คาถามทบทวนความจา 3. ใครคอศาสดาของศาสนาพราหมณ์ - ฮนดู ก. พระศวะ ข. พระวษณุ ค. พระพรหมณ์ ง. ไม่มีศาสดา
คาถามทบทวนความจา 4. ศาสนาพราหมณ์ – ฮนดู ถอกาเนด ที่ประเทศใด ก. อนเดีย ข. ภฎู าน ค. อสราเอล ง. ซาอุดอารเบยี
คาถามทบทวนความจา 5. ศาสนาอสลาม ถอกาเนดท่ปี ระเทศใด ก. อนเดีย ข. ปาเลสไตน์ ค. อสราเอล ง. ซาอุดอารเบีย
คาถามทบทวนความจา 6. ศาสนาครสต์ ถอกาเนดทปี่ ระเทศใด ก. อนเดยี ข. อสราเอล ค. อหรา่ น ง. ซาอดุ อารเบีย
บทท่ี 3 พุทธสาวก พทุ ธสาวก คอื สาวกของพระพทุ ธเจ้า หรอื ผปู้ ฎิบัตติ ามคาสัง่ สอน และมีบทบาทในการช่วยเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา และเปน็ แบบอย่างทดี่ ี ทพ่ี ุทธศาสนกิ ชนควรปฏิบตั ติ าม
พระโสณโกฬวิ ิสะ โสณโกฬิวิสะ เกดิ ในตระกูลเศรษฐี ในเมือง จมั ปานคร เปน็ ผู้เพยี บพรอ้ ม ไปด้วยทรัพยส์ มบัติ สีผิวของทา่ นมีสี เหมอื นทองคาและละเอียดอ่อน ลกั ษณะพเิ ศษ คือ มีฝา่ มือ ฝา่ เท้า ออ่ นนมุ่ และมีขนอ่อนขึน้ ดว้ ยเหตนุ ี้ คนทั่วไปจึงขนานนามทา่ นวา่ “โสณะ”
พระโสณโกฬวิ สิ ะ หลังจากพระโสณโกฬวิ ิสะไดอ้ ปุ สมบท แล้ว ทา่ นได้ศกึ ษาหลักธรรมด้วยความ เพยี รพยายามอย่างหนกั โดยตัง้ จติ ไว้ วา่ “เราจะฝึกปฏิบตั ธิ รรมใหถ้ ึงทีส่ ุด แม้ร่างกายจะไดร้ ับความลาบาก เพื่อการบรรลุธรรมของพระศาสดา”
พระโสณโกฬวิ ิสะ พระพุทธเจา้ ทรงทราบจงึ เสดจ็ ไปประทานโอวาท ด้วยข้ออปุ มา เรอ่ื ง พิณ 3 สาย คอื การปฏิบตั ิ ธรรมท่ตี งึ เกินไปหรอื หย่อนเกินไป กไ็ มส่ ามารถบรรลธุ รรมได้ ดงั นน้ั การปฏบัต ธรรมควรยึดหลกั มัชฌมาปฏปทา (เดนิ ทาง สายกลาง) และสดุ ท้ายพระโสณโกฬวสะได้รบั การยกยอ่ งจากพระพุทธเจา้ วา่ เปน็ เลศใน ด้าน “ปรารภความเพยี รในพระพทุ ธศาสนา”
พุทธศาสนิกชนตวั อยา่ ง พุทธศาสนิกชนตวั อย่าง คอื ผู้ทน่ี ับถอื พระพุทธศาสนา และนาหลกั ธรรมคาสอนไปปฏิบตั ิเปน็ บคุ คลทคี่ วร ศึกษาและนาไปเป็นแบบอย่างที่ดีในการดาเนินชีวติ
สมเด็จพระสังฆราช ทา่ นทรงเป็นสามเณรทมี่ ีปญั ญาฉลาด ศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรมจนแตกฉาน และ ทรงเป็นสามเณรรปู แรกทีส่ อบได้เปรียญ ธรรม ๙ ประโยค และทรงได้รบั โปรด เกลา้ ฯ สถาปนาเปน็ สมเด็จพระสงั ฆราช เม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๖ในสมยั รัชกาลที่ ๕
สมเดจ็ พระสงั ฆราช คณุ ธรรมที่ควรถอเป็นแบบอยา่ ง พระองคท์ รงเป็นชาวพุทธท่ีดี หม่ันศกึ ษาหาความรู้ มคี วามกตญั ญูต่อพระพทุ ธศาสนา โดยการเผยแผ่หลกั ธรรมคาสอน
อาจารย์เสถียร โพธนิ ันทะ อาจารยเ์ สถยี ร โพธินันทะ เป็นผู้ทม่ี คี วามรู้ แตกฉาน เปน็ นักเล่าเรื่อง และนกั ปาฐกถาชั้นยอด ท่านสนใจใฝศ่ ึกษาทางพระพทุ ธศาสนามาตลอด จนไดช้ อื่ ว่าเป็น “นักปราชญใ์ นวงการศาสนา” มีความสามารถในการอ่านและพดู ได้ 7 ภาษา
อาจารย์เสถยี ร โพธนิ ันทะ คณุ ธรรมทคี่ วรถอเป็นแบบอยา่ ง อาจารยเ์ สถยี ร โพธินันทะ เป็นผมู้ ี ความใฝ่รใู้ ฝเ่ รยี นพระพุทธศาสนาและ เผยแผ่พระพุทธศาสนาตลอดมา
ชาดก ชาดก เปน็ เรือ่ งราวของพระพุทธเจา้ ทท่ี รงบาเพญ็ บารมใี นอดตี ชาติ ชาดกใหข้ อ้ คดิ ที่สามารถนาไปใช้ใน ชีวิตประจาวันได้ ดงั ตัวอยา่ งเร่ืองตอ่ ไปน้ี 1. จฬู เสฏฐชิ าดก 2. วณั ณาโรหชาดก
จฬู เสฏฐิชาดก เป็นเร่ืองของเด็กรบั ใช้ทม่ี คี วามฉลาด รจู้ กั ใชส้ ติปญั ญาสรา้ งฐานะความ เป็นอยู่ของตนเอง โดยการเกบ็ หนตู าย ไปขายตามที่พราหมณ์เศรษฐี นายจ้าง แนะแนวทางจนร่ารวยเปน็ เศรษฐี
วณั ณาโรหชาดก เป็นเร่อื งของราชสีหแ์ ละเสือโคร่งสตั ว์ทงั้ สองมีสติปัญญาไตร่ตรอง ไม่หลงเชอื่ คายยุ งของสนุ ัขจ้ิงจอก ท่ีมงุ่ หวังทาลาย ความสามัคคี ทาใหส้ ัตวท์ ง้ั สองอยู่ ร่วมกันด้วยความสงบสุข
คาถามบทที่ 2 การบ้าน 1. พระโสณโกฬิวิสะ ได้รับการยกยอ่ งจากพระพทุ ธเจา้ ในเรอ่ื งใด ตอบ ดา้ นปรารถความเพียรในพระพุทธศาสนา 2. สมเดจ็ พระสังฆราช เปน็ สามเณรรูปแรกในเรอ่ื งอะไร และ ได้รบั การยกยอ่ งเป็นตวั อยา่ งในดา้ นใด ตอบ เปน็ สามเณรรูปแรกในดา้ นการสอบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้ถึง2 คร้งั และไดร้ ับการยกย่องในเรอ่ งของความขยนั หมั่นเพยี ร และกตัญญตู อ่ พระพทุ ธศาสนา 3. อาจารยเ์ สถยี ร โพธินนั ทะ ไดร้ บั ฉายาในด้านใด ตอบ ได้รับฉายาในด้านนักปราชญใ์ นวงการศาสนา
บทที่ 2 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และหลักคาสอนของศาสนาต่างๆ พระรตั นตรยั ไตรสกขา โอวาท 3 พทุ ธศาสนาสุภาษต หลกั คาสอนของศาสนาตา่ งๆ หลักธรรมเพอ่ พัฒนาตนเอง และส่งแวดลอ้ ม
พระรตั นตรัย หมายถงึ ดวงแกว้ อนั ประเสรฐ หรอส่งท่ีประเสรฐที่สดุ 3 ประการ ได้แก่ พระพทุ ธ คอ พระพทุ ธเจ้า พระธรรม คอ หลกั ธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจา้ พระสงฆ์ คอ ผ้ปู ฏบตั ดี ประพฤตชอบตามหลักธรรม คาสอนเปน็ ผเู้ ผยแผ่และสบทอดพระพทุ ธศาสนา
ศรทั ธา หมายถงึ ความเชอ่ื ที่ประกอบดว้ ยเหตผุ ล โดย ผ่านการไตรต่ รองดว้ ยสตปิ ญั ญามี 4 ประการ 1. กมั มสทั ธา คือ เชือ่ ว่ากรรมมอี ยจู่ รงิ 2. วปิ ากสทั ธา คือ เชื่อผลของกรรม 3. กมั มสั สกตาสัทธา คอื เช่ือว่าสตั วม์ กี รรมเปน็ ของตน 4. ตถาคตโพธิสัทธา คอื เชอื่ การตรสั รขู้ องพระพทุ ธเจา้
พระพุทธ พทุ ธจริยา ๓ พุทธจริยา ๓ หมายถึง พระจริยวัตรหรอื การบาเพญ็ ประโยชนข์ องพระพทุ ธเจา้ ประการท่ี 1 โลกัตถจรยิ า คอื ทรงบาเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก ประการที่ 2 ญาตัตถจริยา คือ ทรงบาเพ็ญประโยชนแ์ กพ่ ระปรรุ ญาติ ประการที่ 3 พุทธตั ถจริยา คอื ทรงทาหนา้ ทขี่ องพระพุทธเจ้า
พระธรรม อรยิ สจั ๔ คือ หลักธรรมท่พี ระพทุ ธเจำ้ ตรัสรู้ เป็นหลกั ควำมจริงอนั ประเสรฐิ 4 ประกำร ไดแ้ ก่ 1. ทุกข์ 2. สมุทยั 3. นโิ รธ 4. มรรค
พระธรรม อรยิ สจั ๔ ทกุ ข์ คือ ความไมส่ บายกายและใจ สภาพทท่ี นไดย้ าก มี ๒ ประเภท คอื ทกุ ขป์ ระจา และทกุ ข์จร
ทกุ ขป์ ระจา ทกุ ขป์ ระจา หรอื สภาวทกุ ข์ คอื การเกิด แก่ เจบ็ ตาย ซง่ึ เป็นสิ่งท่ี ทกุ คนหนไี มพ่ ้น
ทกุ ข์จร ทกุ ข์จร หรอื ปกิณณกทกุ ข์ คอื ทุกข์ทเ่ี กิดกบั บคุ คลมากนอ้ ยไมเ่ ทา่ กนั
สมุทยั สมุทัย คือ ความทกุ ขห์ รือปญั หา ย่อมเกดิ จากสาเหตุ สาเหตุท่ที า ให้เกดิ ทุกข์ คือ กเลสหรอความ อยาก มี 3 ประการ
สมุทยั 1. กามตัณหา คอื ความอยากได้ 2. ภวตัณหา คือ ความอยากเปน็ 3. วิภวตัณหา คือ ความอยากทีจ่ ะ ไม่เป็น
นโิ รธ คอ ความดับทกุ ข์ หรือความ ปราศจากทุกข์ เมอ่ รู้สาเหตทุ ี่ทาให้ เกดทุกข์ เราก็ดบั สาเหตนุ นั้ ความทกุ ขก์ ็ย่อมดบั ไปด้วย
มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถงึ ทางดับทุกข์ วิธแี ห่งการดบั ทกุ ข์ เรียกวา่ มัชฌมาปฏปทา มี องค์ประกอบ 8 ประการ ดงั น้ี
มรรค 1. เหน็ ชอบ คอื เห็นว่าสง่ิ ใดดี สง่ิ ใดไม่ดี 2. ดารชิ อบ คอื คดิ แตส่ ่ิงดีงาม 3. เจรจาชอบ คอื การไมพ่ ูดโกหก 4. การงานชอบ คอื การทางานโดยสุจริต
มรรค 5. กำรเล้ยี งชีพชอบ คอื กำรประกอบอำชีพทสี่ จุ ริต 6. เพียรพยำยำมชอบ คอื ควำมเพยี รพยำยำมใน กำรสร้ำงควำมดี 7. ระลึกชอบ คอื มีสติระมดั ระวงั ไมห่ ลงลืม 8. ตั้งใจชอบ คือ มีจติ ใจสงบ มีสมำธิ ไมฟ่ งุ้ ซำ่ น
หลักกรรม กรรม หมายถงึ การกระทาทางกาย วาจา และใจทีป่ ระกอบดว้ ยเจตนา
กรรม ทำงกำย = พฤตกิ รรม เจตนำ กศุ ล (กำรกระทำ) ทำงวำจำ = กำรพดู จำ (ตง้ั ใจ) กรรมกำร ทำงใจ = กำรคิด ทำดี ผลกรรม (ผลทเ่ี กดิ จำก กำรกระทำ) อกุศล กรรม ทำไม่ดี
พระสงฆ์ หมูพ่ ุทธสาวก ผู้ปฎิบตั ติ าม หลกั ธรรมคาสอนของพระพุทธเจา้ ถือศีล ๒๒๗ ขอ้ เผยแผ่หลกั ธรรมคาสอนแก่พทุ ธศาสนิกชน และ เปน็ ผู้ทสี บื ทอดพระพทุ ธศาสนา
ไตรสิกขา 1. อธิสีลสิกขา หรอื ศลี คอื การฝกึ ฝนพัฒนาดา้ นพฤตกิ รรม 2. อธิจติ ตสิกขา หรอื สมาธ คอื การฝกึ ฝนด้านจิตใจให้สงบ 3. อธิปัญญาสกิ ขา หรือปัญญา คอื การฝึกฝนดา้ นปัญญา
โอวาท 3 โอวาท หมายถึง คาแนะนา คาตกั เตือน คากลา่ วสอน
โอวาท 3 โอวาท 3 เปน็ หลกั ธรรมคาสอนของ พระพทุ ธเจา้ ซึง่ ถือเปน็ หัวใจของ พระพทุ ธศาสนา
1.การไม่ทาความชวั่ หลักธรรมทเี่ ก่ยี วข้องกับการไมท่ า ความชัว่ ไดแ้ ก่ เบญจศลี อบายมุข4 อคต 4
เบญจศีล หรือศลี 5 เบญจศลี หมายถึง ขอ้ หา้ ม ข้อควรงดเวน้ 5 ประการ
เบญจศีล หรอื ศลี 5 1. เวน้ จากการฆา่ สตั ว์ 2. เวน้ จากการลกั ทรพั ย์ 3. เว้นจากการประพฤตผดในกาม 4. เวน้ จากการพูดเท็จ 5. เวน้ จากการด่มสรุ า
อบายมขุ 4 อบายมขุ 4 หมายถงึ ทางแห่งความฉิบหาย ทางแหง่ ความเสอ่ื ม
อบายมุข 4 1. การเปน็ นกั เลงหญง คอื ประพฤตติ นเปน็ คนเจ้าชู้ 2. การเปน็ นักเลงสรุ า คือ การชอบดมื่ ของมนึ เมาตา่ งๆ
อบายมุข 4 3. การเปน็ นักเลงการพนนั คือ การชอบเลน่ การพนัน 4. การคบคนชั่วเป็นมตร คอื การคบหาคนช่ัวเปน็ เพื่อน
อคติ 4 อคติ หมายถึง การประพฤตผิ ิด ด้วยความลาเอยี ง ไม่เปน็ ธรรม
อคติ 4 1. ฉันทาคต คอื การลาเอียงเพราะรกั ใครช่ อบพอกัน 2. โทสาคต คือ การลาเอยี งเพราะ ไม่ชอบพอกัน ลาเอยี งทง้ั ทผ่ี ูน้ น้ั ไม่ไดท้ าความผิด
อคติ 4 3. โมหาคต คือ การลาเอียงเพราะโงเ่ ขลา การทาตามเพอ่ื นโดยการไม่คดิ ไตรต่ รอง 4. ภยาคต คอื ลาเอียงเพราะกลัว
อคติ 4 อคติ 4 เปน็ สง่ิ ทท่ี าให้เกดิ ความลาเอยี ง ความไม่ยุติธรรม สงั คมใดทม่ี ผี ู้ปกครอง ไม่มคี วามยตุ ิธรรม สงั คมน้ันกจ็ ะเกดิ ความสับสนวุน่ วาย
2. การทาความดีให้ถึงพรอ้ ม หลักธรรมทีเ่ กย่ี วข้องกบั การทา ความดี ได้แก่ เบญจธรรม อทธบาท 4 บุญกรยาวตั ถุ
2. การทาความดใี หถ้ ึงพร้อม หลกั ธรรมที่เกี่ยวข้องกบั การทาความดี ไดแ้ ก่ กตัญญูกตเวทีต่อพระพทุ ธศาสนา มงคลชวี ต
เบญจธรรม เบญจธรรม หมายถึง ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิ ในการทาความดี 5 ประการ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199