Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เงื่อนเชือก

เงื่อนเชือก

Published by สิทธาทร สครรัมย์, 2022-06-23 06:59:40

Description: เงื่อนเชือก

Search

Read the Text Version

51 1.4 เงอ่ื นเลข 8 แบบตอ เน่ือง (Figure of Eight in Series Knot) วิธผี ูก 1. นาํ ตวั เชอื กผกู เปนเลขแปดตามภาพซอ น ๆ กนั หลาย ๆ ชว ง 2. นาํ ปลายเชอื กเปน สอดในบว งเลขแปทลี ะตวั จนหมดบวงท่ีทาํ ไวด งึ ออกกจ็ ะไดเงอ่ื นเลขแปด แบบตอเน่ือง ประโยชน 1. ใชผูกปลายเชอื กใหเ ปน ปม 2. ใชผ ูกแทนการพันหัวเชอื กชว่ั คราว 3. ใชท ําบนั ไดปมเชอื ก 1.5 เงื่อนขมวดหวั เชอื ก หรอื เงื่อนขเี้ กยี จ (An Overhand Knot Or Thumb Knot) ประโยชน 4. ใชข มวดปลายเชอื กใหเ ปน ปมกันลยุ คลายเกลยี ว 5. ใชขมวดปลายดา ย เวลาเยบ็ สอย หรือ ปก 6. ใชทาํ ปมปอ งกันการเลอ่ื นหลดุ 1.6 เงอ่ื นขมวดปมหลายช้นั (Multiple Overhand Knot) ประโยชน 3. ทาํ ใหเ กิดปมใหญ 4. ใชข มวดปมปลายเชือกปอ งกนั เชือกคลายเกลียว

52 1.7 เงือ่ นขีเ้ กยี จ 2 ชน้ั (Double Overhand Knot or Double Thumb Knot) ประโยชน 1. ใชต อปลายเชอื ก 2 ปลาย ทล่ี ุยเขาดว ยกนั หรอื ใชตอดายสองเสน เขาดว ยกนั 2. ใชท าํ บว ง (Loop) ทีป่ ลายเชอื ก หรอื ทาํ บว งเสนเชอื กไดต ามตอ งการ 3. ใชผกู ใหแนน ไดรวดเร็ว แตแกยาก ถา ไมมเี หลก็ แหลม สาํ หรบั คลายเชือก (Marline Spike หรอื Fid) ถาเชอื กดึงแนน มาก เมื่อแกแ ลว เชอื กก็จะเสื่อมคณุ ภาพลงใชแ ทนบว งสายธนไู ด แทนบว งคนกลาง แต แข็งแรงปลอดภัย กวา บวงคนกลางใชได 1.8 การขมวดปมเชอื กแบบตอเน่อื ง (Overhand Knots in Series) ประโยชน 1. ใชผูกปลายเชอื กใหเปน ปม 2. ใชผ ูกแทนการพันหวั เชือกชว่ั คราว 3. ใชท าํ บนั ไดปมเชอื ก

53 1.9 เงื่อนรูด วธิ ที ี่ 1 เงือ่ นรูด แบบงา ยๆ (Simple Noose) วธิ ีท่ี 2 เงื่อนรดู แบบเลข 8 ( A Figure of Eight Noose)

54 วธิ ที ่ี 3 เงอ่ื นรูดแบบปลายกระตกุ (Slipped A Figure of Eight Noose) ประโยชน 1. ใชท าํ บว งลา สตั ว จบั สัตว เชน กระตา ย นก 2. ใชผูกเชอื กจากดา นลา ง รดู ไปผกู ไวข างบนคานหรอื กง่ิ ไมสูงได เพื่อทาํ เชอื กโหน หรือแขวนส่งิ ของ 3. ใชผ กู แนน แกง า ย 4. ใชทาํ บว งคลอ ง (Noose) ท่ีงา ยและเร็ว 5. ใชแทนกระหวดั ไม แตมปี ระสทิ ธภิ าพนอ ยกวา 6. ใชผ กู ส่ิงของ (Package) อาจใช Slip Knot แทน Packer’s Knot 7. ใชผูกกับวตั ถุ เพอ่ื ยึดใหแ นน ดึงแลวกระชบั แนน 1.10 เง่อื นรดู (Simple Slip Knot หรือ Running Slip Knot) ประโยชน 1. เปนเง่ือนใชผกู ไดแ นน แกงา ย แตมปี ระสิทธภิ าพนอยกวา ผกู กระหวดั ไม 2. ใชใ นการผกู สง่ิ ของ 3. ใชผ กู เชือกกับวัสดุ เพอ่ื ยดึ ใหแ นน ไมเ ลื่อนไมค ลาย กระชับแนน ดี

55 1.11 ปมุ เพชร (Diamond Knot) ประโยชน ใชท ําสายนกหวีด (Land yard) สายมดี พก 1.12 เงอ่ื นบว งคลองคอ (Hangman’s Knot)

56 เปน บว งที่รดู ขึน้ ลงได พนั เชน เดียวกบั พนั หัวเชือก เมือ่ พนั ไดจ ํานวนรอบพอสมควรเอาปลายเชอื ก สอดเขา ในบวง ดงึ ปลายเชอื ก สอดเขาในบวง ดงึ ปลายเชอื ก และ ตวั เชือก ใหเ งอ่ื นกระชบั กนั 1.13 เง่อื นลกู ขุน หรือ เงื่อนสาแหรก (Jury Knot) ประโยชน 1. ใชแทนเงอื่ นบว งสายธนู 2 ชน้ั หรอื เงอ่ื นเกา อี้ก็ได คือ น่ัง ทบ่ี ว ง c แขนสอดในบว ง c และ d (ซา ย ขวา) ปลาย H และ Z ใชดงึ เพอ่ื หยอนขนึ้ หรือ ลง 2. ใชทําสาแหรกหิง้ ผลไมล ูกกลม ๆ เชน แตงโม สม หรอื ผกู หิว้ กอนหนิ 3. ใชทาํ สาแหรกยกของขนึ้ ลงได หมายเหตุ จากบวงลูกขนุ (Jury Knot) เมอ่ื นาํ มาผูก ดงั รูป 3,4 เรยี กวา A Sling for Round Shot

57 1.14 เงอ่ื นสาแหรก (Shamrock Knot) ประโยชน ใชท าํ เปน กระเชาหว้ิ ผลไมทรงกลม หรอื วัตถทุ รงกลม เชน แตงโม สม โอ ฟุตบอล ฯลฯ 1.15 เงอื่ นสามเหลี่ยม (Triangle Knot, Sacred Knot or Brahmin Knot) ประโยชน ใชเ ชน เดยี วกบั บวงสายธนู 2 ชัน้

58 1.16 เงือ่ นผกู รน หรือ ทบเชอื ก (Sheepshank) แบบท่ี 1 แบบที่ 2 แบบที่ 3

59 แบบที่ 4 แบบท่ี 5 แบบที่ 6 วิธีผูก ทบเชอื กตรงทช่ี าํ รดุ เกลยี วขาดเขาหากนั เปน รปู ตวั s ใหเ กลียวทชี่ าํ รุดขาดอยกู ลางเชอื ก ทท่ี บกนั แลวเขา ตราสังปลายเชือกทท่ี บใหแนน เอาเชอื กหรอื ไมขัดตวั เชอื กหรอื บว งทที บ ปองกนั ตราสงั หลุด หรือถาจะใชว ิธสี อด เชือกเขากับบว งทท่ี บกไ็ ด

60 ประโยชนข องผกู รน 1. ใชผกู รน เชอื กตรงสว นทีช่ าํ รดุ เลก็ นอ ย เพอื่ ใหเ ชือกมกี าํ ลงั เทา เดมิ 2. เปนการทบเชอื กใหเ กดิ กาํ ลงั ตอการลาก จงู เรอื ขนาดใหญและเพอื่ ชว ยแรงเชอื กสว นทชี่ ํารุดเกลยี ว ขาด 3. เปน การรน เชอื กทีย่ าวมาก ๆ ใหส น้ั เขา ตามตอ งการ เพอ่ื สะดวกตอการเกบ็ และนําไปใชไดดี 4. โบราณใชท บเชอื กทใี่ ชล ากจงู สตั วเ ลี้ยง เชน วัว ควาย แกะ เพือ่ นาํ ไปขายทีต่ ลาดสตั วเ ลี้ยง 1.17 เงือ่ นผกู รนแมว หรือหมา (Cat or Dog Shank) ใชทบเชอื กใหส ั้นเพอื่ ใหเ กิดความถาวรคงทน ทาํ ใหเกิดความปลอดภยั 1.18 การทาํ เชอื กใหส ้นั แบบงาย (Simple Loop or Bend Shortening) เปนอกี วธิ ีหนงึ่ ทท่ี าํ ใหเ ชอื กสนั้ และแข็งแรง คงทน ไมท าํ ใหเชือกชาํ รุดโดยไมจ าํ เปน 1.19 เง่ือนทบส้นั (Knot Shortening) เปนการทําเชอื กใหสนั้ ไดอ ยา งรวดเรว็ และสามารถนาํ ปลายเชือกไปใชได ไมเหมาะกบั เชือกขนาดใหญ เพราะปมมคี วามหนาแกยาก

61 1.20 เงื่อนตนี แมว (Cat’s paw) ประโยชน ใชท าํ บว งชว่ั คราวในการผกู ตะขอกับรอก 2. เงื่อนประเภทผูกดว ยเชอื กเสนเดียวประเภทบวง 2.1 บวงสายธนู (Bowline)

62 2.2 บวงสายธนู (Slipped Bowline) 2.3 บว งสายธนู (Bowline Casting Method) 2.4 บวงสายธนู (Portuguese Bowline)

63 2.5 บวงสายธนู (Bowline Two Figured Method) 2.6 บวงสายธนู (Bowline One hand Method)

64 2.7 บวงสายธนู (Bowline Climber’s Method) 2.8 บวงสายธนู (Bowline on a Bight) 2.9 บวงสายธนู (Bowline Under Tension)

65 2.10 บวงสายธนู (Spanish Bowline Morrow Knot) 2.11 เง่ือนผกู ปากขวดชัน้ เดียว (Single Bottle Knot) ประโยชน ใชผ กู ปากขวดทีม่ ีปากขอบ เพื่อหวิ้ แตม คี วามปลอดภัยนอยกวา Bag knot 2.12 เงื่อนผกู ปากขวด วิธที ี่ 1 (Bag Knot, Bottle Knot) 12 34 ประโยชน ใชผ กู ปากขวด หรอื ปากถงุ ปากกระสอบ ทาํ เปน หูหว้ิ ได

66 2.13 เงอ่ื นผกู ปากขวด วิธที ่ี 2 (Jug Sling or Bottle sling ) ประโยชน เปน เงอื่ นไขทีใ่ ชผูกรัดปากขวด ปากตุม เลก็ ๆ ทีปากมขี อบ หรอื ใช ผูกรดั ปากกระสอบ ปากถุง เพอ่ื สะดวก ตอการหิว้ ยกไปมา 2.14 บวงลาลอิ าท (Lariat Loop) วธิ ผี กู เมอ่ื ผูกเชอื กตามรปู 1 แลว จะไดรูป 2 ใหจ บั บวง a ดงึ ลงมาแลว ดงึ ปลาย c ข้ึน จะไดเงอื่ นท่เี ปน บวง เหมือนรูป 3 ประโยชน ใชผูกสัตวเ ลย้ี ง เชน ววั ควาย มา ไวกบั หลักเชน เดยี วกบั บว งสายธนู แตผ กู งา ย และแนนกวา บว งไม เลื่อน

67 2.15 บวงสายธนู (Running Bowline) 2.16 เงอื่ นเกา อี้ (Chair Knot or Firemen’s Chair Knot) ประโยชนข องเงื่อนเกาอี้ เปน เง่อื นกูภยั ใชช ว ยคนทตี่ ดิ บนอาคารสงู ทไี มส ามารถจะลงทางบนั ไดได หรอื ตดิ บนกง่ิ ไมส งู ชว ยให คนขนึ้ จากทตี่ า่ํ เชน จากบอ หรอื เหว ใชเ ชน เดียวกบั บวงสายธนู 2 ชน้ั

68 2.17 เง่ือนกญุ แจมือ (Tomfool Knot) ประโยชน ใชทาํ บว งมดั มอื แทนกุญแจมือได (A pair of Handcuff) 2.18 บว งคนกลาง (Middleman’s Knot) ประโยชนข องเง่อื นบว งคนกลาง 1. ใชทาํ บว งในตวั เชอื ก โดยไมมปี ลายเชอื ก 2. ใชทาํ บวงผกู กลางตวั คนในการไตเ ชอื ก ไตเ ขา 3. ทาํ เงือ่ นรดู 2 เง่ือน อยูติดกัน ( Overhand Slip Knot) และทาํ ใหเ งอื่ นยดึ แนน โดยมสี ่ิงของอยภู ายในบว ง

69 2.19 บว งสายธนู – ปลายเชือกออกนอก (Left Hand Bowline) บางโอกาสเราไมส ามารถจะรอยเชอื กใหป ลายเชอื กอยดู านในได ก็ใชวธิ ีสอดปลายเชอื กเอาไว ดานนอก ประโยชน คงใชเหมอื นบว งสายธนธู รรมดา หมายเหตุ บว งสายธนทู าํ บวงบาศ เรียกวา Running Bowline (รูป ข) ทําบว งสายธนเู พอื่ ตอเชอื ก เรียกวา Bowline Bend (รูป ค) ใชตอเชอื กลากรถยนต พวงเรือตอ เชือกสาํ หรับสรา งสะพานเชอื ก ทาํ ราวตากผา 2.20 บว งสายธนู 2 ชน้ั แปลง (Bowline With A Bight) ประโยชน เชนเดียวกับเงอื่ นเกา อ้ี และบวงสายธนู 2 ชน้ั

70 2.21 บว งสายธนูนาํ้ (Water Bowline) วิธีผูก ใชผ กู หักคอเชอื ก แลวจงึ ผกู บวงสายธนู ประโยชน ใชผกู เรอื นแพไสกบั หลักหรอื เสา ปองกนั ไมใหเชอื กเขมง็ ตวั หรือกระชบั แนนเกินไป ทาํ ใหแ กย าก 2.22 เงื่อนคนลาก (Man harness Hicth) 12 ประโยชน 3 1. 2. ใชท าํ บว งคลอ งไหล เพ่อื ลากสิ่งของ จงู สตั ว ลากซงุ ลากรถ ผูกหลาย ๆ บว ง ใชท าํ ราวแขวนไมแ ขวนเสื้อ ผกู เบ็ดราว 3. ใชผ กู ลูกบันได

71 2.23 บว งคนลาก 2 ช้นั เงอ่ื นไตเ ขา (Man harness Hitch (Alternative Form)) 12 3 เปน เงื่อนท่ีใชป ระโยชนเ ชนเดยี วกับบว งคนกลาง ใชบว งคลอ งเอวคนทไี่ ตเขาไมเ กง สว นปลาย เชือกทงั้ สองแยกออกให ผชู วยเหลอื คนหนาถือปลายขา งหนงึ่ คอยดงึ เชอื กไว อกี ปลายหนงึ่ ใหผ ูชว ยเหลือคนหลงั ดงึ ไวคอยผอ นเชือกคนหนา คอยสาวเชือกชวยคนทีอ่ ยใู นบวง 3. เงอ่ื นประเภทผูกดวยเชือกสองเสนประเภทตอเชือก 3.1 เงือ่ นพิรอด หรือ เงอ่ื นแนน (Reef Knot or Square Knot)

72 เปน เงือ่ นท่ใี ชป ระโยชนม ากในชีวิตประจาํ วนั ของเรา โดยใชผูกปลายเชอื ก 2 ขา งดวยกนั จะแนนมากและ แกงา ย ผูกไดห ลายวธิ ี เชอื กท่ผี ูกตองเปน เชือกทมี่ ีขนาดเทากัน มคี วามเหนียวเทา กนั 3.2 เงื่อนพริ อดขโมย (Reef Knot or Square Knot) ประโยชน 1. ใชต อ เชือก 2 เสน มขี นาดเทา กนั เหนยี วเทา กนั 2. ใชผ ูกปลายเชอื กเสน เดียวกนั เพ่ือผูกมัดสงิ่ ของและวัตถตุ างๆ 3. ใชผ ูกเชือกผูกรองเทา (ผูกเงอ่ื นพิรอดกระตุกปลาย 2 ขา ง) 4. ใชผูกโบ ผูกชายผาพันแผล (Bandage) ผกู ชายผา ทาํ สลงิ คลองคอ ใชผ ูกปลายเชอื กกากบาท ญ่ปี นุ 5. ใชต อผา เพอื่ ใหไดความยาวตามท่ตี อ งการ ควรเปน ผา เหนยี ว ในกรณีทไี มมีเชอื ก เชน ตอ ผา ปทู ี่นอน เพื่อใชช วยคนในยามฉกุ เฉินเม่ือเวลาเกิดเพลงิ ใหม ใชชว ยคนทีอยตู ิดอยูบ นที่สงู โดยใช ผาพนั คอลูกเสอื ตอ กนั วิธแี กเ ง่ือนพิรอด ดึงปลาย a , b ใหแยกออกจากกันจนเปน เสนตรง แลวรูดปมออก

73 3.3 เงื่อนพริ อดพนั หลายรอบ (Surgeon’ Knot) เปน เงอ่ื นท่ีผูกเพอ่ื ความหนาแนน ไมใ หป มที่เราผกู ครง้ั แรกทค่ี ลายออกงา ย ประโยชน ใชผกู มดั หอ ของขนาดใหญ ศัลยแพทยใหข มวดหางไหม หรอื ดา ยเย็บ จึงมชี ่อื เรียกตามลกั ษณะของศลั ยแพทย 1. 2. 3.4 เง่ือนพริ อดกระตกุ หาง (Slipped Reef) หรอื พิรอดกระทกหางเดี่ยว วิธีผูก ผกู เชน เดียวกบั เงอ่ื นพิรอด แตป ลายเชือกขา งหนงึ่ ทาํ เปน บวงปลอ ยเชอื กไวเ พ่ือใชก ระตุกเม่อื เวลาแกปม เชอื กชนิดนแี้ กง า ย ประโยชน 1. ใชผูกตอ เชือกท่มี ีขนาดและความเหนยี วเทากนั เปนการตอ เพ่อื ชชั ั่วคราว 2. ใชผ กู มดั ของใหญๆ หรือหนา ๆ เชน ไมกระดาน หอของทาํ ใหแ กงา ย วธิ แี ก ใหก ระตุกปลาย b

74 3.5 เง่อื นพริ อดกระตุกหาง 2 ช้ัน (Double Slipped Reef) วธิ ีผูก เชนเดยี วกับใหแ กไดง าย สะดวกเงอื่ นพิรอดธรรมดา แตปลายเชือกทงั้ สองทาํ เปน บว งไว เพ่ือใช กระตกุ เวลาแก ทาํ ประโยชน 1. ใชผ ูกเชือกรองเทา สวยงาม แกง า ย 2. ใชผกู โบ ผูกผม และหอ มัดส่ิงของ วธิ แี ก ดงึ กระตกุ ปลายเชอื ก a, b หมายเหตุ ถา จะตอผาปทู ่ีนอน ผา ขาวมา ผา พนั คอลกู เสือ หรอื ผา เพือ่ ตอ ใหย าวๆ ใชแ ทนเชอื กชว ยคนในยาม ฉุกเฉนิ ในกรณที ค่ี นติดอยบู นทส่ี งู เชน ขณะเกดิ เพลิงไหม และเพอ่ื ใหแ นน ปองกนั ปมเงื่อนคลายตัว ควรเอา ปลายเขา ตราสงั ดงั รปู เง่อื นพิรอดปลายขดตราสงั 3.6 เงอ่ื นขัดสมาธิ (เงือ่ นหกั ) (Sheed Bend) เปน เงอื่ นทีใ่ ชป ระโยชนต อเชือกที่มีขนาดตางกนั หรือ ขนาดไลเ ลี่ยกนั หรอื ขนาดเทา กันกไ็ ด โดยใชเปน เสน ใหญท าํ เปน บว ง สวนเลก็ เปน เสน พนั ขดั การผูกเงือ่ นสมาธิ มีหลายวธิ ดี งั นี้

75 วิธที ่ี 1 หมายเหตุ ผขู ัดสมาธิสว นมาก ไทยเรามักจะบังคับวา เงอ่ื นทถ่ี ูกตอ งจริงๆ ตอ งมีปลายเชอื กอยทู างเดียวกนั แตข อง ตาํ ราตางประเทศเขาไมจ ํากดั วา จะอยูข างเดยี วกนั หรอื ตางขา งกนั ก็ได ถา อยขู า งเดยี วกัน ควรเหลอื ปลายเชือกเลก็ ใหยาวสกั หนอย จะแนน ข้ึน กนั ปมรูดออก แตถา ปลายเชือก อยูค นละขางปมเชอื กจะแนน ดี เพราะปลายเชือกเล็ก หรือปลาย เสน พันขดั จะถกู กดไวก บั ตัวเชอื ก ทาํ ใหป มเชอื ก คลายยาวข้นึ วิธีแก ดึงปลาย a,b แยกออกจากกนั ดงึ จนเปน เสน ตรงเดยี วกนั แลวรูดปมออกจากปลาย a หรอื b ถา ใชต อ ดา ยทอผา เรยี กวา Weaver’s Knot ประโยชนข องเงอื่ นขดั สมาธิ 1. ใชต อ เชือกทม่ี ขี นาดเดียวกัน หรอื ขนาดตา งกัน (เสน เลก็ พันขัดเสนใหญ) 2. ใชตอเชอื กออ นกบั เชอื กแข็ง (เอาเสน ออ นพนั ขดั กบั เสน แขง็ ) ตอ เชอื กทีม่ ีลกั ษณะคอนขางแขง็ เชน เถาวลั ย 3. ใชตอ ดาย ตอ เสน ดายเสน ไหมทอผา (Weaver’s knot) 4. ใชผ กู กับขอ หรือ บวง (Becket Hitches) 5. ใช Bending the sheet หรือ Controlling Rope ทปี่ ราศจากมุมของใบเรอื สาํ หรบั เรอื เล็กๆ หมายเหตุ ใชเ ชอื กเล็กๆออ นๆ

76 วธิ ีที่ 2 ใชต อเชือกเล็กๆออนๆ ทาํ เปน เง่อื นรดู แลว เอาปลายเชือกเสน โตสอดเขา ไปในบว งของเง่อื นรูด(เสน เล็ก) แลวดึงปลาย a กบั ตัว เชือก b ใหบว งรดู ดงึ ตัวเชอื ก C d งอเขาหากนั แลว พลกิ ปมกลบั จะไดเ งอื่ นขัดสมาธิ วธิ ีที่ 3 เอาปลายเชือก a ซง่ึ เปน เชอื กเสน เลก็ หรอื เสนที่พนั ขัดไวใตเ สน b แลว เอาตวั เชอื กของเสน a พันรอบเสน b แลวเอาเชอื กของเสน a พนั รอบ เสน b แลวออมหลังปลาย a ออ มใตปลายเชอื ก b ขน้ึ เหนอื ปลายเชือก b แลวเอาปลายเชอื ก b สอดเขา ไปในหว ง a อีกมือหน่งึ จบั ปลายและตวั เชอื ก b ดึง กจ็ ะไดเ งือ่ นขัดสมาธิ หมายเหตุ ถาเอาปลายเชอื ก a ไวบนปลายเชือก b แลวพนั สลดเหมือนวิธเี ดิม จะไดเ งือ่ นพิรอด

77 3.7 ผูกเงอื่ นพริ อด โดยดดั แปลงมาจากเงอ่ื นขัดสมาธิ การแกเงอ่ื นขดั สมาธิ ใหจ บั ปลายเชอื กและตัวเชอื ก a, b ดึงแยกออกใหเ ปน เสน ตรง แลว รดู ปมออก (จบั ปลายและตวั เชอื ก เสนทไี่ มไดพ นั สอด คอื เสน ใหญนน่ั เอง) 3.8 เง่ือนขดั สมาธิ 2 ชน้ั (Double Sheet Bend) ประโยชนข องขดั สมาธิ 2 ชน้ั 1. เชนเดียวกับขดั สมาธิ (ชนั้ เดียว Sheet Bend or Cornmon Bend) 2. ใชคลองผูกเสมอ 3. ใชต อ เชอื ก 2 เสน ทีม่ ขี นาดแตกตา งกนั มากกบั เชอื กแข็ง ตอ เชือกลนื่ เชน ไนลอน

78 3.9 เง่ือนขดั สมาธิทใ่ี ชห กั คอเชอื ก (Racking Bend หรือ Heaving Line Bend) เม่อื ใชกับเชอื กเสนใหญม ากๆ ใชเสน เลก็ พันขดั ดงั รปู ประโยชน 1. ใชผกู สมอเรอื 2. ใชพนั เชอื กเพือ่ รบั น้ําหนกั มากๆ 3. ใชเ ชอื กเลก็ พันมัดคอเชอื กเสน ใหญใหแนน 3.10 เงอื่ นขดั สมาธกิ ระทก (Slipped Sheet Bend) ประโยชนข องเงอื่ นขัดสมาธิ 1. ใชตอเชอื กที่มขี นาดเดยี วกนั หรอื ขนาดตา งกนั (เสน เลก็ พันขดั เสนใหญ) 2. ใชตอเชอื กออนกบั เชอื กแขง็ (เอาเสน ออ นพนั ขดั กับเสน แข็ง) ตอ เชือกที่มลี กั ษณะคอนขา งแขง็ เชน เถาวลั ย 3. ใชต อดา ย ตอเสนดา ยเสน ไหมทอผา (Weaver’s knot) 4. ใชผ กู กบั ขอ หรือ บว ง (Becket Hitches) 5. ใช Bending the sheet หรือ Controlling Rope ท่ีปราศจากมุมของใบเรอื สําหรบั เรอื เล็กๆ

79 3.11 เงื่อนยายแก (Carrick Bend) ประโยชน ใชเปน เง่อื นข้ึนตน วอกเกลิ 1. ใชเปนเงื่อนข้ึนตนสาํ หรบั เงอ่ื นปมุ เพช็ ร 2. ใชต อ เชือกขนาดเดียวกัน 3. 3.11 เง่ือนยายแก (Granny Knot) ประโยชน ใชต อปลายเชอื กสองเสน เพอื่ ใหเ กิดกาํ ลงั ดึงมาก (ตอเสรจ็ ใหเอาเชอื กเล็กๆ พันมดั ปลายทง้ั สองใหต ดิ กบั ตัวเชือกใหแ นน 3.12 เงื่อนประมง (Fisherman’s Knot)

80 3.13 เงอื่ นประมงสองช้นั (Double Fisherman’s Knot) ประโยชน 1. ใชต อ เชอื กทม่ี ีขนาดเลก็ (gut) หรือดา ยเปด (fishing line) ตอเอ็น (Leader) 2. ใชเ ชอื กตอ 2 เสน ท่มี ีขนาดเดียวกนั 3. ผกู คอขวดแยม ใชสําหรบั เปนทถ่ี ือหวิ้ (Use round the neck of jam jar as a handle) และผกู คอ ขวดตา งๆ ที่ปากขวดมขี อบ 4. ใชล ากจงู ตอ เชอื กขนาดใหญใชลากจงู 5. ใชตอเชือกดายทอ สายเบ็ด ใชตอ เชือกกนั เปน เกลียว 6. ผกู สายไฟทํากับระเบิด 3.14 เง่อื นตอหนัง (Strap Knot) ประโยชน ใชต อ ผกู ตอสายนงั หรอื เชือกแข็ง เชน เขม็ ขัด ตอ เสนลวด

81 3.15 เงอ่ื นนายพราน (Hunter’s Knot) ประโยชน ใชตอ เชอื กขนาดเทากนั ที่มคี วามลน่ื ออ น ไมสามารถใชต อ ดวยเง่ือนอนื่ ๆ ได เง่อื นทตี่ อ แลว ปม จะคลายตวั ยาก ยงิ่ ดงึ ตงึ ย่ิงแนน

82 บทที่ 6 เงอื่ นเชือก 3 เง่อื นประเภทผกู กบั วตั ถุ 1. เงอ่ื นผูกน่ังรา น (Scaffold Hitch) ประโยชน ใชผ ูกมัดเสาเตน็ ท 1. ผกู มัดผาปนู อน (Bedding roll) เพ่ือการขนยาย 2. เปน เงอ่ื นผูกงา ย และแกง า ย 3. 2. กระหวัดไมชน้ั เดียว (Half Hitch) ประโยชน ใชเ ปนเงอื่ นเรมิ่ แรกในเงือ่ นผูกซงุ 1. ใชผ กู ชัว่ คราว เพอ่ื แกง า ย 2. ใชผ ูกกับหลกั หรือตนไม 3. 3. เงื่อนกระหวดั ไม (Simple Turn and Two Haft Hitches) ประโยชน 1 ใชล ามสัตวเ ลยี้ งไวกบั หลัก 2. ใชผูกเรอื แพ 3. เปน เง่อื นผูกงายแกงา ย

83 4. เงอื่ นกระหวดั ไมพ นั รอบ (Round Turn and Two Haft Hitches) ประโยชน 1.ใชผกู เชือกกบั เสาหรือหลกั 2. ใชผกู เรอื กบั ทาเรือ 3. ใชผ ูกเรือเลก็ ๆ เชน เรือบท ผกู ไดแนน และแกไดเร็ว 4. มีความทมนั่ คงกวา Single Turn and Two Haft Hitches 5. เง่ือนสมาธหิ ว ง (Girdler Hitch) ประโยชน ใชผ กู แผนหนงั (Leather Strap) กบั หว งโลหะ 1. ใชผ ูกอานมา (Western Saddle) 2. ใชผกู หวงหรือผกู รัดใตทอ งมา 3. ใชผกู แผน หนงั กับราวเพ่อื ใชด งึ ยึด 4. 6. ตะกรุดเบด็ กลืน (Fisherman’s Bend or Anchor Bend) ประโยชน มคี วามมั่นคงแข็งแรงกวา เงอ่ื นกระหวดั ไมพ นั รอบ 1. ชาวประมงใชผ กู หว ง ( Girth) กับ ตะขอ (hook) 2. ใชพันรอบถงั ( Bucket ) หรอื เรยี กวา ( Bucket Hitch) ใชแขวนรอก 3. ใชผ ูกกบั สมอ ( Anchor Warp) ผูกกับวงแหวน ผูกแทง หนิ สี่เหลี่ยม ใชแ ทนสมอเรอื 4.

84 7. เงอื่ นตะกรดุ เบ็ด (Clove Hitch) 7.1 Clove Hitch 7.2 Slipped Clove Hitch 7.3 Double Clove Hitch 7.4 Clove Hitch (Ring)

85 7.5 Clove Hitch Two Overlapping 7.6 Clove Hitch Two Inverted 7.7 Clove Hitch Two Inverted

86 7.7 Clove Hitch Under Strain 7.8 Double Clove Hitch ประโยชน ใชผูกเชือกกบั เสาหรอื ส่งิ อน่ื ๆ จะใหค วามปลอดภัยมาก ถาผกู ดว ยกลางๆของเชือก ถา ใชป ลาย 1. เชอื กผกู อาจไมแนนกระตุกบอ ยๆ จะหลุด ปมเชือกจะคลาย ใชทําบนั ไดเชอื ก บนั ไดลิง 2. ใชใ นการผกู Hitch ตา งๆ 3. ใชในการผูกกระหวดั ไม 4. ใชใ นการผูกแนน ( Lashing) เชน ผกู ประกบ กากบาท 5.

87 8. เง่อื นผูกตะขอช้ันเดยี ว (Back well Hitch) ใชผูกเชือกกบั ตะขอหรอื กับส่งิ อน่ื ๆ ท่ใี ชกบั ปน จน่ั (Derrick Work) 9. Double Back well Hitch ประโยชน ใชผ กู กบั ตะขอไดแขง็ แรง กวา Backwell Hitch 10. เงื่อนตนี แมว (Cat’s-paw) ประโยชน ใชท ําบว งชว่ั คราวในการผกู ตะขอกับรอก

88 11. กระหวัดไมช น้ั เดียว (Haft Hitch) 12. กระหวัดไม (Two Haft Hitch) 13. กระหวัดไมช น้ั เดียวกระตกุ ปลาย (Slippery Haft Hitch) ประโยชน ใชผ กู ชัว่ คราวกับหว ง หรือ กบั ร้วั กบั กงิ่ ไม 1. แกง าย แตม ปี ระโยชนม าก 2. ผูกเชือกสาํ หรบั โหน 3.

89 14. Hitching Tie ประโยชน ชผ กู สตั วกบั คอก หรอื เสา หรอื กบั ตน ไม 15. A Midshipman’s Hitch ประโยชน ใชผ กู ขอรอก ทาํ ใหมกี าํ ลังในการยดึ มาก ใชแทน Backwell Hitch ใชกับเชือกทีม่ นั ลน่ื เชน เชอื กไนลอน 16. เงอ่ื นหัวนก Cow Hitch (Lark’s Head ) ประโยชน 1. ใชผ ูกมกี ผูกนกหวดี 2. ใชอุปกรณ ตา งๆ ผูกรอ ยกบั หว ง

90 17. เงอื่ นบกุ เบกิ หรอื เง่อื นขโมย (Highwayman’s Hitch or Donkey Hitch or Draw Hitch) 12 3 เปน เงอื่ นไขทใี่ ชผูกกบั หลัก หรือวตั ถุ สามารถแกไดงา ย โดยดงึ ปลายเชือกขา งหนงึ่ และถาดึง ปลายเชอื กยาว (Standing Part) จะแนนมากเปน เงอ่ื นแกง ายปลอดภัย ประโยชน 1. ใชผูกเรือ แพ กับหลกั 2. ใชผ กู เพื่อไตเ ชอื กลงจากทส่ี งู หรือไตข น้ึ เมอ่ื ไตแลวจะแกเ ชอื กไดโ ดยกระตุกปลายเชือกส้นั 3. ใชส าํ หรับโหนขามคลอง โหนแลวกระตุกเชอื กคนื ได 4. ใชผ ูกเพอื่ การลากจูงเรือเลก็ ๆ 5. ทาํ เชอื กสลงิ เพอ่ื ยกเสาธงขึ้น เมือ่ ยกเสาธงตงั้ เรยี บรอ ยแลวกระตกุ เชอื กลงมาเก็บคนื ได โดยไมตอ งขึ้นไปแก 6. คาวบอยใชผ กู มา เมื่อขึน้ ขี่มา แกเ ชือกโดยการกระตกุ เชอื กบนอาน 7. ใชเ ชือกผกู ไวก ับเสา หรือวงแหวน 18. ผกู ซงุ (A Timber Hitch) 12

91 ประโยชน 1. ใชผ กู กับวตั ถทุ อนยาวๆ เชน ตน ซงุ วตั ถทุ รงกระบอก เสา เพ่ือการลากโยงกอนหนิ 2. ใชผูกทะแยง 3. หรือใชผกู สตั ว เรือ แพ ไวกบั ทา หรือเสา 4. เปนเชือกแกง า ย เมอื เชือกหยอ น 19. เงอ่ื นเจก ลากซุง (A Timber Hitch with a Half – Hitch) ประโยชน 1. ผกู ซุงแลว ตราสัง ประโยชนเชนเดยี วกับการผูกซงุ แตใชผกู กบั ทอ นใม ทอ นซงุ กอ นหนิ แทงยาวๆ เพื่อการลากจงู ไดส ะดวก ทอ นซงุ ไมขวาง 2. ใชผ กู กอนหนิ เพื่อถวงน้ําแทนสมอเรือ 3. ใชผูกสิง่ ของทม่ี คี วามยาว 20. Ossel Knot วิธีผูก เอาปลายเชอื กพันทับตัวเชอื ก b รอบเสน เชือกใหญ C 2 รอบ แลว พนั เชอื กเมนใหญ C 1 รอบ ดึง ปลายเชอื ก a ข้นึ สอดปลายเชือก a เขา ใตบว ง e

92 21. Ossel Hitch วิธีผกู เอาปลายเชือก a พันรอบเชือกใหญ c ออมไปหลังตัวเชอื ก b เกิดบวง e ออ มมาพันหนาเชอื กใหญ c ดงึ ข้นึ สอดเขา บวง e ดงึ ปลาย a ใหแ นน ประโยชน 1. ใชผกู เชอื กกบั วสั ถุ 2. ผกู โยงขงึ สะพานลงิ ขึงตาขา ยระหวางเชอื กเสน บนกับเสน ลา ง 22. Half Hitch Lanterns ใชถกั สายกระเชา ปลูกตน ไม

93 23. เงอ่ื นผกู ทอ (Pipe Hitch) ประโยชน ใชสําหรับผูกทอ (pipe) ในแนวตั้ง ผกู เสาเขม็ เพื่อปกตอกโดยเฉพาะตรงหัวเสาจะตราสังดว ยก็ได 24. เงอ่ื นงาขัด (Boat Knot or Marline Spike Knot) ประโยชน เปน เงื่อนท่ีใชผ กู ลกู บนั ได เปน เง่อื นทผ่ี กู แนน แกไดง า ย 25. เง่อื นขึงใบเรอื (Marline Hitch ) ประโยชน ใชผ กู ขึงใบเรอื กบั เสา และคานใบเรือ 1. ใชผูกแปลญวน 2. ใชข ึงผาใบกนั แดดฝน 3.

94 26. เงื่อนผกู ปากขอ (Mousing a Hook) ใชเชือกเลก็ ๆ พนั รอบปากตะขอหลายรอบ แลว พันคาดรอบคอเชอื กหลายๆรอบ เพอ่ื ใหเ ชือก หลายๆรอบ เพอ่ื ใหเชือกรัดปากตะขอแนน จบ ดวยเงือ่ นพริ อด ประโยชน 1. ใชม ดั ปากขอรอก ปอ งกนั เชือกโซแ ขวนในขอไมให หลดุ ออกจากปากตะขอ (Open hook) เชนกระเชา 2. ปอ งกนั ไมใ หตะของางออกจากกัน 27. วธิ ีผูกถงั ต้งั

95 28. เงือ่ นผกู ถังนอน ประโยชน การผูกถงั ต้ังและถังนอน นอกจากที่กลา วมาแลว ยังใชแขวนภาชนะตา งๆเพ่ือหนนี า้ํ หรือ ใชพ น จากสัตว รบกวน เหมาะสําหรบั ลกู เสอื ขณะอยูคายพกั แรม หรือแขวนกระเชา อาหารไวในครัว เปน ตน หมายเหตุ ส่งิ ท่ีควรระมดั ระวงั คอื ตองจดั เสน เชือกและใหน าํ้ หนกั ของถังและวตั ถุใหอ ยใู นสมดุลไมเ อยี งไปทางใด ทางหนึ่งมิฉะนนั้ ถงั จะหลดุ ตกลงมาเปน อนั ตราย ผกู ปากกระสอบ (Miller’ s Knot) 2 3 1 ประโยชน ใชผูกปากกระสอบ ปากถุง (Handle Sack)

96 29. เง่อื นรดั นิ้วมอื (Strangle Knot) เปน เงื่อนทีผ่ กู ไดร วดเรว็ ประโยชน ใชม ัดรัดนว้ิ มอื หรือ แขนขา เพือ่ หา มโลหติ ได

97 บทที่ 7 การจดั ทําและการใชส ่ือการสอน

98

99

100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook