Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

Published by Rattanagorn Putiaek, 2021-09-14 05:14:01

Description: จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

Search

Read the Text Version

เราได้เหน็ หนมุ่ ฝรั่งเปา่ ปี่เปา่ แตรกันมาแล้ว ถัดไปไม่ไกลนกั ครูชา่ งก็ได้วาดภาพหนุม่ ใหญ่ ฝรั่งยนื อยกู่ บั หมาฝรง่ั ตัวโตสวมปลอกคอเรียบร้อย (ซง่ึ หมาวัดไทยชว่ งสมยั รชั กาลท่ี ๕ ยังไม่ เคยได้ใส่ปลอกคอแบบหมาต่างชาติ) ข้าง ๆ มีคุณป้าแหมม่ นมโตลน้ เสื้อชดุ กระโปรง เธอนั่ง เก้าอ้อี ย่หู น้าตึก เหมอื นกำ� ลังจอ้ งมองเจรจากบั หนมุ่ ต่างชาติหมาต่างชาติทอี่ ยูต่ รงหนา้ ลุงป้าฝร่ังสมัยรัชกาลที่ ๕ คงมีชีวิตเช่นนี้ อยู่กันเร่ือย ๆ สบายๆ เลี้ยงหมาตัวโตเป็นท่ี คุ้นตา ครชู ่างถึงได้เอามาวาดภาพไว้ (ภาพ ๑๕๓) ฝรั่งในจิตรกรรมวัดเหนือ ยังมีอีกภาพที่ทหารฝร่ังมานั่งเล่นด่ืมเคร่ืองด่ืมสบายอารมณ์ ชน่ื อกช่นื ใจ (ภาพ ๑๕๔) น้คี งเป็นวิถีปกติ ท่ีครูช่างและคนไทยเห็นกันอยู่ทั่วไปในห้วงเวลานนั้ ภาพ ๑๕๕ ทหารฝร่ังรว่ มด้วยช่วยกันกับกองทัพพญามารบุกตะลยุ ในคนื ท่ี พระพุทธองค์ก�ำลังจะตรสั รู้เปล่ียนสภาวะเปน็ พระสัมมาสมั พุทธเจ้า เปน็ ภาพท่แี สดงทศั นคติดา้ นลบของคนไทยท่ีมีต่อฝร่งั นักล่าอาณานคิ ม สมัยรชั กาลท่ี ๕ ๑๕๕ 151จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

แต่ท่ีน่าสนใจมาก ๆ อันเป็นภาพสะท้อนถึงทัศนคติของคนไทยต่อฝร่ังตะวันตกในช่วง สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เป็นอย่างดีในจิตรกรรมวัดเหนือ ก็คือภาพพุทธประวัติในช่วงมารผจญ ทคี่ รูช่างเขยี นภาพชายสวมหมวก ใสเ่ สือ้ แดง ถือปืนเล็งใส่นกั บวชสิทธตั ถะ ทหารฝรั่งในภาพน้ีเขาก�ำลังร่วมด้วยช่วยกันกับกองทัพพญามารบุกตะลุยในคืนที่ พระพทุ ธองค์กำ� ลงั จะตรสั รเู้ ปลย่ี นสภาวะเป็นพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ (ภาพ ๑๕๕) ถึงแม้ไม่เห็นหน้า เห็นแต่เส้ือแดงข้างหลัง แต่รูปทรงเครื่องแต่งกายก็บ่งชัดว่านี้คือฝรั่ง ต่างชาติ ไมใ่ ชช่ าวบ้านไทย กะเหรยี่ ง ชาวเขา ชาวดอย ยักษ์ มาร เจก๊ จีนท่ไี หน หากฝรง่ั ในจติ รกรรมวดั เหนอื ทคี่ รชู า่ งไดบ้ นั ทกึ ไว้ เขาคอื สมาชกิ คนหนงึ่ ในกองทพั มารผจญ เป็นสาระส�ำคัญย่ิงอันบ่งช้ีให้เห็นว่า น้ีคือทัศนคติด้านลบของคนไทยท่ีมีต่อฝรั่งนักล่า อาณานิคมสมัยรชั กาลที่ ๕ ซงึ่ ครชู ่างจิตรกรได้บันทึกเอาไวอ้ ยา่ งแยบยล ฝรง่ั คือ “มาร” ท่จี ะมาท�ำร้ายพระพทุ ธองค์ มาทำ� ลายพระพุทธศาสนา ฝรง่ั เปน็ เดียรถยี ์ คนนอกศาสนา สุดอนั ตราย โหดร้ายยง่ิ ๆ พวกเขาเสมอกับกองทัพพญามารทีเ่ ขา้ มารุกราน สร้างความเดือดร้อนบรรลัยพินาศไปทุกหย่อมหญ้า ดังปรากฏให้เห็นชัดเจนในแผ่นดินของ ทกุ ชาติ รอบราชอาณาจักรสยามในหว้ งเวลานั้น ทัศนะด้านลบต่อฝรั่งที่เป็นหน่ึงในกองทัพพญามารเช่นน้ี ได้มีปรากฏอยู่ในภาพมารผจญ สมัยรัชกาลที่ ๕ โดยฝมี ือช่างชาวบา้ นไทยมาแลว้ ท่ีวัดนาพรม อ.เมืองฯ จ.เพชรบรุ ี ทคี่ รชู า่ ง ชาวบา้ นเมอื งเพชรเขยี นภาพฝรงั่ ขว่ี วั เหนบ็ มดี อโี ตร้ ว่ มขบวนอยใู่ นกองทพั พญามาร โลดทะยาน เข้าโจมตีพระพุทธเจ้าดว้ ยมีดอโี ต้ ของใชป้ ระจ�ำบา้ นในทุกครวั เรือน (ภาพ ๑๕๖) ส่วนผลงานระดับฝีมือช่างหลวงของวัดเหนือ เมืองกาญจนบุรี เขียนภาพฝรั่งโจมตี พระพทุ ธเจ้าด้วย “ปนื ” อาวธุ จากชาติตะวนั ตก ๑๕๖ ภาพ ๑๕๖ ท่วี ดั นาพรม อ.เมอื งฯ จ.เพชรบุรี ครูช่างชาวบา้ น เมืองเพชรเขียนภาพฝร่งั ข่ีววั เหนบ็ มดี อโี ตร้ ว่ มขบวน อยู่ในกองทัพพญามาร โลดทะยานเขา้ โจมตี พระพุทธเจา้ ด้วยมดี อโี ต้ ของใชป้ ระจำ� บ้าน ในทกุ ครวั เรือน (ภาพโดยนิพัทธพ์ ร เพ็งแกว้ ) 152 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

ไม่ว่าจะเป็นมีดอีโต้ของฝรั่งชาวบ้าน หรือปืนไฟของทหารฝรั่งช้ันสูง แต่ในสายตาครูช่าง จติ รกรไทยทกุ ชนช้ัน พวกเขา-ฝรั่งตะวันตก กเ็ สมอกันดว้ ยความเป็น “มาร” นอกศาสนา อนั บ่งชดั ว่า ครชู า่ งชาวสยามและคนสยามท่วั ไปในสมยั รัชกาลท่ี ๕ ต่างมีมมุ มองในดา้ นลบกบั ฝร่งั ทกุ ชนช้นั อย่างเทา่ เทยี มกนั เสมอหนา้ กัน...อยนู่ ั้นเอง มหรสพงานศพ ผนงั พระอโุ บสถดา้ นซา้ ยมอื ของพระประธานมภี าพนา่ สนใจมากอยชู่ ดุ หนง่ึ คอื ภาพมหรสพ ในงานพระบรมศพพระพุทธเจ้า ซึ่งก็คือภาพเสมือนมหรสพในงานพระศพเจ้านายสยามยุค ๑๐๐ กวา่ ปีก่อนนั้นเอง (ภาพ ๑๕๗-๑๕๙) ๑๕๗ ภาพ ๑๕๗-๑๕๙ ภาพมหรสพในงานพระบรมศพพระพุ ทธเจ้า ซ่ึงก็คือภาพเสมือนมหรสพในงานพระศพ เจ้านายสยามยุค ๑๐๐ กว่าปีกอ่ นนัน้ เอง ๑๕๙ ๑๕๘ 153จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

ในการตั้งพระเมรุมาศงานพระบรมศพ ธงทิวในพิธีรับเจ้าเมือง และใช้ติดเฉพาะ พระพทุ ธเจา้ เราไดเ้ หน็ “ระทา” รา้ นดอกไมไ้ ฟ เทียนในพิธีไหว้หน้าบ้าน สภาพเป็นพุ่ม แบบโบราณ อยใู่ นจติ รกรรมชุดนดี้ ว้ ย สามช้ัน ช้ันละสี่หน้า คล้ายต้นดอกไม้ไฟ สูงประมาณ ๔-๕ เมตร ชัน้ ล่างสุดมีลกั ษณะ พจนานุกรมฉบับมติชน กลา่ วว่า “ระทา” โคง้ คลา้ ยระฆังคว�ำ่ คอื รา่ งรา้ นสเ่ี หลย่ี มสงู สำ� หรบั จดุ ดอกไมเ้ พลงิ ใหค้ วามสวา่ งในงาน อ.ลอ้ ม เพง็ แกว้ ใหค้ วามรอู้ กี ดว้ ยวา่ ระทา ยังใช้เป็นที่ประดับไฟตะเกียง ไฟประทีป พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย อ.เปล้ือง คบไต้ ให้แสงสว่างในยามค�่ำคืนเวลามีงาน ณ นคร กล่าววา่ “ระทา” คือ ซมุ้ สเ่ี หลยี่ มสูง พระราชพิธี ก่อนท่ีบ้านเมืองสยามจะมีแสง มีฝาประก�ำสี่ด้านจนสุดเสา และมีหน้า ไฟฟ้าใชก้ นั ราหูส่ีทิศ ส�ำหรับตั้งเม่ือมีงานใหญ่ ๆ, ซุ้ม ดอกไมเ้ พลงิ ทม่ี รี ปู อยา่ งเดยี วกนั เปน็ ทบี่ รรจุ จิตรกรรม “ระทา” เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง ดอกไม้ไฟส�ำหรับจุดในงานเมรุ เปน็ ต้น ของเมืองไทย พบที่ผนังพระอุโบสถวัดเกาะ แก้วสุทธาราม จ.เพชรบุรี เขียนไว้ตั้งแต่ปี พจนานุกรมภาษาถิ่นใต้ พุทธศักราช พ.ศ. ๒๒๗๗ แผ่นดินพระเจ้าอยูห่ ัวบรมโกศ ๒๕๕๐ กลา่ ววา่ “ระทา” คอื เชงิ เทยี นทำ� ดว้ ย สมยั อยธุ ยา มภี าพระทาหอสงู อยเู่ หนอื กรอบ ไมไ้ ผ่ เครอ่ื งบชู าเทพเจา้ โดยใชต้ ดิ เทียนและ ๑๖๐ ภาพ ๑๖๐ จิตรกรรม “ระทา” เกา่ แก่ท่ีสดุ แห่งหน่ึงของเมืองไทย พบท่ี ผนงั พระอุโบสถวดั เกาะแกว้ สทุ ธาราม จ.เพชรบุรี เขียนไว้ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๒๗๗ ใน แผ่นดนิ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยอยุธยา (ภาพโดยนพิ ทั ธพ์ ร เพ็งแก้ว) 154 | จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

๑๖๑ ๑๖๒ ภาพ ๑๖๑-๑๖๒ ภาพงานพระบรมศพพระพุทธเจ้าชุดนี้ ครูช่างได้ บนั ทกึ ภาพประเพณไี ทย การโปรยทาน “ซักเอย๋ ซักส้าว ผลมะนาวท้งิ ทานในงานศพ เข้าแยง่ ชิงเหมือนส่ิงไม่เคยพบ” เอาไวด้ ว้ ย ประตู ตรงข้ามพระประธานในโบสถ์ (ภาพ หนังใหญ่ตอนจับลิงหัวค�่ำ (ภาพ ๑๖๓- ๑๖๐) ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้ายกับระทาใน ๑๖๔) จิตรกรรมน้ีเปน็ ภาพหนงั ใหญ่ เพราะ จิตรกรรมวัดเหนือ สมัยรัชกาลที่ ๕ ในยุค ใชค้ นยนื เตน้ เชดิ อยบู่ นพนื้ ดนิ มไิ ดน้ งั่ บนฟาก ๑๕๐ กว่าปถี ัดมา หลังจอในโรงหนังตะลุง และตัวหนงั ท่คี รูชา่ ง เขียนไว้ก็มีขนาดใหญ่ประมาณตัวคน มิใช่ จิตรกรรมวัดเหนือจึงได้บันทึกภาพระทา ตวั เล็กแบบหนงั ตะลุง เรือนดอกไม้ไฟโบราณที่บัดน้ีหมดสิ้นไปแล้ว ไวใ้ หค้ นรนุ่ หลงั ได้เหน็ ไดช้ ม รว่ มกัน ที่ส�ำคัญคือ วงดนตรีเล่นประกอบการ แสดง ท่ที าง อ.ฐานิสร์ พรรณรายน์ ใหค้ วามรู้ ในงานพระบรมศพพระพุทธเจ้าชุดนี้ ว่า ส�ำหรับการแสดงแล้ว วงดนตรีประกอบ ครูช่างยังได้บันทึกภาพประเพณีไทย การ จะเปน็ วงปีพ่ าทยเ์ คร่อื งห้า ซงึ่ มีเครอ่ื งดนตรี โปรยทาน “ซกั เอ๋ยซักสา้ ว ผลมะนาวทิ้งทาน ส�ำคญั คือ ฆ้อง ระนาดเอก ป่ี ตะโพนไทย ในงานศพ เข้าแย่งชิงเหมือนส่ิงไม่เคยพบ” กลองทดั แตว่ งนี้พเิ ศษตรงกลองทัดมี ๓ ใบ เอาไวด้ ว้ ย (ภาพ ๑๖๑ และ ๑๖๒) เรยี กกลองเถา ใชเ้ ลน่ ประกอบเฉพาะหนงั ใหญ่ และโขนเปน็ หลัก แต่ภาพส�ำคัญยิ่งกับการบันทึกชีวิตผู้คน สมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อ ๑๐๐ กว่าปีกอ่ น กค็ ือ ปกติปี่พาทย์เคร่ืองห้าจะใช้เล่นงานมงคล ในงานพระบรมศพพระพุทธเจ้า มีมหรสพ และประกอบการแสดง ดงั นน้ั แมง้ านพระศพ หลากหลาย ดังเชน่ 155จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

๑๖๓ ภาพ ๑๖๓-๑๖๔ คจิตนรยกนื รเตรน้มเนชิเี้ดปอน็ ยภู่บานพพหื้นนดังในิ หญมไิ่ ดเพ้นร่ังาบะนใช้ ฟากหลังจอในโรงหนังตะลุง และตวั หนัง ท่ีครูช่างเขียนไวก้ ็มขี นาดใหญป่ ระมาณ ตวั คน มิใช่ตวั เลก็ แบบหนงั ตะลุง ๑๖๔ 156 | จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม

ของพระพทุ ธเจ้าจะเปน็ งานอวมงคล แต่มกี ารใชว้ งดนตรปี พี่ าทยเ์ คร่อื งห้ามาเล่นในงานน้ีได้ เพราะใช้ประกอบการแสดงหนงั ใหญ่นน้ั เอง หนงั ใหญ่ในภาพ เปน็ การเล่นเบิกโรง จบั ลงิ หวั คำ่� “จับลิงหัวค�่ำ” เป็นการเล่นเบิกโรงท้ังหนังใหญ่และหนังตะลุงมาแต่โบราณ จนเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๐ หนังตะลงุ ภเู ก็ตยังมีการออก “จับลงิ หวั ค�่ำ” เปน็ รปู ลิงขาวรบกบั ลิงด�ำ เชน่ เดียว กบั หนงั ตะลงุ เพชรบรุ ี ทถี่ อื วา่ การออกลงิ หวั คำ�่ เปน็ ธรรมเนยี มอนั เครง่ ครดั จะยกเลกิ เสยี มไิ ด้ เพราะเป็นสญั ลกั ษณ์บอกวา่ เร่อื งทจ่ี ะแสดงตอ่ ไปน้เี ปน็ เรื่องของธรรมะสู้กบั อธรรม สาระส�ำคัญของการ “จับลิงหัวค�่ำ” ในการเล่นเบิกโรงของหนังใหญ่และหนังตะลุงน้ี อ.ประสทิ ธิ์ ชณิ การณ์ นกั ประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถนิ่ ภเู กต็ ไดใ้ หร้ ายละเอยี ดไวใ้ นปี พ.ศ. ๒๕๔๐ วา่ ลงิ ขาวและลงิ ดำ� รบกนั เรอ่ื งแยง่ ผลไม้ ลงิ ขาวเปน็ ฝา่ ยชนะ จบั ลงิ ดำ� มดั ได้ ตง้ั ใจจะฆา่ ลงิ ดำ� เสยี แต่ลงิ ดำ� มบี ญุ นิดหนอ่ ย ไม่ถึงตาย ทำ� ให้ลิงขาวเดินหลงทางไปพบฤษี ฤษตี ดั สนิ ความวา่ ผลไม้เป็นของเกิดในป่า ลิงขาวและลิงด�ำต่างมีสิทธ์ิเก็บกินเท่า ๆ กัน จะมารบรากันไม่ถูก กลอนตรงน้ี อ.ประสิทธิจ์ ำ� ได้แม่นยำ� มีความวา่ “ใครทันปันกันกินตามสัญญา ผลผลาใครทันปันกันกิน ไอ้ตัวด�ำเจ้าจงจ�ำทิศอุดร ไอ้ขาว ผอ่ นบูรพาไคลคลาผนิ สว่ นอุบาทวจ์ ญั ไรดัง่ ใจจินต์ สองกบลิ ท้งิ วางไวก้ ลางไพร” แมก้ ารเล่นเบิกโรง “จับลงิ หวั ค่�ำ” จะเป็นชว่ งสนกุ ท่เี ดก็ ๆ ชอบกนั มาก และดูเผิน ๆ จะ เป็นเร่ืองเพยี งฝ่ายธรรมะรบกบั อธรรม แตบ่ ทกลอนท่ี อ.ประสทิ ธิก์ ลา่ วใหฟ้ ัง แสดงใหเ้ หน็ ว่า มหรสพโบราณนั้นลึกซ้งึ นกั หากเปรยี บผลไมท้ เี่ กดิ ในปา่ ตามธรรมชาตเิ ปน็ สจั จะสงู สดุ ทงั้ ฟากฝา่ ยของธรรมะและมายา ต่างกส็ ามารถเขา้ ถึงสจั จะไดเ้ ทา่ ๆ กัน หากเมือ่ ใดฝ่ายธรรมะเลือกวธิ ีการรุนแรงเพอ่ื ท�ำลาย มายาให้วินาศลงให้ได้ น้ันกลับหมายถึงการหลงทาง เช่นเดียวกับที่ลิงขาวต้ังใจฆ่าลิงด�ำจึง หลงทางรอ่ นเรไ่ ป ดงั นน้ั การฆา่ แมจ้ ะอา้ งวา่ ทำ� ในนามของธรรมะ กลบั เปน็ วถิ ที างทผ่ี ดิ พลาด ฉอ้ ฉลต้งั แต่เร่มิ ต้น (ดรู ายละเอยี ดเพิ่มเตมิ ในหนังสอื ผ้อู ยูก่ บั เงา ของนิพทั ธ์พร เพ็งแกว้ ส�ำนกั พมิ พ์พิมพค์ �ำ กรงุ เทพฯ พ.ศ. ๒๕๔๗) การวินิจฉัยความหมายของ “มายา” นี้ อ.เขมานันทะได้ให้ความกระจ่างไว้ในงานเขียน “สาระสำ� คญั แห่งวชั รยานตนั ตระ” จากหนังสือไตร่ตรองมองหลัก ว่า “ค�ำว่ามายาหรือมยกนํ ้นั โดยรากศพั ทม์ นั จะตรงกบั คำ� ว่า Magical (ภาษาบาลวี ่ามยกรํ ่วม รากกับละติน) ดงั นนั้ ไมไ่ ด้หมายถึงมนั หลอกลวง คือมันเปน็ ดจุ Magic มันเป็นอยูอ่ ย่างนน้ั และอกี ความหมายหนง่ึ แปลวา่ งามอยา่ งนา่ พศิ วงกไ็ ด้ สมมตวิ า่ เราไปในทะเลทรายหรอื ถนน ในฤดรู อ้ น กจ็ ะมภี าพปรากฏขึ้นเหมือนกับแอง่ น�ำ้ บนถนนทรี่ ้อน แตว่ า่ เมอื่ เราเข้าไปใกล้มัน จรงิ ๆ เขา้ ไปทศ่ี นู ยไ์ ส้ ศนู ยก์ ลางจรงิ ๆมนั ไมม่ อี ยา่ งนนั้ แตพ่ อกลบั มายนื ทจี่ ดุ นน้ั ๆกจ็ ะปรากฏ อกี แลว้ มนั ไมไ่ ดห้ ลอกลวงเรา แตม่ นั เปน็ อยา่ งนนั้ เอง เรยี กวา่ อศั จรรยม์ ากๆ นคี่ อื คำ� วา่ มายา ดงั นัน้ มันเป็นอยู่อย่างนี้ สภาวะทวี่ า่ ขนั ธ์ ๕ เป็นมายา ดงั นน้ั มันเป็นอยอู่ ย่างนี้ สภาวะท่ีวา่ 157จิตรกรรมวดั เทวสังฆาราม |

ขนั ธ์ ๕ เป็นมายา เป็นดุจหว้ งของความฝนั ปญั หามนั อยทู่ ี่ว่าเม่ือเราไม่เขา้ ถึงศูนยก์ ลางมัน มนั กห็ ลอกให้เท่านน้ั เอง หลอกวา่ เปน็ จรงิ เราไมร่ ู้ เราเห็นแอง่ น้ำ� เราคิดว่ามจี ริงๆ หรอื ว่า คนเล่นกลให้เราคิดวา่ จริง แตว่ า่ ถ้าเราเปน็ คนเล่นเอง หรอื วา่ เราเขา้ ถงึ ความเป็นผู้เล่นเกมส์ อันนั้น เราจะรู้ว่าเร่ืองนี้มีความจริงอยู่อย่างไร ดังนั้นมายาไม่ใช่ว่าไม่จริง แล้วก็ไม่ใช่ว่าจริง ด้วย เรียกว่ามันเปน็ ธรรมชาติอย่อู ยา่ งนน้ั ถา้ ไมร่ มู้ นั มันกห็ ลอกให้ เมอ่ื ร้มู ัน มันก็เปิดเผย ความจรงิ ให”้ นอกจากการเลน่ หนงั ใหญ่ เบกิ โรง “จับลิงหัวคำ่� ” แลว้ จติ รกรรมมหรสพในงานพระบรม ศพพระพทุ ธเจ้าก็ยงั มกี ารเลน่ โขนอยู่ด้วย (ภาพ ๑๖๕-๑๖๗) ๑๖๕ ๑๖๖ ภาพ ๑๖๕-๑๖๗ ๑๖๗ นอกจากการเลน่ หนังใหญ่ เบกิ โรง “จับลิงหัวค่�ำ” แลว้ จิตรกรรมมหรสพในงาน พระบรมศพพระพุ ทธเจา้ กย็ ังมีการเล่นโขนอยู่ด้วย 158 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม

๑๖๘ ภาพ ๑๖๘ ภาพเล่นกายกรรม “ไต่ลวดรำ� แพน” มีสองหน่มุ ไตล่ วด โบกแพนหางนกยูง ไปมาน้ี เปน็ มหรสพเกา่ แกท่ ่ีบนั ทกึ อยู่ ในภาพจิตรกรรมฝาผนงั หลากหลายแห่ง บนเวทีแสดงของโรงโขนก�ำลังเล่นบททศกัณฐ์รบกับหนุมาน ด้านข้างท้ังสองฝั่งมีวงดนตรี ป่พี าทย์เคร่ืองห้าแสดงประกอบ อ.ฐานิสร์ พรรณรายน์ ให้ความร้วู ่า ที่ต้องมดี นตรี ๒ วง ก็เพ่ือ “เปน็ การเล่นผลัดกันครับ ตีผลดั กัน ต้องงานใหญโ่ ตจริง ๆ ถงึ จะมีดนตรี ๒ วงแบบน้ีครับ” นอกจากหนงั ใหญ่ โขน ปพ่ี าทยเ์ ครอื่ งหา้ อนั เปน็ มหรสพในงานพระบรมศพแลว้ ยงั มภี าพ เลน่ กายกรรม “ไตล่ วดรำ� แพน” อย่ใู นงานพระบรมศพครง้ั นด้ี ้วย (ภาพ ๑๖๘) การเลน่ กายกรรม “ไตล่ วดรำ� แพน” สองหนมุ่ ไตล่ วด โบกแพนหางนกยงู ไปมานี้ เปน็ มหรสพ เกา่ แกท่ บ่ี นั ทกึ อยใู่ นภาพจติ รกรรมฝาผนงั หลากหลายแหง่ ดงั ทป่ี รากฏมาตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๒๗๗ บนผนงั พระอโุ บสถวัดเกาะแกว้ สุทธาราม จ.เพชรบุรี (ภาพ ๑๖๐) และบนผนังวิหารวดั ประดู่ ทรงธรรม ทเ่ี ขยี นข้ึนในช่วงปฏิสังขรณว์ ดั น้ี ในสมัยรัชกาลที่ ๔ (ภาพ ๑๖๙) ปี่พาทย์เคร่ืองหา้ เล่นประกอบหนังใหญแ่ ละโขน นอกจากจะปรากฏเปน็ ภาพจติ รกรรมอยู่ ในงานพระบรมศพของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังมีภาพวงดนตรีปี่พาทย์เคร่ืองห้าบนผนัง พระอุโบสถวัดเหนืออีกภาพหนึ่งในพุทธประวัติ ตอนต้นเรื่องที่เหล่าเทพเทวดา พระอินทร์ พระพรหมเข้าเฝ้าพระโพธิสัตว์ อัญเชิญพระองค์ลงมาจุติในโลกมนุษย์ ใต้ภาพพระอินทร์ รา่ งเขยี วและพระพรหมสห่ี นา้ ครชู า่ งไดเ้ ขยี นภาพการเลน่ ดนตรปี พ่ี าทยเ์ ครอื่ งหา้ ทส่ี ำ� คญั มาก (ภาพ ๑๗๐) ซ่ึง อ.ฐานสิ ร์ พรรณรายน์ กล่าวว่า “ภาพนี้สะท้อนความจริงในเร่ืองค่าตัวนายวงปี่พาทย์ได้ด้วย เพราะคนปี่จะได้ค่าตัวมาก ท่สี ุด และส่วนมากคนปีม่ กั เป็นครอู าวุโสสูงสดุ ของวงดนตรี สงั เกตในภาพน้ี จะเห็นคนปีเ่ ป็น คนแกห่ วั ล้าน มีอายมุ ากกว่าคนอ่ืน ๆ ครูช่างคงวาดภาพตามทีไ่ ด้เหน็ มาเปน็ ส่วนมาก “ที่ผมเคยศึกษามา ตั้งแต่พระประดิษฐ์ไพเราะ พระยาเสนาะดุริยางค์ พระยาประสาน ดุรยิ ศัพท์ ทา่ นเหลา่ น้ีลว้ นเปน็ คนปี่ ซง่ึ ตอ่ มาล้วนเปน็ ครูของครูดนตรีไทยแตก่ ่อนท้ังนัน้ ครบั ” 159จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม |

๑๖๙ ภาพ ๑๖๙ บนผนงั วิหารวดั ประดทู่ รงธรรมมีภาพ เล่นกายกรรม “ไตล่ วดร�ำแพน” ซ่ึงเขยี นขึ้น ในช่วงปฏิสังขรณ์วดั นี้ ในสมัยรัชกาลท่ี ๔ (ภาพโดยนิพัทธ์พร เพง็ แกว้ ) ภาพ ๑๗๐ ภาพวงดนตรีป่ีพาทยเ์ คร่ืองหา้ บนผนงั พระอุโบสถวดั เหนอื เปน็ อกี ภาพหน่ึงในพุทธประวตั ิ ตอนต้นเร่ืองท่ีเหลา่ เทพเทวดา พระอนิ ทร์ พระพรหมเข้าเฝ้า พระโพธิสัตว์ อัญเชิญพระองค์ ลงมาจุ ติในโลกมนุษย์ ๑๗๐ 160 | จิตรกรรมวดั เทวสังฆาราม

เลน่ ว่าว-แขง่ ว่าว ในภาพพุทธประวัติวัดเหนือ ตอนต้นเร่ือง ครั้งที่เหล่าเทพเทวดาอัญเชิญพระโพธิสัตว์ลง มาจตุ ิเป็นพระพุทธเจ้าในโลกมนษุ ย์ ครชู า่ งได้เขยี นภาพหนุ่มนอ้ ย ๒ คนกำ� ลงั เลน่ วา่ ว แขง่ วา่ วจฬุ า-ว่าวปกั เปา้ ฟาดฟนั กันอยา่ งเมามันอยู่บนเชิงเทินกำ� แพงปราสาท คนไทยสยามมปี ระวตั ศิ าสตรก์ ารเลน่ วา่ วมายาวนานตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทยั ตำ� นานพระรว่ งเลา่ ไวถ้ ึงการเล่นว่าวของพระองคท์ ว่ี า่ วขาดล่องลอยไปตกในเมอื งตองอูจนเกดิ เป็นความรกั และ ได้มีพระราชพิธีอภิเษกสมรสตามมา ถึงสมัยอยุธยาได้มีการใช้ว่าวท�ำสงครามในสมัยแผ่นดินพระเพทราชา ช่วงท่ีเจ้าเมือง นครราชสีมาเป็นกบฏ กรุงศรีอยุธยาจึงยกทัพไปปราบกบฏ โดยใช้ว่าวเป็นเครื่องประกอบ อาวุธ อนั เป็นเหตสุ �ำคัญท�ำใหต้ เี มอื งนครราชสีมาได้ส�ำเรจ็ ดังท่ีพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบรติ ิชมวิ เซยี มบนั ทึกไว้วา่ “เมืองน้มี ฝี มี ือเขม้ แขง็ ตงั้ เคยี่ วขบั ต้านทานอยมู่ ิไดแ้ ตกฉาน อนงึ่ ทา้ วทรงกันดาลอู่ซงึ่ เป็น โทษถอดเสียน้ัน หนีข้ึนไปอยู่ในเมืองนครราชสีมาน้ันด้วย และท้าวพระยานายทัพนายกอง ซง่ึ ตัง้ ลอ้ มอยู่นั้น กป็ รึกษากันเหน็ วา่ จะแหกหกั เอามไิ ด้ ดว้ ยชาวเมอื งรบพงุ่ ต้านทานแข็งมือ อยู่ จึง่ คิดกลอบุ ายเป็นหลายอยา่ ง และใหท้ �ำลกู ปืนกลยงิ ไปตกลง แลว้ ก็สงบอยู่ ตอ่ เพลงิ ตดิ ลามเข้าไป ถึงดินแลว้ จง่ึ แตกออกถกู ผู้คนล้มตาย ภาพ ๑๗๑ จติ รกรรมฝาผนังท่ี วดั ราชประดิษฐสถิตมหาสมี าราม เขยี นเปน็ ภาพชาวบา้ นเล่นวา่ ว จุ ฬา-ปักเป้าอยู่ในทอ้ งท่งุ แสดงถงึ ความส�ำคญั ของวา่ ว กบั ชีวิตคนสยาม ๑๗๑ 161จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

ภาพ ๑๗๒ สมยั รชั กาลท่ี ๕ มจี ติ รกรรมฝาผนัง ในอุโบสถวดั เทวสงั ฆาราม จ.กาญจนบุรี เปน็ ภาพ ชาวบ้านเลน่ วา่ วจุ ฬาโรมรนั พันตกู บั วา่ วปักเป้าอยูบ่ น เชิงเทินกำ� แพงปราสาท ๑๗๒ “อุบายหนึ่งน้ันให้ผูกว่าวจุฬาใหญ่ชักขึ้นแล้ว เอาหม้อดินผูกแขวนสายป่านอันใหญ่หย่อน เข้าไปในเมือง และจุดเพลงิ ชนวนล่ามไว้ ครัน้ เพลงิ ชนวนติดถึงดนิ แลว้ ใหต้ กลงไหม้ในเมอื ง และอบุ ายหน่งึ น้นั ให้เอาเพลิงองั แพลม ผูกลูกธนยู งิ ระดมเข้าไปเผาเมือง “คร้นั จดั แจงแต่งการทั้งปวงพร้อมแล้ว เพลากลางคืนดกึ ประมาณ ๓ ยาม ก็ให้ยิงปืนกล ชกั วา่ วจุฬา และยงิ ธนูระดมเขา้ ไปพรอ้ มกนั แลว้ แตง่ พลอาสาหนนุ เข้า ไปปล้นเอาเมอื ง ฝา่ ย ชาวเมอื งตอ้ งปนื กลนนั้ ตายกม็ าก ดว้ ยประมาทอยมู่ ไิ ดเ้ คยพบเคยเหน็ มาแตก่ อ่ น และหมอ้ ดนิ ซึ่งผูกวา่ วจฬุ า และลกู ผูกธนผู กู เพลิงองั แพลมนนั้ กต็ กลงตดิ หลงั คาเรือน ทง้ั ปวงในเมืองน้ัน เพลิงติดรงุ่ โรจน์โชตนาการ ไหมไ้ ปทุกหนทุกแหง่ ชาวเมอื งมิอาจจะอยูร่ ักษาหน้าที่เชงิ เทินได้ ต่างคนละ หน้าท่ีเสีย ว่ิงระส่�ำระสายไปเป็นอลหม่าน บ้างเสียข้าวของล้มตาย และล�ำบาก เวทนาอยนู่ ัน้ ก็มาก กเ็ สียเมอื งแก่ทพั กรงุ ” มาถงึ แผน่ ดนิ รตั นโกสนิ ทร์ สมยั รชั กาลท่ี ๔ เรอ่ื งของวา่ วกย็ งั มคี วามสำ� คญั กบั ชวี ติ คนสยาม อยมู่ าก ดงั ปรากฏจติ รกรรมฝาผนงั ทว่ี ดั ราชประดษิ ฐสถติ มหาสมี าราม เขยี นเปน็ ภาพชาวบา้ น เล่นวา่ วจฬุ า-ปกั เปา้ อยใู่ นท้องท่งุ (ภาพ ๑๗๑) สมัยรัชกาลที่ ๕ มีจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถวัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี เป็นภาพ ชาวบ้านเลน่ วา่ วจุฬาโรมรันพันตูกับว่าวปกั เปา้ อย่บู นเชงิ เทนิ ก�ำแพงปราสาท (ภาพ ๑๗๒) 162 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

ภาพ ๑๗๓ จิตรกรรมฝาผนงั พระวิหารหลวง วดั มหาธาตุ จ.เพชรบุรี ในสมัยรัชกาลท่ี ๖ เปน็ ฝีมอื ครูเลิศ พว่ งพระเดช ครูช่างใหญเ่ มอื งเพชร ท่านเขียนภาพชาวบา้ นก�ำลัง เล่นว่าวจุ ฬา-ปักเป้าอยู่บน เชิงเทนิ กำ� แพงปราสาท (ภาพโดยนพิ ัทธพ์ ร เพ็งแก้ว) ๑๗๓ สมยั รชั กาลท่ี ๖ ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ จติ รกรรมฝาผนังพระวิหารหลวง วดั มหาธาตุ จ.เพชรบุรี ครูเลศิ พ่วงพระเดช ครชู ่างใหญเ่ มอื งเพชร กไ็ ด้เขยี นภาพชาวบา้ นกำ� ลงั เลน่ ว่าวจฬุ า-ปักเป้า อยู่บนเชิงเทินก�ำแพงปราสาท อนั บ่งชว้ี า่ ข้ึนท่สี งู อยา่ งบรเิ วณเชิงเทินก�ำแพงเมอื ง นา่ จะลมดี ลมตงึ ใหค้ นขน้ึ ไปเลน่ วา่ ว หน้าลมวา่ วพัดแรง ให้บรรพบุรษุ คนสยามได้เลน่ วา่ วแขง่ วา่ วอยา่ ง สนุกเถิดเทิงใจเถิดเทิงอารมณ์อยูเ่ ปน็ ปกติ (ภาพ ๑๗๓) ส�ำหรับจิตรกรรมวดั เหนือสมัยรัชกาลท่ี ๕ ท่ีมภี าพวัยรุ่นหวั จุกแขง่ ว่าวจุฬากับว่าวปักเปา้ อยู่บนเชิงเทินก�ำแพงเมืองนั้น บ่งชัดว่า การเล่นว่าวแข่งว่าวเป็นกีฬายอดนิยมอย่างยิ่งใน ยคุ นนั้ ดงั มขี อ้ มลู วา่ ในสมยั รชั กาลที่ ๕ พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ ทอดพระเนตรเหน็ ชาวบา้ นประชาชน จ�ำนวนมากเล่นว่าวทั่วท้องสนามหลวง พระองค์เห็นว่าเป็นกิจกรรมท่ีดี จึงจัดแข่งขันว่าว เฉลมิ พระเกยี รติ ณ สนามมา้ นางเลง้ิ โดยคแู่ ขง่ ขนั ทเ่ี ลน่ กนั ไดด้ เุ ดอื ดทสี่ ดุ จะไดร้ บั พระราชทาน ผา้ แพรลงพระปรมาภิไธย จปร. ประดบั ทีต่ วั ว่าวเป็นของรางวลั อันนา่ ภาคภูมใิ จย่งิ การเล่นว่าวแข่งว่าวอันเป็นที่นิยมสุด ๆ ของชาวบ้านสยาม จึงได้รับการถ่ายทอดบันทึก ดว้ ยปลายพู่กันของครูช่างจติ รกร ยาวนานมาร้อยกว่าปแี ลว้ ในจติ รกรรมฝาผนงั ไทย ดงั ปรากฏใหเ้ หน็ เปน็ หลกั ฐานบอกเลา่ ถงึ ภาพชวี ติ แสนสนกุ ในงานจติ รกรรมแขง่ วา่ วจฬุ า- ปกั เป้า บนฝาผนงั พระอุโบสถวัดเทวสังฆาราม เมืองกาญจนบุรี 163จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |

164 | จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

165จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |

166 | จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

๔ โลกทศั น์ของคนไทย ในจิตรกรรมวัดเหนือ 167จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

จิตรกรรมฝาผนงั ในพระอุโบสถหลังเดิมของวดั เทวสังฆารามเลา่ เร่ืองราว พุทธประวตั ติ อนสำ� คัญ ซ่ึงครูช่างเขยี นไว้อย่างงดงาม ภาพส่วนใหญ่ เปน็ ภาพสองมติ ิ เนน้ ท่ีเส้นและสี ยเปงั นไ็ มภ่มมู ีคิทวศั านม์ขลอกึ งภไูเมขม่าีแสส่�งำสเงัตาใวนป์ ภราาพกฏ แตบ่ างภาพก็เร่ิมมภี าพระยะไกล ปะปนเข้ามาบา้ ง อันเปน็ คตนิ ยิ มท่ีช่างไทยได้รบั มาจากวธิ ีเขียนภาพ ในโลกทศั นข์ องฝร่ังตะวนั ตก (ภาพ ๑๗๔) เม่ือคร้ังท่ี “ขรัวอนิ โขง่ ” จิตรกรผู้มชี ื่อเสียง เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงโลกทัศน์ที่ โดง่ ดงั ในสมยั รชั กาลท่ี ๔ ไดเ้ รม่ิ เปลยี่ นแปลง เปล่ียนแปลงไปในเร่ืองความเข้าใจที่มีต่อ การเขียนภาพจิตรกรรมไทยประเพณี โดย “ความจรงิ ” ของคนไทยไดเ้ ปน็ อย่างดี เพมิ่ เตมิ วธิ เี ขยี นภาพใหม้ ที ศั นยี วสิ ยั แบบสาม มติ  ิ (Three Dimension) ซึ่งเปน็ เทคนิคการ ดงั ทท่ี ราบกนั แลว้ วา่  จติ รกรรมไทยโบราณ วาดภาพแบบยุโรปที่ให้ความส�ำคัญกับแสง อยา่ งทเี่ รยี กจติ รกรรมไทยประเพณนี นั้ ความ เงา อันทำ� ใหภ้ าพมคี วามลึก แลดูคล้ายวัตถุ สวยงามออ่ นหวานจะเนน้ อยทู่ เี่ สน้ เพยี งอยา่ ง ท่ีปรากฏอยู่จริงน้ัน ท่านคงไม่ทันได้คาดคิด เดยี ว โดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ แสงเงามากนกั  จงึ ทำ� ให้ ว่าผลงานจิตรกรรมงามล�้ำเลิศของท่านจะ ภาพไทยมลี กั ษณะแบน  เพราะเปน็ ภาพสอง มติ ิ มแี ตด่ า้ นกวา้ งและดา้ นยาว ไมม่ คี วามลกึ ภาพ ๑๗๔ จิตรกรรมฝาผนงั ในพระอุโบสถหลังเดมิ ของวัดเทวสังฆารามเล่าเร่อื งราวพุทธประวตั ิ ตอนสำ� คญั ซ่ึงภาพส่วนใหญเ่ ปน็ ภาพสองมติ ิ เนน้ ท่ีเส้นและสี ยังไมม่ ีความลึก ไมม่ แี สงเงา แต่กเ็ ร่ิมมีภาพระยะไกล เปน็ ภมู ิทศั น์ของภูเขา ส่�ำสัตว์ ปรากฏปะปนเขา้ มาบา้ ง อนั เปน็ คตนิ ิยมท่ีช่างไทยได้รับมาจากวธิ เี ขียนภาพ ในโลกทัศนข์ องฝร่งั ตะวนั ตก ๑๗๔ 168 | จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม

นอกจากนี้ “เรือนร่าง” ท่ีปรากฏอยู่ในภาพจิตรกรรมไทยก็มิได้เป็นภาพจ�ำลองท่ีสมจริงของ กายวภิ าคตามธรรมชาตมิ นษุ ย์ ทั้งสดั สว่ นของร่างกายกผ็ ดิ แปลกไปจากปรกตทิ ีเ่ คยเป็น เช่น แขนขาและมอื อาจยาวหรอื บดิ โคง้ ผดิ รปู ศรี ษะกม็ กั ใหญเ่ กนิ จรงิ คนอยใู่ กลไ้ กลตวั เทา่ กนั หมด แถมยงั ใหญค่ ับหน้าต่าง คับปราสาทราชวัง แต่เมือ่ มองโดยรวมแลว้ กลบั งดงามกินใจได้ด่ืมด่�ำนัก เคยถามชา่ งทองร่วง เอมโอษฐ์ ศิลปนิ แห่งชาติ ครชู ่างพน้ื บา้ น ว่า ทำ� ไมจิตรกรไทยโบราณ ถึงเขยี นภาพ “แบน” ไม่มีความลกึ เหมือนภาพฝร่ัง ท่บี นั ทกึ แสงเงา ระยะใกลไ้ กลเหมือนดัง กับทต่ี ามนษุ ย์ปกตมิ องเหน็ ครทู องร่วงใหค้ ำ� ตอบอย่างคมคายลึกซึ้งวา่ เพราะชา่ งไทยน้นั ทา่ นเขยี น “ความจรงิ ” ท่ีใจ สมั ผัส คนจะอยไู่ กลจนเรามองเหน็ เท่ามดหรอื จะอยใู่ กล้แค่ตรงหนา้ แตค่ วามจริงก็คอื ขนาด รา่ งกายยงั เทา่ เดมิ ไม่เปล่ียนแปลง ไม่ได้เลก็ ลงหรอื ใหญ่ขนึ้ ต้นไมห้ น้าบา้ นกับต้นไมบ้ นภเู ขา ขนาดมันก็เทา่ กนั ขนาดของวตั ถไุ ม่ได้เปลยี่ นตามระยะทาง ดวงตา-อายตนะหนง่ึ ต่างหากท่ี หลอกลวงเรา เหมือนดั่งภาพน้�ำ ที่แม้จะเป็นน้�ำในอ่างหรือน�้ำในขัน ช่างไทยก็ยังเขียนเป็นเส้นคล้าย คลื่นลอ้ กันไป ซ่งึ ทา่ น อ.โกวทิ เขมานนั ทะ ให้ค�ำอธิบายว่า ครูช่างมิได้มองเป็นเพียง “น้�ำ” อย่างท่ีตาเห็น แต่ช่างไทยท่านก�ำลังเขียนภาพแทนสัญลักษณ์แห่ง “ธาตุน�้ำ” หรืออาโปธาตุ อันมีคุณสมบัติเลื่อนไหลเอิบอาบเซิบซาบ โดยเขียนจากความรู้สึกสัมผัสในอาการของ สง่ิ น้นั ๆ ไม่ใช่แตเ่ พียง “รูป” ท่ตี าเห็นได้เทา่ นั้น เพราะในโลกทัศน์แบบไทยโบราณ เราให้คณุ ค่ากับ “ความจริง” ในระดับโลกุตระ มองลึก เขา้ ไปสู่ “อาการของธาต”ุ ความจรงิ จงึ เปน็ เรอ่ื งทางนามธรรม ทต่ี อ้ งขดั เกลาจติ ใจใหผ้ อ่ งแผว้ จึงจะมองเห็นได้ แต่ “ความจรงิ ” ทคี่ นไทยใหค้ วามสำ� คญั มาแตเ่ ดมิ น้ี กลบั ถกู ทดแทนดว้ ยความจรงิ แบบใหม่ เป็นความจรงิ ในระดบั “โลกียะ” ที่ให้ความสำ� คญั กับรูปธรรมอันสัมผสั ได้ด้วยอายตนะทัง้ ห้า อันได้แก่ ตา หู จมกู ล้ิน และกาย ภาพคนในระยะไกลตวั เล็ก และคนอยู่ในระยะใกลต้ ัวจะ ใหญก่ วา่ อันเป็นความจรงิ แบบตามองเห็น เปน็ “มายาการ” แห่งผัสสะของมนษุ ย์ จึงได้เริม่ ปรากฏใหเ้ ห็นในจติ รกรรมไทยต้ังแต่สมยั รชั กาลท ่ี ๔  เปน็ ตน้ มา พรอ้ ม ๆ กับการค่อย ๆ รับ อารยธรรม “ฝรัง่ ” ในทุกมิติ  จนมผี ลให้โลกทัศนต์ อ่ “ความจรงิ ” ของไทย เปลยี่ นจากระดับ นามธรรมไปสรู่ ะดบั รปู ธรรมอย่างแทบจะส้นิ เชิง และเหตุที่เราให้คุณค่ากับ “ความจริง” ในระดับไหน ผลตามมาก็คือ เรามักจะตั้ง “ความหวงั ” ตอ่ ชีวิตในอดุ มคติในลักษณะทสี่ อดคล้องกัน เคยมคี นสงสยั บา้ งไหมวา่ คนไทยในอดตี เขามงุ่ หวงั ถงึ เปา้ หมายของชวี ติ ในลกั ษณะอยา่ งไร คำ� ตอบชัดเจนอย่ทู ี่จารกึ หลกั ตา่ ง ๆ ท่ีเขียนระบไุ วร้ าวอุดมคติรว่ มของสงั คมยคุ กอ่ นว่า เวลา ท�ำบุญ บรรพชนไทยท่านขอให้ได้ไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์ และค�ำสาปแช่งของท่านท่ีหนัก ทส่ี ดุ กค็ ือ ใหต้ กอบายภมู ทิ ง้ั ส่ี และไม่ใหไ้ ด้พบพระนิพพาน อันแสดงให้เห็นว่า ความหวังกบั 169จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |

170 | จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

ความกลัวของสังคมไทยในอดีต ล้วนผูกพันอยู่ กับการขัดเกลาจิตใจให้กิเลสลดน้อยลงเป็น สำ� คัญ หันมาดูรอบตัวในปัจจุบัน คนไทยสมัยน้ีเล่า เขาก�ำลังหวังอะไร ค�ำตอบเห็นจะอยู่ที่ ปรากฏการณ์บ้าหวยของทั้งประเทศ ที่อาศัย เกจิอาจารย์และพลังศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เป็นท่ี สักการบูชาด้วยหวังว่าจะดลบันดาล “เลขเด็ด” ใหส้ ักครั้ง จนกลายเปน็ ว่า จติ วญิ ญาณศกั ดิส์ ทิ ธิ์ จากโลกท่ีมองไม่เห็น ถูกเปลี่ยนบทบาทให้มา รับใช้ความต้องการทางวัตถุอันไม่ส้ินสุดของ มนุษย์ ทั้งที่ในอดีต “ความศักด์ิสิทธ์ิ” เหล่านั้น ได้เคยมีหน้าที่ทางสังคมในอีกลักษณะมาก่อน ผปี า่ นางตะเคยี น เทพารกั ษ์ หรอื กระทง่ั นางตานี ล้วนช่วยป้องกันผืนป่าไม่ให้คนกล้าเข้าไปตัดไม้ หรือล่าสัตว์มาบริโภคเกินกว่าความจ�ำเป็นของ ชวี ติ ซงึ่ วา่ ทจ่ี รงิ กค็ อื การปอ้ งกนั ไมใ่ หค้ นมโี อกาส ท่ีจะพัฒนาความโลภให้มากข้นึ แต่ความหวังที่จะมุ่งหาความร่�ำรวย เพื่อเป็น ปจั จยั สคู่ วามบนั เทงิ และความสะดวกสบายอยา่ ง สูงสุดทางโลกียะผ่านทางอายตนะท้ังห้าอย่าง ไมม่ ขี ดี จำ� กดั ของคนสว่ นใหญใ่ นสมยั น้ี ทำ� ใหม้ อง เห็นได้ว่า ความหวังกับความโลภในทางวัตถุ กำ� ลงั จะกลายเปน็ ส่ิงเดยี วกนั ! ๑๗๕ ภาพ ๑๗๕-๑๗๖ โลกของพุทธธรรมอันจรงิ แทแ้ ละงดงามย่ิงของภาพจิตรกรรมฝาผนัง พุทธประวัติของวดั เหนือ จึงเปน็ รากเหง้า เปน็ ต้นทนุ สูงค่าทางสังคม เปน็ ทัง้ ความหวงั ในการนำ� ทางดวงจิตของผูค้ นร่วมสมัย และอนุชน รุ่นหลงั ใหเ้ ติบโตทางจติ วิญญาณ เพ่อื จะไดม้ เี ร่ียวแรง มปี ัญญา รว่ มกันเปล่ยี นแปลงบ้านเมืองน้ใี ห้กา้ วหน้า มิใช่เพยี งแต่โลกโลกยี ะ แต่เปน็ ความก้าวหน้าของโลกโลกตุ รธรรมไปพร้อมกัน 171จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

เราจงึ ไมอ่ าจแกอ้ าการคลงั่ หวย คลงั่ วตั ถุ คลง่ั ๑๗๖ ความรวยของคนในปัจจุบันนี้ได้ หากความหวัง รว่ มของผคู้ นยงั ผกู พนั อยกู่ บั ความโลภ หรอื กลา่ ว นัยหนึ่งก็คือ ตราบเท่าท่ีความหวังของผู้คนยัง เป็นผลิตผลจาก “ความจริง” เชิงโลกียะ ที่ให้ คุณคา่ แต่เฉพาะสิ่งอนั เปน็ รปู ธรรมท่ีสมั ผัสได้ การมุ่งหวังให้สังคมไทยปัจจุบันมีการพัฒนา ทางด้านจิตใจ เพ่ือให้ชีวิตด้านอ่ืนดีข้ึนไปด้วยก็ คงจะเป็นเรอื่ งยากลำ� บากนัก แต่เร่ืองยากก็มิได้หมายความว่าจะท�ำไม่ได้ ย่ิงกับความจริงและความหวังในโลกทัศน์ไทย แบบเดิม ที่เคยแตกรากผลิหน่อมาแล้วในอดีต การรื้อฟื้นให้กลับคืนมา เราจึงมิได้เร่ิมต้น จากศูนย์ แต่เป็นการกลับไปค้นหาจากส่ิงท่ีมี อยู่แล้ว เป็นรากเหง้าของสังคมที่ยังเบียดแทรก อยูใ่ นภูมิปัญญาของผคู้ น  ซ่ึงหากทุกคนร่วมมือฟื้นฟูค้นหากันอย่าง จริงจังแล้ว ความจริงและความหวังในโลกทัศน์ ไทยแบบเดมิ น้ี อาจเปน็ มติ หิ นงึ่ ทสี่ ามารถชว่ ยแก้ ปัญหาวกิ ฤตปจั จบุ ันดว้ ยก็เป็นได้ โลกของพุทธธรรมอันจริงแท้และงดงามยิ่ง ของภาพจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติของ วัดเหนือ จึงเป็นรากเหง้า เป็นต้นทุนสูงค่าทาง สงั คม เปน็ ทง้ั ความหวงั ในการนำ� ทางดวงจติ ของ ผู้คนร่วมสมัย และอนุชนรุ่นหลังให้เติบโต ทางจิตวิญญาณ เพ่ือจะได้มีเรี่ยวแรง มีปัญญา รว่ มกันเปลยี่ นแปลงบ้านเมืองนใี้ ห้กา้ วหน้า มิใช่ เพียงแต่โลกโลกียะ แต่เป็นความก้าวหน้าของ โลกโลกุตรธรรมไปพร้อมกัน ส�ำหรับทุกคนท่ีได้ เขา้ มาสัมผสั ศึกษา คน้ หาดวงแสงแห่งธรรม ท่ีฝังลึกอยู่ในผลงานจิตรกรรมฝาผนังของ พระวิหารหลวง วัดเทวสังฆารามแห่งน้ี (ภาพ ๑๗๕ และ ๑๗๖) 172 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

173จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |

พระกิตตสิ วุ ัฒนาภรณ์ (บญุ เพิ่ม อานนฺโท ดอนเจดีย)์ เจ้าอาวาสวดั เทวสงั ฆาราม พระอารามหลวง รปู ท่ี ๑๓ ด�ำรงตำ� แหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวงตัง้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๕๒ จนถงึ ปจั จบุ นั เกดิ เมื่อวันท่ี ๓๑ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ ชาตภิ มู ิ บ้านดอนเจดยี ์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี วุฒกิ ารศกึ ษา น.ธ. เอก, ป.ธ. ๔, พธ.บ. (พทุ ธศาสนา) ม.มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , ศศ.ม. (สงั คมศาสตร์เพ่ือการพฒั นา) มรภ.ธนบรุ ,ี ปร.ด. (รฐั ประศาสนศาสตร)์ ม.มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สมณศักด์ิ • พระสมุห/์ พระปลัด ฐานานุกรมในพระครสู ิงคีคณุ าทร (พระราชมงคลโมลี สนั่น ปญฺญาธโร) • พระครอู นุกูลกาญจนกิจ พระครูสัญญาบตั ร ช้ันโท ผ้ชู ว่ ยเจา้ อาวาสพระอารามหลวง (พ.ศ. ๒๕๓๘) • พระครอู นุกูลกาญจนกิจ พระครูสญั ญาบตั ร ชนั้ เอก ผชู้ ว่ ยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง (พ.ศ. ๒๕๔๕) • พระครอู นุกูลกาญจนกจิ พระครสู ญั ญาบตั ร ชั้นเอก เจ้าอาวาสพระอารามหลวง (พ.ศ. ๒๕๕๒) • พระกิตตสิ ุวัฒนาภรณ ์ พระราชาคณะ ช้ันสามัญ เจ้าอาวาสพระอารามหลวง (พ.ศ. ๒๕๕๖) ไดร้ บั โลเ่ ชดิ ชเู กยี รติ “คนดศี รสี งา่ กาญจนบรุ ”ี สาขาดา้ นศาสนา จากสมาคมศนู ยป์ ระสานงาน องค์การเอกชนประจ�ำจงั หวัดกาญจนบุรี ประจ�ำปี ๒๕๖๐ 174 | จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ฟ้อน เปรมพันธ์ุ • อ.บ. (มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร), ค.ม. (จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ) • ผอู้ ำ� นวยการส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏกาญจนบรุ ี งานวิจยั และหนังสือ • ทำ� งานสำ� รวจ ศกึ ษา และปรวิ รรตวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ จงั หวดั กาญจนบรุ จี ากเอกสารโบราณ เชน่ มหาชาตเิ มอื งกาญจน์ ปรมตั ถก์ ลอนสวด วรรณกรรมกลอนสวดอน่ื ๆ และภมู ปิ ญั ญา กะเหรย่ี งกาญจนบุรี เปน็ ตน้ บทความทเี่ ขยี น • “วรรณกรรมลายลักษณ์วัดเทวสังฆาราม”. ในกาญจนสังฆปิตรานุสรณ์. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล (บรรณาธิการ). พิมพโ์ ดยเสด็จพระราชกศุ ล ในการพระราชพิธพี ระราชทาน เพลิงศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร วันพุธที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศกั ราช ๒๕๕๘. กรงุ เทพฯ: หจก.สามลดา. (๒๕๖๑) • “วัดเทวสังฆาราม ตักศิลาแห่งกาญจนบุรี”. ในโอกาสท่ีกลุ่มบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จ�ำกัด (มหาชน) กลมุ่ บรษิ ทั บ๊กิ ซี ซูเปอร์เซน็ เตอร์ จ�ำกดั (มหาชน) นำ� กฐินพระราชทาน ถวาย ณ วัดเทวสังฆาราม จังหวัดกาญจนบุรี. (๒๕๖๒) • “ภาพเก่าเล่าเร่ืองวัดเทวสังฆารามและย่านเหย้าปากแพรก” ในโอกาสที่กลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จ�ำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จ�ำกัด (มหาชน) น�ำกฐินพระราชทานถวาย ณ วดั เทวสงั ฆาราม จังหวดั กาญจนบรุ ี. (๒๕๖๒) เขยี นรว่ มกบั ประพฤติ มลิผล. • “ข้ามเทือกเขาตะนาวศรีสู่เมืองทวาย”. ในอยากหยุดเวลาไว้ท่ีทวาย. ส�ำนักศิลปะและ วัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏกาญจนบุรี. กรงุ เทพฯ: ประยรู สาส์นไทย. 175จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

นพิ ทั ธพ์ ร เพ็งแก้ว จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาปรัชญา คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ปรญิ ญาโท สาขาจารกึ ภาษาไทย ภาควชิ าภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัย ศิลปากร ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ประวัติการท�ำงาน ไดเ้ ขยี นหนงั สอื อยา่ งตอ่ เนอ่ื งทงั้ เรอ่ื งสนั้ บทความ บทกลอน บทวจิ ารณใ์ นหลายนามปากกา ต้ังแต่อยู่มหาวิทยาลัย พร้อมกับท�ำงานประจ�ำกองบรรณาธิการวารสารปาจารยสาร เมื่อ จบการศึกษาได้ท�ำงานประมาณ ๑ ปี กับคุณเดชา ศิริภัทร เป็นผู้ช่วยคุณเดชา ร่อนเร่เก็บ เมล็ดพันธุ์พืชพื้นเมืองอยู่ท่ีหมู่บ้านชาวเขาใน จ.พะเยา จ.เชียงราย จ.น่าน เป็นเจ้าหน้าที่ โครงการจดั พิมพค์ บไฟ ผูช้ ว่ ยบรรณาธกิ ารนิตยสาร THE EARTH 2000 นักวิชาการประจำ� มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ กองบรรณาธิการส�ำนักพิมพ์สารคดี และเป็นบรรณาธิการ- นกั เขยี นอสิ ระในปจั จุบัน ผลงานหนงั สือทผี่ า่ นมา บนั ทายฉมาร์ เดยี งพลาโต และหลวงพระบาง (๒๕๓๘, ๒๕๔๔, ๒๕๕๕), ไทบ้านดดู าว (๒๕๔๓, ๒๕๕๐, ๒๕๕๒), ทะเลสาบ สงขลา (๒๕๔๓), ถงึ อยา่ งไรกอ็ ยกู่ นั มาได้ (๒๕๔๓, ๒๕๕๓), รกุ ถอยหลงั (๒๕๔๔, ๒๕๕๓), รอยทางแหง่ เวลา (๒๕๔๔, ๒๕๕๔), ออนซอนหลวงพระบาง (๒๕๔๔), อารยะของแผน่ ดนิ (๒๕๔๔, ๒๕๕๔), อนทุ นิ ทะเลสาบ (๒๕๔๔), ประตมิ า (๒๕๔๕, ๒๕๖๑), ค�ำบอกเล่าของแผ่นดิน (๒๕๔๖, ๒๕๕๙), เล่าเร่ืองเมืองเวียด (๒๕๔๖, ๒๕๕๖), รับมือกับสารพัดตัวแสบ (๒๕๔๖), ผู้อยู่ กบั เงา (๒๕๔๗, ๒๕๕๓), ลบั ลมปมชาติ (๒๕๔๘), ไทรบพม่า (๒๕๔๙), สองฝั่งเล (๒๕๔๙), นกั เล่านทิ าน (๒๕๕๐), กอ่ น ตะวนั ฉาย “ฉาน” (๒๕๕๐), พระเอกโง่ (๒๕๕๐), ทางทรายใกลท้ ะเลสาบ:อัตชวี ประวัติช่วงแสวงหามายาชีวิตของเขมานนั ทะ (๒๕๕๐, ๒๕๖๓), เลา่ เรอ่ื งเมอื งเพชร (๒๕๕๑), จิตวญิ ญาณในเมลด็ ขา้ ว : หกทศวรรษเดชา ศริ ภิ ทั ร (๒๕๕๑), ศิลปกรรม ท่ีเกี่ยวเนื่องกับชาดกในพุทธศาสนาระหว่างปี พ.ศ.๒๐๐๐–๒๔๐๐ (๒๕๕๒), แผ่นดินฉานในม่านหมอก (๒๕๕๒), จากห้อง ทดลองสตู่ ลาดโลก : ชีวประวัติ ดร.พเิ ชษฐ์ วิริยะจิตรา (๒๕๕๓), ลมปราณของแผ่นดนิ (๒๕๕๓), ปลายขอบฟา้ ฉาน (๒๕๕๕), เรอื่ งเลา่ ของพลงั (๒๕๕๕), เทยี่ วปราสาทหินยลถิน่ กัมพูชา (๒๕๕๕), รักและบา้ ไปเก็บยา (๒๕๕๕), เลยี บถิน่ แผ่นดินเวียด (๒๕๕๖), เยือนถิน่ แผ่นดินพทุ ธบังคลาเทศ (๒๕๕๗), เสน้ ทางชีวิตสู่ภมู ิคมุ้ กนั ทีส่ มดุลของศาสตราจารย์ ดร.พเิ ชษฐ์ วริ ยิ ะจติ รา (๒๕๕๗), ตามเหล่าซอื ไทยไปไตห้ วัน (๒๕๕๘), นกั บวช นกั รบ นักฆา่ (๒๕๖๐), ภาพชาดกวัดศรชี มุ (๒๕๖๐), แมโ่ พสพสาลี เทวนารีตน้ ข้าว (๒๕๖๑), เสน้ ทางนกั รบยอดศึก: ชีวประวัติ แนวคดิ และประสบการณ์ (๒๕๖๑), นักเลา่ นิทานและเรอื่ งอ่ืน ๆ (๒๕๖๒), จารึกของแผน่ ดนิ (๒๕๖๒), นานาภาษาดาว (๒๕๖๒), หยกิ เลบ็ มงั กร (๒๕๖๓), ปฏิวตั ิกัญชาสยาม ๒๕๖๒ (๒๕๖๓) • งานเขียน “ผู้หญิงในความมืด” ได้รับรางวัลชมเชยประเภทเรื่องสั้น จากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ ประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๔๕ • หนงั สอื ไทบา้ นดดู าว ไดร้ บั คัดเลอื กใหเ้ ปน็ ๑ ใน ๑๐๐ เลม่ หนังสือดวี ทิ ยาศาสตร์ (พ.ศ. ๒๕๓๗-๒๕๔๘) ของไทย • ไดร้ ับรางวลั นกั เขียนบทความดีเด่นของกองทุน ม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุล ประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ • ได้รับรางวลั ผู้ใชภ้ าษาไทยดเี ดน่ จากกระทรวงวัฒนธรรม เนอ่ื งในวนั ภาษาไทยแห่งชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ • หนังสือ “ผู้อยู่กับเงา : เรื่องเล่าของแผ่นดินและวัฒนธรรมพื้นบ้าน” ได้รับการคัดเลือกให้เป็น ๑ ใน “วรรณกรรม ยอดเยี่ยม ในสมัยรชั กาลที่ ๙ ตามแนวคิดศาสตรพ์ ระราชา” ประเภทสารคดี ของกระทรวงวฒั นธรรม ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ 176 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

สายัณห์ ช่นื อุดมสวสั ด์ิ เร่ิมต้นอาชีพถ่ายภาพในราวปี พ.ศ. ๒๕๓๘ มีงานตีพิมพ์ในหน้านิตยสารและหนังสือพิมพ์ หลายฉบบั เช่น อนสุ าร อ.ส.ท., สารคด,ี Bangkok Post, The Nation, Nature Explorer, TERRAVIVA, nfpa Journal (New York), Lonely Planet (Thai Edition) และ National Geographic (Thai Edition) ฯลฯ • ปี ๒๕๔๙ ไดร้ ว่ มงานกบั WWF Thailand และถ่ายภาพใหก้ ับ Green coast for nature and people after the tsunami Project • ปี ๒๕๕๐ เป็นช่างภาพให้กับ IUCN Thailand ในโครงการ JoMPA Project (Joint Management of Protected Areas) • ปี ๒๕๕๔ และปี ๒๕๕๘ ร่วมงานกับ MRC (Mekong River Commission) องค์กร ความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มน้�ำโขง ในฐานะ International Consultant for Environmental and Social Photojournalism เดินทางถ่ายภาพประเทศลุ่มน้�ำโขง ตอนลา่ ง จากไทย ลาว กมั พูชา และสิ้นสุดท่ี Mekong Delta ในประเทศเวียดนาม • ปี ๒๕๕๗ รว่ มงานกบั International Finance Corporation (องคก์ รภายใต้ World Bank) ในฐานะ Consultant for Photography จัดทำ� ฐานข้อมลู ภาพ • ปี ๒๕๕๘ รว่ มงานกับ Rockefeller Foundation ถ่ายภาพใน Smart Power for Rural Development ในประเทศอินเดีย • ปี ๒๕๕๙ และ ๒๕๖๐ บรรณาธิการภาพ วารสารวัฒนธรรมไทย ของกรมส่งเสริม วัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม • ปี ๒๕๖๑ International Consultant for Environmental and Social Photojournalism ใหก้ ับโครงการ Mekong Integrated Water Resources Management Project (M- IWRMP) ภายใตอ้ งคก์ รความรว่ มมอื ระหว่างประเทศลมุ่ นำ�้ โขง MRC (Mekong River Commission) • ปจั จุบนั เป็น Contributor ใหก้ บั Getty Images และเว็บไซตข์ า่ วออนไลน์ภาษาองั กฤษ Bangkok Tribune (bkktribune.com) • website ::: https://sayanchuenudomsavad.wordpress.com 177จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม |

บรรณานกุ รม ผใู้ หส้ ัมภาษณ์ ๑. อ.โกวิท เขมานนั ทะ (เกิดปี พ.ศ. ๒๔๘๑-อายุ ๖๐ ปี) สมั ภาษณ์ ๑๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ และ ๒๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. ครูทองร่วง เอมโอษฐ์ (เกดิ ปี พ.ศ. ๒๔๘๖-อายุ ๕๓ ป)ี อ.เมอื งฯ จ.เพชรบรุ ี สัมภาษณ์ พ.ศ. ๒๕๓๙ ๓. อ.ล้อม เพง็ แกว้ (เกดิ ปี พ.ศ. ๒๔๗๙-อายุ ๘๔ ปี) อ.เมืองฯ จ.เพชรบรุ ี สมั ภาษณ์ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ๔. ท่านเจ้าคุณพระกิตติสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม (เกิดปี พ.ศ. ๒๕๐๑-อายุ ๖๒ ปี) สมั ภาษณ์ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๕. คณุ ยายอทุ ศิ รตั นกสุ มุ ภ์ (เกดิ ปี พ.ศ. ๒๔๗๕-อายุ ๘๘ ป)ี อ.เมอื งฯ จ.กาญจนบรุ ี สัมภาษณ์ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๖. คณุ บญุ สง่ จนั ทรส์ อ่ งรศั มี (เกดิ ปี พ.ศ. ๒๔๙๒-อายุ ๗๑ ป)ี อ.เมอื งฯ จ.กาญจนบรุ ี สมั ภาษณ์ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๗. คุณพเิ ชษฐ์ วนวทิ ย์ (เกดิ ปี พ.ศ. ๒๕๐๙-อายุ ๕๕ ปี) จ.เชียงใหม่ สมั ภาษณ์ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ๘. อ.ฐานสิ ร์ พรรณรายน์ (เกดิ ปี พ.ศ. ๒๕๒๒-อายุ ๔๒ ปี) รร.ศุขประสารราษฎร์ (วดั จนั ทราวาส อ.เมอื งฯ จ. เพชรบรุ ี) สัมภาษณ์ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ หนงั สอื ประกอบการเขียน ๑. ก.ศ.ร. กุหลาบ. พงศาวะดารทอ้ งฟา้ อากาศ. พระนคร: โรงพิมพส์ ยามประเภท. ร.ศ. ๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔). ๒. เกริ่น ศิลปเพ็ชร. หนังสือภาพพุทธประวัติ. บรรณาการงานฌาปนกิจศพ นางเช้ือ บณุ ยประสทิ ธ์ิ ณ เมรุวดั ชัยชนะสงคราม (วดั ตกึ ) วนั เสารท์ ่ี ๒๘ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๐. กรงุ เทพฯ: ๒๕๑๐. ๓. เขมานันทะ. ไตรต่ รองมองหลัก. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั พิมพศ์ ยาม. ๒๕๔๓. ๔. เขมานนั ทะ. ลงิ จอมโจก. กรุงเทพฯ: พิมพค์ ำ� ส�ำนกั พมิ พ.์ ๒๕๕๔. ๕. ชาญคณิต อาวรณ์, ผศ. ดร. จติ รกรรมล้านนา พุทธประวัติ ทศชาติ ชาดกนอก นิบาต. กรงุ เทพฯ: สำ� นักพมิ พม์ วิ เซยี มเพรส. ๒๕๖๓. ๖. น. ณ ปากน�้ำ. วัดเกาะแก้วสุทธาราม. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์เมืองโบราณ. ๒๕๒๙. 178 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม

๗. นิพทั ธพ์ ร เพ็งแกว้ . ผู้อยู่กบั เงา. กรงุ เทพฯ: พิมพ์คำ� สำ� นักพิมพ์. ๒๕๕๓. ๘. นิพทั ธ์พร เพ็งแก้ว. เลา่ เร่อื งเมอื งเวยี ด. กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั พิมพศ์ ยาม. ๒๕๕๖. ๙. นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว. ถึงอย่างไรก็อยู่กันมาได้. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ศยาม. ๒๕๕๓. ๑๐. นิโรจน์ จรงุ จิตวิทวสั . วิทยานพิ นธ์ : ตน้ กัลปพฤกษ์. สาขาวชิ าศลิ ปไทย ภาค วชิ าศิลปไทย บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. ๒๕๕๕. ๑๑. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชนิพนธ์เสด็จประพาศ ไทรโยค. พมิ พแ์ จกในงานศพ เจา้ จอมมารดาชมุ่ ร.ศ. ๑๓๑. พระนคร: หอพระสมดุ วชิรญาณ. ๒๔๕๕. ๑๒. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั . พระราชหตั ถเลขาพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั เสดจ็ ประพาสมณฑลราชบรุ ี ร.ศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๔๕๒). พมิ พเ์ ปน็ อนสุ รณใ์ นงานพระราชทานเพลงิ ศพ เจา้ จอมอาบ ต.จ. ในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔. พระนคร: โรงพมิ พม์ หามกุฏราชวิทยาลัย. พ.ศ. ๒๕๐๔. ๑๓. พระยาลไิ ท. ไตรภมู กิ ถา. กรงุ เทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งกรุ๊ป. ๒๕๓๐. ๑๔. พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียม. พระนคร: ส�ำนักพิมพ์ กา้ วหน้า. ๒๕๐๗. ๑๕. พุทธทาสภิกข.ุ พทุ ธประวตั ปิ ระกอบภาพสำ� หรบั เยาวชน. กรุงเทพฯ: กองทุน วฒุ ิธรรม. มปป. ๑๖. พทุ ธศาสนคตแิ ละรวมเรอ่ื งเมอื งกาญจนบรุ .ี อนสุ รณใ์ นงานพระราชทานเพลงิ ศพพระเทพมงคลรังษี (ดี พุทธโชติเถร) ณ เมรุวัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี. กาญจนบุร:ี ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๑. ๑๗. ล้อม เพง็ แกว้ . คู่มอื พุทธประวตั .ิ กรุงเทพฯ: สำ� นักพิมพ์สายธาร. ๒๕๕๐. ๑๘. ศวติ า โนธายะ. วทิ ยานิพนธ์ : การศกึ ษาเชิงวิเคราะห์วรรณคดพี ทุ ธศาสนา เรอ่ื งตำ� นานเจดียช์ เวดากอง. สาขาวชิ าจารกึ ภาษาไทย ภาควิชาภาษาตะวันออก บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศิลปากร. ๒๕๔๑. ๑๙. สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส. คัมภีร์พระปฐมสมโพธิกถา. พระนคร: โรงพิมพ์เล่ยี งเชียง. ๒๔๙๙. ๒๐. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส. สมุดภาพปฐมสมโพธิ กถา. กรงุ เทพฯ: ธรรมสภา. ๒๕๕๔. ๒๑. สมปอง ดวงไสว. รอยทาง เจรญิ ธรรม. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พต์ ะวนั ออก. ๒๕๕๗. 179จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

180 | จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

181จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |

จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม ผู้เขยี น นิพัทธ์พร เพง็ แก้ว ถา่ ยภาพ สายัณห์ ช่ืนอุดมสวสั ด์ิ บรรณาธิการ ผศ.ฟ้อน เปรมพันธุ์ ออกแบบปก-รูปเล่ม สายัณห์ ช่ืนอุ ดมสวัสด์ิ พสิ จู นอ์ ักษร ปิยะฤทัย ปิโยพรี ะพงศ์ พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ จ�ำนวนพิมพ ์ ๑,๐๐๐ เลม่ ÁËÒ ÔÇ· ÂÒÅÂÑ ÃÒªÀ¯Ñ ¡ÒÞ จดั พมิ พ์โดย สำ� นกั ศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลัยราชภฏั กาญจนบุรี UNIVERSITYBURI RA JABHAT ¨¹ºÃØ Õ วัดเทวสังฆาราม KANCHANA เลขท่ี ๑ ถ.เจา้ ขุนเณร ต.บา้ นเหนือ อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี ๗๑๐๐๐ โทร. ๐๖ ๒๕๙๗ ๙๓๙๓ Facebook : วดั เทวสงั ฆาราม พระอารามหลวง จ.กาญจนบุรี ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data นิพัทธ์พร เพง็ แกว้ . จิตรกรรมวดั เทวสังฆาราม.-- กาญจนบุรี : ส�ำนกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลัย ราชภัฏกาญจนบรุ ี, 2564. 182 หนา้ . 1. จิตรกรรมพทุ ธศาสนา. 2. จติ รกรรมฝาผนัง. I. ชือ่ เรื่อง. ISBN 978-974-606-742-3 294.31875 9 789746 067423 ISBN 978-974-606-742-3 ท่ปี รึกษา พระกติ ตสิ ุวัฒนาภรณ.์ ดร. | เจา้ อาวาสวัดเทวสงั ฆาราม ดร.ณรงค์เดช รตั นานนทเ์ สถยี ร | อธกิ ารบดีมหาวทิ ยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ผศ.เชิดชาย ดวงภมร l รองอธิการบดมี หาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี กองบรรณาธกิ าร ดร.เศกสทิ ธ์ิ ปักษี อ.แพรว พิมพโ์ พธ์ิ ดาวรุ่ง เรยี นรู้ สุภาพร ชัยเจริญ ศิวะรฐั ค�ำนุ อรพรรณ ศรที อง รตั นากร พุฒเิ อก ธนกาญจน์ กรวนชิ ย์ ราคา ๘๐๐ บาท © สงวนลิขสิทธ์ิ ตามกฎหมายลิขสิทธ์ิและกฎหมายทรพั ย์สินทางปัญญาของไทยและระหว่างประเทศ หากตอ้ งการคัดลอกขอ้ ความและภาพถา่ ยในหนงั สือเล่มนี้ ไมว่ ่าจะทงั้ หมดหรอื ส่วนหน่ึงสว่ นใดไปเผยแพร่ หรือท�ำซ้�ำในทกุ รูปแบบ จะต้องขออนญุ าตจากเจ้าของลิขสทิ ธ์ิโดยตรง



ÁËÒ ÔÇ· ÂÒÅÂÑ ÃÒªÀ¯Ñ ¡ÒÞ UNIVERSITYBURI RA JABHAT ¨¹ºÃØ Õ ISBN 978-974-606-742-3 KANCHANA 9 789746 067423 ราคา 800 บาท


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook