Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานทวิศึกษา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

หลักสูตรสถานทวิศึกษา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

Published by Titharat, 2019-09-03 04:32:30

Description: หลักสูตรสถานทวิศึกษา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

Search

Read the Text Version

๑๐๑ ศึกษาและปฏิบัตเิ ก่ียวกับหลักการทำงานของอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ประกอบ เคร่ือง คอมพิวเตอร์และติดต้ังโปรแกรมตามลักษณะงาน การบำรุงรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ตรวจและ กำจัดไวรัส แก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมอรรถประโยชน์ สำรองและป้องกันความเสียหายของ ขอ้ มลู การก้คู นื ขอ้ มูล ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเกยี่ วกับหลักการทำงานและการใช้งานอุปกรณค์ อมพิวเตอร์ 2. ประกอบ และบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ 3. ตรวจสอบและแกป้ ญั หาคอมพวิ เตอรด์ ว้ ยโปรแกรมอรรถประโยชน์ 4. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทด่ี ีในการใชค้ อมพิวเตอร์ รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรยี นรู้

๑๐๒ คำอธิบายรายวชิ า ง33265 การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 80 ช่ัวโมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หน่วยกิต ศึกษาภาคทฤษฎีควบคู่กับการปฏิบัติเก่ียวกับหลักการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด องค์ประกอบ ของโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ ข้ันตอนการแก้ไขปัญหา (Algorithm) กระบวนการเขียน โปรแกรมคำส่ัง ควบคุม การทำงานของโปรแกรม การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิดท่ีสามารถใช้ได้ใน ระบบปฏิบัติการท่ี หลากหลาย ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายเกยี่ วกบั หลักการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ 2. วเิ คราะห์และเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด 3. สร้างชดุ คำสงั่ ตามข้ันตอนการแกป้ ัญหา (Algorithm) 4. มีคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มที่ดีในการใช้คอมพวิ เตอร์ รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรยี นรู้

๑๐๓ ง33266 การสร้างเว็บไซต์ คำอธิบายรายวิชา ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏิบตั ิเกย่ี วกบั กระบวนการและโครงสร้างการทำงานของเว็บไซต์ การออกแบบ เว็บไซต์ การ สร้างเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมภาษาหรือโปรแกรมสำเร็จรูปหรือโปรแกรมระบบ CMS (Content Management System) การทดสอบการทำงานของเว็บไซต์ และการ Upload เวบ็ ไซต์ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเก่ยี วกับกระบวนการและโครงสรา้ งการทำงานของเว็บไซต์ 2. อธบิ ายโครงสรา้ งและไวยากรณ์ของโปรแกรมภาษาหรอื กระบวนการใชเ้ คร่ืองมือการสร้าง เวบ็ ไซต์ 3. ออกแบบและกำหนดส่วนประกอบทจี่ ำเปน็ ของเว็บเพจ 4. ใชโ้ ปรแกรมภาษาหรอื โปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับสร้างเว็บไซต์ 5. ตดิ ต้ังและอัพโหลด (Upload) เว็บไซต์ 6. มีคณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ มที่ดีในการใช้คอมพิวเตอร์ รวมท้งั หมด 6 ผลการเรียนรู้

๑๐๔ ง31269 โปรแกรมประมวลผลคำ คำอธบิ ายรายวชิ า ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลา 60 ชัว่ โมง (ท1-ป2) จำนวน 1.5 หน่วยกิต ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการทำงานของโปรแกรมจัดพิมพ์เอกสาร (Word Processing) ในการ พิมพ์และตกแต่ง การสรา้ งตารางขอ้ มูล การจดั ทำเอกสารรูปแบบต่างๆ หนังสือราชการ จดหมาย ธุรกิจ แผน่ พับ เอกสารวิชาการ การสรา้ งจดหมายเวียน การพมิ พซ์ องจดหมาย การพิมพส์ มการ คณติ ศาสตร์ การพิมพ์เชิงอรรถ การทำดัชนี การพมิ พ์เอกสารออกทางเครอ่ื งพมิ พ์ สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความร้เู ก่ียวกับหลกั การทำงานของโปรแกรมจัดพิมพ์เอกสาร (Word Processing) และ ความรเู้ กยี่ วกับเอกสาร 2. ออกแบบ และผลติ เอกสารตามการใชง้ าน ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายเก่ียวกับหลกั การทำงานของโปรแกรมจัดพิมพ์เอกสาร 2. ผลิตและออกแบบเอกสารโดยใชโ้ ปรแกรมประเภทจดั พมิ พเ์ อกสาร 3. จัดทำเอกสารราชการ เอกสารธุรกิจ และเอกสารเชงิ วิชาการโดยใช้โปรแกรมจัดพิมพเ์ อกสาร 4. มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมที่ดใี นการใช้คอมพวิ เตอร์ รวมทัง้ หมด 4 ผลการเรียนรู้

๑๐๕ ง31281 โปรแกรมตารางคำนวณ คำอธิบายรายวิชา ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ช่วั โมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับลักษณะพ้ืนฐานของโปรแกรมตารางคำนวณ การป้อนและจัดเก็บข้อมูล การ แก้ไขและตกแต่งข้อมลู การสร้างตารางข้อมูล การใช้สูตรและฟังก์ชั่นในการคำนวณ การพยากรณ์ ข้อมลู การ เรยี งลำดับ การสรุปและนำเสนอขอ้ มลู ในรปู แผนภมู ิและตารางวิเคราะหข์ อ้ มูล (Pivot Table) ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายเกีย่ วกับส่วนประกอบ เครอื่ งมือของโปรแกรมตารางคำนวณ 2. ป้อน จดั เกบ็ แก้ไขและตกแตง่ ขอ้ มูล ใชส้ ูตรและฟังก์ชั่นเบ้ืองตน้ 3. วิเคราะห์ สรปุ และรายงานขอ้ มลู ในรูปแผนภมู หิ รือตารางวเิ คราะห์ข้อมลู (pivot table) 4. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมทดี่ ใี นการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรียนรู้

๑๐๖ คำอธิบายรายวิชา ง31267 โปรแกรมมัลติมเี ดยี เพื่อการนำเสนอ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 80 ชวั่ โมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับการออกแบบชิ้นงานนำเสนอ การถ่ายทอดแนวความคิดสู่ช้ินงานท่ีเป็น รูปธรรม (Story Board) การผลติ ช้นิ งานนำเสนอ การใช้ภาษา การนำเสนอข้อมูล ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายเกย่ี วกบั การออกแบบชน้ิ งานนำเสนอ 2. มที กั ษะในการใชโ้ ปรแกรมนำเสนอ 3. ผลิตชนิ้ งาน และนำเสนอผลงาน 4. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมท่ดี ใี นการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทงั้ หมด 4 ผลการเรียนรู้

๑๐๗ ง32292 โปรแกรมกราฟิก คำอธบิ ายรายวชิ า ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่วั โมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับภาพกราฟิก หลักการของภาพกราฟิกแบบ Vector และ Bitmap ประเภทและคุณลักษณะของแฟ้มภาพกราฟิก การสรา้ งและตกแต่งภาพกราฟิก การจัด การแฟ้ม ภาพกราฟิก ความแตกต่างของภาพกราฟิกแบบ 2 มิติ การใช้โปรแกรมสร้างภาพกราฟิกแบบ Vector และ Bitmap ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายเก่ียวกบั หลักการของภาพกราฟิก 2. อธิบายเกยี่ วกบั ประเภทและคุณลักษณะของแฟ้มภาพกราฟกิ 3. มที ักษะการใชโ้ ปรแกรมกราฟกิ 4. สรา้ งและตกแตง่ ภาพกราฟิก 5. จดั การแฟ้มภาพกราฟิก 6. มีคณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ดี ีในการใชค้ อมพวิ เตอร์

๑๐๘ รวมท้งั หมด 6 ผลการเรียนรู้ คำอธบิ ายรายวชิ า ง32293 การเขยี นโปรแกรมโดยใชเ้ ครือ่ งมือกราฟกิ โหมด กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 80 ชั่วโมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏบิ ตั เิ กี่ยวกับแนวคิดในการพฒั นาโปรแกรม องคป์ ระกอบของโปรแกรม ภาษาคอมพวิ เตอร์ ข้นั ตอนการแกไ้ ขปัญหา (Algorithm) กระบวนการเขยี นโปรแกรม คำส่ังควบคุม การทำงานของโปรแกรม การ พัฒนาโปรแกรมทางธุรกิจอย่างง่าย โดยใช้เครื่องมือกราฟิกโหมดเพ่ือการ พัฒนาโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว มี ประสทิ ธภิ าพและสรา้ งเป็นช้นิ งานจากโครงงานขนาดเลก็ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเกีย่ วกบั หลักการเขยี นโปรแกรมโดยใช้เคร่ืองมือกราฟิกโหมด 2. ใชค้ ำส่งั ในการควบคุมการทำงานของโปรแกรมโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื กราฟกิ โหมด 3. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มท่ีดใี นการใชค้ อมพวิ เตอร์

๑๐๙ รวมท้ังหมด 3 ผลการเรยี นรู้ ง33267 การผลิตสื่อส่ิงพิมพ์ คำอธบิ ายรายวชิ า ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หนว่ ยกติ ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับความรู้พ้ืนฐานของสื่อสิ่งพิมพ์ กระบวนการพิมพ์ การออกแบบสื่อ ส่ิงพิมพ์ เทคนคิ การใชภ้ าพถา่ ยในสื่อสงิ่ พมิ พ์ และการใช้โปรแกรมผลิตส่อื สงิ่ พมิ พ์ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเก่ียวกบั การวิเคราะห์และจำแนกประเภทของสอ่ื สิ่งพิมพ์

๑๑๐ 2. อธบิ ายเกยี่ วกบั กระบวนการพิมพ์ 3. มที ักษะในการออกแบบสอ่ื สิ่งพมิ พ์และจัดองคป์ ระกอบศลิ ป์ในส่อื สงิ่ พิมพ์ 4. ผลติ สอ่ื ส่ิงพิมพด์ ้วยโปรแกรมผลติ สอ่ื ส่ิงพิมพ์ 5. มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทีด่ ใี นการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทั้งหมด 5 ผลการเรียนรู้ ง โปรแกรมสำเร็จรปู ทางสถิติ คำอธบิ ายรายวิชา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 กล่มุ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลา 60 ช่วั โมง (ท1-ป2) จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ

๑๑๑ ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการคำนวณค่าสถิติพื้นฐานกระบวนการรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบ ความถูกต้องของข้อมูล จัดเตรียมข้อมูล บันทึกและแก้ไขข้อมูล การใช้คำสั่งโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ประมวลผลขอ้ มูลให้ได้ค่าสถติ ิพ้นื ฐาน จัดทำรายงานข้อมูลทางสถติ ิและแผนภมู ิ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเกย่ี วกับหลักการคำนวณคา่ สถิติพ้ืนฐาน 2. รวบรวมและเตรยี มขอ้ มลู สำหรับประมวลผลขอ้ มูลทางสถติ พิ ื้นฐาน 3. ใชค้ ำส่ังโปรแกรมสำเรจ็ รปู ทางสถิตพิ ้นื ฐาน 4. จัดทำรายงานข้อมลู ทางสถติ แิ ละแผนภูมิ 5. มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทดี่ ีในการใช้คอมพิวเตอร์ รวมท้งั หมด 5 ผลการเรียนรู้

๑๑๒ คำอธบิ ายรายวชิ า ง ธรรมาภิบาลเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร กล่มุ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ช่วั โมง (ท1-ป2) จำนวน 1.5 หน่วยกิต ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทรัพย์สินทาง ปัญญา และจรรยาบรรณของเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบบริหารความปลอดภัยของข้อมูล ISO 27001 การรักษาความ ปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศในระบบเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต พระราชบัญญัติว่าด้วยการ กระทำความผิด เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเก่ียวกับความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารจัดการความ ปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ ทรัพย์สินทางปัญญาและจรรยาบรรณ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบบริหาร ความปลอดภยั ของขอ้ มูล ISO 27001 2. ใชค้ อมพิวเตอร์โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของขอ้ มูล 3. มคี ่านิยมทดี่ ใี นการใชค้ อมพิวเตอร์ รวมท้งั หมด 3 ผลการเรยี นรู้

๑๑๓ ง ฝึกงาน คำอธบิ ายรายวิชา ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ช่วั โมง (ท*-ป*) จำนวน 4 หน่วยกติ ปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับลักษณะของงานในสาขาวิชาชีพในสถานประกอบการ สถานประกอบ อาชีพ อสิ ระหรอื แหลง่ วิทยาการ ให้เกิดความชำนาญ มที ักษะและประสบการณ์งานอาชพี ในระดับฝมี ือ โดย ผ่านความ เห็นชอบร่วมกันของผู้รับผิดชอบการฝึกงานในสาขาวิชาน้ัน ๆ และรายงานผลการปฏิบัติงาน ตลอดระยะเวลา การฝึกงาน ผลการเรียนรุ้ 1. เตรียมความพรอ้ มเครือ่ งมืออุปกรณ์ในการปฏบิ ัตงิ าน 2. ปฏบิ ัตงิ านอาชีพตามข้นั ตอนและกระบวนการทีส่ ถานประกอบการกำหนด 3. พฒั นาการทำงานทปี่ ฏบิ ตั ิในสถานประกอบการ 4. บันทกึ และรายงานผลการปฏิบตั งิ าน รวมท้งั หมด 4 ผลการเรียนรู้

๑๑๔ ง33264 โครงการ 1 คำอธิบายรายวชิ า ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลา 80 ชัว่ โมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หนว่ ยกติ ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ หลักการจัดทำโครงการ การวางแผน การดำเนินงาน การแก้ไขปัญหา การ ประเมินผล การจดั ทำรายงานและการนำเสนอผลงาน โดยปฏิบัติจัดทำโครงการสรา้ งและหรือ พัฒนางานท่ีใช้ ความรู้และทักษะในระดับฝีมือสอดคล้องกับสาขาวิชาชีพท่ีศึกษา ดำเนินการเป็นรายบุคคล หรือกลุ่มตาม ลักษณะของงานให้แลว้ เสรจ็ ในระยะเวลาที่กำหนด ผลการเรียนรู้ 1. แสดงความรู้เก่ียวกบั การจดั ทำโครงการ และนำเสนอผลงาน 2. ดำเนนิ การจดั ทำโครงการ 3. รายงานผลการปฏบิ ตั งิ าน รวมท้ังหมด 3 ผลการเรยี นรู้

๑๑๕ ง โครงการ 2 คำอธิบายรายวิชา ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง (ท2-ป2) จำนวน 2 หน่วยกติ ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับ หลักการจัดทำโครงการ การวางแผน การดำเนินงาน การแก้ไขปัญหา การ ประเมินผล การจดั ทำรายงานและการนำเสนอผลงาน โดยปฏิบตั ิจัดทำโครงการสรา้ งและหรือ พัฒนางานท่ีใช้ ความรู้และทักษะในระดับฝีมือสอดคล้องกับสาขาวิชาชีพที่ศึกษา ดำเนินการเป็นรายบุคคล หรือกลุ่มตาม ลักษณะของงานให้แลว้ เสรจ็ ในระยะเวลาท่กี ำหนด ผลการเรียนรู้ 1. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั การจดั ทำโครงการ และนำเสนอผลงาน 2. ดำเนนิ การจัดทำโครงการ 3. รายงานผลการปฏบิ ัติงาน รวมท้งั หมด 3 ผลการเรยี นรู้

๑๑๖ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ความหมาย กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น เป็นกิจกรรมทีจ่ ัดอย่างเป็นกระบวนการด้วยรูปแบบ วธิ ีการท่ีหลากหลาย ใน การพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุ่ง เสริมสร้างเจตคติ คุณค่าชีวิต ปลูกฝังคุณธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเองสร้างจิตสำนึก และร่วม อนุรกั ษ์พลังงาน และส่ิงแวดล้อม ปรับตัวและมจี ิตสาธารณะโดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติและ ดำรงชวี ิต อยา่ งมคี วามสขุ รวมทง้ั การน้อมนำเอาหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาเป็นฐานในการดำรงชีวิต ลกั ษณะของกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ๑. ผเู้ รยี นไดร้ ับประสบการณ์ท่ีหลากหลาย เกดิ ความรู้ ความชำนาญ ทั้งวชิ าการและวิชาชีพ อย่าง กว้างขวางมากยิ่งข้ึน ๒. ผเู้ รยี นคน้ พบความสนใจ ความถนดั และพัฒนาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว มองเหน็ ช่องทาง ในการสร้างงานอาชีพในอนาคตได้เหมาะสมกับตนเอง ๓. ผเู้ รยี นเห็นคุณค่าขององคค์ วามร้ตู ่าง ๆ สามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปใชใ้ นการพฒั นา ตนเอง และประกอบสมั มาชพี ๔.ผู้เรียนพฒั นาบคุ ลิกภาพ เจตคติในค่านิยมในการดำรงชีวติ และเสริมสร้างศีลธรรม จริยธรรม ๕. ผูเ้ รยี นมีจติ สาธารณะ และทำประโยชนเ์ พ่ือสังคม และประเทศชาติ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ๑. กิจกรรมแนะแนว ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ เรียนสปั ดาห์ละ ๑ ชว่ั โมง ๒. กจิ กรรมนกั เรยี น ๒.๑ กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑-๖ เรยี นสปั ดาห์ละ ๑ ชัว่ โมง ๒.๒ กิจกรรมพัฒนาความถนดั ความสนใจ ตามความตอ้ งการของผู้เรียน เปน็ กิจกรรมที่ จัดใน เวลาเรียน ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ เรียนสัปดาห์ละ ๑ ช่ัวโมง

๑๑๗ ๓. กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณะประโยชน์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑-๖ จัดบูรณาการไว้ในกจิ กรรม ลกู เสือเนตรนารี จดั เรยี นปีละ ๑๐ ช่ัวโมง โดยจัดยดื หยุน่ เองตามความเหมาะสมและความจำเป็นในแตล่ ะ ระดับชั้นเรยี นทงั้ นใ้ี ห้ครผู ู้สอนในระดับช้นั เรียนนนั้ ๆ รว่ มกันออกแบบกิจกรรมเพือ่ ให้ผู้เรยี นไดบ้ รรลุเปา้ หมายท่ี หลกั สูตรแกนกลาง ฯ กำหนด โดยคำนงึ ถงึ วัยและวุฒิภาวะของผู้เรียน ๔. กิจกรรมพัฒนาทักษะดำรงชีวิต ๘ กิจกรรมโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ จัดกจิ กรรมพัฒนา ผู้เรยี น ดงั น้ี ๑. กจิ กรรมแนะแนว เปน็ กจิ กรรมท่ีส่งเสรมิ และพัฒนาความสามารถของผู้เรียนใหเ้ หมาะสม ตาม ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของคน เสรมิ สร้างทกั ษะชวี ิต วุฒิภาวะทาง อารมณ์ และการสร้างสัมพนั ธภาพทีด่ ี ซ่ึงผสู้ อนทกุ คนตอ้ งทำหน้าที่แนะแนวใหค้ ำปรึกษา ดา้ นการเรียนรู้ ทกั ษะชีวิต การอยูร่ ว่ มกนั ในสังคม การศึกษาตอ่ และการพัฒนาตนเอง สู่โลกเพ่ือการอยู่ร่วมกนั ในสงั คมอย่าง ปกติสขุ กิจกรรมแนะแนวเป็นบทบาทของครทู ุกคน ที่จะตอ้ งดำเนนิ การ คัดกรอง และจัดกจิ กรรมหรือ บรกิ ารตา่ ง ๆ เพ่ือสง่ เสริม พฒั นา ปอ้ งกนั แก้ไข โดยครูทุกคนดำเนนิ การดังน้ี ๑. ศึกษาและรวบรวมขอ้ มลู ผู้เรยี นเปน็ รายบุคคล ๒. คัดกรองผู้เรียนเพ่ือจำแนกผูเ้ รยี นออกเป็น ๒ กลมุ่ คือ กล่มุ ปกติ และกลุ่มพิเศษ ๓. ดแู ลช่วยเหลอื ให้คำปรึกษาในด้านต่าง ๆ ให้ผเู้ รียนได้พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพ ๔. พัฒนาระบบขอ้ มลู และภมู ิความรู้ท่ที นั สมยั อนั จะเกดิ ประโยชน์ และจำเปน็ ในการดำเนินชีวิต ๕. ประสานงานกับผ้ปู กครอง ชุมชน เพ่อื การรว่ มมือในการดแู ลช่วยเหลือผู้เรียน ๖. ประสานงานกบั ผู้เกย่ี วข้องท้งั ภายในและภายนอกสถานศึกษา เพ่อื การดแู ลช่วยเหลือ และ การส่งต่อผเู้ รยี น ๗. จัดกิจกรรมท้งั ในและนอกหอ้ งเรียน เพ่อื ป้องกนั แก้ไข สง่ เสริมและพฒั นาผู้เรยี นทุกคน รวมท้งั ผทู้ ีม่ คี วามสามารถพเิ ศษ ผู้ด้อยโอกาส คนพกิ าร ตลอดจนผู้มีปญั หาชีวติ และสังคม ให้สามารถพฒั นา ตนไดเ้ ต็มตามศกั ยภาพ ๘. ร่วมจัดบริการตา่ ง ๆ เช่น - จดั บรกิ ารด้านสุขภาพ - จัดหาทุนและอาหารกลางวนั - จดั ศนู ยก์ ารเรยี นรูใ้ หผ้ ูเ้ รยี น เพื่อการวางแผนชีวติ - จดั บรกิ ารช่วยผู้เรยี นที่มีปัญหา หรือความตอ้ งการ - ติดตามผลผู้เรยี นทัง้ ในปจั จุบัน และจบการศกึ ษาแลว้ ๙. นเิ ทศ กำกับ ติดตาม ประเมนิ ผล และประชาสัมพันธ์ กิจกรรมแนะแนวที่โรงเรียนจัดมีดังนี้ ๑. การศกึ ษาเดก็ เปน็ รายบุคคล ใหค้ รูประจำชัน้ และครูประจำวชิ า มีการศึกษาเด็กเปน็ รายบคุ คลอย่างตอ่ เน่ือง ๒. การสอนซอ่ มเสริม เปน็ การสอนซ่อมด้วยกิจกรรมทีห่ ลากหลายใหก้ ับเด็กท่เี รยี นออ่ น และมปี ญั หา และสอนเสรมิ ให้กับเดก็ ที่เรียนเกง่ สามารถศึกษาหาความรูด้ ว้ ยตนเองได้ด้วยกลวธิ ที ี่หลากหลาย ทง้ั นต้ี ้องเป็นไปตามความตอ้ งการของผู้เรยี น ๓. การสง่ เสรมิ ศักยภาพของนักเรียน ซ่ึงครผู รู้ บั ผดิ ชอบจะใช้ขอ้ มูลพนื้ ฐานของนักเรยี น รายบคุ คลเปน็ ฐานในการสง่ เสรมิ ศกั ยภาพเฉพาะด้านให้กับนักเรียนนน้ั ๆ และดำเนนิ การอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ นกั เรียนได้รับการส่งเสรมิ เต็มศักยภาพ ๔. การตรวจสขุ ภาพ มกี ารตรวจสขุ ภาพและวิเคราะหผ์ ลการเจรญิ เตบิ โตของนกั เรียน ทุกคน อย่างเป็นระบบสามารถตรวจสอบได้

๑๑๘ ๕. การจัดทุนการศกึ ษา และทุนอาหารกลางวัน ใหก้ ับนกั เรียนท่ขี าดแคลนทางดา้ นทุนทรัพย์ ๖. รวบรวมขอ้ มูล ข่าวสาร สารสนเทศ ของนักเรียนเพื่อใหน้ ักเรยี นไดส้ ำรวจตนเอง และ ร้จู กั ตนเองในทกุ ดา้ น ๗. การติดตามผลผู้เรยี นในปจั จบุ ันและจบการศกึ ษาแลว้ ๘. การแนะแนวการศกึ ษา ใหผ้ เู้ รยี นพัฒนาการเรียนไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพ วางแผนการเรียนและ การศึกษาตอ่ ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๒. กจิ กรรมนกั เรียน เป็นกจิ กรรมทีเ่ กดิ จากความสมคั รใจของผูเ้ รยี นไดพ้ ฒั นาตามคณุ ลักษณะอันพึง ประสงค์ เพ่มิ เตมิ จากกจิ กรรมในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ เปน็ กิจกรรมทีอ่ าศยั ความรว่ มมอื ระหวา่ งครู นกั เรยี น ผปู้ กครอง ทชี่ ่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกนั แกป้ ัญหา สง่ เสริมศักยภาพของผู้เรียนอย่างเต็มที่ รวมถึงกิจกรรม ท่ีปลูกฝงั ความมรี ะเบยี บวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ รูจ้ กั สิทธิและหน้าทข่ี องตนเอง ซ่ึงแบง่ เป็นกจิ กรรมหลกั ๒ กจิ กรรม คือ ๒.๑ กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด เปน็ กิจกรรมท่ีม่งุ ปลกู ฝัง ระเบยี บวนิ ยั กฎกตกิ า เพ่ือ การอยูร่ ่วมกนั ในสภาพชวี ติ ต่าง ๆ นำไปสูพ่ นื้ ฐานการทำประโยชน์แก่สังคม และวิถีชีวิตในระบอบประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข ๒.๒ กิจกรรมพัฒนาความถนดั ความสนใจ ตามความตอ้ งการของผู้เรยี น เปน็ กิจกรรมที่ ม่งุ เน้นการเติมเตม็ ความรคู้ วามสามารถ ความชำนาญ และประสบการณ์ของผูเ้ รียนให้กวา้ งขวางย่ิงขึน้ เพื่อ การคน้ พบความถนดั ความสนใจของตนเองและพัฒนาตนเองใหเ้ ต็มศักยภาพ ตลอดจนการพัฒนาทักษะทาง สังคม และปลกู ฝังจติ สำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม ๓. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์ เป็นกจิ กรรมท่ตี ้องการปลกู ฝังใหผ้ ู้เรียนเล็งเหน็ ถึง ความสำคญั ของตนเองในการมีส่วนร่วมและช่วยเหลอื สังคมตามระดับของวัยวุฒิ คุณวุฒิ หรือตามศักยภาพของ ตนท่พี งึ จะกระทำได้ จนเกดิ เปน็ กิจนิสัยที่ได้รบั การบม่ เพาะสงิ่ ท่ีดีงามให้บงั เกิดในตวั ผูเ้ รยี นตง้ั แต่วัยเยาว์ จน ส่งผลให้ผู้เรยี นเหล่านน้ั เป็นทรัพยากรมนษุ ยท์ ่มี คี ณุ ภาพของสงั คม ๔. กิจกรรมพฒั นาทักษะดำรงชีวิต

๑๑๙ การจัดการเรยี นรู้และการส่งเสริมการเรยี นรู้ ตามหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑พุทธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ การจัดการเรียนรู้เปน็ กระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรส่กู ารปฏิบตั ิ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พืน้ ฐาน เปน็ หลกั สตู รทมี่ มี าตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสำคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผูเ้ รยี น เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพฒั นาผู้เรียนให้มคี ุณสมบัตติ ามเปา้ หมายหลักสตู ร ผสู้ อนพยายามคดั สรร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนร้โู ดยชว่ ยให้ผู้เรียนเรียนรผู้ ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลมุ่ สาระการ เรียนรู้ รวมท้ังปลกู ฝงั เสรมิ สรา้ งคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ พัฒนาทักษะตา่ ง ๆ อันเป็นสมรรถนะสำคญั ให้ ผเู้ รียนบรรลตุ ามเป้าหมาย หลกั การจัดการเรียนรตู้ ามหลกั สูตรโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ การจดั การเรียนร้ตู ามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ยดึ หลักการจัดการเรยี นรู้ตามแนวทางของ พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ท่ีเน้นผูเ้ รยี นมคี วามสำคญั ที่สดุ เชือ่ ว่าทุกคนมคี วามสามารถ เรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ยดึ ประโยชน์ทเี่ กดิ กบั ผเู้ รียน โดยมเี ปา้ หมายให้ผเู้ รียนเปน็ คนดี เกง่ มีความเป็นไทย และทำงานร่วมกบั ผูอ้ น่ื ไดอ้ ย่างมีความสขุ ในกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ้งั ๘ กลุ่ม กระบวนการจัดการเรียนรูต้ อ้ ง ส่งเสรมิ ให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คลและ พัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสำคญั ทั้งความรู้ และคณุ ธรรม คดิ เปน็ องค์รวม และร่วมมอื กนั พฒั นา สังคมไทย การจัดการเรยี นรู้เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นมีความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามท่กี ำหนดไว้ในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน กระบวนการจดั การ เรียนรตู้ ้องส่งเสริมใหผ้ เู้ รียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศกั ยภาพ คำนึงถงึ ความแตกตา่ งระหว่าง บุคคลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ใหค้ วามสำคัญทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรม การจัดการเรยี นรตู้ ามหลักสตู ร

๑๒๐ สถานศกึ ษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ จึงไดก้ ำหนดแนวดำเนินการเพือ่ ให้การจดั การเรียนรูต้ ามหลกั สูตรประสบ ความสำเรจ็ ตามจุดมุ่งหมาย ดังน้ี ๑. จดั ประสบการณ์การเรยี นรูโ้ ดยยึดหลกั การพัฒนาผ้เู รียนใหถ้ ึงศกั ยภาพสงู สดุ คือ ผู้เรียนได้ พฒั นา ตนเอง ทัง้ รา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มีความรสู้ ึกทีด่ ีเกี่ยวกับตนเอง ภาคภมู ิใจในผลการปฏบิ ตั ิ ๒. จัดประสบการณ์การเรียนรูโ้ ดยยึดชีวิตจรงิ ของผเู้ รยี นเป็นหลัก เนน้ ให้ผ้เู รียนมีศกั ยภาพในการคิด เชิงระบบ และคิดอย่างมวี ิจารณญาณ มรี ูปแบบการคดิ ของตนเอง คน้ พบตนเอง ๓. จดั ประสบการณ์การเรียนรู้โดยยดึ หลกั ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล และหลักการเรยี นรู้ในเชงิ พหุ ปญั ญา และใชก้ ระบวนการวิจยั ในการแก้ปัญหาและพัฒนาผูเ้ รียน ๔. จดั ประสบการณโ์ ดยใชค้ ุณธรรมนำความรู้ บรู ณาการคุณธรรมในการจดั ประสบการณ์ทกุ กลมุ่ สาระ การเรียนรู้ และทุกขน้ั ตอนในการจัดการเรียนรู้ ถอื วา่ ครทู ุกคนมีหนา้ ที่พฒั นาผ้เู รยี นใหป้ ระพฤตติ นยดึ หลกั คณุ ธรรม และพัฒนาตนใหม้ คี ่านยิ มอันพึงประสงค์ ๕. จดั บรรยากาศให้เออื้ ต่อการแสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง มอี ิสระในการคิด ไดล้ งมอื ปฏบิ ัตจิ รงิ ครู พรอ้ มใหค้ ำปรึกษา ใหก้ ำลงั ใจ เสริมแรงใหผ้ ู้เรยี นมีความเชอื่ มั่นว่า ตนเองมีศักยภาพในการเรียนรูใ้ นเชิงพหุ ปญั ญา ไม่ดา้ นใดก็ด้านหน่ึงหรือหลายด้านพรอ้ มกัน ๖. จดั ประสบการณก์ ารเรียนรูใ้ หม้ คี วามสัมพนั ธ์ เช่อื มโยง หรือบูรณาการท้ังภายในกลุ่มสาระการ เรียนรู้ และระหวา่ งกลุ่มสาระการเรยี นรใู้ ห้มากทีส่ ดุ ๗. จัดประสบการณก์ ารเรียนร้ใู หย้ ดื หยุน่ ตามเหตุการณ์ และสภาพท้องถิน่ โดยใช้แหล่งการเรยี นรแู้ ละ ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่นในการจดั การเรียนรตู้ ามความเหมาะสม ๘. จดั ประสบการณ์การเรียนรู้โดยม่งุ เนน้ กระบวนการเรยี นรู้ กระบวนการคดิ อย่างมีเหตุผล และ สร้างสรรค์ กระบวนการกล่มุ การจดั การเรียนรู้ท่เี น้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ ผูเ้ รียนจะต้องอาศยั กระบวนการเรยี นรทู้ ่ีหลากหลาย เปน็ เคร่ืองมอื ท่จี ะนำพาตนเองไปสูเ่ ปา้ หมายของหลกั สูตร กระบวนการเรยี นรทู้ ่จี ำเปน็ สำหรับผู้เรยี น อาทิ กระบวนการเรียนรแู้ บบบรู ณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปญั หา กระบวนการเรยี นรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการ ปฏิบตั ิ ลงมือทำจรงิ กระบวนการจดั การ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรียนรูก้ ารเรยี นรู้ของตนเอง กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนสิ ยั กระบวนการเหลา่ นเ้ี ป็นแนวทางในการจดั การเรยี นรทู้ ผ่ี เู้ รียนควรได้รบั การฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถช่วยให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูไ้ ด้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนัน้ ผ้สู อน จึงจำเป็นตอ้ งศกึ ษาทำ ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรตู้ า่ ง ๆ เพือ่ ใหส้ ามารถเลือกใชใ้ นการจดั กระบวนการเรียนรู้ไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธิภาพ การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผู้สอนตอ้ งศึกษาหลกั สตู รสถานศกึ ษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั สมรรถนะสำคญั ของ ผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ทีเ่ หมาะสมกับผเู้ รยี น แล้วจงึ พจิ ารณาออกแบบการ จัดการเรียนร้โู ดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวดั และประเมินผล เพอ่ื ให้ผู้เรียนได้ พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายท่ีกำหนด ๑. บทบาทของผสู้ อนและผเู้ รยี น การจดั การเรยี นรู้เพื่อให้ผเู้ รยี นมีคณุ ภาพตามเป้าหมายของหลักสตู ร ทั้งผ้สู อนและผู้เรยี นควรมี บทบาท ดังน้ี

๑๒๑ ๑.๑ บทบาทของผ้สู อน ๑) ศึกษาวเิ คราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน การจดั การเรยี นรู้ ท่ีทา้ ทายความสามารถของผู้เรียน ๒) กำหนดเปา้ หมายที่ตอ้ งการให้เกิดขึ้นกบั ผู้เรียน ดา้ นความร้แู ละทักษะ กระบวนการ ที่เป็นความคิดรวบยอด หลักการ และความสมั พนั ธ์ รวมทัง้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรแู้ ละจัดการเรียนรทู้ ี่ตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคลและ พฒั นาการทางสมอง เพ่ือนำผเู้ รียนไปสเู่ ปา้ หมาย ๔) จัดบรรยากาศทเี่ ออื้ ตอ่ การเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรียนใหเ้ กดิ การเรียนรู้ ๕) จัดเตรยี มและเลอื กใช้สื่อให้เหมาะสมกบั กิจกรรม นำภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสมมาประยกุ ต์ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน ๖) ประเมนิ ความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย เหมาะสมกับ ธรรมชาตขิ องวิชาและระดับพัฒนาการของผูเ้ รยี น ๗) วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ มาใชใ้ นการซอ่ มเสริมและพัฒนาผู้เรยี น รวมทั้ง ปรบั ปรงุ การจดั การเรียนการสอนของตนเอง ๑.๒ บทบาทของผเู้ รยี น ๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนรขู้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ ้อความรู้ ต้ังคำถาม คดิ หาคำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวิธกี ารต่าง ๆ ๒) ลงมอื ปฏิบัติจริง สรปุ สง่ิ ที่ไดเ้ รียนรู้ด้วยตนเอง และนำความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ๓) มีปฏิสมั พันธ์ ทำงาน ทำกจิ กรรมรว่ มกบั กลุ่มและครู ๔) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอยา่ งตอ่ เน่ือง การส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ปัจจยั สำคัญท่เี ปน็ ส่วนหนึ่งของการจดั การศึกษาให้มคี ุณภาพ และประสบความสำเรจ็ ตามจุดม่งุ หมาย ของหลกั สูตร คอื การพัฒนาระบบการสง่ เสริม สนบั สนนุ ของสถานศึกษาในด้านต่าง ๆ ท่ีจะเอ้ือให้สามารถ จัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคณุ ภาพ สำหรบั แนวปฏิบัติในการสง่ เสริมการเรียนรู้ และสนับสนนุ การจัด กิจกรรมการเรยี นการสอนของสถานศึกษา ไดก้ ำหนดแนวในการส่งเสรมิ การเรียนรู้ ดงั ต่อไปนี้ ๑. การจดั สภาพแวดลอ้ มในสถานศึกษาให้เออื้ ตอ่ การใช้หลักสูตร การจัดสภาพแวดล้อมใน สถานศกึ ษาใหเ้ อ้ือต่อการใช้หลกั สูตรเป็นหน้าทโ่ี ดยตรงของบคุ ลากรทุกคนในสถานศึกษาที่จะตอ้ ง ร่วมมือกนั โดยยึดเป้าหมาย หลักการ และจุดเนน้ ต่าง ๆ ของหลักสูตรเปน็ หลกั ในการดำเนนิ การ ทั้งนเี้ พอื่ ให้ ผู้เรยี นไดเ้ รียนรแู้ ละพัฒนาตนเองไดอ้ ยา่ งเต็มศกั ยภาพ ๒. การจดั ใหม้ แี หลง่ การเรยี นรู้ หอ้ งสมดุ และมมุ หนังสือ หรอื แหล่งวชิ าท่ีจะใหผ้ เู้ รียนได้ศกึ ษา คน้ คว้าหาความร้ดู ้วยตนเอง เพอื่ เพมิ่ พนู ประสบการณแ์ ละความชำนาญ โดยเฉพาะหอ้ งสมุดเป็นแหล่งการ เรียนร้ทู ่สี ำคญั ยงิ่ เพราะเปน็ แหลง่ ท่รี วบรวมองค์ความรู้ท่เี ปน็ ประโยชน์กับผู้เรยี นโดยตรง นอกจากนยี้ ังจดั ใหม้ ี แหลง่ การเรียนรู้ในรูปของศูนยก์ ารเรียนรแู้ บบพ่งึ พาตนเอง คอมพวิ เตอร์ ห้องปฏบิ ตั ิการทางภาษา ห้องปฏบิ ตั กิ ารทางวทิ ยาศาสตร์ และ เทคโนโลยตี ่าง ๆ

๑๒๒ ๓. การจดั ให้มีบริเวณสำหรบั ให้ผู้เรยี นได้ฝึกปฏิบัตกิ ิจกรรมในกลุ่มสาระการเรยี นรตู้ ่าง ๆ เพ่อื ให้ ผู้เรยี นได้เรยี นรจู้ ากประสบการณ์จริง ไดค้ ดิ ได้ทำ ได้แสดงออก ได้เรียนรู้เอง และค้นพบความรูด้ ว้ ยตนเอง ตามศกั ยภาพของนกั เรยี นแต่ละคน ๔. การจัดให้มแี หลง่ การเรยี นรใู้ นทอ้ งถ่นิ และการใช้ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน การจดั การเรียนรูต้ ามหลักสูตร เน้นการเรยี นรูจ้ ากแหล่งการเรียนรทู้ ้ังในและนอกหอ้ งเรยี น ทัง้ นเ้ี พ่อื ผูเ้ รยี นจะไดม้ ีโอกาสทจี่ ะสมั ผัสกับชวี ิตจริง นอกห้องเรยี นหรือนอกโรงเรียน ไดพ้ บปะกบั ผคู้ น ผู้รู้ ภมู ิปัญญาของท้องถ่ินเพือ่ จะไดเ้ รยี นรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ มากขนึ้ มี ประสบการณ์กวา้ งขวางขึ้น เรียนรไู้ ด้ทกุ เวลาและทกุ สถานท่ีไมจ่ ำกัดว่าจะตอ้ งเรยี นรจู้ ากผูส้ อนในสถานศึกษา เท่าน้นั ๕. การวจิ ยั เพือ่ พฒั นาคุณภาพ การวิจัยเปน็ กระบวนการท่คี วบคูก่ ับกระบวนการเรียนรู้ และ กระบวนการทำงานของผู้ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การศกึ ษา ซง่ึ เป็นกลไกที่นำไปสสู่ ังคมแหง่ ภูมิปญั ญาและการเรยี นรู้ ดังน้นั ในการจดั การเรียนรู้ ผูส้ อนตอ้ งนำกระบวนการวิจัยมาผสมผสานหรอื บูรณาการเพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพของ ผูเ้ รียน และสามารถใชก้ ระบวนการการวิจัยเปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการเรยี นรู้ นอกจากนผี้ ลการวิจยั ยงั เป็น ประโยชน์ต่อการแกป้ ญั หาหรือพฒั นาคุณภาพของผู้เรยี นได้เป็นอยา่ งดี ๖. การจัดเครือข่ายวิชาการ ผู้สอนนับว่ามีสว่ นสำคัญท่ีจะทำให้การจัดการเรยี นรูป้ ระสบผลสำเรจ็ สถานศึกษาจงึ จัดให้มีเครอื ขา่ ยเชอ่ื มโยงกบั สถานศกึ ษาอื่น ซึ่งเปน็ สถานศึกษาในโครงการโรงเรียนเครือขา่ ยการ ใช้หลักสูตรสถานศึกษาของจงั หวัดชลบรุ ี ทง้ั นเ้ี พื่อใหผ้ สู้ อนไดแ้ ลกเปลย่ี นเรียนรู้ แลกเปล่ียนประสบการณ์ใน การจัดการเรยี นรูซ้ ่ึงกันและกนั ทำใหไ้ ดร้ ับความรู้ และแนวคดิ ใหม่ ๆ ที่หลากหลาย และกว้างขวาง ท่สี ามารถ นำไปพฒั นาการจัดการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพ นอกจากนยี้ ังสง่ เสรมิ และสนับสนนุ ให้มีการแลกเปลีย่ น เรยี นรูท้ างวิชาการ จากผู้สอนในสถานศกึ ษาเดียวกนั และสถานศึกษาอ่ืน ๆ ตลอดจนชมรมวชิ าการต่าง ๆ เพอ่ื ใหผ้ สู้ อนไดร้ ับการพัฒนาตนเองอยา่ งสมำ่ เสมอ

๑๒๓ ระเบียบโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ว่าด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสตู รโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ……………………………… โดยทโี่ รงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคำส่ังกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ที่ สพฐ. ๒๙๓ / ๒๕๕๑ ลงวนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เร่ือง ให้ใช้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และกระจายอำนาจให้สถานศึกษากำหนดหลกั สตู ร สถานศกึ ษาขึ้นใช้เอง เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกบั คำส่ังดังกล่าว ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๑ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ าร ราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ.๒๕๔๖ และคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ จึงวางระเบยี บไวด้ ังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรยี กว่า “ระเบยี บสถานศกึ ษาว่าดว้ ยการประเมินผลการเรียนตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑” ขอ้ ๒ ระเบยี บน้ใี ห้ใชบ้ ังคับตงั้ แตป่ ีการศึกษา ๒๕๕๗ เปน็ ต้นไป ข้อ ๓ ใหย้ กเลิกระเบยี บขอ้ บังคับหรือคำสงั่ อืน่ ใดในสว่ นท่กี ำหนดไว้ในระเบยี บน้ีหรือซึ่งขดั หรือแยง้ กบั ระเบียบนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบียบนแ้ี ทน ข้อ ๔ ระเบยี บนี้ให้ใช้ควบคกู่ บั หลกั สตู รสถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ขอ้ ๕ ในระเบียบน้ี “หลกั สูตร” หมายถงึ หลกั สูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐาน โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ “โรงเรยี น” หมายถงึ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑

๑๒๔ “ผอู้ ำนวยการโรงเรียน” หมายถงึ ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ “ครู” หมายถึง ครู ผูป้ ฏบิ ัติการสอนในโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ “นกั เรยี น” หมายถึง นกั เรียนโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ ขอ้ ๖ ให้ผู้อำนวยการโรงเรยี นรักษาการใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบน้ี หมวดท่ี ๑ หลักการในการวดั และประเมนิ ผลการเรียน ข้อ ๗ การวัดและประเมินผลการเรยี นใหเ้ ป็นไปตามหลกั การดงั น้ี ๗.๑ ทกุ ระดับชั้นต้งั แต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถงึ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ มีการวดั และ ประเมินผล ตัดสินผลการเรียนตามรายวชิ าเป็นรายปี ส่วนระดบั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๖ มีการวัดและ ประเมินผล ตดั สินผลการเรยี นตามรายวิชาเป็นรายภาค ๗.๒ โรงเรียนมีหน้าท่ีวดั และประเมนิ ผลการเรียนให้สอดคล้องกับวธิ ีการวดั และประเมนิ ผลการ เรยี น ๗.๓ การวดั และประเมินผลการเรียน ตอ้ งสอดคลอ้ งและครอบคลมุ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชว้ี ัด ท่ีกำหนดในหลกั สูตรแกนกลางฯ ๗.๔การวดั ผลและประเมินผลการเรียน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรยี นการสอน ต้อง ดำเนนิ การดว้ ยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสม ตามสภาพจริง ธรรมชาติวิชา และระดบั ชนั้ ของนักเรยี น ๗.๕ วดั และประเมนิ ผล ท้ังเพื่อปรับปรงุ การเรียนและเพือ่ ตดั สินผลการเรยี น ๗.๖ ใหม้ กี ารวดั และประเมนิ ความร้คู วามสามารถของนักเรียนด้านการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นส่ือความในทกุ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ๗.๗ ให้มีการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของนกั เรียน ในทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๗.๘ ให้มีการวัดและประเมนิ ผลคุณภาพนักเรียน ทัง้ ระดบั ช้นั เรยี นและระดบั สถานศึกษาในแต่ละช้ันปี ๗.๙ ให้นกั เรยี นท่กี ำลังศกึ ษาในช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ถงึ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เข้า รบั การประเมินคุณภาพระดับตา่ ง ๆ ตามทโ่ี รงเรยี น สำนกั งานเขตพืน้ ที่ หรอื กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ๗.๑๐ ให้มกี ารเทยี บโอนผลการเรียนระหว่างสถานศกึ ษาและรูปแบบการศึกษาตา่ งๆ หมวดที่ ๒ วธิ กี ารวัดและประเมินผลการเรยี น การตดั สินผลการเรียน ขอ้ ๘ การวัดและประเมินผลการเรยี น การตัดสนิ ผลการเรียนนี้ เปน็ การประเมนิ ผลระดับชนั้ เรียน ปฏบิ ัติดงั น้ี ๘.๑ การวัดและประเมินผลการเรยี น กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๘.๑.๑ กอ่ นการเรยี น ครูแจ้งใหน้ กั เรียนทราบถึงวธิ กี ารวดั และประเมินผล ตัวช้วี ดั การ ประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ เขียนสื่อความ การประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เกณฑก์ ารประเมิน และการตัดสนิ ผลการเรียน

๑๒๕ ๘.๑.๒ ครูประเมินความรูพ้ นื้ ฐานของนักเรียน กอ่ นการเรยี นการสอนสาระการเรียนรู้ ตา่ งๆ ๘.๑.๓ ครูวดั และประเมินผลการเรียนเพ่อื ศึกษาผลการเรียน เพื่อจัดการสอนซ่อมเสริม และประเมินผลตามตวั ชว้ี ดั เพ่ือตัดสินผลการเรียน ดังน้ี ๘.๑.๓.๑ วัดและประเมินผลการเรยี นตามตวั ชี้วดั ของแต่ละสาระการเรยี นรู้ ท่กี ำหนดในหลักสตู ร ๘.๑.๓.๒ วัดและประเมินผลการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ ที่ สอดคล้องกบั ตวั ชวี้ ดั ของแต่ละสาระการเรยี นรู้ ๘.๑.๓.๓วัด และประเมินผลคุณลักษณ์อันพงึ ประสงคข์ องแตล่ ะสาระการเรียนรู้ ทกี่ ำหนดในหลกั สูตร ๘.๑.๔ ครูวัดและประเมินผลการเรียนไดต้ ลอดในขณะเวลาท่ีเรียน ตามตวั ชว้ี ดั ที่กำหนด โดยประเมนิ ในรูปเกณฑ์คณุ ภาพ ๘ ระดบั โดยใช้สญั ลกั ษณ์เปน็ เลขฮินดูอารบกิ หรอื อยใู่ นดุลยพินจิ ของครูผ้สู อน ดงั น้ี ผลการประเมนิ “๔” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ดเี ยี่ยม หรือมีผล การวดั ตงั้ แต่รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “ดมี าก” หรือมีผลการวดั ตัง้ แต่ร้อยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมนิ “๓” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ดี” หรอื มีผลการวดั ตง้ั แต่ร้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถึงเกณฑค์ ณุ ภาพ “คอ่ นขา้ งดี” หรือมผี ลการวัด ตั้งแตร่ อ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “น่าพอใจ” หรือมผี ลการวดั ตง้ั แตร่ ้อยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมิน “๑.๕” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “พอใช้” หรอื มผี ล การวดั ตัง้ แต่รอ้ ยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมนิ “ ๑” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ผ่านเกณฑ์ข้นั ต่ำ” หรอื มผี ลการวัดตงั้ แต่รอ้ ยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมิน “๐” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ต่ำกวา่ เกณฑ์” หรือมีผลการวัด ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ๘.๑.๕ การตัดสินผลการเรียน ผลการประเมนิ การเรียนรู้ของสาระการเรยี นร้นู ั้นๆ เปรียบเทียบตัวเลขแสดงความหมายระดับผลการเรียนแตล่ ะรายวชิ า โดยใชส้ ัญลกั ษณ์เปน็ เลขฮินดูอารบิก ดงั นี้ ผลการประเมิน “๔” หมายถงึ เกณฑ์คณุ ภาพ “ดเี ยย่ี ม หรือมีผล การวัดต้ังแตร่ อ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ดีมาก” หรอื มผี ลการวดั ตงั้ แตร่ อ้ ยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมิน “๓” หมายถงึ เกณฑค์ ณุ ภาพ “ด”ี หรือมผี ลการวดั ตั้งแตร่ ้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “คอ่ นขา้ งดี” หรอื มผี ลการวดั

๑๒๖ ตัง้ แตร่ ้อยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถงึ เกณฑค์ ณุ ภาพ “นา่ พอใจ” หรือมีผลการวดั ต้ังแต่ร้อยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมนิ “๑.๕” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “พอใช้” หรือมผี ล การวดั ต้งั แต่ร้อยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมิน “ ๑” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ผ่านเกณฑข์ น้ั ต่ำ” หรอื มผี ลการวดั ตงั้ แตร่ อ้ ยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมนิ “๐” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ตำ่ กว่าเกณฑ์” หรือมีผลการวดั ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ๘.๑.๖ การประเมินผลการเรยี นเพอื่ ตดั สินผลการเรยี น ใช้เฉพาะนกั เรยี นผู้ท่มี เี วลา เรียนตลอดปไี มน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนรายวชิ านนั้ ๘.๑.๗ นกั เรียนที่มีเวลาเรยี นไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในวิชานน้ั โรงเรยี น แตง่ ต้ังคณะกรรมการประกอบด้วยผูบ้ ริหารสถานศึกษา หวั หน้ากลมุ่ งานวิชาการ ครูประจำชั้น ครผู ูส้ อน และผ้ปู กครอง พจิ ารณาใหม้ ีโอกาสซ่อมเสรมิ เวลาเรียน ปรับปรุงแก้ไขการเรียน แลว้ ประเมนิ ผลใหม่ ภายใน ๙๐ วนั ของปีการศึกษาถัดมา หากระยะเวลาเกินกว่าท่กี ำหนด ให้เรียนซำ้ ในรายวชิ านนั้ ๘.๑.๘ นกั เรียนท่ีมผี ลการเรียนเฉล่ยี ของปี ต่ำกวา่ “๑” หรือมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนสื่อความไมผ่ ่านเกณฑ์ หรอื มีผลการประเมนิ คุณลักษณะพึงประสงค์ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ หรอื มผี ล การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี นไมผ่ ่านเกณฑ์ หรอื ไมเ่ อาใจใส่ในการเรียน คณะกรรมการ ตามข้อ ๘.๑.๗ เห็นวา่ ควรเรยี นซ้ำชัน้ ให้มีการเรียนซ้ำชั้นในปีถดั มา ๘.๑.๙ นกั เรียนทมี่ ีการทจุ รติ ในการสอบหรือทุจรติ ในงานทม่ี อบหมายให้ได้คะแนน ๐ หรือมผี ลการประเมิน “ตก”ในการประเมินครั้งนน้ั ขอ้ ๙ การประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนส่อื ความ ในระดบั สถานศกึ ษา เพ่อื ปรับปรุงพฒั นา และจบช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖โดยปฏบิ ัติดังนี้ ๙.๑ โรงเรียนแต่งต้งั คณะกรรมการประเมินการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี นส่อื ความข้ึน คณะหนึ่งในแตล่ ะปกี ารศึกษา ๙.๒ คณะกรรมการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนสือ่ ความกำหนดแนวทาง วิธีการประเมนิ และเกณฑ์การตดั สนิ ตามที่หลกั สูตรกำหนด ๙.๓ มีการประเมินเปน็ รายปี เพือ่ ปรบั ปรุงและพัฒนาในปที ่ี ๑-๕ การตัดสินจบชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ให้ถือผลการประเมินปลายปีของปีท่ี ๖ ๙.๔ ประเมนิ นกั เรียนเป็นรายบุคคลตามมาตรฐานการเรียนร้แู ละเกณฑ์ที่กำหนด ๙.๕ นกั เรียนท่ผี ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตัดสนิ “ดี หรอื ดเี ยีย่ ม” แลว้ แต่กรณี ๙.๖ นกั เรยี นท่ไี มผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน ตัดสิน “ปรบั ปรุง” ๙.๗ นักเรียนที่ได้รบั การตดั สิน “ปรับปรุง” ต้องดำเนินการซ่อมเสริมปรับปรุง แก้ไข ตาม แนวทางที่คณะกรรมการกำหนด และมกี ารประเมนิ ใหม่ ๙.๘ นักเรยี นท่ไี ดร้ ับการตดั สิน “ปรบั ปรงุ ” และมีการประเมนิ ใหมแ่ ล้วผา่ นเกณฑ์การ ประเมิน ตดั สนิ “ผา่ น” ๙.๙ นกั เรียนท่ีไดร้ ับการตัดสนิ “ดี หรอื ดีเยย่ี ม หรอื ผ่าน” มสี ทิ ธไิ ด้รับการพิจารณาการ จบชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ข้อ ๑๐ การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องโรงเรียน

๑๒๗ การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องโรงเรยี น ระดบั สถานศึกษา เพอ่ื ปรับปรุง พฒั นา และจบช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ โดยปฏิบตั ดิ งั น้ี ๑๐.๑ โรงเรียนแตง่ ต้งั คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคข์ อง โรงเรยี นขึ้น คณะหนึ่งในแต่ละปกี ารศกึ ษา ๑๐.๒ คณะกรรมการประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของโรงเรียน กำหนดแนวทาง วธิ กี ารประเมนิ และเกณฑ์การตดั สินตามที่หลักสูตรกำหนด ๑๐.๓ มีการประเมนิ เป็นรายปี เพอ่ื ปรับปรุงและพัฒนาในปที ี่ ๑-๕ การตดั สนิ จบชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ใหถ้ ือผลการประเมินปลายปีของปที ี่ ๖ สำหรบั มัธยมศกึ ษามีการประเมนิ ผลเป็นรายภาค ๑๐.๔ ประเมินนกั เรียนเป็นรายบุคคล ตามมาตรฐาน และเกณฑท์ ก่ี ำหนดในหลกั สูตร ๑๐.๕ นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมิน ตดั สิน “ดี หรอื ดเี ย่ียม” แลว้ แตก่ รณี ๑๐.๖ นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตัดสนิ “ปรบั ปรงุ ” ๑๐.๗ นักเรียนที่ได้รับการตดั สนิ “ปรับปรงุ ” ตอ้ งดำเนนิ การปรบั ปรงุ ซอ่ มเสรมิ แก้ไข ตาม แนวทางท่คี ณะกรรมการกำหนดและมีการประเมินใหม่ ๑๐.๘ นักเรียนท่ีได้รับการตดั สนิ “ปรับปรงุ ” และได้รับการประเมนิ ใหมแ่ ลว้ ผ่านเกณฑก์ าร ประเมิน ตดั สนิ “ผา่ น” ๑๐.๙ นกั เรียนทไี่ ด้รบั การตัดสิน “ดี หรือ ดีเยีย่ ม หรอื ผ่าน” มีสิทธิไดร้ บั การพจิ ารณาจบ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ ขอ้ ๑๑ การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ระดับสถานศกึ ษา โดยปฏบิ ัตดิ งั นี้ ๑๑.๑ โรงเรียนแตง่ ตง้ั คณะกรรมการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนของ โรงเรียนขึ้นคณะหนงึ่ ในแตล่ ะปกี ารศึกษา ๑๑.๒ คณะกรรมการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นของโรงเรียน กำหนดแนว ทางวธิ ีการประเมิน และเกณฑก์ ารตดั สินตามท่ีหลักสตู รกำหนด ๑๑.๓ นกั เรยี น ตอ้ งเขา้ รว่ มกิจกรรม ๓ กลมุ่ ดังน้ี ๑๑.๓.๑ กิจกรรมแนะแนว เวลาเรยี น ๑ ชัว่ โมง/สปั ดาห์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคดิ ตัดสินใจ คดิ แกป้ ัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตท้งั ด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้ อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครรู ู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเปน็ กิจกรรมท่ชี ่วยเหลือและให้คำปรกึ ษาแก่ ผปู้ กครองในการมสี ว่ นรว่ มพฒั นาผู้เรยี น ๑๑.๓.๒ กิจกรรมนักเรยี น เวลาเรียน ๑ ช่ัวโมง/สัปดาห์ เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความ รบั ผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรูจ้ ักแก้ปญั หา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปัน กนั เอ้ืออาทร และสมานฉนั ท์ โดยจัดใหส้ อดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ ได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศกึ ษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการ ทำงาน เน้นการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของ สถานศกึ ษาและท้องถน่ิ กิจกรรมนกั เรียนประกอบด้วย ก. กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารีหรอื ยวุ กาชาด หรอื ผบู้ ำเพ็ญประโยชน์

๑๒๘ ข. กจิ กรรมชุมนมุ ชมรม ๑๑.๓.๓ กิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ เวลาเรียน ชัน้ ปีละ ๑๐ ชว่ั โมง เปน็ กจิ กรรมท่ีสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นบำเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ สังคม ชุมชน และ ทอ้ งถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพอื่ แสดงถึงความรบั ผิดชอบ ความดงี าม ความเสียสละตอ่ สังคม มีจิตสาธารณะ เชน่ กจิ กรรมอาสาพัฒนาตา่ ง ๆ กจิ กรรมสรา้ งสรรคส์ งั คม ๑๑.๔ ครผู รู้ บั ผิดชอบกิจกรรมแนะแนว เปน็ ผปู้ ระเมนิ และตดั สนิ ผลกจิ กรรม แนะแนว ๑๑.๕ ครผู ู้บงั คับบญั ชาในกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยวุ กาชาด หรือ ผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ เป็นผู้ประเมินและตดั สินผลการพฒั นาผเู้ รียนในกจิ กรรมลูกเสือเนตรนารี ยวุ กาชาด หรอื ผบู้ ำเพ็ญ ประโยชน์ตามแตก่ รณี ครทู ี่ปรึกษาในกิจกรรมชุมนมุ หรือชมรมเป็นผกู้ ำหนดกจิ กรรม และประเมนิ ผเู้ รยี นใน กิจกรรมนั้น โดยนำผลการประเมินท้งั ๒ กจิ กรรม มาประเมนิ ตดั สินร่วมกัน ๑๑.๖ ครูผรู้ บั ผิดชอบ กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์เป็นผปู้ ระเมินและ ตัดสินกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑๑.๗ นักเรยี นท่ีมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลารว่ ม กิจกรรมรายปี และผ่านจดุ ประสงคส์ ำคัญของกิจกรรม มีผลการประเมินและตัดสิน “ผา่ น” ๑๑.๘ นักเรยี นทม่ี ีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมนอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาร่วม กจิ กรรมรายปี หรือไมผ่ ่านจุดประสงค์สำคัญของกิจกรรม มผี ลการประเมินและตดั สิน “ไม่ผ่าน” ๑๑.๙ นักเรยี นทไ่ี ดร้ บั การตดั สนิ “ไม่ผ่าน” ต้องดำเนินการปรับปรุง ซ่อมเสรมิ แก้ไข ตามแนวทางทคี่ รปู รึกษาหรือบงั คับบญั ชากำหนดและมกี ารประเมนิ ใหม่ ๑๑.๑๐ นกั เรยี นที่ได้รับการตดั สิน “ไมผ่ า่ น” และไดร้ ับการประเมินใหมแ่ ล้วผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ตัดสนิ “ผ่าน” ๑๑.๑๑ นกั เรียนที่ไดร้ บั การตดั สิน “ผ่าน” ทกุ กจิ กรรมได้รับสิทธพิ ิจารณาจบชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ หมวดที่ ๓ เกณฑ์การจบหลกั สูตร ข้อ ๑๒ นักเรยี นจะได้รับการพจิ ารณาอนุมตั ใิ ห้จบชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ และชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ตอ้ งมคี ุณสมบตั ิครบถ้วนทุกขอ้ ดงั นี้ ๑๒.๑ ต้องมเี วลาเรยี นไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทงั้ หมด ๑๒.๒ ต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตวั ชว้ี ัด และมีผลการประเมินแต่ละกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ไมต่ ่ำกวา่ ระดบั ผลการเรียน ๑ ๑๒.๓ ตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรยี นทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๑๒.๔ ต้องไดร้ บั การประเมนิ และมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ทโี่ รงเรยี นกำหนด ใน ๓ ดา้ นดงั น้ี ๑๒.๔.๑ การอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น

๑๒๙ ๑๒.๔.๒ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑๒.๔.๓ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ข้อ ๑๓ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นเป็นผูอ้ นุมัตผิ ลการเรียนและการจบหลักสูตร หมวดท่ี ๔ การเทียบโอนผลการเรียน ขอ้ ๑๔ โรงเรียนจะรับเทยี บโอนผลการเรียน ซึง่ เปน็ ความรู้ ทกั ษะ และประสบการณข์ องผู้เรียน ทเี่ กิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย มาประเมินเป็นส่วนหน่ึงของ การศึกษา ตามหลักสูตรของโรงเรียนตามแนวปฏบิ ัติต่อไปนี้ ๑๔.๑ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ๑๔.๑.๑ โรงเรียนแต่งตงั้ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรยี นขน้ึ คณะหนึ่ง มี จำนวนไมน่ อ้ ยกว่า ๓ คน แตไ่ ม่เกนิ ๕ คน ประกอบดว้ ยหัวหน้ากลุ่มวชิ าการเป็นประธานกรรมการ ๑ คน ครู ประจำชั้น เป็นกรรมการและเลขานุการ ๑ คน และครใู นโรงเรยี นผูม้ คี วามรูป้ ระสบการณ์ในสาขาวชิ าการศึกษา รวมไม่เกิน ๓ คน เป็นกรรมการ ๑๔.๒ วิธีดำเนินการเทียบโอนผลการเรยี น ๑๔.๒.๑ ผ้ขู อเทียบโอนผลการเรียน ตอ้ งขน้ึ ทะเบียนเป็นนกั เรียนของโรงเรยี น ราชประชานุเคราะห์ ๓๑ และโรงเรียนตอ้ งดำเนนิ การเทยี บโอนในภาคเรียนแรกท่ีขอขึน้ ทะเบียน ๑๔.๒.๒ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ตอ้ งพจิ ารณาจากสาระการ เรียนรู้/มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ของผูเ้ ทียบโอน โดยเทยี บเคยี งกบั โครงสรา้ ง หลกั สูตร สาระการเรยี นรู้และมาตรฐานของโรงเรยี น โดยมผี ลการพจิ ารณาแล้วสอดคลอ้ งกบั โครงสร้าง หลักสตู ร สาระการเรียนรู้และมาตรฐานของโรงเรยี นไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ๑๔.๒.๓ การเทียบโอนความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ ให้พิจารณาจาก เอกสาร หลักฐาน (ถ้ามี) โดยให้มีการประเมนิ ด้วยเครื่องมือทหี่ ลากหลาย และให้ได้ระดับผลการเรยี นตามเกณฑ์ การประเมินผลการเรยี นของหลักสูตรโรงเรยี น ๑๔.๒.๔ จำนวนกลมุ่ วิชา รายวชิ า ท่ีจะรับเทียบโอนและอายขุ องผลการเรียนที่ จะนำมาเทียบโอนใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวชิ าการ ท้งั นี้ เมอ่ื เทียบโอนแล้วผู้ ขอเทียบโอนตอ้ งมีเวลาเรียนในโรงเรียนไมน่ ้อยกวา่ ๑ ภาคเรียน ๑๔.๒.๕ ผลการพจิ ารณาและตัดสนิ ของคณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรยี น ให้ เสนอคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวชิ าการพจิ ารณาให้ความเห็นชอบแล้วเสนอผู้อำนวยการพิจารณา ตามเกณฑก์ ำหนด คอื มีผลการเรยี นเทยี บโอนสอดคล้องกับหลกั สตู รของโรงเรียนมากกว่ารอ้ ยละ ๖๐ พจิ ารณา อนมุ ัติ ผลการเรียนเทยี บโอนสอดคล้องกบั หลักสูตรของโรงเรียนนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ พจิ ารณาไม่อนมุ ตั ิ

๑๓๐ ๑๔.๒.๖ การกำหนดรายละเอยี ดวิธีการและหลกั การเทียบโอนใหเ้ ป็นไปอย่าง สอดคล้องกับกฎกระทรวงและระเบียบทกี่ ระทรวงศกึ ษาธิการกำหนด หมวดท่ี ๖ เอกสารหลักฐานการศึกษา ข้อ ๑๕ โรงเรียนจดั ใหม้ ีเอกสารการประเมนิ ผลการเรยี นตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑๕.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ. ๑) ๑๕.๒ หลักฐานแสดงวุฒกิ ารศกึ ษา (ประกาศนยี บัตร) (ปพ. ๒) ๑๕.๓ แบบรายงานผูส้ ำเรจ็ การศึกษา (ปพ. ๓) ๑๕.๔ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์(ปพ. ๔) ๑๕.๕ แบบบันทึกผลการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น(ปพ.๕) ๑๕.๖ แบบรายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี นรายบคุ คล(ปพ. ๖) ๑๕.๗ ใบรับรองผลการศกึ ษา(ปพ. ๗) ๑๕.๘ ระเบยี นสะสม(ปพ. ๘) ๑๕.๙ สมุด/คู่มอื หลักสูตรโรงเรียน(ปพ. ๙) เอกสาร ปพ. ๑ ปพ. ๒ ปพ. ๓ ให้ใช้รปู แบบท่ีกระทรวงศกึ ษาธิการกำหนด ข้อ ๑๖ โรงเรียนอาจจัดใหม้ เี อกสารอื่น ๆ เพือ่ เปน็ หลกั ฐานการศกึ ษาเพ่มิ เตมิ ตามนโยบายและ ความเหมาะสมกับสถานการณ์ หรอื บรู ณาการเอกสารท่ีโรงเรียนจัดทำตามสภาพความเหมาะสม หมวดท่ี ๗ การปรับปรงุ และพฒั นาระเบียบ ข้อ ๑๗ ให้คณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและงานวชิ าการ พิจารณาเสนอข้อมูล มติ เพ่อื ปรบั ปรงุ และพัฒนาระเบียบน้ตี อ่ ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นพิจารณาใหค้ วามเห็นชอบ ข้อ ๑๘ การใชร้ ะเบียบ ระเบยี บน้ีมผี ลบังคับใช้ ตั้งแต่วันท่ี ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น ลงนามประกาศ เปน็ ต้นไป

๑๓๑ ประกาศ ณ วนั ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ (นางวลิ าวัลย์ ปาลี) ผู้อำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ การบริหารจดั การหลักสูตรโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ การบริหารจัดการหลักสตู รโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ กระบวนการในการบรหิ ารจัดการนำหลกั สตู รไปใช้ถอื วา่ เป็นปจั จัยท่ีสำคญั เป็นอยา่ งมากที่จะชว่ ย สนับสนุนสง่ เสริมใหก้ ารใชห้ ลักสูตรของสถานศึกษาบรรลุผลสงู สุด ดังนนั้ สถานศึกษาจงึ ไดก้ ำหนดแผนการ บริหารจดั การหลกั สตู รของสถานศกึ ษาขนึ้ เพอ่ื ให้ผทู้ ่ีมีส่วนเก่ยี วขอ้ งกบั การจัดการศกึ ษาของสถานศึกษาในทกุ ๆ สว่ น และทุกระดบั เกิดความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับจดุ หมายของหลกั สูตร การพฒั นาการเรียนการสอน การ นิเทศการศึกษา การบริหารหลกั สตู ร การประเมนิ ผล และแนวปฏบิ ตั ขิ องสถานศกึ ษาท่ีจะตอ้ งดำเนนิ การให้ สอดคลอ้ งและเหมาะสมกับสภาพความตอ้ งการของหลักสตู รสถานศึกษา สำหรับการบริหารจัดการหลักสูตร ของสถานศกึ ษาโรงเรยี นพฒั นาการศึกษา กำหนดแนวทางการบรหิ ารจดั การไว้ ๓ ข้นั ตอน ๙ ภารกิจ ดังนี้ ๑. แนวทางการบริหารจัดการดา้ นวิชาการ ขน้ั ตอนท่ี ๑ การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศึกษา ภารกจิ ท่ี ๑ การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศกึ ษา ๑.๑ สร้างความตระหนักให้แก่บุคลากร ซ่ึงประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร ผู้สอน ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียน ทั้งน้ีเพ่ือให้เห็นความสำคัญ ความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันบริหารจัดการ หลักสตู รสถานศึกษาของสถานศึกษา ๑.๒ แต่งตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการของสถานศึกษาตามระเบียบของ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารว่าดว้ ยคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและงานวชิ าการสถานศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พ. ศ. ๒๕๕๒ ๑.๓ ประชาสัมพันธใ์ ห้นักเรยี น ผ้ปู กครอง ชุมชน หนว่ ยงาน องค์กรในชุมชนทุกฝา่ ย ไดร้ ับทราบ และความร่วมมือในการบริหารจดั การหลกั สูตรของสถานศกึ ษา ๑.๔ จดั ทำขอ้ มลู สารสนเทศของสถานศึกษาอยา่ งเปน็ ระบบ ๑.๕ จัดทำแผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ๑.๖ พัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำความรู้ไปใช้ในการ จดั ทำสาระของหลกั สตู รสถานศึกษา

๑๓๒ ขัน้ ตอนท่ี ๒ การดำเนนิ การจดั ทำสาระของหลกั สูตรสถานศกึ ษา ภารกจิ ที่ ๒ จดั ทำสาระของหลักสูตรสถานศึกษา ๒.๑ ศึกษาวเิ คราะหข์ ้อมลู ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ๒.๒ กำหนดปรชั ญา และเปา้ หมายของการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา ๒.๓ กำหนดโครงสรา้ งของหลักสูตรแตล่ ะรายช้นั และจัดสดั ส่วนเวลาเรยี น ๒.๔ กำหนดตวั ชวี้ ัด และสาระการเรียนรขู้ องกลมุ่ วิชา ๒.๕ กำหนดสาระและกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๒.๖ กำหนดสือ่ การเรยี นรู้ ๒.๗ กำหนดการวดั และประเมินผล ภารกิจที่ ๓ การวางแผนบริหารจดั การหลกั สตู รสถานศึกษา ๓.๑ การบรหิ ารการจดั การกิจกรรมการเรียนรู้ ๓.๒ การบริหารการจดั การกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ๓.๓ การส่งเสรมิ และสนับสนุนการจดั การกจิ กรรมการเรยี นรู้ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ภารกิจท่ี ๔ ปฏบิ ตั ิการบรหิ ารจดั การหลกั สตู รสถานศึกษา ดำเนินการบริหารจัดการหลกั สูตรตามภารกิจที่ ๒ และภารกจิ ท่ี ๓ ท่ีกำหนดไว้ ขัน้ ตอนท่ี ๓ การนเิ ทศ กำกบั ติดตาม ประเมนิ ผล และรายงาน ภารกิจที่ ๕ การนิเทศ กำกบั ติดตาม ประเมนิ ผล ๕.๑ การนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารห ลักสูตร และงานวิชาการภายใน สถานศกึ ษา ๕.๒ การนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการจากภายนอก สถานศกึ ษา ภารกิจที่ ๖ สรุปผลการดำเนนิ การบริหารจัดการหลักสตู รของสถานศกึ ษา ๖.๑ สถานศึกษาสรปุ ผลการดำเนินการ และเขียนรายงาน ๖.๒ สรุปผลการดำเนินงานรูปแบบบริหารจัดการหลกั สตู รสถานศกึ ษา ภารกจิ ท่ี ๗ ปรบั ปรงุ และพัฒนากระบวนการบรหิ ารจัดการหลักสูตร ๗.๑ สถานศึกษานำผลการดำเนินการ ปัญหา และข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาใช้เป็นขอ้ มลู พื้นฐานใน การวางแผนปรบั ปรุง และพฒั นากระบวนการบรหิ ารจัดการหลักสูตรของสถานศกึ ษา ๗.๒ สถานศึกษาดำเนินการปรบั ปรงุ และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตร เพื่อให้เกิด ประโยชน์มากขนึ้ ขนั้ ตอนที่ ๔ การบริหารทั่วไปตรียมความพร้อมของสถานศึกษา ภารกิจท่ี ๘ การสนบั สนนุ กระบวนการบรหิ ารจดั การหลักสูตร เป็นภารกิจการสนบั สนนุ การบรหิ ารงานวิชาการของโรงเรียน ให้มีประสทิ ธิภาพสูงสดุ โดยมี กจิ กรรมที่สำคญั ดังน้ี ๘.๑ การพัฒนาบคุ ลากรของสถานศึกษา ดำเนนิ การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะความสามารถและเจตคตทิ ี่ถูกตอ้ งต่อการ จัดการเรยี นการสอนที่เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคญั ตามนโยบายปฏิรปู การเรียนรู้ สามารถจัดการเรียนการสอนไดต้ าม จดุ เนน้ ท่หี ลกั สูตรสถานศึกษากำหนด มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมที่เหมาะสมกบั อาชีพและเป็นท่ียอมรับของนักเรยี น ผู้ปกครอง ๘.๒ การใช้ห้องเรียน อาคารเรยี น และสถานท่ี เพ่อื ให้ประโยชน์ในการจดั การศกึ ษาของ โรงเรียน

๑๓๓ ๑) สนบั สนุนการจัดหอ้ งเรยี นใหส้ ามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรไู้ ดห้ ลากหลายลกั ษณะ สวยงาม น่าอยู่ มกี ารสือ่ การเรียนและสอ่ื สนบั สนุนการเรยี นรูท้ ่ีเพียงพอ ๒) สนบั สนนุ ให้ครใู ชแ้ ละอำนวยความสะดวกในการใช้หอ้ งปฏบิ ัติการ สถานทีป่ ฏบิ ัตงิ าน จุดศึกษาและแหล่งเรยี นรภู้ ายในโรงเรียน เพอ่ื เนน้ ให้ได้เรียนรูด้ ้วยการปฏบิ ตั จิ ริง ๓) การสรา้ งความสะอาด สวยงาม รม่ ร่ืน และความปลอดภัยในโรงเรยี น โดยการจัด ใหโ้ รงเรียนมีความสวยงาม รม่ ร่นื ดว้ ยไมย้ ืนตน้ ไมด้ อก ไมป้ ระดบั ให้นกั เรยี นเปน็ ผู้รับผดิ ชอบในการรกั ษาความ สะอาดในบริเวณโรงเรยี น ให้โรงเรียนเป็นสถานท่ีพกั ผอ่ นหยอ่ นใจและเล่นกีฬาของนักเรยี น มคี วามปลอดภัย ในการใช้ชีวิตในโรงเรียนและความปลอดภัยในทรัพยส์ ินของทางราชการและเป็นเขตปลอดสงิ่ เสพติดทุกประเภท ๘.๓ การบรหิ ารจัดการงบประมาณในการจัดการเรยี นการสอน โรงเรียนเนน้ ใหก้ ารจัดสรรงบประมาณคา่ วัสดุการศึกษา (รายหวั ) และงบประมาณอนื่ ๆ ท่ี เก่ียวข้องกับการพฒั นาคุณภาพการจัดการศกึ ษาใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อนักเรียนและการจัดการเรยี นการสอนตาม หลกั สูตรสถานศึกษา ๘.๔ การขอรับการสนบั สนนุ ชว่ ยเหลือการจัดการศกึ ษาของโรงเรียน มีกิจกรรมการ ดำเนนิ งาน ดังนี้ ๑) การประชมุ คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐานของโรงเรยี น เพ่อื ใหก้ ารปฏิบัติงาน ตามภารกจิ หน้าที่ ความรับผิดชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน เกิดประโยชนแ์ ละมี ประสทิ ธภิ าพสูงสุดต่อการจดั การศึกษาของโรงเรยี น ๒) การประชมุ ผูป้ กครองนักเรยี น เพ่ือการชแ้ี จงการดำเนนิ งานของโรงเรียน การ ประสานงานการจดั การศกึ ษาและพัฒนางาน ๓) การร่วมกิจกรรมกบั ชุมชน ทอ้ งถ่นิ องคก์ รปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานในท้องถนิ่ ๘.๕ การประกันคุณภาพการจัดการศกึ ษาภายในของสถานศกึ ษา เป็นการดำเนนิ งานของสถานศกึ ษาทีร่ ว่ มมือกบั ชุมชนและหน่วยงานตน้ สงั กดั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ใหเ้ ปน็ ท่เี ชื่อมนั่ ไดว้ ่าผเู้ รียนทกุ คนจะได้รบั บรกิ ารด้านการศกึ ษาท่ีมีคณุ ภาพจากสถานศกึ ษา สามารถพฒั นา ความรู้ ความสามารถและคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ตามทกี่ ำหนดในมาตรฐานหลกั สูตรการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน โดยมีการดำเนนิ งาน ดงั นี้ ๑) การประเมินตนเองประจำปขี องครผู สู้ อน ๒) การประเมนิ ตนเองประจำปีของสถานศึกษา ๓) การรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี เสนอต่อหนว่ ยงานตน้ สงั กดั หนว่ ยงานท่ีเกี่ยวข้อง คณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พ้นื ฐาน ผปู้ กครองนักเรยี นและชุมชน เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. ระดับประถมศึกษา ๑.๑ การตดั สนิ ผลการเรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดหลักเกณฑ์การวัดและ ประเมินผลการเรยี นรู้ เพื่อตัดสนิ ผลการเรยี นของผูเ้ รียน ดงั นี้ ๑) ผ้เู รยี นตอ้ งมเี วลาเรยี นไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทัง้ หมด ๒) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมินทุกตวั ชี้วัดและผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากำหนด ๓) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวชิ า

๑๓๔ ๔) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมินและมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น การตัดสินผลการเรียน ตัดสินเปน็ รายวชิ า โดยใช้ผลการประเมนิ ระหวา่ งปแี ละปลายปตี ามสดั สว่ นที่ สถานศกึ ษากำหนด ทกุ รายวชิ าต้องไดร้ ับการตัดสินให้ผลการเรยี นตามแนวทางการให้ระดับผลการเรียนตามท่ี สถานศึกษากำหนด และผูเ้ รยี นต้องผา่ นทุกรายวิชาพนื้ ฐาน ๑.๒ การใหร้ ะดับผลการเรยี น การประเมนิ ผลการเรยี นสาระการเรียนร้รู ายวชิ า ตามผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวังของรายวชิ า ซงึ่ สถานศกึ ษาวิเคราะหจ์ ากตวั ชวี้ ัดช้ันปี การประเมินสาระการเรยี นรู้รายวชิ า ให้ตดั สินผลการประเมินระดบั ผลการ เรยี น ๘ ระดับ คือ “๔” หมายถงึ ผลการเรยี นดเี ย่ยี ม “๓.๕” หมายถึง ผลการเรยี นดมี าก “๓” หมายถงึ ผลการเรยี นดี “๒.๕” หมายถึง ผลการเรียนค่อนขา้ งดี “๒” หมายถึง ผลการเรยี นน่าพอใช้ “๑.๕” หมายถงึ ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถึง ผลการเรียนผา่ นเกณฑ์ขั้นตำ่ “๐” หมายถงึ ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑ์ การประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์นน้ั ให้ผลการประเมนิ เป็นผ่านและไมผ่ า่ น กรณีทผ่ี า่ นให้ระดับผลการประเมนิ เป็นดเี ยยี่ ม ดี และผา่ น ๑. ในการสรปุ ผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อการเลือ่ นช้นั และจบการศึกษา กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น ๔ ระดับ และความหมายของแตล่ ะระดบั ดงั นี้ ดีเยีย่ ม หมายถึง มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนทีม่ ีคุณภาพดีเลศิ อย่เู สมอ ดี หมายถงึ มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี นท่ี มีคณุ ภาพเป็นที่ยอมรับ ผ่าน หมายถงึ มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ท่มี ีคุณภาพเป็นท่ียอมรับ แต่ยงั มขี ้อบกพรอ่ งบางประการ ไมผ่ า่ น หมายถงึ ไมม่ ผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนหรือถา้ มีผลงาน ผลงานน้ันยังมีข้อบกพรอ่ งทต่ี ้องได้รับการ ปรบั ปรงุ แกไ้ ขหลายประการ ๒. ในการสรปุ ผลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์รวมทกุ คุณลักษณะเพอ่ื การเลอื่ นชั้นและ จบการศกึ ษา กำหนดเกณฑก์ ารตัดสนิ เปน็ ๔ ระดับ และความหมายของแตล่ ะระดับ ดังน้ี

๑๓๕ ดเี ย่ียม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบตั ิตนตามคุณลกั ษณะจนเปน็ นิสัย และนำไปใช้ใน ชวี ติ ประจำวันเพอ่ื ประโยชน์สขุ ของตนเองและสงั คม โดยพิจารณา จากผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มี คณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับดี ดี หมายถงึ ผ้เู รยี นมีคณุ ลกั ษณะในการปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑ์ เพือ่ ให้เปน็ การ ยอมรบั ของสงั คม โดยพจิ ารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี ม จำนวน ๑-๔ คุณลักษณะ และ ไม่มี คุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดับดี หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดับดเี ยยี่ ม จำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ำกวา่ ระดบั ผ่าน หรือ ๓. ได้ผลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไมม่ ี คณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับผา่ น ผ่าน หมายถึง ผู้เรยี นรับรแู้ ละปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขท่สี ถานศึกษา กำหนดโดยพจิ ารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับผา่ น จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดับผ่าน หรือ ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๔ คุณลักษณะ และไมม่ ี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดบั ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏบิ ตั ไิ ด้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเง่อื นไขท่ี สถานศึกษากำหนดโดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดับไม่ผ่าน ต้ังแต่ ๑ คุณลักษณะ การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน จะตอ้ งพจิ ารณาท้งั เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม การปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม และผลงานของผูเ้ รียนตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากำหนด และให้ผลการประเมนิ เปน็ ผา่ นและไมผ่ า่ น กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนกั เรยี น ซงึ่ ประกอบด้วย (๑) กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี และผู้บำเพ็ญประโยชน์ โดยผเู้ รียนเลอื กอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ๑ กิจกรรม (๒) กิจกรรมชมุ นมุ หรือชมรมอกี ๑ กจิ กรรม ๓) กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ให้ใช้ตัวอกั ษรแสดงผลการประเมิน ดงั น้ี “ผ” หมายถงึ ผ้เู รียนมเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ปฏิบตั กิ จิ กรรม และมผี ลงานตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนด “มผ” หมายถงึ ผเู้ รยี นมเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และมีผลงานไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนด ในกรณที ่ีผ้เู รยี นไดผ้ ลของกจิ กรรมเปน็ “มผ” สถานศกึ ษาต้องจัดซ่อมเสรมิ ให้ผู้เรยี นทำกจิ กรรมใน สว่ นทผี่ เู้ รยี นไมไ่ ด้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถว้ น แลว้ จึงเปลี่ยนผลจาก “มผ” เปน็ “ผ” ได้ ทัง้ นี้ ตอ้ ง ดำเนินการให้เสรจ็ สิ้นภายในปกี ารศกึ ษาน้นั ยกเว้นมีเหตสุ ดุ วิสัยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ๑.๓ การเล่อื นช้ัน เมอ่ื สน้ิ ปกี ารศึกษา ผเู้ รียนจะไดร้ ับการเลื่อนชัน้ เมือ่ มคี ณุ สมบตั ติ ามเกณฑด์ งั ตอ่ ไปนี้ ๑) ผเู้ รยี นมีเวลาเรยี นตลอดปกี ารศกึ ษาไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด

๑๓๖ ๒) ผูเ้ รยี นมผี ลการประเมนิ ผา่ นทุกรายวชิ าพ้ืนฐาน ๓) ผเู้ รยี นมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรม พัฒนาผเู้ รยี นผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด ทงั้ น้ี ถา้ ผู้เรยี นมขี อ้ บกพร่องเพียงเลก็ น้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอน ซอ่ มเสริมได้ ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษาท่ีจะผ่อนผนั ให้เลอ่ื นช้ันได้ อน่งึ ในกรณีทผี่ ้เู รียนมีหลักฐานการเรยี นรู้ที่แสดงว่ามีความสามารถดีเลิศ สถานศึกษาอาจให้โอกาส ผู้เรียนเลื่อนช้นั กลางปีการศึกษา โดยสถานศกึ ษาแตง่ ตัง้ คณะกรรมการ ประกอบด้วย ฝ่ายวิชาการของ สถานศกึ ษาและผแู้ ทนของเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาหรือตน้ สงั กดั ประเมนิ ผเู้ รียนและตรวจสอบคุณสมบัติใหค้ รบถว้ น ตามเง่อื นไขท้งั ๓ ประการ ต่อไปนี้ ๑. มีผลการเรยี นในปีการศกึ ษาท่ผี ่านมาและมผี ลการเรยี นระหว่างปีทกี่ ำลังศกึ ษาอยใู่ นเกณฑด์ เี ยีย่ ม ๒. มีวฒุ ภิ าวะเหมาะสมทีจ่ ะเรยี นในชน้ั ทีส่ งู ขนึ้ ๓. ผา่ นการประเมินผลความรู้ความสามารถทกุ รายวิชาของชนั้ ปีทเ่ี รียนปจั จุบัน และความรู้ ความสามารถทกุ รายวชิ าในภาคเรียนแรกของชั้นปีทจี่ ะเลื่อนขึ้น การอนุมตั ใิ หเ้ ล่ือนชัน้ กลางปกี ารศกึ ษาไปเรียนชนั้ สูงขน้ึ ได้ ๑ ระดับช้นั นี้ ต้องได้รบั การยนิ ยอมจาก ผ้เู รียนและผู้ปกครอง และต้องดำเนนิ การให้เสรจ็ สิ้นก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๒ ของปกี ารศึกษานั้น สำหรับในกรณีทพ่ี บวา่ มีผ้เู รียนกลุม่ พิเศษประเภทตา่ ง ๆ มปี ญั หาในการเรียนรู้ ใหส้ ถานศกึ ษา ดำเนนิ งานร่วมกบั สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา/ศนู ย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวดั /ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษเขต การศึกษา/หน่วยงานต้นสงั กดั โรงเรียนเฉพาะความพิการ หาแนวทางการแก้ไขและพฒั นา ๑.๔ การเรียนซำ้ ช้ัน ผู้เรียนทีไ่ มผ่ า่ นรายวชิ าจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเปน็ ปัญหาต่อการเรยี นในระดับชัน้ ทสี่ งู ขึน้ สถานศกึ ษาอาจต้ังคณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รยี นซำ้ ช้นั ได้ ทัง้ น้ี ใหค้ ำนงึ ถงึ วุฒภิ าวะและความรู้ความสามารถ ของผเู้ รียน เปน็ สำคญั ผู้เรียนทไ่ี มม่ ีคุณสมบัตติ ามเกณฑก์ ารเลอื่ นชนั้ สถานศกึ ษาควรให้เรยี นซำ้ ชน้ั ทัง้ น้ี สถานศึกษาอาจใชด้ ุลยพินจิ ใหเ้ ลอื่ นชั้นได้ หากพจิ ารณาว่าผู้เรยี นมีคณุ สมบตั ขิ ้อใดขอ้ หน่ึง ดังต่อไปน้ี ๑) มีเวลาเรยี นไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ อันเน่อื งจากสาเหตจุ ำเปน็ หรอื เหตสุ ุดวิสยั แตม่ ีคุณสมบัตติ ามเกณฑ์ การเล่ือนชนั้ ในข้ออน่ื ๆ ครบถว้ น ๒) ผ้เู รียนมผี ลการประเมินผา่ นมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชี้วดั ไม่ถงึ เกณฑ์ตามทสี่ ถานศึกษากำหนด ในแตล่ ะรายวิชา แต่เหน็ วา่ สามารถสอนซอ่ มเสรมิ ไดใ้ นปกี ารศึกษานน้ั และมีคณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์การเลอ่ื นช้นั ใน ข้ออื่น ๆ ครบถว้ น ๓) ผู้เรียนมีผลการประเมนิ รายวชิ าในกลุม่ สาระภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมอยู่ในระดับผา่ นกอ่ นที่จะใหผ้ ู้เรียนเรยี นซำ้ ชน้ั สถานศกึ ษาควรแจง้ ใหผ้ ้ปู กครองและผู้เรียน ทราบเหตุผลของการเรยี นซ้ำชั้น ๑.๕ การสอนซอ่ มเสรมิ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดให้สถานศกึ ษาจัดสอนซ่อมเสริม เพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ของผเู้ รียนเตม็ ตามศกั ยภาพ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนเพ่อื แกไ้ ขข้อบกพรอ่ ง กรณีท่ีผเู้ รียนมีความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คณุ ลักษณะไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษากำหนด สถานศึกษาตอ้ งจัดสอนซอ่ มเสริมเป็นกรณี พิเศษอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพ่ือพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ัดที่ กำหนดไว้ เปน็ การให้โอกาสแกผ่ ู้เรยี นได้เรยี นรู้และพฒั นา โดยจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีหลากหลายและ ตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล ๑.๖ เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา

๑๓๗ ๑. ผเู้ รยี นเรียนรายวชิ าพื้นฐาน จำนวน............ช่วั โมง และรายวิชาเพม่ิ เติม / กจิ กรรมเพมิ่ เติม จำนวน .........ชั่วโมงและมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานผ่านทุกรายวิชา ๒. ผู้เรียนต้องมีผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ระดบั “ผา่ น” ขน้ึ ไป ๓. ผ้เู รยี นตอ้ งมีลการประเมิน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ขึน้ ไป ๔. ผเู้ รยี นต้องเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น และได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียน “ผ่าน” ทกุ กจิ กรรม ๒. ระดับมัธยมศึกษา ๒.๑ การตัดสนิ ผลการเรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดหลักเกณฑ์การวัดและ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพ่ือตดั สินผลการเรยี นของผูเ้ รยี น ดังน้ี ๑) ตดั สนิ ผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนตอ้ งมเี วลาเรียนตลอดภาคเรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมดในรายวิชาน้ัน ๆ ๒) ผ้เู รยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทกุ ตวั ชว้ี ดั และผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด ๓) ผู้เรียนต้องได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวชิ า ๔) ผเู้ รียนต้องได้รบั การประเมนิ และมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนดในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน การตดั สนิ ผลการเรียน ตัดสนิ เปน็ รายวชิ า โดยใช้ผลการประเมนิ ระหวา่ งภาคและปลายภาคตาม สดั ส่วนท่ีสถานศึกษากำหนด ทกุ รายวิชาตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ และให้ระดบั ผลการเรียน ทั้งน้ี ผ้เู รยี นต้องผา่ นทุก รายวชิ าพนื้ ฐาน ๒.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรียน การตัดสินผลการเรียนในระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานใช้ระบบผา่ นและไมผ่ า่ น โดยกำหนดเกณฑก์ าร ตัดสนิ ผ่านแต่ละวชิ าทีร่ ้อยละ ๕๐ จากน้นั จึงใหร้ ะดบั ผลการเรียนที่ผ่าน สำหรบั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ และ ตอนลาย ใชต้ ัวเลขแสดงระดบั ผลการเรียนเป็น ๘ ระดบั แนวการให้ระดับผลการเรียน ๘ ระดับ และความหมาย ของแตล่ ะระดับ ดังนี้ “๔” หมายถึง ผลการเรยี นดีเยยี่ ม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรียนดมี าก “๓” หมายถึง ผลการเรยี นดี “๒.๕” หมายถงึ ผลการเรยี นคอ่ นขา้ งดี “๒” หมายถงึ ผลการเรียนน่าพอใช้ “๑.๕” หมายถึง ผลการเรยี นพอใช้ “๑” หมายถึง ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์ขั้นต่ำ “๐” หมายถึง ผลการเรยี นตำ่ กว่าเกณฑ์ ในกรณีท่ไี มส่ ามารถใหร้ ะดับผลการเรียนเป็น ๘ ระดับได้ให้ใชต้ วั อกั ษรระบุเง่ือนไขของผลการเรยี น ดงั นี้ “มส” หมายถึง ผเู้ รียนไมม่ ีสิทธเิ ข้ารับการวดั ผลปลายภาคเรียน เนอื่ งจาก ผเู้ รยี นมีเวลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแตล่ ะ รายวชิ า และไม่ได้รบั การผอ่ นผันให้เข้ารับการวัดผล ปลายภาคเรยี น “ร” หมายถงึ รอการตดั สนิ และยังตดั สินผลการเรียนไม่ได้ เนอ่ื งจาก ผู้เรยี นไม่มขี อ้ มลู ผลการเรียนรายวชิ าน้นั ครบถ้วน ได้แก่

๑๓๘ ไม่ไดว้ ัดผลระหวา่ งภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ได้สง่ งาน ท่ีมอบหมายให้ทำ ซึ่งงานนนั้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการตดั สิน ผลการเรยี นหรอื มีเหตุสุดวสิ ัยที่ทำใหป้ ระเมนิ ผลการเรยี น ไม่ได้ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และคุณลักษณะอนั พึงประสงคน์ น้ั ให้ระดบั ผลการ ประเมินเป็นผ่านและไม่ผา่ น กรณที ่ีผ่านให้ระดับผลการประเมนิ เป็นดเี ย่ียม ดี และผา่ น ๑. ในการสรุปผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น เพือ่ การเลือ่ นชั้นและจบการศกึ ษา กำหนดเกณฑ์ การตดั สนิ เปน็ ๔ ระดับ และความหมายของแตล่ ะระดบั ดงั นี้ ดเี ย่ยี ม หมายถึง มีผลงานทีแ่ สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี นท่มี ีคุณภาพดีเลิศอยูเ่ สมอ ดี หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ท่ีมีคุณภาพเป็นทยี่ อมรบั ผ่าน หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียนท่มี คี ุณภาพเป็นที่ยอมรับ แตย่ งั มีขอ้ บกพร่องบาง ประการ ไม่ผา่ น หมายถึง ไมม่ ผี ลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น หรอื ถา้ มผี ลงาน ผลงานน้นั ยงั มี ข้อบกพร่องที่ต้องไดร้ ับการปรบั ปรุงแกไ้ ขหลายประการ ๒. ในการสรุปผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุกคุณลกั ษณะเพอ่ื การเลื่อนชนั้ และจบ การศกึ ษา กำหนดเกณฑก์ ารตัดสนิ เปน็ ๔ ระดบั และความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้ ดเี ยย่ี ม หมายถึง ผู้เรยี นปฏบิ ัติตนตามคณุ ลักษณะจนเป็นนสิ ัยและนำไปใช้ ในชวี ิตประจำวนั เพ่ือประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ดีเย่ยี ม จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไมม่ คี ุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ำ กว่าระดบั ดี ดี หมายถงึ ผเู้ รยี นมคี ุณลักษณะในการปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑ์ เพ่ือให้ เปน็ การยอมรบั ของ สงั คม โดยพจิ ารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดเี ยยี่ ม จำนวน ๑-๔ คณุ ลกั ษณะ และไม่มี คณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ำกวา่ ระดับดี หรอื ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดเี ยย่ี ม จำนวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และไมม่ คี ุณลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ำกว่าระดบั ผ่าน หรือ ๓. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดี จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตำ่ กว่าระดบั ผา่ น ผา่ น หมายถงึ ผเู้ รียนรบั ร้แู ละปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์และเงอ่ื นไขท่ี สถานศึกษากำหนดโดยพิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ

ไม่ผา่ น หมายถึง ๑๓๙ และไม่มี คุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดับ ผา่ น หรือ ๓. ได้ผลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๔ คุณลักษณะ และ ไมม่ ีคุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดับผา่ น ผู้เรียนรบั รู้และปฏิบัติได้ไมค่ รบตามกฎเกณฑแ์ ละ เง่ือนไขท่สี ถานศกึ ษากำหนด โดยพิจารณาจากผลการ ประเมนิ ระดบั ไม่ผา่ น ตง้ั แต่ ๑ คุณลักษณะ การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน จะต้องพจิ ารณาทัง้ เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม การปฏิบตั กิ จิ กรรม และผลงานของผู้เรยี นตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากำหนด และให้ผลการประเมนิ เป็นผ่านและไมผ่ ่าน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน มี ๓ ลักษณะ คอื ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนกั เรยี น ซ่งึ ประกอบด้วย (๑) กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวชิ าทหาร โดยผู้เรยี นเลือกอยา่ งใดอย่างหน่งึ (๒) กิจกรรมชุมนมุ หรือชมรม ท้ังน้ี ผ้เู รยี นระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ จะต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมท้งั ข้อ (๑) และ (๒) ๓) กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ให้ใชต้ วั อกั ษรแสดงผลการประเมิน ดังน้ี “ผ” หมายถึง ผู้เรยี นมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ปฏบิ ตั ิกิจกรรม และมผี ลงานตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด “มผ” หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ปฏิบตั กิ ิจกรรม และมีผลงานไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนด ๒.๓ การเปลี่ยนผลการเรียน ๒.๓.๑ การเปลี่ยนผลการเรียน “๐” สถานศกึ ษาจดั ให้มีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัดทผ่ี เู้ รยี นสอบไมผ่ า่ นกอ่ นแล้วจึง สอบแกต้ ัวได้ไม่เกนิ ๒ คร้ัง ถา้ ผู้เรียนไม่ดำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาที่สถานศกึ ษากำหนด ใหอ้ ยู่ในดุลย พนิ จิ ของสถานศึกษาท่จี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรยี น สำหรบั ภาคเรียนท่ี ๒ ตอ้ งดำเนนิ การให้ เสรจ็ ส้นิ ภายในปีการศกึ ษาน้ันถ้าสอบแกต้ วั ๒ คร้ังแล้ว ยงั ไดร้ ะดบั ผลการเรียน “๐” อีก ให้สถานศึกษาแต่งต้ัง คณะกรรมการดำเนินการเก่ียวกบั การเปล่ยี นผลการเรียนของผ้เู รยี น โดยปฏบิ ัติดงั น้ี ๑) ถา้ เป็นรายวิชาพนื้ ฐาน ใหเ้ รยี นซ้ำรายวิชานั้น ๒) ถา้ เปน็ รายวิชาเพิม่ เติม ให้เรียนซ้ำหรือเปลยี่ นรายวิชาเรียนใหม่ ท้ังน้ี ให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของ สถานศึกษาในกรณที ีเ่ ปลีย่ นรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นวา่ เรยี นแทนรายวชิ าใด ๒.๓.๒ การเปลย่ี นผลการเรียน “ร” การเปลีย่ นผลการเรยี น “ร” ใหด้ ำเนนิ การดังน้ี

๑๔๐ ให้ผู้เรียนดำเนนิ การแกไ้ ข “ร” ตามสาเหตุ เมอื่ ผู้เรียนแก้ไขปัญหาเสร็จแลว้ ให้ได้ระดบั ผลการเรยี น ตามปกต(ิ ตงั้ แต่ ๐-๔)ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนนิ การแกไ้ ข “ร” กรณที สี่ ง่ งานไมค่ รบ แต่มีผลการประเมินระหวา่ งภาค เรียนและปลายภาคให้ผสู้ อนนำข้อมลู ท่ีมอี ย่ตู ัดสนิ ผลการเรียน ยกเว้นมีเหตสุ ุดวสิ ยั ให้อย่ใู นดุลยพนิ ิจของ สถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรียน สำหรับภาคเรียนท่ี ๒ ตอ้ งดำเนนิ การให้ เสรจ็ ส้ินภายในปกี ารศึกษาน้ัน เม่อื พ้นกำหนดนีแ้ ล้วให้เรยี นซ้ำ หากผลการเรียนเป็น “๐” ให้ดำเนนิ การแก้ไข ตามหลกั เกณฑ์ ๒.๓.๓ การเปล่ยี นผลการเรยี น “มส” การเปลีย่ นผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ดงั น้ี ๑) กรณผี ู้เรียนไดผ้ ลการเรียน “มส” เพราะมเี วลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่มเี วลาเรยี นไมน่ อ้ ยกว่า รอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวิชานนั้ ใหส้ ถานศกึ ษาจัดใหเ้ รยี นเพมิ่ เติมโดยใชช้ วั่ โมงสอนซ่อม เสริม หรอื ใช้เวลาวา่ ง หรือใชว้ ันหยดุ หรือมอบหมายงานให้ทำ จนมีเวลาเรียนครบตามที่กำหนด ไวส้ ำหรบั รายวิชานนั้ แล้วจึงให้วัดผลปลายภาคเป็นกรณพี เิ ศษผลการแก้ “มส” ใหไ้ ด้ระดับผล การเรยี นไมเ่ กนิ “๑” การแก้ “มส” กรณีนใี้ ห้กระทำให้เสรจ็ สิน้ ภายในปีการศกึ ษานน้ั ถา้ ผเู้ รียน ไม่มาดำเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาท่ีกำหนดไวน้ ีใ้ หเ้ รยี นซ้ำ ยกเวน้ มีเหตุสดุ วสิ ยั ให้อยใู่ น ดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรียน แตเ่ ม่ือพ้น กำหนดนแ้ี ล้ว ใหป้ ฏิบัตดิ ังน้ี (๑) ถ้าเปน็ รายวิชาพน้ื ฐานให้เรยี นซ้ำรายวชิ าน้นั (๒) ถา้ เป็นรายวิชาเพม่ิ เตมิ ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ให้เรียนซ้ำหรอื เปลี่ยน รายวิชาเรียนใหม่ ๒) กรณผี ู้เรียนไดผ้ ลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนน้อยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรยี น ท้งั หมด ให้สถานศึกษาดำเนินการดงั นี้ (๑) ถ้าเปน็ รายวิชาพน้ื ฐาน ให้เรยี นซำ้ รายวชิ านน้ั (๒) ถา้ เปน็ รายวชิ าเพ่มิ เติม ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของสถานศกึ ษา ใหเ้ รยี นซำ้ หรอื เปลีย่ น รายวิชา เรยี นใหม่ ในกรณีท่ีเปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นวา่ เรียนแทนรายวิชาใด การเรยี นซำ้ รายวชิ า ผู้เรียนที่ได้รับการสอนซอ่ มเสรมิ และสอบแก้ตัว ๒ คร้ังแลว้ ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ให้ เรยี นซ้ำรายวชิ านั้น ทัง้ น้ี ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษาในการจดั ใหเ้ รยี นซำ้ ในช่วงใดชว่ งหนึ่งท่สี ถานศกึ ษา เหน็ ว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ชว่ั โมงว่างหลงั เลิกเรยี น ภาคฤดูรอ้ น เป็นต้น ในกรณีภาคเรียนที่ ๒ หากผเู้ รยี นยังมผี ลการเรียน “๐” “ร” “มส” ใหด้ ำเนนิ การใหเ้ สร็จสนิ้ ก่อนเปิด เรยี นปีการศกึ ษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดูรอ้ นเพอ่ื แกไ้ ขผลการเรยี นของผู้เรยี นได้ ท้ังน้ีหากสถานศึกษาใดไมส่ ามารถดำเนินการเปดิ สอนภาคฤดรู อ้ นได้ ให้สำนกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา/ต้นสังกัด เป็นผ้พู ิจารณาประสานงานให้มีการดำเนินการเรียนการสอนในภาคฤดูรอ้ นเพ่อื แก้ไขผลการเรียนของผเู้ รียน ๒.๓.๔ การเปลยี่ นผล “มผ” กรณที ผ่ี ู้เรียนไดผ้ ล “มผ” สถานศกึ ษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกจิ กรรมในสว่ นทผ่ี ู้เรียนไม่ไดเ้ ข้า รว่ มหรือไมไ่ ด้ทำจนครบถ้วน แล้วจงึ เปล่ียนผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทัง้ นี้ ดำเนนิ การใหเ้ สร็จสิ้นภายในภาค เรียนน้ัน ๆยกเว้นมีเหตุสุดวิสยั ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินิจของสถานศกึ ษาท่จี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรียน สำหรับภาคเรียนที่ ๒ต้องดำเนินการให้เสร็จสน้ิ ภายในปีการศึกษานั้น ๒.๔ การเลอ่ื นช้นั เมอื่ สิ้นปกี ารศกึ ษา ผู้เรียนจะไดร้ บั การเลอื่ นชน้ั เม่ือมีคุณสมบัตติ ามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

๑๔๑ ๒.๔.๑ รายวิชาพนื้ ฐานและรายวชิ าเพิ่มเติมได้รบั การตดั สินผลการเรียนผา่ นตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษา กำหนด ๒.๔.๒ ผเู้ รยี นต้องไดร้ บั การประเมินและมผี ลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษากำหนดในการ อ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ๒.๔.๓ ระดับผลการเรยี นเฉลี่ยในปกี ารศึกษานัน้ ควรได้ไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ ทั้งนี้ รายวชิ าใดทีไ่ ม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรยี นใหไ้ ด้รบั การแกไ้ ข ในภาคเรียนถัดไป ทั้งนส้ี ำหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ต้องดำเนนิ การใหเ้ สร็จส้ินภายในปกี ารศกึ ษานั้น ๒.๕ การสอนซ่อมเสริม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดให้สถานศึกษาจัดสอนซอ่ มเสริม เพื่อพฒั นาการเรียนรขู้ องผเู้ รียนเตม็ ตามศักยภาพ การสอนซอ่ มเสริม เปน็ การสอนเพอ่ื แก้ไขข้อบกพร่อง กรณที ่ผี ้เู รยี นมคี วามรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลกั ษณะ ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากำหนด สถานศกึ ษาตอ้ งจัดสอนซอ่ มเสริมเป็นกรณี พเิ ศษอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพื่อพฒั นาใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัดที่ กำหนดไว้ เป็นการใหโ้ อกาสแกผ่ ู้เรียนได้เรยี นรู้และพฒั นา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ หี่ ลากหลายและ ตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลการสอนซอ่ มเสรมิ สามารถดำเนนิ การไดใ้ นกรณี ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) ผเู้ รยี นมคี วามรู้/ทกั ษะพ้ืนฐานไม่เพียงพอทีจ่ ะศึกษาในแต่ละรายวิชาน้ัน ควรจดั การสอนซอ่ มเสรมิ ปรบั ความรู้/ทักษะพ้ืนฐาน ๒) ผ้เู รยี นไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลักษณะที่กำหนดไวต้ าม มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ัดในการประเมินผลระหวา่ งเรียน ๓) ผ้เู รยี นทีไ่ ด้ระดบั ผลการเรียน “๐” ให้จัดการสอนซอ่ มเสริมกอ่ นสอบแกต้ ัว ๔) กรณีผู้เรยี นมีผลการเรยี นไมผ่ า่ น สามารถจัดสอนซ่อมเสรมิ ในภาคฤดูร้อนเพ่ือแก้ไขผลการเรยี น ท้งั น้ี ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของสถานศึกษา ๒.๖ การเรยี นซ้ำชน้ั ผเู้ รยี นทไ่ี มผ่ ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปญั หาต่อการเรยี นในระดบั ช้นั ทส่ี ูงขึ้น สถานศกึ ษาอาจต้งั คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รียนซำ้ ชั้นได้ ทงั้ นี้ ให้คำนึงถึงวุฒภิ าวะและความร้คู วามสามารถ ของผ้เู รียนเปน็ สำคญั การเรยี นซำ้ ชน้ั มี ๒ ลักษณะ คอื ๑) ผเู้ รยี นมีระดบั ผลการเรยี นเฉลย่ี ในปกี ารศกึ ษานัน้ ตำ่ กวา่ ๑.๐๐ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปญั หาต่อ การเรียนในระดับชน้ั ทสี่ ูงข้ึน ๒) ผูเ้ รียนมีผลการเรียน ๐, ร, มส เกินครงึ่ หนงึ่ ของรายวชิ าท่ลี งทะเบยี นเรียนในปีการศกึ ษาน้นั ท้ังนี้ หากเกดิ ลกั ษณะใดลักษณะหน่งึ หรือท้งั ๒ ลักษณะ ใหส้ ถานศึกษาแตง่ ตั้งคณะกรรมการ พจิ ารณาหากเห็นวา่ ไมม่ เี หตผุ ลอันสมควรก็ใหซ้ ำ้ ชั้น โดยยกเลกิ ผลการเรยี นเดมิ และให้ใช้ผลการเรียนใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ตอ้ งเรยี นซ้ำชัน้ ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาในการแก้ไขผลการเรยี น ๒.๗ เกณฑก์ ารจบระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑. ผู้เรยี นเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชาเพ่มิ เตมิ จำนวน..........หน่วยกติ โดยเป็นรายวิชาพ้นื ฐาน จำนวน ๖๖ หน่วยกติ และรายวิชาเพ่มิ เติม จำนวน..........หนว่ ยกิต ๒. ผเู้ รยี นตอ้ งไดห้ นว่ ยกิต ตลอดหลกั สตู ร ไม่นอ้ ยกวา่ ๗๗ หน่วยกิต โดยเปน็ รายวชิ าพื้นฐาน จำนวน ๖๖ หนว่ ยกติ และรายวิชาเพิ่มเติม ไม่นอ้ ยกว่า ๑๑ หนว่ ยกิต ๓. ผู้เรียนต้องมผี ลการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ระดับ “ผา่ น” ข้นึ ไป ๔. ผ้เู รยี นตอ้ งมผี ลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผา่ น” ข้นึ ไป ๕. ผ้เู รยี นต้องเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น และไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรยี น “ผ่าน” ทุกกิจกรรม

๑๔๒ บทท่ี ๔ การโอนผลการเรียนเข้าสู่หลกั สูตรการอาชวี ศกึ ษา การโอนผลการเรียนจากหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดับมธั ยมศึกษา ตอนปลาย รายวิชาพนื้ ฐาน และจากหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย รายวชิ าบังคบั เขา้ สหู่ ลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชพี พุทธศักราช ๒๕๕๖ หมวดวชิ า ทกั ษะชีวิต และหมวดวิชาเลอื กเสรี มแี นวทางในการดำเนนิ การ ดงั น้ี ๑. วิเคราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้ของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ เปรยี บเทียบกับ จดุ ประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวิชาและคำอธบิ ายรายวชิ า หมวดวิชาทักษะชวี ิต ในหลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ ๒. พิจารณาแนวทางการเทยี บรายวิชาตามระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ว่าด้วยการจัดการศกึ ษาและ ประเมนิ ผลการเรียนตามหลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ คือ ต้องเป็นรายวิชา หรอื กล่มุ วิชาทมี่ ีจุดประสงค์และเนอ้ื หาใกลเ้ คยี งกนั ไมต่ ำ่ กว่ารอ้ ยละ ๖๐ และมจี ำนวนหน่วยกิตไมน่ ้อยกว่าหนว่ ยกติ ของ รายวชิ าทรี่ ะบไุ ว้ในหลักสูตร โดยมีแนวทางในการพจิ ารณาไดห้ ลายกรณี ดงั น้ี หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน/ หลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษา รายวชิ า ข้ันพ้ืนฐาน

๑๔๓ ๓. การโอนผลการเรยี นรายวิชา รายวิชาที่นำมาขอโอนผลการเรียนจะต้องเปน็ รายวิชาที่ไดร้ ะดับผลการเรยี น ไม่ตำ่ กว่า ๒.๐ กรณีทไ่ี ดร้ ะดับผลการเรียนต่ำกว่า ๒.๐ ให้สถานศึกษาทรี่ ับโอนผลการเรยี นทำการประเมินใหม่ ถ้ามีผล ตามเกณฑ์มาตรฐานแลว้ จึงรับโอนรายวชิ านน้ั รายวชิ าที่ไดร้ ะดับผลการเรียนต้งั แต่ ๒.๐ ข้นึ ไป สถานศึกษาจะรบั โอนผล การเรยี นหรือจะทำการประเมนิ ใหม่แล้วจึงรับโอนรายวิชานนั้ กไ็ ด้ กรณมี ีการประเมนิ ใหม่ ระดบั ผลการเรียนให้เปน็ ไปตามทไ่ี ดจ้ ากการประเมินใหม่ แตต่ ้องไม่สงู ไปกวา่ เดิม ๔. การใหร้ ะดับผลการเรียนเฉพาะรายวชิ า ใหใ้ ช้ตวั เลขแสดงระดับผลการเรยี นตามระเบยี บกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร ว่าดว้ ยการจัดการศึกษาและการประเมนิ ผลการเรยี นตามหลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี พุทธศกั ราช ๒๕๕6ดงั น้ี ๔.๐ หมายถงึ ผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑด์ เี ยยี่ ม ๓.๕ หมายถงึ ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดมี าก ๓.๐ หมายถงึ ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑด์ ี ๒.๕ หมายถึง ผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑ์ดีพอใช้ ๒.๐ หมายถงึ ผลการเรียนอยใู่ นเกณฑพ์ อใช้ ๑.๕ หมายถึง ผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑ์อ่อน ๑.๐ หมายถึง ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑ์ออ่ นมาก ๐ หมายถึง ผลการเรียนตก ชี พ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๖ กลมุ่ วิชาภาษาไทย ๓ นก. นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพื้นฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๑๐๒ ภาษาไทยเพ่ืออาชพี * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๔ การพดู ในงานอาชพี * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๕ การเขียนในงานอาชพี * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๖ ภาษาไทยเชงิ สรา้ งสรรค์ ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นำไปเทยี บเป็นรายวชิ าในหมวดวิชาเลือกเสรี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ ๖ นก. ภาษาต่างประเทศ ๖ ๒๐๐๐-๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษในชีวิตจรงิ ๑ ๒-๐-๒ นก. ๒๐๐๐-๑๒๐๒ ภาษาอังกฤษในชีวติ จรงิ ๒ ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๕ การอา่ นสื่อส่งิ พมิ พ์ในชวี ิตประจำวนั ๐-๒-๑ ๒๐๐๐-๑๒๐๖ การเขยี นในชวี ิตประจำวนั ๐-๒-๑ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ๖ กลุ่มวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔ นก. นก. ๒๐๐๐-๑๓๐๑ วทิ ยาศาสตร์เพื่อพฒั นาทกั ษะชีวติ ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๒ วิทยาศาสตรเ์ พ่ือพฒั นาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๓ วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชพี ธุรกจิ และบริการ ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๔ วิทยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชพี ศลิ ปกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๕ วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พฒั นาอาชพี เกษตรกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๖ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ * ๐-๒-๑ หมายเหตุ

๑๔๔ * หมายถงึ นำไปเทยี บเป็นรายวชิ าในหมวดวิชาเลอื กเสรี ** หมายถงึ เลือกตามสาขาวิชาท่ีเรียนเพือ่ นำไปเทยี บเป็นรายวชิ า ในหมวดวิชาทกั ษะชวี ิต หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพพุทธศักราช ๒๕๕๖ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กลุ่มวชิ าคณิตศาสตร์ ๔ นก. กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ๖ นก.ช ๒๕๕๑ ๒๐๐๐-๑๔๐๑ คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๒ คณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐานอาชพี * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๓ คณิตศาสตรพ์ นื้ ฐานอุตสาหกรรม ๑ ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๕ เรขาคณิตวเิ คราะหแ์ ละแคลคลู ัสเบ้ืองต้น ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๖ คณิตศาสตรพ์ าณิชยกรรม ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๗ คณติ ศาสตรเ์ พื่อการออกแบบ ** ๒-๐-๒ หมายเหตุ * หมายถึง นำไปเทียบเป็นรายวิชาในหมวดวชิ าเลือกเสรี ** หมายถงึ เลือกตามสาขาวิชาทเ่ี รียนเพ่ือนำไปเทียบเปน็ รายวชิ า ในหมวดวชิ าทกั ษะชวี ิต กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ๘ กลมุ่ วชิ าสงั คมศกึ ษา ๓ นก. นก. ศาสนาและวฒั นธรรม ๒๐๐๐-๑๕๐๑ หนา้ ทพี่ ลเมืองและศีลธรรม ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๒ ทกั ษะชวี ิตและสงั คม * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๓ ภูมศิ าสตรแ์ ละประวัติศาสตร์ไทย * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๗ ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นำไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลือกเสรี กลุม่ สาระการเรยี นรูส้ ุขศึกษา ๓ กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ๒ นก. นก. ๓ และพลศึกษา ๒๐๐๐-๑๖๐๓ การออกกำลังกายเพอ่ื เสริมสร้าง ๐-๒-๑ กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ สมรรถภาพในการทำงาน นก. ๒๐๐๐-๑๖๐๖ การจดั ระเบียบชวี ิตเพ่อื ความสขุ ๑-๐-๑ -

๑๔๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงาน ๓ - นก. อาชีพและเทคโนโลยี จำนวนหน่วยกิตรวม ๔๑ หน่วยกิต รวม หมวดวิชาทกั ษะชีวิต ๒๒ หนว่ ยกิต หมวดวิชาเลอื กเสรี ๑๐ หนว่ ยกติ ตารางการเทียบรายวิชา หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย รายวิชาบงั คับ กบั หลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ หมวดวชิ าทักษะชีวิตและหมวดวชิ าเลอื กเสรี หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบ หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชพี พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ วชิ าภาษาไทย กลมุ่ วชิ าภาษาไทย ๓ พท๓๑๐๐๑ ภาษาไทย ๕ นก. นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพ้นื ฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๑๐๒ ภาษาไทยเพ่อื อาชีพ ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๔ การพูดในงานอาชพี * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๕ การเขยี นในงานอาชพี * ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นำไปเทยี บเปน็ รายวชิ าในหมวดวิชาเลือกเสรี วชิ าภาษาตา่ งประเทศ กลมุ่ วิชาภาษาต่างประเทศ ๖ พต๓๑๐๐๑ ภาษาองั กฤษเพือ่ ชีวิต ๕ นก. นก. และสังคม ๒๐๐๐-๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษในชีวติ จรงิ ๑ ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๒ ภาษาองั กฤษในชีวิตจริง ๒ ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๕ การอ่านสื่อสิ่งพิมพใ์ นชวี ิตประจำวนั ๐-๒-๑ หมายเหตุ ตอ้ งเรียนรายวชิ าภาษาตา่ งประเทศเพมิ่ ในกล่มุ ทักษะวิชาชีพเลอื ก อีก ๑ รายวิชา จำนวน ๑ หนว่ ยกติ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ กล่มุ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔ นก. พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ ๒๐๐๐-๑๓๐๑ วิทยาศาสตรเ์ พื่อพัฒนาทกั ษะชวี ิต ๑-๒-๒ นก. ๒๐๐๐-๑๓๐๒ วิทยาศาสตร์เพอ่ื พฒั นาอาชีพ ๑-๒-๒

๑๔๖ ช่างอุตสาหกรรม *** ๒๐๐๐-๑๓๐๓ วิทยาศาสตร์เพ่อื พัฒนาอาชพี ธุรกิจ ๑-๒-๒ และบรกิ าร ** ๒๐๐๐-๑๓๐๔ วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชีพศลิ ปกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๕ วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พฒั นาอาชพี เกษตรกรรม *๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๖ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ * ๐-๒-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นำไปเทียบเป็นรายวิชาในหมวดวชิ าเลือกเสรี ** หมายถึง เลือกตามสาขาวิชาทเ่ี รยี นเพื่อนำไปเทียบเป็นรายวิชา ในหมวดวิชาทักษะชีวิต *** หมายถึง กรณีเรยี นประเภทวิชาอุตสาหกรรม ต้องเรยี นเพม่ิ วิชาคณติ ศาสตร์ กล่มุ วชิ าคณิตศาสตร์ ๔ พค๓๑๐๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕ นก. นก. ๒๐๐๐-๑๔๐๑ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๒ คณิตศาสตร์พืน้ ฐานอาชพี ๒-๐-๒ หมายเหตุ กรณเี รยี นประเภทวิชาอตุ สาหกรรม ใหเ้ รียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พ้ืนฐานวิชาชพี เพ่มิ เติมตามเงือ่ นไข ของหลักสูตร หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบ หลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา กลมุ่ วิชาสุขศึกษาและพลศกึ ษา ๒ นก. ทช๓๑๐๐๒ สุขศกึ ษา พลศกึ ษา ๒ นก. ๒๐๐๐-๑๖๐๓ การออกกำลังกายเพอื่ เสริมสรา้ ง ๐-๒-๑ สมรรถภาพในการทำงาน ๒๐๐๐-๑๖๐๖ การจัดระเบยี บชวี ติ เพอื่ ความสุข ๑-๐-๑ วิชาสังคมศึกษา กลุม่ วชิ าสังคมศึกษา ๓ นก. สค๓๑๐๐๑ สังคมศึกษา ๓ นก. ๒๐๐๐-๑๕๐๒ ทักษะชวี ติ และสงั คม * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๗ ประวัติศาสตรช์ าติไทย ๑-๐-๑ ศาสนาและหน้าทพี่ ลเมอื ง สค๓๑๐๐๒ ศาสนาและหน้าทพ่ี ลเมือง ๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๑ หน้าทพ่ี ลเมืองและศีลธรรม ๒-๐-๒ นก. หมายเหตุ * หมายถึง นำไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวิชาเลือกเสรี การพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม ๑ นก. - ทักษะการขยายอาชพี โครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี อช๓๑๐๐๒ ทกั ษะการขยายอาชพี ๔ นก. ๒๕๐๑-๘๕๐๑ โครงการ *-*-๔ พัฒนาอาชพี ใหม้ ีความมน่ั คง ๒ นก. - ทักษะการเรยี นรู้ วิชาเลอื กเสรี ทร๓๑๐๐๑ ทักษะการเรยี นรู้ ๕ นก. ๒๐๐๐*๙๓๐๑ ทกั ษะการเรยี นรู้ * ๒-๐-๒ หมายเหตุ * หมายถึง รายวิชาพฒั นาเพิ่มเตมิ นำไปเทียบเป็นรายวชิ า

๑๔๗ ในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ช่องทางการขยายอาชีพ ๒ - นก. ๑ นก. ๒๐๐๐*๙๕๐๑ เศรษฐกิจพอเพยี ง ๑-๐-๑ วชิ าเศรษฐกิจพอเพยี ง ทช๓๑๐๐๑ เศรษฐกจิ พอเพยี ง หมายเหตุ * หมายถึง รายวิชาพัฒนาเพิ่มเติม นำไปเทียบเป็นรายวิชา ในหมวดวิชาเลอื กเสรี ศิลปศึกษา ๒๐๐๐*๙๕๐๒ ศลิ ปศกึ ษา ๒-๐-๒ ทช๓๑๐๐๓ ศิลปศึกษา ๒ นก. หมายเหตุ * หมายถงึ รายวิชาพฒั นาเพิ่มเติม จำนวนหน่วยกติ รวม ๔๔ หน่วยกติ รวม หมวดวิชาทักษะชีวติ ๒๑ หนว่ ยกิต หมวดวิชาชีพ ๔ หนว่ ยกิต โครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชีพ หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๑๐ หน่วยกติ บทที่ ๕ การวัดและประเมนิ ผล การวดั และประเมนิ ผล เนน้ การประเมินสภาพจรงิ ท้งั น้ี ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร วา่ ดว้ ยการจัดการศกึ ษา และการประเมินผลการเรยี นตามหลักสตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ บทที่ ๖ การโอนผลการเรียน การโอนผลการเรยี น ๑ หมวดวิชาทักษะชวี ิต เปน็ การจัดการเรยี นการสอนในรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หนว่ ยกติ ของสถานศกึ ษาในสังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน และรายวิชาบังคับ ๔๔ หน่วยกิต ในสถานศึกษาสงั กัดสำนกั งานสง่ เสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ซงึ่ จัดการเรียนการสอนโดยสถานศกึ ษาตน้ สงั กดั แล้วใชว้ ธิ กี าร โอนผลการเรยี น เข้าสูห่ ลักสูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช ๒๕๕๖ ในหมวดวิชาทักษะชวี ติ แตเ่ งอ่ื นไขของการ เรียนรายวชิ าในหมวดวิชาทกั ษะชีวติ กำหนดใหเ้ รียนรายวชิ าลำดบั แรกของกลุ่มวชิ า หรอื ตามทกี่ ล่มุ วชิ ากำหนด และเลอื กเรยี นรายวชิ าส่วนท่ีเหลือตามทก่ี ำหนดในแต่ละกลุ่มวชิ า ใหส้ อดคล้องหรือสัมพันธก์ บั สาขาวิชาท่เี รียน อีกรวมไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๒ หน่วยกติ ซึง่ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ดำเนินการจัดทำตารางเทยี บโอน รายวิชาจากมาตรฐาน การเรยี นรู้ ในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย รายวชิ าพืน้ ฐาน และหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย รายวิชาบังคับสู่หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ หมวดวิชาทกั ษะชีวติ และหมวดวชิ าเลอื กเสรี ตามตารางเทยี บ

๑๔๘ รายวิชา ในบทที่ ๔ ประกอบด้วย ๖.๑.๑ กลมุ่ วชิ าภาษาไทย ไมน่ ้อยกวา่ ๓ หน่วยกิต ๖.๑.๒ กลุม่ วิชาภาษาต่างประเทศ ไมน่ ้อยกว่า ๖ หน่วยกิต ๖.๑.๓ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ไมน่ ้อยกว่า ๔ หน่วยกติ ๖.๑.๔ กลุ่มวชิ าคณิตศาสตร์ ไมน่ ้อยกว่า ๔ หนว่ ยกิต ๖.๑.๕ กลุ่มวชิ าสงั คมศกึ ษา ไมน่ ้อยกวา่ ๓ หน่วยกิต ๖.๑.๖ กลุ่มวิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษา ไมน่ อ้ ยกวา่ ๒ หน่วยกิต ๒ หมวดวชิ าทักษะวชิ าชีพ ในหลกั สตู รการอาชีวศึกษาแต่ละประเภทวชิ า สาขาวชิ าและสาขางาน กำหนดให้ผเู้ รยี นมสี มรรถนะ และมาตรฐานการศึกษาวิชาชพี ในหมวดวิชาทกั ษะวิชาชีพ ไม่น้อยกวา่ ๗๑ หนว่ ยกิต ประกอบด้วย ๒.๑ กลุ่มทักษะวชิ าชีพพืน้ ฐาน ๑๘ หน่วยกติ ๒.๒ กลมุ่ ทกั ษะวชิ าชพี เฉพาะ ๒๔ หน่วยกติ ๒.๓ กล่มุ ทักษะวิชาชพี เลอื ก ไมน่ ้อยกวา่ ๒๑ หนว่ ยกติ ๒.๔ ฝกึ ประสบการณ์ทกั ษะวชิ าชีพ ๔ หน่วยกิต ๒.๕ โครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพ ๔ หนว่ ยกติ ซ่ึงโครงการการจดั การศกึ ษาเรียนร่วมหลกั สตู รอาชีวศึกษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศกึ ษา) จะตอ้ งนำรายวิชาในหมวดทกั ษะวิชาชีพไปจดั การเรียนการสอนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การอาชวี ศึกษา ซง่ึ มคี วามพร้อมทงั้ ทางดา้ นครู บุคลากร เคร่อื งมือ อุปกรณ์ ครุภณั ฑ์ และหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารประจำ สาขาวิชาแล้วโอนผลการเรียนเข้าสู่หลกั สูตรมธั ยมศกึ ษาตอนปลายในรายวชิ าเพิม่ เติม หรือรายวชิ าเลอื กต่อไป ๓ หมวดวิชาเลอื กเสรี ให้เลอื กเรยี นตามความถนัดและความสนใจจากรายวชิ าท่ีกำหนด หรอื เลอื กเรยี นจากรายวิชา ในหลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช ๒๕๕๖ ทกุ ประเภทวชิ า สาขาวิชาและสาขางาน ท้งั นี้ สถานศึกษาอาชวี ศึกษาสามารถพัฒนารายวชิ าเพิ่มเตมิ ในหมวดวชิ าเลอื กเสรีไดต้ ามบรบิ ทและความต้องการของ ชมุ ชนและท้องถิน่ ไม่นอ้ ยกว่า ๑๐ หน่วยกิต ซึ่งในการนี้สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษาได้จดั ทำ ตารางเทยี บรายวชิ าเพ่ือโอนผลการเรียนจากรายวิชาพนื้ ฐานและรายวิชาบังคับ เข้าสรู่ ายวชิ าในหมวดวิชาเลือก เสรีตามตารางเทยี บรายวชิ า ในบทท่ี ๔ ๔ กิจกรรมเสริมหลกั สูตร สถานศกึ ษาอาชวี ศึกษาตอ้ งจัดใหม้ กี จิ กรรมเสริมหลักสูตร ไม่นอ้ ยกวา่ ๒ ชว่ั โมงตอ่ สัปดาห์ทกุ ภาค เรียน เพอ่ื พัฒนาวิชาการและวชิ าชพี ปลกู ฝงั คณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม ระเบยี บวนิ ัย การตอ่ ต้านความรนุ แรงและ สารเสพติดสง่ เสริมการคิดวเิ คราะห์ สรา้ งสรรค์การทำงาน ปลูกฝังจิตสำนึก และเสริมสรา้ งการเป็นพลเมืองไทย และพลโลกใช้กระบวนการกลุ่มในการทำประโยชนต์ อ่ ชุมชนและท้องถิน่ รวมทง้ั การทะนุบำรงุ ขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดงี ามโดยการวางแผน ลงมือปฏิบัติประเมินผล และปรบั ปรุงการทำงาน ท้งั นี้สำหรบั กิจกรรม เสรมิ หลกั สตู รของสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน และสำนกั งาน ส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สามารถดำเนนิ การเองและเทียบโอนได้ บทที่ ๗ การสำเร็จการศึกษา การสำเร็จการศึกษา การตัดสนิ ผลการเรียนเพอ่ื สำเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ ให้ถือตามเกณฑต์ อ่ ไปน้ี

๑๔๙ ๗.๑ ประเมินผ่านรายวชิ าในหมวดวชิ าต่าง ๆ ครบตามท่กี ำหนดไว้ในหลักสูตรสถานศกึ ษาแต่ละ ประเภทวชิ า และสาขาวชิ า ๗.๒ ได้จำนวนหนว่ ยกิตสะสมครบถว้ นตามทก่ี ำหนดไวใ้ นหลกั สูตรสถานศึกษาแตล่ ะประเภทวิชา และ สาขาวชิ า ๗.๓ ไดค้ า่ ระดบั คะแนนเฉลยี่ สะสมไมต่ ำ่ กว่า ๒.๐๐ และผ่านการประเมินมาตรฐานวชิ าชพี ตามเกณฑ์ ที่ กำหนด ๗.๔ เข้ารว่ มกิจกรรมในสถานศึกษาไม่นอ้ ยกวา่ ๒ ชว่ั โมงต่อสัปดาห์ ครบทุกภาคเรียน โดยมเี วลาเข้า รว่ มปฏบิ ัติกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาที่จัดกจิ รรมในแต่ละภาคเรยี น บทท่ี ๘ การประเมินมาตรฐานวิชาชีพ การประเมินมาตรฐานวิชาชพี การประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี เปน็ การยนื ยันว่าผู้สำเรจ็ การศึกษามีสมรรถนะวิชาชพี ตามมาตรฐาน การศึกษาวิชาชีพทก่ี ำหนดไว้ในหลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชพี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ แต่ละประเภทวชิ า สาขาวิชาและสาขางาน ซึง่ มีแนวทางในการปฏิบตั ิดงั น้ี ๘.๑ นักเรียนต้องรบั การประเมนิ มาตรฐานวิชาชีพ เม่อื นกั เรียนไดล้ งทะเบยี นเรียนครบทุกรายวชิ า ตามหลกั สูตรแตล่ ะประเภทวิชา และสาขาวิชาหรอื ตามระยะเวลาท่ีคณะกรรมการประเมิน มาตรฐานวชิ าชพี เหน็ สมควร ๘.๒ ในการกำหนดเกณฑก์ ารประเมินและเครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ ให้ ดำเนนิ การ โดยคณะกรรมการประเมินมาตรฐานวิชาชีพและเปดิ โอกาสให้หน่วยงาน/สถานประกอบการหรอื องคก์ รภายนอกมสี ่วนร่วมในการประเมินมาตรฐานวิชาชพี ๘.๓ ให้มีการพฒั นาเคร่อื งมอื ประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพอยา่ งมีระบบและถูกต้องตามหลกั การพฒั นา เครอ่ื งมือ บทท่ี ๙ การประกันคุณภาพหลกั สตู ร การประกนั คุณภาพหลกั สตู ร ใหท้ ุกหลกั สูตรการอาชวี ศึกษากำหนดให้มีระบบประกนั คุณภาพไว้ให้ชดั เจน อย่างน้อยให้ครอบคลมุ ใน ๔ ประเด็น คอื ๙.๑ คุณภาพของผ้สู ำเรจ็ การศึกษา โดยดำเนนิ การประเมินมาตรฐานวิชาชีพตามประเภทวชิ า สาขาวิชา และสาขางาน ๙.๒ การบรหิ ารหลักสูตร เปน็ การบรหิ ารจัดการเรยี นการสอนของประเภทวิชา สาขาวชิ าและสาขา งาน ท่เี ปิดสอน ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาและสถานศกึ ษาตอ้ งจัดให้มีการประเมิน เพือ่ พฒั นาหลักสูตรท่ีอยใู่ นความรับผดิ ชอบอย่างต่อเน่อื ง อยา่ งน้อยทุก ๕ ปี ๙.๓ ทรพั ยากรการจัดการอาชวี ศึกษา ให้สถานศึกษาจัดเตรยี มทรพั ยากรสนบั สนุนการจดั การ อาชวี ศกึ ษาประกอบด้วยความพรอ้ มทางด้านบุคลากร วสั ดุ ครุภัณฑ์ อปุ กรณก์ ารเรียนการสอนท่ี หลากหลาย งบประมาณ อาคารสถานที่ หอ้ งสมุดและสิ่งอำนวยความสะดวกอนื่ ๆ ทงั้ นี้ ให้ เปน็ ไปตามมาตรฐานท่ี กำหนดของสาขาวิชา สาขางาน ๙.๔ ความตอ้ งการกำลังคนของตลาดแรงงาน ให้สถานศกึ ษาทร่ี ว่ มจัดการศกึ ษาดำเนินการสำรวจ

๑๕๐ ความต้องการกำลงั คนของตลาดแรงงาน รวมท้งั สำรวจความพงึ พอใจของตลาดแรงงาน สงั คม และ ชุมชนอย่างตอ่ เนอ่ื งทุกปกี ารศกึ ษา ทั้งนี้ เพื่อนำขอ้ มลู ไปใช้ในการพัฒนา/ปรับปรุงหลักสูตรให้มี ความทนั สมัย สอดคล้องกับความต้องการกำลงั คนของตลาดแรงงานและมาตรฐานอาชพี ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook