101
102
103
บนท่ีดินแห้งแล้งกว่า 30 ไร่ ของ “สละ นิรากรณ์” เกษตรกรวัย เกษตรกรวยั 70 รายนย้ี อ้ นความวา่ ตนเขา้ มาเกย่ี วขอ้ งกบั โครงการ 70 ปี ชาวบ้านในตำ�บลพคุ ำ�จาน อำ�เภอพระพทุ ธบาท จงั หวดั สระบรุ ี ฝนหลวงได้ 5 ปีแล้ว สาเหตทุ ี่เขา้ มาเนือ่ งจากประกอบอาชีพเกษตร กลายเปน็ ทดี่ นิ ทมี่ คี า่ และเตม็ ไปดว้ ยความทรงจำ�แสนดี นานนบั 10 ปี ผสมผสาน มีความอยากรู้และจำ�เป็นต้องศึกษาเก่ียวกับเร่ืองน้�ำ เพราะทด่ี นิ ของ “สละ” ปจั จบุ นั นเ้ี ปน็ ไรข่ า้ วโพด มะมว่ ง ขนนุ ฯลฯ และ เพราะบางปฝี นแลง้ บางปฝี นตกคอ่ นขา้ งมาก และทดี่ นิ ในไรก่ แ็ หง้ แลง้ ทดี่ นิ บางสว่ นกเ็ ปน็ แปลงเกษตรผสมผสาน ทท่ี ำ�ใหช้ วี ติ ของเกษตรกร จนดนิ กรอบ บางครงั้ พชื ผลออกดอก ออกผลไม่ตรงเวลา สง่ ผล สูงอายุรายนี้กินดี อยู่ดี จากรายไดท้ างการเกษตรเพยี งอยา่ งเดยี ว กระทบมากมาย ทุนทั้งหมดท่ีลงไปกับไร่ก็สูญเปล่า แต่พอมีนักบิน และกลายมาเป็นเกษตรกรต้นแบบของจังหวัดสระบุรี และเป็น ฝนหลวงเข้ามาปฏิบัติการทำ�ฝนหลวง ท่ีดินในจังหวัดสระบุรีกลับ อาสาสมัครฝนหลวง โดย “สละ” ยอมรับว่าความสำ�เร็จทาง มีชีวติ ชีวามากขนึ้ การเกษตรท่ีเกิดข้ึนส่วนหนึ่งเป็นเพราะโครงการฝนหลวงซ่ึง เป็นโครงการในพระราชดำ�ริของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร การรบั นำ�้ ฝนของเกษตรกรในภาคกลางเรม่ิ ขยายวงกวา้ ง แตอ่ ปุ สรรค มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ในหลวงรัชกาลท่ี 9 จากการทำ�ฝนหลวงก็มี เพราะบางครั้ง เกษตรกรยังเก็บเก่ียว ไม่เสรจ็ แตห่ นว่ ยงานทดี่ แู ลปฏบิ ตั ิการไดท้ ำ�การบินไปแลว้ ส่งผลให้ “เมอื่ กอ่ นชว่ งไหนทฝี่ นทงิ้ ชว่ ง อยา่ งผมเนย่ี นะ ปลกู ขา้ วโพดกห็ ยอด เกิดความเสียหายต่อพืชผล ต่อมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึง เมล็ดลงไปช่วงพฤษภาคม พอเข้ามิถุนายน ถ้าฝนไม่ตกผมขาดทุน ได้เกิดโครงการอาสาสมัครฝนหลวงขึ้นมา เพ่ือรายงานสถานการณ์ ไร่ละ 4,000 พอเราได้ฝนมาช่วยเร่ืองปัญหาแล้งตรงนี้ผมเหมือน ภาคพ้ืนดินให้หน่วยงานต้นสังกัดรับทราบ และปฏิบัติการอย่าง ได้ชีวิตใหม่ ผมนับไม่ถ้วนนะว่ารับฝนหลวงมากี่คร้ังแล้ว สระบุรี เหมาะสม ฝนุ่ ละอองมนั เยอะ ไมใ่ ชแ่ คป่ ญั หาดนิ แหง้ ชมุ ชนแลง้ เทา่ นน้ั แตส่ ระบรุ ี เป็นจังหวัดอุตสาหกรรม และบางชุมชนก็อยู่นอกเขตชลประทาน “ดนิ แลง้ เกบ็ เกย่ี วไมเ่ สรจ็ ปรมิ าณนำ�้ มาก นอ้ ย เรากต็ อ้ งรายงานครบั การทำ�เกษตรจะให้รอดมันยากมาก จึงจำ�เป็นต้องพ่ึงฝนหลวง ซึ่ง อาสาสมัครบางคนก็ไปทำ�หน้าท่ีช่วยโปรยสาร ของผมน่ีรับผิดชอบ โครงการน้ีผมเองได้ยินได้ฟังต้ังแต่เด็กแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะ พื้นที่จังหวัดสระบุรี ลพบุรี รายงานกันทางไลน์นี่แหละ เพราะ ต้องเข้ามาใกล้ชิดและศึกษาอย่างจริงจังเช่นน้ี” สละ เล่าสั้นๆ ก่อน เทคโนโลยีเราเติบโตแล้ว เราคุยกันได้ ผมก็ส่งข้อมูลไป ภาพไป จะเขา้ ประเดน็ ทมี่ าของชวี ติ เกษตรกรทไ่ี ดเ้ ขา้ มามบี ทบาทสำ�คญั ในการ แล้วทางกรมฝนหลวงเขาก็ประเมินสถานการณ์ตามท่ีเรารายงาน ทำ�ฝนหลวง รว่ มกับกรมฝนหลวงและการบนิ เกษตร แลว้ วางแผนทำ�ฝนหลวงใหเ้ รา” เมื่อถูกถามว่าเหตุใดต้องมาเป็นอาสาสมัครฝนหลวง ท้ังที่เป็น เกษตรกรดีๆ กไ็ ด้ทำ�ไรแ่ ละรับประโยชนอ์ ยูแ่ ลว้ 104
“ผมอยากตอบแทนพระคณุ พ่อหลวงเราครบั ทา่ นเสียสละ ศกึ ษาฝนมา 14 ปี เราทำ�ไมไ่ ด้ มากมายเทา่ ท่าน ผมเชอ่ื วา่ ฝนหลวงคอื ชวี ติ ท่านให้ชีวิตเกษตรกรบา้ นเรา เรากท็ ำ�งานตรงนี้ ตอบแทนท่านบา้ ง ไม่ไดค้ ่าจา้ งกไ็ ม่เป็นไร แตเ่ รา อยากทำ� เพราะไมอ่ ยากใหเ้ จา้ หน้าท่ปี ฏบิ ตั กิ าร ผดิ พลาด มันดกี วา่ ถา้ เรารายงานข้อมูลให้ ตรงกบั ข้อเท็จจรงิ ” 105
ชว่ งกลางเดอื นมนี าคม 2561 ที่ผ่านมา ทางกรม มหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อคราวเสด็จพระราชดำ�เนินเย่ียมราษฎร ฝนหลวงและการบินเกษตรได้จัดบุคลากร ในพน้ื ทีแ่ ห้งแล้งทุรกนั ดาร 15 จงั หวัด ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ลงพื้นที่สำ�รวจสถานการณ์ฝุ่นละออง และ ระหวา่ งวนั ท ี่ 2-20 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2498 โดยเสดจ็ ผา่ นจงั หวดั ภัยแล้ง “สละ” กลายเป็นวิทยากรคนสำ�คัญในการรายงาน นครพนมไปจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ผา่ นจงั หวดั สกลนครและเทอื กเขาภพู าน สถานการณ์ และกระจายหน้าที่สู่อาสาสมัครรายอ่ืนอีก 40 ชีวิต ไดท้ รงรบั ทราบถงึ ความเดอื ดรอ้ น ทกุ ขย์ ากของราษฎร และเกษตรกร ซ่ึงเขาบอกว่า ภาระหน้าท่ีนี้คือการตอบแทนบุญคุณพ่อหลวงที่ให้ ทขี่ าดแคลนนำ้� อปุ โภคบรโิ ภค และการเกษตร เมอื่ เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ นำ�้ ดี ดนิ ดี และความมน่ั คงแกเ่ กษตรกรทวั่ ไทย จงึ อยากใหอ้ าสาสมคั ร กลบั ถงึ กรงุ เทพมหานคร ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ มอ่ มราชวงศ์ ทกุ คนทำ�งานให้ดี เทพฤทธ ์ิ เทวกลุ วศิ วกรและนกั ประดษิ ฐค์ วายเหลก็ ทม่ี ชี อ่ื เสยี งเขา้ เฝา้ ฯ แล้วพระราชทานแนวความคิดนนั้ แกห่ ม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกลุ สำ�หรบั ตน้ กำ�เนดิ ของโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ�รฝิ นหลวง เกิดข้ึนจากพระราชดำ�ริส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร 106
จากทฤษฎีเร่ิมแรกที่เกิดข้ึนหลังจาก วา่ พรอ้ มทจี่ ะดำ�เนนิ การตามพระราชประสงคแ์ ลว้ ดงั นน้ั ในปเี ดยี วกนั พ ร ะ ร า ช ดำ�ริ ใ น พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ น้ันเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำ�การทดลองปฏิบตั ิการจรงิ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในทอ้ งฟา้ เปน็ ครง้ั แรก เมอ่ื วนั ท่ี 1-2 กรกฎาคม 2512 โดยกระทรวง ยงั ทรงใชเ้ วลาอกี 14 ปี ในการวเิ คราะหว์ จิ ยั ทบทวนเอกสาร รายงาน เกษตรและสหกรณ์แต่งต้ังให้ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธ์ิ เทวกุล เป็น ผลการศกึ ษาและขอ้ มลู ตา่ งๆ พระราชทานใหห้ มอ่ มราชวงศเ์ ทพฤทธ์ิ ผอู้ ำ�นวยการโครงการ และหวั หนา้ คณะปฏบิ ตั กิ ารทดลองเปน็ คนแรก เทวกุล เพื่อประกอบการค้นคว้าทดลองมาโดยตลอด จากนั้นทรง และเลือกพ้ืนท่ีวนอุทยานเขาใหญ่เป็นพ้ืนท่ีทดลองเป็นแห่งแรก โดย ศกึ ษาคน้ ควา้ และวจิ ยั ทางเอกสาร ทงั้ ดา้ นวชิ าการอตุ นุ ยิ มวทิ ยา และ ทดลองหยอดกอ้ นนำ้� แขง็ แหง้ (dry ice หรอื solid carbon-dioxide) การดัดแปรสภาพอากาศ ซ่ึงทรงรอบรู้และเช่ียวชาญ เป็นท่ียอมรับ ขนาดไม่เกนิ 1 ลกู บาศก์นิ้ว เขา้ ไปในยอดเมฆสงู ไม่เกิน 10,000 ฟตุ ทั้งในและต่างประเทศจนทรงม่ันพระทัย จึงพระราชทานแนวคิด ท่ีลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพ้ืนท่ีทดลองในขณะน้ัน ทำ�ให้กลุ่ม ดังกล่าว แก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า เมฆทดลองเหล่านั้น มีการเปล่ียนแปลงทางฟิสิกส์ของเมฆอย่าง โปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางท่ีจะทำ�ให้เกิดการทดลองปฏิบัติการ เหน็ ไดช้ ดั เจนเกดิ การกลนั่ รวมตวั กนั หนาแนน่ และกอ่ ยอดสงู ขนึ้ เปน็ ในท้องฟา้ ให้เป็นไปได้ เมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้วเคลื่อนตัวตามทิศทางลม พ้นไปจากสายตาไม่สามารถสังเกตได้ เน่ืองจากยอดเขาบัง แต่จาก การทดลองในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก จนถึงปี พ.ศ. 2512 กระทรวง การติดตามผล โดยการสำ�รวจทางภาคพื้นดิน และได้รับรายงาน เกษตรและสหกรณ ์ ไดจ้ ดั ตง้ั หนว่ ยบนิ ปราบศตั รพู ชื กรมการขา้ ว และ ยนื ยนั ดว้ ยวาจาจากราษฎรวา่ เกดิ ฝนตกลงสพู่ น้ื ทท่ี ดลองวนอทุ ยาน พรอ้ มทจี่ ะใหก้ ารสนบั สนนุ ในการสนองพระราชประสงค์ หมอ่ มราชวงศ์ เขาใหญใ่ นทส่ี ดุ นบั เปน็ นมิ ติ หมายบง่ ชใี้ หเ้ หน็ วา่ การบงั คบั เมฆใหเ้ กดิ เทพฤทธิ์ เทวกลุ จงึ ไดน้ ำ�ความขน้ึ กราบบงั คมทลู พระกรณุ าทรงทราบ ฝนเป็นสงิ่ ทีเ่ ป็นไปได้ 107
