Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore องค์ความรู้สู่ภาคประชาชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (2556)

องค์ความรู้สู่ภาคประชาชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (2556)

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2020-07-23 03:30:34

Description: องค์ความรู้จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
1) การผลิตเรือพายคอนกรีตจากคอนกรีตมวลเบา
2) การออกแบบลวดลายบนบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์กะเหรี่ยง
3) วิจัยพัฒนาเนื้อดินสีเพื่อเลียนแบบสีผิวมนุษย์ สำหรับใช้ในการผลิตตุ๊กตาเซรามิก
4) การซ่อมบำรุงเครื่องจักรทางการเกษตรและเครื่องยนต์เล็ก
5) การผลิตถั่วเน่าจากหัวเชื้อ Bacillus subtilis เพื่อใช้ในการผลิตเครื่องแกงอินทรีย์
6) ผ้าสีฟ้าจากเมล็ดคอคอเด๊าะต่อการพัฒนาแฟชั่นในระบบเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
7) การติดตั้งใช้งาน และการบำรุงรักษาเครื่องประจุแบตเตอรี่
8) ข้าวแต๋นกึ่งสำเร็จรูปสำหรับเตาไมโครเวฟ
9) การผลิตปละใช้เชื้อราป้องกันกำจัดโรคพืชแบบพึ่งพาตนเอง
10) การแก้ปัญหากลิ่นเหม็น และน้ำเสียในโรงเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพแบบถุง

Keywords: 9789746255912

Search

Read the Text Version

การทำ� ถ่ัวเน่าจากหัวเชือ้ แหง้ การท�ำถ่ัวเน่าตามวิธีแบบดั้งเดิม ชาวบ้านจะ น�ำถ่ัวเหลืองไปต้มจนสุก รินเอาน�้ำออก แล้วเอาถ่ัว เหลืองไปใส่ในตะกร้าที่สานด้วยไม้ไผ่ที่รองด้วยใบตอง หรอื อาจใสถ่ งุ ผา้ กอ่ นนำ� ไปใสใ่ นตะกรา้ แลว้ บม่ ไวน้ าน 2-3 วนั กจ็ ะไดเ้ ป็นถ่วั เน่า สว่ นการท�ำถว่ั เน่าจากหวั เช้ือถ่ัวเน่าแห้ง มีข้ันตอนการท�ำดังแสดงในภาพท่ี 2 ซึ่งวิธีการเตรียมถั่วเหลืองก็จะเหมือนกับวิธีการด้ังเดิม กลา่ วคอื นำ� ถวั่ เหลอื งไปตม้ หรอื นงึ่ จนสกุ รนิ เอานำ�้ ออก จากนั้น นำ� ถั่วเหลืองไปคลุกกับหัวเช้ือแห้ง แล้วนำ� ไป ใส่ไวใ้ นกล่องหรอื ภาชนะที่ใชห้ มัก บ่มนาน 2-3 วนั ก็ จะไดเ้ ปน็ ถ่วั เน่า เกรด็ ความรู้ ภาพที่ 2 ข้นั ตอนการถวั่ เน่าจากหัวเช้ือถั่วเนา่ แห้ง การท�ำถั่วเน่าแบบที่เติมหวั เชื้อแห้ง จะเตมิ หัว เชอื้ ประมาณรอ้ ยละ 1 ของนำ้� หนกั ถว่ั เหลอื งทตี่ ม้ สกุ แลว้ หรืออาจใช้อัตราส่วนง่ายๆ คือ ถ่ัวเหลืองต้มสุกแล้ว 1 กิโลกรมั เตมิ หวั เชือ้ แห้ง 1 ชอ้ นโต๊ะ 99 “องคค์ วามรสู้ ภู่ าคประชาชน” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

ขั้นตอนงา่ ยๆ ในการทำ� นำ้� พรกิ อินทรยี ์จากถว่ั เนา่ การท�ำน้�ำพริกอินทรีย์ ท�ำได้ไม่ยาก...... บนหลักการของการใช้เครื่องปรุง ทกุ ชนิดสำ� หรับการท�ำน�ำ้ พรกิ เป็นเครอื่ งปรงุ ท่ไี ดม้ าจากผลติ ผลทางการเกษตรท่ีผลิต บนหลักการเกษตรอินทรีย์ วิธีการท�ำ คือใช้ถ่ัวเน่าเติมเพิ่มลงในส่วนผสมของสูตร เคร่ืองปรุงของน�้ำพริกแต่ละชนิดได้ตามความเหมาะสม หรืออาจใช้ถ่ัวเน่าแทนกะปิ หรือปลาร้าในสูตรเครื่องปรุงน้�ำพริกน้ัน ถ่ัวเน่าอาจใช้เป็นกะปิเจ ส�ำหรับผู้บริโภค อาหารมังสวริ ตั ิ ภาพท่ี 3 น้�ำพริกอบแห้งที่ใช้ถั่วเน่าท่ีท�ำจากหัวเช้ือบริสุทธ์ิ ภาพท่ี 4 แกงผกั จากทท่ี �ำจากน�้ำพริกท่มี สี ่วนผสมของถวั่ เนา่ ทดแทนกะปิ ที่ทำ� จากหัวเชอื้ บรสิ ุทธ์ิ เกรด็ ความรู้ เกษตรอินทรีย์ คือ ระบบการเกษตรที่ผลิตอาหารและเส้นใย ด้วยความ ย่ังยืนท้ังทางส่ิงแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยเน้นหลักที่การปรับปรุงบ�ำรุง ดิน การเคารพต่อศักยภาพทางธรรมชาติของพืช สัตว์ และนิเวศการเกษตร เกษตร อินทรยี ์ลดการใชป้ ัจจยั การผลติ จากภายนอก และหลีกเลีย่ งการใช้สารเคมีสงั เคราะห์ เชน่ ปยุ๋ เคมี สารเคมกี ำ� จดั ศตั รพู ชื และ เวชภณั ฑส์ ำ� หรบั สตั ว์ แตใ่ นขณะเดยี วกนั เกษตร อินทรีย์พยายามประยุกต์กลไกและวัฐจักรธรรมชาติในการเพ่ิมผลผลิต และพัฒนา ความตา้ นทานตอ่ โรคของพชื และสตั วเ์ ลยี้ ง หลกั การเกษตรอนิ ทรยี น์ เี้ ปน็ หลกั การสากล ทส่ี อดคลอ้ งกบั เงอื่ นไขทางเศรษฐกจิ -สงั คม ภมู อิ ากาศ และวฒั นธรรมของทอ้ งถน่ิ ดว้ ย (http://th.wikipedia.org) “องคค์ วามรสู้ ู่ภาคประชาชน” 100มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

ค�ำถามยอดฮิตคคู่ ิดมติ รชมุ ชน คำ� ถาม : หัวเช้อื ถั่วเนา่ แห้งคอื อะไร ? คำ� ตอบ : หัวเชอ้ื ถว่ั เน่าแหง้ คอื หัวเชือ้ ทใี่ ช้ท�ำถวั่ เนา่ ในหวั เชอื้ ถ่วั เน่าแห้งจะมแี บคทีเรยี Bacillus subtilis อ่านว่า บาซิลลัส ซับติลิส ซ่ึงเป็นจุลินทรีย์ท่ีทำ� หน้าที่ หมักถั่วเหลืองหลังจากการต้มหรือน่ึงให้สุกแล้ว ได้ เปน็ ถ่วั เนา่ ค�ำถาม : หวั เช้อื ถั่วเน่าแห้งทำ� มาจากอะไร ? ค�ำตอบ : หัวเช้ือถ่ัวเน่าแห้งท�ำจากการเพาะเล้ียงเช้ือ แบคทีเรียบริสุทธ์ิ บาซิลลัส ซับติลิส บนถ่ัวเหลืองที่ ผ่านการนึ่งฆ่าเชื้อเพ่ือท�ำลายจุลินทรีย์ปนเปื้อนชนิด อื่นๆ เมื่อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับติลิส เจริญเติบโต เพมิ่ จำ� นวนบนถว่ั เหลอื งเปน็ จำ� นวนมากเพยี งพอ จะนำ� ถว่ั เหลอื งทเ่ี พาะเลยี้ งดว้ ย บาซลิ ลัส ซับตลิ สิ นี้ ไปอบ แหง้ แล้วน�ำไปบด กจ็ ะไดเ้ ปน็ หวั เชอื้ ถว่ั เน่าแหง้ ท้งั น้ี วธิ กี ารและขน้ั ตอนตา่ งๆ ในการทำ� หวั เชอื้ ถวั่ เนา่ แหง้ จะ ทำ� โดยอาศยั เทคนคิ ปลอดเชอื้ เพอื่ ปอ้ งกนั มใิ หจ้ ลุ นิ ทรยี ์ ชนิดอนื่ ทไ่ี ม่ต้องการเข้ามาเจรญิ เติบโต ค�ำถาม : แบคทีเรยี คอื อะไร ค�ำตอบ : แบคทีเรีย คือ จุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง จุลินทรีย์ คือ ส่ิงมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองด้วย ตาเปลา่ เหน็ ตอ้ งใชอ้ ปุ กรณ์ เชน่ กลอ้ งจลุ ทรรศน์ ซง่ึ เปน็ กลอ้ งทมี่ กี ำ� ลงั ขยายสงู จงึ จะสามารถมองเหน็ แบคทเี รยี ได้ ตัวอย่างของแบคทีเรีย ไดแ้ ก่ • Bacillus subtilis อ่านวา่ บาซลิ ลัส ซับติลิส พบในถั่วเนา่ • Lactobacillus bulgaricus อา่ นว่า แลก็ โตบาซิลลัส บัลการิคสั พบในนมเปรีย้ ว • Streptococcus thermophilus อา่ นว่า สเตรปโตคอ็ กคสั เทอรโ์ มฟลิ สั พบในนมเปร้ียว Bacillus subtilis Lactobacillus bulgaricus Streptococcus thermophilus 101 “องคค์ วามรสู้ ู่ภาคประชาชน” มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

ค�ำถาม : จากภูมิปญั ญาชาวบา้ นหรอื วธิ กี ารท�ำถ่ัวเน่าแบบดงั้ เดิม การทำ� ถั่วเน่าไม่ต้องเติมหัวเชื้อก็ได้สามารถหมักถั่วเน่าได้ ท�ำไมต้องใช้หัวเชื้อ แห้งในการทำ� ถัว่ เนา่ ? คำ� ตอบ : การทำ� ถว่ั เนา่ หมกั โดยไมต่ อ้ งเตมิ หวั เชอ้ื เชอื้ ทพ่ี บอยทู่ ว่ั ไปในธรรมชาติ จะท�ำหน้าที่ในการหมักถั่วเน่า ท�ำให้การหมักถ่ัวเน่าในแต่ละครั้ง อาจได้ ผลิตภัณฑ์ถว่ั เนา่ ทีม่ ีคุณภาพไมส่ มำ่� เสมอ และมโี อกาสเป็นไปได้ท่ีจะมจี ุลินทรีย์ ก่อโรคปนเปื้อนและเจริญในถวั่ เนา่ ท�ำใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั ผูบ้ รโิ ภคได้ สว่ นการใช้ หัวเชื้อแหง้ ในการท�ำถว่ั เนา่ แบคทเี รีย บาซิลลสั ซับติลิส ทีม่ ีอยู่ในหวั เชือ้ เปน็ จำ� นวนมาก เมอ่ื เติมลงไปในถั่วเหลือง บาซิลลสั ซบั ตลิ ิส จะไปเจรญิ เติบโตและ เพ่มิ จำ� นวนได้อยา่ งรวดเร็ว สามารถเจรญิ แขง่ ขนั กบั จุลนิ ทรีย์ธรรมชาติ ซึง่ มที ั้ง ชนิดท่ีไม่เป็นอันตรายและจุลินทรีย์ก่อโรคท่ีมีอยู่น้อยกว่า ท�ำให้สามารถควบคุม การเจริญของจลุ นิ ทรยี ์ทไี่ ม่ตอ้ งการเหล่าน้ไี ด้ และช่วยควบคมุ ใหผ้ ลติ ภณั ฑท์ ี่ได้ มีคุณภาพไดม้ าตรฐานและมคี วามสม่�ำเสมอ ค�ำถาม : ถั่วเนา่ ทที่ �ำตามแบบวิธดี ัง้ เดมิ โดยไม่เติมหวั เช้ือ กบั ถว่ั เน่าที่ทำ� โดยการเตมิ หัวเชื้อแหง้ เหมือนหรือแตกตา่ งกันอย่างไร ? ค�ำตอบ : ลักษณะของปรากฏ สี กลิ่น และรสชาติ ของถว่ั เนา่ ท่ที ำ� ตามวธิ แี บบ ด้ังเดิมโดยไม่เติมหัวเช้ือ กับถ่ัวเน่าท่ีท�ำโดยการเติมหัวเชื้อแห้ง จะมีลักษณะ คลา้ ยกัน แต่ถั่วเนา่ ทท่ี �ำแบบวิธดี งั้ เดมิ โดยไม่เตมิ หัวเช้อื อาจมกี ารปนเปอื้ นจาก จลุ นิ ทรยี ท์ เี่ ปน็ อนั ตราย หรอื จลุ นิ ทรยี ก์ อ่ โรค และจากการส�ำรวจขอ้ มลู การบรโิ ภค (ภาพที่ 5) ผู้บรโิ ภคร้อยละ 63 รสู้ ึกปลอดภัยในการบรโิ ภคถัว่ เน่าจากหวั เช้อื แห้ง มากกว่าการหมักตามวิธีดง้ั เดิม ซึง่ ผบู้ รโิ ภคเพยี งร้อยละ 16 ทีร่ ูส้ ึกปลอดภัยใน การบรโิ ภค ภาพท่ี 5 ผลการส�ำรวจพฤตกิ รรมของผบู้ ริโภคท่ีมีตอ่ ถัว่ เนา่ “องค์ความรู้สภู่ าคประชาชน” 102มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

คำ� ถาม : การทำ� ถวั่ เนา่ ตามวธิ แี บบดง้ั เดมิ แตกตา่ งจากการท�ำถวั่ เนา่ ทเ่ี ตมิ หัวเชือ้ แห้งอย่างไร ? คำ� ตอบ : การทำ� ถว่ั เน่าตามวธิ แี บบดงั้ เดมิ ชาวบ้านจะนำ� ถั่วเหลอื งไปตม้ จนสุก รนิ เอานำ้� ออก แลว้ เอาถ่ัวเหลอื งไปใสใ่ นตะกร้าที่รองดว้ ยใบตอง แลว้ บม่ ไวน้ าน 2-3 วนั ก็จะไดเ้ ปน็ ถ่วั เนา่ สว่ นการท�ำถ่ัวเน่าแบบที่เติมหวั เช้ือแหง้ ทำ� โดยเอาถ่วั เหลืองไปตม้ หรอื นึ่งจน สกุ รนิ เอานำ�้ ออก นำ� ถวั่ เหลอื งไปคลกุ กบั หวั เชอื้ แหง้ แลว้ นำ� ไปใสไ่ วใ้ นกลอ่ งหรอื ภาชนะที่ใชห้ มัก บม่ นาน 2-3 วัน ก็จะไดเ้ ป็นถวั่ เนา่ คำ� ถาม : ถา้ ตอ้ งการท�ำถว่ั เนา่ แบบทเี่ ตมิ หวั เชอื้ แหง้ จะตอ้ งใสห่ วั เชอื้ แหง้ จำ� นวนเท่าใด ? ค�ำตอบ : การท�ำถั่วเนา่ แบบที่เตมิ หวั เช้ือแห้ง จะเตมิ หัวเชอื้ ประมาณร้อยละ 1 ของนำ�้ หนกั ถวั่ เหลอื งทตี่ ม้ สกุ แลว้ หรอื อาจใชอ้ ตั ราสว่ นงา่ ยๆ คอื ถว่ั เหลอื งตม้ สกุ แลว้ 1 กิโลกรมั เติมหัวเชอื้ แห้ง 1 ชอ้ นโต๊ะ คำ� ถาม : ถัว่ เน่าใช้ปรงุ อาหารอะไรได้บา้ ง ? ค�ำตอบ : ถัว่ เนา่ สามารถนำ� ไปใชป้ รุงอาหารไดห้ ลากหลาย เชน่ ใชท้ �ำนำ�้ พริก ถ่ัวเน่า ใช้เป็นเคร่ืองปรุงรสเติมลงในอาหารท�ำให้อาหารมีรสชาติท่ีเข้มข้นข้ึน และใสใ่ นนำ้� พริกเครือ่ งแกงชนิดต่างๆ แทนกะปิ เป็นต้น 103 “องคค์ วามรูส้ ู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

เอกสารอ้างอิง นาถยา หม่นื อ้าย, ไพโรจน์ วงศพ์ ุทธสิ ิน และนอิ ร โฉมศร.ี 2552. การเตรียมหัวเช้ือ Bacillus subtilis แบบแห้ง เพอ่ื ใชใ้ นการผลติ ถัว่ เน่า. รวบรวมผลงานโครงงานทไ่ี ดร้ ับทนุ โครงการ IRPUS ประจ�ำปี 2552. 524 น. นวพร ล้ำ� เลศิ กุล และสพุ จน์ บญุ แรง. 2543. การปรับปรุงกรรมวธิ ีการผลิตถัว่ เน่า: อาหารหมักพ้ืนบา้ น ภาคเหนอื . รายงานวิจัย. มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชยี งใหม่. นอิ ร โฉมศร.ี 2555. จุลชวี วทิ ยาอาหาร. บรษิ ัทเชียงใหม่ปรินท์ต้งิ จ�ำกดั . เชยี งใหม.่ 170 น. ผอ่ งศรี จิตตนูนท,์ วันเพญ็ มสี มญา, ดวงจันทร์ เฮงสวัสดิ์ และ เยาวดี คุปตะพันธ์. 2542. ผลของ ถ่ัวเหลืองหมกั (ถั่วเน่า) ต่อสถานภาพทางโภชนาการและสุขภาพในหนทู ดลอง. [ออนไลน]์ แหล่ง ขอ้ มูล : http://pikul.lib.ku.ac.th/ (9 มนี าคม 2552) วราวฒุ ิ ครสู ง่ และร่งุ นภา พงศส์ วัสดม์ิ านติ . 2532. เทคโนโลยกี ารหมกั ในอตุ สาหกรรม. สำ� นกั พมิ พ์ โอเดยี น สโตร.์ กรงุ เทพฯ. 209 น. Aguirre, L., Garro, M. S., and de Giori, G. S. 2008. Enzymatic hydrolysis of soybean protein using lactic acid bacteria. Food Chemistry. 111: 976-982. Amoa-Awua, W., Terlabie, N. N., and Sakyi-Dawson, E. Screening of 42 Bacillus isolates for ability to ferment soybeans into dawadawa. International Journal of Food Microbiology. 106: 343-347. Chomsri, N. Wongputtisin, P. and Muenaye, N. 2011. Thua-nao production using dry starter culture of Bacillus subtilis. The 3rd RMUTIC on Science and Technology Development in Creative Economy. Chonburi, Thailand. 14-16 December 2011. Joo, H. and Chang, C. 2005. Production of protease from a new alkalophilic Bacillus sp. I-312 grown on soybean meal: optimization and some properties. Process Biochemistry. 40: 1263-1270. Moktan, B., Saha, J., and Sarkar, P. K. 2008 Antioxidant activities of soybean as affected by Bacillus-fermentation to kinema. Food Research International. 41: 586–593. Wongputtisin, P. 2008. Fermented corticated soybean meal production and quality test for animal feed. Thesis. Chiang Mai University. Thailand. Wongputtisin, P., Khanongnuch, C., Khongbantad, W., Niamsup, P. and Lumyoung, S. 2012. Screening and selection of Bacillus spp. for fermented corticated soybean meal production. Journal of Applied Microbiology. doi: 10.1111/j.1365-2672.2012.05395.x. Terlabie, N. N., Sakyi-Dawson, E., Amoa-Awua, W.K. 2006. The comparative ability of four isolates of Bacillus subtilis to ferment soybeans into dawadawa. International Journal of Food Microbiology. 106:45 – 152. Yoon, M.Y.and Hwang, H. 2008. Reduction of soybean oligosaccharides and properties of a-D-galactosidase from Lactobacillus curvatus R08 and Leuconostoc mesenteriodes JK55. Food Microbiology 25:815– 823. http://www.sciencephoto.com/ http://microbewiki.kenyon.edu http://microbewiki.kenyon.edu “องคค์ วามร้สู ภู่ าคประชาชน” 104มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

สอบถามองค์ความรู้เพิ่มเติม สถานท่ีตดิ ต่อ : งานวิทยาศาสตรก์ ารอาหาร สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยเี กษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา เลขที่ 202 หมู่ 17 ต.พชิ ัย อ.เมือง จ.ลำ� ปาง 52000 โทรศพั ท์ 0-5434-2553 โทรสาร 0-5434-2550 หรือตดิ ตอ่ โดยตรงท่ี : ดร.นอิ ร โฉมศรี อีเมลล์: [email protected] ดร.ไพโรจน์ วงศพ์ ุทธสิ ิน อเี มลล์: [email protected] คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมโ่ จ้ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ 50290 โทรศัพท์ 053-873540-2 ต่อ 114 โทรสาร 053-875205 105 “องค์ความร้สู ู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา



องค์ความรเู้ พือ่ การเผยแพร่ ผ้าสฟี ้าจาก เมล็ดคอคอเดา๊ ะ ต่อการพัฒนาแฟช่ัน ในระบบเศรษฐกิจ เชงิ สรา้ งสรรค์ ณ กลุม่ ผ้าฝา้ ยยอ้ มสีธรรมชาติ (ตา่ กญี ะ) เลขที่ 64 บ้านปา่ ปุ๊ หมู่ 2 ตำ� บลผาบอ่ ง อำ� เภอ เมืองจังหวัดแมฮ่ ่องสอน

องค์ความรูเ้ พื่อการเผยแพร่ ผ้าสฟี า้ จากเมล็ดคอคอเดา๊ ะต่อ การพัฒนาแฟช่ันในระบบเศรษฐกิจเชิงสรา้ งสรรค์ ณ กล่มุ ผา้ ฝา้ ยย้อมสธี รรมชาติ (ต่ากญี ะ) เลขท่ี 64 บ้านปา่ ปุ๊ หมู่ 2 ต�ำบลผาบอ่ ง อ�ำเภอเมอื งจงั หวัดแม่ฮ่องสอน วัตถปุ ระสงค์และทมี่ า สบื เนอ่ื งจากผลการวจิ ยั องคค์ วามรู้ ภมู ปิ ญั ญา การยอ้ มผา้ สฟี า้ จากเมลด็ คอคอเดา๊ ะ ของชนเผ่าปวาเกอญอ จังหวัดแม่ฮ่องสอนสีธรรมชาติต่างๆที่ถูกสกัดจากต้น ใบ ราก ผล ดอก ของต้นไม้ ไดม้ ีนกั วิชาการ นกั วจิ ัย สรุปว่าได้สีประมาณ 50 สี อาทิ สี ด�ำ สีน�้ำเงิน สีแดง สีนำ้� ตาล สีชมพู ฯลฯ และจากการค้นควา้ ตามเอกสาร วารสาร งานวิจยั หรือตามหน่วยงานทีด่ ำ� เนินการในเร่ืองน้ี สที ่ีไมพ่ บคอื สฟี ้า สฟี ้าเปน็ สีที่แสดงถงึ สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระองค์ ท่านทรงพระราชสมภพในวันศุกร์ ซ่ึงเป็นสีฟ้า และทรงเป็นผู้ท่ีอนุรักษ์และสืบสาน ต�ำนานผ้าทอของไทยเราให้เป็นท่ีรู้จักกันท่ัวโลกสีฟ้าเป็นสีที่สกัดได้จากต้นคอ คอเด๊าะ(ปิ้งขาว)และมีความคงทนต่อการซัก ต่อการขัดถูและต่อแสง ผู้วิจัยจึง เกิดแนวคิดที่จะน�ำเอาผ้าสีฟ้าจากเมล็ดคอคอเด๊าะท่ีมีความเป็นอัตลักษณ์ มา ถ่ายทอดองค์ความรู้และน�ำไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาแฟชั่นในระบบเศรษฐกิจ เชงิ สร้างสรรค์ “องค์ความรู้สู่ภาคประชาชน” 108มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

ในปัจจุบันแนวคิดเศรษฐกิจบนพ้ืน ถงึ ในการสรา้ งคน (การพฒั นาบคุ ลากรดา้ นแฟชนั่ ) และ ฐานความคิดสร้างสรรค์เป็นที่ยอมรับจากรัฐบาล การสร้างธุรกิจ (การพัฒนาเช่ือมโยงธุรกิจแฟช่ัน) ด้วย ของประเทศต่าง ๆท่ัวโลกในฐานะเป็นกลไกส�ำคัญ การเพ่ิมมูลค่าสินค้าด้วยการออกแบบและ ตราสินค้า ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคตอีกท้ังยังเป็น ของตนเอง รวมถึงการส่งเสริมการใช้ตราสัญลักษณ์ รูปแบบเศรษฐกิจระบบใหม่ที่เปิดให้บุคคลท่ีมีความ สินค้าไทย หรือ Thailand’s Brand และสอดคลอ้ งกับ คิดสร้างสรรค์เข้ามามีส่วนส�ำคัญโดยได้มีการจัด ตามท่ีรัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมให้กรุงเทพมหานคร ประเภทเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยโดยส�ำนักงาน เปน็ ผนู้ ำ� แฟชน่ั และเปน็ ศนู ยก์ ลางธรุ กจิ แฟชน่ั ในภมู ภิ าค คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เอเชีย และเป็นศูนย์กลางแฟชั่นแห่งหนึ่งของโลกใน (สศช.) ได้จัดประเภทเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย ปี 2555 โดยยึดรูปแบบของ UNCTADเป็นกรอบโดยแบ่งเป็น ผู้วิจัยจึงเกิดแนวคิดที่จะน�ำเอาผ้าสีฟ้าจาก 4 กลุม่ หลกั ดังนี้ 1. มรดกทางวัฒนธรรม (Heritage or เมล็ดคอคอเด๊าะที่มีความเป็นอัตลักษณ์ มาถ่ายทอด Cultural Heritage) 2. ศิลปะ (Arts) 3. สื่อ (Media) องค์ความรู้ท�ำให้เกิดการพัฒนางานทางด้านสินค้า 4. งานสร้างสรรค์ตามลักษณะงาน (Functional แฟชั่นสู่ตลาดโลกและเป็นต้นแบบทางความคิดใน Creation) และ 15 กลุ่มย่อย และแฟชั่น (Fashion) การสร้างสรรค์ แหล่งก�ำเนิดสินค้าด้านแฟช่ันท่ีมีความ เป็นหนึ่งใน 15 กลุ่มย่อย ของกลุ่มหลัก ที่ 4 ของงาน เป็นอัตลักษณ์ของตนเองและเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม สร้างสรรค์ตามลักษณะงาน (Functional Creation)ที่ สร้างความแตกต่างให้กับสินค้า เพ่ือให้ธุรกิจแฟช่ัน ต้องท�ำการขับเคลื่อนและมีความส�ำคัญต่อการพัฒนา เกิดการต่อยอดทางธุรกิจ มูลค่าเพ่ิมทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจของประเทศในทิศทางใหม่ของประเทศไทย สู่ ชมุ ชน ประเทศไทย โดยใชก้ ระบวนการเทคนคิ PAR ต้องพัฒนาการใช้ความคิดสร้างสรรค์ไปเพ่ิมมูลค่า (Participatory Action Research)จัดให้มกี ารฝกึ อบรม สินค้าหรือไปสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ จึงจะแข่งขันได้ เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ถ่ายทอดองค์ความรู้มุ่ง (http://www.chiangmaichamber.com) เน้นท่ีจะสนับสนุนให้ชุมชนเกิดกระบวนการเรียนรู้ ผ้า ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั แนวความคดิ ของจอหน์ ฮอกน้ิ สีฟ้าจากเมล็ดคอคอเด๊าะและ เสริมสร้างความเป็น (John Howkins)ผู้รู้ด้านเศรษฐกิจและเจ้าของผลงาน อัตลักษณ์ผ้าสีฟ้า สามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ต่อการ หนังสือ Creative Economy ชาวอังกฤษได้ให้ข้อคิด พฒั นาแฟชน่ั ในระบบเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรค์ อกี ทงั้ หา ไว้ว่าคนคือ ขุมพลังความคิดสร้างสรรค์การที่จะสร้าง แนวทางการต่อยอดทางธรุ กิจ มูลคา่ เพ่ิมทางเศรษฐกิจ เศรษฐกจิ ดว้ ยความคดิ สรา้ งสรรคใ์ หป้ ระสบความสำ� เรจ็ สตู่ ลาดตา่ งประเทศญปี่ นุ่ เพอ่ื ใหช้ มุ ชนสามารถพงึ่ ตนเอง ดังเช่นกรณีประเทศอังกฤษนั้นจ�ำเป็นต้องมีโครงสร้าง ให้ได้มากที่สุด ซ่ึงจะน�ำไปสู่การพ่ึงพากันเองในชุมชน พื้นฐานที่ส่งเสริมให้คนมีความคิดสร้างสรรค์และความ และเติบโตเป็นกลุ่มท่ียั่งยืนต่อไป ตามยุทธศาสตร์การ เข้าใจของคนอย่างทั่วถึง และ มีความเป็นอิสระทาง สร้างความเข้มแข็ง เสริมสร้างศักยภาพของชุมชนและ ความคิด และการแสดงออกรวมถึงการท�ำกิจกรรมท่ี สังคมให้เป็นรากฐานที่ม่ันคงของประเทศ ในการอยู่ สามารถฝึกสมองความคิดอย่างต่อเน่ืองความคิดนั้น ร่วมกันกับทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม อย่าง ต้องมาจากท่ีตนเองคิดไม่ได้ไปลอกเลียนใคร มีความ สันติและเก้ือกูลสอดคล้องกับการด�ำเนินชีวิตตามหลัก หมายและสามารถนำ� ไปใช้ประโยชน์ได้ เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชด�ำรัสของพระบาท ในฐานะที่ผู้วิจัยสอนทางด้านการออกแบบ สมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวภูมพิ ลอดลุ ยเดช แฟชนั่ มหี นา้ ทผ่ี ลติ นกั ออกแบบสธู่ รุ กจิ แฟชนั่ ไดต้ ระหนกั 109 “องค์ความรูส้ ภู่ าคประชาชน” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

การฝึกอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ ารแบบมีสว่ นร่วม ถ่ายทอดองคค์ วามรู้ ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมลงทะเบียน นายอภชิ าติ ปัญญามูลวงศ์ษา นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลผาบอ่ ง ประธานกล่าวเปิดงาน ผศ.ดร.รจนา ชืน่ ศิรกิ ลุ ชยั วทิ ยากรบรรยายเรอ่ื งองคค์ วามรู้ผ้าสีฟา้ จากเมล็ดคอคอเด๊าะ “องคค์ วามรู้สภู่ าคประชาชน” 110มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

กระบวนการและขั้นตอน การถ่ายทอดองค์ความรูผ้ ้าสฟี า้ จากเมล็ดคอคอเดา๊ ะ การสกดั และยอ้ มสีธรรมชาตสิ ีฟ้าจากคอคอเดา๊ ะ คอคอเด๊าะเป็นชื่อของต้นไม้ของชนเผ่า มีดอกสีขาวเป็นช่อคล้ายดอกเข็ม มีเมล็ดอยู่ภายใน ปวาเกอญอ ชื่อไทยว่า ปิ้งขาว ชื่อวิทยาศาสตร์ เมล็ดมีลักษณะคล้ายลูกท้อ มีสีเขียวอ่อน สีเขียวเข้ม Clerodendrumcolebrookianum Walp.วงศ์ สีฟ้า สมี ว่ ง และสีดำ� ปลกู ตามพื้นท่สี งู อากาศเยน็ ตาม Lamiaceseมลี กั ษณะเปน็ ไมย้ นื ตน้ ตน้ สงู ไมเ่ กนิ 4 เมตร เชงิ เขาและตามลำ� หว้ ยทจ่ี งั หวดั แมฮ่ อ่ งสอนตน้ ไมน้ ส้ี ว่ น ลกั ษณะใบกลมรใี หญ่ คลา้ ยใบโพธ์ิ ขนาดประมาณ1ฟตุ ที่ให้สีเป็นเมล็ดมาสกัดเป็นสีย้อมผ้าได้สีฟ้าใส สีแบบ จากการสัมภาษณ์ พ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชาว์ ปราชญ์ เทอร์คอยส์ (Turquois) สีฟ้าปนเขียว ต้นคอคอเด๊าะ ปวาเกอญอ กล่าวว่า ในแต่ละปีมีคนเคยเห็นกวางมา ออกดอกราวเดือนกันยายน ดอกจะอยู่ได้ประมาณ กินยอดอ่อนของใบคอคอเดาะ ต้ังแต่นั้นชนเผ่ามาก็ได้ 1 เดือน ก็จะรว่ งโรยไป เมล็ดทอี่ ยู่ในดอกจะคอ่ ยเปล่ยี น น�ำยอดออ่ นของคอคอเดา๊ ะมากิน และต้ังช่อื ตน้ ไม้น้ีวา่ จากสเี ขยี วอ่อน เขยี วเข้ม สีฟ้าออ่ น ฟ้าเขม้ จนถึงเปน็ สี คอคอเด๊าะ ค�ำวา่ คอ หมายถงึ กวาง ส่วนคำ� วา่ เด๊าะคอื ม่วง ม่วงเขม้ และเวลาแห้งจะเปน็ สนี ้ำ� ตาลเข้มจนถงึ ด�ำ ส่วนของยอดอ่อนของใบคอคอเด๊าะ ใบยอดอ่อนและ ซึ่งจะใช้เวลาเปล่ียนสภาพประมาณ 2 เดือนทั้งเมล็ด ดอกสามารถนำ� มารบั ประทานสดและลวกกนิ กบั นำ�้ พรกิ และดอกก็จะหายไปเหลือแต่ใบ เมล็ดคอคอเด๊าะจะ ลาบ ส่วนของใบสามารถน�ำมาเผาและประคบบริเวณ มีน�้ำมันปนอยู่ในตัวของเมล็ด ซ่ึงเป็นลักษณะพิเศษ ทีเ่ ป็นกลากเกลื้อน สามารถหายได้และส่วนของรากยงั ท่ีท�ำให้สีติดโดยท่ีไม่ต้องใช้สารช่วยติดสี หรือตัวแปรสี น�ำมาต้มเป็นยารักษาอาการฟกช้�ำ หรือเกิดอุบัติเหตุ มลี กั ษณะดังภาพ ต้นคอคอเดา๊ ะ ลกั ษณะใบ 111 “องคค์ วามรสู้ ูภ่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

ลกั ษณะดอกสขี าวเมล็ดคอคอเด๊าะ สยี อ้ มจากพชื พนั ธไ์ุ มท้ ใ่ี หส้ ใี นอดตี ชนเผา่ จะใช้ วิธีการเข้าป่าเพ่ือหาต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ยืนต้น ไม้ พมุ่ หรอื พชื ลม้ ลกุ ซง่ึ จะใชส้ ว่ นตา่ งๆของพชื ไมว่ า่ จะเปน็ สว่ นรากมที งั้ รากแกว้ รากฝอยลำ� ตน้ ใบดอกผลและเมลด็ โดยใชม้ ดี ฟนั หรอื ถากผวิ ของพชื ถา้ ฟนั แลว้ มสี ซี มึ ออกมา แสดงว่าพืชชนิดน้ีสามารถท่ีจะน�ำมาสกัดเป็นสีย้อมได้ การสกัดสีมีหลายวิธีการสกัดขึ้นอยู่กับพืช และวิธีการ ของกลุ่มชนเผ่าต่างๆที่จะมีวิธีการที่แตกต่างกันในที่นี้ ขอยกตัวอย่างวิธีการสกัดสีจากเมล็ดคอคอเด๊าะ แบบ การเด็ดเมล็ดทุกสีรวมกันจ�ำนวน 2 กิโลกรัมท�ำการ ต�ำเมล็ดให้แตกละเอียดน�ำไปใส่น�้ำและตั้งให้น�้ำเดือด น�้ำสีเร่ิมออกมาน�ำผ้าไหมที่ชั่งเรียบร้อยแล้วน�ำไป แช่น�้ำให้ชุ่ม ให้เส้นใยอ่อนตัวลงใส่ในหม้อน�้ำย้อม ดังภาพแสดง วิธีการสกัดสจี ากเมล็ดคอคอเดา๊ ะ 1.เมล็ดคอคอเด๊าะมีจ�ำนวนสี6สี มีสีเขียวอ่อน 2.การสกัดสีจากเมล็ดคอคอเด๊าะท�ำได้ 2 วิธี เขียวเขม้ ฟ้าออ่ น ฟา้ เขม้ สมี ว่ ง และสีด�ำ เมล็ดล้างน้ำ� จากการตำ� ใหล้ ะเอยี ด และการใชเ้ ครือ่ งป่ัน ใหส้ ะอาดปราศจากสงิ่ สกปรกตดิ อยกู่ ารสกดั สจี ากเมลด็ สามารถสกัดได้สีตามสีของเมล็ดในภาพใช้เมล็ดทุกสี รวมกนั ย้อมออกมาได้สีฟา้ ใส “องคค์ วามรสู้ ู่ภาคประชาชน” 112มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

3. หลังจากสกัดสีด้วยวิธีการต�ำเรียบร้อย 4. นำ� ผา้ ไหมจำ� นวน 2 กโิ ลกรมั ทำ� ความสะอาด แล้วต่อจากน้ันน�ำเมล็ดใส่ลงไปในน้�ำย้อมร้อน กาว หรือไขมันท่ีติดอยู่กับผ้าให้สะอาดด้วยวิธีการซัก ท่ีสะอาดโดย ใช้น�ำ้ 20 ลิตร ต่อเมลด็ คอคอเด๊าะจ�ำนวน ด้วยผงซกฟอก หรอื นำ� ผ้าแช่ท้งิ ไว้ทกุ ครั้งก่อนนำ� ผา้ ลง 2กิโลกรมั และผา้ ไหมจำ� นวน 2 กิโลกรับ ยอ้ มสี 5. ช่วงเวลาของการย้อมกดผ้าให้จมน้�ำ และ 6. ย้อมครบ 1 ช่ัวโมง น�ำผ้าข้ึนให้น�้ำสีไหลลง คอยพลิกกลับไปมาตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเกิดรอย ให้หมดน้�ำย้อมท่ีเหลือสามารถน�ำมาย้อมใหม่ได้ และ ดา่ งของผ้า ตม้ ท้งิ ไว้จำ� นวน 1 ชัว่ โมง เปน็ อยา่ งตำ่� สามารถเติมนำ้� และสยี อ้ มไดอ้ กี หลายวัน 7.น�ำผ้าลงในอ่างท�ำการซัก น�้ำท่ี 1 น้�ำสีท่ีติด 8.ทำ� การซัก น้�ำท่ี 2 น้�ำสีท่ีติดค้างผ้าไหมหลุด คา้ งผ้าไหมหลุดออกมาเป็นนำ้� สีเขียว ออกมาเป็นสีฟ้าอ่อน และซักน�้ำท่ี 3 น�้ำไม่มีสีย้อม ตดิ ค้าง สีของนำ้� ใส 113 “องค์ความรสู้ ภู่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

9.ตอ่ จากนนั้ นำ� ผา้ ไหมขนึ้ สะบดั นำ้� ใหแ้ หง้ และ 10.ตัวอย่างผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ตากบนราวผ้าในทีร่ ม่ หรอื ท่มี ีแสงแดดรำ� ไร ผา้ ใยกัญชง ทีย่ อ้ มจากเมล็ดคอคอเดา๊ ะ การส่งเสริมให้ชุมชนมีความคิดสร้างสรรค์ มีความเป็นอิสระทางความคิด และสามารถน�ำผา้ สฟี า้ จากเมลด็ คอคอเดา๊ ะไปใชป้ ระโยชนต์ อ่ การพฒั นาแฟชน่ั ใน ระบบเศรษฐกิจเชงิ สรา้ งสรรค์ ดำ� เนนิ การออกแบบรา่ งแฟชน่ั คน้ หาความเปน็ อตั ลกั ษณข์ องชนเผา่ ปวาเกอญอ ความเปน็ อตั ลกั ษณท์ ย่ี งั คง เหน็ ไดช้ ดั เจนในเรอ่ื งของรปู แบบการแตง่ กาย ทม่ี โี ครงสรา้ งเสอื้ เปน็ ทรงกระบอก แขนสนั้ ผา่ คอเปน็ รปู สามเหลย่ี ม ท้ังหญิงชาย นำ� มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟช่ันผ้าสีฟ้าธรรมชาติจากเมล็ดคอคอเด๊าะโดยใช้แนวคิด ทฤษฎกี ระบวนการออกแบบ 6 ขัน้ ของ Hank and Edwards (1978) มาใช้ในกระบวนการออกแบบแฟช่นั ดงั นี้ 1.การก�ำหนดปญั หา (Problem Identification) ลงในกระดานภาพซ่ึงเป็นจุดเร่ิมต้นในการออกแบบ เร่ิมต้นด้วยท�ำกระดานภาพ Lifestyle Board แฟช่ันเครื่องแต่งกายที่เป็นกรอบไม่ให้ความคิดในการ การจ�ำแนกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนและเห็น ออกแบบออกนอกกรอบมากเกินไปไม่สามารถควบคุม ภาพว่าวิถีชวี ติ ทเ่ี ปน็ กล่มุ เป้าหมายนนั้ เป็นอย่างไร เปน็ ได้ รปู ภาพทแ่ี สดงถงึ การใชช้ วี ติ เชน่ การบรโิ ภคแฟชนั่ การ กนิ การอยอู่ าศยั การใชส้ นิ คา้ สว่ นตวั อารมณค์ วามรสู้ กึ 3. การออกแบบ (Design Refinement) และรสนิยม เพื่อใช้ในการจินตนาการให้ได้ว่ารูปแบบ เป็นขั้นของการออกแบบแฟช่ันเคร่ืองแต่งกาย แฟชั่นเคร่ืองแต่งกายที่จะออกแบบน้ันได้สะท้อนและ ท่ีมีความเป็นอัตลักษณ์ของชนเผ่ากะเหร่ียงมีความ สอดคลอ้ งกับวถิ ชี วี ิตในด้านอ่นื ๆหรือไม่ สวยงามแปลกใหม่ ใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม และสรา้ งสรรค์ โดยใชอ้ งคป์ ระกอบของ การออกแบบ (Element of De- 2. การคิด (Preliminary Ideas) sign) สี รปู รา่ ง รูปทรง น�ำ้ หนัก ลกั ษณะผิว ฯลฯ มาจัด เป็นการวิเคราะห์ปัญหาข้างต้น ด้วยการท�ำ วางให้เกิดความงามเหมาะสม ตามหลักการออกแบบ กระดานภาพ Trend MoodBoard คือกระดานภาพท่ี (Principle of Design) ความเป็นเอกภาพ ความสมดลุ เล่าเรื่องทั้งหมดของสิ่งท่ีจะออกแบบท่ีแสดงอารมณ์ ความกลมกลืน การเน้น การซ�้ำ และการตัดกัน เพ่ือ ความรู้สึกท่ีมีต่อหัวข้อหลักของการออกแบบแฟชั่น ให้งานด้านการออกแบบแฟชั่นเครื่องแต่งกายมีความ เครื่องแต่งกาย ด้วยการแสดงรายละเอียดที่ส�ำคัญๆ สมบูรณ์และลงตัว เชน่ กลมุ่ สี โครงเสื้อผ้า รายละเอียด ผวิ สมั ผสั และอื่นๆ “องคค์ วามรสู้ ่ภู าคประชาชน” 114มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

4. การวิเคราะห์ (Analyse) เปน็ การพจิ ารณาประเมนิ แบบรา่ งการออกแบบ 6. การน�ำไปใช้ใหเ้ กิดผล (Implementatiom) แฟชั่นเครื่องแต่งกายตามหลักการทฤษฎีการออกแบบ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการออกแบบ และจากการวิจัยตลาดข้อมูลของผู้บริโภค แนวโน้ม แฟชั่น ท�ำการออกแบบแฟช่ันที่สมบูรณ์พร้อมท่ีจะน�ำ แฟช่ันว่าได้รูปแบบแฟชั่นเคร่ืองแต่งกายตรงตามท่ี เข้าสู่กระบวนการ การผลิต (Maker) เมื่อผลิตแฟชั่น ต้องการหรือไม่ เรียบร้อยแล้วส่งต่อให้กับฝ่ายจัดซื้อ(Buyer)ของร้าน ต่างๆ เพ่ือน�ำสินค้าไปขาย และประชาสัมพันธ์ ติดต่อ 5. การตดั สนิ ใจ (Decision) กบั ตวั แทนดา้ นสอ่ื (Press Agent) ประชาสมั พนั ธส์ นิ คา้ เปน็ การเลอื กรปู แบบแฟชน่ั เครอื่ งแตง่ กายทไี่ ด้ แฟชนั่ ตามสอื่ ตา่ งๆจนสินคา้ ถงึ ปลายทางท่ผี บู้ รโิ ภค จากการวเิ คราะหร์ ปู แบบทด่ี แี ละตรงตามทต่ี อ้ งการหรอื ไม่ แต่ถ้าไมม่ รี ูปแบบใดท่ดี ีดี ต้องกลับไปเร่มิ ต้นท�ำการ ออกแบบร่างแฟชั่นใหม่ ในลักษณะการตัดสินใจใช้ใน รูปแบบการสนทนากลุ่มเพ่ือให้ได้รูปแบบแฟชั่นเครื่อง แต่งกายท่ลี งตัวทส่ี ุด ตัวอย่างรูปแบบร่างแฟช่ันสีฟ้าธรรมชาติจากเมล็ดคอคอเด๊าะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็น อัตลักษณ์ของชนเผ่ากะเหรี่ยงในมิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคมและมิติทางส่ิงแวดล้อม มาออกแบบร่างแฟช่ัน เพอ่ื เปน็ ตวั อยา่ งใหก้ บั กลมุ่ ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรมมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มคี วามเปน็ อสิ ระทางความคดิ มรี ปู แบบดงั น้ี 115 “องค์ความรูส้ ภู่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

ตัวอยา่ งรปู แบบผลงานทต่ี ัดเย็บดว้ ยมือ การฝึกอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ ารแบบมสี ่วนร่วม อาจารยเ์ รอื งชัย ชืน่ ศิรกิ ลุ ชัย ผศ.ดร.รจนา ชน่ื ศิรกิ ุลชยั วิทยากรและนกั ศึกษาช่วยปฏิบัติงาน นางสาวกรกนก อนิ ทะนนิ และนางสาวพัชราภรณ์ คะเตย่ ดำ� เนนิ การถา่ ยทอดองค์ความรู้ ผูเ้ ข้ารว่ มการฝกึ อบรมท�ำการออกแบบแฟชน่ั เครือ่ งแตง่ กายจากผ้าสฟี า้ จากเมล็ดคอคอเด๊าะ “องค์ความร้สู ภู่ าคประชาชน” 116มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

การน�ำเสนอผลงานการออกแบบ รปู แบบผลงานการออกแบบลวดลายตกแตง่ บนเสอ้ื ผ้า จบการถา่ ยทอดเทคโนโลยอี งคค์ วามรผู้ า้ สฟี า้ จากเมล็ดคอคอเด๊าะ ต่อการพฒั นาแฟช่ันในระบบเศรษฐกิจเชงิ สร้างสรรค์ 117 “องคค์ วามร้สู ู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

คำ� ถามยอดฮติ ค่คู ดิ มติ รชมุ ชน ค�ำถาม : จะหาซอื้ เมลด็ คอคอเด๊าะมายอ้ มสไี ดท้ ี่ไหน ? คำ� ตอบ : เมลด็ คอคอเดา๊ ะหาซอื้ ตามทอ้ งตลาดไมม่ ขี าย ตอ้ งเขา้ ไปเกบ็ เมลด็ เองตามรมิ ทางบรเิ วณทร่ี าบสงู และมอี ากาศเยน็ หรอื อาจจะจา้ งวานใหช้ นเผา่ เปน็ คนไปเกบ็ มาให้ ค�ำถาม : เมล็ดคอคอเด๊าะสามารถเกบ็ ไดท้ กุ ฤดูหรอื เปล่า ? ค�ำตอบ : เมล็ดคอคอเด๊าะเปน็ เมล็ดที่ 1 ปี ออกดอกครัง้ เดยี ว สามารถเกบ็ ไดเ้ ฉพาะฤดหู นาวเทา่ นน้ั ในระหว่างเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม ของทกุ ปี ค�ำถาม : เมลด็ คอคอเด๊าะมีกสี่ ีและเมลด็ เกบ็ ไว้ไดน้ านแค่ไหน ? ค�ำตอบ : เมล็ดคอคอเด๊าะมี 6 สี มีสีเขียวอ่อน เขียวเข้ม ฟ้าอ่อน ฟ้าเข้ม สมี ว่ ง สดี ำ� เมลด็ คอคอเดา๊ ะเดด็ เฉพาะเมลด็ เกบ็ ไวไ้ ดน้ าน หลายเดอื นในตเู้ ยน็ “องคค์ วามร้สู ูภ่ าคประชาชน” 118มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

คำ� ถาม : มีวิธกี ารใดบ้างท่ีย้อมสีแลว้ ไม่ใหส้ ตี กและมีความคงทน ? คำ� ตอบ : การยอ้ มสเี มลด็ คอคอเดา๊ ะตอ้ งมกี ารควบคมุ ตง้ั แตก่ ารท�ำความสะอาดเมลด็ นำ้� ตอ้ งเปน็ นำ้� ทสี่ ะอาด ควบคมุ อณุ หภมู กิ ารยอ้ ม และควบคมุ เวลาการยอ้ มอยา่ งนอ้ ย ยอ้ มรอ้ นใชเ้ วลา 1 ชว่ั โมง และการยอ้ มสไี มค่ วรใชส้ ารตวั ชว่ ยใหส้ ตี ดิ อาทเิ กลอื สารสม้ นำ�้ ดา่ ง โซดาแอซ หรอื สเี คมผี สม เพราะจะทำ� ใหส้ ตี กและสที ไ่ี ดห้ มองไมใ่ ส สธี รรมชาติ ทดี่ แี ละมคี วามคงทนควรเปน็ สธี รรมชาตทิ ส่ี กดั ไดจ้ ากเมลด็ และไมไ่ ดเ้ กดิ จากการผสม สารชนดิ อ่นื และได้น�ำไปทดสอบตามมาตรฐาน(Standard Test Method for Colour Fstness Testing On Textiles) ตามมาตรฐานสากล ทส่ี ถาบันทดสอบคุณภาพสิ่งทอ กรงุ เทพฯ ความคงทนของสตี อ่ แสง (To Light)การทดสอบความคงทนของสตี อ่ การขดั ถู (To Rubbing)และการทดสอบความคงทนของสตี ่อการซกั (To Washing) ท้ังหมด ถอื วา่ อยู่ในระดบั ดี – ดมี าก คำ� ถาม : คอคอเดา๊ ะสามารถย้อมเย็นได้หรือไม่และสียอ้ มย้อมได้กค่ี รง้ั ? ค�ำตอบ : สามารถยอ้ มเยน็ ได้แต่มีข้อเสยี ผา้ อาจเกิดรอยด่างได้ถ้าไม่พลิกผา้ กลับไป มาเป็นระยะ ข้อดี คือไม่ต้องเปลืองเช้ือเพลิงการย้อมเย็นถ้าจะให้สีติดทน อย่างน้อย 6 ชัว่ โมงข้ึนไป สียอ้ มสามารถทำ� การย้อมได้หลายครง้ั และทงิ้ ไวไ้ ด้หลายวัน แต่สจี ะ ซีดจางบ้าง เลก็ น้อย ค�ำถาม : เมลด็ คอคอเด๊าะสามารถย้อมผ้าอะไรได้บ้าง ? ค�ำตอบ : ย้อมผ้าได้หลายชนิด มีผ้าไหม ผ้าฝ้ายทอมือ ผ้าฝ้ายทอเคร่ือง ผ้าลินิน ผา้ ใยกญั ชง กอ่ นนำ� ผา้ มายอ้ มตอ้ งทำ� ความสะอาด ขจดั ไขมนั ทต่ี ดิ ผา้ ออกกอ่ นใหห้ มด ดว้ ยการแชน่ ำ้� หรอื ซกั ดว้ ยผงซกั ฟอก จะทำ� ให้สยี อ้ มตดิ ดแี ละทนทาน ค�ำถาม : ผา้ ชนดิ ไหนท่นี ำ� มายอ้ มสจี ากเมล็ดคอคอเด๊าะและสีตดิ ดีทสี่ ุด ? คำ� ตอบ : ผา้ ทตี่ ดิ สดี ที ส่ี ดุ คอื ผา้ ไหม และไมเ่ ปลอื งสยี อ้ ม เนอ่ื งจากผา้ มเี นอ้ื ทบ่ี าง ยอ้ ม งา่ ย ถา้ ผา้ หนามากเปลอื งสยี อ้ มและการย้อมค่อนขา้ งลำ� บาก 119 “องคค์ วามรสู้ ่ภู าคประชาชน” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

คำ� ถาม : ออกแบบและวาดรปู ไมค่ ่อยเป็นจะท�ำอยา่ งไรดี ? คำ� ตอบ : ไม่ยากหรอกถา้ ใจรกั และชอบ สามารถเรยี นรู้ได้ มีเทคนิคดังนี้ ขน้ั ทห่ี นึ่ง ลองฝึกวาดรูปตามแบบท่ีเรามองเห็น วาดบ่อยๆ ให้เกิดความเคยชิน เหมือนกับการ ที่เราก๊อปปี้ (copy) แบบของคนอื่นขั้นท่ีสองพอเราวาดแบบได้บ้างค่อยฝึกมองภาพ ที่มีอยู่แล้วท�ำการปรับเปลี่ยนรูปแบบเช่น ปรับเปล่ียนวัสดุ ปรับเปล่ียนสี ตัดทอนรูป แบบ ขยับยา้ ยต�ำแหน่ง กลบั หนา้ กลับหลงั เราก็จะไดร้ ูปแบบใหมๆ่ ทเ่ี กดิ จากความ คิดของตนเอง ขั้นทส่ี าม ฝึกคดิ เองจากสง่ิ ทอี่ ย่รู อบตัวเราลองคดิ และตอ้ งคดิ อย่ตู ลอด เวลา เขียนเยอะๆ เปน็ การฝกึ ทักษะ ทำ� ใหต้ นเองเกดิ ความช�ำนาญ ฝึกเรียนรดู้ ้วยตัว เอง ประกอบกับการค้นคว้าเอกสาร รูปแบบใหม่ๆ ทางสื่อต่าง ดูเป็นแนวทาง ความ เคล่ือนไหวของสินค้าแฟช่ัน และสินค้าอ่ืนๆ จะท�ำให้ตนเองเป็นนักออกแบบได้อย่าง ภาคภูมิใจและสามารถอยดู่ ้วยตนเองอยา่ งยั่งยนื คำ� ถาม : จะออกแบบอยา่ งไรใหแ้ ฟชนั่ เครอ่ื งแตง่ กายจากผา้ สฟี า้ จากคอคอเดา๊ ะ ของกลุม่ มีความเป็นอตั ลักษณข์ องชนเผ่ากะเหร่ยี งและสามารถขายได้ ? ค�ำตอบ : ความเป็นอัตลักษณ์ของชนเผ่ากะเหรี่ยงมีอยู่ใน 3มิติ ประกอบไปด้วยมิติ ทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคม และส่ิงแวดล้อม ยกตัวอย่างในมิติทางสังคม ส่ิงที่เห็น ชัดเจนคือรูปแบบโครงสร้างเสื้อที่เกิดจากการน�ำผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติสองช้ิน ประกบกันเย็บกลางล�ำตัวเว้นส่วนคอและส่วนแขน น�ำมาเป็นรูปแบบแฟช่ันและน�ำ เอาต�ำนานเร่ืองราวของชนเผ่าปักหรือทอบนตัวเส้ือ ก็จะได้รูปแบบแฟชั่นเคร่ืองแต่ง กายท่ีได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นอัตลักษณ์ของชนเผ่ากะเหร่ียงการออกแบบ ไม่จำ� เปน็ ต้องออกแบบให้รก รงุ รัง ใหม้ ีรูปแบบโครงเส้ือทเ่ี รียบ เก๋ แตแ่ ฝงไว้ดว้ ยเรอื่ ง ราวเน้ือหาของความเป็นอตั ลกั ษณ์ชนเผา่ กะเหรีย่ งเพอ่ื ขายใหก้ บั คนกลุ่มใหญใ่ ส่ เทา่ น้ีก็จะได้รูปแบบแฟช่ันท่ีมีความแตกต่างจากที่อ่ืนและท�ำให้ผู้บริโภคท้ังชาวไทยและ ต่างชาติต่างมุ่งซ้ือสินค้าแฟช่ันผ้าสีฟ้าจากเมล็ดคอคอเด๊าะซ่ึงมีท่ีกลุ่มผ้าฝ้ายย้อมสี ธรรมชาติ (ต่ากีญะ) ทเี่ ดียวเท่าน้นั คำ� ถาม : ถา้ หากทางกลมุ่ มปี ญั หาดา้ นกระบวนขนั้ ตอนการยอ้ มสจี ากเมลด็ คอคอเดา๊ ะ อกี ขอปรกึ ษาอกี ไดไ้ หม รวมทง้ั เรอื่ งการออกแบบแฟชนั่ เครอ่ื งแตง่ กายจากผา้ สฟี า้ จาก เมล็ดคอคอเด๊าะ คำ� ตอบ : ไดไ้ มม่ ปี ญั หา ทางมหาวทิ ยาลยั ฯ มแี นวนโยบายในการใหบ้ รกิ ารทางวชิ าการ กบั ชุมชนและสังคมอยูแ่ ล้ว สามารถท�ำหนังสือติดตอ่ เขา้ มาได้ “องค์ความรสู้ ูภ่ าคประชาชน” 120มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

สอบถามองค์ความรเู้ พ่ิมเตมิ สถานทตี่ ิดตอ่ : หลักสูตรสิง่ ทอและเครอ่ื งประดับ สาขาการออกแบบ คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ภาคพายพั เชยี งใหม่ 95 ถนนซุปเปอร์ไฮเวย-์ เชยี งใหม่ลำ� ปาง อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดเชยี งใหม่ 50300 หรือตดิ ตอ่ โดยตรงท่ี : ผศ.ดร.รจนา ชื่นศริ ิกลุ ชัย โทรศัพท์: (053) 414250-2 โทรสาร: (053) 414253 ท่อี ยอู่ เี มล: [email protected] 121 “องคค์ วามรสู้ ภู่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา



องคค์ วามรเู้ พอื่ การเผยแพร่ การติดต้ังใช้งาน และ การบ�ำรุงรักษเคร่ือง ประจแุ บตเตอร่ี ณ ศูนย์ พัฒนาโครงการหลวง แม่ทาเหนือ “บา้ นแมต่ ง๋ ม.1 ต.ทาเหนอื กิ่ง อ. แมอ่ อน จ.เชยี งใหม่”

องคค์ วามรเู้ พ่ือการเผยแพร่ การตดิ ต้งั ใช้งาน และการบ�ำรุงรกั ษาเครื่อง ประจแุ บตเตอร่ี ณ ศนู ยพ์ ัฒนาโครงการหลวง แมท่ าเหนอื “บ้านแม่ตง๋ ม.1 ต.ทาเหนือ กง่ิ อ. แม่ออน จ.เชยี งใหม่” วตั ถปุ ระสงคแ์ ละท่ีมา ตามที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้จัดท�ำโครงการ ถ่ายทอดนโยบายยุทธศาสตร์การวิจัยและน�ำผลงานวิจัยสู่ภาคประชาชนร่วมกับ ส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้นักวิจัยคณาจารย์ เจ้า หน้าท่ี นกั ศึกษา ได้น�ำองคค์ วามรูผ้ ลงานวจิ ยั นวตั กรรม และเทคโนโลยี ถ่ายทอดสู่ ภาคประชาชนโดยเฉพาะภาคสงั คมทไ่ี มไ่ ด้เนน้ การแสวงหากำ� ไร เช่น หนว่ ยงานใน โครงการหลวง และ/หรอื โครงการพระราชดำ� รฯิ ซงึ่ ทำ� หนา้ ทจี่ ดั การศกึ ษาในพน้ื ทซ่ี ง่ึ อยใู่ นพื้นท่ีหา่ งไกล ที่ยังคงตอ้ งการความช่วยเหลอื ในมิตขิ องเทคโนโลยี ศูนยว์ จิ ยั และประสานงานเพ่อื มลู นิธิโครงการหลวง โดยความร่วมมอื ของ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา และมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี ได้ถือก�ำเนิดเกิดขึ้นมาเพ่ือด�ำเนินการตามพันธกิจในการให้ความช่วย เหลือ สนับสนุนในด้านทางเทคนิคและด้านวิศวกรรมต่างๆ ให้กับโครงการตาม “องคค์ วามรู้สภู่ าคประชาชน” 124มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

พระราชดำ� รขิ ององคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ และ คือ เพ่ือออกแบบ สร้าง และติดตั้งระบบการกระจาย สมเด็จพระเทพพระรัตนฯ โดยมีวัตถุประสงค์ของการ แหล่งจ่ายก�ำลังไฟฟ้าด้วยบัสแรงดันไฟตรงขนาด จัดต้ังดังน้ีคือ เพ่ือเข้าไปแก้ไขปัญหาด้านวิศวกรรมใน 24 โวลท์ ตามความเหมาะสมในแต่ละสถานีเพื่อ ระยะสั้นและระยะยาว เข้าไปช่วยในการวางแผนงาน ทดแทนระบบเดิมท่ีมีปัญหาดังท่ีได้กล่าวมาในข้างต้น ระบบวิศวกรรมอย่างเป็นระบบ และท�ำการช่วยเหลือ และเพ่ือเป็นการบริหาร จัดการ และพัฒนาระบบการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยเน้นไปที่การฝึกอบรมและ กระจายแหล่งจ่ายก�ำลังไฟฟ้าท่ีเหมาะสมบนพื้นฐาน การให้ค�ำปรึกษากับบุคลากรและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ทรพั ยาการทม่ี ีอยา่ งจำ� กดั สำ� หรับ โรงเรียนและหมบู่ า้ น โครงการหลวงตา่ งๆ มาโดยตลอด แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม นบั ชาวเขาบนพ้ืนที่สูง โดยอาศัยพลังงานแสงแดดจาก ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันน้ี ยังคงมีศูนย์ของโครงการ ระบบท่ีติดตั้งอยู่เดิม และระบบใหม่ที่ก�ำลังจะติดตั้ง พระราชด�ำริอีกหลายแห่งที่ยังคงรอความช่วยเหลือ โดยระบบทั้งหมดต้องถูกออกแบบอยู่บนพื้นฐานของ ทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อที่จะให้คนในชุมชนน้ันๆ เทคโนโลยีท่ีเรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน และเหมาะ ได้รับและน�ำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวไปเพิ่มศักยภาพ สมกับชาวบ้านที่เป็นชาวไทยภูเขา โดยผลลัพธ์ของ ของวิถีการด�ำรงชีวิตให้สูงข้ึนกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน โครงการนี้จะได้เกิดประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังน้ันเพ่ือเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนให้หมดไป หลายประการดังน้ีคือ ประเทศไทยโดยเฉพาะชาวไทย และเปน็ การบรหิ ารจดั การดา้ นพลงั งาน และเทคโนโลยี ในเขตภาคเหนือสามารถดึงและน�ำเอาพลังงานสะอาด บนพื้นที่สูงอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กลุ่ม ท่ีสามารถหาได้จากรอบตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่าง วจิ ยั EnergyConversion&GreenTechnology จงึ ไดร้ ว่ ม สูงสุด ซึ่งเป็นการพัฒนา ส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้า มือกับคณะท�ำงานของศูนย์วิจัยและประสานงานเพ่ือ อย่างมีประสิทธิภาพ ชาวบ้านได้รับประโยชน์จากการ มลู นธิ โิ ครงการหลวง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ได้รับก�ำลังไฟฟ้าอย่างพอเพียงท่ีจะพัฒนาตนเองให้ ลา้ นนา และมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี มีศักยภาพและการด�ำรงชีวิตความเป็นอยู่ให้สูงข้ึน จึงได้ท�ำการเขียนโครงการเพื่อท�ำการถ่ายทอดผลงาน เทคโนโลยีที่ได้สามารถใช้งานได้อย่างเรียบง่ายไม่ยุ่ง วิจัยในหัวเรื่อง “การวิเคราะห์และออกแบบเครื่อง ยาก ซบั ซ้อน ชาวบ้านสามารถเรียนรู้ได้เรว็ สง่ ผลทำ� ให้ แปลงผันแบบบัคส�ำหรับระบบประจุพลังงานให้ เกิดทัศนคติที่ดีต่อการใช้งาน เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นยัง กับแบตเตอรี่ด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ส�ำหรับระบบ ช่วยลดการน�ำเข้าจากต่างประเทศ ภายในโรงเรยี น” โดยมีวตั ถุประสงค์หลกั ของโครงการ 125 “องคค์ วามร้สู ู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

รายละเอียดการตดิ ต้ังระบบ เครื่องประจแุ บตเตอรี่ Inverter รปู ท่ี 1 ระบบเครอ่ื งประจุ charger พรอ้ มกบั อนิ เวอรเ์ ตอร์ รูปท่ี 2 รายละเอยี ดเครื่องประจแุ บตเตอรี่ หมายเลข 1,2,3,4 และ 5 ต�ำแหนง่ โวลท์มเิ ตอร์ แสดงแรงดันของแผงโซลารเ์ ซลล์ชดุ ที่ 1,2,3,4 และ 5 หมายเลข 6 ต�ำแหน่ง โวลทม์ เิ ตอร์ แสดงแรงดันของแบตเตอร่ี หมายเลข 7 ตำ� แหนง่ แอมป์มิเตอร์ แสดงกระแสไฟฟา้ ท่ีประจเุ ขา้ แบตเตอรี่ หมายเลข 8 ตำ� แหน่ง แอมป์มิเตอร์ แสดงกระแสไฟฟา้ ทก่ี ำ� ลงั ใชง้ านอยู่ รปู ภายในเครอื่ งประจุแบตเตอรี่ 10 9 13 12 11 รูปที่ 3 รายละเอียดภายในเครอื่ งประจุแบตเตอร่ี จ�ำนวน 2 มอดลู หมายเลข 9 ต�ำแหน่ง Bus Bar +24V (สีแดง) หมายเลข 12 ต�ำแหน่ง เครือ่ งประจุแบตเตอรี่เคร่อื งที่ 1 หมายเลข 10 ต�ำแหนง่ Bus Bar -24V (สีน�ำ้ เงิน) หมายเลข 13 ตำ� แหนง่ เคร่อื งประจแุ บตเตอรเ่ี คร่ืองท่ี 2 หมายเลข 11 ตำ� แหน่ง เซอร์กิจเบรกเกอร์ 24 V “องค์ความร้สู ู่ภาคประชาชน” 126มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

ขั้นตอนการใช้งานเครอ่ื งประจุแบตเตอร่ี 1.เสยี บเพาเวอร์ปลกั๊ (สีแดง) ดา้ นของ Inverter และแบตเตอรี่ อยู่ทางด้านขวาของตูม้ ี 2 สาย Inverter Battery รปู ท่ี 4 ตำ� แหน่งเพาเวอร์ปลัก๊ ด้าน Inverter และแบตเตอร่ี 2.เมื่อเสยี บเพาเวอรป์ ล๊ักด้านแบตเตอรี่แล้วให้ 3.สังเกตดูไฟท่ีชุดคอนโทรลเลอร์ของเคร่ือง สงั เกตดูทีห่ น้าปดั ของแรงดนั แบตเตอร่ีวา่ ข้ึนหรือไม่ ซึ่ง ประจุแบตเตอรี่จะมีไฟแสดงสถานะขึ้น ถ้าไฟแสดง จะมแี รงดันข้ึนมาประมาณ 24 โวลท์ ถ้าต�ำ่ กว่านั้นควร สถานะยงั ไมต่ ดิ ชดุ คอนโทรลเลอรจ์ ะยงั ไมท่ ำ� งาน ใหเ้ ชค็ เชค็ ดแู บตเตอรว่ี า่ พรอ้ มใชง้ านหรอื ไม่ ดูว่าเสียบสายแน่นหรือยัง หรือตรวจสอบว่ามีสายหลุด หรือหลวมท่ีไหนบ้าง ถ้าเช็คแล้ว่าไม่มีสายหลุดและไฟ แสดงสถานะยงั ไม่ตดิ ให้แจ้งเจ้าหนา้ ทีท่ ่ดี แู ล รูปที่ 5 โวลท์มิเตอรแ์ สดงแรงดันแบตเตอรี่ รูปท่ี 6 แสดงต�ำแหนง่ ไฟสถานะคอนโทรลเลอรข์ อง เครอ่ื งประจุแบตเตอรี่ 127 “องค์ความรสู้ ู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

4.เสียบเพาเวอร์ปลก๊ั ดา้ นของแผงโซลาร์เซลล(์ สนี ้ำ� เงนิ )อยู่ทางด้านซ้ายของตู้ มี 5 สาย ซง่ึ สายแต่ละเส้น ต่อกบั แผงโซลาร์เซลล์เสน้ ละ 5 แผง มแี รงดันไฟฟ้าเสน้ ละ 44.8 โวลท์ รูปที่ 7 ตำ� แหนง่ เพาเวอรป์ ล๊ักดา้ นแผงโซลารเ์ ซลล์ 5. สงั เกตดวู า่ หนา้ ปดั ของโวลตม์ เิ ตอรแ์ สดงแรง 6. สังเกตดูไฟท่ีชุดเพาเวอร์ของเครื่องประจุ ดันไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์แต่ละชุดมีแรงดัน 44.8 แบตเตอรี่จะมีไฟแสดงสถานะขึ้น ถ้าไฟแสดงสถานะ โวลท์ ถา้ มแี รงดนั ไมถ่ งึ 44.8 โวลท์ ใหต้ รวจเชค็ วา่ มสี าย ยงั ไมต่ ดิ ใหเ้ ชค็ ดวู า่ เสยี บสายแนน่ หรอื ยงั หรอื ตรวจสอบ ใดหลุดหรือหลวมบ้าง ถ้าตรวจเช็คแล้วพบว่าไม่มีสาย วา่ มสี ายหลดุ หรอื หลวมทไี่ หนบา้ ง ถา้ เชค็ แลว้ า่ ไมม่ สี าย หลดุ หรอื หลวมแตแ่ รงดนั ไฟฟา้ ยงั ไมข่ นึ้ ใหไ้ ปตรวจสอบ หลุดและไฟแสดงสถานะยังไม่ติดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ท่ี ทต่ี ู้ Blocking Diode วา่ มสี ายหลดุ หรอื หลวมหรอื ไม่ ถา้ ดูแล ถา้ ไฟดบั แสดงวา่ เคร่ืองประจุแบตเตอรี่ไม่ทำ� งาน ยังไมม่ ีแรงดันไฟฟา้ ใหแ้ จ้งเจา้ หนา้ ที่หรือผูด้ แู ลระบบ 44.8 โวลท์ พรอ้ มใช้งานแลว้ รูปที่ 8 โวลทม์ เิ ตอรแ์ สดงแรงดนั ของแผงโซลาร์เซลล์ รปู ที่ 9 แสดงตำ� แหน่งไฟสถานะชดุ เพาเวอร์ของเคร่ืองประจแุ บตเตอรี่ “องคค์ วามรู้สู่ภาคประชาชน” 128มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

7.เม่อื เครอ่ื งประจุแบตเตอรี่ทำ� งาน พัดลมระบายอากาศก็จะท�ำงาน กระแสใชง้ าน + = 22 แอมแปร์ กระแสประจุแบตเตอรี่ รปู ท่ี 10 แอมปม์ เิ ตอรแ์ สดงกระแสประจแุ บตเตอร่ี และกระแสใชง้ าน หากเครื่องประจุแบตเตอร่ีไม่ท�ำงานพัดลมระบายอากาศก็จะไม่ทำ� งาน แสดงว่าแบตเตอรี่เต็มแล้ว หรือ ถ้าเกิน 24 ชั่วโมงเคร่อื งประจแุ บตเตอร่ียังไม่ท�ำงานใหท้ ำ� การตรวจเชค็ ทันที 8. เมื่อเคร่ืองประจุแบตเตอร่ีท�ำงานแล้วก็ 9. เม่ือมีการบ�ำรุงรักษา ซ่อม หรือไม่ใช้งาน สามารถน�ำไฟฟ้าที่เก็บไว้ท่ีแบตเตอรี่ไปใช้ โดยต่อเข้า เคร่ืองประจุแบตเตอร่ีของอาคารเรียนรวม เมื่อปฏิบัติ กบั Inverterเพอื่ ตอ่ ใชง้ านกับอุปกรณไ์ ฟฟา้ ต่อไป ครบ 7 ขัน้ ตอนน้ี จงึ จะสามารถซอ่ มบำ� รงุ ได้ 9.1 ถอดเพาเวอร์ปลัก๊ (สนี �้ำเงิน) ด้านของแผง โซลาร์เซลลอ์ ยู่ทางด้านซ้ายของตู้ออกทั้ง 5 สาย รูปท่ี 11 เครื่องประจแุ บตเตอรีแ่ ละInverter รปู ท่ี 12 ต�ำแหนง่ เพาเวอร์ปล๊ักด้านแผงโซลารเ์ ซลล์ 129 “องค์ความรู้ส่ภู าคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

9.2 สงั เกตดทู ห่ี นา้ ปดั โวลตม์ เิ ตอรแ์ รงดนั ไฟฟา้ 9.3 สังเกตดูที่หน้าปัดแอมป์มิเตอร์กระแสที่ประจุ ของแผงโซลารเ์ ซลลจ์ ะลดลง แบตเตอร่ีจะลดลง รปู ท่ี 13 โวลท์มเิ ตอร์แสดงแรงดนั ของแผงโซลาร์เซลล์ รปู ที่ 14 แอมป์มเิ ตอรแ์ สดงกระแสประจุแบตเตอร่ี และกระแสใช้งาน 9.4 สังเกตดูไฟแสดงสถานะที่ชดุ เพาเวอร์จะดับ 9.5 ถอดเพาเวอร์ปลั๊ก (สีแดง) ด้านของ Inverter และแบตเตอร่ีอยู่ทางด้านขวาของตู้ออกทั้ง 2 สาย รูปที่ 15 แสดงต�ำแหน่งไฟสถานะชุดเพาเวอร์ ของเครอื่ งประจแุ บตเตอรี่ รปู ท่ี 16 ตำ� แหน่งเพาเวอรป์ ล๊กั ด้าน Inverter และแบตเตอรี่ 9.6 สังเกตดูท่ีหน้าปัดโวลท์มิเตอร์แรงดันไฟฟ้าของ 9.7 สงั เกตดไู ฟแสดงสถานะที่ชดุ เพาเวอร์จะดับ แบตเตอรีจ่ ะลดลง รปู ท่ี 17 โวลท์มเิ ตอร์แสดงแรงดนั แบตเตอร่ี รูปที่ 18 แสดงต�ำแหน่งไฟสถานะคอนโทรลเลอร์ของ “องคค์ วามรสู้ ภู่ าคประชาชน” เคร่ืองประจแุ บตเตอรี่ 130มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

ค�ำถามยอดฮติ คู่คดิ มิตรชมุ ชน คำ� ถาม : จะรไู้ ด้อย่างไรว่าเคร่อื งประจุแบตเตอรเี่ สียหรอื ไม่ ? ค�ำตอบ : แรงดนั ไฟฟา้ ท่ีแบตเตอรี่ต่�ำกว่า 24 V , ไมม่ กี ระแสประจแุ บตเตอรี่ , ไฟ แสดงสถานะไมต่ ิด คำ� ถาม : ถา้ พัดลมระบายอากาศไม่ทำ� งานตอ้ งท�ำอยา่ งไร ? คำ� ตอบ : พัดลมจะทำ� งานพร้อมกับเคร่อื งประจุแบตเตอร่ี ถ้าพดั ลมไม่ทำ� งานจะมี อยู่ 2 กรณี คอื เครื่องประจุแบตเตอรไ่ี ม่ทำ� งานเนือ่ งจากแบตเตอรี่เตม็ หรือ พดั ลม เสยี ควรเปล่ยี นพัดลม คำ� ถาม : ถ้าแรงดนั แบตเตอร่ีไมถ่ งึ 24 V ตอ้ งทำ� อย่างไร ? ค�ำตอบ : เช็คระดับน�้ำกลั่นของแบตเตอรี่ควรรักษาระดับน้�ำกล่ันไว้ , เช็คดูว่า แบตเตอร่บี วมหรอื ไม่ แล้วแจ้งทางผู้ดูแลระบบ คำ� ถาม : ถา้ แรงดนั ไฟฟ้าของแผงโซลารเ์ ซลล์ไม่มคี วรท�ำอย่างไร ? คำ� ตอบ : เชค็ วา่ มสี ายหลดุ หลวมทไี่ หนหรอื ไม่ , เชค็ ทตี่ ู้ Blocking Diode วา่ มี Diode ตวั ไหนเสียบ้างและทห่ี น้าสัมผัสที่ Diode ตอ่ อยูว่ า่ ใชง้ านได้อยูห่ รือไม่ คำ� ถาม : เมื่อกระแสประจแุ บตเตอร่ีไมถ่ งึ 11 A ควรทำ� อยา่ งไร ? คำ� ตอบ : เชค็ ดูวา่ เครอื่ งประจุแบตเตอรีย่ ังใชง้ านได้อยหู่ รอื ไม่ , แสงแดดอาจอ่อน หรอื แสงไมพ่ อทำ� ให้กระแสไมถ่ งึ 131 “องคค์ วามรู้สูภ่ าคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

ค�ำถาม : ตอ้ งตรวจเชค็ เครื่องประจุแบตเตอรบ่ี อ่ ยแคไ่ หน ? ค�ำตอบ : ควรตรวจเช็คอย่างนอ้ ยเดือนละ1ครัง้ วา่ มแี มลงเขา้ ไปท�ำรังหรอื ไม่ คำ� ถาม : เซอร์กติ เบรกเกอรท์ ี่อยู่ในตูม้ ีไว้เพื่ออะไร ? คำ� ตอบ : มไี วเ้ พอื่ เปดิ -ปดิ ระบบไฟฟา้ ทเี่ ป็น 24 V เช่น โคมหลอด LED ค�ำถาม : ถ้าไฟแสดงสถานะทเ่ี ครอ่ื งประจุแบตเตอร่ตี ดิ ไม่ครบควรท�ำอยา่ งไร ? คำ� ตอบ : เชค็ ดวู า่ มแี รงดนั ไฟฟา้ จากแบตเตอรแี่ ละโซลารเ์ ซลลเ์ ขา้ มาหรอื ไม่ , เชค็ ดวู า่ ฟวิ ส์ ขาดหรือไม่ ถา้ เครอ่ื งประจุแบตเตอรีไ่ ม่ท�ำงานควรแจ้งเจา้ หนา้ ที่ผู้ดแู ละระบบ ค�ำถาม : ถ้าเคร่ืองประจแุ บตเตอรี่เสยี ตอ้ งท�ำอยา่ งไร ? ค�ำตอบ : เช็คฟวิ ส์วา่ ขาดหรอื ไม่ จากนน้ั แจ้งผู้ดูแลระบบ คำ� ถาม : ถ้า Inverter เสียแล้วเคร่อื งประจุแบตเตอรจี่ ะยงั ใชง้ านไดอ้ ยหู่ รือไม่ ? ค�ำตอบ : เมอ่ื Inverter เสียเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ จะใช้งานไมไ่ ดน้ อกจากโคมหลอด LED และ แบตเตอรจี่ ะไมม่ กี ารใชง้ านทำ� ใหแ้ บตเตอรย่ี งั คงเตม็ อยเู่ ครอื่ งประจแุ บตเตอรก่ี จ็ ะไมท่ ำ� งาน แตถ่ า้ แรงดันแบตเตอร่ตี ำ�่ ลงไปเครื่องประจแุ บตเตอร่ีก็จะยงั คงทำ� งานต่อไป “องค์ความรสู้ ู่ภาคประชาชน” 132มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

สอบถามองค์ความรู้เพิ่มเตมิ สถานทีต่ ิดตอ่ : สาขาวชิ าวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เขตพ้ืนที่ภาคพายัพ เชยี งใหม่ เลขที่ 128 ถ.หว้ ยแกว้ ต.ช้างเผือก อ.เมอื ง จ.เชยี งใหม่ 50300 โทรศพั ท์ : 053-892780-2 ต่อ 1630 หรอื ตดิ ตอ่ โดยตรงท่ี : ดร.อเุ ทน คำ� นา่ น โทรศพั ท์ : 053-892780-2 ต่อ 1630 133 “องค์ความรู้สู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา



องคค์ วามรู้เพือ่ การเผยแพร่ ขา้ วแต๋นกึ่งส�ำเรจ็ รปู ส�ำหรับเตาไมโครเวฟ

องคค์ วามรเู้ พอ่ื การเผยแพร่ ข้าวแตน๋ กงึ่ สำ� เร็จรูปสำ� หรบั เตาไมโครเวฟ วตั ถุประสงคแ์ ละท่มี า ข้าวแต๋น เป็นขนมพื้นบ้านหรือเป็นอาหารว่างของชาวภาคเหนือในประเทศไทยท่ี แสดงถึงเอกลักษณ์และภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวพ้ืนเมืองท่ีบริโภคข้าวเหนียวเป็นอาหาร หลัก และน�ำมาท�ำเป็นขนมพื้นบ้านเพ่ือถนอมอาหาร โดยการน�ำข้าวเหนียวนึ่ง เอามากดใส่ พมิ พแ์ ลว้ เอาไปตากแดดใหแ้ หง้ แลว้ นำ� ไปทอด จากนนั้ ราดดว้ ยนำ�้ ออ้ ยกอ่ นนำ� มาบรโิ ภค ขา้ ว แตน๋ เปน็ ผลติ ภณั ฑท์ รี่ บั ประทานงา่ ยและกรอบอรอ่ ย จากกระบวนการผลติ ขา้ วแตน๋ นน้ั ตอ้ งใช้ นำ้� มันในการทอดก่อนทีจ่ ะนำ� มาบริโภค โดยนำ้� มันท่ีใชใ้ นการทอดข้าวแตน๋ ตอ้ งใชอ้ ณุ หภมู สิ งู หากใช้น้�ำมันทอดซ�้ำหลายคร้ังจักส่งผลให้น้�ำมันที่ใช้ทอดนั้นเกิดสารไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็น ตัวการให้เกิดสารอนุมูลอิสระในข้าวแต๋น และการผลิตอาหารด้วยการทอดน้ัน น้�ำมันที่ทอด จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอาหารซ่ึงท�ำให้อาหารน้ันมีปริมาณไขมันเพ่ิมขึ้นด้วย ดังนั้นเพื่อ ให้ข้าวแต๋นเป็นอาหารท่ีมีคุณภาพต่อสุขภาพมากขึ้น ผู้วิจัยจึงท�ำการวิจัยด้วยทุนสนับสนุน จากส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าให้พัฒนาข้ึน โดยปรบั เปลย่ี นกระบวนการผลติ ขา้ วแตน๋ โดยไมผ่ า่ นการทอดในนำ�้ มนั ขา้ วแตน๋ จกั อยลู่ กั ษณะ ก่ึงส�ำเร็จรูปเพื่อการจ�ำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค หากต้องการรับประทานเพียงน�ำเข้าไปอบใน เตาไมโครเวฟไม่ก่ีนาทีก็สามารถใช้รับประทานได้ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและช่วยอำ� นวย ความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคได้ เพ่ือให้ได้ข้าวแต๋นท่ีมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากขึ้น ลดปริมาณไขมันและสะดวกต่อการบริโภค และผู้บริโภคสามารถได้รับประทานข้าวแต๋นท่ีมี ความสดใหม่ เพ่อื เปน็ ทางเลอื กใหมใ่ หก้ ับผบู้ ริโภค “องคค์ วามรู้สภู่ าคประชาชน” 136มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

กระบวนการและข้นั ตอน สูตรสว่ นผสมข้าวแต๋นกง่ึ ส�ำเรจ็ รูปสำ� หรบั ไมโครเวฟ ขน้ั ตอนการผลติ ข้าวแตน๋ กงึ่ สำ� เรจ็ รปู สำ� หรบั ไมโครเวฟ 1.น�ำข้าวสารเหนียวพันธุ์ กข 6 ช่ังน้�ำหนัก ขา้ วสารเหนยี วตามสตู ร จากนนั้ ลา้ งดว้ ยนำ�้ สะอาด เพอ่ื ก�ำจดั สงิ่ สกปรกท่ตี ดิ มากับขา้ วสาร 2.น�ำข้าวท่ีล้างสะอาดแช่น�้ำในอัตราส่วน ข้าว:นำ้� = 1:2 ใช้เวลาแชข่ ้าวนาน 6 ชัว่ โมง (ในขั้น ตอนการแช่ข้าวหากต้องการเพิ่มสีสันให้แก่ข้าวแต๋น อาจเปล่ียนจากน�้ำเปล่าสะอาดเป็นน้�ำท่ีคั้นได้จาก พืชหรือสมุนไพรต่างๆ เช่น สีม่วงจากข้าวก�่ำ และ สีเหลืองจากขมิ้น โดยใช้อัตราส่วนในการค้ันน้�ำ คือ พืช:น�ำ้ = 1:2) 137 “องคค์ วามรู้สภู่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

3.น�ำข้าวท่แี ช่น�้ำมาลา้ ง 2-3 ครัง้ จากนัน้ นำ� ไป 4.ข้าวเหนียวท่ีนึ่งสุกแล้วน�ำมาคนให้คลาย ห่อด้วยผ้าขาวบาง จึงน�ำข้าวที่เตรียมไว้น่ึงให้สุกด้วย ความร้อน และพกั ใหข้ า้ วพออ่นุ ไอน�้ำเดือดนาน 25 นาที 5.ผสมสว่ นผสม คือ น�ำ้ ตาล เกลอื ผงฟู และ นำ้� เขา้ ดว้ ยกนั คนให้ละลายเปน็ เน้อื เดยี วกัน “องค์ความรู้สูภ่ าคประชาชน” 138มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

6.นำ� สว่ นผสมทล่ี ะลายแลว้ เทลงในขา้ วเหนยี ว 8.จากนั้นข้าวเหนียวท่ีกดขึ้นรูปในถาด อนุ่ คลกุ เคลา้ ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากนั เรยี บรอ้ ยแลว้ บรรจถุ งุ พลาสตกิ อกี ชน้ั และน�ำไปแชแ่ ขง็ ในตแู้ ชแ่ ขง็ นาน 12 ช่ัวโมง น�ำขา้ วแต๋นท่ีผ่านการแชแ่ ข็งมาเปล่ียนใส่ถาด ของตู้อบลมร้อนแบบถาด 7.น�ำข้าวเหนียวท่ีผสมจนเป็นเน้ือเดียวกัน ตักใส่พิมพ์พลาสติกและกดข้าวเหนียวลงในพิมพ์เบาๆ ระวังอย่าให้ข้าวแน่นหรอื หลวมเกนิ ไป 9.น�ำข้าวแต๋นเข้าอบในตู้อบลมร้อนแบบถาด อณุ หภมู ิ 60 องศาเซลเซยี ส นาน 160 นาที โดยเมอื่ ครบ 80 นาที ใหก้ ลบั ดา้ นขา้ วแตน๋ 139 “องค์ความร้สู ูภ่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

10.ข้าวแต๋นหลังอบด้วยตู้อบลมร้อน จักเป็น 11.ปิดผนกึ ปากกถุง ลักษณะข้าวแต๋นก่ึงส�ำเร็จรูปสามารถน�ำเข้าอบให้พอง ตัวด้วยเตาไมโครเวฟ หากยังไม่น�ำเข้าอบให้พองตัว ควรเก็บข้าวแต๋นกงึ่ ส�ำเรจ็ รปู ในถุงอะลูมิเนยี มฟอยล์ 12.หากต้องการอบให้พองตัวด้วยเตาไมโคร 13.ขา้ วแตน๋ กง่ึ สำ� เรจ็ รปู ทอี่ บดว้ ยเตาไมโครเวฟ เวฟควรใช้ระดับความร้อนสูงสุด จนกระทั่งข้าวแต๋น ที่ราดด้วยน�้ำอ้อยที่ร้อนลงไป หรือแต่งหน้าให้เพิ่มสีสัน พองตวั มากท่สี ดุ ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น หน้าน้�ำพริกเผาหมูหยอง หนา้ ธญั พชื หนา้ นำ้� พรกิ เผาสาหรา่ ยปลาทาโร่ หนา้ ชอ็ ค โกแลต และข้าวแต๋นไสส้ บั ปะรด “องค์ความรู้สู่ภาคประชาชน” 140มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

คำ� ถามยอดฮิตคคู่ ิดมติ รชุมชน คำ� ถาม : การทำ� ข้าวแต๋นก่ึงส�ำเร็จรูปส�ำหรบั ไมโครเวฟใช้ข้าวสารเหนยี วพันธุ์ อื่นท่ีไมใ่ ชข่ า้ วสารเหนยี วพนั ธุ์ กข 6 ได้หรือไม่ ? คำ� ตอบ : ใชพ้ นั ธอ์ุ น่ื ได้ แตก่ ารพองตวั และลกั ษณะเนอ้ื สมั ผสั จะไมด่ เี ทา่ ขา้ วสารเหนยี ว พนั ธ์ุ กข 6 ทงั้ นขี้ า้ วสารเหนยี วพนั ธ์ุ กข 6 สามารถหาซอ้ื ไดง้ า่ ย และไมม่ พี นั ธข์ุ า้ วเหนยี ว อ่ืนปลอมปน อีกทง้ั ขา้ วเหนยี วสารพันธุ์ กข 6 เป็นข้าวทม่ี ีปริมาณอะไมโลสต�ำ่ ทำ� ใหเ้ กดิ โครงสรา้ งร่างแหในแป้งยดึ ตดิ กนั ได้อยา่ งหลวมๆ ส่งผลใหข้ า้ วแตน๋ มกี ารพองตวั ทดี่ ี คำ� ถาม : เวลาแช่ข้าวสารเหนียวมผี ลต่อการพองตวั ของขา้ วแตน๋ หรือไม่ ? ค�ำตอบ : มี เนอ่ื งจากการแชข่ ้าวสารเหนยี วมผี ลต่อปรมิ าณความชนื้ ในเม็ดขา้ ว ซึ่งมี ผลโดยตรงตอ่ การเกดิ เจลในเมด็ ขา้ วหลงั การนงึ่ ซงึ่ เจลมผี ลตอ่ การขยายตวั และพองตวั ของเม็ดขา้ วขณะอบใหพ้ องตัวในเตาไมโครเวฟ คำ� ถาม : การอบแหง้ ข้าวแต๋นใช้วธิ ตี ากแดดแทนได้หรือไม่ ? ค�ำตอบ : ได้ หากผู้ผลิตมีเครื่องวัดปริมาณความชื้นในแผ่นข้าวแต๋น เพื่อให้ได้ค่า ความชื้นที่คงท่ีแน่นอน และเท่ากันทุกคร้ังท่ีผลิต เน่ืองจากปริมาณความช้ืนในแผ่ นขา้ วแต๋นมผี ลโดยตรงตอ่ การพองตวั ขณะอบในเตาไมโครเวฟ หากมปี ริมาณความช้ืน นอ้ ยเกนิ ไป เมอื่ น�ำไปอบในเตาไมโครเวฟแลว้ จะท�ำใหเ้ กดิ แรงดนั ไอน�้ำนอ้ ย สง่ ผลใหไ้ ม่ สามารถดันโครงสรา้ งของเจลในเมด็ ข้าวใหเ้ กดิ การขยายตวั และพองตัวไดอ้ ยา่ งเต็มที่ ค�ำถาม : ท�ำไมต้องนำ� ข้าวแตน๋ หลงั กดใส่พมิ พ์ไปแช่แข็ง 1 คืน ? ค�ำตอบ : เพื่อทำ� ใหเ้ กิดผลึกของน�ำ้ แข็งภายในเซลลข์ องผลติ ภัณฑ์ ช่วยเพม่ิ ความพรุน ของขา้ วแตน๋ ท�ำใหไ้ อนำ้� สามารถดนั ตวั ใหข้ า้ วแตน๋ พองไดม้ ากขนึ้ สง่ ผลใหเ้ กดิ การพอง ตวั ที่ดี เมือ่ น�ำผลติ ภณั ฑข์ า้ วแต๋นไปอบดว้ ยเตาไมโครเวฟ ค�ำถาม : ข้าวแตน๋ กึง่ สำ� เรจ็ รปู สำ� หรับไมโครเวฟ ท�ำเปน็ สีอื่นๆ ที่ไมใ่ ช่สขี าวได้ หรอื ไม่ ? ค�ำตอบ : ได้ ใชห้ ลกั การเปล่ียนสเี หมือนข้าวแตน๋ ท่ัวไป เชน่ สนี �ำ้ ตาลจากนำ้� ตาลอ้อย สีม่วงจากข้าวก่ำ� สแี ดงจากแกว้ มงั กร สสี ้มจากฝักขา้ วและแครอท สเี หลืองจากดอก ค�ำฝอยและฟกั ทอง 141 “องค์ความรสู้ ภู่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

คำ� ถาม : ขนาดของข้าวแต๋นก่งึ สำ� เรจ็ รปู สำ� หรับไมโครเวฟ มีผลตอ่ การพองตัว หรือไม่ ? คำ� ตอบ : มี โดยขา้ วแตน๋ ขนาดเลก็ มอี ตั ราการพองตวั มากทส่ี ดุ รองลงมาเปน็ ขา้ วแตน๋ ขนาด กลาง และขนาดใหญ่ ตามล�ำดับ เนอื่ งจากผลติ ภณั ฑ์มขี นาดเลก็ เมือ่ น�ำไปอบใหพ้ องด้วย เตาไมโครเวฟ ความร้อนทเ่ี กดิ ขนึ้ สามารถกระจายไปทว่ั ผลติ ภณั ฑ์ไดเ้ ร็วกวา่ จงึ สง่ ผลใหข้ า้ ว แตน๋ ขนาดเลก็ มกี ารพองตวั มากทส่ี ดุ ทงั้ นเ้ี นอื่ งจากผลติ ภณั ฑม์ ขี นาดเลก็ เมอื่ ไดร้ บั ความรอ้ น ปรมิ าณน้ำ� ในผลติ ภัณฑจ์ ึงเกดิ การระเหยได้เร็วและดกี วา่ ขนาดใหญ่ ค�ำถาม : ความหนาของข้าวแต๋นกึ่งสำ� เร็จรูปส�ำหรับไมโครเวฟ มีผลต่อการพองตัว หรอื ไม่ ? คำ� ตอบ : มี เน่ืองจากความหนาของอาหารจะมีผลตอ่ การดดู ซับไมโครเวฟ โดยอาหารทม่ี ี ลักษณะหนามากๆ การดูดซับไมโครเวฟจะเกิดได้เฉพาะผิวหน้า และความร้อนจะเข้าสู่ช้ิน อาหารได้ท่ัวถึงด้วยการนำ� หรือการพา ซึ่งใช้เวลานานกว่าอาหารที่บางกว่าซึ่งเน้ืออาหารจะ โปร่งการเคลื่อนท่ีของนำ�้ ภายในอาหารแบบผ่านช่องแคบจะระเหยออกมาได้หมดในเวลาอัน รวดเร็วกว่า จึงสง่ ผลให้ขา้ วแตน๋ กึง่ สำ� เรจ็ รูปทห่ี นา 3 มิลลเิ มตร มีอตั ราการพองตัวดีกวา่ ขา้ วแต๋นกง่ึ สำ� เรจ็ รูปหนา 6 มิลลิเมตร ค�ำถาม : ขา้ วแตน๋ กงึ่ ส�ำเร็จรูปส�ำหรับไมโครเวฟ มีขอ้ แตกต่างจากข้าวแต๋นทอดใน น�ำ้ มันอยา่ งไร ? คำ� ตอบ : ข้าวแตน๋ จากการอบด้วยเตาไมโครเวฟมีปริมาณไขมันเฉลี่ยรอ้ ยละ 0.35 สว่ นข้าว แตน๋ ทอดในน้ำ� มันมปี รมิ าณไขมันอย่ใู นชว่ งรอ้ ยละ 14-33 คำ� ถาม : ถ้าหากทางกลุ่มมปี ัญหาดา้ นขน้ั ตอนการผลิต ขอปรกึ ษาเพ่มิ เติมได้ หรือไม่ ? คำ� ตอบ : ได้ ทางมหาวทิ ยาลยั ฯ มแี นวนโยบายในการให้บรกิ ารทางวิชาการกบั ชุมชนและ สังคมอย่แู ล้ว “องค์ความรสู้ ู่ภาคประชาชน” 142มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

สอบถามองคค์ วามรเู้ พ่ิมเตมิ สถานทีต่ ดิ ต่อ : หลักสูตรวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร สาขาอตุ สาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ล�ำปาง 200 หมทู่ ่ี 17 ถนนพหลโยธิน ต�ำบลพชิ ัย อ�ำเภอเมอื ง จังหวดั ลำ� ปาง 52000 หรือติดต่อโดยตรงท่ี : อ.อรทัย บญุ ทะวงศ์ โทรศัพท:์ (054) 342547-8 โทรสาร: (054) 342549 E-mail : [email protected] 143 “องคค์ วามรูส้ ภู่ าคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา



องค์ความรู้เพื่อการเผยแพร่ การผลติ และใชเ้ ชื้อรา ป้องกันก�ำจัดโรคพืช แบบพ่งึ พาตนเอง

องคค์ วามรู้เพอ่ื การเผยแพร่ การผลิตและใช้เชอ้ื ราปอ้ งกนั ก�ำจดั โรคพืช แบบพงึ่ พาตนเอง วตั ถุประสงค์และท่มี า การเกษตรมีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจต่อประเทศไทย ช่วย สร้างรายได้และสร้างงานมากมายที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของระบบ ธุรกิจเกษตร ประชาชนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีเพราะมีแหล่งอาหาร ที่อุดมสมบูรณ์และยังสามารถแบ่งปันไปเล้ียงชาวโลกได้โดยการส่ง ออกทง้ั ในรูปผลผลิตสดและผลิตภณั ฑ์แปรรปู แตก่ ารเพ่ิมขนึ้ ของ ประชากรอย่างต่อเน่ืองท�ำให้ความต้องการบริโภคเพิ่มข้ึน จึงต้อง เพ่ิมผลผลิตให้มากขึ้น ซ่ึงนอกจากการขยายพ้ืนท่ีปลูกและการใช้ เทคโนโลยตี า่ ง ๆ ทช่ี ว่ ยเพมิ่ ผลผลติ แลว้ การลดความสญู เสยี อนั เนอ่ื ง มาจากโรคพชื เป็นอีกแนวทางหนง่ึ ทีส่ �ำคญั การจดั การโรคพชื ดว้ ยวธิ ี การทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพจะชว่ ยลดความสญู เสยี ของผลผลติ ทเ่ี กดิ ขน้ึ มใิ ช่ น้อยในแต่ละปี ในการป้องกันก�ำจัดโรคพืชน้ันเกษตรกรเลือกใช้สารเคมี “องคค์ วามรูส้ ภู่ าคประชาชน” 146มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

กำ� จัดราเปน็ หลกั เพราะเห็นผลทนั ทีหลังการใช้ แต่มีผลเสียตามมาหลายประการ ตวั อยา่ ง เช่น การใช้โดยขาดความรู้ความเข้าใจท�ำให้เกิดสารพิษตกค้างในผลผลิตเป็นผลให้ถูก ปฏิเสธการรับซื้อสุขภาพของเกษตรกรและชุมชนอ่อนแอเพราะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อม ท่ีมีสารพิษทางการเกษตร เกิดการด้ือยาของเช้ือโรคท�ำให้ต้องใช้สารในปริมาณมากข้ึน และท่ีส�ำคัญคือในบางคร้งั ไมไ่ ดผ้ ลในการป้องกันก�ำจัดโรคเทา่ ที่ควร เปน็ ต้น การแก้ปญั หา ท่ีตรงจุด คือ การให้ความรู้ท่ีถูกต้องแก่เกษตรกรในการใช้สารเคมีป้องกันก�ำจัดโรคพืช เม่ือเกษตรกรรู้จริงและน�ำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องจะช่วยลดปัญหาได้ อย่างไรก็ตามการ ลดหรือเลิกใช้สารเคมีนับเป็นแนวทางท่ีดีท่ีสุดท่ีจะลดปัญหาสารพิษตกค้างดังกล่าวมา ข้างต้น จงึ เปน็ ท่ีมาของการนำ� จลุ ินทรีย์ท่มี ีประสทิ ธิภาพสงู และปลอดภัยมาใชป้ ้องกันก�ำจดั โรคพชื แทนสารเคมี สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ได้ศึกษา วจิ ัยและค้นพบเชื้อราที่มปี ระสิทธิภาพสูงในการป้องกันกำ� จัดโรคพืช คอื เชือ้ รา ไตรโคเดอร์ มา ไวเรนส์ (Trichoderma virens) (ชอ่ื เดิมคอื Gliocladium virens) และไดถ้ า่ ยทอดองค์ ความรู้ไปยังเกษตรกรเพ่อื น�ำไปประยกุ ต์ใชแ้ กไ้ ขปัญหาความเสยี หายของผลผลิตทเี่ กดิ จาก โรคพชื อยา่ งไดผ้ ลโดยเฉพาะโรคทมี่ สี าเหตมุ าจากเชอ้ื ราทอี่ าศยั อยใู่ นดนิ ไดแ้ ก่ เชอ้ื รา สเคลอ โรเทย่ี ม รอล์ฟซไิ อ (S. rolfsii) ฟซู าเร่ยี ม (Fusarium sp.) ไฟทอฟทอร่า (Phytophthora) ไรซ็ อกโทเนยี (Rhizoctonia) และพิเท่ยี ม (Pythium) ซึ่งเข้าท�ำลายรากและโคนต้นพืชทำ� ให้พืช เห่ียวและตายไปในที่สุด หรือถ้าไม่ตายพืชจะอ่อนแอและเติบโตอย่างไม่สมบูรณ์แข็งแรง รวมท้งั ออกดอกตดิ ผลนอ้ ยลง โครงการนมี้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ถา่ ยทอดองคค์ วามรแู้ ละทกั ษะปฏบิ ตั ทิ เ่ี ปน็ เทคโนโลยี อยา่ งงา่ ยในการผลติ และใชเ้ ชอ้ื รา ไตรโคเดอรม์ า ไวเรนส์ ปอ้ งกนั กำ� จดั โรคพชื โดยใหเ้ กษตรกร สามารถผลิตเช้ือราไว้ใช้เองได้ในแบบของการพึ่งพาตนเอง ประโยชน์ท่ีเกษตรกรได้รับ ประการแรกคอื ไดเ้ ช้ือราทผ่ี ลติ ใหมซ่ งึ่ จะมปี ระสทิ ธภิ าพสงู ประการทส่ี องคอื ประหยดั คา่ ใช้ จ่ายเพราะทำ� ใช้เองยอ่ มจ่ายนอ้ ยกว่าซื้อมาใช้ ประการทีส่ ามคอื สามารถพึ่งพาตนเองไดไ้ ม่ จำ� เปน็ ตอ้ งซอื้ ปจั จยั การผลติ ทกุ อยา่ ง ประการทสี่ ค่ี อื ไดป้ รมิ าณและคณุ ภาพของผลผลติ เพม่ิ ข้ึนจากการที่พืชไมเ่ ปน็ โรค และประการทห่ี า้ คอื ลดปญั หาสารพษิ ตกค้างในสภาพแวดล้อม ของชุมชน ทำ� ใหเ้ กษตรกรและชาวบ้านท่ีอาศัยอย่ใู นชมุ ชนนั้นมคี ณุ ภาพชีวิตท่ีดขี ึน้ 147 “องคค์ วามรู้สู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

กระบวนการและขนั้ ตอนการถา่ ยทอดองคค์ วามร ู้ รู้จักเชอ้ื รา ไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ ไตรโคเดอรม์ า ไวเรนส์ (รปู ท่ี 1) เปน็ เชอื้ ราทพ่ี บไดใ้ นดนิ ทว่ั ไปตามธรรมชาตโิ ดย เฉพาะดนิ ทมี่ อี นิ ทรยี วตั ถสุ งู มกี ารวจิ ยั เพอื่ นำ� มาใชป้ ระโยชนใ์ นการปอ้ งกนั กำ� จดั โรคพชื ในต่างประเทศมานานกวา่ เจด็ สิบปี ไม่มีรายงานว่ามพี ษิ หรือเป็นสาเหตุโรคในคน พชื และสตั ว์ จึงมีความปลอดภัยสงู ปจั จุบนั มกี ารผลติ และจ�ำหนา่ ยเพอ่ื ใชป้ อ้ งกันกำ� จัด โรคพชื ในสหรัฐอเมริกาและประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปยโุ รป โดยมกี ารขึ้นทะเบยี นอย่างถกู ต้องกบั องคก์ รของรัฐบาล จึงมน่ั ใจไดว้ ่ามีความปลอดภยั สูง ส�ำหรบั ในประเทศไทยมี การผลิตและจ�ำหน่วยเชือ้ รา ไตรโคเดอรม์ า เชน่ กัน (ก) (ข) (ค) รูปท่ี 1 ลกั ษณะของเชือ้ รา ไตรโคเดอรม์ า ไวเรนส์ (ก) เชื้อบรสิ ุทธเิ์ จรญิ บนอาหารพดี เี อในจานเลีย้ งเชือ้ มีโคโลนีสเี ขยี ว (ข) ลักษณะเช้ือเมอ่ื มองใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ มกี ารสร้างหน่วยขยายพนั ธุ์ หรือสปอร์เป็นช่อสปอรร์ ปู ร่างกลมมีสเี ขียว (ค) เส้นใยเช้อื ราไตรโคเดอรม์ า ไวเรนสเ์ ขา้ ท�ำลายเชอ้ื ราสาเหตโุ รคพืช โดยการพันรดั เส้นใยของเช้ือราสาเหตโุ รคพืช “องคค์ วามรู้ส่ภู าคประชาชน” 148มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา