91 ตารางท่ี 9 (ต่อ) แสดงค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่างองค์ประกอบต่างๆของแบบทดสอบวัด ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ไฟฟ้าสถิต โดยโดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5 ขั้น รว่ มกบั การจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับทาง ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 แบบทดสอบขอ้ ที่ ผลการพิจารณาของผเู้ ช่ยี วชาญ ∑ ������ IOC ผลการพิจารณา ท่านที่ 1 ท่านที่ 2 ท่านที่ 3 26 +1 +1 +1 +3 1.00 ใช้ได้ 27 +1 +1 +1 +3 1.00 ใช้ได้ 28 +1 +1 +1 +3 1.00 ใช้ได้ 29 +1 +1 +1 +3 1.00 ใช้ได้ 30 +1 +1 +1 +3 1.00 ใชไ้ ด้
ตารางที่ 10 ตารางแสดงค่าความยากง่าย (P) ของแบบทดสอบวดั ความสามา ขนั้ ร่วมกับการจดั การเรยี นการสอนแบบหอ้ งเรยี นกลบั ทาง ของนักเรยี นช้ันมัธ คะแนน ขอ้ ท่ี กลุ่มสงู คนที่ 1 คนที่ 2 คนท่ี 3 คนที่ 4 คนที่ 5 คนท่ี 11 1 1 1 1 1 21 1 1 1 1 1 31 1 1 1 0 0 41 1 0 1 1 0 50 1 1 1 1 0 61 0 1 1 1 1 71 1 1 0 1 0 81 1 0 1 1 0 91 1 1 1 1 1 10 1 1 1 0 1 0 11 0 1 1 1 1 0 12 1 1 1 0 1 0 13 1 1 1 1 1 1
92 ารถในการแกโ้ จทยป์ ัญหาฟิสิกส์ เรื่อง ไฟฟ้าสถติ โดยโดยใชว้ ัฏจกั รการเรยี นรูแ้ บบ 5 ธยมศึกษาปีท่ี 5 กลมุ่ ตา่ R P สรุป 6 คนที่ 7 คนที่ 8 คนท่ี 9 คนที่ 10 7 0.7 ใชไ้ ด้ 8 0.8 ใชไ้ ด้ 001 0 5 0.5 ใชไ้ ด้ 6 0.6 ใชไ้ ด้ 010 1 6 0.6 ใชไ้ ด้ 6 0.6 ใชไ้ ด้ 100 0 6 0.6 ใช้ได้ 6 0.6 ใช้ได้ 011 0 8 0.8 ใชไ้ ด้ 6 0.6 ใช้ได้ 101 0 6 0.6 ใชไ้ ด้ 6 0.6 ใช้ได้ 010 0 8 0.8 ใช้ได้ 101 0 010 1 011 0 100 1 100 1 010 1 001 1
ตารางท่ี 10 (ต่อ) ตารางแสดงคา่ ความยากง่าย (P) ของแบบทดสอบวัดความ แบบ 5 ขั้นร่วมกับการจดั การเรยี นการสอนแบบหอ้ งเรียนกลบั ทาง ของนักเรีย คะแนน ข้อท่ี กลุม่ สงู คนท่ี 1 คนที่ 2 คนที่ 3 คนที่ 4 คนท่ี 5 คนท 14 1 1 0 1 1 1 15 1 0 1 1 1 0 16 1 1 1 1 0 0 17 1 0 1 1 1 0 18 1 1 1 0 1 0 19 1 1 1 1 0 1 20 1 1 1 1 0 0
93 มสามารถในการแก้โจทยป์ ญั หาฟสิ ิกส์ เรือ่ ง ไฟฟา้ สถติ โดยโดยใชว้ ฏั จกั รการเรยี นรู้ ยนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 กล่มุ ตา่ R P สรปุ ท่ี 6 คนที่ 7 คนที่ 8 คนท่ี 9 คนท่ี 10 6 0.6 ใชไ้ ด้ 6 0.6 ใช้ได้ 1001 0 6 0.6 ใชไ้ ด้ 6 0.6 ใช้ได้ 0001 1 6 0.6 ใช้ได้ 6 0.6 ใชไ้ ด้ 0010 1 6 0.6 ใชไ้ ด้ 0100 1 0110 0 1010 0 0001 1
ตารางท่ี 11 ตารางแสดงคา่ อานาจจาแนก (r) ของแบบทดสอบวดั ความสามา ขน้ั รว่ มกบั การจดั การเรียนการสอนแบบห้องเรยี นกลบั ทาง ของนักเรียนชั้นมัธ คะแนนกลุม่ สงู ขอ้ ที่ คนที่ คนท่ี คนที่ คนที่ คนที่ H คนท่ี ค 12345 6 11 1 1 1 1 5 1 21 1 1 1 1 5 1 31 1 1 1 0 4 0 41 1 0 1 1 4 0 50 1 1 1 1 4 0 61 0 1 1 1 4 1 71 1 1 0 1 4 0 81 1 0 1 1 4 0 91 1 1 1 1 5 1 10 1 1 1 0 1 4 0 11 0 1 1 1 1 4 0 12 1 1 1 0 1 4 0 13 1 1 1 1 1 5 1 14 1 1 0 1 1 4 1
94 ารถในการแก้โจทยป์ ญั หาฟสิ ิกส์ เรื่อง ไฟฟา้ สถิต โดยโดยใชว้ ัฏจักรการเรยี นรู้แบบ 5 ธยมศึกษาปที ่ี 5 คะแนนกลุ่มต่า คนท่ี คนท่ี 8 คนที่ 9 คนท่ี 10 L H - L r สรุป 7 0 0 1 0 2 3 0.3 ใชไ้ ด้ 0 1 0 1 3 2 0.2 ใชไ้ ด้ 1 0 0 0 1 3 0.3 ใชไ้ ด้ 0 1 1 0 2 2 0.2 ใช้ได้ 1 0 1 0 2 2 0.2 ใชไ้ ด้ 0 1 0 0 2 2 0.2 ใช้ได้ 1 0 1 0 2 2 0.2 ใช้ได้ 0 1 0 1 2 2 0.2 ใชไ้ ด้ 0 1 1 0 3 2 0.2 ใชไ้ ด้ 1 0 0 1 2 2 0.2 ใชไ้ ด้ 1 0 0 1 2 2 0.2 ใช้ได้ 0 1 0 1 2 2 0.2 ใชไ้ ด้ 0 0 1 1 3 2 0.2 ใช้ได้ 0 0 1 0 2 2 0.2 ใช้ได้
ตารางที่ 11 (ต่อ) ตารางแสดงคา่ อานาจจาแนก (r) ของแบบทดสอบวดั ความ แบบ 5 ข้ันรว่ มกับการจดั การเรยี นการสอนแบบห้องเรียนกลบั ทาง ของนักเรยี คะแนนกลุม่ สูง ข้อท่ี คนที่ คนที่ คนที่ คนท่ี คนที่ H คนท่ี ค 12345 6 15 1 0 1 1 1 4 0 16 1 1 1 1 0 4 0 17 1 0 1 1 1 4 0 18 1 1 1 0 1 4 0 19 1 1 1 1 0 4 1 20 1 1 1 1 0 4 0
95 มสามารถในการแก้โจทยป์ ญั หาฟสิ กิ ส์ เรอ่ื ง ไฟฟา้ สถติ โดยโดยใชว้ ฏั จกั รการเรียนรู้ ยนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 คะแนนกลุ่มตา่ สรุป คนท่ี คนที่ คนท่ี คนท่ี L H - L r 7 8 9 10 0 0 1 1 2 2 0.2 ใชไ้ ด้ 0 1 0 1 2 2 0.2 ใช้ได้ 1 0 0 1 2 2 0.2 ใช้ได้ 1 1 0 0 2 2 0.2 ใชไ้ ด้ 0 1 0 0 2 2 0.2 ใชไ้ ด้ 0 0 1 1 2 2 0.2 ใชไ้ ด้
96 ภาคผนวก ค ผลการเกบ็ รวบรวมข้อมลู
ตารางท่ี 12 ตารางแสดงคะแนนวัดความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หาฟิสกิ ส เรยี นการสอนแบบหอ้ งเรยี นกลับทาง ก่อนเรียน ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาป คนท่ี ขอ้ ส 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 1 0 0 00 1 0 0 1 1 0 0 2 001001111 1 0 3 001110000 1 0 4 000011110 1 0 5 000010001 0 1 6 101001000 1 1 7 110010010 0 1 8 110001001 0 0 9 000101011 0 0 10 1 0 1 0 0 0 1 1 1 0 0 11 0 0 0 0 0 0 0 1 0 0 0 12 0 1 0 1 1 1 0 1 0 0 1 13 0 0 1 0 0 1 0 1 1 0 1 14 0 0 0 1 1 0 1 0 1 1 0 15 1 0 0 1 0 1 0 0 1 0 0
97 ส์กอ่ นเรยี น เรื่อง ไฟฟา้ สถิต โดยโดยใชว้ ัฏจักรการเรียนรแู้ บบ 5 ขน้ั ร่วมกบั การจัดการ ปที ี่ 5/2 สอบ ∑ ������ 12 13 14 15 16 17 18 19 20 100011101 8 100000011 9 011000000 6 011000100 8 010101110 8 011000100 8 101101000 9 011000010 7 100010010 7 111000100 9 100101011 6 010010001 9 101010001 9 010000000 6 111000010 8
ตารางที่ 12 (ตอ่ ) ตารางแสดงคะแนนวดั ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปญั หาฟ จัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับทาง กอ่ นเรียน ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศ คนที่ ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 16 1 0 1 1 0 1 1 0 1 1 0 17 0 1 0 0 0 0 0 1 0 0 0 18 0 0 1 0 1 0 1 0 0 1 1 19 1 1 0 1 1 0 0 0 1 0 0 20 0 1 0 1 1 1 0 1 0 0 0 21 1 1 0 1 0 0 1 0 1 0 1 22 0 0 1 1 0 1 0 1 0 0 0 23 1 0 0 0 0 1 1 0 0 1 1 24 0 0 1 1 0 1 1 0 0 0 0 25 0 0 0 1 0 0 0 0 0 0 0 26 1 1 0 0 0 0 0 1 0 0 1 27 0 0 0 0 0 0 1 1 1 0 1 28 1 1 1 0 0 0 0 0 0 0 0 29 0 1 0 0 0 0 0 1 0 1 1 30 1 0 0 1 1 0 0 0 1 0 0
98 ฟิสิกส์ก่อนเรียน เรอื่ ง ไฟฟา้ สถติ โดยโดยใช้วฏั จักรการเรียนรู้แบบ 5 ขั้นร่วมกับการ ศึกษาปีท่ี 5/2 อสอบ ∑ ������ 12 13 14 15 16 17 18 19 20 010000000 8 110010001 6 000001000 6 011001100 9 001110001 9 001001001 9 011011000 8 110100001 9 010011011 9 011110011 7 110000000 6 001001100 7 000110111 8 010100110 8 000111110 9
ตารางท่ี 12 (ต่อ) ตารางแสดงคะแนนวัดความสามารถในการแก้โจทยป์ ญั หาฟ จัดการเรียนการสอนแบบหอ้ งเรยี นกลับทาง ก่อนเรียน ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศ คนท่ี ข้อส 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 31 1 1 0 0 1 0 0 0 0 0 0 32 0 0 1 1 1 0 0 1 1 1 0 33 1 0 0 1 1 0 0 0 0 1 0 34 0 0 0 0 1 1 1 1 0 1 0 35 0 0 0 0 1 1 1 1 1 0 1 36 1 0 1 0 0 1 0 0 0 1 1 37 1 1 1 0 0 0 0 1 0 0 0 38 0 0 0 0 0 1 0 0 1 1 1 39 0 0 0 1 0 1 0 1 1 0 0 40 1 1 1 0 0 0 1 0 1 0 0
99 ฟสิ กิ ส์ก่อนเรียน เร่อื ง ไฟฟา้ สถิต โดยโดยใช้วฏั จักรการเรียนรแู้ บบ 5 ขนั้ รว่ มกับการ ศึกษาปีท่ี 5/2 สอบ ∑ ������ 12 13 14 15 16 17 18 19 20 101100101 8 100110000 9 000001100 6 011000100 8 010100000 8 011000100 8 001101011 9 000011010 7 100010010 7 100011100 9
ตารางที่ 13 ตารางแสดงคะแนนวัดความสามารถในการแก้โจทย์ปญั หาฟสิ กิ ส เรยี นการสอนแบบหอ้ งเรียนกลับทาง กอ่ นเรยี น ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาป คนท่ี ขอ้ สอ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 1 11001011 1 1 1 2 11100111 1 1 1 3 11111011 1 1 1 4 10101111 1 1 1 5 10101001 1 0 1 6 10101110 1 1 1 7 11011111 1 1 1 8 11000100 1 0 0 9 01010101 1 0 0 10 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 0 11 1 1 1 0 0 1 1 1 0 0 0 12 1 1 1 1 1 1 0 1 1 0 1 13 1 0 1 0 0 1 1 1 1 0 1 14 1 0 0 1 1 0 1 0 1 0 0 15 1 0 0 1 0 1 1 0 1 1 0
100 ส์หลงั เรียน เรื่อง ไฟฟ้าสถิต โดยโดยใช้วฏั จกั รการเรยี นรแู้ บบ 5 ข้นั ร่วมกบั การจดั การ ปีที่ 5/2 อบ ∑ ������ 12 13 14 15 16 17 18 19 20 110011101 14 101010011 14 1 1 1 0 1 0 1 1 1 17 0 1 1 0 0 0 1 1 1 14 011101110 12 011001101 13 1 1 1 1 0 1 1 0 0 16 011000010 7 100010110 9 111111111 18 1 0 1 1 0 1 1 1 1 13 0 1 1 1 1 1 0 1 1 16 1 0 1 1 1 1 1 0 1 14 011100001 9 111001011 12
ตารางที่ 13 (ต่อ) ตารางแสดงคะแนนวดั ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟ จัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับทาง กอ่ นเรียน ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศ คนที่ ข้อสอ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 16 1 1 1 1 0 1 1 0 1 1 0 17 0 1 0 0 0 0 0 1 0 1 1 18 0 0 1 0 1 0 1 0 0 1 1 19 1 1 0 1 1 0 0 0 1 1 1 20 1 1 0 1 1 1 0 1 0 0 0 21 1 1 0 1 0 0 1 0 1 0 1 22 1 0 1 1 0 1 0 1 0 0 1 23 1 0 1 1 1 1 1 0 0 1 1 24 1 0 1 1 0 1 1 0 0 0 1 25 1 0 0 1 1 0 0 1 1 1 0 26 1 1 0 1 1 1 0 1 0 1 1 27 1 1 0 1 1 1 1 1 1 0 1 28 1 1 1 0 1 1 1 0 1 1 1 29 1 1 1 1 0 1 1 1 0 1 1 30 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1
101 ฟิสิกส์หลังเรยี น เรื่อง ไฟฟา้ สถิต โดยโดยใช้วัฏจกั รการเรียนร้แู บบ 5 ขนั้ ร่วมกบั การ ศกึ ษาปีท่ี 5/2 อบ ∑ ������ 12 13 14 15 16 17 18 19 20 0 1 1 1 0 0 1 1 0 13 1 1 0 1 1 1 0 0 1 10 000001100 7 0 1 1 0 0 1 1 0 1 12 0 0 1 1 1 1 0 0 1 11 1 1 1 0 1 1 0 0 1 12 1 1 1 0 1 1 0 0 0 11 1 1 0 1 0 1 1 1 1 15 0 1 0 0 1 1 0 1 1 11 0 1 1 1 1 0 0 1 1 12 1 1 1 0 0 1 1 1 1 15 1 1 1 0 0 1 1 0 0 14 1 1 0 1 1 1 1 1 1 17 0 1 1 1 0 0 1 1 0 14 0 0 0 1 1 1 1 1 0 15
ตารางท่ี 13 (ตอ่ ) ตารางแสดงคะแนนวัดความสามารถในการแก้โจทยป์ ัญหาฟ จัดการเรียนการสอนแบบหอ้ งเรียนกลับทาง ก่อนเรยี น ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศ คนที่ ข้อสอ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 31 1 0 1 0 1 1 1 0 1 1 1 32 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 33 1 1 0 0 0 1 0 0 1 0 0 34 0 1 0 1 0 1 0 1 1 0 0 35 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 0 36 1 0 1 0 1 0 0 1 1 0 1 37 1 0 1 0 1 1 1 0 1 1 1 38 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 39 1 1 0 0 0 1 0 0 1 0 0 40 1 1 1 0 0 1 1 1 1 1 1
102 ฟสิ กิ ส์หลังเรียน เรื่อง ไฟฟา้ สถติ โดยโดยใช้วัฏจกั รการเรยี นรแู้ บบ 5 ขนั้ รว่ มกบั การ ศกึ ษาปที ่ี 5/2 อบ ∑ ������ 12 13 14 15 16 17 18 19 20 0 1 1 0 0 1 1 0 1 13 1 1 1 1 0 1 1 0 0 16 011000010 7 100010110 9 1 1 1 1 1 1 1 1 1 18 0 1 1 1 0 1 1 1 0 12 0 1 1 0 0 1 1 0 1 13 1 1 1 1 0 1 1 0 0 16 011000010 7 1 0 1 0 1 0 0 1 1 14
103 ภาคผนวก ง เครอ่ื งมือที่ใช้ในการวิจยั
104 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา ฟสิ ิกส์เพิม่ เตมิ 4 ( ว30204 ) หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ไฟฟา้ สถิต จานวน 26 ชั่วโมง เรอื่ ง เส้นสนามไฟฟา้ และสนามไฟฟา้ เนือ่ งจากแผน่ ตัวนาขนาน จานวน 2 ชัว่ โมง ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 จานวน 2 หนว่ ย กติ ผูส้ อน นางสาวชลธชิ า ดสี งั ข์ โรงเรียนอดุ มดรุณี 1. ผลการเรยี นรู้ อธบิ ายสนามไฟฟ้า สนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุ และสนามไฟฟ้าของตัวนาทรงกลม 2. สาระสาคญั เสน้ สนามไฟฟา้ หรอื เสน้ แรงไฟฟา้ คือ เส้นทใ่ี ช้เขยี นเพ่ือแสดงทศิ ของสนามไฟฟา้ ในบริเวณ รอบ ๆ จดุ ประจุ โดยหวั ลกู ศรแสดงทิศทางของสนามไฟฟา้ ซึ่งมีทศิ พงุ่ ออกจากประจุบวกและพงุ่ เข้าสู่ ประจลุ บ เส้นสนามไฟฟ้าทม่ี คี วามหนาแน่นสมา่ เสมอหรือขนานกนั สนามไฟฟ้าบริเวณนัน้ จะมีคา่ สม่าเสมอ นน่ั คือ สนามไฟฟา้ เน่ืองจากแผ่นตวั นาขนานทม่ี ปี ระจตุ ่างกนั 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นพทุ ธพิสยั (K) 1. นักเรียนสามารถอธบิ ายเส้นสนามไฟฟา้ ของจุดประจุ และแผ่นตัวนาขนานได้ ดา้ นทักษะพิสยั (P) 2. นกั เรียนสามารถคานวณหาสนามไฟฟ้าของแผน่ ตัวนาขนานได้ ด้านจติ พสิ ัย (A) 3. นักเรยี นมีความใฝเ่ รยี นรู้และมคี วามมุง่ ม่ันในการทางาน 4. สาระการเรยี นรู้ เมื่อนาประจุไปวางไว้ ณ ตาแหน่งใด แล้วมีแรงไฟฟ้ากระทาต่อประจุนั้น กล่าวได้ว่า ตาแหนง่ นน้ั มีสนามไฟฟ้า แรงทก่ี ระทาต่อประจบุ วกหนึ่งหนว่ ยทีต่ าแหนง่ ใดๆคอื สนามไฟฟ้าท่ตี าแหน่ง นั้น สนามไฟฟ้าลัพธ์เน่ืองจากจุดประจุหลายจุดประจุเท่ากับผลรวมแบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟ้า เนื่องจากจุดประจุแต่ละจุดประจุในกรณีของไฟฟ้าสถิต สนามไฟฟ้าภายในตัวนาทรงกลมเป็นศูนย์ สนามไฟฟ้าบนตัวนามที ิศทางต้ังฉากกับผวิ ตัวนาน้ัน และสนามไฟฟ้าเนื่องจากประจุบนตัวนาทรงกลม ที่ตาแหน่งห่างจากผิวออกไป มีลักษณะเช่นเดียวกับสนามไฟฟ้าเน่ืองจากจุดประจุซ่ึงอยู่ที่ศูนย์กลาง ของทรงกลม โดยขนาดของประจเุ ท่ากบั ผลรวมของประจุท้งั หมดทผี่ ิวของทรงกลม
105 5. สมรรถนะสาคญั 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (5E) ข้นั สร้างความสนใจ (Engage) 1. ครทู กั ทายและทบทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียน โดยการตง้ั คาถามให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกัน อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นเพื่อหาคาตอบ ดังน้ี - สนามไฟฟ้ามีทิศทางอย่างไร (แนวตอบ: สนามไฟฟ้ามีทิศพุ่งออกจากประจุบวก และมีทศิ เข้าหาประจุลบ) - ถ้านาประจุทดสอบไปไว้ในสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้าจะมีทิศทางอย่างไร (แนวตอบ: ถ้านาประจุทดสอบท่ีมีประจุเป็นบวกไปไว้ในสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้าที่กระทาต่อประจุจะมีทิศทาง เดียวกบั สนามไฟฟ้า แต่ถ้าถา้ นาประจุทดสอบที่มปี ระจเุ ป็นลบไปไว้ในสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้าที่กระทา ต่อ ประจุจะมีทศิ ทางตรงข้ามกบั สนามไฟฟ้า) 2. ครตู ้ังคาถามเกยี่ วกบั วิดโี อที่ไดศ้ กึ ษามาก่อนเรียน ทม่ี า : https://www.youtube.com/watch?v=8729VasMd0c โดยมคี าถามวา่ “เสน้ แรงไฟฟา้ ใช้อธบิ ายสนามไฟฟา้ ได้อยา่ งไร” จากน้นั ครกู ล่าว เชื่อมโยงเขา้ สกู่ ิจกรรมการเรียนการสอน (แนวตอบ : เส้นแรงไฟฟ้าใช้อธิบายสนามไฟฟ้าไดโ้ ดยการนา ความรเู้ ร่ืองแรงระหวา่ งประจุหาทิศทางของสนามไฟฟ้าเนือ่ งจากจดุ ประจุ และเขยี นภาพแสดงทิศทาง ของสนามไฟฟา้ รอบจดุ ประจุได้)
106 ขน้ั สารวจและคน้ หา (Explore) 3. นกั เรียนจบั คู่กบั เพ่ือนชน้ั ในเรียนตามความสมคั รใจ จากนั้นใหน้ ักเรียนแต่ละค่รู ่วมกันศกึ ษา คน้ คว้าข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะเส้นสนามไฟฟ้าจากจุดประจุ และลักษณะเส้นสนามไฟฟ้าจากแผ่น ตวั นาคูข่ นาน แล้วบนั ทึกลงสมุดประจาตัวนกั เรยี น 4. ครูสุ่มนักเรียน 2 คู่ออกมานาเสนอการศึกษาค้นคว้า และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย เช่น ความแตกต่างของเส้นสนามไฟฟ้าที่ครใู หศ้ ึกษา ครเู สนอแนะหรอื แทรกขอ้ มูลเพ่ิมเติม ในเร่ืองนน้ั ๆ เพือ่ ใหน้ ักเรยี นมีความเข้าใจท่ถี กู ตอ้ งมากยง่ิ ขน้ึ ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explain) 5. ครูอธิบายลักษณะของความหนาแน่นของเส้นสนามไฟฟ้าจากแผ่นตัวนาขนานท่ีจะมีความ สม่าเสมอ ส่วนเส้นสนามไฟฟ้าจากจุดประจุ จะมีความหนาแน่นมาเมอ่ื อยใู่ กล้ประจุ และหนาแน่น น้อยเม่อื อยไู่ กลจากประจุออกไป 6. ครูยกตวั อย่างการคานวณหาค่าสนามไฟฟ้าเนื่องจากแผน่ ตวั นาขนานบนกระดาน ข้นั ขยายความรู้ (Elaborate) 7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเน้ือหาเก่ียวกับเส้นสนามไฟฟ้า และให้ความรู้เพิ่มเติมจาก คาถามของนกั เรยี น 8. นักเรยี นแต่ละคนทาแบบฝกึ หัด สนามไฟฟ้าแผ่นตวั นาขนาน ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 9. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล 10. ครตู รวจแบบฝึกหดั สนามไฟฟ้าแผน่ ตัวนาขนาน 11. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรุปเกี่ยวกับเสน้ สนามไฟฟา้ ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกนั วา่ “เส้นแรงไฟฟ้า พุ่งออก จากประจุบวกและพุ่งเข้าหาประจุลบเสมอ เสน้ แรงไฟฟ้าจะมีระเบยี บโดยเส้นแรงไฟฟ้าแตล่ ะ เส้นจะ ไม่ตัดกัน และเส้นสนามไฟฟ้าของแผ่นตัวนาขนานจะเป็นเส้นตรงขนานกัน และมีความ หนาแน่นของเสน้ สนามไฟฟา้ สม่าเสมอ 7. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ 1. สมุดประจาตวั นกั เรยี น 2. หนังสอื เรียนฟิสกิ ส์เพ่มิ เตมิ 4 หลักสูตร 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2560) แหลง่ การเรียนรู้ 1. อนิ เทอร์เน็ต
107 8. ชนิ้ งาน/ภาระงาน - แบบฝกึ หดั ที่ 1.5 สนามไฟฟา้ แผน่ ตัวนาคูข่ นาน 9. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารประเมนิ เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 70 พุทธพิสยั (K) ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70 1. นกั เรยี นสามารถอธิบาย ตรวจจากแบบฝึกหดั ท่ี แบบฝกึ หดั ท่ี 1.5 เส้น - ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์ เส้นสนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุ 1.5 เส้นสนามไฟฟา้ สนามไฟฟา้ และ และแผน่ ตัวนาขนานได้ และสนามไฟฟา้ แผ่น สนามไฟฟา้ แผน่ ตัวนา ตวั นาขนาน ขนาน ทกั ษะพิสัย (P) 1. นักเรียนสามารถ ตรวจจากแบบฝึกหัดท่ี แบบฝึกหัดที่ 1.5 เสน้ คานวณหาสนามไฟฟา้ ของ 1.5 เสน้ สนามไฟฟ้า สนามไฟฟ้า และ แผน่ ตัวนาขนานได้ และสนามไฟฟา้ แผน่ สนามไฟฟ้าแผน่ ตัวนา ตัวนาขนาน ขนาน จิตพิสยั (A) 1. นกั เรียนมคี วามมุ่งมน่ั ใน - สงั เกตพฤตกิ รรมการ - แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียนร้แู ละการทางานที่ เรยี นเปน็ รายบุคคล การเรยี นเปน็ รายบคุ คล ได้รับมอบหมายตลอดเวลา
108 แบบฝึกหัดที่ 1.5 เสน้ สนามไฟฟ้า และสนามไฟฟ้าแผน่ ตัวนาขนาน 1. จงวาดเส้นสนามไฟฟา้ ของระบบจุดประจไุ ฟฟา้ ดังต่อไปนี้ 1.1 ประจบุ วกและประจบุ วก 1.2 ประจุบวกและประจุลบ 1.3 ประจลุ บและประจุลบ
109 1.4 ประจบุ วกและประจุลบของตัวนาขนาน 2. จงแสดงวธิ ที าอย่างละเอยี ด โจทย์ : ทรงกลมขนาดเลก็ แขวนอยู่ในแนวดิง่ ดว้ ยเชือกเบาเป็นฉนวน เม่ือทรงกลมหยดุ น่งิ ใน สนามไฟฟา้ สมา่ เสมอ โดยมที ศิ ทางของแรงอยู่ในแนวระดบั ดงั รปู ถ้าทรงกลมมีประจุ −2.5 × 10−6 คูลอมบ์ และมีมวล 0.015 กรมั จงหาขนาดและทิศทางของสนามไฟฟา้ (������ = 10 m/������2) 45° ������ AB
110 เฉลยแบบฝึกหัดที่ 1.5 เสน้ สนามไฟฟ้า และสนามไฟฟ้าแผน่ ตวั นาขนาน 1. จงวาดเส้นสนามไฟฟา้ ของระบบจดุ ประจุไฟฟา้ ดังต่อไปน้ี 1.1 ประจบุ วกและประจบุ วก 1.2 ประจบุ วกและประจุลบ 1.3 ประจลุ บและประจลุ บ
111 1.4 ประจุบวกและประจลุ บของตวั นาขนาน หรือ 2. ทรงกลมขนาดเลก็ แขวนอยใู่ นแนวดง่ิ ดว้ ยเชอื กเบาเปน็ ฉนวน เมอื่ ทรงกลมหยุดน่ิงในสนามไฟฟ้า สม่าเสมอ โดยมีทิศทางของแรงอยูใ่ นแนวระดบั ดังรปู ถา้ ทรงกลมมปี ระจุ −2.5 × 10−6 คู ลอมบ์ และมมี วล 0.015 กรมั จงหาขนาดและทิศทางของสนามไฟฟ้า (������ = 10 ������/������2) 45° ������ AB โจทยก์ าหนด ทศิ ทางของ ������ เนอ่ื งจากทรงกลมมปี ระจเุ ป็นลบ ดงั น้ันสนามไฟฟ้าจึงมีทศิ ตรงขา้ มกบั ������ ดังรูป และกาหนด m = 0.015 g = 0.015 × 10−3������������ และ ������ = −2.5 × 10−6������ ������ = 10 ������/������2 ������ 45° ������ AB เราทราบทิศทางของสนามไฟฟา้ ������ แลว้ จากนนั้ หาขนาดของ จากการพิจารณาแรงท่ีกระทาตอ่ ทรง กลม ดังรปู
112 พิจารณาแรงในแนวแกน x จะได้ ������������������������45° = ������ ; ������ = ������������ ……… (1) พจิ ารณาแรงในแนวแกน y จะได้ ������������������������45° = ������������ ……… (2) นา (2) ÷ (1) จะได้ ������������������������45° = ������������ ������������������������45° ������������ ������������������45° = ������������ ������������������45° ������������ 1 = ������������ ������������ ������������ = ������������ ������ = ������������ ������ แทนค่า ������ = 0.015×10−3×10 = 60 ������/������ 2.5×10−6 ดงั นน้ั ขนาดของสนามไฟฟ้ามีคา่ 60 ������/������
113 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนเป็นรายบคุ คล คาชแ้ี จง : ทาเครอ่ื งหมาย √ ลงในช่องระดบั คะแนนพฤติกรรมที่นกั เรียนปฏิบตั ิดงั น้ี เกณฑ์การให้คะแนน ระดบั 4 หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมให้เห็นมาก ระดบั 3 หมายถึง แสดงพฤติกรรมให้เหน็ ปานกลาง ระดับ 2 หมายถึง แสดงพฤตกิ รรมใหเ้ ห็นน้อย ระดับ 1 หมายถงึ ไมแ่ สดงพฤติกรรมใหเ้ หน็ เลย ที่ พฤตกิ รรม ความสนใจ การแสดง การตอบ การยอมรับ ทางาน หมาย ความคิดเห็น คาถาม ฟงั คนอ่ืน ตามทีไ่ ดร้ บั รวม เหตุ มอบหมาย คะแนน ชอื่ -สกุล 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑก์ ารประเมิน (คะแนนเตม็ 20 คะแนน) 16 – 20 คะแนน หมายถึง ดี ปานกลาง 11 – 15 คะแนน หมายถึง พอใช้ ควรปรบั ปรุง 6 – 10 คะแนน หมายถงึ 1 – 5 คะแนน หมายถงึ เกณฑก์ ารผ่าน อย่ใู นระดบั ดี ถอื วา่ ผ่าน ลงช่ือ …………………………......………………………… ผู้ประเมิน (……………...................…………..………….) …....……../..…….…../..……..…..
114 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ชั้น...............................................................................................................จานวน...........................คน สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้วนั ที่................เดือน...................................พ.ศ.......................... เลขที่ ชื่อ พฤตกิ รรม รวม 1 มวี ินยั (3) ใฝ่เรียนรู้ (3) (6) 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 ลงชอื่ …………………………………………………… ผปู้ ระเมนิ (…………………………………...………….) …....……../..…….…../..……..…..
115 เกณฑ์การประเมินในการสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ มดี ังน้ี คะแนน 5 – 6 ดี คะแนน 3 – 4 พอใช้ คะแนนต่ากว่า 3 ควรปรบั ปรงุ มเี กณฑ์ใหค้ ะแนนจากการสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ คอื เกณฑ์การให้คะแนน 3 คะแนน เม่ือนักเรียนแสดงพฤติกรรมตามที่ต้องการเป็นประจา สมา่ เสมอ เกณฑ์การให้คะแนน 2 คะแนน เม่ือนักเรียนแสดงพฤติกรรมตามท่ีต้องการค่อนข้างจะ สม่าเสมอ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1 คะแนน เมือ่ นักเรียนแสดงพฤติกรรมตามท่ตี ้องการคอ่ นขา้ งนอ้ ย *เกณฑ์การประเมนิ ต้องมี 4 คะแนนข้นึ ไป อยู่ในระดบั พอใช้ จากคะแนนเตม็ 6 คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ การใหค้ ะแนนด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของนักเรยี น รายการการ ระดบั คะแนน ประเมนิ 3 21 1. มีวนิ ยั นาสมุดมา และเข้า นาสมดุ มา แตเ่ ขา้ ไมน่ าสมดุ มา และ เรยี นตรงเวลาเสมอ เรียนชา้ หรอื ไมน่ า เขา้ เรยี นชา้ สมุดมา แต่เข้าตรง เวลา 2. ใฝเ่ รียนรู้ ตั้งใจเรียน ไม่คยุ กนั ใน ตั้งใจเรยี น คยุ กันใน ไมต่ งั้ ใจเรียน คุยกนั ชัน้ เรียนและร่วมทา ช้นั เรยี นเป็นบางเวลา ในชัน้ เรยี น กิจกรรมอยา่ งสม่าเสมอ และรว่ มทากจิ กรรม ตลอดเวลาและไม่ เป็นบางเวลา รว่ มทากิจกรรม
116 แบบประเมิน สมรรถนะผ้เู รียน คาช้ีแจง :ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด √ ลง ในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะท่ีประเมิน ระดบั คะแนน 321 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1.1 มคี วามสามารถในการรบั – ส่งสาร 1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจของตนเอง โดย ใช้ ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วธิ กี ารส่อื สารท่เี หมาะสม 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มีความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ เพอื่ การสรา้ งองค์ความรู้ 2.2 มคี วามสามารถในการคดิ เปน็ ระบบ เพ่อื การสร้างองคค์ วามรู้ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3.1 แก้ปญั หาโดยใช้เหตุผล 3.2 แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการแกป้ ัญหา 3.3 ตัดสินใจโดยคานึงถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผูอ้ น่ื 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 4.1 ทางานและอย่รู ่วมกบั ผู้อื่นด้วยความสัมพันธ์อันดี 4.2 มีวธิ ีแก้ไขความขดั แยง้ อยา่ งเหมาะสม 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5.1 เลอื กใช้ข้อมลู ในการพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสม 5.2 เลือกใช้ข้อมลู ในการทางานและอย่รู ว่ มกับผอู้ ืน่ อยา่ งเหมาะสม ลงชอื่ …………………………………………………… ผ้ปู ระเมนิ (………………………..………..……….) …....……../..…….…../..……..….. เกณฑ์การให้คะแนน : - พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ัตบิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน
117 แบบทดสอบเก็บคะแนน เรื่อง ไฟฟา้ สถติ ช่ือ............................................................................................................ชน้ั ..........................เลขท่ี......... คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามและแสดงวิธีทาให้ถกู ตอ้ ง 1. A B และ C เป็นแผน่ วัตถสุ ามชนิดท่ีทาให้มีประจุโดยการขัดสี ซง่ึ ได้ผลดังน้ี A และ B ดูดกนั A และ C ผลกั กนั ถาม A B และ C มปี ระจเุ ปน็ อะไร (5 คะแนน) 2. สามเหลย่ี มด้านเท่า ยาวด้านละ 10 cm ทจ่ี ุดยอดของสามเหลี่ยมมีประจุ +1 μC, − 2 μC และ +2 μC ดงั รปู จงหาแรงลพั ธ์ที่กระทาตอ่ ประจุ +2 μC (5 คะแนน) 3. จงหาความเขม้ สนามไฟฟา้ ท่ีระยะ 50 เซนตเิ มตร จากประจุ +10–4 คูลอมบ์ ว่าจะมคี วามเข้มกี่นวิ ตัน/คลู อมบ์ (5 คะแนน)
118 4. จดุ ประจุ +40 นาโนคลู อมบ์ และ +90 นาโนคลู อมบ์ อยหู่ า่ งกัน 0.5 เมตร ระหว่างประจุท้ังสอง เกดิ สนามไฟฟ้าลพั ธ์เปน็ ศนู ย์ขน้ึ ท่ีตาแหน่งสนามไฟฟ้าลัพธ์ท่ีมคี า่ เท่ากับศนู ย์ อยหู่ ่างจากประจุ +40 นาโนคูลอมบ์ เปน็ ระยะเท่าใด (5 คะแนน) 5. โลหะทรงกลมมวล m แขวนด้วยเสน้ เชือกที่เป็นฉนวน อยู่ในบรเิ วณสนามไฟฟา้ (E) สมา่ เสมอขนาด 600 นิวตนั ต่อคลู อมบ์ มีทิศในแนวระดบั ดังรูป ถ้าทรงกลมมปี ระจุ 5 ไมโครคูลอมบ์ และถูกผลักจน เชอื ก ทามมุ 37 องศากบั แนวดิ่งแล้ว มวลของทรงกลมจะมคี า่ เท่าใดในหน่วยกรมั (sin 37= 0.6, cos 37=0.8) (5 คะแนน) 6. โลหะรปู ทรงกลมรศั มี 10 เซนติเมตร มีประจุ 10-9 คูลอมบ์ ดังรูป จงหางานในการนา โปรตอน 1 ตัว เคลื่อนท่ีจากจุด B มายังจุด A (5 คะแนน)
119 7. จากรูป A, B และ C มจี ุดประจขุ นาด 3.0x10-6, 1.0x10-6 และ-1.0x10-6 คู ลอมบ์ ตามลาดับ เม่ือ AP = 0.6 เมตร CP = 0.3 เมตร และ BP = 0,1 เมตร ศักยไ์ ฟฟ้าท่ี ตาแหน่ง P มีคา่ เท่าใด (5 คะแนน) 8. แผ่นโลหะขนานกนั ห่างกัน 0.05 เมตร ทาเปน็ ตัวเก็บประจทุ ี่มีคา่ ความจุ 90 พโิ คฟารดั ถ้า สนามไฟฟา้ ระหวา่ งแผ่นโลหะมีคา่ 300 นิวตันต่อคลู อมบ์ อยากทราบว่าตวั เก็บประจุนี้มปี ระจุกี่คู ลอมบ์ (5 คะแนน) ตวั เก็บประจุ C1 , C2 และ C3 มขี นาดความจุ 4 ,3 และ 6 ไมโครฟารัด ตามลาดบั กอ่ นนามาต่อกบั แบตเตอร่ขี นาด 12 โวลต์ ดังรูป ตวั เก็บประจทุ ง้ั สามยังไมม่ ีประจอุ ยู่ภายในสนามเลย เมอ่ื ปิดสวิตซ์ S เป็นเวลานานพอทีจ่ ะทาใหอ้ ยู่ในสภาพสมดลุ 9. จงหาประจุบนตัวเก็บประจุ C2 เปน็ ก่ีไมโครคูลอมบ์ (2 คะแนน
120 10. จงหาความต่างศกั ย์ของตวั เก็บประจุ C3 เป็นกีโ่ วลต์ (2 คะแนน) 11. จงหาพลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ C3 เปน็ กีไ่ มโครจูล (1 คะแนน) 12. จากวงจรในรปู เร่มิ แรกตัวเก็บประจุ A มคี วามต่างศักย์ 2,000 โวลต์ และ B ไมม่ ปี ระจุ เมอื่ สับ สวิตซ์ S ลง ความตา่ งศักยข์ องตัวเก็บประจุ A จะลดลงเหลือ 1,600 โวลต์ ถ้าความจุ ของ A เท่ากบั 4.0x10-3 ไมโครฟารดั ความจุของ B มคี ่าก่ีไมโครฟารดั (5 คะแนน) 13. จากรปู ตาแหนง่ A B และ C ควรมปี ระจไุ ฟฟ้าตามขอ้ ใด
121 14. ประจุ Q1 และ Q2 วางหา่ งกัน r ขอ้ ใดท่ีแสดงว่าแรงระหว่างประจุท้ังสองเพิม่ มากทีส่ ดุ เพราะ เหตุใด ก. Q1 เพ่ิมเปน็ 2 เทา่ ข. r เพมิ่ เป็น 2 เทา่ ค. Q1 และ r เพิม่ เปน็ 2 เทา่ ง. Q1, Q2 และ r เพ่ิมเป็น 2 เทา่ 15. ขอ้ ใดต่อไปนไ้ี ม่ถูกตอ้ ง ก. ศักยไ์ ฟฟ้าคือ พลงั งานศักยไ์ ฟฟ้าต่อหนงึ่ หน่วยประจุตรงตาแหน่งที่ประจุวางไว้ ข. งานทีท่ าในการนาประจุบวกหนึง่ หนว่ ยประจจุ ากระยะอนนั ตม์ ายังจดุ นั้นคอื ศกั ยไ์ ฟฟา้ ค. ท่ีใดกต็ ามสนามไฟฟ้ามคี า่ เปน็ ศนู ย์ที่น่นั ศักย์ไฟฟา้ เปน็ ศูนย์ดว้ ย ง. สนามไฟฟ้า ณ ตาแหน่งติดกับผวิ ของตวั นาทมี่ ีประจุจะมีทศิ ต้งั ฉากกับผิวเสมอ 16. A และ B เป็นตวั นาทรงกลม รศั มขี อง B เปน็ 2 เทา่ ของ A ถ้าให้ประจแุ ก่ตวั นาทั้งสอง เทา่ กัน ศกั ยไ์ ฟฟ้าบน A จะเป็นก่ีเทา่ ของ B 17. จากรูป ทม่ี มุ ของสี่เหล่ยี มจัตรุ สั มีประจุ q วางอยู่ทัง้ ส่ีมุม จงคานวณศักย์ไฟฟ้าท่ีจดุ P
122 18. ข้อใดต่อไปนถี้ กู ตอ้ งท่สี ุด ก. สนามไฟฟา้ ทจี่ ดุ ๆ หนงึ่ คอื แรงต่อหนึ่งหนว่ ยประจุท่ีกระทาตอ่ ประจุทดสอบขนาดเล็กท่วี างอยู่ท่ี จดุ นนั้ และมีหน่วยเปน็ โวลต์-เมตร ข. ศักยไ์ ฟฟา้ ทจ่ี ุด ๆ หนง่ึ คอื งานท่ีตอ้ งทาต้านกบั แรงไฟฟ้าในการนาประจุทดสอบจากระยะอนันต์มา สู่จดุ นั้น ค. ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้าระหว่างจดุ 2 จดุ คอื งานท่ีต้องทาในการเคล่อื นประจตุ วั หนง่ึ จากจดุ หนง่ึ ไปยงั อกี จุดหน่ึง ง. ทจ่ี ุด ๆ หนึง่ ถา้ สนามไฟฟา้ มคี ่าเท่ากับศนู ย์แล้วศกั ยไ์ ฟฟา้ ท่จี ดุ น้นั ไมจ่ าเปน็ ต้องมีค่าเปน็ ศนู ย์เสมอ ไป 19. ตัวนารปู ทรงกลม A และ B มีรัศมีของทรงกลมเปน็ r และ 2r ตามลาดับ ถา้ ตวั นา A มี ประจุ Q และตัวนา B มปี ระจุ –2Q เมอื่ เอามาแตะกันแล้วแยกออก จงหาประจุของตัวนา A 20. การพน่ สีลงบนชิน้ งานทีม่ ีขอบและมุม มขี อ้ เสีย คอื จะมสี ีเคลอื บในบรเิ วณของและมุมหนากว่า บริเวณอน่ื ปญั หานจี้ ะสามารถแกไ้ ดอ้ ยา่ งไร ก. นาชนิ้ งานไปอบด้วยความร้อนสูง ข. ขณะพน่ สีให้ตอ่ สายดนิ จากชิ้นงานลงดนิ ค. ทาให้ผงสกี ลายเปน็ อนภุ าคท่ีมปี ระจไุ ฟฟา้ ง. ปดิ ระบบใหป้ ระจไุ ฟฟ้าแก่ละอองสีเมอ่ื พน่ สไี ปท่ีขอบของมุมหรอื ชน้ิ งาน
123 แบบประเมนิ ความพึงพอใจของนกั เรยี นทม่ี ีตอ่ การจดั การเรียนรู้ด้วยวฏั จักรการเรยี นรู้ แบบ 5 ขัน้ ร่วมกบั การจดั การเรียนการสอนแบบหอ้ งเรยี นกลับทาง เพอื่ พฒั นาความสามารถใน การแกโ้ จทย์ปัญหาของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5 เร่อื งไฟฟ้าสถิต คาชี้แจง ให้ทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งทต่ี รงกับความเป็นจรงิ และตรงกบั ความพงึ พอใจของนักเรยี น มากทีส่ ดุ โดยถือเกณฑ์ ระดับ 5 หมายถงึ นกั เรียนพงึ พอใจมากทสี่ ุด ระดบั 4 หมายถงึ นกั เรียนพงึ พอใจมาก ระดับ 3 หมายถงึ นักเรียนพงึ พอใจปานกลาง ระดับ 2 หมายถงึ นกั เรยี นพงึ พอใจน้อย ระดบั 1 หมายถึง นกั เรยี นพงึ พอใจน้อยทส่ี ดุ รายการประเมนิ ระดับความพงึ พอใจ 54321 ดา้ นเนื้อหาสาระการเรียนรู้ 1. ฉันรู้สึกว่าเนื้อหาทีเ่ รียนมคี วามยากง่ายเหมาะสมกบั วัย ของผเู้ รียน 2. ฉันรสู้ กึ ว่าเนือ้ หาท่เี รยี นมีความสาคญั ตอ่ การดาเนินชีวติ 3. ฉนั รสู้ ึกวา่ เนือ้ หาทเี่ รยี นมคี วามสาคัญ และเปน็ พืน้ ฐาน ในการเรียนระดบั สงู ข้ึนไป 4. เปน็ เร่อื งทฉ่ี ันชอบ ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 5. ฉนั รู้สนุกกบั การร่วมกิจกรรมในชว่ั โมงเรยี นวิชาฟิสกิ ส์ 6. ฉันรสู้ กึ วา่ เพอื่ นมสี ่วนชว่ ยใหเ้ รียนวิชาฟิสิกส์ให้เขา้ ใจ มากขนึ้ 7. การเรยี นด้วยวธิ นี ี้ทาใหฉ้ ันรู้สกึ ภมู ิใจและชน่ื ชมตนเอง มากขึ้น 8. การเรยี นดว้ ยวธิ ีนท้ี าให้ฉนั รจู้ ักขอ้ บกพรอ่ ง และจุดเดน่ ของตนเองมากขน้ึ 9. ฉันได้ทาใบกิจกรรมเพอ่ื ฝึกทักษะและแบบทดสอบยอ่ ย ในชัว่ โมงวิชาฟิสิกส์
124 รายการประเมนิ 5 ระดบั ความพงึ พอใจ 1 432 ดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 10. กิจกรรมการเรียนรู้มีรูปแบบท่ีหลากหลายน่าสนใจ ด้านส่ือและอุปกรณ์การเรียนการสอน 11. ในชั่วโมงวชิ าฟสิ ิกส์มีสื่อประกอบการเรยี นการสอนที่ นา่ สนใจ 12. ส่ือและอปุ กรณ์การเรยี นมจี านวนเพียงพอกบั ผู้เรยี น 13. สอ่ื ท่ีใช้มีความเหมาะสมกบั เน้ือหา 14. เมื่อมกี ารทดสอบยอ่ ยฉนั พอใจในคะแนนทฉี่ ันทาได้ เสมอ 15. เม่อื ฉันตง้ั ใจทากิจกรรมคณุ ครมู ักจะมคี าชมเชยฉันและ เพ่อื น ๆ เสมอ ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ขอขอบคุณทุกท่านทีใหค้ วามรว่ มมือในการตอบแบบประเมนิ
125 ประวตั ผิ ูว้ ิจัย
126 ช่อื – ชอื่ สกุล ประวตั ิผูว้ ิจยั วนั เดอื น ปี เกดิ ท่อี ยู่ปัจจบุ ัน ชลธิชา ดีสังข์ 15 ธันวาคม 2541 100/2 ม.4 ต.วงั ลกึ อ.ศรสี าโรง จังหวัดสุโขทัย 64120
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146