หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนบ้านแพะ พุทธศักราช 2565 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศักราช 2560) สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 3 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน
๑ ความนา กระทรวงศึกษาธิการได๎ประกาศใช๎มาตรฐานการเรียนร๎ูและตัวชี้วัด กลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลํุมสาระการเรยี นร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคาสง่ั กระทรวงศึกษาธิการท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาสั่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ท่ี ๓๐/ ๒๕๖๑ ลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให๎เปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนร๎ูและตัวชี้วัด กลุํมสาระการเรียนรู๎ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมีคาสั่งให๎โรงเรียนดาเนินการใช๎หลักสูตรในปี การศึกษา ๒๕๖๑ จนครบทุกระดบั ชัน้ ในปกี ารศึกษา ๒๕6๓ เป็นต๎นมา ให๎เป็นหลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู๎เป็นเปูาหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู๎เรียนมี พฒั นาการเตม็ ตามศกั ยภาพ มีคุณภาพและมีทักษะการเรยี นร๎ูในศตวรรษท่ี ๒๑ เพ่ือใหส๎ อดคล๎องกับนโยบายและ เปาู หมายของสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน โรงเรียนบ๎านแพะ จึงได๎ทาการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ฉบบั ปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ ในกลมุํ สาระการเรียนร๎ูคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุํม สาระการเรียนร๎ูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพ่ือนาไปใช๎ประโยชน์และเป็นกรอบในการวางแผนและ พัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน โดยมีเปูาหมายในการพัฒนาคุณภาพผู๎เรียน ให๎มี กระบวนการนาหลักสูตรไปสูํการปฏิบัติ โดยมีการกาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผ๎ูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู๎และตัวชี้วัด โครงสร๎างเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัด ประเมินผลให๎มีความสอดคล๎องกับมาตรฐานการเรียนรู๎ เปิดโอกาสให๎โรงเรียนสามารถกาหนดทิศทางในการ จดั ทาหลกั สตู รการเรียนการสอนในแตลํ ะระดับตามความพรอ๎ มและจุดเน๎น โดยมกี รอบแกนกลางเป็นแนวทางท่ี ชัดเจนเพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มีความพร๎อมในการก๎าวสูํสังคมคุณภาพ มีความรู๎อยํางแท๎จริง และมีทักษะในศตวรรษท่ี ๒๑ มาตรฐานการเรียนรูแ๎ ละตัวชี้วัดท่กี าหนดไว๎ในเอกสารนี้ ชวํ ยทาให๎หนํวยงานท่เี กยี่ วข๎อง ในทุกระดับเห็น ผลคาดหวังท่ีต๎องการในการพัฒนาการเรียนรู๎ของผู๎เรียนท่ีชัดเจนตลอดแนว ซึ่งจะสามารถชํวยให๎หนํวยงานที่ เกี่ยวข๎องในระดบั ท๎องถ่นิ และสถานศกึ ษารวํ มกันพฒั นาหลักสตู รไดอ๎ ยาํ งม่ันใจ ทาให๎การจัดทาหลักสูตรในระดับ สถานศึกษามคี ณุ ภาพและมีความเป็นเอกภาพยง่ิ ขึน้ อีกทั้งยังชวํ ยให๎เกิดความชัดเจนเร่ืองการวัดและประเมินผล การเรียนรู๎ และชวํ ยแก๎ปัญหาการเทียบโอนระหวํางสถานศึกษา ดังน้ันในการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับต้ังแตํ ระดับชาติจนกระท่ังถึงสถานศึกษา จะต๎องสะท๎อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู๎และตัวช้ีวัดท่ีกาหนดไว๎ใน หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน รวมทั้งเปน็ กรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุม ผ๎เู รยี นทุกกลํุมเปาู หมายในระดบั การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน การจัดหลักสูตรการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานจะประสบความสาเร็จตามเปาู หมายท่ีคาดหวงั ได๎ ทุกฝุายทีเ่ กีย่ วข๎อง ทงั้ ระดบั ชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต๎องรํวมรับผิดชอบ โดยรํวมกันทางานอยํางเป็นระบบ และตํอเน่ือง ในการวางแผน ดาเนนิ การ สงํ เสรมิ สนบั สนนุ ตรวจสอบ ตลอดจนปรบั ปรุงแกไ๎ ข เพอ่ื พัฒนาเยาวชนของชาติไปสํู คุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู๎ท่กี าหนดไว๎
๒ วิสัยทศั น์ของโรงเรยี น (Vision) จดั การศึกษาให๎มคี ุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ผเู๎ รยี นมีทกั ษะการเรียนร๎ูในศตวรรษที่ 21 มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม น๎อมนาหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งในการดาเนนิ ชวี ิต สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ในการพฒั นาผู๎เรยี นตามหลักสูตรโรงเรียนบ๎านแพะ พุทธศักราช ๒๕6๓ (ฉบับปรับปรุง) ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ มงุํ เนน๎ พฒั นาผ๎เู รยี นใหม๎ คี ุณภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนด ซึ่ง จะชวํ ยให๎ผ๎เู รยี นเกดิ สมรรถนะสาคญั และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดงั นี้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน หลักสูตรโรงเรียนบ๎านแพะ พุทธศักราช ๒๕๖๓ (ฉบับปรับปรุง) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มํงุ ให๎ผ๎เู รยี นเกิดสมรรถนะสาคญั ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและสํงสาร มีวัฒนธรรมในการใช๎ภาษา ถํายทอดความคิด ความร๎ูความเข๎าใจ ความรู๎สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนข๎อมูลขําวสารและ ประสบการณอ์ นั จะเปน็ ประโยชน์ตอํ การพัฒนาตนเองและสังคม การเลือกรับหรือไมํรับข๎อมูลขําวสารด๎วยหลัก เหตุผลและความถูกต๎อง ตลอดจนการเลือกใชว๎ ิธกี ารส่อื สาร ทมี่ ีประสทิ ธิภาพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบทีม่ ีตํอตนเอง และสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อยําง สรา๎ งสรรค์ การคดิ อยํางมีวจิ ารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ เพือ่ นาไปสูกํ ารสร๎างองค์ความร๎หู รอื สารสนเทศเพื่อ การตดั สินใจเกี่ยวกับตนเองและสงั คมไดอ๎ ยํางเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก๎ปัญหาและอุปสรรคตําง ๆ ที่เผชิญได๎ อยาํ งถูกต๎องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข๎อมูลสารสนเทศ เข๎าใจความสัมพันธ์และการ เปลย่ี นแปลงของเหตกุ ารณต์ ําง ๆ ในสงั คม แสวงหาความร๎ู ประยุกต์ความร๎ูมาใช๎ในการปูองกันและแก๎ไขปัญหา และมกี าตัดสินใจทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกิดข้ึนตอํ ตนเอง สังคมและสิง่ แวดลอ๎ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการตําง ๆ ไปใช๎ในการดาเนิน ชีวติ ประจาวัน การเรียนร๎ูด๎วยตนเอง การเรียนร๎ูอยํางตํอเนื่อง การทางาน และการอยูํรํวมกันในสังคมด๎วยการ สร๎างเสรมิ ความสัมพนั ธอ์ ันดรี ะหวาํ งบคุ คล การจัดการปัญหาและความขัดแยง๎ ตาํ ง ๆ อยาํ งเหมาะสม การปรับตัวให๎ ทันกับการเปล่ียนแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ๎ ม และการรจู๎ ักหลีกเลยี่ งพฤติกรรมไมํพึงประสงค์ท่ีสงํ ผลกระทบ ตํอตนเองและผูอ๎ ่ืน ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช๎ เทคโนโลยีด๎านตําง ๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด๎านการเรียนรู๎ การสื่อสาร การทางาน การ แกป๎ ัญหาอยาํ งสร๎างสรรค์ ถูกต๎อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
๓ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ หลักสูตรโรงเรียนบ๎านแพะ พุทธศักราช ๒๕๖๓ (ฉบับปรับปรุง) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ มุํงพัฒนาผ๎ูเรียนให๎มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให๎สามารถอยํูรํวมกับผ๎ูอื่น ในสังคมไดอ๎ ยาํ งมีความสขุ ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี ๑. รกั ษ์ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ซื่อสตั ยส์ จุ ริต ๓. มีวนิ ยั ๔. ใฝุเรยี นร๎ู ๕. อยํูอยํางพอเพียง ๖. มุํงมัน่ ในการทางาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มจี ติ เป็นสาธารณะ
๔ โครงสร้างหลกั สูตรโรงเรยี นบา้ นแพะ กลมุ่ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรม เวลาเรยี น(ชั่วโมง/ป)ี กลุ่มสาระการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ประวัติศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ สุขศึกษาและพลศกึ ษา 120 ๑๒๐ ๑๒๐ 120 ๑๒๐ ๑๒๐ ศิลปะ 40 4๐ 4๐ 8๐ 8๐ 8๐ การงานอาชพี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาตาํ งประเทศ ๔๐ ๔๐ ๔๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 4๐ 8๐ 8๐ 8๐ รวมเวลาเรยี น (พืน้ ฐาน) 4๐ 4๐ 4๐ 40 ๔๐ ๔๐ รายวิชาเพม่ิ เติม 120 120 120 80 80 80 ภาษาอังกฤษเพ่อื การส่ือสาร 840 840 840 840 840 840 รวมเวลาเรียน (เพิม่ เติม) ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กิจกรรมนักเรยี น - กจิ กรรมลกู เสอื /เนตรนารี ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ - ชมุ นุม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กจิ กรรมสาธารณประโยชน์ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ รวมเวลาเรียนท้งั หมด ๑๐4๐ ๑๐4๐ ๑๐4๐ ๑๐๐๐ ๑๐๐๐ ๑๐๐๐ จานวนช่ัวโมงที่จัดให๎นักเรียนระดับประถมศึกษา ( ป.๑-ป.๓ ) เรียนท้ังปี เทํากับ ๑,๐4๐ ชั่วโมง ระดับชน้ั ประถมศกึ ษา ( ป.๔-ป.๖ ) เทํากับ ๑,๐๐๐ ชั่วโมง แผนการเรียนร๎ู/จุดเน๎นการพัฒนาผ๎ูเรียนท่ีต๎องการ เนน๎ เป็นพิเศษ คือกลํุมสาระการเรียนรูท๎ กั ษะภาษาไทย คณิตศาสตร์ เพ่ือพัฒนาการ อํานออก เขียนได๎ ทักษะ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ คิดวิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ คิดสรา๎ งสรรค์ที่ดี มีประโยชน์ มีความสนใจใฝุรู๎ใฝุเรียน โดยจดั การเรยี นการสอนและวัดผลประเมินผลเป็นรายปี
๕ โครงสร้างหลักสูตรช้นั ปี เปน็ โครงสรา๎ งทีแ่ สดงรายละเอียดเวลาเรยี นของรายวิชาพ้นื ฐาน รายวชิ า / กจิ กรรมเพิม่ เติมและกจิ กรรม พัฒนาผเ๎ู รยี นในแตลํ ะช้นั ปี โครงสรา้ งหลักสูตรช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ โรงเรียนบา้ นแพะ รหสั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้/กิจกรรม เวลาเรียน (ชม./ป)ี ท ๑๑๑๐๑ รายวชิ าพืน้ ฐาน (๘๔๐) ค ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ ๒๐๐ ว ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑ ๒๐๐ ส ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑ ๑๒๐ ส ๑๑๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๑ พ ๑๑๑๐๑ ประวตั ิศาสตร์ ๑ 4๐ ศ ๑๑๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๑ ๔๐ ง ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ ๑ ๔๐ อ ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑ ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๑ ๔๐ อ ๑๑2๐๑ ๑๒๐ รายวชิ าเพิม่ เติม ๘๐ ภาษาองั กฤษเพื่อการสือ่ สาร ๑ 8๐ (๑๒๐) กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น ๔๐ แนะแนว กจิ กรรมนกั เรียน ๓๐ ๔๐ ลูกเสอื เนตรนารี ๑๐ ชมุ นมุ กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณะประโยชน์
โครงสร้างหลกั สตู รชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ๖ โรงเรียนบ้านแพะ เวลาเรยี น รหัส กลุ่มสาระการเรียนรู/้ กจิ กรรม (ชม./ป)ี (๘๔๐) ท ๑๒๑๐๑ รายวิชาพน้ื ฐาน ๒๐๐ ค ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ ๒๐๐ ว ๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒ ๑๒๐ ส ๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒ ส ๑๒๑๐๒ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๒ 4๐ พ ๑๒๑๐๑ ประวตั ศิ าสตร์ ๒ ๔๐ ศ ๑๒๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๒ ๔๐ ง ๑๒๑๐๑ ศลิ ปะ ๒ ๔๐ อ ๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๒ ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๒ ๑๒๐ อ ๑22๐๑ ๘๐ รายวิชาเพิ่มเตมิ 8๐ ภาษาอังกฤษเพอื่ การสอื่ สาร 2 (๑๒๐) ๔๐ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน แนะแนว ๓๐ กจิ กรรมนกั เรียน ๔๐ ลูกเสอื เนตรนารี ๑๐ ชมุ นมุ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ ๗ โรงเรยี นบ้านแพะ เวลาเรยี น รหัส กลุ่มสาระการเรียนรู/้ กิจกรรม (ชม./ป)ี (๘๔๐) ท ๑๓๑๐๑ รายวชิ าพ้นื ฐาน ๒๐๐ ค ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๒๐๐ ว ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๓ ๑๒๐ ส ๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓ ส ๑๓๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ 4๐ พ ๑๓๑๐๑ ประวตั ศิ าสตร์ ๓ ๔๐ ศ ๑๓๑๐๑ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๓ ๔๐ ง ๑๓๑๐๑ ศลิ ปะ ๓ ๔๐ อ ๑๓๑๐๓ การงานอาชพี ๓ ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๓ ๑๒๐ อ ๑32๐๑ ๘๐ รายวิชาเพมิ่ เตมิ 8๐ ภาษาอังกฤษเพอ่ื การสอื่ สาร 3 (๑๒๐) ๔๐ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน แนะแนว ๓๐ กิจกรรมนักเรยี น ๔๐ ลกู เสือ เนตรนารี ๑๐ ชมุ นมุ กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณะประโยชน์
โครงสรา้ งหลักสตู รช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๘ โรงเรยี นบ้านแพะ เวลาเรยี น รหสั กล่มุ สาระการเรียนร/ู้ กจิ กรรม (ชม./ป)ี (๘๔๐) ท ๑๔๑๐๑ รายวชิ าพ้ืนฐาน ๑๖๐ ค ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔ ๑๖๐ ว ๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๔ 120 ส ๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔ ส ๑๔๑๐๒ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔ 8๐ พ ๑๔๑๐๑ ประวตั ิศาสตร์ ๔ ๔๐ ศ ๑๔๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๔ ๘๐ ง ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ๔ ๘๐ อ ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี ๔ 40 ภาษาอังกฤษ ๔ ๘๐ อ ๑42๐๑ ๔๐ รายวิชาเพิ่มเติม 4๐ ภาษาอังกฤษเพือ่ การส่อื สาร 4 (๑๒๐) ๔๐ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน แนะแนว ๓๐ กจิ กรรมนักเรยี น ๔๐ ลูกเสือ เนตรนารี ๑๐ ชุมนุม กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
โครงสรา้ งหลกั สูตรช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ ๙ โรงเรียนบ้านแพะ เวลาเรยี น รหสั กลุม่ สาระการเรียนร/ู้ กจิ กรรม (ชม./ป)ี (๘๔๐) ท ๑๕๑๐๑ รายวชิ าพ้ืนฐาน ๑๖๐ ค ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕ ๑๖๐ ว ๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๕ ๑๒๐ ส ๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕ ส ๑๕๑๐๒ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๕ ๘๐ พ ๑๕๑๐๑ ประวตั ิศาสตร์ ๕ ๔๐ ศ ๑๕๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๕ ๘๐ ง ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๕ ๘๐ อ ๑๕๑๐๑ การงานอาชพี ๕ ๔๐ ภาษาอังกฤษ ๔ ๘๐ อ ๑52๐๑ ๔๐ รายวิชาเพ่ิมเติม 4๐ ภาษาอังกฤษเพือ่ การสื่อสาร 5 (๑๒๐) ๔๐ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน แนะแนว ๓๐ กจิ กรรมนักเรยี น ๔๐ ลูกเสือ เนตรนารี ๑๐ ชุมนุม กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์
โครงสรา้ งหลักสตู รชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ๑๐ โรงเรียนบา้ นแพะ เวลาเรยี น รหัส กลุ่มสาระการเรียนร/ู้ กจิ กรรม (ชม./ป)ี (๘๔๐) ท ๑๖๑๐๑ รายวชิ าพ้นื ฐาน ๑๖๐ ค ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖ ๑๖๐ ว ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๖ ๑๒๐ ส ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖ ส ๑๖๑๐๒ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๖ ๘๐ พ ๑๖๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๖ ๔๐ ศ ๑๖๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๖ ๘๐ ง ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ ๖ ๘๐ อ ๑๖๑๐๑ การงานอาชพี ๖ ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๖ ๘๐ อ ๑62๐๑ ๔๐ รายวิชาเพม่ิ เติม 4๐ ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร 6 (๑๒๐) ๔๐ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน แนะแนว ๓๐ กิจกรรมนกั เรียน ๔๐ ลูกเสอื เนตรนารี ๑๐ ชมุ นมุ กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์
๑๑ รายวิชาของโรงเรยี นบ้านแพะ โครงสรา้ งกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวชิ าพ้ืนฐาน จานวน 200 ช่วั โมง ท11101 ภาษาไทย 1 จานวน 200 ชว่ั โมง ท12101 ภาษาไทย 2 จานวน 200 ชว่ั โมง ท13101 ภาษาไทย 3 จานวน 160 ชั่วโมง ท14101 ภาษาไทย 4 จานวน 160 ชว่ั โมง ท15101 ภาษาไทย 5 จานวน 160 ชั่วโมง ท16101 ภาษาไทย 6 รายวชิ าเพม่ิ เติม - โครงสร้างกล่มุ สาระการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ รายวชิ าพืน้ ฐาน จานวน 200 ช่ัวโมง ค11101 คณติ ศาสตร์ 1 จานวน 200 ชั่วโมง ค12101 คณิตศาสตร์ 2 จานวน 200 ช่วั โมง ค13101 คณติ ศาสตร์ 3 จานวน 160 ชั่วโมง ค14101 คณติ ศาสตร์ 4 จานวน 160 ชว่ั โมง ค15101 คณติ ศาสตร์ 5 จานวน 160 ชั่วโมง ค16101 คณิตศาสตร์ 6 รายวชิ าเพ่มิ เตมิ -
๑๒ โครงสรา้ งกลุ่มสาระการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าพ้นื ฐาน จานวน ๑๒0 ชว่ั โมง จานวน ๑๒0 ช่ัวโมง ว11101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 จานวน ๑๒0 ชวั่ โมง ว12101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2 ว13101 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 3 จานวน 120 ชั่วโมง จานวน 120 ชั่วโมง ว14101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 จานวน ๑๒0 ชว่ั โมง ว15101 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 5 ว16101 วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 6 รายวชิ าเพม่ิ เตมิ - โครงสร้างกลุม่ สาระการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา กล่มุ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ าพื้นฐาน จานวน 40 ช่วั โมง จานวน 40 ชั่วโมง ส11101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 1 จานวน 40 ชัว่ โมง ส12101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2 ส13101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 3 จานวน 80 ช่ัวโมง จานวน 80 ชั่วโมง ส14101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 4 จานวน 80 ชว่ั โมง ส15101 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 5 ส16101 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 6 จานวน 40 ชว่ั โมง จานวน 40 ชว่ั โมง ส11102 ประวตั ศิ าสตร์ 1 จานวน 40 ชัว่ โมง ส12102 ประวตั ิศาสตร์ 2 ส13102 ประวตั ิศาสตร์ 3 จานวน 40 ชั่วโมง จานวน 40 ชัว่ โมง ส14102 ประวัติศาสตร์ 4 จานวน 40 ชวั่ โมง ส15102 ประวัตศิ าสตร์ 5 ส16102 ประวตั ศิ าสตร์ 6 รายวิชาเพ่มิ เตมิ - หมายเหตุ รายวิชาหนา๎ ทพี่ ลเมือง ไมํจัดช่ัวโมงเรียนแตํบรู ณาการกบั รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
๑๓ โครงสรา้ งกลุ่มสาระการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนร้สู ขุ ศึกษาและพลศึกษา รายวิชาพื้นฐาน จานวน 40 ชว่ั โมง พ11101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 1 จานวน 40 ชว่ั โมง พ12101 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 2 จานวน 40 ชั่วโมง พ13101 สุขศึกษาและพลศกึ ษา 3 จานวน 40 ช่ัวโมง พ14101 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 4 จานวน 40 ช่วั โมง พ15101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 5 จานวน 40 ชั่วโมง พ16101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 6 รายวิชาเพม่ิ เตมิ - โครงสรา้ งกลุ่มสาระการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ รายวิชาพื้นฐาน จานวน 40 ชว่ั โมง จานวน 40 ชวั่ โมง ศ11101 ศิลปะ 1 จานวน 40 ชั่วโมง ศ12101 ศิลปะ 2 ศ13101 ศลิ ปะ 3 จานวน 80 ชว่ั โมง จานวน 80 ชั่วโมง ศ14101 ศิลปะ 4 จานวน 80 ชว่ั โมง ศ15101 ศิลปะ 5 ศ16101 ศิลปะ 6 รายวชิ าเพม่ิ เตมิ -
๑๔ โครงสร้างกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ รายวิชาพ้นื ฐาน จานวน 40 ชั่วโมง ง11101 การงานอาชพี 1 จานวน 40 ชัว่ โมง ง12101 การงานอาชีพ 2 จานวน 40 ช่ัวโมง ง13101 การงานอาชพี 3 จานวน 40 ชัว่ โมง ง14101 การงานอาชพี 4 จานวน ๔0 ชวั่ โมง ง15101 การงานอาชีพ 5 จานวน ๔0 ช่วั โมง ง16101 การงานอาชีพ 6 รายวชิ าเพ่มิ เติม - โครงสร้างกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาอังกฤษ) รายวชิ าพ้นื ฐาน จานวน 120 ช่วั โมง จานวน 120 ชว่ั โมง อ11101 ภาษาองั กฤษ 1 จานวน 120 ชว่ั โมง อ12101 ภาษาองั กฤษ 2 อ13101 ภาษาอังกฤษ 3 จานวน 80 ชัว่ โมง จานวน 80 ชว่ั โมง อ14101 ภาษาองั กฤษ 4 จานวน 80 ชั่วโมง อ15101 ภาษาองั กฤษ 5 อ16101 ภาษาองั กฤษ 6 รายวชิ าเพิม่ เตมิ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง อ ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพื่อการสอ่ื สาร ๑ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง อ ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื การสือ่ สาร ๒ จานวน ๘๐ ชวั่ โมง อ ๑๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพอื่ การสื่อสาร 3 จานวน ๔๐ ช่ัวโมง อ ๑๔๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพอ่ื การสื่อสาร 4 จานวน ๔๐ ชว่ั โมง อ ๑๕๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพอ่ื การสือ่ สาร 5 จานวน ๔๐ ชั่วโมง อ ๑๖๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ือการสอื่ สาร 6
๑๕ ท11101 ภาษาไทย 1 คาอธิบายรายวชิ า ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เวลา 200 ช่ัวโมง อํานออกเสียงและบอกความหมายของคา คาคล๎องจองและข๎อความท่ปี ระกอบด๎วยคาพ้นื ฐานคือ คาที่ใช๎ ในชีวิตประจาวันไมํน๎อยกวํา 600 คารวมทั้งคาท่ีใช๎เรียนรู๎ในกลุํมสาระการเรียนร๎ูอื่น ประกอบด๎วยคาท่ีมีรูป วรรณยุกต์และไมํมีรูปวรรณยกุ ต์คาท่ีมีตัวสะกดตรงตามมาตราและไมํตรงตามมาตราคาทีม่ พี ยญั ชนะควบกล้าคา ทม่ี อี กั ษรนาตอบคาถามเลําเรอ่ื งยอํ และ. คาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเรือ่ งทีอ่ าํ นเรื่องราวจากบทเรียนในกลุํมสาระการ เรียนรภู๎ าษาไทยและกลํุมสาระการเรียนร๎อู นื่ อํานหนังสอื ตามความสนใจ อยํางสม่าเสมอและนาเสนอเร่ืองที่อําน บอกความหมายของเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์สาคัญท่ีมักพบเห็นในชีวิตประจาวัน ประกอบด๎วยเครื่องหมาย สญั ลกั ษณต์ ํางๆ ทีพ่ บเหน็ ในชีวิตประจาวนั เครอื่ งหมายแสดงความปลอดภัยและแสดงอันตรายมีมารยาทในการ อํานคดั ลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทยเขียนสื่อสารด๎วยคาและประโยคงํายๆมี มารยาทในการเขยี นใช๎ภาษาเขยี นเหมาะสมกับเวลา สถานท่ี และบุคคลฟังและปฏิบัติตามคาแนะนา คาส่ังงํายๆ ตอบคาถามและเลําเร่ืองที่ฟังและดู ท้ังท่ีเป็นความร๎ูและความบันเทิงและพูดแสดงความคิดเห็น ความร๎ูสึกจาก เรื่องทฟ่ี งั และดู ทงั้ ทีเ่ ป็นความรู๎และความบนั เทงิ การพูดสอื่ สารในชวี ิตประจาวนั ตามวตั ถปุ ระสงคม์ ีมารยาทในการ ฟัง ให๎เกียรติผู๎พูดด๎วยการปรบมือไมํพูดสอดแทรกขณะท่ีฟังมารยาทในการดู ไมํสํงเสียงดังหรือแสดงอาการ รบกวนสมาธขิ องผอู๎ ่นื มารยาทในการพดู ใชน๎ า้ เสียงนมุํ นวลไมํพดู สอดแทรกในขณะทีผ่ อ๎ู ่นื กาลงั พูดบอก และ เขียน พยญั ชนะ สระ และวรรณยกุ ต์เลขไทยเขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคา การผนั คาความหมายของคาการ สะกดคา การแจกลกู และการอาํ นเป็นคามาตราตัวสะกดที่ตรงตามมาตราและไมตํ รงตามมาตราเรียบเรียงคาเป็น ประโยคงํายๆ บอกข๎อคิดท่ไี ดจ๎ ากการอาํ นหรอื การฟัง วรรณกรรมร๎อยแก๎วและร๎อยกรองสาหรับเด็ก ทํองจา บทอาขยานตามทก่ี าหนดและบทรอ๎ ยกรองตามความสนใจ โดยใช๎หลกั การอํานออกเสียง ร๎อยแกว๎ และร๎อยกรองทกั ษะการอาํ นจบั ใจความ อธบิ าย ทกั ษะการฟงั การ ดกู ารพูดการเลําเรอื่ งการแสดงความคดิ เหน็ หลกั การคัดลายมอื หลกั การเขียนส่อื สารการพูดสอ่ื ความการตอบ คาถาม เพือ่ ใหน๎ กั เรยี นมีความใฝเุ รียนรม๎ู ีวินยั มคี วามเป็นไทยมีความช่ือสตั ย์สจุ รติ มนี สิ ยั รักการทางานมจี ติ สาธารณะมมี ารยาทในการอํานการเขียนการฟังการดแู ละการพูดสามารถนาความรไู๎ ปใชป๎ ระโยชน์ในการตัดสินใจ ในชีวิตประจาวัน รหสั ตวั ชว้ี ัด ท.1.1 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป.1/ 4 ป.1/ 5 ป.1/6 ป.1/7 ป.1/8 ท.2.1 ป.1 /1 ป.1 /2 ป.1 / 3 ท.3.1 ป.1/1 ป1 /2 ป.1/3 ป.1/4 ป.1/5 ท.4.1 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป1/4 ท 5.1 ป.1 /1 ป.1/ 2 รวมทง้ั หมด 22 ตัวช้ีวดั
๑๖ คาอธบิ ายรายวิชา ท12101 ภาษาไทย 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เวลา 200 ชว่ั โมง อํานออกเสียงและบอกวามหมายของคา คาคล๎องจอง ข๎อความ และบทร๎อยกรองงํายๆได๎ถูกต๎องที่ ประกอบด๎วยคาพ้ืนฐานเพ่ิมจากป. 1ไมํน๎อยกวํา 800 คารวมทั้งคาท่ีใช๎เรียนร๎ูในกลุํมสาระการเรียนรู๎อื่น ประกอบดว๎ ยคาที่มรี ูปวรรณยกุ ตแ์ ละไมมํ ีรูปวรรณยกุ ต์ คาที่มีตัวสะกดตรงตามมาตราและไมํตรงตามมาตรา คา ที่มีพยัญชนะควบกลา้ คาท่มี ีอกั ษรนาคาที่มีตวั การันต์คาท่ีมี รรคาที่มีพยัญชนะและสระท่ีไมํออกเสียง ต้ังคาถาม และตอบคาถาม ระบใุ จความสาคญั และรายละเอียดแสดงความคิดเห็นและคาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองท่ีอําน เร่อื งราวจากบทเรียนในกลํุมสาระการเรยี นร๎ภู าษาไทยและกลํุมสาระการเรียนรู๎อื่นขําวและเหตุการณ์ประจาวัน อาํ นหนงั สือตามความสนใจอยํางสม่าเสมอและนาเสนอเรอื่ งท่ีอาํ น อาํ นข๎อเขียนเชิงอธิบาย และปฏิบัติตามคาส่ัง หรือข๎อแนะนาการใชส๎ ถานท่ีสาธารณะคาแนะนาการใช๎เคร่ืองใชท๎ ่ีจาเปน็ ในบา๎ นและในโรงเรียนมีมารยาทในการ อาํ น ฝึกคดั ลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทยเขียนส่ือสารด๎วยคาและประโยค งาํ ยๆ เขยี นเรื่องอ่นื ๆ ตามจินตนาการมีมารยาทในการเขียนใชภ๎ าษาเขยี นเหมาะสมกับเวลา สถานที่ และบคุ คลไมํ เขียนล๎อเลียนผู๎อ่ืนหรือทาให๎ผู๎อื่นเสียหายฟังคาแนะนา คาส่ังที่ซับซ๎อนและปฏิบัติตามเลําเรื่องที่ฟังและดูบอก สาระสาคัญของเร่อื งที่ฟงั และดูตั้งคาถามและตอบคาถามจากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดพู ูดแสดงความคิดเห็น ความรู๎สึกจาก เรื่องทฟี่ ังและดู ทง้ั ท่ีเป็นความร๎ูและความบันเทิงพูดส่ือสารในชีวิตประจาวัน ได๎ชัดเจนตรงตามวัตถุประสงค์ มี มารยาทในการฟัง ไมํพดู สอดแทรกขณะทีฟ่ งั มมี ารยาทในการดู มีมารยาทในการพดู บอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ และวรรณยุกตเ์ ลขไทยเขยี นสะกดคาและบอกความหมายของคาการแจกลกู และการอํานเปน็ คามาตราตวั สะกดท่ี ตรงตามมาตราและไมํตรงตามมาตราการผันอกั ษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่าคาท่ีมีตัวการันต์คาท่ีมีพยัญชนะ ควบกล้าคาทีม่ อี กั ษรนาคาทม่ี ีความหมายตรงข๎ามกนั คาท่มี ี รรความหมายของคาเรียบเรียงคาเป็นประโยคได๎ตรง ตามเจตนาของการสือ่ สาร บอกลักษณะคาคลอ๎ งจองเลือกใชภ๎ าษาไทยมาตรฐานภาษาถิ่นระบุข๎อคิดท่ีได๎จากการ อํานหรือ การฟังวรรณกรรมรอ๎ ยแกว๎ และรอ๎ ยกรองสาหรบั เด็กเพอื่ นาไปใช๎ในชวี ิตประจาวนั ร๎องบทรอ๎ งเลนํ สาหรบั เด็กในท๎องถ่ินบทร๎องเลํนในการละเลํนของเด็กไทยบทอาขยานและบทร๎อยกรองที่มีคุณคําทํองจาบทอาขยาน ตามทกี่ าหนดบทรอ๎ ยกรองตามความสนใจ โดยใช๎หลกั การอํานออกเสียง รอ๎ ยแก๎วและรอ๎ ยกรองทักษะการอาํ นจับใจความ อธิบาย ทกั ษะการฟงั การ ดูการพดู การเลาํ เรื่องการแสดงความคิดเห็น หลักการคัดลายมือหลักการเขียนส่ือสารการพูดส่ือความการตอบ คาถาม เพ่ือให๎นักเรียนมีความใฝุเรียนรู๎มีวินัยมีความเป็นไทยมีความชื่อสัตย์สุจริตมีนิสั ยรักการทางานมีจิต สาธารณะมมี ารยาทในการอาํ นการเขียนการฟงั การดูและการพูดสามารถนาความรไู๎ ปใช๎ประโยชน์ในการตัดสินใจ ในชีวิตประจาวนั รหัสตัวชว้ี ัด ท.1.1 ป 2/1 ป 2/2 ป 2/3 ป 2/ 4 ป 2/ 5 ป 2/6 ป 2/7 ป 2/8 ท.2.1 ป.2 / 1 ป.2 / 2 ป.2 / 3 ป.2 / 4 ท.3.1 ป.2/1 ป.2 /2 ป.2/3 ป.2/4 ป2/5 ป.2/6 ป.2/7 ท.4.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ป.2/5 ท 5.1 ป.2 /1 ป.2/ 2 ป.2/3 รวมท้งั หมด 27 ตัวชี้วัด
๑๗ คาอธิบายรายวิชา ท13101 ภาษาไทย 3 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เวลา 200 ช่ัวโมง อํานออกเสียงคา ข๎อความ เร่ืองส้ันๆ และบทร๎อยกรองงํายๆ ได๎ถูกต๎อง คลํองแคลํวอธิบาย ความหมายของคาและข๎อความท่ีอํานงํายๆ ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอํานลาดับ เหตุการณ์และคาดคะเนเหตุการณจ์ ากเรื่องทอี่ ํานโดยระบุเหตุผลประกอบสรุปความรู๎และข๎อคิดจากเรื่องท่ีอําน อาํ นหนังสือตามความสนใจอยาํ งสม่าเสมอและนาเสนอเร่ืองท่ีอํานอํานข๎อเขียนเชิงอธิบายและปฏิบัติตามคาส่ัง หรือข๎อแนะนาอธิบายความหมายของข๎อมูลจากแผนภาพ แผนท่ี และแผนภูมิคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยายเก่ียวกับสิ่งใดส่ิงหน่ึงได๎อยํางชัดเจนเขียนบันทึกประจาวันเขียนจดหมายลาครูเขียนเร่ืองตาม จินตนาการ เลํารายละเอียดเกี่ยวกับเร่ืองท่ีฟังและดูทั้งท่ีเป็นความร๎ูและความบันเทิงขําวและเหตุการณ์ใน ชวี ิตประจาวนั เพลงบอกสาระสาคัญจากการฟังและการดูต้ังคาถามและตอบคาถามเกี่ยวกับเรื่องท่ีฟังและดูพูด แสดงความคดิ เห็นและความร๎สู กึ จากเรอื่ งที่ฟังและดูการพูดส่ือสารในชีวิตประจาวันการพูดในโอกาสตํางๆ การ สะกดคา การแจกลูก และการอํานเป็นคามาตราตัวสะกดท่ีตรงตามมาตราและไมํตรงตามมาตรา การผันอักษร กลาง อักษรสงู และอกั ษรต่าคาที่มพี ยญั ชนะควบกลา้ คาทมี่ อี ักษรนาคาทีป่ ระวสิ รรชนีย์และคาที่ไมํประวิสรรชนีย์ คาท่ีมี ฤ ฤๅคาที่ใช๎ บัน บรรคาท่ีใช๎ รรคาท่ีมีตัวการันต์ความหมายของคาชนิดของคาการแตํงประโยคเพื่อการ สื่อสารคาขวัญวรรณคดี วรรณกรรม และเพลงพ้ืนบา๎ น โดยใช๎หลักการอาํ นออกเสยี งคาข๎อความเรอ่ื งส้นั ๆ บทรอ๎ ยกรองงํายๆ ได๎สรุปความร๎ูและข๎อคิดจาก เร่ืองท่ีอํานการคัดลายมือเขียนบรรยายตามจนิ ตนาการทกั ษะการฟังการดแู ละการพูดสือ่ สารการอาํ นสะกดคาตาม มาตราตํางๆการแตงํ ประโยคการแตํงคาขวัญและวรรณคดี เพื่อให๎สามารถนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวันมีมารยาทในการอํานการเขียนฟังดูพูด สอ่ื สารไดอ๎ ยํางเหมาะสมมีนิสยั รกั การอาํ นใฝุเรียนรู๎มงํุ ม่ันในการทางานมวี นิ ัยมจี ติ สาธารณะรักความเปน็ ไทย รหสั ตัวช้วี ดั ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5 ป.3/6 ป.3/7 ป.3/8 ป.3/9 ท 2.1 ป.3/1 ป.3/2 ป3./3 ป.3/4 ป.3/5 ป.3/6 ท 3.1 ป.3/1 ป.3/2 ป3./3 ป.3/4 ป.3/5 ป.3/6 ท 4.1 ป.3/1 ป.3/2 ป3./3 ป.3/4 ป.3/5 ป.3/6 ท 5.1 ป.3/1 ป.3/2 ป3./3 ป.3/4 รวมท้งั หมด 31 ตวั ชีว้ ัด
๑๘ ท14101 ภาษาไทย 4 คาอธบิ ายรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เวลา 160 ชั่วโมง อธิบายความหมายของคา ประโยค และสานวนจากเรื่องทอ่ี าํ น การอํานออกเสียงและการบอกความหมาย ของบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองที่ประกอบด๎วย คาท่ีมี ร ล เป็นพยัญชนะต๎น คาควบกล้า คาท่ีมีอักษรนา คาประสม อักษรยํอและเครื่องหมายวรรคตอน ประโยคที่มีสานวนเป็นคาพังเพย สุภาษิต ปริศนาคาทาย และ เคร่อื งหมายวรรคตอน การอํานบทรอ๎ ยกรองเป็นทานองเสนาะ การอํานจบั ใจความจากส่ือตํางๆ งานเขียนประเภท โน๎มนา๎ วใจ การคัดลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และครึ่งบรรทดั ตามรปู แบบการเขยี นตวั อกั ษรไทยการเขียนสื่อสาร การ จาแนกข๎อเท็จจริงและข๎อคิดเห็นจากเรื่องท่ีฟังและดู ในชีวิตประจาวัน การจับใจความ และการพูดแสดงความรู๎ ความคิดในเรื่องทฟ่ี งั และดู จากสื่อตํางๆ การอํานสะกดคาคาในแมํ ก กา มาตราตัวสะกด การผันอักษร คาเป็น คาตาย คาพ๎อง บอกความหมายของสานวนที่เป็นคาพังเพยและสุภาษิต ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่น อธิบาย ข๎อคดิ จากการอาํ นวรรณคดแี ละวรรณกรรมอํานออกเสียงบทรอ๎ ยแก๎วและบทร๎อยกรองไดถ๎ กู ตอ๎ ง อํานเร่อื งสัน้ ๆ ตาม เวลาที่กาหนดและตอบคาถามจากเร่อื งทอี่ ําน สรุปความรูแ๎ ละขอ๎ คดิ จากเรื่องทอี่ าํ น อํานหนงั สอื ทีม่ คี ุณคาํ ตามความ สนใจอยํางสมา่ เสมอและแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั เรอื่ งที่อํานคดั ลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทดั และคร่งึ บรรทดั เขียน สอ่ื สารโดยใชค๎ าไดถ๎ กู ตอ๎ งชัดเจน และเหมาะสมเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพความคิด เขียนยํอความจาก เรื่องส้ันๆ เขยี นจดหมายถงึ เพ่อื นและบิดามารดา เขยี นบนั ทึกและเขยี นรายงานจากการศึกษาค๎นควา๎ เขยี นเรอื่ งตาม จินตนาการและขอ๎ คิดเห็นจากเรอ่ื งท่ีฟงั การดู และการพูด และความรู๎สึกเกี่ยวกับเรื่องท่ีฟังและดูต้ังคาถามและ ตอบคาถามเชงิ เหตุผลจากเรื่องท่ฟี งั และดู รายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค๎นคว๎าจากการฟัง การดู และ การ สนทนาสะกดคาและบอกความหมายของคาในบริบทตํางๆ ระบุชนิดและหน๎าท่ีของคาในประโยค ใช๎พจนานุกรม คน๎ หาความหมายของคา แตงํ ประโยคได๎ถูกต๎องตามหลักภาษา แตํงบทร๎อยกรองและคาขวัญบอกความหมายของ สานวนเปรียบเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถ่ินได๎ สามารถนาความรไ๎ู ปใชป๎ ระโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีมารยาทในการอําน การเขียน ฟัง ดู พูด การสื่อสารไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม มีนิสัยรักการอํานใฝุเรียนใฝุร๎ู มํุงม่ันในการทางาน มีวินัย มีความรับผิดชอบ มีความซ่ือสตั ย์ สุจรติ มจี ติ สาธารณะ รักความเปน็ ไทย รหสั ตวั ช้ีวัด ท 1.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5 ป.4/6 ป.4/7 ป.4/8 ท 2.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5 ป.4/6 ป.4/7 ป.4/8 ท 3.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5 ป.4/6 ท 4.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5 ป.4/6 ป.4/7 ท 5.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 รวมทัง้ หมด 33 ตัวชีว้ ดั
๑๙ ท15101 ภาษาไทย 5 คาอธบิ ายรายวชิ า ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เวลา 160 ชั่วโมง อธิบายความหมายของคา ประโยคและข๎อความท่ีเป็นการบรรยาย และการพรรณนาอธิบาย ความหมายโดยนัยจากเร่ืองท่ีอํานอยํางหลากหลายบอกความหมายของบทร๎อยแก๎วและบทร๎อยกรองที่ ประกอบด๎วยคาท่มี ีพยัญชนะควบกล้าคาท่มี ีอกั ษรนาคาทม่ี ตี ัวการนั ต์อกั ษรยอํ และเครอ่ื งหมายวรรคตอนข๎อความ ทเ่ี ป็นการบรรยายและพรรณนาข๎อความที่มคี วามหมายโดยนัยการคดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทัดและครึง่ บรรทดั ตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทยการจับใจความ และการพูดแสดงความรู๎ ความคิดในเรื่องที่ฟังและดู จากสื่อ ตํางๆบอกความหมายของสานวนที่เป็นคาพังเพยและสุภาษิตระบุความร๎ูและข๎อคิดจ ากการอํานวรรณคดีและ วรรณกรรมวรรณกรรม เชํน นทิ านพื้นบ๎านนิทานคตธิ รรมเพลงพ้ืนบ๎านวรรณคดีและวรรณกรรมในบทเรียนและ ตามความสนใจอธิบายคณุ คาํ ของวรรณคดีและวรรณกรรม อาํ นออกเสียงบทรอ๎ ยแก๎วและบทรอ๎ ยกรองได๎ถูกต๎องการอํานบทร๎อยกรองเป็นทานองเสนาะอํานงาน เขียนเชงิ อธิบาย คาสั่ง ข๎อแนะนา และปฏิบตั ิตามอาํ นหนงั สือตามความสนใจคัดลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทัดและครึ่ง บรรทดั ตามรูปแบบการเขียนตัวอกั ษรไทยเขียนส่ือสาร เขยี นยอํ ความจากเรื่องที่อํานเขียนจดหมายถึงผ๎ูปกครองและ ญาตเิ ขียนแสดงความร๎สู กึ และความคิดเห็นกรอกแบบรายการเขยี นเร่ืองตามจินตนาการพูดแสดงความร๎ู ความคิดใน เร่อื งท่ฟี งั และดู จากสื่อตํางๆ พูดรายงานเรอ่ื งหรอื ประเด็นทศ่ี กึ ษาค๎นควา๎ จากการฟัง การดแู ละการระบชุ นดิ และหนา๎ ที่ ของคาในประโยคได๎แกคํ าบุพบทคาสันธาน คาอทุ านจาแนกสวํ นประกอบของประโยค เปรยี บเทยี บภาษาไทยมาตรฐาน กับภาษาถ่ินใช๎คาราชาศัพท์แตํงบทร๎อยกรองใช๎สานวนที่เป็นคาพังเพยและสุภาษิตสรุปเร่ืองจากวรรณคดีหรือ วรรณกรรมท่อี ําน เพอ่ื นาความรไู๎ ปใชป๎ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั มมี ารยาทในการอํานการเขยี นฟงั ดูพดู ลาดับเหตุการณ์ ไดอ๎ ยํางถูกต๎องใช๎คาราชาศัพทไ์ ดอ๎ ยํางเหมาะสมกบั สถานการณจ์ ริงใช๎สานวนคาพังเพยและสุภาษิตมีนิสัยรักการ อํานใฝเุ รียนใฝุรมู๎ งํุ มั่นในการทางานมวี นิ ยั มีความรบั ผิดชอบมคี วามซ่อื สตั ยส์ ุจริตมจี ติ สาธารณะรักความเป็นไทย รหสั ตวั ช้วี ัด ท 1.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ป.5/6 ป.5/7 ท 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ป.5/6 ป.5/7 ป.5/8 ป.5/9 ท 3.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ท 4.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ป.5/6 ป.5/7 ท 5.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 รวมทัง้ หมด 32 ตวั ชี้วัด
๒๐ คาอธบิ ายรายวิชา ท16101 ภาษาไทย 6 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 160 ชว่ั โมง อธิบายความหมายของคา ประโยคและขอ๎ ความที่เปน็ โวหารอธิบายการนาความร๎ูและความคิด จาก เรือ่ งทอ่ี าํ นไปตัดสินใจแกป๎ ญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ อธบิ ายความหมายของข๎อมลู จากการอาํ นแผนผงั แผนท่ี แผนภมู ิ และกราฟการคัดลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทดั และคร่ึงบรรทดั ตามรูปแบบการเขยี นตวั อกั ษรไทยอธบิ าย คุณคําของวรรณคดี และวรรณกรรมทอ่ี ํานนทิ านพน้ื บ๎านทอ๎ งถิ่นตนเองและท๎องถ่นิ อืน่ นิทานคติธรรมเพลงพนื้ บ๎าน วรรณคดีและวรรณกรรมในบทเรยี นและตามความสนใจเลาํ นทิ านพ้ืนบา๎ นทอ๎ งถิน่ ตนเองและนทิ านพน้ื บ๎านของ ท๎องถนิ่ อื่น ออกเสยี งบทรอ๎ ยแกว๎ และบทร๎อยกรองวเิ คราะหแ์ ละแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองทอี่ ํานอํานงาน เขียนเชงิ อธบิ าย คาสัง่ ขอ๎ แนะนา และปฏิบตั ติ ามอาํ นหนังสอื ตามความสนใจ คัดลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทดั และ ครึง่ บรรทดั เขียนสอื่ สาร เขียนแผนภาพโครงเรอื่ งและแผนภาพความคิดเขียนเรยี งความเขยี นยํอความจากเรอ่ื งท่ี อําน ประกาศ แจง๎ ความแถลงการณ์จดหมายคาสอนโอวาทคาปราศรยั สนุ ทรพจนเ์ ปน็ ต๎นเขยี นจดหมายสํวนตัว การกรอกแบบรายการเขยี นเรอ่ื งตามจินตนาการและสร๎างสรรคพ์ ดู แสดงความร๎ูความเขา๎ ใจในจดุ ประสงค์ของเร่ือง ท่ฟี ังและดูจากสือ่ ตํางๆ ได๎แกสํ ่ือสิง่ พมิ พ์สอื่ อิเลก็ ทรอนกิ สว์ ิเคราะหค์ วามนําเช่ือถือจากการฟังและดสู อื่ โฆษณาพดู รายงานเร่อื งหรือประเด็นที่ศึกษาคน๎ คว๎าจากการฟงั การดแู ละการสนทนาการพดู ลาดบั ขัน้ ตอนการปฏบิ ัติงานการ พูดลาดบั เหตุการณพ์ ดู โนม๎ นา๎ วในสถานการณต์ ํางๆ วเิ คราะห์ชนิดและหน๎าทขี่ องคาในประโยคแตงํ บทรอ๎ ยกรอง วิเคราะห์และเปรียบเทียบสานวนท่ีเป็นคาพงั เพย และสภุ าษิตแสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีหรอื วรรณกรรมท่ี อาํ นเลํานิทานพ้ืนบ๎านทอ๎ งถนิ่ ตนเองและนิทานพ้ืนบ๎านของทอ๎ งถน่ิ อนื่ ทอํ งจาบทอาขยานตามทีก่ าหนด และบท รอ๎ ยกรองทมี่ ีคุณคําตามความสนใจ เพือ่ นาความรไ๎ู ปใชป๎ ระโยชน์ในชีวิตประจาวันมมี ารยาทในการอาํ นการเขียนฟงั ดูพดู ลาดบั เหตกุ ารณ์ ได๎อยาํ งถูกตอ๎ งใชค๎ าราชาศพั ทไ์ ด๎อยาํ งเหมาะสมกบั สถานการณ์จรงิ ใช๎สานวนคาพังเพยและสภุ าษติ มนี สิ ยั รกั การ อํานใฝุเรยี นใฝรุ ม๎ู ุํงมั่นในการทางานมวี ินัยมีความรบั ผิดชอบมคี วามซ่ือสัตยส์ ุจริตมจี ติ สาธารณะรักความเปน็ ไทย รหัสตัวชว้ี ัด ป.6/8 ป.6/9 ป.6/8 ป.6/9 ท 1.1 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ท 2.1 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ท 3.1 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ท 4.1 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ท 5.1 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 รวมท้งั หมด 34 ตัวชวี้ ดั
๒๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ค ๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑ กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง ศึกษาจานวนนบั ไมเํ กนิ 100 และ 0 ตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก เครื่องหมาย =, ≠ ,> ,< การเรียงลาดับจานวน นบั ตงั้ แตํ 3 ถึง 5 จานวนและคาํ ของตัวไมํทราบคําในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการบวกและการลบโจทย์ปัญหา การบวกและลบ แบบรูปของจานวนที่เพ่ิมข้ึนหรือลดลงทีละ 1 และทีละ 10 แบ บรูปเรขาคณิตและ รูปอื่นๆ ความยาวเป็นเซนติเมตร เมตร และน้าหนักเปน็ กิโลกรัม เปน็ ขดี รปู สามเหลย่ี ม สเ่ี หลยี่ ม วงกลม วงรี ทรงสเ่ี หลยี่ ม มมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย แผนภูมิรูปภาพและโจทย์ปญั หา เมือ่ กาหนด 1รูป แทน 1 หนํวย โดยใชก๎ ระบวนการทางคณติ ศาสตร์ และวิธีการท่ีหลากหลายในการแก๎ปัญหาในสถานการณ์ตําง ๆ ได๎ อยาํ งเหมาะสม เพื่อใหเ๎ กดิ ความรคู๎ วามเข๎าใจและตระหนกั ถงึ ความสมเหตสุ มผลของคาตอบท่ีได๎ เช่ือมโยงความร๎ู ทาง คณิตศาสตรก์ บั ศาสตรอ์ ื่น ๆ มคี วามคิดสร๎างสรรค์ มงํุ มน่ั ในการทางานและใฝรุ ใ๎ู ฝเุ รยี น รหสั ตัวชวี้ ดั ค 1.1 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป.1/4 ป.1/5 ค 1.2 ป.1/1 ค 2.1 ป.1/1 ป.1/2 ค 2.2 ป.1/1 ค 3.1 ป.1/1 รวมท้ังหมด 10 ตัวช้ีวดั
๒๒ ค12101 คณิตศาสตร์ 2 คาอธบิ ายรายวิชา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ เวลา 200 ชวั่ โมง ศึกษา ฝึกทักษะการคิดคานวณและฝึกแก๎ปัญหา จานวนนับ 1 ถึง 1,000 และ 0 บอกและแสดง จานวนสงิ่ ตาํ ง ๆ ตามจานวนทกี่ าหนด อาํ นและเขยี นตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย การบอกอันดับท่ีหลัก คํา ของเลขโดดในแตลํ ะหลัก และเขียนแสดงจานวนในรูปกระจาย เปรียบเทียบจานวนนับไมํเกิน 1,000 และ 0 โดยใช๎เครื่องหมาย = ≠ > < เรยี งลาดบั จานวนนบั ไมํเกิน 1,000 และ 0 ตั้งแตํ 3 ถึง 5 จานวน และหาคํา ของตวั ไมทํ ราบคําในประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการบวก การลบ การแกโ๎ จทย์ปญั หาการบวก การลบของจานวน นบั ไมํเกิน 1,000 และ 0 หาคําของตัวไมํทราบคําในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณของจานวน 1 หลักกับ จานวนไมเํ กนิ 2 หลกั และประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการหารท่ตี ัวตัง้ ไมเํ กิน 2 หลัก ตวั หาร 1 หลัก โดยทีผ่ ลหาร มี 1 หลัก ทัง้ หารลงตัวและหารไมลํ งตัว หาผลลัพธก์ ารบวก ลบ คณู หารระคนของจานวนนบั ไมเํ กิน 1,000 และ 0 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหา 2 ขน้ั ตอนของจานวนนบั ไมํเกนิ 1,000 และ 0 แสดงวธิ ีหาคาตอบ ของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาที่มีหนํวยเดี่ยวและเป็นหนํวยเดียว วัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเมตรและ เซนตเิ มตร พร๎อมท้ังแสดงวธิ ีการหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบความยาวท่ีมีหนํวยเป็นเมตรและ เซนตเิ มตร วัดและเปรียบเทยี บน้าหนกั เป็นกโิ ลกรมั และกรมั กโิ ลกรัมและขีด พรอ๎ มท้ังแสดงวิธีการหาคาตอบ ของโจทย์ปัญหาการบวก การลบเก่ียวกับน้าหนักท่ีมีหนํวยเป็นกิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขีด วัดและ เปรียบเทียบปริมาตรและความจเุ ปน็ ลติ ร จาแนกและบอกลกั ษณะของรปู หลายเหลยี่ มและวงกลม ใช๎ข๎อมลู จาก แผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา เม่ือกาหนดรูป 1 รูป แทน 2 หนํวย 5 หนํวย หรือ 10 หนวํ ย ในการจัดการเรยี นรไู๎ ด๎กาหนดสถานการณเ์ พอื่ ให๎ผเู๎ รียนได๎ศึกษา ค๎นคว๎า ฝึกทักษะ โดยการปฏิบัติจริง สรุปเน้ือหา มีเจตคติท่ีดีตํอคณิตศาสตร์ มีความคิดริเริ่มสร๎างสรรค์ เพ่ือพัฒนาทักษะและกระบวนการทาง คณติ ศาสตร์ของผูเ๎ รียน และนาไปใช๎ในชวี ิตประจาวนั ได๎ รหสั ตัวชีว้ ดั ค 1.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, ป.2/6, ป.2/6, ป.2/7, ป.2/8 ค 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, ป.2/6 ค 2.2 ป.2/1 ค 3.1 ป.2/1 รวมท้งั หมด 16 ตวั ชวี้ ดั
๒๓ ค13101 คณติ ศาสตร์ 3 คาอธิบายรายวชิ า ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ เวลา 200 ช่ัวโมง ศึกษาการอาํ นและการเขียนตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตัวเลขไทย ตัวหนังสือแสดงจานวนนับ หลัก คําของเลข โดดในแตลํ ะหลกั และการเขียนตัวเลขแสดงจานวนในรปู กระจาย การเปรยี บเทยี บจานวน การเรียงลาดับจานวน แบบรูปของจานวนที่เพ่ิมข้ึนและลดลง การบวกจานวนนับที่มีผลบวกไมํเกิน 100,000 การบวกจานวนสาม จานวนที่มีผลบวกไมํเกนิ 100,000 โจทย์ปัญหาและการสร๎างโจทย์ปัญหาการบวก การลบจานวนที่มีตัวต้ังไมํ เกิน 100,000 การลบจานวนสามจานวน การหาตัวไมํทราบคําในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและการลบ โจทยป์ ัญหาและการสรา๎ งโจทย์ปญั หาการลบ การคูณจานวนหนึ่งหลกั กบั จานวนไมเํ กนิ ส่ีหลัก การคณู กับจานวน สองหลกั กบั จานวนสองหลัก โจทย์ปัญหาและการสร๎างโจทย์ปัญหาการลบ การหารท่ีมีตัวตั้งไมํเกินสี่หลักและ ตัวหารมหี นงึ่ หลกั การหาตัวไมทํ ราบคาํ ในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณและการหาร โจทย์ปญั หาและการสรา๎ ง โจทยป์ ญั หาการหาร การวัดความยาวเป็นเซนตเิ มตรและมิลลเิ มตร เมตรและเซนติเมตร กโิ ลเมตรและเมตร การ เลอื กเครอื่ งมอื วัดความยาวท่เี หมาะสม การคาดคะเนความยาวเป็นเมตรและ เป็นเซนติเมตร การเปรียบเทียบ ความยาวโดยใช๎ความสัมพันธ์ระหวํางหนํวยความยาว โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาว รูปที่มีแกนสมมาตรและ จานวนแกนสมมาตร การบอก อํานและเขียนเศษสํวนที่ตัวเศษน๎อยกวําหรือเทํากับตัวสํวน การเปรียบเทียบ เศษสํวน การเรียงลาดับเศษสํวน การบวกเศษสํวนท่ีมีตัวสํวนเทํากัน การลบเศษสํวนที่มีตัวสํวนเทํากัน โจทย์ ปัญหาการบวกและการลบเศษสวํ น การวดั และบอกนา้ หนักเป็นกโิ ลกรัมและขดี กโิ ลกรมั และกรมั การเลอื กเครอื่ ง ชง่ั ทีเ่ หมาะสม การคาดคะเนน้าหนกั เปน็ กิโลกรัมและเปน็ ขดี การเปรยี บเทียบนา้ หนักโดยใช๎ความสัมพันธ์ระหวําง กิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับน้าหนัก การวัดปริมาตรและความจุเป็นลิตรและ มลิ ลิลิตร การเลอื กเครอื่ งตวงท่ีเหมาะสม การคาดคะเนปรมิ าตรและความจเุ ปน็ ลิตร การเปรยี บเทียบปริมาตรและ ความจุโดยใช๎ความสัมพนั ธร์ ะหวาํ งลิตรกับมิลลิลติ ร ช๎อนชา ช๎อนโต๏ะ ถ๎วยตวงกับมิลลิลิตร โจทย์ปัญหาเก่ียวกับ ปรมิ าตรและความจทุ ่ีมีหนํวยเป็นลติ รและมลิ ลิลติ ร การเก็บรวบรวมข๎อมูลและจาแนกข๎อมูล การอํานและเขียน แผนภูมริ ูปภาพ การอาํ นและเขียนตารางทางเดียว การบอกเวลาเปน็ นาฬิกาและนาที การเขยี นบอกเวลาและการ อาํ น การบอกระยะเวลาเปน็ ชว่ั โมงและนาที การเปรียบเทยี บระยะเวลาโดยใช๎ความสมั พันธร์ ะหวํางชวั่ โมงกบั นาที การอาํ นและการเขยี นบนั ทกึ กิจกรรมทรี่ ะบุเวลา โจทย์ปญั หาเกีย่ วกบั เวลาและระยะเวลา เงินเหรยี ญและธนบัตร ชนดิ ตาํ งๆ การบอกจานวนเงินและเขียนแสดงจานวนเงินแบบใชจ๎ ดุ และการอาํ น การเปรียบเทียบจานวนเงินและ การแลกเงิน การอํานและการเขยี นบนั ทึกรายรบั รายจําย โจทย์ปัญหาเก่ียวกับเงิน การบวก ลบ คูณ หารระคน โจทย์ปัญหาและการสรา๎ งโจทยป์ ญั หาการบวก ลบ คูณ หารระคน โดยการจัดประสบการณ์หรือสรา๎ งสถานการณท์ ใี่ กล๎ตัวผู๎เรยี นได๎ศึกษา คน๎ คว๎า ฝึกทักษะ โดยการปฏิบัติ จรงิ ทดลอง สรุป รายงาน เพอ่ื พัฒนาทกั ษะและกระบวนการในการคดิ คานวณ การแกป๎ ัญหา การใหเ๎ หตุผล การ เช่อื มโยง การส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และนาประสบการณ์ดา๎ นความร๎ู ความคิด ทักษะและกระบวนการที่ ได๎ไปใช๎ในการเรยี นรส๎ู ิง่ ตําง ๆ และใช๎ในชีวติ ประจาวนั อยาํ งสรา๎ งสรรค์ เพือ่ ใหเ๎ ห็นคณุ คําและมเี จตคตทิ ีด่ ีตอํ คณิตศาสตร์ สามารถทางานได๎อยํางเป็นระบบ มีระเบียบ รอบคอบ มคี วามรับผดิ ชอบ มวี จิ ารณญาณ มคี วามคดิ รเิ ริ่มสรา๎ งสรรค์และมีความเชือ่ มั่นในตนเอง
๒๔ ตัวช้วี ัด ค 1.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11 ค 1.2 ป.3/1 ค 2.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11, ป.3/12, ป.3/13 ค 2.2 ป.3/1 ค 3.1 ป.3/1, ป.3/2 รวมทั้งหมด 28 ตวั ชี้วดั
๒๕ คาอธบิ ายรายวชิ า ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๔ กลมุ่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๑๖๐ ชัว่ โมง ศึกษา ตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนงั สือ แสดงจานวนนับท่มี ากกวํา 100,000 เศษสวํ น และจานวนคละ เศษสวํ นและจานวนคละทตี่ วั สํวนหนึ่งเปน็ พหคุ ูณของอีกตวั หนง่ึ ทศนยิ มไมํเกิน 3 ตาแหนงํ การ บวก การลบ การคูณ การหาร จากสถานการณ์ตาํ งๆ รวมทง้ั ตัวไมํทราบคําในประโยคสญั ลกั ษณ์ การลบ การบวก ของจานวนนบั ทมี่ ากกวํา 100,000 และ 0 การคูณของจานวนหลายหลกั 2 จานวน ทีม่ ีผลคูณไมเํ กิน 6 หลัก การหารท่ีตวั ตง้ั ไมเํ กนิ 6 หลกั ตวั หารไมํเกนิ 2 หลกั การบวก ลบ คณู หารระคนของจานวนนับและ 0 โจทย์ ปญั หา 2 ขัน้ ตอน จานวนนับทมี่ ากกวาํ 100,000 และ 0 และจานวนนับ การบวก ลบ เศษสํวนและจานวนคละ ท่ีตัวสวํ นหนึง่ เป็นพหุคณู ของอกี ตวั หนง่ึ โจทย์ปัญหาการบวก การลบ เศษสํวนและจานวนคละทตี่ ัวสวํ นหน่ึงเปน็ พหคุ ณู ของอีกตัวหนงึ่ การบวก การลบ ทศนิยมไมเํ กิน 3 ตาแหนํง ตลอดจนโจทย์ปญั หาการบวก การลบ 2 ขัน้ ตอนของทศนิยมไมเํ กิน 3 ตาแหนํง โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกบั เวลา มุม ความยาวรอบรูปและพ้นื ท่ขี องรปู สเ่ี หลี่ยม มุมฉาก ชนดิ ของมมุ ชื่อและสํวนประกอบของมมุ สญั ลกั ษณ์แสดงมุม รปู ส่ีเหลย่ี มมมุ ฉาก แผนภมู แิ ทํง และตาราง สองทาง โดยใชว๎ ธิ กี ารท่หี ลากหลายในการแก๎ปญั หา ใช๎ความร๎ทู ักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยใี นการแก๎ปัญหาในสถานการณต์ ําง ๆ ได๎อยาํ งเหมาะสม เพื่อให๎ผเ๎ู รยี นมคี วามรู๎ เข๎าใจ มีทักษะทางคณิตศาสตร์ ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคาตอบที่ได๎ สามารถเชื่อมโยงความรู๎ตาํ ง ๆในคณติ ศาสตรแ์ ละเชอื่ มโยงคณติ ศาสตรก์ บั ศาสตรอ์ ื่น ๆ มคี วามคิดสรา๎ งสรรค์ และ นาความร๎ูไปประยกุ ต์ใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั มจี ริยธรรม คุณธรรม และคํานยิ มทเ่ี หมาะสม รหัสตัวชว้ี ัด ค 1.1 ป.4/1-ป.4/16 ค 2.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ค 2.2 ป.4/1 ป.4./2 ค 3.1 ป.4/1 รวมทงั้ หมด 22 ตัวชว้ี ดั
๒๖ คาอธบิ ายรายวิชา ค15101 คณิตศาสตร์ 5 กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 160 ชวั่ โมง ฝึกทกั ษะการคิดคานวณ การแกป๎ ัญหาในเร่อื งการดาเนนิ การ เขียน อาํ น เปรียบเทียบและเรียงลาดับ เศษสํวน จานวนคละ และทศนิยมไมํเกินสองตาแหนํง บวก ลบ คูณ หารระคนของเศษสํวนและทศนิยมไมํ เกินสองตาแหนงํ วิเคราะหแ์ ละแสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปญั หาระคนของจานวนนับ เศษสวํ น ทศนิยม และ ร๎อยละ บอกคําประมาณใกลเ๎ คยี ง จานวนเต็มสิบ เต็มร๎อย และเต็มพัน บอกความสัมพันธ์ของหนํวยการวัด ปริมาตร หรือความจุ หาความยาวรอบรูปส่ีเหล่ียม รูปสามเหลี่ยม หาพื้นที่ของรูปสี่เหล่ียมมุมฉากและรูป สามเหลยี่ ม วัดขนาดของมมุ แกป๎ ัญหาเก่ียวพ้ืนที่ ความยาวรอบรปู สีเ่ หล่ียมมุมฉาก และรูปสามเหล่ียม บอก ลักษณะและจาแนกรูปเรขาคณิตสามมิติ บอกความสัมพันธ์และจาแนกรูปสี่เหล่ียม และรูปสามเหล่ียมตํ างๆ สรา๎ งมมุ โดยใช๎โพรแทกเตอร์ สรา๎ งรูปสี่เหล่ียมมุมฉาก รูปสามเหล่ียมและรูปวงกลม สร๎างเส๎นขนานโดยใช๎ไม๎ ฉาก บอกจานวนและความสัมพนั ธ์ในรปู แบบของจานวนท่กี าหนดให๎ เขยี นแผนภมู แิ ทํงท่มี กี ารยํนระยะของเส๎น แสดงจานวน อํานขอ๎ มูลจากแผนภมู แิ ทํงเปรยี บเทยี บ บอกได๎วําเหตุการณ์ที่กาหนดให๎เกิดขึ้นแนํนอน อาจจะ เกดิ ขน้ึ หรือไมกํ ็ได๎ ไมํเกิดขึ้นอยํางแนํนอน ใชท๎ ักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพ่ือให๎มีความสามารถในการสื่อสาร การคิดการแก๎ปัญหา การใช๎ทักษะชีวิตและเทคโนโลยี มีวินยั ใฝุเรียนร๎ู มุํงม่นั การทางาน อยํอู ยาํ งพอเพียง รกั ความเปน็ ไทย รกั ชาติ ศาสตร์กษัตริย์ ซื่อสตั ยส์ จุ ริต มจี ติ สาธารณะ พร๎อมทั้งตระหนักในคุณคาํ และมีเจตคตทิ ีท่ ่ดี ตี ํอคณิตศาสตร์ รหัสตัวช้ีวดั ค 1.1 ป.5/1, ป.5/2 , ป.5/3 ป.5/4 , ป.5/5 , ป.5/6, ป.5/7 , ป.5/8 , ป.5/9 ค 2.1 ป.5/1, ป.5/2 , ป.5/3 ป.5/4 ค 2.2 ป.5/1, ป.5/2 , ป.5/3 ป.5/4 ค 3.1 ป.5/1, ป.5/2 รวมทง้ั หมด 19 ตัวช้วี ดั
๒๗ ค16101 คณิตศาสตร์ 6 คาอธิบายรายวชิ า ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ เวลา 160 ชัว่ โมง ศึกษาเก่ียวกับการเปรียบเทียบ เรียงลาดับเศษสํวนและจานวนคละจากสถานการณ์ตํางๆ การเขียน อตั ราสวํ นแสดงการเปรยี บเทยี บปรมิ าณ 2 ปริมาณ จากข๎อความหรอื สถานการณ์ โดยทีป่ รมิ าณแตํละปรมิ าณเปน็ จานวนนบั การหาอตั ราสวํ นทเ่ี ทาํ กับอตั ราสวํ นทกี่ าหนดให๎ การหา ห.ร.ม. ของจานวนนับไมํเกิน 3 จานวน การ หา ค.ร.น. ของจานวนนับไมเํ กิน 3 จานวน การแสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาโดยใช๎ความร๎ูเกี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. การหาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คณู หารระคนของเศษสํวนและจานวนคละ แสดงวิธีหาคาตอบของ โจทยป์ ญั หาเศษสํวนและ จานวนคละ 2-3 ขนั้ ตอน การหาผลหารของทศนยิ มที่ตัวหารและผลหารเปน็ ทศนิยมไมํ เกิน 3 ตาแหนํง การแสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม 3 ข้นั ตอน การ แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาอัตราสํวน การแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาร๎อยละ 2-3 ขั้นตอน การ แสดงวิธีคิดและหาคาตอบของปัญหา เกี่ยวกบั แบบรปู การแสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับปริมาตร ของรูปเรขาคณติ สามมิติที่ประกอบด๎วยทรงสีเ่ หลี่ยมมมุ ฉาก การแสดงวิธหี าคาตอบของโจทยป์ ญั หาเกยี่ วกบั ความ ยาวรอบรปู และพน้ื ท่ขี องรูปหลายเหลี่ยม การแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับความยาวรอบรูปและ พน้ื ที่ของวงกลม การจาแนกรูปสามเหลี่ยมโดยพิจารณาจากสมบัติของรูป การสร๎างรูปสามเหลี่ยม เม่ือกาหนด ความยาวของดา๎ นและขนาดของมุม การบอกลักษณะของรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดตํางๆ การระบุรูปเรขาคณิต สามมติ ิทปี่ ระกอบจากรูปคล่ี และระบุรูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติ และการใช๎ข๎อมูลจากแผนภูมิรูปวงกลมใน การหาคาตอบของโจทย์ปัญหา โดยใชก๎ ระบวนการทางคณิตศาสตรใ์ นการเปรยี บเทียบ เรียงลาดับ เขียนอัตราสํวน หาอัตราสํวน หา ห. ร.ม ค.ร.น แสดงวิธีคิด หาผลลัพธ์ แสดงวิธีหาคาตอบ จาแนก บอกลักษณะรูปเลขาคณิตสามมิติ ใช๎ข๎อมูลจาก แผนภูมิรูปวงกลมหาคาตอบ บูรณาการกระบวนการคิดสร๎างสรรค์ กระบวนการแก๎ปัญหา กระบวนการกลํุม กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ กระบวนการสร๎างความตระหนกั กระบวนการสรา๎ งความรคู๎ วามเขา๎ ใจ การให๎เหตุผลอิง หลักการ และกระบวนการสร๎างทักษะการฝึกปฏิบัติ ผํานกระบวนการเรียนร๎ูตามแนวคิด Research Based Learning เ พื่ อ ใ ห๎ ผู๎ เ รี ย น มี ทั ก ษ ะ ใ น ก า ร ส่ื อ ส า ร แ ล ะ ส่ื อ ค ว า ม ห ม า ย ท า ง ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ ตํ า ง ๆ มคี วามสามารถในการคิดแก๎ปัญหา ใหเ๎ หตผุ ลทางคณิตศาสตร์โดยมีข๎อเท็จจริงทางคณิตศาสตร์รองรับ ใฝุเรียนรู๎ มํุงมั่นในการทางานทางคณิตศาสตร์ ใช๎ความรท๎ู างคณติ ศาสตรเ์ ป็นเครอื่ งมอื ในการเรียนรู๎เน้ือหาตาํ งๆ หรอื ศาสตร์ อ่ืนๆ และนาทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ไปใชใ๎ นชีวติ จรงิ ตัวช้วี ัด ค 1.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8, ป.6/9, ป.6/10, ป.6/11, ป.6/12 ค 1.2 ป.6/1 ค 2.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 ค 2.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4 ค 3.1 ป.6/1 รวม 21 ตัวช้วี ดั
๒๘ คาอธบิ ายรายวชิ า ว11101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 120 ชัว่ โมง ศึกษา วิเคราะห์ ระบชุ อ่ื พชื และสัตว์ทีอ่ าศัยอยูบํ รเิ วณตาํ งๆ จากขอ๎ มลู ที่รวบรวมได๎ บอกสภาพแวดล๎อม ที่เหมาะสมกบั การดารงชีวิต ของสตั ว์ในบริเวณที่อาศัยอยูํ บรรยายลักษณะและบอกหน๎าที่ของ สํวนตํางๆของ รํางกายมนุษย์สัตว์ และพืช รวมท้ังบรรยายการทาหน๎าที่รํวมกันของ สํวนตํางๆ ของรํางกายมนุษย์ในการทา กจิ กรรมตําง ๆจากข๎อมูลท่ีรวบรวมได๎ ตระหนักถึงความสาคัญของสํวนตํางๆ ของรํางกายตนเอง โดยการดูแล สวํ นตํางๆ อยาํ ถกู ตอ๎ งใหป๎ ลอดภัย และรกั ษาความสะอาดอยํเู สมอ อธบิ ายสมบัติที่สังเกตได๎ของวัสดุที่ใช๎ทาวัตถุ ซึ่งทาจากวัสดชุ นุ เดียวหรอื หลายชุนประกอบกนั โดยใช๎หลกั ฐานเชิงประจักษ์ ระบุชนิดของวัสดุและจัดกลุํมวัสดุ ตามสมบัติทีส่ งั เกตได๎ บรรยายการเกดิ เสียงและทิศทางการเคล่อื นท่ี ของเสียงจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ระบดุ าว ท่ปี รากฏบนทอ๎ งฟูาในเวลากลางวนั และกลางคนื จากข๎อมูลท่ีรวบรวมได๎ อธิบายสาเหตุท่ีมองไมํเห็นดาวสํวนใหญํ ในเวลากลางวันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ อธิบายลักษณะภายนอกของหิน จากลักษณะ เฉพาะตัวท่ีสังเกตได๎ แกป๎ ัญหาอยาํ งงํายโดยใชก๎ ารลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ แสดงลาดับขั้นตอนการทางานหรือการแก๎ปัญหา อยํางงํายโดยใช๎ภาพสญั ลักษณ์หรอื ข๎อความ เขยี นโปรแกรมอยํางงําย โดยใช๎ซอฟต์แวร์ หรอื สอื่ ใช๎เทคโนโลยีใน การสร๎าง จัดเกบ็ เรยี กใชข๎ อ๎ มูล ตามวัตถุประสงค์ ใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศอยาํ งปลอดภัยปฏิบัติ ตามข๎อตกลงใน การใช๎คอมพวิ เตอร์รํวมกนั ดแู ล รักษาอปุ กรณเ์ บื้องตน๎ ใชง๎ านอยํางเหมาะสม เพื่อให๎รักการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกิดความรู๎ ความคิด ความ เข๎าใจ มีจิตวิทยาศาสตร์ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู๎ สามารถตัดสินใจ มีทักษะในการดารงชีวิต และนาความรู๎ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นเคร่อื งมือในการเรยี นร๎วู ชิ าอื่นและนาไปใช๎ในชีวติ ประจาวันได๎อยํางถูกตอ๎ งและเหมาะสม ตวั ชว้ี ดั ว 1.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 1.2 ป.1/1 ป.1/2 ว 2.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 2.3 ป.1/1 ว 3.1 ป.1/1 ป.1/2 ว.3.2 ป.1/1 ว.4.2 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป1.4 ป.1/5 รวมทง้ั หมด 15 ตวั ช้วี ัด
๒๙ ว12101 วิทยาศาสตร์และทคโนโลยี 2 คาอธิบายรายวิชา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 120 ช่ัวโมง ศึกษาเรียนร๎แู บบนักวทิ ยาศาสตร์ ลกั ษณะของสง่ิ มีชีวิตและสิ่งไมํมีชีวิต ความจาเป็นของแสงและน้า ตอํ การเจรญิ เติบโตของพชื วัฏจกั รชวี ติ ของพืชดอก สมบัติการดูดซับนา้ ของวัสดุและการนาไปใช๎ประโยชน์ สมบัติ ของวัสดทุ เ่ี กิดจากการนาวัสดมุ าผสมกนั การเลือกวัสดุมาใช๎ ทาวัตถุตามสมบัตขิ องวสั ดุ การนาวสั ดทุ ใ่ี ชแ๎ ล๎วกลับมาใชใ๎ หมํ การเคล่อื นทีข่ องแสง การมองเห็นวัตถุ การปอู งกนั อนั ตรายจากการมองวตั ถใุ นบริเวณท่ีมแี สงสวํางไมเํ หมาะสม สํวนประกอบของการจาแนกชนิดของดิน การใช๎ประโยชน์จากดิน การแสดงข้ันตอนการแก๎ปัญหา การตรวจหาข๎อผิดพลาดของโปรแกรม การใช๎งาน ซอฟต์แวร์เบ้ืองต๎นการจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ การใช๎งานและดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีใน ชีวติ ประจาวนั การใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศอยาํ งปลอดภยั การสบื เสาะหาความร๎ู สงั เกต จาแนกประเภท รวบรวมขอ๎ มลู บันทกึ และอธบิ ายผลสารวจตรวจสอบ เพอื่ ให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ มที กั ษะการะบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ัน้ พน้ื ฐานและมีทักษะการเรียนรู๎ในศตวรรษ ที่ 21 ในด๎านการใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเบื้องต๎น สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู๎ มีความคิด สรา๎ งสรรค์ สามารถทางานรวํ มกบั ผู๎อ่นื แสดงข้ันตอนการแก๎ปญั หาอยาํ งงําย เขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขโดยใช๎ บัตรคาสง่ั และตรวจหาขอ๎ ผิดพลาด ใช๎งานซอฟตแ์ วร์ สรา๎ ง จัดหมวดหมไํู ฟล์และโฟลเดอร์ ตะหนกั ถงึ ประโยชน์ของการใชค๎ วามรู๎และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการดารงชีวิต ตระหนักถึง ความสาคัญของการปูองปกข๎อมูลสวํ นตัว ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศอยาํ งปลอดภัย ดแู ลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคาํ นยิ มทเี่ หมาะสม ตัวชีว้ ดั ว 1.2 ป.1/2, ป.2/2, ป.2/3 ว 1.3 ป.2/1 ว 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 ว 2.3 ป.2/1, ป.2/2 ว 3.2 ป.2/1, ป.2/2 ว 4.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 ตวั ชี้วัดรวม 16 ตวั ชว้ี ัด
๓๐ คาอธบิ ายรายวชิ า ว13101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 120 ช่วั โมง ศึกษาลกั ษณะตํางๆ ของสงิ่ มีชีวิตใกล๎ตัว การเปรยี บเทยี บและระบุลกั ษณะที่คล๎ายคลึงกันของพํอแมํกับลูก การถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การสืบค๎นข๎อมูลเก่ียวกับส่ิงมีชีวิตบางชนิดท่ีสูญพันธุ์ไปแล๎ว และที่ดารงพันธุ์มา จนถึงปจั จุบนั ทรพั ยากรธรรมชาติและการใช๎ทรัพยากรธรรมชาตใิ นทอ๎ งถ่นิ ทรัพยากรธรรมชาติที่กํอให๎เกิดปัญหา สงิ่ แวดลอ๎ ในท๎องถ่ิน การใชท๎ รัพยากรธรรมชาตอิ ยํางประหยดั คุ๎มคํา การจาแนกชนิดและสมบัติของวัสดุ การใช๎ ประโยชนข์ องวสั ดุแตลํ ะชนิด อันตรายทีอ่ าจเกดิ ขึน้ เน่ืองจากการเปล่ียนแปลงของวัสดุ การตกของวัตถุสํูพ้ืน โลก และแรงทโ่ี ลกดงึ ดูดวตั ถุ การตกของวัตถุสูํพ้ืนโลก และแรงที่โลกดึงดูดวัตถุ แหลํงพลังงานธรรมชาติท่ีใช๎ ผลิตไฟฟูา ความสาคัญของพลังงานไฟฟาู และการใช๎ไฟฟูาอยาํ งประหยัดและปลอดภัย สมบัติทางกายภาพของ น้าจากแหลํงน้าในท๎องถิ่น การสืบค๎นข๎อมูลและ สํวนประกอบของอากาศและความสาคัญของอากาศ การ เคล่อื นท่ีของอากาศที่มผี ลจากความแตกตาํ งของอุณหภมู สิ งั เกต และอธบิ ายการข้นึ ตกของดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ การเกิดกลางวันกลางคืน และการกาหนดทิศ การ เลือกใช๎วัสดุอุปกรณ์ เคร่ืองมือที่เหมาะสมในการสา รวจ ตรวจสอบ การจดั กลมํุ ข๎อมลู เปรยี บเทียบกับสิ่งที่คาดการณ์ไว๎ การตั้งคาถามใหมํจากผลการสารวจตรวจสอบ รวบรวมขอ๎ มลู จากกลมํุ นาไปสกํู ารสรา๎ งความรู๎การสงั เกต สารวจตรวจสอบตามความเป็นจริง มีแผนภาพประกอบ คาอธิบาย โดยสังเกต อธบิ าย สารวจ จดบันทึก ลักษณะ หน๎าท่ีและความสาคัญของอวัยวะภายนอกของมนุษย์ ตลอดจนการดูแลรักษาสขุ ภาพ ใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความร๎ู การแกป๎ ญั หา รว๎ู าํ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ่เี กดิ ข้นึ สํวนใหญมํ รี ปู แบบทแี่ นนํ อน สามารถอธิบายและตรวจสอบ ได๎ ผเ๎ู รียนมี มจี ติ วิทยาศาสตร์ ส่ือสารสิง่ ที่เรยี นรูแ๎ ละนาความรไู๎ ปใช๎ประโยชนอ์ ยํางมคี ุณธรรมตํอชีวิตและ สิ่งแวดล๎อม แสดงความซาบซ้ึงตอํ สิ่งแวดลอ๎ มรอบตวั แสดงถึงความมเี มตตา ตวั ชีว้ ัด ว.1.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว.2.1 ป.3/1 ป.3/2 ว.2.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว.2.3 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว.3.1 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว.3.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว.4.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3 /3 ป.3/4 ป. 3/5 รวมทั้งหมด 25 ตวั ชว้ี ดั
๓๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ว14101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 120 ชัว่ โมง ศกึ ษาวเิ คราะห์โครงสร๎างและหนา๎ ที่ของราก ลาตน๎ ใบ และดอกของพืชดอก ความแตกตํางลักษณะของ สิ่งมชี ีวิตออกเปน็ กลุมํ พชื กลํุมสตั ว์ และกลุมํ ท่ไี มใํ ชพํ ืชและสัตว์ พืชดอกและพืชไมํมีดอก สตั วม์ กี ระดูกสันหลงั และ สตั วไ์ มมํ กี ระดกู สนั หลงั ลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได๎ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลํุมปลา กลํุมสัตว์คร่ึงน้าคร่ึงบก กลํมุ สตั วเ์ ลอ้ื ยคลาน กลํุมนก และกลุํมสัตว์เลี้ยงลูกด๎วยนม ทดลอง เปรียบเทียบสมบัติของวัสดุ ด๎านความแข็ง สภาพยืดหยนํุ การนาความรอ๎ น และการนาไฟฟูาของวัสดุ สมบัติของสสารและการใช๎เครื่องมือเพื่อวัดมวลและ ปรมิ าตรของสสารทั้ง 3 สถานะ แรงโนม๎ ถวํ งทม่ี ีตํอวัตถุ มวลทีม่ ีผลตํอการเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุ วัตถุ ทีเ่ ป็นตัวกลางโปรํงใส โปรํงแสง และวัตถุทึบแสง การขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเปลี่ยนแปลงรูปราํ งปรากฏของ ดวงจนั ทร์ ระบบสุริยะและคาบการโคจรของดาวเคราะห์ตาํ งๆ ศกึ ษาการใช๎เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแก๎ปญั หา การ อธิบายการทางาน การคาดการณผ์ ลลพั ธ์ การออกแบบและการเขียนโปรแกรมอยาํ งงาํ ยโดยใชซ๎ อฟแวร์ ศึกษาการ ใชอ๎ นิ เทอร์เน็ตค๎นหาความรู๎ การประเมินความนําเชื่อถือของข๎อมูล และการรวบรวมข๎อมูล ประเมินทางเลือก พรอ๎ มทง้ั การนาเสนอขอ๎ มูลในรปู แบบตามความเหมาะสม ศกึ ษาการใช๎ซอฟตแ์ วรเ์ พื่อแกป๎ ญั หาในชวี ติ ประจาวนั โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการบรรยายลักษณะเฉพาะ เปรียบเทียบสมบัติ ทางกายภาพ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ใช๎หลักฐานเชิงประจักษ์ จาแนกวัตถุ สร๎างแบบจาลอง ใช๎เหตุผลเชิง ตรรกะในการแก๎ปัญหา ออกเขียนและเขียนโปรแกรม ประเมินความนําเช่ือถือ ของข๎อมูลจากอินเทอร์เน็ต ใช๎ เทคโนโลยสี ารสนเทศ บูรณาการกระบวนการวเิ คราะห์ กระบวนการสบื เสาะ กระบวนการกลุํม เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนแสดงความรับผิดชอบด๎วยกระบวนการทางานท่ีรับมอบหมายอยํางรอบคอบ ประหยัด ซอื่ สัตย์ จนงานลุลํวงเป็นผลสาเร็จ แสดงความคดิ เหน็ ของตนเองยอมรับในข๎อมูลที่มีหลักฐานอ๎างอิง และทางาน รวํ มกบั ผอ๎ู น่ื อยําง ตัวชี้วัด ว 1.2 ป.4/1 ว 1.3 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ว 2.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ว 2.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ว 2.3 ป.4/1 ว 3.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ว 4.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5 รวมทงั้ หมด 21 ตวั ช้วี ดั
๓๒ คาอธิบายรายวิชา ว15101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา ๑๒0 ช่ัวโมง ศกึ ษาโครงสร๎างและลกั ษณะทเ่ี หมาะสมของสิ่งมชี ีวิตในการปรบั ตวั ในแตลํ ะแหลงํ ท่ีอยคํู วามสัมพันธ์ซ่ึง กันและกันของสิ่งมีชีวิตและความสัมพันธ์ส่ิงมีชีวิตกับส่ิงไมํมีชีวิตเพ่ือประโยชน์ตํอการดารงชีวิต ความสัมพันธ์ สิ่งมีชวี ิตรูปแบบของโซํอาหารทาให๎สามารถระบบุ ทบาทหนา๎ ทขี่ องสิง่ มีชวี ิตเป็นผผ๎ู ลิตและผบ๎ู ริโภค ประโยชนแ์ ละ คุณคําของสิง่ แวดล๎อมที่มตี ํอการดารงชวี ิตของสง่ิ มชี วี ติ โดยมสี วํ นรํวมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล๎อม การถํายทอด ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสงิ่ มชี วี ติ การเปลยี่ นแปลงของสสารทง้ั การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ การเปลี่ยนแปลง ทางเคมี การเปล่ียนแปลงแบบผันกลับการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรง ซ่ึงอยูํในแนวเดียวกันที่กระทาตํอวัตถุ การทดลองและอธิบาย แรงเสยี ดทานการเกิดเสยี งและการเคลอื่ นทข่ี องเสยี งการเกดิ เสยี งสงู เสียงตา่ การอธิบาย เสียงดงั เสยี งคํอย อันตรายท่ีเกิดขึน้ เมอ่ื ฟังเสียงดังมาก ๆ การเปรยี บเทยี บการเกิดเมฆ หมอก นา้ ค๎าง ฝน และ ลูกเห็บการเกิดวัฏจักรน้าการวัดอุณหภูมิ ความช้ืน และความกดอากาศ การเกิดลมการเกิดทิศ และ ปรากฏการณ์การข้นึ ตกของดวงดาวโดยใชแ๎ ผนทดี่ าว ศึกษาการใช๎เหตุผลเชิงตรรกะในการแก๎ปัญหา การอธิบาย การทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ การออกแบบและการเขียนโปรแกรมอยํางงํายโดยใช๎ซอฟแวร์ ศึกษาการใช๎ อินเทอรเ์ นต็ คน๎ หาความร๎ู การประเมนิ ความนาํ เชอื่ ถอื ของขอ๎ มูล และการรวบรวมขอ๎ มูล ประเมนิ ทางเลอื ก พรอ๎ ม ท้งั การนาเสนอขอ๎ มลู ในรูปแบบตามความเหมาะสม ศกึ ษาการใช๎ซอฟต์แวร์เพื่อแกป๎ ญั หาในชีวติ ประจาวนั โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการบรรยายลักษณะเฉพาะ เปรียบเทียบสมบัติ ทางกายภาพ แลกเปล่ียนความคิดเห็น ใช๎หลักฐานเชิงประจักษ์ จาแนกวัตถุ สร๎างแบบจาลอง ใช๎เหตุผลเชิง ตรรกะในการแก๎ปัญหา ออกเขียนและเขียนโปรแกรม ประเมินความนําเช่ือถือ ของข๎อมูลจากอินเทอร์เน็ต ใช๎ เทคโนโลยีสารสนเทศ บูรณาการกระบวนการวเิ คราะห์ กระบวนการสบื เสาะ กระบวนการกลุมํ เพ่ือใหผ๎ ๎ูเรยี นแสดงความรับผิดชอบด๎วยกระบวนการทางานท่ีรับมอบหมายอยํางรอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุลํวงเป็นผลสาเรจ็ แสดงความคิดเห็นของตนเองยอมรบั ในข๎อมูลท่ีมีหลักฐานอ๎างอิง และทางาน รํวมกบั ผ๎ูอ่ืนอยําง ตวั ชวี้ ดั ว ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ ว ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ว ๒.๑ ป.๕/๑ , ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ ว ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ , ป.๕/๕ ว ๒.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ , ป.๕/๕ ว ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ว ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ , ป.๕/๕ ว ๔.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒ , ป.๕/๓ , ป.๕/๔ , ป.๕/๕ รวมทง้ั หมด ๓๒ ตัวช้วี ัด
๓๓ คาอธบิ ายรายวชิ า ว16101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 120 ชั่วโมง ศกึ ษาและเรียนรเ๎ู กย่ี วกับสารอาหารและประโยชน์ของสารอาหารแตํละประเภท แนวทางในการเลือก รบั ประทานอาหารใหไ๎ ด๎สารอาหารครบถว๎ นในสดั สวํ นทเ่ี หมาะสมกบั เพศและวยั รวมทัง้ ความปลอดภยั ตํอสขุ ภาพ ความสาคญั ของสารอาหาร ระบบยอํ ยอาหาร และหนา๎ ท่ีของอวัยวะในระบบยํอยอาหาร รวมทั้งการยํอยอาหาร และการดดู ซึมสารอาหาร แนวทางในการดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบยอํ ยอาหารใหท๎ างานเปน็ ปกติ การเกดิ และผล ของแรงไฟฟูา สํวนประกอบและหน๎าที่ของแตํละสํวนประกอบของวงจรไฟฟูาอยํางงําย เขียนแผนภาพและตํอ วงจรไฟฟูาอยํางงําย วิธีการและผลของการตํอเซลล์ไฟฟูาแบบอนุกรม ประโยชน์และการประยุกต์การตํอ เซลลไ์ ฟฟาู แบบอนุกรมในชวี ติ ประจาวนั การตํอหลอดไฟฟาู แบบอนกุ รมและแบบขนาน ประโยชน์ ขอ๎ จากดั และ การประยุกต์การตํอหลอดไฟฟูาแบบอนุกรมและแบบขนานในชวี ติ ประจาวัน การเกิดเงามืดเงามัว เขียนแผนภาพ รงั สีของแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามัว การแยกสารผสมโดยการหยิบออก การรอํ น การใช๎แมํเหล็กดึงดูด การริน ออก การกรอง และการตกตะกอน รวมทั้งวิธแี กป๎ ญั หาในชีวติ ประจาวนั เกี่ยวกับการแยกสาร กระบวนการเกดิ หิน อัคนี หินตะกอน และหินแปร และวัฏจักรหนิ ตัวอยํางการใช๎ประโยชน์ของหินและแรํในชีวิตประจาวัน การเกิด ซากดึกดาบรรพ์และคาดคะเนสภาพแวดลอ๎ มในอดีตของซากดึกดาบรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทง้ั ผลท่มี ตี ํอสง่ิ มชี ีวิตและส่งิ แวดลอ๎ ม ผลของมรสมุ ตํอการเกดิ ฤดูของประเทศไทย ลกั ษณะและผลกระทบของ น้าทํวม การกัดเซาะชายฝังง ดินถลํม แผํนดินไหว และสึนามิ ผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย แนวทางในการเฝูาระวังและปฏบิ ัติตนให๎ปลอดภัยจากภยั ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นในท๎องถิ่น การ เกดิ ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก และผลของปรากฏการณ์เรือนกระจกตํอสิ่งมีชีวิต แนวทางการปฏิบัติตนเพ่ือลด กจิ กรรมที่กํอใหเ๎ กดิ แกส๏ เรือนกระจก ปรากฏการณ์สรุ ยิ ุปราคาและจันทรปุ ราคา พัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศ และตัวอยํางการนาเทคโนโลยีอวกาศมาใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน ศึกษาการแก๎ปัญหาโดยใช๎เหตุผลเชิง ตรรกะ การใช๎งานอินเทอรเ์ นต็ การค๎นหาข๎อมลู โดยใชอ๎ นิ เทอร์เนต็ การประเมินความนําเช่ือถือ ศึกษาการใช๎งาน เทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยในการใช๎งานเทคโนโลยี โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการบรรยายลักษณะเฉพาะ เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพ แลกเปล่ียนความคิดเห็น ใช๎หลักฐานเชิงประจักษ์ จาแนกวัตถุ สร๎างแบบจาลอง ใช๎เหตุผลเชิงตรรกะในการ แก๎ปัญหา ออกเขียนและเขียนโปรแกรม ประเมินความนําเช่ือถือ ของข๎อมูลจากอินเทอร์เน็ต ใช๎เทคโนโลยี สารสนเทศ บรู ณาการกระบวนการวิเคราะห์ กระบวนการสบื เสาะ กระบวนการกลํมุ ผ๎ูเรยี นมี มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ สือ่ สารสิง่ ท่ีเรียนร๎ูและนาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์อยํางมีคุณธรรมตํอชีวิตและ สง่ิ แวดล๎อม แสดงความซาบซ้ึงตอํ สิ่งแวดลอ๎ มรอบตัว แสดงถงึ ความมีเมตตา ตวั ชว้ี ดั ว ๑.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓, ป.๖/๔ , ป.๖/๕ ว ๒.๑ ป.๖/๑ ว ๒.๒ ป.๖/๑ ว ๒.๓ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๕ , ป.๖/๕ , ป.๖/๖, ป.๖/๗ , ป.๖/๘ ว ๓.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ ว ๓.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ , ป.๖/๕ , ป.๖/๕ , ป.๖/๖, ป.๖/๗ , ป.๖/๘ , ป.๖/๙ ว ๔.๒ ป.๖/๑ , ป.๖/๒, ป.๖/๓ , ป.๖/๔ รวมทั้งหมด 3๐ ตัวช้ีวัด
๓๔ คาอธิบายรายวิชา ส ๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม๑ กล่มุ สาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ เวลา 8๐ ช่วั โมง สังเกต ศึกษาค๎นควา๎ รวบรวมข๎อมูล อภปิ ราย ความหมาย ความสาคัญ องคป์ ระกอบเบอ้ื งตน๎ ของศาสนา ประโยชน์ ประวตั ิ ศาสดาของศาสนา สรุปใจความสาคญั ของคมั ภรี ์ ความคดิ หลกั ของศาสนา สรปุ หลักจริยธรรม การบาเพ็ญประโยชน์ วิธีปฏิบัติ การใช๎ภาษาเก่ียวกับศาสนพิธี พิธีกรรมในวันสาคัญ ฝึกปฏิบัติการบริหาร จติ การเจรญิ ปญั ญาเบอ้ื งต๎น เปรียบเทียบ การทาความดี ปฏบิ ตั ิตนตามคาแนะนา รวบรวมขน้ั ตอน ของศาสนพิธี คณุ ลกั ษณะของการเป็นพลเมอื งดีในสังคมประชาธิปไตยมีความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ความกล๎าหาญ ความ เสยี สละ การเคารพสิทธิและหนา๎ ที่ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น การแก๎ปัญหาความขัดแย๎งในครอบครัว กฎ กติกา ความหมาย ความสาคัญของรัฐธรรมนูญ ประโยชน์ของรายรับ-รายจําย ต๎นทุนผลประโยชน์ท่ีได๎รับ ทรัพยากรในท๎องถ่นิ ระบบเศรษฐกิจพอเพยี ง อาชีพของครอบครัวและชุมชน การซื้อขายแลกเปล่ียนสินค๎าและ บริการ ในชีวิตประจาวนั ลักษณะทางกายภาพของบ๎าน โรงเรียน และชุมชน องค์ประกอบของ แผนผัง การ เขียนแผนท่ีเบื้องต๎นอยํางงําย ทรัพยากรธรรมชาติ การพ่ึงพาอาศัยซึ่งกันและกัน ผลเสียกา รทาลาย ทรพั ยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดล๎อมทางสังคม การสร๎างสรรค์ สิ่งแวดล๎อม การอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อมทางธรรมชาติ และทางสังคม โดยใชก๎ ระบวนการทางสังคม กระบวนการสืบคน๎ กระบวนการกลมุํ และกระบวนการแก๎ปญั หา เพื่อให๎เกิดความรู๎ ความเข๎าใจ สามารถนาไปปฏิบัติในการดาเนินชีวิต มีคุณธรรม จริยธรรม มี คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ในด๎านรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสัตย์ มีวนิ ัย ใฝุเรียนรู๎ รกั ความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ สามารถดาเนนิ ชวี ติ อยาํ งสันติสขุ ในสังคมไทย และสงั คมโลก สามารถนาความรไ๎ู ปใชใ๎ หเ๎ กิดประโยชน์โดยใช๎หลัก ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช๎กบั ชวี ิตประจาวันได๎อยาํ งถกู ต๎องเหมาะสม รหัสตวั ชว้ี ัด ส ๑.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ , ป.๑/๔ ส ๑.๒ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ ส ๒.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ ส ๒.๒ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ ส ๓.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ ส ๓.๒ ป.๑/๑ ส ๕.๑ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ , ป.๑/๔ , ป.๑/๕ ส ๕.๒ ป.๑/๑ , ป.๑/๒ , ป.๑/๓ รวม ๒๔ ตัวช้ีวัด
๓๕ ผลการเรยี นรู๎ทคี่ าดหวงั กลุํมสาระการเรียนรู๎ หน๎าทพ่ี ลเมอื ง ๑ (บูรณาการกบั กลํุมสาระการเรียนรสู๎ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม) ๑. ปฏบิ ัติตนเป็นผมู๎ มี ารยาทไทย ๒. แสดงออกถงึ ความกตัญญูกตเวทีตอํ บุคคลในครอบครัว ๓. เหน็ ความสาคญั ของภาษาไทย ๔. เขา๎ รํวมกจิ กรรมเกย่ี วกบั ชาติ ศาสนา และสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ๕. ปฏบิ ตั ิตนตามพระบรมราโชวาท หลกั การทรงงาน และหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๖. ปฏบิ ตั ติ นตามข๎อตกลง กติกา และหนา๎ ทท่ี ี่ตอ๎ งปฏบิ ตั ิในห๎องเรียน ๗. ปฏบิ ัตติ นตามบทบาทหน๎าที่ในฐานะสมาชิกทดี่ ขี องครอบครวั และห๎องเรียน ๘. ยอมรบั ความเหมือนและความแตกตาํ งของตนเองและผอ๎ู น่ื ๙. ยกตัวอยํางความขัดแย๎งในห๎องเรยี นและเสนอวิธกี ารแกป๎ ัญหาโดยสันติวธิ ี ๑๐.ปฏบิ ตั ติ นเป็นผูม๎ วี ินัยในตนเอง
๓๖ คาอธิบายรายวชิ า ส ๑๒๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง ศกึ ษา รวบรวม วเิ คราะห์ และสรปุ เรอ่ื งราว ความสาคัญเกยี่ วกับศาสดา หลักธรรมของ พระพุทธศาสนา ประวตั ิของศาสดาทต่ี นนบั ถอื ความสาคัญของพระรัตนตรยั โอวาท 3 สวดมนต์ แผเํ มตตา พัฒนาจิต ธารงรักษา พระพุทธสาสนา แสดงตนเป็นพุทธมามกะที่ดี ปฎิบัติตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และวันสาคัญทางพุทธศาสนา ความสาคญั ของคัมภีรข์ องศาสนาท่นี บั ถือ ประพฤตปิ ฎบิ ัติตนตามหนา๎ ทก่ี ารเปน็ พลเมอื งดี ตามวถิ ีประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข เป็น สมาชกิ ทีด่ ขี องสงั คม ปฎบิ ตั ิตนตามข๎อตกลง กติกา กฎ ระเบียบ มารยาทไทย ยอมรับความเช่ือและการปฎิบัติ ของบุคคลอ่ืนที่แตกตํางกันโดยปราศจากอคติ ยึดมั่น ศรัทธา และธารง รักษาไว๎ซึ่งการปกครองอันมี พระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ เคารพสิทธขิ องผอู๎ ื่น วิเคราะห์ระบบการเมืองการปกครอง เป็นสมาชิกท่ีดีของ ชมุ ชนบริหารจดั การทรัพยากรท่ีมีอยํูอยํางจากัดให๎เกิดประโยชน์สูงสุด นาหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงใช๎ใน ชวี ติ ประจาวัน ใช๎จาํ ยเงินไมํเกินตัวและเหน็ ประโยชน์ของการออม ระบุทรพั ยากรท่นี ามาผลติ สนิ คา๎ และบริการที่ ใชใ๎ นชวี ิตประจาวัน จัดทาบญั ชรี ายรบั รายจํายไดถ๎ กู ตอ๎ ง เข๎าใจระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจตํางๆ ใช๎เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ ในการค๎นหา วิเคราะห์ สรุป และใช๎ข๎อมูลภูมิ สารสนเทศอยํางมีประสทิ ธิภาพ ความสัมพันธ์ของปรากฎการณ์ระหวํางโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ระบุ ตาแหนํงลกั ษณะทางกายภาพของสิง่ ตํางๆที่ปรากฏในลูกโลก แผนที่ แผนผัง และภาพถําย มีจิตสานึกและมีสํวน รํวมในการอนุรกั ษท์ รพั ยากรและส่ิงแวดล๎อมเพื่อการพัฒนาท่ียั่งยืน เห็นความสาคัญและคุณคําของสิ่งแวดล๎อม ทางธรรมชาติและทางสังคม ใช๎ทรัพยากรธรรมชาติอยํางค๎ุมคํา มีสํวนรํวมในการฟื้นฟูปรับปรุงสิ่งแวดล๎อมใน โรงเรยี นและชมุ ชน โดยใช๎กระบวนการกลมุํ การคิดวิเคราะห์ กระบวนการสร๎างความตระหนัก เพื่อให๎มีความร๎ูความเข๎าใจ เกย่ี วกบั ความเป็นมาของศาสนาท่ตี นนบั ถอื ความสามารถในการสื่อสาร การแก๎ปัญหา การใช๎ทักษะชีวิต การใช๎ เทคโนโลยี เพ่ือให๎ดารงตนอยํใู นสงั คมอยาํ งมีความสุข เห็นคุณคาํ ของหลกั คาสอนของพุทธศาสนา มีคุณธรรม จริยธรรม การอยํูรํวมกันอยํางสันติสุข มีความ เคารพซง่ึ กนั และกนั ดาเนนิ ชวี ิตแบบพอเพียง รกั ษาสภาพแวดล๎อมใหน๎ าํ อยูํ ตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ และ หวงแหนในความเป็นชาติไทย นาความรู๎ไปปรับใช๎ในชวี ิตประจาวัน มี ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต มวี นิ ัย ใฝุเรยี นรู๎ มุงํ ม่นั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ รหสั ตวั ชีว้ ดั ส. 1.1 ป. 2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 , 2/5, ป.2/6, ป.2/7 , ส. 1.2 ป. 2/1, ป.2/2, ส. 2.1 ป. 2/1, ป.2/2 ป. 2/3 ,ป. 2/4 ส. 2.2 ป. 2/1 ,ป. 2/2 , ส. 3.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3 ป.2/4 ส. 3.2 ป. 2/1 ป.2/2 ส. 5.1 ป. 2/1, ป.2/2, ป.2/3, ส. 5.2 ป. 2/1, ป.2/2, ป.2/3 ป.2/4 รวมทงั้ หมด 28 ตัวช้วี ัด
๓๗ ผลการเรยี นรู๎ทคี่ าดหวงั กลุํมสาระการเรียนรู๎ หน๎าทพ่ี ลเมอื ง ๒ (บูรณาการกบั กลํุมสาระการเรียนรสู๎ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม) ๑. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผูม๎ มี ารยาทไทย ๒. แสดงออกถงึ ความกตัญญูกตเวทีตอํ บุคคลในครอบครัว ๓. เหน็ ความสาคญั ของภาษาไทย ๔. เขา๎ รํวมกจิ กรรมเกย่ี วกบั ชาติ ศาสนา และสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ๕. ปฏบิ ตั ิตนตามพระบรมราโชวาท หลกั การทรงงาน และหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๖. ปฏบิ ตั ติ นตามข๎อตกลง กติกา และหนา๎ ทท่ี ี่ตอ๎ งปฏบิ ตั ิในห๎องเรียน ๗. ปฏบิ ัตติ นตามบทบาทหน๎าที่ในฐานะสมาชิกทดี่ ีของครอบครวั และห๎องเรียน ๘. ยอมรบั ความเหมือนและความแตกตาํ งของตนเองและผอ๎ู น่ื ๙. ยกตัวอยํางความขัดแย๎งในห๎องเรยี นและเสนอวิธกี ารแกป๎ ัญหาโดยสันติวธิ ี ๑๐.ปฏบิ ตั ติ นเป็นผมู๎ วี ินัยในตนเอง
๓๘ คาอธบิ ายรายวิชา ส ๑๓๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม๓ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๘๐ ชั่วโมง ศึกษา รวบรวม วเิ คราะห์ และสรุปเรอื่ งราว ความสาคญั เกย่ี วกบั ศาสดา หลกั ธรรมของ พระพุทธศาสนา ประวัติของศาสดาทตี่ นนับถือ พุทธประวัตติ งั้ แตกํ ารบาเพ็ญเพยี ร จนถงึ ปรนิ พิ พาน ความหมายพระไตรปิฎก หรือ คมั ภีร์ ของศาสนาทต่ี นนบั ถอื ความสาคัญของพระรตั นตรยั โอวาท 3 สวดมนต์ แผเํ มตตา พัฒนาจติ ธารงรกั ษา พระพุทธสาสนา แสดงตนเป็นพุทธมามกะที่ดี ปฎิบัติตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และวันสาคัญทางพุทธศาสนา ประพฤติปฎิบัติตนตามหน๎าท่ีการเป็นพลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข เป็น สมาชิกที่ดีของสังคม ปฎบิ ัตติ นตามประเพณแี ละวัฒนธรรมในครอบครัวและท๎องถ่ิน มีพฤติกรรมในการดาเนิน ชวี ติ ทอี่ ยใํู นกระแสวัฒนธรรมทห่ี ลากหลาย วเิ คราะห์ระบบการเมอื งการปกครอง เปน็ สมาชกิ ท่ีดีของชุมชน มีสวํ น รวํ มในกิจกรรมตํางๆตามกระบวนการประชาธปิ ไตย วเิ คราะห์ความแตกตํางของกระบวนการตัดสินใจ โดยวิธีการ ออกเสียง โดยตรงและการเลือกตัวแทนออกเสียง บรหิ ารจดั การทรพั ยากรทม่ี ีอยอํู ยาํ งจากัดใหเ๎ กิดประโยชนส์ งู สดุ นาหลกั การของเศรษฐกิจพอเพียงใช๎ใน ชีวิตประจาวัน วิเคราะห์การใช๎จํายของตนเอง ให๎เหตุผลระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจตํางๆ บอก ความสาคญั ของภาษี และเหตผุ ลการแขงํ ขันทางการค๎าที่มผี ลทาใหร๎ าคาสนิ ค๎าลดลง ใช๎แผนที่ แผนผงั และภาพถาํ ย ในการหาข๎อมูลทางภูมิศาสตร์ของชุมชน เขียนแผนผังงํายๆเพ่ือแสดง ตาแหนํงท่ีตัง้ ของสถานที่สาคญั ในบริเวณโรงเรียนและชุมชน บอกความสัมพนั ธข์ องลักษณะกายภาพกับลักษณะ ทางสงั คมของชุมชน เปรียบเทียบการเปล่ียนแปลงสภาพแวดลอ๎ มในชุมชนจากอดีตถึงปัจจุบัน อธิบายการพ่ึงพา ส่ิงแวดล๎อมและทรพั ยากรธรรมชาตใิ นการสนองความต๎องการพ้ืนฐานของมนษุ ย์ และการประกอบอาชพี อธิบาย เก่ียวกับมลพิษและการกํอให๎เกิดมลพิษโดยมนุษย์ และความแตกตํางของเมืองและชนบท ตระหนักถึงการ เปลีย่ นแปลงของสิ่งแวดล๎อมในชุมชน โดยใชก๎ ระบวนการกลํมุ การคดิ วิเคราะห์ การสบื คน๎ ขอ๎ มูล บันทกึ การอภปิ ราย ศกึ ษาแหลํงเรียนร๎ูท้ัง ในและนอกโรงเรียน ภูมิปัญญาท๎องถ่ิน กระบวนการสร๎างความตระหนัก เพื่อให๎มีความรู๎ความเข๎าใจเก่ียวกับ ความเปน็ มาของศาสนาที่ตนนบั ถอื มคี วามสามารถทางภมู ิศาสตร์ กระบวนการและทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ด๎าน การส่ือสาร การแก๎ปัญหา การใชท๎ ักษะชีวติ การใชเ๎ ทคโนโลยี เพอื่ ใหด๎ ารงตนอยใูํ นสังคมอยาํ งมีความสขุ เหน็ คุณคําของหลกั คาสอนของพุทธศาสนา มีคุณธรรม จริยธรรม การอยํูรํวมกันอยํางสันติสุข มีความ เคารพซ่ึงกันและกัน ดาเนินชีวิตแบบพอเพียง รักษาสภาพแวดล๎อมให๎นําอยํู นาความร๎ูไปปรับใช๎ใน ชวี ติ ประจาวัน มี ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสตั ย์ สุจรติ มีวนิ ัย ใฝเุ รยี นร๎ู มงํุ ม่นั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ิตสาธารณะ รหัสตวั ชี้วดั ส ๑.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ , ป.๓/๕ , ป.๓/๖ , ป.๓/๗ ส ๑.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ส ๒.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ ส ๒.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ส ๓.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ส ๓.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ส ๕.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ส ๕.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ , ป.๓/๕ , ป.๓/๖ รวม ๓๑ ตัวชี้วดั
๓๙ ผลการเรยี นรู๎ทคี่ าดหวงั กลุํมสาระการเรียนรู๎ หน๎าทพ่ี ลเมอื ง ๓ (บูรณาการกบั กลํุมสาระการเรียนรสู๎ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม) ๑. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผูม๎ มี ารยาทไทย ๒. แสดงออกถงึ ความกตัญญูกตเวทีตอํ บุคคลในครอบครัว ๓. เหน็ ความสาคญั ของภาษาไทย ๔. เขา๎ รํวมกจิ กรรมเกย่ี วกบั ชาติ ศาสนา และสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ๕. ปฏบิ ตั ิตนตามพระบรมราโชวาท หลกั การทรงงาน และหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๖. ปฏบิ ตั ติ นตามข๎อตกลง กติกา และหนา๎ ทท่ี ี่ตอ๎ งปฏบิ ตั ิในห๎องเรียน ๗. ปฏบิ ัตติ นตามบทบาทหน๎าที่ในฐานะสมาชิกทดี่ ขี องครอบครวั และห๎องเรียน ๘. ยอมรบั ความเหมือนและความแตกตาํ งของตนเองและผอ๎ู น่ื ๙. ยกตัวอยํางความขัดแย๎งในห๎องเรยี นและเสนอวิธกี ารแกป๎ ัญหาโดยสันติวธิ ี ๑๐.ปฏบิ ตั ติ นเป็นผมู๎ วี ินัยในตนเอง
๔๐ คาอธิบายรายวิชา ส ๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม๔ กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ เวลา 4๐ ช่วั โมง ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ และสรปุ เร่อื งราว ความสาคญั เกี่ยวกบั ศาสดา หลกั ธรรมของ พระพุทธศาสนา ประวตั ขิ องศาสดาทต่ี นนบั ถอื พุทธประวัติต้ังแตํบรรลุธรรมจนถึงประกาศธรรม ประพฤติตนตามแบบอยํางการ ดาเนนิ ชีวิตและข๎อคิดจากประวตั สิ าวก ชาดก เร่ืองเลํา ความเคารพพระรัตนตรัย ความสาคัญของพระรัตนตรัย ไตรสิกขา โอวาท 3 สวดมนต์ แผํเมตตา พัฒนาจิต ธารงรักษาพระพุทธสาสนา แสดงตนเป็นพุทธมามกะท่ีดี ปฎบิ ตั ิตนในศาสนพิธี พิธีกรรม และวันสาคัญทางพุทธศาสนา ประพฤติปฎิบัติตนตามหน๎าที่การเป็นพลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม เป็นผ๎ูนา ผ๎ูตามที่ดี วิเคราะห์สิทธิพ้ืนฐานท่ีเด็กพึงได๎รับ เสนอ วธิ กี ารท่จี ะอยรํู วํ มกนั อยํางสันตสิ ุข วิเคราะห์ระบบการเมอื งการปกครอง เป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน มีสํวนรํวมใน กิจกรรมตาํ งๆตามกระบวนการประชาธิปไตย ตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ระบคุ วามสาคัญของสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามระบอบประชาธิปไตย บรหิ ารจดั การทรพั ยากรทีม่ ีอยอํู ยาํ งจากดั ให๎เกดิ ประโยชน์สงู สดุ นาหลกั การของเศรษฐกิจพอเพียงใช๎ใน ชีวิตประจาวัน การเลือกซ้ือสินค๎าและบริการ ให๎เหตุผลระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจตํางๆ บอกหน๎าที่ เบอ้ื งตน๎ ของเงนิ สบื คน๎ ระบุ ขอ๎ มูลลกั ษณะทางกายภาพ แหลํงทรพั ยากรและสถานทส่ี าคญั ในจงั หวัด อธิบาย วิเคราะห์ ลักษณะและสิ่งแวดล๎อมทางกายภาพที่สํงผลตํอแหลํงทรัพยากรและสถานท่ีสาคัญ การดาเนินชีวิ ต การ เปลี่ยนแปลงและผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง นาเสนอแนวทางจัดการสิ่งแวดล๎อม ใช๎แผนที่ ภาพถํายในการ สบื ค๎น วเิ คราะห์ อธิบาย และสรุปข๎อมลู ตามกระบวนการทางภมู ิศาสตร์ โดยใช๎กระบวนการกลุํม การคิดวิเคราะห์ กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ู ใช๎ทักษะทางภูมิศาสตร์ด๎าน การสังเกต การแปลข๎อมูล การใชเ๎ ทคนคิ และเครอื่ งมือทางภูมิศาสตร์ เพื่อให๎มีความรู๎ความเข๎าใจเกี่ยวกับความ เป็นมาของศาสนาท่ีตนนับถือ มีทักษะในด๎านการส่ือสาร การแก๎ปัญหา การใช๎ทักษะชีวิต การใช๎เทคโนโลยี มี ทักษะในศตวรรษที่ 21 เพ่อื ใหด๎ ารงตนอยูใํ นสงั คมอยาํ งมคี วามสขุ เห็นคณุ คําของหลักคาสอนของพุทธศาสนา มีคุณธรรม จริยธรรม การอยํูรํวมกันอยํางสันติสุข มีความ เคารพซง่ึ กันและกัน ดาเนนิ ชวี ติ แบบพอเพียง รักษาสภาพแวดลอ๎ มใหน๎ าํ อยํู ตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ และ หวงแหนในความเปน็ ชาตไิ ทย นาความรูไ๎ ปปรบั ใช๎ในชวี ติ ประจาวนั มี ความรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซื่อสัตย์ สุจริต มีวนิ ัย ใฝุเรยี นรู๎ มุงํ มน่ั ในการทางาน รักความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ รหัสตวั ช้วี ัด ส. 1.1 ป4/1, ป4/2, ป4/3, ป4/4 ,ป4/5, ป4/6, ป4/7 , ป4/8 ส. 1.2 ป4/1, ป4/2, ป4/3, ส. 2.1 ป4/1, ป4/2 ป4/3 ,ป4/4 , ป4/5 ส. 2.2 ป4/1 ,ป4/2 , ป4/3 ส. 3.1 ป4/1, ป4/2, ป4/3 ส. 3.2 ป4/1 ป4/2 , ส. 5.1 ป4/1, ป4/2, ป4 /3 ส. 5.2 ป4/1, ป4/2, ป4/3 รวมทงั้ หมด 30 ตวั ช้ีวดั
๔๑ ผลการเรยี นร๎ูที่คาดหวงั กลมํุ สาระการเรียนรู๎ หน๎าทพี่ ลเมือง 4 (บรู ณาการกับกลํมุ สาระการเรียนรสู๎ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม) 1. เห็นคุณคําและปฏิบตั ิตนเป็นผมู๎ มี ารยาทไทย ส.1.2 = ป4/2 2. แสดงออกถงึ ความกตญั ญูกตเวทีตอํ ผทู๎ าประโยชน์ในสงั คม ส1.1 = ป4/4 ป4/7 3. มสี วํ นรวํ มในขนบธรรมเนียมประเพณไี ทย ส1.2 = ป4/3 4. เห็นความสาคญั และแสดงออกถงึ ความรักชาติ ยึดมั่นในศาสนาและเทิดทูนสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ส. 2.2 = ป4/3 5. ปฏิบัตติ นตามพระบรมราโชวาท หลกั การทรงงานและหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ส.3.1 =ป4/3 6. มสี วํ นรํวมในการสร๎างและปฏบิ ัติตามข๎อตกลง กตกิ าของหอ๎ งเรยี น ส.2.1 = ป4/2 7. ปฏบิ ตั ิตนตามบทบาทหนา๎ ท่ี มสี ํวนรวํ มและรบั ผดิ ชอบในการตัดสนิ ใจในกจิ กรรมของครอบครวั และ ห๎องเรียน ส.2.1 = ป4/2 8. ยอมรบั และอยรูํ วํ มกบั ผอ๎ู ื่นอยาํ งสันติและพ่งึ พาซงึ่ กันและกนั ส.2.1 = ป4/5 9. วเิ คราะหป์ ัญหาความขัดแย๎งในทอ๎ งถ่ิน และเสนอแนวทางการแก๎ปัญหาโดยสนั ตวิ ิธี 10.ปฏิบัติตนเปน็ ผู๎มวี ินยั ในตนเอง
๔๒ คาอธิบายรายวชิ า ส ๑๕๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง ศึกษา รวบรวม วเิ คราะห์ และสรุปความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือในฐานะเป็น มรดกทางวฒั นธรรมและหลกั ในการพฒั นาชาติไทย พุทธประวัติต้ังแตํปลงเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ถึงพุทธกิจท่ีสาคัญ หรือประวตั ศิ าสดาท่ตี นนบั ถอื ประพฤตปิ ฏบิ ัติตนตามแบบอยํางการดาเนินชวี ิต และข๎อคดิ จากประวัติสาวกไดแ๎ กํ พระโสณโกฬิวสิ ะ จูฬเสฎชิ าดก วรรณาโรหชาดก สมเดจ็ พระสังฆราช อาจารยเ์ สถียร โพธนิ นั ทะ องคป์ ระกอบ และความสาคัญของพระไตรปิฎก หรอื คมั ภรี ข์ องศาสนาที่ตนนับถอื การเคารพพระรตั นตรัย ไตรสกิ ขา โอวาท 3 พุทธศาสนสุภาษิต การสวดมนต์ไหว๎พระ แผํเมตตา มีสติที่เป็นพ้ืนฐานของสมาธิ ปฏิบัติตนตามหลักธรรม พธิ ีกรรม ศาสนพิธี วนั สาคัญทางศาสนาทตี่ นนับถือ จัดพิธีกรรมอยาํ งเรียบงําย มีประโยชน์ และมีมารยาทของ ความเป็นศาสนิกชนท่ีดี ปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ และหน๎าที่ในฐานะพลเมืองดี เสนอ วิธกี ารปกปอู งคม๎ุ ครองตนเองหรือผ๎ูอื่นจากการละเมิดสิทธิเด็ก มีสํวนรํวมในการอนุรักษ์และเผยแพรํภูมิปัญญา ท๎องถน่ิ ของชมุ ชน อธบิ ายโครงสร๎าง อานาจ หน๎าที่ และความสาคัญของการปกครองสํวนท๎องถิ่น ระบุบทบาท หน๎าท่ี วิธีการเข๎าดารงตาแหนํงผู๎บริหารท๎องถ่ิน ปัจจัยการผลิตสินค๎าและบริการ ใช๎แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงในครอบครวั โรงเรยี น ชุมชน การใช๎แผนที่ และรปู ถํายในการสบื ค๎นและอธบิ าย วิเคราะห์ข๎อมูลลักษณะ ทางกายภาพในภมู ภิ าคของตน ทส่ี ํงผลตํอแหลงํ ทรพั ยากร สถานทส่ี าคญั ในภูมิภาค ส่ิงแวดล๎อมทางกายภาพที่มี อิทธพิ ลตํอลกั ษณะการตั้งถนิ่ ฐานและการยา๎ ยถนิ่ ของประชากร อทิ ธพิ ลของสง่ิ แวดลอ๎ มทางธรรมชาติที่กํอให๎เกิด วิถีการดาเนินชวี ติ การนาเสนอตัวอยํางที่สะท๎อนให๎เห็นผลจากการรักษาและการทาลายส่ิงแวดล๎อม และเสนอ แนวทางในการจดั การสิ่งแวดล๎อมในภูมิภาคของตน โดยใช๎กระบวนการกลํุม การสืบค๎นข๎อมูล กระบวนการปฏิบัติจริง กระบวนการคิด กระบวนการทาง ภูมิศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความร๎ู ใช๎ทักษะทางภูมิศาสตร์ด๎านการสังเกต การแปลความ การใช๎เทคนิค และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เพอื่ ให๎มคี วามรูค๎ วามเข๎าใจเก่ยี วกับความเป็นมาและความสาคัญของศาสนาท่ีตนนับ ถือ การเป็นพลเมืองดี รักษาสภาพแวดล๎อม วิถีชีวิตและการสร๎างสรรค์วัฒนธรรม ประยุกต์ใช๎แนวคิดของ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง มีทักษะในศตวรรษท่ี 21 ในด๎านการสือ่ สาร การคิด การแก๎ปัญหา การใช๎ทักษะชีวิต การใช๎เทคโนโลยเี พอ่ื ให๎ดารงชวี ติ อยํางมคี วามสุข ตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝุเรียนรู๎ อยูํอยําง พอเพยี ง มํงุ มน่ั ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ิตสาธารณะ รหัสตวั ช้ีวดั ส1.1 ป5/1,ป5/2,ป5/3,ป5/4,ป5/5,ป5/6,ป5/7 ส1.2 ป5/1,ป5/2,ป5/3 ส2.1 ป5/1,ป5/2,ป5/3,ป5/4 ส2.2 ป5/1,ป5/2,ป5/3 ส3.1 ป5/1,ป5/2,ป5/3 ส3.2 ป5/1,ป5/2 ส5.1 ป5/1,ป5/2 ส5.2 ป5/1,ป5/2 ป5/3 รวมท้ังหมด 27 ตัวชี้วัด
๔๓ ผลการเรยี นรท๎ู ่คี าดหวงั กลุมํ สาระการเรียนร๎ู หนา๎ ที่พลเมอื ง 5 (บรู ณาการกบั กลุมํ สาระการเรยี นรส๎ู งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม) 1. เห็นคณุ คําและปฏบิ ตั ติ นเป็นผ๎มู มี ารยาทไทย ส.1.2 = ป5/3 2. แสดงออกถงึ ความกตัญญกู ตเวทตี อํ ผท๎ู าประโยชน์ในสงั คม ส1.1 = ป5/5 3. มีสวํ นรํวมในขนบธรรมเนียมประเพณไี ทย ส1.2 = ป5/2 4. เหน็ ความสาคญั และแสดงออกถงึ ความรกั ชาติ ยดึ มั่นในศาสนาและเทดิ ทูนสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ 5. ปฏบิ ตั ิตนตามพระบรมราโชวาท หลักการทรงงานและหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ส.3.1 =ป5/2 6. มสี ํวนรํวมในการสร๎างและปฏบิ ัตติ ามข๎อตกลง กตกิ าของห๎องเรยี น 7. ปฏบิ ัติตนตามบทบาทหน๎าที่ มสี วํ นรํวมและรบั ผิดชอบในการตัดสินใจในกิจกรรมของครอบครัวและ หอ๎ งเรียน ส.2.1 = ป5/1 8. ยอมรบั และอยรูํ วํ มกบั ผอู๎ ืน่ อยาํ งสันตแิ ละพึง่ พาซงึ่ กันและกนั 9. วเิ คราะหป์ ัญหาความขดั แยง๎ ในทอ๎ งถิ่น และเสนอแนวทางการแกป๎ ัญหาโดยสนั ติวิธี ส.2.2 = ป5/3 10.ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผมู๎ ีวินยั ในตนเอง
๔๔ คาอธิบายรายวิชา ส ๑๖๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง ศกึ ษา รวบรวม วเิ คราะห์ และสรุปความสาคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจาชาติหรือ ศาสนาอนื่ พุทธประวตั ิตงั้ แตปํ ลงอายุสงั ขาร ปจั ฉิมสาวก ปรนิ ิพพาน การถวายพระเพลงิ แจกพระบรมสารรี ิกธาตุ และสงั เวชนยี สถาน สถานทต่ี าํ งๆในศาสนสถาน ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นตามแบบอยํางการดาเนินชีวิต และข๎อคิดจาก ประวัติสาวกได๎แกํ พระราธะ ชาดก เรื่องเลําและศาสนิกชน ความสาคัญ การเคารพพระรัตนตรัย ไตรสิกขา โอวาท 3 พทุ ธศาสนสุภาษติ การสวดมนตไ์ หว๎พระ แผเํ มตตา การบรหิ ารจิตเจริญปัญญา ศาสนพิธี พิธีกรรม วัน สาคัญทางศาสนา และมารยาทของชาวพุทธ ปฏิบัติตนตามกฎหมายท่ีเก่ียวข๎องกับชีวิตประจาวันของครอบครัว และชุมชน แสดงออกถึงมารยาทไทย ติดตามข๎อมูลขาํ วสารเหตกุ ารณ์ตํางๆ วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม ความแตกตํางทางวัฒนธรรม แนวทางรักษาวัฒนธรรม เปรียบเทียบบทบาท หน๎าท่ีขององค์กรปกครองสํวน ทอ๎ งถ่ิน และรฐั บาล บทบาทความสาคญั ในการใชส๎ ทิ ธอิ อกเสียงเลอื กต้ังตามระบอบประชาธิปไตย การมีสํวนรํวม ในกิจกรรมตํางๆ บทบาทความสัมพนั ธ์ของผู๎ผลติ ผู๎บรโิ ภค ธนาคารและรัฐบาลการรวมกลมุํ ทางเศรษฐกิจ วธิ แี ละ ประโยชนข์ องการใชท๎ รพั ยากรอยาํ งยั่งยืน ใช๎แผนท่ี รูปถํายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียมในการสืบค๎น สารวจ ลักษณะทางกายภาพของประเทศไทย เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหวํางลักษณะทางกายภาพกับภัยพิบัติ เพ่ือ เตรียมพร๎อมรับมอื วเิ คราะหป์ ฏสิ ัมพนั ธ์ระหวํางสง่ิ แวดล๎อมทางกายภาพกับลักษณะประชากร เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มนุษย์กับส่ิงแวดล๎อม การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและผลการเปล่ียนแปลงทางกายภาพของ ประเทศไทยทัง้ ในอดีตกับปจั จบุ ัน นาเสนอตัวอยํางที่สะท๎อนให๎เห็นผลจากการรักษาและทาลายทรัพยากรและ ส่งิ แวดล๎อม เสนอแนวทางโดยมีจิตสานกึ รู๎คุณคาํ ในการจดั การทรัพยากรและสิ่งแวดลอ๎ มทย่ี ่ังยนื ในประเทศไทย โดยใชก๎ ระบวนการกลมํุ การสบื ค๎นข๎อมลู กระบวนการปฏบิ ัตจิ ริง กระบวนการคิด กระบวนการสืบเสาะ หาความรู๎ ใชท๎ กั ษะทางภูมศิ าสตร์ดา๎ นการสงั เกต การแปลความข๎อมูล การใชเ๎ ทคนิคและเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ เพื่อใหม๎ คี วามรู๎ ความเข๎าใจเกยี่ วกบั ความเป็นมาและความสาคัญของศาสนาที่ตนนับถือ กฎหมายที่เก่ียวข๎องกับ ครอบครัวและชมุ ชน หน๎าท่ขี ององค์กรทอ๎ งถ่นิ บทบาทของผ๎ูผลิต ผ๎ูบริโภค ธนาคาร ระบบธรรมชาติและมนุษย์ การใหเ๎ หตุผลทางภูมศิ าสตร์ การตัดสินใจอยาํ งเป็นระบบ มีทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ด๎านการสื่อสาร การคิด การ แกป๎ ญั หา การใชท๎ ักษะชีวิต การใช๎เทคโนโลยเี พ่อื ให๎ดารงชีวติ อยาํ งมีความสุข ตระหนักในคุณคาํ ภาคภมู ใิ จ มคี วามรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝุเรียนรู๎ มุํงมั่นในการ ทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ รหัสตัวชวี้ ัด ส1.1 ป6/1,ป6/2,ป6/3,ป6/4,ป6/5,ป6/6,ป6/7,ป6/7,ป6/8,ป6/9 ส1.2 ป6/1,ป6/2,ป6/3,ป6/4 ส2.1 ป6/1,ป6/2,ป6/3,ป6/4,ป6/5 ส2.2 ป6/1,ป6/2,ป6/3 ส3.1 ป6/1,ป6/2,ป6/3 ส3.2 ป6/1,ป6/2 ส5.1 ป6/1,ป6/2 ส5.2 ป6/1,ป6/2,ป6/3 รวมท้ังหมด 31 ตวั ช้วี ัด
๔๕ ผลการเรยี นรทู๎ คี่ าดหวัง กลํมุ สาระการเรยี นรู๎ หน๎าท่พี ลเมือง 6 (บรู ณาการกบั กลมุํ สาระการเรียนรส๎ู งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม) 1. เห็นคณุ คาํ และปฏิบตั ิตนเปน็ ผมู๎ มี ารยาทไทย ส.1.2 = ป6/2 ส.2.1 = ป6/3 2. แสดงออกถงึ ความกตัญญกู ตเวทตี อํ ผท๎ู าประโยชน์ในสงั คม ส1.1 = ป6/4 3. มสี ํวนรวํ มในขนบธรรมเนยี มประเพณไี ทย ส1.2 = ป6/3 4. เหน็ ความสาคญั และแสดงออกถึงความรักชาติ ยดึ ม่นั ในศาสนาและเทิดทูนสถาบนั พระมหากษัตริย์ 5. ปฏิบัติตนตามพระบรมราโชวาท หลักการทรงงานและหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 6. มสี วํ นรวํ มในการสร๎างและปฏบิ ัติตามข๎อตกลง กตกิ าของห๎องเรยี น 7. ปฏิบตั ิตนตามบทบาทหนา๎ ท่ี มสี ํวนรํวมและรบั ผิดชอบในการตดั สินใจในกจิ กรรมของครอบครัวและ หอ๎ งเรียน ส.2.2 = ป6/2 8. ยอมรบั และอยรูํ ํวมกบั ผอู๎ ่นื อยาํ งสนั ติและพ่ึงพาซง่ึ กันและกนั 9. วเิ คราะหป์ ญั หาความขัดแย๎งในท๎องถิน่ และเสนอแนวทางการแก๎ปญั หาโดยสันติวิธี ส.2.2 = ป6/2, ป 6/3 10.ปฏบิ ัติตนเปน็ ผมู๎ วี ินยั ในตนเอง
๔๖ ส ๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร๑์ คาอธิบายรายวชิ า ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๔๐ ชั่วโมง ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ สืบค๎นข๎อมูล และสรุปความเป็นมาของท๎องถ่ินโดยใช๎หลักฐานทาง ประวัตศิ าสตร์ ข๎อมลู จากแหลํงตํางๆเพื่อตอบคาถามทางประวตั ศิ าสตร์อยํางมีเหตุผล ความแตกตํางระหวาํ งความ จริงกับข๎อเท็จจริงเก่ียวกับเร่ืองราวในท๎องถิ่นสืบค๎น วิเคราะห์ ประวัติศาสตร์ ใช๎วิธีการทางประวัติศาสตร์ มา วเิ คราะห์ข๎อมลู การนับชํวงเวลาตามปฎิทิน เหตุการณ์ในชีวิตประจาวัน สืบค๎นประวัติความเป็นมาของตนเอง ครอบครัว พัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบัน เปรียบเทียบความเปล่ียนแปลงสภาพแวดล๎อม ในการ ดาเนินชวี ติ ของตนเองกับสมัยพํอแมํ ปยูุ าตายาย ความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย และธารง ความเป็นไทย ระบสุ ญั ลกั ษณส์ าคัญของชาติไทย และปฎิบัติตนได๎ถูกต๎อง รจู๎ กั ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยใชก๎ ระบวนการกลมํุ การคิดวเิ คราะห์ วิธีการทางประวัตศิ าสตร์ การสบื คน๎ ขอ๎ มลู บนั ทกึ การ อภปิ ราย ศกึ ษาแหลงํ เรียนร๎ทู ง้ั ในและนอกโรงเรียน ภูมิปัญญาทอ๎ งถน่ิ กระบวนการสรา๎ งความตระหนักตระหนัก ในคุณคํา ภาคภมู ิใจ และหวงแหนในความเป็นชาตไิ ทย มีความตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ และหวงแหนในความเป็นชาติไทยตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ มีความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสัตย์สุจรติ มีวินัย ใฝเุ รียนร๎ู มํงุ ม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย และ มีจิตสาธารณะ ปรบั ตัวเข๎าสํูประชาคมอาเซียนได๎อยํางสันติสุข รหัสตวั ชว้ี ัด ส. 4.1 ป. 1/1, ป.1/2, ป.1/3 ส. 4.2 ป. 1/1, ป.1/2 ส. 4.3 ป. 1/1, ป.1/2,ป.1/3 รวมท้ังหมด 8 ตัวชีว้ ดั
๔๗ ส ๑๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์๒ คาอธิบายรายวิชา ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลา ๔๐ ช่วั โมง ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ สืบค๎นข๎อมูล และสรุปความเป็นมาของท๎องถ่ินโดยใช๎หลักฐานทาง ประวตั ิศาสตร์ ขอ๎ มูลจากแหลํงตาํ งๆเพอื่ ตอบคาถามทางประวัติศาสตรอ์ ยํางมเี หตุผล ความแตกตาํ งระหวาํ งความ จริงกับข๎อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวในท๎องถิ่นสืบค๎น วิเคราะห์ ประวัติศาสตร์ ใช๎วิธีการทางประวัติศาสตร์ มา วิเคราะหข์ ๎อมูลสืบค๎น วเิ คราะห์ ประวัตศิ าสตร์ ใชว๎ ธิ ีการทางประวัติศาสตร์ มาวิเคราะห์ข๎อมูล ความสาคัญของ เวลาและยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์ ระบุเวลาที่แสดงเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ลาดับเหตุการณ์ท่ี เกิดขึ้นในชีวติ ประจาวัน โดยใช๎หลักฐานท่ีเก่ียวข๎อง สืบค๎นพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบันในด๎าน ความความสมั พนั ธแ์ ละการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ ระบคุ วามเปน็ มาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย และธารงความเปน็ ไทย ระบบุ ุคคลทที่ าประโยชนต์ ํอท๎องถน่ิ ของตนเอง และความเปน็ มาของอาเซียน โดยใช๎กระบวนการกลุํม การคิดวิเคราะห์ วิธีการทางประวัติศาสตร์ การสืบค๎นข๎อมูล บันทึก การ อภปิ ราย ศึกษาแหลํงเรียนรูท๎ งั้ ในและนอกโรงเรยี น ภมู ิปัญญาท๎องถน่ิ กระบวนการสร๎างความตระหนกั ตระหนัก ในคณุ คํา ภาคภมู ใิ จ และหวงแหนในความเป็นชาตไิ ทย มีความตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ และหวงแหนในความเป็นชาติไทยตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ มี ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝุเรียนร๎ู มํุงมั่นในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิต สาธารณะ ปรับตวั เข๎าสูํประชาคมอาเซยี นไดอ๎ ยาํ งสันติสขุ รหสั ตัวช้วี ดั ส. 4.1 ป. 2/1, ป.2/2 ส. 4.2 ป. 2/1, ป.2/2 ส. 4.3 ป. 2/1, ป.2/2 รวมทั้งหมด 6 ตวั ชีว้ ดั
๔๘ ส ๑๓๑๐๒ ประวัติศาสตร์๓ คาอธิบายรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลา ๔๐ ช่ัวโมง ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ สืบค๎นข๎อมูล และสรุปความเป็นมาของท๎องถ่ินโดยใช๎หลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ ข๎อมูลจากแหลงํ ตาํ งๆเพ่ือตอบคาถามทางประวตั ิศาสตรอ์ ยํางมีเหตุผล ความแตกตํางระหวาํ งความ จริงกับข๎อเท็จจริงเกี่ยวกับเร่ืองราวในท๎องถิ่นสืบค๎น วิเคราะห์ ประวัติศาสตร์ ใช๎วิธีการทางประวัติศาสตร์ มา วิเคราะหข์ อ๎ มลู ความสาคัญของเวลาและยคุ สมยั ทางประวัติศาสตร์ ระบุเวลาทแี่ สดงเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ลาดบั เหตุการณส์ าคัญของโรงเรียนและชุมชน โดยระบหุ ลักฐานและแหลํงข๎อมูลท่ีเก่ียวข๎อง สืบค๎น พัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบันในด๎านความความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ ลกั ษณะที่สาคัญของขนบธรรมเนยี มประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชน เปรียบเทียบความเหมือนและความตําง ทางวัฒนธรรม ของชุมชนตนเองกับชุมชนอื่นๆ ระบุความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย และ ธารงความเป็นไทย ระบุพระนามและพระราชกรณียกิจโดยสังเขป ของพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน เลํา วีรกรรมของบรรพบุรุษไทยที่มีสํวนปกปูองประเทศชาติ ความเป็นมาของอาเซียน และความหลากหลายทาง วฒั นธรรม โดยใชก๎ ระบวนการกลุํม การคิดวิเคราะห์ วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ การสบื คน๎ ข๎อมลู บันทกึ การอภิปราย ศึกษาแหลํงเรียนร๎ูท้ังในและนอกโรงเรียน ภูมิปัญญาท๎องถิ่น กระบวนการสร๎างความตระหนัก ในคุณคํา ภาคภมู ใิ จ และหวงแหนในความเป็นชาติไทย มคี วามตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ และหวงแหนในความเป็นชาติไทยตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ มี ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝุเรียนร๎ู มํุงม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิต สาธารณะ ปรับตัวเข๎าสปํู ระชาคมอาเซียนไดอ๎ ยํางสนั ตสิ ุข รหัสตัวช้ีวดั ส. 4.1 ป. 3/1, ป.3/2, ส. 4.2 ป. 3/1, ป.3/2 , ป. 3/3 ส. 4.3 ป. 3/1, ป.3/2, ป. 3/3 รวมทงั้ หมด 8 ตัวชี้วัด
๔๙ ส ๑๕๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์4 คาอธบิ ายรายวชิ า ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลา ๘๐ ชว่ั โมง ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ สืบค๎นข๎อมูล และสรุปความเป็นมาของท๎องถ่ินโดยใช๎หลักฐานทาง ประวตั ศิ าสตร์ ข๎อมูลจากแหลงํ ตาํ งๆเพ่ือตอบคาถามทางประวตั ิศาสตรอ์ ยํางมีเหตผุ ล ความแตกตาํ งระหวํางความ จริงกับข๎อเท็จจริงเก่ียวกับเรื่องราวในท๎องถิ่น ความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สืบค๎น วิเคราะห์ ประวัติศาสตร์ ใช๎วิธีการทางประวัติศาสตร์ มาวิเคราะห์ ระบุชํวงเวลาเป็นทศวรรษ ศตวรรษ และ สหสั วรรษ แยกแยะประเภทหลกั ฐานท่ใี ช๎ในการศึกษาความเปน็ มาของท๎องถิ่น สืบค๎นพัฒนาการของมนุษยชาติ จากอดีตถงึ ปจั จบุ ันในดา๎ นความความสมั พันธแ์ ละการเปลย่ี นแปลงของเหตุการณ์ การตัง้ หลักแหลงํ และพฒั นาการ ของมนุษยก์ อํ นประวตั ิศาสตร์ และยุคประวตั ศิ าสตร์ นาเสนอหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พบในท๎องถ่ินที่แสดง พฒั นาการของมนษุ ยชาติ การต้ังหลักแหลํง พัฒนาการของมนุษย์ยุคกํอนประวัติศาสตร์ ระบุความเป็นมา ของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย และธารงความเป็นไทย พัฒนาการของอาณาจักรสุโขทัย ประวัติและ ผลงานของบุคคลสาคัญสมัยสุโขทัย ตลอดจนภูมิปัญญาไทย ควรคําแกํการอนุรักษ์ เห็ นความสาคัญของการ รวมกลํุมอาเซียน ความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยใชก๎ ระบวนการกลมุํ การคดิ วิเคราะห์ วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ การสืบค๎นข๎อมูล บนั ทกึ การอภิปราย ศึกษาแหลํงเรียนร๎ูท้ังในและนอกโรงเรียน ภูมิปัญญาท๎องถิ่น กระบวนการสร๎างความตระหนักโดยใช๎ กระบวนการกลุํม การสบื ค๎นข๎อมูล กระบวนการปฏิบัติจริง กระบวนการคิด การใช๎โปรแกรม Google Earth เพื่อใหม๎ ีความรค๎ู วามเขา๎ ใจเกย่ี วกบั ความเป็นมาและความสาคญั ของวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ มีความตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ และหวงแหนในความเป็นชาติไทยตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจ มี ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซือ่ สตั ย์สุจริต มวี ินยั ใฝุเรียนร๎ู มํุงม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ และปรับตัวเขา๎ สปูํ ระชาคมอาเซียน รหสั ตวั ชว้ี ดั ส๔.1 ป4/1 ,ป4/2, ป4/3 ส๔.2 ป4/1 ,ป4/2 ส๔.๓ ป4/1 ,ป4/2, ป4/3 รวมทงั้ หมด ๘ ตวั ช้ีวัด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115