3.3.7 รางเคเบลิ แลดเดอร์ (Cable Ladder) อุปกรณป์ ระกอบของระบบรางเคเบลิ แลดเดอร์
1. หลอดไฟฟ้าตาม มอก. 4 แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือแบบขวั้ หลอดเกลียวและแบบขวั้ หลอดเขี้ยว ทงั้ 2 แบบนีย้ งั แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทใหฟ้ ลกั ซก์ ารสอ่ งสวา่ งธรรมดาและประเภทใหฟ้ ลกั ซ์ การสอ่ งสวา่ งสงู และแต่ละประเภทยงั แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ ชนิดสญุ ญากาศและชนิดบรรจกุ ๊าซ หลอด ไฟฟ้าท่ีมีใชง้ านอย่มู าก เชน่ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ หลอดเผาไส้ หลอดทงั สเตนฮาโลเจน หลอดคอมแพค ฟลอู อเรสเซนตห์ ลอดโซเดียมความดนั ต่า หลอดแสงจนั ทร์ หลอดโซเดียมความดนั สงู และหลอดเมทลั ฮาไลต์ เป็นตน้ 2. โคมไฟฟ้า หมายถึง อปุ กรณส์ าเรจ็ ใชจ้ บั ยึดหลอดไฟฟ้า อปุ กรณป์ ระกอบและตอ่ วงจรของหลอด ไฟฟ้าเพ่ือการกระจาย กรอง หรือสะทอ้ นแสงสว่างท่ีไดจ้ ากหลอดไฟฟ้า รวมทงั้ ป้องกนั หลอดและบงั คบั ทิศทางของแสงตามตอ้ งการ โคมไฟฟา้ มีมากมายหลายชนิด เช่น โคมไฟฟลอู อเรสเซนต์ โคมไฟดาวนไ์ ลต์ โคมไฟไฮ–เบย์ โคมไฟฟลดั ไลต์ โคมไฟถนน และโคมไฟปา้ ยทางออกฉกุ เฉิน เป็นตน้ และเลือกใชท้ ่ีไดต้ าม มาตรฐาน 3. สวติ ช์ คอื อปุ กรณซ์ ่งึ ออกแบบใหต้ อ่ (Make) หรือตดั (Break) กระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าเดียว หรือหลายวงจร มีแรงดนั ไฟฟ้าท่ีกาหนดไม่เกิน 440 โวลต์ กระแสไฟฟ้าท่ีกาหนดไม่เกิน 63 แอมแปร์ สวิตชท์ ่ีมีขวั้ ตอ่ แบบไรห้ มดุ เกลียว ตอ้ งมีกระแสไฟฟา้ ท่ีกาหนดสงู สดุ ไม่เกิน 16 แอมแปร์
4. เตา้ รบั คือ อปุ กรณท์ ่ีใชเ้ ป็นจดุ ต่อทางไฟฟ้าเพ่ือจ่ายไฟฟ้า มีแรงดนั ไฟฟ้าท่ีกาหนดมากกว่า 50 โวลตแ์ ต่ไม่เกิน 440 โวลต์ และมีกระแสไฟฟ้าท่ีกาหนดไม่เกิน 32 แอมแปร์ กรณีเป็นเตา้ รับยึดกับท่ีมี ขวั้ ตอ่ แบบไรห้ มดุ เกลียว กระแสไฟฟา้ ท่ีกาหนดสงู สดุ จากดั ไวท้ ่ี 16 แอมแปร์ 5. ช่องเดินสาย (Raceway) หมายถึง ช่องปิดซ่งึ ออกแบบเฉพาะสาหรบั การเดินสายไฟฟ้า หรอื ตวั นาหรือทาหนา้ ท่ีอ่ืนตามท่ีมาตรฐานไดอ้ นุญาต เช่น ท่อโลหะหนา ท่ออโลหะหนา ท่อโลหะหนาปาน กลาง ท่อโลหะอ่อนกันของเหลว ท่อโลหะอ่อนบาง ท่อโลหะอ่อน ท่อโลหะบาง ช่องเดินสายใตพ้ ื้น ช่อง เดินสายใตพ้ ืน้ คอนกรีตโปร่ง ช่องเดินสายใตพ้ ืน้ โลหะโปร่ง ช่องเดินสายบนพืน้ รางเดินสาย เคเบิลบสั และทางเดินบสั
เน้ือหาสาระ ในงานติดตงั้ ไฟฟ้านนั้ บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้า สายไฟฟ้าท่ีใชแ้ ละวิธีการเดินสายต่าง ๆ จะตอ้ งมีมาตรฐาน เป็นส่ิงกาหนด มาตรฐานท่ีประเทศไทยคนุ้ เคยมากคอื มาตรฐานไออีซี (IEC) มาตรฐานของทวีปยโุ รป และมาตรฐานของประเทศสหรฐั อเมริกา สาหรบั ประเทศไทยบริภณั ฑไ์ ฟฟ้าและสายไฟฟ้าทกุ ชนิดต้อง เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ุตสาหกรรม (มอก.) หรือมาตรฐานอ่ืนท่ีการไฟฟ้าฯ ยอมรับ และ ขอ้ กาหนดตา่ ง ๆ ตอ่ ไปนีเ้ ป็นเพียงสว่ นหนง่ึ เพ่ือนามาใชศ้ กึ ษาเป็นพืน้ ฐานใหเ้ หมาะสมกบั ระดบั ผเู้ รยี น
ขอ้ กาหนดนีอ้ า้ งอิงตามมาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย ครอบคลมุ การเดินสาย ทงั้ หมด ยกเวน้ การเดินสายท่ีเป็นส่วนประกอบภายในของบริภณั ฑ์ เช่น มอเตอร์ แผงควบคมุ และแผง สวติ ชต์ า่ ง ๆ ซง่ึ ประกอบสาเรจ็ รูปจากโรงงาน 4.1.1 การเดนิ สายไฟของระบบไฟฟ้าทมี่ แี รงดนั ตา่ งกัน 1. ไฟฟา้ แรงต่าทงั้ ระบบกระแสสลบั และกระแสตรง อนญุ าตใหต้ ิดตงั้ สายไฟรวมกนั อย่ภู ายใน ช่องรอ้ ยสายหรอื เครอ่ื งห่อหมุ้ เดยี วกนั ได้ ถา้ ฉนวนของสายทงั้ หมดเหมาะสมกบั ระดบั แรงดนั สงู สดุ ท่ีใช้ 2. หา้ มติดตงั้ สายไฟท่ีใชก้ ับระบบแรงต่ารวมกับสายไฟท่ีใชก้ ับระบบแรงสงู ในท่อรอ้ ยสาย บอ่ พกั สาย หรอื เครอ่ื งห่อหมุ้ เดยี วกนั ยกเวน้ ในแผงสวติ ชห์ รอื เครอ่ื งหอ่ หมุ้ อ่ืนท่ีไม่ใชเ้ พ่ือการเดนิ สาย 4.1.2 การป้องกันความเสยี หายทางกายภาพของสายไฟ 1. การเดนิ สายผ่านโครงสรา้ งไมท้ ่ีตอ้ งเจาะรูผ่านโครงสรา้ ง รูท่ีเจาะตอ้ งห่างจากขอบไม่นอ้ ย กวา่ 30 มม. หรอื เดินสายในชอ่ งบากตอ้ งปอ้ งกนั ไมใ่ หต้ ะปหู รอื หมดุ เกลยี วถกู สายได้ 2. การเดินสายท่ีมีเปลือกนอกไม่เป็นโลหะ ผ่านโครงสรา้ งโลหะท่ีเจาะเป็นช่องหรือรูตอ้ งมีบชุ ชิง – ยาง ( Bushing Grommet) ยึดติดกบั ชอ่ งหรอื รูเพ่ือปอ้ งกนั ฉนวนของสายชารุด ยกเวน้ ช่องหรอื รูท่ีมี ขอบมนและผิวเรยี บ
3. การเดินสายผ่านโครงสรา้ งอ่ืน ตอ้ งมีปลอกท่ีเป็นฉนวนไฟฟ้าสวมหรือจดั ทารูใหเ้ รียบรอ้ ย เพ่ือปอ้ งกนั ฉนวนท่ีหมุ้ สายเสยี หาย 4.1.3 การตดิ ตงั้ ใตด้ นิ การติดตงั้ ใตด้ ินตอ้ งเป็นไปตามขอ้ กาหนดดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ความลึกในการติดตั้งใต้ดิน สายเคเบิลฝังดินโดยตรง ท่อร้อยสายหรือเคร่ืองห่ อหุ้ม สายไฟฟา้ ประเภทอ่ืนท่ีไดร้ บั การรบั รองแลว้ ความลกึ ในการติดตงั้ ตอ้ งเป็นไปตามตารางท่ี 3.1 2. สายเคเบิลใตด้ ินติดตงั้ ใตอ้ าคาร ตอ้ งติดตงั้ อย่ใู นท่อรอ้ ยสายและท่อรอ้ ยสายตอ้ งยาวเลย ผนงั ดา้ นนอกของอาคารออกไป 3. สายเคเบิลท่ีฝังดินโดยตรง ส่วนท่ีโผล่ขนึ้ จากดินตอ้ งมีการปอ้ งกนั ดว้ ยเคร่ืองห่อหมุ้ หรอื ท่อ รอ้ ยสายสงู จากระดบั พืน้ ดินไม่นอ้ ยกว่า 2.40 เมตร และเคร่อื งห่อหมุ้ หรือท่อรอ้ ยสายตอ้ งฝังจมลงในดิน ตามตารางท่ี 4.1
ตารางท่ี 4.1 ความลกึ ในการติดตงั้ ใตด้ นิ สาหรบั ระบบแรงต่า หมายเหตุ 1) ท่อรอ้ ยสายท่ีไดร้ บั การรบั รองใหฝ้ ังดินไดโ้ ดยมีคอนกรีตหมุ้ ตอ้ งหมุ้ ด้วยคอนกรีตหนาไม่ นอ้ ยกว่า 50 มม. 2) สาหรบั วธิ ีท่ี 4, 5 และ 6 หากมีแผ่นคอนกรตี หนาไม่นอ้ ยกว่า 50 มม. วางอย่เู หนือสาย ยอมใหค้ วามลกึ ลดลงเหลอื 0.30 เมตร ได้ 3) ขอ้ กาหนดความลึกนีไ้ ม่ใชบ้ งั คบั สาหรบั การติดตงั้ ใตอ้ าคารหรือใตพ้ ื้นดินซ่ึงหนาไม่ นอ้ ยกวา่ 100 มม.และย่ืนเลยออกไปจากแนวตดิ ตงั้ ไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 150 มม. 4) บรเิ วณท่ีมีรถยนตว์ ่งิ ผา่ น ความลกึ ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 0.60 เมตร
4. การต่อสายหรือต่อแยกใหเ้ ป็นไปตามท่ีกาหนดไวใ้ นแต่ละวิธีการเดินสาย สาหรบั สาย เคเบิล ใตด้ ินท่ีอย่ใู นราง (Trench) อนญุ าตใหม้ ีการต่อสายหรอื ต่อแยกสายในรางได้ แต่การตอ่ และตอ่ แยกตอ้ งทาดว้ ยวิธีและใชว้ สั ดทุ ่ีไดร้ บั การรบั รองแลว้ 5. หา้ มใชว้ สั ดทุ ่ีมีคม หรอื เป็นส่งิ ท่ีทาใหผ้ กุ รอ่ น หรอื มีขนาดใหญ่ กลบสายหรอื ท่อรอ้ ยสาย 6. ท่อรอ้ ยสายซ่ึงมีความชืน้ สามารถเขา้ ไปยงั ส่วนท่ีมีไฟฟ้าได้ ตอ้ งอุดท่ีปลายใดปลายหน่ึง หรอื ทงั้ สองปลายของทอ่ รอ้ ยสาย ตามความเหมาะสม 4.1.4 การป้องกันการผุกร่อน ท่อรอ้ ยสาย เกราะหมุ้ สายเคเบิล (Cable Armor) เปลือกนอกของสายเคเบิล กลอ่ ง ตู้ ข้องอ (Elbow) ขอ้ ตอ่ (Coupling) และเครอ่ื งประกอบการเดินท่ออ่ืน ๆ ตอ้ งใชว้ สั ดทุ ่ีเหมาะสมหรอื มีการปอ้ งกนั ท่ีเหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ มท่ีส่ิงนนั้ ติดตงั้ อยู่ การป้องกันการผุกร่อนตอ้ งทาทั้งภายในและภายนอก บริภัณฑโ์ ดยการเคลือบดว้ ยวสั ดุท่ีทนต่อการผุกร่อน เช่น สังกะสีแคดเมียม หรือ อีนาเมล (Enamel) ถา้ ป้องกันการผุกร่อนดว้ ยอีนาเมล ไม่อนญุ าตใหใ้ ชใ้ นสถานท่ีเปียก หรือภายนอกอาคาร กล่องต่อสาย หรอื ตทู้ ่ีใชก้ รรมวิธีปอ้ งกนั การผกุ รอ่ นดว้ ยสารเคลือบอินทรยี ์ (Organic Coating) อนญุ าตใหใ้ ชภ้ ายนอก อาคารได้ แตต่ อ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากการไฟฟ้าฯ ก่อน
4.1.5 การตดิ ตัง้ วัสดุและการจับยดึ 1. ท่อรอ้ ยสาย รางเดินสาย รางเคเบิล สายเคเบิล กล่อง ตู้ และเคร่อื งประกอบการเดินสาย ตอ้ งยดึ กบั ท่ีใหม้ ่นั คง การจบั ยดึ ทอ่ ร้อยสาย ต้องยดึ กบั ทใ่ี หม้ น่ั คง 2. การเดินสายในท่อรอ้ ยสาย สาหรบั แต่ละจดุ ท่ีมีการต่อสาย ปลายท่อ จดุ ต่อไฟฟ้า จุดต่อ แยกจุดติดสวิตช์ หรือจุดดึงสาย ตอ้ งติดตงั้ กล่องหรือเคร่ืองประกอบการเดินท่อ ยกเว้น การต่อสายใน เครอ่ื งห่อหมุ้ สายท่ีมีฝาเปิดออกไดแ้ ละเขา้ ถงึ ไดภ้ ายหลงั การตดิ ตงั้ การเดนิ สายในทอ่ ร้อยสาย จุดต่อ จุดแยกต้องตดิ ตัง้ กล่อง
3. สายไฟฟ้าในช่องเดินสายแนวด่ิงตอ้ งมีการจบั ยึดท่ีปลายบนของช่องเดินสายและตอ้ งมี การจบั ยดึ เป็นช่วง ๆ โดยมีระยะห่างไม่เกินตามท่ีกาหนดในตารางท่ี 4.2 ยกเวน้ ถา้ ระยะตามแนวด่ิงนอ้ ย กวา่ รอ้ ยละ 25 ของระยะท่ีกาหนดในตารางท่ี 4.2 ไม่ตอ้ งใชท้ ่ีจบั ยดึ สายไฟฟ้าในชอ่ งเดนิ สายแนวดงิ่ ตอ้ งมกี ารจับยดึ ตารางท่ี 4.2 ระยะหา่ งสาหรบั การจบั ยดึ สายไฟในแนวด่งิ
4.1.6 การป้องกนั ไมใ่ หเ้ กดิ กระแสเหน่ียวนาในเคร่ืองหอ่ หมุ้ หรือช่องเดนิ สายทเ่ี ป็ นโลหะ 1. เม่ือติดตงั้ สายสาหรบั ระบบไฟฟ้ากระแสสลบั ในเคร่อื งห่อหมุ้ หรอื ช่องเดินสายท่ีเป็นโลหะ ตอ้ งจดั ทาไม่ใหเ้ กิดความรอ้ นแก่โลหะท่ีลอ้ มรอบเน่ืองจากผลของการเหน่ียวนา เช่น การรวมสายเสน้ ไฟ ทกุ เสน้ และตวั นานิวทรลั รวมสายเส้นไฟทกุ เส้นและสายนิวทรัลในชอ่ งเดนิ สายโลหะเพอ่ื ป้องกันความร้อนจากการเหน่ียวนา 2. เม่ือสายเด่ียวของวงจรเดินผ่านโลหะท่ีมีคณุ สมบตั ิเป็นสารแม่เหล็ก จะตอ้ งจดั ใหผ้ ลจาก การเหน่ียวนามีนอ้ ยท่ีสดุ โดยการตดั รอ่ งใหถ้ ึงกนั ระหว่างรูแต่ละรูท่ีรอ้ ยสายแต่ละเสน้ หรอื โดยการรอ้ ย สายทกุ เสน้ ของวงจรผ่านช่องเดียวกนั การจัดสายใหม้ ผี ลจากการเหนี่ยวนาน้อยทสี่ ุด
3. สายไฟแกนเดียวทุกเสน้ ของวงจรเดียวกันรวมทงั้ สายท่ีมีการต่อลงดินและสายดิน ตอ้ ง ตดิ ตงั้ ในทอ่ รอ้ ยสายเดียวกนั หากติดตงั้ ในรางเดนิ สาย (Wire ways) หรอื รางเคเบิล (Cable trays) ใหว้ าง เป็นกลมุ่ เดยี วกนั ตัวอย่างการตดิ ตัง้ ในรางเดนิ สาย (Wire ways) ใหม้ ัดสายและจัดวางเป็ นกลุ่ม
4.1.7 การกาหนดสีของสายไฟหมุ้ ฉนวน ระบบแรงต่า ระบบแรงต่า (Low Voltage System) หมายถึง ระบบไฟฟ้าท่ีมีแรงดนั ระหวา่ งเฟส (Phase to Phase) ไมเ่ กิน 1,000 โวลต์ หรอื แรงดนั เทียบดนิ ไมเ่ กิน 600 โวลต์ 4.1.8 การเดนิ สายควบ อนญุ าตใหว้ งจรไฟฟา้ เสน้ ไฟและนิวทรลั เดนิ ควบสายไดโ้ ดยสายไฟฟ้าตอ้ งมีขนาดไม่เล็กกวา่ 50ตร.มม. สายท่ีเดินควบตอ้ งเป็นสายชนิดเดียวกัน ขนาดเท่ากัน มีความยาวเท่ากันและใชว้ ิธีต่อสาย เหมือนกนั
4.2.1 ท่วั ไป การเดินสายเปิดบนวสั ดฉุ นวน หมายถึง วิธีการเดินสายแบบเปิดโล่งโดยใชต้ มุ้ หรือลกู ถว้ ย เพ่ือการจบั ยดึ สายท่ีใชต้ อ้ งเป็นสายแกนเดยี วและตอ้ งไม่ถกู ปิดบงั ดว้ ยโครงสรา้ งของอาคาร 4.2.2 สาหรับระบบแรงต่า 1. อนุญาตให้ใช้การเดินสายเปิ ดบนวัสดุฉนวนภายในอาคาร ได้เฉพาะในโรงงาน อตุ สาหกรรม งานเกษตรกรรม และงานแสดงสนิ คา้ เทา่ นนั้ 2. ตอ้ งมีการป้องกันความเสียหายทางกายภาพ ตามท่ีกาหนดในขอ้ 4.1.2 และสายท่ียึด เกาะไปกบั ผนงั หรอื กาแพงตอ้ งอยสู่ งู จากพืน้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 2.50 เมตร 3. การเดินสายในสถานท่ีชืน้ เปียก หรอื มีไอท่ีทาใหเ้ กิดการผกุ รอ่ น ตอ้ งมีการปอ้ งกนั ไม่ให้ เกิดความเสียหายแก่สายไฟฟา้ 4. สายไฟฟ้าท่ีใชต้ อ้ งเป็นสายหุม้ ฉนวน ยกเวน้ สายท่ีจ่ายไฟฟ้าใหป้ ั้นจ่นั ชนิดเคล่ือนท่ีได้ บนราง 5. การเดนิ สายเปิดบนวสั ดฉุ นวนภายในอาคาร ใหเ้ ป็นไปตามท่ีกาหนดในตารางท่ี 4.3 6. วสั ดฉุ นวนสาหรบั การเดนิ สายตอ้ งเป็นชนิดท่ีเหมาะสมกบั สภาพการใชง้ าน
ตารางท่ี 4.3 การเดินสายบนวสั ดฉุ นวนภายในอาคาร ตารางท่ี 4.4 การเดนิ สายบนลกู ถว้ ยภายนอกอาคาร
การเดนิ สายบนลูกถว้ ยภายนอกอาคาร 8. สายไฟฟา้ ซง่ึ ติดตงั้ บนตมุ้ หรอื ลกู ถว้ ยจะตอ้ งยดึ กบั ฉนวนท่ีรองรบั ใหม้ ่นั คง ในกรณีท่ีใชล้ วด ผกู สาย (Tie Wire) ใหใ้ ชช้ นิดท่ีมีฉนวนท่ีทนแรงดนั เทียบเท่าฉนวนของสายไฟฟ้านนั้ ในกรณีท่ีอาจจะ สมั ผสั ไดโ้ ดยพลงั้ เผลอ 9. ขนาดกระแสของสายไฟฟ้า ใหใ้ ชค้ า่ กระแสตามตารางท่ี 2.7
4.3.1 การเดนิ สายในทอ่ โลหะหนา ทอ่ โลหะหนาปานกลาง และทอ่ โลหะบาง 1. การใชง้ าน ท่อโลหะหนา (Rigid Metal Conduit: RMC) ท่อโลหะหนาปานกลาง (Intermediate Metal Conduit: IMC) และท่อโลหะบาง (Electrical Metallic Tubing: EMT) สามารถใชก้ บั งานเดินสาย ท่วั ไปทงั้ ในสถานท่ีแหง้ ชืน้ และเปียก นอกจากจะระบไุ วเ้ ฉพาะเร่อื งนนั้ ๆ โดยตอ้ งติดตงั้ ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการใชง้ าน 2. ขอ้ กาหนดการติดตงั้ (1) ในสถานท่ีเปียก ท่อโลหะและส่วนประกอบท่ีใชย้ ึดท่อโลหะ เช่น สลักเกลียว (Bolt) สแตรป็ (Strap) สกรู (Screw) ฯลฯ ตอ้ งเป็นชนิดท่ีทนตอ่ การผกุ รอ่ น (2) ปลายท่อท่ีถูกตดั ออกตอ้ งลบคม ดงั รูปท่ี 4.13 เพ่ือป้องกันไม่ใหป้ าดฉนวนของสาย การทาเกลยี วทอ่ ตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งทาเกลียวชนิดปลายเรยี ว ปลายทอ่ ทต่ี ัดออกตอ้ งลบคม
3. หา้ มใชท้ ่อโลหะบางฝังดินโดยตรง หรือใชใ้ นระบบไฟฟ้าแรงสูง หรือท่ีซ่ึงอาจเกิดความ เสยี หายหลงั การติดตงั้ 4. หา้ มใชท้ อ่ โลหะขนาดเลก็ กวา่ 15 มม. 5. จานวนสายสงู สดุ ตอ้ งเป็นไปตามตารางท่ี 4.5 ตารางท่ี 4.5 พืน้ ท่ีหนา้ ตดั สงู สดุ รวมของสายไฟทกุ เสน้ คิดเป็นรอ้ ยละเทียบกบั พืน้ ท่ีหนา้ ตดั ของท่อ 6. ท่อขนาดใหญ่กว่า 15 มม. หากรอ้ ยสายชนิดไม่มีปลอกตะก่วั รศั มีดดั โคง้ ดา้ นในของท่อ ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า 6 เท่า ของขนาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของท่อ ถา้ เป็นสายไฟฟ้าชนิดมีปลอกตะก่วั รศั มีดดั โคง้ ดา้ นในตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 10 เทา่ ของขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของทอ่ สาหรบั ท่อขนาด 15 มม. หากรอ้ ย สายชนิดไมม่ ีปลอกตะก่วั รศั มีดดั โคง้ ดา้ นในตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 8 เทา่ ของขนาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของทอ่
7. ตอ้ งติดตงั้ ระบบทอ่ ใหเ้ สรจ็ ก่อน ดงั รูปจงึ ทาการเดินสายไฟฟา้ ตดิ ตงั้ ระบบทอ่ ใหเ้ สร็จก่อน จงึ ทาการเดนิ สายไฟฟ้า 8. การเดินสายดว้ ยท่อโลหะไปยงั บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้า ควรเดินดว้ ยท่อโลหะโดยตลอดและช่วงต่อ สายเขา้ บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟา้ ควรเดินดว้ ยท่อโลหะออ่ น หรอื ใชว้ ธิ ีการอ่ืนตามท่ีเหมาะสม 9. หา้ มใชท้ ่อโลหะเป็นตวั นาสาหรบั ตอ่ ลงดิน 10. ขนาดกระแสของสายไฟฟ้าใหใ้ ชค้ า่ กระแสตามตารางท่ี 2.2 11. ท่อรอ้ ยสายตอ้ งยึดกบั ท่ีใหม้ ่นั คงดว้ ยอปุ กรณจ์ บั ยึดท่ีเหมาะสม โดยมีระยะห่างระหว่าง จดุ จบั ยดึ ไมเ่ กิน 3.0 เมตร และห่างจากกลอ่ งตอ่ สายหรอื อปุ กรณต์ า่ ง ๆ ไม่เกิน 0.9 เมตร
4.3.2 การเดนิ สายในทอ่ โลหะอ่อน (Flexible Metal Conduit) 1. ลกั ษณะการใชง้ าน ตอ้ งเป็นไปตามขอ้ กาหนดทกุ ขอ้ ดงั นี้ (1) ในสถานท่ีแหง้ (2) ในท่ีเข้าถึงได้และป้องกันสายจากความเสียหายทางกายภาพ หรือเพ่ือการ เดินซอ่ นสาย (3) ใหใ้ ชส้ าหรบั เดนิ เขา้ บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟา้ หรอื กลอ่ งตอ่ สายและความยาวไม่เกิน 2 เมตร 2. หา้ มใชท้ ่อโลหะอ่อน ในกรณีดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ในปลอ่ งลฟิ ตห์ รอื ปลอ่ งขนของ (2) ในหอ้ งแบตเตอร่ี (3) ในบรเิ วณอนั ตราย นอกจากจะระบไุ วเ้ ป็นอย่างอ่ืน (4) ฝังในดินหรอื ฝังในคอนกรตี (5) หา้ มใชใ้ นสถานท่ีเปียก นอกจากจะใชส้ ายไฟฟ้าชนิดท่ีเหมาะสมกบั สภาพการติดตงั้ และในการตดิ ตงั้ ท่อโลหะอ่อนตอ้ งปอ้ งกนั ไม่ใหน้ า้ เขา้ ไปในช่องรอ้ ยสายท่ีทอ่ โลหะอ่อนนีต้ อ่ อยู่
3. หา้ มใชท้ ่อโลหะอ่อนท่ีมีขนาดเล็กกว่า 15 มม. ยกเวน้ ท่อโลหะอ่อนท่ีประกอบมากับขวั้ หลอดไฟและมีความยาวไมเ่ กิน 1.80 เมตร 4. จานวนสายไฟฟา้ สงู สดุ ในทอ่ โลหะอ่อนตอ้ งเป็นไปตามท่ีกาหนดในตารางท่ี 4.5 5. มมุ ดดั โคง้ ระหว่างจดุ ดงึ สายรวมกนั แลว้ ตอ้ งไม่เกิน 360 องศา 6. ตอ้ งตดิ ตงั้ ระบบท่อใหเ้ สรจ็ ก่อน จึงทาการเดินสายไฟฟ้า 7. หา้ มใชท้ อ่ โลหะออ่ นเป็นตวั นาสาหรบั ตอ่ ลงดนิ 8. ระยะห่างระหว่างอุปกรณ์จับยึดตอ้ งไม่เกิน 1.50 เมตร และห่างจากกล่องต่อสายหรือ อปุ กรณต์ ่าง ๆ ไม่เกิน 0.30 เมตร 9. ขนาดกระแสของสายไฟฟา้ ใหเ้ ป็นไปตามท่ีกาหนดในตารางท่ี 2.2 4.3.3 การเดนิ สายในทอ่ อโลหะแข็ง (Rigid Nonmetallic Conduit) ท่ออโลหะแข็งและเคร่อื งประกอบการเดินท่อตอ้ งใชว้ สั ดทุ ่ีเหมาะสม ทนต่อความชื้น สภาวะ อากาศและสารเคมี สาหรบั ท่อท่ีใชเ้ หนือดินตอ้ งมีคณุ สมบตั ิตา้ นเปลวเพลิง ทนแรงกระแทกและแรงอดั ไม่บิดเบีย้ วเพราะความรอ้ นภายใตส้ ภาวะท่ีอาจเกิดขึน้ เม่ือใชง้ าน ในสถานท่ีใชง้ านท่ีท่อมีโอกาสถูก แสงแดดโดยตรงตอ้ งใชท้ ่อรอ้ ยสายชนิดทนต่อแสงแดด สาหรบั ท่อท่ีใชใ้ ตด้ ินวสั ดทุ ่ีใช้ตอ้ งทนความชืน้ ทนสารท่ีทาใหผ้ ุกร่อนและมีความแข็งแรงเพียงพอท่ีจะทนแรงกระแทกไดโ้ ดยไม่เสียหาย ถา้ ใชฝ้ ังดิน โดยตรงโดยไมม่ ีคอนกรตี หมุ้ วสั ดทุ ่ีใชต้ อ้ งสามารถทนนา้ หนกั กดท่ีอาจเกิดขนึ้ ภายหลงั การติดตงั้ ได้
อนุญาตให้ใช้รางเดินสายไดเ้ ฉพาะการติดตัง้ ในท่ีเปิดโล่งซ่ึงสามารถเขา้ ถึงเพ่ือตรวจสอบและ บารุงรกั ษาไดต้ ลอดความยาวของรางเดินสาย หา้ มเดินในฝ้าเพดาน ถา้ ติดตงั้ ภายนอกอาคารต้องเป็น ชนิดกนั ฝน(Raintight)และตอ้ งมีความแข็งแรงเพียงพอท่ีจะไม่เสียรูปภายหลงั การติดตงั้ และตอ้ งเป็นไป ตามขอ้ กาหนดดงั ตอ่ ไปนี้ 1. หา้ มใชร้ างเดินสายในบรเิ วณท่ีอาจเกิดความเสยี หายทางกายภาพ ในบรเิ วณท่ีมีไอท่ีทาใหผ้ กุ รอ่ น หรอื ในบรเิ วณอนั ตราย นอกจากจะระบไุ วเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน 2. พืน้ ท่ีหนา้ ตัดของตัวนาและฉนวนทัง้ หมดรวมกันตอ้ งไม่เกินรอ้ ยละ 20 ของพืน้ ท่ีหนา้ ตัดภาย ในรางเดนิ สาย 3. ขนาดกระแสของสายในรางเดินสายใหใ้ ชค้ ่ากระแสตามตารางท่ี 2.5 กรณีตวั นากระแส 3 เสน้ โดยไมต่ อ้ งใชต้ วั คณู ลดกระแสเรอ่ื งจานวนสาย หากตวั นาท่ีมีกระแสไหลรวมกนั ไม่เกิน 30 เสน้ ตวั นาวงจร สญั ญาณหรอื วงจรควบคมุ ท่ีอาจมีกระแสไหลในชว่ งระยะเวลาสนั้ ไมถ่ ือวา่ เป็นตวั นาท่ีมีกระแสไหล 4. สายไฟแกนเด่ียวของวงจรเดียวกันรวมทั้งสายดิน ตอ้ งวางเป็นกลุ่มเดียวกันแลว้ มัดรวมเขา้ ดว้ ยกนั 5. รางเดินสายตอ้ งจบั ยึดอย่างม่นั คง แข็งแรงทุกระยะไม่เกิน 1.50 เมตร แต่ยอมใหจ้ ุดจับยึดห่าง มากกวา่ 1.50 เมตร ไดใ้ นกรณีท่ีจาเป็น แตต่ อ้ งไม่เกิน 3.00 เมตร
6. รางเดินสายในแนวด่ิงตอ้ งจบั ยึดอย่างม่นั คงแข็งแรงทกุ ระยะไม่เกิน 4.50 เมตร หา้ มมีจดุ ตอ่ เกิน 1 จดุ ในแตล่ ะระยะจบั ยดึ จดุ จบั ยดึ ตอ้ งห่างจากปลายรางเดนิ สายไมเ่ กิน 1.50 เมตร ดว้ ย 7. หา้ มตดิ ตงั้ หรอื ใชร้ างเดนิ สายในกรณีตอ่ ไปนี้ (1) ตอ่ รางเดินสายตรงจดุ ท่ีผา่ นผนงั หรอื พืน้ (2) เป็นตวั นาสาหรบั ตอ่ ลงดิน (3) ขนาดเกิน 150 x 300 มลิ ลิเมตร 8. อนญุ าตใหต้ ่อสายเฉพาะในส่วนท่ีสามารถเปิดออกและเขา้ ถึงไดส้ ะดวกตลอดเวลาเท่านั้น และ พืน้ ท่ีหนา้ ตดั ของตวั นา และฉนวนรวมทงั้ หวั ต่อสายรวมกนั แลว้ ตอ้ งไม่เกินรอ้ ยละ 75 ของพืน้ ท่ีหนา้ ตดั ภายในของรางเดินสาย ณ จดุ รวมสาย 9. ในรางเดินสายตรงตาแหน่งท่ีตอ้ งการดดั งอสาย เชน่ ปลายสาย ตาแหน่งท่ีมีท่อรอ้ ยสายเขา้ -ออก รางเดนิ สาย ตอ้ งจดั ใหม้ ีท่ีว่างสาหรบั ดดั งอสายอยา่ งเพียงพอ และมีการปอ้ งกนั ไม่ให้มีสว่ นคมท่ีอาจบาด สายได้ 10. การเดนิ สายในแนวด่งิ ตอ้ งมีการจบั ยดึ สายตามท่ีกาหนดในหวั ขอ้ 4.1.5 ขอ้ 3 11. จดุ ปลายรางเดินสายตอ้ งปิด
4.5.1 ขอบเขต ครอบคลมุ การตดิ ตงั้ และการใชก้ ลอ่ งสาหรบั งานไฟฟ้า เชน่ กลอ่ งสาหรบั จดุ ตอ่ ไฟฟ้าของสวิตช์ หรืออุปกรณ์ กล่องต่อสาย กล่องดึงสาย กล่องแยกสายและกล่องอ่ืน ๆ ท่ีติดตงั้ เพ่ือวัตถุประสงคก์ าร เดินสาย 4.5.2 ข้อกาหนดและลักษณะการใชง้ าน 1. กล่องตอ้ งทาจากวัสดุท่ีทนต่อการผุกร่อนหรือมีการป้องกันท่ีเหมาะสมทั้งภายในและ ภายนอก เช่น เคลือบดว้ ยสีหรอื อาบสงั กะสี หรอื วิธีอ่ืน ๆ 2. ตอ้ งจดั ใหม้ ีบชุ ชิง หรอื เคร่อื งประกอบท่ีมีขอบมนเรียบ ตรงบริเวณท่ีตวั นาหรือสายเคเบิล ผา่ นผนงั ของกลอ่ ง 3. กลอ่ งตอ้ งสามารถบรรจตุ วั นาหรอื สายเคเบลิ ไดท้ งั้ หมด 4. เม่ือติดตงั้ กล่องแลว้ ตอ้ งเขา้ ถึงไดโ้ ดยไม่ตอ้ งรอื้ ถอนสว่ นใดส่วนหน่งึ ของอาคารและตอ้ งมี ท่ีวา่ งใหส้ ามารถทางานไดส้ ะดวก 5. กลอ่ งตอ้ งมีฝาปิดท่ีเหมาะสมและแนน่ หนา 6. กลอ่ งท่ีใชก้ บั ระบบแรงสงู ตอ้ งมีปา้ ย “อนั ตรายไฟฟ้าแรงสงู ” ตดิ ไวอ้ ย่างถาวร ปา้ ยท่ีจดั ทา ตอ้ งอยดู่ า้ นนอกของฝากลอ่ งและเหน็ ไดช้ ดั
การเดินสายบนผิวหรอื เดินเกาะผนงั ใชก้ บั การเดินสายแรงต่าภายในอาคารท่วั ไป ยกเวน้ ในบริเวณ อนั ตราย หรอื ท่ีไดร้ ะบวุ ่าหา้ มใชใ้ นเรอ่ื งนนั้ ๆ โดยสายไฟฟา้ ท่ีใชต้ อ้ งเหมาะสมกบั สภาพติดตงั้ ดว้ ย 1. สายไฟฟ้าตอ้ งเป็นชนิดท่ีมีเปลือกนอก ดงั รูป การเดินสายตอ้ งป้องกันไม่ใหฉ้ นวนหรือเปลือก ชารุด 2. การเดินสายผ่านผนงั หรอื ส่ิงก่อสรา้ งตอ้ งมีการป้องกนั ความเสียหายเน่ืองจากฉนวนหรือเปลือก นอกถกู บาดดว้ ยส่งิ ท่ีแหลมคม 3. สายไฟฟ้าตอ้ งจบั ยึดใหม้ ่นั คงดว้ ยอปุ กรณท์ ่ีออกแบบโดยเฉพาะหรอื ใชท้ ่อรอ้ ยสายไฟฟ้าเป็นตวั จบั ยดึ 4. การตอ่ และการตอ่ แยกใหท้ าไดเ้ ฉพาะในกลอ่ งสาหรบั งานไฟฟ้าเทา่ นนั้ 5. ขนาดกระแสของสายไฟฟ้าใหเ้ ป็นไปตามตารางท่ี 2.5 และไมต่ อ้ งใชต้ วั คณู ปรบั คา่ ขนาดกระแส 6. การเดินสายใหต้ ดิ ตงั้ เรยี งเป็นชนั้ เดยี ว หา้ มตดิ ตงั้ ซอ้ นกนั
4.7.1 ขอบเขต 1. แผงสวิตชแ์ ละแผงย่อยใชค้ วบคมุ ไฟฟ้าแสงสว่างและไฟฟ้ากาลงั รวมทงั้ แผงชาร์จไฟเขา้ แบตเตอรโ่ี ดยต่อจากวงจรไฟฟ้าแสงสวา่ งและไฟฟ้ากาลงั 2. แผงสวติ ชแ์ ละแผงย่อยตอ้ งตดิ ตงั้ ในหอ้ งหรอื ท่ีซง่ึ จดั ไวโ้ ดยเฉพาะ 3. ตวั นาและบสั บารใ์ นแผงสวิตชห์ รอื แผงย่อย ตอ้ งติดตงั้ อย่างม่นั คงในตาแหน่งท่ีปลอดภยั จากความเสียหายทางกายภาพ และการจัดวางตอ้ งหลีกเล่ียงไม่ให้เกิดความรอ้ นสูงเน่ืองจากก าร เหน่ียวนา 4. ขวั้ ต่อสายในแผงสวิตชห์ รอื แผงย่อย ควรติดตงั้ ในลกั ษณะท่ีสามารถต่อสายไปยงั โหลดได้ โดยไม่ตอ้ งขา้ มบสั บารเ์ สน้ ไฟ 5. การจดั เฟสของแผงสวิตชแ์ ละแผงย่อย เม่ือมองจากดา้ นหนา้ ใหอ้ ยใู่ นลกั ษณะเฟสเป็น 1, 2 และ 3 (หรอื เฟสเอ (A) บี (B) ซี (C) ตามลาดบั ) โดยเรยี งจากดา้ นหนา้ ไปดา้ นหลงั ของแผง จากดา้ นบนลง ดา้ นลา่ งหรอื จากดา้ นซา้ ยมือไปขวามือ การจดั เฟสลกั ษณะอ่ืนอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ดเ้ ฉพาะการเช่ือมตอ่ เขา้ กบั ระบบท่ีมีอยแู่ ลว้ แตต่ อ้ งทาเครอ่ื งหมายใหเ้ หน็ ไดช้ ดั เจน
4.7.2 แผงสวิตช์ (Switchboard) 1. แผงสวิตชท์ ่ีมีส่วนท่ีมีไฟฟ้าเปิดโล่ง ตอ้ งติดตงั้ ในสถานท่ีแหง้ เขา้ ถึงไดแ้ ละควบคมุ โดย บุคคลท่ีมีหนา้ ท่ีเก่ียวขอ้ งเท่านนั้ ดงั รูปท่ี 4.22 เม่ือติดตงั้ ในสถานท่ีเปียกหรือนอกอาคาร ตอ้ งมีเคร่ือง ห่อหุม้ (กล่องหรือตู้) ท่ีทนสภาพอากาศ นอกจากแผงสวิตชจ์ ะเป็นชนิดท่ีออกแบบไวส้ าหรบั ติดตั้ง ภายนอกได้ แผงสวิตชซ์ ่งึ อย่ใู นสถานท่ีท่ีมีวตั ถตุ ิดไฟไดง้ ่ายตอ้ งติดตงั้ ในตาแหน่งท่ีแผงสวิตชจ์ ะไม่ทาให้ เกิดเพลิงไหมต้ อ่ วตั ถตุ ดิ ไฟขา้ งเคยี ง 2. ส่วนบนของแผงสวิตชต์ อ้ งอย่หู ่างจากเพดานท่ีติดไฟไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 0.90 เมตร หากเป็น เพดานไม่ติดไฟหรือมีแผ่นกนั้ ท่ีไม่ติดไฟระหว่างแผงสวิตชก์ ับเพดาน ระยะห่างระหว่างส่วนบนของแผง สวิตชแ์ ละเพดานตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 0.60 เมตร 3. สาหรบั ระบบไฟฟ้ากระแสสลบั โครงของแผงสวติ ชร์ วมทงั้ โครงท่ีรองรบั ท่ีเป็นโลหะทงั้ ของ สวิตชแ์ ละบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าตอ้ งตอ่ ลงดนิ เคร่อื งมือวดั รเี ลย์ มิเตอร์ หรอื หมอ้ แปลงเคร่ืองวดั ซง่ึ ติดตงั้ ในแผง สวติ ชต์ อ้ งตอ่ ลงดินดว้ ย
4.7.3 แผงยอ่ ย (Panelboard) 1. แผงยอ่ ยตอ้ งมีพิกดั ไม่ต่ากวา่ ขนาดของสายปอ้ นท่ีคานวณได้ 2. การตดิ ตงั้ แผงยอ่ ยในสถานท่ีเปียกหรอื ชืน้ ตอ้ งมีการปอ้ งกนั ไม่ใหค้ วามชืน้ หรอื นา้ เขา้ ไปใน แผงได้ และตอ้ งติดตงั้ ใหห้ ่างจากผนงั หรอื พืน้ รองรบั ไม่นอ้ ยกว่า 5 มม. ถา้ ติดตงั้ ในสถานท่ีเปียกตอ้ งเป็น แบบทนสภาพอากาศ (Weatherproof) 3. แผงย่อยตอ้ งติดตงั้ ในตู้ กล่องอปุ กรณต์ ดั ตอน (Cutout Box) หรือในเคร่อื งห่อหมุ้ ท่ี ออกแบบเฉพาะ และตอ้ งเป็นแบบดา้ นหนา้ ไม่มีไฟ ยกเวน้ สาหรบั แผงย่อยขนาดไม่เกิน 16 แอมแปร์ 1 เฟส 4. แผงยอ่ ยของวงจรย่อยแสงสว่างและเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าทกุ แผง ตอ้ งติดตงั้ เคร่อื งป้องกนั กระแส เกินดา้ นไฟเขา้ ยกเวน้ สายป้อนของแผงย่อยนนั้ ไดต้ ิดตงั้ เคร่ืองป้องกันกระแสเกิน ไม่เกินขนาดของแผง ยอ่ ยอยแู่ ลว้ 5. จานวนเครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินในแผงย่อย ตอ้ งไม่เกิน 42 ขวั้ ไม่รวมขวั้ ท่ีเป็นประธาน ดงั จานวนเซอรก์ ติ เบรกเกอรใ์ นแผงย่อย ไม่เกนิ 42 ขัว้
1. ขอ้ กาหนดการเดินสายระบบแรงต่า เป็นขอ้ กาหนดตามมาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้าสาหรบั ประเทศไทย เก่ียวขอ้ งกบั การเดินสายไฟของระบบไฟฟ้าท่ีมีแรงดนั ตา่ งกนั การปอ้ งกนั ความเสียหายทาง กายภาพของสายไฟ การติดตงั้ ใตด้ ิน การปอ้ งกนั ผกุ รอ่ น การติดตงั้ วสั ดแุ ละการจบั ยึด การกาหนดสีของ สายไฟและการเดินสายควบ เป็นตน้ 2. การเดินสายเปิดบนวสั ดฉุ นวน เป็นวิธีการเดินสายแบบเปิดโล่งโดยใชต้ มุ้ หรอื ลกู ถ้วยเพ่ือการจบั ยึดสายท่ีใชต้ อ้ งเป็นสายแกนเดียวและตอ้ งไม่ถูกปิดบงั ดว้ ยโครงสรา้ งของอาคาร มีการป้องกันความ เสียหายทางกายภาพ ระยะการจบั ยึดต่าง ๆ เป็นไปตามมาตรฐาน วสท. ขนาดกระแสของสายไฟฟ้า เป็นไปตามตารางขนาดกระแสของสายไฟฟา้ และลกั ษณะการตดิ ตงั้ นนั้ 3. การเดินสายในท่อรอ้ ยสาย เช่น ท่อโลหะหนา (RMC) ท่อโลหะหนาปานกลาง (IMC) และท่อ โลหะบาง (EMT)สามารถใชก้ ับงานเดินสายท่ัวไปทัง้ ในสถานท่ีแหง้ ชืน้ และเปียก นอกจากจะระบุไว้ เฉพาะเรอ่ื งนนั้ โดยตอ้ งตดิ ตงั้ ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการใชง้ าน 4. การเดินสายในรางเดินสาย ใหใ้ ชร้ างเดินสายไดเ้ ฉพาะการติดตงั้ ในท่ีเปิดโล่งซ่งึ สามารถเขา้ ถึง เพ่ือตรวจสอบและบารุงรกั ษาไดต้ ลอดความยาวของรางเดินสาย หา้ มเดินในฝา้ เพดาน ถา้ ติดตงั้ ภายนอก อาคารตอ้ งเป็นชนิดกนั ฝน และตอ้ งมคี วามแข็งแรงเพียงพอท่ีจะไมเ่ สียรูปภายหลงั การตดิ ตงั้
5. กลอ่ งสาหรบั งานไฟฟา้ ครอบคลมุ การติดตงั้ และการใชก้ ลอ่ งสาหรบั งานไฟฟ้า เช่น กล่องสาหรบั จดุ ตอ่ ไฟฟ้าของสวติ ชห์ รอื อปุ กรณ์ กลอ่ งตอ่ สาย กลอ่ งดงึ สาย กลอ่ งแยกสายและกลอ่ งอ่ืน ๆ ท่ีตดิ ตงั้ เพ่ือ วตั ถปุ ระสงคก์ ารเดนิ สาย 6. การเดินสายบนผิวหรือเดินเกาะผนังใช้กับการเดินสายแรงต่าภายในอาคารท่ัวไป ยกเว้น ในบริเวณอนั ตราย หรือท่ีไดร้ ะบวุ ่าหา้ มใชใ้ นเร่อื งนนั้ ๆ โดยสายไฟฟ้าท่ีใชต้ อ้ งเหมาะสมกบั สภาพติดตงั้ ดว้ ย 7. แผงสวิตชแ์ ละแผงย่อยใช้ควบคุมไฟฟ้าแสงสว่างและไฟฟ้ากาลัง รวมทั้งแผงชารจ์ ไฟเข้า แบตเตอร่โี ดยต่อจากวงจรไฟฟ้าแสงสว่างและไฟฟ้ากาลงั เก่ียวกบั ตวั นา บสั บาร์ ขวั้ ต่อสาย การจดั เฟส การจดั ทาเครอ่ื งหมายแสดงเฟสรวมทงั้ การติดตงั้ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน วสท.
เนือ้ หาสาระ ในหน่วยนีจ้ ะศกึ ษาถึงความรูเ้ บือ้ งตน้ เก่ียวกบั กฎและมาตรฐานทางไฟฟ้าท่ีเก่ียวขอ้ งกบั มาตรฐาน เครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกิน และเซอรก์ ิตเบรกเกอรต์ ามมาตรฐาน IEC 60898 ซง่ึ บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าทกุ ชนิดท่ีใช้ เป็นสว่ นหนง่ึ หรอื ใชใ้ นการตอ่ เขา้ กบั การติดตงั้ ทางไฟฟา้ ตอ้ งมีคณุ สมบตั เิ ป็นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ อตุ สาหกรรม (มอก.) ฉบบั ลา่ สดุ หรอื มาตรฐานท่ีการไฟฟ้าฯ ยอมรบั
มาตรฐานเคร่ืองป้องกันกระแสเกินและสวิตชต์ ดั ตอนเก่ียวขอ้ งกบั มาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย พ.ศ. 2556 (EIT Standard 2001–56) หรอื มาตรฐาน วสท. ดงั นี้ 5.1.1 ตัวฟิ วสแ์ ละขั้วรับฟิ วส์ ตวั ฟิวสแ์ ละขวั้ รบั ฟิวสเ์ ป็นไปตาม มอก. 506–2527 และ มอก. 507–2527 5.1.2 สวติ ชท์ ท่ี ำงำนดว้ ยมอื สวิตชท์ ่ีทางานดว้ ยมือเป็นไปตาม มอก. 824–2531 5.1.3 สวติ ชใ์ บมดี สวิตชใ์ บมีดเป็นไปตาม มอก.706–2530 ปัจจุบันใช้ มอก. 706–2553 นีแ้ บ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั รูปท่ี 5.1 คือ (1) สวิตชส์ บั ทางเดียว พิกดั แรงดนั ไฟฟ้า 250 V พิกดั กระแสไฟฟ้า 15, 30, 60 และ 100 A มี 2 ชนิด คือ ชนิดมีฟิ วสแ์ ละชนิดไม่มีฟิ วส์ (2) สวิตชส์ บั สองทาง พิกดั แรงดนั ไฟฟ้า 250 V พิกดั กระแสไฟฟ้า 15, 30, 60 และ 100 A มี 1 ชนิด คือ ชนิดไมม่ ีฟิวส์
5.1.4 อุปกรณต์ ดั ตอนและเคร่ืองป้องกันกระแสเกนิ อปุ กรณต์ ดั ตอนและเคร่ืองปอ้ งกนั กระแสเกินตอ้ งมีคณุ สมบตั ิตามมาตรฐานท่ีการไฟฟ้าฯยอมรบั เช่น UL, BS, DIN, JIS และ IEC 5.1.5 ฟิ วสแ์ ละขัว้ รับฟิ วส์ (Fuse and Fuse Holder) พิกัดกระแสของฟิ วส์ตอ้ งไม่สูงกว่าของขั้วรบั ฟิ วส์ ทาจากวัสดุท่ีเหมาะสม มีการป้องกันหรือ หลกี เล่ยี งการผกุ รอ่ น (Corrosion) เน่ืองจากการใชโ้ ลหะต่างชนิดกนั ระหวา่ งฟิวสก์ บั ขวั้ รบั ฟิวส์ และตอ้ งมี เครอ่ื งหมายแสดงพิกดั แรงดนั และกระแสใหเ้ หน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน อธิบายดงั นี้ ฟิวส์ (Fuse) หมายถงึ อปุ กรณป์ อ้ งกนั กระแสเกินซ่งึ มีส่วนท่ีเปิดวงจรหลอมละลายดว้ ยความ รอ้ นท่ีเกิดจากมีกระแสไหลผ่านเกินกาหนด ฟิ วสแ์ บ่งตามลกั ษณะการใชง้ านคือ ฟิ วสท์ ่ีใชก้ ับแรงดนั สงู และฟิ วสท์ ่ีใชก้ บั แรงดนั ต่าคือใชก้ ับแรงดนั ไม่เกิน 1,000 โวลต์ ไดแ้ ก่ ฟิ วสเ์ สน้ ปล๊กั ฟิ วสแ์ ละคารท์ ริดจ์ ฟิ วส์ ฟิวสเ์ สน้ (Open Link Fuse) เป็นสว่ นผสมของดีบกุ กบั ตะก่วั มีจดุ หลอมละลายต่า โดยท่วั ไป มี 2 แบบ คือ ฟิ วสเ์ ส้นกลม และฟิ วสเ์ สน้ แบน หรือเรียกว่า ฟิ วสก์ ้ามปู ตาม มอก.10–2549 จะใช้ รว่ มกบั คตั เอาต์ (สวิตชใ์ บมีด) มีขนาดใหเ้ ลือกใช้ เช่น ฟิ วสเ์ สน้ กลมเบอร์ 16 มีจุดหลอมละลาย 16 A, เบอร์ 18มีจดุ หลอมละลาย 10 A เบอร์ 20 มีจดุ หลอมละลาย 7 A และฟิ วสก์ า้ มปู มีขนาดกระแส 3, 5, 10, 15, 20, 30, 40, 50, 60, 75, 100 A เป็นตน้
5.1.6 เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) 1. มำตรฐำนและคุณสมบตั ขิ องเซอรก์ ติ เบรกเกอร์ (1) ตอ้ งเป็นแบบปลดไดโ้ ดยอิสระ (Trip Free) และตอ้ งปลดสบั ไดด้ ว้ ยมือ ถึงแมว้ ่าปกติ การปลดสบั จะทาไดโ้ ดยวิธีอ่ืนก็ตาม และตอ้ งมีเคร่อื งหมายแสดงอย่างชดั เจนว่าอย่ใู นตาแหน่งสบั หรือ ปลด (2) ถา้ เป็นแบบปรบั ตงั้ ไดต้ อ้ งเป็นแบบการปรบั ตงั้ ค่ากระแสหรือเวลา โดยในขณะใชง้ าน กระทาไดเ้ ฉพาะผทู้ ่ีมีหนา้ ท่ีเก่ียวขอ้ ง (3) ตอ้ งมีเครอ่ื งหมายแสดงพิกดั ของแรงดนั กระแส และความสามารถในการตดั กระแสท่ี เห็นไดช้ ดั เจนและถาวร หลงั จากติดตงั้ แลว้ หรอื เห็นไดเ้ ม่ือเปิดแผน่ กนั้ หรอื ฝาครอบ (4) เซอรก์ ิตเบรกเกอรส์ าหรบั ระบบแรงต่าใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน ดงั นี้ (ก) เซอรก์ ิตเบรกเกอรท์ ่ีใชใ้ นสถานท่ีอย่อู าศยั หรอื สถานท่ีคลา้ ยคลงึ กนั ขนาดไม่เกิน125 แอมแปร์ ใหเ้ ป็นไปตาม IEC 60898 กรณีพิกดั เกิน 125 แอมแปร์ ใหเ้ ป็นไปตาม IEC 60947–2 (ข) เซอรก์ ิตเบรกเกอรท์ ่ีใชใ้ นสถานท่ีอ่ืน ๆ ใหเ้ ป็นไปตาม IEC 60947–2 หรอื IEC60898
2. เซอรก์ ติ เบรกเกอรต์ ำมมำตรฐำน IEC (1) พิกดั ท่ีสาคญั ของเซอรก์ ิตเบรกเกอร์ (2) ประเภทของเซอรก์ ิตเบรกเกอร์ (3) สว่ นประกอบของเซอรก์ ิตเบรกเกอรท์ ่ีทาหนา้ ท่ีตดั วงจร 5.1.7 เซฟตสี วติ ช์ (Safety Switch) เซฟตีสวิตช์หรือสวิตช์นิรภัย ต้องปลดหรือสับวงจรได้พรอ้ มกันทุก ๆ ตัวนาเส้นไ ฟ และต้อง ประกอบดว้ ยฟิ วสต์ ามขอ้ 5.1.5 รวมอย่ใู นกล่องเดียวกนั และจะเปิดฝาไดต้ ่อเม่ือไดป้ ลดวงจรแลว้ หรือ การเปิดฝานนั้ เป็นผลใหว้ งจรถกู ปลดดว้ ย และตอ้ งสามารถปลดและสบั กระแสใชง้ านในสภาพปกติได้ 5.1.8 เครื่องตัดไฟร่ัว (Residual Current Device หรือ RCD) เครอ่ื งตดั ไฟร่วั ท่ีใชล้ ดอนั ตราย จากการถกู ไฟฟ้าดดู สาหรบั แรงดนั ไม่เกิน 440 โวลต์ สาหรบั บา้ นอย่อู าศยั หรอื สถานท่ีคลา้ ยคลงึ กนั ตอ้ ง มีคณุ สมบตั ิตามมาตรฐาน IEC 60755, IEC 61008, IEC 61009, IEC 61543 เคร่อื งตดั ไฟร่วั ปัจจบุ นั มีหลายผผู้ ลิต อาจมีช่ือเรยี กแตกตา่ งกนั ไป เช่น เคร่ืองตดั กระแสไฟฟ้าร่วั ลง ดินอัตโนมัติ เคร่ืองตัดวงจรไฟฟ้าเม่ือกระแสร่ัวลงดิน เคร่ืองตัดวงจรกระแสเหลือ Ground Fault CircuitInterrupter (GFCI) และ Earth Leakage Circuit Breaker (ELCB) เป็นตน้
ในระบบไฟฟ้า วงจรย่อยเป็นส่วนสาคญั ท่ีจะตอ้ งพิจารณาตรวจสอบและกาหนดขนาดโหลดให้ เหมาะสมเพ่ือนาไปคานวณและออกแบบขนาดตัวนา กาหนดขนาดอุปกรณ์ป้องกันของวงจรย่อย ใหม้ ีขนาดเหมาะสมและทางานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งปลอดภัยกับผใู้ ชง้ าน วงจรย่อยท่ีกล่าวถึงต่อไปนีใ้ ชก้ ับ วงจรย่อยสาหรบั ไฟฟ้าแสงสว่างหรือเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า หรือทงั้ ไฟฟ้าแสงสว่างและเคร่ืองใช้ไฟฟ้ารวมกัน ยกเวน้ วงจรย่อยสาหรบั มอเตอร์ 5.2.1 วงจรยอ่ ย ตามมาตรฐาน วสท. นนั้ วงจรย่อย (Branch Circuit) หมายถึง ตวั นาวงจรในวงจรระหวา่ งอปุ กรณ์ ปอ้ งกนั กระแสเกินจดุ สดุ ทา้ ยกบั จดุ จา่ ยไฟ แบง่ ออกไดเ้ ป็น วงจรยอ่ ยสาหรบั เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า (Branch Circuit, Appliance) หมายถึง วงจรย่อยท่ีจ่ายไฟฟ้าใหจ้ ดุ จ่ายไฟท่ีมีเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ มาตอ่ มากกวา่ 1 จดุ ขนึ้ ไป เชน่ วงจรท่ีไม่มีการตอ่ สายจากดวงโคม วงจรย่อยสาหรบั จดุ ประสงคท์ ่วั ไป (Branch Circuit, General Purpose) หมายถึง วงจรย่อยท่ีจา่ ย ไฟฟ้าใหก้ บั จดุ จา่ ยไฟเพ่ือใชส้ าหรบั แสงสวา่ งและเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ วงจรย่อยเฉพาะ (Branch Circuit, Individual) หมายถึง วงจรย่อยท่ีจา่ ยไฟฟ้าใหบ้ ริภณั ฑใ์ ช้สอย หนง่ึ ชิน้ เทา่ นนั้
5.2.2 สำยป้อน 1. ขนาดตวั นาของสายปอ้ น ตอ้ งมีขนาดกระแสไม่นอ้ ยกวา่ โหลดสงู สดุ ท่ีคานวณไดแ้ ละไม่นอ้ ยกวา่ ขนาดพิกดั ของเครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินของสายปอ้ น และกาหนดใหข้ นาดตวั นาของสายปอ้ นต้องไม่เล็ก กวา่ 4 ตร.มม. 2. การป้องกันกระแสเกิน สายป้อนตอ้ งมีการป้องกันกระแสเกิน โดยขนาดพิกัดเคร่ืองป้องกัน กระแสเกินตอ้ งสอดคลอ้ งและไมต่ ่ากวา่ โหลดสงู สดุ ท่ีคานวณได้ 3. การคานวณโหลดสาหรบั สายปอ้ น ตอ้ งคานวณตามท่ีกาหนด ดงั นี้ (1) สายปอ้ นตอ้ งมีขนาดกระแสเพียงพอสาหรบั การจา่ ยโหลดและตอ้ งไม่นอ้ ยกว่าผลรวมของ โหลดในวงจรยอ่ ยเม่ือใชด้ ีมานดแ์ ฟกเตอร์ เช่น ดีมานดแ์ ฟกเตอรข์ องอาคารท่ีพกั อาศยั ขนาดของไฟแสง สว่าง ไม่เกิน 2,000 โวลตแ์ อมแปร์ ใชด้ ีมานดแ์ ฟกเตอร์ 100% ถา้ เกิน 2,000 โวลตแ์ อมแปร์ ส่วนท่ีเกิน 2,000โวลตแ์ อมแปร์ ใชด้ ีมานดแ์ ฟกเตอร์ 35% เป็นตน้ (2) โหลดของเตา้ รบั ท่ีมีการคานวณโหลดแตล่ ะเตา้ รบั ไม่เกิน 180 โวลตแ์ อมแปร์ (3) โหลดเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ท่วั ไป อนญุ าตใหใ้ ชด้ ีมานดแ์ ฟกเตอรต์ ามตารางท่ี 5.1 (4) เตา้ รบั ในอาคารท่ีอย่อู าศยั ท่ีต่อเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าท่ีทราบโหลดแน่นอนให้คานวณโหลดจาก เตา้ รบั ท่ีมีขนาดสงู สดุ 1 เครอ่ื งรวมกบั รอ้ ยละ 40 ของขนาดโหลดในเตา้ รบั ท่ีเหลือ (5) ดีมานด์แฟกเตอร์นี้ให้ใช้กับการคานวณสายป้อนเท่านั้นห้ามใช้กับการคานวณ วงจรย่อย
ตำรำงที่ 5.1 ดมี านดแ์ ฟกเตอรส์ าหรบั เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าท่วั ไป (เฉพาะอาคารท่ีอยอู่ าศยั ) 5.2.3 กำรป้องกันกระแสเกินสำหรับวงจรย่อยและสำยป้อน วงจรย่อยและสายป้อนต้องมีการป้องกันกระแสเกิน และเคร่ืองป้องกันกระแสเกินต้องมี รายละเอียดดงั นี้ 1. เครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินอาจเป็นฟิวส์ หรอื เซอรก์ ิตเบรกเกอรก์ ็ได้ 2. ฟิ วส์ เซอรก์ ิตเบรกเกอรห์ รือการผสมของทงั้ สองอย่างนี้ จะนามาต่อขนานกนั ไม่ได้ ยกเวน้ เป็น ผลิตภณั ฑม์ าตรฐานท่ีประกอบสาเร็จมาจากโรงงานผผู้ ลิต และเป็นแบบท่ีไดร้ บั ความเห็นชอบว่าเป็น หนว่ ย(Unit) เดียวกนั 3. ในกรณีท่ีติดตงั้ เคร่อื งปอ้ งกนั กระแสเกินเพ่ิมเติมสาหรบั ดวงโคมหรือเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าอ่ืน ๆเคร่อื ง ป้อ ง กัน ก ระ แส เกิ น เ พ่ิ ม เติ ม เ ห ล่านี ้จะ ใ ช้แท น เ คร่ือ ง ป้อ ง กัน ก ระ แส เกิ น ข อ ง วง จร ย่อ ยไ ม่ ไ ด้ แ ละ ไ ม่ จาเป็นตอ้ งเขา้ ถึงไดท้ นั ที
4. เครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินตอ้ งสามารถปอ้ งกนั ตวั นาทกุ สายเสน้ ไฟและไมต่ อ้ งตดิ ตงั้ ในตวั นา ท่ีมีการต่อลงดิน ยกเวน้ อนญุ าตใหต้ ิดตงั้ เคร่อื งป้องกนั กระแสเกินในตวั นาท่ีมีการต่อลงดนิ ได้ ถา้ เคร่อื ง ปอ้ งกนั กระแสเกินนนั้ สามารถตดั วงจรทกุ เสน้ รวมทงั้ ตวั นาท่ีมีการตอ่ ลงดนิ ไดพ้ รอ้ มกนั 5. เครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินตอ้ งไม่ติดตงั้ ในสถานท่ีซ่งึ ทาใหเ้ กิดความเสียหาย และตอ้ งไม่อยู่ ใกลก้ บั วสั ดทุ ่ีติดไฟง่าย 6. เคร่อื งปอ้ งกนั กระแสเกิน ตอ้ งบรรจไุ วใ้ นกล่องหรือตอู้ ย่างมิดชิด (เฉพาะดา้ มสบั ของเซอร์ กิตเบรกเกอร์ ยอมใหโ้ ผล่ออกมาขา้ งนอกได)้ ยกเวน้ หากติดตงั้ ไวท้ ่ีแผงสวิตชห์ รือแผงควบคมุ ซ่งึ อย่ใู น หอ้ งท่ีไม่มีวสั ดตุ ดิ ไฟง่าย และไม่มีความชืน้ เครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินสาหรบั บา้ นอย่อู าศยั ขนาดไม่เกิน 16 แอมแปร์ 1 เฟส ไม่ตอ้ งบรรจไุ วใ้ นกลอ่ งหรอื ตกู้ ็ได้ 7. กลอ่ งหรอื ตทู้ ่ีบรรจเุ ครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกิน ซง่ึ ตดิ ตงั้ ในสถานท่ีเปียกหรอื ชืน้ ตอ้ งเป็นชนิดท่ี ไดร้ บั ความเหน็ ชอบแลว้ และตอ้ งมีช่องวา่ งระหวา่ งตกู้ บั ผนงั หรอื พืน้ ท่ีรองรบั ไม่นอ้ ยกว่า 5 มม. 8. เคร่ืองป้องกันกระแสเกินของวงจรย่อยและสายป้อนในแผงสวิตช์ต่าง ๆ ต้องทา เครอ่ื งหมายระบวุ ตั ถปุ ระสงคใ์ หช้ ดั เจนติดไวท้ ่ีเครอ่ื งปลดวงจรหรอื ใกลก้ บั เครอ่ื งปลดวงจรนนั้ นอกจากวา่ ตาแหน่งและการจดั เครอ่ื งปลดวงจรนนั้ ชดั เจนอยแู่ ลว้ เครอ่ื งหมายตอ้ งชดั เจนและทนตอ่ สภาพแวดลอ้ ม
อาคารหรือส่ิงปลูกสรา้ งตอ้ งติดตงั้ บริภัณฑป์ ระธานเพ่ือปลดวงจรทุกสายเสน้ ไฟออกจากตัวนา ประธาน (สายเมน) ทงั้ นีบ้ ริภัณฑป์ ระธานประกอบดว้ ยเคร่ืองปลดวงจร และเคร่ืองป้องกันกระแสเกิน ซง่ึ อาจประกอบเป็นชดุ เดียวกนั หรอื เป็นตวั เดียวกนั ก็ได้ อาคารหรอื ส่ิงปลกู สรา้ งท่ีตอ้ งรบั ไฟฟา้ แรงต่าจากการไฟฟ้าฯ ตอ้ งตดิ ตงั้ บรภิ ณั ฑป์ ระธานแรงต่าหรอื แผงสวติ ชแ์ รงต่า หลงั เครอ่ื งวดั หนว่ ยไฟฟา้ เพ่ือปลดวงจรทกุ สายเสน้ ไฟออกจากตวั นาประธาน และมีการ ป้องกันกระแสเกินสาหรับระบบจ่ายไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้า ทั้งนีจ้ ะต้องติดตั้งในตาแหน่งท่ีเข้าถึงได้ โดยสะดวกและมีขอ้ กาหนดการติดตงั้ ดงั นี้ 5.3.1 เครื่องปลดวงจรของบริภณั ฑป์ ระธำน 1. เครอ่ื งปลดวงจรชนดิ หน่งึ เฟสท่ีมขี นาดตงั้ แต่ 50 แอมแปรข์ นึ้ ไป และชนิดสามเฟสทกุ ขนาด ตอ้ งเป็นชนิดสวิตชส์ าหรบั ตดั โหลด ขนาดท่ีต่ากว่าท่ีกาหนดขา้ งตน้ ไม่บงั คบั ให้เป็นชนิดสวติ ชส์ าหรบั ตดั โหลด 2. เคร่ืองปลดวงจรตอ้ งสามารถปลดวงจรทกุ สายเสน้ ไฟ (สายเฟส) ไดพ้ รอ้ มกนั และตอ้ งมี เคร่ืองหมายแสดงใหเ้ ห็นว่าอยู่ในตาแหน่งปลดหรือสบั หรือตาแหน่งท่ีปลดหรือสบั นั้นสามารถเห็นได้ อย่างชดั เจน กรณีท่ีสายตวั นาประธานมิไดม้ ีการต่อลงดิน เคร่อื งปลดวงจรตอ้ งสามารถปลดสายเสน้ ไฟ และสายนิวทรลั ทกุ เสน้ พรอ้ มกนั
3. เคร่อื งปลดวงจรตอ้ งมีพิกดั ไม่นอ้ ยกว่าพิกดั ของเครอ่ื งป้องกนั กระแสเกินขนาดมากท่ีสดุ ท่ี ใสไ่ ดห้ รอื ปรบั ตงั้ ได้ 4. หา้ มไม่ใหต้ ่อบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าทางดา้ นไฟเขา้ ของเครอ่ื งปลดวงจร ยกเวน้ เป็นการต่อเพ่ือเขา้ เคร่ืองวดั คาปาซิเตอร์ สญั ญาณต่าง ๆ หรือเพ่ือใชใ้ นวงจรควบคมุ ของบริภณั ฑป์ ระธานท่ีตอ้ งมีไฟเม่ือ เครอ่ื งปลดวงจรอย่ใู นตาแหนง่ ปลด 5.3.2 เคร่ืองป้องกนั กระแสเกนิ ของบริภณั ฑป์ ระธำน แต่ละสายเสน้ ไฟท่ีต่อออกจากเคร่ืองปลดวงจรของบริภัณฑป์ ระธานตอ้ งมีเคร่ืองป้องกัน กระแสเกิน สาหรับการไฟฟ้านครหลวงเป็นไปตามตารางท่ี 5.2 และสาหรบั การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามตารางท่ี 5.3
ตำรำงท่ี 5.2 พิกัดสงู สดุ ของเคร่ืองป้องกันกระแสเกินและโหลดสงู สดุ ตามขนาดเคร่ืองวดั หน่วยไฟฟ้า (สาหรบั การไฟฟ้านครหลวง) หมำยเหตุ พิกดั ของเครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกิน มีคา่ ต่ากวา่ ท่ีกาหนดในตารางได้ แตท่ งั้ นีต้ อ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 1.25 เทา่ ของโหลดท่ีคานวณได้
ตำรำงที่ 5.3 ขนาดสายไฟฟ้า เซฟตีสวิตช์ คัตเอาต์ และคาร์ทริดจ์ฟิ วส์สาหรับตัวนาปร ะธาน (สาหรบั การไฟฟ้าสว่ นภมู ิภาค) หมำยเหตุ 1. สาหรบั ตวั นาประธานภายในอาคารใหใ้ ชส้ ายทองแดง 2. ขนาดสายในตารางน่ีสาหรบั วธิ ีการเดนิ สายลอยในอากาศบนวสั ดฉุ นวนภายนอกอาคาร ขนาดตวั นาประธานตอ้ งรบั กระแสไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 1.25 เท่าของโหลดตามตาราง
1. มาตรฐานเครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินและสวติ ชต์ ดั ตอน ประกอบดว้ ย ตวั ฟิ วสแ์ ละขวั้ รับฟิ วส์ สวิตช์ ท่ีทางานดว้ ยมือ สวิตชใ์ บมีด อปุ กรณต์ ดั ตอนและเคร่อื งปอ้ งกนั กระแสเกิน ฟิ วสแ์ ละขั้วรบั ฟิ วส์ เซอรก์ ิต เบรกเกอรเ์ ซฟตีสวิตช์ และเครอ่ื งตดั ไฟร่วั 2. วงจรย่อยเป็นส่วนสาคญั ท่ีจะตอ้ งพิจารณาตรวจสอบและกาหนดขนาดโหลดใหเ้ หมาะสมเพ่ือ นาไปคานวณและออกแบบขนาดตวั นา กาหนดขนาดอปุ กรณป์ ้องกนั ของวงจรย่อย ใหม้ ีขนาดเหมาะสม และทางานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งปลอดภยั กบั ผใู้ ชง้ าน วงจรย่อยแบ่งออกเป็น วงจรย่อยสาหรบั เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า วงจรย่อยสาหรบั จดุ ประสงคท์ ่วั ไป และวงจรย่อยเฉพาะ 3. ขนาดตวั นาของสายปอ้ นตอ้ งมีขนาดกระแสไม่นอ้ ยกว่าโหลดสงู สดุ ท่ีคานวณไดแ้ ละไม่นอ้ ยกว่า ขนาดพิกัดของเคร่ืองป้องกันกระแสเกินของสายป้อนและขนาดตัวนาของสายป้อนต้องไม่เล็ก กว่า 4ตร.มม. 4. อาคารหรอื ส่ิงปลกู สรา้ งท่ีตอ้ งรบั ไฟฟ้าแรงต่าจากการไฟฟ้าฯ ตอ้ งติดตงั้ บรภิ ัณฑป์ ระธานแรงต่า หรอื แผงสวติ ชแ์ รงต่า หลงั เครอ่ื งวดั หน่วยไฟฟ้าเพ่ือปลดวงจรทกุ สายเสน้ ไฟออกจากตวั นาประธาน และมี การป้องกันกระแสเกินสาหรบั ระบบจ่ายไฟฟ้าของผูใ้ ชไ้ ฟฟ้า ทั้งนีจ้ ะตอ้ งติดตงั้ ในตาแหน่งท่ีเขา้ ถึงได้ โดยสะดวก 5. สายเสน้ ไฟท่ีต่อออกจากเคร่ืองปลดวงจรของบริภณั ฑป์ ระธานตอ้ งมีเคร่ืองป้องกันกระแสเกิน โดยพิกดั สงู สดุ ของเครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินและโหลดสงู สดุ ตามขนาดเครอ่ื งวดั หนว่ ยไฟฟ้า
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156