มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง องคป์ ระกอบด้านรางวัล เช่น ถ้าเกมโชวน์ มี้ ีรางวัลใหญ่จะกำหนดรายการอยา่ งไรใหเ้ กดิ ลักษณะ เกมท่ีต้องร่วมล้นุ เป็นต้น โดยรูปแบบรายการเกมโชว์รายการเกมโชว์หรอื รายการแข่งขนั ชิงรางวัล แบ่ง ได้เป็น 2 รปู แบบใหญ่ๆ ดงั นี้ (ประภาส นวลเนตร, 2549) 1. รูปแบบรายการแข่งขนั ตอบปัญหาเพ่ือชิงรางวัล เป็นรายการที่มีผู้รว่ มแขง่ ขันตอบ ปัญหา ด้านความรู้ (Knowledge) วิชาการโดยอาศัยเชาว์ปัญญา (Intellectual) ของผู้เข้าร่วมแข่งขัน ในการ ตอบคำถามหรือตอบปัญหาอย่างถูกต้องเพื่อชิงรางวัล ผู้เข้าร่วมการแข่งขันส่วนใหญ่ของกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและเยาวชนทอ่ี ยู่ในวยั เรียน บางรายการอาจเน้นกลุ่มที่มีความรู้ความสามารถ และมีความในใจ ใฝ่รู้ โดยไม่จำเป็นตอ้ งเปน็ ผู้ทีอ่ ยู่ในวัยเรยี นกไ็ ด้ 2. รูปแบบรายการแข่งขันเล่นเกมเพื่อชิงรางวัล เป็นรายการแข่งขันของ 2 ฝ่ายขึ้นไป ภายใต้ กฎ กตกิ าตามทีต่ กลงกนั ไว้ซึง่ กิจกรรมหรอื กระบวนการแข่งขันน้นั มีหลากหลาย รายการหน่งึ อาจมีหลาย วิธี ในการคัดเลือกผู้ชนะผู้รว่ มการแข่งขันจะต้องใช้ทักษะของร่างกาย สติปัญญา ความว่องไว ปฏิภาณ ไหวพรบิ ความร้รู อบตัว โอกาส ดวง การเส่ยี งโชค การประกอบกันในการแขง่ ขันหลายประเภทดังกล่าว ซ่งึ สามารถแบ่งไว้ 4 ประเภท คอื 2.1 Penal of Experts ผู้เขา้ รว่ มการแขง่ ขันจะเป็นผู้เชยี่ วชาญทางสาขาวิชาชีพต่างๆ มาท าการแขง่ ขนั เพอ่ื หาผู้ชนะชิงรางวัล 2.2 Audience Contestants ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะเป็นผู้ชมที่สมัครเข้ามาร่วม รายการจากทางบา้ น ทั้งนี้ จะต้องมกี ารคดั เลือกกอ่ นทุกครัง้ ว่าบคุ คลนัน้ จะต้องมีความสามารถ กล้าพดู กลา้ แสดงออก มีความเชือ่ มนั และสามารถทำให้การแขง่ ขนั น่าติดตาม มาทำการแขง่ ขนั รว่ มกนั เพอ่ื หาผู้ ชนะชิงรางวัลในรายการ 2.3 Audience Participation ผู้ร่วมรายการจะเป็นผู้ชมทางบ้านที่ทางพิธีกรหรือ เจ้าหน้าที่ทางรายการได้คัดเลือกและติดต่อไว้แล้วให้เข้ามาร่วมรายการในฐานะบุคคลที่ท ำความดี เสยี สละ ช่วยเหลอื สังคม โดยทางรายการจะมอบรางวลั เพ่ือเป็นการตอบแทนคุณงามความดดี งั กลา่ ว 2.4 Quiz รายการแขง่ ขนั ท่ผี ู้รว่ มรายการต้องตอบคำถามเร่ืองราวต่างๆ ท้งั มสี าระและ ไม่มีสาระ เพื่อหาผู้ชนะรับรางวัลในที่สดุ เป็นรายการเกมโชว์ในยุคแรก ช่วงทศวรรษปี ค.ศ. 1951-1960 ต่อมาไดม้ กี ารปรบั ปรงุ ใหด้ ขี นึ้ แยกออกไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง คือ รายการแขง่ ขนั ตอบปญั หา รายการเกมโชวห์ รือรายการแขง่ ขนั ชงิ รางวัลในรายการตอ้ งมพี ธิ ีกร มกี ารแขง่ ขัน มีของรางวลั มี การจัดเรียงลำดับการนำเสนอให้เหมาะสมมีผู้เข้าร่วมรายการแข่งขัน การมีส่วนร่วมของผู้ชม รายการ ในขณะบันทึกเทปโทรทัศน์หรือขณะถ่ายทอดสดถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความส ำคัญที่จะช่วยให้ รายการมคี วามสนกุ สนานต่นื เตน้ และเร้าใจมากข้นึ เพราะจะเป็นคนคอยเชียร์และให้กำลงั ใจผู้เข้าแข่งขัน ด้วยเสียงกรีดร้องและปรบมือ ซึ่งจะทำให้เกมการแข่งขันดูสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ และน่าติดตามชม อยา่ งต่อเนือ่ ง รวมทง้ั รายการต้องสรา้ งความสนกุ สนานบันเทิงแกผ่ ู้ชมด้วย 45
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงรายการละครโทรทศั น์ รายการละคร (Drama Programme) เป็นรูปแบบรายการที่เสนอเรือ่ งราวโดยใช้การแสดงตาม บทบาทในเรื่องราวที่แต่งขึ้นหรือดัดแปลงจากเรื่องจริง เพื่อสื่อความหมายเกี่ยวกับสาระ ข้อคิด คติ เตือนใจ และความบันเทิงไปสู่ผู้ชมรายการ โดยอาศัยองค์ประกอบและเทคนิคทางการละคร ศลิ ปะการแสดง เทคนิคการถา่ ยทำ การตัดตอ่ ลำดับภาพ และการให้เสียงดนตรแี ละเสียงประกอบ เพ่ือให้ เรื่องราวมีความสมจริงสมจัง ผู้ชมชมแล้วมีอารมณ์ร่วมและเกิดความรู้สึกคล้อยตาม ละครโทรทัศน์ท่ี นำเสนอทางสถานโี ทรทัศน์มี 3 ประเภท คือ 1. ละครชดุ หลายตอนจบ (Serial) เป็นละครท่นี ำเสนอเรื่องราวเดียวกนั ท่ีมเี นอ้ื หาต่อเนื่องกัน ไปตลอดจนกวา่ จะจบ การนำเสนอจะแบง่ เปน็ ตอนๆ โดยทว่ั ไปละครเร่อื งหน่งึ จะมีประมาณ 18 ตอน 20 ตอน 24 ตอน การนำเสนอออกอากาศจะเสนอสัปดาห์ละ 2-3 วัน เชน่ ออกอากาศวนั จนั ทร์-องั คาร วัน พุธ-วันพฤหัส วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ปัจจุบัน สถานีโทรทัศน์นิยมนำเสนอละครแบบหลายตอนจบใน ช่วงเวลา Primetime เนอื่ งจากมีผู้ชมนยิ มกนั มาก 2. ละครชุดแบบมินิซีรีส์ (Mini Series) เป็นละครที่สร้างขึ้นมาเพือ่ นำเสนอเป็นตอนๆ โดยใช้ แกน่ เร่ืองเดียวกัน ตวั ละครชดุ เดยี วกันเปน็ สว่ นใหญ่การนำเสนอเร่ืองราวในแต่ละตอนจะจบลงในตอนน้ัน แตล่ ะตอนจะมกี ารสรปุ เรื่องราวในตวั เอง เช่น บางรกั ซอยเกา้ บ้านน้ีมรี กั เป็นตน้ 3. ละครจบในตอน (Dramatic Special) เป็นละครที่น เสนอเรื่องราวเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะมี เนอื้ เรอื่ งต้งั แต่เร่มิ ต้นจบจบลงในการนำเสนอครง้ั นนั้ คร้งั เดยี วและภายในวันเดยี ว เนื้อหาในการดำเนินเรื่องของละครโทรทัศน์ในปัจจุบัน มีหลากปลายประเภทซึ่งถูกผลิตขึ้นมา เพื่อสนองความต้องการของผู้ชม สภาพสังคม ตลาด และนโยบายหลักของสถานีโทรทัศน์ นอกจากจะ สร้างความบันเทิงให้กับผู้รับชมแล้ว ยังสอดแทรกความรู้ แง่คิด คติสอนใจ คุณธรรม จริยธรรม หรือ สะท้อนเรื่องราวทางสงั คมทงั้ ในด้านบวกและด้านลบ โดยยังสามารถแบง่ แนวการนำเสนอละครโทรทัศน์ ไดอ้ กี 11 ประเภท ดังนี้ 1) ละครโศกนาฏกรรม (Tragedy) 2) ละครตลกขบขนั (Comedy) 3) ละครชีวติ รกั องิ นิยาย หรือ โรมานซ์ (Romance) 4) ละครเซ็นติเมนเทิลดรามา (Sentimental drama) 5) ละครชีวิตเริงรมย์ หรือ เมโลดรามา (Melodrama) 6) ละครการตอ่ สู้ (Action) หรอื ทน่ี ยิ มเรยี กกนั ว่า ละครบู๊ 7) ละครตน่ื เตน้ ผจญภยั (Adventure) 8) ละครลกึ ลบั สยองขวัญ (Horror) 9) ละครฆาตกรรม (Thriller) 10) ละครสบื สวนสอบสวน (Suspense) 11) ละครพื้นบา้ น (Folktale) 46
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 12) ละครส้ันท่เี สนอเปน็ ชุด (Series) รายการละครโทรทัศนม์ วี ตั ถุประสงค์ของรายการท่ีมุ่งให้ความบันเทงิ เป็นหลกั แตใ่ นขณะเดยี วกัน ถ้าเนื้อหาของละครมีการสอดแทรกสาระความรู้ ประเด็นหรือแนวคิดไปด้วย จะเรียกว่า รายการสาระ ละคร (Docudrama Programme) ซึ่งเป็นรปู แบบรายการที่นำเสนอโดยอาศัยรูปแบบสารคดีผสมผสาน กับรูปแบบละคร เป็นการนำเอารูปแบบของละครมาใช้เพื่อสื่อความหมายถ่ายทอดสาระความรู้ หรือ สะท้อนปัญญาด้านต่างๆ โดยการผูกเรื่องราวเป็นละครที่สะท้อนให้ผู้ชมตระหนักและรับรู้ถึงปัญหา สาเหตุของปัญหา และอาจรวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหานัน้ ๆ และมีผูด้ ำเนินรายการ เป็นผู้ทำหน้าที่เกรน่ิ นำ อธิบายหรือขยายสาระและสรุปประเด็น รายการสาระละครเป็นรายการที่มุ่งให้สาระความรู้และ บันเทิงไปพร้อมๆ กันซึง่ การเสนอละครในรายการสาระละคร อาจกระทำได้ 4 ลกั ษณะ คอื 1) ละครนำเรื่อง เป็นการนำละครมาเสนอประเด็นปัญหาที่เด่นชัดเพื่อให้ผู้ดำเนิน รายการหยิบยกมาใช้อธบิ ายประกอบในตอนหลัง เช่น ละครนำประเดน็ ปัญหาเกีย่ วกับการติดยาเสพตดิ ของวยั รนุ่ ที่มสี าเหตุมาจากขาดความอบอุน่ จากครอบครวั เปน็ ต้น 2) ละครเป็นตัวอย่าง เป็นการนำละครนำเสนอประกอบเพื่อเป็นตัวอย่างของเรื่องท่ี นำเสนอไปแลว้ 3) ละครขยายประเด็นหรือแนวคิด เป็นการนำละครมาเสนอเพื่อให้ผู้ชมมองเห็นและ เข้าใจประเด็นไดอ้ ย่างชดั เจนและเปน็ รูปธรรม และที่สำคัญกค็ ือจะทำให้น่าสนใจ น่าติดตาม รับชมและ เกดิ ความรสู้ กึ รว่ มมากกวา่ การที่จะบรรยายหรือเลา่ เร่อื งโดยผดู้ ำเนินรายการ 4) ละครสรปุ ประเด็น เป็นการนำเอาละครมานำเสนอเพ่อื สรุปประเดน็ ของสาระความรู้ ท่ไี ดม้ กี ารพดู ถงึ ไปแลว้ มากล่าวอีกครั้งหนึ่ง รายการละครโทรทัศน์ในปัจจุบัน ยังคงเป็นทีน่ ิยมของผู้ชมโดยทั่วไป โดยปัจจัยที่ทำใหร้ ายการ ละครโทรทัศนป์ ระสบความสำเรจ็ นัน้ คือ มีองค์ประกอบทางด้านนักแสดงทีใ่ ช้ความสามารถเข้าถึงบุคลิก (Character) ของตัวละครนั้นๆ มีการเล่าเรื่องที่นำไปสู่ความขัดแย้ง คลี่คลาย และจบลงด้วยความ ประทบั ใจ รวมไปถึงองค์ประกอบแวดล้อมต่างๆ เชน่ การจัดฉาก แสง สถานที่ถา่ ยทำ เสอื้ ผ้าเครื่องแต่ง กาย เป็นตน้ และส่งิ ทีส่ ำคัญประโยชน์ทีไ่ ด้ของรายการซึ่งนอกจากความบันเทงิ แล้ว ผ้ผู ลิตรายการละคร โทรทัศน์ควรจะมีการสอดแทรก ความรู้ ข้อคิด คติเตือนใจ ให้กับผู้ชม เพื่อเป็นการสร้างคุณค่าให้กับ ละครโทรทัศน์เร่อื งนน้ั ด้วย รายการเพลงและดนตรี รายการเพลงและดนตรี เป็นการนำเสนอความบันเทิง รื่นรมย์ และสร้างความผ่อนคลายให้กบั ผู้ชมด้วยดนตรีและเสียงเพลงซึ่งส่วนใหญ่มักมีรูปแบบการนำเสนอทีเ่ ป็นอิสระไม่กำหนดตายตัวมากนกั เนื่องจากเป็นรายการบันเทิงแบบเบา มุ่งเน้นการนำเสนอเพลงและรายการแสดงดนตรีมากกว่า อาจมีผู้ ดำเนินรายการหรอื ไม่มีกไ็ ด้โดยส่ิงสำคัญทีข่ าดไมไ่ ด้คือ จะต้องระบชุ ื่อเพลง ชื่อนักร้อง ศิลปิน และค่าย 47
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงหรือบริษัทที่จัดจำหนา่ ยเพ่ือเป็นการส่งเสริมการขาย ซึ่งเป็นเปา้ หมายหลักของผู้ผลิตรายการประเภทน้ี ปัจจุบนั รูปแบบรายการเพลงและดนตรที างโทรทัศน์ทน่ี ยิ มกระทำกนั มี 3 รปู แบบ ดังนี้ 1. รูปแบบการแสดงสด (Live Show) หมายถึง รายการที่มีการแสดงดนตรีหรือการร้องจริง สดๆ ขณะทท่ี ำการออกอากาศหรอื บันทกึ เทปซ่งึ ในกรณนี กั ดนตรีและนกั รอ้ งต้องเตรียมการล่วงหน้าและ กำหนดลำดับเพลงที่จะแสดงสดไว้แล้ว รวมทั้งมกี ารซักซ้อมเป็นอย่างดีเพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยทีส่ ดุ รูปแบบการแสดงสด มี 2 ลกั ษณะ คือ 1.1 แสดงสดท้ังหมด ทงั้ การเล่นดนตรสี ด และการร้องสด เช่น รายการ The Star เวที ไทย อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย เป็นตน้ 1.2 แสดงสดบางสว่ น โดยการเปิดเพลงเฉพาะดนตรี ไม่ต้องใชน้ กั ดนตรีเลน่ สดเพียงให้ นกั ร้องร้องสดจริงๆ เทา่ นั้น 2. รูปแบบการเปิดเพลงแล้วเล่นดนตรีและร้องตาม (Lip-Sync) หมายถึง รายการเพลงและ ดนตรีที่ใช้การเปดิ เพลงทั้งหมดจากแผ่นเสียง เทป หรือ คอมแพ็คดิสก์ ให้นักดนตรีทำท่าทางเลน่ ดนตรี และนักรอ้ งร้องตามเพลงนนั้ ๆ ซงึ่ รายการเพลงและดนตรีส่วนใหญใ่ นปจั จบุ นั หันมานิยมใชว้ ธิ ีนี้กันมากข้ึน เพราะให้คุณภาพเสียงที่ดี ประหยัดงบประมาณมีข้อผิดพลาดน้อยบางรายการที่มีนักร้องรับเชิญพิเศษ ไม่ใช่นักร้องอาชีพ ก็มักจะใช้วิธีการนี้เช่นเดียวกันซึ่งเดิมมักจะเชิญมาร้องกันสดๆ เปลี่ยนเป็นการให้ นักรอ้ งรบั เชิญไปบนั ทึกเสียงกอ่ น แล้วนำเทปเสยี งนน้ั มาบันทึกภาพการรอ้ งตาม เพ่ือให้เสียงที่มีคุณภาพ ดแี ละลดข้อผดิ พลาด ซึง่ อาจไมส่ ง่ ผลดีต่อชอื่ เสยี งของนักรอ้ งรบั เชญิ พเิ ศษดังกลา่ วได้ วัตถุประสงค์โดยตรงของรายการเพลงและดนตรีมุ่งเน้นให้ความบันเทิงเป็นหลักแต่ใน ขณะเดียวกันอาจมีวัตถุประสงคโ์ ดยอ้อมเพ่ือสอดแทรกสาระความรู้เล็กๆ น้อยๆ หรือการพูดชักจงู โน้ม น้าวใจ กระตนุ้ หรอื สร้างจติ สำนึกบางอย่าง รายการเพลงและดนตรที างสถานีวิทยุโทรทัศน์อาจจัดแบ่งตามประเภทของเพลง เช่น รายการ เพลงไทยลูกทุ่ง รายการเพลไทยสากล รายการเพลงตา่ งประเทศ เพลงปอ๊ บ (Pop) หรือ Popular Music เพลงแจ๊สส์ (Jazz Music) เพลงคลาสสิก (Classical Music) เพลงไลท์มิวสิค (Light Music) เพลงร๊อค (Rock Music) เปน็ ต้น รายการเรยี ลลติ ้ี รายการเรยี ลลิต้ี เปน็ รายการวทิ ยโุ ทรทศั นร์ ปู แบบหนึ่ง ซ่งึ มกั จะดำเนินไปโดยใช้สถานการณ์จริง และไมม่ กี ารเขียนบท มกี ารคดั เลือกผรู้ ว่ มรายการจากผู้ชมทางบ้านซึ่งจะต้องเผชญิ กับสถานการณ์ต่างๆ ที่ทางทีมงานได้จัดเตรียมเอาไว้ ผู้เข้าร่วมรายการจะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและฝ่าฟันอปุ สรรคต่างๆ การนำเสนอสามารถแบง่ ได้ 12 รูปแบบ ดงั น้ี 1. เรียลลิตี้โชว์ประเภทกง่ึ สารคดี จะมีลกั ษณะนำเสนอชีวิตสว่ นตา่ งๆ ไม่มีบทพดู ไมใ่ ช่ลกั ษณะ ของเกม ตัวอย่างรายการดงั เชน่ MTV's Laguna Beach: The Real Housewives of Orange County 48
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2. เรียลลิต้โี ชว์ประเภทอย่ใู นสภาพแวดล้อมพเิ ศษ จะมีลักษณะการสร้างสภาพแวดล้อมพิเศษ ให้คนมาอยใู่ นสภาพแวดล้อมแบบนนั้ ด้วยกนั เช่น Temptation Island, The Real World 3. เรียลลิตี้โชว์ของดารา คนดัง จะเผยชีวิตของดาราดัง ชีวิตประจำวันต่างๆ เช่น The Osbournes (ครอบครัวออสบอร์น), Newlyweds (เจสสิก้า ซิมพ์สัน และ นิค ลาเช่), Keeping Up With The Kardashian (ครอบครัวคาร์เดเชียน) ในที่นี่รวมถึงลักษณะรายการที่อยู่ในสภาพแวดล้อม เฉพาะ เช่น ไฮโซบ้านนอก,ด้ายใจ(เป็นรายการ Reality Variety ซึ่งมีครอบครัวหนึ่งมาขอเล่น Reality โดยการพาคุณแม่ของบ้านไปพกั ร้อน แลว้ คณุ พ่อและคุณลูกตอ้ งอย่กู ันเอง) เปน็ ตน้ 4. เรียลลิตโ้ี ชว์ของผู้เชย่ี วชาญเฉพาะด้าน จะเผยลักษณะการทำงานตา่ งๆ ของผู้เชี่ยวชาญใน ดา้ นตา่ งๆเช่น COPS และ The Restaurant เป็นต้น 5. เรียลลิตีเ้ กมโชว์ เปน็ การแข่งขันเพอ่ื ชงิ รางวัล โดยมีโจทย์ตา่ งๆ ตามแนวคดิ ของรายการ เช่น บก๊ิ บราเธอร์, ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย, เซอร์ไวเวอร์, ดิ อะเมซิ่ง เรซ, อจั ฉรยิ ะยกบ้าน, So You Think You Can Dance และ อเมรกิ ันไอดอล, อจั ฉริยะข้ามคนื เปน็ ต้น 6. เรียลลิตี้โชว์ประเภทหางาน มีรางวัลเป็นงานที่ต้องการ เช่น The Apprentice, อเมริกาส์ เนก็ ซ์ ท็อป โมเดล และ Hell's Kitchen เปน็ ต้น 7. เรียลลิตี้โชว์ประเภทกีฬา นำส่วนประกอบกีฬามาเป็นแนวคิดหลัก เช่น The Contender (รายการนีผ้ เู้ ข้าแขง่ ขันท่ตี กรอบคนหน่งึ ฆา่ ตวั ตายหลงั ถกู คดั ออก) 8. เรียลลิตี้โชว์ประเภทปรับปรุงตัวเอง /แปลงโฉม มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงตัวเอง เช่น การ ผ่าตัด การลดน้ำหนัก ให้ตัวเองดีขึ้น เช่น Extreme Makeover, Queer Eye For The Straight Guy, The Swan, The Biggest Loser และ Celebrity Fit Club เปน็ ต้น 9. เรียลลิตี้โชว์ประเภทนัดบอด จะนำผู้เข้าแข่งขันที่ไม่รู้จักกัน มานัดบอด ตามเงื่อนไขต่างๆ รายการประเภทนีไ้ ดร้ บั ความนิยมอย่างมากในชอ่ งเอม็ ทีวี เช่น Dis-missed Wanna Comein 10. เรียลลิตี้โชว์ประเภททอลค์ โชว์ อาจจะเป็นส่วนหน่ึงของรายการ โดยนำผู้รว่ มรายการ มา สมั ภาษณ์ เชน่ The Jerry Springer Show 11. เรยี ลลิตีโ้ ชวป์ ระเภทซ่อนกล้อง (Hidden Camera) จะซ่อนกลอ้ งไม่ให้ผรู้ ว่ มรายการ รูต้ วั โดยอาจสรา้ งสถานการณต์ า่ งๆ เชน่ Candid Camera หรอื อาจจะรวมถงึ MTV Punk'd 12. เรียลลิตี้โชว์ประเภทคนหาตัวจริง จะมีผู้เข้าแข่งขัน 1 คน และที่เหลือจะมีนักแสดงท่ี คัดเลือกมา ให้ผู้เข้าแข่งขันได้ใช้ชีวิตกับคนเหล่านั้นและหาตัวจริงตามลักษณะแนวคิดรายการ ตัวอย่างเชน่ Boy Meets Boy และ Joe Millionaire เป็นต้น รายการเรียลลิต้ีโชว์ มีเอกลักษณ์ทีต่ ่างจากรายการประเภทอ่ืนๆ โดยได้สร้างให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อได้ ว่าเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริง หรือสามารถเกิดขึ้นจริงในชีวิตของใครก็ได้ เนื่องจากภาพที่เห็นผ่านจอ ตรงหน้า เช่น ผู้คน สถานที่ บรรยากาศต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เห็นอยู่รอบตัวในชีวิตประจำวัน รายการ ดังกล่าวได้รับความนิยมจากผู้ชม ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ในประเทศไทย มีรายการเรียลลิตี้ที่ ไดร้ บั ความนิยม เชน่ ราการ Academy Fantasia Big brother เป็นตน้ 49
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสปอตโทรทัศน์ สปอตโทรทัศน์ เป็นรูปแบบหนึ่งของการโฆษณาและประชาสัมพนั ธ์ทางวิทยุโทรทัศน์ เป็นการ บอกกล่าวหรอื ใหข้ ้อมูลสารสนเทศแก่ผู้ชม กลุ่มเป้าหมาย หรือลกู คา้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพยามยามที่ จะชักจูงใจ หรือการสร้างอิทธิพล การกระตุ้น การเสริมแรง การตอกย้ำให้ผู้ชมเกิดการรับรู้ ตระหนักใน ตัวสินค้า หรือบริการ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ให้หันมาตัดสินใจซื้อสินค้า หรือบริการ สปอต โทรทัศน์มีความสน้ั และกระชับในการนำเสนอท้งั เน้ือหาและเทคนิคมีเพียงประเดน็ เดยี ว โดยระยะเวลาที่ นำเสนอนั้น มีตั้งแต่ 10 วินาทีไปจนถึง 60 วินาที หรืออาจจะยาวกว่านี้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของ รายการ สปอตโทรทศั นท์ น่ี ำเสนอในปัจจบุ ัน มคี วามหลากหลาย โดยแบง่ ตามจุดมงุ่ หมาย คอื (Elin and Lapides, 2004) 1. สปอตโทรทัศน์ท่ีมุ่งการขาย สปอตโทรทัศน์ประเภทนี้มเี นือ้ หาที่เน้นเกี่ยวกับการบอกกล่าว การโฆษณา คุณลกั ษณะ จุดเด่น สรรพคณุ ของตัวผลติ ภณั ฑ์หรือบรกิ ารเพียงด้านเดียวโดยมีวัตถุประสงค์ เพอื่ กระตนุ้ ใหผ้ ูบ้ รโิ ภคเกิดความชอบในตัวสนิ คา้ และความปรารถนาทจ่ี ะซือ้ ผลติ ภณั ฑ์น้นั ๆ โดยตรง 2. สปอตโทรทัศน์ที่มุ่งสร้างภาพลักษณ์ สปอตโทรทัศน์ประเภทนี้มุ่งสร้างคุณลักษณะหรือ ภาพลักษณใ์ ห้กับผลิตภัณฑ์ บริการ หรอื องคก์ ร มากกว่าการขายโดยตรง มวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือให้ผู้บริโภค เกิดความรู้สึกประทับใจ ทัศนคติทางบวกต่อผลิตภัณฑ์ บริการ หรือองคก์ ร โดยเนื้อหาและการนำเสนอ นั้นจะมุ่งเน้นไปในลักษณะของความรับผิดชอบต่อครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม หรือความ สามัคคี ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจบท้ายสปอตด้วยการแดงภาพ สัญลักษณ์หรือตรา สนิ ค้า ให้ผู้ชมเกิดความซาบซงึ้ ความคลอ้ ยตาม ต่อเจา้ ของสปอตโฆษณา และอาจจะนำไปสูก่ ารซอื้ สินค้า หรือบริการในภายหลงั 3. สปอตโทรทัศน์ที่มุ่งบริการสังคม สปอตประเภทนี้เน้นการให้ข้อมูลหรือโน้มน้าวใจต่อ สาธารณชนเกีย่ วกบั ประเด็นบางประเด็นที่ตอบสนองความสนใจสว่ นตวั และภาพรวมของสงั คม ไมไ่ ด้มุ่ง ที่จะขายสินค้าหรือสร้างภาพลักษณ์ ส่วนใหญ่เป็นการดำเนินการโดยหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กร ด้าน สังคมที่ไม่แสวงหาผลกำไร เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการลักษณะของการรณรงค์ทางสังคม เช่น การรณรงค์ เพื่องดสูบบุหรี่ การรณรงค์เพื่องดการด่ืมสรุ า ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนกรสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. เป็นต้น นอกจากนั้น สปอตโทรทัศน์ อาจจะเสนอในลกั ษณะแบบเปน็ ชดุ (Series) หรอื สร้างเป็นเรอ่ื งราว แต่นำเสนอทีละตอนโดยการนำความคิดรวบยอดเก่ียวกบั สินค้าหรือบริการมาผูกเป็นเรื่องราวตอนนั้นๆ เหมือนละครประมาณ 2-3 ตอนหรือเปลี่ยนฉากกันเพ่ือสร้างความสนใจให้ผู้ชมอยากตดิ ตามตอนต่อไป จากนั้นเมื่อนำเสนอจนครบทุกตอนไปในระยะหนึ่งจึงจะมีการตัดต่อให้สั้น กระชับ และนำเสนอใน ภาพรวมเหลือเพียงสปอตตัวเดียวเช่นเดยี วกับสปอตโฆษณาอ่ืนๆ ซึ่งสปอตโทรทัศน์ใน ลักษณะนี้จะพบ เห็นบ่อย ซึ่งส่วนใหญจ่ ะเป็นการโฆษณาสินค้า ผลิตภัณฑ์หรือบริการท่ีผลิตออกมาใหม่และต้องการเปดิ ตลาดเพ่ือขยายฐานลูกค้าให้เปน็ ที่รู้จักในวงกวา้ ง 50
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสรุป รายการวิทยุโทรทัศนใ์ นปัจจุบัน มีการพัฒนารูปแบบการนำเสนอที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อ ตอบสนองความต้องการ และดึงดดู ความสนใจของผรู้ ับชมทมี่ ีทางเลอื กในการรับชมรายการโทรทัศน์มาก ขึ้น รูปแบบรายการโทรทัศน์ สามารถจำแนกตามรูปแบบในการนำเสนอเนื้อหาได้อย่างกว้างๆ คือ รายการที่ให้สาระความรู้ เช่น รายการข่าว รายการสารคดี รายการสนทนา รายการอภิปราย รายการ สาธิตหรือทดลอง เป็นต้น กับ รายการที่ให้ความบันเทิง เช่น รายการเพลงหรือดนตรี รายการปกิณกะ รายการเกมโชว์ รายการละคร เป็นต้น แต่ในปัจจุบันได้มีผู้ผลิตรายการ ได้คิดค้นรายการใหม่ๆ ที่เกิด ขน้ึ มาในลักษณะการผสมผสานรูปแบบ ทำใหเ้ กดิ รายการในลกั ษณะรายการผสมหลายรูปแบบ (Hybrid Programme) หมายถงึ รายการท่ีมีการผสมผสานระหวา่ งรูปแบบรายการท่หี ลากหลาย นำเสนอเรอ่ื งราว เดียวกันได้อย่างกลมกลืน เช่น รายการเกมโชว์ผสมกับรายการสาธิต รายการสัมภาษณ์ผสมกับรายการ ละคร เป็นต้น ดังนั้น การผสมผสานรูปแบบรายการดังกล่าว จะช่วยให้รายการวิทยุโทรทัศน์ มีความ แปลกใหม่ เป็นที่สนใจของผู้ชมรายการโทรทัศน์มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ นอกจากจะผลิตรายการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์หรือแนวคิดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ จะต้องคำนึงถงึ ประโยชน์ และคณุ ค่า ทผี่ ้ชู มจะได้รับจากการรบั ชมรายการโทรทัศนด์ ้วย 51
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง แบบฝึกหัดบทที่ 2 คำช้แี จง ขอใหน้ กั ศกึ ษาตอบคำถามต่อไปนี้ 1. ให้นักศึกษาจำแนกรายการข่าวโทรทศั น์ ว่ามรี ูปแบบการนำเสนออย่างไรบ้าง 2. การนำเสนอรายการประเภทสารคดี สามารถนำเสนอในรปู แบบใดบา้ ง 3. วัตถุประสงคใ์ นการสมั ภาษณ์ มีอะไรบา้ ง 4. รายการสัมภาษณ์ กับ รายการอภปิ ราย มรี ูปแบบการนำเสนอทแ่ี ตกตา่ งกนั อย่างไร 5. รายการประเภทใดบา้ งทสี่ ามารถนำมาผสมผสานกับรปู แบบรายการสาธิตและทดลอง เพื่อให้เกดิ ความ หลากหลายในกานเน้ือหาและการนำเสนอ 6. รายการนิตยสารทางวิทยุโทรทัศน์ มีความแตกต่างจากรายการนิตยสารทางอากาศที่นำเสนอทาง วทิ ยกุ ระจายเสยี งอย่างไร 7. ความเปน็ เอกภาพในรายการนติ ยสาร มคี วามหมายว่าอย่างไร 8. องคป์ ระกอบในรายการเกมโชว์ทางวิทยโุ ทรทัศน์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง 52
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง เอกสารอ้างองิ จกั รภพ เพญ็ แข. (2546). เทคนคิ การดำเนนิ การอภปิ รายสไตลจ์ กั รภพ. วารสารสาธารณสขุ และการ พัฒนา 2546 ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 2 จารุลนิ ทร์ มุสกิ พงษ์. (2531). การผลิตรายการสารคดแี ละนิตยสารทางอากาศ. ในเอกสารการสอน ชดุ วิชาการผลิตรายการวทิ ยกุ ระจายเสยี ง,หนว่ ยท่ี 6-10.นนทบุรี มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช. ชนินทร์ ชมะโชติ, ดวงพร ทรัพยลักษณ์. (2549). ปฏบิ ัตกิ ารผลิตรายการสารคด.ี ในเอกสารการสอน ชดุ วิชา การผลติ รายการโทรทศั น์ข้นั สงู , หน่วยที่ 6-10. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช. ปมขุ ศภุ สาร. (2539). การจดั รายการบันเทิง. ในเอกสารการสอนชดุ วิชาการจัดรายการวทิ ยุโทรทศั น์, หน่วยท่ี 8-15. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ประภาส นวลเนตร. (2549). ปฏิบัตกิ ารผลติ รายการเกมโชว.์ ในเอกสารการสอนชดุ วิชา การผลติ รายการโทรทัศนข์ ้นั สงู , หน่วยท่ี 11-15. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. สมสุข หนิ วิมาน, ศริ ิมติ ร ประพนั ธ์ธรุ กจิ , ภทั ธีรา สารากรบรริ ักษ์, อารดา ครจุ ติ , กรรณิกา รุ่งเจริ ญ พงษ์ และ กุลนารี เสอื โรจน์. (2554). ความรเู้ บ้อื งตน้ ทางวทิ ยุโทรทัศน.์ กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ Andrew Goodwin and Garry Whannel. (1990). Understanding Television. Routledge. London and New York. Elin, Larry; Lapides, Alan. (2004). Designing and Producing the Television Commercial. Boston : Pearson A and B http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter9-3.html สบื คน้ เมื่อวนั ที่ 31 ธนั วาคม 2555 http://th.wikipedia.org/wiki สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ 31 ธนั วาคม 2555 http://www.talkystory.com/?p=13240 สืบคน้ เมอื่ วันท่ี 31 ธนั วาคม 2555 http://www.ryt9.com/s/prg/566349 สบื คน้ เมอื่ วันที่ 10 พฤศจกิ ายน 2554 http://tv.truelife.com/content/1798332 สบื คน้ เมื่อวันท่ี 25 ธนั วาคม 2555 http://tvshow.tlcthai.com สบื คน้ เม่ือวนั ท่ี 5 พฤศจกิ ายน 2555 53
แผนบรหิ ารการสอนประจำบทที่ 3 กระบวนการในการผลิตรายการวทิ ยุโทรทศั น์ เวลาท่ีใชใ้ นการเรยี นการสอน 8 ชวั่ โมง หวั ข้อเน้ือหาประจำบท 1. ขนั้ ตอนการพัฒนาความคิด 2. โครงงานการผลติ รายการวทิ ยโุ ทรทัศน์ 3. ขนั้ กอ่ นการผลติ รายการ 4. ขนั้ การผลิตรายการ 5. ขั้นหลังผลติ รายการ 6. สรุป มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เมอื่ ศึกษาบทเรยี นนแ้ี ล้วนักศึกษาสามารถ 1. อธิบายข้นั ตอนการพัฒนาความคดิ ในการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ได้ 2. อธิบายถึงการเขียนโครงงานการผลติ รายการวทิ ยุโทรทศั น์ได้ 3. บ่งบอกถงึ ข้นั ตอนกอ่ นการผลติ รายการวทิ ยุโทรทศั นไ์ ด้ 4. บง่ บอกถงึ ข้นั การผลิตรายการวิทยโุ ทรทัศนไ์ ด้ 5. บ่งบอกถึงข้ันตอนหลงั การผลิตรายการได้ วธิ กี ารสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจำบท ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการบรรยาย 4 ชั่วโมง ระยะเวลาท่ใี นการปฏิบัติหรอื จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 4 ช่ัวโมง 1. ผสู้ อนบรรยายและอภปิ รายเนอ้ื หาประจำบท 2. มอบหมายให้นกั ศึกษาออกแบบรายการวทิ ยุโทรทศั น์ แล้วอภปิ รายแนวทางขน้ั ตอนในการ ผลติ รายการตัง้ แต่เร่ิมต้นจนจบรายการ 3. ใหน้ กั ศกึ ษาค้นคว้าเกีย่ วกับลำดับข้นั ตอนในการผลิตรายการวิทยโุ ทรทศั น์แล้วสรปุ ทำความ เขา้ ใจในช้นั เรียน 4. มอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาทำแบบฝกึ หัด คำถามท้ายบท 54
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงส่อื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน บทท่ี 3 2. Power Point ประกอบคำบรรยาย 3. คอมพวิ เตอร์ เครือ่ งฉาย LCD Projector 4. ระบบอินเทอร์เน็ต 5. หนงั สืออ้างอิงคน้ ควา้ เพม่ิ เติมจากหอ้ งสมดุ การวัดผลและประเมนิ ผล 1. ซกั ถามความรู้ ความเขา้ ใจ 2. สังเกตจากการคน้ คว้า และการสรุป 3. สงั เกตจากการอภปิ ราย การวิเคราะห์ ซักถามของนักศกึ ษา 4. สงั เกตจากการมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมกลมุ่ 5. ประเมนิ ผลจากการตอบคำถามทา้ ยบท 55
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทท่ี 3 กระบวนการในการผลิตรายการวิทยโุ ทรทัศน์ การผลติ รายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ที่ประสบความสำเรจ็ และเป็นทยี่ อมรับของผ้ชู มน้ัน ย่อมต้องอาศัย กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ มีขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบ เนื่องจากการผลิตรายการวิทยุ โทรทัศน์ ค่อนข้างมีกระบวนการที่ซับซ้อน และมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อความสำเร็จหรือความ ล้มเหลวของการท างาน เช่น บุคลากรในการผลิต อุปกรณ์เครื่องมือในการถ่ายทำ การบริหารจัดการ งบประมาณ เวลา เปน็ ต้น หากปัจจยั เหล่าน้มี ีการผสานการทำงานท่ีเปน็ ไปในทิศทางเดยี วกัน กจ็ ะทำให้ การผลิตรายการวิทยโุ ทรทัศน์ เปน็ ไปด้วยความราบร่ืน เกิดปัญหาน้อยท่ีสุด และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ วางไว้ กระบวนการในการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์โดยท่ัวไป จะมีการใชห้ ลกั 3 P’s เป็นบรรทดั ฐาน ในการวางลำดบั ข้นั ตอนในการทำงาน คือ 1. P 1 (Pre-Production) หมายถึง ขั้นตอนกอ่ นการถ่ายทำรายการ 2. P 2 (Production) หมายถึง ข้นึ ผลิตรายการ 3. P 3 (Post – Production) หมายถึง ขัน้ หลังผลติ รายการ หลัก 3 P’s จะเป็นแนวทางในการศึกษากระบวนการในเชิงปฏิบัติการการผลิตรายการวิทยุ โทรทัศน์ แต่ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการแรก หรือ P 1 (Pre-Production) นั้น ยังมีกระบวนการที่เปน็ รากฐานสำคญั ก่อนหน้า P 1 (Pre-Production) นัน่ คือ การพัฒนาความคดิ (Initiation) ซง่ึ เป็นจุดเร่ิมต้น ในการทำให้เกิดรายการวิทยุโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นรายการใหม่ หรือรายการที่ออกอากาศอยู่ ล้วนต้อง เรม่ิ ต้นจาก ความคิด (idea) มากมาย อาทิ ผลิตรายการอะไร เป้าหมายคืออะไร เนื้อหาอย่างไร รูปแบบ ไหน กลุ่มเป้าหมายคือใคร งบประมาณเทา่ ใด เปน็ ต้น ซ่ึงความคดิ ตา่ งๆ เหล่านเี้ ปน็ คำถามสำคัญก่อนลง มือผลิตรายการวิทยุโทรทศั น์ อาจกล่าวได้ว่าข้ันตอนนี้ คือขั้นตอนที่เป็นรากฐานสำคัญทีส่ ุดสำหรับเป็น แนวทางในการทำงานขัน้ ตอ่ ไป ข้ันตอนการพัฒนาความคิด (Initiation) การพัฒนาความคิด เป็นการกลั่นกรองความคิดเพื่อผลิตเป็นรายการวิทยุโทรทัศน์ขึ้นมา การ เร่ิมตน้ การพัฒนาความคิดหากเปน็ รายการใหมอ่ าจต้องใช้เวลาพอสมควร ส่วนใหญแ่ ลว้ ผอู้ ำนวยการผลิต (executive producer)หรือโปรดิวเซอร์ (producer) มกั จะเปน็ ผ้จู ดุ ประกายความคดิ ในเบ้อื งต้นเกย่ี วกบั การสร้างรายการใหม่โดยพจิ ารณาถงึ สงิ่ ที่ตอ้ งการนำเสนอแง่มมุ ตา่ งๆ อยา่ งคร่าวๆ เช่น เน้อื หาที่ตอ้ งการ นำเสนอ เป้าหมายรายการ กลุ่มเป้าหมายรายการและผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นต้น หลังจากนั้นอาจ ระดมความคิดเห็น (brainstorming) จากผู้ชำนาญหรือทมี งานที่มคี วามรู้ ความสามารถมาช่วยกันแสดง ความคิดเห็นหรือเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อช่วยกันทำให้ความคิดรายการ (program idea) นั้นมีความ 56
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงแข็งแรงและชัดเจนมากยิง่ ขน้ึ จนความคดิ ดงั กล่าวถกู พฒั นากลายเปน็ แกน่ รายการ (theme) ท่ีน่าสนใจ และมคี วามเป็นไปได้ในการผลติ ขนั้ ตอนท่สี ำคญั ในการพัฒนาความคิด คือ การลงรายละเอยี ดทางความคิดให้มีความชัดเจนหรือ เรียกว่าการกำหนดกระบวนการสาร (defined process message) ไดแ้ ก่ การกำหนดกรอบส่งิ ท่ีต้องการ นำเสนอวา่ รายการตอ้ งการนำเสนออะไร (what) เพือ่ อะไร (for what) ใหใ้ คร (to whom) และอยา่ งไร (how) หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การกำหนดเป้าหมายรายการ กลุ่มเป้าหมาย เนื้อหารูปแบบ การนำเสนอ ลกั ษณะการถ่ายทำ งบประมาณและรายช่อื ผรู้ ว่ มงาน เป็นต้น ซ่ึงในขัน้ ตอนนจี้ ำเปน็ ตอ้ งมีการค้นคว้าหา ข้อมูล (research for information) จากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการกำหนดทศิ ทางการผลิตรายการของตนต่อไปโดยทีมงานผู้ผลิตรายการอาจมีการศึกษาทางเลือก หรือปัจจัยที่ เกี่ยวเนือ่ งกับความนา่ สนใจของรายการโดยคำนงึ ถึงจติ วทิ ยาของผูร้ ับชมมาใช้ประกอบใน การพิจารณา เพ่อื กำหนดรูปแบบและเน้อื หารายการโทรทัศน์ให้สอดคลอ้ งกบั กลุ่มเปา้ หมายที่ได้วางไว้ให้มากที่สุด ซ่ึง สามารถพจิ ารณาได้ ดงั น้ี (วิภา อุตมฉนั ท์, 2538) 1. เนอื้ หาของรายการต้องมีส่วนเกย่ี วขอ้ งกบั ผู้ชม ทำให้ผู้ชมรูส้ ึกวา่ ตนเองเป็นสว่ นหน่ึงของเรื่อง เชน่ รายการทมี่ เี น้อื หาเก่ียวกับชีวติ หรอื สิ่งแวดล้อมใกลต้ ัวย่อมมีผลทางจติ วิทยาสงู กวา่ รายการ อยา่ งอื่น 2. รายการท่มี ีเน้ือหาเกี่ยวกับความขัดแย้งทางความคิดจะดงึ ดดู ความสนใจไดม้ าก ความขัดแย้ง เช่นวา่ นี้ อาจเป็นความขัดแย้งระหว่างความคิดเห็นของคนสองคน ระหวา่ งคนกบั สงั คม หรือระหว่างคน กบั ธรรมชาติ การโตแ้ ยง้ ทางความคิดซึง่ นำไปสู่คำถามที่ท้าทายคำตอบ จะปลกุ เรา้ ความสนใจของผ้ชู ม 3. รายการที่เข้าใจงา่ ย และให้แง่คิดแก่ผู้ชม ย่อมได้รับความนยิ มมากกว่ารายการที่ล้ำลึก และ สับสน ขั้นก่อนการผลติ รายการ (Pre – production) หลงั จากไดข้ อ้ สรปุ ในการออกแบบองค์ประกอบต่างๆ ของรายการแล้ว ทีมงานผลติ รายการวิทยุ โทรทัศน์ จะเริ่มต้นการทำงานด้วยการประชุมเพื่อวางแผนการผลิต โดยสามารถจัดแบ่งลำดับงานตาม กระบวนการวางแผนการผลติ ดงั น้ี (ศุภางค์ นันตา, 2552) 1. การประชุมทีมงานผู้ผลิต ในขั้นตอนนี้จะเป็นการระดมสมองในการเสนอความคิดเห็นและ ตัดสินใจรว่ มกนั การประชุมเตรยี มการก่อนการผลิตของฝ่ายผลิตรายการ จะเปน็ การเรม่ิ ต้นวางแผนการ ผลติ ทส่ี ำคัญ เพ่อื ปรึกษาหารือเรอ่ื งแนวคดิ ทผี่ ผู้ ลติ รายการไดร้ เิ รม่ิ และวางแนวทางไวท้ ี่ประชุม จะชว่ ยกัน ใช้ความคิดรวบรวมรายละเอียด แงค่ ิด และแงม่ มุ ตา่ งๆ ในการผลติ รายการออกมาให้ชัดเจน เพื่อให้การ ดำเนินงานเป็นไปตามขน้ั ตอนการวางแผน และตรงกบั วตั ถุประสงค์ จะได้กำหนดทศิ ทางรวมถึงการแบ่ง งานตามหน้าที่ตา่ งๆ ใหก้ บั ทีมงานด้านกำกับรายการ ดา้ นศลิ ปกรรม ดา้ นบท ด้านเทคนิค ดา้ นการแสดง และดา้ นงบประมาณ การประชุมทีมงานทำให้ทุกคนได้รับรูห้ น้าที่ของตน และสามารถดำเนินงานให้เสร็จ ทนั กำหนดเวลาที่จะถา่ ยทำจริงได้ 57
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2. การหาข้อมูล เมื่อประชุมหาข้อตกลงร่วมกันได้แล้วขั้นตอนต่อไปคือ การศึกษาข้อมูล รายละเอยี ดทงั้ หมดท่จี ะสนบั สนนุ และเป็นประโยชน์ต่อการผลิตรายการ เชน่ หากจะผลิตรายการสารคดี เรื่องใดเรื่องหน่ึง จะต้องค้นคว้าหาข้อมลู ดิบที่เกีย่ วข้องจากแหล่งข้อมูลเอกสาร ข้อมูลจากการบันทึกไว้ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์บุคคล ข้อมูลสารสนเทศ รวมถึงข้อมูลจากสถานที่จริง ตลอดจนการวางแผน เพ่ือที่จะสำรวจสถานท่ใี นการไปถา่ ยทำดว้ ย 3. การจัดทำโครงสร้างรายการวิทยโุ ทรทัศน์ เป็นขั้นตอนหลังจากกำหนดประเดน็ เนื้อหาแล้ว โดยจะทำทั้งกระบวนการอย่างคร่าวๆ เพื่อเป็นแนวทางหรือลำดับขั้นตอนในการนำเสนอ โดยใน โครงสรา้ งรายการโทรทัศน์จะมลี ำดับขัน้ ในการนำเสนอ ดังนี้ 3.1 ไตเติ้ลรายการ เป็นส่วนแรกของรายการวิทยุโทรทัศน์ที่ทำหน้าที่ในการบอกช่ือ รายการ ชื่อเรือ่ ง ผู้แสดง ผดู้ ำเนินรายการรวมทั้งอาจมกี ารนำเสนอชอ่ื เจา้ ของเรือ่ ง ผู้เขียนบทดว้ ย ซึ่งการ นำเสนอไตเติ้ลรายการอาจทำได้โดย การใช้ภาพประกอบ ตัวหนังสือที่ทำจากกราฟิกคอมพิวเตอร์และ การใช้เทคนิคภาพพเิ ศษ นอกจากนนัน้ ไตเต้ิลรายการต้องคำนึงถึงเวลาทีน่ ำเสนอในชว่ งเวลานั้นว่าจะใช้ เวลาในการนำเสนอเทา่ ใด ก่ีวนิ าทหี รอื กี่นาที เป็นตน้ 3.2 ส่วนเนอื้ หา ซ่ึงเนอ้ื หาที่นำเสนอ นยิ มแบ่งเปน็ 3 สว่ นคือส่วนนำเข้าสรู่ ายการ ส่วน เนอื้ หา และส่วนสรปุ 3.3 ส่วนนำเข้ารายการ เป็นการเกริ่นนำสั้นๆ และเป็นส่วนแรกที่สำคัญในการที่จะ สร้างความจงู ใจให้ผู้ชม หรอื ต้องการให้ทราบภาพรวม ความเปน็ มา ความสำคญั ของรายการ อาจใช้การ เล่าเร่อื งหรอื แจ้งเรอ่ื ง การสรา้ งความขดั แยง้ หรือการใช้คำถามหรอื ปัญหานำเพื่อสร้างความสนใจแก่ผู้ชม ส่วนวธิ ีการนำเสนออาจใช้ผดู้ ำเนินรายการ หรือการทำเปน็ Scoop หรือ สารคดโี ดยใชเ้ วลาที่ไม่มากนกั 3.4 ส่วนที่เป็นเนื้อหา จะเป็นการนำเสนอเนื้อหาตามประเด็น โดยคำนึงถึงการ เชื่อมโยงกนั ไปตามลำดับต่างๆ ที่วางไว้โดยทั่วไปรายการที่มีความยาวประมาณ 30 ถึง 60 นาที จะวาง ประเด็นหลัก 2-4 ประเดน็ ท้งั นีเ้ วลาในการนำเสนอแต่ละประเดน็ จะตอ้ งให้มีน้ำหนักในแต่ละประเด็นท่ี ใกลเ้ คยี งกันเพอ่ื ไมใ่ หผ้ ู้ชมเกดิ ความสับสน การนำเสนออาจทำไดห้ ลายวิธี เชน่ การบรรยาย ภาพประกอบ การพดู ละคร กราฟกิ ตามความเหมาะสม 3.5 สว่ นสรปุ เป็นส่วนทน่ี ำเสนอสนั้ ๆ ในลักษณะของการขมวดเน้ือหาเร่อื งราวท้ังหมด ในตอนจบโดยใชเ้ วลาที่ไมม่ ากนัก วิธกี ารนำเสนออาจใช้วิธีเดยี วกบั การนำเสนอรายการ การจบดว้ ยความ เศร้า ความสขุ หรอื การเปิดประเด็นทง้ิ ไว้ใหค้ ดิ 3.6 เครดติ ทา้ ยรายการ เป็นสว่ นที่ระบุชอ่ื ผู้ที่อยู่เบอื้ งหลงั รายการโดยจำแนกเป็นกลุ่ม ต่างๆ ได้แก่ กลุ่มผู้ให้การสนับสนุน เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย สถานที่ บุคลากรด้านเทคนิค เช่น ช่างกล้อง เสียง แสดง แตง่ หนา้ กราฟกิ ผกู้ ำกับเทคนคิ บุคลากรด้านรายการ เชน่ ผูป้ ระสานงาน ผูก้ ำกับเวที ผู้กับ กบั รายการ ผู้ควบคมุ การผลิต ผู้อำนวยการผลิต เปน็ ตน้ 4. การเตรียมบท เป็นการถ่ายทอดแนวคิดของผู้ผลิตรายการลงสู่บทโทรทัศน์ ในขั้นน้ีจะตอ้ งมี การเตรียมเขยี นบทวทิ ยโุ ทรทัศน์ (Script) ซ่ึงถอื เป็นหวั ใจของการผลติ รายการ เนอ่ื งจากบทรายการวิทยุ 58
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงโทรทศั น์เป็นสิง่ ที่แสดงถึงรายละเอียดของเนอื้ หารายการทง้ั หมดไม่ว่าจะเป็นบทคำพูด ลักษณะของภาพ ที่จะปรากฏ เสียงประกอบ มุมกล้อง เทคนิคในการตัดต่อ ทั้งนี้การกำหนดรายละเอียดต่างๆ ในบทเพ่ือ สามารถถ่ายทอดความหมายผ่านภาพและเสยี งให้แกผ่ ู้ชมได้ตรงประเดน็ ที่สดุ แตล่ ะประเภทของรายการ วิทยุโทรทัศน์จะมีรูปแบบของการเขียนบทที่แตกต่างกันแต่ผู้ที่ทำหน้าที่เขียนบทจะต้องให้รายละเอยี ด ของภาพและเสียงทตี่ ้องการถา่ ยทอดตลอดจนความยาวของแต่ละชว่ งของรายการใหม้ ีความชัดเจน การ ทำบทโทรทศั นอ์ าจแบง่ เป็น 3 ขัน้ ตอนหลักซ่ึงสามารถอธบิ ายได้ ดังน้ี (ศศกิ ร จนั ท์เศรษฐ์, 2547) 4.1 บทร่าง (Draft Script) ถือเป็นการเขียนบทครั้งแรก เพื่อให้ผู้กำกับรายการ ตรวจสอบว่าตรงตามแนวคิดและวัตถุประสงค์ที่วางไว้หรือไม่ บทโทรทัศน์ส่วนใหญ่จะต้องถูกนำมา ปรับปรุงและพัฒนาให้ลงตัวก่อนการถ่ายทำจริง บางครั้งเป็นการปรับเพื่อให้เข้ากับบุคลิกของผู้แสดง บางครั้งเป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้ บางครั้งเป็นการปรับสถานที่ถ่ายทำ หรือ บางครั้งอาจปรับให้เข้ากับวัตถุประสงค์ของผู้สนับสนุนรายการ เป็นต้น บทร่างอาจต้องทำหลายคร้ัง ขึน้ กับความซบั ซ้อนและประเภทของรายการ 4.2 บทโทรทัศน์ข้นั สดุ ท้าย (Final Script) หลงั จากท่ไี ดป้ รับบทจนเปน็ ที่พอใจของผู้ มีอำนาจในการตัดสินใจ เช่น ผู้อำนวยการผลิต ผู้กำกับ ผู้เกี่ยวข้องในสถานีและผู้สนับสนุนทางด้าน การเงินแล้ว ผเู้ ขียนบทโทรทศั นจ์ ะนำมาใหผ้ ้อู ำนวยการผลิตอนุมัติเพอ่ื ดำเนนิ การถ่ายทำตอ่ ไป 4.3 บทถ่ายทำ (Shooting Script) คือบทโทรทัศน์ที่ผ่านการอนุมัติแล้ว จะนำมา แตกแยกยอ่ ยเปน็ แต่ละฉาก ใหร้ ายละเอยี ดของมมุ กล้อง แสง อุปกรณ์ประกอบฉาก เป็นตน้ เพื่อแจกจ่าย ให้กับทีมงานผลติ เพือ่ การเตรยี มการถา่ ยทำต่อไป 5. การจัดหานกั แสดง (Casting) การจดั หานกั แสดงหรือผู้ร่วมรายการ ถอื เปน็ งานสำคญั ท่ีต้อง ละเอียดรอบคอบ เนื่องจากผู้แสดงจะเป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอทั้งหมดผ่านทางรายการ โทรทัศน์ การจัดหานักแสดง รวมถึงผู้บรรยาย ผู้ให้สัมภาษณ์ ผู้ให้ข้อมูลในรายการ หรือแม้แต่ดารา ประกอบทีอ่ อกหน้าจอ ล้วนมสี ่วนในการสรา้ งความสำเร็จหรอื ความล้มเหลวใหก้ ับรายการหรือละครตอน นั้นๆ ได้ นอกจากผู้อำนวยการผลิตและผู้กำกับต้องการหานักแสดงได้ตรงกับรายการและได้รับการ ยอมรับจากผู้ชมแล้ว ยังต้องได้นักแสดงที่มีวินัย รู้หน้าที่ในการทำงาน มีความสามารถในการถ่ายทอด ตามที่ต้องการและที่สำคัญคือค่าตัวต้องอยู่ในงบประมาณที่กำหนด ในปัจจุบันมีบริษัทจัดหานักแสดง เกิดขึ้นมากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ผลิตรายการ ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะมีภาพของนักแสดง ประวัตสิ ่วนตวั ประวตั ิการแสดง ความสามารถพเิ ศษ ใหผ้ ู้ผลติ รายการเลือกได้ในทุกบุคลกิ ของตัวแสดงท่ี ต้องการ 6. การกำหนดสถานที่ในการผลิตรายการ โดยเป็นสถานที่ภายในห้องผลิตรายการ (Studio) หรอื ภายนอกหอ้ งผลิตรายการซึ่งจะมคี วามแตกต่างกนั แตอ่ ยา่ งไรก็ตามสถานที่ในการผลิตรายการจะถูก กำหนดไว้ตามบทรายการเพียงแต่ผู้กำกับรายการต้องพิจารณาว่าจะผลิตรายการในสถานที่ หรือนอก สถานท่ีจงึ จะเหมาะสมและถ่ายทอดออกมาได้ดีท่ีสุด 59
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 7. การกำหนดงบประมาณ เป็นการกำหนดค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการโดยการจำแนก งบประมาณออกเป็นหมวดหมู่ ซง่ึ ส่วนใหญ่จะเป็นหมวดค่าตอบแทนทงั้ ในกลุ่มผู้ผลติ ในฝ่ายรายการและ ฝา่ ยเทคนิค ค่าวสั ดุ อุปกรณ์ คา่ ซ้ือ ค่าเชา่ ค่าจดั จ้าง หรอื อาจกำหนดตามขั้นตอนการผลิตและในแต่ละ ขนั้ ตอนประกอบไปดว้ ยคา่ ใช้จา่ ยสว่ นใดบา้ ง และมยี อดรวมเท่าใด 8. การประสานงานกบั ทุกฝ่ายในทีมงานผู้ผลิต เพื่อสรา้ งความเข้าใจตรงกนั ถึงเน้ือหา แนวคิด ของรายการ รูปแบบรายการที่ต้องการ สถานที่ที่จะไปถ่ายทำ รวมทั้งรายละเอียดงานกับบุคคลหรือ หน่วยงานที่ติดต่อขออนุญาตถ่ายทำอย่างเป็นทางการ การขอความอนุเคราะห์ การนัดหมายเวลา การ พูดคุยอย่างคร่าวๆ เกี่ยวกับประเด็นที่ต้องการนำเสนอเพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องได้ เตรียมตัวล่วงหน้า วิธีการที่จะทำให้การประสานงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นระบบจะต้องมีการทำเอกสาร ประกอบการผลติ รายการทลี่ ะเอยี ดรอบคอบและถกู ตอ้ ง ซ่ึงประกอบด้วย 8.1 ตารางการผลติ รายการ (Master Production Schedule) เพื่อใหผ้ ู้เก่ียวข้องได้ ทราบถึงตารางการผลิตรายการทุกขั้นตอน จนถึงงานเสร็จสิ้นและออกอากาศ ตารางแผนงานการผลิต รายการจะรวมทุกขึ้นตอนการผลิตที่สมบูรณ์ที่สุดถึงสิ่งที่ต้องทำ เช่น ใครคือผู้ปฏิบัติ ปฏิบัติให้เสร็จ ภายในเมอ่ื ไร และปฏิบตั ิโดยวิธใี ด เพือ่ ให้ผปู้ ฏบิ ัติทำตามอยา่ งเครง่ ครัด เพราะงานบางอย่างอาจแจกกัน ไปทำโดยอิสระแต่ต้องนำมารวมกันให้สอดคล้องกันได้ภายในเวลาที่กำหนด เช่น หากฝ่ายศิลปกรรมไม่ สามารถสร้างฉากให้เสร็จตามเวลาได้ ฝ่ายแสงก็ไม่สามารถเข้าไปจัดแสงได้ ส่งผลให้งานที่ตามมาไม่ เป็นไปตามกำหนดเวลา ดังนั้น ตารางแผนงานการผลิตรายการ จะช่วยให้ผู้ผลิตรายการสามารถ ตรวจสอบความคบื หนา้ ของงานทกุ ฝ่ายให้อย่ใู นระบบไดแ้ ละสามารถแกไ้ ขปัญหาไดท้ ันท่วงที 8.2 เอกสารติดต่อทีมงานและนักแสดง (Cast/Crew sheet) ประกอบด้วยรายช่ือ ทีมงานและนกั แสดงทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เบอรโ์ ทรศัพท์ และท่ีอยทู่ ีส่ ามารถติดตอ่ ได้ 8.3 ตารางการซ้อม (Rehearsal Schedule) ประกอบด้วยกำหนดการ วัน เวลา และสถานที่ซ้อมโดยในแต่ละประเภทของรายการโทรทัศน์จะมีการซ้อมที่แตกต่างกัน งานรายการท่ี ซับซ้อนต้องมีการแสดงหลายอย่าง ใช้คนจำนวนมาก มีคิวมาก จำเป็นต้องมีการซ้อมหลายครัง้ การจัด ตารางการซ้อมควรระบุช่วงเวลาการซ้อมของแตล่ ะสว่ นของการแสดงเพ่ือให้นักแสดงและผูเ้ กี่ยวข้องมา เฉพาะในช่วงเวลาที่กำหนดได้ ยกเว้นในการซ้อมใหญ่ซึ่งต้องรวมการแสดงทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทุกคนท่ี เกี่ยวข้องจะต้องมาตั้งแต่เร่ิมต้นการซ้อมจนจบการซ้อม นอกจากนั้น ตารางการซ้อมยังรวมถึงการซ้อม ดา้ นการถา่ ยทำ มมุ กลอ้ ง การจัดแสง เสยี งดนตรี ซึง่ ตอ้ งสมบรู ณแ์ บบเหมือนจรงิ ในการซ้อมใหญ่ 8.4 รายละเอียดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ (Facilities Request Form or Fax Sheet) ประกอบด้วยรายละเอียดของอุปกรณ์การผลิตที่จำเป็นต้องใช้ ผู้อำนวยการผลิตและผู้กำกับรายการ จะต้องระบุรายการอุปกรณช์ ่างเทคนคิ และม้วนเทปที่ตอ้ งการเพื่อการจัดเตรยี มให้พร้อมสำหรับวันถ่าย ทำ 60
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 8.5 ตารางการดำเนนิ งาน (Operational Schedule) ประกอบดว้ ยรายละเอียดของ เวลา กิจกรรม และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรายการในแต่ละวัน โดยเริ่มตั้งแต่การเข้าสร้างฉาก เตรียมสถานที่ จัดแสง จดั วางกล้อง อุปกรณ์พิเศษ การซ้อม การถา่ ยทำ จนถงึ การเกบ็ ของ 8.6 ใบนดั หมาย (Call Sheet) จัดทำข้ึนเพ่อื เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรใหก้ ับนักแสดงหรือ ผู้ร่วมรายการเพื่อแจ้งเวลาและสถานที่สำหรับการซ้อมและการถ่ายทำในใบนัดหมาย จำเป็นต้องบอก เวลาทีต่ ้องเตรยี มตัวก่อนการถา่ ยทำ เชน่ การแตง่ หน้า ทำผม แต่งกาย กอ่ นการถ่ายทำจริงดว้ ย 8.7 ตารางถ่ายทำ (Shooting Schedule) ใช้สำหรับการถ่ายทำงานที่ต้องมีการ เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำ หรือมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำมาก ตารางถ่ายทำ ทำให้ สามารถแยกฉากหรอื บุคคลท่ีตอ้ งการถ่ายทำในแต่ละวนั ออกมาโดยเรียงลำดับการถ่ายทำตามแต่ละฉาก ที่อยู่ที่เดียวกัน หรือเรยี งถ่ายฉากท่มี ีคนคนนั้นรว่ มอย่ใู หเ้ สร็จในแตล่ ะวัน โดยไมต่ ้องเรยี งตามบทโทรทัศน์ ประกอบด้วยรายละเอียดของฉากที่ถ่าย วัน เวลาท่ีถา่ ยทำและอุปกรณ์ที่เก่ยี วข้อง การทำตารางการถ่าย ทำทส่ี มบรู ณ์จะชว่ ยใหผ้ ู้อำนวยการผลติ สามารถจัดงบประมาณการผลิตได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพทีส่ ุด 9. การเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับถ่ายทำ สิ่งสำคัญในการเตรียมเคร่ืองมือต่างๆ คือ ควร ตรวจสภาพการทำงานของอุปกรณ์ทุกช้ินก่อนออกเดินทางไปถ่ายทำนอกสถานที่หรอื กอ่ นการถ่ายทำใน ห้องสตูดิโอ เช่น แบตเตอรี่ควรชาร์จไฟให้เต็ม อุปกรณ์สัมภาระต่างๆ บรรจุให้กะทัดรัดและรัดกุมเพ่ือ ความสะดวกในการเคลอ่ื นยา้ ย 10. การซกั ซ้อมก่อนการถา่ ยทำจรงิ จะชว่ ยใหท้ มี งานผลิตได้ทราบปัญหาและข้อบกพร่องต่างๆ ของรายการ รวมทั้งช่วยในการพัฒนาเหตุการณ์ต่างๆ ของรายการได้อยา่ งดีดว้ ย การซ้อมน้ันจะทำสอง ขัน้ ตอน คือ ซ้อมแหง้ หรอื ซอ้ มย่อย (dry rehearsal) เป็นการซอ้ มขน้ั แรกโดยจะซ้อมนอกห้องส่งรายการ ยังไม่มีอุปกรณ์ในการถ่ายทำเป็นการสร้างความเข้าใจกับบทก่อนเพื่อฝึกนำเสียงตามอารมณ์ของบทซงึ่ อาจจะมีการแก้ไขบทบ้างให้เหมาะสมกับผู้แสดงเมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะซ้อมต่อด้วยการกำหนดมุมกลอ้ ง หรือ camera blocking คอื การจัดวางตวั ผแู้ สดง ณ จุดตา่ งๆ ในฉากสมมตขิ ึ้น โดยยงั ไม่ต้องมีของจริง ขั้นตอนที่สองเป็นขั้นตอนของการซ้อมใหญ่ (dress rehearsal) เป็นการซ้อมการแสดงทุกอย่างพร้อม เหมอื นจรงิ ไมว่ า่ จะเปน็ กล้อง อปุ กรณต์ า่ งๆ ฉาก รวมถึงเส้ือผา้ ของนักแสดง และผรู้ ว่ มรายการทุกคนเพ่ือ เตรียมการถา่ ยทำจรงิ ในขัน้ ตอ่ ไป ข้นั การผลิตรายการ (Production) ขั้นการผลิตรายการ จะเป็นขั้นตอนหลังจากที่มีการเตรียมการก่อนการผลิตทั้งหมดเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าสู่การถ่ายทำรายการ หรือบันทึกรายการตามที่กำหนดไว้ในบทซึ่งการถ่ายทำ รายการโทรทัศน์โดยท่วั ไปอาจจำแนกได้ 3 วิธี คอื การถ่ายทำรายการตามวิธกี ารผลิต การถ่ายทำรายการ โดยพิจารณาจากจำนวนกล้อง การถ่ายทำรายการในห้องผลิตรายการ หรือสตูดิโอ และการถ่ายทำ รายการภาคสนาม หรือนอกสถานท่ี (สนั ทัด ทองรินทร์, 2550) 61
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1. การถ่ายทำรายการจำแนกตามลักษณะการแพร่ภาพออกอากาศ จำแนกเป็นการถ่ายทำ รายการลว่ งหน้า และการถา่ ยทำรายการเพอื่ ออกอากาศหรอื ถา่ ยทอดสด 1.1 การถ่ายทำหรอื การบนั ทกึ เทปไวล้ ว่ งหนา้ เปน็ การถา่ ยทำรายการและนำมาตัดต่อ เชื่อมเป็นรายการทีส่ มบูรณก์ ่อนนำไปออกอากาศซึ่งมีข้อดี คือ สามารถตรวจสอบความถูกต้อง มีความ ละเอียด ประณีตในการนำเสนอที่ดี แต่มีข้อด้อย คือ บางครั้งเนื้อหาที่นำเสนออาจไม่มีความทันสมัย ดงั นน้ั จึงไมเ่ หมาะกบั รายการทมี่ ีเนื้อหาทเ่ี ปน็ เหตุการณ์ปัจจบุ ัน 1.2 รายการทถ่ี า่ ยทำสำหรับการออกอากาศสด เปน็ การถา่ ยทำรายการอยา่ งตอ่ เนือ่ ง ต้ังแตต่ น้ รายการจนจบรายการมกี ารใช้ภาพแทรกไดซ้ ง่ึ การถา่ ยทำรายการแบบออกอากาศสดน้ีมขี ้อดี คอื สามารถนำเสนอเนื้อหาที่ทันสมัยและได้รายการที่สมบูรณ์ต่อเนื่องแต่มีข้อเสียคือโอกาสที่จะเกิดความ ผิดพลาดมาก จึงต้องใช้ประสบการณแ์ ละไหวพริบในการทำงานของทมี งานเป็นอย่างมาก 2. การถ่ายทำรายการโดยใช้กล้องตัวเดียวหรือหลายตัว ซึ่งจำนวนของกล้องจะมีผลต่อการ ถา่ ยทำรายการด้วย 2.1 การถ่ายทำรายการโดยใช้กล้องตัวเดียว เป็นการใช้กล้องเพียงตัวเดียวในการ บันทึกรายการทงั้ หมด วิธกี ารนี้เหมาะสำหรับการถา่ ยทำรายการท่ตี ้องการความคลอ่ งตวั ในการถา่ ยทำสูง มกี ารใชท้ มี งานนอ้ ย ประหยดั งบประมาณ ใชเ้ วลาในการถา่ ยทำนาน เช่น รายการสารคดี แต่บางครงั้ เป็น รายการที่มีการนำเสนออย่างรวดเร็ว เช่น รายการข่าว แต่อย่างไรก็ตาม การใช้กล้องตัวเดียวอาจต้องมี การถ่ายทำรายการซ้ำหลายครัง้ ซึง่ ถ้าหากเป็นเหตกุ ารณ์หรือสถานการณจ์ ริงอาจทำให้ถ่ายทำรายการไม่ ทัน 2.2 การถ่ายทำรายการโดยใช้กล้องหลายตัว เป็นการใชก้ ลอ้ ง 2 ตัวขึ้นไปในการถ่าย ทำรายการหรือเหตกุ ารณ์ภายในเวลาเดียวกนั โดยมกี ารเลือกภาพผ่านอุปกรณ์ท่ีเรยี กว่า Switcher การ ถา่ ยทำรายการแบบนส้ี ามารถถา่ ยทำไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องสมบรู ณ์และได้ภาพท่ีหลากหลายมมุ ทำให้เกิดความ นา่ สนใจในการนำเสนอและไดร้ ายการทส่ี มบูรณ์หรอื ค่อนข้างสมบูรณ์ 3. การถ่ายทำรายการจำแนกตามสถานท่ี โดยสถานที่ในการถ่ายทำรายการจะมี 2 ประเภท คือ การถา่ ยทำรายการในห้องผลติ รายการหรือสตูดโิ อและการถ่ายทำรายการภาคสนามหรอื การถ่ายทำ รายการนอกสถานที่ 3.1 การถ่ายทำรายการในห้องผลิตรายการ หรือสตูดิโอ เป็นการถ่ายทำรายการที่ สามารถควบคุมสภาพแวดล้อม ในด้านอุณหภูมิ แสงและเสียงได้ตามที่ต้องการ การถ่ายทำรายการใน ห้องผลิตรายการนี้ ส่วนใหญ่เป็นรายการที่ถ่ายทำในลักษณะรายการสมบูรณ์ เพราะมีวัสดุอุปกรณ์ คอ่ นขา้ งพรอ้ ม เช่น รายการข่าว รายการละคร รายการเกมโชว์ ซ่งึ มลี ำดับขน้ั ตอนการทำงานดงั น้ี - จัดทำฉาก ตกแต่งฉากตามทีอ่ อกแบบไว้ - จดั แสงใหไ้ ดบ้ รรยากาศตามบทและสภาพของฉาก - จดั ตดิ ต้ังไมโครโฟนตามจำนวนและจุดที่กำหนด 62
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง - จดั วางตำแหนง่ กล้อง 3 กลอ้ ง ตามจดุ ท่กี ำหนดและทิศทางการเคลื่อนย้าย กลอ้ งเพื่อเปลี่ยนมุมและขนาดภาพ - ซกั ซ้อมกบั ทกุ ฝา่ ยทีเ่ กยี่ วขอ้ งทงั้ ทีมดา้ นเทคนิคและผู้ท่มี าร่วมในรายการให้มี ความเขา้ ใจตรงกนั ขน้ั ตอนเปิดรายการเปน็ อย่างไร จะปิดรายการดว้ ยกลอ้ งไหน ซักซอ้ มใหเ้ หมอื นกบั การ ทำรายการจริง - ลงมือถ่ายทำตามที่ได้ซักซ้อมไว้ ระหว่างการบันทึกรายการในกรณีที่ไม่ใช่ รายการสด หากไม่ถกู ต้องหรือไมเ่ หมาะสม ผ้กู ำกบั รายการจะมกี ารสั่งหยุด (Cut) ทนั ที เพื่อถ่ายทำใหม่ อีกครงั้ เพ่อื ความถกู ต้องของเน้อื หาและให้เป็นไปตามบท บคุ ลลากรดา้ นเทคนิคตอ้ งควบคุมคุณภาพของ ภาพ ระดบั เสียงใหม้ คี วามสมบรู ณแ์ ละช่างกลอ้ งจะถา่ ยภาพเผ่อื ไว้สำหรบั แก้ไขหรือ ใช้แทรก (Insert) ภาพ เพือ่ ให้เนอื้ หารายการมคี วามสมบูรณ์ยง่ิ ข้นึ 3.2 การถ่ายทำรายการภาคสนาม เป็นการถ่ายทำรายการนอกห้องผลิตรายการ หรือ การถ่ายทำในสถานที่จริงดังนั้น รายการที่ถ่ายทำจึงได้บรรยากาศฉากที่มีความสมจริงแต่อย่างไรก็ตาม การถ่ายทำรายการภาคสนามนี้เป็นการถ่ายทำรายการในภาพที่อิงกับสภาพแวดล้อมที่ธรรมชาติเป็น ตวั กำหนด ซึ่งผ้ผู ลิตรายการไม่สามารถควบคมุ ได้ ดงั นัน้ ภาพอากาศ สภาพแสง อาจมีผลต่อการถ่ายทำ รายการ เช่น ฝนตก แสงแดดทจ่ี า้ เกินไป ลมพัดแรง เปน็ ต้น ดงั นนั้ จึงตอ้ งมอี ปุ กรณ์ทางดา้ นเทคนคิ เข้ามา ช่วยเสริมเพื่อให้การถ่ายทำรายการเป็นไปด้วยความราบรื่นและเสร็จทันเวลา การถ่ายแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังน้ี (สมเจต เมฆพายัพ. 2547) - แบบใช้กล้องเดี่ยว เรียกว่า ชุด ENG. (Electronic News Gathering) ลักษณะท่ตี ัวกลอ้ งกับเครอื่ งบนั ทึกเทปประกอบตดิ กัน ทงั้ แบบทถ่ี อดแยกสว่ นได้และแบบท่ีประกอบเป็น ชน้ิ เดียวกัน เหมาะสำหรับงานถ่ายทำข่าว ถ่ายทำสารคดีที่ตอ้ งการความคล่องตัว สะดวก รวดเร็วในการ ทำงาน ใช้ทีมงานไม่มาก โดยมีขั้นตอน คือ การจัดเตรียมอุปกรณ์ กล้อง และเครื่องบันทึกภาพ ขาตั้ง กล้อง โคมไฟและขาตั้ง ไมโครโฟน เครื่องชาร์ทแบตเตอรี่และวัสดุ ม้วนวิดีโอเทป แบตเตอรี่ การ ประสานงานดา้ นธุรการ การเงิน พัสดุ การจัดหมายทีมงาน เดนิ ทางตามกำหนดนดั หมายและถ่ายทำตาม บทในจดุ ท่กี ำหนด - แบบใช้กล้องมากกว่าหนึ่งกล้อง เรียกว่า ชุด EFP (Electronic Field Production) เป็นอุปกรณค์ ล้ายกับในหอ้ งผลิตรายการมีกล้องตั้งแต่ 2 กล้องขึ้นไป ต่อสายสัญญาณภาพ จากกล้องเชื่อมต่อไปยังเครื่องผสมสัญญาณภาพ (Vision Mixer) สามารถเลือกภาพได้จากกล้องและ หลายมุมมอง มีถ่ายทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง การถ่ายทำในรูปแบบนี้ไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตายตัว สามารถเคลื่อนยา้ ยติดต้ังได้ตามโอกาสและสภาพการใช้งาน ลักษณะการทำงานผสมผสานคล้ายกับการ ผลติ รายการในห้องผลติ รายการและชุด ENG เหมาะกับการถา่ ยทำรายการสนทนา สาธิต อภปิ ราย หรือ สถานท่ีตามเหตกุ ารณจ์ รงิ เป็นตน้ - แบบใช้รถ Mobile Unit เป็นการถ่ายทำโดยมอี ุปกรณร์ ะบบต่างๆ คล้ายใน ห้องผลิตรายการและชุด EFP. ติดตั้งไว้บนรถยนต์สามารถเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ การเตรียม 63
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงงานและการผลิตรายการจึงมีขั้นตอนคล้ายกับการทำงานในห้องผลิตรายการ, ENG. และ EFP. การผลิต รายการโดยรถ Mobile Unit จะเป็นการบันทึกเทปแล้วนำมาตัดต่อภายหลังแต่ถ้าเป็นการถ่ายทอดสด บรรยากาศเหตกุ ารณใ์ นขณะนนั้ จรงิ เช่น การแข่งขันกีฬา งานพระราชพธิ ี การประชมุ สัมมนา จะตอ้ งมีชดุ ส่งสัญญาณจากรถ Mobile Unit ไปยังสถานีแม่ข่ายเพื่อส่งเผยแพร่ รายการออกอากาศทาง สถานีโทรทัศนใ์ นเวลาจรงิ เรยี กรถถ่ายทำนี้วา่ รถ OB.Van (Outside Broadcast Van) เมื่อทีมงานแต่ละฝ่ายไปถึงสถานที่ถ่ายทำตามตารางนัดหมาย ก่อนถึงกำหนดเวลาการถ่ายทำ จริง ผู้กำกับรายการจะซักซ้อมคิวต่างๆ กับทีมงานไม่ว่าจะเป็นกล้อง ตัวแสดง ไฟ เสียง สวิตเชอร์ ช่าง แต่งหน้า ช่างทำผม และคนทำเทคนิคพิเศษ เป็นต้น โดยการซ้อม แบ่งออกไปเป็นสองแบบ คือ การ ซักซ้อมหลังกล้องและการซักซ้อมหน้ากล้อง การซักซ้อมหลังกล้องส่วนใหญ่จะเป็นการซักซ้อมบทพูด การตอ่ บทและการบอกลำดับการแสดง การซักซอ้ มช่วงนีม้ กั ทำในระหวา่ งการแตง่ หน้าทำผมบรเิ วณใกลๆ้ สถานทถ่ี ่ายทำเพอ่ื ใหต้ วั แสดงจำบทหรือตอ่ บทกับตวั แสดงอ่นื ๆ ได้อยา่ งคล่องแคลว่ ก่อนการถ่ายทำจรงิ หลังจากนั้นเมื่อผู้กำกับรายการพรอ้ มถ่ายทำ ตัวแสดงต่างๆ จะไปแต่งชุดเพื่อเข้าฉากโดยก่อน ถา่ ยทำจะมีการซักซอ้ มหนา้ ฉากอีกครั้ง เรียกว่า การซักซอ้ มหนา้ กล้อง การซักซ้อมครง้ั น้ีเป็นการซักซ้อม กับฉากจริงๆ ที่มีทั้งกลอ้ ง ไฟ ไมโครโฟน และอื่นๆ ที่เสมือนการถ่ายทำจริงโดยผู้กำกบั รายการจะเปน็ ผู้ กำหนด การกำหนดตำแหน่งและจังหวะการแสดงต่างๆ ของผู้ที่ปรากฏในหน้าจอให้สอดคล้องกับ ตำแหน่งของอุปกรณ์การถ่ายทำเรียกกว่า การกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหว (Blocking) ซึ่งการถ่ายทำ รายการโทรทัศน์มีความสำคัญมากเพราะการถา่ ยทำรายการโทรทัศน์ จอโทรทัศน์จะเป็นตัวกำหนดการ มองเห็นของผชู้ ม มมุ ในการจับภาพและตำแหนง่ จดุ ยนื ของตัวละคร ลว้ นมผี ลตอ่ การมองเหน็ ภาพ แสง สี และเสยี งทีจ่ ะปรากฏสูส่ ายตาผู้ชม หลังจากการกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวแล้ว ก่อนการถ่ายทำจริงจะมีการซักซอ้ มเหมือนจริง อีกคร้ัง ทกุ ฝา่ ยทำงานเหมือนจริงเพียงแตว่ ่ามไิ ดม้ ีการบนั ทึกเทป โดยเปน็ การซกั ซ้อมแบบต่อเน่ืองไปจน จบ (Run through) หรืออาจเป็นการซักซ้อมแบบข้ามรายละเอียดเป็นช่วงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบก็ได้ (skipping run through) ขอ้ ดีของการซกั ซอ้ มแบบตอ่ เนอ่ื งตงั้ แต่ตน้ จนจบ กค็ อื การมองเห็นข้อบกพรอ่ ง ก่อนการถ่ายทำ จะได้แก้ไขก่อนลงมือถา่ ยทำจริง แต่ข้อเสีย คอื เสยี วลา ด้งั น้นั สว่ นใหญ่ ถ้าเป็นรายการที่ ออกอากาศเป็นประจำอยู่แลว้ และควิ ต่างๆ ไม่แตกตา่ งจากเดมิ มากนัก ผู้ผลิตรายการ มักใช้การซักซ้อม แบบข้ามเปน็ ชว่ งๆ โดยเลือกเฉพาะสว่ นทไ่ี ม่ค้นุ เคยมาซักซ้อมทำความเข้าใจกัน ทำให้ช่วยประหยัดเวลา ได้มากขึน้ หลังการถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยในแต่ละวัน แต่ละฝ่ายต้องทำหน้าที่ในการจัดเก็บอุปกรณ์ เครื่องมือและเอกสารต่างๆ โดยเฉพาะเทปบันทึกการถ่ายทำ (Master or rush tapes) ซึ่งจะต้องถูก นำไปใช้ในข้ันตอนต่อไป คือ การตัดตอ่ (Editing) ในขนั้ ตอนนีเ้ ป็นการนำความคิดมาลงมือปฏิบัติให้เกิด ภาพและเสียงขึ้นมาจริงๆ งานส่วนใหญ่เป็นการซักซ้อมและลงมือถ่ายทำให้เป็นไปตามความคิดทีว่ างไว้ จากขัน้ ตอนแรก และปฏบิ ัติงานใหเ้ ป็นไปตามแผนทวี่ างไวใ้ นขนั้ ตอนทส่ี อง 64
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงข้ันหลังการผลติ รายการ (Post - Production) ในกรณีที่เป็นการถ่ายทำแบบบันทึกเทป ขั้นตอนต่อมาก็คือ การนำเทปถ่ายทำที่ได้ เข้าสู่ กระบวนการตัดต่อ (Editing) ซึง่ เป็นการนำภาพท่ีได้จากการถ่ายทำมาเรียงลำดับ โดยเฉพาะในการถ่าย ทำแบบกลอ้ งเดียวตอ้ งนำภาพท่ีถา่ ยในแตล่ ะมุมมาเรียงลำดับกัน เพื่อเชื่อมภาพทั้งหมดใหไ้ ดต้ ามเร่ืองราว ในบทโทรทัศน์ที่วางไว้ การตัดต่อต่อยังช่วยแก้ไขส่วนผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งจากความบกพร่องด้านการ แสดงและด้านเทคนิครวมทั้งความบกพร่องด้านการกำหนดเวลาความยาวรายการ ตามปกติมักจะมี บุคลากรท่เี กีย่ วขอ้ งในขั้นตอนตัดต่อรายการ คือ ผอู้ ำนวยการผลิตรายการ ผู้กำกบั รายการ และเจา้ หน้าท่ี ตัดต่อรายการ โดยผู้อำนวยการผลิตมักจะเป็นผูใ้ ห้แนวทางและคำแนะนำในการตัดตอ่ ในขณะทีผ่ ู้กำกับ รายการจะมีภาพของรายการท่ีถกู ตัดต่อแลว้ อยูใ่ นใจของเขาต้ังแต่ขนึ้ ตอนการถ่ายทำสว่ นเจ้าหน้าท่ีตัดต่อ รายการ คือ ผู้ชำนาญการด้านการตัดตอ่ การใช้เครื่องมอื และการใช้เทคนิคพิเศษในการตัดต่อเพ่อื เพิ่ม อรรถรสในการชมรายการหลังการถา่ ยทำ โดยระบบการตัดต่อในปจั จุบันมีสองระบบ คือ ระบบลิเนียร์ (Linear system) และระบบนอนลิเนยี ร์ (Non – Linear) การตัดต่อระบบลิเนียร์ เป็นการตัดต่อโดยใช้เทปโดยมีเครื่องตัดต่อเครื่องหนึ่งเป็นตัวเล่นเทป (player) อีกเครื่องหน่ึงเปน็ เคร่อื งบนั ทึกเทปตัดต่อ (Recorder) การตดั ต่อระบบน้ี คุณภาพของภาพและ เสยี งของเทปทไี่ ด้จากการตัดต่อจะด้อยกว่าตน้ ฉบับ ขณะท่กี ารตดั ตอ่ ระบบนอนลิเนียร์ ซ่ึงเป็นที่นิยมกัน มากในปจั จุบันเป็นการตัดต่อด้วยระบบคอมพวิ เตอร์โดยนำภาพและเสียงทบี่ ันทึกได้นำใส่เข้าไปในเครื่อง ตัดต่อคอมพิวเตอร์แล้วทำการตัดต่อภายในเครือ่ งคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมตัดตอ่ ผู้ตัดต่อจะตัดต่อบน Timeline แลว้ สลบั ภาพและเสยี งไปมาได้โดยไม่ตอ้ งเริ่มร้อยเรยี งภาพใหมเ่ หมอื นการตดั ต่อในระบบเทป หรอื ระบบลิเนยี ร์ คุณภาพของภาพและเสยี งที่ตัดต่อเสร็จแลว้ ในระบบนอนลเิ นียร์จะไมแ่ ตกต่างจากเทป ตน้ ฉบับมากนกั โดยปกติการตัดตอ่ มอี ยู่ 2 ชว่ ง ดังนี้ (สมเจต เมฆพายพั , 2547) 1. การตัดต่อแบบ Off Line เป็นการตัดต่อทีย่ ังไม่ตอ้ งเน้นเทคนิคและคุณภาพตัดเพื่อดูความ ตอ่ เนอ่ื ง ความยาวในแต่ละ Shot ใหต้ รงกบั เนอื้ หาตามบทเทา่ นัน้ มอี ปุ กรณใ์ หเ้ ลอื กใชไ้ ด้ 2 แบบ คือ 1.1 อุปกรณ์แบบ Non–Linear เป็นการตัดต่อด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โดยถ่าย สัญญาณข้อมลู ภาพและเสียงลงไว้ในหน่วยความจำ (Hard Disk) แล้วบีบอัดข้อมูล (Compress) ไม่ต้อง ละเอียดมากนัก เพื่อให้สามารถบรรจุข้อมูลได้ปริมาณมากๆ จากนั้นจึงตัดต่อเลือก Shot โดยมี รายละเอียด Time Code (TC.) ของแต่ละม้วนไว้ เพื่อจัดทำเป็น EDL (Edit Decision List) สำหรับใช้ เป็นขอ้ มูลตัดตอ่ แบบ Online ต่อไป 1.2 อุปกรณ์แบบ Linear คือ ระบบเดิมที่ใช้เคร่ืองวีดีโอเทป ตัดต่อธรรมดาแบบ Cut to Cut ยังไม่ต้องใส่เทคนิคอะไรลงไป ตัดเพื่อเลือกดู Shot ที่ต้องการและ TC เพื่อใช้เป็นแนว ตัวอย่าง สำหรับใชต้ ดั ตอ่ แบบ On Line ที่สมบูรณต์ อ่ ไป 2. การตัดต่อแบบ On Line เป็นขั้นตอนที่นำข้อมูลรายละเอียดจากวิธี Off Line เพื่อจัดทำ เทคนิคพิเศษ เช่น ซ้อนตัวอักษร พลิกเปลี่ยนภาพ Dissolve Wipe ไตเติ้ล(Title) เครดิต(Credit) ท้าย รายการเพือ่ แสดงความรับผดิ ชอบผลงานและเป็นประวัตไิ ว้สืบค้นได้ บันทึกเสียงบรรยาย เสียงประกอบ 65
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงเสียงดนตรี โดยเน้นคุณภาพที่สมบูรณ์และถกู ต้องก่อนท่ีจะนำไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ตอ่ ไป เลือกใช้ อุปกรณไ์ ด้ 2 แบบเช่นเดียวกันซงึ่ อุปกรณแ์ บบ Non – linear เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ แตจ่ ะบีบอดั ขอ้ มูล (Compress) ใหม้ ีความละเอียดของภาพคมชัดสงู โดยใช้ข้อมลู EDL, จากวธิ ี Off Line มาใช้เป็นตัวอยา่ ง ส่วนอปุ กรณ์แบบ Linear ใชเ้ คร่อื ง Video Tape เป็นเคร่อื งเล่น จำนวน 2 เคร่อื ง ต่อเชือ่ มกบั เครอื่ งผสม สัญญาณภาพและสร้างภาพพิเศษ โดยมี A และ B เป็นเครื่องเล่น การตัดต่อลำดับภาพโดยทั่วไปแล้วสามารถตัดต่อลำดับภาพไว้เป็นส่วนๆ ได้ เช่น การตัดต่อ ลำดับภาพทลี ะฉากหรือตอนโดยไมต่ อ้ งเรยี งลำดับท้งั หมด เมอ่ื ตดั ครบทกุ ฉากหรอื ตอนจงึ จะนำมาเรียงกัน ตามบทซึ่งทำให้เกิดความสะดวกในการแก้ไขอาจทำได้สองลักษณะ คือ การตัดต่อ ลำดับภาพ โดย บันทึกเสียงการบรรยายไว้ล่วงหน้าก่อน จากนั้นจะมีการตัดต่อลำดับภาพให้สอดคล้องกับบทหรือคำ บรรยายและในลักษณะท่สี องคือ การตัดตอ่ ลำดบั ภาพเฉพาะส่วนท่ีเปน็ ภาพกอ่ นโดยทำการตดั ตอ่ ลำดับ ภาพตามบทซึ่งผู้กำกับรายการจะทำการอ่านบทพร้อมๆ กับการเลือกใช้ภาพที่ถ่ายทำมาแล้วและ สอดคล้องกับบท เมื่อเรียงภาพจนครบแล้วจึงจะทำการบรรยายภายหลังซึ่งไม่ว่าจะเป็นวิธีการตัดต่อ ลำดับภาพแบบใดก็ตามสามารถทำได้ทั้งสองวิธี ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความชำนาญของผู้กำกับ รายการ 1. การเลือกภาพที่ใช้ในการตัดต่อลำดับภาพ หลังจากที่เลือกวิธีการตัดต่อลำดับภาพท่ี เหมาะสมกบั วธิ กี ารทำงานแล้ว จากน้นั ภาพทไ่ี ด้จากการถ่ายทำจะถกู นำมาเลือกใช้อีกครง้ั ในข้ันตอนของ การตัดต่อ ลำดับภาพเพื่อให้เกิดความสมบรู ณ์ในการสอ่ื ความหมายซึง่ หลกั ในการเลอื กภาพต้องคำนึงถึง สิง่ ต่อไปนี้ (สนั ทดั ทองรินทร์, 2550) 1.1 ความสมบูรณ์ของภาพ โดยภาพที่จะนำมาใช้นั้นต้องมีความสมบูรณ์ในตัวเอง สามารถพจิ ารณาไดจ้ ากขนาดของภาพ มมุ กลอ้ ง ความชัดเจนของภาพและเสียง ทั้งน้ภี าพที่ถ่ายทำมานั้น อาจถ่ายทำมาหลายคร้งั (take) ซง่ึ ผู้กำกับรายการต้องเลอื กภาพท่ีดที ส่ี ดุ นอกจากนั้นตอ้ งคำนึงถึงว่าภาพ ทเ่ี ลอื กมาน้ันสามารถนำมาสร้างความตอ่ เนือ่ งกับภาพอนื่ ท่จี ะตามมาได้อย่างไร 1.2 ความตอ่ เน่ืองของภาพ เป็นการนำภาพทีถ่ ูกเลือกไวแ้ ล้วมาทำการร้อยเรียงโดยให้ มีความต่อเนื่องกนั ตามเนื้อหาเรื่องราว อาจใช้วิธีการเปลี่ยนขนาดของภาพ มุมกล้อง หรือการตัดภาพ สลับไปมาระหว่างบุคคล แต่อย่างไรก็ตามต้องให้เป็นภาพที่มีความเกี่ยวเนื่องสอดคล้องกันหรืออยู่ใน เหตุการณเ์ ดยี วกนั ความตอ่ เน่อื งของภาพจะทำใหก้ ารบอกเล่าเร่ืองราวหรอื การดำเนนิ เร่อื งเปน็ ไปอย่างมี ลำดบั และเข้าใจงา่ ยภายในฉาก หรือเหตกุ ารณเ์ ดยี วกัน 1.3 จงั หวะในการตัดภาพ เปน็ การคำนงึ ถึงอารมณ์ความรูสกึ ของภาพและเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น เป็นการทำงานที่ควบคู่กับความต่อเนื่องของภาพการตัดต่อลำดับภาพในบางครั้ง การใช้ความ ต่อเนื่องหรือจังหวะของภาพอาจประสบปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งจึงอาจน ำเทคนิควิธีการในการตัดต่อ ลำดับภาพเขา้ มาใช้กจ็ ะทำใหร้ ายการนัน้ สามารถผลิตออกมาได้อย่างสมบรู ณ์เชน่ กัน แตโ่ ดยพ้นื ฐานแลว้ การตัดต่อลำดับภาพเป็นวิธีการที่ใช้ในการเชื่อมภาพให้ต่อเนื่องตามล ำดับหรือการเปลี่ยนเหตุ การณ์ รายการโดยเทคนิคในการตัดหรือลำดับภาพที่นิยมใช้เป็นพืน้ ฐาน เช่น การตัดภาพ(Cut) การเลือนภาพ 66
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง(Fade) การจางภาพซ้อน (Dissolve) การกวาดภาพ (Wipe) และเทคนิคพิเศษอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ แกป้ ัญหา หรือ ต้องการใหภ้ าพมีความนา่ สนใจมากยิง่ ข้นึ 2. การผสมเสยี งประกอบรายการ เมื่อทำการเลอื กและตัดตอ่ ลำดับภาพจนครบตามบทรายการ แล้ว ข้ันต่อไป จะเป็นการนำเสยี งจากแหล่งต่างๆ มารวมกนั ใหเ้ กดิ ความสมบูรณ์ของรายการ โดยเสียงที่ จะใช้จะถูกนำมาวางแยกกันแหล่งเสียงและร่อง (Track) กับภาพและภายในแหล่งเสียงเองก็มีการแยก รอ่ งเสยี งกันด้วยเพื่อใหเ้ กดิ ความแตกตา่ งกัน และเพื่อใหท้ ราบตำแหนง่ ของแหล่งเสียง เม่อื จะทำการผสม เสียงก็สามารถเลือกใหเ้ สียงจากร้องเสียงใดมีน้ำหนักความดัง หรือเบาเพยี งใด นอกจากนั้นการแยกร่อง เสียงยังช่วยใหเ้ กดิ ความงา่ ยในการแก้ไขด้วย เสียงที่ใช้ในรายการวิทยุ โทรทัศน์สามารถแยกประเภทได้ ดังน้ี 2.1 เสียงหลัก เป็นเสยี งสำคัญและใช้มากในรายการวิทยุโทรทัศน์ส่วนมากจะใช้ในการ บอกเรื่องราวของรายการเปน็ หลักซึง่ เสียงหลักไดแ้ ก่ เสียงจากการบรรยาย เสียงพูดของพิธีกร ผู้ดำเนิน รายการ วิทยากร ผใู้ ห้สัมภาษณ์ หรือผแู้ สดง 2.2 เสียงประกอบ เปน็ เสียงท่ใี ชร้ ว่ มหรือเสริมเสียงหลัก เพอ่ื ใหร้ ายการมคี วามสมบูรณ์ ตามเรอื่ งราวของรายการทน่ี ำเสนอหรอื ชว่ ยใหร้ ายการมอี รรถรสมากยง่ิ ข้ึน ซง่ึ เสียงประกอบอาจเปน็ เสียง ท่เี กดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติหรือเสียงท่ปี ระดิษฐ์ขนึ้ มาใหม่เพอื่ ใหน้ ามาใชง้ านได้ง่ายขึ้น เช่น เสียงฟ้าร้อง เสยี งรถชนกนั เสียงเคร่ืองบิน เสยี งน้ำตก เสยี งนกร้อง เปน็ ตน้ 2.3 เสียงดนตรี เป็นเสียงที่ช่วยทำให้รายการมีความสนุกสนาน ความเศร้า ความสุข ความเพลดิ เพลิน บางครงั้ อาจใช้เสียงดนตรีน้ีเพ่ือบอกเล่าเร่ืองราวหรืออารมณ์ของเหตุการณ์น้ันแทนคำ บรรยายก็มี เสียงดนตรีอาจำแนกเป็นเสียงดนตรีประจำรายการซึ่งจะใช้ทกุ คร้ังของรายการ หรือใช้เป็น สัญลักษณ์ของรายการก็ได้ ส่วนดนตรีประกอบรายการจะใช้ในขณะที่มีการนำเสนอเนื้อหารายการโดย การบอกเลา่ เหตุการณ์หรือใชใ้ นการเชื่อมโยงเรื่องราวรายการในขณะน้นั ให้มคี วามสมบูรณ์มากยง่ิ ขึ้น 3. การทำกราฟิก รายการวิทยุโทรทัศน์บางรายการมีลักษณะเป็นนามธรรม คือ ไม่สามารถ อธิบายได้ชัดเจน ดังนั้น จึงต้องมีการแปลงบทเนื้อหารายการให้เป็นรูปธรรมมากที่สุดโดยอาจอยู่ใน ลักษณะของตังอักษร ภาพ ลายเส้นแผนภูมิ แผนภาพ เป็นต้น การทำกราฟิกนี้จะต้องคำนึงถึงความ ถูกต้องเป็นหลักเพราะงานกราฟิกส่วนใหญ่จะเป็นชื่อต่างๆ เช่น ชื่อรายการ ชื่อบุคคล ชื่อสถานที่ หรือ ขอ้ มลู ในรูปแบบต่างๆ เช่น สถติ ิตวั เลข ท่ีใชป้ ระกอบ ขยาย หรืออธบิ ายเน้ือหาทเ่ี ปน็ นามธรรม ส่วนด้าน ความสวยงามถอื วา่ เป็นองค์ประกอบรองลงมา ดั้งน้ัน การใช้กราฟิกจึงต้องมีการตรวจสอบความถกู ต้อง ดว้ ยเสมอ เพราะจะมีผลตอ่ การตีความหมายของผ้รู ับชมดว้ ย 4. การตรวจสอบความถูกต้องของรายการ การตรวจสอบความถูกต้องของรายการเป็นการ ตรวจสอบรายการในเบื้องต้นก่อนซึ่งเป็นการตรวจสอบทั้งรายการถึงแม้ว่าในการผลิตรายการจะมีการ ตรวจสอบความถูกต้องและแกไ้ ขตลอดเวลา เหตุผลที่มีการตรวจสอบรายการก็เพื่อให้เห็นภาพรวมของ รายการว่ามีความต่อเนื่องและเป็นไปตามบทหรือไม่ หากมีการเชื่อมรายการไปแล้วก็ยากที่จะทำการ แกไ้ ข 67
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 5. การเช่อื มรายการสมบรู ณ์ การเชื่อมรายการสมบรู ณ์ เปน็ การรวมภาพทไี่ ดท้ ำการตัดต่อและ ลำดับไว้แล้วให้เข้ากับเสียงจากแหล่งต่างๆ ที่วางไว้ในแต่ละร่องให้มีน้ำหนักเสียงตามที่กำหนดไว้ และ เวลาที่กำหนด นอกจากนั้นในส่วนของภาพก็มีการใช้เทคนิคต่างๆ เข้ามาช่วยเพื่อให้รายการมีความ นา่ สนใจมากข้นึ ดว้ ย การถ่ายทำรายการวิทยุโทรทัศน์เป็นงานที่มีขึ้นตอนและมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณามากมาย ดังน้ัน ผผู้ ลิตรายการและทมี งานทีม่ ีส่วนเกีย่ วข้องทุกฝ่ายตอ้ งทำความเข้าใจในกระบวนการให้เกิดความ เข้าใจและในทางปฏิบัติแล้วขั้นตอนต่างๆ อาจไม่เป็นไปตามขั้นตอนทีไ่ ด้กล่าวไว้ทั้งหมด อาจมีการเพมิ่ ลด หรือข้ามขั้นตอนในบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับลักษณะ รูปแบบ วัตถุประสงค์ วิธีการนำเสนอ วิธีการถ่ายทำ สถานที่ถ่ายทำ ฯลฯ ตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ผลิตรายการ โดยมี เป้าหมายเดียวกนั นัน่ คอื การผลิตรายการทเ่ี ปน็ ไปตามจดุ ประสงค์ท่ีวางไวแ้ ละผลลพั ธข์ องงานที่สมบูรณ์ มีประสิทธภิ าพสงู สุด สรปุ กระบวนการผลิตรายการวิทยโุ ทรทัศน์เร่ิมต้นจากการพฒั นา หรือจุดประกายความคิดเบื้องตน้ ในการสรา้ งรายการวทิ ยุโทรทัศน์ขนึ้ มาใหม่ ซง่ึ ประกอบดว้ ย เนอ้ื หาท่ตี ้องการนำเสนอ เป้าหมายรายการ กลมุ่ เป้าหมายรายการ และผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ เปน็ ต้น เพื่อเปน็ ข้อมลู นำเสนอต่อสถานีโทรทัศน์ หรือผู้ อุปถมั ภร์ ายการ จากน้นั จึงเข้าส่กู ระบวน 3 P คือ ขน้ั เตรียมการผลิตรายการ ข้นั ผลติ รายการ และขน้ั หลัง ผลิตรายการโดยขั้นเตรียมการผลิตนั้น จะเป็นการดำเนินการ ประชุมทีมงาน การหาข้อมูล การจัดทำ โครงสร้างรายการ การเตรียมบท การกำหนดสถานที่ งบประมาณ การประสานงานของทุกๆฝ่าย เพ่ือ เตรียมความพร้อมเข้าสู่ข้ันผลิตรายการซึ่งเป็นขั้นการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ โดยจำแนกเป็น การถ่าย ทำรายการตามวธิ กี ารผลิต การถ่ายทำรายการโดยพิจารณาจากจำนวนกลอ้ ง การถ่ายทำรายการในห้อง ผลิตรายการ และการถ่ายทำรายการภาคสนาม หลังจากถ่ายทำแล้ว จึงเข้าสู่กระบวนการหลังการผลิต คือ การนำเทปที่ถ่ายทำมาทำการ ตัดต่อ ลำดับภาพ ทำได้ 2 ระบบ คือ Linear และ Non-Linear ใน ปัจจุบันนิยมการตัดต่อลำดับภาพโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ Non-Linear เนื่องจากมีความ สะดวก มีเทคนิคพิเศษให้เลือกมากมาย และคุณภาพของภาพและเสียงที่ไม่แตกต่างจากเทปต้นฉบับ กระบวนการขัน้ ตอนต่างๆ ในการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์อาจไม่เป็นไปตามขั้นตอนทัง้ หมดขึ้นอยู่กบั ลักษณะ รูปแบบ วัตถุประสงค์ วิธกี ารนำเสนอ วิธีการถ่ายทำ ฯลฯ ตามความเหมาะสม 68
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง แบบฝึกหดั บทที่ 3 คำช้แี จง ขอให้นักศกึ ษาจงตอบคำถามตอ่ ไปน้มี าใหเ้ ขา้ ใจ 1. เมือ่ นักศึกษาจะผลติ รายการวิทยโุ ทรทศั นส์ ัก 1 รายการ จะต้องคำนึงถงึ เรอื่ งใดบา้ ง 2. การผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ใหส้ อดคล้องกับกลุ่มเปา้ หมายโดยคำนึงถงึ จิตวิทยาของผูช้ ม สามารถ พจิ ารณาในประเด็นใด ไดบ้ า้ ง 3. สว่ นประกอบของโครงงานการผลิตรายการวทิ ยุโทรทศั น์ มอี ะไรบา้ ง 4. ให้นักศึกษาวเิ คราะหว์ า่ โครงงานการผลิตรายการทมี่ ีลกั ษณะอยา่ งไร ที่จะมีโอกาสได้รับการพิจารณา อนมุ ัติให้ผลิตรายการ 5. จงยกตวั อย่างมา 3 แหลง่ ขอ้ มูลท่สี ามารถนำมาเปน็ บท หรือเนือ้ หารายการวิทยุโทรทศั น์ได้ 6. อธบิ ายความหมายของคำวา่ ไตเต้ลิ รายการ 7. เหตุใดจึงต้องมกี ารเตรียมบทกอ่ นการผลติ รายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ 8. จงอธบิ ายการถา่ ยทำรายการในลกั ษณะ Electronic News Gathering 69
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง เอกสารอ้างอิง สมสขุ หินวิมาน, ศิริมติ ร ประพนั ธ์ธุรกจิ , ภทั ธรี า สารากรบรริ กั ษ์, อารดา ครจุ ิต, กรรณิกา รงุ่ เจริญ พงษ์ และกลุ นารี เสือโรจน์. (2554). ความรเู้ บื้องตน้ ทางวิทยโุ ทรทัศน.์ กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ วิภา อุตมฉนั ท์.(2538). การผลิตส่อื โทรทศั น์และวดี ิทศั น.์ กรุงเทพฯ.โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ศุภางค์ นันตา.(2552). หลักการวทิ ยุกระจายเสียงและวิทยโุ ทรทศั น์. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. ศศกิ ร ฉันทเ์ ศรษฐ.์ (2547). การจดั และการผลติ รายการวิทยุโทรทัศน์ ในเอกสารการสอนชดุ วชิ า ความรเู้ บื้องตน้ เกย่ี วกบั สอื่ มวลชน, หนว่ ยที่ 6-10. นนทบรุ ี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช. สนั ทดั ทองรนิ ทร.์ (2547). การบริหารการผลติ รายการโทรทศั น์ ในเอกสารการสอนชุดวิชา การผลติ รายการโทรทัศน์เบ้อื งตน้ , หน่วยท่ี 1-7. นนทบรุ ี : มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. สมเจตน์ เมฆพายัพ. (2547). การผลติ รายการโทรทศั น์เบอ้ื งต้น. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ ร.ส.พ. https://itunews.itu.int สบื คน้ เมื่อวนั ท่ี 11 กมุ ภาพนั ธ์ 2556 http://www.dallasvideoproductions.net สืบค้นเมื่อวนั ท่ี 11 กมุ ภาพนั ธ์ 2556 http://www.kbent.net สืบคน้ เม่ือวนั ท่ี 11 กุมภาพันธ์ 2556 http://www.satellite-links.co.uk/directory/viastoria.htmlสืบคน้ เมอ่ื วนั ที่ 11 กมุ ภาพนั ธ์ 2556 http://www.kcinstitutes.com สบื ค้นเมื่อวนั ท่ี 11 กุมภาพันธ์ 2556 70
แผนบรหิ ารการสอนประจำบทท่ี 4 อุปกรณ์และเครอื่ งมือในการผลติ รายการวิทยโุ ทรทัศน์ เวลาท่ใี ชใ้ นการเรียนการสอน 8 ช่ัวโมง หวั ข้อเนือ้ หาประจำบท 1. ส่วนประกอบและชนิดของกล้องโทรทศั น์ 2. วสั ดอุ ุปกรณบ์ ันทกึ ภาพ 3. อุปกรณท์ ่เี กี่ยวขอ้ งดา้ นภาพโทรทศั น์ 4. อปุ กรณ์และเครอื่ งมอื ด้านเสยี ง 5. อปุ กรณ์และเคร่อื งมอื ด้านแสง 6. อุปกรณส์ นับสนุนการผลติ รายการวทิ ยโุ ทรทัศน์ 7. สรุป มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เมือ่ ศกึ ษาบทเรียนน้ีแลว้ นักศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายถงึ สว่ นประกอบและชนดิ ของกล้องโทรทศั น์ได้ 2. บ่งบอกเก่ียวกับวัสดุอุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการบนั ทกึ ภาพโทรทศั น์ได้ 3. บง่ บอกถงึ อุปกรณ์ท่ีเก่ียวข้องด้านการถา่ ยภาพโทรทศั นไ์ ด้ 4. อธบิ ายเกย่ี วกบั อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมือด้านเสียงได้ 5. อธิบายเกย่ี วกบั อุปกรณ์และเครือ่ งมือดา้ นแสงได้ 6. บ่งบอกถงึ การใช้วัสดอุ ปุ กรณใ์ นการผลติ รายการและอุปกรณ์สนบั สนุนการผลิตรายการ วิทยโุ ทรทัศน์ได้ วธิ กี ารสอนและกจิ กรรมการเรียนการสอนประจำบท ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการบรรยาย 4 ช่วั โมง ระยะเวลาท่ีในการปฏิบัตหิ รือจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 4 ชว่ั โมง 1. ผสู้ อนบรรยายและอภิปรายเนื้อหาประจำบท 2. แบ่งกลมุ่ ใหน้ ักศกึ ษาฝกึ และทดลองการใช้วัสดอุ ปุ กรณ์ที่ใช้ในการผลติ รายการวิทยุโทรทศั น์ 3. ให้นักศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ใน ปัจจุบันและแนวโน้มเทคโนโลยีใหมๆ่ ของเครื่องมอื ท่ีจะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วสรุปทำความเข้าใจในชั้น เรียน 4. มอบหมายให้นักศกึ ษาทำแบบฝึกหัด คำถามทา้ ยบท 71
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงส่อื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน บทท่ี 4 2. Power Point ประกอบคำบรรยาย 3. คอมพวิ เตอร์ เครื่องฉาย LCD Projector 4. ระบบอนิ เทอรเ์ น็ต 5. หนังสืออ้างองิ คน้ คว้าเพ่ิมเติมจากห้องสมดุ 6. ตัวอย่างของ วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ ต่างๆ ท่ีใช้ในการผลติ รายการวิทยโุ ทรทศั น์ การวัดผลและประเมินผล 1. ซักถามความรู้ ความเขา้ ใจ 2. สังเกตจากการคน้ คว้า และการสรุป 3. สงั เกตจากการอภิปราย การวิเคราะห์ ซักถามของนักศกึ ษา 4. สงั เกตจากการมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมกลุ่ม 5. ประเมินผลจากการตอบคำถามท้ายบท 72
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทที่ 4 อุปกรณแ์ ละเครอื่ งมอื ในการผลิตรายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ การผลิตรายการวิทยุโทรทศั น์ให้ได้ภาพและเสยี งท่ีดีน้ันย่อมตอ้ งอาศยั อปุ กรณ์และเคร่ืองมือท่ีมี ประสิทธิภาพในการผลิตรายการ ซึ่งในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีด้านการผลิตมีการพัฒนาอุปกรณ์และ เครือ่ งมอื ในการผลิตจากระบบ Analog มาเปน็ Digital ทำใหม้ ีความทันสมยั ลดข้นั ตอนท่ยี ุ่งยาก มีการใช้ งานที่ง่ายขึ้น เช่น ระบบภาพที่มีความคมชัด สมจริงมากขึ้น ระบบช่องเสียงที่หลากหลายและมีเทคนคิ การผลิตภาพพิเศษ (Special Effect) ที่ทำให้ภาพมีความนา่ สนใจมากข้ึน เปน็ ตน้ ดงั น้ัน ผู้ท่ีปฏบิ ัตงิ านใน กระบวนการผลติ จะต้องมีการศึกษาและเรยี นรู้เกยี่ วกับอุปกรณ์และเครือ่ งมือแต่ละชนิดให้มีความเข้าใจ สามารถใชง้ านไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ซงึ่ ในท่ีนี่จะแบ่งประเภทของอปุ กรณ์และเครอ่ื งมอื ต่างๆ ดังนี้ 1. ส่วนประกอบและชนดิ ของกลอ้ งโทรทัศน์ 2. วัสดุอุปกรณบ์ ันทึกภาพ 3. อปุ กรณ์ท่ีเก่ยี วขอ้ งดา้ นภาพโทรทัศน์ 4. อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมอื ดา้ นเสยี ง 5. อปุ กรณ์และเครื่องมอื ดา้ นแสง 6. อปุ กรณส์ นับสนนุ การผลิตรายการวทิ ยุโทรทศั น์ อุปกรณ์และเครื่องมือในการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ทั้ง 6 ข้อนี้เป็นการรวบรวมอุปกรณ์และ เครื่องมือทีใ่ ช้ในการถ่ายทำทัง้ ในและนอกสถานทีผ่ ู้ใช้ต้องรู้จักเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับลักษณะงาน และ ตรงตามประเภท จุดมุ่งหมายในการผลิต รวมทั้งรู้ขีดความสามารถ ข้อจำกัดของอุปกรณ์และเครื่องมอื อนั จะส่งผลต่อประสทิ ธภิ าพของผลทจี่ ะไดจ้ ากการใชง้ านของอปุ กรณ์นัน้ ๆ ดว้ ย ส่วนประกอบและชนดิ ของกล้องโทรทัศน์ กล้องโทรทัศน์ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นสำหรับสร้างภาพ เพื่อนำไปออกอากาศหรือบันทึกเป็นเทปโทรทัศน์ เพื่อการใช้งานที่ถูกต้องและให้การถ่ายท ำเกิด ประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ใช้กล้องโทรทัศน์ควรศึกษาให้เข้าใจทั้งในเรื่องส่วนประกอบและชนิดของ กล้องโทรทศั น์ 1. ส่วนประกอบของกล้องโทรทัศน์ ภายในตัวกล้องประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ท่ี ตดิ ยึดบนโครงตวั กล้อง มเี ลนสแ์ ละจอภาพ (viewfinder) อยดู่ ้านหน้า ด้านข้างจะมีสวิตซ์ต่างๆ ปุ่มปรับ สัญญาณ ตลอดจนขั้วต่อสายเพื่อการใช้งานในลักษณะต่างๆ ด้านท้ายของตัวกล้องเป็นส่วนบันทึกภาพ ส่วนประกอบประกอบหลกั ของกลอ้ งอย่างน้อยตอ้ งมี 3 สว่ น คอื เลนส์ (lens) ตัวกลอ้ ง (camera itself) และช่องมองภาพ (viewfinder) โดยเลนส์จะอยูด่ ้านหนา้ สุดทำหน้าที่รับแสงท่ีสะท้อนจากวัตถุเข้ามายัง เลนส์ พลังงานแสงที่เลนส์รับเข้ามานั้นจะถูกส่งต่อไปยังตัวกล้องซึ่งมีวงจรอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับ 73
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงกระบวนการสร้างภาพ (imagine device) ด้านหลังหรือหากมีการบันทึกภาพที่เกิดขึ้นสัญญาณ อิเล็กทรอนิกสจ์ ากตวั กลอ้ งก็จะถกู เขียนลงบนวัสดุบันทกึ สญั ญาณภาพและเสยี ง เชน่ เทปแมเ่ หลก็ ซ่งึ เมือ่ ต้องการรบั ชมภาพท่ีบันทึกเอาไว้ก็ตอ้ งมีอปุ กรณ์ในการแปลงสญั ญาณเหล่าน้ันใหก้ ลายเป็นภาพหรือแสง อีกครั้งหน่ึง ได้แก่ อุปกรณ์กล้องทีม่ ีเคร่ืองเล่นเทป เครื่องเล่นเทป และเครื่องรับโทรทัศน์ ส่วนประกอบ หลักของกล้องโทรทศั น์ มี 3 สว่ น คือ 1.1 เลนส์ (lens) ทำหน้าท่ใี นการควบคุมความชดั (focus) การปรับเปลีย่ นชอ่ งรับแสง (f-stop) และการปรบั เปล่ียนความยาวโฟกัส (focal length) ซึ่งเลนส์ท่ีใช้กบั กล้องโทรทัศนส์ ่วนใหญ่เป็น เลนสซ์ ูม (zoom lens) คณุ สมบตั ขิ องเลนส์ซมู เป็นเลนส์ที่สามารถปรับเปลย่ี นช่วงความยาวโฟกัสได้ ทำ ให้กล้องสามารถดึงภาพวัตถุที่ถ่ายทำให้ใกล้เข้ามาหรือห่างออกไปได้อย่างต่อเนื่องโดยกล้องไม่ต้อง เคลื่อนที่เข้าหาหรอื ถอยห่างออกจากวัตถุนั้นเพือ่ เปลี่ยนขนาดภาพ การปรับซูมกล้องจะเป็นการเปลีย่ น ความยาวโฟกัสของเลนส์ซึ่งจะมีผลต่อภาพท้ังในแง่พ้ืนที่การมองเห็นและความชัดลึกของภาพ ซึ่งกล้อง ทั่วไปจะมีปุ่มที่ควบคุมการซูม โดยจะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ W (wide) หมายถึง ภาพในลักษณะมุม กวา้ ง และ T (tele) หมายถึง ภาพในลักษณะใกล้ 1.2 ตัวกลอ้ ง (camera) ทำหนา้ ท่ีรับภาพทส่ี ะทอ้ นจากเลนสโ์ ดยหลอดภาพแล้วระบบ ภาพส่วนในจะทำการเปลี่ยนภาพทีไ่ ด้จากเลนส์นัน้ ให้เปน็ สญั ญาณไฟฟ้า เพ่อื ทำใหเ้ กดิ การบันทึกภาพลง ส่มู ้วนเทป หนว่ ยความจำภายนอก (memory card) หรอื สง่ ไปยงั แหลง่ รับสญั ญาณภาพอน่ื ๆ โดยใช้สาย เคเบิ้ล ตัวกล้องสร้างขึน้ จากโครงโลหะเบาไร้สนมิ จำพวกอลูมเิ นียมหล่อซ่ึงในภายในตัวกล้องก็จะเปน็ ที่ บรรจอุ ุปกรณ์และแผงวงจรอิเลก็ ทรอนิกสถ์ ูกบรรจไุ วภ้ ายในอย่างแนน่ หนา เปน็ ลกั ษะเสียบเข้าและถอด ออกไดโ้ ดยง่ายเพื่อสะดวกในการใช้งาน 1.3 ช่องมองภาพ (View finder) คือส่วนที่ทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้ากลับมาอีก ครั้งหนึ่งเป็นสัญญาณภาพ จอดูภาพจะติดตั้งอยู่ในส่วนหน้าของกล้องทางด้านซ้ายใกล้กับเลนส์ เป็น จอภาพโทรทัศน์ขนาดเล็กเพ่ือแสดงผลของภาพที่ได้ทำการถ่ายซ่ึงผู้ถ่ายภาพสามารถมองเห็นภาพที่ถ่าย เพ่อื จะไดจ้ ดั การภาพตามตอ้ งการ ภาพท่ี 5.1 สว่ นประกอบหลักของกลอ้ งโทรทัศน์ 74
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2. ชนิดของกล้องโทรทัศน์ กล้องโทรทัศน์ที่ใช้ในการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์นั้น จะมี ประสิทธิภาพในการทำงานค่อนข้างสูงมีระบบการทำงานที่หลากหลาย ซึ่งในปัจจุบัน มีการผลิตกล้องท่ี สามารถใช้งานได้สะดวกคล่องตัวมากขึ้น กล้องโทรทัศน์สำหรับมืออาชีพนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กล้องในสตูดิโอ (studio camera) และกล้องถ่ายท านอกสถานที่ (ENG/EFP camera) ซ่งึ แต่ละกลอ้ งมีคุณลกั ษณะที่แตกตา่ งกนั ดงั น้ี (สมสขุ หินวมิ าน และคณะ, 2554) 2.1 กล้องในสตูดิโอ (studio camera) เป็นกล้องที่นิยมใช้ตามสตูดิโอของ สถานโี ทรทศั น์ มีประสทิ ธิภาพสงู ราคาแพง ขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก มักติดตัง้ กบั ขาตง้ั กลอ้ งแบบพิเศษท่ี เรยี กวา่ พเี ดสตอล (pedestal) ส่วนประกอบหลักของกล้องสตูดิโอ คอื เลนสซ์ ูม (zoom lens) ตัวกล้อง (camera itself) และช่องมองภาพ (viewfinder) นอกเหนือจากนั้น ได้แก่ ปุ่มควบคุมการซูม (zoom control) ตัวควบคุมการโฟกัส (focus control) ที่เสียบหูฟังสำหรับติดต่อสื่อสาร (intercom) ไฟสีแดง บริเวณด้านหนา้ กล้อง (tally light) มีไว้สำหรับแสดงว่ากล้องตัวนั้นกำลงั ออกอากาศหรือบันทึกภาพอยู่ กล้องประเภทนี้จะทำหน้าที่จับภาพ และสัญญาณภาพไปที่หน่วยควบคุมสัญญาณภาพ (camera control unit / CCU) ท่หี ้องควบคมุ และเนอื่ งจากกลอ้ งสตูดิโอมีราคาแพง ดงั น้ัน ผูผ้ ลิตหลายรายจึงได้ ปรับกล้องที่ใชใ้ นสตูดิโอใหม้ ีราคาถกู ลงซงึ่ เปน็ ทีน่ ยิ มและการใชง้ านได้เช่นเดียวกันกบั กลอ้ งสตดู ิโอ 2.2 กล้องถ่ายทำนอกสถานที่ (ENG/EFP camera) หรือ portable camera เป็น กล้องถ่ายภาพโทรทศั น์ทใี่ ช้ สำหรับผลติ รายการโทรทศั นน์ อกสถานทหี่ รือภายในสตดู ิโอก็ได้ ตวั กล้องและ อุปกรณต์ ่างๆ สามารถถอดประกอบเปล่ยี นได้ถ้าใช้นอกสถานที่กจ็ ะประกอบตวั กล้องให้เล็กกะทัดรัด ซ่ึง ใช้เจ้าหนา้ ทีเ่ พียง 1-2 คนในการ ถ่ายทำได้ เช่น การทำข่าว, การถ่ายสารคดี กล้องชนิดนี้ มีน้ำหนกั เบา แขง็ แรงทนทาน ใชง้ านไดห้ ลายประเภท สามารถนำไปใชใ้ นการถ่ายทอดสดจากเหตุการณจ์ รงิ ไปยังสถานี แม่ขา่ ย เพอื่ เผยแพร่ภาพแก่ผู้ชมทางบ้านได้อีกดว้ ย กล้องสำหรับงานข่าวสามารถใชม้ ือถือ หรือแบกบน บ่าได้ง่ายเพราะมีความเบาและทนทานต่อการใช้งานทุกสภาพการณ์ นอกจากนี้อาจมีอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อสะดวกในการผลติ รายการอกี ด้วย เชน่ ขาตัง้ กล้องสายสะพาย เลนสก์ รองแสง เป็นตน้ เครอ่ื งบันทึก วิดีโอเทปขนาด 3/4 นิ้ว ได้กลายเป็นขนาดมาตรฐานของกล้องนี้ เพราะน้ำหนักไม่มาก สะดวกในการ เคลื่อนย้าย ปัจจุบันเครื่องบนั ทกึ วดิ ีโอเทป บางรุ่นบางยี่หอ้ อาจรวมอยู่กับกลอ้ ง โดยไม่ไดแ้ ยกออกเปน็ สองส่วนจงึ งา่ ยต่อการใช้งานยิ่งข้ึน 2.3 กล้องชนดิ Convertible camera เปน็ กลอ้ งท่ีใชไ้ ดท้ ัง้ ในหอ้ งส่งและใช้ได้ท้ังถ่าย ทำนอกสถานที่เป็นการพัฒนาไปจากกล้องชนิด portable camera โดยหัวของกล้องจะมีช่องมองภาพ ใหญ่พอๆ กับกล้องในหอ้ งสตูดิโอ และมี เลนส์ซูม ทีม่ ีประสิทธิภาพดีกว่ากล้องชนิด portable camera 2.4 กล้องชนิด Electronic cinematography เป็นกล้องที่มีรูปร่างคล้ายกล้องถ่าย ภาพยนตร์ ให้ความคมชัดเหมือนถ่ายจากฟิล์ม 35 มม. มีวิธีการใช้เหมือนกับกล้องที่ใช้ในการถ่าย ภาพยนตร์ 2.5 กล้องชนดิ HDTV (high definition television) เป็นกล้องถ่ายภาพโทรทัศน์ที่ มีความคมชดั สงู จำนวนความละเอียดของเสน้ ในแนวนอน 1080 เส้น ดังนัน้ 1080p จงึ เป็นสญั ญาณภาพ 75
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงแบบ HDTV โดยมีการรับส่งสัญญาณภาพในแบบจอกว้างหรือไวด์สกรีน ( Widescreen ) อัตราส่วน 16:9 หมายถึงความละเอียดของการแสดงจะผลอยู่ที่ 1920 จุดในแนวนอน และมีความละเอียด 1080 จุดในแนวต้งั รวมเทา่ กับ 1920 x 1080 หรอื เทา่ กับ 2,073,600 พกิ เซล ( 2Mpixel หรือ 2 ล้านพิกเซล ) ตัวอักษร p ย่อมาจาก Progressive Scan หรือ non-interlaced ในขณะที่ I ย่อมาจาก interlaced ปัจจุบันทั้ง 1080i และ 1080p เป็นฟอรแ์ มตความละเอยี ดสูงสุด ที่ใช้กันทั่วไปในการแพรภ่ าพโทรทศั น์ และการเก็บภาพวิดีโอ 2.6 แคมคอร์ดเดอร์ (camcorder) เป็นกล้องที่มีตัวบันทึกวีดิทัศน์อยู่ภายในกล้อง โดยแต่ก่อนนั้นการบันทึกภาพโทรทัศน์ต้องใช้อุปกรณ์แยก 2 ส่วน คือ ส่วนของกล้อง และส่วนของตัว บันทึกวดี ทิ ศั น์ (video tape recorder) แตเ่ มื่อเทคโนโลยกี า้ วหน้าขน้ึ ทำใหส้ ามารถนำสองส่วนนี้เข้ารวม ไว้ด้วยกัน กล้องรุ่นใหมๆ่ ประเภทนี้ส่วนใหญป่ ระกอบดว้ ยเลนสซ์ ูม ช่องมองภาพขนาดใหญ่ท่ีพับเก็บได้ ชอ่ งใส่แบตเตอร่ี ชอ่ งเสียบสายภาพและเสียง ป่มุ ทำหนา้ ทค่ี วบคมุ ภาพและเสยี งตา่ งๆ ปมุ่ การทำงานของ เคร่ืองเลน่ และบันทึกเทปวดี ทิ ัศน์ของกลอ้ งและระบบการบนั ทึกเสียงที่ตดิ มากับกล้อง สำหรบั ตวั กล้องจะ มีชิ้นส่วนทีท่ ำหน้าท่ีผลิตและส่งภาพคณุ ภาพสูงไปยังตัวบันทึกเทปวีดิทัศน์ (VTRvideotape recorder) โดยตัวบันทึกเทปอาจเป็นแบบติดตั้งมากับกล้องซ่ึงทำให้สามารถย้อนดูภาพที่บันทึกไว้ในกล้องได้ทันที หรือบางรุ่นอาจแยกประกอบก็ได้ สำหรับกล้องรุน่ ใหมจ่ ะมขี นาดกะทดั รัด สะดวกสบาย ใช้งานง่ายและ ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นอีกทัง้ มฟี ังก์ชั่นพิเศษที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน เช่น ระบบ ป้องกันการสั่นไหวของภาพและระบบการปรับค่าแสงอัตโนมัติเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความสมดุลของแสง เปน็ ตน้ กลอ้ งชนิดนีจ้ ะต้องมี port ทส่ี ามารถต่อกับอุปกรณ์คอมพวิ เตอรเ์ พื่อถา่ ยทอดสัญญาณไปบันทึก ไว้ในคอมพวิ เตอร์ท้ังเพอ่ื การตดั ต่อในรูปแบบ Nonlinear และการบนั ทึกเป็น file ข้อมลู ของภาพนง่ิ วัสดอุ ปุ กรณ์บนั ทึกภาพ วัสดุอุปกรณ์บันทึกภาพ เป็นวัสดุอุปกรณ์บันทึกข้อมูลวีดิทัศน์ในยุคเริ่มต้นเป็นเทปในระบบ Analog และต่อมาพัฒนาเป็นเทประบบ Digital ซึ่งทั้งคู่จัดอยู่ในกลุ่มของการทำงานในระบบ Linear หรือระบบใชเ้ ทปนัน่ เอง อย่างไรก็ดี แนวโน้มเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ซึ่งทำงานในระบบดจิ ิทัลแบบ Non- linear หรือระบบไม่ใชเ้ ทปกลบั ไดร้ บั ความนยิ มสงู ขึน้ ทำใหอ้ ุปกรณเ์ ครื่องมือตา่ งๆในการผลติ รายการวิทยุ โทรทัศน์ เช่น กล้อง และเครื่องมือตัดต่อ ได้ปรับปรุงเทคโนโลยีของตนใหท้ ำงานร่วมกับคอมพวิ เตอร์ได้ โดยตัวบันทึกวีดีทศั นก์ ต็ ้องถูกเปลีย่ นไปอยูใ่ นรูปแบบอืน่ ๆ ที่ไม่ใช่เทปมากขึน้ ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ แผ่นซีดี และการ์ดเก็บความจำ เปน็ ตน้ ดงั น้นั ในแบ่งชนิดของวัสดุบันทึกวดี ิทัศน์ สามารถแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี (สมสขุ หนิ วิมาน และคณะ, 2554) 1. ประเภทเทป (tape format) หรอื ระบบลเิ นยี ร์ (linear system) รูปแบบวัสดุที่ใช้ในการ ทำงาน คือ ม้วนเทป ซง่ึ ม้วนแตล่ ะชนดิ มีคณุ ภาพทแ่ี ตกต่างกัน และข้นึ อยู่กบั เคร่ืองมือที่มีอยู่ว่าใช้ได้กับ เทปชนิดนั้นหรือไม่ เช่น เทปเบต้าก็ต้องใช้กับกล้องเบต้าและเครื่องเล่นเทปเบต้า และเทป S-VHS ก็ไม่ 76
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงเหมาะที่จะนำมาใช้เป็นเทปออกอากาศ เป็นต้น เทปที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน สำหรับการผลิตรายการ โทรทศั น์ มีดงั นี้ 1.1 Standard VHS เป็นรปู แบบหนึ่งของ Camcorder ที่ใชม้ ้วนเทปขนาดเท่ากับมว้ น เทปที่ใช้กับเครื่องเล่นเทป VHS ขนาดความกว้างของเทป 0.5 นิ้ว ซึ่งสามารถบันทึกภาพได้นานที่สุดใน บรรดา Camcorder ซึ่งบันทึกได้เท่ากับขนาดความยาวของม้วนเทปเช่น 3 ชั่วโมงเป็นต้น แต่คุณภาพ ของการบันทึกกต็ ่ำท่ีสดุ ในจำนวน Camcorder คือมีจำนวนเส้นที่ 230-250 เส้น เท่านั้นจึงเป็นอปุ กรณ์ สำหรบั ใช้ในบา้ นไมส่ ามารถใช้ผลิตรายการเพื่อการออกอากาศได้ แต่ข้อดขี อง Camcorder ชนิดนี้ก็คือมี ราคาถูก 1.2 ม้วนเทป VHS-C มีลักษณะทางเทคนิคการบันทึกและคุณภาพของภาพ เชน่ เดยี วกนั กับ Standard VHS แตแ่ ตกตา่ งกันตรงขนาดของมว้ นเทปท่ีใช้ คอื มขี นาดเล็กกว่าเพ่ือทำให้ ตัวกล้องมีขนาดเลก็ ลงท้ังนเี้ พ่อื สะดวกในการนำ ไปใชง้ าน ในการ playback สามารถนำมว้ นเทป VHS-C ไปเล่นในเครื่อง Standard VHS ได้โดยใช้ Adapter ขนาดเท่าม้วนเทป VHS ธรรมดา เนื่องจากการทำ ให้มว้ นเทปมีขนาดเลก็ ลง จงึ ทำให้ความยาวในการบันทึกลดลงดว้ ย ซง่ึ จะอยูท่ ี่ 30 จนถงึ 45 นาทีเท่านน้ั 1.3 มว้ นเทป Super VHS มี ลกั ษณะเชน่ เดยี วกันกับ Standard VHS แตกต่างกนั ตรง จำนวนเส้นของภาพคือสูงขึ้นไปที่ 350 – 400 เส้น และมีความละเอียดของภาพสูงกว่า ทำให้คุณภาพ ของภาพสูงกวา่ standard VHS โดยทั่วไปตวั Camcorder จะสามารถบันทึกภาพได้ท้ัง Standard และ Super VHS เพยี งแต่การเปล่ยี นม้วนเทปทีน่ ำมาบันทกึ และเปลีย่ นฟงั ก์ชน่ั เท่านนั้ 2. ประเภทที่ไม่ใช้เทป (tapeless format) หรือ นอนลิเนียร์ (non-linear) เนื่องจาก เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในขั้นตอนการตัดต่อ เช่น ความรวดเร็วในการดูภาพเลือกภาพ และแก้ไขภาพในขั้นตอนตัดต่อ การรักษาคุณภาพของสัญญาณภาพและเสียงให้เหมือนกับต้นฉบับเดิม และการบีบอัดขอ้ มูลจำนวนมากๆ ลงไปในหนว่ ยเก็บความจำแบบดจิ ิตอลที่ใชพ้ ื้นท่ีเพียงเล็กน้อย ทำให้ ลักษณะการทำงานระบบนี้มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ข้อมูลวีดิทัศน์ในระบบ non-linearสามารถเก็บไว้ได้ หลายรูปแบบ ดังนี้ 2.1 ฮาร์ดดิสก์ (Hard drive) เป็นการเก็บข้อมูลดิจิตอลไว้ในคลังข้อมูลของ คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ จัดเก็บข้อมูล ชนิดแม่เหล็ก หรือ Magnetic Drive การเก็บข้อมูลของ ฮาร์ดดิสก์ จะเก็บอยู่บน แผ่นจานแม่เหล็ก หรือ Platter ที่จะแปลงค่า ของสนามแม่เหล็ก ให้ เปล่ียนแปลงไป ตามค่าของข้อมูลทถ่ี กู บนั ทึก 2.2 แฟลช (flash memory devive) เป็นหน่วยความจำประเภทรอมที่เรียกว่า อ ี อ ี พ ร ็ อ ม ( Electrically Erasable Programmable Read Only Memory : EEPROM) ซ ึ ่ ง เป็น เทคโนโลยีที่นำข้อดีของรอมและแรมมารวมกนั ทำให้หน่วยความจำชนิดนีส้ ามารถเกบ็ ข้อมูลในเหมือน ฮาร์ดดิสก์ คือ สามารถเขียนและลบข้อมูลได้ตามต้องการและเก็บข้อมูลได้แม้ไม่ได้ต่อเข้ากับเครื่อง คอมพิวเตอร์ หน่วยความจำชนิดน้ีมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาได้สะดวกมักใช้เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมลู ในอปุ กรณน์ ำเขา้ ข้อมลู เชน่ กลอ้ งดจิ ทิ ลั กล้องวีดทิ ัศน์ ท่เี ก็บข้อมลู แบบดิจทิ ลั 77
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2.3 แผน่ เก็บความจำ (memory stick and cards) คอื สอื่ บันทึก ท่ีทางบริษัท โซนี่ ไดค้ ดิ คน้ ขน้ึ มา หน่วยความจำ นีส้ ามารถ รองรับอุปกรณ์มัลติมีเดียไดม้ ากมายท้ัง เคร่อื งคอมพิวเตอร์แบบ PC, กลอ้ งดิจิตอล, เครื่องเลน่ MP3 และ PDA โดยเมโมรีสติ๊กมีรปู รา่ งเปน็ แทง่ แบนยาวขนาดของมิติอยู่ที่ 50 x 21.5 x 2.8 มิลลิเมตร สามารถจุข้อมูลไดม้ ากถงึ ระดับกิกะไบต์และมีความเร็วในการบนั ทึกสูงดว้ ย ขนาดทเ่ี ล็กและบางจึงสะดวกต่อการนำพกพาตดิ ตัว ภาพท่ี 5.2 อุปกรณบ์ นั ทึกภาพโดยไมใ่ ชเ้ ทป 3. เครื่องบันทึกภาพ เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับบันทึกรายการโทรทัศน์ในกรณีที่มีการถ่ายทำ รายการในหอ้ งสตดู ิโอ สามารถแบ่งได้ 3 ชนดิ คือ (ศุภางค์ นันตา, 2552) 3.1 เคร่อื งบนั ทกึ ภาพแบบยเู มติก (U matic) ภาพท่ีบนั ทึกจะมคี ุณภาพเพียงพอท่ีจะ ใช้ออกอากาศได้แต่ปัจจุบันใชก้ ันค่อนขา้ งนอ้ ยมาก 3.2 เครื่องบันทึกภาพแบบเบต้าแคม (Betacam) สามารถบันทึกภาพคุณภาพสูงใน ระดับออกอากาศ ภาพมีความคมชัดมากจึงได้รับความนิยมแพร่หลายมักนำมาใช้ในการถ่ายทำรายการ ข่าว สารคดี และการถา่ ยทำนอกสถานท่ตี า่ งๆ 3.3 เครื่องบันทึกภาพแบบดิจิทัล (Digital video recorder) ได้รับความนิยมเพ่ิม มากข้นึ ในปจั จุบัน เพราะมีการพฒั นาอยา่ งรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนลียีดจิ ิทัล โดยมี หลกั การทำงานเหมือนกับเครอ่ื งคอมพิวเตอร์สามารถบนั ทึกภาพลงในหนว่ ยความจำของคอมพิวเตอร์ได้ โดยไฟล์ภาพและเสยี งท่มี ขี นาดใหญ่เครอ่ื งบนั ทกึ ภาพดิจิทัลมีข้อดคี ือสามารถนำภาพและเสยี งท่ีบันทึกไว้ มาใชซ้ ้ำได้หลายครั้งโดยคณุ ภาพไม่ลดลง วสั ดุและอุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการบันทกึ ภาพในปัจจุบันมีให้เลอื กมากมายหลายชนิดการบนั ทึกภาพใน ลักษณะเก็บหน่วยความจำไว้ในฮาสดิสก์ ในแฟลช และในแผ่นเก็บความจำจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสามารถนำไฟล์ภาพมาตัดต่อในระบบ Non-Linear ในคอมพิวเตอร์ ทำให้ ประหยัดเวลาและใช้โปรแกรมตัดตอ่ ที่มี Function ที่หลากหลายทำให้ผู้ผลติ รายการ สร้างสรรค์ผลงาน ออกมาได้อย่างนา่ สนใจ 78
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงอุปกรณ์ทีเ่ กย่ี วขอ้ งด้านภาพโทรทัศน์ นอกจากกล้องโทรทัศน์และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพโทรทัศน์แล้วยังมีอุปกรณ์ที่ เกี่ยวข้องด้านการถา่ ยภาพโทรทศั นท์ ีจ่ ะต้องนำมาเป็นสว่ นประกอบในกรณีทีม่ ีการถ่ายทำรายการท้งั ใน และนอกสถานที่โดยสามารถจำแนกไดอ้ ีก ดังนี้ 1. จอดภู าพหรอื มอนิเตอร์ (TV monitor) เป็นเครอ่ื งรบั สญั ญาณภาพโทรทัศนป์ ระเภทหนึ่งมี ความคมชดั สูงซ่ึงในห้องสตูดโิ อและหอ้ งควบคุมการผลติ จะมมี อนิเตอร์สำหรบั ให้ทีมงานผู้ผลิตรายการได้ เห็นภาพที่กำลังออกอากาศหรอื บนั ทกึ รายการอย่ใู นขณะน้นั 2. แผงจอดูภาพ (monitor sets) เป็นจอโทรทัศน์ที่ใช้สำหรับแสดงภาพที่มาจากแหล่ภาพ ตา่ งๆ ทกุ แหลง่ เชน่ กล้อง เทเลซนี เครื่องบนั ทกึ เทปภาพ ฯลฯ ทำให้ต้องมีจอดภู าพไว้หลายจอ นอกจาก จะแสดงแหล่งภาพต่างๆ แล้วจอดภู าพยงั มไี ว้สำหรับตรวจสอบภาพก่อนออกอากาศจรงิ (preview) หรือ การเตรียมภาพไวท้ ำเทคนคิ พิเศษและตรวจสอบภาพท่สี ่งออกอากาศไปแล้วหรอื สง่ ไปบันทึกเทป (on air) 3. อุปกรณ์ตัดต่อลำดับภาพ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในขั้นตอนหลังผลิตรายการ (postproduction) ในการนำภาพท่ถี า่ ยทำ นำมาตัดตอ่ ลำดับภาพ ตกแตง่ ภาพ ทำภาพพิเศษ เปน็ ตน้ โดย อปุ กรณ์หลักที่ใช้ ในการตดั ต่อขน้ั พน้ื ฐาน มดี ังน้ี (สมสุข หินวมิ าน, และคณะ, 2554) 3.1 ชุดอุปกรณต์ ัดต่อระบบลิเนียร์ (linear editing equipment) เป็นการตัดต่อที่ นำเทปถ่ายทำมาตัดต่อใหม่ โดยการใส่เทปที่ต้องการตัดต่อเข้าไปยังเครื่องเล่นเทปแล้วกำหนดช่วงของ ภาพและสียงท่ตี ้องการบนั ทกึ ลงเทปดว้ ยแปน้ ควบคุมการตัดตอ่ โดยการกำหนดจุดเข้า (mark in) และจุด ออก (mark out) หลังจากนั้นนำเทปอีกหนึ่งม้วนใส่เข้าไปในเครื่องบันทึกเทป (VTR recorder) เพื่อ บันทึกสัญญาณภาพและเสียงจากเครื่องเล่นเทป (VTR player) ในจุดที่ได้กำหนดเอาไว้ ซึ่งขณะตัดต่อ เจ้าหน้าที่จะมองเห็นภาพจากมอนิเตอร์เพื่อดภู าพจากเครื่องเล่นเทปและภาพท่ีได้จากจากเครื่องบนั ทกึ เทป ดงั นน้ั ชุดอุปกรณ์ตดั ต่อระบบนจ้ี ึงประกอบไปด้วย เครอื่ งเลน่ เทป เครอื่ งบันทกึ เทป แป้นความคุมจุด การตดั ตอ่ จอมอนเิ ตอร์ แตห่ ากมกี ารทำงานด้านกราฟกิ แบบง่ายๆ การผสมเสียงและการทำภาพเทคนิค พเิ ศษ ก็จะตอ้ งเพิ่มอุปกรณ์เคร่อื งคอมพวิ เตอรก์ ราฟกิ แผงควบคมุ เสียง เครื่องเล่นแผ่นซีดี และสวิตเชอร์ เพิ่มเติมเขา้ มา 3.2 ชุดอุปกรณ์ตัดต่อระบบนอนลิเนียร์ (non-linear editing equipment) เป็น การตัดต่อ ข้อมูลภาพและเสียงในรูปแบบสัญญาณดิจิทัลซึ่งมีโปรแกรมสำหรับตัดต่อ ภาพ เสียง ทำ กราฟิก และทำเทคนิคพิเศษต่างๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องเล่นเทป การตัดต่อบนเครื่องคอมพวิ เตอร์มีคำสัง่ ปฏิบัตกิ ารใหเ้ ลอื กมากมาย เช่น ตดั แทรก เคล่อื นย้าย คัดลอก เป็นต้น และทำเทคนคิ พิเศษเพิ่มเตมิ ชุด อุปกรณ์ตัดต่อระบบนี้ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยชุดคอมพิวเตอร์ตัดต่อ และอาจเพิ่มลำโพงในการฟัง เสียง จอมอนิเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อมองภาพ และเครื่องผสมเสียงในกรณีที่ผู้ใช้ไม่ถนัดใช้ปุ่ม คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งหลังจากตัดต่องานจนเสร็จสิ้นแล้วผู้ผลิตรายการสามารถส่งไฟล์ข้อมูลน้นั ไปยัง สถานีออกอากาศท่ใี ช้ระบบอาร์ดดิสกห์ รอื เซิร์ฟเวอร์ได้โดยไมต่ อ้ งถ่ายโอนสัญญาณใสล่ งเทปอกี 79
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 4. เครื่องตัดสลับภาพ (switcher) การผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งภายในห้องสตูดิโอและนอก สถานที่ มีการใช้อุปกรณ์ชิ้นหน่ึงในการเชื่อมตอ่ กับกล้องและแหล่งภาพต่างๆ เพี่อทำหน้าที่ในการเลือก ตัดสลับภาพจากแหล่งตา่ งๆ ลงเทปหรือออกอากาศแบบทันทีทันใดในขณะถ่ายทำ อปุ กรณ์ ดงั กลา่ วมีชื่อ ว่า เครื่องตัดสลับภาพ หรือ switcher ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่เลือกตัดสลับภาพจากแหล่งภาพต่างๆ ขณะถ่ายทำแล้วเคร่อื งดังกล่าวยังถูกใช้ในหอ้ งตัดตอ่ ระบบใช้เทปเพือ่ เลอื กแหลง่ ภาพ ขึ้นตัวหนังสือและ ทำเทคนิคภาพพิเศษต่างๆ ได้อีกด้วย ส่วนประกอบพื้นฐานในคำสั่งการทำงานบนแผนเครื่องสวิตเชอร์ ต้องมีอย่างน้อย 3 ส่วน คือ 1) ส่วนของการทำหนา้ ที่ในการเลือกแหล่งภาพนำเข้าต่างๆ 2) ส่วนในการ ทำงานเก่ียวกบั การเปลี่ยนภาพ และ 3) สว่ นทำหนา้ ที่เกี่ยวกับเทคนิคภาพพิเศษรวมถึงการคียก์ ราฟกิ และ ตวั หนังสือข้ึนจอ แต่หากเปน็ รุ่นท่มี ีการทำงานซบั ซอ้ นมากขึน้ อาจมรี ะบบช่วยจำเพื่อให้สะดวกต่อการใช้ งานมากขึ้นทั้งนี้แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อนั้นมีหน้าตาและตำแหน่งของปุ่มต่างๆ แตกต่างกันไปตามการ ออกแบบของแต่ละบริษัทซึ่งผู้ใช้ต้องศึกษาจากคู่มือการใช้งานเพิ่มเติม (สมสุข หินวิมาน และคณะ, 2554) 5. เครื่องคอมพิวเตอร์กราฟิก (Computer graphic) เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในงานผลิต กราฟิกโดยเฉพาะ ซึ่งอุปกรณ์นี้สามารถทำได้หลายอย่างคือ 1) การใช้กล้องจับภาพนิ่ง เป็นการนำเอา กล้องโทรทัศน์มาติดตั้งทำเป็นแท่นสำหรับถ่ายภาพกราฟิกต่างๆ ทั้งภาพถ่ายจากตัวหนังสือ งานพิมพ์ หรืองานอื่นๆ 2) การสร้างตัวอักษร ออกแบบตัวอักษร สัญลักษณ์ต่างๆ ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3) การทำอะนิเมชั่น สร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวด้วยเทคนคิ พิเศษทุกรปู แบบ 4) การสร้างสรรค์งานกราฟิก ด้วยรูปแบบศิลปะต่างๆ เช่น การวาดด้วยมือ การระบายสี การตกแต่งสีสัน เป็นต้น 5) เครื่อง คอมพวิ เตอร์กราฟิกบางชนดิ ได้ผสมผสานระหว่างคุณสมบัตขิ องเครือ่ งออกแบบกราฟิกรวมเข้ากับเครื่อง ตัดต่อลำดับภาพจนกลายเปน็ เครื่องเดียวกันและสามารถทำงานตัดตอ่ และงานออกแบบเบ็ดเสรจ็ เข้าไว้ ด้วยกัน อปุ กรณด์ า้ นเสยี ง ในกระบวนการผลติ รายการโทรทัศน์ นอกจากภาพทใ่ี ชส้ ่อื ความหมายแลว้ เสยี งก็เป็นส่วนหนงึ่ ท่ี ใช้สื่อความหมายในข้อมูล เนื้อหา ที่ต้องการนำเสนอ ดังนั้น อุปกรณ์ด้านเสียง จึงต้องถูกนำมาใชค้ วบคู่ กันในการถ่ายทำซึง่ อุปกรณด์ ้านเสียงที่สำคัญ มีดังต่อไปน้ี 1. Lavaliere Microphone เป็นไมโครโฟนชนิดคล้องคอนักแสดง หรือผู้ประกาศหรือถ้าเล็ก ลงไป อาจเรียกวา่ Pin Microphone ที่สามารถเหนบ็ หนีบหรอื ปักลงท่ปี กเส้อื หรอื เน็คไทของผู้แสดงได้ โดยปกตไิ มโครโฟนชนดิ น้มี ีรปู แบบการรับเสยี งรอบทิศทางแต่เน่ืองจากเวลาใช้มกั ติดไว้ใกล้ปากผู้แสดงจึง ไม่ทำใหเ้ สยี งรบกวนอน่ื ๆ รบั เขา้ ไปได้ 2. Desk Microphones เปน็ ไมโครโฟนท่ใี ชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสมกบั รายการทม่ี คี นแสดงน่งั อยูห่ ลงั โต๊ะ โดยไม่มีการเคลอื่ นยา้ ย สามารถท่ีจะวางตำแหนง่ ของไมโครโฟนตงั้ โต๊ะน้ีให้รบั เสียงคนแสดงได้อย่าง ดีและเป็นไมโครโฟนปรากฏอยู่ในภาพด้วย เช่น รายการขา่ ว รายการสนทนา หรือรายการบรรยาย โดย 80
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงปกติไมโครโฟนแบบตั้งโต๊ะนิยมใช้แบบ Dynamic แบบ Ribbon และ Electrets Condenser ที่มี รูปแบบการรบั เสียงแบบหัวใจ ในบางครง้ั ไมโครโฟนแบบตั้งโต๊ะยงั นำไปใชเ้ ป็นแบบมือถือไดด้ ้วย 3. Hand Microphones เป็นไมโครโฟนชนิดมือถือที่พิธีกรหรือนักร้องนิยมใช้ นอกจากนั้น ผู้สือ่ ขา่ วท่รี ายงานตามสถานทที่ ่ีเหตกุ ารณ์เกิดข้ึนกม็ ักใช้แบบน้ีเชน่ กันข้อดีของไมโครโฟนชนิดน้ีก็คือผู้ใช้ สามารถควบคุมตำแหน่งที่ต้องการในการรับเสียงได้ แต่ก็อาจมีข้อเสียก็คือผู้ใช้ต้องเป็นภาระในการถอื และต้องรับผิดชอบกับคณุ ภาพของเสียงที่ออกมาดว้ ยเช่นกันเพราะผู้ถือสามารถควบคุมตำแหนง่ การรบั เสียงได้โดยปกตนิ ยิ มใชแ้ บบ Dynamic และ Electrets Condenser ที่มีรูปแบบการรับเสยี งรอบทิศทาง และแบบหัวใจในรายการโทรทศั น์ 4. Stand Microphone เป็นไมโครโฟนแบบขาตั้ง ที่จริงแล้วคือไมโครโฟนแบบตัง้ โต๊ะ (Desk Microphones) และแบบมือถือ (Hand Microphone) ที่น ามาติดเข้ากับขาตั้งนั่นเอง ส่วนมากใช้กับ รายการเพลงที่มนี กั ร้องและใชร้ บั เสยี งของไมโครโฟนเท่าน้ันจึงจะไดค้ ณุ ภาพของเสียงที่ดี 5. Headset Microphone เป็นไมโครโฟนชนิดท่ตี ิดอยู่กบั หฟู ัง บางรายการตอ้ งการผ้ปู ระกาศ หรือผู้บรรยายที่อยู่ในเหตุการณ์ที่มีคนพลุกพล่านมีเสียงอึกทึก ดังนั้นการพูดการบรรยายต้องให้ ไมโครโฟนอยใู่ กล้ปากเช่น การบรรยายกีฬา กรฑี า เปน็ ตน้ และขณะเดยี วกันในขณะท่พี ูดหรือบรรยายก็ ได้ยินเสียงตนเองทางหูฟังและบางทีอาจต้องได้ยินเสียงผู้ก ำกับทางหูฟังอีกข้างหนึ่งเรียกระบบนี้ว่า Binaural 6. Boom Microphone เป็นการควบคุมเพื่อให้รับเสียงได้ดีโดยไม่ให้เห็นภาพของไมโครโฟน ในจอภาพที่นิยมคือ Dynamic และ Electrets Condenser ที่มีรูปแบบการรับเสียงเป็นแบบหัวใจท้ัง หวั ใจกว้างและแคบที่สามารถรับเสียงได้เฉพาะทิศทางท่ีกำหนดและปฏิเสธเสียงจากทิศทางท่ีไม่ต้องการ ไมโครโฟนแบบBoom นิยมตั้งไว้ทีป่ ลายของคันเหลก็ หรอื ไมก้ ็มี 6.1 Hand-Held Fish pole เปน็ ไมโครโฟน Boom ชนิดเล็กท่ีติดต้งั ไวท้ ่ปี ลายของคัน อลูมิเนียมที่ไม่ยาวนักสามารถยึดหรือหดคันได้บ้างตามพื้นที่การใช้งาน วิธีใช้เพียงแต่มีผู้ถือคันแล้วยื่น ไมโครโฟนท่ปี ลายไปรบั เสยี งท่ตี ้นกำเนดิ เสียงที่ต้องการ ขอ้ เสียของแบบน้ีก็คอื เม่อื ถือไปสกั คร่จู ะรู้สกึ หนัก และการควบคุมตัวไมโครโฟนอาจจะไม่สามารถควบคุมทิศทางไดร้ อ้ ยเปอร์เซน็ ต์และในการเคลื่อนที่เข้า หาหรอื ออกจากแหล่งเสยี งทำได้โดยการเดินเข้าหรอื เดนิ ออกของผู้ถือไมโครโฟน Boom นี้ ซ่ึงอาจทำได้ ไมส่ ะดวกนกั ในสถานการณท์ ี่แออัด 6.2 Tripod (Giraffe) Boom เป็นไมโครโฟน Boom ชนิดที่ติดไว้ปลายข้างหนึ่งของ คนั อะลูมิเนียมเชน่ เดยี วกับแบบแรก หากแตว่ า่ ติดตั้งไว้บนล้อเลอื่ นสามารถเล่ือนเขา้ ออกได้ตามต้องการ และบางครั้งการควบคุมทิศทางของคันอะลูมิเนียมเพื่อควบคุมตัว Boom ในการกำหนดทิศทางการรับ เสียงอาจทำได้โดยการหมุนปลายอีกข้างหนึ่งของคันอะลูมิเนียมได้ไม่ยากนัก ข้อเสียของไมโครโฟน Boom ชนิดนี้ก็คือเมื่อกำหนดความยาวของคันอะลูมิเนียมแล้วการเคลื่อนที่เข้าหาหรือออกจากแหล่ง เสียงต้องเคลื่อนที่ทั้งล้อเลื่อนซึ่งอาจเป็นปัญหาในพื้นที่แคบ ๆ อีกประการหนึ่งการรับเสียงทีผ่ ู้แสดงอยู่ ห่างจากไมโครโฟนอาจทำไดย้ าก 81
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 6.3 Perambulator Boom เป็นไมโครโฟน Boom ชนิดใหญ่มสี ายพานลกู ลอ้ ตรึงเข้า กับไมโครโฟนเพือ่ ให้ผ้คู วบคุมไมโครโฟนชนิดนไี้ ด้ปรบั เปลยี่ นทิศทางได้ตามต้องการอีกทงั้ สามารถควบคุม การเคล่อื นท่ีโดยการขับเคล่อื นโยกสายได้อย่างสะดวกสบายบางชนิดสามารถหมุนแขนหรือคันยาวติดตั้ง ตัวไมโครโฟน Boom ได้ถึง 360 องศาแต่บางชนิดอาจหมุนได้น้อยกว่าในการกำหนดตำแหน่งการรับ เสียงของไมโครโฟนชนดิ นท้ี ำได้โดยให้ผู้แสดงไปยืนอยู่ ณ จดุ แสดงจรงิ ๆ แล้วยกมอื ขึ้นทำมุม 45 องศากับ พนื้ ตำแหน่งของไมโครโฟน Boom ควรอยู่ ณ จดุ สมั ผสั ปลายน้วิ มือของผู้แสดงน่ันเป็นจุดท่รี บั เสียงของผู้ แสดงคนน้ันได้ ดีทีส่ ุด 7. ไมโครโฟนแบบไร้สาย (Wireless Microphones) ไมโครโฟนชนิดน้ีสามารถทำงานได้โดย ไม่ต้องมีสายไมโครโฟนต่อระหว่างตัวไมโครโฟนกับเครื่องควบคุมสัญญาณเพราะทำงานโดยมีเครื่องสง่ วทิ ยเุ ล็กๆ ทที่ ำงานด้วยแบตเตอร่ีต่อเขา้ กับตวั ไมโครโฟน เสร็จแล้วเครือ่ งสง่ วิทยุกจ็ ะส่งคลื่นวิทยุท่ีแปลง จากคลื่นเสียงที่ได้รับจากไมโครโฟนให้เป็นคลื่นวิทยุ FMส่งไปยังเครื่องรับวิทยุ FM ที่ต่อเข้ากับเครื่อง ควบคุมสัญญาณอีกทีหนึง่ ในปจั จุบนั ได้ววิ ฒั นาการให้ดีมีคุณภาพสามารถตดั คล่ืนรบกวนได้ระยะทางได้ คุณภาพเสียงทด่ี นี น้ั ตัวไมโครโฟนกับเคร่ืองรับ FM อยหู่ ่างกนั ระหวา่ ง 50 ถึง 1000 ฟุตและแบตเตอรี่ท่ี ใช้กับเครื่องส่งวิทยุ FM มีอายุการใชง้ านอยู่ระหว่าง 4-6 ชั่วโมง ข้อดีของไมโครโฟนชนิดนี้ก็คือไม่มีสาย ระเกะระกะอันทำให้เกดิ ปญั หาในการเคลือ่ นไหวของผูแ้ สดง 8. อุปกรณ์ผสมเสียง (Audio console / Mixer) เป็นอุปกรณ์ที่เสียงทุกเสียงท่ีใช้ในการผลติ รายการจะต้องตอ่ เข้ามาในอปุ กรณน์ ้ี เช่น เสยี งสัญญาณจากไมโครโฟน เครือ่ งบนั ทกึ เทป เสียงของเครอ่ื ง ดนตรี แหล่งของเสียงต่างๆ เพื่อทำการขยายเสียง ผสมเสียงทำให้เสียงได้สมดุลและสามารถตรวจดู คุณภาพเสียงว่าได้มาตรฐานหรือไม่ก่อนที่จะนำเสียงที่ได้ส่งออกอากาศหรือบันทึกเทป นอกจากนั้น อุปกรณ์ผสมเสียงยงั สามารถท่จี ะปรบั แตง่ เสยี งทุ้ม กลาง แหลมได้ด้วยวงจรทเี่ รียกวา่ equalizer สามารถ กำหนดตำแหน่งของเสียงใหอ้ ยู่ลำโพงขา้ งซ้ายขวาไดต้ ามตำแหน่งของแหล่งกำเนดิ เสยี ง อปุ กรณ์ผสมเสียง จะเป็นอปุ กรณ์ที่ควบคุมเสียงทั้งหมดจะมีขนาด รูปร่าง ราคา แตกต่างกันไปบางแบบมีสัญญาณเข้ามาก ถึง 48 ช่องเสยี ง (สหศกั ด์ิ กล่นิ สวุ รรณ, 2548) อุปกรณ์และเครอื่ งมือดา้ นเสียงมคี วามสำคัญไมน่ อ้ ยไปกว่าภาพเนอื่ งจากเสียงจะเป็นส่วนหนึ่งใน การสื่อความหมายให้ผู้ชมมีความเขา้ ใจในภาพที่นำเสนอไม่วา่ จะเปน็ เสียงพูด เสียงประกอบ เสียงดนตรี และเสียงพิเศษดังนั้น คุณภาพของเสียงย่อมเกิดจากการเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมือด้านเสียงที่มี คณุ ภาพท่ดี แี ละเลอื กใช้อย่างเหมาะสมดว้ ย อุปกรณ์และเครอ่ื งมือด้านแสง การถา่ ยทำรายการโทรทัศน์ แสง มคี วามจำเปน็ เสมอ ซึง่ นอกจากจะให้ความสว่างแลว้ แสงยังทำ ให้เกิดองค์ประกอบของภาพที่เป็นศิลปะได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้กำกับแสงที่จะให้ภาพ ออกมาในลักษณะอยา่ งไรและสือ่ ความหมายตอ่ ผชู้ มอยา่ งไร อปุ กรณ์และเคร่ืองมอื ดา้ นแสงกค็ อื ดวงไฟท่ี ใช้ในการให้แสง สามารถจำแนก ตามชนดิ การใหแ้ สง ดงั นี้ 82
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1. ดวงไฟที่ให้แสงเข้ม (Hard light) เป็นดวงไฟที่ให้แสงส่องเป็นลำแสงตรงไปตามทิศทางท่ี ต้องการ ส่วนใหญ่เรียกว่า ไฟ spotlight การให้แสงเข้มหรือการให้แสงจ้าจากดวงไฟที่ให้ความสว่าง สูงสุดส่องตรงไปยังสิ่งที่ถ่ายภายในฉากส่วนที่แสงส่องกระทบจะมีความกระจ่างสูงหรือสว่างมาก และ ก่อให้เกดิ เงาเข้มหรือเงาดำ ซงึ่ มีเส้นขอบคมมากทางด้านหลงั ของสว่ นหรือสิ่งนั้น ตามทิศทางของลำแสง แต่ละลำ ภาพที่ถ่ายด้วยลำแสงเช่นนี้จะมีสีตัดกันสูงมาก (High contrast) ชนิดของดวงไฟที่ให้แสงเขม้ และเปน็ แสงทแี่ ข็งโดยสามารถแบง่ ได้ ดงั นี้ (สหศกั ดิ์ กล่ินสุวรรณ, 2548) 1.1 Fresnel spotlight เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบเลนส์เป็นพิเศษเพื่อให้แสงส่งเป็น ลำแสง มีกำลังไฟตัง้ แต่ 500 จนถึง 10,000 วัตต์ ระยะทางระหว่างหลอดไฟและเลนสส์ ามารถปรับแต่ง เปล่ียนแปลงไดเ้ พ่ือให้ลำแสงแพร่กระจายไม่สอ่ งเป็นลำแสง เลนส์จะมหี ลายขนาดกำลังไฟที่ใช้ในห้องส่ง จะมีขนาด 1,000 วัตต์ และ 2,000 วัตต์ หลอดไฟจะเป็นแบบ quartz halogen และสามารถควบคุม ลำแสงได้โดยการใชอ้ ุปกรณท์ ี่เรยี กวา่ barn door ตดิ อยู่กบั ดา้ นข้างหลอดไฟ 1.2 Ellipsoidal spotlight เป็นดวงไฟที่ใช้ทำ effect พิเศษเป็นแสงที่มีรูปลวดลาย ส่องไปที่ฉากหลังของผู้แสดงเป็นดวงไฟทีใ่ ห้แสงที่มคี วามเข้มมากโดยสามารถปรับระยะระหว่างดวงไฟ และเลนส์ซึ่งจะทำให้แสงส่องเป็นลำแสงจึงไม่จำเป็นต้องใช้ barn door ในการปรับแสง สามารถทำ effect พเิ ศษโดยการใชร้ ว่ มกับ pattern projector จะได้รปู ท่เี ป็นลวดลาย ฉายเปน็ ฉากหลังของผแู้ สดง 2. ดวงไฟที่ให้แสงนุม่ นวล (soft light) ดวงไฟชนิดน้บี างแห่งเรยี กว่า flood light โดยแสงจะ กระจายไปทว่ั บรเิ วณโดยไมม่ ีทิศทางซ่งึ จะทำใหไ้ มม่ เี งาหรือเงาเพยี งบางๆ แทบจะมองไมเ่ หน็ เป็นอปุ กรณ์ ที่ไม่มีเลนส์เพราะว่าจุดประสงค์ต้องการให้แสงอ่อนนวล แพร่กระจายไปทั่วบริเวณโดยทั่วไปในห้องสง่ โทรทัศนจ์ ะมดี วงไฟ soft light ให้เลือกใช้อยู่ 4 ชนิด คือ 2.1 Scoop เป็นอุปกรณ์ท่ีใส่หลอดไฟมีรปู รา่ งครึง่ วงกลมเหมือนถ้วยใหญ่ๆ จะให้การ แพรก่ ระจายของแสงสงู มากและจะแพร่กระจายแสงไปทุกทิศทางโดยทวั่ บรเิ วณเป็นดวงไฟท่ีนิยมใช้มาก ในหอ้ งสง่ โทรทศั น์มีขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลาง 18 นว้ิ และมกี ำลังไฟ 1,000 วตั ต์ หรือ 1,500 วตั ต์ 2.2 Soft light จะมีขนาดตั้งแต่ 750 วัตต์ จนถึง 5,000 วัตต์ เป็นอุปกรณ์สี่เหลี่ยม ใหญ่ๆ แผงหลังจะมีวัสดทุ ี่ทำให้แสงสะท้อนส่องกระจายไปทั่วบริเวณโดยไม่ทำให้เกิดเงาสามารถใช้สอ่ ง เพือ่ ลบเงาท่ีเกดิ จาก hard light 2.3 Broad เปน็ อุปกรณ์ขนาดใหญ่ส่ีเหลี่ยมจัตรุ ัสหรือส่ีเหลยี่ มผืนผ้ามีที่สะท้อนแสงอยู่ ผนังด้านในหลังหลอดไฟจะให้จำนวนของแสงทีก่ ระจายได้อย่างมากกมาย มี barn door เพื่อปรับแสง และเป็นท่ีนิยมใชท้ งั้ ในห้องสง่ และใชน้ อกสถานท่ี ที่นยิ มสว่ นใหญม่ ขี นาด 1,000 2,000 และ 5,000 วัตต์ 2.4 Fluorescent bank เป็น flood light ชนิดพิเศษประกอบไปด้วยแถวของหลอด นอี อนหลายแถวจะให้แสดงแพรก่ ระจายใชไ้ ด้ท้ังในหอ้ งส่งและนอกสถานท่ี ข้อดีคอื มคี วามร้อนนอ้ ย 2.5 Cyclorama หรือ strip light จะเปน็ แถวยาวโดยมไี ฟทเ่ี รยี กว่า board ประมาณ 10 ถึง 12 แถว โดยทัว่ ๆ ไปจะใช้เปน็ ไฟสอ่ งผา้ ม่านหรือฉาก cyclorama ท่ีเปน็ ฉากหลัง จะใชแ้ ขวนกไ็ ด้ 83
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงหรอื ตั้งพ้นื ในห้องส่งกไ็ ด้ strip light ส่วนมากจะมสี เี พ่อื ใช้เป็นเทคนิคพเิ ศษให้ฉากหลังหรืออาจจะใช้เป็น ไฟสอ่ งฉากทม่ี ขี นาดใหญ่ก็ได้ 3. อุปกรณ์ควบคุมแสง (Dimmers) ในปัจจุบันแสดงจากดวงไฟที่ใช้ในห้องส่งจะควบคุมการ เปดิ ปิด เพ่มิ แสงไฟไดโ้ ดยการต่อดวงไฟแต่ละดวงโดยตรงกบั วงจรหร่ไี ฟและใชค้ อมพวิ เตอรเ์ ป็นตัวควบคุม โดยการต้ังโปรแกรมท่ีสามารถควบคุมดวงไฟได้เป็นรอ้ ย ๆ ดวง การควบคมุ ดังลา่ วสามารถควบคมุ ดวงไฟ แต่ละดวง ควบคมุ ดวงไฟเปน็ กลุ่มยอ่ ยหรอื ควบคุมดวงไฟเปน็ กลุ่มใหญไ่ ด้ คอมพวิ เตอร์จะเก็บข้อมูลไว้ใน หน่วยความจำและจะทำงานตามที่ผู้กำกบั แสงได้วางแผนไว้ซึ่งการทำงานของคอมพิวเตอร์จะทำให้แสง ทำงานได้ถกู ต้องตามทผี่ ู้กำกบั แสงตอ้ งการ 4. อุปกรณ์ที่ใช้แขวนและติดตั้งไฟ ในห้องสตูดิโอ จะมีท่อเหล็กยาวๆ ติดตั้งไขว้กันเป็น กากบาท อยู่ต่ำลง มาจากเพดานของห้องเล็กน้อย อุปกรณ์ดวงไฟจะติดตั้งโดยติดอยู่ใต้เพดานนี้ด้วย อปุ กรณ์ยดึ ท่อเหลก็ ท่เี รียกวา่ C-clamp โดยจะใชย้ ดึ ดวงไฟตรงไหนของเพดานก็ได้ ดวงไฟขั้นพืน้ ฐานทีใ่ ช้จดั แสงไฟในห้องส่งโทรทัศน์ ส่วนใหญ่จะแบ่งลักษณะการใช้งานออกเป็น 3 ประเภทคือ แสงหลัก (Key light) หรือว่า Main light เป็นแสงที่ส่องจากดวงไฟที่อยู่ใกล้กล้องที่สุด ส่องสาดตรงไปยังสิ่งที่ต้องการถ่ายจุดประสงค์เพื่อให้แสงสว่างและเน้นสิ่งสำคัญโดยใช้ไฟที่ให้แสงเข้ม ประเภทสอง ไดแ้ ก่ แสงไฟประกอบ (Fill light) เพ่ือส่องแสงไปยังส่งิ ทถ่ี ่ายเพ่ือลบเงาบนสิ่งที่ถ่ายและทำ ให้สภาพแสงนั้นนุ่มนวลขึ้นโดยใช้ไฟที่ให้แสงนุ่มนวล และประเภทสาม ได้แก่ แสงไฟหลัง (Back light) คือการให้แสงท่ีฉากหลังหรอื พื้นหลัง (Background) หรือให้แสงจากด้านหลังของสิง่ ท่ีถา่ ยเพื่อแยกสิง่ ท่ี ถา่ ยออกจากฉากหลังชว่ ยเพ่ิมความลึกให้แก่ภาพและยังช่วยลบเงาที่พาดทอดไป จากแสงไฟด้านหน่ึงไป ยังฉากหลงั ใหห้ มดไปหรือใหล้ ดความเขม้ ลงอกี ด้วย อุปกรณส์ นับสนุนการผลติ รายการ การผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่สนับสนุนให้การผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์มี ความสมบูรณม์ ากยิ่งขึ้นทง้ั ในด้านภาพและเสียง รวมไปถงึ อปุ กรณท์ ่ีอำนวยความสะดวก ให้การถ่ายทำมี ความคลอ่ งตวั รวดเรว็ โดยสามารถจำแนกได้ ดังน้ี (สทุ ิติ ขัตตยิ ะ, 2555) 1. อุปกรณ์ยดึ กล้อง ซง่ึ เป็นอปุ กรณ์ทใี่ ช้ยดึ กับกล้องในขณะที่ถา่ ยทำเพ่ือผอ่ นแรงช่างกลอ้ ง และ ทำให้ภาพมีความนิ่ง อีกทั้งยังถกู ใช้ประโยชน์ในการถ่ายทำให้เกดิ ภาพเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ เพ่ือ สร้างอารมณค์ วามร้สู ึกและความหลากหลายของภาพใหเ้ กิดขน้ึ อกี ดว้ ยซง่ึ สามารถจำแนกได้ ดังน้ี 1.1 ขาตั้งกล้องพีเดสตอล (studio pedestal) เป็นขาตั้งกล้องที่ใช้ยึดกล้องในห้อง สตูดิโอที่มีพื้นเรียบ มีความแข็งแรงทนทานรับน้ำหนักได้มาก มีล้อเล็กๆ 3 ล้อ สำหรับเคลื่อนที่บนพื้น ราบ ตัวบังคับทิศทางของล้อคือพวงมาลัย (steering ring) ที่อยู่ด้านบนสว่ นบริเวณแท่นขาสามารถปรบั ขึ้นลงได้อย่างนิม่ นวลด้วยระบบแรงดนั อากาศและด้านบนสุดเป็นกา้ นจับสำหรับบังคับการเคลือ่ นกลอ้ ง ไปตามทิศทางทช่ี ่างกล้องกำหนดได้ 84
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1.2 ขาตั้งกล้องแบบ 3 ขา เป็นอุปกรณ์ยึดกล้องที่นิยมใช้กันมากที่สุดมีขนาดและ น้ำหนักเบา สามารถขนยา้ ยไปถ่ายทำตามสถานท่ีต่างๆ ได้สะดวกสามารถนำไปใชง้ านการถ่ายทำได้ ท้ัง ในหอ้ งสตดู โิ อและนอกสถานที่ ขาต้งั กล้องประเภทนม้ี ขี นาดและความแขง็ แรงต่างกัน การเลือกใช้ข้ึนอยู่ กับวัตถุประสงค์การใช้งาน ขาตั้งกล้องทีม่ ลี ้อจะใช้ถา่ ยทำบนพืน้ เรียบและขาต้ังท่ีไม่มลี ้อจะใช้ถ่ายทำใน กรณสี ัมภาษณบ์ ุคคล หรอื การเก็บภาพตา่ งๆ 1.3 ดอลลี่ (Dolly) เปน็ การใช้กล้องยึดตดิ กับขาต้งั ท่ีมีล้อหรือรางเลื่อนรองรับ โดยตั้ง กล้องถ่ายบนล้อเลื่อนเข็น เป็นการเคลื่อนกล้องติดตาม ความเคลื่อนไหวของสิ่งที่ถ่าย หรือฉากที่มี ระยะทางยาวในทิศทางตรง หรอื ทางออ้ มไปรอบๆส่ิงท่ถี ่ายกไ็ ด้ 1.4 เครน (Crane) เป็นการติดตั้งกล้องกับอุปกรณ์ที่เป็นโครงเหล็กขนาดสูงใหญ่ สามารถเคลื่อนย้ายและหมุนได้รอบทิศทาง จุดประสงค์เพื่อถ่ายภาพในมมุ ที่อยู่สูงซ่ึงผู้ใช้สามารถบังคบั ทศิ ทางของกลอ้ งหรอื บังคับระดบั ของมุมกลอ้ งได้ สรุป อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตรายการโทรทัศน์แบ่งประเภทของอุปกรณ์และเครื่องมือ ออกได้หลายส่วนตามกระบวนการและลักษณะของการถ่ายทำ กล้องโทรทัศน์เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เกิด ภาพ ซ่ึงมีให้เลอื กหลายชนิดที่เหมาะสมในการถ่ายทำทงั้ ในและนอกสถานท่ี วัสดุอุปกรณ์บันทึกภาพท่ีมี วิวัฒนาการจากการบันทึกภาพแบบ Analog มาเป็น Digital ทำให้วัสดุมีความเล็กลงและใช้งานง่ายขน้ึ อุปกรณท์ เ่ี ก่ยี วข้องด้านการถา่ ยภาพโทรทัศน์ ซงึ่ จะเปน็ ส่งิ ทช่ี ่วยเสริมให้การถา่ ยทำมีความสะดวกและมี ประสทิ ธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น อุปกรณ์และเครื่องมอื ด้านเสียง อุปกรณ์และเครอื่ งมือด้านแสง ก็มี ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าอุปกรณ์อื่นๆ เนื่องจากอุปกรณ์และเครื่องมือในการถ่ายทำทุกชนิด เป็น ส่วนประกอบให้การถ่ายทำประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ บุคลากรด้านการผลติ รายการ ต้องมี ความรู้ มีทักษะและความชำนาญทางด้านเทคนิค ตอ้ งรู้จักเลอื กใช้อุปกรณ์และเครื่องมอื ให้เหมาะสมกับ ลกั ษณะงานท่ีถ่ายทำ และตรงตามจดุ มงุ่ หมายในการผลิตรวมทง้ั รู้ขีดความสามารถ ขอ้ จำกัดของอุปกรณ์ และเคร่อื งมือเพือ่ ให้การใชอ้ ุปกรณ์และเครอ่ื งมอื เกดิ ประโยชน์ตอ่ การผลิตมากท่สี ดุ 85
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง แบบฝกึ หัดบทท่ี 4 คำช้แี จง ขอใหน้ ักศึกษาตอบคำถามตอ่ ไปนี้มาให้เข้าใจ 1. จงอธิบายส่วนประกอบหลักของกลอ้ งโทรทัศนว์ า่ มอี ะไรบ้าง 2. ใหน้ ักศึกษาสืบค้นจากอินเทอรเ์ น็ตเกย่ี วกบั ชนิดของกล้อง HDTV มา 1 ยห่ี ้อ 1 ร่นุ พร้อมกบั อธิบายคุณลักษณะของกล้องโทรทัศน์ดังกลา่ ว 3. จงอธิบายวสั ดอุ ปุ กรณ์ท่ีใชบ้ ันทึกภาพประเภทไมใ่ ชเ้ ทป วา่ มชี นิดใดบ้าง 4. Dolly และ Crane เป็นอุปกรณ์ทจี่ ะนำมาใช้ในกรณใี ด และภาพโทรทัศน์ท่ปี รากฏ มีลกั ษณะ อยา่ งไร 5. เครื่องตัดสลับภาพ (Switcher) มบี ทบาทสำคญั ในการผลิตรายการวทิ ยุโทรทัศน์อย่างไร 6. กรณีการถ่ายทำรายการพดู คยุ สนทนา นอกสถานที่ ควรใชไ้ มโครโฟนชนดิ ใด พรอ้ มอธิบายเหตุผล 7. รถ Mobile Unit กับ รถ OB Van มีลกั ษณะแตกตา่ งกันอยา่ งไร 8. ดวงไฟขนั้ พืน้ ฐานที่ใช้จัดแสงไฟในห้องสง่ โทรทัศน์มกี ปี่ ระเภท อะไรบา้ ง 86
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง เอกสารอ้างองิ สมสขุ หนิ วมิ าน, ศิริมิตร ประพนั ธ์ธรุ กิจ, ภัทธรี า สารากรบริรักษ์, อารดา ครจุ ติ , กรรณกิ า ร่งุ เจริญ พงษแ์ ละกุลนารี เสอื โรจน.์ (2554). ความรเู้ บ้ืองตน้ ทางวิทยุโทรทศั น.์ กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สหศกั ด์ิ กล่ินสุวรรณ. (2548). การผลิตรายการโทรทศั น์สมัยใหม่สไตล์อเมริกัน. กรงุ เทพฯ : อ.ี ที พบั ลิชชิ่ง จำกัด สุทิติ ขตั ติยะ.(2555). หลกั การวทิ ยกุ ระจายเสียงและวทิ ยุโทรทัศน.์ กรุงเทพฯ : ประยูรวงศ์พร้นิ ตงิ้ . ศุภางค์ นนั ตา.(2552). หลกั การวิทยุกระจายเสยี งและวทิ ยโุ ทรทัศน.์ มหาสารคาม : สำนกั พมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม http://www.turbosquid.com/3d-models/maya-studio-camera-sony-hdc/630784 สืบค้นเม่อื วนั ที่ 21 มีนาคม 2556 http://www.softatoz.com สืบคน้ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 http://www.visuals-switzerland.net สืบคน้ เม่ือวนั ท่ี 29 มกราคม 2556 http://www.itechnews.net สืบค้นเม่อื วันที่ 29 มกราคม 2556 http://www.softatoz.com สืบคน้ เม่อื วนั ที่ 7 กุมภาพนั ธ์ 2556 http://www.videocopycentre.com.au สืบค้นเมื่อวนั ท่ี 21 มนี าคม 2556 87
แผนบริหารการสอนประจำบทที่ 5 การเขยี นบทรายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ เวลาทใี่ ช้ในการเรียนการสอน 8 ชั่วโมง หวั ขอ้ เนื้อหาประจำบท 1. องค์ประกอบของบทวิทยุโทรทัศน์ 2. ประเภทของบทวทิ ยโุ ทรทัศน์ 3. คำสงั่ ตา่ งๆ ทใ่ี ช้ในการเขยี นบทวิทยุโทรทศั น์ 4. ข้นั ตอนการเขยี นบทวทิ ยโุ ทรทศั น์ 5. หลักการเขียนบทวทิ ยุโทรทัศนแ์ ต่ละประเภท 6. เนือ้ หาท่เี หมาะสมสำหรับผลิตเปน็ บทวทิ ยโุ ทรทัศน์ 7. คุณสมบตั ิของผเู้ ขียนบทวทิ ยุโทรทศั น์ 8. สรปุ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม เมือ่ ศึกษาบทเรยี นนแ้ี ล้วนักศึกษาสามารถ 1. อธิบายถงึ องค์ประกอบของบทวทิ ยโุ ทรทศั น์ได้ 2. บ่งบอกถงึ ประเภทของบทวิทยุโทรทัศนไ์ ด้ 3. บ่งบอกถงึ คำส่ังตา่ งๆ ที่ใชใ้ นการเขียนบทวทิ ยุโทรทศั น์ได้ 4. บ่งบอกและอธบิ ายถึงขน้ั ตอนในการเขยี นบทวทิ ยุโทรทศั น์ได้ 5. อธบิ ายถงึ หลักการเขยี นบทวทิ ยโุ ทรทัศนแ์ ตล่ ะประเภทได้ 6. คิดคน้ และวเิ คราะห์เนื้อหาทเ่ี หมาะสมสำหรับผลิตเปน็ บทรายการโทรทัศนไ์ ด้ 7. อธบิ ายถึงคุณสมบตั ขิ องผ้เู ขียนบทวทิ ยุโทรทัศนไ์ ด้ วิธีการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจำบท ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการบรรยาย 4 ชวั่ โมง ระยะเวลาทใ่ี นการปฏิบตั หิ รือจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 4 ช่วั โมง 1. ผู้สอนบรรยายและอภิปรายเนอ้ื หาประจำบท 2. มอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาเขยี นบทวทิ ยโุ ทรทศั นใ์ นรปู แบบต่างๆ 3. ใหน้ กั ศกึ ษาค้นควา้ เกย่ี วกับตัวอยา่ งของบทโทรทัศนจ์ ากรายการวิทยุโทรทศั น์ในปัจจุบนั แล้ว สรปุ ทำความเข้าใจในชน้ั เรียน 4. มอบหมายให้นักศึกษาทำแบบฝกึ หัด คำถามท้ายบท 88
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงส่อื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน บทท่ี 5 2. Power Point ประกอบคำบรรยาย 3. คอมพวิ เตอร์ เครือ่ งฉาย LCD Projector 4. ระบบอินเทอร์เน็ต 5. หนงั สืออ้างอิงคน้ ควา้ เพม่ิ เติมจากหอ้ งสมดุ การวัดผลและประเมนิ ผล 1. ซกั ถามความรู้ ความเขา้ ใจ 2. สังเกตจากการคน้ คว้า และการสรุป 3. สงั เกตจากการอภปิ ราย การวิเคราะห์ ซักถามของนักศกึ ษา 4. สงั เกตจากการมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมกลมุ่ 5. ประเมนิ ผลจากการตอบคำถามทา้ ยบท 89
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทท่ี 5 การเขยี นบทรายการวิทยโุ ทรทศั น์ บทรายการวิทยุโทรทัศน์ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ ในทีมผู้ผลิต รายการ ผู้เขยี นบทจะทำหน้าทีใ่ นการถา่ ยทอดความคิด จนิ ตนาการ ความคดิ สร้างสรรค์ แนวคิด รวมไป ถงึ ขอ้ มลู ทไ่ี ด้ศกึ ษาคน้ คว้าจากแหลง่ ข้อมูลต่างๆ มากำหนดเนอ้ื หาเพ่ือทำเปน็ บทรายการ ซ่ึงบทรายการ วิทยุโทรทัศน์จะประกอบไปด้วยขอ้ กำหนดต่างๆ เช่น รูปแบบรายการ เนื้อหารายการ ลำดับการถา่ ยทำ มุมกล้อง และบทบาทของผทู้ ี่มีสว่ นเก่ยี วข้องในการผลิตรายการวทิ ยโุ ทรทัศน์ ในการถา่ ยทำรายการวิทยุ โทรทัศน์แต่ละครั้งจะต้องมีบทโทรทัศน์แจกจ่ายให้กับบุคลากรทุกแผนก ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็น แนวทางในการสร้างความเข้าใจที่ตรงกันและดำเนินการถ่ายทำไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น ผู้เขียนบท วิทยุโทรทัศน์จะต้องศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลอย่างละเอียด มีความเข้าใจจิตวิทยาการรับรู้ของมนุษย์ มี ศิลปะในการสื่อสาร ใช้ภาษาที่ถูกต้อง เพื่อกำหนดเนื้อหาให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ ของผ้ชู มกลุ่มเปา้ หมาย บทวิทยโุ ทรทัศนค์ วรจะมกี ารใช้ภาษาท่ีสละสลวย ชวนอา่ น ชวนฟัง มีการเกร่ินนำ ตลอดจนการ ดำเนินเรอื่ งและมบี ทสรปุ ทก่ี ระชบั สอดคล้อง ร้จู กั สอดแทรกมขุ ตลก เกร็ดความรู้ หรอื เทคนิคแปลกๆ มี ลีลาน่าสนใจเพื่อเป็นสีสันของเรื่องราว การเขียนบทวิทยุโทรทัศน์จะมีทั้งการร่างบทโทรทัศน์และการ เขยี นบทโทรทัศนฉ์ บับสมบรู ณข์ ้ึนอยู่กับประเภทของรายการและเนอื้ หาของรายการ องค์ประกอบของบทวทิ ยุโทรทศั น์ โดยทั่วไปบทวิทยุโทรทัศน์จะมีการแบ่งองค์ประกอบที่สำคัญออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแสดง รายละเอียดเกย่ี วกับการผลิตรายการและสว่ นกำหนดรายละเอยี ดของภาพและเสยี ง ซง่ึ ผูเ้ ขียนบทจะต้อง ระบขุ อ้ มูลท่ชี ดั เจนโดยสามารถแสดงรายละเอยี ดได้ ดังนี้ (ศุภางค์ นันตา, 2552) 1. สว่ นแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิตรายการ เป็นรายละเอียดท่ีเก่ยี วกบั การผลิตรายการ จะใส่ไวใ้ นสว่ นแรกของบทวิทยุโทรทศั น์โดยพิมพใ์ นกระดาษแยกต่างหากจากสว่ นอน่ื ของบทวิทยโุ ทรทัศน์ รายละเอยี ดท่ีต้องกำหนดไว้ในบทวทิ ยุโทรทัศน์ คอื 1.1 ช่อื สถานโี ทรทัศนห์ รือหนว่ ยงานท่ผี ลติ รายการ 1.2 ช่ือชดุ รายการ 1.3 ชื่อรายการ 1.4 รูปแบบรายการ 1.5 ความยาวเป็นนาที/วนิ าที 1.6 ชอ่ื ผ้ดู ำเนินรายการหรอื พิธีกร 1.7 ชื่อผรู้ ่วมรายการ 90
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1.8 สถานทผี่ ลติ รายการ 1.9 วนั เวลาทผี่ ลติ รายการ 1.10 วนั เวลาทอ่ี อกอากาศ 1.11 บคุ ลากรทีร่ บั ผิดชอบ 1.12 รายละเอยี ดเกี่ยวกบั ฉาก วัสดุประกอบฉาก และแผนผังเวที ในส่วนแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิตรายการ ผู้ผลิตบางรายอาจมีการเพิ่มรายละเอียด มากกว่านี้หรือตัดทอนรายละเอียดบางส่วนเพื่อให้มีความกระชับขึ้นอยู่กับการสร้างความเข้าใจในการ สอื่ สารของทมี งานผู้ผลิตดว้ ยกนั เอง 2. ส่วนกำหนดรายละเอียดของภาพและเสียง ส่วนนี้ต้องอยู่ในหน้าเดียวกันเพื่อแสดง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาพและเสียงท่ีปรากฏโดยแบง่ การกำหนดรายละเอียดในบทออกเป็น 2 ส่วนใหญๆ่ คือ ส่วนภาพ (Video) และส่วนเสียง (Sound หรือ Audio) มีรายละเอยี ดตามท่ีต้องงระบุดังนี้ คือ ส่วน ภาพ ประกอบด้วย ลำดบั ที่ แหลง่ ภาพ มมุ กล้อง และภาพ ส่วนเสียง ประกอบดว้ ย เสียง แหล่งเสียง และ ความยาว นาทีและวินาทีของแต่ละฉาก ประเภทของบทวิทยุโทรทัศน์ บทวิทยุโทรทัศน์มี 5 ประเภท ได้แก่ บทสมบูรณ์ บทกึ่งสมบูรณ์ บทกำหนดการแสดงและ ช่วงเวลา บทแบบเรียงลำดับเรื่อง และบทแบบเปิด ซึ่งบทแต่ละประเภทสามารถจำแนกรายละเอยี ดได้ ดงั นี้ 1. บทแบบสมบรู ณ์ (Complete or detail script) เปน็ บทท่ีแสดงรายละเอียดของภาพในแง่ แหล่งภาพ มมุ ภาพ และลักษณะของรายการ รวมทงั้ เสียงและคำพูดทุกค าไว้อย่างชดั เจนเป็นบทท่ีเสนอ รายละเอยี ดของสิ่งที่เสนอเตม็ รูปจึงเรยี กว่าเป็นรายการที่แสดงบทเตม็ รูป หรือ Fully Script show บท แบบสมบรู ณ์ใชม้ ากในรายการละคร รายการข่าว และ สปอตโฆษณาทกุ ประเภท ดงั แสดงตวั อย่าง ภาพท่ี 6.1 ตวั อยา่ งบทวิทยุโทรทศั นแ์ บบสมบูรณ์ 91
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2. บทแบบกึ่งสมบูรณ์ (Semi complete script) เป็นบทโทรทัศน์ที่ไม่กำหนดรายละเอียด ของมุมกล้องเพ่ือใหผ้ ู้กำกบั รายการกำหนดเอง และไมใ่ สค่ ำพูดรายละเอียดของผูร้ ว่ มรายการ ไม่ว่าจะเป็น ผูใ้ หส้ ัมภาษณ์ ผตู้ อบคำถามหรือวิทยากรท่ีมาให้ความรู้ เพียงแตใ่ หป้ ระโยคเริ่มตน้ ประเด็นที่จะพูดและ ประโยคสุดท้ายพอเปน็ สญั ญาณชี้แนะเท่านัน้ ส่วนผู้ดำเนินรายการหรือพิธีกรต้องใส่บทพูดโดยละเอียด เป็นรายการที่มกี ารเสนอบทพดู และบทแสดงเพยี งครั้งเดียวจึงเรียกรายการประเภทน้ีว่ารายการที่แสดง บทกึง่ สมบูรณ์ หรือ semi script show บทโทรทัศน์ประเภทน้ีใชม้ ากในรายการสมั ภาษณ์ รายการพดู คยุ 3. บทแบบกำหนดการแสดงและช่วงเวลา (Action time segmenting script) เป็นบทที่จะ กำหนดรายละเอียดของเวลาต้งั แต่เร่ิมตน้ ของการแสดงหรอื รายการย่อยแต่ละช่วงจนจบ บอกความยาว ของช่วงเวลา บอกรายละเอียดของลักษณะการแสดงในแต่ละช่วงและระบุฉากหรือวัสดุประกอบฉากที่ ตอ้ งใช้ จงึ เรยี กรายการทรี่ ะบกุ ารแสดงและชว่ งเลาในบทวา่ the show format บทโทรทศั น์แบบนน้ี ยิ มใช้กับรายการที่มีการเสนอในรูปแบบเดียวตลอดจนเป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น รายการข่าวสั้น (ถ้าเป็นข่าวละเอียดที่มีภาพประกอบต้องใช้บทแบบสมบูรณ์) รายการวาไรตี้โชว์ รวมท้ังรายการอภิปรายประเภทต่างๆ 4. บทแบบเรียงลำดับเรื่องที่เสนอ (Rundown sheet หรือ fact sheet) เป็นบทวิทยุ โทรทัศน์ที่เขียนรายการที่จะปรากฏตามลำดับก่อนหลัง โดยระบุสิ่งที่จะต้องบรรยายพอสังเขป ไม่มี รายละเอียดเกี่ยวกบั ภาพและเสียง ใช้สำหรับการโฆษณารายการเพื่อออกอากาศหรือบันทึกรายการสด โดยไม่มีการผลิตรายการล่วงหน้า บริษัทที่ให้การสนบั สนุนรายการโฆษณาอา่ นสดมกั จะเป็นผูเ้ ตรยี มบท ประเภทน้ใี หก้ ับผูก้ ำกับ บางครงั้ จำเป็นจะตอ้ งนำบทแบบเรียงลำดับเร่ืองมาปรับเปลีย่ นเปน็ บทบอกการ แสดงและช่วงเวลาในตอนหลัง ๆ 5. บทแบบเปิด (Open script) เป็นบทแบบเรียงลำดับเรื่องประเภทหนึ่งที่ใช้ในรายการที่มี ความยาวกว่าการโฆษณาสด ๆ เช่น รายการสัมภาษณ์หรือรายการการศึกษาที่มีการกำหนดประเด็น สำหรับผู้สัมภาษณ์หรือพิธีกรถาม และประเด็นสำหรับวิทยากรหรือผู้ให้สัมภาษณ์ตอบโดยไม่กำหนด รายละเอียดของภาพและเสยี ง นอกจากรูปแบบของบทวทิ ยุโทรทัศน์ดงั ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีรูปแบบ Story board ที่เป็นการ เขยี นภาพนง่ิ ประกอบข้อความเพ่ือกำหนดแนวทางให้ทีมผผู้ ลิตเกิดความเข้าใจในแนวทางเดยี วกันในการ ถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์โฆษณา ภาพยนตร์สั้น ภาพยนตร์การ์ตูน เป็นต้น หรือแม้แต่ในการ ทำงานงานโดยแสดงออกถึงความต่อเนือ่ งของการเล่าเร่ือง จุดประสงค์ในการทำ Story board คือ เพื่อ ไว้ศึกษาการเล่าเรื่อง ลำดับเรื่อง มุมกล้อง ซึ่งภาพ ไม่จำเป็นต้องละเอียดมากเพียงแต่เป็นการบอก องค์ประกอบสำคัญๆ เช่น ตำแหน่งของตัวละครที่สัมพันธ์กับฉากและตัวละครอื่นๆ มุมกล้อง แสง เงา เป็นการ sketches ภาพของ shot ต่างๆ จากบท การทำ Story board จะช่วยให้ผู้ผลิตรายการได้เหน็ ภาพของรายการที่จะถา่ ยทำเปน็ รูปธรรมชดั เจนขึน้ (ชลพรรษ ดวงนภา, 2552) Story board จะประกอบด้วยชุดของภาพ shot ต่างๆ พร้อมคำบรรยายหรือบทสนทนาใน เรื่อง อาจเขียนเรื่องย่อและบทก่อนหรือร่างภาพกอ่ นแล้วจึงใส่คำบรรยายที่จำเปน็ ลงไป สิ่งสำคัญท่ตี อ้ ง 92
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงพิจารณา คือ ภาพและเสียงต้องมีความสัมพันธ์กัน อาจมีบทสนทนา หรือ บทบรรยายใต้ภาพประกอบ และมรี ายละเอยี ดของเสียงประกอบดว้ ย เช่น เสยี งดนตรี เสยี งธรรมชาติ หรือเสยี งอนื่ ๆ สำหรับการผลิต รายการที่สั้นๆ อย่างภาพยนตร์โฆษณาสามารถถ่ายทำโดยใช้ Story board เป็นหลักโดยมิต้องเขียนบท ขึน้ มากไ็ ด้ วิธีการเขียน Story board ควรเริ่มต้นจาการสร้างแนวความคิดว่า ผู้ผลิตต้องการจะเห็นภาพ อะไรในจอแลว้ วาดออกมาเปน็ การ์ตนู โดยไม่เน้นความงดงามทางศิลปะแต่ต้องคำนงึ ถึงมมุ กล้อง ในเร่ือง อาจไมม่ ีช่องคำพูดหรอื อาจมคี ำพูดสั้นๆ โดยมีภาพเลา่ เรือ่ งและเสียงประกอบ เมอ่ื มีแนวคิดวา่ จะเล่าเรื่อง แล้วร่างออกมาโดยลำดับเหตุการณ์ลำดับภาพแล้วคัดเอาเฉพาะภาพที่คิดว่าเป็นจุดสำคัญของเรื่อง จากนนั้ กน็ ำภาพท่ีคดั แลว้ มาวาดศึกษามมุ กลอ้ งว่ามุมใดที่ใหอ้ ารมณ์ทเ่ี หมาะกบั ภาพและสอื่ ความหมายได้ ดที สี่ ดุ เสร็จแล้วนำภาพมาเรียงใหต้ อ่ เนื่องกบั การเลา่ เรือ่ ง การวาดภาพประกอบ มเี ทคนคิ ดงั นี้ 1. จุดมุ่งหมายของการการวาดภาพ Story board เพื่อให้เกิดแนวความคิดว่าภาพจะออกมา เปน็ อยา่ งไรบนจอ ดังน้ันควรคำนึงถึงความง่าย รวดเร็ว ควรวาดในชอ่ งเล็กๆ จะทำให้วาดได้เร็วข้ึน 2. คัดลอกช่อง Story board สำเรจ็ รูปเอาไว้ ส่วนใหญ่จะใช้ช่อง Story board ประมาณ 6- 10 ช่อง หรอื ขนึ้ อยูก่ บั เนื้อหาทต่ี ้องการนำเสนอ 3. ควร sketch ภาพดว้ ยดนิ สอ เวลาผดิ กส็ ามารถลบและแก้ไขไดง้ ่ายแลว้ ค่อยลงหมกึ หรอื ลง สที หี ลัง หรืออาจจะไมล่ งสีก็ได้ 4. เขยี นโน้ตสั้นๆ กำกับ ถึงสงิ่ ทเ่ี กดิ ขึ้นในภาพนั้น ประโยคสนทนาหรือเสยี งประกอบ 5. เขยี นภาพแปลนของสถานที่ ตำแหนง่ นกั แสดง และตำแหนง่ กล้อง-ไฟ ซึ่งจะช่วยให้เขียน ภาพไดง้ ่ายขึ้น วิธีนต้ี อ้ งเคยเห็นสถานที่มาก่อน 6. ใส่หมายเลขของแต่ละภาพจะไดส้ ะดวกรวดเรว็ เวลาอ้างถงึ ในการถ่ายทำและระหวา่ งการ ตดั ตอ่ การวาดเขียน Story board เป็นวิธีท่ีดีในการวางแผนงานและท่ีสำคัญคือ ให้ทีมงานทุกคนเหน็ ภาพตรงกัน แต่ Story board ไม่ได้มีไวเ้ พ่ือบังคับในระหว่างการถ่ายทำซ่ึงในการถ่ายทำจริงๆ อาจเหน็ มุมกล้องใหม่ๆ สถานการณ์จริงที่ดีกว่าที่วาดใน Story board ก็ได้ เพราะ Story board มีไว้เป็น โครงสรา้ งใหต้ รวจสอบวา่ ถา่ ยไดค้ รบทุกภาพตามท่ตี ้องการ เนื่องจากปจั จบุ นั มโี ปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการวาดภาพ หรอื สร้างภาพการ์ตนู หรอื โปรแกรม ที่สร้าง Story board โดยเฉพาะ เช่น โปรแกรม Toon Boom Story Board PRO ,Springboard เป็น ตน้ จึงทำใหก้ ารทำ Story board ง่ายขึน้ ซง่ึ ผู้ผลิตตอ้ งมีความชำนาญในการใช้โปรแกรมและมีความคิด สรา้ งสรรค์ในการสร้างรูปแบบใหม้ ีความน่าสนใจแต่สงิ่ สำคญั คือการสร้างภาพท่ีมีความต่อเน่ือง สามารถ เลา่ เร่ืองและสือ่ ความหมายได้ ตัง้ แต่ต้นจนจบ 93
คำสัง่ ต่างๆ ที่ใชใ้ นการเขยี นบทวทิ ยโุ ทรทศั น์ ในการผลิตรายการโทรทัศน์ ผู้เขียนบทตลอดจนทีมงานผู้ผลิตจะต้องมีความเข้าใจตรงกัน เกี่ยวกบั คำส่ังตา่ งๆ ท่ีมักจะปรากฏในบทรายการโทรทัศน์ มีดังต่อไปนี้ CU (Close Up) หมายถึง ภาพใบหนา้ หรอื จากไหล่ขนึ้ ไป XCU (Extreme Close Up) หมายถงึ สำหรับรายการละครอาจเปน็ ภาพปากหรอื ตาเพือ่ เปน็ การกระตุ้น ให้ผู้ชมสนใจ ถา้ เป็นวตั ถใุ ชเ้ พอ่ื เปิดเผยหรอื แสดงให้เหน็ รายละเอียดท่ีสำคัญของวัตถุ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง MS (Medium Shot) หมายถงึ ภาพผ้แู สดงท่อี ยูร่ ะดับต้งั แตเ่ อวข้ึนไป MCU (Medium Close Up) หมายถึง ภาพผู้แสดงทอี่ ยู่ระดับตงั้ แตห่ นา้ อกข้นึ ไป MLS (Medium Long Shot) หมายถึง ภาพผู้แสดงท่อี ยู่ระดบั ตั้งแตเ่ ท้าข้ึนไปถงึ ศีรษะ 2 Shot หรือ Group shot หมายถึง ภาพที่มีนักแสดง 2 คน และ 3 คนอยภู่ ายใต้ภาพตามลำดับ Subjective Shot หมายถึง ภาพจากมมุ กลอ้ งในมมุ กล้องของผู้แสดงซ่ึงผูช้ มจะเห็นภาพ เดียวกันกับภาพทผี่ ้แู สดงเห็นจะทำให้ผู้ชมรู้สกึ มสี ว่ นร่วมกบั การแสดง EXT หมายถงึ การถ่ายทำนอกสถานท่ี INT หมายถึง การถ่ายทำถ่ายในหอ้ งผลิตรายการ (Studio) SNT (Sound on tape) หมายถึง เสียงพูดหรือเสียงดนตรที มี่ ากจาก audio track ของวดี โี อเทป SOF (Sound on film) หมายถงึ เสยี งทมี่ าจาก film VTR (Video Tape Recording) หมายถงึ ภาพจากเคร่ืองบนั ทกึ เทป VO (Voice Over) หมายถงึ เสียงพากยห์ รอื เสยี งบรรยายท่ไี ด้ยนิ แต่เสยี งของผบู้ รรยาย แต่ไมเ่ หน็ หนา้ ของผูบ้ รรยายอยใู่ นภาพ และระดบั ความดงั ของเสยี ง VO จะดงั กว่าเสยี งดนตรีหรอื ดังกว่าเสียง background OSV (Off Screen Voice) หมายถึง เสียงทพ่ี ดู ตามบทแต่ไมเ่ ห็นตวั ผพู้ ดู POV (Point Of View) หมายถึง ภาพใช้ในการแสดงละคร ผชู้ มจะเห็นภาพเดียวกบั ภาพที่ ผแู้ สดงนน้ั เห็น OS shot (Over Shoulder shot) หมายถึง การถ่ายภาพข้ามไหล่ด้านหลังของผแู้ สดงคนหน่ึงจะเห็นหน้า ของผู้แสดงอีกคนหน่งึ ท่อี ย่ตู รงข้าม ANNOUNCE หมายถงึ ผปู้ ระกาศขา่ ว KEY หมายถงึ ภาพของตวั หนงั สอื ท่จี ะใสท่ บั ลงไปบนภาพ อาจจะเป็น ตวั หนงั สอื ทบ่ี อกชือ่ เร่อื ง หรือบอกชือ่ ทมี งานในการถา่ ยทำ เม่ือจบการแสดง 94
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189