินค่ามาตรฐาน บอ่ ชดั ตื้นท่ีพบการปนเปื้อนและเกนิ คา่ มาตรฐาน บ่อบาดาลที่ไม่พบการปนเป้อื น บอ่ บาดาลทพ่ี บการปนเป้ือนแต่ไม่เกนิ คา่ มาตรฐาน บ่อบาดาลทพ่ี บการปนเปือ้ นและเกนิ คา่ มาตรฐาน จากอดีตสปู่ จั จบุ ัน มหนั ตภยั สารอินทรยี ร์ ะเหย (ในดินและนำ้ �ใตด้ นิ ) 157

การจดั ทำ�แบบจำ�ลองทางคณติ ศาสตร์ ทศิ ทางการไหลของน้ำ�ใต้ดิน และการเคลือ่ นทีข่ องมวลสารอันตราย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้เริ่มจ�ำลอง รูปแบบทิศทางการไหลของน้�ำใต้ดินในพื้นที่เขต ควบคุมมลพิษจังหวัดระยองมาต้ังแต่ประมาณปี 2551 โดยเริ่มต้นจากแบบจ�ำลองโดยคร่าวและเพ่ิม รายละเอยี ดการศกึ ษาลกั ษณะทางธรณวี ทิ ยา คณุ สมบตั ิ ทางชลศาสตร์ รวมท้ังการวัดระดับน�้ำในบ่อนำ้� ใต้ดนิ หลายบอ่ ในพนื้ ท่ี ซงึ่ ไดข้ อ้ มลู ทแี่ ทจ้ รงิ ทำ� ใหแ้ บบจำ� ลอง มีความแม่นย�ำและน่าเชื่อถือมากข้ึน การศึกษา รูปแบบทิศทางการไหลของน�้ำใต้ดินน้ีได้ศึกษาทั้งใน ระดับ regional scale โดยศึกษาในแอ่งระยอง ซ่ึงครอบคลุมเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยองด้วย และศกึ ษาในระดบั localscaleซง่ึ ไดศ้ กึ ษาเฉพาะพนื้ ที่ ที่น่าสนใจภายในแอ่งระยองโดยได้เน้นศึกษาใน บางพื้นท่ีที่พบการปนเปื้อน ในระดับ local scale บางพื้นท่ีจ�ำลองทั้งทิศทางการไหลของน�้ำใต้ดินและ การเคลอื่ นทข่ี องมวลสารอันตราย (หมายเหตุ : การจดั ทำ� แบบจำ� ลองทางคณติ ศาสตรน์ ไี้ ดด้ ำ� เนนิ การ ร่วมกันระหว่าง กรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสงิ่ แวดล้อม กรมทรพั ยากรธรณี และ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม)่ 158 ศนู ย์วจิ ยั และฝึกอบรมดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม

การทดสอบหาอัตราการซึม ด้วยวธิ ี Double-Ring Infiltrometry จากอดตี สปู่ จั จุบนั มหนั ตภยั สารอินทรยี ร์ ะเหย (ในดนิ และน้ำ�ใตด้ นิ ) 159

เขตนิคมอุตสาหกรรม ขอบเขตพื้นที่ลมุ่ นำ้� สัญลักษณ์ : แมน่ ำ้� ขอบเขตพื้นท่ลี ุ่มนำ้� แผนท่ีแสดงพ้ืนที่ที่ท�ำการจ�ำลองการไหลของน�้ำใต้ดินทั้งใน สเกลใหญ่ระดับลุ่มน�้ำ (เส้นประ) และสเกลเล็กระดับพ้ืนที่ นิคมฯ (รปู สีเ่ หล่ียม) แบบจำ� ลองการไหลของน้�ำใตด้ ินไดเ้ ลือกใช้แบบจ�ำลองคณติ ศาสตร์เชงิ ตัวเลขชนิดไฟไนตด์ ฟิ เฟอเรนซ์ (finite-difference method) ในตระกลู MODFLOW (Harbaugh et al., 2000) ซงึ่ ถูกพฒั นาขนึ้ มาโดย United States Geological Survey หรอื USGS 160 ศูนย์วิจยั และฝึกอบรมด้านส่ิงแวดลอ้ ม

ในการสร้างแบบจ�ำลอง ต้องมีการใส่ ค่าพารามิเตอร์ต่างๆ เข้าไปในแบบจ�ำลอง ได้แก่ คา่ สมั ประสทิ ธคิ์ วามซมึ ของนำ�้ (hydraulicconductivity,K) ค่าสัมประสิทธิ์การกักเก็บ (storage coefficient, S) อัตราการเติมน�้ำบาดาลโดยธรรมชาติ (recharge) การสบู นำ�้ ในแบบจำ� ลอง (pumping rate) และอตั ราการ คายระเหย (evapotranspiration) เปน็ ตน้ ในการจดั ทำ� แบบจ�ำลองนี้ ได้อาศัยระดับน้�ำใต้ดินมาประกอบการ ปรบั แบบจำ� ลอง (เรยี กขนั้ ตอนนว้ี า่ model calibration) และทดสอบว่าแบบจ�ำลองท่ีปรับแล้วน้ันสามารถจ�ำลอง การไหลไดส้ อดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู จรงิ หรอื ไม่ (เรยี กขน้ั ตอนน้ี วา่ model validation) จากนนั้ จะไดน้ ำ� ข้อมูลระดับนำ�้ ในครง้ั ตอ่ ไปมาทดสอบแบบจำ� ลองทปี่ รบั แลว้ อกี ครงั้ หนง่ึ ว่าสามารถน�ำมาใช้ท�ำนายระดับน้�ำที่วัดคร้ังท่ีสองได้ ถูกต้องมากน้อยเพียงใด (เรียกข้ันตอนน้ีว่า model verification) เมื่อได้แบบจ�ำลองท่ีผ่านกระบวนการ verification แลว้ จงึ สามารถน�ำไปใชศ้ ึกษารูปแบบหรือ ลักษณะการไหลของน้�ำใต้ดินในพื้นท่ศี ึกษาต่อไป โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการจ�ำลองการ เคลอ่ื นทข่ี องสารอินทรียร์ ะเหย ไดแ้ ก่ โปรแกรม RT3D (Clement, 1997) ซึ่งย่อมาจาก Reactive Transport in 3-D Groundwater Aquifer จากอดีตสูป่ ัจจบุ ัน มหันตภัยสารอินทรีย์ระเหย (ในดนิ และนำ้ �ใตด้ นิ ) 161

แบบจ�ำลองการไหลของน�้ำใต้ดินในระดับ regional scale (พ้นื ท่ีแอ่งระยอง) แบบจ�ำลองในพ้ืนท่ีแอ่งระยองนี้ศึกษาในพ้ืนที่ประมาณ 1,700 ตารางกโิ ลเมตร ลกั ษณะภูมิประเทศท่ัวไป พบว่าพ้ืนที่ รบั นำ�้ (recharge area) อยบู่ รเิ วณแนวเขาสงู บรเิ วณตอนกลาง ของพ้ืนทีศ่ ึกษา ส่วนพื้นท่ใี ห้น�ำ้ (discharge area) คือ พนื้ ท่ี ราบลุ่มบริเวณตอนกลางต่อเน่ืองไปทางทิศตะวันออก ทิศทาง การไหลของนำ้� บาดาล สว่ นใหญไ่ หลจากทศิ เหนอื และตะวนั ตก เฉียงเหนือไปทิศใต้เขา้ สอู่ า่ วไทย Conceptual model Rayong basin อา่ วไทย 162 ศูนย์วิจยั และฝึกอบรมด้านสิ่งแวดลอ้ ม

รปู จ�ำลองมโนทัศน์ ภาคตัดขวางสามมติ ิ และเงอ่ื นไข ขอบของพน้ื ทศี่ กึ ษาในการจำ� ลองรปู แบบทศิ ทางการไหลของ น�ำ้ ใตด้ นิ ในระดบั regional scale ในพนื้ ท่ีแอง่ ระยอง ขอบเขตของแบบจ�ำลองในด้านทศิ เหนือ ทศิ ตะวันตก และทิศตะวันออกนั้น ได้ก�ำหนดให้มีเงื่อนไขขอบเป็นแบบ general-head boundary เพ่ือชดเชยการแลกเปลี่ยนน้�ำ ระหวา่ งพนื้ ทศี่ กึ ษาและพน้ื ทโ่ี ดยรอบสำ� หรบั ขอบในดา้ นทศิ ใตน้ นั้ ได้เลือกใช้เง่ือนไขขอบแบบ constant-head boundary เน่ืองจากติดกับระดับน้�ำทะเลโดยก�ำหนดให้มีแรงดันน้�ำเป็น h = 0 เมตร รทก. สว่ นเงอ่ื นไขขอบดา้ นบน (top) ใหม้ อี ตั ราการ เตมิ นำ้� (recharge) อตั ราการคายระเหย (evapotranspiration) และการแลกเปลย่ี นนำ�้ ใตด้ นิ กบั นำ้� ผวิ ดนิ (river) ซง่ึ ประกอบ ไปด้วยแม่น�้ำ และคลองต่างๆ เช่น แม่น้�ำระยองหรือ คลองใหญ่ คลองชากหมาก คลองหลอด และคลองน�้ำชา ส่วนการใชน้ ำ้� (wells) น้นั ไดก้ �ำหนดให้มีการใชน้ �้ำจากบ่อที่ ขน้ึ ทะเบียนไวก้ ับกรมทรัพยากรนำ้� บาดาล จากอดีตส่ปู ัจจบุ ัน มหนั ตภยั สารอนิ ทรยี ์ระเหย (ในดินและนำ้ �ใต้ดิน) 163

การจ�ำลองการไหลของน�้ำใต้ดินในแอ่ง ระยองนี้ ได้แบ่งหน่วยหินให้น้�ำออกเป็นสองชุด หลกั ๆ ไดแ้ ก่ (1) หนว่ ยหนิ ใหน้ ำ้� ทเี่ ปน็ ชนั้ ตะกอนรว่ น (unconsolidated materials) ซ่ึงครอบคลุม ชน้ั กรวด ทราย ทรายแปง้ ดนิ เหนยี ว ชนั้ หนิ แกรนติ ผุ ซึ่งมีความหนาไม่สม่�ำเสมอ วางตัวอยู่บนชั้นหิน แกรนิตแตก ค่าสัมประสิทธ์ิความซึมและ คา่ สมั ประสทิ ธกิ์ ารกกั เกบ็ เปน็ คา่ ทไ่ี ดม้ าจากการสบู ทดสอบและการทดสอบแบบ slug test และ (2) หนว่ ยหนิ ใหน้ ำ้� ทเี่ ปน็ หนิ แกรนติ แตก (fractured granite) ค ่ า สั ม ป ร ะ สิ ท ธ์ิ ค ว า ม ซึ ม (log10 K) ของชัน้ Uncon- solidated Materials 164 ศนู ย์วจิ ยั และฝกึ อบรมดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม

ผลการจ�ำลองการ ไหลของน�้ำใต้ดิน ในแอ่งระยอง ทศิ ทางการไหลลง สอู่ า่ วไทย แบบจ�ำลองการไหลของน�้ำใต้ดินในระดับ local scale (พน้ื ทนี่ คิ มอตุ สาหกรรมมาบตาพดุ ) และการจำ� ลอง การเคลอ่ื นทม่ี วลสาร การจำ� ลองการไหลของนำ�้ ใตด้ นิ ในระดบั local scale ด�ำเนินการหลังจากจ�ำลองการไหลของน�้ำใต้ดินในระดับ regional scale เสรจ็ แลว้ และยอ่ สว่ นหรอื ตดั (crop) พน้ื ทแ่ี อง่ ให้เหลือเพยี งพนื้ ทบ่ี รเิ วณนคิ มอุตสาหกรรมมาบตาพุด (7×9 ตารางกิโลเมตร) โดยการจ�ำลองการไหลใช้เงื่อนไขขอบ ของพ้ืนท่ีศึกษาท่ีได้จากแบบจ�ำลองระดับ regional scale ผลการจำ� ลองการไหลของนำ�้ ใตด้ นิ พบวา่ ทศิ ทางการไหลของ น�ำ้ ใต้ดินลงสู่อ่าวไทย จากอดตี สปู่ ัจจุบนั มหนั ตภัยสารอนิ ทรยี ์ระเหย (ในดินและน้ำ�ใต้ดิน) 165

ส�ำหรับการจ�ำลองการเคล่ือนที่มวลสารใน น�้ำใต้ดินของพ้ืนท่ีนิคมฯ มาบตาพุด (local scale) เป็นการจ�ำลองโดยคร่าวเพื่อให้ทราบรูปแบบ การกระจายตัวของสาร โดยได้แบ่งการจ�ำลองออก เป็น 2 ชุด โดยชุดแรกเป็นการจ�ำลองในกรณีท่ีไม่มี การย่อยสลายสารอินทรีย์เกิดขึ้น และชุดที่สอง เป็นการจ�ำลองในกรณีที่มีการย่อยสลายสารอินทรีย์ ตามกระบวนการยอ่ ยสลายแบบ sequential reductive dechlorination สารอินทรีย์ระเหยที่ใช้เป็นสาร Tetrachloroethylene (PCE) ระดับน้�ำในเดอื น ก.ย. 52 166 ศูนย์วิจยั และฝึกอบรมดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม

ไม่สลายตวั ผลการจ�ำลองการเคล่ือนท่ีของมวลสารในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้ใช้ค่าสัมประสิทธิ์การ แพรก่ ระจายตวั ทไ่ี ดจ้ ากการทดสอบดว้ ยสารตดิ ตาม พบวา่ อัตราการเคล่ือนตัวของสารปนเปื้อนออกนอกพื้นท่ี แหลง่ กำ� เนิด (hotspot) คอ่ นช้างช้า (ประมาณ 5-15 เมตรตอ่ ป)ี ในกรณที ี่ไม่มีการสลายตวั ของสารปนเปอื้ น แตใ่ นกรณที ม่ี กี ารสลายตวั ตามธรรมชาติ การเคลอื่ นตวั ออกจากแหลง่ ก�ำเนดิ ก็จะชา้ ลงไปอีก (2-5 เมตรตอ่ ปี) และขอบเขตการปนเป้ือนกจ็ ะเล็กกวา่ ดว้ ย จากอดตี สูป่ จั จุบนั มหันตภยั สารอนิ ทรียร์ ะเหย (ในดินและนำ้ �ใตด้ ิน) 167

สมลาีกยาตรัว ผลการจ�ำลองทิศทางการไหลของน�้ำใต้ดินและการเคล่ือนที่มวลสาร อันตรายดังกล่าวข้างต้น ได้ถูกน�ำมาใช้ในการจ�ำลองการเคล่ือนที่มวลสาร อันตรายในระดับ local scale อีกหลายพื้นที่ในเขตควบคุมมลพิษจังหวัด ระยอง เชน่ ในพน้ื ทต่ี ดิ ตงั้ ระบบบำ� บดั นำ้� ใตด้ นิ ทปี่ นเปอ้ื นสารอนิ ทรยี ร์ ะเหย โดยใช้เทคนิค In-Situ Bioremediation พืน้ ท่ี ที่ตรวจพบการปนเปื้อน สารอินทรีย์ระเหยท่ีอยู่ ใกล้กับคลองชากหมาก ที่ใช้เป็นที่ระบายน�้ำทิ้ง อตุ สาหกรรมและอยใู่ กล้ กับชายฝงั่ 168 ศนู ยว์ จิ ัยและฝกึ อบรมดา้ นสิง่ แวดลอ้ ม

การติดตง้ั ระบบ In-Situ Bioremediation ในการบำ�บัดน�ำ้ ใตด้ นิ ทีป่ นเปื้อนสาร VOCs และประเมนิ ประสทิ ธภิ าพระบบ ระบบ In-Situ Bioremediation ในการบำ� บดั นำ้� ใตด้ นิ ทป่ี นเปอ้ื นสาร VOCs ซ่ึงเป็นระบบที่ใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ระเหยในน้�ำ ใต้ดิน นบั วา่ เป็นเทคนิคที่มีประสทิ ธิภาพและมกี ารยอมรับอยา่ งแพร่หลาย โดยมีการนำ� ไปใช้ในการบำ� บดั ในหลายพ้ืนทใ่ี นตา่ งประเทศ ในระหว่างปี 2553-2254 กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อมร่วมกับ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหมไ่ ดอ้ อกแบบและตดิ ตง้ั ระบบดงั กลา่ วในสถานประกอบการ รับก�ำจัดของเสียอุตสาหกรรม ที่พบการปนเปื้อนสารอินทรีย์ระเหยชนิด สารอนิ ทรีย์ระเหยทีม่ คี ลอรีนเป็นองค์ประกอบ (Chlorinated VOCs) เชน่ Tetrachloroethylene (PCE) Trichloroethylene (TCE) cis-1,2- Dichloroethylene (cis-DCE) Vinyl Chloride (VC) เป็นต้น ในสภาวะ ท่ีเหมาะสมสารประกอบประเภทนี้สามารถย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ได้ คาดว่าแหล่งก�ำเนิดการปนเปื้อนอยู่ใต้พื้นท่ีฝังกลบขยะ และ/หรือ บริเวณ บ่อเก็บกากของเสยี (ของเหลว) ป ฏิ กิ ริ ย า ก า ร ส ล า ย ตั ว ข อ ง สารประกอบอินทรีย์คลอรีน (ทีม่ า: Suthersan, 1997) จากอดีตสู่ปจั จุบัน มหันตภัยสารอนิ ทรียร์ ะเหย (ในดนิ และน้ำ�ใต้ดนิ ) 169

ระบบบ�ำบัดท่ีติดตั้งเป็นแบบ plume treatment (บ�ำบัดน�้ำเสีย ทไี่ หลมาจากแหลง่ กำ� เนดิ ) เน่ืองจาก ติดขัดตรงท่ีไม่สามารถเข้าถึงแหล่ง ก�ำเนิดได้โดยตรง ทั้งน้ีระบบบ�ำบัด ฟน้ื ฟแู บบ In-Situ Bioremediation ดงั กลา่ วเปน็ ระบบแรกในประเทศไทย ทไี่ ดม้ กี ารตดิ ตงั้ ในพน้ื ทปี่ นเปอ้ื น ระบบ In-Situ Bioremediation มีหลกั การท่วั ไป ใช้การเติมสารอาหารท่ีเหมาะสมลงในน้�ำใต้ดินโดยเติม ลงในบ่อเติมอาหาร (Injection Well) ท�ำให้จุลินทรีย์มี การเจริญเติบโตเพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ระเหยท�ำให้ น�้ำใต้ดินมีคุณภาพดีข้ึน มีบ่อดึงน้�ำ (Extraction Well) อย่ทู ่ีทา้ ยสำ� หรับดึงนำ�้ ทผี่ ่านการบำ� บดั แลว้ การออกแบบ ระบบ In-Situ Bioremediation ให้มีประสิทธิภาพน้ัน จะต้องให้เหมาะสมกับลักษณะโครงสร้างธรณีวิทยา ลักษณะทางอุทกธรณีวิทยาของพื้นที่ ค่าศักย์ไฟฟ้าเคมี (Oxidation-Reduction Potential, ORT หรือ Eh) คณุ สมบตั ทิ างเคมขี องนำ�้ ใตด้ นิ ซงึ่ รวมทงั้ ชนดิ และปรมิ าณ ของสารปนเปอ้ื น ตวั รบั อเิ ลก็ ตรอนในนำ้� ใตด้ นิ ไดแ้ ก่ NO3, SO4, Fe(III), Mn(IV) และ O2 เปน็ ตน้ 170 ศูนยว์ จิ ัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดลอ้ ม

การออกแบบและติดตั้งระบบบ�ำบัดดังกล่าวได้ใช้แบบจ�ำลอง ทางคณิตศาสตร์ในการคาดการณ์ทิศทางการไหลของสารปนเปื้อน ระยะเวลาของการเคลื่อนที่มวลสาร เพื่อการก�ำหนดต�ำแหน่งของบ่อ เตมิ สารอาหาร ตำ� แหนง่ บอ่ สงั เกตการณใ์ นพน้ื ท่ี รวมทงั้ คาดการณก์ าร เปลยี่ นแปลงทางเคมใี นนำ�้ ใตด้ นิ และการเปลย่ี นแปลงของสารอนิ ทรยี ร์ ะเหย เนื่องจากการย่อยสลาย ปริมาณและความถี่ที่เหมาะสมในการเติม สารอาหาร โดยเปา้ หมายของการจำ� ลอง (หรอื เปา้ หมายของการสรา้ ง ระบบบำ� บดั ) คอื ตอ้ งการใหค้ วามเขม้ ขน้ ของสารปนเปอ้ื นทม่ี าเดนิ ทาง มาถงึ บอ่ สงั เกตการณ์ มคี า่ ลดลงตำ�่ วา่ เกณฑอ์ นโุ ลมสงู สดุ ตามมาตรฐาน คุณภาพน�้ำใต้ดิน ตามประกาศคณะกรรมการส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 20 พ.ศ. 2543 วิเคราะหห์ าชนิดและปริมาณเชือ้ จุลินทรีย์ จากอดตี สปู่ ัจจบุ นั มหนั ตภัยสารอนิ ทรียร์ ะเหย (ในดินและน้ำ�ใตด้ นิ ) 171

นอกจากนี้ในการออกแบบระบบต้องรู้ชนิดของจุลินทรีย์และ ศักยภาพของจุลินทรีย์ในพ้ืนท่ีในการย่อยสลาย (Pail Test) ซึ่งต้อง น�ำตัวอย่างน้�ำใต้ดินมาวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ ซง่ึ สว่ นใหญแ่ ลว้ จะเปน็ แบคทเี รยี แลว้ จำ� แนกชนดิ ของเชอ้ื ดงั กลา่ วการศกึ ษา ศักยภาพของจุลินทรีย์ในพ้ืนท่ีในการย่อยสลายสารอินทรีย์ระเหยได้ ทดสอบในพ้นื ทีจ่ รงิ โดยไดท้ ดสอบเติมสารอาหารและเก็บตวั อยา่ งนำ้� ใตด้ นิ มาทำ� การวเิ คราะหห์ าปรมิ าณสารอนิ ทรยี ร์ ะเหย และสารอนพุ นั ธ์ และวดั ความเขม้ ขน้ ของสารอาหารและตวั รบั อเิ ลก็ ตรอนตา่ งๆ ซงึ่ ไดแ้ ก่ แกส๊ ออกซิเจน เหลก็ (III) แมงกานีส (IV) ไนเตรต ซัลเฟต ฟอสเฟต คลอไรด์ฯลฯตลอดจนทำ� การวดั คา่ ความเปน็ กรด-ดา่ ง(pH)คา่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ (Eh หรอื ORP) และสภาพการนำ� ไฟฟา้ (EC) ของตวั อยา่ งนำ้� ใตด้ นิ และ วเิ คราะหก์ ารสลายตัวของสารอนิ ทรยี ์ระเหยโดยเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ์ ขนั้ ตอนการเติมสารอาหารลงไปในบอ่ ทดสอบ pail test 172 ศูนย์วิจยั และฝึกอบรมด้านสงิ่ แวดลอ้ ม

ก า ร ไ ห ล ข อ ง น�้ ำ ใ ต ้ ดิ น ระดับต้ืนในพ้ืนที่ มีความ สมั พนั ธก์ บั นำ้� ผวิ ดนิ ในดา้ น ทิศใต้ (คลองชากหมาก) โดยทศิ ทางการไหลทวั่ ๆไป จะไหลจากทิศตะวันตก เฉียงเหนือไปยังทิศตะวัน ออกเฉียงใต้ คลองชากหมาก เมอ่ื จำ� ลองการไหลของนำ�้ ใตด้ นิ ในพน้ื ทแ่ี ลว้ ไดใ้ ชแ้ บบจำ� ลองดงั กลา่ ว จ�ำลองการเคลื่อนทีข่ องมวลสาร เพื่อหาตำ� แหน่งของแหล่งกำ� เนิด (source zone) โดยจ�ำลองให้ผลการจ�ำลองมีค่าความเข้มข้นของสารปนเปื้อน มีความสอดคล้องกับข้อมูลการปนเปื้อนที่ตรวจวัดได้ในบ่อสังเกตการณ์ จากอดตี ส่ปู ัจจบุ นั มหนั ตภยั สารอินทรยี ์ระเหย (ในดินและนำ้ �ใต้ดิน) 173

ซง่ึ เปน็ สภาพจรงิ ใหม้ ากทส่ี ดุ เมอ่ื ไดต้ ำ� แหนง่ ของ source zone ทน่ี า่ จะใกลเ้ คยี ง ทสี่ ดุ แลว้ จากนนั้ กส็ ามารถนำ� แบบจำ� ลองดงั กลา่ ว ทำ� การจำ� ลองออกแบบอตั รา การเตมิ สาร จำ� นวนบอ่ และระยะเวลาท่ีใช้ในการเติมสารอาหาร หรือจำ� ลอง การเคล่ือนที่ และการสลายตัวของสารอินทรีย์ระเหยในกรณีที่มีและไม่มี การบ�ำบัดเกิดขน้ึ จดุ เก็บน�ำ้ ชะขยะ อดตี พน้ื ท่ีเกบ็ กองขยะ อุตสาหกรรมกอ่ นการ จัดการซึ่งอาจเคยร่ัวไหล ต�ำแหนง่ ท่ีคาดวา่ น่าจะเป็น source zone ใต้ landfill การแพร่กระจายตัวของสารอินทรียร์ ะเหยบริเวณ landfill ลักษณะทางอุทกธรณีเคมีของช้ันหินอุ้มน�้ำในพื้นท่ีทดสอบ เพ่ือจ�ำแนก รปู แบบทางเคมหี รอื เฟชสี อ์ ทุ กธรณเี คมี (hydrochemical facies) ของพน้ื ที่ เปน็ แบบ Ca-Na-HCO 3-Cl 174 ศูนย์วจิ ยั และฝกึ อบรมด้านสง่ิ แวดลอ้ ม

รูปแบบทางเคมีหรอื เฟชีสอ์ ทุ กธรณี เคมี (hydrochemical facies) ของ พนื้ ที่ทดสอบ เนอ่ื งจากตดิ ขดั ตรงทไี่ มส่ ามารถเขา้ ถงึ แหลง่ กำ� เนดิ ไดโ้ ดยตรง ดงั นน้ั รปู แบบ ระบบบ�ำบัดท่ีวางไว้จึงเป็นบ่อท่ีเรียงหน้ากระดาน ตั้งฉากกับทิศทางการไหล ของน้�ำใต้ดิน ในการออกแบบระบบบ�ำบัด ความเข้มข้นของสารปนเปื้อนท่ี ความลึกต่างๆ ได้มาจากการเก็บตัวอย่างน�้ำแบบ multi-level sampling โดยใช้ diffusion sampler กลมุ่ บอ่ ในแนว ก ใชใ้ นการเตมิ สารอาหาร ตวั ทำ� ละลาย และสารละลายบัฟเฟอร์ การเติมสารอาหารดำ� เนินการในกลมุ่ บอ่ แนว ก และใช้ วธิ กี าร circulate เพอ่ื ให้เกิด zone of mixing และ bioreactive barrier เพอื่ ใหม้ ีการทำ� งานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพมากยง่ิ ขึน้ รูปแบบระบบบ�ำบัด ซงึ่ บอ่ เตมิ สาร อาหารท่ีเรียงหนา้ กระดาน ตัง้ ฉาก กบั ทิศทางการไหลของน�้ำใต้ดนิ จากอดีตสู่ปจั จบุ ัน มหันตภัยสารอนิ ทรยี ์ระเหย (ในดนิ และน้ำ�ใตด้ นิ ) 175

รปู แบบของการเติมสารอาหารโดย circulation เพอ่ื ให้เกดิ zone of mixing ในบ่อเติมสาร ซ่ึงมผี ลตอ่ ประสิทธิภาพของ bioreactive barrier ทั้งนี้สารอินทรีย์ระเหยชนิด cis.1,2 -Dichloethylene (cis-DCE) และ Vinyl Chloride (VC) เป็น สารปนเปื้อนหลักในน�้ำใต้ดินและ มีความเข้มข้นสูงกว่าค่ามาตรฐาน น้�ำใต้ดินมาก การศึกษาทดสอบ ประสิทธิภาพการบ�ำบัด ดูจากการ ลดลงของความเข้มข้นของปริมาณ สารอินทรีย์ระเหยรวมท้ังตัวรับ อิเลก็ ตรอนในธรรมชาตดิ ว้ ย จากการประเมนิ ประสทิ ธภิ าพ ระบบ Bioremediation พบวา่ ปรมิ าณ mass flux ของสารอินทรีย์ระเหย ทม่ี คี ลอรนี เปน็ องคป์ ระกอบมแี นวโนม้ ลดลงเร่ือยๆ และจากการทดสอบ ทางสถิติพบว่ามีแนวโน้มลดลงอย่าง มีนัยส�ำคัญ (ที่ระดับความเช่ือม่ัน 95%) แสดงให้เห็นว่ามีการย่อย สลายสารอินทรีย์ระเหยในกลุ่มน้ี ปรมิ าณ mass flux ของสารอินทรยี ์ระเหยท่มี ี อยา่ งต่อเน่อื ง คลอรนี เป็นองค์ประกอบ 176 ศูนย์วจิ ัยและฝกึ อบรมดา้ นสิ่งแวดล้อม

การออกแบบและติดตง้ั ระบบบำ�บัดดิน ทีป่ นเปือ้ นสาร VOCs โดยใชเ้ ทคนคิ Soil Vapor Extraction (SVE) ระบบสกดั สารอนิ ทรยี ร์ ะเหยจากดนิ (SVE) เปน็ ระบบทส่ี ามารถกำ� จดั สาร VOCs ในดนิ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งขดุ ดนิ ขน้ึ มา จงึ ไมท่ ำ� ลายโครงสรา้ งของชนั้ ดนิ เดมิ และไม่ต้องใช้สารเคมีเป็นปริมาณมากๆ ในการก�ำจัด VOCs แต่ระบบน้ี ไม่เหมาะสมกับพ้ืนดินท่ีมีค่าความสามารถในการซึมผ่านได้น้อย (low permeability) และไมเ่ หมาะสมกบั สารอนั ตรายทมี่ คี า่ ความดนั ไอและคา่ คงท่ี เฮนรตี ำ่� ๆ นอกจากนี้ หากระดบั นำ�้ ใตด้ นิ อยสู่ งู เกนิ ไป (ใกลผ้ วิ ดนิ มากเกนิ ไป) กจ็ ะไม่สามารถดำ� เนินการบำ� บัดโดยใช้เทคนิค SVE ดงั กล่าว ในระหว่างปี 2554-2555 กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ เเละมหาวิทยาลัยนเรศวร ไดอ้ อกแบบและตดิ ตงั้ ระบบบำ� บดั ดนิ ทปี่ นเปอ้ื นสาร VOCs โดยใชเ้ ทคนคิ Soil Vapor Extraction (SVE) ในพน้ื ทท่ี ต่ี รวจพบการปนเปอ้ื นสารอนิ ทรยี ร์ ะเหย ชนดิ 1,2-dichloroethane โดยสาเหตกุ ารปนเปอ้ื นเกดิ จากการรวั่ ไหลของ ทอ่ ระบายสารเคมี ทงั้ นร้ี ะบบ บำ� บดั ดนิ ทปี่ นเปอ้ื นสาร VOCs โดยใช้เทคนิค Soil Vapor Extraction (SVE) ดงั กลา่ วนี้ เปน็ ระบบแรกในประเทศไทย ที่ ไ ด ้ มี ก า ร ติ ด ตั้ ง ใ น พื้ น ที่ ปนเปอ้ื น จากอดตี สูป่ จั จุบัน มหันตภยั สารอินทรยี ์ระเหย (ในดินและนำ้ �ใตด้ ิน) 177

กอ่ นการออกแบบระบบบำ� บดั ดนิ ทปี่ นเปอ้ื นสาร VOCs โดยใชเ้ ทคนคิ Soil Vapor Extraction (SVE) นั้นได้มกี ารศกึ ษาหลายดา้ น เชน่ การศกึ ษา คณุ สมบตั ขิ องดนิ การศกึ ษาคณุ สมบตั ขิ องสารปนเปอ้ื น การศกึ ษาคณุ สมบตั ิ ของสภาวะแวดลอ้ ม จากขอ้ มลู การวเิ คราะหด์ นิ ทงั้ หมดโดยเฉพาะขอ้ มลู การ ปนเปอ้ื น น�ำมาใชเ้ ป็นตัวบ่งชวี้ า่ ขอบเขตและศูนยก์ ลางการปนเปือ้ น ซ่งึ เป็น ขอ้ มลู สำ� คญั ในการออกแบบตำ� แหนง่ ของหลมุ ในระบบโครงขา่ ยตรวจสอบไอดนิ ข้อมูลข้างต้นใช้ในการจัดท�ำแบบจ�ำลองคณิตศาสตร์ เพ่ือจ�ำลองลักษณะ และทศิ ทางการไหลของอากาศในดนิ ทงั้ นปี้ ระสทิ ธภิ าพการบำ� บดั สารอนิ ทรยี ์ ระเหยในดินโดยใช้ระบบ Soil Vapor Extraction (SVE) ในพ้นื ที่ทดสอบน้ี สามารถบ�ำบัดไอสารอินทรีย์ระเหยที่อยู่ในดิน มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลา 6 เดือน Implant สำ� หรบั soil gas network soil gas SVE system ตดิ ตั้งในพ้นื ทีท่ ดสอบ 178 ศูนย์วจิ ยั และฝกึ อบรมด้านสิ่งแวดลอ้ ม

บอ่ สังเกตการณ์และบอ่ สูบของระบบ Soil Vapor Extraction (SVE) ผลการวเิ คราะหส์ ารอินทรียร์ ะเหยในไอดนิ ในเขตพื้นที่ศกึ ษา จากอดีตสปู่ จั จบุ นั มหนั ตภยั สารอนิ ทรียร์ ะเหย (ในดนิ และน้ำ�ใต้ดนิ ) 179

ลกั ษณะโครงสรา้ งดินและปรมิ าณสารอินทรีย์ระเหยท่คี วามลกึ ตา่ งๆ 180 ศนู ย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิง่ แวดลอ้ ม

ตำ� แหน่งบอ่ สกัดไอดนิ และบอ่ สูบอากาศ รศั มอี ิทธิพลของบ่อสบู อากาศ SVE-1 ปริมาณ 1,2-DCA ทีส่ กัดได้ จากอดีตสปู่ จั จุบัน มหนั ตภยั สารอนิ ทรียร์ ะเหย (ในดนิ และนำ้ �ใตด้ ิน) 181

การจดั ทำ�ฐานขอ้ มูลเทคนคิ ในการฟื้นฟดู นิ และน้ำ�ใต้ดินท่ีปนเปอ้ื นสารอนั ตราย การจดั ทำ� ฐานขอ้ มลู นส้ี บื เนอ่ื งมาจากบนั ทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื การแก้ปัญหาวิกฤติด้านส่ิงแวดล้อมในพื้นที่อุตสาหกรรม ระหว่าง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สภาอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย และสมาคมนกั วชิ าชพี ไทยในอเมรกิ า และแคนาดา (ซง่ึ มกี ารลงนามวนั ท่ี 13 กรกฎาคม 2553 ณ ตกึ สนั ตไิ มตรี ท�ำเนียบรัฐบาล) และมีรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้ บันทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื (Steering Committee) จากการประชมุ รว่ มกนั หลายครง้ั เพอ่ื รา่ งแผนการดำ� เนนิ งานรว่ มกนั ของหน่วยงานต่างๆ และมีการก�ำหนดกลุ่มท�ำงานย่อย (working group) หลายชดุ เพอื่ ดำ� เนนิ งานในหลายมติ ิ หนง่ึ ในกลมุ่ ทำ� งานยอ่ ยนน้ั คือ กลุ่มท�ำงานย่อย เรื่อง ระบบติดตามตรวจสอบมลพิษน้�ำใต้ดิน (Groundwater Monitoring System) และเทคนิคการฟื้นฟูพื้นที่ ปนเปื้อนและเทคโนโลยี (Site Remediation Techniques and Technologies) ซึ่งมีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน คณะทำ� งานกลมุ่ ยอ่ ย คณะทำ� งานภายใตก้ ลมุ่ ยอ่ ยนม้ี ีความคดิ รว่ มกนั วา่ ประเทศไทยขาดแนวทางท่ีชัดเจนและเหมาะสมในการจัดการปัญหา การปนเปอ้ื นสารอนั ตรายในสงิ่ แวดลอ้ ม สง่ ผลใหก้ ารจดั การปญั หาการ ปนเปอ้ื นไมส่ ามารถดำ� เนนิ การได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ และปญั หาการ ปนเปอ้ื นจะถกู คน้ พบและถกู ใหค้ วามสำ� คญั กต็ อ่ เมอื่ มผี ลกระทบชดั เจน 182 ศนู ยว์ ิจยั และฝกึ อบรมด้านส่ิงแวดลอ้ ม

ต่อสุขภาพของประชาชน และมักจะเกิดความสับสน ในการแกป้ ญั หาจงึ มคี วามเหน็ ร ่ ว ม กั น ใ น ก า ร ก� ำ ห น ด แผนงานจัดท�ำ “โครงการ พัฒนาแนวทางและระบบ ในการจดั การขอ้ มลู พนื้ ฐาน ของพ้ืนที่เขตอุตสาหกรรม และพ้ืนท่ีที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรม (Development of Guideline and Management System for Baseline Data in Industrial Estate and Potential Industry Area)” สำ� หรบั ประเทศไทยในการด�ำเนนิ งาน ดา้ นการตดิ ตงั้ ระบบตดิ ตามตรวจสอบคณุ ภาพนำ�้ ใตด้ นิ (Groundwater Monitoring System) การตรวจสอบ/สอบสวนพ้นื ทป่ี นเปื้อน (Site Characterization/Site Investigation) เกณฑ์การประเมินความเส่ียงต่อสุขภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ปนเปอื้ น (Risk Assessment) การศึกษาความเหมาะสมในการเลอื กเทคนคิ การ บ�ำบดั ฟื้นฟดู ินและน้ำ� ใต้ดนิ (Feasibility Study) และการก�ำหนดเกณฑค์ ุณภาพ ดนิ และนำ้� ใตด้ นิ ทยี่ อมรบั สำ� หรบั การบำ� บดั ฟน้ื ฟู และใชพ้ นื้ ทม่ี าบตาพดุ เปน็ กรณี ศึกษาในการทดสอบหลักเกณฑ์ดังกล่าว แต่ด้วยติดปัญหาบางประการท�ำให้ ขอ้ เสนอโครงการดงั กลา่ วภายใตบ้ นั ทกึ ขอ้ ตกลงความรว่ มมอื นไี้ มไ่ ดถ้ กู ดำ� เนนิ การ และท้ายท่ีสุดบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวได้สิ้นสุดตามเวลาที่ก�ำหนดไว้ 3 ปหี ลงั จากการลงนามในสัญญา ทั้งน้ีถึงแม้ว่าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ดังกล่าวได้ยุติลงในปี 2556 แต่กรมส่งเสริมคุณภาพส่งิ แวดลอ้ มได้เลง็ เห็นถึงความส�ำคญั ของแนวคดิ นแี้ ละได้ ดำ� เนนิ การในบางสว่ น โดยไดร้ ว่ มกบั มหาวทิ ยาลยั นเรศวรในการจดั ทำ� ฐานขอ้ มลู เทคนคิ ในการฟนื้ ฟดู ินและน้�ำใตด้ นิ ท่ีปนเปือ้ นสารอนั ตราย จากอดีตสู่ปัจจบุ นั มหนั ตภัยสารอินทรีย์ระเหย (ในดนิ และน้ำ�ใต้ดิน) 183

ฐานข้อมลู นี้ ประกอบดว้ ย 1) ภาพรวมแนวทางและเคร่อื งมอื การบริหารจัดการดินและน�้ำใต้ดนิ ท่ปี นเป้อื นสารอันตราย 2) ฐานข้อมูลเทคนิคการประเมินและส�ำรวจการปนเปื้อนและพ้ืนที่ ปนเป้อื นสารอันตรายเบอ้ื งตน้ 3) ฐานขอ้ มลู เทคนคิ การส�ำรวจ และวเิ คราะห์การปนเป้ือนและพน้ื ท่ี ปนเปอื้ นสารอนั ตรายโดยละเอยี ด 4) ฐานข้อมูลเทคนิคการประเมินความเส่ียงต่อสุขภาพเชิงปริมาณ อนั เน่ืองมาจากพน้ื ทปี่ นเปือ้ นสารอันตราย 5) ฐานข้อมลู เทคนคิ การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมทส่ี ดุ ในการฟ้นื ฟู พื้นท่ีปนเปื้อนสารอันตราย โดยฐานข้อมูลดังกล่าวต้องถูกต้องตามหลัก วชิ าการสากล สามารถใช้ในการปฏบิ ัตงิ านไดจ้ ริง และ ให้ข้อมลู ทค่ี รบถว้ น และเหมาะสมกับผู้ปฏบิ ัตงิ านในระดบั ท่ีตา่ งกนั ไป แนวทางการจัดท�ำฐานข้อมูลเทคนิคนี้ประยุกต์มาจากฐานข้อมูลของ นานาชาตโิ ดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ซงึ่ นอกจากจะมกี ฎหมาย ส�ำหรับควบคุมมลพิษทางน้�ำ อากาศ และขยะแล้ว ยังมีกฎหมายเฉพาะ ส�ำหรับการจัดการพื้นท่ีปนเปื้อนสารอันตรายอันประกอบด้วยกฎหมาย Comprehensive Environmental Response, Compensation, and Liability Act (CERCLA) สำ� หรับจัดการพื้นทีป่ นเปอื้ นทถี่ กู ท้ิงร้าง หรือพ้ืนท่ี ท่ีผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการปนเปื้อนเลิกกิจการไปแล้ว และ Corrective Action ของ Subtitle C ภายใตก้ ฎหมาย Resource Conservation and Recovery Act (RCRA) สำ� หรับจดั การพ้นื ทีป่ นเป้อื นทผี่ ูท้ มี่ ีสว่ นรับผดิ ชอบ ตอ่ การปนเปอ้ื นยงั ดำ� เนนิ กจิ การอยู่ และสามารถบงั คบั ใหจ้ ดั การการปนเปอ้ื น ได้ด้วยการยึดหรอื ปรบั แกใ้ บอนุญาตประกอบการ 184 ศูนยว์ จิ ัยและฝกึ อบรมดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม

คน้ พบพนื้ ท่ีปนเปอื้ น หรือพ้นื ทีท่ ี่อาจเกิดการปนเปอ้ื น การตรวจสอบการปนเปอื้ นและ สรา้ งแบบจ�ำลองทางมโนทัศน์ของ การตดิ ตามตรวจสอบปรมิ าณ การประเมนิ พน้ื ท่ี (Site Characterization) การปนเปื้อนเบือ้ งต้น การปนเปอ้ื น (Monitoring) ประเมินพืน้ ทป่ี นเปื้อนเบอ้ื งตน้ ไมใ่ ช่ ออกแบบระบบ เฝ้าระวงั มีโอกาสเกดิ ความเสีย่ งหรอื ไม่? ใช่ ไมใ่ ช่ ตรวจสอบการปนเปื้อนเบ้ืองตน้ ใช่ ความเส่ียงมนี ัยสำ� คญั หรือไม?่ จำ� กัดการใช้ประโยชน์ ไมใ่ ช่ พื้นที่เพ่อื ลดความเสี่ยง จำ� เป็นตอ้ งมกี ารฟน้ื ฟูพน้ื ทป่ี นเปือ้ น (Institutional Control) หรอื ไม?่ ใช่ ใช่ ตรวจสอบพ้ืนที่ปนเป้อื นเพิ่มเติม เพอ่ื การประเมนิ ความเสี่ยงเชงิ ปริมาณตอ่ สขุ ภาพ ระบบนเิ วศ และ ก�ำหนดวัตถุประสงค์ของการฟ้นื ฟู และเลอื กเทคโนโลยี การฟน้ื ฟทู ีเ่ ป็นไปได้ ตรวจสอบพน้ื ท่ปี นเปื้อนเพ่ิมเตมิ เพื่อการประเมิน ทางเลอื กเทคโนโลยีการฟื้นฟอู ยา่ งละเอยี ด การประเมินบำ� บัดฟนื้ ฟู ออกแบบ ด�ำเนินการฟน้ื ฟู และตดิ ตาม (Remediation Justification) ประเมินประสิทธภิ าพการฟ้นื ฟู บรรลุวัตถุประสงคก์ ารฟนื้ ฟหู รอื ไม?่ ไมใ่ ช่ ใช่ ความเสีย่ งมนี ัยส�ำคัญหรือไม่? วางแผนปิดพ้นื ทีเ่ สรจ็ ส้นิ การฟนื้ ฟู (No-further-response Action) กรอบแนวทางการจัดการพนื้ ทปี่ นเป้ือนสารอนั ตรายตามหลกั วชิ าการสากล (ดัดแปลงจาก Asante-Duah, D. K. (1996)) จากอดีตสปู่ ัจจบุ ัน มหนั ตภัยสารอนิ ทรยี ์ระเหย (ในดินและน้ำ�ใต้ดิน) 185

การจัดลำ�ดบั ความรุนแรง ของพ้นื ทปี่ นเป้ือนสารอันตราย ในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง กรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มไดศ้ กึ ษาการจดั ลำ� ดบั ความรนุ แรงของ พ้ืนที่ปนเปื้อนสารอันตรายในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ในระหว่างปี 2555-2556 โดยไดด้ �ำเนินงานรว่ มกบั มหาวทิ ยาลัยนเรศวร การดำ� เนินงาน นเี้ ปน็ โครงการภายใตแ้ ผนปฏบิ ตั กิ ารลดและขจดั มลพษิ ในเขตควบคมุ มลพษิ แนวทางการจดั การปญั หา ปนเปอ้ื นของสารอนั ตราย ภายใต้ Comprehensive Environmental Response, Compensation, and Liability Act (CERCLA) ของ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า (อา้ งองิ : EPA, 1991) 186 ศูนย์วจิ ยั และฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม

การจัดล�ำดับความรุนแรงของพ้ืนที่ปนเปื้อนสารอันตรายน้ี เป็นการประเมินภาวะคุกคามและผลกระทบเบ้ืองต้นในพ้ืนท่ีท่ีมี โอกาสปนเปอ้ื นสารอนั ตรายตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละประชาชน ผอู้ าศยั โดยรอบ แนวทางการศกึ ษานป้ี ระยกุ ตจ์ ากการจดั การพนื้ ที่ ปนเปื้อนตามกฎหมาย Comprehensive Environmental Response, Compensation, and Liability Act (CERCLA) ของ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสรุปน้ัน การจัดการแบบ CERCLA ประกอบด้วย ขน้ั การประเมนิ พนื้ ท่ี (Site Assessment Phase) และขนั้ การฟน้ื ฟู (Remedial Phase) ขนั้ การประเมนิ พน้ื ท่ี ประกอบดว้ ยการคน้ พบพน้ื ทป่ี นเปอ้ื น การบรรจุพื้นท่ีปนเปื้อนเข้าใน CERCLA List หรือ CERCLIS ตามด้วยการประเมินพ้ืนที่ปนเปื้อนเบ้ืองต้น (Preliminary Site Assessment) และการสอบสวนการปนเปอ้ื น (Site Investigation) ซึ่งจะท�ำการสำ� รวจ สืบคน้ รวบรวมขอ้ มลู ท้ังปฐมภูมิ และทตุ ิยภมู ิ จากอดีตสู่ปจั จุบัน มหนั ตภัยสารอินทรยี ์ระเหย (ในดินและนำ้ �ใตด้ ิน) 187

ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ประเมนิ ภาวะการ คุกคามของการปนเปื้อนสาร อันตรายต่อสิ่งแวดล้อมส�ำหรับ ก า ร ค� ำ น ว ณ ค ะ แ น น ก า ร จั ด อันดับความอันตรายของพื้นท่ี ปนเปื้อน (Hazard Ranking Score (HRS)) คะแนนน้ีเองจะ เป็นดัชนีชี้วัดภาวะการคุกคาม ของการปนเปื้อนสารอันตราย ต่อสิ่งแวดล้อม โดยท่ัวไปถ้าคะแนนต่�ำกว่า 28.5 จะถือว่ามีภาวะการ คุกคามของการปนเปื้อนสารอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมต�่ำ และ ถ้าคะแนนมากกว่า 28.5 จะถือว่ามีภาวะการคุกคามของการ ปนเปอ้ื นสารอนั ตรายตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มทม่ี นี ยั สำ� คญั พน้ื ทเ่ี หลา่ นจ้ี ะ ถูกบรรจุไว้ในรายช่ือพ้ืนท่ีปนเปื้อนท่ีมีความส�ำคัญระดับชาติ (National Priority List (NPL)) และจะถกู ดำ� เนนิ การขน้ั การฟน้ื ฟู ตอ่ ไป ซงึ่ ขนั้ ตอนการฟน้ื ฟนู ป้ี ระกอบดว้ ยการทำ� การสำ� รวจพน้ื ที่ ปนเปื้อนอย่างละเอียดเพื่อสร้างแบบจ�ำลองมโนทัศน์ของการ ปนเปอ้ื น และประเมนิ ความเสย่ี งตอ่ สขุ ภาพ และระบบนเิ วศทเ่ี กดิ จากการปนเปื้อนโดยละเอียด และก�ำหนดเป้าหมายการฟื้นฟู กอ่ นทจี่ ะทำ� การประเมนิ และทำ� การทดสอบเทคโนโลยที างเลอื ก ส�ำหรับการฟื้นฟูเพื่อเลือกเทคโนโลยีท่ีสามารถท�ำการฟื้นฟูให้ บรรลเุ ปา้ หมายอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ และราคาประหยดั สดุ ในการจัดล�ำดับความรุนแรงของพ้ืนท่ีปนเปื้อนนี้ โดยใช้ การประเมินภาวะคุกคามจากสารอันตรายในพ้ืนท่ีปนเปื้อนต่อ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละต่อผ้อู าศัยโดยรอบ 188 ศูนยว์ จิ ัยและฝกึ อบรมดา้ นส่ิงแวดล้อม

จากการสำ� รวจตรวจสอบ ประเมนิ และสบื สวนการปนเปอ้ื น และพื้นท่ีปนเปื้อนสารอันตรายเบื้องต้น ร่วมกับการประยุกต์ ใช้โปรแกรม HRS (Hazard Ranking Score) Quickscore V.3.0.5 ในการคำ� นวณคะแนนภาวะคกุ คาม (Hazard Ranking Score (HRS)) จากการประเมินภาวะคุกคามจากสารอันตรายต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและต่อผู้อาศัยโดยรอบ ในพื้นท่ี ทตี่ รวจพบการปนเปอ้ื นสารอนั ตรายจำ� นวน 11 พนื้ ท่ี ในเขต ควบคุมมลพิษ จังหวดั ระยอง พบวา่ มี 4 พ้นื ทีท่ ม่ี ีคะแนน HRS สูงกว่า 28.5 ประกอบด้วย สถานประกอบการ ก�ำจัดกากอุตสาหกรรม แหล่งทิ้งขยะอุตสาหกรรมที่อยู่ ในพื้นที่ชุมชน และพ้ืนท่ีระบายน�้ำทิ้งจากอุตสาหกรรม ซึ่งทั้ง 4 พื้นท่ีจ�ำเป็นต้องมีการส�ำรวจศึกษาอย่างละเอียด เพ่ือการแก้ไขปัญหาต่อไป เนอื่ งจากสารอันตรายมีโอกาส สง่ ผลกระทบตอ่ สิง่ แวดล้อมและผูอ้ าศัยโดยรอบสงู จากอดตี สู่ปัจจุบนั มหันตภัยสารอนิ ทรียร์ ะเหย (ในดนิ และนำ้ �ใต้ดิน) 189

บทสรปุ สุดทา้ ย.... แต่ไม่ส้นิ สดุ

เรื่องราวท่ีเรียบเรียงมาเป็นผลงานที่กรมส่งเสริมคุณภาพ- ส่ิงแวดล้อมได้ด�ำเนินงานร่วมกับนักวิชาการ และหน่วยงานหรือ องค์กรที่เกี่ยวข้อง องค์ความรู้จากการทุ่มเทศึกษาได้มีหลาย หน่วยงาน/องค์กรน�ำไปใช้ประโยชน์ รวมท้ังเพ่ือให้ทุกคนได้เกิด ความตระหนกั ตอ่ โทษและผลกระทบอนั เกดิ จากการปนเปอ้ื นของ สารอนิ ทรีย์ระเหยในดินและน�ำ้ ใตด้ ิน องคค์ วามรู้จากการศกึ ษา ได้ถกู นำ� เสนอในทป่ี ระชมุ หลาย เวทีท่ีมีหน่วยงานหลากหลายที่เก่ียวข้องกับการแก้ไขปัญหาใน พน้ื ทแ่ี ละไดน้ ำ� ขอ้ มลู และองคค์ วามรทู้ ไี่ ดจ้ ากงานวจิ ยั ไปใชใ้ นการ แกไ้ ขปญั หา จะเห็นว่าจากกรณีการปนเปื้อนสารอินทรีย์ระเหยใน หลายพ้ืนที่ของประเทศไทย และคาดว่ายังมีอีกหลายพ้ืนที่ ท่ียังไม่ได้รับการตรวจสอบ สารอินทรีย์ระเหยหลายชนิดส่งผล กระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพ สารอินทรีย์ระเหยท่ีปนเปื้อนใน นำ้� ใต้ดินเป็นภัยมืดของประชาชนโดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ ใกล้กับแหล่งก�ำเนิดการปนเปื้อนและยังมีการใช้น้�ำใต้ดินในการ อปุ โภคบริโภค จากอดีตสปู่ ัจจบุ ัน มหันตภยั สารอินทรยี ร์ ะเหย (ในดนิ และนำ้ �ใตด้ นิ ) 191

เราต้องค�ำนึงถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคู่กับการป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของสาร อินทรีย์ระเหยในดินและน้�ำใต้ดิน การปนเปื้อนในดิน สามารถลงสนู่ ำ้� ใตด้ นิ ได้ ในการแกไ้ ขปญั หาการปนเปอ้ื น สารอินทรีย์ระเหยในดินและน�้ำใต้ดินเป็นส่ิงจ�ำเป็น เพราะหากไม่จัดการที่เหมาะสม สารอันตรายเหล่านี้ จะแพรก่ ระจายออกไปในวงกวา้ งมากขนึ้ และอาจสง่ ผล กระทบท้ังทางตรงและทางอ้อมต่อจ�ำนวนประชาชน มากข้ึนในอนาคตด้วย หากทงิ้ ไว.้ ... เม่ือเกิดการปนเปื้อนสารอินทรีย์ ประชาชนในอนาคต.... ระเหยในดินและน้�ำใต้ดินแล้ว การหา จะทำ� อยา่ งไร สาเหตุหรือหาแหล่งก�ำเนิดปนเปื้อน เป็นเร่ืองส�ำคัญและหากเป็นไปได้ต้อง !!!!!!!!! กำ� จดั แหล่งกำ� เนิดการปนเปอ้ื นก่อน แต่ ในหลายกรณีที่เกิดข้ึนมีข้อจ�ำกัดท่ีไม่ 192 ศูนยว์ ิจัยและฝกึ อบรมด้านสิง่ แวดล้อม สามารถก�ำจัดแหล่งก�ำเนิดการปนเปื้อน ได้ ท�ำให้จ�ำเป็นต้องใช้วิธีการสกัดก้ัน ไม่ให้สารอินทรีย์ระเหยเคลื่อนท่ีแพร่ กระจายออกจากพ้ืนท่ี การศึกษาวิจัย เพื่อการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสาร อินทรีย์ระเหยในดินและน�้ำใต้ดินนั้น จึงต้องครอบคลุมในหลายมิติ เช่น การ ตรวจสอบการปนเปอ้ื น การแพรก่ ระจาย

การจ�ำลองการเคลื่อนที่ของน�้ำใต้ดิน การท�ำนายการแพร่กระจายรวมท้ัง ท�ำนายพ้ืนท่ีที่อาจเป็นแหล่งก�ำเนิด ศักยภาพการใช้เทคนิคบ�ำบัดฟื้นฟูใน แตล่ ะเทคนคิ ทีม่ ีความเปน็ ไปได้ เปน็ ตน้ ทง้ั น้ีทัง้ นั้นการตัดสนิ ใจในการแกไ้ ข ปัญหาการปนเปื้อนในดินและน�้ำใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพจ�ำเป็นต้องใช้ ข้อมลู เหลา่ น้ี การแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ระเหย ในดินและน�้ำใต้ดินเป็นเร่ืองที่สามารถท�ำได้แต่โดยท่ัวไปใช้ งบประมาณสูงและมีขั้นตอนความยุ่งยากในการด�ำเนินงานที่ อาจจะเปน็ ไปตามลกั ษณะเฉพาะของพน้ื ที่ อกี ทง้ั มคี วามซบั ซอ้ น ท่ีน่าจะมากกว่าการป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของสาร ดงั กล่าว ทงั้ นน้ี อกจากโครงการ/กจิ กรรมทไ่ี ดก้ ลา่ วมาขา้ งตน้ แลว้ ซ่งึ ไดด้ �ำเนนิ งานเสร็จแล้วนนั้ จากอดีตส่ปู ัจจบุ นั มหนั ตภัยสารอนิ ทรีย์ระเหย (ในดนิ และน้ำ�ใต้ดิน) 193

ปัจจุบัน กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อมได้ร่วมกับ นักวิชาการและหน่วยงานที่เก่ียวข้องก�ำลังด�ำเนินงาน โครงการในพนื้ ที่เขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ดงั นี้ โครงการประเมินความเส่ียงเชิงนิเวศในพ้ืนท่ีชายฝั่ง ทะเลบริเวณนิคมอตุ สาหกรรมมาบตาพุด โดยเลอื กพนื้ ทบี่ รเิ วณอา่ วประด-ู่ ตากวน ซง่ึ เปน็ พน้ื ที่ ที่มีการท�ำประมงขนาดเล็กและเป็นพ้ืนที่ที่มีการท�ำฟาร์ม เลยี้ งหอยแมลงภู่ โครงการนเ้ี ปน็ อกี โครงการหนงึ่ ทถี่ กู บรรจุ ไวใ้ นแผนปฏบิ ตั กิ ารลดและขจดั มลพษิ ในเขตควบคมุ มลพษิ จังหวัดระยอง มีเป้าหมายโครงการเพ่ือเป็นองค์ความรู้ใน การจัดการและป้องกันผลกระทบที่จะส่งผลต่อระบบนิเวศ ในแหล่งน�้ำ เพราะท้ายสุดสารอันตรายท่ีลงในแหล่งน้�ำจะ ส่งผลต่อสุขภาพประชาชนเนื่องจากการบริโภคสัตว์น�้ำที่ได้ รับสารปนเปื้อนตามระบบห่วงโซ่อาหาร (food chain) 194 ศนู ยว์ จิ ยั และฝกึ อบรมดา้ นสง่ิ แวดล้อม

โครงการประเมนิ ศกั ยภาพของธรรมชาตใิ นการบำ� บดั ฟน้ื ฟู น้ำ� ใต้ดินท่ีปนเปอ้ื นสารอนิ ทรียร์ ะเหย ในพน้ื ท่เี ขตควบคมุ มลพิษ จังหวัดระยอง โดยเลือกพ้ืนท่ีที่ตรวจพบการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ ระเหยในบ่อน้�ำประชาชน สารอินทรีย์ระเหยที่ตรวจพบ เช่น Vinyl Chloride, Trichloroethylene (TCE), Carbon Tetrachloride ห(CมCาl4ย)ถเปึงน็ ตกน้ารกลาดรบลำ�งบขดัอฟงปน้ื ฟริมตู าาณมธสรารรมอชินาตทิ (รMียo์รnะiเtหoยreใdนนN้�ำaใtuตr้ดaินl) อนั เนอ่ื งมาจากกระบวนการสลายตวั ทางเคมี กระบวนการยอ่ ยสลาย ทางชวี ภาพโดยเชอื้ จลุ นิ ทรยี ท์ ม่ี อี ยแู่ ลว้ ในดนิ การดดู ซบั การระเหย หรอื กระบวนทางกายภาพอน่ื ๆ ทม่ี ผี ลทำ� ใหค้ วามเขม้ ขน้ ของสาร อนิ ทรยี ร์ ะเหยลดลง องคค์ วามรขู้ องโครงการนจี้ ะเปน็ ขอ้ มลู สำ� คญั ในการประเมนิ เทคโนโลยใี นการบำ� บดั ฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีปนเปอ้ื นนี้ เมื่อโครงการท้ังสองแล้วเสร็จ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จะนำ� มาเผยแพรใ่ นโอกาสตอ่ ไป…. จากอดีตสปู่ จั จุบัน มหันตภยั สารอนิ ทรยี ร์ ะเหย (ในดนิ และน้ำ�ใตด้ ิน) 195

เอกสารอ้างองิ • กรมทรัพยากรธรณี. 2544. ข้อมูลแผนที่ธรณีวิทยามาตราส่วน 1:250,000 กองธรณวี ทิ ยา กรมทรัพยากรธรณีวทิ ยา แผนท่ีระวาง nd47-12, nd47-16 • กรมทรัพยากรธรณี. 2551. การส�ำรวจช้ันดินตะกอนในพื้นท่ีนิคม อุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยใช้วิธีการส�ำรวจความ ตา้ นทานจำ� เพาะ • กรมทรพั ยากรนำ้� บาดาล. 2537. คมู่ อื การใชแ้ ผนทน่ี ำ้� บาดาลจงั หวดั ชลบุรแี ละระยอง มาตราส่วน 1:100,000. • กรมทรัพยากรนำ้� บาดาล. 2549. โครงการสำ� รวจประเมนิ ศักยภาพ แหลง่ นำ้� บาดาลขนั้ รายละเอยี ดในพนื้ ทลี่ มุ่ นำ�้ ชายฝง่ั ทะเลตะวนั ออก ภายใตโ้ ครงการ “การศึกษาการแกไ้ ขปัญหานำ้� ท่วมและภยั แลง้ โดย การเติมน้�ำลงสู่ใต้ดิน พ้ืนที่ลุ่มน้�ำชายฝั่งทะเลตะวันออก” ส�ำนัก ประเมินศักยภาพและดุลยภาพแหล่งน้�ำบาดาล กรมทรัพยากร น้�ำบาดาล กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม • กรมทรพั ยากรนำ้� บาดาล. 2550. รายงานฉบบั สมบรู ณโ์ ครงการศกึ ษา วจิ ยั การประเมนิ ความเสยี่ งของการปนเปอ้ื นของสารเคมใี นนำ้� ใตด้ นิ บรเิ วณ ต.กลางดง อ.ปากชอ่ ง จ.นครราชสีมา • กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม. 2552. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศกึ ษาลกั ษณะการไหลของนำ้� ใตด้ นิ ในเขตนคิ มอตุ สาหกรรม มาบตาพดุ จังหวัดระยอง 196 ศูนย์วจิ ัยและฝกึ อบรมด้านส่งิ แวดลอ้ ม

• กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม. 2554. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการตรวจสอบการปนเปื้อนสารอินทรีย์ระเหยในดินและน�้ำ ใตด้ นิ บริเวณนคิ มอุตสาหกรรมมาบตาพุด • กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม. 2556 ก. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวางระบบโครงข่ายตรวจสอบปริมาณสารอินทรีย์ระเหย ในดิน (Soil gas Monitoring Network) โดยขุดเจาะช้ันดนิ โดย ใช้เครื่องขุดเจาะแบบต่อเน่ือง (Geoprobe) และติดต้ังระบบและ ทดสอบประสิทธิภาพในการบ�ำบัดสารอินทรีย์ระเหยในดินโดยใช้ ระบบ Soil Vapor Extraction (SVE) เคล่ือนที่. ด�ำเนินงานโดย มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ • กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม. 2556 ข. รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการจัดล�ำดับความส�ำคัญของพื้นท่ีปนเปื้อน เพ่ือป้องกัน แกป้ ญั หา และการบำ� บดั ฟน้ื ฟดู นิ และนำ้� ใตด้ นิ ในพนื้ ทจ่ี งั หวดั ระยอง • กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม. 2556 ค. รายงานฉบับสมบูรณ์ การจัดท�ำฐานข้อมูลเทคนิคในการฟื้นฟูดินและน้�ำใต้ดินท่ีปนเปื้อน สารอันตรายและประเมินภาวะการคุกคามของสารอันตรายต่อ ส่ิงแวดล้อมเพ่ือการจัดการพ้ืนที่ปนเปื้อนสารอันตรายในน้�ำใต้ดิน ดำ� เนนิ งานโดยมหาวิทยาลยั นเรศวร • การนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย. 2551. รายงานฉบบั สมบรู ณ์ โครงการติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนของโลหะหนักและสาร อินทรีย์ระเหยงา่ ย (VOCs) ในนำ้� ใต้ดิน บริเวณพืน้ ท่ีมาบตาพดุ จากอดตี ส่ปู ัจจุบัน มหนั ตภัยสารอนิ ทรีย์ระเหย (ในดินและนำ้ �ใตด้ ิน) 197

• Anderson, M.P. and Woessner, W.W. 1992. Applied Groundwater Modeling: Simulation of Flow and Advective Transport. Academic Press, Inc. • Asante-Duah, D. K. (1996). Management of Contaminated Site Problems, 1Ed. CRC Press, New York, 432 pages. • Clement, T.P. 1997. RT3D – A modular computer code for simulating reactive multi-species transport in 3-dimensional groundwater aquifers. PNNL-11720. Pacific- Northwest National Laboratory, Richmond, WA. • Harbaugh, A.W., Banta, E.R., Hill, M.C., and McDonald, M.G., 2000, MODFLOW-2000, the U.S. Geological Survey modular ground-water model: User guide to modularization concepts and the ground-water flow process. U.S. Geological Survey Open-File Report 00-92, 121p. • Johnson, C.D., and M.J. Truex. 2006a. RT3D Reaction Modules for Natural and Enhanced Attenuation of Chloroethanes, Chloroethenes, Chloromethanes, and Daughter Products. PNNL-15938, Pacific Northwest National Laboratory, Richland, Washington. • Suthersan, S.S. 1997. Remediation Engineering: Design Concepts. CRC Press, Inc. 198 ศูนย์วิจัยและฝกึ อบรมดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม