Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 8

ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 8

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2022-06-27 01:36:31

Description: ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 8

Search

Read the Text Version

151 การสร้างความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ ด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ ดาบตำ� รวจนิรันดร์ พมิ ล นครศจรังธี หรวัดรมราช ครูภูมปิ ัญญาไทย ด้านเกษตรกรรม ดาบต�ำรวจนิรันดร์ พิมล เกิดเมื่อวันท่ี ๓ เป็นต�ำรวจตระเวนชายแดนได้ท�ำ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๐ ท่ีบ้านร่อนนา ต.ร่อนพิบูลย์ หนา้ ทคี่ รฝู กึ อยทู่ า่ มกลางปา่ และธรรมชาติ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรคนที่ ๑ เกิดความสนใจในการเรียนรู้วิถีธรรมชาติ ในจำ� นวนพน่ี อ้ ง ๖ คน ของนายสรา้ ง พมิ ล และนาง ในช่วงเวลารับราชการได้รับการฝึกอบรม เผยี้ น พมิ ล สมรสกบั นางสาวนวรตั น์ รตั นคช มบี ตุ ร ด้านเกษตรกรรม การเล้ียงสัตว์ และ ชาย ๒ คน บตุ รหญงิ ๑ คน เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชด�ำริ เติบโตในครอบครัวเกษตรกรรมเช่นเดียว จากหลักสูตร “การพัฒนากสิกรรม กับผู้คนในท้องถ่ินอีกมากมาย ครูนิรันดร์ พิมล ธรรมชาติสู่ระบบเศรษกิจพอเพียงฯ” ท่ี จึงด�ำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางพื้นที่ธรรมชาติและ ศนู ยก์ สกิ รรมธรรมชาตมิ าบเออื้ ง อ.บา้ นบงึ เกษตรกรรม สัมผัสคุ้นชินอยู่กับธรรมชาติ เพราะ จ.ชลบุรี ต้องพ่ึงพาอาศัยธรรมชาติ จึงค่อยๆศึกษาเรียนรู้ ไปโดยอัตโนมัติตามท่ีเห็นบรรพบรุ ษุ ไดท้ �ำกันมา

การสร้างความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ 152 ด้วยครูภมู ปิ ัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ “...มีความร้แู ละประสบการณใ์ นดา้ นจลุ ินทรยี ์ การทำ� ปยุ๋ อินทรีย์ การบ�ำบัดนำ�้ เสีย สมนุ ไพร และ ธรรมชาติพยากรณ์ สาระการฝึกอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ ประกอบด้วย หลักเศรษฐกิจพอ เพียง ทฤษฎีบนั ไดเก้าขนั้ พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเยน็ ทำ� บญุ ท�ำทาน ถนอมเก็บรกั ษา ขาย...” ครูนิรันดร์ มีความเชื่อและศรัทธาแนวพระราชด�ำริ การที่ครูเป็นผู้มีความ เศรษฐกจิ พอเพยี งของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล รู้ ความเข้าใจ ด้วยการน�ำ อดุลยเดช อย่างมาก เม่ือลาออกจากราชการจึงไปศึกษาความ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอ รู้เพม่ิ เติมจากศูนย์กสกิ รรมธรรมชาติมาบเอือ้ งอกี ครงั้ อยา่ งต่อ เพียงตามแนวพระราชด�ำริ เนอื่ งจริงจัง ในพระบาทสมเด็จพระปร ขณะเดียวกันก็ได้ปรับประยุกต์ความรู้การด�ำรงชีพในป่า มนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มา การใช้สมุนไพร และภูมิปัญญา ให้สอดคล้องกับความหลาก ใช้กับหลักกสิกรรมธรรมชาติ หลายในพ้ืนท่ีและวัฒนธรรมท้องถิ่น ท�ำให้ฐานะครอบครัวมี การอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื การ คุณภาพชีวิตดีข้ึนตามล�ำดับ และยังสามารถแบ่งปันองค์ความ พ่ึงพาตนเองในภาวะวิกฤต รู้ประสบการณ์แก่ผู้ที่สนใจศึกษาเพื่อไปประยุกต์ใช้ประกอบ และการปรับประยุกต์ใช้วิธี อาชีพไดด้ ว้ ยอย่างไม่เดอื ดร้อน การด�ำรงชีพในป่า จึงช่วย เมอื่ มโี อกาส ยงั ไดเ้ ผยแพรอ่ งคค์ วามรใู้ นการประกอบอาชพี แก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกร ด้านการเกษตรกรรมแก่ผู้สนใจการท�ำเกษตรกรรมท่ีไม่พ่ึงสาร ท่ีท�ำการเกษตรแบบกสิกรรม เคมี ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงฯ ท�ำให้ผู้ที่มาศึกษา ธรรมชาติ ไดเ้ ป็นอยา่ งด ี สามารถเพมิ่ ผลผลติ ทางการเกษตรและสามารถแกไ้ ขปญั หาโรค สาระการฝกึ อบรมทศี่ นู ย์ พชื โรคสัตว์ ได้อยา่ งดี กสิกรรมธรรมชาติ ประกอบ จึงเปน็ ทม่ี าของการจดั ตงั้ “ศูนยก์ สิกรรมธรรมชาตทิ ุง่ สง” ด้วย หลักเศรษฐกิจพอเพียง ขนึ้ ทบ่ี า้ นเลขที่ ๒๕๒ หมทู่ ี่ ๒ บา้ นหนองแรง้ ต.นาโพธิ์ อ.ทงุ่ สง ทฤษฎบี นั ไดเกา้ ขนั้ พออยู่ พอ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเผยแพร่ความรู้หลักการท�ำกสิกรรม กิน พอใช้ พอร่มเย็น ท�ำบุญ ธรรมชาตโิ ดยไม่พึ่งสารเคม ี ทำ� ทาน ถนอมเก็บรักษา ขาย รวมเครือข่ายเรียนรู้ ผลท่ีได้ รับคือ ได้รู้จักหลักคิดการ พ่ึงตนเองขั้นพ้ืนฐานและข้ัน ก้าวหนา้

153 การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู มู ปิ ัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ รวมไปถึงการปรับปรุงดิน การห่มดิน การอนุรักษ์ดิน น้�ำ ป่า การออกแบบแปลง การจัดการพื้นที่เกษตรอินทรีย์ และ การจัดการพื้นท่ีให้เกิดประโยชน์สูงสุด การอนุรักษ์พันธุกรรม พืช การคัดเลือกพันธุกรรม การปลูกหรือขยายพันธุ์พืช การ เกบ็ รกั ษาและรวบรวมพนั ธพ์ุ ชื ทอ้ งถนิ่ และศกึ ษาแหลง่ ทอ่ี ยู่ การ จดั การรวบรวมพันธกุ รรมพชื ส�ำรอง เมอื่ เกิดภัยพิบตั ิ งานด้านจุลินทรีย์ การท�ำปุ๋ยอินทรีย์ การบ�ำบัดน�้ำเสีย สมุนไพร และธรรมชาติพยากรณ์ ของครูนิรนั ดร์ เป็นท่ยี อมรบั ของชุมชนใน จ.นครศรีธรรมราชและภูมิภาคอ่ืน และให้การ ช้ีแนะด้วยความเป็นครูและไม่ค�ำนึงถึงผลประโยชน์ตอบ ทุก ประการ การท่ี ดาบตำ� รวจนริ นั ดร์ พมิ ล ไดน้ ำ� ความรดู้ า้ นเกษตรกรรม ทต่ี นเองไดร้ บั การถา่ ยทอด ศกึ ษา คน้ ควา้ ฝกึ ฝนจนประสบความ ส�ำเร็จ และใช้ความรู้ ประสบการณ์เป็นประโยชน์โดยรวมแก่ สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ดา้ นเกษตรกรรม เพ่อื ทำ� หนา้ ท่ีถ่ายทอดภูมิปญั ญาในการจัดการ ศึกษาท้ังการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษา ตามอธั ยาศยั สบื ไป ท่ีอยู่ปัจจุบนั บ้านเลขท่ี ๔๖๗ หมู่ท่ี ๗ ต.ถ้ำ� ใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรธี รรมราช ๘๐๑๑๐ โทร. ๐๘๗-๘๘๕-๘๑๖๘ การศกึ ษา : ศิลปศาสตรบ์ ณั ฑิต เกยี รตคิ ณุ ทไ่ี ดร้ บั : โครงการเชดิ ชเู กยี รติ ๘๙ ปราชญ์ คนดศี รนี คร / ครภู มู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ดา้ นเกษตรกรรม สำ� นกั งาน เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๕๖๐

การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 154 ด้วยครูภมู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ จตังหรวังดั นายแสวง ภูศิริ ครภู ูมิปญั ญาไทย ด้านเกษตรกรรม นายแสวง ภศู ริ ิ เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๔๖๔ บรเิ วณลมุ่ นำ้� บางปะกง อำ� เภอบางปะกง จงั หวัดฉะเชิงเทรา เป็นบตุ รคนท่ี ๓ ในพ่จี �ำนวน ๔ คน ของ นายวอน ภศู ิริ และนางนาก ภศู ิริ สมรส กับ นางสาวรตั นา ก�ำแหงปฎิ ยุทธ์ิ มี บุตรชาย ๔ คน บตุ รหญิง ๓ คน ครูแสวง เป็นลูกชาวนาท่ีด้อยฐานะทางเศรษฐกิจ จึงช่วยพ่อแม่ท�ำนา ตง้ั แตอ่ ายุ ๘ ขวบ จบเตรยี มอดุ มของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ แมโ่ จ้ และ ทมี่ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ บางเขน เขา้ รบั ราชการทว่ี ทิ ยาลยั เกษตรกรรมตรงั หลังเกษียณอายุราชการเป็นอาจารย์พิเศษ สอนวิชาเกษตร ท่ี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ภเู กต็ กศ.บป.ตรงั เปน็ เวลา ๑๐ ปี และสอนวชิ าเกษตร ที่วิทยาลยั ชุมชนภเู กต็ และมหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ เป็นเวลา ๑๐ ปี

155 การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ด้วยครภู ูมิปัญญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ “...ครูแสวง สำ� เรจ็ การศึกษาดา้ นการเกษตร และยงั มสี ายเลือดเกษตรกร ทง้ั เป็นผู้ทม่ี ีความรู้ ความ สามารถ การท�ำปยุ๋ หมัก ปยุ๋ อินทรยี ์จากขี้เถา้ ไมย้ าง สำ� หรบั ปาลม์ น�ำ้ มัน การน�ำทเุ รียนนกเปน็ ตน้ ตอของ ทเุ รียนพันธุ์ การแปรรปู ผลิตผลการเกษตร การขยายพันธุ์มะละกอโดยวธิ ตี ดิ ตา สม้ โชกนุ อนิ ทรยี ์ และ ตน้ มะสงั เสรมิ รากสม้ โชกุน...” เพราะความทม่ี โี อกาสศกึ ษาในระดบั มหาวทิ ยาลยั ครแู สวง สนใจการศกึ ษา คน้ ควา้ ทดลอง วิจยั โดยสืบสานรากฐานจาก ภมู ปิ ญั ญาและยงั ไดน้ ำ� เทคโนโลยใี หมๆ่ มาตอ่ ยอดทำ� ใหเ้ กดิ องค์ ความรู้ที่น�ำไปสู่การพัฒนาผลผลิต การรักษาสภาพแวดล้อมท่ี ดีในเชิงเกษตรอินทรีย์ ท�ำให้เกิดประสิทธิภาพ คุณภาพและ ประหยัดเพิม่ มูลคา่ มาเผยแพร่ให้แก่ประชาชนทั่วไปทสี่ นใจ เป็นครูเชี่ยวชาญเร่ืองการขยายพันธุ์พืช สารก�ำจัดวัชพืช การปลูกทุเรียน และได้รับรางวัลจากการท�ำวิจัยเรื่องทุเรียน นก โดยใช้ทเุ รียนนกเปน็ ต้นตอของทเุ รียนพนั ธุด์ ี ทำ� ใหส้ ามารถ ตา้ นทานโรครากเนา่ ได้ โดยใชส้ วนของตนเองเปน็ แหลง่ คน้ ควา้ ทดลอง เมอ่ื ไดผ้ ลจึงเผยแพร่ใหแ้ ก่ผูส้ นใจท่วั ไป การทค่ี รแู สวง จบดา้ นการเกษตร และมสี ายเลอื ดเกษตรกร ท้ังเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ การท�ำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ จากข้ีเถ้าไม้ยางส�ำหรับปาล์มน�้ำมัน จึงมีมีความคิดสร้างสรรค์ ในการคิด ค้นคว้าต่อยอดการแปรรูปผลิตผลการเกษตร การ ขยายพันธุ์มะละกอโดยวิธีติดตาส้มโชกุนอินทรีย์ และต้นมะสัง เสรมิ รากส้มโชกุน พรอ้ มไดเ้ ผยแพร่ความรใู้ ห้แก่คนท่ัวไป ในปี ๒๕๔๙ ผลจากการศึกษา คน้ คว้าวจิ ัย ทำ� ใหค้ รูแสวง สามารถจดอนุสิทธิบัตร เรื่องการขยายพันธุ์มะละกอโดยวิธี ติดตา นบั วา่ เปน็ ความส�ำเรจ็ ที่ภาคภมู ใิ จเปน็ อยา่ งย่ิง

การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติ 156 ด้วยครภู ูมิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ การถ่ายทอดความรู้ของครู ท้ังท่ีศูนย์เรียนรู้ครูขวัญศิษย์ เศรษฐกิจพอเพียงฯ และในสถานศึกษาท้ังในและนอกระบบ และสถาบนั อดุ มศกึ ษาประชาชนในพน้ื ทแ่ี ละ ผสู้ นใจเรยี นรมู้ สี อื่ ประกอบการบรรยาย ตลอดนิทรรศการ เอกสาร โดยไม่ปดิ บงั ความร ู้ การท่ี นายแสวง ภศู ริ ิ ไดน้ ำ� ความรดู้ า้ นเกษตรกรรม ทต่ี นเอง ไดร้ บั การถา่ ยทอด ศึกษา ค้นควา้ ฝกึ ฝน จนประสบความส�ำเร็จ และใชค้ วามรู้ ประสบการณ์ เปน็ ประโยชนโ์ ดยรวมแกส่ งั คม จงึ ได้ รบั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตจิ ากสำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ดา้ นเกษตรกรรม เพอื่ ทำ� หนา้ ทถ่ี า่ ยทอดภมู ปิ ญั ญาในการจดั การศกึ ษาทง้ั การศกึ ษา ในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สบื ไป ท่ีอยู่ปัจจุบัน : เลขท่ี ๑๒ หม่ทู ่ี ๑ ต.ชอ่ ง อ.นาโยง จ.ตรงั ๙๒๑๗๐ โทร. ๐๘๙- ๔๗๒-๙๓๙๑ การศกึ ษา : วท.บ. เกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ แมโ่ จ้ และ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ บางเขน เกียรติคณุ ท่ไี ด้รบั : บุคคลดเี ด่นแหง่ ชาติ / รางวัลครูขวญั ศษิ ย์ มลู นิธริ างวัลสมเด็จเจา้ ฟ้ามหาจกั รี / ครภู ูมปิ ญั ญาไทย ร่นุ ที่ ๘ ดา้ นเกษตรกรรม สำ� นักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐

157 การสร้างความเป็นปึกแผ่นของชาติ ด้วยครูภูมิปญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ พจังัทหลวดั งุ เป็นผู้มีความรู้ ความ สามารถในการแกะตัวหนัง ตะลงุ ทั้งรูปแบบโบราณ และ รูปแบบที่ปรับประยุกต์ให้ สอดคล้องทันสมัย ด้วยความ นายกติ ติทัต ศรวงศ์ สนใจรูปแบบและเทคนิคการ ครูภมู ปิ ัญญาไทย ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม แกะหนังตัวตะลุงของสายช่าง แกะตัวหนังตะลุงท่ัวภาคใต้ ครูกิตติทัต สามารถแยกแยะ นายกิตติทัต ศรวงศ์ เกิดเม่ือวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๐๘ ท่ี ความแตกต่างในการวางลาย บ้านทา่ มหิ รำ� ต.ท่ามหิ รำ� อ.เมอื ง จ.พัทลงุ เปน็ บตุ รคนที่ ๕ ใน และการแกะตัวหนังตะลุงได้ จำ� นวนพ่นี ้อง ๑๑ คน ของนายลาภ ศรวงศ์ และนางริน่ ศรวงศ์ ชัดเจน และด้วยความรักและ สมรสกับนางสาวธนาพร ถงึ พร้อม มีบุตรหญงิ ๑ คน หวงแหนในศิลปะการแสดง บิดาเป็นชา่ งแกะรปู หนังตะลุง จงึ ได้คุ้นเคยกบั วธิ กี ารแกะ พื้นบา้ นหนังตะลงุ ครกู ติ ติทัต รปู หนงั ตะลงุ มาตงั้ แตเ่ ดก็ แลว้ ยงั ไดร้ บั การฝกึ ฝนจากบดิ า ตงั้ แต่ จึงได้จัดต้ัง “ศูนย์การเรียนรู้ อายุ ๗ ปี เริ่มตน้ ด้วยการทำ� รปู หนงั ตะลงุ จากกระดาษแข็งเป็น หอศิลป์หนังตะลุง” ขึ้น เพ่ือ รูปตัวตลก เดินเร่ขายในตลาดท่ามิหร�ำ และตามงานเทศกาล เผยแพร่ สืบทอดเร่ืองราวทุก งานสวนสนกุ ตา่ งๆ เมอื่ จบชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ จงึ เรมิ่ ฝกึ แกะ อย่างท่ีเก่ียวข้องกับหนังตะลุง รปู หนงั ตะลงุ อยา่ งจรงิ จงั จากบดิ าและยดึ เปน็ อาชพี ตามรอยบดิ า ใหแ้ กผ่ สู้ นใจ

การสรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ 158 ดว้ ยครภู มู ิปัญญาไทย รุ่นที่ ๘ ส่ิงหนึ่งที่ไม่เคยคิดย่อท้อ คือ ไม่เปลี่ยนแปลงอาชีพ มี ความรักความผูกพัน ด้วย ส�ำนึกท่ีจะสืบสานและสร้าง มลู คา่ ใหก้ บั คนรนุ่ หลงั สบื ทอด เช่นเดียวกับการแสดงหนัง ตะลุง การเล่นเครื่องดนตรี ประกอบการแสดงหนังตะลุง และ การแกะรูปหนัง ยังคง รักษาสืบสานตามภูมิปัญญา เมอ่ื ความตอ้ งการรปู หนงั ตะลงุ เปลยี่ นแปลงไป จากแตเ่ ดมิ ดัง้ เดมิ คณะหนงั ตะลงุ จะใชอ้ ปุ กรณเ์ กบ็ ตวั หนงั ตะลงุ ประมาณ ๑๐๐ – ทุ ก วั น น้ี ค รู กิ ต ติ ทั ต ๒๐๐ ตวั มาเหลอื ประมาณ ๒๐ – ๔๐ ตวั หนงั ทำ� ใหต้ อ้ งคดิ คน้ ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ปรบั เปลย่ี นการแกะสลกั รปู หนงั ตะลงุ เปน็ การแกะหนงั รปู อนื่ ๆ ด ้ า น อุ ต ส า ห ก ร ร ม แ ล ะ ท�ำใหพ้ อดำ� รงชีพต่อไปได้ หัตถกรรม (การแกะรูปหนัง แต่ความปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้งความต้องการของลูกค้า ตะลุง) ที่ตนเองมีอยู่ มุ่งม่ัน เปล่ียนไปอีก ต้องผลิตตามส่ังแกะสลักของลูกค้าเท่าน้ัน จึง ที่จะถ่ายทอดแก่ผู้สนใจและ พัฒนาการผลิตไปเป็นการแกะสลักรูปหนังแนวจิตรกรรม โดย เยาวชนโดยมุ่งสร้างประโยชน์ เรียนรู้รูปแบบจากภาพวาดตามวัด หนังสือ ธรรมชาติ ส่ิง โดยรวมแก่สังคม โดยไม่หวัง แวดลอ้ ม และอน่ื ๆ ผลตอบแทน ท�ำด้วยใจจิต ครกู ติ ตทิ ตั ศรวงศ์ มวี ธิ กี ารรา่ งรปู แบบตวั หนงั ตะลงุ โดยยดึ อาสา เสียสละ เพ่ือรักษา หลักการท�ำหนังตะลุงตามโครงสร้างเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตอก มรดกทางศิลปวัฒนธรรมชาติ การแกะ และการระบายสี รปู หนา้ บท เจ้าเมือง นางเมือง ฤาษี ทงี่ ดงามใหเ้ ปน็ มรดกอนชุ นรนุ่ ยักษ์ และเทวดา และรปู ตัวตลกแบบตา่ งๆ แบบโบราณ อาจมี หลงั สบื ไป ดดั แปลงวธิ กี ารใหส้ อดคลอ้ งกบั ยคุ สมยั มากกวา่ ทจี่ ะเนน้ ในเชงิ ธุรกจิ บา้ ง

159 การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครภู มู ปิ ัญญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ “...วิธีการร่างรปู แบบตวั หนงั ตะลงุ ครยู ังยดึ หลกั แนวทางการทำ� หนังตะลงุ ตามโครงสรา้ งเดมิ ไม่ วา่ จะเปน็ การตอก การแกะ และการระบายสี รปู หนา้ บท เจ้าเมอื ง นางเมอื ง ฤาษี ยกั ษ์ และเทวดา และ รูปกาก (ตัวตลกแบบต่างๆ) ยังคงยึดมนั่ แบบโบราณ...” เห็นเป็นประจักษ์ถึงแหล่งการเรียนรู้ “หอศิลป์หนังตะลุง” ท่ีครูสร้าง ขนึ้ ณ บ้านเลขที่ ๑๒๒ หมูท่ ่ี ๔ ถนนเพชรเกษม ต.ท่ามิหรำ� อ.เมอื ง จ.พัทลงุ ยัง ท�ำหนา้ ทถ่ี า่ ยทอดความรู้ มที งั้ การจดั กจิ กรรม สาธติ การรา่ ง การตอก การแกะ การระบายสี รปู หนงั ตะลงุ ทำ� ใหด้ ตู วั อยา่ ง และใหฝ้ กึ ปฏบิ ตั จิ รงิ แกผ่ สู้ นใจเรยี น รู้ทัว่ ไป ทดลองปฏบิ ัตซิ ้ำ� แลว้ ซำ�้ อีก จนเกดิ ความช�ำนาญแท้จรงิ จงึ จะให้ผา่ นไป ประกอบอาชพี ได้ ศษิ ยข์ องครู มที งั้ นกั เรยี นในระดบั ประถมศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษา กลมุ่ ผสู้ นใจ ทว่ั ไปทต่ี อ้ งการประกอบอาชพี ชา่ งแกะรปู หนงั ตะลงุ นกั ดนตรพี น้ื บา้ น และนาย หนังตะลุงรุน่ ใหมแ่ ละจัดตงั้ กลุ่มแกะรูปหนงั ตะลุง การที่ นายกติ ตทิ ตั ศรวงศ์ ได้น�ำความรู้ ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ที่ ตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้าง ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จ และใช้ ความรู้ ประสบการณ์ เป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชู เกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครู ภูมปิ ญั ญาไทย ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม เพอื่ ท�ำหนา้ ท่ถี ่ายทอดภมู ปิ ัญญา ในการจดั การศกึ ษาทงั้ การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตาม อัธยาศัย สืบไป ที่อย่ปู จั จบุ นั : เลขที่ ๑๒๒ หมูท่ ่ี ๔ ต.ท่ามหิ ร�ำ อ.เมือง จ.พทั ลุง ๙๓๐๐๐ โทร. ๐๘๑-๖๙๓-๗๒๒๐ เกียรติคุณท่ีได้รับ : รองชนะเลิศ อันดับ ๑ โครงการเอกลักษณ์อันดามัน ส�ำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวง วัฒนธรรม / เกียรตบิ ตั รครูภูมปิ ัญญา กรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม / เกียรติบัตรครูภูมิปญั ญาพื้นบ้าน มหาวทิ ยาลยั ทักษิณ / ครภู ูมิปญั ญางานช่างศิลปพ์ นื้ บา้ น / รางวลั วัฒนคุณาธร กระทรวงวฒั นธรรม / ครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ส�ำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๕๖๐

การสร้างความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ 160 ด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ พจังัทหลวดั งุ นายปล้มื ชคู ง ครูภูมิปญั ญาไทย ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม วัยเด็กเรียนหนังสือตาม ภาคบังคับ ชอบวาดรูป ชอบ ดูหนังตะลุงเป็นชวี ติ จิตใจ ไป ดูหนังทุกคร้ังชอบนั่งหน้าโรง หนังตะลุงเพราะชอบรูปหนัง ผลพวงดังกล่าวซึมซับจดจ�ำ รูปลักษณะของตัวหนัง จน สามารถวาดรูปหนังตะลุงเป็น รูปตา่ งๆ เช่น ตัวตลก ตัวพระ ตัวนาง ไดด้ ้วยกระดาษ ต่อมาจึงฝึกท�ำด้วยหนัง วัว รวมทั้งชอบดูผู้ใหญ่ท�ำ เครอื่ งจกั สาน ทำ� เครอ่ื งมอื จบั สตั วน์ ำ้� เชน่ ไซ ขอ้ ง ลนั เครอื่ ง ใช้ต่างๆ เช่น ด้ามจอบ คัน ไถนาแบบโบราณ และเครื่อง ใช้ในครวั เรอื น นายปลมื้ ชูคง เกิดเมื่อวนั ที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๘๙ ท่ีบ้าน คอกววั ชายเขามลู หมูท่ ี่ ๑ ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลงุ เปน็ บุตร คนท่ี ๑ ในจำ� นวนพนี่ อ้ ง ๓ คน ของนายขาว ชคู ง และนางนวล ชูคง สมสรกบั นางสาวนว่ ม ไขท่ องแกว้ มีบุตรชาย ๑ คน บุตร หญิง ๒ คน

161 การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติ ด้วยครูภูมิปญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ การคลกุ คลอี ยกู่ บั วถิ ชี วี ติ ไม่ว่าจะเป็นงานหัตถกรรมผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าว และ ของปู่ย่าตายายพ่อแม่ท่ีท�ำ ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยพืช ที่ด�ำเนินงานมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๒ ยังมี หัตถกรรมดังกล่าว เท่ากับถูก เคร่อื งใช้ในครัวเรือน เครือ่ งประดบั ของที่ระลกึ เคร่อื งตกแต่ง ฝึกให้ท�ำไปโดยอัตโนมัติ และ บ้านเรือน สัตว์ประดิษฐ์จากะลา และของที่ระลึกต่างๆ อย่าง เข้าสู่การลงมือท�ำและพัฒนา หลากหลาย ไปจนถึงความช�ำนาญในที่สุด การทม่ี องเหน็ คณุ คา่ ของกะลามะพรา้ ว ซง่ึ เปน็ วสั ดทุ มี่ มี าก ด้วยตระหนักว่างานศิลป และถูกท้ิงขว้างไร้ค่าในท้องถ่ิน หากรวมกลุ่มช่างฝีมือในชุมชน หตั ถกรรมเปน็ มรดกภมู ปิ ญั ญา มาสร้างให้เป็นผลิตภัณฑ์ใช้สอยในครัวเรือน และของที่ระลึก นอกจากเพ่ือท�ำข้ึนใช้ในครัว ด้วยรูปแบบท่ีหลากหลายได้ จะเป็นงานศิลปะหัตถกรรมพ้ืน เรือนแล้ว ยังกลายเป็นรายได้ บ้านท่ีมีค่าและราคาได้ สามารถแก้ไขปัญหาการว่างงานของ เสริม จึงเกิดแนวคิดว่าน่าจะ ประชาชนหลังฤดูการเก็บเก่ียวแล้ว ยังได้ส่งออกจ�ำหน่ายใน ท�ำเป็นอาชีพเสริมจริงจังได้ สหรฐั อเมริกา จนี แคนาดา ญปี่ ่นุ มาเลเซยี และพมา่ เดือนละ จึงชักชวนเพ่ือนบ้านท�ำงาน ๒ ครั้ง หัตถกรรมพื้นบ้าน ตั้งแต่ปี ด้วยความเป็นครูผู้ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาค้นคว้าทดลองและน�ำเอา ๒๕๒๒ สร้างองค์ความรู้อัน วทิ ยาการสมยั ใหมม่ าเกอ้ื กลู ภมู ปิ ญั ญา ทำ� ใหค้ รปู ลม้ื ชคู ง เปน็ เกิดจากการศึกษาทดลอง ผทู้ มี่ คี วามรู้ ความสามารถเกยี่ วกบั งานหตั ถกรรมพนื้ บา้ น กะลา เรียนผิดเรียนถูกถึงความ มะพรา้ ว และงานจกั สานจากเสน้ ใยพชื ทงั้ สามารถถา่ ยทอดและ ตอ้ งการของตลาดมากมาย ฝกึ ฝนให้แกผ่ ูส้ นใจและผูเ้ รยี นเกิดทกั ษะความช�ำนาญ สามารถ นำ� ไปประกอบอาชพี เสรมิ รายไดข้ องเกษตรกร และใชเ้ ปน็ อาชพี หลักได้

การสร้างความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ 162 ด้วยครูภมู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ “...ไปดูหนังทุกครั้งชอบน่ังหน้าโรงหนังตะลุงเพราะชอบรูปหนัง ผลพวงดังกล่าวเป็นการซึมซับในการ จดจำ� รูปลักษณะของตวั หนงั จนสามารถวาดรปู หนงั ตะลงุ เป็นรูปต่างๆ เชน่ ตัวตลก ตัวพระ ตวั นาง ได้ด้วยกระดาษ...” ครูปลม้ื ท�ำงานด้วยใจรัก มุ่งม่ันเสียสละ ไม่ม่งุ แลกเปลยี่ น ผลประโยชน์หากแต่เป็นไปด้วยความเผื่อแผ่เมตตาจนเป็นท่ี ยอมรับเป็นปราชญ์ของสังคมชุมชน ได้เป็นวิทยากรให้ผู้สนใจ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ต้องขัง กลุ่มคนพิการ และผู้ถูกคุมความ ประพฤติ นักเรยี นประถมศึกษา มัธยมศึกษา และ นักศึกษาได้ ฝึกปฏิบัติลงมือทำ� ด้วยตนเอง จากรูปแบบงานช้ินใหญ่ท�ำง่ายๆ ไปสู่งานชิ้นเล็กที่ต้องใช้ ความปราณตี และฝมี อื ในการประดษิ ฐง์ านหตั ถกรรมผลติ ภณั ฑ์ จากกะลามะพรา้ ว และผลติ ภณั ฑจ์ ากเสน้ ใยพชื ซง่ึ มที งั้ เอกสาร บรรยาย พรอ้ มทั้งสาธติ ครบครนั การท่ีครูปลื้ม ชูคง ได้น�ำความรู้ ด้านอุตสาหกรรมและ หัตถกรรม ที่ตนเองได้รับการถ่ายทอด และคิดประดิษฐ์ ค้นคว้า ฝึกฝนจนประสบความส�ำเร็จ เป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการสภา การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้าน อุตสาหกรรมและหัตถกรรม เพื่อท�ำหน้าที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาใน การจดั การศกึ ษา ทง้ั การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และ การศึกษาตามอธั ยาศยั สบื ไป ทอ่ี ยปู่ จั จุบัน : เลขที่ ๔๒/๑ หมูท่ ี่ ๑ ต.ชัยบุรี อ.เมอื ง จ.พัทลุง ๙๓๐๐๐ โทร. ๐๗๔-๖๑๔-๕๑๒, ๐๘๖-๒๘๗-๒๕๔๒ การศกึ ษา : ประถมศึกษาปีท่ี ๔ / นักธรรมตรี โท เอก / บริหารธรุ กิจ มหาบณั ฑติ กิตติมศักดิ์ เกยี รตคิ ณุ ทไี่ ดร้ บั : รางวลั ท่ี ๑ งานประกวดเสน้ ใยพชื ศนู ยศ์ ลิ ปาชพี บางไทร / รางวลั ที่ ๑ การประกวดผลติ ภณั ฑห์ ตั ถกรรม ไทย ผลิตภณั ฑ์เครอ่ื งใชจ้ ากกะลามะพร้าว จ.สงขลา / รางวลั คนดีศรีสังคม / รางวลั ผมู้ ีผลงานดเี ดน่ สาขาศลิ ปะการชา่ งฝีมอื สำ� นกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ / รางวลั ผนู้ ำ� อาชพี กา้ วหนา้ ของภาคใต้ กระทรวงมหาดไทย / รางวลั เกยี รตยิ ศคนดี ศรเี มอื งลงุ สาขาอาชพี อสิ ระ / รางวลั ชมุ ชนเขม้ แขง็ นำ� วฒั นธรรมไทยสภู้ ยั เศรษฐกจิ สำ� นกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ / ครูภูมปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘ ดา้ นอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม สำ� นักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๒๕๖๐

163 การสร้างความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ ด้วยครูภมู ปิ ัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ พจงัทั หลวัดงุ นายขจรศักด์ิ เทพนยุ้ ครภู ูมปิ ญั ญาไทย ดา้ นการแพทย์แผนไทย นายขจรศกั ดิ์ เทพนุ้ย เกิดเมื่อวันท่ี ๒๓ สิงหาคม ๒๕๐๘ ที่ ต�ำบลคหู าสวรรค์ อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดพัทลงุ เปน็ บตุ รคนที่ ๒ ใน จำ� นวนพนี่ อ้ ง ๔ คน ของนายพนิ เทพนยุ้ และนางบญุ มาก เทพนยุ้ สมรสกบั นางสาวศริ ดา บญุ ภา มบี ุตรชาย ๒ คน บุตรหญงิ ๑ คน ชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก ครูขจรศักดิ์เป็นคนช่างสงสัยใคร่รู้ และ ชา่ งสงั เกต ไดเ้ หน็ หอ่ ใบลานวางไวบ้ นหงิ้ พระ เมอ่ื ถามกไ็ มม่ ใี คร บอก บอกแคอ่ ยา่ ไปหยบิ เลน่ เมอื่ สนใจใครร่ มู้ ากขนึ้ จงึ แอบหยบิ มาอา่ น ทำ� ใหพ้ บวา่ เปน็ ตำ� ราใบลานวชิ าการแพทยแ์ ผนไทยของ ทวดแกว้ เทพนุ้ย แม้จะไม่สามารถน�ำมาใช้ให้เกิดผลได้ชัดเจน แต่ก็สนใจท่ี จะศกึ ษา เรยี นรู้ต�ำราแพทยแ์ ผนไทยดงั กล่าว มิใช่น้อย

การสรา้ งความเป็นปกึ แผ่นของชาติ 164 ดว้ ยครภู มู ิปัญญาไทย ร่นุ ที่ ๘ “...ชวี ติ ตง้ั แตว่ ยั เดก็ ครขู จรศกั ดเ์ิ ปน็ คนชา่ งสงสยั ใครร่ ู้ และชา่ งสงั เกต ไดเ้ หน็ หอ่ ใบลานวางไวบ้ น หิง้ พระ เมือ่ ถามก็ไมม่ ีใครบอก บอกแค่อยา่ ไปหยิบเล่น เมือ่ สนใจใคร่รมู้ ากขน้ึ จงึ แอบหยบิ มาอา่ น ทำ� ให้ พบวา่ เปน็ ต�ำราใบลานวชิ าการแพทย์แผนไทยของทวดแก้ว เทพนยุ้ ...” เม่ือตนเองป่วยด้วยไข้มาเลเรีย และรักษาที่โรงพยาบาล เวชศาสตรเ์ ขตรอ้ น จงึ ไดข้ ออนญุ าต ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ศรชัย หลอู ารีสุวรรณ ทดลองรักษาโรคดว้ ยความร้ขู องตนเอง ตอ่ มาจงึ ไดห้ นั มาศกึ ษาเรยี นรรู้ า่ งกายมนษุ ย์ ระบบประสาท ในร่างมนุษย์ เมื่อเข้าใจ ความรู้การแพทย์แผนเก่าแบบด้ังเดิม พื้นบ้านจากใบลานแล้วได้ศึกษาเรียนรู้ทางการรักษาสมัยใหม่ ทางวทิ ยาศาสตร์ จงึ นำ� สาระทงั้ สองเรอ่ื งผสมผสานเขา้ หากนั ในช่วงระยะเวลาที่ทดลองประยุกต์ผสมผสานความรู้ทั้ง สองเข้าประสานกันนั้น ได้ศึกษาความรู้เพ่ิมเติมเร่ืองสมุนไพร โดยท่องเที่ยวไปท่ัวประเทศเพ่ือการศึกษาเรียนรู้เร่ืองสมุนไพร ในแต่ละภูมิภาค ในเรื่องการปลูกและการใช้ในแต่ละภูมิภาค และเริ่มรักษาใหแ้ กบ่ ุคคลผปู้ ่วยมาตง้ั แต่ปี ๒๕๒๙ เมอ่ื แนใ่ จใน ศาสตร์ความรู้ท่ีได้ศึกษาและได้ปรับประยุกต์ จึงเริ่มถ่ายทอด องค์ความรูแ้ ก่ผ้สู นใจในปี ๒๕๕๒ เป็นตน้ มา ดว้ ยเพราะ เป็นผู้มคี วามรู้ ความสามารถในเรื่อง การดแู ล รักษาสุขภาพแบบองค์รวม อย่างเช่นการกระตุ้นระบบปลาย ประสาททม่ี ปี ญั หาตอ่ ระบบกลา้ มเนอ้ื และอวยั ะภายในรา่ งกาย โดยการให้ร่างกายปรับปรุงระบบภายในด้วยการกระตุ้น ระบบการท�ำงานท่ีปลายประสาทฝ่ามือและฝ่าเท้า และการใช้ สมุนไพรเพื่อบ�ำรุงเสริมสร้างและปรับสมดุลให้แก่ร่างกายของ ผปู้ ว่ ย มิเพียงเท่าน้ัน ยังได้ถ่ายทอดให้แก่ผู้สนใจใคร่เรียนรู้แก่ บุคคลท่ัวไปตามอัธยาศัยโดยมิได้หวงวิชาความรู้ประสบการณ์ และม่งุ เน้นประโยชนส์ ่วนตนเป็นสำ� คัญ

165 การสร้างความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ ดว้ ยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ การท่ี นายขจรศักด์ิ เทพ นยุ้ ไดน้ ำ� ความรู้ ความสามารถ ด้านการแพทย์แผนไทย การ ฝังเข็มมือ ที่ตนเองได้รับการ ถา่ ยทอด ศกึ ษา คน้ ควา้ ฝกึ ฝน ครขู จรศกั ดิ์ เทพน้ยุ มีความรู้ เร่ือง การรักษาสุขภาพแบบ จนประสบความส�ำเร็จเป็น องค์รวม ด้วยการดูแลระบบปลายประสาทท่ีมีปัญหาต่อระบบ ประโยชน์โดยรวมแกส่ งั คม จงึ กล้ามเน้ือและอวัยะภายในร่างกาย โดยให้ร่างกายปรับปรุง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ระบบภายในด้วยการกระตุ้นระบบการท�ำงานท่ีปลายประสาท จากส�ำนักงานเลขาธิการสภา ฝ่ามือและฝ่าเท้า และการใช้สมุนไพรเพ่ือบ�ำรุงและปรับสมดุล การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ใหแ้ กผ่ ้ปู ว่ ยเมอื่ ประยกุ ต์ผล ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้าน จงึ เรยี กวธิ กี ารรกั ษาของตนเองวา่ “การฝงั เขม็ มอื ” ซง่ึ เปน็ การแพทย์แผนไทย เพ่ือท�ำ รกั ษาโดยการมอื บบี และนวดกระตนุ้ ระบบการทำ� งานของปลาย หน้าที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาใน ประสาททง้ั ฝา่ มอื และฝา่ เทา้ ตามตำ� ราดง้ั เดมิ ของทวดแกว้ เทพ การจัดการศึกษาท้ังการศึกษา นุ้ย ซึ่งเป็นการเปิดลมมือ และลมเท้า จากนั้นจึงแนะน�ำให้ใช้ ในระบบ การศึกษานอกระบบ สมุนไพรใกล้ตัวเปน็ ตวั ยาบำ� บดั ตัวผ้ปู ่วยเอง และการศึกษาตามอัธยาศัย การถ่ายทอดความรู้ ครูขจรศักด์ิก�ำหนดความพร้อม สืบไป ส�ำหรับผู้สนใจไว้ว่า ต้องอยู่ใกล้ชิดและต่อเนื่องกับครูในช่วง เวลาหน่ึง จนเกิดความแน่ใจว่ามีความสามารถรักษาผู้ป่วยได้ หากต้องเรียนรู้วิธีการรักษา จ�ำเป็นต้องเรียนรู้ให้ครบถ้วนสมบุ ทอี่ ย่ปู จั จบุ นั : เลขท่ี ๕๒ ต.คหู าสวรรค์ อ.เมือง จ.พทั ลุง รณ์พร้อมเป็นหมอพ้ืนบ้านได้ นอกจากนี้ยังให้ค�ำแนะน�ำความ ๙๓๐๐๐ โทร. ๐๗๔-๖๑๑-๐๘๖, รแู้ กผ่ ปู้ ว่ ยทม่ี ารบั บรกิ าร ทงั้ นเ้ี พอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยสามารถดแู ลสขุ ภาพ ๐๘๒-๒๗๗-๗๖๘๘ ของตนเองได้ ซงึ่ เปน็ การใหก้ ารศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษา ตามอัธยาศัย การศกึ ษา : ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ เกยี รติคณุ ทไี่ ดร้ ับ : ครภู มู ิปญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ ดา้ นการแพทย์แผนไทย ส�ำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๕๖๐

การสรา้ งความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ 166 ด้วยครภู ูมิปญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ พจงั ัทหลวดั ุง นายสมบรู ณ์ ทิพยน์ ุ้ย ครูภูมปิ ัญญาไทย ด้านการแพทยแ์ ผนไทย นายสมบรู ณ์ ทพิ ย์นุ้ย เกิดเม่ือวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๔๙๐ ทต่ี ำ� บลควนขนนุ อ�ำเภอเขาชยั สน จงั หวัดพทั ลุง เป็นบุตรคนที่ ๑ ในจำ� นวนพน่ี อ้ ง ๒ คน ของนายเทีย่ ง ทิพย์นยุ้ และนางผนิ ทิพยน์ ุย้ สมรสกับนางสาวถนอม เถาว์สุวรรณ มีบตุ รชาย ๑ คน บุตรหญิง ๒ คน ครสู มบรู ณ์ ทพิ ย์น้ยุ เป็นผู้มคี วามรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในดา้ นการแพทย์แผนไทย การดแู ลสขุ ภาพ แมแ่ ละเดก็ หลงั คลอดดว้ ยแพทยแ์ ผนไทยโดยการจบั เสน้ บบี นวด และการรกั ษา โรคด้วยสมุนไพร อันนบั เป็นการฟื้นฟูสบื ทอดการภูมปิ ัญญาหมอพ้นื บา้ น กระทง่ั ความพยายาม ในการเชอ่ื มโยงหมอพน้ื บา้ นเขา้ รว่ มเปน็ เครอื ขา่ ย ทร่ี วบรวมองคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั การดแู ลสขุ ภาพ ดว้ ยการจดั ตั้งศนู ย์เรียนรหู้ มอพ้นื บ้าน การผู้เช่ียวชาญด้านแพทย์แผนไทยของครูเป็นท่ียอมรับของชุมชนในฐานะครูเป็นผู้ทรงภูมิ ความรแู้ ละความสามารถเปน็ ทพ่ี ง่ึ ของคนทวั่ ไปได้ ซงึ่ อาจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ ปราชญด์ า้ นแพทยแ์ ผน ไทยในชมุ ชนกว็ า่ ไดเ้ พราะครสู มบรู ณ์ เกดิ ในตระกลู แพทยแ์ ผนไทย ไดค้ ลกุ คลตี โี มงอยกู่ บั ปยู่ า่ ตา ยายและพ่อแม่ที่ให้การดูแลรักษาเพื่อนบ้านชาวชุมชนและผู้เดือดร้อนท่ีแวะเวียนมาพึ่งพาเป็น ประจ�ำ

167 การสรา้ งความเป็นปึกแผน่ ของชาติ ด้วยครูภมู ิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ “…ปู่ ลุง และพอ่ คอยชแ้ี นะให้คำ� แนะน�ำ และยังได้เรยี นรจู้ ากต�ำราดงั้ เดมิ ของตระกูลท่ีไดร้ ับการสืบ ทอดตอ่ ๆ กนั มา ทงั้ วิธีการปรงุ ยาแบบโบราณทต่ี อ้ งเรียนรูอ้ าคมเพอื่ กำ� กบั ตวั ยารักษาโรค รวมท้ังการ รกั ษาโรคเดก็ เล็ก การใชส้ มุนไพร และการจับเสน้ ...” กระทั่งได้รับการอบรมส่ังสอน ความรู้จากเครือญาติด้านหมอพ้ืนบ้าน โบราณ โดยมี ปู่ ลงุ และพ่อ คอยชี้แนะใหค้ ำ� แนะนำ� และยงั ไดห้ มน่ั ศึกษา จากตำ� ราดงั้ เดมิ ของตระกลู ทไ่ี ดร้ บั การสบื ทอดตอ่ ๆ กนั มา ทงั้ วธิ กี ารปรงุ ยา แบบโบราณทต่ี อ้ งเรยี นรอู้ าคมเพอ่ื กำ� กบั ตวั ยารกั ษาโรค รวมทงั้ การรกั ษาโรค เด็กเลก็ การใชส้ มนุ ไพร และการจบั เสน้ ปี ๒๕๒๗ อาสาสมัครเป็น อสม.สถานีอนามัยบ้านนาหยา ต�ำบล ควนขนุน อ�ำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ซึ่งได้มีการรวมกลุ่ม และพัฒนา ขึ้นเป็นชมรม อสม. เม่ือครูสมบูรณ์ ได้รับต�ำแหน่งประธานชมรมฯ จึงได้ จัดต้ังกลุ่มเรียนรู้สมุนไพร และรวบรวมทีมหมอพื้นบ้าน ต้ังเป็นชมรมหมอ พ้ืนบา้ น อำ� เภอเขาชัยสน และตอ่ มาในปี ๒๕๔๐ จึงได้จดั ตั้งเปน็ ศนู ยเ์ รียน รูห้ มอพื้นบ้าน ในบริเวณบา้ นของตนเอง ความรหู้ มอพน้ื บา้ นของครเู ทา่ กบั เปน็ ปราชญข์ องชาวชมุ ชนน้ี เนอื่ งจาก ไดซ้ มึ ซบั เรยี นรจู้ ากครอบครวั ประสบการณแ์ ละตำ� ราดง้ั เดมิ ของตระกลู ถอื ไดว้ า่ เปน็ การสบื สานตอ่ ยอดภมู ปิ ญั ญาไทยอนั ทรงคณุ คา่ ทบ่ี รรพชนสรา้ งไว้ ศึกษาเรียนรู้ทดลองจนช�ำนาญการ ท้ังวิธีการปรุงยา ท้ังวิธีการรักษาแบบ โบราณ และยังได้มีการเช่ือมโยงไปถึงทรัพยากรด้านป่าสมุนไพรท้ังที่มีอยู่ ตามป่าพนื้ บ้าน ในบา้ นของตนเอง

การสร้างความเป็นปกึ แผ่นของชาติ 168 ด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ การท่ี ครสู มบรู ณ์ ทพิ ยน์ ยุ้ เปน็ บคุ คลผทู้ รงภมู ปิ ญั ญาดา้ น การแพทยแ์ ผยไทย ท่ีตนเองได้ รบั การถ่ายทอด ศึกษา คน้ คว้า ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จ เปน็ ประโยชนโ์ ดยรวมแกส่ งั คม จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ จากส�ำนักงานเลขาธิการสภา ตลอดจนรณรงคใ์ หช้ าวชมุ ชนเหน็ ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของ การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ป่าสมุนไพร ท่ีล้วนมีคุณค่ามหาศาลในการดูแลสุขภาพตั้งแต่ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้าน สุขภาพ แม่และเด็กหลังคลอด การรักษาโรคท่ีเกิดขึ้นแก่เด็ก การแพทย์แผนไทย เพ่ือท�ำ เลก็ เชน่ แผล พุพอง การใช้ยาสมุนไพรรักษาโรค การบบี นวด หน้าท่ีถ่ายทอดภูมิปัญญาใน แบบพื้นบ้านเปน็ ตน้ การจัดการศึกษาท้ังการศึกษา ศนู ยเ์ รยี นรู้ หมอพน้ื บา้ น ของครไู ดส้ รา้ งนวตั กรรม เพอื่ การ ในระบบ การศึกษานอกระบบ เรยี นรสู้ บื สานตอ่ ยอดพฒั นาภมู ปิ ญั ญา หลายเรอื่ ง เชน่ เสอ้ื สอน และการศึกษาตามอัธยาศัย นวดกดจดุ สำ� หรบั หมอพนื้ บา้ นเพอื่ ใชแ้ สดงจดุ นวด หนุ่ รา่ งกาย สืบไป ส�ำหรับลงจุดนวดเพื่อการเก็บข้อมูล หุ่นสอนนวดส�ำหรับปรับ แต่งท้องสตรมี คี รรภเ์ พอื่ ใช้เป็นสื่อการสอน เปน็ ต้น ท่ีอยู่ปัจจุบัน : เลขที่ ๑๙๐ หมู่ ๑ วิธกี ารถา่ ยทอดความรู้ ได้ใชค้ วามรแู้ นะน�ำใหแ้ ก่ผปู้ ระสบ ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ปญั หาดา้ นสขุ ภาพ และการดแู ลเดก็ เลก็ รวมทง้ั การเปน็ วทิ ยากร ๙๓๑๓๐ โทร. ๐๘๑-๕๔๓-๑๘๖๐ พิเศษ วิทยากรประจ�ำศูนย์เรียนรู้ หมอพื้นบ้าน และการฝึก อบรม การดูแลสุขภาพ ให้แก่ผู้เรียน และผู้สนใจให้เกิดความ เข้าใจ สามารถปฏบิ ัติได้ จนเกดิ ทักษะความช�ำนาญ การศกึ ษา : มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ เกยี รตคิ ณุ ทไ่ี ดร้ บั : ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย กระทรวงสาธารณสขุ / รางวลั ผทู้ ำ� คณุ ประโยชนท์ างดา้ นวฒั นธรรม ประเภทประชาชนท่วั ไป สาขา วิถชี ีวติ และภูมิปัญญาไทย สภาวฒั นธรรมจงั หวัดพัทลุง / ผลงานวจิ ัยดีเดน่ สำ� นกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวิจยั (สกว.) / รางวลั คนดีแทนคณุ แผน่ ดนิ ประจ�ำจงั หวัดพทั ลุง / บุคคลดีเดน่ ด้านการแพทยแ์ ผนไทย วิทยาลยั วทิ ยาศาสตรส์ าธารณสขุ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั / ครภู ูมิปัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ด้านการแพทยแ์ ผนไทย สำ� นกั งานเลขาธิการ สภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๕๖๐

169 การสร้างความเป็นปกึ แผ่นของชาติ ดว้ ยครูภูมิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ พจงัทั หลวัดงุ นายชว่ ง เรอื งแก้ว ครภู มู ปิ ญั ญาไทย ด้านกองทนุ และธุรกิจชมุ ชน นายชว่ ง เรอื งแกว้ เกดิ เมอื่ วนั ที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๔๘๕ บา้ นในล้อม ตำ� บลเขาเจยี ก อำ� เภอเมอื ง จังหวดั พทั ลุง เปน็ บตุ ร คนที่ ๑ ในจำ� นวนพน่ี อ้ ง ๕ คน ของนายพรอ้ ม เรอื งแกว้ และนาง ผอม เรอื งแกว้ สมรสกับนางสาวลับ หอยหน มบี ตุ รชาย ๒ คน ครูช่วง เรืองแก้ว เกิดในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้าง ยากจน ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่มีทุนเล่าเรียน แต่ด้วย มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนมาแต่เด็ก จึงพยายามศึกษาหาความรู้จาก ประสบการณ์ในชีวิต ใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนท่ีมีคุณค่า จนนำ� ไปสคู่ วามเชอ่ื วา่ การศกึ ษาไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งเรยี นในโรงเรยี น แตเ่ ป็นการศกึ ษาในวิถีชีวิต

การสร้างความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ 170 ดว้ ยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุน่ ท่ี ๘ “...คนทุกคนย่อมมีประโยชน์ ถ้าใช้ให้เหมาะสมกับความรู้ ความชำ� นาญของแตล่ ะคน งานย่อมประสบความส�ำเรจ็ ...” ครูช่วงมีความคิดว่าชีวิตคือการศึกษาสามารถเรียนรู้ ได้ทุกเวลา เรยี นรไู้ ด้ตลอดชวี ติ ไมจ่ �ำกัดวัย ไมจ่ �ำกัดฐานะ ถา้ ใฝ่รใู้ ฝเ่ รยี นใฝ่แสวงหาประสบการณ์ ดว้ ยแนวคิดดังกล่าว จึงใช้ ความมานะพยายาม มุ่งม่ันในการศึกษาเล่าเรียนโดยเข้าบวช ในพระพุทธศาสนาศึกษานักธรรมจนจบนักธรรมช้ันเอก และ มุมานะเรียนสายสามัญจนจบมัธยมศึกษาปีท่ี6 แล้วก็ศึกษา หาความชำ� นาญในงานทต่ี นเองท�ำ วเิ คราะหง์ าน ปรบั ประยกุ ต์ ดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆจนเกดิ ความชำ� นาญและเกดิ ความสำ� เรจ็ ในงาน ที่สุดได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการศึกษาเรียนรู้ประสบการณ์ ด้านกองทุนสวัสดิการจากกลุ่มงานกลุ่มคนท่ีเก่ียวข้อง จาก ความสนใจศึกษาเรียนรู้ชีวิตทุกอย่างท่ีสุดก็สามารถก้าวไปสู่ ความส�ำเร็จในความรู้ความเข้าใจและความชำ� นาญ จงึ เกดิ แนว ความคดิ เรอ่ื ง การออม การเกบ็ ไวใ้ ชเ้ มอื่ ยามจำ� เปน็ และการเขา้ รว่ มเปน็ สมาชกิ กองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชน ซง่ึ การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ให้ แก่สมาชิก จนน�ำไปสู่การจัดต้งั กองทนุ สวสั ดิการชุมชน ชุมพล สัมพนั ธ์ ครูช่วงมองว่า การบริหารจัดการทุน ต้องรู้จักการบริหาร จัดการให้เหมาะสม การมองคนและมองงาน โดยเฉพาะการ จัดการให้คนท�ำงานต้องมีจิตวิทยาในการบริหารคนกับงานให้ สอดคล้องเหมาะสม ซึ่งต้องใช้ให้เหมาะสมกับความรู้ ความ ช�ำนาญของแตล่ ะคน การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน ชุมพลสัมพันธ์ ในปี ๒๕๔๘ มสี มาชกิ เรม่ิ ตน้ ๗๒๑ คน ปจั จบุ นั มสี มาชกิ ๑,๘๗๐ คน และสามารถชว่ ยเหลอื คนภายในตำ� บลไดท้ กุ คนทงั้ ทเี่ ปน็ สมาชกิ และไม่เป็นสมาชิก

171 การสร้างความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครภู มู ิปญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ การท่ี นายช่วง เรือง แก้ว ได้น�ำความรู้ความ สามารถ ด้านกองทุนและ ธุรกิจชุมชน ท่ีตนเองได้รับ การถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จ เปน็ ประโยชนโ์ ดยรวมแกส่ งั คม จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ จากส�ำนักงานเลขาธิการสภา การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ครูช่วง ใช้วิธีอธิบาย และบรรยายการปฏิบัติงานให้ดูเป็น ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้าน ตัวอย่าง โดยใช้ผลส�ำเร็จในงานแต่ละเรื่องเป็นตัวอย่างในการ กองทุนและธุรกิจชุมชน เพ่ือ จัดการกองทุนให้แก่ผู้ท่ีมาศึกษาดูงานการจัดการกองทุน การ ทำ� หนา้ ทถ่ี า่ ยทอดภมู ปิ ญั ญาใน ทำ� งานแบบธนาคาร การนำ� เทคโนโลยมี าใชใ้ นงานกองทนุ กลมุ่ การจัดการศึกษาท้ังการศึกษา ผเู้ รยี นทมี่ าศกึ ษา ดงู านมที งั้ ผเู้ รยี นทอี่ ยใู่ นระบบการศกึ ษา นอก ในระบบ การศึกษานอกระบบ ระบบการศกึ ษา และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ทงั้ สถาบนั องคก์ ร และการศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษา ในระดับต�ำบล อ�ำเภอ ในเขตจังหวัดพัทลุง และ สืบไป จังหวัดใกลเ้ คียง นอกจากครูช่วงเป็นวิทยากรบรรยายแก่ผู้ท่ีมาศึกษาดู ทอ่ี ยู่ปจั จุบัน : เลขท่ี ๒๑๒ หมู่ท่ี ๑๑ งานการบริหารจัดการกองทุน ของสถาบันการเงนิ ชมุ ชน และ ต.ชุมพล อ.ศรีนครนิ ทร์ จ.พัทลุง เรอื่ งกองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชน ตงั้ กองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชน “ชมุ พล ๙๓๐๐๐ โทร. ๐๘๑-๔๗๙-๗๔๘๖ สัมพันธ์” จนสามารถช่วยเหลือคนภายในต�ำบลได้ทุกคนท้ังที่ เป็นสมาชิกและไมเ่ ป็นสมาชิก การศึกษา : ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ โรงเรียนวัดโคกชะงาย / นกั ธรรมชัน้ ตรี โท และเอก / มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ศนู ยก์ ารศกึ ษา นอกระบบบา้ นทา่ มหิ ร�ำ เกียรติคุณท่ีได้รับ : เกียรติบัตรผู้ด�ำรงตนอยู่ในคุณธรรม จริยธรรม และบ�ำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมของจังหวัดพัทลุง / เกียรติบตั รและเข็ม คนดีเมอื งลงุ สาขาประเพณี และวฒั นธรรม / ผ้นู ำ� ชุมชนดีเด่น รางวัลสงิ ห์ทอง กระทรวงมหาดไทย / ครภู มู ปิ ัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ดา้ นกองทนุ และธรุ กจิ ชมุ ชน สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๒๕๖๐

การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติ 172 ดว้ ยครภู มู ปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘ นครศจรงั ธี หรวัดรมราช นางดวง วงั บุญคง ครูภมู ปิ ัญญาไทย ด้านศิลปกรรม นางดวง วังบุญคง เกดิ เมอ่ื วันท่ี ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๖๓ ท่ี บ้านวังฆ้อง ต.สามต�ำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช เป็น บุตรคนโต ในจ�ำนวนพี่น้อง ๒ คน ของนายเด้ียน ไชยพลบาล และนางหวา่ ง ไชยพลบาล สมรสกบั นายคลอ้ ย วงั บุญคง มีบตุ ร ชาย ๕ คน บตุ รหญงิ ๓ คน ครดู วง วังบญุ คง เกดิ ในครอบครัวเกษตรกรรม ท�ำนา ท�ำ สวน และเล้ียงสัตว์ ตอนอายุ13 ปี เกิดชอบและสนใจฝึกหัด การแสดงลเิ กปา่ เมอ่ื ไดไ้ ปการแสดงทบ่ี า้ นวงั ฆอ้ ง บา้ นตน้ เหรยี ง ช่ืนชอบมาก เพราะดนตรีเร้าใจ ดูหลายๆ คร้ังก็จ�ำบทร้องได้ ช่วงเวลานั้นมคี รจู ากต�ำบลนำ�้ ตก อ�ำเภอท่งุ สง เข้าฝึกหดั ใหแ้ ก่ ผู้สนใจ จึงเขา้ รว่ มฝกึ หัดและรว่ มแสดง

173 การสรา้ งความเป็นปึกแผน่ ของชาติ ด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ ครูฝึกฝนการแสดงลิเกป่าเช่ียวชาญทุกขั้นตอน ตั้งแต่ศึกษาการเขียน บทรอ้ ง การผกู เร่ือง ทำ� นองการรอ้ งลิเกปา่ ทา่ ร�ำ การเล่นเคร่ืองดนตรีทใี่ ช้ ประกอบการแสดงของลิเกปา่ มี กลองร�ำมะนา กรบั กลองทัด ปีช่ วา โหมง่ และฆ้อง การแต่งกาย แต่งตัวตามสบาย ผู้แสดงลิเกป่า คณะหน่ึงมีไม่เกิน ๘ คน ในปี ๒๕๒๖ เมื่อมีการฟื้นฟูการแสดงพื้นบ้าน ลิเกป่า จึงได้รวบรวมผู้ สนใจอนุรักษ์ลิเกป่ามาร่วมกัน และได้จัดตั้งคณะลิเกป่าบ้านวังฆ้อง ต�ำบล สามตำ� บล อำ� เภอจฬุ าภรณ์ จงั หวดั นครศรธี รรมราช ในป๒ี ๕๒๗ โดยมคี รดู วง เป็นผแู้ ตง่ เนื้อร้อง และปรับประยุกตเ์ นือ้ หาให้สอดคล้องกบั สถานการณ์ นอกจากเปน็ แกนนำ� คณะลเิ กปา่ แลว้ ครดู วง ยงั เปน็ ผมู้ จี ติ อาสาเสยี สละ เวลาส่วนตัวเพ่ือประโยชน์ส่วนรวม เสนอตัวเป็นแกนน�ำในการด�ำเนินชีวิต แบบวถิ พี อเพยี งใหแ้ กก่ ารเชญิ ชวนกลมุ่ ตา่ งๆ ใหม้ โี อกาสเขา้ รว่ มจดั เวทชี มุ ชน ประชมุ อบรม สมั มนา และรวบรวมสมาชกิ กลมุ่ เพอื่ รว่ มกนั แกไ้ ขปญั หาของ ชมุ ชนใหท้ ำ� กจิ กรรมรว่ มกนั สรา้ งชมุ ชนใหม้ คี วามเขม้ แขง็ ทำ� ใหก้ ลมุ่ สามารถ พ่งึ พาตนเองได้ มรี ายไดเ้ พมิ่ และมคี ณุ ภาพชีวิตทด่ี ีข้นึ

การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ 174 ดว้ ยครภู ูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๘ “ลเิ กป่า” เป็นการละเลน่ พื้นบา้ นท่ีแตโ่ บราณกาล ไมไ่ ด้ยึดถอื เป็นอาชพี แต่บรรพชน ผสู้ บื ทอดถอื เปน็ การละเลน่ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความบนั เทงิ ใจเมอื่ มงี านฉลองความสำ� เรจ็ ตา่ งๆ ความ เป็นมาของการละเลน่ ลิเกป่า ทีเ่ ล่าสบื ต่อกนั มาวา่ เมือ่ เจ้าเมอื งตรงั คลอ้ งชา้ งป่าได้ จึงจดั ให้ มีการแสดงฉลองสมโภชน์ การแสดงจัดให้โรงมโนราห์แสดงที่ชายทุ่ง และโรงแสดงลิเกจัด ไว้ทีช่ ายปา่ ธรรมเนยี มของคณะลเิ กปา่ ทย่ี ดึ ถอื กนั มา คอื ไมม่ กี ารเรยี กรอ้ งคา่ จา้ งนกั แสดง ซง่ึ แลว้ แตช่ อบของผจู้ า้ งวา่ จะใหค้ า่ แสดง จงึ เปน็ มลู เหตใุ หไ้ มม่ ผี สู้ นใจฝกึ หดั เลน่ อยา่ งจรงิ จงั อนั เปน็ เหตใุ หไ้ มม่ ผี สู้ บื ทอด ดว้ ยเหตนุ ี้ กลมุ่ แมบ่ า้ นวงั ฆอ้ ง จงึ รว่ มกนั อนรุ กั ษก์ ารละเลน่ พนื้ บา้ น ลเิ ก ปา่ ของจังหวดั นครศรธี รรมราชไวใ้ ห้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของทอ้ งถนิ่ ครดู วง เปน็ วทิ ยากรฝกึ หดั การแสดงพน้ื บา้ น ลเิ กปา่ ถา่ ยทอดความรเู้ กยี่ วกบั การแสดง ศลิ ปะพน้ื บา้ น ลเิ กปา่ โดยจดั ตงั้ ศนู ยส์ บื ทอดศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ มนี กั เรยี น นกั ศกึ ษา ใน และนอกระบบ ตลอดจนกลมุ่ แมบ่ า้ นทส่ี นใจมาเขา้ คา่ ยเพอื่ ฝกึ หดั การแสดงลเิ กปา่ ทกุ ปี และ เปดิ บา้ นของตนเอง เปน็ ศนู ยส์ บื ทอดการละเลน่ พน้ื บา้ นลเิ กปา่ ของ จ.นครศรธี รรมราช ดว้ ย ความมงุ่ มน่ั ตง้ั ใจเพอ่ื สบื สานประโยชนส์ ่วนรวม การที่ ครูดวง วังบุญคง ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ด้านศิลปกรรม ท่ีตนเองได้รับการ ถา่ ยทอด ศกึ ษา คน้ คว้า ฝึกฝน จนประสบความสำ� เรจ็ เปน็ ประโยชนโ์ ดยรวมแกส่ งั คม จนเปน็ ทยี่ อมรบั ของสงั คมและชมุ ชน จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตจิ ากสำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการ ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้านศิลปกรรม เพ่ือท�ำหน้าท่ีถ่ายทอด ภูมิปัญญาในการจัดการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตาม อัธยาศยั สืบไป ที่อยู่ปัจจุบัน : บ้านเลขที่ ๑๐๓ หมู่ท่ี ๓ ต.สามต�ำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ๘๐๑๓๐ โทร. ๐๙๒-๓๑๖-๘๐๓๖ การศึกษา : ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ มัธยมศึกษาตอนต้น – ตอนปลาย ศนู ย์การศึกษานอกโรงเรยี น อ�ำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกยี รตคิ ณุ ทไี่ ดร้ บั : คนดศี รจี ฬุ าภรณ์ สาขาพฒั นาตนเองทางการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั / คนเกษตรดี ศรเี มอื งนคร / ปราชญ์ชาวบ้านในหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียงตน้ แบบ จงั หวดั นครศรธี รรมราช / ครภู มู ิปญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ดา้ นศลิ ปกรรม สำ� นกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐

175 การสรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ ด้วยครูภมู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ สุราจษงั ฏหวรัดธ์ านี นายเทพสนิ ผ่องแก้ว ครภู ูมปิ ัญญาไทย ดา้ นศิลปกรรม นายเทพสนิ ผ่องแก้ว เกดิ เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๑๕ ทบี่ า้ นไสขาม ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบตุ รคนที่ ๖ ในจำ� นวนพ่ีน้อง ๗ คน ของนายเพย้ี น ผ่องแก้ว และนางเรียง ผอ่ งแก้ว ครเู ทพสนิ จบมหาบณั ฑติ ทางการศกึ ษา สนใจการแสดงหนงั ตะลงุ มาตงั้ แตอ่ ายุ ๕ ขวบ เรียนรู้จากประสบการณ์ท่ีพบเห็นหนังตะลุงมาแสดงในชุมชนและละแวก ใกล้เคยี ง ใชใ้ บไมต้ ดั เป็นรูปหนงั ตะลงุ แสดงให้เพ่อื น ๆ ดเู รื่อยมา เม่ือพ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ตัวหนงั ตะลงุ ตัวแรก ซอื้ จากวัดพระบรมธาตุฯ นครศรธี รรมราช ไดเ้ ริ่มฝึกท�ำตวั หนงั ตะลุงจากกระดาษ และใช้ร้านขนมจีนเป็นท่ีแสดงในชว่ งเวลาคำ�่ ของวันหยุด จากนน้ั คดิ คน้ บทกลอนภาษาองั กฤษสำ� หรบั การแสดงหนงั ตะลงุ และมโนราห์ ใหแ้ กส่ ถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ เพอื่ การเผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธน์ กั ทอ่ งเทย่ี วตา่ งชาติ และเรมิ่ ทำ� โรงหนงั ตะลงุ ขนาด ๒.๕ เมตร แสดง ใชท้ งั้ บทเจรจา ๓ ภาษา ภาษาไทย อังกฤษ และ มลายู จนได้รับฉายาว่า “หนงั ตะลงุ ๓ ภาษา มหาบณั ฑติ ”

การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 176 ดว้ ยครูภูมปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ จากการทคี่ รเู ทพสนิ ไดใ้ กลช้ ดิ กบั ศลิ ปนิ ทอ้ งถน่ิ ทม่ี คี วามสามารถโดง่ ดงั หลายทา่ น อาทิ หนงั อาจารย์ประสทิ ธ์ิ ประดษิ ฐศ์ ิลป์ หนงั อาจารย์ศรพี ฒั น์ เก้อื สกลุ หนงั ครูฐากูรศลิ ป์ สทิ ธสิ ุราษฎร์ หนังอาจารย์ประเสรฐิ นอ้ ย อัศวนิ แหวนเพชร หนงั อาจารย์ประสงค์ รตั นคต ไดศ้ กึ ษาเรียนรู้จน สามารถปรับบทกลอน บทเจรจา อย่างหลากหลาย เปน็ ทีน่ ยิ มชมช่นื ในทกุ ท่ีท่ีไปเล่น ในปี ๒๕๔๘ ได้มอบตัวเป็นศิษย์หนังศรีพัฒน์ เก้ือสกุล และก่อตั้งชมรมหนังเทพศิลป์ เพ่ือบม่ เพาะเยาวชนใหม้ คี วามรกั ความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมทอ้ งถ่ินภาคใต้ ทั้งฝึกใหม้ ที กั ษะ ชวี ติ ทม่ี คี วามสามารถในการสบื สานศลิ ปะการแสดงหนงั ตะลงุ มโนราห์ ดนตรไี ทย และกลองยาว ล้วนเปน็ สงิ่ ที่ครูเทพศิลป์ ได้ทุ่มเทให้ศษิ ยอ์ ย่างไมร่ จู้ กั เหน็ดเหนอ่ื ย “ชมรมหน�ำเทพศลิ ป์” จงึ เปน็ เสมอื นบา้ นทบ่ี ่มเพาะเยาวชนและผสู้ นใจใหม้ ีความรกั ความ ภาคภมู ใิ จในวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ภาคใต้ ทง้ั ฝกึ ใหม้ ที กั ษะชวี ติ อยา่ งมคี ณุ คา่ ทง้ั ในรปู แบบ วทิ ยากร ผฝู้ ึกสอน ลูกคู่ ทีมงาน อปุ กรณ์การแสดง ฯลฯ สง่ ผลให้ผ้ทู ีม่ ีความสนใจในศิลปะและวฒั นธรรม พืน้ บ้านเข้ามามโี อกาสรู้จกั กันและเปน็ เครอื ข่ายซงึ่ กันและกนั โดยยึดหลักส�ำคัญ คือ สร้างลูกคู่ ชคู นชม อบรมคนเชิด เทิดคนช่วย เพอื่ รว่ มกนั อนุรักษว์ ฒั นธรรมทอ้ งถิ่น ภาคใต้น่ันเอง

177 การสรา้ งความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ ดว้ ยครูภมู ิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ “... ชมรมหน�ำเทพศิลปย์ ึดหลกั ส�ำคัญ คอื สร้างลูกคู่ ชคู น การท่ี ครเู ทพสนิ ผอ่ งแกว้ ชม อบรมคนเชดิ เทดิ คนชว่ ย ทงั้ นเ้ี พอื่ รว่ มกนั อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ท้องถ่นิ ภาคใต.้ ..” ด้านศิลปกรรม ท่ีตนเองได้รับ การถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า เนื่องจากความเช่ียวชาญในด้านการแสดง สามารถ ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จ ประยุกต์ใหเ้ ข้าถึงกลุ่มเปา้ หมายในทกุ รูปแบบได้เปน็ อยา่ งดี ใช้ เปน็ ประโยชนโ์ ดยรวมแกส่ งั คม ภาษาตา่ งประเทศมาร้องเปน็ บทกลอน บทพากย์ไดอ้ ยา่ งลงตวั จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ ท�ำให้เป็นสนใจของบุคคลท่ีรับชมและท�ำให้ชาวต่างชาติได้มี จากส�ำนักงานเลขาธิการสภา ความรู้ ความเขา้ ใจมากยงิ่ ขน้ึ เนอ่ื งจากใชก้ ารสอ่ื สารดว้ ยภาษา การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร พดู เปน็ หลกั ผา่ นบทกลอน บทเจรจาทเ่ี ปน็ ภาษาถนิ่ ภาษากลาง ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้าน และภาษาต่างประเทศ โดยใชฉ้ นั ทลกั ษณแ์ บบไทย ศิลปกรรม เพื่อท�ำหน้าท่ี การถ่ายทอดความรู้ ยึดหลักโน้มน้าว ให้กลุ่มเป้าหมายมี ถ่ายทอดภูมิปัญญาในการ ความคดิ เหน็ ตรงกนั เกดิ ความรกั ความหวงแหน คดิ อนรุ กั ษ์ และ จัดการศึกษาทั้งการศึกษาใน สบื สานศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ แนะนำ� ใหก้ ลมุ่ เปา้ หมายยดึ หลกั ระบบ การศึกษานอกระบบ วา่ ค่อยๆ เปน็ ค่อยๆ ไป คดิ ใหญแ่ ต่ทำ� เลก็ หนกั แน่น ทำ� อยา่ ง และการศึกษาตามอัธยาศัย จริงจัง และต้ังใจโดยให้มีความต่อเน่ืองสม่�ำเสมอ ไม่ย่อท้อต่อ สืบไป ปญั หาอุปสรรคตา่ งๆ ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ วทิ ยากรบรรยาย เพอ่ื สรา้ งความตระหนกั ใน ท่ีอยู่ปัจจุบัน : บ้านเลขท่ี ๓๓/๑ การอนรุ ักษ์ วฒั นธรรมทอ้ งถิน่ ผ่านสื่อต่างๆ มากมาย ทั้งกลุ่ม หมู่ที่ ๒ ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ การศึกษาในและนอกระบบ และสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๑๖๐ ชมรมหน�ำ เทพศิลป์ บ้านไสขาม โทร. ๐๗๗- คู่กันไปกับการสาธิต ท�ำส่ือในรูปแบบซีดีส�ำหรับศึกษาทบทวน ๔๕๒-๒๑๒ ดว้ ยตนเอง นอกจากนี้ ไดก้ อ่ ตงั้ โรงเรยี นพฒั นาชวี ติ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอ่ื ฝกึ เยาวชน ผสู้ นใจเขา้ มาเรยี นรกู้ ารใชช้ วี ติ ในดา้ นตา่ งๆ โดย ใหผ้ ้เู รียนใชเ้ วลาว่างมาทำ� งาน เรียนร้รู ว่ มกนั เกยี รตคิ ณุ ทไี่ ดร้ บั : ผนู้ ำ� สอ่ื พน้ื บา้ นมาประกอบสอื่ ประชาสมั พนั ธ์ ชมรมนกั ขา่ ว จ.สรุ าษฎรธ์ านี / ผทู้ ำ� คณุ ประโยชนต์ อ่ กระทรวง วัฒนธรรม ระดับจงั หวดั กระทรวงวัฒนธรรม / รางวัลผู้ใชส้ อื่ พื้นบ้านเพ่อื การประชาสัมพันธ์ดเี ดน่ กระทรวงวัฒนธรรม / รางวลั ชนะเลิศ ระดับประเทศ ด้านการเผยแพรม่ รดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรม กระทรวงวัฒนธรรม / ครภู ูมิปญั ญาไทย รุ่น ท่ี ๘ ด้านศลิ ปกรรม สำ� นักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๖๐

การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ 178 ดว้ ยครูภมู ิปัญญาไทย รุน่ ที่ ๘ นายปิยะ สวุ รรณพฤกษ์ ครูภมู ิปญั ญาไทย ด้านศลิ ปกรรม นายปิยะ สุวรรณพฤกษ์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๑๑ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา เป็นบุตรคนเดียว ของนายเสถียร สุวรรณพฤกษ์ และนางนภา สุวรรณพฤกษ์ สมรสกับนางสาว สุนติ ฐา ทองอรา่ ม มีบตุ รหญงิ ๑ คน วัยเด็กเรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์ เรียน มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ทโ่ี รงเรยี นสตรยี ะลา ศกึ ษาระดบั ประกาศนยี บตั ร วิชาชีพ ที่วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช และศึกษา ต่อระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ที่โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ กรุงเทพฯ จบแล้วท�ำงานออกแบบลวดลายผ้าไหมท่ีบริษัทในเครือ จมิ ส์ทอมปส์ นั และบริษทั Apper

179 การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู ูมปิ ัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ครูปิยะ สุวรรณพฤกษ์ จึงมีความรู้ในการท�ำผ้าบาติก โดยน�ำภูมิปัญญา ตามแบบบรรพชนผสมผสานระหว่างสีธรรมชาติกับการทอผ้าปะลางิง และ การออกแบบลายผา้ มาใช้อย่างลงตัว ต่อมาครูได้จัดตั้งศรียะลาบาติก เป็นกลุ่มท�ำผ้าบาติกที่อนุรักษ์การท�ำผ้า ปะลางงิ ผา้ ทอยกดอก พมิ พล์ ายดว้ ยแมพ่ มิ พไ์ ม้ โดยออกแบบลวดลายผา้ จาก ลวดลายมัสยิด บา้ นเก่า วังในภาคใต้ จากวฒั นธรรมท้องถ่ิน การละเลน่ การ พมิ พ์ และการแตง่ กาย ทำ� ให้เปน็ ที่รูจ้ กั กันอยา่ งแพรห่ ลายในปัจจุบนั นอกจากนี้ในกลุ่มศรียะลาบาติก ครูปิยะ สุวรรณพฤกษ์ ยังได้พัฒนาสี ธรรมชาตใิ นทอ้ งถน่ิ ควบคกู่ นั โดยสกดั สธี รรมชาตจิ ากดนิ พชื ในทอ้ งถน่ิ เชน่ สี จากเปลือกสะตอ สเี ปลอื กลูกเนียง สีจากแก่นจมั ปาดะ สีจากใบมังคดุ เปลอื ก ลกู จากฝกั ราชพฤกษ์ ใบหกู วาง สีจากดินมายา และ ฯลฯ มาเป็นวตั ถุสีในการ ทำ� ผ้าบาตกิ รวมไปถึงรเิ ร่มิ นำ� ตน้ ครามจากภาคเหนอื มาทดลองปลูกและยอ้ ม สคี รามในภาคใต้ ท�ำให้ชมุ ชนมรี ายได้ เนอื่ งจากสภาพอากาศภาคใต้ ทำ� ใหพ้ น้ื ท่ี 3 จงั หวดั ชายแดนใต้ ไมส่ ามารถ เลยี้ งหมอ่ นไหมได้ กลมุ่ ศรยี ะลาบาตกิ ไดห้ าทางแกป้ ญั หาโดยสรา้ งเครอื ขา่ ยใน การสง่ วตั ถดุ บิ ใหอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง ยงั สง่ วทิ ยากรทอผา้ สอนคนในพน้ื ทภ่ี าคใต้ โดย เฉพาะกลมุ่ ของ จ.อุดรธานี กลมุ่ ทอผา้ ฝา้ ยจากอำ� เภอภเู วยี ง จ.ขอนแก่น และ กลมุ่ ทอไหม จากอำ� เภอปกั ธงชยั จ.นครราชสมี า นบั เปน็ การสรา้ งเครอื ขา่ ยเพอื่ พฒั นางานผลิตภัณฑ์ ทีม่ ีประโยชน์ร่วมกันโดยแท้ ครูปิยะ สุวรรณพฤกษ์ มีความรู้ความช�ำนาญของครูคือการท�ำผ้าบาติก ด้วยการเขียนมือ แม่พิมพ์ไม้ และเทคนิคมัดย้อม การปลูกต้นครามในภาคใต้ และเทคนิคการใชส้ จี ากธรรมชาติ สามารถรื้อฟน้ื การทำ� ผ้าปะลางงิ ซึง่ เป็นผ้า ทส่ี ญู หายไปประมาณ ๗๐ ปี ใหก้ ลบั ฟน้ื มาไดอ้ กี ครงั้ เนอ่ื งจากมคี วามรกั ความ ผูกพัน ตระหนักในคุณค่าแห่งความเป็นมรดกภูมิปัญญาไทยอันทรงคุณค่า ที่ ตนเองคลุกคลีซมึ ซับจนมีความเชยี่ วชาญ จึงมุ่งม่ันท่ีจะถ่ายทอดให้แก่กลุ่มชุมชนท่ีสนใจสร้างอาชีพ ตลอดจนกลุ่ม ผูส้ ืบสานเพอื่ ให้ภมู ปิ ญั ญาไทยคงอยสู่ ืบไป คือ เยาวชน โดยไมไ่ ด้คดิ มงุ่ ผลประ โยนต์ อบแทน

การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ 180 ด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ “...ไดพ้ ฒั นาสธี รรมชาตใิ นทอ้ งถน่ิ ควบคกู่ นั โดยสกดั สธี รรมชาตจิ ากดนิ พชื ในทอ้ งถน่ิ มาเปน็ วตั ถสุ ใี น การมาทำ� ผา้ บาติก เชน่ สีจากเปลอื กสะตอ เปลือกลกู เนียง สีจากแกน่ จัมปาดะ สีจากใบมังคุด เปลอื ก ลกู จาก ฝักราชพฤกษ์ ใบหูกวาง สีจากดนิ มายา...” จากการวจิ ยั และพฒั นาการ การถา่ ยทอดความรดู้ ว้ ยการเปน็ วทิ ยากรฝกึ อบรม สอน เขียนผ้าบาติกโดยใช้น�ำ้ ยางพารา วิธีการท�ำผ้าบาติกด้วยการเขียนมือ แม่พิมพ์ไม้ และเทคนิค ทดแทนการใช้เทียน และลด มดั ยอ้ ม โดยการใชส้ จี ากธรรมชาติ แก่ นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ใน ต้นทุนฯ ท�ำให้ครูมีผลงานการ พน้ื ทกี่ ารศกึ ษาในระบบและนอกระบบ กลมุ่ ชมุ ชนสรา้ งอาชพี ออกแบบผลิตภัณฑ์ประเภทผ้า กลุ่มอาชีพ ๑๔ จังหวัดภาคใต้ กลุ่ม OTOP จังหวัดยะลา ของกลุ่มศรียะลาบาติกหลาก ตรัง สงขลา สตลู นราธิวาส ปตั ตานี พัทลุง ชมุ พร และศูนย์ หลาย ตง้ั แต่ผ้าผนื เส้อื ผ้า ของท่ี ภาคอุตสาหกรรม ระลกึ ผา้ ผนั คอ ผา้ คลมุ ไหล่ ผา้ ถงุ การท่ี ครปู ยิ ะ สวุ รรณพฤกษ์ ไดน้ ำ� ความรู้ ความสามารถ ของตกแต่งบา้ น เป็นต้น ด้านศิลปกรรม ที่ตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า นอกจากน้ี ผลงานการ ฝึกฝนจนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม ออกแบบผลิตภัณฑ์ประเภทผ้า จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการสภา ของกลุ่ม ได้รับเชิญจากสถาบัน การศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ใหเ้ ปน็ ครภู มู ปิ ญั ญาไทย ดา้ น พัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอให้ร่วม ศลิ ปกรรม เพอื่ ทำ� หนา้ ทถ่ี า่ ยทอดภมู ปิ ญั ญาในการจดั การศกึ ษา งานแฟชั่นทั้งในและต่างประเทศ ทงั้ การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตาม และได้โชว์ผลงาน ณ ประเทศ อัธยาศัย สบื ไป สิงคโปร์ ซึ่งเป็นการเผยแพร่ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นที่รู้จักแพร่ ทอ่ี ยปู่ จั จบุ นั : เลขที่ ๒๔ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ๙๕๐๐๐ โทร. ๐๙๙- หลายข้ึน ๒๘๓-๒๔๕๒ การศึกษา : ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ / มหาบัณฑิตกิตติมศักด์ิ สาขาวิชาการออกแบบ ศลิ ปกรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏยะลา เกยี รติคุณทไี่ ดร้ ับ : รางวลั แทนคุณแผน่ ดนิ / รางวัลศิลปิน OTOP / ครภู มู ิปญั ญาไทย รุน่ ท่ี ๘ ดา้ นศลิ ปกรรม สำ� นกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐

181 การสร้างความเป็นปึกแผ่นของชาติ ด้วยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ นายสวน หนดุ หละ ครูภูมปิ ญั ญาไทย ดา้ นศลิ ปกรรม นายสวน หนดุ หละ เกดิ เมอื่ วนั ท่ี ๗ มกราคม ๒๕๐๖ หมทู่ ่ี ๔ ต.โคกทราย อ.ปา่ บอน จ.พทั ลงุ เปน็ บตุ รคนที่ ๑ ในจำ� นวนพนี่ อ้ ง ๘ คน ของนายเผอื น หนุดหละ และนางแสง หนดุ หละ สมรสกับ นางสาวปราณี จงไกรจักร มีบตุ รชาย ๒ คน บุตรหญิง ๓ คน ดว้ ยเพราะเกดิ ในครอบครวั ทอ้ งถน่ิ บา้ นนอก ครสู วน หนดุ หละ จงึ ไดร้ บั การปลกู ฝงั และเรยี นรตู้ ามวถิ ชี นบท ชอบตำ� หมาก ใหค้ นแก่ ตดิ ตามยา่ พอ่ แมแ่ ละญาตผิ ใู้ หญไ่ ปทกุ แหง่ ไดร้ บั การ สอนใหท้ ำ� ของเลน่ ทำ� อปุ กรณจ์ บั สตั วน์ ำ้� สตั วบ์ ก รจู้ กั หาอาหาร ในแหลง่ ธรรมชาติ รู้จักการใชอ้ ุปกรณ์ประกอบอาชีพ มดี พร้า ขวาน จอบ ตลอดจนคาถาอาคมตา่ งๆ

การสรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ 182 ด้วยครภู ูมปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘ “...ท�ำงานแทงหยวกในแต่ละครั้งเป็นงานต้องสร้างสรรค์ใหม่ทั้งหมดและไม่เคยซ้�ำแบบ เพราะการ สรา้ งงานตอ้ งใชแ้ นวคดิ ทม่ี าจากวถิ ชี วี ติ ประเพณี ความเชอื่ วฒั นธรรมทแี่ ตกตา่ ง ดงั นน้ั การออกแบบ จึงตอ้ งทำ� ให้สอดคลอ้ งกบั วิถวี ฒั นธรรมของท้องถิ่นนนั้ โดยการผสมผสานลวดลาย เทคนคิ ...” ครสู วน ใชช้ วี ติ แบบเรยี บงา่ ย ชอบดำ� รงชวี ติ อยกู่ บั ธรรมชาติ ครสู วน หนดุ หละ จงึ เปน็ อยรู่ ว่ มกนั แบบญาตพิ นี่ อ้ ง ชว่ ยเหลอื กนั แบบครอบครวั เดยี วกนั ผู้มีความรู้ความเข้าใจ ในวิธี ตง้ั แตเ่ ดก็ ชอบไปดชู า่ งแทงหยวก ชา่ งทำ� กระดาษตกแตง่ โลงศพ การแทงหยวก ตอกกระดาษ จงึ ดเู หมอื นจะคอ่ ยๆซมึ ซบั เกดิ ความชอบอยากทำ� มาตอ่ เนอ่ื ง แต่ เพ่ือการประดับตกแต่งในงาน ไมไ่ ด้ทำ� พิธตี ่างๆ ตามขนบธรรมเนยี ม เมื่อสนิทสนมกับช่าง ได้เข้าไปช่วยเหลือเมื่อช่างต้องการ ท้ังความเชื่อและประเพณี ผู้ช่วย และช่วยเหลือช่างทุกเรื่องสามารถจดจ�ำได้ กระท่ังอายุ แตล่ ะวฒั นธรรม สามารถปรบั ๑๐ ขวบ ยา่ นำ� ไปฝากตวั เปน็ ลกู ศษิ ยน์ ายชา่ งเอยี่ ม บา้ นโพรงเข้ ประยุกต์การช่างต่างๆ โดย ไดร้ บั การถา่ ยทอดทกุ อยา่ งทเ่ี กยี่ วกบั การทำ� กระดาษโลงศพและ การน�ำแนวคิดส่วนที่ดีและ แทงหยวก โดยตดิ ตามศษิ ยผ์ พู้ ่ี คอื ลงุ อมิ่ บา้ นนาสงิ และลงุ แดง สอดคล้องกับวิถีคิดของสกุล ควนนาทมิ ไดร้ ับอปุ กรณ์เครอ่ื งมอื และแบบลวดลาย ดใี จนกั ช่างแทงหยวกสงขลา ตาม เมื่ออายุ ๑๗ ปี เรม่ิ รบั งานโดยมีตาจู้ เผย้ี น คอยใหค้ วาม แบบแผนดั้งเดิม ท้ังพร้อมท่ี ชว่ ยเหลอื จงึ เปน็ ชา่ งทม่ี อี ายนุ อ้ ยทสี่ ดุ ในชว่ งเวลานน้ั หลงั สรา้ ง จะถ่ายใทอดแก่ผู้สนใจเรียนรู้ สมประสบการณศ์ ลิ ปะการแยงหยวกและตอกกระดาษ เปน็ วลา ทกุ คน จงึ ถอื ไดว้ า่ เปน็ แนวทาง ๓๗ ปี เรมิ่ เรยี นรจู้ ากครภู มู ปิ ญั ญา จากครชู า่ งหลายทา่ น จนเกดิ อนุรักษ์และพัฒนา สืบทอด ความช�ำนาญ สามารถออกแบบและสร้างงานได้ตามแบบครู ด้านภูมิปญั ญาอย่างแทจ้ รงิ และไดแ้ สดงฝมี ือหลายครั้ง จนเปน็ ที่ยอมรบั ลอื เลือ่ งในสงั คม ต่อมา ครูสวน ได้รับเชิญเข้าร่วมเรียนรู้กับช่างในจังหวัด อน่ื ๆ และภาคต่างๆ ของประเทศ จึงไดน้ �ำแนวคิดสว่ นที่ดแี ละ สอดคล้องกับวิถีคิด ขนบประเพณีวัฒนธรรมกับสายสกุลช่าง แทงหยวกสงขลา ทกุ ประการ

183 การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ ซึ่งการท�ำงานแทงหยวก ผลงานทุกช้ิน เน้นเอกลักษณ์ตามขนบแบบโบราณด้ังเดิม ในแต่ละคร้ังของครู ล้วนเป็น วสั ดทุ กุ อยา่ งมาจากธรรมชาต ิ ไมว่ า่ จะเปน็ หยวกกลว้ ยตานี ใบ งานสร้างสรรค์ใหม่ทั้งหมด มะพรา้ ว ใบลาน ไม้ไผ่ ใบสาคู ใบระกำ� เถาวลั ย์ ผลไมส้ ีตา่ ง ๆ และไม่เคยซ้�ำแบบ ใช้แนวคิด ใชป้ ระดบั ในงานตกแตง่ โดยขอความรว่ มมอื จากทกุ คนในพนื้ ท่ี ท่ีมาจากวิถีชีวิต ประเพณี เพอ่ื ร่วมสรา้ งจิตส�ำนึกท่ีดีร่วมกนั ความเชื่อ วัฒนธรรมท่ีแตก ครสู วน ไดเ้ ปน็ วทิ ยากรในกลมุ่ การศกึ ษาในและนอกระบบ ต่าง การออกแบบต้องท�ำ สถาบนั การศกึ ษาและสถาบนั อดุ มศกึ ษาหลายแหง่ คคู่ วบกนั ไป ผสมผสานให้สอดคล้องกับวิถี กบั การสาธติ มรี ปู แบบการถา่ ยทอด คอื ทำ� ใหด้ ู ใหล้ องทำ� แบง่ วฒั นธรรมของทอ้ งถน่ิ นน้ั ๆ ใช้ งานตามหน้าท่ีและให้ฝึกปฏิบัติ เมื่อใดสร้างงานได้เหมือนครู เทคนิควิธีการแทงหยวกของ หรือเกง่ กวา่ ถึงจะใหไ้ ปต่อได้ กลางและงานช่างหลวงเข้า การที่ นายสวน หนดุ หละ ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ด้าน มาประยุกต์กับแนวคิดด้ังเดิม ศิลปกรรม ท่ีตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝน สกุลช่างแทงหยวกสงขลา จนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับ และน�ำวิธีการตอกกระดาษ การยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ของงานชา่ งตะวนั ตก(องั กฤษ) กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ใหเ้ ปน็ ครภู มู ปิ ญั ญาไทย ดา้ นศลิ ปกรรม เพอื่ เข้ามาตกแต่งผสมผสานอย่าง ทำ� หนา้ ทถี่ า่ ยทอดภมู ปิ ญั ญาในการจดั การศกึ ษา ทงั้ การศกึ ษาใน ยากที่จะเห็นจากท่อี ื่น ระบบ การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศยั สบื ไป ทอี่ ยูป่ จั จบุ นั : เลขที่ ๘๙/๑ หมูท่ ่ี ๓ ต.ควนรู อ.รตั ภมู ิ จ.สงขลา ๙๐๐๐๐ โทร. ๐๘๙-๒๙๔-๗๕๙๗ การศกึ ษา : การศึกษาบณั ฑิต เอกการประถมศกึ ษา เกยี รตคิ ณุ ทไ่ี ดร้ บั : รางวลั วฒั นคณุ ากร กระทรวงวฒั นธรรม / ศลิ ปนิ ดเี ดน่ จงั หวดั สงขลา สาขาชา่ งฝมี อื สำ� นกั งาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ชาติ / โลผ่ ู้ปฏิบตั ิวัฒนธรรมดเี ดน่ ดา้ นศิลปกรรม (การแทงหยวก) กรมศิลปากร / ครศู ลิ ปข์ องแผน่ ดนิ สาขาการแทงหยวก ตอกกระดาษ ศนู ยส์ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ระหวา่ งประเทศ (องคก์ ารมหาชน) / โลผ่ ู้ ท�ำคณุ ประโยชนด์ า้ นทำ� นบุ �ำรงุ ศลิ ปะและวฒั นธรรม สาขาศลิ ปะ ส�ำนกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สงขลา / ครภู มู ปิ ญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ ดา้ นศิลปกรรม สำ� นักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐

การสร้างความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ 184 ดว้ ยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุน่ ท่ี ๘ นายประเสรฐิ รักษว์ งศ์ ครูภมู ปิ ัญญาไทย ดา้ นภาษาและวรรณกรรม นายประเสรฐิ รกั ษว์ งศ์ เกดิ เมอื่ วนั ท่ี ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๐๒ ท่ีอ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นบุตรคนท่ี ๑ ในจ�ำนวนพี่ น้อง ๖ คน เป็นบุตรของนายศิลป์ รักษ์วงศ์ และนางสุรีย์ รักษ์ วงศ์ สมสร กับ นางสาวปรดี า มณุ แี นม มีบตุ ร ชาย ๑ คน ครูประเสริฐ รักษ์วงศ์ เกิดในตระกูลของศิลปินพ้ืนบ้าน บิดาเป็นนายโรงโนรา “โนราศิลป์ รักษ์วงศ์” อาเป็นนายหนัง ตะลงุ “หนงั ชาตรี ศ.พรอ้ มอศั วนิ ” ชวี ติ ในวยั เดก็ จงึ อยทู่ า่ มกลาง กลิ่นอายของศิลปินพื้นบ้านภาคใต้ ของเล่นวัยเด็กจะเป็นรูป หนังตะลุงท่ีแกะสลักข้ึนเองจากกระดาษกระสอบปูนซีเมนต์ มี เพ่อื นๆ ในวยั เดยี วกนั รว่ มเปน็ ลกู คู่ (นักดนตรี)

185 การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ เมื่อมีเวลาว่างจากเรียนหนังสือ จะติดตามบิดาไปแสดง ดังบทหนังตะลุง เรื่อง มโนราห์ ในที่ต่างๆ เป็นคนที่ช่างจดจ�ำเลียนแบบเก่ง ทั้ง “เทพตะเคียนทอง” รณรงค์ บทกลอนจากหนังตะลุงที่แสดงเป็นมุขปาถะสืบทอดต่อๆ กัน ให้ชุมชนตระหนักถึงภัยภิบัติ มา ครูมีท่าร�ำและบทร้องตั้งแต่ยังไม่ฝึกร�ำมโนราห์ด้วยซ้�ำ มา อันเกิดจากน�้ำมือมนุษย์ เร่ือง ฝกึ หัดร�ำกบั บดิ าและรำ� มโนราห์ (โรงครู) กับคณะของบดิ า เม่ือ “พรหมวิหาร” รณรงค์ให้ อายไุ ด้ 8 ปี คนรักสัตว์ รักป่าต้นน้�ำ เรื่อง ในปี ๒๕๒๐ ครูประเสริฐ ได้ฝึกหัดแสดงหนังตะลุงกับ “ต�ำนานหลวงปู่ทวด” จะน�ำ หนงั ชาตรี ศ.พรอ้ มอศั วนิ ทง้ั ขนบนยิ มการแสดงหนงั ตะลงุ แบบ คุณูปการและประวัติหลวง โบราณ การผกู เรอ่ื ง การเขยี นกลอนหนงั ตะลงุ แบบพน้ื ฐานและ ปทู่ วดแทรกการสอนคณุ ธรรม กลอนกลบทต่างๆ ได้ออกแสดงหนังตะลุงควบคู่กับการพัฒนา เรอ่ื ง “เวสสนั ดร” และ “นำ�้ ใจ มโนราโรงครูของบิดา และในปี ๒๕๓๔ หนังชาตรี ศ.พร้อม แม่” เป็นการน�ำคุณธรรมเข้า อัศวิน ได้พาไปมอบตัวเป็นศิษย์หนังนครินทร์ ชาทอง และชื่อ มาสอน เรอื่ ง “พระมหาชนก” “หนังประเสรฐิ รักษ์วงศ์ ศ. นครินทร์ ชาทอง” สอดแทรกคุณธรรม ตามพระ จากการคลุกคลีซึมซับฝึกฝนอย่างจริงจังท�ำให้เกิดมีความ ราชด�ำรัสในโอกาสต่างๆ เร่ือง รู้ ความเข้าใจ ในการประพันธ์บทกลอน กลอนกลบท บทแสดง “เจา้ แม”่ ใหเ้ หน็ อนั ตรายและ หนังตะลุง มโนราห์ และเพลงพ้ืนบ้าน สามารถปรับประยุกต์ พิษภัยยาเสพติด เร่ือง “แม่ เนื้อหา สาระมุ่งสง่ เสริมให้สงั คมอย่รู ว่ มกนั อยา่ งสันติสุข เลย้ี งสนั ทราย” ใหเ้ หน็ ภยั การ ทุจรติ คอรปั ชั่น เปน็ ต้น การศกึ ษา : ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) เกยี รตคิ ุณท่ไี ดร้ บั : โลเ่ ชิดชูเกียรตผิ ้มู ีผลงานดีเดน่ ทางดา้ นวัฒนธรรม จังหวดั สงชลา สาขานนั ทนาการและผ้ทู �ำคณุ ประโยชน์ ทางวฒั นธรรม / โลป่ ระกาศเกยี รตคิ ณุ ผปู้ ฏบิ ตั วิ ฒั นธรรมดเี ดน่ ประเภทภาษาและวรรณกรรม จากสมาพนั ธห์ นงั ตะลงุ จงั หวดั สงขลา / ประกาศเกยี รตคิ ุณ จากมูลนธิ ิหอสมุดดนตรพี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่ รัฃกาลที่ ๙ / ประกาศนียบตั รและเขม็ ทรี่ ะลกึ ผทู้ ีม่ ผี ลการปฏิบัตงิ านดเี ด่นในรอบปขี องจงั หวัดชายแดน ภาคใต้ ประจำ� ปี ๒๕๕๗ จากศูนยอ์ ำ� นวยการบริหารจงั หวัดชายแดน

การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 186 ดว้ ยครูภมู ิปัญญาไทย รุน่ ที่ ๘ “....จากการคลุกคลีซมึ ซบั ฝกึ ฝนอย่างจริงจงั ทำ� ใหเ้ กดิ มีความรู้ ความเข้าใจ ในการประพนั ธ์บทกลอน กลอนกลบท บทแสดงหนงั ตะลุง มโนราห์ และเพลงพน้ื บ้าน สามารถปรบั ประยุกต์เนือ้ หา สาระมุ่งส่ง เสรมิ ใหส้ ังคมอยรู่ ว่ มกนั อย่างสันติสขุ ...” นอกจาก ความรู้ด้าน ครูประเสริฐ มีเครือข่ายในการถ่ายทอดความรู้ศิลปะการ การร�ำมโนราห์ และการเล่น แสดงพนื้ บา้ นหนงั ตะลงุ และภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ รว่ มจดั ทำ� เนอ้ื หา หนังตะลุง ครูประเสริฐ ยัง สาระหลกั สตู รวชิ า “หนงั ตะลงุ ศลิ ปะการเลน่ พน้ื บา้ น ภาคใต”้ สามารถแกะรูปตัวหนังตะลุง สาระทอ้ งถ่นิ ชว่ งชั้นที่ ๓ สำ� หรบั นกั เรียนมธั ยมศกึ ษา และเปน็ การจักสานแผงเก็บรูปหนัง วทิ ยากรประจำ� ศนู ยว์ ฒั นธรรมเฉลมิ ราชคลองแห ใหค้ วามรกู้ ลมุ่ ตะลุง การร้อยลูกปัดเครื่อง ผสู้ นใจ ศลิ ปะการแสดงพนื้ บา้ นหนงั ตะลงุ มโนรา เพลงเรอื และ แตง่ กายมโนราห์ และการเลน่ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ร่วมกับ ครูนครินทร์ ชาทอง จัดท�ำเนื้อหา ดนตรีประกอบการเล่นหนัง สาระหลกั สตู รเทยี บโอนความรู้ ใหศ้ นู ยก์ ารเรยี นรคู้ รภู มู ปิ ญั ญา ตะลงุ และมโนรา อีกดว้ ย ไทยภาคใต้ การท่ี นายประเสรฐิ รักษ์วงศ์ ได้นำ� ความรู้ ความสามารถ ด้านภาษาและวรรณกรรม ที่ตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝนจนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่ สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย ด้านภาษาและวรรณกรรม เพื่อท�ำหน้าท่ีถ่ายทอดภูมิปัญญาใน การจดั การศกึ ษา ทงั้ การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั สบื ไป ทปี่ จั จบุ นั : บา้ นเลขท่ี ๒ ซ. ๗ ถ.คลองเรยี น ๒ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ๙๐๑๑๐ โทร. ๐๗๔-๒๓๗-๓๒๗, ๐๘๔-๓๙๖-๙๓๓๒ ภาคใต้ เข้ารับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี / บุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมแห่ง สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณีวัฒนา / ผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘ กรมส่ง เสรมิ วฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม / ครภู ูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ดา้ นภาษาและวรรณกรรม สำ� นกั งานเลขาธิการสภาการ ศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๕๖๐

187 การสรา้ งความเป็นปึกแผน่ ของชาติ ดว้ ยครูภมู ปิ ัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ภาคผนวก

การสร้างความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ 188 ดว้ ยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุน่ ท่ี ๘

189 การสรา้ งความเป็นปึกแผ่นของชาติ ดว้ ยครภู ูมิปญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘

การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 190 ดว้ ยครภู ูมิปญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ทำ� เนียบครภู ูมปิ ัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ภาคเหนอื ด้าน ทอี่ ยู่ ล�ำดบั ครูภูมิปัญญาไทย ดา้ นเกษตรกรรม ๖๕ หมทู่ ี่ ๓ ต.ปา่ แฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ๖๔๑๗๐ ๑. จ่าสบิ โทสุทิน ทองเอ็ม ด้านอุตสาหกรรมและ โทร. ๐๘๖-๙๑๗-๗๐๕๒ ๒. นายบญุ รัตน์ ทพิ ย์รตั น์ หตั ถกรรม ๑๘๙/๗ ต.สบแม่ข่า ๓. นางลัดดา ไพรเจริญศรี ดา้ นอุตสาหกรรมและ อ.หางดง จ.เชียงใหม ่ ๕๐๒๓๐ ๔. นายประสิทธ ์ิ วุ่นฟกั หตั ถกรรม โทร. ๐๖๒-๙๒๕-๖๙๔๒ ๕. น.ส.ปาริชาติ บญุ ธมิ า ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย ๖. นายสมทบ สอนราช ๒๔๕ หมู่ท่ี ๑๕ ต.บา้ นหลวง ๗. นายสมบตั ิ ไตรศรีศิลป์ ด้านการแพทย์แผนไทย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๖๐ ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย โทร. ๐๙๓-๑๗๔-๓๐๖๓ ๘. นายองอาจ พงษโ์ นรี ๑๑๑/๑ หม่ทู ี่ ๖ ต.เมอื งเก่า ๙. นายมานพ ชัยบวั ค�ำ ด้านการแพทย์แผนไทย อ.เมอื ง จ.สุโขทัย ๖๔๑๒๐ โทร. ๐๘๖-๙๓๗-๔๖๗๙, ๐๘๗-๕๖๘-๑๙๑๔ ด้านการแพทย์แผนไทย ๒๒ หมทู่ ่ี ๖ ต.โปง่ งาม อ.แม่สาย ดา้ นจัดการ จ.เชยี งราย ๕๗๑๓๐ ทรพั ยากรธรรมชาติ โทร. ๐๘๙-๙๙๗-๑๕๕๐ และสงิ่ แวดลอ้ ม ๑๒ หมทู่ ี่ ๙ ต.ไผ่รอบ อ.โพธ์ิประทับชา้ ง จ.พจิ ิตร ๖๖๑๙๐ โทร. ๐๕๖-๖๗๐-๐๒๙ ๐๘๖-๔๔๑-๓๗๓๘ ๔๙ ถ.ชา่ งหลอ่ ต.หายยา อ.เมอื ง จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๐๐ โทร. ๐๕๓-๒๐๐-๓๐๐, ๐๘๑-๘๘๓-๗๘๔๕ ๐๕๓-๒๐๓-๑๐๔ เลขที่ ๒ หมู่ที่ ๒ ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อตุ รดติ ถ์ ๕๓๑๗๐ โทร. ๐๘๗-๒๐๓-๓๑๑๐ ๑๒๒ หมู่ที่ ๑๑ ต.โรงชา้ ง อ.ปา่ แดด จ.เชยี งราย ๕๗๑๙๐ โทร. ๐๕๓-๗๖๑-๓๓๐, ๐๘๑-๒๘๙-๖๙๔๔ F:๐๕๓-๗๖๑-๓๓๐

191 การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ด้วยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ลำ� ดับ ครูภมู ปิ ัญญาไทย ดา้ น ท่อี ยู่ ๑๐. นายกมล อภิธนงั ดา้ นกองทุนและธุรกิจ ๑๑. นางบวั ตอง แก้วฝน้ั ชมุ ชน ๑๘๕/๑ หมทู่ ี่ ๑๐ ต.นางแล อ.เมอื ง ๑๒. น.ส.ศันสนยี ์ อนิ สาร ด้านศิลปกรรม จ.เชยี งราย ๕๗๑๐๐ ๑๓. นายอนุ่ เรือน หงษ์ทอง โทร. ๐๘๙-๘๓๘-๔๙๐๕ ๑๔. นายประเสรฐิ ขวัญเผือก ด้านศลิ ปกรรม ๑๔/๑ หม่ทู ่ี ๗ ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๐๐ ๑๕. นายอนิ ตา เลาคำ� ด้านศิลปกรรม โทร. ๐๕๓-๘๑๒-๕๒๑, ๐๙๕-๔๔๙-๓๗๙๘ ๑๖. นางสังเวียน ปรารมภ์ ๒๙ หมู่ ๕ หมูบ่ า้ นหนองยาว (หลงม่อนรีสอร์ท) ด้านภาษาและ ต.ทา่ สาย อ.เมอื ง จ.เชยี งราย ๕๗๐๐๐ วรรณกรรม โทร. ๐๘๙-๔๒๙-๕๖๗๙ F: ๐๕๓-๖๗๘-๕๓๐ ดา้ นภาษาและ ๗๐ หมู่ท่ี ๘ ต.เมอื งงาย อ.เชยี งดาว วรรณกรรม จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๗๐ ด้านปรัชญา ศาสนา โทร. ๐๘๑-๓๖๖-๙๘๒๓ และประเพณี ๒๖ หมทู่ ี่ ๗ ต.โคกสะอาด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบรู ณ์ ๖๗๑๗๐ โทร. ๐๘๖-๒๐๗-๔๗๑๕ ๘๑/๑ หมู่ที่ ๑๐ ต.ดอนแก้ว อ.แม่รมิ จ.เชยี งใหม่ ๕๐๑๘๐ โทร. ๐๕๓-๑๒๒-๑๘๗, ๐๘๙-๕๕๖-๖๙๖๗ ๕๓ หม่ทู ี่ ๑๒ ต.จนั จว้าใต้ อ.แมจ่ ัน จ.เชียงราย ๕๗๒๗๐ โทร. ๐๘๖-๙๒๒-๕๖๗๙ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ด้าน ท่ีอยู่ ที่ ครภู มู ปิ ัญญาไทย ดา้ นศิลปกรรม วดั เกษมส�ำราญ หมูท่ ี่ ๘ บ้านเกษม ต.เกษม ๑. พระครเู กษมธรรมานวุ ตั ร ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย อ.ตระการพชื ผล จ.อบุ ลราชธานี ๓๔๑๓๐ ๒. พระอธกิ ารสมบรู ณ์ โทร. ๐๘๗-๒๕๕-๖๐๘๘ วดั ป่าสขุ สมบรู ณ์ วสิ ุท.โธ (นิมติ ร) ๒๕๒ หมทู่ ี่ ๒ ต.สองชั้น อ.กระสงั จ.บุรรี มั ย์ ๓๑๑๖๐ โทร. ๐๘๓-๓๘๗-๒๑๑๗

การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 192 ด้วยครูภมู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ท่ี ครภู ูมิปญั ญาไทย ด้าน ท่ีอยู่ ๓. นายถาวร สรรสมบตั ิ ดา้ นเกษตรกรรม ๒๒ หมูท่ ่ี ๙ ต.บ้านดง ๔. นายบุญม ี สรุ ะโคตร อ.อุบลรตั น์ จ.ขอนแกน่ ๔๐๒๕๐ ๕. นางรวงทอง สภุ ษิ ะ ด้านเกษตรกรรม โทร. ๐๘๘-๐๖๙-๔๔๙๐ ๖. นางสภุ าณ ี ภูแล่นก่ี ๗. นางหนูจีน ศรีนมั มัง ด้านอตุ สาหกรรมและ ๑๕๕ หมู่ท่ี ๗ ต.ดู่ ๘. น.ส.ประกายศรี รุ่งเรือง หัตถกรรม อ.ราษีไศล จ.ศรสี ะเกษ ๓๓๑๖๐ ดา้ นอุตสาหกรรมและ โทร. ๐๘๖-๘๗๕-๔๘๓๘ อรโิ ย หัตถกรรม ๗๗ หมทู่ ่ี ๕ ต.ล�ำดวน ๙. นายสหี า มงคลแกว้ ด้านอุตสาหกรรมและ อ.ลำ� ดวน จ.สรุ ินทร์ ๓๒๒๒๐ ๑๐. นางจินตนา เย็นสวัสดิ์ หตั ถกรรม โทร. ๐๘๗-๗๗๖-๑๔๒๙ ๑๑. นายฉลาด สง่ เสริม ด้านการแพทย์แผนไทย ๔๖ หมทู่ ่ี ๒ บ้านหัวฝาย ๑๒. นายบญุ เลศิ ภวู ิเลศิ ต.ปอแดง อ.ชนบท จ.ขอนแกน่ ๔๐๑๘๐ ๑๓. นายดวง วงั สาลุน ด้านการจดั การ โทร. ๐๔๓-๔๕๕-๗๕๕, ๐๘๑-๗๒๙-๖๐๒๕ ทรัพยากรธรรมชาติ ๒๑ หมูท่ ี่ ๑๑ ต.บัวลาย และสิ่งแวดลอ้ ม อ.บัวลาย จ.นครราชสมี า ๓๐๑๒๐ ดา้ นศลิ ปกรรม โทร. ๐๔๔-๔๙๕-๑๐๙ ๒๖๕ หมทู่ ี่ ๑๑ ต.เขวา อ.เมือง ด้านศลิ ปกรรม จ.มหาสารคาม ๔๔๐๐๐ โทร. ๐๘๗-๘๖๔-๑๐๑๒ ดา้ นศลิ ปกรรม ๐๙๕-๑๘๒-๗๗๘๖ ๔๖ หมู่ที่ ๙ ต.หัวดอน ดา้ นภาษาและ อ.เข่ืองใน จ.อุบลราชธานี ๓๔๑๕๐ วรรณกรรม โทร. ๐๘๓-๓๖๖-๕๑๒๕ ๖๖๖/๓๔ กลางเมือง ๑ ถ.กลางเมือง ต.ในเมอื ง อ.เมอื ง จ.ขอนแก่น ๔๐๐๐๐ โทร. ๐๘๑-๙๗๔-๒๔๘๑, ๐๔๓-๓๔๐-๙๕๙ ๔๕๔-๔๕๖ ถนนแจ้งสนิท ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อบุ ลราชธาน ี ๓๔๐๐๐ โทร. ๐๔๕-๓๑๑-๕๘๐, ๐๘๑-๒๔๖-๑๓๘๓ ๑๒๓ หมทู่ ่ี ๑ ต.ภูแล่นช้าง อ.นาคู จ.กาฬสินธ์ุ ๔๖๑๖๐ โทร. ๐๖๑-๐๙๖-๕๙๗๙ ๖๕ หมู่ที่ ๑๐ บา้ นหนองสมิ ต.หนองไฮ อ.ส�ำโรง จ.อุบลราชธานี ๓๔๓๖๐ โทร. ๐๘๙ -๒๘๓-๑๘๙๗

193 การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ดว้ ยครูภมู ิปัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ท่ี ครูภมู ิปญั ญาไทย ด้าน ท่ีอยู่ ๑๔. นายทองไกร ปัญจะแกว้ ด้านภาษาและ ๙๑ หม่ทู ี่ ๑๓ ต.เสือโกก้ วรรณกรรม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ๔๔๑๒๐ โทร. ๐๘๘-๓๓๖-๙๑๐๑ ๑๕. นายสมชาย ฐานเจริญ ด้านภาษาและ วรรณกรรม ๒๑ หม่ทู ี่ ๖ บ้านท่งุ เพยี ง ต.สว่าง อ.สว่างวรี ะวงศ์ จ.อบุ ลราชธานี ๓๔๑๙๐ โทร. ๐๘๖-๘๗๔-๕๖๑๘ ภาคกลางและภาคตะวันออก ดา้ น ทีอ่ ยู่ ลำ� ดับ ครูภูมปิ ัญญาไทย ด้านเกษตรกรรม ๔๒๙ หมูท่ ี่ ๓ บ้านคลองสิบสาม ต.เขาสามสบิ ๑. จา่ สิบเอกไพทูล พน้ ธาตุ ดา้ นเกษตรกรรม อ.เขาฉกรจ์ จ.สระแกว้ ๒๖๑๗๒ ๒. นายยวง เขียวนลิ โทร. ๐๘๑-๘๖๑-๖๙๒๓ ๓. นายวิชา ทองโสภา ดา้ นเกษตรกรรม ๙๑/๑ หมทู่ ่ี ๗ ต.ราษฎรน์ ยิ ม ๔. นายส�ำรอง แตงพลบั อ.ไทรน้อย จ.นนทบรุ ี ๑๑๑๕๐ ๕. นางสาวอารีรัตน์ พนู ปาล ด้านเกษตรกรรม โทร. ๐๘๑-๙๒๙-๙๑๕๙, ๐๒-๙๗๗-๖๙๔๓ ๖. นางซ้อง จบศรี ๗๕ หมู่ที่ ๓ ต.หนองสะเดา อ.สามชุก ๗. นายบัณฑิตย ์ พนิ ิจสุขใจ ด้านเกษตรกรรม จ.สุพรรณบุรี ๗๒๑๓๐ โทร. ๐๘๙-๐๓๕-๘๔๕๒ ดา้ นอตุ สาหกรรมและ ๖๙/๑ หมูท่ ่ี ๔ ต.ไร่ใหม่พฒั นา อ.ชะอ�ำ หตั ถกรรม จ.เพชรบรุ ี ๗๖๑๒๐ ด้านอตุ สาหกรรมและ โทร. ๐๘๙-๐๗๖-๔๓๒๕ หตั ถกรรม ๑๓๕/๒ หมูท่ ี่ ๔ ต.เขาวงกต อ.แกง่ หางแมว จ.จนั ทบุรี ๒๒๑๖๐ โทร. ๐๘๙-๒๔๕-๙๙๗๙ ๗ หมทู่ ่ี ๑ ต.กุดจอก อ.หนองมะโมง จ.ชยั นาท ๑๗๑๒๐ โทร. ๐๕๖-๔๖๖-๐๖๘, ๐๘๙-๙๖๙-๔๕๑๘ ๒๙/๙๗ หมู่ ๗ ต.จันนิมติ อ.เมือง จ.จันทบรุ ี ๒๒๐๐๐ โทร. ๐๓๙-๓๒๕-๗๑๔, ๐๘๑-๙๔๒-๓๔๔๒ F:๐๓๙-๓๒๕-๗๑๔

การสร้างความเป็นปึกแผ่นของชาติ 194 ดว้ ยครภู ูมิปญั ญาไทย รุน่ ที่ ๘ ลำ� ดบั ครูภูมปิ ญั ญาไทย ด้าน ทอ่ี ยู่ ๘. นายพิสูจน์ ใจเทยี่ งกลุ ด้านภาษาและ ๒๕๓ ต.สองพน่ี อ้ ง อ.สองพ่นี อ้ ง วรรณกรรม จ.สพุ รรณบุรี ๗๒๑๑๐ โทร. ๐๘๗-๑๗๑-๕๔๙๖, ๐๓๕-๕๓๑-๐๕๑ ๙. นายสมโภชน์ วาสุกรี ดา้ นภาษาและ F:๐๓๕-๕๓๑-๕๒๑(รร.บางลี่วิทยา) วรรณกรรม ๓๙/๒ หมู่ที่ ๓ ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด ๒๓๑๒๐ โทร. ๐๓๙-๕๑๖-๙๖๗, ๐๘๑-๗๖๑-๑๙๗๒ F:๐๓๙-๕๑๖-๙๖๗ ภาคใต้ ด้าน ท่ีอยู่ ล�ำดบั ครภู มู ปิ ญั ญาไทย ด้านปรัชญา ศาสนา วดั ชนาธปิ เฉลมิ และประเพณี พระอารามหลวง ๑. พระครสู ุนทรธรรมนิเทศก์ ๒๔ ต.พิมาน อ.เมอื ง จ.สตลู ๙๑๐๐๐ โทร. ๐๘๐-๕๔๕-๕๒๖๒ ๒. นายดอเลา๊ ะ สะตือบา ดา้ นเกษตรกรรม ๑๐๑ หม่ทู ี่ ๘ ต.บาโระ๊ อ.ยะหา จ.ยะลา ๙๕๑๒๐ ๓. ดาบตำ� รวจนิรันดร์ พิมล ดา้ นเกษตรกรรม โทร. ๐๖๓-๐๘๑-๑๗๓๑, ๐๘๑-๐๙๖-๙๐๔๗ ๔๖๙ หมูท่ ี่ ๗ ต.ถ้�ำใหญ่ ๔. นายแสวง ภศู ิริ ดา้ นเกษตรกรรม อ.ท่งุ สง จ.นครศรธี รรมราช ๘๐๑๑๐ โทร. ๐๘๗-๘๘๕-๘๑๖๘, F:๐๗๕-๔๒๐-๖๑๗ ๕. นายกิตตทิ ัต ศรวงศ์ ด้านอุตสาหกรรมและ ๑๒ หมู่ท่ี ๑ ต.ชอ่ ง อ.นาโยง หัตถกรรม จ.ตรัง ๙๒๑๗๐ โทร. ๐๘๙-๔๗๒-๙๓๙๑ ๖. นายปลื้ม ชูคง ดา้ นอุตสาหกรรมและ ศนู ยก์ ารเรียนรหู้ อศิลปห์ นังตะลุง หตั ถกรรม ๑๒๒ หมทู่ ี่ ๔ ต.ท่ามิหร�ำ อ.เมอื ง จ.พัทลุง ๙๓๐๐๐ โทร. ๐๘๑-๖๙๓-๗๒๒๐, ๐๘๙-๔๖๒-๙๓๑๔ ๔๒/๑ หมูท่ ่ี ๑ ต.ชยั บุรี อ.เมอื ง จ.พทั ลงุ ๙๓๐๐๐ โทร. ๐๘๖-๒๘๗-๒๕๔๒, ๐๗๔-๖๑๔-๕๑๒ โทรสาร : ๐๗๔-๖๑๔-๕๑๒

195 การสร้างความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ ดว้ ยครภู ูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ล�ำดบั ครูภมู ิปญั ญาไทย ดา้ น ที่อยู่ ๗. นายขจรศักด์ิ เทพนุ้ย ดา้ นการแพทย์แผนไทย ๕๒ ต.คหู าสวรรค์ ๘. นายสมบูรณ์ ทพิ ยน์ ุ้ย ด้านการแพทยแ์ ผนไทย อ.เมือง จ.พัทลุง ๙๓๐๐๐ ๙. นายช่วง เรืองแก้ว ด้านกองทนุ และธรุ กิจ โทร. ๐๘๒-๒๗๗-๗๖๘๘, ๐๗๔-๖๑๑-๐๘๖ ๑๐. นางดวง วังบุญดง ชุมชน ๑๙๐ หมู่ท่ี ๑ ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน ๑๑. นายเทพสิน ผอ่ งแกว้ ดา้ นศิลปกรรม จ.พทั ลุง ๙๓๑๓๐ ด้านศลิ ปกรรม โทร. ๐๘๑-๕๔๓-๑๘๖๐ ๑๒. นายปยิ ะ สวุ รรณพฤกษ์ ๒๑๒ หมู่ท่ี ๑๑ ต.ชมุ พล อ.ศรีนครินทร์ ๑๓. นายสวน หนดุ หละ ด้านศลิ ปกรรม จ.พัทลงุ ๙๓๐๐๐ ๑๔. นายประเสริฐ รักษ์วงศ์ ด้านศลิ ปกรรม โทร. ๐๘๑-๔๗๙-๗๔๘๖ ด้านภาษาและ ๑๐๓ หมูท่ ี่ ๓ ต.สามตำ� บล อ.จุฬาภรณ์ วรรณกรรม จ.นครศรีธรรมราช ๘๐๑๓๐ โทร. ๐๙๒-๓๑๖-๘๐๓๖ ๓๓/๑ หมู่ท่ี ๒ ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎรธ์ านี ๘๔๑๖๐ โทร. ๐๗๗-๔๕๒-๒๑๒, ๐๗๗-๒๘๘-๘๑๗ ๐๘๓-๑๗๒-๐๖๖๖, F:๐๗๗-๒๘๒-๒๘๒๘ ๒๔ ซ.กาญจนา ๒ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ๙๕๐๐๐ โทร. ๐๘๔-๑๖๕-๒๓๑๒, ๐๙๙-๒๘๓-๒๔๕๒ ๗๕ หมู่ ๓ ต.เขาพระ อ.รตั ภูมิ จ.สงขลา ๙๐๑๘๐ โทร. ๐๘๗-๒๙๔-๗๕๙๗ เลขที่ ๒ ซอย ๗ ถนนคลองเรยี น ๒ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ๙๐๑๑๐ โทร. ๐๘๔-๓๙๖-๙๓๓๒, ๐๗๔-๒๓๗-๓๒๗

การสร้างความเป็นปึกแผ่นของชาติ 196 ด้วยครภู ูมิปญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ ท่ีปรกึ ษา คณะผจู้ ดั ท�ำ นายชยั พฤกษ ์ เสรีรกั ษ ์ เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา นายชัยยศ อ่มิ สวุ รรณ์ รองเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา นายสมศกั ด์ ิ ดลประสิทธิ ์ รองเลขาธกิ ารสภาการศึกษา นางสาวสมรัชนกี ร ออ่ งเอบิ ผ้อู �ำนวยสำ� นกั นโยบายดา้ นการเรียนรู้ตลอดชวี ิต และโอกาสทางการศึกษา บรรณาธิการ คอลัมนสิ ต์หนังสือพมิ พข์ า่ วสด นายวชิ เทพ ฦาชาฤทธ์ิ และหนงั สอื พิมพ์คมชัดลึก นักวชิ าการศึกษาชำ� นาญการพเิ ศษ นางสาวพฒุ ิสาร ์ อคั คะพู นักวชิ าการศึกษาชำ� นาญการ นางสาวปิยะมาศ เมิดไธสง นกั วชิ าการศกึ ษาช�ำนาญการ ผ้ปู ระสานงานการพิมพ์ นางสาวปิยะมาศ เมิดไธสง ผู้พมิ พต์ ้นฉบบั /รูปเล่ม นางสาวบุศรา บุญเกิด ศิลปะ นายธนวัฒน์ ฦาชาฤทธิ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook