Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนรวมม.ปลาย 2/65

แผนการสอนรวมม.ปลาย 2/65

Published by Pandee Komala, 2023-03-23 12:00:33

Description: แผนการสอนรวมม.ปลาย 2/65

Search

Read the Text Version

การตอบรบั การกลา่ วชมเชย อาจพูดไดด้ งั น้ี - Thank you very much.

ใบงาน เรอ่ื ง คำ วลี ประโยคการแสดงความรู้สึกต่างๆ คำชแี้ จง ให้ผู้เรียนจับคู่ฝึกอ่านบทสนทนาดังตอ่ ไปน้ี ตวั อยา่ งที่ 1 A : I really like your sweater . (ไอ รีอัลลิ่ ไลท์ ยัวร์ สเว็ทเทอร์) ฉันชอบเส้ือกันหนาวของคุณจัง B : Thanks. (แธงค์ส) ขอบคณุ ตัวอย่างที่ 2 A : This soup tastes good. (ธิส ซปุ เทส กดึ ) ซุปน้ีรสชาตอิ รอ่ ยจงั B: I made it myself. (ไอ เมด อทิ ไมเซ็ลท์) ฉนั ทำด้วยตัวฉนั เอง A: You’re a wonderful cook . (ยวั ร์ อะ วนั เดอฟลุ คุ๊ก) คุณช่างเป็นแมค่ รัวทเ่ี ลิศจรงิ ๆ B: It’s kind of you to say so. (อิทส์คาย อ๊อฟ ยู ทู เซ โซ ) ขอบคุณท่ชี อบ

ครั้งท่ี 4

แผนการเรยี นรู้รายวิชา พต31001 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ภาษาและวฒั นธรรม เรอื่ ง 9 การสือ่ สารตามมารย รายวิชา/หวั เรอื่ ง ตวั ชว้ี ดั เน้อื หา ภาษาและ 1. ปฏิบตั ิตนตาม 1. การใชภ้ าษาในการส่ือสารไดเ้ หมาะสมตามมารยาททาง วัฒนธรรม มารยาท สังคมและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา (10 ชวั่ โมง) วัฒนธรรม การใช้ภาษา น้ำเสยี งและภาษาท่าทางไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั และประเพณี บุคคล เวลา สถานทแ่ี ละโอกาส เชน่ การสัมผสั มือ การโบก ตา่ ง ๆ ได้ มอื การใช้สีหน้าทา่ ทาง และนำ้ เสยี งประกอบการพูด การ อย่างถูกตอ้ ง แนะนำตัวเองการแสดงความรูส้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ การแตง่ กาย การรับประทานอาหาร รว่ มงานเลี้ยง งานสังสรรค์ และ 2. เปรียบเทยี บ กิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ ความแตกตา่ ง ระหว่าง ตัวอยา่ ง เชน่ วฒั นธรรม - Blow a kiss. (ส่งจูบ) องั กฤษกบั วฒั นธรรมไทย - I love you. (ภาษาใบ)้

1 ภาษาอังกฤษเพอ่ื ชีวิตและสงั คม ภาคเรียนที 2 ปีการศกึ ษา 2565 ยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา สปั ดาหท์ ่ี…………………………… การจัดกระบวนการเรยี นรู้ สอื่ และแหล่ง การวัดและ เรยี นรู้ ประเมนิ ผล -แบบสังเกต ขน้ั ท่ี 1 กำหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ 1.1 ครทู ักทายผเู้ รยี น หลังจากน้นั ทำทา่ ทางภาษาใบ้ พรอ้ ม กบั ถามผู้เรียนวา่ เคยพบท่าทางภาษาใบ้หรือไมอ่ ยา่ งไร และ แลกเปลยี่ นประสบการณ์ 1.2 ครูและผเู้ รียนทำความเข้าใจเรื่องการใชภ้ าษาในการ สอ่ื สารได้อย่างเหมาะสมตามมารยาททางสงั คมและ ะ วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา 1.3 ครแู ละผเู้ รียนร่วมกนั วางแผนการจัดกจิ กรรม ข้นั ที่ 2 แสวงหาขอ้ มูลและจดั การเรยี นรู้ - ใบความรู้ 2.1 ครใู หใ้ บความรู้เพื่อใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาเร่อื งการใช้ภาษาในการ ส่ือสารไดเ้ หมาะสมตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรม ของเจ้าของภาษา 2.2. ครใู หผ้ ู้เรยี นออกไปทำภาษาใบแ้ ละใหเ้ พ่ือน ๆ ทาย พรอ้ ม กบั พดู ศพั ท์ภาษาอังกฤษ ตามลักษณะท่าทางภาษาใบ้ และ แปลความหมาย ขนั้ ท่ี 3 การปฏิบตั แิ ละการนำไปใช้ 3.1 ผู้เรียนนำความรู้ที่ไดไ้ ปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ตามเทศกาล - ใบงาน ตา่ งๆ หรือสื่อสารภาษาใบ้หรอื ภาษาสญั ลกั ษณ์

รายวชิ า/หวั เรื่อง ตวั ชี้วดั เน้อื หา - Be quiet. (เงียบ) - That’s bad. (ยกหัวแมม่ ือ ชี้ลงไปทพ่ี ้ืน) - How’s everything? - How have you been? - What’s going on with your life? - How’s life? - What’s up? - May I introduce myself? - Let me introduce myself, ............................... - Allow me to introduce.................. to................ - Have you met......................? - Congratulations on........................ - Happy Birthday. - Merry Christmas.

การจัดกระบวนการเรยี นรู้ สื่อและแหลง่ การวัดและ เรียนรู้ ประเมนิ ผล ขน้ั ท่ี 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ 4.1 ประเมินจากการนำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น โดยใช้แบบสงั เกต - ใบความรู้ 4.2 ครู และผเู้ รยี นรว่ มกันสรุปและนำปัญหามาหาแนว ทางแกไ้ ขเพื่อนำไปพฒั นาปรับปรงุ ในครั้งต่อไป

รายวชิ า/หวั เรื่อง ตวั ชี้วดั เนื้อหา - Happy New Year. - I’m sorry for......................... - May god bless you. - May god be with you. - I feel sorry............................... - Please pass my warm regards to..................... - Toast! - I wish you................................... - Would you mind................................... - Please let me know................................... - Would you please................................... - May I have................................... - Can you help me................................... - You look smart. - How nice............................... - I wonder if.............................. - How to cook.............................. etc.

การจดั กระบวนการเรียนรู้ ส่อื และแหลง่ การวดั และ เรยี นรู้ ประเมนิ ผล

รายวชิ า/หวั เร่อื ง ตัวช้วี ัด เนื้อหา 2. ความเชื่อและขนบธรรมเนียม ประเพณขี องเจ้าของภาษา ความเปน็ มาของความเชอื่ ขนบธรรมเนยี มและประเพณี ต่าง ๆ ในสงั คมของเจา้ ของภาษา การทำกจิ กรรมตามความเชือ่ ขนบธรรมเนยี มและประเพณีตา่ ง ๆ ในด้าน บทเพลง การแตง่ กาย อาหาร เครื่องดมื่ และการประกอบพิธกี รรมทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ได้แ วนั ครสิ ตม์ าส วันขอบคณุ พระเจา้ วันวาเลนไทน์ และวนั พ่อ

การจดั กระบวนการเรียนรู้ สอ่ื และแหลง่ การวัดและ า เรียนรู้ ประเมินผล แก่

ใบความรู้เร่ืองการสื่อสารตามมารยาททางสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา - Blow a kiss. (ส่งจูบ) - I love you. (ภาษาใบ)้ - Be quiet. (เงยี บ) - That’s bad. (ยกหวั แมม่ ือ ช้ลี งไปที่พื้น) - That’s good. (ยกหัวแมม่ ือ ช้ีข้ึน)

ใบงาน คำชีแ้ จง ใหผ้ ูเ้ รยี นแสดงลักษณะท่าทางภาษาใบ้ใหเ้ พอื่ นแปลความหมายตามภาพประกอบดงั น้ี 1. 2. 3. 4. 5.

ใบงาน ภาษาและวฒั นธรรม ช่อื -นามสกุล......................................................................................... รหสั นกั ศกึ ษา..........................................................ระดบั .................... กล่มุ ..................................................................................................... ให้ผู้เรยี นศึกษาคำศัพท์ภาษาองั กฤษ ท่เี กยี่ วกับวัฒนธรรมองั กฤษ วัฒนธรรมไทย และชาติอืน่ ๆ ทใ่ี ช้ใน ชีวติ ประจำวัน และใหเ้ ขียนลงในใบงานน้ี พร้อมทัง้ แปลความหมาย ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................... ................................................................................................................................................. ...... .......................................................................................................... ............................................. ............................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................... ........................................................................................................ ............................................... .................................................................................... ................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... .................. ................................................................................................................ ....................................... ............................................................................................ ........................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. .......... ........................................................................................................................ ............................... .................................................................................................... ................................................... .......................................................................................................................................................

ครงั้ ท่ี 5

คร้งั ท่ี รายวชิ า/หัวเร่อื ง ตวั ชี้วดั เนื้อหา

การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ การวัดและ ประเมนิ ผล





ครงั้ ท่ี 6

คร้งั ท่ี รายวิชา/หัวเรอ่ื ง ตัวช้ีวัด เนื้อหา 6 โครงสร้างทาง สามารถใชภ้ าษาต่าง 1. โครงสรา้ งทางภาษา ภาษา(Structure) ประเทศเปน็ เครื่องมือในการ (Structure) และหน้าทภี่ าษา จัดการดา้ นการเรยี น การ 2. หน้าทภ่ี าษา (Function) เช่น (Function) แสวงหาความรู้ การเขา้ สู่ -การทกั ทาย(Greeting) สังคมและการศึกษาตอ่ -การกลา่ วลา(Good bye) รวมท้ังเชอ่ื มโยงความรู้ -การขอบคุณ(Thank you) ทางด้านภาษาต่างประเทศ -การแนะนาตัวเอง กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน (Introducing) -การขอร้อง (Request) -การขอและการให้คาแนะนา ปรึกษา (Asking and Giving Advice) -การถามทศิ ทาง (Asking for Direction)

การจัดกระบวนการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ การวดั และ ประเมนิ ผล ขน้ั ท่ี 1 กำหนดปัญหาการเรยี นรู้ 1การเรยี นรู้ 1. ครแู ละนักศึกษารว่ มกันสร้างความเข้าใจ เก่ียวกับโครงสร้างทางภาษาและหนา้ ท่ีภาษา ทม่ี ีสว่ นเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน 2. ครูและนักศกึ ษารว่ มกนั กำหนดวิธีการ แสวงหาความรตู้ ามเน้ือหาท่ีกำหนด 3. ครูและนักศกึ ษารว่ มกันกำหนดวธิ ีการ เรียนร้ดู ้วยตนเอง 3 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ และ กำหนดวธิ ีการเรยี นร้โู ดยใชส้ ่ือประเภทต่างๆ เช่น สอื่ จากหนังสอื แหลง่ เรยี นรู้จาก 2

คร้งั ท่ี รายวชิ า/หัวเร่อื ง ตวั ชี้วดั เนื้อหา

การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ การวัดและ ประเมินผล หอ้ งสมุดประชาชน คอมพิวเตอร์และ อินเตอร์เน็ท ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาข้อมูลและจดั การเรียนรู้ ครแู จกใบความรเู้ รือ่ ง โครงสรา้ งทางภาษา และหนา้ ทีข่ องภาษา ขั้นท3่ี การปฏบิ ตั แิ ละการนำไปใช้ ผู้เรียนฝึกปฏิบตั ิตามใบงานเรื่อง โครงสร้างทางภาษาและหนา้ ทภ่ี าษา ข้ันท4่ี การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - พจนานกุ รม ภาษาองั กฤษ

คร้งั ท่ี รายวชิ า/หัวเร่อื ง ตวั ชี้วดั เนื้อหา

การจัดกระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ การวดั และ ประเมินผล ครใู หน้ ักศึกษารว่ มกันสรุปองค์ความรู้ - ไทย จากผลการเรียนรแู้ ละนำเสนอเปน็ รายกลุ่ม - แบบสงั เกต หน้าช้ันเรยี น - ใบงาน หาคำศัพท์ - ใบงาน 20 คำ - ใบความรู้ (Using a Dictiionary) - ใบงาน หาคำศพั ท์ จากสถานทต่ี า่ งๆ

ครงั้ ท่ี 7

แผนการจัดการเรียนรรู้ ายวชิ า สาระการพัฒนาสังคม ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปล หัวเร่ือง ความภมู ใิ จในความเปน็ ไทย,พระราชกร ครง้ั ท่ี วนั /เดือน/ปี หวั เร่อื ง/ตัวช้ีวัด เน้ือหาสาระการเรียนรู้ เร่ืองความภมู ใิ จในความเป็น 1. สถาบนั หลักของชาติ ไทย 1.1 ชาติ 1. อธิบายความหมาย 1.1.1 ความหมาย ความสำคัญของสถาบันหลัก ความสำคัญ ของชาติ ของชาติ 1.1.2 ความเป็นมาของ 2. อธิบายความเปน็ มาของ ชนชาติไทย ชนชาติไทย 1.1.3 การรวมไทยเป็น 3. บอกพระปรีชาสามารถ ปึกแผ่น ของพระมหากษตั รยิ ์ไทย กับ 1.1.4 พระมหากษตั รยิ ์ การรวมชาติ ไทย กบั การรวมชาติ 7.บอกบญุ คุณของ 4. บทสรุปสถาบนั พระมหากษัตริย์ไทยตัง้ แต่ พระมหากษัตรยิ ์เปน็ ศูนย์รว สมัยสโุ ขทัย อยธุ ยา ธนบุรี ใจของคนในชาติ และรตั นโกสนิ ทร์

ม รายวิชาประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทย รหสั วิชา สค32034 ลาย จำนวน 3 หนว่ ยกติ รณยี กจิ ของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทยสมัยรัตนโกสินทร์ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ การวัดและ ประเมินผล ขน้ั ท่ี ๑ กำหนดสภาพปัญหา -หนงั สอื เรยี น -การสังเกต 1. ครูแจ้งตัวช้ีวดั การเรียนรู้ให้นักศึกษาทราบ -ใบความรู้ -การชัก 2. ครใู หน้ ักศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรยี น -อนิ เตอรเ์ น็ต ถาม 3. ครูให้นักศึกษาดูแผนท่ที วีปเอเชยี แลว้ ถามว่า คนไทย -ห้องสมุด กศน. -การมสี ่วน มาจากไหน ถิ่นเดมิ ของชนชาติไทยอยู่ ที่ไหน พร้อมท้งั ให้ ตำบล ร่วม นักศึกษาออกมาชแี้ ผนทป่ี ระกอบ จากนั้นครสู รุปเพ่ือ -แหลง่ เรยี นรู้ -ใบงาน เช่ือมโยงเข้าสเู่ น้ือหาทีจ่ ะเรียน ชมุ ชน ขั้นท่ี ๒ แสวงหาความรู้ -แผนที่ -ยทู ปู เรื่องความ ครูสนทนากบั นักเรียนเก่ยี วกับถนิ่ เดมิ ของชนชาตไิ ทย เปน็ มาของชน ครูให้นกั เรยี นแบ่งออกเป็น 5 กล่มุ แต่ละกล่มุ สบื ค้น ชาตไิ ทย วม ข้อมูลเก่ียวกบั เรอื่ งตอ่ ไปนี้ -กลมุ่ ที่ 1 ชนชาติไทยเป็นเช้ือสายมองโกลมถี ิ่นเดิมอยู่ แถบเทือกเขาอลั ไต

คร้งั ท่ี วนั /เดอื น/ปี หวั เร่อื ง/ตวั ชี้วดั เนือ้ หาสาระการเรียนรู้ 5. บญุ คณุ ของ พระมหากษัตริย์ไทยตงั้ แต่ สมยั สุโขทัย อยธุ ยา ธนบุรี และรตั นโกสินทร์ 5.1 สมยั สุโขทยั 5.2 สมยั อยธุ ยา 5.3 สมัยธนบุรี 5.4 สมัยรัตนโกสนิ ทร์ - -

การจดั กระบวนการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ การวดั และ ประเมินผล ขน้ั ท่ี ๒ แสวงหาความรู้ (ตอ่ ) -หนังสือเรยี น -การสังเกต -กลุม่ ที่ 4 พระมหากษัตรยิ ์ไทยกับการรวมชาติ -ใบความรู้ -การชกั ถาม ครสู ุ่มให้นักศกึ ษาแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมานำเสนอ -อินเตอรเ์ นต็ -การมีส่วนรว่ ม ครใู หน้ ักศึกษาดู ยทู ูปเรื่องความเป็นมาของชนชาติ -หอ้ งสมุด กศน.ตำบล -ใบงาน ไทย -แหล่งเรียนรูช้ ุมชน ครใู หน้ ักศึกษาร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นโดยครใู ช้ คำถาม ดังน้ี นักศกึ ษาเห็นดว้ ยกบั แนวคิดเรื่องถิ่นกำเนดิ ของ ชนชาติไทยตามแนวคิดใด เพราะเหตุใด ครูแบง่ กล่มุ ใหน้ ักศึกษาค้นคว้าเรื่องพระปรชี า สามารถของพระมหากษัตรยิ ์ไทยในสมยั ต่างๆแต่ละ พระองคว์ า่ แตล่ ะพระองค์มคี วามสามารถดา้ นใดบ้าง ทั้งหมด 4 กลุ่ม 1 สมยั สโุ ขทัย 2 สมยั อยุธยา 3 สมยั ธนบุรี 4 สมัยรตั นโกสนิ ทร์ศึก

แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชา สาระการพฒั นาสงั คม ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปล หวั เรื่อง ความภมู ใิ จในความเป็นไทย,พระราชกร ครั้งท่ี วัน/เดอื น/ปี หวั เรื่อง/ตวั ช้ีวดั เนือ้ หาสาระการเรยี นรู้

ม รายวชิ าประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย รหสั วชิ า สค32034 ลาย จำนวน 3 หนว่ ยกติ รณียกจิ ของพระมหากษัตรยิ ์ไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ การจัดกระบวนการเรียนรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ การวดั และ ประเมนิ ผล ข้ันที่ 3 การปฏบิ ตั นิ ำไปใช้ -หนังสือเรยี น -การสังเกต -ครูรว่ มสรปุ กับนกั ศึกษาในเรื่องทเ่ี รยี นรู้ -ใบความรู้ -การชักถาม พระปรีชาสามารถของพระมหากษตั รยิ ์ไทยใน -ใบงาน -การมีสว่ นร่วม -อนิ เตอร์เน็ต -การตรวจผลงาน สมยั ต่างๆ สรปุ เปน็ Mind Mapping -ห้องสมุด กศน.ตำบล -บันทกึ การเรยี นรู้ ขนั้ ที่ 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ -แหลง่ เรียนรูช้ ุมชน -ครูสงั เกตการณร์ ่วมกิจกรรม การมีส่วนร่วม ของนักศึกษา -การทำแบบทดสอบ -การทำงานใบงาน

แบบทดสอนก่อนเรียนวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย คำช้ีแจง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ยุคสมยั ในประวตั ศิ าสตรไ์ ทยยุคใดทีเ่ กา่ แก่ท่ีสดุ ๖..ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. สมัยธนบรุ ี ก. ดินแดนของไทยไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ข. สมยั อยุธยา ข. ดินแดนของไทยเคยมีผู้คนต้ังถ่ินฐานมาก่อน ค. สมยั สโุ ขทยั ค. ภาคเหนือเป็นภาคท่ีมีหลักฐานทาง ง. สมัยรัตนโกสินทร์ 2.การค้นพบโครงกระดกุ ท่ีบา้ นเกา่ กาญจนบรุ ี สนบั สนุนแนวคิด ประวัติศาสตร์มากที่สุด ของชนชาตไิ ทยขอ้ ใด ง. ร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของผู้คนในอดีตมีเฉพาะ ก. แนวความคิดถ่ินเดมิ ของชนชาติไทยอยู่ทางแถบภูเขาอลั ไตใน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่าน้ัน มองโกเลีย 7. การศึกษาประวตั ิพระมหากษัตรยิ ์ในสมยั ธนบรุ ี ต้องศึกษา ข. แนวความคดิ ถิ่นเดมิ ของชนชาติไทยอยูบ่ รเิ วณตอนกลางของ ประวตั ิของพระมหากษัตรยิ อ์ งคใ์ ด แมน่ ้ำฮวงโห ก. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ค. แนวความคดิ ถิ่นเดมิ ของชนชาติไทยอยูบ่ รเิ วณตอนใต้ของ ข. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประเทศจนี ค. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ง. แนวความคดิ ถน่ิ เดมิ ของชนชาติไทยอย่บู รเิ วณท่เี ปน็ ประเทศ ง. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ไทยในปจั จุบันน้ี 3.. หลกั ฐานใดเปน็ หลักฐานในยุคกอ่ นประวัตศิ าสตร์ไทย 8. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะการดำรงชีวิตของคนในอดีต ก. พระธาตุพนม ก. ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ข. พระธาตุหริภุญชัย ข. ทำการเพาะปลูกเป็นหลัก ค. พระปรางค์สามยอด ค. นำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต ง.โครงกระดูกมนุษย์พบที่บ้านเชียง ง. อาศัยธรรมชาติในการดำรงชีวิต 9. อาณาจักรสโุ ขทยั ตอนต้นมีการปกครองแบบใด 4. เครื่องใชส้ ำริดที่พบทอ่ี ำเภอบ้านเชยี ง จ.อดุ รธานี ก. สมมตุ เิ ทพ เป็นช่วงเวลาในสมัยใด ข. ประชาธิปไตย ก. สมัยสำรดิ ค. อำมาตยาธปิ ไตย ข. สมัยเหล็ก ง. พ่อปกครองลูก ค. สมัยหนิ เกา่ 10. ข้อใดเป็นส่ิงของที่พบในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ง. สมัยหินใหม่ ๕. เพราะเหตุใด กรุงสุโขทัยจึงเสื่อมอำนาจลง ก. จารกึ ก. ถูกจีนเข้ามารุกราน ข. กำไลเหลก็ ข. ไม่มีกษัตริย์ปกครองสุโขทัย ค. พงศาวดาร ค. ชาวต่างชาติไม่เข้ามาค้าขายด้วย ง. บันทึก ง. เกิดการแย่งชิงอำนาจภายในอาณาจักร 11. เพราะเหตใุ ดพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช จึงทรงย้ายราชธานี ก. เมืองธนบุรไี ม่มีทางออกทะเล ข. เมืองธนบุรีมขี นาดใหญ่เกนิ ไป

12. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์อยู่ในราชวงศ์ใด ค. เมอื งธนบรุ ีมีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง ก. ราชวงศ์อู่ทอง ง. พน้ื ท่ีทางตะวันออกมีความอุดมสมบูรณ์ ข. ราชวงศ์สุโขทัย ค. ราชวงศ์พระร่วง 17. ข้อใดเป็นพระราชกรณียกิจที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ ของ ง. ราชวงศ์สุพรรณภูมิ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช 13.พระมหากษัตริย์พระองค์ใด สถาปนาอาณาจักรสุโขทัย ก. ทรงส่งทูตไปจีน ก. พ่อขุนบานเมือง ข. ทรงไม่เรียกเก็บภาษีจังกอบ ข. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ค. ทรงคิดประดิษฐ์อักษรไทย ค. พระมหาธรรมราชาที่ 1 ง. ทรงปกครองแบบพ่อปกครองลูก ง. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช 18. พระมหากษัตริย์พระองค์ใด ที่ทรงปกครองสุโขทัย 14.พระมหากษัตริย์พระองค์ใด ทรงคิดประดิษฐ์อักษรไทย ก. พ่อขุนบานเมือง แบบธรรมราชา ข. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ก. พระยาเลอไทย ค. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ข. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ง. พระมหาธรรมราชาที่ 1 ค. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ง. พระมหาธรรมราชาที่ 1 15.พระมหากษัตริย์พระองค์ใด ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง 19. ข้อใดเป็นเอกลักษณ์ของไทยที่เกิดขึ้นในสมัย ก. พระมหาธรรมราชาที่ 1 พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ข. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก. สรีดภงส์ ค. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ข. ลายสือไทย ง. พ่อขุนบานเมือง ค. พระพุทธศาสนา ง. การสั่นกระดิ่งร้องทุกข์ 16. ข้อใด ไม่ใช่พระราชกรณียกิจของพ่อขุนรามคำแหง มหาราช 20. เพราะเหตุใดรชั กาลท4่ี จงึ สรา้ งความสมั พันธ์กับชาติตะวนั ตก ก. ประดิษฐ์อักษรไทย มากทสี่ ุด ข. สร้างทำนบเพื่อกักเก็บน้ำ ค. ให้ราษฎรค้าขายได้อย่างเสรี ก. เพ่ือนำวัฒนธรรมชาตติ ะวนั ตกมาใช้ ง. พระราชนิพนธ์ไตรภูมิพระร่วง ข. เพ่ือไม่ใหช้ าตติ ะวนั ตกเขา้ มาคุกคาม ค. เพือ่ ไม่ใหช้ าตติ ะวันตกเหน็ ว่าปา่ เถื่อน ง. เพือ่ ใหป้ ระชาชนไดร้ ับการศึกษาแบบตะวันตก

ใบงาน วชิ าประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทย 1. สถาบนั หลักของชาติ ประกอบดว้ ย.............................................................................................. 2. จากการสันนิษฐาน ถนิ่ กำเนิดเดิมของคนไทย น่าจะอยูบ่ ริเวณใด เหตผุ ลเพราะ........................ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. ศูนย์รวมจติ ใจของคนไทย ตง้ั แตอ่ ดตี จนถงึ ปัจจุบนั คือ.................................................................. 4. ในสมัยรัชกาลท่ี 4 มีการทำสนธิสญั ญากับประเทศอังกฤษ คอื สนธิสัญญาชอื่ วา่ ......................... ............................................................................................................................. ......................... 5. อธิบายความสำคัญของ พุทธศาสนากับสังคมไทยมคี วามเกี่ยวขอ้ งสมั พันธก์ นั อย่างไรบ้าง ...................................................................................................................................................... ....................................................................................................... .............................................. ............................................................................................................................. ........................ 6. อธิบายความสำคัญของ ศาสนาครสิ ต์กับสังคมไทยมีความเกยี่ วขอ้ งสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไรบา้ ง ................................................................................................................................... ................... .................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ........................ 7. อธิบายความสำคัญของ ศาสนาอิสลามกบั สงั คมไทยมีความเก่ียวข้องสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง ............................................................................................................................. ......................... ..................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................ 8. อธิบายความสำคัญของ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูกบั สงั คมไทยมคี วามเกย่ี วข้องสัมพนั ธก์ นั อย่างไรบ้าง ............................................................................................................................. ......................... ..................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................ 9. อธิบายความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทม่ี ีต่อสงั คมไทยต้ังแต่อดีตถึงปัจจบุ นั .............................................................................................. ....................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………. 10. อาณาจักรสโุ ขทยั เจริญร่งุ เร่ืองที่สดุ ในรชั สมยั ใด.........................................................................

ครั้งท่ี 8

แผนการจัดการเรยี นรูร้ ายวิชา สาระการพัฒนาสงั คม ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปล หวั เร่อื ง พระราชกรณยี กจิ ของพระ ครงั้ ท่ี วัน/เดือน/ปี หวั เร่อื ง/ตวั ชวี้ ัด เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ เรื่องพระราชกรณียกจิ ของ 1. พระราชกรณยี กจิ ของ ข้ันท พระมหากษัตริยไ์ ทยสมยั พระมหากษัตรยิ ์ไทยสมัย 1. คร รัตนโกสินทร์ รตั นโกสนิ ทร์ 2. คร 3. คร 1. อธบิ ายพระราชกรณยี กิจ แลว้ ใ ของพระมหากษตั ริยไ์ ทยสมัย ความ รัตนโกสนิ ทร์ สรปุ เ ขั้นท -ครูส ของพ ยกตัว เทา่ ไห -ครูให

ม รายวิชาประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย รหสั วิชา สค32034 สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ การวัดและ ลาย จำนวน 3 หน่วยกิต ประเมนิ ผล ะมหากษตั ริยไ์ ทยสมัยรตั นโกสินทร์ -หนังสอื เรยี น -การสงั เกต การจดั กระบวนการเรียนรู้ -ใบความรู้ -การชกั ถาม ที่ ๑ กำหนดสภาพปัญหา รูแจ้งตวั ชวี้ ัดการเรียนรใู้ ห้นกั ศกึ ษาทราบ -อินเตอรเ์ น็ต -การมีส่วน รูให้นักศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรยี น รูนําภาพพระมหากษัตรยิ ์สมยั รัตนโกสนิ ทร์มาใหน้ ักศึกษาดู -ห้องสมดุ กศน. รว่ ม ให้ช่วยกนั บอกตามประสบการณ์เดิมวา่ แตล่ ะพระองค์มี มเกีย่ วข้องกับการพฒั นาการของไทยอย่างไรบ้างจากน้ันครู ตำบล -ใบงาน เพอื่ เช่ือมโยงเขา้ สู่เน้ือหาที่จะเรียน ที่ ๒ แสวงหาความรู้ -แหลง่ เรียนรู้ สนทนากบั นักศกึ ษาถงึ เร่อื งเหตุการณส์ ำคัญที่เกดิ ขึน้ ในสมยั พระมหากษัตรยิ ์ไทยรัชกาลท่ี 1 – 10 ให้นักศึกษาช่วยกัน ชุมชน วอย่างว่ามีเหตุการณส์ ำคัญใดบา้ ง เกิดขึน้ ในสมัยรชั กาลที่ หร่ -แผนท่ี หศ้ กึ ษาจากยูทูป เร่ืองเหตุการณส์ ำคัญในสมัยรัชกาลที่ 1 -ยทู ูปเร่ืองความ เป็นมาของชนชาติ ไทย

คร้งั ที่ วนั /เดือน/ปี หวั เร่อื ง/ตวั ช้วี ดั เน้อื หาสาระการ เรียนรู้ ข้ันท่ี ๒ ครใู หน้ เก่ียวก 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10

การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและ ประเมนิ ผล ๒ แสวงหาความรู้ (ตอ่ ) -หนังสอื เรียน นกั ศึกษาแบง่ ออกเป็น 10 กลุ่ม แต่ละกลมุ่ สืบค้นขอ้ มูล -ใบความรู้ -การสังเกต กับเรอื่ งตอ่ ไปนี้ -อนิ เตอรเ์ นต็ -การชกั ถาม . พระราชกรณยี กจิ ในสมยั รชั กาลท่ี 1 -หอ้ งสมดุ กศน. -การมีส่วน . พระราชกรณียกจิ ในสมัยรชั กาลที่ 2 ตำบล ร่วม . พระราชกรณยี กจิ ในสมยั รชั กาลท่ี 3 -แหล่งเรยี นร้ชู ุมชน -ใบงาน . พระราชกรณียกจิ ในสมยั รัชกาลที่ 4 -เกมส์คำถาม . พระราชกรณียกจิ ในสมัยรัชกาลที่ 5 -ยูทปู เรอื่ ง . พระราชกรณยี กิจในสมยั รัชกาลท่ี 6 เหตุการณส์ ำคัญใน . พระราชกรณียกจิ ในสมยั รัชกาลที่ 7 สมัยรชั กาลที่ 1 . พระราชกรณยี กิจในสมัยรชั กาลท่ี 8 . พระราชกรณยี กจิ ในสมัยรัชกาลท่ี 9 0. พระราชกรณยี กจิ ในสมยั รชั กาลที่ 10 ใหน้ ำเสนอในรูปแบบ Mind Mapping

แผนการจดั การเรยี นร้รู ายวิชา สาระการพฒั นาสงั คม ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปล หัวเรือ่ ง พระราชกรณียกจิ ของพระ คร้งั ที่ วัน/เดือน/ปี หวั เรอื่ ง/ตวั ช้วี ดั เนื้อหาสาระการเรยี นรู้

ม รายวิชาประวัตศิ าสตร์ชาติไทย รหสั วิชา สค32034 ลาย จำนวน 3 หน่วยกิต ะมหากษตั ริยไ์ ทยสมยั รัตนโกสินทร์ การจัดกระบวนการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ การวัดและ ประเมินผล ข้นั ที่ 3 การปฏิบัตนิ ำไปใช้ -ครูรว่ มสรปุ กับนกั ศึกษาในเร่ืองทเ่ี รียนรู้เร่ือง -การสังเกต พระราชกรณียกจิ ของพระมหากษัตรยิ ์ไทย -การชกั ถาม สมยั รัตนโกสินทร์ -การมสี ่วนรว่ ม ข้นั ที่ 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ -.ใบงาน -ครสู ังเกตการณร์ ่วมกิจกรรม การมีส่วนร่วม -ทดสอบหลงั ของนักศึกษา เรียน -ทำใบงาน -การทำทดสอบหลังเรียน

ใบงาน คำสงั่ ให้นักศึกษาอธิบายและยกตัวอยา่ งให้ถกู ตอ้ ง 1. พระราชกรณียกจิ ท่สี ำคญั ในสมยั รชั กาลที่ 1 ได้แก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. พระราชกรณียกจิ ท่สี ำคัญในสมยั รัชกาลที่ ๒ ไดแ้ ก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. พระราชกรณยี กจิ ทส่ี ำคญั ในสมัยรชั กาลท่ี 3 ได้แก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. พระราชกรณยี กจิ ทส่ี ำคญั ในสมยั รัชกาลท่ี 4 ได้แก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5. พระราชกรณยี กิจทส่ี ำคญั ในสมยั รัชกาลที่ 5 ได้แก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 6. พระราชกรณียกิจทสี่ ำคัญในสมยั รชั กาลที่ 6 ได้แก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 7. พระราชกรณยี กจิ ที่สำคญั ในสมยั รัชกาลที่ 7 ได้แก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 8. พระราชกรณยี กจิ ทส่ี ำคญั ในสมัยรัชกาลที่ 8 ได้แก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 9. พระราชกรณียกจิ ท่ีสำคัญในสมัยรชั กาลที่ 9 ได้แก่ - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. - ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 10. พระราชกรณยี กิจที่สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 10 ไดแ้ ก่ - ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

แบบทดสอบหลังเรียน คำสั่ง เลอื กขอ้ ทถ่ี ูกที่สุด ขอ้ ท่ี 1 ข้อใดไมใ่ ชพ่ ระราชกรณียกจิ ของรชั กาลที่ 1 ก. ทำสงครามกับพม่า ข. สถาปนากรุงรตั นโกสนิ ทร์ ค. เสดจ็ เยย่ี มเยียนชาตติ ะวันตก ง. โปรดใหช้ ำระกฎหมายตราสามดวง ข้อที่ 2. ข้อใดเป็นพระราชกรณียกจิ ที่สำคัญด้านสังคมของรัชกาลท่ี 5 ก. การเลกิ ทาส ข. การห้ามกนิ หมาก ค. การตง้ั มหาวิทยาลัย ง. การฟืน้ ฟูพิธพี ืชมงคล ขอ้ ที่ 3 ขอ้ ใดเปน็ พระราชกรณยี กจิ ของรชั กาลท่ี 9 ก. การเลกิ ทาส ข. การฟืน้ ฟพู ิธพี ชื มงคล ค. กังหันน้ำชยั พัฒนา ง. โปรดใหช้ ำระกฎหมายตราสามดวง ขอ้ ท่ี 4 โครงการแก้มลิง เปน็ แนวคิดในพระราชดำรขิ องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 เพือ่ แก้ปัญหาเรื่องใด ง. อุทกภยั ข. การขาดแคลนนำ้ ค. ปัญหาดนิ เปรีย้ วหรอื ดนิ เป็นกรด ง. การเส่ือมโทรมและพงั ทลายของดนิ ข้อที่ 5 เมอื งจำลอง “ดุสิตธานี “ เกดิ ข้ึนในสมัยรัชกาลใด ก. รัชกาลท่ี 4 ข. รชั กาลท่ี 5 ค. รัชกาลท่ี 6 ง. รัชกาลท่ี 7 ขอ้ ท่ี 6 ในสมัยรชั กาลใดทีท่ รงโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ พี ิธีการถือนำ้ พพิ ัฒนส์ ตั ยา ก. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลยั ข. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจา้ อยูห่ ัว ค. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ง. พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ข้อท่ี 7 พระมหากษัตรยิ ์พระองคใ์ ดเปน็ พระองค์แรกทเ่ี สดจ็ ฯ ยังต่างประเทศ ก. พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย ข. พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลา้ เจา้ อยู่หัว

ค. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั ง. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ข้อท่ี 8 องค์การศกึ ษาวิทยาศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมแหง่ สหประชาชาติ(UNESCO) ยกย่องพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลยั วา่ เปน็ บคุ คลสำคญั ของโลกในสาขาใด ก. ดา้ นการศกึ ษา ข. ด้านวรรณกรรม ค. ด้านการพัฒนาสงั คม ง. ดา้ นวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ ขอ้ ที่ 9 สงครามคร้ังสำคญั ที่สดุ ระหว่างไทยกบั พมา่ สมัยรตั นโกสินทร์ตอนต้นคือข้อใด ก. สงครามเกา้ ทัพ ข. สงครามเชยี งกราน ค. สงครามชา้ งเผือก ง. สงครามบ้านบางระจัน ขอ้ ที่ 10 เหตใุ ดที่ทำให้รชั กาลที่ 4 ตดั สินพระทัยเปดิ ประเทศทำสนธสิ ญั ญากบั มหาอำนาจตะวนั ตก ก. เพ่ือให้เกิดระบบการค้าเสรี ข. เพือ่ ความอย่รู อดของชาติบา้ นเมอื ง ค. เพ่ือประโยชน์ของชนชนั้ ปกครอง ง. เพื่อจะได้มอี ำนาจอยา่ งประเทศตะวนั ตก ขอ้ ที่ 11 การเปล่ยี นแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชมาเป็นระบอบประชาธปิ ไตยเกดิ ข้นึ ใน สมยั รชั กาลใด ก. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั ข. พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจา้ อย่หู ัว ค. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อย่หู ัว ง. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ข้อที่ 12 “เจา้ สัว “ เป็นสมญั ญานามของรชั กาลใด ก. พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้าเจ้าอยู่หวั ข. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ค. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ง. พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อย่หู วั ข้อท่ี 13 การกำหนดให้ใชเ้ งินบาทเปน็ ส่อื กลางในการแลกเปล่ียนสนิ คา้ เกิดขน้ึ ในสมยั พระมหากษัตริยพ์ ระองค์ใด ก. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั ข. พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ค. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ง. พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว ขอ้ ท่ี 14 เหตกุ ารณใ์ ด ไมไ่ ด้ เกิดขนึ้ ในสมัยรชั กาลท่ี 5 ก. การตัง้ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ข. การจดั ต้งั มณฑลเทศาภบิ าล

ค. การสถาปนาจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ง. การจัดตง้ั เคานซ์ ลิ ออฟ เสตต (Council of state) ขอ้ ท่ี 15 บริเวณเชงิ เขาแกน่ จันทร์ จงั หวัดราชบุรี เป็นทตี่ ั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์ รชั กาลใด ก. พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลก ข. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว ค. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ง. พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยูห่ ัว

ครงั้ ท่ี 9

แผนการเรยี นการสอน ระดับมัธยมศกึ ษาตอ วิชา รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ทช 3100 กศน.ตำบล.............................................. วนั ท่ี ……….. เดือน…………… คร้ังท่ี หัวเรือ่ ง/ตวั ชี้วดั เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 9 1. ความพอเพียง 1. อธบิ ายความเปน็ มา 1. ความเปน็ มา ความหมาย ขั้นที่ 1 ความหมายและหลกั แนวคิด หลกั แนวคดิ 1. ครสู น ของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 2. ปรัชญาของเศรษฐกิจ ทราบเร 2. รู้เขา้ ใจและวเิ คราะห์ พอเพยี งกับการจัดการความรู้ 2. ครูส แนวคิดหลกั การปรชั ญาของ ครอบคร เศรษฐกิจพอเพียง ยากจน การวา่ ง ข้ันที่ 2 1. ครแู ล ชมุ ชนขอ 2. เรียงล 3. ศกึ ษา เป็น

อนปลาย ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565 สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การวดั และ 03 หน่วยการเรยี นรู้ เรอื่ งความพอเพียง ประเมนิ ผล ...... อำเภอบา้ นโปง่ จังหวัด ราชบุรี ……………… พ.ศ. ………………. การจัดกระบวนการเรยี นรู้ กำหนดสภาพปญั หาการเรยี นรู้ ส่อื นทนากับผเู้ รยี นถงึ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงว่าเคย - หนงั สอื 1. ใบงาน รอ่ื งน้ีมาก่อนหรือไมแ่ ละมีความเขา้ ใจวา่ อย่างไร - รูปภาพ ซีดี 2. บัญชี สนทนากับผูเ้ รียนถึงเร่ืองปญั หาที่เกดิ ข้นึ ใน - ใบความรู้ ชาวบา้ น รวั วา่ มีสามเหตุมาจากเรอื่ งใดบา้ ง เชน่ ปัญหาความ - อินเตอร์เน็ต 3.แบบทดสอบ แหลง่ เรียนรู้ 4. บนั ทึกการ งงาน ครอบครวั แตกแยก - ห้องสมุด เรียนรู้ แสวงหาข้อมลู และจัดการเรียนรู้ - ภูมิปัญญาท้องถน่ิ ละผเู้ รียนระดมปญั หาทเี่ กดิ ขึ้นจริงในครอบครัว - ภูมปิ ัญญา องตนเอง ชาวบา้ น ลำดบั ความสำคญั ของปญั หาเพื่อนำไปสู่การปฏิบตั ิ - ศนู ยเ์ รยี นรู้ าแนวคิดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง และปรชั ญาคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook