2. อธิบายประเภทของโครงงาน 3. ปฏิบัตกิ ารทาโครงงานตามขน้ั ตอนการทาโครงงาน 3.1 การคิดและเลือกหวั ข้อ 3.2 การศึกษาเอกสารท่เี กย่ี วข้อง 3.3 การเขยี นเค้าโครงของโครงงาน 3.4 การลงมอื ปฏิบตั ิโครงงาน 3.5 การเขียนรายงาน 3.6 การแสดงผลงาน ขอบข่ำยเนื้อหำ เรอ่ื งที่ 1 ความหมายและความสาคัญของโครงงาน เรอื่ งที่ 2 ประเภทของโครงงาน เร่ืองที่ 3 ข้ันตอนการทาโครงงาน 3.1 การคิดและเลอื กหวั ขอ้ 3.2 การศึกษาเอกสารที่เกีย่ วข้อง 3.3 การเขียนเค้าโครงของโครงงาน 3.4 การลงมือปฏบิ ัตโิ ครงงาน 3.5 การเขยี นรายงาน 3.6 การแสดงผลงาน เวลำทีใ่ ชใ้ นกำรศึกษำ จานวน 40 ชว่ั โมง สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ชุดวชิ าการเรียนรู้ รายวชิ า สค330166 TO BE NUMBR ONE เปน็ หน่งึ โดยไมพ่ งึ่ ยาเสพตดิ 2. สือ่ สง่ิ พมิ พ์ เช่น แผ่นพับ โปสเตอร์ ใบปลิว เป็นต้น 3. สอื่ วีดีทศั น์ 4. ใบงาน 5. ใบความรู้ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนง่ึ โดยไม่พึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 141
เรื่องท่ี 1 ควำมหมำยและควำมสำคญั ของโครงงำน โครงงำน หมายถึง กิจกรรมท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตาม ความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หรอื กระบวนการอ่ืนใดไป ใช้ในการศึกษาหาคาตอบในเร่ืองน้ันๆ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้นแนะนาและให้คาปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่าง ใกลช้ ิด ต้ังแต่การเลอื กหัวข้อที่จะศึกษา ค้นคว้า ดาเนนิ การ วางแผน กาหนดขน้ั ตอนการดาเนินงาน โดยทว่ั ๆ ไป การทาโครงงานสามารถทาได้ทุกระดับการศึกษา ซ่ึงอาจทาเป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลมุ่ กไ็ ด้ ท้ังนขี้ ้ึนอยู่กับ ลักษณะของโครงงาน อาจเป็นโครงงานเล็กๆ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนหรือเป็นโครงงานใหญ่ ท่ีมีความยากและ ซับซ้อนขึ้นก็ได้ มีผู้รู้ได้ให้ความหมายของคาว่าโครงงานไว้ในหลายมุมมอง ซ่ึงได้ประมวลมาให้ผู้เรียน ได้ศึกษาดังนี้ “โครงงาน” หมายถึง วิธีการเรียนวิธีหน่ึงที่ผู้เรียนมุ่งทางานเพื่อให้เกิดความรู้ควบคู่กับการ ทางานให้ บรรลุเป้าหมาย มิใช่มุ่งทางานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างเดียว ผู้ทาโครงงานจะต้องกาหนดภาระ งานใด ภาระงานหนึ่งขึ้นมาทา แล้วใช้ภาระงานนั้นทาภาระงานอีกอย่างหน่ึงท่ีเรียกว่าภาระงานการศึกษา เรียนรู้ สร้างความรู้ขึ้นเพื่อนาความรู้ไปใช้ปรบั ปรุงการทางานให้บรรลุเป้าหมาย ในระหว่างท่ีทางานให้บรรลุ เป้าหมายก็ทางานเพอื่ การศึกษาเรียนรู้อกี ควบคู่กันไปตลอด (จานง หนูนลิ . 2546:13) “โครงงาน” คือ การศึกษาค้นคว้าหาความรู้หรือหาคาตอบในข้อสงสัยเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง อย่างลึกซ้ึง ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เกิดภาระงานในการศึกษาค้นคว้าด้วยความสนใจของผู้เรียนเอง มีคุณค่ากว่าการ ทางานให้บรรลุเป้าหมายที่เรียกว่าการทาโครงการ หรือการทารายงานธรรมดาที่มีผู้กาหนดหัวข้อข้ึนให้ไป ทา” (จานงหนนู ลิ . 2546:14 ) ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 142
“โครงงาน” หมายถึง กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า และลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ตามความสามารถ ความถนดั และความสนใจ โดยอาศยั กระบวนการทางวิทยาศาสตรห์ รือกระบวนการอ่นื ไป ใช้ในการศึกษาหาคาตอบ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้นแนะนาและให้คาปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ การเลอื กหวั ข้อที่จะศกึ ษาค้นคว้า ดาเนนิ การวางแผน กาหนดขั้นตอนการดาเนนิ งาน และการนาเสนอผลงาน ซึ่งอาจทาเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม (วโิ รจน์ ศรโี ภคา และคณะ. 2544:9) “โครงงาน” คือ งานวิจัยเล็ก ๆ สาหรับผู้เรียน เป็นการแก้ปัญหาหรือข้อสงสัย หาคาตอบโดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์หากเนื้อหาหรือข้อสงสัยเป็นไปตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ใด จะเรียกว่าโครงงานในกลุ่ม สาระนั้นๆ (www. tet2. org/index.) “โครงงาน” คือ การศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับส่ิงใดส่ิงหนึ่งหรือหลายๆ สิ่งที่อยากรู้คาตอบให้ลึกซ้ึงหรือ เรียนรู้ในเรื่องนั้นๆ ให้มากขึ้น โดยใช้กระบวนการวิธีการที่ศึกษาอย่างมีระบบเป็นขั้นตอน มีการวางแผน ในการศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัติงานตามแผนท่ีวางไว้จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคาตอบในเร่ืองน้ันๆ (www. thaigoodview.) “โครงงาน” คือ การเรียนรู้ท่ีเกิดจากความสนใจของผู้เรียน ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับส่ิงใดสิ่ง หนึ่งหรือหลายๆ สิ่ง ที่สงสัยและต้องการคาตอบให้ลึกซึ้งชัดเจน หรือต้องการเรียนรู้ในเรื่องน้ันๆ ให้มากข้ึน กว่าเดิมโดยใช้ความรู้หลายๆ ด้านและทักษะกระบวนการที่ต่อเน่ือง มีการวางแผนในการศึกษาและ รับผิดชอบปฏิบัติตามแผนจนได้ข้อสรุปหรือผลการศึกษา หรือคาตอบเก่ียวกับเร่ืองน้ันๆ อย่างเป็นระบบ เรื่องท่ีจะทาโครงงาน ควรเป็นเรอ่ื งท่ีผ้เู รยี นสนใจ และสอดคล้องตามสาระการเรียนรู้ตามรายวิชานั้น (สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย แนวทางการจัดการเรียนรู้หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช 2551 .นนทบุรี : บริษัทไทย พับบลิคเอ็ดดูเคชั่น จากดั , 2553.) โครงงาน (project) จึงเป็นเสมือนสะพานเช่ือมระหว่างผู้เรียนกับห้องเรียน และโลกภายนอกซึ่ง ผู้เรยี นสามารถจะนาความรู้ที่ได้รับมาปรบั ใช้ไดใ้ นชีวิตจริงของผ้เู รยี น ท้ังน้ีเพราะวา่ ผู้เรียนตอ้ งนาเอาความรู้ ที่ได้จากชั้นเรียนมาบูรณาการเข้ากับกิจกรรมที่จะกระทา เพื่อนาไปสู่ความรู้ใหม่ๆ ด้วยการสร้างความหมาย การแก้ปัญหา และการค้นพบด้วยตนเอง ผู้เรียนต้องสร้างและกาหนดความรู้จากความคิดและแนวคิดที่มีอยู่ กับความคิดและแนวคิดท่ีเกิดข้ึนใหม่ ทาให้เกิดการปรับเปลี่ยนความรู้ให้เป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ตามมุมมองในทัศนะต่าง ๆ ท่รี วบรวมมาใหผ้ ู้เรียนไดศ้ ึกษา จะเห็นไดว้ ่าโครงงานเปน็ วิธีแสวงหาซึง่ ความรดู้ ้วย ตนเองอีกหนทางหน่ึง ซ่ึงมีคุณค่าแตกต่างไปจากการเรียนรู้ด้วยวิธีอ่ืน ๆ อยู่บ้าง โดยมีข้อเด่นตรงท่ีเป็นการ แสวงหาความรู้ที่ต้องสัมผัสด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามผู้เรียนควรสรุปความหมายของคาว่า โครงงานที่เป็ น ความเข้าใจของตัวท่านเองความหมายของการเรียนรู้แบบโครงงานการเรียนรู้แบบโครงงาน คือ การจัดให้ นักศึกษารวมกลุ่มกันทากิจกรรมร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายในการศึกษาหาความรู้หรือทากิจกรรมใดกิจกรรม ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนงึ่ โดยไม่พ่ึงยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 143
หนึ่งตามความสนใจของนักศึกษา การเรียนรู้แบบโครงงานนี้จึงมุ่งตอบสนองความสนใจ ความกระตือรือร้น และความใฝ่เรียนรู้ของผู้เรียนเอง ในการแสวงหาข้อมูล ความรู้ต่าง ๆ เพื่อทาโครงงานร่วมกันให้ประสบ ความสาเร็จตามจุดมุ่งหมายของโครงงาน การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ (Project Centered Learning) ซึ่งหมายถึง การกระทากิจกรรมร่วมกัน ช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหาท่ีเกิดขึ้นภายใน กลุ่ม ด้วยวิธีการปฏิบัติจริง เพ่ือการเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา อันนาไปสู่ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แสวงหาข้อมลู และแนวทางในการแกป้ ญั หาเหล่านนั้ การเรียนรแู้ บบโครงงานอาจมชี ือ่ เรียกอื่นทมี่ ีความหมายเดียวกนั ไดแ้ ก่ การเรียนรูโ้ ดยใช้โครงงานการเรียนรูแ้ บบโครงการการเรยี นรู้โดยใช้โครงงานเปน็ ศนู ย์กลางการเรียนรใู้ นเรอ่ื งความหมายได้มี ผู้กล่าวถึงไว้หลายคน เช่นจากิซ และโรบิน (Jaques, 1984; Robbins, 1997) ได้ให้ความหมายของวิธีการ เรียนรู้แบบโครงงาน (Group Project) ว่าหมายถึง การรวมกลุ่มกันของบุคคลมากกว่า 2 คนขึ้นไป มีปฏิสัมพันธ์กันร่วมกันกระทากิจกรรมอันนาไปสู่จุดมุ่งหมายบางประการ นอกจากน้ันแล้วโครงงานเป็นการ จัดสถานการณ์ท่ีช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทางานร่วมกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลซ่ึงกัน และกันและสนับสนุนกันใน การเรียนรู้ (Fascilitate Learning)สุชาติวงศ์สุวรรณ (2542) กล่าวถึงความหมายของการเรียนรู้โดยใช้ โครงงานว่าหมายถึง การจัดการเรียนรู้อีกรูปแบบหน่ึง ที่เป็นการให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงในลักษณะของ การศึกษา สารวจ ค้นคว้า ทดลองประดิษฐ์คิดค้น โดยมีครูเป็นผู้กระตุ้น แนะนา และให้คาปรึกษาอย่าง ใกล้ชิดสรุปได้ว่า การเรียนร้โู ดยใช้โครงงานเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการเรียนรู้ของแต่ละคน ให้ได้รับการ พัฒนาไดเ้ ตม็ ขีดความสามารถท่ีมีอย่อู ยา่ งแทจ้ รงิ ทาใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ด้วยตนเอง ได้เรียนวธิ ีการเรยี นรู้ สามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง รวมท้ังปลูกฝังนิสัยรักการเรียนรู้อันจะนาไปสู่การเป็นบุคคลแห่งการ เรียนรู้ได้ในที่สุดความสาคัญของการเรียนรู้แบบโครงงาน การท่ีผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านโครงงาน ทาให้มองเห็น ความสัมพันธ์ระหว่างความคิดกับข้อเท็จจริง ซึ่งจะถูกเช่ือมโยงเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน ในลักษณะข อง ความสัมพันธ์และการเช่ือมโยง อันจะสามารถนาไปใช้ในสถานการณ์อื่นได้อย่างหลากหลาย สามารถบูรณา การความรมู้ าช่วยกันทาโครงงาน เรียนรู้จกั การทางานร่วมกับผู้อน่ื รู้จักการหาข้อมูลความรู้ตา่ งๆ ด้วยตนเอง ฝึกทักษะการส่ือสาร รู้จักการคิดแก้ไขปัญหาในส่วนของผู้เรียน การเรียนรู้จากโครงงานถือได้ว่าเป็นการ เรียนรู้ร่วมกันภายในกลุ่ม เพราะทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการค้นหาคาตอบหาความหมาย ตลอดจน แนวทางแก้ไขปญั หา ร่วมคิด ร่วมทางาน ส่งผลให้เกิดกระบวนการค้นพบกระบวนการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ด้วย ตนเอง สามารถนาความรู้ท่ีได้รับมาแลกเปล่ียนประสบการณ์และแลกเปลี่ยนพ้ืนฐานความรู้ระหว่างผู้เรียน ด้วยกัน เป็น 9 ลักษณะของการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaboration learning) ความรู้และสามารถด้านต่างๆ ท่ีมีอยู่ในตัวของผู้เรียน จะถูกกระตุ้นให้ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ขณะท่ีปฏิบัติกิจกรรม เช่นเดียวกับทักษะ ต่าง ๆ ท่ีจาเป็นสาหรับชีวิต เช่น ทักษะการทางาน ทักษะการอยู่ร่วมกัน ทักษะการจัดการ ฯลฯ ก็จะถูก นาเอามาใช้อย่างเต็มตามศักยภาพ ในขณะท่ีร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดข้ึนระหว่างการทาโครงงาน การเรียนรู้ แบบโครงงานยังช่วยส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมทั้งหลายก็จะถูกปลูกฝังและสั่งสมในตัวผู้เรียน ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 144
ในขณะท่ีทุกคนร่วมกันทางาน รวมทั้งเป็นการปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตย ฝึกหัดการรู้จักรับฟังความ คิดเห็นของผู้อ่ืนเน่ืองจากว่าแนวคิดหลักของการเรียนรู้แบบโครงงาน จะใช้หลักการเรียนรู้ร่วมกัน (Team learning) อันจะนาไปสู่การเรียนรู้ด้วยการนาตนเอง ซ่ึงมีผลโดยตรงต่อการเพ่ิมโอกาสในการเจริญก้าวหน้า ของบุคคล ในการเรียนรู้และพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเอง ความสามารถในการมีปฏิสัมพันธ์ และ ทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้ดีและมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่สิ่งท่ีเกดิ ขึ้นเองได้หากแต่เป็นสิ่งท่ีต้องเกิดจากการเรียนร้เู พ่ือ จะทาให้ทักษะดังกล่าวเกิดข้ึนในตัวของบุคคล การเรียนรู้เพ่ือให้เกิดความสามารถและทักษะดังกล่าว สามารถทาให้เกิดได้โดยใช้หลักการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนรวมกลุ่มกัน มีโอกาสร่วมกันในการเรยี นรู้และทางาน ร่วมกัน โดยใช้วิธี “group assignments in their courses” ซึ่งมีครูเป็นผู้อานวยความสะดวกให้แก่ผู้เรียน และช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ทกั ษะดังกล่าวจากประสบการณ์ในการการทาโครงงานร่วนกัน ดังนั้นในการ จัดการเรียนรู้แบบโครงงานจึงต้องเน้นและให้ความสาคัญท่ีตัวผู้เรียน โดยมุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาขีด ความสามารถของตนเองอย่างเต็มตามศักยภาพ มีความสมดุลทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย ปัญญา และสังคม เป็น ผู้รู้จักคิด วิเคราะห์รักการเรียนรู้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มีเจตคติท่ีดีมีวินัย มีความรับผิดชอบ และมีทักษะท่ี จาเป็นสาหรับการดารงชีวิต รวมท้ังทักษะทางอาชีพ สามารถพ่ึงตนเองและร่วมมือกับผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ การเรียนรู้แบบโครงงานต้องมุ่งพัฒนาความสามารถทางอารมณ์ได้แก่ ความสามารถในการมีสติรู้ตัวและ ความสามารถในการปรบั ตัวเข้ากับสังคมซ่ึงถือว่าเปน็ ปัจจัยสาคญั ท่จี ะทาให้คนเราประสบความสาเร็จในชีวิต เช่นเดียวกับความสามารถทางปัญญาความสามารถหรือความฉลาดทางอารมณ์ท่ีจะต้องปลูกฝังให้ผู้เรียน ได้แก่ การรู้จักตนเอง การเขา้ ใจตนเองความสามารถในการควบคุมตนเอง ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความเชอ่ื ม่ันและเหน็ คุณค่าในตัวเองความสามารถในการแก้ไขขอ้ ขัดแย้งทางอารมณ์ ควำมสำคัญของโครงงำน โครงงานเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ จริง ส่งผลทาให้เกิดความรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ในการทาโครงงานใหม่ๆที่จะนาไปส่โู ลกของงานอาชีพและการศกึ ษา อีกทั้งโครงงานท่ีตนเองสนใจยังก่อให้เกิดองค์ความรู้ท่ีกว้างขวาง เป็นการประสานงานทางวิชาการระหว่าง กลุ่มสาระการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ความสาคัญของโครงงาน ในแงข่ องการเรยี นการสอน มีดงั น้ี 1.ดา้ นผูเ้ รยี น กอ่ ใหเ้ กิดคณุ คา่ ต่างๆ ดงั นี้ 1.1 ช่วยสร้างความหวังใหม่ในการริเริ่มงาน ที่จะนาไปสู่อาชีพ และการศึกษาต่อท่ีตนเอง มีความถนัดและสนใจ 1.2 สร้างเสริมประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง ด้วยชีวิตจริง ส่งผลใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจอย่างซาบซึ้ง ในโครงงานที่สรา้ งสรรคข์ น้ึ มา 2.ดา้ นโรงเรียน และ ครู-อาจารย์ ก่อใหเ้ กดิ คุณคา่ ต่างๆ ดงั น้ี 2.1 เกดิ การประสานงานทางวิชาการที่ผสมผสาน หรือ บูรณการเกดิ ขนึ้ ใน โรงเรยี น ตรงกบั หลักสตู รมธั ยมศึกษา และแนวทางพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่งึ โดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 145
2.2 เกิดความเข้าใจที่ตรงกันว่า การเรียนการสอนในปัจจุบันขึ้นอยู่กับการฝึกปฏิบัติจริง ในโครงงานของผู้เรยี นมากกวา่ ท่ีจะเรยี นอย่แู ต่ในห้องเรยี นเทา่ น้นั 3. ด้านทอ้ งถิ่น ก่อให้เกดิ คุณคา่ ต่าง ๆ ดงั น้ี 3.1 การเผยแพรแ่ ละประชาสัมพนั ธค์ วามรู้ ผลงานในเชิงปฏิบัตขิ องโครงงานที่ประสบผลสาเร็จ ไปสทู่ อ้ งถิน่ ทาให้ทอ้ งถนิ่ กบั โรงเรยี นมี ความเขา้ ใจ และประสานสมั พนั ธก์ ันดยี ง่ิ 3.2 ช่วยลดปัญหาวัยรุ่นในท้องถิ่นเกี่ยวกับความประพฤติ จรรยามารยาท และศีลธรรม เพราะผเู้ รยี นทม่ี โี ครงงานมักจะเปน็ ผู้เรียนที่มีความประพฤติดีมุง่ ม่นั และสนใจการศกึ ษาเล่าเรยี นเทา่ น้ัน กิจกรรมทำ้ ยเรือ่ งที่ 1 ควำมหมำยและควำมสำคญั ของโครงงำน (ให้ผู้เรียนไปทำกจิ กรรมทำ้ ยเรื่องที่ 1 สมดุ บันทกึ กิจกรรมกำรเรียนร้ปู ระกอบชุดวชิ ำ) เรื่องที่ 2 ประเภทของโครงงำน ในการแบง่ ประเภทของโครงงาน สามารถแบง่ ไดด้ งั น้ี 1. แบง่ ตำมลักษณะของกิจกรรม การแบ่งประเภทของโครงงาน ตามลักษณะของกจิ กรรม แบ่งได้ 4 ประเภทคอื 1. โครงงานประเภทการสารวจ 2. โครงงานประเภทการทดลอง 3. โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ 4. โครงงานประเภททฤษฎี 2. แบ่งตำมแหล่งที่มำ การแบ่งประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ ตามแหล่งที่มาแบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1. โครงงานวิทยาศาสตร์ตามสาระการเรียนรู้ เช่น โครงงานทางเคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เปน็ ต้น 2. โครงงานวิทยาศาสตร์ตามความสนใจ เช่น โครงงานวิทยาศาสตร์การเกษตร โดยลกั ษณะของโครงงานจะเกยี่ วกับเกษตรทัง้ ส้นิ 3. แบ่งโดยใช้แบบแผนของโครงงำนเป็นเกณฑ์ การใช้แบบแผน หรือรูปแบบของ โครงงานเป็นเกณฑ์ในการกาหนด แบ่งได้ 2 รปู แบบ คือ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไม่พ่ึงยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 146
1. โครงงานท่ีไม่เป็นแบบแผนเป็นโครงงานท่ีไม่จาเป็นต้องเขียนโครงงานเพียง แต่ดาเนนิ การตามทีก่ าหนดไว้ อาจเปน็ ใบงาน หรือชิน้ งานก็ได้ 2. โครงงานตามแบบแผน เป็นโครงงานทจี่ ัดทาเปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร มีระเบียบวิธี จัดทาเปน็ ข้ันตอนอย่างชดั เจน โครงงำนสำมำรถแบ่งตำมลักษณะของกิจกรรมได้ ๔ ประเภท ดงั นี้ 1. โครงงำนประเภทสำรวจ โครงงานประเภทสารวจ เปน็ โครงงานประเภทเก็บรวบรวมขอ้ มลู เพอื่ หาสาเหตุของปญั หาหรือ สารวจความคิดเห็น ข้อมูลทรี่ วบรวมได้บางอย่างอาจเป็นปัญหาทนี่ าไปสู่การทดลองหรอื คน้ พบสาเหตุของ ปญั หาท่ตี ้องหาวธิ ีแกไ้ ขปรบั ปรุงร่วมกัน เช่น - โครงงานการสารวจคาท่ีมักเขยี นผดิ - โครงงานสารวจการใชค้ าคะนองในหนงั สือพิมพ์ - โครงงานสารวจคาราชาศัพทใ์ นกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย - โครงงานสารวจชอ่ื พืชเศรษฐกิจของจงั หวัดในกลุม่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม - โครงงานสารวจคาศัพท์ในกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาอังกฤษ - โครงงานสารวจชนดิ ของกีฬาท้องถิ่นในกลุ่มสาระการเรียนร้สู ุขศึกษาและพลศึกษา - โครงงานสารวจวธิ บี วกเลขท่ชี าวบ้านนิยมใชใ้ นกลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ในการทาโครงงานประเภทสารวจข้อมูล ไมจ่ าเปน็ ต้องมตี วั แปรเขา้ มาเกย่ี วข้อง ผเู้ รยี นเพียงแต่สารวจรวบรวม ขอ้ มูลที่ได้ แลว้ นาข้อมูลท่ีไดม้ าจัดให้เปน็ หมวดหมู่และนาเสนอ กถ็ ือว่าเป็นการสารวจรวบรวมขอ้ มลู แล้ว 2. โครงงำนประเภทกำรทดลอง โครงงานวทิ ยาศาสตร์ประเภทการทดลอง มีขั้นตอนสาคัญสรปุ ได้ดงั น้ี 1. กาหนดปัญหา 2. ต้งั สมมติฐาน 3. ออกแบบการทดลอง 4. ดาเนนิ การทดลอง 5. รวบรวมข้อมลู 6. แปลความหมายข้อมลู และสรปุ ผล ดังน้ันโครงงานประเภทการทดลอง เป็นโครงงานที่ต้องออกแบบทดลอง เพื่อการศึกษาผลการ ทดลองว่าเป็นไปตามท่ีต้ังสมมติฐานไว้หรือไม่ โครงงานประเภทน้ีต้องสรุปความรู้หรือผลการทดลองเป็น ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พงึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 147
หลกั การหรอื แนวทางการปฏบิ ัติไว้ในการทาโครงงานประเภททดลอง ตอ้ งมีการจดั การกบั ตวั แปรท่ีจะมีผลต่อ การทดลอง ซึง่ มี 4 ชนิด คือ 1. ตัวแปรตน้ หรือตัวแปรอสิ ระ หมายถึงเหตุ ของการทดลองนนั้ ๆ 2. ตวั แปรตาม ซงึ่ จะเปน็ ผลที่เกิดจากการเปล่ยี นแปลงตัวแปรตน้ 3. ตัวแปรควบคุมหมายถึงสิ่งท่ตี ้องควบคมุ ใหเ้ หมอื นๆกนั มิฉะน้ันจะมผี ลทาให้ตัวแปรตามเปล่ียนไป 4. ตัวแปรแทรกซ้อน ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือ ตัวแปรควบคุมนั่นเอง แต่บางครั้งเราจะควบคุมไม่ได้ ซ่ึงจะมีผลแทรกซ้อน ทาให้ผลการทดลองผิดไป แต่ก็แก้ไขได้โดยการตัดข้อมูลที่ผิดพลาดทิ้งไป ตัวอย่าง เช่น ผู้เรยี นตอ้ งการศกึ ษาวา่ กระดาษชนิดใดสามารถพบั เคร่ืองรอ่ นและปาได้ไกลทสี่ ุด ตัวแปรต้นหรอื ตัวแปรอสิ ระ คอื ชนิดของกระดาษ ตวั แปรตาม คือ ระยะทางท่ีกระดาษเคลื่อนที่ได้ ตวั แปรควบคุม คือ แรงที่ใช้ปากระดาษ ความสูงของระยะท่ีปา ตัวแปรแทรกซ้อน คือ บางคร้ังในขณะปามีลมพดั เข้ามา ซ่ึงจะทาให้ข้อมูลผิดพลาด เปน็ ต้น นอกจากนีย้ ังมียังสามารถทาโครงงานประเภททดลองอน่ื ได้อีก เชน่ - โครงงานการทดลองยากนั ยุงจากพชื สมุนไพร - โครงงานการทดลองปลูกพืชสวนครัวโดยใช้ปยุ๋ วทิ ยาศาสตร์ - การศึกษาอทิ ธิพลของแสงสีต่าง ๆ ทม่ี ตี ่อการเจรญิ เติบโตของพืชบางชนิด - การศกึ ษาการเจรญิ เติบโตของพืชในสนามแมเ่ หล็ก - การศกึ ษาอิทธิพลของฮอรโ์ มนเพศชายในสตั วต์ วั เมยี - การทดลองใชผ้ กั ตบชวาในการกาจัดนา้ เสีย 3. โครงงำนประเภทสงิ่ ประดิษฐ์ โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เป็นโครงงานท่ีประยุกต์หลักการทางวิทยาศาสตร์เข้าสู่กระบวนการ ปฏิบัติ โดยอาศัยเคร่ืองมือ วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อประดิษฐ์ช้ินงานใหม่ อาจเป็นของใช้ เครื่องประดับจากวัสดุ เหลือใช้ หรือนาวัสดุท้องถ่ินที่มีมากมายมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อาจเป็นการประดิษฐ์ สิ่งใหม่ที่ยังไม่เคย มีมาก่อน หรือการปรับปรุงอุปกรณ์ หรือส่ิงประดิษฐ์ท่ีมีอยู่แล้วให้ใช้งานได้ดีมีประสิทธิภาพสูงข้ึน นอกจากนนั้ อาจเป็นการเสนอ หรือสร้างแบบจาลองทางความคิดเพอื่ แก้ปญั หาใดปญั หาหนึง่ ก็ได้ เชน่ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่งึ โดยไม่พงึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 148
- เครอื่ งกรองน้าอยา่ งง่าย - เคร่ืองกรองคราบนา้ มัน - การประดษิ ฐ์เครื่องร่อน - เครอ่ื งเตือนอัคคภี ัยระบบความดนั แยก - โครงงานการประดิษฐ์เคร่ืองจกั สานจากผกั ตบชวา - โครงงานการประดิษฐเ์ คร่ืองชว่ ยสอนวชิ าภาษาอังกฤษ เป็นตน้ 4. โครงงำนประเภททฤษฎี โครงงานประเภททฤษฎี เป็นโครงงานท่ีมีลักษณะเป็นการหาความรู้ใหม่ โดยการรวบรวมข้อมูล และนามาวิเคราะห์จากสถิติแล้วอภิปราย หรือเป็นโครงงานที่ศึกษาค้นคว้าข้อมูลท่ีเกิดจากข้อสงสัย อาจเป็นการนาบทเรียนมาขยายเพ่ือศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมให้ได้ความรู้ในแง่มุมที่กว้างและลึกกว่าเดิม เช่น โครงงานการศึกษาคาซอ้ นในวรรณคดีร้อยแก้ว โครงงานการศึกษาขอ้ คิดจากเรอ่ื งพระมโหสถชาดก เป็นต้น กจิ กรรมท้ำยเร่ืองท่ี 2 ประเภทของโครงงำน (ใหผ้ ้เู รยี นไปทำกิจกรรมทำ้ ยเร่ืองท่ี 2 สมดุ บนั ทึกกิจกรรมกำรเรยี นรปู้ ระกอบชดุ วชิ ำ) เร่อื งท่ี 3 ขน้ั ตอนกำรทำโครงงำน สุชาติ วงศ์สุวรรณ. (2542:13 –18) ได้กล่าวว่า โครงงานเป็นกิจกรรมท่ีต้องกระทาอย่างต่อเน่ือง ตั้งแต่เร่ิมต้นจนกระทั่งเสร็จส้ินโครงงาน ซ่ึงผู้เรียนต้องเป็นผู้ดาเนินการเองทั้งส้ิน โดยมีครูที่ได้รับมอบหมาย ทาหน้าที่เป็นท่ีปรึกษา คอยให้คาแนะนา เสนอแนะ และให้คาปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาในการ ดาเนินงานโครงงาน มขี ั้นตอนที่สาคัญ ประกอบดว้ ย ข้นั ตอนท่ี 1 กำรคดิ และเลือกหัวข้อ คิดหาหัวข้อเรื่องท่ีจะทาโครงงาน โดยอาจจะต้ังต้นด้วยคาถามท่ีว่า จะศึกษาอะไร ทาไมต้องศึกษา เรอ่ื งดังกลา่ ว ส่ิงท่ีจะนามากาหนดเป็นหัวข้อเรอื่ งโครงงานจะได้มาจากปัญหา คาถาม หรอื ความอยากร้อู ยาก เห็นในเร่ืองต่างๆ ซ่ึงเป็นผลจากการท่ีผู้เรียนได้อ่านหนังสือ เอกสาร บทความ ฟังการบรรยาย การสนทนา หรือจากการท่ีได้ไปดูงาน ชมนิทรรศการ หรือสังเกตจากปรากฏการณ์ต่างๆ รอบข้าง หัวเรื่องของโครงงาน ต้องเป็นเร่ืองท่ีเฉพาะเจาะจง และชัดเจนว่า โครงงานน้ีทาอะไร และควรเน้นเรื่องท่ีอยู่ใกล้ตัว หรือ มคี วามคนุ้ เคยกับเร่อื งดงั กล่าว เปน็ เรอื่ งท่ตี ้องใชเ้ วลาในการศกึ ษาพอสมควร ท่ีจะทาให้ไดม้ าซงึ่ คาตอบ เทคนิคกำรคดิ เรอื่ งที่จะทำโครงงำน ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไม่พึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 149
สังเกตจากปญั หาสงิ่ แวดล้อมรอบตวั โดยการแกป้ ัญหา มีน้อย……………………………………………………... มมี าก ไมม่ ปี ระโยชน์……………………………………………..ทาใหม้ ีประโยชน์ มีประโยชน์……………………………………………….. ทาใหม้ ีประโยชน์ทมี่ ากขนึ้ ไม่สะดวก………………………………………………….สะดวก ไมป่ ลอดภยั ………………………………………………..ปลอดภยั ย่งุ ยาก………………………………………………….…..ทาใหง้ ่าย รักษา/ป้องกัน..................กาจัด........ทาใหม่..ฯลฯ สารวจ.............................จากอาชพี ในทอ้ งถนิ่ /ชมุ ชน....ปรบั ปรุง/พฒั นา จากงานอดเิ รก/อาชีพเสริมของครอบครัว เชน่ เลีย้ งปลาตู้,เลี้ยงนกขาย,เลี้ยงหมู, เลี้ยงไกฯ่ ลฯ..................................ปรับปรงุ /พัฒนา ศึกษาคน้ ควา้ ...........................เอกสาร,วารสาร,หนงั สอื พมิ พ์, อินเตอร์เน็ตฯลฯ จากรายการวิทยุ,โทรทัศน.์ .....ขา่ วเกษตร,คนไทยวนั นีฯ้ ลฯ ศกึ ษาจากโครงงานต่างๆ........หวั เรือ่ ง,บทคดั ย่อ,รายงาน ใชค้ าถามนากระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ ความสนใจ/ความตอ้ งการ/ความอยากรู้จนตอ้ งการ พิสจู น์คน้ หา...............เนื้อหา/เรอื่ งทนี่ า่ สนใจ/ส่งิ แปลกใหม่/เทคโนโลยีฯลฯ จะไดเ้ รื่องทนี่ ่าสนใจไปทาโครงงาน ข้อควรคำนึงในกำรเลอื กหัวขอ้ เรื่อง มีดังตอ่ ไปนี้ 1. ผู้เรียนเป็นผู้เลือกอย่างมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ศึกษาค้นคว้าตามความถนัด และคานึงความ พรอ้ ม ความสนใจของตนเองหรอื ของกลุ่ม ใช้ระยะเวลาสนั้ ๆหน่งึ ภาคเรียนหรอื มากกว่านั้นก็ได้ 2. เลือกโครงงานที่มคี ุณค่าและเป็นปัญหาใหม่ๆตรงกบั ความสามารถและความรูข้ องตนเอง 3. คานงึ ถึงความเหมาะสมในเรือ่ ง ความปลอดภัย เวลา งบประมาณ และกาลงั ของตน 4. คานึงถึงสภาพแวดล้อมท่ีเอ้อื อานวยตอ่ การทาโครงงาน ได้แก่ ความร่วมมือจากผเู้ กี่ยวขอ้ ง มีแหล่งทรพั ยากร และแหล่งเรียนรูห้ รือเอกสารเพยี งพอที่จะคน้ ควา้ 5. สามารถวางแผนการดาเนนิ การตามขน้ั ตอนต่างๆไว้ลว่ งหนา้ เหน็ ลู่ทางที่จะทาได้สาเร็จ 6. สามารถหาคาตอบได้โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ หาข้อมูลมาตรวจสอบสมมุติฐานเพ่ือหาข้อ สรุปหรือยตุ ปิ ญั หาได้ ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่งึ โดยไม่พ่ึงยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 150
7. สามารถหาเครอื่ งมือหรือสร้างเครอื่ งมอื ท่ีมีคุณภาพเพือ่ รวบรวมข้อมูลได้ 8. มคี วามตง้ั ใจที่จะทาโครงงานใหป้ ระสบผลสาเรจ็ ได้ผลงานท่ีนาไปใช้ไดจ้ รงิ 9. เป็นเร่ืองท่ีมีอยู่จรงิ และเปน็ ไปได้ มคี ณุ ค่าต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน 10. ผเู้ รียนมีประสบการณอ์ ยูบ่ ้างและเป็นเรอ่ื งทีม่ ีโอกาสได้เรียนรจู้ ากประสบการณ์ตรง 11. เป็นเร่อื งท่ีเปดิ โอกาสให้ผู้เรียนรว่ มมือกันในการทาโครงงาน 12. สอดคลอ้ งกับหลักสูตรผู้เรยี นได้พัฒนาการครบทุกดา้ นตามจดุ มุง่ หมายของหลักสตู ร 13. เป็นเรื่องทผี่ ู้ปกครองมโี อกาสเข้ามามสี ่วนร่วมในโครงงาน 14. เป็นเรื่องทใ่ี กลต้ ัวไมก่ วา้ งเกนิ ไป จนทาใหไ้ มส่ ามารถศึกษาลึกลงไปในรายละเอียดได้ 15. ผู้ทามีความร้แู ละทักษะในการใช้อุปกรณ์พื้นฐาน และทักษะในเทคนิควิธีอย่างเพียงพอในเร่ืองท่ี จะค้นคว้าหรอื ขอคาปรึกษาตลอดจนมคี รูหรือผู้ทรงคุณวฒุ ิรบั เป็นทีป่ รกึ ษา 16.สามารถจัดหาวสั ดุอุปกรณท์ ่จี าเปน็ หรือจดั ทาข้ึนมาได้ 17. เป็นเร่อื งทผ่ี ูเ้ รยี นสามารถนาความรแู้ ละทกั ษะที่ไดไ้ ปประยุกต์ใช้ในการทากิจกรรมอ่ืนๆ 18. เป็นกิจกรรมการศึกษาท่ีให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทาง ทฤษฎตี ามเน้ือหาโครงงานนน้ั ๆหรือจากประสบการณแ์ ละกจิ กรรมตา่ งๆท่ีได้พบเห็นมาแล้ว 19. ผู้เรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงาน และการแปลผลรายงาน ผลต่อครทู ี่ปรึกษาเพอื่ ดาเนินงานร่วมกนั ให้บรรลตุ ามจดุ หมายท่กี าหนดไว้ 20. เป็นโครงงานท่ีเหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของผู้เรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้ง คา่ ใช้จา่ ยในการดาเนนิ งานดว้ ย กำรสำรวจและวเิ ครำะห์ข้อมลู เพอื่ กำรเลือกหัวข้อเรื่อง 1. กำรสำรวจและวเิ ครำะห์ขอ้ มูลในกำรเลือกโครงงำน ในการพิจารณาเลือกโครงงาน ผู้เรียนจะต้องคิดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยการสารวจและ วิเคราะห์ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องให้มากท่ีสุด เพื่อป้องกันการผิดพลาดทั้งก่อนการปฏิบัติงาน ขณะปฏิบัติงาน และ หลงั ปฏบิ ัตงิ าน โดยมีการสารวจและวิเคราะหข์ ้อมลู ดังนี้ 1.1 กำรสำรวจและวิเครำะห์ข้อมูลของตนเอง หมายถึง การพิจารณาตนเองว่ามีความถนัด ความพร้อมและความสนใจ ในด้านความรู้ ทักษะ อยู่ในระดับใดของโครงงานน้ันๆ ตลอดจนสงิ่ อ่นื ๆท่ีจาเป็น ต่อการทาโครงงานที่ตนเองกาลังตัดสินใจเลือกทา มีความรักชอบ ท่ีจะทาโครงงานในเรื่องใดอย่างแท้จริง เช่น เคยชอบและรักท่ีจะทาเร่ืองใดมาบ้างหรือเมอื่ ทาแลว้ ได้รบั ความสาเร็จหรือประสบความล้มเหลวในงานท่ี ทาหรือไม่ ตนเองมีความรู้ในหลักการ ทฤษฎีพ้ืนฐานที่จะนามาช่วยให้ทาโครงงานที่คิดไว้สาเร็จลุล่วงเพียงใด เคยได้ทราบแนวทางปรับปรุงโครงงานให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน หรือไม่เคยเรียนวิชาใด หรือมีความรู้ใน ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่ึงโดยไม่พง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 151
วิชาตา่ งๆที่จะทาโครงงานหรือไม่ มีประสบการณ์อย่างไรบ้าง หรือมีการปรึกษาครูประจาช้ัน ครูฝา่ ยแนะแนว หรือครูในวิชานั้นๆ เพื่อขอทราบรายละเอียดความชอบ ความถนัด หรือข้อบกพร่องมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังต้องสารวจตนเองว่ามีความมานะอดทน ขยัน ประณีต รอบคอบ มีความใส่ใจท่ีจะทาโครงงาน น้นั ๆอกี ด้วย 1.2 กำรสำรวจและวิเครำะห์ข้อมูลเก่ียวกับสิ่งอำนวยควำมสะดวก เป็นการสารวจในเรอื่ ง ของเคร่ืองมือ วัสดุอุปกรณ์ สถานที่ปฏิบัติงาน ค่าใช้จ่าย และการร่วมมือของผู้ร่วมงาน ซึ่งทั้งหมดน้ีเป็นส่วน สาคญั ทีจ่ ะทาให้โครงงานดาเนินไปอยา่ งราบรื่นและประสบความสาเร็จด้วยดี 1.3 กำรสำรวจและวเิ ครำะห์ข้อมูลเก่ียวกบั สังคมและสภำพแวดล้อม เป็นการสารวจข้อมูล ต่างๆท่ีอยู่รอบตัวเรา เช่น ความเห็นชอบของครูท่ีปรึกษาโครงงาน ความเห็นชอบของผู้ปกครอง เพ่ือน ร่วมงาน ความต้องการของสังคมและท้องถิ่นในชุมชน มีสถานประกอบการและผู้เชี่ยวชาญให้คาปรึกษา หรือไม่ ตลอดจนการสารวจและวิเคราะหข์ ้อมลู เก่ียวกับสภาพแวดล้อม เช่น สาธารณูปโภคท่ีเอ้ืออานวยความ สะดวกในการเดินทาง แหลง่ จัดหาวสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละสถานท่ที ่ใี ชใ้ นการปฏิบัตงิ าน 1.4 กำรสำรวจและวิเครำะห์ข้อมูลเก่ียงกับโครงงำน เป็นการหาข้อมูลเพ่ือสนับสนุนให้ โครงงานสาเร็จลลุ ว่ งไปดว้ ยดี ทาใหเ้ กดิ แนวคิดและประสบการณท์ ห่ี ลากหลาย ทาไดห้ ลายวิธี ดังน้ี 1.4.1 การศึกษาดูงานจากแหล่งการเรียนรู้ สถานประกอบการณ์ เช่น โรงงาน อตุ สาหกรรม บริษทั รา้ นคา้ ต่างๆ ศูนยว์ ิจัยผลติ ภณั ฑ์ เปน็ ตน้ 1.4.2 การศึกษาผลผลิตหรือผลงานของบุคคลอ่ืน รวมถึงการสนทนาพูดคุยแลกเปล่ียน ความคดิ เห็นทางวิชาการกบั เจ้าของผลผลติ น้นั ๆ 1.4.3 การเขา้ ชมงานแสดงผลงานหรอื ผลผลติ ตามทหี่ นว่ ยงานเอกชนหรอื รฐั บาลจดั 1.4.4 การสารวจจากส่งิ ทอี่ ยรู่ อบๆตัวเรา และสิ่งท่สี นใจเปน็ พเิ ศษ ตัวอยำ่ งตำรำงวเิ ครำะห์ข้อมูลเพอื่ กำรตัดสนิ ใจเลือกปฏบิ ัติงำน คำชแี้ จง ให้นกั ศกึ ษาเลือกหวั ข้อโครงงานท่สี นใจมา 5 หวั ข้อ แล้ววเิ คราะห์ข้อมูลเพ่อื การ ตดั สินใจ โดยใหค้ ะแนน 1-5 ตามความสนใจถา้ คะแนนเท่ากันใหต้ ัดสินใจเลือกมาเพยี ง 1 โครงงาน โครงงำนทจ่ี ะปฏิบตั ิ รำยละเอยี ด 12 34 5 ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนงึ่ โดยไม่พึ่งยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 152
ขอ้ มูลเกย่ี วกับตนเอง 1.ความสนใจ ความถนดั ความตัง้ ใจ และจริงใจ 2.ความรู้และประสบการณ์เดิม 3.ความพร้อมดา้ นเงินทุน งบประมาณ 4.ความพร้อมวัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ 5.ความพร้อมด้านเวลา/แรงงาน ขอ้ มูลเกีย่ วกับชุมชน สังคมและสิง่ แวดลอ้ ม 6.มปี ระโยชนต์ ่อตนเอง ครอบครวั และชุมชน 7.คนในครอบครวั ให้การสนบั สนุน 8.เพื่อนในกล่มุ สนบั สนนุ 9.มีแหลง่ ความรใู้ ห้ศึกษา 10.สถานทีป่ ฏิบตั งิ านเหมาะสม สะดวก 11.ไม่มผี ลกระทบต่อส่งิ แวดล้อม 12.ใชว้ ัสดใุ นท้องถิน่ มคี วามประหยัด ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ควำมรพู้ ื้นฐำนทำงวิชำกำร 13.มีความรเู้ กีย่ วกบั งาน 14.ขน้ั ตอนการปฏิบัตไิ ม่ซบั ซ้อน 15.ความรูท้ ี่ไดร้ บั นาไปปฏิบัติงานอนื่ ได้ รวมคะแนน สรปุ โครงงำนท่ีเลอื กคือ..................................................................................................... ตัวอยำ่ งแบบวเิ ครำะหโ์ ครงงำน กศน.ตาบล.........................................................อาเภอ...................................จงั หวัด............................ ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไม่พึ่งยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 153
1.ช่ือโครงงาน ............................................................................................................. .............................................................. 2.โครงงานนท้ี าขน้ึ เพื่อตอบปัญหา ขอ้ สงสยั หรือคาถาม หรอื จดุ มุ่งหมายของงานน้ี ..................................................................................................................... ...................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 3. ท่ีมาหรอื เหตุผลหรอื แรงบันดาลใจท่ีทาให้ผ้ทู าโครงงานเลอื กทาโครงงานนีค้ ือ ............................................................................................................................. .............................. .......................................................................... .................................................................................... .............. .............................................................................................................................................. .............................. ..................................................................................................... ....................................................................... .......................................................................................................................................................................... .. 4. ตวั แปรต่างๆทีเ่ ก่ียวข้องในโครงงานนีค้ อื อะไร 3.1 ตัวแปรตน้ คอื ......................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................... ...................................... ....................................................................................................... ..................................................................... ........................................................................................................................................................................... . 3.2 ตัวแปรตามคือ .............................................................................................................. ............................................ ................................................................................................. ........................................................................... ..................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ ................................................ ............................................................................................................................................................................ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไมพ่ ่ึงยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 154
3.3 ตวั แปรทค่ี วบคุมคือ ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................ ............................ 4.โครงงานประเภท .......................................................................................................................................................... ........................................................................... ......................................................................................... ........ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................ .............................................................................................. .. 5.ความแปลกใหมห่ รอื ความคิดรเิ รมิ่ ของโครงงานนี้คอื .............................................................................................................. ............................................ ........................................................................................................................... ................................................. ..................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ ................................................ 6.จากการศึกษาวเิ คราะหโ์ ครงงาน ผูเ้ รียนเห็นว่าจะปรบั ปรุงโครงงานให้ดีขึ้นด้านใดได้บ้าง .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ 7.มตี ัวแปรอ่นื ใดบ้างทนี่ ่าจะศึกษาเพ่มิ เติม ............................................................................................ .............................................................. ......................................................................................................... ................................................................... ................................................................................................................................................... ......................... 8.จากการศึกษาโครงงาน ผู้เรยี นเห็นว่าโครงงานนีน้ ่าจะศึกษาหรือทาในเรื่องใดไดอ้ ีก ....................................................................................................................................................... ... ................................................................................................................................ ............................................ ........................................................................................................................... ................................................. ช่อื ผู้วเิ คราะห์ 1. ................................................................ชน้ั .........................................เลขท.่ี ....................... ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนงึ่ โดยไม่พงึ่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 155
2. ................................................................ชัน้ .........................................เลขท.่ี ....................... 3. ................................................................ชนั้ .........................................เลขท.่ี ....................... ชอ่ื ครทู ปี่ รึกษา ...................................................................................................................................................................... ขั้นตอน แนวทำงดำเนนิ กำรแต่ละขั้นตอน ผลท่ีไดร้ บั กจิ กรรมของผู้เรียน กจิ กรรมสนบั สนุนของผ้สู อน ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พ่ึงยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 156
1.กำรเลอื ก 1. สารวจความสนใจของ 1. กาหนดใหม้ ีกจิ กรรมสารวจ ผ้เู รียนได้เรอื่ ง/ปัญหา หวั ข้อเรือ่ ง ที่จะศกึ ษำ ตนเองโดย ความสนใจของตนเองเพ่ือ ประเด็นทจ่ี ะจัดทาเป็น 1.1 สงั เกตและศึกษาข้อมูล 1.1 ช้ีชวน ชักชวนจัดกิจกรรมใหม้ ี โครงงาน จากสิง่ แวดลอ้ มรอบตวั หรือ การศึกษาสภาพแวดล้อมรอบ ชมุ ชนเพอื่ ศึกษาว่ามีเรือ่ งใด ตัวเองหรือชมุ ชนเพ่อื จุดประกาย เป็นประเด็นทีน่ า่ สนใจ ความสงสยั ใครร่ ู้ให้กับผูเ้ รยี นไปสู่ ศกึ ษา แรงจูงใจ ทีจ่ ะศกึ ษาเรอ่ื งใดเรื่อง 1.2 ติดตามข่าว เหตุการณ์ หนึ่งในเชงิ ลึก สาคัญๆและสารวจตนเอง 1.2 ใช้คาถามเชื่อมโยงจาก ว่าสนใจจะศกึ ษาเรอื่ งใด ข่าว เหตกุ ารณ์หรอื ปัญหาจาก เป็นพิเศษ ชมุ ชนกระตุ้นผเู้ รยี นอยากตดิ ตาม 1.3 คิดเช่ือมโยงจากเร่ืองที่ 1.3 ใชค้ าถามเชื่อมโยงจาก เรียนปกตวิ า่ มเี ร่ืองใดท่ี บทเรยี นปกติ เชน่ “มีเร่ืองอะไรที่ ต้องการศกึ ษาต่อเนอื่ ง ผ้เู รยี นต้องการรู้” 1.4 รว่ มกนั คิดหาความ 1.4ใชส้ ื่อแบบอ่ืนๆเชน่ เชอื่ มโยงโดยใช้ web ภาพนิ่ง ป้ายนเิ ทศ วีดิทัศนฯ์ ลฯ หรอื Mind Mapping และส่ือที่ใช้ ควรทงิ้ ปญั หาให้ ผูเ้ รยี นคดิ ท่ีจะศึกษาคน้ ควา้ ต่อไป 1.5 ชว่ ยเหลอื ผู้เรยี นให้สามารถ เลือกเร่ือง/ปัญหา/ประเด็นที่ ตนเองสนใจท่ีจะรูเ้ พิม่ เติมไดม้ าก ขึ้นเพ่ือจัดทาเปน็ โครงงาน 1.6 รว่ มคดิ หาความเช่อื มโยงโดย ใช้ web หรอื Mind Mapping ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 157
ข้ันตอน กิจกรรมของผเู้ รียน กิจกรรมสนับสนุนของผสู้ อน ผลทไ่ี ดร้ ับ 1.1 กำรศกึ ษำ เขา้ หอ้ งสมุดหรอื ออก ใหค้ าแนะนาเทคนิคและวิธีการ ได้เอกสารประกอบการ เอกสำรท่ี ค้นคว้าโดยผูเ้ รียน ต่างๆ ทาโครงงาน เกย่ี วข้อง จาเปน็ ตอ้ งมีความร้คู วาม ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไม่พึ่งยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 158
เข้าใจในการใช้หอ้ งสมุด 2.กำรวำงแผน 2.1 กำร 1. คดิ ทบทวนไตรต่ รองหา 1.ใช้คาถามให้ผู้เรยี นคิดถงึ ความ จดุ ประสงคข์ อง โครงงาน กำหนด เหตุผลประกอบกาตดั สนิ ใจ ต้องการหรือประเดน็ ทตี่ ้องการ จดุ ประสงค์ วา่ “ต้องการอะไรจากการ ศกึ ษาจากเร่ืองท่เี ลือกได้แลว้ กระทาโครงงานคร้ังน้ี” 2. เขียนส่งิ ท่ตี นเองตอ้ งการ 2. วิเคราะห์ความเปน็ ไปของ จุดประสงค์ของผ้เู รียนและให้ ความคดิ เห็น เสนอแนะให้คิด อยา่ งรอบคอบ 3.พูดคุยกับเพื่อนให้เกดิ 3. ให้กาลงั ใจ ความมนั่ ใจย่งิ ขึ้น 2.2 กำรตงั้ เป็นกจิ กรรมทต่ี อ่ เน่ืองจาก 1. ใช้คาถามท่ีกระตุ้นให้คาดเดา สมมตุ ิฐำน(กำร ขั้นที่ 1-2.1โดยเฉพาะ คาตอบล่วงหนา้ เช่น “ผูเ้ รยี น คำดคะเน โครงงานวทิ ยาศาสตร์ดงั นน้ั คดิ วา่ นา่ จะเปน็ อย่างไร” คำตอบเฉพำะ ผู้เรยี นควรดาเนินการดงั น้ี “ผู้เรยี นคดิ วา่ จะมผี ลต่อ…. ของโครงงำนที่ 1. พูดคยุ กับเพ่ือนเพ่ือ .......................อย่างไร” สำมำรถตัง้ กาหนดคาตอบลว่ งหนา้ ซ่งึ 2. วเิ คราะห์ความเป็นไปได้ละ สมมุติฐำนได้ อาจมีหลายคาตอบ ความคดิ เหน็ 2. เลือกคาตอบท่ีคาดเดา 3. ถามยา้ เพื่อใหผ้ เู้ รียนคิด อย่าง วา่ จะเหมาะสมและมีความ รอบคอบ เป็นไปได้มากทสี่ ดุ และ สอดคล้องกับ ปญั หา ประเด็นและ จดุ ประสงค์ 3. เขยี นสิง่ ทีค่ าดเดาไวเ้ พอื่ รอ การพสิ จู น์ ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พ่ึงยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 159
ขั้นตอน กจิ กรรมของผ้เู รยี น กิจกรรมสนบั สนุนของผสู้ อน ผลที่ไดร้ ับ 2.3 กำร กำหนด 1. คดิ ต่อเนื่องจากขนั้ ตอน 1. กระตุน้ /ส่งเสรมิ /ให้คาปรึกษา เค้าโครงงาน วิธีกำรศึกษำ ที่ 2.1 และ 2.2 (ถา้ มี) ในการ วา่ จะศึกษาเรอื่ งนัน้ อย่างไร โดย 1.1 ถามตนเองวา่ มวี ิธ 1.1 คดิ วธิ ีการศึกษาท่หี ลากหลาย ใดบ้าง ทจี่ ะศึกษาเรื่องนัน้ ๆได้ 1.2 เลอื กวธิ กี ารทเ่ี หมาะสม 1.2 เลือกวิธกี ารศึกษาที่ทาได้ และทาไดใ้ นข้อจากดั ที่มีอยู่ 1.3 กาหนดขนั้ ตอนหรอื วิธี 1.3 เลือกแหล่งข้อมลู ทเี่ หมาะสม การศกึ ษาและระยะเวลา 1.4 จดั ทาเค้าโครงของโครงงาน หรือ - ศกึ ษาแหล่งเรียนรู้ที่ เกี่ยวข้อง - กาหนดวธิ กี ารท่ีจะ ศกึ ษาจากแหลง่ ความรู้ ต่างๆ - กาหนดระยะเวลา - กาหนดวธิ ีการนาเสนอ ผลงาน 2. นาขอ้ มลู ต้งั แตข่ น้ั ตอน 2. เตรียมประสานงานเพอ่ื อานวย ท่ี 1-2 มาเรียบเรียงจัดทา ความสะดวกตลอดจนดแู ลความ เค้าโครงของโครงงาน ปลอดภัยในการศกึ ษาตามข้นั ตอน ของโครงงาน ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึง่ โดยไมพ่ ึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 160
ขัน้ ตอนท่ี 2 กำรศกึ ษำเอกสำรที่เก่ยี วข้อง การศึกษาเอกสารท่ีเก่ียวข้องน้ี รวมไปถึงการขอคาปรึกษา หรือข้อมูลรายละเอียดอ่ืนๆ จาก ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เก่ียวข้องทุกระดับ รวมท้ังการสารวจวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ การดาเนินงานตามข้ันตอนนี้จะทาให้ เกิดความรู้ ความเข้าใจในรายละเอียดต่างๆ ของเน้ือหาท่ีเกี่ยวข้องเพิ่มมากข้ึน รวมทั้งทาให้เห็นถึงขอบข่าย ของภาระงานท่ีจะดาเนินการของโครงงานน้ี จะช่วยทาให้ไดแ้ นวคิดในการกาหนดขอบข่าย หรือเค้าโครงของ เร่ืองที่จะศึกษาชัดเจนว่า จะทาอะไร ทาไมต้องทา ต้องการให้เกิดอะไร ทาอย่างไร ใช้ทรัพยากรอะไร ทากับ ใคร เสนอผลอยา่ งไร การศึกษาเอกสารทเี่ กยี่ วข้องเราจะศกึ ษาไดด้ ังนี้ 1. จากการอ่านสื่อส่งิ พิมพ์ต่างๆ เชน่ ตารา หนังสือพมิ พ์ วารสาร เอกสารเผยแพร่ เป็นต้น 2. จากการไปเย่ียมชมสถานท่ีตา่ งๆเช่นวนอทุ ยาน สวนสตั ว์ พิพิธภณั ฑ์ โรงงาน เปน็ ต้น 3. จากการฟังบรรยายทางวิชาการการฟังและชมรายการทางวทิ ยแุ ละโทรทัศน์ 4. จากกจิ กรรมการเรยี นการสอนในโรงเรยี น 5. จากงานอดเิ รกของผู้เรยี นเอง 6. จากการเข้าชมนิทรรศการหรอื งานประกวดโครงงาน 7. จากการศึกษาโครงงานที่มีผู้อืน่ ทาไว้แลว้ 8. จากการสนทนากบั ครู เพ่ือนๆ หรือสมั ภาษณบ์ ุคคลอ่ืนๆ 9. จากการสังเกตปรากฏการณ์ตา่ งๆรอบตวั 10. ส่ือเทคโนโลยสี ารสนเทศ เช่น อนิ เตอรเ์ น็ต ฯลฯ การศึกษาเอกสารท่ีเก่ยี วข้องในทีน่ ้ี ยังรวมถงึ การขอคาปรึกษาจากผทู้ รงคณุ วุฒิและการสารวจวสั ดุ อุปกรณ์ต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องด้วย หลังจากที่ผู้เรียนได้หัวข้อเรื่องกว้างๆ ท่ีสนใจจะศึกษาค้นคว้าแล้ว ขั้นตอน ต่อไป คือ แหล่งท่ีผู้เรียนจะสามารถศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติม หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่ผู้เรียนสามารถขอคาปรึกษา ซึ่งการขอคาปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒินี้ ผู้เรียนต้องรู้จักจดบันทึกไว้ในสมุดหรือถ่ายเอกสารให้เป็นหลักฐาน เรยี บรอ้ ย เพอื่ นาไปแสดงในการแสดงโครงงานด้วย - ใครเปน็ ผ้เู ขยี น/ผแู้ ต่ง - ช่อื หนงั สือ/ชือ่ เรือ่ ง - โรงพมิ พ/์ สถานท่/ี ปที ี่พิมพ์ - หนา้ ทีค่ ัดลอกมา ข้อมลู ท้ังหมดนี้ผู้เรยี นสามารถนาไปเขยี นเป็นเอกสารอ้างอิง ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไม่พงึ่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 161
ขนั้ ตอนที่ 3 กำรเขียนเคำ้ โครงของโครงงำน เปน็ การสรา้ งแผนทค่ี วามคิด เปน็ การนาเอาภาพรวมของโครงงาน และภาพความสาเร็จของโครงงาน ทีว่ ิเคราะห์ไว้มาจัดทารายละเอียด เพื่อแสดงแนวคิด แผน และขั้นตอนการทาโครงงาน การดาเนินงานในขั้น นี้อาจใช้การระดมสมอง ถ้าเป็นการทางานเป็นกลุ่ม เพ่ือให้ผู้ร่วมงานและผู้เก่ียวข้องทุกคนได้มองเห็นภาระ งานตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้น รวมทั้งได้ทราบถึงบทบาทและระยะเวลาในการดาเนินงาน เมื่อเกิดความชดั เจน แล้วจึงนาเอามาเขียนเปน็ เค้าโครงของโครงงาน เม่ือศึกษาข้อมูลและเลือกหัวข้อโครงงานแล้ว จึงเริ่มเขียนเค้าโครงงาน โดยต้องคานึงถึงความ สะดวก กะทัดรัดและเหมาะสมกับลักษณะของโครงงาน คิดล่วงหน้าว่า จะทาอะไร อย่างไร เพื่อให้มีความ เข้าใจในการทางานอย่างเป็นระบบขั้นตอน ไม่สับสนวุ่นวาย โดยช่วยกันคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะปฏิบัติการสิ่ง ใดบ้าง กาหนดกิจกรรมโครงงาน รวมทั้งระยะเวลา วัสดุอุปกรณ์หรือสิ่งของต่างๆ ตามความจาเป็นท่ีช่วยให้ โครงงานไดร้ บั ความสาเร็จ โดยเขียนเปน็ โครงร่างหรือเคา้ โครง กอ่ นนาเสนอครทู ่ีปรึกษาเพือ่ ขอความเหน็ ชอบ การวางแผนท่ีดีจะนาไปสู่การทาโครงงานที่ราบรื่นได้ผลงานท่ีดี ใช้เวลาน้อย มีอุปสรรคน้อย ช่วยกาหนด ทิศทางงานได้ถูกต้อง เค้าโครงย่อโดยท่ัวๆ ไปประกอบด้วยหวั ข้อตอ่ ไปนี้ 1. ชื่อโครงงำน บอกให้ละเอยี ดวา่ ทาอะไร กบั ใคร เพ่ืออะไร 2. ช่ือผู้ทำโครงงำน ชื่อผู้รับผิดชอบโครงงานน้ี อาจทาเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ได้ แต่ก็ไม่ ควรเกินกลุ่มละ 5 คนต่อ 1 โครงงาน ประมาณ 3 คนจะเหมาะสม เพราะถ้าคนมากจะเก่ียงกันทางานและ ความรบั ผดิ ชอบงานนอ้ ยเกินไป 3. ช่ือที่ปรึกษำโครงงำน จะเป็นครูหรือผู้ท่ีแนะนา กากับดูแล ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ อาจ มากกว่า 1 คนแตเ่ ป็นผู้ทม่ี บี ทบาทดแู ลผูเ้ รียนอย่างจริงจัง 4. หลกั กำรและเหตุผล/แนวคดิ /ทมี่ ำและควำมสำคัญของโครงงำน สภาพปัจจุบันทีเ่ ป็นความ ต้องการ และความคาดหวงั ที่จะเกิดผล 5. จุดมุ่งหมำย/วัตถุประสงคข์ องกำรศกึ ษำคน้ คว้ำ สิ่งที่ตอ้ งการให้เกิดเมือ่ สิน้ สุดโครงงานในเชงิ ปรมิ าณและคณุ ภาพ 6. สมมุติฐำนของกำรศกึ ษำโครงงำน (ถ้ำม…ี .กรณีเป็นโครงงำนประเภททดลองหรือโครงงำน ในกลมุ่ สำระวิทยำศำสตร)์ ข้อตกลง ข้อกาหนด เงอ่ื นไข เป็นแนวทางในการพสิ ูจน์ใหเ้ ป็นไปตามท่กี าหนด หรือส่งิ ท่คี าดวา่ จะเกิดเมื่อสนิ้ สดุ โครงงาน 7. ข้นั ตอนกำรดำเนินงำน บอกรายละเอียด การทางาน เครอ่ื งมอื วสั ดอุ ุปกรณ์ สถานที่ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไมพ่ ่ึงยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 162
8. แผนกำรปฏิบตั ิโครงงำน วนั เวลา ท่ีเริ่มปฏิบตั งิ าน ขน้ั ตอนการดาเนินงานตามกิจกรรมท่ไี ด้ กาหนดไว้ ตั้งแตเ่ ร่ิมลงมือทาจนสาเร็จตามวัตถปุ ระสงค์ 9. ผลที่คำดว่ำจะไดร้ ับ สภาพของผลท่ีต้องการให้เกิด ทั้งทีเ่ ปน็ ผลผลิต กระบวนการ และ ผลกระทบ 10. เอกสำรอำ้ งอิง/บรรณำนุกรม ชอ่ื เอกสารข้อมูล ทีน่ ามาใช้ดาเนนิ งานจากแหลง่ ต่างๆ ขัน้ ตอนกำรเขยี นเค้ำโครงของโครงงำน 1.ชอ่ื โครงงาน 2. ชอ่ื ผู้ทาโครงงาน 3. ช่อื ครูทปี่ รึกษาโครงงาน 4. หลักการและเหตผุ ล/แนวคิด/ทมี่ าและความสาคัญของโครงงาน 5. จุดมงุ่ หมาย/วัตถุประสงคข์ องการศกึ ษาค้นคว้า 6. สมมุติฐานของการศึกษาค้นควา้ (ถา้ มี….กรณีเปน็ โครงงานประเภททดลองหรอื โครงงาน ในกลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์) 7. ข้ันตอน/วิธดี าเนินการ 7.1 วสั ดอุ ปุ กรณท์ ี่ต้องใช้ 7.2 แนวการศึกษาค้นควา้ 8. แผนการปฏิบตั ิงาน 9. ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ 10. เอกสารอา้ งอิง/บรรณานุกรม ขนั้ ตอนกำรเขียนเค้ำโครงของโครงงำน 1. ชื่อโครงงำน ควรเขียนให้ตรงกับเรอ่ื งท่ีจะทา เขียนใหส้ ้ัน กะทัดรดั ชัดเจน กระชับ ไม่ควรยาว เกินไป และใช้ข้อความท่ีมีความหมายเฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไร ระบุให้ชัดเจน สื่อความหมาย ได้ ใจความตรงกับเรื่อง ตรงกับงานท่ีผู้เรียนกาลังศึกษา เมื่ออ่านชื่อเรื่องแล้ว สามารถบอกได้ว่า เรื่องนั้นมี ลักษณะอย่างไร เป็นประโยคที่สมบูรณ์ มีประธาน กริยา กรรม และไม่ควรเป็นประโยคคาถาม เพราะไม่ใช่ คาถามหรือปญั หา ช่อื ควรเร้าความสนใจ แตต่ ้องไม่ผิดเพีย้ นไปจากเน้ือเร่อื งของโครงงาน 2. ชื่อผู้ทำโครงงำน/คณะทำงำน (ระบรุ ายช่อื คณะผเู้ รียนท่ีทาโครงงานทกุ คน) ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนง่ึ โดยไม่พ่งึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 163
3. ช่ือครูท่ีปรึกษำโครงงำน (ระบุช่ือครูท่ีให้คาแนะนาปรึกษา) อาจจะเป็นครูประจารายวิชา หรอื ครทู า่ นอืน่ หรอื ผเู้ ชย่ี วชาญทสี่ ามารถใหค้ าปรึกษาได้ 4. หลักกำรและเหตุผล/แนวคิด/ท่ีมำ/ควำมสำคัญของโครงงำน เขียนอธิบายถึงความเป็นมา เกี่ยวกับปัญหาท่ีสนใจจะศึกษาน้ีว่ามีหลักการความเป็นมา มีเหตุผลความจาเป็นอย่างไร แรงบันดาลใจหรือ แรงจูงใจ เหตุใดจึงได้เลือกทาโครงงานนี้ มีเหตุจูงใจอะไรท่ีทาให้สนใจเป็นกรณีพิเศษ โครงงานนี้มีคุณค่า มีความสาคัญอย่างไร ประโยชน์ท่ีจะได้จากการจัดทาโครงงานน้ี ดีอย่างไร ทาไมจึงต้องทา มีข้อมูลเก่ียวกับ ทฤษฎหี รอื หลักวิชาการหรือตัวเลขสถิติท่ีมคี วามเกี่ยวข้องปรากฏเด่นชัด ควรจัดระบบเพ่ิมเติมลงไปด้วย เพื่อ แสดงว่าโครงงานนี้มีความสาคัญ เป็นเร่ืองใหม่หรือมีผู้อ่ืนได้ศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้วเพื่อขยายปรับปรุงหรือ ทาซา้ เพอื่ ตรวจสอบผล 5. วัตถุประสงค์/จุดมุ่งหมำยของกำรศึกษำค้นคว้ำ เป็นการระบุความต้องการในการศึกษา ซ่ึงอาจเขียนเป็นข้อๆ โดยเขียนให้ผู้อ่ืนทราบว่าเราจะทาการศึกษาอะไร อย่างไร แต่ไม่ใช่นาเอาประโยชน์ท่ี เกดิ ข้ึนจากการทาโครงงานมาเขยี นเป็นจุดมุ่งหมาย ส่วนการระบุวัตถุประสงค์ของโครงงานนั้น จดั ว่าเป็นการ เขียนวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า หรือเป็นวัตถุประสงค์ของการทดลอง วัตถุประสงค์ที่ดี ควรมีความ เฉพาะเจาะจง เป็นส่ิงที่สามารถวัดได้ บอกขอบเขตของงานที่จะทาได้ชัดเจน และไม่เขียนอยู่ในรูปของ ประโยคคาถาม ท่ีสาคัญคือต้องสอดคล้องกับชื่อของโครงงาน (กาหนดเป็นหัวข้อสาคัญ ๆ ว่าในการจัดทา โครงงานนั้นต้องการให้เกิดผลอะไร เป็นช้ินงานมีปริมาณเท่าใด) หรือเพื่อให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพหรือ ประสิทธผิ ลอยา่ งไร และเพือ่ ใหป้ ระโยชน์แก่ใคร เป็นตน้ มีหลกั การเขยี นดังนี้ 5.1 มคี วามสาคญั หรือมีคุณค่าเพยี งพอ 5.2 ควรเขยี นเป็นข้อๆเพื่อให้มองเป็นแนวทางในการเกบ็ ข้อมูล 5.3 สามารถหาข้อมูลได้หรือทดสอบได้ 5.4 ต้องมแี นวทางในการสร้างสมมตุ ิฐานจากวตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา 5.5 ใชภ้ าษาชดั เจน เขา้ ใจง่าย 6. สมมุติฐำนของกำรศึกษำ(ถ้ำมี……..กรณีเป็นโครงงำนประเภททดลอง หรือโครงงำนกลุ่ม สำระวิทยำศำสตร์) สมมุติฐานเป็นคาตอบหรือคาอธิบายที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเก่ียวกับเรื่องท่ีจะศึกษา ค้นคว้าซ่ึงอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้แต่ต้องคานึงไว้ด้วยว่าการเขียนสมมุติฐานนั้นควรมีเหตุผล คือมีทฤษฎีหรือ หลักทางวิทยาศาสตร์มารองรับ มักเขียนเป็นข้อความท่ีสามารถมองเห็นแนวทางในการดาเนินงาน ทดลอง ทดสอบหรอื ตรวจสอบได้ ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไมพ่ ึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 164
7. วิธีกำรดำเนินงำน ให้ระบุขั้นตอนสาคัญๆตั้งแต่วันที่เริ่มทาโครงงานรวมระยะเวลาเนินงาน ขั้นตอนการปฏิบัติ ค่าใช้จ่าย ผู้รับผิดชอบ หรืออธิบายการเริ่มงาน การจัดทา การจัดรูปแบบ ออกแบบ ทดลองอะไร เก็บข้อมูลอะไรบ้าง อย่างไร และเมื่อใด ข้ันตอนการดาเนินงานเป็นอย่างไรประกอบด้วย ประชากรและกลุ่มตัวอย่างเลือกอย่างไร เครื่องมือมีอะไรบ้างการรวบรวมข้อมูลทาอย่างไร มีขั้นตอน วิธี รวบรวมและมีวิธีการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนอย่างไร การวิเคราะห์ และการใช้สถิติในการวิเคราะห์ บอกว่าใชค้ อมพวิ เตอรค์ านวณหรอื ไม่ ถ้าใชต้ ้องบอกวิธคี านวณ 7.1 วัสดุอุปกรณท์ ี่ตอ้ งใช้ ระบุว่าอปุ กรณ์ทใ่ี ชม้ ีอะไรบา้ ง มีขนาดเทา่ ใด วัสดุอปุ กรณม์ าจากไหน สิ่งใดทตี่ อ้ งซ้อื และสิ่งใดทตี่ อ้ งขอยืม สิ่งท่ีตอ้ งจดั ทาเองมีอะไรบ้าง 7.2 แนวกำรศึกษำค้นคว้ำ ให้อธิบายว่าจะออกแบบทดลอง อะไร ทาอย่างไร จะดาเนินการสร้าง หรือประดิษฐ์อะไร อย่างไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เก็บข้อมูลเพื่อศึกษาค้นคว้าอะไรบ้าง อย่างไร ก่ีคร้ัง มาก หรือน้อยเพียงใด ที่ไหน เมื่อใด ( เขียนข้อความที่มองเห็นแนวการดาเนินงาน เป็นหลักทฤษฎีหรือหลัก วิชาการ หรอื ประสบการณ์ที่เกิดขน้ึ ในเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ) 8. แผนกำรปฏิบัติอธิบายเกี่ยวกับกิจกรรมและกาหนดเวลาต้ังแต่เริ่มต้นปฏิบัติ ทาโครงงาน เรื่อยไปจนเสร็จสิ้นการดาเนินในแต่ละขั้นตอนเป็นการกาหนดโครงงานแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียดตั้งแต่ต้น จนจบจงึ ควรเขยี นเปน็ แผนภูมิแสดงขัน้ ตอนในการทากจิ กรรม (ให้ระบรุ ายละเอียดลงไปวา่ ในแตล่ ะสัปดาหจ์ ะ ทาอะไร หรือมีการวางแผนการทากิจกรรมอะไร จะใช้เวลานานเท่าใด จัดทาสถานที่ใดและใครเป็น ผรู้ บั ผิดชอบ) ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนงึ่ โดยไมพ่ ึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 165
ตัวอยำ่ งกำรเขยี นแผนปฏบิ ัติงำน ลำดบั กจิ กรรม ระยะเวลำ สถำนที่ ทรัพยำกร/ปจั จยั ผรู้ ับผิดชอบ 1 จดั เตรียมวสั ดุอุปกรณ์ มี.ค. 2562 บา้ น วสั ดุ/อุปกรณ์ สมาชกิ กลุม่ 2 การปฏบิ ตั งิ าน ก.ค. 2562 บา้ น วสั ดุ/อปุ กรณ์ สมาชกิ กล่มุ 3 การตรวจสอบผลงาน ส.ค. 2562 บ้าน ทาการทดลองใช้ สมาชกิ กลุ่ม 4 การปรับปรุงแก้ไข ก.ย. 2562 บ้าน ผลงานที่บกพร่อง สมาชิกกลุ่ม 9. ผลท่ีคำดว่ำจะได้รับ เป็นการกล่าวถึงประโยชน์ท่ีจะได้รับจากการทาโครงงาน จะมีอะไร เกิดข้ึน มีปริมาณมากน้อยเพียงใดมีประสิทธิภาพหรือคุณภาพอย่างไรจะได้รับประโยชน์หลายลักษณะหรือ ลักษณะใดลกั ษณะหน่งึ จากการทาโครงงานคร้งั น้ีอย่างไร ทงั้ กบั ตนเอง เพ่อื นๆ และบคุ คลทวั่ ไป 10. เอกสำรอ้ำงอิงหรือบรรณำนกุ รม เป็นการอา้ งอิงถงึ หนังสือและเอกสารต่าง ๆ ที่ผู้ทาโครงงาน ใชค้ ้นคว้าหรอื อ่านเพ่ือศึกษาหาข้อมลู หรือรายละเอียดตา่ ง ๆ ที่นามาใชเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ การทาโครงงาน เป็น การบอกให้ผู้อื่นทราบว่าผู้เรียนได้ทาการศึกษาค้นคว้าข้อมูลมาจากแหล่งใดบ้าง การเขียนต้องระบุ หนังสือ เอกสารท่ีเกีย่ วข้องเพ่ือใช้อ้างองิ ทางวชิ าการ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่งึ โดยไม่พึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 166
ตัวอยำ่ งเคำ้ โครงงำน โครงงำนกิจกรรมปอ้ งกันยำเสพตดิ ในหอ้ งเรียน ช้นั มัธยมศกึ ษำตอนปลำย ปีกำรศึกษำ 2562 ชือ่ โครงงำน .................................................................................................. ผู้รบั ผิดชอบโครงงำน 1. ............................................................................... 2. ............................................................................... 3. ............................................................................... ครูทป่ี รึกษำ 1. .............................................................................. 2. .............................................................................. 1. สภำพปัญหำ ด้วย กศน.อาเภอเมืองพังงา ได้กาหนดนโยบายให้นักเรียนลด ละ เลิก และไม่ยุ่งเก่ียวกับยา เสพติด ในสภาพปัจจุบันห้องเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้พบปัญหาว่าผู้เรียนไม่ตระหนักถึงปัญหาที่ จะเกิดขึ้นจากการเข้าไปยุ่งเก่ียวกับยาเสพติดเท่าท่ีควร ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหายาเสพติดขยาย เข้าสู่ห้องเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย นายสุชาติ หมายดี จึงจัดโครงงานกิจกรรมป้องกันยาเสพติดใน ห้องเรียนขึ้นซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ความรู้ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเพื่อนในห้องไม่ไปสนใจยาเสพติดส่งผลให้ กศน.ตาบลบางเตย เป็นห้องเรียนสีขาวตานโยบายและเข้าเกณฑ์มาตรฐานกิจกรรม สถานศึกษาสีขาวและ สถานศกึ ษาผา่ นการประเมินระดบั ท่ีสงู ขนึ้ สง่ ผลต่อ ครอบครวั และชุมชน 2. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ปอ้ งกันและลดปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด 2. เพอื่ ปลูกฝังใหผ้ ู้เรยี นมีจิตสานึกร่วมกนั ในการดูแลเฝ้าระวงั ไม่ใหม้ กี ารแพร่ระบาดของ ยาเสพติดและอบายมขุ เกิดกาลงั ใจทีจ่ ะไม่ย่งุ เกยี่ วกับบุหร่ี สุรา และยาเสพตดิ 3. เพอ่ื สง่ เสริมการร้จู ักใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ 3. เปำ้ หมำย 3.1 เป้าหมายเชงิ ปรมิ าณ ผู้เรียนระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 5 คน 3.2 เปา้ หมายเชงิ คณุ ภาพผูเ้ รียนระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ได้รว่ มกิจกรรม ตั้งใจ ประพฤตดิ ี ไม่ยงุ่ เก่ยี วกับบุหร่ี สุรา และยาเสพตดิ และเปน็ ผมู้ ีสขุ ภาพกายและสุขภาพจิตทีด่ ี ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่งึ โดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 167
4.วธิ ีดำเนินงำน กจิ กรรม/ข้ันตอน/วิธปี ฏบิ ตั ิ ระยะเวลำดำเนินกำร ผรู้ บั ผิดชอบ ข้นั เตรยี ม นายสุชาติ หมายดี/ คณะ 1. ประชมุ วางแผน มิถุนายน 2562 นายสชุ าติ หมายดี 2. เขยี นโครงการ นายสชุ าติ หมายดี มิถุนายน 2562 และสมาชิกกลุม่ ขน้ั ดำเนินงำน 1. เสนออนุมัตโิ ครงการ มถิ นุ ายน 2562 ครูทป่ี รกึ ษาและสมาชิกกลุ่ม 2. ดาเนินงานตามกิจกรรม . กจิ กรรมที่ 1 จัดตกแตง่ หอ้ งเรยี นทาปา้ ยนิเทศ 26 มถิ ุนายน 2562 กิจกรรมที่ 2 เดินรณรงค์ ยาเสพติด มถิ นุ ายน 62 - กมุ ภาพันธ์ 63 กิจกรรมที่ 3 เพอ่ื นชว่ ย เพอื่ น มถิ ุนายน 62 - กุมภาพนั ธ์ 63 กิจกรรมท่ี 4 จติ อาสา มิถนุ ายน 62 - กุมภาพนั ธ์ 63 กิจกรรมท่ี 5 ปลกู ฝัง พัฒนาคณุ ธรรม มถิ ุนายน 62 - กมุ ภาพันธ์ 63 กจิ กรรมท่ี 6 กิจกรรมตาม ความสนใจกีฬา ดนตรี ศิลปะ มถิ ุนายน 62 - กมุ ภาพันธ์ 63 ขัน้ สรุป ครั้งท่ี 1 กันยายน 2562 1. สังเกต/แบบสอบถาม ครง้ั ที่ 2 กุมภาพนั ธ์ 2563 2. รายงานผลตอ่ ผบู้ รหิ าร 5.สถำนทีด่ ำเนนิ งำน กศน.ตาบลบางเตย อาเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา 6.ระยะเวลำดำเนินงำน มิถนุ ายน 2562 – กมุ ภาพันธ์ 2563 ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึง่ โดยไมพ่ ึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 168
7.กำรวัดและประเมนิ ผล ตัวบ่งชี้ควำมสำเรจ็ วธิ ีกำรประเมนิ เคร่ืองมือ 1. ผ้เู รยี นรอ้ ยละ 100 ไดร้ ว่ มกจิ กรรม สร้างจิตสานึก 1. สารวจการเข้ารว่ ม 1. แบบสารวจการเข้ารว่ ม ส่งเสรมิ ใหห้ ่างไกลยาเสพติดและอบายมขุ กิจกรรม กิจกรม 2. ผูเ้ รยี นร้อยละ 100 เปน็ ผู้ห่างไกลยาเสพตดิ และ อบายมุข 1. สงั เกต 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 2. ประเมนิ 2. แบบประเมินผลการจดั กิจกรรม 8.ผลทคี่ ำดว่ำจะไดร้ บั 1. ผเู้ รยี นได้รบั ความร้เู กีย่ วกับภัยของยาเสพติด 2. ผูเ้ รยี นมสี ่วนในการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 3. ห้องเรียน มคี วามสงบเรยี บรอ้ ยปราศจากยาเสพติด และมีจติ อาสา รูจ้ ักใช้เวลาว่างให้ เปน็ ประโยชน์ (ลงชอ่ื ).......................................ผ้เู สนอโครงการ ( นายสชุ าติ หมายดี ) ตาแหน่ง ประธานกลุ่ม (ลงชอ่ื )............................................ผ้อู นุมตั โิ ครงการ 169 (...........................................) หวั หน้า กศน.ตาบล ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไม่พ่ึงยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ตวั อย่ำงเคำ้ โครงงำน ชอ่ื โครงงำน To Be Number One รณรงคป์ ้องกนั ยำเสพตดิ ในชมุ ชน ผ้รู บั ผิดชอบโครงงำน นางจนั จิรา โภคผล หนว่ ยงำน กศน.อาเภอเมืองพังงา ระยะเวลำดำเนินกำร มิถุนายน 2562 – กนั ยายน 2562 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ หลกั กำรและเหตผุ ล นโยบายของรัฐบาลปัจจุบันให้ความสาคัญต่อเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยา เสพติดได้มาก โดยได้ประกาศนโยบายฟ้ืนฟูคา่ นยิ มในเร่ืองคณุ ธรรม จริยธรรม การดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นการจัดระเบียบลดปัจจัยเสี่ยง เช่น สถานบันเทิง/สถานบริการ ร้านเกม ร้าน อินเตอร์เน็ต โต๊ะสนุ๊ก เป็นต้น รวมท้ังเสริมปัจจัยบวกสาหรับเยาวชน การพัฒนาเยาวชน เพ่ิมกิจกรรม สร้างสรรค์เยาวชน เช่น การประกวดกิจกรรม การส่งเสริมสุนทรียศาสตร์ต่าง ๆ การเล่นดนตรี การเล่นกีฬา การอบรมพัฒนาคุณธรรม รอบครัวสัมพันธ์ การสร้างเครือข่ายเยาวชน ฯลฯ ฉะนั้น เพื่อเป็นการ สนับสนุน กิจกรรม TO BE NUMBER ONE ของ กศน.อาเภอเมืองพังงา ให้เข้มแข็ง จึงได้จัดทาโครงการ TO BE NUMBER ONE รณรงคป์ อ้ งกันยาเสพติดในชุมชน ข้นึ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื รณรงค์ป้องกันแกไ้ ขปญั หายาเสพติดในชมุ ชน 2. เพื่อสนบั สนุนให้เยาวชนในชุมชน สถานศกึ ษาและสถานประกอบการ จดั กจิ กรรมสร้างสรรค์ อยา่ งต่อเน่อื ง 3. เพื่อสร้างเครือขา่ ยและพัฒนาทกั ษะในการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหายาเสพตดิ ยุทธศำสตร์ กิจกรรม TO BE NUMBER ONE ชมุ ชนบา้ นบางเสียด จัดต้ังขึ้น ตามโครงการ TO BE NUMBER ONE ซง่ึ เป็นโครงการรณรงค์ปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีทลู กระหม่อมหญิงอบุ ลรัตนร์ าชกัญญา สริ วิ ัฒนาพรรณวดี เปน็ องคป์ ระธาน ประกอบดว้ ย 3 ยุทธศาสตร์ ไดแ้ ก่ 1. การรณรงค์ปลกุ จิตสานกึ และสรา้ งกระแสนยิ มท่ีเอ้ือต่อการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ 2. การเสริมสร้างภูมคิ ุ้มกนั ทางจติ ใหแ้ ก่เยาวชน 3. การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพ่ือการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไม่พ่ึงยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 170
กลุม่ เป้ำหมำยทไี่ ด้รบั ประโยชน์ 1. เปา้ หมายดา้ นปรมิ าณ 1.1 ผู้เรียน ทกุ ระดับช้นั จานวน 40 คน 1.2 ครู ผ้เู รยี นและชุมชน มสี ่วนรว่ มในการดาเนนิ โครงการ และจัดกิจกรรมตา่ งๆ 2. เปา้ หมายดา้ นคุณภาพ 2.1 ผู้เรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ โทษของสารเสพติด และเลง็ เห็นประโยชนข์ องการรณรงค์ ต่อตา้ นยาเสพติด 2.2 ผเู้ รยี นกลา้ แสดงออกในทางสร้างสรรค์ และชุมชนเห็นประโยชน์ของการทากิจกรรม 2.3 ผู้เรียนเขา้ ใจบทบาทหนา้ ท่ขี องตนเอง รู้จกั ใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ผ้รู บั ผดิ ชอบ นางจนั จิรา โภคผล หน่วยงำนท่ีเกี่ยวขอ้ ง 1. กศน.อาเภอเมืองพงั งา 2. เทศบาลตาบลบางเตย 3. โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตาบลบางเตย พ้นื ท่ีดำเนินกำร 1. กศน.ตาบลบางเตย อาเภอเมืองพังงา จงั หวดั พังงา 2. ชุมชนบ้านบางเสียด ตาบลบางเตย อาเภอเมอื งพังงา ระยะเวลำในกำรดำเนินงำน มถิ นุ ายน 2562 – กนั ยายน 2562 ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไม่พึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 171
รำยละเอยี ดกำรจดั กจิ กรรมและงบประมำณ ระยะเวลำ(เดอื น) งบประมำณ กิจกรรม มิถุนายน - - 1.ข้ันเตรียมกำร มิถุนายน - ประชุมวางแผน 6,000 - วเิ คราะห์ข้อมลู ปัญหาความตอ้ งการจาเปน็ มถิ ุนายน-สิงหาคม 16,000 - หาแนวทางแก้ไข 2. ขั้นดำเนินกำร มถิ ุนายน – สงิ หาคม - ประเมินผลตามโครงการ 2.1.จดั ทาโครงการเพ่ือขออนมุ ัติ 2.2.แต่งตง้ั คณะกรรมการดาเนินการ 30 กนั ยายน 2562 2.3.ประชมุ คณะกรรมการดาเนนิ การงาน จดั ทำแผนดำเนินกำรดงั นี้ - จัดหาอาคาร/ห้อง สาหรบั จดั ตัง้ ชมรม พร้อมท้ัง ตกแต่งให้เอื้อต่อการให้บริการและการจัดการเรียนรู้ และกจิ กรรม 3.จดั กิจกรรมตำมโครงกำร - กิจกรรมรณรงคต์ อ่ ต้านยาเสพติด 4. ขั้นประเมนิ ผล - จากแบบสอบถาม - จากการสังเกตพฤติกรรม - จากการซกั ถาม – สอบถาม - รายงานผลระหวา่ งดาเนนิ งานและหลงั สิ้นสุดการ ดาเนนิ งาน - รายงานโครงการ กศน.อาเภอเมืองพังงา งบประมาณจากกศน.อาเภอเมอื งพงั งา จานวน 2,000 บาท งบประมาณสนับสนนุ จากเทศบาลตาบลบางเตย จานวน 20,000 บาท รวมงบประมำณทง้ั สิน้ จำนวน 22,000 บำท (สองหมืน่ สองพนั บำทถ้วน) ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่งึ โดยไม่พง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 172
กำรประเมนิ ผลและรำยงำนผล ประเมินผลจากความสาเร็จของโครงการ โดยวิธกี ารสังเกต การสมั ภาษณ์ สอบถาม การรายงานผล โครงการ และการประเมนิ ผลโครงการ/กจิ กรรม ผลที่คำดว่ำจะได้รบั 1. ผเู้ รยี นมีจติ สานึกและเห็นความสาคัญของการรณรงค์ต่อตา้ นยาเสพติดทุกรปู แบบ 2. ผูเ้ รยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจและมภี ูมิคุ้มกนั ทางจติ ในการปอ้ งกันปัญหายาเสพติด 3. ผเู้ รียนสามารถสร้างและพฒั นาเครือข่ายเพ่ือการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไดด้ ว้ ยตนเอง ลงชอ่ื .........................................................ผเู้ สนอโครงการ ( นางจนั จริ า โภคผล ) ตาแหนง่ ประธานชมรม ลงชือ่ ..........................................................ผู้เห็นชอบโครงการ ( นายศิริศกั ด์ิ เทพณรงค์ ) ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล ลงชื่อ............................................................ผอู้ นมุ ัติโครงการ ( นายวิทยา คชสทิ ธิ์ ) ตาแหนง่ ผู้อานวยการกศน.อาเภอเมืองพังงา ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไมพ่ งึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 173
ตัวอย่ำงเคำ้ โครงของโครงงำน (อกี รูปแบบหนงึ่ ) กศน.ตำบล..................................อาเภอ..................................จงั หวัด....................................... 1.ชื่อโครงงำน...................................................................................................................................... 2.ชอ่ื ผู้ทำโครงงำน 2.1 ................................................................ ระดบั ..................................เลขท.ี่ .......................... 2.2 ................................................................ ระดบั ..................................เลขท.่ี .......................... 2.3 ................................................................ ระดับ..................................เลขท.ี่ .......................... 3.ชอื่ ครูท่ีปรึกษำ............................................................................................................................................ 4.หลักกำรและเหตผุ ลหรอื ที่มำและควำมสำคญั ของโครงงำน ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 5.วตั ถปุ ระสงค์ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .......................................... 6.เปำ้ หมำย............................................................................................................................. ........................ 7.วธิ ีดำเนินกำร 7.1วัสดุอุปกรณ์ ........................................................................................................................................................ ..... 7.2แนวกำรศกึ ษำคน้ ควำ้ ............................................................................................................................................................. 8.แผนปฏบิ ัตงิ ำน ลำดับ กจิ กรรม ระยะเวลำ สถำนที่ ทรัพยำกร/ ผู้รับผิดชอบ หมำย ท่ี ปัจจยั เหตุ ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไมพ่ ่งึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 174
9.ระยะเวลำดำเนนิ กำร เร่ิมตง้ั แตว่ นั ที่...........................เดือน.............................................พ.ศ............................................. ส้ินสดุ วนั ที่...............................เดือน.............................................พ.ศ............................................. 10.งบประมำณท่ใี ช้................................ บาท 11.กำรตดิ ตำมและประเมนิ ผล ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... 12.ผลทคี่ ำดวำ่ จะได้รับ ................................................................................................. .......................................................................... ........................................................................................................................................................................... 13.เอกสำรอ้ำงอิง ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ผู้ขออนุญาตดาเนินโครงงาน ลงชอ่ื ................................................ผู้ขออนญุ าต (............................................................................) วันท่ี.............เดือน...........................พ.ศ........................ ผู้ขออนุญาตดาเนินโครงงาน ลงชอ่ื ................................................ผขู้ ออนุญาต (............................................................................) วนั ที่.............เดือน...........................พ.ศ........................ ผขู้ ออนุญาตดาเนนิ โครงงาน ลงช่ือ................................................ผขู้ ออนุญาต (............................................................................) ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไม่พง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 175
วนั ท่ี.............เดอื น...........................พ.ศ........................ ผอู้ นญุ าตดาเนนิ โครงงาน ลงชอื่ ................................................ผอู้ นุญาต (............................................................................) วันท่ี.............เดือน...........................พ.ศ....................... แบบกำรเขียนโครงงำน (อีกรูปแบบหนึง่ ) เมอ่ื ไดพ้ ิจารณาศึกษาข้อมลู ต่างๆ ของโครงงานแล้วตดั สินใจทาตามหวั ข้อท่ีเลือกเสร็จแล้ว จึงเริม่ เขียนเคา้ โครงงาน เสนอต่ออาจารย์ท่ีปรึกษาให้ความเหน็ ชอบ มีรูปแบบดงั นี้ 1.ช่ือโครงงำน (ระบุ ชอ่ื โครงงานทช่ี ดั เจน กะทดั รดั ชัดเจน) 2.ชื่อผจู้ ัดทำโครงงำน 1).................................................................................................................. ................................. 2)........................................................................................................ ........................................... 3.ชื่อครูอำจำรย์ทป่ี รึกษำ ( ระบุชอื่ ครูอาจารยท์ ี่ใหค้ าปรึกษา) 1)..................................................................................................................................... ................ 4.ควำมสำคญั ของโครงงำน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................... ................................................................. ....................................................................................... ..................................................................................... (เขียนอธิบายโครงงานว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ดอี ยา่ งไร ทาไมตอ้ งทา มีหลกั ทฤษฏีใดสนบั สนนุ ฯลฯ) 5.จดุ มุ่งหมำย 5.1 ............................................................................................................................................. 5.2 ............................................................................................................................................. 5.3 ............................................................................................................................................. ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนงึ่ โดยไมพ่ ึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 176
5.4 ............................................................................................................................................. 6.กำรศึกษำข้อมูลโครงงำน ........................................................................................................................................................... ........................................................ .......................................................................................... .......................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ (เขยี นข้อความทม่ี องเหน็ แนวการดาเนนิ งาน เป็นหลกั ทฤษฏหี รอื หลักวิชาการ หรือประสบการณท์ เี่ กิดขนึ้ ในเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ) ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนง่ึ โดยไมพ่ ึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 177
7.กำรดำเนนิ งำน วันเรมิ่ ตน้ โครงงาน.....................................วนั สิน้ สุดโครงงาน.................................................... วัน เดอื น ปี รำยกำรปฏิบตั ิงำน สถำนที่ ผูร้ ับผดิ ชอบ หมำยเหตุ (ระยะเวลำ) ศึกษาเอกหนงั สือ เอกสาร... ศกึ ษาการใชโ้ ปรแกรม... จดั ทาโครงรา่ งงาน... ออกแบบ... ปฏิบตั กิ ารสรา้ ง... ปรบั ปรุงทดสอบ... การทาเอกสารประกอบ... การประเมินงาน... นาเสนอ... 8.ผลที่คำดวำ่ จะไดร้ ับ 8.1 ............................................................................... ...................................................... ...... 8.2 ............................................................................................................................................ 8.3 ............................................................................................................................. ............... 8.4 ............................................................................................................................................ (ระบุความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ ความแปลกใหม่ ความคิดใหม่ ผลงานตรงตามจุดหมาย) ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไมพ่ ึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 178
9.เอกสำรอำ้ งองิ ............................................................................................... ............................................................................. .................................................................................... ........................................................................................ ........................................................................................................................... ................................................. (ระบุหนังสือ เอกสาร ที่เกี่ยวขอ้ งใช้อ้างองิ ทางวชิ าการ) ขัน้ ตอนที่ 4 กำรปฏบิ ตั ิโครงงำน เป็นการดาเนินงานหลังจากที่โครงงานที่ได้รับความเห็นชอบจากครูท่ีปรึกษา และได้รับการอนุมัติ จากสถานศึกษาแล้ว ผู้เรียนต้องลงมือปฏิบัติงานตามแผนงานที่กาหนดไว้ในเค้าโครงของโครงงาน และ ระหว่างการปฏิบัติงาน ต้องมีการจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ไว้อย่างละเอียดว่า ทาอะไรได้ผลอย่างไร ปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไขอย่างไร การบันทึกข้อมูลดังกล่าวน้ี ต้องจัดทาอย่างเป็นระบบ ระเบียบ เพื่อ จะได้ใช้เป็นข้อมูลสาหรับการปรับปรุงการดาเนินงานในโอกาสต่อไปด้วย การปฏิบัติกิจกรรมตามท่ีระบุไว้ใน ขั้นตอนดาเนินงานในโครงงาน ถือว่าเป็นการเรียนรู้เน้ือหา ฝึกทักษะต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในจุดประสงค์การ เรยี นรู้ และการปฏิบัติโครงงานควรใช้เวลาดาเนินการ ในสถานศึกษามากกวา่ ที่จะทาที่บ้านตลอดจนคานงึ ถึง สภาพแวดล้อม มีการบันทึกผลการปฏิบัติเป็นระยะๆ เพ่ือรายงานความก้าวหน้าของโครงงานต่อ ผู้สอน จานวนครง้ั ของการรายงานน้ัน ผู้สอนควรกาหนดโดยทาขอ้ ตกลงร่วมกนั ระหว่างผู้เรียน โดยผู้สอน ต้องลงลายมือช่ือตรวจสอบและให้ข้อคิดเห็นในแบบบันทึกผลการปฏิบัติงานไว้เป็นหลักฐาน มีการจดบันทึก ข้อมูลต่างๆไว้อย่างละเอียดว่า ทาอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคและมีแนวทางแก้ไขอย่างไรและ การบันทึกข้อมูลควรจัดทาอย่างมีระบบระเบียบ เพื่อนามาเป็นข้อมูลในการปรับปรุงและพัฒนาต่อไป เม่ือ ดาเนินโครงงานครบถ้วนตามข้ันตอนได้ข้อมูลแล้ว ถ้าเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์ควรมีการตรวจสอบผลการ ทดลองซ้า หลังจากนั้นทาการวิเคราะห์ข้อมูล ทาการแปลผล สรุปผลการทดลอง พร้อมท้ังอภิปรายผล การศึกษา ขัน้ ตอนกำรดำเนินงำน 1. เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์และสถานทีใ่ ห้พร้อมก่อนลงมือปฏบิ ตั ิ 2. มสี มดุ บันทึกกจิ กรรมประจาวนั ว่าได้ทาอะไรไป ไดผ้ ลอยา่ งไร มปี ญั หาและข้อคิดเหน็ อยา่ งไร 3. ปฏิบัตกิ ิจกรรมดว้ ยความรอบคอบ และบนั ทึกข้อมลู ไวใ้ ห้เปน็ ระเบียบและครบถ้วน ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไม่พึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 179
4. คานึงถงึ ความประหยดั และความปลอดภัยในการทางาน 5. พยายามทาตามแผนงานที่วางไวใ้ นตอนแรก แต่อาจเปล่ยี นแปลงหรอื เพ่ิมเติมบา้ งหลงั จากทีไ่ ด้ เร่มิ ต้นทางานไปแลว้ ถา้ คิดวา่ จะทาให้ผลดีข้ึน 6. ถา้ เปน็ โครงงานวิทยาศาสตรค์ วรปฏบิ ตั กิ ารทดลองซา้ เพ่อื ให้ได้ข้อมูลท่นี ่าเชอื่ ถือ 7. ควรแบง่ งานเป็นส่วนยอ่ ยๆและทาแต่ละสว่ นใหส้ าเรจ็ ก่อนทาสว่ นอื่นตอ่ ไป 8. ควรทางานสว่ นทเ่ี ป็นหลักสาคัญๆใหเ้ สรจ็ จึงทาสว่ นท่ีเป็นสว่ นประกอบ หรือส่วนเสริมเพ่ือตกแต่ง 9. อยา่ ทางานต่อเน่ืองจนเมื่อยล้า จะทาใหข้ าดความระมดั ระวงั 10. ถา้ เปน็ โครงงานประเภทส่ิงประดษิ ฐ์ ควรคานึงถงึ ความคงทนแขง็ แรง และขนาดทเ่ี หมาะสม ตวั อย่ำงแบบบนั ทกึ ผลกำรปฏบิ ัตงิ ำน ลาดบั กิจกรรม ผลการปฏิบัตงิ าน ปัญหา/ ครทู ปี่ รึกษา ขอ้ คิดเห็นของครู อปุ สรรค/แนว รบั ทราบ ท่ปี รกึ ษา วนั /เดอื น/ปี ทางแก้ไข ขน้ั ตอนที่ 5 กำรเขียนรำยงำน ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนง่ึ โดยไมพ่ ่งึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 180
เป็นการสรุปผลการดาเนินงานโครงงาน เพื่อให้ผู้อื่นได้ทราบแนวคิด วิธีดาเนินงาน ผลท่ีได้รับ ตลอดจนข้อสรุป ข้อเสนอแนะต่างๆ เก่ียวกับโครงงาน การเขียนรายงาน ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน และครอบคลุมประเด็นสาคัญๆ ของโครงงานท่ีปฏิบัติไปแล้ว โดยอาจเขียนในรูปของสรุปรายงานผล ซึ่งอาจประกอบด้วยหัวข้อต่างๆ ดังนี้ บทคัดย่อ บทนา เอกสารที่เกี่ยวข้อง วิธีการดาเนินงาน ผลการศึกษา สรุปและอภปิ รายผล ข้อเสนอแนะ และตารางทเ่ี กยี่ วข้อง ตัวอย่ำงรูปแบบปก ชอื่ โครงงาน................................................ ผ้จู ดั ทา 1.................................................... 2.................................................... 3.................................................... ครทู ่ีปรึกษา ............................................................................ กศน.ตาบล………………………………….. อาเภอ………………………………. จงั หวัด……………………….. วันที่.............เดอื น...........................พ.ศ................... ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไม่พ่งึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 181
รำยงำนโครงงำน 1. ชื่อโครงงำน 2. ชอื่ ผทู้ ำโครงงำน 3. ชอ่ื ท่ปี รึกษำโครงงำน 4. ชอื่ สถำนศึกษำ และวนั เดอื นปีทที่ ำโครงงำน 5. คำนำหรือบทคัดย่อ คาอธิบายย่อๆถึงเหตุจูงใจในการทาโครงงาน ซึ่งผู้เรียนต้องทาโครงงาน เรียบร้อยแล้วจึงเขียนบทคัดย่อได้ วิธีเขียนคือ บอกชื่อโครงงานที่ผู้เรียนทา บอกวัตถุประสงค์ในการทา โครงงานน้ันๆ บอกวิธีการศึกษาทดลองต่างๆเฉพาะส่วนที่เป็นสาระสาคัญ บอกผลการศึกษาทดลอง โดย นามาจากบทสรุปผลการศกึ ษา โดยท่วั ไปบทคดั ย่อมีความยาวไมเ่ กนิ ครง่ึ หนา้ กระดาษ หรือ 300-350 คา 6. กิตติกรรมประกำศ (คำขอบคุณ) ในส่วนนี้ผู้ทาโครงงานจะเขียนกล่าวแสดงความขอบคุณ ผู้ท่ี ช่วยให้ความชว่ ยเหลือทาให้โครงงานของผู้เรยี นสาเร็จลุลว่ งไปด้วยดี อาจจะเป็นบุคคลหรือสถานท่ี เช่น ผู้ให้ คาแนะนาในการทาโครงงาน ใหใ้ ชเ้ ครือ่ งมือ ให้ใช้สถานท่ี ให้เงินทุนในการทาโครงงาน ฯลฯ และลงท้ายด้วย คาว่าคณะผู้จดั ทา 7. สำรบัญ 7.1 สารบัญตาราง (ถา้ มี) 7.2 สารบญั ภาพประกอบ (ถ้าม)ี 8. ท่ีมำและควำมสำคัญของโครงงำน เหตใุ ดจึงทาโครงงานน้ี 9. วตั ถุประสงค์ คือจุดหมายในการทางานใหเ้ ขยี นเปน็ ขอ้ ๆใหช้ ดั เจน 10. สมมตุ ิฐำนกำรค้นคว้ำ (ถา้ ม.ี ส่วนมากเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์) การเขยี นสมมุตฐิ านใหเ้ ขียน เป็นประโยคบอกเล่า ที่มีต้ังแต่ตัวแปรต้น และตัวแปรตาม ซ่ึงสามารถแนะแนวทาง ในการวางแผนการ ทดลอง เพ่ือตรวจสอบสมมตุ ิฐานได้มีความสอดคลอ้ งกับวัตถุประสงค์ ในการเขียนสมมตุ ิฐานนน้ั ผู้เขียนจะใช้ วิธีให้ผู้เรียนคาดคะเนคาตอบของปัญหาที่เรายังไม่รู้คาตอบไว้ล่วงหน้า ก่อนทาการทดลอง โดยอาศัยการ สังเกตความรปู้ ระสบการณ์เดมิ ของผู้เรียนเปน็ พ้นื ฐาน สมมตุ ฐิ านอาจจะถกู หรือผิดก็ได้ 11. เอกสำรที่เกี่ยวข้อง เป็นการเขียนอ้างองิ เนื้อหาต่างๆ ที่เรานามาเขียนเป็นการบอกแหล่งที่มา ของข้อมูลท่ีเรานามาเขียนไว้ในบทต่างๆทาให้ทราบว่านาข้อความมาจากหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ใด โดยเป็น ขอ้ มลู ความรู้ท่ีเก่ยี วข้องกบั เนือ้ หาโครงงานทีผ่ ู้เรยี นปฏิบตั ิ 12. วธิ ดี ำเนนิ กำร สถำนที่ วสั ดอุ ปุ กรณท์ ีใ่ ช้ทำโครงงำน วิธกี ารศกึ ษา มีข้อพิจารณาดงั นี้ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไมพ่ ึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 182
12.1 อธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดยละเอียด เช่น ขั้นตอนท่ี 1 เป็นข้ันตอนศึกษาอะไร ผู้เรียนศึกษาหรือแบ่งกลุ่มศึกษาอย่างไรและดูผลจากอะไร โดยวิธีไหน อย่างไร เป็นต้น ถัดจากนั้น ข้ันตอน ท่ี 2 3 4 ทาอยา่ งไรไปเร่อื ยๆ 12.2 เขียนวิธีการทดลอง โดยเรียงลาดับก่อนหลัง ใส่หมายเลขเป็นข้อๆ เขียนให้ได้ใจความ ตอ่ เนื่อง ชดั เจน กะทัดรัด อ่านแล้วเขา้ ใจง่าย ไมก่ วน 12.3 บอกวธิ ีการหาข้อมูลวา่ ทาอยา่ งไร เช่น นามาเขียนในรูปตาราง แผนภมู ิ กราฟ ฯลฯ 13. ผลกำรศึกษำค้นคว้ำ คือผลที่ได้จากการศึกษา เขียนตามวัตถุประสงค์ ควรจะเสนอใน รูปแบบตาราง กราฟ แผนภูมิ หรอื อื่นๆใหด้ งู ่าย 14. สรุปผลกำรศึกษำ ให้เขียนผลการศึกษาอย่างส้ันๆ ให้ได้ใจความตรงตามจุดประสงค์ของ การศึกษา ถ้ามีการต้ังสมมตุ ิฐาน ควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้มา สนับสนุนหรือคัดคา้ นสมมุตฐิ านท่ีตง้ั ไวห้ รือยัง สรุปไมไ่ ด้ 15. ข้อเสนอแนะ ควรเขียนในลักษณะเสนอแนะวธิ กี ารปรับปรุงการทดลองใหด้ ีขนึ้ 15.1 ให้บอกวา่ สามารถนาความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา ไปทาอะไรไดบ้ ้าง 15.2 เขยี นข้อเสนอแนะเป็นข้อๆโดยเรยี งลาดบั ความสาคัญจากมากไปหาน้อย 16. ประโยชน์ของโครงงำน ให้บอกประโยชน์ท่ีได้จากการทดลอง หรือจากการศึกษาเรื่องนั้นๆ ว่ามปี ระโยชน์อะไร ด้านไหน ใหเ้ ขยี นเปน็ ขอ้ ๆไป 17. บรรณำนุกรมหรือหนังสืออ้ำงอิงหรือเอกสำร และเว็บไซต์ต่ำงๆ ที่ผู้เรียนใช้ค้นคว้า ศึกษา หาข้อมูล ที่นามาใช้ประโยชน์ในการทาโครงงานนี้ รูปแบบการเขียนเอกสารอ้างอิงที่ใช้ในการทาโครงงาน มกี ารเขียนได้หลายรูปแบบ ( ศกึ ษาได้จากรปู แบบการเขยี นอา้ งองิ และบรรณานุกรมท้ายตอนน้)ี 18. ภำคผนวก คือ ส่วนประกอบที่เขียนเพิ่มเติมในตอนท้าย เพื่อช่วยให้เห็นความสมบูรณ์ ใน ข้อมูลเน้ือหา กระบวนการดาเนินงานและผลของการวิจัย อาจประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติท่ีเกี่ยวข้องอื่น นอกเหนือจากส่วนที่จัดไว้ในเนื้อหา สาเนาเอกสารหายาก โปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ นอกจากนี้อาจมีรายละเอียดอ่ืนๆ เช่น คาอธิบายเกี่ยวกับข้ันตอน หรือวิธีทา ภาพประกอบ การสร้างเครื่องมือหรืออุปกรณ์การทดลอง ผลิตภัณฑ์ท่ีเกิดข้ึนหรือสร้างข้ึนในโครงงานนั้นๆ สาหรบั กรณีมภี าคผนวกหลายภาค ให้จัดเป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข และภาคผนวก ค ตามลาดับ และให้ ขึ้นหนา้ ใหม่เมื่อขึน้ ภาคผนวกใหม่ และพมิ พ์หนา้ บอกตอนสาหรับภาคผนวกน้นั ๆ ดว้ ย ทีก่ ล่าวมาน้ีเป็นรูปแบบหนึง่ ซึ่งเปน็ การเขียนรายงานในลักษณะท่ัวๆไป รูปแบบนอ้ี าจไม่เหมาะ กับโครงงานทุกประเภทก็ได้แล้วแต่ลักษณะของโครงงานไม่ว่าจะเป็นโครงงานประเภทใด ส่ิงสาคัญท่ีสุด ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 183
มีผู้เขียนรายงานควรตระหนักไว้อยู่เสมอก็คือ ควรเขียนรายงานให้ชัดเจน ใช้ศัพท์เทคนิคท่ีถูกต้อง ใช้ภาษา ที่เข้าใจงา่ ย และครอบคลมุ ประเด็นสาคญั ๆ ทั้งหมดของโครงงาน รปู แบบกำรเขียนอำ้ งองิ และบรรณำนกุ รม กำรอ้ำงอิง หมายถึงการบอกถงึ แหลง่ ท่มี าของข้อความทีใ่ ช้อ้างอิง ในเนอ้ื หาทน่ี ามาเขียนเรียบ เรียง 1. การอา้ งองิ แบบแทรกปนในเนอ้ื หา ซึ่งมี 2 ระบบ (สง่ ศรี ดีศรีแก้ว, 2534 : 78) คอื 1.1 ระบบนาม - ปี ( Author - date) ระบบนาม - ปี เป็นระบบที่มีชื่อูผ้แต่ง, ปีที่พิมพ์ และ เลขหนา้ ทอ่ี า้ งองิ อยู่ภายในวงเล็บ ดงั ตวั อยา่ ง (ชื่อูผ้ แตง่ . ปที ีพ่ มิ พ์ : เลขหน้าท่อี ้างองิ ) 1.2 ระบบหมายเลข (Number System) เป็นระบบที่คล้ายคลึงกับระบบนาม - ปี แต่ระบบ น้จี ะใชห้ มายเลขแทนชื่อผ้แู ตง่ เอกสารอ้างองิ มอี ยู่ 2 วิธี คอื 1. ใหห้ มายเลขตามลาดับของการอ้างอิง 2. ใหห้ มายเลขตามลาดบั อักษรผ้แู ต่ง บรรณำนุกรม (Bibliography) บรรณำนุกรม หมายถงึ รายการของทรัพยากรสารสนเทศท้งั หมด ที่ผู้ทารายงานได้ใช้ประกอบการ เขียนรายงาน รายชื่อหนังสือ เอกสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมท้ังโสตทัศนวัสดุ ตลอดจนการค้นคว้าจากระบบ อินเตอร์เน็ต รวมฐานข้อมูลทุกประเภทที่ใช้ประกอบการค้นคว้า เป็นหลักฐานอ้างอิงในการเขียน วทิ ยานิพนธ์ หรือการศึกษาอิสระ ควำมสำคญั ของกำรรวบรวมบรรณำนกุ รม ในการเขียนรายงานจากการค้นคว้า จะต้องมีการรวบรวมบรรณานุกรมไว้ตอนท้ายเล่มเสมอ ด้วย เหตผุ ลดังต่อไปนี้ 1.เพอื่ แสดงว่ารายงานน้ันเปน็ รายงานท่ีมีเหตผุ ลและมีสาระ ไมใ่ ช่ผเู้ รียบเรยี งคิดเขยี นขึน้ มา ลอยๆ ตามความพอใจ 2. เพอื่ แสดงว่าผเู้ รียบเรียงรายงานเคารพสิทธแิ ละความคิดเหน็ ของผแู้ ต่งหนังสือ หรือสิ่งทผ่ี ้เู รียบ เรยี งนามาใช้ประกอบการเรียบเรยี ง ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่งึ โดยไมพ่ ึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 184
3. เพื่อเปน็ แนวทางให้ผู้สนใจศกึ ษารายละเอยี ดข้อเทจ็ จรงิ ของสิง่ พมิ พฯ์ ลฯ ทผี่ ้เู รียบเรียงนามา ประกอบเป็นหลกั ฐานเพ่ิมเติมได้อีก 4. เพ่ือเป็นแหลง่ ตรวจสอบหลักฐานด้ังเดิมของขอ้ เทจ็ จริง ทีผ่ ู้เขยี นนามาเปน็ ขอ้ เขยี นในรายงาน น้ันๆ ได้ หลักเกณฑก์ ำรเขยี นบรรณำนุกรม 1. เขียนคาว่า บรรณานุกรม ไว้กลางหน้ากระดาษ หากเป็นบทนิพนธ์ภาษาอังกฤษให้ใช้คา ว่า BIBLIOGRAPHY ซง่ึ เป็นตัวพมิ พ์ใหญท่ งั้ หมด 2. เมื่อเร่ิมต้นเขียนให้ชิดขอบกระดาษท่ีเว้นไว้ประมาณ 1½ นิ้ว หากบรรทัดเดียวไม่จบ บรรทัด ถดั ไปให้ยอ่ เขา้ มา 7 ชว่ งตัวอักษรจงึ พิมพ์อักษรตวั ท่ี 8 3. เมื่อรวบรวมแหล่งสารนิเทศที่อ้างอิงไว้ครบถ้วนทั้งหมดแล้ว ให้นามาเรียงลาดับตามตัวอักษร ของรายการแรก โดยเรียงตามแบบพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน ดังน้ี 3.1 เรียงตำมรูปพยัญชนะ – สระที่ปรำกฏ ไม่เรียงตำมเสียงที่อ่ำน เช่น หย่า เรียงไว้ท่ี พยัญชนะ ห และ อยา่ เรยี งไว้ทพ่ี ยญั ชนะ อ 3.2 หำกเป็นพยัญชนะตัวเดียวกัน ให้เรียงลาดับท่ีคาประกอบด้วยพยัญชนะล้วนเรียงไว้ กอ่ นคาท่ีมสี ระตดิ ตัว 3.3 พยญั ชนะทีม่ ีสระติดตัว ใหเ้ รยี งลาดับสระ 3.4 คำที่สะกดด้วยพยัญชนะเดียวกันวรรณยุกต์ต่ำงกัน ให้ดูพยัญชนะตัวถัดไปไม่ต้อง เรียงลาดับตามเสียงวรรณยกุ ต์ 3.5 ตัวเลข สัญลักษณ์ และคำย่อ หากเป็นตัวแรกของรายการของแหล่งสารนิเทศที่ใช้ใน การอา้ งอิง ให้เรยี งไว้ตรงพยัญชนะ และตัวสะกดท่ีอ่านเสยี งออกมา กำรเขียนบรรณำนกุ รมทีเ่ ปน็ ภำษำไทย แบบ ก ช่อื / ช่ือสกุล. / / ช่อื เรื่อง. / / คร้ังทพ่ี ิมพ์. / / เมอื งท่พี ิมพ์ / : / ผู้รบั ผดิ ชอบในการพิมพ์, / / / / / / / / ปที ี่พิมพ.์ กำรเขยี นบรรณำนกุ รมที่เปน็ ภำษำองั กฤษ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึง่ โดยไม่พึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 185
ช่ือสกลุ . / ชือ่ ต้น / ชอื่ กลาง (ถา้ มี). / / ชอ่ื เร่ือง. / / ครงั้ ที่พิมพ์. / / เมืองท่ีพมิ พ์ / : / ผรู้ ับผดิ ชอบ / / / / / / / ในการพมิ พ,์ / ปที ี่พมิ พ์. ตัวอย่ำง Ward, Patricia Layzell. Informationa and libray Studies. 2nd ed. Sydney : Weldon, 1989. รูปแบบกำรเขยี น/พมิ พบ์ รรณำนุกรมจำกแหล่งขอ้ มูลอิเลก็ ทรอนิกส์ สอื่ อเิ ล็กทรอนิกสป์ ระกอบดว้ ยฐานขอ้ มลู ออนไลน์ ฐานข้อมลู ซีดี-รอม และข้อมูลท่เี ขา้ ถึงได้จาก เครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ มรี ปู แบบการเขียน ดงั นี้ 1. ข้อมูลจำกหนังสือหรือที่เปน็ เนอื้ หำ ชอื่ ผ้แู ต่ง นามสกลุ .//ช่ือเร่อื ง.//(ประเภทของส่ือทีเ่ ข้าถึง).//แหลง่ ทม่ี าหรอื Available/:// / / / / / / / ชื่อของแหล่งที่มา/ช่อื แหลง่ ย่อย./ปที ี่สืบคน้ . 1.1 ช่ือผแู้ ต่ง คือ ชอื่ ผ้แู ต่งท่ีเปน็ เจ้าของผลงาน หลกั เกณฑ์การลงช่อื ผ้แู ต่งใช้หลักเกณฑ์ เดียวกับทก่ี ล่าวมาแลว้ ในตอนต้น 1.2 ช่ือเร่ือง คือ ช่ือของงานท่ีผ้เู ขียนรายงานหรือผวู้ ิจัยนามาอา้ ง กรณที ่ีในแหล่งข้อมลู ไมบ่ อกชอ่ื เร่อื ง ผเู้ ขียนรำยงำนหรอื ผ้วู ิจัยอำจจะสรุปตั้งชื่อเร่ืองข้ึนเอง แล้วเขยี นช่ือเรอื่ งไวใ้ นวงเล็บ 1.3 คำบอกประเภทของสื่อท่ีเขำ้ ถงึ คือ คาทีบ่ อกวา่ สอ่ื ท่สี ืบคน้ นามาอ้างองิ น้นั เปน็ สื่อ อะไร ซึ่งจะใช้ 2 คา คอื “ออนไลน์” (Online) หรอื “ซดี ี-รอม” (CD-ROM) 1.4 แหล่งที่มำ เป็นวลที ล่ี งไวเ้ พอ่ื ระบุวา่ หลังข้อความน้ันคือ แหลง่ ข้อมลู ที่ไดม้ า หลังคา วา่ แหล่งท่มี าจะมีเคร่ืองหมายทวภิ าค ดังน้ี แหล่งทม่ี า ://… สาหรับภาษาอังกฤษใช้ Available ://… ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พง่ึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 186
1.5 ช่ือของแหล่งท่ีมำ/ชือ่ แหลง่ ย่อย หมายถงึ แหลง่ ท่ีจะได้ขอ้ มูลมา ให้ระบุรายละเอียดท่ี เพียงพอแกก่ ารทจี่ ะเขา้ ถึงแหลง่ ข้อมลู ที่ค้นได้ เชน่ DIALOG, BRS, First Search หรอื ถา้ ใช้อินเทอร์เน็ตให้ ระบวุ ธิ ที ่ีใชใ้ นการค้นหา เชน่ โปรโตคอล (Telnet, FTP, WWW) ตลอดจน Directory และ File ตา่ งๆ แล้วแตก่ รณี 1.6 ตัวอยำ่ งข้อมลู จำกหนงั สือหรือท่ีเปน็ เนื้อหำ ไอศกรมี . (ออนไลน์). แหลง่ ที่มา : http ://www.car.chula.ac.th/mis/mkdata96/food-96/ice-cre. html. 2539. ยำมำ้ ยำบำ้ . (ออนไลน์). แหล่งท่ีมา : http://www.au.ac.th/Newabac/special/E/indrex.html. 2540. ฐำนข้อมูล ซดี ี - รอม ผู้แต่ง. / / ชื่อเรื่อง. / / [ประเภทของส่ือ]. / / รายละเอียดทางการพมิ พ์(ถ้ามี). / / / / / / / / / เข้าถึงได้จาก / : /แหลง่ สารสนเทศ. ตัวอยำ่ ง นพรตั น์ เพชรพงษ์. จำนวนวันนอนในโรงพยำบำลของผู้ปว่ ยโรงพยำบำลพิจิตร. [ซดี ี - รอม]. วทิ ยานิพนธพ์ ยาบาลศาสตรม์ หาบัณฑติ . เชียงใหม่ : มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม,่ 2545. สาระสังเขปจาก : ฐานขอ้ มลู วิทยานพิ นธไ์ ทย แผ่นที่ 3, 2547. ฐำนข้อมลู ออนไลน์ (อีกรปู แบบหนง่ึ ) ผแู้ ต่ง./ / ช่ือเรื่อง./ / [ประเภทของสื่อ]. / / รายละเอยี ดทางการพมิ พ์ (ถ้ามี). / / เข้าถึงไดจ้ าก / : //แหลง่ สารสนเทศ. / / (วันทค่ี ้นข้อมลู / : / วัน / เดือน / ปี). ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไมพ่ ึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 187
ตวั อยำ่ ง พมิ ลพรรณ พทิ ยานุกูล. วธิ สี บื คน้ วัสดสุ ำรสนเทศ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http : / / www.lib.buu.ac.th. (วนั ทคี่ ้นข้อมูล : 16 กันยายน 2546). จากตัวอย่างการเขยี นบรรณานกุ รม(ให้สงั เกตรปู แบบการเขียนและเคร่ืองหมายวรรคตอน ทใ่ี ชใ้ น ตาแหนง่ ตา่ งๆดว้ ย ) รายละเอียดการเขยี นอ่นื ๆนกั เรยี นสามารถค้นควา้ เพิ่มเติมไดจ้ ากเครือข่ายอินเตอรเ์ น็ต ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไม่พงึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 188
ตัวอย่ำงแบบรำยงำนผลกำรดำเนนิ งำน โครงกำรรณรงค์ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหำยำเสพตดิ (TO BE NUMBER ONE) ปงี บประมำณ 2562 ศนู ย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE กศน.ตำบล ประจำไตรมำสท่ี 3 หรือประจำปงี บประมำณ 2562 ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE จำนวนสมำชิกศูนยเ์ พอ่ื นใจ TO BE NUMBER ONE ณ ปจั จบุ นั 85 คน กจิ กรรม วัน/เดือน/ปี ท่ีจัด สถำนที่ จำนวนสมำชกิ งบประมำณ เข้ำร่วม 1,000บาท กจิ กรรมรณรงคต์ ่อต้านยา 26 ม.ิ ย. 62 พ้ืนที่ ตาบลบางเตย 80คน - เสพติด เพ่อื นชว่ ยเพื่อน 5 ก.ค. 62 กศน.ตาบล 20 คน ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................ ............................................... .................................................................................... ....................................................................................... ลงชอื่ ....................................................ผูร้ ายงาน (.....................................................) กรุณาส่งรายงานเปน็ รายไตรมาส รวม 4 ไตรมาส และรายงานประจาปีอกี 1 ครั้ง รวม 5 ครงั้ กลบั มายัง กศน.อาเภอเมอื งพังงา โทรสาร. 0 7648 1038 หรืออเี มล์ [email protected] ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไมพ่ งึ่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 189
ขน้ั ตอนที่ 6 กำรแสดงผลงำน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทาโครงงาน เป็นการนาเสนอผลการดาเนินงานโครงงานท้ังหมด เพ่ือ เสนอให้ผู้อ่ืนได้ทราบ ซ่ึงผลผลิตที่ได้จากการดาเนินโครงงานประเภทต่างๆ มีลักษณะเป็นเอกสาร รายงาน ช้ินงาน แบบจาลองฯลฯ ตามประเภทของโครงงานที่ปฏิบัติ การแสดงผลงาน ซ่ึงเป็นการนาเอาผลการ ดาเนินงานมาเสนอนี้ สามารถจัดได้หลายรูปแบบ เช่น การจัดนิทรรศการ หรือทาเป็นสื่อส่ิงพิมพ์ การจัดทา เป็นสื่อมัลติมีเดีย และอาจนาเสนอในรูปแบบของการแสดงผลงาน การนาเสนอด้วยวาจา รายงาน บรรยาย ฯลฯ ในการดาเนินงานตามขั้นตอนการทาโครงงานทก่ี ล่าวมานี้ สามารถปรับให้เหมาะสมกับผปู้ ฏิบัติในแต่ละ ระดับประกอบ ไม่ว่าการแสดงผลงานจะอยู่ในรูปแบบใด นักเรียนจะต้องเตรียมการเพ่ือนาเสนอเป็น 3 ส่วน ดังนี้ กำรจดั ทำแผงเพ่อื กำรนำเสนอผลงำนโครงงำน การจัดทาแผงโครงงานนั้นตัวแผงอาจทาด้วยไม้อัด แผ่นพลาสติกทาบอร์ด (ฟิวเจอร์บอร์ด) กระดาษ แข็ง หรือกระดาษกล่องขนาดใหญ่ โดยแสดงในงานในสถานศึกษา เช่น งานวันวิชาการ วันสัปดาห์ วทิ ยาศาสตร์ งานศิลปหัตถกรรม หรือวันสาคัญอ่ืนๆ พร้อมกับให้มีการประเมินผลงานตามสภาพจริง ซึ่งอาจ ประเมนิ โดยตนเอง เพ่ือน และคณะครู ดา้ นบนแผงมีสว่ นเสรมิ ตามความคดิ สร้างสรรค์ ก1 ข ก2 (สว่ น ก 1 ) ช่อื ครทู ่ีปรึกษำ............... ชื่อสถำนศึกษำ................ ชื่อผจู้ ดั ทำ................ จดุ ประสงค์................ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 190
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210