Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประภาช วิวรรธมงคล

ประภาช วิวรรธมงคล

Published by วิทย บริการ, 2022-07-08 02:55:09

Description: ประภาช วิวรรธมงคล

Search

Read the Text Version

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงความรสู้ กึ ของผชู้ ม คือ ทำใหบ้ คุ คลหรอื วัตถุท่ีถกู ถา่ ยภาพดไู ม่มีความสำคัญ ดตู ่ำกว่า ดอ้ ยกวา่ ปราศจาก อำนาจ โดดเดี่ยว สันโดษ นอกจากนั้นกรณีที่มีการถ่ายภาพจากมุมเหนือศีรษะ มักจะนำมาใช้แสดงให้ เห็นรูปร่าง รูปแบบ การเคลื่อนไหวของวัตถุ หรืออาจใช้ถ่ายภาพสถานที่ที่ต้องการแสดงความยิ่งใหญ่ ตระการตาไดอ้ ีกดว้ ย 8. ภาพมมุ ต่ำ (Low-angle Shot) เป็นภาพท่ตี ้ังกล้องทีร่ ะดบั ความสูงต่ำกวา่ ระดับสายตาปกติ ลงมาประมาณ 20-40 องศา ซึ่งถ้ามีระดับความสูง ต่ำกว่าระดับสายตามากกวา่ 60 องศาขึ้นไป จะเป็น ภาพมุมต่ำมาก (very low angle shot) ภาพมุมต่ำจะทำให้บุคคลหรือวัตถุที่ถูกถ่ายภาพดูมีความ แข็งแรงกว่า มีตำแหน่งทีเ่ หนือกว่า เป็นต้น บุคคลที่ถูกถ่ายภาพด้วยภาพมุมต่ำ จะเกิดผลทางความรู้สกึ ต่อบคุ คลนัน้ โดยทำให้บุคคลน้นั ดมู ีอำนาจ ผงึ่ ผาย หรหู รา มเี กยี รตยิ ศสง่างาม เป็นผูก้ ำหนดความเป็นไป ท่าทางที่น่ากลัว หรือ มีทัศคติที่ดี ดูน่าเชื่อถือก็ได้ การถ่ายมุมต่ำ ทำให้บทพูด บทสนทนาและการ เคลอื่ นไหวของบคุ คลนัน้ กลายเป็นสงิ่ สำคญั ถ้าถ่ายดว้ ยภาพที่ใกล้ยิ่งขึน้ จะทำให้ดนู ่าประทับใจแต่ถ้าถ่าย ด้วยภาพมุมตำ่ มากจะทำใหบ้ คุ คลนน้ั ดภู าพบิดเบยี้ วดูเปน็ มายาภาพ การใชเ้ สียงสื่อความหมายทางวิทยโุ ทรทัศน์ เสียงในรายการวิทยุโทรทัศน์สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ เสียงพูด เสียงดนตรี เสียง พิเศษ เสียงจากเหตุการณ์ ซึ่งหน้าที่ของเสียงคือการเล่าเรื่อง ให้ข้อมูล สร้างแรงดึงดูดความสนใจ และ สร้างอารมณ์ เสียงมีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อการสื่อความหมายทางวิทยุโทรทัศน์เป็นอย่างมาก ใน การใช้เสียงเพื่อสื่อความหมาย ผู้ผลิตควรคำนึงถึงปัจจัยเรื่อง มิติของเสียง (Dimension of sound) ซ่ึง ประกอบไปด้วยส่วนสำคัญ 4 ประการ คอื จังหวะ ความชดั เจนสมจรงิ สถานที่ และ เวลา 1. จงั หวะ (Rhythm) จังหวะของเสียงเป็นเรอื่ งเกี่ยวกับความเร็วของเสยี ง (speed) และความ เป็นปกติในความเร็ว (regularity) ของเสียงที่เกดิ ขึ้นในการรับรู้ของผู้ชม ผู้ผลิตรายการสามารถเลือกใช้ เสยี งทม่ี จี ังหวะเร็วเท่าปกติหรอื เท่าทีค่ วรจะเป็นตามธรรมชาติ หรือเลอื กใช้เสียงทมี่ ีจังหวะเร็วกว่าปกติก็ ได้ เสียงที่มีความเร็วมากกว่าปกติหรือมีจังหวะถี่มากกว่าปกติ จะทำให้ความรู้สึกเร่งเร้าตื่นเต้น ดังเช่นในภาพยนตร์แนวฆาตกรรมจะใช้เสียงที่มีจังหวะเร็วกว่าปกติ ภาพยนตร์ที่ตัดภาพ shot สั้นๆ หลายๆ shot มาต่อกันก็เปน็ การใช้จงั หวะอย่างหน่ึงเพื่อสร้างความรู้สึกเรว็ กว่าปกติ การใช้เสียงในช่วงนี้ จึงควรมลี ักษณะทสี่ อดคล้องกนั กบั ภาพคอื ควรมีจังหวะเร็วกว่าปกติด้วยเชน่ กนั ภาพละครท่ีใช้ภาพกว้าง แล้วแพนช้าๆ เพื่อให้เห็นภาพกว้างเพื่อให้เห็นความใหญ่โตตระการตาของบ้านเมืองก็เป็นการใช้จงั หวะ อยา่ งหนงึ่ เพอ่ื สรา้ งความรู้สกึ ช้ากวา่ ปกติ ผู้ผลติ รายการจงึ ควรเลือกใช้เสียงทีม่ ีจังหวะช้าตามไปดว้ ย 2. ความชัดเจนสมจริง (Fidelity) หมายถึงความน่าเชื่อถือของเสียงที่เกิดขึ้นแก่ผู้รับฟัง เป็น ความนา่ เช่อื ถือท่ีผู้ฟังมีตอ่ แหลง่ เสียงท่ีไดย้ ินเช่น ผชู้ มรายการสารคดีได้เหน็ ภาพเสือโคร่งแล้วผู้ชมได้ยิน เสียงเสือโครง่ (ซ่งึ ในทางปฏบิ ัติแล้วควรจะเปน็ เสียงของเสือตัวท่ีผู้ชมเห็นจริงๆ) แลว้ ทำให้เกิดความรู้สึก เชอ่ื ว่าเขาได้ยินเสียงจากเสือตวั น้นั ความชดั เจนสมจริงของเสยี งเปน็ เรือ่ งท่เี กีย่ วขอ้ งกับความคาดหวงั ของ 145

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงผชู้ มที่คาดหวงั ว่าจะได้ยินเสยี งทม่ี าจากตน้ กำเนิดของแหล่งเสยี ง ไม่ใช่เป็นเร่อื งความรหู้ รือวิธีการที่ผู้ผลิต ใสเ่ สยี งตามความคิดของตนลงไป ตามหลกั แล้วการสร้างความสมจรงิ ของเสยี งควรบนั ทกึ เสยี งที่เปน็ แหล่ง เสียงจริง (original source) ซึง่ ตรงกับภาพท่เี หน็ 3. สถานท่ี (Space) เสียงสามารถใหม้ ีมิติทางเสยี งที่เกี่ยวกับสถานที่ได้เพราะเสียงเกิดขึ้น จาก แหล่งเสียงต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเปน็ 2 ประเภทคือ Diegetic Sound หมายถึงเสียงที่เกิดจากตัวละครหรือ วัตถุที่อยใู่ นเรื่องราวท่ีนำเสนอเราเรยี กว่า รวมท้ังเสียงตัวละคร เสียงวตั ถุและหมายรวมทัง้ เสียงดนตรีจาก เครือ่ งดนตรีท่มี าจากการบรรเลงดนตรีในท้องเร่ือง ผูช้ มสามารถจินตนาการถึงพื้นที่ในฉากท่ีมีแหล่งเสียง ปรากฏอย่ไู ด้เองโดยไมจ่ ำเป็นตอ้ งเห็นว่าตวั ละครเป็นแหลง่ เสียงยนื อยตู่ รงไหนของฉากเสมอไป เชน่ ฉาก ที่มีตัวละครหลายคนอยู่ในฉากเดียวกัน เช่น ฉากงานเลี้ยงเราอาจเห็นภาพตัว ละครเพียงบางคน ผู้ชม สามารถเดาได้ว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในงานเลี้ยงก็อยู่ในบริเวณนัน้ ด้วยโดยอนมุ านจากเสียงที่ได้ยินและถ้าตวั ละครคนหนึง่ ท่ีอย่ใู นเหตุการณน์ ั้นแตม่ องไมเ่ หน็ ในภาพพูดข้ึน ผชู้ มจะสามารถเดาได้ว่าเสียงน้มี าจากส่วน หนึ่งของเร่ืองที่กำลังชมอยู่ (story space) ดังนั้น เสียงแบบ Diegetic Sound จึงเป็นได้ทั้งเสียงที่เห็น แหล่งเสียงปรากฏอยู่ในภาพท่ีเรียกว่า Onscreen และเสยี งท่ีไม่เห็นแหล่งเสียงปรากฏในภาพ ที่เรียกว่า Offscreen กล่าวโดยสรุปเสียงแบบ Diegetic Sound อาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นเสียงที่อยู่ใน ท้องเรื่อง ในขณะที่เสียงแบบ Nondiegetic Sound เป็นเสียงที่อยู่นอกท้องเรื่อง และ Nondiegetic Sound หมายถึง เสียงทีใ่ ชแ้ สดงแทนเสมอื นเป็นเสียงท่มี าจากแหลง่ เสยี งภายนอกของเร่อื งราวที่นำเสนอ เช่น เสียงบรรยายของผู้บรรยายในรายการสารคดีเพื่อให้ข้อมูลในเรื่องซงึ่ ผู้ชมไม่เหน็ ตัวผบู้ รรยายในภาพ เสียงดนตรีออร์เคสตร้าที่บันทึกเพิ่มลงไปในฉากที่มีพระเอกกับนางเอกยืนบนหัวเรือเพื่อสรา้ งความรูส้ กึ โรแมนตกิ เสยี งประเภทนี้จัดเป็นเสยี งของผเู้ ล่าเร่ือง (narrator) อย่างหน่งึ ซ่ึงเปน็ ผเู้ ล่าเร่ืองแบบผู้รอบรู้ ทุกเรื่อง (omniscient narrator) ผู้ชมไม่ได้คาดหวังวา่ เสียงดนตรจี ะเป็นเสียงของตัวละครตัวใดในเรือ่ ง แต่กลายเป็นขนบธรรมเนยี มไปแล้วว่าผ้ชู มจะทราบเองวา่ เป็นเสียงทเ่ี พ่มิ ข้ึนมาในทำนอง “ผู้เล่าเรื่องแบบ รอบรู้ทุกเรื่อง” โดยไม่จำเป็นต้องปรากฏภาพให้เห็นแหล่งที่มาของเสียง (Bordwell and Thompson, 1986) 4. เวลา (Time) เสียงมีความสัมพันธ์กับเวลาในการนำเสนอเรื่องของรายการโทรทัศน์หรือ ภาพยนตร์ผ่านรูปแบบการนำเสนอ 3 ลักษณะ คือ 1) เวลาของเรื่องราว (story time) เป็นเวลาของ เหตกุ ารณท์ ี่เราไดเ้ ห็นได้ยินจากการชมรายการตามเรื่องราว 2) เวลาของโครงเรอื่ ง (plot time) เป็นการ แสดงการเลือกบางเหตกุ ารณ์ของเร่อื งมาเสนอ แตม่ ีความเก่ียวขอ้ งกับสว่ นอ่ืนๆ ด้วย เวลาของโครงเรื่อง เป็นการบอกบางตอนของเหตกุ ารณ์ท่สี ำคญั และมีความสัมพนั ธก์ ับสว่ นอื่น ถ้าเสียงสามารถบรรจุลงไปใน ภาพในเหตกุ ารณไ์ ด้พอดี เรียกวา่ Simultaneous แตถ่ ้าเสยี งเกิดข้นึ ก่อนหรือหลงั เหตกุ ารณ์เรยี กว่า Non simultaneous เช่น การเล่าเรื่องแบบย้อนเวลาไปในอดีตหรือล่วงเลยเวลาไปในอนาคต 3) เวลาความ ยาวของเร่อื งหรือรายการ (screen duration) เปน็ เวลาท่ผี ู้ชมรายการใชใ้ นการชมจริง(viewing time) หลักทั่วไปในการใช้เสียงเพื่อสื่อความหมายทางวิทยโุ ทรทัศน์ อันดับแรกผู้ผลิตควรคำนึงถงึ การ ควบคุมความสนใจของผู้ชม (Attention Control of Focus our Attention) เสียงที่เราได้ยินจากการ 146

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงพดู ของตัวละคร การบรรยายสารคดี เราสามารถควบคมุ ความสนใจของผู้ชมได้ การคิดของนกั สรา้ งสรรค์ รายการ ไมไ่ ดม้ งุ่ ควบคุมเพยี งแค่ส่ิงที่เราไดย้ นิ เท่านัน้ แต่เรายงั ตอ้ งควบคุมความสนใจของผู้ชมได้ การคิด ของผู้ผลิตรายการ ไม่ได้มุ่งควบคุมเพียงแค่สิ่งที่เราได้ยินเท่านั้น แต่เรายังต้องควบคุมคุณภาพของเสียง ดว้ ย คุณภาพของเสียงจะช่วยควบคมุ ความสนใจของผู้ชมได้ คุณภาพของเสยี งประกอบด้วย การใชร้ ะดับ ความดังของเสียง (volume of sound) พิชของเสียง (pitch) และความก้องของเสียง (echo) นอกจากนั้นควรคำนึงถึงการใช้หลักศิลปะการใช้เสียง (Sound Motif) เป็นการสร้างสรรค์เรื่องโดยการ ประยกุ ตค์ ณุ คา่ ด้านอน่ื ท่ีเกี่ยวข้องสมั พันธ์กบั เร่อื ง เชน่ คุณค่า ความศรัทธา คา่ นยิ ม วัฒนธรรม มาใช้ใน การนำเสนอทางเสียง ตัวอย่างเช่น การใช้เพลงโฆษณาเบียรท์ ่ีหยิบเอาเร่ืองความเป็นคนไทย ความมีน้ำใจ ของคนไทยมาใช้ในการสร้างแรงจูงใจทางเสียง โดยการนำเอาคุณค่าของวัฒนธรรมไทยซึ่งคนไทยมีอยู่ แลว้ มาใชน้ ำเสนอเนอ้ื หาใหม่ของสินค้า หรือตวั อยา่ งการใชเ้ พลงประกอบละครโทรทัศน์เป็นการหยิบเอา ความรู้สึกร่วมมาใช้ ในภาพยนตร์ตะวันตกนิยมเอาคุณค่าความศรัทธาต่อศาสนามาสอดแทรกไว้ในการ นำเสนอทางเสียง เชน่ ใช้บทสวดบชู าพระเจ้ามานำเสนอเนื้อหา เปน็ ตน้ อุปกรณท์ ใี่ ชใ้ นการลำดบั ภาพ ในปัจจุบันอุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดต่อลำดับภาพ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบแรก เป็น อปุ กรณ์การตดั ตอ่ แบบ analog เปน็ อปุ กรณ์ท่ีใชเ้ ทปโทรทศั นใ์ นการตัดต่อลำดับภาพซึ่งอยใู่ นรปู ของแบบ analog แหลง่ ทีม่ าของภาพ ได้แก่ ม้วนวดี ทิ ัศน์แบบต่างๆ ส่วนรปู แบบทสี่ อง เปน็ อุปกรณ์การตัดต่อแบบ ดิจิทัล ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวควบคุมในการตัดต่อซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้กันแพร่หลายใน ปัจจบุ นั 1. การตัดตอ่ ลำดับภาพแบบ analog ในรายการโทรทัศน์ การตัดตอ่ ลำดบั ภาพแบบอนาล็อค หมายถึงการนำระบบอุปกรณ์การตัดลำดับภาพในรูปแบบต่างๆ มาร้อยเรียงภาพให้ได้เนื้อหาตามที่ ตอ้ งการโดยใช้การเรยี งเนื้อหาทไี่ ม่ซบั ซอ้ นหรือการเรียงเนือ้ หาทีม่ คี วามซบั ซอ้ นมาก เพื่อกระต้นุ ให้ภาพมี พลงั และเปน็ ท่นี ่าสนใจโดยใช้อุปกรณก์ ารตัดตอ่ ลำดับภาพอาจจะตัดภาพชอ็ ตใกล้สลับเป็นภาพช็อตไกล เพ่อื ใหร้ ายละเอียดของภาพเปน็ ที่น่าสนใจและตนื่ เตน้ ซึ่งอาจจะใชอ้ ุปกรณ์การตดั ต่อลำดับภาพท่ีสามารถ ทำภาพพิเศษได้ บางคร้ังการทำภาพพเิ ศษโดยการนำภาพหลายๆ ภาพมาซ้อนกนั หลายๆ ข้ันตอนเพื่อให้ ได้ภาพที่แปลกตาและทันสมัย เช่น นำภาพที่ 1 ซ้อนไปในภาพที่ 2 และ นำภาพที่ 3 และที่ 4 ซ้อนไป เรื่อย ๆ การซ้อนภาพหลายๆ ขั้นตอนในลักษณะนี้จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนในระบบการตัดต่อแบบ ทำภาพพิเศษและคุณภาพของภาพที่ได้ไม่ดี ภาพแรกจะถูกลดทอนสัญญาณไปเท่ากับจำนวนภาพที่ทำ การซ้อน ถ้ามกี ารซ้อนภาพ 5 ครัง้ ภาพแรกจะถกู ลดทอนสัญญาณไป 4 คร้งั การทำภาพพเิ ศษแบบน้ีถ้า เราใช้อุปกรณ์การตัดต่อลำดับภาพแบบ Non-Linear จะไม่มีความยุ่งยากและซับซ้อนนอกจากนั้นการ ลดทอนสญั ญาณจะไม่มี ผ้ตู ัดต่อลำดับภาพตอ้ งรจู้ ักเครอ่ื งมือและอุปกรณ์ตัดต่อลำดับภาพที่ประกอบไป ดว้ ยอุปกรณต์ า่ งๆ มากมาย ท่ีทำงานเชอ่ื มโยงกนั ระหวา่ งเคร่ืองมือตัดต่อและตวั ควบคุมการตัดตอ่ ซง่ึ แบ่ง ได้ 2 แบบ คือ (สธุ ี พลพงษ์, 2552) 147

1.1 อุปกรณ์การตัดตอ่ ลำดบั ภาพโดยใชว้ ธิ ีตัดภาพอยา่ งเดียว (cuts-only editing) เปน็ การตดั ตอ่ ลำดับภาพด้วยอุปกรณ์ตดั ต่อพนื้ ฐานที่ประกอบดว้ ยเคร่ืองวีดทิ ัศน์ 2 เครื่อง มอนิเตอร์ทีวี 2 เครอื่ งและเครอ่ื งควบคมุ การตัดต่อลำดับภาพ 1 เครื่อง เปน็ การตดั ต่อลำดับภาพขัน้ พ้นื ฐาน ใช้วิธีการ ตัดชนอยา่ งเดยี ว ไม่มคี วามซับซอ้ นในเรอื่ งของภาพ การเช่ือมต่อภาพมีความแมน่ ยำและแนบเนียน ไม่มี การกระตกุ หรอื สะดุดของภาพและอยู่ในขอบเขตเวลาทีแ่ นน่ อน 1.2 อปุ กรณก์ ารตดั ตอ่ ลำดบั ภาพดว้ ยเครอื่ งเลือกภาพ (video switcher editing system) เปน็ การตดั ต่อที่สามารถใช้เครื่องทำเทคนคิ พเิ ศษเพอ่ื ให้เกดิ ภาพในลกั ษณะพิเศษต่างๆ จาก การตัดชนธรรมดา เช่น การทำภาพจาง การกวาดภาพ การทำภาพจางซอ้ น เป็นตน้ บางคร้ังอาจใช้เครอื่ ง ผสมสัญญาณเสียงร่วมด้วยเพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับภาพ อุปกรณ์เหล่านี้เป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมเข้ามาจาก อุปกรณ์การตัดต่อแบบพืน้ ฐาน สำหรับขั้นตอนการทำงานก็เหมือนกับเครื่องผสมสัญญาณเสียง (audio mixer) ในห้องปฏิบัติวิทยุ แหล่งอุปกรณ์ทางด้านเสียงแต่อุปกรณ์ทางด้านเสียงในการตัดต่อลำดับภาพ ในทางวทิ ยโุ ทรทัศน์จะมแี หล่งข้อมลู ของเสยี งมากกวา่ ทางดา้ นวทิ ยุ 2. การตดั ต่อลำดับภาพแบบดิจิทัลในรายการวทิ ยุโทรทัศน์ การตัดตอ่ ลำดบั ภาพแบบดิจิทัลใน รายการโทรทัศน์เป็นการตัดต่อด้วยคอมพิวเตอร์หรือตัดต่อแบบ Non linear เป็นวิธีการนำภาพจาก stock shot เพื่อการตัดต่อมาเก็บไว้ใน hard disk ของ computer การตัดต่อในลักษณะนี้ ขั้นแรกถ้า ม้วนวีดทิ ศั น์ที่เราใชเ้ ปน็ แบบอนาล็อกตอ้ งทำการเปล่ียนสัญญาณภาพจากวีดิทศั นท์ ี่เปน็ สัญญาณอนาล็อก ให้อยู่ในรูปของสัญญาณตัวเลข 0 กับ 1 (digital) เสียก่อนแล้วสามารถสุ่มเรียก shot ต่างๆ ได้โดยตรง หรือการเลือกข้อมูลภาพมาจากลำดับใดก็ได้ เหมือนกับการเลือกเพลงจากแผ่นดิสก์ ซึ่งสามารถเลือก เพลงอันดับที่เท่าไหร่ก็ได้ ตรงข้ามกับการเลือกเพลงจากม้วนเทปจะเลือกฟังเพลงที่ 2 หรือ 3 ต้องกรอ ม้วนเทปและกำหนดระยะของเพลงกล็ ำบากเหมอื นกบั การตัดต่อแบบ linear คือ การตดั ต่อโดยใช้เครื่อง วีดทิ ัศน์ตัดตอ่ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ภาพที่ 8.1 การตดั ตอ่ แบบ Non linear ท่มี า : http://pro-av-panasonic.net 148

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง การปฏิบัติงานในระบบ non-linear จะคล้ายกับระบบ electronic still store ขนาดใหญ่ท่ี สามารถเข้าถึงแต่ละภาพ (frame) ที่ต้องการหรือชุดของภาพซ่ึงประกอบกันขึ้นเป็นช็อตได้ภายในเสี้ยว วินาที ตวั อย่างเชน่ เราสามารถเขาถึง ช็อต 3 ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งกรอเทปผ่านชอ็ ต 1 และ ชอ็ ต 2 กอ่ น จึงทำ ให้การตัดต่อในลักษณะนี้ไมผ่ ิดพลาดไดผ้ ลรวดเรว็ และตัดต่อภาพได้อยา่ งนุ่มนวล คล้ายกับการจัดเรียง ตัวอกั ษร คำ ขอ้ ความ และยอ่ หน้าใหม่ ในโปรแกรมประมวลผลคำ (word processing) การตดั ตอ่ ลำดับภาพในรายการโทรทัศน์ การตัดต่อลำดับภาพมีเทคนคิ อยู่ด้วยกัน 3 วิธีที่ใช้กันอยา่ งแพร่หลายคือ การตัดต่อเพื่อให้เกิด ความตอ่ เน่ือง การตดั ตอ่ เพื่อให้เกิดความสมั พนั ธ์ และการตัดตอ่ ฉบั พลนั (สุธี พลพงษ์, 2552) 1. การตัดต่อเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง (continuity counting) คือ ตอนหนึ่ง หรือฉากหนง่ึ ของภาพยนตร์ที่มีความต่อเนื่องกัน ไม่ใช่เป็นเพียงอนุกรมของภาพเท่านั้น แต่จะต้องลำดับเข้าด้วยกัน เพ่อื บอกเรอื่ งราวอย่างราบร่นื ติดตอ่ กนั อยา่ งมีตรรกะ วิธีการดงั กล่าวก็คือเทคนคิ ของการทำภาพให้เกิด ความต่อเน่อื ง ความตอ่ เนือ่ งของภาพกค็ อื การพัฒนาความตอ่ เนอื่ งของตอนหนึ่งหรือฉากหน่ึงในภาพยนตร์ เพอื่ สร้างสรรคก์ ารเช่อื มโยงอยา่ งราบรืน่ เกิดความต่อเน่ืองของเรอ่ื งราว เช่น ตัวอยา่ ง ภาพที่ 1 นายแดง พูด ตัดภาพ Close up นายแดง ภาพที่ 2 นายดำ พดู ตัดภาพ Close up นายดำ ภาพที่ 3 พิธกี ร พูด ตัดภาพ Group Shot ทั้งสามคน 2. การตดั ตอ่ เพอื่ ให้เกิดความสมั พันธ์ (relational cutting) คอื การลำดบั ภาพแบบหน่ึง โดย การนำฉากทมี่ ีการแสดงสมั พนั ธ์กันหรือแตกตา่ งกันสองฉาก ที่ถา่ ยทำกันคนละครัง้ มาลำดบั สรา้ งเรื่องราว ใหม่ให้เกิดความรู้สกึ ว่าการแสดงสองฉากน้ันเกิดขึน้ ต่อเน่ืองเป็นอนั หนง่ึ อันเดียวกันโดยฉากท่ีถ่ายทำน้ัน ไมไ่ ดต้ อ่ เนือ่ งกันจริงๆ แตเ่ จตนาเพอ่ื ใหค้ นดู ดแู ล้วเจ้าใจถึงความหมายทเ่ี ก่ียวพนั กัน เช่น ตวั อยา่ งที่ 1 ภาพที่ 1 ถา่ ยภาพผ้หู ญิงกำลงั เดนิ ไปในบ้าน ภาพท่ี 2 ตดั ไปท่ภี าพผหู้ ญิงกำลังเดินอยูใ่ นหอ้ ง คนดูจะสันนิษฐานเองว่า ผู้หญิงเดินเข้าไปในบ้านและปจั จุบนั เข้าอยู่ในห้อง (จากตัวอย่าง สิ่งที่ ทำให้คนดูแล้วเข้าใจถงึ ความเช่ือมโยงระหว่างภาพทง้ั 2 ภาพ คอื ความคล้ายคลึงกนั ของผหู้ ญิงใน เรื่อง ของเสอื้ ผา้ และสถานที)่ ตวั อยา่ งท่ี 2 ภาพท่ี 1 ถา่ ยภาพเครอ่ื งบิน ภาพท่ี 2 ตัดไปที่นกั บินกำลังควบคมุ เครื่อง (จากตัวอย่าง ภาพแรกอาจจะ ถ่ายภาพเครอื่ งบนิ จากรูปจำลอง หรือรปู ภาพ แลว้ ตดั ภาพนักบินในสตดู โิ อ) 3. การตัดต่อฉับพลัน (dynamic cutting) คือ การตัดต่อลำดับภาพอย่างเป็นระบบอย่างสม เหตผุ ลของการแสดงตอนใดตอนหน่ึงแตม่ คี วามสมั พันธ์กนั ในเชิงบรบิ ทของชอ็ ตซ่งึ สามารถส่อื ความหมาย ทั้งในเชิงเปรยี บตา่ งและเปรียบเทยี บเพื่อสร้างสรรคค์ วามต่อเน่อื ง การลำดบั ภาพแบบนี้ เพอ่ื ต้องการเพ่ิม 149

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงคุณภาพของภาพและใช้สรา้ งสรรค์ความหมายที่ให้ผลอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่าจะสื่อความหมายตรงๆ ธรรมดาหรือในระหวา่ งลำดับภาพเราสามารถสร้างภาพให้มคี วามสมั พันธ์ มีความหนกั แน่น มีอารมณข์ อง ภาพ ตัวอย่าง ภาพที่ 1 ถา่ ยภาพกระจกแตก ภาพที่ 2 เด็กกำลังรอ้ งไห้ การสร้างภาพในลักษณะน้ีเปน็ เร่อื งไมง่ ่ายนกั เพราะเราไม่ได้แสดงความหมายของชอ็ ตชัดเจน จึง มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในการตีความจากตัวอย่างเด็กร้องไห้ อาจจะหมายถึงลูกบอลหาย หรือถกู ลงโทษหลงั จากกระจกแตก เพราะฉะนน้ั ผู้ทำการลำดับภาพจะตอ้ งนำภาพมารอ้ ยเรียงใหม้ ตี รรกะมเี หตุ มี ผลที่ทำให้คนเชื่อได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ลำดับภาพแล้วทำให้คนดูสับสน เพราะฉะนั้นการ ลำดับภาพจะตอ้ งมีกลวธิ แี ละศลิ ปะในการลำดบั ภาพเพื่อให้ได้ภาพปรากฏต่อผูช้ มอยา่ งมจี ดุ หมาย รายการต่างๆ ที่นำเสนอผ่านทางสื่อทางด้านวิทยุโทรทัศน์ทำให้ผู้ชมดูแล้วน่าสนใจ น่าติดตาม หรอื นา่ เบื่อหนา่ ย ไม่ได้ขึน้ อยกู่ ับการถ่ายทำใหเ้ ปน็ เร่อื งราวแต่เพียงอยา่ งเดียวแต่อยู่ทีห่ ลกั การของการตัด ตอ่ ลำดับภาพทมี่ ีสว่ นสำคญั อย่างยิ่งในการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ ดังนนั้ หลกั การตัดต่อภาพพิเศษจึงมี กลวธิ ตี ่างๆ ดงั น้ี 3.1 การใช้ช็อตนำเรื่องและการใช้ช็อตนำเรื่องซ้ำ (the establishing and reestablishing shot) การใช้ช็อตนำเรื่อง หมายถึง การใช้ภาพช็อตไกลเพื่อรักษาความต่อเนื่อง เป็น การนำเสนอภาพด้วยมุมกว้างเพื่อบอกสถานที่การแสดงที่ตามมา แต่อาจจะเป็นช็อตใกล้หรือช็อตปาน กลางกไ็ ด้ ซึง่ มีร่องรอยบอกสถานทน่ี ั้นได้ ซึ่งโดยธรรมชาติ การนำเสนอภาพชอ็ ตไกลมกั จะเป็นภาพท่ีไม่มี พลังหรือน่าสนใจเท่ากับภาพ shot ใกล้ เพราะฉะนั้นผู้ลำดับภาพมกั จะใช้ช็อตไกลในการเปิดเรื่อง เม่ือ เหน็ ภาพรวมแล้ว จงึ ค่อยนำเสนอใหเ้ ห็นรายละเอยี ดในชอ็ ตตอ่ มา 3.2 การเหลื่อมและการประกอบการแสดงเข้าด้วยกัน คือ การตัดต่อการแสดง ระหวา่ งสองช็อต ซ่ึงการแสดงท้งั สองครั้งน้นั เหล่ือมกัน หรือแสดงซ้ำ หรือใชก้ ล้องมากกวา่ หน่ึงกล้องเป็น การลำดบั ภาพทมี่ ีลักษณะใกลเ้ คียงกนั หรอื เหมอื นกัน การถ่ายภาพในลกั ษณะนก้ี ารต่อภาพจะตอ้ งเหลื่อม กนั พอดรี ะหวา่ งชอ็ ตแรกกับชอ็ ตที่สองซ่งึ จะตอ้ งคำนงึ ถึงจังหวะและเวลาในการต่อภาพ 3.3 การตัดภาพเข้าและการตัดภาพเบน (cut in and cut away) เป็นการลำดับ ภาพ ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและเร้าใจ ภาพในฉากเดียวกัน ผู้ลำดับภาพสามารถตัดเข้าและตัดเบนได้ ตลอดเวลา การตัดเขา้ (cut in) หมายถงึ เปน็ ช็อตใกลข้ องการแสดงซึ่งเปน็ สว่ นหน่ึงของการแสดง หลักเช่น ภาพของจดหมาย โทรเลข หรือรายละเอียดบางอย่างที่ผู้ชมยังไม่ได้เห็นในช็อตที่ผ่านมา หรือ เปน็ การนำภาพชอ็ ตใกล้มาตอ่ กับภาพช็อตไกลและต้องเป็นช็อตที่อยู่ในเหตกุ ารณข์ องฉากนั้น เชน่ มีการ แข่งขนั ฟตุ บอลในสนามฟุตบอลประกอบด้วย ผเู้ ลน่ กรรมการ โค้ช และผู้ชม เป็นต้น แต่เหตุการณ์ท่ีอยู่ ในสนามฟุตบอลคือ ผู้เล่นกับกรรมการเมื่อเราต้องการให้เห็นรายละเอียดในเกมส์การแข่งขันเช่น 150

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงภาพชอ็ ตใกล้ให้เห็นนักฟุตบอลทุ่มลูกฟุตบอล ภาพลูกฟุตบอลเข้าประตู ภาพนกั ฟตุ บอล กำลังเล้ียงลูกที่ เท้า การลำดับภาพเหลา่ นีเ้ ราเรยี กวา่ การตัดเข้า การตัดเบน (cut away) หมายถงึ ชอ็ ตการแสดงทเี่ กดิ ขนึ้ ในเวลาเดยี วกันกับการแสดง หลัก แต่ไม่มีความต่อเนื่องทางภาพกับช็อตที่แล้ว แต่มีความต่อเนื่องทางตรรกะ ช็อตตัดเบนเน้นความ สนใจของผู้ชมจากการแสดงหลักไปยังการแสดงรองที่เกดิ ข้ึนในเวลาเดยี วกันแต่การแสดงรองสัมพันธ์ใน บางลักษณะกับแนวของเร่ือง การตัดเบนมีประโยชน์มากมายหลายอย่างหรือเปน็ การนำภาพช็อตใกล้มา ต่อกับภาพช็อตไกลเหมือนกับการตัดเข้าแต่ชอ็ ตที่นำเสนอต้องเป็นช็อตที่อยู่นอกเหนือจากเหตุการณ์ใน สนามฟุตบอลเช่น ภาพช็อตใกล้ให้เห็นโค้ช เห็นแต่ช็อตที่นำเสนอต้องเป็นช็อตที่อยู่นอกเหนือจาก เหตุการณ์ในสนามฟุตบอลเช่น ภาพช็อตใกล้ให้เห็นโค้ช เห็นผู้ชม เห็นกองเชียร์ ภาพเหล่านี้เราเรยี กว่า การตดั เบนซึง่ เป็นภาพที่อยนู่ อกเหนอื ในเหตุการณ์ 3.4 การใช้ทิศทางการเหลียวดู คือ ทิศทางที่สร้างขึ้นจากนัยนต์ าของเรา เมื่อเรามอง ไปที่วัตถุเป้าหมายการตัดต่อภาพโดยใช้ทิศทางการเหลียวดูนั้นควรจะชี้ให้เห็นว่าคนๆ นั้นมองอะไรอยู่ แล้วนำภาพท่ีคนเขามองมาตัดต่อแทนเข้าไปตามทิศทางการเหลียวดูและต้องแน่ใจว่าทิศทางของการ เหลียวดูนั้นไม่สับสนและต้องไปในทิศทางที่มองจริง เช่น เรามองไปที่นกบนท้องฟ้า นกก็เป็นวัตถุ เป้าหมาย เปน็ ตน้ ดงั นัน้ ทิศทางการเหลียวดคู ือเส้นสมมตริ ะหวา่ งตาของเรากับนก เรากต็ ดั ภาพช็อตใกล้ ของคนที่แหงนหนา้ มองทอ้ งฟ้าตามด้วยภาพช็อตไกลของนก ภาพดังกลา่ วจะสร้างความร้สู กึ สมเหตุสมผล ไม่สบั สนและไปในทศิ ทางท่ีมองจริง 3.5 เส้นการแสดง (action axis) คือ การลำดับภพที่ต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องและ ทศิ ทางของภาพท่เี คลอ่ื นไหว ถงึ แมว้ ่าในการลำดับภาพเรารักษาความสมั พนั ธ์ทิศทางได้ดีและถกู ต้องแล้ว ก็ตามแต่เราต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องของภาพว่าไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่คือ ภาพที่ปรากฏใน จอโทรทัศนต์ อ้ งดำเนนิ ไปในทิศทางเดียวกนั ให้นึกว่าผู้ชมน่ังอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เพราะฉะนั้นการวาง ตำแหนง่ กล้องโทรทศั นใ์ นการถ่ายทำตอ้ งคำนึงถึงลำดบั กิจกรรมหรอื เหตกุ ารณ์ครา่ วๆ กอ่ นโดยวางกล้อง ไม่ให้ขา้ มเสน้ แกน 180 องศาหรือที่เรยี กว่า action axis 3.6 วิธีการเพิ่มคุณภาพของการลำดับภาพ (build-up) คือ การใช้ช็อต CU ที่เรา รู้จักช็อต CU ว่าเป็นช็อตปฏิกิริยา (reaction shot) ที่เป็นผลโดยตรงของการแสดงของช็อตที่แล้วมา หรือช็อตที่ตามมา ช็อตปฏิกิริยามีประโยชน์มาก เป็นเครื่องมือสำหรบั เพิ่มความนา่ สนใจของภาพ สร้าง ความกระวนกระวาย ความอยากรู้ ใจจด ใจจอ่ เราใช้วิธกี ารเพ่มิ คุณภาพของภาพเม่อื การแสดงในฉากน้ัน ไม่มีการเคลื่อนไหว เขา้ หรือออกจากกรอบภาพหรอื เมอ่ื ชอ็ ตบอกเรอื่ งสำคัญเกดิ ขึ้นแลว้ การตัดเข้าและการตัดเบน (cut in and cut out) การตัดในลักษณะนี้เป็นคุณสมบัติของการ ลำดบั ภาพทจ่ี ะนำเสนอภาพเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขน้ึ จรงิ ทเ่ี ราตอ้ งการนำเสนอกับการนำเสนอภาพบรรยากาศ รอบๆเหตุการณท์ ี่เกิดขึ้นเพอื่ เป็นการเสริมคณุ ภาพของภาพ การตดั เข้า จะช่วยเพมิ่ ความตนื่ เตน้ ดดุ ัน ฉบั ไว ของผูแ้ สดงได้ ผู้ตัดต่อตอ้ งตระหนกั ในเรื่องพลงั ทางอารมณ์ ทเี่ กดิ จากการเรียบเรียงภาพไปดว้ ยเพราะ การ cut in เป็นการนำภาพมาเรียงตอ่ กันอย่างรวดเรว็ ซึ่งสามารถช่วยทำเหตุการณ์ไปสูจ่ ุดวิกฤติได้อย่าง 151

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงน่าต่ืนเต้น เร้าใจ การตัดเบน เป็นช็อตการแสดงเกิดขึ้นในเวลาเดียวกนั กบั การแสดงหลักโดยการลำดบั ภาพย่อยสลับกันกับภาพหลักเพื่อสร้างภาพให้มีความสัมพันธ์ มีความหนักแน่น มีอารมณ์ ตัวอย่างเช่น “มีคนสองคนกำลังคุยกัน” ปกติกล้องจะจบั ภาพที่หน้าของคนกำลังพดู คุยแต่ถ้าเราลำดับภาพโดยใช้วิธี แทรกภาพของคู่สนทนา กำลังพยักหน้ารับฟังหรือผู้ชมการสนทนาอย่างสุขใจบ้างก็ทำให้เรื่องราวมี ชีวติ ชีวาข้นึ มาทนั ที การลำดับภาพแบบนเ้ี ป็นการเพิม่ คุณภาพของภาพใหม้ ีความหมายของการกระทำให้ ลึกซึง้ ชดั เจนขึ้น การตัดตอ่ ลำดบั เสยี งในรายการโทรทัศน์ การตัดต่อลำดับเสียงในรายการโทรทัศน์เป็นการนำเสียงมาร้อยเรียงให้ได้ความหมายตรงกับ ภาพ เสียงในรายการโทรทัศน์ยอ่ มประกอบไปดว้ ยเสียงต่างๆ มากมาย เชน่ เสยี งคนพดู เสยี งฝนตก เสยี ง ฟ้าร้อง เสียงความวุ่นวาย เสียงเพลง เสียงดนตรี เป็นต้น เสียงทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าจะแบ่งเป็นส่วนใหญ่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเนื้อหา ก็คือสาระที่แท้จริงของรายการนั้นๆ ที่ผู้ผลิต รายการประสงค์จะนำเสนอแก่ผู้ฟัง เช่น เสียงบรรยาย เสียงสัมภาษณ์ เป็นต้น สำหรับส่วนที่เป็นเสียง ประกอบ แม้จะขาดหายไป รายการก็ยังคงเป็นรายการแต่เป็นรายการที่อาจจะน่าเบื่อ แห้งแล้ง ไม่ สมบูรณ์เท่าท่ีควร ดงั นนั้ เสียงทใี่ ช้ประกอบในรายการโทรทัศน์มีด้วยกัน 4 ประเภท คือ เสียงคำบรรยาย (narration) เสียงพูดหรือเสียงสนทนา (dialogue) เสียงดนตรี (music) และเสียงประกอบ (sound effect) วธิ ีการใช้เสียงในการตัดตอ่ ลำดบั ภาพ สามารถทำได้ 3 วธิ ี คอื 1. การใชเ้ สยี งบรรยายในสอื่ ทางดา้ นวีดทิ ศั น์ก่อนการตัดต่อลำดบั ภาพ เป็นการบนั ทกึ เสยี งคำ บรรยายลงในสื่อทางด้านวีดิทัศน์ให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วท ำการนำภาพมาแทรกลงไปตามเสียง คำ บรรยาย เม่อื แทรกภาพตรงกับคำบรรยายเรียบร้อยแล้วก็ทำการบันทกึ เสียงดนตรีและเสียงประกอบอ่ืนๆ ต่อไป การบนั ทกึ เสียงในลกั ษณะน้ีทำให้เสียเวลาในการบนั ทึกเสียงลว่ งหน้าลงไปกอ่ น แล้วจึงนำภาพมา แทรกเพราะขณะทำการตัดต่อลำดับภาพ ผู้ตัดต่อลำดับภาพต้องกำหนดจุดเข้าและจุดออกของภาพทกุ ครงั้ ทที่ ำการแทรกภาพเพอ่ื ต้องการใหภ้ าพตรงกับเสียงบรรยายที่ได้บนั ทึกไว้ลว่ งหน้า การกำหนดจุดเข้า จุดออกแต่ละครั้งเราต้องเดินหน้าและถอยหลังเทปอยู่ตอลดเวลาทำให้เสียเวลาในการลำดับภาพ ข้อดี ของการบนั ทกึ เสียงในลกั ษณะน้ีคือ เราสามารถกำหนดเวลาของรายการไดแ้ น่นอนเพราะเสยี งบรรยายที่ ไดบ้ ันทึกไว้ เปน็ การกำหนดเวลาไว้แล้วและการบนั ทึกเสียงในลกั ษณะนี้เหมาะสำหรับรายการโทรทัศน์ท่ี มคี วามยาวไม่มากนัก เชน่ รายการขา่ ว รายการมวิ สิควดี โิ อ และรายการโฆษณา เปน็ ต้น ถา้ เปน็ รายการท่ี มีความยาวเช่น รายการสารคดี จะไม่เหมาะสำหรับการบนั ทึกเสียงในลักษณะนี้เพราะทำให้เสียเวลาใน การกำหนดจดุ เขา้ และจดุ ออกในการแทรกภาพ 2. การใชเ้ สียงบรรยายในส่ือวีดทิ ัศนห์ ลังการตัดต่อลำดบั ภาพ เปน็ การบนั ทึกเสยี งคำบรรยาย ตามภาพเพราะเนอื้ หาของภาพได้ตดั ตอ่ ไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนทำการบนั ทกึ เสียงคำบรรยายตามภาพเมื่อ เสร็จสิ้นต่อไปกจ็ ะทำการบันทึกเสียงเพลง ดนตรี และเสียงประกอบอื่นๆ ตามลำดับ การบันทกึ เสยี งคำ บรรยายในลกั ษณะนีผ้ อู้ า่ นคำบรรยาย สามารถใสอ่ ารมณ์ของการอ่านไดง้ ่ายเพราะสามารถเห็นภาพขณะ 152

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงบรรยายและนอกจากน้ียังสามารถปรบั เปล่ียนเนื้อหาของคำบรรยายให้เปล่ียนไปตามภาพไดง้ า่ ยกว่า การ ปรับเปลี่ยนภาพใหต้ รงกบั คำบรรยาย ขอ้ เสียของวิธีน้ี การควบคมุ เวลา (ความยาวของรายการได้ยากกว่า และการกำหนดคำบรรยายใหต้ รงกับท่าทางหรือจังหวะของภาพ ไดย้ ากกวา่ วิธีที่กลา่ วมา) การสื่อความหมายทางวิทยุโทรทัศน์โดยการใช้ภาพอย่างเดียวผู้ชมก็สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ แต่เพื่อต้องการให้เรื่องราวที่นำเสนอมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น ข้อมูลของภาพชัดเจนขึ้นและช่วยเสริม บรรยากาศใหด้ ีขนึ้ ใหด้ ูสมจริงมากข้นึ เราจึงตอ้ งใชอ้ ุปกรณด์ ้านเสียงช่วยประกอบในรายการจึงทำให้สื่อ ความหมายของภาพสมบูรณย์ ่งิ ขึน้ 3. การใช้เสียงดนตรี เสียงประกอบ ในสื่อทางด้านวีดิทัศน์ไม่ว่าเราจะบันทึกเสียงคำบรรยาย ก่อนการตดั ตอ่ ลำดับภาพหรอื บนั ทึกเสยี งบรรยาย หลงั การตัดตอ่ ลำดับภาพขัน้ สดุ ท้ายทงั้ สองแบบท่ีกล่าว มาก็จะต้องนำเสียงประกอบ เสียงดนตรีมาประกอบร่วมกันกับเสียงบรรยาย โดยทั่วไปที่นิยมทำกันคือ การบนั ทึกเสยี งบรรยายจะบันทกึ ลงในชอ่ งเสยี งท่ี 1 ของมว้ นวดี ทิ ัศน์ ม้วนวีดทิ ศั นจ์ ะมีชอ่ งเสยี งสำหรับใช้ งาน 2 ชอ่ งเสยี งหรอื มากกวา่ ในเครอื่ งวดี ทิ ัศนบ์ างชนดิ ชอ่ งเสียงท่ี 1 น้จี ะไมน่ ำเสียงอยา่ งอน่ื เข้ามาปะปน กับเสียงบรรยาย ส่วนช่องเสียงที่ 2 ของม้วนวีดิทัศน์เราจะทำการบันทึกเสียงต่างๆ ลงไป เช่น เสียงพูด บรรยาย ชว่ ยช่องเสยี งที่ 2 ของม้วนวีดทิ ศั น์เราจะทำการบันทึกเสยี งต่างๆ ลงไป เช่น เสียงพดู หรือเสียง สนทนา เสียงดนตรี เสียงประกอบ เพื่อเพิ่มความสมจริงสมจังหรืออารมณ์และบรรยากาศให้กบั เสยี งคำ บรรยาย การใช้อุปกรณ์ด้านเสียงเพื่อเสริมความหมายของภาพในงานตดั ต่อนัน้ เปน็ การนำเสียงประเภท ตา่ งๆ ได้แก่ เสยี งบรรยาย เสียงสนทนา เสียงดนตรี และเสยี งประกอบมาใช้รว่ มกันอย่างเหมาะสมเพ่ือให้ ได้เสียงท่ีมีคณุ ภาพ สามารถเสรมิ แต่งภาพและช่วยสือ่ ความหมายของภาพใหส้ มบูรณ์ยิ่งข้ึน แต่การทีจ่ ะ ทำให้สิง่ เหล่านี้เกิดขึน้ ไดน้ น้ั จะตอ้ งอาศัยทีมผู้ผลิตทม่ี ีความรู้ ความเขา้ ใจและเหน็ ความสำคัญในบทบาท หน้าที่ของแต่ละคน เริ่มตั้งแต่การเขียนบทโทรทัศน์ การเลือกเสียงผู้บรรยาย เสียงดนตรี และเสียง ประกอบเพอ่ื นำเสียงตา่ งๆ บนั ทึกลงประกอบกับเนอื้ หาของภาพ คำศพั ท์ที่ใช้ในการตดั ต่อ ในบทโทรทัศน์และคำสั่งของผู้กำกับรายการนอกจากจะมีการระบุถึงคำศัพท์ด้านภาพที่เกิดจา การทำงานของกลอ้ ง เลนสแ์ ละอปุ กรณ์ตดิ ต้งั กลอ้ งแลว้ อาจมีคำศัพท์เทคนิคต่างๆ ทใ่ี ช้ในการทำงานผ่าน เคร่อื งสวทิ เชอร์และอุปกรณ์ตัดต่อหลายคำและในปัจจุบนั อุปกรณเ์ คร่อื งมือในการสร้างเทคนิคภาพแบบ ต่างๆ ผู้ผลิตอุปกรณ์แต่ละบริษัทต่างแข่งขันกันพัฒนาโปรแกรมสำเร็จรูปจนเกิดเป็นเทคนิคภาพใน รูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นและการพัฒนาเทคโนโลยีทำให้เกิดศัพท์เทคนิคใหม่ๆ ตามมาด้วย คำศัพท์บางคำ เป็นคำทีใ่ ช้เฉพาะรุ่นเฉพาะยหี่ ้อ ขนึ้ อย่กู บั ว่าบรษิ ทั จะต้งั ชอ่ื ให้กับเทคนคิ ภาพท่ีตนสร้างขนึ้ มาใหม่อย่างไร คำศัพทเ์ ทคนคิ การตดั ต่อดา้ นภาพ มดี ังนี้ (สมสขุ หินวมิ านและคณะ, 2554) 153

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1. คำศัพท์เกี่ยวกับรปู แบบการเปลย่ี นภาพ เครื่องสวิทเชอรแ์ ละอุปกรณ์ตัดต่อนั้นต้องมีหมวด คำสั่งพื้นฐานกลุ่มหนึ่งเกี่ยวกับการเปลี่ยนภาพ (transition patterns) ซึ่งทำหน้าที่สร้างเทคนิคการ เปลยี่ นภาพจาก shot หน่งึ ไปยงั อีก shot หน่ึงด้วยรปู แบบตา่ งๆ อันได้แก่ 1.1 การตัดภาพ (cut) เปน็ การเปลย่ี นภาพจากภาพหน่งึ ไปอีกภาพหน่ึง นิยมใช้กับการ ตัดภาพทว่ั ไป ความกระฉับกระเฉง และความตนื่ ตวั เปน็ ต้น 1.2 การจางภาพเข้า (fade in) เป็นการค่อยๆ นำภาพเข้ามา เริ่มจากภาพื้นดำแล้ว ค่อยเห็นภาพทัง้ หมดชดั เจน นยิ มใชใ้ นการเปิดเข้าเร่อื ง เร่มิ ตน้ ใหม่ แนะนำสถานทแ่ี ห่งใหม่ เปน็ ตน้ 1.3 การจางภาพออก (fade out) เป็นการค่อยๆ ทำให้ภาพที่ปรากฏอยู่จางหายไป จนเปน็ พน้ื ดำ นยิ มใช้ในการจบเรื่อง ปดิ ฉาก หมดวัน และการสิน้ สุด เปน็ ตน้ 1.4 การจางซ้อนภาพ (dissolve หรือ mix) เป็นการเปลี่ยนภาพโดยขณะ shotหน่ึง กำลังจางลง shot ทสี่ องก็ค่อยๆ ปรากฏข้ึนมาแทนท่ีจนเต็มและ shot ทหี่ นึง่ ก็จางหายไปในที่สุด นิยมใช้ กับการบอกวันเวลาท่ีค่อยๆ ผ่านไป ความเชื่องชา้ ความอ้อยอ่ิง ความอ่อนหวานละมนุ ละไม ความอ่อน ชอ้ ยและความโรแมนติก เปน็ ตน้ 1.5 การกวาดภาพ (wipe) เป็นการเปลี่ยนภาพโดยการปาดภาพไปในแนวต้ัง แนวนอนและแนวเฉยี งกไ็ ดแ้ ต่เป็นแบบสองมิติ (2-D effect) เช่น กวาดภาพจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย บนลงล่าง ล่างขนึ้ บน มุมซา้ ยไปขวา และมมุ ขวาไปซา้ ย เปน็ ต้น ภาพที่เกิดจากการกวาดภาพนนั้ จะต้อง เป็นภาพเต็มจอท่ีไมไ่ ด้ถูกบีบอดั ยอ่ หรือขยายส่วนแต่อย่างใด นอกจากน้ปี ุ่มกวาดภาพยังสามารถเลือกได้ ว่าจะให้ปาดค้างไว้ส่วนหนึ่งจนแยกจอเป็นสองส่วน (split screen) หรือปาดจนหมดไปจากจอ (wipe out) การปาดภาพสามารถเลือกได้ว่าจะให้มีเส้นปาดมีความคมชัดหรือความนุ่มนวลแค่ไหน เส้นขอบมี ความหนาหรือบาง ขอบเส้นเป็นสีอะไรได้ดว้ ย ส่วนรูปแบบการปาดแบบอืน่ ๆ ที่อาจทำเป็นพิเศษขึน้ มา แตล่ ะรนุ่ แต่ละยห่ี ้อได้แก่ การปาดรปู ทรงอ่ืนๆ การปาดแสง การเลน่ หาง การสรา้ งเงา การทำแสงสปอต เปน็ ตน้ สำหรบั รูปแบบการกวาดภาพนิยมใชก้ ับการเปลย่ี นจากฉากหนึ่งไปอีกฉากหน่ึง การเปรียบเทียบ เหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปในเวลาเดียวกันแต่คนละสถานที่ การเปรียบเทียบระหว่าง สิ่งของสองสงิ่ การพดู คยุ โทรศัพท์ตอบโต้กนั โดยเห็นหน้าของทั้งสองฝ่ายบนจอ เปน็ ต้น 1.6 การเล่อื นสไลด์ภาพ (slide effect) เป็นการเลื่อนภาพใหมเ่ ข้ามาแทนท่ีภาพเดิม การเลื่อนภาพอาจดูคลายกับการปาดภาพแต่การเลื่อนสไลด์ภาพเป็นลักษณะเคลื่อนหรือดันภาพเก่า ออกไปเป็นท้งั กอ้ นไม่เหมอื นการปาดภาพทภี่ าพเก่าอยู่กับที่แลว้ ภาพใหมป่ าดเขา้ มาแทน 1.7 การพลิกภาพสามมิติ (3-D effect) เป็นการเปลี่ยนภาพที่มีมิติความลึกเข้ามา เกี่ยวข้องโดยเกิดจากการหมุนแกนภาพ (rotation effect) และการม้วนภาพ (peel or roll effect) ไดแ้ ก่ การหมุนภาพแนวตั้ง การหมนุ ภาพแนวนอน การหมนุ ภาพตลี ังกา และการพลิกหนา้ เปน็ ตน้ 2. คำศัพทเ์ ก่ยี วกับการเปลี่ยนรูปทรงของภาพ (resize) หมวดการเปลี่ยนรูปทรงของภาพนั้น เป็นการทำเทคนิคภาพจากเครื่องสวิทเชอร์หรืออุปกรณ์ตัดตอ่ โดยการทำให้ภาพขนาดเต็มจอมีการยอ่ - ขยาย ในรูปแบบตา่ งๆ เกดิ ขึน้ ไดแ้ ก่ 154

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2.1 การยดื ภาพในแนวต่างๆ (stretching) 2.2 การยอ่ ขยายภาพ (shrinking and expanding) 2.3 การย่อภาพเปน็ รูปส่เี หล่ยี มเลก็ ๆ หลายๆ รปู (snapshots) 2.4 การบีบอัดภาพในรูปทรงต่างๆ (compression) เช่น ทรงลูกบอล ทรงสี่เหลี่ยม ลูกเต๋า เปน็ ต้น เทคนิคเหลา่ น้ีนิยมใช้กับรายการเกมโชว์ รายการวาไรตี้ รายการขา่ ว และการแก้ไขภาพที่ มีปญั หาบางอย่าง 3. คำศัพท์เกี่ยวกับทิศทางการเคลื่อนไหว (motion) ในการทำเทคนิคการพลิกภาพสามมิติ การเลื่อนภาพและการเปลี่ยนรูปทรงของภาพอาจตามมาด้วยการใช้คำสั่งเกี่ยวกับการสร้างทิศทางการ เคลื่อนที่เข้าออกของภาพว่าจะให้ภาพนั้นมีการเคลื่อนที่เข้าออกจากจอภาพอย่างไรโดยการตั้งค่าตา่ งๆ เกีย่ วกบั ทศิ ทางการเคลือ่ นที่ต้งั แต่ภาพน้ันเข้ามาจนหยุดนิง่ ในจอและอาจรวมถึงการเคล่อื นท่ีออกไปด้วย เชน่ การกระเดง้ (bounce effect) การปลิวเข้ามา (fly effect) และการพ่งุ ภาพเข้า-ออก เปน็ ต้น 4. คำศัพท์เกี่ยวกับการทำสีภาพ (tint) เทคนิคภาพที่นิยมใช้กันอีกอย่างหนึ่งคือ การปรับสี ภาพตน้ ฉบบั ซ่งึ เครอ่ื งสวทิ เชอร์และอปุ กรณ์ตดั ต่อจะมีให้เลือกลักษณะการปรับสีภาพให้ผิดไปจากภาพ ต้นฉบับหลายแบบ เช่น ภาพขาวดำ ภาพย้อมสีต่างๆ การทำโมเสกภาพ การย้อมสีภาพแบบเนกาทีฟ การย้อมสีเป็นเกรนแตกๆ และอื่นๆ เทคนิคการทำสีภาพสามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ไดห้ ลายอย่างขึ้นกับ เทคนิคที่เลือก เช่น ภาพขาวดำ ใช้ในกรณีย้อนอดตี ภาพย้อมสแี ดงอาจใช้ในฉากแสดงความรุนแรงและ ภาพโมเสกนิยมใชใ้ นการเซน็ เซอร์ เป็นต้น 5. คำศัพทเ์ ก่ียวกบั การข้นึ ซ้อนภาพและการคีย์ (superimposition and keys) เคร่ืองสวิท เชอร์ เป็นเคร่ืองมอื ทีใ่ ชก้ บั การถ่ายทำดว้ ยกล้องมากหน่ึงตัวหรืออาจใช้เปน็ ส่วนหนึง่ ของอปุ กรณ์ตัดต่อใน ระบบ linear หรือระบบเทปก็ได้ เคร่ือง switcher นอกจากทำหน้าทใี่ นการเลือกภาพวา่ จะนำแหล่งภาพ ใดตัดออกอากาศหรือตัดลงเทปแล้ว เครื่องดงั กล่าวสามารถทำเทคนคิ ภาพได้มากกมาย เชน่ เทคนิคการ ขึ้นซ้อนภาพและตัวหนังสือต่างๆ คำศัพท์หมวดนี้แตกต่างจากการเปล่ียนภาพตรงทีก่ ารเปลี่ยนภาพเป็น การทำเทคนคิ ภาพพิเศษแบบเปลี่ยนผา่ นจากภาพหนงึ่ ไปภาพหนึง่ แต่การซอ้ นทบั น้เี ปน็ การซ้อนภาพใหม่ ข้ึนมาคา้ งไวบ้ นภาพเกา่ โดยภาพเก่ายงั ไมไ่ ดห้ ายไปไหน คำศพั ท์เทคนิคทีค่ วรรู้จกั ในกลุ่มน้ี ไดแ้ ก่ 5.1 การข้นึ ซอ้ นภาพ (superimposition) เปน็ ภาพในลกั ษณะท่ีภาพหนึ่งได้ซ้อนทับ อยู่อีกบนภาพหนึ่งลักษณะคล้ายๆ กับช่วงระหว่างเปลี่ยนภาพของภาพจางซ้อน (dissolve) ที่ภาพสอง ภาพมาซ้อนทับกนั อยู่เพยี งแต่เทคนิคการซอ้ นภาพ ภาพเก่าไมไ่ ดห้ ายไปคงอยูค่ ้างกับภาพใหม่ทีซ่ ้อนเขา้ มานิยมใช้กบั ฉากในความคดิ ความฝัน หรอื จินตนาการ 5.2 การคีย์ (key) คือ การใช้สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ในการตัดภาพพื้นหลังบางส่วน เป็นช่องออกไปแลว้ เตมิ สีหรือภาพอื่นๆ เข้าไปแทนในสว่ นพื้นที่ที่ถูกสัญญาณอิเล็กทรอนกิ ส์ตัดเปน็ ชอ่ ง ออกภาพทอ่ี อกมาจึงเปน็ ทง้ั ภาพพน้ื หลังเดิมไปพรอ้ มๆ กบั ภาพท่ีเตมิ เข้าไปใหม่เป้าหมายส่วนใหญ่ในการ คีย์คือ การใช้สำหรับการซ้อนภาพเขา้ ไปในช่องของตัวหนังส่ือต่างๆ เช่น ชื่อไตเติ้ล และ เครดิตชื่อ หรือ การตัดภาพอีกภาพหนง่ึ ใสซ่ อ้ นเขา้ ไปอยูใ่ นภาพพื้นหลังบางส่วนเช่น การคยี บ์ นกรอบภาพหวั ข้อข่าวท่ีมุม 155

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงจอด้านหน่ึงของผู้ประกาศข่าว หากเราได้ยินคำวา่ คีย์ นั่นหมายถึงการซ้อนภาพหรือตวั หนังสือลงไปใน ภาพพื้นหลังน่ันเองเช่น คีย์ตัวหนังสือ คีย์โลโก้ และคีย์เครดิตชื่อ เป็นต้น เครื่องมือในการพมิ พ์และเกบ็ ข้อมูลงานกราฟิกเกี่ยวกับข้อความ แถบข้อความ ตัวอักษร ไตเติ้ล โลโก้ เครดิตรายการที่เรียกใช้งาน บ่อยๆ ส่วนใหญ่เก็บไว้ในเครื่องทำกราฟิกข้อความที่เรียกสั้นๆ ว่า CG ย่อมาจาก caption generator หรือ character generator ดังนั้น บางคร้ังเราอาจได้ยินค าวา่ ขึ้น CG หรือข้นึ แคปชน่ั ซ่งึ กห็ มายถึงการ คีย์ภาพและตัวหนังสือนั่นเอง นอกจากนี้อาจมีการใช้คำว่า แมทท์ (matt) และ แมทคีย์ (matte keys) ซง่ึ ก็จดั วา่ อยู่ในกล่มุ เดียวกันกับการคีย์อกี ด้วย 5.3 โครมาคีย์ (chroma-key effect) เป็นการซ้อนภาพด้วยการกัดสีฉากพื้นหลังที่ เปน็ ส่วน blue screen ออกไปแล้วแทนทีด่ ว้ ยภาพอ่ืนๆ ส่ิงสำคญั ในการทำเทคนิคโครมาคยี ค์ ือ หา้ มวัตถุ หลักที่อยู่หน้าฉากเป็นสีเดียวกับฉากหลัง blue screen ที่ต้องการคีย์เพราะพื้นที่ที่เป็น blue screen ทัง้ หมดจะถกู กดั สอี อกไปจนมองทะลเุ หน็ ภาพทซี่ ้อนเข้ามา เทคนคิ โครมาคยี ส์ ามารถพบได้ในการรายงาน ข่าวพยากรณ์อากาศทางโทรทัศน์โดยให้ผู้รายงานพยากรณ์อากาศยืนอยู่หน้าฉากหลัง blue screen หลงั จากนนั้ นำภาพแผนท่ภี ูมอิ ากาศทว่ั โลกจากเครอื่ งคอมพิวเตอร์คราฟิกคีย์ซ้อนทบั เข้าไปแทนที่พ้ืนที่สี นำ้ เงินของฉากหลงั blue screen ซึง่ ผชู้ มทางบา้ นจะมองเหน็ ว่าผูร้ ายงานข่าวได้ยนื อยู่บนฉากหลังที่เป็น แผนท่ีภมู ิอากาศทั่วโลกอยู่ทงั้ ๆ ทค่ี วามจรงิ แล้วผรู้ ายงานข่าวพยากรณอ์ ากาศกำลงั ยืนพูดอยู่บนพ้ืนหลัง สนี ้ำเงินอยู่ 6. คำศพั ทเ์ กีย่ วกบั การเปลี่ยนความเร็วของภาพ (speed) ภาพท่ถี ่ายทำมาด้วยความเร็วปกติ เหมือนที่สายตารับรู้ทั่วไปสามารถปรับให้เร็ว ช้า ถอยหลัง หรือหยุดนิ่งได้ในขั้นตอนตัดต่อด้วยหมวด คำสัง่ เกย่ี วกับความเรว็ ภาพ ดังนี้ 6.1 ภาพชา้ (slow motion) เป็นการทำใหส้ ิง่ ทอ่ี ยู่ในภาพเคลอื่ นท่ีช้าลงกว่าเดิม การ ใช้เทคนิคนี้จะทำให้ภาพมีความยาวสั้นกว่าภาพต้นฉบับเดิมนิยมใช้ในฉากที่เน้นอารมณ์อาดูร รันทด ตะลงึ พรึงเพริด งดงามออ่ นช้อย เป็นตน้ 6.2 ภาพเร็ว (fast motion) เป็นการทำให้ส่ิงทีอ่ ยู่ในภาพเคล่ือนท่ีเรว็ ขึน้ กวา่ เดิม การ ใช้เทคนิคนี้จะทำให้ภาพมีความยาวสั้นกว่าภาพต้นฉบับเดิมนิยมใช้ในฉาก action สงครามต่อสู้ ตลก และสก๊ปู กีฬาความเรว็ 6.3 ภาพหยุดเป็นจังหวะ (strobe or stop motion) เป็นการทำให้ภาพต้นฉบับที่ เคลือ่ นไหวปกติมกี ารหยดุ เปน็ ระยะๆ สลบั กับการเคลอื่ นไหวเป็นระยะๆ ทำใหภ้ าพออกมาดูกระตุกๆ แต่ ยงคงเลื่อนไปข้างหน้าได้เหมือนต้นฉบับเดิม เทคนิคภาพน้ีไม่ได้ทำให้ความยาวภาพจากต้นฉบับทีน่ ำมา ตัดต่อสั้นลงหรือยาวขึ้นแต่จะมีความยาวภาพเท่าเดิม นิยมใช้ในฉากสงครามที่มีระเบิดลงมาจนผู้คน แตกตื่นหนตี ายกันจ้าละหวน่ั และฉากความรูส้ กึ ลุ้นไปกับสิง่ ทกี่ ำลังจะเกดิ ข้นึ ตอ่ ไป เป็นต้น 6.4 การหยดุ ภาพนิ่ง (freeze) เปน็ การทำใหภ้ าพที่กำลงั เคล่ือนไหวหยุดอยู่ท่ีเฟรมใด เฟรมหนึง่ ค้างไว้ นิยมใช้ในการหยดุ ภาพสุดท้ายตอนขึ้นเครดิตจบรายการและฉากทีต่ ้องการใหเ้ ห็น ภาพ ในจงั หวะใดจงั หวะหน่งึ ชัดๆ เชน่ ภาพเข้าเสน้ ชัยแบบสูสีจนต้องหยุดดทู ีละเฟรม เป็นต้น 156

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 6.5 ภาพย้อนกลับ (reverse) เป็นการทำให้ภาพที่ถ่ายทำมามีการเคลื่อนไหวใน ลักษณะถอยย้อนกลับไปเหมือนการดูเทปถอยหลัง นิยมใช้กับการถอยภาพเพื่อย้อนกลับไปดูอะไร บางอย่างท่ีผ่านรายการตลกและสปอตรณรงค์ประเภทการเตอื นสติ เป็นต้น 7. คำศัพท์เก่ยี วกบั การคั่นภาพ คำศัพท์กลุ่มนคี้ อ่ นขา้ งแตกต่างจากกลมุ่ อื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เนื่องจากเปน็ การตัดภาพทไี่ ม่ได้เนน้ เร่ืองเทคนิคภาพแต่จะเปน็ การตัดภาพหรือเปลี่ยนภาพไป เพ่ือเสริม ความหมายของเร่ืองราวทก่ี ำลังนำเสนอให้ชดั เจนและครอบคลุมมากขน้ึ ได้แก่ 7.1 cutaway หมายถงึ การเลือกตดั ภาพไปยังจุดอน่ื ท่ไี มไ่ ดเ้ ป็นเหตกุ ารณห์ ลักหรอื การ กระทำหลักของฉากน้ัน เทคนิคนไ้ี ม่ได้มุ่งเปลีย่ นภาพในเชงิ เทคนิคแต่เป็นการเปลยี่ นภาพท่ีเน้นการเสริม เรื่องราวให้ครอบคลุมมากขึ้นตัวอย่างเช่น การแข่งขันรักบี้ในสนาม เหตุการณ์หลักคือสนามรักบี้ที่มี นกั กฬี ากำลงั แขง่ ขันกนั อยแู่ ตห่ ากผ้กู ำกับสงั่ ตดั ภาพไปบนอฒั จันทร์ซงึ่ มีแฟนกีฬารกั บีเ้ ชียร์อยู่ ภาพ shot นั้นเรียกว่า cutaway เพราะคนเชยี ร์ไม่ได้เป็นเหตุการณ์หลกั ของเรื่องแตก่ ารตัดภาพไปท่ีกลุ่มแฟนกฬี า ถือเปน็ การช่วยเสริมให้เหตกุ ารณ์หลักในสนามฟตุ บอลดเู ร้าใจข้นึ ได้ดว้ ยสีหนา้ ท่าทางของแฟนกีฬารักบี้ท่ี กำลังเชียร์อยู่ เป็นต้น แตห่ ากเปน็ ภาพนกั รกั บ้โี ยนลูกเข้าประตูได้แล้วรีบตัดภาพไปท่ีสีหน้าของแฟนกีฬา ไชโยโห่ร้อง ภาพลักษณะนี้เรียกว่า reaction shot ซึ่งเป็นการตัดภาพไปยังผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์เพื่อ ต้องการให้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองกับส่ิงทีเ่ กิดข้ึนในชว่ งสำคญั ๆ ส่วนใหญ่เป็นการจับสีหน้า ท่าทางและ ความรู้สึกที่แสดงออกมาจากจิตใจ เชน่ พิธกี รสมั ภาษณ์ชีวติ ต้องสขู้ องเด็กขายพวงมาลัยที่หาเงินเล้ียงแม่ พิการ กลอ้ งอาจจบั ภาพผู้ชมในห้องสง่ กำลงั เช็ดน้ำตาขณะทเี่ ดก็ ขายพวงมาลัยกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ เป็น ต้น เทคนิคการตัดตัดภาพแบบนี้ถ้าใช้ในจังหวะดีจะมีพลังในการสื่อสารด้วยภาพได้ดีกว่าการใช้คำพูด สาธยาย 7.2 การแทรกภาพ (insert shots) เทคนคิ นไ้ี ม่ไดม้ งุ่ เปลีย่ นภาพในเชิงเทคนคิ เช่นกัน แต่เนน้ การสรา้ งความเข้าใจให้กับเน้อื หาที่กำลังนำเสนออยู่ด้วยการแทรกภาพประกอบทช่ี ่วยสร้างความ ชดั เจนมากขน้ึ นิยมใชใ้ นระหว่างผู้ให้สัมภาษณ์กำลังพูดเรื่องที่เข้าใจยาก การคนั่ ชว่ งสมั ภาษณ์ยาวๆ เพื่อ ลดความนา่ เบื่อ การรายงานขา่ วนอกสถานทแ่ี ละการสมั ภาษณ์ในรายการสารคดี เป็นต้น ภาพประกอบท่ี แรกเข้าไปในรายการต้องมคี วามสอดคล้องกับเนื้อหาในขณะนั้น โดยต้องทำสิ่งท่ีพูดหรือบรรยายเกิดภาพ ชัดเจนขึ้น น่าสนใจมากขึ้น ภาพประกอบอาจเป็นภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว กราฟิก และ อะนิเมชั่น ที่ เปน็ ภาพ ๆ เดยี วหรือหลายภาพมาต่อ ๆ กันเปน็ เรอื่ งราวก็ได้ 8. คำศัพท์เทคนิคด้านเสียงในงานผลิตรายการโทรทัศน์ ในการทำงานเกี่ยวกับเสียงไม่ว่าจะ เป็นขั้นตอนการถ่ายทำหรอื ตัดต่อมีคำศัพท์ที่ใช้สื่อสารรว่ มกันอยู่หลายคำเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกบั ลกั ษณะของการนำเสยี งเข้าหรือออกจากรายการ คำศัพทด์ า้ นเสียง ได้แก่ 8.1 จางเสียงเข้า (fade in) หมายถึง การค่อยๆ เพิ่มระดับความดังของเสียงจาก เร่ิมแรกทอี่ ย่ใู นความเงยี บ นยิ มใช้ในชว่ งเปดิ เร่ืองและก่อนเร่มิ ฉากใหม่ 8.2 จางเสียงออก (fade out) หมายถึง การค่อยๆลดระดับความดังของเสียงจน กลายเปน็ ความเงียบนิยมใช้ในชว่ งจบเร่ืองและจบฉากหน่ึง 157

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 8.3 เพิ่มเสียง (fade up) หมายถึง การเพิ่มความดังของเสียงให้ดังข้ึนกวา่ เดมิ นิยมใช้ ขณะทีต่ ้องกรให้เรง่ เสยี งท่ีเบาใหด้ ังข้นึ มาชดั เจนขนึ้ 8.4 ลดเสียง (fade down) หมายถึง การลดความดังของเสยี งใหเ้ บาลงจากเดิม นิยม ใช้ขณะทเี่ สียงน้นั ดงั เกินไปจนรบกวนเสียงอื่นๆ จึงจ าเปน็ ต้องลดเสียงนั้นลง 8.5 คลอเสียง (fade under) หมายถึง การเปิดเสียวคลอเบาๆ ไปเรื่อย ๆ นิยมใช้ใน การสร้างอารมณ์คลอไปตามสถานการณ์หรอื เหตกุ ารณ์ของเร่ืองในฉากนั้นๆ 8.6 จางซ้อนเสียง (cross fade) หมายถึง การนำเสียงสองเสียงมาซ้อนทับกันใน ช่วงหนึ่งโดยเสียงแรกที่เปดิ อยู่ก่อนค่อยๆ จางหายไปในขณะที่เสียงใหม่ไดซ้ อ้ นทับเข้ามาและเขา้ แทนที่ เสียงแรกในที่สุด นยิ มใชใ้ นการเปลี่ยนจังหวะอารมณ์ของเรอื่ งและชว่ งรอยเปลี่ยนจากฉากหนง่ึ ไปยังอีก ฉากหนึ่ง 8.7 ตดั (cut) หมายถึง การตัดเสยี งตรงๆ เขา้ มา หรอื ตดั ตรงๆ ออกไปนยิ มใช้ท่ัวไปใน การสัมภาษณ์ การสนทนา และการพูดคยุ ต่างๆ เปน็ ต้น 8.8 เสียงก้อง (echo or reverb) หมายถึงเสียงที่เกิดจากการทำเทคนิคพิเศษ (innovative SFX) จากเสียงปกติให้กลายเป็นเสียงกอ้ งโดยเครอื่ งมอื หรืออปุ กรณ์คอมพวิ เตอรส์ ำหรับการ ดัดแปลงเสียง (distort) ให้เปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งเครื่องมือดังกล่าวสามารถปรับแต่งเสียงได้หลากหลาย แบบตั้งแต่เสียงก้องเสียงบีบแหลม เสียงทุ้ม เสียงต่ำและอื่นๆ นิยมใช้ในรายการละครแนวแฟนตาซี การ์ตูน รายการเดก็ ละครผี เป็นต้น ขอ้ ควรพจิ ารณาในการตัดต่อลำดบั ภาพ บทบาทของผู้ที่ทำหน้าที่ในการตัดต่อลำดับภาพและเสียงมีความสำคัญต่อวดี ิทัศน์หรือรายการ โทรทัศน์จะสื่อสารไปยงั ผู้ชม ให้ผู้ชมเกิดความสนใจ ชวนให้ติดตามและสร้างความประทับใจ ดังนั้น ใน การตดั ตอ่ ควรพิจารณาหลักการเบ้อื งตน้ ดังนี้ (http://www.oknation.net) 1. แรง จูงใจ (Motivation) ในการตัดต่อ ไม่ว่าจะการ cut, mix หรือ fade ควรมีเหตุผลที่ดี หรือมีแรงจูงใจเสมอซึ่งแรงจงู ใจนี้อาจเป็นภาพ เสียง หรือทั้งสองอย่างผสมกันก็ได้ ในส่วนของภาพอาจ เปน็ การกระทำอย่างใดอย่างหนงึ่ แม้นักแสดงจะแสดงเพียงเล็กน้อย เช่น การขยับร่างกายหรือขยับส่วน ของหน้าตา สำหรับเสียงอาจเป็นเสยี งใดเสียงหน่ึง เช่น เสียงเคาะประตู หรือเสียงโทรศพั ท์ดัง หรืออาจ เป็นเสียงทีไ่ ม่ปรากฏภาพในฉาก (off scene) 2. ข้อมลู (Information) ข้อมูลในท่ีน้ีคือข้อมูลที่เป็นภาพ ชอ็ ตใหม่ หมายถึงขอ้ มลู ใหม่ คือ ถ้า ไมม่ ขี อ้ มูลอะไรใหม่ในชอ็ ตนัน้ ๆ ก็ไม่จำเปน็ ตอ้ งนำมาตัดต่อไม่ว่าภาพจะมีความงดงามเพียงไรก็ควรท่ีจะ เปน็ ขอ้ มลู ภาพท่ีแตกตา่ งจากชอ็ ตท่ีแล้ว ยงิ่ มขี อ้ มลู ภาพท่ีคนดูเห็นและเขา้ ใจมากข้นึ ผ้ชู มกย็ ิง่ ไดร้ ับข้อมูล และมีอารมณ์ร่วมมากขึ้น เป็นหน้าที่ของคนตัดที่จะนำข้อมูลภาพมาร้อยให้มากที่สุดโดยไม่เป็นการยดั เยยี ดให้คนดู 158

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3. องค์ประกอบภาพในช็อต (Shot Composition) ผ้ตู ัดไมส่ ามารถกำหนดองคป์ ระกอบภาพ ในช็อตได้ แต่งานของผู้ตัดคือควรใหม้ ีองค์ประกอบภาพในช็อตที่สมเหตุสมผลและเปน็ ท่ียอมรับปรากฏ อยู่ องค์ประกอบภาพในชอ็ ตทีไ่ ม่ดมี าจากการถา่ ยทำทีแ่ ยซ่ ง่ึ ทำใหก้ ารตัดต่อทำไดย้ ากมากขน้ึ 4. เสียง (Sound) เสียงคือส่วนสำคัญในการตัดต่ออีกประการหนึง่ เสียงรวดเร็วและลึกล้ำกว่า ภาพ เสยี งสามารถใส่มาก่อนภาพหรอื มาทีหลงั ภาพเพอ่ื สร้างบรรยากาศ สร้างความกดดันอนั รุนแรงและ อีกหลากหลายอารมณ์ เสียงเป็นการเตรียมให้ผู้ชมเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนฉาก สถานที่ หรือ แม้แต่ประวัตศิ าสตร์ 5. มุมกล้อง (Camera Angle) เมื่อผู้กำกับรายการ ถ่ายทำฉาก จะทำโดยเริ่มจากตำแหน่ง ตา่ งๆ และจากตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้ ผูก้ ำกบั จะใหถ้ ่ายชอ็ ตหลายๆ ช็อต “มมุ ” ถูกใชเ้ พอื่ อธิบายตำแหนง่ ของกล้องเหล่านี้ซึ่งสัมพันธ์กับวัตถุหรือบุคคลจากภาพล้อครึ่งซีก บุคคลอยู่ที่ดุมล้อ แต่ละซี่ล้อแทน แกนกลางของกล้องและตำแหน่งของกลอ้ งก็อยูต่ รงปลายของซล่ี ้อ ตำแหนง่ จะแตกตา่ งกันไป จากแกนถึง แกนโดยระยะห่างทแ่ี น่นอนเรียกว่า “มมุ กล้อง” ซ่งึ เปน็ หนง่ึ ส่วนสำคญั ของการตัดต่อ หัวใจสำคัญคือแต่ ละครั้งที่ cut หรือ mix จาก shot หนึ่งไปอีกช็อตหนึง่ กล้องควรมีมุมที่แตกต่างไปจากช็อตก่อนหน้านี้ สำหรับคนตัดความแตกต่างระหว่างแกนไม่ควรมากกว่า 180 องศา และมักจะน้อยกว่า 45 องศา เมื่อ ถ่ายบุคคลเดยี วกันด้วยประสบการณร์ ูปแบบนี้อาจดัดแปลงไดอ้ ีกมาก 6. ความต่อเนอื่ ง (Continuity) ทุกคร้ังทถ่ี ่ายทำในมมุ กลอ้ งใหม่(ในซีเควนส์เดียวกัน) นกั แสดง หรือคนนำเสนอจะต้องแสดงการเคลื่อนไหวหรือทำท่าเหมือนเดิมทุกประการกับชอ็ ตที่แล้ว วิธีการน้ยี งั ปรับใช้กับ take ที่แปลกออกไปด้วย ความต่อเนื่องของเนื้อหา Continuity of content ควรมีความ ต่อเนื่องของเนื้อหาเช่น นักแสดงยกหูโทรศัพท์ด้วยมือขวาในช็อตแรก ดังนั้นก็คาดเดาได้ว่าหูโทรศัพท์ ยังคงอยู่ในมอื ขวาในช็อตต่อมางานของคนตัดคอื ทำใหแ้ น่ใจว่าความต่อเนอ่ื งยงั คงมอี ยู่ทุกครง้ั ที่ทำการตัด ตอ่ ในซเี ควนส์ของชอ็ ต 6.1 ความต่อเน่อื งของการเคลือ่ นไหว (Continuity of movement) ความต่อเนอ่ื ง ยังเก่ียวขอ้ งกับทิศทางการเคล่ือนไหวหากนักแสดงหรอื บคุ คลเคลื่อนที่จากขวาไปซ้ายในช็อตแรก ชอ็ ตต่อ มากค็ าดเดาว่านักแสดงหรือบุคคลจะเคลอ่ื นไหวไปในทิศทางเดียวกนั เวน้ แต่ในช็อตจะให้เห็นการเปล่ียน ทศิ ทางจริงๆ 6.2 ความต่อเนื่องของตำแหน่ง (Continuity of position) ความต่อเนื่องยังคง ความสำคัญในเรื่องของตำแหน่งนักแสดงหรือบุคคลในฉาก หากนักแสดงอยู่ทางขวามือของฉากใน ชอ็ ตแรก ดังนนั้ เขาจะตอ้ งอยขู่ วามอื ในช็อตต่อมาดว้ ย เวน้ แตม่ ีการเคล่อื นไหวไปมาให้เหน็ ในฉากถึงจะมี การเปล่ยี นไป 6.3 ความต่อเนื่องของเสียง (Continuity of sound) ความต่อเนื่องของเสียงและ สัดส่วนของเสียงเป็นส่วนที่สำคัญมาก ถ้าการกระทำกำลังเกิดขึ้นในที่เดียวกันและเวลาเดียวกัน เสียง จะต้องต่อเนื่องจากช็อตหนึ่งไปยังช็อตต่อไป เช่น ในช็อตแรกถ้ามีเครื่องบินในท้องฟ้าแล้วได้ยินเสียง ดังนั้น ในช็อตต่อมาก็ต้องได้ยินจนกว่าเครื่องบินนั้นจะเคลื่อนห่างออกไปแม้ว่าบางครั้งอาจไม่มีภาพ 159

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงเครือ่ งบินใหเ้ หน็ ในช็อตที่สองแตก่ ไ็ ม่ได้หมายความว่าไมจ่ ำเป็นต้องมีเสียงต่อเน่อื งในช็อตตอ่ ไป นอกจาก นี้ช็อตที่อยู่ในฉากเดียวกันและเวลาเดียวกันจะมีเสียงพื้น(background sound) ที่เหมือนกัน เรียกว่า background ambience, atmosphere หรือเรยี กยอ่ ๆ ว่า atmos ซง่ึ ตอ้ งมีความต่อเนอ่ื ง 7. ภาพกระโดด (jump cuts) คือ การตัดภาพไปเป็นภาพท่ีผิดธรรมชาติ ผิดจากความเป็นจริง เช่น ตัวอย่างในเรื่องของความต่อเนื่อง กรณีที่ผู้แสดงวิ่งจากซ้ายไปขวาในจอภาพ ภาพต่อมาผู้แสดงวงิ่ จากขวามาซ้ายของจอภาพ กรณีนี้ถือว่าเป็น jump cuts หรือในเรื่องของขนาดภาพ ภาพที่เป็น long shot ภาพตอ่ มาต้องเปน็ medium shot ถ้าภาพต่อมาเปน็ close up ถือวา่ เปน็ ภาพ jump cuts ดังนนั้ วธิ ีแกป้ ัญหาจงึ ควรใช้การตดั ภาพ cutaway แทน (สหศักดิ์ กลิ่นสุวรรณ, 2548) 8. การเคลอื่ นไหวของปาก การตัดภาพไปที่ผู้แสดงในการพูด ตอ้ งตัดภาพไปก่อนท่ีจะมีการพูด ไม่ควรตัดภาพไปขณะที่การพูดไดเ้ กิดขึ้นแล้วรวมทัง้ ไม่ควรตัดภาพไปเป็นภาพทีม่ ีนักแสดงหลับตา หรือ เป็นภาพทน่ี ักแสดงอา้ ปากนอกจากวา่ จะมีเหตผุ ลอืน่ ในการตดั ตอ่ ลำดับภาพผู้ตัดต่อควรคำนงึ จุดประสงค์ในการสื่อสารไปยังผรู้ ับชมโดยต้องคิดเสมอ ว่า ถา้ ผตู้ ดั ตอ่ เปน็ ผู้รับชมเอง ผูช้ มตอ้ งการรับรูอ้ ะไรจากวดี ิทัศน์ทีไ่ ด้ตดั ตอ่ ลำดับภาพ ภาพวีดิทัศน์ต้องมี ความชัดเจนทง้ั ในเรอ่ื งของภาพ เสียง และเนือ้ หารวมถงึ การใชศ้ ลิ ปะและความคิดสร้างสรรคใ์ ห้วีดีทัศน์มี ความน่านใจ ดแู ลว้ ไมเ่ บ่ือ สามารถดึงดูดใหผ้ ชู้ มตดิ ตามไดต้ ลอดต้ังแต่ต้นจนจบรายการ 160

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสรุป การลำดับภาพและเสียงในงานผลิตรายการโทรทัศน์ เป็นการนำภาพและเสียง มาตัดต่อ เรียง ร้อยให้ได้เนื้อหาตามบท ปรับแต่ง เพิ่มเทคนิคพิเศษเพื่อให้เป็นรายการวิทยุโทรทัศน์ที่มีความสมบูรณ์ เปน็ ไปตามวตั ถุประสงค์ สามารถถ่ายทอดเรือ่ งราว ขยายความในเร่ืองราวต่างๆ และสร้างความประทบั ใจ ใหก้ ับผ้ชู ม ช่างตดั ต่อ ควรมีความเข้าใจและใช้ศิลปะในการถา่ ยทอดเรอื่ งราว โดยจะต้องสื่อความหมายได้ จากภาพและเสียงท่นี ำเสนอ อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการตัดตอ่ ลำดบั ภาพ มีท้ังแบบ analog ซ่งึ เรียกว่า การตดั ตอ่ แบบ linear เป็นการตัดต่อจากม้วนเทปสู่ม้วนเทปซึ่งอาจมีการใช้ เครื่องเลือกภาพ (switcher) ในการ ควบคมุ และทำเทคนิคพเิ ศษใหก้ ับภาพได้ สว่ นในปจั จุบันเทคโนโลยีการตดั ตอ่ มกี ารพฒั นาขนึ้ เรอื่ ย ๆ การ ตัดต่อด้วยคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า การตัดต่อแบบ non-linear เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้การตัดต่อ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกตอ่ ไป มีโปรแกรมสำเร็จรูปในการตัดต่อทำให้การตดั ต่อในลักษณะนี้มีความถูกตอ้ ง แม่นยำและได้ผลรวดเร็ว การตัดต่อลำดับภาพโทรทัศน์มีหลากหลายรปู แบบสิง่ ที่ควรคำนึงถงึ คือความ ตอ่ เนื่องของภาพ ภาพมคี วามสมั พันธ์ในเร่ืองทิศทางและต้องมเี หตุผลท่ดี ีในการนำภาพและเสียงมาใช้ใน การตัดตอ่ ลำดบั เร่ืองราวเพ่ือให้การน าเสนอเปน็ ไปตามเรือ่ งราวและเหตุการณท์ ีส่ ามารถสือ่ สารให้ผู้ชมได้ เขา้ ใจชวนใหต้ ิดตามและสรา้ งความประทับใจใหก้ บั รายการน้นั ๆ 161

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง แบบฝกึ หัดบทท่ี 8 คำชีแ้ จง ขอใหน้ ักศึกษาจงตอบคำถามต่อไปนี้มาให้เข้าใจ 1. ขนาดภาพ CU เป็นการสื่อความหมายภาพอยา่ งไร และในการเลอื กใชข้ นาดภาพดงั กลา่ ว มีสิ่งที่ ต้องคำนึงในเรื่องใดบ้าง 2. หากนกั ศกึ ษาตอ้ งการภาพเจดียส์ ูงที่สอ่ื ให้เหน็ ถึงความยง่ิ ใหญ่ นา่ เคารพศรทั ธา ควรเลือกภาพจาก มุมกล้องในลักษณะใด พร้อมอธิบายวธิ ีการถา่ ยภาพดังกล่าว 3. การใช้เสียงในการสื่อความหมายทางวิทยุโทรทศั นค์ วรคำนึงถงึ เรอ่ื งอะไรบ้าง 4. จงอธิบายการตัดต่อวีดิทัศน์ดว้ ยระบบ Analog 5. การตัดต่อวีดทิ ัศนเ์ พ่ือให้เกิดความต่อเนอ่ื ง แตกต่างจากการตัดต่อเพื่อไม่ให้เกดิ ความสัมพันธ์ อย่างไร 6. จงอธบิ ายหลักการตัดตอ่ ภาพพเิ ศษ “การตดั เบน” 7. เมอ่ื มีภาพท่ีเกิดจากการข้ามเส้นการแสดง นกั ศึกษาจะมีวธิ ีแกไ้ ขปญั หานีไ้ ดอ้ ย่างไร 8. ในการตัดต่อรายการประเภทสารคดี ใหน้ กั ศกึ ษาวิเคราะห์วา่ ควรจะใชเ้ สยี งบรรยายในส่ือวีดิทัศน์ กอ่ นหรอื หลังการตัดตอ่ ลำดบั ภาพ พร้อมอธบิ ายเหตผุ ล 162

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง เอกสารอา้ งอิง ณฐั ฐ์วฒั น์ สุทธโิ ยธนิ .(2554). การสร้างสารและการสอื่ ความหมายในรายการโทรทศั น.์ ในเอกสาร การสอนชดุ วชิ า การสรา้ งสรรคร์ ายการโทรทัศน์ หน่วยที่ 1-5. นนทบุร:ี มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช สมสขุ หนิ วิมาน, ศิรมิ ิตร ประพันธ์ธรุ กิจ, ภัทธีรา สารากรบรริ ักษ์, อารดา ครจุ ติ , กรรณิกา รงุ่ เจริญ พงษแ์ ละ กุลนารี เสอื โรจน.์ (2554). ความรู้เบื้องต้นทางวทิ ยุโทรทศั น์. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. สหศกั ดิ์ กล่นิ สวุ รรณ. (2548). การผลติ รายการโทรทัศนส์ มัยใหมส่ ไตลอ์ เมริกัน. กรุงเทพฯ : อี.ที พบั ลิชชิง่ จำกดั สุธี พลพงษ.์ (2548). การลำดับภาพอยา่ งสร้างสรรค์สำหรบั งานผลติ วีดทิ ศั น์. กรุงเทพฯ. บริษัท 22 เซน็ จรู ่ี จำกัด สธุ ี พลพงษ์. (2552). การตดั ต่อลำดบั ภาพรายการโทรทศั น.์ ในเอกสารการสอนชดุ วิชา การผลติ รายการโทรทัศน์เบ้อื งต้น หนว่ ยท่ี 11-15, นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช Bordwell, David. And Thomson, Kristin.(1986) Film Art: An Introduction. Second Edition. New York: McGraw Hill Book Company. http://www.oknation.net/blog/area/2007/09/13/entry-1 สืบค้นเม่อื วันท่ี 22 เมษายน 2556 http://pro-av.panasonic.net/en/sales_o/02products/products/ag-hmc70/aghmc70.html สืบค้นเม่ือวนั ที่ 22 เมษายน 2556 163

แผนบรหิ ารการสอนประจำบทท่ี 9 การประเมินผลการผลิตรายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ เวลาทใ่ี ช้ในการเรยี นการสอน 4 ชั่วโมง หวั ขอ้ เน้ือหาประจำบท 1. แนวคิดการประเมินคณุ ภาพรายการวิทยุโทรทศั น์ 2. ประเภทของการประเมินการผลติ รายการวิทยโุ ทรทศั น์ 3. การประเมินด้านการผลิตรายการ 4. การประเมนิ การผลติ ด้านเน้อื หารายการ 5. การประเมนิ การผลติ ดา้ นผู้ชมรายการ 6. การประเมนิ การผลติ ด้านกฎหมายและจรยิ ธรรม 7. หลกั การสำรวจอตั ราผู้ชมรายการ 8. สรปุ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง วัตถุประสงค์เชงิ พฤติกรรม เมอ่ื ศกึ ษาบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายถงึ แนวคิดการประเมนิ คุณภาพรายการวิทยุโทรทัศนไ์ ด้ 2. บ่งบอกและอธิบายถงึ ประเภทของการประเมนิ การผลติ รายการวิทยุโทรทศั น์ได้ 3. อธบิ ายถงึ การประเมินดา้ นการผลิตรายการได้ 4. อธิบายถึงการประเมนิ การผลติ ดา้ นเนือ้ หารายการได้ 5. วเิ คราะหข์ ้อมลู ของผชู้ มรายการในการประเมนิ ผลของการผลติ รายการได้ 6. อธบิ ายถงึ การประเมินการผลิตดา้ นกฎหมายและจรยิ ธรรมได้ 7. วิเคราะหก์ ารสำรวจอตั ราผชู้ มรายการในลกั ษณะต่างๆ ได้ วิธกี ารสอนและกิจกรรมการเรยี นการสอนประจำบท ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการบรรยาย 2 ชั่วโมง ระยะเวลาที่ในการปฏิบัตหิ รือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ช่ัวโมง 1. ผู้สอนบรรยายและอภปิ รายเนอื้ หาประจำบท 2. แบ่งกล่มุ ให้นักศกึ ษาวิเคราะห์ อภปิ ราย เก่ยี วกบั แนวคดิ และประเภทของการประเมินการ ผลิตรายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ 3. ใหน้ กั ศกึ ษาค้นควา้ เก่ียวกบั การประเมินรายการวิทยโุ ทรทัศน์ในดา้ นต่างๆ แลว้ สรปุ ท า ความเขา้ ใจในชัน้ เรียน 4. มอบหมายใหน้ กั ศึกษาทำแบบฝึกหัด คำถามท้ายบท 164

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสอื่ การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน บทท่ี 9 2. Power Point ประกอบคำบรรยาย 3. คอมพวิ เตอร์ เครื่องฉาย LCD Projector 4. ระบบอนิ เทอรเ์ น็ต 5. หนงั สอื อา้ งอิงค้นควา้ เพม่ิ เติมจากหอ้ งสมุด การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. ซักถามความรู้ ความเขา้ ใจ 2. สงั เกตจากการค้นคว้า และการสรุป 3. สงั เกตจากการอภปิ ราย การวเิ คราะห์ ซักถามของนักศกึ ษา 4. สงั เกตจากการมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมกลุ่ม 5. ประเมนิ ผลจากการตอบคำถามทา้ ยบท 165

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทท่ี 9 การประเมนิ ผลการผลติ รายการวิทยโุ ทรทศั น์ รายการวิทยุโทรทัศน์ที่ผลิตขึ้นมานั้น แม้ว่าจะได้มีการกำหนดแผนการผลิตไว้ดีแล้วและได้ทำ การผลิตตามแผนโดยมกี ารควบคุมการผลิตในทกุ ข้ึนตอนอย่างรอบคอบแล้วกต็ ามรายการที่ผลิตออกมา อาจจะมีคุณภาพยังไม่ดีพอกอ็ าจเปน็ ไดด้ ังนน้ั ก่อนทจี่ ะนำรายการดงั กลา่ วไปออกอากาศหรอื แพร่ภาพจึง จำเป็นที่จะต้องมีการประเมินรายการที่ผลิตนั้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของรายการมีความ เหมาะสมตามทตี่ อ้ งการ การประเมินผลการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์มีจุดมุ่งหมายที่จะประเมินรายละเอียดในด้าน เทคนิคการผลิต ด้านเนื้อหาสาระของรายการ ความน่าสนใจและความเข้าใจในเรื่องที่นำเสนอโดย ประยุกต์เอากระบวนการวิจัยที่ใช้กันโดยทั่วไปมาเป็นวิธีการประเมินกล่าวคือ จะต้องมีการกำหนด วตั ถุประสงคแ์ ละขอบเขตของการประเมินของรายการน้ัน มกี ารรวบรวมข้อมูลโดยใชเ้ ทคนคิ วธิ ีตา่ ง ๆ กนั มีการวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลการวิเคราะห์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงรายการดังกล่าวให้มี คณุ ภาพดยี ิ่งขึน้ แนวคดิ การประเมินคณุ ภาพรายการ การประเมินคุณภาพรายการเป็นขั้นการพิจารณาว่ารายการมีคุณภาพและควรแก่การ ออกอากาศหรือไมห่ รือต้องปรบั ปรุงอย่างไรรวมทั้งตรวจสอบวา่ เมื่อได้ออกอากาศไปแล้วมีผลย้อนกลับ จากผชู้ มอย่างไรซ่ึงอาจทำ ได้ ดงั นี้ การประเมินขณะผลิตรายการ สามารถกระทำได้โดยการให้บุคลากรทางด้านเทคนิคตรวจสอบ สัญญาณภาพและเสียงที่บันทึกไว้แล้วว่ามีระดับและคุณภาพตามที่ต้องการหรือไม่ พิจารณาจากเทปที่ บนั ทึกไวแ้ มว้ ่าภาพและเสียงออกมาดหี รอื ไม่อย่างไร ควรมีการลองบันทึกเทปดูทกุ ครัง้ ที่ซอ้ มผ่านฉากและ กล้องเพื่อจะได้เล่นกลับและตรวจสอบคุณภาพทางเทคนิคในขณะที่ผลิตรายการผู้ก ำกับต้องใช้สายตา ประเมนิ ภาพการแสดงและความถูกต้องของการพูดได้ด้วยและจะต้องส่งั ตัดหรือยุตกิ ารแสดงทันทีที่เห็น อะไรและเมื่อบันทึกรายการแล้วทั้งรายการควรเล่นกลับรายการที่บันทึกเพื่อประเมิน หากมีอะไรท่ี ผิดพลาดกส็ ามารถถ่ายซอ่ มได้ทนั ที การประเมินเมื่อผลิตรายการแล้ว หมายถึง การประเมินโดยกลุ่มบุคคลที่สถานีโทรทัศน์หรือ หน่วยงานการผลิตแต่งตั้งขึ้นมาเป็นคณะกรรมการ คณะกรรมการประเมินมักจะประกอบด้วย ตัวแทน ของฝา่ ยจดั รายการ ฝ่ายเทคนิค ผทู้ รงคณุ วุฒิ และหนว่ ยงานควบคุมการออกอากาศรายการ การประเมินเมื่อได้ออกอากาศรายการไปแล้ว คล้ายกับการประเมินผลการใช้จริงเมื่อ ออกอากาศรายการไปแล้วคร้ังแรกก็ประเมินปฏิกิริยาของผู้ชมทนั ที 2 ระยะ คือ ประเมินทันทีหลังจาก 166

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงออกอากาศ 1 วัน เพื่อประเมินว่าผู้ชมมีความนิยมชมชอบในรายการประการใดและประเมินหลังจาก ออกอากาศไปแล้วชว่ งเวลาหน่ึง การประเมินรายการวิทยุโทรทศั น์สามารถเข้าไปแทรกอยู่ได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต รายการวิทยุโทรทัศน์ ไมว่ า่ จะเปน็ ในขนั้ ตอนกอ่ นการผลติ รายการ ระหวา่ งการผลิตรายการ หลังการผลิต รายการ ซึ่งการประเมินในขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ ถือว่าเป็นการประเมินการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ กอ่ นการออกอากาศ นอกจากการประเมินการผลิตรายการโทรทัศน์ก่อนการออกอากาศแล้วยงั สามารถประเมนิ การ ผลติ รายการโทรทัศนห์ ลงั การออกอากาศไดอ้ กี ขั้นตอนหน่งึ โดยการประเมินทง้ั 2 ขน้ั ตอนมวี ัตถปุ ระสงค์ ทแ่ี ตกต่างกนั ดังน้ี (ธีรารักษ์ โพธิสวุ รรณ และภสั วลี นิติเกษตรสนุ ทร, 2549) 1. การประเมินก่อนการออกอากาศ เป็นการประเมินหลังจากการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ สิ้นสุดลงเพื่อค้นหาข้อบกพร่องของรายการที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการผลิตรายการเพื่อน ำแก้ไข ปรบั ปรงุ ก่อนออกอากาศโดยมวี ตั ถุประสงคส์ ำคญั ในการประเมินรายการ ดงั นี้ 1.1 เพื่อประเมินด้านเนื้อหาเป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ด้านเนื้อหา ก่อนการออกอากาศ ใน 4 ด้าน คือ ความถูกต้องเชิงวิชาการ ความครบถ้วนสมบูรณ์ของเนื้อหา ความ สอดคลอ้ งกับหลักกฎหมาย และความเหมาะสมในการนำเสนอ 1.2 เพือ่ ประเมินดา้ นการผลติ รายการ เปน็ การประเมินเพอื่ ตรวจสอบความสมบูรณด์ ้าน เทคนิคการผลิตรายการก่อนการออกอากาศ ซึ่งโดยทั่วไป เกณฑ์การประเมินมักครอบคลุมเทคนิคการ ผลิต 5 ด้านคือ การถ่ายภาพ การลำดับภาพ การใช้เทคนิคภาพพิเศษ การบันทึกเสียงบรรยายและการ บนั ทึกเสยี งดนตรี 1.3 เพื่อประเมินด้านเทคนิคเป็นการประเมินคุณภาพเชิงเทคนิคที่เกิดจากเครื่องมือ และอุปกรณ์การผลิตรายการ เช่น ความชัดเจนของภาพ ความเนียนของแสง ความแจ่มของสี การผสม เสียงท่ีนุม่ นวล เปน็ ต้น ผู้ประเมินการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ด้านเนื้อหาและการผลิตรายการมักเป็นผู้มีความ เชี่ยวชาญที่สอดคล้องกับคุณลักษณะเฉพาะของรายการแต่ละรายการ เช่น รายการสอนภาษาญี่ปุ่น จำเป็นต้องมีการประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญภาษาญี่ปุ่นและการประเมินคุณภาพด้านการผลิต รายการจำเป็นตอ้ งอาศยั ผู้ทมี่ คี วามสามารถและประสบการณ์ดา้ นการผลิตรายการมาเป็นผู้ประเมนิ เปน็ ตน้ 2. การประเมินหลังการออกอากาศ เป็นการประเมินติดตามผลของรายการวิทยุโทรทัศนท์ ี่ได้ ออกอากาศไปแล้วว่า กลุ่มผู้ฟังผู้ชมเป้าหมายคิดอย่างไรกับรายการที่ได้ฟังและชมไปแล้ว รายการที่ นำเสนอนน้ั มปี ระโยชน์มีความน่าสนใจต่อกลมุ่ เป้าหมายมากน้อยเพียงใด สภาพการรับฟงั รับชมรายการ เปน็ อยา่ งไร การประเมินรายการหลงั การออกอากาศจงึ มวี ตั ถปุ ระสงคส์ ำคญั ดงั น้ี 2.1 เพื่อประเมนิ ความสนใจของกลุ่มผูฟ้ ังผ้ชู มเปา้ หมายต่อรายการวา่ สอดคลอ้ งตรงตาม วัตถปุ ระสงค์ทต่ี ้งั ไวหรือไม่ 167

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2.2 เพื่อประเมินความคิดเห็นของกลุ่มผู้ฟังผู้ชมเป้าหมายเพื่อนำข้อคิดเห็นนั้นไป ปรบั ปรงุ รายการใหต้ รงความตอ้ งการของกลมุ่ เปา้ หมายต่อไป 2.3 เพอ่ื ประเมนิ ประโยชนข์ องรายการทีม่ ตี อ่ กลุ่มผฟู้ งั ผูช้ มเป้าหมาย ภาพที่ 9.1 การประเมนิ การผลติ รายการโทรทัศน์ ท่ีมา : ภัสวลี นิติเกษตรสนุ ทร, 2552 ในการประเมินการผลิตรายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ สามารถจำ แนกวธิ ีการประเมนิ ออกไดเ้ ป็น 3 ลักษณะ ดงั น้ี 1) การประเมนิ โดยสถานโี ทรทศั น์เป็นการประเมนิ รายการวิทยโุ ทรทศั น์ท่ผี ลิตเรียบร้อยแล้วและ พร้อมทจ่ี ะนำออกอากาศเพ่อื ตรวจสอบว่าการผลติ รายการมีคุณภาพทั้งในเชงิ เทคนคิ และเน้ือหาโดยไม่ขัด ตอ่ ระเบียบว่าดว้ ยวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2535 ซ่งึ ยงั มผี ลบงั คบั ใช้อยู่ในปจั จุบัน แม้ว่า โครงสร้างการจัดองค์กรและตำแหน่งงานในสถานีโทรทัศน์แต่ละแห่งจะแตกต่างกันออกไปแต่โดย ภาพรวมแล้วการจัดโครงสร้างการดำเนินงานของสถานีโทรทัศน์ มักแบ่งงานออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ฝา่ ยการเงิน/สำนักงานฝา่ ยรายการและฝ่ายขา่ ว ฝา่ ยผลิตและเทคนิค ฝ่ายการตลาด การประเมินการผลิตรายการโทรทัศน์ในส่วนของเทคนิคการผลิตรายการ และเทคนิคการ ออกอากาศ จะอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายผลิตและเทคนิคส่วนของประเมินการผลิตรายการวิทยุ โทรทัศน์ในส่วนของเนื้อหาอาจเป็นการประเมินโดยฝ่ายผลิตรายการของสถานีเองหรือเป็นการประเมิน โดยผจู้ ดั /ผลติ รายการรายย่อยหรือเปน็ การจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาประเมนิ กไ็ ด้ 2) การประเมินโดยผู้จัด/ผลิตรายการมักเป็นการประเมินในขั้นตอนก่อนและระหว่างการผลติ รายการเพอื่ นำผลที่ได้มาปรับปรุงหรอื พัฒนารายการให้สอดคลอ้ งกับความต้องการของผู้ชมรายการและ เหมาะสมแก่การออกอากาศมากที่สุด โดยการประเมินมีท้ังในลักษณะของการประเมินแบบเตม็ รูปแบบ 168

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงและแบบรวดเร็ว (rapid survey) ซึ่งในที่นี้การประเมินแบบเต็มรูปแบบหมายถึง การประเมินแบบมี ขั้นตอนการดำเนินการ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายและการออกแบบวิธีการประเมินที่เป็นระบบตาม หลกั การวชิ าการ สว่ นการประเมนิ แบบรวดเร็ว เปน็ การประเมนิ ท่ีต้องการความคิดเห็นของผู้ชมรายการ มาใช้โดยทันทีเพื่อให้รายการที่ผลิตเป็นไปตามความต้องการที่ยัง ร้อนๆ อยู่ของผู้ชม อาทิ การสำรวจ ความคิดเห็นของผู้ชมรายการในห้องส่ง การรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนวของผู้ชมรายการผ่านทาง เครอ่ื งมอื ส่ือสารตา่ งๆ ขณะท่ีรายการกำลงั ออกอากาศ การประเมินความคดิ เหน็ ของผ้ชู มตอ่ รายการผ่าน ทางการสง่ เสริมการขายลักษณะตา่ งๆ เปน็ ตน้ 3) การประเมินโดยบริษัทเอกชน มักเป็นการประเมินความนิยมของผู้ชมรายการที่เรียกว่าการ สำรวจ “เรตติ้ง” (rating) ซึ่งเป็นการสำรวจกลุ่มผู้ชมทีม่ ีขนาดใหญ่และมีพื้นที่การรับชมกระจายอยู่ทว่ั ประเทศเพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มูลมาใช้ในการปรับปรุงพฒั นารายการใหด้ ึงดูดผชู้ มใหไ้ ด้มากย่งิ ขนึ้ และเพอ่ื นำขอ้ มูล ไปใช้ในประกอบการเสนอขายเน้อื ท่โี ฆษณาในรายการตา่ งๆ ประเภทของการประเมินการผลิตรายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ การประเมนิ การผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์เป็นการประเมนิ ท่ีต้องนำผลมาใช้เพื่อการดำเนินการ ผลิตรายการโทรทัศน์ใน 3 ลักษณะ คือ 1) เพื่อวางแผนผลิตรายการโทรทัศน์ 2) เพื่อปรับปรุงแก้ไข ข้อบกพร่องในการผลิตรายการโทรทัศน์ และ 3) เพื่อพัฒนารายการโทรทัศน์ให้สอดคล้องกับผลการ ประเมนิ ประเภทของการประเมินรายการวิทยุโทรทัศน์เพ่ือนำผลมาใช้กับการดำเนินการผลิตรายการใน ลักษณะต่างๆ ดังกล่าวประกอบด้วยการประเมนิ การผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์อย่างไม่เปน็ ทางการและ การประเมนิ การผลติ รายการวิทยโุ ทรทศั นแ์ บบเป็นทางการ 1. การประเมินการผลิตรายการโทรทัศน์อย่างไม่เป็นทางการ การประเมินการผลิตรายการ วิทยโุ ทรทศั น์อยา่ งไม่เปน็ ทางการเป็นการประเมินผลการผลิตรายการจากการตอบรับหรือการแสดงความ คดิ เหน็ ของผู้ชม/กลมุ่ ผู้ชมทั้งทางตรงและทางอ้อม ดงั ตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี 1.1 การรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ชมรายการในห้องส่ง เป็นการประเมินง่ายๆ ในขณะดำเนินการผลิตรายการโดยกระต้นุ ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในรายการเพื่อเปน็ การตรวจสอบเบ้ืองต้นว่า ผู้ชมมีปฏิกิริยาตอบสนอง (react) ต่อรายการอย่างไร นอกจากนั้นผู้ทำการประเมินอาจสร้าง แบบสอบถามหรือแบบสัมภาษณ์ที่กระชับ ชัดเจนเพื่อไปสอบถามหรือสัมภาษณ์ผู้ชมรายการในห้องสง่ ภายในระยะเวลาสัน้ ๆ ก็ไดเ้ ชน่ กัน 1.2 การสังเกตพฤติกรรมผู้ชมรายการ เป็นการประเมินอยา่ งไมเ่ ป็นทางการแบบง่ายๆ ด้วยการสังเกตพฤติกรรมของผู้ชมขณะชมรายการซึ่งผู้สังเกตต้องออกไปอยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ชมขณะชม รายการหรือสังเกตพฤติกรรมขณะที่ผู้ชมมาร่วมชมการผลิตรายการในห้องส่งแต่ทั้งนี้ การสังเกต พฤตกิ รรมผู้ชมรายการอาจไม่เพยี งพอสำหรับการประเมนิ จึงจำเปน็ ตอ้ งใช้วธิ ีการอย่างอนื่ ประกอบดว้ ย 169

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1.3 การรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากช่องทางการสื่อสารต่างๆ เป็นการ เปดิ โอกาสให้ผ้ชู มรายการหรอื ผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งไดแ้ สดงความคิดเหน็ ผ่านทางส่ือต่างๆ เชน่ โทรศพั ท์ โทรสาร จดหมาย เว็บไซต์ (Website)ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail-E-mail) และระบบการส่ง ข้อความสน้ั (Short Message Service SMS) เปน็ ต้น 1.4 การรับฟังข้อวิพากษ์วิจารณ์และข้อเสนอแนะจากสื่อมวลชน สื่อมวลชนเป็น “ตัวแทน” ที่สะท้อนความคิดเห็นของผู้ชมรายการผ่านทางขอ้ เขียน บทความหรือคอลัมนต์ ่างๆ ได้เป็น อย่างดีเนื่องจากผู้ชมรายการบางกลุ่มเลือกที่จะแสดงความคิดเห็นผ่านทางสื่อมวลชนมากกว่าจะแสดง ความคิดเห็นมายังรายการโดยตรงอีกทั้งบางครั้งภาคส่วนต่างๆ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ รายการผ่านทางสื่อมวลชนเพื่อให้เกดิ เปน็ พลังในการต่อรองอีกทางหนง่ึ 1.5 การตรวจสอบจากการโฆษณาหรือส่งเสริมการขายในรายการ เนื่องจากใน ปัจจุบันมีการโฆษณาและส่งเสริมการขายในรายการโทรทัศน์ในปริมาณที่สูงมาก ดังนั้น ยอดขายของ สนิ คา้ ท่ีมีการโฆษณาในรายการ (โดยเฉพาะสนิ ค้าใหม่ทไ่ี ม่มีการโฆษณาที่ใดมากอ่ น) และจำนวนช้ินส่วน ของสินค้าที่ส่งเข้ามาร่วมชิงโชคในรายการจึงเป็นการประเมินอย่างไม่เป็นทางการที่เด่นชัดอีกประเภท หนง่ึ 1.6 การเรียกร้องจากกลุ่มกดดันทางสังคม (Pressure Group) แม้ว่าการผลิต รายการวทิ ยโุ ทรทัศน์จะถกู ควบคุมโดยกฎ ระเบียบ และข้อบังคับต่างๆ และได้ผ่านการตรวจสอบหลาย ขั้นตอนก่อนจะนำออกอากาศ ก็ตามแต่ในบางครัง้ รายการวิทยโุ ทรทัศน์บางรายการก็อาจไปกระทบกับ ผู้ชมบางกลุ่ม และเกิดเป็นกลุ่มกดดังทางสังคมข้ึนเช่น กรณีที่มีกลุ่มมวลชนรวมตัวกนั เรียกร้องให้ระงบั การออกอากาศรายการทสี่ ง่ เสริมคา่ นิยมตะวนั ตกทีไ่ มเ่ หมาะสมแกเ่ ยาวชน เป็นต้น 2. การประเมินการผลิตรายการโทรทัศน์อย่างเป็นทางการ การประเมินผลการผลิตรายการ วิทยุโทรทัศน์อย่างเป็นทางการเป็นการกำหนด การประเมิน เป็นส่วนหนึง่ ของกระบวนการผลติ รายการ โทรทัศน์มีการจัดทำเป็นระบบแบบแผน ประเภทของการประเมินการผลิตที่มักมีการดำเนินการกัน โดยทั่วไป มีดงั น้ี 2.1 การทดสอบรายการ เป็นรูปแบบของการประเมนิ ผลการผลิตรายการที่เกิดขึน้ ใน ขั้นตอนก่อนการออกอากาศ มักทำในลักษณะการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อประเมินความสนใจและทัศนคติ ของผูช้ มทมี่ ตี ่อรายการ การทดสอบรายการ จำแนกออกเปน็ การทดสอบแนวคิด เปน็ การนำแนวคิดของ รายการที่ต้องการนำเสนอต่อสถานีมาทดสอบกับกลุ่มผู้ชมรายการ ก่อนจะนำไปผลิตเพื่อออกอากาศ ต่อไป การทดสอบรายการนำรอ่ งเป็นการนำรายการใหม่ทกี่ ำลังจะออกอากาศมาทดสอบ เพ่อื ดูปฏิกิริยา ของผูช้ มรายการซง่ึ หากเปรียบรายการโทรทัศน์เหมอื นผลติ ภัณฑ์ใหม่ท่ีกำลงั จะนำไปวางขายการทดสอบ รายการนำรอ่ งกเ็ ทยี บเท่ากบั ข้ันตอนการ “ทดลองตลาด” นนั่ เอง การทดสอบรายการเปน็ ตอนๆ เป็นการ นำรายการที่ผลิตแล้วเป็นตอน ๆ มาทดสอบความชื่นชอบของผู้ชมรายการต่อองค์ประกอบต่างๆ ของ รายการเชน่ ผู้ปรากฏตวั ทางรายการ หรอื ผ้แู สดง ในกรณีทเี่ ปน็ การทดสอบรายการละคร ฉาก เปน็ ต้น 170

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2.2 การสำรวจผู้ชมรายการวทิ ยโุ ทรทัศน์ เปน็ วธิ กี ารทีเ่ ป็นท่นี ยิ มและนำมาใช้กนั อยา่ ง แพรห่ ลายมากท่ีสุดเนอื่ งจากเปน็ วิธีการศึกษายอดผู้ชม (audience rating) ที่เป็นระบบและเป็นตัวบ่งชี้ท่ี ชัดเจนถึงระดับความสำเร็จของรายการแตล่ ะรายการโดยข้อมูลตา่ งๆ ที่เกิดจากการสำรวจผู้ชมรายการ จะถูกนำมาใช้ในการปรับปรุง/พัฒนารายการ ตลอดจนเป็นตัวกำหนดราคาของพื้นทีโ่ ฆษณาในรายการ ตา่ งๆ อกี ด้วย การประเมนิ ด้านการผลิตรายการ การประเมินการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ด้านการผลิตรายการเป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบ ความสมบูรณ์ด้านเทคนิคการผลิตรายการก่อนการออกอากาศประกอบด้วยการประเมินการผลิตรายการ ในด้านต่างๆ โดยจำแนกออกเปน็ การประเมนิ ใน 3 ส่วนใหญๆ่ คือ การประเมินการผลิตรายการด้านภาพ การประเมนิ การผลติ รายการด้านแสง และการประเมนิ การผลติ รายการดา้ นเสียง 1. การประเมินการผลติ รายการด้านภาพ เกณฑ์ในการประเมินการผลิตรายการด้านภาพทาง วิทยุโทรทัศน์ไม่ได้เน้นที่ความสวยงาม หากแต่เน้นที่การสื่อความหมาย (meaning) ความต่อเนื่อง (continuity) และ การลำดับภาพ (sequence) โดยภาพต้องมคี วามตอ่ เนอื่ งและมีการจัดลำดับท่เี ปน็ เหตุ เป็นผล สามารถอธิบายได้ในเชงิ ตรรกะและควรเลือกใช้ภาพท่มี ี พลงั ในการสอื่ สารเนอ่ื งจากในงานวิทยุ โทรทศั น์ ภาพมพี ลงั มากกวา่ คำพูดเสมอ นอกจากตรรกะดา้ นความตอ่ เน่ืองและการลำดับภาพแลว้ สิ่งทคี่ วรคำนงึ ถงึ ในการใชภ้ าพกับงาน โทรทัศน์ คือ ความสมดุลและสี โดยระบุว่า ความสมดุลเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในองค์ประกอบภาพ เนื่องจากเป็นส่วนที่สัมพันธ์โดยตรงกับความรู้สึกและจิตวิทยาการเห็นภาพของมนุษย์ ส่วน สี เป็น องคป์ ระกอบท่ีมสี ่วนสัมพันธ์โดยตรงกบั อารมณ์ จึงจำเป็นตอ้ งเลือกใช้สีท่ีกลมกลืนสอดรับกับ อารมณ์ ของรายการที่ต้องการนำเสนอ (วภิ า อตุ มฉนั ท์, 2544) 2. การประเมินการผลิตรายการด้านแสง แสงเป็นเครื่องมือพิเศษที่ช่วยให้การผลิตรายการ โทรทศั นเ์ ป็นไปได้อยา่ งสมบูรณ์ การประเมินการผลิตรายการด้านแสงเป็นการตรวจเช็คความถูกต้องของ การนำแสงมาใชใ้ นเชงิ เทคนิคและในเชิงการส่อื ความหมาย 2.1 การนำแสงมาใช้ในเชิงเทคนิค แสงทำให้เกิดภาพ 3 มิติ ทำให้ภาพทางโทรทัศน์ เป็นภาพที่มีโครงสร้าง รูปร่าง และลักษณะที่สมจริง ทำให้เกิดองค์ประกอบของภาพที่เป็นศิลปะ การ ออกแบบแสงจึงต้องทำร่วมกับการออกแบบฉากเพื่อให้เกิดภาพทีส่ มบูรณ์ นอกจากน้ันแสงเป็นสว่ นเติม เต็มทางดา้ นเทคนคิ การให้แสงท่มี รี ะดบั มากพอจะทำให้กล้องโทรทัศนร์ ับภาพและผลติ ภาพไดอ้ ย่างดี 2.2 การนำแสงมาใช้ในการสื่อความหมาย แสงช่วยแนะนำสิ่งที่สำคัญและน่าสนใจ ภายในฉาก โดยการให้แสงและเงาท่ีเหมาะสมจะช่วยให้ผู้กำกับรายการสามารถนำผชู้ มไปสู่สิ่งที่น่าสนใจ และสำคัญที่สุดในแต่ละฉากได้ เป็นเครื่องบอกเวลาในการแสดงเพื่อทำให้ผู้ชมรู้ว่าการแสดงเกิดขึ้นใน ชว่ งเวลาใดและแสงยงั ทำให้ผชู้ มมีความร้สู ึกและอารมณไ์ ปตามการให้แสง เช่น การใหแ้ สงท่ีสว่างบ่งบอก ถงึ ความสุข ในขณะท่กี ารใหแ้ สงทีม่ ืดหรอื ทำให้เกิดเงาในฉากให้ความรู้สกึ ลึกลบั ตงึ เครยี ด เป็นตน้ 171

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3. การประเมินการผลิตรายการด้านเสียง เสียงที่มีคุณภาพดีจะช่วยส่งเสริมภาพทางโทรทัศน์ และเพ่มิ อรรถรสในการรับชมมากย่ิงขน้ึ โดยทว่ั ไปแลว้ การใชเ้ สียงในการผลิตรายการโทรทัศน์เป็นหน้าที่ ของ audio engineer และมเี คร่อื งมือในการปรับคณุ ภาพของเสียงอยแู่ ล้ว แตป่ ระเมินด้านอื่นๆ เช่นกนั 3.1 การประเมินเชิงเทคนิค เป็นการประเมินคุณภาพของเสียงในเชิงเทคนิคว่ามี คุณภาพเหมาะสมในการออกอากาศหรอื ไม่ เช่น ประเมินระดับความค่อย –ดังของเสียง ประเมินความ เหมาะสมในการใช้ไมโครโฟนประเมนิ ระยะเสยี งในการได้ยนิ ท่ีสมั พันธ์กับภาพ ประเมินความแจ่มชัดของ เสยี ง เปน็ ตน้ 3.2 การประเมินการใช้เสียงเพื่อสื่อความหมาย เป็นการประเมินว่าเสียงที่นำมาใช้ สามารถสือ่ ถงึ ความหมายท่ีรายการตอ้ งการ หรือสะท้อนถึง “ตวั ตน” หรือ “อัตลักษณ์” ของรายการได้ มากน้อยเพียงใด การประเมนิ การผลิตรายการโทรทัศนด์ ้านเน้ือหา การประเมินการผลติ รายการวิทยโุ ทรทัศน์ด้านเน้ือหา นอกจากจะเปน็ การประเมินความถูกต้อง สมบูรณ์ใน 4 ด้าน คือ ความถูกต้องเชิงวิชาการ ความครบถ้วนสมบูรณ์ของเน้ือหา ความสอดคล้องกับ หลักกฎหมายและความเหมาะสมในการนำเสนอซง่ึ เปน็ การตรวจเช็คว่ารายการนัน้ พร้อมจะออกอากาศ หรือไม่ ยงั อาจประเมินเน้ือหาตามศาสตรแ์ ละศิลป์ ของการผลิตรายการโดยพจิ ารณาถึงความสอดคล้อง ของเนื้อหารายการกบั องคป์ ระกอบอื่นๆ ได้แก่ วัตถปุ ระสงคร์ ายการ ประเภทและรูปแบบรายการ วิธีการ นำเสนอและเวลาและอารมณ์ของรายการ 1. วัตถุประสงค์ของรายการ เป็นนโยบายที่แสดงจุดยืนและขอบเขตของรายการ เป็นเสมือน แกนหลกั ทจ่ี ะควบคมุ องคป์ ระกอบอนื่ ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดยี วกนั ดังนั้น วัตถุประสงค์ของรายการ จึง ควรมีความชัดเจนสามารถนำไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้และมีความสอดคล้องกับเนื้อหาของรายการใน ภาพรวม 2. ประเภทและรปู แบบของรายการ ควรเป็นประเภทและรูปแบบท่ีสอดคล้องกบั วัตถุประสงค์ ของรายการ เช่น รายการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นความบันเทิงด้านเสียงเพลงอาจเหมาะกับรายการ ประเภทเกมโชวท์ ี่มีรูปแบบเพลงและดนตรีเป็น theme หลักมากกว่ารายการสารคดีบอกเล่าพัฒนาการ ดา้ นเพลง และดนตรี เปน็ ต้น 3. วิธีการนำเสนอ วิธีการนำเสนอเนื้อหาเป็นส่วนสำคัญทีท่ ำให้รายการมคี วามน่าสนใจและนา่ ติดตาม การนำเสนอเนื้อหาสาระทางรายการโทรทศั น์ให้น่าสนใจก็มีหลกั เกณฑ์เช่นเดียวกับการนำเสนอ ผ่านสือ่ อ่ืนๆ ทคี่ วรมีจดุ ดงึ ดูด (program appeals) 7 ประการ คือ 3.1 ความขัดแย้ง (conflict) รายการวิทยุโทรทัศน์ทีน่ า่ สนใจและสามารถดึงดูดผู้ชม ได้ ควรจะมีเนื้อหาในลักษณะของความขัดแย้งผสมผสานอยู่ไม่ว่าจะเป็นรายการละคร รายการสารคดี รายการเกมโชว์หรอื รายการประเภทใดๆ กต็ าม เนอื่ งจากความขดั แยง้ จะนำไปส่วู ิธีการแก้ปัญหาท่ีจะไป ใช้ในชวี ติ ประจำวัน 172

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3.2 ความตลกขบขนั (comedy) การนำเสนอรายการโทรทศั นท์ ่ีสอดแทรกความตลก ขบขนั ไว้ เป็นแรงดึงดูดทดี่ ีเนอ่ื งจากผ้ชู มรายการไมต่ ้องการชมรายการทเ่ี ตม็ ไปด้วยสาระท่ีต้องขบคิดตาม ขณะชมรายการหรอื นำมาขบคิดต่อหลังจากทีร่ ายการจบไปแลว้ ตลอดเวลา 3.3 ความดึงดูดทางเพศ (sex appeal) หมายถึง ความสอดคล้องระหว่าง เพศสภาพ กับประเภท/รูปแบบรายการ เช่น รายการกีฬาเหมาะที่มีพิธีกรเพศชายมากกว่าเพศหญิงหรือรายการ แมบ่ ้าน จำ เปน็ ต้องใช้พิธีกรท่เี ป็นเพศหญิง เป็นตน้ 3.4 ความสนใจของมนุษย์ปุถุชน (human interest) รายการที่นำเสนอเรื่องราวท่ี สามารถสนองตอบต่อความสนใจของมนุษย์มักเป็นรายการที่ได้รับความสนใจเสมอ ด้วยเหตุนี้ รายการ ประเภท มนั แปลกดีนะ จงึ เป็นรายการทีไ่ ม่เคยหายไปจากจอโทรทัศน์ 3.5 การสนองตอบต่ออารมณ์/ความรู้สึก (emotional simulation) เป็นการ สนองตอบตอ่ อารมณ์ขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งของมนุษย์ เราจึงไดเ้ หน็ ความพยายามในการสอดแทรก การแสดงออกถงึ อารมณ/์ ความร้สู ึกไว้ในรายการหลายๆ ประเภท เชน่ การทำเซอรไ์ พร์ส (surprise) แขก รบั เชิญในรายการสนทนาหรือทอล์คโชว์การสัมภาษณ์ผู้สญู เสียจากเหตุการณใ์ ด เหตกุ ารณห์ นึง่ เพื่อนำมา ประกอบขา่ วใหม้ ีความนา่ สนใจและสะเทือนอารมณ์มากย่งิ ขึน้ 3.6 ข้อมูลข่าวสาร (information) มนุษย์ทุกคนตอ้ งการแสดงหาข้อมูลข่าวสารเพื่อ นำมาใช้และประกอบการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะการดำเนินชีวิตในยุคโลกาภิวัตน์ที่ข้อมูลข่าวสารมีอยู่ ท่วั ไปอยา่ ง ล้นทะลกั และจำเป็นต้องไดร้ บั การสกัด เพือ่ นำมาใชอ้ ยา่ งเหมาะสมซ่ึงรายการวิทยุโทรทัศน์ ในฐานะสือ่ มวลชนจำเป็นต้องทำหน้าทด่ี งั กลา่ วให้ได้อยา่ งสมดลุ และเหมาะสมเชน่ กัน 3.7 การให้น้ำหนักความสำคัญ (importance) คือ การกำหนดน้ำหนักการนำเสนอ ให้เหมาะสมกับประเภทและรูปแบบของรายการ เช่น รายการสารคดี ควรใหน้ ้ำหนักความสำคัญแก่การ นำเสนอด้านสาระมากกว่าความบันเทิงหรือรายการข่าว ควรให้น้ำหนักความสำคัญแก่การนำเสนอ ขอ้ เทจ็ จรงิ มากกวา่ การสัมภาษณ์ที่สะเทือนใจของผสู้ ญู เสียซ่งึ เก่ยี วข้องกบั เหตกุ ารณ์ท่ีเปน็ ข่าว เปน็ ตน้ 4. เวลา และอารมณ์ของรายการ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจและ ประทับใจในตัวรายการจนต้องคอยติดตามจนในโอกาสต่อไป เวลาและอารมณ์ของรายการ หมายถึง บรรยากาศการดำเนินเรื่องราว ลีลา ท่าทางการนำเสนอเนื้อหาสาระของรายการให้ราบรืน่ มีจังหวะจะ โคน ซึ่งจะทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจชมแล้วเป็นที่ประทับใจและดึงดูดใจให้ติดตามโดยสามารถจำแนก องคป์ ระกอบย่อยของเวลาและอารมณข์ องรายการออกเป็น ดังน้ี (ปมขุ ศภุ สาร, 2545) 4.1 เวลาของรายการ หมายถึง เวลาออกอากาศของรายการและกำหนดตารางการ ออกอากาศรายการประจำวัน ความยาวของรายการแต่ละรายการตามความเหมาะสมของเน้ือหาสาระ ประเภท และรูปแบบรายการ ความยาวของแต่ละช่วงเวลาในรายการตั้งแต่เริ่มรายการจนถึงช่วงพัก โฆษณาแต่ละช่วง ความยาวของรายการสว่ นทีเ่ ป็นเนื้อหาในแต่ละตอน แต่ละฉาก แต่ละซีนและแต่ละคัท และเวลาในการดำเนินรายการแตล่ ะชว่ ง 173

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 4.2 อารมณ์ของรายการ หมายถงึ การกำหนดเวลาและการควบคมุ เวลาในการดำเนิน รายการ เทคนิคการเขยี นบทโทรทัศน์ ความสามารถของผู้นำเสนอและผูร้ ่วมนำเสนอเนื้อหาบรรยากาศ ฉาก ส่งิ ประกอบฉาก เครอ่ื งแต่งกาย งานศิลปกรรมประกอบฉากและสิ่งแวดล้อมอ่นื ๆ ความสอดคล้องของเนื้อหารายการและองค์ประกอบด้านต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นมีความสำคัญ เปน็ อยา่ งมากหากส่วนใดสว่ นหนึ่ง หลุด หรอื โดด ออกไปก็อาจทำให้รายการขาดความสมบรู ณ์ลงได้ การ ประเมินการผลิตรายการโทรทัศน์ด้านรายการจึงควรเป็นการประเมินแบบ องค์รวม มากกว่าแยก องค์ประกอบใดองค์ประกอบหนง่ึ ออกมาประเมินเดยี่ ว ๆ การประเมนิ การผลิตรายการด้านผูช้ มรายการ การสำรวจผู้ชมรายการวิทยโุ ทรทัศน์ เป็นข้นั ตอนทีเ่ กดิ ขึ้นทง้ั ก่อนการผลติ รายการและหลังการ ออกอากาศเพื่อนำผลการสำรวจมาใชใ้ นจัด/ผลิตรายการตลอดจนนำผลที่ได้มาใช้ในการปรับปรุง และ พัฒนารายการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ชมรายการโทรทัศน์โดยเฉพาะผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนีผ้ ลการสำรวจผู้ชมรายการยงั เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของรายการในแงข่ องปริมาณผู้ชมซึ่งเป็น ข้อมูลที่สำคัญในการขายเนื้อทีใ่ นการโฆษณาให้แก่บรษิ ัทผูแ้ ทนโฆษณาโดยนักโฆษณาสามารถใช้ผลการ สำรวจอัตราความนิยมรายการไปใช้ประกอบการประเมินได้ว่าควรซื้อเวลาโฆษณาในรายการใดเป็น จำนวนมากนอ้ ยเท่าไร (ภสั วลี นติ ิเกษตรสุนทร, 2552) วัตถุประสงค์หลักของการสำรวจรายการวิทยุโทรทัศน์ คือ การวิเคราะห์ผู้รับสาร ในมิติต่างๆ เพ่อื นำมาใชป้ ระโยชนต์ ่อการจัดและผลิตรายการ ดังนี้ 1. เพื่อให้ทราบคุณลักษณะของผู้ชมรายการวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งเป็นเสมือนข้อมูลพื้นฐานท่ี นำมาใช้ในการจดั /ผลติ รายการประกอบดว้ ยลกั ษณะทางประชากรของผู้ชมรายการ เชน่ เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจ เป็นต้น ข้อมูลด้านจิตวิทยา เช่น ทัศนคติ ความเชื่อ นิสัย รสนิยม เปน็ ต้น ข้อมลู ดา้ นภูมิศาสตรไ์ ดแ้ ก่ ภูมภิ าคท่ีอย่อู าศยั ของผ้ชู มรายการ ข้อมูลด้านวถิ ีชีวิต (lifestyle) เช่น งานอดเิ รก การใชเ้ วลาวา่ งในวันหยดุ แบบแผนการจบั จา่ ยซอื้ ของ เป็นต้น 2. เพ่ือประเมนิ ปรมิ าณ และความนยิ มของผู้ชมที่มีต่อรายการวิทยุโทรทศั น์ การสำรวจผู้ชม รายการวทิ ยโุ ทรทัศนเ์ พือ่ ประเมินปริมาณและความนยิ มของผู้ชมทีม่ ีต่อรายการโทรทัศน์ซึ่งข้อมูลในส่วน น้ี นอกจากจะสามารถนำไปใชเ้ พื่อการพัฒนารายการให้เข้าถึงกลุ่มผูช้ มรายการให้มากขึน้ แล้ว ยังเป็น ข้อมูลที่สำคัญในการขายเน้ือทโี่ ฆษณาให้แก่บริษัทผู้แทนโฆษณาอกี ด้วยเนือ่ งจากบริษัทโฆษณาย่อมเลือก ที่จะซื้อเนื้อที่โฆษณาในรายการที่มีความนิยมสูงและลั กษณะทางประชากรของผู้ชมรายการมีความ สอดคล้องกับสินค้าที่ต้องการนำเสนอมากกว่าจะเลือกลงโฆษณาในรายการที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม และมี เนื้อหาไมส่ อดคล้องกับสินคา้ ของบรษิ ทั 3. เพือ่ ใหผ้ จู้ ัด/ผลติ รายการสามารถกำหนดเนอ้ื หาสาระและรปู แบบรายการให้เหมาะสม กบั ลกั ษณะพืน้ ฐานและความตอ้ งการของผู้ชมรายการ ขอ้ มลู ท่ีจำเปน็ ต่อการกำหนดเน้ือหาสาระ และรูปแบบรายการมักประกอบด้วยขอ้ มลู ต่อไปนี้ 174

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3.1 พฤติกรรมการชมรายการเป็นการสำรวจเพือ่ ให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกบั ลักษณะและแบบ แผนพฤติกรรมของผู้ชมเกี่ยวกับการชมรายการวิทยุโทรทัศน์เช่น จุดประสงค์ในการชมรายการความถ/่ี ชว่ งเวลาในการชมรายการโทรทัศน์ เป็นตน้ 3.2 ความตอ้ งการด้านสอื่ หมายถงึ ความต้องการทจี่ ะใช้ประโยชน์จากสอ่ื ทแี่ ตกต่างกัน ออกไปตามคุณลักษณะสว่ นบุคคลตลอดจนภูมิหลงั และทมี่ าทางสงั คม เช่น บคุ คลท่มี ีระดับการศึกษาสูง มีความตอ้ งการที่จะใช้สอื่ เพ่อื แสวงหาข้อมูลข่าวสาร มากกว่าคนทีม่ กี ารศึกษาน้อย ซึ่งมกั ใช้สื่อเพื่อผ่อน คลายความบันเทงิ เป็นตน้ 3.3 รสนิยมและความช่นื ชอบสว่ นบุคคล หมายถึง รสนิยมและความช่ืนชอบส่วนบุคคล ท่สี ่งผลต่อการเลอื กประเภท รปู แบบและลักษณะเฉพาะของสารแต่ละประเภท 3.4 พฤติกรรมท่ัวไปในการใชป้ ระโยชน์จากส่ือในเวลาวา่ ง หมายถึง ลักษณะการใชเ้ วลา ว่างในการเปิดรับและใช้ประโยชน์จากสื่อที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เช่น กลุ่มแม่บ้านอาจมี พฤติกรรมการใช้ประโยชน์จากสื่อเพื่อประเทืองอารมณ์ ในขณะที่กลุ่มนักธุรกิจมักมีพฤติกรรมการใช้ ประโยชน์จากส่ือในลักษณะของการแสวงหาข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น ท้ังน้ีพฤติกรรมการใช้ประโยชน์ จาก สื่อของบคุ คลยังขึ้นอยู่กับปัจจยั ภายนอกอ่ืนๆ ได้แก่ ปัจจัยด้านสถานที่ เวลา และความสัมพันธร์ ะหวา่ ง สถานภาพทางการเงนิ และความสามารถในการเลอื กใชส้ ่อื เปน็ สำคัญด้วย 4. เพื่อหารัศมีครอบคลุม (converge) ของสถานีการสำรวจเพื่อหารัศมีครอบคลุมของสถานี เปน็ การสำรวจโอกาสท่ีบุคคลสามารถเข้าถึงรายการที่นำเสนอตลอดจนทำใหท้ ราบว่าพ้ืนทท่ี ่ีสถานีส่งคล่ืน ไปถึงมีขอบเขตแค่ไหนมีบริเวณใดที่ยังครอบคลุมไม่ทั่วถึงและบริเวณใดเป็นจุดอับที่คลื่นไปไม่ถึงจะได้ หาทางแก้ไขข้อบกพร่องและขยายพื้นที่การส่งสัญญาณให้ครอบคลุมต่อไป 5. เพื่อเสนอข้อมูลป้อนกลับสำหรับการดำเนินงานของสถานีวิทยุโทรทัศน์ การสำรวจกลุ่ม ผู้ชมรายการจะทำให้ทราบถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของสถานีเพื่อกำหนดทิศทางและแนวโน้มการ ดำเนินงานของสถานีให้สอดคล้องกบั สภาพความเปน็ จริง การประเมนิ การผลติ รายการดา้ นกฎหมาย และจรยิ ธรรม การประเมินการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ด้านกฎหมายและจริยธรรมเป็นการประเมินว่าการ ผลิตรายการโทรทัศน์เป็นไปตามกฎหมาย และจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโทรทัศน์โดย สามารถอธิบายได้ ดงั นี้ 1. การประเมินการผลิตรายการโทรทัศน์ด้านกฎหมาย การประเมินการผลิตรายการวิทยุ โทรทัศนด์ า้ นกฎหมาย เป็นการตรวจสอบว่ารายการที่ผลิตออกไปไมข่ ดั ตอ่ ขอ้ กฎหมายท่บี ญั ญตั ิไว้ โดย ณ ปัจจุบันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์โดยตรง คือ พระราชบญั ญัตวิ ทิ ยุกระจายเสยี งและวิทยโุ ทรทัศน์ พ.ศ. 2498 ซึง่ มกี ารแก้ไขเพิม่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิ วิทยกุ ระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2502 (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2521 และ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2530 รวมทั้งกฎหมายที่ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าว กฎหมายดังกล่าวมีความมุ่งหมายใน 175

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงการควบคุมการดำเนนิ งานวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ดา้ นต่างๆ ในส่วนขอตัวสื่อ บุคลากรและ รายการภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (กกช.) โดยมีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมการ และเลขานุการ เป็นเจ้าหน้าที่ตาม กฎหมายที่มีหน้าที่สอดส่องดูแลรายการเพื่อควบคุมกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะบทบัญญัติควบคุมเนื้อหารายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุ โทรทัศน์ ท่เี ป็นเกณฑใ์ นการประเมนิ การผลติ รายการใน 2 ส่วน คือ การกำหนดประเภทรายการและการ ควบคมุ เน้อื หา 1.1 การกำหนดประเภทรายการ ข้อ 12 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทศั น์ พ.ศ.2498 ได้จำแนกรายการ และ สดั สว่ นเวลาออกอากาศของรายการแต่ละประเภทคอื รายการประเภทข่าวและความรู้ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 รายการประเภทบนั เทิงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 รายการประเภทโฆษณาและบรกิ ารธุรกิจไม่ต่ำกว่าร้อย ละ 20 โดยกำหนดวตั ถปุ ระสงคร์ ายการไวใ้ นแต่ละด้าน คือ - สง่ เสริมความรู้ ความเข้าใจ ความรบั ผิดชอบ และจติ สำนกึ ในเรอ่ื งของการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ - เป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลข่าวสารการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อความ เข้าใจอนั ดี และถูกตอ้ งโดยคำนงึ ถงึ สทิ ธิและความเสมอภาคในการรบั รู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน - ส่งเสริมการศกึ ษา จริยธรรม ศิลปวัฒนธรรม ให้ความรู้ ความบันเทิง โดยไม่ ขดั กบั ขนบธรรมเนียมประเพณี และศลี ธรรมอนั ดีงานของชาติ - ส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความเข้าใจในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม คณุ ภาพชีวิต ทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมของชาติ 1.2 การควบคมุ เนือ้ หารายการ ขอ้ 16 แห่งกฎกระทรวง ฉบับท่ี 14 (พ.ศ. 2537) ออก ตามความในพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 ได้กำหนดเนื้อหาของ รายการที่ตอ้ งห้ามไมใ่ ห้ออกอากาศ ดงั น้ี - ไม่เป็นการแสดงออกซึ่งอาจกระทบกระเทือนหรือดูหมิ่นต่อสถาบันกษัตริย์ รวมถึงประมุขของประเทศอื่นๆ ดว้ ย - ไม่เป็นการแสดงออกโดยจงใจก่อให้เกิดการดูหมิ่นเหยยี ดหยามประเทศชาติ รฐั บาล เจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ หรือกลุ่มชนใด - ไม่เป็นการแสดงที่ลบหลู่เหยียดหยาม หรือนำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนาใด หรอื ไม่เคารพตอ่ ปชู นียบุคคล ปูชนยี สถาน หรือปชู นียวัตถุ - ไม่เป็นการแสดงท่ขี ดั ตอ่ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน กอ่ ใหเ้ กดิ การแตก ความสามัคครี ะหว่างคนในชาติ หรือกระทบกระเทือนตอ่ สมั พนั ธ ไมตรีระหวา่ งประเทศ 176

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง - ไม่เป็นการแสดงที่ขัดต่อศีลธรรม วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมอันดีงาม ของชาติไม่เป็นการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นการบ่อนทำลายหรือกระทบกระเทือนต่อความ ม่นั คงปลอดภยั ของประเทศ - ไมเ่ ปน็ การแสดงออกทางยวั่ ยกุ ามารมณ์ หรอื ลามกอนาจาร - ไม่เป็นการแสงออกถึงความทารุณโหดร้าย ขาดมนุษยธรรม ป่าเถื่อน หรือ อุจาดแกผ่ ฟู้ งั และผู้ชม - ไม่เป็นการแสดงออกเรื่องเพ้อเจ้อ หลอกลวง ไร้สาระ ซึ่งอาจชักจูงให้ ประชาชน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เด็ก และเยาวชนหลงเชือ่ อย่างงมงาย - ไม่เป็นการแสดงถึงพฤติกรรมของผู้ร้ายซึง่ ผดิ ธรรมดา อันอาจเป็นเหตชุ ักจงู หรอื สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ อาชญากรรมยิ่งขน้ึ - ไม่เป็นการแสดงท่ีใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบ-บญั ญัติเพ่ิมเตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบับ ที่ 15 (พ.ศ. 2544) ข้อ 18 นอกจากเนื้อหารายการที่ถูกห้ามออกอากาศ 11ประเภทข้างต้นแล้วยังมี เนื้อหารายการบางประเภทที่จำเป็นต้องมีหน่วยงานเข้ามาควบคมุ ดูแลให้เปน็ ไปตามกฎหมาย อาทิ การ โฆษณาโรงพยาบาล สถานพยาบาล รายการและโฆษณาทมี่ กี ารลด แลก แจก แถม ชิงโชค จับสลาก การ ประกวด แขง่ ขนั และอนื่ ๆ 2. การประเมนิ การผลิตรายการโทรทัศน์ด้านจริยธรรม จริยธรรมในการผลติ รายการ หมายถงึ เกณฑ์ด้านศีลธรรมซึ่งถูกกำหนดเพื่อเป็นหลักประพฤติปฏิบัติสำหรับบุคคลในสังคมในช่วงเวลาใดเวลา หนึ่งหรือสถานการณ์ใดสถานการณห์ นง่ึ ประเดน็ ดา้ นจรยิ ธรรมไมส่ ามารถกำหนดเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรได้ หากแตต่ ้ังอยู่บนฐานท่สี ำคญั อย่างนอ้ ย 3 ประการ คอื 2.1 ผลิตและนำเสนอเนื้อหารายการด้วยความเคารพความเป็นส่วนตัวและสิทธิขั้น พนื้ ฐานตามรฐั ธรรมนูญ 2.2 ผลิต และนำเสนอเนื้อหารายการท่ไี ม่กระทบตอ่ บรรทดั ฐานและศลี ธรรมอันดี ของสังคม 2.3 นำเสนอเนือ้ หารายการดว้ ยความเทยี่ งตรงและเปน็ กลาง แมว้ ่าประเด็นทางจรยิ ธรรมไมใ่ ชป่ ระเด็นทีถ่ ูกควบคมุ โดยกฎหมาย หรอื ระเบยี บขอ้ บงั คับใด ๆ ไว้อย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นประเด็นที่ขึ้นอยู่กับ วิจารณญาณ ของบุคคลแต่ถือว่าเป็นประเด็นที่มี ผลกระทบต่อสงั คมเป็นอย่างมากจึงควรหยบิ ยกข้นึ มาเปน็ ประเด็นในการควบคุมดูแลอย่างจริงจัง และมี ประสทิ ธิภาพตอ่ ไป 177

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสรปุ การประเมนิ ผลการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ เปน็ การประเมินรายละเอยี ดท้ังในสว่ นของเทคนิค การผลิต เนื้อหาสาระของรายการและผลการรับชมจากผู้ชมรายการเป็นการพิจารณาตัดสินคุณค่าของ การผลิตรายการเพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจในการวางแผนผลิตรายการและพัฒนาปรับปรุงให้ รายการมปี ระสทิ ธภิ าพมากยงิ่ ข้ึน ซึง่ ข้ันมีขน้ั การประเมินได้ 3 ทางคือ การประเมนิ ขณะผลิตรายการ การ ประเมินเมื่อผลิตรายการแล้ว และการประเมินเมื่อได้ออกอากาศไปแล้ว การประเมินการผลิตรายการ โทรทัศนส์ ามารถประเมนิ ได้จากหลายๆ ดา้ น คือ 1)ดา้ นเน้อื หารายการ ซ่ึงเป็นการประเมนิ ความถูกต้อง สมบูรณ์ในเชิงวิชาการ ความครบถ้วนสมบูรณ์ของเนื้อหา ความสอดคล้องกับหลักกฎหมาย และความ เหมาะสมในการนำเสนอ 2)ด้านการผลิตรายการรายการ เป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบความสมบรู ณ์ ด้านเทคนคิ การผลติ รายการกอ่ นการออกอากาศ 3) ด้านผ้ชู มรายการ เป็นการสำรวจผชู้ มรายการเพื่อนำ ผลการสำรวจมาใช้ในจัด/ผลิตรายการ ตลอดจนนำผลที่ได้มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนารายการให้ สอดคล้องกับความต้องการของผู้ชมรายการโทรทัศน์ โดยเฉพาะผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย และ 4) ด้าน กฎหมายและจริยธรรมเป็นการประเมินว่าการผลิตรายการโทรทัศน์เป็นไปตามกฎหมายและจริยธรรมที่ เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโทรทัศน์ ผู้ผลิตรายการจึงต้องให้ความสำคัญในการประเมินผลการผลิต รายการวิทยุโทรทัศน์เพื่อประโยชน์ในการนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจในการดำเนินการด้านการ ผลิตรายการวทิ ยโุ ทรทศั นใ์ ห้เปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพมากข้ึน 178

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง แบบฝกึ หัดบทที่ 9 คำชแี้ จง ขอใหน้ กั ศึกษาจงตอบคำถามต่อไปน้มี าให้เข้าใจ 1. วัตถุประสงค์ในการประเมนิ รายการวทิ ยุโทรทัศน์ก่อนการออกอากาศ มีอะไรบ้าง 2. การประเมนิ การผลติ รายการวทิ ยโุ ทรทศั น์โดยสถานโี ทรทัศน์ มีวธิ ีการประเมนิ อย่างไร 3. จงอธบิ ายวิธดี ำเนินการประเมนิ การผลติ รายการวทิ ยุโทรทัศนอ์ ยา่ งเปน็ ทางการ 4. การประเมินการผลติ รายการดา้ นเนื้อหา จากองค์ประกอบวิธีการนำเสนอเนือ้ หา มีหลักเกณฑ์ พิจารณาจากด้านใดบา้ ง 5. การประเมนิ การผลติ รายการดา้ นภาพ มีการพจิ ารณาในด้านใดบา้ ง 6. หากนกั ศึกษาจะทำการศึกษาเก่ยี วกับผชู้ มรายการ นอกจากจะหาข้อมลู เกี่ยวกับคณุ ลักษณะของ ผู้ชมแล้ว ควรมกี ารวิเคราะหผ์ ชู้ มในด้านใดอีกบา้ ง 7. บรษิ ทั เอกชนท่ไี ด้รับการว่าจ้างให้ทำการสำรวจผ้ชู มรายการ มีวิธกี ารสำรวจอตั ราผ้ชู มรายการวทิ ยุ โทรทศั น์อย่างไรบ้าง 8. ใหน้ ักศกึ ษายกตัวอยา่ งเนอื้ หาของรายการวิทยโุ ทรทศั น์ทหี่ า้ มไม่ใหอ้ อกอากาศตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี 14 พ.ศ. 2547 มา 5 ขอ้ 179

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง เอกสารอา้ งอิง ภสั วลี นติ เิ กษตรสุนทร.(2552). การประเมินการผลิตรายการโทรทศั น.์ ในเอกสารการสอนชุดวิชา การผลติ รายการโทรทัศน์เบือ้ งตน้ , นนทบรุ ี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช ธรี ารักษ์ โพธิสวุ รรณ และภสั วลี นติ เิ กษตรสนุ ทร.(2549). การผลิตและสรา้ งสรรคส์ อื่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เพอ่ื งานสง่ เสริมการเกษตร. เอกสารอัดสำเนา ปมขุ ศุภสาร. (2549). องคป์ ระกอบทีจ่ ำเป็นของการจดั รายการวทิ ยโุ ทรทัศน.์ ใน เอกสารการสอน ชดุ วิชา การจดั รายการวิทยโุ ทรทัศน์, นนทบุรี : มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช วิภา อุตมฉันท์.(2538). การผลิตสือ่ โทรทศั น์และสอ่ื คอมพิวเตอร์ : กระบวนการสรา้ งสรรค์และ เทคนคิ การผลิต. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สหศักด์ิ กล่ินสวุ รรณ. (2548). การผลติ รายการโทรทัศน์สมัยใหมส่ ไตลอ์ เมริกัน. กรุงเทพฯ : อ.ี ที พบั ลิชชิ่ง จำกดั 180

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง เอกสารอ้างองิ กมลรตั น์ อนิ ทรทศั น์ และ กรรพุม บญุ ทว.ี (2552). แนวคดิ ประเภทและรูปแบบการผลิตรายการ โทรทศั น.์ ในเอกสารการสอนชุดวชิ า การผลิตรายการโทรทัศนเ์ บือ้ งต้น หน่วยท่ี 1-7, นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช กฤษรา (ซไู รมาน) วรศิ ราภูริชา. (2552). งานฉากละคร 2. กรุงเทพฯ : บริษทั ส.เอเซยี เพรส จำกัด จักรภพ เพญ็ แข. (2546). เทคนิคการดำเนนิ การอภปิ รายสไตล์จกั รภพ. วารสารสาธารณสุขและการ พัฒนา 2546 ปที ่ี 1 ฉบบั ท่ี 2 จารุลนิ ทร์ มสุ กิ พงษ.์ (2531). การผลติ รายการสารคดแี ละนติ ยสารทางอากาศ. ในเอกสารการสอน ชุดวชิ าการผลติ รายการวิทยกุ ระจายเสยี ง,หน่วยท่ี 6-10.นนทบรุ ี มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. ชนินทร์ ชมะโชติ, ดวงพร ทรัพยลกั ษณ.์ (2549). ปฏิบัตกิ ารผลติ รายการสารคด.ี ในเอกสารการสอน ชดุ วิชา การผลติ รายการโทรทัศนข์ น้ั สูง, หน่วยท่ี 6-10. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ชลพรรษ ดวงนภา.(2552). การเขียนสตอรี่บอรด์ (Story board). เผยแพรข่ อ้ มลู โดยนายศิวัช พูลศิริ นักจดั การงานทว่ั ไปชำนาญการในเวปไซต์ http://province.m-culture.go.th/ ณัฐฐว์ ฒั น์ สทุ ธิโยธิน. (2550). การสอ่ื ความหมายด้วยภาพและเสียง. ในเอกสารการสอนชุดวิชา การผลิตรายการโทรทัศน์เบ้อื งต้น หนว่ ยท่ี 8-15, นนทบรุ ี :มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช ถิรนนั ท์ อนวัชศริ ิวงศ์. (2531). การเขียนบทโทรทัศนเ์ บ้อื งตน้ . ในเอกสารการสอนชดุ วิชา การผลิต รายการ โทรทัศนเ์ บ้ืองต้น หน่วยท่ี 1-7, นนทบุรี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช นภฤทธิ์ เนียรสะอาด. (2550). มือระบายแสง. กรงุ เทพฯ : สถาบนั อิเลก็ ทราอนิกสก์ รงุ เทพรงั สติ . ธรี ารกั ษ์ โพธิสวุ รรณ และภสั วลี นติ ิเกษตรสุนทร.(2549). การผลิตและสร้างสรรค์สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพ่อื งานสง่ เสรมิ การเกษตร. เอกสารอดั สำเนา ปมุข ศภุ สาร. (2549). องค์ประกอบทจ่ี ำเป็นของการจัดรายการวทิ ยโุ ทรทัศน.์ ใน เอกสารการสอน ชดุ วิชา การจัดรายการวทิ ยุโทรทศั น์, นนทบรุ ี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช ปมุข ศุภสาร. (2539). การจดั รายการบันเทิง. ในเอกสารการสอนชดุ วิชาการจัดรายการวทิ ยุโทรทศั น์, หนว่ ยท่ี 8-15. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. ประภาส นวลเนตร. (2549). ปฏบิ ัตกิ ารผลติ รายการเกมโชว.์ ในเอกสารการสอนชุดวชิ า การผลิตรายการโทรทศั น์ขน้ั สูง, หน่วยท่ี 11-15. นนทบุรี : มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. พจนานกุ รมฉับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศกั ราช 2554 ภัสวลี นติ เิ กษตรสุนทร.(2552). การประเมินการผลิตรายการโทรทศั น์. ในเอกสารการสอนชุดวชิ า การผลติ รายการโทรทศั นเ์ บอ้ื งต้น, นนทบรุ ี : มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช 181

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงเมธา เสรธี นาวงศ.์ (2547). การวิเคราะหร์ ูปแบบสว่ นประกอบรายการโทรทศั น.์ งานวิจัยคณะนเิ ทศศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ยวุ นิตย์ อาตมารงั สรรค์, กมลรัฐ อนิ ทรทัศน.์ (2550). งานศิลปกรรมโทรทศั น.์ ในเอกสารการสอนชดุ วิชาการผลิตรายการโทรทศั นเ์ บือ้ งต้น หน่วยที่ 1-7. นนทบุรี:มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช วิภา อุตมฉนั ท์.(2538). การผลติ สอื่ โทรทัศน์และสอื่ คอมพวิ เตอร์ : กระบวนการสรา้ งสรรคแ์ ละ เทคนิคการผลิต. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย วิภา อุตมฉันท.์ (2538). การผลติ ส่ือโทรทศั นแ์ ละวดี ทิ ัศน์. กรุงเทพฯ.โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. ศศิกร ฉนั ทเ์ ศรษฐ์. (2547). การจัดและการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ ในเอกสารการสอนชุดวิชา ความรูเ้ บ้อื งต้นเกีย่ วกบั สอื่ มวลชน, หนว่ ยท่ี 6-10. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. สมสขุ หินวมิ าน, ศิริมิตร ประพันธธ์ รุ กิจ, ภัทธรี า สารากรบรริ ักษ์, อารดา ครุจิต, กรรณกิ า รุง่ เจริญพงษ์ และ กลุ นารี เสอื โรจน์. (2554). ความร้เู บื้องตน้ ทางวทิ ยุโทรทัศน.์ กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. สทุ ัศน์ บรุ ีภักดี. (2528). ถ่ายภาพและภาพยนตร.์ กรุงเทพฯ : หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ กรมการฝึกหดั ครู สุภางค์ นันตา.(2552). หลักการวทิ ยกุ ระจายเสยี งและวิทยุโทรทศั น์. มหาสารคาม : สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สนั ทัด ทองรนิ ทร.์ (2547). การบริหารการผลิตรายการโทรทศั น์ ในเอกสารการสอนชดุ วิชา การผลติ รายการโทรทศั นเ์ บื้องต้น, หน่วยที่ 1-7. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. สมเจตน์ เมฆพายัพ. (2547). การผลติ รายการโทรทศั นเ์ บ้อื งต้น. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ร.ส.พ. สหศักด์ิ กลน่ิ สุวรรณ. (2548). การผลิตรายการโทรทัศนส์ มัยใหม่สไตลอ์ เมริกนั . กรุงเทพฯ : อี.ที พับลชิ ช่ิง จำกดั สุทิติ ขตั ติยะ.(2555). หลกั การวทิ ยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน.์ กรุงเทพฯ : ประยูรวงศพ์ ร้นิ ติง้ . สธุ ี พลพงษ.์ (2545). การลำดับภาพอยา่ งสรา้ งสรรคส์ ำหรบั งานผลติ วดี ทิ ัศน.์ กรงุ เทพ : บจก. 21 เซ็นจูรี่ สุธี พลพงษ์. (2552). แสงและเสียงทางโทรทศั น์. ในเอกสารการสอนชดุ วชิ า การผลติ รายการ โทรทัศน์เบ้อื งต้น หน่วยท่ี 1-7, นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช อรนุช เลิศจรรยารกั ษ์.(2541). หลักการเขยี นบทโทรทศั น์. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. Andrew Goodwin and Garry Whannel. (1990). Understanding Television. Routledge. London and New York. Elin, Larry; Lapides, Alan. (2004). Designing and Producing the Television Commercial. Boston : Pearson A and B Henry Falyo. (1975). The Principles and Practice of management / edited by E.F.L. Brech. London; New York : Longman. http://www.prc.ac.th/newart/webart/colour09.html สบื คน้ วนั ที่ 1 กรกฎาคม 2555 182

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงhttp://www.procyc.com/content/what-cyc สบื คน้ วันที่ 29 มนี าคม 2556 http://www.creativelabrentals.com/studio/#!lightbox/0/ สืบค้นวนั ท่ี 29 มนี าคม 2556 http://www.siamniramit.com/ สบื ค้นวันที่ 29 มนี าคม 2556 http://nanotech.sc.mahidol.ac.th/comlab/image/wheel.htm สืบคน้ วันที่ 29 มีนาคม 2556 http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=4016 สบื คน้ เมื่อวันท่ี 27 มนี าคม 2556 http://www.oknation.net/blog/print.php?id=621444 สบื คน้ วนั ท่ี 29 มนี าคม 2556 members.multimania.co.uk/mct5/TM654/47.doc สบื คน้ เมือ่ วันที่ 5 มกราคม 2556 http://decartdi.blogspot.com/2010_03_01_archive.html สืบคน้ เมอื่ วันท่ี 22 มีนาคม 2556 http://www.softatoz.com สบื คน้ เมือ่ วนั ที่ 29 มกราคม 2556 http://www.visuals-switzerland.net สบื คน้ เมอ่ื วันท่ี 29 มกราคม 2556 http://www.itechnews.net สืบคน้ เม่อื วันที่ 29 มกราคม 2556 http://www.softatoz.com สืบค้นเม่อื วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556 http://www.videocopycentre.com.au สืบคน้ เมือ่ วันที่ 21 มนี าคม 2556 https://itunews.itu.int สืบคน้ เมอ่ื วันท่ี 11 กุมภาพนั ธ์ 2556 http://www.dallasvideoproductions.net สืบค้นเม่อื วนั ท่ี 11 กมุ ภาพนั ธ์ 2556 http://www.kbent.net สืบคน้ เมอ่ื วันท่ี 11 กุมภาพนั ธ์ 2556 http://www.satellite-links.co.uk/directory/viastoria.htmlสบื ค้นเม่อื วนั ที่ 11 กมุ ภาพนั ธ์ 2556 http://www.kcinstitutes.com สบื ค้นเมื่อวันที่ 11 กมุ ภาพนั ธ์ 2556 http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter9-3.html สบื ค้นเมอ่ื วันที่ 31 ธันวาคม 2555 http://th.wikipedia.org/wiki สบื คน้ เมือ่ วนั ท่ี 31 ธนั วาคม 2555 http://www.talkystory.com/?p=13240 สืบค้นเมือ่ วนั ที่ 31 ธันวาคม 2555 http://www.ryt9.com/s/prg/566349 สืบคน้ เม่ือวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 http://tv.truelife.com/content/1798332 สบื ค้นเมอ่ื วนั ที่ 25 ธนั วาคม 2555 http://tvshow.tlcthai.com สืบค้นเมอ่ื วันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 http://www.nbtc.go.th/wps/portal/NTC/OffNTC/History สบื ค้นเมอื่ วันที่ 25 พฤศจกิ ายน 2555 183


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook