เอกสารประกอบคูมือครู กลมุ สาระการเรยี นรู สขุ ศึกษาและพลศึกษา สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา สาํ หรบั ครู 2ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ลักษณะเดน คูมือครู Version ใหม ขยายพื้นทรี่ ูปเลม ใหญข้นึ กวา เดมิ จัดแบง พนื้ ทอ่ี อกเปนโซน เพ่ือคนหาขอมูลไดง า ย สะดวก รวดเรว็ และดเู ปน ระเบยี บ กระตนุ Enคgวagาeมสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate Explore เปา หมายการเรยี นรู สมรรถนะของผเู รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค โซน 1 หนา หนา โซน 1 หนังสือเรียน หนังสือเรียน กระตนุ ความสนใจ Engage สาํ รวจคน หา Explore อธบิ ายความรู Explain ขยายความเขา ใจ Expand ตรวจสอบผล Evaluate ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอสอบเนน กาNรTคดิ เกร็ดแนะครู แนว นักเรียนควรรู ขอสอบ O-NET บูรณาการเชอ่ื มสาระ โซน 2 โซน 2 โซน 3 โซน 3 บเศูรณราษกาฐรกจิ พอเพียง กจิ กรรมสรา งเสรมิ กิจกรรมทาทาย บูรณาการอาเซียน No. คมู อื ครู มุม IT คมู อื ครู No. โซน 1 ขัน้ ตอนการสอนแบบ 5Es โซน 2 ชวยครเู ตรียมสอน โซน 3 ชวยครูเตรยี มนกั เรยี น เพอื่ ใหค รูเตรียมจดั กิจกรรมการเรยี น เพื่อชวยลดภาระครผู สู อน โดยแนะนาํ เพอ่ื ใหค รสู ะดวกตอ การจดั กจิ กรรม โดยแนะนาํ การสอน โดยแนะนําขน้ั ตอนการสอนและ เกร็ดความรสู าํ หรบั ครู ความรเู สริมสาํ หรับ กิจกรรมบูรณาการเชื่อมระหวางกลุมสาระ วิชา การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด นกั เรยี น รวมทั้งบรู ณาการความรสู อู าเซียน กจิ กรรมสรา งเสรมิ กจิ กรรมทา ทาย รวมถงึ เนอ้ื หา เพือ่ ใหนักเรียนบรรลตุ ามตวั ชี้วัด และมุม IT ทีเ่ คยออกขอสอบ O-NET เก็งขอสอบ O-NET และแนวขอ สอบเนน การคดิ พรอ มคาํ อธิบาย และเฉลยอยางละเอียด
แถบสีและสัญลักษณ ที่ใชใ นคูม ือครู 1. แถบสี 5Es แถบสแี สดงข้ันตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพอ่ื ใหค รูทราบวาเปนขั้นการสอนขัน้ ใด สแี ดง สีเขียว สสี ม สฟี า สีมว ง กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล 2เสร�ม Engage Explore Explain Expand Evaluate • เปนขั้นทผ่ี ูสอนเลือกใช • เปนข้นั ท่ีผูสอน • เปนขนั้ ท่ผี ูสอน • เปนขั้นทผี่ สู อน เทคนคิ กระตุน ใหผเู รียนสาํ รวจ • เปน ขน้ั ที่ผสู อน ความสนใจ เพ่อื โยง ปญหา และศึกษา ใหผ ูเ รยี นคน หา ใหผ ูเรียนนาํ ความรู เขา สูบทเรยี น ขอมูล คาํ ตอบ จนเกดิ ความรู ไปคดิ คน ตอๆ ไป ประเมินมโนทัศน เชิงประจักษ ของผเู รียน 2. สัญลกั ษณ สญั ลกั ษณ วตั ถปุ ระสงค สญั ลกั ษณ วตั ถปุ ระสงค • แสดงเปา หมายการเรียนรูท นี่ ักเรียน ขอ สอบ O-NET • ชแี้ นะเนอื้ หาทเี่ คยออกขอ สอบ ตองบรรลุตามตวั ช้ีวดั ตลอดจนสมรรถนะ (เฉพาะวชิ า ชน้ั ทสี่ อบ O-NET) O-NET โดยยกตวั อยา งขอ สอบ ทีจ่ ะตอ งมี และคุณลักษณะที่พงึ เกดิ ขึน้ พรอ มวเิ คราะหค าํ ตอบ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT อยา งละเอยี ด เปาหมายการเรียนรู กบั นกั เรยี น • เปน ตวั อยา งขอ สอบทม่ี งุ เนน หลักฐานแสดง • แสดงรองรอยหลกั ฐานตามภาระงาน ผลการเรยี นรู การคดิ ใหค รนู าํ ไปใชไ ดจ รงิ เกร็ดแนะครู ทค่ี รมู อบหมาย เพ่ือแสดงผลการเรียนรู รวมถงึ เปน การเกง็ ขอ สอบ O-NET ตามตัวช้ีวัด ทจ่ี ะออก มที ง้ั ปรนยั - อตั นยั พรอ มเฉลยอยา งละเอยี ด • แทรกความรูเสรมิ สําหรบั ครู ขอเสนอแนะ ขอ สอบเนน กาNรTคดิ • แนวขอ สอบ NT ในระดบั ขอควรระวงั ขอ สงั เกต แนวทางการจัด แนว กจิ กรรมและอน่ื ๆ เพือ่ ประโยชนใ นการ ประถมศกึ ษา มที ง้ั ปรนยั - อตั นยั จดั การเรยี นการสอน พรอ มเฉลยอยา งละเอยี ด • ขยายความรูเ พิม่ เตมิ จากเนอื้ หา เพ่อื ให (เฉพาะวชิ า ชน้ั ทสี่ อบ NT) นกั เรยี นควรรู ครนู าํ ไปใชอธิบายเพ่มิ เติมใหน กั เรยี น • แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม ไดมคี วามรมู ากขนึ้ บูรณาการเช่ือมสาระ เชอ่ื มกบั กลมุ สาระ ชน้ั หรอื วชิ าอน่ื ทเี่ กย่ี วขอ ง • กจิ กรรมเสรมิ สรางพฤติกรรมและปลกู ฝง คานยิ มตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง บรู ณาการ เศรษฐกจิ พอเพยี ง • แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม • ความรหู รอื กจิ กรรมเสรมิ ใหค รนู าํ ไปใช กจิ กรรมสรา งเสรมิ ซอ มเสรมิ สาํ หรบั นกั เรยี น เตรยี มความพรอ มใหก บั นกั เรยี นกอ นเขา สู ทย่ี งั ไมเ ขา ใจเนอื้ หา ประชาคมอาเซยี น 2558 โดยบูรณาการ • แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม บูรณาการอาเซียน กับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน ตอ ยอดสาํ หรบั นกั เรยี นทเ่ี รยี นรู • แนะนําแหลง คน ควา จากเวบ็ ไซต เพอื่ ให กจิ กรรมทาทาย เนอ้ื หาไดอ ยา งรวดเรว็ และ ตอ งการทา ทายความสามารถ ครแู ละนกั เรียนไดเ ขา ถึงขอมูลความรู ในระดบั ทสี่ งู ขนึ้ มุม IT ทหี่ ลากหลาย ทง้ั ไทยและตา งประเทศ คมู อื ครู
5Es การจัดกจิ กรรมตามข้ันตอนวัฏจกั รการเรียนรู 5Es ข้ันตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนท่ีนิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซ่ึงผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขน้ั ตอนการเรียนรู ดงั นี้ ขั้นที่ 1 กระตนุ ความสนใจ (Engage) เส3ร�ม เปน ขนั้ ทผี่ สู อนนาํ เขา สบู ทเรยี น เพอ่ื กระตนุ ความสนใจของผเู รยี นดว ยเรอื่ งราวหรอื เหตกุ ารณท นี่ า สนใจโดยใชเ ทคนคิ วธิ กี ารสอน และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเ ดิมของผูเ รยี น เพอ่ื เช่ือมโยงผเู รยี นเขา สูค วามรขู องบทเรียนใหม ชวยใหผเู รยี นสามารถ สรุปประเดน็ สําคญั ทเ่ี ปนหวั ขอ และสาระการเรียนรขู องบทเรยี นได จึงเปน ข้ันตอนการสอนทส่ี ําคญั เพราะเปนการเตรยี มความพรอม และสรางแรงจงู ใจใฝเ รยี นรูแกผูเรยี น ข้นั ที่ 2 สาํ รวจคน หา (Explore) เปน ขนั้ ทผี่ สู อนเปด โอกาสใหผ เู รยี นลงมอื ศกึ ษา สงั เกต หรอื รว มมอื กนั สาํ รวจ เพอ่ื ใหเ หน็ ขอบขา ยของปญ หา รวมถงึ วธิ กี ารศกึ ษา คนควา การรวบรวมขอ มูลความรูทีจ่ ะนําไปสูก ารสรา งความเขาใจประเดน็ ปญ หานัน้ ๆ เม่ือผเู รยี นทําความเขาใจในประเดน็ หัวขอทจ่ี ะ ศึกษาคนควาอยา งถองแทแลว กล็ งมอื ปฏบิ ตั ิเพ่ือเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวธิ กี ารตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคน ควา ขอมลู จากเอกสาร แหลง ขอ มลู ตา งๆ จนไดขอ มลู ความรตู ามทต่ี ้ังประเด็นศกึ ษาไว ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู (Explain) เปน ข้นั ทีผ่ ูสอนมปี ฏสิ ัมพนั ธกับผเู รยี น เชน ใหการแนะนาํ ตง้ั คาํ ถามกระตุนใหคิด เพ่ือใหผ ูเรยี นคนหาคาํ ตอบ และนําขอ มูล ความรูจากการศึกษาคนควาในข้ันที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลท่ีไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนน้ีฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและ สงั เคราะหอยางเปน ระบบ ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขาใจ (Expand) เปนข้นั ทผ่ี ูสอนเลอื กใชเทคนิควธิ กี ารสอนตา งๆ ที่สง เสริมใหผูเ รียนนาํ ความรทู ี่เกดิ ขนึ้ ไปคิดคน สบื คนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพ่ือคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูท่ีสรางข้ึนใหมไปเช่ือมโยง กบั ประสบการณเ ดมิ โดยนาํ ขอ สรปุ ทไ่ี ดไ ปใชอ ธบิ ายเหตกุ ารณต า งๆ หรอื นาํ ไปปฏบิ ตั ใิ นสถานการณใ หมๆ ทเี่ กยี่ วขอ งกบั ชวี ติ ประจาํ วนั ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางย่ิงข้ึน ในข้ันตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเร่ิมสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรา งวสิ ยั ทัศนใหก วางไกลออกไป ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) เปน ขน้ั ทผี่ สู อนประเมนิ มโนทศั นข องผเู รยี น โดยตรวจสอบจากความคดิ ทเี่ ปลย่ี นไปและความคดิ รวบยอดทเี่ กดิ ขน้ึ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพ่ือการ สรา งสรรคค วามรรู ว มกนั ผเู รยี นสามารถประเมนิ ผลการเรยี นรขู องตนเอง เพอ่ื สรปุ ผลวา มคี วามรอู ะไรเพม่ิ ขน้ึ มาบา ง เกดิ ความเขา ใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลาน้ันไปประยุกตใชในการเรียนรูเร่ืองอ่ืนๆ ไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติและเห็นคุณคาของ ตนเองจากผลการเรียนรทู เี่ กดิ ขน้ึ ซ่งึ เปน การเรยี นรทู ม่ี คี วามสขุ อยางแทจ รงิ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูต ามข้นั ตอนวัฏจักรการสรางความรแู บบ 5Es จงึ เปน รูปแบบการเรียนการสอนท่เี นน ผเู รยี นเปน สาํ คญั อยา งแทจ รงิ เพราะสง เสรมิ ใหผ เู รยี นไดล งมอื ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการสรา งความรดู ว ยตนเอง และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุม อยางชาํ นาญ กอใหเ กิดทักษะชีวติ ทกั ษะการทํางานและทักษะการ เรยี นรทู ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สง ผลตอ การยกระดบั ผลสมั ฤทธข์ิ องผเู รยี น ตามเปา หมายของการปฏริ ปู การศกึ ษาทศวรรษท่ี 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทกุ ประการ คมู อื ครู
คําอธิบายรายวิชา กลมุ สาระการเรยี นรู สขุ ศึกษาและพลศึกษา ภาคเรียนท่ี 1-2 รายวิชา สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชัน้ ประถมศกึ ษาปท ่ี 2 เวลา 80 ชัว่ โมง/ป รหสั วชิ า พ………………………………… เส4ร�ม ศึกษา วิเคราะห ลักษณะ หนาที่ และวิธีการดูแลรักษาของอวัยวะภายในท่ีมีการเจริญเติบโตและ พัฒนาการไปตามวัย รูจัก เขาใจ และดูแลตนเองและสมาชิกในครอบครัว รูและปฏิบัติตามบทบาทหนาที่ ของสมาชกิ ในครอบครวั บทบาทของเพอื่ น และความภาคภมู ใิ จในตนเอง พรอ มปฏบิ ตั พิ ฤตกิ รรมทเี่ หมาะสม ปฏบิ ตั ติ นใหเ ปน ผมู สี ขุ ภาพทด่ี ี เลอื กกนิ อาหารทมี่ ปี ระโยชน รจู กั การเลอื กของใชแ ละของเลน ทเ่ี หมาะสม และไมเ กดิ อนั ตราย เมอ่ื มอี าการเจบ็ ปว ยสามารถบอกลกั ษณะอาการ สาเหตุ และการรกั ษาเบอื้ งตน ทเี่ หมาะสม ปฏบิ ัตติ นในการปอ งกันอบุ ตั ิเหตุทีเ่ กดิ ขนึ้ ทางนํ้า ทางบก และอคั คภี ัย การปฏบิ ตั ติ ามคาํ แนะนําในการใชยา อยางเหมาะสม และระบุโทษของสารเสพติด สารอนั ตรายใกลตวั และวธิ ีการปอ งกันทเ่ี หมาะสม มที กั ษะในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเคลอื่ นไหวรา งกายแบบอยกู บั ที่ แบบเคลอื่ นท่ี แบบใชอ ปุ กรณป ระกอบ การเลน เกมเบ็ดเตล็ด ตามกฎ กติกา ขอ ตกลงในการเลนเกมตามคาํ แนะนํา เพอื่ ใหเกดิ ความสนุกสนานและ ปลอดภัย โดยใชท กั ษะกระบวนการคดิ วเิ คราะห กระบวนการปฏบิ ตั ิ ทกั ษะการเคลอื่ นไหวรา งกาย การสบื คน ขอ มลู การแกปญ หา การระดมสมอง และการอภิปราย เพ่ือใหเกิดความรู ความคิด ความเขา ใจ มที ักษะสื่อสารสิง่ ท่ีเรยี นรู สามารถตัดสินใจ และนาํ ความรู ไปประยกุ ตใ ชในชีวิตประจําวัน มีการพฒั นาทางดานรา งกาย จิตใจ อารมณ สังคม และมีจริยธรรม คุณธรรม และคา นยิ มทเี่ หมาะสม ตัวชี้วดั พ 1.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 พ 2.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 พ 3.1 ป.2/1 ป.2/2 พ 3.2 ป.2/1 ป.2/2 พ 4.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ป.2/5 พ 5.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ป.2/5 รวม 21 ตัวช้วี ัด คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ˹§Ñ Ê×ÍàÃÂÕ ¹ ÃÒÂÇªÔ Ò¾¹×é °Ò¹ 梯 ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ ».ò ª¹éÑ »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»·‚ èÕ ò ¡Å‹ÁØ ÊÒÃСÒÃàÃÕÂ¹ÃŒÙ Ê¢Ø ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ µÒÁËÅѡʵ٠Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹éÑ ¾¹×é °Ò¹ ¾Ø·¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ ¼ŒÙàÃÂÕ ºàÃÕ§ ¹ÒªªÙ ÒµÔ ÃÍ´¶ÒÇà ¹ÒÂÀÒʡà ºØÞ¹ÂÔ Á ¼ÙµŒ ÃǨ ¹Ò§ÊØÁÒÅÕ ¢ÍÁã¨à¾çªÃ ¹Ò§ªÞÒ´Ò Ê¢Ø àÊÃÔÁ ¹Ò¾Թ¨Ô ˧ÉÀÙ‹ ºÃóҸԡÒà ¹ÒºÑÞªÒ ªÒŒ §¾§É ʧǹÅÔ¢Ê·Ô ¸µÔì ÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑµÔ ปท ีพ่ มิ พ ๒๕๖๒ พมิ พครง้ั ที่ ๑๐ จํานวนพิมพ ๓๐,๐๐๐ เลม ISBN : 978-616-203-846-4 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ñòñôððô ¾ÔÁ¾¤ÃÑ§é ·Õè ññ ÃËÑÊÊ¹Ô ¤ÒŒ 1244011
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate คําชี้แจงในการใชส่อื ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹Ãʌ٠¢Ø È¡Ö ÉÒáÅоÅÈ¡Ö ÉÒ µÒÁËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹×é °Ò¹ ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ È¡Ö ÉÒà¡ÂÕè Ç¡ºÑ àÃÍ×è §¡ÒÃà¨ÃÞÔ àµºÔ âµ áÅо²Ñ ¹Ò¡ÒâͧÁ¹ÉØ Â ªÇÕ µÔ áÅФÃͺ¤ÃÇÑ ¡ÒÃà¤ÅÍè× ¹äËÇ ¡ÒÃÍÍ¡¡Òí Å§Ñ ¡Ò ¡ÒÃàŹ‹ à¡Á ¡ÌÕ Òä·Â ¡ÌÕ ÒÊÒ¡Å ¡Òà ÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ÊÁÃöÀÒ¾ ¡Òû͇ §¡¹Ñ âä áÅФÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ã¹ªÇÕ µÔ ÁàÕ »Ò‡ ËÁÒ à¾Í×è ¡ÒôÒí ̤梯 ÀÒ¾ ¡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ¡Òþ²Ñ ¹Ò¤³Ø ÀÒ¾ªÇÕ µÔ ¢Í§º¤Ø ¤Å ¤Ãͺ¤ÃÇÑ áÅЪÁØ ª¹ãËÂŒ §èÑ Â¹× Ë¹§Ñ ÊÍ× àÃÂÕ ¹ Ê¢Ø È¡Ö ÉÒáÅоÅÈ¡Ö ÉÒ ».ò ©ººÑ ¹éÕ ÀÒÂã¹àÅÁ‹ ¹Òí àʹ͡Òè´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ ¡ÒÃÊ͹໹š ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã¤ŒÙ ú¶ÇŒ ¹µÒÁÁҵðҹµÇÑ ªÇéÕ ´Ñ ª¹éÑ »‚ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ ᡹¡ÅÒ§ â´Â๹Œ ¡ÒÃÍ͡Ẻ¡¨Ô ¡ÃÃÁãËÊŒ ÁÑ ¾¹Ñ ¸¡ ºÑ ¸ÃÃÁªÒµ¡Ô ÒÃàÃÂÕ ¹Ã¢ŒÙ ͧáµÅ‹ СÅÁ‹Ø ÊÒÃÐ áÅФÇÒÁʹ㨢ͧ¼àŒÙ ÃÂÕ ¹áµÅ‹ Ф¹ â´Âä´»Œ ÃºÑ á¡äŒ ¢à¹Íé× ËÒã˶Œ ¡Ù µÍŒ §áÅÐÊÍ´¤ÅÍŒ § µÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ ¤Ô ÇÒÁà·Ò‹ à·ÂÕ ÁÃÐËÇÒ‹ §à¾È ¾.È. òõõø ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ ¡Ô Òû͇ §¡¹Ñ áÅÐá¡äŒ ¢»Þ˜ ËÒ¡Òõ§Ñé ¤ÃÃÀã ¹ÇÂÑ Ã¹‹Ø ¾.È. òõõù áÅС®ËÁÒÂ͹è× ·àèÕ ¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ § «§èÖ á¡äŒ ¢ »ÃºÑ »Ã§Ø à¹Íé× ËÒÀÒÂãµËŒ Å¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹×é °Ò¹¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ â´Â »ÃºÑ á¡äŒ ¢à¹Í×é ËÒã¹ÊÒÃзèÕ ñ ¡ÒÃà¨ÃÞÔ àµºÔ âµáÅо²Ñ ¹Ò¡ÒâͧÁ¹ÉØ Â ÊÒÃзèÕ ò ªÇÕ µÔ áÅФÃͺ¤ÃÇÑ ÊÒÃзèÕ ó ¡ÒÃà¤ÅÍ×è ¹äËÇ ¡ÒÃÍÍ¡¡Òí Å§Ñ ¡Ò ¡ÒÃàŹ‹ à¡Á ¡ÌÕ Òä·Â áÅÐ ¡ÌÕ ÒÊÒ¡Å ÊÒÃзèÕ ô ¡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ ÊÁÃöÀÒ¾ áÅСÒû͇ §¡¹Ñ âä áÅÐÊÒÃÐ ·Õè õ ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ã¹ªÇÕ µÔ ੾ÒÐàÃÍè× §·àèÕ ¡ÂÕè Ǣ͌ §¡ºÑ à¾ÈÇ¶Ô Õ ¤ÇÒÁà·Ò‹ à·ÂÕ ÁÃÐËÇÒ‹ §à¾È ¡Òû͇ §¡¹Ñ áÅÐá¡äŒ ¢»Þ˜ ËÒ¡Òõ§éÑ ¤ÃÃÀã ¹ÇÂÑ Ã¹‹Ø «§èÖ ä´¡Œ Òí ˹´¤Òí ÊÒí ¤ÞÑ ¤ÇÒÁËÁÒ à¹Íé× ËÒ áÅеÇÑ ÍÂÒ‹ § «§èÖ ÊÒí ¹¡Ñ ÇªÔ Ò¡ÒÃáÅÐÁҵðҹ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ ÊÒí ¹¡Ñ §Ò¹¤³Ð¡ÃÃÁ¡Òà ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹é× °Ò¹ ÃÇ‹ Á¡ºÑ ¼·ŒÙ ç¤³Ø Ç²Ø ¨Ô ҡ˹Nj §ҹ·àÕè ¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ § áÅÐÀÒ¤»ÃЪÒ椄 ¤Á ä´Œ¨Ñ´·íÒ¢Öé¹ à¾è×Í໚¹¡ÃͺáÅÐá¹Ç·Ò§ãËŒÊíҹѡ¾ÔÁ¾ãªŒã¹¡ÒûÃѺᡌ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ã˶Œ ¡Ù µÍŒ §à»¹š ·àÕè ¢ÒŒ 㨵ç¡¹Ñ ·¡Ø ÃдºÑ ª¹éÑ ·§éÑ ¹Õé ¡ÒÃ»ÃºÑ »Ã§Ø ˹§Ñ ÊÍ× àÃÂÕ ¹´§Ñ ¡ÅÒ‹ Ç Â§Ñ ¤§Â´Ö ¶Í× ÃÒ¡°Ò¹à´ÁÔ ¢Í§Ê§Ñ ¤Áä·Â 仾ÃÍŒ Á¡ºÑ ¡ÒÃà»ÅÂèÕ ¹á»Å§¢Í§Ê§Ñ ¤ÁâÅ¡ «§Öè ¨Ð໹š »ÃÐ⪹µ Í‹ ¹¡Ñ àÃÂÕ ¹ ¼»ŒÙ ¡¤Ãͧ ¤ÃÙ áÅз¡Ø ¤¹ã¹Ê§Ñ ¤Á 㹡ÒÃÃÇ‹ ÁÊÃÒŒ §¤ÇÒÁà¢ÒŒ ã¨áÅÐÂÍÁÃºÑ ¡ÒÃà»ÅÂÕè ¹á»Å§·àÕè ¡´Ô ¢¹Öé ã¹ÈµÇÃÃÉ·èÕ òñ ÍÂÒ‹ §à·Ò‹ à·ÂÕ Á仾ÃÍŒ Á¡¹Ñ
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate เปาหมายการเรยี นรู กําหนดระดบั ความรู ความสามารถของผเู รยี นเมือ่ เรยี นจบหนว ย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ñ ñบทที่ สาระสําคญั ตวั เรา อวยั วะภายใน สาระสา� คัญ แกน ความรทู ีเ่ ปน เปา้ หมายการเรยี นร้ปู ระจ�าหนว่ ยที่ ๑ อวัยวะภายในมีความส�าคัญต่อระบบการ ความเขา ใจคงทน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ทา� งานของรา่ งกาย ดงั นนั้ เราจงึ ควรดแู ลรกั ษา ตดิ ตวั ผเู รยี น เมื่อเรียนจบหน่วยน� ้ ผู้เรียนจะมีความรู้ อวัยวะภายในอย่างถูกวิธี เพ่ือให้ท�างานได้ ความสามารถต่อไปน�้ อย่างเปน็ ปกติ ๑. อธิบายลกั ษณะและหนา้ ทข่ี องอวยั วะภายใน (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๑) ๒. อธบิ ายวธิ ดี ูแลรกั ษาอวยั วะภายใน (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๒) ๓. อธิบายธรรมชาตขิ องชีวติ มนษุ ย ์ (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๓) ? ñ. ÍÇÂÑ Çе‹Ò§æ ·èÕàËç¹ã¹ÀÒ¾ ÁªÕ ×Íè àÃÕÂ¡Ç‹Ò ÍÐäúҌ § ò. อÇÂั ÇÐเËÅÒ่ นéมÕ คÕ ÇÒมÊíÒคÞั อÂ่Ò§ไรบŒÒ§ 2 ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹ÓÊ¡‹Ù ÒÃàÃÂÕ ¹ เนอื้ หา นาํ เขาสบู ทเรียนใชก ระตุนความสนใจ และวัดประเมนิ ผลกอนเรยี น ครบตามหลักสูตรแกนกลางฯ พ.ศ. ๒๕๕๑ นําเสนอเหมาะสมกบั การเรยี น ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ การสอนในแตล ะระดบั ๒ช. หนั้ ัวใจ ตอนท ่ี ๑ ค�าถามชวนคดิ หวั ใจ เป็นอวยั วะที่สา� คญั ท่สี ดุ ในระบบไหลเวยี นโลหติ เขยี นตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ีลงในสมดุ ๑) ถ้านักเรียนปวดทอ้ ง นกั เรียนจะรู้สกึ อย่างไร 梯 ÀÒ¾¹Ò‹ Ì٠ต�าแหน่ง ตง้ั อยู่ในทรวงอก วิธดี แู ลรกั ษาหัวใจ ๒) นักเรียนรู้หรอื ไมว่ ่าอาการปวดเกดิ ข้ึนกบั อวัยวะใดไดบ้ า้ ง ระหว่างปอดทง้ั ๒ ขา้ ง ๑ พกั ผ่อนให้เพยี งพอ ๓) อ าการปวดท้องส่งผลกระทบต่อการด�าเนินชีวิตประจ�าวันของนักเรียน เปน เกร็ดความรู มขี นาดประมาณเทา่ กบั เพมิ่ เตมิ ท่เี ปน ก�าปน้ั ของเจา้ ของ อยา่ งไร ประโยชนต อ ๔) ถา้ นักเรียนไมอ่ ยากปวดทอ้ งอีก นักเรยี นควรทา� อย่างไร ผเู รียน ลักษณะ คล้ายดอกบวั ตมู แบง่ ๒ กนิ อาหารทีม่ ีประโยชน์ และหลีกเล่ียง ออกเป็น ๔ หอ้ ง คอื ตอนท ี่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า - หัวใจหอ้ งบนซา้ ย อาหารทีม่ ไี ขมนั สูง - หัวใจห้องล่างซา้ ย ๑. ดูภาพ แลว้ บอกช่อื อวัยวะ และเขยี นอธบิ ายหน้าทข่ี องอวัยวะต่างๆ เหล่าน้ี - หัวใจห้องบนขวา ๓ ออกกา� ลังกายอยา่ งสมา�่ เสมอ ๑ ) ลงในสมดุ ๒) ๓) ๔) - หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา ๕) ๖) และเหมาะสมกบั วยั หน้าท่ี สบู ฉีดโลหติ ไปเลยี้ ง ๔ ทา� จติ ใจให้ร่าเรงิ แจม่ ใสอยู่เสมอ สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย ไมเ่ ครยี ด เลือดแดง ปอด ๒. อา่ นขอ้ ความ และบอกวา่ มีผลต่ออวยั วะใด ๑) ว่ิงเล่นแลว้ ศรี ษะกระแทกกบั เพ่อื น จาเกลรอื า่ ดงดกาํ าย หวั ใจซกี ซา้ ย รับเลอื ดจากปอดเพื่อสง่ ไปยงั ๒) รับประทานอาหารรสจดั เชน่ หวานจัด เค็มจัด เผด็ จัด หวั ใจซีกขวา ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ๓) อยู่ในทีท่ มี่ ีฝนุ่ ละอองและมลพษิ มาก รับเลือดจากส่วนต่างๆ ของ รา่ งกาย เพ่ือส่งไปฟอกท่ปี อด การท�างานประสานกนั ของหัวใจท้ัง ๔ ห้อง ¡Ô¨¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ ๔) ด่ืมสุราเปน็ ประจา� ทกุ วนั ทา� ให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเล้ียงร่างกายไดเ้ ป็นปกติ 梯 ÀÒ¾¹‹ÒÃÙŒ ๕) ชอบรบั ประทานอาหารท่ีมไี ขมนั มากๆ ๓. เขียนวิธีการดูแลอวัยวะภายในลงในสมุดมา ๕ ข้อ พร้อมทั้งบอกว่า เป็นวิธีการดแู ลอวยั วะใด ตอนที่ ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ แบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่วมกันจัดท�าแผ่นภาพอวัยวะภายใน โดยให้ด้านหน้าของ หวั ใจห้องบนขวาจะรบั เลือดท่มี แี ก๊สออกซเิ จนนอ้ ยจากทกุ สว่ นของรา่ งกาย เพ่ือสง่ ต่อไป ปฏบิ ตั ิ เพมอ่ื อพบฒั หนมาคาวยามผรูเู รคียวานมฝคกดิ(ชอื่ ตาํ แหน่ง ลกั ษณะ หนา้ ที่ การดูแลรักษา) ใหห้ วั ใจหอ้ งลา่ งขวาสง่ เลอื ดไปฟอกทปี่ อด หวั ใจหอ้ งบนซา้ ยรบั เลอื ดทมี่ แี กส๊ ออกซเิ จนมากจาก แผ่นภาพเป็นภาพอวัยวะภายใน และให้ด้านหลังของแผ่นภาพเป็นรายละเอียด ปอดส่งตอ่ ให้หวั ใจห้องลา่ งซ้าย เพ่ือสง่ ไปเล้ยี งส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย 11 5 และทกั ษะประจาํ หนว ย
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ส า ร บั ญ ๑ห น ว ย ๑ การเรยี นรูที่ ตัวเรา ๒ ๑๒ บทท่ี ๑ อวยั วะภายใน บทที่ ๒ ธรรมชาตขิ องมนุษย ๑๖ ๒ห น ว ย ๑๗ ๒๒ การเรยี นรทู ี่ ครอบครัว ตวั ฉนั และคนรอบขาง ๒๖ บทที่ ๑ ครอบครวั เปนสุข ๓๐ บทท่ี ๒ หนงึ� มิตรชดิ ใกล บทท่ี ๓ เขาใจตนเอง ๓๑ ๓๕ ๓ห น ว ย ๔๐ ๔๖ การเรยี นรูท่ี รกั สขุ ภาพ ๕๓ บทที่ ๑ สขุ ภาพของเรา บทที่ ๒ อาหารดมี ปี ระโยชน ๕๔ บทที่ ๓ ของใชแ ละของเลน ๖๑ บทท่ี ๔ การบาดเจบ็ และเจ็บปว ย ๖๕ ๔ห น ว ย ๗๐ การเรียนรูที่ ชวี ิตปลอดภยั ๗๑ ๗๖ บทที่ ๑ อบุ ัติเหตุและการปอ งกนั บทที่ ๒ สญั ลกั ษณและปา ยเตือน ๘๒ บทท่ี ๓ อคั คีภยั ๘๓ ๕ห น ว ย ๘๘ ๙๓ การเรียนรูท่ี ยาและสารเสพติด ๙๘ ๑๐๓ บทท่ี ๑ ยานารู บทที่ ๒ ภยั รา ยทําลายชวี ติ ๑๐๘ ๖ห น ว ย การเรียนรูท ี่ กจิ กรรมหรรษา บทท่ี ๑ เตรยี มความพรอ ม บทท่ี ๒ ขยับรางกาย บทที่ ๓ เคลือ่ นที่รา งกาย บทที่ ๔ สนุกกับอุปกรณ บทท่ี ๕ เกมแสนสนกุ บรรณานุกรม
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Evaluate ñEngage Explore Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1. ครสู อนนักเรยี นรองเพลง “นีค่ ืออะไร” ตวั เรา 1 - 2 ครงั้ จากนนั้ ใหน ักเรียนรวมกันรองเพลง พรอ มกบั แสดงทาทางประกอบเพลง เป้าหมายการเรยี นรู้ประจ�าหนว่ ยท่ี ๑ 2. ใหนกั เรยี นชวยกันบอกวา เนอื้ เพลง เมอ่ื เรียนจบหน่วยน�้ ผเู้ รียนจะมีความรู้ กลาวถงึ อวัยวะใดบาง ความสามารถต่อไปน� ้ ๑. อธิบายลกั ษณะและหน้าท่ขี องอวัยวะภายใน 3. ครสู นทนากบั นกั เรยี นวาอวยั วะท่ีกลา วถงึ (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๑) ในเน้อื เพลงน้ี เรียกวา อวัยวะภายนอกแลว ๒. อธบิ ายวิธดี แู ลรักษาอวัยวะภายใน ภายในรางกายของคนเราก็มีอวยั วะ (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๒) ซงึ่ นักเรยี นจะไดเรยี นตอไปในหนว ยน้ี ๓. อธบิ ายธรรมชาติของชวี ติ มนษุ ย์ (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๓) เกร็ดแนะครู ครรู อ งเพลง “น่ีคอื อะไร” โดยใชทาํ นองงายๆ ใหน กั เรียนฟง กอน 1 รอบ แลว ใหนักเรียนฝกรองตาม พรอ มกบั ทําทา ประกอบ เพลง นคี่ ืออะไร นค่ี อื ผม นค่ี อื หนา ผาก นีค่ ือปาก นคี่ อื ลูกตา น่คี อื ขา นีค่ ือหัวไหล ยดื ออกไปเขาเรยี กวาแขน อนั แบนๆ เขาเรียกสะโพก เอาไวโยก แซมบา แซมบา มมุ IT ครูดูแนวทางการจดั กิจกรรมเรือ่ ง อวัยวะภายใน ไดจาก www.thaiteachers. tv/vdo2.php?id=692 แลวเลอื ก “สขุ ศกึ ษา ขาแดนซ” คูมือครู 1
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage เปาหมายการเรียนรู ñบทที่ 1. อธบิ ายลกั ษณะและหนา ทข่ี องอวยั วะภายใน อวัยวะภายใน สาระสา� คญั (พ 1.1 ป.2/1) อวัยวะภายในมีความส�าคัญต่อระบบการ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ทา� งานของรา่ งกาย ดงั นน้ั เราจงึ ควรดแู ลรกั ษา 2. อธิบายวิธีดแู ลรักษาอวัยวะภายใน อวัยวะภายในอย่างถูกวิธี เพื่อให้ท�างานได้ (พ 1.1 ป.2/2) อย่างเปน็ ปกติ สมรรถนะของผูเรยี น • ความสามารถในการสื่อสาร คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค 1. ใฝเรียนรู 2. มงุ ม่ันในการทาํ งาน กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครูทบทวนเรอ่ื งอวัยวะภายนอก โดยใหน กั เรยี น ? รวมกนั บอกชอ่ื อวัยวะภายนอก แลว ครเู ขยี นลง บนกระดาน ñ. ÍÇÑÂÇеҋ §æ ·èÕà˹ç ã¹ÀÒ¾ ÁªÕ Íè× àÃÂÕ ¡ÇÒ‹ ÍÐäúҌ § 2. ใหนักเรยี นผลดั กนั อธบิ ายลักษณะ หนาที่ และ วธิ ดี ูแลรักษาอวัยวะภายนอกทลี ะอวยั วะ ò. อÇัÂÇÐเËÅÒ่ นéÕมคÕ ÇÒมÊÒí คัÞอÂÒ่ §ไรบŒÒ§ 3. ใหนักเรยี นดูภาพในหนังสอื เรียน หนา 2 แลว ชว ยกนั บอกชื่ออวัยวะในภาพ จากนั้นครูถามวา อวยั วะเหลา น้นั อยตู รงสวนใดของรางกาย ใหนกั เรยี นช้ีตาํ แหนง อวยั วะนน้ั ๆ 2 เกร็ดแนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรูโดยการใหน กั เรยี นปฏบิ ัติ ดงั นี้ • ศกึ ษาขอมลู อวัยวะภายในและการดูแลรักษา • อธบิ ายขอ มลู อวัยวะภายในและการดูแลรักษา จนเกดิ เปนความรูค วามเขาใจวา อวัยวะภายในเปน อวยั วะทอ่ี ยูใ นรางกาย และมีความสาํ คัญตอ การดํารงชวี ิต การดูแลอวยั วะภายในอยางถกู ตอ ง จะทําให อวัยวะของรางกายทํางานตามปกติ เฉลย กจิ กรรมนาํ สกู ารเรียน 1. ปอด มีหนา ทีส่ าํ คัญ คือ แลกเปลีย่ นแกส ออกซเิ จนกับแกส คารบอนไดออกไซด 2. หัวใจ มีหนาที่สําคัญ คือ สูบฉีดเลอื ดไปเล้ียงสวนตางๆ ของรา งกาย 3 กระเพาะอาหาร มหี นา ทสี่ าํ คญั คอื ยอ ยอาหาร 4. ลาํ ไสเลก็ มหี นา ที่สาํ คญั คอื ยอยอาหารและดูดซึมสารอาหารเขาสูร า งกาย 2 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา อวัยวะ1ภายใน อวยั วะภายนอกมองเห็นดว้ ยตาเปล่าได้ 1. ครตู ิดบัตรคาํ อวยั วะภายใน ไดแ ก สมอง ร่างกายของเราประกอบ หวั ใจ ตบั ไต ปอด กระเพาะอาหาร และลาํ ไส ไปด้วยอวัยวะชนดิ ตา่ งๆ ซ่งึ รวม บนกระดาน แลว ใหนกั เรียนสงั เกตเพือ่ นๆ วา เรยี กวา่ อวยั วะภายในและอวยั วะ นกั เรียนมองเหน็ อวยั วะเหลา นี้ของเพ่อื นๆ ภายนอก หรือไม อวัยวะภายนอก เป็น 2. นักเรยี นและครรู วมกนั บอกวา อวยั วะเหลาน้ี อวัยวะท่ีเราสามารถมองเห็นได้ เราไมสามารถมองเห็นได เพราะเปนอวยั วะที่ เพราะอยู่ภายนอกร่างกาย เช่น อยูภายในรางกายเรียกวา อวัยวะภายใน ตา หู จมูก ปาก เป็นตน้ 3. ใหน ักเรยี นแบง กลุมออกเปน 7 กลมุ แลว ให แตล ะกลมุ จบั ฉลากชื่ออวัยวะภายในตาม อวยั วะภายใน เป็นอวัยวะ บตั รคาํ บนกระดาน กลุมละ 1 ช่อื จากน้นั ที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ซึ่ง ใหแตล ะกลุม ศึกษาขอมูลเกย่ี วกับอวัยวะท่ี เราไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น จับฉลากไดตามหัวขอ ดงั นี้ สมอง หวั ใจ ตบั ไต ปอด เปน็ ตน้ • ลกั ษณะ • หนาท่ี • การดูแลรกั ษา โดยการศึกษาจากหนังสอื เรยี น หนา 4 - 10 㹪¹éÑ àÃÂÕ ¹¹éÕ ¹Ñ¡àÃÕ¹¨Ðä´Œ เรÕÂนรÙŒเ¡èÂÕ Ç¡บั อÇÂั ÇÐÀÒÂãนทÕèÊÒí คÞั µÍ‹ 仹éÕ อวัยวะภายในทา� งานกนั อย่างเป็นระบบ 3 ขอ ใดตางจากพวก ขอ สอบเนน การคิด นกั เรยี นควรรู ก. ตา คอ ข. หู จมกู 1 อวัยวะ คือ กลุมของเน้อื เยอื่ ทอ่ี ยรู วมกัน ซ่งึ แตล ะอวัยวะมคี วามสาํ คัญ ค. มือ เทา แตกตางกันไปตามหนา ท่ขี องแตละอวัยวะ ง. ปาก ลาํ ไส วิเคราะหคําตอบ ตา คอ หู จมกู มือ เทา และปาก เปน อวัยวะท่เี รา มองเห็นไดดว ยตา แตลาํ ไสเ ปน อวัยวะท่ีอยูภายในรา งกาย เราไมสามารถ มองเหน็ ได ดังนน้ั ขอ ง. เปน คําตอบท่ถี กู คมู ือครู 3
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหแ ตละกลมุ ผลัดกันออกมานําเสนอผลการ ๑ . สมอง ศึกษาตามทไ่ี ดรับมอบหมาย โดยนาํ เสนอใน สมอง เปน็ อวยั วะส�าคัญในระบบประสาท รปู แบบที่กลมุ ของตนเองคดิ ขน้ึ เชน รายงาน แสดงบทบาทสมมตุ ิ รองเพลง เปนตน ต�าแหน่ง อยภู่ ายในกะโหลก วิธดี แู ลรกั ษาสมอง ศรี ษะ 2. เม่อื แตล ะกลุม รายงานจบแลว ใหเ พ่ือน ๑ พักผ่อนให้เพยี งพอ ตางกลมุ และครรู วมกันซกั ถามขอ สงสัย ลักษณะ เป็นก้อนเนือ้ นมุ่ ๆ หยนุ่ ๆ เปน็ ลอนคลนื่ ๒ กินอาหารที่มปี ระโยชน์ 3. ครตู งั้ คาํ ถามเกีย่ วกบั ลักษณะและหนาที่ของ สมองแบง่ ออกเปน็ ๓ ไม่ดื่มสุรา ไม่เสพสารเสพตดิ อวัยวะภายใน แลวใหนักเรียนผลดั กนั ตอบ เชน ๓ ส่วน คอื • อวัยวะใดมรี ูปรางคลา ยดอกบัวตูม - สมองสว่ นหนา้ ไม่สบู บุหรี่ (ตอบ หัวใจ) - สมองสว่ นกลาง • ปอดมีรปู รา งลักษณะอยา งไร - สมองส่วนหลงั ๔ ระมัดระวังไม่ให้ของแข็งมากระแทก (ตอบ ปอดมีรูปรา งคลา ยกรวยคว่าํ มลี ักษณะคลา ยฟองน้าํ ยดื หยนุ ได) หน้าท่ี ควบคุมการท�างาน ศีรษะ • อวยั วะใดมีรูปรางคลายตวั เจ (J) และ ของร่างกาย มหี นา ท่อี ะไร ๕ ออกก�าลงั กายอยา่ งสม่�าเสมอและ (ตอบ กระเพาะอาหาร มหี นา ทยี่ อ ยอาหาร) • ตับมีรปู รา งอยางไร และมีหนาทอ่ี ะไร เหมาะสมกบั วยั (ตอบ ตับมีรูปรางคลา ยลม่ิ มี 2 กลบี คือ กลีบซา ยและขวา โดยกลีบซา ยจะมขี นาด สมองส่วนหน้า สมองสว่ นกลาง เล็กกวา กลีบขวา ตบั มหี นาท่ขี บั สารพิษออกจากรางกาย ท�าหนา้ ท่ี ควบคุมการเคล่อื นไหว ความคดิ ความจ�า ท�าหนา้ ท่ี เป็นสถาน�รับ-สง่ ประสาทระหวา่ ง และผลิตน้าํ ดซี ง่ึ มคี วามสําคญั ในการยอ ย สตปิ ัญญา ความรู้สึก การได้ยนิ การมองเห็น สมองสว่ นหน้ากับสว่ นทา้ ยเกยี่ วกบั การ อาหาร) การดมกล�ิน การสมั ผัส การพดู และการรับรส มองเหน็ และการได้ยนิ สมองส่วนหลัง ก้านสมอง ทา� หน้าท่ี ควบคมุ กลา้ มเน้�อ บรเิ วณใบหน้า การท�างานเหน�อ อ�านาจจิตใจ การทา� งานของ ระบบกล้ามเน้�อและการทรงตัว สมองแต่ละสว่ นจะท�าหนา้ ทีแ่ ตกตา่ งกนั 4 เกรด็ แนะครู ครอู ธิบายใหน ักเรียนฟง เพมิ่ เติมวา การกระทําบางอยา งถากระทาํ ติดตอกันเปน ประจําจะสงผลเสยี ตอ สมอง เชน การกระทาํ ท่ีสง ผลเสยี ตอ สมอง ผลเสยี / เหตผุ ล 1. การไมก นิ อาหารเชา ทาํ ใหร า งกายออ นเพลยี สมาธสิ นั้ เพราะรา งกายตอ งนาํ สารอาหารทเี่ กบ็ สะสมไวม าใชเ ปน พลงั งานในการทาํ กจิ กรรมตา งๆ ทําใหส มองไดร ับสารอาหารไมเพียงพอ จึงสง ผลใหส มองทาํ งานไดไ มด เี ทา ท่คี วร 2. การไมคอยพูดและไมใ ชค วามคดิ ทําใหสมองฝอ เพราะการพดู และการคดิ เปน วิธที ดี่ ีทส่ี ุดในการฝกสมอง 3. การสูดดมอากาศทีเ่ ปนพิษ ทาํ ใหป ระสทิ ธภิ าพการทาํ งานของสมองลดลง เพราะอากาศทเี่ ปน พษิ ทาํ ใหแ กส ออกซเิ จนในสมองลดลง สมองจงึ ทาํ งานได ไมเต็มที่ เชน คดิ อะไรชา ลง เปน ตน 4. การอดนอนเปน เวลานาน ทาํ ใหเซลลสมองตาย เพราะสมองไมไดพกั ผอนอยา งเตม็ ท่ี 5. การนอนคลมุ โปง ทําใหผูนอนหลับตองหายใจเอาแกสคารบอนไดออกไซดเขาไปอีก เพราะการนอนคลุมโปงเปนการกักเก็บอากาศท่ีอยู บรเิ วณนนั้ ไว แลว เมอ่ื เราหายใจเอาแกส คารบ อนไดออกไซดอ อกมา ทาํ ใหบ รเิ วณทคี่ ลมุ โปงมแี กส คารบ อนไดออกไซดเ พมิ่ ขนึ้ 4 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒. หวั ใจ 1. ใหนักเรียนทํากิจกรรม ชวนคิด ชวนทํา ขอ 1 หวั ใจ เปน็ อวัยวะท่ีสา� คญั ท่สี ดุ ในระบบไหลเวยี นโลหิต หนา 11 โดยเขยี นอธบิ ายลกั ษณะและหนาที่ ของอวัยวะในภาพ ตง้ั อยู่ในทรวงอก วิธีดูแลรักษาหวั ใจ ระหวา่ งปอดทั้ง ๒ ข้าง 2. ใหนกั เรียนทาํ แบบฝก กิจกรรมท่ี 1 มขี นาดประมาณเทา่ กบั ๑ พักผอ่ นให้เพยี งพอ เร่อื ง อวัยวะภายใน ขอ 1 จากแบบวัดฯ ก�าปั้นของเจา้ ของ สุขศึกษาฯ ป.2 ตา� แหน่ง ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 แบบฝก กิจกรรมท่ี 1 เร่อ� ง อวัยวะภายใน คล้ายดอกบวั ตมู แบ่ง ลักษณะ ออกเปน็ ๔ หอ้ ง คอื ๒ กนิ อาหารท่ีมปี ระโยชน์ และหลกี เล่ยี ง ๑บทท่ี อวัยวะภายใน ñ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙ·Œ èÕ หนา้ ที่ - หัวใจห้องบนซ้าย µÇÑ àÃÒ - หวั ใจห้องลา่ งซา้ ย อาหารทีม่ ไี ขมันสงู - หัวใจห้องบนขวา แบบฝกกิจกรรมท่ี ๑ อวัยวะภายใน - หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา ๓ ออกก�าลงั กายอยา่ งสม�่าเสมอ2 คาํ ชแ้ี จง : การเรยี นรชู อื่ ลักษณะ หนา ท่ขี องอวัยวะภายใน ทําใหเขาใจ สบู ฉีดโลหติ 1ไปเลยี้ ง สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย และเหมาะสมกับวัย การทํางานของรา งกาย ๔ ทา� จติ ใจใหร้ า่ เริงแจม่ ใสอยู่เสมอ ๑ โยงเสนจบั คูภาพกบั ขอ ความทีส่ มั พันธกัน ไต ตงั้ อยดู า นลา งของชอ งทางดา น ๑) ซายและดานขวา ใกลกับกระดูก ไม่เครียด สันหลัง ยดึ ติดอยูกบั กะบังลม เฉฉบลับย ๒) เลอื ดแดง ปอด ลาํ ไส เปน ทอกลวงยาว ขดไปมา อยูในชองทอ งตอนบน หัวใจซีกซา้ ย จาเกลรือา่ ดงดกาําย ๓) หัวใจ ตั้งอยูในทรวงอกระหวาง รับเลือดจากปอดเพอ่ื ส่งไปยงั ปอดท้งั ๒ ขา ง มขี นาดเทา กําปน หัวใจซกี ขวา ส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย ของเจาของ รับเลอื ดจากส่วนตา่ งๆ ของ การท�างานประสานกันของหัวใจทง้ั ๔ ห้อง ๔) ตบั ตงั้ อยดู า นขวาบนของชอ งทอ ง รา่ งกาย เพอ่ื สง่ ไปฟอกท่ปี อด ทา� ให้หวั ใจสูบฉีดเลอื ดไปเลีย้ งรา่ งกายได้เปน็ ปกติ อยูใกลกะบังลม และมีบางสวน วางอยบู นกระเพาะอาหาร 梯 ÀÒ¾¹Ò‹ ÃÙŒ ๑ หวั ใจหอ้ งบนขวาจะรับเลือดทีม่ แี ก๊สออกซเิ จนน้อยจากทุกส่วนของร่างกาย เพ่ือส่งต่อไป ใหห้ วั ใจหอ้ งลา่ งขวาสง่ เลอื ดไปฟอกทปี่ อด หวั ใจหอ้ งบนซา้ ยรบั เลอื ดทม่ี แี กส๊ ออกซเิ จนมากจาก ปอดส่งตอ่ ให้หวั ใจหอ้ งล่างซ้าย เพือ่ ส่งไปเล้ยี งส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย 5 ขอสอบเนนการคิด นักเรยี นควรรู ใครดแู ลรักษาหวั ใจไดถ กู ตอ ง 1 สบู ฉีดโลหติ หัวใจจะสบู ฉดี โลหิตหรือเลือดไปเลี้ยงสว นตางๆ ของรา งกาย ก. จว๋ิ กนิ แตอ าหารทเ่ี ปนผกั และผลไมเทา นน้ั เมอ่ื หัวใจบีบตวั จะดนั เลือดออกไป และรับเลือดเขา สหู วั ใจดว ยการคลายตัว ข. พลอยไปพบแพทยเพื่อตรวจเชก็ หวั ใจทกุ สัปดาห การบีบและคลายตัวของหัวใจ เรยี กวา การเตนของหวั ใจ ซึ่งอตั ราการเตน ของ ค. แกว ไมย อมออกกาํ ลังกายเพราะกลัวหวั ใจทาํ งานหนกั หัวใจในคนวยั หนุม สาวปกตจิ ะมอี ตั ราการเตนของหัวใจ ประมาณ 70 - 80 ครั้ง ง. อารมฝก ตนเองใหเ ขานอนและตืน่ นอนเปนเวลาทุกวนั ตอนาที และจะเพ่ิมขึ้นหรือลดลงขน้ึ อยูกบั กจิ กรรมทที่ าํ เพศ และวัย วิเคราะหคาํ ตอบ การดแู ลรักษาหัวใจใหแ ขง็ แรง ทาํ ไดโดยการกินอาหาร 2 ออกกาํ ลังกายอยา งสมํา่ เสมอ จะมีผลดีตอหวั ใจ คอื ทําใหก ลามเน้อื หัวใจ ใหห ลากหลายและครบถว น เขานอนใหเ ปนเวลาเพอ่ื ใหร างกายไดพักผอ น แขง็ แรงข้นึ ทาํ ใหแ รงบบี ตวั ของหวั ใจดขี ึ้น สามารถสูบฉีดเลอื ดออกจากหวั ใจ อยางเพียงพอ ทาํ จติ ใจใหแ จม ใส และออกกาํ ลงั กายอยา งสมาํ่ เสมอ ไดครง้ั ละมากข้นึ มีการกระจายของหลอดเลอื ดฝอยมากขึ้นในกลา มเน้ือหัวใจ สวนการพบแพทยเพ่ือตรวจเช็กหวั ใจทกุ สปั ดาหเ ปน การปฏบิ ัติท่ีมากเกนิ ไป ทําใหก ลา มเนอ้ื หวั ใจไดรบั เลอื ดหลอ เลย้ี งเพยี งพอ ไมเ กิดการขาดเลอื ดไดง าย เพราะนอกจากทาํ ใหเ สยี เวลาแลว ยงั ทาํ ใหเ กดิ การกงั วล จนทาํ ใหเ ครยี ดได ดังนัน้ ขอ ง. เปนคําตอบทถ่ี ูก คมู อื ครู 5
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครตู ้งั คําถามเกยี่ วกบั การดูแลรักษาอวัยวะ ๓. ตบั ภายใน แลวใหนกั เรยี นชวยกนั ตอบ เชน ตับ เปน็ อวยั วะส�าคัญอวยั วะหนึ่งในระบบยอ่ ยอาหาร • การนอนหลับใหเ พียงพอ จะชว ยใหหัวใจ ตา� แหนง่ ต้ังอยู่ด้านขวาบนของ วิธดี แู ลรักษาตบั มสี ุขภาพดไี ดอยางไร ลักษณะ ช่องท้อง และอยู่ใกล้ (แนวตอบ หัวใจเปน อวยั วะที่ทํางานอยตู ลอด หน้าท่ี กะบงั ลม และมี ๑ พกั ผอ่ นให้เพียงพอ เวลา แมใ นชวงทเี่ รานอนหลบั หัวใจกย็ ัง บางส่วนของตบั วาง ๒ ไม่กินอาหารดิบหรือสกุ ๆ ดบิ ๆ2 ทํางานอยเู ปนปกติ แตจ ะทาํ งานนอ ยลง อยบู่ นกระเพาะอาหาร ๓ ไมก่ ินยาเกินความจ�าเป็น เพราะ ดงั นน้ั การพกั ผอนใหเ พียงพอ จะชวยทําให รูปรา่ งคลา้ ยลิ่ม หัวใจไมต อ งทาํ งานหนักเกินไป) มสี ีน้า� ตาลแดง สารเคมีในยาอาจมฤี ทธทิ์ �าลายตบั มีลกั ษณะเป็น ๒ กลบี • ถา นกั เรียนปวดปส สาวะขณะเรยี น ควรทาํ ขนาดไมเ่ ทา่ กนั ๔ ไมด่ ืม่ สรุ าและเคร่ืองดมื่ ทม่ี ี อยางไร ขร่าับงสกาารยพ แิษลอะอผกลจิตานก�้าด ี1 (แนวตอบ ขออนุญาตครไู ปหอ งนํ้าทันที) ซงึ่ มคี วามสา� คญั สา� หรบั แอลกอฮอล์ ใช้ในกระบวนการย่อย • การกนิ อาหารไมต รงเวลาจะเกิดผลเสียตอ อาหาร ๕ ออกก�าลังกายอยา่ งสม่�าเสมอ กระเพาะอาหารอยางไร ๖ กนิ อาหารทส่ี ะอาดและดืม่ น้า� ต้มสุก (แนวตอบ เม่ือถงึ เวลากินอาหาร กระเพาะ อาหารจะผลติ น้ํายอ ย ซึ่งมีฤทธ์เิ ปนกรด เสมอ ออกมาเพ่อื ชวยยอยอาหาร ซงึ่ ถา ไมม อี าหาร เขาสูกระเพาะอาหาร นํ้ายอยกจ็ ะกัด ผนงั กระเพาะอาหารใหเ ปน แผล) ตบั กลบี ขวา มขี นาดใหญ่เป็น ๖ เท่า ของกลบี ดา้ นซา้ ย ตับกลบี ซ้าย มีขนาดเลก็ และแบนกวา่ ดา้ นขวา นอกจากขับสารพษิ ออกจากร่างกายแลว้ ตบั ยังเปน็ แหลง่ สะสมของวติ ามนิ ตา่ งๆ เช่น วิตามินเอ วิตามนิ ดี วติ ามนิ บี ๑๒ เป็นตน้ 6 นักเรยี นควรรู ขอสอบเนนการคดิ พฤตกิ รรมใดตอ ไปนี้ทส่ี ง ผลเสียตอตบั 1 นาํ้ ดี เปน สารสาํ คญั ทส่ี รางมาจากตบั มลี กั ษณะเปนของเหลวสีเหลอื งหรอื ก. ดม่ื สรุ าเปน ประจาํ สเี ขยี ว ถกู เก็บไวทถ่ี ุงน้ําดี โดยนา้ํ ดมี หี นาทย่ี อยอาหารประเภทไขมนั ข. กินลาบหมูทที่ ําสุกแลว 2 อาหารดิบหรือสกุ ๆ ดิบๆ ประเภทนํ้าจืด เชน ปลานํ้าจดื หอยนาํ้ จืด เปน ตน ค. ออกกาํ ลงั กายเปนประจําทุกสปั ดาห อาจมตี วั ออนของพยาธใิ บไมตับปนเปอ นอยู ซงึ่ ถา คนกนิ อาหารที่ปรงุ ไมสุกและ ง. ดื่มนา้ํ สะอาดท่บี รรจใุ นภาชนะทม่ี ดิ ชดิ มพี ยาธิปนอยูเขาไป จะทาํ ใหต ัวออนของพยาธเิ ขา ไปฝงอยูในรางกาย แลวทาํ ให วิเคราะหค าํ ตอบ การด่ืมสรุ าและเครื่องดืม่ ทม่ี ีแอลกอฮอล จะทาํ ใหต บั เกิดโรคพยาธใิ บไมตับ ทํางานหนกั มากขึ้น หากตบั ทาํ งานหนกั มากกอ็ าจจะเสื่อมสภาพลง และ เปนสาเหตใุ หเ กิดโรคตา งๆ เชน ตบั แข็ง หรอื ไวรสั ตบั อกั เสบ เปน ตน ดงั นน้ั ขอ ก. เปนคําตอบท่ถี กู 6 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๔. ไต 1. ใหน ักเรียนทาํ กจิ กรรม ชวนคิด ชวนทาํ ขอ 2 ไต เปน็ อวัยวะท่ีสา� คัญทส่ี ุดในระบบขับถ่ายปสั สาวะ หนา 11 โดยอานขอความท่กี ําหนดให แลว บอกวา มผี ลตออวัยวะใด ตา� แหน่ง ตัง้ อยทู่ างดา้ นล่างของ วธิ ดี ูแลรกั ษาไต ลกั ษณะ ชอ่ งทอ้ งทางด้านซ้าย 2. ใหนักเรยี นทํากิจกรรม ชวนคิด ชวนทํา ขอ 3 หนา้ ท่ี และดา้ นขวาใกล้กระดกู ๑ ไม่ดมื่ สุรา ชา กาแฟ หนา 11 โดยเขียนวิธดี แู ลรักษาอวัยวะภายใน สนั หลงั ยดึ ตดิ อยกู่ ับ 1 ลงในสมุด จากน้ันใหนกั เรยี นแลกกนั ตรวจ กะบงั ลม ๒ ไมก่ นิ อาหารทม่ี ีรสจดั เกนิ ไป คําตอบกับเพ่ือน คล้ายเมลด็ ถว่ั แดง มขี นาดเท่ากา� มือ ๓ กนิ ผักและผลไมเ้ ปน็ ประจ�า 3. ครเู ขียนตาราง 4 ชอ ง บนกระดานโดยให มสี ีนา้� ตาลแกมแดง แตละชองเปนชือ่ อวัยวะภายใน ลกั ษณะ กรองของเสียออกจาก หนาท่ี และวธิ ีดแู ลรักษา จากนนั้ สุม เรยี ก เลือด และขับออกมา นักเรียนออกมาเติมขอ มลู ในแตล ะชองให พร้อมกับนา�้ ในรปู ของ ถกู ตอ ง “ปสั สาวะ” และช่วย รกั ษาสมดุลของนา�้ และ ๔ ดืม่ น�า้ สะอาดมากๆ ชื่อ ลกั ษณะ หนา ท่ี วธิ ดี แู ลรกั ษา เกลอื แร่ในรา่ งกาย ๕ ไม่ควรกลัน้ ปัสสาวะนานๆ2 ............................... ตวั อยา งตาราง............................... ............................... ............................... ๖ หลกี เลย่ี งการกนิ ยาท่เี ป็นพิษต่อไต ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... เช่น ยาซลั ฟา เปน็ ต้น ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ............................... ไตข้างขวา ไตขา้ งซ้าย ไต หลอดไต ไตมี ๒ ขา้ ง คอื ไตขา้ งขวาและ ท�าหน้าทลี่ า� เลียงนา้� ปัสสาวะ ไตขา้ งซา้ ย ไตขา้ งขวาจะอยู่ ไปสกู่ ระเพาะปัสสาวะ ต�่ากว่าข้างซ้าย เพราะมีตับ ทบั ซอ้ นอยู่ กระเพาะปส สาวะ ไตเป็นอวยั วะท่ีสา� คัญ เพราะไมม่ ไี ตจะทา� ใหไ้ มส่ ามารถกา� จัดของเสียจากเลอื ดได้ 7 ขอ ใดตอไปน้ีกลาวถึงอวยั วะภายใน ขอ สอบเนนการคดิ นกั เรียนควรรู ก. มหี นาที่มองดสู ่ิงตางๆ ข. มรี ูปรางคลายเมล็ดถั่วแดง 1 ไมก ินอาหารทีม่ รี สจดั เกนิ ไป โดยเฉพาะรสเค็มจดั เพราะจะทาํ ใหไตทํางาน ค. มี 2 ขาง ใชหยบิ จับสง่ิ ของ หนกั มากกวา ปกติ ซ่ึงไตตองรบี ขับโซเดยี มออกทางปสสาวะเพ่อื ควบคมุ ปรมิ าณ ง. มีหนาท่บี ดเคีย้ วอาหารใหละเอียด โซเดยี มในรา งกายใหเกดิ ความสมดลุ 2 ไมควรกล้ันปส สาวะนานๆ การปส สาวะอยางสม่ําเสมอทุกคร้งั จะเปนการ วเิ คราะหค ําตอบ ข. เพราะอวยั วะท่ีมรี ูปรางคลายเมลด็ ถวั่ แดง คือ ไต ลางเอาเช้อื โรคที่พลัดหลงเขา สูก ระเพาะปสสาวะท้งิ สูภายนอก แตถา กลน้ั ปส สาวะ ซง่ึ เปนอวัยวะภายใน นานๆ อาจจะทําใหมีการตดิ เชื้อทท่ี อปส สาวะได ซง่ึ มผี ลทําใหกระเพาะปส สาวะ สวน ก. อวยั วะท่มี ีหนา ทดี่ ูสิง่ ตา งๆ คือ ดวงตา และไตอกั เสบ ค. อวัยวะที่มี 2 ขา ง ใชหยบิ จับสิ่งของ คอื มอื ง. อวยั วะที่มีหนาทีบ่ ดเคี้ยวอาหารใหละเอียด คอื ฟน ดงั นัน้ ขอ ข. เปน คาํ ตอบทถี่ กู คมู อื ครู 7
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ครูนาํ ภาพโครงสรางรา งกายมาติดบนกระดาน ๕. ปอด จากนน้ั ใหน กั เรยี นออกมาวาดภาพอวยั วะภายใน ปอด เป็นอวยั วะทส่ี �าคญั ทีส่ ุดในระบบหายใจ ใหถ กู ตําแหนงตามทเ่ี รียนมา บรรจุอยภู่ ายในโพรง วธิ ดี แู ลรกั ษาปอด 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 จาก ของทรวงอก โดยแยก แบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 โดยเขยี นชื่อ ตาํ แหนง เปน็ ปอดขา้ งซ้ายและ ๑ 1 ลักษณะ และหนา ท่ีของอวัยวะในภาพใหถ ูกตอ ง ปอดขา้ งขวา ไม่สบู บหุ ร่ีหรอื สูดควันบุหรี่ คลา้ ยฟองน�า้ ขนาดใหญ่ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ ต�าแหน่ง ยืดหยุน่ ได้ ๒ ออกก�าลังกายอยา่ งสม่�าเสมอ สขุ ศึกษาฯ ป.2 กจิ กรรมรวบยอดที่ 1.1 ลกั ษณะ ๓ ไมค่ ลกุ คลกี บั ผทู้ ปี่ ว่ ยเปน็ โรคเกยี่ วกบั แบบประเมินตัวชว�้ ดั พ 1.1 ป.2/1 ฟอกเลือดโดยรบั เลือด หน้าที่ ท่มี ีออกซิเจนนอ้ ยจาก ระบบหายใจ แบบประเมินผลการเรยี นรตู ามตัวชีว้ ัด ประจาํ หนว ยที่ ๑ บทที่ ๑ หัวใจหอ้ งล่างขวา เพ่ือ ปอด เปลยี่ นให้เป็นเลอื ดทีม่ ี ๔ หลีกเล่ยี งการกระทบกระแทกท่ี กิจกรรมรวบยอดท่ี ๑.๑ ออกซิเจนมาก ภายใน ปอดข้างขวามี ปอดจะมถี ุงลมเลก็ ๆ บรเิ วณทรวงอก แบบประเมนิ ตวั ชว้ี ดั พ ๑.๑ ป.๒/๑ ขนาดใหญก่ ว่า เปน็ จ�านวนมาก เรียกว่า • อธบิ ายลกั ษณะและหนาทีข่ องอวยั วะภายใน ปอดขา้ งซา้ ย ถงุ ลมปอด จะมหี นา้ ท่ี ๕ ใช้ผา้ ปิดปากปิดจมกู เม่ืออยู่ในบรเิ วณ แลกเปล่ียนแก๊สออกซิเจน ชดุ ที่ ๑ ๒๕ คะแนน กบั แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ ท่ีมีฝุ่นควนั มาก ดูภาพ แลวเขยี นชอื่ ตําแหนง ลกั ษณะ และหนาท่ีของอวยั วะในภาพใหถูกตอ ง ๖ อยู่ในบริเวณท่ีทีม่ อี ากาศบริสุทธิ์ ๑) ชือ่ อวัยวะ......ป...อ....ด................................................................................................ เพราะมปี รมิ าณแก๊สออกซิเจนมาก ตาํ แหนง ..อ...ย...ูใ...น....ท....ร...ว...ง...อ...ก......แ...ย....ก...เ..ป....น ....ป...อ....ด...ข...า...ง...ซ...า...ย...แ...ล...ะ...ข...า..ง...ข...ว...า.... เฉฉบลับย ลักษณะ....ค....ล...า...ย...ฟ....อ...ง...น.....้ํา..ข...น....า...ด...ใ...ห...ญ........ย...ืด....ห...ย...นุ.....ไ..ด.... ............................. .......................................................................................................................................... หนา ที่...ฟ....อ...ก....เ.ล....อื...ด.......โ..ด....ย...แ...ล...ก....เ..ป...ล....ี่ย...น.....แ..ก....ส....อ...อ....ก...ซ....เิ .จ....น....ก....ับ................. .แ...ก...ส....ค....า...ร...บ ....อ...น....ไ...ด...อ....อ...ก....ไ..ซ...ด.... ................................................................................ .......................................................................................................................................... ปอดข้างขวา หลอดลม ๒) ชอื่ อวยั วะ.....ก....ร...ะ...เ.พ....า...ะ..อ...า...ห....า..ร........................................................................ ปอดขา้ งซา้ ย ตําแหนง ..ต....ัง้ ...อ...ย...ูบ....ร...เิ..ว...ณ.....ช...อ...ง...ท....อ...ง......ม...ีส....ว...น....ป...ล....า...ย...ง...อ...ล....ง...ไ..ป....ท....า..ง...ข...วา ลักษณะ....เ..ป...น....ถ....งุ...ก....ล...า...ม...เ..น....้อื...ใ...ห...ญ........ม...ีค....ว..า...ม...เ..ห....น....ยี ...ว...แ...ล...ะ...ส....า..ม...า...ร...ถ... .ย...ืด....ต...วั...อ...อ....ก...ไ...ด............................................................................................................... หนาที่ ...(..๑...).....เ..ป...น....ท....เ่ี..ก....็บ....อ...า..ห....า...ร....................................................................... .(..๒....).....ย...อ ...ย...อ....า..ห....า..ร....แ..ล....ะ...ค...ล....ุก....เ.ค....ล....า..อ....า..ห....า...ร...ก...บั....น.....ํ้า..ย...อ....ย...ก....อ ...น....ท....อ่ี...า...ห...า...ร... ............จ...ะ..เ..ค....ล...อ่ื....น....ท....ไ่ี ..ป....ส....ว ..น....อ....นื่ ....ๆ............................................................................ ๔ หลอดลม ทา� หน้าที่เปน็ ทางผ่านของ หัวใจ อากาศลงส่ปู อด 8 อากาศจะไหลผ่านเข้าสปู่ อดโดยผา่ นทางหลอดลม นกั เรยี นควรรู ขอสอบเนนการคดิ ขอ ใดเปน วธิ ดี แู ลอวยั วะในระบบหายใจ 1 ควนั บุหร่ี ในควนั บุหร่มี สี ารชนิดหนง่ึ ทเี่ รียกวา ทาร ซงึ่ เมอื่ ควันบุหรีเ่ ขา สู ก. กินผกั และผลไมใ หมาก รางกาย ทารจะเขาไปจับอยทู ป่ี อด และรวมตัวกับฝุน ละอองท่ีหายใจเขาไป ข. ออกกาํ ลงั กายอยา งสมา่ํ เสมอ แลว จับตวั สะสมอยูในถุงลมปอด ทําใหเ กิดการระคายเคือง เปนสาเหตุของ ค. ไมกินอาหารทม่ี ีไขมนั มาก การไอเรื้อรัง กอ ใหเกดิ โรคมะเรง็ ปอด และถงุ ลมโปง พอง ง. ทําจิตใจใหร า เริงแจมใสอยูเ สมอ วิเคราะหค าํ ตอบ ข. ออกกําลังกายอยางสมา่ํ เสมอ เพราะจะชวย มมุ IT เสริมสรา งปอดซ่งึ เปน อวัยวะสําคัญในระบบหายใจใหแข็งแรง สว น ก. กนิ ผักและผลไมใหมาก จะทําใหลาํ ไสใ หญข ับถา ยอุจจาระไดงา ย ครูศึกษาขอมูลการฝก หายใจเพ่ือสขุ อนามยั ทดี่ ขี องปอดไดจ าก ค. ไมก นิ อาหารทีม่ ไี ขมนั มาก ทาํ ใหไมมีไขมนั สวนเกินไปอุดตนั การไหล www.thaipedlung.org/topic/full/quice_look_3_140954.pdf ของเลือด ง. ทําจิตใจใหร าเริงแจม ใส ทาํ ใหส มอง หวั ใจ กระเพาะอาหาร ทํางาน เปน ปกติ ดังน้นั ขอ ข. เปนคาํ ตอบทถ่ี กู 8 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๖. กระเพาะอาหาร 1. ใหนกั เรยี นยกตัวอยางพฤตกิ รรมทเี่ คยปฏิบตั ิ กระเพาะอาหาร เป็นอวยั วะสา� คัญในระบบยอ่ ยอาหาร ในชวี ิตประจําวนั จากน้ันบอกวา พฤติกรรมน้ัน มผี ลดหี รอื ผลเสียตออวัยวะภายในชนิดใดบา ง ต�าแหนง่ ตั้งอยู่บริเวณช่องท้อง วธิ ดี ูแลรกั ษากระเพาะอาหาร และอยางไร เชน ลกั ษณะ และมีส่วนปลายงอลง • เคี้ยวอาหารใหละเอียดกอ นกลืน หน้าท่ี ไปทางขวา ๑ เคย้ี วอาหารใหล้ ะเอยี ดกอ่ นกลนื 1 เปนพฤติกรรมที่มผี ลดตี อ กระเพาะอาหาร เพราะกระเพาะอาหารไมต องทํางานหนกั เป็นถุงกล้ามเนื้อใหญ่ ๒ กนิ อาหารในแตล่ ะม้ือใหต้ รงตามเวลา ในการยอ ยอาหาร มคี วามเหนียวและ ๓ ไมก่ ินอาหารในปรมิ าณที่มากหรือ • ไมสวมหมวกนริ ภัยขณะโดยสาร สามารถยดื ตัวออก รถจกั รยานยนต เปน พฤติกรรมทม่ี ีผลเสีย เพ่อื รับอาหารจ�านวน น้อยเกินไป ตอ สมอง เพราะถา เกิดอบุ ตั เิ หตุ อาจทําให มากได้ สมองถูกกระทบกระแทกไดงาย เปน็ ทเ่ี ก็บอาหาร และ ๔ ไม่กนิ อาหารทม่ี รี สจดั หรอื ของ ผลิตนา�้ ยอ่ ยออกมา 2. ใหนักเรยี นทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.2 จาก ย่อยอาหาร กอ่ นท่ี หมักดอง แบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 โดยอา นขอความ อาหารจะเคล่ือนที่ และตอบคาํ ถาม ไปยังลา� ไสเ้ ลก็ ๕ ไมส่ ูบบหุ รี่ และไมด่ ม่ื สรุ า ๖ ท�าใจให้สบาย ไม่เครียด2 เพราะ ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.2 ความเครยี ดอาจเป็นสาเหตทุ �าให้เกดิ แบบประเมนิ ตัวช�้วัด พ 1.1 ป.2/2 โรคกระเพาะอาหารอักเสบ หลอดอาหาร กิจกรรมรวบยอดที่ ๑.๒ แบบประเมินตัวชวี้ ัด พ ๑.๑ ป.๒/๒ • อธบิ ายวธิ ีดแู ลรักษาอวยั วะภายใน กระเพาะอาหาร ชดุ ที่ ๑ ๑๕ คะแนน เป็นอวัยวะท่ีเชอ่ื มตอ่ อา นสถานการณท ่ีกําหนดให แลว ตอบคาํ ถาม จากหลอดอาหาร ๑) นมุ ชอบกนิ อาหารที่มนั โดยเฉพาะขาวขาหมู เธอจะตอ งกนิ ทุกวนั ลําไส้ตอนตน้ พฤตกิ รรมของนนุ เปนผลเสยี ตออวยั วะ หวั ใจ....................................................................................... นุนควรปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรม ดงั นี้ นนุ ไมควรกนิ อาหารทม่ี ไี ขมนั สงู................................................................................................... ควรกนิ อาหารทมี่ ีประโยชนใ นปริมาณท่เี หมาะสมกบั วยั........................................................................................................................................................................................................ ๒) ปานปวดปสสาวะขณะเรียน แตเธอก็ไมกลาขออนุญาตครูไปหองนํ้า เฉฉบลับย เพราะกลวั ถูกครูดุ เธอจึงมกั กลัน้ ปส สาวะเปนประจํา พฤติกรรมของปา นเปนผลเสียตออวัยวะ ไต.................................................................................... ปานควรปรบั เปลีย่ นพฤติกรรม ดังนี้ ปานควรขออนญุ าตครไู ปเขา............................................................................................... หอ งนา้ํ ทุกคร้ังเม่ือรสู กึ ปวดปส สาวะ........................................................................................................................................................................................................ กระเพาะอาหารมรี ูปรา่ งคลา้ ยตัว (J) ท�าหนา้ ที่ผลิตนา�้ ย่อยและท�าหน้าท่ยี ่อยอาหารให้เล็กลงดว้ ย ๓) อ๋ันชอบกินอาหารรสเผ็ดจดั เขาตอ งใหแ มคาใสพ รกิ มากๆ เสมอ พฤตกิ รรมของอัน๋ เปนผลเสยี ตอ อวัยวะ กระเพาะอาหาร........................................................................................ อนั๋ ควรปรับเปลยี่ นพฤติกรรม ดังน้ี อ๋ันไมควรกนิ อาหารทม่ี ีรสเผ็ดจัด................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................ 9 ๔) โหนง มกั จะเขา ไปอยูใกลๆ พอเสมอขณะทพี่ อสบู บหุ ร่ี พฤติกรรมของโหนง เปน ผลเสยี ตอ อวยั วะ ปอด................................................................................. โหนงควรปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม ดังนี้ โหนงไมค วรเขาใกลพ อ ขณะท่ี............................................................................................ พอ สบู บุหร่ี และอาจขอรองใหพอ เลกิ สบู บุหรี่........................................................................................................................................................................................................ ขอสอบเนนการคิด ๗ ความเครียดมผี ลตอการทํางานของกระเพาะอาหารอยา งไร นักเรยี นควรรู ก. ทาํ ใหก ระเพาะอาหารยอยอาหารไดชา ลง ข. กระเพาะอาหารยอ ยอาหารไดม ากขึ้น 1 เคย้ี วอาหารใหละเอียดกอ นกลนื นอกจากจะชว ยทาํ ใหกลนื อาหารไดสะดวก ค. กระเพาะอาหารดดู ซมึ อาหารไดด ีขน้ึ ยังชวยทาํ ใหกระเพาะอาหารไมต อ งทํางานหนักในการยอ ยอาหารใหละเอยี ดกอ น ง. กระเพาะอาหารหลงั่ กรดในการยอ ยอาหารมากข้ึน สงอาหารไปยอยตอ ท่ลี ําไสเ ลก็ วเิ คราะหคาํ ตอบ ในขณะทเี่ ราเครยี ดระบบประสาทจะสงั่ การใหม ฮี อรโ มน 2 ไมเ ครียด ผทู ไ่ี มเ ครยี ดจะทําใหม ีอารมณแจม ใส หนาตาเบกิ บาน ซ่ึงจะ หลั่งออกมามากกวา ปกติ ทําใหร า งกายต่นื ตวั ตลอดเวลา และกระตนุ ให สงผลใหม สี ุขภาพกายและสขุ ภาพจติ ดี สว นผทู ี่มีความเครยี ด จะสงผลตอ รา งกาย กระเพาะอาหารหล่งั นํ้ายอ ยออกมามากกวาปกติ จนเกดิ การระคายเคือง เพราะเมื่อมีอาการเครียดหรือวิตกกังวลจะทําใหม ีกรดหลง่ั ออกมาในกระเพาะ- ทก่ี ระเพาะอาหาร และทาํ ใหลาํ ไสม ีการหดตวั ซ่ึงทําใหเ กิดความเจ็บปวด อาหารมากผิดปกติ ซง่ึ กรดเหลานี้จะไปกดั เยื่อบขุ องกระเพาะอาหารจนอกั เสบ เปนแผลได และทรมานแกผูท่เี ปน อยางมาก ดงั น้ัน ขอ ง. เปนคาํ ตอบท่ีถูก คมู ือครู 9
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ ใหน ักเรยี นจัดทาํ บัตรภาพอวัยวะภายในคนละ ๗. ลา� ไส้ 1 ใบ โดยใหด านหนาของบัตรภาพ เปน ภาพอวัยวะ ลา� ไส ้ เปน็ อวยั วะสา� คญั ในระบบย่อยอาหาร ภายใน แลวดา นหลังของบัตรภาพเขียนชื่อ ลกั ษณะ หนาท่ี และการดแู ลรักษาอวยั วะภายในชนิดน้ัน จากนน้ั นาํ ผลงานออกมาแสดงท่หี นาชนั้ ตวั อยางบัตรภาพ ตา� แหน่ง อยู่ในชอ่ งทอ้ งตอนบน วิธีดูแลรักษาลา� ไส้ (ดา นหนา ) ๑ ไม่กนิ อาหารที่มีรสจัด ๒ กินอาหารให้ถูกสขุ ลกั ษณะ ลกั ษณะ เป็นท่อกลวงยาว ๓ กินผักและผลไมเ้ ปน็ ประจา� 1 ขดไปขดมา ๔ ขับถา่ ยใหเ้ ปน็ เวลา แบง่ เปน็ ล�าไสเ้ ล็ก ๕ ไม่กนิ อาหารท่ีแขง็ และเหนยี ว และลา� ไสใ้ หญ่ มากเกนิ ไป หน้าที่ ลา� ไส้แต่ละสว่ น ทา� หน้าทแ่ี ตกตา่ งกัน ๖ ระมดั ระวังไม่ให้ช่องท้องได้รับการ ดังภาพดา้ นลา่ ง กระทบกระเทือนอย่างรุนแรง (ดา นหลัง) ล�าไสใ้ หญ่ กระเพาะอาหาร ช่อื : หัวใจ ลักษณะ : รูปรา งคลา ยดอกบัวตูม ท�าหนา้ ที่ ดูดน�้าและเกลอื แรจ่ าก ลา� ไสเ้ ลก็ กากอาหาร และขับอุจจาระให้ ขนาดเทากําปน เคลอ่ื นไปยงั ทวารหนกั ทา� หน้าที่ ย่อยอาหารในขน้ั ตอน หนา ท่ี : สูบฉดี โลหติ ไปเลยี้ งสวนตา งๆ สุดท้าย และดูดซมึ สารอาหาร ไสต้ ิง� เขา้ สูก่ ระแสเลือด ทวั่ รา งกาย วธิ ีดูแลรกั ษา : 1. กินอาหารทีม่ ีประโยชน ลา� ไสเ้ ปน็ ทางเดนิ อาหารทอ่ี ย่รู ะหวา่ งกระเพาะอาหารและทวารหนกั และไมก ินอาหารทีม่ ี 10 ไขมนั สูง 2. พกั ผอ นใหเพยี งพอ 3. ออกกําลังกายอยา ง สมํ่าเสมอ เกร็ดแนะครู กิจกรรมทาทาย ครคู วรแนะนาํ นักเรียนใหเ ลอื กรับประทานอาหารที่เปน ผลดีตอ ลําไส เชน ใหนักเรียนจัดทําโปสเตอรรา งกายมนุษยแสดงอวัยวะภายในและอวยั วะ รับประทานผัก ผลไม อาหารท่ีมีเสน ใย (ไฟเบอร) อาหารท่ยี อยงาย อาหารที่ไมม ี ภายนอกท่สี ําคญั แลว อธบิ ายรายละเอียดของอวัยวะแตละสวน ดงั น้ี รสจัด นา้ํ สะอาดในปริมาณทเ่ี พยี งพอ เพื่อใหก ารขับถายเปนไปโดยสะดวก • ลักษณะ นักเรียนควรรู • หนาท่ี • วธิ ดี ูแล 1 กนิ ผกั และผลไมเปนประจํา ผักและผลไมประกอบไปดว ยสารที่เปน กากใย จากนน้ั ใหน กั เรียนนําผลงานออกมานําเสนอท่ีหนาชัน้ แลวนาํ ผลงานไป อยมู าก ซึ่งกากใยเปนเสนใยละเอียดเลก็ ๆ เม่ือกินเขา ไป กระเพาะอาหารและ จัดปายนิเทศ ลําไสจ ะไมด ดู ซึมสารเหลาน้ี แลว จะถกู ขับออกมากบั อุจจาระ ซ่งึ เสนใยเหลา น้ี จะชว ยทําใหอุจจาระไมแ ขง็ มาก ทําใหขบั ถายไดงา ยและไมเ กิดอาการทอ งผูก 10 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจผลงานการเขียนช่อื ตําแหนง ลกั ษณะ และหนาที่ของอวยั วะภายใน ตอนท่ ี ๑ ค�าถามชวนคดิ เขียนตอบคา� ถามต่อไปนล้ี งในสมดุ 2. ครูตรวจความถกู ตองของบัตรภาพอวัยวะ ๑) ถา้ นกั เรยี นปวดท้อง นกั เรยี นจะรู้สึกอยา่ งไร ภายในวา ติดภาพหรือวาดภาพ พรอมกบั ๒) นกั เรยี นร้หู รือไม่ว่าอาการปวดเกิดข้ึนกบั อวยั วะใดได้บ้าง เขียนขอ มลู ไดถกู ตองหรอื ไม ๓) อ าการปวดท้องส่งผลกระทบต่อการด�าเนินชีวิตประจ�าวันของนักเรียน หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู อยา่ งไร ๔) ถ้านักเรยี นไม่อยากปวดทอ้ งอีก นกั เรียนควรทา� อยา่ งไร 1. กิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 2. บัตรภาพอวยั วะภายใน ตอนที ่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า ๑. ดูภาพ แลว้ บอกช่ืออวยั วะ และเขียนอธบิ ายหนา้ ทขี่ องอวัยวะตา่ งๆ เหลา่ น้ี ๑ ) ลงในสมดุ ๒) ๓) ๔) ๕) ๖) ๒. อ่านข้อความ และบอกว่ามผี ลตอ่ อวยั วะใด ๑) วิ่งเลน่ แลว้ ศีรษะกระแทกกบั เพ่อื น ๒) รับประทานอาหารรสจดั เชน่ หวานจดั เค็มจัด เผด็ จดั ๓) อยู่ในท่ีที่มีฝุ่นละอองและมลพษิ มาก ๔) ดื่มสุราเป็นประจา� ทุกวัน ๕) ชอบรับประทานอาหารท่มี ไี ขมันมากๆ ๓. เขียนวิธีการดูแลอวัยวะภายในลงในสมุดมา ๕ ข้อ พร้อมท้ังบอกว่า เปน็ วธิ กี ารดูแลอวยั วะใด ตอนท ี่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ แบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่วมกันจัดท�าแผ่นภาพอวัยวะภายใน โดยให้ด้านหน้าของ แผ่นภาพเป็นภาพอวัยวะภายใน และให้ด้านหลังของแผ่นภาพเป็นรายละเอียด (ชื่อ ตําแหน่ง ลกั ษณะ หน้าที่ การดแู ลรกั ษา) 11 เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู 2) ศรี ษะ - ปวดศีรษะ, หลงั - ปวดหลัง ตอนที่ 1 คาํ ถามชวนคิด 4) กินอาหารใหตรงเวลา เค้ยี วอาหารใหละเอยี ด 1. แนวตอบ 2) ไต - กรองของเสยี ออกจากเลอื ด และขบั ออกมากับนา้ํ ปสสาวะ 1) รสู กึ ไมส บายตวั อดึ อดั ในทอ ง หงุดหงดิ และรูสกึ เครียด 4) สมอง - ควบคมุ การทาํ งานของรา งกาย 3) หากปวดมากอาจตองหยดุ เรยี น ทาํ ใหเ รยี นไมท นั เพื่อน 6) กระเพาะอาหาร - ยอ ยอาหาร ตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทํา 1. แนวตอบ 2) กระเพาะอาหาร ลําไส ไต 3) ปอด 1) หัวใจ - สบู ฉดี โลหติ ไปเลย้ี งสว นตางๆ ของรางกาย 5) หวั ใจ 3) ปอด - แลกเปล่ียนแกส 5) ตบั - ขับสารพษิ ออกจากรางกาย 2) พกั ผอนใหเ พียงพอ - สมอง หัวใจ 2. แนวตอบ 4) ดมื่ นา้ํ สะอาดมากๆ - ไต 5) ออกกาํ ลังกายสม่าํ เสมอ - หัวใจ ปอด 1) สมอง 11 4) สมอง ตบั กระเพาะอาหาร 3. แนวตอบ 1) กนิ อาหารทีม่ ปี ระโยชน - ดูแลอวยั วะทุกสวนของรา งกาย 3) ไมด่มื สุราและเครอื่ งดื่มทม่ี แี อลกอฮอล - หัวใจ ตับ คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรียนรู òบทที่ • อธบิ ายธรรมชาติของชีวติ มนษุ ยต้งั แตเกิด จนตาย (พ 1.1 ป.2/3) สาระส�าคัญ การเปลี่ยนแปลงตามวัยเป็นธรรมชาติของ สมรรถนะของผูเรียน ธรรมชาติ ชีวิตมนุษย์ ขณะท่ีมีชีวิตอยู่ทุกวัยต้องดูแล ของมนษุ ย ร่างกายให้แข็งแรง และรู้จักการด�าเนินชีวิต • ความสามารถในการสื่อสาร ให้มคี วามสขุ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค ๒ • ใฝเ รียนรู กระตนุ ความสนใจ Engage ๑ 1. ครูสนทนาซกั ถามนักเรยี นเกี่ยวกบั ชวี ติ ของ ๔ นักเรียนโดยใหนกั เรยี นตอบอยางอสิ ระ เชน ๓ • ตอนเด็กๆ นักเรยี นมรี ูปรา งลกั ษณะอยา งไร • นักเรยี นเคยเห็นเด็กแรกเกิดหรอื ไม • ในบานของนกั เรียนมคี นแกหรอื ไม • นกั เรยี นเคยไปงานศพหรือไม 2. ครซู ักถามความรูส กึ ของนกั เรียนวา ถาสมาชกิ ในบา นเจ็บปวยหรอื เสยี ชีวิต นกั เรียนจะรูสึก อยางไร ? ¨Ò¡ÀÒ¾ Åอ§เรÂÕ §ÅÒí ´ับ คนทÕèมอÕ ÒÂØนŒอÂทÊèÕ ´Ø ไปËÒอÒÂมØ Ò¡ทèÊÕ Ø´ 12 เกร็ดแนะครู ครูจดั กระบวนการเรียนรโู ดยใหนกั เรยี นปฏิบตั ิ ดังนี้ • สงั เกตธรรมชาตขิ องชวี ติ จากบุคคลตา งๆ รอบๆ ตัว • สบื คน ขอ มูลเกี่ยวกบั ธรรมชาตขิ องชวี ิตจากบุคคลตา งๆ รอบๆ ตวั • อธิบายธรรมชาติของชวี ติ มนุษย จนเกิดเปน ความรคู วามเขา ใจวา การเกิด แก เจ็บ ตาย เปนธรรมชาตขิ องชีวิต ท่มี นษุ ยทกุ คนควรยอมรับ และรจู ักดแู ลสขุ ภาพรางกายเพอ่ื ใหด ําเนนิ ชีวติ อยางมี ความสขุ เฉลย กิจกรรมนาํ สกู ารเรยี น จากภาพ ภาพท่ี 1 มอี ายุนอยท่สี ดุ เพราะเปน ภาพของวยั ทารก ลําดบั ตอมา คอื ภาพที่ 3 เพราะเปนภาพของวัยรุน ตอมาคือ ภาพท่ี 4 เพราะเปน ภาพของวยั ผใู หญ และลาํ ดับสดุ ทา ย คือ ภาพที่ 2 เพราะเปน ภาพของวัยสงู อายุ ซง่ึ มีอายมุ ากทส่ี ดุ 12 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา ธรรมชาติของชวี ิตมนุษย 1. ครนู ําภาพคนในชว งวัยตา งๆ มาใหนกั เรียนดู ในครอบครัวหน่ึง อาจประกอบด้วยสมาชิกหลายวัย ได้แก่ แลว ใหนกั เรยี นรว มกันเรยี งลําดับชว งวัยตา งๆ ใหถกู ตอ ง วยั ทารก วยั เดก็ วยั รนุ่ วยั ผใู้ หญ ่ และวยั สงู อาย ุ ซงึ่ ถา้ เราสงั เกตจะพบ ว่าสมาชิกในครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่น น้องท่ีเคย 2. ครซู กั ถามนักเรยี นวา สมาชกิ ในบานของ เป็นทารก แต่ในปัจจุบันเป็นนกั เรียนชน้ั อนุบาล หรือคณุ ป ู่ คุณยา่ นักเรยี นมใี ครบา ง และอยูใ นชวงวัยใด ทเี่ คยแขง็ แรง แต่ปจั จุบันได้แกช่ ราลงไป เปน็ ต้น ส่งิ ท่ีเกดิ ข้นึ น้ีลว้ น โดยอาจเปรยี บเทยี บกบั ภาพทีค่ รนู ํามาแสดง ต้องเกดิ ขึ้นกับทกุ คน ซ่งึ เราเรียกว่า ธรรมชาตขิ องชีวิตมนุษย์ เจรญิ เตธิบรรโตม1เชปา็นตเดิข็กอ งวชัยีวริตุ่นม นวัยุษผย้ใู ์ หเญริ่ม่ วตัยั้งสแูงตอ่เารยา ุเตกาิดมมลา�าลดืมับต าแดลูโะลในก 3. ใหน กั เรยี นไปพูดคุยกับสมาชิกในบานที่เปน แต่ละช่วงวัยย่อมทจ่ี ะมโี อกาส แก ่ เจบ็ และถงึ วาระสดุ ทา้ ยของชวี ติ ผใู หญหรอื คนแกว า ชวี ิตในชวงวยั ทผี่ านมา คอื ความตาย ซงึ่ ไมว่ า่ ใครก็ไมส่ ามารถหลกี เล่ยี งกฎของธรรมชาติ เปน อยา งไร จากนนั้ ใหออกมาเลา ทีห่ นาชนั้ น้ีได้ พรอ มแสดงภาพประกอบ แผนภาพแสดงธรรมชาตขิ องชวี ติ มนษุ ย์ อธบิ ายความรู Explain วัยร่นุ วัยผ้ใู หญ่ วยั สงู อายุ 1. ครูต้ังคาํ ถามวา • ผูท ่ีอยใู นวยั ชราตองผานชว งวัยใดมาบา ง เป็นวยั ที่เรมิ� เป็นวัยทีร่ า่ งกาย (ตอบ วัยเดก็ วัยรุน วยั ผูใ หญ) วัยเดก็ มกี ารเปล่ียนแปลง เป็นวัยท่ีมกี ารเจริญ เรมิ� เสอ่ื ม • ทุกคนท่ีเกดิ มาจะหลีกเลี่ยงความตายได วัยทารก ด้านร่างกาย แสดง เติบโตเตม็ ท ่ี และ สมรรถภาพ หรือไม เพราะเหตุใด เป็นวัยที่มีการ ลักษณะเพศชาย พร้อมตอ่ การมี ประสทิ ธิภาพ (ตอบ หลกี เล่ียงไมได เพราะความตายเปน เปน็ วัยที่ยงั เจริญเติบโตอยา่ ง และเพศหญงิ ครอบครวั การท�างานของ ธรรมชาติของคนเรา รวมท้งั ส่งิ มีชีวิต ช่วยเหลือตนเอง รวดเรว็ ชว่ ยเหลอื ชดั เจนขึ้น อวยั วะตา่ งๆ ชนิดอ่นื ๆ ดวย) ไมไ่ ด้ ตนเองไดด้ กี ว่า ลดลง วัยทารก 2. ใหนกั เรียนรว มกนั อภิปรายวา การเจ็บปว ย และการตาย จะเกดิ ขน้ึ ไดใ นชวงวัยใดของ 13 คนเรา (แนวตอบ เกดิ ขนึ้ ไดในทกุ ชว งวยั ของชวี ติ เชน วยั ทารกก็เจ็บปว ยไดแ ละอาจตายไดเชน เดยี ว กบั วัยอน่ื ๆ) 3. ใหน กั เรียนรวมกนั สรุปวา การเจริญเตบิ โต ตงั้ แตเ ด็กจนเขาสูวยั ชรา ซ่งึ เม่ือเขาสูวัยชรา สภาพรา งกายจะคอยๆ เส่ือมโทรมลง ทาํ ให เกดิ การเจ็บปวย และเสียชวี ิตในท่ีสดุ ซึ่งส่ิงเหลานเี้ กดิ ข้ึนกับทุกคน จนเรียกวา เปน ธรรมชาติของชีวิตมนุษย ขอสอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู “หญิงชราคนหนึง่ ช่อื ดวงพร เธออายุ 80 ป เม่อื ตอนเปน เด็ก แมบอกวา 1 เจริญเตบิ โต การเจรญิ เติบโตทางรางกายของคนเราสงั เกตไดจาก เธอเลี้ยงงาย โตมากเ็ ปนเด็กเรยี บรอย เชือ่ ฟงผูใหญ เมื่อเธอทาํ งานก็ต้งั ใจ • นาํ้ หนกั ทาํ งาน ดวงพรแตง งานและมลี กู 3 คน” • สวนสูง จากขอ ความ ขอ ใดเปนธรรมชาติของชวี ติ มนษุ ย • ความยาวของลาํ ตวั • ความยาวของชวงแขนเมอ่ื กางเต็มท่ี ก. ดวงพรเปน คนแก • ความยาวของเสนรอบวงศรี ษะ ข. ดวงพรแตงงานแลว • ความยาวของเสนรอบอก ค. ดวงพรตัง้ ใจทํางาน • การงอกข้นึ ของฟน แท ง. ดวงพรเปน เด็กเลีย้ งงา ย วเิ คราะหคาํ ตอบ ก. เพราะธรรมชาตขิ องชวี ิตมนษุ ย คอื เกิด แก เจ็บ ตาย ซง่ึ เกิดกบั ทุกคน ดงั นน้ั การท่ีดวงพรเปนคนแก จงึ เปน ธรรมชาติ ของชีวิต ดังนน้ั ขอ ก. เปนคาํ ตอบท่ถี ูก คูม อื ครู 13
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหนกั เรียนตอบคําถามชวนคดิ จากหนงั สือ หนา หลกั การดูแลสขุ ภาพร่างกาย 15 แลวใหแลกเปลยี่ นกันตรวจคําตอบกับเพือ่ น คนทุกช่วงวัยย่อมต้องการมีการเจริญเติบโตที่ดีและสมวัย มีสุขภาพร่างกายท่ีสมบูรณ์แข็งแรง ซ่ึงทุกคนสามารถดูแลรักษา 2. ใหนักเรียนสรุปธรรมชาตขิ องชีวิต จากนนั้ ให สุขภาพรา่ งกายให้สมบรู ณ์แข็งแรง โดยปฏิบัติได้ ดังนี้ นักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 จาก แบบวดั ฯ สขุ ศึกษาฯ ป.2 ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ สุขศึกษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 1.3 แบบประเมนิ ตวั ช้�วดั พ 1.1 ป.2/3 แบบประเมินผลการเรยี นรตู ามตวั ช้วี ัด ประจําหนว ยท่ี ๑ บทท่ี ๒ ๑ ดแู ลรักษารา่ งกายใหส้ ะอาดอยเู่ สมอ ๒ แปรงฟันอย่างน้อยวนั ละ ๒ คร้ัง กจิ กรรมรวบยอดที่ ๑.๓ หลงั ต่ืนนอนและกอ่ นเข้านอน แบบประเมินตวั ชี้วดั พ ๑.๑ ป.๒/๓ • อธิบายธรรมชาตขิ องชีวิตมนุษย ชดุ ท่ี ๑ ๑๐ คะแนน เขียนแผนผงั ความคดิ แสดงธรรมชาตขิ องชีวิตมนุษย พรอมท้ังอธบิ ายส้ันๆ (ตวั อยาง) ธรรมชาตขิ องชวี ิตมนุษย เฉฉบลบั ย เกดิ แก ตาย เจบ็ ๓ ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดกอ่ นกินอาหารหรอื ๔ กินอาหารทีม่ ปี ระโยชนต์ ่อร่างกาย ....................ค....น.....เ..ร....า...ท....กุ....ค.....น.....ท....่ีเ..ก....ิด....ม....า......ย....อ....ม....ม....ีก....า...ร....เ..จ...ร....ญิ......เ.ต.....ิบ....โ...ต....จ....า...ก.....ว...ยั ...ท.....า...ร....ก.......ส.....วู ...ยั ...เ..ด.....็ก......... หลังขับถ่าย .ว...ยั....ร....นุ ........ว...ยั....ผ...ูใ...ห....ญ...... ...แ...ล.....ะ..ว....ัย...ช....ร...า.......(..แ....ก....)......ซ...่งึ....ใ...น.....แ...ต....ล.....ะ...ช...ว...ง....ว...ัย...อ....า...จ....ม....ีก....า...ร....เ..จ....็บ....ป.....ว...ย.......แ...ล....ะ...... .เ..ส.....ยี ...ช....ีว...ิต....ไ...ด.......แ....ต....ถ....า...ด....แู....ล....ส.....ขุ ...ภ....า...พ....ด.....ีเ..ม....่ือ...ถ....งึ....ว...ยั....ช...ร....า......ส.....ภ....า...พ....ร....า...ง....ก....า...ย....จ....ะ..ท.....ร....ุด....โ...ท....ร....ม....ล....ง....... ๕ ออกก�าลังกายสมา่� เสมออยา่ งนอ้ ย ๖ ทา� จติ ใจให้รา่ เรงิ แจ่มใส1 และทา ยท่สี ดุ กจ็ ะตาย........................................................................................................................................................................................................... 14 สัปดาหล์ ะ ๓ ครัง้ ตวั ชี้วัด พ ๑.๑ ขอ ๓ ñðไดค ะแนน คะแนนเตม็ ๑๐ 3. ครสู นทนากับนกั เรยี นวา ธรรมชาติของชวี ิต มนษุ ยเ ปนสิง่ ทหี่ ลีกเลีย่ งไมได ดงั นน้ั เราจึง ควรยอมรับและดูแลตนเองใหม ีสุขภาพดี เพ่อื ใหใ ชชวี ติ อยางมคี วามสขุ จากนน้ั ใหนกั เรยี น รว มกนั ยกตวั อยางการดูแลตนเองใหมีสุขภาพดี เชน กนิ อาหารที่มปี ระโยชน ทาํ จติ ใจใหรา เริง แจม ใส พกั ผอนใหเพียงพอ เปนตน นกั เรียนควรรู กจิ กรรมทาทาย 1 ทาํ จิตใจใหรา เรงิ แจม ใส เปน การผอ นคลายความเครยี ดใหก บั รา งกาย ใหนกั เรยี นเลือก การเกดิ การแก การเจ็บ การตาย มา 1 หัวขอ และจติ ใจ การทําจติ ใจใหรา เริงแจม ใสสามารถทําไดหลายวธิ ีตามความชอบ แลว วิเคราะหว า เพราะอะไรส่ิงเหลานีจ้ งึ เปน ธรรมชาตขิ องมนษุ ย ของแตละคน เชน การฟง เพลง การเลนดนตรี การอา นหนังสอื ทสี่ นใจ ที่ทกุ คนหลีกหนีไมพ น จากนนั้ ออกมารายงานหนา ชั้น การปลูกตนไม หรือการทาํ งานประดษิ ฐตา งๆ เปนตน 14 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ครูตรวจสอบผลการเขียนแผนผังความคิดและ เขียนอธบิ ายธรรมชาติของชีวิตมนษุ ยจ ากกจิ กรรม รวบยอดท่ี 1.3 จากแบบวดั ฯ สุขศกึ ษาฯ ป.2 ตอนท่ี ๑ คา� ถามชวนคดิ หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู เขียนตอบค�าถามตอ่ ไปนีล้ งในสมดุ ๑) นักเรียนตอนอาย ุ ๘ ป ตา่ งจากอาย ุ ๒ ป อยา่ งไร • แผนผงั ความคดิ แสดงธรรมชาตขิ องชวี ติ มนษุ ย ๒) นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไรทีจ่ ะเจรญิ เตบิ โตสชู่ ว่ งวยั ตา่ งๆ จากกจิ กรรมรวบยอดที่ 1.3 จากแบบวัดฯ ๓) นกั เรียนเคยถกู หา้ มไม่ให้ทา� อะไร แลว้ ได้ยนิ ค�าวา่ “ไมเ่ หมาะกับเดก็ ” สขุ ศึกษา ป.2 แล้วนกั เรียนรสู้ ึกอยา่ งไร ๔) ถ้าในครอบครัวมผี สู้ ูงอายุ นกั เรยี นควรปฏบิ ัติตนในการดแู ลทา่ นอย่างไร ตอนที่ ๒ ชวนคดิ ชวนทา� ๑. ตดิ ภาพเดก็ และผสู้ ูงอายลุ งในสมดุ แล้วอธบิ ายลกั ษณะทีแ่ ตกตา่ งกัน ๒. อา่ นหัวขอ้ ท่กี า� หนดให้ แลว้ บันทึกข้อมลู ลงในสมุด ๑) นักเรยี น เคยเหน็ ไมเ่ คยเห็น ทารกเกดิ ใหม่ เดก็ ทารกทีเ่ หน็ มลี กั ษณะอย่างไร ๒) ในครอบครัวของนักเรียน มี ไม่มี ผูส้ ูงอายุ ถ้ามีช่ืออะไร อายุกปี่ ๓) สมาชกิ ในครอบครวั ของนกั เรียน เคย ไมเ่ คย เจ็บป่วย ถา้ เคย ป่วยเปน็ โรคอะไร ๔) นกั เรยี น เคยไป ไม่เคยไป งานศพ ๕) ถ้านักเรยี นตอ้ งการมีชวี ติ ทยี่ นื ยาว นกั เรียนควรปฏิบตั ิตนอย่างไร ตอนท่ ี ๓ ผลงานสรา้ งสรรค์ เ ขียนแผนภาพแสดงธรรมชาตขิ องชีวติ มนุษย์ลงในกระดาษวาดเขียน พร้อมกบั อธิบายสน้ั ๆ 15 ขอสอบเนนการคดิ เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1 คําถามชวนคดิ ถามีคนชักชวนใหซ ้อื ยาทีท่ าํ ใหไมแก นักเรียนควรซือ้ หรือไม เพราะเหตใุ ด แนวตอบ ไมซ อ้ื เพราะความแกเ ปน สิ่งท่ีตอ งเกดิ ข้นึ กับทกุ คนเมอ่ื เขาสู แนวตอบ ชว งวัย ดังนั้นจงึ ไมม ยี าทจี่ ะชว ยทาํ ใหไ มแกไ ด ซึง่ อาจสนั นิษฐานไดว า 1) รา งกายมีการเจริญเตบิ โตตา งกัน เชน น้ําหนกั สว นสงู ตา งกนั ยาชนดิ นเี้ ปนยาทโ่ี ฆษณาเกินจรงิ และอาจเปนอนั ตรายตอ รางกายได 2) - 3) คาํ ตอบขึน้ อยูก บั นักเรยี นแตล ะคน 4) ใหความเคารพนับถอื และเช่ือฟง คําสง่ั สอนของทา น พูดคุยกับทา นบอยๆ เพื่อไมใหทา นรูส กึ เหงา และคอยชวยเหลอื ทานเลก็ ๆ นอยๆ เชน ชว ยเดนิ ไป หยบิ ของใหท า น หรืออา นหนงั สอื ใหทานฟง เปน ตน คูมือครู 15
กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Engage Evaluate òExpand กระตนุ ความสนใจ 1. ครเู ปดเพลง “ใครหนอ” ใหน กั เรียนฟงแลว หนวยการเรียนรูที่ สนทนากนั เกย่ี วกบั เพลงวา มีเนอื้ หาเกี่ยวขอ ง ครอบครัว กบั เรื่องใด ตวั ฉนั และคนรอบขา ง เปา หมายการเรยี นรูประจําหนว ยที่ ๒ 2. ครูใหนักเรยี นรองเพลง “ใครหนอ” โดยเปลีย่ น คาํ สรอ ยในวงเลบ็ (คุณพอ คุณแม) เปน บุคคล ในครอบครวั ของตนเอง ครูสุมนกั เรยี นรอ งทอ น สรอ ยน้ี เมอื่ เรยี นจบหนว่ ยน ้� ผู้เรียนจะมีความรู้ ความสามารถต่อไปน�้ ๑. ระบบุ ทบาทหน้าที่ของตนเองและสมาชิก ในครอบครวั (มฐ. พ ๒.๑ ป.๒/๑) ๒. บอกความสา� คัญของเพ่ือน (มฐ. พ ๒.๑ ป.๒/๒) ๓. ระบพุ ฤติกรรมที่เหมาะสมกับเพศ (มฐ. พ ๒.๑ ป.๒/๓) ๔. อธบิ ายความภูมใิ จในความเป็นเพศหญิงหรอื เพศชาย (มฐ. พ ๒.๑ ป.๒/๔) เกรด็ แนะครู ครูอาจนําเนื้อเพลง “ใครหนอ” มาติดบนกระดาน แลวใหนกั เรียนฝก รอ งตาม จากนน้ั ครอู ธิบายความหมายของคาํ ศพั ทบ างคาํ ในเน้ือเพลงทน่ี ักเรยี นยังไมร ู เชน พสุธา หมายถึง ผืนดิน นภากาศ หมายถึง ทอ งฟา เปนตน เพลง ใครหนอ ใครหนอ รกั เราเทา ชีวี ใครหนอ ปรานไี มม ีเส่ือมคลาย ใครหนอ รักเราใช เพียงรูปกาย รักเขาไมหนาย มคิ ดิ ทาํ ลาย ใครหนอ ใครหนอ เห็นเราเศราทรวงใน ใครหนอ เอาใจปลอบเราเรอ่ื ยมา ใครหนอ รักเราดงั ดวงแกว ตา รกั เขากวางกวา พ้นื พสธุ า นภากาศ จะเอาโลกมาทําปากกา แลว เอานภามาแทนกระดาษ เอานา้ํ หมดมหาสมทุ ร แทนหมกึ วาด ประกาศพระคุณไมพอ ใครหนอรักเราเทาชวี ัน (เทา ชีวัน) ใครหนอใครกนั ใหเราขค่ี อ (คุณพอ คณุ แม) ใครหนอชักชวนดหู นงั สจ่ี อ รูแลวละ ก็อยา มวั ร้ังรอทดแทนบุญคุณ 16 คูมอื ครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ñบทที่ เปา หมายการเรียนรู สาระสาํ คญั • บอกบทบาทหนา ที่ของตนเองและสมาชิก การปฏิบัติตามบทบาทและหน้าท่ีของสมาชิก ในครอบครวั (พ 2.1 ป.2/1) ในครอบครวั จะทา� ให้ครอบครวั มีความสขุ ครอบครัวเปน สุข สมรรถนะของผูเรียน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค 1. มวี ินยั รับผิดชอบ 2. มจี ติ สาธารณะ กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ใหนักเรยี นออกมาเลา เกย่ี วกบั ครอบครวั ของ ตนเองทหี่ นา ช้ัน เชน สมาชิกในครอบครวั มใี ครบา ง ชื่ออะไร อายเุ ทา ไร เปน ตน ถา มีภาพประกอบก็แสดงใหเพือ่ นดูดว ย 2. ใหน กั เรียนเลา วา เม่ืออยทู บ่ี านนกั เรียนทํา อะไรบา ง เชน กวาดบา น ลางจาน เปนตน แลวใหเพอ่ื นๆ บอกวา เคยทําเหมือนกนั หรอื ไม อยางไร ? ¨Ò¡ÀÒ¾ นั¡เรÂÕ นเคÂทÒí §ÒนเËÅÒ่ นéÕ เมè×ออÂÙ่ทบÕè ÒŒ นบÒŒ §Ëร×อไม่ ๑๗ เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรโู ดยการใหน กั เรียนปฏบิ ัติ ดังนี้ • สํารวจบทบาท หนา ทขี่ องสมาชกิ ในครอบครวั • อธิบายบทบาท หนา ท่ี และการปฏบิ ตั ิตนทีเ่ หมาะสมตอสมาชกิ ในครอบครัว • แสดงบทบาทสมมุติเกีย่ วกบั การปฏบิ ัติตนท่เี หมาะสมตอสมาชิกในครอบครวั จนเกดิ ความรคู วามเขาใจวา เมอ่ื อยรู วมกันเปนครอบครวั สมาชกิ ในครอบครัว ตา งกม็ ีบทบาทและหนา ทใ่ี นครอบครวั ทต่ี องปฏบิ ตั ิตาม ถาทุกคนปฏบิ ัติตาม บทบาทและหนาท่ีของสมาชกิ ในครอบครัว และปฏบิ ัติตอกนั อยา งเหมาะสมก็จะ ทําใหค รอบครัวมีความสขุ คูมือครู 17
กระตุน ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore 1. ใหน ักเรยี นสํารวจตนเองวา มีบทบาทในบา น ๑ บทบาทหนาท่ีของสมาชิกในครอบครัว อยา งไร โดยครูอาจยกตัวอยา งบทบาทของครู เพื่อใหน กั เรียนเขา ใจคําวา บทบาทกอน เชน การอยู่ร่วมกันในครอบครัว สมาชิกแต่ละคนต้องมีบทบาท เปนลกู เปนพ่ี เปน นอ ง เปนหลาน เปนตน และหนา้ ท ่ี เชน่ จากนั้นใหนักเรยี นบอกบทบาทของสมาชกิ คนอื่นในบาน 2. ใหน กั เรยี นสอบถามพอ แม หรอื ผปู กครอง เกยี่ วกบั หนาทขี่ องสมาชิกในบา น 3. ครเู ขยี นตาราง 5 ชอ ง บนกระดาน แลวเขยี น หวั ขอตาราง ไดแ ก พอ แม ลูก พ่ี นอง และ ญาติ จากน้นั ใหนักเรยี นชวยกันบอกหนา ท่ีของ สมาชิกในบา นที่ไปสอบถามมา แลวครบู นั ทึก ลงในตารางแตละชอง บทบาทหนาท่ีของ พอ แม ผปู กครอง พี่ นอ ง ญาติ ร่วมกันพในอ แกลาะรแดมูแหลรแอื ลผะปูอกบครรมอสงั่ง เสปอน็ นผลนู้ ูกา� 1 แเลพะผื่อด้ใู หแู ้เลปค็นรคอนบคดรี วั เ ขม้าหี ใจนลา้ ทูก ่ี และปฏบิ ัติตนเปน็ ตวั อยา่ งที่ดีใหก้ ับลูกดว้ ย ผูปกครอง หมายถึง ผู้ให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และพัฒนาเด็กท่ีอยู่ในความปกครองดูแลของตนตามสมควรแก่ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแห่งท้องถ่ิน และต้อง คมุ้ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ ทอ่ี ยู่ในความปกครองดแู ลของตน มิใหต้ กอยู่ ในภาวะอนั นา่ จะเกดิ อนั ตรายแกร่ า่ งกายหรอื จติ ใจ เชน่ พอ่ แม ่ ป ู ยา่ ๑๘ตา ยาย หรอื ญาตผิ ้ใู หญ่ พ่อแมบ่ ญุ ธรรม หรอื ครู่ กั ของพ่อหรือแม่ นกั เรียนควรรู บูรณาการเช่อื มสาระ ครบู รู ณาการความรูในสาระสขุ ศกึ ษาฯ กับสาระสังคมฯ วิชาสงั คม 1 อบรมสั่งสอนลกู การอบรมสั่งสอนลกู หลานควรปฏิบัตโิ ดยมขี อพงึ ระมดั ระวงั ศึกษาฯ เรอื่ งรายรบั - รายจาย โดยใหน ักเรยี นสบื คน วา รายรบั และรายจา ย ดังนี้ ของครอบครวั ของตนมีอะไรบาง และนักเรยี นในฐานะทีเ่ ปนสมาชิกคนหน่ึง ของครอบครวั จะชว ยลดรายจา ยของครอบครัวไดอ ยา งไรบาง จากนนั้ ออกมา 1. อยาตามใจลกู มากเกินไป รายงานหนา ชั้น เพ่อื ใหเ ขาใจรายรับ - รายจายของครอบครวั 2. อยา ลงโทษลกู รุนแรงเกนิ ความผดิ 3. อยา ใหสิ่งของหรอื เงินทดแทนความรกั 4. อยา เปรยี บเทียบลกู หลานหรอื ลําเอยี งเขา ขางฝา ยใดฝายหน่ึง 18 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เด็กๆ เป็นหนงึ่ ในสมาชิก 1. ครยู กตัวอยางหนาทีท่ ี่ตองทํารวมกัน เชน ของครอบครวั ตอ้ งเคารพ และ ทาํ งานบาน แลวถามนกั เรียนวา หนา ท่ีน้ีเปน เชื่อฟังค�าสั่งสอนของพ่อแม่หรือ หนา ทีข่ องใคร จากนน้ั รวมกนั สรุปวา หนาท่ี ผู้ปกครอง ช่วยเหลืองานบ้าน บางอยา งก็เปนหนา ทขี่ องสมาชิกทกุ คน ที่ทา� ได ้ เชน่ กวาดบา้ น ล้างจาน ในบาน กตอ้จิ วงรัตจู้ รกัปดรแูะลจตา� วนนัเอ1 งแในละเรมอื่ คี งวกาามรทรักา� ให้กัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 2. ใหนักเรียนรวมกันสรปุ หนา ที่ของสมาชกิ ไม่ควรทะเลาะกัน คอยตักเตือน เด็กๆ มหี น้าทีช่ ว่ ยพอ่ แม ่ ผูป้ กครอง ทา� งานบ้าน ในบา น กั น เ ม่ื อ ท� า ส่ิ ง ที่ ไ ม ่ ดี แ ล ะ เ ป ็ น เลก็ ๆ นอ้ ยๆ 3. ใหนักเรียนแบงกลุม แลวใหแ ตละกลมุ เปน อนั ตราย ญาติผูใหญหรือผูใหญใน ตวั แทนของสมาชิกในบา นตามตารางบน กระดาน จากน้นั ใหแตละกลุม รวมกันคดิ วธิ ี บาน เป็นคนที่มีความสัมพันธ ปฏบิ ัติตนตอ สมาชิกคนอื่นในบา น แลวออกมา เกยี่ วขอ้ งกบั ตวั เราทง้ั ทางสายเลอื ด นาํ เสนอทห่ี นา ช้นั และไม่ใช่ทางสายเลือด จะดูแล ชว่ ยเหลอื และอบรมสง่ั สอนใหเ้ รา 4. ใหนักเรียนรว มกนั สรปุ วิธปี ฏิบัตติ นตอสมาชกิ ในครอบครวั 5. ครตู ง้ั คาํ ถามวา • การปฏิบตั ติ ามบทบาทและหนา ทข่ี องตนจะ ทาํ ใหเ กิดผลดอี ยางไร (แนวตอบ สมาชิกทกุ คนในบานอยูร ว มกนั อยา งสงบสุข เพราะทุกคนตางทาํ ตามหนาท่ี ของตนทาํ ใหไมเ กดิ การขัดแยง กัน สงผลให ครอบครวั มคี วามสุข) เด็กๆ ตอ้ งชว่ ยเหลืองานบา้ นเทา่ ท่ีจะท�าได้ เป็นคนดี เมื่อสมาชิกในครอบครัว ตา่ งรบู้ ทบาทหนา้ ทแี่ ละทา� หนา้ ที่ ของตนเองให้ดีที่สุด จะท�าให้ ทุกคนในครอบครัวเกิดความรัก และความผูกพันกัน อยู่ร่วมกัน อย่างมคี วามสุข ญาติผ้ใู หญเ่ ราต้องเคารพนับถือ ๑๙ ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ถา นักเรียนเปน พ่ี และตองการใหน อ งรักและเช่อื ฟง นักเรยี นควรทําตาม 1 กจิ วัตรประจาํ วัน หมายถึง ส่ิงท่ีนักเรยี นทาํ เปน ปกตใิ นชวี ติ ประจําวัน เชน ขอใดจึงจะเหมาะสม (ตอบไดมากกวา 1 ขอ) การแปรงฟน อาบนํ้า แตง ตวั เกบ็ ทีน่ อน รับประทานอาหาร เปนตน ซ่ึงการท่ี นกั เรียนสามารถทํากิจวัตรประจาํ วนั ดว ยตนเองได จะทาํ ใหเ กดิ ความภาคภูมิใจ ก. ชวยนองทํางานบา น ในตนเอง และชว ยแบงเบาภาระของพอ แม หรือผูปกครองดว ย ข. ตกั เตือนเม่ือนองทําผดิ ค. พดู กับนอ งอยางสุภาพไพเราะ ง. ยอมรบั ผิดแทนนองเมือ่ นอ งทําผดิ วเิ คราะหค ําตอบ ถาเราเปนพเี่ ราควรดแู ลเอาใจใสนอ ง ชว ยเหลอื กัน และพูดจาสุภาพตอ กนั เพื่อไมใ หท ะเลาะกนั แตก ารรบั ผิดแทนนองเปน วธิ กี ารปฏิบัติตนที่ไมเ หมาะสม เพราะจะทําใหนอ งไมร ูต วั วา ทาํ ผิด ดงั นั้น ขอ ก. ข. และ ค. เปน คาํ ตอบทีถ่ กู คูมอื ครู 19
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหแตล ะกลุม รวมกันแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๒ การปฏิบตั ติ นตอสมาชกิ ในครอบครวั การปฏบิ ัตติ นเมื่ออยูที่บาน แลวออกมาแสดง ทห่ี นาชั้น จากน้นั ใหเพื่อนๆ ชว ยตรวจสอบวา เมอ่ื เราอยรู่ ว่ มกนั เปน็ ครอบครวั สมาชกิ ทกุ คนตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม ถกู ตองเหมาะสมหรอื ไม หนา้ ทขี่ องตนเองและปฏบิ ตั ติ นตอ่ สมาชกิ ในครอบครวั อยา่ งเหมาะสม 2. ใหน กั เรยี นอา นเหตุการณจากกิจกรรม พ่อแม่หรือผู้ปกครองเป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ลูก การเรยี นรู ชวนคดิ ชวนทาํ ขอ 2 หนา 21 ดูแลอบรมส่ังสอน ปกปองสมาชิกในบ้าน ช่วย แลวเขียนวธิ ีปฏบิ ัตติ นทีเ่ หมาะสมลงในสมุด ท�างานบา้ น 3. ใหนักเรยี นนําภาพครอบครวั มาติดลงใน เด็กๆ ต้องเคารพเชื่อฟังพ่อแม่หรือผู้ปกครอง กระดาษ และเขียนชอื่ ความสมั พันธ เแอลื้อะเสฟมื้อาเชผิก่ือใแนผค่ตร่ออทบุกคครวันท ่ีมพีอูดาจยาุมสาุภกากพว1กา่ ับ มทีนุกา�้คในจ และหนา ที่ของสมาชิกลงในกระดาษ และเป็นตัวอย่างท่ีดีต่อสมาชิกในครอบครัวท่ีมี แลว ออกมาแสดงที่หนาช้นั อายนุ ้อยกวา่ ญาติผู้ใหญ่หรือผู้ใหญ่ในบ้านต้องเป็นแบบอย่าง 4. ใหน กั เรียนเขยี นแผนผังความคดิ แสดงบทบาท ที่ดตี อ่ สมาชกิ ในครอบครัวที่มีอายนุ อ้ ยกว่า คอย หนา ที่ของสมาชิกครอบครัวแลว บนั ทึกผลลงใน ดูแลเอาใจใสท่ ุกคนมคี วามเออ้ื เฟอื้ เผ่อื แผ่ และมี กจิ กรรมรวบยอดท่ี 2.1 ขอ 1 จากแบบวัดฯ ความเมตตาตอ่ สมาชิกในครอบครวั สุขศึกษาฯ ป.2 ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ สขุ ศึกษา ป.2 กิจกรรมรวบยอดที่ 2.1 แบบประเมนิ ตวั ชว้� ดั พ 2.1 ป.2/1 แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวช้วี ัด ประจําหนว ยที่ ๒ บทที่ ๑ กิจกรรมรวบยอดที่ ๒.๑ แบบประเมนิ ตัวช้ีวดั พ ๒.๑ ป.๒/๑ • ระบบุ ทบาทหนาท่ขี องตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั ชดุ ที่ ๑ ๑๕ คะแนน ๑ เขียนแผนผงั ความคดิ แสดงบทบาทหนาที่ของตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั (ตัวอยาง) ทํางานหาเงนิ ทํางานหาเงิน พอ ทาํ งานบาน แม ทาํ งานบาน สามี เลย้ี งดูลูก ภรรยา เลย้ี งดูลูก เฉฉบลบั ย บทบาท หนา ท่ี บทบาท หนา ท่ี พอ แม บทบาทหนาท่ีของฉันและ เม่ือสมาชิกทุกคนในครอบครัวต่างปฏิบัติต่อกันด้วยดีแล้ว สมาชกิ ในครอบครัว กจ็ ะทา� ให้ครอบครวั มีความสุข ตัวฉนั หนา ที่ นอ ง หนาท่ี 2๐ เรยี นหนงั สือ เรยี นหนงั สอื บทบาท ทาํ งานบา น บทบาท ทาํ งานบา น ลูก ดูแลนอ ง ลกู ชว ยเหลือพ่ี พ่ี นอ ง ตัวชว้ี ดั พ ๒.๑ ขอ ๑ ñðไดค ะแนน คะแนนเตม็ ๑๔ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนนการคิด การปฏิบัติตนในขอ ใดที่ทําใหสมาชิกในครอบครวั มคี วามสุขมากท่ีสุด ครูอธบิ ายใหน ักเรยี นเขาใจวา ญาติผูใหญท่ีมอี ายุมากมักชอบซักถาม ก. พอแมล กู รว มกนั ทํางานบาน ย้าํ เตือนเรือ่ งตางๆ จนบางครง้ั เราอาจคดิ วา ทานมีนิสยั ขี้บน แตท ี่จริงแลว ข. พอ แมไ มย ุงเรอ่ื งสวนตัวของลูก สงิ่ ท่ที านแสดงออกเปน การแสดงความรกั ความหว งใยทท่ี า นมีตอลูกหลาน ค. พอ แมไ มต กั เตอื นเมอ่ื เหน็ ลกู ทําความผิด ดังนั้น ลูกหลานจงึ ควรเขาใจทา น และไมควรแสดงออกวารําคาญทาน ง. พอ แมทาํ งานลวงเวลาเพื่อหาเงินมาใหล กู วเิ คราะหค ําตอบ พอ แมมหี นา ท่เี ลย้ี งดแู ละอบรมส่งั สอนลกู ถา พอ แม นกั เรยี นควรรู ไมย งุ เกย่ี วกบั ลกู หรอื ทาํ แตงานจนไมมีเวลาใหล ูก ลกู ก็จะรสู ึกวาเหว แลว เมื่อลกู ทําผดิ และพอ แมไมต กั เตือน ก็จะทําใหลูกไมรจู ักผดิ ถกู 1 พดู จาสภุ าพ ถา พูดกบั ผูใ หญ ควรมคี ําลงทา ยประโยค เชน คะ คะ ครบั และอาจทาํ ผดิ อกี ซึง่ เปนการบม เพาะนิสยั ท่ีไมด ีใหกบั ลูก สวนการทํา แตถาพดู กบั ผูทมี่ ีอายุนอยกวา ควรใชค าํ ลงทายประโยควา จะ จะ งานบานรว มกับลกู เปน การทํากิจกรรมรว มกับลกู และทําใหบานสะอาด ผอู ยอู าศยั มสี ุขภาพดี ดังนั้น ขอ ก. เปนคําตอบทถ่ี ูก 20 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครตู รวจความถูกตองของการบอกหนา ท่ีของ สมาชกิ ในครอบครัว ตอนท่ี ๑ คําถามชวนคิด 2. ครตู รวจความถกู ตองของแผนผังความคิด แสดงบทบาทและหนาทข่ี องสมาชิกใน ครอบครัว เขียนตอบคาํ ถามตอไปนีล้ งในสมดุ หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ๑) ถ ้าพ่อและแมห่ รือผ้ปู กครองท�างานเพื่อหาเงินมาให้นักเรยี นใช ้ นกั เรยี น จะชว่ ยทา่ นในเร่อื งใดบา้ ง 1. ภาพครอบครัว แสดงสมาชิกในครอบครัว ๒) ถ้านักเรียนทะเลาะกับพี่หรือน้อง นักเรียนคิดว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครอง และหนา ท่ีของสมาชกิ ในครอบครวั จะรสู้ กึ อยา่ งไร ๓) ถา้ นกั เรยี นไมต่ งั้ ใจเรยี นหนงั สอื นกั เรยี นคดิ วา่ พอ่ แมห่ รอื ผปู้ กครองจะรสู้ กึ 2. แผนผังความคิดแสดงบทบาทและหนาท่ีของ สมาชกิ ในครอบครัว อย่างไร ๔) นักเรียนคิดว่า ตนเองปฏิบัติตัวไม่ดีต่อครอบครัวในเร่ืองใดบ้าง และ นกั เรยี นจะปรับปรุงตนเองอยา่ งไร ๕) เมอ่ื พอ่ แมห่ รอื ผปู้ กครองวา่ กลา่ วตกั เตอื น นกั เรยี นควรปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไร ตอนที่ ๒ ชวนคดิ ชวนทาํ ๑. สํารวจสมาชิกในครอบครัวของตนเองวามใี ครบา ง แลวสอบถามสมาชิกวา มีหนา ท่ีใดบา ง จากนั้นบนั ทึกขอ มลู ลงในสมุด ๒. อา นเหตกุ ารณท ก่ี าํ หนดให แลว เขยี นสง่ิ ทนี่ กั เรยี นควรปฏบิ ตั เิ มอ่ื พบเหตกุ ารณ น้ันลงในสมุด ๑) พ่อ แม ่ หรือผูป้ กครองก�าลังรดน้�าตน้ ไม้ ๒) ปาก�าลังกรอกน้า� ใส่ขวด ๓) พอ่ แม่ หรอื ผ้ปู กครองกา� ลงั กวาดบ้าน ๔) พีก่ �าลงั ซักผ้า ๕) ตาก�าลังจะยกเก้าอีอ้ อกมาท�าความสะอาด ตอนท่ี ๓ ผลงานสรา งสรรค นกั เรยี นนาํ ภาพครอบครวั มาติดลงในกระดาษ แลวเขียนชอ่ื สมาชิกและบอก ความสัมพนั ธท เี่ ก่ียวขอ งกับนักเรียน และอธิบายหนาท่ีของสมาชกิ ในครอบครัว แลวตกแตงผลงานใหส วยงาม จากนั้นนาํ ออกมาแสดงท่ีหนาชน้ั 2๑ ขอสอบเนน การคิด เฉลย กจิ กรรมการเรียนรู ถา แมขอใหนักเรยี นชว ยกวาดบา นขณะนกั เรียนกําลงั ทาํ การบาน ตอนท่ี 1 คาํ ถามชวนคดิ นักเรยี นควรทาํ อยา งไร เพราะอะไร แนวตอบ แนวตอบ บอกแมว า ขอทําการบานใหเสรจ็ กอนแลว จึงจะไปกวาดบา น 1) ต้งั ใจเรยี นหนังสือ และชว ยทํางานบานเพื่อแบง เบาภาระของพอแม หรือ เพราะการทาํ การบา นกเ็ ปน หนาท่ีของเด็กในวัยเรียนทีส่ ําคัญเชนกนั ผูปกครอง ซึ่งถา เรามหี นาทที่ าํ สิง่ ใดก็ควรทําใหเสร็จกอนจึงไปทํางานอื่น โดยอธิบาย 2) รูส ึกเสียใจท่ีลูกไมรกั และสามัคคีกัน เหตุผลใหแ มเ ขาใจดว ยถอ ยคําทีส่ ุภาพ 3) รสู กึ เสียใจ และไมมกี ําลงั ใจในการทํางาน 4) เชน ใชจ า ยฟุมเฟอย ควรปรบั ปรงุ โดยการประหยดั และใชจ ายแตส งิ่ ที่จาํ เปน 5) ยอมรบั ฟง และปฏิบัตติ าม ตอนท่ี 2 ชวนคดิ ชวนทาํ 21 2. แนวตอบ 1) ชว ยพอ แม หรอื ผปู กครอง รดน้ําตนไม 2) ชว ยปากรอกน้าํ ใสขวด 3) ชว ยพอ แม หรอื ผปู กครองกวาดบาน 4) ชวยพซี่ กั ผา และตากผา 5) ชว ยคณุ ตายกเกา อแี้ ละทาํ ความสะอาดเกาอ้แี ทนคณุ ตา คูมอื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรียนรู òบทท่ี • บอกความสาํ คญั ของเพ่ือน (พ 2.1 ป.2/2) สาระสาํ คัญ สมรรถนะของผเู รยี น หน่งึ มติ รชิดใกล เพ่ือนมีความส�าคัญและเป็นคนท่ีใกล้ชิดเรา เมื่อเราอยู่ที่โรงเรียน เรียนและท�ากิจกรรม 1. ความสามารถในการสือ่ สาร ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ รว่ มกนั เราจึงควรปฏิบัตติ นเป็นเพอ่ื นที่ด ี 2. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค 1. มีวนิ ยั รับผิดชอบ กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครสู อนนกั เรียนรอ งเพลง “เพอ่ื นฉัน” พรอ มกับใหช วยกนั ปรบมอื ตามจังหวะเพลง จนคลองแคลว 2. ครสู ุมเรยี กนกั เรียนทลี ะคนใหรอ งเพลงเพ่ือนฉัน พรอ มกบั เตมิ ช่ือเพือ่ นลงในวรรคสุดทา ยของ เพลง แลวช้ีท่เี พอ่ื นคนนนั้ ถานักเรยี นบอก ชอื่ เพอื่ นไมถกู ตอง ใหนักเรยี นไปถามชอ่ื เพอ่ื น แลว รอ งซาํ้ อกี คร้งั ? เ¾è×อนมÕคÇÒมÊÒí คัÞµอ่ เรÒอÂÒ่ §ไรบÒŒ § 22 เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรโู ดยการใหนักเรยี นปฏิบตั ิ ดังน้ี • อธบิ ายวธิ ีปฏบิ ัตติ นตอเพื่อน • แสดงบทบาทสมมุติวิธปี ฏบิ ัตติ นที่เหมาะสมตอเพอื่ น จนเกดิ เปน ความรูค วามเขาใจวา เพื่อนมคี วามสาํ คัญตอเรา เพราะเปน ผูที่ พูดคยุ เลน และใหก ําลงั ใจกับเรา ดงั นนั้ เราจึงควรปฏบิ ัติดีกับเพอื่ น ครูอาจนาํ เน้อื เพลง “เพื่อนฉัน” มาตดิ บนกระดาน เพื่อใหนักเรียนฝก รอ ง ตามเนือ้ เพลง มองหามองดูซี เพลง เพอ่ื นฉนั มีเพ่ือนเราอยูไหน (ซา้ํ ) เพ่ือนฉันนน้ั มมี ากมาย ฉนั ยังจําชื่อได (ช...่อื...เ..พ...อ่ื...น......ช...ือ่ ...เ.พ....อ่ื ...น...) 22 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ ความสาํ คญั ของเพอ่ื น 1. ใหน ักเรียนบอกชือ่ เพ่ือนในกลุมของนกั เรยี น แลวใหบ อกวาชอบอะไรในตัวเพื่อนบา ง คนเราทกุ คนตา่ งลว้ นมเี พอื่ น ทงั้ เพอื่ นทเี่ ปน็ เพศเดยี วกนั หรอื เพ่ือนที่ไม่ใช่เพศเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเพ่ือนที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน หรือ 2. ใหน กั เรียนรว มกนั บอกวา เพื่อนที่นกั เรียนชอบ เพือ่ นที่โรงเรยี น และไมช อบมลี กั ษณะอยางไร เพ่ือนเป็นคนท่ีอยู่ใกล้ชิดเราและใช้เวลาอยู่ร่วมกับเรามาก รองลงมาจากครอบครัว ในวันหนึ่งเราเรียนและท�ากิจกรรมร่วมกับ 3. ใหนกั เรยี นเลาวา ในแตละวันนกั เรียนทํา เพอื่ น ดังน้ันเพอ่ื นจงึ มคี วามสา� คญั ตอ่ เราหลายประการ กจิ กรรมอะไรกับเพือ่ นบา ง แลวครูจดลงบน กระดาน อธบิ ายความรู Explain 1. ใหน ักเรยี นรว มกนั สรปุ กิจกรรมทที่ ํารวมกับ เพอ่ื น จากนน้ั อธิบายความสําคัญของเพ่อื น 2. ใหน กั เรยี นรวมกันคิดวิธีปฏบิ ัตติ นตอเพ่อื น โดยครูเขยี นแผนผงั ความคดิ บนกระดานแลว ใหนกั เรยี นออกมาเขยี นเตมิ วธิ ีปฏบิ ตั ติ นตอ เพอ่ื น เชน น¡ั เรÂÕ นค´Ô Ç่Ò เธอ เ¾èอ× นมคÕ ÇÒมÊÒí คÞั µ่อเรÒ เปน็ ¼ทÙŒ ÕèเรÒเÅ่น ย้มิ พดู ไพเราะ ฉนั ´ŒÇÂครบั อÂÒ่ §ไรบÒŒ §คÐ วธิ ีปฏิบตั ิ จะ ªÇ่ ÂÊอน¡ÒรบŒÒน ตอ เพื่อน ทèÕเรÒไม่เขŒÒã¨ค่Ð แบง ขนม นม ขนมปง คอªÇ่ ÂเËÅอ× เมèอ× เรÒมปÕ Þ˜ ËÒครับ เปน็ ¼ŒÙทเèÕ รÒ¾´Ù คØÂ ´ÇŒ ÂเÊมอคÐ่ นั¡เรÕÂนเËนç ไËมคÐÇ่Ò เ¾è×อนมÕคÇÒมÊÒí คÞั มÒ¡ ´ั§นนéั เรÒ¨§Ö คÇร ป¯บÔ ัµµÔ นเปน็ เ¾×อè นทÕ´è µÕ อ่ ¡นั เ¾èอ× นæ ¨Ðไ´รŒ ¡ั เรÒ 2๓ ขอ สอบเนนการคดิ เกร็ดแนะครู “เพื่อนกินหางาย เพ่อื นตายหายาก” นกั เรยี นคดิ วา ขอความน้ี ครูควรอธบิ ายใหนกั เรยี นเขา ใจวา ถา นกั เรียนทําการบา นไมได นักเรียนก็ หมายความวาอะไร และยกตวั อยางพฤติกรรมทีต่ รงกบั สาํ นวนน้ี ไมควรลอกการบานเพอ่ื น เพราะจะทาํ ใหไ มเขา ใจบทเรียนมากข้ึนและถกู ครลู งโทษ แนวตอบ สํานวนนีห้ มายถึง เพอื่ นกนิ เปน เพื่อนที่จะอยูกบั เราในเวลาท่ี ดังนน้ั ถานกั เรยี นไมส ามารถทาํ การบา นได ควรสอบถามครหู รือใหเ พือ่ นทเ่ี ขาใจ เรามีความสขุ เทาน้นั สว นเพ่อื นตายเปน เพอื่ นทีอ่ ยูกับเราเมื่อเรามปี ญหา ชว ยสอน เพอื่ ใหเ ราสามารถทําการบานได หรือความทกุ ข ซงึ่ เพือ่ นที่มลี กั ษณะเปน เพื่อนกนิ นน้ั มีอยูมาก แตเพอ่ื นที่มี ลกั ษณะเปน เพ่อื นตายมีอยนู อ ย พฤติกรรมที่ตรงกับสํานวนน้ี เชน • น้งิ ชอบชวนตา ยไปดูหนงั อยเู สมอ แตเ มื่อตา ยมปี ญหา น้งิ ก็ ไมสนใจ แตฝ า ยซึ่งเปนเพ่ือนอีกคนกลับมาใหคาํ ปรกึ ษาและคอยปลอบใจ ตา ยอยูเสมอ จงึ เปรยี บน้งิ เปน เพอ่ื นกนิ และฝา ยเปน เพอื่ นตาย คมู ือครู 23
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหน กั เรยี นแบงกลมุ แลว ใหแตล ะกลุมรว มกัน ๒ วิธีการปฏบิ ตั ิตนเป็นเพอ่ื นทด่ี ี แสดงบทบาทสมมุติ การปฏิบัตติ นตอเพ่อื นตาม เราควรปฏิบัติตนเป็นเพ่ือนท่ีดีเพราะจะท�าให้เราอยู่ร่วมกัน สถานการณท คี่ ดิ ข้ึน แลวออกมาแสดงท่ีหนาช้ัน อย่างมคี วามสขุ ซง่ึ สามารถท�าได้ ดังนี้ จากน้นั ใหเพอื่ นตา งกลุมตรวจสอบวาถูกตอ ง เพือ่ นล๑มื .น แา� บย่งาปงลันบสมิ่งขาอเงรใาหกก้ ็คนั วรมแนีบา้�่งใใจหเเ้อพ้อื ือ่ เฟนใือ้ ชเผด้ อื่ว้ ยแผข่ตณอ่ เะพเลอ่ื ่นนชเงิ ชชน่า้ 1 เหมาะสมหรือไม ทส่ี นามโรงเรยี น ก็ควรผลดั กันเล่นกบั เพอ่ื น เป็นตน้ ๒. ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกัน เช่น การช่วยเหลอื เพอื่ นในด้าน 2. ใหนกั เรียนอา นขอความในกิจกรรม ชวนคดิ การเรียนบางวิชา ถ้าเพ่ือนหรือเราไม่เข้าใจเนื้อหาบางส่วน ก็อาจ ชวนทาํ ขอ 2 แลว บอกวาเหมาะสมหรือไม เพราะเหตใุ ด 3. ใหน กั เรยี นอานขอความจากกิจกรรมรวบยอด ที่ 2.2 จากแบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.2 แลว บอก ความสําคัญของเพอ่ื น ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ พูดคุยแลกเปล่ียนความรู้หรือให้เพื่อนท่ีเข้าใจดีแล้ว ช่วยสอนหรือ สขุ ศึกษา ป.2 กิจกรรมรวบยอดที่ 2.2 แบบประเมินตวั ช�้วัด พ 2.1 ป.2/2 อธบิ ายอีกครั้งหน่งึ เป็นตน้ แบบประเมนิ ผลการเรียนรูตามตัวชวี้ ัด ประจาํ หนวยท่ี ๒ บทที่ ๒ ๓. ไมร่ งั แกเพือ่ น ไมแ่ กลง้ เพอื่ น และไมล่ ้อเลยี นเพ่อื น ๔. ต้งั ใจเรยี น ไมช่ กั ชวนเพ่อื นคุย ขณะท่คี รูกา� ลังสอน กิจกรรมรวบยอดที่ ๒.๒ ๕. พดู จาไพเราะสภุ าพกับเพ่ือน เชน่ “ครบั ” หรอื “คะ่ ” ๖. กล่าว “ขอบคุณ” “ขอบใจ” แบบประเมินตัวชวี้ ัด พ ๒.๑ ป.๒/๒ เม่ือเพ่ือนท�าส่ิงใดให้แก่เรา และ • บอกความสาํ คญั ของเพื่อน ขอโทษครบั กลา่ ว “ขอโทษ” เมื่อตนท�าผดิ และ ไม่เปน็ ไรครบั ร้จู ักให้อภัยเพือ่ น ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน ๗. แสดงความชื่นชมยินดี อา นสถานการณทก่ี าํ หนดให แลว บอกความสาํ คัญของเพื่อน กบั เพอื่ น เม่ือเพื่อนมคี วามสุข ๘. เพอื่ นควรใหค้ วามชว่ ยเหลอื ๑) ฝนเห็นแกมน่ังหนาเศรา จึงเขาไปถามแกมวาเปนอะไร แกมเลาให ผู้อื่นทต่ี ้องการความช่วยเหลือ ฟงวา แมวของเธอตาย เธอจึงรสู กึ เศรา ฝนจงึ พดู ปลอบใจแกม เพ่ือนมคี วามสําคญั ดังน้ี การรจู้ กั กลา่ วคา� ขอโทษเมอ่ื ทา� สง่ิ ทไ่ี มด่ ตี อ่ เพอ่ื น ทง้ั ตง้ั ใจหรอื ไมไ่ ดต้ งั้ ใจ เปน็ ลกั ษณะของเพอื่ นทดี่ ี ๒) เม่อื ครปู ระกาศผลสอบวาเกงสอบไดค ะแนนเต็มวชิ าภาษาไทยเปน ผทู ่ีคอยปลอบใจเพื่อนเมอ่ื เพื่อนมีความทกุ ขเฉฉบลบั ย ........................................................................................................................................................................................................ เพ่ือนๆ กเ็ ขา มาแสดงความยนิ ดกี บั เกง เพื่อนมีความสาํ คญั ดังน้ี เปน ผูท่ีชื่นชมยินดเี มอ่ื เพื่อนทาํ ดีหรอื ประสบความสาํ เรจ็........................................................................................................................................................................................................ ๓) มดไมสามารถทําการบานวิชาคณิตศาสตรได จึงไปขอใหฝายชวย ซึ่งฝายชวยอธิบายจนมดทาํ การบา นไดเ สรจ็ ทุกขอ เพอ่ื นมีความสาํ คัญ ดงั นี้ เปน ผูใ หคําสอน คาํ อธิบาย คําแนะนาํ เมอ่ื เพอื่ นมีปญ หา........................................................................................................................................................................................................ ๔) ตอนพักเท่ียง นนทชวนเพื่อนไปเลนเตะบอลที่สนามของโรงเรียน เขาและเพื่อนๆ รสู กึ สนกุ มาก เพื่อนมีความสาํ คญั ดงั นี้ เปน เพ่ือนเลน ทาํ ใหเ กิดความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ........................................................................................................................................................................................................ ๑๘ 24 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ถาเพื่อนลมื นาํ ดนิ สอมา นกั เรยี นควรพดู กบั เพือ่ นอยา งไร ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ วา เพอ่ื นตา งเพศควรใหเ กยี รติซง่ึ กันและกัน เชน เพอ่ื น ก. เธอมีเงนิ ซือ้ ดนิ สอไหม ผชู ายไมควรถกู เนือ้ ตองตัวเพ่อื นผหู ญงิ ไมพ ดู คําหยาบ หรือคาํ ลามกกับเพื่อนผหู ญงิ ข. ท่ีสหกรณมดี นิ สอขายนะ เพ่อื นผหู ญงิ กค็ วรใหเกียรตเิ พ่อื นผูช าย พดู จากันดวยถอยคาํ ทส่ี ภุ าพ ไมพดู ลามก ค. ฉันมหี ลายแทง ฉันใหย ืมจะ เปน ตน ง. ไปขอยืมคณุ ครสู ิ ฉนั เห็นครูมเี ยอะ วเิ คราะหคําตอบ เม่ือเพ่ือนลมื นาํ ดนิ สอมา เพ่อื นที่ดคี วรใหเ พ่ือนยืม นกั เรยี นควรรู เพราะเปน การแสดงความมีน้ําใจเอื้อเฟอตอ เพ่อื น ดงั นนั้ ขอ ค. เปน คําตอบทถ่ี กู 1 เลนชิงชา ขณะไกวชงิ ชา ใหเพื่อนไมค วรไกวแรงมากเกินไป เพราะอาจทาํ ให เพื่อนตกจากชงิ ชา และไดร บั บาดเจ็บได 24 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ครูตรวจสอบการบอกความสําคญั ของเพื่อน จากการทาํ กจิ กรรมรวบยอดท่ี 2.2 จากแบบวัดฯ สขุ ศกึ ษา ป.2 ตอนที่ ๑ คําถามชวนคดิ หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู เขยี นตอบคาํ ถามตอ ไปนี้ลงในสมดุ ๑) ใ นแต่ละวัน นักเรียนท�ากิจกรรมใดร่วมกับเพื่อนบ้าง เม่ือท�ากิจกรรม • กิจกรรมรวบยอดที่ 2.2 จากแบบวดั ฯ สุขศกึ ษา ป.2 น้ันแล้ว นกั เรยี นมีความร้สู กึ อย่างไร ๒) นกั เรยี นเคยทะเลาะกบั เพอื่ นหรอื ไม ่ และมวี ธิ ปี รบั ความเขา้ ใจกนั อยา่ งไร ๓) ถ้าเพ่ือนไมเ่ ห็นด้วยกบั ความคดิ ของเรา นกั เรยี นควรทา� อย่างไร ๔) ถ ้าเกิดเหตุการณที่ท�าให้ทะเลาะกับเพ่ือน แล้วนักเรียนรู้สึกโมโหมาก นกั เรยี นควรท�าอยา่ งไร ตอนท่ี ๒ ชวนคดิ ชวนทํา ๑. จับคกู ับเพื่อนสนทิ แลวเขยี นขอดี ขอ เสีย และขอ ควรปรับปรงุ ของตนเอง และเพ่อื นสนทิ ลงในสมุด ๒. อานขอ ความทกี่ ําหนดให แลว บอกวาควรปฏิบัตติ อ เพอื่ นตามพฤตกิ รรม ท่กี ําหนดใหห รือไม เพราะเหตุใด ๑) ชว่ ยเพ่อื นถอื ของ ๒) เรยี กเพอื่ นวา่ “คณุ ” หรอื “เธอ” ๓) ช่วยสอนการบา้ นเพ่ือน ๔) แอบปากระดาษให้โดนเพอื่ น ๕) กลา่ วขอโทษเมื่อเดนิ ชนเพือ่ น ตอนท่ี ๓ ผลงานสรางสรรค นกั เรยี นรวมกนั คัดเลือกเพ่ือนทีม่ ีลกั ษณะดงั ตอ ไปนี้ โดยการลงคะแนน ๑) เพอ่ื นท่ีพดู ไพเราะมากที่สุด ๒) เพ่อื นท่ีเรยี บรอ้ ยมากที่สดุ ๓) เพอ่ื นทีม่ ีนา�้ ใจมากทส่ี ดุ ๔) เพือ่ นทีเ่ รยี นเกง่ ท่สี ุด ๕) เพ่อื นท่ชี อบชว่ ยเหลอื เพ่อื นมากทส่ี ุด 2๕ ขอสอบเนนการคิด เฉลย กจิ กรรมการเรยี นรู ใครในขอ ตอไปนี้ปฏบิ ัติตนเปนเพื่อนท่ีดีไดเ หมาะสมท่สี ุด ตอนที่ 1 คาํ ถามชวนคดิ ก. หวานใหเ พื่อนยืมดนิ สอโดยคดิ คา ยืมวนั ละ 1 บาท แนวตอบ ข. ผ้งึ ใหเ พอื่ นที่เปน หวดั ดมื่ นา้ํ จากแกว ของตนเอง 1) ว่งิ เลน กบั เพื่อน เม่ือทําแลวรูสกึ มคี วามสุข ค. นาํ้ ชวยพยุงจิบ๊ ไปหองพยาบาล เพราะจ๊บิ ขาเจ็บ 2) เคย ปรับความเขาใจโดยพดู คุยกันดวยเหตุผล ไมใชอ ารมณ ง. ตนชวยทําการบานแทนแปง เพราะแปง ไมเ ขาใจ 3) รบั ฟงเหตุผลของเพือ่ น และอธบิ ายความคิดของเราใหเพ่อื นเขา ใจ วิเคราะหค ําตอบ ก. การชว ยเหลอื เพ่อื นควรทาํ ดว ยความจริงใจ โดยไมใ ชอารมณ ไมห วงั สงิ่ ตอบแทน 4) พยายามระงับความโมโห แลวแยกจากเพอื่ นสักพกั เม่อื อารมณด ขี น้ึ แลว ข. การใหเ พอ่ื นท่ีเปนหวดั ดืม่ น้ําจากแกว ของเรา อาจทาํ ใหเราตดิ หวัด จึงคอยกลบั มาปรับความเขาใจกบั เพ่ือน จากเพ่ือนได ตอนท่ี 2 ชวนคิด ชวนทาํ ค. การชวยเหลอื เม่ือเพ่ือนบาดเจบ็ เปนการแสดงถึงความมนี ้ําใจตอกนั 2. แนวตอบ ง. การทําการบานแทนเพอื่ นจะยิ่งทําใหเ พื่อนไมเ ขาใจบทเรียนมากข้นึ 1) ควร เพราะเปน การแสดงความมนี าํ้ ใจ เราควรจะสอนเพ่อื นใหเขาใจ แตไ มควรทําการบา นแทนเพื่อน 2) ควร เพราะเปน คําที่สภุ าพ 3) ควร เพราะเปน การชวยเหลอื เพ่อื น ดังนั้น ขอ ค. เปน คาํ ตอบที่ถกู 4) ไมค วร เพราะเปน การแกลง เพ่ือน 5) ควร เพราะเราทาํ ผดิ กค็ วรขอโทษเพ่ือน คูมอื ครู 25
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปา หมายการเรยี นรู óบทท่ี 1. บอกพฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสมกบั เพศ เขา ใจตนเอง (พ 2.1 ป.2/3) สาระสําคญั ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ เพศชายและเพศหญงิ เกดิ มามคี วามแตกตา่ ง 2. อธิบายความภมู ใิ จในความเปนเพศหญงิ หรอื กนั ทางสรรี ะหรอื รา่ งกาย แตค่ วามเปน็ ชายหรอื เพศชาย (พ 2.1 ป.2/4) ความเป็นหญิงนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศโดย กา� เนดิ เราจงึ ควรภมู ใิ จในความเปน็ ตวั ตนของ สมรรถนะของผเู รียน ตนเอง และปฏบิ ัตติ นให้เหมาะสม 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ๑๒ 1. มีวินยั รับผดิ ชอบ 2. รักความเปน ไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ใหน กั เรยี นดูภาพ หนา 26 แลวบอกวา เดก็ ใน ภาพมลี กั ษณะอยา งไร และรูไดอยา งไร ๔ ๓ ? µÇั µนขอ§น¡ั เรÂÕ นเป็นอÂÒ่ §ไร 2๖ เกรด็ แนะครู ครจู ัดกระบวนการเรียนรโู ดยการใหน ักเรียนปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี • อภิปรายคุณคาตนเอง • แสดงบทบาทสมมตุ เิ กยี่ วกับการปฏิบตั ติ นที่เหมาะสม จนเกิดความรูความเขาใจวา คนทุกคนมีความสําคัญไมวาจะเกดิ มามเี พศใด ดังนน้ั ทุกคนจึงควรปฏบิ ตั ติ นใหเหมาะสม และใหเ กียรตผิ ูอ ืน่ 26 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ ตัวตนของเรา 1. ใหน กั เรียนแบง กลุมเปน 2 กลุม โดยแตละ กลมุ รว มกนั คิดวา บทบาททางสังคมอยางไร คนเรามีความแตกต่างกันทั้งทางสรีระร่างกายและบทบาท บา ง แลว ออกมาเขียนบนกระดาน ทางสงั คม ซ่ึงความแตกต่างทางสรีระร่างกายเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ สว่ นบทบาททางสังคมส่วนใหญ่มลี กั ษณะ ดังน้ี 2. ใหน กั เรยี นดขู อมูลบนกระดาน แลวรวมกัน อภปิ รายวาทุกคนมคี ุณคา เหมอื นกันหรือไม ตัวอยางบทบาททางสังคม และมีคณุ คา อยางไรบาง อธบิ ายความรู Explain มีความเป็นผู้นา� เช่น เป็นหวั หน้าชั้น ผนู้ �าสวดมนต 1. ใหนักเรียนรว มกนั สรุปวา ทุกคนตา งกม็ ีคณุ คา ปกปอ งคุ้มครองดูแลผ้ทู อี่ ่อนแอกว่า เช่น ดแู ลนอ้ ง ในตนเอง เพราะทกุ คนตา งมบี ทบาทหนาที่ มีความอดทนและเข้มแขง็ และความสําคญั ในสงั คม มีวาจาสภุ าพกบั ผ้อู ่ืน ปฏิบตั ิตนเป็นแบบอย่างทดี่ ตี อ่ ผ้อู ืน่ 2. ครูอธิบายเพมิ่ เติมโดยการนาํ ภาพชายและ มีน้�าใจ เสียสละ หญิงทป่ี ระกอบอาชพี หลากหลายในปจ จบุ นั รมักีกนิรวิยลาสสภุงวานพต ัวเ1ร เยี ชบ่นร อ้ไมย่อยู่ในที่ลับตา 2ไม่ให้ผู้อื่นถูกเน้ือต้องตัว มาใหด ู แลว บอกวา ในปจ จุบันชายและหญงิ ไม่ควร ตา งกม็ สี ิทธิเทา เทยี มกนั สามารถทํางานตา งๆ ไดเ หมือนกัน ดงั นั้น ทกุ คนจึงมีคณุ คา และ ควรภาคภูมิใจในตนเอง แต่งกายเปดเผยเนือ้ ตวั มากเกินไป 3. ใหนกั เรียนรว มกันอภิปรายวา จะทาํ อยา งไรให ตนเองมคี ุณคา แลวสรปุ ผลเปนขพฤตกิ รรมที่ เหมาะสม ๒ ความภูมใิ จในตนเอง ความภาคภมู ิใจในตนเอง เปน็ ความรสู้ กึ ทดี่ ตี อ่ ตนเอง เชอื่ มนั่ และเห็นคุณค่าในตนเอง ซึ่งคุณค่าน้ันไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตา ฐานะ ฯลฯ แตจ่ ะขนึ้ อยกู่ บั การทา� ความด ี รจู้ กั ยกยอ่ งใหเ้ กยี รตติ นเอง และผู้อ่นื ไมด่ ถู ูกดูหม่นิ ตนเองและผอู้ ื่น ผ้ทู มี่ คี วามภูมิใจในตนเอง จะเช่ือมน่ั ในความสามารถของตนเองท่จี ะกระท�าส่ิงตา่ ง ๆ ได้ส�าเรจ็ ทงั้ ดา้ นการเรยี นและการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม รวมถงึ อาชพี ของตนเอง ในอนาคต 2๗ ขอ สอบเนนการคดิ นักเรยี นควรรู ใครมพี ฤติกรรมที่เหมาะสม 1 รกั นวลสงวนตัว หมายถึง การดแู ลตนเองใหบ รสิ ุทธิ์ แสดงกริ ิยาสุภาพ ก. แตว ชอบเลนตอสกู ับเพื่อนผชู าย เหมาะสม แตง กายสุภาพ ไมล อ แหลมหรอื ยว่ั ยวนใหเกิดพฤตกิ รรมทางเพศ ข. ติก๊ ชอบชวยแมทํากบั ขาวตอนเย็น ท่ีไมเหมาะสม ไมมีเพศสัมพนั ธก อ นวัยอันสมควร ซง่ึ การรกั นวลสงวนตวั เปน ค. เติ้งชอบเอาลิปสตกิ ของแมม าทาเลน วฒั นธรรมไทยอยา งหนึ่งท่ีเดก็ หญงิ ทุกคนควรนาํ มาปฏิบัติ ง. ตม้ั แอบเอากระโปรงของพ่ีสาวมาสวม 2 ท่ีลบั ตา หมายถึง สถานทที่ ล่ี บั ตาผูอ ื่น สถานทีท่ ่ผี อู นื่ มองไมเ ห็น เชน หองท่ี วิเคราะหคาํ ตอบ เติง้ ควรขออนญุ าตแิ มกอนจะนาํ ลิปสตกิ มาเลน ตัม้ ไมม ใี ครอยู หอ งนอน เปน ตน ควรขออนุญาติพ่ีสาวกอนนาํ กระโปรงมาสวม สวนแตว เลน ตอ สูกันเปน พฤติกรรม ซึง่ อาจมีความรนุ แรง จงึ ไมเ หมาะ ดงั น้นั ขอ ข. เปน คําตอบทถ่ี กู คมู อื ครู 27
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ครูยกตัวอยา งสถานการณ แลว ใหนักเรียน ๓ พฤตกิ รรมทเี่ หมาะสม แสดงบทบาทสมมุตวิ ิธปี ฏิบตั ิตนท่ีเหมาะสม ทห่ี นา ชัน้ จากนน้ั ใหนักเรยี นบันทึกลงในสมุด คนในสังคมปจั จุบนั มคี วามแตกตา่ งกนั ทงั้ ขนาดร่างกาย สีผิว สีผม เช้ือชาติ รวมทั้งความหลากหลายทางเพศ ความแตกต่าง 2. ใหนกั เรยี นบอกความภาคภมู ิใจในเพศของตน หรือความหลากหลายเช่นน้ี เป็นลักษณะเฉพาะของแตล่ ะบคุ คลที่ แลว บันทึกผลลงในกิจกรรมรวบยอดท่ี 2.4 แสดงออก เราควรเรยี นรพู้ ฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสมตอ่ ตนเองและผอู้ นื่ ดงั นี้ จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 ไม่ตัดสินหรือให้คณุ ค่าของคนจากลักษณะภายนอก ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ สขุ ศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 2.4 ยอมรบั และเคารพในสทิ ธขิ องตนเองและผ้อู ื่นทม่ี ตี า่ งกนั แบบประเมินตวั ช้ว� ดั พ 2.1 ป.2/4 ใหเ้ กียรตแิ ละยกย่องผู้อน่ื มคี วามเสยี สละ กิจกรรมรวบยอดที่ ๒.๔ มคี วามรับผดิ ชอบ มีความห่วงใยผู้อืน่ แบบประเมนิ ตวั ช้วี ัด พ ๒.๑ ป.๒/๔ มคี วามจริงใจ ซอื่ สัตย ไม่เอาเปรียบผู้อน่ื • อธิบายความภาคภูมใิ จในความเปน เพศหญงิ หรือเพศชาย มีความอดทน อดกล้ัน ไม่ก้าวรา้ ว รนุ แรง เปน็ ผูพ้ ดู และผู้ฟงั ทด่ี ี พดู จาด้วยถ้อยค�าที่สภุ าพ ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน มีกริ ยิ ามารยาทเรยี บร้อยเหมาะสมตามวฒั นธรรม ไเหมน็ย่ คอณุมใคหา่ ข้ผอู้องนื่ ตสนัมเอผงสั รมา่ คี งวกาามยน1บั ถอื ตนเอง รกั นวลสงวนตวั เขียนความภาคภมู ิใจในตนเองมา ๒ ประการ พรอมท้ังยกตวั อยางเหตุการณป ระกอบ 2๘ เป็นผู้ท่ีรับฟังปญั หาของผอู้ ื่นและพรอ้ มช่วยเหลอื ๑(ต)วั อคยวาางม) ภาคภูมิใจในตนเอง คอื ................................................................................................................... .ฉ.....นั ....เ..ป....น.....ผ...ูท.....ีม่ ...ีก....ริ....ยิ....า..ม....า...ร...ย....า...ท....เ..ร...ีย....บ....ร....อ....ย...เ..ห....ม....า...ะ..ส.....ม...ก....ับ.....เ..พ....ศ....................................................................... จากเหตุการณ ดังนี้ ....๑...).....เ..ม....่อื....ฉ....ัน....จ....ะ...อ...อ....ก....จ....า...ก....บ....า...น.....เ..พ....่ือ...ม....า...โ...ร...ง....เ.ร....ีย...น..................................... ...........ฉ....นั.....จ....ะ..ย....ก....ม....ือ...ไ...ห....ว...แ...ล....ะ...ก....ล....า...ว...ส.....ว...ัส....ด....ีพ....อ....แ...ม....ท ....กุ ....ค....ร....้ัง.............................................................................. เฉฉบลบั ย .๒....)......เ..ม....อ่ื ...ฉ....ัน.....ม....า...ถ...ึง....โ..ร....ง...เ..ร....ีย...น........ฉ....นั.....จ....ะ..ย....ก....ม....อื ...ไ...ห....ว...แ...ล....ะ...ก....ล....า...ว...ส....ว...ัส.....ด....คี....ณุ......ค....ร...ูท.....กุ ....ค....น..................... .๓....)......เ..ม....อ่ื ...ฉ....นั.....ก....ล....บั.....ถ....ึง...บ....า...น........ฉ....นั.....จ...ะ...ย....ก....ม...อื....ไ...ห....ว...แ...ล....ะ...ก....ล....า...ว...ส....ว...ัส.....ด....ีพ....อ....แ...ม....ท....ุก....ค....ร....งั้ ......................... ...........เ..ม....ือ่ ...ฉ....ัน.....ป....ฏ....บิ.....ัต....แิ ...บ....บ.....น....้ี...ท....าํ...ใ...ห....ท....กุ....ค.....น....ช...ม....ว...า...ฉ....ัน.....เ..ป....น ....เ..ด....็ก....ด....ี.......................................................... ๒) ความภาคภูมิใจในตนเอง คือ................................................................................................................... ฉันแตง กายเรยี บรอยจนทกุ คนช่ืนชม........................................................................................................................................................................................................ จากเหตุการณ ดงั น้ี ....๑...).....เ..ม....อ่ื....ฉ....ัน....ไ...ป....ว...ัด.......ฉ....ัน.....ก....ส็....ว...ม....เ..ส....ือ้....ผ...า...ท.....่เี .ร....ยี...บ.....ร...อ....ย.............................. โดยสวมเส้ือแขนยาวและใสกระโปรงยาว........................................................................................................................................................................................................ .๒....)......เ..ม....อ่ื ...ฉ....นั.....ไ...ป....โ..ร....ง...เ..ร....ยี ...น........ฉ....นั.....ก....็แ...ต....ง....ก....า...ย...ด....ว...ย....ช...ดุ....น.....กั....เ..ร...ีย....น.....ท....ี่ถ....ูก....ร...ะ...เ..บ....ยี....บ................................... .๓....)......เ..ม....ื่อ...ฉ....นั.....ไ...ป....เ..ท....ีย่...ว......ฉ.....ัน....ก....ใ็...ส....ช....ดุ ....ท....ี่ท....ะ...ม...ัด....ท.....ะ..แ....ม...ง.......เ.ช....น .......เ..ส....้อื....ย....ดื .......ก....า...ง...เ..ก....ง...ข...า...ย....า...ว................. ...........เ..ม....่ือ...ฉ....ัน.....ป....ฏ....ิบ.....ตั ....ิแ...บ....บ.....น....ี้...ท....กุ.....ค....น....ก.....ช็ ...ม...เ..ช....ย...ว...า...ฉ....ัน.....แ...ต....ง....ก....า...ย...ด....ีแ...ล.....ะ..เ..ห....ม....า...ะ..ส.....ม............................ ตัวชี้วัด พ ๒.๑ ขอ ๔ ñðไดค ะแนน คะแนนเตม็ ๒๔ บรู ณาการอาเซียน ขอสอบเนนการคดิ ใครมีพฤตกิ รรมทเี่ หมาะสมกบั คําวา สภุ าพบรุ ุษ ใหนักเรียนคิดวา มีความภาคภมู ใิ จในตนเองอยางไรบา ง แลว ออกมาเลาท่ี ก. อนเดนิ จับมือกับตาลขณะเดินขามถนน หนาช้ัน จากนน้ั ครแู ละเพือ่ นๆ กลาวชมเชยในสงิ่ ทนี่ ักเรยี นภาคภมู ิใจ เพือ่ ให ข. เตย ชวนหญิงไปบานเม่ือพอแมไมอยบู าน นักเรียนเหน็ คุณคา รกั ตวั เอง และอยากทาํ ดตี อ ไปอกี เพ่อื เปน การเตรียมพรอ ม ค. พลชว ยแนนถอื กองหนงั สอื ไปคืนหองสมดุ สูการเปนพลเมืองอาเซียน ง. กองสอนการบานแปงในหอ งเรยี นสองตอ สอง วเิ คราะหคาํ ตอบ สุภาพบุรุษ คือ ผูช ายท่ปี ฏิบตั ิตนไดเ หมาะสมตามเพศ นกั เรียนควรรู เชน ใหเ กียรติผูห ญงิ ชวยเหลอื ผทู อ่ี อนแอกวา มีความสุภาพ ออนนอ ม ไมถกู เนอ้ื ตองตัวผหู ญิง เปน ตน ซ่งึ พลชว ยแนนถือกองหนงั สือ เปน การ 1 ไมย อมใหผอู ่นื สมั ผัสรา งกาย ถามคี นมาถกู เนื้อตองตัวเรา โดยทเี่ รา แสดงความมนี ํ้าใจตอแนน ซึ่งปฏิบตั ิไดอยา งเหมาะสม ดงั น้ัน ขอ ค. ไมย นิ ยอม ถอื วาเปนการลว งละเมิดทางเพศ เราตองรองตะโกนดงั ๆ เพอื่ ขอ เปน คําตอบทีถ่ ูก ความชวยเหลอื จากผใู หญ 28 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจสอบความถูกตองของการเขียน พฤติกรรมทีเ่ หมาะสม ตอนท่ี ๑ คาํ ถามชวนคิด เขียนตอบคําถามตอ ไปน้ีลงในสมดุ 2. ครตู รวจสอบการเขยี นบอกความภาคภูมิใจ ๑) เ มือ่ พบผ้ใู หญ่ นักเรียนควรปฏิบัตติ นอย่างไร ในตนเอง จากกจิ กรรมรวบยอดที่ 2.4 จาก ๒) เ มอ่ื เหน็ ผทู้ แ่ี ตง่ กายเปด เผยเนอื้ ตวั นกั เรยี นคดิ อยา่ งไร แบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ๓) นักเรียนควรทา� กจิ กรรมเฉพาะตามเพศของตนเองเท่านัน้ หรือไม ่ เพราะ เหตใุ ด หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๔) ถา้ นกั เรยี นจะไปท�ากจิ กรรมทางศาสนา นกั เรียนควรแต่งกายอย่างไร 1. ผลการเขยี นพฤติกรรมท่ีเหมาะสม 2. ผลงานการเขยี นความภาคภูมใิ จในตนเองจาก กิจกรรมรวบยอดที่ 2.4 จากแบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 ตอนที่ ๒ ชวนคิด ชวนทาํ ๑. ตดิ ภาพตนเองลงในสมดุ แลว อธบิ ายวา ตนเองมลี กั ษณะและบทบาททางสงั คม อยางไร ๒. เขียนบอกความภาคภมู ใิ จในตนเองมา ๕ ขอ ๓. นกั เรยี นยกตวั อยา ง “พฤตกิ รรมทเี่ หมาะสม” และ “พฤตกิ รรมทไี่ มเ หมาะสม” อธบิ ายเหตุผลประกอบ แลวรว มกนั แสดงความคดิ เห็นกบั เพื่อน พฤติกรรมท่เี หมาะสม เหตผุ ล พฤตกิ รรมที่ไมเหมาะสม เหตผุ ล ตอนท่ี ๓ ผลงานสรา งสรรค เขียนแผนผังความคิดแสดงพฤติกรรมท่ีเหมาะสม และความภาคภูมิใจของตน แลว ตกแตงใหสวยงาม 2๙ ขอ สอบเนนการคิด เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู ตอนที่ 1 คําถามชวนคดิ ใครมีพฤติกรรมทีแ่ สดงถงึ ความภาคภูมิใจในตนเอง ก. หนิงกอดกบั ตนเพื่อแสดงความยินดที ีช่ นะการแขง ขันกฬี า แนวตอบ ข. ปานเรยี กเพอ่ื นวา แกเพ่ือแสดงความสนทิ สนม 1) ทาํ ความเคารพผูใ หญโ ดยการไหว ค. อนชวยมดยกสมุดการบานทหี่ นกั ไปสง ครู 2) คําตอบข้ึนอยกู ับนกั เรียนแตล ะคน ง. ตม้ั แสดงทา ทางเลยี นแบบเพ่ือน 3) ไมจ าํ เปน เพราะถา เราตงั้ ใจ เรากจ็ ะทาํ กจิ กรรมนนั้ ไดด ี แนวตอบ การมคี วามภาคภมู ใิ จในตนเอง ควรแสดงออกดว ยการปฏิบัติ 4) แตง กายดว ยชดุ ทสี่ ภุ าพ ใสเ สอื้ มแี ขนและกระโปรงยาวคลมุ เขา ตนทเี่ หมาะสม มีน้าํ ใจเอ้อื เฟอ เผอ่ื แผต อผูอืน่ ซ่ึงอน ชว ยมดยกสมดุ ทห่ี นกั ตอนที่ 2 ชวนคดิ ชวนทาํ 3. แนวตอบ ไปสงครู จงึ เปน พฤตกิ รรมท่ีเหมาะสม ดังนนั้ ขอ ค. เปนคําตอบทถ่ี ูก พฤตกิ รรมท่เี หมาะสม เหตุผล พฤติกรรมท่ไี มเหมาะสม เหตผุ ล แพรเลนตกุ ตากับนอ ง ตกุ ตาเปน นนทแอบนาํ กระโปรง ตองขออนุญาติ ของเลน ทเ่ี ลน ของพม่ี าใส จากพกี่ อ น รว มกันได คมู ือครู 29
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Engage Evaluate ó กระตนุ ความสนใจ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1. ใหนักเรยี นสงั เกตเพอื่ นๆ ในหอ งวา รกั สุขภาพ ใครมสี ุขภาพดีบาง จากนั้นครูแจกกระดาษให นักเรียนคนละ 1 แผน แลว ใหน กั เรียนเขียนชอ่ื เป้าหมายการเรยี นรู้ประจ�าหน่วยท่ ี ๓ เพ่อื นในหอ งท่ีนักเรยี นคิดวา มสี ุขภาพดีท่สี ดุ มา 1 คน ลงในกระดาษ เม่อื เรยี นจบหน่วยน� ้ ผเู้ รียนจะมีความรู้ ความสามารถต่อไปน้� 2. ครูนับผลคะแนนของนกั เรยี น แลว ประกาศ ๑. บอกลักษณะของการมสี ขุ ภาพด ี รายชื่อนักเรียนที่เพอื่ นคดิ วา มีสุขภาพดีที่สดุ (มฐ. พ ๔.๑ ป.๒/๑) จากนนั้ ใหน ักเรียนบอกเหตผุ ลวา เพราะเหตุใด ๒. เลอื กกนิ อาหารท่มี ปี ระโยชน์ จึงคิดวา เพื่อนคนนี้มีสุขภาพดีท่ีสดุ แลว ครเู ขยี น (มฐ. พ ๔.๑ ป.๒/๒) เหตผุ ลของนกั เรยี นลงบนกระดาน ๓. ระบขุ องใชแ้ ละของเลน่ ทมี่ ีผลเสียตอ่ สขุ ภาพ (มฐ. พ ๔.๑ ป.๒/๓) ๔. อธิบายอาการและวธิ ีป้องกนั การเจบ็ ปว่ ย การบาดเจ็บทีอ่ าจเกดิ ขน้ึ (มฐ. พ ๔.๑ ป.๒/๔) ๕. ปฏบิ ัติตามค�าแนะนา� เม่อื มีอาการเจบ็ ปว่ ยและ บาดเจ็บ (มฐ. พ ๔.๑ ป.๒/๕) เกร็ดแนะครู ครตู รวจสอบสขุ อนามยั ของนักเรียนกอ นเขา เรียน เชน ตรวจมอื ตรวจเลบ็ ตรวจความสะอาดเครื่องแตงกาย เปนตน จากนั้นครูสอบถามนกั เรียนวา กาํ ลังปวย หรือไม เปน โรคอะไร เพื่อครอู าจนาํ มาเปน หัวขอ สนทนาในการเรยี นการสอน 30 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ñบทที่ เปา หมายการเรียนรู สาระสา� คัญ • บอกลกั ษณะของการมสี ขุ ภาพดี (พ 2.1 ป.2/1) การมสี ขุ ภาพรา่ งกายทแ่ี ขง็ แรง มสี ขุ ภาพจติ ที่ สุขภาพของเรา รา่ เรงิ แจม่ ใส มคี วามสขุ และมคี วามปลอดภยั สมรรถนะของผเู รยี น ในชีวติ ท�าให้เราเป็นคนที่มีสขุ ภาพดี ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเ รียนรู กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ใหนกั เรยี นดูภาพ หนา 31 แลว รว มกันแสดง ความคดิ เหน็ วา เด็กในภาพมสี ุขภาพดีหรอื ไม เพราะอะไร 2. ใหนักเรยี นสังเกตตนเองวา มสี ุขภาพดหี รือไม เพราะอะไร แลว ออกมาพูดทหี่ นา ชน้ั เชน “ฉันมสี ขุ ภาพดี เพราะฉันมอี ารมณด ”ี “ฉันมีสุขภาพดี เพราะฉันวิง่ ไดไ กล” ? นั¡เรÕÂนค´Ô ÇÒ่ เ´¡ç ãนÀÒ¾มÊÕ ØขÀÒ¾ ท´èÕ ËÕ รอ× ไม่ เ¾รÒÐเ˵Øã´¨Ö§ค´Ô เª่นนัéน 31 เกร็ดแนะครู ครูจดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนักเรียนปฏิบตั ิ ดงั นี้ • อภปิ รายลกั ษณะของการมสี ขุ ภาพดี • วางแผนในการปฏบิ ตั ิตนใหม ีสุขภาพดี เพอื่ นําไปปฏบิ ัติในชวี ติ ประจําวนั จนเกดิ เปนความรูความเขา ใจวา ผทู ม่ี ีสขุ ภาพดี จะตองเปนผูทม่ี รี า งกาย แข็งแรง มอี ารมณแจม ใส สามารถอยูรว มกับผอู ื่นไดอ ยางมีความสุข และมีความปลอดภยั ในชวี ิต คมู อื ครู 31
กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain สาํ รวจคน หา Explore ใหน กั เรยี นแบงกลุม แลว ใหแตละกลุม รวมกัน ๑ ลักษณะของผูท้ ม่ี ีสขุ ภาพด ี อภิปรายวา ผูท ีม่ ีสขุ ภาพดีมีลกั ษณะอยางไร แลวทํา อยา งไรจึงจะมสี ขุ ภาพดี จากนนั้ ใหสง ตัวแทนออก สขุ ภาพ หมายถงึ การมรี า่ งกายสมบรู ณแ์ ขง็ แรง จติ ใจแจม่ ใส มารายงานหนา ชนั้ มีความสขุ ในการอยรู่ ว่ มกบั ผู้อน่ื ในสังคม และมสี ติปญั ญา คนเราทุกคนต้องการมีสุขภาพที่ดี เพราะสุขภาพดีเป็นส่ิง อธบิ ายความรู Explain สสขุ�าคภัญาพทก่ีทา�ายใดห ี ้เสรุขาภมาีคพวจาติมดส1ี ุขแ ลผะมู้ทคี่ีมวีสาุขมภปาลพอดดีภจะยั ตใน้อชงวีเกติ ิดจากการมี ลกั ษณะของผู้ที่มสี ขุ ภาพดี มีดังน้ี 1. ครูเขียนคําวา “สุขภาพกายด”ี และ “สุขภาพ จติ ดี” แลว ใหน ักเรียนออกมาเขยี นลักษณะ มรี า่ งกายแข็งแรง อยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่ืนไดด้ ี ใหตรงกบั คาํ ทค่ี รูเขยี น จากน้นั นกั เรยี นและ ครรู วมกนั สรปุ ลักษณะของผทู ม่ี ีสุขภาพดี มีความปลอดภัย ยิม้ แย้ม แจ่มใส ในการด�าเนนิ ชีวิต 2. ใหน กั เรียนรวมกันอภปิ รายประโยชนของการมี สุขภาพดี จากนั้นรวมกนั คดิ วาจะทาํ อยา งไร แยกแยะผดิ ถกู ได้ มองโลกในแงด่ ี2 ใหมสี ุขภาพดี สุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กัน ถ้าร่างกาย 3. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมวา การมีสขุ ภาพดีควร ไม่แข็งแรงก็จะท�าให้สุขภาพจิตไม่ดีไปด้วย และถ้าสุขภาพจิตไม่ด ี ปฏบิ ตั ติ ามหลักสุขบัญญัติแหงชาติ จากนั้น กจ็ ะสง่ ผลใหร้ า่ งกายไมแ่ ขง็ แรงเชน่ กนั ดงั นนั้ เราจงึ ควรดแู ลสขุ ภาพ ใหนักเรยี นแบงกลมุ 10 กลมุ แลวใหแ ตละ ร่างกายให้แขง็ แรง และท�าจติ ใจให้ร่าเริงอยเู่ สมอ กลมุ เลอื กสขุ บญั ญัติกลุมละ 1 ขอ (ไมซ้าํ กัน) จากน้นั รว มกนั คิดวาจะปฏิบัติตามหลัก ¼ทÙŒ Õมè ÊÕ ขØ ÀÒ¾¨µÔ ´Õนนéั ¨ÐอÂÙร่ ่Çม สุขบญั ญัติน้นั ไดอยางไร แลว ออกมารายงาน ¡บั ¼ÙŒอน×è ไ´อŒ ÂÒ่ §มÕคÇÒมÊขØ เ¾รÒÐไม่ค´Ô รÒŒ µ่อ¼อÙŒ น×è หนา ชน้ั มÕคÇÒมเมµµÒ áÅÐมคÕ ÇÒมเออé× เ¿อ„œ เ¼อè× á¼¡่ นั 4. นักเรยี นและครูรวมกนั สรุปวธิ ีปฏิบตั ิตนตาม หลกั สขุ บัญญัติแหง ชาติ 32 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนนการคิด “จติ ใจแจมใส ยอ มอยูในรา งกายท่แี ขง็ แรง” นักเรยี นเหน็ ดวยหรอื ไม 1 สขุ ภาพจิตดี หมายถึง การมีสภาพจติ ใจที่เปน สุข สามารถดําเนินชีวิตได เพราะอะไร อยา งมีความสขุ ซึ่งผทู ่มี ีสขุ ภาพจิตดีจะมีลักษณะ เชน รจู ักรักตนเองและรกั ผูอ ่นื ก. เหน็ ดวย เพราะผูทมี่ ีรา งกายแข็งแรงทําใหไ มตอ งกังวลกบั อาการ ยอมรบั และสามารถเผชญิ กบั ความจริงในชวี ิตได เขา กับคนอนื่ ไดง าย มีความ เจ็บปวย จึงมอี ารมณด ี รับผดิ ชอบ มจี ิตใจราเรงิ แจม ใส เปนตน ข. เหน็ ดว ย เพราะผูท ีม่ ีรา งกายแขง็ แรงทําใหไ มต อ งกลัววา จะตอ งไป 2 มองโลกในแงดี เปนการคิดสรางสรรคหรือคิดในเชิงบวก กลา วคือ คดิ วาส่ิงท่ี หาหมอ เกิดขนึ้ ไมไ ดม แี ตสงิ่ ท่ีไมด หี รอื เลวรายเสมอไป เชน เม่อื ถูกแมด ใุ นเร่ืองทเี่ ราทาํ ผดิ ค. ไมเ ห็นดว ย เพราะรา งกายและจติ ใจไมไดทํางานสัมพนั ธก ัน กใ็ หย อมรบั ผดิ แลวคดิ วา ทแี่ มดเุ รา แสดงวาแมรกั และหวงใยเรา ง. ไมเหน็ ดว ย เพราะผูท มี่ อี าการเจ็บปวยเล็กนอ ยก็มอี ารมณดไี ด จงึ ดุเรา เพอ่ื ใหเราไดปรับปรุงตวั ไปในทางที่ดี เปนตน วิเคราะหค ําตอบ ผทู ่มี รี า งกายแข็งแรง ไมเ จบ็ ปว ย จะทาํ ใหไมเ กดิ อาการวติ กกังวล หรอื เครยี ด จึงมอี ารมณท่แี จม ใส ดงั นนั้ ขอ ก. เปนคาํ ตอบท่ีถูก 32 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๒ การปฏบิ ัติตนให้มสี ุขภาพด ี 1. ใหน ักเรียนแบง กลุม จากน้นั ใหแ ตละกลมุ จัด ทําสมุดภาพ “ลกั ษณะของผูทีม่ ีสุขภาพด”ี การที่เราจะมีสุขภาพดี เราควรเริ่มตั้งแต่การดูแลตนเอง พรอ มท้ังตกแตง ใหส วยงาม จากนนั้ นาํ ผลงาน โดยการปฏบิ ัตติ ามหลกั สุขบญั ญตั แิ หง่ ชาติ ๑๐ ประการ ดังนี้ ออกมาแสดงทห่ี นา ช้นั ๑ ดแู ลรกั ษารา่ งกายและของใชใ้ หส้ ะอาด 2. ใหน กั เรยี นวางแผนทจี่ ะปฏบิ ตั ติ นใหม สี ขุ ภาพดี ในชวี ติ ประจาํ วัน แลว เขียนบนั ทึกลงในสมุด ๒ รักษาฟันใหแ้ ขง็ แรงและแปรงฟันทกุ วันอย่างถกู วิธี ๓ ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดกอ่ นการกนิ อาหาร และหลงั การขบั ถา่ ย 3. ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 3.1 จาก แบบวดั ฯ สุขศึกษาฯ ป.2 โดยอา นเหตกุ ารณ ๔ กนิ อาหารทส่ี กุ สะอาด ไม่มีสารอันตรายเจอื ปน แลว บอกวา เดก็ มสี ขุ ภาพดหี รอื ไม เพราะเหตใุ ด และหลกี เลย่ี งอาหารทม่ี รี สจดั และอาหารทม่ี สี ฉี ดู ฉาด ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สขุ ศกึ ษา ป.2 กจิ กรรมรวบยอดที่ 3.1 ๕ ไม่สูบบหุ รี ่ ไมด่ ืม่ สุรา ไม่เสพสารเสพตดิ แบบประเมินตัวชว�้ ดั พ 4.1 ป.2/1 ไมเ่ ล่นการพนนั และไมม่ วั่ สมุ ทางเพศ แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวช้ีวัด ประจําหนว ยท่ี ๓ บทท่ี ๑ ๖ สรา้ งความรกั 1 ความอบอนุ่ ในครอบครวั กิจกรรมรวบยอดท่ี ๓.๑ ๗ ปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตดุ ว้ ยความไมป่ ระมาท แบบประเมินตวั ช้ีวัด พ ๔.๑ ป.๒/๑ ๘ ออกก�าลงั กายสมา่� เสมอ และตรวจสุขภาพประจ�าป2 • บอกลกั ษณะของการมสี ุขภาพดี ๙ ทา� จติ ใจใหร้ า่ เรงิ แจม่ ใสอยเู่ สมอ ชดุ ที่ ๑ ๑๐ คะแนน ๑๐ มีส�านกึ ต่อสว่ นรวม และรว่ มทา� สิ่งทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อ ๑ อานเหตุการณท่ีกําหนดให แลวบอกวาเด็กในเหตุการณมีสุขภาพดีหรือไม พรอมทั้งบอก สงั คม เหตุผล 33 ๑) วนั นี้คณุ ครสู ง่ั ใหนกั เรยี นวิ่งรอบสนาม ๓ รอบ หลังวง่ิ เสร็จแลว กองไมรูสกึ เหน่ือยมาก ขณะท่ีเพ่อื นๆ หอบตวั โยน กอ งมี สขุ ภาพดี สขุ ภาพไมด ี❍ ❍เฉฉบลับย ✓ เพราะ กอ งไมร สู กึ เหนอ่ื ยมากแมห ลงั ออกกําลงั กายเสร็จแลว......................................................................................................................................................................... ๒) ปอมชวยครูยกลังใสอุปกรณทางการเรียนซ่ึงหนักมากไปสงที่ หอ งพกั ครูซงึ่ อยูช ้ันสามไดจ นเสรจ็ เรยี บรอย ปอ มมี ❍✓ สุขภาพดี ❍ สุขภาพไมด ี เพราะ กอ งแข็งแรงสามารถยกของท่ีหนักได......................................................................................................................................................................... ๓) นิดนอนไมค อยหลบั เพราะเธอกงั วลกบั การสอบปลายภาค นิดมี ❍ สุขภาพดี ❍✓ สุขภาพไมด ี เพราะ นดิ เกดิ ความเครยี ดเนือ่ งจากกงั วลกบั ผลสอบ......................................................................................................................................................................... ๔) จ๊บิ รสู กึ เศรา เพราะพอ แมทะเลาะกนั เสมอ และไมส นใจเธอเลย จ๊บิ มี ❍ สขุ ภาพดี ❍✓ สขุ ภาพไมดี เพราะ จิ๊บรสู ึกเศรา ไมมีความสุข......................................................................................................................................................................... ๒๘ บรู ณาการเชือ่ มสาระ เกร็ดแนะครู ครูบรู ณาการความรใู นสาระสขุ ศึกษาฯ กับสาระศลิ ปะ วิชาดนตรีฯ เร่ือง ครอู ธิบายเพิม่ เตมิ วา กองสขุ ศึกษา กระทรวงสาธารณสุข ไดจ ัดทําสขุ บญั ญตั ิ เพลงสุขบญั ญัติแหง ชาติ โดยครูเปดเพลงสขุ บัญญัติแหง ชาติใหน กั เรยี นฟง แหง ชาติ 10 ประการ เพ่อื เปน แนวทางการปฏบิ ัติท่เี ปน พน้ื ฐานสาํ หรับชีวิตเพอ่ื การ แลว ใหน กั เรียนรอ งตามเพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถจดจาํ สขุ บัญญัติแหง ชาตไิ ด สรางเสรมิ สุขภาพดีทัง้ ทางรา งกาย จติ ใจ และสงั คม ดงั นั้น เดก็ เยาวชน และ บุคคลทว่ั ไปควรปฏิบัติอยา งสม่ําเสมอจนเปน สุขนิสยั กจิ กรรมทา ทาย ใหนกั เรยี นสาํ รวจตนเองและสมาชิกในครอบครวั วายังไมไดปฏิบัติ นักเรยี นควรรู ตามสขุ บญั ญัตแิ หง ชาติขอ ใดบา ง จากนัน้ ปฏบิ ัติตามสุขบญั ญตั แิ หง ชาติ แลวบนั ทึกผลหลังการปฏิบตั วิ า ตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั มสี ุขภาพ 1 สรางความรกั การสรางความรกั ความอบอุน ในครอบครัวสามารถทําได เปลี่ยนแปลงไปอยา งไรบา ง หลายวธิ ี เชน หาเวลาวางในการทาํ กจิ กรรมรว มกัน แสดงความรักทีม่ ีตอกัน ดวยการกอดกนั ใหเ กียรติสมาชกิ ในบาน เปน ตน 2 ตรวจสขุ ภาพประจาํ ป การตรวจสขุ ภาพอยา งสม่าํ เสมอ จะทําใหเราทราบถงึ ความผดิ ปกตขิ องรา งกาย และสามารถพบแพทยเ พอื่ รกั ษาอาการผดิ ปกติท่เี กิดขึน้ ของรา งกายไดท นั ทว งที คมู อื ครู 33
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครูตรวจสมุดภาพแสดงผูที่มีสุขภาพดี ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 2. ครูตรวจสอบผลการทํากจิ กรรมรวบยอดที่ 3.1 จากแบบวัดฯ สุขศกึ ษาฯ ป. 2 หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ตอนท ่ี ๑ ค�าถามชวนคดิ เขียนตอบค�าถามตอ่ ไปนี้ลงในสมดุ 1. สมุดภาพลักษณะของผทู ม่ี สี ขุ ภาพดี ๑) น กั เรียนรสู้ กึ ว่าตนเองมีสุขภาพดีหรือไม่ เพราะเหตใุ ด 2. กิจกรรมรวบยอดที่ 3.1 จากแบบวดั ฯ ๒) ส ขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาติข้อใดทน่ี กั เรยี นปฏบิ ัตเิ ป็นประจา� ทกุ วนั และนกั เรยี น สุขศกึ ษาฯ ป. 2 ปฏบิ ตั ไิ ด้ดีแลว้ หรอื ไม ่ อย่างไร ๓) ส า� รวจตนเองดูวา่ ปฏิบัติตามหลักสขุ บญั ญัติแหง่ ชาติได้มากนอ้ ย เพยี งใด และทา� อย่างไรจงึ จะปฏบิ ัติได้มากขนึ้ ตอนท่ี ๒ ชวนคิด ชวนท�า ๑. ดูภาพ แล้วบอกวา่ ภาพใดเป็นภาพของคนทม่ี กี ารดแู ลสขุ ภาพดี ๑) ๒) ๓) ๔) ๒. บอกข้อควรปฏิบตั ิเพอื่ การมีสุขภาพดีมา ๕ ขอ้ ๓. บ ันทกึ การดแู ลรกั ษาสุขภาพของตนเองเปน็ ระยะเวลา ๑ วัน ต้ังแต่ตน่ื นอน ตอนเช้าจนกระทง่ั เขา้ นอนตอนกลางคืน ลงในสมดุ แลว้ ให้ผู้ปกครองลงชอ่ื รับทราบ ตอนที่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ นกั เรยี นแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ ๔ - ๕ คน แล้วแต่ละกลุม่ ท�าสมดุ ภาพ “ลักษณะของ ผู้ที่มสี ขุ ภาพดี” พรอ้ มตกแตง่ ให้สวยงาม น�าผลงานออกมาแสดงท่ีหน้าชั้น 34 เฉลย กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู ขอสอบเนน การคดิ ขอ ใดคือผลดีของการเปนผูมีสุขภาพดที ่ีชดั เจนที่สดุ ตอนที่ 1 คาํ ถามชวนคิด ก. มคี วามสุข แนวตอบ ข. มคี วามนาเช่ือถือ 1) - 3) คาํ ตอบขึน้ อยูกบั นักเรยี นแตล ะคน ค. มชี ่ือเสียงโดง ดัง ง. มเี พอื่ นรักมากขึ้น ตอนท่ี 2 ชวนคดิ ชวนทาํ วิเคราะหค าํ ตอบ การมสี ุขภาพดี ทง้ั สขุ ภาพกายและสุขภาพจิต ไดแก 1. ตอบ การมรี า งกายแขง็ แรง และการมจี ิตใจที่ราเรงิ สดใส ก็จะทําใหเราทํา 2), 3), 4) กจิ กรรมตางๆ ไดอยา งเตม็ ท่ี และดําเนนิ ชวี ติ ไดอ ยางมคี วามสขุ 2. แนวตอบ ดงั นัน้ ขอ ก. เปนคําตอบที่ถูก 1) แปรงฟนกอนนอนทกุ คร้งั 2) รับประทานอาหารครบ 5 หมู 3) ออกกําลังกายเปน ประจํา 4) ทําจิตใจใหร าเริงอยเู สมอ 5) อาบนํา้ อยา งนอยวันละ 2 ครัง้ ฯลฯ 34 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate òบทท่ี เปาหมายการเรยี นรู สาระสา� คญั • เลอื กกนิ อาหารท่ีมีประโยชน (พ 4.1 ป.2/2) อาหารเป็นสง่ิ ท่ีจ�าเปน็ ต่อร่างกายมนุษย์ อาหารดีมีประโยชน ดังนนั้ เราจึงควรเลอื กกินแตอ่ าหารทม่ี ี สมรรถนะของผเู รยี น ประโยชน์ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกป ญหา คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค 1. ใฝเรียนรู 2. อยอู ยา งพอเพียง กระตนุ ความสนใจ Engage ? 1. ครูนําภาพอาหารหลากหลายชนิดมาแสดงให นักเรียนดู แลว ถามนักเรียนวา ชอบหรอื อยาก ¨Ò¡ÀÒ¾ อÒËÒรเËÅÒ่ นมÕé ÕปรÐโªน กนิ อาหารในภาพที่ครูแสดงใหด หู รือไม µ‹Í¹¡Ñ àÃÂÕ ¹ËÃÍ× äÁ‹ Í‹ҧäà ถา อยากกินใหทาํ ทาควาอาหารมาใสป าก แตถาไมอ ยากกนิ ใหเอามอื ท้งั สองขางมา 35 ปด ปาก 2. ใหน กั เรียนผลดั กนั บอกวา ตนเองชอบกิน อาหารชนิดใดมากทีส่ ดุ เพราะอะไร และไมชอบกนิ อาหารชนดิ ใดมากทส่ี ดุ เพราะอะไร 3. ครสู นทนากับนกั เรยี นวา การเลอื กกินอาหาร นน้ั ไมไดอยูที่นักเรียนชอบหรอื ไมช อบอาหาร ชนดิ นนั้ แตความสาํ คัญอยทู ่ีอาหารชนดิ นน้ั มปี ระโยชนห รือไมม ปี ระโยชน ซง่ึ นกั เรยี น จะไดเ รยี นรูในบทเรียนน้ี เกรด็ แนะครู ครจู ดั กระบวนการเรียนรโู ดยการใหนักเรียนปฏบิ ัติ ดงั น้ี • สํารวจอาหารท่มี ีประโยชนและไมม ีประโยชน • จําแนกอาหารทีม่ ีประโยชนแ ละไมม ปี ระโยชน • วเิ คราะหอ าหารทีร่ บั ประทานวา มปี ระโยชนหรือไม จนเกิดความรคู วามเขาใจวา อาหารเปนสง่ิ จาํ เปน ตอรางกาย อาหารแตล ะชนิด จะใหส ารอาหารทจี่ ําเปนตอรางกายแตกตา งกัน ดงั น้นั เราจงึ ควรกินอาหาร ใหหลากหลายและครบทุกประเภท นอกจากน้ันควรหลีกเล่ยี งการกินอาหารที่ไมมี ประโยชนต อรา งกายดวย คูมอื ครู 35
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore 1. ครสู ุมเรียกนักเรียนออกมาแสดงทาทางการ ๑ อาหารทีม่ ปี ระโยชน กนิ อาหาร แลวทําทา ปวดทอ ง จากนน้ั ครูให นักเรยี นทายวา ทา ทางท่ีเพ่ือนแสดงหมายถงึ อาหารเป็นส่ิงจ�าเป็นส�าหรับคนเรา เพราะร่างกายของเรา อะไร และนาจะมีสาเหตมุ าจากอะไร ตอ้ งการอาหารเพอ่ื ชว่ ยในการเจรญิ เตบิ โตและป้องกันโรค อาหารมีอยู่มากมายหลายชนิด อาหารท่ีมีประโยชน์ต่อ 2. ใหน กั เรียนสาํ รวจตนเองวา เมอื่ วานกนิ ตวั เรา คอื อาหารหลัก ๕ หม ู่ เช่น อะไรบา ง แลว เขยี นลงบนกระดาษ จากน้ันให หม่ทู ี่ ๑ เนอื้ สตั ว ์ นม ไข ่ และถว่ั ต่างๆ นกั เรียนพิจารณาวา อาหารท่ีกนิ ไปชนดิ ใดบาง หมทู่ ี ่ ๒ ข้าว แปง้ และน้�าตาล ทม่ี ีประโยชน และชนดิ ใดบา งท่ีไมม ปี ระโยชน หมู่ที่ ๓ ผกั ต่างๆ หม่ทู ่ี ๔ ผลไมต้ า่ งๆ 3. ใหน ักเรยี นแบง กลุม จากน้นั ใหแ ตละกลมุ หมู่ท ี่ ๕ ไขมนั จากพชื และสตั ว์ รว มกันอภิปรายวา อาหารทม่ี ปี ระโยชน มีลกั ษณะอยางไร และอาหารทไ่ี มมปี ระโยชน มีลักษณะอยา งไร ผดั ผัก ข้าวสวย นมสด ไข่ต้ม ผลไม้สด ปลาทอด 1 เรÒคÇร´ม×è นéíÒอÂ่Ò§นŒอÂÇันÅÐ ø á¡ŒÇ ´ŒÇÂนÐครับ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ 36 นักเรยี นควรรู ขอ สอบเนนการคิด ขอ ใดเปน อาหารท่ีวยั ของนักเรยี นควรรับประทานเปน อาหารเชา 1 ดมื่ นาํ้ เราควรดมื่ น้ําในชวงเวลา ดังน้ี มากทส่ี ดุ • 5.00 น. - 7.00 น. ด่ืม 1 แกว เพื่อใหร า งกายกระฉบั กระเฉง ก. ขนมปงทาเนย และนม • 9.00 น. - 10.00 น. ดม่ื 2 แกว เพื่อชาํ ระของเสยี ข. ขา วตม หมู และน้ําสม • 13.00 น. - 14.00 น. ด่ืม 3 แกว เพอื่ ความสดชน่ื ค. สลดั ผัก และน้าํ ฟก ทอง • 19.00 น. -20.00 น ดมื่ 3 แกว เพ่ือใหนํ้าทด่ี มื่ ไหลเวียนชะลาง ง. ปาทอ งโก และนํ้าเตาหู สิ่งตกคางในลําไสแ ละกระเพาะอาหาร วิเคราะหคําตอบ ในวัยของนกั เรยี นทยี่ งั เปน เด็ก ตอ งการอาหารท่ีเปน ประโยชนต อ การเจรญิ เตบิ โตของรางกายอยางครบถว น ดงั นนั้ ขอ ข. เบศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง เปนคาํ ตอบท่ีถูก นกั เรยี นปลกู พชื ผกั สวนครวั คนละ 1 - 2 ชนดิ หรอื มากกวา โดยศกึ ษาวธิ กี ารปลกู และปลกู โดยไมใชสารเคมี เพือ่ นํามาใชประกอบอาหารกนิ ในครอบครวั เปน การ ประหยัดคา ใชจาย และไดก ินพชื ผกั ที่ปลอดสารพิษ 36 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒ อาหารท่ีไมม่ ปี ระโยชน 1. ใหนักเรียนรวมกนั สรปุ ลกั ษณะอาหาร ท่ีมปี ระโยชน และอาหารทไี่ มม ีประโยชน ในปจั จุบนั อาหารมอี ยมู่ ากมายหลายชนิด ซ่ึงส่วนใหญล่ ้วน พรอ มทัง้ ยกตวั อยางประกอบ มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ยังมีอาหารบางชนิดท่ีแทบจะไม่มี ประโยชน์เลย เพราะว่าให้สารอาหารท่ีจ�าเป็นต่อร่างกายน้อยมาก 2. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ วา อาหารที่มปี ระโยชน และอาจทา� ให้เกิดโทษต่อรา่ งกายตามมาได้ เชน่ ปวดทอ้ ง ทอ้ งเสีย คือ อาหาร 5 หมู ซงึ่ จะใหสารอาหารท่จี าํ เปน ฟันผ ุ เปน็ โรคอว้ น เป็นอันตรายต่อไต เปน็ ตน้ ตอ รางกายแตกตา งกนั ดงั น้นั เราจึงควรกิน อาหารทเี่ ดก็ ๆ ไมค่ วรเลือกกิน เชน่ อาหารใหหลากหลายและครบทุกประเภท 3. ครูถามคําถามวา • การกนิ อาหารอยางไรท่ีจะทาํ ใหตัวเรา มีสขุ ภาพดี (แนวตอบ มหี ลายวธิ ี เชน กินอาหารทส่ี ุก สะอาด กนิ อาหารใหต รงเวลา เปนตน ) 4. ใหน ักเรียนศึกษาขอ ควรปฏิบัติในการกนิ อาหารจากหนงั สอื เรยี น หนา 38 จากนน้ั ใหนกั เรยี นสังเกตตนเองวายงั ไมเคยปฏบิ ัติ ตามขอ ใด แลวใหนกั เรียนบอกวาจะปรับปรงุ ตนเองอยางไร 5. ใหน กั เรียนรวมกันสรปุ หลกั ในการกินอาหาร เพอ่ื ใหม สี ขุ ภาพดี ของหมกั ดอง น้�าอัดลม และช็อกโกแลต อาหารทีม่ ีแปง้ และไขมนั มาก ขนมกรุบกรอบมีน้า� ตาล ไขมัน เกลอื และผงชรู ส 37 ขอ สอบเนน การคดิ บรู ณาการอาเซยี น อาหารในขอใดทน่ี าจะปลอดภัยและมีประโยชนม ากที่สุด ครยู กตวั อยา งอาหารยอดนยิ มของประเทศสมาชิกอาเซียนใหนักเรยี นรจู ัก เชน ก. เนือ้ ปลา ไขไก ทอฟฟ อัมบยู ัต ของประเทศบรูไน อาม็อก ของประเทศกัมพชู า กาโก กาโด ของประเทศ ข. กะหลํา่ ปลี ฝรั่งดอง ขนมจนี อนิ โดนเี ซยี เปน ตน ค. มะมว งสุก นมสด ขนมปง สังขยา ง. มันฝรง่ั ผักกาดดอง ปลากระปอง วิเคราะหค าํ ตอบ อาหารทม่ี ีประโยชนและปลอดภยั คือ อาหารหลัก 5 หมู สวนอาหารท่ไี มมีประโยชน คือ อาหารประเภทหมักดอง ลูกอม หรอื ทอฟฟ ดงั นนั้ มะมวงสกุ นมสด และขนมปงสังขยา จงึ เปน อาหารที่ ปลอดภยั และมปี ระโยชนมากทส่ี ดุ ดังน้นั ขอ ค. เปนคาํ ตอบท่ถี กู อามอ็ ก คูมือครู 37
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. ใหนักเรียนรวบรวมภาพอาหารท่ีมปี ระโยชน ๓ ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการกินอาหาร และอาหารทไี่ มม ีประโยชน แลว มาตดิ ลงใน นอกจากการเลือกกินอาหารท่ีมีประโยชน์แล้ว เรายังต้องรู้ สมดุ ภาพ พรอ มท้ังอธิบายเหตุผลวา เปนอาหาร หลกั ในการกนิ อาหารทถ่ี กู ตอ้ งดว้ ย ซงึ่ ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการกนิ อาหาร ทม่ี ีประโยชน และไมมีประโยชน เพราะอะไร มีดังนี้ มือ้ ๑ค. ือก ินมอือ้ าเชหา้า1 รมให้ือก้คลราบงทวนั้ัง 2. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ ใหแตละกลมุ จัดทําเมนู ๓ อาหาร 1 วนั ทนี่ กั เรียนควรรบั ประทาน มอ้ื เยน็ และควรกนิ ให้ตรงเวลา แลว เขียนลงในกระดาษ พรอมทง้ั ตดิ ภาพหรอื ๒. ล้างมือให้สะอาดก่อน วาดภาพอาหารใหสวยงาม จากนั้นนําผลงาน ไปจัดปา ยนเิ ทศ 3. ใหนักเรยี นทํากิจกรรมรวบยอดที่ 3.2 ขอ 2 จากแบบวดั ฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 โดยวาดภาพหรอื ตดิ ภาพอาหารท่มี ปี ระโยชนแ ละไมม ีประโยชน ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ กนิ อาหาร และหลงั ขับถา่ ย สขุ ศึกษา ป.2 กิจกรรมรวบยอดท่ี 3.2 แบบประเมนิ ตัวชว�้ ดั พ 4.1 ป.2/2 ๓. กินอาหารที่สุกสะอาด และไม่มแี มลงวนั ตอม ๔. กนิ อาหารครบทุกชนิด ๒ วาดภาพอาหารทม่ี ปี ระโยชนแ ละไมม ปี ระโยชนม าอยา งละ ๒ ชนดิ พรอ มทงั้ เขยี นชอื่ อาหาร และให้หลากหลาย ล้างมือทกุ ครัง้ กอ่ นกนิ อาหารให้เปน็ นสิ ัย ใหถ กู ตอง (ตวั อยาง) ÍÒËÒ÷ÕÁè Õ»ÃÐ⪹ ๕. ขณะกินอาหารร่วมกับผู้อ่ืน ถ้าจะไอหรือจาม ควรใช้มือ หรือผา้ ปิดปากหรือจมูก เพ่อื ป้องกันเศษอาหารในปากกระจายออก มาจากปาก ไข สม..................................................................................................................................................................................................................... เฉฉบลบั ย ๖. ควรเค้ียวอาหารใหล้ ะเอยี ดก่อนกลืน โดยเคีย้ วช้าๆ ไม่ให้ ÍÒËÒ÷ÕèäÁÁ‹ Õ»ÃÐ⪹ มเี สียงด๗ัง. ควรใช้ช้อนกลาง2ตักอาหาร เม่ือกินอาหารร่วมกับผู้อื่น เพ่ือปอ้ ๘งก. ันไมกค่ าวรรแเพลน่รก่หรระอื จพาดูยคขยุอขงเณชะือ้ กโนริ คอาหาร3 เพราะอาจทา� ใหส้ า� ลกั ชอ็ กโกแลต ไอศกรมี..................................................................................................................................................................................................................... 38อาหารได้ ตัวชวี้ ดั พ ๔.๑ ขอ ๒ õไดคะแนน คะแนนเตม็ ๓๓ นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 ม้ือเชา อาหารมอื้ เชา เปนอาหารมื้อทสี่ ําคัญท่ีสุด เพราะเปน ชว งทรี่ า งกาย ใหนกั เรยี นนําอาหารทีม่ ปี ระโยชนมารวมรบั ประทานกบั เพือ่ นๆ ตองการสารอาหารมากทสี่ ดุ เพอื่ ประกอบกิจกรรมตางๆ ในแตละวัน คนทไี่ มกิน ในตอนกลางวัน แลว ใหบ อกชอื่ อาหารเหลานัน้ อาหารมื้อเชา มักจะมอี าการซมึ งวงนอน วงิ เวยี นศรี ษะ ทําใหรางกายทํางานได ไมดเี ทาท่คี วร ดังนั้น นักเรียนจงึ ควรกนิ อาหารม้ือเชา กอนเขาเรียนทุกวนั กิจกรรมทาทาย 2 ชอนกลาง เปนชอ นทีใ่ ชต กั อาหารจากสาํ รับมาใสใ นจานของตนเอง ขณะรับประทานอาหารรว มกับผูอืน่ เพ่ือปอ งกนั เศษอาหารจากจานของตนเอง ใหนักเรียนนาํ อาหารมารว มรบั ประทานกบั เพ่ือนๆ ในตอนกลางวนั รว งหลน สูกับขา ว และปองกันการแพรก ระจายของเชือ้ โรค จากนัน้ เมอื่ รับประทานอาหารเสรจ็ แลว ใหน ักเรียนวิเคราะหการรบั ประทาน 3 พูดคยุ ขณะกินอาหาร การพดู ขณะมีอาหารอยใู นปากมกั ทําใหมีเศษอาหาร อาหารของตนเองวา มปี ระโยชนต อ สุขภาพอยางไร พน ออกจากปาก ดนู า รังเกียจ ทง้ั ยงั อาจทาํ ใหส าํ ลกั อาหารได หรืออาจมเี ศษอาหาร หลุดเขา ไปอุดหลอดลม ทําใหห ายใจไมอ อกและอาจทาํ ใหเ สยี ชีวิตได 38 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ 1. ครูตรวจสอบความถูกตองของสมดุ ภาพอาหาร ทมี่ ปี ระโยชนและอาหารทไี่ มม ปี ระโยชน 2. ครตู รวจสอบการทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 3.2 จากแบบวัดฯ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ตอนท ่ี ๑ ค�าถามชวนคิด หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู เขยี นตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ลี งในสมดุ ๑) ว นั นนี้ กั เรยี นกนิ อะไรบา้ ง อะไรทมี่ ปี ระโยชนแ์ ละไมม่ ปี ระโยชน ์ และนกั เรยี น 1. สมดุ ภาพอาหารทมี่ ปี ระโยชนแ ละอาหารท่ไี มมี ประโยชน รู้สึกอยา่ งไรเมื่อกนิ อาหารที่ไม่มีประโยชน์เขา้ ไป ๒) อาหารท่ีไมม่ ปี ระโยชน์ท่นี ักเรียนกนิ เข้าไปจะสง่ ผลอยา่ งไรต่อร่างกาย 2. กิจกรรมรวบยอดที่ 3.2 จากแบบวดั ฯ ๓) ถ ้านักเรียนมีเงิน ๒๐ บาท จะนา� เงินไปซ้ืออาหารอะไร เพ่ือให้มีสขุ ภาพ สขุ ศกึ ษาฯ ป.2 ท่ดี ี ๔) ถา้ พบเหน็ เพื่อนจะกินอาหารที่ไม่มปี ระโยชน์ นักเรียนควรทา� อย่างไร ตอนท ่ี ๒ ชวนคดิ ชวนท�า ๑. ดภู าพ แลว้ บอกว่าอาหารชนิดใดมีประโยชน์ หรือไมม่ ีประโยชน ์ พรอ้ มทัง้ บอกเหตผุ ล ๑) ๒) ๓) ๔) ๒. อา่ นขอ้ ความที่ก�าหนดให้ แลว้ บอกว่าใครมีพฤติกรรมท่เี หมาะสมในการ กินอาหาร ๑) ตน้ ดม่ื นมในตอนเช้าทุกวนั ๒) โดง่ เข่ยี ผกั ออกจากข้าวผดั ๓) แก้วลา้ งมอื กอ่ นกนิ อาหารทกุ คร้งั ๔) ตาลกนิ ลูกอมกอ่ นนอน ตอนท่ ี ๓ ผลงานสร้างสรรค์ นักเรียนติดภาพหรือวาดภาพ อาหารที่มีประโยชน์ และอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ลงในกระดาษ พรอ้ มทง้ั บอกชอื่ อาหารและเหตผุ ล แลว้ รวบรวมจดั ทา� เปน็ สมดุ ภาพ อาหารที่มีประโยชน์และไมม่ ปี ระโยชน์ 39 เฉลย กิจกรรมการเรยี นรู ตอนท่ี 1 คําถามชวนคิด แนวตอบ 1) กินขา ว ด่ืมนมและน้ําอดั ลม ขาวและนมมปี ระโยชน สวนน้ําอดั ลมไมมปี ระโยชน 2) นํ้าอดั ลม มีรสหวานจดั ทาํ ใหฟ นผไุ ด 3) ซอ้ื นม 1 กลอง ราคา 10 บาท 4) หา มเพ่ือนไมใ หกนิ และบอกถึงโทษของการกนิ อาหารชนิดน้ัน ตอนท่ี 2 ชวนคดิ ชวนทํา 2) นม มีประโยชน ทาํ ใหร างกายเจรญิ เตบิ โต 1. แนวตอบ 4) ลูกอม ไมมีประโยชน ทาํ ใหอว น ฟนผุ 2), 4) เปนพฤติกรรมทไี่ มเ หมาะสม 1) สม มปี ระโยชน ทําใหข บั ถา ยสะดวก 3) ขนมปง มปี ระโยชน ใหพลังงานแกรา งกาย 2. แนวตอบ 1), 3) เปนพฤติกรรมทีเ่ หมาะสม คูม ือครู 39
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรยี นรู óบทท่ี • ระบุของใชแ ละของเลน ที่มผี ลเสยี ตอสขุ ภาพ (พ 4.1 ป.2/3) สาระส�าคัญ ของใช้และของเล่นบางชนิดอาจท�าให้เกิด สมรรถนะของผเู รียน ของใชและของเลน อนั ตราย และมีผลเสียต่อสุขภาพได ้ ถา้ หาก ผใู้ ช้ใช้อย่างไม่ระมดั ระวงั หรือใชอ้ ยา่ งผิดวิธี 1. ความสามารถในการคดิ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ 2. ความสามารถในการแกไขปญหา คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค 1. ใฝเรยี นรู 2. อยูอ ยางพอเพียง กระตนุ ความสนใจ Engage 1. ครนู าํ บัตรภาพของใชแ ละของเลนมาแสดงให ? นกั เรียนดู แลว ใหน ักเรียนรว มกันบอกวา สิ่งของ ในภาพเปนของใชห รือของเลน นั¡เรÂÕ นคÔ´Ç่Ò ขอ§เÅน่ Ëร×อขอ§ãªŒ ทÕèเËçนãนÀÒ¾มอÕ นั µรÒÂËรอ× มÕ¼ÅเÊÂÕ 2. ครูใหน ักเรยี นดูภาพ หนา 40 แลว รวมกัน พิจารณาวา สิ่งของในภาพมีอนั ตรายหรือ µอ่ ÊขØ ÀÒ¾Ëร×อไม่ อÂÒ่ §ไร มผี ลเสียตอสขุ ภาพหรอื ไม เพราะอะไร (แนวตอบ ของเลน และของใชใ นภาพมปี ระโยชน ตอ รางกายและพัฒนาการของเรา เชน เครื่องตอกไม ชว ยฝกกลา มเนอื้ กรรไกรใชตดั กระดาษ เปนตน แตถาเรานําสิง่ เหลานี้มาใช อยา งผิดวธิ ีหรอื ใชส ิ่งของอยา งไมร ะมดั ระวัง ก็อาจเกดิ อนั ตรายตอ เราได) 40 เกร็ดแนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรูโดยการใหนักเรยี นปฏิบัติ ดังนี้ • สาํ รวจของใชแ ละของเลน • อธบิ ายอนั ตรายท่ีอาจเกิดจากของใชและของเลน • วางแผนปฏบิ ัติตนในการใชข องใชแ ละของเลนใหป ลอดภยั จนเกดิ ความรคู วามเขาใจวา ของใชและของเลนบางชนดิ อาจกอใหเ กิด อันตรายไดถา เราใชของใชห รอื เลนของเลน บางชนิดอยา งไมระมัดระวัง ดงั น้นั เราจึงควรเลน ของเลน และใชข องใชอยางระมัดระวัง 40 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา ๑ ของใช้ในบ้าน 1. ใหน กั เรียนสํารวจของใชแ ละของเลน ในบา น ของใช้ในบา้ นมีอยมู่ ากมายหลายชนดิ เชน่ โตะ๊ ตู้ เตียง มีด และในโรงเรียนวา มอี ะไรบา ง เปน็ ตน้ ของใชเ้ หลา่ นี้มปี ระโยชน์ตอ่ ชีวติ ประจ�าวนั ของเรา แต่ถา้ ใช้ ไมถ่ กู วิธีหรือใชอ้ ย่างไมร่ ะมดั ระวัง ก็อาจเกิดอันตรายตอ่ ผ้ใู ชไ้ ด้ 2. ครยู กตัวอยา งของใชแ ละของเลนอยา งละ ๑. อันตรายจากของใชใ้ นบา้ น 1 ชนดิ แลว ใหน ักเรยี นรวมกนั แสดงความ อันตรายจากของใช้ในบ้าน เกิดจากความไม่ระมัดระวังของ คดิ เห็นวา ของใชแ ละของเลนเหลาน้จี ะเปน อันตรายตอสขุ ภาพไดหรือไม อยา งไร 3. ใหนกั เรียนแบงกลุม ใหแ ตละกลมุ รวมกนั คดิ วธิ ใี ชของใช และวิธเี ลน ของเลน ใหปลอดภัย จากนั้นออกมานาํ เสนอทห่ี นาชนั้ ผใู้ ชแ้ ละการชา� รดุ ของของใชเ้ หลา่ นนั้ ซง่ึ ทา� ใหไ้ ดร้ บั บาดเจบ็ และเกดิ อธบิ ายความรู Explain ความเสยี หายตอ่ ทรพั ยส์ นิ ได ้ ของใชท้ อี่ าจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตราย เชน่ 1. ใหนกั เรยี นรวมกนั สรปุ อนั ตรายทเี่ กดิ จาก ไม้กวาด1หรืออุปกรณ์ ของใชและวธิ ใี ชของใชใหป ลอดภัย โตะ๊ เกา้ อท้ี ม่ี ีมุมแหลม ท�าความสะอาดทมี่ ่ี หรือช�ารดุ เสียหาย 2. ครูตัง้ คาํ ถามวา ดา้ มยาว ถา้ วางกับพื้น • สิ่งของใดท่ีไมค วรนํามาวางใกลเ ตาแกส อาจทา� ใหเ้ กดิ การสะดดุ เพราะอะไร (แนวตอบ นํ้ามันกาด กระดาษ เพราะเปน ของมคี ม เชน่ ลวด มดี 2 เครื่องใช้ไฟฟา้ ต่างๆ วัตถุไวไฟ) กรรไกร จอบ เสียม ที่ก�าลังใช้งานอยู่ • ถา มือเปยกนา้ํ ไมควรจับสง่ิ ใด (แนวตอบ ไมค วรจบั ปลก๊ั ไฟ หรอื เครอื่ งใชไ ฟฟา เตาถ่าน เตาแกส๊ 3 กระจกหรือสงิ่ ของ เพราะอาจทาํ ใหถ กู ไฟดูดได) ไมข้ ดี ไฟ ท่ีอาจท�าให้ ท่ีสามารถแตกได้ • ถาพบของใชใ นบา นชํารุด นกั เรียนควรทํา เกดิ ไฟไหม้ได้ เชน่ แก้ว อยา งไร ท เต�า้าใหรับ้เกแิดลไะฟเตดูด้า4เไสดีย ้ ถบ้าอเอาจา (แนวตอบ แจงใหพ อแมห รือผใู หญในบาน นวิ้ แหย่เขา้ ไปในรู ไมค่ วร ทราบ เพ่อื จะไดแ กไขตอไป) ให้นิ้วมือสัมผัสกับขาของ เตา้ เสยี บ และรขู องเตา้ รบั ประต ู หรอื หนา้ ตา่ ง 41 ท่ีอาจหนีบน้ิว ถ้า ไม่ระมัดระวงั หรอื ไม่มที ่ยี ดึ ขณะเปดิ ขอ สอบเนนการคิด นักเรยี นควรรู พฤติกรรมในขอ ใดท่อี าจทําใหเ กิดอันตรายในการใชเ คร่ืองใชไฟฟา 1 ไมกวาด การเก็บไมกวาดหลงั ใชง านเสรจ็ แลว อาจใสหว งหรือเจาะรทู ่ี ก. เช็ดทําความสะอาดเคร่ืองใชไฟฟา ที่เสียบปล๊ักอยูด วยผา เปยก ปลายดา มแลว ใชเ ชอื กรอ ย ทาํ หว งสาํ หรบั แขวน หรอื เกบ็ ในชนั้ เกบ็ ไมก วาดโดยเฉพาะ ข. ถอดปลกั๊ กอ นนาํ เคร่ืองใชไ ฟฟาไปทําความสะอาด ก็ได ทําใหห ยิบใชงานไดสะดวก ค. นาํ เครื่องใชไฟฟาท่ชี ํารดุ ไปซอมแซมกอ นนาํ มาใช 2 มดี การเกบ็ มดี หลงั ใชง านเสรจ็ แลว ใหล า งทาํ ความสะอาดและใชผ า เชด็ ใหแ หง ง. เก็บเคร่ืองใชไฟฟาทีใ่ ชเ สร็จแลว เขา ทีใ่ หเ รียบรอ ย แลว นาํ ไปเกบ็ ในทเ่ี ก็บมีดใหเ รียบรอ ย วเิ คราะหค ําตอบ กอนนําเครือ่ งใชไ ฟฟา ไปทาํ ความสะอาด ควรถอดปลกั๊ 3 เตาแกส ในหองครวั ทไี่ มม ีชองลม หรือระบบระบายอากาศ จะเปน แหลง สะสม ออกกอ นเพื่อปองกันไฟชอ็ ต และควรซอ มแซมเครือ่ งใชไ ฟฟา ใหดีกอนนาํ ของแกสทีร่ วั่ ไหลจากถงั หรอื เตาแกส เม่ือสูดดมเขา ไปมากๆ อาจเกดิ อนั ตรายตอ ไปใช เพ่ือไมใ หเ กดิ ไฟฟา ลดั วงจร รวมถงึ เมอื่ ใชเครื่องใชไฟฟาเสรจ็ แลว รางกายได ดังนน้ั จึงควรตงั้ เตาแกสไวบรเิ วณท่ีมีอากาศถายเทไดสะดวก ควรเก็บเขาทีใ่ หเ รียบรอ ยเพอื่ ใหส ะดวกในการหยิบใชค ร้ังตอไป สวนการ 4 ไฟดูด การจับปลั๊กไฟในขณะทม่ี อื เปยกจะทาํ ใหถกู ไฟฟาดูดได ถาหากกระแส ทาํ ความสะอาดเคร่อื งใชไ ฟฟาดว ยผาเปยก ในขณะที่ยงั เสียบปลก๊ั อยูอาจ ไฟฟา มปี ริมาณมาก อาจทําใหเ ปนอนั ตรายถงึ แกชีวิตได ทาํ ใหถูกไฟดดู ได ดงั นนั้ ขอ ก. เปนคําตอบท่ีถูก คูม อื ครู 41
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118