Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการเปิดภาคเรียนปรับระยะห่าง

แนวทางการเปิดภาคเรียนปรับระยะห่าง

Published by comvices, 2022-05-17 03:09:04

Description: แนวทางการเปิดภาคเรียนปรับระยะห่าง
โรงเรียนอนุบาลประจวบคีรีขันธ์

Keywords: แนวทางการเปิดภาคเรียนปรับระยะห่าง โรงเรียนอนุบาลประจวบคีรีขันธ์

Search

Read the Text Version

คำนำ แนวทางการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนด้านความปลอดภัย ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ภายใต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เล่มนี้ สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำขึ้นเพื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและ หน่วยงานทางการศึกษาในสังกัด ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานสำหรับเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ประกอบด้วย ความรู้เบื้องต้นในการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของสถานศึกษาภายใต้ สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) แนวปฏบิ ัติการเตรียมความพร้อมก่อน เปิดภาคเรียน แนวปฏิบัติระหว่างเปดิ ภาคเรยี น แผนเผชิญเหตุ บทบาทของบุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการกำหนด เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ ให้แก่นกั เรียน ผ้ปู กครอง และประชาชนทั่วไป สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แนวทางการเตรียมความพร้อม การเปิดภาคเรียนด้านความปลอดภัย ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) เลม่ น้ี จะเปน็ ประโยชน์ต่อสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา สถานศกึ ษา หน่วยงาน ทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียม ความพร้อม การเปดิ ภาคเรียน ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นายอมั พร พนิ ะสา เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พฤษภาคม ๒๕๖๕

สารบัญ หนา้ คำนำ สารบญั ส่วนท่ี ๑ ความรูเ้ บอ้ื งตน้ ท่ีควรรู้ แนวทางการเตรยี มพร้อมการเปิดภาคเรยี นภายใตส้ ถานการณ์โรคติดเชอื้ การดำเนนิ งานด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา 2 การดำเนนิ การภายใตส้ ถานการณ์โรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 9 สว่ นที่ 2 แนวปฏิบตั กิ ารเตรียมการก่อนเปิดภาคเรยี น ๑๔ แนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนเปดิ เรียน ดา้ นความปลอดภยั 4 กลุ่มภยั ๑๙ แนวทางการเตรยี มความพร้อมกอ่ นเปดิ เรียนภายใต้สถานการการแพรร่ ะบาดของ โรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่วนที่ 3 แนวปฏบิ ตั ริ ะหว่างเปดิ ภาคเรยี น แนวปฏบิ ตั ิระหวา่ งเปิดภาคเรียน ด้านความปลอดภยั 4 กลุ่มภัยโดยใชม้ าตรการ 3 ป ๓๕ แนวปฏิบตั ิระหว่างเปดิ ภาคเรียน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ๔๙ สว่ นที่ 4 แผนเผชิญเหตุ 5๗ แผนเผชิญเหตุ ดา้ นความปลอดภยั 4 กลมุ่ ภยั โดยใช้มาตรการ 3 ป. แผนเผชิญเหตุ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 6๑ สว่ นที่ 5 บทบาทของบุคลากรและหน่วยงานทีเ่ กยี่ วข้อง ๖๕ บทบาทของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน ๖๕ บทบาทของคณะกรรมการกลุ่มพ้นื ท่ีการศึกษาประจำเขตตรวจราชการ (Cluster) ๖๕ บทบาทของสำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษา ๖๖ บทบาทของสถานศกึ ษา ๖๗ บทบาทของครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ๖๘ บทบาทของผปู้ กครองนกั เรยี น ๖๙ บทบาทของนักเรยี น ๖๙ บทบาทขององค์กรสนบั สนุน

สารบญั หนา้ ภาคผนวก มาตรการเปิดเรียน On-Site ปลอดภัย อย่ไู ด้กบั โควิด 19 ในสถานศึกษา เตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๖๕.............................................................๗๒ Q&A การประชุมช้แี จงมาตรการเปิดเรยี น On-Site ปลอดภยั อยไู่ ด้กับโควดิ 19 ในสถานศกึ ษา เตรียมความพรอ้ มเปิดภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๖๕...........................................๗๗ แบบประเมนิ TSC+..........................................................................................................๘๑ เอกสารประกอบแผนเผชิญเหตุ ภยั ๔ กลุ่มภยั ................................................................๘๗ เอกสารประกอบแผนเผชิญเหตโุ รคโควดิ 19....................................................................๘๘ Infographic ประกอบเนือ้ หา...........................................................................................๙๓

สว่ นที่ ๑ ความรูเ้ บ้ืองตน้ ท่คี วรรู้

สว่ นท่ี ๑ ความร้เู บอ้ื งตน้ ทค่ี วรรู้ ๑. การดำเนินงานด้านความปลอดภัยของสถานศกึ ษา ๑.๑ ความสำคญั จำเป็นในการดำเนนิ งานดา้ นความปลอดภัยของสถานศึกษา สภาวการณ์ของโลกในปัจจุบัน ประชากรของแต่ละประเทศประสบกับภัยคุกคามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะภาวะภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ อาทิ อาชญากรรม ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ การขาดความสมดุล ของการจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยาเสพติด ภัยจากไซเบอร์ การก่อการร้ายและ อาชญากรรมข้ามชาติ ภยั พิบัตจิ ากการเปลยี่ นแปลงของสภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ และโรคระบาด เป็นต้น แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จึงมุ่ง พัฒนาการศึกษาที่เกิดจากความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีของโลกยุคศตวรรษที่ ๒๑ เป็นพลวัตท่ี ก่อใหเ้ กดิ ความท้าทายในดา้ นการเปล่ียนแปลงของบริบทเศรษฐกจิ และสังคมโลก อนั เนือ่ งจากการปฏิวัติดิจิทัล (Digital Revolution) ทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม วัฒนธรรม และพฤติกรรมของประชากรที่ปรับเปลี่ยนไป ตามกระแสโลกาภิวัตน์เป็นผลให้เกิดการเร่งแก้ไขปัญหา ทั้งยังเกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงรูปแบบใหม่ท่ี สง่ ผลกระทบต่อประชาชนและประเทศชาติมีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น ซ่งึ ภยั ในแตล่ ะด้านลว้ นมีความสำคัญ ต่อการพัฒนาประเทศกอปรกับนโยบาย Quick Win ๗ วาระเร่งด่วน ข้อท่ี ๑ ความปลอดภัยของผู้เรียน กระทรวงศึกษาธิการมองเห็นภัยที่เกิดแก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่เกิดขึ้นซ้ำและส่งผลกระทบ ต่อสภาพร่างกายและจิตใจในหลายปีที่ผ่านมา เช่น ภัยจากการคุกคามทางเพศ ภัยจากการกลั่นแกล้งรังแก (Bully) รวมถึงภัยที่เกิดจากโรคอุบัติใหม่ อันได้แก่ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบวงกวา้ งในหลายมิติทั่วโลก รวมทงั้ ผลกระทบต่อแวดวงการศึกษาในหลายแง่มมุ ตลอดจนปัญหา ทางเศรษฐกิจที่ทำให้เด็กนักเรียนหลายคนไม่สามารถศึกษาต่อในโรงเรียนได้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทาง การศึกษา เกดิ ระยะห่างเพิ่มมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เป็น \"การศึกษาข้ันพื้นฐานวถิ ีใหม่ วิถคี ุณภาพ\" มงุ่ เน้นความปลอดภัยในสถานศึกษา สง่ เสรมิ โอกาสทางการศึกษาท่ี มีคุณภาพอยา่ งเทา่ เทียมและบรหิ ารจดั การศึกษาอย่างมีประสทิ ธภิ าพ โดยมงุ่ เน้นพัฒนาระบบและกลไกในการ ดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา และสถานศึกษา จากภัยพิบัติและภัยคุกคาม ทุกรูปแบบ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี สามารถปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และอุบัติ ซ้ำส่งเสริมความปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้สังคม เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่นักเรียน ครู และบุคลากร ทางการศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การป้องกัน ดูแล ช่วยเหลือหรือเยียวยา และแก้ไขปัญหา มคี วามเป็นเอกภาพ มขี อ้ มูลสารสนเทศท่ีเป็นระบบ สามารถแก้ไขปญั หาและบรหิ ารจัดการความเสี่ยงได้อย่าง ย่งั ยืนด้วยการบริหารจัดการตามมาตรการ ๓ ป ไดแ้ ก่ ป้องกัน ปลกู ฝัง และปราบปราม ใหเ้ กิดความปลอดภัย ให้มากที่สุด และไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำอีก เพื่อสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครูและ

๓ บุคลากรทางการศึกษา ผูป้ กครองและประชาชนท่ัวไป ในการที่จะได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ และเกิดความปลอดภัย อย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อให้แนวทางการปฏิบัติสอดคล้องและเป็นระบบ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการจึงได้จัดทำคู่มือการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาเพื่อเป็นแนวทาง ในการสร้างความปลอดภยั ให้เกิดแก่นักเรยี นเป็นสำคัญ เพราะความปลอดภยั เป็นปัจจัยท่สี ่งผลกระทบโดยตรงต่อ คุณภาพและการเรียนรู้ของผู้เรียน มีนโยบายดำเนินการด้านความปลอดภัย ในสถานศึกษาและเน้นย้ำให้โรงเรียนใน สงั กัดดำเนินการตามนโยบายด้าน ความปลอดภยั ของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน โดยครอบคลุม ความปลอดภัยใน ๔ กลุ่มภัย ได้แก่ ๑) ภัยที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงของมนุษย์ (Violence) ๒) ภัยที่เกิด จากอบุ ัติเหตุ (Accident) ๓) ภัยทเี่ กิดจากการถกู ละเมิดสิทธิ์ (Right) ๔) ภัยท่ีเกดิ จากผลกระทบทางสุขภาวะ ทางกายและจิตใจ (Unhealthiness) ซึง่ ภยั ที่เกดิ ข้ึนทำใหเ้ กิดผลกระทบต่อนักเรียน ครู และบคุ ลากร จงึ ได้ จัดทำแนวทางการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนด้านความปลอดภัย ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ภายใต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อให้สถานศึกษาได้นำไปเป็น แนวทางในการดำเนนิ การด้านความปลอดภยั ในสถานศึกษาต่อไป ๑.๒ นโยบายด้านความปลอดภยั แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ได้กำหนดแนวทาง การบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และนำไปสู่การพัฒนาท่ี ยัง่ ยืน มรี ายละเอียด ดงั น้ี ๑.๒.๑ บูรณาการการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเข้าสู่กระบวนการวางแผน ทั้งระดับชาติ ระดับ ชุมชนท้องถิ่นและสาขาการผลิตต่าง ๆ พัฒนาองค์ความรู้ สนับสนุนการประเมินและจัดทำแผนที่ความเสี่ยง จากภัยพิบตั ใิ นพื้นทีแ่ ละภาคการผลติ ท่ีมีลำดับความสำคญั สงู ๑.๒.๒ เสริมสร้างขีดความสามารถในการเตรียมความพร้อมและการรับมือภัยพิบัติ สนับสนุนการ จัดทำแผนรับมือภัยพิบัติในระดับพื้นที่ ส่งเสริมแนวทางการจัดการภัยพิบัติโดยมีชุมชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริม ภาคเอกชนในการจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ สร้างจิตสำนึกความปลอดภัยสาธารณะ ส่งเสริม บทบาทของภาคเอกชนและชมุ ชนท้องถ่นิ ในการร่วมกันดำเนินการป้องกนั และลดความเส่ยี งจากภยั พิบัติ ๑.๒.๓ พัฒนาระบบการจัดการภัยพิบัติในภาวะฉุกเฉิน พัฒนาระบบการเตือนภัยให้มีความ แม่นยำ น่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมกลไกการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนา ระบบฐานข้อมูลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและสามารถเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานทั้งในและ ต่างประเทศได้ พัฒนากลไกบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดการภัยพิบัติในภาวะ ฉกุ เฉนิ

๔ ๑.๒.๔ พัฒนาระบบการฟื้นฟูบูรณะหลังการเกิดภัย ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของ ผู้ประสบภัยได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบความปลอดภัยภายหลังการเกิด ภัยพิบัติ และปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยของสิ่งก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงพัฒนามาตรฐาน ความปลอดภัยของโครงสรา้ ง แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ ได้กำหนดยุทธศาสตรใ์ นการพัฒนาการศกึ ษาภายใต้ ๖ ยุทธศาสตร์หลักที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) เพื่อให้แผนการศึกษาแห่งชาติ บรรลุเป้าหมายตามจุดมุ่งหมายวิสัยทัศน์ และแนวคิดการจัดการการศึกษา โดยได้กำหนดใน ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๗๙ ไดก้ ำหนดยุทธศาสตร์ ในการพฒั นาการศึกษาภายใต้ ๖ ยทุ ธศาสตร์ หลกั ท่ี ๑ สอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) เพื่อให้แผนการศึกษาแห่งชาติบรรลุเป้าหมายตามจุดมุ่งหมายวิสัยทัศน์ และแนวคิดการจัดการการศึกษา โดย ได้กำหนดใน ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ การจัดการศึกษาเพื่อความม่ันคงของสังคมและประเทศชาติ ปัจจุบันภัยคุกคาม ตอ่ ความมัน่ คงรปู แบบใหม่ทีส่ ่งผลกระทบตอ่ ประชาชนและประเทศชาติมีความซับซอ้ นและรนุ แรงมากข้ึน อาทิ ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่ ภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น ความมัน่ คงของชาติจึงมิได้ครอบคลุมเฉพาะมติ ิดา้ นการทหารหรืออำนาจอธปิ ไตยเท่าน้นั แตย่ งั ครอบคลุมมิตติ ่าง ๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งในแต่ละมิติล้วนมีความสำคัญต่อการ พัฒนาประเทศและภยั คกุ คามตา่ ง ๆ การป้องกันภยั คุกคามเหล่านีจ้ ะต้องพิจารณาในมิติที่มีความเชื่อมโยงกนั และการดำเนินการเพื่อวางรากฐานและกลไกการสร้างความมั่นคงเพื่อป้องกันและป้องปรามภัยเหล่านี้น้ัน จะตอ้ งเร่ิมท่ีกระบวนการจดั การศึกษาของประเทศ การดูแลและป้องกนั ภยั คุกคามในรปู แบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น อาชญากรรม ความรุนแรงในสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพตดิ ภัยพบิ ตั ิจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัตใิ หม่ ภยั จากไซเบอร์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิต ลดความเสี่ยงจากภัย ดังนั้น การจัด การศึกษาที่ครอบคลุมประเด็นหลักสำคัญที่มีผลด้านความมั่นคงแก่คนในชาติจะส่งผลให้ทุกคนมีจิตสำนึก ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ ความคดิ ทศั นคติ ความเช่อื ค่านิยม และพฤตกิ รรมท่ีเหมาะสม ร้เู ทา่ ทนั การเปลี่ยนแปลง ของสังคมและโลกศตวรรษที่ ๒๑ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสันติและสงบสุข อันจะส่งผลให้สังคม และประเทศเกิดความมั่นคงธำรงรกั ษาอธิปไตย และผา่ นพ้นจากภัยคกุ คามต่าง ๆ ไดค้ วามเข้าใจเก่ยี วกับกรอบ ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน (Comprehensive School Safety Framework : CSSF) ได้ปรากฏอยู่ใน กรอบการดำเนินงานระดับโลก ทั้งที่เป็นกรอบความคิดริเริ่ม และข้อตกลงหลายฉบับ CSSF ตั้งอยู่ใจกลาง ของกรอบการดำเนินงานที่ทับซ้อนกันหลายด้าน ได้แก่ เป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน ( Sustainable Development Goals: SDGs) อนุสัญญา ว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights of Persons with Disabilities: CRPD) การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction : DRR) และ Sendai Framework for DRR) โดยมีหลักการสำคัญ คือ การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก ซึ่งช่วยให้ประชาคมโลก เกิดความชัดเจนถึงภัยคุกคามจากภยั ธรรมชาติ ความขัดแยง้ ความรุนแรงและการพลดั ถน่ิ

๕ ๑.๓ กรอบแนวคดิ ความปลอดภยั รอบดา้ นในสถานศึกษา ประกอบดว้ ยสามเสาหลกั (Three Pillars) ได้แก่ ๑.๓.๑ ด้านอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานศึกษาที่ปลอดภัย (Safer Learning Facilities) ๑.๓.๒ ดา้ นการบรหิ ารจัดการภยั พบิ ัตใิ นสถานศกึ ษา (School Disaster Management) ๑.๓.๓ ด้านการศึกษาด้านการลดความเสี่ยงและการรู้รับปรบั ตัวจากภัยพิบตั ิ (Risk Reduction and Resilience Education) รากฐานของการวางแผนสำหรับความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียนคือการจัดทำการประเมินความเสี่ยง แบบภัยหลายชนิด การวางแผนนี้ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบข้อมูลการจัดการการศึกษาในระดับประเทศ ระดับภูมิภาคและในระดับพื้นที่ ข้อมูลเรื่องความเส่ียงจากภัยพิบตั ิเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์นโยบายของ ภาคการศึกษาและการจัดการในภาพรวมซึง่ จะใหข้ ้อมูลเชิงประจักษ์และหลักฐานที่สำคญั สำหรบั การวางแผน และการดำเนินงาน ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียนและความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๗๓ และกรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลด ความเสี่ยงจากภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๗๓ ผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการความปลอดภัยรอบด้าน ในโรงเรียนเข้าไปในกรอบการพัฒนาท่ยี ง่ั ยนื และนโยบายเรอื่ งการลดความเสีย่ งภัยพิบัติ ไดแ้ ก่

๖ ๑) ปรับปรงุ การเขา้ ถึงการศึกษาของเด็กอยา่ งเทา่ เทยี ม ไมเ่ ลอื กปฏบิ ัติ และปลอดภยั ๒) พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบัน กลไกและเครือข่ายประสานงาน รวมทั้งศักยภาพ ระดับประเทศในการสร้างความสามารถในการรู้รบั ปรับตัวและฟื้นคนื กลับ (Resilience) จากภัยและอันตราย ท่ีอาจจะเกิดขึ้นแกภ่ าคการศึกษาทงั้ ในระดบั นานาชาติ ระดบั ชาติ ระดบั ภมู ิภาค และระดับทอ้ งถ่ิน ๓) บูรณาการแนวทางการลดความเสี่ยงเข้าไปในการดำเนินงานเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับภัย ฉุกเฉิน การตอบสนองและการฟืน้ ฟูจากภัยพบิ ัติในภาคการศึกษา ๔) ติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานด้านการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ และความขัดแยง้ ๕) เพิ่มจำนวนและความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวกับภัย เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับ ระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภัยหลายชนิด (Multi-Hazard Early Warning System) และข้อมูลเกี่ยวกับ ความเสี่ยงภัยพิบัติ ๑.๔ ขอบข่ายความปลอดภัยของสถานศึกษา ขอบขา่ ยความปลอดภัยของสถานศกึ ษา ๔ กลุ่มภัย ดังน้ี ๑.๔.๑ ภัยที่เกดิ จากการใช้ความรนุ แรงของมนษุ ย์ (Violence) ไดแ้ ก่ ๑) การลว่ งละเมิดทางเพศ ๒) การทะเลาะววิ าท ๓) การกล่ันแกล้งรงั แก ๔) การชุมนุมประทว้ งและการจลาจล ๕) การก่อวินาศกรรม ๖) การระเบดิ ๗) สารเคมแี ละวัตถอุ นั ตราย ๘) การล่อลวง ลักพาตัว ๑.๔.๒ ภัยทเี่ กิดจากอุบัติเหตุ (Accident) ๑) ภยั ธรรมชาติ ๒) ภยั จากอาคารเรยี น สิง่ กอ่ สร้าง ๓) ภัยจากยานพาหนะ ๔) ภัยจากการจดั กิจกรรม ๕) ภยั จากเครือ่ งมือ อุปกรณ์ ๑.๔.๓ ภัยทีเ่ กดิ จากการถกู ละเมดิ สิทธ์ิ (Right) ๑) การถกู ปล่อยปละ ละเลย ทอดท้ิง

๗ ๒) การคุกคามทางเพศ ๓) การไม่ไดร้ บั ความเปน็ ธรรมจากสงั คม ๑.๔.๔ ภยั ทเ่ี กิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness) มอี งคป์ ระกอบดงั นี้ ๑) ภาวะจิตเวช ๒) ติดเกม ๓) ยาเสพติด ๔) โรคระบาดในมนุษย์ ๕) ภัยไซเบอร์ ๖) การพนนั ๗) มลภาวะเป็นพิษ ๘) โรคระบาดในสัตว์ ๙) ภาวะทุพโภชนาการ ๑.๕ มาตรการความปลอดภยั ของสถานศึกษา มาตรการความปลอดภัยของสถานศึกษามุ่งเนน้ ใหเ้ กิดความปลอดภัยต่อนักเรยี น ครู และบุคลากร ทางการศึกษาอยา่ งยั่งยนื โดยเนน้ มาตรการทเี่ ขม้ งวดในมาตรการ ๓ ป ดงั นี้ ๑.๕.๑ การป้องกัน หมายถึง การดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา อุปสรรค หรือความไม่ปลอดภัย ต่อนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยการสร้างมาตรการป้องกันจากปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งใน และนอกสถานศึกษา ดังนี้ ๑) การประเมนิ ปัจจัยเสย่ี งของสถานศึกษา ๒) การกำหนดพ้นื ทีค่ วามปลอดภัย ๓) การจดั ทำแผนความปลอดภัยสถานศกึ ษา ๔) การจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของสถานศึกษา ๕) การจดั โครงสร้างบรหิ ารจดั การความปลอดภัยสถานศึกษา ๖) การจดั โครงสร้างขอ้ มูลสารสนเทศความปลอดภัยสถานศกึ ษา ๗) การสร้างการมสี ว่ นรว่ มของสถานศึกษาและภาคเี ครือข่าย ๘) การจัดระบบชอ่ งทางการสอ่ื สารดา้ นความปลอดภยั สถานศกึ ษา ๙) การจัดระบบคัดกรองและดแู ลช่วยเหลอื นักเรียน ๑๐) การประเมนิ นักเรียนรายบุคคล ดา้ นร่างกาย จติ ใจ สงั คม สติปญั ญา และความต้องการ ชว่ ยเหลอื

๘ ๑.๕.๒ การปลูกฝัง หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ จิตสำนึก และเจตคติที่ดีและการสร้างเสริมประสบการณ์เพื่อให้เกิดทักษะในการป้องกันภัยให้ แก่นักเรียน ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา ดังน้ี ๑) การสร้างจิตสำนึก ความตระหนัก การรับรู้ และความเข้าใจด้านความปลอดภัยให้กับ ตนเองและผอู้ น่ื ๒) การจัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจ และพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย ให้แก่นักเรยี น ครู บุคลากรทางการศึกษา และผปู้ กครอง ๓) การจัดกิจกรรมเสริมสรา้ งทักษะ ประสบการณ์ และสมรรถะด้านความปลอดภัย ให้แก่ นักเรยี น ๑.๕.๓ การปราบปราม หมายถึง การดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู และดำเนนิ การตามข้ันตอนของกฎหมาย ไดแ้ ก่ ๑) การจดั การแกไ้ ขปัญหาความไมป่ ลอดภัยในสถานศึกษา ๒) การช่วยเหลอื เยยี วยา ฟ้นื ฟู จิตใจบุคคลผปู้ ระสบเหตุความไมป่ ลอดภัย ๓) การดำเนนิ การตามขั้นตอนของกฎหมายท่เี กี่ยวข้อง ๑.๖ โมเดลมาตรการความปลอดภยั ของสถานศกึ ษาสงั กดั สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ขัน้ พ้ืนฐาน การดำเนินงานด้านความปลอดภัยของสถานศกึ ษาสงั กดั สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษา ข้นั พ้ืนฐาน สรปุ ภาพรวมของมาตรการได้ดังนี้

๙ ๒. การดำเนินการภายใตส้ ถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ๒.๑ ความสำคัญและกลุ่มเป้าหมายในการฉดี วัคซนี ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นอกจากสายพันธ์ุ เดลต้าที่ยังมีอยู่ แต่ก็มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ โอมิครอน (Omicron) อย่างรวดเร็วในหลายประเทศ ทั่วโลก และเริ่มพบในประเทศไทยตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เรื่อยมา รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวต่อการเปิดภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนทุกระดับ จึงได้ดำเนินการจัดทำแผนเตรียมการเปิดภาคเรียน รวมทั้ง การให้ความรู้ความเข้าใจในการให้วัคซีน เพื่อเร่งการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียน โดยระยะแรกได้ให้วัคซีน กับผ้ทู ี่มอี ายุ ๑๘ ปีขน้ึ ไป และมีการขยายกลุ่มเป้าหมายการใหว้ ัคซีนไปยังผู้ที่มีอายุ ๑๒ – ๑๘ ปี ซ่ึงในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีน Pfizer และ วัคซีน Sinopharm เป็นเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิด 19 ได้ผ่านการวิจัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการ พัฒนาวัคซีนใหม่โดยมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 (ไฟเซอร์ ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก) สำหรับอายุ ๕ – ๑๑ ปี และได้รับการขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เพื่อให้ เป็นความร้เู บ้ืองตน้ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน จึงขอนำเสนอข้อมูลทค่ี วรรเู้ กยี่ วกับวัคซนี โควิด 19 (ไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก) สำหรับเด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปี และแนวทางการดำเนินงานสถานศึกษาปลอดภัย พอสงั เขป ดังนี้ วัคซนี โควิด 19 (ไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรบั เดก็ ) สำหรบั เดก็ อายุ ๕ – ๑๑ ปี วัคซีนไฟเซอร์มีชื่อทางการค้า คือ Comirnaty เป็นวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA vaccine) ท่สี ามารถดำเนินการผลิตไดง้ า่ ย รวดเร็ว กระตุน้ การสรา้ งภูมิคุ้มกันได้ดีในกรณีทม่ี ีการกลายพันธุ์ของไวรสั จะปรับปรุง วคั ซีนไดง้ ่าย มีขอ้ มูลการศกึ ษาและใชจ้ รงิ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป พบประสิทธิภาพ สูงมาก มีอาการข้างเคียงพบได้บ่อย แต่ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง เช่น ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด คลื่นไส้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดข้อ มีผื่น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ จึงทำใหม้ ีความกังวลถงึ ผลข้างเคียงในระยะยาว ขนาดต่อโดส : วัคซนี ไฟเซอร์ สำหรบั เด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปบี รรจใุ นขวดแก้ว“ฝาขวดและฉลากสีส้ม” สำหรับใช้หลายโดส (Multiple Doses Vial) หลังจากเจือจางแล้ว ๑ ขวดวัคซีนประกอบด้วยวัคซีน ๑๐ โดส โดสละ ๑๐ ไมโครกรมั ใน ๐.๒ มิลลิลติ ร วธิ ีการฉดี : เข้าช้นั กล้ามเนื้อ (Intramuscular injection) กำหนดการให้วัคซนี : ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทยแ์ ห่งประเทศไทยให้ฉดี วัคซีน ขนาด ๑๐ ไมโครกรัม ปริมาณ ๐.๒ มิลลิลิตร เข้ากล้ามเนื้อ ๒ ครั้ง ห่างกัน ๓ - ๑๒ สัปดาห์ โดยระยะห่าง ๘ - ๑๒ สัปดาห์ จะดีกว่า ๓ - ๔ สัปดาห์ เพราะได้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่าอายุที่สามารถฉดี วัคซนี ได้ : ตั้งแต่ อายุ ๕ ปี ถึง ๑๑ ปี ๑๑ เดอื น ๒๙ วนั

๑๐ ข้อหา้ ม : ๑) ห้ามใช้ในผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 ครั้งก่อน หรือแพ้อย่างรุนแรง ตอ่ สว่ นประกอบของวคั ซีน ๒) ห้ามนำวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ (ฝาขวดสีม่วง) มาใช้ในเด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปี เพื่อป้องกันการให้ วัคซนี ผดิ พลาด (Administration errors, including dosing errors) การเกบ็ รกั ษาวัคซนี : ห้ามโดนแสง กรณแี ชแ่ ขง็ - เกบ็ ไว้ทอ่ี ณุ หภูมิ -๙๐ ถงึ -๖๐ องศาเซลเซียส สามารถเกบ็ ได้สูงสดุ ๖ เดอื น - ห้ามเก็บไว้ท่ีอณุ หภูมิ -๒๕ ถงึ -๑๕ องศาเซลเซียส ละลายจากการแชแ่ ขง็ - เก็บไว้ที่อุณหภูมิ ๒ ถึง ๘ องศาเซลเซียส สามารถเก็บได้สูงสุด ๑๐ สัปดาห์ นับตั้งแต่นำออก จากตแู้ ช่แขง็ - เมื่อนำวัคซีนแช่แข็งมาเก็บไว้ที่อุณหภูมิ ๒ ถึง ๘ องศาเซลเซียส ห้ามนำวัคซีนดังกล่าว กลบั ไปเกบ็ ไวท้ อี่ ณุ หภูมิ -๙๐ ถงึ -๖๐ องศาเซลเซยี ส อกี ครงั้ (Not be refrozen) - กอ่ นใช้วคั ซนี ต้องนำวัคซีนวางไว้ท่ีอุณหภมู หิ ้อง (ไม่เกิน ๓๐ องศาเซลเซียส) เปน็ เวลา ๓๐ นาที ก่อนนำมาเจอื จาง - ขวดวัคซีนที่ยังไม่ได้เปิดใช้สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง ๘ องศาเซลเซียส และ ๓๐ องศาเซลเซยี ส ได้ไม่เกนิ ๑๒ ชัว่ โมง - วัคซนี ที่เจือจางแล้ว สามารถเก็บท่ีอุณหภูมิระหว่าง ๒ องศาเซลเซียส และ ๓๐ องศาเซลเซียส ได้ไมเ่ กนิ ๑๒ ชว่ั โมง กลมุ่ เป้าหมาย เด็กอายตุ ้ังแต่ ๕ ปี ถึง ๑๑ ปี ๑๑ เดือน ๒๙ วนั (น้อยกว่า ๑๒ ป)ี ดังนี้ ๑) เดก็ ทม่ี โี รคเรอ้ื รงั ๗ กลุ่มโรค ได้แก่ -บุคคลท่ีมีโรคอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกวา่ ๓๕ กโิ ลกรัมต่อตารางเมตร หรอื เดก็ อว้ น ที่มีภาวะหยดุ หายใจขณะหลับจากภาวะทางเดินหายใจอดุ ก้นั ) -โรคทางเดินหายใจเรอ้ื รัง รวมท้ังโรคหอบหืดทม่ี อี าการปานกลางหรือรุนแรง -โรคหัวใจและหลอดเลอื ด โรคหลอดเลือดสมอง -โรคไตวายเร้ือรัง -โรคมะเร็งและภาวะภมู ิคุ้มกนั ตำ่ -โรคเบาหวาน -กลมุ่ โรคพนั ธุกรรมรวมทง้ั กลุ่มอาการดาวน์ เดก็ ทีม่ ีภาวะบกพร่องทางระบบประสาท อย่างรุนแรง เดก็ ทม่ี พี ฒั นาการช้า

๑๑ ๒) เดก็ ท่เี ปน็ นกั เรียนในระบบสถานศึกษา ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ ๓) เดก็ ที่เรียนในระบบ Home School ๔) เดก็ ท่ศี ึกษาในระดับก่อนประถมศึกษาท่ีอยู่นอกระบบการศึกษา หรอื เด็กทต่ี กค้างและยังไม่ได้ รับวคั ซนี ท่มี อี ายุตง้ั แต่ ๕ ปี ถึง ๑๑ ปี ๑๑ เดอื น ๒๙ วนั (นอ้ ยกว่า ๑๒ ป)ี กำหนดการให้วคั ซนี กำหนดการให้วัคซีนไฟเซอร์ ในเด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปี ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัย กุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก ขนาด ๑๐ ไมโครกรัม ปริมาณ ๐.๒ มิลลิลิตร เข้ากล้ามเนื้อ ๒ ครั้ง ห่างกัน ๓ - ๑๒ สัปดาห์ โดยระยะห่าง ๘ - ๑๒ สัปดาห์ จะดีกว่า ๓ - ๔ สัปดาห์ เพราะได้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในทิศทาง เดียวกันจึงขอแนะนำระยะห่างระหว่างเข็ม ๘ สัปดาห์ สำหรับการให้วัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ ๕ - ๑๑ ปี ผ่านระบบสถานศกึ ษา หมายเหตุ * หากเด็กนักเรียนอายุ ๑๑ ปี ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีสม้ สูตรสำหรับเด็กอายุ ๕ - ๑๑ ปี เข็มที่ ๑ (ขนาด ๑๐ ไมโครกรัม) ผ่านระบบสถานศึกษา และถึงกำหนดนัดรับวัคซีนเข็มที่ ๒ ภายหลังอายุ ครบ ๑๒ ปี ขอให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ ๒ ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็กอายุ ๕ - ๑๑ ปี (ขนาด ๑๐ ไมโครกรัม) เพอื่ ปอ้ งกันความคลาดเคลื่อนในการบริหารจัดการวคั ซนี ** กรณีเด็กนักเรียนอายุตั้งแต่ ๑๒ ปี ขึ้นไป ที่เรียนอยู่ในระดับประถมศึกษาและยังไม่เคยได้รับวัคซีนให้เข้ารับ การฉีดวัคซนี ไฟเซอรส์ ำหรบั ผู้ใหญ่ฝาสมี ่วงทส่ี ถานพยาบาล (ทีม่ า : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ ) ๒.๒ ความสำคญั และวิธกี ารใชช้ ุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ๒.๒.๑ การใช้ชดุ ตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และการอ่านผล ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) สามารถใช้งานแบบ Home use ตรวจได้ด้วยตนเอง ทำให้รู้ผลเรว็ ก่อนใช้งานควรศึกษาวธิ ีการใช้งานตามคู่มอื ของแตล่ ะย่ีห้อ และระมัดระวังการปนเปื้อนระหว่าง ทำการตรวจ เพราะจะทำใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์ทผ่ี ิดพลาด ชุดตรวจ ATK คือ ชุดตรวจการติดเชื้อโควิด 19 ที่สามารถทดสอบได้ในเบื้องต้น เหมาะกับ ผู้ที่สงสัยหรือไม่แสดงอาการติดเชื้อ การทดสอบใช้เวลาไม่นานรอผลเพียง ๑๕ - ๓๐ นาที ปัจจุบันสามารถ หาซื้อได้จากสถานพยาบาล หรือรับฟรีจากรัฐบาลตามนโยบาย กรณีทำการซื้อต้องตรวจสอบการรองรับและ อย. เพอ่ื ให้ได้ชดุ ตรวจ ATK ท่ีได้มาตรฐาน ปกติแลว้ จะแบง่ ชุดตรวจ ATK ออกเป็น ๒ ชนิด คอื ATK Home use : เป็นชุดตรวจท่ีสามารถใชไ้ ดเ้ องตามขน้ั ตอนจากคมู่ อื การใช้ ซึง่ มคี วาม แตกตา่ งกันในแตล่ ะยห่ี อ้ การใชง้ านต้องเนน้ ย้ำเรอื่ งความสะอาดเพ่ือให้ได้ผลตรวจที่ถกู ต้อง ATK Professional use : เป็นชุดตรวจที่ไม่สามารถตรวจได้ด้วยตนเอง ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ใช้ตรวจให้เท่านั้น เนื่องจากไม้ swab จะยาวกว่า และมีปริมาณการบรรจุน้ำยา ที่มากกว่า

๑๒ ๒.๒.๒ ความแม่นยำของชุดตรวจ ATK การใช้ชุดตรวจ ATK สำหรับใช้เอง (Home use) มีความแม่นยำในระดับเบื้องต้น ซงึ่ หากติดเชือ้ มาไมน่ าน ทำให้ปริมาณเช้อื ไวรสั โควิด 19 ยงั มไี ม่มาก อาจตรวจไม่พบทำใหผ้ ลออกมาเป็นลบได้ เช่นกัน ดังนั้นหากมีความเสี่ยงสูงควรทำการตรวจซ้ำหลังจากตรวจครั้งแรกไปแล้ว ๓ - ๕ วัน อย่างไรก็ตาม การตรวจที่แม่นยำที่สุดคือการตรวจแบบ RT-PCR ที่สามารถหาเชื้อได้แม้ยังมีเชื้อน้อย จึงควรตรวจด้วย RT-PCR เพอ่ื ยนื ยันผลอีกครัง้ ๒.๒.๓ การใชง้ านชุดตรวจ ATK ก่อนการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ให้ทำการล้างมือ และเช็ดโต๊ะที่ใช้วางชุดตรวจ ควรให้สวมถุงมือขณะทำการทดสอบ ทำการตรวจสอบวันหมดอายุ และอุปกรณ์ชุดตรวจ ได้แก่ คู่มือ ประกอบการใช้งานตลับทดสอบ หลอดน้ำยาสกัดเชื้อ ฝาจุก และก้านเก็บตัวอย่าง ต่อจากนั้นให้เริ่มทำตาม ขนั้ ตอนตอ่ ไปนี้ - เปิดซองก้าน swab (ห้ามสัมผสั ปลายสำลี และไม้จุม่ หรือของเหลวก่อนเก็บตัวอย่าง) - ทำการสอดก้าน swab ในโพรงจมูกทั้ง ๒ ขา้ ง หมนุ กา้ น ๕ - ๑๐ รอบ ๑๐ - ๑๕ วนิ าที ตอ่ รอบ (ความลกึ ในการสอดตามคมู่ อื ) - จมุ่ กา้ นท่ีเก็บตวั อยา่ งแลว้ ลงในหลอดน้ำยาสกดั เชือ้ หมุนกา้ นเก็บตัวอย่าง ๕ - ๑๐ คร้งั - นำหลอดดูดน้ำยาหยดลงช่องประมาณ ๒ - ๓ หยด และรอผลประมาณ ๑๕ - ๓๐ นาที ๒.๒.๔ การอา่ นผลตรวจของชุดตรวจ ATK - ผลลบ (Negative) : แถบสีปรากฏเฉพาะตำแหนง่ C - ผลบวก (Positive) : แถบสปี รากฏทั้งตำแหนง่ C และ T เปน็ ๒ ขีด - กรณีไม่ปรากฏแถบ C หมายถึงชุดตรวจอาจมีปัญหา ใช้งานไม่ได้ควรตรวจซ้ำใหม่ อกี ครง้ั หากผลตรวจเป็นบวก (ตดิ เชอ้ื ) ควรตรวจด้วย RT-PCR เพ่ือยืนยันตามข้ันตอน หากมีผลเป็นลบ (ไม่ติดเชื้อ) ควรทดสอบดว้ ยชุดตรวจ ATK อีกครั้งใน ๓ - ๕ วัน หากมคี วามเสีย่ งสงู ควรตรวจยนื ยนั ด้วย RT-PCR ๒.๒.๕ ขอ้ ควรระวงั ในการใชช้ ุดตรวจ ATK - ชดุ ตรวจ ATK ตอ้ งไดร้ ับการลงทะเบียนจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) - หากมีอาการเสย่ี งตดิ เชอื้ ควรตรวจ RT-PCR เพือ่ ยืนยนั มากกว่าใช้ชดุ ตรวจ ATK - หากนำ้ ยาสกดั เช้ือกระเด็นโดนผวิ หนงั หรอื เขา้ ดวงตาให้ล้างทันทีด้วยนำ้ สะอาด ปรมิ าณมาก - หลังใช้งานให้แยกท้ิงท่ขี ยะติดเชอื้ ๒.๒.๖ ผลจากชดุ ตรวจ ATK เปน็ บวกต้องทำอย่างไร ควรติดตอ่ สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อทำการกักตัว และแยกตนเองออกจากผ้อู ่ืน

ส่วนที่ ๒ แนวทางการเตรยี มความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน

ส่วนท่ี ๒ แนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรยี น การเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดภาคเรียน มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีความเกี่ยวข้อง กับการปฏิบัติตนของนักเรียน ครู บุคลากร และผู้เกี่ยวข้องทุกคนในสถานศึกษา เมื่อใกล้เวลาที่สถานศึกษา จะเปิดภาคเรียนปีการศึกษา ๒๕๖๕ ซึ่งปีการศึกษา ๒๕๖๔ ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เกิดภัยธรรมชาติในหลายพื้นที่ เช่น วาตภัย พายุฤดูร้อน ซึ่งอาจเป็นเหตุให้อาคาร วัสดุอุปกรณ์ ต้นไม้ และ ส่งิ แวดล้อมโดยรวม เกิดชำรุดเสียหาย อปุ กรณไ์ ฟฟ้าอาจมีกระแสไฟรวั่ ไหล สายไฟฟา้ ขาด รวมถงึ มกี ารระบาด ของโรคตามฤดูกาล ประกอบกับมีการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือโควิด 19 อยา่ งต่อเน่ืองถึงปัจจุบัน ซ่ึงเป็นอันตราย ตอ่ นักเรยี นและบุคลากร รวมถึงเหตุร้ายตา่ ง ๆ ทเ่ี กิดขน้ึ จากมนษุ ย์ สถานศึกษาจึงเตรียมความพรอ้ มกอ่ นเปดิ ภาคเรยี น เพิม่ เติมจากทีไ่ ดเ้ คยดำเนินการเปน็ ปกติ โดยดำเนินการ ดงั นี้ ๑. แนวทางการเตรียมความพรอ้ มกอ่ นเปิดภาคเรยี น ในดา้ นความปลอดภยั ๔ กล่มุ ภัย ความปลอดภัยของสถานศกึ ษาจำแนกเปน็ ๔ กลุ่มภยั โดยมีการดำเนินงานตามมาตรการ ๓ ป ไดแ้ ก่ การป้องกัน การปลูกฝัง และการปราบปราม ซึ่งในแต่ละมาตรการมีแนวปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมก่อน เปดิ ภาคเรียนตามรายละเอียด ดงั น้ี ๑.๑ ภยั ทีเ่ กดิ จากการใช้ความรนุ แรงของมนษุ ย์ ประกอบด้วย ๑.๑.๑ การลว่ งละเมิดทางเพศ มีแนวปฏบิ ัติดังนี้ ๑) สำรวจนกั เรยี นกลุ่มเสย่ี งและพืน้ ที่ทเ่ี ป็นจดุ เส่ียง ๒) สร้างเครอื ข่ายเฝา้ ระวังทั้งในสถานศกึ ษาและชมุ ชน ๓) จัดให้มีระบบการสื่อสารเพื่อรับส่งข้อมูลด้านพฤติกรรมนักเรียนทั้งในสถานศึกษา และชุมชน ๑.๑.๒ การทะเลาะวิวาท มแี นวปฏิบตั ิดงั นี้ ๑) จัดทำระเบียบในการประพฤติปฏิบัติตนในสถานศึกษา ๒) โรงเรยี นประชุมชแ้ี จงทำความเข้าใจการปฏบิ ัตติ นตามระเบียบก่อนเปดิ ภาคเรยี น ๑.๑.๓ การกลั่นแกล้งรงั แก มีแนวปฏิบัติดงั น้ี ๑) จดั ทำระเบยี บขอ้ ตกลงรว่ มกนั ทั้งในระดบั ชั้นเรียนและระดบั สถานศกึ ษา ๒) สำรวจนักเรียนกลมุ่ เส่ียงทั้งกลมุ่ ผ้กู ระทำและผ้ถู กู กระทำ เพอ่ื จดั ทำเปน็ ข้อมูล ในการดแู ลตดิ ตาม ๓) สรา้ งเครือข่ายเฝ้าระวงั ทั้งในสถานศกึ ษาและชุมชน ๔) จัดให้มรี ะบบการสอ่ื สารเพอื่ ติดตามพฤติกรรมนกั เรียน

๑๕ ๑.๑.๔ การชมุ นุมประท้วงและการจลาจล มแี นวปฏบิ ัติดังนี้ ๑) สำรวจนกั เรยี นกลุ่มเส่ียงเพ่อื การตดิ ตามเฝ้าระวงั พฤติกรรม ๒) พฒั นาพื้นท่เี สีย่ งให้มีความปลอดภัย ๑.๑.๕ การก่อวนิ าศกรรม มีแนวปฏบิ ัติดงั นี้ ๑) สำรวจนักเรียนกลมุ่ เสี่ยงเพ่อื เฝา้ ระวงั ตดิ ตามพฤตกิ รรมนักเรยี น ๒) สรา้ งเครือข่ายเฝา้ ระวังทงั้ ในสถานศกึ ษาและในชมุ ชน ๓) จัดให้มีระบบการสื่อสารเพื่อรบั ส่งข้อมูลด้านพฤติกรรมนักเรียนทั้งในสถานศึกษา และชุมชน ๑.๑.๖ การระเบิด มแี นวปฏิบัติดังน้ี ๑) สำรวจนักเรยี นกลมุ่ เส่ียง ๒) สำรวจแหล่งท่ีมาของวตั ถปุ ระกอบระเบดิ ๓) สร้างเครอื ข่ายเฝ้าระวังทั้งในสถานศึกษาและในชมุ ชน ๔) จัดให้มีระบบการสื่อสารเพอ่ื ติดตามพฤติกรรมนักเรียน ๑.๑.๗ สารเคมีและวตั ถุอันตราย มีแนวปฏิบัติดงั น้ี ๑) จัดสถานทีใ่ นการจัดเก็บสารเคมแี ละวัตถุอันตรายใหม้ ดิ ชิด ๒) จัดทำมาตรการและแนวปฏบิ ตั ใิ นการดำเนินการ ลด ละ เลิก การใชส้ ารเคมีและวัตถุ อนั ตราย ๓) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังการใช้สารเคมแี ละวัตถุอันตรายท้ังในสถานศึกษาและชมุ ชน ๑.๑.๘ การลอ่ ลวง ลกั พาตวั มแี นวปฏบิ ตั ิดังน้ี ๑) จัดระบบการติดต่อส่ือสารเพ่ือรับส่งข้อมูลพฤติกรรมนักเรียน ผู้ใกลช้ ดิ และ บคุ คลภายนอก ๒) สรา้ งเครือขา่ ยเฝ้าระวงั ทัง้ ในสถานศกึ ษาและชุมชน ๓) จดั ทำข้อมูลช่องทางขอความชว่ ยเหลือ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนและชุมชน ไดท้ ราบ ๑.๒ ภัยท่เี กดิ จากอบุ ตั เิ หตุ (Accident) ประกอบดว้ ย ๑.๒.๑ ภยั ธรรมชาติ มแี นวปฏิบตั ิดังนี้ ๑) สำรวจขอ้ มูลความเส่ียงทเ่ี กิดจากภัยธรรมชาตติ ามบริบทโรงเรยี น ๒) เตรียมแผนการรองรับเกิดเหตุการณ์ภยั ธรรมชาตติ ่าง ๆ ล่วงหนา้ เชน่ - การใหค้ วามรู้ ขณะเกดิ เหตุจะต้องทำอย่างไร

๑๖ - การหลีกเลี่ยงและการเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์นั้น ๆ และภายหลังเกิดเหตุแล้ว จะขอรับความช่วยเหลือได้อย่างไร โดยสามารถศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย www.disaster.go.th ๑.๒.๒ ภัยจากอาคารเรยี น สิ่งก่อสร้าง มีแนวปฏิบตั ิดังนี้ ๑) สำรวจจดุ อนั ตรายตา่ ง ๆ ในบรเิ วณโรงเรียน ๒) ดำเนินการซ่อมแซม อาคารเรียน ประตูหน้าต่าง ระบบไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟ ปลั๊กไฟ โต๊ะ เก้าอี้ ระบบน้ำประปา เครื่องเล่นสนาม ประตูฟุตบอล ประตูรั้วโรงเรียน ล้อมรั้วรอบสระน้ำ ในโรงเรียน ฯลฯ ใหม้ นั่ คงแขง็ แรงกอ่ นเปดิ เรียน ๓) จัดสภาพแวดลอ้ มให้สะอาด ร่มร่นื ปลอดภัย - ตัดแต่งตน้ ไม้ ก่ิงไม้ มใิ หเ้ กดิ อันตราย - กำจัดต้นไม้หรอื วัชพืชที่เปน็ พิษหรอื มผี ลเปน็ พิษในบริเวณโรงเรียนและโดยรอบ - ดแู ลสนามหญ้าใหส้ ะอาดโลง่ เตยี นมิใหเ้ ป็นที่อยู่ของสัตว์รา้ ย - กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง หนู สัตว์เลื้อยคลาน งูพิษ ตะขาบ แมงป่อง และแมลงมีพิษ เชน่ รังผงึ้ รังตอ่ รังแตน แมลงศตั รูพชื แมลงรบกวน เช่น แมลงวนั และแมลงปีกแขง็ - เก็บกวาดกองขยะทรี่ กรุงรัง ๑.๒.๓ ภัยจากยานพาหนะ มีแนวปฏบิ ัติดังน้ี ๑) สำรวจรูปแบบการเดนิ ทาง และเสน้ ทางเดนิ ไป - กลบั ของนักเรียน ๒) จดั ทจี่ อดรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ จุดจอดรถรบั - สง่ นักเรยี นใหม้ ีความเป็น ระเบียบเรยี บร้อย มีความปลอดภยั ๓) ตรวจสอบสภาพของรถรบั - สง่ นกั เรียนใหม้ ีความพรอ้ มใช้งาน และกำกับควบคุม พฤติกรรมพนักงานขับรถนักเรยี น ๔) แสวงหาความรว่ มมือในการปอ้ งกันแก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ เช่น สำนักงานขนส่งจังหวัด เจา้ หน้าท่ตี ำรวจจราจร เพ่ือช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดความปลอดภยั กับนักเรยี น ๕) นักเรียนท่ีโดยสารเรอื ส่งเสริมสนบั สนุนใหน้ กั เรยี นลอยตวั ในนำ้ หรือวา่ ยนำ้ เปน็ ๖) จัดเตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ เครือ่ งมือ เพื่อการชว่ ยเหลอื เบื้องตน้ ๗) สง่ เสริมสนับสนุนการทำประกันภัย และประกันอุบตั ิเหตุ ๑.๒.๔ ภยั จากการจัดกิจกรรม มแี นวปฏบิ ัติดังน้ี ๑) แต่งตั้งคณะทำงานประเมินความเสี่ยงในการจัดกิจกรรม เพื่อร่วมกันเสนอแนะ แนวทางในการป้องกนั ความเส่ยี งในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ๒) สนับสนุนให้มีการทำประกันชีวิตและทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มให้กับนักเรียนและ บุคลากรทกุ คน

๑๗ ๑.๒.๕ ภยั จากเคร่ืองมอื อุปกรณ์ มแี นวปฏบิ ตั ิดังนี้ ๑) สำรวจข้อมูลเคร่ืองมือ อุปกรณ์ และจัดแยกส่วนทช่ี ำรดุ และส่วนทใ่ี ชง้ านได้ ๒) จัดทำคู่มือการใช้เครือ่ งมือ อุปกรณ์ใหป้ ลอดภัย หากพบเคร่ืองมอื ชำรดุ ให้ ดำเนนิ การซ่อมแซม บำรงุ รกั ษา ๓) การจดั เกบ็ เคร่อื งมือ อปุ กรณ์ให้เป็นระบบ ๑.๓ ภัยทีเ่ กดิ จากการถูกละเมดิ สิทธิ์ (Right) ประกอบด้วย ๑.๓.๑ การถูกปล่อยปละ ละเลย ทอดทงิ้ ๑.๓.๒ การคกุ คามทางเพศ ๑.๓.๓ การไม่ได้รบั ความเป็นธรรมจากสังคม มีแนวปฏบิ ตั ิดงั น้ี ๑) โรงเรียนสำรวจขอ้ มลู นกั เรยี นรายคน โดยสำรวจนักเรียนกลมุ่ เสี่ยงและพนื้ ท่ีเป็นจดุ เสย่ี ง ๒) วิเคราะห์สภาพปัญหา ความต้องการ ความเสี่ยง ความขาดแคลนของนักเรียนรายคน ๓) สร้างเครอื ข่ายเฝา้ ระวงั ทั้งในสถานศึกษาและชุมชน ๔) สรา้ งเครือข่ายการมีสว่ นร่วมเพื่อประสานความชว่ ยเหลือ ๕) จัดระบบการสื่อสารเพื่อรับส่งข้อมูลด้านพฤติกรรมนักเรียน และผู้ใกล้ชิด ทั้งใน สถานศกึ ษาและชุมชน ๖) จัดทำข้อมูลช่องทางขอความช่วยเหลือเพือ่ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนและ ชุมชนได้ทราบ ๑.๔ ภยั ทเี่ กิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจติ ใจ (Unhealthiness) ประกอบด้วย ๑.๔.๑ ภาวะจิตเวช มแี นวปฏิบตั ิดงั น้ี ๑) สำรวจข้อมลู นักเรยี นกลุ่มเส่ียง ๒) ตดิ ต่อประสานเครอื ขา่ ยการมสี ว่ นรว่ มเพ่ือประเมินภาวะจติ ๓) จดั หลกั สตู รการเรยี นการสอนพเิ ศษรายคน ๔) สรา้ งเครอื ข่ายเฝา้ ระวังท้ังในสถานศึกษาและชุมชน ๕) จัดระบบติดต่อสื่อสารเพอ่ื รบั ส่งขอ้ มูลพฤตกิ รรมอย่างต่อเนื่อง ๑.๔.๒ ติดเกม มแี นวปฏบิ ตั ิดังนี้ ๑) สำรวจข้อมูลนักเรยี นกลุม่ เสย่ี ง และขอ้ มลู พน้ื ที่แหล่งให้บริการร้านเกม ๒) กำหนดข้อตกลงเพือ่ ปฏิบตั ิร่วมกัน ๓) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวงั ทงั้ ในสถานศึกษาและชุมชน ๔) จดั ระบบตดิ ต่อสื่อสารเพอ่ื รบั สง่ ข้อมลู พฤตกิ รรมอย่างต่อเนอ่ื ง ๑.๔.๓ ยาเสพตดิ มแี นวปฏบิ ตั ิดงั น้ี ๑) สำรวจขอ้ มลู นักเรียนกลมุ่ เสี่ยง

๑๘ ๒) วิเคราะหน์ ักเรยี นรายบคุ คล ๓) กำหนดข้อตกลงเพ่ือปฏิบัติรว่ มกนั ๔) สรา้ งเครอื ข่ายเฝ้าระวงั ท้งั ในสถานศึกษาและชมุ ชน ๕) จดั ระบบตดิ ต่อส่ือสารเพือ่ รับสง่ ข้อมลู พฤตกิ รรมอยา่ งต่อเน่อื ง ๑.๔.๔ โรคระบาดในมนุษย์ มแี นวปฏบิ ัติดังนี้ ๑) สำรวจข้อมูลด้านสุขภาพของนักเรียนรายคนและบุคคลใกลช้ ดิ ๒) จดั ทำแผนในการปอ้ งกนั โรคระบาดในมนษุ ย์ ๓) บรกิ ารวสั ดุ - อุปกรณ์ ในการป้องกนั โรคระบาดในมนุษย์ ๔) สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวังทง้ั ในสถานศกึ ษาและชมุ ชน ๕) จัดระบบตดิ ต่อสอ่ื สารเพอื่ ตดิ ตามข้อมูลด้านสุขภาพอย่างต่อเนือ่ ง ๑.๔.๕ ภยั ไซเบอร์ ๑) สำรวจขอ้ มูลการใช้งานระบบไซเบอรข์ องนกั เรยี นรายคน ๒) กำหนดข้อตกลงเพอื่ ปฏิบตั ริ ่วมกนั ๓) สรา้ งเครือข่ายเฝา้ ระวังทั้งในสถานศึกษาและชมุ ชน ๔) จัดระบบตดิ ตอ่ ส่อื สารเพ่ือรบั สง่ ขอ้ มลู พฤติกรรมอยา่ งต่อเนอ่ื ง ๑.๔.๖ การพนนั มแี นวปฏบิ ตั ิดงั นี้ ๑) สำรวจข้อมลู นกั เรยี นกล่มุ เสี่ยง และพืน้ ทที่ ่เี ป็นแหล่งการพนนั ๒) กำหนดขอ้ ตกลงเพ่อื ปฏบิ ัตริ ว่ มกนั ๓) สรา้ งเครือขา่ ยเฝ้าระวังทง้ั ในสถานศกึ ษาและชมุ ชน ๔) จัดระบบติดตอ่ สื่อสารเพอ่ื รับส่งขอ้ มลู พฤติกรรมอย่างต่อเนอ่ื ง ๑.๔.๗ มลภาวะเป็นพษิ มแี นวปฏบิ ัติดังน้ี ๑) สำรวจข้อมลู พน้ื ท่ีทีเ่ กดิ มลภาวะเปน็ พิษในสถานศึกษาและชุมชน ๒) จัดทำป้ายสญั ลกั ษณแ์ สดงพน้ื ทมี่ ลภาวะเป็นพษิ ๓) จัดทำแผนในการแกป้ ญั หามลภาวะเปน็ พิษรว่ มกัน ๔) กำหนดข้อตกลงในการปฏบิ ตั ิรว่ มกนั ๑.๔.๘ โรคระบาดในสัตว์ มแี นวปฏบิ ตั ิดงั นี้ ๑) สำรวจข้อมลู สัตวเ์ ลย้ี งของนกั เรียนรายคน ๒) จดั ทำแผนในการปอ้ งกนั โรคระบาดในสัตว์ ๓) บริการวสั ดุ อุปกรณ์ในการป้องกนั โรคระบาดในสตั ว์ ๔) สร้างเครอื ข่ายเฝา้ ระวงั ทง้ั ในสถานศกึ ษาและชุมชน ๕) จัดระบบติดต่อสอื่ สารเพื่อตดิ ตามข้อมูลสตั ว์เล้ยี งอย่างต่อเน่อื ง

๑๙ ๑.๔.๙ ภาวะทพุ โภชนาการ มีแนวปฏิบัติดังนี้ ๑) การสำรวจและจัดกลมุ่ นักเรยี นกล่มุ เส่ียง และกลมุ่ ท่ีมีภาวะทุพโภชนาการ ๒) เสริมสรา้ งความรว่ มมือระหวา่ งโรงเรยี น ครอบครัว ชุมชน และผู้มสี ว่ นเก่ียวขอ้ ง ๓) จัดทำสื่อประชาสมั พันธใ์ ห้ความรดู้ ้านโภชนาการแกผ่ ู้ปกครอง ๔) จัดทำฐานข้อมูลเพื่อตรวจสอบพัฒนาการและความก้าวหน้าในการลดภาวะ ทุพโภชนาการ ๕) ดูแลอาหารกลางวัน อาหารเสริม และอาหารว่างที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ รวมถึงอุปกรณ์กีฬาให้มีความเพยี งพอ สำหรบั การออกกำลงั กาย ๒. แนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในการเปิดเรียนแบบ On-Site สถานศึกษาจะเตรียมความพร้อมก่อนเปดิ ภาคเรียนภายใต้สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน ผู้ปกครองและสาธารณชน และปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดงั น้ี ๒.๑ การประเมินความพร้อมตนเองก่อนเปิดภาคเรียนผา่ นระบบ Thai Stop Covid Plus (TSC+) สถานศึกษาดำเนนิ การประเมินตนเองก่อนเปิดภาคเรยี นผา่ นระบบ Thai Stop Covid Plus (TSC+) ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ ไดท้ เี่ ว็บไซต์ https://stopcovid.anamai.moph.go.th/ ซึ่งได้สร้างเครื่องมือสำหรับสถานศึกษาประเมินตนเองในระบบเพื่อให้สถานศึกษาเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเรียน ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โดยแบบประเมินตนเองประกอบด้วย ๖ มิติ ๒๐ ข้อ ดังตัวอย่างดังนี้ (รายละเอียด ในภาคผนวก)

๒๐ ซงึ่ จะไดผ้ ลการประเมนิ ดังนี้ ผลการประเมิน Ranking เกณฑป์ ระเมนิ สีเขียว ผา่ นท้ังหมด ๒๐ ขอ้ สเี หลือง ผา่ นข้อ ๑ - ๑๒ ทุกขอ้ แตไ่ มผ่ ่านข้อ ๑๓ - ๒๐ ขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ สแี ดง ไมผ่ า่ นข้อ ๑ - ๑๒ ข้อใดขอ้ หน่งึ การแปรผล หมายถงึ สถานศึกษาสามารถเปิดเรียนได้ • สเี ขียว โดยได้ใบรับรอง (E-Certificate) • สเี หลอื ง หมายถึง โรงเรยี นสามารถเปดิ เรยี นได้ แต่ตอ้ งดำเนนิ การปรบั ปรงุ ใหเ้ ปน็ ไปตาม มาตรฐานที่กำหนด แลว้ จงึ ไดร้ ับใบรับรอง (E-Certificate) • สีแดง หมายถงึ โรงเรียนไม่สามารถเปิดเรียนได้ ตอ้ งดำเนนิ การปรบั ปรงุ ให้เปน็ ไปตาม มาตรฐานที่กำหนด และ/หรือประเมนิ ตนเองซำ้ จนกวา่ จะผ่านทัง้ หมด แล้วจงึ ไดใ้ บรบั รอง (E-Certificate) โรงเรียนสามารถเปิดเรยี นได้ ตัวอยา่ งใบรบั รอง (E-Certificate)

๒๑ ๒.๒ การรบั วคั ซีน ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จำเป็นที่จะต้องมกี ารสร้าง ภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดี โดยการรับวัคซีนพร้อมกับการรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ซึ่งสถานศึกษา ดำเนนิ การตามมาตรการ ดงั น้ี ๒.๒.๑ การรบั วคั ซนี ของครู และบุคลากรทางการศึกษา มีมาตรการ ดังน้ี ๑) ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาต้องได้รับการฉีดวคั ซนี ครบโดส ตงั้ แต่รอ้ ยละ ๘๕ ขึ้นไป ๒) ครู และบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศกึ ษามีการทำกิจกรรมร่วมกนั ในรูปแบบ Small Bubble และหลกี เลยี่ งการทำกิจกรรมข้ามกล่มุ กนั ๓) ถ้าครู และบุคลากรมีอาการเข้าข่าย (Inclusion Criteria) กับการติดเชื้อโควิด 19 หรือ สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสงู ให้ดำเนินการตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ทันที และปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุกรณีมีผลตรวจ เป็นบวก ๒.๒.๒ การรบั วัคซีนของนกั เรียน และผู้ปกครอง มีมาตรการ ดงั นี้ สถานศึกษารณรงค์ให้นักเรียนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยความยินยอมของผู้ปกครอง รวมท้ังประชาสัมพันธใ์ ห้ผู้ปกครองเข้ารับวัคซีน ดงั นี้ ๑) การฉีดวัคซีนโควิด 19 เขม็ ๑ และ ๒ สำหรบั อายุ ๑๘ ปี ข้ึนไป ๒) การฉีดวคั ซนี โควดิ 19 เข็ม ๑ และ ๒ สำหรบั บคุ คลท่ีมอี ายุ ๕ – ๑๗ ปี ๓) แนะนำใหฉ้ ีดวคั ซีนโควิด 19 ในผทู้ ม่ี ีประวัติติดเชื้อโควิด 19 ไดต้ ามหลกั การเดียวกับผู้ที่ ยังไมเ่ คยติดเชือ้ มาก่อน โดยใหว้ ัคซีนหลงั จากการติดเช้ือเป็นเวลา ๓ เดอื น ๒.๓ แนวปฏบิ ตั กิ ารเตรียมการกอ่ นเปดิ ภาคเรยี นของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน การเตรียมการก่อนเปดิ ภาคเรียน มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีความเก่ียวข้องกับการปฏิบัติ ตนของนักเรียน ครู บุคลากรและผู้เกี่ยวข้องทุกคนในสถานศึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อโรคโควิด 19 ตัดความเสี่ยง สรา้ งภูมคิ ุ้มกัน และสร้างความปลอดภยั แก่ทุกคน สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จึงกำหนดใหม้ แี นวปฏบิ ตั ิการเตรียมการกอ่ นเปิดภาคเรียน ๖ ขั้นตอน ดังนี้ ๒.๓.๑ สถานศกึ ษาต้องประเมินความพรอ้ มก่อนเปิดภาคเรยี น โดยใช้แบบประเมินตนเองในระบบ Thai Stop Covid Plus ตัวย่อ TSC+ ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ถ้าผลการประเมินเป็นสีเขียวให้ เปิดเรียนได้ สีเหลืองให้ประเมินซ้ำ ถ้าผ่านให้เปิดเรียนได้ ถ้าผลการประเมินเป็นสีแดง จะต้องเตรียมสถานศึกษา จนกว่าผลการประเมินจะเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง หากยังคงมีผลการประเมินเป็นสีแดงให้รายงานต่อ ผูบ้ งั คับบญั ชาตามลำดับข้นั เพือ่ จะไดป้ ระสาน ส่งเสรมิ สนับสนนุ ใหส้ ถานศึกษามคี วามพรอ้ มก่อนเปดิ ภาคเรียน ๒.๓.๒ ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาต้องไดร้ ับการฉดี วัคซนี ครบโดส รอ้ ยละ ๘๕ ข้นึ ไป ตามประกาศ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลงวันที่ ๒๐ กนั ยายน ๒๕๖๔

๒๒ ๒.๓.๓ นกั เรียนและผปู้ กครองควรไดร้ ับการฉีดวัคซนี ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสขุ ๒.๓.๔ สถานศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้เปิดเรียนในรูปแบบ On-Site ก่อนหน้ามาแล้ว และยังมิได้ ถกู ส่ังระงับหรือปิด สามารถดำเนนิ การเปิดเรยี นได้ตามปกติ ในส่วนของสถานศึกษาทีย่ ังไม่เคยได้รับอนุมัติให้ เปิดเรียนได้ ให้สถานศึกษาดำเนินการประเมินตนเองเสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานรับทราบ และให้ความเหน็ ชอบในการเปดิ เรยี น แล้วจึงนำรายงานตอ่ สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษา เพ่อื ใหส้ ำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประสานสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณา อนมุ ัติให้เปดิ เรียนได้ตอ่ ไป ๒.๓.๕ ใหส้ ถานศึกษาปฏิบตั ิตามมาตรการท่ีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยเน้น ๖ มาตรการหลกั ๖ มาตรการเสริม และ ๗ มาตรการเขม้ งวด อย่างเคร่งครดั ๒.๓.๖ สถานศึกษารายงานผลการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนต่อผู้บังคับบัญชา ตามลำดับขัน้ ๒.๔ มาตรการการเตรียมความพรอ้ มของกรมอนามัย ๒.๔.๑ มาตรการการเตรยี มความพร้อมก่อนเปดิ ภาคเรยี น ๑) สถานศึกษาประเมินตนเองเตรยี มพรอ้ มก่อนเปดิ ภาคเรยี นที่ ๑/๒๕๖๕ ผา่ น TSC+ ๒) นักเรียนอายุ ๑๒ – ๑๗ ปี ไดร้ ับวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น (เขม็ ๓) ผา่ นระบบสถานศึกษา และเรง่ ฉดี วคั ซนี โควิด 19 ในเด็กอายุ ๕ - ๑๑ ปี ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเดก็ ๓) นักเรียน ครู บุคลากร ปฏิบัติตามมาตรการ ๖-๖-๗ อย่างเคร่งครัด อาทิ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ๑๐๐% ลา้ งมือ ตรวจหาเชื้อดว้ ย ATK เมอื่ มอี าการหรอื เสีย่ ง ๔) กรณีนักเรียนติดเชอื้ โควิด 19 และเปน็ ผสู้ ัมผัสเสี่ยงสูง ปฏิบัตติ ามมาตรการอย่างเคร่งครัด ๒.๔.๒ มาตรการความปลอดภยั ในการเปิดเรียน On-Site กรมอนามัยใหแ้ นวทางการเฝ้าระวังหรือเตรยี มความพรอ้ มสำหรบั การเปดิ เรียน On-Site ด้วยหลักการ Sandbox Safety Zone in School ตดั ความเส่ยี ง สรา้ งภูมิค้มุ กนั ด้วย 3T1V ได้แก่ T :Thai Stop Covid Plus (TSC+) โรงเรียนต้องผ่านการประเมินตนเองในการเตรียม ความพร้อมกอ่ นเปิดเรยี น T : Thai Save Thai (TST) นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาประเมินความเสี่ยง ตนเองเป็นประจำด้วยแบบประเมิน Thai Save Thai T : Test โรงเรียนมีการเฝ้าระวังอย่างเหมาะสม เช่น การตรวจคัดกรองด้วย ATK เมื่อมี ความเสีย่ ง หรอื เมื่อมีอาการ V : Vaccine ครู บุคลากร ผู้ปกครองและเด็ก ๕ - ๑๗ ปี ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ เพื่อลด ความรุนแรงและสร้างความปลอดภยั ในสถานศกึ ษาควบคกู่ ารปฏิบัตติ ามมาตรการ ๖-๖-๗ อย่างตอ่ เนอ่ื ง

๒๓ ๒.๔.๓ มาตรการเปิดเรยี น On-Site สำหรบั โรงเรียนประจำ เนน้ มาตรการ Sandbox Safety Zone in School (SSS) ปอ้ งกันการระบาดในวงกวา้ ง แบง่ เป็นกรณี ดังน้ี กรณนี กั เรียน ครู หรือบุคลากร เป็น ผสู้ มั ผัสเสย่ี งตำ่ - โรงเรยี นสามารถเปดิ เรยี น On-Site ได้ตามปกติ และปฏบิ ัตติ ามมาตรการ Universal Prevention - ประเมิน Thai Save Thai (TST) เว้นระยะหา่ งของตัวนกั เรยี นในห้องเรียน ไมน่ ้อยกว่า ๑ เมตร กรณนี กั เรยี น ครู หรือบุคลากร เป็น ผสู้ มั ผัสเส่ยี งสงู - สามารถจัดการเรียนการสอน ปฏิบัติงาน และทำกิจกรรมใน Quarantine Zone ตามมาตรการ SSS เป็นเวลา ๕ วนั และติดตามสังเกตอาการอีก ๕ วนั - กรณีได้รับวัคซีนโควิด 19 ครบ ตามคำแนะนำปัจจุบัน ไม่มีอาการ แนะนำให้ กักกัน ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK ซ้ำ ในวันที่ ๕ หรือถ้ามีอาการ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK ทันที แยกกักกัน สังเกตอาการจนครบ ๑๐ วัน พร้อมปฏบิ ัติตวั ตามาตรการขน้ั สงู สดุ - ตรวจคดั กรองหาเชอ้ื ดว้ ย ATK ถา้ มีอาการให้ตรวจทันที ให้ตรวจครงั้ ที่ ๑ วันท่ี ๕ หลงั สัมผสั ผู้ตดิ เชื้อ และตรวจครั้งสดุ ท้าย วนั ท่ี ๑๐ หลงั สมั ผสั ผู้ติดเช้ือ กรณีนกั เรียน ครู หรือบคุ ลากร เป็นผตู้ ิดเชอื้ - พิจารณาร่วมกับหน่วยบริการสาธารณสุขแยกกักตัวที่โรงเรียน (School Isolation) ปฏิบัติตามแนวทางของสาธารณสุข โดยพิจารณาร่วมกับหน่วยบริการสาธารณสุขในพื้นที่ หรือคณะกรรมการ โรคติดต่อจังหวัด กรณไี ม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย จดั การเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสม เว้นระยะห่าง ไม่น้อยกวา่ ๑ เมตร งดกจิ กรรมรวมกลุ่ม เน้นการระบายอากาศ โดยปฏิบตั ติ าม UP-DMHTA อยา่ งเคร่งครดั - ตดิ ต่อหน่วยงานบริการสาธารณสขุ ในพ้ืนที่ ตามระบบงานอนามัยโรงเรียน - โรงเรียนทำความสะอาดห้องเรียน ชั้นเรียน สถานศึกษาตามมาตรการของ กระทรวงสาธารณสุขและเปิดเรยี นได้ตามปกติ ๒.๔.๔ มาตรการเปิดเรียน On-Site สำหรบั โรงเรยี นไป – กลบั กรณีนักเรียน ครู หรอื บคุ ลากร เป็นผ้เู สี่ยงต่ำ - เรียนในพน้ื ที่สถานศกึ ษา (On-Site) ตามปกติ และปฏบิ ัติตามมาตรการ Universal Prevention - ประเมิน Thai Save Thai (TST) จัดระยะห่างระหว่างนักเรียนในห้องเรียน ไม่นอ้ ยกว่า ๑ เมตร

๒๔ กรณีนักเรยี น ครู หรือบุคลากร เป็นผู้เสยี่ งสงู - กรณีไม่ได้รับวัคซีนโควิด 19 ตามแนวทางปัจจุบัน ทั้งมีอาการและไม่มีอาการ แนะนำใหก้ กั กันตวั เอง (Self-Quarantine) เป็นเวลา ๕ วนั และตดิ ตามเผ้าระวังอีก ๕ วนั - กรณีได้รับวัคซีนโควิด 19 ครบตามคำแนะนำปัจจุบัน ไม่มีอาการ ไม่ต้องกักกัน และแนะนำ ให้ไปเรียนได้ - ตรวจคัดกรองหาเชอ้ื ด้วย ATK ถา้ มอี าการใหต้ รวจทันที ใหต้ รวจครงั้ ท่ี ๑ วันที่ ๕ หลงั สมั ผสั ผู้ติดเชือ้ และตรวจครัง้ สดุ ทา้ ย วนั ท่ี ๑๐ หลังสมั ผัสผู้ติดเช้อื - สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม โดยเว้นระยะห่าง ไม่น้อยกว่า ๑ เมตร และประสานหนว่ ยบรกิ ารสาธารณสขุ ตามระบบงานอนามัยโรงเรียน กรณีนกั เรยี น ครู หรือบคุ ลากร เป็นผตู้ ิดเช้อื - แยกกักตวั ท่ีบ้าน (Home Isolation) หรือปฏิบัตติ ามคำแนะนำของสถานบริการ สาธารณสุข - กรณีมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ให้พิจารณาจัดทำ School Isolation โดยคณะกรรมการ สถานศึกษา หนว่ ยงานสาธารณสขุ และคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจงั หวดั - จัดรูปแบบการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีอาการสามารถ เรียนไดต้ ามปกติ - โรงเรียนทำความสะอาดห้องเรยี น ช้นั เรียน สถานศกึ ษา และเปดิ เรียนได้ตามปกติ ๒.๕ มาตรการ Sandbox : Safety Zone in School สถานศึกษาดำเนินการตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาตามข้อกำหนดตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๔) ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ กำหนดมาตรการ Sandbox : Safety Zone in School ทีต่ ง้ั อยู่ในพนื้ ท่ีควบคมุ สงู สุดและเข้มงวด (สแี ดงเขม้ ) ดงั นี้ ๒.๕.๑ มาตรการ Sandbox : Safety Zone in School สำหรับโรงเรียนประจำหรือ ไป-กลับ ที่มีความพรอ้ มและผ่านเกณฑ์การประเมิน มหี ลักเกณฑ์ทตี่ อ้ งปฏบิ ัตอิ ย่างเครง่ ครดั ๔ องคป์ ระกอบ ดังน้ี ๑) องค์ประกอบด้านกายภาพ ลกั ษณะอาคารและพนื้ ที่โดยรอบอาคารของโรงเรยี นหรือ สถานศกึ ษา ประกอบด้วย ๑.๑) พื้นที่/อาคารสนับสนุนการบริการ ๑.๒) พน้ื ท/ี่ อาคารเพ่อื จัดการเรยี นการสอน โดยจดั อาคารและพ้นื ท่ีโดยรอบใหเ้ ปน็ พืน้ ที่ปฏิบัตงิ านท่ปี ลอดภัย และมพี น้ื ท่ีที่ เป็น Covid free Zone

๒๕ ๒) องค์ประกอบด้านการมีส่วนร่วม ต้องเป็นไปตามความสมัครใจของทุกฝ่าย โดยโรงเรียน หรือสถานศึกษาที่ประสงค์จะดำเนินการในรูปแบบ Sandbox : Safety Zone in School ต้องจัดให้มีการ ประชมุ หารือร่วมกันของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ครู ผปู้ กครอง ผู้นำชมุ ชน และมีมติให้ความเห็นชอบ ร่วมกันในการจัดพื้นที่การเรียนการสอนในรูปแบบ Sandbox : Safety Zone in School ตลอดภาคการศึกษา ก่อนนำเสนอโครงการผ่านต้นสังกัดในพื้นที่ แล้วขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรอื คณะกรรมการโรคติดตอ่ จังหวัด ๓) องค์ประกอบด้านการประเมนิ ความพร้อมสู่การปฏบิ ัติ โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาต้อง เตรยี มการประเมินความพร้อม แยกเป็นดงั นี้ ๓.๑) โรงเรียนหรอื สถานศึกษา ตอ้ งดำเนนิ การ ได้แก่ ๓.๑.๑) ต้องประเมนิ ความพรอ้ มผา่ น Thai Stop Covid Plus (TSC+) และ รายงานการติดตามการประเมนิ ผลผ่าน MOE Covid ๓.๑.๒) ต้องจดั ใหม้ ีสถานทีแ่ ยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) สำหรับ รองรับการดูแลรักษาเบื้องต้นกรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากรในสถานศึกษามีการติดเชือ้ โควิด 19 หรือผลตรวจ คัดกรองหาเชื้อเป็นบวก รวมถึงมีแผนเผชิญเหตุและมีความร่วมมือกับสถานพยาบาลเครือข่ายในพื้นที่ที่ดูแลอย่าง ใกล้ชิด ๓.๑.๓) โรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทพักนอน ตอ้ งจัดอาคารและพนื้ ที่ โดยรอบให้เปน็ อาณาเขตในรูปแบบ Sandbox ในโรงเรียน ดังน้ี - Screening Zone จัดพื้นที่หรือบริเวณให้เป็นจุดคัดกรอง (Screening Zone) ทีเ่ หมาะสม จดั จุดรับ - สง่ สิ่งของ จุดรบั - สง่ อาหาร หรือจุดเสยี่ งอน่ื เป็นการจำแนกนักเรียน ครู บุคลากร ผู้ปกครอง และผู้มาติดต่อที่เข้ามาในโรงเรียน ไม่ให้ใกล้ชิดกับบุคคลในโซนอื่น รวมถึงจัดให้มีพื้นท่ี ปฏิบตั ิงานเฉพาะบุคลากรที่ไม่สามารถเข้าปฏิบตั งิ านในโซนอนื่ ได้ - Quarantine Zone จัดพื้นที่หรือบริเวณให้เป็นจุดกักกัน และสังเกต อาการ สำหรบั นกั เรียน ครู และบุคลากรท่ียงั ต้องสงั เกตอาการ เน้นการจดั กจิ กรรมแบบ Small Bubble - Safety Zone จัดเป็นพื้นที่ปลอดเชื้อ ปลอดภัย สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรท่ปี ฏิบัตภิ ารกจิ กจิ กรรมแบบปลอดภยั ๓.๑.๔) โรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทไป - กลับ ตอ้ งควบคมุ ดูแลการเดินทาง ระหวา่ งบ้านกบั โรงเรียนอยา่ งเขม้ ข้น โดยหลกี เล่ียงการเขา้ ไปสัมผสั ในพื้นท่ตี า่ ง ๆ ตลอดเสน้ ทางการเดินทาง ๓.๑.๕) โรงเรยี นหรือสถานศึกษา ประเภทไป - กลับ ต้องจัดพน้ื ท่ีหรือบริเวณ ให้เป็นจุดคัดกรอง (Screening Zone) ที่เหมาะสม จัดจุดรับ - ส่งสิ่งของ จุดรับ - ส่งอาหาร หรือจุดเสี่ยงอื่น เปน็ การจำแนกนกั เรยี น ครู บคุ ลากร ผูป้ กครอง และผมู้ าตดิ ต่อทเี่ ขา้ มาในโรงเรยี น

๒๖ ๓.๑.๖) ต้องมีระบบและแผนรบั การติดตามประเมนิ ความพร้อม โดยทีมตรวจ ราชการ บูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับกระทรวงสาธารณสุข ทั้งช่วงก่อน และระหว่าง ดำเนินการ ๓.๒) นกั เรียน ครู และบุคลากร ต้องปฏบิ ตั ิ ได้แก่ ๓.๒.๑) ครูและบุคลากร ตอ้ งไดร้ บั การฉีดวัคซนี ครบโดส (๒ เขม็ ) ตั้งแต่ รอ้ ยละ ๘๕ ขนึ้ ไป ๓.๒.๒) นักเรียน ครู และบคุ ลากรในโรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทพักนอน ทุกคนต้องตรวจคดั กรองหาเช้ือด้วยวิธกี ารทีเ่ หมาะสม ก่อนเข้า Quarantine Zone ๓.๒.๓) นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทไป - กลบั มกี ารทำกิจกรรมรว่ มกนั ในรปู แบบ Small Bubble และหลกี เลยี่ งการทำกจิ กรรมข้ามกลุ่มกัน ๓.๓.๔) นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทพักนอน มีการแยกกักตัว สังเกตอาการให้ครบกำหนด ๑๔ วัน ก่อนเข้าสู่ Safety Zone (กรณีย้ายมาจาก State Quarantine ให้พิจารณาลดจำนวนวันกักตัวลงตามความเหมาะสม ๗ - ๑๐ วัน) รวมถึงการทำกิจกรรมในแบบ Small Bubble และหลกี เล่ียงการทำกจิ กรรมขา้ มกลมุ่ กัน ๓.๓.๕) ถ้านักเรียน ครู และบุคลากรมีอาการเข้าข่าย (Inclusion Criteria) กับการติดเชื้อโควิด 19 หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง ให้ดำเนินการตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซนี ตามเกณฑ์พรอ้ มทั้งรายงานผลการตรวจกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ทันที และปฏิบตั ติ ามแผนเผชญิ เหตกุ รณมี ผี ลตรวจเป็นบวก ๔) องค์ประกอบด้านการดำเนินการของโรงเรียนหรอื สถานศึกษา ระหว่างภาคการศึกษา ต้องดำเนินการ ดังนี้ ๔.๑) โรงเรียนหรือสถานศึกษาสามารถจดั การเรียนการสอนได้ ทัง้ รูปแบบ On-Site หรอื Online หรือแบบผสมผสาน (Hybrid) ๔.๒) นักเรียน ครู และบุคลากร ทุกคนต้องประเมิน Thai Save Thai (TST) ตามเกณฑ์ จำแนกตามเขตพื้นที่การแพร่ระบาด นักเรียน ครู และบุคลากรที่อยู่ในพื้นที่ต้องประเมิน Thai Save Thai (TST) อย่างต่อเนื่องตามเกณฑจ์ ำแนกตามเขตพ้นื ท่ีการแพรร่ ะบาด ๔.๓) นักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษามีการสุ่มตรวจคัดกรองหาเชื้อเป็นระยะ ด้วยวิธีการทเี่ หมาะสม ตามแนวทางของคณะกรรมการควบคุมโรคระดับจังหวัดกำหนดเพ่ือเฝ้าระวงั ตามเกณฑ์ จำแนกตามเขตพ้ืนทก่ี ารแพร่ระบาด ๔.๔) ปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น ได้แก่ ๖ มาตรการหลัก (DMHT-RC) และ ๖ มาตรการเสรมิ (SSET-CQ) ๔.๕) ปฏบิ ัตติ ามแนวทางมาตรการเขม้ สำหรบั สถานศกึ ษาอยา่ งเคร่งครัด ดังนี้

๒๗ ๔.๕.๑) สถานศึกษาประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน TSC+ และรายงานการ ติดตามการประเมนิ ผลผา่ น MOE Covid โดยถอื ปฏบิ ตั อิ ยา่ งเข้มขน้ ตอ่ เนือ่ ง ๔.๕.๒) ทำกิจกรรมร่วมกันในรปู แบบ Small Bubble หลกี เล่ยี งการทำกจิ กรรม ข้ามกลุ่มกัน และจัดนักเรียนในห้องเรียนขนาดปกติ (๘ x ๘ เมตร) ไม่เกิน ๔๒ คน หรือจัดให้เว้นระยะห่าง ระหว่างนักเรียนในห้องเรียนไม่น้อยกว่า ๑ เมตร พิจารณาตามความเหมาะสมโดยคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัด ๔.๕.๓) จัดระบบการให้บริการอาหารสำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรใน สถานศึกษาตามหลักมาตรฐานสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ อาทิ การจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งอาหาร การปรุงประกอบอาหาร หรือการสั่งซื้ออาหารตามระบบนำส่งอาหาร (Delivery) ที่ถูกสุขลักษณะและต้องมี ระบบตรวจสอบทางโภชนาการก่อนนำมาบริโภค ๔.๕.๔) จัดการดา้ นอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ไดต้ ามแนวปฏบิ ัติด้านอนามัยส่งิ แวดล้อม ในการป้องกันโรคโควิด 19 ในสถานศึกษา ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาด คณุ ภาพน้ำอปุ โภคบรโิ ภค และการจัดการขยะ ๔.๕.๕) จัดให้มีสถานที่แยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) หรือพื้นที่ แยกกักตัวชั่วคราว รวมไปถึงแผนเผชิญเหตุสำหรับรองรับการดูแลรักษาเบื้องต้นกรณีนักเรียน ครู หรือ บุคลากรในสถานศึกษามีการติดเชื้อโควิด 19 หรือผลตรวจคัดกรองหาเชื้อเป็นบวก โดยมีการซักซ้อมอย่าง เคร่งครัด ๔.๕.๖) ควบคุมดูแลการเดินทางกรณีมีการเข้าและออกจากสถานศึกษา (Seal Route) อยา่ งเขม้ ขน้ โดยหลีกเล่ยี งการเข้าไปสมั ผัสในพืน้ ทตี่ ่าง ๆ ตลอดเส้นทางการเดนิ ทาง ๔.๖) นักเรียน ครู และบุคลากร ที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เขียนบันทึก Timeline กิจกรรมประจำวันและการเดนิ ทางเขา้ ไปในสถานทีต่ ่าง ๆ แต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ ๔.๗) ปฏิบัติตามแนวทาง ๗ มาตรการเข้มงวดสำหรับสถานศึกษาประเภทไป - กลับ อย่างเคร่งครดั ดงั น้ี ๔.๗.๑) สถานศึกษาประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน TSC+ และรายงานการ ติดตามการประเมินผลผา่ น MOE Covid โดยถอื ปฏิบตั อิ ย่างเข้มขน้ ต่อเนื่อง ๔.๗.๒) ทำกจิ กรรมรว่ มกนั ในรปู แบบ Small Bubble หลีกเลี่ยงการทำกจิ กรรม ข้ามกลุ่มกัน และจัดนักเรียนในห้องเรียนขนาดปกติ (๘ x ๘ เมตร) ไม่เกิน ๔๒ คน หรือจัดให้เว้นระยะห่าง ระหว่างนักเรียนในห้องเรียนไม่น้อยกว่า ๑ เมตร พิจารณาตามความเหมาะสมโดยคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัด ๔.๗.๓) จัดระบบการใหบ้ ริการอาหารสำหรับนักเรียน ครู และบคุ ลากรในสถานศึกษา ตามหลักมาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร และหลักโภชนาการ อาทิ การจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งอาหาร

๒๘ การปรุงประกอบอาหาร หรือการสั่งซื้ออาหารตามระบบนำส่งอาหาร (Delivery) ที่ถูกสุขลักษณะ และต้องมี ระบบตรวจสอบทางโภชนาการก่อนนำมาบรโิ ภค ๔.๗.๔) จัดการดา้ นอนามัยสง่ิ แวดล้อมให้ได้ตามแนวปฏิบตั ดิ ้านอนามัยส่ิงแวดล้อม ในการป้องกันโรคโควิด 19 ในสถานศึกษา ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาด คุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และการจัดการขยะ ๔.๗.๕) จัดให้มีสถานที่แยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) หรือพื้นท่ี แยกกักชั่วคราว รวมไปถึงแผนเผชิญเหตุสำหรับรองรับการดูแลรักษาเบื้องต้นกรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากร ในสถานศึกษามีการติดเชื้อโควิด 19 หรือผลตรวจคัดกรองหาเชื้อเป็นบวก โดยมีการซักซ้อมอย่างเคร่งครัด โดยมคี วามรว่ มมือกับสถานพยาบาลเครอื ข่ายในพ้นื ทที่ ่ดี แู ลอยา่ งใกลช้ ิด ๔.๗.๖) ควบคุมดูแลการเดินทางเข้าและออกจากสถานศึกษา (Seal Route) อย่าง เข้มข้น โดยหลกี เลี่ยงการเข้าไปสัมผัสในพ้ืนที่ต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการเดินทางจากบ้านไป - กลับโรงเรียน ทั้ง กรณรี ถรบั - ส่งนกั เรียน รถส่วนบคุ คล และพาหนะโดยสารสาธารณะ ๔.๗.๗) ให้จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล ผลการประเมิน TST ผลตรวจคัดกรองหาเชื้อ ตามแนวทางคณะกรรมการควบคุมโรค ระดบั พ้นื ท่ี และประวตั กิ ารรับวัคซีน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสขุ ๔.๘) กำหนดให้สถานประกอบกิจการ กิจกรรม ที่อยู่รอบรั้วสถานศึกษาให้ผ่านการ ประเมิน Thai Stop Covid Plus (TSC+) Covid Free Setting โดยให้มีการกำกับร่วมกับคณะกรรมการ โรคตดิ ตอ่ ระดบั พน้ื ท่ี ๒.๕.๒ มาตรการ Sandbox : Safety Zone in School สำหรบั โรงเรียนหรือสถานศึกษาอ่ืน สถานศึกษาดำเนินการตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิด โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาตามข้อกำหนดตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๔) ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ กำหนดมาตรการ Sandbox : Safety Zone in School โดยจำแนกประเภทของสถานศึกษา ๒ ประเภท ได้แก่ ประเภทพักนอน และ ประเภทไป - กลับเท่านั้น เนื่องจากโรงเรียนหรือสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีประเภทโรงเรียน หรือสถานศึกษาท่มี ีลักษณะท่ีแตกตา่ ง เชน่ ๑) ประเภทพักนอนและไป - กลบั ๒) ขนาดโรงเรียน หรอื สถานศกึ ษา ขนาดเลก็ ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ๓) ระดบั การจัดการเรยี นการสอน ระดับประถมศึกษา ระดับมธั ยมศึกษา ๔) สถานศึกษาที่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาได้รบั การฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้รบั การฉีดวัคซนี หรือไดร้ ับการฉีดวคั ซีนบางสว่ น ๕) โรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษา ลักษณะอ่นื ๆ โรงเรียนหรอื สถานศกึ ษา ต้องดำเนนิ การ ดังนี้

๒๙ ๑) ต้องปฏิบัติตามมาตรการ Sandbox : Safety Zone in School ที่กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศกึ ษาธกิ ารกำหนดอย่างเคร่งครัด ครบทัง้ ๔ องคป์ ระกอบ ๒) กรณีโรงเรียนหรือสถานศึกษาเป็นประเภทพักนอนและไป-กลับ ต้องนำมาตรการ Sandbox : Safety Zone in School มาบูรณาการในการปฏิบัติระหว่างประเภทพักนอน และประเภทไป - กลับ อยา่ งเครง่ ครัด หมายเหตุ มาตรการและแนวทางปรบั ตามสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค ขึ้นอยกู่ ับคณะกรรมการ ควบคุมโรคจังหวัด หรอื คณะกรรมการโรคติดตอ่ กรุงเทพมหานครกำหนด ๒.๖ บทบาทของผเู้ กี่ยวขอ้ งในชว่ งเตรียมการกอ่ นเปิดภาคเรยี น ในชว่ งเตรยี มการก่อนเปดิ ภาคเรียน การปฏิบัติตนของนกั เรยี น ผู้ปกครอง ครแู ละบุคลากรทางการ ศึกษา และผู้เกยี่ วข้องทุกคนในสถานศกึ ษามีความสำคัญอย่างมากในการป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อโรคโควิด 19 จึงควรมบี ทบาทในการปฏิบตั ติ นเปน็ เบอ้ื งตน้ ดังน้ี ๒.๖.๑ บทบาทของผู้เก่ียวข้องในการรณรงคก์ ารฉดี วัคซีนโควิด 19 - บทบาทของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๑) กำหนดนโยบายในการส่งเสริมและรณรงค์การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ให้แก่ นกั เรียน ๒) กำกับ ติดตามผลการดำเนินงานตามแนวทางการรณรงค์การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 - บทบาทของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ๑) รวบรวมฐานข้อมูลนักเรียนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 จัดทำแนวทางการรณรงค์การฉีด วคั ซีนโควิด 19 ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ของโรงเรียนในสังกัด ๒) จัดทำส่ือประชาสัมพันธร์ ณรงค์การฉดี วัคซีนโควิด 19 ในรูปแบบอินโฟกราฟิก ส่ือวดิ ทิ ัศนแ์ ละสอื่ อื่น ๆ - บทบาทของเขตตรวจราชการ ประสานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อจัดทำฐานข้อมูลนักเรียนที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 และกำกับติดตามหลังจากการรณรงคก์ ารฉดี วัคซนี โควิด 19 - บทบาทของสำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา ๑) ตรวจสอบขอ้ มูลการรายงานฐานข้อมูลนักเรยี นท่ีฉดี วคั ซีนโควิด 19 จากการรายงาน ในระบบ E - COVID - 19 Report ของโรงเรยี นในสงั กดั ๒) ดำเนินการประชาสัมพันธ์แนวทางการรณรงค์การฉีดวคั ซีนโควดิ 19 ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ๓) เผยแพร่ส่ือประชาสมั พนั ธ์ ในรูปแบบอินโฟกราฟิก สื่อวิดทิ ศั น์และส่ืออนื่ ๆ - บทบาทของโรงเรียน ๑) ตรวจสอบฐานข้อมลู นักเรียนทฉ่ี ีดวคั ซนี โควิด 19 จากระบบ E-COVID - 19 Report

๓๐ ๒) จัดให้มีการประชุมสร้างความเข้าใจสร้างความตระหนักแก่ครู บุคลากร ผู้ปกครอง ในการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้นกั เรยี นฉีดวคั ซีนโควดิ 19 ๓) เผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบอินโฟกราฟิก สื่อวิดิทัศน์และสื่ออื่น ๆ ให้แก่ ผ้ปู กครองและนกั เรยี น ๔) รายงานขอ้ มูลแกต่ ้นสังกดั เป็นระยะ - บทบาทของผู้ปกครอง ๑) ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด 19 จากสื่อประชาสัมพันธ์และจาก แหล่งข้อมูลทีน่ า่ เชื่อถือ ๒) นำนกั เรียนเขา้ รบั การฉดี วัคซีนตามสถานพยาบาลตา่ ง ๆ ๓) ส่งเสริมและปลูกฝังวัฒนธรรมการป้องกันตนเองจากโรคโควิด 19 แก่บุตรหลาน อยา่ งตอ่ เน่อื ง ๒.๖.๒ บทบาทของผ้เู กยี่ วข้องในการเตรยี มการก่อนเปิดเรยี น - บทบาทของนักเรียน ๑) ฉดี วคั ซีนครบโดส (๒ เขม็ ) และเร่งรัดการฉีดวัคซนี เข็มกระต้นุ ๒) ปฏบิ ัติเข้มตามมาตรการ DMHTTA และ SSET – CQ รายละเอยี ดดังน้ี DMHTTA ได้แก่ D : Distancing รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล อยา่ งน้อย ๑ - ๒ เมตร M : Mask wearing สวมหนา้ กากอนามยั หรือหนา้ กากผ้าทกุ คร้งั ท่อี อกจากบ้าน H : Hand washing ลา้ งมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำสบู่และน้ำนาน ๒๐ วนิ าที หรือเจลแอลกอฮอล์ T : Testing temperature ตรวจวดั อณุ หภูมิรา่ งกาย T : Test for COVID-19 สำหรบั ผทู้ ี่มีอาการ หรอื มปี ระวัติสัมผัสใกล้ชิดผปู้ ว่ ยยืนยนั หรือเดนิ ทางเข้าไปในพืน้ ทเี่ ส่ียง A : Application สแกนแอปพลเิ คชันไทยชนะหรอื หมอชนะ SSET – CQ ไดแ้ ก่ S : Self care ดูแลตนเอง ดแู ลใส่ใจ ปฏิบตั ิตน มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบตวั เอง ปฏบิ ตั ิตาม มาตรการอยา่ งเคร่งครัด S : Spoon ใช้ชอ้ นกลางสว่ นตวั ใช้ช้อนกลางของตนเองทุกครงั้ เมื่อต้องกินอาหาร ร่วมกนั ลดสัมผัสร่วมกับผอู้ น่ื E : Eating กนิ อาหารปรงุ สุกใหม่ กินอาหารปรุงสุกใหม่ร้อนๆ กรณอี าหารเกบ็ เกิน ๒ ชม. ควรนำมาอุ่นใหร้ ้อนท่วั ถึง กอ่ นกนิ อีกคร้ัง T : Track ลงทะเบียนบนั ทึกการเข้า-ออกอยา่ งชดั เจน

๓๑ C : Check สำรวจตรวจสอบ สำรวจบุคคล นกั เรียน กล่มุ เสี่ยงทเ่ี ดินทางมาจาก พื้นทีเ่ สี่ยงเพอ่ื เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง Q : Quarantine กักกันตัวเอง กักกันตัวเอง ๑๐ วนั เมอื่ เข้าไปสัมผสั หรอื อยูใ่ นพ้ืนท่ีเสย่ี ง ทมี่ กี ารระบาดโรค ๓) ประเมนิ ไทยเซฟไทย (TST) ทุกคนในห้องเรียน และผู้สัมผัสใกลช้ ิดทกุ วัน ๔) ผู้ท่ีมีอาการเข้าข่าย (Inclusion Criteria) กับการติดเชื้อโควิด 19 หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง ใหด้ ำเนนิ การตรวจคัดกรองหาเชื้อดว้ ยวิธที เ่ี หมาะสมก่อนเขา้ สู่ Safety Zone หรอื มาเรยี น On-Site ๕) กรณี High Risk Contact : - ถา้ มีอาการป่วยรว่ มด้วย ตอ้ งส่งต่อรบั การรักษาโรงพยาบาลหลกั (Hospital) - ถ้าไมม่ อี าการปว่ ยรว่ มด้วย เข้ารบั การรกั ษาโรงพยาบาลสนาม (Hospitel) หรอื หอ้ ง แยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) ๖) ปฏิบัติเข้มตามมาตรการยกระดับป้องกนั Universal Prevention (UP) ทงั้ ท่ีบา้ นและ โรงเรยี น ๗) นกั เรยี นเตรยี มอุปกรณ์การเรียน เคร่อื งใชส้ ว่ นตัวและอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเรียน ใหค้ รบถว้ น ๘) ติดตามข้อมลู ข่าวสารสถานการณ์การแพรร่ ะบาด ป้องกันตนเองและลดความเสี่ยงโดย เลือกบรโิ ภคข้อมลู ข่าวสารสารสนเทศที่เช่อื ถอื ได้ - บทบาทของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ๑) ฉีดวัคซนี ครบโดส (๒ เข็ม) และเร่งรัดการฉีดวัคซนี เข็มกระตุ้น ๒) ปฏบิ ตั เิ ขม้ ตามมาตรการ DMHTTA และ SSET – CQ ๓) ประเมนิ ไทยเซฟไทย (TST) ทุกคนในห้องเรียน และผู้สัมผัสใกล้ชดิ ทกุ วัน ๔) ผู้ที่มีอาการเข้าข่าย (Inclusion Criteria) กับการติดเชื้อโควิด 19 หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงสงู ใหด้ ำเนนิ การตรวจคัดกรองหาเชอ้ื ด้วยวิธที เี่ หมาะสมก่อนเข้าสู่ Safety Zone หรอื มาเรียน On-Site ๕) กรณี High Risk Contact : - ถ้ามีอาการป่วยร่วมด้วย ตอ้ งส่งต่อรบั การรกั ษาโรงพยาบาลหลัก (Hospital) - ถ้าไมม่ ีอาการปว่ ยรว่ มดว้ ย เขา้ รบั การรักษาโรงพยาบาลสนาม (Hospital) หรอื หอ้ งแยกกกั ตวั ในโรงเรียน (School Isolation) ๖) ปฏิบัตเิ ข้มตามมาตรการยกระดับป้องกัน Universal Prevention (UP) ทัง้ ทบี่ า้ น และโรงเรยี น ๗) ประชุมชแี้ จงผูป้ กครองนักเรยี น ผ่าน Online ๘) จัดหาส่ือสารประชาสัมพันธใ์ นการป้องกนั และลดความเสี่ยงใหแ้ ก่นกั เรียน ๙) รณรงค์ กำกับและติดตามการไดร้ บั วคั ซนี ของนกั เรียนและผูป้ กครองนกั เรียน

๓๒ - บทบาทผบู้ ริหารสถานศึกษา ๑) จดั ใหม้ ีการประชุมหารอื ร่วมกนั ในหลายรปู แบบ เชน่ การประชุม Online การเขา้ มา ประชุมรว่ มกันจรงิ ๆ (face-to-face meeting) ๒) ประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ในโรงเรยี น ๓) แตง่ ตง้ั คณะทำงานดำเนินการควบคมุ ดูแลและป้องกนั การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ๔) ประเมินความพร้อมผ่าน Thai stop Covid Plus (TSC+) และรายงานการติดตาม การประเมินผลผ่าน MOE Covid ๕) ทบทวน ปรบั ปรุง ซกั ซ้อมปฏบิ ัตติ ามแผนเผชญิ เหตขุ องโรงเรียน ๖) จดั ใหม้ ีการสื่อสารประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ๗) สนับสนนุ ให้นักเรียน ครแู ละบุคลากรไดร้ บั วัคซนี ครบโดสและเข็มกระตุ้น ๘) สนบั สนุนให้มีการตรวจคัดกรอง Antigen Test Kit (ATK) ตามมาตรการของภาครัฐ ๙) สนับสนุน ส่งเสริม ให้นักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษาและผู้ปกครองประเมิน ตนเองผ่าน Thai Save Thai (TST) ๑๐) สื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจ เพ่ือลดการรังเกียจ และลดการตีตราทางสงั คม ๑๑) กำหนดมาตรการคัดกรองสขุ ภาพทุกคน บริเวณจุดแรกก่อนเข้ามาในโรงเรยี น ๑๒) ควบคุม กำกบั ติดตาม ตรวจสอบ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการ กอ่ นเปิดภาคเรียนอย่างเคร่งครัด - บทบาทสถานศึกษา ๑) รณรงค์การฉีดวัคซีนครบโดส (๒ เข็ม) และวัคซีนเข็มกระตุ้นตามความสมคั รใจ ๒) พิจารณาการเปดิ เรยี น On-Site โดยปฏบิ ตั ิตามมาตรการทุกมติ ิอย่างเข้มขน้ ๓) ทบทวนและฝกึ ซ้อมตามแผนเผชญิ เหตุ ๔) เตรียมอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกให้นักเรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ครบถ้วนตามเกณฑ์การประเมิน TSC+ เชน่ จดุ ล้างมือ เครอื่ งวัดอุณหภูมิ ห้องแยก กกั ตวั ในโรงเรยี น (School Isolation) ชดุ ตรวจ ATK เป็นตน้ ใหพ้ ร้อมใช้ ปลอดภัยและครบถ้วน ๕) จดั เตรียมอาคารและพ้ืนท่โี ดยรอบใหเ้ ป็นอาณาเขตในรปู แบบ Sandbox ในโรงเรียน เชน่ Screening Zone Quarantine Zone และ Safety Zone เปน็ ต้น ๖) ควบคุม กำกับดูแลการเดนิ ทางกรณีมีการเข้าและออกจากสถานศึกษา (Seal Route) อยา่ งเข้มข้น

๓๓ ๗) จัดเตรยี ม ตรวจสอบพน้ื ที่หรือบรเิ วณใหเ้ ปน็ จดุ คัดกรอง (Screening Zone) จุดรบั - สง่ นกั เรียน และสิ่งของอ่ืน ๆ ๘) ปฏิบัตติ ามมาตรการตัดความเส่ยี ง สร้างภมู คิ มุ้ กันด้วย 3T1V (TSC+, TST, Test ATK and Vaccine) - บทบาทผูป้ กครอง ๑) ฉีดวคั ซีนครบโดส (๒ เขม็ ) และเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระต้นุ ๒) ติดตามข้อมูลข่าวสารสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด ๓) ประเมินความเส่ียงของตนเอง บุตรหลานและคนในครอบครวั ผา่ น Thai Save Thai ๔) จัดหาของใช้ส่วนตัวให้นักเรียนอย่างเพยี งพอในแตล่ ะวัน ๕) จดั หาสบูห่ รอื เจลแอลกอฮอล์ และกำกบั ดูแลบตุ รหลานใหล้ า้ งมือบ่อย ๆ ๖) ดแู ลสขุ ภาพ หมน่ั สงั เกตอาการผิดปกตขิ องบุตรหลานอย่างสมำ่ เสมอ ถ้ามคี วามเสย่ี ง ควรตรวจ ATK ๗) หลีกเล่ยี งการพาบุตรหลานไปในสถานทเี่ สย่ี งต่อการตดิ เช้ือ ๘) กรณบี ุตรหลานเดินทางมาเรยี น On-Site โดยรถโรงเรียน รถตู้ หรอื รถอ่นื ๆ ให้ขอ ความร่วมมอื กับคนขบั รถใหป้ ฏิบัติตามมาตรการอย่างเครง่ ครดั

๓๔ ส่วนท่ี ๓ แนวปฏบิ ัติระหวา่ งเปิดภาคเรยี น

สว่ นท่ี ๓ แนวปฏบิ ตั ิระหวา่ งเปดิ ภาคเรยี น ในระหว่างเปิดเรียนสถานศึกษาต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้ครอบคลุมทุกมิติอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยคำนึงถงึ ความปลอดภัยของนักเรียน ครแู ละบุคลากรในสถานศึกษาเปน็ สำคญั เป็น ๒ กรณี ดงั นี้ ๑. แนวปฏิบตั ริ ะหวา่ งเปิดภาคเรียน ด้านความปลอดภัย ๔ กลุม่ ภัย แนวปฏิบัติระหว่างเปิดภาคเรียนตามมาตรการความปลอดภัย สถานศึกษา ใช้หลัก ๓ ป ได้แก่ การปอ้ งกัน ปลกู ฝัง และปราบปราม โดยมรี ายละเอยี ด แนวทางการปฏบิ ัตดิ ังน้ี ๑.๑ ภัยทีเ่ กิดจากการใชค้ วามรนุ แรงของมนุษย์ (Violence) มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ ๑. การลว่ ง การป้องกนั ละเมิดทางเพศ ๑. สำรวจนกั เรียนกล่มุ เสีย่ งและพน้ื ท่ีทเี่ ปน็ จุดเสยี่ ง ๒. เฝา้ ระวงั สงั เกตพฤติกรรมนักเรียน และพัฒนาพืน้ ทีเ่ ส่ยี งให้ปลอดภัย ๓. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝ้าระวังท้งั ในสถานศึกษาและชมุ ชน ๔. จัดระบบการสือ่ สารเพ่อื รบั ส่งข้อมลู ด้านพฤติกรรมนกั เรยี นทั้งในสถานศึกษา และชมุ ชน การปลูกฝัง ๑. จัดกิจกรรมสง่ เสริมความตระหนกั รู้และเห็นคุณคา่ ในตนเอง ๒. จดั กิจกรรมพฒั นาทกั ษะชวี ิต ๓. ฝกึ ทกั ษะการปฏิเสธ และการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ การปราบปราม ๑. เผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ชอ่ งทางในการขอความชว่ ยเหลือ ๒. แต่งตัง้ คณะทำงานให้ความช่วยเหลอื เร่งดว่ น ที่สามารถให้ ความช่วยเหลือได้ทันเหตุการณ์ ๓. แตง่ ต้ังคณะทำงานด้านกฎหมายเพอ่ื ให้ความชว่ ยเหลอื ๔. ประสานภาคีเครอื ข่ายเพื่อการส่งตอ่ ที่เหมาะสม

๓๖ มาตรการ แนวทางการปฏิบตั ิ ๒. การทะเลาะ การปอ้ งกัน ววิ าท ๑. จดั ทำระเบียบในการประพฤติปฏิบตั ิตนในสถานศกึ ษา ๒. ประชุมชแ้ี จงทำความเขา้ ใจในการปฏิบตั ิตามระเบียบ ๓. เฝา้ ระวงั สงั เกตพฤติกรรมทั้งในระดบั ชน้ั เรียน สถานศึกษา และชุมชน ๔. สรา้ งเครอื ข่ายเฝ้าระวังในสถานศึกษาและชมุ ชน ๕. จัดระบบตดิ ตอ่ สอ่ื สารเพอื่ ตดิ ตามพฤตกิ รรมนกั เรยี นอยา่ งต่อเน่ือง การปลกู ฝงั ๑. ให้ความรู้เรื่องการอยู่ร่วมกันในสังคม และผลกระทบที่เกิดจากการทะเลาะ วิวาท ๒. จัดกิจกรรมส่งเสรมิ การอยู่รว่ มกันในสงั คม ๓. จดั เวทกี ิจกรรมให้นักเรียนไดแ้ สดงออกตามความสามารถอยา่ งเหมาะสม การปราบปราม ๑. แต่งตง้ั คณะทำงานเพ่ือระงับเหตุทง้ั ในสถานศึกษาและชุมชน ๒. ประสานเครอื ข่ายการมสี ว่ นรว่ มเพอ่ื รว่ มแกป้ ัญหา ๓. ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่เกลี่ยประนีประนอม ตามมาตรการจากเบาไปหาหนกั ๓. การกล่ันแกล้ง การปอ้ งกนั รงั แก ๑. สำรวจนกั เรยี นกลุม่ เสี่ยงทั้งกลุ่มผู้กระทำและผ้ถู กู กระทำ ๒. จดั ทำระเบียบข้อตกลงร่วมกนั ทงั้ ในระดับชัน้ เรยี นและระดบั สถานศกึ ษา ๓. สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้งในสถานศกึ ษาและชุมชน ๔. จัดระบบการสือ่ สารเพอ่ื ตดิ ตามพฤติกรรมนักเรียน การปลกู ฝงั ๑. ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจหลักในการอยู่รว่ มกนั ในสังคม ๒. จดั กจิ กรรมให้นกั เรียนได้ทำรว่ มกนั อย่างตอ่ เนอื่ ง ๓. จัดเวทีให้นักเรยี นได้แสดงออกตามความสามารถอยา่ งเหมาะสม การปราบปราม ๑. แต่งตง้ั คณะทำงานเพื่อระงับเหตุ ทั้งในระดบั ชั้นเรยี น สถานศกึ ษา และชุมชน ๒. ดำเนนิ การเอาโทษตามระเบียบข้อตกลง โดยเน้นการไกลเ่ กลย่ี ประนีประนอม ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ๓. ติดตาม เยยี่ มเยือน ให้กำลงั ใจผถู้ กู กระทำ และสร้างความเข้าใจกบั ผ้กู ระทำ

๓๗ มาตรการ แนวทางการปฏบิ ตั ิ ๔. การชุมนุม การปอ้ งกัน ประทว้ งและการ จลาจล ๑. สำรวจนกั เรยี นกลุม่ เส่ยี ง ๒. เฝา้ ระวงั สังเกตพฤติกรรมนกั เรยี น และพัฒนาพน้ื ทเี่ สี่ยงใหป้ ลอดภัย ๓. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวงั ท้ังในสถานศึกษาและในชุมชน ๔. จดั ระบบการส่ือสารเพ่ือรับสง่ ขอ้ มูลด้านพฤติกรรมนักเรียนท้งั ในสถานศึกษา และชุมชน การปลูกฝงั ๑. สร้างความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั ระเบียบ กฎหมาย สทิ ธแิ ละหน้าท่พี ลเมอื ง ๒. สร้างองค์ความรูค้ วามเขา้ ใจถงึ ผลกระทบท่เี กดิ จากการชุมนมุ ประท้วงและ การจลาจล ๓. จดั กจิ กรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ ๔. จดั กิจกรรมสร้างทศั นคติท่ีถูกตอ้ งร่วมกบั ผปู้ กครอง ชมุ ชน ในโอกาส ที่เหมาะสม การปราบปราม ๑. แต่งตงั้ คณะทำงานเพอ่ื ระงับเหตทุ ้ังในสถานศึกษาและชุมชน ๒. ประสานเครอื ขา่ ยการมีส่วนร่วมเพ่อื ร่วมแก้ปญั หา ๓. ดำเนนิ การตามระเบียบ กฎหมาย โดยเนน้ การไกลเ่ กลย่ี ประนปี ระนอม ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ๕. การกอ่ การป้องกนั วนิ าศกรรม ๑. สำรวจนกั เรียนกล่มุ เสีย่ ง ๒. เฝา้ ระวัง สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี น ๓. สรา้ งเครือขา่ ยเฝา้ ระวังท้ังในสถานศึกษาและในชุมชน ๔. จดั ระบบการส่ือสารเพือ่ รับสง่ ขอ้ มูลดา้ นพฤตกิ รรมนกั เรียนทั้งในสถานศึกษา และชุมชน การปลกู ฝงั ๑. สรา้ งความรู้ความเข้าใจถึงผลกระทบท่เี กิดจากการก่อวินาศกรรม ๒. จัดกจิ กรรมสรา้ งทัศนคตทิ ่ถี ูกตอ้ งรว่ มกบั ผปู้ กครอง ชมุ ชน ในโอกาสที่ เหมาะสม ๓. จัดเวทใี หน้ ักเรียนไดแ้ สดงออกตามความสามารถอยา่ งเหมาะสม

๓๘ มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ การปราบปราม ๑. แต่งตั้งคณะทำงานเพอื่ ระงบั เหตุท้ังในสถานศกึ ษาและชมุ ชน ๒. ประสานเครอื ข่ายการมีสว่ นรว่ ม เพื่อรว่ มแก้ปญั หา ๓. ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่เกลยี่ ประนีประนอม ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ๖. การระเบดิ การปอ้ งกนั ๑. สำรวจนักเรียนกล่มุ เสีย่ ง ๒. สำรวจข้อมูลแหลง่ ท่ีมาของวตั ถุประกอบระเบิด ๓. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวังท้งั ในสถานศึกษาและชุมชน ๔. จดั ระบบตดิ ต่อส่ือสารเพือ่ ตดิ ตามพฤติกรรมนักเรยี น การปลูกฝงั ๑. สร้างความรู้ความเขา้ ใจถึงผลกระทบทเี่ กดิ จากการใชร้ ะเบิด ๒. จดั กจิ กรรมสร้างทัศนคติท่ถี ูกต้องร่วมกับผปู้ กครอง ชุมชน ในโอกาสทเ่ี หมาะสม ๓. จดั เวทีใหน้ ักเรยี นได้แสดงออกตามความสามารถอย่างเหมาะสม การปราบปราม ๑. แตง่ ตั้งคณะทำงานเพือ่ ระงบั เหตทุ ั้งในสถานศึกษาและชุมชน ๒. ประสานเครือขา่ ยการมีสว่ นรว่ ม เพือ่ ร่วมแก้ปัญหา ๓. ดำเนนิ การตามระเบียบ กฎหมาย โดยเนน้ การไกลเ่ กลย่ี ประนีประนอม ตาม มาตรการจากเบาไปหาหนกั ๗. สารเคมแี ละ การปอ้ งกนั วตั ถอุ นั ตราย ๑. จดั ทำมาตรการและแนวปฏบิ ัตใิ นการดำเนนิ การ ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี และวตั ถุอันตราย ๒. จดั สถานท่ีในการจัดเกบ็ สารเคมีและวัตถุอนั ตรายให้มดิ ชิด ๓. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝ้าระวังการใช้สารเคมแี ละวตั ถุอันตรายทงั้ ในสถานศึกษาและ ชุมชน การปลกู ฝงั ๑. สร้างความรคู้ วามเข้าใจถงึ ผลกระทบทีเ่ กิดจากการใชส้ ารเคมีและวัตถุอันตราย ๒. จัดกิจกรรมส่งเสรมิ การนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปใชใ้ นการ ดำเนนิ ชีวติ

๓๙ มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ ๓. จดั กิจกรรมให้นกั เรยี นไดเ้ รยี นรหู้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในสถานท่ี จริงในพน้ื ท่ี การปราบปราม ๑. ตดิ ตอ่ ประสานงานเครอื ขา่ ยการมสี ว่ นร่วมเพื่อรว่ มแกป้ ัญหา ๒. ดำเนนิ การตามมาตรการและข้อตกลงท่ีกำหนดรว่ มกัน ๘. การล่อลวง การป้องกัน ลกั พาตวั ๑. สรา้ งเครือขา่ ยเฝ้าระวงั ทั้งในสถานศึกษาและชุมชน ๒. จัดระบบการติดตอ่ ส่ือสารเพื่อรบั สง่ ข้อมูลพฤติกรรมนกั เรยี น ผู้ใกล้ชดิ และ บคุ คลภายนอก ๓. จัดทำข้อมูลชอ่ งทางขอความชว่ ยเหลือเผยแพร่ ประชาสมั พันธใ์ หน้ กั เรยี น และชมุ ชน การปลูกฝัง ๑. การจดั กจิ กรรมส่งเสริมความตระหนักรแู้ ละเห็นคุณคา่ ในตนเอง ๒. จัดกิจกรรมพฒั นาทักษะชีวิตอย่างรอบด้าน ๓. ฝึกทกั ษะการปฏิเสธ และการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ การปราบปราม ๑. แตง่ ตงั้ คณะทำงานใหค้ วามชว่ ยเหลือเรง่ ด่วน ทส่ี ามารถใหค้ วามช่วยเหลอื ได้ทนั เหตุการณ์ ๒. แตง่ ตัง้ คณะทำงานด้านกฎหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือ ๓. ประสานภาคเี ครือข่ายเพื่อร่วมแก้ปัญหา ๑.๒ ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ (Accident) มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ ๑. ภัยธรรมชาติ การปอ้ งกนั ๑. สำรวจข้อมูลความเส่ียงทเ่ี กิดจากภัยธรรมชาติ ๒. จัดทำแผนปอ้ งกันภัยทางธรรมชาติ ๓. จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื ในการป้องกันภยั ธรรมชาติ ๔. ซักซ้อมการเผชิญเหตภุ ยั ธรรมชาติ

๔๐ มาตรการ แนวทางการปฏบิ ตั ิ การปลูกฝัง ๑. สร้างความรู้ความเข้าใจถึงปญั หาและผลกระทบที่เกิดจากธรรมชาตริ ูปแบบ ตา่ ง ๆ ๒. จัดกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะการเผชิญปัญหาภัยธรรมชาติ ๓. จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ การอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม การปราบปราม ๑. แตง่ ต้ังคณะทำงานให้ความชว่ ยเหลือเร่งด่วน ที่สามารถใหค้ วามชว่ ยเหลอื ได้ ทนั เหตกุ ารณ์ ๒. ติดตอ่ ส่อื สารเครือข่ายการมีสว่ นร่วม เพ่ือรว่ มให้ความชว่ ยเหลอื และแก้ปัญหา ๓. ประสานงานหน่วยงาน องค์กร เพ่ือให้ความชว่ ยเหลือ เยียวยาและฟืน้ ฟูจิตใจ ๒. ภยั จากอาคาร การปอ้ งกนั เรียน สิง่ ก่อสร้าง ๑. สำรวจสภาพของอาคารเรยี น อาคารประกอบ และสง่ิ ก่อสรา้ ง ๒. ตดิ ปา้ ยสญั ลกั ษณใ์ นอาคาร หรอื พื้นที่ทไี่ มแ่ ข็งแรงและมีความเสี่ยง ๓. ประชาสัมพนั ธ์ให้นกั เรียนหลีกเล่ียงการเขา้ พืน้ ทีเ่ ส่ียงอยา่ งต่อเนื่อง การปลกู ฝัง ๑. สรา้ งความร้คู วามเข้าใจถงึ หลักการสรา้ งความปลอดภยั ในการดำเนนิ ชีวิต ๒. ฝกึ ทักษะการสงั เกตและหลีกเล่ียงพน้ื ทเ่ี สี่ยง ๓. จัดกิจกรรมฝกึ ทกั ษะการเอาตวั รอดเม่ือประสบภยั จากอาคารเรยี น และ ส่งิ กอ่ สรา้ ง การปราบปราม ๑. สร้างเครือขา่ ยการมีสว่ นรว่ มและดำเนินการชว่ ยเหลือและแกป้ ัญหาที่มี ประสิทธิภาพ ๒. ประสานงานหนว่ ยงานภาครัฐ และเอกชน เพือ่ ใหค้ วามช่วยเหลือ ๓. ภัยจาก การป้องกัน ยานพาหนะ ๑. สำรวจข้อมลู ยานพาหนะในสถานศึกษา ๒. จัดระบบสัญจรในสถานศึกษาสำหรบั ยานพาหนะประเภทตา่ ง ๆ และสำหรับ การเดินเท้า ๓. จดั ทำแผนให้ความช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั จากยานพาหนะ ๔. จัดเตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่อื งมือ เพื่อการช่วยเหลือ

๔๑ มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ ๕. สง่ เสริมสนบั สนนุ การทำประกันภัย ประกนั อบุ ัตเิ หตุ การปลกู ฝัง ๑. จดั กิจกรรมใหค้ วามรู้เร่ืองการใช้รถใชถ้ นนและเคร่ืองหมายจราจร ๒. จัดกิจกรรมฝกึ ทักษะการปฐมพยาบาลเบือ้ งตน้ เมื่อประสบภยั จากยานพาหนะ ๓. จดั กิจกรรมส่งเสรมิ การสร้างจิตสำนึกในการปฏบิ ัตติ ามกฎจราจร การปราบปราม ๑. แต่งตง้ั คณะทำงานใหค้ วามชว่ ยเหลือเรง่ ด่วน ทสี่ ามารถให้ ความชว่ ยเหลือไดท้ ันเหตุการณ์ ๒. ติดต่อสอ่ื สารเครือข่ายการมีส่วนรว่ ม เพื่อร่วมให้ความชว่ ยเหลอื และแกป้ ัญหา ๓. ประสานงานหน่วยงาน องค์กร เพื่อให้ความชว่ ยเหลอื เยยี วยา และฟ้ืนฟจู ิตใจ ๔. ภัยจากการจดั การป้องกนั กจิ กรรม ๑. แตง่ ต้งั คณะทำงานประเมินความเสย่ี งในการจัดกจิ กรรมตา่ ง ๆ ๒. จัดแยกกจิ กรรมตามระดบั ความเสยี่ ง ๓. เสนอแนะแนวทางในการปอ้ งกนั ความเส่ยี งในกจิ กรรมตา่ ง ๆ การปลกู ฝัง ๑. สร้างความรู้ความเขา้ ใจในการปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ ง ๆ ใหป้ ลอดภยั ๒. ฝกึ ทกั ษะการเลือกปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสมกบั ตนเอง ๓. จดั กิจกรรมฝกึ ทกั ษะการใหค้ วามช่วยเหลือเม่ือประสบภัยจาก การปฏิบตั กิ จิ กรรม การปราบปราม ๑. แตง่ ต้ังคณะทำงานใหค้ วามชว่ ยเหลือเร่งดว่ น ที่สามารถใหค้ วามชว่ ยเหลอื ได้ ทนั เหตุการณ์ ๒. ติดต่อส่ือสารเครอื ข่ายการมสี ว่ นรว่ ม เพื่อร่วมให้ความชว่ ยเหลอื และ แกป้ ญั หา ๓. ดำเนนิ การสง่ ตอ่ เพ่ือการช่วยเหลอื ท่ีมีประสิทธิภาพ ๕. ภยั จาก การป้องกัน เครอ่ื งมือ ๑. สำรวจข้อมลู เครื่องมือ อปุ กรณ์ จดั แยกสว่ นท่ีชำรุดและส่วนทีใ่ ช้งานได้ อปุ กรณ์ ๒. จัดทำคู่มือการใช้เครื่องมือ อุปกรณใ์ ห้ปลอดภัย

๔๒ มาตรการ แนวทางการปฏิบตั ิ ๓. ดำเนินการซ่อมแซม บำรงุ รักษาและการจัดเก็บเคร่ืองมือ อุปกรณ์ ให้เปน็ ระบบ การปลูกฝงั ๑. จัดกจิ กรรมสรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ หลักการใช้เครื่องมือ อปุ กรณ์ ให้ปลอดภัย ๒. ฝึกทักษะการใช้ การบำรุงรักษา การจดั เก็บเคร่อื งมอื อปุ กรณ์ ๓. จดั กจิ กรรมสรา้ งจติ สำนกึ ในคุณคา่ ของเครอื่ งมือ อปุ กรณ์ การปราบปราม ๑. แต่งต้งั คณะทำงานให้ความชว่ ยเหลอื เรง่ ดว่ น ทีส่ ามารถให้ ความช่วยเหลอื ได้ทันเหตุการณ์ ๒. ประสานเครือข่ายความร่วมมอื เพื่อใหค้ วามช่วยเหลอื ๓. ดำเนนิ การสง่ ต่อเพ่ือการช่วยเหลือทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ ๑.๓ ภยั ทเ่ี กิดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ (Right) มาตรการ แนวทางการปฏิบตั ิ ๑. การถูกปล่อยปละ การปอ้ งกนั ละเลย ทอดทิ้ง ๑. สร้างเครือขา่ ยเฝ้าระวงั ทงั้ ในสถานศึกษาและชุมชน ๒. จดั ระบบการติดตอ่ ส่ือสารเพื่อรับส่งข้อมูลพฤติกรรมนกั เรยี น และ ผใู้ กล้ชดิ ๓. จัดทำข้อมลู ชอ่ งทางขอความชว่ ยเหลือเผยแพร่ ประชาสมั พันธ์ให้ นกั เรยี นและชุมชน การปลกู ฝงั ๑. จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ ความตระหนกั ร้แู ละเห็นคุณค่าในตนเอง ๒. จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวติ อย่างรอบดา้ น ๓. ฝึกทกั ษะการปฏเิ สธการเอาตวั รอด และการขอความชว่ ยเหลือ การปราบปราม ๑. แต่งตัง้ คณะทำงานใหค้ วามชว่ ยเหลือเรง่ ดว่ น ที่สามารถให้ ความชว่ ยเหลอื ไดท้ ันเหตุการณ์ ๒. แต่งตั้งคณะทำงานใหค้ วามชว่ ยเหลือดา้ นกฎหมาย ๓. ประสานภาคีเครือข่ายเพื่อร่วมแกป้ ัญหา ๔. ตดิ ตามเย่ยี มเยือนให้กำลงั ใจอย่างสม่ำเสมอ

๔๓ มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ ๒. การคุกคาม การป้องกนั ทางเพศ ๑. สำรวจนกั เรยี นกลุ่มเสย่ี งและพ้ืนทีเ่ ป็นจดุ เส่ยี ง ๒. เฝา้ ระวงั สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น และพัฒนาพน้ื ทีเ่ สย่ี งใหป้ ลอดภยั ๓. สรา้ งเครือข่ายเฝ้าระวงั ทง้ั ในสถานศึกษาและในชมุ ชน ๔. จดั ระบบการสื่อสารเพอ่ื รับสง่ ขอ้ มูลด้านพฤตกิ รรมนกั เรียนทงั้ ใน สถานศึกษาและชมุ ชน การปลูกฝัง ๑. จัดกิจกรรมส่งเสริมความตระหนักรู้และเหน็ คุณค่าในตนเอง ๒. จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวติ รอบดา้ น ๓. ฝึกทักษะการปฏเิ สธ การเอาตัวรอดในสถานการณต์ า่ ง ๆ การปราบปราม ๑. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ชอ่ งทางในการขอความชว่ ยเหลือ ๒. แต่งตั้งคณะทำงานใหค้ วามช่วยเหลือเร่งดว่ น ท่สี ามารถให้ ความช่วยเหลอื ได้ทันเหตุการณ์ ๓. แตง่ ตัง้ คณะทำงานใหค้ วามช่วยเหลอื ดา้ นกฎหมาย ๔. ประสานภาคีเครือข่ายเพ่อื การส่งต่อทเ่ี หมาะสม ๕. สรา้ งขวญั กำลังใจโดยการตดิ ตามเยี่ยมเยือนอยา่ งสมำ่ เสมอ ๓. การไมไ่ ด้รบั ความ การป้องกนั เป็นธรรมจากสงั คม ๑. สำรวจข้อมลู นกั เรยี นรายคน ๒. วิเคราะห์สภาพปญั หาความตอ้ งการ ความขาดแคลน ของนกั เรียนรายคน ๓. จดั ทำแผนใหค้ วามชว่ ยเหลอื นกั เรยี นท่ีมีความขาดแคลน ๔. สร้างเครอื ขา่ ยการมีสว่ นรว่ ม เพ่ือประสานความชว่ ยเหลอื การปลกู ฝัง ๑. สร้างความรู้ความเข้าใจถึงสิทธิ หนา้ ที่ และความรับผิดชอบต่อสังคม ๒. บรกิ ารใหค้ ำปรึกษาสำหรับนกั เรยี นกลมุ่ เสย่ี ง ๓. จัดกิจกรรมสง่ เสรมิ การสร้างจติ สำนึกในความเสมอภาค เออ้ื เฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน การปราบปราม ๑. แตง่ ต้งั คณะทำงานให้ความช่วยเหลอื เรง่ ดว่ น ที่สามารถให้ความชว่ ยเหลือ ได้ทันเหตุการณ์

๔๔ มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ ๒. ประสานภาคีเครอื ข่ายเพื่อรว่ มแกป้ ญั หา ๓. ติดตามเยี่ยมเยอื นให้กำลงั ใจอย่างสมำ่ เสมอ ๑.๔ ภัยท่ีเกดิ จากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจติ ใจ (Unhealthiness) มาตรการ แนวทางการปฏิบัติ ๑. ภาวะจติ เวช การปอ้ งกนั ๑. สำรวจข้อมูลนกั เรยี นกลุม่ เส่ยี ง ๒. ตดิ ตอ่ ประสานเครือขา่ ยการมสี ่วนรว่ มเพอื่ ประเมินภาวะจิต ๓. จัดหลกั สตู รการเรยี นการสอนพิเศษรายคน ๔. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝ้าระวงั ท้ังในสถานศึกษาและชุมชน ๕. จดั ระบบตดิ ต่อส่อื สารเพอื่ รบั สง่ ขอ้ มูลพฤติกรรมอยา่ งต่อเน่ือง การปลูกฝงั ๑. จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ การแลกเปล่ียนเรียนรู้รว่ มกนั ของนักเรียน ๒. จัดเวทใี หน้ ักเรียนได้แสดงออกตามความสามารถ ๓. จัดกิจกรรมสง่ เสริมการตระหนกั รแู้ ละเหน็ คุณค่าในตนเองและผ้อู น่ื การปราบปราม ๑. แตง่ ต้งั คณะทำงานเพ่ือระงับเหตุท้ังในสถานศึกษาและชมุ ชน ๒. ประสานเครือข่ายการมสี ว่ นรว่ ม เพอื่ รว่ มแกป้ ัญหา ๓. ดำเนินการตามระเบยี บ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่เกล่ียประนีประนอม ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ๔. ประสานการส่งตอ่ เพือ่ ให้ความชว่ ยเหลือท่ีมีประสทิ ธิภาพ ๒. ติดเกม การปอ้ งกนั ๑. สำรวจข้อมลู นกั เรียนกลุ่มเส่ยี ง ๒. สำรวจข้อมูลพ้นื ท่ีแหล่งให้บรกิ ารรา้ นเกม ๓. กำหนดขอ้ ตกลงเพ่อื ปฏิบตั ิรว่ มกนั ๔. สร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ท้ังในสถานศึกษาและชุมชน ๕. จัดระบบติดต่อส่ือสารเพือ่ รับสง่ ข้อมลู พฤติกรรมอยา่ งตอ่ เนื่อง การปลูกฝงั ๑. สร้างความรู้ความเขา้ ใจถึงผลกระทบทเ่ี กิดจากการติดเกม

๔๕ มาตรการ แนวทางการปฏบิ ตั ิ ๒. จัดกจิ กรรมสง่ เสริมการคดิ วิเคราะห์ และใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ๓. จดั กิจกรรมเสรมิ หลักสูตรทส่ี นองต่อความสนใจของนกั เรียนอย่าง หลากหลาย การปราบปราม ๑. แตง่ ตัง้ คณะทำงานเพื่อระงับเหตทุ งั้ ในสถานศึกษาและชุมชน ๒. ประสานเครือขา่ ยการมสี ว่ นรว่ ม เพอื่ รว่ มแกป้ ญั หา ๓. ดำเนนิ การเอาผิดตามข้อตกลงที่กำหนดไวร้ ่วมกนั ๔. ติดตามเยย่ี มเยอื นเพ่อื สร้างขวญั กำลงั ใจ ๓. ยาเสพตดิ การปอ้ งกนั ๔. โรคระบาดในมนุษย์ ๑. สำรวจข้อมูลนกั เรยี นกลุ่มเสย่ี ง ๒. วิเคราะห์นกั เรยี นรายบุคคล ๓. กำหนดขอ้ ตกลงเพ่อื ปฏบิ ตั ริ ว่ มกัน การปลูกฝงั ๑. สร้างเครอื ข่ายเฝ้าระวังทั้งในสถานศึกษาและชมุ ชน ๒. จัดระบบติดตอ่ สือ่ สารเพื่อรับสง่ ขอ้ มลู พฤตกิ รรมอย่างตอ่ เนื่อง ๓. สร้างความรูค้ วามเข้าใจถงึ โทษ-ภัย และผลกระทบของการติดยาเสพติด ๔. จัดกิจกรรมตอ่ ตา้ นยาเสพตดิ ในวนั สำคญั ต่าง ๆ อยา่ งสมำ่ เสมอ ๕. จัดกิจกรรมสง่ เสริมการคิดวิเคราะห์ และใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ๖. จัดกจิ กรรมเสรมิ หลักสตู รท่สี นองต่อความสนใจของนักเรียนอย่าง หลากหลาย การปราบปราม ๑. แตง่ ต้ังคณะทำงานเพ่อื ระงับเหตุทั้งในสถานศกึ ษาและชมุ ชน ๒. ประสานเครือขา่ ยการมีสว่ นรว่ ม เพ่ือรว่ มแก้ปัญหา ๓. ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่เกล่ยี ประนีประนอม ตามมาตรการจากเบาไปหาหนกั ๔. ประสานการสง่ ตอ่ เพ่ือให้ความช่วยเหลือท่ีมปี ระสิทธิภาพ การป้องกัน ๑. สำรวจข้อมูลด้านสขุ ภาพของนักเรยี นรายคนและบคุ คลใกลช้ ิด ๒. จัดทำแผนในการป้องกันโรคระบาดในมนุษย์ ๓. บรกิ ารวสั ดุ - อปุ กรณ์ ในการป้องกนั โรคระบาดในมนษุ ย์

๔๖ มาตรการ แนวทางการปฏิบัติ ๕. ภัยไซเบอร์ ๔. สร้างเครอื ข่ายเฝา้ ระวงั ทง้ั ในสถานศกึ ษาและชุมชน ๕. จดั ระบบตดิ ตอ่ ส่ือสารเพือ่ ติดตามข้อมลู ดา้ นสขุ ภาพอย่างต่อเนื่อง การปลกู ฝัง ๑. สรา้ งความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับโรคระบาดในมนุษย์ ๒. จดั กิจกรรมฝึกทักษะการปฏบิ ตั ิตน เพื่อความปลอดภัยจาก โรคระบาดในมนษุ ย์ ๓. จัดกจิ กรรมสรา้ งจิตสำนกึ ในความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและสงั คม การปราบปราม ๑. แต่งต้ังคณะทำงานเพื่อระงบั เหตุท้ังในสถานศึกษาและชุมชน ๒. ประสานเครอื ขา่ ยการมีส่วนรว่ ม เพอ่ื ร่วมแกป้ ญั หา ๓. ดำเนนิ การตามมาตรการทก่ี ฎหมายกำหนด ๔. ประสานการส่งต่อเพอ่ื ใหค้ วามชว่ ยเหลือทมี่ ีประสทิ ธิภาพ การป้องกัน ๑. สำรวจขอ้ มลู การใช้งานระบบไซเบอร์ของนักเรียนรายคน ๒. กำหนดข้อตกลงเพ่อื ปฏบิ ัติรว่ มกัน ๓. สร้างเครอื ข่ายเฝ้าระวงั ทั้งในสถานศึกษาและชุมชน ๔. จัดระบบตดิ ตอ่ สื่อสารเพื่อรับส่งข้อมลู พฤติกรรมอย่างตอ่ เน่ือง การปลกู ฝงั ๑. สร้างความร้คู วามเข้าใจถงึ ผลกระทบที่เกิดจากการใช้งานระบบ ไซเบอรโ์ ดยขาดวจิ ารณญาณ ๒. จดั กจิ กรรมส่งเสริมการคดิ -วเิ คราะห์ และใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ๓. จดั กจิ กรรมเสรมิ หลกั สูตรทสี่ นองต่อความสนใจของนกั เรียนอย่าง หลากหลาย การปราบปราม ๑. แตง่ ตง้ั คณะทำงานเพ่ือระงบั เหตุท้ังในสถานศกึ ษาและชุมชน ๒. ประสานเครอื ขา่ ยการมีส่วนรว่ ม เพ่อื ร่วมแก้ปญั หา ๓. ดำเนินการเอาผิดตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ร่วมกัน ๔. ติดตามเยย่ี มเยอื นเพ่ือสรา้ งขวัญกำลังใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook