ช่ัวโมงที่ 1 ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน 1. ผูส้ อนเปดิ คลปิ วดิ ีโอ Transformers เพื่อเปน็ การกระตนุ้ ความสนใจของผู้เรียน จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=L6y3Mhnj7xM 2. ผสู้ อนถามผเู้ รยี นเพ่อื เป็นการกระตุ้นให้เกดิ การเรียนรู้ เชน่ “นกั เรยี นเคยสงสยั ไหมวา่ ทาไมหนุ่ ยนต์ ท่ีเราเหน็ ในภาพยนตส์ ่วนใหญ่ถงึ เปน็ โลหะ?” ขน้ั สอน 3. ผสู้ อนแจก ใบความรู้ท่ี 6 ประเภทของวสั ดุ พรอ้ มอธบิ ายใบความรู้ วสั ดุ คือ สิ่งทน่ี ามาทาเปน็ สง่ิ ของเครอ่ื งใช้ต่าง ๆ ซึ่งสง่ิ ของแต่ละอย่างทาจากวัสดหุ ลากหลาย ประเภท ในสมัยกอ่ นเราใช้วัสดุทม่ี าจากธรรมชาติ เช่น หิน ก่ิงไม้ หนงั สัตว์ มาทา สง่ิ ของเคร่อื งใช้ เช่น อาวุธ เครื่องนงุ่ ห่ม ภาชนะใส่อาหาร ตอ่ มามกี ารพัฒนาวัสดุจากธรรมชาติมาใช้งานจนกระท่ัง สามารถสังเคราะหว์ สั ดุใหม่ข้นึ มา เชน่ กระดาษ ไมอ้ ดั เสน้ ใย ยาง พลาสตกิ โลหะ วสั ดผุ สม 1. ไม้ (wood) คือ วสั ดธุ รรมชาติทีไ่ ด้มาจากลา ตน้ ของต้นไม้ ไม้ แบ่งเปน็ 2 ประเภท คอื ไมธ้ รรมชาติ ไม้ธรรมชาตแิ บ่งเป็น ไม้เน้ือแข็งกบั ไมเ้ นอ้ื ออ่ น ไมป้ ระกอบ เปน็ ไมท้ ีไ่ ด้จากการนา ชน้ิ ส่วนของไม้มาต่อรวมกันดว้ ยกระบวนการต่าง ๆ 2. โลหะ (metals) คือ วัสดทุ ่ีได้จากการถลุงสนิ แร่ต่าง ๆ โลหะสว่ นใหญ่ผา่ นกระบวนการ ปรับปรงุ สมบตั ใิ ห้ดขี น้ึ ก่อนนา มาใชง้ าน โลหะแบง่ ไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ โลหะท่ีมเี หล็กเปน็ องคป์ ระกอบ (Ferrous Metals) เช่น เหล็กกลา้ เหล็กหล่อ ใชท้ า ชิ้นสว่ นอะไหล่ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือชา่ ง ลวด กรรไกร ช้ินส่วนเครอ่ื งจักร โลหะท่ีไมม่ ีเหล็กเป็นองคป์ ระกอบ (Non-Ferrous Metals) ไม่ดดู ติดกบั แมเ่ หลก็ และ ไมเ่ กดิ สนิม เชน่ ทองแดง อะลมู เิ นียม สงั กะสี
3. พลาสติก (plastic) คือ วสั ดสุ งั เคราะห์ซ่ึงส่วนใหญเ่ ปน็ ผลผลิตท่ีได้จากการกลน่ั นา้ มนั ดบิ พลาสตกิ แบ่งได้เปน็ 2 ชนิด คือ เทอรโ์ มพลาสติก (thermoplastic) เมื่อไดร้ บั ความรอ้ นจะอ่อนตัวและเปล่ียนรปู รา่ งได้ สามารถหลอมแลว้ นา กลับมาใช้ใหม่ได้ เชน่ ถงุ ใส่ของ ชอ้ น ขวดนา้ กะละมัง และเทอร์โมเซตตง้ิ พลาสตกิ (thermosetting plastic) พลาสตกิ ทนความร้อนสงู แข็งแรง แตไ่ ม่สามารถหลอมแล้วนา มาใช้ใหมไ่ ด้ เชน่ จานชาม สายไฟ ปลกั๊ ไฟ โฟมกันกระแทก รองเทา้ 4. ยาง (rubber) คือ วสั ดทุ มี่ คี วามยืดหย่นุ เมื่อออกแรงดึงหรอื กด ยางจะยืดหรือยบุ และกลบั สูส่ ภาพเดมิ ไดเ้ มอ่ื ปล่อยให้ยางเป็นอิสระ ยางแบ่งเป็น 2 ประเภท คอื ยางธรรมชาติ (natural rubber) ไดม้ าจากตน้ ยาง มคี วามยดื หยนุ่ สูง ทนตอ่ การฉกี ขาด และการสึกหรอ เช่น ถุงมอื ยาง ยางรัดของ ลกู โปง่ ยางรถยนต์ และยางสงั เคราะห์ (synthetic rubber) ได้มาจากการสังเคราะหท์ างเคมเี พ่ือเลียนแบบ ยางธรรมชาติ สามารถปรับปรงุ สมบตั ใิ ห้ดขี น้ึ หลายดา้ น เชน่ ทนตอ่ เปลวไฟ สภาพอากาศ แสงแดด สารเคมี เช่น ยางรถยนต์ แปน้ พมิ พ์คอมพิวเตอร์ซิลโิ คน พ้นื รองเทา้ 5. เซรามิก (ceramic) เปน็ ผลติ ภัณฑท์ ท่ี าจากวัตถุดิบในธรรมชาตเิ ช่น ดิน หิน ทราย และแรธ่ าตุตา่ ง ๆ นา มาผสมกัน หลงั จากนัน้ จึงนาไปเผาเพ่ือเปล่ยี นเนอ้ื วัตถใุ หแ้ ข็งแรง และคงรูป 4. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี น หยบิ สิง่ ของรอบตวั มาคนละ 1 ช้ิน และให้แต่ละคน ตอบว่า ส่ิงของชน้ิ น้ัน ทามาจาก วสั ดุประเภทใด พร้อมกับใหผ้ ้เู รียนคนอื่นๆ รว่ มแสดงความคิดเหน็ ชั่วโมงที่ 2 ขัน้ สอน (ต่อ) 1. ผสู้ อนแจกใบงานที่ 3.1 ประเภทของวัสดุ พรอ้ มอธิบายวิธีการทาใบงาน คือ ใหผ้ ู้เรยี นเขียนสิ่งของรอบตวั ให้ตรงกับช่องประเภทของวสั ดุที่ใชท้ าสง่ิ ของชิน้ นนั้ เช่น ลูกกญุ แจ ทามาจากวัสดปุ ระเภทโลหะ ก็เติมลงในช่อง วัสดุประเภทโลหะ 2. ผู้สอนให้เวลาผเู้ รยี นในการทาใบงาน 10 นาที โดยผ้สู อนคอยดแู ลความเรยี บร้อยและคอยให้คาแนะนา เพ่ิมเตมิ 3. เม่ือครบกาหนดเวลา ผ้เู รียนคนใด เขยี นสิง่ ของลงในชอ่ งประเภทของวัสดุไดถ้ กู ตอ้ ง และจานวนมาก ท่สี ดุ จะไดร้ บั รางวลั จากผู้สอน
4. ผสู้ อนแบ่งกลมุ่ ผู้เรยี นออกเป็นกล่มุ กลุ่มละ 3 คน เพือ่ ทากจิ กรรมนาเสนอ สมบตั ิของวสั ดุ โดยมอบหมายงานให้ผู้เรียนแตล่ ะกลมุ่ หาขอ้ มลู เก่ยี วกับวสั ดปุ ระเภทต่างๆ โดยใช้ Google Slide เพ่ือให้สมาชกิ สามารถร่วมกนั ทางานแบบออนไลน์ได้ตลอดเวลา พร้อมกบั เพม่ิ ผสู้ อนเป็นผู้รว่ มทางาน โดยผู้สอนจะคอยดแู ลความเรียบรอ้ ยและคอยให้คาแนะนาเพ่ิมเตมิ ผ่าน Google Slide โดยกาหนดให้ นาเสนอผลงานในชว่ั โมงถดั ไป 5. ผ้สู อนกาหนดหัวขอ้ ทตี่ อ้ งมใี นการนาเสนอ คือ 1. ประเภทของวัสดุที่แตล่ ะกลมุ่ เลอื กทา 2. สมบตั ิของวสั ดุ ประกอบดว้ ย 2.1 สมบัติทางเคมี บอกลักษณะเฉพาะตัวท่ีเกี่ยวกับโครงสรา้ งและองค์ประกอบของธาตตุ า่ งๆ 2.2 สมบตั ทิ างกายภาพ อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าของวัสดุน้นั กบั พลังงานในรูปแบบต่างๆ กนั 2.3 สมบตั ิเชงิ กล สมบัติเฉพาะตวั ของวสั ดุท่ถี กู กระทาดว้ ยแรง เก่ียวกบั การยืดและหดตัวของ วัสดุ ความแข็ง ความสามารถในการรับนา้ หนกั 2.4 สมบตั ิเชิงมิติ ขนาด รูปรา่ ง ความคงทน 3. ขอ้ ดี ขอ้ จากดั ของวัสดุ 4. ตวั อยา่ งผลงานเทคโนโลยีท่ที ามาจากวัสดุนัน้ ๆ ข้นั สรุป 6. ผสู้ อน และผู้เรยี นร่วมกันสรุป สิง่ ของเคร่ืองใชร้ อบตวั เราสร้างมาจากวัสดุหลากหลายประเภท ซงึ่ วัสดแุ ต่ละประเภทมสี มบัตทิ ่ีแตกตา่ งกนั มีจุดประสงคใ์ นการนาไปใช้งานทแี่ ตกต่างกนั มีข้อดี และ ขอ้ เสียทแ่ี ตกตา่ งกนั ไป ในการสร้างสรรคเ์ ทคโนโลยี ควรมกี ารวเิ คราะหส์ มบตั ิของวัสดทุ เ่ี ลือกใช้ เพอ่ื ให้เหมาะสมกับลกั ษณะของชน้ิ งาน เพือ่ ใหช้ น้ิ งานออกมามคี ณุ ภาพและเกิดประโยชน์กับผู้ใช้งาน 7. ผ้สู อนเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นสอบถามเพม่ิ เตมิ 9. สอ่ื การเรยี นรู้ 1. คลปิ วดิ โี อ Transformers 2. ใบความรูท้ ี่ 6 ประเภทของวสั ดุ 3. ใบงานท่ี 3.1 ประเภทของวัสดุ 4. กิจกรรมนาเสนอสมบัติของวสั ดุ
0 เครอ่ื งมือ เกณฑ์ 10. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ ผลงาน คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์ วิธกี าร แบบประเมินพฤติกรรม รายบุคคล คุณภาพอยูใ่ นระดบั ดี ตรวจใบงานที่ 3.1 ผ่านเกณฑ์ ประเภทของวัสดุ ประเมนิ พฤตกิ รรมรายบคุ คล จากการมสี ่วนรว่ ม ในหอ้ งเรียน
แบบบนั ทกึ หลังแผนการสอน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 จานวน 4 ช่ัวโมง เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 วสั ดุและเคร่ืองมอื ชา่ งพน้ื ฐาน เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6 ประเภทของวัสดุ ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………….…………….ผ้สู อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคิดเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………….ผู้บริหารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 7 กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 วสั ดุและเคร่อื งมอื ชา่ งพ้นื ฐาน แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7 สมบตั ิและการเลอื กใชว้ สั ดุ เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พือ่ การดารงชวี ิตในสังคมทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความร้แู ละทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อ่นื ๆ เพื่อแก้ปญั หา หรือพฒั นางาน อย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี อย่างเหมาสม โดยคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชวี ติ สังคม และสง่ิ แวดลอ้ ม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด วัสดมุ หี ลายประเภท โดยวัสดุที่นามาทาส่งิ ของเคร่อื งใชท้ ี่เราพบในชวี ิตประจาวันสว่ นใหญ่ ได้แก่ วัสดุ ประเภท ไม้ โลหะ พลาสติก ยาง ซงึ่ แตล่ ะประเภทมสี มบตั แิ ละการนาไปใชง้ านทแ่ี ตกตา่ งกนั เชน่ ความแขง็ ความ เหนียว สภาพยืดหยุน่ ความรอ้ น การนาไฟฟา้ 3. ตวั ช้วี ัด/จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตัวชี้วัด ว 4.1 ม.1/5 ใช้ความร้แู ละทักษะเกย่ี วกบั วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟา้ หรือ อิเลก็ ทรอนกิ สเ์ พ่ือแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสมและปลอดภยั จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายลกั ษณะของวสั ดุแตล่ ะประเภทได้ (K) 2. เลอื กใชว้ ัสดทุ เ่ี หมาะสมกับงาน (P) 3. เหน็ ความสาคัญของการเลอื กใชง้ านวสั ดใุ นการสรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยี (A)
4. สาระการเรียนรู้ 1. วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมีสมบตั ิแตกตา่ งกนั เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก จงึ ต้องมกี ารวิเคราะห์สมบัตเิ พ่อื เลือกใช้ ให้เหมาะสมกบั ลักษณะของงาน 2. การสร้างชิน้ งานอาจใชค้ วามรู้เรอื่ งกลไก ไฟฟ้า อิเลก็ ทรอนกิ ส์เช่น LED บซั เซอรม์ อเตอร์วงจรไฟฟ้า 3. อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมอื ในการสรา้ งชิ้นงาน หรอื พัฒนาวธิ ีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมทัง้ ร้จู ักเก็บรักษา 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 7. ภาระงาน 1. กจิ กรรมนาเสนอสมบัตขิ องวัสดุ 2. ใบงานที่ 3.2 สมบตั ิของวัสดุ 8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. วิธกี ารสอนแบบสรา้ งสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. ทักษะการเรยี นรู้และนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชวั่ โมงท่ี 1 ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ผู้สอนเปิดภาพเกา้ อี้ พร้อมกับอธบิ าย วัสดทุ นี่ ามาใช้ในการทาเกา้ อี้ ซึ่งประกอบไปดว้ ยวัสดุหลาย ประเภท เน่ืองจากวัสดแุ ต่ละเภทมีสมบตั ิทแี่ ตกต่างกัน และใน 1 ชน้ิ งาน ประกอบไปดว้ ยส่วนตา่ งๆ จึงจาเป็นต้องเลือกวสั ดุใหเ้ หมาะสมกบั ส่วนตา่ งๆเพ่อื นามาประกอบเป็นชน้ิ งานทมี่ คี ุณภาพ ขนั้ สอน 2. ผูส้ อนแจก ใบความรู้ท่ี 7 สมบัติของวัสดุ พร้อมอธิบายใบความรู้ สมบัตขิ องวสั ดุ ประกอบดว้ ย สมบัติทางเคมี (Chemical properties) เป็นสมบัตทิ ่ีสาคัญของวัสดุ ซ่ึงจะบอกลกั ษณะเฉพาะตวั ทเี่ ก่ียวกับโครงสรา้ ง และองค์ประกอบของธาตุตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ วัสดนุ ัน้ ตามปกติสมบัตนิ จ้ี ะทราบไดจ้ ากการทดลองใน หอ้ งปฏิบัตกิ ารเทา่ นัน้ โดยใชว้ ิธีการวเิ คราะห์แบบทาลาย หรอื ไมท่ าลายตัวอยา่ ง
สมบัติทางกายภาพ (Physical properties) เปน็ สมบัติเฉพาะของวสั ดุ ทเ่ี กี่ยวกับอตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาของวัสดนุ ั้นกับพลังงานใน รปู แบบต่างๆ กนั เช่น ลกั ษณะของสี ความหนาแน่น การหลอมเหลว ปรากฎการณ์ทเ่ี กิด เกี่ยวกับสนามแม่เหล็ก หรอื สนามไฟฟา้ การทดสอบสมบตั ิน้ีจะไม่ทาใหว้ ัสดนุ น้ั เกดิ การเปล่ียนแปลงทางเคมหี รอื ถูกทาลาย สมบตั ิเชิงกล (Mechanical properties) เป็นสมบตั เิ ฉพาะตัวของวัสดุทีถ่ กู กระทาด้วยแรง เกีย่ วกับการยืดและหดตัวของวสั ดุ ความแข็ง ความสามารถในการรบั น้าหนัก ความสกึ หรอ และการดูดกลนื พลังงาน สมบตั เิ ชงิ มติ ิ (Dimensional properties) เป็นสมบัติท่ีสาคญั อีกอย่างหนง่ึ ทีจ่ ะตอ้ งพจิ ารณาในการเลอื กใช้วสั ดุ เชน่ ขนาด รูปร่าง ความคงทน ตลอดจนลกั ษณะของผิว ว่าหยาบ ละเอยี ด หรือเรยี บ เปน็ ตน้ ซ่ึงสมบัตเิ หล่าน้ี จะไม่มกี าหนดไวใ้ นหนงั สอื ค่มู ือ หรือในมาตรฐานแต่ก็เป็นปัจจยั หน่งึ ที่จะใชเ้ ป็นข้อมลู ในการตดั สินใจด้วย 3. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงาน โดยให้เวลากล่มุ ละ 10 นาที โดยกาหนดให้แต่ละกลุม่ ตัง้ คาถามถามกลุม่ ท่ีนาเสนอ เพ่ือใหเ้ กิดการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 2 ขน้ั สอน (ต่อ) 1. เมอื่ ทุกกลุ่มนาเสนอเสรจ็ สนิ้ ผสู้ อนแจกใบงานที่ 3.2 สมบัตขิ องวัสดุ โดยใหผ้ ้เู รียนวาดภาพเทคโนโลยี ในจติ นาการ โดยไมจ่ าเปน็ ต้องคานงึ ถึงการใช้งานได้จริงในปัจจุบนั พร้อมกบั ต้งั ชื่อ และอธบิ าย วิธีการใช้งาน พร้อมกบั บอกวา่ แต่ละส่วนจะใช้วสั ดใุ ดในการสร้างชิ้นงาน เพราะอะไร 2. ผสู้ อนใหเ้ วลาผูเ้ รียนในการทาใบงาน โดยทผ่ี ูส้ อนคอยดแู ลความเรยี บรอ้ ยและคอยใหค้ าแนะนาเพ่ิมเติม 3. ผสู้ อนอธิบายเพมิ่ เติมวา่ เทคโนโลยเี กดิ จากปญั หา และความต้องการในชีวิตประจาวนั ของมนุษย์ แตห่ ลายครง้ั เทคโนโลยกี ็เกดิ ไดจ้ ากการจินตนาการ เพราะฉะน้ัน นกั เรียนสามารถจนิ ตนาการ ถงึ ส่งิ ท่ียังไมเ่ กิดข้นึ เพ่อื สรา้ งชนิ้ งานเทคโนโลยีได้
4. ผ้สู อนยกตัวอยา่ ง Smart Glasses แว่นอจั ฉริยะทสี่ ามารถถ่ายภาพและโทรได้แสดงผลได้ ซง่ึ ในอดตี แวน่ ตาอาจจะเป็นแคเ่ คร่อื งประดบั หรอื ช่วยแกป้ ัญหาเกยี่ วกบั โรคทางสายตา แต่ในอนาคตแวน่ ตา สามารถเปน็ ไดท้ ้ังกลอ้ ง และ Smartphone 5. เม่อื ครบกาหนดเวลา ผูส้ อนสุ่มผูเ้ รียนเพ่อื ใหน้ าเสนอใบงาน โดยให้ผเู้ รยี นคนอน่ื ๆ ร่วมเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น ขนั้ สรปุ 6. ผสู้ อน และผเู้ รยี นร่วมกันสรปุ สมบัตขิ องวัสดุ ประกอบดว้ ย สมบตั ิทางเคมี สมบตั ทิ างกายภาพ สมบัติ เชงิ กล สมบัติเชิงมติ ิ ในการสรา้ งสรรค์เทคโนโลยี ควรมกี ารวเิ คราะห์สมบัตขิ องวัสดทุ ี่เลอื กใช้ เพ่ือให้ เหมาะสมกบั ลกั ษณะของชนิ้ งาน เพอื่ ให้ชนิ้ งานออกมามีคุณภาพและเกิดประโยชนก์ ับผู้ใช้งาน 7. ผ้สู อนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสอบถามเพ่มิ เติม 9. ส่อื การเรยี นรู้ 1. ภาพเก้าอี้ 2. ใบความรู้ที่ 7 สมบัตขิ องวัสดุ 3. กิจกรรมนาเสนอสมบตั ขิ องวสั ดุ 4. ใบงานท่ี 3.2 สมบตั ิของวสั ดุ 0
10. การวดั และประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ วธิ กี าร คุณภาพอยู่ในระดบั ดี ตรวจใบงานที่ 3.2 แบบประเมินผลงาน ผ่านเกณฑ์ สมบตั ขิ องวัสดุ แบบประเมินพฤตกิ รรมกลุ่ม คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี ประเมินพฤติกรรมกล่มุ ผ่านเกณฑ์ จากการมสี ว่ นรว่ ม ในกจิ กรรมนาเสนอสมบัติของ วสั ดุ
แบบบนั ทึกหลังแผนการสอน ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 จานวน 4 ช่ัวโมง เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 วัสดแุ ละเครือ่ งมือชา่ งพ้นื ฐาน เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7 สมบตั ิและการเลอื กใช้วัสดุ ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………….…………….ผสู้ อน (…………………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคิดเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………….ผู้บรหิ ารสถานศึกษา (…………………..…………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 วัสดุและเครอื่ งมือชา่ งพื้นฐาน แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 8 เคร่อื งมือช่างพน้ื ฐาน เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พื่อการดารงชวี ิตในสงั คมที่มกี ารเปลยี่ นแปลง อย่างรวดเรว็ ใชค้ วามรู้และทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ น่ื ๆ เพือ่ แกป้ ัญหา หรอื พัฒนางาน อยา่ งมคี วามคดิ สร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี อย่างเหมาสม โดยคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม และสง่ิ แวดล้อม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เคร่ืองมือชา่ งมีหลายชนิด หลายประเภท แต่ละชนดิ จะมีลกั ษณะหน้าทใ่ี นการใช้งานแตกตา่ งกันไป ตามลักษณะของงานนัน้ เป็นอปุ กรณ์ทจ่ี าเปน็ ในการสรา้ งชน้ิ งาน ชว่ ยในการผอ่ นแรง จงึ มคี วามสาคญั ในการเลือกใชเ้ ครอื่ งมือใหเ้ หมาะสมกับงาน คานึงถึงความปลอดภัย และขอ้ ควรระวงั ในการใช้งาน 3. ตวั ชว้ี ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั ว 4.1 ม.1/5 ใช้ความรู้และทกั ษะเกีย่ วกับวสั ดุ อปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื กลไก ไฟฟา้ หรือ อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ พอ่ื แก้ปัญหาได้อย่างถกู ต้อง เหมาะสมและปลอดภยั จุดประสงค์ 1. อธิบายลักษณะของเคร่อื งมอื แต่ละประเภทได้ (K) 2. เลือกใชเ้ ครอ่ื งมือท่เี หมาะสมกับงาน (P) 3. เห็นความสาคัญของการเลอื กใช้งานเคร่ืองมือในการสร้างสรรคเ์ ทคโนโลยี (A)
4. สาระการเรียนรู้ 1. วสั ดุแตล่ ะประเภทมีสมบตั ิแตกต่างกัน เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก จงึ ตอ้ งมีการวิเคราะห์สมบัตเิ พ่ือเลอื กใช้ ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของงาน 2. การสร้างช้นิ งานอาจใชค้ วามร้เู รื่องกลไก ไฟฟา้ อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ ชน่ LED บัซเซอร์มอเตอรว์ งจรไฟฟ้า 3. อปุ กรณแ์ ละเครือ่ งมือในการสรา้ งช้นิ งาน หรอื พฒั นาวธิ ีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใชใ้ ห้ถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทงั้ รู้จกั เก็บรกั ษา 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. กจิ กรรม หัว ท้าย ตายแน่ 2. ใบงานท่ี 3.3 เครอ่ื งมือชา่ ง 8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. วิธีการสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills)
ชัว่ โมงท่ี 1 ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รยี นนากระดาษเปลา่ ขึ้นมา พรอ้ มกบั ปากกา เพือ่ ทากจิ กรรม หัว ท้าย ตายแน่ โดย มวี ธิ กี ารเล่น คอื ใหเ้ วลา 1 นาที ใหผ้ ูเ้ รยี น เขยี นรายการเคร่ืองมือช่างท่ีนกั เรียนรจู้ ัก ใครเขยี นไดน้ อ้ ย ที่สดุ และใครเขยี นได้มากทีส่ ุด จะต้องโดนทาโทษ ดว้ ยการทเี่ ม่อื จบชวั่ โมง จะตอ้ งสรุปเน้อื หาทไี่ ด้ เรยี นร้ใู ห้นกั เรยี นคนอ่ืนๆฟงั 2. ผู้สอนถามผ้เู รยี นเพือ่ เป็นการกระตนุ้ ความสนใจของผู้เรียน และเพือ่ เปน็ การทบทวนความรู้เดมิ ของผูเ้ รียน เชน่ “หากนกั เรยี นต้องการทราบขนาดความยาวของทนี่ อน เพือ่ ตอ้ งการจะซ้อื ผา้ ปทู ี่ นอน-ขนาดทพี่ อดกี นั นกั เรยี นจะใชเ้ ครอ่ื งมอื ใดในการวดั ขนาดของทน่ี อน” แนวคาตอบ : ใช้ตลบั เมตร ในการวดั ขนาดของทนี่ อน ขนั้ สอน 3. ผู้สอนเปิด Slide สือ่ การสอนประเภทของเครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นงานชา่ งพ้ืนฐาน พร้อมอธบิ าย ประเภทของเครอื่ งมอื ที่ใชใ้ นงานช่างพืน้ ฐาน สามาแบง่ ตามประเภทการใชง้ านได้ ดังนี้ เครอ่ื งมือวัด เปน็ เครื่องมอื ท่ีใช้ในการวดั เพอ่ื บอกระยะหรือขนาดในการกาหนดตาแหนง่ ตรวจสอบระยะหรือ ขนาดความกว้าง ความยาว ความสงู หรอื ความหนาของวัสดชุ ้นิ งาน ไมบ้ รรทดั เหลก็ การใช้งาน เป็นเครอื่ งมือสาหรับวดั ความยาวของวัตถใุ นแนวระนาบและช่วยในการขีดเส้นใหต้ รง ทาจากวสั ดุหลายประเภท เช่น พลาสติก ไม้ อะลมู ิเนยี ม เหลก็ และมีหลายขนาด ต้ังแต่ 14 เซนตเิ มตรจนถึง 100 เซนติเมตรในหนง่ึ ไมบ้ รรทดั ข้อควรระวงั ควรเลอื กใชไ้ มบรรทัดใหต้ รงกบั ประเภทของงาน
ตลับเมตร การใช้งาน เปน็ เครอื่ งมอื ใช้สาหรับวัดระยะทางหรือวัตถุที่มีขนาดต้ังแต่ 0-10 เมตร สายวัดทา จากแผ่นเหลก็ บาง สามารถมว้ นเก็บไดป้ ลายสายมขี อเกยี่ วสาหรบั เกย่ี วให้ตดิ กับวัตถุท่ีตอ้ งการวดั ข้อควรระวงั การม้วนสายเขา้ เก็บในตลบั ควรใช้มอื จับช่วยผ่อนแรงไม่ใหส้ ายวดั หมนุ เข้าตลบั เร็วจนเกินไป เพราะอาจทาใหเ้ กดิ อันตรายต่อผ้ใู ชไ้ ด้ ไมโ้ พรแทรกเตอร์ การใชง้ าน เปน็ เคร่อื งมอื ใชส้ าหรับวัดมุมมที ั้งแบบครง่ึ วงกลมและส่เี หลยี่ มผนื ผ้า หนว่ ยการวดั ขนาดของมมุ เรียกว่า องศา ขอ้ ควรระวัง ไมค่ วรขดี หรอทื าเครอื่ งหมายลงบนไม้โพรแทรกเตอรเ์ พราะอาจทาให้เส้น หรือตวั เลขลบเลอื นได้ เครอ่ื งมอื ตัด เป็นเครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการตดั ชนิ้ งานใหแ้ ยกออกจากกนั กรรไกร การใช้งาน ใชส้ าหรับการตดั วัสดใุ หเ้ ป็นเส้นตรงเสน้ โค้ง หรอื เส้นหยกั กรรไกรมีหลายประเภท ขน้ึ อย่กู บั ลักษณะของงานเช่น ตัดกระดาษ ตดั ผา้ ตดั เหล็ก ตัดพลาสตกิ ข้อควรระวงั ในปฏบิ ัตงิ านจาเป็นต้องเลือกใช้กรรไกรใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทของวัสดุ เช่น กรรไกรตดกระดาษ ั กรรไกรตัดผา้ กรรไกรตัดโลหะ คัตเตอร์ การใชง้ าน เปน็ เครอ่ื งมอื สาหรับตดั ปอก ขูด เหมาะสาหรับตดั กระดาษ พลาสตกิ ลูกฟกู ไม้บัลซา ท่ีเปน็ ลักษณะของการตัดตรง ขดู ลบั ความคมของดินสอ ข้อควรระวัง คตั เตอร์เป็นของมีคม ควรใชงานอย ้ า่ งระมัดระวงั หากวสั ดุเปน็ แผ่นหนา ไม่ควรใช้ แรงกดมากเกินไปเพื่อให้วัสดขุ าดจากกันในครงเด้ั ยี ว ควรกรีดหรอื ตดั ํซ้ารอยเดมิ หลาย ๆ ครง้ั เพื่อความปลอดภยั เลอื่ ยฉลุ การใชง้ าน เป็นเครื่องมือสาหรับงานไมเ้ หมาะสาหรบั งานตดั โค้ง ทาลวดลายกบั ชนิ้ งานไม้ ที่ไม่หนาและใหญ่มาก ข้อควรระวัง เม่อื เลิกใช้งานควรถอดใบเลื่อยออกจากโครงเลอื่ ยฉลุทันที เล่ือยลนั ดา การใช้งาน เหมาะสาหรบั ตัดไม้ทั่วไป ตวั เล่อื ยทาจากเหล็ก ส่วนมือจับทาด้วยไม้หรือพลาสตกิ ขอ้ ควรระวัง ใบเล่ือยเปน็ ของมีคม ดงั นั้นควรใชง้ านด้วยความระมดั ระวัง ท้งั ต่อตนเองและผู้อ่นื
คมี ตดั การใช้งาน ใชส้ าหรบั งานตัด ปอกวัสดุชิ้นเลก็ ที่ไม่แขง็ มากนกั เช่น สายไฟ เสน้ ลวด ข้อควรระวัง ไมค่ วรใช้คีมตดั โลหะทมี่ ขี นาดใหญห่ รือหรอื แข็งเกนิ ไป เม่ือเลิกใช้งานควร ทาความสะอาดเก็บเขา้ ที่และหยอดน้ามันเสมอ เครื่องมอื สาหรบั ยดึ ติด เปน็ เครือ่ งมอื ทใ่ี ชย้ ึดตดิ อปุ กรณ์ กาวลาเท็กซ์ การใช้งาน เหมาะสาหรับยึดติดวัสดปุ ระเภทไม้กระดาษผา้ กาวชนิดนี้แห้งช้า ควรท้งิ ไว้ สกั ระยะหนง่ึ โดยเฉพาะไมค้ วรทิ้งไวข้ า้ มคืน เมอ่ื กาวแห้งแลว้ จะยดึ ตดิ วสั ดไุ ด้แน่นมาก กาวชนดิ น้ไี ม่เป็นอนั ตรายมาก ผ้ใู ชง้ านท่เี ปน็ เด็กสามารถใช้งานได้ ขอ้ ควรระวงั ใชง้ านเสร็จควรปดิ ฝาเพ่อื ป้องกันการแหง้ ของกาว กาวรอ้ น การใชง้ าน ยดึ ติดวัสดุตา่ ง ๆ ได้เกือบทุกชนิด แหง้ เร็วมากเหมาะสาหรบั วสั ดปุ ระเภทยาง พลาสตกิ โลหะ เซรามิก ข้อควรระวัง ตอ้ งระวงั ไม่ให้สัมผสกั ับผวิ หนงั หากถูกสมั ผัสใหล้ ้างออกโดยเรว็ ดว้ ยน้า และไขมนั เมือ่ ใชง้ านเสร็จควรปดิ ฝาเก็บให้มิดชิด กาวยาง การใช้งาน ใชย้ ึดตดิ วัสดตุ า่ ง ๆ ได้เกือบทกุ ประเภทเนื้อกาวมลี ักษณะเป็นของเหลวมีทง้ั ท่ี เป็นสเี หลืองและสใี ส เม่อื ทากาวแลว้ ควรท้ิงไวอ้ ย่างน้อย 1 ช่ัวโมง เหมาะสาหรับงานเฟอร์นิเจอร์ หรอื งานซ่อมแซมตา่ ง ๆ ข้อควรระวัง กาวชนดิ นล้ี ะลายํน้าไดจ้ ึงไม่เหมาะกับงานท่ีตอ้ งใช้กลางแจ้งหรือทต่ี อ้ งสัมผสั กับนา้ กาวแทง่ การใชง้ าน ใชย้ ดึ ติดวัสดุประเภทกระดาษเนอ้ื กาวมีลกั ษณะเป็นของแข็งแฉะ เนือ้ กาวติดเรียบ ไมเ่ ลอะเทอะ ไม่ทาให้กระดาษยน่ ข้อควรระวงั ใช้งานเสรจ็ ควรปดิ ฝาเก็บใหเ้ รยี บรอ้ ย ปืนกาว การใชง้ าน ใชส้ าหรบั งานยึดตดิ วัสดปุ ระเภทกระดาษไมย้ าง พลาสติก ขอ้ ควรระวัง การใชง้ านควรระวงั ไม่ใหส้ มั ผสั กบั กาวเน่อื งจากมีความร้อนคอ่ นขา้ งสูง
สกรแู ละนอต การใช้งาน ใชย้ ึดชน้ิ งานทีเ่ ป็นโลหะเขา้ ด้วยกนั โดยตอ้ งเจาะรชู น้ิ งานขนาดพอดีกบั สกรูแล้วจงึ ขัน สกรแู ละนอตสามารถถอดและยดึ เพ่อื ประกอบช้ินงานใหม่ได้ ข้อควรระวงั การขนั เขา้ สกรกู บั นอต ตอ้ งวางตาแหนง่ ใหต้ รงกนั ก่อนขัน เพราะอาจทาให้ เกลียวชารุดได้ ไขควง การใชง้ าน เป็นเคร่ืองมอื ช่างท่ใี ชส้ าหรบั ขันหรอื คลายสกรโู ดยลักษณะของไขควงนน้ั ประกอบด้วยด้ามจบั ลาตวั หรือกา้ น และปากไขควง โดยสามารถแยกประเภทของไขควงได้ 2 ประเภท คือ ไขควงปากแบน และไขควงปากแฉก ข้อควรระวัง เลือกขนาดไขควงใหเ้ หมาะสมกับหัวสกรู เครือ่ งมอื สาหรับเจาะ เป็นการเครอ่ื งมือที่ใชส้ าหรบั เจาะชนิ้ งาน เพ่ือให่ไดร้ ูตามทต่ี อ้ งการ ทีเ่ จาะกระดาษ การใช้งาน เปน็ เครอื่ งมือใชส้ าหรบั ในการเจาะกระดาษมหี ลายขนาด ทามาจากเหลก็ ใชเ้ จาะ รขู นาดเลก็ เหมาะสาหรับเจาะกระดาษ ขอ้ ควรระวัง ไมค่ วรเจาะกระดาษทห่ี นาจนเกนิ ไป สวา่ นมอื การใชง้ าน เปน็ เครือ่ งมือเจาะรูท่ใี ชร้ ว่ มกับดอกสว่านมีเฟืองเป็นเครื่องผ่อนแรงชว่ ยขบั ดอก สว่านใหห้ มนุ เจาะรู ปลายดอกสวา่ นจะเป็นตวั เจาะวัสดแุ ละนาเศษวสั ดุทถี่ กู เจาะออกไปจากรู ใช้เจาะรขู นาดเล็ก เหมาะสาหรบงานไม้ งานโลหะ งานพลาสตกิ ที่มีชิน้ งานไมห่ นามาก ข้อควรระวงั การใสด่ อกสวา่ นควรจับยดึ ให้ดีถา้ ใส่ดอกสว่านไมด่ ีจะหลดุ หรอื หักไดง้ า่ ย สว่านไฟฟา้ การใชง้ าน เปน็ เครื่องมอื เจาะท่ใี ชร้ ว่ มกับดอกสวา่ น ใช้กาลังขบั จากมอเตอรไ์ ฟฟ้า ใชใ้ นการเจาะ รใู นงานโลหะหรืองานไม้ ปจั จุบนั สว่านไฟฟ้าเปน็ ท่นี ิยมใช้กันมากกว่าสวา่ นชนิดอื่น ๆ เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา ประสทิ ธิภาพ ขอ้ ควรระวงั ไมค่ วรใช้ดอกสวา่ นผดิ ประเภท เช่น ดอกสว่านเจาะคอนกรตี ไม่ควรนาไปเจาะเหลก็ 4. ผู้สอนอธิบายเพมิ่ เตมิ ว่า การเลือกใช้วัสดใุ หเ้ หมาะสมกับงานจะตอ้ งใชค้ วามรเู้ ร่อื งสมบตั ขิ องวสั ดุ และในการลงมือสรา้ งชน้ิ งานตอ้ งเลอื กใช้อุปกรณ์ หรอื เครื่องมอื อย่างเหมาะสมกับประเภทของวสั ดุ ใช้อยา่ งถูกต้อง และคานงึ ถงึ ความปลอดภยั ในการใชง้ าน
ชั่วโมงท่ี 2 ขั้นสอน (ต่อ) 1. ผูส้ อนแจกใบงานท่ี 3.3 เครอ่ื งมือช่าง พรอ้ มอธิบายวิธกี ารทาใบงาน คอื ใหผ้ ูเ้ รยี นเขยี นชื่ออปุ กรณ์ วิธกี ารใช้งาน และข้อควรระวงั การใชง้ านให้ตรงกับรูปภาพที่กาหนดให้ 2. ผ้สู อนให้เวลาผ้เู รยี นในการทาใบงาน โดยทผ่ี สู้ อนคอยดแู ลความเรยี บร้อยและคอยให้คาแนะนาเพ่มิ เตมิ 3. ผสู้ อนอธิบายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั ประโยชน์ของเครอ่ื งมอื ชา่ ง คือ 1. ชว่ ยให้การปฏบิ ัตงิ านเกิดผลสาเรจ็ และมีคณุ ภาพ 2. ทาให้กระบวนการทางานของช่างมปี ระสทิ ธิภาพมากยิง่ ขึ้นและเกดิ ประโยชน์สงู สดุ 3. ชว่ ยลดแรงในการทางาน 4. ผ้สู อนสมุ่ ผูเ้ รียน 3 คน ใหน้ าเสนอใบงาน โดยให้ผเู้ รยี นคนอ่ืน เสนอแนะแสดงความคดิ เห็น หรอื เพิ่มเตมิ ขอ้ มลู ในสว่ นท่ขี าดหายไป 5. ผสู้ อนเสนอแนะเพิม่ เติมว่า ผูท้ ่ีไดเ้ รียนรงู้ านชา่ งจะไดป้ ระโยชนค์ อื ไดค้ วามรู้ ความสามารถทีจ่ ะใช้ เครื่องมอื เครอ่ื งใช้ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง เขา้ ใจคุณสมบัติของวสั ดุไดด้ ี ชว่ ยให้เกิดความประหยดั ทา ให้ยดื อายุ การใชง้ านของเครอ่ื งมือเคร่ืองใช้ สามารถใช้ความรซู้ อ่ มแซมแก้ไขขอ้ ขัดขอ้ งทเ่ี กดิ กบั อุปกรณต์ ่างๆ ได้ สามารถตรวจสอบความบกพรอ่ งของอุปกรณต์ า่ งๆ ได้และถ้าหากผูเ้ รยี นสามารถพัฒนาฝมี อื ความรู้ จนเกดิ ความชานาญก็ยังสามารถท่ีจะเพม่ิ รายไดใ้ ห้กับตนเองและครอบครัวโดยประกอบเป็นอาชีพเสรมิ ควบค่กู ับงานประจา ซงึ่ เป็นรายไดห้ ลัก กจ็ ะทาให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ ข้ึนไดใ้ นอนาตค ขน้ั สรปุ 6. ผสู้ อนใหน้ ักเรยี นที่ ทากิจกรรมหัว ท้าย ตายแน่ ในต้นช่วั โมง ออกมาสรุปเนื้อหาท่ีไดเ้ รยี นรูใ้ หน้ ักเรยี น คนอืน่ ๆฟัง
7. ผู้สอนสรุปให้ผู้เรยี นเข้าใจวา่ ประเภทของเครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นงานชา่ งพน้ื ฐาน สามาแบง่ ตามประเภทการ ใชง้ านได้ ดงั น้ี คือ เครือ่ งมอื วดั เครื่องมือตดั เคร่ืองมืดยดึ ตดิ และ เครอื่ งมือสาหรับเจาะ ในการลงมอื สร้างชน้ิ งานต้องเลือกใช้อปุ กรณ์ หรอื เครอื่ งมอื อย่างเหมาะสมกบั ประเภทของวสั ดุ ใชอ้ ยา่ งถูกต้อง และคานงึ ถึงความปลอดภยั ในการใชง้ าน 8. ผู้สอนเปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนสอบถามเพ่มิ เตมิ 9. ส่ือการเรียนรู้ 1. กจิ กรรม หัว ทา้ ย ตายแน่ 2. Slide ส่ือการสอนประเภทของเคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นงานช่างพ้ืนฐาน 3. ใบงานที่ 3.3 เครอ่ื งมือช่าง 0 เครือ่ งมอื เกณฑ์ 10. การวดั และประเมินผล แบบประเมินผลงาน คุณภาพอยู่ในระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์ วิธกี าร แบบประเมินพฤติกรรม รายบุคคล คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี ตรวจใบงานท่ี 3.3 ผา่ นเกณฑ์ เครื่องมอื ช่าง ประเมนิ พฤตกิ รรมรายบุคคล ในการใหค้ วามร่วมมือใน กจิ กรรม ทา้ ย ตายแน่
แบบบนั ทึกหลังแผนการสอน ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 จานวน 6 ชัว่ โมง เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 วสั ดุและเครอื่ งมอื ชา่ งพื้นฐาน เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 เครอ่ื งมือชา่ งพื้นฐาน ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………….…………….ผสู้ อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………….ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 9 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 4 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 กลไกไฟฟ้าอเิ ล็กทรอนิกส์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 กลไก เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พ่อื การดารงชีวิตในสงั คมท่มี กี ารเปลย่ี นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรู้และทกั ษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพือ่ แก้ปญั หา หรือพัฒนางาน อยา่ งมคี วามคดิ สร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาสม โดยคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชีวติ สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด กลไก หมายถงึ ส่วนของอปุ กรณ์ทที่ าหน้าทสี่ ่งผา่ นการเคลอ่ื นที่ ทาใหม้ กี ารเปล่ยี นตาแหนง่ จากต้นทางไป ยงั ปลายทางของการเคลือ่ นที่ หรือทาหน้าท่เี ปลยี่ นทศิ ทาง ความเร็ว ลักษณะการเคลอื่ นท่ี นอกจากนย้ี งั ช่วยผ่อน แรงให้ทางานไดง้ า่ ยขน้ึ มปี ระสิทธภิ าพมากข้นึ 3. ตวั ช้ีวัด/จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตวั ช้ีวดั ว 4.1 ม.1/5 ใชค้ วามร้แู ละทักษะเกี่ยวกบั วัสดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้า หรอื อิเลก็ ทรอนิกสเ์ พอ่ื แกป้ ญั หาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภยั จดุ ประสงค์ 1. อธิบายไดว้ ่ากลไกคืออะไร (K) 2. ออกแบบสิง่ ประดษิ ฐ์ท่ใี ช้กลไกในการทางานได้ (P) 3. เห็นประโยชนข์ องการใช้กลไกในชีวติ ประจาวัน (A)
4. สาระการเรยี นรู้ 1. วสั ดุแตล่ ะประเภทมสี มบัตแิ ตกตา่ งกนั เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก จึงตอ้ งมีการวเิ คราะห์สมบัติเพือ่ เลอื กใช้ ให้เหมาะสมกบั ลักษณะของงาน 2. การสร้างช้นิ งานอาจใชค้ วามรเู้ ร่ืองกลไก ไฟฟา้ อเิ ล็กทรอนกิ สเ์ ชน่ LED บซั เซอร์มอเตอรว์ งจรไฟฟ้า 3. อปุ กรณ์และเคร่อื งมอื ในการสร้างชนิ้ งาน หรือพัฒนาวิธกี ารมีหลายประเภท ต้องเลอื กใช้ให้ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย รวมทั้งรจู้ ักเกบ็ รักษา 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานที่ 4.1 สง่ิ ประดษิ ฐ์ท่ใี ชก้ ลไกในการทางาน 8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. วิธีการสอนแบบสร้างสรรค์เปน็ ฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ช่วั โมงที่ 1 ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ผูส้ อนเปิดคลปิ วดิ ีโอ ของเลน่ กลไกอตั โนมตั กิ ้ิงกา่ คลายเครียด จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=bmTTY9eJMiw 2. ผสู้ อนถามผู้เรยี นเพอ่ื เป็นการกระตนุ้ ความสนใจของผู้เรียน และเพอ่ื เปน็ การทบทวนความรู้เดมิ ของผเู้ รียน เชน่ “นกั เรยี นคดิ วา่ สง่ิ ประดษิ ฐอ์ ะไรทม่ี คี วามสาคญั มากทส่ี ดุ ในโลก” แนวคาตอบ : ตามจนิ ตนาการของนักเรยี น ข้นั สอน 3. ผสู้ อนแจกใบความรู้ที่ 8 กลไก พร้อมอธิบายใบความรู้ กลไก หมายถงึ สว่ นของอุปกรณ์ทท่ี าหน้าทส่ี ่งผ่านการเคลอื่ นท่ี ทาให้มีการเปลย่ี นตาแหน่งจาก ตน้ ทางไปยงั ปลายทางของการเคล่ือนที่ หรอื ทาหน้าท่เี ปล่ียนทิศทาง ความเรว็ ลกั ษณะการเคลือ่ นท่ี นอกจากนย้ี ังช่วยผ่อนแรงใหท้ างานได้ง่ายข้นึ มีประสิทธภิ าพมากข้ึน การทางานของกลไกต้องอาศยั อปุ กรณห์ รอื ชิ้นส่วนเป็นตวั ทาให้เกดิ การทางานในลกั ษณะต่างๆ ซึง่ อปุ กรณ์แตล่ ะประเภทจะมีหน้าท่แี ตกตา่ งกันไป และจาเป็นอยา่ งยิง่ ทีต่ ้องควบคุมการทางานให้ เปน็ ไปตามความต้องการ ลอ้ และเพลา ซงึ่ เป็นกลไกอยา่ งง่ายและสามารถพบเห็นไดโ้ ดยท่วั ไปในชวี ิตประจาวนั เป็นกลไก ทช่ี ่วยผอ่ นแรงในการทางาน ประกอบดว้ ยวัตถุทรงกระบอก 2 อนั ทม่ี ขี นาดแตกตา่ งกันและอยตู่ ิดกนั โดยวตั ถทุ ่มี ขี นาดใหญเ่ รียกวา่ “ล้อ” และวตั ถทุ ี่มีขนาดเลก็ กวา่ เรียกว่า “เพลา” เมอ่ื ล้อหรือเพลา หมนุ จะทาใหอ้ กี สว่ นหมนุ ตาม เรานาหลักการล้อและเพลามาประยกุ ต์ใชใ้ น 2 ลกั ษณะ คอื 1. ออกแรงหมนุ ลอ้ จะทาใหเ้ พลาหมุน ซึง่ ชว่ ยในการผอ่ นแรง เชน่ ลกู บดิ ประตู ไขควง ทเี่ ปิด กระป๋อง สวา่ นมือ
2. ออกแรงหมนุ เพลา จะทาให้ล้อหมนุ เชน่ พัดลม ล้อรถยนต์ สว่านไฟฟ้า 4. ผสู้ อนแจกใบงานที่ 4.1 ส่ิงประดิษฐท์ ่ใี ชก้ ลไกในการทางาน โดยใหผ้ ู้เรยี นแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 5 คน เพอื่ ออกแบบสิ่งประดิษฐท์ ใ่ี ช้กลไกในการทางาน ให้นักเรยี นวาดภาพส่ิงประดษิ ฐพ์ ร้อมเขียนอธิบาย กลไกการทางานของส่ิงประดิษฐ์นนั้ 5. ผสู้ อนให้เวลาผ้เู รียนในการทาใบงาน โดยผ้สู อนคอยดูแลความเรียบรอ้ ยและคอยใหค้ าแนะนาเพมิ่ เตมิ ช่ัวโมงที่ 2 ขน้ั สอน (ต่อ) 1. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอใบงาน โดยใหก้ ลุ่มอ่นื ๆ ตง้ั คาถามเพ่อื ให้เกิดการแลกเปลยี่ น เรียนรู้ 2. ผูส้ อนยกตัวอย่าง การทางานของลอ้ และเพลา เพ่มิ เติม โดยผูส้ อนแจกใบความรทู้ ี่ 9 ลอ้ และเพลา 1. ผ่อนแรงโดยการหมุนลอ้ จะทาให้เพลาหมุน เชน่ ไขควง เมอื่ ออกแรงหมนุ ดา้ มจบั (ลอ้ ) ทาใหส้ ว่ นทต่ี ดิ กบั ก้านไขควง (เพลา)หมุนตาม ลูกบิดประตู กลไกการลอ็ คประตูอยภู่ ายในลูกบิด ซึ่งเปน็ การยากในการหมุนเพลาเพอ่ื เปิดประตู ดงั นนั้ การเพิ่มสว่ น ของดา้ มลกู บดิ (ล้อ) ช่วยทาให้ง่ายในการจบั และเปิดประตูตาม
ทีเ่ ปิดกระปอ๋ ง เมื่อออกแรงหมนุ ด้ามจับของทเ่ี ปิดกระป๋อง (ล้อ) ซึ่งมชี ิ้นสว่ นท่เี ช่ือมต่อกบั ใบมีด (เพลา) ทาใหใ้ บมดี เปิดกระปอ๋ งหมนุ ตาม 2. เมือ่ ออกแรงหมนุ เพลา จะทาให้ล้อหมนุ เช่น พดั ลม กดสวิตชเ์ ปิดพดั ลม ไฟฟ้าทาให้แกนมอเตอร์ (เพลา) หมนุ สง่ ผลใหใ้ บพัด (ล้อ) ท่ีตดิ อยู่กับแกนมอเตอร์ หมุนตาม ลอ้ รถยนต์ เครือ่ งยนตท์ าใหเ้ พลาลอ้ หมนุ สง่ ผลทาให้ลอ้ รถยนต์หมนุ ตาม รถยนต์จึงเคลือ่ นทไี่ ด้ สว่าน เคร่ืองมือชนดิ หนง่ึ ใช้สาหรบั เจาะรบู นวัสดุหลายประเภท เป็นเครอื่ งมอื ทใ่ี ช้บอ่ ยในงานไมแ้ ละงาน โลหะ ประกอบดว้ ยสว่ นสาคัญคอื ดอกสว่านทีห่ มุนได้ ขัน้ สรปุ 3. ผู้สอนและผู้เรยี นร่วมกนั สรุป ว่า การทางานของกลไกตอ้ งอาศยั อปุ กรณห์ รอื ชิ้นส่วนเป็นตวั ทาให้เกดิ การทางานในลกั ษณะต่างๆ ซึ่งอุปกรณ์แตล่ ะประเภทจะมีหน้าทีแ่ ตกตา่ งกนั ไป และจาเป็นอยา่ งยง่ิ ท่ี ต้องควบคุมการทางานใหเ้ ปน็ ไปตามความตอ้ งการ และช่วยผ่อนแรงใหท้ างาน และยังชว่ ยใหไ้ ดง้ าน ท่ีมปี ระสิทธิภาพมากขึ้น 4. ผูส้ อนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสอบถามเพ่ิมเตมิ 9. ส่อื การเรียนรู้ 1. คลิปวดิ โี อ ของเล่นกลไกอตั โนมตั กิ งิ้ ก่าคลายเครยี ด 2. ใบความร้ทู ี่ 8 กลไก 3. ใบความรทู้ ่ี 9 ลอ้ และเพลา 4. ใบงานท่ี 4.1 สงิ่ ประดษิ ฐท์ ี่ใช้กลไกในการทางาน
0 เครื่องมอื เกณฑ์ แบบประเมนิ ผลงาน 10. การวัดและประเมนิ ผล คุณภาพอยใู่ นระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์ วิธีการ แบบประเมินพฤติกรรมกลมุ่ คุณภาพอยใู่ นระดบั ดี ตรวจ ใบงานท่ี 4.1 ผา่ นเกณฑ์ สิ่งประดิษฐ์ ท่ีใช้กลไกในการทางาน สงั เกตพฤติกรรมกลุม่ จากการใหค้ วามรว่ มมอื ในการทาใบงานท่ี 4.1 สงิ่ ประดษิ ฐ์ทีใ่ ช้กลไก ในการทางาน
แบบบันทึกหลังแผนการสอน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 จานวน 4 ชวั่ โมง เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 กลไกไฟฟ้าอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เวลาเรียน 2 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 9 กลไก ผลการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………….…………….ผสู้ อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคิดเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………….ผู้บริหารสถานศึกษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 10 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 4 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 กลไกไฟฟ้าอเิ ล็กทรอนิกส์ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 10 ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พื่อการดารงชีวิตในสังคมทม่ี ีการเปลย่ี นแปลง อย่างรวดเรว็ ใช้ความรู้และทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางาน อยา่ งมีความคดิ สรา้ งสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยี อย่างเหมาสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชวี ิต สังคม และสงิ่ แวดล้อม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์เป็นส่งิ ที่มีความสัมพันธ์กันในการสร้างเครื่องใช้ไฟฟา้ ตา่ งๆ ภายในเคร่ืองใช้ไฟฟ้า จะมอี ุปกรณ์ทเี่ ช่ือมต่อกันอยู่ มสี ่วนทใ่ี หก้ ระแสไฟฟ้าผา่ นครบวงจร เรียกว่า “วงจรไฟฟ้า” ซึ่งประกอบดว้ ย อุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เชื่อมตอ่ กนั ภายในวงจรไฟฟ้า เพือ่ ทาหนา้ ท่ีควบคุมปริมาณ หรอื ทศิ ทางของกระแสไฟฟ้า 3. ตวั ชีว้ ัด/จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตวั ช้ีวัด ว 4.1 ม.1/5 ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะเกี่ยวกบั วัสดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมอื กลไก ไฟฟ้า หรือ อิเล็กทรอนิกสเ์ พ่อื แกป้ ัญหาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภัย จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายหลักการทางานของอุปกรณไ์ ฟฟา้ ได้ (K) 2. ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ท่ใี ชไ้ ฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ในการทางานได้ (P) 3. เหน็ ประโยชนข์ องการใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ในชีวติ ประจาวนั (A)
4. สาระการเรยี นรู้ 1. วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมสี มบตั แิ ตกต่างกนั เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก จงึ ต้องมกี ารวิเคราะห์สมบัติเพอ่ื เลือกใช้ ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของงาน 2. การสรา้ งชน้ิ งานอาจใชค้ วามรเู้ รอื่ งกลไก ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนิกส์เช่น LED บซั เซอร์มอเตอร์วงจรไฟฟ้า 3. อปุ กรณแ์ ละเคร่อื งมือในการสรา้ งช้ินงาน หรอื พัฒนาวธิ ีการมีหลายประเภท ต้องเลอื กใชใ้ หถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทง้ั รจู้ กั เก็บรกั ษา 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 4.2 อุปกรณ์ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 2. กจิ กรรมห้ามซ้า 8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. วิธกี ารสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills)
ชัว่ โมงที่ 1 ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ผสู้ อนเปิดคลปิ วดิ ีโอ แอร์เคลอื่ นที่ DIY จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=dexv4cofTsw 2. ผู้สอนถามผ้เู รยี นเพ่อื เปน็ การกระตนุ้ ความสนใจของผูเ้ รยี น และเพอื่ เป็นการทบทวนความรู้เดมิ ของผู้เรียน เชน่ “เคร่ืองใช้ไฟฟา้ ภายในบา้ นทางานอย่างไร” แนวคาตอบ : การทางานของพดั ลม พดั ลมจะทางานได้เมื่อกระแสไฟฟา้ เข้าสู่ระบบ และเมอ่ื กดปุม่ เลอื กให้ลมแรงหรือเรว็ ตามท่ีผใู้ ชต้ อ้ งการ กระแสไฟฟ้าจงึ ไหลเข้าสตู่ วั มอเตอร์ ทาให้แกนมอเตอร์ หมนุ ใบพดั ทีต่ ดิ อยู่กับแกนก็จะหมนุ ตามไปด้วยจึงเกดิ เปน็ ลมพดั ออกมา ข้นั สอน 3. ผู้สอนแจกใบความรู้ท่ี 10 ไฟฟา้ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ พร้อมอธบิ ายใบความรู้ ไฟฟ้า คอื พลงั งานรูปแบบหนงึ่ ที่เก่ยี วข้องกับการเคลื่อนทข่ี องอิเลก็ ตรอนหรือโปรตอน นามาใช้ ประโยชน์โดยทาให้เปล่ยี นเป็นพลังงานรูปแบบอ่นื ๆ ได้ เช่น แสงสวา่ ง ความร้อน เสียง การเคลอื่ นท่ี ไฟฟา้ แบ่งออกเปน็ 2 ชนิดตามแหลง่ กาเนดิ ไดแ้ ก่ ไฟฟา้ กระแสตรง คอื ไฟฟา้ ท่ีมีทศิ ทางการเคล่ือนทีใ่ นวงจรไปทางเดียว แหล่งกาเนดิ ไฟฟ้า กระแสตรงไดแ้ ก่ แบตเตอรี่ โซลาร์เซลล์ ไฟฟ้ากระแสตรงสว่ นมากเราจะใช้ในอุปกรณพ์ กพา ไฟฟ้ากระแสสลับ คือไฟฟ้าท่มี ีทิศทางการเคลอื่ นท่ใี นวงจรไปกลบั ตลอดเวลา แหล่งกาเนิดไฟฟ้า กระแสสลบั ไดแ้ ก่ ไดนาโม ไฟฟ้ากระแสสลับเป็นไฟฟา้ ทเี่ ราใช้กนั ตามบ้านเรอื น มีขนาดแรงดันไฟฟา้ 220 โวลต์ อเิ ล็กทรอนิกส์ คือ การควบคุมการเคลอ่ื นทข่ี องกระแสไฟฟา้ เพอื่ ใหไ้ ด้ปรมิ าณหรือทิศทางการ เคลื่อนทีข่ องกระแสไฟฟา้ ตามทีต่ อ้ งการ อปุ กรณ์ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์มหี ลายชนิดเชน่ หลอด LED ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์ เปน็ ส่ิงท่มี ีความสมั พันธก์ ันในการสร้างเครือ่ งใช้ไฟฟา้ ต่างๆ ภายใน เครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ น้นั จะมีอปุ กรณ์ท่เี ชอ่ื มต่อกันอยู่ มสี ว่ นท่ีใหก้ ระแสไฟฟ้าผา่ นครบวงจร เรยี กว่า
“วงจรไฟฟ้า” ซ่ึงประกอบดว้ ย “อปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนิกส”์ เชื่อมตอ่ กนั ภายในวงจรไฟฟ้า เพอ่ื ทา หนา้ ที่ควบคมุ ปริมาณ หรือทศิ ทางของกระแสไฟฟ้า 4. ผู้สอนยกตวั อยา่ งอปุ กรณ์ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เชน่ 5. ผู้สอนแจกใบงานท่ี 4.2 อปุ กรณไ์ ฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนกิ ส์ พร้อมอธบิ ายวิธกี ารทาใบงาน คอื ให้ผเู้ รยี นหาขอ้ มูลเพ่อื นามาเตมิ ลงในช่องว่างให้ตรงกบั รปู ภาพท่กี าหนด ซง่ึ ประกอบไปด้วย 1. ภาพอปุ กรณ์ 2. ชื่ออุปกรณ์ 3. วธิ ีการใชง้ าน 4. ตวั อยา่ งการใชง้ าน 6. ผู้สอนให้เวลาผู้เรียนในการทาใบงานโดยที่ผูส้ อนคอยดแู ลความเรียบรอ้ ย และคอยให้คาแนะนา เพม่ิ เตมิ ชว่ั โมงท่ี 2 ขัน้ สอน (ตอ่ ) 1. ผสู้ อนเฉลยใบงาน โดยให้ผูเ้ รยี นแลกใบงานเพ่อื เปลย่ี นกนั ตรวจ 2. ผู้สอนอธิบายเพมิ่ เตมิ เก่ยี วกบั อุปกรณ์ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ วา่ ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนกิ ส์ มีความสาคญั ในการด ารงชวี ติ ของมนุษย์ เนอื่ งจากชว่ ยอานวยความสะดวกสบาย และเพิม่ ประสทิ ธภิ าพในการทางานของมนุษยไ์ ด้
3. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนร่วมทา กิจกรรมหา้ มซ้า วิธกี ารทากิจกรรมคอื ช่วยกันบอกชือ่ อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนกิ สม์ าให้ได้มากที่สุด โดยห้ามซ้ากัน ภายในเวลา 5 นาที ถ้ามกี ารพูดช่อื ซา้ กนั กิจกรรมจะจบลงทันที 4. ผสู้ อนอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าและเครอื่ งอานวยความสะดวกต่าง ๆ ในบา้ น เป็นเครือ่ งใช้ท่ี เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเปน็ พลงั งานรูปอน่ื ๆ ท่เี ราต้องการ จาแนกออกเป็นประเภทตา่ ง ๆ ดังนี้ เครื่องใช้ไฟฟา้ ทใ่ี ห้ความรอ้ น เครือ่ งใช้ไฟฟา้ ท่ีเปล่ียนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลงั งานความร้อน โดยกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นขดลวดชนดิ หนง่ึ ท่เี รยี กวา่ ลวดนโิ ครม ซ่ึงจะทาให้อปุ กรณ์ชนดิ นน้ั ๆ รอ้ นข้ึนและใชง้ านไดต้ ามต้องการ เช่น 1.เตารีด 2.เครอื่ งทานา้ อนุ่ 3.กระติกนา้ รอ้ น เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ท่ีใหพ้ ลงั งานกล เป็นเคร่อื งใช้ไฟฟา้ ที่เปล่ียนพลังงานไฟฟ้าเปน็ พลังงานกล ทางานโดยกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านมอเตอร์ ทาใหแ้ กนมอเตอรห์ มุน และแกนมอเตอรท์ ่ีต่อกับอุปกรณ์อน่ื ๆ เชน่ ใบพัด ทาใหใ้ บพดั หมุน เช่น 1.พัดลม 2.เคร่อื งซักผ้า 3.เครอ่ื งดูดฝ่นุ เครื่องใช้ไฟฟา้ ทใี่ ห้ทัง้ พลังงานกลและพลังงานความรอ้ น เป็นเครอื่ งใช้ไฟฟ้าที่เปล่ยี นพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลและพลงั งานความรอ้ นไปพรอ้ ม ๆ กนั อุปกรณ์หลักมี 2 อย่าง คือ อปุ กรณท์ ่ีเปล่ียนพลังงานไฟฟา้ เปน็ พลังงานกล คือ มอเตอร์ และอปุ กรณท์ ี่ เปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าเป็นพลงั งานความรอ้ น เชน่ เครอื่ งปรับอากาศ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ที่ให้แสงสวา่ ง เปน็ เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ทีพ่ ลังงานไฟฟา้ เปล่ยี นให้เปน็ พลังงานแสงสวา่ ง ได้แก่หลอดไฟประเภทตา่ ง ๆ เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ท่ใี หพ้ ลังงานเสียงและภาพ เคร่ืองใช้ไฟฟา้ ประเภทน้จี ะมอี ปุ กรณท์ างไฟฟา้ และอุปกรณ์ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ ปน็ สว่ นประกอบ เปลี่ยนสัญญาณทางไฟฟา้ และสญั ญาณอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ออกสลู่ าโพงเป็นเสียงและออกจอเปน็ ภาพ เชน่ 1.โทรทศั น์ 2.คอมพิวเตอร์
ขัน้ สรุป 5. ผู้สอนและผู้เรยี นรว่ มกนั สรปุ วา่ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกสม์ ีความสาคญั ในการดารงชวี ติ ของมนุษย์ เน่ืองจากชว่ ยอานวยความสะดวกสบาย และเพิ่มประสิทธภิ าพในการทางานของมนษุ ย์ การเรียนรูเ้ รอื่ ง ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนกิ ส์จึงมคี วามสาคญั ทีช่ ่วยให้การสร้างหรอื พฒั นาสงิ่ ของเครอื่ งใช้เหล่าน้ัน ให้มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อความตอ้ งการของมนุษยไ์ ดด้ ียง่ิ ขนึ้ 6. ผูส้ อนเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นสอบถามเพมิ่ เติม 9. ส่ือการเรยี นรู้ 1. คลิปวิดโี อ แอรเ์ คล่ือนที่ DIY 2. ใบความรู้ท่ี 10 ไฟฟา้ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 3. ใบงานที่ 4.2 อปุ กรณ์ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์ 4. กจิ กรรมหา้ มซ้า 0 เคร่อื งมือ เกณฑ์ 10. การวดั และประเมนิ ผล แบบประเมนิ ผลงาน คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์ วธิ กี าร แบบประเมินพฤตกิ รรม รายบคุ คล คุณภาพอยใู่ นระดับ ดี ตรวจใบงานท่ี 4.2 อุปกรณ์ ผ่านเกณฑ์ ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล จากการให้ความรว่ มมือ ในการทากิจกรรมหา้ มซา้
แบบบนั ทกึ หลงั แผนการสอน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 จานวน 4 ช่ัวโมง เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 กลไกไฟฟา้ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เวลาเรียน 2 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 10 ไฟฟา้ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หาอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………….…………….ผ้สู อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………….ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหนง่ ……………………………………… ………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 11 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 10 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 5 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 11 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พ่อื การดารงชีวิตในสงั คมทีม่ กี ารเปลย่ี นแปลง อย่างรวดเรว็ ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่นื ๆ เพอื่ แก้ปญั หา หรอื พัฒนางาน อย่างมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยี อยา่ งเหมาสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การแก้ปญั หา ตามกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ประกอบด้วย 6 ขนั้ ตอน ได้แก่ 1. ระบปุ ญั หา 2. รวบรวมขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับการแก้ปัญหา 3. ออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หา 4. วางแผนและดาเนนิ การแก้ปญั หา 5. ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรับปรงุ แก้ไขวิธีการแกป้ ัญหาหรอื ชิ้นงาน 6. นาเสนอวธิ กี ารแกป้ ัญหา ผลการแก้ปญั หาหรือชิ้นงาน ซ่ึงการทางานในบางครงั้ อาจมกี ารย้อนข้นั ตอนกลับไปมาเพ่ือพัฒนางานให้มปี ระสิทธิภาพยิ่งขึ้น 3. ตวั ชว้ี ดั /จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั ว 4.1 ม.1/2 ระบุปญั หาหรือความตอ้ งการในชีวิตประจาวัน รวบรวม วเิ คราะหข์ ้อมลู และ แนวคดิ ท่ีเกย่ี วกบั ปัญหา
จุดประสงค์ 1. วิเคราะหก์ ระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (K) 2. เขยี นระบปุ ญั หาตามขน้ั ตอนของเทคนคิ 5W1H ได้ (P) 3. เห็นการใชป้ ระโยชน์ของกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมในชวี ิตประจาวัน (A) 4. สาระการเรยี นรู้ 1. ปัญหาหรือความต้องการในชวี ติ ประจาวันพบไดจ้ ากหลายบริบทขน้ึ กบั สถานการณ์ท่ีประสบ เชน่ การเกษตร การอาหาร 2. การแกป้ ญั หาจาเปน็ ตอ้ งสบื คน้ รวบรวมขอ้ มูลความรู้จากศาสตรต์ า่ ง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพื่อนาไปสู่ การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา 3. การวิเคราะห์เปรยี บเทยี บ และตัดสนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ทจ่ี าเป็น โดยคานึงถึงเงอื่ นไข และทรัพยากรท่มี อี ยู่ ช่วยให้ไดแ้ นวทางการแก้ปัญหาทีเ่ หมาะสม 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานที่ 5.1 ระบปุ ัญหา (Problem Identification) 8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. วิธกี ารสอนแบบสร้างสรรคเ์ ปน็ ฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชว่ั โมงที่ 1 ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ผู้สอนถามผู้เรยี นเพ่อื เปน็ การกระต้นุ ความสนใจของผเู้ รียน และเพ่อื เป็นการทบทวนความร้เู ดมิ ของผเู้ รียน เช่น “นกั เรยี นคดิ วา่ วศิ วกรทาหนา้ ทอ่ี ะไร?” แนวคาตอบ : วศิ วกร (Engineer) มีหน้าทศ่ี กึ ษาวเิ คราะห์ คานวณ ออกแบบ ตรวจสอบแก้ไขปญั หา และควบคมุ การผลติ อาทิ การกอ่ สร้างสิ่งก่อสรา้ ง การออกแบบและผลติ รถยนต์ การควบคุม เครือ่ งจักรกลโรงงานตา่ ง ๆ โดยวิศวกรยังแบ่งออกได้เปน็ หลายสาขา เช่น วศิ วกรเครือ่ งกล วิศวกร โยธา วิศวกรไฟฟา้ วิศวกรรมสิ่งแวดลอ้ ม วศิ วกรรมเคมี วศิ วกรรมอุตสาหการ ขนั้ สอน 2. ผสู้ อนอธิบายว่า ส่งิ อานวยความสะดวกในชีวิตประจาวันของมนุษยล์ ้วนแลว้ แต่เป็นเทคโนโลยี ทเ่ี กดิ จากกระบวนการคิดที่เป็นระบบเพ่อื แก้ปัญหา ซงึ่ วิศวกร (Engineer) จะสรา้ งสงิ่ ท่ีตอบโจทย์ การแกป้ ัญหาผ่านทางกระบวนการทเ่ี ป็นขน้ั ตอน เป็นส่วนชว่ ยในการสรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยีทม่ี ี ประสิทธิภาพ ซงึ่ เป็นกระบวนการทน่ี าใปใช้ร่วมกับความรู้ดา้ นวทิ ยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์ ในการแก้ปญั หา จนไดอ้ อกมาเปน็ ส่งิ ท่ตี อบสนองความจาเปน็ หรือความตอ้ งการของมนุษย์
3. ผู้สอนแจกใบความรทู้ ี่ 11 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม พร้อมอธบิ ายใบความรู้ กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม (ENGINEERING DESIGN PROCESS) กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เป็นขน้ั ตอนท่ีนามาใช้ในดาเนินการเพื่อแก้ปัญหา ซ่งึ กระบวนการออกแบบประกอบด้วย 6 ขน้ั ตอน คอื ข้นั ที่ 1 ระบุปญั หา (Problem Identification) ขน้ั ท่ี 2 รวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ท่ีเกย่ี วข้องกับปัญหา (Related Information Search) ขน้ั ที่ 3 ออกแบบวิธีการแกป้ ญั หา (Solution Design) ขน้ั ท่ี 4 วางแผนและดาเนินการแก้ปญั หา (Planning and Development) ขน้ั ที่ 5 ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แก้ไขวธิ ีการแก้ปญั หาหรือชิน้ งาน (Testing, Evaluation and Design Improvement) ขน้ั ที่ 6 นาเสนอวิธีการแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ัญหาหรือชิ้นงาน (Presentation) 4. ผู้สอนอธบิ ายเพิ่มเตมิ ว่า ข้นั ท่ี 1 ระบปุ ัญหา (Problem Identification) เทคนคิ ท่ีใช้ เพื่อเขา้ ใจปัญหา คอื เทคนคิ 5W1H นนั่ กค็ ือ Who ใคร / What อะไร / When เมื่อไร / Where ทีไ่ หน / Why ทาไม /How อยา่ งไร ตวั อยา่ งการตั้งคาถาม เพ่ือเข้าใจปัญหา ดว้ ยเทคนิค 5W1H Who ใครคือต้นเหตุของปญั หา? / ใครเป็นคนพดู หรือระบปุ ัญหาน?้ี / ใครไดร้ บั ผลกระทบจากปญั หาน?้ี What อะไรจะเกิดข้ึนถา้ ปญั หาน้ีไม่ได้รับการแก้ไข? / มีอะไรเกดิ ขน้ึ บา้ ง? / ผลทก่ี ระทบคอื อะไร? Where ปัญหานีเ้ กิดขน้ึ ทไี่ หน? / ปญั หาน้ีเกดิ ผลกระทบทีไ่ หน? When ปัญหาน้เี กิดข้นึ เม่ือไร? / เม่อื ไรท่ปี ัญหาเรมิ่ เกิดขนึ้ ? Why ทาไมปญั หานจี้ งึ เกิดข้ึน? How คนท่ีอยกู่ บั ปัญหานีร้ บั มืออย่างไร? / มีกระบวนการหรือวธิ ีการแก้ไขอย่างไร? 5. ผสู้ อนแจกใบงานที่ 5.1 ระบปุ ญั หา (Problem Identification) พรอ้ มอธิบายวิธกี ารทาใบงาน คือ ใหผ้ ู้เรยี น วิเคราะหด์ ว้ ยการตง้ั คาถามโดยใช้หลักการ 5W1H จากสถานการณท์ ีก่ าหนดให้
6. ผสู้ อนให้เวลาผเู้ รียนในการทาใบงาน โดยทผ่ี ูส้ อนคอยดูแลความเรยี บรอ้ ยและคอยใหค้ าแนะนา เพ่มิ เตมิ ชวั่ โมงท่ี 2 ขัน้ สอน (ตอ่ ) 1. ผสู้ อนเฉลยใบงาน โดยใหผ้ ู้เรยี นรว่ มแสดงความคดิ เหน็ เพอื่ ให้เกิดการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ 2. ผสู้ อนอธบิ ายเพิม่ เติม เกย่ี วกบั ขั้นตอนการระบุปัญหา (Problem Identification) ของกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม ว่า การทีร่ ะบปุ ญั หาหรอื ความต้องการได้ ตอ้ งเร่ิมจากทศั นคตทิ ่ดี ี คอื การฝึก ปญั หาในมมุ มองของผู้ทป่ี ระสบปัญหามาหหว่าในมมุ มองของตัวเอง เรยี กทศั นคตนิ ว้ี ่า การรจู้ ักเอาใจ เขามาใสใ่ จเรา (Empathy) ทาใหเ้ ราเข้าใจปญั หาในมมุ มองของคนทเ่ี ราจะเข้าไปแกป้ ญั หาให้ 3. ผสู้ อนถามผู้เรยี นเพือ่ เปน็ การกระตนุ้ ให้เกดิ การเรียนรู้ เชน่ นักเรียนจะนาวิธกี ารตงั้ คาถามโดยใช้ หลักการ 5W1H ไปใชแ้ ก้ปญั หาในชวี ติ ประจาวนั อยา่ งไรบ้าง? ขั้นสรุป 4. ผูส้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ วา่ การผนวกแนวคิดการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเขา้ กบั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี นาความร้มู าออกแบบวธิ กี ารหรือกระบวนการเพ่ือตอบสนอง ความตอ้ งการหรือแก้ปัญหาทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับชวี ิตประจาวัน เพื่อให้ไดเ้ ทคโนโลยีซ่ึงเป็นผลผลติ จาก กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 5. ผสู้ อนเปิดโอกาสใหผ้ ้เู รียนสอบถามเพมิ่ เติม 9. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ท่ี 11 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 2. ใบงานท่ี 5.1 ระบุปญั หา (Problem Identification) 0
10. การวัดและประเมินผล เครื่องมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบประเมนิ ผลงาน คุณภาพอยใู่ นระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์ ตรวจ ใบงานท่ี 5.1 แบบประเมนิ พฤติกรรม ระบุปญั หา (Problem รายบคุ คล คุณภาพอยูใ่ นระดับ ดี Identification) ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล จากการใหค้ วามร่วมมอื ในห้องเรยี น
แบบบันทกึ หลังแผนการสอน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 จานวน 10 ชว่ั โมง เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 11 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ผลการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………….…………….ผูส้ อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………….ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 12 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 10 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เวลาเรียน 2 ช่วั โมง แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 12 การรวบรวมขอ้ มูล 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พอื่ การดารงชวี ิตในสงั คมทมี่ กี ารเปลย่ี นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรูแ้ ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่นื ๆ เพ่อื แกป้ ัญหา หรือพัฒนางาน อย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาสม โดยคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชีวติ สงั คม และสง่ิ แวดล้อม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเกบ็ รวบรวมข้อมลู และความรทู้ ีเ่ กยี่ วข้องกบั ปัญหา หรอื ความต้องการ เพื่อหาวิธีการทเี่ หมาะสม สาหรับแก้ปญั หา การรวบรวมข้อมูลทาได้ 2 วธิ ี คือ 1. การรวบรวมขอ้ มูลขน้ั ปฐมภมู ิ (Primary data) 2. การรวบรวมขอ้ มลู ข้ันทตุ ยิ ภูมิ (Secondary data) 3. ตวั ช้วี ัด/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ตัวชี้วดั ว 4.1 ม.1/2 ระบุปญั หาหรอื ความต้องการในชีวติ ประจาวนั รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมลู และแนวคดิ ทีเ่ ก่ียวกบั ปญั หา จุดประสงค์ 1. อธิบายได้วธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ (K) 2. เกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยใชเ้ ครื่องมอื ท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพชว่ ยได้ (P) 3. เห็นการใชป้ ระโยชนข์ องกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในชีวิตประจาวัน (A)
4. สาระการเรยี นรู้ 1. ปัญหาหรอื ความต้องการในชีวิตประจาวันพบได้จากหลายบริบทขนึ้ กับสถานการณท์ ่ีประสบ เชน่ การเกษตร การอาหาร 2. การแก้ปญั หาจาเปน็ ต้องสืบค้น รวบรวมขอ้ มูลความรจู้ ากศาสตรต์ า่ ง ๆ ท่เี กี่ยวข้อง เพอื่ นาไปสู่ การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา 3. การวิเคราะหเ์ ปรียบเทียบ และตัดสนิ ใจเลือกข้อมูลท่ีจาเปน็ โดยคานงึ ถึงเง่อื นไข และทรัพยากรที่มอี ยู่ ชว่ ยให้ไดแ้ นวทางการแกป้ ญั หาทเ่ี หมาะสม 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. กจิ กรรม ทาแบบสอบถาม 8. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. วธิ กี ารสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. ทักษะการเรียนรู้และนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills)
ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ผ้สู อนถามผ้เู รยี นเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจของผเู้ รยี น และเพ่ือเป็นการทบทวนความรเู้ ดมิ ของผู้เรยี น เช่น “นกั เรยี นมวี ธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู ของเรอ่ื งทต่ี อ้ งการจะศกึ ษาอยา่ งไรบา้ ง” แนวคาตอบ : การพดู คยุ หรือสมั ภาษณ์ การสังเกต ประสบการณท์ ผ่ี า่ นมา หาข้อมลู จากหนังสอื นติ ยสาร เวบ็ ไซต์ต่างๆ ข้ันสอน 2. ผู้สอนแจกใบความรทู้ ่ี 12 รวบรวมขอ้ มูล พรอ้ มอธิบายใบความรู้ ขนั้ ท่ี 2 ของกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม คอื การรวบรวมข้อมลู และแนวคดิ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับ ปญั หา (Related Information Search) เปน็ บวนการท่จี ะทาให้เรามขี อ้ มูลความจริงทบ่ี ่งบอกถึง สภาพแวดลอ้ มและสถานการณใ์ นปจั จุบันทเี่ กี่ยวข้องกับปญั หา ซง่ึ สามารถทาได้ 2 วธิ ี คือ 1. การรวบรวมข้อมูลข้นั ปฐมภูมิ (Primary data) คอื การเกบ็ รวบรวมข้อมลู เพอ่ื ศกึ ษาและทาความเขา้ ใจดว้ ยตนเอง โดยสามารถทาได้หลายวิธี เช่น การพดู คุยหรอื สัมภาษณ์ (Deep interview) การสังเกต (Observation) การร่วมประสบการณ์ (immersion) 2. การรวบรวมข้อมูลข้ันทตุ ยิ ภูมิ (Secondary data) คือ การรวบรวมขอ้ มลู จากข้อมูลที่มอี ยู่ ผ่านการสรุปผลและการวเิ คราะหผ์ ล ท่เี ผยแพรผ่ ่าน หนังสอื วารสาร และ อนิ เทอรเ์ น็ต บนเวบ็ ไซตท์ ่นี ่าเช่ือถอื 3. ผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รยี นทากิจกรรม ทาแบบสอบถาม พรอ้ มอธิบายวธิ ีการรว่ มกจิ กรรม คอื ใหผ้ เู้ รยี นสรา้ ง แบบฟอร์มจาก Google Form ขนึ้ มา และให้ผูเ้ รียนตง้ั คาถาม เพือ่ ทาแบบสอบถามความพึงพอใจ ของนกั เรยี นในชัน้ เรยี น เกีย่ วกับการใชบ้ ริการห้องสมุด ห้องคอมพวิ เตอร์ โรงอาหาร หรอื ร้านค้า สหกรณ์ หรือ สถานทีอ่ ืน่ ๆในโรงเรยี น 4. ผู้สอนใหเ้ วลาผ้เู รียนในการสรา้ งแบบสอบถาม โดยผสู้ อนคอยดแู ลความเรยี บร้อยและคอยให้ คาแนะนาเพ่ิมเติม 5. เมือ่ ผูเ้ รียนทาแบบสอบถามเสร็จแลว้ ใหผ้ ู้เรยี นส่งให้นกั เรยี นในชนั้ คนอน่ื ๆ เพื่อทาแบบสอบถาม
ชวั่ โมงที่ 2 ขั้นสอน (ตอ่ ) 1. ผูส้ อนให้ผเู้ รียน เปิดแบบฟอรม์ ข้นึ มา และไปท่ี เมนู การตอบกลับ จะเหน็ วา่ Google form จะสรุป สถติ อิ อกมาให้เรียบร้อยแลว้ นกั เรยี นสามารถนาขอ้ มูลนั้นไปต่อยอด เพ่อื ใชง้ านต่อไปไดเ้ ลย 2. ผู้สอนอธบิ ายเพิ่มเติมวา่ Google Form เปน็ บริการจากบริษัทGoogle เป็นเครอ่ื งมือท่ีชว่ ยในการเก็บ ขอ้ มูล ที่ใชส้ รา้ งแบบสอบถามหรือรวบรวมข้อมูลอ่นื ๆ ทางออนไลนไ์ ดอ้ ย่างรวดเรว็ สามารถนามา ประยกุ ตใ์ ชไ้ ดห้ ลายกรณี 3. ผ้สู อนอธิบายเพิ่มเติมวา่ เครื่องมอื แผนผงั ความเขา้ ใจ (Empathy Map) เป็นหนึ่งในเคร่ืองมือ หรือ แนวคิด ทีช่ ่วยทาให้พจิ ารณาปญั หาและความตอ้ งการจากขอ้ มลู ปฐมภูมไิ ดใ้ นเชิงลึก ซึง่ ควรคานงึ ถึง ความตอ้ งการและปัญหาในมมุ ตา่ งๆ ได้มากยิง่ ขึน้ โดยที่ผเู้ รยี นสามารถนาเครื่องมอื นี้ ไปใชใ้ น ชีวติ ประจาวันได้ เพ่อื ทีน่ ักเรยี นจะได้มองเหน็ ปัญหาในมมุ มองอ่ืนๆ ผู้สอนเปดิ ภาพตวั อย่าง แผนผงั ความเขา้ ใจ (Empathy Map)
ขนั้ สรุป 4. ผูส้ อนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ ว่า แผนผังความเข้าใจ (Empathy Map) เป็นหนึง่ ในเคร่อื งมือ หรือ แนวคดิ ทชี่ ว่ ยทาใหพ้ จิ ารณาปญั หาและความตอ้ งการจากข้อมูลปฐมภมู ิได้ในเชงิ ลกึ และการเกบ็ รวบรวมข้อมลู และความรทู้ เี่ กีย่ วขอ้ งกบั ปัญหา หรือความตอ้ งการ เพอ่ื หาวิธกี ารท่ีเหมาะสมสาหรับ แกป้ ญั หา การรวบรวมขอ้ มูลทาได้ 2 วธิ ี คอื 1. การรวบรวมขอ้ มูลขัน้ ปฐมภมู ิ (Primary data) 2. การรวบรวมขอ้ มลู ขัน้ ทุติยภมู ิ (Secondary data) 5. ผสู้ อนเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนสอบถามเพ่มิ เติม 9. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบความรู้ท่ี 12 รวบรวมขอ้ มลู 2. ภาพตัวอยา่ ง แผนผงั ความเขา้ ใจ (Empathy Map) 3. กิจกรรม ทาแบบสอบถาม 0 เครื่องมอื เกณฑ์ แบบประเมินผลงาน 10. การวดั และประเมินผล คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี แบบประเมนิ พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ วธิ ีการ รายบคุ คล คุณภาพอย่ใู นระดับ ดี ตรวจ วีธีการต้ังคาถาม ผา่ นเกณฑ์ จากกิจกรรม ทาแบบสอบถาม สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล จากการใหค้ วามรว่ มมือ ในการทากิจกรรม ทาแบบสอบถาม
แบบบันทกึ หลงั แผนการสอน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 จานวน 10 ชั่วโมง เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 12 การรวบรวมขอ้ มลู ผลการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หาอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………….…………….ผสู้ อน (…………………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../…………… ความคดิ เหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………….ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา (…………………..…………………………) ตาแหน่ง……………………………………… ………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 13 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 10 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13 ออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชวี ิตในสงั คมทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความร้แู ละทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพื่อแกป้ ญั หา หรือพัฒนางาน อย่างมคี วามคิดสร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อยา่ งเหมาสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ สังคม และสง่ิ แวดล้อม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หาเปน็ การประยกุ ตใ์ ช้ขอ้ มลู และแนวคดิ ท่เี กีย่ วขอ้ ง เพ่ือการออกแบบชนิ้ งาน หรอื วธิ กี ารในการแก้ปัญหา โดย ผังงาน (flowchart) ในการวางแผนการแก้ปัญหาและถ่ายทอดความคดิ อยา่ งมี ข้ันตอน 3. ตวั ชวี้ ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด ว 4.1 ม.1/3 ออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหา โดยวเิ คราะหเ์ ปรียบเทียบ และตดั สินใจเลอื กข้อมลู ท่ี จาเป็น นาเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจ วางแผนและดาเนินการแกป้ ญั หา จดุ ประสงค์ 1. ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ มลู และแนวคิดทีเ่ กย่ี วข้องกบั การแก้ปัญหาในการออกแบบแนวทาง การแกป้ ญั หาได้ (K) 2. ออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาโดยใช้ผงั งานได้ (P) 3. เหน็ การใชป้ ระโยชน์ของกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมในชีวติ ประจาวัน (A)
4. สาระการเรียนรู้ 1. การวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ และตัดสินใจเลอื กข้อมลู ทจี่ าเปน็ โดยคานงึ ถึงเงือ่ นไข และทรพั ยากรท่มี อี ยู่ ชว่ ยใหไ้ ด้แนวทางการแก้ปญั หาทเ่ี หมาะสม 2. การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทาได้หลากหลายวิธี เช่น การรา่ งภาพ การเขียนแผนภาพ การเขียนผังงาน 3. การกาหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการทางานกอ่ นดาเนินการแกป้ ัญหาจะช่วยให้ทางานสาเร็จ ไดต้ ามเปา้ หมายและลดขอ้ ผิดพลาดของการทางานที่อาจเกดิ ขึ้น 5. สมรรถนะสาคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 5.2 ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หาโดยใช้ ผงั งาน (flowchart) 8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. วธิ ีการสอนแบบสรา้ งสรรค์เปน็ ฐาน (Creativity-Based Learning : CBL) 2. ทักษะการเรียนรแู้ ละนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152