“ก่อกวน” เป็นขั้นตอนท่ีเมฆธรรมชาติเริ่มก่อตัวทางแนวตั้ง เป็นระยะทางสั้นๆ เข้าสู่ก้อนเมฆเพื่อกระตุ้นให้เกิดกลุ่มแกนร่วม การปฏบิ ตั กิ ารในขน้ั ตอนนม้ี งุ่ ใชส้ ารเคมกี ระตนุ้ ใหม้ วลอากาศลอยตวั (Main Cloud Core) ในบรเิ วณปฏบิ ตั กิ าร สำ�หรบั ใชเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลาง ขึ้นสู่เบื้องบน เพ่ือให้เกิดกระบวนการชักนำ�ไอน�้ำหรือความชื้นเข้าสู่ ทีจ่ ะสร้างกล่มุ เมฆฝนในขั้นตอนต่อไป ระบบการเกิดเมฆ ระยะเวลาท่ีจะปฏิบัติการในข้ันตอนนี้ไม่ควรเกิน 10.00 น. ของแต่ละวันโดยการใช้สารเคมีท่ีสามารถดูดซับไอน้�ำจาก “เลี้ยงให้อ้วน” เป็นขั้นตอนที่เมฆกำ�ลังก่อตัวเจริญเติบโต มวลอากาศได้ (แม้จะมีเปอร์เซ็นต์ความช้ืนสัมพัทธ์ค่า Critical ซ่ึงเป็นระยะสำ�คัญมากในการปฏิบัติการ เพราะจะต้องเพ่ิมพลังงาน Relative Humidity ตำ�่ ) เพอ่ื กระตนุ้ กลไกของกระบวนการกลนั่ ตวั ให้แกก่ ารลอยตัวขนึ้ ของกา๊ ซ (Updraft) ให้ยาวนานออกไป ตอ้ งใช้ ไอน้�ำในมวลอากาศ (เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อ เทคโนโลยแี ละประสบการณก์ ารทำ�ฝนควบคไู่ ปพรอ้ มกนั เพอื่ ตดั สนิ ใจ การเจริญเติบโตของเมฆด้วย) ทางด้านเหนือลมของพ้ืนที่เป้าหมาย โปรยสารเคมีชนิดใด ณ ท่ีใดของกลุ่มก้อนเมฆ และในอัตราใดจึง เมื่อเมฆเริ่มก่อตัวและเจริญเติบโตทางตั้งแล้ว จึงใช้สารเคมีที่ให้ เหมาะสม เพราะตอ้ งใหก้ ระบวนการเกดิ ละอองเมฆสมดลุ กบั ความแรง ปฏกิ ริ ยิ าคายความรอ้ นโปรยเปน็ วงกลมหรอื เปน็ แนวถดั มาทางใตล้ ม ของ Updraft มฉิ ะนั้นจะทำ�ให้เมฆสลาย 108
“โจมต”ี เปน็ ขน้ั ตอนสดุ ทา้ ยของกรรมวธิ ปี ฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เมฆ หรือ กลุ่มเมฆฝนมีความหนาแน่นมากพอท่ีจะสามารถตก เปน็ ฝนได้ ภายในกลมุ่ เมฆจะมเี มด็ นำ�้ ขนาดใหญม่ ากมาย หากเครอื่ งบนิ เข้าไปในกลุ่มเมฆฝนน้ีจะมีเม็ดน้�ำเกาะตามปีกและกระจังหน้าของ เครื่องบิน เป็นขั้นตอนท่ีสำ�คัญต้องอาศัยประสบการณ์มาก เพราะ จะต้องปฏิบัตกิ ารเพือ่ ลดความรุนแรงของ updraft หรอื ทำ�ให้อายุ ของ updraft หมดไป สำ�หรบั การปฏิบตั ิการในขั้นตอนนี้ จะตอ้ ง พิจารณาจุดมุ่งหมายของการทำ�ฝนหลวง ซ่ึงมีอยู่ 2 ประเด็น คือ เพ่ือเพิ่มปริมาณฝนตก และเพื่อให้เกิดการกระจายการตกของฝน จงึ ทำ�ใหเ้ กดิ ฝนข้ึน Super Sanwich 109
110
111
112
113
จากการสรปุ สถานการณภ์ ยั แลง้ ของกรมฝนหลวงนน้ั ระบวุ า่ ปี 2561 ประสานงานรว่ มกบั บรรเทาสาธารณภยั และกม็ อี าสาสมคั รฝนหลวง ภัยแล้งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น เน่ืองมาจากความผันแปร เพื่อรายงานสถานการณ์ภาคพื้นดินออกมาว่าภัยแล้งน้ันรุนแรง ของสภาพภูมิอากาศและสภาวะโลกร้อน ประกอบกับสถานการณ์ หรือไม่ โดยจะมีการเตรียมการประชุมกันทุกสัปดาห์ ยกเว้นกรณี ภัยพิบัติที่กำ�ลังเกิดขึ้นขณะน้ี อาทิ สถานการณ์หมอกควันและไฟป่า ฉุกเฉนิ กจ็ ะตอ้ งมีการแจง้ สถานการณ์เข้ามา” ปัญหาภัยแล้ง และการขาดแคลนน�้ำเพ่ือใช้ทำ�การเกษตร เป็นต้น รวมถึงสถานการณ์ปริมาณน้�ำเก็บกักในอ่างเก็บน้�ำและเขื่อนสำ�คัญ จากอดีตจนปัจจุบันกรมฯ ดำ�เนินการทำ�ฝนหลวงและสำ�เร็จไปแล้ว ท่ัวประเทศ ยังมีเขื่อนหลักบางแห่งท่ีมีปริมาณน�้ำต่�ำกว่าเกณฑ์ และ กวา่ 150 ลา้ นไร่ 30 กว่าล้านไรอ่ ยู่ในเขตชลประทาน และ 120 กวา่ มีการขอรับบริการฝนหลวงเพ่ือช่วยเหลือพ้ืนที่การเกษตรด้วย แต่ ลา้ นไรอ่ ย่นู อกเขตชลประทาน ในแง่ของความการเตรียมรับมือภัยแล้งระยะยาวน้ันกรมฝนหลวงฯ เตรียมจัดต้ังหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 7 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่ การทำ�ฝนหลวงในปจั จบุ นั นน้ั ทางกรมฯ ไดร้ ว่ มมอื กบั เรมิ่ มกี ารคดิ คน้ ภาคเหนือ จำ�นวน 2 หน่วย คือ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัด นวตั กรรมเขา้ มาชว่ ยหลายอย่าง เน่ืองจากนกั บนิ ไมเ่ พยี งพอ เพราะ เชียงใหม่ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก ภาค ทางกรมฯ มนี กั บนิ ในสงั กดั แค่ 60 คนเทา่ นน้ั เนอ่ื งจากการบนิ ฝนหลวง ตะวันออกเฉียงเหนือ จำ�นวน 1 หน่วย ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการ ต้องอาศัยความชำ�นาญและมีรายละเอียดมากมาย ปัจจุบันมีนักบิน ฝนหลวงจงั หวดั ขอนแกน่ ภาคกลาง จำ�นวน 2 หนว่ ย ไดแ้ ก่ หนว่ ย รนุ่ ใหมเ่ ขา้ มาบา้ งแตย่ งั ไมพ่ อ กรมฯ จงึ ไดร้ ว่ มมอื กบั สถาบนั เทคโนโลยี ปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครสวรรค์ และหน่วยปฏิบัติการ ป้องกันประเทศองค์กรมหาชนเพื่อคิดค้นและพัฒนาระบบจรวด ฝนหลวงจังหวดั กาญจนบุรี ภาคตะวนั ออก จำ�นวน 1 หน่วย คอื ดัดแปรสภาพอากาศ ซึง่ คาดวา่ จะมกี ารทดลองใชจ้ รงิ ในปี 2561 น้ี หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี และภาคใต้ จำ�นวน 1 หน่วย คือ หน่วยปฏบิ ตั ิการฝนหลวงหวั หนิ ในฐานะหน่วยงานราชการ ปณิธิ บอกว่า ย่อมมีหน้าที่ทำ�งานรับใช้ ประชาชนแล้ว แต่การเข้ามารับราชการในกรมฯ น้ัน ได้ทำ�หน้าท่ี “ปณธิ ิ เสมอวงษ”์ ผอู้ ำ�นวยการกองปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง กรมฝนหลวง หลายอย่างตามรอยพระราชดำ�ริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่ง และการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เล่าว่า สำ�หรับ นอกจากการร่วมคิดค้นและพัฒนาระบบบริการประชาชนและศึกษา ชว่ งฤดขู องการทำ�ฝนหลวงอยรู่ ะหวา่ งเดอื นมนี าคมถงึ เดอื นเมษายน ขยายผลโครงการฝนหลวงแล้ว ยังมีอีกหลายแนวคิดที่ยึดถือ ซึ่งขณะนี้ทางกรมฯ กำ�ลังทยอยส่งนักบินไปออกปฏิบัติการแล้ว ตามแบบพระองคท์ า่ นมาโดยตลอด นนั่ คอื ปฏบิ ตั ิหน้าท่อี ยา่ งเขา้ อก และม่นั ใจวา่ กรมฯ จะรับมอื กบั สถานการณภ์ ยั แลง้ ไหว เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน ทางกรมฯ จึงได้เปิดโอกาส ให้ประชาชนเป็นผู้ร้องเรียนภัยพิบัติน้�ำท่วม ฝนแล้ง และปัญหา “ในการทำ�ฝนหลวงนั้นจะต้องข้ึนอยู่กับการประเมินสภาพอากาศ หมอกควัน เพื่อจะได้รู้ว่า ทำ�หน้าท่ีช่วยเหลือประชาชนอย่างตรง ซึง่ ทางกรมฯ จะมีการส่งเสรมิ วชิ าการเพอื่ ประเมนิ สภาพอากาศกอ่ น เปา้ หมาย และเชอ่ื วา่ ฝนหลวงนี้จะเปน็ โครงการทช่ี ว่ ยเหลือประชาชน ท่ีจะส่งนักบินไปปฏิบัติการทำ�ฝนหลวง แต่การทำ�ฝนหลวงจะต้องมี ไดต้ อ่ เนอื่ งยาวนาน ในสว่ นของขอ้ มลู จรวดดดั แปรสภาพอากาศนน้ั การวางแผนปตี อ่ ปไี มม่ แี ผนระยะยาว ทางกรมฯ จะมหี นว่ ยเคลอ่ื นทเี่ รว็ นับเป็นนวัตกรรมเสริมที่เข้ามาสนับสนุนและเป็นเทคโนโลยีทางเลือก เพอ่ื เขา้ ไปทำ�งาน ทงั้ นก้ี ารประเมนิ สภาพอากาศนน้ั ทางกรมฯ จะมกี าร ใหก้ ับกรมฝนหลวงฯ 114
