Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง เพื่อการออกแบบตราสินค้าและ บรรจุภัณฑ์ สู่การขยายโอกาสทางธุรกิจ ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้านกิ่วมื่น ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน (จิรฉัตร จันทร์แจ่ม เดวีส์, 2562)

การศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง เพื่อการออกแบบตราสินค้าและ บรรจุภัณฑ์ สู่การขยายโอกาสทางธุรกิจ ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้านกิ่วมื่น ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน (จิรฉัตร จันทร์แจ่ม เดวีส์, 2562)

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2020-12-23 02:46:22

Description: นักวิจัยดำเนินการออกแบบและพัฒนาตราสินค้าผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง (ลำไยสีทอง) สำหรับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้ำนกิ่วมื่น ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองจังหวัดลำพูน โดยใช้หลักการและแนวคิดในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีรูปแบบ ประโยชน์ใช้สอย ลวดลาย วัสดุ และ กรรมวิธีการผลิตให้เหมาะสม เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ จนได้บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้งที่มีรูปแบบ ลวดลาย วัสดุและกรรมวิธีการผลิตที่เหมาะสมตัวสินค้าและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตรงกับความต้องการเพื่อใช้เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ

Keywords: ลำไยอบแห้ง, วิสาหกิจชุมชน, บรรจุภัณฑ์, ออกแบบตราสินค้า, ออกแบบบรรจุภัณฑ์

Search

Read the Text Version

รายงานการวิจยั เรอื่ ง การศกึ ษากระบวนการสร้างมูลคา่ เพิ่มผลติ ภัณฑล์ าไยอบแหง้ เพ่ือการออกแบบตราสินคา้ และบรรจภุ ณั ฑ์ สู่การขยายโอกาสทางธุรกจิ ของเครือข่ายวสิ าหกจิ ชมุ ชนบ้านกิ่วมนื่ ตาบลมะเขือแจ้ อาเภอเมืองจังหวดั ลาพูน โดย จิรฉตั ร จันทรแ์ จม่ เดวสี ์ ภัทรกร ออแกว้ ได้รบั ทนุ อุดหนุนจากมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ งบประมาณแผน่ ดิน ประจาปี 2562

ก บทคัดย่อ ชื่อเรื่อง : การศกึ ษากระบวนการสร้างมูลค่าเพ่ิมผลติ ภณั ฑ์ลาไยอบแห้ง เพื่อการออกแบบตราสินค้า และบรรจุภณั ฑ์ส่กู ารขยายโอกาสทางธุรกิจ ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจชุมชนบา้ นก่วิ ม่นื ต.มะเขือแจ้ ช่อื ผ้เู ขียน : อ.เมอื ง จ.ลาพูน ปีทวี่ ิจัย : จริ ฉตั ร จนั ทรแ์ จ่ม เดวีส์ และ นายภทั รกร ออแกว้ ตุลาคม 2561 – กันยายน 2562 การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อออกแบบตราสินค้าของผลติ ภัณฑ์ลาไยอบแหง้ (ลาไยเน้ือสีทอง) ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้านกิ่วม่ืน ตาบลมะเขือแจ้ อาเภอเมือง จังหวัดลาพูน 2. เพ่ือออกแบบบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ลาไยอบแห้งให้มีรูปแบบ ประโยชน์ใช้สอย ลวดลาย วัสดุ และกรรมวิธีการผลิต ให้เหมาะสมกับความ ต้องการ 3. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจต่อตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ลาไยอบแห้งของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ และ ประชาชนท่ัวไป โดยผู้วิจัยได้ทารวบรวมข้อมูลทั่วไป โดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์โดยตรงจากผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ลาไยอบแห้ง เพื่อนาข้อมูลมาทาการวิเคราะห์ และออกแบบต้นแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ลาไยอบแห้ง ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้านก่ิวม่ืนฯ โดยผู้วิจัยได้ทาการออกแบบไว้ 3 รูปแบบ แล้วทาการสารวจความพึง พอใจจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ จานวน 2 ท่าน นาผลการประเมินท้ัง 3 รูปแบบ มาทาการสรุปร่วมกันกับผู้ผลิตเพ่ือคัดเลือกเพียง 1 รูปแบบ ในการนาไปผลิตต้นแบบบรรจุภัณฑ์เพ่ือใช้ จริงของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้านก่ิวม่ืนฯ จากนั้นทาการสารวจความพึงพอใจจากผู้ผลิต ประชาชนท่ัวไป รวมถึงนักท่องเท่ียวท้ังจังหวัดลาพูน - เชียงใหม่ จานวน 50 ท่าน ด้วยแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า โดยมีลักษณะคาถามแบบเรียงลาดับ เพื่อประเมินความพึงพอใจต่อบรรจุภัณฑ์ต้นแบบท่ีถูกเลือกเพ่ือนามาใช้จริง โดยกาหนดเกณฑ์การแปลความหมายค่าคะแนนเฉล่ียความพึงพอใจภาพต้นแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ลาไย อบแหง้ ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้านกว่ิ มื่นฯ โดยรวมพบว่ามคี วามพึงพอใจในระดบั มาก (ˉx=4.03) ดา้ นหน้าที่ ใช้สอย มีขนาดสัดส่วนเหมาะสมกับการใช้งาน มีความพึงพอใจในระดับมาก (ˉx=4.16) สามารถเปิด-ปิด หยิบใช้ งานสินคา้ ภายในได้สะดวก มีความพงึ พอใจในระดับมาก (ˉx=3.94) สะดวกในการขนส่งขนถ่ายหรือจัดเก็บ มีความ พงึ พอใจในระดบั มาก (ˉx=3.74) ดา้ นโครงสรา้ ง มรี ูปแบบและโครงสรา้ งที่เหมาะสม มีความพึงพอใจในระดับมาก ท่ีสุด (ˉx=3.98) วัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (ˉx=4.66) ปกป้องคุ้มครองสินค้า ภายในได้เปน็ อย่างดี มีความพงึ พอใจในระดับมาก (ˉx=3.76) ด้านความสวยงาม มกี ารแสดงข้อมูลสนิ คา้ ครบถว้ น มี ความพึงพอใจในระดับมาก (ˉx=3.78) มีเอกลกั ษณ์ เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ มคี วามพงึ พอใจในระดับมาก (ˉx=3.92) สีมีความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (ˉx=4.68) วางบนชั้นเพ่ือจาหน่ายแล้ว มีความ สวยงาม มคี วามพึงพอใจในระดับมาก (ˉx=3.64)

ข Abstract Title : Study on the value added process of dried longan products to expand business opportunities of Ban Kiew Muen Community Enterprise Network, Tambon Makuejae, Muang District, Lamphun. Author : Jirachat Janjam Davies and Pattarakorn Orkaew Year of Research : October 2018 – September 2019 The objective of this research is 1. To design the brand of dried longan products. (Golden flesh longan) of Ban Kiew Muen Community Enterprise Network Makhuea Chae Subdistrict, Mueang District, Lamphun Province 2. To design the package of dried longan products to have the form Uses, patterns, materials and production processes to suit the needs. 3. To study satisfaction with the brand and packaging of the dried longan for the community enterprise group. and the general public in which the researcher has compiled general information by using questionnaires and direct interviews from manufacturers of dried longan products. To bring the data for analysis and design the prototype of the dried longan product packaging of the Ban Kewmuen Community Enterprise Network. The researcher has designed 3 designs and conducted a satisfaction survey from a group of 2 packaging and printing design experts. The results of the evaluation of all 3 formats are summarized together with the manufacturers to select only 1. A model for the production of packaging prototypes for real use of the Ban Kiew Muen Community Enterprise Network After that, a satisfaction survey was conducted from the manufacturer and general public Including 50 tourists from Lamphun - Chiang Mai by using the rating scale questionnaire with sequential questions to assess the satisfaction with the prototype packaging chosen for actual use by determining the interpretation criteria, mean score, satisfaction, image of the packaging of dried longan products Of the Ban Kewmuen Community Enterprise Network. Overall, we found that there is a high level of satisfaction (ˉx=4.03) in front of the usable area With the appropriate proportions for use satisfied at a high level (ˉx=4.16) able to open-close Convenient access to internal products satisfied at a high level (ˉx=3.94) Convenient to transport, unload or store. High level of satisfaction (ˉx=3.74) in terms of structure With appropriate forms and structures The

ค satisfaction was at the highest level (ˉx=3.98). The materials used were suitable. Most satisfied (ˉx= 4.66). Good protection of internal products. There is a high level of satisfaction (ˉx=3.76) in appearance. With complete product information display High level of satisfaction (ˉx=3.78) suitable for product High level of satisfaction (ˉx=3.92) Colors suitable for the product Highest satisfaction (ˉx=4.68), put on the shelves for sale, appearance, high satisfaction (ˉx=3.64)

ง กิตตกิ รรมประกาศ การวจิ ัยเรื่อง “การศกึ ษากระบวนการสรา้ งมลู ค่าเพม่ิ ผลิตภัณฑล์ าไยอบแหง้ เพื่อการออกแบบตราสินคา้ และบรรจุภัณฑ์สู่การขยายโอกาสทางธุรกิจ ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้านกิ่วม่ืน ตาบลมะเขือแจ้ อาเภอเมือง จังหวัดลาพูน” ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา งบประมาณแผ่นดิน ประจาปี 2562 การวจิ ยั ในครั้งนีส้ าเร็จได้ดว้ ยความกรณุ าจากผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ ทสี่ ละ เวลาอันมีค่าเพ่ือให้ความรู้และให้คาปรึกษาด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ท่ีเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ รวมถึงการ ประเมินผลรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ได้คัดสรรมาแล้วเพื่อใช้จริงของกลุ่มเป้าหมาย ผู้วิจัยได้นาองค์ความรู้มาถ่ายทอด เป็นผลงานการออกแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ลาไยอบแห้ง ที่มีความเหมาะสมท้ังด้านใช้สอย ด้านโครงร่าง และ ด้านความสวยงาม ให้กับเครือข่ายวสิ าหกิจชุมชนบ้านกิ่วมื่นฯ เป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ลาไยอบแห้ง และสร้าง เอกลกั ษณ์เฉพาะตนของเครอื ข่ายวิสาหกจิ ชมุ ชนฯ ง่ายต่อการจัดจาหน่ายในตลาดที่กว้างขวางมากขนึ้ กวา่ เดิม โครงการวิจัยช้ินน้ีได้ดาเนินการสาเร็จลุล่วงตามเป้าหมายท่ีได้วางไว้ ขอขอบคุณคณบดีคณะศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผู้อานวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ที่ สนับสนุนนโยบายวิจัยและนวัตกรรมเพ่ือแก้ไขหรือสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจให้กับชุมชนรากฐาน รวมทั้ง ขอขอบคุณเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนบ้านกิ่วม่ืน ตาบลมะเขือแจ้ อาเภอเมือง จังหวัดลาพูน ที่มีส่วนร่วมในงานวิจยั ช้นิ นี้ จริ ฉัตร จนั ทร์แจม่ เดวสี ์ นกั วิจยั

สารบัญ จ บทคดั ย่อ หน้า ABSTRACT ก กติ ตกิ รรมประกาศ ข สารบัญ ง สารบญั ตาราง จ สารบัญภาพ ช สัญลักษณ์และคาย่อ (ถ้าม)ี ซ บทที่ 1 บทนา 1 1. ความเปน็ มาและความสาคัญของการวิจัย 1 2. การสรา้ งความแตกตา่ งและเพิ่มมูลคา่ ใหส้ นิ ค้าดว้ ยบรรจุภณั ฑ์ 3 3. เทคนิคในการพฒั นาบรรจุภัณฑ์ 5 4. วัตถปุ ระสงค์การวจิ ยั 6 5. กรอบแนวคดิ การวิจัย 6 6. ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ ับ 7 7. สมมติฐานการวิจยั 7 8. ขอบเขตการวิจัย 7 9. นิยามศพั ท์และนยิ ามศพั ท์ปฎิบัตกิ าร 7 บทที่ 2 แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 9 1. แนวคดิ ทฤษฎี 9 2. ข้อมลู เกยี่ วกับผลิตภัณฑ์ลาไยอบแห้ง (เนื้อสที อง) 9 3. ขั้นตอนการผลิตลาไยอบแห้ง (เนือ้ สีทอง) 14 4. ทฤษฎใี นการออกแบบตราสินคา้ 19 5. ทฤษฎใี นการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ 22 6. ประเดน็ การออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ 25 7. ทฤษฎีการออกแบบกราฟิก 27 8. ทฤษฎกี ระบวนการพิมพ์ 30 9. ความรู้ทัว่ ไปเกี่ยวกับเทคนิคการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ 31 10. การพมิ พ์ offset 31 11. การพมิ พ์แบบ flexographic 32 12. การพิมพแ์ บบ Gravure 34

ฉ สารบัญ (ตอ่ ) 13. การทดสอบวสั ดุและบรรจภุ ัณฑ์ 35 14. งานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 45 บทที่ 3 วิธีการดาเนินการวิจัย 49 1. วิธีการและเคร่ืองมอื การวิจัย 49 2. เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการวิจัย 51 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 51 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 52 บทท่ี 4 ผลการวจิ ยั 56 1. ผลการวเิ คราะหค์ วามต้องการบรรจุภัณฑผ์ ลิตภณั ฑ์ลาไยอบแห้ง 56 2. ผลของการออกแบบตราสินคา้ และบรรจุภณั ฑผ์ ลิตภณั ฑล์ าไยอบแห้ง 65 3. ผลการประเมนิ ความเหมาะสมของการออกแบบโดยผเู้ ช่ยี วชาญ 68 4. ผลการวิเคราะห์ความพงึ พอใจจากผู้ผลติ ประชาชน/ลกู ค้าท่วั ไป และนักท่องเที่ยว 70 บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 76 1. สรปุ ผลการวิจัย อภปิ รายผล 76 2. ขอ้ เสนอแนะ 77 บรรณานกุ รม 79 ภาคผนวก ภาคผนวก ก 81 ภาคผนวก ข 84 ภาคผนวก ค 89 ภาคผนวก ง 98 ประวัตผิ ู้วิจัย

ช สารบัญตาราง ตารางท่ี หน้า 1. ค่ารอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่างจาแนกตามเพศ 57 2. คา่ ร้อยละของกลมุ่ ตัวอย่างจาแนกอายุ 57 3. ค่าร้อยละของกลุ่มตัวอยา่ งจาแนกระดับการศกึ ษา 58 4. คา่ ร้อยละของกลมุ่ ตวั อย่างจาแนกตามอาชีพ 58 5. คา่ ร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจาแนกตามรายไดเ้ ฉล่ยี ต่อเดือน 59 6. ค่ารอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่างจาแนกตามภูมลิ าเนา 59 7. ค่ารอ้ ยละของกลุ่มตวั อย่างท่ีมาเลอื กซ้ือผลติ ภัณฑ์ลาไยอบแหง้ 59 8. ค่าร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง ทจ่ี าแนกตามจานวนเงินท่ีซ้ือผลิตภณั ฑล์ าไยอบแหง้ ฯ 60 9. คา่ รอ้ ยละของกล่มุ ตวั อยา่ งจาแนกตามเหตุผลหรือวตั ถุประสงคห์ ลักทเี่ ลอื กซือ้ 60 ผลิตภณั ฑ์ลาไยอบแหง้ ฯ 10. คา่ ร้อยละของกลมุ่ ตัวอยา่ งจาแนกตามเหตผุ ลสาคญั ท่เี ลือกซื้อผลิตภัณฑฯ์ 61 11. ค่ารอ้ ยละของกลมุ่ ตัวอยา่ งจาแนกตามขนาดบรรจุทีส่ นใจเลอื กซื้อ 61 12. คา่ ร้อยละของกลมุ่ ตวั อย่างจาแนกตามขนาดบรรจุท่เี หมาะสม 62 13. ค่าร้อยละของกลุ่มตวั อย่างท่ีรู้จักผลติ ภัณฑล์ าไยอบแห้งฯ จากส่ือต่างๆ 62 14. คา่ ร้อยละของกลุ่มตวั อยา่ งที่คิดว่าบรรจุภณั ฑ์ควรมีคณุ สมบัตอิ ย่างไร 63 15. ค่ารอ้ ยละของกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามวัสดุทเ่ี หมาะสมในการบรรจผุ ลติ ภัณฑฯ์ 63 16. คา่ ร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจาแนกตามสีของบรรจภุ ัณฑ์ทีช่ อบมากท่ีสดุ 64 17. คา่ รอ้ ยละของกลมุ่ ตัวอยา่ งทค่ี ดิ วา่ ลวดลายทเ่ี หมาะสมในการทาบรรจภุ ณั ฑ์มากทสี่ ุด 64 18. คา่ ร้อยละของกลุม่ ตัวอย่างท่คี ดิ ว่าควรมีตราสนิ คา้ และบรรจุภัณฑ์ฯ 64 19. ต้นแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ลาไยอบแหง้ แบบท่ี 1 65 20. ต้นแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภณั ฑล์ าไยอบแห้งแบบท่ี 2 66 21. ตน้ แบบบรรจภุ ัณฑ์ผลติ ภณั ฑ์ลาไยอบแห้งแบบที่ 3 67 22. ผลการประเมินความพึงพอใจของการออกแบบโดยผู้เชยี่ วชาญดา้ นบรรจภุ ณั ฑ์ 69 23. ค่าร้อยละของกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามเพศ 70 24. คา่ ร้อยละของกล่มุ ตัวอยา่ งจาแนกอายุ 70 25. ค่าร้อยละของกลมุ่ ตวั อย่างจาแนกระดบั การศกึ ษา 71 26. คา่ รอ้ ยละของกลมุ่ ตวั อยา่ งจาแนกตามอาชีพ 71 27. คา่ ร้อยละของกลมุ่ ตัวอยา่ งจาแนกตามรายได้เฉลย่ี ต่อเดือน 72 28. ผลการประเมนิ ระดบั ความพงึ พอใจจากผ้ผู ลติ นกั ท่องเท่ยี ว และประชาชนทว่ั ไป 73

สารบัญภาพ ซ ภาพท่ี หน้า 1. การรับซื้อลาไยสดเพื่อนามาแปรรูป 14 2. การคว้านเอาเมล็ดลาไยออก 14 3. การนาลาไยท่คี ว้านเมล็ดแล้วมาลา้ งนา้ 15 4. การนาลาไยมาเรยี งบนตะแกรง 15 5. การนาลาไยเขา้ เตาอบ 16 6. การนาลาไยเขา้ เตาอบ 16 7. การคดั แยกเกรดลาไย 16 8. การนาลาไยมาตากแดดเพื่อใหแ้ ห้ง 17 9. การนาลาไยมาตากแดดเพ่ือให้แหง้ 17 10. การนาลาไยมาตากแดดเพอ่ื ให้แห้ง 17 11. การนาลาไยมาพักเพ่ือรอบรรจุ 18 12. การบรรจุใส่ถงุ ๆ ละ 10 กิโลกรัม 18 13. การบรรจใุ ส่ถุงเพอ่ื ขายปลกี 19 14. ไอเดยี ออกแบบบรรจุภัณฑ์นา้ ผงึ้ 25 15. ไอเดยี ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์เนย 26 16. ไอเดียออกแบบบรรจุภณั ฑข์ นมมัฟฟนิ 26 17. ไอเดยี ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ยา 27 18. ไอเดียออกแบบบรรจุภณั ฑ์ถุงชา 27 19. การพิมพ์ offset 31 20. การพิมพ์แบบ flexographic 33 21. การพิมพ์แบบ Gravure 34 22. คณุ ภาพที่ดีขนึ้ ย่อมมีค่าใช้จ่ายในการควบคุมคุณภาพ 37 23. การทดสอบด้วยการชั่งน้าหนัก 42 24. สูตรคา่ เปน็ น้าหนักต่อหน่วย 42 25. การทดสอบความตา้ นทานต่อแรงดึง 43 26. การทดสอบความตา้ นทานต่อแรงดันทะลุ 44 27. การทดสอบหาอตั ราซมึ ผ่านของกา๊ ซ 45 28. การทดสอบหาอัตราการซึมผ่านของไอน้า 45 29. กราฟแสดงคา่ ร้อยละระดับคะแนนด้านหน้าท่ีใช้สอย 74 30. กราฟแสดงค่าร้อยละระดับคะแนนด้านโครงสรา้ ง 74

สารบญั ภาพ (ต่อ) ฌ ภาพท่ี หน้า 31. กราฟแสดงคา่ ร้อยละระดับคะแนนด้านความสวยงาม 75

1 บทที่ 1 บทนำ 1. ควำมเปน็ มำและควำมสำคัญของกำรวจิ ยั ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ถือเป็นจังหวัดหน่ึงท่ีเกษตรกรส่วนใหญ่มี อำชีพเกษตรกรรม โดยมี ลำไย เปน็ พืชเศรษฐกิจประจำตำบล และโดยสว่ นมำกแลว้ ประชำกรส่วนหนึ่งได้ ประกอบอำชีพหลักโดยกำรนำลำไยสดมำแปรรูปเป็นลำไยอบแห้ง หรือลำไยสีทอง เพื่อเพิ่มมูลค่ำให้กับ สินค้ำ แต่ปัญหำที่ผู้ประกอบกำรมักเจออยู่เสมอคือรำคำของลำไยสดที่ไม่แน่นอน และกำรตลำดภำยในมี กำรแข่งขันสูง ดังนั้นผู้ประกอบกำรแต่ละท่ียังต้องกำรกำรพัฒนำสินค้ำของตัวเองให้มีมำตรฐำน และ องค์ประกอบพร้อมท่ีจะออกสู่ตลำดที่ใหญ่และกว้ำงขึ้น จนถึงระดับอำเซียนได้ กำรวิจัยในครั้งน้ีผู้วิจัยได้ ทำกำรศึกษำเก่ียวกับกำรประกอบกำรโรงอบลำไยสีทองของหมู่บ้ำนก่ิวม่ืนตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ซึ่งมีประชำกรท้ังหมด 158 ครัวเรือน เป็นผู้ประกอบกำรลำไยจำนวน 11 ครัวเรือน และ จำนวนผู้รับจ้ำงแกะลำไยแต่ละครัวเรอื นประมำณ 30-40 คน โดยท้ังหมดได้ผลติ ลำไยอบแห้ง หรอื ลำไย สีทองออกมำมีขนำด 3 เกรด แต่ละเกรดรำคำจะแตกต่ำงกันไป ข้ึนอยู่กับรำคำตลำด และจะมีพ่อค้ำคน กลำงมำรับสินค้ำถึงที่ และจะขำยในรำคำท่ีต่ำกว่ำตลำด ทำให้ผู้ประกอบกำรเสียเปรียบทำงกำรค้ำ เพรำะไม่มีควำมรู้และควำมพร้อมท่ีจะนำสินค้ำของตัวเองออกสู่ตลำดท่ีใหญ่ขึ้นได้ ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ ทำกำรศึกษำและพัฒนำผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง (ลำไยสีทอง) เพื่อหำแนวทำงในกำรออกแบบตรำสินค้ำ และบรรจุภัณฑ์ให้กับกลุ่มชุมชนตัวอย่ำง ซ่ึงเป็นแกนนำท่ีสำมำรถนำควำมรู้ไปใช้ถ่ำยทอดให้แก่ประชำกร รำยอ่ืนได้ และสร้ำงควำมพรอ้ มในกำรพฒั นำกระบวนกำรผลติ ในครัง้ ต่อไปได้ เม่ือศึกษำประวัติควำมเป็นมำของลำไยในประเทศอินเดียและจีนแล้ว น่ำจะเชื่อได้ว่ำ ลำไยมีถ่ินกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้ เน่ืองจำกประเทศจนี ปลูกลำไยกันมำหลำยพันปีแล้ว โดยปลูกกัน มำกบริเวณจีนตอนใต้แถบมณฑลฟูเกียน กวำงตุ้ง กวำงสีและเสฉวน โดยมีศูนย์กลำงท่ีมณฑลฟูเกียน ควำมเป็นมำของกำรปลูกลำไยในประเทศจีนน้ัน ได้มีกำรกล่ำวถึงลำไยในวรรณคดีของจีนสมัยของพระ เจ้ำเช็งแทง (ChengTang) ในปี พ.ศ. 1766 และมีกำรกล่ำวถึงในหนังสือรูยำ (Ru Ya) เม่ือปี พ.ศ. 110 แต่วรรณกรรมเล่มแรกท่ีได้บรรยำยเก่ียวกับลักษณะพฤกษศำสตร์ของลำไยไว้ คือหนังสือ Nam Fong Taol Yuk Chang ซ่ึงเขียนโดยพระของเมือง State Chi Ham โดยหนังสือเล่มน้ีได้กล่ำวไว้ว่ำลำไยปลูก อยู่ทำงตอนใต้ของประเทศจีนและเรียกว่ำ Lugan ลำไยเป็นไม้สูงประมำณ 10- 20 ฟุต มีลักษณะคล้ำย ตน้ ล้นิ จี่ แต่ใบเล็กกวำ่ ผลสกุ และเกบ็ ได้ภำยใน 7 เดือน ผลมสี ีเขยี วอมเหลือง ผิวเรยี บ แต่ค่อยๆมีสะเก็ด ขนึ้ ทีละน้อยเมื่อสุก ตดิ ผลประมำณ 20-30 ผลตอ่ ช่อผลมีรปู ร่ำงกลมขนำดเทำ่ ลูกหิน เนื้อสีขำวและมีรส หวำนเหมอื นน้ำผึง้ นอกจำกนี้หนังสือชื่อ Ben Chao Kang Mu ท่ีเขียนโดย Li Shi Chum ได้กล่ำวถึง สรรพคุณของลำไยท่ีใช้เป็นยำ ส่วน George Weid Man Groff ได้กล่ำวไว้ว่ำ ลำไยและลิ้นจ่ีเป็นไม้ที่

2 ได้รับกำรยกย่องในหมู่คนจีน จนถึงกับมีนักประพันธ์จีนบำงท่ำนได้เอำช่ือไปแต่งเป็นบทเพลงหรือโคลง กลอน ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงควำมสำคัญของไม้ผลทั้งสองชนิดนี้ต่อชีวิตควำมเป็นอยู่ของชำวจีนในสมัยก่อน ต่อมำในปี พ.ศ. 1585 มีนักท่องเที่ยวชำวยุโรปได้เดินทำงไปยังประเทศจีนและได้รำยงำนถึงลำไยและ ลิน้ จี่ ซ่ึงเป็นเวลำ 71 ปีภำยหลังท่ีไดพ้ บเส้นทำงเดนิ ทะเลไปยังประเทศจีนเมื่อปี พ.ศ. 1514 ต้ั งแต่นั้นมำ ทงั้ ล้ินจี่และลำไยกไ็ ด้เปน็ ท่ีสนใจของนักพฤกษศำสตร์และชำวสวนทำงตะวันตกโดยท่ัวไป จำกประเทศจีน ซึ่งถือว่ำเป็นแหล่งกำเนิดลำไยได้แพร่กระจำยจำกประเทศจีนสู่อินเดีย ศรีลังกำ พม่ำ ฟิลิปปินส์ ยุโรป สหรฐั อเมรกิ ำ (มลรัฐฮำวำยและฟลอริดำ) ออสเตรเลีย (มลรัฐควีนส์แลนด์) หมู่เกำะอินเดียตะวันตกและ หมู่เกำะมำดำกัสกำสำหรับประเทศไทยน้ันสันนิษฐำนว่ำลำไยได้แพร่กระจำยพันธุ์มำจำกประเทศจีนตอน ใต้ โดยตำมป่ำในเขตจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรำยมีลำไยพื้นเมืองขึ้นอยู่ทั่วไป จนกระท้ังปี พ.ศ. 2439 ไดม้ ีชำวจนี คนหนึ่งนำกิ่งตอนลำไยกะโหลก จำนวน 5 ตน้ มำจำกประเทศจีน มำถวำยพระชำยำเจ้ำดำรำ รัศมีชำยำของพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว รัชกำลท่ี 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเจ้ำดำรำ รัศมีแบ่งไว้ปลูกท่ีกรุงเทพ 2 ต้นและมอบท่ีเหลือให้น้องชำยคือเจ้ำน้อยต๋ัน ณ เชียงใหม่ นำไปปลูกไว้ท่ี บ้ำนท่ำขี้เหล็ก ตำบลสบข่ำ อำเภอหำงดง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจำกก็ได้มีชำวจีนนำก่ิงตอนลำไยจำก ตรอกจันทร์กรุงเทพมหำนคร มำปลูกที่ตำบลบวกครก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ขยำยพันธ์ุไป ปลูกท่ัวไปในจงั หวัดเชยี งใหมแ่ ละจงั หวดั ใกล้เคียง เชน่ ลำพูน เชยี งรำย และลำปำง แหลง่ ปลูกลำไยทีส่ ำคญั คือจังหวดั ภำคเหนือตอนบนได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงรำย คิดเป็นร้อยละ 33.4 32.6 และ 10.6 ของพ้ืนท่ีปลูกทั้งประเทศตำมลำดับ นอกจำกน้ันก็ยังมีปลูกใน จังหวัดอื่นๆ เช่นพะเยำ ลำปำง น่ำน ตำก กำแพงเพชร เลย และจันทบุรี เป็นต้น สำหรับในจังหวัด เชียงใหม่และลำพูนนั้นบริเวณที่ปลูกลำไยที่หนำแน่นได้แ ก่บริเวณติดกับแม่น้ำปิง แม่น้ำกวง แม่น้ำทำ และแมน่ ้ำลี้ ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีผลิตและส่งออกลำไยเป็นอันดับหน่ึงของโลก ในปี 2544 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพำณิชย์ และกระทรวงอุตสำหกรรม จึงได้กำหนดให้ลำไยเป็นพืช หนึ่งในพืชแชมเป้ียน (product champion) และกำหนดแผนยุทธศำสตร์ลำไยปี 2545-2549 เพื่อให้ ประเทศไทยรักษำควำมเป็นผู้นำในกำรผลิตและส่งออกลำไยต่อไป โดยเป้ำหมำยกำรผลิตลำไยปี 2545- 2549 ได้กำหนดเขตเศรษฐกิจสำหรับลำไยรวม 6 จังหวัด 30 อำเภอ 225 ตำบล ได้แก่จังหวัดเชียงรำย เชียงใหม่ พะเยำลำพูน จันทบุรีและเลย โดยให้รักษำระดับพ้ืนที่ปลูกทั้งประเทศไว้ท่ี 650,000 ไร่ สำมำรถเพิ่มผลผลิตลำไยสดจำก 338,000 ตันในปี 2545 เป็น 427,000 ตันในปี 2549 ผลผลิตต่อไร่เพ่ิม จำก 834 กิโลกรัมต่อไร่ในปี2545 เป็น 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ กำรบริโภคภำยในประเทศเพ่ิมจำก 90,000 ตันในปี 2545 เป็น 112,000 ตันในปี 2549 และสำมำรถเพ่ิมกำรส่งออกจำก 248,000 ตันในปี 2545 เป็น 315,000 ตนั ในปี 2549ลำไยในภำษำจีนกลำงเรยี กว่ำ “หลงเย่ียน” แปลว่ำตำมังกร ซ่ึงชำวจนี ถือว่ำ เน้ือลำไยเป็นยำท่ีสำคัญชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณบำรุงเลือด หัวใจและม้ำม ช่วยชลอควำมชรำและต่อต้ำน มะเรง็ เน้ือลำไยสด 100 กรัมมคี ุณคำ่ ทำงโภชนำกำรคือ พลังงำน 109 แคลอรี ควำมชืน้ 72.4% โปรตนี 1 กรัม ไขมัน 0.5 กรัมคำร์โบไฮเดรต 25.2 กรัม เส้นใย 0.4 กรัม แคลเซียม 2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 6

3 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัมวิตำมินเอ 28 I.U. วิตำมินB1 0.04 มิลลิกรัม วิตำมิน B2 0.07 มิลลิกรัม ไน อำซิน 0.6 มิลลิกรัม วิตำมินซี 8มิลลิกรัม นอกจำกสำรอำหำรดังกล่ำวแล้ว เน้ือลำไยสดมีน้ำตำล 3 ชนิด คอื กลูโคส ฟรกุ โตส และซูโคส ตลำดส่งออกลำไยอบแห้งที่สำคัญที่สุดตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมำได้แก่ประเทศจีน โดยปี 2544ประเทศจีนนำเข้ำลำไยอบแห้งรวมทั้งส้ิน 24,609 ตัน คิดเป็นมูลค่ำ 1,144 ล้ำนบำท รองลงมำคือ ฮ่องกงสงิ คโปร์ แคนำดำและมำเลเซยี คิดเป็นมูลคำ่ 64.4 22.4 และ 12 ล้ำนบำท ตำมลำดับ ลำไย จัดเป็นผลไม้เศรษฐกิจอันดับหน่ึงของจังหวัดลำพูน ท่ีสำมำรถสร้ำงรำยได้ให้แก่ เกษตรกรของจังหวัดลำพูนเป็นจำนวนมำกในแต่ละปี จึงถูกจัดให้เป็นผลไม้ยอดเยี่ยม (Product champion) และได้รบั ควำมนิยมในตลำดสง่ ออกท้ังในรปู แบบของผลไม้สดและผลไม้แปรรูป (สำนักงำน ส่งเสริมและพัฒนำกำรเกษตรเขตท่ี 6 จังหวัดเชียงใหม่, 2553) โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งลำไยอบแห้งถูกจัดให้ อยใู่ นกลุ่มสนิ คำ้ เพอื่ กำรสง่ ออก โดยมีประเทศจีนเป็นตลำดส่งออกทใ่ี หญท่ ่ีสดุ ของไทย (กรมกำรคำ้ ภำยใน , 2552) ส่งผลให้เกษตรกรหันมำผลิตลำไยอบแห้งเน้ือสีทองกันอยำ่ งกว้ำงขวำง แต่เกษตรกรผู้ผลิตลำไย อบแห้งบำงกลุ่มที่ยังขำดควำมรู้และกำรพัฒนำด้ำนกำรออกแบบตรำสินค้ำและบรรจุภัณฑ์ที่จะสำมำรถ สรำ้ งตวั ตนของสินค้ำของตวั เองให้เปน็ เอกลักษณ์ นำสู่ตลำดได้อย่ำงเขม้ แข็ง ดงั น้ันจึงเป็นที่มำของปญั หำ ในกำรวิจัยในครั้งน้ีเพ่ือจะช่วยให้เกษตรกรหรือผู้ผลิตลำไยแปรรูป (ลำไยอบแห้งสีทอง) มีกำรพัฒนำ ผลติ ภัณฑข์ องตวั เองเพื่อขยำยโอกำสทำงธรุ กจิ ต่อไป กำรสรำ้ งควำมแตกต่ำงและเพิม่ มลู คำ่ ให้สินค้ำด้วยบรรจุภณั ฑ์ รอบตัวเรำล้วนเต็มไปด้วยบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่ำเรำเดินห้ำงสรรพสินค้ำ ร้ำนสะดวกซ้ือ ร้ำน โชว์ห่วย หรือกระทั่งในบ้ำนของเรำเองเรำก็จะพบบรรจุภัณฑ์เต็มไปหมด บรรจุภัณฑ์เหล่ำนี้มำในหลำย รูปร่ำงหลำยขนำด ต้ังแต่ลังสี่เหลี่ยมธรรมดำๆ ของบะหม่ีก่ึงสำเร็จรูปไปจนถึงขวดเคร่ืองสำอำงไฮโซที่มี รปู ทรงซับซ้อน เรำเห็นพวกมันเหล่ำนี้จนชนิ ตำ แต่เคยรู้หรอื ไมว่ ่ำกว่ำท่ีจะออกมำเป็นบรรจภุ ัณฑ์ให้เรำได้ ใช้กันนั้นผู้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้ผ่ำนกระบวนกำรออกแบบและกระบวนกำรคิดอะไรมำบ้ำงกว่ำจะได้ ออกมำเป็นบรรจภุ ณั ฑ์ท่ี “ด”ี สกั ชิ้นหนึ่ง ปัญหำสำคัญของบรรจุภัณฑ์คือบรรจุภัณฑ์หลำยชนิดมีคุณภำพต่ำและถูกออกแบบมำ อย่ำงผิดๆ ไม่วำ่ จะโดยนักออกแบบมอื สมัครเล่นทีไ่ ม่มีควำมรแู้ ละประสบกำรณ์หรือนกั ออกแบบฟรีแลนซ์ บำงคนที่สักแต่ว่ำออกแบบไปวันๆ เพื่อหำเงินประทังชีพ บำงรำยอำกำรหนักถึงขนำดเข้ำใจผิดว่ำกำร ออกแบบบรรจุภัณฑ์คือกำรทำกรำฟิกลวดลำยเพ่ือแปะบนกล่องหรือขวดเท่ำนั้น ทำให้มีบรรจุภัณฑ์ ประเภทที่ว่ำน้ีออกสู่ท้องตลำดเต็มไปหมด เช่นพวกครีมทำหน้ำกวนเองท่ีมีฉลำกดูไม่มีคุณภำพแปะอยู่ หรืออำหำรเสริมท่ีบรรจุในขวดหรือกล่องที่ดูไม่ได้มำตรฐำน หรือกระทั่งสินค้ำบำงชนิดในห้ำงสรรพสินค้ำ ชั้นนำก็ตำม เรำในฐำนะผู้บริโภคก็ถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตอยู่กับบรรจุภัณฑ์เหล่ำนั้นจนชำชินโดยไม่รู้ตัว และแทบไมม่ ที ำงเลือก เปน็ กำรบน่ั ทอนคุณภำพชีวติ อยำ่ งท่ีเรำคำดไม่ถงึ และเรำมกั จะมองข้ำมไปเสมอ

4 บรรจุภัณฑ์สำหรับอำหำรเป็นเร่ืองซับซ้อนจำเป็นต้องได้รับควำมใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพำะอย่ำงย่ิง SME ซึ่งหลำยคร้ังพบว่ำขำดควำมเข้ำใจ คำนึงถึงเฉพำะรำยได้ เน้นของถูก แต่ขำด คุณภำพทำให้เกิดกำรใช้งำนท่ีไมถ่ ูกต้องขำดควำมปลอดภยั นอกจำกนี้กำรออกแบบกำรใช้งำนยังขำดกำร คำนึงถึง Universal Design (UD) ซ่ึงเป็นส่ิงอำนวยควำมสะดวกให้แก่ผใู้ ช้ เชน่ UD สำหรับผู้สงู อำยุที่มอง เห็นชัด ไม่ต้องออกแรงมำกในกำรใช้งำน รวมถึง Active Packaging และ Interactive Packaging ท่ีจะ เข้ำมำมีบทบำทในชีวิตประจำวนั มำกขึน้ เปน็ ผลใหเ้ กิดกำรตอบสนองระหว่ำงบรรจภุ ณั ฑแ์ ละผใู้ ช้ กำรออกแบบตรำสินค้ำและบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง ใช้แนวคิดด้ำนปัจจัยท่ีมี ผลต่อกำรออกแบบ ซึ่ง นวลน้อย บุญวงษ์ (2539 : 83-108) ได้กล่ำวไว้ว่ำ ปัจจัยที่มีผลต่อกำรออกแบบ สำมำรถจำแนกอย่ำงกวำ้ งๆ ไดเ้ ป็น 2 กลุม่ ได้แก่ ปัจจัยภำยในงำนออกแบบ เป็นปัจจัยเบื้องต้นทำหน้ำท่ีกำหนด และให้ขอบเขตแก่งำน ออกแบบ ไม่ว่ำจะเป็นงำน 2 และ 3 มิติประเภทใดๆ ก็ตำม โดยงำนออกแบบนั้นเกิดขึ้นจำกกำรนำวัสดุ ชนิดต่ำงๆ มำผ่ำนกรรมวิธีขึ้นรูปที่เหมำะสมและเป็นไปได้จริงในเวลำน้ัน เพื่อให้เกิดรูปทรงใหม่ ซึ่ง สำมำรถตอบสนองประโยชน์ตำมหนำ้ ที่ใชส้ อยไดเ้ ป็นอยำ่ งดี ปัจจัยจำกภำยในท้งั 3 ประกำร คือ วัสดุและ กรรมวิธกี ำรผลิต ประโยชน์ใชส้ อย และรปู ทรงต่ำงมีควำมสำคัญและเก่ียวขอ้ งสมั พันธ์โดยนกั ออกแบบเป็น ผทู้ ำหนำ้ ทป่ี ระสำนควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งกนั ให้เกิดควำมเหมำะสมสูงสุด ปัจจัยจำกภำยนอกงำนออกแบบ คือ สภำพแวดล้อมรอบตัวของงำนออกแบบก็มี อิทธิพลในกำรกำหนดหรือให้ขอบเขตแก่งำนออกแบบ งำนออกแบบชนิดใหม่ที่เกิดข้ึน นักออกแบบ จำเป็นต้องศึกษำปัจจัยแวดล้อมที่มีผลกระทบซึ่งกันและกัน เพื่อให้สำมำรถใช้งำนร่วมกันกับส่ิงท่ีมี และ เป็นอยู่เดิมได้เป็นอย่ำงดี ปัจจัยภำยนอกท่ีมีควำมสำคัญต่องำนออกแบบสำมำรถจำแนกออกได้เป็น 4 ด้ำน คือ กำรแข่งขันในตลำด ควำมสำมำรถเข้ำกันได้กับระบบสำกล กำรควบคุมด้ำนควำมปลอดภัย และกำรอนุรกั ษ์ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสภำพแวดล้อม นอกจำกปัจจัยในกำรออกแบบบรรจุภัณฑ์ข้ำงต้นแล้ว ผู้วิจัยยังได้ศึกษำกำรออกแบบ บรรจุภัณฑ์โดยใช้แนวคิดบรรจุภัณฑ์สร้ำงสรรค์ (Creative Packaging) แนวโน้มใหมข่ องกำรพัฒนำบรรจุ ภัณฑ์ ซึ่งดร. ศิริวรรณ ตั้งแสงประทีป นักวิจัยอำวุโส ศูนย์กำรบรรจุหีบห่อไทย สถำบันวิจัย วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่ำวว่ำ บรรจุภัณฑ์มีควำมสำคัญด่ำนแรกท่ีมีผลต่อ กำรตัดสินใจเลือกชมและเลือกซ้ือของผู้บริโภค และ เนื่องจำกพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปไม่หยดุ นิ่ง บรรจุภัณฑ์ก็ต้องพัฒนำต่อไปไม่หยุดนิ่งเช่นกัน โดยในพ้ืนท่ีของบรรจุภัณฑ์ให้สื่อสำรควำมเป็นแบรนด์ ออกไป ด้วยกำรส่ือสำรอำรมณ์ผำ่ นเรื่องรำวลงไปในบรรจุภัณฑ์ ซ่ึงมอี งค์ประกอบ 3 ส่วน คือ มีประโยชน์ ต่อกำรใช้งำน ให้ควำมรู้สึกถึงอำรมณ์ต่อผู้บริโภค และวัสดุมีควำมปลอดภัยบรรจุภัณฑ์ต้องรับผิดขอบ ผู้บริโภค คือ สะดวก ใช้งำนง่ำย (ใช้งำนได้ล่ืนไหล) เช่น บรรจุภัณฑ์ขนม ต้องออกแบบให้สะดวก คือ ฝำ ปดิ สนทิ เปิดรับประทำนงำ่ ย ขนำดกะทดั รัด น่ำรัก หยิบจบั ถนดั มือ

5 โดย “บรรจุภัณสร้ำงสรรค์” (Creative Packaging) ต้องมีคณุ สมบัติดังนี้  Understand ง่ำยตอ่ กำรเข้ำใจ  Open ง่ำยตอ่ กำรเปิด  Hold ถอื งำ่ ย  Use ใชง้ ่ำย  Take Out เทงำ่ ย  Store เก็บงำ่ ย  Dispose กำจัด (ทิง้ งำ่ ย)  Injury prevention มคี วำมปลอดภยั ในกำรใช้  Eco Friendly Packaging ปลอดภัยตอ่ ส่งิ แวดล้อม และ Idea ในกำรทำบรรจภุ ัณฑ์สรำ้ งสรรค์ ตอ้ งมี Key Words ดงั น้ี คุ้มค่ำ : กำรเห็นคร้ังแรกต้องให้ควำมรู้สึกคุ้มค่ำ : ไม่แพง ไม่ถูก แต่ต้องคุ้มค่ำ ลูกค้ำได้ควำม คมุ้ คำ่ ผู้ประกอบกำรไดค้ วำมคมุ้ ทุน ค้มุ ครอง : คอื บรรจภุ ัณฑ์คุ้มครองไม่ให้ผลติ ภณั ฑแ์ ตกหกั เสยี หำย คมุ้ ทุน : โดยคำนวณจำกต้นทุนรวม (ต้นทนุ สนิ คำ้ + ต้นทนุ บรรจุภัณฑ์ + ต้นทนุ ดำ้ นกำรตลำด) เทคนคิ ในกำรพฒั นำบรรจภุ ัณฑ์ ไดด้ งั นี้ 1. สรำ้ งเรื่องรำวของแบรนด์ โดยไมจ่ ำเป็นตอ้ งเป็นเรือ่ งจริง สำมำรถเปน็ เรอื่ งในมโนคติได้ และมี เคล็ดลับว่ำภำพท่ีสื่อสำรต้องตรงกับเร่ืองรำวของแบรนด์ เพรำะจะสร้ำงกำรจดจำได้ง่ำยดำยให้เกิดข้ึนต่อ ผบู้ ริโภค 2. แตกต่ำงแต่ไม่แปลกแยก (แตกต่ำงเพ่ือให้โดดเด่น ไม่แปลกแยกหมำยถึง เมื่อเห็นแล้วเข้ำใจ ชัดเจนวำ่ บรรจภุ ัณฑ์สอื่ สำรถงึ อะไร) 3. เห็นแล้วผู้บริโภครับรู้เร่ืองรำวภำยใน 30 วินำที โดยกำรกำหนดจุดนำสำยตำ และภำพหรือ รปู แบบหเรอ่ื งรำวหมนุ วนไปไมม่ จี ุดขวำงสำยตำ ประเดน็ ในกำรออกแบบบรรจุภัณฑ์ : เลือกบรรจุภัณฑ์ให้ได้ควำมสวยงำมตำมต้องกำร ต้องเลือกจำกตัวจริง (ไม่เลือกจำกภำพถ่ำย) กำรเลอื กจำกตัวจริงคือ นำผลติ ภณั ฑบ์ รรจุลงในบรรจุภณั ฑแ์ ลว้ คอ่ ยเขำ้ สู่กระบวนกำรเลือก : หำกคิดว่ำกำรทำบรรจุภัณฑ์เป็นกำรใช้งบประมำณส้ินเปลือง ให้คิดหักมุมว่ำ ถ้ำมีบรรจุภัณฑ์ แล้วสินคำ้ ขำยได้ ค้มุ ค่ำกว่ำประหยัดต้นทุน แต่สนิ ค้ำเสียหำยและขำยไม่ได้ : เรำต้องยอมรับให้เทคโนโลยีเข้ำสู่ชีวิต และใช้ให้เป็นประโยชน์ เช่น กำรทำ QR Code ให้ ปรำกฎไว้ทบี่ รรจุภณั ฑ์ แต่มสี ่ิงที่ต้องให้ควำมสำคญั คือ เม่ือผู้บรโิ ภคแอดไปต้องเป็นขอ้ มูลท่ีผบู้ ริโภคอยำก

6 รู้ คือ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภค (ไม่ควรใช้เป็นรูปเจ้ำของบริษัท หรืออะไรที่ไม่ได้ตอบโจทย์ ผบู้ รโิ ภค) : ออกแบบให้เหมำะสมกับกำรใช้งำน เช่น เครื่องสำอำงผู้หญิง อำทิ ตลับแป้ง มีกำรหยิบมำใช้ บอ่ ย ๆ หยบิ มำโชว์สรำ้ งเครดติ ดงั นน้ั ต้องสวยงำมและทนทำน : สินค้ำชนิดเดียวกนั มผี ผู้ ลติ มำกมำย และคณุ ภำพใกล้เคียงกัน ดังนนั้ บรรจภุ ณั ฑ์เป็นโอกำสหนึ่ง ท่ีจะนำพำแบรนด์หรือสินค้ำไปให้ชนะคู่แข่งขัน ดังน้ันจัดทำบรรจุภัณฑ์ให้สวยงำม สะดวกใช้ ปลอดภัย สำหรับผู้บริโภค และสำหรับกำรประหยัดต้นทุน ต้องให้ควำมสำคัญในเร่ืองขอบแบบบรรจุภัณฑ์ท่ี ประหยัดพน้ื ทีใ่ นกำรจดั เกบ็ และรปู แบบที่ขนสง่ ไดส้ ะดวก จัดเรยี งง่ำย และน้ำหนักนอ้ ย 2. วตั ถปุ ระสงคก์ ำรวิจัย 2.1 เพ่ือออกแบบตรำสนิ คำ้ ของผลติ ภณั ฑล์ ำไยอบแหง้ (ลำไยเนื้อสีทอง) ของเครือข่ำยวิสำหกจิ ชุมชนบ้ำนกิ่วมนื่ ฯ 2.2 เพ่ือออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ผลิตภัณฑล์ ำไยอบแหง้ ใหม้ ีรปู แบบ ประโยชน์ใช้สอย ลวดลำย วัสดุ และกรรมวธิ กี ำรผลิต ให้เหมำะสมกับควำมต้องกำร 2.3 เพื่อศึกษำควำมพึงพอใจตอ่ ตรำสนิ ค้ำและบรรจุภณั ฑ์ลำไยอบแห้งของกลมุ่ วสิ ำหกิจชุมชนฯ และ ประชำชนท่วั ไป 3. กรอบแนวคดิ กำรวิจัย กรอบแนวควำมคดิ กำรวิจัย ตัวแปรตำม ตวั แปรตน้ ข้อมูลพ้ืนฐำนของผู้ประกอบกำร ควำมพร้อมและโอกำสในกำร 1. ข้อมลู กำรจดั ต้งั โรงงำนอบลำไย ขยำยธรุ กิจในตลำดระดับ 2. ระยะเวลำในกำรจดั ตั้งโรงงำน อำเซยี นมำกขนึ้ 3. กระบวนกำรผลิตสินค้ำ (input-output) 4. ปรมิ ำณผลผลติ และกำรจัดจำหนำ่ ย 5. สถำนทจ่ี ัดจำหน่ำย (ช่องทำงกำรจัด จำหน่ำยสนิ คำ้ ) กลยุทธก์ ำรตลำด ปญั หำและข้อเสนอแนะ 1. กำรสร้ำงตรำสินค้ำให้เป็นที่จดจำงำ่ ยและ สือ่ ถึงตัวผลิตภัณฑ์มำกท่สี ุด 2. กำรออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยใชน้ วัตกรรม ใหมใ่ นกำรออกแบบ ให้มคี วำมเหมำะสม กับควำมต้องกำรของผผู้ ลิต

7 4. ประโยชนท์ ี่คำดวำ่ จะไดร้ บั (ผลผลติ /ผลลพั ธ)์ 4.1 ไดต้ รำสนิ ค้ำผลิตภัณฑล์ ำไยอบแห้ง (ลำไยสีทอง) ของเครือข่ำยวิสำหกจิ ชุมชนบ้ำนกว่ิ ม่นื ฯ 4.2 ได้บรรจภุ ณั ฑ์ผลิตภณั ฑ์ลำไยอบแห้งที่มรี ปู แบบ ลวดลำย วัสดุและกรรมวิธีกำรผลิต ทีเ่ หมำะสม กับควำมต้องกำร เพื่อใช้เปน็ โอกำสในกำรขยำยธุรกจิ 4.3 ได้ทรำบถงึ ควำมพงึ พอใจตอ่ ตรำสินค้ำและบรรจภุ ณั ฑล์ ำไยอบแห้งของเครอื ขำ่ ยวิสำหกิจชุมชน บำ้ นก่วิ มื่นฯ และประชำชนทวั่ ไป 5. สมมตฐิ ำนกำรวิจัย งำนวิจัยนี้ศึกษำและพัฒนำผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้ง เพ่ือกำรออกแบบตรำ สนิ ค้ำและบรรจภุ ัณฑ์ สกู่ ำรขยำยโอกำสทำงธุรกจิ ของเครอื ข่ำยวิสำหกจิ ชุมชนบำ้ นก่ิวมื่น ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมอื งจงั หวดั ลำพนู โดยกำรสร้ำงควำมแตกต่ำงและเพิ่มมลู ค่ำใหส้ ินค้ำดว้ ยตรำสินค้ำและบรรจุภัณฑ์ สร้ำงสรรค์ มีกำรออกแบบโดยอำศัยเทคโนโลยี นวัตกรรมและแนวคิดสร้ำงสรรค์ โดยมีองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ ส่วนประโยชน์ของกำรใช้งำน ส่วนที่ให้ควำมรู้สึกถึงอำรมณ์ผู้บริโภค และ วัสดุมีควำมปลอดภัย ใช้หลักกำรและแนวคิดในกำรออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีรูปแบบ ประโยชน์ใช้สอย ลวดลำย วัสดุ และ กรรมวิธีกำรผลิตให้เหมำะสมกับตัวสินค้ำและมีควำมเป็นเอกลักษณ์เฉพำะตัว เพื่อขยำยโอกำสทำงธุรกิจ และสำมำรถแข่งขนั ในตลำดท่ีใหญ่ข้ึนท้งั ภำยในประเทศและต่ำงประเทศได้ 6. ขอบเขตกำรวจิ ัย 6.1 ขอบเขตทำงดำ้ นเนอ้ื หำ กำรศึกษำวิจัยในครั้งนี้ครอบคลุมเน้ือหำเกี่ยวกับประวัติควำมเป็นมำ กระบวนกำรผลิตและจัด จำหน่ำยของผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้งในชุมชนฯ และกำรออกแบบตรำสินค้ำ บรรจุภัณฑ์ ให้มีควำม เหมำะสมเป็นทร่ี ูจ้ ักอย่ำงกวำ้ งขวำงมำกขนึ้ เพือ่ ขยำยโอกำสทำงธุรกิจให้เป็นทร่ี ู้จกั ในตลำดอำเซยี น 6.2 ขอบเขตทำงด้ำนประชำกร ประชำกรที่ใช้ในกำรศึกษำและวิจัยในคร้ังนี้ คือ เครือข่ำยวิสำหกิจชุมชน ลำไยอบแห้ง (ลำไยสี ทอง) บำ้ นก่ิวมนื่ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมอื ง จังหวัดลำพูน จำนวนประมำณ 30 คน 6.3 สถำนทีท่ ำกำรวจิ ัย เครอื ข่ำยวสิ ำหกิจชมุ ชนบ้ำนกิ่วมนื่ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมอื ง จงั หวัด 7. นยิ ำมศัพท์และนยิ ำมศัพท์ปฏิบัตกิ ำร 7.1 ลำไยอบแหง้ เน้ือสที อง หมำยถงึ ลำไยอบแห้งชนิดเนอื้ เป็นกำรอบลำไยท่ีม่งุ เฉพำะเนอื้ ลำไย ลว้ นๆ โดยแกะเปลอื กและเอำเมลด็ ออก เมื่อผำ่ นกระบวนกำรอบออกมำแลว้ เนอ้ื ลำไยจะมลี ักษณะเปน็ สี ทอง จงึ เป็นทม่ี ำของช่ือเรียกว่ำ ลำไยอบแห้งเนือ้ สีทอง

8 7.2 วิสำหกิจชุมชน หมำยถึง กิจกำรของชุมชนเก่ียวกับกำรผลิตสินค้ำ กำรให้บริกำร หรือกำรอ่ืน ๆ ท่ดี ำเนินกำรโดยคณะบคุ คลทม่ี คี วำมผูกพันกนั มวี ถิ ีชวี ติ ร่วมกันและรวมตัวกันประกอบกจิ กำร 7.3 ตรำสินค้ำ หมำยถึง เป็นรูปแบบของภำพพจน์และแนวควำมคดิ ในรปู อัตลักษณ์ คำขวัญ และ ผลงำนออกแบบ ของสินค้ำและผลิตภัณฑ์ ท้ังยังเป็นข้อมูลเชิงมโนธรรม ที่แสดงออกทำงรูปธรรมด้วย สัญลักษณ์ ที่ส่ือถึงบริษัท สินค้ำ บริกำร หรือกลุ่มผู้ขำย ที่แตกต่ำงจำกคู่แข่งขัน กำรสร้ำงตรำสินค้ำ ให้ เป็นที่จดจำของลูกค้ำ เกิดขึ้นได้จำกกำรโฆษณำ กำรบอกต่อ กำรออกแบบท่ีมีเอกลักษณ์โดดเด่น ใน ปัจจบุ ัน กำรสรำ้ งตรำสนิ คำ้ กลำยมำเปน็ สว่ นสำคญั ของวฒั นธรรม และปรัชญำกำรออกแบบ 7.4 บรรจุภัณฑ์ หมำยถึง ศำสตร์และศิลป์ท่ีใช้ในกำรบรรจุสินค้ำโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพ่ือกำรคุ้มครองปกป้องสินค้ำจำกผู้ผลิตจนถึงมือลูกค้ำอย่ำงปลอดภัยด้วยต้นทุน กำรผลติ ทเี่ หมำะสม

9 บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎแี ละงานวิจัยท่เี กย่ี วข้อง 1. แนวคิดทฤษฎี ในการวิจัยครั้งนี้นักวิจัยมุ่งเน้นท่ีจะศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ลาไยอบแห้ง (เน้ือสีทอง) โดยการ ออกแบบตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ เพื่อเพ่ิมมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ สู่การขยายโอกาสทางธุรกิจ ผู้วิจัยได้ ศึกษาและรวบรวมแนวคิดทฤษฎี สาระสาคัญต่างๆ รวมถึงงานวิจัยที่เก่ียวข้อง เพื่อใช้ประกอบการ ออกแบบตราสินคา้ และบรรจุภณั ฑ์ ดังนี้ 1.1 ข้อมลู เกย่ี วกับผลิตภัณฑ์ลาไยอบแหง้ (เน้ือสที อง) 1.2 ขน้ั ตอนการผลิตลาไยอบแหง้ (เน้อื สที อง) 1.3 ทฤษฏีในการออกแบบตราสินคา้ 1.3.1 ความหมายของตราสินค้า 1.3.2 องคป์ ระกอบของตราสนิ ค้า 1.3.3 ขั้นตอนในการออกแบบตราสินคา้ 1.3.4 กระบวนการสร้างตราสินคา้ 1.4 ทฤษฎใี นการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ 1.5 ทฤษฎีการออกแบบกราฟิก 1.6 ทฤษฎีกระบวนการพิมพ์ 1.7 การทดสอบวสั ดุท่ีใช้ 1.1 ข้อมูลเกี่ยวกับผลติ ภณั ฑล์ าไยอบแหง้ (เนอ้ื สีทอง) เม่ือศึกษาประวัติความเป็นมาของลาไยในประเทศอินเดียและจีนแล้ว น่าจะเชื่อได้ว่าลาไยมีถิ่น กาเนิดในประเทศจีนตอนใต้ เน่ืองจากประเทศจีนปลูกลาไยกันมาหลายพันปีแล้ว โดยปลูกกันมาก บริเวณจีนตอนใต้แถบมณฑลฟูเกียน กวางตุ้ง กวางสีและเสฉวน โดยมีศูนย์กลางท่ีมณฑลฟูเกียน ความ เป็นมาของการปลูกลาไยในประเทศจีนนั้น ได้มีการกล่าวถึงลาไยในวรรณคดีของจีนสมัยของพระเจ้าเช็ง แทง (ChengTang) ในปี พ.ศ. 1766 และมีการกล่าวถึงในหนังสือรูยา (Ru Ya) เม่ือปี พ.ศ. 110 แต่ วรรณกรรมเล่มแรกที่ได้บรรยายเก่ียวกับลักษณะพฤกษศาสตร์ของลาไยไว้ คือหนังสือ Nam Fong Taol Yuk Chang ซึ่งเขียนโดยพระของเมอื ง State Chi Ham โดยหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวไว้ว่าลาไยปลกู อยู่ทาง ตอนใต้ของประเทศจีนและเรียกว่า Lugan ลาไยเป็นไม้สูงประมาณ 10- 20 ฟุต มีลักษณะคล้ายต้นล้ินจ่ี แต่ใบเล็กกว่า ผลสุกและเก็บได้ภายใน 7 เดือน ผลมีสีเขียวอมเหลือง ผิวเรียบ แต่ค่อยๆมีสะเก็ดขึ้นทีละ น้อยเม่ือสุก ติดผลประมาณ 20-30 ผลต่อช่อผลมีรูปร่างกลมขนาดเท่าลูกหิน เนื้อสีขาวและมีรสหวาน เหมอื นนา้ ผ้งึ

10 นอกจากนี้หนังสือชื่อ Ben Chao Kang Mu ทเ่ี ขยี นโดย Li Shi Chum ได้กล่าวถงึ สรรพคุณของ ลาไยท่ีใช้เป็นยา ส่วน George Weid Man Groff ได้กล่าวไวว้ ่า ลาไยและลิ้นจ่ีเป็นไม้ที่ไดร้ ับการยกย่อง ในหมู่คนจีน จนถึงกับมีนักประพันธ์จีนบางท่านได้เอาช่ือไปแต่งเป็นบทเพลงหรือโคลงกลอน ซึ่งแสดงให้ เห็นถึงความสาคัญของไม้ผลท้ังสองชนิดนี้ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนในสมัยก่อน ต่อมาในปี พ.ศ. 1585 มนี ักท่องเท่ยี วชาวยโุ รปได้เดนิ ทางไปยงั ประเทศจนี และไดร้ ายงานถึงลาไยและล้ินจี่ ซึ่งเป็นเวลา 71 ปีภายหลังที่ได้พบเส้นทางเดินทะเลไปยังประเทศจีนเมื่อปี พ.ศ. 1514 ต้ั งแต่น้ันมาท้ังล้ินจี่และลาไยก็ได้ เป็นที่สนใจของนักพฤกษศาสตร์และชาวสวนทางตะวันตกโดยทั่วไป จากประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็น แหล่งกาเนิดลาไยได้แพร่กระจายจากประเทศจีนสู่อินเดีย ศรีลังกา พม่า ฟิลิปปินส์ ยุโรป สหรัฐอเมริกา (มลรัฐฮาวายและฟลอริดา) ออสเตรเลีย (มลรัฐควีนส์แลนด์) หมู่เกาะอินเดียตะวันตกและหมู่เกาะ มาดากัสกาสาหรับประเทศไทยน้ันสันนิษฐานว่าลาไยได้แพร่กระจายพันธุ์มาจากประเทศจีนตอนใต้ โดย ตามป่าในเขตจังหวัดเชยี งใหมแ่ ละเชยี งรายมีลาไยพื้นเมืองขึ้นอยทู่ ั่วไป จนกระท้งั ปี พ.ศ. 2439 ได้มชี าว จีนคนหน่ึงนากิ่งตอนลาไยกะโหลก จานวน 5 ต้นมาจากประเทศจีน มาถวายพระชายาเจ้าดารารัศมี ชายาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเจ้าดารารัศมี แบ่งไว้ปลูกที่กรงุ เทพ 2 ต้นและมอบทีเ่ หลือใหน้ ้องชายคือเจ้าน้อยต๋ัน ณ เชยี งใหม่ นาไปปลกู ไว้ทบ่ี ้านท่า ขี้เหล็ก ตาบลสบข่า อาเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากก็ได้มีชาวจีนนาก่ิงตอนลาไยจากตรอก จันทร์กรุงเทพมหานคร มาปลูกท่ีตาบลบวกครก อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ขยายพันธุ์ไปปลูก ทว่ั ไปในจงั หวดั เชียงใหม่และจังหวดั ใกลเ้ คยี ง เช่น ลาพูน เชียงราย และลาปาง แหลง่ ปลกู ลาไยท่สี าคัญคอื จังหวัดภาคเหนือตอนบนได้แก่ เชียงใหม่ ลาพนู และเชยี งราย คดิ เป็น รอ้ ยละ 33.4 32.6 และ 10.6 ของพนื้ ท่ีปลกู ทั้งประเทศตามลาดับ นอกจากน้ันก็ยังมีปลูกในจังหวัดอ่ืนๆ เช่นพะเยา ลาปาง นา่ น ตาก กาแพงเพชร เลย และจันทบรุ ี เปน็ ตน้ สาหรับในจังหวัดเชียงใหมแ่ ละลาพูน น้นั บรเิ วณทป่ี ลกู ลาไยทีห่ นาแน่นได้แ ก่บรเิ วณตดิ กบั แม่นา้ ปิง แม่นา้ กวง แม่น้าทา และแม่น้าลี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศท่ีผลิตและส่งออกลาไยเป็นอันดับหนึ่งของโลก ในปี 2544 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้กาหนดให้ลาไยเป็นพืช หนึ่งในพืชแชมเป้ียน (product champion) และกาหนดแผนยุทธศาสตร์ลาไยปี 2545-2549 เพ่ือให้ ประเทศไทยรักษาความเป็นผู้นาในการผลิตและส่งออกลาไยต่อไป โดยเป้าหมายการผลิตลาไยปี 2545- 2549 ได้กาหนดเขตเศรษฐกิจสาหรับลาไยรวม 6 จังหวัด 30 อาเภอ 225 ตาบล ได้แก่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยาลาพูน จันทบุรีและเลย โดยให้รักษาระดับพ้ืนที่ปลูกทั้งประเทศไว้ที่ 650,000 ไร่ สามารถเพ่ิมผลผลิตลาไยสดจาก 338,000 ตันในปี 2545 เป็น 427,000 ตันในปี 2549 ผลผลิตต่อไร่เพิ่ม จาก 834 กิโลกรัม ต่อไร่ใน ปี 2545 เป็น 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ การบริโภคภายในประเทศเพ่ิมจาก 90,000 ตันในปี 2545 เป็น 112,000 ตันในปี 2549 และสามารถเพ่ิมการส่งออกจาก 248,000 ตันในปี 2545 เป็น 315,000 ตัน ในปี 2549 ลาไยในภาษาจีนกลางเรียกว่า “หลงเย่ียน” แปลว่าตามังกร ซ่ึงชาว จีนถือว่าเน้ือลาไยเป็นยาที่สาคัญชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณบารุงเลือด หัวใจและม้าม ช่วยชลอความชราและ

11 ต่อต้านมะเร็ง เน้ือลาไยสด 100 กรัมมีคุณค่าทางโภชนาการคือ พลังงาน 109 แคลอรี ความชื้น 72.4% โปรตีน 1 กรัม ไขมัน 0.5 กรัมคาร์โบไฮเดรต 25.2 กรัม เส้นใย 0.4 กรัม แคลเซียม 2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรสั 6 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัมวิตามินเอ 28 I.U. วิตามินB1 0.04 มิลลิกรัม วิตามิน B2 0.07 มิลลิกรัม ไนอาซิน 0.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 8มิลลิกรัม นอกจากสารอาหารดังกล่าวแล้ว เนื้อลาไยสดมี นา้ ตาล 3 ชนดิ คือ กลโู คส ฟรุกโตส และซูโคส ตลาดส่งออกลาไยอบแห้งท่ีสาคัญที่สุดตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมาได้แก่ประเทศจีน โดยปี 2544 ประเทศจีนนาเข้าลาไยอบแห้งรวมท้ังส้ิน 24,609 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,144 ล้านบาท รองลงมาคือ ฮ่องกง สงิ คโปร์ แคนาดาและมาเลเซยี คิดเปน็ มลู ค่า 64.4 22.4 และ 12 ล้านบาท ตามลาดับ สถานการณ์ปัจจุบันของผลผลิตลาไยขณะนี้เป็นลาไยนอกฤดูกาลประกอบด้วยลาไยจากจังหวัด ลาพูน และจันทรบุรี ผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ราคาทรงตัว ราคาลาไยช่อสด (ร่วง) เกรด A และ B ปรบั ตัวลดลงจากสปั ดาหก์ ่อน กก.ละ 1 บาท ราคาลาไย (ร่วง) เกรด A เฉลย่ี กก.ละ 26.17 บาท/ ลาไย (ร่วง) เกรด AA เฉล่ีย กก.ละ 17.5 บาท ราคาลาไย (ร่วง) เกรด A เฉลี่ย กก.ละ 10.50 บาท/ลาไย (ร่วง) เกรด B เฉลี่ย กก.ละ 6.50 บาท ปรมิ าณผลผลิตลาไยภาคตะวนั ออก (จ.จันทบุรี) ออกสตู่ ลาดแล้ว รอ้ ยละ 90% - ราคาท่ีเกษตรกรขายได้ ลาไยสดชอ่ เกรด AA กก.ละ 30-35 บาท ปริมาณผลผลิตลายภาคเหนอื (จ.ลาพนู ) ออกสู่ตลาดแลว้ ร้อยละ 95% - ราคาท่ีเกษตรกรขายได้ ลาไยสดช่อเกรด AA กก.ละ 35-38 บาท/เกรด A กก.ละ 30-32 บาท - ราคาท่ีเกษตรกรขายได้ ลาไยสดรว่ ง เกรด AA กก.ละ 17-18 บาท/เกรด A กก.ละ 10-11 บาท/เกรด B กก.ละ 6-7 บาท ผลผลิตลาไยภาคเหนอื (จ.เชยี งใหม่) ออกสู่ตลาดหมดแลว้ 1. สถานการณก์ ารผลิตและการตลาดปี 2561 1.1 การผลิต : สศก.คาดการณ์ผลผลิตลาไย ปี 2561 จะมีปริมาณเพ่ิมข้ึนจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 11.24 เนื่องจากเกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มข้ึนในทุกภาค และต้นลาไยท่ีปลูกในปี 2560 เรม่ิ ใหผ้ ลผลติ รวมทง้ั ผลผลิตตอ่ ไร่และพนื้ ที่ให้ผลเพ่ิมข้นึ ดว้ ย 1.2 การตลาด : คาดว่าแนวโน้มการบริโภคลาไยภายในประเทศจะเพ่ิมสูงขึ้นร้อยละ 16 และส่งออกผลลาไยสดและผลิตภัณฑ์เพิ่มข้ึนร้อยละ 0.41 เนื่องจากปริมาณผลผลิตท่ีคาดว่าจะมี เพิม่ ข้นึ ประกอบกบั ยงั มีความตอ้ งการบรโิ ภคลาไยจากกลมุ่ ประเทศอาเซียนโดยเฉพาะเวียดนาม 2. แผนดา้ นการตลาดของกระทรวงพาณิชย์ (1) ตลาดภายในประเทศ 1.1 กระจายผลผลติ /เชื่อมโยงตลาดปลายทางไปยังจงั หวัดตา่ งๆ - กระจายผลผลิตจากแหล่งผลิต ไปยังตลาดปลายทางในภาคอื่นๆ โดยเร็ว ซ่ึง มอบหมายให้ สพณ. ในจังหวัดเปน็ ผดู้ าเนินการประสานการกระจาย

12 - เชือ่ มโยงตลาดเพอื่ ขยายช่องทางการค้า เชื่อมโยงการซ้ือขายระหวา่ งเกษตรกรจังหวัด แหล่งผลิตกับผู้ประกอบการจังหวัดปลายทางทั่วประเทศ เพื่อลดการกระจุกตัวในช่วงที่ ผลผลิตออกมาก - เชื่อมโยงการซื้อขายผลไม้ตลาดชายแดน เช่ือมโยงการซ้ือขายผลไม้ระหว่างจังหวัด และแหล่งผลิตกับจังหวัดชายแดนท่ีดี ช่องทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เช่นกัมพูชา ลาว เวียดนาม ซงึ่ เปน็ ตลาดที่มีศกั ยภาพ เพ่อื ผลักดนั ผลติ สว่ นเกนิ ออกตลาดต่างประเทศ - ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (Modern Trade) มิให้แข่งขันกัน ตัดราคา จาหน่ายซ่ึงจะส่งผลกระทบต่อราคารับซ้ือผลผลิตจากเกษตรกรได้ และจัดทา MOU บันทกึ ความเข้าใจขอความร่วมมือรบั ซือ้ ผลผลิตโดยตรงจากเกษตรกรในราคาที่เปน็ ธรรม - จัดหาสถานที่จาหน่ายให้เกษตรกร โดยนาผลผลิตมาจาหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรง เช่น งานธงฟ้า เทศกาลต่างๆ ท้ังในส่วนกลางและภูมิภาค การจาหน่ายในศูนย์กระจายสินค้า จงั หวดั ต่างๆ (Frame Outlet) - ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทย โดยการจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคผลไม้ไทยร่วมกับ หา้ งค้าปลีกขนาดใหญใ่ นช่วงผลผลติ ออกมาก (2) ตลาดในต่างประเทศ - งานแสดงสินคา้ อาหารระดับนานาตใิ นต่างประเทศ - นาคณะผู้แทนการค้าซ่ึงเป็นผู้ส่งออกไทยเดินทางไปเจรจาการค้าในประเทศ (Out- Going Mission) เพื่อแสวงหาให้ค่คู ้าในต่างประเทศ คือโครงการนาคณะผแู้ ทนการคา้ ไป เจรจาการค้าทภี่ ูมิภาคแอฟรกิ า และอเมรกิ า - นาผปู้ ระกอบการไทย เขา้ ร่วมงานแสดงสินคา้ อาหารท่ีสาคัญในตา่ งประเทศ จานวน 7 งาน - การนาคณะผู้แทนการค้าสินค้าเกษตรและอาหารจากต่างประเทศเยือนไทย (In- Going Mission) 2558 2559 2560 2561 % ผลผลติ 872,122 757,117 971,430 1,061,322 9.25 5.84 - ภาคเหนอื 557,510 421,691 613,415 649,264 18.02 - ภาคตะวนั ออก 290,698 300,507 321,442 379,357 1.38 26.46 ชว่ งผลผลติ ออกมาก/แหลง่ ผลิตสาคญั - ภาคเหนือ มิ.ย. - ก.ย. ลาปาง ลาพนู แพร่ นา่ น ตาก พะเยา เชียงใหม่ และเชยี งราย - ภาคตะวันออก ม.ค. - พ.ค. และ ต.ค. – ธ.ค. จันทบรุ ี สระแก้ว ตราด พ้นื ทีใ่ ห้ผล (ไร่) 1,052,058 1,059,853 1,054,422 1,068,922 ผลผลิต/ไร่ (กก.) 946 823 718 908 ต้นทุนการผลิต(บาท/กก.) 10.97 12.54 13.29 13.29 มูลคา่ ผลผลติ (ลา้ นบาท) 26,400 25,461 22,605 4,164

13 บรโิ ภคสด (ตนั ) 50,000 30,000 25,000 74,000 ส่งออก (ตนั ) - ลาไยสดและแชแ่ ขง็ 357,252 415,895 726,428 115,593 - ลาไยกระป๋อง 9,614 9,201 8,682 843 - ลาไยอบแห้ง 196,666 125,518 213,981 14,295 ประเทศค่คู ้า ลาไยสด เวยี ดนาม 53% จนี 25% ลาไยแชแ่ ขง็ ฮอ่ งกง 64% ญป่ี ุ่น 36% ลาไยกระปอ๋ ง มาเลเซยี 37% สิงคโปรค์ 19% อเมรกิ า 10% ลาไยอบแห้ง เวยี ดนาม 64% จีน 31% อตั ราแปรสภาพ ลาไยกระปอ๋ ง 1:1 ลาไยอบแหง้ 1 : 3.3 พืชผลทางการเกษตรนับได้ว่ามีส่วนสาคัญที่ทาให้ประเทศไทยของเรามีกิน มีใช้อย่างเหลือเฟือ และยังส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศปีหนึ่งๆ นับเป็นเงินจานวนมหาศาล พืชผลทางการเกษตรท่ี ส่งออกยังต่างประเทศมีท้ังที่ส่งออกสดๆและแปรรูป เป็นการสร้างมูลค่าของพืชผลทางการเกษตร นอกจากจะสร้างรายได้ให้กับประเทศที่แล้ว ยังสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้อยู่เบื้องหลังของการสร้าง รายได้ให้กับประเทศอีกด้วย ถ้าหากจะพูดถึงพืชผลที่นามาแปรรูป และส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น มี มากมายหลายชนิดแล้วแต่ความต้องการของตลาดและวิธีการคิดเพื่อสร้างมูลค่าให้กับพืชผลทาง การเกษตร ประเทศไทยเรานับได้ว่าเป็นประเทศท่ีโชคดีท่ีในอดีตท่ีผ่านมาได้มีการคิดค้นการถนอม อาหารอย่างงา่ ยๆ เพ่อื ให้เก็บไวร้ บั ประทานได้ในระยะเวลานาน เชน่ การดอง ตาก แชอ่ ิ่ม เป็นต้น ปัจจบุ ัน มีหน่วยงานหลายๆ หน่วยงานท่ีมีการถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรในเร่ืองของการถนอมอาหารให้มี ค ว าม ห ล าก ห ล าย ย่ิ งขึ้ น เพ่ื อ เป็ น ท างเลื อ ก ให้ กั บ เก ษ ต ร ก รโด ย มี ก า รป ระ ดิ ษ ฐ์ คิ ด ค้ น เคร่อื งมอื เพื่อใหด้ าเนนิ การได้คร้งั ละมากๆ เพอื่ สร้างมูลค่าให้เกษตรกรและทนั ตอ่ ความตอ้ งการของตลาด ลาไยอบแห้งเปน็ ผลไม้อีกชนิดหนงึ่ ทห่ี ลายประเทศ ให้ความสนใจ และปจั จบุ ันมกี ารสง่ ออกไปตา่ งประเทศ สร้างรายไดใ้ หก้ ับประเทศปีละหลายลา้ นบาท ลาไยอบแห้งมีบทบาทสาคญั ในการช่วยรองรบั ผลผลิตลาไย สดท่มี ปี ริมาณมากในฤดูกาลผลติ ทว่ั ประเทศ ให้สามารถเก็บไว้เพ่ือบรโิ ภคไดน้ าน การผลิตลาไยอบแห้งสี ทองให้มีคณุ ภาพดีจะต้องประกอบดว้ ยขั้นตอนตัง้ แตก่ ารเตรยี มลาไยสดก่อนเข้าอบ การใชเ้ ครือ่ งอบแห้งท่ี ดี สามารถควบคุมอุณหภูมิในการอบ ตลอดจนการจัดการหลังการอบและการเก็บรักษาท่ดี ี จึงจะทาให้ ได้ลาไยอบแห้งที่มคี ุณภาพดีเป็นท่ีต้องการของตลาด เคร่อื งอบแห้งเนอ้ื ลาไย เครื่องอบแห้งลาไยจะต้องมีลักษณะเป็นตู้ท่ีแข็งแรง ไม่มีลมร้อนร่ัวไหล วัสดุภายในตู้อบและ ตะแกรงรับเนื้อลาไยต้องไม่เป็นสนิม พัดลมต้องสามารถกระจายความร้อนภายในตู้อบอย่างสม่าเสมอ ทุกๆ ชั้น อุปกรณ์ กาเนิดลมร้อนมีชนิดใช้ไฟ ฟ้าและก๊าซหุ งต้มเป็นเชื้อเพลิง ไฟฟ้ าดีกว่า ก๊าซ ตรงท่ีสะอาดกว่าแต่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูงกว่าก๊าซหุงต้ม มีการควบคุมอุณหภูมิให้คงท่ีโดยใช้

14 เทอรโ์ มสตทั มีการควบคุมอุณหภูมใิ หค้ งท่ี ได้เช่น ± 0.5 หรือ ± 1 องศาเซลเซียส เทอรโ์ มสตทั ทค่ี ารา ถูก จ ะช่ วงก ารตั ด ต่ อ อุ ณ ห ภู มิ ใน ช่ วงก ว้างเช่ น ± 5 อ งศ าเซ ล เซี ย ส อุ ป ก รณ์ วัด อุ ณ ห ภู มิ ควรอยู่ภายในตู้อบใกล้ทางออกของลมร้อน การเลือกซ้ือควรพิจารณาเลือกซื้อเครื่องอบแห้งจากผู้ผลิตที่มี คณุ ภาพและมกี ารบริการหลงั การขายทดี่ ี 1.2 ข้นั ตอนการผลติ ลาไยอบแหง้ (เน้ือสที อง) 1. จัดซื้อลาไยสดจากทางชาวสวนท่ีคัดตามเกรดแล้ว เชน่ AA A B และ C ภาพท่ี 1 การรบั ซื้อลาไยสดเพื่อนามาแปรรูป 2. นามาควา้ นเอาเมลด็ ออกและแกะเปลือก โดยแยกตามเกรด ภาพท่ี 2 การควา้ นเอาเมล็ดลาไยออก

15 3. นามาลา้ งน้าเปลา่ สะอาด 3 ครง้ั แล้วพกั ใหส้ ะเดด็ น้า ภาพท่ี 3 การนาลาไยทคี่ ว้านเมล็ดแล้วมาลา้ งน้า 4. นามาเรยี งบนตะแกรง โดยควา่ หนา้ ลาไยลง ภาพที่ 4 การนาลาไยมาเรียงบนตะแกรง

16 5. นาไปเข้าเตาอบ โดยใช้อุณภูมิประมาณ 60 C° – 75 C° นาน 8-12 ช่ัวโมง ภาพท่ี 5 การนาลาไยเขา้ เตาอบ ภาพท่ี 6 การนาลาไยเขา้ เตาอบ 6. นาลาไยออกจากเตา พักใหเ้ ยน็ แล้วนามาคดั แยกเกรดอีกที ภาพที่ 7 การคัดแยกเกรดลาไย

17 ภาพที่ 8 การนาลาไยมาตากแดดเพื่อให้แห้ง ภาพที่ 9 การนาลาไยมาตากแดดเพื่อให้แหง้ ภาพท่ี 10 การนาลาไยมาตากแดดเพอื่ ให้แหง้

18 ภาพที่ 11 การนาลาไยมาพักเพือ่ รอบรรจุ 7. บรรจใุ สถ่ งุ ๆ ละ 5 กิโลกรัม เพอ่ื รอจาหนา่ ย ภาพท่ี 12 การบรรจุใส่ถุงๆ ละ 10 กโิ ลกรมั

19 ภาพที่ 13 การบรรจุใส่ถงุ เพ่ือขายปลกี 1.3 ทฤษฎใี นการออกแบบตราสินคา้ 1.3.1 ความหมายของตราสินคา้ จิรวุฒิ หลอมประโคน (2558: ออนไลน์) ตราสินค้า หมายถึง ช่ือ (Name) คา (Term) สัญลักษณ์ (Symbol) การออกแบบ (Design) หรือส่วนประสมของส่ิงดังกล่าวเพ่ือระบุถึงสินค้าและ บริการของผู้ขายรายใดรายหนึ่งหรือกลุ่มของผู้ขายเพื่อแสดงถึงลักษณะท่ีแตกต่างจากคู่แข่งขัน ตราสินค้า (Brand) เป็นเหมือนความรู้สกึ ในจิตใจของผู้บริโภคท่ีเกิดขนึ้ จากส่ิงท่อี ยโู่ ดยรอบซงึ่ อาจจะเป็นความทรงจา ตั้งแตว่ ยั เด็กหรอื ความทรงจาทไี่ ดเ้ ห็น จากการสอื่ สารการตลาด ดังนน้ั นักการตลาดจะตอ้ งพยายามสร้างคณุ คา่ ให้ตราสินคา้ ให้มากท่ีสดุ เท่าทจ่ี ะมากได้ และคณุ ค่า ตราสินค้าจะเกิดข้ึนก็ต่อเมื่อผู้บริโภคคุ้นเคยกับตราสินค้า มีความรู้สึกท่ีดีต่อตราสินค้าอย่างมั่นคง จดจา ตราสินคา้ ได้ ด้วยสงิ่ เช่ือมโยงท่ีไม่ซา้ กับสินคา้ อน่ื ฟิลิป คอตเลอร์ (1991 อ้างถึงใน HRTOTHAI.,2551 : ออนไลน์) ได้ให้ความหมายของคาว่าตรา สินค้า คือ ชื่อ สัญลักษณ์ โลโก้ของอะไรอย่างหน่ึงที่จะบอกว่าสินค้าหรือบริการอย่างหน่ึงๆ เป็นของใคร และแตกต่างจากคู่แขง่ อยา่ งไร ถ้าเปน็ ตราสินคา้ จะตอ้ งสามารถจาแนกออกเป็น 4 อย่างดว้ ยกัน ได้แก่ 1) Attribute รปู ร่างหน้าตาภายนอกทีจ่ ะทาใหเ้ กิดการจดจา 2) Benefit บอกคุณประโยชน์ เช่น ฟนั ขาว ผมนุ่ม 3) Value ทาใหร้ สู้ กึ ใช้แบรนด์นี้แล้วภาคภมู ใิ จ ไวใ้ จ 4) Personality มบี ุคลิคภาพ ใช้แลว้ เปน็ วยั ร่นุ ใช้แลว้ เป็นคนทนั สมยั เดวดิ โอกิลวี่ (1995) กล่าวถึงตราสินคา้ ว่าเป็นสัญลกั ษณ์ที่ซบั ซ้อน เป็นการรวบรวมความรู้สึกท่ี มีต่อรูปร่างหน้าตาของสินค้า ต่อชื่อต่อบรรจุภัณฑ์ ต่อราคา ต่อความเป็นมาชื่อเสียง วิถีทางโฆษณา ทั้งน้ี

20 ตราสินค้าจะเป็นส่ิงท่ีกาหนดด้วยความรู้สึกของผู้บริโภคที่เป็นผู้ใช้สินค้าน้ัน และมีประสบการณ์กับตรา สนิ คา้ นนั้ 1.3.2 องคป์ ระกอบของตราสนิ คา้ เกรยี งไกร กาญจนะโภคิน (2550) ไดใ้ ห้ความหมายไว้ว่า - ส่วนท่ีจับต้องได้ (Tangible Assets) ได้แก่ รูปร่างหน้าตา (attributes) และคุณประโยชน์ ( benefits) - ส่วน ท่ีจับต้องไม่ได้ ( Intangible Assets) ได้แก่ คุณ คา (values) และ บุคลิกภาพ (personality) Brand DNA คือ ตัวตนที่แท้จริงของแบรนด์ท่ีทาให้ผู้บริโภคเลือกแบรนด์นั้น อย่างมีศรัทธาอาจ เป็นองค์ประกอบใดของแบรนด์ก็ได้ ระหว่าง attributes/ benefits/ values/personality โดย ข้ึนกับแตล่ ะตลาดและประสบการณข์ องผู้บรโิ ภค Brand Architecture คือ พิมพ์เขียวของแบรนด์ เป็นระบบท่ีวางไว้ ว่าควรจะ ใช้ชื่อแบรนด์ อย่างไร ช่ือใดคอื แบรนด์หลัก หรอื แบรนดแ์ ม่ (Umbrella Brand) และช่อื ใดคือ แบรนด์ลูก (Sub-brand) โดยแตล่ ะองค์กรต้องกาหนดให้ชดั เจนวาจะใชแ้ บรนด์หลักควบคู่กับ แบรนดล์ กู อย่างไร Brand Identity หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งหมายรวมถึงทุกส่ิงที่ทาให้แบรนด์มีเอกภาพไปใน ทศิ ทางเดียวกันทงั้ เอกลกั ษณด์ า้ นภาพ เสยี ง และพฤติกรรม Brand Portfolio หรือ ฐานันดรของแบรนด์ คือการจัดสถานะของแบรนด์น้ัน ว่าแตล่ ะแบรนด์อยู่ ในฐานะอะไร ควรจะไดร้ บั งบประมาณสนับสนุนมาก-นอ้ ยเพยี งใด Brand Equity คือ มูลค่าของแบรนด์ท่ีส่ังสมเรอ่ื ยมาจนกลายเปน็ มูลค่าเงินอัน มหาศาล เพราะมี คนรจู้ กั ยอมรบั อยากซื้อ อยากใช้เปน็ ประจา ส่งิ สาคญั ในการสร้างและรักษาตราสินค้าให้มีความแข็งแกร่ง และมีอายุยนื ยาว คอื องค์กรจะตอ้ ง สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับตัวสินค้า นาเสนอในส่ิงที่เหนือกว่า และ แตกต่างโดยยึดความสาคัญ และ ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ดาเนินการปฏิบัติตาม ข้อตกลงอย่างม่ันคง และไม่เปลี่ยนแปลง อีกท้ัง ต้องสอ่ื สารตามขอ้ ตกลงอย่างม่ันคง และต่อเน่ือง 1.3.3 ขัน้ ตอนในการออกแบบตราสนิ ค้า สวุ ทิ ย์ วงศ์รุจริ าวาณชิ ย์ (2554: ออนไลน์) ในการสรา้ งสรรค์ “อัตลักษณ์” (หรอื Identity) ให้กบั ตราสินคา้ นน้ั นอกจากความแตกตา่ งของตัวผลติ ภัณฑ์หรอื งานบริการท่เี ปน็ พระเอกของเร่อื งแล้ว องค์ประกอบอีกตวั ทจี่ ะทาใหเ้ รือ่ งนส้ี มบรู ณ์แบบก็คอื การนาหวั ใจของความแตกต่างน้ันมาถา่ ยทอดเปน็ “งานดไี ซน์” โดยมี 5 ขนั้ ตอนดังนี้ ข้นั ตอนที่ 1 : การออกแบบและพัฒนาตัวอกั ษร

21 การเลือกรูปแบบของตัวอักษรท่ีเหมาะกับธุรกิจของตน อย่าลืมว่า ตัวอักษรแต่ละตัวมีลักษณะ รูปทรงที่แตกต่างกัน ซึ่งรูปทรงท่ีแตกต่างกันน้ีก็ส่ือถึงความหมายท่ีแตกต่างกันด้วย เม่ือได้ตวั อกั ษรที่ถูกใจ แล้วเรายังจาเป็นต้องกาหนดตัวอักษรที่ใช้ร่วมกับตราสัญลักษณ์ด้วย (เพราะในบางครั้งตัวอักษรที่ใช้บน ตราสัญลักษณ์อาจจะไม่เหมาะสาหรับใช้ในส่วนรายละเอียดต่างๆ เช่น รายการอาหาร, ช่ือบนนามบัตร ฯลฯ) ข้นั ตอนที่ 2 : การออกแบบและพฒั นาตราสัญลกั ษณ์ อย่าลืมวา่ การออกแบบตราสญั ลักษณ์ไม่ได้หมายถึง การวาดภาพให้สวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ ตราสัญลักษณ์นั้นๆ จะต้องส่ือถึงท่ีมาและหัวใจของแบรนด์ด้วย ยกตัวอย่างเช่น น้าจ้ิมไก่ตราแม่ประนอม จะมีภาพแม่ประนอมปรากฏอยู่บนฉลากเสมอ หรือร้านอาหารสีฟ้ากับตราสัญลักษณ์รูปชามสีฟ้าพร้อม ตวั อักษรประกอบ ขน้ั ตอนท่ี 3 : การเลือกสี “สี” ถอื เป็นสว่ นผสมที่สาคัญอีกข้อในการสร้างตราสินค้า เพราะสีแต่ละสีก็จะมีความหมายแฝงที่ ซ่อนอยู่ เช่น สีแดงหมายถึงพระอาทิตย์และความทรงพลัง สีส้มหมายถึงโชคลาภ สีเขียวหมายถึงความ อุดมสมบูรณ์ หรอื สีดาที่หมายถงึ ความลึกลบั เป็นตน้ ขัน้ ตอนที่ 4 : กาหนดขอบเขตการใช้ตราสญั ลกั ษณ์ เม่ือเราได้ตราสัญลักษณ์ กลุ่มสี และรูปแบบตัวอักษรแล้ว เราก็ควรที่จะต้องกาหนดขอบเขตการ ใช้งานของมันด้วย เช่น ตราสัญลักษณ์ของร้านส้มตาสยามจะต้องเป็นสีโทนส้ม-แดงเท่าน้ัน โดยเราอาจ จัดทาคู่มือการใช้ง่ายๆ เพ่ือเปน็ แนวทางในการใช้ตราสัญลักษณ์ให้กับทมี งานทุกคน หลงั จากนั้น เราก็ต้อง คิดตอ่ ว่า ตราสญั ลกั ษณท์ ี่เราออกแบบไว้นั้น จะสามารถนาไปใช้งานในส่วนต่างๆ ของพ้นื ทีข่ ายอยา่ งไร ขน้ั ตอนที่ 5 : ความสม่าเสมอในการใชง้ าน เมื่อเราได้คู่มือการใช้ตราสัญลักษณ์จากข้ันตอนที่ 4 แล้ว ส่ิงสาคัญท่ีเราจาเป็นต้องปฏิบัติในข้ัน ตอ่ ไปก็คือ การนางานออกแบบดังกล่าวไปใช้อย่างสม่าเสมอ (Consistency) เพ่ือตอกย้าให้ผู้บริโภคจดจา ตราสัญลักษณ์ของเราให้ได้มากที่สุด อย่าลืมนะครับว่า ตราสัญลักษณ์ที่ออกแบบมาน้ีไม่ได้สร้างเพื่อความ สวยงามเท่านั้น มันคอื สิ่งท่ีบ่งบอกถึงหัวใจของแบรนด์ ดังนั้น การเปล่ียนสี เปลี่ยนรปู แบบตัวอักษร หรือ การตัดทอนรูปภาพประกอบในตราสัญลกั ษณจ์ ึงเปน็ ส่งิ ท่ไี ม่สมควรทาอยา่ งย่ิง 1.3.4 กระบวนการสร้างตราสินคา้ เกรียงไกร กาญจนะโภคิน (2550) ได้กล่าวว่าการตลาดในอดีตท่ีผ่านมาส่วนใหญ่จะเน้นและ ช้ีให้เห็นว่าสินค้ามีประโยชน์ทาอะไรได้ และใช้อะไรได้บ้าง เพื่อเสนอขายแก่ลูกค้า (Product Oriented) ซึ่งปัจจุบันมีการสร้างคุณค่า (Value) ให้กับลูกค้าว่าลูกค้าได้อะไร ใช้แล้วรู้สึกอย่างไร เหนือกว่าคนอ่ืน อย่างไร จึงต้องมี การสร้างความแตกต่าง (Difference) อย่างสิ้นเชิง มิฉะน้ันแล้วการสร้างความแตกต่าง ทาได้ไม่นานก็จะถูกคู่แข่งขันเลียนแบบ หรือการสร้างตาแหน่งครองใจ (Positioning) ต้องให้ยืนอยู่ใน

22 สมองของลูกค้า ด้วยภาพลักษณ์ (Image) ของตราสินค้าจะเป็นภาพลักษณ์ท่ีสะท้อนตัวสินค้าทาให้ลูกค้า เกิดความจงรักภักดี (Royalty) ซ่ึงการตลาดยุคใหม่กระบวนการของธุรกิจ ต้องเปลี่ยนไปจากเดิม และมี รูปแบบในการพัฒนาตราให้มีความสมบูรณ์เข้มแข็ง โดยจะต้อง เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของบริษัทในการ พัฒนาวิสัยทัศน์และภารกิจของตราสินค้าผ่านกิจกรรม ทางการตลาดที่มีความเก่ียวข้องกันทั้งหมด จึงจะ สามารถขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ธุรกิจให้สัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง แล้วก็กิจกรรมทางการตลาดต้องอยู่บน ความสัมพันธก์ บั ลกู ค้าอย่างยัง่ ยืน ขน้ั แรกคือ ต้องสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้แก่ผู้บริโภค โดยให้ความรู้เก่ียวกับ ตราสินค้าก่อน อันดับแรก ต่อมาขั้นท่ี 2 และขั้น 3 คือให้การข้อมูลข่าวสาร (Information) ผ่านส่ือต่างๆ ที่ชัดเจน และ ภาพพจน์ของตราต่อผู้บริโภค และการดูแลเอาใจใส่ (Respect) กับผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ท่ีอยู่ในตลาด และนาไปสู่ขั้นท่ี 4 มิตรภาพ (Friendship) โดยเน้น ตราสินค้าให้เป็นส่ิงท่ีรู้ใจ และข้ันที่ 5 ไว้วางใจ (Trust) คือสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว ช่วงเวลาของการดารงชีวิตระหว่างตราสินค้ากบั ลูกค้า ซึ่งตรา ได้ให้พลังกับมิตรภาพและความ ไว้วางใจที่จะนาไปสู่ความจงรักภักดีในขั้นสุดท้าย (Loyalty) ซ่ึงการให้ ความสาคัญและสนใจกับอารมณ์ของความสัมพันธ์ผู้บริโภคกับตรานั้น จะทาให้เกิดความสาเร็จในระยะ ยาวได้จริง 1.4 ทฤษฎใี นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ สิทธา ศุภศิริ (2557: ออนไลน์) ได้กล่าวว่า รอบตัวเราล้วนเต็มไปด้วยบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าเราเดิน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซ้ือ ร้านโชว์ห่วย หรือกระทั่งในบ้านของเราเองเราก็จะพบบรรจุภัณฑ์เต็มไป หมด บรรจุภัณฑ์เหล่านี้มาในหลายรูปร่างหลายขนาด ตั้งแต่ลังสี่เหลี่ยมธรรมดาๆ ของบะหม่ีก่ึงสาเร็จรูป ไปจนถึงขวดเคร่ืองสาอางไฮโซท่ีมีรูปทรงซบั ซ้อน เราเห็นพวกมันเหล่านี้จนชินตา แตเ่ คยร้หู รือไม่วา่ กว่าท่ี จะออกมาเป็น บรรจุภัณ ฑ์ให้ เราได้ใช้กัน น้ั นผู้ ออกแบบบร รจุภัณ ฑ์ได้ผ่ าน กระบวน การออกแบบแล ะ กระบวนการคดิ อะไรมาบา้ งกวา่ จะได้ออกมาเปน็ บรรจภุ ัณฑ์ที่ “ด”ี สกั ช้ินหนง่ึ ปัญหาสาคัญของบรรจุภัณฑ์คือบรรจุภัณฑ์หลายชนิดมีคุณภาพต่าและถูกออกแบบมาอย่างผิดๆ ไม่วา่ จะโดยนกั ออกแบบมอื สมัครเล่นทไี่ ม่มคี วามรู้และประสบการณ์หรือนกั ออกแบบฟรีแลนซ์บางคนที่สัก แต่ว่าออกแบบไปวันๆ เพ่ือหาเงินประทังชีพ บางรายอาการหนักถึงขนาดเข้าใจผิดว่าการออกแบบบรรจุ ภัณฑ์คือการทากราฟิกลวดลายเพื่อแปะบนกล่องหรือขวดเท่านั้น ทาให้มีบรรจุภัณฑ์ประเภทที่ว่านี้ออกสู่ ทอ้ งตลาดเต็มไปหมด เช่นพวกครมี ทาหนา้ กวนเองที่มฉี ลากดูไม่มคี ุณภาพแปะอยู่ หรืออาหารเสริมท่ีบรรจุ ในขวดหรอื กล่องที่ดูไม่ได้มาตรฐาน หรือกระทั่งสินค้าบางชนิดในห้างสรรพสินค้าช้ันนากต็ าม เราในฐานะ ผูบ้ ริโภคกถ็ ูกบงั คับให้ต้องใชช้ วี ติ อยู่กับบรรจภุ ัณฑ์เหล่าน้ันจนชาชนิ โดยไม่รูต้ วั และแทบไม่มีทางเลือก เป็น การบ่ันทอนคุณภาพชีวิตอยา่ งทเ่ี ราคาดไม่ถึงและเรามกั จะมองขา้ มไปเสมอ หน้าท่ีสาคัญที่สุดของบรรจุภัณฑ์ก็คือการปกป้องสินค้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ต้ังแต่พ้นจากอ้อม อกของผู้ผลิตจนมาถึงมือผู้บริโภคอย่างเราๆ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ท่ีดีจะต้องคานึงถึงจุดนี้เป็นส่วน

23 สาคัญที่สุด หากบรรจุภัณฑ์ไม่สามารถปกป้องสินค้าภายในให้อยู่ในสภาพดีได้ น่ันก็ไม่ใช่บรรจุภัณฑ์ที่ดี และถือเป็นการออกแบบที่ล้มเหลวเพราะบรรจุภัณฑ์ไม่สามารถทาหน้าท่ีโดยกาเนิดของมันได้ เรียกได้ว่า เป็นบรรจุภัณฑ์พิการ แต่เม่ือเราลองมองดูรอบๆ ตัวเรากลับพบว่ามีบรรจุภัณฑ์ลักษณะนี้อยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เราจะเห็นได้ชัดเจนจากผลติ ภัณฑ์ที่แตกหักเสียหายได้ง่ายเช่นอาหารประเภทขนมกรุบ กรอบ ซึ่งส่วนใหญ่ขนมด้านในมักจะแตกหักก่อนที่เราจะได้กัดมันให้แตกด้วยปากเพื่อลิ้มรสอันโอชะของ มัน หรือกระท่ังบรรจุภัณฑ์ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกบางชนิด เมื่อแกะออกมามักจะพบว่าสินค้า ขา้ งในไดร้ ับความเสยี หายหรอื เป็นรอยบบุ เปน็ ต้น บรรจุภัณฑ์สาหรับอาหารเป็นเร่ืองซับซ้อนจาเป็นต้องได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่าง ย่ิง SME ซ่ึงหลายครั้งพบว่าขาดความเข้าใจ คานึงถึงเฉพาะรายได้ เน้นของถูก แต่ขาดคุณภาพทาให้เกิด การใช้งานที่ไม่ถูกต้องขาดความปลอดภัย นอกจากนี้การออกแบบการใช้งานยังขาดการคานึงถึง Universal Design (UD) ซ่ึงเป็นสิ่งอานวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ เช่น UD สาหรับผู้สูงอายุท่ีมองเห็นชัด ไม่ต้องออกแรงมากในการใช้งาน รวมถึง Active Packaging และ Interactive Packaging ที่จะเข้ามามี บทบาทในชวี ติ ประจาวนั มากขึ้น เปน็ ผลให้เกิดการตอบสนองระหว่างบรรจุภณั ฑ์และผใู้ ช้ การออกแบบตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ลาไยอบแห้ง ใชแ้ นวคิดด้านปัจจัยท่ีมผี ลต่อการ ออกแบบ ซ่ึง นวลน้อย บุญวงษ์ (2539 : 83-108) ได้กล่าวไว้ว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการออกแบบสามารถ จาแนกอย่างกวา้ งๆ ไดเ้ ปน็ 2 กล่มุ ได้แก่ - ปัจจัยภายในงานออกแบบ เป็นปัจจัยเบ้ืองต้นทาหน้าท่ีกาหนด และให้ขอบเขตแก่งาน ออกแบบ ไมว่ ่าจะเป็นงาน 2 และ 3 มิติประเภทใดๆ ก็ตาม โดยงานออกแบบนน้ั เกิดขึ้นจากการ นาวัสดุชนิดต่างๆ มาผ่านกรรมวิธีขึ้นรูปที่เหมาะสมและเป็นไปได้จริงในเวลานั้น เพื่อให้เกิด รูปทรงใหม่ ซึ่งสามารถตอบสนองประโยชน์ตามหน้าที่ใช้สอยได้เป็นอย่างดี ปัจจัยจากภายในท้ัง 3 ประการ คือ วัสดุและกรรมวิธีการผลิต ประโยชน์ใช้สอย และรูปทรงต่างมีความสาคัญและ เก่ียวข้องสัมพันธ์โดยนักออกแบบเป็นผู้ทาหน้าที่ประสานความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เกิดความ เหมาะสมสูงสดุ - ปัจจัยจากภายนอกงานออกแบบ คือ สภาพแวดล้อมรอบตัวของงานออกแบบก็มีอิทธิพลใน การกาหนดหรือให้ขอบเขตแก่งานออกแบบ งานออกแบบชนิดใหม่ท่ีเกิดข้ึน นักออกแบบ จาเป็นต้องศึกษาปัจจัยแวดล้อมท่ีมีผลกระทบซึ่งกันและกัน เพ่ือให้สามารถใช้งานร่วมกนั กับสิ่งที่ มี และเป็นอยู่เดิมได้เป็นอย่างดี ปัจจัยภายนอกที่มีความสาคัญต่องานออกแบบสามารถจาแนก ออกได้เป็น 4 ดา้ น คือ การแข่งขนั ในตลาด ความสามารถเข้ากนั ได้กับระบบสากล การควบคุม ดา้ นความปลอดภยั และการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสภาพแวดล้อม ดร. ศิริวรรณ ตั้งแสงประทีป นกั วิจัยอาวุโส ศนู ยก์ ารบรรจหุ บี ห่อไทย สถาบันวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์มีความสาคัญด่านแรกที่มีผลต่อการตัดสินใจ เลือกชมและเลอื กซอื้ ของผู้บริโภค และ เน่อื งจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลย่ี นไปไม่หยุดน่ิง บรรจุภณั ฑ์ก็

24 ต้องพฒั นาต่อไปไมห่ ยดุ น่ิงเช่นกัน โดยในพ้ืนท่ีของบรรจภุ ัณฑ์ให้สอ่ื สารความเป็นแบรนด์ออกไป ด้วยการ สอ่ื สารอารมณผ์ ่านเร่อื งราวลงไปในบรรจุภณั ฑ์ ซึ่งมอี งค์ประกอบ 3 ส่วน คอื - มีประโยชน์ต่อการใช้งาน - ใหค้ วามรสู้ กึ ถงึ อารมณต์ อ่ ผู้บรโิ ภค - วสั ดุมีความปลอดภยั บรรจุภัณฑ์ต้องรับผิดขอบผู้บริโภค คือ สะดวก ใช้งานง่าย (ใช้งานได้ล่ืนไหล) เช่น บรรจุภัณฑ์ ขนม ต้องออกแบบให้สะดวก คือ ฝาปิดสนิท เปิดรับประทานง่าย ขนาดกะทัดรัด น่ารัก หยิบจับถนัด มือ โดย “บรรจภุ ณั สรา้ งสรรค์” (Creative Packaging) ต้องมคี ุณสมบตั ดิ ังน้ี - Understand ง่ายตอ่ การเข้าใจ - Open งา่ ยตอ่ การเปดิ - Hold ถอื งา่ ย - Use ใช้งา่ ย - Take Out เทงา่ ย - Store เกบ็ ง่าย - Dispose กาจัด (ท้งิ ง่าย) - Injury prevention มีความปลอดภยั ในการใช้ - Eco Friendly Packaging ปลอดภยั ต่อสง่ิ แวดลอ้ ม และ Idea ในการทาบรรจภุ ัณฑ์สร้างสรรค์ ตอ้ งมี Key Words ดงั น้ี คุ้มคา่ : การเห็นครงั้ แรกต้องให้ความรสู้ ึกคุม้ ค่า : ไม่แพง ไม่ถูก แต่ตอ้ งคุ้มค่า ลกู ค้าไดค้ วามคุ้มค่า ผปู้ ระกอบการได้ความคุม้ ทุน คมุ้ ครอง : คือบรรจุภัณฑ์คมุ้ ครองไม่ใหผ้ ลติ ภณั ฑแ์ ตกหัก เสยี หาย คมุ้ ทนุ : โดยคานวณจากตน้ ทุนรวม (ตน้ ทุนสินค้า + ตน้ ทนุ บรรจุภัณฑ์ + ตน้ ทนุ ดา้ นการตลาด) เทคนคิ ในการพฒั นาบรรจุภณั ฑ์ ไดด้ ังนี้ 1. สร้างเรื่องราวของแบรนด์ โดยไม่จาเป็นต้องเป็นเร่ืองจริง สามารถเป็นเรอื่ งในมโนคติได้ และมเี คลด็ ลับ ว่าภาพท่ีส่ือสารต้องตรงกับเรือ่ งราวของแบรนด์ เพราะจะสร้างการจดจาได้งา่ ยดายให้เกดิ ขนึ้ ตอ่ ผู้บริโภค 2. แตกต่างแต่ไม่แปลกแยก (แตกต่างเพ่ือให้โดดเด่น ไม่แปลกแยกหมายถึง เมื่อเห็นแล้วเข้าใจชัดเจนว่า บรรจภุ ัณฑส์ ือ่ สารถงึ อะไร) 3. เห็นแล้วผู้บริโภครับรู้เรื่องราวภายใน 30 วินาที โดยการกาหนดจุดนาสายตา และภาพหรือรูปแบบห เรื่องราวหมนุ วนไปไม่มจี ุดขวางสายตา

25 ประเด็นในการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ : เลือกบรรจุภัณฑ์ให้ได้ความสวยงามตามต้องการ ต้องเลือกจากตัวจริง (ไม่เลือกจากภาพถ่าย) การเลือก จากตัวจริงคือ นาผลติ ภณั ฑบ์ รรจลุ งในบรรจุภัณฑ์แล้วค่อยเขา้ ส่กู ระบวนการเลือก : หากคิดว่าการทาบรรจุภัณฑ์เป็นการใช้งบประมาณสิ้นเปลือง ให้คิดหักมุมว่า ถ้ามีบรรจุภัณฑ์แล้วสินค้า ขายได้ ค้มุ ค่ากว่าประหยัดตน้ ทุน แตส่ ินค้าเสียหายและขายไมไ่ ด้ : เราต้องยอมรับให้เทคโนโลยีเข้าสู่ชีวิต และใช้ให้เป็นประโยชน์ เช่น การทา QR Code ให้ปรากฎไว้ที่ บรรจุภัณฑ์ แต่มีส่ิงท่ีต้องให้ความสาคัญ คือ เมื่อผู้บริโภคแอดไปต้องเป็นข้อมูลที่ผู้บริโภคอยากรู้ คือ ข้อมูลทเ่ี ปน็ ประโยชนก์ บั ผ้บู รโิ ภค (ไมค่ วรใช้เปน็ รปู เจา้ ของบริษทั หรอื อะไรท่ไี มไ่ ดต้ อบโจทยผ์ ูบ้ ริโภค) : ออกแบบให้เหมาะสมกับการใชง้ าน เชน่ เครอื่ งสาอางผหู้ ญิง อาทิ ตลับแป้ง มกี ารหยิบมาใช้บ่อย ๆ หยบิ มาโชวส์ รา้ งเครดิต ดังน้ันต้องสวยงามและทนทาน : สินค้าชนิดเดียวกัน มีผู้ผลิตมากมาย และคุณภาพใกล้เคียงกัน ดังนั้น บรรจุภัณฑ์เป็นโอกาสหน่ึงที่จะ นาพาแบรนด์หรอื สนิ คา้ ไปให้ชนะคแู่ ขง่ ขนั ดังนั้นจัดทาบรรจุภณั ฑใ์ ห้สวยงาม สะดวกใช้ ปลอดภัยสาหรับ ผ้บู ริโภค และสาหรับการประหยัดตน้ ทุน ต้องให้ความสาคัญในเรื่องขอบแบบบรรจุภัณฑ์ที่ประหยัดพ้ืนที่ ในการจัดเกบ็ และรปู แบบท่ขี นส่งได้สะดวก จัดเรียงงา่ ย และน้าหนกั นอ้ ย ตวั อยา่ งไอเดียในการออกแบบบรรจุภณั ฑ์สร้างสรรค์ (Creative Packaging) ภาพท่ี 14 (ท่มี า: www.wegointer.com/2014/03/12-ไอเดยี ออกแบบบรรจภุ ัณฑ/์ )

26 ภาพที่ 15 (ท่มี า: www.wegointer.com/2014/03/12-ไอเดยี ออกแบบบรรจภุ ัณฑ์/) ภาพที่ 16 (ที่มา: www.wegointer.com/2014/03/12-ไอเดียออกแบบบรรจภุ ัณฑ/์ )

27 ภาพที่ 17 (ท่ีมา: www.wegointer.com/2014/03/12-ไอเดยี ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์/) ภาพท่ี 18 (ท่ีมา: www.wegointer.com/2014/03/12-ไอเดยี ออกแบบบรรจภุ ัณฑ/์ ) 1.5 ทฤษฎกี ารออกแบบกราฟิก (อา้ งถึงใน งานออกแบบกราฟิกในบรรจภุ ณั ฑ์สาคญั อย่างไร., 2559: ออนไลน)์ กราฟิก หมายถึง ภาพลายเส้นหรือภาพที่เกิดจากการขีดเขียนด้วยตารางหรือแผนภาพ หรือเป็น การสร้างงานศลิ ปะบนพ้ืนระนาบหรือกระบวนการตา่ งๆ ในสง่ิ ที่เป็นวสั ดุ 2 มิติ ออกแบบ หมายถึง การวางแผนสร้างสรรคร์ ูปแบบ โดยการจัดสัดส่วนประกอบของการออกแบบ ให้สัมพนั ธ์กับประโยชนใ์ ช่สอย วสั ดุ การออกแบบกราฟิก จึงหมายถึง กระบวนการทางความคิดท่ีจะสร้างสรรค์ศิลปะที่มีร่วมกับ หลักการออกแบบและเทคโนโลยีเพ่ือผลิตผลงานท่ีสามารถถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ ความเป็นตัวตน ของเจา้ ของชิ้นงานและสื่อถึงความหมายของชิ้นงานนนั้ ได้อยา่ งครบถ้วนชัดเจน การออกแบบกราฟิกนั้นมี

28 หลายประเภท เช่น งานกราฟิกบนสื่อโฆษณาสิ่งพิมพ์ งานกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ และ งานกราฟิกบน เครอื่ งหมายหรือสัญลกั ษณ์ การออกแบบหีบห่อหรือภาชนะที่ใช้บรรจุภัณฑ์ต่างๆ นั้นจะเรียกว่าเป็นการออกแบบ” บรรจุ ภัณฑ์”เป็นการออกแบบด้วยภาพประกอบ ข้อความ และลวดลาย มีจุดมุ่งหมายเพ่ือ ดึงดูดใจผู้บริโภค งานออกแบบบรรจุภัณฑ์น้ัน มีทั้งแบบ 2 และ 3 มิติ ซ่ึงงานออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อการผลิตนั้นจะถือว่า เป็นงาน 3 มิติ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์จะเปรียบการออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ ทรงกลม ทรง สเ่ี หล่ียม ทรงกระบอก เสมือน”ร่างกาย”ของมนุษย์ เปรียบสีบรรจุภัณฑ์เสมือน”สีผิว”ของมนุษย์ เปรียบ คาบรรยายทอี่ ยู่บนผลิตภัณฑ์เหมือน”ปาก”ทีบ่ อกเล่าถงึ สรรพคุณตา่ งๆของสนิ ค้า อาจจะเขียนเป็นสมการ ไดด้ ังนี้ การออกแบบ = คาบรรยาย +สัญลักษณ์ + ภาพพจน์ Design = Word + Symbols + Image การออกแบบถือเป็นศิลปะแขนงหน่ึงที่แสดงออกด้วยส่วนประกอบต่างๆ เช่น จุด เส้น สี รูป นามาผสมผสานกนั ออกมาเปน็ ช้ินงานดว้ ยหลกั การงา่ ยๆ ทเ่ี รียกว่า “SAFE” ซ่งึ มคี วามหมายดงั น้ี S = Simple คือ เขา้ ใจง่าย สบายตา A =Aesthetic คอื มคี วามสวยงาม ชวนมอง F = Function คือ การใชต้ น้ ทนุ หรือคา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี หมาะสม องค์ประกอบข้ันพ้ืนฐานของการออกแบบงานกราฟิกทั่วไปก็จะประกอบด้วย เส้น(Line), รูปร่าง (Shape), รูปทรง(Form), น้าหนัก(Value), พื้นผิว (Texture), ที่ว่าง(Space), สี(Color),ตัวอักษร(Text) นอกจากองค์ประกอบต่างๆจากกงานกราฟิกแลว้ สิง่ สาคัญท่ีสุดในการออกแบบงานกราฟิกคือนักออกแบบ คณุ สมบตั ิของนักออกแบบท่ีดี คือ 1. มีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์เพอ่ื ใหช้ ิ้นงานมีความโดดเดน่ แปลกใหม่ 2. ขยันฝกึ หดั คือ ฝึกทักษะต่างๆตามแบบในหนังสือ ฝกึ ต้งั โจทย์ใหม่ๆกาหนดเป้าหมายให้ชดั เจน 3. สนใจส่ิงรอบตัวเพื่อให้งานทันสมัยอยู่เสมอ 4. กลา้ ทีจ่ ะลองส่ิงใหม่ๆ 5. มี มนุษยสัมพนั ธท์ ดี่ ี ความสาคัญของงานกราฟิกที่มีต่อบรรจุภัณฑ์ คือ ช่วยให้การถ่ายทอดข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้เกิดค่านิยมที่ดี ส่งเสริมความก้าวหน้าทางด้านธุรกิจ ช่วยให้เกิดแนวคิด ใหม่ๆเสมอ การออกแบบที่ดีทาให้ข้อมูลถูกจัดให้มีระเบียบมากขึ้น ก่อให้เกิดความเข้าใจท่ีชัดเจนและ ถกู ต้อง

29 คุณค่าของงานกราฟิก คือ ช่วยทาให้เกิดความประทับใจในคร้ังแรกท่ีพบเห็น ช่วยให้เกิดการ กระตุ้นทางความคิดสร้างสรรค์ และเป็นส่ือกลางในการสื่อความหมายของสินค้าจากผู้ผลิตให้ไปถึง ผู้บริโภค นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ท่ีดีน้ันนอกจากจะเป็นผู้มีความรู้รอบด้านท้ังทางด้านการตลาด ความรู้ ดา้ นตัวบรรจภุ ัณฑ์ ความร้ดู ้านกลุ่มเป้าหมาย และเข้าใจกฎหมายข้อบังคับต่างๆที่เก่ียวข้องกบั บรรจุภัณฑ์ แล้ว ยงั ต้องหาข้อมลู ใหม่ๆเพ่ือสร้างจุดเด่นให้กับงานตัวเองอยเู่ สมอ และเปิดใจยอมรับสิ่งใหมๆ่ เพ่อื พฒั นา ผลงานของตัวเองให้มีประสิทธิภาพตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากท่ีสุด สิ่งหนึ่งท่ีนัก ออกแบบไม่ควรทาอย่างย่ิงในงานออกแบบคือ การลอกเลียนแบบผลงานของนักออกแบบอ่ืนๆเพราะจะ ทาให้ วฏั จกั รชวี ติ ของบรรจุภณั ฑ์นัน้ ส้ันลงอยา่ งรวดเร็ว การออกแบบกราฟิก ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสาคัญต่อการบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็น ส่วนประกอบที่สาคัญเหนือไปจากการบรรจุและการป้องกันผลิตภัณฑ์โดยตรง ทาให้บรรจุภัณฑ์ได้มี หนา้ ที่เพ่มิ ข้ึนมาโดยท่ีลักษณะกราฟิกบรรจภุ ัณฑ์และสลากได้แสดงบทบาทหนา้ ทสี่ าคัญ อันไดแ้ ก่ 1. การสร้างทัศนคติที่ดีงามต่อผลิตภัณฑ์และผู้ผลิต กราฟิกบนบรรจุภัณฑ์และแผ่นสลาก ได้ทา หนา้ ท่ี เปรียบเสมือนสือ่ ประชาสัมพนั ธข์ องผลติ ภัณฑ์ 2. การชี้แจงและบ่งช้ีให้ผูบ้ ริโภคทราบถึง ชนิดประเภทของผลิตภัณฑ์ ลักษณะกราฟิกเพ่ือ ให้สื่อ ความหมาย หรอื ถ่ายทอดความรสู้ ึกได้ว่า ผลิตภัณฑ์คืออะไร และผู้ใดเป็นผู้ผลติ น้ัน มักนิยมอาศัย ใช้ภาพ และอักษรเป็นหลัก แต่ก็ยงั อาศัยองคป์ ระกอบอืน่ ๆ ในการออกแบบ เชน่ รูปทรง เสน้ สี ฯลฯ 3. การแสดงเอกลักษณ์เฉพาะ สาหรับผลิตภัณฑ์และผู้ประกอบการลกั ษณะรูปทรงและโครงสรา้ ง ของบรรจุภณั ฑ์สว่ นใหญม่ กั มลี ักษณะท่ีคลา้ ยคลึงกัน ในผลิตภณั ฑแ์ ตล่ ะประเภท 4. การแสดงสรรพคุณและวิธีใช้ ของผลิตภัณฑ์เป็นการให้ข่าวสารข้อมูลส่วนประสมหรือส่วน ประกอบทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับผลิตภณั ฑภ์ ายในว่ามคี ุณสมบัติสรรพคุณและวิธีการใช้อย่างถูกต้องอย่างไรบ้าง การออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑจ์ ะแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 3 กลุ่ม คือ 1. บรรจุภัณฑ์สาหรับค้าปลีก มักออกแบบสวยงาม สะดวกในการใช้สอย น่าใช้ บางชนิดจะเน้น ความ สวยงามเปน็ พเิ ศษ จะมรี ายละเอียดของสนิ คา้ บรรจุอยภู่ ายใน 2. บรรจุภัณฑ์เพ่ือการค้าส่ง เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบสาหรับบรรจุสินค้าจานวนมาก ๆ การ กาหนดรายละเอียดจะแตกตา่ งกนั ออกไป 3. บรรจุภณั ฑ์เพ่ือการขนส่ง จะเน้นในเรื่องความสะดวก ความปลอดภัย และความประหยดั ในการ ขนส่ง ซึ่งการออกแบบฉลากของบรรจุภณั ฑจ์ ะต้องอย่ภู ายใต้เงื่อนไขและข้อกาหนดหลายอย่าง ที่ นักออกแบบมักจะ ต้องสร้างภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้เกิดความน่าเชื่อถือ สวยงาม ส่วนการ ออกแบบหีบห่อบรรจุภัณฑ์ก็จะมีจุดประสงค์อย่างเดียวกันกับฉลากสินค้า แต่มีจุดเด่นคือ เพื่อ ความสะดวกในการขนสง่

30 การออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ที่ดีก็จะช่วยให้เราสามารถถ่ายทอดข้อมูลของสินค้าให้เป็นไป อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้เกิดค่านิยมท่ีดี ส่งเสริมความก้าวหน้าทางด้านธุรกิจ ช่วยให้ เกิดแนวคิดใหม่ๆเสมอ การออกแบบท่ีดีทาให้ข้อมูลถูกจัดให้มีระเบียบมากขึ้น ก่อให้เกิดความเข้าใจท่ี ชัดเจนและถูกต้อง ทาให้เกิดความประทับใจในคร้ังแรกที่พบเห็น ช่วยให้เกิดการกระตุ้นทางความคิด สรา้ งสรรค์ และเปน็ สอื่ กลางในการสอื่ ความหมายของสนิ ค้าจากผู้ผลิตให้ไปถึงผบู้ รโิ ภค 1.6 ทฤษฎีกระบวนการพมิ พ์ ขั้นตอนท้ายท่ีสุดของการบรรจุภัณฑ์ คือ การผลิต ซึ่งอาจจะผกผันขั้นตอนของการผลิต รูปร่าง ของภาชนะ หรือลักษณะของกราฟิกกันได้ว่า ขั้นตอนใดต้องผลิตขึ้นมาก่อน เช่น การบรรจุภัณฑ์ประเภท ทรงแข็งตัว (Rigid Forms) อาทิ ขวดแก้ว ขวดพลาสติก เซรามิกส์ ต้องผลติ เป็นรูปทรงภาชนะบรรจสุ าเร็จ มาก่อนแล้ว ค่อยสร้างลักษณะของกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ข้ึนทีหลัง หรือบรรจุภัณฑ์ที่สร้างข้ึนมาจาก กระดาษฟิล์มพลาสติก รูปอลูมิเนียมฟอยส์ แผ่นเหล็กอาบดีบุก (Tin Plate) จะต้องสร้างลักษณะกราฟิก บนแผ่นระนาบ 2 มติ ิ ของวสั ดใุ ห้เสร็จก่อนนามาขน้ึ รูปเป็นบรรจุภณั ฑ์ที่สมบรู ณ์ เปน็ ต้น แตไ่ มว่ า่ จะผกผัน ข้ันตอนอย่างใดก็ตาม การสร้างงานลักษณะกราฟิกบรรจุภัณฑ์เพื่อการบ่งช้ีของเอกลักษณ์เฉพาะผลิต ภณั พ์จะตอ้ งคงอยู่โดยอาศยั เทคนดิ กรรมาวิธีของการพมิ พ์เข้ามาช่วย ดงั นั้นเมื่อกระบวนการกาหนดโครงสร้างและการออกแบบกราฟิกบรรจุภัณฑ์ผ่านการลงมติเป็นที่ ยอมรับระหว่างผู้ออกแบบและผู้ผลิตแล้ว จะต้องมีกระบวนการเลือกพิมพ์บรรจุภัณฑ์ท่ีเหมาะสมกับ โครงสร้าง และความต้องการทางคุณภาพของผลงานด้วย เช่น บรรจุภัณฑ์ทรงกลม อาทิ ขวดน้าอัดลม ขวดแชมพูสระผม ต้องป้องกันการหลุดลอกของสีจากความเปียกชื้น ระบบการพิมพ์ที่เหมาะสมจึงต้องใช้ วิธีการพิมพ์ ซิลค์สกรีน (Silk Screen) โดยพิมพ์สีสันลวดลายงานกราฟิกลงบนผิวของบรรจุภัณฑ์โดยตรง เพราะภาพชนะบรรจุ มีผิวโค้ง เป็นต้น ระบบการพิมพ์ ( the printing process ) ระบบการพมิ พท์ ี่ใชใ้ นการสรา้ งสรรค์ตกแตง่ ลักษณะกราฟิกบนบรรจุภณั ฑใ์ นวงการอุตสาหกรรม ทุกวันนี้น้ัน ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับหลักการพิมพ์ 4 กระบวนการใหญ่ๆตามลักษณะของการสร้าง แม่พิมพค์ อื 1. กระบวนการพิมพ์ผิวนูน (relief printing process) ได้แก้การพิมพ์ระบบ press letter และการ พิมพร์ ะบบ flexo. 2. กระบวนการพิมพ์ร่องลึก (intaglio printing process) เช่นการพิมพ์ระบบกราเวียร์ gravure 3. กระบวนการพิมพ์พื้นราบ (planographic printing process) ได้แก่การพิมพ์ในระบบออฟเซต 4. กระบวนการพิมพ์ผ่านฉากพิมพ์ (serigraphic printing process) ได้แก่ การพิมพ์ระบบซิลค์สกรีน silk screen การพมิ พ์ฉลุลาย stencil

31 ความรู้ทัว่ ไปเกย่ี วกบั เทคนคิ การพิมพ์บรรจุภณั ฑ์ 1. การพมิ พ์ offset พ้ืนผิวของแม่พิมพ์ท่ีใช้ในการพิมพ์น้ีทุกๆบริเวณมีความราบเรียบเท่ากันทั่วท้ังแผ่น จึงเรียกว่า การพิมพ์พื้นราบ (Planographic Printing) มีการแยกส่วนบริเวณท่ีเป็นภาพกับบริเวณท่ีไร้ภาพ(ไม่มี ตวั อักษรใดๆเลย) แม่พิมพ์ออฟเซตส่วนใหญ่ทาจากอะลูมเิ นียมแผน่ ท่เี คลือบด้วยสารไวแสง( เพือ่ สรา้ ง ภาพลงบนแมพ่ ิมพ์ สว่ นทโ่ี ดนแสงมนั จะรวมตัวกันเป็นส่วนทีแ่ ขง็ ทาใหไ้ ม่ละลายเมอ่ื มีการ สร้างภาพขึ้น ) หลักการ ใช้น้ามันไม่รวมตัวกับน้าหรือรวมตัวกันน้อยมาก(น้ากับหมึก) ออฟเซตจึงเป็นระบบการพิมพ์ ประเภทเดียวท่ีต้องใช้น้าในการพิมพ์เพ่ือให้น้าเกาะบริเวณไร้ภาพและให้หมึกเกาะบริเวณภาพ ออฟเซ็ต เป็นระบบพิมพ์ท่ีเป็นการพิมพ์ทางอ้อม (indirect printing) คือ แมพ่ ิมพ์อะลูมิเนยี มจะไม่ถ่ายทอดภาพลง บนวัสดุท่ีใช้พิมพ์โดยตรง ลักษณะการทางานจะเรมิ่ จากลูกกลิ้งท่ีเป็นอะลูมิเนียมจะผ่านลูกกลิ้งท่ีเป็นผ้าท่ี คอยดูดซับน้าเพ่ือทาความสะอาดลูกกล้ิงในครั้งแรกและทาให้ส่วนท่ีมีขั้วบนแม่พิมพ์ติดกับส่วนท่ีมีขั้วของ นา้ จากน้นั ลกู กลิ้งจะหมนุ ผา่ นส่วนที่เป็นลูกกลงิ้ หมกึ เพ่ือใหเ้ กิดการติดสเี ฉพาะส่วนการผา่ นลูกกลง้ิ หมึกสีน้ี จะผ่านได้ครั้งละสีไม่สามารถผ่านหลายๆสีพร้อมกันได้ จากนนั้นลูกกล้ิงอะลูมิเนียมที่ติดสีแล้วจะถ่ายโอน น้าหมึกและน้าไปบนลูกกลิ้งท่ีถูกหุ้มด้วยผ้ายางท่ีเป็นส่ือกลางระหว่างแม่พิมพ์กับวัสดุท่ีใช้พิมพ์ โมยาง (แบบแข็ง)จะรับภาพจากแม่พมิ พ์และมาถ่ายทอดลงบนวัสดุทใ่ี ช้พิมพ์อกี ทีจะมีลูกกล้งิ ยาง(แบบนิ่ม)อกี หน่ึง ลูกคอยกดให้ภาพท่ีถูกถ่ายมาบนวัสดุที่ใช้พิมพ์ทาให้มีการพิมพ์ท่ีเรียบเนียนและติดสีได้แน่นทาให้ได้ภาพ ตามทตี่ อ้ งการ ภาพท่ี 19 การพิมพ์ offset เครอ่ื งพิมพ์ออฟเซตแบง่ ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คอื ประเภทที่หน่ึง คือ แบบหน่วยพิมพ์ สามโม (three-cylinder unit) ส่วนใหญ่ใช้ในเครื่องพิมพ์ป้อนแผ่น หรอื เคร่อื งพิมพ์อัดสาเนาหรอื ออฟเซตเล็ก

32 ประเภทท่สี อง คือ แบบโมยางสมั ผัสโมยางหรอื โมยางชิดกัน(blanket to blanket) ใช้โมยางสองลูกสัมผัส กันโดยไม่มีโมกดพิมพ์ ใช้กับงานพิมพ์บนส่ิงพิมพ์ท่ีต้องทาการพิมพ์ทั้งสองด้าน (perfecting) ในการป้อน กระดาษเพยี งครง้ั เดยี ว ข้อดขี องการพิมพ์ดว้ ยระบบออฟเซต มดี งั นี้ 1. พมิ พส์ ีพนื้ ทึบบรเิ วณภาพท่กี ว้างใหญ่ไดส้ ที ่ีเรยี บ เมื่อเปรียบเทียบกบั ระบบอืน่ ๆ 2. ใช้เวลานอ้ ยในงานเตรยี มพมิ พส์ าหรับผทู้ ่มี ีความชานาญในการควบคมุ เคร่ือง 3. การเก็บและจดั หาพ้ืนท่ีเก็บแม่พิมพ์ค่อนข้างเป็นไปไดง้ า่ ยเพราะเปน็ แผน่ แบนราบ 4. ความนมุ่ ของผา้ ยางทาให้สามารถพมิ พ์บนวัสดสุ ่ิงพิมพท์ ่ีมีพื้นผิวหยาบได้ 5. จดุ บรกิ ารผลติ สง่ิ พิมพม์ ีแพรห่ ลายจึงหาแหลง่ ผลิตงานไดไ้ มย่ าก 6. เป็นงานพิมพ์ที่มีความละเอียดสูงมาก หากมีการควบคุมคุณภาพท่ีดี จะได้งานพิมพ์ที่เหมือน จรงิ มาก ขอ้ เสียขอการพิมพ์ดว้ ยระบบออฟเซต มดี งั น้ี 1. การควบคมุ กาผลติ มคี วามยงุ่ ยากซับซ้อนระหว่างน้ากับหมึกบนแม่พิมพ์ต้องใช้ความรู้ทักษะ 2. การสูญเสียของกระดาษสูญเสียมากกว่าการพิมพ์ในระบบอื่นๆ เนื่องจากปัญหาหารปรับ สมดลุ การปอ้ นหมกึ และน้า 3. การควบคุมอุณหภูมิห้องพิมพ์ต้องมีความระมัดระวังสูง เพราะระบบพิมพ์นี่มีน้าเป็น สว่ นประกอบ จะทาให้ความชื้นสัมพัทธ์ในหอ้ งสูงมีผลทาให้กระดาษ ยดื หดตัวได้สงู 2. การพมิ พแ์ บบ flexographic การพิมพ์ระบบเฟล็กโซหลักการพิมพ์ระบบเฟล็กโซน้ัน แม่พิมพ์ทาด้วยยางบริเวณท่ีเกิดภาพจะ นูนการทาแม่พิมพ์จะต้องทาแม่พิมพ์บนสังกะสีก่อนแล้วจึงเอา bakelite ไปทาบนแผ่นสังกะสี ท่ีกัดกรด เป็นแม่พิมพ์เมื่อถ่ายแบบมาแล้วนาแผ่นยางไปอัดบน bakelite จึงจะได้ แม่พิมพ์ยางออกมา แม่พิมพ์ยาง ทไ่ี ด้เรยี กวา่ polymer plate ซ่ึงเปน็ ยางสงั เคราะห์ มีความเหมาะสมในการใช้งาน เพราะทนทานรบั หมึก ได้ดี หมึกท่ีใช้เป็นหมึกเหลว อาจเป็นหมึกพิมพ์ระบบน้าหรือตัวทาละลายก็ได้ มักแห้งตัวโดยการระเหย ตอ้ งการแรงพมิ พต์ า่ เนอื่ งจากใช้แมพ่ ิมพ์นมุ่ และหมึกพิมพเ์ หลว ระบบการพิมพ์จะมีลูกกล้ิงยางจุ่มอยู่ในอ่างหมึก ทาให้ลูกกลิ้งถูกเคลือบด้วยหมึกแบบบางๆ ลูกกล้ิงจะพาหมึกมาติดท่ีลูกกล้ิงเหล็ก(anilox roller ลักษณะเป็น ลูกกลิ้งกราเวียร์แต่มีสกีน (หลุมหมึก) ร้อยเปอร์เซนต์) ลูกกล้ิงเหล็กน้ีจะถ่ายถอดหมึกไปให้ลูกกล้ิงที่มีแม่พิมพ์ยางหุ้มอีกลูกหนึ่ง ซึ่งลูกกลิ้งน้ีจะ เป็นลูกกลิ้งท่ีมีลักษณะนูนบริเวณท่ีรับภาพ จากนั้นแม่พิมพ์ยางจะถ่ายทอดหมึกลงบนผิว ของวัตถุ โดยมี ลูกกลิ้งเหล็กอีกอันติดอยู่เป็นลูกกลิ้งกด คอยกดให้หมึกซึมไปที่ผิวของวัสดุอย่างทั่วถึง ภาพพิมพ์ท่ีได้มี ความคมชัดนอ้ ย

33 ภาพที่ 20 การพิมพ์แบบ flexographic การควบคุมคุณภาพการพิมพ์เฟล็กโซกราฟี มักควบคุมที่ปัญหาการพิมพ์เหล่ือม ปัญหาการพิมพ์ เหลื่อมในการพิมพ์เฟลก็ โซกราฟีเกิดจากการยืดตัวของแม่พิมพ์หรือวสั ดุที่ใช้พิมพ์ ซ่ึงต้องชดเชยการยืดตัว ในข้ันตอนการทาอาร์ตเวิร์ก การปรับแก้ไขการยืดตัวเนื่องจาก แม่พิมพ์และวัสดุใช้พิมพ์ต้องใช้เวลามาก ถ้าใช้วัสดุใชพ้ ิมพ์ต่างชนดิ จะตอ้ งควบคุมการพิมพ์เหลื่อมในลักษณะตา่ งกัน เพราะวัสดุใช้พิมพ์ที่ต่างกันจะ มีการยืดตัวต่างกัน จึงต้องศึกษาลักษณะการยืดหดตวั ของวสั ดใุ ช้พิมพ์ประเภทต่างๆ เพอื่ ชดเชยในขั้นตอน การทาอาร์ตเวิร์ก บรรจภุ ัณฑท์ ่ที าดว้ ยระบบเฟลก็ โซก็ได้แกก่ ล่องกระดาษลกู ฟูก ถงุ กระดาษ ถุงปนู ซีเมนต์ ถงุ ใส่ปุย๋ ถุงพลาสติกใหญๆ่ กลอ่ งนม UHT เป็นต้น ข้อดขี องการพิมพด์ ้วยระบบเฟล็กโซกราฟี ดังน้ี คอื 1. แม่พมิ พม์ ีราคาถกู เมือ่ เทยี บกับการพมิ พ์ในระบบอน่ื ๆ 2. ผลิตส่งิ พิมพบ์ นวัสดสุ ง่ิ พมิ พไ์ ด้หลากหลายประภท 3. การเตรยี มพรอ้ มพมิ พท์ าได้งา่ ยและเสียคา่ ใชจ้ ่ายน้อย 4. พมิ พ์ภาพที่มีลวดลายตอ่ เน่ือง เช่น กระดาษห่อของขวญั 5. หมึกพมิ พ์เปน็ แบบชนิดเหลว แห้งเร็ว สามารถตรวจสอบคุณภาพไดท้ นั ทีภายหลังการพมิ พ์ 6. การกระจายของหมึกพิมพ์บนวัสดุพิมพ์ได้ดีมาก เนื่องจากหมึกมีลักษณะเหลวและแม่พิมพ์ ยืดหยุ่นตวั 7. การเกบ็ รกั ษาแม่พมิ พม์ วี ธิ แี ละขน้ั ตอนการเกบ็ ไดง้ ่าย ขอ้ เสยี ของการพิมพ์ด้วยระบบเฟลก็ โซกราฟี มีดงั น้ี คอื 1. เกิดการยืดตัวของแม่พิมพ์และวัสดุที่ใช้พิมพ์ ต้องมีการชดเชยการยืดตัวในข้ันตอนในการทา อารต์ เวิรค์ 2. การปรับแกไ้ ขการยดื ตัวของแม่พมิ พท์ าไดย้ ากและใชเ้ วลามาก

34 3. การควบคุมค่อนข้างเป็นไปยากมากซ่ึงมีความแตกต่างของวัสดุแต่ละประเภทท่ีนามาใช้เป็น วสั ดุพมิ พ์ 4.ภาพทเี่ กดิ บนวัสดุทีใ่ ช้พิมพ์จะมคี วามชัดเจนทน่ี ้อยกว่าการพิมพ์ระบบอ่นื ๆ 3. การพมิ พแ์ บบ Gravure การพิมพ์ระบบกราเวียร์ เป็นกรรมวิธีการพิมพ์แบบแม่พิมพ์ร่องลึก intaglio ซ่ึงส่วนท่ีเป็นภาพ หรือลายเส้นที่พิมพ์ จะถูกกดั เจาะ เป็นหลุมเล็กๆจานวนนบั ล้านหลุมเรียกว่า เซลล์ ซ่ึงเป็นส่วนที่เก็บหมึก สาหรับท่ีจะพิมพ์ลงบนวัสดุต่างๆ ส่วนบริเวณที่ไม่ใช่ภาพ จะเป็นผิวเรียบ หลุมหมึกแต่ละหลุมแยกออก จากกันโดยผนัง ที่เรียกว่า cell wall หรือ land หลุมเล็กๆน้ีจะเก็บหมึกไว้ในปริมาณที่ไม่เท่ากันแล้วแต่ ขนาดของหลุมปริมาณหมึก ถ้าหลุมลึกหรือกว้างมากก็จะทาให้สีเข้มมากกว่าหลุมที่มีหมึกน้อย ทาให้ สามารถพิมพ์ภาพท่ีมีโทนต่อเน่ืองได้ หมึกพิมพ์ระบบนี้จะมีท้ังระบบโซลเว้นท์เบส (Solvent base) โดยท่ี หมกึ พิมพจ์ ะมคี วามหนืดตา่ และแหง้ ตัวด้วยวิธกี ารระเหย แม่พิมพ์กราเวียร์นี้ทามาจากเหล็กรูปทรงกระบอก ซึ่งมีผิวชุบด้วยทองแดงลักษณะเป็นหลุมหมึก เล็กๆ ก็จะถูกกัดลงในชั้นของทองแดงน้ี หรือแม่พิมพ์อาจนามาเป็นแผ่น แล้วนามาหุ้มรอบลูกกลิ้งเหล็ก อกี ชนั้ หนึง่ ก็ได้ . ภาพที่ 21 การพมิ พ์แบบ Gravure การพิมพ์ระบบกราเวียร์ เป็นระบบการพิมพ์ท่ีสามารถผลิตภาพลายเส้น (line work ) และภาพ ฮาล์ฟโตน ( half tone ) ได้อย่างมีคุณภาพและรวดเร็ว อีกท้ังยังพิมพ์บนผิววัตถุต่างๆได้อีกหลายไประ เภท โดยเฉพาะอย่างยิง่ บรรจภุ ัณฑ์ ท่ที าจากวัสดจุ าพวกพลาสติกและอะลูมเิ นยี มฟอยลเ์ ช่นกัน เหมาะกับ งานพมิ พ์จานวนมาก เพราะแม่พิมพ์มรี าคาแพงและทนทาน ระบบการพิมพ์ในระบบนี้จึงเป็นที่นยิ มใช้ ใน

35 ดา้ นบรรจุภณั ฑ์เป็นจานวนมากซ่ึงคุณภาพการพิมพ์ก็ทัดเทยี มกับระบบการพิมพแ์ บบออฟเซต บรรจุภัณฑ์ ที่ใช้การพมิ พ์ระบบกราเวียรน์ ้ี ไดแ้ ก่ - กล่องกระดาษพับ ห่อของที่ยืดหยุ่นได้( polyethylene,polypropylene,cellophane ,nylon,polyester,vinyl,foil, ect. ) กระดาษห่อของขวัญ กระดาษห่อของ ฉลาก ตรา ทั้งแผ่นและ ม้วน ประเภทสิ่งพมิ พพ์ เิ ศษอื่นๆ - สิ่งพมิ พพ์ เิ ศษ กน้ กรองบหุ รี่ กระปอ๋ งโลหะ เป็นต้น ข้อดขี องการพมิ พ์กราเวียร์ มดี ังน้ี 1. ใหภ้ าพท่ีมีคุณภาพดีแมจ้ ะเป็นวัสดุคณุ ภาพตา่ 2. ใหค้ วามเร็วสูงในการพิมพ์ แม่พมิ พ์มีอายกุ ารใชง้ านยาวนาน 3. ให้คุณภาพสที ่ีมนี า้ หนักต่อเนอ่ื ง บนวสั ดทุ ่มี คี ุณสมบตั ิค่อนขา้ งตา่ ขอ้ เสยี ของการพิมพ์ด้วยระบบกราเวียร์ มีดงั นี้ 1. การทาแมพ่ ิมพ์มีความซับซ้อนมากกวา่ ในระบบการพิมพ์อนื่ ๆ 2. โมแมพ่ ิมพ์มนี ้าหนกั มากและทาใหส้ ้ินเปลืองเนื้อที่ในการจดั เกบ็ 3. คา่ ใชจ้ า่ ยคอ่ นขา้ งสงู ในการจกั ทางานพิมพ์แต่ละครั้ง 4. ตัวทาละลายของหมกึ พมิ พ์มีความไวไฟสงู ต้องใช้อยา่ งระมดั ระวัง 1.6 การทดสอบวสั ดุและบรรจภุ ณั ฑ์ ศูนย์การบรรจุหีบห่องไทย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (2560) ได้ กล่าวว่า การผลิตสินค้าโดยทั่วไปมักมุ่งเน้นให้ความสาคัญเฉพาะที่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่ในความเป็นจริงมีอีก สิ่งห้น่งที่สาคัญไม่ย่ิงหย่อนไปกว่ากันนั่นคือบรรจุภัณฑ์ เพราะนอกจากบรรจุภัณฑ์จะทาหน้าท่ีในการ บรรจรุ องรบั ตวั สินคา้ แล้วยงั ช่วยในการปกปอ้ งคุ้มครองสินค้าไม่ใหไ้ ดร้ บั ความเสียหาย หรอื ชว่ ยใหส้ นิ คา้ มี อายุการเก็บท่ีนานขึ้น นอกจากนั้นบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ยังเป็นส่วนช่วยในด้าน การตลาด เช่น เป็นสื่อใน การประชาสัมพันธแ์ ละสรา้ งจุดขายใหก้ ับสินค้า ดังนั้นการเลือกใชบ้ รรจุภัณฑ์ทดี่ ีและเหมาะสมกับสินคา้ จึง เป็นสิ่งจาเป็นท่ีไม่อาจมองข้ามการทดสอบบรรจุภัณฑ์หรือวัสดุที่จะใช้นั้นมาทาเป็นบรรจุภัณฑ์ จึงเป็น สิ่งจาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นปัจจัยสาคัญอย่างห้น่งท่ีช่วยในการพิจารณาตัดสินใจเลือกใช้หรือพัฒนา บรรจุภัณฑ์ให้ได้คุณภาพตามที่ต้องการ การทดสอบที่จะให้ผลได้้ถ้กต้องมีความน่าเชื่อถือและสามารถนา ไปเปรยี บเทียบหรือ อ้างอิงได้จาเป็นต้องดาเนินการตามวิธีการและสภาวะแวดล้อมของการทดสอบท่ีเป็น มาตรฐานการกาหนดสภาวะแวดล้อมของการทดสอบน้ันเป็นส่วนห้น่งที่สาคัญเนื่องจากท้ังอุณหภูมิและ ความช้ืนเป็นปัจจัยแวดล้อมท่ีมีผลต่อคุณสมบัติของวัสดุชนิดเดียวกันถ้าทดสอบในสภาวะต่างกันอาจทา ใหผลที่ได้มีความแตกต่างกันดังน้ันก่อนทาการทดสอบจะต้องเก็บตัวอย่างไว้ในสภาวะท่ีมีการควบคุม อุณหภูมิและความช้ืนในระดับที่มาตรฐานกาหนด โดยเก็บไว้จนตัวอย่างปรับตัวเข้าสู่สภาวะสมดุล เช่น

36 การปรับสภาวะตัวอย่างประเภทกระดาษ จะเก็บตัวอย่างไว้ในสภาวะมาตรฐานให้มีการดูดหรือคาย ความช้ืนจนกระทงั่ เมื่อช่ังน้าหนักในช่วงเวลาท่ีห่างกันไมน่ ้อยกวา่ 1 ช่ัวโมงแล้วน้าหนักไม่เปลยี่ นแปลงหรือ เปล่ยี นแปลงไมเ่ กนิ 0.25 % เปน็ ต้น ตามมาตรฐาน ISO, ASTM กาหนดสภาวะมาตรฐานไว้ อุณหภูมิ 23+1 ๐ ซ.ความชื้น สัมพัทธ์ 50+2 % หรือประเทศในเขตร้อนอาจใชท้ ่ีสภาวะอุณหภูมิ 27+1 ๐ ซ.และความชื้นสัมพันธ์ 65+2 % กไ็ ด้ สาหรับประเทศไทยตามมาตรฐาน มอก. กาหนดสภาวะมาตรฐานไว้ อุณหภูมิ27+1 ๐ ซ. และความชื้น สัมพันธ์ 65+2 % นอกจากนี้ยังอาจมีบางมาตรฐานที่กาหนดสภาวะแวดล้อมของการทดสอบเป็นพิเศษ แตกตา่ งกันไปอีกดวย้ นอกจากสภาวะแวดล้อมจะเป็นปัจจัยสาคัญท่ีมีผลต่อการทดสอบแล้ว วิธีการทดสอบก็ จาเปน็ ต้องกระทาด้วยวธิ กี ารท่ีเป็นมาตรฐานหรือเป็นวธิ กี ารทดสอบตามมาตรฐานที่ไดร้ ับการยอมรับทง้ั ใน ประเทศหรือระดบั สากล เพือ่ ให้การทดสอบเป็นไปในแนวทางเดยี วกนั สามารถนาผลมาเปรียบเทยี บกนั ได้ มาตรฐานตา่ งๆ ที่นิยมใช้กนั อยู่เช่น - ISO (International Organization for Standardization) - ASTM (American Society for Testing Materials) - TAPPI (Technical Association of the Pulp and Paper Industry) - JIS (Japanese Industrial Standard) - ISTA (International Safe Transit Association) - มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เป็นตน้ หรือทดสอบตามมาตรฐานที่กาหนดข้ึนเฉพาะเรื่องอย่างเช่นมาตรฐานการทดสอบบรรจุภัณฑ์ สาหรับสินค้าอันตราย หรืออาจทดสอบโดยมีวิธีการที่กาหนดขึ้นมาโดยเฉพาะและน่าเชื่อถือตามหลัก วิชาการ ส่วนท่ีสาคัญในการทดสอบนอกจากสองส่ิงดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยอ่ืนๆ ท่ีสาคัญในการ ทดสอบ ได้แก่เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทดสอบท่ีได้มาตรฐานมีความถูกต้องแม่นยาและบุคลากรท่ีมีความรู้ ความชานาญในด้านการทดสอบ การทดสอบสามารถกระทาไดท้ังวัสดุที่จะนามาทาเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อคัดเลือกวัสดุที่ดี หรือ เหมาะสมท่ีสุด และทดสอบตัวบรรจุภัณฑ์เองเพื่อเป็นการประเมินตรวจสอบสภาพการใช้งาน ซ่ึงจะมีการ ทดสอบทง้ั บรรจภุ ัณฑ้เพือ่ การขายปลีกและบรรจภุ ัณฑ้เพื่อการขนสง่ ประเภทตา่ งๆ (อ้างถึงใน ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหารครบวงจร., 2554: ออนไลน์) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม แปรรูปอาหารหรือ การใช้บรรจุภัณฑ์ต่างก็ต้องการบรรจุภณั ฑ์ท่ใี ช้งานไดด้ ี ปญั หาคอื บรรจุภัณฑ์ท่ีดีนัน้ ใช้ มาตรการใดในการวัด ถ้าบรรจุภัณฑ์ที่ใช้อยู่น้ันสามารถส่ังมาใช้งานได้ตามแต่ผู้แปรรูปหรือผู้ผลิตบรรจุ ภัณฑ์จะผลิตให้ และใช้บรรจุภัณฑ์จากผู้ผลิตรายเดียวกันเป็นปีๆ โดยที่สินค้าไม่เคยบอบช้าเสียหาย ภายใต้ปรากฏการณ์เช่นนี้ผู้ประกอบการต้องเชื่อว่าบรรจุภัณฑ์ท่ีใช้อยู่น้ันดีแน่ๆ เพราะสินค้าไม่เคย เสียหายเลย คาถามที่อาจเกิดข้ึนต่อมาว่า บรรจุภัณฑ์ท่ีใช้นั้นอาจดีเกินไปหรือไม่ ถ้ายอมรับว่าดีเกินไป

37 อาจเปิดโอกาสท่ีจะลดคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ลงเพ่ือประหยัดตน้ ทุน ปัญหาก็คือ จะลดคุณภาพอะไรของ บรรจุภณั ฑ์และจะลดลงเทา่ ไรโดยท่ีสินค้าขนสง่ จะยังคงไม่แตกหักเสยี หาย การควบคุมคุณภาพของวัสดุบรรจุภัณฑ์ให้ได้คุณภาพของบรรจุภัณฑ์ที่ดีนั้นจาต้องวิเคราะห์ทั้ง ระบบ เร่ิมจากวัตถุดิบจนกระทั่งถึงผู้บริโภครับประทานหมดแล้วตามที่ได้กล่าวมาแล้ว การควบคุม คุณภาพนี้มีค่าใชจ้ ่ายและบรษิ ทั ขนาดเล็กตา่ งๆ มกั คิดว่าไมส่ ามารถยอมจ่ายคา่ ใช้จ่ายน้ไี ด้ โดยเฉพาะอย่าง ย่ิงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทดสอบต่างๆ สาระที่จะกล่าวในบทนี้ ต้องใช้เครื่องมือและเคร่ืองจักรแพง พอสมควร อย่างไรก็ตามการทดสอบเพื่อประเมินคุณภาพเป็นส่ิงจาเป็นอย่างย่ิงเพื่อนาทางไปสู่การลด ค่าใช้จ่ายรวมของบรรจุภัณฑ์ เช่น การหยุดเครื่องบรรจุ เนื่องจากคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ไม่ดีหรือใช้งาน ไม่ได้ เป็นต้น จะพบว่าเมื่อคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ดีข้ึน ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพจะสูงตาม ผู้ ประกอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์อาหาร จึงจาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องกาหนดระดับคุณภาพที่ ต้องการ ด้วยการสง่ วัสดุและบรรจภุ ัณฑ์ไปทดสอบตามหน่วยราชการหรอื สถาบันการศึกษาและเลือกการ ทดสอบทเี่ ก่ียวขอ้ งกับคุณภาพโดยตรง คุณภาพท่ีต้องการลดนี้จาเป็นต้องใช้การทดสอบประเมินค่าออกมา ถ้าลดคุณภาพบรรจุภัณฑ์ลง แลว้ ต้นทุนย่อมลดลงตาม และเม่อื ส่ังบรรจุภัณฑ์ใหม่น้ีมาใช้แล้วยงั คงไมม่ ีอะไรเสยี หาย ยอ่ มแสดงวา่ บรรจุ ภัณฑ์ท่ียอมใช้มาเป็นปีๆ เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ดีเกินไป หรือที่เรียกว่า Over packaging ในทางกลับกัน ถ้า บรรจุภณั ฑ์ใดไมส่ ามารถปอ้ งกันสนิ คา้ ได้จะเรยี กวา่ under packaging ภาพท่ี 22 คุณภาพทดี่ ขี ้ึนย่อมมีค่าใช้จ่ายในการควบคมุ คุณภาพ

38 1. คณุ ภาพทดี่ ขี น้ึ ย่อมมีค่าใช้จา่ ยในการควบคุมคณุ ภาพ 1.1 จุดมุ่งหมาย ก่อนการทดสอบวัสดุและบรรจุภัณฑ์ใดๆ จะต้องรู้ถึงจุดมุ่งหมายในการทดสอบ เน่ืองจากการ ทดสอบมีหลายวิธี แต่ละวิธกี าหนดมาตรฐานและวธิ กี ารทดสอบที่แตกต่างกัน แมว้ า่ จะใชเ้ คร่ืองมอื ทดสอบ อยา่ งเดยี วกัน กล่าวโดยทั่วไปแล้วการทดสอบอาจมจี ดุ ม่งุ หมายดงั ตอ่ ไปนี้ 1. เปรียบเทียบวัสดตุ ่างชนิดกนั โดยการทาการทดสอบพร้อมๆ กัน 2. ควบคมุ คุณภาพของวสั ดุที่ใช้จริงกับวัสดุท่ีเคยผา่ นการทดสอบมาแลว้ โดยการเปรียบเทยี บผลที่ เกิดจากการทดสอบตา่ งชนิดและต่างวาระกนั 3. ศกึ ษาถงึ คุณสมบตั ิการใชง้ านของวัสดุหรอื ตวั บรรจุภัณฑ์ เชน่ การทดสอบความสามารถทนแรง กดในแนวดิ่ง เพ่อื จาลองการรับนา้ หนกั ขณะเรียงซ้อนของสินค้า เป็นตน้ จุดมุ่งหมายที่ 3 เปน็ การทดสอบทีส่ าคัญทสี่ ดุ เนอ่ื งจากเป็นการทดสอบเพื่อจาลองการใชง้ านของวสั ดแุ ละ บรรจุภัณฑ์ ส่วนการทดสอบตามจดุ มุ่งหมายที่ 1 และ 2 อาจรวมสรปุ ได้วา่ เปน็ การทดสอบเพ่อื บ่งบอก คุณลักษณะของวสั ดุ (Identification Test) 1.2 มาตรฐานการทดสอบ จานวนตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบและวิธีการทดสอบจะขึ้นอยู่กับมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบ เช่น มาตรฐานของสานักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย หรือท่ีเรยี กย่อว่า สมอ. มาตรฐานในการทดสอบ บ รรจุภั ณ ฑ์ ต่างๆ ท่ี ร่างข้ึน มาโดย สม อ. รวบ รวม อยู่ใน ภ าคผน วกที่ 1 รายชื่อมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์สามารถใช้เป็นแนวทางการทดสอบได้อย่างกว้างๆ นอกจากมาตรฐาน ของสมอ. แล้ว มาตรฐานการทดสอบยังอาจแบง่ ได้หลายระดับ ดังต่อไปน้ี 1. มาตรฐานของแต่ละองค์กร บริษัทหรือหน่วยงานที่มีการจัดซื้อจัดหาวัสดุบรรจุภัณฑ์และ ระบบบรรจุภัณฑ์ต่างๆ จะร่างมาตรฐานการทดสอบของตัวเองออกมาใช้เพื่อให้ได้คุณภาพ ของบรรจุภัณฑ์ตามแต่ความเหมาะสมที่จะใช้งาน มาตรฐานของแต่ละองค์กรเหล่านี้จะมี ความต้องการหรือรายละเอยี ดทางการทดสอบเฉพาะเจาะจงมากทส่ี ดุ 2. มาตรฐานของกลุ่มอาชีพเดียวกัน มาตรฐานการทดสอบใหม่ๆ ที่เกิดข้ึนมักจะเกิดจากองค์กร เหล่าน้ี เนื่องจากมีความพร้อมในห้องปฏิบัติการและนักวิจัย กลมุ่ อาชีพเหล่านี้จะมีการจัดตั้ง ในแต่ละประเทศและมีการถ่ายทอดแลกเปล่ียนความรู้ทาวิชาการซึ่งกันและกัน กลุ่มที่มี ชอ่ื เสียง ไดแ้ ก่ - FEFCO, Federation Europeene des Fabricants de Carton Ondule Test Metohds (มาตรฐานทดสอบของสหพนั ธแ์ ปรรปู กลอ่ งกระดาษลกู ฟกู ของยโุ รป) - TAPPI หรือ The Technical Association of Pulp and Paper Industry, Atlanta.

39 - Uniform Freight Classification Committee, Atlanta. - The American Society of Mechanical Engineers, New York. - INCPEN, Industry Council for Packaging in the Environment, London. - USDA, Forest Products Laboratory, Madison, Wisconsin. - BPBMA, British Paper of Board Manufacturers Association. องค์กรต่างๆ เหลา่ น้สี ่วนมากจะเปน็ องค์กรเอกชนท่ีไม่ไดแ้ สวงหากาไร แต่เป็นการเผยแพร่ ความรูใ้ ห้กบั กลุ่มอาชีพเดียวกัน เพอื่ ยกระดบั มาตรฐานในการประกอบวิชาชพี 3. มาตรฐานขององค์กรระดับประเทศและระหว่างประเทศ องค์กรสมอ. ของไทยเป็นองค์กร หน่ึงที่จัดอยู่ในประเภทน้ี ซ่ึงประสานงานโดยตรงกับ ISO หรือ International Standard Organization สาหรับวงการบรรจุภัณฑ์มีองค์กรที่เรียกว่า ISTA (International Safe Transit Association) ท่ีมีเครือข่ายท่ัวโลก โดยเน้นในเรื่องการทาการทดสอบก่อนทาการ ขนส่งเพ่ือลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ในวงการอาหารมาตรฐานระหว่างประเทศที่ได้รับ การอ้างถงึ มากที่สดุ คือ Codex ซ่ึงมีชอ่ื เต็มว่า Codex Alimentarius Commission ซึ่งเป็น องค์กรร่วมระหว่าง Food and Agriculture of the United Nations และ World Health Organization ส่วนองคก์ รแตล่ ะประเทศทม่ี รี า่ งมาตรฐานเกีย่ วกบั บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ - ASTM, American Society for Tasting and Materials - BS, British Standard. - JIS, Japan Institute of Standard. - Normes Francaise (มาตรฐานฝร่งั เศส) - Deutsche Industrie Normen (มาตรฐานเยอรมันที่รจู้ ักกันในนาม DIN) การเลอื กใชม้ าตรฐานใดเป็นแนวทางในการทดสอบต้องข้ึนอยู่กับการใช้งาน ตัวอย่างเช่น มกี ารส่ง สินค้าไปประเทศใด ย่อมจะใช้มาตรฐานการทดสอบของประเทศนั้น หรืออาจจะใช้มาตรฐานการทดสอบ ในจุดมุ่งหมาย 2 และ 3 เพ่ือเป็นแนวทางในการกาหนดมาตรฐานการทดสอบของระดับ 1 สาหรับเพ่ือใช้ ในองคก์ รของตวั เอง 1.3 การควบคุมสภาวะ การควบคุมสภาวะก่อนทาการทดสอบและระหว่างการทดสอบ นับเป็นสิ่งสาคัญมากในการ ทดสอบบรรจุภัณฑ์ เพ่ือเป็นการแน่ใจว่าวัสดุที่ใช้ในการทดสอบจะได้คุณภาพตามสภาวะหน่ึงๆ ตามท่ี กาหนดไว้ สาเหตุเพราะวัสดุบรรจุภณั ฑ์หลายประเภท โดยเฉพาะกระดาษสามารถดูดซมึ หรอื คายความชื้น สู่อากาศรอบตัวได้ ในกรณีทเ่ี ป็นการทดสอบขัน้ วิกฤติ อาจจาเป็นต้องตรวจสอบดวู า่ ความชืน้ จรงิ ๆ ในวัสดุ บรรจุภัณฑ์มีปริมาณเท่าไร เพ่ือให้มั่นใจว่าวัสดุท่ีใช้ทดสอบน้ันอยู่ในสภาวะเดียวกับท่ีต้องการหรือตาม ข้อกาหนด

40 การควบคุมสภาวะการทดสอบในแต่ละประเทศอาจจะแตกต่างกัน แล้วแต่สถานท่ีตั้งทาง ภูมิศาสตร์ของประเทศน้ัน ตัวอย่างเช่น ประเทศอาร์เจนติน่า ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม ฝร่ังเศส เยอรมัน เนเธอร์แลนด์และอังกฤษ จะใช้สภาวะการทดสอบควบคุมท่ีอุณหภูมิ 23°c และความช้ืนสัมพัทธ์ท่ีร้อยละ 65 ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกาใช้สภาวะความชื้นสัมพัทธ์ท่ีร้อยละ 50 ที่อุณหภูมเิ ดียวกัน 23°c ในขณะ ทีป่ ระเทศไทย ทางสมอ. ได้กาหนดไวท้ ี่อุณหภมู ิ 27°c และความชน้ื สัมพทั ธ์ท่รี ้อยละ 75 การกาหนดสภาวะทดสอบ ยังต้องคานึงถึงสภาพความเป็นจริงที่บรรจุภัณฑ์ต้องประสบ ตัวอย่างเช่น ถ้าบรรจุภัณฑ์จะส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ก็ควรใช้มาตรฐานของสภาวะการทดสอบของ อเมริกาด้วย ห้องที่ใช้ในการทดสอบและเก็บวัสดุบรรจุภัณฑ์จึงต้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นด้วย ระบบปรับอากาศตามสภาวะควบคุมมาตรฐานที่ต้องการ เม่ือมีการควบคุมสภาวะเป็นอย่างน้อย 24 ชั่วโมงแล้วจึงเร่ิมทาการทดสอบ การทดสอบที่ดี จะต้องมีความแม่นยา (Precise) และไม่แปรปรวนจากการทดสอบแต่ละครั้ง ความแม่นยาน้ีมี ความสมั พนั ธ์กบั ปจั จัยต่อไปน้ี 1. ความสลบั ซับซอ้ นของเครื่องมือหรอื อปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการทดสอบ รวมท้งั การปรับเคร่อื ง (Calibration) 2. บุคลากรที่ใช้ในการทดสอบมีขดี ความสามารถแคไ่ หน รวมทัง้ ผ้บู งั คบั บัญชาทีท่ าการตัดสินใจและ ประเมินการทดสอบ 3. จานวนคร้งั ในการทดสอบท่ีไม่ทาให้เสยี คา่ ใช้จ่ายมากเกนิ ไปและได้ผลที่ใกล้เคยี งความเป็นจรงิ ใน กรณนี ีอ้ าจจะต้องเปรยี บเทยี บกับมาตรฐานตา่ งๆ ที่มีอยู่ แลว้ เลือกมาตรฐานทเ่ี หมาะสม สอดคลอ้ งกบั จุดมงุ่ หมายในการทดสอบ ขัน้ ตอนสุดท้ายของการทดสอบ คือ การนาเอาผลจากการทดสอบไปใช้งาน ซึ่งจะแปรตาม ประเภทและจดุ ม่งุ หมายของการทดสอบทไ่ี ด้ตง้ั ไว้ 2. ประเภทของการทดสอบ การทดสอบบรรจุภัณฑ์ สามารถแบ่งประเภทของการทดสอบอย่างง่ายๆ ได้ 2 ประเภท คือ การ ทดสอบเพื่อการบ่งบอก (Identification Test) และการทดสอบเพ่ือประเมินการใช้งาน (Performance Test) 2.1 การทดสอบเพื่อการบง่ บอก การทดสอบประเภทนี้จะเป็นการทดสอบวัสดุที่ใช้ผลิตตัวบรรจุภัณฑ์เพื่อห าคุณ ลักษณะเฉพาะของวัสดุนั้น เช่น กระดาษมักใช้น้าหนักเป็นเกณฑ์ในการซื้อขายการทดสอบจึงวัด ค่าน้าหนักมาตรฐาน ในขณะท่ีพลาสติกจะใช้ความหนาแน่นเป็นเกณฑ์ในการแยกประเภทของ พลาสติก เป็นตน้ การทดสอบเพื่อการบ่งบอกคุณลักษณะของวัสดุบางประเภท ยังสัมพันธ์กับการใช้งาน ของบรรจุภัณฑ์ เช่น การวัดอัตราการซึมผ่านของน้าและก๊าซ จะมีความสัมพนั ธ์กับการคาดคะเน