Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20001-1006 กฎหมายคอมพิวเตอร์

20001-1006 กฎหมายคอมพิวเตอร์

Description: 20001-1006 กฎหมายคอมพิวเตอร์

Search

Read the Text Version

91 ชือ่ หน่วย/เรื่อง กฎหมายว่าด้วยการกระทาผิดเกีย่ วกบั จานวน 2 ช.ม. คอมพิวเตอร์ สาระสาคัญ คอมพวิ เตอรเ์ ป็นสิ่งจาเปน็ อยา่ งหน่งึ ทใี่ ชใ้ นชวี ติ ประจาวันของมนษุ ย์ ซึง่ กอ่ ใหเ้ กิดการสรา้ งสรรคง์ านอย่าง มากมาย ขณะเดยี วกนั อาจมบี คุ คลบางประเภทนาคอมพิวเตอรม์ าใชอ้ ย่างไมถ่ กู ตอ้ ง สรา้ งความเดอื ดร้อนแก่บุคคลอื่น หรอื อาจบ่ันทอนความม่ันคงของประเทศ จึงตอ้ งมีพระราชบญั ญัติวา่ ดว้ ยการกระทาผดิ เกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ บังคบั ใช้ และลงโทษผูก้ ระทาผดิ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. แสดงความรู้เกยี่ วกับนิยามศัพทท์ ีค่ วรทราบได้ 2. แสดงความรู้เกยี่ วกับความผิดเก่ยี วกบั คอมพิวเตอรไ์ ด้ 3. มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 3.1 ความมมี นษุ ยสัมพนั ธ์ 3.2 ความมวี นิ ัย 3.3 ความรับผดิ ชอบ 3.4 ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต 3.5 ความเชือ่ มั่นในตนเอง 3.6 การประหยดั 3.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 3.8 การละเว้นสิ่งเสพติดและการพนนั 3.9 ความรกั สามัคคี 3.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกย่ี วกบั กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั หลักกฎหมายลิขสิทธแ์ิ ละสทิ ธบิ ัตร เนอ้ื หาสาระ 1. นยิ ามศพั ท์ทีค่ วรทราบ 2. ความผดิ เกยี่ วกับคอมพิวเตอร์ กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น

92 1.ครูกล่าววา่ คอมพวิ เตอร์เปน็ สิ่งจาเป็นอย่างหนึง่ ทใ่ี ชใ้ นชวี ิตประจาวนั ของมนษุ ย์ ซง่ึ ก่อใหเ้ กิดการสรา้ งสรรค์ งานอย่างมากมาย ขณะเดยี วกนั อาจมบี ุคคลบางประเภทนาคอมพิวเตอร์มาใช้อยา่ งไมถ่ กู ต้อง สร้างความเดือดรอ้ นแก่ บคุ คลอน่ื หรืออาจบั่นทอนความมนั่ คงของประเทศ จึงต้องมีพระราชบญั ญตั วิ ่าด้วยการกระทาผดิ เกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ บงั คบั ใชแ้ ละลงโทษผู้กระทาผดิ 2.ครแู ละผู้เรยี นยกตวั อย่างข่าวสาร หรอื ประสบการณต์ รงเก่ยี วกบั การกระทาผดิ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 3.ผ้เู รียนทาแบบประเมณิ ผลกอ่ นเรยี น สลับกนั ตรวจเพอ่ื เกบ็ คะแนนสะสม ข้นั สอน 4.ครูใช้เทคนิคการจดั การเรยี นรแู้ บบบรรยาย (Lecture Method) บอกนยิ ามศพั ท์ที่ควรทราบ ซง่ึ ไดแ้ ก่ ระบบคอมพิวเตอร์ หมายถึง อุปกรณ์ หรอื ชุดอุปกรณข์ องคอมพวิ เตอร์ท่เี ชื่อมการทางานเข้าด้วยกันโดยไดม้ ี การกาหนดคาส่ัง หรอื สิ่งอน่ื ใด และแนวทางปฏบิ ัติงานใหอ้ ุปกรณ์ หรือชุดอุปกรณ์ทาหน้าท่ีประมวลผลขอ้ มลู โดย อัตโนมัติ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ หมายถงึ ข้อมูล ข้อความ คาสั่ง ชดุ คาสั่ง หรือสง่ิ อ่ืนใด บรรดาทอี่ ย่ใู นระบบคอมพวิ เตอร์ ใน สภาพทร่ี ะบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และใหห้ มายความรวมขอ้ มูลอเิ ลก็ ทรอนิกสต์ ามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรม ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ด้วย ขอ้ มลู จราจรทางคอมพวิ เตอร์ หมายถึง ขอ้ มลู เกีย่ วกบั การตดิ ต่อสอื่ สารของระบบคอมพิวเตอรซ์ งึ่ แสดงถงึ แหลง่ กาเนิด ต้นทาง ปลายทาง เสน้ ทาง เวลา วนั ท่ี ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรอื อืน่ ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการ ตดิ ตอ่ สอ่ื สารของระบบคอมพิวเตอรน์ นั้ ผูใ้ ห้บริการ มีความหมายดังน้ี 1). ผูใ้ ห้บรกิ ารแกบ่ ุคคลอื่นในการเข้าส่อู ินเทอร์เนต็ หรือใหส้ ามารถติดต่อถงึ กันโดยประการอ่ืนโดยผา่ นทาง ระบบคอมพิวเตอร์ ท้งั การใหบ้ รกิ ารในนามของตนเอง หรอื ในนาม หรือประโยชน์ของบคุ คลอ่ืน 2). ผูใ้ ห้บริการเกบ็ รักษาข้อมลู คอมพิวเตอร์ เพอื่ ประโยชน์ของบคุ คลอื่น ผ้ใู ช้บริการ หมายถงึ ผใู้ ชบ้ ริการของผู้ใหบ้ รกิ าร ทั้งตอ้ งเสยี ค่าใชจ้ า่ ยและไมเ่ สียคา่ ใช้จา่ ย พนกั งานเจา้ หน้าท่ี หมายถงึ ผซู้ ง่ึ รฐั มนตรแี ต่งตง้ั ให้ปฏิบตั กิ ารตามพระราชบญั ญัติน้ี รัฐมนตรี หมายถึง รัฐมนตรผี รู้ กั ษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี รฐั มนตรีผมู้ ีอานาจออกกฎกระทรวงทก่ี ารปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญัติน้ี ไดแ้ ก่ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร 5.ครูใช้แสดงวดิ ที ศั นเ์ ร่อื งการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตาม พระราชบญั ญตั ิ พ.ศ. 2550 ใหผ้ เู้ รียน ได้ชม และสรุปเนอื้ หา 6.ครูใชส้ ่อื Power Point อธิบายเนื้อหาเรอื่ งการกระทาความผิดเกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ ดงั น้ี 1). ผู้ทเ่ี ข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ทไี่ ดม้ รี ะบบมาตรการป้องกนั โดยมิชอบ ซงึ่ ระบบคอมพวิ เตอรน์ น้ั มิไดม้ ีไว้ สาหรับตน มโี ทษจาคุกไมเ่ กนิ 6 เดือน หรือปรบั ไมเ่ กนิ 10,000 บาท หรอื ทง้ั จาท้ังปรับ (มาตรา 5) 2). ผใู้ ดลว่ งรถู้ ึงมาตรการปอ้ งกันการเขา้ ถึงระบบคอมพิวเตอร์ทผี่ อู้ น่ื จดั ทาขึ้น และไดน้ ามาตรการดังกล่าวไป เปิดเผย ทาให้ผอู้ ื่นไดร้ บั ความเสยี หาย ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ 1 ปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ 20,000 บาทหรอื ท้ังจาท้ังปรบั (มาตรา 6) 3). ผ้ทู ี่เข้าถงึ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอรท์ ม่ี ีมาตรการป้องกนั การเขา้ ถึง โดยขอ้ มลู เหล่าน้ันมไิ ด้มไี ว้สาหรับตนตอ้ ง ระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ 2 ปี หรือปรับไมเ่ กนิ 40,000 บาท หรือทงั้ จาทง้ั ปรบั (มาตรา 7)

93 4). ผทู้ ใ่ี ช้การกระทาโดยมชิ อบ ด้วยวิธีการทางอเิ ล็กทรอนิกสเ์ พ่อื ดกั รบั ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ของผอู้ ืน่ ระหว่างที่ทาการสง่ ในระบบคอมพวิ เตอร์ และข้อมลู น้นั มิไดม้ ไี วเ้ พอื่ สาธารณประโยชน์และบคุ คลท่วั ไปไดใ้ ชป้ ระโยชน์ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กิน 3 ปี หรือปรบั ไมเ่ กิน 60,000 บาท หรือทั้งจาทง้ั ปรับ (มาตรา 8) 5). ผใู้ ดทาลาย แก้ไข เปล่ียนแปลง เพิ่มเตมิ บางส่วนหรอื ทง้ั หมดของข้อมูลคอมพวิ เตอร์ของผู้อ่ืนโดยมิ ชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไมเ่ กิน 5 ปี หรือปรับไม่เกนิ 100,000 บาท หรอื ทง้ั จาท้ังปรับ (มาตรา 9) 6). ผู้ที่ทาใหก้ ารทางานของระบบคอมพิวเตอรข์ องผูอ้ ่นื ถกู ระงบั ชะลอ ขัดขวาง หรอื รบกวนจนไม่ สามารถทางานไดต้ ามปกติ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ 5 ปี หรือปรับไมเ่ กนิ 100,000 บาท หรอื ท้งั จาท้ังปรับ (มาตรา 10) 7). ผทู้ ีส่ ง่ ข้อมลู คอมพิวเตอร์หรอื จดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์แกบ่ คุ คลอ่นื โดยปกปดิ หรือปลอมแปลง แหล่งทม่ี าของการสง่ ข้อมลู ดงั กล่าว ซงึ่ เป็นการรบกวนความปกติสขุ ของผอู้ ่ืน ตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกนิ 100,000 บาท หรือทัง้ จาาทง้ั ปรบั (มาตรา 11) 8). ผทู้ จ่ี าหนา่ ยหรอื เผยแพร่ชดุ คาาส่งั ทจี่ ัดทาขึน้ โดยเฉพาะ เพ่อื ใช้เปน็ เคร่ืองมอื ในการกระทาผดิ ดงั นี้ ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ 1 ปี หรอื ปรับไมเ่ กิน 20,000 บาท หรอื ท้ังจาาทงั้ ปรบั (มาตรา 13) -การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผอู้ ืน่ -การนาาการเขา้ ถงึ ระบบคอมพิวเตอรข์ องผู้อื่นไปเปดิ เผยเป็นเหตุใหผ้ อู้ ่นื เสยี หาย -การเขา้ ถงึ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ที่มไิ ดม้ ไี วส้ าหรบั ตน -การใชว้ ธิ กี ารทางอเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ พือ่ ดกั รับขอ้ มลู ของผ้อู ืน่ ขณะทอี่ ยรู่ ะหว่างการขนสง่ ทง้ั ทีข่ ้อมลู นั้นมิใช่ ขอ้ มูลเพื่อสาธารณะหรือเพอื่ ประโยชนข์ องบุคคลทวั่ ไป -การทาาลาย แกไ้ ข เปลยี่ นแปลง ข้อมูลคอมพวิ เตอรข์ องผูอ้ ื่นทาให้ได้รับความเสยี หายบางสว่ นหรือ ท้ังหมด -การทาใหร้ ะบบคอมพวิ เตอรข์ องผู้อนื่ ถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรอื เขา้ ไปรบกวนจนทาใหผ้ ู้อื่นไม่สามารถ ทางานไดต้ ามปกติ -การสง่ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอรห์ รือจดหมายอเิ ล็กทรอนิกสแ์ ก่บคุ คลอืน่ โดยปลอมแปลงแหล่งท่มี าของการสง่ ข้อมูลดังกล่าว อนั เปน็ การรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอรข์ องผอู้ นื่ โดยปกตสิ ุข 9). ผู้ทีก่ ระทาความผิดดังตอ่ ไปนี้ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ 5 ปี หรอื ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือ ทง้ั จาทั้งปรบั (มาตรา 14) 9.1. นาเข้าสรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ซงึ่ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ปลอมบางสว่ นหรอื ท้ังหมด หรอื ขอ้ มลู คอมพวิ เตอรอ์ นั เป็นเท็จ ซงึ่ อาจกอ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายแก่ผู้อน่ื หรือประชาชน 9.2. นาาเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอรซ์ ง่ึ ข้อมลู อนั เปน็ เท็จ อันจะเกิดความเสยี หายต่อความมั่นคงของ ประเทศ หรือกอ่ ใหเ้ กิดความต่นื ตระหนกแกป่ ระชาชน 9.3. นาเข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ซงึ่ ข้อมลู ใดๆ ที่จะกอ่ ใหเ้ กิดความผดิ เกี่ยวกับการก่อการรา้ ยตาม ประมวลกฎหมายอาญา 9.4. การนาเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอรซ์ ่ึงขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ใดๆ ท่มี ีลกั ษณะอนั ลามก และ ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ ซง่ึ ประชาชนสามารถเขา้ ถงึ ได้ 9.5. เผยแพร่หรือส่งตอ่ ข้อมลู คอมพวิ เตอรโ์ ดยทราบอยู่แลว้ ว่าเป็นขอ้ มลู ปลอม ขอ้ มูลอนั เปน็ เท็จ ขอ้ มลู ที่อาจก่อให้เกิดการก่อการรา้ ยตามประมวลกฎหมายอาญา และขอ้ มลู ลามก 9.10. ผ้ทู ใ่ี หบ้ รกิ ารจงใจ สนับสนนุ หรอื ยินยอมใหผ้ ู้อ่นื กระทาความผดิ ตามข้อ 9 ในระบบ คอมพิวเตอรท์ ่อี ยู่ในความควบคมุ ของตนต้องระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ 5 ปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ 100,000 บาท หรอื ทัง้ จาา ทั้งปรบั (มาตรา 15)

94 9.11. ผทู้ ่นี าเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอรท์ ีป่ ระชาชนท่ัวไปอาจเขา้ ถึงได้ ซง่ึ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอรท์ ีเ่ ป็น ภาพของผอู้ ่นื และภาพนนั้ เป็นภาพท่สี รา้ งข้นึ โดยการตดั ตอ่ เติม หรอื ดัดแปลงดว้ ยวธิ กี ารทางอิเลก็ ทรอนิกส์หรืออื่นๆ ซึ่งทาาให้ผู้นนั้ เสยี ช่อื เสียง ถกู ดูหมิ่น ถูกเกลยี ดชัง หรอื ได้รับความอับอาย ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ 3 ปี ปรบั ไมเ่ กิน 60,000 บาท หรอื ทั้งจาาทัง้ ปรบั (มาตรา 16) 9.12. ผู้ทีก่ ระทาผดิ ตามพระราชบัญญตั ิน้นี อกราชอาณาจกั ร และผู้กระทาผิดน้ันเป็นคนไทย และ รัฐบาลแห่งประเทศทคี่ วามผิดไดเ้ กิดขนึ้ หรอื ผเู้ สียหายไดร้ อ้ งขอให้ลงโทษ หรือ ผู้กระทาความผดิ น้นั เป็นคนต่างด้าว และ รฐั บาลไทยหรอื คนไทยเปน็ ผ้เู สียหาย และผูเ้ สยี หายไดร้ ้องขอให้ลงโทษตอ้ งไดร้ ับโทษภายในราชอาณาจักร (มาตรา 17) 7.ครูใชเ้ ทคนิควิธกี ารจัดการเรยี นรู้แบบรว่ มมอื (Cooperative Learning) กาหนดให้ผเู้ รียนปฏิบตั ิ ดังนี้ 7.1 แบง่ เป็นกลมุ่ ๆ ละ 3-4 คน 7.2 แตล่ ะกล่มุ ช่วยกนั คดิ สถานการณจ์ าลองเรื่องการกระทาผดิ เกยี่ วกับคอมพิวเตอร์ อย่างนอ้ ย 2 อยา่ ง 7.3 นาเสนอสถานการณ์จาลองเรอ่ื งการกระทาผดิ เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ 7.4 เปดิ โอกาสใหแ้ ลกเปล่ียนความร้รู ะหว่างกลุ่ม 8.ผู้เรียนสบื คน้ ข่าวเรื่องการกระทาผดิ เกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์ อย่างนอ้ ย 3 ข่าว เขยี นสรปุ ใจความสาคญั และ นาเสนอหน้าช้ันเรียน 9.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รียนบนั ทกึ บญั ชีครัวเรอื น เพอื่ ให้เกดิ การปฏิบัตพิ ฒั นาความรู้ ความคดิ และปฏิบตั ถิ ูกต้อง ก่อใหเ้ กดิ ความเจริญในดา้ นอาชพี หรือเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม ซึง่ การทาบัญชีครัวเรอื นเปน็ เรอ่ื งการบันทึก รายรับรายจา่ ยประจาวนั /เดือน/ปี ว่ามรี ายรบั รายจา่ ยจากอะไรบา้ ง จานวนเท่าใด รายการใดจา่ ยน้อยจา่ ยมาก จาเป็น นอ้ ยจาเป็นมาก ก็อาจลดลงหรือเพม่ิ ข้นึ ตามความจาเปน็ ถา้ ทุกคนคดิ ได้ก็แสดงว่าเปน็ คนรจู้ กั พัฒนาตนเอง มเี หตมุ ีผล รูจ้ ักพอประมาณ รกั ตนเอง รักครอบครวั รักชมุ ชน และรักประเทศชาตมิ ากข้ึน จึงเหน็ ได้ว่าการทาบญั ชีครัวเรอื น คือวิถี แหง่ การเรยี นรเู้ พ่ือพัฒนาชีวิตตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ข้ันสรปุ และการประยุกต์ 10.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเน้อื หาท่เี รยี น 11.ครสู มุ่ ถามผู้เรยี นรายบุคคลเกยี่ วกับเน้อื หาท่ีเรยี น เพ่ือทดสอบความเข้าใจของผูเ้ รยี น ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนงั สือเรยี น วิชากฎหมายคอมพวิ เตอร์ ของสานกั พมิ พ์เอมพันธ์ 2.รปู ภาพ 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.แผน่ ใส 5.สือ่ PowerPoint และส่อื วดิ ีทัศน์ หลกั ฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเช็ครายชือ่ 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน

95 การวัดผลและการประเมินผล วธิ วี ัดผล 1. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. สังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏิบัติ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ (โดยผเู้ รียน) 4. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 5. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยครแู ละผู้เรยี นร่วมกัน ประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ีชอ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขนึ้ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ข้นึ ไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คือ 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิมเี กณฑผ์ ่าน 50% 6 แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยูก่ บั การประเมินตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.อ่านและทบทวนเนือ้ หา 2.สืบค้นข้อมลู เพมิ่ เตมิ ผ่านสือ่ อนิ เทอร์เนต็

96 บนั ทึกหลังการสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาท่พี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการท่ี 11 หน่วยท่ี 6 สอนครัง้ ที่ 11 (21-22) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2)

97 ชอ่ื หน่วย/เรอ่ื ง กฎหมายว่าด้วยการกระทาผดิ เก่ียวกบั จานวน 2 ช.ม. คอมพิวเตอร์ สาระสาคญั คอมพวิ เตอร์เป็นสงิ่ จาเปน็ อยา่ งหนงึ่ ที่ใชใ้ นชีวติ ประจาวันของมนุษย์ ซง่ึ ก่อให้เกดิ การสรา้ งสรรค์งานอย่าง มากมาย ขณะเดียวกันอาจมบี ุคคลบางประเภทนาคอมพวิ เตอร์มาใช้อยา่ งไมถ่ กู ตอ้ ง สร้างความเดือดรอ้ นแกบ่ ุคคลอืน่ หรอื อาจบ่ันทอนความม่ันคงของประเทศ จงึ ตอ้ งมีพระราชบัญญัติวา่ ด้วยการกระทาผดิ เก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ บังคบั ใช้ และลงโทษผกู้ ระทาผดิ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2. แสดงความรู้เกย่ี วกับความผดิ เกย่ี วกับคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หน้าทีข่ องพนักงานเจ้าหน้าทีไ่ ด้ 4. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จริยธรรมคา่ นิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ที่ครูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง 4.1 ความมีมนษุ ยสัมพันธ์ 4.2 ความมวี ินยั 4.3 ความรับผดิ ชอบ 4.4 ความซ่อื สัตยส์ ุจริต 4.5 ความเชื่อม่นั ในตนเอง 4.6 การประหยัด 4.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 4.8 การละเวน้ ส่ิงเสพตดิ และการพนัน 4.9 ความรักสามคั คี 4.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกยี่ วกับกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกับหลกั กฎหมายลขิ สทิ ธ์แิ ละสิทธิบตั ร

98 เนื้อหาสาระ 2. ความผดิ เกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ (ต่อ) 3. พนักงานเจ้าหนา้ ที่ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรียน 1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรูเ้ ดิมจากสปั ดาหท์ ี่ผา่ นมา โดยดงึ ความร้เู ดมิ ของผ้เู รียนในเรอื่ งทีจ่ ะเรียน เพือ่ ช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นมีความพร้อมในการเชอื่ มโยงความรู้ใหมก่ บั ความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใช้การสนทนาซักถามใหผ้ เู้ รียนเลา่ ประสบการณเ์ ดมิ 2.ครูใช้สอื่ วดิ ีทศั นแ์ สดงขา่ วเกี่ยวกบั การกระทาความผดิ เก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ ขน้ั สอน 3.ผู้เรยี นอ่านข่าวท่ีครูกาหนดให้แล้วพิจารณาวา่ ผ้กู ระทาาผิดทาผิดในเรื่องใด ระบุมาตรา บทลงโทษ และเสนอ แนวทางในการปอ้ งกัน บนั ทึกลงในกระดาษ A4 4.ครใู ชส้ ่อื Power Point ประกอบการอธิบายเรือ่ งพนกั งานเจ้าหนา้ ทตี่ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยการกระทาผดิ เก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งมดี งั นี้ 1). เพ่ือประโยชน์ในการสบื สวนและสอบสวนเมอ่ื มีเหตกุ ารณก์ ระทาความผดิ เกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ เพ่อื ประโยชน์ในการสอบสวนใหพ้ นักงานเจ้าหน้าทป่ี ฏบิ ตั ดิ งั น้ี 1.1 มหี นังสือสอบถาม เรียกบคุ คลทเ่ี ก่ยี วข้องกับการกระทาความผดิ มาเพอื่ ให้ถอ้ ยคาสง่ หนังสือชแี้ จง เอกสาร ข้อมูล หรอื หลักฐานอื่นทเ่ี ป็นทเ่ี ขา้ ใจได้

99 1.2 เรียกขอ้ มลู จราจรทางคอมพวิ เตอร์ จากผู้ใหบ้ รกิ ารเกี่ยวกบั การติดตอ่ สื่อสารระบบ คอมพิวเตอร์ หรือจากบุคคลอ่ืนทเ่ี กีย่ วข้อง 1.3 ส่งั ให้ผใู้ ห้บริการส่งมอบขอ้ มลู เกย่ี วกับผูใ้ ช้บรกิ าร หรือท่อี ยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ ให้บรกิ ารแกพ่ นักงานเจ้าหนา้ ที่ 1.4 ทาสาเนาขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ ข้อมลู จราจรทางคอมพวิ เตอร์ จากระบบคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ี เหตอุ ันควรเชื่อได้วา่ มีการกระทาความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ในกรณที ร่ี ะบบคอมพวิ เตอร์นน้ั ยงั ไม่ได้อยู่ในความ ครอบครองของเจ้าหนา้ ที่ 1.5 สั่งใหบ้ ุคคลซ่งึ ครอบรองหรอื ควบคมุ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ หรอื อุปกรณ์ที่ใชเ้ กบ็ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ สง่ มอบขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ หรอื อุปกรณด์ ังกลา่ วแก่เจา้ หน้าที่ 1.6 ตรวจสอบหรอื เข้าถงึ ระบบคอมพวิ เตอร์ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรอื อปุ กรณ์ทใ่ี ชเ้ กบ็ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ของบุคคลใด อันเปน็ หลักฐานหรืออาจใชเ้ ป็นหลักฐานเกี่ยวกบั การกระทา ความผดิ หรือเพอื่ สบื สวนหาตัวผกู้ ระทาความผดิ และสั่งให้บคุ คลนน้ั สง่ ข้อมลู คอมพิวเตอรข์ ้อมลู จราจรทางคอมพวิ เตอร์ ทเี่ ก่ยี วข้องเทา่ ที่จาเปน็ ใหด้ ว้ ยก็ได้ 1.7 ถอดรหัสลบั ของข้อมลู คอมพวิ เตอรข์ องบคุ คลใด หรอื ส่งั ใหบ้ ุคคลท่ีเกีย่ วข้องกบั การเขา้ รหสั ลบั ของข้อมลู คอมพวิ เตอร์ ทาการถอดรหสั ลบั หรอื ใหค้ วามรว่ มมือกับพนักงานเจ้าหนา้ ท่ใี นการถอดรหสั ลบั ดังกลา่ ว 1.8 ยึดหรอื อายดั ระบบคอมพิวเตอร์เท่าท่จี าเปน็ เฉพาะเพอื่ ประโยชน์ในการทราบรายละเอยี ด แหง่ ความผดิ และผูก้ ระทาความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ินี้ 2). การใชอ้ านาจหน้าทข่ี องพนกั งาน เมอื่ พนักงานต้องใช้อานาจหน้าท่ใี นเก่ยี วกบั ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ ระบบ คอมพิวเตอร์ในลกั ษณะต่างๆ ของผูก้ ระทาผิด ใหย้ ื่นคาร้องต่อศาลทม่ี เี ขตอานาจเพ่ือมคี าสั่งอนุญาตใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ที่ ดาเนินตามคารอ้ ง ท้งั นี้ คารอ้ งตอ้ งระบเุ หตุอันควรเชื่อไดว้ า่ บคุ คลใดกระทาหรอื กาลงั จะกระทาการอยา่ งหนง่ึ อย่างใดอัน เปน็ ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี เหตุท่ีต้องใช้อานาจลักษณะของการกระทาความผดิ รายละเอียดเกยี่ วกบั อุปกรณท์ ีใ่ ช้ ในการกระทาความผดิ และผูก้ ระทาความผดิ เทา่ ท่ีสามารถจะระบไุ ดป้ ระกอบคารอ้ งดว้ ย ในการพจิ ารณาคาร้องใหศ้ าล พิจารณาคาร้องดงั กลา่ วโดยเร็ว เมือ่ ศาลมีคาสั่งอนุญาตแล้ว กอ่ นดาเนนิ การตามคาาส่ังของศาล ให้พนักงานเจา้ หน้าท่ีส่ง บนั ทกึ สาเนาใหเ้ จา้ ของผูค้ รอบครองคอมพิวเตอรด์ ้วย 3). กรณีทีก่ ารกระทาความผิดตามพระราชบญั ญตั ิทาให้ข้อมูลแพรห่ ลาย หากการกระทาตาม พระราชบญั ญัตินีแ้ พรห่ ลาย ซง่ึ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอรอ์ าจกระทบกระเทอื นตอ่ ความมัน่ คงแห่งราชอาณาจกั รหรอื ขัดตอ่ ความสงบเรยี บร้อยหรือศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน พนักงานเจา้ หน้าท่โี ดยได้รบั ความเห็นชอบจากรฐั มนตรีอาจยน่ื คา ร้องพรอ้ มแสดงพยานหลักฐานตอ่ ศาลทมี่ เี ขตอานาจขอใหม้ คี าสง่ั ระงบั การทาให้แพรห่ ลายซงึ่ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์นนั้ ได้ มลู คอมพวิ เตอรน์ ้ันก็ได้ 4). กรณีพบคาส่ังหรือข้อมลู ไม่พงึ ประสงค์ ในกรณีท่พี นักงานเจา้ หนา้ ทีพ่ บวา่ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมี ชุดคาสง่ั ไมพ่ งึ ประสงคร์ วมอยดู่ ว้ ย พนกั งานเจา้ หน้าทีอ่ าจย่นื คารอ้ งต่อศาลทีม่ เี ขตอานาจเพ่อื ขอใหม้ ีคาส่ังหา้ มจาหนา่ ย หรือเผยแพร่ หรอื สั่งให้เจ้าของหรอื ผูค้ รอบครองข้อมลู คอมพวิ เตอรน์ น้ั ระงับการใช้ทาลาย หรือแกไ้ ขขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ นั้นได้ หรอื จะกาหนดเงือ่ นไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชดุ คาสง่ั ไม่พึงประสงคด์ ังกลา่ วก็ได้ 5). ห้ามพนกั งานเจา้ หนา้ ทเี่ ปดิ เผยหรอื สง่ ขอ้ มลู หา้ มมิใหพ้ นกั งานหรอื เจา้ หนา้ ทเี่ ปิดเผยหรือ ส่งมอบขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ ขอ้ มลู จราจรทางคอมพิวเตอร์ หรอื ขอ้ มลู ของผู้ใช้บริการ ที่ให้แกบ่ ุคคลใดพนกั งานเจ้าหนา้ ท่ี ผู้ใดฝา่ ฝืนวรรคหนงึ่ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ 3 ปี หรือปรับไมเ่ กนิ 60,000 บาท หรือท้ังจาทงั้ ปรบั 6). กรณพี นักงานเจา้ หนา้ ท่กี ระทาการโดยประมาท หากพนกั งานเจ้าหน้าทค่ี นใดกระทาการ โดยประมาทเป็นเหตใุ หผ้ ู้อ่ืนลว่ งรขู้ อ้ มลู คอมพิวเตอร์ ขอ้ มูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรอื ข้อมูลของผูใ้ ช้บริการ ต้อง ระวางโทษจาคุกไม่เกนิ 1 ปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ 20,000 บาท หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั

100 7). กรณีพนักงานเจา้ หน้าทีเ่ ปดิ เผยข้อมูล ผู้ใดลว่ งรขู้ อ้ มลู คอมพวิ เตอร์ ขอ้ มูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์ หรือ ข้อมูลของผใู้ ชบ้ ริการ ทพ่ี นักงานเจ้าหน้าทไี่ ดม้ า และเปดิ เผยข้อมลู นน้ั ต่อผ้หู น่งึ ผู้ใดต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกิน 2 ปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ 40,000 บาท หรอื ท้ังจาทั้งปรับ 8). ขอ้ มูล ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ หรอื ขอ้ มูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ทีพ่ นักงานเจา้ หนา้ ที่ไดม้ าตาม พระราชบัญญตั ิน้ี ให้อ้างและรับฟงั เป็นพยานหลกั ฐานตามบทบญั ญตั ิแห่งประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญาหรือ กฎหมายอ่ืนอันวา่ ด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนดิ ท่ีมไิ ด้เกิดข้ึนจากการจงู ใจมีคามน่ั สญั ญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือ โดยมชิ อบประการอ่ืน 9). การเก็บรกั ษาข้อมูล ผ้ใู ห้บรกิ ารตอ้ งเก็บรักษาขอ้ มลู จราจรทางคอมพิวเตอรไ์ วไ้ มน่ ้อยกว่า90 วนั นบั แต่วันทข่ี ้อมูลนน้ั เข้าสู่ระบบคอมพวิ เตอร์ แต่ในกรณจี าเป็น พนักงานเจ้าหนา้ ที่จะสั่งใหผ้ ู้ให้บริการผูใ้ ดเก็บรกั ษาข้อมลู จราจรทางคอมพวิ เตอรไ์ วเ้ กิน 90 วนั แต่ไมเ่ กิน 1 ปเี ป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวกไ็ ด้ ผู้ให้บริการจะต้อง เกบ็ รกั ษาข้อมลู ของผูใ้ ชบ้ รกิ ารเทา่ ทจ่ี าเป็นเพือ่ ใหส้ ามารถระบตุ ัวผใู้ ช้บรกิ ารนบั ต้งั แตเ่ ร่มิ ใชบ้ รกิ ารและตอ้ งเก็บรักษาไว้ เปน็ เวลาไมน่ ้อยกว่า 90 วันนบั ตั้งแตก่ ารใช้บริการส้ินสดุ ลง คาสงั่ ดังกลา่ วจะใช้กบั ผู้ให้บริการประเภทใด อยา่ งไร และ เมอื่ ใด ให้เปน็ ไปตามท่รี ัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้ให้บรกิ ารผใู้ ดไมป่ ฏิบตั ติ ามมาตรานี้ ตอ้ งระวางโทษปรับ ไมเ่ กนิ 500,000 บาท 10). ผไู้ มป่ ฏบิ ัตติ ามคาส่ัง ผใู้ ดไมป่ ฏิบัติตามคาสั่งของศาลหรอื พนักงานเจา้ หนา้ ที่ที่สัง่ ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ 200,000 บาท และปรับเป็นรายวันอกี ไม่เกนิ วนั ละ 5,000 บาท จนกวา่ จะปฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ตอ้ ง 11). การแตง่ ตงั้ เจา้ หนา้ ที่ การแตง่ ตงั้ พนักงานเจา้ หนา้ ท่ีตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ให้รัฐมนตรีแตง่ ตัง้ จากผมู้ ี ความรแู้ ละความชานาญเกีย่ วกับระบบคอมพวิ เตอร์และมีคณุ สมบตั ติ ามท่ีรฐั มนตรกี าหนด 12). การปฏิบัตหิ น้าที่ ในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ีตามพระราชบญั ญตั ินี้ ใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ที่ เปน็ พนกั งานฝ่าย ปกครองหรอื ตารวจชน้ั ผใู้ หญต่ ามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มีอานาจรับคาร้องทุกขห์ รอื รบั คากลา่ วโทษ และมอี านาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผดิ ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ในการจับ ควบคุม ค้น การทาสานวนสอบสวน และดาเนนิ คดผี กู้ ระทาความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี บรรดาทเี่ ปน็ อานาจของพนกั งานฝา่ ยปกครองหรอื ตารวจช้ัน ผูใ้ หญ่ หรอื พนกั งานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ให้พนักงานเจา้ หน้าที่ประสานงานกบั พนกั งานสอบสวนผรู้ ับผดิ ชอบเพ่อื ดาเนนิ การตามอานาจหนา้ ทีต่ อ่ ไป ให้นายกรัฐมนตรใี นฐานะผ้กู ากบั ดูแลสานักงาน ตารวจแหง่ ชาติและรฐั มนตรมี ีอานาจรว่ มกนั กาหนดระเบยี บเกยี่ วกับแนวทางและวิธีปฏิบัตใิ นการดาเนนิ การ 13). การแสดงบตั รประจาตัว ในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ีต้องแสดงบัตรประจาตวั ตอ่ บุคคลซ่ึง เกยี่ วข้อง บัตรประจาตวั ของพนักงานเจา้ หน้าท่ีใหเ้ ปน็ ไปตามแบบทีร่ ฐั มนตรปี ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา 5.ผเู้ รียนยกตวั อย่างผลของความผิดของผ้ใู หบ้ ริการหรือเจ้าของเวบ็ ไซต์ อาจจะก่อใหเ้ กดิ เหตกุ ารณ์ใดข้นึ ไดบ้ า้ ง พรอ้ มทง้ั บอกความผดิ ทไ่ี ด้รบั 6.ผเู้ รียนสืบคน้ ข้อมลู ทางอินเทอรเ์ น็ต แลว้ อธิบายรายละเอียดของ “จรรยาบรรณอนิ เทอร์เนต็ ”ลงในกระดาษ A4 7.ผู้เรียนสืบค้นข้อมลู เพ่ืออธบิ ายรายละเอียดของคาวา่ “อาชญากรทางคอมพิวเตอร”์ ลงในกระดาษ A4 8.ผเู้ รียนบอกความสาคญั และประโยชนข์ องการศกึ ษากฎหมายว่าดว้ ยการกระทาผิดเกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ 9.ครูแนะนาใหผ้ ู้เรียนบันทึกบญั ชคี รัวเรือน เพ่อื ให้เกิดการปฏิบัตพิ ัฒนาความรู้ ความคดิ และปฏิบตั ิ ถูกตอ้ ง กอ่ ให้เกิดความเจริญในดา้ นอาชีพหรอื เศรษฐกจิ สังคม และวฒั นธรรม ซงึ่ การทาบญั ชีครวั เรอื นเป็นเรอ่ื งการ บันทกึ รายรบั รายจ่ายประจาวนั /เดอื น/ปี วา่ มีรายรบั รายจา่ ยจากอะไรบา้ ง จานวนเท่าใด รายการใดจ่ายน้อยจ่ายมาก จาเป็นน้อยจาเป็นมาก ก็อาจลดลงหรือเพิ่มขน้ึ ตามความจาเป็น ถา้ ทุกคนคดิ ได้กแ็ สดงวา่ เปน็ คนรู้จกั พฒั นาตนเอง มเี หตุ มผี ล รูจ้ ักพอประมาณ รักตนเอง รกั ครอบครวั รกั ชุมชน และรักประเทศชาตมิ ากขึน้ จึงเหน็ ได้วา่ การทาบญั ชคี รัวเรือน คือวิถีแหง่ การเรยี นรู้เพือ่ พฒั นาชีวิตตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

101 ขนั้ สรุปและการประยุกต์ 10.ครใู ช้วธิ สี มุ่ ผู้เรยี นทกุ กลุ่มตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พือ่ นฟงั ทัง้ ชั้นเรยี น 11.ผ้เู รียนฝกึ ทกั ษะทาแบบประเมินผลหลังเรยี น สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรียน วชิ ากฎหมายคอมพิวเตอร์ ของสานกั พมิ พ์เอมพันธ์ 2.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 3.ส่ือ PowerPoint และสือ่ วิดที ศั น์ 4.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชื่อ 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วธิ วี ัดผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. การสังเกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เครอ่ื งมือวัดผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รียน) 4. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 5. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยครแู ละผู้เรียน ร่วมกันประเมิน เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไม่มีช่องปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขึน้ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ข้นึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คือ 50%

102 5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิมีเกณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนขึน้ อย่กู บั การประเมินตามสภาพจริง กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ทากิจกรรมใบงาน 2.อ่านและทบทวนเนอ้ื หา

103 จงเลือกคาตอบทถี่ ูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. พระราชบญั ญตั วิ า่ ด้วยการกระทาความผิดเกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มีสาระสาคัญในขอ้ ใด ก. ความผดิ เกยี่ วกับพระราชบัญญตั ิ ข. ความผิดเก่ียวกบั พนกั งานเจา้ หน้าท่ี ค. ความผิดเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ ง. ความผิดเกยี่ วกับกฎหมาย จ. ความผดิ เกีย่ วกับระบบเครอื ข่ายไรส้ าย 2. มาตรา 6 ฐานความผดิ ว่าด้วยการล่วงรมู้ าตรการป้องกนั การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ขอ้ ใดไม่ใชบ่ ทลงโทษที่ปรากฏ ในมาตรานี้ ก. จาคุกไมเ่ กินหนึ่งปี ข. ปรับไมเ่ กนิ สองหมื่นบาท ค. ท้ังจาทงั้ ปรบั ง. ยอมความ จ. เป็นบทลงโทษทกุ ขอ้ 3. “ข้อมลู จราจรทางคอมพิวเตอร”์ หมายความว่าอย่างไร ก. ขอ้ มลู ขอ้ ความ คาส่ัง ชดุ คาสั่ง หรอื สิ่งอน่ื ใดบรรดาท่อี ยใู่ นระบบคอมพวิ เตอร์ ข. ข้อมูลเก่ยี วกบั การตดิ ต่อสอื่ สารของระบบคอมพวิ เตอร์ ค. อุปกรณ์ หรือชดุ อปุ กรณข์ องคอมพวิ เตอร์ ง. ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ จ. การให้บรกิ ารในนามของตนเองเพ่อื ประโยชนข์ องบคุ คลอ่ืน 4. มาตรา 13 ฐานความผดิ ว่าด้วยการจาหนา่ ยหรือเผยแพรข่ ้อมูลอนั ไมเ่ หมาะสม ตอ้ งระวางโทษตามขอ้ ใด ก. จาคกุ ไมเ่ กินหน่ึงปี ข. จาคกุ ไมเ่ กินสองปี ค. ปรับไมเ่ กินสามหม่ืนบาท ง. ปรบั ไมเ่ กินสหี่ มนื่ บาท จ. จาคุกไมเ่ กินเจด็ ปี

104 5. ผูใ้ หบ้ รกิ ารจะต้องเกบ็ รกั ษาข้อมูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์ไวอ้ ยา่ งน้อยกว่ี ัน ก. ไม่นอ้ ยกวา่ 30 วัน แต่ไม่เกนิ 90 วนั ข. ไมน่ อ้ ยกว่า 60 วนั แตไ่ มเ่ กิน 120 วัน ค. ไมน่ อ้ ยกวา่ 90 วัน แต่ไม่เกิน 1 ปี ง. ไมน่ ้อยกวา่ 120 วนั แตไ่ ม่เกนิ 2 ปี จ. ไม่น้อยกว่า 130 วนั แต่ไมเ่ กนิ 2 ปี 6. ฐานในข้อใดต่อไปนตี้ อ้ งระวางโทษจาคกุ ตง้ั แต่สามปีถึงสบิ หา้ ปี และปรับตั้งแตห่ กหมน่ื บาทถึงสามแสนบาท ก. นาเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอรซ์ ่งึ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอรป์ ลอมใดๆ อันเป็นความผดิ เกย่ี วกับความม่นั คงแหง่ ราชอาณาจกั ร ข. การกระทาโดยประการทีน่ า่ จะเกดิ ความเสียหายตอ่ ข้อมลู คอมพวิ เตอรท์ เ่ี ก่ยี วกับการรักษาความมน่ั คง ปลอดภยั ของประเทศ ค. นาเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์ซง่ึ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรใ์ ดๆ ทีม่ ลี กั ษณะอันลามกและขอ้ มลู คอมพิวเตอร์นนั้ ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถงึ ได้ ง. ผใู้ ดเข้าถงึ โดยมิชอบซงึ่ ระบบคอมพวิ เตอรท์ ีม่ ีมาตรการป้องกนั การเข้าถงึ โดยเฉพาะและมาตรการ น้นั มไิ ดม้ ีไวส้ าหรบั ตน จ. ใช้การกระทาโดยมชิ อบ ด้วยวธิ กี ารทางอิเล็กทรอนิกสเ์ พื่อดกั รบั ขอ้ มูลคอมพิวเตอรข์ องผ้อู นื่ 7. การกระทาผดิ ในข้อใดตอ่ ไปน้ี ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกนิ หา้ ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรอื ทั้งจาทง้ั ปรบั ก. เปน็ การกระทาทีน่ า่ จะทาใหผ้ ้อู น่ื นั้นเสียชื่อเสยี ง ถกู ดูหมิ่น ถกู เกลยี ดชัง หรอื ได้รับความอับอายและภาพน้นั เป็นภาพท่เี กิดจากการสรา้ งขน้ึ ตัดต่อ ข. เป็นการกระทาโดยประการทีน่ า่ จะเกดิ ความเสียหายต่อขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอรท์ ่เี ก่ียวกบั การรักษาความมน่ั คงปลอดภยั ของประเทศ ค. การกระทาที่ก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกป่ ระชาชน ไมว่ า่ ความเสยี หายนั้นจะเกิดข้นึ ในทนั ทีหรอื ในภายหลัง และไม่ว่าจะเกดิ ข้นึ พร้อมกันหรือไม่ ง. นาเข้าส่รู ะบบคอมพิวเตอรซ์ ึง่ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์อันเปน็ เทจ็ โดยประการทนี่ ่าจะเกดิ ความเสียหายตอ่ ความ มัน่ คงของประเทศหรอื ก่อให้เกดิ ความตนื่ ตระหนกแกป่ ระชาชน จ. ผูใ้ ดเขา้ ถึงโดยมิชอบซึง่ ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีมีมาตรการปอ้ งกันการเขา้ ถึงโดยเฉพาะและมาตรการนน้ั มไิ ดม้ ีไว้ สาหรับตน 8. ผู้ใดกระทาโดยมิชอบดว้ ยวธิ ีการทางอิเลก็ ทรอนกิ สเ์ พ่ือดักรบั ไวข้ องผูอ้ ืน่ ทีอ่ ยรู่ ะหว่างการส่งในระบบคอมพวิ เตอร์ จะตอ้ งระวางโทษตามขอ้ ใด ก. ปรบั ไมเ่ กินหกหมน่ื บาท ข. ปรบั ไมเ่ กินแปดหมนื่ บาท ค. จาคกุ ไมเ่ กินส่ปี ี ง. จาคกุ ไม่เกนิ หา้ ปี จ. จาคุกไมเ่ กนิ เจด็ ปี 9. ขอ้ ใด ไม่จดั อย่ใู นความผดิ ตามมาตรา 14 ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กิน 5 ปี หรือปรับไมเ่ กนิ 100,000 บาทหรือท้ัง จาทงั้ ปรบั ก. นาเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์ซงึ่ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรป์ ลอมบางสว่ นหรอื ทง้ั หมด หรือข้อมลู คอมพิวเตอรอ์ ันเป็น เท็จ ซ่ึงอาจก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

105 ข. นาเข้าสรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ซึง่ ขอ้ มลู อนั เป็นเท็จ อนั จะเกิดความเสียหายต่อความมัน่ คงของประเทศ หรือ กอ่ ให้เกดิ ความต่ืนตระหนกแก่ประชาชน ค. นาเข้าสรู่ ะบบคอมพวิ เตอรซ์ ึ่งขอ้ มลู ใดๆ ทจ่ี ะก่อให้เกดิ ความผิดเก่ียวกับการกอ่ การรา้ ยตามประมวลกฎหมาย อาญา ง. ทน่ี าเข้าสู่ระบบคอมพวิ เตอรท์ ปี่ ระชาชนทว่ั ไปอาจเขา้ ถงึ ได้ ซ่งึ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ที่เปน็ ภาพของผูอ้ น่ื และ ภาพนน้ั เปน็ ภาพทส่ี ร้างข้นึ โดยการตัดตอ่ เตมิ หรอื ดัดแปลงด้วยวิธกี ารทางอิเลก็ ทรอนิกส์ จ. การนาเขา้ ส่รู ะบบคอมพิวเตอรซ์ ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มลี ักษณะอันลามก และข้อมลู คอมพิวเตอร์ ซึ่ง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ 10. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สง่ิ ท่ีพนักงานเจ้าหนา้ ทีค่ วรทาเพอ่ื ความปลอดภยั เมอื่ มีเหตกุ ารณก์ ระทาาความผดิ เกีย่ วกับคอมพิวเตอร์ ก. เรยี กขอ้ มลู จราจรทางคอมพิวเตอร์ จากผู้ใหบ้ ริการ ข. สัง่ ใหผ้ ้ใู หบ้ ริการสง่ มอบขอ้ มลู เกีย่ วกบั ผใู้ ชบ้ รกิ าร หรือทอี่ ยใู่ นความครอบครอง ค. ถอดรหสั ลับของข้อมูลคอมพวิ เตอร์ของบคุ คลใด หรือสง่ั ให้บุคคลทีเ่ ก่ยี วข้องกับการเข้ารหสั ลับของ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ง. ทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ จ. การส่งข้อมลู คอมพวิ เตอร์หรือจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์แก่บคุ คลอนื่ 11. มาตรา 22 หา้ มมใิ ห้พนกั งานเจา้ หน้าท่เี ปดิ เผยหรอื สง่ มอบข้อมลู คอมพิวเตอร์ ข้อมลู จราจรทางคอมพวิ เตอรห์ รือ ขอ้ มูลของผใู้ ชบ้ รกิ าร ทไ่ี ดม้ าตามมาตรา 18 ใหแ้ ก่บคุ คลใด หากฝา่ ฝืนจะไดร้ บั โทษในข้อใด ก. จาคุกไมเ่ กนิ สามปี หรือปรบั ไมเ่ กินหกหมื่นบาท หรอื ทัง้ จาท้งั ปรับ ข. จาคุกไม่เกนิ สามปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนง่ึ แสนบาท หรือทัง้ จาทั้งปรบั ค. จาคกุ ไมเ่ กนิ หา้ ปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ หกหม่ืนบาท หรือท้งั จาทั้งปรบั ง. จาคุกไมเ่ กนิ หา้ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนง่ึ แสนบาท หรือทง้ั จาทง้ั ปรับ จ. จาคกุ ไมเ่ กนิ เจด็ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หกหม่ืนบาท หรือทงั้ จาทั้งปรับ 12. กระทาความผิดตอ่ ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อใดมิใช่ความผดิ ตามกฎหมายอาชญากรรม คอมพิวเตอร์ ก. การเข้าถงึ โดยไมม่ อี านาจ ข. การใช้อินเทอรเ์ น็ตโดยการคดั ลอกขอ้ มลู ค. การใช้คอมพิวเตอร์โดยไมช่ อบ ง. ความผิดเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ จ. การเขา้ ถึงข้อมูลท่ีทาใหผ้ ู้อื่นเดอื ดร้อน 13. พฤตกิ รรม : Forward email ท่มี ีข้อความ เนือ้ หา หรือรูปภาพทไ่ี มเ่ หมาะสม เป็นเทจ็ กระทบความมัน่ คงหรอื ลามกอนาจาร มคี วามผิดตรงกบั ขอ้ ใด ก. มาตรา 5 ปรับไมเ่ กิน 10,000 บาท จาคกุ ไม่เกิน 6 เดือน ข. มาตรา 14 ปรบั ไมเ่ กนิ 100,000 บาท จาคุกไมเ่ กนิ 5 ปี ค. มาตรา 16 ปรบั ไม่เกนิ 60,000 บาท จาคกุ ไมเ่ กิน 3 ปี ง. มาตรา 15 ปรับไมเ่ กิน 100,000 บาท จาคกุ ไม่เกิน 5 ปี จ. มาตรา 8 ปรับไม่เกนิ 60,000 บาท จาคุกไม่เกิน 3 ปี 14. พฤติกรรม : โพสต์ข้อความตามกระทตู้ า่ งๆ ทม่ี เี นอ้ื หาไมเ่ หมาะสม เป็นเทจ็ กระทบความมัน่ คง หรอื ลามกอนาจาร มีความผดิ ตรงกับขอ้ ใด ก. มาตรา 5 ปรับไมเ่ กนิ 10,000 บาท จาคุกไมเ่ กนิ 6 เดือน

106 ข. มาตรา 14 ปรบั ไมเ่ กิน 100,000 บาท จาคุกไมเ่ กิน 5 ปี ค. มาตรา 16 ปรับไม่เกนิ 60,000 บาท จาคุกไมเ่ กิน 3 ปี ง. มาตรา 15 ปรบั ไมเ่ กิน 100,000 บาท จาคกุ ไม่เกนิ 5 ปี จ. มาตรา 8 ปรับไม่เกนิ 60,000 บาท จาคุกไม่เกิน 3 ปี 15. พฤติกรรม : เผยแพรภ่ าพตดั ตอ่ ใหผ้ อู้ ื่นไดร้ บั ความเสือ่ มเสยี หรอื อบั อาย มคี วามผดิ ตรงกับขอ้ ใด ก. มาตรา 5 ปรับไม่เกนิ 10,000 บาท จาคุกไมเ่ กนิ 6 เดือน ข. มาตรา 14 ปรบั ไมเ่ กิน 100,000 บาท จาคุกไม่เกนิ 5 ปี ค มาตรา 16 ปรบั ไม่เกิน 60,000 บาท จาคุกไม่เกิน 3 ปี ง. มาตรา 15 ปรับไมเ่ กนิ 100,000 บาท จาคกุ ไม่เกิน 5 ปี จ. มาตรา 8 ปรบั ไม่เกิน 60,000 บาท จาคกุ ไมเ่ กนิ 3 ปี 16. พฤตกิ รรม:ใช้ user name/password ของผอู้ ่นื Log in เข้าสู่ระบบ มคี วามผิดตรงกบั ขอ้ ใด ก. มาตรา 5 ปรับไม่เกนิ 10,000 บาท จาคุกไมเ่ กิน 6 เดือน ข. มาตรา 14 ปรบั ไมเ่ กิน 100,000 บาท จาคกุ ไม่เกิน 5 ปี ค. มาตรา 16 ปรบั ไมเ่ กิน 60,000 บาท จาคุกไม่เกิน 3 ปี ง. มาตรา 15 ปรบั ไมเ่ กนิ 100,000 บาท จาคุกไมเ่ กนิ 5 ปี จ. มาตรา 8 ปรบั ไมเ่ กิน 60,000 บาท จาคกุ ไมเ่ กิน 3 ปี 17. ผทู้ ช่ี อบสง่ เมลก่อกวนหรอื โฆษณาขายสนิ คา้ หรอื ขายบรกิ าร ประเภทไปโผลป่ ๊อปอปั หรือพวกส่งเมลขยะโดยทเี่ ขา ไม่ตอ้ งการ มีความผดิ ตรงกับข้อใด ก. จาคกุ ไมเ่ กิน 5 ปี ปรบั ไม่เกนิ 100,000 บาท ข. ปรบั อย่างเดยี วไม่เกิน 100,000 บาท ค. จาคกุ ไมเ่ กิน 3 ปี ปรับไม่เกนิ 600,000 บาท ง. จาคุก 10-20 ปี จ. จาคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท 18. ผทู้ ่ีชอบสง่ เมล เป็นข้อมูลปลอม ข้อมูลเทจ็ ใส่ร้ายป้ายสีคนอืน่ หรือพวกเจา้ กรมข่าวลอื ทช่ี อบปลอ่ ยขา่ วใหเ้ กิด ความวุน่ วาย รวมถงึ ส่งภาพลามกอนาจารท้งั หลาย รวมถงึ พวกผสมโรงทไ่ี ดร้ ับแล้วสง่ ตอ่ ด้วยมีความผดิ ตรงกบั ข้อใด ก. จาคุกไม่เกนิ 5 ปี ปรับไมเ่ กนิ 100,000 บาท ข. ปรับอยา่ งเดยี วไมเ่ กิน 100,000 บาท ค. จาคุกไมเ่ กิน 3 ปี ปรบั ไม่เกิน 600,000 บาท ง. จาคุก 10-20 ปี จ. จาคุก 10 ปี ปรบั 200,000 บาท 19. ผทู้ ช่ี อบใช้ศลิ ปะเฉพาะตวั ตดั ต่อภาพของคนอื่น แล้วนาเข้าเผยแพรท่ างอินเทอรเ์ น็ต ทาให้เจ้าของภาพเข้าเสยี หาย อบั อาย มีความผดิ ตรงกบั ข้อใด ก. จาคกุ ไม่เกิน 5 ปี ปรับไมเ่ กิน 100,000 บาท ข. ปรับอย่างเดยี วไม่เกนิ 100,000 บาท ค. จาคุกไมเ่ กิน 3 ปี ปรบั ไม่เกิน 600,000 บาท ง. จาคุก 10-20 ปี จ. จาคุก 10 ปี ปรบั 200,000 บาท 20. ความผดิ สาหรบั พวกปลอ่ ยไวรัสทาลายข้อมลู คนอืน่ ทาให้เกิดความเสียหายแกป่ ระชาชน ประเภทคอมพวิ เตอร์ ควบคุมจราจร มคี วามผดิ ตรงกับขอ้ ใด

107 ก. จาคกุ ไม่เกนิ 5 ปี ปรับไมเ่ กิน 100,000 บาท ข. ปรบั อยา่ งเดียวไมเ่ กิน 100,000 บาท ค. จาคุกไมเ่ กิน 3 ปี ปรับไม่เกนิ 600,000 บาท ง. จาคุก 10-20 ปี จ. จาคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท

108 บนั ทกึ หลังการสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพ่ี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 12 หน่วยที่ 7 สอนครั้งที่ 12 (23-24) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ช่ือหน่วย/เรือ่ ง กฎหมายลิขสิทธ์ิ จานวน 2 ช.ม.

109 สาระสาคัญ เมือ่ มผี คู้ ดิ ประดษิ ฐ์ และสร้างสรรคง์ านขึ้นมาเป็นคนแรก งานนนั้ ควรไดร้ บั การควบคุม ไม่ให้มีผอู้ นื่ ลอกเลยี นแบบ และนาไปใชใ้ นการหารายได้ ซึ่งทาใหผ้ ูค้ ดิ งานน้ันเสยี ประโยชน์ กฎหมายลขิ สิทธ์ชิ ่วยค้มุ ครองผู้คดิ งาน หรือผสู้ รา้ งสรรคใ์ หไ้ ดร้ บั ความยตุ ธิ รรม หากถกู เอาเปรยี บจากผอู้ ื่น และผ้นู น้ั จะตอ้ งถกู ลงโทษด้วย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. แสดงความรู้เกย่ี วกับคาศัพท์เกย่ี วกบั กฎหมายลขิ สิทธไิ์ ด้ 2. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั งานลขิ สทิ ธิ์ได้ 3. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทีค่ รสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 3.1 ความมีมนษุ ยสัมพนั ธ์ 3.2 ความมวี ินยั 3.3 ความรบั ผดิ ชอบ 3.4 ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ 3.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 3.6 การประหยัด 3.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 3.8 การละเวน้ สงิ่ เสพติดและการพนนั 3.9 ความรกั สามัคคี 3.10 ความกตัญญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกย่ี วกับกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ 2. แสดงความรู้เกยี่ วกบั หลักกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิและสทิ ธบิ ัตร เนอ้ื หาสาระ 1. คาศัพท์เกยี่ วกบั กฎหมายลิขสทิ ธ์ิ 2. งานลิขสิทธ์ิ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น 1.ครูกลา่ ววา่ เมอ่ื มีผู้คดิ ประดิษฐ์ และสรา้ งสรรค์งานขน้ึ มาเปน็ คนแรก งานนั้นควรไดร้ บั การควบคมุ ไม่ใหม้ ผี ู้อน่ื ลอกเลียนแบบ และนาไปใช้ในการหารายได้ ซ่ึงทาให้ผคู้ ดิ งานน้ันเสยี ประโยชน์ กฎหมายลขิ สิทธชิ์ ่วยคมุ้ ครองผูค้ ดิ งาน หรือ ผู้สร้างสรรค์ให้ได้รับความยุตธิ รรม หากถูกเอาเปรียบจากผ้อู ่นื และผนู้ ้ันจะต้องถกู ลงโทษดว้ ย 2.ผ้เู รียนยกตวั อยา่ งผลงานหรือสงิ่ ประดิษฐ์ทมี่ ลี ขิ สทิ ธิ์ 3.ครแู สดงภาพผลงานท่มี ลี ขิ สทิ ธ์ิ

110 4.ผเู้ รยี นทาแบบประเมณิ ผลกอ่ นเรียน สลับกนั ตรวจเพ่ือเกน็ คะแนนสะสม ขัน้ สอน 5.ครูใชเ้ ทคนคิ วิธสี อนแบบบรรยาย (Lecture Method) เพอื่ อธิบายคาศพั ท์เกี่ยวกบั กฎหมายลขิ สิทธ์ิ ดังนี้ ลขิ สทิ ธ์ิ หมายถึง สิทธิแต่ผ้เู ดยี วทจ่ี ะกระทาการใดๆ ตามพระราชบญั ญัตินี้ เกี่ยวกบั งานทีผ่ ู้สรา้ งสรรคไ์ ด้ทา ขึ้น สทิ ธแิ ตผ่ ู้เดียวของเจ้าของลิขสทิ ธ์ิ มดี ังนี้ 1). สทิ ธิในการทาซา้ หรอื ดดั แปลง เจา้ ของลขิ สิทธส์ิ ามารถทาซา้ หรือคัดลอกงานของตนไดด้ ว้ ยวธิ ีตา่ งๆ การทาซ้านน้ั อาจจะทาซ้าเป็นบางส่วน หรือทาซ้าท้ังหมดกไ็ ด้ ส่วนสทิ ธิในการดดั แปลง เจา้ ของลิขสิทธิ์สามารถนางาน ของตนมาทาซ้าโดยเปลยี่ นรปู แบบใหม่ ปรบั ปรงุ แกไ้ ข เพ่ิมเตมิ หรอื จาลองงานต้นฉบับไม่วา่ ท้งั หมด หรอื บางส่วน 2). สทิ ธใิ นการเผยแพร่ให้ปรากฏตอ่ สาธารณชน 3). สทิ ธิในการอนุญาตให้ผูอ้ ืน่ ใชส้ ทิ ธใิ นลิขสิทธิ์น้นั ผูส้ รา้ งสรรค์ หมายถึง ผู้ทาหรือผกู้ อ่ ใหเ้ กิดงานสร้างสรรคอ์ ย่างใดอย่างหนง่ึ ทเ่ี ปน็ งานอันมีลขิ สิทธต์ิ าม พระราชบญั ญตั ลิ ิขสทิ ธิ์ ดังนั้น ผู้สร้างสรรคจ์ งึ เป็นผู้ที่คิด ประดษิ ฐ์ หรอื สรา้ งสรรค์งานขน้ึ มาเองโดยมไิ ดท้ าซา้ ดัดแปลง จากงานอนั มลี ิขสิทธิข์ องผ้อู ่ืนโดยไม่ไดร้ บั อนุญาต งานทส่ี ร้างสรรค์ขน้ึ มา มลี ักษณะดังน้ี 1). เป็นงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหมห่ รือไมก่ ไ็ ด้ 2). เปน็ การกระทาท่ีเกิดข้ึนจากความวิรยิ ะ อตุ สาหะในการสร้างสรรค์ และงานดงั กล่าวมที ่มี าหรอื ต้น กาเนดิ จากบคุ คลผนู้ นั้ โดยมิไดค้ ัดลอก หรอื ดัดแปลงมาจากงานอันมีลิขสิทธข์ิ องผอู้ นื่ 3). ผสู้ ร้างสรรคต์ อ้ งมกี ารแสดงออกซึง่ ความคิด เนื่องจากฎหมายลขิ สทิ ธิ์คุม้ ครองส่งิ ทแี่ สดงออกเท่านนั้ ไม่ค้มุ ครองความคดิ หรอื แนวคิด 4). การแสดงออกของซึ่งความคิดของผู้สรา้ งสรรค์ อาจแสดงออกโดยรูปแบบหรอื วธิ ีอืน่ ใดกไ็ ดโ้ ดยไม่ จาเปน็ ตอ้ งมีการบนั ทึก

111 5). ตอ้ งเปน็ งานสรา้ งสรรค์งานอันมีลิขสทิ ธ์ติ ามพระราชบัญญตั ลิ ิขสทิ ธ์ิ ได้แก่ งานวรรณกรรมงาน นาฏกรรม งานศิลปกรรม งานดนตรีกรรม งานโสตทัศนวัสดุ งานภายนตร์ ส่ิงบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ และ งานอนื่ ใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาตร์ และศิลปะ 6.ครใู ช้สือ่ Power Point งานลขิ สิทธิท์ ่ไี ด้รบั ความคมุ้ ครอง มดี ังนี้ 1). วรรณกรรม ไดแ้ ก่ งานนพิ นธ์ทท่ี าขึน้ ทกุ ชนดิ งานหนงั สอื จลุ สาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ คาปราศรยั สนุ ทร พจน์ เทศนา ปาฐกถา รวมถงึ โปรแกรมคอมพวิ เตอรด์ ว้ ย 2). นาฏกรรม ได้แก่ งานเกีย่ วกบั การรา การเตน้ การทาทา่ หรือการแสดงทีป่ ระกอบขึน้ เปน็ เรือ่ งราว และรวมถงึ การแสดงโดยวธิ ใี บด้ ้วย 3). ศิลปกรรม ไดแ้ ก่ งานทีม่ ีลกั ษณะอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื หลายอยา่ ง ดังน้ี - งานจิตรกรรม เป็นงานสรา้ งสรรคร์ ูปทรงทีป่ ระกอบด้วยเสน้ แสง สี หรอื สิ่งอ่ืนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรอื หลายอยา่ งรวมกัน ลงบนวัสดอุ ยา่ งเดียวหรือหลายอยา่ ง - งานประติมากรรม เป็นงานสรา้ งสรรคร์ ปู ทรงทเ่ี กี่ยวกับปริมาตรท่ีสมั ผัสและจบั ตอ้ งได้ - งานภาพพมิ พ์ เปน็ งานสรา้ งสรรค์ภาพดว้ ยกรรมวิธีทางการพิมพ์ และหมายความรวมถงึ แม่พมิ พ์ หรือแบบพิมพ์ทใี่ ชใ้ นการพมิ พด์ ว้ ย

112 - งานสถาปตั ยกรรม เปน็ งานออกแบบอาคารหรอื สงิ่ ปลูกสร้าง งานออกแบบตกแตง่ ภายในหรือ ภายนอก รวมถงึ บริเวณของอาคารหรอื สิ่งปลูกสร้าง หรือการสรา้ งสรรค์หนุ่ จาลองของอาคารหรือส่ิงปลูกสรา้ ง - งานถา่ ยภาพ เป็นงานสร้างสรรคภ์ าพทเ่ี กิดข้ึนจากการใช้เครอ่ื งมือบันทึกภาพโดยให้แสงผา่ นเลนส์ไป ยังฟิล์มหรอื กระจก และลา้ งด้วยนา้ ยาซึง่ มีสตู รเฉพาะ หรือด้วยกรรมวิธใี ดๆ อันทาให้เกิดภาพข้ึนหรือการบนั ทึกภาพโดย เครือ่ งมอื หรอื วิธกี ารอย่างอื่น - งานภาประกอบ แผนที่ โครงสรา้ ง ภาพรา่ ง หรอื งานสร้างสรรค์รปู ทรงสามมติ ิ อนั เก่ียวกบั ภมู ิศาสตร์ ภมู ปิ ระเทศ หรอื วทิ ยาศาสตร์ - งานศลิ ปะประยกุ ต์ ไดแ้ ก่ งานท่ีนางานข้างต้น ตัง้ แต่ 1-6 อย่างใดอย่างหน่ึง หรอื หลายอยา่ งรวมกนั ไปใช้ประโยชน์อยา่ งอน่ื นอกเหนอื จากการช่ืนชมในคณุ ค่าของตวั งานดงั กลา่ วนั้น เชน่ นาไปใชส้ อยนาไปตกแต่งวัสดุ หรือส่ิงของอนั เปน็ เครือ่ งใช้ หรือนาไปใช้เพอื่ ประโยชนท์ างการค้า 4). ดนตรีกรรม ไดแ้ ก่ งานเกีย่ วกบั เพลงทแ่ี ตง่ ข้ึนเพ่อื บรรเลงหรือขบั รอ้ งไม่ว่าจะมีทานองและคารอ้ งหรอื มี ทานองอยา่ งเดียวและใหห้ มายความรวมถงึ โนต้ เพลงหรอื แผนภมู ิเพลงท่ีได้แยกและเรียบเรียงสยี งประสานแลว้ 5). งานโสตทศั นวสั ดุ ได้แก่ งานอันประกอบดว้ ยลาดับของภาพโดยบนั ทกึ ลงในวสั ดุ ไม่ว่าจะมลี กั ษณะ อยา่ งใดอนั สามารถท่ีจะนามาเล่นซา้ ไดอ้ กี โดยใช้เคร่อื งมือท่จี าเป็นสาหรับการใชว้ ัสดุนั้นและใหห้ มายความรวมถึงเสยี ง ประกอบงานน้นั ด้วยถ้ามี

113 6). งานภาพยนตร์ ได้แก่ โสตทศั นวสั ดุอันประกอบด้วยลาดบั ของภาพซึ่งสามารถนาออกฉาย ต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์ หรือสามารถบนั ทึกลงบนวสั ดอุ ่ืนเพ่ือนาออกฉายต่อเนื่องไดอ้ ย่างภาพยนตร์และให้ หมายความรวมถงึ เสียงประกอบภาพยนตรน์ น้ั ด้วยถา้ มี 7). สิ่งบนั ทึกเสยี ง ได้แก่ งานอันประกอบด้วยลาดบั ของเสียงดนตรี เสียงการแสดงหรอื เสียงอ่นื ใด โดยบันทึกลงในวัสดไุ ม่ว่าจะมลี กั ษณะใดๆ อนั สามารถที่จะนามาเล่นซ้าได้อีกโดยใชเ้ ครอื่ งมือท่จี าเปน็ สาหรบั การใชว้ สั ดุ นัน้ แต่ทงั้ นีม้ ิให้หมายความรวมถึงเสยี งประกอบภาพยนตรห์ รือเสยี งประกอบโสตทศั นวัสดุอยา่ งอ่นื

114 7.ครูใชเ้ ทคนิควธิ ีการจัดการเรยี นรูแ้ บบอภิปราย (Discussion Method) อภิปรายเรอื่ งงานทกี่ ฎหมายไม่ คุ้มครอง ดงั น้ี 1). ขา่ วประจาวนั และขอ้ เทจ็ จริงตา่ งๆ ทีม่ ีลกั ษณะเป็นเพียงขา่ วสาร มใิ ช่งานในแผนกวรรณคดแี ผนก วทิ ยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ 2). รฐั ธรรมนูญ และกฎหมาย 3). ระเบียบ ขอ้ บังคบั ประกาศ คาสั่ง คาชีแ้ จง และหนังสอื โตต้ อบของกระทรวง ทบวง กรม หรือ หนว่ ยงานอืน่ ใดของรัฐหรือของท้องถ่ิน 4). คาพิพากษา คาสั่ง คาวนิ จิ ฉัย และรายงานของทางราชการ 5). คาแปลและการรวบรวมสิง่ ตา่ งๆ ตาม 1–4 ท่กี ระทรวง ทบวง กรม หรอื หน่วยงานอน่ื ใดของรัฐหรอื ของทอ้ งถิ่นจัดทาขึ้น 8.ผ้เู รยี นสืบคน้ จากอินเทอร์เน็ตในหัวข้อ “งานประเภทใดบ้างทีไ่ ม่ใช่งานที่คุ้มครองด้วยกฎหมายลิขสิทธ์ิ” เขยี น สรุปใจความสาคญั บันทกึ ลงในกระดาษ A4 9.ผู้เรยี นยกตวั อย่างการละเมดิ ลิขสิทธ์ิที่ตนอาจเคยกระทาเนอ่ื งด้วยความไม่รหู้ รือร้เู ทา่ ไมถ่ ึงการ 10.ครใู ห้ความรู้เพ่มิ เตมิ ในการทาบญั ชีรายรบั -รายจ่าย ซงึ่ เป็นการจดบันทกึ เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ เก่ยี วกับการเงนิ หรือบางส่วนเกี่ยวข้องกับการเงนิ โดยผ่านการวเิ คราะห์ จัดประเภทและบนั ทึกไว้ในแบบฟอรม์ ท่กี าหนด เพอ่ื แสดงฐานะ การเงินและผลการดาเนนิ งานของตนเองหรือครอบครัวในช่วงระยะเวลาหน่งึ เปน็ วิธีช่วยตรวจสอบการใช้จ่ายของ ครอบครวั วา่ มรี ายจา่ ยสมดลุ กับรายรับ และใช้จ่ายอยา่ งมเี หตผุ ลตามความจาเปน็ พอเหมาะกบั สภาพครอบครัวหรอื ไม่ หากสามารถปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมการบรโิ ภค เพ่ือลดรายจ่ายทไี่ มจ่ าเปน็ เกนิ ตนได้ จะช่วยใหม้ เี งินเกบ็ ออมเพอื่ เปน็ รากฐานสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ทีดีในชีวิตได้ ขนั้ สรุปและการประยุกต์ 11.ครูใชค้ าถามหรือกาหนดปญั หาโดยใหผ้ ู้เรยี นระดมสมองชว่ ยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธบิ ายคาตอบใหเ้ พอื่ นทกุ คนเข้าใจ 12.ครใู ช้วิธีสมุ่ ผเู้ รยี นทุกกลมุ่ ตอบคาถามและอธบิ ายให้เพือ่ นฟังทง้ั ช้ันเรยี น สื่อและแหล่งการเรยี นรู้

115 1.หนังสอื เรยี น วชิ ากฎหมายคอมพวิ เตอร์ ของสานักพมิ พ์เอมพันธ์ 3.รูปภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส 5.ส่อื PowerPoint หลักฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเช็ครายช่ือ 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวัดผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ เคร่ืองมือวัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยปผเู้ รยี น) 4. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิ 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรียนร่วมกัน ประเมิน เกณฑ์การประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี อ่ งปรับปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขนึ้ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ข้นึ ไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิมเี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยกู่ ับ การประเมินตามสภาพจริง กจิ กรรมเสนอแนะ

116 1.ครแู นะนาให้ผเู้ รียนทาใบงาน 2.อ่านและทบทวนเนอ้ื หา

117 บันทึกหลังการสอน ขอ้ สรุปหลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพ่ี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการท่ี 13 หน่วยที่ 7 สอนคร้งั ที่ 13 (25-26) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ช่ือหน่วย/เรอ่ื ง กฎหมายลิขสิทธ์ิ จานวน 2 ช.ม.

118 สาระสาคญั เม่อื มผี คู้ ิดประดิษฐ์ และสรา้ งสรรคง์ านขึน้ มาเปน็ คนแรก งานน้ันควรไดร้ ับการควบคมุ ไม่ให้มีผู้อนื่ ลอกเลียนแบบ และนาไปใชใ้ นการหารายได้ ซ่ึงทาใหผ้ ู้คิดงานน้นั เสยี ประโยชน์ กฎหมายลิขสทิ ธชิ์ ว่ ยคมุ้ ครองผู้คดิ งาน หรอื ผสู้ รา้ งสรรคใ์ หไ้ ดร้ ับความยตุ ธิ รรม หากถูกเอาเปรยี บจากผอู้ นื่ และผนู้ ้ันจะต้องถูกลงโทษด้วย จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ทีม่ าของลขิ สิทธ์ไิ ด้ 4. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั การคมุ้ ครองลขิ สิทธิไ์ ด้ 5. แสดงความรเู้ กยี่ วกับการละเมดิ ลิขสทิ ธไ์ิ ด้ 6. มีการพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ที่ครสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 6.1 ความมมี นษุ ยสมั พนั ธ์ 6.2 ความมวี ินยั 6.3 ความรับผดิ ชอบ 6.4 ความซ่อื สัตยส์ ุจริต 6.5 ความเชอื่ ม่นั ในตนเอง 6.6 การประหยดั 6.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 6.8 การละเวน้ ส่ิงเสพติดและการพนนั 6.9 ความรักสามคั คี 6.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกับหลักกฎหมายลขิ สิทธ์แิ ละสิทธบิ ตั ร เน้ือหาสาระ 3. ทีม่ าของลขิ สทิ ธิ์ 4. การค้มุ ครองลิขสทิ ธิ์ 5. การละเมิดลิขสทิ ธ์ิ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1.ครูใช้เทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรู้เดิมจากสัปดาห์ท่ีผา่ นมา โดยดงึ ความร้เู ดิมของผเู้ รียนในเรอื่ งทีจ่ ะเรยี น เพ่อื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นมีความพร้อมในการเชอ่ื มโยงความรูใ้ หมก่ บั ความรเู้ ดมิ ของตน ผู้สอนใชก้ ารสนทนาซักถามใหผ้ ้เู รยี นเลา่ ประสบการณเ์ ดิม 2.ครูและผู้เรยี นแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ความสาคัญของการได้มาซ่ึงลิขสิทธิ์

119 ขน้ั สอน 3.ครูใช้เทคนิควิธสี อนแบบบรรยาย (Lecture Method) อธิบายเงอ่ื นไขการไดม้ าซึง่ ลิขสทิ ธิ์วา่ งานใดจะมี ลขิ สทิ ธติ์ ามกฎหมายหรือไม่ ใหพ้ ิจารณาจากความเป็นจริงว่าได้มกี ารสร้างสรรคห์ รอื ไม่ ท้ังน้ีโดยไมต่ ้องไปจดทะเบียน ไม่ต้องแสดงการสงวนสิทธิ์ไว้หรือทาตามแบบพิธแี ตอ่ ยา่ งใด ตัวอยา่ งเชน่ ลลติ าแต่งเพลงขึ้นเอง และร้องในงานแต่งงาน ของเพือ่ นสนทิ ลลติ าไดร้ ับการคมุ้ ครองมีลิขสทิ ธต์ิ ามกฎหมายทันทโี ดยไมต่ ้องแจ้งใหใ้ ครทราบ หรอื ยงั ไมต่ อ้ งจดทะเบียน 4.ครูใช้สื่อ Power Point ประกอบการอธบิ ายพระราชบัญญัตลิ ขิ สทิ ธ์ิ มาตรา 8 เกี่ยวกบั ทมี่ าของลิขสทิ ธ์ิ ดงั นี้ 1). ผสู้ ร้างสรรคง์ านอาจเป็นได้ทงั้ บุคคลธรรมดาหรือนติ บิ คุ คล 2). การได้มาซ่งึ ลิขสิทธ์ขิ องผู้สรา้ งสรรค์แบง่ ออกเป็น 2 กรณี ดังนี้ 2.1 กรณียังไมม่ ีการโฆษณางานมดี ังนี้ -ผสู้ ร้างสรรค์เป็นบคุ คลธรรมดาจะต้องมีสญั ชาติไทย หากเป็นนติ ิบคุ คลจะต้องเปน็ นติ บิ ุคคลท่ี จดั ตั้งข้ึนตามกฎหมายไทย งานน้นั อาจสรา้ งสรรค์ในประเทศหรอื นอกประเทศก็ตาม -ผ้สู ร้างสรรคเ์ ปน็ ผูม้ สี ญั ชาติอยใู่ นประเทศทเ่ี ป็นภาคีแห่งอนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการคมุ้ ครองลิขสทิ ธิ์ ซงึ่ ประเทศไทยเป็นภาคอี ยู่ดว้ ย -ผสู้ ร้างสรรค์มไิ ดม้ สี ญั ชาตไิ ทย หรือสัญชาตขิ องประเทศทีเ่ ป็นภาคแี หง่ อนสุ ญั ญาว่าดว้ ยการ คุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเปน็ ภาคีอยู่ดว้ ย แตอ่ ยู่ในประเทศไทยหรอื อยใู่ นประเทศทเี่ ปน็ ภาคแี หง่ อนสุ ญั ญาดงั กล่าว ตลอดระยะเวลา หรือเปน็ ส่วนใหญใ่ นการสร้างสรรคง์ าน 2.2 กรณไี ดม้ กี ารโฆษณางานแล้ว ได้มีการโฆษณางานครั้งแรกในราชอาณาจกั ร หรือในประเทศท่ี เป็นภาคอี นสุ ญั ญาซง่ึ ประเทศไทยเป็นภาคอี ยดู่ ้วย 5.ครใู ช้ส่อื Power Point ประกอบการอธิบายผไู้ ดม้ าซ่ึงลขิ สิทธ์ิ ดังนี้ 1). ผสู้ ร้างสรรค์ คือ ผ้ทู ท่ี าให้เกดิ งานข้ึนจากความคดิ รเิ รม่ิ ของตนเอง ผ้สู ร้างสรรคง์ านจะได้รบั ความ คมุ้ ครอง ซ่งึ รวมท้งั งานทยี่ งั ไม่ไดโ้ ฆษณา และงานทโี่ ฆษณาแล้ว คุณสมบตั ขิ องผสู้ ร้างสรรคเ์ ป็นตามมาตรา 8 2). ลกู จา้ งตามสญั ญาจา้ งแรงงาน กฎหมายลขิ สทิ ธิ์มาตรา 9 บัญญตั วิ ่า “งานท่ผี สู้ ร้างสรรคไ์ ด้สร้างสรรค์ ข้ึนในฐานะพนักงานหรอื ลกู จ้าง ถ้ามิไดท้ าเปน็ หนังสอื ตกลงกนั ไว้เปน็ อยา่ งอ่นื ให้ลขิ สทิ ธใิ์ นงานนน้ั เปน็ ของผู้สรา้ งสรรค์ แต่นายจา้ งมสี ิทธินางานนัน้ ออกเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนไดต้ ามที่เปน็ วัตถปุ ระสงค์แหง่ การจ้างแรงงานนนั้ ” 3). ผู้รบั จ้างตามสญั ญาจ้างทาของ กฎหมายลขิ สทิ ธิม์ าตรา 10 บญั ญัติวา่ “งานทผี่ ู้สร้างสรรคไ์ ด้ สร้างสรรคข์ ้ึนโดยการรบั จา้ งบคุ คลอน่ื ให้ผวู้ ่าจ้างเป็นผู้มลี ขิ สทิ ธิใ์ นงานนน้ั เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผูว้ า่ จา้ งจะไดต้ กลงกัน ไว้เป็นอย่างอื่น” 4). ผดู้ ดั แปลง กฎหมายลิขสทิ ธิม์ าตรา 11 บัญญัติวา่ “งานใดมลี ักษณะเป็นการดดั แปลงงานอันมลี ิขสิทธ์ิ ตามพระราชบัญญตั ินโ้ี ดยไดร้ ับอนญุ าตจากเจา้ ของลิขสทิ ธ์ิ ให้ผู้ทีไ่ ดด้ ดั แปลงนนั้ มลี ขิ สทิ ธใิ์ นงานท่ีไดด้ ดั แปลงตาม พระราชบญั ญัตนิ ี้ แตท่ ้งั น้ไี มก่ ระทบกระเทอื นสทิ ธิของเจ้าของลิขสทิ ธท์ิ ม่ี ีอย่ใู นงานของผ้สู รา้ งสรรค์เดมิ ทถี่ ูกดดั แปลง” 5). ผูร้ วบรวม การรวบรวมเปน็ การนางานหลายๆ งานมารวมเข้าดว้ ยกนั โดยไดร้ บั อนญุ าตจากเจา้ ของ ลิขสทิ ธ์ิ งานนัน้ เป็นลิขสิทธ์ิของผรู้ วบรวม เช่น การทาหนังสือรวมเพลง เป็นการนาเอาคาร้องหลายๆ เพลงมารวมไวใ้ นท่ี เดยี วกัน หรือการพมิ พ์คาพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกบั อาญามารวมกนั ไวโ้ ดยสานกั พมิ พ์ ผ้รู วบรวมเป็นผมู้ ลี ิขสิทธิ์ เปน็ ต้น 6). ผู้รบั โอนลขิ สทิ ธิ์ ลขิ สทิ ธถิ์ อื เปน็ ทรัพย์สนิ อยา่ งหนึง่ จงึ สามารถโอนให้กนั โดยวธิ ีดังน้ี 6.1. การโอนโดยมรดก เมื่อเจา้ ของลขิ สิทธิ์ตาย ลขิ สิทธ์ยิ ่อมตกทอดไปยงั ทายาทโดยทันทอี าจเป็น ทางพนิ ยั กรรม หรอื ทายาทโดยธรรมก็ได้

120 6.2. การโอนโดยทางนติ ิกรรม กฎหมายกาหนดวา่ การโอนลขิ สิทธ์ิทางนติ กิ รรมตอ้ งทาเป็นหนังสอื มิฉะนั้นจะตกเป็นโมฆะ ตัวอยา่ งเช่น นายนิติพงษ์ เขียนเพลงให้ค่ายเพลงแหง่ หนึ่ง โดยคา่ จา้ ง 20,000 บาท นายนติ ิ พงษจ์ ะโอนลิขสิทธใ์ิ ห้แก่ค่ายเพลงจะต้องทาเป็นหนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื ผ้โู อนและผรู้ บั โอน พรอ้ มท้งั พยานให้ถูกต้อง หาก ไมไ่ ด้ทาเป็นหนงั สือการโอนเปน็ โมฆะ เป็นต้น 6.ครูใชเ้ ทคนิควธิ กี ารจัดการเรยี นร้แู บบอภปิ ราย (Discussion Method) อภปิ รายเนอื้ หาเรอื่ งงานท่ไี ด้รับการ คุม้ ครองตามกฎหมายลิขสทิ ธิ์ ท่ีผมู้ ลี ิขสทิ ธิ์มสี ิทธิแต่เพยี งผู้เดยี ว ในการกระทาดังนี้ 1). การทาซ้าหรอื ดัดแปลง 2). การเผยแพรต่ อ่ สาธารณชน 3). ใหเ้ ชา่ ตน้ ฉบบั หรือสาเนางาน โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ ส่งิ บันทกึ เสียง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 4). ใหป้ ระโยชนอ์ ันเกดิ จากลขิ สทิ ธแ์ิ กบ่ คุ คลอืน่ เช่น การยกคา่ ลขิ สทิ ธ์ิใหบ้ คุ คลอนื่ เปน็ ต้น 5). อนุญาตใหผ้ อู้ ื่นนางานของตนไปทาซ้า ดัดแปลง เผยแพร่ ใหเ้ ช่า โดยมกี ารกาหนดเง่อื นไขหรอื ไม่มกี ็ได้ -อายุการคุ้มครองลขิ สทิ ธิ์ การคุ้มครองลิขสิทธเ์ิ ปน็ ทรัพย์สินประเภทท่ีกฎหมายไม่ไดใ้ หก้ ารคมุ้ ครองตลอดไป โดยถอื ว่างานสรา้ งสรรคค์ วรจะเปน็ ประโยชนแ์ กส่ ังคมอยา่ งกวา้ งขวาง อายขุ องการคุม้ ครองลิขสิทธิ์ แบง่ ได้ดงั น้ี 1). งานวรรณกรรม นาฏกรรม ดนตรกี รรม และศิลปกรรม (ยกเวน้ ภาพถ่ายและศิลปะประยุกต)์ ให้การ คุม้ ครองตลอดชีวิตของผู้สรา้ งสรรค์ และต่ออกี 50 ปี นับจากวันทผ่ี ู้สรา้ งสรรค์ถงึ แกค่ วามตาย 2). งานโสตวสั ดุ ภาพยนตร์ ส่งิ บนั ทึกเสยี ง งานแพร่เสยี ง แพร่ภาพและงานภาพถา่ ย ใหอ้ ายุการคมุ้ ครอง 50 ปี นบั จากวนั ท่ีได้สร้างสรรคง์ านขึน้ มา หากมีการโฆษณางานนนั้ ระหว่างระยะเวลาดงั กล่าว ใหล้ ขิ สทิ ธม์ิ อี ยู่เปน็ เวลา 50 ปี นบั จากวันทีม่ กี ารโฆษณาครงั้ แรก 3). งานศิลปะประยุกต์ให้อายกุ ารคุม้ ครอง 25 ปี นบั จากวนั ที่ไดส้ รา้ งสรรค์งานขน้ึ มา หากมกี ารโฆษณา งานน้ันระหวา่ งระยะเวลาดังกลา่ วใหล้ ิขสิทธ์มิ ีอยู่เป็นเวลา 25 ปี นบั แต่ไดม้ ีการโฆษณาคร้ังแรก 7.ครใู ช้สอ่ื Power Point ประกอบการาสอนเรอื่ งการละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ ซึ่งแบง่ ออกเป็นหลกั ทั่วไป และหลกั เฉพาะงาน ดงั น้ี 1). หลักทั่วไป ใช้บังคบั กับงานทุกประเภท มหี ลักเกณฑด์ งั นี้ 1.1 การกระทาอยา่ งใดอยา่ งหนึ่งตอ่ งานอันมีลขิ สิทธิ์ โดยไม่ไดร้ ับอนุญาตจากเจา้ ของลขิ สทิ ธิใ์ ห้ถือวา่ เปน็ การละเมดิ หากกระทานน้ั ไดแ้ ก่ การทาซ้าหรือดดั แปลง การเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน 1.2 ผู้ใดรู้อยู่แลว้ หรอื มเี หตุอันควรรวู้ ่างานใดได้จัดทาข้นึ โดยละเมิดลขิ สิทธิข์ องผู้อืน่ การนางาน ลขิ สิทธิ์ของผอู้ นื่ มาใช้เพอื่ หากาไร ให้ถอื ว่าเปน็ การละเมดิ ลิขสิทธิ์ ไดแ้ กก่ ารกระทาดงั น้ี -ขาย มีไว้เพอ่ื ขาย เสนอขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซอ้ื หรือเสนอใหเ้ ช่าซ้ือ -เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน -แจกจ่ายในลักษณะทอี่ าจก่อให้เกดิ ความเสยี หายแกเ่ จ้าของลิขสทิ ธ์ิ -นาหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร 2). หลกั เกณฑเ์ ฉพาะทใ่ี ชก้ บั งานลิขสทิ ธบิ์ างงาน มีดังนี้ 2.1 งานโสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตรห์ รอื สงิ่ บันทกึ เสยี ง การกระทาอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ถ้าไม่ได้รับอนญุ าต จากเจา้ ของลขิ สทิ ธิ์ ไม่ว่าส่วนของเสยี งหรือภาพ ให้ถอื เป็นการละเมดิ ลขิ สิทธิ์ การกระทาดังกลา่ ว ได้แก่ การทาซา้ หรอื ดดั แปลง การเผยแพรต่ อ่ สาธารณชน การใหเ้ ชา่ ต้นฉบบั หรือสาเนางานดังกลา่ ว 2.2 งานแพรเ่ สยี ง แพร่ภาพ การกระทาอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ แกง่ าน หากไมไ่ ด้รบั อนญุ าตจากเจ้าของ ลขิ สทิ ธิ์ ไม่ว่าในสว่ นท่ีเปน็ เสียงหรอื ภาพ ให้ถอื เป็นการละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ การกระทาดงั กล่าว ได้แก่ ขา่ วการจับกมุ การ ละเมดิ ลิขสิทธิก์ ารทาทง้ั หมดหรือบางส่วน การเผยแพรเ่ สยี ง แพร่ภาพซ้าไมว่ า่ จะทงั้ หมดหรือบางสว่ น การจดั ให้ ประชาชนฟงั หรือชมโดยเรียกเกบ็ เงินหรือ ผลประโยชน์อย่างอน่ื ทางการคา้

121 2.3 งานโปรแกรมคอมพวิ เตอร์การกระทาอย่างหน่ึงอยา่ งใดแก่งานน้ีโดยไม่ได้รบั อนญุ าตจากเจ้าของ ลิขสิทธ์ิ ถอื เป็นการละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ การกระทาดังกลว่ ไดแ้ ก่ การทาซา้ หรอื ดดั แปลง การเผยแพรต่ อ่ สาธารณชน การให้ เช่า ตน้ ฉบบั หรือสาเนางานนี้ 8.ผู้เรยี นยกตวั อย่างการละเมดิ ลขิ สิทธท์ิ อ่ี าจเกิดขนึ้ ไดใ้ นอาชีพนักดนตรี โดยยกตัวอย่างเป็นเหตุการณ์มา 3 เหตุการณ์ บนั ทึกลงในกระดาษ A4 และนาเสนอหน้าช้นั เรียน ขัน้ สรุปและการประยกุ ต์ 9.ครูและผูเ้ รียนสรุปเนือ้ หาที่เรียน 10.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปนี้ ช่ือผู้เรียน ประสบการณพ์ ้นื ฐานการเรียนรู้ วิธกี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนังสือเรียน วชิ ากฎหมายคอมพวิ เตอร์ ของสานกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ 2.รปู ภาพ 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส 5. ส่ือ PowerPoint หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจัดการเรียนรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวัดผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ัติ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

122 เคร่อื งมือวัดผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 5. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครแู ละผู้เรียนร่วมกนั ประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มีชอ่ งปรับปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขนึ้ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขึน้ ไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิมีเกณฑผ์ ่าน 50% 6 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กบั การประเมินตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทากจิ กรรม 2.อ่านและทบทวนเนอ้ื หา

123 บันทึกหลังการสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 14 หน่วยท่ี 7 สอนครั้งท่ี 14 (27-28) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ช่ือหน่วย/เรอ่ื ง กฎหมายลิขสทิ ธ์ิ จานวน 2 ช.ม.

124 สาระสาคญั เมื่อมผี คู้ ิดประดษิ ฐ์ และสรา้ งสรรค์งานขึน้ มาเป็นคนแรก งานนั้นควรไดร้ บั การควบคมุ ไมใ่ ห้มผี ู้อน่ื ลอกเลียนแบบ และนาไปใช้ในการหารายได้ ซ่งึ ทาให้ผูค้ ิดงานนนั้ เสยี ประโยชน์ กฎหมายลขิ สทิ ธช์ิ ่วยคมุ้ ครองผ้คู ดิ งาน หรอื ผสู้ รา้ งสรรค์ใหไ้ ดร้ บั ความยตุ ธิ รรม หากถูกเอาเปรยี บจากผู้อืน่ และผนู้ ้นั จะตอ้ งถูกลงโทษดว้ ย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 6. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั การยกเลกิ การละเมดิ ลิขสิทธไ์ิ ด้ 7. แสดงความรู้เกยี่ วกับการคมุ้ ครองนกั แสดงได้ 8. มกี ารพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ท่คี รสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 8.1 ความมมี นุษยสมั พันธ์ 8.2 ความมวี ินัย 8.3 ความรบั ผดิ ชอบ 8.4 ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ 8.5 ความเช่ือมนั่ ในตนเอง 8.6 การประหยดั 8.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 8.8 การละเว้นส่ิงเสพติดและการพนนั 8.9 ความรักสามคั คี 8.10 ความกตัญญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความร้เู กย่ี วกับกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ 2. แสดงความรู้เกย่ี วกบั หลกั กฎหมายลิขสทิ ธิแ์ ละสิทธบิ ัตร เน้อื หาสาระ 6. การยกเลกิ การละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ 7. การค้มุ ครองนกั แสดง กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครูใชเ้ ทคนิคการสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสปั ดาห์ทผ่ี า่ นมา โดย ดงึ ความร้เู ดมิ ของผ้เู รยี นในเรือ่ งทจี่ ะเรยี น เพอ่ื ชว่ ยให้ผเู้ รยี นมีความพร้อมในการเชอ่ื มโยงความรใู้ หม่กบั ความรเู้ ดมิ ของ ตน ผู้สอนใชก้ ารสนทนาซักถามใหผ้ เู้ รยี นเลา่ ประสบการณเ์ ดมิ 2.ครูกลา่ วว่าการละเมดิ ลขิ สิทธ์นิ นั้ กม็ กี รณยี กเว้น ใหผ้ ูเ้ รียนลองบอกวา่ กรณเี หล่านัน้ นา่ จะมีอะไรบา้ ง 3.ครใู ช้วิดที ศั นแ์ สดงขา่ วการละเมิดลขิ สิทธิ์

125 ขนั้ สอน 4.ครูใชส้ ่อื Power Point อธบิ ายเรื่องการยกเลิกการละเมิดลขิ สทิ ธิ์ ซงึ่ แบง่ ออกเปน็ หลกั ท่วั ไปและหลกั เฉพาะ ดังนี้ 1). หลกั ท่ัวไป บงั คบั ใชแ้ กง่ านลิขสิทธท์ิ ุกประเภท ดงั น้ี 1.1 การกระทาตอ่ งานอนั มลี ขิ สทิ ธข์ิ องผอู้ ื่น หากไม่ขดั ต่อการแสวงหาผลประโยชน์ตามปกตขิ อง เจ้าของลขิ สิทธ์ิ ไม่กระทบกระเทอื นถงึ สิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลขิ สิทธิ์เกินสมควร การกระทาท่ีถือว่าไม่ เปน็ การละเมดิ ลิขสิทธิ์ มีดงั น้ี -งานวจิ ัย หรือการศกึ ษางานท่มี ใิ ชก่ ารหวังผลกาไร -ใช้เพ่ือตนเอง บุคคลในครอบครวั หรอื ญาตสิ นิท -ติ ชม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงาน โดยมีการรบั ร้ถู ึงความเป็นเจ้าของลิขสทิ ธิ์ของงานน้ัน -เสนอรายงานขา่ วทางส่ือสารมวลชน โดยมีการรับรู้ถงึ ความเปน็ เจ้าของลิขสิทธขิ์ องงานน้ัน -ทาซา้ ดัดแปลง นาออกแสดง หรอื ทาให้ปรากฏ เพือ่ ประโยชน์ในการพิจารณาของศาล หรอื เจา้ พนักงานซง่ึ มอี านาจตามกฎหมาย หรอื ในการรายงานผลการพิจารณาดังกลา่ ว -ทาซ้า ดัดแปลง นาออกแสดง หรอื ทาให้ปรากฏโดยผสู้ อน เพอ่ื ประโยชน์ด้านการสอนของตน อนั มิใช่การกระทาเพ่อื หากาไร -ทาซ้า ดัดแปลงบางสว่ นของงาน หรอื ตัดทอนหรอื ทาบทสรุปโดยผสู้ อนหรือสถาบัน กสรศกึ ษาพื่อแจกจา่ ยหรือจาหนา่ ยแก่ผเู้ รยี นในช้นั เรยี นหรือสถาบนั การศกึ ษา ทั้งนีต้ ้องไมเ่ ป็นการ กระทาเพ่ือแสวงหากาไร -นางานน้ันมาใช้เป็นส่วนหน่งึ ในการถาม การตอบ ในการสอบ 1.2 การกลา่ ว คัด ลอกเลียนหรืออ้างอิงงานบางตอน ตามสมควรโดยมกี ารรับร้ถู ึงความเป็นเจ้าของ หากไมข่ ดั ต่อการแสวงหาผลประโยชน์ของเจ้าของลิขสทิ ธิ์ ให้ถือวา่ ไมเ่ ป็นการละเมดิ ลขิ สิทธิ์ 1.3 การกระทาซ้าโดยบรรณารักษ์ของห้องสมุดอันมีต่องานลขิ สิทธ์ิ หากไม่ขดั ตอ่ การแสวงหา ผลประโยชน์ของเจ้าของลขิ สิทธ์ิ ไม่ถอื วา่ เปน็ การละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ หากเปน็ การทาซ้าเพ่อื ใชใ้ นหอ้ งสมุดหรอื ใหแ้ ก่ห้องสมุด อืน่ หรอื การทาซ้างานบางตอนตามสมควรใหแ้ ก่บคุ คลอื่น เพอ่ื ประโยชนใ์ นการวินจิ ฉัยหรือศึกษา 1.4 การทาซ้าเพ่อื ประโยชนใ์ นการปฏบิ ตั ริ าชการโดยเจา้ พนกั งานซงึ่ มีอานาจตามกฎหมายหรือตาม คาสัง่ ของเจา้ พนกั งานดังกลา่ ว ซง่ึ งานอันมีลขิ สทิ ธแ์ิ ละที่อยใู่ นความครอบครองของทางราชการมใิ ห้ถอื วา่ เป็นการละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ ถา้ ไมข่ ัดต่อการแสวงหาผลประโยชน์ของเจ้าของลขิ สิทธ์ิ 2). หลกั เกณฑ์เฉพาะ ใชก้ บั งานที่มลี ขิ สิทธิ์ ดังนี้ 2.1 งานโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ หากเปน็ การกระทาทม่ี ีวัตถุประสงคม์ ิไดม้ ่งุ หากาไร และไมข่ ัดต่อ การแสวงหาผลประโยชน์ของเจา้ ของลิขสิทธ์ิ ไมถ่ อื ว่าเปน็ การละเมดิ ลขิ สิทธ์ิ หากการกระทาดังกล่าว -เปน็ การวจิ ยั หรอื ศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์นน้ั -ใชเ้ พอ่ื ประโยชนข์ องเจา้ ของสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์น้นั -ตชิ ม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงานโดยมกี ารรับรู้ถึงความเปน็ เจา้ ของลขิ สทิ ธิ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ นน้ั -ทาสาเนางานขา่ วทางสือ่ สารมวลชน โดยมีการรับรู้ถึงความเปน็ เจา้ ของลิขสทิ ธใ์ิ นโปรแกรม คอมพิวเตอร์นนั้ -ทาสาเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ในจานวนทีส่ มควรโดยบคุ คลผซู้ ึง่ ได้ซื้อ หรอื ไดร้ ับโปรแกรมน้ันมา จากบุคคลอน่ื โดยถูกตอ้ ง เพอ่ื เก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการบารงุ รกั ษา หรอื ปอ้ งกนั การสญู หาย

126 -ทาซา้ ดดั แปลง นาออกแสดง หรอื ทาใหป้ รากฏเพ่ือประโยชนใ์ นการพจิ ารณาของศาล หรือเจ้า พนกั งานซ่ึงมีอานาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานในผลการพิจารณาดงั กล่าว -นาโปรแกรมคอมพวิ เตอรน์ น้ั มาใช้เป็นสว่ นหน่ึงในการถาม และตอบในการสอบ -ดัดแปลงโปรแกรมคอมพวิ เตอรใ์ นกรณีทจี่ าเป็นแกก่ ารใช้ -จดั ทาสาเนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เพือ่ เกบ็ รักษาไว้สาหรับการอ้างองิ หรอื คน้ ควา้ เพ่ือประโยชน์ ของสาธารณชน 2.2 งานนาฏกรรมหรือดนตรกี รรม การนางานนาฏกรรมหรือดนตรกี รรมออกแสดงเพอื่ เผยแพร่ตอ่ สาธารณชนตามความเหมาะสมโดยมไิ ดจ้ ดั ทาขึน้ หรอื ดาเนนิ การเพือ่ หากาไรในการเผยแพรง่ านดงั กลา่ ว มิได้มกี ารเก็บ ค่าเข้าชมทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม นกั แสดงไมไ่ ดร้ บั ค่าตอบแทน การดาาเนินการดังกล่าวกระทาโดยสมาคม มลู นิธหิ รือ องคก์ ารอื่นที่มวี ตั ถุประสงค์เพอื่ การสาธารณกศุ ล การศกึ ษา การศาสนาหรอื การสังคมสงเคราะห์ 2.3 งานศลิ ปกรรม -การวาดเขยี น การเขยี นระบายสี การกอ่ สร้าง การแกะลายเส้น การปั้น การแกะสลกั การพมิ พ์ภาพ การถ่ายภาพ การถ่ายภาพยนตร์ การแพร่ภาพ หรอื การกระทาใดๆ ทานองเดยี วกันน้ซี ึ่งศิลปกรรมใดอนั ต้งั เปดิ เผย ประจาอยู่ในทีส่ าธารณะนอกจากงานสถาปตั ยกรรมมิใหถ้ ือว่าเปน็ การละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ -การถ่ายภาพ หรอื การถ่ายภาพยนตร์ หรือการแพร่ภาพ ซึ่งงานใดๆ อนั มีศลิ ปกรรมใดรวมอยเู่ ปน็ สว่ นประกอบดว้ ยมใิ ห้ถอื ว่าเป็นการละเมิดลขิ สิทธิ์ -ในกรณีที่ลิขสทิ ธใิ์ นศลิ ปกรรมใดมบี คุ คลอนื่ นอกจากผู้สร้างสรรค์เป็นเจ้าของอยูด่ ว้ ยการทผ่ี สู้ ร้าง สรรคค์ นเดยี วกนั ได้ทาศลิ ปกรรมน้นั อกี ในภายหลงั ในลกั ษณะที่เปน็ การทาซ้าบางส่วนกบั ศลิ ปกรรมเดมิ หรอื ใชแ้ บบ พมิ พ์ ภาพร่าง แผนผงั แบบจาลอง หรือขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการศกึ ษาทใ่ี ช้ในการทาศลิ ปกรรมเดมิ ถา้ ปรากฏวา่ ผสู้ ร้างสรรค์ มิไดท้ าซา้ หรือลอกแบบในสว่ นอนั เปน็ สาระสาคัญของศลิ ปกรรมเดิมมใิ หถ้ อื ว่าเป็นการละเมิดลขิ สิทธิ์ในศิลปกรรมนน้ั 2.4 งานสถาปัตยกรรมอาคารใดเป็นงานสถาปตั ยกรรมอันมลี ิขสิทธติ์ ามพระราชบญั ญตั นิ ก้ี าร บรู ณะอาคารนัน้ ในรปู แบบเดมิ มใิ หถ้ ือว่าเปน็ การละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ 2.5 งานภาพยนตร์ ในกรณที อี่ ายแุ ห่งการคุ้มครองลิขสิทธใิ์ นภาพยนตร์ใดสิน้ สุดลงแลว้ มิใหถ้ ือว่า การนาาภาพยนตรน์ น้ั เผยแพรต่ อ่ สาธารณชนเปน็ การละเมิดลขิ สิทธใ์ิ นวรรณกรรม นาฏกรรม ศลิ ปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวสั ดุ ส่ิงบันทึกเสียง หรืองานท่ีใช้จดั ทาภาพยนตรน์ ้ัน 5.ผเู้ รียนสืบค้นข้อมลู เพม่ิ เติมเกย่ี วกบั ตัวอย่างกรณีการยกเว้นการละเมิดลิขสิทธ์ิ และสรปุ สาระสาคญั ขอ้ มูลทห่ี า ได้ บนั ทึกลงในกระดาษ A4 6.ครูใชส้ อ่ื Power Point ประกอบการอธบิ ายเรอ่ื งสิทธิของนกั แสดง นกั แสดงมสี ิทธิแตผ่ ู้เดยี วในการกระทาอนั เก่ยี วกับการแสดงของตน ได้แก่ 1). แพร่เสียงแพร่ภาพ หรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนซึง่ การแสดง เวน้ แตจ่ ะเปน็ การแพรเ่ สยี งแพรภ่ าพหรือ เผยแพรต่ อ่ สาธารณชนจากสิ่งบันทึกการแสดงทมี่ กี ารบันทกึ ไวแ้ ลว้ 2). บันทึกการแสดงที่ยงั ไมม่ กี ารบนั ทกึ ไว้แล้ว 3). ทาซา้ ซ่งึ สงิ่ บนั ทกึ การแสดงทม่ี ีผู้บนั ทึกไวโ้ ดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจากนักแสดงหรือส่งิ บนั ทกึ การแสดงที่ ได้รับอนญุ าตเพอ่ื วัตถุประสงคอ์ น่ื การไดร้ บั คา่ ตอบแทน ผใู้ ดนาสิง่ บันทกึ เสียงการแสดงซึ่งไดน้ าออกเผยแพรเ่ พือ่ วตั ถปุ ระสงค์ทางการค้าแลว้ หรอื นาสาเนาของงานน้ันไปแพรเ่ สยี งหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยตรง ให้ผูน้ ั้นจ่ายค่าตอบแทนท่เี ปน็ ธรรมแก่นักแสดง ใน กรณที ่ีตกลงคา่ ตอบแทนไมไ่ ด้ ให้อธบิ ดเี ป็นผู้มคี าสงั่ กาหนดค่าตอบแทน ทงั้ นี้ โดยให้คานึงถึงอตั ราคา่ ตอบแทนปกตใิ น ธุรกจิ ประเภทน้ัน

127 อายกุ ารคุ้มครองนกั แสดง กาหนดเวลา 50 ปี นับจากวันสิ้นปีปฏทิ นิ ของปีท่ีมีการแสดง ในกรณีที่มกี ารบันทกึ การแสดงสดใหม้ อี ายุ 50 ปี นบั จากวนั ส้ินปีของปที ม่ี ีการบันทึกการแสดง ข้อยกเว้นสาหรับสิทธขิ องนักแสดง มีลกั ษณะเช่นเดยี วกับงานอนั มลี ิขสิทธ์อิ น่ื ๆ ยกเว้นการนาไปใชเ้ พ่ือ การศึกษา วจิ ยั หรือในการเรียนการสอน การสอบ เปน็ ตน้ สทิ ธิและลขิ สทิ ธข์ิ องนักแสดงระหวา่ งประเทศ งานอนั มลี ิขสทิ ธ์ขิ องผ้สู ร้างสรรคแ์ ละสิทธขิ องนกั แสดงของ ประเทศท่เี ป็นภาคีแหง่ อนุสญั ญาวา่ ด้วยการคมุ้ ครองลิขสทิ ธหิ์ รอื อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการคมุ้ ครองสทิ ธิของนักแสดงซึง่ ประเทศไทยเปน็ ภาคอี ยูด่ ว้ ย หรอื งานอนั มีลขิ สิทธข์ิ ององคก์ ารระหวา่ งประเทศซงึ่ ประเทศไทยรว่ มเป็นสมาชิกอยู่ดว้ ย ยอ่ มไดร้ บั ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตนิ ี้ การละเมดิ สิทธิ ผู้ละเมดิ สิทธจิ ะตอ้ งได้รบั ผดิ ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ดังน้ี 1). ทางแพ่ง ผลู้ ะเมดิ จะตอ้ งชดใชค้ ่าเสยี หายต่อเจ้าของลขิ สิทธ์ิ 2). ทางอาญา ผูล้ ะเมดิ ต้องรบั ผดิ ทางอาญาเมื่อมีองคป์ ระกอบความผดิ ทางอาญาครบถว้ น คอื มีเจตนาและมี การกระทาละเมดิ ความผดิ ทางอาญาในการละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ คือโทษปรบั หรือโทษจาคุก หรือท้ังจาท้งั ปรับ แต่เปน็ ความผิดอนั ยอมความได้ อายคุ วาม เมือ่ มีการละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ เจ้าของลขิ สิทธส์ิ ามารถฟ้องรอ้ งตอ่ ศาลได้ทั้งคดแี พ่งและอาญา คดีแพง่ ห้ามมิใหฟ้ อ้ งคดลี ะเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิหรือสทิ ธิของนักแสดงเมอื่ พ้นกาหนด 3 ปนี บั แต่วันทเ่ี จ้าของ ลขิ สทิ ธิ์หรือสทิ ธขิ องนกั แสดงรูถ้ งึ การละเมดิ และรูต้ วั ผ้กู ระทาละเมดิ แต่ท้ังนต้ี อ้ งไม่เกนิ 10 ปี นบั แต่ วนั ที่มีการละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิหรอื สิทธขิ องนกั แสดง คดีอาญา เนื่องจากคดลี ะเมดิ ลิขสทิ ธ์ิเป็นความผดิ อนั ยอมความกนั ได้ ผเู้ สียหายจงึ ตอ้ งฟ้องหรือรอ้ งทุกข์ ต่อเจ้าหนา้ ทส่ี อบสวนภายในเวลา 3 เดือน นบั แต่วนั รเู้ รือ่ งความผิด และรตู้ ัวผ้กู ระทาความผดิ แต่ไม่วา่ อยา่ งไรกต็ าม ต้องไมเ่ กนิ 5 ปี นับแตว่ นั กระทาผิด มฉิ ะน้ันคดีขาดอายุความฟ้องรอ้ งไมไ่ ด้บทลงโทษกฎหมายลิขสทิ ธิ์ กาหนด บทลงโทษไวด้ ังน้ี 1). ผู้ใดกระทาการละเมิดลขิ สิทธหิ์ รอื สทิ ธิของนกั แสดง ต้องระวางโทษปรบั ต้ังแต่ 20,000-200,000 บาท หากการกระทาความผดิ เปน็ การกระทาเพ่ือการค้า ผู้กระทาตอ้ งระวางโทษจาคุกตงั้ แต่ 6 เดอื น ถงึ 4 ปี หรอื ปรับตงั้ แต่ 100,000-800,000 บาท หรือทัง้ จาท้งั ปรบั 2). ผ้ใู ดละเมดิ ลิขสิทธ์ิ โดยรู้อยูแ่ ลว้ หรอื ควรรู้ว่าเป็นงานทท่ี าข้นึ โดยละเมดิ ลิขสทิ ธข์ิ องผ้อู นื่ แล้วนาไป กระทาอย่างใดอยา่ งหนงึ่ เช่น ขาย เสนอขาย ให้เชา่ เผยแพร่ต่อสาธารณชน นาหรอื สง่ั เขา้ มาในประเทศ เปน็ ตน้ ตอ้ ง ระวางโทษดังน้ี -หากกระทาโดยไมแ่ สวงหากาไร ปรบั ต้ังแต่ 10,000-100,000 บาท -หากกระทาเพือ่ การคา้ จาคุกตงั้ แต่ 3 เดอื น ถึง 2 ปี หรอื ปรบั ตั้งแต่ 50,000-400,000 บาท หรอื ทงั้ จาท้ังปรับ 3). ผู้ใดไม่มาให้ถอ้ ยคาหรอื ไมส่ ง่ เอกสารหรือวตั ถใุ ดๆ ตามทค่ี ณะกรรมการหรอื คณะอนุกรรมการสง่ั ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ 3 เดอื น หรอื ปรับไมเ่ กนิ 50,000 บาท หรือทัง้ จาทงั้ ปรับ 4). ค่าปรบั ทไี่ ด้ชาระตามคาพิพากษา ใหจ้ า่ ยแก่เจ้าของลิขสิทธิ์หรอื สทิ ธิของนักแสดงเปน็ จานวนก่ึงหน่งึ แต่ทั้งนีไ้ มเ่ ป็นการกระทบกระเทอื นถึงสิทธิของเจ้าของลขิ สิทธห์ิ รือสทิ ธิของนักแสดงทีจ่ ะฟ้องเรียกค่าเสยี หายในทางแพ่ง สาหรับสว่ นทเ่ี กนิ จานวนเงินคา่ ปรบั ทีเ่ จ้าของลขิ สิทธ์ิหรอื สทิ ธิของนักแสดงได้รับแลว้ นนั้ 7.ผูเ้ รียนสบื ค้นข่าวเกย่ี วกบั การละเมดิ สทิ ธขิ องนกั แสดง สรปุ ใจความสาคญั และนาเสนอหน้าชั้นเรยี น 8.ผเู้ รียนแสดงความคดิ เห็นว่าการศึกษากฎหมายว่าดว้ ยลขิ สทิ ธม์ิ ีประโยชนอ์ ยา่ งไรต่อนกั เรยี นทง้ั ในปจั จบุ นั และอนาต 9.ผูเ้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ว่าลิขสิทธิ์จดั เป็นทรัพย์สินทางปัญญาหรอื ไม่

128 ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์ 10.ครแู ละผเู้ รียนสรุปเน้อื หาทเี่ รยี น 11.ทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ 12.ประเมินผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปนี้ ชื่อผู้เรยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ ีการเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1.หนังสือเรียน วิชากฎหมายคอมพิวเตอร์ ของสานกั พิมพ์เอมพนั ธ์ 2.รูปภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส 5.สอ่ื PowerPoint และสอื่ วิดที ศั น์ 6.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หลักฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเช็ครายชอื่ 3.แผนจัดการเรียนรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วธิ วี ัดผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 3. สังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เครอื่ งมอื วดั ผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รียน)

129 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยครแู ละผ้เู รียนรว่ มกนั ประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขนึ้ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขึ้นไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50% 5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิมเี กณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ ประเมินตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทาแบบใบงาน 2.อ่านและทบทวนเน้อื หา

130 จงเลอื กคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่สี ุดเพียงข้อเดยี ว 1. งานในขอ้ ใดไม่จดั เปน็ งานประเภทลขิ สิทธ์ิ ก. งานถา่ ยภาพ ข. วิทยานิพนธ์ ค. การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ง. ภาพวาด จ. คาปราศรยั 2. ข้อใดกลา่ วไมถ่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั “สทิ ธแิ ตผ่ เู้ ดียวของเจา้ ของลขิ สทิ ธ์ิ” ก. สทิ ธิในการทาซ้า ข. สทิ ธิทห่ี า้ มผู้อื่นนางานของตนไปใช้แมจ้ ะได้อนญุ าตแล้ว ค. สทิ ธิในการเผยแพร่ใหป้ รากฏตอ่ สาธารณชน ง. สทิ ธใิ นการเปลี่ยนรปู แบบใหม่ จ. สทิ ธใิ นลขิ สทิ ธ์แิ ตกตา่ งจากกรรมสิทธิ์ 3. ปริญต้องการเปดิ ห้องสมดุ ทอ้ งถ่นิ สาหรับใหช้ าวบ้านมาเชา่ ไปอา่ นโดยปรญิ ได้นาหนังสอื หลากหลาย สาขาวิชามาเพอื่ บริการชาวบ้าน สิทธใิ นงานหนังสือท่ปี รญิ ไดร้ บั คอื ขอ้ ใด ก. เจ้าของลขิ สิทธ์ิ ข. ผู้เชา่ ลขิ สทิ ธ์ิ ค. กรรมสทิ ธ์ิ ง. สิทธิบตั ร จ. เครอ่ื งหมายทางการค้า 4. การสรา้ งสรรคง์ านใหม่สามารถใชค้ วามคดิ ของผอู้ ืน่ มาเปน็ จดุ เรม่ิ ต้นของการสรา้ งสรรคง์ านของตนเอง ไดห้ รอื ไม่ ก. ได้เพราะกฎหมายลิขสิทธไ์ิ มไ่ ดค้ ุ้มครองความคดิ ข. ไดเ้ พราะเปน็ การสรา้ งสรรคง์ านข้ึนใหม่ ค. ไม่ได้เพราะไมไ่ ดส้ ร้างสรรคง์ านดว้ ยความคดิ ตนเอง ง. ไม่ไดเ้ พราะจดั เปน็ การคัดลอก จ. ไมไ่ ดเ้ พราะถือว่าเกิดการคิดลอกผลงานทางวชิ าการ 5. นาย ก ถ่ายภาพวิวทจี่ งั หวดั เชยี งใหม่ นาย ข เหน็ ภาพถา่ ยของนาย ก สวยดีจงึ นากลอ้ งตัวเอง ไปถา่ ยภาพวิวที่จังหวัดเชียงใหม่ดว้ ย กรณนี ้ีนาย ข ละเมดิ ลิขสิทธนิ์ าย ก หรอื ไม่ ก. ไม่ได้ละเมดิ ลขิ สิทธ์ิแตก่ ไ็ มส่ ามารถมีลขิ สทิ ธิ์ในงานของตนเองได้ ข. ไม่ได้ละเมิดลขิ สทิ ธแิ์ ละสามารถมลี ิขสทิ ธ์ิในงานของตนเองได้ ค. ละเมดิ ลขิ สทิ ธอิ์ าจต้องเสยี ค่าปรบั แตส่ ามารถมีลิขสทิ ธ์ใิ นงานของตนเองได้ ง. ละเมดิ ลิขสิทธแิ์ ละไมส่ ามารถมลี ิขสิทธ์ใิ นงานของตนเองได้ จ. ละเมดิ ลขิ สิทธิ์เพราะไมไ่ ด้ขออนุญาตและไม่สามารถมีลขิ สิทธิ์ในงานของตนเองไดเ้ พราะไม่ใช่ความใหม่

131 6. “การจะเป็นผสู้ ร้างสรรคง์ านอันมีลิขสทิ ธนิ์ น้ั ความสาคญั มไิ ดอ้ ยทู่ ี่วา่ งานทอ่ี า้ งวา่ ได้สร้างสรรค์ขึ้นเปน็ งานใหมห่ รือไม่ แตอ่ ยทู่ ่ีว่าบคุ คลผนู้ นั้ ไดท้ าหรือกอ่ ใหเ้ กดิ งานโดยได้ใชค้ วามวริ ิยะอตุ สาหะในการสรา้ งสรรค์” ขอ้ ความดงั กล่าวข้อใด ถกู ต้องทสี่ ุด ก. กล่าวถกู ต้องเมอ่ื เป็นงานที่เกิดจากความสามารถตนเองสามารถคัดลอกมาจากผู้อืน่ ไดบ้ า้ ง ข. กล่าวถูกต้องเมอ่ื เป็นงานทไี่ ม่ได้ดดั แปลงมาจากงานอันมลี ิขสิทธิ์ ค. กลา่ วไมถ่ ูกต้องเพราะการจะเปน็ ผสู้ รา้ งสรรค์งานอนั มลี ิขสิทธน์ิ ้นั ต้องมีความใหม่ ง. กล่าวไมถ่ กู ต้องเพราะคาวา่ ลิขสทิ ธ์คิ ือห้ามคัดลอกดัดแปลงหรือทาซา้ จ. กลา่ วไม่ถกู ตอ้ งเพราะงานอันมลี ขิ สทิ ธน์ิ น้ั จะตอ้ งทาด้วยตนเองรวมถึงมคี วามใหม่ 7. นาย ก เป็นผูท้ ดลองและคดิ ไดว้ า่ แป้งสามารถนามาผลิตเปน็ พลาสตกิ ทีส่ ามารถบรโิ ภคไดแ้ ละจดลขิ สทิ ธ์ิวธิ ีการทา ดงั กล่าวโดยเขยี นเป็นหนังสอื ตอ่ มานาย ข ผลติ พลาสตกิ ท่ีบริโภคไดจ้ ากแปง้ ข้ึนมาไดเ้ หมือนกันแต่วธิ ีการผลิตไม่ได้ เหมือนกันเลย นกั เรยี นคิดว่านาย ข ละเมดิ ลขิ สิทธน์ิ าย ก หรือไม่ ก. ละเมดิ ลขิ สิทธ์เิ น่อื งจากผลติ เปน็ พลาสติกทส่ี ามารถบรโิ ภคไดเ้ หมอื นกัน ข. ละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิเนือ่ งจากขาดความใหม่ในตวั ชิ้นงาน ค. ละเมิดลิขสทิ ธิเ์ น่อื งจากนาย ข ไมไ่ ดข้ ออนุญาตจากนาย ก กอ่ นการผลติ ง. ไมไ่ ดล้ ะเมดิ ลขิ สทิ ธเ์ิ น่ืองจากลิขสทิ ธไิ์ มไ่ ด้คมุ้ ครองตัวช้นิ งานทีผ่ ลติ ออกมาแต่ควบคมุ วิธกี าร จ. ไมไ่ ดล้ ะเมดิ ลขิ สทิ ธิ์เน่ืองจากช้ินงานดงั กลา่ วอยู่นอกเหนอื จากกฎหมายลิขสทิ ธิ์ 8. บริษทั ขนมปังวา่ จ้างใหน้ ักดนตรที ีม่ ีชื่อเสยี งแตง่ เพลงประจาใหก้ ับบรษิ ทั ของตนเองโดยให้ค่าจ้าง 250,000 บาท โดยไมไ่ ด้มีการตกลงสญั ญาอะไรเพม่ิ เติม วนั หน่ึงบริษทั ปลากระปอ๋ งไดน้ าดนตรีของ เพลงนไ้ี ปแตง่ เนื้อร้องใหม่เพ่ือใช้ในบรษิ ัทของตนเอง อยากทราบว่าบริษทั ปลากระปอ๋ งละเมดิ ลิขสิทธขิ์ องใคร ก. ละเมดิ ลิขสิทธขิ์ องนกั แต่งเพลง ข. ละเมดิ ลิขสทิ ธข์ิ องบริษทั ขนมปัง ค. ละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิรว่ มระหวา่ งบรษิ ัทขนมปงั และนักดนตรี ง. ไมไ่ ดล้ ะเมดิ ลิขสทิ ธิเ์ นื่องจากนามาเฉพาะดนตรแี ตเ่ ปล่ียนเนอ้ื รอ้ งใหม่ จ. ไม่ไดล้ ะเมดิ ลขิ สิทธิ์เน่อื งจากงานดงั กลา่ วไมไ่ ด้อยูใ่ นกฎหมายของลขิ สทิ ธ์ิ 9. งานใดมลี ักษณะเปน็ การดัดแปลงงานอนั มลี ขิ สิทธไ์ิ ม่ว่าจะเปน็ การขออนุญาตหรอื ไม่ขออนญุ าตงานใหม่ท่ีเกดิ ขึ้น ดังกล่าวยอ่ มไมม่ คี วามคุม้ ครองทางกฎหมายท่วี ่าด้วยลิขสทิ ธ์ิ กลา่ วถูกหรือผิด ก. ถูกต้องเพราะการไดม้ าซึ่งลขิ สทิ ธ์ิตอ้ งเปน็ ความใหม่ ข. ถกู ต้องเพราะการดัดแปลงน้นั ไม่ใชค่ วามคดิ ของตนเอง ค. ไมถ่ กู ตอ้ งเพราะหากไดร้ ับอนญุ าตจากเจา้ ของลิขสทิ ธิ์เดมิ งานใหมส่ ามารถมลี ิขสิทธิ์ได้ ง. ไม่ถูกตอ้ งเพราะการดดั แปลงงานโดยผา่ นการอา้ งอิงเปน็ การทไี่ มล่ ะเมิดลขิ สทิ ธ์ิใดๆ จ. ไมถ่ ูกต้องเพราะงานอนั เกิดจากการดดั แปลงและเพมิ่ ในความคดิ ของตนเองเป็นอันสามารถไดม้ าซึ่งลขิ สิทธิ์ 10. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ ง ก. การรวบรวมเปน็ การนางานหลายๆ งานมารวมเข้าด้วยกนั โดยไดร้ บั อนุญาตจากเจ้าของลขิ สิทธ์ิ งานนน้ั เปน็ ลขิ สทิ ธข์ิ องผู้รวบรวม ข. การสร้างสรรค์คิดงานตามท่ีผู้วา่ จ้างส่ังให้ท งานทส่ี ร้างสรรคน์ ้ันเป็นลิขสิทธขิ์ องผูส้ ร้างสรรค์งาน ค. ลิขสิทธ์ิถอื เป็นทรัพยส์ นิ อย่างหน่งึ ทีไ่ มส่ ามารถโอนใหก้ ันได้ ง. เมอ่ื เจ้าของลขิ สทิ ธิต์ ายลิขสิทธ์ิยอ่ มหมดไป จ. งานทผี่ ู้สร้างสรรคไ์ ดท้ าข้นึ ขณะท่ีเป็นลกู จ้างของหนว่ ยงานแหง่ หนึ่งหากมไิ ด้ทาหนงั สือตกลงกันไว้ เป็นอยา่ งอืน่ ถอื เป็นลิขสิทธ์ขิ องนายจา้ ง

132 11. การโอนลิขสทิ ธิใ์ หแ้ กผ่ อู้ น่ื ต้องกระทาอย่างไรจึงจะมผี ลตามกฎหมาย ก. โอนลิขสิทธิโ์ ดยชัดแจง้ ข. ตอ้ งเป็นนิติกรรมฝ่ายเดยี ว ค. ต้องเปน็ นติ กิ รรมสองฝ่าย ง. ตอ้ งทาเป็นหนังสือลงลายมอื ชอ่ื จ. ตอ้ งมีการโอนเงนิ 12. สทิ ธใิ นงานอันเปน็ ลิขสทิ ธขิ์ องตนเองทส่ี ามารถมีได้ ยกเวน้ ข้อใด ก. สามารถดดั แปลง ข. สามารถเผยแพรต่ ่อสาธารณชน ค. สทิ ธิในการยกค่าลิขสทิ ธ์ใิ หบ้ คุ คลอื่น ง. สิทธิในการห้ามไมใ่ ห้ผู้อนื่ ศึกษา จ. สิทธใิ นการอนญุ าตใหผ้ ้อู นื่ นางานของตนไปเผยแพร่ 13. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งเกย่ี วกบั อายคุ วามคุ้มครองของลขิ สิทธิ์ ก. ใหอ้ ายกุ ารคุ้มครองตลอดชวี ติ ของผสู้ ร้างสรรคส์ าหรบั งานศลิ ปะประยกุ ต์ ข. ให้อายกุ ารค้มุ ครอง 50 ปี สาหรับงานวรรณกรรม ค. ให้อายกุ ารคมุ้ ครอง 50 ปี สาหรับงานภาพยนตร์ ส่งิ บันทกึ เสียง ง. ใหอ้ ายกุ ารคมุ้ ครองตลอดชีวติ ของผสู้ ร้างสรรคใ์ นทุกงาน จ. ให้อายุการคมุ้ ครองตลอดชวี ติ ของผู้สร้างสรรคส์ าหรับงานนาฏกรรม 14. ขอ้ ใดถอื วา่ บุคคลดังกล่าวละเมิดลิขสทิ ธิ์ ก. แกว้ ซื้อซดี ีดวี ดี มี าดจู านวนมากหลังจากนัน้ จึงเปิดร้านใหเ้ ชา่ ข. แก้มต้องการนาหนังส้ันของนายจตุพลมาเปน็ ส่อื การสอนจงึ ไดต้ ดิ ตอ่ นายจตพุ ลเพื่อขออนุญาต ค. กานดาชอบถ่ายรูปอาหารลงโซเชียลเหมือนกับนอ้ งสาวของเธอ ง. กา้ นซอ้ื ไฟฉายมาแกะดชู ิ้นส่วนด้านในเพื่อศกึ ษาขัน้ ตอนการตอ่ วงจร จ. ก่ิงเพชรซอ้ื โปสการด์ ท่ีเปน็ ภาพถา่ ยมาเปน็ ของฝากใหก้ ับเพ่อื นๆ 15. ข้อใดคอื การยกเวน้ การละเมดิ ลิขสิทธิ์ ก. แก้วนาบทความของนายอาร์มมาเป็นเนือ้ หาในการสอบเข้ามหาวทิ ยาลยั ข. อาร์มนาวีดโิ อส่ือการสอนของจตพุ ลมาอัดเปน็ แผน่ ขายใหน้ กั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษา ค. กิง่ นาภาพถ่ายของกุ้งมาสกรีนเป็นลายเส้ือเพอื่ ขายทต่ี ลาดนดั จตจุ ักร ง. โบวร์ วบรวมคาคมท่ีผอู้ ื่นเขยี นแลว้ ตีพิมพข์ าย จ. เมย์นานิยายของสานกั พมิ พ์แจม่ ใสมาดดั แปลงเป็นนยิ ายของตนเอง 16. ข้อใดเปน็ การละเมดิ ลิขสิทธ์ิ ก. สุชาดาราวงมาตรฐาน ข. วีณานาเนอ้ื เพลงทม่ี านีแต่งขึ้นมาขายใหบ้ รษิ ัทเพลง ค. ก้อง นโู ว แตง่ เพลงให้โจนโู วรอ้ งในการแสดงคอนเสริ ์ต ง. นาวินทางานวจิ ยั ใหน้ ้องสาว จ. ลัดดาลอกการบา้ นเพอ่ื น 17. นาย ก ซึง่ เป็นเจ้าของลขิ สิทธ์ิในหนังสอื กฎหมายลขิ สิทธิไ์ ด้พมิ พห์ นังสือดงั กล่าวออกจาหน่าย นาย ข นักศึกษา กฎหมายไดซ้ ื้อหนงั สือดังกล่าวมาใชเ้ ตรียมตัวสอบ หลังจากสอบผ่านแลว้ นาย ข ได้ขายหนงั สอื กฎหมายลขิ สทิ ธิ์เลม่ ดังกล่าวใหน้ าย ค นกั ศกึ ษารนุ่ น้อง ปัญหาวา่ นาย ข มคี วามผดิ ฐานละเมิดลขิ สทิ ธิน์ าย ก หรอื ไม่

133 ก. ละเมดิ ลิขสิทธิ์เพราะสิทธิในการจาหน่ายเป็นของสานักพมิ พเ์ ทา่ นน้ั ข. ละเมดิ ลขิ สิทธ์ิเพราะสทิ ธใิ นการจาหน่ายเป็นของนาย ก เทา่ นนั้ ค. ละเมิดลิขสทิ ธเ์ิ พราะเป็นการแสวงหาผลกาไร ง. ไมไ่ ดล้ ะเมดิ ลิขสิทธเิ์ พราะนาย ข มีกรรมสิทธ์ิในหนังสอื เลม่ ดังกลา่ วจึงมสี ิทธ์ทิ ่ีจะขายทรพั ยส์ ินของตน จ. ไมไ่ ดล้ ะเมดิ ลิขสิทธเ์ิ พราะมกี ารเผยแพรส่ ูส่ าธารณชนแล้ว 18. ข้อใดไมใ่ ชง่ านท่ีกฎหมายไม่คมุ้ ครองวา่ เป็นงานทมี่ ลี ิขสิทธ์ิ ก. ขา่ วประจาวัน ข. ขอ้ กฎหมาย ค. หนังสอื โตต้ อบของกระทรวง ง. งานวทิ ยานิพนธ์ จ. คาพิพากษา 19. ก ได้รบั อนญุ าตใหแ้ ปลบทความภาษาไทยของ ข เปน็ ภาษาองั กฤษ ข้อใดกล่าวไมถ่ ูกต้อง ก. ก เปน็ เจ้าของลขิ สิทธิใ์ นบทความภาษาอังกฤษ ข. ข เป็นเจ้าของลิขสทิ ธิ์ในบทความภาษาไทย ค. ข เป็นเจ้าของลขิ สิทธใ์ิ นบทความทง้ั ภาษาองั กฤษและภาษาไทย ง. ก ไมไ่ ดล้ ะเมดิ ลขิ สิทธขิ์ อง ข จ. ข สามารถเปลยี่ นแปลงบทความภาษาไทยของตนเองได้ 20. ก แปลบทความของ ข โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ ง ก. ก เปน็ เจ้าของลิขสทิ ธ์ใิ นบทความภาษาองั กฤษ ข. ข เป็นเจ้าของลิขสิทธ์ใิ นบทความภาษาอังกฤษ ค. ข เป็นเจ้าของลิขสิทธใ์ิ นบทความทงั้ ภาษาอังกฤษและภาษาไทย ง. ก ไมไ่ ดล้ ะเมิดลิขสิทธ์ขิ องข จ. ข สามารถเปลี่ยนแปลงบทความภาษาไทยของตนเองได้

134 บนั ทกึ หลังการสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพ่ี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการท่ี 15 หน่วยที่ 8 สอนครั้งท่ี 15 (29-30) รหัส 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ช่อื หน่วย/เร่ือง กฎหมายสิทธิบตั ร จานวน 2 ช.ม.

135 สาระสาคัญ การประดิษฐค์ ดิ งานขน้ึ มาใหม่ ถอื เป็นงานสรา้ งสรรค์ของบคุ คลนนั้ ซ่งึ สามารถนาไปสรา้ งประโยชน์ใหก้ ับตนเอง รวมถงึ การสร้างรายไดด้ ว้ ย งานเหล่านี้จึงควรเปน็ สิทธิของผสู้ รา้ งสรรค์เพอ่ื การนาไปใช้ตามทต่ี ้องการ ไมค่ วรใหผ้ อู้ ื่น นาไปหาผลประโยชน์ หรือกระทาการให้ผสู้ รา้ งสรรค์งานขาดรายได้ จงึ ไดม้ กี ารบญั ญตั ิกฎหมายสทิ ธิบตั ร เพอ่ื ให้ความ คมุ้ ครองสิ่งประดษิ ฐใ์ หมๆ่ และรกั ษาผลประโยชน์แก่นักประดษิ ฐ์ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. แสดงความรู้เกย่ี วกับสทิ ธบิ ัตรได้ 2. แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั การได้รบั สทิ ธบิ ตั รได้ 3. แสดงความรเู้ กยี่ วกับผู้ขอรับสทิ ธิบัตรได้ 4. มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่คี รสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรื่อง 4.1 ความมมี นุษยสัมพันธ์ 4.8 การละเว้นสง่ิ เสพตดิ และการพนัน 4.2 ความมีวินัย 4.9 ความรักสามัคคี 4.3 ความรบั ผดิ ชอบ 4.10 ความกตัญญูกตเวที 4.4 ความซอื่ สตั ย์สุจรติ 4.5 ความเช่อื มน่ั ในตนเอง 4.6 การประหยดั 4.7 ความสนใจใฝร่ ู้ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกับกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ 2. แสดงความรู้เกยี่ วกับหลกั กฎหมายลิขสิทธ์ิและสทิ ธบิ ัตร เนือ้ หาสาระ 1. ความรทู้ ่ัวไปเกย่ี วกบั สทิ ธบิ ตั ร 2. การไดร้ บั สทิ ธบิ ตั ร 3. ผขู้ อรับสิทธบิ ตั ร

136 กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน 1.ครูกล่าวว่าการประดษิ ฐ์คิดงานขึ้นมาใหม่ ถือเป็นงานสร้างสรรคข์ องบคุ คลน้นั ซึง่ สามารถนาไปสรา้ ง ประโยชน์ใหก้ บั ตนเอง รวมถงึ การสร้างรายได้ด้วย งานเหล่านจ้ี ึงควรเป็นสทิ ธขิ องผู้สร้างสรรคเ์ พ่อื การนาไปใชต้ ามท่ี ตอ้ งการ ไมค่ วรใหผ้ อู้ ืน่ นาไปหาผลประโยชน์ 2.ครูสนทนากับผเู้ รยี นเรอื่ งความสาคญั ของการบญั ญตั กิ ฎหมายสทิ ธบิ ตั ร เพอ่ื ให้ความคมุ้ ครองสง่ิ ประดษิ ฐ์ใหม่ๆ และรกั ษาผลประโยชน์แก่นกั ประดษิ ฐ์ 3.ผู้เรียนทาแบบประเมณิ ผลก่อนเรยี น สลบั กันตรวจเพ่ือเก็บคะแนนสะสม ขนั้ สอน 1 4.ครใู ช้ส่อื Power point อธบิ ายความรูท้ ั่วไปเก่ยี วกบั สทิ ธบิ ตั ร ดงั น้ี สิทธบิ ัตร หมายถงึ หนังสอื สาคญั ท่อี อกเพือ่ ให้ความคมุ้ ครองการประดษิ ฐ์หรือการออกแบบผลติ ภณั ฑท์ เี่ ป็นการ ประดิษฐ์ข้ึนใหม่ หรอื เปน็ การประดษิ ฐ์ที่มขี ั้นตอนการประดิษฐส์ ูงขน้ึ และสามารถประยุกตท์ างอตุ สาหกรรมได้ มอี ายุ 20 ปี สิทธิบัตร เป็นรปู แบบการให้ความคมุ้ ครองสทิ ธติ ามกฎหมายในลักษณะที่เป็นเอกสาร แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ -สิทธบิ ตั รการประดิษฐ์ -สิทธิบตั รการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ -อนสุ ิทธิบตั ร อนุสิทธิบตั ร หมายถึง หนงั สอื สาคัญท่ีออกให้เพ่อื คุม้ ครองการประดษิ ฐ์ท่เี ป็นการประดิษฐข์ ้ึนใหมส่ ามารถ ประยกุ ตท์ างอุตสาหกรรมได้ มีอายุ 6 ปี สทิ ธบิ ตั รและอนุสทิ ธิบตั รเป็นทรัพย์สินประเภทหน่ึง ทเ่ี จา้ ของสทิ ธสิ ามารถใช้อ้างยันต่อบคุ คลท่ัวไปไดต้ าม กฎหมาย สทิ ธบิ ตั รคมุ้ ครองสิทธิ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ การประดษิ ฐ์ และการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ การประดษิ ฐ์ หมายถงึ การคดิ ค้นหรอื การทาขน้ึ อันเป็นผลให้ได้มาซงึ่ ผลติ ภณั ฑห์ รือกรรมวิธใี ดขน้ึ ใหมห่ รือการ กระทาใดๆ ท่ีทาให้ดีขึ้นซงึ่ ผลิตภณั ฑห์ รอื กรรมวิธี การประดิษฐ์เนน้ เรื่องการใช้ความคิด เนื่องจากสิทธบิ ตั รให้ความคมุ้ ครองความคดิ การประดษิ ฐ์ แบง่ ออกเป็น 2 ลักษณะ ดงั น้ี 1). ผลติ ภณั ฑ์ เป็นสง่ิ ทม่ี นษุ ย์ผลิตขึน้ เช่น เครือ่ งมือ เครอื่ งใช้ ซ่งึ มนุษย์คดิ ขึ้นมา ไม่ได้เกดิ ข้นึ เองตาม ธรรมชาติ 2). กรรมวิธี คือ วธิ ีการ กระบวนการ หรอื กรรมวิธีในการประดิษฐก์ ารประดิษฐ์ท่ขี อรับสิทธิบัตรได้ มดี ังนี้ - เป็นการประดษิ ฐข์ ึน้ ใหม่ เป็นการประดิษฐท์ ีไ่ มเ่ คยมมี ากอ่ นดังน้ี 2.1 ไมเ่ ปน็ งานหรอื การประดษิ ฐ์ ทม่ี ีใช้แพร่หลายอยู่แลว้ ในราชอาณาจักรกอ่ นวันขอรบั สทิ ธบิ ัตร 2.2 ไมเ่ ปน็ งานหรอื การประดษิ ฐท์ ีไ่ ดม้ กี ารเปิดเผยสาระสาคัญแกส่ าธารณชนแล้ว 2.3 ไมเ่ ปน็ งานหรือการประดษิ ฐท์ ่ีไดร้ ับสิทธิบตั ร หรอื อนุสทิ ธิบตั รแล้ว ไมว่ า่ ในหรือนอกราชอาณาจกั ร ก่อนวันขอรับสิทธิบตั ร 2.4 ไม่เป็นงานหรือการประดิษฐท์ ม่ี ีผ้ขู อรับสิทธบิ ตั ร หรอื อนสุ ทิ ธิบตั รไวแ้ ล้วนอกราชอาณาจกั รเป็น เวลาเกิน 18 เดอื น กอ่ นวนั ขอรบั สทิ ธบิ ตั รแต่ยังไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต

137 2.5 ไมเ่ ป็นงานหรือการประดิษฐท์ ม่ี ผี ู้ขอรับสทิ ธิบตั รหรืออนสุ ิทธิบตั รไวแ้ ลว้ ไม่วา่ ในหรอื นอก ราชอาณาจักร และได้ประกาศโฆษณาแลว้ ก่อนวนั ขอรบั สทิ ธิบตั รในราชอาณาจกั ร - เปน็ งานประดษิ ฐ์ที่มขี นั้ ตอนการประดษิ ฐส์ งู ขนึ้ เปน็ การกระดิษฐท์ ี่ไมเ่ ป็นที่ประจกั ษโ์ ดยง่ายแก่บุคคลทมี่ ี ความชานาญในระดบั สามญั สาหรบั งานประเภทนนั้ - เปน็ การประดษิ ฐท์ ี่สามารถนามาใช้ทางอตุ สาหกรรมได้ เป็นการประดษิ ฐท์ ่ีสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ใน การผลิตทางอตุ สาหกรรม รวมทัง้ หตั ถกรรม เกษตรกรรม และพาณชิ ยกรรมการประดษิ ฐ์ที่ขอรับสทิ ธบิ ตั รไม่ได้ มดี ังน้ี 1). จุลชพี และส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจลุ ชีพทีม่ ีอยู่ตามธรรมชาติ สตั ว์ พืช หรอื สารสกัดจากสัตว์ หรอื พชื 2). กฎเกณฑ์และทฤษฎที างวทิ ยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ 3). ระบบข้อมลู สาหรบั การทางานของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ 4). วิธกี ารวนิ จิ ฉยั บาบดั หรอื รักษาโรคมนษุ ย์ หรอื สตั ว์ 5). การประดิษฐ์ท่ีขดั ตอ่ ความสงบเรียบร้อย ศลี ธรรมอันดี อนามยั หรือสวสั ดภิ าพของประชาชน กรรมวิธี หมายถึง วิธีการ กระบวนการ หรอื กรรมวธิ ีในการผลติ หรอื เกบ็ รักษาใหค้ งสภาพ หรอื ให้มคี ณุ ภาพดขี ้ึน หรือปรับสภาพใหด้ ีขนึ้ ซึ่งผลติ ภณั ฑแ์ ละรวมถงึ การใช้กรรมวธิ นี น้ั ๆ ด้วย แบบผลิตภัณฑ์ หมายถงึ รูปร่างของผลิตภณั ฑ์ หรือ องคป์ ระกอบของลวดลาย หรือ สขี องผลติ ภณั ฑ์อันมี ลักษณะพเิ ศษสาหรบั ผลิตภณั ฑซ์ ึ่งสามารถใชเ้ ป็นแบบสาหรผั ลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรม รวมทัง้ หตั ถกรรมได้ 5.ผู้เรยี นสบื ค้นข้อมลู จากอินเทอรเ์ น็ตเพิม่ เตมิ แล้วรวบรวมขอ้ มูลเกยี่ วกบั ความแตกตา่ งระหว่างสทิ ธบิ ัตรและ อนสุ ทิ ธบิ ัตร พรอ้ มยกตวั อยา่ งใหเ้ ข้าใจอย่างชัดเจน 6.ครใู ชเ้ ทคนคิ วิธสี อนแบบบรรยาย (Lecture Method) อธบิ ายการไดร้ ับสิทธบิ ตั ร ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดังนี้ การไดส้ ิทธิโดยการประดษิ ฐ์ ผูป้ ระดษิ ฐ์เป็นผู้มสี ิทธิขอรับสิทธบิ ตั ร และมสี ทิ ธทิ ่จี ะไดร้ ับการระบชุ อ่ื ว่าเป็นผู้ ประดษิ ฐใ์ นสทิ ธิบตั ร สทิ ธขิ อรับสทิ ธิบตั รสามารถโอนและรับมรดกกันได้ การโอนสทิ ธิขอรับสทิ ธิบตั ร ต้องทาเป็นหนงั สอื ลงลายมือชอ่ื ผู้โอนและผู้รบั โอน การไดส้ ิทธบิ ตั รของนายจ้าง กรณีการประดษิ ฐต์ ามสัญญาจ้างของนายจ้าง หรอื เปน็ การทางานตามสัญญาจ้าง ผ้ทู รงสิทธิบตั รในการประดษิ ฐ์ทีม่ ขี ้นั ตอนตามสญั ญาจ้างคอื นายจ้าง เวน้ แต่มีการตกลงกันระหวา่ งนายจ้างกบั ลกู จ้างให้ สทิ ธบิ ัตรเปน็ ของลูกจา้ ง ลูกจา้ งให้หมายรวมถึงผู้ซึง่ เปน็ ผปู้ ระดษิ ฐท์ ่ีมไิ ดม้ สี ัญญาจา้ ง เก่ยี วขอ้ งกบั การประดษิ ฐ์นน้ั แตไ่ ดใ้ ชว้ ธิ ีการผลิต สถติ ิ หรือรายงานซง่ึ ลูกจ้างสามารถใช้ได้หรือล่วงรเู้ พราะการเปน็ ลูกจ้างตามสญั ญาจ้างน้นั แม้ว่าสญั ญาจ้างจะมไิ ด้ เกี่ยวข้องกบั การประดิษฐ์ กรณนี ายจา้ งไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการประดิษฐ์ หรอื นาส่งิ ประดษิ ฐน์ ัน้ ไปใช้ ใหล้ ูกจ้างมีสทิ ธิได้รับบาเหนจ็ พิเศษ นอกจากคา่ จา้ งตามปกตไิ ด้ กรณผี ปู้ ระดษิ ฐเ์ ป็นข้าราชการ พนกั งานองค์กรของรฐั หรอื รัฐวิสาหกจิ ให้ถือวา่ มสี ิทธไิ ดร้ บั เงินบาเหน็จพเิ ศษ นอกจากเงนิ เดือน เวน้ มรี ะเบยี บของทางราชการ องค์การของรัฐกาหนดไวเ้ ปน็ อยา่ งอนื่ 7.ครใู ช้สอื่ Power Point อธบิ ายเรอื่ งผขู้ อรบั สทิ ธบิ ตั ร ดังนี้ คณุ สมบัตขิ องผขู้ อรับสทิ ธบิ ัตร ผูข้ อรับสิทธบิ ตั รจะตอ้ งมีคณุ สมบัตดิ งั น้ี 1). กรณเี ปน็ บคุ คลธรรมดา ตอ้ งมีสญั ชาตไิ ทย กรณีเปน็ นติ บิ คุ คลต้องมสี านักงานแหง่ ใหญต่ ้งั อยใู่ น ประเทศไทย 2). มีสญั ชาตขิ องประเทศทเ่ี ป็นภาคีแห่งอนุสัญญาซึง่ ประเทศไทยเปน็ ภาคีอย่ดู ว้ ย 3). มีสญั ชาติของประเทศทยี่ นิ ยอมให้ผ้มู สี ญั ชาตไิ ทยขอรับสทิ ธบิ ัตรได้ 4). มีภูมลิ าเนาอยูใ่ นประเทศไทย

138 5). อยู่ในระหวา่ งการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรมในประเทศไทย หรือประเทศทีเ่ ป็นภาคี อนุสญั ญาที่ประเทศไทยเป็นภาคอี ยู่ดว้ ย กรณีผปู้ ระดษิ ฐห์ ลายคนในการขอรบั สทิ ธบิ ัตร ผู้ประดษิ ฐ์ทุกคนมสี ิทธิที่จะขอรบั สิทธบิ ตั รรว่ มกันผทู้ าการ ประดษิ ฐค์ นใดคนหนึ่งอาจขอรับสทิ ธิบตั รในนามของตนเอง หากผปู้ ระดษิ ฐร์ ว่ มคนใดไมย่ อมร่วมขอรับสิทธิบัตร หรือ ตดิ ตอ่ ไมไ่ ด้ หรอื ไม่มสี ทิ ธิขอรับสทิ ธบิ ตั ร เชน่ ไมม่ สี ญั ชาติไทย ไม่มภี มู ิลาเนาอยใู่ นประเทศหรอื ไมม่ สี ัญชาติของประเทศ ทเ่ี ป็นภาคแี ห่งอนุสญั ญา เปน็ ตน้ ผูป้ ระดษิ ฐ์คนอื่นจะขอรับสิทธิบตั รสาหรับการประดษิ ฐท์ ่ีได้ทาร่วมกนั น้นั ในนามของ ตนเองกไ็ ด้ ผูป้ ระดษิ ฐร์ ว่ มซงึ่ มไิ ดเ้ ขา้ รว่ มขอรบั สิทธิบตั ร จะขอเข้าเป็นผูร้ ว่ มขอรบั สิทธบิ ตั รเม่ือใดกไ็ ด้ กอ่ นมกี ารออก สิทธิบตั ร เม่อื ไดร้ บั คาขอแลว้ ใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ท่แี จ้งกาหนดวนั สอบสวนไปยังผู้ขอรบั สทิ ธบิ ัตรและผู้รว่ มขอรับ สิทธิบัตร ในการน้ใี หส้ ง่ สาเนาคาขอไปยังผ้ขู อรับสิทธบิ ัตร และผ้รู ่วมขอรบั สิทธิบัตรคนอน่ื ดว้ ย ผู้มีสิทธริ บั สทิ ธบิ ตั รกอ่ น กรณที ีบ่ คุ คลหลายคนตา่ งทาการประดษิ ฐอ์ ย่างเดียวกนั โดยไม่ไดร้ ่วมกนั การยืน่ ขอ สทิ ธิบัตรมคี วามสาคญั มาก เนอ่ื งจากผู้ทยี่ ืน่ สิทธบิ ัตรก่อนยอ่ มมสี ิทธริ ับสิทธบิ ัตร แมว้ ่าขอ้ เทจ็ จริงแล้ว ผไู้ ดร้ บั สทิ ธิบัตร จะไดท้ าการประดิษฐส์ ง่ิ นน้ั หลงั คนอนื่ ก็ตาม และไมว่ า่ จะเปน็ ไปโดยบงั เอิญหรอื ไม่กต็ าม เพราะการออกสิทธบิ ัตรใน ส่งิ ประดิษฐ์นน้ั ๆ รัฐจะออกสิทธบิ ตั รให้ไดเ้ พียง 1 ฉบับเทา่ น้ันเพราะถอื วา่ เป็นผ้เู ปดิ เผยสาระสาคญั ของการประดิษฐ์ ก่อนสรา้ งประโยชนแ์ กส่ งั คมก่อน กรณีมีการย่ืนขอรบั สทิ ธิบัตรในการประดิษฐอ์ ย่างเดียวกนั ในวนั เดยี วกัน ใหผ้ ู้ขอทาความตกลงกนั หากตกลง ไมไ่ ด้ใหน้ าคดไี ปสศู่ าลภายในกาหนด ให้ถือว่าบุคคลเหล่านนั้ ทง้ิ คาขอรบั สทิ ธิบัตร คาขอรบั สทิ ธบิ ตั ร รายการในคาขอรบั สิทธบิ ัตร ใหม้ ีรายการดังน้ี 1). ช่ือแสดงถงึ การประดษิ ฐ์ 2). ลักษณะและความมุ่งหมายของการประดิษฐ์ 3). รายละเอียดการประดิษฐท์ ีม่ ีขอ้ ความสมบรู ณ์ รดั กุม คอื ตอ้ งเปิดเผยถึงลักษณะของการประดิษฐ์ทคี่ ดิ ค้นได้ ใหค้ รบถว้ น ดังน้ี 3.1 รายละเอยี ดนัน้ ต้องชดั แจ้งพอทีจ่ ะทาใหผ้ ู้มีความชานาญในระดบั สามญั สามารถท่จี ะอา่ นรายละเอยี ด แล้วนาขอ้ มลู นนั้ ไปใชไ้ ด้ 3.2 ระบวุ ิธีในการประดษิ ฐ์ทด่ี ที สี่ ดุ ที่ผปู้ ระดษิ ฐจ์ ะพงึ ทราบได้ กลา่ วคอื ผขู้ อรบั สิทธิบตั รจะต้องระบุวธิ กี ารใน การประดษิ ฐ์ท่ีดีทสี่ ดุ เนื่องจากการทาส่ิงประดษิ ฐอ์ าจทาาไดห้ ลายวธิ ี และแตล่ ะวิธจี ะต้องมคี วามแตกตา่ งกนั ออกไป 4). ข้อถอื สทิ ธิ คือส่วนท่ผี ้ขู อรบั สทิ ธบิ ัตรจะแสดงถึงเจตนาหรือความประสงค์ ท่ีจะกาหนดถึงลกั ษณะและ ขอบเขตของส่ิงทต่ี ้องการไดร้ บั สทิ ธิบัตรแตเ่ พียงผเู้ ดียว เป็นการอธบิ ายถงึ ลักษณะของสงิ่ ท่ีไดค้ ิดค้นข้ึนมาและต้องการ ไดร้ บั ความคุม้ ครอง -ขอ้ ถอื สทิ ธิเปน็ สง่ิ ท่ผี ขู้ อรบั สทิ ธบิ ตั รตอ้ งเขียนให้ชัดแจง้ ที่สดุ ในสิง่ ทต่ี นต้องการไดร้ บั ความคุ้มครอง -การเขียนขอ้ ถือสทิ ธิควรแสดง แยกแยะ ให้เหน็ ถึงองค์ประกอบของการประดิษฐ์นั้นอยา่ งชดั แจง้ -ขอ้ ถือสทิ ธถิ ือเปน็ สิ่งสาคัญ เน่ืองจากการพจิ ารณาว่า มผี ู้กระทาาละเมิดตอ่ สทิ ธิบตั รของผู้ประดิษฐห์ รือไม่ ตอ้ ง พจิ ารณาจากข้อถอื สิทธิ 5). รายการตามท่กี าหนดโดยกระทรวงผูข้ อรับสิทธิบัตรอาจขอแก้ไขเพิ่มเติม ขอรับสิทธบิ ัตรได้ตามหลกั เกณฑ์ และวิธกี ารทีก่ าหนดโดยกฎกระทรวง 8.ผ้เู รียนเขยี นขน้ั ตอนการขอสทิ ธิบตั รอยา่ งสรุปลงในกระดาษ A4 9. ผ้เู รยี นเห็นดว้ ยหรอื ไม่กบั ข้อความท่ีวา่ “การยืน่ ขอสทิ ธบิ ัตร จะทาให้ความคุม้ ครองในการประดิษฐน์ ้ันเกดิ ขนึ้ ตลอดไป” แสดงความคดิ เห็นและเขยี นลงกระดาษ A4 10.ครูแนะนาใหผ้ ู้เรียนรจู้ ักช่วยเหลือสงั คมส่วนรวม รจู้ ักประหยดั พลงั งาน เช่น เปดิ ปิดไฟฟา้ ในเวลาท่ีเหมาะสม

139 ขัน้ สรปุ และการประยุกต์ 11.ครสู รปุ บทเรยี น โดยใช้ PowerPoint และอภิปรายซักถามขอ้ สงสัย 12.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี ช่ือผูเ้ รียน ธรรมชาติของผเู้ รยี น วิธกี ารเรียนรู้ ความสนใจ สติปัญญา วฒุ ิภาวะ วิธีการเรยี นรู้ 1. 2. 3. 4. 5. แบบประเมินประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ ชอ่ื ผเู้ รยี น ประสบการณพ์ ้ืนฐานการเรียนรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนงั สือเรยี น วชิ ากฎหมายคอมพวิ เตอร์ ของสานกั พิมพ์เอมพนั ธ์ 2.กิจกรรมการเรยี นการสอน 3.แผ่นใส 4. ส่อื PowerPoint หลักฐาน 1.บันทึกการสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธวี ัดผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ 3. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 4 ตรวจกจิ กรรมส่งเสริมคณุ ธรรมนาความรู้

140 5. ตรวจใบงาน 6. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบัติ 7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมอื วดั ผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยคร)ู 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รียน) 4. แบบประเมินกจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ 5. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน 6. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ 7. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี นรว่ มกัน ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ข้นึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ข้ึนไป) 4. ตอบคาถามในกิจกรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้จงึ จะถือวา่ ผา่ น เกณฑ์การประเมนิ มีเกณฑ์ 4 ระดบั คอื 4= ดีมาก, 3 = ดี, 2 = พอใช้ , 1= ควรปรบั ปรุง 5. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50% 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี น และแบบฝกึ ปฏิบัตริ ู้มเี กณฑผ์ ่าน 50% 7 แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้นึ อยูก่ ับการ ประเมินตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ทากิจกรรมใบงาน 2.อ่านและทบทวนเน้ือหา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook