มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง132 1) ประสบการณ์สาคญั จะใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสมกับหน่วย การจดั ประสบการณ์ท่กี าหนด เพื่อพฒั นาเดก็ ใหบ้ รรลุผลตามจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยพิจารณาให้ ประสบการณส์ าคญั ของแตล่ ะหน่วยการจัดประสบการณ์ครอบคลุมพัฒนาการท้ัง 4 ด้าน 2) สาระท่ีควรเรียนรู้ โดยการคัคเลือกสาระท่ีควรเรียนรู้ที่สัมพันธ์กับหัวเร่ืองของ หน่วยการจัดประสบการณ์จากหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย มากาหนดรายละเอียดเพ่ิมเติมท้ังใน ลักษณะที่เป็นแนวคิด เน้ือหา ทักษะ หรือเจตคติ ให้สัมพันธ์กับช่ือหน่วยการจัดประสบการณ์ โดย คานึงถึงสิ่งท่ีเด็กรู้แล้ว สิ่งที่เด็กต้องการรู้ และสิ่งที่เด็กควรรู้ พิจารณาให้มีระดับความยากง่ายของ สาระทีค่ วรเรียนรู้ทเี่ หมาะสมกบั วยั และส่ิงแวดล้อมในชวี ิตจรงิ ของเด็ก การเขียนแผนการจดั ประสบการณ์ ในการการเขยี นแผนการจดั ประสบการณม์ แี นวทางในการดาเนินการ 2 ระยะ ดงั น้ี 1. เขียนแผนการจัดประสบการณ์รายสัปดาห์ ออกแบบและกาหนดกิจกรรมท่ีช่วยให้เด็ก เกิดการเรียนรู้ครบตามจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการจัดประสบการณ์ครอบคลุมกิจกรรม ประจาวันท่ีระบุไว้ในหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยตลอดท้ังสัปดาห์ไว้ล่วงหน้า โดยต้องคานึงถึง มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ รวมถึงสาระการเรียนรู้ทั้ง ประสบการณ์สาคัญและสาระที่ควรเรียนรู้ตามหน่วยการจัดประสบการณ์ท่ีได้ออกแบบไว้ การ กาหนดกิจกรรมต้องพิจารณาถึงความสมดุลของพัฒนาการ จัดให้มีความหลากหลายของกิจกรรม สง่ เสริมพฒั นาการและการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนให้บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ของหน่วยการจัด ประสบการณ์ โดยใชก้ จิ กรรมหลัก 6 กิจกรรม ดงั ตัวอย่าง ภาพท่ี 9.2 แผนการจดั ประสบการณร์ ายสปั ดาห์ ทีม่ า : วิจิตรา เงินบาท (2564)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง133 2. เขยี นแผนการจดั ประสบการณร์ ายวนั ระบุรายละเอยี ดที่ครอบคลมุ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ซง่ึ ประกอบด้วยประสบการณ์สาคัญและสาระท่ีควรเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ และการประเมินผล กาหนดวิธีการดาเนินกิจกรรมที่ได้กาหนดไว้ในแผนการจัดประสบการณ์ราย สัปดาห์เป็นข้ันตอนตั้งแต่ต้นจนจบโดยคานึงถึงวัย พัฒนาการ ช่วงความสนใจของเด็ก และ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการ ส่ิงท่ีควรคานึงถึง คือ การออกแบบกิจกรรมตามหลักการจัด ประสบการณ์และแนวทางการจัดประสบการณ์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ควรพิจารณาเขียน แผนการจัดประสบการณท์ น่ี าไปใช้ไดจ้ ริง และเกดิ ประโยชน์สูงสุดต่อเด็ก เพื่อเป็นแนวในการปฏิบัติ จรงิ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 3. เมื่อเขยี นแผนการจัดประสบการณ์แล้ว ผู้สอนควรนาแผนการจัดประสบการณ์ไปใช้ใน การจัดประสบการณ์จริง เพราะแผนการจัดประสบการณ์ท่ีดีย่อมนาไปสู่การสอนที่ดี และควรให้ ความสาคัญกบั การจัดประสบการณ์ ทัง้ ท่มี ีการออกแบบไวล้ ว่ งหนา้ และเกิดข้ึนในสภาพจริงโดยไม่ได้ คาดการณไ์ ว้ รวมถึงประสบการณ์ทเ่ี กิดจากการอบรมเลี้ยงดูในกิจวัตรประจาวนั ดว้ ย 4. บันทึกหลังการจัดประสบการณ์ หลังจากจัดประสบการณ์แล้ว ควรบันทึกหลังการจัด ประสบการณ์ ทัง้ การบันทกึ ผลการจดั ประสบการณ์ตามจุดประสงคก์ ารเรียนรทู้ ีก่ าหนดไว้ในแผนการ จัดประสบการณ์ รวมทัง้ ไตร่ตรองคดิ ทบทวนเก่ียวกับการจัดประสบการณ์ของตนเอง ท้ังน้ี สามารถ บันทึกไดท้ ั้งในเชิงปริมาณและเชิงคณุ ภาพ โดยพิจารณาให้เหมาะสมกับลักษณะของขอ้ มูลที่ต้องการ ภาพที่ 9.3 แบบบันทกึ หลังการจัดประสบการณ์ ที่มา : วจิ ิตรา เงินบาท (2564)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง134 แผนการจดั ประสบการณท์ ีด่ ี แผนการจัดประสบการณ์เป็นการวางแผนการจัดกิจกรรม เพ่ือเป็นแนวทางในการจัด กิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งมีเน้ือหา กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการสอน และวิธีวัดผล ประเมินผลทชี่ ดั เจน แผนการจดั ประสบการณท์ ่ดี ีควรมีรายละเอยี ดดงั น้ี 1. มีความละเอียด ชัดเจน มีหัวข้อและส่วนประกอบต่าง ๆ ครอบคลุมตามศาสตร์ของ การสอนโดยสามารถตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1.1 สอนอะไร (หน่วย หัวเร่ือง ความคดิ รวบยอดหรอื สาระสาคัญ) 1.2 เพื่อจุดประสงค์อะไร (จุดประสงค์การเรียนรู้ ซ่ึงควรเขียนเป็นจุดประสงค์เชิง พฤตกิ รรม) 1.3 ดว้ ยสาระอะไร (เน้อื หา / โครงรา่ งเนอื้ หา) 1.4 ใชว้ ธิ ีการใด (กจิ กรรมการเรียนร้ซู ง่ึ ใช้กิจกรรมการเรียนร้ทู ีเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ) 1.5 ใช้เครือ่ งมืออะไร (วัสดุอปุ กรณ์ สอ่ื และแหลง่ การเรยี นร)ู้ 1.6 ทราบไดอ้ ย่างไรวา่ ประสบความสาเรจ็ (การวัดผลและประเมินผล 2. แผนการจัดการเรยี นรสู้ ามารถนาไปปฏิบัติไดจ้ ริง 3. ส่วนประกอบต่าง ๆ ของแผนการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องสัมพันธ์เช่ือมโยง สมั พนั ธก์ ัน เช่น 3.1 จุดประสงค์การเรียนรู้ครอบคลมุ สาระ / เนอ้ื หา และเป็นจุดที่พัฒนาผู้เรียนในด้าน ความรู้ ทกั ษะ กระบวนการและเจตคติ 3.2 กิจกรรมการเรียนรู้ ควรสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์และเน้ือหา / สาระ 3.3 วัสดุอุปกรณ์ สื่อ และแหล่งการเรียนรู้ ควรสอดคล้องสัมพันธ์กับกิจกรรมการ เรยี นรู้ 3.4 การวดั ผลและประเมนิ ผล ควรสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรยี นรู้ แผนการจดั ประสบการณล์ ลี า จงั หวะ และการเคล่ือนไหว กิจกรรมลีลา จังหวะ และการเคลื่อนไหวเป็นกิจกรรมท่ีจัดให้เด็กได้เคล่ือนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างอิสระตามจังหวะ โดยใช้เสียงเพลง คาคล้องจอง เคร่ืองเคาะจังหวะ หรืออุปกรณ์ อ่ืน ๆ มาประกอบการเคล่ือนไหวช่วยให้เด็กเรียนรู้จังหวะและควบคุมการเคล่ือนไหวของตนเองได้ สมองส่วนท่ีรับผิดชอบหลักเก่ียวกับการจัดสมดุลของร่างกาย คือ สมองเล็กหรือซีรีเบลล่ัม (Cerebellum) การกระตุ้นสมรรถนะของสมองส่วนนี้จะส่งผลต่อการพัฒนาความสามารถในด้าน การรับข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมไปด้วยพร้อมๆ กัน การเคลื่อนไหวร่างกายของเด็กเป็นการเตรียม สมรรถนะของร่างกายทุกส่วนเพ่ือใช้ประโยชน์ในการมีชีวิตอยู่ และพร้อมกันน้ันการเคล่ือนไหว รา่ งกายกพ็ ัฒนาความสามารถของสมองอันเป็นเครอ่ื งมอื ของการเรียนรูไ้ ปด้วย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง135 องคป์ ระกอบของแผนการจัดประสบการณ์ลีลา จงั หวะ และการเคลือ่ นไหว แผนการจัดประสบการณ์หรือแผนการจัดการเรียนรู้มีความสาคัญ ครูปฐมวัยจาเป็นต้อง เข้าใจถึงความมุ่งหมายในการจัดทาและแนวทางการจัดทาแผนฯ และต้องคิดว่าเป็นหน้าที่ปกติที่ จะตอ้ งจดั ทา แผนการจดั ประสบการณท์ กี่ ลา่ ว มีสงิ่ ท่คี วรระบใุ หช้ ดั เจนดงั น้ี 1. ช่ือหนว่ ย ช่ือแผน วนั เดือนปี และระยะเวลาของการจัดประสบการณ์ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ท่ตี อ้ งการใหเ้ กดิ กับผู้เรียน 3. สาระการเรยี นรู้ ตามที่ระบุไว้ในหลักสูตร แบ่งเป็น 2 ส่วน คือสาระท่ีควรเรียนรู้ และ ประสบการณ์สาคัญ ซ่งึ ได้วิเคราะห์ และกาหนดไว้ในสาระการเรยี นรูร้ ายปี 4. กิจกรรมการเรียนรู้ สามารถออกแบบได้หลายลักษณะ ประเด็นที่สาคัญคือต้อง ครอบคลมุ พัฒนาการทุกด้านของเด็ก อาจนานวัตกรรมทางการศกึ ษาดา้ นปฐมวัยมาทดลองใชก้ ็ได้ 5. สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้ ทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียนหรือนอกสถานศึกษา เพื่อใช้ในการ จัดประสบการณเ์ พอื่ ใหเ้ กิดการเรียนรตู้ ามจุดประสงคท์ ก่ี าหนด 6. การวัดและประเมินพัฒนาการ ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละแผนการจัด ประสบการณ์ 7. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดประสบการณ์ ซึ่งเป็นส่ิงท่ีมีความสาคัญ มีรายละเอียดท่ีต้องแสดง ให้เหน็ ในเรอ่ื งของ ผลการจัดประสบการณ์ ปัญหาที่เกิดข้ึน วธิ กี ารแกไ้ ขปัญหา ข้อเสนอแนะ 8. ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร การวเิ คราะหป์ ระสบการณ์สาคญั ในการเขยี นแผน ประสบการณ์สาคัญท่ีปรากฏในแผนได้จากการวิเคราะห์จากหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2560 เป็นแนวทางสาหรับผู้สอนนาไปใช้ในการออกแบบการจัดประสบการณ์ให้เด็กเรียนรู้ลงมือ ปฏิบัติและได้รับการส่งเสริมพัฒนาการครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ประสบการณ์สาคัญที่สอดคล้องกับ กิจกรรมลีลา จังหวะ และการเคล่ือนไหว มีดงั นี้ 1. ประสบการณสาคญั ดานรางกาย เปนการสนับสนุนใหเด็กไดมีโอกาสพัฒนาการใชกลาม เนือ้ ใหญ กลามเนอ้ื เล็ก การประสานสัมพันธระหวางกลามเน้ือและระบบประสาทในการทากิจวัตร ประจาวันหรือทากิจกรรมตางๆ และสนับสนุนใหเด็กรูจักดูแลสุขภาพและสุขอนามัย สุขนิสัยการ รักษาความปลอดภัย และการตระหนักรูเก่ยี วกบั รางกายตนเอง ประกอบด้วย 1.1 การใชกลามเนอ้ื ใหญ ได้แก่ การเคลอื่ นไหวอยูกับท่ี การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่ การ เคล่ือนไหวพรอมวัสดอุ ปุ กรณ์ 1.2 การตระหนักรูเก่ยี วกับรางกายตนเอง ไดแ้ ก่ การเคลื่อนไหวโดยควบคุมตนเองไปใน ทิศทางระดับและพนื้ ท่ี 2. ประสบการณสาคัญท่สี งเสริมพัฒนาการดานอารมณ์ สนับสนุนใหเด็กไดแสดงออกทาง อารมณและความรูสกึ ของตนเองท่เี หมาะสมกับวัย ตระหนักถึงลักษณะพิเศษเฉพาะท่ีเปนอัตลักษณ ความเปนตวั ของตัวเอง มีความสขุ ราเรงิ แจมใส การเห็นอกเหน็ ใจผูอื่น 2.1 สุนทรยี ภาพ ดนตรี ได้แก่ การฟงเพลง การรองเพลงและการแสดงปฏิกิริยาโตตอบ เสียงดนตรกี ารเลนเครอ่ื งดนตรปี ระกอบจังหวะ การเคล่ือนไหวตามเสียงเพลง/ดนตรี การเลนบท บาทสมมติ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง136 2.2 การแสดงออกทางอารมณ์ ไดแ้ ก่ การเลนบทบาทสมมติ การเคล่ือนไหวตาม เสียงเพลง/ดนตรี การรองเพลง 2.3 การมีอัตลักษณเฉพาะตนและเชื่อวาตนเองมีความสามารถ ได้แก่ การปฏิบัติ กจิ กรรม ตางๆ ตามความสามารถของตนเอง 3. ประสบการณสาคญั ที่สงเสรมิ พัฒนาการดานสังคม เปนการสนับสนุนใหเด็กไดมีโอกาส ปฏสิ ัมพนั ธกบั บุคคลและส่งิ แวดลอมตางๆ รอบตัวจากการปฏิบัติกิจกรรมตางๆ ผานการเรียนรูทาง สงั คม 3.1 การปฏิบัติตามวัฒนธรรมทองถิ่นและความเปนไทย ได้แก่ การเลนบทบาทสมมติ การปฏบิ ตั ติ นในความเปนคนไทย การมีปฏิสมั พันธ มวี นิ ัย มีสวนรวมและบทบาทสมาชกิ ของสังคม 4. ประสบการณสาคัญทส่ี งเสรมิ พฒั นาการดานสตปิ ญญา เปนการสนบั สนนุ ใหเด็กไดเรียน รูการใชภาษา พัฒนาการคิดรวบยอด การคิดเชิงเหตุผล การตัดสินใจและแก ปญหา การมี จินตนาการและความคิดสรางสรรค มีเจตคติท่ีดีตอการเรียนรแู ละการแสวงหาความรูผานการมี ปฏิสมั พนั ธกบั ส่ิงแวดลอม บุคคลและสื่อตางๆ ดวยกระบวนการเรียนรูทีห่ ลากหลาย 4.1 การใชภาษา ได้แก่ การฟงและปฏิบัติตามคาแนะนา การฟงเพลง นิทาน คาคลอง จอง บทรอยกรองหรอื เร่อื งราวตางๆ 4.2 การคดิ รวบยอด การคิดเชิงเหตุผล การตัดสินใจและแกปญหา ได้แก่ การบอกและ แสดงตาแหนง ทิศทาง และระยะทางของส่ิงตางๆ ดวยการกระทา ภาพวาด ภาพ ถายและรูปภาพ การนับและแสดงจานวนของสิ่งตางๆในชีวิตประจาวัน การเปรียบเทียบและเรียงลาดับจานวน สงิ่ ของ การรวมและการแยกสิ่งตางๆ 4.3 จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ การแสดงความคิดสรางสรรคผานภาษา ทาทางการเคลอ่ื นไหวและศลิ ปะ รูปแบบการเขียนแผนการจดั ประสบการณ์ลลี า จงั หวะและการเคล่อื นไหว การเขียนแผนการจดั ประสบการณ์ลีลา จังหวะและการเคลื่อนไหวจะเป็นการเขียนแผนที่มี ลักษณะเฉพาะเน้นการออกแบบกิจกรรมท่ีตอบสนองธรรมชาติของเด็ก สอดคล้องกับมาตรฐาน คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์ แนวทางในการเขียนแผนในการดาเนิน กิจกรรมมีรายละเอียดดังนี้ 1. กิจกรรมการเคล่ือนไหวพื้นฐาน เป็นกิจกรรมท่ีต้องฝึกทุกครั้งก่อนท่ีจะเร่ิมฝึกกิจกรรม อ่นื ๆ ต่อไปลักษณะการจัดกจิ กรรมมีจุดเน้นในเรอ่ื งจังหวะและการเคล่อื นไหวหรือท่าทางอย่างอิสระ การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของเด็ก มี 2 ประเภท คือ การเคลื่อนไหวอยู่กับที่ เช่น ตบมือ ผงก ศีรษะ ขยิบตา ชันเข่า เคาะเท้าเคลื่อนไหวมือและแขน มือและนิ้วมือ เท้าและปลายเท้า การ เคลื่อนไหวเคลือ่ นท่ี เช่น คลาน คืบ เดิน วิ่ง กระโดดควบม้า กา้ วกระโดด เขย่ง ก้าวชิด โดยกิจกรรม การเคลอื่ นไหวพนื้ ฐานอาจดาเนินการ ดังนี้ 1.1 ใหเ้ ดก็ ทราบถึงขอ้ ตกลงร่วมกันในการกาหนดสัญญาณและจังหวะ โดยผู้สอนต้องทา ความเข้าใจกับเด็กก่อนวา่ สัญญาณนั้นหมายถงึ อะไร เชน่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง137 1) ให้จังหวะ 1 ครั้ง สม่าเสมอ แสดงว่า ให้เด็กเดินหรือเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ ตาม จงั หวะ 2) ใหจ้ งั หวะ 2 คร้ังติดกัน แสดงว่า ให้เด็กหยุดการเคลื่อนไหว โดยเด็กจะต้องหยุด น่ิงจริงๆ หากกาลังอยใู่ นทา่ ใด กต็ อ้ งหยดุ นง่ิ ในท่านน้ั จะเคล่อื นไหวหรอื เปลย่ี นทา่ ไม่ได้ 3) ให้จังหวะรัว แสดงว่า ให้เด็กเคล่ือนไหวอย่างเร็ว หรือเคลื่อนที่เร็วขึ้น เช่น การ ฝกึ การเป็นผู้นาหรอื ผตู้ ามจะหมายถึงการเปลี่ยนตาแหนง่ 1.2 ใหเด็กเคล่ือนไหวอยางอิสระตามความคิดหรือจินตนาการของตนเอง โดยใชสวน ตาง ๆ ของรางกายใหมากท่สี ุด และขณะเดียวกนั ตองคานงึ ถึงองคประกอบพืน้ ฐานในการเคล่ือนไหว ไดแก การใชรางกายตนเอง การใชพนื้ ทบ่ี รเิ วณ การเคลอ่ื นไหวอยางมีอิสระ มีระดับและทศิ ทาง 2. กิจกรรมการเคลอื่ นไหวท่ีสัมพนั ธ์กับเน้อื หา เป็นกจิ กรรมทีจ่ ดั ให้เด็กได้เคลือ่ นไหวร่างกาย โดยเนน้ การทบทวนเรื่องท่ไี ด้รบั รจู้ ากกจิ กรรมอนื่ และนามาสมั พนั ธ์กับสาระการเรียนร้หู รอื เรอื่ งอนื่ ๆ ทีเ่ ดก็ สนใจ ได้แก่ 2.1 การเคลื่อนไหวเลียนแบบ เป็นการเคล่ือนไหวเลียนแบบส่ิงต่างๆ รอบตัว เช่น การ เลียนแบบทา่ ทางสตั ว์ การเลียนแบบท่าทางคน การเลียนแบบเคร่ืองยนต์กลไกและเครื่องเล่น และ การเลียนแบบปรากฏการณ์ธรรมชาติ 2.2 การเคล่ือนไหวตามบทเพลง เป็นการเคลื่อนไหวหรือทาท่าทางประกอบเพลง เช่น เพลงไก่ เพลงขา้ มถนน เพลงสวสั ดี รปู แบบในการเขยี นแผนสามารถดาเนนิ การได้ 2 รูปแบบดงั นี้ 1) การใช้เพลงหรือดนตรีเพอื่ ให้เด็กทาทา่ ประกอบ อาจเปน็ เพลงอิสระที่เด็กคุ้นเคย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กได้ขยับร่างกายและเพื่อความสนุกสนาน หรือใช้เพลงท่ีสอดคล้องกับ หนว่ ยการเรยี นก็ได้ 2) การใช้เพลงทเ่ี ดก็ เปน็ ผรู้ อ้ งเอง เพลงท่นี ามาใช้เปน็ เพลงท่ีสอดคล้องกับหน่วยการ เรยี นในสัปดาหน์ น้ั โดยครูเรม่ิ จากการทบทวนก่อนจากนั้นจึงให้เด็กร้องและทาท่าประกอบ ข้อควร คานึงในการนาเพลงมาใช้ควรม่ันใจว่าเพลงที่นามาใช้ต้องเป็นเพลงท่ีเด็กร้องได้แล้ว โดยครูอาจใช้ กระบวนการสอนร้องเพลงมาจากกิจกรรมเสริมประสบการณ์และเด็กคุ้นเคยกับเพลงที่ร้องเป็น อยา่ งดี 2.3 การทาท่าทางกายบริหารประกอบเพลงหรือคาคล้องจอง เป็นการทาท่าตามจังหวะ และทานองเพลงหรือคาคล้องจอง เช่น เพลงกามือแบมือ เพลงออกกาลังกายรับแสงตะวัน คาคล้องจองฝนตกพราพรา การเขียนแผนดาเนนิ การเช่นเดยี วกับการใช้เพลง 2.4 การเคลอื่ นไหวเชงิ สรา้ งสรรค์ เป็นการเคล่ือนไหวท่ใี ห้เด็กคดิ สร้างสรรค์ท่าทางข้ึนเอง หรืออาจชี้นาด้วยการปอ้ นคาถามเคลื่อนไหวโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ เช่น ห่วงหวาย แถบผ้า ริบบ้ิน ถุงทราย สามารถนามาอุปกรณ์มาใช้ในกิจกรรมพ้ืนฐานหรือกิจกรรมสัมพันธ์เน้ือหาได้ โดยให้เด็ก เคลือ่ นไหวอิสระประกอบคาบรรยาย หรือ นามาใชใ้ นรูปแบบการปฎบิ ัติตามคาสั่งหรือขอ้ ตกลง 2.5 การเคล่ือนไหวหรือการแสดงท่าทางตามคาบรรยายหรือเร่ืองราวท่ีผู้สอนเล่า ควร ออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนและบทบรรยายที่เขียนในแผนต้องสอดคล้องกับ องค์ประกอบในการเคลอื่ นไหว เนน้ ระดบั ทิศทางความเรว็ ความแรงของจังหวะ รวมถึงการใช้พ้ืนที่ ได้อยา่ งเหมาะสม สดุ ทา้ ยของบทบรรยายควรจบดว้ ยการให้เด็กได้ผอ่ นคลายดังตัวอย่าง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง138 ภาพที่ 9.4 แผนการเคล่อื นไหวตามจนิ ตนาการประกอบคาบรรยาย ท่มี า : วิจติ รา เงินบาท (2564) 2.6 การเคล่ือนไหวหรือการแสดงท่าทางตามคาสั่ง เป็นการเคลื่อนไหวหรือทาท่าทางตาม คาสง่ั ของครู โดยอาจมสี ื่อประกอบการเคล่ือนไหวหรือไม่ก็ได้ การออกแบบกิจกรรมสามารถบูรณา การกบั การเรยี นรู้ภาษา คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฝึกทักษะการจาแนกเปรียบเทียบ ดังน้ันในการ เขียนแผนสามารถทาได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การจัดกลุ่มตามจานวน การทาท่าทางตามคาส่ัง ดังตวั อย่าง ภาพที่ 9.5 แผนการเคล่ือนไหวหรือการแสดงทา่ ทางตามคาสง่ั ที่มา : วจิ ติ รา เงินบาท (2564)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง139 2.7 การเคล่ือนไหวหรือการแสดงท่าทางตามข้อตกลง เป็นการเคลื่อนไหวหรือทาท่าทาง ตามขอ้ ตกลงทีไ่ ด้ตกลงไว้ก่อนเร่ิมกิจกรรม ดังน้ันในการออกแบบกิจกรรมต้องวางแผนว่าจะตกลง เร่อื งอะไรบ้าง เชน่ การกาหนดมุมในช้ันเรียน การทาท่าตามเสียงดนตรีที่ได้ยิน การชูรูปภาพแล้ว ใหเ้ คลือ่ นไหวไปในจดุ ทก่ี าหนด การสร้างขอ้ ตกลงโดยใชส้ ัญลกั ษณ์ เป็นต้น ดงั ตวั อย่าง ภาพท่ี 9.6 แผนการเคล่อื นไหวพร้อมอปุ กรณ์ ทีม่ า : วิจติ รา เงนิ บาท (2564) 2.8 การเคลื่อนไหวหรือการแสดงท่าทางเป็นผู้นาผู้ตามเป็นการเคล่ือนไหวหรือทาท่าทาง จากความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเอง แล้วให้เพื่อนปฏิบัติตามกิจกรรมจากรูปแบบการเคลื่อนไหว ข้างตน้ ลกั ษณะการเคลอ่ื นไหวของเด็กอาจมีลักษณะต่างๆ เช่น ช้า เรว็ นุ่มนวล ทาท่าขึงขัง ร่าเริง มีความสุข หรือเศร้าโศกเสียใจและมีทิศทางการเคล่ือนไหวท่ีแตกต่างกัน เช่น การเคลื่อนไหวไป ข้างหนา้ และขา้ งหลัง ไปข้างซา้ ยและขา้ งขวา เคลื่อนตวั ข้ึนและลง หรือเคลอื่ นไหวรอบทิศทางโดยให้ มรี ะดบั ของการเคลือ่ นไหวสงู กลาง และตา่ ในบรเิ วณพื้นทท่ี ีเ่ ดก็ ตอ้ งการเคลอ่ื นไหว สื่ออุปกรณ์และเคร่อื งประกอบจงั หวะสาหรบั เด็ก เด็กปฐมวยั เปน็ วยั ท่ีไมอ่ ยู่นิ่ง มักจะมีการเคล่ือนไหวทางร่างกายอยู่เสมอ อันเป็นธรรมชาติ ตามวัยของเดก็ ปฐมวัย ลีลา จังหวะและการเคล่ือนไหวเป็นกิจกรรมท่ีจัดให้เด็กได้เคลื่อนไหวส่วน ตา่ งๆ ของรา่ งกายอยา่ งอิสระตามจังหวะ โดยใช้เสียงเพลง คาคล้องจอง การปฏิบัติตามสัญญาณ ซึง่ จังหวะและดนตรีท่ีใช้ประกอบ ได้แก่ เสียงตบมือเสียงเพลง เสียงเคาะไม้ เคาะเหล็ก ตีฉ่ิง กลอง ระนาดมาซึ่งเป็นส่ือที่นามาใช้ประกอบการเคล่ือนไหวเพ่ือส่งเสริมให้เด็กเกิดจินตนาการความคิด สร้างสรรค์ เด็กวัยนี้ร่างกายกาลังอยู่ระหว่างพัฒนาการใช้ส่วนต่างๆ ร่างกายยังคงมาผสมผสาน หรอื ประสานสัมพันธก์ นั อยา่ งสมบูรณม์ ากนกั การเคล่อื นไหวร่างกายของเดก็ อาจยังดไู มม่ ่นั คง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง140 ส่ือประกอบกิจกรรมลลี า จังหวะและการเคลอื่ นไหว กิจกรรมการเคลื่อนไหว และจังหวะเป็นกิจกรรมท่ีจัดให้เหล่าเด็ก ๆ ปฐมวัยได้เคลื่อนไหว ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างอิสระตามจังหวะ เพ่ือเป็นการกระตุ้นให้เด็กได้เกิดจินตนาการและ ความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เด็ก ๆ รู้จังหวะและความคุมการเคลื่อนไหวของ ตนเองได้อีกด้วย ไม่ว่าเด็กปฐมวัยจะเรียนรู้ผ่านการเล่นจากกิจกรรมใดก็ตาม ก็จาเป็นที่ต้องมีส่ือ การเรยี นการสอนมาเป็นตัวกลางเพอื่ ช่วยสง่ เสริมการเรยี นรูใ้ ห้กับเดก็ ปฐมวัย ซ่ึงเราสามารถแบ่งสื่อ การเรียนการสอนท่ีใช้ในการพัฒนาเด็ก ได้แก่ ส่ือที่ใช้ประกอบการจัด ประสบการณ์, ส่ือในมุม ประสบการณ์ หรอื ศูนย์การเรยี นรู้ สื่อที่นามาใช้ในการจัดกิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ส่ือทีใ่ ช้ในการกากบั จังหวะ กบั สอ่ื ทใี่ ชป้ ระกอบการเคลอ่ื นไหว ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 1. ส่ือที่ใช้ในการกากับจังหวะ หรือเคร่ืองเคาะจังหวะ สามารถแยกประเภทตามลักษณะ ของการใชเ้ ปน็ 4 ประเภท ดังนี้ 1.1 เคร่ืองกระทบ ได้แก่ เครื่องดนตรีที่เกิดเสียงจากการตี การสั่น การเขย่า การเคาะ หรือการขูด การตีอาจจะใช้ไม้ตีหรืออาจจะใช้สิ่งหนึ่งกระทบเข้ากับอีกส่ิงหนึ่งเพื่อทา ให้เกิดเสียง เคร่อื งกระทบประกอบข้ึนดว้ ยวสั ดทุ ี่เปน็ ของแข็งหลายชนิด เช่น โลหะ ไม้ หรือแผ่นหนังขึงตึง แบ่ง ออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ 1) เครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงแน่นอน ( Definite Pitch Instruments) เคร่ือง ดนตรีกลุ่มนี้มีระดับเสียงสูงต่าเหมือนกับเครื่องดนตรีประเภทอ่ืน เกิดเสียงโดยการตีกระทบ ส่วน ใหญต่ ีกระทบเป็นทานองเพลงได้ เช่น ระนาดเลก็ กรบั สเปน แทมบรู ีน ลูกแซก 2) เครือ่ งดนตรีที่มรี ะดับเสียงไม่แน่นอน ( Indefinite Pitch Instruments) เครื่อง ดนตรกี ลุ่มน้ีไม่มีระดับเสยี งท่แี น่นอน หน้าท่ีสาคัญคือ ใช้เป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ เกิดเสียง โดยการตี สั่น เขยา่ เคาะ หรอื ขูด เช่น ฉิ่ง กิ๋ง กรับ รามะนา กลอง แทมบูรีนแบบแท่ง ไม้กระดิ่ง เกราะไม้ 1.2 เครื่องตี เป็น เคร่ืองดนตรีท่ีทาให้เกิดเสียงดนตรีด้วยการใช้ของสองสิ่งกระทบกัน ดว้ ยการตี มหี ลายชนิด ที่เป็นประเภทเคร่ืองตี ได้แก่ เครื่องดนตรีทาด้วยไม้ เคร่ืองดนตรีทาด้วย เหล็ก และเคร่ืองดนตรีทาด้วยหนัง เครื่องตีท่ีเหมาะกับเด็กปฐมวัยประกอบด้วย กลอง กิ๋ง กรับ ฉาบ ฉงิ่ ฆ้อง 1.3 เคร่อื งเคาะ สามารถทาให้เกิดเสียงตามจังหวะท่ีเราต้องการ รูปแบบการเคาะ คือ เคาะทฝ่ี ่า เคาะทโ่ี คนขา หรอื เขา่ เพอ่ื ให้เกิดเสียง เครอ่ื งเคาะประกอบดว้ ย กลอง รามะนา 1.4 เคร่ืองเป่า เด็กปฐมวัยชอบเป่ามากเครื่องเป่าท่ีทาให้เด็กปฐมวัยสนใจ ได้แก่ นกหวีด เพราะนกหวีดจะเป็นอุปกรณ์ท่ีได้รับความนิยมใช้กากับจังหวะ ปัจจุบันสามารถประดิษฐ์ เพอ่ื ใช้เองไดแ้ ก่ หญ้าปลอ้ ง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง141 ภาพท่ี 9.7 สอ่ื ทใี่ ชใ้ นการกากบั จงั หวะและประกอบการเคลอ่ื นไหว ทม่ี า : https://shopee.co.th 2. ส่ืออุปกรณ์ประกอบการเคล่ือนไหว เช่น หนังสือพิมพ์ ริบบิ้น แถบผ้า ห่วงหวาย ห่วง พลาสติก ถุงทราย ฮูลาฮูป ยางวง เชือก ลูกโป่ง ผ้าผืนใหญ่ หมวก อุปกรณ์สามารถผลิตข้ึน เพือ่ ให้สอดคล้องกับหน่วยการเรยี นรู้ เชน่ บตั รคา บัตรภาพ ป้ายคล้องคอ ธง ที่คาดศรีษะ ภาพท่ี 9.8 ภาพเด็กเคลื่อนไหวประกอบอปุ กรณ์ ที่มา : https://pixergirl.wordpress.com/ บทบาทและคุณคา่ ของสือ่ จากคุณสมบตั ิทแี่ สดงออกจากตวั ของส่ือเองก็ดี และจากผลการวิจัยต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า สอื่ มี บทบาทและคุณค่าหลายประการ ดงั น้ี 1. ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรไู้ ดด้ ขี ้นึ จากประสบการณ์ท่มี คี วามหมายในรูปแบบต่าง ๆ 2. ชว่ ยใหผ้ ้เู รยี น เรยี นรไู้ ดม้ ากขึ้น โดยใช้เวลานอ้ ยลง 3. ชว่ ยให้ผเู้ รียนมีความสนใจในการเรยี น และมีส่วนรว่ มในการเรยี นอยา่ งกระฉบั กระเฉง 4. ชว่ ยใหผ้ ูเรียนเกดิ ความประทับใจ มนั่ ใจ และจดจาไดน้ าน 5. ช่วยสง่ เสริมการคิด การแก้ปญั หาในการเรียนรู้ 6. ชว่ ยให้สามารถเอาชนะข้อจากัดต่าง ๆ ในการเรยี นรไู้ ด้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง142 การวัดและประเมนิ พัฒนาการของเด็กปฐมวยั ความหมายของการวดั และประเมินผล การวัดผล (Measurement) หมายถึง กระบวนการที่กาหนดตัวเลขเพื่อแสดงปริมาณของ พฤติกรรมของนักเรียน หรือการกาหนดตัวเลขให้กับวัตถุหรือเหตุการณ์ต่างๆ อาจเป็นการสังเกต หรือทดสอบพฤติกรรมของบุคคลใด บุคคลหนึ่งแล้วกาหนดตัวเลข หรือคะแนนให้กับสิ่งท่ีวัดตาม เกณฑท์ ีก่ าหนดไว้ การประเมินพัฒนาการ ( Assessment) หมายถึง กระบวนการสังเกตพฤติกรรมของเด็ก ในขณะทากจิ กรรมแล้วจดบันทึกลงในเครือ่ งมือท่คี รูผู้สอนสร้างข้ึนหรือกาหนดข้ึนอย่างต่อเนื่อง เพื่อ เปรียบเทยี บพฤติกรรมทเี่ ดก็ แสดงออกในแต่ละครั้ง เปน็ ข้อมูลในการพฒั นากิจกรรมให้เด็กได้รับการ พฒั นาอย่างเตม็ ตามศักยภาพ แนวปฏบิ ตั ใิ นการวดั และประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวัย ในระดับปฐมวยั เป็นการวัดและประเมนิ ทม่ี ุง่ เน้นตรวจสอบพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ประกอบกับการจัดการ เรียนให้กับเด็กในระดับการศึกษานี้ ยังไม่มุ่งเน้นการอ่านและการเขียนเป็นหลัก สรุปแนวปฏิบัติได้ ดงั น้ี 1) ใช้วิธีการวัดและประเมินรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เช่น การสังเกตพฤติกรรม การพดู คยุ การซกั ถาม การตรวจสอบช้นิ งาน เปน็ ตน้ โดยครูผ้สู อนจาเป็นต้องจัดทาแบบสังเกต แบบ สัมภาษณ์ แบบตรวจสอบรายการ และแบบประเมนิ พัฒนาการดา้ นต่าง ๆ ของผเู้ รยี น 2) มีการประสานขอความร่วมมือจากผู้ปกครองให้เข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน พัฒนาการของผูเ้ รยี นอยา่ งตอ่ เน่อื ง 3) ทาความเขา้ ใจกบั ผูป้ กครองในการจัดสง่ ข้อมลู สารสนเทศผลการประเมินพัฒนาการหรือ พฤติกรรมของผู้เรียนยอ้ นกลบั ให้ครผู ้สู อนผา่ นเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบตา่ ง ๆ 4) สามารถไปตรวจเย่ียมบ้านของเด็ก เพ่ือประเมินและตรวจสอบพัฒนาการของเด็ก โดย คานงึ ถึงสภาพและความพรอ้ มของแต่ละพ้ืนท่ี 5) เน้นการประเมนิ พัฒนาการของเดก็ เพือ่ มงุ่ การพฒั นาและเสริมสร้างพัฒนาการเด็กเป็น รายบคุ คล หลักการประเมนิ พัฒนาการ 1. วางแผนการประเมินพฒั นาการอยา่ งเป็นระบบ 2. ประเมนิ พัฒนาการเดก็ ครบทกุ ดา้ น สอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์ ตวั บง่ ช้ี และสภาพทีพ่ งึ ประสงค์แต่ละวัยทีก่ าหนดไวใ้ นหลักสตู รสถานศึกษา และสอดคล้อง กับวิสัยทัศน์ของหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช 2560 3. ประเมนิ พฒั นาการเดก็ เป็นรายบคุ คลอย่างสมา่ เสมอต่อเนือ่ งตลอดปี 4. ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจาวันด้วยเครื่องมือและวิธีการที่ หลากหลาย ไมค่ วรใชแ้ บบทดสอบ 5. สรุปผลการประเมนิ จัดทาข้อมูล และนาผลการประเมนิ ไปใช้พัฒนาเด็ก
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง143 แนวทางการประเมนิ พัฒนาการ หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 กาหนดแนวทางการประเมินพัฒนาการเด็ก ปฐมวัยโดยยดึ พัฒนาการเด็กปฐมวัยทั้ง 4 ดา้ น ดงั นี้ 1. การประเมินพฒั นาการดา้ นรา่ งกาย ประกอบด้วย การประเมินน้าหนักและส่วนสูงตาม เกณฑ์ สุขภาพอนามัย สุขนิสัยท่ีดี การรู้จักความปลอดภัย การเคลื่อนไหวและการทรงตัว การเล่น และการออกกาลังกาย และการใชก้ ล้ามเนือ้ เลก็ อยา่ งประสานสมั พนั ธ์กนั 2. การประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย การประเมินความสามารถใน การแสดงออกทางอารมณอ์ ย่างเหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ ความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อ่ืน มี ความเห็นอกเห็นใจ ความสนใจ ความสามารถ และมีความสุขในการทางานศิลปะ ดนตรี และการ เคลื่อนไหว ความรับผิดชอบในการทางาน ความซื่อสัตย์สุจริตและรู้สึกถูกผิด ความเมตตากรุณา มี น้าใจและชว่ ยเหลือ แบ่งเป็น ตลอดจนการประหยัด อดออม และพอเพียง 3. การประเมินพฒั นาการด้านสงั คม ประกอบด้วย การประเมินความมีวินัยในตนเอง การ ช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน การระวังภัยจากคนแปลกหน้าและสถานการณ์ท่ี เสี่ยงอันตราย การดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การมีสัมมาคารวะและมารยาทตาม วัฒนธรรมไทย รักความเป็นไทย การยอมรับความเหมือนความแตกต่างระหว่างบุคคล การมี ปฏสิ ัมพันธ์ทีด่ ีกบั ผอู้ ืน่ การปฏบิ ตั ิตนเบื้องต้นในการเปน็ สมาชิกทดี่ ขี องสงั คมในระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข 4. การประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา ประกอบด้วย การประเมินความสามารถในการ สนทนา โต้ตอบและเล่าเร่ืองให้ผู้อ่ืนเข้าใจ ความสามารถในการอ่าน เขียนภาพ และสัญลักษณ์ ความสามารถในการคดิ รวบยอด การคิดเชงิ เหตุผล การคิดแก้ปัญหาและตัดสินใจ การทางานศิลปะ การแสดงทา่ ทาง/เคลอ่ื นไหวตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ การมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้ และความสามารถในการแสวงหาความรู้ ขน้ั ตอนการประเมนิ พฒั นาการ การประเมินพัฒนาการตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเกิดข้ึน ในห้องเรียนขณะจัด ประสบการณ์การเรียนร้แู ละการปฏบิ ัติกจิ วัตรประจาวนั ของเดก็ มีขน้ั ตอนดังนี้ 1. วเิ คราะหม์ าตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพท่ีพึงประสงค์ และการกาหนดประเด็นการประเมนิ 2. กาหนดวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการ วิธีการท่ีเหมาะสมและนิยม ใชใ้ นการประเมนิ เด็กปฐมวยั มีดังนี้ 2.1 การสังเกตและการบันทึก แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ 1) การสังเกตแบบเป็น ทางการคอื การสงั เกตอยา่ งมจี ุดมุ่งหมายท่ีแน่นอนตามแผนที่วางไว้ และ 2) การสังเกตแบบไม่เป็น ทางการ คือ การสงั เกตในขณะท่ีเดก็ ทากิจกรรมประจาวนั และเกดิ พฤตกิ รรมทไี่ ม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น โดยบันทึกการสงั เกตลงในแบบบนั ทึกพฤตกิ รรม หรอื แบบสารวจรายการ 2.2 การบันทึกการสนทนา เป็นการบันทึกการสนทนาท้ังแบบเป็นกลุ่มหรือรายบุคคล เพ่ือประเมินความสามารถ ในการแสดงความคิดเห็นและพัฒนาการด้านการใช้ภาษาของเด็ก ความสามารถในการคิดรวบยอด การแก้ปัญหา รวมถึงพัฒนาการด้านสังคม อารมณ์ จิตใจ โดย บนั ทกึ ผลการสนทนาลงในแบบบนั ทึกพฤตกิ รรมหรอื บนั ทึกรายวนั
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง144 2.3 การสัมภาษณ์ เป็นวิธีการพูดคุยกับเด็กเป็นรายบุคคล เป็นการประเมิน ความสามารถทางสติปัญญาของเด็กและค้นพบศักยภาพในตัวเด็กได้ โดยบันทึกข้อมูลลงในแบบ สัมภาษณ์ 2.4 สารนิทัศน์สาหรบั เด็กปฐมวัยเพ่ือการประเมินพัฒนาการ การจัดทาสารนิทัศน์เพ่ือ การประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั มีหลายรูปแบบ ไดแ้ ก่ พอร์ตโฟลโิ อสาหรบั เด็กเปน็ รายบุคคล การ บรรยายเก่ียวกับเรื่องราวหรือประสบการณ์ท่ีเด็กได้รับ การสังเกตและบันทึกพัฒนาการเด็ก การ สะท้อนตนเองของเดก็ และผลงานรายบคุ คลและรายกลมุ่ 2.5 การประเมินการเจรญิ เติบโตของเดก็ เป็นการประเมินการเจริญเติบโตด้านร่างกาย ของเด็ก ซึ่งการพิจารณาการเจริญเติบโตในเด็กท่ีใช้ทั่ว ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ น้าหนัก ส่วนสูง เสน้ รอบศรี ษะ ฟัน และการเจริญเตบิ โตของกระดกู การกาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ และระดับคณุ ภาพ การกาหนดเกณฑ์การประเมินและการให้ระดับคุณภาพผลการประเมินพัฒนาการของเด็ก ตอ้ งครอบคลมุ พัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย อารมณ์- จิตใจ สังคม และสติปัญญา และ ควรสะท้อนมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์หรือพฤติกรรมที่จะ ประเมนิ สามารถกาหนดระดบั คณุ ภาพเปน็ ระบบตัวเลข เช่น 3 , 2 , 1 หรือ เป็นระบบท่ีใช้คาสาคัญ เชน่ ดี, พอใช้, ควรสง่ เสรมิ การดาเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล การเก็บข้อมูลการประเมินพัฒนาการ ควรทาการสังเกตพฤติกรรมของเด็กเป็นรายบุคคล หรือรายกลมุ่ ดว้ ยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การพูดคุย หรือสัมภาษณ์เด็ก หรือการประเมินผลงาน/ ชิ้นงานของเด็กอย่างเป็นระบบ เพื่อรวบรวมข้อมูลพัฒนาการของเด็กให้ครอบคลุมเด็กทุกคนแล้ว สรุปลงในแบบบันทึกผลการประเมินสภาพที่พึงประสงค์ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลผลการประเมิน พฒั นาการเด็กตามสภาพท่พี ึงประสงค์ควรเกบ็ รวบรวมข้อมูลเป็นรายบุคคล โดยสภาพที่พึงประสงค์ 1 ตัว ควรได้รับการประเมินพัฒนาการอย่างน้อย 2 คร้ังต่อ 1 ภาคเรียน ระยะแรกควรเป็นการ ประเมินเพื่อความก้าวหน้าไม่ควรเป็นการประเมินเพื่อตัดสินพัฒนาการของเด็ก ดังน้ัน การเก็บ รวบรวมขอ้ มูลพฤตกิ รรมทีแ่ สดงถงึ พัฒนาการของเดก็ ควรดาเนินอย่างตอ่ เนือ่ ง มีการประเมินซ้าของ พฤติกรรมนัน้ ๆ เพ่อื ยืนยนั ความเชือ่ ม่นั ของผลการประเมิน การสรปุ ผลการประเมินพฒั นาการเดก็ การสรปุ ผลการประเมนิ พฒั นาการเด็กตามสภาพทีพ่ ึงประสงค์ต้องสรปุ ให้ครบทกุ สภาพท่ีพึง ประสงค์ เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การสรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็กรายตัวบ่งช้ี รายมาตรฐาน คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ และในภาพรวมพัฒนาการรายด้านของเด็กแต่ละคน ดาเนินการภาคเรียน ละ 1 คร้งั ควรใช้ฐานนิยม(Mode) เพ่ือสรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็กตามสภาพท่ีพึงประสงค์ใน แตล่ ะตัวบง่ ชี้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง145 สรุปทา้ ยบท แผนการจัดประสบการณเปนเครอื่ งมือสาคญั ในการจัดประสบการณใหแกเด็กชวยใหผูสอน สามารถจัดประสบการณการเรียนรูสาหรับเด็กไดอยางราบร่ืนและมีประสิทธิภาพ และพัฒนาครบ ทกุ ดา้ น บรรลจุ ดุ มงุ่ หมายตามการวางแผนการจัดประสบการณ์น้ัน สิ่งสาคัญท่ีควรคานึงถึง คือ การ ออกแบบกิจกรรมตามหลักการทางานของสมอง การจัดการเรียนรู้แบบลงมือกระทาหลังจากจัด ประสบการณค์ วรทาบันทกึ หลังสอน ข้ันตอนการจดั ทาแผนการจัดประสบการณ์ ต้องศึกษาทาความ เข้าใจหลักสูตรสถานศึกษา. ออกแบบการจัดประสบการณ์ ตามรูปแบบการจัดประสบการณ์ท่ี กาหนดไว้ ส่วนการเขียนแผนการจัดประสบการณ์ลีลา จังหวะและการเคลื่อนไหวจะเป็นการเขียน แผนที่มีลักษณะเฉพาะเน้นการออกแบบกิจกรรมท่ีตอบสนองธรรมชาติของเด็ก สอดคล้องกับ มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือกิจกรรม พ้นื ฐานที่เน้นองค์ประกอบในการเคล่ือนไหวและกิจกรรมสัมพันธ์เน้ือหาที่มีรูปแบบการจัดกิจกรรม ประกอบด้วย การเคลื่อนไหวประกอบเพลงหรือคาคล้องจอง การปฏิบัติตามคาสั่ง การปฏิบัติตาม ขอ้ ตกลง การเปน็ ผู้นาผู้ตาม การเคลอื่ นไหวตามจินตนาการประกอบคาบรรยาย ในการจัดกิจกรรม ควรมกี ารนาส่ือมาใชป้ ระกอบการเคลอ่ื นไหวเพ่อื กระต้นุ การเรียนรแู้ ละตอบสนองความต้องการของ เดก็ สอื่ ที่ใช้ ได้แก่ แทมบูรีน ฉิ่ง กลอง ซ่ึงเป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ในการกากับจังหวะ นอกจากนั้นสามารถ นาส่ือมาใช้ประกอบการเคลื่อนไหว ได้แก่ ห่วงหวาย ฮูลาฮูป เชือก ผ้า ทาให้เด็กๆสนุกกับลีลา จังหวะและการเคลอื่ นไหวได้ดี และเมื่อผา่ นกระบวนการในการจดั กจิ กรรมตอ้ งมกี ารวัดและประเมิน พัฒนาการเด็กตามสภาพทพี่ ึงประสงค์ต้องสรุปให้ครบทุกสภาพท่ีพึงประสงค์ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ สรปุ ผลการประเมินพัฒนาการเดก็ รายตัวบ่งชี้ คาถามท้ายบท 1. เพราะเหตใุ ดครถู งึ ตอ้ งทาแผนการจดั ประสบการณ 2. สิ่งสาคญั ที่ควรคานึงถงึ ในการเขียนแผนการจดั ประสบการณส์ าหรบั เด็กปฐมวยั คอื อะไร 3. จงอธบิ ายขน้ั ตอนการจดั ทาแผนการจัดประสบการณ์ 4. การกาหนดหวั เรื่องหรอื ชือ่ หน่วยการจัดประสบการณ์ สามารถทาไดก้ ว่ี ธิ ีอะไรบา้ ง 5. จงสรุปองคป์ ระกอบสาคญั ในการกาหนดรายละเอียดของหน่วยการจดั ประสบการณ์ 6. ประสบการณ์สาคัญคอื อะไร มีความสาคัญอยา่ งไร 7. จงวิเคราะหค์ วามแตกต่างของการเขียนแผนการจดั ประสบการณร์ ายสัปดาหก์ ับรายวนั 8. แผนการจัดประสบการณ์ที่ดีควรมลี กั ษณะอย่างไร 9. องค์ประกอบของแผนการจดั ประสบการณ์ลีลา จังหวะ และการเคล่ือนไหวมอี ะไรบ้าง 10. กิจกรรมสมั พันธ์กบั เนอ้ื หาประกอบด้วยกิจกรรมอะไรบ้างอธบิ ายใหช้ ดั เจน
146 เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). คมู่ อื หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช 2560. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ คุรสุ ลาดพรา้ ว. ธเนศพล อินทรจ์ นั ทร.์ “แนวทางพฒั นาการจดั การศกึ ษาระดบั ปฐมวัยของศนู ยพ์ ฒั นาเด็ก เลก็ ในเขตอาเภอพรหมพริ าม จงั หวัดพิษณโุ ลก สงั กัดองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ในเขตอาเภอพรหมพริ าม จงั หวัดพิษณโุ ลก” วารสาร มจร สังคมศาสตร์ ปริทรรศน์, 9(1), 59-68. นภเนตร ธรรมบวร.(2549)การประเมินผลพัฒนาการเดก็ ปฐมวัย.กรงุ เทพมหานคร : สานักพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. นิตยา ภัสสรศิริ. (2556). การพฒั นาระบบประกนั คุณภาพสาหรับสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย ท่ีเหมาะสมกบั ท้องถ่นิ . นนทบรุ ี: มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. สริ ิมา ภญิ โภอนันตพงษ์.(2547)การวดั และประเมินเด็กแนวใหม่ : เด็กปฐมวัย. กรุงเทพมหานคร : ภาควชิ าหลักสูตรและการสอน สาขาการศึกษาปฐมวัย คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ,2547 สิรริ ัตน์ นาคิน. (2557). ทาไมต้องเขียนแผน ชา่ งเป็นไม้เบ่อื . สบื คน้ เมอ่ื 3 ธนั วาคม 2564 จาก https://www.gotoknow.org/posts/421258 สานกั ทดสอบทางการศกึ ษา.(2564).แนวทางการวดั และประเมนิ ผลในชน้ั เรียนใน สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) สืบคน้ เมื่อ 4 ธนั วาคม 2564 จาก https://www.kroobannok.com/89273 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 147 บรรณานกุ รม กมลพรรณ ชวี พนั ธศุ ร.ี (2545). สมองกับการเรียนร.ู้ (พิมพ์ครัง้ ที่ 2). กรงุ เทพฯ. กรมวิชาการ,กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2561). คูม่ อื หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช 2560 สาหรบั เดก็ อายุ 3-6 ปี. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทยจากดั . กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช 2560. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พค์ รุ ุสภา ลาดพร้าว. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2564). คมู่ ือหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช 2560 สาหรบั เด็กอายุ 3-6 ปี. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทยจากัด. กระทรวงศึกษาธิการ. (2561). นโยบาย : 2 การจดั การศึกษาปฐมวยั . สืบค้นเม่ือ 17 กันยายน 2564, จาก http://www.reo3.moe.go.th/web/images/download กานตร์ วี บษุ ยานนท.์ (2560).รปู แบบการสอนที่สอดคล้องกบั การเรยี นรูข้ องสมอง(Brain-Targeted Model) กับการพัฒนาสมองและการเรยี นร.ู้ วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี,12(2). กุลยา ตนั ติผลาชีวะ. (2551). การจัดกิจกรรมการเรยี นรสู้ าหรับเด็กปฐมวัย.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มติ ร สัมพนั ธก์ ราฟฟคิ . _______.(2551). รปู แบบการเรียนการสอนปฐมวัยศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ ิตรสมั พนั ธ์กราฟฟิค. กัญยวรรณ ยนตก์ ลาง. (2558). ดนตรกี ับพัฒนาการของเดก็ ปฐมวยั . สืบค้นเม่ือ 19 ตุลาคม 2564, จาก https://sites.google.com/site/biebiwkongooo/ โกมล ศรีทองสขุ . (2563).“ละครสร้างสรรค์สู่การพัฒนาเด็ก”.วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ปีท่ี 24 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563) . คณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ. ( 2536 ). แนวการจัดการศึกษากอ่ นประถม. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ ครุ ุสภา. คณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาต,ิ สานกั งาน. (2538). แผนการจดั ประสบการณช์ ั้นอนบุ าลท่ี 1เล่ม 1. พิมพ์ครั้ง 5 กรุงเทพฯ : ครุ สุ ภาลาดพร้าว. จอหน์ สนั แอนด์ จอหน์ สนั . ( ม.ป.ป.). รวมเรือ่ งเยาว์... เลา่ สู่กัน. สืบคน้ เม่ือ 10 ตุลาคม 2564, จาก http://www.binidia.com/designinth/children/intro_t.html จกั รพนั ธ์ เพญ็ ศริ .ิ (2548). วันสุนทราภรณแ์ ละ 25 ปผี รู้ ่วมงาน. กรงุ เทพฯ : ศกั ด์ิโสภาพิมพ์. จันทร์กฤษณา ผลวิวฒั น.์ (2556). การเรยี นพิเศษสาหรับเดก็ ปฐมวยั . สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2561, จาก http://taamkru.com/webboard จนิ ตนา พฒั นพงศ์ธรและคณะ. (2561). รายงานการศึกษาปัจจยั ท่มี ผี ลต่อพัฒนาการเดก็ ปฐมวยั ไทยคร้งั ท่ี 6 พ.ศ.2560. กลุ่มสนบั สนุนวชิ าการและการวจิ ัยสานกั ส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย. จุฑามาส วรโชตกิ าจร.(2556). พัฒนาการดา้ นอารมณ์และสังคม. ตารางพฒั นาการและพฤติกรรมเดก็ เล่ม 3 การดแู ลเด็กสขุ ภาพด.ี พิมพค์ รั้งที่ 1 บรษิ ัท บียอนตเ์ อน็ เทอร์ไพรซจ์ ากดั .
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 148 ชนาธิป พรกุล.( 2554). การสอนกระบวนการคิด. กรุงเทพฯ : วี.พรนิ้ ท. ณรุทธ์ สุทธจติ ต์. (2541). การเรียนรู้เรือ่ งระดบั เสยี งของเดก็ ปฐมวยั . กรงุ เทพฯ : ศูนย์วจิ ัยการสอน คณะ ครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. _______. (2547). กิจกรรมดนตรสี าหรับครู. กรงุ เทพฯ : โครงการตาราและเอกสารทางวิชาการ คณะครุ ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. _______. (2537). หลักการของโคคายสกู่ ารปฏิบตั ิ วิธกี ารดา้ นดนตรศี ึกษาโดยการสอนแบบโคดาย. กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. _______.(2541).จิตวิทยาการสอนดนตรี. พิมพค์ ร้งั ท่ี 4. กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ดนู จีระเดชะกลุ . (2541). นนั ทนาการสาหรับเด็ก. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานิช. ทวีศักดิ์ สิรริ ตั น์เรขา. (2547). การจดั ประสบการณ์การเรียนร้เู พอื่ ส่งเสรมิ พัฒนาการของเด็กปฐมวยั . สืบค้นเมื่อ 22 ธนั วาคม 2564 จาก https://wbscport.dusit.ac.th/artefact/file/download เทศบาลเมืองกระท่มุ ล้ม.(2563). กจิ กรรมเสริมสรา้ งประสบการณเ์ รยี นรู้เด็กปฐมวยั (กจิ กรรมเคลื่อนไหว จงั หวะ). สบื ค้นเมอื่ 11 พฤศจกิ ายน 2564, จาก http://krathumlom.go.th/public/activity/ ธนาภร สขุ ยงิ่ .(2553). ผลของการจัดกิจกรรมละครสร้างสรรค์ท่ีมตี ่อความเชอื่ ม่นั ในตนเองของเดก็ ปฐมวยั . ปรญิ ญานพิ นธ์ กศ.ม. (การศกึ ษาปฐมวัย). กรงุ เทพฯ : บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศรี นครินทรวโิ รฒ. ถา่ ยเอกสาร. ธวชั ชยั นาควงษ.์ (2543). การสอนดนตรีสาหรับเด็ก. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พ์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ นพเนตร ธรรมบวร,และอารยา สขุ วงศ.์ (2541). รูปแบบการจัดการเรียนการสอนสาหรบั เด็กต่ากว่า 3 ปี. กรงุ เทพฯ : สถาบนั ราชภัฏสวนดุสิต. นพวรรณ ศรวี งคพ์ านชิ . (2556). การส่งเสริมพัฒนาการ. ตาราพฒั นาการและพฤตกิ รรมเด็ก เล่ม 3 การ ดแู ลเดก็ สขุ ภาพด.ี พมิ พ์คร้ังที่ 1. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท บยี อนด์ เอ็นเทอรไ์ พรซ์ จากดั . นภาพร ฟักมี. (2552). ผลของกจิ กรรมดนตรีทม่ี ีตอ่ ความคิดสร้างสรรค์ทางศลิ ปะของนกั เรียนช้ัน ประถมศึกษาปที ี่ 5 โรงเรยี นวัดยางสุทธาราม เขตบางกอกนอ้ ย กรุงเทพมหานคร. ปรญิ ญานพิ นธ กศ.ม. กรงุ เทพฯ : บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ . ถายเอกสาร. บอยอธิป.(2562). กลไกสมอง 2 ซีกกับความคดิ สร้างสรรค์ของมนษุ ย์. สบื ค้นเม่อื 25 กนั ยายน 2564, จาก https://www.blockdit.com/posts/5d88cf588796d712b0be4528 บญุ ศริ ิ นิยมทัศน์. (2561). การจดั กจิ กรรม ร้อง เล่น เต้น รา สาหรับเด็กและเยาวชนในชุมชนศาลเจา้ พอ่ สมบุญ 54. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนคร. ปยิ กมล เปลง่ อรณุ . (2540). การเปรียบเทยี บความคิดสร้างสรรคข์ องเด็กปฐมวยั จากการทากจิ กรรมวาดรปู เปน็ กลมุ่ กับเปน็ รายบคุ คลหลงั การทากจิ กรรมเคลือ่ นไหวประกอบเพลง. ศศม. (เทคโนโลยี การศกึ ษา). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ ผุสดี กุฏอนิ ทรแ์ ละจริ ะประภา บุณยนติ ย์. (2547). “การแสดงออกของเดก็ ปฐมวยั ”. ใน เอกสารการสอนวชิ า วรรณกรรมและลลี าคดีระดบั ปฐมวยั ศึกษา. (เล่มท่ี 2, หน้า 5). พิมพ์ครงั้ ท่ี 6.นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช.
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 149 พรพิมล เวสสวสั ด.์ิ (2557). ผลของการจัดกจิ กรรมเคลอ่ื นไหวและจังหวะโดยใช้แนวคิดการเต้นเชิง สรา้ งสรรคท์ ่ีมตี ่อความคิดสรา้ งสรรค์ของเดก็ อนุบาล. วทิ ยานพิ นธ.์ ค.ม.กรงุ เทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. พวงทอง ไสวรรณ. (2530). กิจกรรมพลศึกษากับเดก็ ปฐมวยั . ปรญิ ญานิพนธ กศ.ม.(พลศกึ ษา). กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ.ถา่ ยเอกสาร. พฒั นาการมนุษย์. (2559). พัฒนาการมนุษย์. สบื ค้นเม่ือวันที่ 14 มิถนุ ายน 2559, จาก: http://youknow.50webs.com/gp3.html พชั รี จว๋ิ พฒั นกุล. (2559). รายงานการวิจยั เร่อื ง การพัฒนาแบบคดั กรองพฒั นาการสาหรับเด็กปฐมวัย มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสงขลา. พชิ ิต ภมู จิ ันทร์และธงชยั มาศสุพงศ(์ 2531). กจิ กรรมเขา้ จงั หวะ. พมิ พ์คร้งั ท่ี 2 กรงุ เทพฯ : สานักพมิ พ์ โอเดียนสโตร์. พึงจิตต์ สวามภิ กั ด์ิ. (2532). ดนตรีและการขับรอ้ ง. วารสารครุศาสตร์ 8 (กรกฎาคม-ธนั วาคม) : 69-73. ภูมรินทร์ ฝาชัยภูม.ิ (2560). ผลการเรยี นรขู้ องนักเรียนท่ใี ช้ชดุ การฝกึ กีตา้ ร์เบ้ืองตน้ ตามแนวคดิ ของ ซูซูกิในโรงเรยี นดนตรีวรรณกานตจ์ งั หวัดขอนแกน่ . (วทิ ยานิพนธ์มหาบัณฑิต). มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ยุวดา บญุ แจ่ม.(2555). โครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของระบบอวัยวะ. สบื ค้นเมอ่ื 26 กันยายน 2564,จาก https://sites.google.com/site/yuwada36/ เยาวพา เดชะคปุ ต.์ (2542). ดนตรแี ละกจิ กรรมเข้าจงั หวะสาหรบั เดก็ ปฐมวยั . กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พแ์ มค็ . ระลึก สัทธาพงศ.์ (2549). เพลงคา่ ยพักแรม. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน. กรงุ เทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. โรงเรยี นแสงวทิ ยา.(2561). เคล่อื นไหวตามคาส่งั . สบื คน้ เมอ่ื 10 ธันวาคม 2564,จาก https://m.facebook.com/Saengvitthaya.school ลดาวลั ย์ ประทปี ชัยกรู .(2546). การพยาบาลเพอื่ สง่ เสรมิ สขุ ภาพเดก็ ปฐมวยั . สงขลา.มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์. ละออ ชตุ กิ ร. (2537). “เพลงและดนตรสี าหรับเด็กปฐมวยั ” ใน เอกสารการสอนชดุ วชิ าวรรณกรรม และลีลาคดีระดับปฐมวยั ศึกษาหน่วยที่ 7. นนทบรุ ี : มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. ละไม สีหาอาจ. (2551). การส่งเสรมิ พัฒนาการด้านรา่ งกายของเด็กปฐมวยั โดยการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหว เชิงสร้างสรรค์. ปริญญานพิ นธ์ กศ.ม. มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. กรงุ เทพมหานคร. วรศกั ดิ์ เพยี รชอบ. (2560). รายงานกิจกรรมกลางแจง้ สาหรับเดก็ ปฐมวยั . สืบคน้ เมื่อ 10 มีนาคม 2560, เข้าถงึ ได้จาก http://ecedsec3.blogspot.com/2014/03/ วรศกั ด์ิ เพียรชอบ. (2548). รวมบทความ หลักการ วิธกี ารสอนและการวัดเพ่อื ประเมินผลทางพลศึกษา. พมิ พ์ครัง้ ท่ี 1. กรงุ เทพฯ: สานักพมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย. _______. (2527). หลกั และวิธสี อนพลศกึ ษา. กรุงเทพฯ. วฒั นาพานชิ . วารณุ ี สกลุ ภารกั ษ์ ,วรรณอาภา หฤทัยงาม.(2562.) ดนตรแี ละกิจกรรมเคลอื่ นไหวสาหรบั เดก็ ปฐมวยั . สืบคน้ เม่อื 10 ตุลาคม 2564, file:///C:/Users/USER/Downloads/211742-Article
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 150 วิทยา ไลท้ อง (2557). การสอนดนตรีตามแนวคิดของออรฟ์ (Orff Schulwerk) : การสอนดนตรแี บบ สรา้ งสรรค์ ในการประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ ารและสัมมนากลมุ่ ยอ่ ย ในงาน EDUCA 2014 (15 ตุลาคม 2557 หนา้ 4) กรุงเทพฯ : EDUCA 2014. วมิ ลรตั น์ วิมลรัตนะกุล. (2547). การพฒั นาโปรแกรมสง่ เสรมิ ความสามารถทางการขบั รอ้ งของครูปฐมวยั ในการจัดประสบการณ์การเรยี นรใู้ หเ้ ดก็ อนบุ าลโดยการประยุกต์ใช้แนวคดิ ทางดนตรีของโคดาย. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (ปฐมวยั ) กรุงเทพฯ : บัณฑติ วทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. (2560). เอกสารโสตทัศน์ชดุ วชิ า จติ วทิ ยาและวทิ ยาการการเรียนรูก้ าร สอนเสรมิ ครง้ั ที่ 1 หน่วยท่ี 1-7. พิมพ์ครัง้ ท่ี 1. นนทบรุ :ี มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช.( 2560). พฒั นาการและการเรียนรขู้ องเด็กปฐมวัย. นนทบรุ ี : สาขาวชิ า ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมธิราช. แมน่ อ้ งเลก็ . (2561). ฟงั เพลงตอนทอ้ ง ช่วยลกู ฉลาดจริงหรอื ?. สืบค้นเมอ่ื 3 ตลุ าคม 2564 จาก https://www.amarinbabyandkids.com แม่หยิงหยิง. (2563). 20 เน้ือเพลงกล่อมเดก็ พฒั นาสมอง ชว่ ยลูกเรียนรูเ้ รว็ และอารมณ์ด.ี สืบค้นเมือ่ 18 ตลุ าคม 2564. จาก https://www.amarinbabyandkids.com ศนั สนยี ์ ฉัตรคปุ ต์ และคณะ.(2544). การเรยี นร้อู ย่างมีความสขุ : สารเคมีในสมองกับความสขุ และ การเรยี นร้.ู (พิมพ์คร้งั ที่1). กรุงเทพฯ: สยามสปอร์ต ซินดิเคท. สมชาย ดุรงคเ์ ดช.(2543). โภชนาการและความสมั พันธข์ องจติ วิทยาสงั คมต่อการพฒั นาดา้ นสติปัญญา ของเดก็ ในเขตเมอื ง. กรงุ เทพฯ: ภาควิชาโภชนาการ. คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล, สมโภชน์ เอี่ยมสภุ าษิต. (2550). ทฤษฎแี ละเทคนคิ การปรับพฤตกิ รรม = Theories and techniques in behavior modification. พิมพ์ครัง้ ที่ 6. กรงุ เทพมหานคร : ศนู ยห์ นงั สอื แหง่ จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย สาวติ รี พทุ ธนุกูล.(2564). กจิ กรรมการเคลอ่ื นไหว. สืบคน้ เม่ือ 12 ธนั วาคม 2564 จาก https://sites.google.com/site/sawittree สชิ ฌนเ์ ศก ยา่ นเดมิ (2558) แนวคิดทฤษฎกี ารสอนดนตรี (Conceptual Theory Of Music Teaching. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ปที ่ี 9 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม–ธนั วาคม 2558. สริ ิมา ภิญโญอนันตพงษ.์ (2556). การวดั และประเมินเด็กแนวใหม่ : เด็กปฐมวยั . พิมพคร้งั ท่ี 4. กรงุ เทพฯ : บารากซั . สริ ิมา ภญิ โญอนันตพงษ. (2538). แนวคิดสูแนวปฏบิ ตั ิ : แนวการจดั ประสบการณปฐมวยั ศึกษา. นนทบรุ ี : ดวงกมล. สกุ รี เจริญสขุ . (2542). ค่มู ือการอบรมครูซูซูกแิ ละการเปน็ ครซู ูซกู ิชน้ั ตน้ . นครปฐม : วิทยาลยั ดรุ ิยางค์ศลิ ป์ มหาวิทยาลัยมหดิ ล. _______. (2541). เพลงสาหรับเด็ก. กรงุ เทพฯ : วทิ ยาลยั ดุริยางค์ศลิ ป์ มหาวิทยาลัยมหดิ ล. _______. (2541). เพลงเด็ก. วารสารเพือ่ การศกึ ษา. (เอกสารเผยแพร)่ . สุจินดา ขจรรุ่งศลิ ป.์ (2550ข) การศึกษาปฐมวยั ร้อยดวงใจถวายในหลวง ในเอกสารประกอบการประชุม ปฏิบตั ิการ.กรงุ เทพฯ : สาขาวิชาการศกึ ษาปฐมวยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ หนา้ 1-31
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 151 _______. (2550). เลือกโรงเรียนอนุบาลใหลกู รัก. กรุงเทพฯ : ฐานการพิมพ สุทศั น์ ภาคภมู .ิ (2562).การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทเี่ หมาะสมสาหรับเดก็ ปฐมวยั . สืบคน้ เมื่อ 22 ธนั วาคม 2564 https://www.kruupdate.com สพุ ติ ร สมาหิโต. (2548). แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายที่สัมพนั ธก์ บั สขุ ภาพสาหรับเดก็ ไทยอายุ 7-18 ป.ี กรุงเทพฯ : พี.เอส.ปรน้ิ ท.์ สมุ นา พานชิ . (2541). การเตรียมความพร้อมเด็ก. โรงเรียนอนบุ าลเมอื งราชบรุ ี ราชบุรี. สานักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา. (2560). แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2560-2579. พมิ พ์คร้งั ที่ 1 กรุงเทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟิค. สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา.(2562). แนวแนะวิธีการเลยี้ งดู ดแู ลและพัฒนาเด็กปฐมวยั ตาม สมรรถนะเพ่อื เพม่ิ คณุ ภาพเด็กตามวยั 0-5 ปี. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท พรกิ หวานกราฟฟิค จากัด หมอชาวบ้าน(ม.ป.ป.). สมองและการเรยี นรู้. สบื ค้นเมอื่ 25 กนั ยายน 2564,จาก https://wwwsobkroo.com/articledetail.asp?id=761 เหนือดวง พลู เพม่ิ . (2560). การจัดการเรียนร้วู ิชาดนตรตี ามแนวคิดของซูซูกริ ่วมกับการเรียนร้แู บบ รว่ มมือเพอื่ พัฒนาทักษะการขบั รอ้ งและความสามารถในการทางานเป็นทมี สาหรบั นักเรยี น ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5. (วิทยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ ). กรุงเทพ: ธรุ กิจบัณฑติ . องค์การ อินทรมั พรรย์ และวญิ ญู ทรพั ยะประภา. (2526). “กจิ กรรมสรา้ งเสรมิ ลักษณะนิสยั เด็กปฐมวัยด้าน ดนตร.ี ในเอกสารประกอบการสอนชุดวชิ า. การสรา้ งเสริมลักษณะนิสยั ระดับปฐมวัยศกึ ษา หน่วย ท่ี 8-5. พิมพ์ครั้งท่ี 2 กรงุ เทพฯ : บริษทั นวกนก. อวยชยั ผกามาศ. (2544). เพลงประกอบการเรยี นการสอนภาษาไทย. โปรแกรมวิชาภาษาไทย. ภูเก็ต : สถาบันราชภัฏภูเกต็ . อัมพล สูอาพนั . (2538). จิตเวชเด็กสาหรับกมุ ารแพทย์. กรงุ เทพฯ: วทิ ยาลยั จติ แพทย์แหง่ ประเทศไทย. อารมณ์ สุวรรณปาล. (2549). การเตรียมความพรอ้ มด้านทักษะฝึกอบรมครูและผเู้ กยี่ วข้องกบั การอบรม เลยี้ งดูเดก็ ปฐมวัย. นนทบรุ ี. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมธริ าช. อารี สัณหฉว.ี (2550). ทฤษฎีการเรยี นรขู้ องสมองสาหรบั พ่อ แม่ ครูและผบู้ รหิ าร. กรงุ เทพฯ: มติ รสัมพันธ์. อสุ า สทุ ธสิ าคร.(2544). ดนตรีพฒั นาการปญั ญา IQ อารมณ์ EQ. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์รกั ลูกแฟมลิ ่ีกรฟุ๊ จากัด. อาไพ สุจริตกลุ .(2540).รายงานผลการวิจยั เรอื่ งการพัฒนาหลักการและวธิ ีการอบรมเลี้ยงดูเดก็ ตามวถิ ชี ีวิต ไทย.กรงุ เทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. Asdawut Wongchaaum. (2559).บคุ คลสาคัญทางดนตร.ี สืบค้นเมอ่ื 2 ธันวาคม 2564 จาก https://m.facebook.com/yamahaemporium/posts/485574874973182/ Caine, Renate N. & Caine, Geoffrey.(1990). 12 Principles for Brain–based Learning. Retrieved from https://www.nlri.org/wp-content/uploads/2014/04/12-B_M- NLPs_CM.pdf Geniomusicacademy (2556). หลักสูตรและแนวทางการสอนดนตรีของ Dalcroze. สบื คน้ เมื่อ 2 ธนั วาคม 2564 จาก https://www.geniomusicacademy.com
152 Massoglia, D.R. (1977). Early Childhood Education in the Home. New York : Delmar. Miller, Massoglia, D.R. (1977). Early Childhood Education in the Home. New York : Delmar. Miller, Musical Rhythm, Linguistic Rhythm, and Human Evolution Aniruddh D.Patel Music Perception : An Interdisciplinary Journal Vol. 24, No. 1 (September 2006), pp.99-104 Narut Suthachit. (2010). Music teaching behavior. Bangkok, The Publisher of Chulalongkorn University. OKMD.(ม.ป.ป.). รจู้ กั สมองของเรา. สบื คน้ เมือ่ 25 กันยายน 2564,จาก https://www.okmd.or.th/bbl/articles/242 Plomin R Craig l.(1997). Human behavioral genetics of cognitive abilities and disabilities. Bioessays ;19 : 111-724. V.(1965).The Public Administration of American School System. New York: McMillan.Riaz, Wikipedia.(ม.ป.ป) Zoltán Kodályในทศวรรษท่ี 1930. สืบคน้ เม่ือ 15 ธนั วาคม 2564 จาก https://hmong.in.th/wiki/Zolt%C3%A1n_Kodaly มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171