41
42 บนั ทึกหลังการสอน ข้อสรุปหลังการสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาท่พี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจัดการเรียนรแู้ บบบูรณาการที่ 5 หน่วยท่ี 3 สอนครง้ั ท่ี 5 (9-10) รหัส 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ชอ่ื หน่วย/เร่ือง กฎหมายแพ่งและพาณิชย์วา่ ดว้ ยนิติกรรม จานวน 2 ช.ม.
43 สาระสาคัญ นิตกิ รรมเปน็ การกระทาโดยสมัครใจของบุคคลสองฝา่ ยท่ีม่งุ ผูกนิตสิ มั พันธ์กัน การแสดงนติ ิกรรมแบ่งออกเปน็ หลายประเภท ผทู้ านติ กิ รรมท้งั สองฝา่ ยจะต้องเปน็ ผทู้ ่ีมีความสมบูรณ์ เป็นผู้ทม่ี ีความสามารถตามทก่ี ฎหมายกาหนด และวตั ถปุ ระสงคข์ องนติ ิกรรมนั้นจะตอ้ งเป็นส่งิ ทีไ่ ม่ผดิ กฎหมาย ไมเ่ ป็นสง่ิ ทพ่ี น้ วิสยั และไมเ่ ป็นส่ิงท่ขี ดั ตอ่ ความสงบ เรยี บร้อยหรือศลี ธรรมอันดขี องประชาชน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกับความสมบรู ณข์ องนิตกิ รรมได้ 4. แสดงความร้เู กยี่ วกบั โมฆะกรรมและโมฆยี ะกรรมได้ 5. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั การบอกลา้ งและการใหส้ ัตยาบันได้ 6. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผสู้ าเร็จการศึกษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ทคี่ รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรือ่ ง 6.1 ความมีมนษุ ยสมั พันธ์ 6.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 6.2 ความมวี ินยั 6.8 การละเวน้ ส่ิงเสพตดิ และการพนนั 6.3 ความรบั ผดิ ชอบ 6.9 ความรักสามคั คี 6.4 ความซ่ือสัตย์สุจริต 6.10 ความกตัญญูกตเวที 6.5 ความเชือ่ ม่นั ในตนเอง 6.6 การประหยดั สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความร้เู กย่ี วกบั กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ 2. แสดงความรู้เกย่ี วกบั หลักกฎหมายลิขสิทธแ์ิ ละสิทธิบัตร เนอื้ หาสาระ 3. ความสมบูรณข์ องนิตกิ รรม (ต่อ) 4. โมฆะกรรมและโมฆียะกรรม 5. การบอกลา้ งและการใหส้ ตั ยาบนั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเขา้ ส่บู ทเรียน 1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดิมจากสัปดาห์ท่ผี า่ นมา โดยดึงความรู้เดมิ ของผู้เรียนในเรอ่ื งที่จะเรยี น เพอื่ ช่วยให้ผู้เรียนมีความพรอ้ มในการเชื่อมโยงความร้ใู หมก่ บั ความรเู้ ดมิ ของตน ผู้สอนใชก้ ารสนทนาซกั ถามให้ผ้เู รียนเล่าประสบการณเ์ ดิม 2.ครูเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นซกั ถามขอ้ สงสยั เกย่ี วกับเนอ้ื หาจากสปั ดาหท์ ่ีแลว้ 3.ครูช้ีแจงเนือ้ หาท่ตี อ้ งเรยี นสาหรบั สปั ดาหน์ ี้ ไดแ้ ก่ 3.1. ความสมบูรณ์ของนติ ิกรรม (ต่อ) 3.2 โมฆะกรรมและโมฆยี ะกรรม
44 3.3. การบอกลา้ งและการใหส้ ตั ยาบัน ขั้นสอน 4.ครูใช้สื่อ Power Point ประกอบการอธบิ ายเร่ืองหลกั เกณฑ์ในการพจิ ารณาความสมบรู ณ์ของนิติกรรม หวั ข้อการแสดงเจตนาทานิตกิ รรม ซ่ึงการแสดงเจตนาบกพร่องจะทาให้นติ กิ รรมนน้ั มีผลไม่สมบูรณ์ เกดิ จากการทานติ ิ กรรมทม่ี เี หตุบกพรอ่ งแตกตา่ งกัน ในกรณตี อ่ ไปน้ี การแสดงเจตนาบกพร่องทที่ าใหน้ ติ กิ รรมตกเป็นโมฆะ มดี ังนี้ -การแสดงเจตนาซอ่ นเร้น เป็นการแสดงเจตนาโดยที่ตนเองมไิ ดต้ ง้ั ใจผกู พันตามเจตนาที่แสดงออกมา โดยทอี่ ีกฝา่ ยหน่งึ ไดร้ ู้ถงึ เจตนาทแ่ี ทจ้ รงิ นติ ิกรรมทม่ี กี ารแสดงเจตนาในลกั ษณะนต้ี กเป็นโมฆะแตห่ ากอีกฝ่ายหนงึ่ มิได้ ลว่ งรู้ถงึ เจตนาทแ่ี ท้จริง นิตกิ รรมนั้นยอ่ มมีผลสมบูรณ์ และฝา่ ยที่แสดงเจตนาซ่อนเรน้ ตอ้ งผูกพันตนตามเจตนาทไี่ ดแ้ สดง ออกมา เช่น นายเชนอยากไดร้ ถกระบะของนายชาญเพ่อื มาใช้บรรทกุ ของ หากขอยืมก็เกรงว่านายชาญจะไม่ให้ จึงแสร้ง ทาเป็นขอซื้อรถกระบะจากนายชาญ หากนายชาญทราบเจตนาท่ีแท้จรงิ นติ กิ รรมตกเป็นโมฆะ หากนายชาญไมท่ ราบ ความจริง ทัง้ สองฝา่ ยยงั คงมีสิทธแิ ละหน้าทีต่ ามพฤตกิ รรมทกุ ประการ เปน็ ต้น -การแสดงเจตนาลวง คือ การแสดงเจตนาโดยสมรหู้ รือสมคบกบั อกี ฝ่ายหนง่ึ เพ่อื หลอกลวงบคุ คลอ่นื ให้ เข้าใจผดิ ว่าคกู่ รณไี ดม้ กี ารทานติ กิ รรมขึ้น ซ่ึงโดยแท้จริงแล้วนติ กิ รรมนั้นมไิ ดม้ อี ยู่เลย นติ กิ รรมเชน่ นม้ี ผี ลเปน็ โมฆะ และ จะถือเปน็ ข้ออา้ งตอ่ บคุ คลอื่นซ่งึ สจุ ริตและต้องเสยี หายเพราะนติ กิ รรมนนั้ ไมไ่ ด้ เน่อื งจากกฎหมายมคี วามประสงค์ทจ่ี ะ คมุ้ ครองบคุ คลภายนอก ผลของการแสดงเจตนาลวง สามารถแยกพิจารณาได้ดังนี้ 1). ระหว่างคกู่ รณี เมื่อคูก่ รณีไมม่ คี วามประสงคจ์ ะผูกพันตามนติ ิกรรมท่ีทาข้ึนโดยลวงนิติกรรมท่ีทานน้ั จึงตกเป็นโมฆะ 2). ตอ่ บคุ คลภายนอก เมื่อปรากฏวา่ บคุ คลภายนอกนน้ั สุจริตและได้รบั ความเสยี หาบุคคลภายนอกยอ่ ม ได้รบั ความคมุ้ ครองตามกฎหมาย กล่าวคือ คกู่ รณีจะอ้างความเป็นโมฆะขนึ้ มาต่อส้บู ุคคลภายนอกผสู้ จุ รติ และตอ้ ง เสยี หายจากการแสดงเจตนาลวงน้นั ไม่ได้ - นติ กิ รรมอาพราง เปน็ การแสดงเจตนาลวงเพอื่ อาพรางนติ กิ รรมอ่นื ใหน้ าบทบญั ญัติของกฎหมายอนั เกี่ยวกบั นติ ิกรรมอาพรางมาใช้บังคับ การทานิตกิ รรมอาพรางประกอบด้วยคกู่ รณที ีไ่ ด้ทานติ กิ รรม 2 นิตกิ รรม ซึง่ มี เน้อื หาแตกต่างกัน นติ กิ รรมอันหนงึ่ ทาข้ึนโดยมีเจตนาลวง โดยสมคบกนั ระหวา่ งค่กู รณีเพื่อปกปดิ นติ กิ รรมอีกอนั หนึ่ง โดยนติ กิ รรมท่ถี ูกปดิ นัน้ เกิดจากการแสดงเจตนาทแี่ ทจ้ รงิ ของคูก่ รณี ระหว่างคกู่ รณีตอ้ งบังคบั ตามนติ กิ รรมท่ถี กู ปกปดิ
45 หรอื เรยี กว่า นิติกรรมท่ถี กู อาพราง เมื่อบคุ คลภายนอกสจุ ริต และตอ้ งไดร้ ับความเสยี หายจากการทาานิติกรรมอาพราง ย่อมไดร้ ับความคมุ้ ครอง -ความสาคญั ผดิ ในสาระสาคัญแหง่ นิติกรรม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ยม์ าตรา 156 บญั ญตั วิ า่ “การ แสดงเจตนาโดยสาคญั ผดิ ในสงิ่ ซึ่งเป็นสาระสาคญั แห่งนิตกิ รรมเปน็ โมฆะ” ความสาคญั ผดิ อาจเป็นความสาคญั ผิดในลักษณะของนติ กิ รรม ความสาคญั ผดิ ในตัวบคุ คลซ่งึ เป็นคูก่ รณแี ห่งนิติ กรรม และความสาคญั ผดิ ในทรัพย์สินซ่ึงเป็นวัตถุแห่งนติ กิ รรม การแสดงเจตนาโดยสาคญั ผิด หมายถงึ การเข้าใจหรือเชื่อโดยไม่ตรงต่อความเปน็ จริงกลา่ วคือ ความจริงเป็น อยา่ งหนง่ึ แต่ผแู้ สดงเจตนาเข้าใจหรือคดิ ว่าเปน็ อีกอยา่ งหน่ึง การแสดงเจตนาโดยความสาคัญผิด แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 1) การแสดงเจตนาโดยความสาคญั ผิดในสิง่ ซ่ึงเปน็ สาระสาคญั แห่งนติ กิ รรม ซง่ึ เป็นสาเหตุทาใหน้ ติ ิกรรม ตกเป็นโมฆะ 2) การแสดงเจตนาโดยความสาคญั ผดิ ในคณุ สมบัตขิ องบคุ คลหรอื ทรัพย์ ซงึ่ เป็นสาเหตุทาให้นิติกรรมตก เป็นโมฆยี ะ มาตรา 156 วรรค 2 แสดงให้เหน็ ประเภทของความสาคญั ผดิ ในสง่ิ ซึง่ เป็นสาระสาคญั ของ นติ ิกรรม ดังนี้ 1) ความสาคัญผิดในลักษณะแหง่ นิติกรรม หมายถึง ผู้แสดงเจตนาได้ต้ังใจจะแสดงเจตนาทานติ ิกรรม อยา่ งหนงึ่ โดยเขา้ ใจว่าเปน็ นติ กิ รรมอนั เดยี วกันกบั ทตี่ นประสงค์จะแสดงเจตนานั้น เช่น ผแู้ สดงเจตนาประสงค์จะทา สัญญาจานองบ้าน แตส่ าคัญผิดไปลงชอื่ ซื้อขาย เนอื่ งจากอ่านหนังสือไมอ่ อก สัญญาท่ีทาขน้ึ ตกเปน็ โมฆะ เพราะเกดิ จาก การสาคญั ผดิ 2) ความสาคญั ผิดในตวั บคุ คลซง่ึ เปน็ คู่กรณแี ห่งนติ กิ รรม หมายถงึ ผ้แู สดงเจตนาได้ตง้ั ใจจะแสดงเจตนา ทานิติกรรมกับบุคคลคนหนงึ่ แต่กลับไปแสดงเจตนาทานติ กิ รรมกับบุคคลอีกคนหน่ึง โดยเข้าใจผดิ วา่ เปน็ คนๆ เดยี วกนั กบั ทตี่ นตัง้ ใจจะทานิติกรรมนั้นดว้ ย
46 3) ความสาคญั ผิดในตวั ทรัพยส์ ินอนั เป็นวัตถแุ ห่งนิตกิ รรม หมายถงึ ความสาคญั ผดิ ในตัวทรัพย์สินที่ จะต้องส่งมอบ หรือขอ้ ปฏิบัตอิ นั เป็นการกระทาหรอื การงดเว้นทพี่ ึงปฏบิ ตั ิ ผลของการแสดงเจตนาโดยความสาคัญผดิ ในสาระสาคญั แหง่ นติ กิ รรม มดี ังน้ี 1. การแสดงเจตนาโดยความสาคญั ผิดในสาระสาคญั ของนติ ิกรรมยอ่ มมีผลทาใหน้ ิติกรรมนัน้ ตกเปน็ โมฆะ 2. ถา้ ผู้แสดงเจตนาโดยความสาคญั ผิดนน้ั ประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ งรา้ ยแรง กลา่ วคอื ไมใ่ ช้ความระมดั ระวงั เลยแม้แตเ่ พยี งเล็กนอ้ ย กฎหมายถอื ว่านติ ิกรรมทผี่ แู้ สดงเจตนาโดยความสาคญั ผดิ ทาลงไปน้ันมีผลสมบรู ณ์แลว้ การแสดงเจตนาบกพรอ่ งท่ีทาให้นิตกิ รรมตกเป็นโมฆียะ นติ กิ รรมที่เป็นโมฆยี ะ เปน็ นติ กิ รรมที่ ใชบ้ งั คบั ได้ตามกฎหมาย แตจ่ ะมผี ลบงั คบั ใชไ้ ดจ้ นกว่าจะถูกบอกล้าง โดยผมู้ สี ทิ ธบิ อกลา้ งตามกฎหมาย และเมอื่ มกี ารบอก ล้างแล้ว ก็จะทาาใหน้ ิติกรรมโมฆยี ะน้นั ตกเปน็ โมฆะ หากไมม่ ีการบอกลา้ งภายในเวลาที่กาหนด หรอื ไดม้ ีการใหส้ ัตยาบัน นิตกิ รรมนนั้ หลังจากทนี่ ิตกิ รรมโมฆยี ะเกดิ ข้ึน นติ ิกรรมโมฆียะนน้ั จะมีผลสมบรู ณใ์ ช้บังคับไดต้ ลอดไปการแสดงเจตนา บกพร่องท่มี ผี ลทาใหน้ ิติกรรมตกเป็นโมฆียะ ไดแ้ ก่ 1). ความสาคัญผดิ ในคณุ สมบตั ิของบคุ คลหรอื สินทรพั ย์ ความสาาคญั ผดิ หมายถงึ การเขา้ ใจหรอื เช่อื โดยไมต่ รงต่อความเปน็ จรงิ ซึง่ สามารถแบ่งความสาาคญั ผดิ ในคณุ สมบตั ิได้ 2 ประเภท ดังน้ี 1.1 ความสาคญั ผดิ ในคณุ สมบตั ขิ องบคุ คล มีดงั น้ี - ถา้ คุณสมบตั ขิ องบคุ คลนนั้ ต้องอาศัยความไว้วางใจหรือความชานาญเป็นพิเศษของบคุ คลนน้ั เชน่ นางสาววัลภากาลังจะแต่งงานจงึ ตกลงจ้างนางวรรณสิ าให้ตดั ชดุ เจา้ สาวให้โดยเขา้ ใจว่านางวรรณสิ าเปน็ ช่างตัดเส้อื ฝีมือดี แต่เม่ือตกลงกันแลว้ นางวรรณสิ าไม่ได้มฝี ีมือดดี งั ทเ่ี ขา้ ใจเชน่ น้เี ป็นความสาคญั ผดิ ในคุณสมบัตขิ องบุคคล จึงส่งผลให้ สญั ญาจา้ งนนั้ ตกเปน็ โมฆยี ะ -คณุ สมบัติของคูก่ รณใี นนติ ิกรรมบางประเภท ค่กู รณฝี า่ ยหนึ่งยอมทานิตกิ รรมกับอกี ฝา่ ยหนึง่ เน่ืองจากเหน็ วา่ มคี ณุ สมบัติเหมาะสม หากมีการเปล่ียนคสู่ ญั ญาฝา่ ยหน่งึ อาจทาใหส้ ัญญาน้ันตกเป็นโมฆยี ะ เช่น นาย มานพให้นายมานะเช่าบ้าน เนอื่ งจากเหน็ วา่ มเี งินพอชาระคา่ เชา่ และจะเป็นผเู้ ช่าท่ีดี นายมานะจะโอนสทิ ธกิ ารเชา่ บา้ น ไปให้บคุ คลอืน่ โดยไมไ่ ดร้ บั ความยนิ ยอมจากผู้ใหเ้ ช่าไมไ่ ด้หรือหากนายมานะเสยี ชีวติ สัญญาเช่าน้ันเปน็ อันระงบั ไป -ความมุ่งหมายของคู่กรณที เ่ี ข้าทานิติกรรม เป็นการพิจารณาเจตนา หรือสาระสาคัญในการทานติ ิ กรรม คณุ สมบตั อิ ย่างเดยี วในการทานติ ิกรรมอยา่ งหน่งึ ถอื วา่ เป็นสาระสาคัญแต่อาจไมใ่ ช่สาระสาคญั ในการทานิติกรรม อกี อย่างหน่งึ เชน่ บุคลิกทคี่ ลอ่ งแคลว่ ว่องไว พูดเกง่ เหมาะกับการจา้ งมาเปน็ พธิ ีกร คุณสมบตั ิท่ที าอาหารเกง่ มคี วามคดิ สร้างสรรคเ์ กี่ยวกับอาหาร เหมาะกบั การจ้างมาเปน็ แมค่ รวั เป็นต้น
47 1.2 ความเขา้ ใจผดิ ในคุณสมบตั ิของทรพั ย์สิน คณุ สมบตั ขิ องทรัพย์เป็นสาระสาคญั ในการทานติ ิ กรรมหรอื ไม่ พจิ ารณาไดจ้ ากเจตนาของคกู่ รณฝี า่ ยผ้แู สดงเจตนาทานิติกรรมเปน็ หลกั หากผแู้ สดงเจตนาสาคญั ผดิ ใน คุณสมบตั ขิ องทรัพยน์ ัน้ นิติกรรมตกเป็นโมฆยี ะ เชน่ นางวรรณภาตอ้ งการซือ้ โทรทศั นข์ นาดใหญ่ โดยเข้าใจวา่ โทรทศั น์ เครื่องนน้ั สามารถตอ่ wifi ได้ เมือ่ ตัดสนิ ใจซ้ือในราคา 30,000 บาท ปรากฏว่าโทรทศั นไ์ มส่ ามารถกระทาได้ นาง วรรณาไดเ้ ขา้ ใจผดิ ในคุณสมบตั ขิ องทรพั ยส์ นิ การซ้ือขายตกเปน็ โมฆยี ะ ผลของการแสดงเจตนาโดยความสาคญั ผดิ มีผล ทาให้นิติกรรมนนั้ ตกเปน็ โมฆยี ะ ยกเว้นถา้ ผแู้ สดงเจตนาโดยความสาคัญผดิ ในคณุ สมบัตขิ องบคุ คลหรอื ทรพั ยส์ ิน ประมาทเลนิ เล่ออย่างร้ายแรงกลา่ วคอื ไมใ่ ช้ความระมดั ระวงั กฎหมายถอื วา่ นติ ิกรรมที่ผแู้ สดงเจตนาโดยความสาคัญ ผิดทาาลงนั้นย่อมมผี ลสมบูรณ์ 2). การแสดงเจตนาเพราะเหตุกลฉ้อฉล กลฉอ้ ฉล หมายถึง การหลอกลวงดว้ ยประการใดๆใหผ้ ู้แสดง เจตนาหลงเชอื่ และเขา้ ใจผดิ จากความเปน็ จรงิ การแสดงเจตนาเพราะเหตุกลฉ้อฉล แบง่ ได้ดงั นี้ 2.1 กลฉอ้ ฉลถงึ ขนาด หมายถึง การทค่ี ่กู รณีฝ่ายหน่งึ ใช้กลอุบายหลอกลวงคกู่ รณีอีกฝา่ ยหนึ่ง โดย แสดงขอ้ ความไม่ตรงต่อความเป็นจรงิ ทาใหเ้ กิดการหลงเชอ่ื และแสดงเจตนาเขา้ ทานติ ิกรรมนนั้ หากไมม่ ีการหลอกลวง จะไมเ่ กิดนิติกรรมขน้ึ เช่น นายสนุ นั ทน์ าทองคาามาขายให้นางหนดู ี โดยหลอกลวงว่าเป็นทองคาจริง นางหนดู ีหลงช่ือจึง แสดงเจตนาซ้ือทองคานัน้ เม่ือความจริงปรากฏวา่ เปน็ ทองคาปลอม หากนางหนดู ีทราบจะไม่ทาสญั ญาซื้ออย่างแนน่ อน เชน่ น้เี ป็นการหลอกลวง นิตกิ รรมระหว่างนายสุนนั ท์และนางหนดู ี จงึ ตกเป็นโมฆียะ หากขอ้ เท็จจรงิ เปลีย่ นไปว่า นางหนดู ีเปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญในเร่อื งทองคา และทราบวา่ ทองคานน้ั เปน็ ของปลอม ก็ ยงั แสดงเจตนาซอ้ื แสดงวา่ กลฉ้อฉลของนายสุนนั ทน์ น้ั ไมถ่ งึ ขนาด นติ กิ รรมจงึ สมบรู ณไ์ มต่ กเป็นโมฆยี ะ 2.2 กลฉอ้ ฉลเพ่อื เหตุ หมายถึง การทีค่ ู่กรณฝี า่ ยแรกมเี จตนาที่จะทานติ ิกรรมนนั้ อยูแ่ ล้ว และค่กู รณี ฝ่ายหลงั ใช้กลอบุ ายเพอื่ เอาเปรยี บคกู่ รณฝี ่ายแรก คกู่ รณีฝ่ายแรกที่ถกู เอาเปรยี บจึงมีสิทธิเรยี กคา่ เสียหายจากคกู่ รณฝี า่ ย หลงั ที่เอาเปรยี บได้ แตจ่ ะบอกลา้ งไมไ่ ด้ นิตกิ รรมนน้ั ยงั มผี ลสมบรู ณอ์ ยู่ เช่น นายเอกลักษณ์ขายนกเขาให้นายเอกสทิ ธ์ิ ซง่ึ ราคาปกติในทอ้ งตลาดราคา 5,000 บาท แต่นายเอกลกั ษณห์ ลอกลวงวา่ นกของตนเคยชนะการประกวด จงึ ขอเพิ่ม ราคาอกี 1,000 บาท เช่นน้ีถอื วา่ นายเอกลกั ษณใ์ ช้กลฉ้อฉลเพอ่ื เอาเปรียบนายเอกสิทธิ์ นายเอกสิทธจิ์ งึ มีสทิ ธิเรยี กร้อง ค่าเสียหายจาานวน 1,000 บาทคนื จากนายเอกลักษณไ์ ด้ 2.3 กลฉอ้ ฉลโดยการนงิ่ หมายถึง การทคี่ กู่ รณฝี า่ ยท่ีมหี น้าท่ีต้องแจง้ ความจริงไดจ้ งใจนิ่งเฉย จนทา ใหค้ ู่กรณอี กี ฝา่ ยหนง่ึ สาคัญผิด และไดแ้ สดงเจตนาทานติ ิกรรมขึน้ เช่น นางสีดาจ้างนายทองทามาทางานเปน็ ผ้เู ขยี น โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ นายทองทาเขา้ ทางานโดยไมแ่ จ้งว่าตนไมส่ ามารถเขียนโปรแกรมได้ เช่นนีถ้ อื ว่าเป็นกลฉ้อฉลโดย การนง่ิ ซงึ่ มผี ลใหส้ ัญญาจ้างนน้ั ตกเป็นโมฆยี ะ ผลของการแสดงเจตนาเพราะเหตกุ ลฉอ้ ฉลมดี ังน้ี 1). กรณีกลฉ้อฉลถึงขนาด นิติกรรมยอ่ มตกเปน็ โมฆยี ะ แตถ่ า้ กลฉอ้ ฉลถงึ ขนาดกระทาโดยบคุ คลภายนอก นิติกรรมจะตกเปน็ โมฆียะตอ่ เม่อื คกู่ รณอี กี ฝา่ ยหนึ่งท่มี ใิ ชฝ่ ่ายทถ่ี ูกกลฉ้อฉลไดร้ ู้หรอื ควรรู้ว่ามีกลฉ้อฉลเช่นน้นั 2). กรณีกลฉอ้ ฉลเพอ่ื เหตุ นิตกิ รรมยงั คงมผี ลสมบรู ณ์ เพียงแตใ่ ห้มกี ารชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแกค่ ูก่ รณฝี ่าย ทถี่ ูกเอาเปรยี บเท่านัน้ 3). การแสดงเจตนาเพราะเหตุขม่ ขู่ การข่มขู่ หมายถึง การสร้างความกลัวให้แกผ่ ถู้ ูกข่มขจู่ นผ้ถู กู ข่มขตู่ อ้ ง แสดงเจตนาเข้าทานิตกิ รรมเพราะความกลวั น้ัน การขม่ ขู่มีสาระสาคญั คือ 3.1 การข่มข่จู ะตอ้ งถึงขนาด กลา่ วคือ ร้ายแรงและเป็นอนั ตรายจนน่าจะเกดิ ภัยตามท่ไี ดข้ ่มขจู่ รงิ 3.2 ภัยท่ีขู่น้นั ต้องใกลจ้ ะถึง กลา่ วคือ กาลังจะเกิดขึน้ ในขณะน้ันเอง และผถู้ ูกข่มขไู่ มอ่ าจหาทางหลีกเลี่ยง หรอื ปอ้ งกันได้ 3.3 ภยั ท่ขี ูจ่ ะตอ้ งรา้ ยแรงอย่างนอ้ ยเทา่ กับความเสียหายทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ 3.4 ดว้ ยความหวาดกลัว ผถู้ กู ขม่ ขู่จงึ ตัดสนิ ใจแสดงเจตนาเข้าทาานติ ิกรรมตามทถ่ี ูกขม่ ขู่น้ัน
48 ผลของการแสดงเจตนาเพราะเหตุขม่ ขู่ 1). นติ กิ รรมทท่ี าเพราะถกู ขม่ ขูถ่ งึ ขนาดย่อมตกเป็นโมฆียะ 2). นิติกรรมที่ทาเพราะถูกขม่ ข่วู า่ จะใชส้ ทิ ธิตามปกตนิ ิยม ซึ่งตอ้ งเป็นการใช้สิทธโิ ดยชอบด้วยกฎหมายหรือ เพราะมคี วามนบั ถอื ยาาเกรง นติ ิกรรมน้นั ยอ่ มมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายเช่น ลกู จา้ งได้กระทาการผดิ วนิ ยั ของกจิ การ อย่างร้ายแรง นายจ้างจับไดจ้ ึงบอกใหล้ ูกจ้างลาออก มิฉะน้นั จะดาเนนิ คดี กรณเี ชน่ น้เี ป็นการขวู่ า่ จะใชส้ ทิ ธติ ามปกติ นยิ ม ดังนน้ั เม่ือลกู จา้ งสมัครใจลาออกจึงถอื ไมไ่ ดว้ ่านายจา้ งเลกิ จา้ ง 5.ผเู้ รยี นยกตัวอย่างเหตกุ ารณ์หรอื คดคี วามที่ขาดความสมบรู ณ์จากการทาานิติกรรมเน่อื งจาก นติ ิกรรมอาพราง และการแสดงเจตนาบกพร่องทท่ี าใหน้ ิติกรรมตกเปน็ โมฆียะ 6.ผเู้ รียนแสดงความคดิ เหน็ วา่ การมคี วามรเู้ กย่ี วกับเร่ืองนติ กิ รรมจะทาใหด้ ารงชีวิตอยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งสะดวก และปลอดภัยขนึ้ หรอื ไม่ 7.ผเู้ รยี นสืบคน้ ข้อมลู จากอินเทอรเ์ น็ตเกีย่ วกบั ขา่ วทผ่ี บู้ รสิ ุทธ์ิถูกหลอกให้เขา้ มามสี ่วนเกยี่ วข้องกบั การทานิติ กรรมทไ่ี ม่สมบรู ณ์ ซง่ึ ทาใหผ้ บู้ รสิ ทุ ธไิ์ ด้รับความเสยี หาย พร้อมทั้งวเิ คราะหข์ า่ วด้วยวา่ ป็นนิตกิ รรมทไ่ี มส่ มบูรณ์เนื่องจาก สาเหตใุ ด 8.ครูใชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบบรรยาย (Lecture Method) เพือ่ อธิบายความหมายของโมฆะกรรมและ โมฆยี ะกรรม ซงึ่ มีความหมายแตกต่างกัน ดังน้ี โมฆะกรรม หมายถึง นติ กิ รรมทที่ าขึน้ แล้วเสยี เปลา่ ไมม่ ีผลบังคับตามกฎหมาย และไม่อาจใหส้ ตั ยาบนั เพอ่ื ให้นติ ิ กรรมที่ตกเป็นโมฆะกลับเปน็ นติ กิ รรมทส่ี มบรู ณไ์ ด้ โมฆะกรรมเกิดจากสาเหตดุ ังนี้ 1). นิติกรรมมวี ตั ถุประสงค์เป็นการต้องหา้ มของกฎหมาย หรือเป็นการพน้ วสิ ยั หรอื เปน็ การขดั ตอ่ ความ เรยี บรอ้ ยและศลี ธรรมอันดขี องประชาชน 2). ทาไมถ่ กู ต้องตามแบบทีก่ ฎหมายกาหนด 3). มเี จตนาซ่อนเรน้ เจตนาลวง นิติกรรมอาพราง หรือการแสดงเจตนาโดยสาคญั ผดิ ในสาระสาคญั ของนิติ กรรม 4). กฎหมายบญั ญัติไวโ้ ดยเฉพาะใหต้ กเป็นโมฆะ เช่น ชายหรอื หญิงจะทาการสมรสในขณะท่ีตนมีคสู่ มรส อยูแ่ ล้วไมไ่ ด้ เพราะเป็นการสมรสซ้อน การสมรสนน้ั จึงตกเปน็ โมฆะ เปน็ ต้น โมฆียะกรรม หมายถึง นิตกิ รรมทที่ าขึ้นแล้วมีผลบังคับไดต้ ามกฎหมายไมเ่ สยี เปลา่ แตอ่ าจถูกบอกล้างให้เป็น โมฆะตัง้ แตเ่ ริม่ แรกได้ หรืออาจใหส้ ตั ยาบนั เพอ่ื รับรองนิตกิ รรมนั้นให้สมบรู ณต์ ง้ั แตเ่ รม่ิ แรกได้เชน่ กัน เหตุท่ีทาใหน้ ติ ิ กรรมตกเปน็ โมฆยี ะ มีดังน้ี 1). การทานติ กิ รรมของผู้บกพร่องในความสามารถ ได้แก่ ผู้เยาว์ คนไรค้ วามสามารถ คนวิกลจรติ คน เสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น 2). การทานิตกิ รรมทเี่ กดิ จากการแสดงเจตนาบกพรอ่ งที่เป็นความสาคัญผดิ ในคุณสมบตั ขิ องบุคคลหรอื ทรัพย์ หรือถกู กลฉอ้ ฉลถงึ ขนาดหลงเชื่อจึงยอมทานิตกิ รรมข้นึ เพราะกลฉ้อฉลนน้ั หรอื ถกู ข่มขจู่ นถึงขนาดผู้ถกู ขม่ ข่กู ลวั จึงยอมทานิตกิ รรมตามทถ่ี กู ข่มขนู่ ้นั 3). นิตกิ รรมที่กฎหมายบัญญตั ไิ วโ้ ดยเฉพาะใหต้ กเปน็ โมฆียะ เชน่ ผูเ้ ยาว์ทีอ่ ายุ 17 ปีบรบิ รู ณแ์ ตย่ ังไมค่ รบ 20 ปี หากทาการสมรสตอ้ งไดร้ ับการยนิ ยอมจากผปู้ กครองเสียกอ่ น มิฉะนน้ั การสมรสนั้นตกเป็นโมฆียะ เปน็ ตน้ 9.ครูใช้เทคนคิ วิธกี ารจัดการเรยี นรูแ้ บบอภิปราย (Discussion Method) โดยอภิปรายร่วมกับผเู้ รียนเรอ่ื งผล ของนิตกิ รรมทต่ี กเปน็ โมฆะ และผลของนติ ิกรรมทต่ี กเปน็ โมฆยี ะ ผลของนติ ิกรรมท่ตี กเปน็ โมฆะ มดี ังนี้ 1). นติ กิ รรมนัน้ จะเสยี เปลา่ ใชบ้ ังคับไมไ่ ด้ต้งั แตต่ ้นท่ที านติ ิกรรมขึน้ มา
49 2). ไมอ่ าจใหส้ ัตยาบนั แกก่ ันได้ 3). ผมู้ สี ่วนไดเ้ สยี กับนิติกรรมทเี่ ปน็ โมฆะนน้ั สามารถยกความเปน็ โมฆะขึ้นกลา่ วอา้ งได้ 4). อาจแยกส่วนทสี่ มบูรณ์ออกจากสว่ นทไี่ มส่ มบูรณไ์ ด้ 5). อาจสมบรู ณเ์ ปน็ นติ กิ รรมอย่างอื่นซ่งึ ไมเ่ ป็นโมฆะได้ 6). การคืนทรัพยส์ ินอนั เกิดจากนติ กิ รรมทเ่ี ป็นโมฆะ ใหค้ นื ในฐานลาภมิควรได้ 7). ความเปน็ โมฆะไมค่ มุ้ ครองสิทธขิ องบคุ คลภายนอก ผลของนิติกรรมทต่ี กเป็นโมฆยี ะ มดี ังน้ี 1). นิตกิ รรมนนั้ มผี ลใชบ้ งั คบั ได้ต้งั แตเ่ ริม่ ทานติ ิกรรม แต่จะมผี ลอยจู่ นกว่าจะถูกบอกล้าง ถ้ามกี ารบอกลา้ ง นติ กิ รรมนน้ั จะตกเปน็ โมฆะตั้งแต่เร่มิ แรกทานติ กิ รรม 2). มีการบอกล้างไดโ้ ดยบคุ คลทกี่ ฎหมายกาหนด 3). มีการใหส้ ัตยาบนั ไดโ้ ดยบคุ คลท่ีกฎหมายกาหนด และเมื่อได้ให้สตั ยาบนั แกน่ ิตกิ รรมท่ีเปน็ โมฆียะกรรม แล้วนติ ิกรรมโมฆยี ะนน้ั จะมผี ลสมบูรณต์ งั้ แตเ่ รมิ่ แรกทานติ กิ รรม 4). การคืนทรพั ยส์ ินอันเกดิ จากนติ กิ รรมทเี่ ปน็ โมฆียะและมกี ารบอกลา้ งให้เปน็ โมฆะแล้ว ใหค้ นื ในลกั ษณะ กลับคืนส่ฐู านะเดมิ 5). ความเป็นโมฆยี ะคุ้มครองสทิ ธขิ องบุคคลภายนอก 10.ครใู ช้ส่อื Power Point ประกอบการอธิบายเรอื่ งการบอกล้างและการใหส้ ตั ยาบนั ซ่งึ ประกอบดว้ ย สาระสาคญั ดงั น้ี การบอกล้าง หมายถงึ การแสดงเจตนาทาลายล้างนิติกรรมทเี่ ป็นโมฆียะให้ตกเป็นโมฆะ ทาใหเ้ สียเปลา่ ไม่มี ผลตามกฎหมาย ผมู้ ีสิทธบิ อกล้างโมฆียะกรรม ไดแ้ ก่ 1). ผู้แทนโดยชอบธรรมของผเู้ ยาว์ หรอื ผเู้ ยาวเ์ ม่ือบรรลนุ ติ ิภาวะแลว้ แต่ผูเ้ ยาวจ์ ะบอกล้างก่อนตนบรรลุ นิติภาวะกไ็ ด้ถา้ ไดร้ บั ความยินยอมจากผแู้ ทนโดยชอบธรรมแล้ว 2). บคุ คลทีศ่ าลสง่ั ใหเ้ ปน็ คนไร้ความสามารถหรอื เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ เม่อื บคุ คลนน้ั พน้ จากการเปน็ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไรค้ วามสามารถแล้วหรือผู้อนบุ าลหรือผูพ้ ิทกั ษแ์ ล้วแตก่ รณีของบคุ คล ดงั กลา่ วน้ัน แตถ่ า้ คนเสมือนไร้ความสามารถจะบอกลา้ งก่อนตนพ้นจากการเป็นคนเสมอื นไรค้ วามสามารถกไ็ ด้ถ้าได้รับ ความยนิ ยอมจากผพู้ ทิ ักษแ์ ลว้ 3). บคุ คลผแู้ สดงเจตนาบกพร่องเพราะสาคัญผดิ ในคณุ สมบตั ิของบคุ คลหรือทรัพย์ หรือถกู กลฉอ้ ฉล หรอื ถูกข่มขู่ 4). บคุ คลวิกลจรติ ทีศ่ าลยังไมไ่ ดส้ ง่ั ใหเ้ ปน็ คนไรค้ วามสามารถ ได้ทานิตกิ รรมขณะตนมีจริตวิกลและคกู่ รณี อีกฝ่ายหนึ่งกท็ ราบว่าตนเปน็ คนวกิ ลจรติ สามารถบอกล้างนติ ิกรรมนัน้ ไดใ้ นขณะท่จี ริตของบุคคลวกิ ลจรติ นั้นไมว่ ิกลแล้ว ผลของการบอกลา้ งโมฆยี ะกรรม จะทาใหน้ ติ ิกรรมน้นั ตกเป็นโมฆะตัง้ แตเ่ รม่ิ แรกทานติ กิ รรมเสมอื นไมม่ กี าร ทานติ ิกรรมมาก่อนแตอ่ ย่างใด ทรพั ย์สินท่ีไดม้ าจากการทานติ กิ รรมโมฆยี ะตอ้ งคืนให้แก่กนั ในลกั ษณะกลับสู่ฐานะเดมิ ระยะเวลาการบอกล้างโมฆียะกรรม ผ้มู สี ทิ ธิบอกล้างโมฆยี ะกรรมต้องบอกลา้ งภายในกาหนดเวลาจงึ จะทาให้นิตกิ รรม โมฆยี ะน้ันตกเป็นโมฆะ ดงั นี้ 1). ภายใน 1 ปี นับแตเ่ วลาทีอ่ าจให้สัตยาบนั ได้ คาว่า “นบั แต่เวลาทีอ่ าจใหส้ ตั ยาบนั ได”้ หมายถงึ นับแต่ เวลาท่ีมลู เหตแุ หง่ โมฆยี ะน้ันไดส้ ญู สนิ้ ไปแล้ว เช่น ผูแ้ สดงเจตนาโดยสาคัญผิดรเู้ หตุทสี่ าคญั ผดิ หรือผู้ถกู ข่มข่ไู ด้พ้นจาก ภยั อนั เกดิ จากการข่มขู่แลว้ เป็นตน้ 2). ภายใน 10 ปี นับแต่เวลาทานิตกิ รรม หมายถึง นิตกิ รรมท่เี ปน็ โมฆียะนัน้ ไดท้ ามาเปน็ เวลานานถงึ 10 ปแี ล้ว ก็ไมส่ ามารถจะบอกลา้ งนติ กิ รรมน้นั ได้เลย แมจ้ ะรหู้ รือไมร่ ถู้ งึ โมฆยี ะนน้ั กต็ าม หรือจะรู้หลังจาก 10 ปีไปแลว้ ก็ ตาม
50 การใหส้ ตั ยาบนั หมายถึง การยืนยนั ทีจ่ ะผกู พันตามนิตกิ รรมทเ่ี ปน็ โมฆยี ะน้ัน ถือเปน็ การสละสิทธิ ทีจ่ ะบอกลา้ งนติ ิกรรมโมฆยี ะนัน้ การให้สตั ยาบันนติ ิกรรมทเ่ี ปน็ โมฆยี ะ เปน็ การรับรองใหน้ ติ กิ รรมโมฆยี ะนน้ั มคี วาม สมบูรณ์ตลอดไป ซ่ึงแม้จะมกี ารบอกล้างภายหลงั การให้สตั ยาบนั นน้ั แล้ว ก็ไมท่ าให้นติ ิกรรมที่สมบรู ณ์จากการให้ สัตยาบนั แลว้ นน้ั เสียไป ผูม้ สี ทิ ธิใหส้ ตั ยาบนั คือบุคคลประเภทเดียวกบั บคุ คลผ้มู สี ทิ ธิบอกลา้ งโมฆียะกรรมเมื่อมีการใหส้ ัตยาบนั หรือมิได้มีการบอกลา้ งนติ ิกรรมโมฆียะภายในเวลาทีก่ ฎหมายกาหนด มีผลใหน้ ติ กิ รรมท่ีเป็นโมฆยี ะนนั้ เป็นนิตกิ รรม สมบรู ณ์ตลอดไป โดยจะบอกลา้ งอกี ไมไ่ ด้ และถือเปน็ การรับรองความสมบรู ณ์ของนติ กิ รรมนั้น 11.ครูเสนอแนะและเปน็ ทป่ี รึกษาในการนาเอาแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ซ่งึ ในกระบวนการทางาน ทุกประเภทน้ัน จะต้องเนน้ สัจจะซง่ึ เปน็ ตวั คณุ ธรรม จริยธรรม เนน้ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ เนน้ ใหช้ ่วยกนั คดิ ชว่ ยกนั ทา เน้น ให้รจู้ กั ความพอดี พอประมาณ มีเหตผุ ล ทั้งหมดนคี้ อื หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ กับการดาเนนิ ชีวิตของทกุ คนได้ ข้ันสรุปและการประยกุ ต์ 12.ครูและผเู้ รยี นสรุปโดยการถามตอบเกย่ี วกบั เน้ือหาทเ่ี รยี น 13.ผู้เรยี นทากิจกรรมใบงาน และแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนังสอื เรียน วชิ ากฎหมายคอมพวิ เตอร์ ของสานักพมิ พเ์ อมพันธ์ 2.กิจกรรมการเรยี นการสอน 3.แผน่ ใส 4.ส่อื PowerPoint 6.แบบประเมินผลการเรียนรู้ หลักฐาน 1.บันทึกการสอน 2.ใบเช็ครายชอ่ื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวัดผลและการประเมินผล วิธวี ดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบัติ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
51 เคร่ืองมอื วัดผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผ้เู รียนร่วมกัน ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไม่มชี ่องปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขนึ้ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50% 5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ มีเกณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.ครแู นะนาให้ฝกึ ปฏิบตั ิทากิจกรรมใบงาน และอ่านทบทวนเน้ือหา
52 จงเลอื กคาตอบทถี่ ูกต้องทีส่ ุดเพียงขอ้ เดยี ว 1. นายเอทาสัญญากยู้ มื เงินกับนายบี 4,000 บาท เป็นนิติกรรมระหวา่ งนายเอและนายบี โดยท่นี ายเออย่ใู นฐานะ ลูกหนี้ และนายบอี ยู่ในฐานะเจ้าหน้ี เมอื่ ถงึ กาหนดท่ตี อ้ งคนื เงินตามสัญญานายบสี ามารถเรยี กร้องบงั คับใหน้ ายเอคืนเงนิ ได้ จากขอ้ ความขา้ งตน้ เป็นการเคลื่อนไหวของสิทธติ ามกฎหมายประการใด ก. การก่อสิทธิ ข. การเปลีย่ นแปลงสิทธิ ค. การโอนสทิ ธิ ง. การสงวนสิทธิ จ. การระงบั สิทธิ 2. จากค่คู วามในข้อ 1 นายบีได้ทาหนังสือโอนหน้เี งนิ ทั้งหมด 4,000 บาท ใหน้ ายซี และไดบ้ อกกล่าวการเปลยี่ นแปลง นีไ้ ปยังนายเอแล้ว นายเอจึงตอ้ งชาระหนีด้ ังกล่าวท่นี ายซี จากขอ้ ความขา้ งตน้ เป็นการเคลอ่ื นไหวของสิทธติ ามกฎหมายประการใด ก. การกอ่ สทิ ธิ ข. การเปล่ยี นแปลงสทิ ธิ ค. การโอนสิทธิ ง. การสงวนสิทธิ จ. การระงบั สิทธิ 3. จากคคู่ วามในขอ้ 2 นายเอไม่สามารถชาระหนไ้ี ด้ด้วยเงินสด จึงได้ตกลงกับนายซวี า่ จะขอชาระหนโ้ี ดยใช้แหวนเพชร แทนเงินสด ซ่ึงนายซีก็ตกลงยินยอม จากข้อความขา้ งตน้ เป็นการเคลอ่ื นไหวของสทิ ธิตามกฎหมายประการใด ก. การกอ่ สิทธิ ข. การเปล่ยี นแปลงสิทธิ ค. การโอนสทิ ธิ ง. การสงวนสทิ ธิ จ. การระงบั สทิ ธิ 4. ครอบครวั ของนางสาวใจดเี ปน็ ครอบครวั ใหญ่ สร้างบ้านหลายๆ หลังอยใู่ นบรเิ วณพ้นื ท่ีเดยี วกันซึง่ ตาแหน่งบา้ นหลงั ท่ี นางสาวใจดเี ปน็ เจา้ ของ อยใู่ นซอยลึก จึงมีการใชท้ ด่ี ินของครอบครวั ทาถนนเข้า–ออกซอย ซงึ่ ถนนดงั กล่าวนส้ี ามารถ ทะลุไปยังถนนใหญ่ได้ ชาวบ้านท่ที ราบจงึ ถือโอกาสขับรถเขา้ -ออกถนนดังกลา่ ว ซึง่ เปน็ การรบกวนครอบครวั ของ นางสาวใจดีอย่างมาก ตอ่ มาจงึ มีการปิดปา้ ยทมี่ ีข้อความว่า “ถนนส่วนบุคคล” ปักไวท้ ี่ถนนนน้ั การกระดงั กลา่ วตรงกับ ข้อใด ก. การก่อสิทธิ ข. การเปล่ียนแปลงสทิ ธิ ค. การโอนสทิ ธิ ง. การสงวนสิทธิ จ. การระงับสิทธิ 5. ข้อใดต่อไปนเ้ี ป็นนติ กิ รรมทต่ี อ้ งกระทาตามแบบแผนทก่ี ฎหมายกาหนดมฉิ ะน้ันจะไม่เกดิ ผลทางกฎหมายและต้องเป็น นิติกรรมท่ีสามารถกระทาไดฝ้ า่ ยเดียว ก. สญั ญาจานอง ข. การทาพินัยกรรม ค. การปลดหน้ี ง. สัญญาซ้ือขายอสงั หารมิ ทรพั ย์ จ. สญั ญาจ้างทาาของ 6. ขอ้ ใดหมายถงึ นติ กิ รรมทไี่ มต่ อ้ งกระทาตามแบบและนติ กิ รรมท่ีไมม่ ีค่าตอบแทน ตามลาดบั
53 ก. สญั ญาจา้ งแรงงาน สญั ญาซอ้ื ขายอสงั หารมิ ทรพั ย์ ข. สัญญาซ้อื ขายสังหารมิ ทรัพย์ สญั ญายมื ใช้คงรปู ค. สญั ญาใหโ้ ดยเสนห่ า สญั ญาจ้างแรงงาน ง. สญั ญาใหท้ ีม่ คี า่ ภาระผกู พัน สญั ญายมื ใช้คงรูป จ. สญั ญาใหโ้ ดยเสนห่ า สญั ญายมื ใชค้ งรูป 7. การทาสญั ญาประกันชวี ิต เป็นนติ กิ รรมประเภทใด ก. นติ ิกรรมทไี่ มม่ เี ง่ือนไขเงอ่ื นเวลา ข. นติ ิกรรมท่ีมเี งือ่ นไขเงอื่ นเวลา ค. นิติกรรมทีม่ ีผลเมอ่ื ผู้ทาตายแลว้ ง. นติ ิกรรมทมี่ ผี ลเม่อื ผ้ทู ายงั มชี วี ติ อยู่ จ. นติ กิ รรมไมม่ คี ่าตอบแทน 8. ข้อใดเป็นนติ ิกรรมที่เกดิ ขึ้นจากการแสดงเจตนาและการกระทาโดยบุคคลตั้งแต่ 2 ฝ่ายขนึ้ ไป ท้งั หมด ก. การทาพนิ ัยกรรม สญั ญาใหท้ ีม่ คี า่ ภาระผูกพัน การปลดหนี้ สญั ญาให้โดยเสนห่ า ข. การทาพินัยกรรม การบอกเลิกสัญญา การปลดหนี้ การตั้งมลู นธิ ิ ค. สัญญาจานอง การทาพนิ ยั กรรม การสมรสสญั ญายมื ใชค้ งรปู ง. สญั ญาคา้ ประกัน สญั ญาจานอง สญั ญากยู้ มื เงนิ การหม้ัน จ. สญั ญาซื้อขายสังหารมิ ทรพั ย์ การบอกเลิกสญั ญา สญั ญาซื้อขาย สญั ญาเช่าทรัพย์ 9. การพจิ ารณาว่านติ ิกรรมมคี วามสมบรู ณห์ รือไม่ ตอ้ งพิจารณาองค์ประกอบครบตามทบี่ ญั ญตั ิไวใ้ นประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ ยกเว้นขอ้ ใด ก. ความสามารถของบุคคลในการทานิติกรรม ข. สภาพความเป็นครอบครวั ของผรู้ ว่ มนติ ิกรรม ค. แบบของนติ ิกรรม ง. การแสดงเจตนาของบุคคลในการทานิตกิ รรม จ. วตั ถปุ ระสงค์ของนิตกิ รรม 10. สมศรีเป็นเศรษฐีปลอ่ ยเงินกู้ใหก้ บั ชาวบา้ นโดยคดิ อตั ราดอกเบย้ี เกินกวา่ ทีก่ ฎหมายกาหนด ทาให้นิติกรรมนน้ั ตก เปน็ โมฆะ การตกเปน็ โมฆะดังกล่าวเกดิ ขึ้นในลกั ษณะใด ก. วัตถปุ ระสงค์ทตี่ อ้ งหา้ มชัดแจง้ ตามกฎหมาย ข. วัตถุประสงคท์ ี่เปน็ การพ้นวสิ ยั ค. วตั ถุประสงคท์ ี่เปน็ การขัดตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ย ง. วัตถปุ ระสงคท์ พี่ ิจารณาแล้วว่าขาดความรอบคอบ จ. วัตถุประสงคท์ ่ีมีความผดิ ซา้ ซ้อนและร้ายแรง 11. สญั ญาฮ้ัวการประมลู หลอกลวงราชการจดั เป็นวตั ถปุ ระสงคท์ ่ไี ม่ชอบดว้ ยกฎหมายในลกั ษณะใด ก. วัตถุประสงค์ทตี่ อ้ งห้ามชัดแจ้งตามกฎหมาย ข. วัตถุประสงคท์ เี่ ป็นการพ้นวิสยั ค. วัตถปุ ระสงค์ท่เี ปน็ การขัดต่อความสงบเรยี บร้อย ง. วตั ถุประสงคท์ พี่ ิจารณาแล้ววา่ ขาดความรอบคอบ จ. วตั ถปุ ระสงคท์ มี่ ีความผดิ ซ้าซ้อนและร้ายแรง
54 12. นาง ก ต้องการทาหนังสอื รบั สภาพหนีใ้ หก้ บั นาย ข ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ เพื่อยืนยันในสทิ ธิของเจ้าหนท้ี จ่ี ะไดร้ ับชาระหน้ี จากลกู หนแ้ี น่นอน จะต้องปฏิบัตดิ งั ข้อใด ก. ตอ้ งทาเป็นหนังสอื และจดทะเบียนตอ่ พนักงานเจ้าหน้าท่ี ข. ตอ้ งจดทะเบียนต่อพนักงานเจา้ หน้าที่ ค. ตอ้ งทาเปน็ หนังสือต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี ง. ต้องทาเปน็ หนังสือระหวา่ งกันเอง จ. ตอ้ งทาตามแบบพิเศษที่กฎหมายกาหนดไว้ 13. การทานติ กิ รรมในข้อใด ถา้ ทาเป็นลายลักษณ์อกั ษรเพียงอย่างเดยี วแต่ไม่นาไปจดทะเบยี น กจ็ ะไมม่ ีผลบังคับใช้ นติ ิ กรรมนน้ั จะตกเป็นโมฆะ ก. การจดทะเบียนสมรส การจดทะเบยี นหยา่ ข. สัญญาแลกเปล่ียนอสงั หารมิ ทรพั ย์ สญั ญาให้อสังหารมิ ทรพั ย์ ค. การทาพนิ ยั กรรมแบบเอกสารฝา่ ยเมอื ง การคดั ค้านต๋ัวแลกเงิน ง. การจดทะเบยี นสมรส สญั ญาใหอ้ สังหารมิ ทรพั ย์ จ. การทาหนังสือรบั สภาพหนี้ การทาสญั ญาเช่าซื้อ 14. จากขอ้ ความข้างตน้ นติ กิ รรมระหวา่ งนายขวญั กบั นายม่งิ เปน็ โมฆะหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ก. เปน็ โมฆะ เพราะเปน็ นิตกิ รรมอาพราง ข. เป็นโมฆะ เพราะเป็นการแสดงเจตนาลวง ค. เปน็ โมฆะ เพราะการแสดงเจตนาซอ่ นเรน้ ง. ไมเ่ ป็นโมฆะ เพราะขณะโอนทดี่ นิ มกี ารจดทะเบยี น จ. ไมเ่ ป็นโมฆะ เพราะต่างฝา่ ยตา่ งยนิ ยอม 15. นายขวัญสามารถเรียกรอ้ งเอาทด่ี ินคนื จากนายมั่งได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ก. ได้ เพราะกรรมสทิ ธ์ิท่ดี นิ ยงั คงเปน็ ของนายขวัญ ข. ได้ เพราะนิติกรรมระหวา่ งนายขวญั กับนายมงิ่ เป็นโมฆะ ค. ได้ เพราะนายมง่ั มคี วามผิดในฐานซอื้ ของจากโจร ง. ไมไ่ ด้ เพราะนายม่งั เปน็ ผบู้ รสิ ทุ ธ์จิ ึงไดร้ ับความคมุ้ ครองตามกฎหมาย จ. ไม่ได้ เพราะกรรมสิทธท์ิ ด่ี ินเปน็ ของนายมิง่ 16. แกม้ เปน็ เดก็ ที่ไมไ่ ด้เรียนหนงั สือ วนั หนึ่งได้รบั เงนิ มรดกจากผเู้ ลยี้ งดจู านวนหนง่ึ แก้มจงึ นาเงนิ ทไี่ ด้ไปแสดงเจตนา ประสงคจ์ ะทาสญั ญาซ้ือบา้ นแต่เกดิ ความผดิ พลาดไปลงทาสญั ญาเชา่ บา้ นเพราะอา่ นหนังสือไม่ออก โดยเงนิ ทีจ่ ่ายไปน้ัน เปน็ ราคาสาหรบั ซ้ือบ้านได้ท้งั หลงั การซอ้ื ขายดงั กลา่ ว เป็นโมฆะหรือไม่
55 ก เป็นโมฆะ เพราะเปน็ นิติกรรมอาพราง ข. เป็นโมฆะ เพราะเปน็ การแสดงเจตนาลวง ค. เปน็ โมฆะ เพราะความสาคญั ผดิ ในสาระสาคญั แหง่ นิติกรรม ง. ไมเ่ ป็นโมฆะ เพราะแก้มประมาทดว้ ยตนเอง จ. ไมเ่ ปน็ โมฆะ เพราะตา่ งฝา่ ยตา่ งยินยอม 17. การทต่ี ้อยอายุ 14 ปี แต่นาเงนิ ที่ตนเองหาไดไ้ ปทาาสญั ญาซ้ือรถมือสองเพ่ือนามาขับ สญั ญาซือ้ ขาย ดังกล่าวมผี ลตามกฎหมายอยา่ งไร ก. นิติกรรมตกเปน็ โมฆียะเพราะไมอ่ าจใหส้ ัตยาบันแก่กันได้ ข. นิติกรรมตกเป็นโมฆียะเพราะยงั เปน็ ผเู้ ยาว์ ค. นติ กิ รรมท่ีตกเปน็ โมฆะเพราะไมอ่ าจให้สตั ยาบนั แกก่ นั ได้ ง. นิติกรรมท่ีตกเปน็ โมฆะเพราะยงั เปน็ ผเู้ ยาว์ จ. นิตกิ รรมทต่ี กเป็นโมฆะเพราะไมไ่ ดร้ บั ความยินยอมจากบดิ าและมารดา 18. การทชี่ ายหรอื หญิงจะทาการสมรสในขณะท่ีตนมีคสู่ มรสอย่แู ลว้ นนั้ การกระทาดงั กล่าวมผี ลตามกฎหมายอยา่ งไร ก. นติ ิกรรมตกเป็นโมฆียะเพราะไมอ่ าจใหส้ ตั ยาบันแก่กนั ได้ ข. นติ กิ รรมตกเปน็ โมฆียะเพราะยงั เป็นผูเ้ ยาว์ ค. นิติกรรมตกเปน็ โมฆะเพราะไมอ่ าจใหส้ ตั ยาบนั แกก่ นั ได้ ง. นิติกรรมตกเป็นโมฆะเพราะกฎหมายบญั ญัตไิ ว้โดยเฉพาะใหต้ กเปน็ โมฆะ จ. นติ ิกรรมตกเปน็ โมฆะเพราะไม่ได้รบั ความยนิ ยอมจากบดิ าและมารดา 19. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกตอ้ งเกย่ี วกบั การบอกลา้ งโมฆยี ะกรรม ก. ทาใหน้ ิตกิ รรมนัน้ ตกเป็นโมฆะตัง้ แต่เรมิ่ แรก ข. การบอกล้างโมฆยี ะกรรมตอ้ งบอกล้างภายในกาหนดเวลา จงึ จะทาใหเ้ ป็นโมฆะ ค. ผเู้ ยาวส์ ามารถบอกลา้ งโมฆียะกรรมก่อนตนบรรลนุ ติ ภิ าวะกไ็ ด้โดยไมต่ อ้ งไดร้ ับความยินยอม จากผู้แทนโดยชอบธรรม ง. ทรพั ย์สนิ ทีไ่ ดม้ าจากการทานิตกิ รรมโมฆียะตอ้ งคืนให้แก่กนั ในลกั ษณะกลับสูฐ่ านะเดมิ จ. ระยะเวลาการบอกล้างโมฆยี ะกรรมจะตอ้ งกระทาาภายใน 1 ปี นับแตเ่ วลาทอ่ี าจใหส้ ัตยาบนั ได้ 20. การกระทาในข้อใดเปน็ การทาาให้นติ ิกรรมสมบูรณต์ ลอดไป โดยจะบอกล้างอกี ไม่ได้ และถอื เปน็ การรับรองความ สมบูรณ์ของนิติกรรมนั้น ก. การบรรลุนติ ภิ าวะ ข. การแสดงเจตนาทแี่ ท้จรงิ ค. การให้สตั ยาบนั ง. การไดร้ บั ความยนิ ยอมจากศาล จ. การประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์
56 บนั ทึกหลังการสอน ข้อสรุปหลังการสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพ่ี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 6 หน่วยที่ 4 สอนคร้ังท่ี 6 (11-12) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ชอ่ื หน่วย/เรอ่ื ง กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ว่าดว้ ยสญั ญา จานวน 2 ช.ม.
57 สาระสาคัญ สัญญาเป็นนติ ิกรรมท่ปี ระกอบด้วยคาเสนอ และคาสนอง โดยจะสมบูรณไ์ ด้ต้องเป็นไปตามข้อกาหนดของ กฎหมาย หลงั จากที่คู่สญั ญาทง้ั สองฝา่ ยมคี าเสนอ และมีการรับคาสนองแลว้ สัญญาจึงจะเกดิ ขึ้น ในปจั จบุ นั การ ตดิ ต่อสื่อสารมคี วามก้าวหนา้ และทันสมัยมากขน้ึ รูปแบบการทาคาเสนอ และการรับคาสนองจงึ เปลีย่ นแปลงไปเพือ่ ให้ การทาสญั ญาสะดวกยิง่ ข้นึ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. แสดงความรู้เกยี่ วกบั ความหมายและองค์ประกอบของสญั ญาได้ 2. แสดงความรู้เกยี่ วกบั การกอ่ ใหเ้ กดิ สญั ญาได้ 3. บอกประเภทของสัญญาได้ 4. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานกั งาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ครสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่ือง 4.1 ความมมี นษุ ยสัมพนั ธ์ 4.2 ความมีวนิ ัย 4.3 ความรบั ผดิ ชอบ 4.4 ความซือ่ สตั ยส์ จุ ริต 4.5 ความเช่ือม่นั ในตนเอง 4.6 การประหยดั 4.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 4.8 การละเวน้ ส่ิงเสพติดและการพนัน 4.9 ความรกั สามคั คี 4.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกยี่ วกบั กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ 2. แสดงความรูเ้ กยี่ วกับหลกั กฎหมายลิขสิทธ์แิ ละสทิ ธิบตั ร
58 เน้ือหาสาระ 1. ความหมายและองคป์ ระกอบของสญั ญา 2. การกอ่ ใหเ้ กิดสญั ญา 3. ประเภทของสญั ญา กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1.ครูกล่าวว่าสญั ญาเปน็ นิตกิ รรมทปี่ ระกอบดว้ ยคาเสนอ และคาสนอง โดยจะสมบูรณไ์ ดต้ อ้ งเป็นไปตาม ข้อกาหนดของกฎหมาย หลงั จากทค่ี ู่สญั ญาท้งั สองฝ่ายมคี าเสนอ และมกี ารรบั คาสนองแล้ว สัญญาจงึ จะเกดิ ข้นึ ใน ปจั จุบนั การตดิ ต่อส่ือสารมคี วามกา้ วหน้า และทนั สมยั มากข้ึน รปู แบบการทาคาเสนอ และการรบั คาสนองจึง เปล่ียนแปลงไปเพือ่ ให้การทาสญั ญาสะดวกยงิ่ ขึน้ 2.ครูเลา่ ประสบการณ์หรือข่าสารทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าดว้ ยสัญญา 3.ผู้เรียนทาแบบประเมณิ ผลก่อนเรียน และสลบั กันตรวจเพอ่ื สะสมคะแนนเก็บสะสม ขั้นสอน 4.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) อธิบายความหมายและองค์ประกอบของสัญญา ดงั น้ี สญั ญา หมายถึง นติ กิ รรมของบุคคล 2 ฝ่ายท่ีเกดิ ขน้ึ จากการแสดงเจตนาสอดคลอ้ งต้องกันโดยฝ่ายหนึง่ เป็น ผู้เสนอ สว่ นอกี ฝ่ายหน่งึ เปน็ ผสู้ นอง เมอ่ื รบั คาเสนอ คาสนองที่ถกู ต้องตรงกนั สัญญาจงึ เกดิ ขึน้ องค์ประกอบของสญั ญา มดี งั น้ี 1). ต้องมบี คุ คลตั้งแต่ 2 ฝา่ ยขน้ึ ไป แสดงเจตนาทาคาเสนอ และคาสนองท่ถี ูกต้องตรงกนั หากมคี ู่สญั ญา เพียงฝ่ายเดยี ว สัญญาจะไม่เกิด 2). ต้องมีการแสดงเจตนาต้องตรงกัน การทาสัญญาจะต้องมี “คาเสนอ” และ “คาสนอง” ทถ่ี ูกตอ้ ง ตรงกัน จงึ จะเกิดเปน็ สญั ญาขน้ึ หากคาเสนอ และคาสนองไมถ่ ูกต้องตรงกัน สัญญาจะไมเ่ กดิ เช่น สานักงานตอ้ งการ โทรทัศน์สี ขนาด 40 น้วิ มีไวไฟ จานวน 10 เครือ่ ง เมอ่ื บริษทั ผ้ขู ายทาคาสนองกลบั มาเปน็ โทรทศั นร์ ่นุ ที่ไม่มไี วไฟ สัญญาจะไม่เกดิ เนือ่ งจากคาเสนอและคาสนองไมต่ รงกัน 3). ต้องมวี ัตถุประสงคใ์ นการทาสญั ญา การแสดงเจตนาทานติ ิกรรมทกุ ประเภท จะต้องมีวตั ถุประสงคใ์ น การทาสญั ญาท้งั สน้ิ สญั ญาจงึ เป็นนิตกิ รรมหลายฝ่าย จงึ ตอ้ งมีวัตถปุ ระสงค์ทตี่ รงกันถา้ ไมม่ ีวัตถปุ ระสงค์จะไม่มคี วามมงุ่ หมายในการทาสัญญา สัญญาจงึ ไม่เกิด ซ่ึงวตั ถปุ ระสงคข์ องสญั ญาอาจอยใู่ นรูปของทรัพยส์ ิน เช่น การทาสญั ญาซอื้ ขาย เป็นตน้ หรืออาจไม่มตี วั ตน เช่น สญั ญาจา้ งแรงงาน เปน็ ตน้ 5.ครใู ชส้ ื่อ Power Point ประกอบการอธบิ ายเรอื่ งการก่อให้เกิดสญั ญา ดงั นี้ สัญญาจะเกดิ ขึน้ ไดน้ น้ั ต้องมีการแสดงเจตนาทถี่ กู ตอ้ งตรงกนั ทกุ ฝ่าย ฝา่ ยหน่งึ เป็นผ้เู สนอ และอกี ฝา่ ยหน่ึงเป็นผู้ สนอง การก่อให้เกดิ สญั ญาจะตอ้ งประกอบดว้ ยหลกั เกณฑ์เบอื้ งต้น ท้งั เรื่องความสามารถของบุคคลผูเ้ ป็นคสู่ ัญญา หรอื เรื่องความสามารถตามกรอบวตั ถปุ ระสงคข์ องนติ ิบุคคล หรอื เรื่องวัตถปุ ระสงค์ของสัญญาซ่ึงเป็นพ้นื ฐานในการทานิติ กรรม ดงั นนั้ ในการทาาสัญญาจึงตอ้ งมีการพจิ ารณาเรอ่ื งการทาคาเสนอ และคาสนอง ที่ต้องเป็นไปตามหลกั ของ กฎหมาย คาเสนอ เปน็ การแสดงเจตนาของผูเ้ สนอทต่ี ้องการทาสัญญากับอีกฝา่ ยหนงึ่ การยน่ื ขอ้ เสนอใหอ้ ีกฝา่ ยหนงึ่ ทราบ ต้องเป็นขอ้ ความทช่ี ดั เจนแน่นอนว่าประสงคส์ ิ่งใด เม่อื อกี ฝา่ ยหนึง่ ทราบ และมีความเข้าใจกจ็ ะตอบสนองโดยการทา สัญญาดว้ ย หากคาเสนอไมม่ คี วามชดั เจน แมอ้ กี ฝ่ายหนึ่งจะรับคาเสนอสญั ญาจะไม่เกดิ ข้ึน
59 ลกั ษณะของคาเสนอ มดี ังนี้ 1). เปน็ นิตกิ รรมฝา่ ยเดยี วที่ต้องมผี ้รู บั การแสดงเจตนา จะตอ้ งมกี ารพจิ ารณาว่าไดม้ ีการทาคาเสนอไปยงั บคุ คลซ่งึ อยูห่างกันโดยระยะทาง และอกี ฝา่ ยไดร้ บั คาเสนอจะต้องตอบสนองกลบั มาในระยะเวลาทกี่ าหนด จงึ จะมผี ล เปน็ สัญญา 2). มีการแสดงเจตนาโดยชัดแจง้ วิธกี ารแสดงเจตนาอาจทาด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อกั ษรอย่างใดอยา่ งหน่งึ เพราะคาเสนอคอื คาขอให้ทาสัญญา ดังน้ันคาเสนอจึงไมอ่ าจแสดงเจตนาโดยปรยิ าย 3). ตอ้ งมขี อ้ ความชดั เจนแนน่ อน กล่าวคอื ผทู้ าคาเสนอจะต้องแสดงเจตนาทาคาเสนอโดยมีความชดั เจนและ แนน่ อน เช่น กรณีของการขายสินค้า จะต้องมีรายละเอยี ดของสนิ คา้ อยา่ งชัดเจน ไดแ้ กร่ ่นุ สี ขนาด ปริมาณ ราคา เป็น ตน้ เมือ่ คาเสนอนนั้ ถึงผรู้ ับคาเสนอ และฝ่ายน้นั พอใจจะทาสญั ญาจงึ ทาคาสนองกลับมา สัญญาจะเกดิ ข้ึนทนั ที กรณขี อ้ ความในคาเสนอไมช่ ัดเจน ข้อความน้ันจะไมม่ ีผลเปน็ คาเสนอ แต่จะเปน็ เพียงคาปรารภคาทาบทาม หรอื คาาเชอ้ื เชิญเท่านั้น 4). แสดงเจตนาต่อบคุ คลโดยเจาะจงหรือตอ่ สาธารณชนกไ็ ด้ คาเสนออาจเป็นการแสดงเจตนาเจาะจงถงึ บคุ คล เชน่ นางลกั ขณาเสนอขายเครอื่ งเพชรของตนต่อนางเสาวนีย์ เป็นต้น หรืออาจเปน็ การเสนอต่อสาธารณชน เชน่ นางลักขณาเสนอขายเครือ่ งเพชรของตนในหนังสือพมิ พ์ เป็นตน้ 5). เม่ือมคี าเสนอไปแล้วไมม่ สี ิทธปิ ฏิเสธ หรือเลอื กปฏบิ ัติ กรณีของการทาคาเสนอเจาะจงถงึ บุคคล ผรู้ บั คา เสนอคนน้นั จะทาคาสนองกลับมา หากเป็นกรณีของการเสนอตอ่ สาธารณชน ไมว่ ่าบุคคลใดจะสนองกลบั มา ผเู้ สนอจะ ปฏเิ สธที่จะไมเ่ ข้าทาสญั ญาไมไ่ ด้ ประเภทของคาเสนอ คาเสนอแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดังน้ี 1). คาเสนอทีแ่ สดงต่อบคุ คลผู้อยู่เฉพาะหน้า เปน็ คาเสนอทีผ่ รู้ บั คาเสนอสามารถทราบเจตนานัน้ ทันที โดยผู้ เสนอและผรู้ ับคาเสนอไมต่ ้องอยู่ตอ่ หน้าอยา่ งแท้จรงิ อาจผา่ นทางสอื่ ได้แก่ โทรศพั ท์ โทรทัศนค์ อมพิวเตอร์ เปน็ ตน้ เชน่ ตวั แทนขายกรมธรรมป์ ระกันชีวติ โทรศัพทห์ าลูกคา้ เพอ่ื เสนอโปรแกรมการทาประกนั โดยผรู้ บั คาเสนอสามารถแสดง เจตนารบั คาาเสนอ หรือปฏเิ สธคาเสนอนัน้ ไดท้ ันที เป็นต้น 2). คาเสนอทแี่ สดงต่อบุคคลผอู้ ยหู่ า่ งโดยระยะทาง เปน็ คาเสนอที่แสดงเจตนาออกไปยงั ผรู้ ับโดยผรู้ บั ไมส่ ามารถ รบั ข้อความได้ทันที ตอ้ งใช้เวลากอ่ นทีค่ าเสนอจะถงึ มือผรู้ บั เชน่ การเสนอขายสินค้าทางไปรษณยี ์ เป็นตน้ ผลของการนาเสนอ มีดงั นี้ 1). คาเสนอท้งั สองประเภท หากมีระยะเวลาในการสนอง ผู้เสนอจะถอนคาเสนอของตนภายในเวลานัน้ ไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีของคาเสนอที่แสดงต่อบคุ คลผอู้ ยูห่ ่างโดยระยะทาง หากผ้เู สนอตอ้ งการถอนคาเสนอก็สามารถกระทาได้ โดยการแสดงเจตนาถอนสง่ ไปถงึ กอ่ นหรือพร้อมกบั คาเสนอถึงผรู้ ับคาเสนอ 2). คาเสนอต่อบคุ คลผู้อยเู่ ฉพาะหน้าท่ีไมไ่ ด้กาหนดเวลาในการสนอง เมื่อเสนอ ณ ที่ใด เวลาใดก็ตอ้ งสนองรบั ณ สถานที่ และเวลาตามท่ีกาหนด หากผเู้ สนอต้องการถอนคาเสนอก็สามารถทาไดโ้ ดยการแสดงเจตนาถอนก่อนทผี่ ู้ รบั คาเสนอจะสนองตอบ 3). คาเสนอตอ่ บุคคลผูอ้ ยรู่ ะยะทางท่มี ิไดบ้ ง่ ระยะเวลาสนอง จะถอนคาเสนอของตนภายในเวลาทไ่ี ดพ้ ิจารณา แล้ววา่ จะได้รับคาบอกกลา่ วสนองนั้นไม่ได้ หากผู้เสนอต้องการถอนคาเสนอ กส็ ามารถทาได้โดยการแสดงเจตนาถอน ส่งไปถึงก่อน หรือพร้อมกับคาเสนอให้แกผ่ รู้ บั คาาเสนอ การสน้ิ สดุ คาเสนอ มีดงั น้ี 1). คาเสนอทร่ี ะบุระยะเวลาให้ทาคาสนอง ผู้สนองจะตอ้ งรับคาเสนอภายในระยะเวลาท่กี าหนดไว้ หากเกิน ระยะเวลาถอื เปน็ การสิน้ สดุ เช่น ผู้ขายลดราคาเคร่อื งคอมพิวเตอร์ 30 % หมดเขตการลดราคา31 พฤษภาคม 2558 เม่อื ส้นิ สดุ ระยะเวลาดังกลา่ ว ถือเปน็ สิ้นสดุ
60 2). คาเสนอทไ่ี มไ่ ด้ระบรุ ะยะเวลาให้ทาคาสนอง หากเปน็ คาเสนอตอ่ บุคคลผ้อู ยหู่ ่างโดยระยะทางผสู้ นอง จะต้องตอบกลบั มาภายในระยะเวลาอันควรตามคาดหมาย ซึ่งจะพิจารณาเป็นเรอ่ื งๆ หากไมต่ อบมาในระยะเวลาที่ คาดหมาย คาเสนอนัน้ เป็นอนั ส้ินสุด หากเป็นคาเสนอตอ่ บุคคลผอู้ ยู่เฉพาะหน้า เสนอ ณ ที่ใดเวลาใด จะตอ้ งสนองรบั ตามท่ีกาหนด มิฉะน้ันถอื ว่าคาเสนอสิน้ สุด 3). มกี ารบอกปดั คาาเสนอ เมอื่ ผรู้ ับคาเสนอไดป้ ฏิเสธคาเสนอหรอื บอกปัดบางส่วน หรือแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ เปน็ อย่างอ่นื กรณีเชน่ นถี้ อื วา่ เป็นคาบอกปัด มีผลใหค้ าเสนอส้ินสดุ 4). กรณที ผี่ ้เู สนอตาย หรอื เปน็ ผไู้ ร้ความสามารถ คาเสนอน้นั อาจสน้ิ ผลได้ หากก่อนการสนองรับผู้สนองทราบ อยูแ่ ลว้ ว่าผ้เู สนอตายแล้ว หรือตกเป็นผู้ไรค้ วามสามารถ คาสนอง คาสนองเปน็ การแสดงเจตนาตอบรับคาเสนอ ซ่ึงผูร้ ับคาเสนอตกลงทีจ่ ะทาสญั ญาตามคาเสนอนัน้ คาสนองจะตอ้ งมขี ้อความที่ถกู ต้องตรงกบั คาเสนอในสาระสาคญั ทุกประการ สญั ญาจงึ จะเกดิ ข้ึนได้ และคาสนองจะมผี ล เมอื่ ผู้เสนอได้ทราบถงึ คาาสนองแล้ว ลักษณะของคาสนอง มีดงั นี้ 1). เป็นนิตกิ รรมฝ่ายเดยี ว คาสนองเป็นนิติกรรมฝา่ ยเดยี วที่ตอ้ งมผี รู้ ับการแสดงเจตนา 2). เป็นการแสดงเจตนาตอบรับคาเสนอ คาสนองเปน็ การแสดงเจตนาตอบรับคาเสนอโดยชดั แจ้ง โดยปริยาย หรือโดยการนิง่ ก็ได้ 3). ตอ้ งมขี ้อความชดั เจนและแนน่ อน คาสนองจะตอ้ งมคี วามชดั เจนแน่นอน โดยไมม่ กี ารแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ทงั้ ข้อความของคาเสนอ และตอ้ งมีความถูกต้องตรงกนั กับคาเสนอ จะแกไ้ ข เปลยี่ นแปลงใหแ้ ตกตา่ งจากคาเสนอไม่ได้ เพราะจะทาให้คาเสนอนนั้ เปน็ ข้อต่อรอง ถอื วา่ เป็นการบอกปดั ไมร่ บั คาเสนอ 4). ตอ้ งแสดงต่อผู้เสนอเทา่ น้นั คาาสนองเปน็ การแสดงเจตนาโดยชดั แจง้ โดยปริยาย หรือโดยการน่งิ กไ็ ด้ ซึ่ง แตกต่างไปจากเร่อื งของคาเสนอ เพราะคาเสนอจะต้องเปน็ การแสดงเจตนาโดยชัดแจง้ เสมอผลของคาสนอง เม่อื มีการ แสดงเจตนาทาคาสนองกลบั มายังผู้เสนอแลว้ ก็จะส่งผลทางกฎหมายดังน้ี 4.1. เมื่อมกี ารสนองรับตามคาเสนอทุกประการ ภายในระยะเวลาท่กี าหนด สญั ญาจะเกดิ ขน้ึ ทันที 4.2. เมือ่ ทาคาสนองแลว้ จะถอนคาสนองไมไ่ ด้ เมือ่ มคี าสนองเกดิ ขนึ้ แลว้ ก็จะเกดิ สญั ญาข้นึ การถอนคาสนอง จึงถอื เป็นการยกเลิกสญั ญา เว้นแต่คาสนองซ่งึ ทาไปยังบคุ คลซึ่งอยหู่ า่ งกนั โดยระยะทางจะเกิดสญั ญาข้ึนเม่ือการทาคา สนองนั้นไปถงึ ผ้เู สนอ ดังนั้นก่อนทีผ่ เู้ สนอจะไดร้ ับคาาสนอง ก็อาจบอกถอนคาสนองได้ 4.3. คาสนองไมส่ ิ้นความผกู พนั เพราะเหตุผสู้ นองตาย หรือตกเปน็ ผู้ไร้ความสามารถ หรอื เสมือน คนไรค้ วามสามารถ เว้นแต่ผสู้ นองนัน้ ไดแ้ สดงเจตนาไว้ในคาสนองดว้ ยวา่ ถ้าตนตาย หรอื ตกเปน็ คนไรค้ วามสามารถ หรือ เสมอื นคนไร้ความสามารถก่อนคาาสนองจะไปถงึ ผเู้ สนอ ให้คาสนองนนั้ ส้นิ ความผูกพนั คาสนองน้ันจงึ สิน้ ความผกู พนั ได้ 4.4. คาสนองล่วงเวลา เป็นคาสนองทไ่ี ปถงึ ผู้เสนอชา้ กว่าเวลาท่ีกาหนดให้ทาคาสนอง หรอื คาสนองที่เหน็ โดย ประจกั ษ์วา่ ไดส้ งั่ โดยทางการแลว้ ซึง่ ตามปกติควรจะมาถงึ ภายในกาหนดเวลาท่ีใหท้ าคาสนองแตค่ าสนองนั้นมาถึงลา่ ช้า กวา่ กาหนด และผูเ้ สนอไดบ้ อกกลา่ วแกผ่ ูส้ นองถึงความล่าชา้ นี้ ผลของคาสนองลว่ งเวลา คือ ทาให้คาเสนอสนิ้ สดุ ความ ผูกพัน คาสนองท่ีไปถงึ ล่วงเวลานนั้ ถือเป็นคาเสนอขึ้นมาใหม่ 4.5. คาสนองที่มีข้อความเพมิ่ เตมิ หรอื มีขอ้ จากัด หรอื มีขอ้ แก้ไขที่ไมต่ รงกบั ขอ้ ความในคาเสนอทกุ ประการ ถือวา่ เปน็ คาบอกปัด ไมร่ บั คาเสนอ มผี ลทาให้คาาเสนอนนั้ ส้ินความผกู พัน และคาสนองนัน้ กลายเป็นคาเสนอขนึ้ มาใหม่ 6.ครูใชเ้ ทคนคิ วิธีการจดั การเรยี นรแู้ บบอภิปราย (Discussion Method) อภปิ รายเร่ือง 1). สญั ญาตา่ งตอบแทนและสญั ญาไม่ตา่ งตอบแทน แบง่ ออกดงั นี้ สญั ญาตา่ งตอบแทน เป็นสัญญาท่ีคู่สัญญาแตล่ ะฝา่ ยมหี น้าทตี่ ้องทาใหอ้ ีกฝ่ายหนึง่ ท้งั สองฝ่ายตา่ งเปน็ ลกู หน้ีและเจ้าหนพ้ี รอ้ มกัน เช่น สญั ญาซ้ือขาย ผขู้ ายเปน็ เจ้าหน้ี ทจ่ี ะไดร้ บั ค่าสนิ คา้ จากผู้ซือ้ ขณะเดยี วกัน เปน็ ลกู หน้ที ี่
61 จะต้องสง่ มอบทรัพยส์ ินให้แกผ่ ซู้ ้ือ เป็นต้น นอกจากนย้ี ังมสี ญั ญาอน่ื ทีเ่ ปน็ สญั ญาตา่ งตอบแทน เช่น สญั ญาแลกเปลยี่ น สญั ญาเชา่ ทรพั ย์ สญั ญาจ้างแรงงาน เป็นตน้ สัญญาไมต่ า่ งตอบแทน เปน็ สญั ญาที่กอ่ ใหเ้ กิดหนา้ ทแี่ ก่คสู่ ญั ญาฝา่ ยใดฝ่ายหนง่ึ แต่เพียงฝา่ ยเดยี ว โดย คสู่ ญั ญาฝ่ายหนงึ่ มฐี านะเปน็ เจา้ หน้ี และคูส่ ญั ญาอีกฝ่ายหนง่ึ มีฐานะเป็นลกู หนี้ โดยไมใ่ ชต่ ่างฝ่ายต่างเป็นเจ้าหน้แี ละ ลกู หนี้ซงึ่ กันและกนั เชน่ สัญญายมื โดยไมม่ คี า่ ตอบแทน ผู้ยืมมีหน้าท่ีต้องคืนเงินหรอื ทรพั ยส์ ินใหแ้ กผ่ ใู้ ห้ยมื โดยผใู้ ห้ยมื ไม่มีหนา้ ทีต่ ้องตอบแทนผยู้ มื แต่อยา่ งใด นอกจากน้ียังมีสัญญาที่เปน็ สญั ญาไมต่ า่ งตอบแทน เช่น สญั ญากู้ยืมเงินมี ดอกเบี้ย เปน็ ตน้ 2). สญั ญามีคา่ ตอบแทนและสญั ญาไมม่ คี ่าตอบแทน แบ่งออกดังน้ี สญั ญามีคา่ ตอบแทน เป็นสญั ญาท่คี ู่กรณีทัง้ สองฝ่ายต่างไดร้ บั ค่าตอบแทนจากอีกฝา่ ยหนงึ่ อาจได้รบั ใน รูปของเงนิ หรือในรูปทรัพยส์ นิ หรอื การกระทาบางอย่าง เช่น การใชบ้ ริการรถแท็กซ่ี ผู้ใชบ้ รกิ ารจะต้องจ่ายค่าโดยสาร แก่คนขับรถแทก็ ซี่ โดยจะได้รบั การบริการไปส่งยังจดุ หมาย เป็นตน้ สัญญาไม่มคี า่ ตอบแทน เปน็ สญั ญาที่คูส่ ญั ญาฝา่ ยหนงึ่ ได้รบั ประโยชน์แต่เพยี งฝา่ ยเดยี ว เช่น สัญญาการใหโ้ ดยเสน่หา สญั ญายมื ทรัพย์หรือฝากทรัพย์โดยไม่มคี า่ ตอบแทน เป็นต้น 3). สญั ญาประธานและสญั ญาอุปกรณ์ แบ่งออกดังน้ี สญั ญาประธาน คือสญั ญาท่เี กดิ ขนึ้ และมผี ลสมบรู ณ์ โดยไมจ่ าเปน็ ตอ้ งอาศยั สัญญาอ่ืนประกอบ เพือ่ ให้สัญญาสมบรู ณ์ เชน่ สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าทรพั ย์ สัญญาประกันภยั สญั ญากู้ยืมเงิน เปน็ ต้น สัญญาอุปกรณ์ คือสญั ญาท่ีไมอ่ าจมีผลสมบรู ณ์โดยลาพงั ได้ จะตอ้ งมีสัญญาอ่ืนด้วย ตัวอย่าง เชน่ สัญญาคา้ ประกัน จะเกดิ ขน้ึ โดยลาพังไม่ได้ จะตอ้ งมสี ัญญากยู้ มื เงินเกดิ ข้ึนกอ่ น เป็นต้น 4). สญั ญาเพอื่ ประโยชน์บุคคลภายนอก เป็นสัญญาท่ไี มไ่ ดม้ ีผลแตเ่ ฉพาะค่สู ัญญาเทา่ น้นั แตจ่ ะมีผลถงึ บคุ คลภายนอกดว้ ย เชน่ สญั ญาประกนั ชวี ติ ฝา่ ยผเู้ อาประกนั เป็นฝา่ ยที่ต้องชาระคา่ เบย้ี ประกันตามทกี่ าหนด สว่ นผู้ รบั ประกันมหี นา้ ท่ีจ่ายคา่ สินไหมทดแทนเม่อื เกิดภยั ขึ้น ในสญั ญามีการระบใุ หจ้ า่ ยค่าสนิ ไหมทดแทนแก่ผู้รับประโยชน์ซงึ่ เปน็ บุคคลภายนอก ไมไ่ ดเ้ ป็นคสู่ ญั ญาแตจ่ ะไดร้ ับผลประโยชน์ หรอื ค่าสนิ ไหมทดแทน เมอ่ื ผู้เอาประกนั เสียชีวิต เปน็ ตน้ 7.ผเู้ รียนเขยี นสรปุ เนอื้ หาเรือ่ งประเภทของสัญญา 8.ครูเน้นผู้เรยี นให้มีความละเอยี ดรอบคอบ มคี วามอดทน มคี วาเขม้ แข็ง มคี วามเพียรพยายาม ข้ันสรุปและการประยุกต์ 9.สรุปเนื้อหาโดยใหผ้ ูเ้ รยี นสลบั กนั ถามตอบ เก่ยี วกับเน้ือหาทเ่ี รยี น 10.ผเู้ รยี นทาใบงาน 11.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ตอ่ ไปนี้ ช่อื ผู้เรยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วิธกี ารเรยี นรู้ ความสนใจ สติปญั ญา วุฒภิ าวะ 1. 2. 3. 4. 5. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
62 1.หนังสือเรียน วิชากฎหมายคอมพิวเตอร์ ของสานักพิมพ์เอมพันธ์ 2.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 3.แผ่นใส 4.สื่อ PowerPoint หลักฐาน 1.บันทึกการสอน 2.ใบเช็ครายชอ่ื 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมนิ ผล วธิ ีวัดผล 1. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยมและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผ้เู รยี นร่วมกนั ประเมิน เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไมม่ ชี ่องปรับปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ข้นึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขนึ้ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คือ 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิมีเกณฑผ์ ่าน 50% 6 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึน้ อยู่กับการ ประเมินตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.อา่ นทบทวนเนอื้ หา
63 2.ศกึ ษาข้อมูลเพ่มิ เติมจากส่อื อนิ เทอรเ์ น็ต
64 บนั ทึกหลังการสอน ขอ้ สรุปหลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพ่ี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 7 หน่วยท่ี 4 สอนครงั้ ที่ 7 (13-14) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ชอ่ื หน่วย/เร่อื ง กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ว่าดว้ ยสัญญา จานวน 2 ช.ม.
65 สาระสาคัญ สญั ญาเปน็ นิติกรรมทีป่ ระกอบดว้ ยคาเสนอ และคาสนอง โดยจะสมบรู ณไ์ ดต้ ้องเป็นไปตามขอ้ กาหนดของ กฎหมาย หลังจากทคี่ ู่สญั ญาทั้งสองฝา่ ยมีคาเสนอ และมกี ารรับคาสนองแล้ว สัญญาจึงจะเกิดขนึ้ ในปัจจบุ นั การ ตดิ ต่อสื่อสารมีความก้าวหน้า และทนั สมยั มากข้ึน รปู แบบการทาคาเสนอ และการรับคาสนองจงึ เปลย่ี นแปลงไปเพ่อื ให้ การทาสัญญาสะดวกยง่ิ ขึน้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 4. แสดงความรู้เกย่ี วกบั สญั ญาพาณิชย์อิเล็กทรอนกิ สไ์ ด้ 5. แสดงความรู้เกย่ี วกับมดั จาและเบย้ี ปรบั ได้ 6. แสดงความรู้เกยี่ วกับการเลิกสญั ญาได้ 7. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศกึ ษาสานกั งาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ครสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่ือง 7.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 7.2 ความมีวินยั 7.3 ความรับผดิ ชอบ 7.4 ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ 7.5 ความเชื่อม่ันในตนเอง 7.6 การประหยัด 7.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 7.8 การละเว้นส่งิ เสพตดิ และการพนัน 7.9 ความรกั สามคั คี 7.10 ความกตัญญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความร้เู กย่ี วกับกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ 2. แสดงความร้เู กย่ี วกบั หลกั กฎหมายลขิ สิทธิแ์ ละสทิ ธบิ ัตร
66 เน้ือหาสาะ 4. สญั ญาพาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 5. มัดจาและเบ้ียปรับ 6. การเลิกสญั ญา กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น 1.ครใู ช้เทคนิคการสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความร้เู ดมิ จากสปั ดาห์ทผ่ี ่านมา โดย ดึงความร้เู ดิมของผเู้ รียนในเรื่องท่จี ะเรยี น เพื่อช่วยให้ผเู้ รยี นมีความพร้อมในการเช่อื มโยงความร้ใู หมก่ บั ความรเู้ ดมิ ของ ตน ผสู้ อนใช้การสนทนาซกั ถามใหผ้ ูเ้ รยี นเลา่ ประสบการณเ์ ดมิ 2.ครูและผูเ้ รยี นสนทนาเกีย่ วกับการนาเอาระบบการตดิ ต่อส่ือสารผา่ นเครอื ขา่ ยเข้ามาใชใ้ นชวี ิตประจาวัน รวมถงึ การทาธุรกจิ การทาธรุ กรรมจากการใชก้ ระดาษเปลย่ี นมาเปน็ ธุรกรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ หรอื เรยี กวา่ พาณิชย์ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ (E-Commerce) คือการซื้อขายสินคา้ โดยผ่านเครอื ขา่ ยสารสนเทศ ทั้งระหวา่ งผูบ้ รโิ ภคกับผู้บริโภค องค์กรธุรกิจกับผู้บรโิ ภค และองคก์ รธรุ กจิ กับองคก์ รธุรกิจ ข้นั สอน 3. ครใู ช้เทคนคิ วธิ ีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) อธิบายเรอ่ื งสัญญาพานิชยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ โดยกล่าววา่ การใชอ้ ินเทอร์เน็ตทาสญั ญาพาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนกิ สผ์ ปู้ ระกอบการสามารถใช้ระบบเชือ่ มโยงของคอมพิวเตอร์ใน World Wide Web เปน็ เครือข่ายธรุ กิจทางอิเล็กทรอนกิ ส์ เพอื่ ใหผ้ ู้ใช้อ่ืนเข้าชมธุรกิจใน Websites ซ่ึงมกี ารเชือ่ มโยงเข้าด้วยกนั เป็นหนา้ เอกสาร ซึง่ ทั้งหน้าเอกสารมกี ารเช่ือมโยงกัน เมอื่ ผูซ้ ้ือตอ้ งการเข้าไปตดิ ตอ่ ธุรกรรมทางอิเลก็ ทรอนิกส์ กส็ ามารถ คน้ ได้โดยใช้ Web browser อนั เปน็ Websiteในการเชอื่ มโยงเปน็ เครือข่ายระหวา่ งผู้ซือ้ กบั ผขู้ าย เมอ่ื ผูซ้ อื้ เข้าสู่ Website ของผูข้ ายแลว้ กส็ ามารถเลอื กสินคา้ ไดต้ ามต้องการ 4.ครูใช้สือ่ Power Point ประกอบการอธิบายขัน้ ตอนการทาสัญญาพาณิชยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ โดยเม่ือผซู้ อ้ื เข้าไปดู ขอ้ มูลรายการสนิ ค้าบนเวบ็ ไซต์ของผขู้ ายแล้วหากต้องการสัง่ ซ้ือสนิ คา้ สามารถกระทาได้ ดังนี้ 1). สัง่ ซือ้ ระบบ On-Line เป็นการกรอกแบบฟอรม์ ระบสุ ินคา้ ทต่ี ้องการ รวมทัง้ ข้อความ สญั ญา รายละเอยี ดในการชาระเงิน กับผขู้ ายในเว็บไซต์ ของระบบอินเทอรเ์ นต็ 2). เครือข่าย Shopping การทาสญั ญาซ้ือขายระบบน้ี จะมีการรวมกลุ่มกนั เป็นเครอื ขา่ ยของ อนิ เทอรเ์ นต็ สโตร์ เพอ่ื กระต้นุ ให้เกดิ การซ้ือขาย แบ่งออกไดด้ ังนี้ 2.1 แบบเครอื ข่ายซงึ่ อนญุ าตใหล้ กู ค้าทซี่ ื้อขายผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ต สามารถเลือกซื้อสินคา้ ไดต้ าม ต้องการ 2.2 แบบไมอ่ นญุ าตให้ผา่ นเครอื ขา่ ยโดยตรง โดยผ้ซู ื้อจะตอ้ งลงทะเบยี นกอ่ น จากน้ันจะไดร้ บั รหัส (password) เพ่อื เข้าไปดรู ายละเอยี ดสนิ ค้า และเลือกซอ้ื สินค้า หลังจากเลือกซือ้ สนิ ค้าได้แล้ว ผูซ้ ้ือจะสง่ รายละเอียด เก่ียวกบั บตั รเครดิตไปยงั เครอื ข่าย shopping จากนัน้ เครอื ขา่ ย shopping จะส่งสญั ญามาให้ดู หากลกู คา้ ประสงค์ซื้อ สินค้า ก็จะตกลงไปตามสัญญา ระบบขอ้ มูลของอนิ เทอรเ์ นต็ จะบันทกึ ขอ้ มลู ไว้ 3). การส่งั ซ้อื ทางโทรศัพท์ เม่ือผู้ซอื้ ตอ้ งการซือ้ สินคา้ สามารถใช้หมายเลขโทรศพั ท์ท่ผี ู้ขายแจ้งทาง เวบ็ ไซต์ เพื่อโทรศพั ทส์ ่งั ซื้อสินคา้ ส่วนเรอื่ งการชาระเงินเป็นไปตามทผี่ ู้ขายกาหนดการทาคาเสนอทางอินเทอร์เนต็ การ กอ่ ให้เกดิ สญั ญาทางพาณชิ ย์อิเล็กทรอนิกส์ เหมือนกบั การทาสญั ญาทว่ั ไปทป่ี ระกอบด้วยคาเสนอและคาสนองท่ีถกู ตอ้ ง
67 ตรงกันสญั ญาจึงเกดิ ขึ้น แตใ่ นทางพาณชิ ยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์มปี ญั หาว่าสญั ญาจะเกดิ ขนึ้ เมอ่ื ใด เพราะเปน็ สญั ญาผ่าน เครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ การทาคาเสนอทางอินเทอรเ์ น็ต มีรายละเอียดดังนี้ 3.1. วิธกี ารทาคาเสนอทางอินเทอร์เน็ต การทาคาเสนอทางอนิ เทอร์เนต็ มลี ักษณะเหมอื นกับการ ทาคาเสนอตอ่ สาธารณะ กลา่ วคือจะต้องแสดงรายละเอยี ดเก่ียวกับสินคา้ อยา่ งชดั เจน เชน่ รุ่น สี ขนาด ราคา เปน็ ต้น คาเสนออาจเปน็ การเสนอทางไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ หรือ E-mail ไปยัง Internet store จากนนั้ Internet store ก็ จะสง่ รายละเอยี ดของสินคา้ พร้อมราคาเสนอขายมาใหผ้ ู้ซื้อ ซง่ึ มีลกั ษณะเปน็ คาเสนอ คาเสนออกี วธิ ีหนง่ึ คือคาเสนอทาง Web Pages ซึ่งจะตอ้ งแจง้ รายละเอยี ดของสนิ ค้าอย่างชัดเจน หากรายละเอยี ดไมช่ ัดเจนครบถว้ นจะไม่เรยี กวา่ คาเสนอ 3.2. ผลของคาเสนอ การทาคาเสนอทางสญั ญาพาณชิ ยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ เป็นลกั ษณะการทาคาเสนอ ของผทู้ ่ีอยู่หา่ งกันโดยระยะทาง หากไมไ่ ดก้ าหนดระยะเวลาในการทาคาสนองไว้ อาจถอนคาเสนอได้โดยการส่ง E-mail หรอื สามารถบอกถอนด้วยวิธธี รรมดาการเกิดสญั ญา การทาสญั ญาอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เป็นการทาธุรกรรมกนั ทัง้ ภายในและ ตา่ งประเทศซ่งึ ระบบกฎหมายของประเทศตา่ งๆ มีความแตกต่างกันซ่ึงมีทฤษฎีสาคญั ดังน้ี - ทฤษฎีเจตนาเผยออก เป็นทฤษฎที ่ีถือวา่ เมอื่ ผแู้ สดงเจตนาเผยการแสดงเจตนาออกมาให้เหน็ ปรากฏ กท็ าใหเ้ จตนานน้ั สมบรู ณแ์ ลว้ เชน่ เมอื่ ผู้จ้างแรงงานเขียนจดหมายแสดงเจตนาการเลิกจา้ งเมอ่ื เขียนเสร็จแล้ว การบอกเลกิ จา้ งนนั้ สมบรู ณ์ ถึงแม้จดหมายฉบับนนั้ ยงั ไมถ่ ูกส่งออกไปก็ตาม -. ทฤษฎีสง่ เจตนา เปน็ ทฤษฎีทถ่ี ือว่าเมื่อมีการแสดงเจตนาออกมาแลว้ จะมผี ลสมบรู ณเ์ มือ่ ไดส้ ง่ เจตนาไปแล้ว เช่น การบอกเลกิ สญั ญาจ้างแรงงาน เจตนาจะสมบรู ณ์เม่อื ได้หยอ่ นจดหมายลงตไู้ ปรษณยี แ์ ล้ว ประเทศที่ ใช้ระบบนี้ ไดแ้ ก่ อังกฤษ และอเมรกิ า - ทฤษฎีรบั เจตนา เป็นทฤษฎีทถ่ี อื วา่ สมบรู ณ์ เม่ือมีการแสดงเจตนาถงึ ผรู้ บั แล้ว เชน่ การบอก เลกิ สญั ญาจ้างแรงงาน จะมผี ลสมบรู ณเ์ ม่ือจดหมายบอกเลิกสญั ญาไปถงึ บ้านผู้รบั แลว้ แม้จะยังไม่ไดเ้ ปดิ อา่ นก็ตาม ทฤษฎีนต้ี รงกบั หลักกฎหมายของประเทศไทยและประเทศเยอรมัน - ทฤษฎีรบั ทราบเจตนา เป็นทฤษฎที ม่ี ีผลสมบรู ณ์ เม่อื คู่กรณอี ีกฝ่ายหนึง่ ได้ทราบถึงการแสดง เจตนาน้นั กล่าวคือการแสดงเจตนาจะมผี ลสมบรู ณ์เม่ือผรู้ ับได้อ่านจดหมายและรบั ทราบข้อความแลว้ 5.ครูใช้เทคนคิ วธิ สี อนแบบบรรยาย (Lecture Method) อธบิ ายความหมายของมดั จาและเบ้ยี ปรบั ดงั นี้ มัดจา หมายถึง เงินหรอื ส่งิ ของท่คี ่สู ญั ญาฝา่ ยหนึ่ง มอบไว้ใหแ้ ก่คู่สญั ญาอกี ฝ่ายหนงึ่ ขณะเข้าทาสญั ญา เพ่อื เปน็ หลกั ฐานวา่ ไดม้ ีการทาสญั ญาเพ่อื เปน็ ประกนั ว่าจะต้องปฏิบตั ติ ามสญั ญาน้นั เบี้ยปรบั หมายถงึ ค่าสนิ ไหมทดแทนซ่ึงอาจเปน็ เงินสดหรือส่ิงของ หรอื การกระทา ซึ่งคกู่ รณไี ดต้ กลงกนั ไว้ ล่วงหนา้ ในเวลาทาสัญญาวา่ ถา้ ฝ่ายใดฝา่ ยหนง่ึ ไม่ปฏบิ ัตติ ามสญั ญาหรอื ปฏบิ ัตไิ มถ่ ูกต้องตามสญั ญา ใหเ้ บ้ียปรบั นน้ั ตก แก่อกี ฝ่ายหนึ่ง 6.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ กี ารจดั การเรยี นรแู้ บบอภิปราย (Discussion Method) อภปิ รายร่วมกบั ผเู้ รยี นเร่อื งผลของ การมัดจา และผลของเบ้ยี ปรับ ซ่ึงมสี าระสาคญั ดงั นี้ ผลของการมัดจา มีดังน้ี 1). เงินมดั จาเปน็ สว่ นหนึ่งของการชาระหนี้ 2). ส่งคนื เมอื่ ไดช้ าระหนี้กันเรียบรอ้ ยแลว้ 3). สง่ คนื ในกรณที ี่ฝ่ายรับมดั จาละเลยไม่ชาระหน้ี หรอื การชาระหนต้ี กเป็นพน้ วิสัยเพราะพฤตกิ ารณอ์ นั ใด อันหน่งึ ซงึ่ ฝ่ายผู้รบั มัดจาาต้องรบั ผิดชอบ 4). ให้ริบกรณที ฝี่ ่ายวางมัดจาไมป่ ฏิบตั ิตามสญั ญาหรอื ไม่ชาาระหนี้ หรือการชาระหน้ตี กเปน็ พน้ วสิ ัย เพราะพฤติการณอ์ นั ใดอนั หน่งึ ซึ่งฝา่ ยผวู้ างมดั จาตอ้ งรับผดิ ชอบ หรอื มกี ารเลกิ สญั ญากันเพราะความผิดของฝ่ายที่วางมดั จา เชน่ นายแดงตกลงซอ้ื ท่ีดนิ จากนายดาา ราคา 500,000 บาท วางมดั จาไว้ 50,000 บาท และจะชาระสว่ นทเี่ หลือ ภายใน 1 ปี เม่อื ครบกาหนด 1 ปี นายแดงไม่นาเงินส่วนท่เี หลือมาชาระ นายดารบิ เงินมดั จานัน้ ได้ เป็นตน้
68 ผลของเบย้ี ปรับ มีดังน้ี 1). กรณไี ม่ชาระหนี้หรอื ไมป่ ฏิบัตติ ามสญั ญา คู่กรณอี กี ฝ่ายหนึง่ มสี ทิ ธิเรียกร้องเอาเบยี้ ปรับได้หากมีการ เรยี กให้ชาระเบี้ยปรับแลว้ จะเรียกให้ชาระหนี้หรอื ปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาการทาชาระหน้ีอีกไมไ่ ด้ 2). กรณมี ีการชาระหนบี้ า้ งแลว้ แต่เป็นการชาระหน้ีหรอื ปฏบิ ตั ไิ ม่ถกู ต้องตามที่ตกลงกันไวใ้ นสัญญา คสู่ ัญญาอกี ฝา่ ยหนึ่งมสี ทิ ธิเรียกรอ้ งเอาเบยี้ ปรบั ได้ และมสี ทิ ธิบงั คบั ให้คูส่ ญั ญาทีช่ าระหนห้ี รือปฏิบตั ิไมถ่ ูกต้องตาม สญั ญานน้ั ปฏบิ ัติใหถ้ ูกตอ้ งดว้ ย 3). กรณเี บีย้ ปรับกาหนดเป็นเงิน คู่สัญญาฝ่ายทเ่ี สยี หายสามารถพสิ จู นค์ วามเสยี หายทเี่ พ่มิ ขึ้นนอกจาก จานวนเบย้ี ปรับท่กี าหนดไวไ้ ด้ หากเบ้ยี ปรบั ไดก้ าหนดเป็นอยา่ งอืน่ ท่ไี ม่ใช่เงิน คูส่ ญั ญาท่ีเสยี หายไมส่ ามารถเรียก คา่ เสยี หายทีเ่ พ่ิมข้นึ ได้ เรียกได้เฉพาะทีต่ กลงกันเท่านน้ั 7.ครูใช้สอ่ื Power Point ประกอบการอธิบายเร่ืองสทิ ธิการบอกเลกิ สญั ญา มีดงั นี้ 1). สิทธบิ อกเลกิ สญั ญาตามบทบญั ญัติแหง่ กฎหมาย มดี งั น้ี 1.1 กรณคี สู่ ัญญาฝา่ ยหน่งึ ไม่ชาระหน้ี หากคสู่ ญั ญาฝ่ายหน่ึงไมป่ ฏบิ ตั ติ ามสญั ญา อีกฝ่ายหนึง่ มสี ทิ ธิ บอกเลิกได้ แตจ่ ะตอ้ งแจ้งให้คู่สัญญาฝา่ ยที่ผิดสญั ญาทาการชาระหนี้ หรือปฏบิ ตั ติ ามสัญญาโดยกาหนดระยะเวลา พอควรให้ หากยงั คงเพิกเฉยไมป่ ฏบิ ัตติ ามภายในเวลาทก่ี าหนด คูส่ ญั ญาอกี ฝา่ ยหน่ึงมสี ทิ ธบิ อกเลิกสญั ญาได้ 1.2 กรณที วี่ ัตถปุ ระสงคข์ องสัญญาจะสาเรจ็ ลงไดด้ ้วยการปฏบิ ัตติ ามสัญญา หรอื การชาระหนี้ ภายในเวลาทก่ี าหนด เม่อื คู่สญั ญาฝ่ายหน่งึ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามทรี่ ะบไุ ว้ในสัญญา คสู่ ญั ญาอีกฝา่ ยหนึ่งมสี ทิ ธิบอกเลิกทันทีโดย ไม่ต้องแจ้งให้ปฏบิ ตั ิตามสญั ญาก่อน 1.3 เม่อื การปฏิบตั ิตามสญั ญาหรอื การชาระหนต้ี กเปน็ พน้ วิสยั ซงึ่ จะโทษลกู หนไ้ี ด้ เจา้ หนจ้ี ะใชส้ ทิ ธิ เลิกสญั ญาได้ หากการปฏิบตั ิตามสัญญานนั้ เป็นสิ่งทพ่ี ้นวิสยั ลูกหนไี้ ม่สามารถปฏิบตั ไิ ด้ เจ้าหนส้ี ามารถบอกเลกิ สญั ญา ได้ 2). สิทธิเลิกสัญญาตามข้อกาหนดในสญั ญา กรณีท่คี สู่ ญั ญาไดต้ กลงกันไว้ว่าหากมีเหตุการณ์อยา่ งใดอย่าง หนง่ึ เกิดขน้ึ จะต้องเลิกสญั ญา เมอ่ื มเี หตุการณน์ นั้ เกดิ ขน้ึ สญั ญาจะส้นิ สุดลง ผลแห่งการเลิกสัญญา หลังจากการเลิกสัญญา หากคู่สญั ญาฝา่ ยใดฝา่ ยหนึง่ ยงั มีความเสยี หายอยู่ คู่สญั ญาฝา่ ยน้นั มสี ิทธิเรยี กรอ้ งค่าเสยี หายจากคสู่ ญั ญาอีกฝา่ ยหน่ึง เช่น หลังจากการบอกเลิกสัญญาเชา่ อาคาร พบว่า อาคารมีความเสยี หายจากการใชป้ ระโยชนข์ องผูเ้ ชา่ ผใู้ หเ้ ชา่ สามารถเรียกร้องคา่ เสียหายได้แล้วจึงไปหาหมอ การตรวจ สขุ ภาพเปน็ สง่ิ สาคญั หากพบอาการผิดปกติ จะไดร้ บี รักษากอ่ นทีจ่ ะสายเกนิ ไปการตรวจสขุ ภาพ 8.ผู้เรยี นสืบคน้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ น็ตวา่ ในปจั จุบนั มธี รุ กิจหรอื กิจกรรมใดบา้ งท่อี าศยั การทาสญั ญาแบบ พาณชิ ยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Commerce) ยกตัวอยา่ งมาใหไ้ ดม้ ากท่ีสดุ 9.ผเู้ รยี นแสดงความคิดเหน็ ระหวา่ งกฎหมายแพ่งและพาณิชย์วา่ ดว้ ยสญั ญากับการทานติ ิกรรมทางกฎหมาย ว่า มคี วามสมั พันธเ์ กย่ี วเนอ่ื งกันอย่างไร 10.ผเู้ รียนเลา่ ประสบการณท์ เ่ี คยปฏิบัตเิ กยี่ วกบั การทาสญั ญาทมี่ ีผลทางกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ 11.ผเู้ รียนแสดงความคดิ เหน็ ว่าการศกึ ษากฎหมายแพง่ และพาณิชยว์ า่ สญั ญามีประโยชน์ตอ่ การดาเนนิ ชวี ิตของ นักเรียนในปจั จุบันและอนาคตอยา่ งไร ข้ันสรุปและการประยุกต์ 12.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเนือ้ หาทเ่ี รยี น 13.ผู้เรยี นทาแบบประเมณิ ผลหลงั เรียน 14.สรุปสาระสาคัญเพ่ือใหเ้ กดิ การเรยี นรู้และนาไปปฏิบตั ไิ ด้ และประเมนิ ผู้เรยี นดังนี้
69 ชื่อผูเ้ รยี น ธรรมชาติของผเู้ รียน วธิ กี ารเรียนรู้ ความสนใจ สติปญั ญา วุฒภิ าวะ 1. 2. 3. 4. 5. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนังสือเรยี น วิชากฎหมายคอมพิวเตอร์ ของสานักพิมพ์เอมพันธ์ 2.กิจกรรมการเรยี นการสอน 3.แผ่นใส 4. ส่อื PowerPoint 5.แบบประเมินผลการเรียนรู้ หลักฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวัดผลและการประเมนิ ผล วธิ วี ัดผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รียน) 4. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน 5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผ้เู รียนรว่ มกัน ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มีชอ่ งปรับปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
70 3. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขนึ้ ไป) 4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิมเี กณฑผ์ ่าน 50% 6 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึน้ อย่กู บั การประเมินตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.แนะนาใหผ้ ูเ้ รยี นทากจิ กรรมใบงาน 2.อา่ นและทบทวนเนอื้ หา
71 จงเลือกคาตอบทีถ่ ูกต้องทสี่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว 1. ข้อใดไม่กอ่ ให้เกดิ สญั ญาตามกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ก. สญั ญาตว๋ั แลกเงนิ ซึง่ มีบคุ คลอยู่ 3 ฝา่ ย คือ ผู้สงั่ จ่าย ผูจ้ ่าย และผรู้ บั เงิน ข. นายแดงตอ้ งการขายปากกาหมกึ นา้ เงนิ จงึ ทาคาเสนอขายไปยงั นายดาแตป่ รากฏวา่ นายดาตอ้ งการซอื้ ปากกา หมกึ แดง ค. การทาสญั ญาซอื้ ขายทดี่ ินจานวน 500 ไร่ ง. สัญญาจา้ งแรงงานระหวา่ งเจ้าของโรงงานและพนกั งาน จ. ขมิ และเขียวส่งั สนิ คา้ จากรา้ นคา้ โดยต้องการรองเท้าสดี าสองคู่ ซึ่งร้านคา้ มสี ินค้าให้อยา่ งเพียงพอ 2. นายอดิศกั ดิ์ทาคาเสนอไปยังนายสมปอง เพ่อื เสนอขายเฮโรอีน นายสมปองตกลงซือ้ สนิ ค้าจากนายอดศิ กั ดิ์ จาก เหตกุ ารณน์ กี้ อ่ ใหเ้ กดิ สัญญาหรอื ไม่ ก. เกิดสญั ญา เพราะมคี สู่ ญั ญา ข. เกดิ สญั ญาเพราะมกี ารแสดงเจตนาตอ้ งตรงกนั ค. เกดิ สญั ญาเพราะมีวตั ถุประสงคใ์ นการทาสญั ญา ง. ไม่เกดิ สญั ญาเพราะนติ ิกรรมมผี ลเป็นโมฆะ จ. ไม่เกดิ สญั ญาเพราะไมท่ ราบวา่ ขายเฮโรอีนจานวนเท่าไร 3. กอ่ นท่จี ะพิจารณาในเร่ืองการทาคาเสนอเพ่ือแจ้งถงึ เจตนาของสญั ญานนั้ ผู้ทาคาเสนอควรพจิ ารณา ข้อใดก่อน ก. ความเหมาะสมของระบบเศรษฐกจิ ข. ความเหมาะสมของราคา ค. ความสามารถของบุคคลผูเ้ ปน็ คสู่ ญั ญา ง. ความต้องการของตนเอง จ. ความคุ้มคา่ ของคาเสนอ 4. สดุ สวยส่ง E-mail ไปสอบถามสายหยดุ วา่ จะขายที่ดินใหต้ นหรอื ไม่ หากจะขายจะขายราคาเทา่ ใดถอื เปน็ การทาคา เสนอหรอื ไม่ ก. เปน็ คาเสนอเพราะมขี ้อความชดั แจง้ ข. เปน็ คาเสนอเพราะเปน็ การแสดงเจตนาโดยวิธีท่ชี ัดแจง้ ค. เปน็ คาเสนอเพราะเป็นการแสดงเจตนาทานติ ิกรรมฝา่ ยเดยี ว ง. ไม่เป็นคาเสนอเพราะเปน็ แคเ่ พยี งคาทาบทามอนั เปน็ การหยัง่ ดปู ระโยชน์ จ. ไมเ่ ป็นคาเสนอเพราะเปน็ การแสดงความประสงคจ์ ะทาสญั ญา 5. หากผู้เสนอต้องการจะถอนคาเสนอของตน จะสามารถทาได้ตามขอ้ ใด ก. แสดงเจตนาถอนสง่ ไปถึงหลังจากคาเสนอถึงผรู้ บั ข. แสดงเจตนาถอนก่อนที่ผรู้ บั คาเสนอจะสนองตอบ ค. แสดงเจตนาถอนโดยชแ้ี จงอยา่ งละเอยี ดหลังผรู้ บั ไดร้ ับคาเสนอ ง. ไมส่ ามารถทาการถอดถอนไดไ้ ม่ว่าจะกรณใี ด
72 จ. ถอนคาเสนอภายในเวลาทไ่ี ด้พจิ ารณาแลว้ ว่าจะไดร้ ับการสนอง 6. ขอ้ ใดถอื ว่าคาเสนอของผเู้ สนอนัน้ เกดิ การสิ้นสดุ คาเสนอ ก. นายโอเ๋ สนอขายแหวนเพชรใหแ้ กน่ ายเอ๋ เมื่อนายเอต๋ กลงรบั ซอื้ จงึ ทาสญั ญาซื้อขายแหวนเพชร ข. นายแดงเสนอขายเรือไปยงั นายดาโดยบง่ ระยะเวลาใหท้ าคาสนองมาภายใน 20 วนั เมือ่ เวลาผา่ นไป 7 วนั นายดากต็ อบปฏเิ สธกลบั มาวา่ ไมต่ อ้ งการซ้ือเรือ ค. นางวกิ นั ดาเสนอขายเครอ่ื งเพชรของตนในหนังสือพมิ พ์ ง. นางสาวชตุ มิ นต์สง่ จดหมายไปเสนอขายกระเป๋าแฟช่นั 2 ใบ ใหก้ บั นางสาวฟ้าลดา ในราคา 2,000 บาท จ. สานักงานตอ้ งการโทรทัศน์สี ขนาด 40 น้วิ มีไวไฟ จานวน 10 เครื่อง 7. ขอ้ ใดคือความแตกต่างระหว่างคาเสนอและคาสนองท่ีชดั เจนท่ีสดุ ก. เป็นนติ ิกรรมฝา่ ยเดยี ว ข. ต้องมขี อ้ ความชดั เจนและแน่นอน ค. ลกั ษณะของคาสนองต้องแสดงตอ่ ผเู้ สนอเท่านั้น ง. ลกั ษณะของคาสนองเป็นการแสดงเจตนาโดยชดั แจง้ เสมอ จ. เมือ่ มีคาสนองไปแล้วมีสิทธิทีจ่ ะปฏเิ สธได้ 8. นางสาวเอ ต้องการกู้เงินจากนางสาวบี จานวน 1 ลา้ นบาท นางสาวบีจะยอมใหน้ างสาวเอกกู้ ต็ ่อเมื่อมบี ุคคลที่ น่าเช่อื ถอื มาทาสญั ญาคา้ ประกัน สัญญาดังกลา่ วเปน็ สญั ญาประเภทใด ก. สญั ญาตา่ งตอบแทน ข. สญั ญาไมต่ า่ งตอบแทน ค. สัญญาประธาน ง. สัญญาอปุ กรณ์ จ. สัญญาเพอื่ ประโยชนบ์ ุคคลภายนอก 9. นายคงศักดโิ์ อนท่ดี นิ ใหแ้ กน่ ายพงษ์ศกั ดิโ์ ดยมีขอ้ ตกลงกันว่า นายพงษ์ศกั ดต์ิ อ้ งจ่ายเงินเลย้ี งชพี เป็นรายเดอื นใหแ้ ก่ นางสาวมุง่ มนั่ เดอื นละ 50,000 บาท เปน็ การทาสญั ญาในลักษณะใด ก. สญั ญาตา่ งตอบแทน ข. สัญญาไมต่ ่างตอบแทน ค. สัญญาประธาน ง. สัญญาอปุ กรณ์ จ. สญั ญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก 10. หากในการทาสญั ญา คูส่ ญั ญาของนักเรียนต้องการให้มีการมัดจาเกิดขึน้ ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ กู ตอ้ งเกยี่ วกับ การมดั จา ก. เงินมดั จาอาจใชห้ ักหน้ีหรอื สง่ คนื ก็ได้ ข. โดยสภาพเปน็ อสังหาริมทรัพย์เพอ่ื การส่งมอบที่งา่ ย ค. การมัดจาเปน็ พยานหลกั ฐานวา่ สญั ญาได้ทาขน้ึ แล้ว ง. การมดั จาสามารถมัดจาดว้ ยสังหาริมทรัพย์ จ. การมัดจาเปน็ สัญญาประเภทอปุ กรณ์ 11. กรณีใดที่เจ้าหนไี้ มส่ ามารถรบิ เงินมัดจาาได้ ก. ฝ่ายท่วี างมดั จา ละเลยไม่ชาระหนี้ ข. การชาระหน้ีตกเปน็ พ้นวิสยั ค. การเลิกสัญญาเพราะความผดิ ของลูกหน้ี ง. มีการตกั เตือนฝ่ายวางมดั จาแลว้ วา่ ถึงเวลาชาระหน้ี จ. ฝา่ ยวางมดั จาาชาระหน้ที ง้ั หมดเรยี บร้อยกอ่ นเวลาตามสัญญา
73 12. มาตรา 379 บัญญัติวา่ “ถ้าลูกหน้สี ญั ญาแกเ่ จ้าหนว้ี ่าจะใชเ้ งนิ จานวนหนง่ึ เป็นเบย้ี ปรับ เมอื่ ตนไม่ชาระหนีก้ ด็ ี หรอื ไม่ชาระใหถ้ กู ต้องสมควรกด็ ี เมอ่ื ลกู หนี้ผดิ นดั กใ็ หร้ ิบเบยี้ ปรบั ถ้าการชาระหนอ้ี ันจะพึงทาน้นั ไดแ้ ก่ งดเว้นการอันใด อันหนง่ึ หากทาการอันนัน้ ฝ่าฝืนมลู หน้เี ม่ือใดกใ็ หร้ บิ เบี้ยปรบั เมอ่ื น้ัน” จากข้อความน้ี เหตกุ ารณใ์ นข้อใดเกย่ี วข้องกับมาตราดงั กลา่ ว ก. นาง ก ตอ้ งการทาหนงั สอื รับสภาพหนใี้ หก้ บั นาย ข ซ่ึงเปน็ เจา้ หน้ี เพอื่ ยืนยนั ในสิทธิของเจา้ หนีท้ จ่ี ะไดร้ บั ชาระหน้ีจากลูกหน้แี นน่ อน ข. เศรษฐที ี่ปล่อยเงินกู้ใหก้ บั ชาวบา้ นโดยคดิ อตั ราดอกเบ้ียเกนิ กวา่ ที่กฎหมายกาหนด ค. แกม้ จา้ งผ้รู ับเหมามากอ่ สร้างบา้ น กาหนดสรา้ งเสรจ็ ภายใน 8 เดือนนบั แต่วันทที่ าสัญญา โดยมีการตกลงกัน ไว้วา่ ถา้ สร้างบ้านไมเ่ สรจ็ ตามทก่ี าหนดไวใ้ นสญั ญา จะปรับวันละ 1,000 บาท ง. นายเอ ทาสัญญากยู้ มื เงนิ กบั นายบี 4,000 บาท เป็นนติ ิกรรมระหวา่ งนายเอ และ นายบี โดยที่นายเอ อยูใ่ น ฐานะลกู หนี้ และนายบี อยูใ่ นฐานะเจ้าหนี้ จ. ผูจ้ า้ งแรงงานเขยี นจดหมายแสดงเจตนาการเลิกจ้างแก่คนงาน โดยก่อนหน้านไ้ี ดม้ กี ารทาสญั ญาว่า หากทางานไมด่ สี ามารถเชญิ ออกได้ 13. มัดจาและเบย้ี ปรบั มีความแตกต่างกนั หรือไม่ ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้อง ก. แตกตา่ งกนั เพราะไมจ่ าเป็นตอ้ งทาสญั ญาเบีย้ ปรบั ในขณะทาสัญญาประธานแต่การมัดจาต้องทาขณะทเ่ี ขา้ ทาสัญญา ข. แตกต่างกัน เพราะการมัดจาตอ้ งใช้อสังหาริมทรพั ยแ์ ตเ่ บยี้ ปรบั ใชส้ งั หารมิ ทรัพยเ์ ทา่ นั้น ค. แตกต่างกนั เพราะการมดั จาตอ้ งใช้สังหาริมทรพั ยแ์ ต่เบยี้ ปรับใชอ้ สงั หารมิ ทรพั ยเ์ ท่านน้ั ง. ไม่แตกต่างกนั เพราะมดั จาและเบยี้ ปรับนนั้ เปน็ การมงุ่ จะใหเ้ ป็นพยานหลักฐานวา่ สญั ญา ไดท้ ากันแลว้ จ. ไม่แตกต่างกัน เพราะเป็นการมงุ่ หมายจะใหเ้ ปน็ ค่าเสียหายจากการผดิ สัญญาและต้องเป็น ค่าเสียหายท่ชี าระเป็นเงนิ เท่านน้ั
74 14. ลูกคา้ คนหนึ่งจ้างรา้ นตัดชุด ตดั ชุดเพ่อื ใช้ในวันแตง่ งาน ในวันที่ 1 ธนั วาคม 2557 แต่ปรากฏวา่ ทางร้านไมส่ ามารถส่งมอบชุดไดท้ นั เวลา การทาสัญญาดงั กล่าวมีผลอยา่ งไรตามกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ก. ลูกค้าสามารถยกเลกิ สัญญาได้ โดยตอ้ งแจ้งใหท้ างรา้ นทราบก่อน ข. ทางร้านสามารถบอกยกเลิกสญั ญาไดเ้ พราะวา่ ตดั ชุดไม่เสร็จ ค. วัตถปุ ระสงค์แห่งสญั ญาจะสาเร็จเป็นผลได้กต็ ่อเมอื่ ร้านสง่ มอบชุดทันเวลา ง. ลกู คา้ ยังคงตอ้ งรับชุดท่สี ั่งตัดแมท้ างรา้ นจะไม่สามารถสง่ มอบชุดทนั เวลา จ. รา้ นตัดชุดสามารถเรียกร้องคา่ ปรับไดห้ ากลกู คา้ ปฏเิ สธการรบั ชุด 15. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ ูกตอ้ ง ก. สญั ญาอาจส้ินสุดลงด้วยการบอกเลกิ สญั ญา โดยฝา่ ยท่บี อกเลิกสญั ญาจะต้องมีสทิ ธิถกู ตอ้ งตามกฎมาย ข. หากคู่สัญญาฝา่ ยหนง่ึ ไมป่ ฏิบัตติ ามสญั ญา อกี ฝา่ ยหนึง่ มสี ิทธิบอกเลิกได้ ค. หากการปฏบิ ตั ติ ามสญั ญานน้ั เปน็ ส่งิ ท่พี ้นวสิ ยั ลกู หนไ้ี มส่ ามารถปฏิบัติได้ เจ้าหนีส้ ามารถบอกเลิกสญั ญาได้ ง. หลงั จากการเลกิ สญั ญาคสู่ ญั ญาฝ่ายหนง่ึ ไม่มสี ิทธเิ รยี กรอ้ งคา่ เสยี หายจากคสู่ ญั ญาอีกฝ่ายหน่งึ ไม่ว่าดว้ ยกรณใี ดกต็ าม จ. ค่าสินไหมทดแทนซ่งึ อาจเป็นเงนิ สดหรือส่งิ ของเปน็ ส่งิ ท่ีคู่สญั ญาฝา่ ยทเ่ี สยี หายสามารถเรยี กรอ้ งได้ จากอีกฝา่ ยตามท่ตี กลงกนั ในสัญญา 16. วิธีการทาคาเสนอทางอินเทอรเ์ นต็ สามารถกระทาไดห้ ลายวิธยี กเว้นขอ้ ใด ก. E-mail ข. WebPages ค. Line ง. Telephone จ. Facebook 17. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถกู ต้องเกยี่ วกับสัญญาพาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ก. การซ้ือขายสินคา้ โดยผา่ นเครือข่ายสารสนเทศ ข. การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตมาประยกุ ตใ์ ชก้ ับกจิ กรรมทางธรุ กจิ ทง้ั ในสว่ นหน้าร้านและหลงั รา้ น ค. การสัง่ ซื้อระบบ On-Line คือการท่ลี ูกค้าสามารถเลือกซือ้ สนิ คา้ ได้ตามตอ้ งการ ง. การทาคาเสนอทางอนิ เทอร์เนต็ จะต้องแสดงรายละเอียดเก่ยี วกับสนิ ค้าอยา่ งชดั เจน จ. การทาคาเสนอทางสัญญาพาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนิกส์ อาจสามารถถอนคาเสนอได้ 18. เพราะเหตุใดการเกิดสญั ญาทางพาณชิ ยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ จงึ มที ฤษฎีการเกดิ ทีแ่ ตกต่างกนั ก. ระบบเศรษฐกิจทเี่ ปลยี่ นแปลงเสมอ ข. กฎหมายบญั ญัตขิ ึน้ เพื่อรองรบั ความเปลยี่ นแปลง ค. การซอ้ื ขายมีหลายประเภท ง. ระบบกฎหมายของประเทศตา่ งๆ มคี วามแตกตา่ งกัน จ. การเมอื งการปกครองของประเทศไทยไมม่ ่ันคง
75 19. ขอ้ ใดไม่จัดเปน็ สญั ญาประเภท สัญญาประธาน ก. สญั ญาซ้อื ขาย ข. สญั ญาเช่าทรัพย์ ค. สญั ญาประกันภัย ง. สญั ญาเบี้ยปรบั จ. สญั ญากู้ยมื เงิน 20. ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ ง ก. สญั ญาอปุ กรณ์ เป็นสญั ญาทสี่ ามารถมผี ลสมบรู ณโ์ ดยลาพังได้ ข. เงนิ มดั จาไมจ่ ัดเป็นสว่ นหนึ่งของการชาระหนี้ ค. วัตถุประสงค์ของสัญญาจะต้องไม่เป็นสิ่งที่ต้องหา้ มโดยชัดแจง้ ดว้ ยกฎหมาย ง. คาปรารภ คาทาบทาม ถือเป็นคาเสนอท่ีมีชัน้ เชงิ ทางกฎหมาย จ. เมือ่ มีคาเสนอต่อสาธารณชนไปแลว้ ผ้เู สนอไม่มสี ทิ ธิปฏเิ สธแตม่ สี ทิ ธ์เิ ลอื กปฏิบัติ
76 บนั ทึกหลังการสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาทีพ่ บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ญั หา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการท่ี 8 หน่วยที่ 5 สอนครัง้ ที่ 8 (15-16) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ช่ือหน่วย/เรือ่ ง กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์วา่ ดว้ ยหน้ี จานวน 2 ช.ม.
77 สาระสาคัญ หนีเ้ ป็นนิตสิ มั พันธข์ องเจ้าหนแี้ ละลูกหนี้ ฝา่ ยเจา้ หนมี้ สี ิทธบิ ังคับลูกหนีใ้ หก้ ระทาการหรอื งดเวน้ การกระทาการ อย่างใดอยา่ งหน่ึงเพือ่ ประโยชนข์ องฝ่ายเจ้าหนเี้ อง การปฏิบตั ิของเจ้าหน้ีและลูกหนี้ จะตอ้ งกระทาอย่างถูกต้องตามที่ กฎหมายบญั ญตั ิไวใ้ นประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ว่าดว้ ยหนี้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. แสดงความรูเ้ กย่ี วกับความหมายและองคป์ ระกอบของหน้ไี ด้ 2. แสดงความรู้เกย่ี วกับบอ่ เกิดแหง่ หน้ีได้ 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั วตั ถุแหง่ หนไี้ ด้ 4. แสดงความรเู้ กยี่ วกับผลแหง่ หนไี้ ด้ 5. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ความระงบั แห่งหน้ีได้ 6. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ท่คี รูสามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอื่ ง 6.1 ความมีมนุษยสัมพันธ์ 6.2 ความมวี นิ ยั 6.3 ความรบั ผดิ ชอบ 6.4 ความซ่อื สัตยส์ จุ ริต 6.5 ความเช่อื มน่ั ในตนเอง 6.6 การประหยัด 6.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 6.8 การละเวน้ สิ่งเสพตดิ และการพนัน 6.9 ความรักสามคั คี 6.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรูเ้ กย่ี วกับกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ 2. แสดงความรเู้ กยี่ วกบั หลกั กฎหมายลขิ สิทธ์ิและสิทธบิ ัตร เนือ้ หาสาระ 1. ความหมายและองคป์ ระกอบของหน้ี 2. บ่อเกดิ แหง่ หนี้ 3. วัตถุแห่งหนี้ 4. ผลแหง่ หน้ี 5. ความระงับแห่งหนี้ กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน
78 1.ครูกลา่ ววา่ หนเี้ ปน็ นติ ิสมั พนั ธข์ องเจา้ หนแ้ี ละลูกหน้ี ฝ่ายเจา้ หนมี้ สี ทิ ธิบงั คับลกู หนใ้ี ห้กระทาการหรอื งดเวน้ การกระทาการอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เพอ่ื ประโยชนข์ องฝา่ ยเจ้าหน้เี อง การปฏบิ ตั ิของเจา้ หนีแ้ ละลกู หนี้ จะต้องกระทาอยา่ ง ถกู ตอ้ งตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ว่าด้วยหน้ี 2.ครูและผู้เรียนเล่าประสบการณ์โดยตรงหรือคนรู้จักเก่ียวกับการถูกดาเนินคดีเนื่องด้วยกฎหมายแพ่งและ พานิชยว์ า่ ดว้ ยหน้ี 3.ผูเ้ รยี นทาแบบประเมณิ ผลหลงั เรยี น และสลบั กนั ตรวจเพอ่ื เกบ็ คะแนนสะสม ข้นั สอน 4.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ ีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) เพอ่ื บอกความหมายของคาวา่ “หน”ี้ ดงั น้ี หน้ี เป็นนิตสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คลสองฝ่าย ฝา่ ยหน่ึงเป็นลูกหน้ี อกี ฝา่ ยหน่งึ เป็นเจา้ หนี้ ฝา่ ยที่เป็นเจ้าหน้ี มีสิทธิ บงั คบั ฝ่ายทีเ่ ป็นลูกหน้ี ใหก้ ระทาการ หรืองดเวน้ กระทาการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเพ่ือประโยชนข์ องฝา่ ยเจ้าหนไ้ี ด้ หรอื อาจ กล่าวไดว้ า่ ลูกหนี้ มหี น้าทตี่ ้องกระทาการ หรอื งดเว้นอยา่ งใดอย่างหน่ึงเพอ่ื ประโยชน์ของฝ่ายเจ้าหน้ี 5.ครูใชส้ อ่ื Power Point ประกอบการอธบิ ายเรอ่ื ง องคป์ ระกอบของหน้ี ซง่ึ มีดงั น้ี 1). ตอ้ งมีนิตสิ มั พันธ์ความผูกพนั ทางกฎหมายที่กอ่ ให้เกดิ หน้ี และมีผลใหเ้ จา้ หนม้ี สี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งให้ลกู หนชี้ าระ หน้ีนั้น จะตอ้ งมีความสมั พนั ธ์กันทางกฎหมาย ซึ่งมมี ูลเหตจุ ากหลายประการ ไดแ้ ก่ นิติกรรมสญั ญา ละเมิด ลาภมคิ วรได้ การจดั การงานนอกส่ัง เป็นต้น ไมใ่ ชค่ วามผูกพนั กนั ด้วยจติ ใจ ทางสมาคมหรอื ทางอัธยาศัยไมตรี 2). ต้องมีเจ้าหนแ้ี ละลกู หน้ี เจ้าหน้ีมสี ิทธิตามกฎหมายทจี่ ะเรยี กร้องให้บุคคลอีกฝา่ ยหนงึ่ ซง่ึ เรยี กว่าลกู หน้ี ชาระหนแี้ กต่ นตามความผูกพนั ตามกฎหมายนน้ั เช่น รมั ภาของยืมเงนิ นารี จาานวน 20,000 บาทรมั ภาและนารมี ี ความผูกพนั กันตามกฎหมายในมลู หนี้กยู้ มื เงนิ เมื่อถงึ กาหนดชาระหนี้ นารซี ง่ึ เปน็ เจา้ หนม้ี สี ทิ ธิตามกฎหมายที่จะ เรียกร้องใหร้ มั ภาซ่งึ เป็นลูกหนช้ี าระเงินแกต่ นได้ 3). ต้องมวี ตั ถแุ หง่ หน้ี ซงึ่ เปน็ ข้อกาหนดวา่ ลกู หนต้ี อ้ งปฏิบตั ิการชาระหนแ้ี ก่เจา้ หนอ้ี ยา่ งไร 6.ครูใชเ้ ทคนิควิธีการจดั การเรยี นรแู้ บบอภปิ ราย (Discussion Method) อภิปรายเรือ่ งบ่อเกิดแหง่ หนี้ ดังน้ี 1). นติ กิ รรม-สญั ญา เปน็ บอ่ เกดิ แห่งหนีท้ มี่ คี วามสาคัญ เกิดขึ้นจากเจตนาของบุคคลทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ หนข้ี ้ึน ตามกฎหมาย หน้ีสว่ นมากเกดิ จากนติ ิกรรม-สัญญา 2). การจัดการงานนอกส่ัง คือ การท่ีบุคคลหนง่ึ เรียกว่า “ผูจ้ ัดการ” เข้าทากจิ การของบุคคลอกี คนหนง่ึ เรยี กว่า “ตัวการ” โดยผเู้ ปน็ ตวั การมไิ ด้วานใช้ หรือโดยผจู้ ัดการไมม่ หี น้าท่ที ่ีตอ้ งกระทาเช่น ขณะทลี่ ดั ดาไม่อยบู่ า้ น เกดิ ฝนตกหนกั หลังคาบ้านของลัดดารั่วทาให้นา้ เข้าบา้ นเสียหายปรชี าซง่ึ เปน็ เพอื่ นบ้านไดเ้ ขา้ มาซ่อมแซมหลังคาบา้ นใหล้ ัด ดาจนเรยี บรอ้ ย โดยที่ลดั ดาไมไ่ ดไ้ หวว้ านการกระทาของปรีชา เรยี กวา่ การจัดการงานนอกส่งั โดยถอื วา่ ปรชี าเป็น ผจู้ ดั การ และลัดดาเปน็ ตัวการ ลดั ดาตอ้ งชดใช้ให้แก่ปรีชา ถือวา่ การจัดการงานนอกสง่ั เปน็ บ่อเกดิ แหง่ หน้ีประการหนึ่ง และเปน็ บอ่ เกดิ แห่งหนีต้ ามกฎหมาย กล่าวคอื ผู้จดั การงานนอกสั่งมีสทิ ธิเรยี กรอ้ งใหต้ วั การชดใช้ใหต้ นได้ 3). ลาภมคิ วรได้ ผู้ใดได้ทรพั ย์มาโดยไมม่ ีมลู ทจ่ี ะอ้างได้ จะตอ้ งคืนทรพั ย์น้นั ให้แกเ่ จา้ ของไปซ่ึงเจา้ ของ ทรพั ย์กม็ ีสิทธิทีจ่ ะเรยี กทรัพย์คืนดว้ ย เชน่ วรรณาคดิ ว่าเครอ่ื งเพชรในตขู้ องตนเป็นของนภาจงึ นาเครื่องเพชรไปมอบให้ นภา ทง้ั ที่ความจรงิ เคร่ืองเพชรน้นั ไมไ่ ด้เป็นของนภา เคร่ืองเพชรจงึ เป็นลาภ มคิ วรไดข้ องนภา นภาต้องนาไปคืน ให้วรรณา หากนภาไม่คนื ให้ วรรณามสี ทิ ธเิ รียกร้องเอาคนื ได้ เนื่องจากกฎหมายกาหนดสิทธิคุ้มครองไว้ 4). ละเมดิ เปน็ บ่อเกดิ ของหนีท้ ่สี าคญั รองลงมาจากนติ ิกรรมและสญั ญา เมือ่ มกี ารละเมดิ เกดิ ขนึ้ ผ้ถู กู ละเมิดมสี ิทธเิ รยี กรอ้ งค่าสินไหมทดแทน เชน่ แอด๊ ลกั รถยนต์ของโอมไปขาย กรณีเชน่ นี้ แอด๊ ตอ้ งไดร้ บั โทษทางอาญา ฐานลกั ทรัพย์ ซง่ึ ต้องโทษจาคุก แตท่ างอาญาเปน็ โทษทางสังคม โอมผู้เปน็ เจ้าของรถไม่ไดร้ ับประโยชน์ใดๆ กฎหมาย แพ่งจงึ ให้โอมมีสทิ ธิเรยี กร้องคา่ สนิ ไหมทดแทนจากแอด๊ ได้ เพือ่ ทดแทนความเสียหายท่ไี ดร้ บั
79 5). บทบัญญตั แิ ห่งกฎหมาย หน้ีอาจเกิดขึ้นได้โดยกฎหมายบญั ญัตไิ ว้เป็นพเิ ศษ เชน่ ประมวลรัษฎากร กาหนดใหบ้ คุ คลเสยี ภาษี ผู้ไมเ่ สยี ภาษถี ือเปน็ หนีร้ ัฐ รฐั มีสิทธิฟ้องร้องได้ 7.ครูใชส้ ่ือ Power Point อธบิ าย วัตถุแหง่ หนี้ ซ่งึ มี 3 กรณี ดังน้ี 1). การกระทาการ เปน็ หนี้ทลี่ ูกหนจ้ี ะตอ้ งปฏบิ ัตอิ ยา่ งใดอยา่ งหน่ึง หรอื หลายอย่างแก่เจ้าหน้ี 2). การงดเว้นกระทาการ วตั ถุแหง่ หนก้ี าาหนดใหล้ ูกหนล้ี ะเว้นกระทาการ เชน่ แก้วกับเก๋ รว่ มทุนกนั เปิด รา้ นกาแฟ และสญั ญากันวา่ ฝ่ายใดฝา่ ยหนึง่ จะต้องไมเ่ ปิดรา้ นกาแฟ โดยเป็นเจา้ ของแต่เพียงผเู้ ดยี วอีกรา้ นหนง่ึ ดงั นั้นทง้ั สองฝา่ ยตา่ งเป็นลูกหน้ี วัตถแุ หง่ หนค้ี ืองดเว้นกระทาการ 3). การส่งมอบทรพั ย์สิน จะเป็นไปตามทีส่ ญั ญากาหนด เช่น ในสญั ญาซื้อขาย ผขู้ ายมีหน้าทสี่ ง่ มอบ ทรัพย์สนิ ใหแ้ กผ่ ซู้ อ้ื เปน็ ตน้ กรณที ี่ทรัพยเ์ ป็นวัตถแุ หง่ การชาระหนี้ มกี ารพิจารณาดังนี้ 1). ทรพั ยซ์ ึ่งเปน็ วัตถุแห่งการชาระหนี้ไดร้ ะบไุ วเ้ ป็นประเภท กรณที มี่ กี ารกาหนดลักษณะของทรัพย์ท่เี ป็น วตั ถแุ ห่งหนีไ้ ว้อย่างชดั เจนแล้ว เมอ่ื ถึงเวลาชาระหนี้ ลกู หนี้จะชาระตามทตี่ กลงกันไว้ กรณที ี่ในสัญญาไมไ่ ด้มกี ารระบุ รายละเอยี ดของทรัพยอ์ ยา่ งชัดเจน กาหนดเพยี งแตป่ ระเภทของทรัพยเ์ ท่านัน้ กฎหมายกาหนดใหล้ ูกหน้สี ่งมอบทรัพย์ ชนดิ ปานกลาง เชน่ วิลาวรรณจ้างใหธ้ วัชถา่ ยรปู pre-wedding โดยไม่ได้แจง้ ความละเอียดของภาพ ธวัชอาจเลือก ความละเอียดขนาด 3.0 เมกะพกิ เซลให้ หากวิลาวรรณเป็นลกู ค้าประจาของธวัช และเคยให้ใช้ความละเอียดขนาด 6.0 เมกะพิกเซล ธวชั อาจเลือกใช้ความละเอียด 6.0 เมกะพิกเซล ตามทีว่ ิลาวรรณเคยใช้ เปน็ ตน้ 2). วัตถแุ หง่ การชาระหนเ้ี ป็นเงินตรา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 บญั ญตั วิ ่า“ถ้าหน้ีเงิน ได้แสดงไวเ้ ป็นเงินตา่ งประเทศ ท่านวา่ จะส่งใชเ้ ปน็ เงินไทยกไ็ ด”้ การเปลยี่ นเงิน ให้คดิ ตามอตั ราการแลกเปลีย่ น ณ สถานที่ และในเวลาท่ีใชเ้ งนิ ตวั อย่างเช่น ลูกหนที้ าสญั ญาเงนิ กู้จากเจา้ หนี้ 500 ดอลลาร์ เมอ่ื ถึงกาหนดชาระหน้ี โดยจะชาระเปน็ เงินไทย ใหค้ ิดตามอตั ราการแลกเปลยี่ น ณ เวลา และสถานที่ทใี่ ชเ้ งินกัน เปน็ ตน้ 3). กรณีที่วตั ถุแหง่ การชาระหน้ีมหี ลายอยา่ ง หากมกี ารกาหนดการชาระหนี้ไว้หลายอยา่ งกฎหมายให้สทิ ธิ ลูกหน้ที จ่ี ะเลือก โดยการแสดงเจตนาเลอื กต่อบุคคลอกี ฝ่ายหนึ่ง และจะตอ้ งแสดงเจตนาเลอื กภายในระยะเวลาทกี่ าหนด หากไมเ่ ลือกภายในระยะเวลาที่กาหนด สิทธิในการเลอื กจะตกเป็นของอกี ฝา่ ยหนึ่ง กรณที ีก่ าหนดให้บคุ คลภายนอกเปน็ ผมู้ ี สิทธเิ ลอื ก บคุ คลภายนอกนน้ั จะตอ้ งแสดงเจตนาเลือกตอ่ ลกู หน้ี และลกู หน้ีจะต้องแสดงความประสงคต์ อ่ เจ้าหน้ี และ จะตอ้ งกระทาาภายในระยะเวลาที่กาหนด 8.ครูใชเ้ ทคนคิ วธิ ีการจดั การเรยี นรูแ้ บบอภิปราย (Discussion Method) ผลของหนี้ ดงั น้ี -เม่อื เกิดหนข้ี ้นึ เจ้าหนมี้ สี ทิ ธิเรียกใหล้ กู หนชี้ าระ หากเป็นหนี้ทขี่ าดอายุความ หรือเป็นหนบี้ างประเภทท่ี ขาดหลกั ฐานตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว้ จะใช้บังคับไมไ่ ด้ -ในการกระทาการ การงดเว้นกระทาการ หรอื การส่งมอบทรพั ยส์ นิ ตามวตั ถแุ ห่งหน้ีเรยี บร้อยแลว้ หนเ้ี ปน็ อนั ระงับ -กรณที ล่ี ูกหนไ้ี มย่ อมชาระหนี้ กฎหมายใหส้ ทิ ธเิ จา้ หน้ที ่ีจะรอ้ งขอตอ่ ศาลให้ศาลส่งั ให้ชาระหนี้ หากลูกหนี้ ยงั ละเลยไม่ชาระหน้แี ก่เจา้ หนี้ ใหเ้ จ้าหนม้ี สี ิทธิเรียกร้องคา่ เสยี หายได้ -กรณที ่ีการชาระหนี้เปน็ การให้ลกู หนก้ี ระทาการเฉพาะตัวของลกู หนี้ หากลกู หนไ้ี มก่ ระทาตามสญั ญา ทา ใหเ้ จ้าหน้ีไดร้ ับความเสยี หาย เจ้าหน้มี ีสทิ ธิเรียกร้องค่าเสียหายได้ เชน่ นางวาณจี ้างใหน้ างสาวนดิ หนอ่ ย มาราอวยพรใน งานวนั เกิดของมารดา แตน่ างสาวนิดหนอ่ ยไม่ไดม้ าตามเวลา สภาพแห่งหน้ีไมเ่ ปดิ ช่องบงั คบั ให้นางสาวนิดหน่อยมาราใน งานได้อีกเนื่องจากงานเลกิ ไปแลว้ นางวาณีมีสทิ ธเิ รยี กรอ้ งคา่ เสียหายจากนางสาวนดิ หน่อยได้ หากการชาระหนี้ ไม่เปน็ การเฉพาะเจาะจง เจา้ หนม้ี สี ิทธิบงั คบั ให้ลกู หนีม้ ากระทาการได้ เชน่ นายรณชัยจา้ งนางฉววี รรณมาทาความสะอาดบา้ น แต่นางฉวีวรรณไมไ่ ดม้ า ตามสญั ญา นายรณชัยสามารถฟอ้ งศาลบงั คบั นางฉววี รรณใหม้ าทาความสะอาดบ้านได้
80 -กรณกี ารชาระหนีเ้ ปน็ การงดเว้นกระทาการ กฎหมายให้อานาจเจ้าหนี้เรียกร้องใหร้ ้ือถอนการที่ได้กระทา ลงไปแล้วน้นั โดยใหล้ ูกหน้เี สียคา่ ใชจ้ ่าย และให้จัดการอันควรเพ่ือภายหน้าด้วยกไ็ ด้ -นอกจากกฎหมายจะกาหนดใหเ้ จา้ หนีม้ สี ิทธิร้องขอต่อศาลบังคับใหล้ ูกหน้ชี าระหนต้ี ามกฎหมายแล้ว กฎหมายยังคุม้ ครองสิทธิของเจ้าหน้ี ให้เจา้ หนีม้ สี ิทธใิ ช้สิทธเิ รยี กร้องของลกู หน้ี เพิกถอนการฉ้อฉลซึ่งทาให้เจ้าหน้ี เสียเปรียบได้ การใชส้ ทิ ธเิ รยี กรอ้ งดังกลา่ ว คือ การทีเ่ จา้ หนี้ใชส้ ทิ ธเิ รยี กรอ้ งโดยแทนลูกหนี้โดยไมต่ ้องขออานาจจาก ลกู หน้ี กฎหมายให้สิทธเิ จา้ หนีท้ าในนามของตนเอง หากลูกหน้ไี มใ่ ช้สิทธนิ ้ันอันเปน็ เหตุใหเ้ จา้ หนี้เสยี ประโยชน์ ยกเว้น กรณสี ทิ ธิเรียกร้องซงึ่ เป็นการส่วนตัวของลกู หน้ีโดยแท้ ตวั อยา่ งเจา้ หน้ีใชส้ ิทธเิ รยี กร้องของเจา้ หน้ี เชน่ นายหนึง่ เปน็ เจ้าหนน้ี ายสอง 5,000 บาท นายสองเป็นเจา้ หนี้นายสาม 3,000 บาท นายสองนงิ่ เฉยไมเ่ รยี กรอ้ งการชาระหนจ้ี าก นายสาม นายหนง่ึ ซ่ึงเปน็ เจ้าหนข้ี องนายสอง เหน็ วา่ ทรพั ย์สนิ ของนายสองท่มี อี ยู่ ไมเ่ พยี งพอในการชาระหน้ี นายหนึ่ง อาจฟ้องนายสามแทนนายสองได้ -การค้มุ ครองสิทธิของเจา้ หนี้อกี ประการหนง่ึ คือ การเพิกถอนการฉอ้ ฉล คือ เจ้าหนี้มสี ทิ ธริ ้องขอให้ศาล เพกิ ถอนเสียไดซ้ ง่ึ นิติกรรมใดๆ อนั ลูกหนีไ้ ดก้ ระทาลงโดยรูว้ า่ จะทาาให้เจา้ หนเ้ี สียเปรียบ เชน่ ลูกหนี้แกล้งโอนทรพั ย์ของ ตนใหผ้ อู้ น่ื เพอ่ื ไม่ให้เจา้ หน้ีฟอ้ งรอ้ งเอา เปน็ ตน้ 9.ผู้เรียนศึกษาเรือ่ งความระงับหน้ี หรือหนีไ้ ดส้ ้นิ สดุ หรอื ระงบั ลงและเขียนยกตัวอย่างสถานการณค์ วามระงบั แหง่ หนี้ ทัง้ 5 กรณี ดงั นี้ 1). การชาระหนี้ 2). ปลดหนี้ 3). หกั กลบลบหน้ี 4). การแปลงหนี้ 5). หนเี้ กล่ือนกลืนกนั 10.ผู้เรียนพจิ ารณาขอ้ ความทีค่ รกู าหนด และอธบิ าย พรอ้ มยกตวั อยา่ งเหตกุ ารณ์ประกอบ มา 1 เหตกุ ารณ์ 11.ผเู้ รยี นศกึ ษาจากเหตกุ ารณใ์ นชวี ิตประจาวนั ของผู้เรียนว่ามกี ารนาความร้เู รือ่ งกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ว่า ด้วยหน้ไี ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างไร เขยี นแสดงความคิดเหน็ และนาเสนอหน้าชนั้ เรียน 12.ผูเ้ รยี นนาเสนอการเกิดหน้ีในรปู แบบอน่ื นอกจากการเกดิ หนีใ้ นลกั ษณะการกยู้ มื เงนิ ทเ่ี คยเกดิ ขึ้นกบั การ ดาเนนิ ชีวติ ของผเู้ รียน และยกตัวอย่างมาอย่างนอ้ ย 3 เหตุการณ์
81 ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 13.ครูสรุปโดยถามคาถามโดยใหผ้ ู้เรยี นระดมสมองชว่ ยกนั คดิ หาคาตอบ 14.ครใู ช้วิธีสุม่ ผู้เรยี นทุกกลุ่มตอบคาถามและอธบิ ายให้เพื่อนฟังทัง้ ชั้นเรยี น 15.ผูเ้ รียนทาแบบประเมณิ ผลหลงั เรียน
82 สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนังสือเรียน วิชากฎหมายคอมพวิ เตอร์ ของสานักพิมพเ์ อมพนั ธ์ 2.รูปภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส 5.ส่อื PowerPoint 6.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ หลักฐาน 1.บนั ทึกการสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจัดการเรียนรู้ 4.การตรวจประเมินผลงาน การวัดผลและการประเมนิ ผล วิธวี ดั ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รียน) 4. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครแู ละผู้เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ีช่องปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ข้ึนไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50% 5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ มเี กณฑ์ผา่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนข้นึ อยกู่ ับ การประเมินตามสภาพจริง
83 กิจกรรมเสนอแนะ 1.ฝึกทักษะโดยทากจิ กรรมใบงาน 2.อา่ นทบทวนเนอ้ื หา
84 จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องที่สุดเพยี งขอ้ เดยี ว 1. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ก. นิติกรรมทต่ี ้องมคี วามสมั พันธ์ระหว่างบคุ คลสองฝา่ ย เชน่ หน้สี ญั ญาซื้อขาย ข. หนส้ี นิ ตอ้ งเปน็ สิ่งท่เี กย่ี วกบั เงนิ เทา่ นั้น ค. หนม้ี ีมูลเหตจุ ากหลายประการ เช่น นิติกรรมสญั ญา ละเมดิ ง. เจา้ หนี้มีสทิ ธิตามกฎหมายท่ีจะเรียกร้องให้ลูกหนี้ชาระเงินแกต่ นได้ จ. วตั ถแุ ห่งหนจี้ ะเป็นขอ้ กาหนดวา่ ลกู หน้ีตอ้ งปฏบิ ตั ิการชาระหนอ้ี ยา่ งไร 2. บคุ คลในข้อใดตอ่ ไปน้ีกาลงั กอ่ หนี้ทางกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ก. สมศกั ดเ์ิ ปน็ ผ้ปู ระกอบการคา้ ขายโดยเขาไม่ไดเ้ สยี ภาษใี หก้ ับรฐั บาล ข. สายหยดุ ไปซ้ือผลไม้ใหแ้ ม่ทต่ี ลาด ค. แก้วตาซื้อขนมมารบั ประทานตอนอา่ นหนังสอื เพอื่ ไมใ่ ห้ตนเองงว่ งขณะอ่าน ง. พรรเพ็ญตอ้ งการใหล้ กู สาวกลับมาพักอาศยั ท่ีบ้านแทนการอาศัยอยู่หอ้ งพกั นักศึกษาเพื่อประหยดั คา่ ใช้จ่าย จ. คงศกั ดิด์ ่มื สุราจนเกดิ อาการป่วยเป็นโรคตับแขง็ ตอ้ งเดนิ ทางไปโรงพยาบาลเป็นประจา 3. กล้วยคดิ วา่ กล้าซอ้ื ดอกกุหลาบมาให้แพรวในวันวาเลนไทน์ กลว้ ยจงึ หยิบดอกกหุ ลาบน้ันไปใหแ้ พรวซึ่งเป็นความเขา้ ใจ ผิดของกล้วย เพราะความจรงิ แล้วดอกกหุ ลาบดอกนมี้ คี นซอ้ื ให้กล้า กลา้ จึงทวงดอกกุหลาบคืนจากแพรว ข้อความต่อไปนเ้ี ป็นการก่อหน้ใี นลักษณะใด ก. นิตกิ รรม-สัญญา ข. การจัดการงานนอกสั่ง ค. ลาภมคิ วรได้ ง. ละเมดิ จ. บทบญั ญัติแห่งกฎหมาย 4. ข้อใดไม่จดั เป็นหนตี้ ามกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ก. แบงคถ์ ูกตารวจจบั ขอ้ หาตดิ ยาเสพตดิ ข. ชะเอมเรียกรอ้ งคา่ เสยี หายจากนายมิง่ เนอ่ื งจากขโมยผลไมใ้ นสวน ค. แก้มยมื เงนิ จากโบว์เพ่ือไปซ้ือชดุ นักเรยี นใหม่ ง. แดงเป็นเพอื่ นรว่ มหอ้ งกับส้ม เขาเหน็ วา่ ส้มลืมซอื้ กระดาษมาทารายงาน เขาจงึ แบง่ ใหเ้ นอื่ งจากเขาซอื้ มาสอง เล่ม จ. อามลืมไปเสยี ภาษเี น่ืองจากงานยุ่งมาก 5. นติ ิกรรมทไี่ มไ่ ดม้ ีการผูกสมั พันธ์ผ้เู สยี หายไมส่ ามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากอีกฝ่ายได้ ข้อความน้กี ล่าวถกู หรอื ไม่ ก. ถูกต้องเพราะไม่มคี ูก่ รณี ข. ถกู ตอ้ งเพราะเป็นการกระทาซง่ึ ไม่มงุ่ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลตามกฎหมาย ค. ถกู ต้องเพราะไม่ได้มีการตกลงกนั เป็นสัญญา ง. ไม่ถูกต้องเพราะกฎหมายเองไดค้ ุ้มครองการกระทาบางอย่างวา่ ผดิ และตอ้ งชดใช้ จ. ไม่ถกู ตอ้ งเพราะผเู้ สยี หายถูกตอ้ งเสมอจึงตอ้ งไดร้ บั การชดเชย 6. ขอ้ ใดไมใ่ ชห่ นท้ี ีเ่ กิดจากการสมคั รใจแตเ่ ปน็ หนี้ทเ่ี กดิ จากผลแหง่ กฎหมาย
85 ก. การประนปี ระนอมยอมความ ข. สัญญาซื้อขาย ค. ความประมาทเลินเลอ่ ใหผ้ ู้อนื่ ได้รบั ความเสยี หายตอ่ รา่ งกาย ง. สญั ญาระหวา่ งสมรสทสี่ ามภี รยิ าทากัน จ. การจานองการจานา 7. ขอ้ ใดกล่าวผิดเก่ียวกับวตั ถแุ หง่ หนี้ ก. การกระทาการ การงดเว้นการกระทาและการสง่ มอบทรัพยส์ ินจดั เป็นวตั ถแุ ห่งหนี้ ข. สิง่ ทเ่ี จา้ หนเ้ี รยี กใหล้ ูกหนี้ชาระคือวัตถแุ ห่งหนี้ ค. วัตถแุ ห่งหนจ้ี ะตอ้ งเปน็ สงิ่ ท่ถี ูกต้องตามกฎหมาย ง. การชาระหนี้ขึ้นกับการตกลงกนั ระหวา่ งคูส่ ญั ญา จ. วัตถแุ ห่งหนีค้ ือสงิ่ ท่ตี อ้ งเปน็ เงินทองเทา่ นั้น 8. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งเก่ียวกับสทิ ธใิ นหนี้ ก. เจ้าหน้ีสามารถเปลีย่ นแปลงเงอื่ นไขการชาระหนไี้ ดห้ ลงั จากทาสญั ญา ข. ลูกหนส้ี ามารถเปลย่ี นแปลงเง่ือนไขการชาระหน้ีได้หลงั จากทาสัญญา ค. สทิ ธใิ นหน้ีเป็นสิทธเิ รยี กร้องที่ใชบ้ งั คบั กนั ระหว่างคกู่ รณี ง. สิทธใิ นหน้มี ักเปน็ ข้อความที่แนน่ อนตายตวั ในทุกๆ คดคี วาม จ. สทิ ธิของเจา้ หนมี้ อี ยา่ งไม่เท่าเทยี มกันทจ่ี ะไดร้ ับชาระหนจ้ี ากกองทรพั ย์สินของลูกหน้ี 9. ขอ้ ใดทาใหก้ ารมสี ิทธิของเจา้ หนี้ท่ีสามารถเรียกใหล้ กู หน้ีชาระหนไ้ี ด้น้นั หมดไป ก. ลูกหน้ีปว่ ยเข้าโรงพยาบาล ข. หนี้ขาดอายคุ วาม ค. ลกู หน้โี อนทรัพสนิ เพ่ือซ่อนเร้น ง. เจา้ หน้ีทาสัญญากับบุคคลอนื่ นอกเหนือจากลูกหนีค้ นปจั จุบัน จ. สัญญายงั คงอย่ใู นขอบเขตของเวลาทท่ี าสัญญากันไว้ 10. บุคคลใดไมส่ ามารถเลอื กวัตถแุ หง่ หน้ไี ด้ ก. ลูกหนี้เปน็ ผตู้ ดั สินใจ ข. เจ้าหนี้กระทาโดยความยินยอมจากลกู หน้ี ค. ครอบครวั ของเจา้ หนร้ี ่วมกับตัวเจา้ หน้ี ง. ครอบครวั ของลกู หนี้รว่ มกับเจ้าหนี้ จ. เจ้าหนา้ ทีต่ ารวจ 11. หากนักเรียนไดย้ มื เงนิ เพอ่ื นจานวน 1,000 บาท โดยทาสัญญากนั ว่าจะคืนในวันท่ี 15 กุมภาพันธ์ ขอ้ ใดเปน็ การกระทาทไี่ มส่ ามารถทาได้ ก. นักเรยี นคืนเงนิ เพ่อื นวันท่ี 10 กมุ ภาพนั ธ์ ข. นกั เรียนคืนเงนิ เพอื่ นวนั ท่ี 15 กุมภาพนั ธ์ ค. เพอื่ นนักเรียนขอให้นามาคนื วนั ที่ 18 กมุ ภาพันธ์ เนือ่ งจากตดิ ธรุ ะวันดังกล่าวพอดี ง. เพือ่ นบอกนกั เรียนวา่ ต้องการได้เงนิ วันท่ี 10 กมุ ภาพนั ธ์ ในตอนเช้าเราจาเป็นต้องใช้ จ. นักเรียนคนื เงินเพ่อื นตามกาหนดวนั พร้อมท้งั เล้ยี งขนมเพือ่ นเพ่ือเป็นการขอบคณุ 12. ก ยมื เครือ่ งบวชนาคของ ข เพอ่ื เอาไปอุปสมบทบตุ รชายโดยไมไ่ ด้กาหนดเวลาส่งคนื ข สามารถเรยี ก
86 เครอื่ งอุปสมบทคืนจาก ก ได้ยกเว้นขอ้ ใด ก. วันที่ ก อปุ สมบทบุตรชายเสร็จ ข. รอให้ ก นามาคนื ดว้ ยตนเอง ค. ก่อนวนั ที่ ก จะอปุ สมบทบตุ รชายเสรจ็ ง. หลงั วันที่ ก อปุ สมบทบุตรชายประมาณ 1 เดือน จ. หลงั วนั ที่ ก อุปสมบทบุตรชาย 5 วนั 13. ก กูเ้ งนิ ข โดยไมไ่ ดก้ าหนดเวลาว่าจะชาระหนใี้ ห้ ข เมือ่ ใด ข้อใดต่อไปนถี้ ูกต้อง ก. เมอ่ื ข ตอ้ งการเงนิ คืนเมื่อใด ก กต็ อ้ งคนื เม่ือน้นั ข. ข สามารถทวงไดโ้ ดยอนมุ านจากพฤติการณ์ ค. ก สามารถคืนเมือ่ ไดกไ็ ด้เนอ่ื งจาก ข ประมาทเองทไ่ี มไ่ ด้กาหนดเวลา ง. ก ไม่จาเปน็ ต้องคนื เงินเน่อื งจากไมม่ ผี ลทางกฎหมาย จ. ข ทวงเมือ่ ใดนับไปอกี 20 วนั ก ต้องนาเงนิ มาคืน ข 14. นางเอขอยมื สรอ้ ยคอมุกจากนางบเี พ่อื ใส่ไปงานเลย้ี งสง่ นายอาเภอในวนั ที่ 10 กรกฎาคม เมอื่ พน้ กาหนดงานเลย้ี ง สง่ แล้ว นางบีทวงสรอ้ ยคอมกุ โดยให้นางเอคืนสร้อยไข่มกุ แก่นางบภี ายในวนั ที่ 20 กรกฎาคมครบกาหนดนางเอก็ยังไม่ คืนสรอ้ ยไข่มุกใหน้ างบี ดงั น้นั นางเอผิดนดั ไมช่ าระหน้เี มอื่ ใด ก. วนั ท่ี 20 กรกฎาคม ข. วันที่ 21 กรกฎาคม ค. เมือ่ นางบีทวงนางเอคร้งั แรกหลงั จากเลยกาหนด ง. เม่ือนางบีทวงนางเอครงั้ ท่สี องหลงั จากเลยกาหนด จ. นบั ไปอีก 15 วันหลังจากเกินกาหนด 15. เอม็ ขับรถยนต์ชนอารโ์ ดยประมาทเป็นเหตใุ หอ้ ารไ์ ดร้ บั บาดเจบ็ สาหสั เม่อื วันท่ี 10 พฤษภาคม 2557 อาร์จะฟ้องเรียกคา่ สนิ ไหมทดแทนจากเอม็ ได้หรอื ไม่ ต้ังแตเ่ มือ่ ใด ก. ได้ตงั้ แตว่ นั ท่ี 10 พฤษภาคม 2557 ข. ไดต้ ้ังแตว่ ันท่ี 11 พฤษภาคม 2557 ค. ไม่ไดเ้ พราะไมไ่ ด้จดั อย่ใู นนติ ิกรรมระหวา่ งบคุ คลสองคน ง. ไม่ไดเ้ พราะเปน็ เหตกุ ารณ์ทเ่ี กิดข้นึ โดยประมาทไมใ่ ชค่ วามตัง้ ใจ จ. ไม่ได้เพราะอยู่นอกเหนอื ความรบั ผิดชอบของเอ็ม 16. สจุ นิ ดาเปน็ ลกู หนพี้ ิชุดาเป็นเงนิ 30,000 บาท พิชุดาเป็นลกู หนี้สุจินดา 20,000 บาท ตอ่ มาพชิ ดุ าซื้อของจาก ร้านคา้ ของสจุ นิ ดาเปน็ เงนิ 10,000 บาท สุจินดาจึงกลา่ วว่าหนีเ้ ราระงบั แล้ว การระงับหนด้ี ังกล่าวตรงกบั ข้อใด ก. การชาระหนี้ ข. ปลดหน้ี ค. หกั กลบลบหน้ี ง. การแปลงหน้ี จ. หน้เี กลอ่ื นกลืนกัน 17. กุ้งยืมเงนิ จากไกเ่ ปน็ เงิน 5,000 บาท โดยทาสญั ญาตกลงกันวา่ ใหน้ าเงินมาคนื ในวนั ท่ี 22 กนั ยายน 2557 ตอ่ มา กุ้งต้องการใช้เงินเพิม่ จึงมาขอยืมจากไกอ่ กี จานวน 3,000 บาท โดยครงั้ นี้ก้งุ ขอร้องไก่ว่าเงินท่ยี มื ทง้ั หมดจะขอคนื พร้อม กันในวนั ที่ 30 กนั ยายน 2557 ตรงกับข้อใดมากทีส่ ดุ ก. การชาระหนี้ ข. ปลดหน้ี ค. หกั กลบลบหนี้ ง. การแปลงหนี้ จ. หน้เี กลื่อนกลนื กนั
87 18. จากข้อ17 เม่อื ถึงวนั ที่ 22 กันยายน 2557 ไก่ไดโ้ ทรศพั ทไ์ ปถามกงุ้ ว่าวนั นจ้ี ะเข้ามาคืนเงนิ เวลาประมาณก่โี มง กงุ้ ปฏเิ สธการชาระเงนิ คืนในวนั น้ี ไกจ่ งึ โกรธมากไปแจง้ ตารวจเพือ่ ดาเนินคดีกับไก่ จากข้อความต่อไปน้ขี อ้ ใดถูกต้อง ก. ก้งุ มีความผิดเพราะไม่ชาระเงินคืนตามกาหนด ข. กงุ้ ไม่มีความผดิ เพราะสญั ญาหน้เี ดมิ ได้ถูกระงับไปแลว้ ค. ไกไ่ มม่ ีความผิดเพราะเจ้าหนย้ี อ่ มมีสิทธิได้รบั เงนิ คนื ง. กุ้งไมม่ ีความผดิ เพราะคร้งั แรกควรเป็นการตกั เตอื นไม่ใชก่ ารแจ้งความ จ. ไกไ่ มม่ คี วามผดิ เพราะสญั ญาการยืมเงินยงั คงไม่ถกู ระงับ 19. ถา้ การชาระหน้กี ลายเป็นพ้นวสิ ัยเพราะพฤตกิ ารณ์อันใดอันหนงึ่ ซึง่ เกดิ ข้นึ ภายหลังท่ไี ดก้ อ่ หนี้จะถอื ไดเ้ สมอไป หรอื ไม่วา่ ลูกหนเี้ ป็นอนั หลุดพ้นจากการชาระหนีน้ ั้น ก. เสมอไปเพราะการชาระหน้กี ลายเป็นพ้นวิสยั นนั้ เมื่อไมใ่ ชค่ วามผดิ ของลกู หน้ี ข. เสมอไปเพราะเปน็ ความผดิ ของเจา้ หน้โี ดยแท้ ค. ไมเ่ สมอไปเพราะหากเป็นความผดิ ของลูกหนี้ ลกู หนกี้ ็ไมห่ ลุดพ้น ง. ไม่เสมอไปเพราะกฎหมายบงั คบั คงไว้ซง่ึ ความมีศลี ธรรม จ. ไม่เสมอไปเพราะเจ้าหนม้ี ีสทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ ับชาาระหนเี้ สมอ 20. นางสาวเอจา้ งนายบใี หว้ าดภาพตนเองเนอ่ื งจากนายบเี ปน็ ช่างวาดฝมี ือดีและมีชื่อเสยี ง ทาสญั ญาจ้างเสร็จแล้วยงั ไมไ่ ดว้ าดภาพให้นางสาวเอ นายบีได้ขับรถยนต์ไปชนกบั รถยนต์ของผ้อู ืน่ โดยประมาทเป็นเหตใุ หร้ ถยนต์ของนายบคี ว่า ได้รบั บาดเจบ็ สาหสั ต้องตดั แขนขวาท้ิงซึ่งเปน็ แขนทีจ่ ะตอ้ งใชว้ าดภาพนายบจี งึ กลายเป็นคนท่ีไมส่ ามารถจะชาระหนคี้ อื วาดภาพให้นางสาวเอได้ ดงั นัน้ นายบจี ะตอ้ งรับผดิ ชอบต่อนางสาวเอหรือไม่ ก. ไมต่ ้องรับผิดชอบเพราะเปน็ ส่ิงที่นอกเหนือความคาดหมาย ข. ไมต่ ้องรบั ผิดชอบเพราะการชาระหนกี้ ลายเป็นพ้นวสิ ัยเพราะความผดิ ของนายบเี อง ค. ต้องรับผดิ ชอบเพราะการชาระหน้กี ลายเปน็ พน้ วสิ ยั เพราะความผดิ ของนายบีเอง ง. ตอ้ งรับผดิ ชอบเพราะการชาระหนกี้ ลายเป็นพ้นวสิ ัยเพราะความผดิ ของนางสาวเอ จ. ตอ้ งรับผดิ ชอบเพราะมีการทาสญั ญากนั ไว้อย่างเป็นลายลักษณอ์ กั ษร
88 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรุปหลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพี่ บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 9 หน่วยท่ี - สอนครง้ั ท่ี 9 (17-18) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2) ชอื่ หน่วย/เร่อื ง ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน จานวน 2 ช.ม.
89 สาระสาคญั - จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1.ผูเ้ รียนเกดิ การเรียนรู้ในเนอ้ื หาสาระ และนาความคดิ รวบยอดไปประยกุ ตใ์ ชต้ อ่ ไป 2.มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผสู้ าเร็จการศึกษา สานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ทีค่ รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรือ่ ง 2.1 ความมมี นุษยสัมพันธ์ 2.6 การประหยัด 2.2 ความมีวินยั 2.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 2.3 ความรบั ผดิ ชอบ 2.8 การละเว้นส่ิงเสพตดิ และการพนนั 2.4 ความซ่อื สตั ย์สุจรติ 2.9 ความรักสามัคคี 2.5 ความเชอ่ื มัน่ ในตนเอง 2.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกยี่ วกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2. แสดงความร้เู กยี่ วกบั หลักกฎหมายลิขสทิ ธิ์และสิทธบิ ัตร เน้ือหาสาระ ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน
90 บนั ทึกหลังการสอบ ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปญั หาทพ่ี บ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการที่ 10 หน่วยท่ี 6 สอนครง้ั ที่ 10 (19-20) รหสั 2204-2112กฎหมายคอมพิวเตอร์ (2-0-2)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169