เนื้อหาสาระ การต่อลงดินมีความจาเป็นสาหรบั การติดตั้งไฟฟ้าเพ่ือป้องกันอันตรายท่ีจะเกิดแก่บุคคลและ ป้องกันความเสียหายท่ีอาจเกิดกับเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า การไฟฟ้าฯ ไดบ้ งั คบั ใหผ้ ูใ้ ชไ้ ฟท่ีขอติดตงั้ เคร่ืองวดั หน่วยไฟฟา้ (กิโลวตั ตฮ์ าวรม์ ิเตอร)์ ตอ้ งติดตงั้ ระบบสายดนิ ตามมาตรฐานการตดิ ตงั้ ทางไฟฟ้า
ดินหรือพืน้ ดินในทางไฟฟ้านั้นคือตัวนาท่ีมีมวลขนาดใหญ่มาก สามารถรองรับประจุไดอ้ ย่าง มหาศาลโดยไม่จากัดและถือว่ามีศักยไ์ ฟฟ้าเป็นศูนยห์ รือเป็นกลางทางไฟฟ้าอยู่เสมอ การต่อลงดิน (Ground) คอื การตอ่ ตวั นาไม่ว่าโดยตงั้ ใจหรอื บงั เอิญระหว่างวงจรไฟฟ้าหรอื บรภิ ณั ฑก์ ับดนิ หรอื กบั ส่วน ท่ีเป็นตวั นาซง่ึ ทาหนา้ ท่ีแทนดนิ และตอ่ ลงดนิ (Grounded) หมายถึง ตอ่ ลงดินหรอื ต่อกบั สว่ นท่ีเป็นตวั นา ซง่ึ ทาหนา้ ท่ีแทนดิน การต่อลงดินมีจุดประสงคเ์ พ่ือลดอันตรายท่ีอาจเกิดกับบุคคล และความเสียหายท่ีอาจเกิดกับ ระบบไฟฟ้า หรอื เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า การต่อลงดินทาหนา้ ท่ีหลกั คอื 1. ลดความเสยี หายของอปุ กรณไ์ ฟฟา้ หรอื ระบบไฟฟา้ เม่ือเกิดกระแสไฟฟ้าร่วั ลงดิน การตอ่ ลงดนิ ท่ี ถกู ตอ้ งจะช่วยใหเ้ ครอ่ื งปอ้ งกนั ทางานไดต้ ามท่ีไดอ้ อกแบบไว้ 2. จากดั แรงดนั ไฟฟ้าของวงจรไม่ใหส้ งู จนอาจทาใหเ้ คร่อื งใชไ้ ฟฟ้าเสียหายเม่ือเกิดแรงดนั เกิน และ ลดแรงดนั ไฟฟ้าท่ีอาจเกิดขนึ้ ท่ีเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ หรอื สว่ นประกอบ เน่ืองจากการร่วั หรือการเหน่ียวนา เพ่ือลด อนั ตรายต่อบคุ คลท่ีอาจไปสมั ผสั ได้
ชนิดของการต่อลงดินสาหรบั สายไฟฟ้าภายในอาคาร แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ การต่อลงดินของ ระบบไฟฟ้า และการต่อลงดินของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟา้ 6.2.1 การตอ่ ลงดนิ ของระบบไฟฟ้า (System Grounding) ระบบไฟฟ้าภายในอาคารตอ้ งต่อลงดิน ผูใ้ ชไ้ ฟฟ้าแรงดนั ต่าของการไฟฟ้าฯ ตอ้ งต่อระบบ ไฟฟ้าลงดนิ ซง่ึ สายท่ีตอ่ ลงดนิ ตอ้ งเป็นสายเดียวกบั ท่ีการไฟฟ้าฯ ไดต้ อ่ ลงดินไวแ้ ล้วในระบบ ปกติจะเป็น สายนิวทรลั การต่อลงดินของระบบไฟฟ้านีม้ าตรฐาน วสท. แบ่งกล่มุ ของการต่อลงดินของระบบไฟฟ้า กระแสสลบั ไว้ 2 กล่มุ คือ ระบบไฟฟ้าท่ีมีแรงดนั ไฟฟ้าเกิน 50 โวลต์ แต่ไม่เกิน 1,000 โวลต์ และระบบ ไฟฟ้าท่ีมีแรงดนั ตงั้ แต่ 1,000 โวลต์ ขนึ้ ไป 6.2.2 การต่อลงดนิ ของบริภณั ฑไ์ ฟฟ้า (Equipment Grounding) การตอ่ ลงดินของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้า (บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้า หมายถึง ส่ิงซ่งึ รวมทงั้ วสั ดุ เครอ่ื งประกอบอปุ กรณ์ เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า ดวงโคม เคร่ืองสาเรจ็ และส่ิงอ่ืนท่ีคลา้ ยกันท่ีใชเ้ ป็นส่วนหน่ึงหรือใชใ้ นการต่อเขา้ กบั การ ติดตั้งทางไฟฟ้า) เพ่ือเป็นทางผ่านให้กระแสร่วั ลงดิน เพ่ือให้ส่วนท่ีเป็นโลหะต่อถึงกันตลอดและมี ศกั ยไ์ ฟฟ้าเป็นศนู ยแ์ ละเพ่ือใหอ้ ปุ กรณป์ อ้ งกนั กระแสเกินทางานไดต้ ามท่ีปรบั ตงั้
6.3.1 วธิ ีการต่อลงดนิ ของระบบไฟฟ้า ผขู้ อใชไ้ ฟฟ้าแรงดนั ต่าตอ้ งใชร้ ะบบไฟฟ้าท่ีต่อลงดิน โดยต่อลงดินท่ีแผงเมนสวิตช์ (บา้ นพกั อาศยั ท่วั ไปส่วนใหญ่ใชค้ อนซูเมอรย์ ูนิต เป็นแผงเมนสวิตชข์ นาดเล็กหรือเป็นแผงย่อย) และการต่อลง หลกั ดินจะทาเฉพาะท่ีแผงเมนสวิตชท์ างดา้ นไฟเขา้ เท่านนั้ ดา้ นไฟออกของแผงเมนสวิตชท์ ่ีอย่ใู นอาคาร ห้ามต่อระบบไฟฟ้าลงดินอีก เน่ืองจากทาให้เคร่ืองตัดไฟร่ัวหรือเคร่ืองป้องกันกระแส เกินทางาน ผิดพลาดได้ 6.3.2 วิธีการตอ่ ลงดนิ ของบริภณั ฑไ์ ฟฟ้า วิธีการต่อลงดินของบริภณั ฑไ์ ฟฟ้า จะตอ้ งเดินสายดินไปต่อลงดินท่ีเมนสวิตช์ เม่ือกระแสร่วั จะไหลผา่ นสายดินเน่ืองจากความตา้ นทานต่า ถา้ ความตา้ นทานระหว่างหลกั ดินกบั ดินอาจมีค่าสงู จะทา ใหเ้ คร่อื งปอ้ งกนั กระแสเกินอาจปลดวงจรชา้ หรอื ไม่ปลดวงจร การต่อเปลือกโลหะของบรภิ ณั ฑ์ไฟฟ้าลง ดินโดยตรงจะยอมใหท้ าไดเ้ ป็นการเพ่ิมเติมเท่านนั้ แต่ตอ้ งมีการเดินสายดินไปตอ่ ลงดินท่ีเมนสวิตชด์ ว้ ย และสายดนิ ตอ้ งเดนิ รว่ มไปกบั สายวงจร
6.3.3 วิธีการตอ่ สายตอ่ หลักดนิ วิธีการติดตงั้ แท่งหลกั ดิน (Ground Rod) ท่ีนิยมใชก้ นั มากท่ีสดุ คือใชแ้ ท่งทองแดง ขนาด เสน้ –ผ่านศนู ยก์ ลางไม่นอ้ ยกว่า 15.87 มม. หรือโดยประมาณ 16 มม. (5/8 นิว้ ) ยาวไม่นอ้ ยกว่า 2.40 เมตร ปักลงไปในแนวตงั้ ฉาก ดงั รูป และตอกหลกั ดินใหจ้ มลงไปในพืน้ ดนิ ไมน่ อ้ ยกวา่ 30 เซนติเมตร การตอกหลักดนิ จากรูป ก) เป็นการตอกหลกั ดินโดยใชค้ อ้ นปอนด์ ขนาด 5–10 กิโลกรมั ตอกโดยตรงท่ีหวั หลกั ดินซง่ึ จะใช้แรงงานอย่างน้อย 2 คน และต้องใช้บันไดหรือน่ังร้าน เพ่ือให้สามารถติดตั้งหลักดิ นได้ แต่จะเกิดปัญหาทาใหห้ วั หลกั ดินบานเสียรูปจนไม่สามารถเช่ือมต่อกับสายต่อหลกั ดินไดด้ งั นนั้ ควรใช้ เครอ่ื งมือตอกหลกั ดิน (Hand Held Hammer) ดงั รูปท่ี 6.10 ข) เพ่ือชว่ ยลดปัญหาหวั หลกั ดนิ บานเสียรูป
ตวั อย่างเคร่ืองวัดความตา้ นทานการต่อลงดนิ และวธิ ีใช้งาน
1. การต่อลงดินเพ่ือลดอันตรายต่อบุคคลท่ีอาจไปสมั ผัสไดแ้ ละความเสียหายท่ีอาจเกิ ดขึน้ กับ อปุ กรณเ์ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ เน่ืองจากกระแสร่วั 2. ชนิดของการต่อลงดนิ สาหรบั สายไฟฟ้าภายในอาคาร แบง่ ออกเป็น 2 ชนิด คอื การต่อลงดินของ ระบบไฟฟา้ และการตอ่ ลงดินของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้า 3. วธิ ีการต่อลงดินสาหรบั สายไฟฟ้าภายในอาคาร มีวธิ ีคือ วธิ ีการต่อลงดินของระบบไฟฟ้า วธิ ีการ ต่อลงดินของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้า วิธีการตอ่ สายตอ่ หลกั ดนิ และวธิ ีการวดั ความตา้ นทานการต่อลงดนิ
เนอื้ หาสาระ ระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหม้ (Fire Alarm System) เป็นระบบสญั ญาณเตือนภยั ท่ีทาหนา้ ท่ีแจง้ เหตใุ ห้ คนท่ีอยู่ในอาคารทราบอย่างรวดเร็วก่อนท่ีไฟจะไหมล้ ุกลามและแจง้ ใหม้ ีการอพยพซ่ึงสามารถทาได้ อตั โนมตั ิ เพ่ือความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ ิน ระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหม้ อา้ งอิงตามมาตรฐานระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหมข้ องสมาคมวิศวกรรมสถาน แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ (EIT Standard 2002–49 หรอื มาตรฐาน วสท. 2002–49) ดงั รูป ซ่ึงมีเนือ้ หาเก่ียวกับขอบเขต การแบ่งโซนและติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับ อุปกรณ์ตรวจจับ ต่าง ๆ ข้อ กาหนดการตดิ ตงั้ อปุ กรณแ์ จง้ เหตุ และไมค่ รอบคลมุ การเลือกอปุ กรณเ์ พ่ือใช้ มาตรฐานระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้
7.1.1 ขอบเขต การออกแบบระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหมต้ ามมาตรฐานนีใ้ ชส้ าหรบั ประเภทอาคาร ไดแ้ ก่ บ้านอยู่ อาศยั อาคารขนาดเล็ก อาคารสงู อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ และสถานประกอบการ พเิ ศษอาคารท่ีไม่รวมอย่ใู นมาตรฐานนี้ ไดแ้ ก่ อาคารท่ีเก็บสารไวไฟหรอื สานเคมี รวมทั้งอาคารท่ีเก็บวตั ถุ ระเบิดอาคารดงั กลา่ วตอ้ งใชม้ าตรฐานสากลท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เรอ่ื งนีโ้ ดยเฉพาะ 7.1.2 พนื้ ทท่ี อ่ี อกแบบเพอื่ ป้องกนั ชีวิต 1. พืน้ ท่ีทางเดินรว่ มหนีไฟหรอื ช่องทางเดนิ ท่ีเม่ือเกิดควนั ไฟจากเพลิงไหม้แลว้ ไปขวางทางหนี ไฟหรอื ทางออก เช่น ทางเดินแบบปิด เป็นตน้ 2. พืน้ ท่ีท่ีอาจเกิดไฟหรอื ควนั ไฟลกุ ลามไดอ้ ย่างรวดเรว็ เช่น หอ้ งเก็บของขนาดเกิน 12 ตร.ม. หอ้ งเก็บสารไวไฟ ชอ่ งเปิดระหวา่ งชนั้ และหอ้ งเครอ่ื งสง่ ลม เป็นตน้ 3. พืน้ ท่ีหรอื หอ้ งท่ีมีอปุ กรณท์ ่ีตอ้ งใชใ้ นยามฉกุ เฉิน เช่น หอ้ งเคร่อื งสูบนา้ ดบั เพลิง หอ้ งเครอ่ื ง ลิฟต์ หอ้ งพัดลมอัดอากาศ ศูนยส์ ่งั การดบั เพลิง หอ้ งควบคุมไฟฟ้า หอ้ งหมอ้ แปลงไฟฟ้ า หอ้ งเคร่ือง ควบคมุ ควนั ไฟ พืน้ ท่ีหลบอคั คภี ยั และช่องบนั ไดหนีไฟแบบปิด เป็นตน้ 4. พืน้ ท่ีหลบั นอน เช่น หอ้ งพกั ในโรงแรม หอพกั หอ้ งพกั ผปู้ ่ วยในโรงพยาบาล ห้องนอนใน คอนโดมิเนียม หรอื อาคารชดุ เป็นตน้
7.1.3 ขัน้ ตอนการแจ้งเหตุ 1. การแจ้งเหตุแบบขั้นตอนเดียว หมายถึง ให้อุปกรณ์แจ้งเหตุทางานทันทีเม่ืออุปกรณ์ ตรวจจบั เพลงิ ไหมท้ างาน 2. การแจง้ เหตแุ บบหลายขนั้ ตอน หมายถงึ การแจง้ เหตทุ ่ีตอ้ งการตรวจสอบก่อน การแจง้ เหตุ แบบหลายขนั้ ตอน แบง่ ออกเป็น 3 แบบ ดงั นี้ (1) แบบแจง้ เหตใุ หท้ ราบเฉพาะท่ีศนู ยส์ ่งั การดบั เพลิงกอ่ น เพ่ือทาการตรวจสอบเหตกุ ารณ์ ก่อน (Pre-Signal) จากนนั้ แจง้ เหตอุ ตั โนมตั ิในเวลาท่ีกาหนด (2) แบบแจ้งเหตุด้วยสัญญาณอพยพ (Evacuation Signal) เฉพาะพื้นท่ีท่ีอุปกรณ์ ตรวจจบั สง่ สญั ญาณหรอื พืน้ ท่ีตน้ เพลิง และบรเิ วณท่ีใกลเ้ คียง รวมทงั้ พืน้ ท่ีมีความเส่ียงสงู ในอาคาร หรอื หนีไฟยากพรอ้ มกนั นนั้ สง่ สญั ญาณเตรยี มพรอ้ ม (Alert Signal) ในพืน้ ท่ีท่ีเหลือ และเปล่ียนเป็นสญั ญาณ แจง้ เหตเุ พลิงไหมเ้ ม่ือเกินเวลาท่ีกาหนด (3) ทงั้ แบบ (1) และ (2) รวมกนั
7.1.4 ส่วนประกอบของระบบแจง้ เหตุเพลงิ ไหม้ สว่ นประกอบของระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหม้ (Fire Alarm System Component) ท่ีสาคญั คือ แหลง่ จา่ ยไฟฟ้า แผงควบคมุ อปุ กรณเ์ รม่ิ สญั ญาณ อปุ กรณแ์ จง้ เหตุ และอปุ กรณป์ ระกอบ ส่วนประกอบของระบบแจ้งเหตุเพลงิ ไหม้ 7.1.5 หลักเกณฑท์ ่วั ไปในการแบง่ โซน การแบ่งโซนตอ้ งคาถึงถึงความสะดวกในการคน้ หาจุดท่ีเป็นตน้ เพลิง ซ่ึงตอ้ งทาไดอ้ ย่าง รวดเรว็ การแบ่งโซนจึงควรอย่ใู นโซนเดียวกนั ชนั้ เดียวกนั บริเวณหรือพืน้ ท่ีเดียวกนั และอย่ใู นเสน้ ทางท่ี เดินถงึ กนั ไดอ้ ย่างสะดวก
มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49, EN 54–2 ขอ้ มลู ท่วั ไป: แผงควบคมุ ระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหม้ (Fire Alarm Control Panel: FCP) เป็นอปุ กรณท์ ่ี ทาหนา้ ท่ีรบั แจง้ เหตุ การเกิดเพลิงไหมจ้ ากอปุ กรณต์ รวจจบั และอปุ กรณแ์ จง้ เหตุ แสดงการเกิดเพลิงไหม้ ใหผ้ รู้ บั ผิดชอบ หรือผอู้ ย่อู าศยั ในอาคารไดท้ ราบและทางานร่วมกบั ระบบอ่ืน เช่น ระบบดบั เพลิง ระบบ ลิฟตแ์ ละระบบเปิด–ปิดประตอู ตั โนมตั ิ เป็นตน้ แผงควบคมุ ระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหม้ แบง่ ตามลกั ษณะการใชง้ านออกเป็น 3 ชนิด คอื 1. ชนิดท่ัวไป (Conventional) เป็นชนิดท่ีใช้กับวงจรโซนตรวจจับแบบ 2 สาย และแบบ 4 สาย โดยใชอ้ ปุ กรณเ์ รม่ิ สญั ญาณและอปุ กรณแ์ จง้ เหตแุ บบท่วั ไป 2. ชนิดระบุตาแหน่งได้ (Addressable) หรือเรียกว่า แบบมัลติเพล็กซ์ (Multiplex) ประกอบดว้ ย แผงวงจรสาเรจ็ ควบคมุ ดว้ ยไมโครโปรเซสเซอร์ เป็นระบบท่ีลดความย่งุ ยากในการเดินสายไฟไดม้ าก ยงั แบง่ ย่อยไดเ้ ป็นแบบระบตุ าแหนง่ ไดเ้ ตม็ รูปแบบและแบบก่งึ ระบตุ าแหน่งได้ 3. ชนิดเครอื ข่าย (Network) เป็นชนิดท่ีทางานดว้ ยไมโครโปรเซสเซอร์ ตงั้ แต่ 2 ชดุ ขนึ้ ไปต่อเช่ือมกนั ทางานไดเ้ สมือนแผงควบคมุ เดียว เหมาะสาหรบั ใชใ้ นศนู ยก์ ารคา้ อาคารสานกั งาน สถานศึกษา อาคาร ชดุ และอาคารหลายหลงั เป็นตน้
อปุ กรณเ์ ร่มิ สญั ญาณ (Initiating Device) หรอื อปุ กรณต์ รวจจบั เป็นอปุ กรณท์ ่ีทาหน้าท่ีแจง้ ใหแ้ ผง ควบคุมระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ทราบการเกิดเหตุ เพ่ือระบบจะทางานแจ้งเหตุต่อไป อุปกรณ์เร่ิม สัญญาณมี 2ชนิด คือ อุปกรณ์เร่ิมสัญญาณด้วยมือ (Manual Station) และอุปกรณ์เร่ิมสัญญาณ อตั โนมตั ิ (Automatic Detector) 7.3.1 อุปกรณเ์ ร่ิมสัญญาณดว้ ยมอื (Manual Station) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49, EN 54–11 ขอ้ มลู ท่วั ไป: อปุ กรณเ์ รม่ิ สญั ญาณดว้ ยมือ หรอื ในบางผผู้ ลติ อาจเรยี กวา่ อุปกรณแ์ จง้ เหตดุ ว้ ย มือใชส้ ญั ลกั ษณ์ เป็นอปุ กรณเ์ รม่ิ สญั ญาณท่ีทางานโดยอาศยั การกระตนุ้ จากบคุ คลโดยการกดป่มุ หรอื ดงึ คนั บงั คบั สญั ญาณท่ีติดตงั้ จะติดตงั้ ในตาแหน่งท่ีเห็นไดช้ ดั เจน ครอบคลมุ พืน้ ท่ีเขา้ ออกอาคารบรเิ วณท่ี เขา้ ถึงสะดวก และการทางานของอปุ กรณน์ ีต้ อ้ งไม่ทาใหอ้ ปุ กรณแ์ สดงผลของอปุ กรณต์ รวจจบั อ่ืนท่ีมีอยู่ เช่นเดียวกนั นนั้ ตอ้ งดบั หรือหยดุ ทางาน และอุปกรณน์ ีแ้ ต่ละตวั ตอ้ งมีหมายเลขของโซนตรวจจบั ท่ีต่อใช้ งานอยเู่ พ่ือทราบวา่ ตอ่ ใชง้ านกบั โซนใด 7.3.2 อุปกรณเ์ ร่ิมสัญญาณอตั โนมตั ิ (Automatic Detector) อปุ กรณเ์ รม่ิ สญั ญาณอตั โนมตั ิเป็นอปุ กรณท์ ่ีตรวจสอบการเกิดเพลิงไหมแ้ ละแจง้ สญั ญาณไป ยงั แผงควบคมุ ระบบแจง้ เหตเุ พลงิ ไหมโ้ ดยอตั โนมตั ิ
1. อุปกรณต์ รวจจบั ควัน (Smoke Detector) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49, EN 54–12 ขอ้ มูลท่วั ไป: อุปกรณต์ รวจจบั ควนั ดงั รูปท่ี 7.7 เป็นอปุ กรณท์ ่ีทาหนา้ ท่ีตรวจจับอนุภาค ของควนั อตั โนมตั ิ สามารถตรวจจบั การเกิดเพลิงไหมไ้ ดใ้ นระยะเรม่ิ ตน้ ใชใ้ นบรเิ วณท่ีตอ้ งการป้องกนั ภยั ต่อชีวิต เช่น หอ้ งนอน ระบบท่อ ทางเดินหนา้ หอ้ งพัก เป็นตน้ แบ่งตามการตรวจจับควนั ได้ 2 ชนิด คือ ชนิดไอโอไนเซชนั (Ionization Type) ทางานเม่ือมีการเปล่ียนแปลงค่ากระแสเม่ืออนภุ าคควนั เขา้ ไป และ ชนิดโฟโตอิเล็กตรกิ (Photoelectric Type) ทางานเม่ือมีการบงั หรอื หกั เหแสงเน่ืองจากอนภุ าคควนั เขา้ ไป ถกู ลาแสง 2. อุปกรณต์ รวจจับความร้อน (Heat Detector) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49, EN 54–5 ข้อมูลท่ัวไป: อุปกรณ์ตรวจจับความรอ้ น ดังรูปท่ี 7.8 ใช้ออกแบบติดตั้งเพ่ือป้องกัน ทรพั ยส์ ินไม่ถือวา่ เป็นอปุ กรณต์ รวจจบั เพ่ือปอ้ งกนั ชีวติ สามารถใชป้ อ้ งกนั เพ่ิมเติมนอกเหนือจากอปุ กรณ์ ตรวจจบั ควนั ไดแ้ ต่ไม่ ใหใ้ ชแ้ ทนอุปกรณต์ รวจจบั ควนั อปุ กรณต์ รวจจบั ความรอ้ นแบ่งตามลกั ษณะการ ตรวจจับได้ 2 ชนิด คือ ชนิดอุณหภูมิคงท่ี (Fixed Temperature) และชนิดอัตราเพ่ิมของอุณหภูมิ (Rate of rise or Temperature Compensation)
3. อุปกรณต์ รวจจับเปลวเพลิง (Flame Detector) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49, EN 54–10 ขอ้ มลู ท่วั ไป: อุปกรณต์ รวจจบั เปลวเพลิง ดงั รูปท่ี 7.9 เหมาะสาหรบั ตรวจจบั เพลิงไหมท้ ่ี เกิดจากเชือ้ เพลิงเหลว แบง่ ตามหลกั การทางานออกเป็น ตรวจจบั รงั สีอินฟาเรด (Infrared: IR) ตรวจจบั รงั สีอลุ ตราไวโอเลต (Ultraviolet: UV) หรอื ตรวจจบั ทงั้ รงั สอี ินฟาเรดและรงั สีอลุ ตราไวโอเลต (IR/UV)
เม่ือเกิดเหตุเพลิงไหมแ้ ละอุปกรณ์เร่ิมสัญญาณทางานโดยส่งสัญญาณมายังตูค้ วบคุม (FCP) แลว้ FCP จะส่งสัญญาณออกมาโดยผ่านอุปกรณ์แจ้งเหตุ (Signalling Alarm Devices) เพ่ือใหผ้ ู้อยู่ อาศัยในอาคารผูร้ บั ผิดชอบ หรือเจา้ หนา้ ท่ีดับเพลิงไดท้ ราบว่ามีเหตุเพลิงไหมเ้ กิดขึ้น จะไดม้ ีเวลาพอ สาหรบั การอพยพหนีไฟอปุ กรณแ์ จง้ เหตเุ พลิงไหมแ้ บง่ ออกเป็น 2 ชนิด คอื อปุ กรณแ์ จง้ เหตดุ ว้ ยเสียงและ อปุ กรณแ์ จง้ เหตดุ ว้ ยแสง 7.4.1 อุปกรณแ์ จง้ เหตุดว้ ยเสยี ง มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49, EN 54–3 ขอ้ มูลท่ัวไป: อุปกรณ์แจ้งเหตุดว้ ยเสียง เป็นอุปกรณ์แจ้งเหตุท่ีใช้ท่ัวไป จะตอ้ งมีเสียงดัง เพียงพอและแตกตา่ งจากสญั ญาณเสียงปกติท่วั ไปของสถานท่ีนนั้ ๆ และมีความดงั กวา่ เสียงรบกวนเฉล่ีย ไม่น้อยกว่า 10 เดซิเบล เป็ นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วินาที ระดับความดังของเสียงท่ีจุด ใด ๆ ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า 65 เดซิเบล และไม่เกิน 105 เดซิเบล การติดตงั้ จึงตอ้ งกระจายใหอ้ ยู่ในตาแหน่งท่ี เหมาะสมท่วั พืน้ ท่ี
7.4.2 อุปกรณแ์ จ้งเหตุดว้ ยแสง มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49, EN 54–23 ขอ้ มลู ท่วั ไป: อุปกรณแ์ จง้ เหตดุ ว้ ยแสง เป็นอปุ กรณแ์ จง้ เหตดุ ว้ ยแสงกระพริบท่ีมีความสว่าง เพียงพอ สถานท่ีท่ีจาเป็นตอ้ งใชอ้ ปุ กรณน์ ีค้ ือบริเวณท่ีมีเสียงรบกวนดงั มากเกินกวา่ 95 เดซิเบล (ซ่งึ อาจ ใชร้ ว่ มกบั อปุ กรณแ์ จง้ เหตดุ ว้ ยเสียง) และบรเิ วณท่ีใชเ้ สียงอาจทาใหเ้ กิดปัญหา เช่น ห้องผปู้ ่วยในสถาน– พยาบาล อปุ กรณแ์ จง้ เหตดุ ว้ ยแสงจะใชแ้ สงสีขาวกระพริบดว้ ยอตั รา 1–2 ครงั้ ต่อวินาที การติดตงั้ อย่ใู น ตาแหนง่ ท่ีมองเหน็ ไดง้ ่าย ครอบคลมุ ท่วั พืน้ ท่ีและระยะหา่ งของอปุ กรณไ์ มเ่ กิน 30 เมตร ตัวอย่างอุปกรณแ์ จ้งเหตุดว้ ยแสง
มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49, EN 54–4 ขอ้ มลู ท่วั ไป: แหลง่ จา่ ยไฟ (Power Supply) เป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้าสาหรบั แผงควบคมุ ระบบแจง้ เหตุ เพลิงไหม้ ตอ้ งมีขนาดเพียงพอสาหรบั การตดิ ตงั้ อปุ กรณต์ า่ ง ๆ ภายในแผง และมีกาหนดดงั นี้ 7.5.1 แหล่งจา่ ยไฟฟ้าหลัก (Power Supply, Primary) 1. แหลง่ จา่ ยไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฯ (220 VAC) หรอื 2. แหลง่ จ่ายไฟฟา้ ท่ีจ่ายกระแสไฟฟา้ ไดเ้ ทียบเท่าขอ้ 1 7.5.2 แหล่งจา่ ยไฟฟ้าสารอง (Power Supply, Secondary) ตอ้ งมคี ณุ สมบตั ิ ดงั นี้ 1. สามารถจา่ ยไฟฟ้าทดแทนไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ เม่ือแหลง่ จ่ายไฟฟ้าหลกั เกิดขดั ขอ้ ง 2. ตอ้ งเป็นแบตเตอร่ี ชนิดท่ีสามารถประจไุ ด้ ดงั รูปท่ี 7.12 3. แบตเตอรท่ี ่ีใชต้ อ้ งเป็นชนิดท่ีไมต่ อ้ งบารุงรกั ษา (Maintenance Free) ตัวอย่างแบตเตอร่ี (แหลง่ จ่ายไฟฟ้าสารอง)
7.5.3 พกิ ัดของแหล่งจ่ายไฟฟ้า พิกัดของแหล่งจ่ายไฟฟ้าตอ้ งมีขนาดไม่น้อยกว่าผลรวมของโหลดสูงสุดในข้อ 1 และ 2 ตอ่ ไปนี้ 1. ผลรวมโหลดทงั้ หมดของแผงควบคมุ ระบบแจง้ เหตเุ พลงิ ไหมร้ วมถึงบรภิ ณั ฑท์ งั้ หมดท่ีใชไ้ ฟ จากแหลง่ จา่ ยไฟฟ้าของแผงควบคมุ ระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหมข้ ณะแจง้ เหตุ 2. กระแสสงู สดุ ของเครอ่ื งประจแุ บตเตอร่ี หมายเหตุ เคร่อื งประจแุ บตเตอร่ตี อ้ งสามารถประจแุ บตเตอร่ภี ายใน 24 ช่วั โมง เร่มิ จาก แบตเตอร่ีไฟหมด ใหแ้ บตเตอร่ีสามารถใชง้ านไดน้ าน 5 ช่วั โมง ในสภาวะปกติ อีก15 นาที ในสภาวะ แจง้ เหตุ 7.5.4 พกิ ัดของแบตเตอร่ี การกาหนดพิกดั ของแบตเตอรม่ี ีรายละเอียด ดงั นี้ 1. เม่ือแหลง่ จา่ ยไฟฟา้ ดบั แบตเตอรต่ี อ้ งมีพกิ ดั ท่ีจะสามารถจา่ ยไฟใหร้ ะบบในสภาวะปกติได้ ไม่นอ้ ยกว่า 24 ช่วั โมง หลงั จากนีแ้ ลว้ จะตอ้ งสามารถจ่ายไฟใหก้ บั ระบบในสภาวะแจง้ เหตไุ ดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 15 นาที 2. ในการคานวณพิกัดของแบตเตอร่ี แบตเตอร่ีใหม่ตอ้ งพิกัดไม่ต่ากว่า 125% ของค่าท่ี คานวณไดต้ ามขอ้ กาหนด โดยใชฐ้ านพิกดั สญู เสยี 20% ของพิกดั แบตเตอรต่ี ลอดอายกุ ารใชง้ าน
มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: วสท. 2002–49 ขอ้ มลู ท่วั ไป: แผงแสดงผลเพลิงไหม้ (Annunciator) เป็นแผงแสดงตาแหน่งการเกิดเพลงิ ไหม้ ซง่ึ การ ติดตงั้ ตอ้ งเห็นไดอ้ ย่างชดั เจนและอย่ใู นพืน้ ท่ีทางเขา้ หลกั ของอาคารหรอื อย่ใู นหอ้ งควบคมุ หรอื ศนู ยส์ ่งั การดบั เพลิง ท่ีสามารถเขา้ บารุงรกั ษาไดส้ ะดวก ถา้ แผงแสดงผลเพลิงไหมต้ ิดตงั้ ในพืน้ ท่ีห่างออกไป ตอ้ ง มีแผนผงั แสดงตาแหน่งท่ีตงั้ ของแผงท่ีทางเขา้ หลกั ของอาคารในตาแหน่งท่ีเห็นไดช้ ัดเจนการแสดงผล สามารถแบ่งไดห้ ลายแบบ เช่น แบบแสดงโซนเกิดเหตดุ ว้ ยหลอดไฟ แบบขอ้ ความ แบบแผนผงั อาคาร และแบบไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นตน้ ตวั อย่างแผงแสดงผลเพลงิ ไหม้
การเดินสายของระบบตรวจจบั เพลิงไหมแ้ ละระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหมร้ วมทงั้ วงจรไฟฟ้าแรงต่าอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ระบบนีต้ อ้ งเดนิ สายแยกตา่ งหากจากวงจรไฟฟา้ ของระบบอ่ืน การเดนิ สายตอ้ งเป็นไปตาม มาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้าสาหรบั ประเทศไทยและตามคาแนะนาของผผู้ ลิต 7.7.1 สายไฟฟ้า 1. ขนาด สายไฟฟ้าตอ้ งมีขนาดเพียงพอท่ีจะรบั กระแสท่ีไหลในวงจรได้ แต่ตอ้ งมีขนาดไม่เลก็ กวา่ 1.5 ตร.มม. ยกเวน้ สายเคเบิลชนิดทนไฟ 2. ค่าแรงดนั ตกหรือความตา้ นทานวงจร (Loop Resistance) ตอ้ งไม่เกินค่าท่ีผผู้ ลิตระบบ แจง้ เหตเุ พลิงไหมก้ าหนดหรอื แนะนา 3. สายไฟฟ้าชนิดอ่ืน แมจ้ ะมีขอ้ กาหนดของสายไฟฟ้าตามขา้ งบน อนญุ าตใหใ้ ชว้ ิธีเดินสาย คมนาคมได้ เชน่ ใชส้ ายใยแกว้ (Optical Fiber) เพ่ือใหก้ ารตดิ ตงั้ มีความสามารถเทียบเท่าท่ีกาหนดไวใ้ น มาตรฐานนี้ และเพ่ือใหว้ งจรเหลา่ นนั้ ปอ้ งกนั เพลงิ ไหมอ้ าคารไดต้ ามหนา้ ท่ีท่ีกาหนด 4. สถานท่ีดงั ต่อไปนี้ ตอ้ งใชส้ ายทนไฟ (ตอ้ งมีพิกดั ทนไฟไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 750 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 2 ช่วั โมง) 5. ชนิดของสายไฟฟ้า ตอ้ งเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั การใชง้ านของแต่ละส่วนในอาคาร สายไฟฟ้าท่ี ใชอ้ าจเป็นชนิดใดชนิดหนง่ึ หรอื หลายชนิด ดงั นี้
(1) สายทองแดงหมุ้ ฉนวนพีวซี ี ตาม มอก. 11–2553 (2) สายทนไฟตามมาตรฐาน IEC 331 ตัวอย่างสายทนไฟตามมาตรฐาน IEC 331 (3) สายทนไฟตามมาตรฐาน BS 6387 ตวั อย่างสายทนไฟตามมาตรฐาน BS 6387 (4) สายทนไฟตามมาตรฐาน AS 3013 (5) สายทองแดงหมุ้ ฉนวนเอ็กซแ์ อลพีอี (XLPE) หรอื ฉนวนตา้ นเปลวไฟอ่ืน ๆ (6) สายใยแกว้ (Optical Fiber) (7) สายโทรศพั ท์ ใหใ้ ชก้ รณีระหว่างแผงควบคมุ กบั แผงแสดงผลเพลิงไหมเ้ ท่านั้น ระหว่าง อปุ กรณต์ รวจจบั เพลิงไหมก้ บั อปุ กรณแ์ สดงผลระยะไกล และในระบบโทรศพั ทฉ์ กุ เฉิน (8) สายชีลด์
7.7.2 สขี องสายไฟฟ้าและการทาเครื่องหมายช่องเดนิ สาย 1. สีของสายไฟฟ้า เปลือกหรอื สีภายนอกของสายตอ้ งมีสีเหลืองหรอื สีสม้ หรอื ทาเคร่อื งหมาย ดว้ ยสีท่ีถาวร แถบเคร่อื งหมายกวา้ งไม่นอ้ ยกว่า 25 มิลลิเมตร เคร่อื งหมายตอ้ งทาท่ีปลายสายและทกุ ๆ ระยะหา่ งกนั ไมเ่ กิน 2.00 เมตร ฉนวนของสายไฟฟ้าแตล่ ะเสน้ ตอ้ งมีสี หรอื ทาเคร่อื งหมายถาวรตดิ ท่ีปลาย สายใหแ้ ยกความแตกต่างของสายแตล่ ะเสน้ ไดอ้ ย่างชดั เจน 2. การทาเคร่ืองหมายช่องเดินสาย ตอ้ งทาเคร่ืองหมายดว้ ยสีเหลืองหรือสีสม้ ด้วยสีท่ีถาวร แถบเครอ่ื งหมายกวา้ งไม่นอ้ ยกวา่ 25 มิลลิเมตร เครอ่ื งหมายตอ้ งทาท่ีปลายสายและทกุ ๆ ระยะห่างกนั ไม่ เกิน 4.00 เมตร ตลอดความยาวของชอ่ งเดินสาย 7.7.3 การต่อสาย การต่อสายไม่ว่าจะเป็นการต่อระหว่างสายไฟฟ้าดว้ ยกัน หรือต่อระหว่างสายไฟฟ้ากับ บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟา้ ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ขอ้ กาหนด ดงั นี้ 1. การเดินสายอุปกรณเ์ ร่ิมสญั ญาณทั้งหมดตอ้ งมีการตรวจคุม การเดินเขา้ และออกจาก อปุ กรณเ์ ม่ือตอ่ เขา้ กบั ขวั้ ต่อสายเดยี วกนั ตอ้ งมกี ารแยกหวั ตอ่ สายหรอื ตวั ตอ่ สาย 2. ในการต่อสายตอ้ งมีวิธีการตอ่ สายและเลือกใชอ้ ปุ กรณต์ ่อสายใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการใช้ งานต่อสายไดเ้ ฉพาะในกล่องต่อสาย และกล่องต่อสายตอ้ งมีเคร่อื งหมายโดยทาสีดว้ ยสีเหลืองหรือสีสม้ หรอื แสดงดว้ ยอกั ษรขอ้ ความวา่ “แจง้ เหตเุ พลงิ ไหม”้ ในตาแหน่งท่ีเหน็ ไดช้ ดั 3. อปุ กรณต์ ่อสายท่ีใชก้ บั สายทนไฟ ตอ้ งเป็นชนิดท่ีออกแบบใหใ้ ชไ้ ดก้ บั สายทนไฟชนิดนนั้ ๆ
1. ระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหม้ (Fire Alarm System) อา้ งอิงตามมาตรฐานระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหม้ของ สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ (EIT Standard 2002–49) มาตรฐานนีใ้ ช้ สาหรบั ประเภทอาคาร ไดแ้ ก่ บา้ นอย่อู าศยั อาคารขนาดเล็ก อาคารสงู อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาด ใหญ่พเิ ศษ และสถานประกอบการพิเศษ มีขนั้ ตอนการแจง้ เหตแุ บบขนั้ ตอนเดียวและหลายขนั้ ตอน 2. สว่ นประกอบของระบบแจง้ เหตเุ พลิงไหมท้ ่ีสาคญั คือ แผงควบคมุ แหล่งจา่ ยไฟฟ้า อุปกรณเ์ ร่มิ สญั ญาณ อปุ กรณแ์ จง้ เหตุ และอปุ กรณป์ ระกอบ 3. แผงควบคมุ (Fire Alarm Control Panel: FCP) เป็นส่วนควบคมุ และตรวจสอบการทางานของ อุปกรณ์ในระบบทงั้ หมด ประกอบดว้ ยวงจรควบคมุ คอยรบั สัญญาณจากอุปกรณ์เร่ิมสัญญาณ วงจร ทดสอบการทางาน วงจรปอ้ งกนั ระบบ วงจรสญั ญาณแจง้ การทางานในสภาวะปกตแิ ละสภาวะขดั ขอ้ ง 4. อปุ กรณเ์ ร่มิ สญั ญาณ (Initiating Devices) เป็นอปุ กรณต์ น้ กาเนิดของสญั ญาณแจง้ เหตเุ พลิง ไหมแ้ บง่ ออกเป็น 2 ชนิด คอื อปุ กรณเ์ รม่ิ สญั ญาณจากบคุ คลและอปุ กรณเ์ รม่ิ สญั ญาณโดยอตั โนมตั ิ 5. อปุ กรณแ์ จง้ เหตุ (Signalling Alarm Devices) หลงั จากอปุ กรณเ์ ร่มิ สญั ญาณทางานโดยส่ง สญั ญาณมายงั ตคู้ วบคมุ (FCP) แลว้ FCP จะสง่ สญั ญาณออกมาโดยผ่านอปุ กรณก์ าเนิดเสยี งและแสง
6. แหล่งจ่ายไฟฟ้า (Power Supply) เป็นอุปกรณ์แปลงกาลังไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟมาเป็ น กาลงั ไฟฟ้ากระแสตรงท่ีใชป้ ฏิบตั ิงานของระบบและจะตอ้ งมีระบบไฟฟ้าสารอง เพ่ือใหร้ ะบบทางานได้ ในขณะท่ีไฟปกตดิ บั ผ 7. อปุ กรณป์ ระกอบ (Auxiliary Devices) เป็นอปุ กรณท์ ่ีทางานเช่ือมโยงกบั ระบบอ่ืนท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การควบคมุ ปอ้ งกนั และดบั เพลงิ โดยจะถ่ายทอดสญั ญาณระหวา่ งระบบแจง้ เหตเุ พลงิ ไหมก้ บั ระบบอ่ืน
เนอื้ หาสาระ การติดตงั้ ไฟฟ้าในพืน้ ท่ีอนั ตรายหรอื บรเิ วณอนั ตราย คือ บริเวณท่ีมีสารไวไฟ ของเหลวไวไฟ ฝ่นุ ท่ี ติดไฟได้ ละอองท่ีติดไฟได้ เสน้ ใยท่ีติดไฟได้ ท่ีมีปริมาณท่ีเหมาะสมท่ีอาจเกิดการจดุ ระเบิด ติดไฟหรือ ลกุ ไหมจ้ นเป็นอนั ตรายได้ ซ่ึงโดยท่วั ไปแลว้ การเกิดลกุ ไหมไ้ ดน้ นั้ มีสาเหตุ 3 ประการท่ีประกอบกันคือ (1) จะตอ้ งมีเชือ้ เพลิงก๊าซหรือไอไวไฟหรอื ฝ่นุ ในบรเิ วณท่ีติดไฟได้ (2) จะตอ้ งมีแหล่งท่ีมาใหเ้ กิดการจดุ ตดิ ไฟในลกั ษณะพลงั งานความรอ้ นหรอื การสปารก์ และ (3) จะตอ้ งมีออกซเิ จน
การเดินสายและติดตงั้ อุปกรณ์ไฟฟ้าสาหรบั บริเวณอันตรายใหป้ ฏิบัติตามขอ้ กาหนด โดยแบ่ง ออกเป็น 2มาตรฐาน กลา่ วคือ มาตรฐานท่ี 1 (National Electric Code: NEC) กาหนดในขอ้ 8.2 ถกู จาแนกบริเวณอันตรายเป็นประเภทท่ี 1 ประเภทท่ี 2 และประเภทท่ี 3 มาตรฐานท่ี 2 (International Electrotechnical Commission : IEC) กาหนดในขอ้ 8.3 ถูกจาแนกบริเวณอันตรายเป็น โซน 0 โซน 1 และโซน 2 กรณีไม่ไดร้ ะบไุ วใ้ หป้ ฏิบตั ิตามขอ้ กาหนดของมาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้าสาหรบั ประเทศ ไทยในสว่ นท่ีเก่ียวขอ้ ง 8.1.1 ขอบเขต ขอ้ กาหนดสาหรบั บริภณั ฑไ์ ฟฟ้าและบรภิ ณั ฑอ์ ิเล็กทรอนิกส์ รวมทงั้ วิธีการเดินสายทกุ ระดบั แรงดนั ในบริเวณท่ีอาจเกิดเพลิงไหมห้ รือเกิดการระเบิด เน่ืองจากก๊าซ ไอระเหย หรอื ของเหลวท่ีติดไฟได้ ฝ่นุ ท่ีเผาไหมไ้ ด้ เสน้ ใยหรอื ละอองท่ีตดิ ไฟได้ 8.1.2 การจาแนกบริเวณอนั ตราย 1. การจาแนกบรเิ วณอนั ตราย การเดนิ สายและการติดตงั้ อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ใหป้ ฏิบตั ติ ามขอ้ 1 หรอื 2 2. ไม่อนญุ าตใหบ้ รเิ วณอนั ตรายท่ีจาแนกคนละวธิ ีกนั ทบั ซอ้ นกนั
3. บรเิ วณอนั ตรายมาตรฐานท่ี 1 (NEC) จาแนกเป็น ประเภทท่ี 1 แบบท่ี 1 (Class I, Division I) และประเภทท่ี 1 แบบท่ี 2 (Class I, DivisionII) ประเภทท่ี 2 แบบท่ี 1 (Class II, Division I)และประเภทท่ี 2 แบบท่ี 2(Class II,Division II) ประเภทท่ี 3 แบบท่ี 1 (Class III,Division I)และประเภทท่ี 3แบบท่ี 2(Class III,Division II) 4. บริเวณอันตรายมาตรฐานท่ี 2 (IEC)จาแนกเป็น โซน 0 โซน 1 และโซน 2 เป็นไปตาม ขอ้ กาหนดในขอ้ 8.3 5. การแบง่ กลมุ่ สารไวไฟ บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 1 (1) กลมุ่ A คือ บรเิ วณท่ีมีบรรยากาศประกอบดว้ ย อาเซททีลนี (Acetylence) (2) กลมุ่ B คือ บรเิ วณท่ีมีบรรยากาศประกอบดว้ ย ก๊าซท่ีลกุ ไหมไ้ ด้ ไอระเหยจากของเหลว ท่ีลกุ เป็นไฟหรอื เผาไหมไ้ ด้ เช่น ไฮโดรเจน (Hydrogen) (3) กลมุ่ C คอื บรเิ วณท่ีมีบรรยากาศประกอบดว้ ย ก๊าซท่ีลกุ ไหมไ้ ด้ ไอระเหยจากของเหลว ท่ีลกุ เป็นไฟหรอื เผาไหมไ้ ด้ เช่น เอทิลีน (Ethylence) (4) กลมุ่ D คอื บรเิ วณท่ีมีบรรยากาศประกอบดว้ ย ก๊าซท่ีลกุ ไหมไ้ ด้ ไอระเหยจากของเหลว ท่ีลกุ เป็นไฟหรอื เผาไหมไ้ ด้ เช่น โพรเพน (Propane)
6. การแบง่ กลมุ่ สารไวไฟ บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 2 (1) กลุ่ม Eคือ บริเวณท่ีมีบรรยากาศประกอบด้วย ฝ่ ุนโลหะท่ีลุกไหม้ได้ ซ่ึงได้แก่ อะลมู ิเนียม (Aluminum) แมกนีเซยี ม (Magnesium) และโลหะผสมของการดงั กลา่ ว (2) กลมุ่ Fคือ บรเิ วณท่ีมีบรรยากาศประกอบดว้ ย สว่ นผสมของฝ่นุ ท่ีลกุ ไหมไ้ ด้ เช่น ฝ่นุ ของ ถ่านดา (Carbon black) ถ่านไม้ ถ่านหิน (3) กล่มุ Gคือ บรเิ วณท่ีมีบรรยากาศประกอบดว้ ย ฝ่นุ ท่ีลกุ ไหมไ้ ดน้ อกเหนือจากท่ีระบใุ น กลมุ่ E และกลมุ่ F เช่น ฝ่นุ ของแปง้ เมลด็ พืช ไม้ พลาสติก และสารเคมี
บรเิ วณอนั ตรายมาตรฐานท่ี 1 (NEC) ถกู จาแนกบรเิ วณอนั ตรายเป็นประเภทท่ี 1 ประเภทท่ี 2 และ ประเภทท่ี 3 8.2.1 บริเวณอนั ตรายประเภทที่ 1 1. ความหมายของบริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 1 บริเวณอันตรายประเภทท่ี 1 คือ บริเวณท่ีซ่ึงมีก๊าซหรือไอระเหยท่ีติดไฟได้ผสมอยู่ใน อากาศปรมิ าณมากพอท่ีจะทาใหเ้ กิดการระเบิดได้ บริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 1 หมายรวมถึงขอ้ ต่อไปนี้ ดว้ ย (1) บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 1 แบบท่ี 1 ไดแ้ ก่ (ก) บริเวณท่ีในสภาวะการทางานตามปกติมีก๊าซหรือไอระเหยท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะ เกิดการระเบิดได้ (ข) บริเวณท่ีอาจมีก๊าซหรือไอระเหย ท่ีมีความเข้มข้นพอท่ีจะเกิดการระเบิดไดอ้ ยู่ บอ่ ย ๆ เน่ืองจากการซ่อมแซม บารุงรกั ษาหรอื ร่วั (ค) บรเิ วณท่ีเม่ือบรภิ ณั ฑเ์ กิดความเสียหายหรอื ทางานผิดพลาด อาจทาให้เกิดก๊าซหรอื ไอระเหยท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะเกิดการระเบิด และอาจทาให้บริภัณฑไ์ ฟฟ้าขัดขอ้ งและกลายเป็น แหลง่ กาเนิดประกายไฟได้
(2) บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 1 แบบท่ี 2 ไดแ้ ก่ (ก) บรเิ วณซง่ึ เก็บของเหลวติดไฟซง่ึ ระเหยง่ายหรอื ก๊าซท่ีตดิ ไฟได้ ซ่งึ โดยปกติของเหลว ไอระเหยหรือก๊าซนีจ้ ะถูกเก็บไวใ้ นภาชนะหรือระบบท่ีปิด ซ่ึงจะร่วั ออกมาไดเ้ ฉพาะในกรณีท่ีบริภัณฑ์ ทางานผิดปกติ (ข) บริเวณท่ีมีการป้องกันการระเบิดเน่ืองจากก๊าซหรือไอระเบิดท่ีมีความเข้มข้น เพียงพอโดยใชร้ ะบบระบายอากาศซง่ึ ทางานโดยเคร่อื งจกั รกล และอาจเกิดอนั ตรายไดห้ ากระบบระบาย อากาศขดั ขอ้ งหรอื ทางานผิดปกติ (ค) บรเิ วณท่ีอย่ใู กลก้ บั บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 1 แบบท่ี 1 และอาจไดร้ บั การถ่ายเท ก๊าซหรอื ไอระเหยท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะจดุ ระเบิดไดใ้ นบางครงั้ ถา้ ไม่มีการปอ้ งกนั
2. การเดนิ สายไฟฟ้าและบริภณั ฑใ์ นบริเวณอันตรายประเภทที่ 1 (1) ในบริเวณอันตรายประเภทท่ี 1 แบบท่ี 1 เคร่ืองวดั เคร่ืองมือวดั และรีเลยต์ ้องมีเคร่ือง ห่อหมุ้ ท่ีไดร้ บั การรบั รอง หมายรวมถึงเคร่อื งห่อหมุ้ ท่ีทนการระเบิดและเครอ่ื งห่อหุ้มชนิดอดั ความดนั การ เดนิ สายทาได้ 2 วธิ ี คือ (1) การเดินสายโดยใชท้ ่อโลหะหนา (RMC)แบบมีเกลียว ท่อโลหะหนาปานกลาง (IMC)แบบมีเกลียว สาหรบั กล่อง เคร่อื งประกอบและขอ้ ต่อต่าง ๆ และ (2) การเดินสายโดยใชส้ าย MI หรอื สายเคเบิลท่ีใชก้ บั สารไวไฟตอ้ งมีเครอ่ื งประกอบทาปลายสาย (2) ในบริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 1 แบบท่ี 2 ใชว้ ิธีการเดินสายเช่นเดียวกับขอ้ (1) หรือการ เดินสายตอ้ งใชท้ ่อโลหะหนาแบบมีเกลียว ท่อโลหะหนาปานกลางแบบมีเกลียว อปุ กรณอ์ ่ืนตอ้ งมีเคร่อื ง หอ่ หมุ้ สายเคเบิลและเครอ่ื งประกอบปลายสายตอ้ งเป็นชนิดท่ีไดร้ บั การรบั รอง 8.2.2 บริเวณอันตรายประเภทที่ 2 1. ความหมายของบริเวณอนั ตรายประเภทที่ 2 บริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 2 คือ บริเวณท่ีมีฝ่ ุนท่ีทาใหเ้ กิดการระเบิดไดท้ าให้เกิดอนั ตรายและให้ หมายความรวมถึงบรเิ วณตามท่ีกาหนดในขอ้ ตอ่ ไปนีด้ ว้ ย (1) บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 2 แบบท่ี 1 ไดแ้ ก่ (ก) บริเวณท่ีมีฝ่ ุนลุกไหมไ้ ด้ อยู่ในอากาศเป็นปริมาณท่ีอาจทาใหเ้ กิดส่วนผสมท่ีอาจ ระเบดิ หรอื จดุ ระเบิดได้ ภายใตส้ ภาวะการทางานปกติ
(ข) บรเิ วณท่ีเม่ือเครอ่ื งจกั รกลขดั ขอ้ งหรอื ทางานผิดปกติ อาจทาใหเ้ กิดส่วนผสมท่ีอาจ ระเบดิ หรอื จดุ ระเบดิ ได้ (ค) บรเิ วณท่ีมีฝ่นุ ท่ีมีคณุ สมบตั เิ ป็นตวั นาไฟฟ้าท่ีลกุ ไหมไ้ ดใ้ นปรมิ าณท่ีเป็นอนั ตราย (2) บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 2 แบบท่ี 2 ไดแ้ ก่ (ก) บรเิ วณท่ีตามปกติจะมีฝ่นุ ท่ีลกุ ไหมไ้ ดอ้ ย่ใู นอากาศแต่มีปรมิ าณไม่มากพอท่ีจะทา ใหเ้ กิดการระเบิดหรือจดุ ระเบิด และการสะสมของฝ่นุ ไม่มีผลต่อการทางานปกติของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าหรือ เครอ่ื งสาเรจ็ อ่ืน (ข) บริเวณซ่ึงฝ่ ุนมีการสะสมในบริเวณใกลเ้ คียงกับบริภัณฑไ์ ฟฟ้าท่ีใช้งาน และมี ปริมาณมากพอท่ีจะทาใหบ้ ริภัณฑร์ ะบายความรอ้ นไดย้ าก หรืออาจจดุ ระเบิด ซ่ึงเกิดจากการทางาน ผิดปกติหรอื การขดั ขอ้ งของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟา้ 2. การเดนิ สายไฟฟ้าและบริภณั ฑใ์ นบริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 2 (1) ในบรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 2 แบบท่ี 1 การเดนิ สายตอ้ งใชท้ อ่ โลหะหนาแบบมีเกลียวท่อ โลหะหนาปานกลางแบบมีเกลียวตลอดทงั้ มีฝาปิดเพ่ือกนั ฝ่ นุ ละออง อปุ กรณอ์ ่ืนตอ้ งมีเคร่อื งห่อหมุ้ การ อดุ ท่อ ตอ้ งทาแบบเดยี วกนั กบั การเดินสายในประเภทท่ี 1 สายเคเบิลและเคร่อื งประกอบปลายสายตอ้ ง เป็นชนิดท่ีไดร้ บั การรบั รอง (2) ในบรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 2 แบบท่ี 2 การเดินสายเช่นเดียวกบั ขอ้ (1) ซ่งึ ตอ้ งเป็นชนิด กนั ฝ่นุ
8.2.2 บริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 3 1. ความหมายของบริเวณอันตรายประเภทที่ 3 บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 3 คือ บรเิ วณท่ีมีเสน้ ใยหรอื ละอองท่ีจดุ ระเบิดไดง้ ่าย แตป่ กตจิ ะ ไม่ลอยอย่ใู นอากาศเป็นปรมิ าณมากพอท่ีจะทาใหเ้ กิดการจดุ ระเบิดได้ และใหห้ มายความรวมถึงบริเวณ ตามท่ีกาหนดในขอ้ ตอ่ ไปนีด้ ว้ ย (1) บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 3 แบบท่ี 1 ไดแ้ ก่ บรเิ วณท่ีมีเสน้ ใยท่ีจดุ ระเบิดง่าย หรอื มีการ ขนถ่าย ผลิตใชง้ านวตั ถทุ ่ีทาใหเ้ กิดละอองท่ีจดุ ระเบิดได้ (2) บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 3 แบบท่ี 2 ไดแ้ ก่ บรเิ วณท่ีเป็นท่ีเก็บหรือขนถ่ายเส้นใยท่ีลกุ -ไหมไ้ ด้ ง่าย ยกเวน้ ในกระบวนการผลิต 2. การเดนิ สายไฟฟ้าและบริภณั ฑใ์ นบริเวณอันตรายประเภทที่ 3 (1) ในบริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 3 แบบท่ี 1 การเดินสายตอ้ งใชท้ ่อโลหะหนา ท่ออโลหะ หนา ทอ่ โลหะหนาปานกลาง ท่อโลหะบาง รางเดินสายชนิดกนั ฝ่นุ (2) ในบรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 3 แบบท่ี 2 การเดินสายเช่นเดียวกบั ขอ้ (1) ยกเวน้ กรณีท่ี สถานท่ีดงั กล่าวใชเ้ ป็นท่ีเก็บอย่างเดียว และไม่มีเครอ่ื งจกั รกลใด ๆ อนญุ าตใหเ้ ดินสายเปิดบนลกู ถว้ ยได้ และตอ้ งมีการปอ้ งกนั ความเสียหายทางกายภาพดว้ ย
บรเิ วณอนั ตรายมาตรฐานท่ี 2 (IEC) ถกู จาแนกบรเิ วณอนั ตรายเป็นโซน 0, โซน 1 และโซน 2 ซ่งึ เป็น สถานท่ีท่ีอาจเกิดเพลิงไหม้ หรอื การระเบดิ เน่ืองจากก๊าซ ไอระเหยของเหลวท่ีตดิ ไฟได้ 8.3.1 ขอบเขตและข้อกาหนดท่วั ไป 1. ขอบเขต ครอบคลมุ ขอ้ กาหนดในระบบการแบง่ โซนตามมาตรฐาน IEC 2. การจาแนกบริเวณอนั ตรายขึน้ อย่กู บั คณุ สมบตั ิของไอระเหย ก๊าซ หรอื ของเหลวติดไฟได้ ซง่ึ อาจมีขนึ้ และมคี วามเป็นไปไดท้ ่ีจะมีความเขม้ ขน้ หรอื มีปรมิ าณมากพอท่ีจะทาใหเ้ กิดการลกุ ไหม้ หรอื เกิดเพลิงไหม้ได้ สถานท่ีซ่ึงมีการใช้สารไพโรฟอริก (Pyrophoric) เพียงชนิดเดียว ไม่จัดเป็ นบริเวณ อนั ตรายในการพิจารณาจาแนกประเภทแต่ละหอ้ ง ส่วนหรือพืน้ ท่ีจะแยกพิจารณาเป็นกรณีเฉพาะของ แตล่ ะหอ้ งหรอื พืน้ ท่ีนนั้ ๆ 3. บรเิ วณอนั ตราย โซน 0, โซน 1 และโซน 2 เป็นบรเิ วณท่ีมีก๊าซหรอื ไอระเหยตดิ ไฟ หรืออาจ มีจานวนอากาศท่ีผสมอยา่ งเพียงพอจนเกิดการตดิ หรอื ระเบิด 4. การแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ก๊าซ I คือ บรรยากาศท่ีประกอบดว้ ย Firedamp (ส่วนผสมของก๊าซหลายชนิด ซง่ึ สว่ นใหญ่เป็น ก๊าซมีเทน (Methane) โดยพบบรเิ วณใตพ้ ืน้ ดนิ เชน่ เหมืองแร)่ กลมุ่ ก๊าซ II แบง่ เป็นกลมุ่ IIC, IIB และ IIA ตามธรรมชาตขิ องก๊าซหรอื ไอระเหย
5. การจาแนกโซน (1) โซน 0 ก) สถานท่ีซ่ึงก๊าซหรือไอระเหย อย่างต่อเน่ือง และมีความเข้มขน้ พอท่ีจะเกิดการ ระเบดิ ได้ ข) สถานท่ีซง่ึ มีก๊าซหรอื ไอระเหย ตลอดเวลา และมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะเกิดการระเบดิ (2) โซน 1 ก) สถานท่ีซง่ึ ในสภาวะการทางานปกติ อาจมีก๊าซหรอื ไอระเหยท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะ เกิดการระเบดิ ได้ ข) สถานท่ีซ่งึ อาจมีก๊าซหรอื ไอระเหย ท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะเกิดการระเบิดไดอ้ ย่บู อ่ ย เน่ืองจากการซอ่ มแซม บารุงรกั ษา หรอื ร่วั ค) สถานท่ีซง่ึ เม่ือบรภิ ณั ฑเ์ กิดความเสียหายหรอื ทางานผิดพลาดอาจทาใหเ้ กิดก๊าซหรอื ไอระเหยท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะเกิดการระเบดิ ได้ และในขณะเดียวกนั อาจทาใหบ้ รภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าขดั ขอ้ งซง่ึ เป็นสาเหตใุ หบ้ รภิ ณั ฑไ์ ฟฟา้ ดงั กลา่ วเป็นแหลง่ กาเนิดของการระเบิดได้ ง) สถานท่ีซ่ึงอยู่ใกลก้ ับบริเวณอันตรายโซน 0 และอาจไดร้ บั การถ่ายเทก๊าซ หรือไอ ระเหยท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะเกิดการระเบิดได้ ถา้ ไม่มีการป้องกนั โดยการระบายอากาศโดยดดู อากาศ สะอาดเขา้ มา และมีระบบรกั ษาความปลอดภยั ท่ีมีประสิทธิผล หากระบบอากาศทางานผิดพลาด
(3) โซน 2 ก) สถานท่ีซ่งึ ในสภาวะการทางานปกติ เกือบจะไม่มีก๊าซหรอื ไอระเหยท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะเกิดการระเบิดได้ และถา้ มีก๊าซหรอื ไอระเหยดงั กลา่ ว เกิดขนึ้ ก็จะมีในชว่ งเวลาสนั้ ๆ เท่านนั้ ข) สถานท่ีซ่งึ ใชเ้ ก็บของเหลวติดไฟซ่งึ ระเหยง่าย ก๊าซ หรือไอระเหยท่ีติดไฟได้ ซ่งึ โดย ปกติของเหลว ไอระเหย หรือก๊าซนีจ้ ะถูกเก็บไวใ้ นภาชนะหรือระบบท่ีปิดโดยอาจร่วั ออกมาได้จากการ ทางานของบรภิ ณั ฑท์ ่ีผิดปกติในขณะท่ีมีการหยิบยก ผลติ หรอื ใชง้ านของเหลวหรอื ก๊าซ ค) สถานท่ีซ่ึงมีการป้องกันการระเบิด เน่ืองจากก๊าซหรือไอระเหยท่ีมีความเข้มข้น เพียงพอโดยใชร้ ะบบระบายอากาศ ซ่ึงทางานโดยเคร่ืองจกั รกล อาจเกิดอนั ตรายไดห้ ากระบบอากาศ ขดั ขอ้ งหรอื ทางานผิดปกติ ง) สถานท่ีซ่ึงอยู่ใกลก้ บั บริเวณอันตราย โซน 1 และอาจไดร้ บั การถ่ายเทก๊าซหรือไอ ระเหยท่ีมีความเขม้ ขน้ พอท่ีจะจุดระเบิดได้ ถ้าไม่มีการป้องกันโดยการระบายอากาศโดยดูดอากาศ สะอาดเขา้ มาและมีระบบรกั ษาความปลอดภยั ท่ีมีประสทิ ธิผลหากระบบระบายอากาศทางานผิดพลาด
8.3.2 วิธีการเดนิ สายด้วยระบบสายเคเบลิ 1. ท่วั ไป (1) วิธีการเดินสายตอ้ งเป็นไปตามขอ้ กาหนดการเดินสายและวสั ดุ ตามมาตรฐานการ ติดตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย หรอื เป็นไปตามมาตรฐาน IEC 60079–14 โดยเป็นอปุ กรณแ์ ละ บรภิ ณั ฑต์ อ้ งเป็นชนิดท่ีไดร้ บั การรบั รองแลว้ จากสถาบนั ท่ีเช่ือถือได้ เชน่ UL, NEMA เป็นตน้ (2) การใชส้ ายแกนเดยี วชนิดไม่มีเปลือก หา้ มใชส้ ายแกนเดียวชนิดไมม่ ีเปลอื ก (3) การเดินสายเขา้ บรภิ ณั ฑ์ ตอ้ งเป็นไปตามท่ีกาหนดในแตล่ ะแบบการปอ้ งกนั (4) ทางผ่านของเปลวเพลิง เคร่ืองห่อหุม้ สาย ช่องเดินสาย ตอ้ งมีการป้องกันไม่ใหส้ าร ไวไฟไหลผ่านจากพืน้ ท่ีหน่งึ ไปยงั อีกพืน้ ท่ีหน่งึ (5) การตอ่ สายตอ้ งทาในเครอ่ื งหอ่ หมุ้ ท่ีมีระดบั การปอ้ งกนั เหมาะสม 2. โซน 0 ชนิดของสายเคเบิลและการเดินสายเป็นไปตามมาตรฐาน IEC 60079–14 สาหรบั ชนิดการปอ้ งกนั แบบความปลอดภยั แบบแทจ้ รงิ 3. โซน 1 และโซน 2 ชนิดของสายเคเบิลและการเดนิ สายตามมาตรฐาน IEC 60079–14
8.3.3 เปรียบเทยี บการจาแนกบริเวณอันตราย เปรยี บเทียบการจาแนกบรเิ วณอนั ตราย ตามมาตรฐานท่ี 1 (NEC) ซง่ึ จาแนกเป็นประเภทและ แบบ กบั มาตรฐานท่ี 2 (IEC) ซง่ึ จาแนกเป็นโซน เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจ ดงั นี้ ตารางท่ี 8.1 เปรยี บเทียบการจาแนกบรเิ วณอนั ตรายตามมาตรฐานท่ี 1 (NEC) กบั มาตรฐานท่ี 2 (IEC) หมายเหตุ โซน 20 หมายถงึ สถานท่ซี งึ สภาพบรรยากาศท่เี กิดระเบิดไดง้ ่ายในรูปของเมฆฝ่นุ ท่ีติดไฟมีอย่ใู นอากาศ มอี ย่ตู ลอดเวลา หรือในช่วงระยะเวลายาวหรือบ่อยครงั้ , โซน 21 หมายถึง สถานท่ีซงึ สภาพบรรยากาศท่ีเกิดระเบิด ไดง้ ่ายในรูปของเมฆฝุ่นท่ีติดไฟมีอยู่ในอากาศ น่าจะเกิดในการทางานปกติเป็นครงั้ คราว และโซน 22 หมายถึง สถานท่ีซึงสภาพบรรยากาศท่ีเกิดระเบิดไดง้ ่ายในรูปของเมฆฝุ่นท่ีติดไฟมีอยู่ในอากาศ ไม่น่าจะเกิดในการทางาน ปกตเิ ป็นครงั้ คราว
การเดินสายและติดตัง้ อุปกรณไ์ ฟฟ้าสาหรบั บริเวณอันตรายใหป้ ฏิบัติตามขอ้ กาหนด โดยแบ่ง ออกเป็น 2 มาตรฐาน กลา่ วคอื มาตรฐานท่ี 1 (NEC) และมาตรฐานท่ี 2 (IEC) 1. มาตรฐานท่ี 1 (NEC) 1.1 บริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 1 คือ บริเวณท่ีซ่ึงมีก๊าซหรือไอระเหยของสารไวไฟผสมอย่ใู น อากาศปริมาณมากเพียงพอท่ีจะทาใหเ้ กิดการจดุ ระเบิดได้ การเดินสายในบริเวณอนั ตรายประเภทท่ี 1 ทาได้ 2 วธิ ี คือ (1) การเดินสายโดยใชท้ ่อโลหะหนา (RSC) แบบมีเกลียว ท่อโลหะหนาปานกลาง (IMC) แบบมีเกลียว (2) การเดินสายโดยใชส้ าย MI หรือสายเคเบิลท่ีใชก้ ับสารไวไฟตอ้ งมีเคร่ืองประกอบทา ปลายสาย 1.2 บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 2 คอื บรเิ วณท่ีซ่งึ มีฝ่นุ ท่ีเผาไหมไ้ ดใ้ นปรมิ าณมากเพียงพอท่ีจะ ทาใหเ้ กิดการจุดระเบิดได้ การเดินสายตอ้ งใชท้ ่อโลหะหนาแบบมีเกลียว ท่อโลหะหนาปานกลางแบบมี เกลยี วตลอดทงั้ มีฝาปิดเพ่ือกนั ฝ่นุ ละออง 1.3 บรเิ วณอนั ตรายประเภทท่ี 3 คือ บรเิ วณท่ีมีเสน้ ใยหรือละอองท่ีจดุ ติดไฟได้ง่าย มากเพียง พอท่ีจะทาใหเ้ กิดอนั ตรายจากการจดุ ระเบิดได้ การเดินสายตอ้ งใชท้ ่อโลหะหนา ท่ออโลหะหนา ท่อโลหะ หนาปานกลาง ทอ่ โลหะบาง รางเดนิ สายชนิดกนั ฝ่นุ
2. มาตรฐานท่ี 2 (IEC) 2.1 โซน 0 คือ บริเวณอนั ตรายเน่ืองจากมีก๊าซหรือไอระเหยของสารไวไฟผสมอย่ใู นบรรยากาศ จนเกิดบรรยากาศท่ีจดุ ติดไฟไดอ้ ย่างต่อเน่ืองเป็นเวลานาน การเดินสายและชนิดของสายเคเบิลเป็นไป ตามมาตรฐาน IEC 60079–14 สาหรบั ชนิดการปอ้ งกนั แบบความปลอดภยั แบบแทจ้ รงิ 2.2 โซน 1 คือ บรเิ วณอนั ตรายเน่ืองจากมีการร่วั ไหลของก๊าซหรือไอระเหยของสารไวไฟออกมา ผสมอยใู่ นบรรยากาศท่ีจดุ ติดไฟไดอ้ ย่บู อ่ ยครงั้ ในกระบวนการทางานตามปกติ 2.3 โซน 2 คือ บรเิ วณอนั ตรายเน่ืองจากมีการร่วั ไหลของก๊าซ หรอื ไอระเหยของสารไวไฟออกมา ผสมอย่ใู นบรรยากาศจนเกิดบรรยากาศท่ีจดุ ติดไฟไดน้ าน ๆ ครงั้ เช่น เม่ือเกิดอบุ ตั ิเหตุในกระบวนการ ทางาน แตไ่ ม่ปลอ่ ยใหเ้ กิดการร่วั ไหลเป็นเวลานาน โซน 1 และ โซน 2 สายเคเบิลสาหรบั บริภณั ฑไ์ ฟฟ้าชนิดติดตงั้ ถาวร เป็นสายเคเบิลฉนวนแร่ หมุ้ เปลอื กโลหะ สายเคเบลิ หมุ้ เปลือกเทอรโ์ มพลาสติก เชน่ MI, MC, AC, CV หรอื NYY เป็นตน้
เน้อื หาสาระ ฟ้าผ่าส่ิงปลูกสรา้ งสามารถทาใหเ้ กิดความเสียหายต่อส่ิงปลูกสรา้ ง ผูอ้ ยู่อาศัยและส่ิงของท่ีอยู่ ภายในรวมทงั้ ระบบภายในลม้ เหลว ความเสียหายอาจขยายไปยงั บริเวณโดยรอบส่ิงปลกู สรา้ งและยัง ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น ขอบเขตการขยายความเสียหายมากน้อยขึน้ อยู่กับ คณุ ลกั ษณะของส่ิงปลกู สรา้ งและคณุ ลกั ษณะของวาบฟ้าผ่า ดงั นนั้ การติดตงั้ ระบบปอ้ งกนั ฟ้าผ่าจะเป็น ระบบท่ีใชใ้ นการป้องกันความเสียหายท่ีจะเกิดขึน้ กับตวั อาคาร ทงั้ นีร้ ะบบนีไ้ ม่สามารถยับยั้งการเกิด ฟา้ ผ่าท่ีเป็นปรากฏการณท์ างธรรมชาตไิ ด้
9.1.1 ขอบข่าย 1. มาตรฐานการปอ้ งกนั ฟา้ ผา่ นีเ้ ป็นขอ้ บงั คบั ท่วั ไปในการปอ้ งกนั ฟ้าผา่ สาหรบั (1) ส่งิ ปลกู สรา้ งรวมทงั้ การติดตงั้ และส่งิ ปลกู สรา้ งท่ีอย่ภู ายในรวมถงึ บคุ คล (2) ระบบสาธารณปู โภคท่ีต่อเขา้ กบั ส่งิ ปลกู สรา้ ง 2. มาตรฐานการปอ้ งกนั ฟ้าผ่านีไ้ มค่ รอบคลมุ ถึง (1) ระบบรางรถไฟ (2) การติดตงั้ ในรถ เรอื อากาศยาน และการตดิ ตงั้ นอกฝ่ัง (3) ระบบท่อความดนั สงู ท่ีฝังดิน (4) ระบบทอ่ ไฟฟา้ และสายส่อื สารท่ีไมไ่ ดต้ อ่ กบั ส่งิ ปลกู สรา้ ง 9.1.2 มาตรฐานอ้างองิ มาตรฐานการปอ้ งกนั ฟ้าผา่ ตามมาตรฐานของสมาคมวศิ วกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรม ราชปู ถัมภ์ หรือเรียกว่า มาตรฐาน วสท. (EIT Standard 2007 ถึง 2010) ประกอบดว้ ยภาคท่ี 1 ขอ้ กาหนดท่วั ไป ภาคท่ี 2 การบรหิ ารความเส่ยี ง ภาคท่ี 3 ความเสียหายทางกายภาพตอ่ ส่ิงปลกู สรา้ งและ อนั ตรายต่อชีวิต และภาคท่ี 4 ระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกสใ์ นส่ิงปลกู สรา้ ง โดยอา้ งอิงตามมาตรฐาน IEC ดงั รูป
หนังสอื มาตรฐานการป้องกันฟ้าผ่า
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156