Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore องค์ความรู้สู่ภาคประชาชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (2556)

องค์ความรู้สู่ภาคประชาชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (2556)

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2020-07-23 03:30:34

Description: องค์ความรู้จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
1) การผลิตเรือพายคอนกรีตจากคอนกรีตมวลเบา
2) การออกแบบลวดลายบนบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์กะเหรี่ยง
3) วิจัยพัฒนาเนื้อดินสีเพื่อเลียนแบบสีผิวมนุษย์ สำหรับใช้ในการผลิตตุ๊กตาเซรามิก
4) การซ่อมบำรุงเครื่องจักรทางการเกษตรและเครื่องยนต์เล็ก
5) การผลิตถั่วเน่าจากหัวเชื้อ Bacillus subtilis เพื่อใช้ในการผลิตเครื่องแกงอินทรีย์
6) ผ้าสีฟ้าจากเมล็ดคอคอเด๊าะต่อการพัฒนาแฟชั่นในระบบเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
7) การติดตั้งใช้งาน และการบำรุงรักษาเครื่องประจุแบตเตอรี่
8) ข้าวแต๋นกึ่งสำเร็จรูปสำหรับเตาไมโครเวฟ
9) การผลิตปละใช้เชื้อราป้องกันกำจัดโรคพืชแบบพึ่งพาตนเอง
10) การแก้ปัญหากลิ่นเหม็น และน้ำเสียในโรงเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพแบบถุง

Keywords: 9789746255912

Search

Read the Text Version

จดุ เดน่ ของเชื้อราไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ 1. มีความเฉพาะเจาะจงตอ่ เชอ้ื ราสาเหตุโรคพชื จงึ ไมท่ ำ� ลายเชื้อท่มี ปี ระโยชน์อื่น ๆ 2. ไม่เป็นสาเหตุโรคในคน พืช และสัตว์ จึงมีความปลอดภัยท่ีจะนำ� มาใช้ป้องกัน ก�ำจัดโรคพชื 3. ไมก่ ่อมลพษิ ในสภาพแวดลอ้ ม 4. มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งการเจริญและท�ำลายเช้ือราในดินท่ีเป็นสาเหตุโรค รากเนา่ โคนเนา่ หรือเห่ียว ใชไ้ ด้ทัง้ ในพชื ผัก พชื ไร่ ไมผ้ ล และไม้ดอกไม้ประดับ ทีม่ ีปัญหาโรคดังกล่าว 5. สามารถอยู่รอดในดินได้เป็นระยะเวลานาน เจริญเพ่ิมปริมาณได้ในดินที่มี อินทรยี วัตถสุ งู และความชนื้ เหมาะสม จึงชว่ ยป้องกนั ก�ำจัดโรคได้อย่างต่อเนือ่ ง 6. มีการผลิตและจ�ำหน่ายใช้กว้างขวางในการป้องกันก�ำจัดโรคพืชในประเทศแถบ ยโุ รปและอเมรกิ า โดยไดร้ บั การรับรองว่ามคี วามปลอดภยั จากองค์กรปกปอ้ งสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า (U.S. Environmental Protection Agency) ท�ำใหม้ ่ันใจได้ในความปลอดภยั 7. ลดคา่ ใช้จ่ายในการปอ้ งกนั ก�ำจัดโรคพชื เพราะใช้เพยี ง 1 ครง้ั ในชว่ งปลกู สำ� หรับ ผัก พชื ไรแ่ ละไมด้ อก สว่ นไมย้ นื ต้นใช้หวา่ นใต้ทรงพ่มุ 1-2 ครัง้ ในช่วงฤดูฝน ก็ เพยี งพอทีจ่ ะป้องกนั กำ� จดั โรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ 8. เติบโตงา่ ยในเมลด็ ธัญพชื ชนิดตา่ ง ๆ ในสภาพอุณหภูมหิ อ้ ง ท�ำใหส้ ามารถผลิต เชอ้ื ไดโ้ ดยไมม่ ขี นั้ ตอนยงุ่ ยากและมตี น้ ทนุ ตำ�่ เกษตรกรสามารถเรยี นรวู้ ธิ กี ารเพอ่ื ผลิตเชือ้ ใชเ้ องได้ การผลติ เชอื้ รา ไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ ด้วยวธิ กี ารอยา่ งง่าย รายไดจ้ ากการเกษตรเพม่ิ ขน้ึ ไดจ้ าก 2 แนวทาง แนวทางแรก คอื เพม่ิ ปรมิ าณ และคุณภาพของผลผลิต ซ่งึ ท�ำให้มปี ริมาณผลผลติ ทส่ี ามารถจำ� หน่ายได้มากขนึ้ และ ราคาดีเพราะผลผลิตมีคุณภาพ ส่วนแนวทางท่ีสอง คือ ลดค่าใช้จ่ายของปัจจัยการ ผลติ หรือลดต้นทุนการผลติ น่นั เอง การใช้เช้ือราไตรโคเดอรม์ า ไวเรนส์ ชว่ ยลดการเข้า ท�ำลายของเช้ือราสาเหตุโรคโคนเน่า ต้นพืชจึงเจริญเติบโตดีและออกดอกติดผลเต็ม ท่ีท�ำให้ได้ปริมาณผลผลิตมากขึ้นและมีคุณภาพดี และถ้าหากเกษตรกรสามารถผลิต เช้ือราไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ ไว้ใช้ในพ้ืนที่ของตนเองได้ย่ิงเป็นการดีเพราะช่วยลดค่า ใช้จ่ายเรื่องเช้อื ลงไดอ้ ีก วัสดอุ ุปกรณท์ ใี่ ช้ส�ำหรับการผลติ เช้ือ 1. วัสดทุ ี่ใช้เป็นอาหารเลยี้ งเช้ือ ไดแ้ ก่ ข้าวฟ่าง หรอื ข้าว 2. ถงุ พลาสติกทนรอ้ น ขนาด 8x12 นวิ้ 3. ยางวง เขม็ หมดุ ช้อน แอลกอฮอล์ 70% 4. หมอ้ หุงข้าวไฟฟา้ หรือ หมอ้ ส�ำหรบั ต้มเมล็ดขา้ วฟา่ ง 149 “องคค์ วามรสู้ ู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

วิธีการผลิตเช้ือรา ไตรโคเดอรม์ า ไวเรนส์ โดยเล้ียงบนเมลด็ ข้าวฟ่าง 1. ต้มขา้ วฟา่ งใหส้ ุก 2. ตักข้าวฟ่างขณะที่ยังร้อนจัด ใส่ในถุง พลาสติกทนร้อนโดยเขย่าให้สะเด็ดน�้ำเสียก่อน ใช้ถุง ขนาด 8X12 นิ้ว และบรรจุข้าวฟ่างถุงละ 350 กรัม (3 ขีดครึ่ง) 3. พับปากถุง เกลี่ยเมล็ดข้าวฟ่างให้แบนและ รอใหเ้ ยน็ ลง ให้ใชห้ ลังมือแตะบนถงุ ถา้ แตะไดโ้ ดยไม่ สะดงุ้ ดงึ มอื ออกแสดงวา่ ใสห่ วั เชอ้ื ลงไปได้ ไมต่ อ้ งรอให้ 4. ใชช้ ้อนทจ่ี ่มุ ในแอลกอฮอล์ 70% เพอื่ ฆา่ เชือ้ เย็นสนทิ แลว้ ตักหัวเชอื้ น�ำไปใส่ในถุงเมลด็ ขา้ วฟา่ ง 5. มัดปากถุงด้วยยางวง เจาะรูด้วยเข็มหมุด 6. หลงั การบม่ เชอ้ื เปน็ เวลา 7 วนั เชอื้ ราจะเจรญิ จำ� นวน 20-30 รโู ดยรอบบรเิ วณใตย้ างวงเพอ่ื การระบาย เตม็ ถงุ มองเหน็ เปน็ สเี ขยี วปกคลมุ ทวั่ เมลด็ ขา้ วฟา่ ง น�ำ อากาศ วางถงุ เมลด็ ขา้ วฟา่ งทป่ี ลกู เชอ้ื แลว้ ในทแี่ หง้ และ ไปใช้ได้เลยหรอื ไมเ่ กนิ 10 วนั หลงั บม่ เย็นเพอ่ื บม่ ใหเ้ ชอื้ ราเจรญิ “องค์ความร้สู ู่ภาคประชาชน” 150มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

7. วธิ ีการที่แนะน�ำ คือผึ่งเชื้อให้แห้งโดยเกล่ีย เ ม ล็ ด ข ้ า ว ฟ ่ า ง ท่ี มี เ ช้ื อ ในถาดหรือผ้าพลาสติก วางในท่ีร่มและมีอากาศ ถา่ ยเท เมอ่ื แหง้ สนทิ ใหเ้ กบ็ ใสถ่ งุ พลาสตกิ สามารถเกบ็ ไวไ้ ดน้ าน 6 เดอื นทอี่ ณุ หภมู ิ หอ้ งปกติ วธิ กี ารผลิตเชอื้ รา ไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ โดยเล้ียงบนเมลด็ ขา้ ว 1. หุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า ใช้ข้าวสาร 3 ส่วน 2. ตักข้าวขณะท่ียังร้อนจัดใส่ถุงพลาสติก ตอ่ นำ�้ 2 ส่วนโดยปรมิ าตร จะได้ขา้ วสกุ ที่คอ่ นขา้ งแขง็ ทนรอ้ นขนาด 8X12 นว้ิ บรรจถุ งุ ละ 350 กรมั (3 ขดี ครง่ึ ) 3.พับปากถุง เกล่ียเมล็ดข้าวให้แบนและรอ 4. เตรยี มหวั เชอ้ื และจมุ่ ชอ้ นทจ่ี ะใชต้ กั หวั เชอ้ื ใน ให้เย็นลง ให้ใช้หลังมือแตะบนถุง ถ้าแตะได้โดยไม่ แอลกอฮอล์ 70% เพื่อฆา่ เชอ้ื ท่ตี ิดอยบู่ นช้อน สะดงุ้ ดงึ มอื ออกแสดงวา่ ใสห่ วั เชอื้ ลงไปได้ ไมต่ อ้ งรอให้ เยน็ สนิท 151 “องค์ความรสู้ ูภ่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

5. ตกั หวั เชอื้ และใสล่ งในถงุ ขา้ วสกุ เขยา่ ไปมา 6. ใช้เข็มหมุดเจาะรูบนถุงพลาสติกบริเวณใต้ ใหห้ วั เชอื้ กระจายทว่ั ในถงุ พรอ้ มบบี ขา้ วเพอ่ื ใหไ้ มจ่ บั ตวั ยางรัดปากถงุ ประมาณ 20-30 รู เพอ่ื ใหม้ ีการระบาย เป็นกอ้ น อากาศ 7. บม่ ถงุ ข้าวทใ่ี สห่ วั เชื้อแล้วในทแ่ี หง้ และเยน็ เชื้อราจะเจรญิ ปกคลุมทว่ั เมลด็ ขา้ วมองเห็นเปน็ สเี ขยี วเขม้ ใช้เวลา 7 วันหลงั บ่ม นำ� ไปใช้ป้องกันกำ� จดั โรคพืชไดห้ รอื น�ำไปผ่ึงลมให้แหง้ และเก็บไว้ใช้งาน “องค์ความรสู้ ่ภู าคประชาชน” 152มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

การใช้เชือ้ รา ไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ ปอ้ งกันกำ� จัดโรคพืช สำ� หรบั โรครากเนา่ โคนเนา่ หรอื เหยี่ วทม่ี สี าเหตมุ าจากเชอ้ื ราในดนิ สามารถใชเ้ ชอื้ รา ไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ ป้องกนั ก�ำจัดโรคได้ดว้ ยวธิ ีการต่อไปน้ี 1. หยอดหลุมปลูกก่อนยา้ ยกล้า หยอดเมลด็ พนั ธ์ุ หรอื ปลูกต้นพนั ธ์ุ เช่น พืช ผกั พชื ไร่ และไม้ดอก ให้ใชเ้ มด็ เช้อื ในอัตรา 2 กรมั (ครึง่ ชอ้ นชา) ต่อหลุม ส�ำหรบั ไมผ้ ลให้ใช้ในอตั รา 30-50 กรัมตอ่ หลมุ ปลูก 2. คลุกผสมดินหรือวัสดุปลูกส�ำหรับใส่กระถาง ถาดเพาะ ถุงด�ำ หรือ กระบะเพาะ อตั รา 5 กรัม (1 ช้อนชา) ต่อดิน 1 กิโลกรัม คลกุ เคล้าใหเ้ ม็ดเช้อื กระจายดีทว่ั ไปในดิน 3. หวา่ นท่ัวแปลงเพาะกล้า อัตรา 30-50 กรมั ตอ่ ตารางเมตร 4. ถ้าปลูกพืชไปแล้ว ให้หว่านเม็ดเชื้อรอบโคนต้นพืชผัก พืชไร่ และไม้ดอก ในอัตรา 2-5 กรัมต่อต้น สำ� หรับไม้ผลหว่านเม็ดเชื้อบริเวณใต้ทรงพุ่ม ใน อตั รา30-50กรมั ตอ่ ตารางเมตรหลงั การหวา่ นใหพ้ รวนดนิ กลบเมด็ เชอื้ และใหน้ ำ�้ ส�ำหรบั โรคทเี่ ปน็ กบั ส่วนเหนอื ดนิ ของพชื เชน่ โรคแอนแทรคโนส โรคใบจุด โรคยอดไหม้ ฯลฯ สามารถใชเ้ ชอ้ื รา ไตรโคเดอรม์ า ไวเรนส์ ปอ้ งกนั ก�ำจดั โรคไดด้ ว้ ย วธิ ีการต่อไปนี้ ใชเ้ ชอื้ ทอ่ี ยใู่ นลกั ษณะเมด็ แหง้ โดยน�ำมาลา้ งสปอรอ์ อกจากเมด็ เชอ้ื เรม่ิ โดย การนำ� เม็ดเชือ้ 250 กรัม ใส่ลงในนำ้� สะอาด 2 ลติ ร ขยีเ้ บา ๆ เพื่อให้สปอรห์ ลุด ออกมาใหม้ ากที่สดุ กรองเมด็ ออกด้วยผา้ ขาวบาง ได้น�้ำสปอรซ์ งึ่ มสี เี ขียวเข้ม ส�ำหรับนำ� ไปผสมนำ้� พน่ ตน้ พืช อตั ราการพน่ ใช้น�้ำสปอร์สีเขยี วเขม้ ดังกลา่ วข้างตน้ 500 มลิ ลิลติ ร ผสมกับ น�้ำสะอาด 20 ลิตร เติมสารจบั ใบ แลว้ นำ� ไปพน่ ตน้ พชื (ถังพน่ หา้ มใชป้ นกับสาร เคมใี ด ๆ) 153 “องค์ความรสู้ ู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

คำ� ถามยอดฮติ คคู่ ิดมติ รชมุ ชน ค�ำถาม : นอกจากข้าวฟา่ งและขา้ วแล้ว มวี ัสดุอ่ืน มา ไวเรนส์ ไปพรอ้ มกบั การปลกู พชื เชอ้ื จะเพมิ่ ปรมิ าณ ท่สี ามารถใชเ้ ลย้ี งเชอ้ื ได้หรอื ไม่ ? และท�ำหน้าที่เป็นเสมือนเกราะป้องกันรากและโคนต้น คำ� ตอบ : เมลด็ ธญั พชื ทง้ั ขา้ วฟา่ งและขา้ วเปน็ วสั ดเุ ลย้ี ง พืชไม่ใหเ้ ชอื้ ราสาเหตุโรครกุ ลำ�้ เขา้ ท�ำลายได้ เชอื้ ทดี่ ีทส่ี ดุ สำ� หรบั เชอื้ ราไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ เพราะ เช้อื จะเจริญไดด้ ีในเวลารวดเรว็ เปน็ วสั ดหุ าง่าย ราคา ไม่สงู เมลด็ ธญั พชื อ่นื ๆ เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี ก็ คำ� ถาม : ทำ� ไมไมค่ วรบม่ เชอื้ บนเมลด็ ขา้ วฟา่ งหรอื ใชไ้ ด้ดีเชน่ กนั ขา้ วเกนิ 10 วัน ? ค�ำตอบ : เพราะเชอ้ื จะยอ่ ยเมลด็ ข้าวฟา่ งหรอื ข้าวจน นิ่ม ท�ำให้แฉะเวลาใชง้ าน ดงั นน้ั ถา้ บ่มเชอ้ื ครบ 10 วนั คำ� ถาม : ทำ� ไมตอ้ งหงุ ขา้ วหรอื ตม้ เมลด็ ขา้ วฟา่ งให้ แล้วแต่ยังไม่น�ำไปใช้ให้เก็บเชื้อไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา สุกแบบแข็ง ๆ ? จะเกบ็ ไดน้ าน 2 เดอื น ค�ำแนะนำ� คือใหผ้ ง่ึ ลมจนเช้อื ค�ำตอบ : เพราะต้องการลดการปนเปื้อนของเช้ือ แห้งสนิทแล้วเก็บใส่ถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษ วาง แบคทีเรีย ถ้าเมล็ดพืชสุกเละจนนิ่มเละแบคทีเรียจะ ไว้ในห้องธรรมดา จะเก็บไดน้ าน 6 เดือน มาแยง่ เจรญิ ทำ� ใหเ้ ชอ้ื รา ไตรโคเดอรม์ า ไวเรนส์ เตบิ โต ไม่ดี คำ� ถาม : จะหาซอื้ หวั เชอื้ ได้ท่ีไหน ? ค�ำตอบ : ส่ังซ้ือได้ท่ีสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร ค�ำถาม : ใชเ้ ชอื้ รา ไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ ร่วม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา หวั เช้อื ขนาด กบั สารเคมีได้หรอื ไม่ ? 500 กรมั ราคา 60 บาท ใชข้ ยายเลยี้ งบนเมลด็ ขา้ วหรอื ค�ำตอบ : สารเคมีก�ำจัดศัตรูพืชเป็นพิษต่อเช้ือราไตร ขา้ วฟา่ งได้ 60 ถงุ โคเดอร์มา ไวเรนส์ ทำ� ให้เชอ้ื ตายได้ ดังน้นั เมือ่ มีการ ใช้เชอื้ ราไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ โดยวิธหี ยอดหลุมปลกู หรือใส่ลงดิน ต้องไม่ราดหรือพ่นสารเคมีลงไปในดิน โดยตรง แตใ่ นกรณที ม่ี กี ารพน่ สารกบั สว่ นเหนอื ดนิ ของ ค�ำถาม : สนใจฝึกอบรมการเล้ียงเช้ือรา ไตรโค พชื อาจมลี ะอองสารรว่ งบนดนิ สามารถพน่ สารไดต้ าม เดอรม์ า ไวเรนส์ ทำ� อย่างไร ? ปกติ เพราะละอองสารทรี่ ่วงมีปรมิ าณน้อยไม่มผี ลตอ่ ค�ำตอบ : ติดต่อที่ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร ไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ระยะเวลา การอบรม 2 วัน คา่ ลงทะเบียนคนละ 1,000 บาท ค�ำถาม : เช้ือราไตรโคเดอร์มา ไวเรนส์ ใชไ้ ด้กับ พืชชนิดใด ? คำ� ตอบ : ใชไ้ ด้กับพชื ทุกชนิด ทง้ั พชื ผัก พชื ไร่ ไมด้ อก ไม้ผล จะช่วยแกป้ ญั หาโรครากเนา่ โคนเน่าได้ผลดยี งิ่ ซงึ่ โรคเหลา่ นมี้ สี าเหตมุ าจากเชอื้ ราทอ่ี าศยั อยใู่ นดนิ เมอื่ เราปลูกพืชเช้ือจะเข้าทำ� ลายที่รากและโคนต้นท�ำให้พืช อ่อนแอและอาจตายได้ แต่เม่ือใส่เชื้อราไตรโคเดอร์ “องค์ความรู้ส่ภู าคประชาชน” 154มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

สอบถามองคค์ วามรู้เพ่มิ เติม สถานที่ตดิ ตอ่ : สถาบนั วิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 202 หมู่ 17 ถนนพหลโยธิน ตำ� บลพิชัย อำ� เภอเมือง จงั หวดั ล�ำปาง ตู้ ป.ณ. 89 อำ� เภอเมือง จงั หวดั ลำ� ปาง 52000 โทรศัพท์ : (054) 342553 โทรสาร: (054) 342550 หรือติดต่อโดยตรงท่ี : รองศาสตราจารย์ ดร. จินนั ทนา จอมดวง โทรศัพทม์ อื ถอื 081-3668282 ทอ่ี ยู่อีเมล:์ [email protected] 155 “องค์ความรสู้ ู่ภาคประชาชน” มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา



องค์ความรู้เพอื่ การเผยแพร่ การแก้ปัญหากล่ินเหม็น และน�้ำเสียในโรงเล้ียงสัตว์ ขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยี ก๊าซชีวภาพแบบถงุ

องค์ความรเู้ พ่อื การเผยแพร่ การแกป้ ัญหากล่นิ เหมน็ และน�้ำเสยี ในโรงเล้ยี งสัตว์ ขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยกี ๊าซชีวภาพแบบถงุ วัตถุประสงคแ์ ละทีม่ า ภายในชุมชนยอ่ มมีคนทป่ี ระกอบอาชพี เลยี้ งสตั ว์ การเล้ียงสตั วภ์ ายในชุมชน สว่ นใหญจ่ ะเปน็ การเลย้ี งสตั วข์ นาดเลก็ จำ� นวนไมม่ าก โดยมสี ตั ว¬์ ทน่ี ยิ มเลยี้ งสว่ นใหญ่ ไดแ้ ก่ โคนม โคเนือ้ สกุ ร ไก่ และเปด็ รูปแบบการเลี้ยงสว่ นใหญ่จะมกี ารสรา้ งโรงเรือน เพอ่ื ใหส้ ตั วไ์ ดอ้ าศยั อยแู่ ละมกี ารจดั การของเสยี ทส่ี ตั วป์ ลอ่ ยออกมาสว่ นใหญโ่ ดยวธิ กี าร ฉดี ลา้ ง ใชเ้ ปน็ อาหารปลาหรอื การน�ำมาตากแหง้ เปน็ ปยุ๋ ซงึ่ แนวทางการจดั การกบั ของ เสยี เหลา่ นลี้ ว้ นมจี ดุ ออ่ นทส่ี ำ� คญั คอื มลู สตั วท์ จ่ี ดั การแลว้ ยงั มกี ารหมกั ไมส่ มบรู ณแ์ ละ สง่ ผลตอ่ สภาพแวดลอ้ ม เชน่ น�้ำเสยี ทเี่ กดิ จากการฉดี ลา้ งจะหมกั หมมและมกี ลน่ิ เหมน็ ยากต่อการนำ� ไปท�ำปยุ๋ เน่อื งจากมคี วามชน้ื สงู การใช้เป็นอาหารปลาจะตอ้ งมีบ่อปลา ขนาดใหญ่มากเพอ่ื จะรองรับปริมาณมูลสตั ว์ทเี่ กิดขึน้ มิเชน่ น้ันจะทำ� ใหข้ าดออกซเิ จน ในบ่อปลาได้ การน�ำมาตากแห้งประสบปัญหาเรื่องของการเพ่ิมจำ� นวนของแมลงวัน กลิ่นเหม็น และกระทำ� ได้ในช่วงท่ีอากาศแห้งเท่าน้ันปัญหาท่ีเกิดข้ึนดังกล่าวสามารถ แกไ้ ด้ด้วยการทำ� ให้ของเสียทเ่ี กดิ ข้ึนมีการหมกั อย่างสมบรู ณ์ โดยวิธีท่นี ิยมกันได้แก่ 1. การหมกั แบบใชอ้ ากาศ เชน่ การทำ� ปุ๋ยหมกั แบบใช้อากาศ การเติมอากาศ ในนำ�้ เสีย เป็นต้น 2. การหมกั แบบไรอ้ ากาศ เชน่ การทำ� ปยุ๋ หมกั แบบไรอ้ ากาศ การใชเ้ ทคโนโลยี กา๊ ซชวี ภาพ เป็นต้น “องค์ความรู้สู่ภาคประชาชน” 158มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

โดยท่ัวไป กระบวนการหมักแบบใช้อากาศจะเหมาะส�ำหรับของเสียท่ีมีองค์ ประกอบของของเหลวน้อย ของเสียมีความเข้มข้นต�่ำ หรือในสภาวะท่ีต้องการก�ำจัด ของเสียอย่างเร็วถึงแม้จะใช้งบประมาณมาก ท�ำให้ของเสียในอุตสาหกรรมการเลี้ยง สัตว์ซ่ึงมีความเข้มข้นสูงไม่เหมาะกับการใช้งาน เนื่องจากต้องใช้งบประมาณจ�ำนวน มากในการบำ� บัด เทคโนโลยกี า๊ ซชวี ภาพเปน็ วธิ กี ารบำ� บดั ของเสยี แบบไรอ้ ากาศทเี่ หมาะสมและ จะไดก้ ๊าซมเี ทนมาใช้งาน ในอดีต การท�ำบ่อหมกั กา๊ ซชีวภาพจะท�ำเปน็ บ่อคอนกรีตฝงั ดิน แต่เมอ่ื ผา่ นการใช้งานพบว่าการบ�ำรงุ รกั ษาล�ำบาก แตไ่ ม่สามารถซ่อมแซมได้งา่ ย ทำ� ใหบ้ อ่ หมกั มกี ารพฒั นาตอ่ เปน็ บอ่ หมกั แบบรางและปดิ คลมุ ดว้ ยผา้ พวี ซี เี พอ่ื เกบ็ กา๊ ซ มีเทนไว้ใช้งาน แต่บ่อหมักดังกล่าวจะใช้งบประมาณในการทำ� สูงท�ำให้เกษตรกรราย ยอ่ ยไมส่ ามารถทำ� ได้ สชุ น ตง้ั ทววี พิ ฒั น์ (2549) ไดพ้ ฒั นาบอ่ หมกั ใหมโ่ ดยทำ� การหมกั มลู หรอื ของเสยี ในผา้ พวี ซี ที เ่ี ชอื่ มตดิ กนั เปน็ ทรงกระบอกปดิ ทำ� ใหล้ ดคา่ ใชจ้ า่ ยในการทำ� ระบบหมกั แบบรางลงไป องคค์ วามรดู้ งั กลา่ วไดถ้ กู เผยแพรไ่ ปยงั หลายที่ โดยทางผวู้ จิ ยั ไดเ้ คยรว่ มงานกนั และไดร้ บั อนญุ าตใหน้ �ำองคค์ วามรมู้ าเผยแพรแ่ กเ่ กษตรกรรายยอ่ ย เพ่อื แกป้ ัญหากลน่ิ เหม็นและน้�ำเสียทเ่ี กิดข้ึนตอ่ เกษตรกรรายยอ่ ยต่อไป ผลลพั ธท์ ี่ไดจ้ ากการผลติ ก๊าซชีวภาพจากมูลสตั วแ์ ละนำ�้ เสีย นอกจากจะแก้ ปญั หาของเกษตรกรรายยอ่ ยในเรอื่ งมลภาวะดา้ นอากาศและดา้ นเชอ้ื โรคแลว้ ยงั ท�ำให้ ลดผลกระทบทางออ้ มทอ่ี าจเกดิ จากการปนเปอ้ื นลงไปยงั น้�ำใตด้ นิ กา๊ ซทไี่ ดใ้ นระบบยงั นำ� ไปใชง้ านในครวั เรอื นในรปู ของพลงั งานทดแทนกา๊ ซหงุ ตม้ และยงั เปน็ ตน้ แบบใหแ้ ก่ เกษตรกรอน่ื ๆ มาศกึ ษาดงู านและนำ� ไปประยกุ ตใ์ ชเ้ พอื่ สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพทดี่ ขี องชมุ ชน ต่างๆ ตอ่ ไปในอนาคตอยา่ งยัง่ ยืน ขอบเขตของการใชง้ าน 1. ระบบดังกลา่ วต้องการพน้ื ทต่ี ิดตงั้ อย่างต�่ำ 16-20 ตร.ม. โดยตอ้ งอย่ใู นท่ีโลง่ แจ้งและไดร้ บั แสงแดดเพยี งพอ ไม่มกี ิง่ ไม้หลน่ ทบั ใส่ 2. ขนาดของระบบในโครงการสามารถใช้งานได้เทียบเท่ากับการก�ำจัดของเสีย ในการเล้ยี งสุกร 6-20 ตัว 3. ระยะเวลาใช้งานอยา่ งมปี ระสิทธิภาพของระบบไม่เกนิ 5-10 ปี 159 “องค์ความรสู้ ภู่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

กระบวนการเกิดก๊าซชวี ภาพ ก๊าซชีวภาพ คือก๊าซท่ีเกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการย่อยสลายสารอินทรีย์โดยจุลินทรีย์ ภายใต้สภาวะท่ีปราศจากออกซิเจน ในขณะทเี่ กิดการยอ่ ยสลายนนั้ จะเกิดกา๊ ซขนึ้ กลุ่มหนึ่ง ส่วน ใหญเ่ ปน็ กา๊ ซมเี ทน (Methane, CH4) รอ้ ยละ 60-70 รองลงมาเปน็ กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด(์ CO2) ร้อยละ 28-38 และกา๊ ซอืน่ ๆ เชน่ แอมโมเนีย (NH3) ไฮโดรเจนซลั ไฟด์(H2S) เปน็ ต้น มีปรมิ าณ รอ้ ยละ 2 โดยองคป์ ระกอบของก๊าซชวี ภาพจะมกี ๊าซมีเทนมากท่ีสุด มคี ุณสมบัตไิ มม่ ีสี ไม่มีกลน่ิ และตดิ ไฟได้ เบากว่าอากาศ ในบางครัง้ อาจมีกลนิ่ เหมน็ ซ่งึ เกิดจากก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรอื กา๊ ซไขเ่ นา่ ซึง่ เม่ือจดุ ไฟแล้วกล่ินเหม็นจะหมดไป ข้นั ตอนในการย่อยสลายประกอบด้วย 3 ขนั้ ตอน แสดงกระบวนการไดด้ งั รปู ท่ี 1 และมี รายละเอยี ดดังน้ี ขน้ั ที่ 1 การยอ่ ยสลายของอนิ ทรยี ์สาร (Hydrolysis) อนิ ทรียส์ ารจากพืชและสตั ว์มักจะ ประกอบดว้ ย คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั โปรตนี ซง่ึ เปน็ อนิ ทรยี ส์ ารทม่ี โี มเลกลุ ใหญ่ ขนั้ ตอนนแ้ี บคทเี รยี จะยอ่ ยอนิ ทรยี ส์ ารใหม้ โี มเลกลุ ทเี่ ลก็ ลงโดยปลดปลอ่ ยเอมไซม์ เปลยี่ นเซลลโู ลส โปรตนี ไขมนั ไป เป็น กลโู คส กรดอะมิโน กลเี ซอรอล และกรดไขมัน ซ่ึงอยู่ในรปู ของสารละลาย ข้ันท่ี 2 การเกิดกรด (Acidification) ซึ่งสารท่ีได้ในข้ันท่ี 1 จะถูกหมักต่อไปในสภาพไร้ อากาศ และจะถกู ยอ่ ยสลายโดยแบคทเี รยี ในกลมุ่ ที่ 2 ซง่ึ มอี ยหู่ ลายชนดิ แตกตา่ งกนั ไปตามชนดิ ของวัตถุดิบ โดยกลุ่มที่มีบทบาทมากเป็นแบคทีเรียท่ีไม่ต้องการอากาศ จะย่อยสลายสารในข้ัน แรกให้กลายเป็นกรดนำ้� ส้ม นอกน้ันจะเป็นแอกอฮอล์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ซึ่งจะถูก เปลยี่ นไปเป็นก๊าซมเี ทนในขัน้ สดุ ทา้ ย ข้ันท่ี 3 การเกิดมีเทน (Methanization) กรดน�้ำส้ม แอกอฮอล์ และคาร์บอนไดออกไซด์ จะถกู เปลย่ี นไปเปน็ กา๊ ซมเี ทน โดยปฏกิ ริ ยิ าของแบคทเี รยี เมทาโนจนี คิ หรอื เมทาโนเจนท์ ปฏกิ ริ ยิ า ของแบคทเี รยี เมทาโนเจนเปน็ การยอ่ ยสลายในสภาพไรอ้ ากาศจะไดก้ า๊ ซมเี ทน ซง่ึ สารตงั้ ตน้ แตล่ ะ ตัวจะมีกระบวนการทางชวี เคมแี ตกตา่ งกัน รปู ที่ 1 กระบวนการเกดิ กา๊ ซมเี ทนในระบบหมักกา๊ ซชีวภาพ “องค์ความรูส้ ่ภู าคประชาชน” 160มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

สรปุ กระบวนการยอ่ ยสลายแบบไรอ้ ากาศ เชอ้ื แบคทเี รยี ทงั้ 3 กลมุ่ จะตอ้ งมปี รมิ าณสมั พนั ธ์ กนั เพราะถา้ หากสารอาหาร (มลู สตั ว)์ มมี ากเกนิ ไป แบคทเี รยี กลมุ่ ท่ี 1 และกลมุ่ ที่ 2 จะผลติ กรด ออกมามาก จนกระทั่งแบคทีเรียกลุ่มท่ี 3 หยุดท�ำงาน (ก๊าซไม่เกิด) หากสารอาหารมีน้อยเกินไป แบคทีเรียก็จะเจริญเติบโตได้ช้า (ผลิตก๊าซได้น้อย) หากมีการกวนสารอาหารพอสมควร จะท�ำให้ แบคทเี รยี ทงั้ 3 กลมุ่ สมั พนั ธก์ นั ดี แตถ่ า้ หากมกี ารกวนสารอาหารมากเกนิ ไปกก็ ลบั จะทำ� ใหก้ ารผลติ กา๊ ซลดลงเพราะไมม่ กี ารยอ่ ยสลาย ระบบหมักก๊าซชวี ภาพแบบถงุ ระบบหมักกา๊ ซชวี ภาพแบบถงุ แสดงไดด้ งั รูปที่ 2 โดยประกอบด้วย 4 สว่ น คอื 1. ส่วนเติมมูลสัตว์ เป็นส่วนท่ีใช้เติมมูลสัตว์/นำ้� เสียเข้าไปในบ่อหมัก มักทำ� ด้วยบ่อซีเมนต์ ดาดผวิ ด้วยคอนกรีตและมที ่อเพอ่ื เตมิ ของเสยี อยบู่ ริเวณกน้ 2. ส่วนหมักกา๊ ซ ทำ� จากผ้าพลาสตกิ พีวซี หี นาไม่ตำ�่ กว่า 0.25 มม. ท�ำหน้าทเ่ี ก็บของเสยี เพื่อ ให้จลุ ินทรีย์ท�ำการยอ่ ยสลาย 3. บ่อน้ำ� ลน้ และดงึ กาก เป็นส่วนทใี่ ชร้ ะบายกากของเสียซึง่ ผา่ นการยอ่ ยสลายโดยจุลินทรีย์ แล้ว กากของเสียที่ล้นออกมาจะระบายออกด้วยระดับความสูงของของเสียในส่วนหมัก กา๊ ซ 4. ทอ่ สง่ กา๊ ซและระบบระบายแรงดัน ทอ่ ส่งกา๊ ซจะนำ� ก๊าซชีวภาพทไี่ ด้ไปใช้งาน แต่หากยงั ไม่มีการใช้งาน ก๊าซจะสะสมในส่วนหมักก๊าซและหากมีจ�ำนวนมากจะระบายออกทาง ระบบระบายแรงดนั รูปที่ 2 ระบบการทำ� งานของระบบหมักกา๊ ซชีวภาพแบบถงุ 161 “องค์ความรสู้ ูภ่ าคประชาชน” มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

ขนั้ ตอนการตดิ ตง้ั และใช้งาน 8. สามทางพีวซี 3ี /4 น้ิว - 1 นวิ้ จำ� นวน 1 อนั 9. ขวดรองรบั ไอน�ำ้ 1 ใบ (ขวดนำ�้ ดม่ื ที่ใชแ้ ลว้ ) วัสดุและอปุ กรณ์ 10. วาล์วทองเหลือง 4 หุน หรือบอลวาล์ว จ�ำนวน 1. พลาสติก พีวีซี ความหนา 0.25 มม. กว้าง 1 อนั 1.8 เมตร ยาว 6 เมตร จ�ำนวน 3 ผนื 11. หัวกา๊ ซ 1 หวั 2. ท่อพีวีซีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ยาว 1.2 เมตร 12. สายสง่ กา๊ ซความยาว 2 เมตร 13. ปนู ซเี มนต์ 1 ถุง จ�ำนวน 2 อนั 14. วงบอ่ ขนาดเสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 50 - 80 ซ.ม. 3. กาวอีแวป็ 1/2 กระป๋อง พร้อมแปรง 4. เกลียว นอก - ใน พวี ีซี 3/4 นิ้ว จำ� นวน 1 ชุด 5. ยางในรถจกั ยานยนต์เก่า 6. แผ่นพลาสติกแข็ง ขนาด 3 นิ้ว 2 แผ่น (จากกระปอ๋ งน้�ำมันเคร่ืองเก่า) 7. ทอ่ พอี ี หรือท่อพวี ีซี ขอ้ ต่อ ขนาด3/4 นิ้ว - 1 นว้ิ จ�ำนวน ข้ึนอยู่กับความยาวของท่อส่งก๊าซท่ี ต้องการ(ไม่ควรเกิน 20 เมตร) การเตรียมพน้ื ท่ี พื้นที่ที่จะท�ำการสร้างบอ่ หมัก ควรเปน็ พ้ืนทล่ี าดเอียงต่ำ� กว่าระดบั คอกสัตวเ์ ล็กนอ้ ย เพื่อให้ มลู สตั วไ์ หลระบายเขา้ บอ่ เอง หรอื อาจทำ� เปน็ บอ่ ชนดิ ตกั มลู สตั วม์ าเตมิ กไ็ ด้ หากไมค่ ำ� นงึ ถงึ ระดบั ของ บ่อหมกั และคอกสตั ว์ ขนาดของหลุมที่จะขดุ ควรมีขนาดกว้างดา้ นบน 2 เมตร ยาว 4 เมตร ลกึ 1 เมตร (ส�ำหรบั การเลี้ยงสกุ รขนาดเฉลย่ี ปานกลาง จำ� นวน 10 - 15 ตวั หรือเท่ากับบอ่ เกบ็ มลู ปรมิ าณ 7 - 8 ลูกบาศก์ เมตร) บ่อสำ� หรับเป็นแนวส�ำหรับวางท่อรับและระบายมูลดว้ ย โดยให้ทางเข้ามลู มรี ะดบั สูงกว่าทาง ระบายมลู ออกเลก็ นอ้ ย รปู ท่ี 3 แสดงถงึ หลมุ ทผ่ี า่ นการขดุ เรยี บรอ้ ยแลว้ ซง่ึ หากมนี ำ�้ ทว่ มขงั ใหท้ ำ� การ เอานำ้� ออกกอ่ นดำ� เนินการต่อไป รปู ท่ี 3 หลุมท่ีใช้ในการตดิ ต้ังระบบ “องคค์ วามรู้สูภ่ าคประชาชน” 162มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

การประกอบถงุ หมกั พีวซี ี 1.ตดั พลาสตกิ พวี ซี ที ม่ี ขี นาดกวา้ ง 1.8 เมตร ยาว 6 เมตร จ�ำนวน 3 ชนิ้ ดงั รปู ที่ 4 ขอ้ ควรระวงั ในขั้นตอนน้ีคอื ควรวางแผน่ พลาสตกิ บนพนื้ ราบ ไมม่ กี รวด หนิ หรือทราย เพราะจะท�ำให้พลาสติกมี รอยขีดขว่ นหรอื รว่ั ได้ รปู ท่ี 4 ช้ินส่วนพลาสติกพวี ีซีทีจ่ ะใชป้ ระกอบเป็นเป็นถงุ หมกั 2. วางพลาสตกิ ทตี่ ดั แล้วต้ัง 3 ชิ้น ตามแนวยาว ให้ด้านขา้ งทับกนั ประมาณ 3 นิ้ว จากนัน้ ตดิ พลาสตกิ เข้าดว้ ยกนั ด้วยกาวอีแวป๊ ใช้มอื กดรีดบริเวณท่ที ากาวเบาๆ เพอ่ื ย�้ำใหพ้ ลาสตกิ ติดกนั แนน่ ขน้ึ และเปน็ การตรวจสอบรอยรว่ั อกี ทางหนงึ่ ขอ้ แนะนำ� ไมค่ วรทากาวใหห้ นาเกนิ ไปเพราะกาว จะท�ำใหพ้ ลาสติกย่น เกดิ เปน็ รูรั่วได้ ขั้นตอนนี้แสดงได้ดงั รูปที่ 5 รูปท่ี 5 การเชอ่ื มพลาสตกิ พีวีซีเพื่อเปน็ ถงุ หมกั กา๊ ซ 163 “องคค์ วามรสู้ ู่ภาคประชาชน” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

3.เมอ่ื ตดิ กาวครบทัง้ 3 ชิ้นแลว้ ถุงท่ีไดจ้ ะมลี ักษณะเปน็ ทรงกระบอกให้ตดิ ชดุ สง่ กา๊ ซ จากตวั ถงุ โดยเลอื กบรเิ วณทจี่ ะตดิ ใหอ้ ยสู่ ว่ นกลางของถงุ พบั ถงุ เปน็ รปู สามเหลย่ี มแลว้ ตดั ดว้ ย กรรไกรกว้าง 1 ซ.ม. จากน้ันติดชุดส่งก๊าซให้เกลียวในพีวีซีอยู่ด้านในถุง และเกลียวนอกพีอี ส�ำหรบั ต่อกบั สายส่งกา๊ ซอยดู่ ้านนอก ควรระวงั ไมใ่ หป้ ลายของเกลียวนอก - ใน ขดี ขว่ นกบั ถงุ รูปที่ 6 การตอ่ ท่อส่งก๊าซ 4. ผูกท่อพวี ซี ขี นาดเส้นผา่ ศูนย์กลาง 4 นิ้ว ความยาว 1.2 เมตร ทป่ี ลายท้งั สองของถุง แลว้ รดั ดว้ ยยางในรถจักรยานยนตเ์ กา่ ให้ปลายของทอ่ พวี ีซเี ขา้ ไปในถงุ ประมาณ 2 ใน 3 สว่ น ของความยาวของท่อ ควรระวังไม่ให้ปลายท่อขูดหรือขีดกับพลาสติก ควรยกทั้งท่อและถุงไว้ ไม่ควรลากบนพ้ืนดนิ ทั้งนี้เพ่อื ป้องกันไมใ่ ห้ถุงรัว่ รูปที่ 7 การมัดทอ่ เตมิ มลู สตั ว์และท่อระบายกากเข้ากบั ถงุ หมกั “องคค์ วามรู้สูภ่ าคประชาชน” 164มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

5. ทดสอบการร่ัวของถุงด้วยไอเสียจากรถยนต์ โดยการสอดปลายท่อเข้าที่ปลายท่อไอเสีย สว่ นทอ่ อกี ฝง่ั หนง่ึ และทางเดนิ ของทอ่ กา๊ ซใหป้ ดิ ดว้ ยถงุ พลาสตกิ เพอ่ื ปอ้ งกนั ลมออก แลว้ เรง่ เครอื่ งยนต์ นาน 5-10 นาทีถุงจะพองตวั ขึน้ หรืออาจใชเ้ ครือ่ งพน่ เมล็ดพืช/ป๋ยุ แทนกไ็ ด้ หลังจากนน้ั ใหเ้ กษตรกร ชว่ ยกนั ยกถงุ ทีไ่ ดน้ ไี้ ปยังบอ่ ทีข่ ุดเตรียมไว้แล้ว ควรระวังไม่ใหถ้ ุงเกีย่ วโดนกงิ่ ไม้หรือของปลายแหลม การตดิ ตัง้ รูปที่ 8 การทดสอบการรัว่ ซึมของถงุ หมกั ก๊าซ 1. น�ำถุงท่ีทดสอบการรั่วซึมมาลงหลุมจัดวางถุงให้ดี ต่อสายยางเข้ากับชุดต่อส่งก๊าซท่ี ถงุ แลว้ เตมิ นำ�้ ให้ทว่ มปลายทอ่ ดา้ นในของถุงทั้งสองด้าน แกะพลาสตกิ ที่มัดปลายทอ่ พวี ีซีทงั้ สอง ดา้ นออก รปู ที่ 9 การติดต้งั ถุงหมกั ลงในหลุมและเติมนำ�้ ก่อนเดนิ ระบบ 165 “องคค์ วามรู้สู่ภาคประชาชน” มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

2. ท�ำบ่อหรอื รางทางเข้าของมลู และบอ่ ล้น ท่ปี ลายท่อพีวีซที ั้งสองดา้ น รปู ที่ 10 การทำ� บอ่ เตมิ มลู สตั ว์ “องค์ความรสู้ ูภ่ าคประชาชน” 166มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

3. ประกอบสายส่งก๊าซ พร้อมท้ังติดต้ังขวดปรับแรงดันและดักนำ้� โดยให้จุดแรกอยู่ไกล้ กับบ่อหมัก ถ้าระยะทางระหว่างบ่อกับจุดที่จะใช้ก๊าซอยู่ไกลกันมากเกษตรกรสามารถติดตั้งขวด ดักน�้ำอีกหลายๆจุดก็ได้ ข้อควรระวังคือ ระยะทางอาจท�ำให้แรงดันก๊าซน้อยลง ควรเลือกบริเวณ วางถงุ ให้ใกล้กบั เตาหงุ ตม้ หากแรงดนั กา๊ ซน้อย เกษตรกรอาจใช้แผน่ ไม้กระดานทบั ด้วยถงุ ทราย วางเป็นคานถว่ งนำ�้ หนกั ใหเ้ กิดแรงกด ซ่งึ เป็นอกี วิธีหน่ึงทส่ี ามารถชว่ ยให้กา๊ ซแรงขนึ้ และที่สำ� คญั เกษตรกรควรหมนั่ ตรวจสอบระดบั น้�ำในขวดดกั น�ำ้ ใหอ้ ยเู่ หนอื ปลายทอ่ ดกั ไมต่ �่ำกวา่ 1 นว้ิ อยเู่ สมอ เพราะถ้าน�้ำแห้งกา๊ ซจะระบายออกทางชอ่ งระบายนำ�้ ของขวด รปู ท่ี 11 การต่อสายส่งกา๊ ซและระบบระบายแรงดนั 167 “องค์ความร้สู ่ภู าคประชาชน” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา

4. ติดตัง้ ท่อส่งกา๊ ซและวาล์วควบคุมกา๊ ซบริเวณใกล้เคียงกับเตาหุงต้ม รูปท่ี 12 การตอ่ เตาก๊าซ การใช้งานและขอ้ ควรระวัง 1. การใช้งานประจ�ำวันให้เติมมูลสัตว์หรือของเสียอินทรียวัตถุอื่นๆ 20 กิโลกรัม ผสมกบั น้�ำไม่น้อยกว่า 30 ลิตร ยกเวน้ มลู ไก่แหง้ ใหใ้ ชน้ ำ�้ ผสมกับมูลอตั ราส่วน 4:1 การเตมิ มูลสัตว์ควรเตมิ ทุกวนั หรอื อยา่ งน้อย 3-4 วัน/คร้งั โดยก๊าซทเ่ี กดิ ขึ้น จะขึ้นกับปรมิ าณมูลที่เตมิ เขา้ ไป 2. ไมค่ วรเตมิ EM ปนู ขาว หรอื นำ�้ ทมี่ สี ว่ นผสมของสารเคมลี งไป เชน่ คลอรนี นำ�้ ยา ลา้ งจาน น้ำ� ยาฆ่าเชื้อ เป็นต้น 3. ระวงั อยา่ ใหว้ ตั ถุทีย่ อ่ ยสลายไมไ่ ด้ เช่น ดิน หิน ทราย ฯลฯ ไหลลงไปในบ่อหมัก 4. ดูแลบริเวณขอบบ่อก๊าซชีวภาพให้สะอาด ทำ� รั้วป้องกันสัตว์ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับ บอ่ กา๊ ซชีวภาพ 5. หา้ มตดิ ตั้งขวดปรับแรงดันไว้ในบ้านและไมค่ วรเปดิ วาล์วท่อกา๊ ซชีวภาพทิง้ ไว้ 6. ตรวจดสู ภาพบอ่ กา๊ ซชวี ภาพอยา่ งสม่�ำเสมออยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ 2-3 ครงั้ หา้ ม จดุ ไฟส่องเพอ่ื ตรวจสอบ/หารูร่วั ของก๊าซ “องค์ความรสู้ ู่ภาคประชาชน” 168มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

คำ� ถามยอดฮิตคู่คดิ มิตรชุมชน คำ� ถาม : สามารถใชก้ า๊ ซไดม้ ากน้อยเทา่ ไหร่ตอ่ ชุด ? ค�ำตอบ : หากเตมิ มลู สัตวว์ นั ละ 20 กโิ ลกรัม (1 กระสอบป๋ยุ ) จะสามารถใช้กา๊ ซหุงตม้ ไดว้ นั ละ 3-4 ชั่วโมง ค�ำถาม : ตอ้ งเติมมูลสัตวเ์ ทา่ ไหร่ บ่อยแค่ไหน ? คำ� ตอบ :โดยปกตคิ วรเตมิ มลู สตั วว์ นั ละไมต่ ำ่� กวา่ 20 กโิ ลกรมั แตเ่ ตมิ นอ้ ยกวา่ นน้ั กไ็ ด้ แตก่ า๊ ซกจ็ ะได้ น้อยเกนิ ไปดว้ ย แต่ไม่ควรเติมเกนิ วันละ 60 กิโลกรัม (รวมมูลสตั วก์ บั นำ้� ) เนื่องจากจะท�ำให้จลุ นิ ทรีย์ ในระบบทำ� งานไมท่ นั ตอ่ การผลติ กา๊ ซ และในการเตมิ สดั สว่ นน้�ำตอ่ มลู สตั วอ์ ยา่ งนอ้ ยตอ้ งเทา่ กบั 1:1 หากใชน้ ้ำ� นอ้ ยไปจะทำ� ใหใ้ นบ่อหมักเป็นกรด จุลนิ ทรยี ใ์ นบอ่ จะตาย และยงั ทำ� ใหม้ ูลในระบบข้นเกนิ ไปจนไมส่ ามารถระบายออกมาได้ การเติมมูลสัตว์ควรกระท�ำทุกวันหรือไม่เกิน 2-3 วัน แต่หากไม่เติมเป็นเวลานานก๊าซก็จะไม่ค่อยมี และเมื่อจะใช้งานใหม่ ควรตรวจดูทอ่ ระบายกากและท่อเตมิ มูลสัตวว์ า่ มลู สัตว์แขง็ ตวั ปดิ ท่อหรอื ยัง ค�ำถาม : หากไม่เกิดก๊าซในถงุ หมกั หรือถุงหมักร่วั จะท�ำอยา่ งไร ? คำ� ตอบ : กรณถี งุ รวั่ ใหต้ รวจสอบรอยรวั่ ของถงุ โดยท�ำการฉดี น�้ำรดถงุ หมกั หากมฟี องอากาศเกดิ ขนึ้ แสดงว่ามกี ารรวั่ ซมึ บรเิ วณนั้น ท�ำการซอ่ มแซมโดยน�ำผา้ พลาสตกิ พวี ีซีหรอื พลาสติกผ้าใบอยา่ งหนา ทาด้วยกาวอีแว๊ปหรือกาวทาท่อเหล็กและนำ� ไปปะรอยร่ัวน้ัน กรณีถุงไม่รั่วและไม่เกิดก๊าซในระบบ แสดงว่ามีปัญหาในช่วงการเติมมูลสัตว์ โดยน�ำมูลสัตว์ท่ีมียาปฏิชีวนะเติมลงไปหรือเติมสัดส่วนมูล สัตว์มากเกินไป และไม่ควรเติม EM ลงไปในระบบเนื่องจากจุลินทรีย์ใน EM อาจเป็นคนละตัวกับ จุลินทรีย์ในระบบหมักและท�ำลายกันเอง นอกจากน้ีควรตรวจเช็คน้�ำในระบบระบายแรงดันว่าแห้ง หรือไม่ และตรวจดจู ดุ ต่อต่างๆ ว่าหลวมหรอื ไม่ 169 “องค์ความรู้สภู่ าคประชาชน” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

ค�ำถาม : ต้องเตมิ มูลสัตวเ์ ท่าไหร่ บอ่ ยแค่ไหน ? คำ� ตอบ : โดยปกตคิ วรเตมิ มูลสตั วว์ นั ละไม่ตำ่� กว่า 20 กโิ ลกรัม แต่เตมิ น้อยกวา่ นน้ั ก็ได้ แต่ก๊าซก็จะได้น้อยเกินไปด้วย แต่ไม่ควรเติมเกินวันละ 60 กิโลกรัม (รวมมูลสัตว์กับนำ�้ ) เนอ่ื งจากจะทำ� ใหจ้ ลุ นิ ทรยี ใ์ นระบบทำ� งานไมท่ นั ตอ่ การผลติ กา๊ ซ และในการเตมิ สดั สว่ นนำ้� ตอ่ มลู สตั วอ์ ยา่ งนอ้ ยตอ้ งเทา่ กบั 1:1 หากใชน้ ้�ำนอ้ ยไปจะทำ� ใหใ้ นบอ่ หมกั เปน็ กรด จลุ นิ ทรยี ์ ในบ่อจะตาย และยังทำ� ให้มูลในระบบข้นเกินไปจนไมส่ ามารถระบายออกมาได้ คำ� ถาม : กา๊ ซที่ใชง้ านมีกลน่ิ เหม็น (แบบก๊าซไขเ่ น่า) จะแก้ไขไดอ้ ย่างไร ? ค�ำตอบ : โดยทั่วไปการผลิตก๊าซชีวภาพจะได้ก๊าซไข่เน่าอยู่แล้ว แต่มากหรือน้อยขึ้นกับ การหมกั สมบรู ณ์แคไ่ หน และก๊าซดงั กลา่ วเมื่อผา่ นความร้อนจะสลายตวั ไป ในการใชง้ าน รปู แบบกา๊ ซหงุ ต้ม อาจไม่ต้องกงั วลเร่อื งดังกล่าว แต่หากใช้กบั การผลิตกระแสไฟฟ้าหรือ เครื่องจักร ต้องน�ำก๊าซชีวภาพที่ได้ไปผ่านตัวกรองก๊าซชีวภาพอีกทีเพ่ือให้เหลือแต่ก๊าซ มีเทนท่ีจะน�ำมาใช้งานได้ คำ� ถาม : ถ้าถุงหมกั กา๊ ซร่ัวจะเกิดการระเบดิ หรอื ไม่ แล้วบ้านท่ตี ้ังอยูใ่ กลถ้ งุ ก๊าซจะ อันตรายแคไ่ หน? คำ� ตอบ : กา๊ ซชวี ภาพมอี งคป์ ระกอบของกา๊ ซมเี ทนซง่ึ จดุ ตดิ ไฟได้ แตห่ ากเกดิ การรว่ั ขน้ึ มา กา๊ ซมเี ทนจะลอยตวั ขึน้ ส่ทู สี่ ูง ทำ� ให้ไม่ส่งผลกระทบต่อวตั ถรุ อบข้าง “องคค์ วามรสู้ ู่ภาคประชาชน” 170มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา

สอบถามองค์ความรูเ้ พิม่ เติม สถานท่ตี ิดตอ่ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา เชยี งราย 99 ถ.พหลโยธนิ ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชยี งราย 57120 โทรศัพท์ 053-723977-9 หรือตดิ ตอ่ โดยตรงที่ : อ.พงศ์พันธ ์ุ กาญจนการณุ โทรศพั ท์มอื ถอื 08-13452250 171 “องคค์ วามรสู้ ่ภู าคประชาชน” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

172

นโยบายและยทุ ธศาสตร์การวจิ ัยของชาติ ฉบบั ที่ 8 (พ.ศ. 2555 - 2559) ส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559) ยทุ ธศาสตร์ เปน็ องคก์ รกลางทมี่ หี นา้ ทตี่ ามพระราชบญั ญตั สิ ภาวจิ ยั การวิจัยระดับภูมิภาค รวมทั้งปัญหาและสถานการณ์ แห่งชาติท่ีมีหน้าที่ในการกำ� หนดนโยบายและแผนวิจัย ของประเทศ ส่วนรวม และได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นหน่วย นอกจากน้ัน นโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัย งานหลกั ในการรวบรวมแผนงานและงบประมาณในเชงิ ของชาติ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2555-2559) น้ียังได้คำ� นงึ ถงึ บรู ณาการของหนว่ ยงานการวจิ ยั ตา่ ง ๆ ของประเทศ เพอ่ื ความส�ำคัญของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดย นำ� เสนอรฐั บาลพจิ ารณาจดั สรรงบประมาณ โดยมคี วาม ทุกภาคส่วนที่เก่ียวข้องกับการวิจัยท้ังในส่วนกลาง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ทั้งน้ีเพื่อ และภูมิภาคได้มีส่วนร่วมในการจัดท�ำนโยบาย และ ให้ระบบการวิจัยของประเทศปรับตัวให้สามารถตอบ ยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2555- สนองกับความต้องการของสังคมและก้าวทันความ 2559) น้ีด้วย โดยได้มีการประชุมระดมความคิดใน เปลี่ยนแปลงของโลก และส่งผลให้งานวิจัยโดยรวมมี แต่ละภูมิภาคขึ้นเพ่ือน�ำมาจัดท�ำยุทธศาสตร์การวิจัย เปา้ หมายและทศิ ทางทช่ี ัดเจนมากข้ึน (พ.ศ. 2555-2559)ของแตล่ ะภมู ภิ าค วช. ไดน้ �ำประเดน็ นโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั ของชาติ ฉบบั วิจัยและข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาระดับภูมิภาค ที่ 8 (พ.ศ.2555-2559) ท่ี วช.จดั ท�ำขึ้นนั้น มฐี านการจดั มาบูรณาการโดยพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาและ ท�ำจากนโยบาย และยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของประเทศที่เกิดขึ้น (พ.ศ. 2551-2554) โดยเป็นนโยบาย และยุทธศาสตร์ รวมท้ังได้มีการรับฟังข้อคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ การวิจัยที่มุ่งสะท้อนและตอบสนองความต้องการของ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ และผเู้ กย่ี วขอ้ งมาประกอบและบรู ณาการ พื้นท่ีมีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ รว่ มกนั เพอ่ื จัดท�ำเปน็ นโยบายและยทุ ธศาสตร์การวิจัย การพัฒนาประเทศ นโยบายรัฐบาลที่อยู่บนพ้ืนฐาน ของชาติในภาพรวมของประเทศตอ่ ไป ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และ นโยบายและยุทธศาสตร์การวจิ ยั ของชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2555 - 2559) ได้ก�ำหนดยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ัยของชาติไว้ 5 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์การวจิ ัยท่ี 1 : การสร้างศักยภาพและความสามารถเพื่อการพฒั นาทางสงั คม มุ่งเน้น : การวิจัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา ระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง วัฒนธรรม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต สวัสดิการเพื่อความม่ันคงของชีวิต ตลอดจนการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การสร้างความเข้ม แข็งและการสร้างภูมิคุ้มกันของท้องถ่ินและสังคม รวมท้ังการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนท่ีเน้นกระบวนการมี สว่ นรว่ มในการแกไ้ ขปญั หาความยากจน นอกจากนน้ั ยงั มงุ่ เนน้ การพฒั นาศกั ยภาพเยาวชนผดู้ อ้ ยโอกาส ผพู้ กิ าร และผสู้ งู อายุ และการเสรมิ สรา้ งความมนั่ คงของประเทศ โดยในระดบั ภมู ภิ าคอาจมงุ่ เนน้ ในประเดน็ การวจิ ยั กลยทุ ธ์ การวจิ ยั และแผนการวิจยั ท่ีมีความจำ� เป็นต้องการผลงานวิจัยในพ้ืนทด่ี ้วย นโยบายและยุทธศาสตร์การวิจยั ของชาติ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2555 - 2559) 173

ยุทธศาสตร์การวิจัยท่ี 2 : การสร้างศักยภาพและ ยุทธศาสตร์การวิจัยที่ 3 : การอนุรักษ์ เสริมสร้าง ความสามารถเพ่อื การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และพฒั นาทนุ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ ม มงุ่ เนน้ : การวิจยั เพื่อพฒั นาประสทิ ธภิ าพการ มุ่งเน้น : การวิจัยเก่ียวกับการบริหารจัดการ ผลติ ทางการเกษตรซงึ่ ครอบคลมุ การสรา้ งมลู คา่ ผลผลติ ทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม ความหลากหลายทางชวี ภาพ ทางการเกษตร ป่าไม้และประมง รวมทั้งการพัฒนา การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่าง และจัดการองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อเป็น ย่ังยืน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน และสังคม พ้ืนฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจ รวมทั้งสร้างองค์ความรู้เก่ียวกับทรัพยากรดิน สรา้ งสรรคอ์ ย่างยง่ั ยนื นอกจากนนั้ ยัง ม่งุ เนน้ การวจิ ัย ทรพั ยากรธรณี ทรพั ยากรน้�ำ ทรพั ยากรปา่ ไม้ ทรพั ยากร เพื่อการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางอุตสาหกรรม สัตว์น้�ำ รวมถึงการแบ่งปันการใช้ประโยชน์จาก และอตุ สาหกรรมบรกิ าร ซง่ึ ครอบคลุมถงึ การท่องเท่ียว ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะกระบวนการมีส่วน การพัฒนาด้านพลังงาน โลจิสติกส์ และเทคโนโลยี ร่วมอย่างแท้จริง (Meaningful Public Participation) สารสนเทศและการสื่อสาร โดยค�ำนึงถึงบทบาทการ และการวิจัยท่ีเก่ียวกับการรองรับ และฟื้นฟูหลังภัย แขง่ ขนั ของประเทศภายใตก้ ารเปลย่ี นแปลง ทง้ั ในระดบั ธรรรมชาติ และภัยพิบัติในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น ประเทศและระดับนานาชาติ รวมท้ังสัมพันธภาพกับ โดยระดับภูมิภาคอาจมุ่งในประเด็นการวิจัย กลยุทธ์ ประเทศเพ่อื นบา้ น และสรา้ งองค์ความรูเ้ พอ่ื รองรบั การ การวิจัย และแผนการวิจัยท่ีมีความจ�ำเป็นต้องการ ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น (ASEAN Economic ผลงานวจิ ัยในพื้นท่ดี ว้ ย Community - AEC)โดยด�ำเนินการบนพ้ืนฐานของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมุ่งก่อให้เกิดประโยชน์ เชิงพาณิชย์และสาธารณะ โดยในระดับภูมิภาคอาจ มงุ่ เนน้ ในประเดน็ การวจิ ยั กลยทุ ธก์ ารวจิ ยั และแผนการ วจิ ัยทีม่ ีความจำ� เปน็ ตอ้ งการผลงานวจิ ยั ในพน้ื ทีด่ ว้ ย ยุทธศาสตร์การวิจัยท่ี 4 : การสร้างศักยภาพและความสามารถเพื่อการพัฒนานวัตกรรมและบุคลากร ทางการวิจยั มุ่งเน้น : การวิจัยเพ่ือสร้างองค์ความรู้ และต่อยอดภูมิปัญญาของประเทศ และต่อยอดภูมิปัญญาของ ประเทศ และสาธารณะ ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพการวิจัยของประเทศ โดยในระดับภูมิภาคอาจมุ่งเน้นใน ประเด็นการวจิ ยั กลยทุ ธก์ ารวจิ ยั และแผนการวิจัยที่มีความจำ� เปน็ ต้องการผลงานวิจัยในพืน้ ทดี่ ว้ ย ยุทธศาสตร์การวิจัยที่ 5 : การปฏิรูประบบวิจัยของประเทศเพ่ือการบริหารจัดการความรู้ ผลงานวิจัย นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ ทรัพยากร และภูมิปัญญญาของประเทศ สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และ สาธารณะ ด้วยยุทธวธิ ที เี่ หมาะสม ทเ่ี ข้าถงึ ประชาชน และประชาสังคมอย่างแพร่หลาย มุ่งเน้น : การวิจัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของการบริหารจัดการด้านการวิจัยของประเทศ โดยในระดบั ภูมิภาคอาจมุ้งเน้นในประเด็นการวิจัย กลยทุ ธก์ ารวจิ ยั และแผนการวจิ ัยทม่ี ีความจ�ำเป็นตอ้ งการผล งานวจิ ยั ในพ้ืนทดี่ ้วย 174 นโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2555 - 2559)