คมู่ ือครู Teacher Script กำรงำนอำชพี ม. 1และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 1 ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ัด กล่มุ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ผู้เรยี บเรยี งหนงั สอื เรียน ผตู้ รวจหนังสอื เรยี น บรรณาธกิ ารหนงั สือเรยี น ผศ.เพ็ญพร ประมวลสขุ รศ.จอมขวัญ สุวรรณรกั ษ ์ นายปัญญา สังขภ์ ิรมย์ นางวรรณ ี วงศพ์ านิชย์ ผศ. ดร.เบญญา ไม้ โภคทรัพย์ นายสมเกยี รติ ภ่รู ะหงษ์ นายมนตรี สมไร่ขิง นางสุชรี า เสาร์นอ้ ย นางศิริรัตน์ ฉัตรศขิ รนิ ทร ดร.สถติ ยพ์ งษ์ มั่นหลา� ผเู้ รยี บเรยี งคู่มือครู นางสาวพรรณมณฑ์ นิลนฤนาท นางสาวอัญชลี ฉั ายแสงจนั ทร์ พมิ พครัง้ ท่ี 1 สงวนลขิ สิทธิ์ตามพระราชบญั ญตั ิ รหสั สินคา : 2147013
ค�ำแนะน�ำกำรใช้ คูม่ อื ครู รายวชิ า การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.1 จัดท�าขึ้น เพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและประกันคุณภาพผู้เรียน ตาม นโยบายของส�านกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน (สพฐ.) เพม่ิ คําแนะนําการใช ชวยสรางความเขาใจ เพื่อใชคูมือครูได นำ� นำ� สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ อยางถูกตอ งและเกิดประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ขนั้ นำ� ๒ การดแู ลรกั ษาบา้ นหน่วยการเรยี นรู้ที่ เพม่ิ คาํ อธิบายรายวิชา แสดงขอบขายเนื้อหาสาระของรายวิชา ซงึ่ ครอบคลมุ มาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชว้ี ดั ตามทห่ี ลกั สตู ร กระบวนกำรสร้ำงควำมตระหนัก บ้านเป็นสถานที่อยู่อาศัยและเป็นศูนย์รวมของสมาชิกในครอบครัวที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน กําหนด 1. นกั เรยี นทา� แบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ย อย่างมีความสุข ดังน้ัน สมาชิกในครอบครัวทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลรักษาบ้าน เพื่อให้บ้าน เพม่ิ Pedagogy ชวยสรางความเขาใจในกระบวนการออกแบบ การเรยี นรู้ที ่ 2 การดูแลรักษาบ้าน มีความน่าอยู่มากยิ่งข้ึน ซ่ึงในการดูแลรักษาบ้านนั้นจะต้องมีกระบวนการท�างาน เพ่ือให้การ การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ไดอยางมี 2. ครกู ระตนุ้ ความสนใจนกั เรียนโดยถาม ท�างานประสบความส�าเรจ็ ตามเปา้ หมายและท�าให้บา้ นมคี วามเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย ประสิทธิภาพ นักเรียนวา่ “นกั เรยี นเคยฟงั เพลงท่ีมีเนือ้ หา เกยี่ วขอ้ งกบั บ้านบา้ งหรือไม”่ จากนน้ั ครูตดิ ตวั ชว้ี ัด เพม่ิ Teacher Guide Overview ชว ยใหเ หน็ ภาพรวมของการ แถบข้อความของเน้ือเพลง ครอบครวั สุขสนั ต์ จัดการเรียนการสอนท้ังหมดของรายวิชากอนที่จะลงมือ และเปิดเพลงนีใ้ ห้นกั เรียนฟงั ■ วเิ คราะห์ขัน้ ตอนการทำางานตามกระบวนการทาำ งาน (ง ๑.๑ ม.๑/๑) สอนจรงิ ■ ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทำางานดว้ ยความเสยี สละ (ง ๑.๑ ม.๑/๒) ขนั้ สอน ■ ตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาการทำางานอยา่ งมเี หตุผล (ง ๑.๑ ม.๑/๓) เพ่มิ Chapter Overview ชว ยสรา งความเขา ใจและเหน็ ภาพรวม ในการออกแบบแผนการจัดการเรยี นรูแตละหนว ย ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต 1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ เพมิ่ ขอสอบเนนการคิด เพ่ือเตรียมความพรอมของผูเรียน สกู ารสอบในระดับตา ง ๆ 4-5 คน ตามความเหมาะสม โดยให้แต่ละ กลมุ่ ปฏิบัติ ดังน้ี เพม่ิ กจิ กรรม 21st Century Skills กิจกรรมทจ่ี ะชวยพัฒนา • วาดภาพสิ่งต่างๆ และความสัมพันธ์ใน ผูเรียนใหมีทักษะท่ีจําเปนสําหรับการเรียนรูและการดํารงชีวิต ครอบครัวท่ีนักเรียนรู้สึกได้จากเน้ือเพลง ในโลกแหง ศตวรรษท่ี 21 ครอบครวั สขุ สนั ต์ • ให้บรรยายความรู้สึกท่ีได้รับจากข้อความ ในเพลง • บอกขอ้ คิดต่างๆ ที่ได้จากข้อความในเพลง 2. ในระหว่างท่ีนักเรียนก�าลังท�ากิจกรรม ครู อธิบายเพ่ิมเติมว่า “การท่ีบ้านหรือครอบครัว จะมีความสุขมีความอบอุ่นได้น้ัน ข้ึนอยู่กับ ผู้อาศัยที่จะต้องมีบทบาทหน้าที่ ช่วยกันดูแล รักษา ชว่ ยเหลอื เกื้อกูลซ่ึงกันและกัน และให้ อภัยต่อกัน แต่หากเกิดการทะเลาะวิวาทหรือ มีความไมเ่ ข้าใจกนั ควรพดู คยุ และปรับความ เขา้ ใจกนั ใหเ้ ร็วที่สดุ ” เกร็ดแนะครู โซน 3 ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยเนน้ ทกั ษะกระบวนการทา� งาน กระบวนการ กลุ่ม เพ่ือให้นักเรียนสามารถใช้อุปกรณ์อ�านวยความสะดวกในการท�างานบ้าน จัดและตกแต่งบ้าน และจัดสวนในภาชนะอย่างเป็นขั้นตอนได้ โดยกิจกรรม สามารถจดั ได ้ ดงั น้ี • การตั้งประเด็นเกี่ยวกับการดูแลรักษาและการจัดตกแต่งบ้าน เพ่ือให้ นกั เรียนร่วมกันอภิปราย • ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ เพื่อท�ากจิ กรรม เชน่ การจดั สวนในภาชนะ บันทึก ผลและน�าเสนอหน้าชั้นเรยี น โซน 2 T16 โซน 1 ช่วยครูจัด โซน 2 ชว่ ยครูเตรียมสอน กำรเรียนกำรสอน โดยประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ทเ่ี ปน็ ประโยชนส์ า� หรบั ครู แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน เพอ่ื น�าไปประยกุ ต์ใช้จดั กิจกรรมการเรยี นรใู้ นชั้นเรยี น โดยแนะนา� ขน้ั ตอนการสอน และการจัดกจิ กรรมอย่างละเอยี ด เพอื่ ใหน้ ักเรยี นบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามตวั ช้ีวัด เกรด็ แนะครู นำ� สอน สรุป ประเมนิ ความรู้เสรมิ สา� หรับครู ข้อเสนอแนะ ขอ้ สังเกต แนวทางการจดั กจิ กรรมและอน่ื ๆ เพื่อประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน นักเรยี นควรรู ความรเู้ พิ่มเตมิ จากเนอ้ื หา สา� หรับอธบิ ายเสริมเพมิ่ เติมให้ กับนกั เรียน
โดยใช้หนังสือเรียน การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.1 และแบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู การงานอาชีพและ เทคโนโลยี ม.1 ของบรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น ์ อจท. จา� กดั เป็นส่ือหลัก (Core Material) ประกอบการสอน และการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด ของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยคู่มอื ครมู ีองค์ประกอบท่ีง่ายต่อการใชง้ าน ดงั นี้ โซน 1 นำ� สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ช่วยครูเตรียมนกั เรียน หากต้องการให้บ้านสะอาด ๑ บา้ นและความเปน็ อย ู่ในบ้าน ขนั้ สอน ประกอบด้วยแนวทางการส�าหรับจัดกิจกรรมและ นา่ อยแู่ ละมคี วามเปน็ ระเบยี บ เสนอแนะแนวขอ้ สอบ เพอื่ อา� นวยความสะดวกใหแ้ กค่ รผู สู้ อน เรยี บรอ้ ย ควรปฏิบตั ิอยา่ งไร บ้านเป็นสถานที่ที่สมาชิกในครอบครัวอาศัยอยู่ร่วมกัน ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต อยา่ งมคี วามสขุ บา้ นทด่ี นี อกจากจะตอ้ งมคี วามมนั่ คงแขง็ แรงแลว้ 3. ครูสุ่มนักเรียน 3-4 คน ตอบค�ำถำมกระตุ้น กิจกรรม 21st Century Skills ยงั ตอ้ งมีความสะอาด มคี วามเป็นระเบยี บเรียบร้อย ซง่ึ การจะมี ลักษณะเช่นน้ีได้ สมาชิกในบ้านทุกคนจะต้องมีบทบาทหน้าที่ ควำมคิดเก่ียวกับหน้ำท่ีของนักเรียนท่ีมีต่อ กิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างช้ินงาน ชว่ ยกันดูแลรกั ษา เพอ่ื ให้บ้านน่าอยแู่ ละไมท่ รุดโทรม ครอบครัวว่ำ “นักเรียนคิดว่ำตนเองควรจะมี หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอดเพอ่ื ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทรี่ ะบใุ นทกั ษะ บทบำทหน้ำที่ในครอบครัวอยำ่ งไร” แหง่ ศตวรรษที ่ 21 ๑.๑ บทบาทหนา้ ทข่ี องสมาชิกในบ้าน (แนวตอบ ชว่ ยเหลืองานบ้านเพอ่ื แบ่งเบา ภาระของผู้ปกครอง ต้ังใจเรียนหนังสือ ขอสอบเนน การคดิ สมาชกิ ในบา้ นอาจจะประกอบดว้ ยพอ่ แม ่ ลกู ป ู่ ยา่ ตา ยาย และเชอ่ื ฟังคา� ส่งั สอนของผปู้ กครอง) ญาติพี่น้อง โดยสมาชิกแต่ละคนจะมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน 4. ครสู นทนำเกยี่ วกบั หนำ้ ทขี่ องสมำชกิ ในบำ้ นวำ่ ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิด มีท้ังปรนัย-อัตนัย พร้อม บา้ นจะมคี วามสขุ หากสมาชกิ ในบา้ นรบู้ ทบาทหนา้ ทขี่ องตนและ “สมำชกิ ในบำ้ นอำจจะประกอบไปดว้ ย พอ่ แม่ เฉลยอยา่ งละเอยี ด ปฏบิ ตั ติ าม โดยท่ัวไปบทบาทหนา้ ทีข่ องสมาชิกในบ้าน มดี ังนี้ ปู่ ยำ่ ตำ ยำย ญำตพิ ่นี อ้ ง โดยสมำชิกแต่ละ คนจะมบี ทบำทหนำ้ ทแี่ ตกตำ่ งกนั ออกไป บำ้ น กิจกรรมเสริมสรางคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค • ป บริดะากอมบาอราดชาีพสุจรติ 1เพือ่ หา บุตร จะมีควำมสุขถ้ำหำกสมำชิกในบ้ำนรู้บทบำท • เ คารพและเชอ่ื ฟังค�าสงั่ สอน หน้ำท่ีของตนและปฏิบตั ติ ำม” กจิ กรรมเสนอแนะแนวทางการเสริมสร้างคณุ ลักษณะ รายได้เลยี้ งครอบครัว ของพอ่ แม ่ ญาตผิ ใู้ หญ่ ขนั้ ท่ี 2 วจิ ารณ์ อนั พึงประสงค์ • เ ลย้ี งดบู ตุ รและสมาชกิ ในบา้ น • ชว่ ยแบง่ เบาภาระของพ่อแม ่ 5. ครูให้นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันอภิปรำย และ ใหม้ คี วามเป็นอยทู่ ดี่ ี เชน่ ทา� งานบา้ น ดแู ลญาตผิ ใู้ หญ่ แสดงควำมคิดเห็นว่ำสมำชิกในบ้ำนแต่ละคน กจิ กรรมทา ทาย • อบรมบตุ รหลานให้เป็นคนดี • ขยันหมั่นเพียร ตง้ั ใจเรยี น ควรมีบทบำทหน้ำที่อย่ำงไรถึงจะท�ำให้บ้ำน มคี ุณธรรมและจริยธรรม • ม คี วามกตญั ญกู ตเวท ี มีควำมสุข โดยศกึ ษำควำมรจู้ ำกหนังสือเรียน เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอื่ ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น • ประ๑พ.ฤ๒ต ิตกนาเปรน็ สแรบ้าบงอสยา่ัมงพท่ีดันี ธภาพป2แรละพะฤบตริตรนยเปา็นกคานศดที ่ีอบอุ่น วชิ ำ กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี ม.1 หนว่ ย ทเี่ รยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และตอ้ งการทา้ ทายความสามารถใน ในบา้ น กำรเรยี นรู้ท่ี 2 กำรดแู ลรักษำบ้ำน ระดบั ท่สี งู ขึน้ บา้ นทอี่ บอนุ่ และมคี วามสขุ สมาชกิ ในบา้ นจะตอ้ งมคี วามรกั กิจกรรมสรางเสรมิ ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ให้อภัยต่อกัน ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิก ในบา้ นมแี ตค่ วามสขุ ในขณะเดยี วกนั หากสมาชกิ ในบา้ นเกดิ การ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นท่ี ทะเลาะวิวาท มคี วามขดั แยง้ ไม่เขา้ ใจกนั หรือไม่มกี ารใหอ้ ภยั ควรได้รบั การพฒั นาการเรยี นรู้ ซึ่งกันและกัน อาจส่งผลให้สมาชิกในบ้านมีพฤติกรรมก้าวร้าว และไมส่ ามารถปรับตวั ใหเ้ ขา้ กับบคุ คลอน่ื ได้ กิจกรรม Mini Project สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 13การดูแล เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อให้สามารถน�าความรู้ท่ี ได้รบั มาออกแบบชิน้ งานตามความสนใจ 1 ชิน้ ■ ข ้นั ตอนการทำางานเปน็ ส่วนหนึ่งของการปฏิบตั ิงานตามทักษะกระบวนการทาำ งาน รักษาบ้าน โดยทาำ ตามลำาดับขน้ั ตอนท่ีวางแผนไว ้ เช่น - การใชอ้ ุปกรณอ์ ำานวยความสะดวกในการทาำ งานบ้าน - การจัดและตกแตง่ ห้อง ข้อสอบเน้น การคิด นักเรียนควรรู้ ในวยั ของนกั เรียนควรมีบทบาทหน้าทีอ่ ย่างไร 1 อาชีพสุจริต เป็นกำรประกอบอำชีพที่ไม่เป็นโทษแก่สังคม ไม่ผิดกฎหมำย 1. สร้ำงชอ่ื เสยี งใหก้ ับวงศต์ ระกูล มรี ำยไดต้ อบแทน โดยอำศัยแรงงำน ควำมรู้ ทกั ษะ อุปกรณ์ เครอื่ งมอื และวธิ กี ำร 2. ช่วยชำ� ระค่ำใชจ้ ำ่ ยต่ำงๆ ภำยในบ้ำน ทแ่ี ตกตำ่ งกนั ไป เช่น แพทย์ วศิ วกร ครู ค้ำขำย รับจ้ำง 3. ท�ำงำนเพอ่ื หำรำยไดม้ ำเล้ียงครอบครัว 2 สัมพันธภาพ กำรสร้ำงสัมพันธภำพให้ยำวนำนข้ึนสำมำรถท�ำได้โดยต้องใส่ใจ 4. ชว่ ยพอ่ แม่ทำ� งำนบำ้ นเท่ำท่ตี นเองจะทำ� ได้ และเอำใจใส่ซ่ึงกนั และกนั มคี วำมไวว้ ำงใจกัน ยอมรบั และรบั ฟงั ควำมคิดเหน็ ต่อกัน รจู้ ักแบ่งปัน เออ้ื เฟือ้ เผอ่ื แผ่ และมีควำมเห็นอกเหน็ ใจกนั (วเิ คราะหค์ �าตอบ ตอบขอ้ 4. บทบาทหนา้ ทใี่ นวยั ของนกั เรยี นนนั้ โซน 3จะตอ้ งเคารพและเชอ่ื ฟงั พอ่ แม่ มคี วามขยนั หมนั่ เพยี ร ตงั้ ใจศกึ ษา เลา่ เรยี น และชว่ ยแบง่ เบาภาระของครอบครวั เชน่ ชว่ ยทา� งานบา้ น เลีย้ งดนู อ้ ง) โซน 2 T17 บูรณาการอาเซยี น แนวทางการวดั และประเมนิ ผล ความร้เู สรมิ หรอื การเชอ่ื มโยงในเร่ืองทเี่ ก่ียวข้องกบั ประชาคม เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ อาเซยี น นกั เรยี นตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ทหี่ ลกั สตู รกา� หนด สื่อ Digital การแนะน�าแหลง่ เรียนรูแ้ ละแหลง่ ค้นควา้ จากส่ือ Digital ตา่ ง ๆ
ค�ำอธิบายรายวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลย ี กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี เวลาเรียน 40 ชัว่ โมง / ปี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ศกึ ษาและวเิ คราะหข์ น้ั ตอนการทำ� งานตามกระบวนการทำ� งาน โดยทำ� ตามลำ� ดบั ขนั้ ตอนทว่ี างแผนไว้ ในการใช ้ อุปกรณ์อ�ำนวยความสะดวกในการท�ำงานบ้าน การจัดและตกแต่งห้อง รู้จักวางแผนการท�ำงานเป็นกลุ่ม โดยใช้ กระบวนการกลมุ่ ในการทำ� งานดว้ ยความเสยี สละ ในการเตรยี ม ประกอบ จดั ตกแตง่ และบรกิ ารอาหาร การแปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร การประดษิ ฐข์ องใช้ ของตกแตง่ จากวสั ดใุ นทอ้ งถนิ่ สามารถตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาการทำ� งานอยา่ งมเี หตผุ ล ในการจัดสวนในภาชนะการซ่อมแซมอุปกรณ์ เครื่องมือ เคร่ืองใช้ พร้อมทั้งแสวงหาความรู้ เพื่อน�ำมาประเมินผล ปรับปรุงงาน น�ำมาเป็นแนวทางในการเลือกอาชีพ การมีเจตคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพ และเห็นความสำ� คัญของ การสร้างอาชีพ เพ่ือให้เกดิ ความตระหนักและเหน็ คณุ ค่าของการทำ� งาน มีทกั ษะกระบวนการทำ� งาน ทักษะการจดั การ ทกั ษะ กระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการท�ำงานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ สามารถน�ำความรู้มาประยุกต์ ใช้ ใน ชีวิตประจ�ำวันได้ มีความสามารถในการตัดสินใจ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะสม รวมถึงมีจิตส�ำนึก ในการใช้พลังงาน ทรัพยากร และส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งประหยดั และคมุ้ ค่า ตวั ช้วี ัด ง 1.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3 ง 2.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3 รวม 6 ตัวช้วี ดั
Pedagogy คมู่ อื ครู การงานอาชพี และเทคโนโลยี ม.1 จัดท�ำขึ้นเพื่อให้ครูผู้สอนน�ำไปใช้เป็นแนวทางวางแผนพัฒนา ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของผเู้ รียน โดยสามารถวางแผน การจดั การเรียนร้ปู ระกอบการใช้หนงั สือเรียน รายวิชาการงาน อาชีพและเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 (ฉบบั ประกนั ) ที่ทางบรษิ ทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำ� กัด จดั พิมพ์จ�ำหนา่ ย เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ (Instructional Design) เน้นกระบวนการปฏิบัติ โดยใช้ โครงการเปน็ หลกั (Project-Based Instruction) รปู แบบการสอนโดยใช้กระบวนการปฏิบตั ิ ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนการงานอาชีพและเทคโนโลยี เพื่อช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีความร ู้ ความเข้าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิต รู้เท่าทันการเปล่ียนแปลง น�ำความรู้เก่ียวกับการด�ำรงชีวิต และการอาชีพมาประยุกต์ ใช้ ในการท�ำงานได้อย่างสร้างสรรค์ เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการท�ำงาน มเี จตคติท่ดี ีต่อการท�ำงาน สามารถด�ำรงชีวิตอยู่ ในสงั คมไดอ้ ย่างพอเพยี งและมคี วามสุข ผู้จัดท�ำจึงเลือกใช้รูปแบบการสอนโดยใช้โครงการเป็นหลัก ซ่ึงเป็นข้ันตอนการจัดการเรียนรู้ท่ีมุ่งให้ผู้เรียน แสวงหาประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ีม่ ปี ระโยชนต์ อ่ ชีวิตประจ�ำวัน โดยใช้ศักยภาพทต่ี นเองมี ผู้เรียนจะมีสว่ นร่วมในการ กำ� หนดงานทที่ ำ� มงุ่ ใหผ้ เู้ รยี นได ้ใชท้ กั ษะการสบื คน้ และการปฏบิ ตั จิ รงิ เพอ่ื เปน็ พน้ื ฐานไปสกู่ ารปฏบิ ตั งิ านอนื่ ๆ ในการ ด�ำรงชวี ติ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของวชิ าการงานอาชพี และเทคโนโลยี วิธกี ารสอน เทคนคิ การสอน ทกั ษะทใี่ ช้ • แบบบรรยาย • การใชค้ ำ�ถาม • การทำ� งานร่วมกัน • การสาธิต • การเลน่ เกม • การวิเคราะห์ • การอภิปรายกลมุ่ ยอ่ ย • การใชต้ วั อยา่ งกระตุน้ ความคดิ • การมีความคิดสรา้ งสรรค์ • การแสดงบทบาทสมมติ • การใชส้ ่อื การเรยี นรทู้ นี่ า่ สนใจ • การคดิ อยา่ งมีเหตุผล • การใช้กรณีตวั อย่าง • การสงั เกต • การใช้สถานการณจ์ ำ�ลอง • การสบื คน้ • การใชศ้ ูนย์การเรียนรู้ • การลงมือปฏบิ ัติ
Teacher Guide Overview การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.1 หนว่ ย ตวั ชว้ี ัด ทกั ษะทไี่ ด้ เวลาท่ใี ช้ การประเมิน สอื่ ทีใ่ ช้ การเรยี นรู้ 1. วเิ คราะห์ขน้ั ตอนการทำ� งานตาม 1. ท กั ษะกระบวนการ 1. ต รวจแบบทดสอบ - ห นังสอื เรียนการงาน 1เรยี นรู้ กระบวนการทำ� งาน ทำ� งาน กอ่ นเรยี น อาชพี และเทคโนโลยี 2. ใช้กระบวนการกลมุ่ ในการทำ� งาน 2. ตรวจใบงาน ม.1 กระบวน 2. ท กั ษะกระบวนการ 3. ป ระเมินช้นิ งาน/ - แบบวดั และบนั ทึกผล การทำ�งาน ด้วยความเสยี สละ แก้ปัญหา ภาระงาน (รวบยอด) การเรยี นร้กู ารงาน 3. ต ดั สนิ ใจแกป้ ญั หาการทำ� งานอยา่ งมี 3. ท กั ษะการแสวงหา 4. ประเมนิ การน�ำเสนอ อาชพี และเทคโนโลยี เหตผุ ล ความรู้ ผลงาน ม.1 4. ทักษะการท�ำงานร่วมกัน 6 5. สังเกตพฤติกรรม - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 5. ทักษะการให้เหตุผล การท�ำงานรายบุคคล - แ บบทดสอบหลงั เรียน 6. สงั เกตพฤตกิ รรมการ ช่ัวโมง 6. สงั เกตพฤตกิ รรม - P owerPoint การท�ำงานกลมุ่ ทำ� งานกล่มุ 7. สงั เกตความมวี ินัย รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่ันในการ ท�ำงาน 8. ต รวจแบบทดสอบ หลังเรยี น 2การดูแล 1. วเิ คราะหข์ ้ันตอนการทำ� งานตาม 1. ท กั ษะการคิดวิเคราะห์ 1. ตรวจแบบทดสอบ - ห นงั สอื เรียนการงาน กระบวนการทำ� งาน 2. ท ักษะการประยกุ ต์ กอ่ นเรียน อาชพี และเทคโนโลยี รักษาบา้ น 2. ใชก้ ระบวนการกลุม่ ในการทำ� งาน 2. ตรวจใบงาน ม.1 ใชค้ วามรู้ 3. ป ระเมนิ การประดิษฐ์ - แ บบวดั และบนั ทึกผล ด้วยความเสียสละ 3. ท กั ษะกระบวนการคดิ ช้ินงาน การเรยี นรูก้ ารงาน 3. ต ัดสนิ ใจแก้ปัญหาการทำ� งานอยา่ งมี 4. ป ระเมนิ ชิน้ งาน/ อาชพี และเทคโนโลยี ตดั สินใจ ภาระงาน (รวบยอด) ม.1 เหตผุ ล 4. ทักษะการท�ำงานกลุ่ม 5. ป ระเมนิ การน�ำเสนอ - แ บบปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 10 ผลงาน การงานอาชีพและ 6. สังเกตพฤตกิ รรม เทคโนโลยี ม.1 ชว่ั โมง การท�ำงานรายบคุ คล - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 7. สังเกตพฤตกิ รรม - แบบทดสอบหลังเรยี น การท�ำงานกลุ่ม - PowerPoint 8. สังเกตความมวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนร้ ู และมุง่ มั่นในการ ท�ำงาน 9. ต รวจแบบทดสอบ หลังเรยี น 3อาหารกับ 1. วเิ คราะห์ขัน้ ตอนการทำ� งานตาม 1. ท กั ษะการคดิ วิเคราะห์ 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรียนการงาน กระบวนการทำ� งาน 2. ทกั ษะการแสวงหาความรู้ กอ่ นเรียน อาชีพและเทคโนโลยี การด�ำ รงชวี ติ 2. ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทำ� งาน 3. ท ักษะกระบวนการ 2. ต รวจใบงาน ม.1 3. ป ระเมนิ ชน้ิ งาน/ - แ บบวัดและบนั ทกึ ผล ดว้ ยความเสียสละ แกป้ ญั หา ภาระงาน (รวบยอด) การเรียนร้กู ารงาน 3. ต ัดสนิ ใจแก้ปัญหาการทำ� งานอย่างม ี 4. ทกั ษะกระบวนการคิด 4. ประเมินการน�ำเสนอ อาชีพและเทคโนโลยี ผลงาน ม.1 เหตุผล ตัดสินใจ 5. ทักษะการท�ำงานกลุ่ม 10 5. สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบทดสอบก่อนเรียน ท�ำงานรายบคุ คล - แบบทดสอบหลงั เรยี น ช่ัวโมง 6. สังเกตพฤติกรรม - PowerPoint การท�ำงานกลมุ่ 7. สงั เกตความมวี ินยั รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการ ท�ำงาน 8. ต รวจแบบทดสอบ หลงั เรียน
หน่วย ตัวช้ีวัด ทกั ษะทไี่ ด้ เวลาทใี่ ช้ การประเมนิ ส่ือท่ใี ช้ การเรียนรู้ 1. วเิ คราะหข์ นั้ ตอนการทำ� งานตาม กระบวนการทำ� งาน 1. ทกั ษะการประยกุ ต ์ 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรียนการงาน 4 2. ใช้กระบวนการกลมุ่ ในการทำ� งานดว้ ย ใชค้ วามรู้ กอ่ นเรียน อาชพี และเทคโนโลยี 2. ต รวจใบงาน ม.1 การประดิษฐ์ ความเสียสละ 2. ทักษะกระบวนการ 3. ป ระเมินชิน้ งาน/ - แบบวัดและบันทึกผล ของใช้ 3. ตัดสนิ ใจแก้ปญั หาการทำ� งานอยา่ งมี แกป้ ัญหา ภาระงาน (รวบยอด) การเรยี นร้กู ารงาน เหตผุ ล 4. ป ระเมินการน�ำเสนอ อาชพี และเทคโนโลยี ของตกแต่ง 3. ทักษะกระบวนการคิด ผลงาน ม.1 จากวัสดุ ตดั สนิ ใจ ในท้องถน่ิ 1. ทักษะการสรปุ ลง ความคดิ เหน็ 6 5. สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบทดสอบกอ่ นเรียน การท�ำงานรายบคุ คล - แ บบทดสอบหลงั เรยี น 2. ทักษะกระบวนการ ชวั่ โมง 6. สงั เกตพฤตกิ รรม - PowerPoint แกป้ ัญหา การท�ำงานกลุ่ม 8 7. สงั เกตความมวี นิ ยั 3. ทกั ษะการใหเ้ หตุผล รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรยี นร ู้ 4. ทกั ษะการท�ำงานรว่ มกัน ช่วั โมง และมงุ่ มั่นในการ ท�ำงาน 8. ต รวจแบบทดสอบ หลังเรยี น 5 1. อธิบายแนวทางการเลอื กอาชพี 1. ตรวจแบบทดสอบ - ห นงั สอื เรียนการงาน 2. มีเจตคตทิ ีด่ ตี ่อการประกอบอาชีพ กอ่ นเรียน อาชีพและเทคโนโลยี โลกของอาชีพ 3. เหน็ ความส�ำคญั ของการสรา้ งอาชีพ 2. ต รวจใบงาน ม.1 3. ประเมินช้ินงาน/ - แบบวัดและบันทกึ ผล ภาระงาน (รวบยอด) การเรยี นรู้การงาน 4. ประเมนิ การน�ำเสนอ อาชพี และเทคโนโลยี ผลงาน ม.1 5. สงั เกตพฤติกรรม - แบบทดสอบก่อนเรียน การท�ำงานรายบุคคล - แ บบทดสอบหลังเรียน 6. สงั เกตพฤตกิ รรม - PowerPoint การท�ำงานกล่มุ 7. สังเกตความมวี นิ ยั รบั ผิดชอบ ใฝ่เรียนร้ ู และมุง่ มน่ั ในการ ท�ำงาน 8. ต รวจแบบทดสอบ หลงั เรยี น
สารบัญ Chapter Title Chapter Teacher Overview Script หนว่ ยการเรียนรู้ท ่ี 1 เรยี นร้กู ระบวนการทำ�งาน T2-T3 T4 • ทกั ษะกระบวนการทำ� งาน T14-T15 • กระบวนการกลุ่มในการท�ำงาน T5 • การแก้ปญั หาในการทำ� งานอยา่ งมเี หตผุ ล T54-T55 T6-T9 • การเสรมิ สร้างลกั ษณะนิสยั ในการท�ำงานด้วยความเสยี สละ T10-T11 T12-T13 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 การดูแลรักษาบ้าน T16 • บ้านและความเปน็ อยู่ ในบ้าน • การวางแผนในการดูแลรกั ษาบา้ น T17-T18 • อปุ กรณอ์ �ำนวยความสะดวกในการทำ� งานบ้าน T18-T22 • การดูแลรกั ษาความสะอาดบา้ น T23-T27 • การดูแลรักษาห้องต่าง ๆ T28-T30 • การดแู ลรักษาเคร่ืองเรือน T31-T32 • ความปลอดภัยในการท�ำงานบ้าน • การจดั และตกแตง่ ห้อง T33 • การจัดสวนในภาชนะเพือ่ ตกแตง่ ห้องตา่ ง ๆ ในบา้ น T34-T35 T36-T41 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 อาหารกบั การดำ�รงชีวติ T42-T53 • อาหารและโภชนาการทีม่ ตี อ่ สขุ ภาพ T56 • การเลอื กซ้อื อาหาร • อปุ กรณ์ เครื่องมอื เครือ่ งใช้ ในการประกอบอาหาร T57-T58 • การเตรียมวตั ถดุ บิ T59-T62 • การประกอบอาหาร T63-T70 • การจดั และตกแตง่ อาหาร • การบริการอาหาร T71 • การแปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร T72-T75 T76 T77 T78-T85
Chapter Title Chapter Teacher Overview Script หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 กำรประดิษฐของใช้ T86-T87 T88 ของตกแตง่ จำกวสั ดใุ นทอ้ งถน่ิ T114-T115 T89 • การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดใุ นทอ้ งถน่ิ T90-T91 • วัสดใุ นทอ้ งถิ่นท่นี �ามาใช้ ในงานประดษิ ฐ์ T92-T98 • อุปกรณ์ เครือ่ งมอื เครื่องใช ้ในการทา� งานประดษิ ฐ์ T99-T100 • การออกแบบงานประดษิ ฐ์ T101-T103 • งานประดษิ ฐจ์ ากวัสดุในท้องถน่ิ T104-T113 • ตวั อยา่ งการประดษิ ฐช์ นิ้ งานของใช ้ ของตกแตง่ จากวสั ดใุ นทอ้ งถน่ิ T116 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 โลกของอำชพี T117-T119 T120-T122 • การประกอบอาชพี T123-T124 • แนวทางในการเลือกอาชพี T125-T128 • กระบวนการตัดสนิ ใจในการเลอื กอาชีพ T129-T134 • เจตคตทิ ีด่ ีตอ่ การประกอบอาชีพสุจรติ • การสรา้ งอาชีพ T135-T136 บรรณำนกุ รม
Chapter Overview แผนการจัด สอื่ ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 - ห นังสือเรยี น 1. บอกความหมาย เนน้ - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการคดิ - รักชาติ ศาสน์ ทกั ษะ วเิ คราะห์ กษตั ริย์ กระบวนการ การงานอาชีพและ เก่ยี วกับทกั ษะ กระบวนการ กอ่ นเรยี น - ทกั ษะ - ซ อื่ สัตยส์ จุ รติ ท�ำงาน กระบวนการคดิ - มีวนิ ัย เทคโนโลยี ม.1 กระบวนการท�ำงาน กลุ่ม - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 ตดั สินใจ - ใฝ่เรยี นรู้ 2 - อยอู่ ย่าง - แ บบวดั และบันทึกผล ได้อย่างถูกตอ้ ง - ป ระเมินการน�ำเสนอผลงาน พอเพียง ชวั่ โมง - มุ่งมนั่ ในการ การเรียนรู้ 2. อธิบายขน้ั ตอนของการ - สังเกตพฤตกิ รรม ทำ� งาน - รักความ การงานอาชพี และ ปฏบิ ตั งิ านตามทักษะ การท�ำงานกลมุ่ เปน็ ไทย - ม จี ติ สาธารณะ เทคโนโลยี ม.1 กระบวนการท�ำงาน - ประเมินคุณลกั ษณะ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ได้อย่างถูกต้อง อนั พึงประสงค์ 3. ป ฏบิ ัติงานตาม - PowerPoint กระบวนการท�ำงานได้ 4. เห็นความสำ� คัญของ การปฏิบตั งิ านตาม ทกั ษะกระบวนการ ทำ� งาน แผนฯ ท่ี 2 - ห นังสือเรียน 1. อ ธบิ ายความหมาย เน้น - ต รวจใบงานท่ี 1.2.1 - ท กั ษะการคิด - รกั ชาติ ศาสน์ กระบวนการ การงานอาชพี และ กลุ่มในการ เทคโนโลยี ม.1 และความสำ� คัญของ กระบวนการ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน วเิ คราะห์ กษตั ริย์ ท�ำงาน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ กระบวนการกลุม่ กลุ่ม - สังเกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการประยกุ ต์ - ซ่อื สัตย์สุจรติ 2 การงานอาชีพและ เทคโนโลยี ม.1 ในการทำ� งานไดถ้ กู ต้อง การท�ำงานกลุ่ม ใช้ความรู้ - มีวนิ ัย ชว่ั โมง - PowerPoint 2. อธบิ ายแนวทางการ ประเมนิ คุณลกั ษณะ - ท ักษะการ - ใฝเ่ รยี นรู้ ทำ� งานด้วย อนั พงึ ประสงค์ แกป้ ญั หา - อยูอ่ ยา่ ง กระบวนการกลมุ่ พอเพยี ง ได้อยา่ งถูกต้อง - มุง่ มนั่ ในการ 3. ปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนการ ทำ� งาน ทำ� งานดว้ ย กระบวนการกลมุ่ - รกั ความ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 4. เหน็ ประโยชน์ของ เปน็ ไทย ข้ันตอนการท�ำงาน แบบกระบวนการกล่มุ - มจี ติ สาธารณะ T2
แผนการจดั ส่ือท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คณุ ลักษณะ การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ท่ี 3 - ห นงั สือเรยี น 1. อ ธบิ ายความหมาย เนน้ - ป ระเมินการน�ำเสนอ - ท กั ษะการคดิ - รกั ชาติ ศาสน์ การแกป้ ญั หา การงานอาชีพและ ความสำ� คัญของการ กระบวนการ ผลงาน วเิ คราะห์ กษตั ริย์ ในการท�ำงาน เทคโนโลยี ม.1 แก้ปญั หาในการท�ำงาน - ทกั ษะการ - ซอื่ สตั ย์สุจริต อยา่ งมเี หตผุ ล - แ บบวัดและบนั ทึกผล อยา่ งมเี หตผุ ลได้อยา่ ง กล่มุ - สงั เกตพฤติกรรม แก้ปญั หา - ม ีวนิ ัย การเรียนรู้ ถูกตอ้ ง การท�ำงานกลุม่ - ทกั ษะ - ใฝเ่ รียนรู้ 1 การงานอาชพี และ - ประเมนิ คุณลักษณะ กระบวนการคิด - อยูอ่ ยา่ ง เทคโนโลยี ม.1 2. อธิบายล�ำดบั ข้นั ตอน อันพึงประสงค์ ตัดสินใจ พอเพยี ง ชว่ั โมง - PowerPoint ของกระบวนการ - มุ่งม่ันในการ แกป้ ญั หาได้ถกู ต้อง ทำ� งาน - รกั ความ 3. เขยี นขัน้ ตอนของ เปน็ ไทย กระบวนการแก้ปัญหา - มจี ติ สาธารณะ ได้ถูกต้อง 4. เห็นถงึ ประโยชน์ ของการแก้ปญั หา ในการท�ำงานอยา่ ง มเี หตุผล แผนฯ ที่ 4 - หนังสอื เรยี น 1. อธบิ ายความหมาย เนน้ - ตรวจใบงานท่ี 1.4.1 - ท ักษะชีวิต - รักชาติ ศาสน์ - ทกั ษะการคดิ กษัตริย์ การเสริมสรา้ ง การงานอาชพี และ ความสำ� คญั ของ กระบวนการ - ประเมินการน�ำเสนอ วเิ คราะห์ - ซอื่ สัตยส์ ุจรติ - ทักษะ - ม วี นิ ยั ลกั ษณะนสิ ัย เทคโนโลยี ม.1 ลกั ษณะนิสัยในการ กลุม่ ผลงาน กระบวนการคิด - ใฝเ่ รยี นรู้ ตัดสินใจ - อยูอ่ ยา่ ง ในการท�ำงาน - แ บบวัดและบนั ทึกผล ทำ� งานดว้ ยความเสยี สละ - สังเกตพฤตกิ รรม พอเพียง - มุ่งมั่นในการ ดว้ ยความเสยี สละ การเรยี นรู้ 2. บอกประโยชน์ของการ การท�ำงานกลุ่ม ทำ� งาน - รักความ 1 การงานอาชพี และ มลี กั ษณะนสิ ยั ในการ - ประเมินคุณลกั ษณะ เป็นไทย เทคโนโลยี ม.1 - มจี ติ สาธารณะ ทำ� งานดว้ ยความเสยี สละ อนั พงึ ประสงค์ ช่วั โมง - PowerPoint 3. เขียนและปฏิบตั ติ น - ประเมินชนิ้ งาน/ ตามหลักการท�ำงาน ภาระงาน (รวบยอด) จดั ทำ� ด้วยความเสยี สละได้ รายงานเรอ่ื ง การแก้ไข 4. เหน็ ความสำ� คญั ของ ปญั หาในการท�ำงาน การเสรมิ สร้างลกั ษณะ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน นิสยั ในการทำ� งาน ดว้ ยความเสียสละ T3
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (เนนกระบวนการกลมุ ) ñหน่วยการเรียนรทู้ ี่ àÃÂÕ ¹Ã¡ŒÙ Ãкǹ¡Ò÷Òí §Ò¹ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 เรยี นรกู ระบวนการทาํ งาน ในการท�างานให้ประสบความส�าเร็จอย่างมีคุณภาพน้ัน นอกจากจะต้องมีความรู้ ในงานท่ีท�า 2. ครูกลาวคําทักทายนักเรียน และถามกระตุน มีวัสดุที่จะใช้ อุปกรณ์ที่จ�าเป็นต้องใช้งาน ตลอดจนมีใจรักในการท�างานแล้ว ยังต้องมีทักษะ ความสนใจของนักเรียนวา กระบวนการท�างาน รู้จักเลือกใช้ทักษะการท�างานต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกัน • หากนักเรียนจะตองทําช้ินงานเพ่ือจําหนาย การทา� งานใหบ้ รรลุเป้าหมายจะตอ้ งรขู้ ั้นตอนการทา� งาน รู้จกั วางแผน คิดวเิ คราะหแ์ กป้ ญั หา ภายในโรงเรยี น นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารวางแผน และประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน การทํางานอยางไร เพื่อใหไ ดผ ลลัพธต ามท่ี ไดว างแผนไว (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นกั เรยี น โดยพจิ ารณาตามทกั ษะกระบวนการ ทํางาน) ขนั้ สอน 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม โดยนาํ แถบปา ยประโยค เรื่อง ทักษะกระบวนการทํางาน ติดสลับกัน บนกระดานหนาชนั้ เรยี น 2. ครสู มุ นกั เรยี น 3 คน ออกมาสลบั แถบปา ยประโยค เรอ่ื ง ทกั ษะกระบวนการทาํ งาน โดยใหน กั เรยี น ในหองรวมกันแสดงความคิดเห็น จากน้ันครู เฉลยวา “ทกั ษะกระบวนการทาํ งานมี 4 ขน้ั ตอน ไดแก วิเคราะหงาน วางแผนการทํางาน ปฏิบตั ิงานตามขั้นตอน และประเมินผลงาน” ตวั ช้ีวดั ■ วิเคราะหข น้ั ตอนการทาํ งานตามกระบวนการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๑/๑) ■ ใชก ระบวนการกลุมในการทาํ งานดว ยความเสียสละ (ง ๑.๑ ม.๑/๒) ■ ตัดสินใจแกป ญ หาการทาํ งานอยางมเี หตผุ ล (ง ๑.๑ ม.๑/๓) เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรู เพื่อใหนักเรียนมีความรู ความเขาใจเก่ียวกับกระบวนการทํางานอยางเปนขั้นตอน สามารถทํางานกลุมดวยความเสียสละ และตัดสินใจแกป ญหาการทํางานอยา งมเี หตุผล โดยสามารถจดั กิจกรรมได ดังนี้ • การต้งั ประเดน็ ใหนกั เรยี นรวมกนั อภปิ รายเก่ียวกับกระบวนการทาํ งาน • ใหน กั เรียนแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับแนวทางการทํางานเปนกลุม • ใหนักเรยี นยกตัวอยา งปญ หาในการทาํ งานและบอกแนวทางการแกปญ หา T4
นาํ สอน สรปุ ประเมิน ËÒ¡ä´ŒÃѺÁͺËÁÒÂãËŒÊÌҧ ๑ ทักษะ1กระบวนการทาำ งาน ขนั้ สอน ªéÔ¹§Ò¹à¾×Íè äÇ㌠ªÍŒ ӹǤÇÒÁ Êдǡ·ºèÕ ÒŒ ¹ ¨ÐÁ¡Õ Ãкǹ¡Òà ใ นการททกั า� ษงาะนกตระา่ บง ๆว นอกยาา่ รงมทขีา� นงั้ าตนอเนป เน็ มเอื่ทปคฏนบิ คิ ตั หแิ ลรว้อื จวะธิ ไกีดปา้ รรทะสน่ี บา� กไาปรใณช2์้ 3. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ·Ó§Ò¹Í‹ҧäà ในการเรียนรู้ และหากหม่ันฝึกฝนอยู่เสมอจะเกิดความช�านาญ ศึกษา เรื่อง ทักษะกระบวนการทํางาน จาก และท�างานอย่างมีระบบ ซึ่งในที่น้ีจะใช้ทักษะการท�างานอย่าง หนังสอื เรียน หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 หลากหลาย โดยยกตัวอย่างทักษะการท�างานจากสถานการณ์ “ต้องการท�าช้ินงานประดิษฐ์เพื่อเป็นของขวัญให้เพื่อนเนื่องใน 4. ครูใหนักเรียนทาํ ใบงานที่ 1.1.1 เรอื่ ง ขั้นตอน วนั คลา้ ยวนั เกดิ โดยใชว้ สั ดเุ หลอื ใชท้ มี่ อี ยแู่ ละชน้ิ งานตอ้ งแปลกใหม่ ของทกั ษะกระบวนการทาํ งาน ไมเ่ หมือนใคร” โดยมีลา� ดับขนั้ ตอนตามกระบวนการ ดงั นี้ 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา วิเคราะห์งาน จับสลากเลือกสถานการณ จากน้ันใชทักษะ เปน็ การมองภาพรวมของงานแลว้ วเิ คราะหว์ า่ จะประดษิ ฐช์ น้ิ งานใด กระบวนการทํางานอธิบายขั้นตอนของการ ใหม้ คี วามแปลกใหม ่ มวี สั ดเุ หลอื ใชห้ รอื ไม ่ จะหาไดจ้ ากแหลง่ ใด ใชอ้ ปุ กรณ์ ทํางานใหช ดั เจน เครอื่ งมอื เครื่องใชช้ นดิ ใด และมีงบประมาณค่าใช้จา่ ยเท่าไร 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา วางแผนการทา� งาน3 นาํ เสนอผลงานหนาช้ันเรียน เมื่อรู้ว่าตนเองจะประดิษฐ์ช้ินงานใดแล้วให้ก�าหนดเป้าหมายและ ขนั้ สรปุ วางแผนการท�างานให้ชัดเจน เช่น ศึกษาวิธีการประดิษฐ์ชิ้นงานจาก แหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ เลอื กซอื้ อปุ กรณ ์ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใช ้ ใหพ้ รอ้ ม รา่ งแบบ ครูสรุปใหนักเรียนเขาใจวา “การทํางาน ชน้ิ งานไวอ้ ยา่ งครา่ ว ๆ และกา� หนดระยะเวลาท่ีตอ้ งการใหง้ านเสร็จ ทุกประเภทควรมีกระบวนการทํางานและมีการ วางแผนกอนลงมือปฏิบัติงาน เพื่อลดความ ปฏิบัติงานตามข้นั ตอน ซับซอนในการดําเนินงาน ทําใหการทํางาน ปฏิบัติงานตามแผนการท�างานท่ีได้วางไว้ด้วยความมุ่งมั่น มีความ ประสบความสาํ เร็จอยา งมคี ุณภาพ” อดทนและท�างานจนประสบผลสา� เรจ็ โดยเริม่ จากดูแบบร่างของชิ้นงาน ทอี่ อกแบบไว ้ จากนนั้ ประดษิ ฐ์ชิ้นงานตามขั้นตอนท่ี ได้ศึกษามา เพอ่ื ให้ ขน้ั ประเมนิ ปฏิบัติไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและไม่เสียเวลาหากจา� เป็นตอ้ งแกไ้ ขงานภายหลัง 1. ครตู รวจใบงานที่ 1.1.1 เรอื่ ง ขน้ั ตอนของทกั ษะ ประเมนิ ผลงาน กระบวนการทํางาน ตรวจสอบการท�างานว่าส�าเร็จตามแผนงานท่ี ได้วางไว้หรือไม่ โดย ประเมินคุณภาพช้ินงานว่าเหมือน หรือแตกต่างกับท่ีออกแบบไว้หรือไม ่ 2. ครตู รวจแบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรู มีข้อบกพร่องหรือไม่ ระหว่างการท�างานเกิดปัญหา หรืออุปสรรคใด ท่ี 1 เรยี นรกู ระบวนการทํางาน หากมีจะไดแ้ ก้ปัญหา หรอื ปรับปรงุ พัฒนาให้ดีขนึ้ ในครงั้ ตอ่ ไป 3. ครตู รวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรียน จากการทาํ กจิ กรรมในชนั้ เรยี น การตอบคาํ ถาม การแสดงความคดิ เหน็ รว มกนั ในชนั้ เรยี น สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ■ ขัน้ ตอนการทาํ งาน เปน สว นหนึง่ ของการปฏบิ ตั งิ านตามทกั ษะกระบวนการทาํ งาน โดยทําตามลําดบั ข้ันตอนท่วี างแผนไว ■ กระบวนการกลมุ เปน วธิ กี ารทาํ งานตามขน้ั ตอน คอื การเลอื กหวั หนา กลมุ กาํ หนดเปา หมาย วางแผน แบง งานตามความสามารถ ปฏิบตั ิตามบทบาทหนาท่ี ประเมนิ ผล และปรบั ปรุงงาน ■ ความเสียสละเปนลกั ษณะนสิ ัยในการทํางาน เรียนรู้ ๓ ■ การแกป ญหาในการทํางาน เพ่อื ใหเกดิ ความคิดหาวธิ กี ารแกปญหาตา งๆ กระบวนการท�างาน ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู กอ นทจ่ี ะทาํ งานใดๆ กต็ าม ควรปฏบิ ตั สิ ง่ิ ใดเปน ลาํ ดับแรก 1 ทักษะ ทักษะทีจ่ าํ เปน ในการทาํ งานที่ผปู ฏบิ ตั ิงานพงึ มี คอื ทกั ษะดา นการ 1. วิเคราะหงาน สอ่ื สาร ทักษะดา นการแกป ญ หา ทักษะดา นการวางแผน ทักษะดา นเทคโนโลยี 2. ประเมนิ ผลงาน และคอมพวิ เตอร และทกั ษะดา นภาษา หากมที กั ษะดงั ทกี่ ลา วมา จะชว ยใหท าํ งาน 3. วางแผนการทาํ งาน ไดอยางมีประสิทธิภาพและงานสําเร็จลลุ ว งไปไดดวยดี 4. ปฏบิ ตั งิ านตามข้ันตอน 2 ประสบการณ หรอื Experience เปน สงิ่ ทไ่ี ดม าจากการสงั เกต พบเจอ ไดย นิ สมั ผสั เรยี นรูฝก ฝน ฯลฯ ดว ยตนเอง ซง่ึ แตล ะบคุ คลจะมปี ระสบการณท แี่ ตกตา งกนั (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะกอ นทจี่ ะเรมิ่ ทาํ งานใด ๆ กต็ าม โดยประสบการณแ บง เปน 2 ลกั ษณะคอื ประสบการณท างตรงและประสบการณ ตองวิเคราะหกอนวางานท่ีทําเปนอยางไร จะลงมือทําอยางไร ทางออ ม เริ่มจากสิ่งใดกอน และใชส่ิงใดในการทํางาน โดยขอมูลเหลานี้ 3 วางแผนการทาํ งาน ตอ งวางแผนงานและกจิ กรรมตา งๆ อยา งเปน ระบบตาม จะถูกนํามาวิเคราะห เพื่อวางแผนในการทํางานซึ่งเปนขั้นตอน ลาํ ดับความสําคญั รวมถงึ กําหนดชวงเวลาทจี่ ะดาํ เนนิ การ ทรพั ยากรท่นี ํามาใช ลาํ ดบั ถดั ไป) ตลอดจนกาํ หนดผรู บั ผดิ ชอบงานใหต รงกบั ความสามารถของแตล ะคน จะชว ยให งานสาํ เร็จอยางมปี ระสิทธภิ าพ T5
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (เนน กระบวนการกลุม) ๒ กระบวนการกลุ่มในการทำางาน 1. ครูกลาวคําทักทายนักเรียน และถามกระตุน การทา� งานบางอยา่ งไมส่ ามารถทจี่ ะทา� เพยี งลา� พงั ได ้ ตอ้ งอาศยั การทา� งานรว่ มกบั ผอู้ นื่ เนอื่ งจาก ความสนใจของนักเรียนวา งโดานยกบาารงทอย�าง่าางนมรีล่วักมษกณันะจซะบั ตซ้ออ้งนม ีกจางึ รตสอ้ ื่องสรา่วรม1ทม่ีดือี กมันีปเพฏอ่ืิสใัมหพ้งาันนธ2ส์กา�ันเร ็จแไลดก้ตเรปงลตี่ยานมคระวยาะมเควลิดาเหท็นกี่ �าซหึ่งนกันด • นกั เรยี นชอบทาํ งานเปน รายบคุ คล หรอื ชอบ และกัน ซง่ึ จะส่งผลใหง้ านสา� เรจ็ และมปี ระสทิ ธิภาพ ทํางานแบบกระบวนการกลมุ มากกวา กัน (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ๒.๑ ความหมายและความสา� คญั ของกระบวนการกลุ่ม นกั เรียน) กระบวนการกลุ่ม (Group process) เป็นการท�างานรว่ มกนั ระหว่างบุคคลตัง้ แต่ ๒ คนข้ึนไป 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมเพ่ือเช่ือมโยงเขาสูบทเรียน โดยมกี ารแบง่ ภาระหนา้ ทกี่ ารทา� งานตามความถนดั และความสามารถของแตล่ ะบคุ คล เพอื่ รว่ มกนั คดิ และใหนักเรียนเห็นถึงขอแตกตางระหวาง แกป้ ัญหา และตดั สินใจ การทาํ งานทง้ั 2 แบบวา “การทาํ งานรายบคุ คล กับการทํางานแบบกระบวนการกลมุ เปน การ Teamการสรา้ ง W rk ทํางานท่ีทําใหเกิดความสําเร็จในการทํางาน เชนเดียวกัน แตตองยอมรับวาการทํางาน ความสา� เรจ็ ของแตล่ ะคน เชื่อม่ันในความสามารถ ทุกคนมีบทบาท รายบุคคลบางงานอาจทําใหเกิดความรูสึก คอื ความส�าเรจ็ ของกลุ่ม ของเพ่อื นร่วมทีม รับผิดชอบชัดเจน เหนอ่ื ย เนอ่ื งจากไมส ามารถทาํ เพยี งคนเดยี วได และทําใหไมไดฝกทักษะการปรับตัวใหเขากับ ผูอ ื่นอกี ดว ย” ขน้ั สอน 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) และคดั เลอื ก หัวหนา กลุม เพอ่ื เปนตวั แทนกลุม 2. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา “เมอื่ มกี ารทาํ งานรว มกนั ทุกคนจะตองฝกเปนทั้งผูนําและผูตามท่ีดี โดยผลดั เปลยี่ นกันเปนหวั หนากลุม” ปัญหาของงาน คอื ปัญหา สรา้ งแรงบนั ดาลใจ ของทกุ คนต้องร่วมกันแก้ไข ใหแ้ กก่ ัน ๔ มปี ฏิสมั พนั ธท์ ดี่ ี มีทัศนคตทิ ด่ี ตี ่อกัน รับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อื่น ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกัน นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 การส่ือสาร การเปนนักสื่อสารท่ีดี สามารถปฏิบัติไดโดยการสรางความ บุคคลในขอ ใดมลี กั ษณะของการทาํ งานเปน กลุม สมั พนั ธท ดี่ ี การพดู ใหจ งู ใจผฟู ง การรบั ฟง ความคดิ เหน็ ของผฟู ง การเรยี นรู 1. ตนมสี ีหนาเรียบเฉยตลอดเวลา และเขาใจในธรรมชาตขิ องมนุษย และการมองผฟู งดว ยทัศนคตเิ ชิงบวก 2. สม มีความเปน ตัวของตวั เองมากทส่ี ุด 3. กลา ชอบเสนอ หรอื แสดงความคิดเหน็ 2 ปฏสิ ัมพันธ แนวทางการสรางปฏสิ ัมพันธภ ายในกลุม มีดงั นี้ 4. ปลาชอบสรา งความบันเทิงใหก ับเพือ่ น • ใหการยอมรับและใหเกียรติซึ่งกันและกัน เชน มีการแสดงออกถึง การเปน มติ ร มกี ารยอมรบั ลกั ษณะสว นตวั หรอื ลกั ษณะเฉพาะของบคุ คล (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะการทํางานเปน กลมุ สมาชกิ ตามทเ่ี ขาเปน โดยใหเ กยี รติและเคารพในคุณคาของบคุ คล ในกลมุ แตล ะคนจะตอ งรว มกนั เสนอ หรอื แสดงความคดิ เหน็ รว มกนั • เขา ใจความรสู กึ ของผอู น่ื เสมอื นเราเปนตัวเขา เพ่ือใหไดแนวคิดท่ีหลากหลาย และนํามาใชเปนแนวทางในการ • มีความจริงใจตอกัน ไมเ สแสรง ในการแสดงออกถงึ ความคดิ ความรสู ึก ทํางานกลมุ ของตนเองใหม ีประสิทธิภาพ) และทศั นคติของตนเอง T6
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒.๒ แนวทางการท�างานดว้ ยกระบวนการกลุ่ม ขน้ั สอน การท�างานดว้ ยกระบวนการกลมุ่ ในกลมุ่ วชิ าการงานอาชีพฯ จะมงุ่ เนน้ ทกั ษะกระบวนการคดิ โทดักยษเระยีกนารรจู้จาัดกกปารระ สทบักกษาระณกาต์ รรทง1�าในงากนารรส่วรมา้ กงัน ไ มทว่ า่ักจษะะเปกาน็ รกแากรผ้ปลัญติ หชาน้ิ งแาลนะ หทรักอื ษกะากราซรอ่ แมสแวซงมหปาครบัวาปมรงรุ ู้ 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนและ แก้ ไขชนิ้ งาน มแี นวทางในการปฏิบตั งิ าน ดงั น้ี กาํ หนดจดุ ประสงค แบง หนา ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ ในการทํางาน เพื่อศึกษา เร่ือง กระบวนการ ๑) สรา้ งสมั พนั ธภาพภายในกลมุ่ โดยสมาชกิ ในกลมุ่ จะตอ้ งชว่ ยกนั สรา้ งสมั พนั ธภาพ กลุมในการทํางาน จากหนังสือเรียน หนวย ให้เกิดขึ้นภายในกลุ่ม สมาชิกทุกคนต้องมีน้�าใจ ช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน มองเห็นประโยชน์ การเรยี นรูท่ี 1 โดยมหี ัวขอ ดงั น้ี สว่ นรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นตน มเี ปา้ หมายเดยี วกนั ทจ่ี ะทา� ใหก้ ลมุ่ เขม้ แขง็ ทา� งานสา� เรจ็ อยา่ งมี 1. ความหมายและความสาํ คญั ของกระบวนการ ป ระส ทิ ธิภา พ โด๑ย. สเปม็นาผชู้กินใ�า2นแกลละุม่ผคู้ตวารมยทดึ ่ีดหี ลโกัดกยาปรฏ ดิบังัตนิห้ี น้าท่ีตามท่ีได้รับมอบหมายให้ถูกต้องและ กลุม เหมาะสมกับบทบาทและสถานการณ์นั้น ๆ โดยผู้น�าควรรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่ม 2. แนวทางการทํางานดวยกระบวนการกลมุ สว่ นผู้ตามควรปฏิบตั ิตามหน้าท่ีของตนเองอย่างดที ่สี ดุ 3. ขน้ั ตอนการทํางานดว ยกระบวนการกลุม ๒. เปน็ ผปู้ ระสานงานทด่ี ี โดยตดิ ตอ่ ประสานงานกบั บคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ งทงั้ ภายในกลมุ่ และภายนอกกลุ่ม ควรสอ่ื สารกันให้ชดั เจนและตรงประเด็นตามทต่ี อ้ งการ 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การทํางานดวย ๓. เปน็ ผปู้ ระนปี ระนอม โดยพดู จากนั ดว้ ยความสภุ าพ นมุ่ นวล ไมแ่ สดงกริ ยิ ากา้ วรา้ ว กระบวนการกลุมใหประสบผลสําเร็จ สมาชิก ตอ่ กนั หากสมาชิกในกลุม่ เกดิ ปญั หา หรอื ความขดั แยง้ ระหว่างการทา� งาน ควรแก้ปญั หาดว้ ยการ ในกลุมจะตองปฏิบัติตนใหเกิดผลดีตอกลุม ใช้เหตผุ ล โดยมองเห็นประโยชนสวนรวมมากกวา ๔. เป็นผู้อ�านวยความสะดวก โดยให้สมาชิกทุกคนภายในกลุ่มได้มีส่วนร่วมในการ ประโยชนสวนตน มีเปาหมายเดียวกันเพ่ือ ท�างาน หรอื ทา� กิจกรรมอยา่ งเต็มท่ี ทําใหกลุมเขมแข็ง โดยสมาชิกในกลุมควร ๕. เป็นผู้สังเกตและให้ค�าติชม โดยสมาชิกในกลุ่มต้องช่วยกันสังเกตกระบวนการ ยึดหลักการเปนผูนําและผูตามที่ดี เปนผู ท�างานของกลุ่ม หากเกิดปัญหาข้ึนระหว่างการท�างานจะได้รีบช่วยกันแก้ไข และควรประเมินผล ประสานงาน เปน ผปู ระนปี ระนอม เปน ผอู าํ นวย การทา� งาน เพอ่ื จะไดท้ ราบวา่ มสี ง่ิ ทตี่ อ้ งปรบั ปรงุ ความสะดวก หรืออาจเปนผูผอนคลาย หรือพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างไร ความเครียด” 5. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแลกเปลี่ยนขอมูล รวมกนั ภายในกลุม เก่ียวกบั ส่งิ ทีไ่ ดศ กึ ษา หาก สมาชกิ ในกลมุ คนใดมปี ญ หา หรอื อปุ สรรค ให สมาชกิ ในกลมุ รวมกนั แกป ญ หา ท�างา นที่ด3 ี โดย๖สม. เาปช็นิกใผนู้สกรล้า่มุ งตบ้อรงรสยรา้างกอาาศรกมาณร์ ทดี่ ีในการท�างาน มีความสนกุ กับงานทีท่ า� และ สร้างบรรยากาศที่ดีในการท�างานร่วมกัน เช่น พูดคยุ เรอื่ งท่ีสนุกสนาน เรอ่ื งข�าขนั เพื่อให้เกิด ความผ่อนคลาย การสร้างสัมพันธภาพท่ีดีภายในกลุ่ม ร่วมกันคิดร่วมกันท�า จะท�าใหม้ ีความสุขกับการท�างาน เรียนรู้ 5 กระบวนการท�างาน ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ในการทํางานกลุม สมาชิกในกลุมควรมคี ณุ สมบัตอิ ยา งไร 1 ประสบการณตรง ในวยั ของนักเรียนสามารถหาประสบการณต รงไดงายๆ ดวยการฝกฝนการทํางานตางๆ เชน การประดิษฐชิ้นงาน การเลี้ยงสัตว (แนวตอบ สมาชิกในกลุมควรมอี ธั ยาศยั ดี มมี ิตรไมตรีท่ีดีตอ กัน การประกอบอาหาร เพื่อเปนการฝกประสบการณ อีกทั้งยังชวยสํารวจตนเอง เพอ่ื จะไดท าํ งานรว มกนั อยา งมคี วามสขุ รจู กั รบั ฟง ความคดิ เหน็ ของ ดวยวามีความชอบในสิ่งใดและมคี วามถนัดในดานใด ผอู นื่ เพอ่ื ไมใ หเ กดิ ความขดั แยง ระหวา งกนั และตอ งมนี าํ้ ใจ ชว ยเหลอื 2 ผนู ํา ลักษณะของผูน าํ กลมุ ที่ดจี ะตองเปน ผูท่ีมวี ิสยั ทศั น ตองกระจายงาน ซ่งึ กันและกนั เพอ่ื สรา งความรสู ึกท่ดี ีใหแ กสมาชกิ ในกลุม) ใหกับสมาชิกในกลุมอยางเหมาะสม พัฒนาสมาชิกใหมีความรู ความสามารถ และมีทักษะในการทํางานมากข้ึน เพื่อสรางทีมใหประสบผลสําเร็จ รวมถึง สรางแรงบันดาลใจใหก ับสมาชิกในกลมุ อยเู สมอ 3 บรรยากาศการทํางานทด่ี ี สามารถปฏิบัติไดงา ยๆ คือ การสรางท่ีทํางาน ใหน า ทาํ งาน การสรา งความรกั ในงานทท่ี าํ การสรา งสรรคว ธิ กี ารทาํ งานในรปู แบบ ทห่ี ลากหลาย การสรา งมติ รภาพในการทาํ งานและการสรา งทศั นคตใิ นการทาํ งาน เชงิ บวก T7
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๒) มอบหมายภาระงานให้ตรงกับความสามารถ โดยให้สมาชิกในกลุ่มแต่ละคน 6. ครูใหสมาชิกแตละคนทําใบงานที่ 1.2.1 เร่อื ง ได้ ใช้ความรู้ ความสามารถ หรือใช้ทักษะกระบวนการท�างานต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง เพ่ือให้บรรลุ กระบวนการทํางานกลุม และแบบวัดฯ ม.1 วัตถปุ ระสงค์ หรือเปา้ หมายท่ีไดว้ างไวอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสมาชิกในกลุม่ ควรมีความสามารถ หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 กจิ กรรมท่ี 1.3 เมอ่ื เสรจ็ แลว ดงั น้ี ใหนักเรียนแตละกลุมตรวจสอบความถูกตอง ๑. เป็นผู้ริเร่ิม โดยสมาชิกในกลุ่มจะต้องเป็นผู้เสนอแนวความคิด วิธีการใหม่ ๆ กอนนําสง ครผู ูส อน ในการทา� งานอยู่เสมอ เพือ่ ใหง้ านออกมาไมซ่ ้�าแบบใครและเปน็ ที่นา่ พึงพอใจ ๒. เป็นผู้ ให้ข้อมูล โดยจะต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องในการท�างานอย่าง 7. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) โดยให หลากหลาย และให้ขอ้ มลู หรอื ขอ้ สรุปทถ่ี กู ต้อง เพื่อจะไดน้ �าไปปฏบิ ัติงานไดอ้ ย่างเหมาะสม แตละกลุมรวมกันวางแผนการปฏิบัติกิจกรรม ๓. เปน็ ผูแ้ สวงหาข้อมลู โดยตอ้ งฝกึ เป็นผู้ซักถามข้อสงสยั แลว้ หาขอ้ มูลจากแหลง่ ตามสถานการณท่ีครูกําหนดให “เด็กชาย ทีเ่ ช่อื ถอื ได้มายนื ยันความถกู ต้องระหวา่ งการปฏบิ ตั ิงาน หรอื เมอื่ ต้องการแก้ปญั หา มานะ นักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 1 กบั เพ่ือน ๔. เปน็ ผชู้ แี้ จง โดยตอ้ งใหร้ ายละเอยี ดตา่ ง ๆ ของการทา� งานและเชอื่ มโยงความคดิ เหน็ 3 คน ตองปฏิบัติกิจกรรมการปลูกพืชผัก ของส มาชิก ภาย๕ใ.น เกปลน็ ุ่มผใปู้ หร้เะขเม้ากนิ 1ัน โไดดย้เปปร็นะอเมยนิา่ งกดารี ทา� งานของกลมุ่ ไมว่ า่ จะเปน็ ลกั ษณะการดา� เนนิ งาน สวนครวั ทแี่ ปลงเกษตรของโรงเรียน” การปฏิบัติงาน หรือชนิ้ งาน ซึ่งควรประเมินระหวา่ งปฏิบัตงิ านและหลงั ปฏบิ ตั ิงาน เพือ่ จะไดท้ ราบ ปญั หาตา่ ง ๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ พรอ้ มทง้ั กา� หนดแนวทางในการทา� งานครง้ั ตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 8. ครอู ธบิ ายใหน กั เรยี นเขา ใจวา “การมอบหมาย งานใหตรงกับความสามารถของสมาชิกใน ๒.๓ ข้นั ตอนการทา� งานด้วยกระบวนการกลุม่ กลุมจะทําใหสมาชิกแตละคนไดใชความรู ความสามารถทตี่ นเองมีมาปรบั ใชกับงานท่ีได การท�างานกลุ่มมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ช่วยกันท�างาน ร่วมกันตัดสินใจ และแก้ปัญหาต่าง ๆ รบั มอบหมาย โดยใชท กั ษะ หรอื กระบวนการ ท่ีเกิดขึ้น ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการท�างานและศักยภาพการท�างานของกลุ่ม ซึ่งมีขั้นตอน ทํางานตางๆ เพื่อใหบรรลุตามวัตถุประสงค การทา� งาน ดงั นี้ หรอื เปา หมายทไ่ี ดว างไวอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ” ๓. ว างแผนการท�างาน 9. ครูใหนักเรียนรวมกันวางแผนขั้นตอนการ ทํางานดวยกระบวนการกลุมจากสถานการณ ๒. ก �าหนดวัตถุประสงค์และ ๔. ปฏิบตั งิ านตามหนา้ ท่ ี ขางตน โดยอาจศึกษาตัวอยางการเขียน เป้าหมายของการท�างาน ที่ ไดร้ ับมอบหมาย ขั้นตอนการทํางานดวยกระบวนการกลุมจาก หนังสอื เรยี น ๑. เ ลือกหวั หนา้ กลุ่ม ๓ ๕. ประเมนิ ผลและ ๒๔ ปรบั ปรุงการท�างาน ๑ ขั้นตอนการท�างาน 5 ดว้ ยกระบวนการกลุ่ม 6 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา การจะเลอื กใครเปน หวั หนา กลมุ นนั้ บคุ คลนน้ั จะตอ ง บคุ ลกิ ลกั ษณะในขอ ใดเหมาะสมท่ีจะเปน หัวหนา กลุม เปนผูที่มีความรู ความสามารถ มีความคิดริเริ่มสรางสรรค มีความยุติธรรม 1. ราเรงิ แจม ใส ตลกขบขัน มีความอดทน และสามารถควบคุมอารมณไดดี โดยสมาชิกในกลุมแตละคน 2. มคี วามรู ความสามารถ เขากบั ผูอื่นไดงา ย จะตองใชเหตุผลรวมกันตัดสินใจวาบุคคลใดมีความเหมาะสมท่ีจะเปนหัวหนา 3. เขากบั ผูอ่นื ไดงายและเปน ตวั ของตัวเองสูง กลมุ ของตนเอง 4. เดด็ ขาด ดดุ นั ถือความคดิ ของตนเองเปน ใหญ นักเรียนควรรู (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะคณุ สมบตั ขิ องการเปน หวั หนา กลมุ นน้ั จะตอ งมคี วามรู ความสามารถ เขา กบั ผอู นื่ ไดง า ย สาํ หรบั 1 ผูประเมิน จะตองประเมินความสําเร็จและปญหาที่เกิดข้ึนในการทํางาน ตัวเลือกในขออื่นๆ ไมใชคุณสมบัติท่ีเหมาะสมสําหรับการเปน เพ่ือนํามาปรับปรุง หรือพัฒนาการทํางานใหดีขึ้น โดยจะตองมีทักษะทางดาน หวั หนากลุม ) การรวบรวมขอ มูล การวเิ คราะหข อมูล การสรุปขอมลู และการใหข อ เสนอแนะ ในการทํางานได T8
นาํ สอน สรุป ประเมิน ๑. เลอื กหัวหนา้ กล่มุ ตัวอยา่ ง ขนั้ สอน เป็นการเลือกบุคคลท่ีมีความรู้ ในเร่ืองนั้น ๆ เป็น อย่างดี ชอบเรียนรอู้ ยูเ่ สมอ มมี นษุ ยสมั พันธท์ ีด่ ี การท�างานกล่มุ ในการแปรรูปอาหาร 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา มีบุคลิกภาพของความเป็นผู้น�า รู้จักการประน ี คนท ่ี ๑ พดู ตรงไปตรงมา ชอบอยู่คนเดียว นาํ เสนอขอมลู หนา ชน้ั เรียน โดยครแู ละเพื่อน ประนอม มีความเป็นกลาง และรับฟังความ คนที ่ ๒ ชอบฟงั มากกว่าพูด ไมค่ ลอ่ งแคลว่ รว มชนั้ เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เตมิ คดิ เห็นของผอู้ ื่น คนท่ ี ๓ มีเหตุผล รบั ฟงั คนอื่น กลา้ แสดงออก ๒. กา� หนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมาย คนท่ ี ๔ ชอบเรยี นรสู้ ่งิ ใหม ่ ๆ ทา� ตามเพ่ือน ขน้ั สรปุ ผ้ทู ่เี หมาะสมกับการเป็นหวั หนา้ กลุ่ม คอื คนท ี่ ๓ ของการทา� งาน ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เร่ือง ควรก�าหนดเป้าหมายให้ชัดเจนและแจ้งให้สมาชิก สมาชิกในกลุ่มรว่ มกันก�าหนดเป้าหมาย กระบวนการกลุมในการทํางาน จากน้ันครูถาม ในกลุ่มทราบ เพื่อจะได้ปฏิบัติงานไปในแนวทาง การทา� งาน เช่น เลอื กวัตถุดบิ ชนิดใดมาแปรรปู อาหาร นักเรียนวา เดียวกัน จะท�าให้งานมีประสิทธิภาพและบรรลุ ใช้อุปกรณ์ ใด มีค่าใช้จ่ายเท่าไร ใช้ระยะเวลาเท่าใด วตั ถปุ ระสงค์ หรอื เป้าหมายตามท่ีต้งั ไว้ บรรจภุ ณั ฑม์ ลี กั ษณะใด นา� ผลติ ภณั ฑ ์ไปจดั จา� หนา่ ยท ่ีใด • เม่ือนักเรียนไดทํางานกลุมรวมกันแลว ๓. วางแผนการทา� งาน หวั หนา้ กลมุ่ แบ่งงานให้สมาชิกในกลุ่มตาม นกั เรยี นคดิ วา การทาํ งานดว ยกระบวนการกลมุ ควรกา� หนดกรอบความคดิ ในการทา� งาน แบง่ ภาระ ความถนัดและความสามารถของแต่ละคน ทุกคน จะตอ งมีแนวทางการปฏิบตั ิอยางไร งานให้เหมาะสมกับความถนัดและความสามารถ สามารถแสดงความคดิ เหน็ ได ้ โดยรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ (แนวตอบ ตองมีการสรางสัมพันธภาพท่ีดี ของสมาชิกภายในกลุ่มให้ชัดเจน ร่วมกันคิดและ ขน้ั ตอนการทา� งาน และก�าหนดเวลาให้ชดั เจน ตอกนั และมอบหมายงานใหต รงกับความรู ตัดสินใจก่อนลงมือปฏิบัติงาน เพ่ือให้งานส�าเร็จ ความสามารถของแตละบคุ คล) อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ สมาชกิ ในกลมุ่ รบั ผดิ ชอบงานตามหนา้ ท่ี ๔. ปฏิบตั งิ านตามหน้าที่ ทไ่ี ดร้ บั มอบหมายดว้ ยความมงุ่ มนั่ ตง้ั ใจ เชน่ หวั หนา้ กลมุ่ ขน้ั ประเมนิ คอยแนะนา� ชว่ ยเหลอื สมาชกิ และตรวจสอบการทา� งาน ท ี่ไดร้ ับมอบหมาย สมาชกิ คนท ี่ ๑ ทา� การแปรรูปอาหาร 1. ครูใหนักเรียนประเมินผลการทํางาน โดยใช เม่ือสมาชิกภายในกลุ่มรับรู้ภาระงานของตนเอง สมาชิกคนที่ ๒ เตรียมวตั ถดุ บิ กระบวนการกลุมภายในกลมุ ของตนเอง แล้ว กจ็ ะต้องปฏบิ ตั งิ านตามแผนที่ ไดว้ างไว้อยา่ ง สมาชิกคนท ่ี ๓ สร้างบรรจุภณั ฑ์ เป็นระบบตามระยะเวลาที่ก�าหนดด้วยความ หวั หน้ากล่มุ และสมาชกิ ในกลุ่มรว่ มกนั 2. ครูตรวจใบงานท่ี 1.2.1 เร่ือง กระบวนการ ถกู ต้อง รวดเร็ว และแม่นย�า ประเมนิ ผลการทา� งานวา่ มอี ปุ สรรค หรอื ขอ้ บกพรอ่ งใด ทํางานกลมุ เกิดข้ึน เช่น สมาชิกคนท่ี ๒ เตรียมวัตถุดิบมาไม่พอ 5. ประเมนิ ผลและปรับปรงุ การทา� งาน จึงท�าให้ต้องไปซ้ือมาเพ่ิมส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพ่ิมขึ้น 3. ครตู รวจแบบวดั ฯ หนวยการเรียนรทู ี่ 1 ประเมินภาพรวมการท�างานของกลุ่มและผลงาน สมาชกิ คนท ่ี ๓ ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ ์ไดส้ วยงามสามารถ กจิ กรรมที่ 1.3 ที่ส�าเร็จและท�าให้ทราบว่ามีข้อบกพร่องใด เพ่ือ เพิม่ มูลค่าของสินคา้ ได้ น�าไปแก้ไข หรือพัฒนาให้ดีข้ึน หรืออาจต่อยอด 4. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนกั เรียน ความคดิ ใหม ่ในการทา� งานครั้งตอ่ ไป จากการทาํ กจิ กรรมในชน้ั เรยี น การตอบคาํ ถาม การแสดงความคิดเห็นรว มกันในชั้นเรยี น เรียนรู้ 7 กระบวนการท�างาน กิจกรรม สรางเสริม แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนเขียนสรุปความรูเรื่อง ขั้นตอนการทํางานดวย ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานเปนรายบุคคล การสังเกต กระบวนการกลมุ ในรปู แบบของแผนผงั ความคดิ (Mind Mapping) พฤติกรรมการทํางานกลุม โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทาย แลวนําสงครผู สู อน แผนการจัดการเรยี นรู หนวยการเรยี นรูท่ี 1 กิจกรรม ทาทาย แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน จากน้ันใหสมาชิก คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาช้แี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ในกลุมทุกคนเลือกเพ่ือนท่ีมีคุณสมบัติเหมาะสมท่ีจะเปน ตรงกับระดบั คะแนน หัวหนากลุมของตนเอง โดยเขียนชื่อเพื่อนและเหตุผลที่เลือก ตรงกับระดับคะแนน ลงในกระดาษรายงาน แลว นาํ มาสรปุ รว มกนั ภายในกลมุ วา สมาชกิ คนใดไดรบั การคดั เลอื กใหเ ปน หัวหนากลุม ระดบั คะแนน การมี 321 ลาดับท่ี รายการประเมิน ลาดบั ที่ ช่ือ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ของนกั เรียน ความ ฟังคนอื่น ตามทีไ่ ดร้ ับ น้าใจ การ 15 1 การแสดงความคิดเห็น คิดเห็น มอบหมาย คะแนน 2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อน่ื ปรบั ปรงุ 3 การทางานตามหนา้ ที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย ผลงานกลุ่ม 4 ความมีนา้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ประเมนิ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ............./.................../............... ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน 12 - 15 ดี เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ 8 - 11 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T9
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (เนนกระบวนการกลุม) ๓ การแก้ปญั หา1ในการทำางานอย่างมีเหตุผล ในการท�างานย่อมเกิดปัญหาขึ้นได้ตลอดเวลา บางปัญหาเกิดขึ้นอย่างไม่ได้คาดคิดมาก่อน 1. ครใู หนกั เรียนดูบัตรภาพ เร่ือง ผลกระทบจาก เกดิ ขนึ้ รวดเรว็ เฉพาะหนา้ ตอ้ งอาศยั ไหวพรบิ การแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ สว่ นบางปญั หาทคี่ อ่ ย ๆ กอ่ ตวั โรงงานอุตสาหกรรม หรือสะสมปัญหาทเ่ี กดิ ขนึ้ เป็นระยะเวลายาว ดังน้ัน ส่ิงที่ส�าคัญในการแก้ปัญหาจะต้อง 2. ครถู ามนกั เรยี นวา เริม่ ต้นดว้ ยการมีสต ิ ช่วยกันวเิ คราะห์หาสาเหตุ • หากปญ หานเ้ี กดิ ขน้ึ กบั ครอบครวั ของนกั เรยี น เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไข โดยต้องท�า นักเรยี นจะมวี ธิ กี ารแกปญ หาอยางไร จควะาทม�าเใขหา้ ้มใจีวกิธับีคปิดัญ วหาางนแ้ันผอนยท่า่ีดงี แคทว้จบรคิงุม กอาารรมมีสณต2์ิ (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ตนเองได้ และสามารถท�างานร่วมกบั ผู้อนื่ ได้ นักเรียน) ๓.๑ ความส�าคัญของการตัดสินใจ 3. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั เลอื กคาํ ตอบทเ่ี หมาะสม แกป้ ัญหา ที่สุดสําหรับการแกปญหานี้ พรอมเช่ือมโยง การร่วมกันวางแผน มีการปรึกษาหารือร่วมกันของสมาชิก การตัดสินใจแก้ปัญหา เป็นการตัดสินใจ เขา สบู ทเรยี นวา “ในการทาํ งานยอ มเกดิ ปญ หา ในกลุ่ม จะชว่ ยลดปญั หาและอปุ สรรคในการทา� งาน แก้ปัญหาภายใต้การวิเคราะห์ การพิจารณา ขึน้ ไดตลอดเวลา ดงั น้ัน การแกป ญหาจึงตอง มสี ตแิ ละใชเ หตผุ ลใหม ากทสี่ ดุ ในการแกป ญ หา ทางเลอื กตา่ ง ๆ ซงึ่ การแกป้ ญั หาเปน็ การประยกุ ต ์ใชก้ ฎ หรอื หลกั การอธบิ ายการแกป้ ญั หา เพอื่ ให้ เพื่อใหเ กิดผลลพั ธทีด่ ีที่สุด” ไดค้ วามจรงิ หรอื ปรากฏการณ์ ใหม่ ๆ การตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาเปน็ สงิ่ ทม่ี คี วามสา� คญั และจา� เปน็ อยา่ งยง่ิ ในการทา� งาน ทงั้ ขน้ั ตอน ขนั้ สอน การสรา้ งชน้ิ งาน และการซ่อมแซมปรับปรุงแก ้ไขช้นิ งาน เพราะเป็นการชว่ ยลดความเสี่ยงในการ ตัดสินใจท่ผี ดิ พลาด และจะช่วยใหก้ ารตดั สินใจนั้นมปี ระสทิ ธิภาพ สามารถท�าให้งานส�าเรจ็ หรอื มี 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) รว มกนั ศกึ ษา ข้อผิดพลาดนอ้ ยท่ีสดุ เรอ่ื ง การแกป ญ หาในการทาํ งานอยา งมเี หตผุ ล ประโยชนข์ องการแก้ปัญหาในการทา� งานอยา่ งมีเหตผุ ล มดี งั นี้ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 1 ตาม หัวขอ เรอ่ื ง ดงั นี้ 1. ความสาํ คัญของการตดั สินใจแกป ญ หา 2. กระบวนการแกป ญ หา ๑. ช่วยในการตัดสนิ ใจเลอื กได้อย่างถกู ตอ้ ง สมเหตสุ มผลมากท่ีสุด ๒. ช่วยลดความเส่ียงจากการตัดสนิ ใจทีผ่ ดิ พลาดในการท�างาน ๓. ชว่ ยลดผลกระทบทจ่ี ะเกดิ ข้นึ กบั ตนเอง หรือสมาชิกภายในกลุ่ม ๔. ชว่ ยให้สามารถตดั สินใจในการท�างานไดท้ ันเวลา ๕. ช่วยพฒั นาระบบกระบวนการคดิ วิเคราะห์ไดด้ ีย่ิงขึ้น ๖. ชว่ ยให้ค้นพบทางเลือก หรอื ทางออกส�าหรับปญั หาไดด้ ีที่สุด ๗. ช่วยประหยัดและลดการสูญเสียทรัพยากรท่ี ใช้ ในการท�างาน เพราะมีการจัดสรร การใชท้ รัพยากรเปน็ อยา่ งดี 8 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 การแกป ญ หา ตอ งใชค วามคดิ สรา งสรรคอ ยา งเตม็ ที่ เพอื่ หาวธิ กี ารแกป ญ หา หากทํางานแลวไมประสบความสําเร็จตามเปาหมายที่วางไว ท่ีมีความแตกตางและหลากหลาย โดยวิเคราะหหาสาเหตุท่ีแทจริงกอน ควรปฏิบตั ิตนอยางไร พยายามคิดนอกกรอบ อาจใชประสบการณ หรือความชํานาญที่มีอยู และ หลกี เลย่ี งการวิพากษ วิจารณ หรือตดั สินความคดิ ใหมๆ ท่เี พิ่งคิดไดวาไมด ี แต (แนวตอบ สํารวจคนหาปญหาที่เกิดขึ้น แลวรวบรวมขอมูล ควรใชค วามคดิ นนั้ เปน ตวั กระตนุ ใหเ กดิ ความคดิ สรา งสรรค เพอ่ื หาวธิ แี กป ญ หา วิเคราะหปญหา และแนวทางในการแกปญหา จากน้ันประเมิน ท่ตี อยอดมาจากความคิดนน้ั ทางเลอื กการแกป ญ หาทด่ี ที ส่ี ดุ แลว วางแผนการทาํ งาน ปฏบิ ตั งิ าน 2 ควบคุมอารมณ วิธีการควบคุมอารมณท่ีสามารถปฏิบัติได เชน การมีสติ และประเมนิ ผลงานอกี ครง้ั โดยอาศยั กระบวนการแกป ญ หามาชว ย อยูเสมอ การใชค าํ พดู แสดงความรสู กึ แทนการกระทาํ การใหอ ภยั การมองโลก แกไขปรบั ปรุงใหดียิ่งข้นึ ) ในแงด ี การหลกี เลยี่ งเขา ไปอยใู นเหตกุ ารณท จ่ี ะกอ ใหเ กดิ ความรนุ แรงทางอารมณ T10
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓.๒ กระบวนการแก้ปญั หา ขนั้ สอน ปัญหาการท�างานอาจเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบและหลายสาเหตุ ซ่ึงแตกต่างกันไปตาม ลกั ษณะของงาน ดงั น้ัน วธิ ีการ หรือขั้นตอนในการแก้ปญั หาจงึ แตกตา่ งกนั ออกไป โดยขน้ั ตอน 2. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมวา “การตัดสนิ ใจแกป ญหา ในการแกป้ ัญหา มีดงั น้ี เปนส่ิงที่มีความสําคัญและจําเปนอยางยิ่ง ตวั อยา่ ง ในการทาํ งาน เพราะเปน การทาํ งานภายใตก าร วเิ คราะห การพจิ ารณาทางเลอื กตา งๆ ทสี่ าํ คญั ๑. สงั เกต เตรียมวัตถุดบิ มาไมเ่ พยี งพอ และจาํ เปน เพอ่ื ใหง านสาํ เรจ็ และเกดิ ขอ ผดิ พลาด นอ ยที่สุด” เฝ้าดูสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น และ หวั หนา้ กลมุ่ ตรวจดกู ารทา� งานของสมาชกิ ในกลมุ่ และสงั เกต บันทกึ สิ่งท่ี ได้จากการสังเกต เหน็ วา่ วตั ถดุ บิ ทสี่ มาชกิ เตรยี มมาไมเ่ พยี งพอ จงึ จดบนั ทกึ ไว้ 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา จบั สลากเลอื กสถานการณ เมอื่ แตล ะกลมุ ไดร บั ๒. วิเคราะห์ สถานการณแลว ใหรวมกันระดมความคิด แลกเปล่ียนความคิดเห็นกัน จากน้ันเขียน ท�าความเข้าใจกับปัญหา เพื่อแยกแยะ หวั หนา้ กลมุ่ เรยี กสมาชกิ ทกุ คนมาประชมุ รว่ มกนั วา่ วตั ถดุ บิ ข้ันตอนของกระบวนการแกป ญหา ข้อมูลว่าเกิดปัญหาใดข้ึน ส่ิงที่ต้องการ ของกลมุ่ ไมเ่ พยี งพอจะทา� อยา่ งไร ต้องเสียคา่ ใชจ้ า่ ยเพมิ่ และ แกไ้ ขคอื สิง่ ใด อาจท�าใหข้ าดทนุ ไดเ้ มอื่ นา� ไปจา� หนา่ ย 4. ครูใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ ๓. สรา้ งทางเลอื ก ขอมูลหนาชนั้ เรียน คิดค้นวิธีการท�างาน หรือวิธีแก้ปัญหา สมาชกิ ในกลุ่มรว่ มกนั เสนอความคิดเหน็ แลว้ ได้ขอ้ สรปุ วา่ ขน้ั สรปุ ว่ามวี ิธ ีใดบ้าง โดยการสรา้ งทางเลือกที่ วธิ ีท ่ี ๑ ใช้วัตถดุ บิ เทา่ ที่มี เพราะมลี กู คา้ จา� นวนไมม่ าก หลากหลาย วธิ ีที ่ ๒ ซือ้ วตั ถดุ บิ มาเพิ่มและสร้างบรรจภุ ณั ฑ์ ให้น่าสนใจเพือ่ 1. ครูสรุปเกี่ยวกับเทคนิคการแกปญหาในการ ๔. ประเมินทางเลอื ก ทาํ งานโดยใช PowerPoint ม.1 หนว ยการเรยี นรู เพ่ิมมูลค่าของสินคา้ ท่ี 1 เพือ่ ใหนกั เรยี นมคี วามเขาใจมากย่งิ ขึ้น สรปุ หรอื ประเมนิ วา่ วธิ ีใดเหมาะสมหรอื ในกลุ่มเลอื กวิธที ่ี ๒ เพราะถงึ แมจ้ ะเสยี ค่าใช้จ่ายเพิ่ม 2. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ เรอ่ื ง การแกป ญ หา ดีทีส่ ุดท่ีจะน�ามาใช้เพ่อื แกป้ ัญหา แต่ถ้าหากผลิตสินค้าให้ลูกค้าพึงพอใจ ก็จะท�าให้จ�าหน่ายสินค้าได้ ในการทาํ งานอยา งมเี หตผุ ลวา “ในชวี ติ ประจาํ วนั 5. วางแผนการทา� งาน มากข้นึ ลูกค้าจะมีมากขนึ้ สง่ ผลใหไ้ ดก้ า� ไรเพิม่ มากขึ้นดว้ ย มปี ญ หาเกิดขึ้นมากมาย ดงั น้ัน การแกปญ หา ท่ีดีควรแกปญหาอยางมีสติและใชเหตุผล วางแผนการท�างานและล�าดับขั้นตอน หวั หนา้ กลมุ่ วางแผนการทา� งาน โดยใหส้ มาชกิ คนท ี่ ๒ ซอ้ื ในการแกป ญ หา เพอ่ื ใหก ารดาํ เนนิ ชวี ติ เปน ไป การทา� งานตามความเหมาะสม วตั ถดุ บิ มาเพมิ่ และใหส้ มาชกิ คนท ่ี ๓ ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ ์ใหม้ ี อยา งราบรื่น” 6. ลงมอื ปฏบิ ัติงาน ความนา่ สนใจมากขน้ึ กวา่ เดมิ ขนั้ ประเมนิ ปฏบิ ตั งิ านตามแผนการทา� งานท ี่ไดว้ างไว้ สมาชิกคนที ่ ๒ และสมาชกิ คนที ่ ๓ ปฏบิ ัตงิ านตามหนา้ ท่ี อย่างเป็นระบบและถูกตอ้ ง ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย และสมาชิกทเี่ หลอื ตา่ งก็ทา� หนา้ ท่ขี องตนเอง ครูตรวจสอบความรู ความเขา ใจของนกั เรยี น 7. ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน ใหด้ ีทส่ี ุดตามท ี่ ไดว้ างแผนไว้ จากการตอบคําถาม การทํากิจกรรมกลุม และ การแสดงความคิดเหน็ รว มกันในชนั้ เรยี น ประเมินว่างานที่ ได้ปฏิบัติเป็นไปตาม สมาชิกในกลุม่ ร่วมกนั ประเมินผลการปฏบิ ัติงาน เป้าหมายท่ีวางไว้หรือไม่ จะปรับปรุง ซง่ึ สามารถจา� หน่ายสนิ คา้ ไดม้ ากและมกี า� ไรมากข้นึ แตก่ ารท�างาน หรอื พัฒนาอยา่ งไร ในครั้งต่อไปควรวางแผนการท�างานให้รอบคอบมากข้ึน เรียนรู้ ๙ กระบวนการท�างาน กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล ใหน ักเรยี นปฏบิ ัติกจิ กรรม ดังนี้ ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานเปนรายบุคคล การสังเกต 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน โดยใชกลุมเดิมที่เคย พฤติกรรมการทํางานกลุม โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลท่ีแนบทาย แผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรทู ่ี 1 ทํางานรว มกนั 2. ใหส มาชกิ ในกลมุ รว มกนั เสนอปญ หาทก่ี ลมุ ของตนเองเคยพบเจอ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระหวางการทาํ งานมา 1 ปญหา คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี คาช้แี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี 3. ใหสมาชิกในกลุมรวมกันเสนอแนวทางการแกปญหาดังกลาว ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตามขนั้ ตอน 4. นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยเพื่อนรวมชั้นเรียนสามารถ ระดับคะแนน การมี 321 แสดงความคดิ เห็นไดแ ละครูเสนอแนะเพม่ิ เติม ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ลาดับท่ี ช่ือ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ของนกั เรยี น ความ ฟังคนอน่ื ตามท่ไี ดร้ บั น้าใจ การ 15 1 การแสดงความคิดเหน็ คดิ เห็น มอบหมาย คะแนน 2 การยอมรับฟงั ความคิดเห็นของผู้อน่ื ปรบั ปรุง 3 การทางานตามหน้าที่ทไี่ ด้รบั มอบหมาย ผลงานกลมุ่ 4 ความมนี า้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 รวม ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ประเมนิ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ............./.................../............... ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน 12 - 15 ดี เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ 8 - 11 พอใช้ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง T11
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ (เนนกระบวนการกลุม) ๔ การเสรมิ สรา้ งลกั ษณะนสิ ยั ในการทาำ งานดว้ ยความเสยี สละ1 1. ครถู ามกระตุน ความสนใจของนกั เรียนวา การท�างานด้วยความเสียสละเป็นคุณธรรมประการแรกของการท�างานด้วยกระบวนการกลุ่ม • นักเรียนไดเรียนรูสิ่งใดจากการทํางานดวย เพราะสมาชิกแต่ละคนย่อมมีความคิดเห็นท่ีแตกต่างกัน ท�าให้เกิดปัญหา หรือความขัดแย้งข้ึน กระบวนการกลมุ ภายในกล่มุ ส่งผลตอ่ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลของการทา� งาน ดงั น้ัน ถา้ สมาชิกทกุ คนภายใน (แนวตอบ ความสามคั คี ความเสยี สละ ความ กล่มุ เปน็ ผทู้ ีม่ เี หตผุ ล มีความเสียสละ มีคุณธรรม จริยธรรม มีสมั พนั ธภาพท่ดี ีตอ่ กัน ก็จะท�าให้ รับผิดชอบ และความมเี หตุผล) การทา� งานกลมุ่ นน้ั ประสบความสา� เรจ็ 2. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา “การทาํ งานกลมุ สงิ่ สาํ คญั ๔.๑ ความส�าคัญของลักษณะนิสยั ในการทา� งานดว้ ยความเสยี สละ ที่สุด คือ ความเสียสละ เพราะถือวาเปน กจิ นสิ ยั ทจ่ี ะทาํ ใหก ารทาํ งานและการดาํ รงชวี ติ ลกั ษณะนสิ ยั ในการทา� งานดว้ ยความเสยี สละ เปน็ การสรา้ งนสิ ยั แหง่ ความเสยี สละในการทา� งาน ประจาํ วนั เปน ไปอยา งราบรนื่ และประสบความ และการดา� รงชวี ติ ประจา� วนั สง่ ผลใหเ้ กดิ เจตคตทิ ดี่ ตี อ่ การทา� งาน สามารถสรา้ งชนิ้ งาน หรอื ซอ่ มแซม สําเร็จ ผทู ีเ่ สียสละ คือ ผมู องเห็นผลประโยชน ปรับปรงุ แก ้ไขชิ้นงานได้ ของสว นรวมมากกวา ประโยชนส ว นตน ทงั้ กาย ความสา� คญั ของการทา� งานดว้ ยความเสยี สละ คอื การทา� งานทมี่ องเหน็ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม วาจา และใจ” มากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นตน ซง่ึ จะทา� ใหง้ านสา� เรจ็ สมบรู ณต์ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ตี่ งั้ ไว ้ นอกจากน ้ี ในการ ท�างานต้องไมท่ งิ้ ภาระงานให้กบั คนหนึง่ คนใดทา� เพยี งผู้เดียว หรอื กลุ่มหนึง่ กลุ่มใดทา� แตจ่ ะตอ้ ง ขน้ั สอน รว่ มมือช่วยกันท�าจนกว่าจะส�าเร็จลุลว่ งไปได้ด้วยดี งานจงึ จะมปี ระสทิ ธิภาพ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน หลักการท�างานดว้ ยความเสยี สละ ศกึ ษา เรอ่ื ง การเสรมิ สรา งลกั ษณะนสิ ยั ในการ ทํางานดวยความเสียสละ จากหนังสือเรียน หนวยการเรยี นรูท ี่ 1 พรอ มทาํ ใบงานที่ 1.4.1 เรื่อง หลักการทาํ งานดว ยความเสยี สละ 2. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอผลงาน หนาชน้ั เรยี น โดยครใู หข อเสนอแนะเพ่ิมเติม เห็นแก่ประโยชน์ส่วน ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักให ้ ยอมรับฟังความคิดเห็น มคี ณุ ธรรมและจรยิ ธรรม รวมมากกว่าประโยชน์ รู้จักแบ่งปัน บางครั้ง ของผู้อื่น และต้องปรับ เช่น ซื่อสัตย์ ยุติธรรม ส่วนตน โดยไม่หวังผล ต้องเสียสละความสุข ความคิดเห็นที่แตกต่าง ขยนั อดทน รบั ผดิ ชอบ ตอบแทน และความสบายสว่ นตัว กันด้วยสันติวธิ ี ตรงต่อเวลา กล่าวไดว้ า่ ความเสียสละเปน็ คุณธรรมหลกั ของการท�างานในกระบวนการกลมุ่ ได้ โดยแท้จริง หากสมาชิกในกลุ่มยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติจะท�าให้การท�างานนั้นประสบความส�าเร็จ ตามทีค่ าดหวงั ไว้ ๑0 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูควรเนนยํ้าใหนักเรียนตระหนักถึงความเสียสละในการทํางานมากข้ึน ขอใดคือการทาํ งานดว ยความเสยี สละ โดยการทาํ งานแตล ะครง้ั จะตอ งคาํ นงึ ถงึ ประโยชนส ว นรวมใหม าก ไมเ หน็ แกต วั 1. ตนเปนทีพ่ งึ่ แหงตน รจู กั ชว ยเหลอื แบง ปน ซง่ึ กนั และกนั รบั ฟง ความคดิ เหน็ ของผอู นื่ มคี วามรบั ผดิ ชอบ 2. หัวหนากลุม ตดั สินใจถูกตอ งเสมอ และซ่ือสัตย ท้ังนี้ เพื่อใหนักเรียนรูจักการสรางนิสัยในการทํางานที่ดี และมี 3. ทาํ งานของตนเองใหเสรจ็ แลว รองานจากเพ่ือน เจตคติท่ดี ีตอการทํางาน 4. นาํ ความคิดเห็นของสมาชิกในกลุมมาพิจารณา นักเรียนควรรู (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะการทาํ งานดว ยความเสยี สละ จะตองไมเห็นแกประโยชนสวนตน ตองยอมรับฟงความคิดเห็น 1 ความเสียสละ มีความสําคัญตอการทํางานกลุม สามารถชวยลดความ ของสมาชิกในกลมุ และหากทาํ งานของตนเองเสรจ็ เรียบรอ ยแลว ขัดแยง ท่อี าจเกดิ ข้นึ ภายในกลมุ ได เพราะสมาชิกในกลมุ ตา งมองเห็นประโยชน ควรชว ยเหลอื เพอื่ นทย่ี งั ทาํ งานไมเ สรจ็ เทา ทต่ี นเองจะทาํ ได เพอื่ ให สวนรวมมากกวาประโยชนสวนตน และรวมมือกันเพ่ือใหงานสําเร็จลุลวงไปได งานสําเร็จไดเ ร็วขึ้น) ดว ยดี T12
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ๔.๒ ประโยชนข์ องการมลี กั ษณะนิสยั ในการทา� งานดว้ ยความเสยี สละ ขนั้ สอน การมลี กั ษณะนสิ ยั ในการทา� งานดว้ ยความเสยี สละ มปี ระโยชน ์โดยตรงกบั ทกุ คน และมสี ว่ นชว่ ย 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน ใหป้ ระสบความสา� เรจ็ ในการทา� งาน ชว่ ยเสรมิ สร้างให้เปน็ คนด ี คนเกง่ และมคี วามสุข ดังนี้ (รวบยอด) เรอื่ ง การแกไ ขปญ หาในการทาํ งาน ๑. เป็นทักษะพ้ืนฐานในการท�างานท่ีช่วยส่งเสริมความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต โดยใหนักเรียนคัดเลือกปญหาที่พบจากการ ในการท�างานรว่ มกับผ้อู นื่ เพือ่ เป็นพน้ื ฐานในการทา� งานตอ่ ไป ดํารงชีวิตประจําวันของนักเรียน และทําการ ๒. เป็นการเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่อการท�างานและในการประกอบอาชีพด้วยความ แกปญหาตามหลักการท่ีไดศึกษา หรือศึกษา ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ เพ่ิมเติมจากอินเทอรเน็ต พรอมรวมกันบอก ๓. เป็นการขจัดปัญหาและความขัดแย้งที่เกิดข้ึนในสังคม ทั้งระดับกลุ่มบุคคลและ ประโยชนข องการมลี กั ษณะนสิ ยั ในการทาํ งาน ทมี งานได้เปน็ อยา่ งดี ดว ยความเสยี สละ แลว จดั ทาํ เปน รายงานนาํ สง ๔. เปน็ การเสรมิ สรา้ งการอยรู่ ว่ มกนั ครูผสู อนในชัว่ โมงถัดไป ในสังคม ท�าให้กลุ่มบุคคลและทีมงานมีความ สัมพันธท์ ี่ดตี ่อกัน ขนั้ สรปุ ๕. เปน็ พน้ื ฐานของการพฒั นาคนใน สงั คมให้มีความเสยี สละ ซึ่งจะส่งผลต่อการเปน็ 1. ครูสรุปใหนักเรียนฟงวา “การทํางานยอมมี พลเมืองดขี องประเทศชาติสบื ต่อไป อุปสรรค หรือบางครง้ั อาจจะเกิดความขัดแยง ซงึ่ กอ ใหเ กดิ ปญ หาในการทาํ งาน ดงั นนั้ ในการ การทา� งานร่วมกับผู้อื่นด้วยความตัง้ ใจและเสียสละ ทํางานควรมองที่เปาหมายของงานเปนหลัก จะเปน็ พนื้ ฐานทด่ี ีในการทา� งานตอ่ ไปในอนาคต จะทําใหปญหาตางๆ ลดนอยลง และเม่ือ เกิดความขัดแยงก็ควรใชเหตุผล เพื่อทําให การท�ำงำนเพื่อกำรด�ำรงชีวิตของตนเองและครอบครัว จะต้องมีทักษะกระบวนกำร การทํางานมีประสิทธิภาพและประสบความ สาํ เร็จตอไป” ในกำรท�ำงำน เพ่ือเป็นพื้นฐำนในกำรท�ำงำนอย่ำงเป็นขั้นตอน รู้จักกำรวำงแผนกำรท�ำงำน วิเครำะห์งำนที่จะท�ำ ปฏิบัติงำนตำมแผนท่ีได้วำงไว้ และเม่ือท�ำงำนเสร็จจะต้องมีกำรประเมิน 2. ครใู หนักเรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรียน ผลงำน เพอื่ นำ� มำปรบั ปรงุ แกไ้ ข หรอื เพอ่ื พฒั นำกำรทำ� งำนใหด้ ยี ง่ิ ขนึ้ นอกจำกนี้ กำรทำ� งำนรว่ มกบั หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 เรยี นรกู ระบวนการทาํ งาน ผูอ้ น่ื ยังทำ� ให้ได้เรียนรู้กำรท�ำงำนเปน็ ทีม รู้จักเสยี สละ รู้จกั แก้ปัญหำ ดังนน้ั กำรเรียนร้ทู กั ษะ กระบวนกำรในกำรทำ� งำนจงึ สำมำรถนำ� ไปประยกุ ต์ใช้ไดก้ บั ทกุ งำนและในกำรดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั ขน้ั ประเมนิ ๑๑เรียนรู้ 1. ครูตรวจใบงานท่ี 1.4.1 เรื่อง หลักการทาํ งาน ดว ยความเสยี สละ กระบวนการท�างาน 2. ครูตรวจช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การแกไ ขปญ หาในการทาํ งาน 3. ครตู รวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ยการเรยี นรู ท่ี 1 เรียนรกู ระบวนการทํางาน กิจกรรม Mini Project แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรยี นแบงกลุม กลมุ ละเทาๆ กนั เพื่อรวมกันสรางช้นิ งาน ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม และแบบประเมินช้ินงาน/ ตามความชอบและความถนดั ของกลมุ 1 ชนิ้ เชน งานประดษิ ฐ การ ภาระงาน (รวยบอด) โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลท่ีแนบทายแผน ประกอบอาหาร การจดั สวนในภาชนะ จากนน้ั ครใู หน กั เรยี นปฏบิ ตั ิ การจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรูที่ 1 ดงั น้ี 1. สมาชิกในกลุมประชมุ รวมกันวาจะเลือกสรา งชิ้นงานใด โดยนํา แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบประเมินการจดั ทารายงาน : การแกไ้ ขปัญหาในการทางาน ขั้นตอนของทกั ษะกระบวนการทํางานมาใช คาชแี้ จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ ง 1.1 ม.1/1 วเิ คราะห์ข้ันตอนการทางานตามกระบวนการทางาน 2. สมาชิกในกลุมรวมกันปฏิบัติงานตามที่ไดวางแผนไว พรอมท้ัง ง 1.1 ม.1/2 ใช้กระบวนการกลุ่มในการทางานด้วยความเสียสละ ตรงกับระดับคะแนน ง 1.1 ม.1/3 ตดั สนิ ใจแก้ปัญหาการทางานอย่างมีเหตผุ ล แบงหนา ท่คี วามรบั ผดิ ชอบของแตล ะบคุ คลใหชดั เจน 3. ประเมินผลการปฏิบัติงานวามีปญหา หรืออุปสรรคใดเกิดข้ึน การมี ระหวางการทํางาน ลาดับที่ ชอ่ื – สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม รายการ เกณฑ์การประเมนิ (ระดบั คุณภาพ) ระดับ 4. สมาชิกในกลุมรวมกันหาแนวทางการแกปญหาในการทํางาน ของนกั เรียน ความ ฟังคนอนื่ ตามทีไ่ ดร้ บั น้าใจ การ 15 ประเมนิ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) คุณภาพ คดิ เห็น มอบหมาย คะแนน 1. คดั เลอื กปญั หา คดั เลอื กปญั หาเพือ่ นามา ไมส่ ามารถคดั เลอื กปัญหา โดยนาํ ขนั้ ตอนของกระบวนการแกปญ หามาใช ปรับปรุง 2. ขน้ั ตอนของ แก้ไขปญั หาได้ถกู ตอ้ ง คัดเลือกปญั หาเพ่ือนามาแกไ้ ข คัดเลือกปัญหาเพ่ือนามาแกไ้ ข เพือ่ นามาแก้ไขปญั หาได้ ดมี าก ผลงานกลุ่ม กระบวนการแกป้ ัญหา เหมาะสม ดมี าก ปัญหาได้ถกู ต้อง ปญั หาได้ค่อนขา้ งดี ไม่สามารถเขยี นข้ันตอน ดี 3. แนวทางการแกป้ ญั หา เขยี นขน้ั ตอนการแก้ปญั หา การแก้ปญั หา โดยใช้ พอใช้ 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 โดยใชก้ ระบวนการแกป้ ญั หา เขยี นขัน้ ตอนการแก้ปญั หา เขียนข้นั ตอนการแกป้ ัญหา กระบวนการแกป้ ญั หาได้ 4. ตัดสนิ แกป้ ญั หา ไดถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม ดีมาก ไมส่ ามารถเลือกแนวทางการ เลอื กแนวทางการแกป้ ญั หา โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาได้ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหา แก้ปัญหาได้ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง เหมาะสม ถกู ตอ้ ง เหมาะสม ดี ไดค้ อ่ นขา้ งดี ดีมาก ไมส่ ามารถตัดสนิ ใจแก้ปัญหา สามารถตดั สินใจแก้ปญั หา เลือกแนวทางการแกป้ ญั หาได้ เลอื กแนวทางการแกป้ ญั หาได้ ได้ ได้อย่างเหมาะสม ดีมาก อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสมดี อยา่ งถูกตอ้ ง คอ่ นขา้ งดี สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาได้ดี สามารถตัดสินใจแกป้ ัญหา ได้คอ่ นข้างดี 5. ผลลพั ธ์การแกป้ ญั หา สามารถแกไ้ ขปญั หาไดด้ ีมาก สามารถแก้ไขปญั หาได้ดี สามารถแก้ไขปญั หา ไม่สามารถแกไ้ ขปญั หาได้ ปรบั ปรงุ ได้คอ่ นขา้ งดี ลงชื่อ...................................................ผู้ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ประเมิน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 17-20 ดีมาก ............./.................../............... 13-16 ดี เกณฑ์การใหค้ ะแนน 7-12 พอใช้ 1-6 ปรับปรุง ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ T13
Chapter Overview แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลักษณะ การเรียนรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สือเรียน 1. บ อกบทบาทหนา้ ทีข่ อง กระบวนการ - ต รวจแบบทดสอบ - ทักษะการคิด - รกั ชาติ ศาสน์ บา้ นและ การงานอาชีพและ สมาชกิ ในบา้ นได้อยา่ ง สรา้ งความ ก่อนเรยี น วิเคราะห์ กษตั รยิ ์ ความเปน็ อยู่ เทคโนโลยี ม.1 ถูกตอ้ ง ตระหนัก - ตรวจใบงานที่ 2.1.1 - ทักษะ - ซ ือ่ สตั ย์สุจริต ในบ้าน - แบบวัดและบันทึกผล 2. อธิบายวธิ ีการสรา้ ง - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน กระบวนการคิด - มวี ินัย การเรียนรู้ สัมพนั ธภาพและ - สงั เกตพฤตกิ รรม ตัดสนิ ใจ - ใฝเ่ รยี นรู้ 1 การงานอาชีพและ บรรยากาศทีอ่ บอุ่น การทำ� งานรายบุคคล - ทกั ษะการ - อยู่อยา่ ง เทคโนโลยี ม.1 ภายในบ้านได้อย่าง - สงั เกตพฤตกิ รรม แก้ปัญหา พอเพียง ชั่วโมง - แ บบทดสอบก่อนเรียน ถกู ตอ้ ง การท�ำงานกลุม่ - ท กั ษะการ - มุ่งมน่ั ในการ - PowerPoint 3. วาดภาพการปฏบิ ตั ิ - ประเมนิ คุณลักษณะ ประยกุ ต ์ใชค้ วามรู้ ทำ� งาน กิจกรรมในครอบครัว อันพงึ ประสงค์ - รักความ ทเ่ี ป็นการสรา้ ง เป็นไทย สัมพันธภาพได้อยา่ ง - ม จี ติ สาธารณะ ถกู ต้อง 4. ตระหนกั ถึงบทบาท หนา้ ทข่ี องสมาชกิ ในบา้ น แผนฯ ที่ 2 - ห นังสอื เรยี น 1. อ ธบิ ายการวางแผน กระบวนการ - ต รวจใบงานที่ 2.2.1 - ท ักษะการคิด - รักชาติ ศาสน์ การวางแผน การงานอาชีพและ ในการดูแลรกั ษาบ้าน เรียนรู้ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน วิเคราะห์ กษตั ริย์ ในการดูแล เทคโนโลยี ม.1 ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ความรู้ - สังเกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการประยกุ ต์ - ซ ่อื สัตย์สจุ ริต รกั ษาบา้ น - แ บบวดั และบนั ทึกผล 2. วางแผนขนั้ ตอน ความเขา้ ใจ การทำ� งานรายบคุ คล ใชค้ วามรู้ - ม ีวินยั การเรียนรู้ การทำ� งานตาม - สงั เกตพฤติกรรม - ท ักษะการ - ใฝ่เรียนรู้ 1 การงานอาชีพและ กระบวนการในการดแู ล การทำ� งานกล่มุ แกป้ ัญหา - อ ยอู่ ย่าง เทคโนโลยี ม.1 รกั ษาบา้ นได้ - ป ระเมนิ คุณลักษณะ - ท ักษะ พอเพยี ง ชว่ั โมง - PowerPoint 3. ต ระหนกั ถงึ ความสำ� คญั อนั พึงประสงค์ กระบวนการคดิ - มุ่งม่นั ในการ ในการดูแลรักษาบา้ น ตัดสนิ ใจ ทำ� งาน - รกั ความ เปน็ ไทย - ม จี ติ สาธารณะ แผนฯ ที่ 3 - หนังสอื เรยี น 1. อ ธิบายวิธีการเลอื กใช้ การสบื เสาะ - ต รวจใบงานที่ 2.3.1 - ท ักษะการคิด - รักชาติ ศาสน์ อุปกรณ์ การงานอาชีพและ และการเกบ็ รักษา หาความรู้ - ป ระเมินการน�ำเสนอผลงาน วิเคราะห์ กษัตริย์ อำ� นวยความ เทคโนโลยี ม.1 อุปกรณ์อำ� นวย (5Es) - สังเกตพฤติกรรม - ทกั ษะการประยกุ ต์ - ซ ่อื สัตย์สจุ ริต สะดวกในการ - แบบวดั และบนั ทึกผล ความสะดวกในการ ใช้ความรู้ - มีวนิ ยั ท�ำงานบา้ น การเรียนรู้ ท�ำงานบา้ นได้ การทำ� งานรายบุคคล - ใฝเ่ รียนรู้ การงานอาชพี และ - สงั เกตพฤติกรรม - อ ยอู่ ยา่ ง 2 เทคโนโลยี ม.1 2. เลอื กใชอ้ ปุ กรณอ์ ำ� นวย การทำ� งานกลุม่ พอเพยี ง - PowerPoint ความสะดวกในการ - ประเมินคุณลักษณะ - ม่งุ มัน่ ในการ ช่วั โมง ทำ� งานบา้ นใหเ้ หมาะสม อันพึงประสงค์ ทำ� งาน กบั พ้นื ทบ่ี รเิ วณบา้ น และสิง่ ทตี่ อ้ งทำ� ความ - รักความ สะอาดภายในบา้ นของ เป็นไทย ตนเองได้ - ม จี ติ สาธารณะ 3. เห็นความสำ� คัญของ การดูแลรักษาบา้ น ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและ เหมาะสม T14
แผนการจัด ส่อื ท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะท่ีได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ท่ี 4 - ห นังสือเรียน 1. อธบิ ายการดูแลรักษา กระบวนการ - ตรวจใบงานที่ 2.4.1 - ท ักษะชวี ิต - รกั ชาติ ศาสน์ การดแู ลรกั ษา การงานอาชพี และ บ้านและทำ� ความ ปฏิบัติ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - ทักษะการคิด กษตั ริย์ บา้ นและความ เทคโนโลยี ม.1 สะอาดเครือ่ งเรอื น - สังเกตพฤตกิ รรม วิเคราะห์ - ซ ื่อสตั ยส์ ุจริต ปลอดภัยในการ - แ บบวดั และบนั ทึกผล ตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างถูกวิธี การท�ำงานรายบุคคล - ท กั ษะการ - ม ีวินัย ใช้สารเคมที ำ� การเรียนรู้ 2. เลือกใชส้ ารเคมใี นการ - สงั เกตพฤตกิ รรม ประยกุ ต ์ใชค้ วามรู้ - ใฝเ่ รยี นรู้ ความสะอาดบา้ น การงานอาชพี และ ท�ำความสะอาดบ้าน การท�ำงานกล่มุ - อยอู่ ย่าง เทคโนโลยี ม.1 และเคร่อื งเรือนต่าง ๆ - ป ระเมนิ คณุ ลักษณะ พอเพียง 2 - แ บบทดสอบกอ่ นเรียน ได้อยา่ งปลอดภัย อันพึงประสงค์ - มุง่ ม่ันในการ ชว่ั โมง - PowerPoint 3. เห็นความสำ� คญั ของ ท�ำงาน การดแู ลรกั ษาบ้าน - รกั ความ และความปลอดภยั เปน็ ไทย ในการใชส้ ารเคมี - มจี ติ สาธารณะ แผนฯ ที่ 5 - ห นังสือเรียน 1. อ ธบิ ายการจดั และ กระบวนการ - ตรวจโมเดลบ้าน - ทักษะชวี ิต - รกั ชาติ ศาสน์ การจัด การงานอาชีพและ ตกแต่งหอ้ งต่าง ๆ ได้ กลุ่ม - ป ระเมินการน�ำเสนอผลงาน - ทักษะการคิด กษตั ริย์ และตกแต่งห้อง เทคโนโลยี ม.1 อย่างถกู ต้อง - ส ังเกตพฤติกรรม วิเคราะห์ - ซ ่อื สัตย์สุจรติ - แ บบวดั และบันทกึ ผล 2. ป ระดษิ ฐ ์โ มเดลบา้ น การท�ำงานรายบคุ คล - ทักษะการ - มวี นิ ยั 2 การเรียนรู้ และจดั ตกแตง่ หอ้ งตา่ ง ๆ - สงั เกตพฤติกรรม ประยกุ ต ์ใชค้ วามรู้ - ใฝ่เรยี นรู้ การงานอาชพี และ ตามขนั้ ตอนไดอ้ ย่าง การท�ำงานกลมุ่ - อยู่อย่าง ช่ัวโมง เทคโนโลยี ม.1 เหมาะสม - ประเมินคณุ ลกั ษณะ พอเพยี ง - PowerPoint 3. เห็นประโยชน์ของการ อนั พึงประสงค์ - มงุ่ มน่ั ในการ จดั และตกแตง่ หอ้ งตา่ ง ๆ ท�ำงาน - รกั ความ เป็นไทย - มจี ติ สาธารณะ แผนฯ ท่ี 6 - หนงั สอื เรยี น 1. อธิบายหลักการจดั สวน กระบวนการ - ตรวจการจดั สวนถาด - ทักษะการคดิ - รักชาติ ศาสน์ การจดั สวน การงานอาชีพและ ถาดหรอื สวนแก้วเพอ่ื กล่มุ หรือสวนแกว้ วเิ คราะห์ กษัตรยิ ์ ในภาชนะเพ่ือ เทคโนโลยี ม.1 น�ำไปตกแตง่ หอ้ งตา่ ง ๆ - ป ระเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - ทกั ษะการประยกุ ต์ - ซื่อสตั ย์สุจรติ ตกแตง่ หอ้ งตา่ ง ๆ - แ บบวัดและบันทกึ ผล ภายในบ้านไดอ้ ย่าง - สังเกตพฤตกิ รรม ใช้ความรู้ - มีวนิ ยั ภายในบา้ น การเรยี นรู้ เหมาะสม การท�ำงานรายบุคคล - ท ักษะกระบวนคิด - ใฝเ่ รยี นรู้ การงานอาชีพและ 2. จดั สวนถาดหรือสวน - สงั เกตพฤตกิ รรม ตัดสนิ ใจ - อยอู่ ย่าง เทคโนโลยี ม.1 แกว้ ได้สวยงามตาม การท�ำงานกลุ่ม พอเพยี ง 2 - PowerPoint ขนั้ ตอนกระบวนการ - ประเมินคุณลกั ษณะ - ม งุ่ ม่นั ในการ ช่วั โมง ท�ำงาน อันพงึ ประสงค์ ทำ� งาน 3. เห็นความสำ� คญั ของ - ตรวจแบบทดสอบ - รักความ การจดั สวนในภาชนะ หลังเรยี น เป็นไทย เพื่อตกแตง่ หอ้ งต่าง ๆ - ประเมนิ ชน้ิ งาน/ - ม จี ติ สาธารณะ ภายในบา้ น ภาระงาน (รวบยอด) กจิ กรรม cleaning home T15
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (กระบวนการสรางความตระหนัก) ò ¡ÒôáÙ ÅÃ¡Ñ ÉÒºÒŒ ¹หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1. ครูใหน กั เรียนทําแบบทดสอบกอ นเรยี น บ้านเป็นสถานท่ีอยู่อาศัยและเป็นศูนย์รวมของสมาชิกในครอบครัวที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน หนวยการเรยี นรทู ี่ 2 ไมว่ ่าบ้านจะหลงั ใหญ่ หรอื เลก็ สมาชกิ ในบา้ นก็อยรู่ ว่ มกันอย่างมีความสขุ ได้ ความรัก ความ 2. ครูถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา สามคั คเี ออื้ อาทรตอ่ กนั ของสมาชกิ ในครอบครวั เปน็ ปจั จยั สา� คญั ทส่ี ดุ แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม อกี ปจั จยั “นกั เรยี นเคยฟง เพลงทม่ี เี นอ้ื หาเกยี่ วขอ งกบั บา น หนงึ่ ทชี่ ว่ ยใหบ้ า้ นนา่ อยู่ คอื บา้ นมคี วามสะอาดถกู สขุ อนามยั มคี วามเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย โดย บางหรือไม” จากนั้นครูติดแถบขอความของ สมาชกิ ในครอบครวั ทกุ คนตอ้ งใหค้ วามรว่ มมอื และชว่ ยกนั ดแู ลรกั ษาบา้ นใหน้ า่ อยู่ ไมท่ รดุ โทรม เนื้อเพลง ครอบครัวสุขสันต และเปดเพลงนี้ ใหนักเรยี นฟง ขน้ั สอน ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั โดยให แตล ะกลุมปฏิบัตกิ ิจกรรม ดงั น้ี • วาดภาพสิ่งตางๆ และความสัมพันธใน ครอบครัวท่ีนักเรียนรูสึกไดจากการฟงและ การดเู นื้อเพลง ครอบครัวสขุ สนั ต • บรรยายความรสู กึ ทไ่ี ดร บั จากขอ ความในเพลง • บอกขอ คดิ ตา งๆ ทไี่ ดร บั จากขอ ความในเพลง 2. ในระหวางท่ีนักเรียนกําลังปฏิบัติกิจกรรม ครู อธิบายเพ่ิมเตมิ วา “การท่บี า น หรอื ครอบครัว จะมีความสุข มีความอบอุนไดนั้น ข้ึนอยูกับ ผูอาศัยที่จะตองมีบทบาทหนาท่ี ชวยกันดูแล รกั ษา ชว ยเหลอื เก้ือกูลซ่ึงกันและกัน และให อภยั ตอ กนั แตหากเกิดการทะเลาะววิ าท หรอื มคี วามไมเ ขา ใจกัน ควรพดู คยุ และปรบั ความ เขา ใจกันใหเร็วท่ีสุด” ตัวชี้วดั ■ วเิ คราะหข น้ั ตอนการทํางานตามกระบวนการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๑/๑) ■ ใชกระบวนการกลุม ในการทาํ งานดว ยความเสยี สละ (ง ๑.๑ ม.๑/๒) ■ ตดั สินใจแกป ญหาการทาํ งานอยางมีเหตุผล (ง ๑.๑ ม.๑/๓) เกร็ดแนะครู ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรยี นรู โดยเนน ทกั ษะกระบวนการทาํ งานและกระบวนการกลมุ เพอื่ ใหน กั เรยี นสามารถใชอ ปุ กรณอ าํ นวยความสะดวกในการทาํ งานบา น จดั ตกแตงบาน และจัดสวนในภาชนะไดอยา งเปนขัน้ ตอน โดยสามารถจดั กิจกรรมได ดังนี้ • การตงั้ ประเด็นคําถามเกย่ี วกับการดแู ลรักษาและการจัดตกแตงบา น เพ่ือใหน กั เรยี นรว มกันอภิปราย • ใหนักเรยี นวางแผนการจัดตกแตง หอ งตา งๆ ภายในบา น บันทึกผล จากนน้ั นําเสนอผลงานหนาชน้ั เรียน • ใหน ักเรยี นแบงกลุมเพือ่ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เชน การจัดสวนในภาชนะ บันทึกผล จากน้นั นาํ เสนอผลงานหนา ชั้นเรยี น T16
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ËÒ¡µŒÍ§¡ÒÃãËŒºŒÒ¹ÊÐÍÒ´ ๑ บา้ นและความเปนอย่ ูในบ้าน ขน้ั สอน ¹‹ÒÍÂÙ‹ÍÒÈÑÂáÅÐÁÕ¤ÇÒÁ໚¹ ÃÐàºÕºàÃÕºÃÍŒ  ¤Çû¯ºÔ ÑµÔ บ้านท่ีสมาชิกในครอบครัวอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต Í‹ҧäà คอื บา้ นทีม่ คี วามม่ันคง แข็งแรง สะอาด มคี วามเปน็ ระเบียบ เรยี บรอ้ ย ไมท่ รดุ โทรม อยแู่ ลว้ สบายกาย พรอ้ มกบั สมาชกิ ทกุ คน 3. ครูสุมนักเรียน 3-4 คน ตอบคําถามกระตุน รสู้ กึ สบายใจ เพราะไดร้ บั ความรกั และความอบอนุ่ จากครอบครวั ความคิดเกี่ยวกับหนาที่ของนักเรียนที่มีตอ ครอบครัววา “นักเรียนคิดวาตนเองควรจะมี ๑.๑ บทบาทหนา้ ท่ีของสมาชกิ ในบ้าน บทบาทหนา ท่ใี นครอบครัวอยา งไร” (แนวตอบ ชวยเหลอื งานบาน เพ่อื แบงเบา สมาชกิ ในบา้ นอาจประกอบดว้ ยพอ่ แม ่ ลกู ป ู่ ยา่ ตา ยาย ภาระของผปู กครอง ตั้งใจเรียนหนงั สือ ญาติพ่ีน้อง โดยสมาชิกแต่ละคนจะมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน และเชื่อฟงคาํ สงั่ สอนของผูปกครอง) บา้ นจะมคี วามสขุ หากสมาชกิ ในบา้ นรบู้ ทบาทหนา้ ทข่ี องตนและ ปฏิบตั ิตาม โดยทว่ั ไปบทบาทหนา้ ที่ของสมาชกิ ในบา้ น มีดงั น้ี 4. ครสู นทนาเกย่ี วกบั หนา ทข่ี องสมาชกิ ในบา นวา “สมาชกิ ในบานอาจประกอบไปดว ยพอ แม ปู บดิ า มารดา บุตร ยา ตา ยาย ญาติพี่นอ ง โดยสมาชกิ แตละคน • ป ระกอบอาชีพสุจริต1 เพื่อหา • เ คารพและเช่ือฟังค�าส่ังสอน จะมีบทบาทหนาที่แตกตางกันออกไปบาน รายได้เล้ยี งครอบครัว ของพ่อ แม ่ ญาตผิ ู้ ใหญ่ จะมคี วามสขุ หากสมาชกิ ในบา นรบู ทบาทหนา ท่ี • เล้ียงดูบุตรและสมาชิกในบ้าน • ช ว่ ยแบง่ เบาภาระของพอ่ แม ่ ของตนและปฏบิ ตั ติ าม” ใหม้ ีความเปน็ อยู่ท่ีดี เชน่ ทา� งานบา้ น ดแู ลญาตผิ ้ใู หญ่ • อบรมบุตรหลานให้เป็นคนดี • ม คี วามกตญั กู ตเวท ี และควร ขน้ั ที่ 2 วจิ ารณ มีคุณธรรมและจรยิ ธรรม ประพฤติตนเปน็ คนดี • ๑ป ร.ะ๒พ ฤกตติานรเสปร็นา้แงบสบมัอยพ่างนั ทธี่ดภี าพ2•แ ขลยะนั บหรมรั่นยเพาียกรา ตศั้งทใจอี่เรบียนอนุ่ 5. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมรวมกันอภิปราย และ ในบ้าน แสดงความคิดเห็นวาสมาชิกในบานแตละคน ควรมีบทบาทหนาท่ีอยางไรจึงจะทําใหบาน มีความสขุ โดยศกึ ษาจากหนังสือเรียน หนวย การเรยี นรูที่ 2 บา้ นทอี่ บอนุ่ และมคี วามสขุ สมาชกิ ในบา้ นจะตอ้ งมคี วามรกั ความเข้าใจซ่ึงกันและกัน ให้อภัยต่อกัน ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิก ในบา้ นมแี ตค่ วามสขุ ในขณะเดยี วกนั หากสมาชกิ ในบา้ นเกดิ การ ซท่ึะงเกลันาแะวลวิ ะากทัน มอคีาวจาสม่งขผดัลแใหย้ง้ส มไามช่เขิก้าในใจบก้านั น มหีพรือฤไตมิก่มรกีรามรตให่อต้อภ้านัย3 และไมส่ ามารถปรับตวั ให้เข้ากับบุคคลอ่นื ได้ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 1๓ ■ ขั้นตอนการทาํ งานเปน สว นหนึง่ ของการปฏิบัตงิ านตามทกั ษะกระบวนการทาํ งาน โดยทาํ ตามลาํ ดับขัน้ ตอนทวี่ างแผนไว เชน - การใชอ ปุ กรณอ ํานวยความสะดวกในการทาํ งานบาน - การจดั และตกแตง หอง การดูแล รักษาบ้าน ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ในวยั ของนกั เรียนควรมบี ทบาทหนาท่ีอยา งไร 1 อาชพี สุจรติ เปนการประกอบอาชีพทีไ่ มเปนโทษแกสงั คม ไมผิดกฎหมาย 1. สรางชือ่ เสยี งใหก บั วงศต ระกลู มรี ายไดต อบแทน โดยอาศยั แรงงาน ความรู ทกั ษะ อปุ กรณ เครอ่ื งมอื และวธิ กี าร 2. ชว ยชําระคาใชจา ยตา งๆ ภายในบา น ที่แตกตางกนั ไป เชน แพทย วศิ วกร ครู คาขาย รับจาง 3. ทาํ งานเพอ่ื หารายไดมาเล้ยี งครอบครัว 4. ชวยพอ แมทาํ งานบานเทาท่ีตนเองจะทําได 2 สมั พนั ธภาพ การสรา งสมั พนั ธภาพใหย าวนานขน้ึ สามารถทาํ ไดโ ดยตอ งใสใจ และเอาใจใสซ ่งึ กนั และกัน มคี วามไววางใจกนั ยอมรับและรับฟงความคิดเห็น (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะบทบาทหนาที่ในวัยของ ตอ กัน รูจ ักแบงปน เอ้ือเฟอเผื่อแผ และมีความเหน็ อกเหน็ ใจกนั นกั เรยี นนนั้ จะตอ งเคารพและเชอ่ื ฟง พอ แม มคี วามขยนั หมนั่ เพยี ร ตั้งใจศกึ ษาเลา เรยี น และชว ยแบง เบาภาระของครอบครวั เชน ชว ย 3 พฤตกิ รรมตอ ตา น เปน การแสดงออกทางความคดิ คําพูด และการกระทาํ ทาํ งานบา น) ที่รุนแรง ซ่ึงอาจกอใหเกิดผลกระทบตอรางกายและจิตใจ โดยสาเหตุท่ีทําให เกิดการแสดงพฤติกรรมตอตานมีสาเหตุจากหลายปจจัย เชน สภาพสังคม และส่ิงแวดลอม การเลี้ยงดูภายในครอบครัว สภาพจิตใจ สาเหตุทางชีวภาพ การลดพฤติกรรมกาวราวสามารถปฏิบัติไดหลายวิธี เชน ฝกใหรับผิดชอบ ตอการกระทําที่ไมเหมาะสมของตนเอง หลีกเลี่ยงการตําหนิ ไมควรลงโทษ โดยใชค วามรุนแรง T17
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน วิธีการสร้างสัมพันธภาพและบรรยากาศท่ีอบอุ่นภายในบ้านเป็นเร่ืองส�าคัญที่ทุกครอบครัว พึงม ี โดยวิธีการปฏบิ ตั ิ มีดงั นี้ ขน้ั ที่ 2 วจิ ารณ การสรา้ งสมั พันธภาพในครอบครวั 6. เม่ือนักเรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความ คิดเห็นเสร็จแลว ครูใหนักเรียนเขียนสรุปเปน รักและหว่ งใย ใช้กิรยิ าวาจา มีเหตผุ ล รบั ฟัง ดแู ลสขุ ภาพกาย รบั ผิดชอบ แผนผงั มโนทศั นใ นกระดาษรอ ยปอนด ขนาด เอาใจใส่ ทส่ี ภุ าพ ย้ิมแย้ม และยอมรับ และสขุ ภาพจติ ของ ต่อหน้าที่ A3 ตกแตง ใหส วยงาม จากนนั้ ออกมานาํ เสนอ ความคดิ เหน็ สมาชกิ ในครอบครวั ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ผลงานหนา ชนั้ เรยี น โดยมหี ัวขอ ดงั น้ี ช่วยเหลือซ่ึงกัน แจ่มใสกับ ของผู้อ่นื ทา� กจิ กรรมรว่ มกัน 1) บทบาทหนาทีข่ องสมาชกิ ในบาน และกนั ทกุ คนในบา้ น 2) การสรางสมั พนั ธภาพและบรรยากาศที่ อบอนุ ในบาน ๒ การวางแผนในการดแู ลรักษาบา้ น ขนั้ สรปุ สภาพบา้ นทน่ี า่ อยจู่ ะตอ้ งสะอาด ถกู สขุ อนามยั มกี ารทา� ความสะอาดอยา่ งสมา่� เสมอ ไมป่ ลอ่ ย ให้รกสกปรก กลายเป็นที่อาศัยของสัตว์ท่ีเป็นพาหะน�าโรค ส่ิงของในบ้านมีการจัดวางอย่างเป็น ขนั้ ที่ 3 สรปุ ระเบียบ มีการจัดสรรพืน้ ที่ในบา้ นให้เปน็ สัดส่วน เพือ่ ประโยชน์ในการใชส้ อย มกี ารซอ่ มบา� รงุ ไมป่ ลอ่ ยใหบ้ า้ นชา� รดุ เสอื่ มโทรม การท�างานบ้านควรมีการวิเคราะห์งานท่ีมี 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงานท่ี 2.1.1 เรอื่ ง บา นและ อยู่ในบ้าน และวางแผนการปฏิบัติงานให้ครอบคลุม โดยการวางแผนการท�างานบ้านต้องเร่ิมต้น ความเปน อยใู นบาน จากการสา� รวจพ้นื ท่ีใชส้ อยในบ้าน หอ้ งตา่ ง ๆ การจัดและตกแต่งบ้านที่เป็นอยู่ วิเคราะหง์ านบา้ น พิจารณาว่างานใดควรท�าก่อน หรือหลัง จัดล�าดับข้ันตอนของงาน รวมทั้งก�าหนดหน้าที่ความ 2. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่องบาน รับผิดชอบใหก้ ับสมาชิกในบ้าน และความเปน อยใู นบา น จากแผนผงั มโนทศั น งานบ้านหลายอย่างสามารถท�าเสร็จได้ ในทันทีโดยไม่เป็นภาระงานแก่ใคร โดยทุกคนสละ ของแตละกลุม พรอมท้ังอธิบายเพ่ิมเติมให เวลาเล็กน้อยช่วยกนั เช่น เม่อื ตื่นนอนต่างคนต่างเกบ็ ทน่ี อนของตนเองให้เรยี บรอ้ ย เม่ือลุกจาก นกั เรียนเขาใจเพ่มิ มากขึน้ โตะ๊ อาหารตา่ งคนตา่ งเลื่อนเกา้ อท้ี ต่ี นน่ังกลบั เขา้ ที่ให้เปน็ ระเบียบ ขน้ั ประเมนิ 1. ครูตรวจสอบใบงานท่ี 2.1.1 เรื่อง บานและ ความเปนอยใู นบา น 2. ครูตรวจสอบจากแผนผังมโนทัศนเกี่ยวกับ บทบาทหนา ทข่ี องสมาชกิ ในบา นและการสรา ง สัมพนั ธภาพและบรรยากาศทอี่ บอุน ในบาน 3. ครตู รวจสอบความรู ความเขา ใจของนักเรยี น เร่ือง บานและความเปนอยูในบาน จากการ ตอบคาํ ถาม การอภิปรายรว มกัน รวมถงึ การ ทํางานกลุม 14 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลและการนําเสนอผลงาน การวางแผนในการดูแลรักษาบา นกอใหเกดิ ประโยชนอยางไร หนา ชั้นเรียนของนกั เรียน โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมินผลทแ่ี นบมาทาย แผนการจัดการเรยี นรู หนวยการเรยี นรูท่ี 2 (แนวตอบ ทาํ ใหท ราบลว งหนา วา จะตอ งทาํ งานใด เมอื่ ใด เพอื่ ให สามารถทาํ งานทต่ี อ งรบั ผดิ ชอบไดค รบทกุ รายการ ชว ยใหง านสาํ เรจ็ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ตามเปา หมายไดเ รว็ ขน้ึ ประหยดั เวลาในการทาํ งาน มองเหน็ ปญ หา หรอื อปุ สรรคท่อี าจจะเกดิ ขนึ้ ) คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องที่ คาช้ีแจง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกับระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 32 321 1 ความถูกต้องของเนอื้ หา 1 การแสดงความคิดเหน็ 2 การลาดับข้ันตอนของเร่ือง 2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผอู้ ่นื 3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์ 3 การทางานตามหนา้ ท่ีทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 4 ความมนี ้าใจ 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การตรงต่อเวลา 5 การมสี ่วนร่วมของสมาชิกในกลุม่ รวม รวม ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน ............/................./................ ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ T18
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒.๑ ความสา� คญั ของการวางแผนการท�างานบ้าน ขน้ั นาํ (กระบวนการเรียนรู ความรูความเขาใจ) การวางแผนการท�างานเป็นการก�าหนดงานไว้ล่วงหน้า โดยมีจุดมุ่งหมายในการท�างาน 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นพรอ มทง้ั ตง้ั คาํ ถามกระตนุ อย่างชัดเจน เพ่อื ใหท้ า� งานได้ส�าเรจ็ ตามทค่ี าดหวงั ประโยชนข์ องการวางแผนการท�างาน มีดังน้ี ความสนใจของนักเรียนวา “จากการเรียน สามา รถทา� ๑งา. นททา�ีร่ ใบั หผผ้ ิดู้ทชีร่ อบั บผไิดดช้คอรบบงทาุกนรทายรากบารล ่วชง่วหยนใา้หว้ง่าาจนะสต�า้อเงรทจ็ ตา� งาามนเปใดา้ หเมมอ่ืายใ1ดไ ดทเ้ ร�าว็อขยน้ึา่ งไร ท�าให้ ในชั่วโมงที่ผานมามีใครท่ีกลับไปชวยเหลือ ๒. ทา� ใหม้ ีเหตผุ ล รอบคอบ ฝกึ นสิ ยั ในการคดิ ลว่ งหน้า และมคี วามรับผดิ ชอบ พอ แม ทาํ งานบา นอะไรเพม่ิ เตมิ บาง” ๓. ท�าให้ประหยดั เวลาและแรงงานในการทา� งานบา้ น ๔. ท�าให้มองเห็นปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น สามารถก�าหนดแนวทางในการ 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การดูแลรักษาบาน ปอ้ งกันและแกป้ ญั หาไวล้ ่วงหนา้ ก่อนลงมือทา� งานได้ อยางสมํ่าเสมอ จะทําใหบานนาอยู สะอาด ถูกสุขลักษณะ และไมชํารุดทรุดโทรม อีกท้ัง ๒.๒ ลักษณะของแผนการท�างานท่ีดี ยงั เปน การสรา งความประทบั ใจใหก บั แขกทม่ี า เยีย่ มเยอื นบานอีกดว ย” แผนการท�างานท่ีดีจะต้องมีการก�าหนดเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย มีความยืดหยุ่น สามารถปรับปรุงแก้ไขใหเ้ ข้ากับสถานการณต์ า่ ง ๆ ทีเ่ ปลี่ยนแปลงได้ โดยตลอด และตอ้ งน�าไปใช้ ขนั้ สอน ไดจ้ รงิ โดยแผนการท�างานที่ดีสามารถสรุปได ้ ดังน้ี ขนั้ ที่ 1 สงั เกต ตระหนกั ๑) มีความชัดเจนในงานท่ีท�า โดยจะต้องมีการก�าหนดงานอย่างชัดเจน บอกวิธี 1. ครใู หน กั เรยี นดวู ดี ทิ ศั นเ กย่ี วกบั บา นทมี่ กี ารจดั การท�า ระบเุ วลา สถานท่ ี วสั ด ุ อุปกรณ ์ และผ้รู ับผดิ ชอบอย่างชัดเจน อยางสวยงามและเปน ระเบียบ ๒) มีการจัดล�าดับขั้นตอนในการท�างานอย่างต่อเนอ่ื งและถูกต้อง โดยก�าหนด 2. ครูถามนักเรยี นวา • ในบานของนักเรียนมีการแบงหนาที่กัน ข้นั ตอนการปฏบิ ัตงิ านไวอ้ ยา่ งต่อเนอื่ งว่าควรทา� ส่ิงใดกอ่ นและหลงั และควรท�าอยา่ งไร ทํางานบานอยางไร และนักเรียนไดรับ มอบหมายใหทาํ งานบานใด ๓) มกี ารกา� หนดระยะเวลาการทา� งานตามความเปน็ จรงิ โดยกา� หนดวนั ทเ่ี รม่ิ งาน (แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ นกั เรียน) ระยะเวลาในการท�างาน และก�าหนดเสร็จงานตามระยะเวลาที่เป็นไปได้ จะช่วยให้การท�างาน มปี ระสทิ ธภิ าพมากยงิ่ ขนึ้ และสามารถทา� งานอน่ื ต่อไปได้ 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการทํางานบาน ควรเริ่มจากการวิเคราะหงานที่มีอยูในบานวา ๔) มีการก�าหนดวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ โดยจะต้องก�าหนดว่าจะใช้ มงี านใดบาง พรอมทั้งวางแผนการปฏบิ ตั ิงาน ใหครอบคลุมกับงานท่ีมีภายในบาน รวมทั้ง วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ ชนิดใดและมีวิธีการใช้อย่างไร โดยศึกษาวิธีการใช้ ให้เข้าใจ จาํ นวนคนทต่ี อ งรบั ผดิ ชอบกบั งาน แลว ปฏบิ ตั ิ เพือ่ ช่วยใหง้ านเสรจ็ เรว็ ขนึ้ และเกิดความปลอดภัยในการใชง้ าน งานตามแผนท่ีไดวางไว จะทําใหงานสําเร็จ ตามเปาหมายและมปี ระสทิ ธภิ าพ” ๕) มกี ารกา� หนดผรู้ บั ผดิ ชอบ เปน็ การกา� หนดวา่ แตล่ ะงานใครเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ ถา้ เปน็ 4. ครูใหนักเรียนดูตัวอยางขั้นตอนการวางแผน งานทต่ี ้องทา� กันหลายคน ต้องมกี ารแบง่ งานให้เหมาะสมตามความถนดั ของแตล่ ะคน การทํางานบานจาก PowerPoint ม.2 หนวย การเรยี นรทู ี่ 2 ๖) มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นระยะ เป็นการประเมิน การท�างานว่าเป็นไปตามแผนที่ก�าหนดไว้หรือไม่ เพราะหากในระหว่างการปฏิบัติงานมีปัญหา หรือมีอุปสรรคเกิดข้ึนจะได้รีบแก้ไขทันที และเป็นการประเมินว่าแผนการท�างานที่วางไว้ประสบ ความส�าเร็จมากน้อยเพียงใด ต้องมีการปรบั ปรงุ แก้ ไข หรอื มีแนวทางพัฒนาใหด้ ีข้นึ อยา่ งไร การดูแล 15 รักษาบ้าน ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ขอใดเปนลักษณะของแผนการทาํ งานบานท่ีดี ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับความสําคัญของการวางแผนการทํางานบาน 1. มีความชัดเจนในงานทีจ่ ะทาํ ใหนักเรียนฟงวา การวางแผนในการทํางานบานสามารถนํามาประยุกตใช 2. มีการกาํ หนดคาใชจา ยสวนตวั ในการวางแผนการทํางานอ่ืนๆ ได เชน การวางแผนการเรียน การวางแผน 3. ใชป ระโยชนไ ดแ คเ พียงชวั่ คราว การทํางาน การวางแผนทําธุรกิจ ซึ่งมีพ้ืนฐานกระบวนการทํางานในลักษณะ 4. ตดิ ตามงานหลงั จากทาํ งานเสรจ็ เชนเดยี วกัน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะแผนการทาํ งานที่ดีจะตอ งมี นักเรียนควรรู การกาํ หนดงานไวอ ยา งชดั เจน อธบิ ายวธิ กี ารทาํ ระบเุ วลา สถานที่ วัสดุอุปกรณ และผูรับผิดชอบอยางชัดเจน นอกจากน้ี ตองมี 1 เปาหมาย การทํางานทุกอยางจะตองมีการกําหนดเปาหมายใหชัดเจน การประเมนิ การทํางานเปน ระยะๆ) เพื่อจะไดกําหนดแนวทางในการทํางานไดอยางถูกตองและสงผลใหงานสําเร็จ ตามเปาหมายทว่ี างไว T19
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๒.๓ ขั้นตอนการวางแผนการทา� งานบ้าน การวางแผนการทา� งานบา้ นจะตอ้ งมกี ารเขยี นลา� ดบั ขน้ั ตอนการทา� งานไวล้ ว่ งหนา้ เพอ่ื สะดวก ขน้ั ท่ี 2 วางแผนปฏบิ ตั ิ ตอ่ การทา� งานบา้ น ซึง่ การวางแผนการทา� งานบา้ น ควรปฏบิ ตั ติ ามขั้นตอน ดงั นี้ 5. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั รว มกนั ๑) วิเคราะห์งานที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในบ้านทั้งหมด ก่อนจะลงมือ ศกึ ษา เรอื่ ง การวางแผนในการดแู ลรกั ษาบา น จากหนงั สือเรียน หนวยการเรียนรทู ี่ 2 โดยมี ทา� งานบ้านจะต้องมกี ารวิเคราะหล์ ักษณะงานตามขน้ั ตอน เช่น หัวขอ ดงั น้ี 1) ความสาํ คญั ของการวางแผนการทาํ งานบา น วิเคราะห์งานที่ท�าทุกวันและงานท่ีท�าในวันหยุด วิเคราะห์วัน เวลาในการท�างานว่างานใด 2) ลักษณะของแผนการทาํ งานท่ีดี ตอ้ งท�าทุกวัน หรืองานใดทที่ �าในวนั หยดุ 3) ขั้นตอนการวางแผนการทาํ งานบา น ล�าดบั 1 งานท ี่ ไดร้ ับมอบหมาย วันดา� เนนิ การ 6. ครใู หส มาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั เขยี นสรปุ ความรู ทกุ วนั เฉพาะวนั หยดุ ที่ไดรับจากการศึกษาเปนแผนผังมโนทัศน ๑. รดนา�้ ต้นไม้ บนกระดานหนาช้ันเรียน โดยครูแบงเนื้อท่ี ✓ บนกระดานตามจาํ นวนกลมุ ท่มี ี เมื่อเสร็จแลว ใหแตละกลุมผลัดกันนําเสนอผลงาน โดยครู ๒. ลา้ งจาน ✓ เปนผแู นะนําเพิ่มเติม ๓. ใหอ้ า2หารสตั ว์เล3ยี้ ง ✓ ขนั้ ท่ี 3 ลงมอื ปฏบิ ตั ิ ๔. ซกั ผา้ และรดี ผ้า ✓ 7. ใหนักเรียนแตละคนวิเคราะหงานบานของ ๕. กวาดและถบู ้าน ✓ ตนเองที่ไดรับมอบหมายใหรับผิดชอบ และ วิเคราะหกิจวัตรประจําวันของตนเองท่ีตอง ๖. ลา้ งห้องนา้� ✓ ทาํ เปน ประจาํ ลงในใบงานที่ 2.2.1 เรอื่ ง วางแผน ดแู ลบา น ตอนที่ 1 ตารางวเิ คราะห งานทไี่ ดร บั รวม ๔ ๒ มอบหมายใหรบั ผิดชอบในบาน และตอนที่ 2 ตารางวเิ คราะหก จิ วัตรประจาํ วนั วเิ คราะห์กจิ วัตรประจ�าวนั ของตนเองท่ตี ้องทา� เปน็ ประจ�า และระยะเวลาในการดา� เนนิ การ ลา� ดับ กจิ กรรมท่ตี อ้ งท�า เวลา ล�าดบั กจิ กรรมทต่ี อ้ งท�า เวลา ๑. ตื่นนอนและเก็บทีน่ อน ๐๕.๓๐ น. ๘. ให้อาหารสตั ว์เล้ียง ๑๖.๕๐ น. ๒. รดน�้าต้นไม้ ๐๕.๔๐ น. ๙. ทา� การบา้ น จัดตารางเรยี น ๑๗.๔๐ น. ๓. อาบนา้� แตง่ กาย ๐๕.๕๐ น. ๑๐. รบั ประทานอาหารเยน็ ๑๘.๑๐ น. ๔. รบั ประทานอาหารเช้า ๐๖.๓๐ น. ๑๑. ลา้ งจาน ๑๘.๔๕ น. ๕. ไปโรงเรยี น ๐๗.๐๐ น. ๑๒. อาบน�า้ แต่งกาย ๑๙.๐๐ น. ๖. เรยี นหนงั สือ ๐๘.๓๐-๑๖.๐๐ น. ๑๓. ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ ๑๙.๓๐ น. ๗. เดนิ ทางกลับบ้าน ๑๖.๑๐ น. ๑๔. เขา้ นอน ๒๑.๐๐ น. 16 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 รดนา้ํ ตน ไม ชว งเวลาท่ีเหมาะสมในการรดนา้ํ ตนไมแบง เปน 2 ชว ง ไดแ ก ขอใดเปนขั้นตอนการวางแผนการทํางานบานทดี่ ีท่สี ุด ชว งเชา เวลาประมาณ 06.00-08.00 น. และชว งเยน็ เวลาประมาณ 16.00-18.00 น. 1. ปฏบิ ัตงิ าน ติดตามและปรับปรุงแกไข นําเสนอผลงาน ซึ่งไมควรรดนํ้าในชวงกลางวันท่ีมีแดดจัด เพราะน้ําจะระเหยเร็ว ทําใหตนไม 2. ปฏิบตั งิ าน จัดทาํ แผนการทาํ งาน ประเมินงาน สรปุ งาน ดดู ซบั นํา้ ไดนอย 3. วิเคราะหงาน ปฏบิ ัติงาน จัดทาํ แผนการทํางาน ปรับปรงุ แกไข 2 ซักผา ไมควรใสผงซักฟอกมากเกินไป เพราะจะทําใหสารท่ีทําลายคราบ 4. วเิ คราะหง าน จดั ทําแผนการทาํ งาน ปฏิบตั งิ าน ติดตามและ สกปรกไปกดั เนอื้ ผา และไมค วรขยผ้ี า แรง เพราะจะทาํ ใหค ราบสกปรกแทรกซมึ ไปสวนอ่ืนๆ ของเส้อื ผา และทําใหเนือ้ ผา ถกู ทําลาย ปรับปรุงแกไ ข 3 รีดผา ควรรีดผาเนื้อบางกอน แลวจึงเรงความรอนข้ึน เพ่ือรีดผาเนื้อหนา หรอื ผา ทตี่ อ งใชค วามรอ นสงู จะชว ยใหป ระหยดั ไฟมากขนึ้ นอกจากน้ี ในการรดี ผา (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการวางแผนการทาํ งานบา น ควรรดี จากสวนท่ีรีดยากกอน เชน คอ ไหล แขน กระเปา และหากเสือ้ ผา ทีร่ ดี ตองเร่ิมจากการวิเคราะหงานท่ีไดรับมอบหมาย จากน้ันจัดทํา มีการประดบั ตกแตงดว ยไขม ุก หรอื ลกู ปดควรกลับดานในออกกอ นจงึ นาํ ไปรีด แผนการทํางาน แลวจงึ ลงมอื ปฏิบัติงานตามขั้นตอน ตดิ ตามงาน ไมค วรรดี บรเิ วณทม่ี กี ารตกแตง เพราะอาจทาํ ใหอ ปุ กรณต กแตง ชาํ รดุ เสยี หายได และปรับปรุงแกไขจุดบกพรอง) T20
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒) จดั ทา� แผนการทา� งานประจา� วนั โดยนา� รายการจากตารางงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย ขนั้ สอน และตารางกิจกรรมที่ต้องทา� มาจัดท�าเป็นแผนการทา� งานประจ�าวันจันทร์-ศกุ ร์ และวันหยุดประจา� ขน้ั ที่ 3 ลงมอื ปฏบิ ตั ิ สปั ดาห์ ดังตัวอย่าง 8. ใหน กั เรยี นนาํ ขอ มลู จากตารางท่ี 1 และตาราง แผนการทา� งานวนั จนั ทร-์ ศุกร์ ที่ 2 มาจัดทําเปนแผนการทํางานประจําวัน ในตอนที่ 3 ตารางแผนการทํางานประจํา กอ่ นไปโรงเรียน ๐5.๓๐ น. ๐5.4๐ น. วันจันทร-วันศุกร โดยนักเรียนสามารถ ระหวา่ งเรยี น ดูตัวอยางตารางไดจากหนังสือเรียน หนวย ตนื่ นอนและ รดน�า้ ต้นไม้ การเรยี นรูท ี่ 2 เกบ็ ท่ีนอน 9. ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ตารางในตอนท่ี 3 ๐๗.๐๐ น. ๐6.๓๐ น. ๐5.5๐ น. วา “เมื่อเราวางแผนการทํางานและลงมือ ปฏิบัติงานตามแผนงานที่ไดวางไว หากเกิด ไปโรงเรยี น รอับาปหราะรทเชาา้ น1 อาบนา้� ปญ หาทไี่ มส ามารถปฏบิ ตั ไิ ด หรอื ไมส ามารถ แต่งกาย ทําไดสําเร็จตามเวลาใหจดบันทึกไวในแผน ประจําวนั ในชองหมายเหตุ และเมอ่ื นกั เรยี น ๐๘.๓๐ น. 16.๐๐ น. ตอ งทาํ กจิ กรรมตามแผนอกี ครงั้ ใหน าํ ปญ หา นนั้ มาปรบั ปรงุ แกไขในการทาํ งานครงั้ ตอ ไป” เรียนหนงั สือที่โรงเรียน ข้นั ที่ 4 พฒั นาความรูความเขา ใจ หลงั เลิกเรยี น 16.1๐ น. 16.5๐ น. 1๗.๐๐ น. เดนิ ทาง ใหอ้ าหาร ออกก�าลังกาย 10. ใหส มาชกิ ในกลมุ (กลมุ เดมิ ) รว มกนั อภปิ ราย กลับบา้ น สตั วเ์ ลี้ยง แลกเปลยี่ นความรภู ายในกลมุ และใหส มาชกิ 1๘.45 น. 1๘.1๐ น. 1๗.4๐ น. โหวตกิจกรรมท่ีดีท่ีสุดภายในกลุมตนเอง ล้างจาน ทา� การบา้ น จากน้ันใหตัวแทนที่ไดคะแนนโหวตมากที่สดุ รอบั าปหราะรทเยา็นน2 จัดตารางเรยี น ออกมานาํ เสนอผลงานหนาช้ันเรียน 1๙.๐๐ น. ๒1.๐๐ น. อาบน�า้ 1๙.๓๐ น. แตง่ กาย ฟังเพลง เข้านอน3 ดโู ทรทัศน์ การดูแล 1๗ รักษาบ้าน กิจกรรม เสรมิ สรา งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู ใหนักเรียนวางแผนการทํางานบาน เพื่อดูแลรักษาบานของ 1 อาหารเชา เปนอาหารมื้อท่ีสําคัญที่สุดของวัน สงผลใหรางกายและสมอง ตนเอง โดยจดั ทาํ ตารางวางแผนการทาํ งานบาน 2 ตาราง ดังนี้ ทํางานไดอ ยา งเตม็ ประสทิ ธภิ าพ โดยเวลาในการรับประทานอาหารเชา ท่ดี ีท่สี ุด คอื กอ น 07.00 น. เพราะรางกายจะไดรบั พลงั งานไปใชใ นการเรียน หรอื การ ตารางท่ี 1 วางแผนการทาํ งานบานประจาํ วันจนั ทร-วันศุกร ทํางานในชว งเชาไดทัน ตารางท่ี 2 วางแผนการทาํ งานบา นประจําวันหยุดสุดสปั ดาห 2 อาหารเยน็ ควรรบั ประทานแตพอดี เพราะเปนชว งเวลาทีร่ า งกายตองการ จากน้ันบันทึกผลการปฏิบัติงานลงในแบบบันทึก พรอมบอก พกั ผอ น ดังนั้น ควรเลือกรับประทานอาหารจาํ พวกผัก ผลไมท่ีไมม ีรสหวานจัด ปญ หา หรืออุปสรรค และการปรับปรงุ แกไ ข และโปรตนี ทยี่ อ ยงา ย เชน เนอ้ื ไก เนอ้ื ปลา รวมถงึ หลกี เลย่ี งอาหารประเภทไขมนั (กิจกรรมนี้ เสริมสรางคุณลักษณะดานความมีวินัยและมุงม่ัน และของทอดตา งๆ ในการทํางาน) 3 เขา นอน ชว งเวลาทเ่ี หมาะสมตอ การเขา นอนและการตนื่ นอน คอื ชว งเวลา ประมาณ 22.00-06.00 น. จะชว ยฟน ฟูและสรา งเมลาโทนินใหแ กรางกาย ทาํ ให เกิดภาวะหลับลึก ซึ่งสงผลตอการผลิตฮอรโมนที่ชวยใหรางกายเจริญเติบโต และฟน ฟรู างกายใหเปน ปกติ T21
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ แผนการท�างานวันหยุดประจ�าสปั ดาห์ วันเสาร์ วันอาทติ ย์ ๐6.45 น. ๐6.55 น. 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเร่ือง ๐6.๐๐ น. ๐6.1๐ น. การวางแผนในการดูแลบานวา “การวางแผน กอนการทํางานมีประโยชนอยางมากตอการ ต่นื นอนและ ออกก�าลงั กาย รดนา้� ตน้ ไม้ ใหอ้ าหารสัตว์เล้ียง ปฏิบัติงานตางๆ เพราะสามารถทําใหทราบ เก็บที่นอน ๐๗.๐๐ น. ลวงหนาวาตนเองตองทํางานใด เวลาที่ตอง ๐๘.๓๐ น. ๐๗.๓5 น. ๐๗.15 น. ใชในการปฏิบัติงาน แรงงาน ทําใหมองเห็น ซกั ผา้ ดโู ทรทัศน์ อาบน้า� แต่งกาย ปญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดข้ึน ซ่ึงลักษณะ รดี ผา้ รับประทาน 16.๓๐ น. ของแผนงานทด่ี จี ะตอ งมคี วามชดั เจน มลี าํ ดบั 1๓.๐๐ น. อาหารเช้า ท�าการบา้ น ขั้นตอน มีการกําหนดระยะเวลาที่เหมาะสม 1๒.๐๐ น. ท�าความสะอาด 16.๐๐ น. วสั ดุ อปุ กรณ ผรู บั ผดิ ชอบ และสามารถตดิ ตาม รับประทาน ตเู้ ย็น กวาดและถูบ้าน ประเมินผลงานได โดยหลักการเหลานี้เรา อาหารกลางวนั อ่านหนงั สอื ล้างห้องน้า� สามารถนาํ มาปรบั ใชก บั การดแู ลรกั ษาบา นได กวาดและถบู ้าน เชน การทาํ ตารางกจิ วตั รประจาํ วนั หรอื ตาราง การทํางานบานในวันหยุด หากกิจกรรมใด ๒๐.๐๐ น. 1๙.๓๐ น. 1๘.๓๐ น. 1๘.๒๐ น. ไมสามารถทําเสร็จตามแผนควรระบุไวใน แผนงาน เพื่อท่ีเราจะไดนํากลับมาปรับปรุง อาบนา�้ แต่งกาย ล้างจาน รับประทาน ใหอ้ าหารสัตว์เล้ียง แกไ ขในคร้งั ตอไป” ๒๐.๒๐ น. ๒1.๐๐ น. อาหารเยน็ ขนั้ ประเมนิ 1. ครตู รวจใบงานท่ี 2.2.1 เรอ่ื ง วางแผนดแู ลบา น 2. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรยี น เรอื่ ง การวางแผนในการดแู ลรกั ษาบา น จากการ ตอบคาํ ถามการอภปิ ราย ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ เขา้ นอน ๓) การปฏิบัติงาน ติดตามงาน และปรับปรุงแก้ ไข เป็นการลงมือปฏิบัติตาม แผนงานท่ีวางไว้ หากงานใดไม่สามารถปฏิบัติได้ หรือปฏิบัติไม่เสร็จตามเวลาท่ีวางแผนไว้ ให้จดบันทึกแล้วหาวิธีการด�าเนินการแก้ไข เช่น ขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในครอบครัว ให้มาชว่ ยท�างาน แลว้ รายงานพ่อ แม ่ หรือผมู้ อบหมายงานใหร้ บั ทราบ 1๘ แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม สรางเสริม ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลและการนําเสนอผลงาน ใหนักเรียนสํารวจสภาพความเปนอยูภายในบานของตนเอง หนาชั้นเรียนของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลท่ีแนบมา วาสมาชกิ ในบา นมีความสมั พันธท ่ดี ตี อกันอยางไร บา นทอ่ี าศัยอยู ทา ยแผนการจัดการเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2 มีลักษณะเปนอยางไร มีความสะอาดหรือไม หากตองทําความ สะอาดจะมีวิธีการวางแผนการทํางานบานอยางไร โดยใหเขียน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบประเมินการนาเสนอผลงาน รายงานสรุป แลวนาํ สงครผู สู อน คาชีแ้ จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ คาช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องที่ กิจกรรม ทาทาย ตรงกับระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ใหนักเรียนสํารวจบานของตนเองวามีความสะอาดหรือไม ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 หากตอ งทาํ ความสะอาดจะมวี ธิ กี ารวางแผนการทาํ งานบา นอยา งไร 321 32 โดยใหเขียนเปนตารางแผนการทํางานบานในแตละวัน โดยใช หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1 การแสดงความคิดเหน็ 1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผ้อู นื่ 2 การลาดบั ขัน้ ตอนของเรื่อง 3 การทางานตามหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์ 4 ความมีน้าใจ 5 การตรงต่อเวลา 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีส่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลมุ่ รวม รวม ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ ............/................./................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T22
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ๓ อุปกรณอ์ าำ นวยความสะดวกในการทำางานบ้าน ขน้ั นาํ (5 Es) อุปกรณ์อ�านวยความสะดวกในการท�างานบ้าน มีทั้งท่ีเป็นเคร่ืองใช้ไฟฟ้าและไม่ใช้ไฟฟ้า ข้นั ท่ี 1 กระตุนความสนใจ ดังนั้น ควรเลือกใช้ ให้เหมาะสมกับงานท่ีจะท�า ศึกษาวิธีการ รวมท้ังข้ันตอนการใช้ เพ่ือให้เกิด ความปลอดภยั ในการใชง้ าน นอกจากน ี้ ควรรจู้ กั วธิ กี ารดแู ลรกั ษาใหอ้ ยใู่ นสภาพด ี เพราะจะชว่ ยยดื อายุ 1. ครทู บทวนความรจู ากชวั่ โมงทผ่ี า นมา และถาม การใชง้ านใหย้ าวนานขน้ึ โดยอุปกรณอ์ า� นวยความสะดวกในการท�างานบา้ นที่สา� คญั มดี ังนี้ กระตนุ ความสนใจของนกั เรยี นวา “นกั เรยี นรจู กั อปุ กรณอ าํ นวยความสะดวกในการทาํ งานบา น อปุ กรณท์ า� ความสะอาดทใี่ ชไ้ ฟฟ้า ใดบา ง” นักเรยี นรวมกันแสดงความคดิ เหน็ เป็นอุปกรณ์ท�าความสะอาดประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สร้างความสะดวกสบายและประหยัด 2. ครูใหนักเรียนเลนเกม โดยแบงกลุมออกเปน เวลาในการท�างานบ้าน เช่น 2 กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั จากนน้ั ครใู หแ ตล ะกลมุ เขียนชื่ออุปกรณอํานวยความสะดวกในการ เครอื่ งดดู ฝนุ่ ทํางานบา นบนกระดานหนา ชน้ั เรยี น โดยมคี รู เปน ผูควบคมุ เวลาในการแขง ขนั กลุม ใดเขยี น การเลือกใช้ ไดม ากและถกู ตอ งทสี่ ดุ ในเวลาทก่ี าํ หนดจะเปน ฝา ยชนะ • มกี �าลังทา� งานของเครอ่ื งอยทู่ ่ี ๗๐๐-๑,๖๐๐ วตั ต์ • มีการรับรองคุณภาพท่ีไดม้ าตรฐาน 3. ใหนักเรียนศึกษา เรื่อง อุปกรณอํานวยความ • มอี ปุ กรณ์ที่เปน็ มาตรฐานของเคร่อื ง เช่น สะดวกในการทํางานบาน จากหนังสือเรียน หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2 จากนน้ั ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ หัวดดู พ้ืนหรอื แปรง ทอ่ ต่อดดู เกยี่ วกบั การเลอื กใชอ ปุ กรณแ ละการเกบ็ รกั ษา การเก็บรกั ษา อปุ กรณอ าํ นวยความสะดวกในการทาํ งานบา น วา “อปุ กรณอ าํ นวยความสะดวกในการทาํ งาน • ท�าความสะอาดกล่องเก็บฝ่นุ บา น แบง เปน 2 ประเภท คอื อปุ กรณท ใ่ี ชไ ฟฟา • มว้ นสายไฟเก็บให้เรยี บร้อย และอุปกรณที่ไมใชไฟฟา โดยแตละประเภท • เกบ็ ใหเ้ ปน็ ที่ ไมก่ ดี ขวางทางเดนิ เกบ็ ใหพ้ น้ มอื เดก็ จะมีวธิ กี ารใชง านและการเกบ็ รกั ษาทแ่ี ตกตา ง กนั ออกไป” หุน่ ยนต์ดดู ฝนุ่ การเลอื กใช้ • มมกีีกลารอ่ รงับเกรบ็ อฝงคุน่ ุณท่มี ภีคาวพ1าทมี่ไจดมุ ม้ าากตรฐาน • • ความจแุ บตเตอรแี่ ละระบบชารจ์ มคี วามจเุ พยี งพอ • มีระบบแปรงปัดฝุน่ อย่างนอ้ ย ๒ ขา้ ง • มเี ซนเซอร์กันตกจากท่ีสูง การเกบ็ รักษา • ทา� ความสะอาดกลอ่ งเกบ็ ฝนุ่ เครอื่ งดดู ฝนุ่ ทด่ี จี ะตอ้ งมกี า� ลงั วตั ตม์ ากพอทจี่ ะดดู ฝนุ่ ตาม • เช็ดท�าความสะอาดแปรงท่ตี ิดอยูก่ ับตวั เครื่อง พื้น เบาะ พรม ได้สะอาด • เกบ็ ใหเ้ ป็นท่ี ไมก่ ีดขวางทางเดิน เก็บให้พ้นมอื เดก็ การดูแล 1๙ รักษาบ้าน ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู ขอใดคอื วิธีการใชเ ครื่องดูดฝนุ ไดอยา งถูกตอ ง 1 การรบั รองคณุ ภาพ สาํ นกั งานมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ ตุ สาหกรรม หรอื สมอ. 1. ใชดูดฝุนเศษผงและของเหลวไดทกุ ประเภท มหี ลักการในการรบั รองคุณภาพผลติ ภัณฑ คือ ตองเปน ผลิตภัณฑท ี่มีคณุ ภาพ 2. หม่ันถอดตวั กรอง หรอื กลองเกบ็ ฝนุ ออกมาทาํ ความสะอาด เปนไปตามมาตรฐานที่กําหนดไว ผูผลิตมีระบบการควบคุมคุณภาพที่จะรักษา 3. เลือกหัวดูดชนิดปากปลายแหลม เพอื่ ทาํ ความสะอาดพ้นื ท่โี ลง คุณภาพผลิตภัณฑใหเปนไปตามมาตรฐาน โดยมีการตรวจสอบและติดตาม 4. หลังใชงานควรเก็บเขาท่ีทันที โดยไมตองทําความสะอาด เพื่อพิจารณาการออกใบอนุญาต กลอ งเก็บฝนุ ส่ือ Digital (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะหลังจากใชงานเสร็จ ศึกษาเพิม่ เตมิ เกย่ี วกับวิธกี ารเลอื กซือ้ หุนยนตดดู ฝุน ไดจาก เรียบรอ ยแลว ควรถอดตัวกรองหรอื กลอ งเก็บฝุนออกมาทาํ ความ https://www.wemall.com/blog/78/how-to-choose-robot-vacuum- สะอาดทกุ ครง้ั เพราะจะชว ยลดการทาํ งานของตวั มอเตอรแ ละเพมิ่ cleaner ประสทิ ธิภาพในการดูดฝนุ ไดด ยี ง่ิ ข้ึน) T23
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ อุปกรณท์ า� ความสะอาดทไี่ ม ่ใช้ไฟฟ้า ข้ันที่ 1 กระตนุ ความสนใจ เปน็ อปุ กรณท์ �าความสะอาดพ้นื ผนัง ฝ้าเพดาน เช่น ไมก้ วาด แปรงขัดพืน้ นา�้ ยาท�าความ สะอาด มีวิธกี ารเลือกใชง้ านใหเ้ หมาะสม เช่น 4. ครูถามกระตนุ ความคดิ นกั เรยี นวา “นกั เรียน คดิ วา อปุ กรณอาํ นวยความสะดวกในการ ไมก้ วาด ทํางานบาน ควรเลอื กใชใหเ หมาะสมกบั งาน ที่จะทําหรอื ไม เพราะเหตุใด และการดูแล เป็นอุปกรณ์ส�าหรับท�าความสะอาดพ้ืน มีหลายชนิด จึงควรเลือกใช้ ให้เหมาะสมกับลักษณะ รักษาอปุ กรณใหถูกวธิ ีมีผลดอี ยา งไร” และประเภทของพน้ื ขนั้ สอน ไมก้ วาดไนลอนมหี ลายชนดิ มที งั้ ใชก้ วาด ไกมา้กรวเลาือดกดใอชก้ หญา้ 1 พ้ืนเรียบ และพนื้ หยาบ จึงควรเลือกใช้ ขนั้ ที่ 2 สาํ รวจและคน หา ให้ถูกตอ้ ง • ใช้สา� หรับกวาดพนื้ แห้งและเรยี บ เชน่ พืน้ ไม้ พนื้ ซเี มนต์ • เลอื กที่ดอกหญา้ มัดตดิ กันแนน่ หนา 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุมเปน 8 กลุม กลุมละ • ด้ามเรียบไมข่ รุขระ จับกระชบั มอื เทา ๆ กนั รว มกนั สาํ รวจและคน หาวธิ กี ารเลอื ก ไมก้ วาดทางมะพร้าว ใชงานอุปกรณใหเหมาะสมกับบริเวณ หรือ • ใชส้ �าหรบั กวาดพ้ืนผวิ หยาบ พ้ืนทม่ี นี ้�าขงั พนื้ ดนิ สนามหญา้ ผลิตภณั ฑตา งๆ รวมทั้งการเก็บรกั ษาอุปกรณ • เลอื กท่ีมดี า้ มตรง จับได้เหมาะมือ ไมม่ มี อดกดั กิน อํานวยความสะดวกในการทํางานบานโดยมี • หากเปน็ ชนดิ ทมี่ ปี ลอกสวม ควรเลอื กทม่ี ปี ลอกสวมแนน่ หนา หัวขอ ดังน้ี ไม้กวาดยางพารา 1) เครอื่ งดูดฝุน หรือหุนยนตด ูดฝุน • ใช้ส�าหรบั กวาดพืน้ ทว่ั ไป เชน่ พ้ืนไม้ พื้นซเี มนต์ 2) เตารดี • เลอื กท่มี ีด้ามจับเหมาะมือ 3) เคร่อื งซักผา • เสน้ ใยมัดติดกับด้ามอย่างแน่นหนา 4) ไมกวาด ไมก้ วาดขนไก่ 5) แปรงขดั • ใช้ส�าหรับปดั ฝ่นุ ในทตี่ ่าง ๆ เชน่ โต๊ะ เก้าอ้ี 6) ไมถพู ้ืน • เลอื กชนดิ ทมี่ ขี นหนาติดแน่นกับด้าม 7) ถงั และกะละมงั • ขนไก่ตดิ แน่น ไม่หลุดรว่ งไดง้ า่ ย 8) สารทาํ ความสะอาด ไมก้ วาดไนลอน • ใชส้ า� หรบั กวาดพน้ื เรียบและพน้ื หยาบ 2. ครูใหนักเรียนลงมือปฏิบัติงานเพื่อรวบรวม • เลือกที่มีด้ามจบั เหมาะมือ ขอมูลและความรูจากแหลงขอมูลตางๆ เชน • สว่ นปลายท่ีใชส้ �าหรับกวาดควรยดึ ตดิ กบั ดา้ มแนน่ หนา หนงั สอื เรยี นตาํ รา อนิ เทอรเ นต็ แลว นาํ มาเขยี น เปนแผนผังมโนทัศนลงในกระดาษรอยปอนด การเก็บรกั ษา A2 พรอมตกแตงใหส วยงาม • เคาะฝ่นุ ก่อนจดั เก็บ 3. ครูใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมสรางสรรค • ควรเก็บในท่รี ม่ และที่แห้ง ไม่ควรตากแดด หรอื ตากฝน พัฒนาการเรียนรูใบมอบหมายงานท่ี 2.1 จาก • ไมก้ วาดที่มีขนแข็ง ควรชบุ นา้� ให้เปยี กบ้าง เพ่อื ป้องกนั การเปราะหกั หนงั สือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 2 • ไม้กวาดขนไก่ ควรจัดเก็บดว้ ยวธิ แี ขวน เพราะจะทา� ให้ปลายไมก้ วาดไมเ่ สยี รปู ทรง • ไม้กวาดทกุ ชนิด สามารถจดั เกบ็ ด้วยวิธแี ขวนได้ ยกเวน้ ไม้กวาดทางมะพร้าว ใหว้ างราบกบั พน้ื หรอื วางด้ามจบั ตั้งกบั พืน้ หรอื วางพงิ เอาด้ามลง ๒๐ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูสาธิตวิธีการกวาดพื้นท่ีถูกตองใหนักเรียนดู โดยอธิบายหลักการ บคุ คลในขอ ใดเลอื กใชไมก วาดไดอยางเหมาะสม กวาดพรอมท้ังสาธิตวิธีการกวาด เชน ควรจับบริเวณปลายดามของไมกวาด 1. นุน ใชไ มก วาดขนไกก วาดพื้นหอ ง ควรกวาดไปในทิศทางเดียวกัน ออกแรงกดพอประมาณ และไมตวัดปลาย 2. นวิ ตันใชไมก วาดดอกหญากวาดพ้ืนไม ไมกวาดสงู จากพืน้ เกิน 1 ฝา มอื เพ่ือปองกนั ฝนุ ละอองฟงุ กระจาย 3. นิวเคลียรใชไ มกวาดทางมะพราวกวาดพืน้ หนิ ออน 4. นํ้าใสใชไ มก วาดยางพาราทําความสะอาดเครอ่ื งเรอื น นักเรียนควรรู (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะไมกวาดดอกหญาเหมาะ 1 ไมก วาดดอกหญา วิธแี กป ญ หาไมใหดอกหญาหลุดรว งสามารถทําได ดังนี้ สําหรับกวาดพื้นแหงและเรียบ เชน พ้ืนไม พื้นซีเมนตขัดมัน • ตมน้าํ ผสมเกลือ 1 หมอ ท้งิ ไวใหเย็น แลว เทใสกะละมงั พนื้ หนิ ออ น) • นาํ ไมกวาดแชล งในนา้ํ เกลอื ท้ิงไวส กั พัก แลว ยกขนึ้ มาบบี นา้ํ ออก • นาํ ไปผึ่งไวใ นทรี่ ม ทม่ี อี ากาศถา ยเทไดส ะดวก ไมควรนําไปผึ่งแดด T24
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ แปรงขดั และฝอยขัด ขน้ั สอน เป็นอุปกรณ์ท�าความสะอาด ใช้ส�าหรับขัดสิ่งสกปรกทั้งในบ้านและนอกบ้าน หรือขัดสิ่งของ ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู เครื่องใช้ต่าง ๆ มีอยู่ดว้ ยกนั หลายชนดิ 4. ครูถามกระตุนความคิดของนักเรียนวา “การ การเลอื กใช้ เลอื กใชแ ละการเกบ็ รกั ษาอปุ กรณ อาํ นวยความ สะดวกในการทาํ งานบา นอยา งถกู ตอ งเหมาะสม แปรงลวด 1 มคี วามจาํ เปน หรอื ไม อยา งไร” (แนวตอบ จาํ เปน เพราะการเลือกใชอ ุปกรณท ่ี • ใช้สา� หรับขดั พ้ืนซีเมนต์ พ้ืนหนิ ขัด พนื้ ทมี่ ตี ะไคร่นา�้ เหมาะสมจะชวยใหทํางานไดอยางปลอดภัย • เลือกขนแปรงที่เปน็ แถวแนน่ เสมอกัน และมีประสิทธิภาพในการทํางานมากยิ่งขึ้น • จับได้ถนดั มอื สวนการเก็บรักษาท่ีถูกตองจะชวยยืดอายุการ แปรงขนมะพร้าว ใชงานของอปุ กรณใหยาวนานมากยง่ิ ขนึ้ ) • ใช้ส�าหรับขัดพ้ืนซีเมนต์ พน้ื หนิ อ่อน 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอ • เลือกท่มี เี ส้นขนมะพร้าวเหนียวเรียงกันแนน่ แผนผังมโนทัศนที่ไดทําไปในช่ัวโมงท่ีผานมา • ดา้ มจับแข็งแรง จับถนัดมือ และผลการปฏิบัติงานจากการทํากิจกรรม แปรงพลาสตกิ ขัดมุ้งลวด2 สรา งสรรคพ ฒั นาการเรยี นรู จากนน้ั ครอู ธบิ าย • ใช้สา� หรับขัดพื้นซีเมนต์ เพ่ิมเติมในสวนที่นักเรียนไมไดกลาวถึง หรือ • เลอื กขนแปรงที่แน่นและหนา เนื้อหาท่ีขาดหาย เพ่ือใหนักเรียนเกิดความ • จบั ได้ถนัดมอื เขาใจเพมิ่ มากข้ึน แปรงไนลอน • ใชส้ า� หรบั ขดั พน้ื และขดั อปุ กรณอ์ น่ื ๆ เชน่ กระเปา รองเทา้ ซ่งึ ข้นึ อย่กู ับชนดิ ของขนแปรง • เลอื กขนแปรงตดิ กนั อยา่ งแนน่ หนา • จบั ไดถ้ นัดมอื แปรงขัดเงา • ใชส้ า� หรบั ขดั เงาพืน้ เรยี บ พ้ืนหยาบ พนื้ พมิ พ์ลาย • เลอื กขนแปรงตดิ กนั อยา่ งแนน่ หนา • มีขนาดพอเหมาะ จับได้ถนดั มือ ฝอยขัด • ใชส้ า� หรบั ขดั ภาชนะและคราบสกปรกเฉพาะที่ เชน่ กน้ หมอ้ ทเ่ี ปน็ โลหะ • เลือกเสน้ ฝอยขมวดเปน็ กอ้ น แน่นหนา ไมห่ ลุดรว่ ง • มขี นาดพอเหมาะ จบั ได้ถนัดมือ การเกบ็ รักษา • ล้างให้สะอาด แปรงขัดท่ีใช้ส�าหรับขัดพ้ืนมีหลากหลาย • ผงึ่ แดดใหแ้ ห้ง ชนดิ จงึ ควรเลอื กใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ าน • เกบ็ เขา้ ทใ่ี หเ้ รยี บรอ้ ย การดูแล ๒1 รักษาบ้าน ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู หากตอ งการทาํ ความสะอาดพ้นื ท่มี ตี ะไครน ํ้า ควรใชอ ุปกรณ ครูควรแนะนํานักเรียนวา ในการทําความสะอาด นักเรียนควรเลือกใช ชนดิ ใดขัดทาํ ความสะอาด อุปกรณทําความสะอาดใหเหมาะสมกับลักษณะงานและศึกษาวิธีการใชอยาง ถูกตอง เพื่อใหเกิดความปลอดภัยและสามารถยืดระยะเวลาการใชงานของ 1. ฝอยขัด อุปกรณไดยาวนานขึ้น 2. แปรงลวด 3. แปรงไนลอน นักเรียนควรรู 4. แปรงพลาสตกิ (วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการทําความสะอาดพื้น 1 ตะไครน า้ํ วธิ กี ารกาํ จดั ตะไครน าํ้ บนพนื้ ซเี มนต สามารถทาํ ไดโ ดยนาํ นาํ้ สม ท่ีสกปรกมากและมีตะไครน้ํา ควรเลือกใชแปรงลวด เน่ืองจาก สายชเู ทลงบนพนื้ ทม่ี ตี ะไครน าํ้ เกาะอยู ทง้ิ ไวป ระมาณ 10 นาที แลว ใชแ ปรงลวด ขนแปรงมคี วามแขง็ แรง ทนทาน จงึ สามารถใชข ดั ทาํ ความสะอาด ขดั ทาํ ความสะอาด พ้ืนทม่ี ีความแขง็ และหยาบไดด ี) 2 มุงลวด วิธีการทําความสะอาดมุงลวด สามารถทําไดโดยนําน้ําสมสายชู มาผสมกับนํ้าปลา ในอัตราสว น 1:1 เทลงในขวดสเปรย แลว นาํ ไปฉดี บนมงุ ลวด ทิง้ ไวประมาณ 10 นาที ใชฟองนาํ้ หรือผา สะอาดชุบนา้ํ เชด็ ใหแ หง T25
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ ไมถ้ ูพ้นื ใช้ส�าหรับถูพื้น เช่น พื้นไม้ พื้นหินอ่อน พื้นหินขัด1 ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ เป็นอุปกรณ์ท�าความสะอาดพื้นต่าง ๆ มหี ลายรูปแบบใหเ้ ลอื กใช้ ควรเลอื กใช้ตามความเหมาะสม 1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ (กลมุ เดมิ ) ทาํ ใบงาน ที่ 2.3.1 และทาํ กิจกรรมในแบบปฏิบตั ิฯ ม.1 การเลือกใช้ ชดุ กจิ กรรมงานบา น เพอื่ ขยายความเขา ใจใหก บั นักเรียน โดยครูใหนักเรียนออกมาจับสลาก ไมถ้ พู ืน้ เส้นฝา้ ย สถานการณซ่ึงเปนหองตางๆ ภายในบาน • ใชส้ า� หรบั ถูพนื้ ผวิ เรยี บ เช่น พ้นื ไม้ พื้นกระเบอื้ ง โดยใหนักเรียนเลือกใชอุปกรณใหเหมาะสม • เลอื กเสน้ ฝา้ ยทม่ี ดั เรยี งกนั แน่นหนา ไม่พนั กนั และบอกวธิ กี ารเก็บรกั ษาอุปกรณทถ่ี ูกตอง • ด้ามจบั แขง็ แรง จบั กระชับมือ 2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมานาํ เสนอ ไม้ถูพ้ืนฟองน้�า ผลงานหนาชั้นเรียน โดยใหนกั เรียนกลมุ อืน่ ๆ • ใชส้ �าหรับถูพน้ื ผิวเรยี บ เช่น พ้ืนกระเบื้อง รวมกันอภิปรายเพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู และ • เลือกฟองนา้� ที่แขง็ ไม่ฉกี ขาดง่าย ครูคอยเพ่ิมเติมและแกไขขอบกพรองเพื่อให • ด้ามจบั แข็งแรง จบั กระชับมือ นักเรียนมีความรู ความเขาใจท่ีถูกตองเพิ่ม มากขน้ึ ไม•ถ้ ทูพ่บี ้ืนดิ ไนม�้าโทคิ้งรแไขฟง็ เแบรองรท2์ นทาน • ใชส้ า� หรบั ถพู น้ื ผวิ เรยี บ เชน่ พนื้ ไม้ พนื้ ลามเิ นต พน้ื กระเบอ้ื ง • เลอื กท่มี ีลักษณะแบน หน้ากว้าง • ดา้ มจบั แขง็ แรง จบั กระชบั มอื ไม้ถูพื้นเส้นฝ้ายที่ดีจะต้องมัดแน่นหนา การเก็บรกั ษา ไม่พันกัน และซบั น�้าไดด้ ี • ลา้ งให้สะอาด • บดิ นา�้ ทง้ิ แลว้ ผึง่ ให้แห้ง • แขวน หรือพิงไว้ทีผ่ นัง • หากเป็นไม้ถูพน้ื เสน้ ฝา้ ย ให้ซกั เส้นฝา้ ยให้สะอาดก่อน ถังและกะละมัง เป็นอุปกรณ์ท�าความสะอาด ใช้ส�าหรับใส่น้�า เพ่ือซักล้างและท�าความสะอาด มีหลายส ี หลายขนาด ท�าจากวสั ดุหลายชนดิ เชน่ พลาสตกิ โลหะ อะลูมเิ นยี ม การเลือกใช้ • ใชส้ �าหรับบรรจนุ �้า • เลอื กขนาดให้เหมาะสมกบั การใช้งาน • ไม่รั่วซึม หรือแตกหกั ได้ง่าย หหู ิ้วแข็งแรง ทนทาน การเกบ็ รักษา • เทน้�าออกใหห้ มด ล้างถงั ให้สะอาด วางควา่� กับพื้น ๒๒• เมือ่ แห้งแลว้ น�าไปเกบ็ เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการถูพื้นที่ถูกตองใหนักเรียนฟงเพ่ือให “ดารนิ ตอ งการถพู นื้ บา นทเี่ ปน พนื้ ซเี มนตข ดั มนั ” จากขอ ความนี้ นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิไดอยา งถกู ตองเหมาะสม เชน ควรเริม่ ถจู ากดา นในไป ดารินควรเลือกใชอ ุปกรณท าํ ความสะอาดชนดิ ใด ดา นนอกและถวู นเปน เลขแปดในแนวนอน จะชว ยดกั ฝนุ ไมใ หเ หลอื ตกคา งทพี่ นื้ 1. ไมถูพนื้ เสนฝา ยและถงั นํ้า นักเรียนควรรู 2. ไมถ พู น้ื ฟองน้าํ และไมกวาด 3. ไมถูพื้นเสนฝายและแปรงลวด 1 พื้นหินขัด การทําความสะอาดพื้นหินขัด ควรหลีกเลี่ยงการใชนํ้ายาที่มี 4. ไมถูพน้ื ไมโครไฟเบอรและถังนา้ํ ฤทธ์ิเปนกรดมาก เพราะจะทําใหผิวหนาของพื้นถูกทําลาย ควรเลือกใชเพียง ผงซักฟอกผสมนาํ้ เพ่อื ลา งทาํ ความสะอาด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะเปนอุปกรณที่มีลักษณะ 2 ไมถ ูพ้นื ไมโครไฟเบอร ไมควรใชร วมกบั น้าํ ยาปรับผา นมุ เพราะคราบของ เหมาะสมกับพื้นซีเมนตขัดมันท่ีมีผิวเรียบ และควรใชคูกับถังน้ํา นํา้ ยาปรับผา นุมจะไปเกาะท่เี สนใย ทําใหเ นอื้ ผา แข็งและอายุการใชงานส้ันลง เนอื่ งจากไมถ ูพน้ื ดงั กลาวจะตองนาํ ไปชุบนาํ้ หมาดๆ กอ น แลวจงึ นําไปถูพน้ื ) T26
นาํ สอน สรุป ประเมนิ สารทา� ความสะอาด ขนั้ สรปุ เป็นอุปกรณ์ท�าความสะอาด ใช้ส�าหรับซักล้าง ขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตลอดจนฆ่าเชื้อโรค ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขาใจ มีหลายชนิด มลี ักษณะและคณุ สมบัติการใชง้ านแตกตา่ งกัน 3. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ การเลือกใช้ อปุ กรณอ าํ นวยความสะดวกในการทาํ งานบา น วา “อปุ กรณอ าํ นวยความสะดวกในการทาํ งาน ผงซักฟอก บานมที ้งั ทใี่ ชไ ฟฟาและไมใ ชไ ฟฟา เราจึงควร • ใชส้ า� หรบั ทา� ความสะอาดเส้ือผ้า หรอื ซักลา้ งทั่วไป เลอื กใชอ ปุ กรณใ หเ หมาะสมและคาํ นงึ ถงึ ความ • ดูวนั ทผี่ ลติ และวันหมดอายุ บรรจุหบี หอ่ เรยี บรอ้ ย ปลอดภยั ในการใชง าน นอกจากนี้ อปุ กรณท ใี่ ช • ไมม่ ีสารอืน่ ๆ เจือปน เช่น แป้ง ปูนขาว เมด็ สีตา่ ง ๆ งานเสร็จแลวควรดูแลเก็บรักษาหรือทําความ สะอาดใหเรียบรอย เพื่อยืดระยะเวลาในการ นา้� ยาลา้ งจาน ใชง านและเพอ่ื ความสะดวกตอ การหยบิ ใชง าน • ใช้ส�าหรบั ลา้ งภาชนะ ในครงั้ ตอไป” • ดวู นั ทผี่ ลติ และวนั หมดอายุ มกี ารบรรจทุ สี่ ะอาด ปลอดภยั • ไม่มสี ว่ นผสมของสารเคมี ขนั้ ประเมนิ น�า้ ยาขัด ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบ • ใช้ส�าหรบั ทา� ความสะอาดพื้น • ดวู นั ทผ่ี ลติ และวนั หมดอายุ เหมาะกบั ความสกปรกของพน้ื 1. ครตู รวจใบงาน ที่ 2.3.1 เรอ่ื ง เลอื กใชแ ละรกั ษา • ไม่มีส่วนผสมทท่ี �าให้เกิดการกดั กร่อนพื้น อุปกรณท ําความสะอาดบา น นา้� ยาเชด็ กระจก 2. ครตู รวจแบบปฏบิ ตั ฯิ ม.1 ชดุ กจิ กรรมงานบา น • ใช้สา� หรบั ทา� ความสะอาดกระจก จอคอมพวิ เตอร์ 3. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนกั เรียน • ดวู นั ท่ีผลิตและวันหมดอายุ • ไม่มสี ่วนผสมของสารเคมี เรือ่ ง การเลือกใชอ ุปกรณอ ํานวยความสะดวก ในการทํางานบาน จากการตอบคําถามการ การเกบ็ รกั ษา ทํางานกลมุ และการนําเสนอผลงาน ผงซักฟอก การใชส้ ารทา� ความสะอาดควรใชด้ ว้ ยความ • ปิดปากถุง หรือฝากล่องให้สนทิ ระมัดระวัง และค�านึงถึงความปลอดภัย • ไมเ่ กบ็ ในท่ีช้นื และพน้ มอื เด็ก เป็นสา� คญั น้า� ยาล้างจาน • ปิดปากถุง หรอื ฝาขวดให้สนทิ • เก็บใหพ้ ้นแสงแดดและพ้นมอื เดก็ น�้ายาขดั • ปิดฝาขวดให้สนทิ • เกบ็ ใหพ้ ้นแสงแดดและพ้นมอื เด็ก นา้� ยาเชด็ กระจก • ปิดฝาขวดใหส้ นิท • เกบ็ ใหพ้ น้ จากความร้อนและพ้นมอื เดก็ การดูแล ๒๓ รักษาบ้าน ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล เพราะเหตใุ ดการใชส ารทําความสะอาดแตละชนดิ จงึ มีหลกั ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลและการนําเสนอผลงาน การใชง านที่แตกตา งกัน หนาช้ันเรียนของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลท่ีแนบมา ทายแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรียนรูท่ี 2 (แนวตอบ เพราะสารทาํ ความสะอาดแตละประเภทมคี ณุ สมบัติ ในการทาํ ความสะอาดทไี่ มเ หมอื นกนั รวมถงึ มสี ว นประกอบทเ่ี ปน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบประเมินการนาเสนอผลงาน สารเคมีที่เปนอนั ตรายตอรา งกายแตกตา งกัน เชน นา้ํ ยาลางจาน เปน สารทาํ ความสะอาดทใ่ี ชล า งภาชนะสาํ หรบั ใสอ าหาร จงึ ไมค วร คาชี้แจง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชี้แจง : ใหผ้ ูส้ อนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี มสี ารทมี่ อี นั ตรายตอ รา งกาย แตน าํ้ ยาลา งหอ งนา้ํ เปน สารทาํ ความ ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน สะอาดทใี่ ชข จดั คราบสกปรก จงึ มฤี ทธริ์ นุ แรงตอ รา งกาย ซงึ่ ไมค วร สูดดมหรอื สมั ผสั ถกู ผวิ หนัง เพราะจะทําใหเ กดิ อนั ตรายได) ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 321 32 1 การแสดงความคิดเห็น 1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู ืน่ 3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไี่ ดร้ บั มอบหมาย 2 การลาดับขนั้ ตอนของเร่ือง 4 ความมนี า้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม รวม รวม ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ ............/................./................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ T27
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (กระบวนการปฏิบัติ) ๔ การดแู ลรกั ษาความสะอาดบ้าน 1. ครทู บทวนความรจู ากชัว่ โมงที่ผานมาเกยี่ วกับ บา้ นมีส่วนประกอบตา่ ง ๆ และหอ้ งต่าง ๆ ดงั น้นั สมาชิกในบา้ นทกุ คนควรช่วยกนั ดแู ลรกั ษา อปุ กรณอ าํ นวยความสะดวกในการทาํ งานบา น ความสะอาดบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งส�าคัญและจ�าเป็น เพื่อให้บ้านมีความสะอาด น่าอยู่ ไม่ทรุดโทรม โดยมีหลักส�าคัญ ดังน้ี 2. ครูถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา ๑. วางแผนการทา� งาน “นักเรียนมีหลักการในการดูแลรักษาความ ๒. เตรยี มอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ใหพ้ รอ้ ม และเหมาะสมกบั งาน รวมทงั้ ตรวจสอบสภาพกอ่ นการใชง้ าน สะอาดบานอยางไร” นักเรียนรวมกันแสดง ๓. มีความระมดั ระวังและทา� งานอย่างรอบคอบ เพ่อื ความปลอดภยั ของตนเองและผู้อ่ืน ความคิดเหน็ ไดอ ยางอสิ ระ ๔. ตรวจสอบความเรียบร้อยทกุ ครั้งหลงั จากท่ีทา� งานเสรจ็ หากมสี ่วนใดบกพร่อง ให้รีบด�าเนนิ การแก ้ไข 3. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “หลักการในการดูแล ทาํ ความสะอาดบา นใหเ รยี บรอ ยและนา อยนู น้ั ฝาผนงั ควรมีการวางแผนการทํางานกอน จากนั้นจึง เตรียมอุปกรณที่จะใชในการทําความสะอาด อปุ กรณ์ รวมท้ังสารเคมีตางๆ และในขณะที่ทําความ สะอาดดวยสารเคมี จะตองระมัดระวังเรื่อง • ไม้กวาดขนไก่ • ฟองน้า� • ผถงั้านปิด�า้ จมกู 1 ความปลอดภัยเปนพิเศษ เม่ือทําเสร็จควร • ไม้กวาดดอกหญ้า • ท่ีโกยผง • มีการตรวจสอบความเรียบรอย หากพบ ขอบกพรองใหรบี ปรับปรุงแกไ ขโดยทนั ที” วธิ ที �าความสะอาด เพอื่ ปอ้ งกันฝนุ่ ละออง2 ๑. สวมผ้าปิดจมูก ๒. ใช้ไมก้ วาดขนไก่ปัดท�าความสะอาดผนัง ๓. ใช้ฟองน้�าชบุ น�า้ บดิ หมาด ๆ เชด็ ทา� ความสะอาดผนงั ให้ท่ัว ๔. ใช้ไม้กวาดดอกหญ้ากวาดเศษผงที่ร่วงหล่น ใช้ที่โกยผงเก็บเศษผง และน�าไปทงิ้ ในถังขยะ แล้วทา� ความสะอาดพนื้ ใหเ้ รยี บร้อย พนื้ หอ้ ง อุปกรณ์ • ไมก้ วาดดอกหญา้ • ไม้ถูพน้ื • ถงั น้�า • ที่โกยผง • น�้ายาขัดพืน้ วิธีท�าความสะอาด ๑. ใชไ้ มก้ วาดดอกหญ้ากวาดฝุ่นละออง ใชท้ ี่โกยผงเกบ็ เศษผงและนา� ไปทงิ้ ในถังขยะให้เรยี บรอ้ ย ๒. ใช้ไม้ถูพนื้ หรือผ้าถพู ืน้ ชุบน�า้ บดิ หมาด ๆ ถทู า� ความสะอาดพนื้ ให้ทัว่ ๓. ส�าหรับพ้ืนท่ีต้องดูแลสุขอนามัยเป็นพิเศษ เช่น ห้องที่มีสัตว์เล้ียงในบ้านให้ใช้น�้ายาขัดพ้ืนผสมกับ น้�าสะอาด แล้วถูซ�้าอกี ครั้งเพือ่ ฆ่าเช้ือโรค ๒4๔. ซกั ผา้ ถูพน้ื ใหส้ ะอาด แลว้ นา� ไปผ่ึงแดดใหแ้ ห้ง นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 ผา ปด จมกู การทาํ ความสะอาดบา นทกุ ครงั้ ควรสวมผา ปด จมกู หรอื หนา กาก “นุชตองการไปพักผอนที่บานพักตากอากาศของตนเอง อนามัยปองกันฝุนละอองโดยเฉพาะ เพ่ือปองกันฝุนละอองและเชื้อโรคท่ีปะปน ซึง่ เธอไมไ ดไปนานถึง 5 เดือน เม่อื ไปถงึ กพ็ บวามฝี นุ เตม็ ไปหมด” อยูในอากาศผา นเขา สรู ะบบทางเดินหายใจ จากขอความน้ี นุชควรทําความสะอาดสง่ิ ใดกอนเปน ลาํ ดบั แรก 2 ฝนุ ละออง มักเกาะอยูต ามเพดาน ฝาผนงั พน้ื และซอกมมุ ตา งๆ ของหอง ซ่ึงสงผลใหเกิดอันตรายตอสุขภาพไดหากสูดหายใจเขาไปในปอด เพราะ 1. พน้ื บาน อาจทาํ ใหเกดิ โรคเกีย่ วกบั ระบบทางเดนิ หายใจ หรอื โรคปอดได ดังนัน้ จงึ ควร 2. เพดานบาน ทาํ ความสะอาดบานอยูเ สมอ เพือ่ ปองกันการเกดิ ฝุนละออง 3. ฝาผนงั บาน 4. ประตแู ละหนา ตางของหอ ง (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะตองเร่ิมทําความสะอาดจาก ท่ีสูงกอน เพ่ือใหฝุนมารวมกันที่พ้ืน แลวจึงคอยทําความสะอาด พื้นเปน ลําดับสดุ ทาย โดยเร่ิมจากเพดาน ฝาผนัง ประตู หนา ตา ง และพื้นบาน) T28
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เพดาน ขน้ั สอน อุปกรณ์ ขนั้ ที่ 1 สงั เกตรบั รู • ไม้กวาดเสยี้ นตาล • ไม้กวาดดอกหญา้ • ผา้ ปิดจมูก • ที่โกยผง 1. ครใู หน กั เรยี นดภู าพบา นทดี่ แู ลทาํ ความสะอาด วธิ ที �าความสะอาด และจัดวางส่ิงของอยางเปนระเบียบเรียบรอย กบั บา นทไ่ี มไ ดด แู ลทาํ ความสะอาดและสง่ิ ของ ๑. สวมผ้าปิดจมกู เพอื่ ปอ้ งกนั ฝุน่ ละออง ในบา นเกบ็ วางไมเ ปน ที่ จากนนั้ ครถู ามกระตนุ ๒. ใช้ไมก้ วาดเสยี้ นตาลกวาดฝนุ่ ละอองและหยากไยบ่ นเพดานออกใหห้ มด โดยกวาดจากดา้ นใน ความสนใจของนกั เรยี นวา • นกั เรยี นคดิ วาบานหลงั ใดนาอยูม ากกวากนั สดู่ ้านนอก (แนวตอบ บานท่ีดูแลทําความสะอาดและ ๓. ใช้ไม้กวาดดอกหญ้ากวาดเศษผงที่ร่วงลงพ้ืน ใช้ท่ีโกยผงเก็บเศษผงและน�าไปทิ้งในถังขยะ จดั วางส่งิ ของเปนระเบียบเรียบรอ ย) แลว้ ท�าความสะอาดพื้นใหเ้ รียบร้อย 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “หากตองการใหบาน ประต ู หนา้ ตา่ ง ของนักเรียนนาอยูอาศัย นักเรียนตองหม่ัน ดแู ลรักษาและทําความสะอาดบา นอยเู สมอ” อปุ กรณ์ 3. ครูขออาสาสมัครนักเรยี น 3-4 คน ออกมาเลา • ไม้กวาดขนไก่ • ฟองน้า� • ถังน้�า ประสบการณของตนเองเกี่ยวกับการทําความ • แปรงพลาสตกิ • ผ้าปิดจมูก สะอาดบา นวา นกั เรยี นมขี นั้ ตอนหรอื วธิ ใี นการ วิธีทา� ความสะอาด ทาํ ความสะอาดบานอยางไร ๑. สวมผ้าปดิ จมูก เพื่อปอ้ งกนั ฝนุ่ ละออง ๒. ใช้ไมก้ วาดขนไก่ปดั ทา� ความสะอาดประตู หน้าตา่ ง ๓. ใชฟ้ องนา้� ชบุ นา้� บดิ หมาดๆ เชด็ ทา� ความสะอาดประตู หนา้ ตา่ ง ใหท้ ่วั หากเป็นหนา้ ต่างที่มมี งุ้ ลวดใหถ้ อดมุ้งลวดออกกอ่ น ๔. ขดั มงุ้ ลวดดว้ ยแปรงพลาสตกิ ลา้ งนา�้ ใหส้ ะอาด ผง่ึ ไว้ใหแ้ ห้ง Trick : เทคนิคการถบู า้ นแบบประหยดั เวลา วธิ ีท่ี ๑ ใชน้ �า้ ยาขัดพ้ืน ๑. ใส่นา้� ยาขดั พื้นผสมลงในน้�าสะอาดเลก็ นอ้ ย ๒. น �าไม้ถูพื้นชุบน้�ายาขัดพ้ืนบิดหมาด ๆ แล้วถูพื้น จะท�าให้พื้นมีกลิ่นหอมและฝุ่นเกาะ ไดย้ ากขน้ึ วิธที ี่ ๒ ใชเ้ กลือและน้�าร้อน ๑. ต ม้ นา้� ใหอ้ ่นุ ไม่ตอ้ งรอจนนา�้ เดอื ด เตมิ เกลือลงไป ๑ ชอ้ น คนให้ละลาย ๒. นา� ไมถ้ พู น้ื ชบุ นา้� เกลอื บดิ หมาด ๆ แลว้ ถพู นื้ จะทา� ใหพ้ นื้ แหง้ เรว็ และลดปญั หากลนิ่ อบั ชน้ื การดูแล ๒5 รักษาบ้าน ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอ ใดเรียงลาํ ดับการทําความสะอาดพ้ืนบานไดถูกตอ งทสี่ ดุ ครแู นะนาํ เกย่ี วกบั วธิ กี ารเชด็ หนา ตา ง หรอื ประตทู เ่ี ปน กระจก ใหน กั เรยี นฟง 1. กวาดพน้ื ดว ยไมกวาดดอกหญา ซงึ่ สามารถปฏบิ ตั ไิ ดห ลายวธิ ี เชน นาํ หนงั สอื พมิ พจ มุ ลงในนาํ้ สม สายชทู ผี่ สมกบั 2. ซักผาถพู ื้นใหส ะอาด นําไปผง่ึ แดดใหแหง นํ้าอนุ ในอัตราสว นนา้ํ สม สายชู 1 ถวย ตอ น้ํา 1 ลิตร จากนนั้ นาํ มาเชด็ เบาๆ 3. ผสมนํา้ ยาถูพนื้ นาํ ไมถพู ืน้ ชุบนํ้าบิดหมาดๆ ถซู า้ํ อีกครง้ั หนงึ่ วนเปน วงกลมใหท ว่ั กระจก หรือนาํ นํา้ ยาลางจาน 3 หยด มาผสมกบั นา้ํ เปลา 4. นาํ ไมถ พู น้ื ชบุ นาํ้ บิดหมาดๆ ถพู นื้ ในทศิ ทางเดยี วกนั ท1 บ่ี ถรว ิเยวตณวทง่ีตแอ ลงะกนารํ้าสแมลสว าใยชชผูา 14สะถอวายดตเวชงด็ ตคานมใอหีกเ ขคารกง้ั นั หเรทือในสําข มวะดนสาเปวร2ยนชาํอไนปโฉตดีะ 1. 4, 3, 2, 1 2. 1, 4, 3, 2 3. 3, 1, 2, 4 4. 1, 3, 2, 4 มสเาปผรสยมนกําับไนป้ําฉสีดบบู ร1ิเวชณอ ทน่ีตโตอะงกนาํา้ รสม แสลาวยใชชูผ14าสถะว อยาตดวเงช็ดคตนาใมหอเขีกา คกรนั ั้ง เทใสข วด จะทําให (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เพราะตองใชไมกวาดดอกหญา กระจกเงาใสสะอาดยิ่งขนึ้ ทันที กวาดพน้ื ใหส ะอาด แลว จงึ นาํ ไมถ พู น้ื ชบุ นาํ้ บดิ หมาดๆ ถพู นื้ ใหท ว่ั เมื่อพื้นแหงใหถูซํ้าดวยน้ํายาถูพื้น เพ่ือฆาเชื้อโรค จากน้ันจึง สื่อ Digital นาํ ไมถ พู น้ื ไปซกั ทาํ ความสะอาดและผง่ึ แดดใหแ หง กอ นนาํ ไปเกบ็ ) ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทําความสะอาดบานอยางงายและสะอาด ไดจ าก http://www.baanlaesuan.com/26074/ideas/12ways_clean_home/ T29
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน Know More ขน้ั ที่ 1 สังเกตรับรู เ¤ลçดลบั การ·าí ¤ÇาÁÊะอาด¾ืนé ÀาÂในบ้าน 4. ใหน กั เรยี นศกึ ษาจากหนงั สอื เรยี นและ Power- การทําความสะอาดพ้ืนภายในบานที่มีคราบสกปรกตางๆ พ้ืนแตละประเภทก็มีความแตกตาง Point หนวยการเรยี นรทู ่ี 2 จากนั้นครอู ธิบาย กันไป ดังนั้น จงึ ควรเลอื กวิธกี ารทาํ ความสะอาดใหเหมาะสมกบั ชนิดของพ้ืน ดงั ตวั อยา ง เพ่ิมเติมวา “บานหนึ่งหลังจะประกอบไปดวย หอ งตา งๆ และในแตล ะหอ งจะมสี ว นประกอบ ¾éืนäÁ้¸รรÁªาติ ¾นืé กระเบอืé งเ«ราÁิก1 หลกั ๆ ไดแ ก เพดาน ฝาผนงั ประตู และพน้ื หอ ง ซง่ึ เมอื่ เวลาผานไปอาจเกิดฝุนละออง ทสี่ ง ผล • นาํ เกลอื ปน มาโรยบรเิ วณคราบ ทง้ิ ไวป ระมาณ ๕ นาที • ใชแปรงท่มี ีขนออ นๆ ชบุ น้าํ สบู หรือผงซกั ฟอก กระทบตอ รา งกาย เมอื่ สดู ดมเขา ไปมากๆ อาจ • ใชผ า ชบุ นา้ํ อนุ บดิ หมาดๆ เชด็ ทาํ ความสะอาด แลว ใช • ขดั บรเิ วณทเ่ี ปน คราบสกปรกซา้ํ ๆ แลว ลา งออกดว ย ทําใหเกิดอาการภูมิแพฝุนได ดังน้ัน จึงตอง ผา แหง เชด็ ซํ้าอีกครั้ง น้าํ สะอาด ทําความสะอาด เพอ่ื ใหฝ นุ เหลือนอยมากทส่ี ดุ และในขณะทําความสะอาดควรใสผาปดจมูก ทุกครั้ง เพ่ือปอ งกันไมใหร างกายรับฝนุ ละออง เขาไปในรา งกายมากจนเกินไป” 5. ครูใหนักเรียนสังเกตพื้นของหองเรียนและ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี นวา “ทบี่ า น ของนักเรียนมีพ้ืนเหมือนกับหองเรียน หรือ แตกตางกันอยางไร” จากนั้นครูอธิบาย เพิ่มเติมวาลักษณะพ้ืนบานมีหลายประเภท การทําความสะอาดจึงตองแตกตางไปตาม ประเภทของพ้ืน ดังน้ัน เราจึงควรเลือกใช อปุ กรณแ ละวธิ กี ารทาํ ความสะอาดใหเ หมาะสม ¾ืนé หนิ ออ่ น2 ¾éืน«เÕ Áนต • ใชผ า ชุบนา้ํ อุนเชด็ ทาํ ความสะอาดบริเวณทมี่ ีคราบ • ใชส บแู ละนาํ้ เชด็ ทําความสะอาดบริเวณทมี่ ีคราบ • หา มใชว สั ดทุ เ่ี ปน เสน หยาบเชด็ เพราะจะทาํ ใหเ กดิ • ใชนา้ํ มะนาวรดลงไปบนคราบ ทิ้งไว ๑๐ นาที แลว รอยขดี ขว น ใชแ ปรงไนลอนขดั จากนน้ั ลางออกดว ยน้าํ สะอาด ๒6 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 กระเบ้ืองเซรามกิ (Ceramic Tile) มีหลายสี แข็งแรง ทนทาน ดูแลรกั ษา เพราะเหตุใดพื้นแตละประเภทจึงตองมีการทําความสะอาด ไดงาย แตไมทนตอรอยขีดขวน จะลื่นมากหากเปยกน้ํา ไมเหมาะสมกับพ้ืนท่ี แตกตา งกัน ท่ีตองรับน้ําหนักมากๆ นิยมนํามาใชในการปูพ้ืนหองครัว หากตองการใชปู ในหอ งนา้ํ ควรเลือกเนื้อดา น จะชว ยปอ งกนั การล่นื ในหอ งน้าํ ได (แนวตอบ เพราะพ้ืนแตละประเภทจะมีวสั ดุ ความแข็งแรง และ 2 หินออน (Marble) มีอยูดวยกันหลายชนิด ซ่ึงจะแบงตามลักษณะของ ความทนทานทแ่ี ตกตา งกนั ดงั นนั้ วธิ กี ารดแู ลและวธิ กี ารทาํ ความ เนื้อหิน แตละสีและลวดลายจะมีราคาตางกัน นิยมนําไปปูพื้น ประดับผนัง สะอาดจึงแตกตางกันไป ซึ่งจะชวยยืดอายุการใชงานใหยาวนาน ขั้นบันได โตะ ฯลฯ การทําความสะอาดพ้ืนหินออนไมควรใชนํ้ายาขัดพ้ืนท่ีมี ยง่ิ ขนึ้ มีความสวย และคงทนแขง็ แรง) สว นผสมของกรด เพราะจะทําใหพ นื้ มสี ีซีด และไมม คี วามเงางาม T30
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๕ การดแู ลรกั ษาห้องตา่ งๆ ขน้ั สอน โดยทวั่ ไปบา้ นจะแบง่ ออกเปน็ หอ้ งตา่ ง ๆ เพอ่ื ไว ้ใชส้ อยตา่ งกนั เชน่ หอ้ งนอน หอ้ งนา้� หอ้ งครวั ขนั้ ที่ 1 สงั เกตรบั รู หอ้ งรบั แขก หอ้ งนงั่ เลน่ จงึ ควรดแู ลรกั ษาหอ้ งดงั กลา่ วใหส้ ะอาดและสวยงามอยเู่ สมอ ซงึ่ แตล่ ะหอ้ ง จะมวี ธิ ีการดูแลรกั ษาท่แี ตกตา่ งกัน ดงั นี้ 6. ครูใหนักเรียนแบงกลุมเปน 4 กลุม กลุมละ เทา ๆ กนั เพอ่ื ศกึ ษาคนควาเกีย่ วกับการดูแล ๕.๑ หอ้ งนอน รกั ษาหอ งตา งๆ จากแหลง เรยี นรทู หี่ ลากหลาย เชน อินเทอรเน็ต หองสมุด สัมภาษณจาก หอ้ งสว่ นตวั ที่ใชส้ า� หรับพกั ผ่อน นอนหลบั และทา� กจิ กรรมต่าง ๆ ที่ต้องการความเปน็ ส่วนตวั สมาชิกในครอบครัว โดยมหี วั ขอ ดังนี้ การดูแลรักษาห้องนอนสามารถปฏิบัติได ้ ดังนี้ 1) หองนอน 2) หอ งรับแขก • ทน่ี อน หมน่ั ปดั ฝนุ่ และกลบั ดา้ นทนี่ อน เปดิ ประตู ห้องนอนควรมีแสงสว่างส่องถึง และหม่ันท�าความสะอาด 3) หองครัว เครอ่ื งนอนอยู่เสมอ 4) หองนา้ํ • หหนมา้อตนา่1งนห�า้อมงานตอานกแเดพด่ือเใปหน็ ้แปสรงะแจด�าดสเพอ่ ือ่ งถฆงึ่าเช้ือโรค จากนนั้ ใหน กั เรยี นสรปุ และนาํ ขอ มลู ทไ่ี ดท าํ ลง ในโปรแกรม PowerPoint เพอ่ื นาํ เสนอ โดยทาํ และใชไ้ มต้ ีฝ่นุ ออก เปน การบา น และนาํ เสนอผลงานในชวั่ โมงถดั ไป • ผา้ มา่ นและหนา้ ตา่ ง ทา� ความสะอาดอยา่ งนอ้ ย 7. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอผลงาน เดือนละ ๑ ครั้ง เกี่ยวกับการดูแลรักษาหองตางๆ จากน้ัน • ผา้ ปทู น่ี อน ผา้ หม่ และปลอกหมอน ซกั ใหส้ ะอาด ครูอธบิ ายเพิม่ เติมวา “บานจะประกอบไปดว ย หอ งตา งๆ แตบ างบา นอาจจะมเี นอื้ ทไ่ี มเ พยี งพอ • พแล้ืนะหค้วอรงเปกลวี่ยานดสแปั ลดะาถหูท์ลุกะว๑ัน-๒ถ้าคมรีเั้งคร่ืองดูดฝุ่น2 ท่ีจะแบงเปนหองตางๆ ได บางบานจึงใช วิธีการแบงสัดสวนจากเนื้อท่ีของบานออกเปน ให้ดูดฝุ่นอยา่ งน้อยสปั ดาห์ละ ๑ ครงั้ สว นๆ แทนการแบงเปน หอง แตล ักษณะของ การทาํ ความสะอาดนน้ั กจ็ ะมคี วามเหมอื นกนั ” ๕.๒ ห้องรบั แขก หอ้ งท่ีใช้สา� หรบั ต้อนรับแขกผมู้ าเย่ียมเยอื น ควรเปน็ หอ้ งทสี่ ะอาด มอี ากาศถา่ ยเทได้สะดวก การดแู ลรกั ษาหอ้ งรับแขกสามารถปฏบิ ัติได ้ ดังนี้ • โต๊ะ เกา้ อ้ี ปัดฝ่นุ และเช็ดถทู กุ วนั ผา้ ปโู ตะ๊ ห้องรับแขกควรหมั่นปัดกวาดเช็ดถเู ปน็ ประจา� เพอื่ ให้สะอาด ควรซักและท�าความสะอาดอยเู่ สมอ อยเู่ สมอ • โทรทัศน์ ปดั ฝุ่นดว้ ยไมก้ วาดขนไก่ เชด็ ดว้ ย ผ้าแห้งทุกวัน • ภาพติดฝาผนัง ปัดฝุ่นด้วยไม้กวาดขนไก่ สปั ดาหล์ ะ ๑ ครงั้ • หนงั สือ จัดวางให้เป็นระเบียบ ปดั ฝนุ่ ดว้ ย ไม้กวาดขนไก่ หรือใชผ้ ้าเช็ดท�าความสะอาด • ของใชอ้ น่ื ๆ เชน่ แจกนั ดอกไม้ หมน่ั ทา� ความ สะอาด โดยใชผ้ า้ ชบุ นา้� บดิ หมาดๆ เชด็ อยเู่ สมอ การดูแล ๒๗ รักษาบ้าน ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ขอใดเปนการดแู ลรักษาหองตางๆ ภายในบา นไดอยา งถกู ตอ ง ครอู าจตง้ั คาํ ถามเพอื่ กระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น “โดยถามนกั เรยี นวา 1. ซักเคร่ืองนอนเดอื นละ 1 คร้ัง นกั เรยี นไดด แู ลทาํ ความสะอาดหอ งนอนของตนเองบา งหรอื ไม และมวี ธิ ดี แู ลอยา งไร” 2. ปดฝนุ ภาพตดิ ฝาผนงั ดวยไมก วาดเส้ียนตาล ซง่ึ ครใู หน กั เรยี นไดแ สดงความคดิ เหน็ รว มกนั 3. ขดั พนื้ หองน้าํ ดวยผงซกั ฟอกสปั ดาหล ะ 1 คร้งั 4. เปดหนา ตางหอ งครวั ทุกวัน เพ่อื ใหแ สงแดดสองถงึ นักเรียนควรรู (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะหอ งครวั ควรมอี ากาศถา ยเท 1 หมอน การเลอื กหมอนทเี่ หมาะสมจะชว ยลดปญ หาการนอนหลบั และปญ หา ไดสะดวกและควรใหมีแสงแดดสองถึง เพ่ือระบายกลิ่นเหม็นอับ เกย่ี วกบั สขุ ภาพได เชน หมอนทผ่ี ลติ จากวสั ดปุ ระเภทยางพารา จะมคี วามคงทน และเพอื่ ปอ งกนั การเปน แหลงสะสมของเช้อื โรค) แขง็ แรง มีเบา ท่ชี วยจัดวางตาํ แหนงของศีรษะ คอ ไหล หลงั ขณะหลับไดด ี แต มีราคาสงู 2 เคร่ืองดูดฝุน ควรทําความสะอาดถุงกรอง หรือถุงเก็บฝุน โดยนํามาลาง แลวผงึ่ ใหแ หง นอกจากน้ี ควรปรับกําลงั ดดู ของเครอ่ื งใหเ หมาะสมเพอ่ื ปอ งกนั ไมใหม อเตอรของเครอื่ งทํางานหนกั มากเกนิ ไป จนทาํ ใหเกดิ ความรอน ซ่ึงอาจ สง ผลทาํ ใหเคร่ืองเสยี หรอื มอี ายุการใชงานนอยลง T31
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๕.๓ ห้องครวั ขนั้ ที่ 2 ทําตามแบบ ห้องท่ีใช้ส�าหรับประกอบอาหาร รับประทานอาหาร เก็บเคร่ืองใช้ ในครัว และเครื่องปรุง ต่าง ๆ ควรมอี ากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก การดแู ลรักษาหอ้ งครวั สามารถปฏบิ ัติได้ ดังนี้ 8. ครูเตรียมอุปกรณก ารทาํ ความสะอาดบา น ตามหองตางๆ เชน ไมกวาดดอกหญา • เตาไฟ เช่น เตาแกส๊ ตอ้ งปดิ สวติ ช์ทีห่ ัวเตา และ ไมก วาดขนไก ไมถพู น้ื ฟองนา้ํ แปรงขดั พืน้ ปิดวาล์วที่ถังหลังการใช้งานทุกคร้ัง เตาไฟฟ้า เพ่ือทําการสาธิตใหน กั เรียนดู เตาอบ ให้ปิดสวิตช์และถอดปล๊ักหลังการใช้งาน เตาถ่าน หลังการใช้งานให้คีบถ่านออกจากเตา 9. ครูสาธิตการดูแลรักษาหองตางๆ โดยให และดับไฟ นกั เรียนออกมาดูการสาธติ ทลี ะกลมุ • โต๊ะรับประทานอาหาร ใช้ผ้าชุบน�้าบิดหมาด ๆ เช็ดท�าความสะอาดทุกวันและเปล่ียนผ้าปูโต๊ะ 10. ใหนักเรียนแตละกลุมออกมาแสดงการดูแล เป็นประจ�า รักษาหองของกลุมตนเองที่ไดทําตามแบบ จากการที่ครูสาธิต โดยมีนักเรียนกลุมอื่น รวมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ • เครื่องครวั เช่น หมอ้ จาน ชาม ชอ้ น หลังใช้งาน ใหล้ า้ งท�าความสะอาด คว่า� และใชผ้ า้ สะอาดเช็ด ใหแ้ หง้ แลว้ จัดเกบ็ ในตู้ใหเ้ รียบรอ้ ย • ผนังและพืน้ ห้อง ถูทา� ความสะอาดพน้ื ครัวและ ห้องครัวควรท�าความสะอาดทุกวัน เพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็น ผนังท่ีมีคราบจากการประกอบอาหารทุกคร้ัง และควรใหแ้ สงแดดสอ่ งถึง หลังจากทที่ า� ครัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ๕หอ้ .๔งท ใ่ี หชส้อ้ า�งหนรา้�บั ทา� กจิ สว่ นตวั ควรมอี ากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก ปราศจากความชน้ื และกลนิ่ เหมน็ อบั 1 การดแู ลรักษาหอ้ งนา�้ สามารถปฏบิ ตั ิได ้ ดังน้ี • เคร่ืองใช ้ในหอ้ งน�้า เชน่ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ควรจดั ใส่ตู้ หรือวางไว้บนชนั้ ให้เปน็ ระเบียบ • เครอื่ งสุขภัณฑ์ เชน่ อา่ งล้างมือ โถสว้ ม ควร ทา� ความสะอาดทกุ วนั ด้วยนา้� ยาล้างหอ้ งน�า้ แลว้ เช็ดแหง้ • พ้นื หอ้ งน�้า ควรท�าความสะอาดทุกวัน ด้วย น้�ายาลา้ งหอ้ งน้�า และควรระมดั ระวงั ไม่ให้ พื้นห้องน�้าเปยี ก เพราะอาจทา� ให้ล่นื ล้มได้ หอ้ งนา�้ ควรทา� ความสะอาดเปน็ ประจา� โดยเฉพาะ เคร่ืองสขุ ภณั ฑ์และพนื้ หอ้ ง ๒๘ วิธีทำ� ควำมสะอำดกระจกห้องนำ�้ ใหใ้ สวิง้ เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรางเสรมิ ครคู วรแนะนาํ นกั เรยี นวา นา้ํ ยาขดั พน้ื ทาํ ความสะอาดหอ งนาํ้ โดยสว นใหญ ใหนักเรียนเขียนอธิบายหลักการดูแลรักษาหองตางๆ จะมสี ว นผสมของกรดไฮโดรคลอรกิ ซง่ึ เมอ่ื ถกู ผวิ หนงั จะทาํ ใหเ กดิ การระคายเคอื ง ภายในบานในรูปแบบของแผนผังความคิด (Mind Mapping) ทําใหผิวหนงั อักเสบ บวม แดง และแสบ หากสดู ดมเปน เวลานาน อาจทําให แลวนาํ สง ครผู ูส อน เปน แผลอักเสบท่จี มกู และลําคอ ปอดบวม และหายใจลาํ บาก หรือหากเขาตา ควรรีบลางออกทันทีดวยนํ้าสะอาด ดังน้ัน การทําความสะอาดทุกครั้งจึงควร กจิ กรรม ทา ทาย สวมอุปกรณปอ งกนั เชน ผา ปดจมูก ถงุ มือยาง รองเทาบตู ยาง ใหนักเรียนวางแผนดูแลรักษาหองตางๆ ภายในบานของ นักเรียนควรรู ตนเอง ตามความสนใจ 1 หอง พรอมทั้งเขียนอธิบายข้ันตอน การปฏบิ ตั งิ าน บนั ทกึ ผล ติดภาพถา ยกอนและหลงั การดแู ลรักษา 1 กลิ่นเหม็นอบั ในหอ งนํ้าสามารถกําจดั ไดด วยวิธีการตางๆ เชน นาํ้ เกลือ หองทเ่ี ลอื ก และนําสง ครูผสู อน 1 ถวยตวง ผสมกับเบกกิงโซดา 1 ถวยตวง และนํ้าสมสายชู 1 ถวยตวง คนใหเ ขา กนั ใชแ ปรงเกลย่ี สว นผสมใหท ว่ั พนื้ และชกั โครกทงิ้ ไวป ระมาณ 20 นาที แลว ลา งออกดวยนา้ํ สะอาดกลิน่ เหมน็ อับจะคอยๆ จางไป T32
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๖ การดูแลรักษาเครือ่ งเรอื น ขนั้ สอน เครอื่ งเรอื น หรอื เฟอรน์ เิ จอรเ์ ปน็ สง่ิ ของเครอ่ื งใชท้ ชี่ ว่ ยตกแตง่ ภายในบา้ นใหเ้ กดิ ความสวยงาม ขน้ั ท่ี 3 ทาํ เองโดยไมม ีแบบ มีหลายประเภท เชน่ ไม ้ หนัง กระจก เครอื่ งเงิน เคร่ืองทองเหลอื ง พลาสตกิ การทา� ความสะอาด เครอ่ื งเรือนแตล่ ะประเภทจะมีวธิ ีการที่แตกตา่ งกัน ดงั น้ี 11. ครถู ามกระตุนความสนใจของนกั เรยี นวา • จากการท่ีนักเรียนไดทําความสะอาดหอง ไม้ ตางๆ นักเรียนคิดวานอกจากการดูแล ๑. ปดั ฝ่นุ ด้วยไม้กวาดขนไก่ ใช้ผา้ ชบุ น�า้ บิดหมาด ๆ เชด็ ให้ท่วั รกั ษาความสะอาดบา นแลว ยงั มสี ง่ิ ใดทตี่ อ ง ๒. หากสกปรกมากให้ใชผ้ งซกั ฟอกผสมกบั นา้� ใชฟ้ องนา�้ ชบุ บดิ หมาด ดูแลรักษาทาํ ความสะอาดอีกบาง (แนวตอบ การดแู ลรักษาเครอื่ งเรือน เช็ดใหท้ ั่ว หรือเฟอรนเิ จอร) ๓. ใชผ้ า้ ชุบน�า้ สะอาดบดิ หมาดเช็ดอีกคร้งั แลว้ เชด็ ดว้ ยผ้าแห้ง 12. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลรักษา หนงั เครอ่ื งเรอื นใหน กั เรยี นฟง วา “เครอ่ื งเรอื นแบง ๑. ปดั ฝนุ่ ดว้ ยไม้กวาดขนไก่ ใชผ้ า้ ชบุ นา้� บิดหมาด ๆ เชด็ ให้ทว่ั ออกเปนประเภทตางๆ มีทงั้ ไม หนงั กระจก ๒. ใชผ้ า้ ชุบน�้ายาขัดเงาเช็ดใหท้ ่วั แกว เครอ่ื งเงนิ เคร่อื งทองเหลอื ง พลาสตกิ ๓. ใชผ้ า้ แห้งเชด็ ให้ทัว่ อีกคร้ังหน่ึง เครอ่ื งเคลอื บ และเครอ่ื งใชไ ฟฟา ซง่ึ เครอื่ งเรอื น แตล ะประเภทจะมกี ารทาํ ความสะอาดทแี่ ตกตา ง พลาสติกและเคร่อื งเคลอื บ กันออกไป ดังนัน้ จึงควรเลอื กใชอุปกรณแ ละ วธิ กี ารทาํ ความสะอาด ใหเ หมาะสมกบั ประเภท ๑. ปหัดากฝสนุ่ กดป้วรยกไมม้กากวาใหด้ขใชน้ผไงกซ่ ใักชฟ้ผอ้าชก1บุผนสา้�มบกิดบั หนมา้� าใดชฟ้ๆ อเชง็ดนใา้� หเช้ทด็ ่ัวให้ทว่ั ของเครอื่ งเรอื น เพ่ือปอ งกันไมเกดิ การชาํ รดุ ๒. เสียหายและชวยยืดระยะเวลาการใชงานให ๓. ควา�่ หรือปลอ่ ยทิง้ ไว้ให้แห้งในท่รี ่ม ไมค่ วรถกู แสงแดด ยาวนานข้ึน” เครอื่ งเงนิ และเครือ่ งทองเหลอื ง 13. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาคน ควา เรอ่ื ง การดแู ลรกั ษา ๑. ใช้ผ้าชุบนา้� บิดหมาด ๆ เช็ดฝ่นุ ออกใหห้ มด เครอ่ื งเรอื น จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรู ๒. ใชผ้ ้า หรอื ฟองน�้าชบุ น้า� ยาขดั เครอ่ื งเงนิ และ ท่ี 2 และศึกษาเพ่มิ เติมจากอินเทอรเ นต็ เครื่องทองเหลืองแล้วเช็ดให้ท่วั ๓. ใช้ผ้าแห้งเชด็ ใหท้ ัว่ อกี ครง้ั หนง่ึ ให้ขึน้ เงา เคร่อื งแก้วและกระจก ๑. เครือ่ งแกว้ ใหล้ ้างดว้ ยนา้� ยาลา้ งจาน ใช้ผา้ สะอาดเช็ดใหแ้ หง้ ๒. กระจก ใช้น�้ายาเช็ดกระจกฉีดให้ท่ัวกระจก แล้วใช้กระดาษ หนงั สอื พมิ พ์ขดั ให้ท่ัว ๓. ควรระวงั ไม่ใหแ้ ตกหัก การดูแล ๒๙ รักษาบ้าน ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดเปนการดูแลรักษาเครื่องเรือนท่ีไมถ กู ตอ ง ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การดแู ลรกั ษาเครอื่ งเรอื นประเภทเครอ่ื งเงนิ และ 1. ใชผ า ชบุ นํา้ ยาขัดเงาเชด็ โซฟา เครอ่ื งทองเหลอื งใหน กั เรยี นฟง วา วธิ กี ารดแู ลรกั ษาเครอื่ งเรอื นประเภทเครอื่ งเงนิ 2. ใชน ้ํามะขามเปยกขัดเครอื่ งทองเหลือง และเครอื่ งทองเหลอื ง มวี ธิ ีการที่คลา ยคลงึ กนั ดังน้ี 3. ใชผา ชบุ นา้ํ บิดหมาดๆ เชด็ ฝุนบนหลงั ตเู สือ้ ผา 4. ใชน้ําสะอาดลา งช้ันพลาสตกิ แลว นาํ ไปผึ่งแดด เครอื่ งเงนิ : นาํ ไปแชก บั นาํ้ มะขามเปย ก หรอื นา้ํ มะนาวทงิ้ ไวส กั พกั จากนน้ั นาํ ยาสีฟนมาบบี ลงบนผา สะอาดเช็ดทเ่ี ครอ่ื งเงนิ เบาๆ ท้งิ ไวประมาณ 30 นาที (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะเคร่ืองเรือนท่ีเปน พลาสติก เช็ดออกดวยผาสะอาด ลางดวยน้าํ สะอาดอีกครงั้ แลวเชด็ ใหแหง ควรทําความสะอาดดวยการใชผาชุบนํ้าบิดหมาดๆ เช็ดทําความ สะอาด หรือหากสกปรกมากใหนํามาลางดวยน้ําที่ผสมดวยสบู เครอื่ งทองเหลอื ง : นาํ น้ํามะขามเปยก หรอื นํา้ มะนาวมาผสมกับนํา้ สะอาด หรือผงซักฟอก ขัดใหท่ัว ลางออกดวยนํ้าสะอาด ผ่ึงใหแหงใน ชโลมใหท วั่ เครอ่ื งทองเหลอื ง ใชผ า สะอาดเชด็ ถู ลา งดว ยนา้ํ สะอาด แลว เชด็ ใหแ หง ทรี่ ม ไมค วรนาํ ไปผงึ่ แดด เพราะจะทาํ ใหพ ลาสตกิ สซี ดี เปราะหรอื แตกหักไดง าย) นักเรียนควรรู 1 ผงซกั ฟอก มีใหเลือกใชง านไดอยา งหลากหลาย ควรเลือกใชใหเหมาะสม กับลักษณะใชงาน เชน Liquid Detergent เปนผงซักฟอกท่ีอยูในรูปของ สารละลายเขม ขน ละลายน้ํางา ย ถนอมเนอื้ ผา ไดด ี T33
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๗ ความปลอดภยั ในการทาำ งานบ้าน ขน้ั ที่ 3 ทําเองโดยไมมีแบบ ในการท�างานบ้านควรค�านึงถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน เพราะหากไม่ระมัดระวัง อาจท�าให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังนั้น จึงควรปฏิบัติตนให้ 14. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) จากนั้น ถกู ตอ้ งเหมาะสม เชน่ ไมห่ ยอกลอ้ หรอื เลน่ กนั ในขณะปฏบิ ตั งิ าน มอี ปุ กรณป์ อ้ งกนั อยา่ งเหมาะสม ครูนําเคร่ืองเรอื นประเภทตา งๆ และอุปกรณ ความปลอดภยั ในการทา� งานบา้ น มดี งั น้ี การทําความสะอาดเคร่ืองเรือนท่ีเตรียมไว แจกใหนักเรียนแตละกลุม เพ่ือใหนักเรียน การใช้อปุ กรณ ์ เครื่องมอื เคร่ืองใช้ ทาํ ความสะอาดเคร่ืองเรอื นเอง อปุ กรณ์ เคร่ืองมอื เคร่ืองใช้ ในการท�างานบา้ นมีสว่ นช่วย 15. ครูแนะนําเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัย ทา� ใหเ้ กดิ ความสะดวกสบายในการทา� งาน ชว่ ยประหยดั แรงงาน ในการทํางานบานวา “ในการทํางานบาน และประหยดั เวลา การใชอ้ ปุ กรณ ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชเ้ พอื่ ใหเ้ กดิ ควรคํานึงถึงความปลอดภัยจากการทํางาน ความปลอดภยั ควรปฏบิ ัติ ดังนี้ หรอื อปุ กรณก ารใชง าน รวมถงึ การใชส ารเคมี ในการทําความสะอาดดวย” • ศึกษาวธิ ีการใชง้ านกอ่ นการใช้งานจรงิ ทุกคร้ัง • เลอื กใชอ้ ปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้ใหเ้ หมาะสมกบั งานทจ่ี ะทา� ขน้ั ท่ี 4 ฝก ใหช าํ นาญ • ตรวจสภาพอปุ กรณ์ เครอื่ งมอื เครอื่ งใชก้ อ่ นการใชง้ านทกุ ครงั้ • เกบ็ อปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ใหเ้ รยี บรอ้ ยหลงั จากใชง้ านเสรจ็ 16. ครูใหนักเรียนฝกปฏิบัติการดูแลรักษาความ • จัดวางอุปกรณ์ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ ให้เป็นที่และจัดเก็บให้ สะอาดบานของตนเองจนเกิดความชํานาญ จากน้ันใหนักเรียนทําใบงานที่ 2.4.1 เร่ือง พน้ มอื เดก็ ดูแลรกั ษาบานอยางปลอดภัย ในขณะใช้อปุ กรณ ์ เครื่องมือ เครอ่ื งใช้ ในการปฏิบัติงาน พึงใชด้ ว้ ยความระมัดระวงั เพือ่ ปอ้ งกันไม่ ใหเ้ กิดอบุ ตั ิเหตุ Be careful การใช้เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า หากต้องการใช้ปล๊ักไฟ เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ เปน็ สงิ่ อ�านวยความสะดวกในการด�าเนนิ ชวี ติ สายพ่วง ไม่ควรเสียบปลั๊กร่วม ชว่ ยท�าใหเ้ กิดความสะดวกสบาย ประหยดั แรงงาน และประหยดั กับเคร่ืองใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เวลามากข้ึน ซ่ึงการใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้าเพ่ือให้เกิดความปลอดภัย พร้อมกัน เพราะหากใชป้ รมิ าณ ควรปฏบิ ัต ิ ดงั น้ี ไฟฟ้าเกินขนาดท่ีก�าหนด (๑๖ แอมป ์ หรือ ๒,๖๐๐ โวลต์) จะ • อ่านค�าแนะน�า หรอื คมู่ อื ก่อนการใช้งานจริงทุกครงั้ ท�าให้สายไฟเกิดความร้อนสูง • ตรวจดสู ายไฟ ปลก๊ั ไฟ สวติ ช์ ก่อนการใช้งาน จนละลาย อาจทา� ใหก้ ระแสไฟฟา้ • ไม่เสยี บปลั๊กไฟขณะทม่ี ือเปียก เพราะอาจทา� ให้ไฟดูดได้ ลัดวงจร ส่งผลท�าให้เกิดเพลิง • ไม่ควรใหส้ ายไฟอยู่ใกล้เตาไฟ เพราะจะทา� ให้สายไฟละลายได้ ไหม ้ได้ • ถอดปลก๊ั ไฟทกุ คร้ังหลังใช้งาน โดยจับท่ตี วั ปลกั๊ ไฟแล้วดึงออก ๓๐ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั ฉลากประหยดั ไฟเบอร 5 ใหน กั เรยี นฟง วา ฉลาก บคุ คลในขอ ใดสามารถทํางานบานไดอ ยางปลอดภัย ประหยัดไฟเบอร 5 จะอธิบายถึงสวนประกอบสําคญั ตา งๆ ดังน้ี 1. แตงไมเสยี บปล๊กั ไฟขณะมือเปยก 2. มดอา นคาํ แนะนํา หรือคูมอื หลงั การใชงาน 1 ประเภทของอปุ กรณไ ฟฟา 3. แกว วางอปุ กรณไวก ลางบา นหลงั ใชงานเสรจ็ 4. ดาวใชอปุ กรณโดยไมตรวจสภาพกอนการใชง าน 4 2 ประมาณการใชไ ฟฟา ใน 1 ป (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะแตงทํางานบานไดอยาง 1 5 3 คาใชไฟฟาใน 1 ป ปลอดภยั เนอ่ื งจากไมไ ดเ สยี บปลก๊ั ไฟขณะมอื เปย ก หากแตงเสยี บ 2 4 ปท่ีปรับเกณฑประสทิ ธิภาพ ปลกั๊ ไฟในขณะมอื เปย กอาจทาํ ใหถ กู ไฟดดู จนทาํ ใหเ กดิ อาการชอ็ ก 3 6 5 ประสทิ ธิภาพของอุปกรณไ ฟฟา หมดสติ หรือเสยี ชวี ิตได) 6 รายละเอยี ดของเคร่ืองใชไฟฟา T34
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การใช้สารซักฟอกและสารเคมี ขนั้ สรปุ สารซักฟอกและสารเคมีท่ีใช้ ในการดูแลรักษาบ้านมีหลากหลายประเภท เช่น น�้ายาท�า 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ความสะอาดพ้ืน สารซักฟอก น้�ายาขัด หรือเคลือบเคร่ืองเรือน การใช้สารซักฟอกและสารเคมี การดูแลรักษาบานและความปลอดภัยในการ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ควรปฏบิ ัต ิ ดังน้ี ทาํ งานบา นวา “การดแู ลรกั ษาความสะอาดบา น เปนหนาท่ีของสมาชิกทุกคนในครอบครัว • อา่ นคา� แนะนา� วธิ กี ารใชง้ านใหเ้ ขา้ ใจกอ่ นทกุ ครงั้ ซ่ึงการทําความสะอาดบานน้ัน ข้ันแรกควร • สวมถงุ มอื ยาง รองเทา้ บตู ยาง และใชผ้ า้ ปดิ จมกู ทกุ ครงั้ ศึกษาวิธีการใชอุปกรณ เครื่องมือ เคร่ืองใช • มดั ปากถงุ หรอื ปดิ ฝาขวด หรอื ปดิ ฝาภาชนะท่ีใสส่ ารเคมีใหส้ นทิ และสารทําความสะอาดตางๆ กอนการทํา • ควรแยกเกบ็ ไว้ในทเ่ี ฉพาะ ไมว่ างปะปนรวมกบั ของอยา่ งอนื่ และเกบ็ ใหพ้ น้ มอื เดก็ ความสะอาด ควรเลือกใชอุปกรณและสาร ทําความสะอาดใหเหมาะสมกับพื้นผิวและ ในการทา� ความสะอาดบา้ น หากมกี ารนา� สารเคมมี าใช ้ ควรสวมถงุ มอื ยางทกุ ครงั้ เพอ่ื ปอ้ งกนั อนั ตรายทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากการสมั ผสั เคร่ืองเรือนท่ีมีอยูในบาน ในขณะปฏิบัติงาน ถกู สารเคมี ตองระมัดระวังเร่ืองความปลอดภัยจากการ ทาํ ความสะอาดบา นในทกุ ๆ ขนั้ ตอน” Tip 2. ครชู แ้ี จงการเรยี นในชวั่ โมงถดั ไป โดยใหน กั เรยี น ผงซกั ฟอกมผี ลต่อสขุ ภาพ แบงกลุม (กลุมเดิม) ออกแบบหองตางๆ ภายในบาน ไดแ ก หองนอน หอ งครัว หอ งนํา้ ผงซกั ฟอกเปน็ ผลติ ภณั ฑเ์ คมสี งั เคราะหท์ ชี่ ว่ ยชา� ระลา้ งสง่ิ สกปรกออกจากเสอื้ ผา้ ในการ และหองรับแขก เพ่ือประดิษฐโมเดลบานจาก ใช้งานควรใชอ้ ยา่ งระมดั ระวงั ไม่ใชม้ ือสัมผสั โดยตรง เพราะอาจส่งผลเสียต่อสขุ ภาพ ดังน้ี วัสดุเหลือใช โดยใหนักเรียนเตรียมอุปกรณ ๑. ระคายเคืองต่อผิวหนัง เพราะมีสารเคมีจ�าพวกกรด ด่าง สารละลายอินทรีย์เคม ี เคร่อื งมอื เครื่องใช ใหพ รอมในช่วั โมงถัดไป ท�าให้เกดิ การอกั เสบ ผิวหนังแห้งและแตกได้งา่ ย ๒. ระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร หากเข้าสู่ร่างกายทางปาก จะท�าให้เยื่อบุ ขนั้ ประเมนิ ทางเดนิ อาหารไหมแ้ ละอกั เสบ กระหายน้า� คล่ืนไส้ อาเจยี นเปน็ เลือด และหายใจล�าบาก 1. ครตู รวจใบงานท่ี 2.4.1 เร่อื ง ดูแลรกั ษาบา น อยางปลอดภยั 2. ครตู รวจสอบความรู ความเขาใจของนกั เรยี น เรือ่ ง การเลอื กใชอ ุปกรณอ ํานวยความสะดวก ในการทํางานบาน จากการตอบคําถาม การ ทํางานกลุม และการนาํ เสนอผลงาน การดูแล ๓1 รักษาบ้าน กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพงึ ประสงค แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสมมติสถานการณที่เก่ียวกับอันตรายท่ีอาจเกิดข้ึนในการ ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลและการนําเสนอผลงาน ทํางานบาน แลวใหนักเรียนรวมกันบอกวิธีการปองกัน เพื่อไมให หนาชั้นเรียนของนกั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑการวดั และประเมินผลท่ีแนบมาทาย เกิดอนั ตรายจากเหตกุ ารณดงั กลา ว ตามประเด็นท่กี าํ หนด ดังนี้ แผนการจดั การเรียนรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2 • สายไฟเครื่องดูดฝนุ ชํารดุ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบประเมินการนาเสนอผลงาน • น้ํายาขดั พ้นื หกเลอะพ้นื บา น • บนั ไดไมชาํ รุด คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องท่ี (กจิ กรรมนเี้ สรมิ สรา งคณุ ลกั ษณะดา นใฝเ รยี นรแู ละมงุ มน่ั ในการ ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ทาํ งาน) ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 321 32 1 การแสดงความคิดเหน็ 1 ความถูกต้องของเน้อื หา 2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ื่น 3 การทางานตามหนา้ ที่ท่ไี ด้รบั มอบหมาย 2 การลาดับขน้ั ตอนของเรื่อง 4 ความมีนา้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่ รวม รวม ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............../.................../................ ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง T35
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (กระบวนการกลมุ ) ๘ การจดั และตกแต่งห้อง1 1. ครูกลาวคําทักทายนักเรียนและถามกระตุน บา้ นทมี่ คี วามสวยงาม สะอาด และมคี วามเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย เปน็ สงิ่ ทส่ี มาชกิ ในบา้ นทกุ คน ความสนใจของนักเรียนวา “มีกลุมใดไดไป พงึ ปรารถนา ชว่ ยสง่ เสรมิ การทา� กจิ กรรมตา่ ง ๆ รว่ มกนั ในครอบครวั สง่ ผลใหเ้ ปน็ บา้ นทม่ี คี วามอบอนุ่ ศกึ ษาการประดษิ ฐโ มเดลบา นมาแลว ” นกั เรยี น ดังนั้น จึงควรจัดและตกแต่งบ้านให้สวยงามอยู่เสมอ เพื่อให้สมาชิกในบ้านทุกคนอยู่ร่วมกัน รวมกนั แสดงความคิดเห็น อยา่ งมีความสขุ 2. ครูเปดวีดิทัศนเก่ียวกับข้ันตอนการประดิษฐ ๘.๑ องค์ประกอบในการจดั และตกแต่งห้อง โมเดลบา นใหนกั เรียนดู การจดั และตกแตง่ หอ้ งใหม้ คี วามเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย สวยงาม และนา่ อยอู่ าศยั จา� เปน็ ตอ้ งอาศยั 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําแบบโมเดลบานท่ี องคป์ ระกอบส�าคญั ตา่ ง ๆ ดงั นี้ สมาชกิ ภายในกลมุ รว มกนั ออกแบบมานาํ เสนอ หนา ช้นั เรยี น ขน้ั สอน 1. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการจัดและตกแตง หองตางๆ เพื่อเปนความรูประกอบในการ ประดิษฐโมเดลบานใหนักเรียนฟงวา “โมเดล บา นทกี่ าํ ลงั จะประดษิ ฐน น้ั นกั เรยี นตอ งทราบถงึ หลกั การจดั และตกแตง หอ งตา งๆ ในบา นกอ น เพราะจะชวยใหสามารถประดิษฐโมเดลบาน ไดอ ยา งถกู ตอ งตามหลกั การจดั และตกแตง หอ ง” การจดั และตกแตง่ หอ้ งควรคา� นึงถงึ ความสะดวกสบาย การใช้ประโยชน์ ความปลอดภัย และความประหยัดเปน็ ส�าคัญ การใชห้ ลกั การทางทศั นศลิ ป์ การเลือกเคร่ืองใชแ้ ละ กา•รเลปอืรกะพดรบั รดณ้วยไมต2ท้ น้ เ่ี หไมม้ าะสมกบั • จัดวางสิ่งของเครื่องใช้ และ เครือ่ งประดบั ตกแตง่ เครอื่ งประดบั ตกแตง่ ใหส้ มดลุ • เลือกใช้สีให้มีความกลมกลืน • มีเคร่ืองประดับตกแต่งบ้าน เนือ้ ทขี่ องหอ้ ง และดงึ ดูดความสนใจ ไมม่ ากจนเกินไป • เลือกพรรณไม้ท่ีจะปลูกให้ • เลอื กสงิ่ ของ หรอื เครอ่ื งเรอื น เหมาะสมกบั ภาชนะท่ีใช้ ทม่ี ขี นาดพอเหมาะกับห้อง ๓๒ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครนู าํ ภาพบา นทม่ี กี ารจดั และตกแตง หอ งตา งๆ ภายในบา นทสี่ วยงามมาให การจดั และตกแตง หองตา งๆ ภายในบา นควรคาํ นึงถึงสิ่งใด นักเรียนดู ครูอาจตั้งคําถามเพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยถาม นักเรียนวา “นักเรียนตองการหองเหมือนดังในภาพหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ในการจัดและตกแตงหองตางๆ ภายในบานควร และท่ีผานมาเคยจัดและตกแตงหองตางๆ ภายในบานของตนเองหรือไม” คํานึงถึงสิ่งตางๆ เชน ถูกสุขลักษณะ อากาศสามารถถายเท ซึ่งครูใหน ักเรียนไดแสดงความคิดเห็นรวมกัน ไดสะดวก เคร่ืองเรือนมีความสะอาดและมีขนาดเหมาะสม กับหอง มีความเปนระเบียบเรียบรอย สวยงาม ประหยัด และ นักเรียนควรรู จดั วางอยางปลอดภัย) 1 ตกแตงหอง การจดั และตกแตง หอ งตา งๆ ควรแบง พื้นท่ใี ชส อยภายในหอง ใหชัดเจน ซ่ึงจะตองเลือกใชเฟอรนิเจอร หรือเครื่องเรือนใหเหมาะสมกับ ขนาดของหอ ง เพอ่ื ใหห องดูกวางและมีพืน้ ทใ่ี ชสอยมากยง่ิ ขน้ึ 2 พรรณไม สามารถนาํ พรรณไมม าปลกู ในหอ งตา งๆ ได เพอื่ เพม่ิ ความสดชนื่ โดยพรรณไมท นี่ ยิ มนาํ มาปลกู เชน เศรษฐเี รอื นใน แกว กาญจนา เสนห จ นั ทรแ ดง T36
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๘.๒ ขอ้ ควรคา� นึงในการจดั และตกแต่งห้อง ขนั้ สอน บา้ นโดยทวั่ ไปจะมหี อ้ งตา่ ง ๆ เชน่ หอ้ งนอน หอ้ งรบั แขก หอ้ งครวั หอ้ งนา�้ การจดั และตกแตง่ หอ้ งให้สวยงามน่าอยู ่ มขี ้อควรค�านึง ดงั น้ี 2. ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการจัด และตกแตงหอง จากหนังสือเรียนหนวยการ ๑) ความสะอาดและถกู สขุ ลกั ษณะ เรียนรูท ี่ 2 และศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเนต็ โดยจดั หอ้ งใหม้ อี ากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก ทา� ความ เพื่อประกอบการประดษิ ฐโ มเดลบา น สะอาดเปน็ ประจ�าอยา่ งน้อยสัปดาหล์ ะ ๑ ครัง้ 3. ครใู หน กั เรยี นนาํ วสั ดเุ หลอื ใช อปุ กรณ เครอ่ื งมอื ๒) ความปลอดภยั จดั วางสง่ิ ของ ให้ เคร่ืองใช ในการประดิษฐโมเดลบานออกมา จากนั้นลงมือประดิษฐโมเดลบานจากการ ออกแบบทนี่ ักเรยี นไดร วมกันคดิ มาแลว เรยี บรอ้ ย ไมว่ างกดี ขวางทางเดนิ และใชอ้ ปุ กรณ์ เครอื่ งมอื เครอื่ งใช้ต่าง ๆ อยา่ งระมดั ระวัง ๓) ความสะดวกสบายและการใช้ ประโยชน ์ มเี นอ้ื ท ี่ไว ้ใชส้ า� หรบั ทา� งาน เกบ็ สงิ่ ของ ต่าง ๆ หรอื มีมมุ ส�าหรับพกั ผ่อนหย่อนใจ หอ้ งทด่ี จี ะตอ้ งมคี วามสะอาด เรยี บรอ้ ย และอากาศถา่ ยเทไดด้ ี ๔) ความมีระเบียบวินัยและมี ความสวยงาม จัดวางส่ิงของเป็นระเบียบ เรียบร้อยและน�าดอกไม้มาประดบั ตกแตง่ เพ่ือเพ่มิ ความสดชืน่ ได้ ๕) ความประหยัด ของที่น�ามาใช้ตกแต่งควรมีราคาเหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป ใชเ้ วลาในการจัดตกแต่งและทา� ความสะอาดไม่นาน ๘.๓ ขอ้ ควรคา� นึงในการจัดเครือ่ งเรอื น การจัดเครอื่ งเรือน เช่น ต ู้ โต๊ะ เกา้ อ ้ี ใหม้ ีความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย สวยงาม จ�าเป็นต้อง คา� นงึ ถงึ สิง่ ต่าง ๆ ดงั นี้ ๑) ขนาดของหอ้ ง เลอื กเครอื่ งเรอื น ให้มีขนาดเหมาะสมกบั หอ้ ง และเลือกทม่ี ีความ จา� เปน็ ต่อการใชง้ าน ๒) การจดั วาง ควรวางเคร่อื งเรือน ใหส้ ะดวกตอ่ การใชง้ าน และจัดให้เหมาะสมกับ ตา� แหน่งการจดั วางของห้อง ๓) ความปลอดภยั ไมว่ างเครอ่ื งเรอื น ด้านที่มีมุมแหลมหันออกด้านนอกทางเดินและ ควรวางใหเ้ ปน็ ระเบียบ ไมก่ ดี ขวางทางเดิน การจัดตกแตง่ จะต้องค�านึงถงึ ขนาดของหอ้ งและพ้ืนที่ใช้สอย มีเครือ่ งเรอื นเฉพาะที่จ�าเปน็ การดูแล ๓๓ รักษาบ้าน ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู การเลอื กซื้อเครอ่ื งเรอื นควรคาํ นงึ ถงึ สง่ิ ใดเปน สาํ คัญ ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับวิธีการเลือกเครื่องเรือน เพื่อนํามาใชในการจัด 1. เลือกซือ้ เครอ่ื งเรอื นที่มรี าคาแพง และตกแตง หอ งใหน กั เรยี นฟง วา การเลอื กเครอ่ื งเรอื นเพอื่ นาํ มาใชจ ดั และตกแตง 2. เลือกซอื้ เครือ่ งเรอื นทน่ี าํ เขา จากตางประเทศ หองควรคาํ นึงถงึ หลกั การ ดังน้ี 3. เลอื กซ้อื เครอ่ื งเรือนที่หายาก แปลกใหม ไมเหมือนใคร 4. เลือกซอ้ื เครือ่ งเรอื นทม่ี ีราคาไมแ พง ใชป ระโยชนไ ดม าก 1. ควรเลอื กขนาดของเครอื่ งเรอื นใหเ หมาะสมกบั ขนาดพน้ื ท่ขี องหอง 2. ควรเลอื กรปู แบบทเี่ รียบงาย ไมเลอื กตามความนิยม หรือแคความชอบ (วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการเลอื กซื้อเครื่องเรือนควร สว นตวั คาํ นงึ ถงึ ประโยชนใ ชส อย ดแู ลรกั ษาไดง า ย ราคาไมแ พง เมอื่ นาํ มา 3. ควรศึกษาขอมูลกอนตัดสินใจซ้ือ เชน คนหาขอมูลจากอินเทอรเน็ต จดั วางในหองจะทาํ ใหหองดสู วยงามยิ่งขนึ้ ) สอบถามจากผูท ี่เคยใช หรอื สอบถามจากผขู าย 4. ควรเลอื กทม่ี คี ณุ ภาพ ราคาไมแ พง และใชป ระโยชนไ ดอยางคุม คา 5. ควรตรวจสอบความเรียบรอ ยกอนซื้อทุกครัง้ T37
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๘.๔ การจัดและตกแต่งหอ้ งในบา้ น 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการจัดและตกแตง การจดั และตกแตง่ หอ้ งตา่ ง ๆ มคี วามสา� คญั เปน็ อยา่ งยงิ่ เพราะจะทา� ใหบ้ า้ นนา่ อย ู่ สรา้ งความ หองตางๆ ใหนักเรียนฟงวา “การจัดและ ประทบั ใจใหแ้ กผ่ มู้ าเยย่ี มเยยี น หลกั การจดั และตกแตง่ หอ้ งตา่ ง ๆ มหี ลากหลายดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้ ตกแตงหอง แตละหองนั้นจะแตกตางกัน ออกไป” เชน หอ้ งนอน • หอ งนอน ควรจดั วางเตยี งใหห า งจากฝาผนงั • จดั วางเตยี งให้หา่ งจากฝาผนัง ๑-๒ ฟุต เพ่ือให้สะดวกตอ่ การท�าความสะอาด มีหนาตางเพื่อใหอากาศถายเทไดสะดวก • ใชส้ โี ทนเย็น หรอื สีโทนอบอุ่น เพราะใหค้ วามรสู้ ึกสบาย และมแี สงสวา งเพยี งพอ เครอื่ งเรอื นมขี นาด • มแี สงสวา่ งเพียงพอและอากาศถ่ายเทได้สะดวก เหมาะสมกบั พ้ืนท่ีภายในหอง การทาสหี อ ง • ตเู้ ส้ือผา้ จัดวางชดิ ฝาผนงั ไมป่ ดิ ทับช่องลมและหนา้ ตา่ ง ควรเปน สโี ทนออ น เพอื่ ใหเ กดิ ความผอ นคลาย • เลือกเครื่องเรือนให้มีขนาดเหมาะสมกบั หอ้ งและไม่จดั วางขวางทางเดนิ หอ้ งนอนควรตกแตง่ ด้วยการใช้สีที่ให้ความรู้สกึ สบาย เย็นตา อบอ่นุ เพื่อการนอนหลับพักผอ่ นทสี่ บาย Trick : ๔ โทนสแี ต่งห้องนอน ช่วยใหห้ ลบั สนทิ สีแต่งห้องนอนมีอิทธิพลต่อการพักผ่อน ช่วยให้หลับสนิท สร้างความสุข และความสดช่ืนต้ังแต่ ต่นื นอน ซง่ึ สที ี่เหมาะสมกบั การแต่งห้องนอน มดี งั น้ี ท�าให้ร้สู กึ สดชนื่ สรา้ งบรรยากาศอบอุ่นและ กระต้นุ ให้เกิดพลงั สร้างอารมณผ์ ่อนคลาย ผอ่ นคลาย ความสบายมากย่ิงขึ้น ร้สู ึกสดช่ืน เงยี บสงบ ๓4 บูรณาการอาเซียน กิจกรรม 21st Century Skills บา นในประเทศอาเซยี นมกั สรา งลาํ ดบั ของพนื้ ที่ เพอ่ื เปน แนวกนั ชน (Buffer) ใหนักเรียนออกแบบหองนอนในฝนของตนเอง โดยวาดภาพ ของสภาพอากาศภายนอกที่รุนแรง ทั้งแดด ลม และฝน นอกจากนี้ จุดเดน และระบายสใี หส วยงาม จากนนั้ จดั และตกแตง หอ งนอนของตนเอง ของบาน คือ การเลือกใชวัสดุที่ใหความรูสึกเปนธรรมชาติ โดยการใชไมจริง ตามท่ีไดออกแบบไว พรอมท้ังเขียนอธิบายวิธีการจัดและตกแตง ไมไผ อิฐ ปูนเปลือย ฯลฯ มาใชในการตกแตงบาน ซ่ึงจะทําใหบานดูอบอุน รวมถึงถายภาพหองนอนกอนและหลังการจัดและตกแตง เพ่ือ และนาอยูมากยิ่งข้ึน โดยเฉพาะเฟอรนิเจอร หรือเครื่องเรือนท่ีทําจากวัสดุ เปรยี บเทยี บใหเ หน็ ถงึ ความแตกตา ง และเสนอแนะวธิ กี ารดแู ลรกั ษา ธรรมชาติทีห่ าไดใ นทองถิน่ เชน ไผ หวาย กก กระจูด ซงึ่ แตละประเทศจะมี หองนอนของตนเอง บนั ทึกผลการปฏิบัติงาน แลวนาํ สง ครผู สู อน เทคนคิ การผลติ ทแ่ี ตกตา งกนั ไป แตย งั คงมคี วามสวยงามแทรกอยู และเปน การ ผสมผสานวัฒนธรรมเขา กับการออกแบบสมยั ใหมไ ดอยางนา สนใจ T38
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ห้องรบั ประทานอาหาร1 ขนั้ สอน • จดั วางเครอ่ื งปรงุ ตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ สะดวก • หอ งครวั ควรจดั วางเคร่อื งปรุงรสตางๆ ให ต่อการหยบิ ใช้ เปนระเบียบเรียบรอย สะดวกตอการหยิบ • เลือกใช้ผา้ ปูโต๊ะทม่ี ีสโี ทนเดียวกนั กบั หอ้ ง ใชง าน วางอปุ กรณป ระกอบอาหารใหส ะดวก • เลือกใช้โต๊ะท่ีมีขนาดเหมาะสมกับห้อง และมี ตอการหยิบใชงาน มีชองระบายอากาศ เกา้ อต้ี ามจ�านวนสมาชิกในบ้าน หรอื หนา ตา ง เพอื่ ใหอ ากาศถา ยเทไดส ะดวก • จมดัแี วสางงสอวปุ า่ กง2เรพณยี ์ใงนพกอาแรลรบัะปอรากะทาศานถอา่ ยาหเทาไรดใหส้ พ้ะดรอว้ กม มแี สงสวา งเพยี งพอ และเพอ่ื ความปลอดภยั • ในการประกอบอาหาร • ใชส้ หี ้องโทนอบอนุ่ และสะอาดตา • แขวนภาพสวยๆ บนผนงั เพอ่ื เสรมิ บรรยากาศ • หอ งรบั ประทานอาหาร ควรมแี สงสวา งเพยี งพอ ในการรบั ประทานอาหาร อากาศถายเทไดสะดวก จัดวางโตะ เกาอี้ • วางแจกันดอกไม้บนโตะ๊ เพอ่ื เพม่ิ ความสดชน่ื ใหเพียงพอสําหรับสมาชิกในบานและเผ่ือ ผูทม่ี าเย่ียมเยือน Trick : ตา� แหนง่ โคมไฟบนโตะ๊ อาหาร ควรติดตั้งโคมไฟไว้กลางโต๊ะอาหาร และ การจดั หอ้ งรบั ประทานอาหาร อาจจะเลอื กมมุ ใดมมุ หนง่ึ ของหอ้ ง อยเู่ หนือโตะ๊ ดว้ ยระดับทเ่ี หมาะสม คอื ประมาณ ก็ได้ โดยจดั ให้เปน็ สัดส่วน ๘๐ เซนตเิ มตร นบั จากพน้ื โตะ๊ ถงึ ตวั หมวกโคมไฟ แสงสวา่ งท่ีได้จะมีความพอดี ห้องครวั การจัดเก็บอุปกรณ์ในห้องครัวอย่างมีระเบียบ จะช่วยให้ สามารถหยบิ ใช้ไดส้ ะดวก • จดั วางเครอื่ งปรงุ ตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ สะดวก ตอ่ การหยิบใชง้ าน การดูแล ๓5 • จัดวางอุปกรณ์ เคร่ืองมือ เครื่องใช้ในการ รักษาบ้าน ประกอบอาหารใหเ้ ป็นหมวดหมู่ • มีแสงสว่างเพียงพอ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีช่องระบายอากาศ ใช้สีห้องที่สว่างและ สะอาดตา • มีถังขยะท่ีมีฝาปิดมิดชิดใบเล็ก ๆ วางไว้ตรง มุมหอ้ ง โดยมีถงุ ขยะรองรับอยู่ด้านใน Trick : แตง่ ครัวให้ โลง่ โปรง่ ครวั ทีด่ ีจะตอ้ งมีพ้ืนที่โลง่ อากาศถา่ ยเทได้ สะดวก ตง้ั อยบู่ รเิ วณทร่ี บั แสงธรรมชาตอิ อ่ น ๆ เพอ่ื ขชว่จยัดลกดลกิน่ า รแอลบั ะชชนื้ ว่ อยาลจดมปกี ญัารหตาดิ คตรง้ั าเคบรนอื่ า�้งมดดูัน3คตวิดนั ผเพนอ่ืัง ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู เพราะเหตใุ ดหอ งรบั ประทานอาหารจึงควรมชี องระบายอากาศ 1 หอ งรบั ประทานอาหาร ควรอยใู กลก บั หอ งครวั เพอ่ื ใหส ะดวกตอ การลาํ เลยี ง (แนวตอบ เพราะหองรับประทานอาหารมักมีกล่ินของอาหาร อาหาร นอกจากนี้ การจดั โตะ รบั ประทานอาหารควรคาํ นงึ ถงึ จาํ นวนผรู บั ประทาน เปน สาํ คญั และควรตดิ ตง้ั ไฟเหนอื โตะ อาหาร เพอ่ื ใหส ามารถมองเหน็ อาหารและ ทร่ี ับประทาน ซ่ึงอาจสรางความรําคาญใหแ กผ ูอยอู าศัยได ดงั น้นั ผูรวมรับประทานอาหารไดอยางชัดเจน โดยแสงไฟไมควรสวางมากเกินไป หากมีชองระบายอากาศจะทําใหหองมีอากาศถายเทไดสะดวก หรืออาจตดิ โคมไฟไวกลางโตะ รับประทานอาหาร เพอ่ื ใชเปน เคร่อื งเรือนในการ ไมม ีกล่ินของอาหารตกคา งอยภู ายในหอง) ตกแตงหองไดเ ชนเดียวกนั 2 แสงสวาง แสงไฟเหนือบริเวณที่ปรุงอาหารยอมตองมีแสงสวางมากเปน พเิ ศษ เพอ่ื จะไดมองเหน็ รายละเอียดของอาหาร เชน อาหารสกุ ไดทีแ่ ลว หรอื ไม สีของซอสเขมมากพอหรือไม โดยอาจใชไฟสีขาว เพ่ือเพิ่มความสวางและ ปอ งกันแสงจากไฟหลอกตา 3 คราบนาํ้ มนั วธิ กี ารทาํ ความสะอาดคราบนา้ํ มนั สามารถทาํ ไดโ ดยการนาํ เกลอื โรยลงไปบนคราบน้ํามัน ทิ้งไวสักพักเพื่อใหเกลือดูดคราบน้ํามัน จากน้ันฉีด สารละลายบอแรกซ หรอื นาํ้ สม สายชลู งไป ใชฟ องนา้ํ หรอื ผา สะอาดเชด็ ออกจนหมด T39
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน หอ้ งรบั แขก • หองรับแขก ควรมีโตะ เกาอ้ี ใหเพียงพอ • มีแสงสวา่ งเพียงพอและอากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก ตอ การรับแขก มตี ู หรือชน้ั วาง เพ่ือจัดวาง • โตะ๊ เกา้ อ้ี และโซฟา จดั วางเปน็ กลมุ่ เพอ่ื ใหส้ ะดวก สงิ่ ของใหเ ปน ระเบยี บ ตกแตง หอ งใหส วยงาม ต่อการสนทนา สีของหองควรมีความสดใส หรือเลือกใช • มีมุมหนงั สือไวอ้ า่ นเลน่ โทนสีอบอุ่น1 สโี ทนอบอนุ อาจมกี ารแขวนภาพตามฝาผนงั • ใชส้ หี ้องทมี่ ีความสดใส เพ่ือความสวยงาม • มที ีวี เพ่ือสร้างความเพลดิ เพลนิ • มีตู้ส�าหรับวางสิ่งของสวยงาม เพ่ือสร้างความ • หองน้ํา ควรมีชองระบายอากาศ เพ่ือให ประทบั ใจ อากาศถา ยเทไดส ะดวก เคร่อื งใชใ นหอ งนาํ้ ห้องรับแขกไว้ส�าหรับต้อนรับบุคคลภายนอกและใช้ ควรจัดวางใหเปนระเบียบเรียบรอยเพื่อ พักผ่อนของสมาชิกในครอบครัว ดังนั้น จึงควร ความสะดวกตอ การหยิบใชงาน พิถพี ถิ ันในการจัดเปน็ พิเศษ 5. ครูคอยชวยเหลือพรอมท้ังใหคําแนะนําและ Trick : แต่งห้องให้ดูกวา้ ง ผนัง และเพดาน หรือใช้พรม2ลายทางมาปูไว้บนพ้ืน จะท�าให้เกิด แกปญหาตางๆ ในการประดิษฐโมเดลบาน เลือกใช้สีโทนอ่อนทั้งสีที่พื้น ใหน กั เรยี นแตล ะกลุม ภาพลวงตาวา่ หอ้ งมพี น้ื ทเี่ พม่ิ ขน้ึ หรอื ตดิ กระจกบานใหญฝ่ ง่ั ใดฝง่ั หนง่ึ ของหอ้ ง ตดิ ไฟใหส้ อ่ งไปทางกระจก จะชว่ ยให้หอ้ งดกู วา้ งขนึ้ โดยเลือกใช้ ไฟแบบ LED หรือแบบแทรกไลท์ (Track light) ซ่ึงเปน็ โคมไฟติด 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมผลัดกันออกมานํา เพดานท่จี ะช่วยสาดแสงไปยังผนังห้อง เสนอผลงานการประดษิ ฐโมเดลบาน และเม่อื ทกุ กลมุ นาํ เสนอผลงานเสรจ็ เรยี บรอ ยแลว ใหน าํ หอ้ งน้า� โมเดลบานมาจัดแสดงภายในชนั้ เรียน • เครอื่ งใชต้ ่าง ๆ จัดวางอยูบ่ นช้นั อยา่ งเปน็ ระเบยี บ • มีแสงสว่างเพียงพอและอากาศถา่ ยเทได้สะดวก การจัดเครื่องใช้ ในห้องน�้า ควรจัดให้เป็นสัดส่วน • มีช่องระบายอากาศ หรือติดพัดลมระบายอากาศ เพื่อสะดวกตอ่ การใชง้ าน ทผ่ี นงั • โถสว้ มตง้ั ใหช้ ดิ ผนงั ดา้ นใดดา้ นหนงึ่ ของหอ้ ง ไมค่ วร ตั้งอยู่ใกลป้ ระตู • ใชส้ หี อ้ งโทนออ่ น จะชว่ ยใหม้ คี วามสวา่ งและสะอาดตา • ใช้กระเบ้ืองท่ีมีผิวหน้าหยาบและแห้งเร็ว พื้นต้อง ไมล่ ่ืนง่ายเมื่อเปยี กน�า้ • มดี อกไมว้ างประดบั ตกแตง่ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสวยงาม Trick : ขนาดเครอื่ งเรอื น หากตอ้ งการตกแตง่ หอ้ งนา�้ ใหด้ กู วา้ งขนึ้ ควรเลอื กเครอื่ งเรอื น หรอื ของตกแตง่ ชนิ้ เลก็ ๆ และมจี า� นวน พอเหมาะ เพราะหากมีมากจนเกินไป แม้จะเปน็ ช้ินเล็กกจ็ ะท�าให้หอ้ งดูคบั แคบไม่มพี น้ื ท ่ีใช้สอย ๓6 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ การจัดและตกแตงหองในขอใดควรคํานึงถึงความสวยงาม 1 โทนสอี บอนุ เปน กลมุ สที ไ่ี มเ ขม มาก แตม สี ว นผสมของสดี าํ หรอื สเี หลอื ง ให มากทีส่ ดุ ความรูสึกอบอนุ เปน กนั เอง สงบ ผอนคลาย สบาย และปลอดภัย เชน สีนํา้ ตาล สอี ฐิ สเี หลอื ง สมี ว ง เหมาะสาํ หรบั ใชใ นการตกแตง หอ งรบั แขก หอ งทาํ งาน หรอื 1. หองนาํ้ หอ งสาํ หรับพกั ผอ น 2. หอ งครวั 2 พรม การทาํ ความสะอาดพรมมอี ยดู ว ยกนั หลายวธิ ี ซง่ึ จะแตกตา งกนั ออกไป 3. หองนอน ตามลกั ษณะของพรมและการเปรอะเปอ นเปน คราบสงิ่ สกปรก เชน พรมเปอ นอาหาร 4. หองรับแขก ใหโ รยเกลอื หรอื ผงซกั ฟอกลงบนคราบเปอ น ทง้ิ ไวส กั พกั เพอื่ ใหเ กลอื หรอื ผงซกั ฟอก (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะหองรับแขกเปนหองที่ตอง ดดู คราบเปอ นออกมา จากนนั้ ใชผ า สะอาดชบุ นาํ้ สบอู อ นๆ บดิ หมาด เชด็ ใหส ะอาด คาํ นงึ ถงึ ความสวยงามมากทสี่ ดุ เนอื่ งจากเปน หอ งทใ่ี ชร บั รองแขก อีกคร้งั พรมเปอ นกาแฟใหน ํานํ้าสม สายชูมาผสมกบั น้าํ เปลา ในอตั ราสวน 1 : 2 ทีม่ าเย่ียมเยือน และเพ่อื สรางความประทับใจตงั้ แตแ รกเหน็ ) เทลงในขวดสเปรย จากนนั้ นํามาฉีดลงบนพรมบริเวณที่เปอ นคราบกาแฟ ใชผา สะอาดคอ ยๆ ซบั ท่ีรอยเปอน จะชวยใหคราบกาแฟจางลง T40
นาํ สอน สรุป ประเมนิ Know More ขน้ั สรปุ การจัดและตกแตง่ อา¤ารªดØ หรือ¤อนâดÁิเนÕÂÁ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ การจัดและตกแตงหองวา “การจัดและตกแตง คอนโดมิเนียมเปนท่ีพักอาศัยของคนยุคใหมในสังคมปจจุบัน เพราะตอบสนองความตองการ หองตางๆ น้ันมีประโยชนหลายประการ คือ ชวยใหบานมีสุขลักษณะท่ีดีนาอยูอาศัย มีความ คพวน้ื าทมใี่ เชปส นอสย1วดนงัตนัวนั้มีคกวาารมจดัสะแดลวะกตสกบแตายง หมอ งีสภ่ิงอายํานในวคยอคนวาโมดมสะเิ นดยีวกมคใหรบน คา อรันยจู ะแตตอ กง็มใชีขปอรจะําโกยัดชในนจ เราก่ือพงขนื้ อทง่ี สะอาด มคี วามสะดวกสบาย มคี วามเปนระเบยี บ เรยี บรอ ย สวยงาม มคี วามปลอดภยั ในการอยอู าศยั ใหค ุมคา มากทส่ี ุด ซ่งึ มขี อ ควรคํานึงถงึ ดังนี้ และยังสามารถสรางความประทับใจใหกับผูที่มา เย่ยี มเยือนไดอ กี ดวย” การจัดÊรร¾éนื ·่ Õใª้Êอ ขน้ั ประเมนิ การจดั พน้ื ทบ่ี างสว นรวมเขา ดว ยกนั เพอ่ื ใหใชป ระโยชน ไดอยา งหลากหลาย เชน จัดวางเตียงนอนไวป ลายสุด 1. ครูตรวจสอบความถูกตองของช้นิ งาน ของหอง วางเคร่ืองเรือนใหชิดผนังดานใดดานหน่ึง การประดษิ ฐโ มเดลบา นของนกั เรยี นแตล ะกลมุ รจะัดเมบุมียใงดมมีกาุมรหปนล่ึงกู เไปมนแทข่ีนวนั่ง2เขลนนาแดลเละก็รับๆปเประน ทมามุ นพอกั าผหอ านร 2. ครตู รวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรยี น เรอ่ื ง การจดั และตกแตง หอ ง จากการตอบคาํ ถาม การตกแต่งใหห้ ้องดÙเรÕÂบ การเลอื กใª้เ¤ร่อื งเรือน การอภปิ รายรวมกัน รวมถึงการทาํ งานกลุม ตองอาศัยความรูพื้นฐานทางดานทัศนศิลปเขามาชวย ควรเลือกใหเหมาะกับขนาดของหอง สีไมทึบ ใชวัสดุ เชน การใชสีโทนสวาง จะชวยใหหองดูกวางข้ึน หาก ผวิ เรยี บ มนั สะทอนแสง จะชวยใหหอ งดกู วา งข้ึน และ จําเปนตองกั้นหอง ควรก้ันดวยวัสดุโปรง เชน ฉาก ควรเลอื กท่ีเปน อเนกประสงคใชงานไดหลายแบบ เชน หรือมานที่สามารถเลื่อนเปด-ปดได เพ่ือใหสามารถ เตียงนอนท่ีดานลางออกแบบเปนลิ้นชักเก็บของ หรือ ปรับเปลี่ยนพ้นื ท่ใี ชส อยไดต ามความเหมาะสม โซฟาท่มี ีท่เี กบ็ ของดานลา ง การดูแล ๓๗ รักษาบ้าน ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู “กรรณตอ งการจดั และตกแตง หอ งของตนเองทเี่ ปน คอนโดมเิ นยี ม ครูอาจใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการจัดและตกแตง แตหองมีขนาดเล็กจึงทําใหมีพื้นท่ีใชสอยนอย” จากขอความนี้ อาคารชดุ หรอื คอนโดมเิ นยี มใหส วยงามและคมุ คา วา มหี ลกั การจดั และตกแตง กรรณควรจดั และตกแตง หอ งอยา งไรจึงจะเหมาะสม อยา งไรใหม พี นื้ ทีใ่ ชส อยไดมากทีส่ ดุ (แนวตอบ ควรจดั หองใหมพี น้ื ทใ่ี ชสอยทค่ี ุมคามากทส่ี ดุ โดยจัด นักเรียนควรรู และตกแตง หอ งใหด เู รยี บ โลง โปรง สบาย ซง่ึ ควรเลอื กใชเ ฟอรน เิ จอร หรอื เครอื่ งเรอื นทม่ี ขี นาดไมใ หญจ นเกนิ ไป มขี นาดเหมาะสมกบั หอ ง 1 พ้ืนที่ใชสอย การจัดสรรพ้ืนที่ในคอนโดมิเนียม ควรจัดเปนสัดสวนตาม หรอื เลอื กทม่ี ฟี ง กช นั มากขนึ้ เชน เตยี งนอนทดี่ า นลา งถกู ออกแบบ การใชสอย ซึ่งบางพ้ืนที่สามารถรวมเปนมุมใชงานรวมกันได เชน มุมพักผอน ใหเปนลิ้นชักเก็บของ โซฟาที่มีท่ีเก็บของดานลาง ซ่ึงจะชวย มุมนงั่ ทาํ งาน หรอื วางอปุ กรณและเคร่อื งเรอื นตา งๆ ไวช ิดผนงั ดา นใดดา นหนง่ึ ประหยดั พ้ืนทไ่ี ดม ากขึน้ ) เพ่อื ใหม ีพนื้ ทีเ่ พิ่มมากขน้ึ 2 ไมแขวน จัดเปนไมประดับท่ีนิยมนํามาแขวนลอยอยูบนราว หรือปลูกใน ภาชนะตางๆ แลวจึงนําไปแขวน โดยพรรณไมท่ีนิยมนํามาปลูกในลักษณะนี้ แบงเปน 2 ประเภท คอื ไมดอกประดับและไมใบประดับ T41
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146