ภาพ ๒๗ ๒๗ เหล่าเทพเทวดาหม่นื โลกจกั รวาล พระอินทร์ พระพรหม ไดเ้ ข้าเฝ้าฯ เพ่ือทูลอาราธนา พระสนั ดุสติ เทวราช พระโพธสิ ตั ว์บนสวรรค์ ชัน้ ดุสิต ใหล้ งมาจุ ติในพระครรภข์ อง พระนางสิรมิ หามายา เชิญพระโพธิสัตว์ ดูเหมือนครูช่างจะวาดยัง ไม่เสร็จ เขียนร่างไว้เป็นลายเส้นคร่าว ๆ เทา่ นั้น อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนน้ีใน ปฐมสมโพธิกถา ปรจิ เฉทท่ี ๒ ดสุ ติ ปรวิ รรต ๔. พระนางสิริมหามายาประสูติ ๕. เจ้าชายสิทธัตถะเข้าปฐมฌาน เจา้ ชายสทิ ธตั ถะ เม่ือเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ ๗ วัน เมื่อพระนางสิริมหามายาทรงครรภ์ได้ พระนางสริ มิ หามายาพระราชมารดากท็ วิ งคต ๑๐ เดือน ได้มีพระประสงค์จะเสด็จกลับ แลว้ ไปเกดิ บนสวรรคช์ นั้ ดสุ ติ เจา้ ชายสทิ ธตั ถะ กรุงเทวทหะของพระราชบิดา ระหว่างการ ทรงมีพระมหาปชาบดีโคตมี พระกนิษฐา เดินทาง พระนางเสด็จข้ึนวอทอง บริวาร ของพระมารดา เป็นมารดาเล้ียงดูพระองค์ แวดลอ้ ม และไดท้ รงลงจากวอทอง แวะเสดจ็ ครง้ั หนงึ่ ในงานแรกนาขวญั พระราชบดิ าทรง ชมความงามของป่าลุมพินวี ัน นำ� พระโอรสไปดว้ ย และใหป้ ระทบั เลน่ อยใู่ ต้ ต้นหว้าใหญ่กับเหล่านางนมและนางพ่ีเล้ียง ณ ทนี่ น้ั พระนางสริ มิ หามายาไดเ้ หนย่ี วกงิ่ ไมน่ านนกั เหล่านางนมพี่เลยี้ งก็ปลกี ตวั ออก ตน้ รงั ประสูตกิ มุ ารในมา่ นล้อมวงท่ามกลาง ไปดพู ระราชพธิ ี (ดภู าพ ๓๐ ในกรอบหนา้ ตา่ ง หมนู่ างสนมกำ� นลั ใตร้ ม่ ไมใ้ นลมุ พนิ วี นั สถาน ของผนงั ชอ่ งที่ ๓) อันต้ังอยู่ระหว่างเขตเมืองกบิลพัสดุ์กับ เทวทหะตอ่ กนั (ปจั จบุ นั อยใู่ นประเทศเนปาล) เจา้ ชายสทิ ธตั ถะประสตู เิ มอ่ื เวลาใกลเ้ ทย่ี ง ในวันศุกร์ ขน้ึ ๑๕ คำ�่ เดอื น ๖ ปีจอ กอ่ น พุทธศกั ราช ๘๐ ปี (ดภู าพ ๒๘ และ ๒๙ ในกรอบหนา้ ตา่ งของ ผนังช่องท่ี ๓) อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนน้ีใน ปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทที่ ๓ คพั ภานกิ ขมน ปรวิ รรต 51จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |
๒๘ ๒๙ ภาพ ๒๘-๒๙ พระนางสิรมิ หามายาเหน่ยี วก่งิ ตน้ รัง ประสูติกมุ าร ในมา่ นลอ้ มวงทา่ มกลางหมู่นางสนมกำ� นัล ใต้ร่มไม้ ในลุมพินีวันสถาน อนั ตงั้ อยู่ระหวา่ งเขตเมืองกบลิ พัสด์ุ กับเทวทหะต่อกัน (ปัจจุ บันอยู่ในประเทศเนปาล) ๓๐ ภาพ ๓๐ ครงั้ หน่งึ ในงานแรกนาขวญั พระเจ้าสุทโธทนะทรงนำ� เจา้ ชายสิทธัตถะไปด้วย และใหป้ ระทับเล่นอยู่ใต้ตน้ หวา้ ใหญ่ กบั เหลา่ นางนมและนางพ่เี ลี้ยง ไมน่ านนกั เหล่านางนม พ่เี ล้ียงก็ปลกี ตัวออกไปดพู ระราชพธิ ี ๓๑ 52 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม ภาพ ๓๑ เจา้ ชายสิทธัตถะอาศยั ช่วงเวลานนั้ กำ� หนดลมหายใจเข้าออก เจรญิ อานาปานสตกิ รรมฐาน ทำ� ปฐมฌานใหเ้ กิดข้นึ แลว้ เกดิ ปาฏิหาริย์ เงาตน้ หวา้ ไมค่ ลอ้ ยไปตามตะวันยามบ่าย เงาต้นไมย้ งั ทอดอยูต่ รงจุ ดท่ีเจ้าชายเขา้ ฌาน
ภาพ ๓๒ ในขณะท่เี กิดปาฏิหาริย์ เงาตน้ หวา้ ไมค่ ล้อยไปตาม ตะวนั บ่าย พระเจ้าสุทโธทนะ กไ็ ด้เข้าพิธีแรกนาขวัญอยูก่ บั อ�ำมาตย์มุขมนตรี ๓๒ 53จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |
54 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม
๓๓ ภาพ ๓๓-๓๔ เม่อื เจ้าชายสิทธัตถะมพี ระชันษา ๑๖ ปี พระราชบิดาก็ไดจ้ ัด พิธอี ภเิ ษกสมรสใหพ้ ระองค์ กับพระนางยโสธราพิมพา ณ กรุงกบิลพัสดุ์ และได้มี พิธีราชาภิเษกพระองค์ ให้เสวยพระราชสมบตั ิ ตงั้ พระนางพมิ พาเทวี เปน็ พระอคั รมเหสี ๓๔ เจา้ ชายสทิ ธตั ถะอาศยั ชว่ งเวลานน้ั กำ� หนดลมหายใจเขา้ ออก เจรญิ อานาปานสตกิ รรมฐาน ทำ� ปฐมฌานใหเ้ กดิ ขน้ึ แลว้ เกดิ ปาฏหิ ารยิ ์ เงาตน้ หวา้ ไมค่ ลอ้ ยไปตามตะวนั ยามบา่ ย เงาตน้ ไม้ ยังทอดอยูต่ รงจุดท่เี จา้ ชายเข้าฌาน (ดภู าพ ๓๑ ในกรอบหน้าต่างของผนังชอ่ งท่ี ๓) และในขณะนั้น พระเจา้ สทุ โธทนะกไ็ ดเ้ ขา้ พธิ แี รกนาขวญั อยกู่ บั อ�ำมาตยม์ ขุ มนตรี (ดภู าพ ๓๒ ในกรอบหน้าตา่ งของผนังช่องที่ ๓) อา่ นรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ิตอนนี้ในปฐมสมโพธกิ ถา ปริจเฉทท่ี ๕ ราชาภเิ ษกปริวรรต ๖. วิวาหมงคล เม่อื เจ้าชายสิทธัตถะมพี ระชันษา ๑๖ ปี พระราชบดิ ากไ็ ดจ้ ดั พิธอี ภเิ ษกสมรสให้พระองค์ กับพระนางยโสธราพิมพา ณ กรงุ กบลิ พัสด์ุ และไดม้ พี ิธีราชาภเิ ษกพระองค์ให้เสวยพระราช สมบัติ ตัง้ พระนางพิมพาเทวเี ปน็ พระอคั รมเหสี (ดูภาพ ๓๓ และ ๓๔ ในกรอบหนา้ ตา่ งของ ผนงั ช่องที่ ๔ ด้านซา้ ยพระประธาน) โปรดสังเกต ใต้ภาพพระราชวังที่พระมหาบุรุษสิทธัตถะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระนาง ยโสธราพิมพา ครชู ่างไดเ้ ขียนภาพกลมุ่ นักดนตรีฝร่งั ประโคมดนตรี ตีกลองเป่าปี่แตรรบั เสด็จ และมีภาพศาลเจา้ จีน มเี คร่ืองเซ่นบชู าประกอบพระราชพิธมี งคลครั้งน้ดี ้วย อา่ นรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ติ อนนใ้ี นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทท่ี ๖ มหาภนิ กิ ขมนปรวิ รรต 55จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |
๗. พบเทวทตู ท้ังส่ี พระมหาบรุ ษุ สทิ ธตั ถะไดเ้ สดจ็ ประพาสอทุ ยานนอกพระนครกบลิ พสั ด์ุ ๔ วนั แตล่ ะวนั นนั้ เทวดาไดเ้ นรมติ เทวทูตวันละ ๑ ลักษณะใหท้ อดพระเนตร คือ คนแก่ คนเจบ็ และคนตาย การไดพ้ บเห็นนกั บวชบรรพชติ ในวนั ที่ ๔ ย่งิ ท�ำใหพ้ ระองคเ์ บ่ือหน่ายกามคณุ มพี ระทัยน้อม ไปสกู่ ารบรรพชาสู่วถิ นี ักบวชเปน็ อย่างยงิ่ (ดภู าพ ๓๕ ในกรอบหน้าต่างของผนงั ช่องท่ี ๔) อา่ นรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ติ อนนใ้ี นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทที่ ๖ มหาภนิ กิ ขมนปรวิ รรต ๓๕ ภาพ ๓๕ พระมหาบุรุษสทิ ธตั ถะเสดจ็ ประพาสอุ ทยานนอกพระนคร กบลิ พัสด์ุ ๔ วัน แต่ละวันนนั้ เทวดาได้เนรมิตเทวทตู วนั ละ ๑ ลกั ษณะใหท้ อดพระเนตร คือ คนแก่ คนเจบ็ และคนตาย การได้พบเหน็ นกั บวชบรรพชิต ในวนั ท่ี ๔ ย่งิ ทำ� ใหพ้ ระองค์ เบ่อื หนา่ ยกามคุณ มพี ระทยั น้อมไปสู่การบรรพชาสูว่ ิถี นกั บวชเปน็ อย่างย่ิง 56 | จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม
๘. เกิดอารมณ์สงั เวช น�้ำลายไหลยดื บางนางนอนกดั ฟนั กรอด ๆ วันที่พระมหาบุรุษสิทธัตถะมีพระทัย บางนางนอนกรนเสยี งดงั สน่นั บางนางนอน ละเมอเพ้อบ่น บางนางนอนอ้าปากอาการ ยนิ ดยี ่ิงในการบรรพชา ไมม่ อี าลัยในกามคณุ วปิ ลาส บางนางนอนผ้าผ่อนเปดิ อนาจาร ท้ังปวง ไม่เหลือความยินดีในกามคุณ หรือ การฟอ้ นรำ� ใด ๆ ของเหล่านางระบ�ำร�ำฟอ้ น พระมหาบุรุษสิทธัตถะได้ทอดพระเนตร สนมก�ำนลั ที่แวดล้อมพระองคอ์ ยู่ และเหลา่ เห็นอาการอันน่ารังเกียจของนางระบ�ำสนม นางระบ�ำน้ันก็ได้เจรจาแก่กันว่า เราขับร�ำ ก�ำนัลเหล่าน้ัน ยิ่งท�ำให้เบ่ือหน่าย หมดสิ้น บ�ำเรอ พระองค์ก็บรรทมหลับแล้ว จะฟ้อน ความเสน่หาในเหล่านางบริจาริการาชนารี ขับต่อไปให้ล�ำบากท�ำไม ปรึกษากันแล้ว ไปส้ิน พวกนางก็ชวนกันนอนหลับทับเครื่องดนตรี อยูต่ รงน้นั (ดภู าพ ๓๖ และ ๓๗ ในกรอบหนา้ ตา่ งของ ผนงั ช่องท่ี ๔) เหล่าเทพเทวดาก็บันดาลให้นางระบ�ำ เหล่านั้นนอนหลับส�ำแดงอาการวิปริตน่า อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนน้ีใน รังเกียจต่าง ๆ บางนางนอนกล้ิงเกลือก ปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทท่ี ๖ มหาภนิ กิ ขมน ปรวิ รรต ภาพ ๓๖-๓๗ ๓๗ เหล่าเทพเทวดาบนั ดาลใหน้ างระบำ� นอนหลับสำ� แดงอาการนา่ รังเกียจต่าง ๆ บางนางนอนกล้งิ เกลอื กน้ำ� ลายไหลยืด บางนางนอนกัดฟันกรอด ๆ บางนางนอนอ้าปากอาการวิปลาส บางนางนอนผา้ ผ่อนเปิดอนาจาร พระมหาบุรุษสิทธัตถะทอดพระเนตรเหน็ อาการอนั น่ารงั เกยี จนนั้ ย่ิงท�ำให้ เบ่อื หน่าย หมดสนิ้ ความเสน่หาในเหล่านางบรจิ าริการาชนารีไปสน้ิ ๓๖ 57จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |
๙. ทรงน้อมใจในการบรรพชา นาย ฉันนะเลอื กมา้ กัณฐกะ ครั้นพระมหาบุรุษสิทธัตถะทรงด�ำริว่าจะ ออกบรรพชาในคืนนี้ ก็ได้เสด็จออกมาตรัส เรียกอ�ำมาตย์ให้เตรียมม้าให้พระองค์ นาย ฉันนะอำ� มาตย์ที่นอนหนนุ ธรณีประตูอยู่ ได้ ลุกมาผูกม้ากัณฐกะกายสีขาว เตรียมให้ พระองค์ออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ในราตรีนี้ (ดูภาพ ๓๘ ในกรอบหน้าต่างของผนังช่อง ท่ี ๔) อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนน้ีใน ปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทท่ี ๖ มหาภนิ กิ ขมน ปริวรรต ภาพ ๓๘ ๓๘ ครัน้ พระมหาบุรุษสิทธัตถะทรงด�ำริวา่ จะออกบรรพชา ในคนื นี้ ก็ไดเ้ สดจ็ ออกมาตรสั เรียกอ�ำมาตยใ์ หเ้ ตรยี มม้า นายฉันนะอำ� มาตยไ์ ด้ลกุ มาผูกมา้ กัณฐกะกายสขี าว เตรยี มให้พระองค์ออกสู่มหาภเิ นษกรมณ์ในราตรนี ี้ ๑๐. เยยี่ มนางพิมพาและพระราหุล เม่ือพระมหาบุรุษสิทธัตถะตรัสสั่งให้นายฉันนะไปผูกม้าเรียบร้อยแล้ว พระองค์ได้มีพระ ราชดำ� รทิ จ่ี ะไปหาพระนางพมิ พาราชเทวี เพอ่ื ดพู ระพกั ตรเ์ จา้ ชายราหลุ พระโอรสทเ่ี พง่ิ ประสตู ิ ออกมา หากเมอื่ พระองคไ์ ดท้ อดพระเนตรเหน็ พระอคั รมเหสแี ละพระราชโอรสหลบั สนทิ กไ็ ด้ เกรงวา่ หากไปอมุ้ เอาพระราหลุ ทเ่ี พง่ิ ประสตู มิ าดหู นา้ ทง้ั พระนางพมิ พาและพระราหลุ จะตน่ื ขน้ึ มาได้ จงึ มพี ระราชดำ� รวิ า่ เม่ือได้สำ� เรจ็ ตรสั ร้พู ระโพธญิ าณแลว้ พระองค์จะกลบั มาดหู น้า พระราชโอรสราหลุ ในภายหลงั (ดภู าพ ๓๙ ในกรอบหนา้ ตา่ งของผนงั ช่องที่ ๔) อา่ นรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ติ อนนใ้ี นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทท่ี ๖ มหาภนิ กิ ขมนปรวิ รรต ๑๑. เสดจ็ ออกมหาภิเนษกรมณ์ พระมหาบุรุษสิทธัตถะออกบวชด้วยการประทับเหนือม้ากัณฐกะ มีท้าวจตุโลกบาล ท้ังส่ีรองรับประคองเท้าม้า เหล่าเทวดาเชิญเสด็จ มีนายฉันนะตามไปเบ้ืองหลัง ทรงพบ พญาวสวัตตีมารเข้ามาขวาง และทูลว่า พระองค์อย่าออกบรรพชาเลย เพราะอีก ๗ วัน หลังจากน้ี ทิพยรัตนจักรอันเป็นเครื่องหมายของจักรพรรดิราชาจะปรากฏแก่พระองค์ แล้ว พระองค์จะไดเ้ ปน็ องค์บรมจักรพรรดใิ นเบื้องหน้า 58 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม
ภาพ ๓๙ พระมหาบุรุษสิทธัตถะเสด็จ ไปหาพระนางพิมพาราชเทวี เพ่อื ดพู ระพักตร์เจา้ ชายราหลุ พระโอรสท่ีเพ่งิ ประสูติ แต่เม่อื ทอดพระเนตรเหน็ พระอคั รมเหสีและ พระราชโอรสหลับสนิท ก็เกรงว่าหากไปอุม้ พระราหุล มาดูหนา้ ทงั้ พระนางพิมพา และพระราหลุ จะต่นื ขึ้น จงึ มี พระราชด�ำริว่า เม่อื ส�ำเร็จ ตรสั รูพ้ ระโพธิญาณแล้ว พระองคจ์ ะกลับมา ดูหน้าพระราชโอรสราหลุ ในภายหลงั ๓๙ แต่พระมหาบุรุษสิทธตั ถะไมป่ ระสงค์ในราชสมบัติน้ัน (ดภู าพ ๔๐ ในกรอบหน้าตา่ งของผนงั ชอ่ งท่ี ๔) อา่ นรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ติ อนนใี้ นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทที่ ๖ มหาภนิ กิ ขมนปรวิ รรต ๔๐ ภาพ ๔๐ พระมหาบุรุษสทิ ธตั ถะออกบวช ดว้ ยการประทบั เหนอื มา้ กัณฐกะ ทรงพบพญาวสวัตตีมารเข้ามาขวาง และทลู ว่าพระองคอ์ ยา่ ออกบรรพชาเลย เพราะอีก ๗ วัน หลงั จากน้ี พระองค์ จะได้เปน็ องคบ์ รมจักรพรรดใิ นเบอ้ื งหนา้ แตพ่ ระมหาบุรุษสิทธัตถะไม่ประสงค์ ในราชสมบตั ินนั้ 59จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม |
๑๒. พญามา้ พากระโดดขา้ มแม่น้�ำกวา้ ง ๑๔ เสน้ เมอ่ื มาถงึ สุดเขตศกั ยชนบท ริมฝงั่ แมน่ ้�ำอโนมาที่กว้างถงึ ๑๔ เสน้ พญามา้ กณั ฐกะกไ็ ดพ้ า พระมหาบรุ ษุ สทิ ธตั ถะกระโดดขา้ มแมน่ ำ�้ ไปยงั ฟากตรงขา้ ม อนั เปน็ การสำ� แดงนมิ ติ วา่ พระองค์ จะขา้ มพน้ โอฆสงสารได้แนแ่ ท้ โปรดสังเกต ครูช่างไดว้ าดสัตว์น�้ำในแม่น�้ำอโนมาไว้อยา่ งน่ารกั มที ั้งปลากระโดดหัวจมน้ำ� ปู ก้งุ แมงดาทะเล และเงือกหญงิ ชายกอดรดั กนั นวั เนยี สำ� ราญอารมณ์ (ดภู าพ ๔๑ และ ๔๒ ในกรอบหนา้ ต่างของผนงั ช่องท่ี ๕ ด้านซ้ายพระประธาน) อา่ นรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ติ อนนใ้ี นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทที่ ๖ มหาภนิ กิ ขมนปรวิ รรต ภาพ ๔๑-๔๒ เม่ือมาถงึ ริมฝ่ังแม่น้ำ� อโนมา พญามา้ ๔๑ กัณฐกะกไ็ ด้พาพระมหาบุรุษสิทธตั ถะ กระโดดขา้ มไปยงั ฟากตรงขา้ ม อนั เปน็ การส�ำแดงนิมติ ว่าพระองค์จะขา้ มพ้น โอฆสงสารไดแ้ นแ่ ท้ ในภาพนี้ ครูช่างวาด สตั ว์น้ำ� ในแมน่ ้ำ� อโนมาไวอ้ ยา่ งน่ารัก มีทงั้ ปลากระโดดหัวจมน้ำ� ปู ก้งุ แมงดาทะเล และเงอื กหญิงชายกอดรัดกนั นัวเนีย ๔๒ 60 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม
๑๓. เสดจ็ ปลงพระเกศา ณ ริมฝั่งแมน่ �ำ้ อโนมานที พระมหาบุรุษสิทธัตถะเสด็จลงจากหลังม้ากัณฐกะ ประทับริมฝั่งน�้ำ ตรัสว่าพระองค์จะ บรรพชา ณ ที่แห่งน้ี แลว้ สง่ั นายฉันนะใหน้ ำ� เครอื่ งประดบั ของพระองคก์ บั ม้ากัณฐกะกลับไป ยังกรุงกบิลพัสดุ์ และใช้พระหัตถ์ขวาตัดพระโมลีของพระองค์เองด้วยพระขรรค์แก้วที่ตกลง มาจากอากาศ (ภาพ ๔๓) พระองค์ได้ทรงตัดพระจุฬาโมลีท่ีม้วนไว้กลมขว้างขึ้นไปบนอากาศ ทรงอธิษฐานว่าถ้า พระองคจ์ ะไดต้ รสั รบู้ รรลพุ ระโพธญิ าณ ขอพระจฬุ าโมลกี บั ผา้ โพกพระเศยี รลอยอยใู่ นอากาศ ไม่ให้ตกลงมา (ภาพ ๔๔) พระอินทร์ก็ได้มารับพระจุฬาโมลีของพระองค์ อัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานบรรจุไว้บนพระ จฬุ ามณเี จดยี ์ บนสวรรค์ชัน้ ดาวดึงส์ (ภาพ ๔๕) ในกาลน้ัน ท้าวฆฏิการพรหมที่เคยเป็นสหายของพระองค์ครั้งเสวยพระชาติเป็นโชติกาล มาณพ สมัยของพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้น�ำเครื่องบริขารทั้งแปด อันเป็นทิพย์ จากกลั ปพฤกษ์ในพรหมโลก มไี ตรจวี ร เป็นตน้ มาถวายพระองค์ (ภาพ ๔๖) (ดูภาพ ๔๑-๔๖ ในกรอบหน้าต่างของผนังชอ่ งที่ ๕ ดา้ นซ้ายพระประธาน) อา่ นรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ติ อนนใี้ นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทที่ ๖ มหาภนิ กิ ขมนปรวิ รรต ๔๓ ภาพ ๔๓ พระมหาบุรุษสิทธัตถะประทบั รมิ ฝ่ังน้�ำ ตรสั ว่าพระองค์จะบรรพชา ณ ท่ีแหง่ นี้ ดแล้ว้วยใพชพ้ระรขะรหรตั คถแ์ ์ขกว้วาทต่ีตดั กพลรงะมโมาลจีขาอกงอพากราะอศงค์เอง 61จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |
๔๔ 62 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม
๔๕ ภาพ ๔๔ ๔๖ พระมหาบุรุษสิทธตั ถะทรงตดั พระจุ ฬาโมลีท่ีมว้ นไวก้ ลมขว้าง ขึ้นไปบนอากาศ ทรงอธิษฐานวา่ ถา้ พระองคจ์ ะไดต้ รสั รูบ้ รรลุ พระโพธญิ าณ ขอพระจุ ฬาโมลีกับผ้าโพกพระเศยี รลอยอยู่ ในอากาศ ไมใ่ ห้ตกลงมา ภาพ ๔๕ พระอินทรม์ ารบั พระจุ ฬาโมลีของพระมหาบุรุษสิทธัตถะ แล้วอัญเชิญขนึ้ ไปประดิษฐานบรรจุ ไว้บนพระจุ ฬามณีเจดยี ์ บนสวรรค์ชัน้ ดาวดึงส์ ภาพ ๔๖ ทา้ วฆฏกิ ารพรหมท่เี คยเปน็ สหายของพระมหาบุรุษสิทธัตถะ ครัง้ เสวยพระชาติเปน็ โชตกิ าลมาณพ สมัยของพระพุทธ กสั สปสัมมาสัมพุทธเจา้ ไดน้ ำ� เคร่ืองบรขิ ารทงั้ แปดจาก กัลปพฤกษใ์ นพรหมโลก มีไตรจีวร เปน็ ต้น มาถวาย พระองค์ ๑๔. พญามา้ กัณฐกะหวั ใจสลาย สมเดจ็ พระโพธสิ ัตวต์ รัสให้นายฉันนะนำ� เครอ่ื งแตง่ พระองคแ์ ละม้ากณั ฐกะกลบั ไปกรงุ กบิลพัสดุ์ แลว้ ให้ทลู พระราชบดิ ากบั ปวงพระญาติถึงเหตผุ ลของการออกบวช มใิ ช่เปน็ คนอกตัญญู แต่เพราะทรงเห็นภยั ของสรรพสัตว์ คือ ชาติ ชรา มรณะ ถา้ พระองค์ตรัสรู้ได้ กจ็ ะชว่ ยสรรพสัตวใ์ หพ้ น้ ภัยได้ นายฉนั นะทูลขอออกบวชด้วย พระองค์ไม่ทรงอนญุ าต นายฉนั นะจงึ ต้องกลบั กรงุ กบิลพสั ดุ์ แต่ไปได้ ไมไ่ กล พญาม้ากณั ฐกะอาลยั เจา้ นาย ก็หวั ใจแตกตายไปเกดิ เป็นเทพบตุ ร (ดูภาพ ๔๗ และ ๔๘ ในกรอบหน้าต่างของผนงั ช่องท่ี ๕) อ่านรายละเอียดพุทธประวตั ติ อนนีใ้ นปฐมสมโพธกิ ถา ปริจเฉทท่ี ๗ ทกุ รกิรยิ าปริวรรต 63จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม |
๔๗ ภาพ ๔๗-๔๘ นายฉนั นะทลู ขอออกบวชดว้ ย แต่พระมหาบุรุษสิทธัตถะไมท่ รง อนญุ าต นายฉันนะจึงต้องกลับ กรุงกบลิ พัสดุ์ แต่ไปได้ไม่ไกล พญาม้ากณั ฐกะอาลยั เจ้านาย ก็หัวใจแตกตายไปเกดิ เปน็ เทพบุตร ๔๘ 64 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม
๔๙ ภาพ ๔๙-๕๐ สมเดจ็ พระโพธิสัตวเ์ ม่อื สง่ นายฉนั นะ กบั ม้ากัณฐกะไปแล้ว พระองค์ได้อยู่ล�ำพงั เว้นจากการเสวยพระกระยาหาร ๗ วัน อ่มิ ไปดว้ ยบรรพชาสขุ ครนั้ ถึงวนั ท่ี ๘ ได้เสด็จผา่ นป่ าเขา้ ไปถึงแม่น้�ำใกลก้ รุงราชคฤห์ ๕๐ แล้วไดเ้ สดจ็ ลงสรงน้�ำในแม่น้ำ� นัน้ 65จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |
๑๕. เสด็จกรงุ ราชคฤห-์ พระเจา้ พิมพิสารเขา้ เฝา้ ฯ สมเด็จพระโพธสิ ตั วเ์ มื่อสง่ นายฉนั นะกบั ม้ากัณฐกะไปแล้ว พระองค์ได้อยูล่ ำ� พัง เว้นจาก การเสวยพระกระยาหาร ๗ วัน อิม่ ไปด้วยบรรพชาสขุ ครั้นถงึ วนั ที่ ๘ ไดเ้ สดจ็ ผ่านป่าเข้าไป ถงึ แม่น้ำ� ใกลก้ รงุ ราชคฤห์ แล้วไดเ้ สด็จลงสรงนำ้� ในแม่น�้ำนั้น (ภาพ ๔๙ และ ๕๐) จากนน้ั พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ เขา้ ไปเดนิ บณิ ฑบาต โปรดประชาชนในกรงุ ราชคฤห์ (ภาพ ๕๑ และ ๕๒) สมเด็จพระโพธิสัตว์ได้เสด็จมาประทับอยู่ ณ ริมเขาบัณฑวบรรพตแห่งกรุงราชคฤห์ พระเจา้ พมิ พิสาร ผู้ครองกรุงราชคฤห์ ไดเ้ สด็จมาพบพระองค์ และตรสั กบั พระองคว์ ่าจะแบ่ง ราชสมบัตใิ ห้สมเด็จพระโพธิสัตวค์ รง่ึ หน่ึง จะได้อย่คู รองแผน่ ดนิ ดว้ ยกนั ๕๑ ๕๒ ภาพ ๕๑-๕๒ หลังจากท่ีสมเด็จพระโพธสิ ตั วเ์ สดจ็ ลง สรงน้ำ� แลว้ กไ็ ด้เสด็จเขา้ ไปเดินบณิ ฑบาต โปรดประชาชนในกรุงราชคฤห์ 66 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม
ภาพ ๕๓ สมเด็จพระโพธสิ ตั วป์ ระทบั อยู่ ณ รมิ เขาบัณฑวบรรพตแหง่ กรุงราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสาร ผูค้ รองกรุงราชคฤห์ ไดเ้ สด็จมา พบพระองค์ และตรสั ว่าจะแบ่ง ราชสมบัติให้สมเดจ็ พระโพธสิ ัตว์ คร่งึ หน่ึง จะไดอ้ ยู่ครองแผ่นดิน ดว้ ยกนั แต่สมเดจ็ พระโพธิสัตว์ ปฏเิ สธ เพราะมใิ ช่เป้าหมายในการ บรรพชาครงั้ นี้ ๕๓ สมเด็จพระโพธิสัตว์ปฏิเสธราชสมบัติของพระเจ้าพิมพิสาร เพราะมิใช่เป้าหมายในการ บรรพชาครัง้ น้ี (ภาพ ๕๓) โปรดสังเกต ในภาพสมเด็จพระโพธิสัตว์เสด็จบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ของพระเจ้า พมิ พสิ าร (ภาพ ๕๑) ครชู ่างได้วาดภาพกรุงราชคฤหใ์ หเ้ ป็นบา้ นเมอื งเจริญรุง่ เรือง มีตกึ ราม บ้านช่องแบบฝร่ังตะวันตก มีป้าแหมม่ นงุ่ กระโปรงนง่ั อยหู่ นา้ ตกึ พรอ้ มกบั ลุงฝรั่งจงู หมาฝร่ัง อยู่ด้วย (ดูภาพ ๔๙-๕๓ บนผนงั ช่องที่ ๕ และผนงั ชอ่ งที่ ๖ ด้านซ้ายพระประธาน) อ่านรายละเอียดพทุ ธประวตั ติ อนนใ้ี นปฐมสมโพธกิ ถา ปริจเฉทที่ ๗ ทุกรกริ ยิ าปริวรรต 67จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |
๑๖. บ�ำเพญ็ ทุกรกิรยิ า พระอนิ ทร์เสดจ็ มาดดี พณิ ในการปฏิบัติภาวนา สมเด็จพระโพธิสัตว์ได้บ�ำเพ็ญทุกรกิริยา ไม่เสวยอาหาร โดยมี ปัญจวัคคียท์ ้งั ห้า คือ พระโกณฑญั ญะ พระวปั ปะ พระภทั ทยิ ะ พระมหานามะ พระอสั สชิ ตดิ ตามไปเฝา้ รบั ใช้ เพราะเชื่อมัน่ ว่าพระองคจ์ ะภาวนาจนสำ� เร็จได้ตรัสรเู้ ป็นพระพุทธเจา้ แน่ สมเดจ็ พระโพธสิ ตั วไ์ ดอ้ ดอาหารอยา่ งหนกั จนผา่ ยผอม ครน้ั พระอนิ ทรเ์ หน็ พระองคบ์ ำ� เพญ็ ทกุ รกิรยิ าอยา่ งเตม็ ท่ี กไ็ ด้นำ� พณิ สามสายลงมาดดี ใหพ้ ระองค์ฟัง (ภาพ ๕๔) โดยท่สี ายหน่ึง เครง่ นกั ตงึ มาก พอดดี ก็ขาดออกไป สายหน่ึงหย่อนนัก ดดี เข้าก็ไม่เป็นเสียงเพลง อีกสาย หนง่ึ ไม่เครง่ ไม่หยอ่ นเปน็ ปานกลาง ดดี เข้ากเ็ ป็นเพลงไพเราะ (ภาพ ๕๕) สมเดจ็ พระโพธิสตั วไ์ ดย้ ินเสยี งพิณดงั น้ัน กถ็ อื เอานมิ ติ เปน็ หลกั ในการภาวนา เหน็ ว่าทาง สายกลางเปน็ หนทางแหง่ พระโพธญิ าณ จงึ เลกิ บำ� เพญ็ ทกุ รกริ ยิ าอดอาหาร ไปบณิ ฑบาตอาหาร มาฉันเหมือนเดิม ท�ำให้เหล่าปัญจวัคคีย์ทั้งห้าเห็นว่าพระองค์ได้สิ้นความพยายามบ�ำเพ็ญ ทุกรกิริยา ไม่น่าจะมีโอกาสตรัสรู้ได้อีกแล้ว เหล่าปัญจวัคคีย์ท้ังห้าจึงเห็นว่า การมาเฝ้า อุปัฏฐากพระองค์คงไม่มีประโยชน์อะไรส�ำหรับตนอีกแล้ว จึงได้ละทิ้ง กราบบังคมลาจาก พระมหาบุรษุ เสยี (ภาพ ๕๖) (ดภู าพ ๕๔-๕๖ บนผนังช่องท่ี ๖) อ่านรายละเอียดพุทธประวตั ิตอนนใี้ นปฐมสมโพธกิ ถา ปริจเฉทที่ ๗ ทกุ รกริ ิยาปรวิ รรต ๕๔ ภาพ ๕๖ เม่ือสมเดจ็ พระโพธสิ ัตวไ์ ด้ยินเสียงพิณ ทงั้ สามสายแลว้ ก็ทรงเหน็ วา่ ทางสายกลาง เปน็ หนทางแหง่ พระโพธิญาณ จงึ เลกิ บ�ำเพญ็ ทกุ รกริ ิยา ท�ำให้เหลา่ ปัญจวคั คยี เ์ หน็ วา่ พระองค์ ได้สิ้นความพยายามบ�ำเพ็ญทกุ รกิรยิ า ไมน่ ่า จะมโี อกาสตรสั รู้ได้อีกแลว้ จึงพากนั ละท้ิง กราบบังคมลาจากพระมหาบุรุษเสยี ภาพ ๕๔ ภาพ ๕๕ ๕๕ สมเด็จพระโพธสิ ตั วอ์ ดอาหารอยา่ งหนกั พิณสามสายท่พี ระอินทร์ดีดนนั้ จนผา่ ยผอม ครนั้ พระอนิ ทรเ์ หน็ พระองค์ สายหน่งึ เครง่ นัก ตึงมาก พอดดี ก็ขาด บ�ำเพ็ญทุกรกริ ยิ าอย่างเต็มท่ี กไ็ ดน้ �ำ ออกไป สายหน่งึ หยอ่ นนัก ดดี เข้ากไ็ ม่ พิณสามสายลงมาดดี ให้พระองค์ฟัง เปน็ เสียงเพลง อีกสายหน่งึ ไม่เคร่ง 68 | จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม ไมห่ ย่อนเปน็ ปานกลาง ดดี เขา้ กเ็ ปน็ เพลงไพเราะ
๕๖ 69จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม |
๑๗. นางสชุ าดาถวายข้าวมธุปายาส ในวาระนัน้ นางสุชาดา ธดิ าคหบดแี ห่งบ้านเสนานิคม เมืองอรุ ุเวลา ได้บรรลุความต้ังใจ ทข่ี อตอ่ เทพเทวดาไว้ นนั้ คอื ขอใหไ้ ดส้ ามที ม่ี ชี าตติ ระกลู เสมอกนั และไดบ้ ตุ รชายในครรภแ์ รก ด้วย เม่ือส�ำเรจ็ ดังตั้งใจ นางสชุ าดากใ็ หเ้ ตรยี มเลีย้ งโคจ�ำนวนมากถึง ๑,๐๐๐ ตวั และค่อย ๆ จัดการจนสามารถรีดน�ำ้ มันโคมาใชอ้ ยู่ ๘ ตวั จากววั กลุ่มนี้ (ภาพ ๕๗) และนางสชุ าดาไดต้ ง้ั ๕๗ ภาพ ๕๗ นางสุชาดา ธดิ าคหบดีแห่งบา้ นเสนานคิ ม เมืองอุรุเวลา ได้บรรลคุ วามตงั้ ใจท่ีขอต่อเทพเทวดาไว้ เม่ือสำ� เรจ็ ดงั ตงั้ ใจ นางสชุ าดากใ็ หเ้ ตรียมเลยี้ งโคจำ� นวนมาก ถงึ ๑,๐๐๐ ตวั และคอ่ ย ๆ จัดการจนสามารถ รดี น้ำ� มันโคมาใชอ้ ยู่ ๘ ตัวจากววั กลุ่มน้ี ภาพ ๕๘ ๕๘ นางสุชาดาตงั้ เตาเค่ียวน้ำ� นม หุงข้าวมธุปายาสเพ่ือไปถวาย สมเด็จพระโพธิสัตว์ท่ีทรงน่ังอยู่ ตรงโคนต้นไทร ดว้ ยความเข้าใจว่า พระองค์เปน็ เทวดาท่ีมารับพลีกรรม 70 | จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม
เตาเคี่ยวน้�ำนมหุงข้าวมธุปายาสเพื่อไปถวายสมเด็จพระโพธิสัตว์ที่ทรงน่ังอยู่ตรงโคนต้นไทร ด้วยความเข้าใจว่าพระองค์เป็นเทวดาที่มารับพลีกรรม (ภาพ ๕๘) โดยนางสุชาดาได้ถวาย ขา้ วมธุปายาสใส่ในถาดทองมลู ค่าหนงึ่ แสนกหาปณะใหก้ บั พระองค์ (ภาพ ๕๙) (ดภู าพ ๕๗-๕๙ บนผนังชอ่ งท่ี ๖) อา่ นรายละเอยี ดพุทธประวัติตอนน้ีในปฐมสมโพธิกถา ปริจเฉทที่ ๘ พุทธบชู าปริวรรต ภาพ ๕๙ นางสุชาดาถวายขา้ ว มธุปายาสใสใ่ นถาดทอง มูลค่าหน่งึ แสนกหาปณะ ให้กบั สมเดจ็ พระโพธสิ ตั ว์ ๕๙ ๑๘. ลอยถาดอธษิ ฐาน สมเดจ็ พระโพธสิ ตั วเ์ สวยขา้ วมธปุ ายาสหมดแลว้ กไ็ ดล้ กุ ขน้ึ นำ� ถาดทองไปรมิ ฝง่ั แมน่ ำ�้ เนรญั ชรา ทรงอธษิ ฐานจิตว่า หากพระองค์จะตรัสรูธ้ รรมได้ ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน�้ำข้นึ ไป แล้วพระองค์ก็ได้ทรงปล่อยถาดทองลงน�้ำ ถาดทองก็ได้ลอยทวนกระแสน�้ำเนรัญชราข้ึน ไปไกลประมาณ ๘๐ ศอก เมอ่ื ถงึ นำ�้ วนแหง่ หนง่ึ กไ็ ดจ้ มลงในนำ้� ไปถงึ หนา้ วมิ านของพญานาค ไปกระทบกบั ถาดทองอีก ๓ ใบ ท่ีพระพทุ ธเจา้ ในอดีต ๓ พระองค์เคยอธษิ ฐานจติ และลอย ถาดเส่ียงทายไว้ 71จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |
ฝ่ายสมเด็จพระโพธิสัตว์ได้เห็นถาดทองลอยทวนน�้ำ แล้วจมลงต่อหน้า พระองค์ก็ เข้าพระทยั แล้ววา่ จะได้ตรัสร้บู รรลธุ รรมเป็นพระพทุ ธเจา้ แน่ (ดภู าพ ๖๐ และ ๖๑ บนผนงั ชอ่ งที่ ๖ และผนังช่องท่ี ๗ ตรงข้ามพระประธาน) อ่านรายละเอียดพทุ ธประวัตติ อนน้ีในปฐมสมโพธกิ ถา ปริจเฉทที่ ๘ พุทธบูชาปริวรรต ๖๐ ภาพ ๖๐-๖๑ สมเดจ็ พระโพธสิ ัตว์เสวยขา้ วมธุปายาสหมดแลว้ กล็ กุ ขนึ้ นำ� ถาดทองไปรมิ ฝ่ังแม่น้ำ� เนรัญชรา ทรงอธิษฐานจิตวา่ หากพระองค์จะตรสั รู้ธรรมได้ ขอใหถ้ าดทองลอยทวน กระแสน้ำ� ขึน้ ไป ถาดทองนนั้ ลอยทวนกระแสน้�ำขึน้ ไปไกล ประมาณ ๘๐ ศอก เม่อื ถึงน้ำ� วนแหง่ หน่งึ ก็จมลง ไปถงึ หน้าวมิ านของพญานาค ไปกระทบกบั ถาดทอง อีก ๓ ใบ ท่พี ระพุทธเจ้าในอดตี ๓ พระองค์ เคยอธิษฐานจิตและลอยถาดเส่ยี งทายไว้ ๖๑ 72 | จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม
๑๙. ทรงรับหญ้าคาจากโสตถิย (ดูภาพ ๖๒ บนผนังช่องที่ ๘ ตรงข้าม พราหมณ์ พระประธาน) หลังจากทรงอธิษฐานลอยถาด สมเด็จ อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนนี้ใน พระโพธสิ ตั วก์ ไ็ ดเ้ สดจ็ มงุ่ ไปยงั ตน้ โพ ระหวา่ ง ปฐมสมโพธิกถา ปริจเฉทท่ี ๘ พุทธบูชา ทาง พระองคไ์ ด้พบกบั โสตถยิ พราหมณ์ ถือ ปรวิ รรต เอาหญ้าคา ๘ ก�ำ เดินสวนทางมา และได้ ถวายหญา้ คา ๘ กำ� น้ันให้พระองค์ พระองค์ ภาพ ๖๒ จึงรับหญ้าคาไปปูรองเป็นรัตนบัลลังก์ หลังจากทรงอธิษฐานลอยถาด สมเด็จพระโพธสิ ัตว์ ด้านทิศตะวันออกของต้นโพ และทรงตั้ง กเ็ สดจ็ มุ่งไปยังตน้ โพ ระหวา่ งทาง พระองคไ์ ด้พบกบั มหาปณิธานวิริยะ จะไม่ลุกข้ึนหากไม่บรรลุ โสตถยิ พราหมณ์เดินสวนทางมา และได้ถวายหญา้ คา พระสพั พญั ญตุ ญาณ ๘ ก�ำใหพ้ ระองค์ พระองค์จึงรับหญา้ คาไปปูรองเปน็ รตั นบัลลังก์ และทรงตงั้ มหาปณิธานวิริยะ จะไมล่ กุ ข้ึน หากไม่บรรลพุ ระสพั พัญญุตญาณ ๖๒ 73จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |
74 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม
๖๓ ภาพ ๖๓ ขณะท่ีสมเดจ็ พระโพธสิ ตั วป์ ระทับอยูต่ รงโคนตน้ โพ พญาวสวตั ตมี ารเหน็ วา่ ถา้ ไม่รบี ท�ำอันตรายขดั ขวาง พระองคก์ จ็ ะพน้ จากอำ� นาจของพญาวสวัตตมี าร ไพปรไ้อดม้ จเนงึ รรมะิตดแมขพนลขเ้าสงนลาะมหานร่ึงพพนั ญทารมงอาราวุนธ่งั บเคนลช่อื า้ นงกคำ�ิรลเิ มงั ขกลอ์ งสทูงัพ๑ม๕าร๐เขโา้ ยโจชมนต์ ี พระโพธิสตั ว์ หมายให้พระองค์ลกุ จากท่ีน่งั ให้ได้ เม่อื ขบั ไลส่ มเด็จพระโพธสิ ตั วไ์ ม่สำ� เรจ็ พญามารก็อ้างวา่ ท่ซี ่ึงสมเดจ็ พระโพธิสัตว์ ประทบั อยู่เปน็ ของตน สมเดจ็ พระโพธสิ ตั ว์ตรสั ยืนยันว่าบลั ลังกท์ ่ีประทบั อยู่ เกดิ เพราะบุญของพระองค์ท่ีส่ังสมมาหลายรอ้ ยชาตภิ พ ในท่สี ุดสมเด็จพระโพธิสัตว์ ก็รอ้ งขอใหแ้ ม่พระธรณเี ปน็ พยาน แม่พระธรณีก็ปรากฏกายยนื ยนั ถงึ สมภารบารมี ท่ีพระโพธสิ ตั วเ์ คยท�ำไว้ แลว้ แมพ่ ระธรณีกไ็ ดบ้ บี มวยผม มนี ้ำ� หล่งั ไหลทะลักทลาย ออกมานองทว่ มท�ำลายกองทพั พญามารแตกพา่ ยไปส้ิน ๒๐. มารวชิ ัย ขณะทีส่ มเดจ็ พระโพธสิ ัตวป์ ระทบั อยตู่ รงโคนต้นโพ พญาวสวตั ตีมารเหน็ วา่ ถา้ ไม่รีบทำ� อันตรายขัดขวาง พระองค์กจ็ ะพน้ จากอ�ำนาจของพญาวสวตั ตีมาร ไปได้ จงึ ประกาศระดมพลเสนามาร พญามารนง่ั บนชา้ งคริ เิ มขล์ สงู ๑๕๐ โยชน์ พร้อมเนรมิตแขนข้างละหนึ่งพันทรงอาวุธ เคลื่อนก�ำลังกองทัพมารเข้าโจมตี พระโพธิสตั ว์ หมายใหพ้ ระองคล์ ุกจากทน่ี ัง่ ให้ได้ (ภาพ ๖๓) ขณะน้ันแม้แต่เหล่าเทพยดาและท้าวมหาพรหมก็ยังเกรงกลัวพญามาร สมเดจ็ พระโพธสิ ตั วท์ รงนง่ั อยเู่ ดยี วดาย ทรงดำ� รถิ งึ การปฏบิ ตั ธิ รรมทผี่ า่ นมา ท่ี จะรับมอื พญามารได้ ดงั เชน่ บารมี ๑๐ บารมีทั้ง ๓๐ พลธรรม ๗ โดยพระองค์ ไดใ้ ช้พระเมตตานำ� หน้า พญามารโกรธจัดได้บนั ดาลฝน ๙ อยา่ งตกใสพ่ ระองค์ แต่ก็กลายเป็นดอกไม้และผ้าทิพย์ เมื่อขับไล่พระองค์ไม่ส�ำเร็จ พญามารก็ได้ อ้างวา่ ท่ีซงึ่ สมเดจ็ พระโพธิสัตว์ประทบั อยู่เป็นของตน สมเด็จพระโพธิสัตว์ทรงใช้เมตตาเป็นกองทัพรับมือมาร ทรงแถลงเหตุที่ พระองค์คู่ควรกับสถานท่ีแห่งน้ี ตรัสยืนยันว่าบัลลังก์ท่ีประทับอยู่ เกิดเพราะ บุญของพระองค์ที่สั่งสมมาหลายร้อยชาติภพ ในที่สุดสมเด็จพระโพธิสัตว์ก็ รอ้ งขอใหแ้ มพ่ ระธรณเี ปน็ พยาน แมพ่ ระธรณกี ป็ รากฏกายยนื ยนั ถงึ สมภารบารมี ที่พระโพธิสัตว์เคยท�ำไว้ เพียงน�้ำท่ีเคยหล่ังในการท�ำทานก็มากเกินประมาณ แล้วแม่พระธรณีก็ได้บีบมวยผม มีน�้ำหล่ังไหลทะลักทลายออกมานองท่วม ทำ� ลายกองทพั พญามารแตกพ่ายไปสน้ิ 75จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม |
พญามารได้ไหว้นมัสการพระองค์ ทูล สรรเสริญว่าพระองค์จะส�ำเร็จพระโพธิญาณ เขา้ ถงึ พระนพิ พานเปน็ พระพทุ ธเจา้ และดว้ ย ความเล่ือมใสในพระองค์เช่นนี้ ต่อไปใน อนาคต พญามารกจ็ ะบรรลธุ รรมไดเ้ ปน็ พระ ปัจเจกพุทธเจา้ (ภาพ ๖๓) ในคืนวันเพ็ญ ๑๕ ค�่ำ เดือน ๖ ก่อน พทุ ธศกั ราช ๔๕ ปี และนับจากทรงบรรพชา มาได้ ๖ ปี ช่วงของปัจฉิมยาม ตอนรุ่งสาง แสงเงนิ แสงทองอรา่ มฟา้ สมเดจ็ พระโพธสิ ตั ว์ ก็ได้ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ดับสูญสิ้น อาสวกิเลส ณ วัชรบัลลังก์ ที่ใต้ต้นพระศรี มหาโพธิ์ (ดูภาพ ๖๓ บนผนงั ช่องท่ี ๘ ด้านตรงขา้ ม พระประธาน) อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนนี้ใน ปฐมสมโพธิกถา ปริจเฉทที่ ๙ มารวิชัย ปรวิ รรต ๒๑. เสวยวมิ ุตตสิ ุข หลังการตรัสรู้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เสดจ็ ประทบั เสวยวมิ ตุ ตสิ ขุ ในสถานท่ี ๗ แหง่ แห่งละ ๑ สัปดาห์ ครูช่างเขียนภาพเสวย วิมุตติสุขบางส่วนรวมไว้บนผนังช่องท่ี ๙ ตรงข้ามพระประธาน ดงั นี้ (ภาพ ๖๔) ในสัปดาห์ที่ ๖ พระพทุ ธเจ้าประทบั ท่ีตน้ มจุ ลนิ ท์ (ไมจ้ กิ ) รมิ สระโบกขรณี ฝนตกตดิ ตอ่ ๗ วนั พญานาคราชเห็นพระฉัพพรรณรงั สกี ็ ๖๔ ภาพ ๖๔ หลงั การตรัสรู้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไดเ้ สดจ็ ประทบั เสวยวิมุตติสขุ ในสถานท่ี ๗ แห่ง แห่งละ ๑ สปั ดาห์ 76 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม
๖๕ ภาพ ๖๕ ในสัปดาหท์ ่ี ๖ พระพุทธเจา้ ประทบั ท่ีต้นมุจลินท์ (ไมจ้ กิ ) ริมสระโบกขรณี ฝนตกติดตอ่ ๗ วัน พญานาคราชเห็นพระฉัพพรรณรงั สีก็รู้ว่าบุรุษนี้ คอื พระพุทธเจา้ พญานาคต้องการบุญกุศล จึงขดกาย ๗ รอบโอบลอ้ ม แลว้ แผพ่ ังพาน กนั้ ฝนถวายตลอด ๗ วนั ไม่ใหพ้ ระองค์ ถกู แดดฝน รวู้ า่ บรุ ษุ นคี้ อื พระพทุ ธเจา้ พญานาคตอ้ งการ บุญกศุ ลจึงขดกาย ๗ รอบโอบลอ้ ม แลว้ แผ่ พังพานกั้นฝนถวายตลอด ๗ วัน ไม่ให้ พระองค์ถกู แดดฝน (ภาพ ๖๕) เมื่อฝนหยุดตกแล้ว พญานาคราชก็ คลายตัวออกจากการปกป้องพระพุทธองค์ (ภาพ ๖๖) ในสัปดาห์ท่ี ๗ พระพทุ ธเจ้าประทับท่ตี น้ ราชายตนะ (ตน้ เกด) พระอนิ ทรถ์ วายผลสมอ และนำ�้ บว้ นพระโอษฐ์ (ภาพ ๖๗) ในกาลนัน้ มพี อ่ ค้าสองพน่ี ้อง คือ ตปุสสะ และภัลลิกะ พาหมู่เกวียนบรรทุกสินค้า เดนิ ทางมาพบพระพทุ ธเจ้า พ่อค้าทง้ั ๒ คน ไดน้ ำ� ขา้ วสตั ตเุ ขา้ ไปถวายพระองค์ สองพอ่ คา้ กราบทูลขอพระพุทธเจ้าและพระธรรมเป็น ทพี่ ่ึง ทั้งสองจึงเปน็ ปฐมอุบาสก-อันหมายถงึ อุบาสกคแู่ รก และเป็นอบุ าสกในพระศาสนา ตลอดชีวิต ทั้งได้ทูลขอสิ่งของไว้สักการบูชา พระพุทธเจา้ ไดป้ ระทานเกศาไป ๘ องค์ ใน การนี้จึงมีพระพุทธสรณะ พระธรรมสรณะ แค่ ๒ ประการเทา่ นน้ั เหตเุ พราะพระอรยิ สงฆ์ ยังไมเ่ กดิ ในโลก (ภาพ ๖๘) โปรดสังเกต ครูช่างได้วาดภาพคนป่า ม่าเหมี่ยวหญิงชายไว้ในบริเวณตอนล่างของ ภาพจิตรกรรมวิมุตติสุขชุดนี้ (ภาพ ๖๙) 77จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |
สามารถดรู ายละเอยี ดเรอื่ งคนปา่ มา่ เหมยี่ วเพม่ิ เตมิ ไดใ้ นบทที่ ๓ ภาพชวี ติ ในจติ รกรรมวดั เหนอื (หน้า ๑๓๐-๑๓๗) (ดูภาพ ๖๔-๖๙ บนผนงั ช่องที่ ๙ ดา้ นตรงขา้ มพระประธาน) อา่ นรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ติ อนนใ้ี นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทที่ ๑๑ โพธสิ พั พญั ญปู รวิ รรต ภาพ ๖๖ ๖๖ เม่อื ฝนหยุดตกแล้ว พญานาคราชก็คลายตวั ออกจากการปกป้ องพระพุ ทธองค์ ภาพ ๖๗ ในสปั ดาห์ท่ี ๗ พระพุทธเจ้าประทบั ท่ีตน้ ราชายตนะ (ตน้ เกด) พระอนิ ทร์ถวายผลสมอและน้ำ� บว้ นพระโอษฐ์ ๖๗ ภาพ ๖๘ พอ่ ค้าสองพ่นี อ้ ง คือ ตปุสสะและภัลลิกะ พาหมู่เกวียนบรรทุก สินคา้ เดนิ ทางมาพบพระพุทธเจ้า พอ่ คา้ ทงั้ ๒ คนได้น�ำขา้ วสัตตุ เข้าไปถวาย โดยกราบทลู ขอพระพุทธเจา้ และพระธรรมเปน็ ท่ีพ่งึ ทัง้ สองจงึ เปน็ ปฐมอุบาสก และเปน็ อุบาสกในพระศาสนาตลอดชีวิต ๖๘ ทงั้ ได้ทูลขอส่งิ ของไวส้ กั การบูชา พระพุทธเจ้าได้ประทานเกศา ไป ๘ องค์ 78 | จิตรกรรมวดั เทวสังฆาราม
ภาพ ๖๙ ครูช่างวาดภาพคนป่ าม่าเหม่ียวหญิงชาย ไวใ้ นบริเวณตอนล่างของภาพจิตรกรรม วมิ ุตติสขุ ชุดนด้ี ้วย ๖๙ ๒๒. ต�ำนานเจดยี ์ชเวดากอง หลังจากพ่อค้าสองพ่ีน้อง คือ ตปุสสะและภัลลิกะ ได้พระเกศา ๘ องค์ท่ีพระพุทธเจ้า ประทาน ก็ไดเ้ ดนิ ทางค้าขายตอ่ ไป และได้พบอกี หลายเหตุการณจ์ นไปสรา้ งเจดีย์ชเวดากอง ในแผ่นดนิ พมา่ ครูช่างจิตรกรได้วาดภาพเรื่องราวตอนนี้แทรกเข้ามาในจิตรกรรมพุทธประวัติบนฝาผนัง พระอุโบสถวัดเทวสงั ฆารามในสมยั รชั กาลที่ ๕ ภาพนีอ้ ยใู่ นบรเิ วณจิตรกรรมชอ่ งที่ ๑๐ และ บางส่วนของจิตรกรรมช่องท่ี ๑๑ ด้านขวาพระประธาน (ภาพ ๗๐) บง่ ช้ีให้เห็นว่าในสมัยรชั กาลท่ี ๕ ยุคของครูชา่ งผู้วาดภาพ ขณะน้นั เจดีย์ชเวดากองส�ำคญั อย่างยิ่งกับผู้คนบนแผ่นดินกาญจนบุรี เป็นเร่ืองเดียวหน่ึงเดียวกันกับพุทธประวัติของ พระพทุ ธเจ้า โดยมีรายละเอียดของภาพทค่ี รูช่างเล่าเรื่องไวด้ ังน้ี สองพ่นี อ้ งพ่อค้ามอญ คอื ตะเปาและตะปอ้ ไดต้ อ่ เรอื ส�ำเภาซึ่งมคี วามยาวถึง ๑๐๐ ศอก มีเสากระโดงเรือ ๓ ต้น ล่องเรือจากเมืองร่างกุ้ง เพื่อน�ำสินค้าไปค้าขายในเมืองปอนฑุวะ อนิ เดยี (ภาพ ๗๑) ระหว่างทาง สองพน่ี ้องไดข้ ึน้ ฝั่ง พบนางไม้ต้นไทรมาบอกขา่ วใหไ้ ปพบพระพุทธเจ้าซึ่งเพ่งิ ตรสั รู้ได้ ๔๙ วัน (ภาพ ๗๒) นางไม้ตน้ ไทรช้ีบอกทางให้ไปพบพระพุทธเจา้ (ภาพ ๗๓) 79จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม |
ภาพ ๗๐ ๗๐ ในสมัยรชั กาลท่ี ๕ ครูช่างได้วาดภาพเร่ืองราว หลงั จากตปุสสะและภัลลกิ ะ ได้พระเกศา ๘ องค์ ท่ีพระพุทธเจ้าประทาน แล้วเดินทางค้าขาย ต่อไป และไดพ้ บอีกหลายเหตกุ ารณ์จนไปสรา้ ง เจดียช์ เวดากองในแผน่ ดนิ พมา่ แทรกเข้ามาใน จติ รกรรมพุทธประวตั ิ ท้ังสองรีบเดินทางไปถวายข้าวสัตตูก้อน เปน็ พระกระยาหารแดพ่ ระพทุ ธเจา้ ไดท้ ำ� บญุ เป็นคนแรกของโลก และทั้งสองได้ถวายตัว เข้าเป็นอุบาสกพุทธบริษัทสองคนแรกก่อน ใครในโลก พระพุทธเจ้าประทานพระเกศา ๘ องคใ์ หส้ องพน่ี อ้ ง แลว้ ประทานชอื่ ใหม้ อญ สองพน่ี อ้ งใหม่ คอื พช่ี ายตะเปาใหช้ อ่ื ตปสุ สะ น้องชายตะป้อให้ช่ือภัลลิกะ ให้เป็นอุบาสก คแู่ รกของโลก จากนั้นท้ังสองรีบเดินทางกลับไปยังเมือง ร่างกุ้ง พร้อมกับค�ำม่ันสัญญาว่าจะน�ำพระ เกศา ๘ องค์นี้ไปยังภูเขาสิงฆุตตระ ตามท่ี พระพุทธเจ้าตรัสส่ังไว้ ให้ไปบรรจุรวมกับ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจา้ ๓ องค์ ก่อน ท่ีดับขันธปรินิพพานไปแล้ว เพื่อเป็น ปูชนียวัตถุส�ำหรับชาวพุทธจะได้สักการบูชา ตอ่ ไป (ภาพ ๗๔) ในระหว่างสองพี่น้องล่องเรือกลับ ต้อง แบ่งพระเกศาให้เจ้าเมืองอะเชฏฐะนครไป ๒ องค์ (ภาพ ๗๕) แล้วระหว่างทางเมื่อไปถึงแหลมนาคราช ยังถูกพญานาคราชมาขโมยพระเกศาไปอีก ๒ องค์ จนสองพี่น้องเศร้าโศกเสียดายมาก ต้องรีบเร่งล่องเรือหนีออกมา เพื่อกลับไป เมอื งมอญ (ภาพ ๗๖) 80 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม
81จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |
๗๑ ภาพ ๗๑ ไสดอต้ ง่อพเ่รนี ือ้อสงำ�พเภอ่ าคซา้่ึงมมอีคญวามคยอื าวตถะงึเปา๑แ๐ล๐ะตะศปอ้อก มเี สากระโดงเรอื ๓ ต้น ล่องเรอื จากเมอื งรา่ งกุง้ เพ่อื น�ำสินค้าไปคา้ ขายในเมืองปอนฑวุ ะ อินเดยี ภาพ ๗๒ ๗๒ ระหว่างการเดินทาง จากร่างก้งุ สอู่ ินเดยี ตะเปาและตะป้อไดข้ ึ้นฝ่ัง พบนางไม้ตน้ ไทรมาบอกข่าว ใหไ้ ปพบพระพุทธเจ้า ซ่ึงเพ่งิ ตรสั รูไ้ ด้ ๔๙ วัน ภาพ ๗๓ นางไมต้ ้นไทรช้ีบอกทางใหต้ ะเปาและตะป้อ ไปพบพระพุ ทธเจ้า 82 | จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม ๗๓
สองพ่ีน้องรีบเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าเอิกกะลาปะ พระเจ้าแผ่นดินมอญ พระเจ้า เอิกกะลาปะได้ทรงต้ังจติ อธษิ ฐาน ดว้ ยปาฏิหารยิ ์ เสน้ พระเกศาท้ัง ๔ องคท์ ถี่ กู เอาไป จงึ ได้ กลับมารวมกันครบทั้ง ๘ องค์ แต่ทั้งสามก็ไม่อาจค้นหาภูเขาสิงฆุตตระได้พบ เพ่ือบรรจุ พระเกศาธาตุตามทพี่ ระพุทธเจ้าตรสั ไว้ (ภาพ ๗๗) พระอนิ ทรม์ าบอกตำ� แหนง่ ภเู ขาสงิ ฆตุ ตระ ทกุ คนจงึ รบี ไปยงั จดุ หมายตามทพี่ ระอนิ ทรบ์ อก ไว้ แล้วสรา้ งพระบรมธาตุเจดีย์เป็นสถานทบี่ รรจพุ ระเกศาธาตุ ๘ องค์ บนเนนิ เขาสิงฆุตตระ ตามต�ำนานของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง อันเป็นท่ีประดิษฐานพระเกศาธาตุดังที่เราเห็นอยู่ ในปัจจุบนั น้ี (ภาพ ๗๘) ส�ำหรับต�ำนานเจดีย์ชเวดากองท่ีครูช่างน�ำมาเขียนแทรกไว้ในภาพพุทธประวัติจิตรกรรม วดั เทวสงั ฆารามนี้ เปน็ หลักฐานหน่งึ ที่บอกเลา่ ใหเ้ ราไดร้ บั ทราบว่า ในสมัยกอ่ น ๆ พระภิกษุ จากวดั เหนอื และแถบกาญจนบรุ มี คี วามตงั้ ใจทจ่ี ะไปไหวพ้ ระธาตสุ ำ� คญั ซง่ึ ไดแ้ กพ่ ระบรมธาตุ เจดยี ช์ เวดากอง ๗๔ ภาพ ๗๔ ตะเปาและตะป้อรีบเดินทางไปถวายขา้ วสตั ตกู ้อนเปน็ พระกระยาหารแดพ่ ระพุทธเจ้า ได้ท�ำบุญเปน็ คู่แรกของโลก และได้ถวายตัวเขา้ เปน็ อุบาสกพุทธบรษิ ัทก่อนใครในโลก พระพุทธเจา้ ประทานพระเกศา ๘ องคใ์ หส้ องพ่นี ้อง แล้วประทานช่ือใหใ้ หม่ คือ ตะเปาให้ช่ือตปุสสะ ตะป้อให้ช่ือภัลลิกะ ภาพ ๗๕ ๗๕ ในระหวา่ งท่ีตะเปาและตะป้อลอ่ งเรอื กลับร่างกงุ้ ต้องแบง่ พระเกศา ใหเ้ จ้าเมืองอะเชฏฐะนครไป ๒ องค์ 83จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |
โดยปกติชนทุกช้ันและชาวบ้านไทยยุคร้อยกว่าปีก่อนจะมีประเพณีส�ำคัญในการไปไหว้ พระธาตุ คนเหนอื เชอื่ ในพระธาตปุ ระจำ� ปเี กดิ ใครเกดิ ปนี กั ษตั รใด ตอ้ งไปไหวพ้ ระธาตสุ ำ� คญั องคน์ ั้นจึงจะไดก้ ศุ ลแรง ไล่เรยี งแต่ละปี คอื พระธาตศุ รจี อมทอง จงั หวัดเชยี งใหม่ ประจำ� ปี ชวด, พระธาตุลำ� ปางหลวง จังหวัดล�ำปาง ประจ�ำปฉี ล,ู พระธาตชุ ่อแฮ จังหวัดแพร่ ประจ�ำ ปีขาล, พระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน ประจ�ำปีเถาะ, พระธาตุวัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ ประจ�ำปีมะโรง, พระเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ประจ�ำปีมะเส็ง, พระเจดีย์พระธาตุ ตะโกง้ (เจดยี ช์ เวดากอง) ประเทศเมยี นมา ประจำ� ปมี ะเมยี , พระธาตดุ อยสเุ ทพ จงั หวดั เชยี งใหม่ ๗๖ ภาพ ๗๖ มระาหขวโม่างยทพารงะเเมก่อืศไาปไถปองึ แกี หล๒มนอางคคร์ าจชนสตอะเงปพาแ่ีนล้อะตงเะศปร้อา้ ยโศังกถเูกสพยี ดญาายนมาาคกราช ต้องรบี เรง่ ล่องเรือหนอี อกมา เพ่อื กลบั ไปเมืองมอญ ภาพ ๗๗ ๗๗ ตะเปาและตะป้อรบี เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ พระเจา้ แผ่นดินมอญ พระเจ้าเอิกกะลาปะ ได้ทรงตัง้ จติ อธิษฐาน ด้วยปาฏิหาริย์ เสน้ พระเกศาทงั้ ๔ องคท์ ่ีถูกเอาไป จึงได้กลับมารวมกนั ครบทงั้ ๘ องค์ 84 | จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม
ภาพ ๗๘ ๗๘ พระอนิ ทร์มาบอกต�ำแหนง่ ภูเขาสิงฆุตตระ ทกุ คนจึงรีบไปยังจุ ดหมายตามท่ีพระอนิ ทรบ์ อกไว้ แล้วสร้างพระบรมธาตุเจดียเ์ ปน็ สถานท่ีบรรจุ พระเกศาธาตุ ๘ องค์ ตามตำ� นานของ พระมหาเจดยี ช์ เวดากอง อันเปน็ ท่ีประดษิ ฐาน พระเกศาธาตดุ งั ท่ีเราเหน็ อยู่ในปัจจุ บันน้ี ประจ�ำปีมะแม, พระธาตุพนม จังหวัด ชีวิต ดังที่ปรากฏในหนังสือพุทธสาสนคติ นครพนม ประจำ� ปีวอก, พระธาตุหรภิ ุญไชย และรวมเรื่องเมืองกาญจนบุรี พิมพ์ขึ้นเม่ือ จังหวัดล�ำพูน ประจ�ำปีระกา, พระเจดีย์ ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เพ่ือเป็นอนุสรณ์ในงาน เกตุแก้วจุฬามณี สวรรค์ดาวดึงส์ ประจ�ำ พระราชทานเพลิงศพพระเทพมงคลรังษี ปีจอ และพระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย (ดี พทุ ธโชตเิ ถร, ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๖ ประจ�ำปกี นุ ถงึ ๑๗ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๑๐, อดตี เจา้ อาวาส วั ด เ ท ว สั ง ฆ า ร า ม แ ล ะ เ จ ้ า ค ณ ะ จั ง ห วั ด ส่วนชาวสวนธนบุรีรุ่นเก่าเล่าให้ฟังว่า กาญจนบุรี) โดยได้กล่าวถึงประวัติของ ปลายปีเก็บส้มเก็บพืชผลขายได้เงินเข้าพก พระเทพมงคลรังษไี วว้ ่า เขา้ หอ่ แลว้ คนสวนจะชวนกนั เหมารถเหมาเรอื ไปไหว้หลวงพ่อโสธรเมืองฉะเชิงเทรา ได้ “พรรษาที่ ๑๒ ท่านได้เขา้ มาอยวู่ ดั รังษอี ีก ท�ำบญุ ทกุ ปี พาให้อุน่ ใจและแสนสุข ต้ังใจมาเรียนบาลีเพิ่มเติม แต่ไม่ได้เรียน จึงหันไปเรียนปาฏิโมกข์แปลซ่ึงเคยเรียนมา และคนรอบกรงุ เทพฯ คนภาคกลาง การ ครั้งหนงึ่ แล้วแทน เมือ่ ออกพรรษาได้ตดิ ตาม “ไปไหว้พระบาท” นมัสการพระพุทธบาท พระครูสิงคิบุรคณาจารย์ (หลวงพ่อสุด เมืองสระบุรีให้ได้สักครั้งในชีวิต ถือเป็น เจ้าอธิการวัดเทวสังฆาราม) ไปนมัสการ “สมบัต”ิ เป็นบญุ ตดิ ตวั ให้สัญจรไปในทางสุข ทางดีในสมั ปรายภพ ไหวพ้ ระบาทหลายครงั้ เทียบเสมอกบั การข้ึนสวรรค์ หรอื ได้พบพระ นิพพาน ส�ำหรับคนเฒ่าภาคใต้รอบทะเลสาบ สงขลา เมื่อเสร็จหน้านา หรือมโี อกาสเมอื่ ใด ต้องเดินเท้า ถ่อเรือกันไป “ไหว้พระธาตุ เมืองคอน” หรือพระบรมธาตุเมืองนครศรี ธรรมราช ไปอยอู่ โุ บสถถอื ศลี กนั ทว่ี ดั พระธาตุ หลาย ๆ วนั คนไทยกาญจนบรุ ี คนไทยเมืองตาก ฟาก ตะวนั ตกชายแดนไทย แตเ่ ดมิ นนั้ ตง้ั ใจไปไหว้ เจดีย์ชเวดากอง เป็นบุญกุศลส�ำคัญย่ิงของ 85จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม |
เจดีย์ชเวดากอง เมืองร่างกุ้ง ประเทศพม่า พักอยู่ที่ร่างกุ้งเดือนเศษ ท่านเล่าว่าขณะน้ัน ท่านนึกอยากจำ� พรรษาอยู่ท่ีนั่น จึงขออนุญาตตอ่ พระครสู ิงคิฯ แต่พระครสู ิงคฯิ ออกเดนิ ทาง กลับ ท่านจึงต้องกลับมาด้วย และเมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้ว ก็ได้เลยมาส่งพระครูสิงคิฯ ถึง วัดเทวสังฆาราม กาญจนบรุ ี แลว้ จึงกลบั ไปอยวู่ ัดรังษตี ามเดิม” ต�ำนานเจดีย์ชเวดากองจึงส�ำคัญมากกับพระภิกษุและพุทธศาสนิกชนเมืองกาญจนบุรี แล้วครูช่างก็ได้บันทึกคติความส�ำคัญนี้แทรกไว้ในจิตรกรรมพุทธประวัติบนผนังอุโบสถ วัดเทวสังฆาราม มาตง้ั แต่กลางแผ่นดินรชั กาลท่ี ๕ (ดูภาพ ๗๑-๗๘ บนผนงั ชอ่ งที่ ๑๐ และผนังช่อง ๑๑ ดา้ นขวาพระประธาน) ๒๓. พบท้าวสหัมบดพี รหม ผ่านช่วงเสวยวิมุตติสุข ๔๙ วันแล้ว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพบว่ามีความสุขุม คัมภีรภาพมาก สัตว์ท่วั ไปไมอ่ าจรูต้ ามไดง้ ่าย เพราะสว่ นมากล้วนติดอยูใ่ นกเิ ลส ถา้ พระองค์ ประกาศธรรมไปก็จะเหน็ดเหน่ือยเปล่า จึงทรงพระด�ำริจะไม่ทรงสอนธรรมะ ท้าวสหัมบดี พรหมล่วงรู้พระด�ำริน้ี ได้เปล่งวาจาว่าโลกจะฉิบหาย จึงลงมาทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ ทรงเห็นแกส่ ตั ว์ท่ีพร้อมตรสั รู้ ขอพระพุทธองคส์ อนธรรมะให้แก่สัตวโ์ ลกดว้ ย (ดภู าพ ๗๙ และ ๘๐ บนผนงั ช่องท่ี ๑๑ ดา้ นขวาพระประธาน) อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนน้ีในปฐมสมโพธิกถา ปริจเฉทที่ ๑๒ พรหมมัชเฌสน ปรวิ รรต ๗๙ ภาพ ๗๙-๘๐ ๘๐ ผา่ นช่วงเสวยวมิ ุตตสิ ุข ๔๙ วนั แล้ว สมเดจ็ พระสมั มาสัมพุทธเจ้า ทรงพบวา่ สัตว์ท่ัวไปไมอ่ าจ รูต้ ามไดง้ ่าย เพราะสว่ นมาก ล้วนติดอยูใ่ นกิเลส ถา้ พระองค์ ประกาศธรรมไปก็จะเหน็ดเหน่ือย เปล่า จงึ ทรงพระดำ� รจิ ะไม่ทรง สอนธรรมะ ทา้ วสหมั บดีพรหม ล่วงรูพ้ ระดำ� รนิ ี้ จึงลงมาทูล อาราธนาพระพุทธเจ้าใหท้ รง เหน็ แก่สัตวท์ ่ีพรอ้ มตรสั รู้ ขอพระพุทธองคส์ อนธรรมะ ให้แก่สัตวโ์ ลกด้วย 86 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม
๒๔. พบอุปกาชีวก พระสมั มาสัมพทุ ธเจ้าทรงรบั ทีจ่ ะแสดงพระธรรมแล้ว กไ็ ด้ทรงนกึ ถึงปญั จวัคคยี ์ ทรงเหน็ ว่าพวกเขาเหมาะท่ีจะฟังธรรม เพราะเคยดแู ลอุปัฏฐากพระองค์มาถงึ ๖ ปี จึงเสดจ็ มงุ่ หน้า ไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวันเพ่ือโปรดปัญจวัคคีย์ กลางหนทางระหว่างเมืองคยากับต้น มหาโพธิ์ พระองค์ได้พบกับอุปกาชีวก ผู้เป็นนักบวชนิกายหน่ึงในอินเดีย อุปกาชีวกเห็น พระพุทธเจ้ามีฉัพพรรณรังสีสว่างงาม จึงถามพระองค์ว่าใครเป็นครูท่าน พระองค์ตอบว่า ผิวพรรณดีเพราะไม่มีกเิ ลส ไมม่ ีใครเปน็ ครู อปุ กาชีวกไมเ่ ชอ่ื สั่นศรี ษะ เดนิ หลกี หนีไปทางอ่ืน (ดภู าพ ๘๑ บนผนงั ชอ่ งที่ ๑๑) อ่านรายละเอียดพุทธประวตั ิตอนนใ้ี นปฐมสมโพธิกถา ปริจเฉทที่ ๑๓ ธัมมจกั กปริวรรต ภาพ ๘๑ กลางหนทางระหวา่ งท่พี ระสมั มาสมั พุทธเจา้ เสดจ็ ไปยงั ป่ าอสิ ปิ ตนมฤคทายวนั เพ่ือโปรดปัญจวคั คยี ์ พระองค์ไดพ้ บกบั อุปกาชีวก อุปกาชีวกเห็น พระพุทธเจา้ มีฉพั พรรณรังสสี วา่ งงาม จงึ ถาม พระองคว์ า่ ใครเปน็ ครูท่าน พระองคต์ อบวา่ ผวิ พรรณดเี พราะไม่มกี เิ ลส ไมม่ ใี ครเปน็ ครู อุปกาชีวกไมเ่ ช่ือ ส่นั ศีรษะ เดนิ หลกี หนไี ปทางอ่ืน ๘๑ ๒๕. ปฐมเทศนา พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เสด็จไปถงึ ปา่ อสิ ปิ ตนมฤคทายวันในเวลาเย็น ปญั จวัคคีย์ท้ังหา้ เหน็ แสงฉพั พรรณรงั สใี นพระองค์สว่างผ่องใสจับตา ทงั้ ท่เี หล่าปัญจวคั คยี ไ์ ดต้ กลงกันไว้กอ่ นท่จี ะ ไม่แสดงความเคารพพระองค์ เพราะก่อนน้ีได้ทรงละทิ้งการทรมานตน แต่เม่ือพบพระองค์ จริงหลงั ตรสั รู้ มีแสงฉพั พรรณรงั สีสวา่ งงามยง่ิ ฉายประกายออกมา เหล่าปญั จวคั คยี ์ก็ไดล้ ืม สัญญา ลมื กติกาที่ตกลงกันไว้ กระทำ� การต้อนรบั ใหท้ รงพระส�ำราญ (ภาพ ๘๒) ในวันอาสาฬหปรุ ณมี สมเดจ็ พระสมั มาสมั พุทธเจ้าไดแ้ สดงปฐมเทศนา พระธัมมจักกัปป- วัตตนสูตร สอนเหล่าปัญจวัคคีย์ ปวงเทพพร้อมพรหม ๑๖ ช้ัน เชิญชวนมาประชุมรับฟัง จนหาที่ว่างไม่ได้ ท่านโกณฑัญญะก็ได้เข้าถึงโลกุตรธรรม ดวงตาเห็นธรรมในวาระนั้น แล้วปัญจวัคคีย์ทั้งห้าก็ได้ขอบวชเป็นพระภิกษุ จึงมีครบทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในวันนน้ั 87จิตรกรรมวดั เทวสังฆาราม |
88 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม
๘๒ ภาพ ๘๒ พระสัมมาสมั พุทธเจ้าเสดจ็ ไปถงึ ป่ าอิสิปตนมฤคทายวัน ทงั้ ท่ีเหล่า ปัญจวัคคยี ไ์ ด้ตกลงกันไวก้ ่อนวา่ จะไมแ่ สดงความเคารพพระองค์ เพราะก่อนนี้ได้ทรงละท้ิงการทรมานตน แต่เม่ือพบพระองคห์ ลงั ตรสั รู้ มแี สงฉพั พรรณรงั สสี วา่ งงามย่งิ ฉายประกายออกมา เหลา่ ปัญจวคั คยี ์ กล็ ืมกติกาท่ีตกลงกนั ไว้ กระท�ำการต้อนรบั ให้ทรงพระส�ำราญ โปรดสงั เกต ครชู า่ งไดว้ าดภาพคนปา่ มา่ เหมยี่ วหญงิ ชายเดนิ ลากตวั เหย้ี ในปา่ ไวต้ รงบรเิ วณ ตอนล่างของภาพจิตรกรรมปฐมเทศนาชุดนี้ (ภาพ ๘๖) สามารถดูรายละเอียดเร่ืองคนป่า มา่ เหมย่ี วเพมิ่ เตมิ ไดใ้ นบทท่ี ๓ ภาพชวี ิตในจิตรกรรมวดั เหนอื (หน้า ๑๓๐-๑๓๗) (ดภู าพ ๘๒-๘๖ บนผนังช่องท่ี ๑๑) อา่ นรายละเอียดพทุ ธประวตั ติ อนนี้ในปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทท่ี ๑๓ ธัมมจกั กปริวรรต ๘๓ ๘๔ ภาพ ๘๓-๘๕ ในวันอาสาฬหปุรณมี สมเดจ็ พระสมั มาสัมพุทธเจ้า ไดแ้ สดงปฐมเทศนา พระธมั มจักกัปปวัตตนสูตร สอนเหล่าปัญจวคั คีย์ ปวงเทพพร้อมพรหม ๑๖ ชัน้ เชิญชวนมาประชุมรับฟังจนหาท่ีว่างไมไ่ ด้ แลว้ ปัญจวัคคีย์ทงั้ ห้ากไ็ ด้ขอบวชเปน็ พระภกิ ษุ จึงมคี รบทงั้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในวันนนั้ ภาพ ๘๖ ครูช่างวาดภาพคนป่ าม่าเหม่ียวหญงิ ชาย เดินลากตัวเหย้ี ในป่ า ไว้ตรงบรเิ วณตอนล่าง ของภาพจติ รกรรมปฐมเทศนาชุดนี้ ๘๖ ๘๕ 89จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม |
๒๖. โปรดเหล่าชฎิล พ้นฤดูฝน พระพทุ ธเจ้าเสดจ็ ไปทต่ี ำ� บลอุรเุ วลา ได้ พบนักบวชบูชาไฟชฎิลสามพ่ีน้องและบริวาร ในอดีต ชาติ ชฎิลสามพี่น้องน้ีเคยเป็นโอรสกษัตริย์ท่ีเคย อปุ ัฏฐากปฏบิ ตั ิธรรมในสมัยพระพทุ ธเจา้ ปสุ สะ (ภาพ ๘๗) เมอื่ พระราชกุมารทงั้ ๓ พระองค์จตุ ิจากเทวโลก ได้มาเกิดในสกุลพราหมณ์และสมาทานลัทธิบูชาไฟ เป็นชฎิลสามพน่ี อ้ ง พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นอุปนิสัยในอดีตชาติ ของดาบสชฎลิ สามพนี่ อ้ งกบั บรวิ าร พระองคจ์ งึ ไดเ้ สดจ็ มาที่อุรุเวลาประเทศ มาโปรดชฎิลสามพี่น้องและ บริวาร ให้ได้บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา (ภาพ ๘๘) (ดภู าพ ๘๗ และ ๘๘ บนผนงั ช่องที่ ๑๑) อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนน้ีในปฐมสมโพธิ กถา ปริจเฉทที่ ๑๕ อุรเุ วลคมนปรวิ รรต ภาพ ๘๗ พน้ ฤดูฝน พระพุทธเจ้าเสดจ็ ไปท่ีตำ� บลอุรุเวลา ไดพ้ บนกั บวชบูชาไฟ ชฏิลสามพ่นี อ้ งและบรวิ าร ในอดีตชาติ ชฎลิ สามพ่นี ้องนเ้ี คยเปน็ โอรส กษัตริยท์ ่ีเคยอุปัฏฐากปฏบิ ัติธรรมในสมัยพระพุทธเจ้าปุสสะ ๘๗ ๘๘ ภาพ ๘๘ พระพุทธเจ้าเสดจ็ มาท่อี ุรุเวลาประเทศ มาโปรดชฎิลสามพ่ีนอ้ ง และบรวิ าร ใหไ้ ด้บวชเปน็ พระภิกษุในพระพุทธศาสนา 90 | จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม
๘๙ ภาพ ๘๙-๙๐ (หน้าถัดไป) กาฬุ ทายเี ข้าเฝ้าฯ พระพุทธเจา้ ขณะท่ีพระองคก์ �ำลังแสดงธรรมเทศนา พอฟังจบ กาฬุ ทายีกไ็ ดบ้ รรลุพระอรหตั ผล ทูลขอบรรพชา หลงั จากนนั้ ไม่ก่วี นั ในวันเพ็ญเดือน ๔ ยา่ งเขา้ ฤดรู ้อน พระกาฬุ ทายีกไ็ ดก้ ราบทลู พระราชสาส์นจากพระเจ้าสุทโธทนะ ท่เี ชิญให้พระพุทธเจา้ นวิ ัตกรุงกบิลพสั ดุ์ พระพุทธองคท์ รงรับคำ� อาราธนาจากพระกาฬุ ทายี และไดเ้ สดจ็ พรอ้ มด้วยสงฆ์ ชาวองั คะและมคธหน่งึ หม่ืน ชาวกบลิ พัสดห์ุ น่งึ หม่ืน ไปยงั กรุงกบลิ พสั ดุ์ 91จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม |
๙๐ ๒๗. ทลู เชิญพระพุทธเจา้ กลับกรุงกบิลพัสด์ุ พระเจ้าสทุ โธทนะทรงทราบขา่ วพระราชโอรสตรสั รู้ แล้วทรงบำ� เพ็ญประโยชนก์ ับชาวโลก อยู่ท่ีกรุงราชคฤห์ ก็ทรงปรารถนาจะได้พบกับพระพุทธเจ้าสักครั้งก่อนสวรรคต พระองค์ส่ง อำ� มาตยไ์ ปกราบทลู เชญิ ใหพ้ ระพทุ ธเจา้ เสดจ็ กลบั เมอื งกบลิ พสั ดถ์ุ งึ ๙ ครงั้ แตไ่ มส่ ำ� เรจ็ เพราะ อำ� มาตย์กบั คณะทุกคนไดฟ้ ังธรรมแล้วบรรลธุ รรม ออกบวช ไม่มีใครกราบทูลพระราชสาส์น แล้วไมม่ ีใครกลบั มา ในคร้ังที่ ๑๐ พระเจ้าสุทโธทนะได้ส่งกาฬุทายีอ�ำมาตย์ อดีตสหายผู้เป็นสหชาติ กับพระพุทธเจ้าและคณะเดินทางไปกรุงราชคฤห์ เพ่ือไปท�ำหน้าที่น้ี และทรงอนุญาตให้ กาฬทุ ายบี วชได้ กาฬุทายีได้เข้าเฝ้าฯ พระพุทธเจ้า ขณะท่ีพระองค์ก�ำลังแสดงธรรมเทศนา พอฟังจบ กาฬุทายีก็ได้บรรลุพระอรหัตผล ทูลขอบรรพชา หลังจากนั้นไม่ก่ีวัน ในวันเพ็ญเดือน ๔ ย่างเข้าฤดูร้อน พระกาฬุทายีก็ได้กราบทูลพระราชสาส์นจากพระเจ้าสุทโธทนะ ที่เชิญให้ พระพทุ ธเจ้านวิ ตั กรุงกบิลพสั ด์ุ พระพุทธองค์ทรงรับค�ำอาราธนาจากพระกาฬุทายี และได้เสด็จพร้อมด้วยสงฆ์ชาวอังคะ และมคธหน่ึงหมนื่ ชาวกบิลพสั ดหุ์ น่ึงหมื่น ไปยงั กรุงกบลิ พัสดุ์ (ภาพ ๘๙ และ ๙๐) (ดูภาพ ๘๙ และ ๙๐ บนผนงั ช่องที่ ๑๒ ดา้ นขวาพระประธาน) อ่านรายละเอียดพุทธประวัติตอนน้ีในปฐมสมโพธิกถา ปริจเฉทท่ี ๑๗ กปิลวัตถุคมน ปริวรรต 92 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม
๒๘. โปรดพระประยรู ญาติ ณ กรุงกบลิ พัสดุ์ เชา้ วนั แรกทพี่ ระพทุ ธเจา้ มาถงึ กรงุ กบลิ พสั ด์ุ ไดเ้ สดจ็ บณิ ฑบาตไปตามถนนพรอ้ มหมภู่ กิ ษุ พระนางพมิ พาไดท้ รงชกั ชวนพระราหลุ ราชกมุ ารแอบดทู างชอ่ งหนา้ ตา่ ง แลว้ ทรงสรรเสรญิ วา่ พระพทุ ธเจา้ องอาจดจุ สงิ ห์ หากกส็ ลดสงั เวช เขา้ พระทยั วา่ ตนเองเปน็ หญงิ กาลกณิ จี งึ ตอ้ งถกู ทงิ้ เผชญิ กับความเป็นหมา้ ย (ภาพ ๙๑) ดว้ ยการทพี่ ระนางพมิ พาไมเ่ คยเหน็ กษตั รยิ เ์ ดนิ ทอ่ งเทยี่ วขออาหารดงั พวกจณั ฑาลเชน่ นนั้ พระนางกไ็ ด้ไปทูลพระเจ้าสทุ โธทนะ พระเจา้ สทุ โธทนะทรงขัดเคืองอย่างย่ิงและรีบเสดจ็ ไปหา้ ม (ภาพ ๙๒) พระพทุ ธองคท์ รงชี้แจงวา่ น่เี ป็นกจิ ของพทุ ธวงศ์ ไม่ใชศ่ ากยวงศ์ เปน็ เร่อื งของภิกษุ ใช่เรอ่ื ง ของกษัตริย์ วงศแ์ ห่งกษัตริย์หยดุ ลงหลงั พระองค์ตรัสรู้ จากนนั้ ได้ตรัสพระธรรมเทศนาโปรด พระพุทธบดิ า ได้สำ� เรจ็ เป็นพระโสดาบนั พระเจ้าสุทโธทนะจึงทรงรับบาตรของพระพุทธเจ้า แล้วอาราธนาพระองค์กับหมู่ พระอริยสงฆ์ขึ้นสู่พระมหาปราสาท ทูลนิมนต์ให้น่ังเสวยในปราสาท พร้อมกันนั้น หมู่นาง พระสนมท้ังปวง มีพระน้านาง พระมหาปชาบดีโคตมีเป็นประธาน ก็ได้มาถวายนมัสการ พระศาสดา (ภาพ ๙๓) ภาพ ๙๑ ภาพ ๙๒ พระพุทธเจ้าเสดจ็ บณิ ฑบาตไปตามถนนในกรุงกบิลพสั ดุ์ ดว้ ยการท่พี ระนางพมิ พาไม่เคยเห็นกษตั รยิ ์เดนิ ท่องเท่ียวขอ พรอ้ มหมู่ภกิ ษุ พระนางพิมพาทรงชักชวนพระราหุล อาหารดังพวกจัณฑาล พระนางกไ็ ด้ไปทูลพระเจา้ สทุ โธทนะ ราชกุมารแอบดทู างช่องหน้าต่าง แลว้ ทรงสรรเสรญิ วา่ พระเจ้าสุทโธทนะทรงขัดเคืองอยา่ งย่งิ และรบี เสดจ็ ไปหา้ ม พระพุทธเจา้ องอาจดุจสงิ ห์ ๙๑ ๙๒ 93จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |
๙๓ ภาพ ๙๓ พระเจา้ สุทโธทนะอาราธนาพระพุทธเจ้า กับหมูพ่ ระอริยสงฆข์ ้นึ สู่พระมหาปราสาท ทูลนมิ นต์ ใหน้ ่ังเสวยในปราสาท พร้อมกนั นนั้ หมูน่ างพระสนม ทงั้ ปวง มีพระนา้ นางพระมหาปชาบดีโคตมี เปน็ ประธาน ก็ได้มาถวายนมสั การพระศาสดา ภาพ ๙๔ พระพุทธองค์ตรสั พระธรรมเทศนา มหาธรรมปาลชาดก พอจบลง พระพุทธบดิ า กบ็ รรลอุ นาคามิผล โดยพระมหาปชาบดีโคตมี กบั นางอนั เตปุเร บริจารกิ าราชนารที งั้ หลาย ๙๔ ก็น่งั ฟังพระสทั ธรรมอยูด่ ว้ ยกันทงั้ ส้นิ 94 | จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม
๙๕ ภาพ ๙๕ ครูช่างได้วาดภาพชายจนี ไวเ้ ปียน่ังสบู ยา รอหมอตำ� แยทำ� คลอดใหเ้ มียคนไทย ในวันท่ีสอง พระพุทธองค์ได้เสด็จไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราชวัง พระองค์ ตรสั ธรรมเทศนายงั พระนา้ นาง พระมหาปชาบดโี คตมใี หบ้ รรลเุ ปน็ พระโสดาบนั สว่ นพระเจา้ สุทโธทนะสดบั ฟงั อยู่ด้วย ไดบ้ รรลเุ ปน็ พระสกทาคามี ในวนั ทส่ี าม พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ ไปสพู่ ระราชนเิ วศอกี ครงั้ และไดต้ รสั พระธรรมเทศนามหา ธรรมปาลชาดก พอจบลง พระพทุ ธบิดาก็ได้บรรลอุ นาคามผิ ล โดยพระมหาปชาบดีโคตมีกับ นางอันเตปุเร บรจิ ารกิ าราชนารที ง้ั หลายก็น่ังฟังพระสทั ธรรมอยู่ด้วยกนั ทัง้ สนิ้ (ภาพ ๙๔) โปรดสังเกต ครชู า่ งไดว้ าดภาพชายจนี ไวเ้ ปยี นั่งสูบยารอหมอตำ� แยทำ� คลอดใหเ้ มียคนไทย ภาพน้ีเขียนในบริเวณตอนล่างของภาพพระพุทธเจ้าโปรดพระประยูรญาติชุดน้ี (ภาพ ๙๕) สามารถดูรายละเอียดเร่ืองชีวิตคนจีนเพ่ิมเติมได้ในบทท่ี ๓ ภาพชีวิตในจิตรกรรมวัดเหนือ (หน้า ๑๔๒-๑๔๗) (ดูภาพ ๙๑-๙๕ บนผนังช่องท่ี ๑๒) อ่านรายละเอยี ดพทุ ธประวตั ิตอนน้ใี นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทที่ ๑๘ พิมพิลาปปรวิ รรต 95จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |
๙๖ 96 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม
๙๗ ภาพ ๙๖-๙๗ พระสมั มาสัมพุทธเจา้ เสดจ็ สามยา่ งพระบาทถงึ สวรรคช์ ัน้ ดาวดึงส์ พระอินทร์ได้ประกาศเชิญชวนปวงเทพมาฟังธรรม และพระอินทร์ ได้เชิญอดตี พระพุทธมารดาท่ีบดั นไ้ี ด้จุ ตเิ ปน็ พระสิรมิ หามายาเทพบุตร อยูท่ ่สี วรรค์ชั้นดุสติ ให้มาท่ีสวรรคช์ ัน้ ดาวดงึ ส์เพ่ือฟังธรรมเทศนา ตลอด ๓ เดอื น ๒๙. โปรดพระพทุ ธมารดา พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ไดท้ รงพจิ ารณาถงึ พทุ ธประเพณขี องพระพทุ ธเจา้ ในอดตี แลว้ พบวา่ ไดเ้ สดจ็ ไปจำ� พรรษายงั ภพดาวดงึ ส์ เพอื่ ตอบแทนคณุ พระพทุ ธมารดา และทรงคำ� นงึ ถงึ ความ ปรารถนาของพระนางสริ มิ หามายาทต่ี งั้ พระทยั ทำ� กศุ ลเพอื่ มาเปน็ พระพทุ ธมารดาตงั้ แตส่ มยั พระพุทธเจ้าวปิ ัสสี พระพทุ ธองคจ์ งึ เสดจ็ สามยา่ งพระบาทถงึ สวรรคช์ นั้ ดาวดงึ ส์ พระอนิ ทรไ์ ดป้ ระกาศเชญิ ชวน ปวงเทพมาฟังธรรม และพระอินทร์ได้เชิญอดีตพระพุทธมารดาท่ีบัดนี้ได้จุติเป็นพระสิริมหา มายาเทพบตุ รอยทู่ สี่ วรรคช์ นั้ ดสุ ติ ใหม้ าทสี่ วรรคช์ นั้ ดาวดงึ สเ์ พอื่ ฟงั ธรรมเทศนาตลอด ๓ เดอื น จบพระธรรมเทศนา พระสิริมหามายาเทพบุตร ผู้เคยเป็นอดีตพระพุทธมารดา ได้บรรลุ โสดาปัตติผล (ดภู าพ ๙๖ และ ๙๗ บนผนังชอ่ งที่ ๑๓ ด้านขวาของพระประธาน) อา่ นรายละเอยี ดพุทธประวตั ิตอนนใี้ นปฐมสมโพธิกถา ปริจเฉทท่ี ๒๓ เทศนาปริวรรต 97จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |
๓๐. เสดจ็ ลงจากเทวโลก ถงึ วันเพ็ญ ๑๕ ค่�ำ เดือน ๑๑ พระพทุ ธเจ้าทรงปวารณาพระวัสสา เทศน์โปรดพระพุทธ มารดาแล้ว พระองค์ได้เสด็จลงจากสวรรค์ช้ันดาวดึงส์ด้วยบันไดแก้วตรงกลางท่ีพระอินทร์ เนรมติ ไว้ มพี ระอนิ ทรถ์ อื บาตรลงบนั ไดดา้ นขวาพรอ้ มทวยเทพ และมพี ระพรหมกนั้ เศวตฉตั ร ลงบันไดซ้าย (ภาพ ๙๘) ในวันน้ันเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้พุทธานุภาพเปิดโลกให้สัตว์ทั้งปวงมองเห็นกัน และกนั ท้งั สามโลก คือ โลกมนษุ ย์ โลกสวรรค์ โลกนรก มนุษย์มองเห็นเทวดา สัตว์นรกและสัตว์เดรัจฉานทั่วทุกที่มองเห็นกัน ท้ังยังมองเห็น พระพุทธเจา้ ดว้ ย ครชู า่ งได้เขียนภาพโลกมนุษย์ ท่มี นษุ ย์มองเหน็ และกราบเคารพพระพุทธเจ้ากับเทวดาใน วันน้ันไว้ท่ีบานหน้าตา่ ง (ภาพ ๙๙ และ ๑๐๐) ครชู า่ งไดเ้ ขยี นภาพนรก เปน็ วนั นรกเปดิ เปรต เดรจั ฉาน ภตู ผวี ญิ ญาณกเ็ หน็ ทงั้ พระพทุ ธเจา้ สวรรค์ มนษุ ย์ และเทวดาด้วยเชน่ กนั (ภาพ ๑๐๑) ครูช่างเขียนภาพสวรรค์ โดยใช้ต้นกัลปพฤกษ์เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ และมีผู้ตักบาตร พระพุทธเจา้ อยู่ใกล้กบั ตน้ กัลปพฤกษ์ (ภาพ ๑๐๒) สำ� หรบั ตน้ กลั ปพฤกษท์ วี่ ดั เทวสงั ฆารามนี้ ครชู า่ งเขยี นไวต้ รงปากประตเู มอื ง วาดเปน็ ภาพ ตน้ ไมแ้ ผพ่ มุ่ พฤกษส์ าขารม่ เงาใหญโ่ ต ตามกง่ิ กา้ นมที รพั ยส์ นิ แกว้ แหวนเงนิ ทอง เครอื่ งประดบั ต่าง ๆ ผา้ ผ่อนงดงามแขวนอยู่ สะท้อนถึงความสขุ สมบูรณ์ กัลปพฤกษเ์ ปน็ ตน้ ไม้สารพดั นึก อยู่บนสวรรค์ คติน้ีมีปรากฏอยูใ่ นไตรภมู กิ ถา เขียนข้ึนสมัยพญาลไิ ท กรงุ สุโขทยั ดงั นี้ “แลในแผน่ ดนิ อตุ ตกุรทุ วปี นน้ั มีต้นกัลปพฤกษต์ ้นหน่งึ โดยสูงได้ ๑๐๐ โยชน์ โดยกวา้ งได้ ๑๐๐ โยชน์ โดยรอบบริเวณมณฑลได้ ๓๐๐ โยชน์ แลตน้ กลั ปพฤกษ์นัน้ ผใู้ ดจะปรารถนาหา ทุนทรพั ย์ สรรพเหตใุ ดๆ ก็ดี ย่อมไดส้ ำ� เร็จในตน้ ไม้นั้นทกุ ประการแล “ถ้าแลคนผู้ใดปรารถนาจะใคร่ได้เงินแลทองของแก้วแลเครื่องประดับท้ังหลาย เป็นต้นว่า เสื้อ สรอ้ ยถนิมพิมพาภรณก์ ็ดี แลผา้ ผอ่ นทอ่ นแพรพรรณสงิ่ ใดๆกด็ ี แลข้าวน้�ำโภชนาอาหาร ของกนิ สงิ่ ใดกด็ ี กย็ อ่ มบงั เกดิ ปรากฏขนึ้ แตค่ าคบตน้ กลั ปพฤกษน์ นั้ กใ็ หส้ ำ� เรจ็ ความปรารถนา แก่ชนทัง้ หลายน้ันแล” ภาพ ๙๘ ถึงวนั เพ็ญ ๑๕ ค่ำ� เดอื น ๑๑ พระพุทธเจา้ ทรงปวารณา พระวสั สา เทศน์โปรดพระพุทธมารดาแล้ว พระองค์ได้เสด็จลง จากสวรรค์ชั้นดาวดงึ ส์ ด้วยบันไดแกว้ ตรงกลางท่ีพระอินทร์ เนรมติ ไว้ มพี ระอินทรถ์ ือบาตรลงบันไดด้านขวาพรอ้ มทวยเทพ และมพี ระพรหมกนั้ เศวตฉัตรลงบันไดซา้ ย 98 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม
๙๘ 99จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม |
๑๐๐ ภาพ ๙๙-๑๐๐ ในวนั นนั้ เอง พระสมั มาสมั พุทธเจา้ ทรงใชพ้ ุทธานภุ าพเปิดโลกใหส้ ตั ว์ทงั้ ปวง มองเหน็ กนั และกัน ทงั้ สามโลก คือ โลกมนษุ ย์ โลกสวรรค์ โลกนรก ๙๙ พจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรม ฉบับราช- บัณฑิตยสถาน ได้กล่าวถึงเร่ืองกัลปพฤกษ์ ไว้วา่ “ตามคตโิ บราณเชอ่ื กนั วา่ ตน้ กลั ปพฤกษ์ มี อยู่ในแดนสวรรค์ หากผู้ใดปรารถนาสิง่ ใด ก็ อาจจะไปนกึ เอาจากตน้ ไมน้ ี้ได้” ในคติความเชื่อในเรื่องต้นกัลปพฤกษ์ของ ไทยโบราณ สบื ตอ่ กนั มาวา่ สำ� หรบั โลกมนษุ ย์ ตน้ กลั ปพฤกษจ์ ะมาบงั เกดิ เมอ่ื พระศรอี ารยิ - เมตไตรยมาตรสั รเู้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ องคต์ อ่ ไป โดยตน้ กลั ปพฤกษจ์ ะขนึ้ อยทู่ ป่ี ระตเู มอื งทง้ั ส่ี ด้าน สี่มุมเมืองของยุคพระศรีอาริย์ ใคร ต้องการสิ่งของอะไรก็ไปอธิษฐานขอเอาจาก ตน้ กลั ปพฤกษด์ งั กลา่ วนน้ั ไดท้ กุ คน แสดงถงึ โลกพระศรีอาริย์ ยคุ อนาคตทม่ี หาชนตา่ ง ๆ 100 | จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184