“กฤตยชญ์ แก้วลำ�หัด” หัวหน้าโครงการโครงการวิจัยและพัฒนา สำ�หรบั เทคโนโลยนี ี้ ในตา่ งประเทศทท่ี ำ�สำ�เรจ็ แลว้ พอจะเปน็ ตวั อยา่ งได้ จรวดดัดแปรสภาพอากาศ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ คือ จีนและรัฐเซีย โดยประเทศจีนน้ันเคยทำ�เพ่ือกำ�จัดฝุ่นไม่ให้มี (องคก์ ารมหาชน) อธบิ ายวา่ จรวดดดั แปรสภาพอากาศ มหี ลายขนาด ผลกระทบบรเิ วณแข่งขนั โอลิมปิก จรวดจะไปทำ�ใหฝ้ นตกก่อน และ มีระบบจุดและปล่อยสารดัดแปลงสภาพอากาศ ปล่อยพลุซิลเวอร์ ทำ�ลายเมฆฝนไม่ให้ตกท่ีบริเวณแข่งขัน ส่วนรัสเซียนั้นใช้จรวด ไอโอไดด์ ไดม้ ากถงึ 4 นดั พรอ้ มมีระบบรม่ นิรภัยลดความเรว็ จรวด ขนาดใหญ่ยิงละลายหิมะ ทำ�ลายพายุลูกเห็บ แต่ท่ีประเทศไทยน้ัน เมื่อตกลงพ้ืน ตอนนย้ี งั มขี อ้ ขดั ขอ้ งบา้ ง เนอื่ งจากยงั ตอ้ งมกี ารศกึ ษาความเสถยี ร ให้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เช่นน้ันจรวดอาจจะร่วงลงมาโดนบ้าน “จรวดดัดแปรสภาพอากาศ เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่กรมฝนหลวงกับ ชาวบ้าน อาจเกิดผลกระทบได้ นวัตกรรมดังกล่าวเป็นพัฒนาการ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ/ศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์ ของกรมฯ และภาคีร่วมท่ีมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีอันทันสมัยเพ่ือ เทคโนโลยีการบินและอวกาศกองทัพอากาศ คิดค้นข้ึนมาเพื่อให้ รองรับสถานการณ์ของประเทศไทยที่นักบินปฏิบัติการฝนหลวง สามารถทำ�ฝนหลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมพ้ืนท่ีที่ มจี ำ�นวนน้อยลง ซ่ึงคนไทยหลายพ้ืนทีย่ งั คงตอ้ งรอติดตาม เครอ่ื งบนิ ไมส่ ามารถปฏบิ ตั งิ าน เชน่ กรณสี นามบนิ มสี ภาพอากาศปดิ หรือมีกลุ่มเมฆปกคลุมบนยอดเขาและหุบเขาหรือบริเวณชายแดน ทเ่ี สย่ี งอนั ตรายตอ่ การบนิ ซงึ่ ขณะนก้ี ารคดิ คน้ อยรู่ ะหวา่ งการทดลอง วิจัยและจะทดสอบยงิ จรงิ ๆ ในปี 2561 นี้” 115
“ตอนเด็ก กอ็ ยกู่ บั ชาวบา้ น เรียนรู้กบั เกษตรกร เรารู้วา่ แลง้ มันนา่ กลวั เป็นปญั หาแบบนี้ มนั ส่งผลกระทบหลายอย่าง แตม่ โี ครงการ ของพอ่ หลวงเขา้ มาช่วย ชาวบ้านกด็ ใี จกนั ถ้วนหนา้ ตัวเราเองกเ็ ลยสนใจเปน็ พเิ ศษ และตั้งใจเรยี นการบนิ มาเพือ่ เป้าหมายนี้ โดยตรง ส่วนตัวภมู ใิ จทีเ่ ราได้ทำ� สิง่ ท่ชี ่วยเหลอื คนอ่นื ด้วย การบิน แกป้ ัญหาฝนุ่ ละออง ดใี จมากๆ ทม่ี า เปน็ ส่วนหนง่ึ ในการทำ�งานภายใต้ ศาสตร์พระราชา” 116
ภายใต้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในการปฏิบัติการฝนหลวงน้ัน ดว้ ยเปน็ นกั บนิ หญงิ คนแรกและเพงิ่ เขา้ มารบั หนา้ ทไี่ ดไ้ มน่ าน สรอ้ ยสกลุ ยงั มนี กั บนิ รนุ่ ใหมท่ สี่ งั คมกำ�ลงั ใหค้ วามสนใจ และเธอเปน็ ดงั่ “นางฟา้ บอกวา่ ความทา้ ทายในอาชพี นข้ี นึ้ อยกู่ บั สภาพอากาศ “การแกป้ ญั หา ใต้ปีกฝนหลวง” เนื่องจากเป็นนักบินปฏิบัติการฝนหลวงหญิง เฉพาะหน้าของเรามันตรงหน้า เราทำ�งานกับสภาพอากาศ เราพบว่า คนแรกของประเทศไทย “สร้อยสกุล คุณสุข” หรือ “เอิง” ในวัย อากาศเปล่ียนแปลงตลอดเวลา อย่างนักวิชาการในกรมฯ ท่ีทำ�งาน 25 ปี เปิดประสบการณ์การบินคร้ังแรกว่าเธอได้ลองบินครั้งแรก กับเราจะคอยมอนิเตอร์ตลอดว่าอากาศเป็นยังไง ท่ีบอกว่าอาชีพ เมื่อเดือนมีนาคม 2561 ท่ีผ่านมาเพ่ือปฏิบัติการทำ�ฝนหลวง หลัง เราเสีย่ งนน้ั เปน็ เรอื่ งจรงิ สำ�หรบั เรามันสนุกดว้ ย เส่ยี งด้วย เราเลน่ เข้ามารบั ตำ�แหนง่ นกั บินหญงิ ไดร้ าว 3 เดือน กบั สภาพอากาศอย่แู ลว้ เรากด็ ูแลพยายามแกป้ ญั หาต่อไป ปรบั ปรงุ ไปเร่ือย ส่ิงที่จะช่วยได้คือความรอบคอบ นักบินฝนหลวงต้อง นักบินฝนหลวงหญิงย้อนอดีตว่า เธอเองเป็นชาวจังหวัดจันทบุรี เชค็ เครื่องและเตรียมตวั ใหด้ ี ดูแลสขุ ภาพให้พรอ้ มเสมอ ท่สี ำ�คัญคอื เรยี นจบการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรจี ากสาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ อาชพี นกั บนิ ไมไ่ ดป้ ระจำ�ศนู ยใ์ ด ศนู ยห์ นง่ึ แตต่ อ้ งเตรยี มพรอ้ มสำ�หรบั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ เมอื่ ปี 2558 จากนน้ั เขา้ เรยี นในโรงเรยี น การบนิ ท่ัวประเทศ ตามคำ�ส่งั นักวิชาการและหมายการบินของกรมฯ การบินของเอกชน เพราะชอบการทำ�งานแบบท้าทาย และอยาก นกั บนิ ตอ้ งเตรยี มพรอ้ มตลอดเวลา เพราะบางครง้ั คำ�สงั่ บนิ ในหนว่ ย มปี ระสบการณท์ ด่ี ี ทส่ี ามารถทำ�งานไปดว้ ยแลว้ ชว่ ยเหลอื ชาวบา้ นดว้ ย เคล่ือนที่เร็วต้องบินภายใน 20 นาที หรือนานสุดก็มีเวลาเตรียมตัว ซงึ่ ตัวเธอเองมีความทรงจำ�ในวยั เดก็ วา่ จงั หวัดจันทบุรีเป็นจงั หวดั ราว 30 นาที ถึง 1 ชว่ั โมง เม่ือว่างนักบนิ ทกุ คนจงึ มกั จะตอ้ งทำ�งาน ทปี่ ระสบปญั หาแลง้ มากมาย หลายคนเดอื ดรอ้ นกม็ โี ครงการฝนหลวง อย่างอน่ื ไปพลางๆ เพราะอากาศไม่รีรอเรา” เข้าไปช่วย จากนั้นก็เลยใฝ่ฝันอยากเป็นนักบินเป็นต้นมา ส่วนหน่ึง ต้ังใจเข้ามาทำ�งานด้านน้ีเพราะเห็นว่าเป็นการทำ�งานที่ยังคงคลุกคลี หลังผ่านการปฏิบัตกิ ารฝนหลวงเริ่มขึน้ “สรอ้ ยสกุล” บอกวา่ เธอ กบั เกษตรกร เขา้ ใจดีวา่ “โครงการฝนหลวง ภายใตศ้ าสตร์พระราชาน้เี ปน็ ศาสตร์ แหง่ ชวี ติ เปน็ การเตมิ เตม็ การแกไ้ ขปญั หาเรอื่ งนำ�้ เพราะนำ้� เปน็ ปจั จยั ภาพเคร่ืองบินผาดโผนปฏิบัติการอย่างช�่ำชองของนักบินสาว เป็น สำ�คัญของคนเรา ถ้าไมม่ ีใครมาแก้ปัญหา เราต้องอยกู่ บั ปญั หาแล้ง ภารกิจท่ีเธอมองว่า มีค่าต่อชีวิตมากมาย และแม้จะมีความสามารถ ตลอดแน่ๆ ดังน้ันเมื่อมีต้นทุนแล้ว เราในฐานะนักบินต้องทำ�เต็มท่ี ด้านการบินอีกท้ังเป็นนักบินหญิง การเข้าสู่เส้นทางอาชีพนักบิน และท่ีบอกว่าเป็นศาสตร์แห่งชีวิต ก็ไม่ใช่แค่ชีวิตชาวนา เกษตรกร ในธุรกิจเพื่อรับรายได้มหาศาลย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่นักบินสาว และประชาชนทวั่ ไป แตโ่ ครงการฝนหลวงเปน็ ศาสตรแ์ หง่ ชวี ติ ของคน ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลว่า “เธอยินดีและเต็มใจทำ�งานโดยไม่มีวันหยุด ท่ีใฝ่ฝันอยากเป็นนักบินอย่างเราด้วย เพราะในที่สุดเราก็ได้ผ่านการ ท่ีกรมฝนหลวงฯ” น่ันเพราะเธอตั้งใจไว้แล้วว่า การเกษตรคือชีวิต เรียนทฤษฎีมาสูก่ ารปฏบิ ัตบิ นิ จริงที่ตอ้ งใชช้ วี ติ อยูก่ ับมัน” และนำ�้ คือทรพั ยากรสำ�คญั ที่คนทง้ั โลกตอ้ งพ่ึงพา เกษตรกรไทยเอง กม็ คี วามจำ�เป็นเช่นนน้ั การทำ�หนา้ ที่ในปฏิบัตกิ ารฝนหลวงจึงเปรียบ เหมือนคนส่ังการเมฆที่ช่วยให้เกิดน�้ำในบริเวณที่เหมาะสม แม้งาน จะหนักแต่เธอยืนยันว่านี่คือส่ิงที่เธอเลือกและมีค่าเสมอกับชีวิต ในชว่ งที่เธออาศยั อยูใ่ ต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร 117
จากผลปาล์ม สู่พลังงานทดแทน ด้วยสายพระเนตร เร่ือง อโนชา พิชัยศิริ 118
119
120
121
ในวันที่คนทั่วทั้งแผ่นดินยังคงมีพลังงานใช้กัน อย่างฟุ่มเฟือย พระบาทสมเด็จพระปรมินทร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช ท ร ง มี พ ร ะ ร า ช ดำ�ริ ให้ดำ�เนินการวิจัยเพ่ือพัฒนาพืชพลังงานท่ีมีศักยภาพนำ�มาผลิต เป็นพลังงานทดแทนน้�ำมันที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเพราะพระองค์ทรง ตระหนกั ดวี า่ “...ถ้านำ้� มันเชื้อเพลงิ หมดแล้ว ก็ใช้เชอ้ื เพลงิ อย่างอน่ื ได้ มแี ตต่ ้องขยนั หาวธิ ที ี่ทำ�ใหเ้ ชอื้ เพลงิ เกดิ ใหม่ เชือ้ เพลงิ ท่ีเรยี กวา่ นำ�้ มนั น้นั มันจะหมดภายในไม่ก่ีปี หรือไม่กีส่ ิบปี ก็หมด...ถา้ ไม่ได้ทำ�เชอื้ เพลงิ ทดแทน เราก็เดือดรอ้ น...” พระราชดำ�รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เมอ่ื วนั ท่ี 4 ธนั วาคม 2548 และไบโอดีเซล ก็เป็นหน่ึงในพลังงานทางเลือกท่ีพระองค์ให้ความ สนพระทยั และทรงพระราชทานแนวพระราชดำ�รใิ หม้ กี ารคน้ ควา้ วจิ ยั มาต้ังแต่ปี 2518 จุดกำ�เนิดปาล์มน้�ำมันและไบโอดีเซล ในประเทศไทย ถนนลาดยางขนาดสองเลนมงุ่ หนา้ เขา้ สนู่ คิ มสรา้ งตนเองพฒั นาภาคใต้ นายสนุ ทร ศศธิ ร ชาวบา้ น อ.ควนกาหลง ทมี่ โี อกาสไดเ้ ขา้ เฝา้ รบั เสดจ็ หมู่ที่ 9 ต.อุใดเจริญ อ.ควนกาหลง จ.สตูล สถานท่ีท่ีได้ชื่อว่าเป็น ในหลวงรชั กาลท ี่ 9 เลา่ วา่ “พระองคเ์ สดจ็ มาทนี่ คิ มฯ แหง่ น้ี 2 ครง้ั แหลง่ ปลกู ปาลม์ นำ�้ มนั แหง่ แรกของประเทศ เปน็ ปาลม์ พนั ธด์ุ ที น่ี ำ�เขา้ คอื ในปี 2518 และปี 2519 ครง้ั แรก พระองคเ์ สดจ็ จะมาดกู จิ การ มาจากประเทศมาเลเซยี นำ�มาปลกู ครง้ั แรกทนี่ คิ มแหง่ นเ้ี มอื่ วนั ท่ี 11 ปาลม์ นำ�้ มนั ของพวกเรา เพราะทคี่ วนกาหลง ปลกู ปาลม์ นำ้� มนั มาตงั้ แต่ กนั ยายน 2511 จำ�นวน 760 ตน้ และเมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร ป ี 2511 เปน็ ปาลม์ แปลงแรกของประเทศไทย พระองคต์ รสั ถามวา่ มหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำ�เนินมาท่ีนี่เป็นครั้งแรกเมื่อ ปลูกปาล์มแล้วจะขายที่ไหนและแปรรูปอย่างไร สมัยน้ันเราก็แปรรูป ปี 2518 จึงเป็นจุดเร่ิมต้นในการศึกษาวิจัย เพื่อนำ�ปาล์มน้�ำมัน โดยใช้กรรมวิธีพื้นบ้าน คือ เอาครกมาตำ� แล้วก็เอาผลปาล์มไปน่ึง มาผลติ เปน็ เชอ้ื เพลงิ สำ�หรบั เครอื่ งยนตด์ เี ซล ในชอ่ื “นำ�้ มนั ไบโอดเี ซล” พอได้น�้ำมันออกแล้ว ก็นำ�ไปใส่เคร่ืองหีบน�้ำมัน ตอนนั้นทางนิคมฯ 122
ได้เคร่ืองสกัดน�้ำมันปาล์มมาจากต่างประเทศ เมื่อพระองค์ รศ.ดร. สณั ห์ชัย กล่นิ พกิ ลุ เลา่ ถึงท่มี าของการได้มโี อกาสถวายงาน ทอดพระเนตร ทรงสนพระทัยมาก ทรงหันไปถามอาจารย์จาก รับใช้ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ว่า ในปี 2518 ทางคณะอาจารย์จาก มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทรว์ า่ สามารถผลติ เครอ่ื งนเี้ องไดไ้ หม” มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับเชิญให้ไปดูงานท่ีสวนสาธิต การปลกู ปาลม์ นำ�้ มนั ทน่ี คิ มสรา้ งตนเองพฒั นาภาคใต้ อ.ควนกาหลง น่ันจึงเป็นท่ีมาให้ รศ.ดร. สัณห์ชัย กลิ่นพิกุล อดีตอาจารย์คณะ จ.สตลู เมอื่ ทางสวนสาธติ ฯ ทราบวา่ ตนเองเปน็ อาจารยด์ า้ นวศิ วกรรม วศิ วกรรมศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ปจั จบุ นั ดำ�รงตำ�แหนง่ จึงได้ขอให้ช่วยติดตั้งเคร่ืองสกัดน้�ำมันปาล์มท่ีนำ�เข้ามาจากประเทศ ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก เนเธอรแ์ ลนด์ หลงั จากน้นั ไมถ่ ึงเดอื น ในวันท่ี 9 กนั ยายน 2518 พระราชดำ�ริ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ไดก้ ลายเป็นหนงึ่ ใน พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ พระราชดำ�เนนิ มาทนี่ คิ มฯ แหง่ นี้ เพอื่ มาทอดพระเนตร ทมี วจิ ยั สรา้ งเครอื่ งจกั รหบี นำ้� มนั ปาลม์ ขนาดเลก็ และไดม้ โี อกาสรบั ใช้ การสาธิตวิธีใช้เคร่ืองสกัดน�้ำมันปาล์ม ซ่ึงมีอาจารย์สัณห์ชัย ใกลช้ ดิ ในหลวงรชั กาลท ่ี 9 ในการพฒั นาโครงการแปรรปู ปาลม์ นำ�้ มนั เป็นผู้ถวายรายงานพระองค์ทรงให้ความสนพระทัยเป็นอย่างย่ิง เป็นน้ำ� มนั ไบโอดีเซล 123
ทรงทราบว่าปาล์มน�้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีมีประโยชน์หลายอย่าง พระกระแสรบั สง่ั ถามมาท ่ี ม.อ. ดงั นนั้ คณะผวู้ จิ ยั ทม่ี อี าจารยส์ ณั หช์ ยั และสามารถนำ�มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายชนิด รวมถึง เปน็ หวั หนา้ ทมี กก็ ราบบงั คมทลู กลบั ไปวา่ ทำ�ไดแ้ ละไมม่ ไี อเสยี ” นนั่ จงึ ยั ง ใ ห ้ ผ ล ผ ลิ ต น้� ำ มั น สู ง ท่ี สุ ด เ ม่ื อ เ ที ย บ กั บ บ ร ร ด า พื ช น้� ำ มั น เป็นที่มาของการศึกษาวิจัยเพ่ือแปรรูปนำ�น�้ำมันปาล์มเป็นน�้ำมัน ชนิดอ่ืนๆ เพราะปาล์มน�้ำมัน 1 ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 3 ตัน และ ไบโอดเี ซลสำ�หรบั ใช้กบั เคร่ืองยนต์ดีเซล ถ้านำ�มาสกัดเปน็ น�้ำมันปาลม์ จะได้ประมาณ 600 กโิ ลกรัม/ไร/่ ปี ตอ่ มาในป ี 2543 เรมิ่ มกี ารทดลองใชไ้ บโอดเี ซลสกดั 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ หลงั จากนนั้ ในวนั ท่ี 23 กนั ยายน 2528 ในหลวงรชั กาลท่ี 9 ไดท้ รง หรือ B100 สำ�หรับเครื่องยนต์ดีเซลในกองงานส่วนพระองค์ เสดจ็ มาตดิ ตามการบา้ นชดุ ท ี่ 2 อกี ครง้ั ทโ่ี รงงานสาธติ สกดั นำ้� มนั ปาลม์ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้ผลเป็นท่ีน่าพอใจ ขนาดเลก็ ทค่ี ณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ และ เพราะสามารถใช้แทนน�้ำมันดีเซลได้ดีโดยไม่ต้องนำ�ไปผสมกับน้�ำมัน ทรงมีพระราชกระแสรับส่ังให้นำ�เครื่องสกัดน�้ำมันปาล์มท่ีพัฒนาข้ึน เชอื้ เพลงิ ชนดิ อนื่ ๆ เลย หรอื ถา้ จะนำ�มาผสมกบั นำ้� มนั ดเี ซลกส็ ามารถ ไปทดสอบการใชง้ านจริงกบั เกษตรกรรายยอ่ ยในพน้ื ที่ โดยจัดสรา้ ง ใชก้ บั เครอ่ื งยนตไ์ ดต้ ามปกติ เมอ่ื ทำ�การทดลองจนไดผ้ ลเปน็ ทนี่ า่ พอใจ โรงงานสกดั นำ้� มนั ปาลม์ ขนาดเลก็ ใหก้ บั กลมุ่ เกษตรกรทม่ี คี วามพรอ้ ม วันท่ี 9 เมษายน 2544 พระองค์จึงมอบหมายให้องคมนตรีเป็น และในปตี ่อมา จึงได้มกี ารจัดสร้างโรงงานสกัดน�ำ้ มนั ปาลม์ ขนาดเลก็ ขึน้ ทีส่ หกรณน์ คิ มอ่าวลึก จ.กระบี่ ในปี 2531 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชกระแสให้สร้างโรงงานแปรรูปน้�ำมันปาล์มขนาดเล็ก ครบวงจร ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจาก พระราชดำ�ริ จ.นราธิวาส ใช้เวลาดำ�เนนิ การ 2 ปี กวา่ จะแลว้ เสรจ็ ในปี 2533 เพอ่ื นำ�ผลผลติ ปาลม์ นำ้� มนั จากแปลงทดลองของศนู ยฯ์ มาแปรรปู และถ่ายทอดองค์ความรใู้ ห้กบั เกษตรกรในพืน้ ที่ รศ.ดร. ชาคริต ทองอุไร ผู้อำ�นวยการสถานวิจัยและพัฒนา พลังงานทดแทนจากน้�ำมันปาล์มและพืชน้�ำมันเล่าว่า “ในปี 2543 ในหลวงรชั กาลท่ี 9 ทรงมพี ระราชกระแสรบั สงั่ ผา่ นมายงั ผอู้ ำ�นวยการ ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาพิกลุ ทอง จ.นราธวิ าส พระองคท์ รงถามมาว่า น้ำ� มันปาลม์ สามารถนำ�มาผลิตเป็นไบโอดีเซลไดห้ รือไม่ และกไ็ อเสียน้ี จะมสี ารกอ่ มะเรง็ หรือไม่ ซ่ึงทางศนู ยฯ์ พกิ ุลทองกไ็ ด้ถามมาที่ ม.อ. (มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร)์ โดยปกตทิ ี่ ม.อ. ถวายงานเกย่ี วกับ เรื่องปาล์มน�้ำมันมาโดยตลอด ต้ังแต่ปี 2518 เพราะฉะน้ันเวลา มีปัญหาใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเกี่ยวกับเร่ืองน�้ำมันปาล์ม พระองค์ก็จะมี 124
ผแู้ ทนพระองคใ์ นการยนื่ จดสทิ ธบิ ตั ร “การใชน้ ำ้� มนั ปาลม์ กลนั่ บรสิ ทุ ธ์ิ ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์1 และได้จำ�หน่ายน�้ำมันไบโอดีเซล เป็นน้�ำมันเชื้อเพลิงเคร่ืองยนต์ดีเซล” หลังจากนั้นเพียง 2 เดือน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และในปี 2548 ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ในวนั ท่ี 2 มิถนุ ายน 2544 รถยนต์ท่ีใช้น�้ำมันปาล์ม 100 เปอร์เซ็นต์ ก็มีพระกระแสรับส่ังให้ไปสร้างโรงงานสกัดน้�ำมันพืช และผลิต ก็ปรากฏออกสู่สายตาประชาชนคนไทยเป็นครั้งแรก เมื่อพระบาท ไบโอดีเซลครบวงจรที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นอกจากน้ี สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จไปวางศิลาฤกษ์ ยังมีการศึกษาวิจัยและพัฒนาโรงงานต้นแบบการผลิตไบโอดีเซล เขื่อนคลองท่าด่าน โดยประทับรถยนต์พระที่น่ังที่ขับเคล่ือนด้วย ในเชิงพาณิชย์ กำ�ลังผลิต 1 หม่ืนลิตร/วัน ท่ี อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ นำ�้ มันปาล์ม 100 เปอรเ์ ซ็นต์ และ อ.กาญจนดษิ ฐ์ จ.สรุ าษฎร์ธานี โดยการสนับสนนุ ด้านวิชาการ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ หลังจากที่พระองค์ทรงเป็นต้นแบบในการใช้ไบโอดีเซล ได้ปลุกให้ สังคมไทยหันมาสนใจเช้ือเพลิงประเภทนี้มากข้ึน เร่ิมมีการจัดสร้าง 1 ปัจจุบันมีกำ�ลงั ผลิตอย่ทู ี่ 5,000 ลิตรต่อสัปดาห์ โรงงานผลิตน�้ำมันไบโอดีเซลข้ึนอีกหลายแห่ง เช่น ในปี 2545 มีการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลขนาดกำ�ลงั ผลิต 1,000 ลติ ร 125
126
คุณธเนศ วัยสุวรรณ ผู้จัดการโรงงานสถานวิจัยและพัฒนา พลงั งานทดแทนจากนำ้� มนั ปาลม์ และพชื พลงั งาน คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ กลา่ ววา่ “คณุ ภาพของนำ้� มนั ทผ่ี ลติ จาก โรงงานต้นแบบการผลิตไบโอดเี ซลในเชิงพาณชิ ยท์ งั้ 2 แหง่ ไดผ้ า่ น มาตรฐานของกรมธรุ กจิ พลงั งานสามารถใชไ้ ดใ้ นรถยนตด์ เี ซลทวั่ ไป” ปัจจุบัน นอกจากน้�ำมันปาล์มแล้วยังมีการนำ�น้�ำมันประกอบอาหาร ท่ีใช้แล้วมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลด้วยเช่นกัน เพราะ หาง่ายและราคาถกู การสง่ เสรมิ ให้มีการใชไ้ บโอดีเซลอย่างแพรห่ ลาย ได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการนำ�เข้าเช้ือเพลิงจากต่างประเทศ และเป็น พลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อมแล้ว ที่สำ�คัญยังช่วย สร้างทางเลือกในนำ�ผลผลิตทางการเกษตรไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ในรูปแบบอ่ืน เป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรอีก ทางหน่ึง จึงกล่าวได้ว่าไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกท่ีเหมาะสม กบั ประเทศไทยอย่างยง่ิ ลด • ควนั ดำ�ได้มากกว่ารอ้ ยละ 50 • ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ร้อยละ 20 • ฝ่นุ ละออง ร้อยละ 39 • กา๊ ซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ รอ้ ยละ 99 • กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ รอ้ ยละ 782 2 U.S. Department of Energy, 2004 127
โครงการนำ้� มนั ไบโอดเี ซล สูตรสกดั จากนำ�้ มนั ปาล์มของในหลวงรัชกาลท่ี 9 ได้รบั รางวัล Gold medal with mention หรอื รางวลั สรรเสริญพระอัจฉรยิ ภาพแห่งการใช้เทคโนโลยอี ย่างมปี ระสิทธภิ าพ พร้อมประกาศเกียรตคิ ณุ เทดิ พระเกียรตใิ หแ้ กผ่ ลงานประดิษฐค์ ดิ ค้น จากงานบรัสเซลส์ ยเู รกา้ 2001 ซงึ่ เป็นรางวัลระดบั นานาชาติด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีท่ีสำ�คัญของโลก 128
ไบโอดีเซล © Khaosod ในพระราชดำ�ริ “กองทัพเรือได้รับสนองพระราชดำ�ริเรื่องการนำ�ไบโอดีเซลมาใช้ สู่ประชาชน ทดแทนนำ�้ มันดีเซล โดยเราเริ่มทำ�การวิจยั วา่ จะแปรรูปน้�ำมันปาลม์ น�ำ้ มันปรุงอาหารท่ีใชแ้ ล้ว หรือน้�ำมนั มะพร้าว ใหเ้ ปน็ นำ้� มนั ไบโอดเี ซล เรืออังสนา ที่สามารถนำ�มาใช้กับยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือได้อย่างไรบ้าง จนนำ�ไปสู่เรื่องของการท่ีพระองค์มีพระกระแสรับสั่งว่า ถ้าเรือท่ี เรอื องั สนา นบั เปน็ เรอื ลำ�หนงึ่ ทจ่ี ะตอ้ งถกู จารกึ ไวใ้ นหนา้ ประวตั ศิ าสตร์ กองทพั เรอื จะนำ�ขน้ึ นอ้ มเกลา้ ถวายเปน็ เรอื พระทน่ี งั่ ในการเสดจ็ ไปเปดิ ของไทยและของโลก เพราะเป็นคร้ังแรกที่มีการนำ�ไบโอดีเซล 100 คลองลดั โพธ์ิ ไมใ่ ช้ B100 พระองคจ์ ะยงั ไมเ่ สดจ็ เรอื่ งนกี้ องทพั เรอื เปอร์เซ็นต์มาใช้ขับเคล่ือนเรือยนต์ขนาดใหญ่ โดยไม่ส่งผลกระทบ ก็ได้ทำ�การวิจัยและดัดแปลงเรือจนสามารถใช้ไบโอดีเซล B100 ได้ ต่อเคร่ืองยนต์ เดิมทีเรือลำ�น้ีเป็นเรือรับรองพิเศษของกองทัพเรือ ตามพระกระแสรบั สงั่ ของพระองคท์ า่ น ซง่ึ เมอ่ื พรอ้ มแลว้ กองทพั เรอื ใช้รองรับพระราชอาคันตุกะในโอกาสสำ�คัญๆ แต่ในช่วงปี 2550 ก็ได้นำ�เรืออังสนา ถวายเป็นเรือพระที่นั่ง เมื่อครั้งที่เสด็จไป กรมอทู่ หารเรือ และ บรษิ ทั ปตท. จำ�กดั (มหาชน) ไดร้ ่วมกนั ศกึ ษา คลองลัดโพธิ์ เม่ือปี 2553... วิจัยและดัดแปลงเคร่ืองยนต์ให้สามารถใช้น้�ำมันไบโอดีเซล B100 ซงึ่ ผลิตจากนำ้� มันปาล์มบรสิ ทุ ธิ์ ทำ�การทดลองกนั อยู่ 3 ปี กว่าจะ 129 สำ�เร็จ หลังจากน้ันจึงได้นำ�เรืออังสนามาใช้เป็นเรือพระที่นั่งสำ�หรับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอุดยเดช ในการเสด็จ ทางชลมารค เพ่ือทรงทำ�พิธีเปิดประตูระบายน�้ำคลองลัดโพธ์ิ ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันท่ี 24 พฤศจิกายน 2553 ที่มาของเรืออังสนาซ่ึงขับเคล่ือนด้วยน�้ำมันไบโอดีเซล B100 เกิ ดขึ้ นจ า กพร ะ ร า ช ดำ�ริ ข อง พร ะ บา ทสมเด็ จพร ะปร มิ นทร มหาภูมพิ ลอดุ ยเดช โดย พล.ร.ต.ดร. สมัย ใจอนิ ทร์ ผอู้ ำ�นวยการ อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เล่าถึงท่ีมาของการใช้ไบโอดีเซล B100 ว่า
© Khaosod ในครั้งนั้นก่อนเสด็จพระราชดำ�เนินไปคลองลัดโพธ์ิ พระองค์ท่าน ไ ด ้ ต รั ส กั บ ผู ้ บั ญ ช า ก า ร ท ห า ร เ รื อ ถึ ง ก า ร ใ ช ้ น�้ ำ มั น เ ชื้ อ เ พ ลิ ง ข อ ง เรอื องั สนาไวว้ ่า …ถ้าไม่ใช้ B100 เราไม่ไป… กระแสพระราชดำ�รัสพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช 130
© Khaosod น่ีถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่เรือพระท่ีนั่งท่ีใช้ B100 และ พล.ร.ต.ดร. สมัย ใจอินทร์ กล่าวท้งิ ทา้ ยวา่ “ครงั้ หนึ่งเมือ่ พระองค์ ถือเป็นครั้งแรกของโลกก็ว่าได้ท่ีพระมหากษัตริย์เสด็จทางชลมารค เสดจ็ มาทก่ี รมอ่ทู หารเรอื ทรงมีรับสัง่ วา่ ใหด้ ำ�เนินการเรอื่ งนีอ้ ยา่ ง แลว้ ใชไ้ บโอดเี ซล B100 พระองคท์ รงแสดงเปน็ ตวั อยา่ งใหพ้ สกนกิ ร ต่อเนื่อง อยา่ ได้ทอ้ แทห้ มดกำ�ลงั ใจ เพราะการพฒั นาเร่ืองไบโอดีเซล เห็นว่าในที่สุดแล้วประเทศไทยควรจะพัฒนาพลังงานเอง...เพื่อให้ เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กับหลายฝ่าย ต้องต่อสู้กับเรื่องของความคิด สามารถพึ่งพาตนเองให้ได้” ทุกวันน้ีกองทัพเรือยังคงสนอง ต่อสู้กบั เรื่องของการตลาด ตอ่ สู้เรือ่ งของมาตรฐาน หรอื แม้กระทั่ง พระราชดำ�ริ ศกึ ษา วจิ ยั และพฒั นากระบวนการผลติ จนไดม้ าตรฐาน ต้องต่อสู้กับเรื่องของการปลูกพืช ซ่ึงมันเป็นเร่ืองระยะยาวที่ต้อง และไดท้ ำ�การดัดแปลงยทุ โธปกรณ์ตา่ งๆ เพือ่ ให้สามารถรองรับการ คอ่ ยๆ ทำ� แตเ่ รอื่ งนเ้ี ปน็ หนง่ึ ในทางออกของประเทศในเรอ่ื งพลงั งาน ใช้งานน้ำ� มนั ไบโอดีเซล 100 เปอรเ์ ซ็นต์ พระวสิ ยั ทศั นข์ องพระองค์ คอื อยากจะเหน็ ประเทศมน่ั คง มเี ศรษฐกจิ ทด่ี ี อยากจะเหน็ เกษตรกร ซง่ึ เปน็ พสกนกิ รของพระองคท์ ล่ี ำ�บากทส่ี ดุ นอกจากน้ีเรือข้ามฝากท่ีแล่นกันอยู่กลางแม่น้�ำเจ้าพระยา คือ เรือ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน จนถึงวันน้ีผมพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ� ชดุ แรกทม่ี กี ารทดลองนำ�ไบโอดเี ซลไปใช ้ รวมถงึ รถบสั รบั สง่ บคุ ลากร ว่า ในเอเชีย ไทยถือเป็นประเทศท่ีก้าวหน้าที่สุด เพราะประเทศไทย ของกองทัพเรือท่ีใช้กันอยู่ตามฐานทัพเรือท่ัวประเทศ ก็เริ่มมีการใช้ มกี ารนำ�ไบโอดีเซล 7 เปอร์เซน็ ต์ ผสมในน�ำ้ มันดีเซล...” น�ำ้ มันไบโอดีเซลทผ่ี ลติ จากนำ�้ มันปรงุ อาหารทีใ่ ช้แล้ว 131
พลัง-งาน-ชุมชน ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสเป็นสมาชิกเครือข่ายกว่า 1 พันคน ทำ�ให้ ในแตล่ ะวนั วสิ าหกจิ ชมุ ชนยะลาไบโอดเี ซล มวี ตั ถดุ บิ ในการผลติ มากขนึ้ มชี มุ ชนหลายแหง่ ในประเทศไทยทเ่ี รมิ่ ผลติ นำ้� มนั ไบโอดเี ซลไวใ้ ชก้ นั เอง กว่า 2-3 หมื่นลิตร/เดือน และสร้างรายได้รวมให้กับผู้ด้อยโอกาส ในชุมชน เฉกเช่นเดียวกับที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ยะลาไบโอดีเซล และผู้พิการกว่า 2-3 แสนบาท/เดือน ปัจจุบันน้�ำมันไบโอดีเซลของ ต.ลำ�ใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ท่คี นในชุมชนร่วมตวั กนั เพื่อน้อมนำ�แนว วิสาหกิจชุมชนแหง่ น้ี ได้รับการรับรองมาตรฐานคณุ ภาพของน�้ำมัน พระราชดำ�ริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไบโอดีเซลชุมชนแบบ B100 จากกระทรวงพลังงาน นับได้ว่าการ ในการนำ�พลังงานทดแทนมาใช้ เพ่ือสร้างเสถียรภาพด้านพลังงาน ผลิตไบโอดีเซลของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ยะลาไบโอดีเซล นอกจาก ใหก้ ับชมุ ชนได้สามารถพ่ึงพาตนเองอยา่ งยงั่ ยนื จะไดเ้ ชอ้ื เพลงิ ทเ่ี ปน็ พลงั งานสำ�หรบั ทกุ คนในชมุ ชนแลว้ ยงั ชว่ ยสรา้ ง พลงั สรา้ งงาน และสรา้ งชมุ ชนใหส้ ามารถพง่ึ พาตนเองไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื นายยศพลพฒั บนุ นาค ตวั ตง้ั ตวั ตใี นการกอ่ ตง้ั วสิ าหกจิ ชมุ ชน เลา่ วา่ แต่เดิมตนเองเปิดร้านขายอาหาร ซ่ึงในแต่ละวันมีน้�ำมันที่เหลือจาก การปรงุ อาหารเปน็ จำ�นวนมาก ภายหลงั ทราบวา่ นำ�้ มนั เหลา่ นสี้ ามารถ นำ�ไปแปรรูปเป็นไบโอดีเซลได้ จึงสนใจและเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง อกี ทง้ั ยงั ไดใ้ นหลวงรชั กาลท ี่ 9 เปน็ แรงบนั ดาลใจ ทรงเปน็ ตน้ แบบให้ พสกนกิ รชาวไทยหันมาใชพ้ ลังงานทางเลือกอย่างไบโอดีเซล ซึ่งเป็น เชื้อเพลงิ ท่ีชุมชนสามารถผลิตไดเ้ อง ทำ�ให้เกษตรกรและคนในชุมชน สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้มาก โดยเฉพาะในยุคที่ นำ�้ มนั แพง เรมิ่ กอ่ ตงั้ กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนยะลาไบโอดเี ซลขนึ้ เมอ่ื วนั ท่ี 9 เมษายน 2552 แรกเริม่ เดมิ ทีมีสมาชกิ ลมุ่ อยเู่ พยี ง 9 คน ปัจจบุ ัน มสี มาชกิ นับร้อยคน จุดเด่นของท่ีน่ี ไม่ได้อยู่ที่กำ�ลังผลิตน้�ำมันไบโอดีเซลวันละ 800- 1,000 ลิตรต่อวัน หรือการที่คนในชุมชนเกือบท้ังหมดหันมาใช้ ไบโอดเี ซลเปน็ เชอ้ื เพลงิ สำ�หรบั รถยนตแ์ ละเครอ่ื งจกั รกลทางการเกษตร เทา่ นนั้ แตอ่ ยทู่ ก่ี ารจดั ตงั้ เครอื ขา่ ยผพู้ กิ ารและผดู้ อ้ ยโอกาสใน จ.ยะลา และจงั หวดั ใกล้เคียง (ปตั ตานี นราธวิ าส และสงขลา) ใหเ้ ปน็ ผู้รับซอ้ื น�้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วตามท้องตลาดและชุมชน เพื่อนำ�มาขาย ใหก้ ับกลุ่มวิสาหกิจชมุ ชน ซึง่ เป็นการสร้างอาชพี สร้างรายไดใ้ หก้ บั กลุ่มคนเหล่าน้ันให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างย่ังยืน ปัจจุบันมี 132
จากห้องทดลอง รัฐบาลไทยยังได้สืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่อุตสาหกรรมไบโอดีเซล ท่ีจะนำ�ไบโอดีเซลมาใช้ทดแทนพลังงานที่ต้องนำ�เข้าจากต่างประเทศ โดยค่อยๆ ส่งเสริมให้เกิดการใช้ไบโอดีเซลในสังคมไทย ต้ังแต่ปี 2544 เป็นต้นมา สังคมไทยต่ืนตัวกับไบโอดีเซลเป็น อยา่ งมาก ปัจจุบันทวั่ ประเทศมีพน้ื ทป่ี ลูกปาลม์ น�ำ้ มันเกอื บ 5 ลา้ นไร่ โดยเริ่มนำ�ไบโอดีเซลมาผสมในน้�ำมันดีเซล เพื่อขายในเชิงพาณิชย์ จากเดมิ ในปี 2529 มพี ืน้ ทปี่ ลูกไมถ่ งึ 5 แสนไร่ และจากการเร่ิมตน้ คร้ังแรกเม่ือปี 2550 ในระยะแรกรัฐบาลกำ�หนดให้ผสมไบโอดีเซล ผลติ ไบโอดเี ซล ดว้ ยเครอ่ื งจกั รขนาดเลก็ ของโรงงานสกดั นำ�้ มนั ปาลม์ ในอัตรา 2-3 เปอรเ์ ซน็ ต์ ที่เรียกกนั ว่า B2 โดย บรษิ ัท ปตท. จำ�กดั ขนาดเลก็ ที่ จ.กระบ่ี ซง่ึ มกี ำ�ลงั ผลติ เพยี ง 50 ลติ ร ปจั จบุ นั มโี รงงาน (มหาชน) ซง่ึ เปน็ ผจู้ ำ�หนา่ ยนำ�้ มนั ดเี ซลหมนุ เรว็ (HSD) รายใหญท่ ส่ี ดุ ผลติ ไบโอดเี ซล B100 จำ�นวน 13 แหง่ กำ�ลงั การผลติ รวม 6.62 ลา้ น ของประเทศ ไดน้ ำ�รอ่ งจำ�หนา่ ยนำ�้ มนั ดเี ซล (B2) เปน็ รายแรกพรอ้ มกนั ลติ รตอ่ วนั เพอื่ นำ�มาผลติ ไบโอดเี ซลเฉลยี่ 3.74 ลา้ นลติ รตอ่ วนั โดย ทุกสถานีท่ัวประเทศ ในปี พ.ศ. 2551 ต่อมาในปี 2555 ได้เพ่ิม วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตส่วนใหญ่มาจากน้�ำมันปาล์มดิบ นอกจากนี้ สัดส่วนไบโอดีเซลเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ (B5) และ 7 เปอร์เซ็นต์ (B7) ในป ี 2557 สง่ ผลใหค้ วามตอ้ งการใชไ้ บโอดเี ซลเพมิ่ ขนึ้ เปน็ จำ�นวนมาก จนเม่ือกลางปี 2559 กรมธุรกิจพลังงาน ได้ออกประกาศให้มีการ เพ่ิมสัดส่วนไบโอดีเซล (B100) ในน�้ำมันดีเซลจากเดิมอยูท่ ่รี ้อยละ 5 ใหเ้ พิม่ เปน็ ร้อยละ 7 “วนั นด้ี เี ซลทง้ั หมดในประเทศไทย 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ มกี ารผสมไบโอดเี ซล ดว้ ยในสดั ส่วนต่างๆ ซึ่งอัตราส่วนในการผสมจะปรับเปลย่ี นเพม่ิ ขนึ้ ตามความทันสมัยของเครื่องยนต์และเทคโนโลยี ตอนนี้สัดส่วนท่ี ใช้ผสมอยู่ที่ 5 -7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมาจากพืชพลังงานท่ีผลิตได้ภายใน ประเทศเปน็ หลัก” คุณเทวนิ ทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าทบ่ี รหิ าร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำ�กัด (มหาชน) 133
ชีวิตดี เพราะมีน�้ำ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ชุมชนบ้านลิ่มทอง เร่ือง อุดร คำ�พันธ์ 134
135
136
137
คำ�ว่าบุรีรัมย์ตำ�น�้ำกิน เป็นวลีที่คนท่ัวไปมักจะเคยได้ยินติดหูอยู่ บ่อยคร้ังจนจำ�ได้ แต่มันเป็นข้อความที่ชาวบุรีรัมย์คงอยากจะลบ ออกจากความทรงจำ� เพราะมันมีความหมายถึงความขาดแคลนน้�ำ อย่างแสนสาหัส ภาพของความแล้งร้าย ดินร่วนเป็นทรายไร้ความ ชุ่มชื้น ผลผลิตการเกษตรยืนต้นแห้งตายบนที่ทำ�กิน สัตว์เล้ียง น้อยใหญ่กระหายหิวโซ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ผอมแห้งและยากจน ภาพเหล่านี้ฝังลึกอยู่ในความทรงจำ�ของผู้คนโดยเฉพาะชาวบุรีรัมย์ เจา้ ของเร่อื งคนในพ้ืนที่ ชมุ ชนลม่ิ ทองเปน็ อกี ชมุ ชนหนงึ่ ในจงั หวดั บรุ รี มั ยก์ ม็ ภี าพอดตี ทไ่ี มน่ า่ นางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่แต่เดิมมีช่ือเสียงชื่อเสียในเรื่องของ จดจำ�แบบน้ัน มีหน้าแล้งที่โหดร้าย ขาดแคลนน�้ำอย่างหนัก ไม่ใช่ ความแห้งแล้งขาดแคลน ผู้คนยากจน ปลูกอะไรก็ตาย หรือไม่ก็ เพียงขาดแคลนน�้ำในการเกษตรทำ�ไร่ ทำ�สวน ทำ�นา เท่านั้น แม้แต่ ได้ผลผลิตต�่ำ ชาวบ้านต้องโยกย้ายถ่ินฐานหนีความขาดแคลน แต่ นำ�้ ที่ใชอ้ ุปโภคบรโิ ภคก็ไม่เพยี งพอ น�ำ้ ทีจ่ ะใช้ชำ�ระรา่ งกายหรอื ด่มื กนิ ณ วันน้ีชุมชนล่ิมทองได้รับการยกย่องให้เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ ก็จำ�เป็นตอ้ งใช้อยา่ งกระเบียดกระเสยี ร ระมดั ระวงั อยา่ งทีส่ ุดเพ่อื ให้ ตน้ แบบการบรหิ ารจดั การนำ�้ อยา่ งยงั่ ยนื เปน็ แบบอยา่ งใหช้ มุ ชนอน่ื ๆ เพียงพอกับตัวเองและคนในครอบครัว ชาวชุมชนล่ิมทองถึงรู้ซ้ึง ทวั่ ประเทศเขา้ มาศกึ ษาเรยี นรวู้ ธิ คี ดิ และการจดั การ เอาไปเปน็ ตวั อยา่ ง กับคำ�ว่า “บุรีรัมย์ตำ�น้�ำกิน” อย่างถ่องแท้ แต่ชาวชุมชนลิ่มทองก็ เพ่ือปรบั ใช้กับพ้นื ท่ขี องตัวเอง ไม่ได้ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ไม่ยอมจำ�นนต่อฟ้าดินหรือความแล้งร้าย ของธรรมชาต ิ พวกเขาลกุ ขนึ้ สกู้ บั ความแหง้ แลง้ นน้ั ดว้ ยการแสวงหา จากจุดเริ่มต้นที่หวังเพียงให้มีน้�ำกินน�้ำใช้เพียงพอ วันนี้ชาวชุมชน ความรู้ ใช้สติปัญญา และต้นทุนท้ังหมดท่ีมี เรียนรู้ท่ีจะแก้ปัญหา ลิ่มทองเดินมาไกลมาก จากวันแรกเริ่มที่รวมใจคิดลงมือพัฒนา เพื่อให้มีน้�ำกินน้�ำใช้เพียงพอ เพ่ือยกระดับคุณภาพชีวิตของคน บ้านเกิดตัวเอง และหน่ึงในแกนหลักสำ�คัญที่ร่วมต่อสู้พัฒนาชุมชน ในชุมชนให้ดีข้ึน ไม่ผละหนีไปอยู่ที่อ่ืน ด้วยมโนสำ�นึกความรักความ ลิ่มทองมาโดยตลอดจากชุมชนขาดแคลนน้�ำจนกลายมาเป็นชุมชน หวงแหนทีม่ ีต่อแผน่ ดนิ ที่พวกเขาเรยี กวา่ บ้านเกดิ พวกเขาหวงั ใจวา่ ต้นแบบการบริหารจัดการน�้ำตัวอย่างระดับประเทศ หัวเรือใหญ่ แผ่นดินเกิดจะเป็นที่เดียวกับแผ่นดินท่ีฝังร่างตอนไร้วิญญาณ เป็น ความภาคภูมิใจให้ลูกหลานในภายภาคหน้าว่าบรรพบุรุษได้เพียร พัฒนาชุมชนจากชีวิตติดลบจนสามารถสร้างชีวิตที่อยู่ดีกินดีได้ อย่างไม่อายใคร สร้างบ้านสร้างชุมชนให้มีน�้ำกินน�้ำใช้ สร้างชีวิตท่ี มคี ณุ ภาพ เพราะเชื่อว่า “มนี ำ�้ ก็มีชีวติ ” นับถึงปัจจบุ นั ชาวชุมชนลมิ่ ทอง ได้พสิ จู นใ์ หเ้ ห็นแลว้ ว่าความตัง้ ใจ ของพวกเขาไม่ไดส้ ูญเปล่า ชุมชนลิ่มทอง ตำ�บลหนองโบสถ์ อำ�เภอ 138
คนนน้ั คอื สนทิ ทพิ ยน์ างรอง ประธานคณะกรรมการและผเู้ ชย่ี วชาญ จดุ เปลีย่ นเริ่มท่ีนา้ น้อยเหน็ ว่าตวั เองเป็นคนเรียนหนังสืออ่อน แม้จะ เรื่องน้�ำ คณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน�้ำระดับหมู่บ้าน จบการศึกษาชั้นประถม 4 ตามเกณฑ์แล้ว แต่ตัวเองยังอ่านไม่ออก บา้ นล่ิมทอง ตำ�บลหนองโบสถ์ อำ�เภอนางรอง จงั หวดั บรุ รี ัมย์ เขยี นไมไ่ ดเ้ ลย จงึ อยากจะหาทเี่ รยี นหนงั สอื เพม่ิ เตมิ หวงั เพยี งใหต้ วั เอง อ่านออกเขียนได้เหมือนเพ่ือนๆ จึงเข้าเรียนเพิ่มเติมที่ สำ�นักงาน เริ่มต้นจากความไม่รู้ ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรอื กศน. เปล่ียนไปเพราะความอยากรู้ ใกลบ้ ้าน นางสนทิ ทพิ ยน์ างรอง หรอื นา้ นอ้ ย กอ่ นทจ่ี ะมตี ำ�แหนง่ เปน็ ประธาน “น้านอ้ ยเปน็ คนเรียนหนงั สือออ่ น อา่ นไม่ออกเขียนไมไ่ ด้ จบ ป.4 นะ ผู้เช่ียวชาญเร่ืองน�้ำ เดิมน้าน้อยเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาทั่วไป แต่เรียนไม่เก่ง อ่านหนังสือไม่ออกเขียนก็ไม่ได้ เรียนจบก็ออกมา เหมือนคนอื่นๆ เป็นชาวชุมชนบ้านลิ่มทองโดยกำ�เนิด จบการศึกษา ช่วยพ่อแม่ทำ�งาน ทำ�ไร่ทำ�สวนนี่แหละ แล้วก็แต่งงานมีครอบครัว แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ช่วยพ่อแม่ ทำ�ไร่ ทำ�นา มีฐานะค่อนข้าง กท็ ำ�ไรท่ ำ�นาเหมอื นเดมิ ผลผลติ กไ็ มค่ อ่ ยไดผ้ ล ยากจนมากนะตอนนนั้ ยากจน และมีหนี้สินจำ�นวนมาก ไม่แตกต่างกับเพ่ือนบ้านในละแวก การพนันก็มีเล่นบ้าง ก็มีกู้หน้ียืมสินเขามาเพ่ือมากินมาใช้ใน ใกล้กนั ครอบครวั เรานี่แหละ แตก่ ไ็ มพ่ อกนิ พอใช้สักที 139
140
เราก็ไม่ใชค่ นขเ้ี กียจนะขยันทำ�งาน ทำ�นา ทำ�สวน ปลูกข้าว ปลกู ผัก “ตอนแรกๆ ก็ยังอ่านไม่ได้เขียนไม่ได้เท่าไหร่ เขาก็แนะนำ�ให้เรียน ทำ�ตลอดไมเ่ คยหยุด แตก่ ย็ ังจนอยู่ ตอนนน้ั กย็ ังไม่รู้วา่ ทำ�ไม จนเรา คอมพวิ เตอร์ ให้บนั ทึกขอ้ มลู ลงคอมพวิ เตอร์ ขนาดภาษาไทยเรายงั เรมิ่ ไปเรยี น กศน. เราถงึ คอ่ ยๆ รู้ ตอนไปเรยี นตอนแรกเรากค็ ดิ แคว่ า่ อ่านไมไ่ ดเ้ ลย นเี่ รียนคอมพวิ เตอรต์ ้องมภี าษาอังกฤษอกี เราไมร่ ู้จะ อยากอา่ นออกเขยี นไดเ้ หมอื นคนอนื่ ๆ เขากเ็ ลยไปเรยี น เขาบอกอะไร ทำ�อย่างไรอ่านไม่ออกเลย เราก็ใช้วิธีจำ�เอา จำ�เป็นภาพ โปรแกรม เราก็ทำ�ตามเขา เพราะเราไม่รู้ เราอยากจะรู้ให้เท่าคนอ่ืน นอกจาก รปู ลกั ษณะแบบนเี้ อาไวท้ ำ�ตารางและเอาไวบ้ นั ทกึ ขอ้ มลู แบบนนั้ เอาไว้ เรียนหนังสือกับครูแล้วก็มีมูลนิธิศึกษาพัฒน์เข้ามาแนะนำ�ให้เรา พมิ พต์ วั หนงั สอื นะ แบบนเ้ี อาไวป้ รน้ิ ออกมาเปน็ กระดาษนะ เรากจ็ ำ�เอา จดบันทึก รายรับรายจ่าย จดบัญชีต้นทุน ปลูกอะไรขายได้เท่าไหร่ เพราะเราอา่ นไมอ่ อก กฝ็ กึ ทำ�มาเรอ่ื ยๆ จดบนั ทกึ เกบ็ ขอ้ มลู ระหวา่ งนนั้ ใช้ไปเท่าไหร่ เขาให้จดไว้หมด ตอนน้ันเราก็ไม่รู้หรอกว่าจดไปทำ�ไม พอเราทำ�กอ่ นคนอน่ื ๆ เราก็เรมิ่ คล่องคุณครูวิทยากรเขากม็ าแนะนำ� เขาให้ทำ�ก็ทำ�ก็จดๆ ไปตามท่ีเขาบอก ทีหลังถึงมารู้ว่าเขาให้ทำ�บัญชี เร่ืองกระบวนการคิดด้วย เราก็เร่ิมซึมซับอยากพัฒนาอยากเรียนรู้ ครัวเรือน เราไม่เคยทำ�ไม่เคยสนใจหรอก คนอ่ืนๆ ก็จดเหมือนกัน ต่อไป ก็ชักชวนกันกับเพ่ือนกับคนที่คุยกันรู้เร่ืองเร่ิมมาคิดทำ�เรื่อง แตท่ ำ�ไปไดส้ กั พกั เหน็ วา่ ไมไ่ ดอ้ ะไรกห็ ยดุ จดหยดุ ทำ� แตน่ า้ นอ้ ยไมห่ ยดุ พัฒนาชมุ ชนของเรา เราทำ�อยู่หลายปี พฒั นาคน พฒั นาชมุ ชน แต่ ก็ทำ�ไปเรื่อยๆ จนเห็นว่ามันมีประโยชน์จริงๆ เราไม่เคยรู้เลยว่าเรามี ชาวบ้านก็ยังยากจนอยู่เหมือนเดิม เราก็เร่ิมมาคิดว่าทำ�ไมชาวบ้าน รายได้เท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ พอมาจดบันทึกทำ�ให้เรารู้ว่าเรา ยังยากจนอยู่ ทั้งที่เราก็ทำ�การพัฒนามาต้ังหลายปี เราก็ประชุมกัน เสียเงินไปกับอะไรบ้าง มีกำ�ไรขาดทุนเท่าไหร่ต่อการขายผลผลิต ชว่ ยกนั วเิ คราะหป์ ญั หา ชว่ ยกนั หาทางออก แตค่ ดิ เทา่ ไหรก่ ค็ ดิ ไมอ่ อก ต่อรอบต่อเดือนต่อปี มันเป็นพื้นฐานที่จะทำ�ให้เราวางแผนจัดการ ยังคงกลับมาที่เดมิ จนตอนหลงั เราถงึ ได้รจู้ ากการไปศกึ ษาดงู าน” ทำ�อยา่ งอื่นต่อไป เปน็ ความรู้พืน้ ฐานท่ีสำ�คญั เลยสำ�หรับน้านอ้ ย” ในเวลาตอ่ มาสถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรนำ�้ และการเกษตร (องคก์ าร น้าน้อยเข้าร่วมโครงการไลท์เฮาส์ ของมูลนิธิศึกษาพัฒน์ ท่ีมุ่งเน้น มหาชน) ได้เข้ามาแนะนำ�การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและแนะแนวทาง พัฒนากระบวนการเรียนรู้ตามแนวคิดและทฤษฎีการสร้างสรรค์ ในการแกไ้ ขปญั หาเรอ่ื งนำ้� สอนการใชแ้ ผนที่ GPS การจดั เกบ็ ขอ้ มลู ด้วยปัญญา เรียนรู้การทำ�บัญชีครัวเรือน การวางแผนอาชีพ อยา่ งเปน็ ระบบกรอกลงโปรแกรมในคอมพวิ เตอร์ แนะนำ�การประเมนิ การวางแผนปลดหน้ี หัดใชค้ อมพิวเตอรเ์ พอ่ื ใชบ้ นั ทกึ เปน็ ฐานข้อมูล ปรมิ าณการใชน้ ำ�้ ตอ่ พน้ื ทท่ี ที่ ำ�การเกษตร ความแตกตา่ งของพชื เกษตร เรยี นรู้การทำ�วิจยั หน้สี นิ การพฒั นาขยายผลจากครวั เรอื นไประดบั แตล่ ะชนดิ ใชป้ รมิ าณนำ้� เทา่ ไรต่ อ่ ไร่ ปรมิ าณการใชน้ ำ้� ในแตล่ ะครวั เรอื น ชุมชน เนื่องจากเร่ิมทำ�เริ่มเรียนรู้มาต้ังแต่เริ่มต้นและทำ�มาตลอด คิดวางแผนและจดบันทึกออกมาเป็นตัวเลข คำ�นวณในโปรแกรม อย่างมีวินัย น้าน้อยจึงเร่ิมมีความรู้ความเข้าใจ จึงถูกผลักดันให้ สำ�เร็จรูปแล้วพิมพ์ออกมาเป็นเอกสารเพ่ือให้อ่านและเข้าใจได้ง่าย เป็นผู้นำ�ในการวางแผนการจัดการพัฒนาชุมชนร่วมกับแกนนำ� จัดตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์วิธีการใช้คอมพิวเตอร์ให้ผู้สนใจและ คนอ่ืนๆ เพื่อเป็นหน้าด่านในการทดลอง เรียนรู้ และวางแนวทาง แนะนำ�วิธีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบตามแบบแผนของระบบ ในการพัฒนาชมุ ชนเปน็ ลำ�ดบั ต่อๆ มา สารสนเทศ 141
วิทยากรจากสถาบันสารสนเทศทรพั ยากรนำ้� และการเกษตร ชกั ชวน เรามีเท่าไหร่ขาดเหลือเท่าไหร่ ต้องหาเพ่ิมอีกเท่าไหร่ถึงจะพอ ถ้าหา แกนนำ�ชุมชนล่ิมทองมาร่วมประชุมปรึกษาหารือ โดยเร่ิมวิเคราะห์ ไม่ได้เราก็ต้องลดปริมาณการใช้ลงอีกมากแค่ไหน ส่วนไหนลดได้ จากต้นตอของปัญหาของชุมชน ชุมชนลิ่มทองมีปัญหาหลักคือ ส่วนไหนจำ�เป็นต้องหาเพิ่มเราจะเริ่มมองเห็นภาพ แล้ววิทยากรก็ การขาดแคลนน้�ำ น้�ำสำ�หรับอุปโภคบริโภคมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะ ชวนให้เราคิดต่อว่าลองนึกถึงในอนาคตข้างหน้า ถ้าเรารู้แล้วว่า หนา้ แลง้ แตบ่ างพน้ื ทก่ี ม็ ปี ญั หานำ้� ทว่ มในฤดนู ำ�้ หลาก นำ้� จากแหลง่ นำ้� เราต้องมีน�้ำเท่าไหร่ เราต้องเตรียมตัวอย่างไรเพ่ือท่ีจะเก็บน้�ำไว้ใช้ กไ็ มม่ คี ณุ ภาพมสี ขี นุ่ มวั เปน็ ตะกอน แหลง่ นำ�้ หลกั คอื ลำ�มาศอยหู่ า่ งจาก ให้พอกับตัวเอง เราเร่ิมรู้แล้วว่าแต่บ้านแต่ละครัวเรือนต้องใช้น้�ำ แหล่งชุมชนและพื้นที่ชุมชนส่วนใหญ่เป็นพื้นท่ีดอนสูงจึงไม่สามารถ เท่าไหร่ ท้ังชุมชนของเราต้องใช้น�้ำทั้งหมดเท่าไหร่ แต่เราก็ยัง นำ�นำ้� จากแหลง่ ลำ�นำ�้ หลกั มาใชไ้ ด้ วทิ ยากรชว่ ยแนะนำ�วา่ ปญั หาจรงิ ๆ มองไม่ออกว่าเราต้องทำ�อย่างไรให้เหลือน้�ำไว้ใช้เท่ากับท่ีอยากได้ ไม่ใช่การขาดแคลนน้�ำหรือไม่มีน�้ำ แต่คือการบริหารจัดการน้�ำอย่าง หรือทำ�อย่างไรหน้าน้�ำหลากท่ีมีน้�ำมากกว่าปกติทำ�อย่างไรน้�ำถึงจะ สมดุล หน้าน้�ำหลากน้�ำไม่ท่วม หน้าแล้งเหลือน�้ำไว้ใช้เพียงพอ เป็น ไมท่ ว่ ม” โจทย์แรกท่ีวิทยากรตั้งคำ�ถามกับน้าน้อยและแกนนำ�ว่าจะทำ�อย่างไร ใหเ้ กดิ การใช้น้�ำอย่างสมดลุ มีเพียงพอใชต้ ลอดปี ไมท่ ว่ มไมแ่ ล้ง วิทยากรจากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน�้ำและการเกษตร แนะนำ� เพ่ิมเติมว่าตอนนี้น้าน้อยและแกนนำ�มีความเข้าใจถึงท่ีมาของปัญหา “วิทยากรท่านชวนคิด ให้เรารำ�ลึกถึงอดีตว่าท่ีผ่านๆ มาเป็นอย่างไร รจู้ กั วเิ คราะห์สภาพพนื้ ท่ี เห็นถึงความขาดแคลนและตน้ ทุนทชี่ ุมชนมี เรามีต้นทุนอะไรบ้าง พ้ืนท่ีของเราเป็นอย่างไร ปริมาณฝนแต่ละปี แต่ถ้าอยากแก้ปัญหาเหล่าน้ี น้าน้อยและชาวชุมชนล่ิมทองต้องหา มีมากน้อยแค่ไหน แต่ละวันแต่ละเดือนแต่ละปีเราใช้น้�ำเท่าไหร่ ใช้กิน องค์ความรู้เพ่ิมเติมจากพื้นท่ีชุมชนท่ีเขาเจอปัญหาคล้ายๆ กัน และ ใช้อยมู่ ากน้อยแค่ไหน ใช้ปลูกผกั ทำ�นา ทำ�สวนมากนอ้ ยแคไ่ หน แลว้ ปัจจุบันสามารถลดปัญหาไปได้แล้วถือว่าประสบความสำ�เร็จใน ก็แนะนำ�ว่าพืชแต่ละอย่างควรใช้น้�ำเท่าไหร่ ของแต่ละคนปลูกก่ีไร่ ระดบั หน่งึ ชมุ ชนเหลา่ น้นั จะสามารถเปน็ ตน้ แบบใหช้ าวชมุ ชนลิ่มทอง ปลูกอะไรบ้าง รวมกับที่ต้องกินต้องใช้ในแต่ละปีเป็นเท่าไหร่ เขาคิด ในการจัดการปัญหาความแหง้ แลง้ ได้ วิทยากรจงึ ชกั ชวนให้นา้ น้อย คำ�นวณใหด้ ู แลว้ ถามวา่ ในแตล่ ะปเี ราเกบ็ นำ�้ เหลอื นำ้� ไดเ้ ทา่ ทเี่ ราจำ�เปน็ และแกนนำ�นักพัฒนาชุมชนลิ่มทองไปศึกษาดูงานในพื้นที่ต่างถิ่น ต้องใช้ไหม เขาค่อยๆ สอนเรา ทำ�ให้เรารู้จักตัวเองเข้าใจพื้นฐาน ที่เปน็ ตน้ แบบ ชมุ ชนของตวั เอง มันคล้ายๆ การทำ�บัญชีครัวเรือน ท่ีเราเคยเรียน ...เราไมก่ ลวั อปุ สรรคแลว้ เพราะเมอื่ เทียบกับในหลวงปัญหา ของเราเล็กน้อยมาก ถ้าเรารกั และศรัทธาพระองค์ เรากเ็ รมิ่ ทำ�เริ่มพฒั นาจากตวั เรา จากชมุ ชนของเรานี่แหละเปน็ อนั ดับแรก 142
“วิทยากรเขาพาไปดูโครงการหลวง ดูส่ิงท่ีในหลวงทำ� ตอนแรก อยตู่ ลอดไมว่ า่ จะภาคไหน ไมว่ า่ จะไกลแคไ่ หนลำ�บากอยา่ งไร พระองคท์ า่ น เราก็ไม่ค่อยเช่ือ สงสัยในใจว่าจะพาเรามาดูอะไร โครงการหลวง ก็เดินทางไป ไปรับฟังไปช่วยแก้ไขปัญหา หวังเพียงเพื่อประชาชน เขามีทุนมีความพร้อมทำ�อย่างไรก็สำ�เร็จอยู่แล้วจะเทียบกับบ้านเรา ในแผ่นดินของท่านอยู่ดีกินดีมีความสุข แม้พระองค์จะทรงเหน่ือย ได้อย่างไร บ้านเราเหมือนกับติดลบ น้�ำก็ไม่มี ดินก็ไม่ดี คนก็จน ยากลำ�บากแค่ไหนพระองค์ก็ยังคงทำ� เม่ือเรามองเห็นแบบนั้นเราก็ มองไมอ่ อกวา่ จะทำ�อยา่ งไรใหเ้ หมอื นกบั โครงการหลวงทที่ ำ�สำ�เรจ็ แลว้ มีกำ�ลังใจ ต้ังใจน้อมนำ�เอาพระองค์เป็นแบบอย่างเป็นแรงบันดาลใจ แต่พอเราไปดงู านหลายทไ่ี ดฟ้ ังบรรยายถึงท่มี าที่ไป ปญั หาอปุ สรรค เพื่อทำ�งานเพื่อชุมชนบ้านเกิดของตัวเองเหมือนกับท่ีพระองค์ท่าน ท่ีเจอ เราก็เร่ิมเชื่อและย่ิงเกิดความศรัทธาเม่ือได้รู้ว่ากว่าโครงการ ทำ�เพื่อประชาชน ทำ�เพื่อแผ่นดินของพระองค์ ตอนน้ีเราไม่กลัว แต่ละท่ีจะทำ�มาได้สำ�เร็จถึงข้ันนี้ ต้องผ่านอุปสรรคมามากมายและ อุปสรรคแลว้ เพราะเม่ือเทยี บกบั ในหลวงปัญหาของเราเลก็ นอ้ ยมาก หนกั หนาเอามากๆ และคนทแี่ บกรบั ปญั หาเหลา่ นน้ั ไวแ้ บบไมเ่ คยปรปิ าก ถ้าเรารักและศรัทธาพระองค์ เราก็เร่ิมทำ�เร่ิมพัฒนาจากตัวเรา บน่ และไมเ่ คยหยดุ ทจ่ี ะทำ�กค็ อื ในหลวงคอื พระเจา้ แผน่ ดนิ ของเรานเี่ อง จากชุมชนของเราน่ีแหละเป็นอันดับแรก คิดได้แบบนั้น น้าน้อยก็มี พระองค์ต้องต่อสู้กับความไม่รู้ความไม่เข้าใจของคนท้ังในพ้ืนท่ี แรงฮึดทจ่ี ะเรียนรู้และลงมือทำ�งานเพ่ือบา้ นเกดิ ของตัวเอง” และคนทั่วประเทศ เราเกิดและเติบโตมาเราก็เห็นท่านทำ�งานพัฒนา 143
144
145
146
147
ชุมชนต้นแบบ ชมุ ชนลม่ิ ทองไปตลอดปี นอกจากนช้ี าวชมุ ชนลม่ิ ทองยงั ปรบั เปลย่ี น รูปแบบการทำ�การเกษตรจากการปลูกพืชเชิงเด่ียว พืชเศรษฐกิจ หลังจากเดินทางไปศึกษาดูงานยังพ้ืนที่ต้นแบบหลายแห่งท่ัวประเทศ หันมาปลูกพืชหมุนเวียน ปรับวิถีการผลิตตามทฤษฎีใหม่ตามแนว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อยู่ในความดูแลสนับสนุนโดยโครงการหลวง พระราชดำ�ริ มีการวางแผนเพาะปลูกอย่างเป็นระบบเพ่ือให้มีน้�ำใช้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช น้าน้อย อย่างเพียงพอและได้ผลผลิตมากข้ึน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน และแกนนำ�ทั้งหมดที่ไปศึกษาดูงานด้วยกันก็กลับมาประชุมกัน มากข้ึน เพ่ือหาแนวทางในการปรับใช้ความรู้ทฤษฎีของพ้ืนท่ีต้นแบบนำ�มา ประยุกต์ให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ ความพร้อมและปัจจัยต้นทุนอื่นๆ ของชุมชนบ้านล่ิมทอง ปัญหาใหญ่ท่ีต้องแก้คือทำ�อย่างไรให้มีน�้ำ เพยี งพอตอ่ การอปุ โภคบรโิ ภคและทำ�การเกษตรไปตลอดทงั้ ปี นา้ นอ้ ย และแกนนำ�เลยรว่ มกนั วางแผนและเรม่ิ ออกสำ�รวจพน้ื ทแ่ี หลง่ นำ้� เพอื่ พจิ ารณาสภาพพน้ื ท่ี จดั ประชมุ ทำ�การประชาสมั พนั ธส์ รา้ งความเขา้ ใจ กับคนในชุมชน เพ่ือสร้างการมีส่วนร่วม น้อมนำ�แนวพระราชดำ�ริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ในการบริหารจัดการน้�ำในชุมชน จัดตั้งเป็นเครือข่าย การจัดการน�้ำชุมชนตามแนวพระราชดำ�ริ เพ่ือต่อสู้กับภัยแล้ง โดยชาวบ้านร่วมคิดปรับพ้ืนที่น้�ำ พื้นท่ีทำ�การเกษตร ปรับพื้นท่ี รับน้�ำใหม่ ชาวบ้านเสียสละพื้นที่ส่วนตัวปรับพ้ืนท่ีของตัวเองเพ่ือ ทำ�เป็นแก้มลิงไว้เก็บน�้ำส่วนรวมของชุมชน ทำ�คลองดักน้�ำหลาก เชอ่ื มตอ่ สระแกม้ ลงิ และแหลง่ นำ�้ หลกั ของชมุ ชนอยา่ งลำ�มาศ ขดุ สระนำ�้ ประจำ�ไร่นาสวนผักเพื่อกักเก็บน�้ำไว้ใช้ตอนหน้าแล้งหรือฝนท้ิงช่วง นานๆ ปรบั โครงสรา้ งถนนในหมบู่ า้ นใหเ้ ปน็ ทรี่ บั นำ้� โดยขดุ คลองรมิ ถนน ใหเ้ ปน็ ถนนนำ้� เดนิ สง่ ตอ่ ไปยงั บรเิ วณแกม้ ลงิ ทำ�ใหโ้ ดยภาพรวมชมุ ชน ลมิ่ ทองมปี รมิ าณนำ�้ เพม่ิ ขน้ึ รวมแลว้ มากกวา่ 1 ลา้ น 1 แสนลกู บาศก์ เมตร เพียงพอสำ�หรับการอุปโภคบริโภคและทำ�การเกษตรของชาว 148
“เรมิ่ ทำ�แรกๆ ปญั หาเยอะมาก มหี ลายครงั้ เรากท็ อ้ เหมอื นกนั แตก่ ไ็ มห่ ยดุ แคพ่ กั แลว้ กล็ ยุ ต่อ เราไดต้ ั้งใจไวแ้ ล้ววา่ จะทำ�ใหส้ ำ�เร็จให้ได้ แรกๆ คนไม่คอยเข้าใจไมเ่ ห็นด้วยบอกว่าเสียเวลาเปลอื ง งบประมาณ เราขอบรจิ าคพน้ื ทเ่ี พอื่ ทำ�แก้มลงิ เขากไ็ ม่ให้ ชวนทำ�อะไรกไ็ มท่ ำ�เพราะเขาไมเ่ ข้าใจ เขาไม่เหน็ ภาพ เราก็ตอ้ งลงมอื ทำ�ของตัวเอง เปน็ ตัวอยา่ ง ขดุ สระ ทำ�แก้มลิง ขุดคลองสง่ น�้ำ ปรบั หนา้ ดนิ ปลูกผกั ใช้เวลาประมาณสองปี เรม่ิ เห็นผล พื้นที่ตวั อยา่ งท่เี ราใชท้ ำ�แก้มลงิ ขุดสระ ขดุ คลองไดใ้ ชป้ ระโยชนต์ อนหนา้ แล้ง ดินที่เรา ปรบั สภาพกส็ มบูรณ์ข้ึนดูได้จากพชื ผกั ท่เี ราปลกู งาม ให้ผลผลิตดี ชาวบา้ นก็เริ่มสนใจมากขึ้น มาขอบริจาค พื้นที่ขดุ สระทำ�แก้มลิงเพมิ่ ขึ้น เราแนะนำ�อะไรไป เขาก็เริม่ ฟังมากขน้ึ ภาพรวมเร่มิ ดีขึ้นเปน็ ลำ�ดับ และทีส่ ำ�คญั เรากส็ ามารถบริหารจัดการโครงการเอง ไดเ้ กือบทงั้ หมด ชว่ งแรกต้องมวี ิทยากรคอยแนะนำ� อย่างใกล้ชิด แตพ่ อผา่ นสองปีเขาก็สามารถวางมือได ้ แค่ดอู ยหู่ า่ งๆ เราสามารถจดั การงบประมาณได้ดีขึน้ งบสว่ นอน่ื เหลือ เรากเ็ อามาลงท่ีการจดั การน�้ำ พื้นทห่ี วงั ผลเรากเ็ พ่มิ ขึน้ เรอื่ ยๆ” 149
150
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160