50 2. เขา้ ใจการเขยี นและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสมั พนั ธใ์ นปฏกิ ริ ยิ าเคมี อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมดลุ ในปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมบตั แิ ละปฏกิ ริ ยิ าของกรด–เบส ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์และเซลล์เคมไี ฟฟา้ รวมทงั้ การน�ำ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 1. ทดลอง และเขียนกราฟการเพ่มิ ขนึ้ หรอื ลดลงของสารทที่ ำ�การวดั ในปฏกิ ริ ยิ า 2. ค�ำ นวณอัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี และเขียนกราฟการลดลงหรอื เพ่ิมขน้ึ ของสารท่ไี ม่ได้วัดในปฏกิ ริ ยิ า การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ดา้ นความรู้ ทเ่ี กดิ เรว็ และเกดิ ชา้ ในธรรมชาตแิ ละชวี ติ ประจ�ำ วนั จากนน้ั อภปิ รายรว่ มกนั 1. การเปลย่ี นแปลงของสารเมอ่ื เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี การเปล่ียนแปลงของสารเม่ือเกิดปฏิกิริยาเคมีและ 2. การคำ�นวณอัตราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า การเปล่ียนแปลงทางเคมีเกิดช้าหรือเร็วแตกต่างกัน วิธีการคำ�นวณอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี จากการ เน่อื งจากมีอัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมีต่างกัน อภิปราย รายงานการทดลอง การทำ�แบบฝึกหัด ด้านทกั ษะ และการทดสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการวัดอัตราเร็วในชีวิตประจำ�วันว่าทำ�อย่างไร 1. การสังเกต แล้วเช่ือมโยงกับการวัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี โดยใช้คำ�ถามว่า ด้านทกั ษะ 2. การวดั ถ้าต้องการวัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีทำ�อย่างไร เหมือนหรือต่างกับ 1. การสังเกต การวดั การกำ�หนดนิยามเชิงปฏิบัติการ 3. การใช้จ�ำ นวน การวดั อตั ราเรว็ ในชวี ติ ประจ�ำ วนั อยา่ งไร เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่ การวดั อตั รา และการทดลอง จากการสังเกตพฤติกรรมและ 4. การก�ำ หนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั ิการ 5. การทดลอง เร็วใด ๆ เปน็ การวัดปริมาณการเปล่ียนแปลงต่อหนว่ ยเวลา รายงานการทดลอง 6. การจดั กระท�ำ และสอื่ ความหมายขอ้ มูล 3. สาธติ ปฏกิ ริ ยิ าเคมรี ะหวา่ งโลหะแมกนเี ซยี มกบั สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ 2. การจัดกระทำ�และสื่อความหมายข้อมูล และการตี 7. การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป เพ่ือสังเกตการเปลี่ยนแปลงปริมาณของสารต้ังต้นหรือผลิตภัณฑ์ แล้ว ความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากรายงาน ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีสามารถ การทดลอง หาไดจ้ ากการเปลยี่ นแปลงปรมิ าณสารตงั้ ตน้ หรอื ผลติ ภณั ฑต์ อ่ หนว่ ยเวลา 3. การใช้จำ�นวน จากรายงานการทดลอง การทำ�แบบ ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 4. อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการวัดปริมาณสารท่ีเปล่ียนแปลงไปใน การใช้วิจารณญาณ ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งโลหะแมกนเี ซยี มกบั สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ จากนนั้ ฝึกหดั และการทดสอบ อธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั วธิ กี ารวดั ปรมิ าณสารทเ่ี ปลย่ี นแปลงไปในปฏกิ ริ ยิ า 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� เคมอี น่ื ๆ เชน่ การวดั ปรมิ าณตะกอน การเปลย่ี นแปลงสี และหนว่ ยของเวลา 5. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�การทดลองเพื่อศึกษาอัตราการเกิดแก๊สจาก จากการสังเกตพฤตกิ รรมในการทำ�การทดลอง ปฏกิ ิริยาเคมรี ะหวา่ งโลหะแมกนีเซยี มกบั สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ 6. อภิปรายผลการทดลองร่วมกัน แล้วให้นักเรียนคำ�นวณอัตราการเกิด ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ แก๊สเฉล่ีย และอัตราการเกิดแก๊ส ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ๆ จากนั้นอภิปราย การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ ทำ�การทดลอง
เคมี 51การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เปรยี บเทยี บเกย่ี วกบั อตั ราการเกดิ แกส๊ ในชว่ งเรม่ิ ตน้ ปฏกิ ริ ยิ ากบั ชว่ งทา้ ย แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ปฏกิ ริ ยิ า 7. ใช้คำ�ถามว่า ถ้าต้องการหาอัตราการเกิดแก๊ส ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ท�ำ ไดอ้ ยา่ งไร เพอ่ื น�ำ เขา้ สกู่ ารอธบิ ายเกย่ี วกบั การค�ำ นวณอตั ราการเกดิ แกส๊ ณ ขณะใดขณะหนง่ึ จากความชนั ของกราฟความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณ แก๊สท่เี กิดขึน้ กับเวลา 8. อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอัตราการเกิดแก๊สไฮโดรเจน อัตราการลดลงของโลหะแมกนีเซียม อัตราการลดลงของสารละลายกรด ไฮโดรคลอรกิ และอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี โดยพจิ ารณาจากสมการเคมี เพอ่ื น�ำ ไปสขู่ อ้ สรปุ วา่ อตั ราการเพม่ิ ขน้ึ ของผลติ ภณั ฑแ์ ละอตั ราการลดลง ของสารตั้งต้นอาจไม่เท่ากัน ทั้งน้ีข้ึนกับสัมประสิทธ์ิจำ�นวนโมลของสาร ในสมการเคมี และอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเท่ากับอัตราการเพิ่มขึ้น ของผลิตภัณฑ์หรืออัตราการลดลงของสารตั้งต้นในหน่วยโมลต่อวินาที หารดว้ ยสมั ประสทิ ธจิ์ �ำ นวนโมลของสารนน้ั ซงึ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี จะมีค่าเท่ากนั ไมว่ ่าจะค�ำ นวณจากการเปล่ียนแปลงของสารชนดิ ใด 9. ให้นักเรียนเขียนกราฟการลดลงของโลหะแมกนีเซียมและสารละลาย กรดไฮโดรคลอริก ซง่ึ เป็นสารทไี่ ม่ไดว้ ัดจากการทดลอง 10. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ บทเรยี นเกย่ี วกบั การค�ำ นวณอตั ราการเปลย่ี นแปลง ปรมิ าณสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมแี ละอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี แลว้ ใหน้ กั เรยี น ทำ�แบบฝึกหัดเพื่อทบทวนความรู้
52 ผลการเรียนร ู้ 3. เขียนแผนภาพและอธบิ ายทิศทางการชนกนั ของอนุภาคและพลงั งานทสี่ ่งผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีการวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามว่า เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี อนุภาคของ ด้านความรู้ สารเกิดการชนกันหรือไม่ ทิศทางการชนและพลังงานมีผลต่ออัตรา1. แนวคดิ เกีย่ วกบั การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี แนวคดิ เก่ียวกบั การเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี ทฤษฎีการชน2. ทฤษฎกี ารชน การเกิดปฏิกิรยิ าเคมอี ย่างไร เพือ่ เชื่อมโยงเขา้ สูก่ จิ กรรม และพลังงานก่อกัมมันต์ จากการอภิปราย รายงาน3. พลังงานกอ่ กัมมันต์ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�กิจกรรมเพ่ือศึกษาการชนกันของอนุภาคสาร การทำ�กิจกรรม แผนภาพสรุปแนวคิด การทำ�แบบ ฝึกหดั และการทดสอบด้านทักษะ ต้งั ต้นกบั การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. อภิปรายผลการทำ�กิจกรรมร่วมกัน เพื่อลงข้อสรุปเก่ียวกับทิศทางการ ด้านทกั ษะ การสงั เกต 1. การสังเกต จากรายงานการทำ�กิจกรรม และ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ชนกนั ของอนภุ าคกบั การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 4. อธบิ ายเกยี่ วกบั พลงั งานกบั การเคลอื่ นทขี่ องอนภุ าค และแนวคดิ เกย่ี วกบั การสังเกตพฤตกิ รรมในการท�ำ กจิ กรรม การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมกี บั ทฤษฎีการชน โดยใช้ส่ือประกอบ 2. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 5. อธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับแนวคิดเก่ียวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับพลังงาน การใชว้ ิจารณญาณ ก่อกัมมันต์ และสารเชิงซ้อนกัมมันต์ โดยใช้แผนภาพแสดงพลังงานกับ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการทำ�กจิ กรรม การดำ�เนนิ ไปของปฏกิ ิริยาประกอบการอธบิ าย ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 6. อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับพลังงานของอนุภาคสารต้ังต้นและพลังงาน การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ ก่อกัมมันต์ท่ีมีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี โดยอุปมาอุปมัยกับการ ทำ�กจิ กรรมและการอภิปราย เดนิ ทางขา้ มภเู ขา 7. อภิปรายร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปว่า ปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นเม่ืออนุภาคของ สารตั้งต้นชนกันในทิศทางที่เหมาะสมและมีพลังงานอย่างน้อยเท่ากับ พลังงานก่อกัมมันต์ ดังน้ันโอกาสการชนของอนุภาคสารต้ังต้นในทิศทาง ที่เหมาะสมและมีพลงั งานมากพอ สง่ ผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี 8. ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนภาพสรปุ เกยี่ วกบั ทศิ ทางการชนและพลงั งานทสี่ ง่ ผล ต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี จากนั้นให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด เพอื่ ทบทวนความรู้
เคมี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5ผลการเรียนร:ู้ 4. ทดลองและอธิบายผลของความเขม้ ขน้ พนื้ ท่ผี วิ ของสารต้ันตน้ อุณหภมู ิ และตัวเรง่ ปฏกิ ริ ยิ าทมี่ ตี ่ออัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี 53 5. เปรยี บเทียบอัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเมื่อมกี ารเปลยี่ นแปลงความเขม้ ขน้ พ้ืนทีผ่ ิวของสารตนั้ ตน้ อุณหภมู ิ และตัวเรง่ ปฏิกิริยาการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามว่า จากปฏิกิริยาระหว่างโลหะแมกนีเซียม ด้านความรู้ และกรดไฮโดรคลอริก สามารถทำ�ให้แก๊สไฮโดรเจนเกิดข้ึนได้เร็วข้ึนหรือ ปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี ชา้ ลงไดอ้ ยา่ งไร เพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา้ สปู่ จั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ผลของความเขม้ ขน้ พนื้ ทผ่ี วิ ของสารตน้ั ตน้ อณุ หภมู ิ และตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ าทมี่ ตี อ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีด้านทักษะ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มตั้งสมมติฐานและออกแบบการทดลอง เพ่ือศึกษา จากการอภิปราย รายงานการทดลอง ผลงานการทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ผลของความเขม้ ขน้ ของสารตง้ั ตน้ พน้ื ทผ่ี วิ และอณุ หภมู ิ ทม่ี ตี อ่ อตั รา การเกดิ สรปุ ความรู้ การท�ำ แบบฝกึ หัด และการทดสอบ1. การตงั้ สมมติฐาน2. การก�ำ หนดและควบคุมตวั แปร ปฏิกิริยาเคมี จากสารเคมีและอุปกรณ์ที่กำ�หนดให้ โดยครูควรตรวจสอบ ดา้ นทกั ษะ3. การทดลอง ความเขา้ ใจและใหข้ อ้ แนะน�ำ ขณะทน่ี กั เรยี นการออกแบบการทดลอง 1. การตั้งสมมติฐาน การกำ�หนดและควบคุมตัวแปร4. การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 3. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ท�ำ การทดลองและสรปุ ผลการทดลองรว่ มกนั เกย่ี วกบั การทดลอง และการตีความหมายข้อมูลและ 1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ผลของความเข้มข้น พื้นที่ผิวของสารต้ังต้น และอุณหภูมิ ที่มีต่ออัตรา ลงข้อสรุป จากรายงานการทดลองและการสังเกต2. การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันสอ่ื พฤติกรรมในการท�ำ การทดลอง3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา 4. อภิปรายรว่ มกนั เกยี่ วกับผลของความเขม้ ข้น พ้ืนทผี่ วิ ของสารต้งั ต้น และ จากการออกแบบการทดลองด้านจิตวิทยาศาสตร์ 3. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากผลงาน1. การใช้วจิ ารณญาณ อุณหภูมิ ท่ีมีต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี โดยใช้ทฤษฎีการชนกันของ การสรปุ ความรู้2. ความซ่ือสตั ย์ อนุภาค และพลังงานกอ่ กัมมนั ต์ 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 5. น�ำ อภปิ รายเกย่ี วกบั การเตมิ สารบางชนดิ ลงในปฏกิ ริ ยิ าเคมแี ลว้ ท�ำ ใหอ้ ตั รา จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�การทดลอง การเกิดปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนแปลงจากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�การ ทดลองเกย่ี วกับตัวเรง่ ปฏิกริ ยิ ากับอตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 6. อภปิ รายและสรปุ ผลการทดลองรว่ มกนั เกยี่ วกบั ผลของตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 1. การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรม ที่มีต่ออัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี โดยใชพ้ ลังงานกอ่ กมั มนั ต์ของปฏกิ ริ ยิ า ประกอบการอธิบาย ในการท�ำ การทดลอง 7. สรปุ เกยี่ วกบั ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมที ไี่ ดจ้ ากการทดลอง 2. ความซอื่ สตั ย์ จากรายงานผลการทดลอง แล้วอภิปรายถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี เช่น ชนิดของสาร ตัวหน่วงปฏกิ ริ ยิ า 8. ให้นกั เรยี นสรปุ ความรเู้ กี่ยวกบั ปจั จยั ทมี่ ีผลตอ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ซึ่งอาจนำ�เสนอในรูปผงั มโนทศั น์ แผนภาพ หรือแผ่นพบั
54 แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ 9. ยกตัวอย่างสถานการณ์ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้น พ้ืนท่ีผิวของ สารตง้ั ตน้ อณุ หภมู ิ และตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า แลว้ ใหน้ กั เรยี นเปรยี บเทยี บอตั รา การเกิดปฏกิ ริ ยิ าก่อนและหลงั มีการเปล่ยี นแปลง 10. ใหน้ ักเรยี นทำ�แบบฝกึ หัดเพ่ือทบทวนความรู้
เคมี ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5ผลการเรียนร ู้ 6. ยกตัวอย่างและอธบิ ายปัจจยั ทมี่ ผี ลต่ออตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีในชวี ติ ประจำ�วันหรืออตุ สาหกรรม 55การวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. ทบทวนความรูเ้ กี่ยวกบั ปัจจยั ท่ีมผี ลต่ออัตราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี ดา้ นความรู้ 2. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ผลของปจั จยั ทม่ี ตี อ่ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า ผลของปัจจัยที่มีต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา ผลของปัจจัยที่มีต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี เคมใี นชีวติ ประจ�ำ วันหรืออุตสาหกรรม เคมีในชวี ิตประจ�ำ วนั หรืออุตสาหกรรม ในชวี ติ ประจ�ำ วนั หรอื อตุ สาหกรรม จากการอภปิ ราย 3. ใหน้ กั เรยี นแลกเปลยี่ นขอ้ มลู และอภปิ รายรว่ มกนั โดยใชต้ วั อยา่ งทไ่ี ดจ้ าก ร่วมกันและผลงานทีไ่ ดจ้ ากการสืบคน้ ข้อมลูด้านทักษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื ค้น พร้อมระบุปจั จัยทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ดา้ นทักษะ - 4. อภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปบทเรียนเก่ียวกับผลของปัจจัยท่ีมีต่ออัตรา ก า ร สื่ อ ส า ร ส า ร ส น เ ท ศ แ ล ะ ก า ร รู้ เ ท่ า ทั น ส่ื อ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 การสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั ส่อื การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมใี นชวี ติ ประจ�ำ วนั หรอื อตุ สาหกรรม โดยครตู รวจสอบ จากผลงานทไ่ี ดจ้ ากการสบื คน้ ขอ้ มลู และการสงั เกต ความเขา้ ใจและแก้ไขความเข้าใจท่ีคลาดเคลอ่ื นของนักเรียน พฤตกิ รรมขณะท�ำ กจิ กรรมด้านจติ วิทยาศาสตร์1. ความอยากรูอ้ ยากเหน็ ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์2. ความใจกวา้ ง ความอยากรู้อยากเห็นและความใจกว้าง จากการ สงั เกตพฤติกรรมในการทำ�กจิ กรรม
56 2. เขา้ ใจการเขยี นและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสมั พนั ธใ์ นปฏกิ ริ ยิ าเคมี อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมดลุ ในปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมบตั แิ ละปฏกิ ริ ยิ าของกรด–เบส ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์และเซลล์เคมไี ฟฟ้า รวมท้ังการน�ำ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ผลการเรียนรู้ 7. ทดสอบและอธิบายความหมายของปฏกิ ิริยาผนั กลับได้และภาวะสมดลุ 8. อธิบายการเปลี่ยนแปลงความเขม้ ขน้ ของสาร อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าไปขา้ งหน้า และอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ ายอ้ นกลบั เมื่อเริ่มปฏิกริ ยิ าจนกระท่ัง ระบบอยใู่ นภาวะสมดลุ การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยอภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงทผ่ี นั กลบั ไมไ่ ด้ ด้านความรู้ และการเปลี่ยนแปลงท่ีผันกลับได้ โดยเชื่อมโยงกับความรู้เดิมของ 1. ปฏกิ ริ ยิ าผันกลบั ได้ ปฏิกิริยาผันกลับได้ ภาวะสมดุลและสมดุลพลวัต2. ภาวะสมดุลและสมดลุ พลวัต นกั เรยี น ซง่ึ อาจยกตวั อยา่ งการเปลย่ี นแปลงทผ่ี นั กลบั ไมไ่ ด้ เชน่ การเกดิ สนมิ การเปล่ียนแปลงความเข้มข้นของสาร และอัตรา3. การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสารและ การเผาไหม้ และการเปล่ียนแปลงท่ผี นั กลบั ได้ เชน่ การเปลี่ยนสถานะ การเกิดปฏิกิริยา เมื่อเข้าสู่ภาวะสมดุล จากการ 2. อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงของสารในระบบเปดิ และระบบปดิ อภปิ รายรายงานการทดลอง รายงานการท�ำ กจิ กรรม อัตราการเกิดปฏิกิริยาของระบบเมื่อเข้าสู่ เชน่ การเปลย่ี นสถานะ เพอ่ื อธบิ ายเชอ่ื มโยงไปสภู่ าวะสมดลุ และสมดลุ พลวตั ภาวะสมดลุ 3. ใช้คำ�ถามว่า การเปล่ียนแปลงในปฏิกิริยาเคมีท่ีผันกลับได้เป็นอย่างไร การท�ำ แบบฝกึ หัด และการทดสอบดา้ นทักษะ เพ่ือน�ำ เข้าส่กู ารศึกษาปฏิกริ ิยาผันกลับได้และสมดุลของปฏิกิริยาเคมี ดา้ นทกั ษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�การทดลองเพ่ือศึกษาปฏิกิริยาผันกลับได้และ 1. การสังเกตและการทดลอง จากรายงานการทดลอง1. การสังเกต2. การทดลอง สมดลุ ของปฏิกิรยิ าเคมี และการสงั เกตพฤตกิ รรมในการทำ�การทดลอง3. การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ 5. อภิปรายผลการทดลองร่วมกันเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า ปฏิกิริยาท่ีผันกลับได้ 2. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เป็นปฏิกิริยาที่มีท้ังปฏิกิริยาไปข้างหน้าและปฏิกิริยาย้อนกลับ เมื่อ1. การสอื่ สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทัน อภปิ ราย รายงานการทดลอง รายงานการท�ำ กจิ กรรม2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ปฏิกิริยาดำ�เนินไปจนถึงภาวะสมดุล ซ่ึงเรียกว่า สมดุลเคมี จะพบทั้ง และการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�การทดลองและ สารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ทุกชนิดอยู่ในระบบและมีปริมาณคงที่ แสดงว่าดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าไปขา้ งหนา้ เทา่ กบั อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าย้อนกลบั การท�ำ กิจกรรม1. ความอยากร้อู ยากเหน็ 6. ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับภาวะสมดุลและสมดุลพลวัต 3. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทัน จากการ 2. ความใจกว้าง โดยใชค้ ำ�ถาม เช่น3. การใช้วจิ ารณญาณ - ท่ภี าวะสมดลุ ปฏกิ ริ ยิ าเคมียังดำ�เนินต่อไปหรือไม่ นำ�เสนอผลการทำ�กจิ กรรม - ทภ่ี าวะสมดลุ ความเขม้ ขน้ ของสารตง้ั ตน้ และผลติ ภณั ฑเ์ ทา่ กนั หรอื ไม่ 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�การทดลองและ การท�ำ กจิ กรรม
เคมี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 57การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 7. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�กิจกรรมเพื่อสร้างความเข้าใจเก่ียวกับการเข้าสู่ ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ภาวะสมดุลและสมดุลพลวัต จากน้ันให้นำ�เสนอผลการทำ�กิจกรรมและ ความอยากรู้อยากเห็น ความใจกว้าง และการใช้ อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการเข้าสู่ภาวะสมดุลและปริมาณของสารใน วจิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ การ สมดุลพลวตั ทดลองและการท�ำ กิจกรรม 8. อธิบายการเปล่ียนแปลงความเข้มข้นของสาร อัตราการเกิดปฏิกิริยา ไปขา้ งหนา้ และอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ ายอ้ นกลบั เมอ่ื เรม่ิ ปฏกิ ริ ยิ าจนกระทง่ั ระบบอยู่ในภาวะสมดุล โดยใช้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้น ต่อเวลา และกราฟความสมั พันธ์ระหวา่ งอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าต่อเวลา 9. ใหน้ กั เรยี นสรปุ บทเรยี นเกย่ี วกบั ปฏกิ ริ ยิ าผนั กลบั ไดแ้ ละสมดลุ พลวตั จากนน้ั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ในกรณที นี่ กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจ ทค่ี ลาดเคลอื่ น แล้วให้นักเรยี นทำ�แบบฝึกหัดเพอ่ื ทบทวนความรู้
58 ผลการเรยี นรู:้ 9. ค�ำ นวณคา่ คงท่สี มดลุ ของปฏกิ ิรยิ า 10. ค�ำ นวณความเข้มข้นของสารทภี่ าวะสมดุล 11. ค�ำ นวณค่าคงทส่ี มดุลหรอื ความเขม้ ขน้ ของปฏกิ ิรยิ าหลายข้นั ตอนการวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงปริมาณสารตั้งต้น ด้านความรู้ และผลิตภัณฑ์จากสมการเคมีของปฏิกิริยาเคมีที่ผันกลับไม่ได้ แล้วใช้ ค่าคงท่ีสมดุลและความเข้มข้นของสาร คา่ คงทสี่ มดลุ และความเขม้ ขน้ ของสารทภ่ี าวะสมดลุ ท่ภี าวะสมดุล คำ�ถามเชื่อมโยงเข้าสู่การเปล่ียนแปลงปริมาณสารของปฏิกิริยาเคมีที่ จากการอภปิ ราย การท�ำ กจิ กรรม การท�ำ แบบฝกึ หดั ผันกลับได้ ณ ภาวะสมดุล และการทดสอบด้านทกั ษะ 2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอตั ราสว่ นระหวา่ งความเขม้ ขน้ ของทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ผลิตภัณฑ์กับสารต้ังต้น ณ ภาวะสมดุล และสมการเคมี จากข้อมูลท่ี ดา้ นทกั ษะ1. การใช้จำ�นวน ก�ำ หนดให้ เพอ่ื เชอ่ื มโยงไปสคู่ า่ คงทส่ี มดลุ จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นท�ำ แบบฝกึ หดั 1. การใชจ้ �ำ นวน จากการท�ำ แบบฝกึ หดั และการทดสอบ2. การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างค่าคงที่สมดุลกับความเข้มข้นของสารใน 2. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ปฏกิ ริ ยิ าเคมี - 3. อธิบายการคำ�นวณค่าคงที่สมดุลเมื่อกำ�หนดความเข้มข้นของสาร ณ ทำ�กิจกรรม ภาวะสมดุล และการคำ�นวณความเข้มข้นของสาร ณ ภาวะสมดุล ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ เมอื่ ก�ำ หนดคา่ คงที่สมดุล แล้วใหน้ ักเรียนท�ำ แบบฝึกหดั ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ความรอบคอบ 4. อภิปรายร่วมกันเพื่อลงข้อสรุปเก่ียวกับ ปริมาณสารต้ังต้นและผลิตภัณฑ์ ความรอบคอบ จากการทำ�แบบฝกึ หดั ในภาวะสมดลุ ซงึ่ สมั พนั ธก์ บั คา่ คงทส่ี มดลุ ซงึ่ ควรสรปุ ไดว้ า่ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ท่ีมีค่าคงที่สมดุลมาก จะมีปริมาณผลิตภัณฑ์มากกว่าสารตั้งต้น ส่วนปฏิกิริยาเคมีที่มีค่าคงที่สมดุลน้อย จะมีปริมาณสารต้ังต้นมากกว่า ผลิตภัณฑ์ 5. ยกตวั อยา่ งสมการเคมี แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกบั คา่ คงท่ี สมดลุ กับความสัมพันธข์ องสมการเคมใี นประเดน็ ต่อไปนี้ - ค่าคงทสี่ มดุลของปฏกิ ิริยายอ้ นกลบั - คา่ คงท่ีสมดลุ ของปฏกิ ริ ิยาทม่ี ีเลขสัมประสิทธโ์ิ ดยโมลต่างกัน - ค่าคงท่ีสมดุลของปฏกิ ิรยิ ารวม
เคมี 59การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 6. อธบิ ายวธิ กี ารค�ำ นวณคา่ คงทส่ี มดลุ และความเขม้ ขน้ ของสาร ณ ภาวะสมดลุ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ของปฏิกิริยาหลายขั้นตอนและให้นักเรียนฝึกคำ�นวณจากตัวอย่างท่ี กำ�หนดให้ จากนั้นตรวจสอบความถูกต้องและอธิบายเพิ่มเติมในกรณีท่ี นักเรียนมีความเข้าใจท่คี ลาดเคลอ่ื น 7. ใหน้ กั เรยี นสรปุ บทเรยี นเกย่ี วกบั การค�ำ นวณคา่ คงทส่ี มดลุ หรอื ความเขม้ ขน้ ของสารท่ภี าวะสมดลุ แลว้ ให้นักเรียนท�ำ แบบฝกึ หดั เพอ่ื ทบทวนความรู้
60 ผลการเรียนรู้ 12. ระบปุ ัจจัยที่มผี ลตอ่ ภาวะสมดลุ และค่าคงทส่ี มดลุ ของระบบ รวมท้งั คาดคะเนการเปลย่ี นแปลงท่ีเกดิ ขึน้ เมอื่ ภาวะสมดลุ ของระบบถกู รบกวน โดยใช้หลักของเลอชาเตอลิเอการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนเกี่ยวกับปัจจัยท่ีมีผลต่ออัตราการเกิด ดา้ นความรู้ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี แล้วใช้ค�ำ ถามเพอ่ื เชือ่ มโยงส่ปู ัจจัยทมี่ ีผลต่อภาวะสมดลุ1. ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ ภาวะสมดลุ และคา่ คงทสี่ มดลุ ปัจจัยท่ีมีผลต่อภาวะสมดุลและค่าคงที่สมดุล และ2. หลกั ของเลอชาเตอลิเอ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�การทดลองเพื่อศึกษาผลของความเข้มข้นของ หลักของเลอชาเตอลิเอ จากการอภิปราย รายงาน สารและอณุ หภมู ทิ ม่ี ตี อ่ ภาวะสมดลุ จากนน้ั อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ การทดลอง ผลงานสรปุ ความคดิ การท�ำ แบบฝกึ หดัด้านทักษะ และการทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับผลของความเข้มข้นของสารและอุณหภูมิต่อสมดุลเคมี1. การสงั เกต 3. อธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นและอุณหภูมิของ ดา้ นทักษะ2. การพยากรณ์ 1. การสังเกต จากรายงานการทดลองและการสังเกต3. การทดลอง สารเมอื่ มกี ารรบกวนภาวะสมดลุ โดยการเปลย่ี นความเขม้ ขน้ และอณุ หภมู ิทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของสาร พฤตกิ รรมในการทำ�การทดลอง1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา 4. ให้นักเรียนทำ�นายการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนเมื่อรบกวนภาวะสมดุลของ 2. การทดลอง จากรายงานการทดลองและการสังเกต2. การสือ่ สารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั ส่ือ ระบบโดยการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสาร หรือการเปล่ียนแปลง พฤตกิ รรมในการทำ�การทดลอง3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ อุณหภมู ิ จากตวั อย่างทกี่ ำ�หนดให้ 3. การพยากรณ์ จากการอภปิ รายและการท�ำ แบบฝกึ หดั 5. ให้นักเรียนศึกษาผลของความดันที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงปริมาตรต่อ 4. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ภาวะสมดุลโดยใช้วีดิทัศน์หรือสาธิตการทดลองเก่ียวกับภาวะสมดุลของ1. การใชว้ จิ ารณญาณ แก๊สไนโตรเจนไดออกไซดก์ ับแก๊สไดไนโตรเจนเตตรอกไซด์ จากการอภิปราย2. ความซื่อสัตย์ 6. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับผลของความดันต่อสมดุลเคมี 5. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากผลงาน โดยเชื่อมโยงกบั ความเขม้ ขน้ สรุปความคดิ 7. ให้นักเรียนทำ�นายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเม่ือรบกวนภาวะสมดุล 6. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ของระบบโดยการเปลยี่ นแปลงความดนั จากตวั อยา่ งที่ก�ำ หนดให้ 8. อภิปรายร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้น จากการสังเกตพฤติกรรมในทำ�การทดลองและ อุณหภูมิ และความดัน ของระบบ เมื่อรบกวนระบบท่ีภาวะสมดุลและ การสรปุ ความคิด เช่อื มโยงสูห่ ลักของเลอชาเตอลเิ อ 9. อธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับตัวเร่งปฏิกิริยาว่า ตัวเร่งปฏิกิริยาทำ�ให้ปฏิกิริยา ด้านจิตวิทยาศาสตร์ เข้าสสู่ มดุลได้เรว็ ขน้ึ แตไ่ มม่ ผี ลต่อภาวะสมดุล 1. การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ อภปิ ราย 2. ความซื่อสตั ย์ จากรายงานการทดลอง
เคมี 61การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 10. ใช้คำ�ถามว่า ปัจจัยท่ีมีผลต่อภาวะสมดุลจะมีผลต่อค่าคงที่สมดุลของ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ปฏกิ ิริยาหรอื ไม่ อย่างไร 11. ให้นักเรียนคำ�นวณค่าคงที่สมดุลของภาวะสมดุลเร่ิมต้น และภาวะสมดุล หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้น จากข้อมูลท่ีกำ�หนดให้ จากน้ัน อภปิ รายรว่ มกนั เกีย่ วกับผลของความเข้มข้นของสารที่มีต่อคา่ คงทีส่ มดลุ 12. ให้นักเรียนคำ�นวณค่าคงที่สมดุลของภาวะสมดุลเริ่มต้น และภาวะสมดุล หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงความดัน จากข้อมูลที่กำ�หนดให้ จากนั้น อภิปรายรว่ มกนั เก่ียวกบั ผลของความดนั ของสารท่ีมตี อ่ คา่ คงที่สมดุล 13. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาขอ้ มลู เกยี่ วกบั คา่ คงทส่ี มดลุ ของปฏกิ ริ ยิ าดดู พลงั งานและ คายพลงั งาน แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ผลของอณุ หภมู กิ บั คา่ คงทส่ี มดลุ 14. อภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปบทเรียนเก่ียวกับปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสมดุล และคา่ คงที่สมดุลของระบบ แลว้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มสรุปความคดิ โดย น�ำ เสนอในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ แผนผงั แผน่ พบั ผงั มโนทศั น์ จากนน้ั ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งและอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ในกรณที น่ี กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจทค่ี ลาดเคลอ่ื น 15. ให้นักเรยี นท�ำ แบบฝึกหัดเพอื่ ทบทวนความรู้
62 ผลการเรยี นร้ ู 13. ยกตัวอยา่ งและอธิบายสมดลุ เคมีของกระบวนการท่ีเกดิ ขึ้นในส่ิงมชี วี ติ ปรากฏการณใ์ นธรรมชาติและกระบวนการในอตุ สาหกรรมการวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. อภิปรายร่วมกันเพ่ือทบทวนความรู้เก่ียวกับสมดุลเคมี ปัจจัยท่ีมีผลต่อ ด้านความรู้ อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี และหลักของเลอชาเตอลิเอ เพ่ือเชื่อมโยง 1. ส ม ดุ ล เ ค มี ข อ ง ก ร ะ บ ว น ก า ร ท่ี เ กิ ด ข้ึ น สกู่ ารนำ�ไปใช้ประโยชนใ์ นอุตสาหกรรม สมดุลเคมีของกระบวนการท่ีเกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิต ในสิ่งมีชีวิต ปรากฏการณ์ในธรรมชาติและ ปรากฏการณ์ในธรรมชาติและกระบวนการใน กระบวนการในอตุ สาหกรรม 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเก่ียวกับกระบวนการฮาเบอร์สำ�หรับผลิต อุตสาหกรรม จากการตอบคำ�ถาม การอภิปราย แกส๊ แอมโมเนยี ในอตุ สาหกรรม และอภปิ รายรว่ มกนั โดยใชค้ วามรเู้ กย่ี วกบั ข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นข้อมูล การทำ�กิจกรรม 2. กระบวนการฮาเบอร์ การท�ำ แบบฝึกหัด และการทดสอบ หลักของเลอชาเตอลเิ อและปจั จัยทีม่ ีผลต่ออตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีดา้ นทกั ษะ 3. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมสืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอย่างกระบวนการ ดา้ นทักษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การลงความเห็นจากข้อมูล และการคิดอย่างมี การลงความเห็นจากข้อมูล ท่ีเกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิต ปรากฏการณ์ในธรรมชาติ หรือกระบวนการในทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมดุลเคมี โดยครูให้ความรู้เพ่ิมเติมในกรณี วจิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จากการท�ำ กจิ กรรม1. การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันสอ่ื ทม่ี ีความเขา้ ใจที่คลาดเคลือ่ น และการอภปิ ราย2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา 4. อภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปบทเรียนเกี่ยวกับสมดุลเคมีของกระบวนการท่ี 2. การสอื่ สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ จากขอ้ มลู3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ เกิดขึ้นในส่ิงมีชีวิต ปรากฏการณ์ในธรรมชาติ และกระบวนการใน ที่ได้จากการสืบค้นขอ้ มลู และการน�ำ เสนอข้อมูล อตุ สาหกรรม 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 5. ให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหดั เพอ่ื ทบทวนความรู้ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�กิจกรรมและ1. ความอยากรูอ้ ยากเหน็ การน�ำ เสนอขอ้ มลู2. การใชว้ จิ ารณญาณ3. การเหน็ คุณค่าทางวิทยาศาสตร์ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 1. ความอยากรู้อยากเห็นและการใช้วิจารณญาณ จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม ใ น ก า ร อ ภิ ป ร า ย แ ล ะ การทำ�กิจกรรม 2. การเห็นคณุ คา่ ทางวิทยาศาสตร์ จากการอภิปราย
เคมี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 2. เขา้ ใจการเขยี นและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสมั พนั ธใ์ นปฏกิ ริ ยิ าเคมี อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมดลุ ในปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมบตั แิ ละปฏกิ ริ ยิ าของกรด–เบส 63 ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์และเซลล์เคมไี ฟฟา้ รวมทัง้ การน�ำ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ผลการเรยี นร้ ู 14. ระบุและอธิบายวา่ สารเปน็ กรดหรอื เบส โดยใชท้ ฤษฎีกรด-เบสของอารเ์ รเนยี ส เบรนิ สเตด-ลาวรี และลิวอิสการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งกรด-เบสในชวี ติ ประจ�ำ วนั แลว้ ดา้ นความรู้ อภปิ รายรว่ มกนั เกยี่ วกบั สมบตั แิ ละวธิ กี ารทใี่ ชต้ รวจสอบวา่ สารใดเปน็ กรด ทฤษฎกี รด-เบสของอารเ์ รเนยี ส เบรนิ สเตด– หรือเบส ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียส เบรินสเตด–ลาวรี ลาวรี และลวิ อสิ และลวิ อสิ จากการอภปิ ราย การท�ำ แบบฝกึ หดั และ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�กิจกรรมเพ่ือจำ�แนกความเป็นกรด-เบสของ การทดสอบดา้ นทักษะ สารละลายจากการทดสอบดว้ ยกระดาษลติ มสั โดยใชส้ ารละลายกรดและทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ดา้ นทักษะ1. การสงั เกต เบสที่แตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออนและไฮดรอกไซด์ไอออน ชนิดละ 2 – 3 1. การสังเกตและการจำ�แนกประเภท จากการทำ�2. การจ�ำ แนกประเภท ตัวอย่าง เช่น HCl HNO3 NaOH Ca(OH)2 โดยให้นักเรียนคาดคะเน ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 กจิ กรรม ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ คำ�ตอบลว่ งหนา้ จากสูตรเคมี 2. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 3. อภิปรายผลการทดสอบร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปว่า สารท่ีเม่ือละลายน้ำ� ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม ข ณ ะ ทำ � กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ - แลว้ แตกตวั ใหไ้ ฮโดรเจนไอออนเปน็ สารละลายกรด สว่ นสารทเ่ี มอ่ื ละลายน�ำ้ การอภิปราย แล้วแตกตวั ให้ไฮดรอกไซด์ไอออนเปน็ สารละลายเบส เพือ่ เช่ือมโยงส่กู าร ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ อธิบายทฤษฎกี รด-เบสของอารเ์ รเนียส - 4. ใหน้ กั เรยี นระบคุ วามเปน็ กรด-เบสของสารทกี่ �ำ หนดให้ โดยใชท้ ฤษฎกี รด- เบสของอารเ์ รเนยี ส 5. ยกตัวอย่างสารบางชนิดท่ีไม่สามารถอธิบายความเป็นกรด-เบส โดยใช้ ทฤษฎกี รด-เบสของอารเ์ รเนยี ส เชน่ NH3 เพอ่ื ชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ขอ้ จ�ำ กดั ในการใช้ ทฤษฎกี รด-เบสน้ี และเชอ่ื มโยงเขา้ สกู่ ารอธบิ ายสมบตั ขิ องกรด-เบสโดยใช้ ทฤษฎกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี 6. ให้นักเรียนระบุความเป็นกรด-เบสของสารท่ีกำ�หนดให้ โดยใช้ทฤษฎี กรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี
64 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ 7. ยกตัวอย่างสารท่ีไม่สามารถอธิบายความเป็นกรด-เบส โดยใช้ทฤษฎี กรด-เบสของอารเ์ รเนยี สและทฤษฎกี รด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรไี ด้ เชน่ BF3 เพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อจำ�กัดในการใช้สองทฤษฎีนี้ และเชื่อมโยงเข้าสู่ การอธิบายสมบตั ขิ องกรด-เบสโดยใชท้ ฤษฎกี รด-เบสของลิวอสิ 8. ให้นักเรียนระบุความเป็นกรด-เบสของสารท่ีกำ�หนดให้ โดยใช้ทฤษฎี กรด-เบสของอาร์เรเนียส เบรินสเตด-ลาวรี และลิวอิส จากสมการ การแตกตวั ในน�ำ้ หรอื สมการเคมขี องปฏกิ ริ ยิ ากรด-เบส ทกี่ �ำ หนดให้ ทงั้ น้ี สารบางชนดิ สามารถอธบิ ายความเปน็ กรด-เบส ได้มากกว่า 1 ทฤษฎี 9. อภิปรายร่วมกันเพ่ือสรุปความรู้เก่ียวกับทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียส เบรนิ สเตด–ลาวรี และลวิ อสิ จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นท�ำ แบบฝกึ หดั เพอ่ื ทบทวน ความรู้
เคมี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5ผลการเรยี นร้ ู 15. ระบคุ กู่ รด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี 65การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยทบทวนความรเู้ รอ่ื งทฤษฎกี รด-เบสของเบรนิ สเตด– ดา้ นความรู้ ลาวรี1. คู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบสของ 2. ให้นักเรียนระบุและอธิบายสมบัติความเป็นกรดหรือเบสของสารจาก คู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบสของเบริน เบรนิ สเตด-ลาวรี สเตด-ลาวรี และสารแอมโฟเทอรกิ จากการอภปิ ราย สมการการแตกตัวในน�ำ้ โดยใช้ทฤษฎีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี การท�ำ แบบฝกึ หัด และการทดสอบ2. สารแอมโฟเทอริก 3. อภิปรายร่วมกันจากสมการการแตกตัวในน้ำ� เพ่ือเช่ือมโยงสู่ความเป็น ดา้ นทักษะดา้ นทักษะ คกู่ รด-เบสของสาร โดยพจิ ารณาจากการถา่ ยโอนโปรตอนของสาร 1. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ 4. ให้นักเรียนวิเคราะห์ตัวอย่างสมการการแตกตัวในนำ้�ของสารอ่ืนเพิ่มเติม การตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป อภิปรายเพื่อลงข้อสรปุ เกย่ี วกบั ค่กู รด-เบสทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 แล้วอภิปรายร่วมกันแลว้ ลงขอ้ สรุปจากข้อมลู วา่ สารทเ่ี ปน็ คู่กรด-เบสกนั 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จะมีจำ�นวนโปรตอนต่างกัน 1 โปรตอน 5. ให้นักเรียนระบุคู่กรด-เบสของสารจากตัวอย่างที่กำ�หนดให้ จากนั้น จากการอภิปรายดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์1. ความใจกว้าง อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่ สารบางชนดิ เชน่ น�ำ้ สามารถท�ำ หนา้ ท่ี ด้านจติ วิทยาศาสตร์2. การใช้วจิ ารณญาณ เปน็ ได้ทง้ั กรดและเบส เพื่อเชอื่ มโยงไปสคู่ วามรู้เร่อื งสารแอมโฟเทอริก ความใจกวา้ งและการใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกต 6. อภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปความรู้เกี่ยวกับคู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎี พฤติกรรมในการอภิปราย กรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี และสารแอมโฟเทอรกิ จากนน้ั ใหน้ กั เรยี น ท�ำ แบบฝึกหดั เพอ่ื ทบทวนความรู้
66 ผลการเรยี นรู้ 16. ค�ำ นวณและเปรยี บเทยี บความสามารถในการแตกตัวของกรดและเบสการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยทบทวนความรเู้ รอื่ งไอออนทไ่ี ดจ้ ากการแตกตวั ในน�ำ้ ดา้ นความรู้ ของกรดและเบส1. การคำ�นวณความเข้มข้นของไฮโดรเนียม วิธีการคำ�นวณความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออน ไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไอออน ในสาร 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มต้ังสมมติฐานและทำ�การทดลองการนำ�ไฟฟ้าและ หรอื ไฮดรอกไซดไ์ อออน ในสารละลายกรดและเบส ละลายกรดและเบส การเปลี่ยนสีของยูนิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์ของสารละลายกรดและเบส และการเปรียบเทียบความสามารถในการแตกตัว2. รอ้ ยละการแตกตวั ของกรดออ่ นหรอื เบสออ่ น ชนิดต่าง ๆ เพอื่ ศึกษาความสามารถในการแตกตัวในน้ำ�ของกรดและเบส3. คา่ คงทกี่ ารแตกตวั ของกรดออ่ นหรอื เบสออ่ น ของกรดและเบส จากการอภปิ ราย รายงานการทดลอง 3. อภปิ รายผลการทดลองเพ่ือใหไ้ ดข้ ้อสรุปว่า การน�ำ ไฟฟ้าและคา่ pH ของ การท�ำ แบบฝกึ หดั และการทดสอบดา้ นทกั ษะ สารละลายกรดและเบสขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของไอออนในสารละลายทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ ซ่ึงได้จากการแตกตัวของกรดและเบส เพื่อเชื่อมโยงความรู้เรื่อง กรดแก่ ด้านทกั ษะ1. การตั้งสมมตฐิ าน กรดออ่ น เบสแก่ และเบสอ่อน 1. การตั้งสมมติฐานและการทดลอง จากการสังเกต2. การทดลอง3. การใชจ้ �ำ นวน 4. อภิปรายผลการทดลองเช่ือมโยงกับความสามารถในการแตกตัวของ พฤติกรรมขณะทำ�การทดลอง และรายงาน 4. การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป กรดแก่ กรดอ่อน เบสแก่ และเบสอ่อน จากน้ันอธิบายวิธีการคำ�นวณ การทดลองทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี มไอออนและไฮดรอกไซดไ์ อออนในสารละลาย 2. การใช้จำ�นวน จากการทำ�แบบฝึกหัด ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ กรดแก่และเบสแก่ แล้วใหน้ ักเรยี นทบทวนความรโู้ ดยการทำ�แบบฝึกหัด 3. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการ อภิปรายดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ 5. ทบทวนผลการทดลอง แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่ กรดออ่ น 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ความใจกวา้ ง และเบสออ่ นแตล่ ะชนดิ มคี วามสามารถในการแตกตวั ตา่ งกนั เพอ่ื เชอื่ มโยง จากการสงั เกตพฤติกรรม สูก่ ารอธิบายเกย่ี วกบั รอ้ ยละการแตกตัวของกรดออ่ นและเบสอ่อน ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 6. อธิบายวิธีการคำ�นวณความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนและไฮดรอก ความใจกวา้ ง จากการสังเกตพฤตกิ รรม ไซด์ไอออน ในสารละลายกรดออ่ นและเบสออ่ นจากร้อยละการแตกตัว 7. ทบทวนค่าคงท่ีสมดุลเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ค่าคงที่การแตกตัวของกรดอ่อน และค่าคงที่การแตกตัวของเบสอ่อน จากน้ันอธิบายวิธีการคำ�นวณความ เข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนและไฮดรอกไซด์ไอออน จากค่าคงที่ การแตกตัว 8. ใหน้ กั เรยี นค�ำ นวณความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี มไอออน ความเขม้ ขน้ ของ ไฮดรอกไซด์ไอออน ร้อยละการแตกตัว ค่าคงท่ีการแตกตัว และการ เปรียบเทียบความสามารถในการแตกตัวของกรดและเบส จากตัวอย่าง ที่กำ�หนดให้
เคมี 67การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 9. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า กรดหรือเบสชนิดเดียวกัน ที่มีความ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ เขม้ ขน้ ตา่ งกนั จะมรี อ้ ยละการแตกตวั ไมเ่ ทา่ กนั และกรดหรอื เบสตา่ งชนดิ กนั จะมคี า่ คงทก่ี ารแตกตวั ตา่ งกนั กรดหรอื เบสทม่ี คี า่ คงทก่ี ารแตกตวั มากกวา่ จะเปน็ กรดหรอื เบสท่ีมีความแรงมากกว่า 10. ให้นักเรียนสรุปความรู้เก่ียวกับกรดแก่ เบสแก่ กรดอ่อน เบสอ่อน ก า ร คำ � น ว ณ แ ล ะ ก า ร เ ป รี ย บ เ ที ย บ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร แ ต ก ตั ว ข อ ง กรดและเบส จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นท�ำ แบบฝกึ หัดเพ่ือทบทวนความรู้
68 ผลการเรยี นร้ ู 17. คำ�นวณค่า pH ความเข้มขน้ ของไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซดไ์ อออนของสารละลายกรดและเบสการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามวา่ น�ำ้ สามารถน�ำ ไฟฟา้ ไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ดา้ นความรู้ เพอ่ื เช่อื มโยงเข้าสกู่ ารนำ�ไฟฟา้ ของนำ�้ บริสุทธิ์1. ค่าคงทกี่ ารแตกตวั ของน้�ำ 2. สาธิตหรือใช้วีดิทัศน์การทดสอบการนำ�ไฟฟ้าของน้ำ�บริสุทธ์ิ จากน้ัน วธิ กี ารค�ำ นวณคา่ pH ความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี ม2. การค�ำ นวณคา่ pH ของสารละลายกรดและเบส ไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลายกรด3. การค�ำ นวณความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี มไอออน อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า นำ้�บริสุทธิ์นำ�ไฟฟ้าได้น้อยมาก และเบส จากการทำ�แบบฝึกหดั และการทดสอบ หรอื ไฮดรอกไซดไ์ อออน ของสารละลายกรด เนอื่ งจากน�้ำ บรสิ ทุ ธแิ์ ตกตวั เปน็ ไอออนไดน้ อ้ ยมาก แลว้ เชอื่ มโยงสคู่ า่ คงท่ี การแตกตวั ของน�้ำ อณุ หภมู ิ 25 องศาเซลเซยี ส ซงึ่ สมั พนั ธก์ บั ความเขม้ ขน้ ด้านทักษะ และเบส ของไฮโดรเนยี มไอออนและไฮดรอกไซดไ์ อออน 1. การใช้จำ�นวน จากการทำ�แบบฝึกหัด 3. สาธิตหรือใช้วีดิทัศน์การทดสอบการนำ�ไฟฟ้าของน้ำ�บริสุทธ์ิท่ีอุณหภูมิ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา และดา้ นทกั ษะ ต่าง ๆ จากน้ันใช้คำ�ถามนำ�อภิปรายว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ค่าคงท่ีการแตกตัวของน้ำ�จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ และจะส่งผล การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ การใช้จ�ำ นวน ตอ่ คา่ ความเปน็ กรด-เบสของน�ำ้ อยา่ งไร เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่ เมอื่ อณุ หภมู ิ อภิปรายทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ของน้ำ�เปล่ียนไป ค่าคงท่ีการแตกตวั ของน้ำ�และคา่ pH จะเปลี่ยนไปดว้ ย 1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา แตน่ ำ้�ยังมสี มบตั เิ ป็นกลางเหมอื นเดิม ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์2. การส่อื สารสารสนเทศและการร้เู ท่าทนั สื่อ 4. อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี มไอออนหรอื ไฮดรอก 1. ความใจกวา้ งและการใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกต ไซด์ไอออนในนำ้� เพื่อเช่ือมโยงเข้าสู่การคำ�นวณค่า pH ของนำ้�และดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ สารละลายกรด-เบส พฤติกรรม1. ความใจกวา้ ง 5. ให้นักเรียนคำ�นวณค่า pH ความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนหรือ 2. ความรอบคอบ จากการท�ำ แบบฝึกหัด2. การใช้วจิ ารณญาณ ไฮดรอกไซดไ์ อออนในสารละลายกรดและเบส จากตัวอยา่ งทก่ี ำ�หนดให้3. ความรอบคอบ 6. ตรวจสอบค�ำ ตอบ แกไ้ ข และเนน้ ย�ำ้ เพม่ิ เตมิ กรณที ค่ี วามเขม้ ขน้ ของไอออน จากการแตกตัวของกรดอ่อนหรือเบสอ่อนมีค่ามาก ต้องคำ�นวณโดยการ แก้สมการกำ�ลังสองสัมบูรณ์ และในกรณีที่ความเข้มข้นของกรดและ เบสนอ้ ยมากตอ้ งคำ�นึงถึงไอออนทไี่ ด้จากการแตกตวั ของนำ�้ ดว้ ย 7. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั วธิ กี ารค�ำ นวณคา่ pH ความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลายกรด และเบส จากนัน้ ใหน้ ักเรียนท�ำ แบบฝกึ หดั เพอ่ื ทบทวนความรู้
เคมี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5ผลการเรยี นรู้ 18. เขียนสมการเคมีแสดงปฏิกริ ยิ าสะเทนิ และระบุความเป็นกรด-เบสของสารละลายหลังการสะเทิน 69 19. เขยี นปฏิกิรยิ าไฮโดรลซิ สิ ของเกลอื และระบุความเป็นกรด-เบสของสารละลายเกลือการวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างปฏิกิริยาเคมีระหว่างกรดกับเบส เพ่ือนำ� ด้านความรู้ ไปสู่การศกึ ษาปฏิกริ ิยาสะเทนิ1. การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งกรดกบั เบส ปฏกิ ริ ยิ า การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งกรดกบั เบส ปฏกิ ริ ยิ าสะเทนิ สะเทิน และปฏกิ ิริยาไฮโดรลิซสิ 2. สาธิตกิจกรรมหรือทำ�การทดลองเพ่ือศึกษาปฏิกิริยาระหว่างกรดแก่และ และปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส การเขียนสมการเคมี2. การเขียนสมการเคมีแสดงปฏิกิริยาระหว่าง เบสแก่ โดยน�ำ กรดแกแ่ ละเบสแกท่ มี่ คี วามเขม้ ขน้ เทา่ กนั มาท�ำ ปฏกิ ริ ยิ ากนั แสดงปฏิกิริยาสะเทินและปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และ กรดกับเบส ปฏิกิริยาสะเทิน และปฏิกิริยา แล้วให้นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์ เขียนสมการเคมี ความเป็นกรด-เบสของสารละลายเกลือ จากการ ไฮโดรลิซิส เพ่อื อธบิ ายและระบคุ วามเป็นกรด-เบสของสารละลายเกลือทเี่ กดิ ข้ึน อภปิ ราย รายงานการทดลอง การท�ำ แบบฝกึ หดั และ 3. ความเปน็ กรด-เบสของสารละลายเกลอื การทดสอบ 3. อภปิ รายผลการทดลองเพอ่ื ลงขอ้ สรปุ รว่ มกนั วา่ เมอื่ กรดแกแ่ ละเบสแกท่ �ำดา้ นทกั ษะ ปฏิกิริยากันได้ผลิตภัณฑ์เป็นเกลือกับนำ้� ซ่ึงนำ้�ท่ีเกิดขึ้นได้จากปฏิกิริยา ดา้ นทกั ษะทักษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ สะเทนิ ระหวา่ งไฮโดรเนยี มไอออนและไฮดรอกไซดไ์ อออน โดยสารละลาย 1. การสังเกต จากการสังเกตพฤติกรรมและรายงาน1. การสังเกต เกลือทีเ่ กิดข้ึนนน้ั มีสมบตั เิ ปน็ กลางทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 การทดลอง ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 4. ให้นักเรียนเขียนสมการเคมีของปฏิกิริยาเคมีระหว่างกรดแก่กับเบสแก่ 2. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� กรดแก่กับเบสอ่อน เบสแก่กับกรดอ่อน และกรดอ่อนกับเบสอ่อน ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม1. ความใจกว้าง จากตัวอย่างท่ีกำ�หนดให้2. การใช้วจิ ารณญาณ 5. ใช้คำ�ถามว่า ถ้านำ�กรดแก่กับเบสอ่อน หรือเบสแก่กับกรดอ่อนมาทำ� ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ความใจกวา้ งและการใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกต ปฏกิ ริ ยิ ากนั สารละลายเกลอื ทเ่ี กดิ ขน้ึ มสี มบตั คิ วามเปน็ กรด-เบสอยา่ งไร เพื่อเชือ่ มโยงสปู่ ฏิกิรยิ าไฮโดรลิซิส พฤตกิ รรม 6. ให้นักเรียนทำ�การทดลองเพ่ือวัดค่า pH ของสารละลายเกลือโดยใช้ ยูนิเวอรซ์ ลั อนิ ดิเคเตอร์ 7. อภิปรายผลการทดลองเพ่ือให้ได้ข้อสรุปเก่ียวกับปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสและ สมบตั คิ วามเปน็ กรด-เบสของสารละลายเกลอื โดยเขยี นสมการการแตกตวั ในน�้ำ ของเกลอื แต่ละชนิดและปฏกิ ิริยาไฮโดรลซิ สิ 8. ให้นักเรียนระบุความเป็นกรด-เบส และเขียนสมการแสดงปฏิกิริยา ไฮโดรลซิ สิ จากตัวอย่างทก่ี �ำ หนดให้ 9. อภิปรายร่วมกันเพ่ือสรุปความรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาสะเทินและปฏิกิริยา ไฮโดรลิซสิ จากน้ันใหน้ กั เรยี นทำ�แบบฝกึ หดั เพือ่ ทบทวนความรู้
70 ผลการเรียนร:ู้ 20. ทดลองและอธิบายหลกั การการไทเทรต และเลือกใช้อินดเิ คเตอร์ท่เี หมาะสมส�ำ หรับการไทเทรตกรด-เบส 21. คำ�นวณปริมาณสารหรือความเขม้ ข้นของสารละลายกรดหรอื เบสจากการไทเทรตการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความรู้เก่ียวกับปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส ดา้ นความรู้ และชว่ งการเปลยี่ นสีของอนิ ดิเคเตอร์1. สารละลายมาตรฐาน จุดสมมูล จุดยุติและ หลกั การไทเทรต การเลอื กใชอ้ นิ ดเิ คเตอรท์ เ่ี หมาะสม หลกั การการไทเทรต 2. ใช้คำ�ถามว่า มีวิธีการใดบ้างในการติดตามการดำ�เนินไปของปฏิกิริยา ส�ำ หรบั การไทเทรต และการค�ำ นวณปรมิ าณสารหรอื ระหว่างกรดและเบส หรือมีวิธีการใดบ้างท่ีใช้ตรวจสอบว่ากรดและ 2. การเลือกใช้อินดิเคเตอร์ท่ีเหมาะสมสำ�หรับ เบสทำ�ปฏิกิริยากันพอดี โดยให้นักเรียนวิเคราะห์ข้อมูลการทำ�ปฏิกิริยา ความเข้มข้นของสารละลายกรดหรือเบสจากการ การไทเทรต ของสารละลาย H2SO4 กับ Ba(OH)2 ไทเทรต จากการอภิปราย การทำ�การไทเทรต 3. การคำ�นวณปริมาณสารหรือความเข้มข้น 3. อภิปรายร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปเกี่ยวกับวิธีท่ีใช้ติดตามการดำ�เนินไปของ การทำ�แบบฝึกหัด และการทดสอบ ของสารละลายกรดหรอื เบสจากการไทเทรต ปฏกิ ริ ยิ า ซงึ่ อาจเปน็ การน�ำ ไฟฟา้ การสงั เกตปรมิ าณตะกอน การเปลย่ี นสี ดา้ นทักษะดา้ นทักษะ ของอินดิเคเตอร์ จากน้ันเชื่อมโยงเข้าสู่การหาปริมาณสารด้วยเทคนิค 1. การสังเกต การวัด และการทดลอง จากการสังเกตทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ การไทเทรต1. การสงั เกต พฤตกิ รรมและรายงานการทดลอง2. การวัด 4. อธิบายหลักการไทเทรต ความหมายของสารละลายมาตรฐาน จุดสมมูล 2. การจดั กระท�ำ และสอ่ื ความหมายขอ้ มลู จากรายงาน3. การทดลอง จุดยุติ กราฟการไทเทรต และการเลือกใช้อินดเิ คเตอร์4. การจดั กระท�ำ และสือ่ ความหมายขอ้ มูล การทดลอง5. การใช้จ�ำ นวน 5. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบและท�ำ การทดลองเพอื่ หาปรมิ าณสารดว้ ย 3. การใช้จำ�นวน จากการท�ำ แบบฝกึ หดัทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 วธิ กี ารไทเทรตระหวา่ งกรดแกก่ บั เบสแก่ กรดออ่ นกบั เบสแก่ หรอื เบสออ่ น 4. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากผล1. การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทนั สื่อ กบั กรดแก่ จากนนั้ น�ำ ผลการทดลองมาอภปิ รายรว่ มกนั และค�ำ นวณความ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ เขม้ ขน้ ของสารละลายกรดหรอื สารละลายเบสจากจดุ ยตุ ขิ องการไทเทรต การสบื คน้ ข้อมูล 5. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ 6. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการนำ�หลักการ1. ความรอบคอบ ไทเทรตไปใชป้ ระโยชน์ จากการสงั เกตพฤติกรรม2. การเหน็ คุณค่าทางวทิ ยาศาสตร์ 7. ให้นักเรียนสรุปความรู้เก่ียวกับหลักการไทเทรต การเลือกใช้อินดิเคเตอร์ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ และการค�ำ นวณปรมิ าณสารหรอื ความเขม้ ขน้ ของสารละลายกรดหรอื เบส ความรอบคอบและการเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากการไทเทรต จากนนั้ ให้นกั เรยี นทำ�แบบฝกึ หดั เพ่อื ทบทวนความรู้ จากการสังเกตพฤตกิ รรม
เคมี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5ผลการเรียนรู้ 22. อธบิ ายสมบตั ิ องคป์ ระกอบ และประโยชนข์ องสารละลายบัฟเฟอร์ 71การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยตง้ั ค�ำ ถามถงึ การเปลยี่ นแปลงคา่ pH ของสารละลาย ดา้ นความรู้ เม่ือเติมกรด เบส หรือนำ้� จากนั้นยกตัวอย่างสถานการณ์ที่แสดงถึง สมบัติ องค์ประกอบ และประโยชน์ของ อนั ตรายหรอื ผลเสยี จากการเปลย่ี นแปลงคา่ pH ของสารละลาย เพอ่ื เชอ่ื มโยง สมบัติ องค์ประกอบ และประโยชน์ของสารละลาย สารละลายบฟั เฟอร์ บัฟเฟอร์ จากการทำ�กิจกรรม การอภิปราย การทำ� เขา้ ส่เู รอ่ื งสารละลายบฟั เฟอร์ แบบฝึกหัด และการทดสอบดา้ นทักษะ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อทดสอบการเปล่ียนแปลงค่า pH เมื่อเติมกรดทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ดา้ นทกั ษะ1. การสงั เกต หรือเบสลงไปในน้�ำ กลัน่ และสารละลายบฟั เฟอร์ 1. การสงั เกต จากการสังเกตพฤติกรรม2. การลงความเห็นจากข้อมูล 3. อภิปรายและสรุปผลการทดสอบร่วมกัน เพ่ือลงข้อสรุปเก่ียวกับ 2. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการท�ำ กจิ กรรมและทกั ษะการเรียนรู้ศตวรรษท่ี 211. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั สอ่ื องค์ประกอบและสมบัติของสารละลายบัฟเฟอร์ โดยใช้ความร้เู ก่ยี วกับ การอภิปราย2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ คกู่ รด-เบส และหลักของเลอชาเตอลเิ อ 3. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากผล 4. ใหน้ กั เรยี นระบวุ า่ สารละลายใดเปน็ บฟั เฟอร์ จากตวั อยา่ งตา่ ง ๆ ทก่ี �ำ หนดให้ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ 5. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สารละลายบฟั เฟอรใ์ นธรรมชาติ แลว้ น�ำ มา การสบื คน้ ข้อมลู - อภปิ รายร่วมกนั 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 6. ให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับสมบัติ องค์ประกอบ และประโยชน์ของ สารละลายบฟั เฟอร์ จากนน้ั ใหน้ กั ศกึ ษาท�ำ แบบฝกึ หดั เพอื่ ทบทวนความรู้ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ -
72 ผลการเรียนร ู้ 23. สืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอยา่ งการใช้ประโยชน์และการแกป้ ญั หา โดยใช้ความรูเ้ กี่ยวกบั กรด–เบสการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู ตวั อยา่ งการน�ำ ความรเู้ กยี่ วกบั กรด-เบส ด้านความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ หรอื การแกป้ ญั หาสถานการณใ์ นชวี ติ ประจ�ำ วนั ในดา้ นตา่ ง ๆ การใช้ประโยชน์และการแก้ปัญหาโดยใช้ เชน่ เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม การแพทย ์ การนำ�ความรเู้ กีย่ วกับกรด-เบสไปใชป้ ระโยชนห์ รอื ความร้เู รอ่ื งกรด-เบส 2. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบและน�ำ เสนอขอ้ มลู ในรปู แบบตา่ ง ๆ ทไ่ี ดร้ บั ใช้แกป้ ญั หาในชีวิตประจ�ำ วัน จากขอ้ มูลท่นี �ำ เสนอ มอบหมายด้านทกั ษะ 3. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย ซกั ถาม และสะทอ้ นความคดิ เกย่ี วกบั การน�ำ เสนอ ด้านทักษะทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ ของเพือ่ นนกั เรยี น และใหค้ วามรเู้ พม่ิ เติมในประเด็นท่ียังไม่สมบูรณ์ 1. การจดั กระท�ำ และสอ่ื ความหมายขอ้ มลู จากรปู แบบ การจัดกระทำ�และสอ่ื ความหมายขอ้ มูล 4. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ ความรเู้ กยี่ วกบั การใชป้ ระโยชนแ์ ละการแกป้ ญั หาทักษะการเรียนรู้ศตวรรษท่ี 21 การนำ�เสนอ1. การส่ือสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ โดยใช้ความรู้เร่อื งกรด-เบส 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากผล2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ การสบื คน้ ข้อมูลและการนำ�เสนอดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 1. ความใจกว้าง2. การใชว้ ิจารณญาณ จากการสืบคน้ ขอ้ มลู และการน�ำ เสนอ3. การเห็นคณุ ค่าทางวิทยาศาสตร์ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 1. ความใจกวา้ งและการใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกต พฤติกรรม 2. การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากการสังเกต พฤตกิ รรม
เคมี ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 2. เขา้ ใจการเขยี นและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสมั พนั ธใ์ นปฏกิ ริ ยิ าเคมี อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมดลุ ในปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมบตั แิ ละปฏกิ ริ ยิ าของกรด–เบส 73 ปฏิกริ ยิ ารดี อกซแ์ ละเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ รวมท้ังการนำ�ความรู้ไปใช้ประโยชน์ผลการเรียนรู้ 24. ค�ำ นวณเลขออกซเิ ดชัน และระบุปฏิกิริยาท่เี ป็นปฏกิ ริ ิยารดี อกซ์การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยทบทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั เลขออกซเิ ดชนั เพอ่ื น�ำ เขา้ สู่ ดา้ นความรู้ ปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าที่เกิดจากการถ่ายโอนอิเล็กตรอน โดยพิจารณาได้ 1. เลขออกซิเดชัน วธิ กี ารค�ำ นวณเลขออกซเิ ดชนั และปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์2. ปฏกิ ิริยารีดอกซ์ จากการเปลี่ยนแปลงเลขออกซเิ ดชนั จากการอภปิ ราย การท�ำ แบบฝกึ หดั และการทดสอบ 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั วธิ กี ารหาเลขออกซเิ ดชนั ของธาตใุ นสารประกอบหรอื ไอออนด้านทักษะ แลว้ ใหน้ กั เรยี นค�ำ นวณเลขออกซเิ ดชนั ของธาตใุ นสารประกอบหรอื ไอออน ดา้ นทักษะทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การจำ�แนกประเภท จากการอภิปรายและการทำ�1. การจ�ำ แนกประเภท จากตวั อยา่ งทก่ี �ำ หนดให้ จากนน้ั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และอธบิ ายเพม่ิ เตมิ2. การใชจ้ ำ�นวน ในกรณที ่นี กั เรยี นมีความเขา้ ใจท่ีคลาดเคลอื่ น แบบฝกึ หัดทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 3. อภิปรายร่วมกันเพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่ปฏิกิริยารีดอกซ์ โดยพิจารณาจาก 2. การใชจ้ ำ�นวน จากการท�ำ แบบฝึกหดั - การเปลีย่ นแปลงเลขออกซิเดชนั ของธาตุในปฏิกิริยาเคมี แลว้ ใหน้ กั เรียน ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ด้านจติ วิทยาศาสตร์ จำ �แ นก ปฏิ กิ ริย า รีด อ กซ์ แล ะ ที่ ไม่ ใช่ ป ฏิกิ ริ ยา รีด อ กซ์ จ าก ก าร คำ� นว ณ 1. การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรม 1. การใชว้ ิจารณญาณ เลขออกซเิ ดชัน2. ความรอบคอบ 4. ให้นักเรียนระบุปฏิกิริยาท่ีเป็นปฏิกิริยารีดอกซ์ จากตัวอย่างที่กำ�หนดให้ ในการอภปิ ราย จากน้ันตรวจสอบความถูกต้อง และอธิบายเพ่ิมเติมในกรณีที่นักเรียน 2. ความรอบคอบ จากการท�ำ แบบฝกึ หัด มคี วามเข้าใจท่คี ลาดเคลื่อน 5. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั เลขออกซเิ ดชนั และปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ จากน้นั ให้นักเรยี นทำ�แบบฝกึ หัดเพื่อทบทวนความรู้
74 ผลการเรยี นร้ ู 25. วเิ คราะห์การเปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชัน และระบุตวั รดี ิวซ์และตวั ออกซไิ ดส์ รวมทั้งเขยี นคร่งึ ปฏกิ ริ ิยาออกซเิ ดชันและคร่ึงปฏกิ ริ ยิ ารีดักชัน ของปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความรู้เกี่ยวกับเลขออกซิเดชันและ ด้านความรู้ ปฏิกิริยารีดอกซ์ จากน้ันชี้ให้เห็นว่าในปฏิกิริยารีดอกซ์ ธาตุชนิดหน่ึง 1. ตวั รีดิวซ์และตวั ออกซิไดส์ มีเลขออกซิเดชันเพ่ิมข้ึน ในขณะท่ีธาตุอีกชนิดหนึ่งมีเลขออกซิเดชัน การเปลย่ี นแปลงเลขออกซเิ ดชนั ตวั รดี วิ ซ์ ตวั ออกซไิ ดส์2. ครึ่งปฏิกิริยาออกซิเดชันและคร่ึงปฏิกิริยา ลดลง เพ่อื นำ�เข้าสู่ตวั รีดวิ ซแ์ ละตัวออกซิไดส์ ครึ่งปฏิกิริยาออกซิเดชัน คร่ึงปฏิกิริยารีดักชัน และ รีดกั ชนั 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั ตวั รดี วิ ซแ์ ละตวั ออกซไิ ดส์ และเชอ่ื มโยงเขา้ สคู่ รง่ึ ปฏกิ ริ ยิ า การเขียนสมการเคมีแสดงครึ่งปฏิกิริยาออกซิเดชัน ออกซเิ ดชนั ครง่ึ ปฏกิ ริ ยิ ารดี กั ชนั และการเขยี นสมการเคมแี สดงครง่ึ ปฏกิ ริ ยิ า และครึ่งปฏิกิริยารีดักชันของปฏิกิริยารีดอกซ์ ดา้ นทกั ษะ ออกซเิ ดชนั และครึง่ ปฏิกิรยิ ารีดกั ชันของปฏกิ ิริยารีดอกซ์ จากการอภปิ ราย การท�ำ แบบฝกึ หดั และการทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. ให้นักเรียนระบุครึ่งปฏิกิริยาออกซิเดชัน ครึ่งปฏิกิริยารีดักชัน ตัวรีดิวซ์ 1. การลงความเหน็ จากข้อมูล ดา้ นทักษะ2. การจ�ำ แนกประเภท ตวั ออกซไิ ดส์ และการเขยี นสมการเคมแี สดงครง่ึ ปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชนั และ การลงความเห็นจากข้อมูลและการจ�ำ แนกประเภททกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ครงึ่ ปฏกิ ริ ยิ ารดี กั ชนั ของปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ จากตวั อยา่ งทกี่ �ำ หนดให้ จากนนั้ - ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ในกรณที น่ี กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจ จากการอภปิ รายและการทำ�แบบฝึกหัดดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ ท่คี ลาดเคลือ่ น ด้านจติ วิทยาศาสตร์1. การใชว้ จิ ารณญาณ 4. ให้นักเรียนสรุปความรู้ซ่ึงอาจอยู่ในรูปผังมโนทัศน์ และให้นักเรียน 1. การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรม 2. ความรอบคอบ ทำ�แบบฝึกหดั เพอื่ ทบทวนความรู้ ในการอภปิ ราย 2. ความรอบคอบ จากการท�ำ แบบฝึกหัด
เคมี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5ผลการเรยี นร ู้ 26. ทดลองและเปรียบเทยี บความสามารถในการเปน็ ตวั รีดวิ ซห์ รือตัวออกซไิ ดส์ และเขียนแสดงปฏิกริ ิยารดี อกซ์ 75การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามน�ำ วา่ โลหะและไอออนของโลหะแตล่ ะชนดิ ด้านความรู้ มีความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์และตัวออกซิไดส์ เหมือนหรือต่างกัน ความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์หรือ อย่างไร เพือ่ น�ำ เขา้ สกู่ ารทดลอง การเปรียบเทียบความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์ ตวั ออกซไิ ดส์ หรอื ตวั ออกซไิ ดส์ จากการอภปิ ราย รายงานการทดลอง 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มตั้งสมมติฐาน แล้วทำ�การทดลองเพื่อเปรียบเทียบดา้ นทักษะ ความสามารถในการเปน็ ตวั รดี ิวซแ์ ละตวั ออกซไิ ดส์ การทำ�แบบฝกึ หัด และการทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์1. การสังเกต 3. ใหน้ กั เรยี นอภปิ รายและสรปุ ผลการทดลองรว่ มกนั เกย่ี วกบั ความสามารถ ด้านทกั ษะ2. การต้ังสมมติฐาน ในการเปน็ ตวั รดี วิ ซห์ รอื ตวั ออกซไิ ดส์ พรอ้ มทง้ั เขยี นแสดงปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ 1. การสงั เกต การตง้ั สมมตฐิ าน และการทดลอง จากการ3. การทดลอง สังเกตพฤติกรรมในการทำ�การทดลองและรายงาน4. การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ จากผลการทดลอง จากน้ันตรวจสอบความถูกต้อง และอธิบายเพิ่มเติม ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ในกรณีท่นี กั เรยี นลงข้อสรปุ ไมถ่ กู ตอ้ ง การทดลอง ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 2. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากรายงาน 4. ใหน้ กั เรยี นเปรยี บเทยี บความสามารถในการเปน็ ตวั รดี วิ ซห์ รอื ตวั ออกซไิ ดส์ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ของโลหะและไอออนของโลหะ จากตวั อยา่ งทกี่ �ำ หนดให้ จากนน้ั ตรวจสอบ การทดลอง1. ความอยากรอู้ ยากเห็น 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 2. การใชว้ จิ ารณญาณ ความถกู ตอ้ ง และอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ในกรณที น่ี กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจทค่ี ลาดเคลอ่ื น 5. อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ สรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั ความสามารถในการเปน็ ตวั รดี วิ ซ์ จากการสังเกตพฤตกิ รรมในการท�ำ การทดลอง หรือตัวออกซไิ ดส์ และให้นกั เรยี นทำ�แบบฝกึ หดั เพ่ือทบทวนความรู้ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 1. ความอยากรู้อยากเห็น จากการสังเกตพฤติกรรม ในการทำ�การทดลอง 2. การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน การอภปิ ราย
76 ผลการเรียนร ู้ 27. ดลุ สมการรีดอกซด์ ว้ ยการใชเ้ ลขออกซเิ ดชนั และวิธีคร่งึ ปฏกิ ริ ยิ าการวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างสมการเคมีของปฏิกิริยารีดอกซ์และ ด้านความรู้ ไมใ่ ชป่ ฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ แลว้ ใหน้ กั เรยี นดลุ สมการ และอภปิ รายเพอ่ื เชอ่ื มโยง วิธีการดุลสมการรีดอกซ์ด้วยการใช้เลขออกซิเดชัน การดลุ สมการรดี อกซด์ ว้ ยการใชเ้ ลขออกซเิ ดชนั เขา้ สู่การดลุ สมการรดี อกซโ์ ดยการใชเ้ ลขออกซิเดชันและวธิ ีครึ่งปฏิกริ ยิ า และวธิ ีคร่งึ ปฏิกิรยิ า และวิธีคร่ึงปฏิกิริยา จากการทำ�แบบฝึกหัด และ 2. อธิบายหลักการดุลสมการรีดอกซ์ด้วยการใช้เลขออกซิเดชัน และให้ การทดสอบด้านทักษะ นักเรียนดุลสมการรีดอกซ์ด้วยการใช้เลขออกซิเดชัน จากตัวอย่างที่ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กำ�หนดให้ จากนั้นตรวจสอบความถูกต้อง และอธิบายเพ่ิมเติมในกรณีท่ี ดา้ นทักษะ การใช้จ�ำ นวน นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจท่คี ลาดเคลื่อน การใช้จำ�นวน และการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา 3. อธิบายหลักการดุลสมการรีดอกซ์ด้วยวิธีครึ่งปฏิกิริยา และให้นักเรียน การแก้ปัญหา จากการทำ�แบบฝึกหดั ดลุ สมการรดี อกซด์ ว้ ยการวธิ คี รง่ึ ปฏกิ ริ ยิ า จากตวั อยา่ งทก่ี �ำ หนดให้ จากนน้ัดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ ความรอบคอบ ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ในกรณที น่ี กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจ ความรอบคอบ จากการทำ�แบบฝึกหัด ทค่ี ลาดเคลอ่ื น 4. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื สรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั วธิ กี ารดลุ สมการรดี อกซด์ ว้ ยการใช้ เลขออกซิเดชันและวิธีคร่ึงปฏิกิริยา พร้อมท้ังชี้ให้นักเรียนเห็นว่าการดุล สมการรีดอกซ์ด้วยการใช้เลขออกซิเดชันและวิธีครึ่งปฏิกิริยาให้คำ�ตอบ ท่เี หมือนกนั จากน้ันใหน้ กั เรียนท�ำ แบบฝึกหัดเพือ่ ทบทวนความรู้
เคมี ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5ผลการเรยี นร ู้ 28. ระบอุ งคป์ ระกอบของเซลลเ์ คมีไฟฟ้า และเขียนสมการเคมีของปฏิกริ ิยาทีแ่ อโนดและแคโทด ปฏกิ ิริยารวม และแผนภาพเซลล์ 77การวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างปฏิกิริยารีดอกซ์ในชีวิตประจำ�วัน ด้านความรู้ เพอื่ น�ำ เขา้ สู่ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซใ์ นเซลล์เคมไี ฟฟ้า1. องคป์ ระกอบของเซลล์เคมไี ฟฟา้ องค์ประกอบของเซลล์เคมีไฟฟ้า การเขียนสมการ2. สมการเคมขี องปฏกิ ริ ยิ าทแี่ อโนดและแคโทด 2. อธบิ ายองคป์ ระกอบของเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ และใหน้ กั เรยี นสงั เกตองคป์ ระกอบ เคมีของปฏิกิริยาที่แอโนดและแคโทด ปฏกิ ิริยารวม และทศิ ทางการเคลอ่ื นทข่ี องอเิ ลก็ ตรอน จากภาพตวั อยา่ งเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ และแผนภาพเซลล์ จากการอภิปราย การทำ� และปฏกิ ิรยิ ารวม3. แผนภาพเซลล์ แบบต่าง ๆ จากนั้นอภิปรายและลงข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับองค์ประกอบ แบบฝกึ หดั และการทดสอบ ของเซลล์เคมีไฟฟา้ หนา้ ทข่ี องสะพานเกลือ และอธิบายเชอ่ื มโยงทศิ ทางดา้ นทกั ษะ การเคลือ่ นทขี่ องอิเลก็ ตรอนกับการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาทีแ่ คโทดและแอโนด ดา้ นทกั ษะทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นเขยี นสมการเคมแี สดงปฏกิ ริ ยิ าทแ่ี อโนด แคโทด และปฏกิ ริ ยิ ารวม 1. การสังเกตและการลงความเห็นจากข้อมูล จากการ1. การสงั เกต จากตัวอย่างเซลล์เคมีไฟฟ้าที่กำ�หนดให้ จากนั้นตรวจสอบความถูกต้อง2. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล และอธิบายเพม่ิ เติมในกรณที ี่นกั เรียนมคี วามเข้าใจทคี่ ลาดเคลอ่ื น อภปิ รายทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 4. อธิบายวิธีการเขียนแผนภาพเซลล์ที่แสดงปฏิกิริยาท่ีเกิดขึ้นในเซลล์เคมี 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ไฟฟา้ และใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนภาพเซลลจ์ ากเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ ทกี่ �ำ หนดให้ จากนนั้ ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ในกรณที น่ี กั เรยี นเขยี น จากการท�ำ แบบฝึกหดัดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ แผนภาพเซลล์ไม่ถูกตอ้ ง1. การใชว้ จิ ารณญาณ 5. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั องคป์ ระกอบของเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ การเขยี น ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์2. ความรอบคอบ สมการเคมขี องปฏกิ ริ ยิ าทแี่ อโนดและแคโทด ปฏกิ ริ ยิ ารวม และแผนภาพ 1. การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรม เซลล์ แลว้ ให้นกั เรยี นทำ�แบบฝกึ หดั เพือ่ ทบทวนความรู้ ในการอภิปราย 2. ความรอบคอบ จากการท�ำ แบบฝึกหดั
78 ผลการเรียนรู้ 29. ค�ำ นวณคา่ ศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์ และระบุประเภทของเซลลเ์ คมีไฟฟ้า ขวั้ ไฟฟ้า และปฏกิ ริ ิยาเคมที ่เี กิดข้นึการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทำ�การทดลองสาธิตหรือวาดรูปเซลล์เคมีไฟฟ้าของ ด้านความรู้ Zn(s)|Zn2+(aq, 1 M)||Cu2+(aq, 1 M)|Cu(s) พร้อมกับอภิปรายร่วมกัน1. ความหมายและการคำ�นวณค่าศักย์ไฟฟ้า ความหมายและการคำ�นวณค่าศักยไ์ ฟฟา้ มาตรฐาน มาตรฐานของคร่ึงเซลล์และค่าศักย์ไฟฟ้า เก่ียวกับค่าศักย์ไฟฟ้าของเซลล์ ทิศทางการเคล่ือนที่ของอิเล็กตรอน ของครึ่งเซลล์และค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์ มาตรฐานของเซลล์ ครงึ่ ปฏกิ ริ ิยาทเ่ี กดิ ข้ึนในขว้ั แอโนด แคโทด ปฏกิ ริ ิยารีดอกซ์ และประเภทของเซลล์เคมีไฟฟ้า จากการอภิปราย2. ประเภทและหลกั การเบอ้ื งตน้ ของเซลลก์ ลั วานกิ 2. อธบิ ายนกั เรยี นวา่ คา่ ทว่ี ดั จากโวลตม์ เิ ตอรเ์ ปน็ คา่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ของเซลล์ จากนน้ั รายงานการทดลอง การท�ำ กจิ กรรม การท�ำ แบบฝกึ หดั และเซลล์อิเล็กโทรลติ กิ ถามนักเรียนว่าแล้วนักวิทยาศาสตร์จะมีวิธีการหาค่าศักย์ไฟฟ้าครึ่งเซลล์ และการทดสอบดา้ นทักษะ ของ Zn(s)|Zn2+(aq, 1 M) และ Cu2+(aq, 1 M)|Cu(s) ได้อยา่ งไร เพอื่ น�ำ ดา้ นทกั ษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เขา้ ส่เู ร่ืองศกั ย์ไฟฟา้ ของครึ่งเซลล์และศักยไ์ ฟฟา้ มาตรฐานของคร่งึ เซลล์ 1. การสงั เกตและการทดลอง จากการสงั เกตพฤตกิ รรม1. การสังเกต 3. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาคา่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ มาตรฐานของครง่ึ เซลลร์ ดี กั ชนั ท่ี 25 0C2. การใชจ้ ำ�นวน จากน้ันสุ่มนักเรียนออกมาคำ�นวณหาค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์ ในการทำ�การทดลองและรายงานการทดลอง3. การทดลอง เมอื่ ก�ำ หนดคา่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ มาตรฐานของแคโทดและแคโทด แผนภาพเซลล์ 2. การใช้จำ�นวน จากการทำ�กิจกรรมและการทำ� ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 หรือสมการรดี อกซ์1. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 4. ให้นักเรียนทำ�นายว่าถ้าต่อเซลล์เคมีไฟฟ้าของ Zn(s)|Zn2+(aq, แบบฝกึ หดั2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา 1 M)||Ag1+(aq, 1 M)|Ag(s) จะได้ค่าศักย์ไฟฟ้าของเซลล์เท่าใด และ 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� สามารถทำ�ให้อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดใดทำ�งานได้บ้าง จากนั้นให้นักเรียนด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ทำ�การทดลองต่อเซลล์เคมีไฟฟ้าดังกล่าวและทดสอบกับนาฬิกาดิจิทัล จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�การทดลอง1. การใชว้ จิ ารณญาณ และหลอดไฟฟา้ LED สแี ดง 4. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา 2. ความรอบคอบ 5. ให้ความรู้นักเรียนว่าเซลล์เคมีจากการทดลองมีค่าศักย์ไฟฟ้าของเซลล์ เปน็ บวก แสดงวา่ ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซเ์ กดิ ขน้ึ ไดเ้ อง ซง่ึ ท�ำ ใหเ้ กดิ กระแสไฟฟา้ ได้ จากการอภิปราย เรียกเซลล์ชนิดนีว้ ่าเซลลก์ ัลวานกิ 6. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาตวั อยา่ งภาพเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ หรอื แผนภาพเซลล์ และ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ รว่ มกนั ระบวุ า่ ภาพเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ หรอื แผนภาพเซลลใ์ ดเปน็ เซลลก์ ลั วานกิ 1. การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรม จากนน้ั ใหค้ วามรเู้ พม่ิ เตมิ วา่ เซลลอ์ กี ประเภทหนง่ึ ซง่ึ ใหค้ า่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ เปน็ ลบ ในการอภิปราย 2. ความรอบคอบ จากการสังเกตพฤติกรรมในการ ท�ำ การทดลอง
เคมี 79การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 กล่าวคือปฏิกิริยาไม่สามารถเกิดข้ึนได้เอง ต้องให้กระแสไฟฟ้าจึงจะเกิด แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ปฏิกิริยาได้ เรียกเซลล์ชนิดน้ีว่า เซลล์อิเล็กโทรลิติก ครูอาจให้นักเรียนดู คลิปวีดิทัศน์การแยกนำ้�ด้วยกระแสไฟฟ้าเพื่อเป็นตัวอย่างประกอบการ อธบิ าย 7. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์ การคำ�นวณค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์และคร่ึงเซลล์ ความหมาย และหลักการเบอื้ งตน้ ของเซลล์กลั วานกิ และอเิ ลก็ โทรลิตกิ
80 ผลการเรียนร ู้ 30. อธบิ ายหลักการท�ำ งานและเขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าของเซลลป์ ฐมภูมิและเซลลท์ ตุ ิยภูมิการวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยทบทวนความรเู้ รอ่ื งหลกั การท�ำ งานของเซลลก์ ลั วานกิ ดา้ นความรู้ 2. อภิปรายร่วมกันเก่ียวกับเซลล์กัลวานิกท่ีเม่ือใช้งานแล้วสามารถนำ�มา1. หลักการทำ�งานของเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ หลกั การท�ำ งานและการเขยี นสมการแสดงปฏกิ ริ ยิ า ทุติยภูมิ ประจุไฟและใช้งานใหม่ได้ กับเซลล์เคมีไฟฟ้าท่ีเมื่อใช้แล้วไม่สามารถ ของเซลลป์ ฐมภมู แิ ละเซลลท์ ตุ ยิ ภมู ิ จากการอภปิ ราย2. สมการแสดงปฏกิ ริ ยิ าของเซลลป์ ฐมภมู ิ และ ประจุไฟเพ่ือใช้งานใหม่ได้ โดยยกตัวอย่างถ่านไฟฉายหรือเซลล์แห้งกับ เซลล์นิกเกิล-แคดเมียม เพ่ือนำ�ไปสู่ความหมายของเซลล์ปฐมภูมิและ รายงานการทดลอง และการน�ำ เสนอ เซลล์ทุติยภูมิ เซลลท์ ตุ ยิ ภมู ิ 3. ใช้คำ�ถามว่า เพราะเหตุใดเซลล์ทุติยภูมิจึงสามารถประจุไฟแล้วนำ�กลับ ดา้ นทกั ษะดา้ นทักษะ มาใชใ้ หมไ่ ด้ จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ท�ำ การทดลองเรอ่ื ง เซลลส์ ะสม 1. การสงั เกตและการทดลอง จากการสงั เกตพฤตกิ รรมทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ไฟฟ้าแบบตะกัว่1. การสังเกต 4. อภปิ รายผลการทดลองและลงขอ้ สรปุ รว่ มกนั เกยี่ วกบั หลกั การท�ำ งานและ ในการท�ำ การทดลองและรายงานการทดลอง2. การทดลอง ปฏกิ ริ ยิ าทเ่ี กดิ ขนึ้ ทขี่ ว้ั ไฟฟา้ ของเซลลท์ ตุ ยิ ภมู ิ พรอ้ มทงั้ เขยี นสมการแสดง 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากผลทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ปฏกิ ิรยิ าจากการทดลอง1. การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ 5. ใหน้ ักเรยี นสรุปความรเู้ ก่ียวกับเซลลป์ ฐมภมู แิ ละเซลลท์ ตุ ิยภูมิ การสืบค้นขอ้ มูลและการน�ำ เสนอ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 6. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอย่างเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ทตุ ยิ ภมู ิ ทใี่ ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำ วนั ปฏกิ ริ ยิ าเคมที เ่ี กดิ ขน้ึ ในเซลล ์ รวมทงั้ ระบุด้านจิตวิทยาศาสตร์ ขอ้ ดแี ละขอ้ จ�ำ กดั ของการน�ำ ไปใช ้ จากนนั้ อภปิ รายรว่ มกนั โดยครอู าจให้ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�การทดลอง1. ความอยากรู้อยากเหน็ ความรูเ้ พมิ่ เตมิ ในประเด็นที่สำ�คัญ2. การใช้วิจารณญาณ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์3. การเห็นคณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ความอยากรู้อยากเห็น จากการสังเกตพฤติกรรม ในการทำ�การทดลอง 2. การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรม ในการอภปิ ราย 3. การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากการนำ�เสนอ และการอภปิ ราย
เคมี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5ผลการเรยี นรู้ 31. ทดลองชบุ โลหะและแยกสารเคมดี ว้ ยกระแสไฟฟา้ และอธิบายหลกั การทางเคมไี ฟฟา้ ทใ่ี ชใ้ นการชุบโลหะ การแยกสารเคมีดว้ ยกระแสไฟฟา้ 81 การทำ�โลหะให้บรสิ ทุ ธ์ิ และการปอ้ งกันการกดั กรอ่ นของโลหะการวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยทบทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั ความหมายและหลกั การ ด้านความรู้ ทำ�งานเบ้อื งตน้ และคา่ ศกั ยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์อิเลก็ โทรลติ กิ1. การแยกสารเคมดี ว้ ยกระแสไฟฟา้ หลกั การแยกสารเคมดี ว้ ยกระแสไฟฟา้ การชบุ โลหะ2. การชุบโลหะ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มต้ังสมมติฐานและออกแบบการทดลองเพื่อศึกษา การท�ำ โลหะใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ และการปอ้ งกนั การกดั กรอ่ น3. การท�ำ โลหะใหบ้ ริสทุ ธ์ิ เก่ียวกับการแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า จากสารเคมีและอุปกรณ์ที่ ของโลหะ จากรายงานการทดลอง การอภิปราย 4. การป้องกันการกดั กรอ่ นของโลหะ ก�ำ หนดให้ โดยแต่ละกลมุ่ อาจได้สารเคมตี า่ งกัน การทำ�แบบฝกึ หดั และการทดสอบด้านทักษะ 3. ตรวจสอบการออกแบบการทดลองของนักเรียน จากน้ันให้นักเรียน ดา้ นทกั ษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แตล่ ะกล่มุ ทำ�การทดลองตามทไี่ ดอ้ อกแบบไว้ 1. การสังเกต การต้ังสมมติฐาน การทดลอง และ 1. การสังเกต2. การตงั้ สมมตฐิ าน 4. ใหน้ กั เรยี นน�ำ เสนอ อภปิ รายและสรปุ ผลการทดลอง จากนน้ั สรปุ เกย่ี วกบั การกำ�หนดและควบคุมตัวแปร จากรายงานการ3. การทดลอง หลกั การแยกสารเคมดี ้วยกระแสไฟฟ้า ทดลองและการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ การทดลอง4. การกำ�หนดและควบคุมตัวแปร 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 5. อภปิ รายผลการทดลองของนกั เรยี นกลมุ่ ทส่ี งั เกตเหน็ การเคลอื บของโลหะ จากการออกแบบการทดลองและการอภปิ ราย1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ที่ข้ัวไฟฟ้า เพ่ือประยุกต์หลักการแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้ามาใช้ใน 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการสังเกตพฤตกิ รรมในการท�ำ การทดลอง3. การสือ่ สารสารสนเทศและการรูเ้ ทา่ ทันสอ่ื การชุบโลหะ ซึ่งอาจมีการยกตัวอย่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชุบโลหะ 4. การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากการ ในชวี ิตประจำ�วนั หรือในอุตสาหกรรม น�ำ เสนอด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ 6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบการทดลองเก่ียวกับการชุบโลหะจาก 1. ความอยากรู้อยากเหน็ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์2. การใชว้ จิ ารณญาณ สารเคมีและอุปกรณ์ที่ก�ำ หนดให้ โดยแตล่ ะกลมุ่ อาจได้สารเคมตี ่างกัน 1. ความอยากรอู้ ยากเหน็ ความมงุ่ มน่ั อดทน และความ3. ความมุ่งม่ันอดทน 7. ตรวจสอบการออกแบบการทดลองของนักเรียน จากนั้นให้นักเรียน4. ความรอบคอบ แตล่ ะกลุ่มทำ�การทดลองตามทไ่ี ด้ออกแบบไว้ รอบคอบ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�การ 8. ใหน้ กั เรยี นน�ำ เสนอ อภปิ รายและสรปุ ผลการทดลอง จากนน้ั สรปุ เกยี่ วกบั ทดลอง 2. การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรม หลักการชบุ โลหะ ในการอภิปราย 9. อธิบายเกีย่ วกับหลกั การทำ�โลหะให้บรสิ ทุ ธ์ิ และการป้องกันการกัดกรอ่ น ของโลหะ 10. อภิปรายเพ่ือสรุปความรู้เกี่ยวกับหลักการการชุบโลหะ การแยกสารเคมี ด้วยกระแสไฟฟ้า การทำ�โลหะให้บริสุทธ์ิ และการป้องกันการกัดกร่อน ของโลหะ จากนนั้ ให้นักเรยี นท�ำ แบบฝึกหัดเพื่อทบทวนความรู้
82 ผลการเรยี นรู้ 32. สืบค้นขอ้ มลู และน�ำ เสนอตวั อย่างความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีท่เี กย่ี วข้องกับเซลลเ์ คมไี ฟฟ้าในชีวติ ประจ�ำ วันการวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยทบทวนเกย่ี วกบั ประโยชนข์ องการใชค้ วามรดู้ า้ นเคมี ดา้ นความรู้ ไฟฟา้ ไปใชป้ ระโยชน์ เชน่ การชบุ โลหะ การแยกสารเคมดี ว้ ยกระแสไฟฟา้1. ปฏิกิริยารีดอกซ์ในชีวิตประจำ�วันหรือ การท�ำ โลหะให้บริสทุ ธิ์ การป้องกันการกัดกร่อนของโลหะ ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยที เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เซลลเ์ คมี อุตสาหกรรม ไฟฟา้ ในชวี ติ ประจ�ำ วนั และนวตั กรรมดา้ นพลงั งาน 2. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ประโยชนข์ องการใชค้ วามรดู้ า้ นเคมไี ฟฟา้ ที่เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม จากการนำ�เสนอข้อมูล2. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เก่ียวข้อง เพิ่มเติม โดยให้เน้นเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับ และการอภปิ ราย กับเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ เซลล์เคมีไฟฟ้าในชีวิตประจำ�วัน และนวัตกรรมด้านพลังงานที่เป็นมิตร ต่อสิง่ แวดล้อม ด้านทักษะดา้ นทกั ษะ การสอื่ สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ และความทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นน�ำ เสนอขอ้ มลู การสบื คน้ โดยอาจน�ำ เสนอเปน็ โปสเตอร์ ภาพนง่ิ - หรือวิธีการอื่นท่ีน่าสนใจ พร้อมทั้งให้นักเรียนกลุ่มอ่ืนอภิปราย ซักถาม ร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 น�ำ เสนอ1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทันสือ่ และสะท้อนความคิดเก่ียวกับการนำ�เสนอของเพ่ือนนักเรียน โดยครูอาจ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ใหค้ วามรเู้ พ่มิ เตมิ ในประเด็นท่ไี มส่ มบูรณ์ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากการน�ำ เสนอด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ การเหน็ คุณค่าทางวทิ ยาศาสตร์
เคมีช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 83
84 เคมี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
เคมี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 85สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พันธะเคมแี ละสมบตั ิของสาร แกส๊ และสมบตั ขิ องแก๊ส ประเภทและสมบตั ขิ องสารประกอบอนิ ทรยี ์และพอลเิ มอร์ รวมทงั้ การน�ำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ผลการเรยี นร้ ู 1. สบื คน้ ข้อมลู และนำ�เสนอตัวอยา่ งสารประกอบอินทรีย์ท่มี พี นั ธะเด่ียว พนั ธะคู่ หรือพันธะสาม ท่พี บในชวี ติ ประจ�ำ วนัการวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยการอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทราบความเป็นมาของ ด้านความรู้ ส่ิงมีชีวิตท่ีเร่ิมต้นจากสารประกอบอินทรีย์ และความหมายของ1. ความหมายของสารประกอบอินทรยี ์ ความหมาย ธาตุองค์ประกอบ พันธะเคมี และ2. ธ า ตุ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ พั น ธ ะ เ ค มี ใ น สารประกอบอินทรีย์ ซ่ึงอาจใชส้ ื่อวดี ิทศั น์ประกอบการอภปิ ราย ความหลากหลายของสารประกอบอนิ ทรยี ์ จากการ 2. ยกตัวอย่างโครงสร้างหรือสูตรเคมีของสารประกอบอินทรีย์และ อภปิ ราย และการทดสอบ สารประกอบอินทรีย์3. ความหลากหลายของสารประกอบอนิ ทรีย์ สารประกอบอนนิ ทรยี แ์ ลว้ อภปิ รายรว่ มกนั และลงขอ้ สรปุ ถงึ ความแตกตา่ ง ด้านทกั ษะ ระหว่างสารประกอบอนิ ทรียแ์ ละสารประกอบอนินทรยี ์ 1. การลงความเห็นจากขอ้ มลู จากการอภปิ รายดา้ นทักษะ 3. ทบทวนเก่ียวกับพันธะโคเวเลนต์ของธาตุคาร์บอนที่อาจเป็นได้ทั้ง 2. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากผลการทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบค้นขอ้ มลู และการน�ำ เสนอ การลงความเห็นจากข้อมลู พันธะเดีย่ ว พันธะคู่ หรือพนั ธะสามทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 4. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอตัวอย่างสารประกอบอินทรีย์ที่มี ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทันส่ือ ความใจกวา้ ง จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการอภปิ ราย พนั ธะเดย่ี ว พนั ธะคู่ หรอื พนั ธะสาม ทพี่ บในชวี ติ ประจ�ำ วนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ เหน็ ตวั อยา่ งของสารประกอบอนิ ทรยี ท์ ห่ี ลากหลาย จากนน้ั อภปิ รายรว่ มกนั ความใจกวา้ ง เพ่ือลงข้อสรุปว่า การที่สารประกอบอินทรีย์มีหลากหลาย เนื่องจาก ธาตคุ ารบ์ อนสามารถสรา้ งพนั ธะไดท้ ง้ั พนั ธะเดยี่ ว พนั ธะคู่ หรอื พนั ธะสาม กับธาตคุ ารบ์ อนหรือธาตอุ น่ื แบบโซห่ รือวงได้
86 ผลการเรียนร้ ู 2. เขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สตู รโครงสรา้ งแบบยอ่ และสตู รโครงสรา้ งแบบเสน้ ของสารประกอบอินทรยี ์การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. ทบทวนความรู้เกี่ยวกับการเขียนสูตรโครงสร้างลิวอิสของสารโคเวเลนต์ ด้านความรู้ โดยยกตวั อยา่ งสารประกอบอนิ ทรยี ท์ ม่ี โี มเลกลุ อยา่ งงา่ ยบางชนดิ จากนน้ั วธิ กี ารเขยี นสตู รโครงสรา้ งลวิ อสิ สตู รโครงสรา้ งแบบยอ่ การเขยี นสตู รโครงสรา้ งลวิ อสิ สตู รโครงสรา้ ง และสตู รโครงสรา้ งแบบเสน้ ของสารประกอบอนิ ทรยี ์ แบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นของ อธบิ ายวธิ กี ารเขยี นสตู รโครงสรา้ งแบบยอ่ และแบบเสน้ จากสตู รโครงสรา้ ง สารประกอบอนิ ทรีย์ ลิวอสิ จากการทำ�แบบฝกึ หัดและการทดสอบด้านทกั ษะ 2. ให้นักเรียนเขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส โครงสร้างแบบย่อ และโครงสร้าง ดา้ นทกั ษะทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ แบบเสน้ จากตวั อยา่ งทกี่ �ำ หนด แลว้ ตรวจสอบค�ำ ตอบ รวมถงึ แกไ้ ขความ - - เข้าใจทคี่ ลาดเคล่อื นทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ - 3. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ กยี่ วกบั สตู รโครงสรา้ งลวิ อสิ สตู รโครงสรา้ งแบบยอ่ ความรอบคอบ จากการท�ำ แบบฝกึ หัด และสูตรโครงสร้างแบบเส้นของสารประกอบอินทรีย์ และให้นักเรียน ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ความรอบคอบ ทำ�แบบฝกึ หดั เพอ่ื ทบทวนความรู้
เคมี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6ผลการเรียนรู้ 3. วิเคราะห์โครงสร้าง และระบปุ ระเภทของสารประกอบอนิ ทรยี ์จากหมู่ฟังกช์ ัน 87การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาสารตวั อยา่ งทม่ี ลี กั ษณะทปี่ รากฏ ดา้ นความรู้ เหมือนกัน แล้วใชค้ �ำ ถามว่าสารตัวอยา่ งเปน็ สารเดียวกันหรอื ไม่ ทราบได้ ประเภทและหมู่ฟังก์ชันของสารประกอบ อยา่ งไร ประเภทและหมู่ฟังก์ชันของสารประกอบอินทรีย์ อินทรยี ์ จากการอภปิ ราย การท�ำ แบบฝกึ หดั และการทดสอบ 2. ใหน้ กั เรยี นท�ำ การทดลองเพอื่ จดั กลมุ่ สารประกอบอนิ ทรยี ต์ วั อยา่ ง โดยใช้ด้านทกั ษะ การละลายน้ำ� การทำ�ปฏิกิริยากับโลหะโซเดียม สารละลายโซเดียม ด้านทกั ษะทกั ษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ 1. การจ�ำ แนกประเภท จากการทดลอง การท�ำ แบบฝกึ หดั1. การจ�ำ แนกประเภท ไฮโดรเจนคารบ์ อเนตอมิ่ ตวั และสารละลายโพแทสเซยี มเปอรแ์ มงกาเนต 2. การทดลอง จากรายงานการทดลองและการสังเกต2. การทดลอง โดยครใู ชส้ ารประกอบอนิ ทรยี ต์ วั อยา่ งทม่ี สี ถานะเปน็ ของเหลวใส ทเ่ี ปน็ ทง้ั3. การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ แอลเคน แอลคนี แอลกอฮอล์ และกรดอนิ ทรยี ์ ทม่ี โี มเลกลุ ขนาดเลก็ อยา่ งละ พฤตกิ รรมในการทำ�การทดลองทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 2 ชนดิ 3. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป และการคิด1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา 3. อภปิ รายผลการทดลองรว่ มกนั เพอื่ ลงขอ้ สรปุ วา่ สารประกอบอนิ ทรยี ท์ ใ่ี ช้ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จากการอภปิ ราย2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ในการทดลองมีสมบัติต่างกัน สามารถจำ�แนกได้เป็น 4 กลุ่ม จากนั้น 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ค รู แ ส ด ง สู ต ร โ ค ร ง ส ร้ า ง ข อ ง ส า ร ป ร ะ ก อ บ อิ น ท รี ย์ ที่ ใ ช้ ใ น ก า ร ท ด ล อ ง ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ แล้วให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปว่า สารประกอบอินทรีย์ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ การทดลอง ความซ่อื สัตย์ แต่ละชนิดมีส่วนท่ีเป็นหมู่ฟังก์ชันซึ่งเป็นอะตอมหรือกลุ่มอะตอมท่ีแสดง สมบัติเฉพาะตัว ซ่ึงจากการทดลองหมู่ฟังก์ชันส่งผลต่อสมบัติของสาร ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ ดงั น้ันสารที่มีหมฟู่ งั กช์ นั เหมือนกันจงึ มีสมบตั ิคลา้ ยกัน ความซอื่ สตั ย์ จากรายงานการทดลอง 4. อธบิ ายเกย่ี วกบั ประเภทและหมฟู่ งั กช์ นั ของสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภท แอลเคน แอลคนี แอลไคน์ อะโรมาตกิ ไฮโดรคารบ์ อน แอลกอฮอล์ อเี ทอร์ เอมนี แอลดไี ฮด์ คโี ตน กรดคารบ์ อกซลิ กิ เอสเทอร์ และเอไมด์ จากนน้ั ให้ ความร้เู พิม่ เติมเก่ยี วกบั สารประกอบอินทรียใ์ นชวี ติ ประจำ�วนั 5. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ กยี่ วกบั การระบปุ ระเภทของสารประกอบอนิ ทรยี ์ โดยพิจารณาจากหมู่ฟังก์ชันของสาร และให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด เพ่ือทบทวนความรู ้
88 ผลการเรียนร ู้ 4. เขียนสูตรโครงสรา้ งและเรยี กชอ่ื สารประกอบอนิ ทรียป์ ระเภทตา่ ง ๆ ทม่ี ีหมู่ฟังก์ชันไมเ่ กนิ 1 หมู่ ตามระบบ IUPACการวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยยกตวั อยา่ งสารประกอบอนิ ทรยี ท์ พ่ี บในชวี ติ ประจ�ำ วนั ด้านความรู้ พรอ้ มแสดงชอ่ื สามญั และทม่ี าของชอ่ื สามญั ของสารประกอบอนิ ทรยี แ์ ตล่ ะชนดิ การเรยี กชอ่ื สารประกอบอินทรีย์ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�กิจกรรมต้ังช่ือสามัญของสารประกอบอินทรีย์ วิธีการเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ไม่เกิน 1 หมู่ตามระบบ IUPAC จากการอภิปรายดา้ นทกั ษะ จากข้อมูลที่กำ�หนดให้ แล้วอภิปรายร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปว่า ชื่อสามัญ การทำ�แบบฝึกหดั และการทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ของสารประกอบอนิ ทรยี ใ์ ชใ้ นการสอื่ สารไดง้ า่ ย แตไ่ มม่ หี ลกั เกณฑใ์ นการ - ตง้ั ชอื่ อยา่ งเปน็ ระบบ หรอื สารชนดิ เดยี วกนั อาจมชี อ่ื สามญั หลายชอื่ และ ด้านทักษะทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อภปิ รายเพม่ิ เตมิ วา่ เมอ่ื มกี ารคน้ พบสารชนดิ ตา่ ง ๆ มากขน้ึ อาจท�ำ ใหเ้ กดิ 1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จากการ1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ความสบั สนเขา้ ใจไมต่ รงกนั เพอื่ ใหเ้ หน็ ถงึ ขอ้ ดแี ละขอ้ จ�ำ กดั ของชอื่ สามญั ทำ�กิจกรรม การอภิปราย และการท�ำ แบบฝกึ หัด2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ แล้วเชอื่ มโยงสูก่ ารเรียกชอ่ื ตามระบบ IUPAC 2. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 3. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาหลกั เกณฑใ์ นการเรยี กชอ่ื สารประกอบอนิ ทรยี ช์ นดิ ตา่ ง ๆด้านจติ วิทยาศาสตร์ ตามระบบ IUPAC จากนั้นอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับการเรียกชื่อ จากการสังเกตพฤติกรรมในการอภปิ ราย1. ความอยากรอู้ ยากเห็น สารประกอบอนิ ทรยี ์2. ความรอบคอบ 4. ใหน้ กั เรยี นเรยี กชอ่ื สารประกอบอนิ ทรยี ต์ ามระบบ IUPAC ทม่ี หี มฟู่ งั กช์ นั ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์3. ความใจกว้าง ไมเ่ กนิ 1 หมู่ จากสตู รโครงสรา้ งทกี่ �ำ หนดให้ จากนนั้ ครตู รวจสอบค�ำ ตอบ 1. ความอยากรอู้ ยากเหน็ จากการสงั เกตระหวา่ งศกึ ษา และแกไ้ ขความเข้าใจทคี่ ลาดเคล่ือน 5. ยกตัวอย่างการเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์จากชื่อ ดว้ ยตนเอง ตามระบบ IUPAC จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นเขยี นสตู รโครงสรา้ งของสารประกอบ 2. ความรอบคอบ จากการท�ำ แบบฝกึ หัด อนิ ทรยี ท์ มี่ หี มฟู่ งั กช์ นั ไมเ่ กนิ 1 หมู่ จากชอื่ ตามระบบ IUPAC จากตวั อยา่ ง 3. ความใจกวา้ ง จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการอภปิ ราย ทก่ี �ำ หนดให้ จากนน้ั ครตู รวจสอบค�ำ ตอบและแกไ้ ขความเขา้ ใจทค่ี ลาดเคลอ่ื น 6. อภปิ รายร่วมกนั ถงึ ขอ้ ดีและข้อจ�ำ กดั ของการเรียกชอ่ื แตล่ ะระบบ เพ่ือให้ นกั เรียนเหน็ ว่าสารประกอบอินทรียบ์ างชนดิ ยังนิยมเรยี กด้วยช่ือสามัญ 7. ให้นักเรียนสรุปความรู้เก่ียวกับการเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ที่มี หมฟู่ งั กช์ นั ไมเ่ กนิ 1 หมูต่ ามระบบ IUPAC และใหน้ กั เรยี นท�ำ แบบฝึกหดั เพือ่ ทบทวนความรู้
เคมี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6ผลการเรยี นร ู้ 5. เขยี นไอโซเมอร์โครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรีย์ประเภทตา่ ง ๆ 89การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยยกตวั อยา่ งสารประกอบอนิ ทรยี ท์ ม่ี สี ตู รโมเลกลุ เหมอื นกนั ด้านความรู้ แต่มีสมบัติต่างกัน ซ่ึงตัวอย่างอาจเป็นสารท่ีมีหมู่ฟังก์ชันเหมือนกัน 1. ไอโซเมอริซมึ ไอโซเมอริซึม และการเขียนไอโซเมอร์โครงสร้าง2. ไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรยี ์ แตม่ โี ครงสรา้ งตา่ งกนั และสารทม่ี หี มฟู่ งั กช์ นั ตา่ งกนั จากนนั้ ใชค้ �ำ ถามวา่ ของสารประกอบอินทรีย์ จากการอภิปราย การทำ� เพราะเหตุใดสารท่ีมสี ตู รโมเลกลุ เหมือนกนั จึงมสี มบตั ิต่างกนั แบบฝึกหดั และการทดสอบด้านทกั ษะ 2. ให้นักเรียนเขียนโครงสร้างที่เป็นไปได้จากสูตรโมเลกุลของสารตัวอย่างทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้านทกั ษะ การลงความเหน็ จากขอ้ มูล แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ลงขอ้ สรปุ วา่ สารประกอบอนิ ทรยี ท์ ม่ี สี ตู รโมเลกลุ 1. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการอภปิ รายทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 เหมอื นกัน แต่มสี มบตั ิต่างกนั เนือ่ งมาจากสารมโี ครงสรา้ งหรอื หมู่ฟังกช์ ัน 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ต่างกัน จากน้ันครูให้คำ�จำ�กัดความของปรากฏการณ์ไอโซเมอริซึมและ ไอโซเมอร์โครงสรา้ ง จากการทำ�แบบฝกึ หดัดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ 3. อธบิ ายวธิ กี ารเขยี นไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งจากสตู รโมเลกลุ ของสารประกอบ ความรอบคอบ อนิ ทรยี ์ ซง่ึ มที ง้ั สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนอม่ิ ตวั สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ไมอ่ ม่ิ ตวั หรือสารประกอบอนิ ทรียท์ ่มี ีหมู่ฟังก์ชันอื่น ความรอบคอบ จากการทำ�แบบฝกึ หดั 4. ให้นักเรียนเขียนไอโซเมอร์โครงสร้างที่เป็นไปได้ทั้งหมด จากตัวอย่าง ท่ีกำ�หนดให้ และแนะนำ�วิธีที่ช่วยในการตรวจสอบว่าสูตรโครงสร้างของ ไอโซเมอรท์ เี่ ขยี นไดซ้ �้ำ กนั หรอื ไม่ เชน่ พจิ ารณาจากการเรยี กชอื่ ตามระบบ IUPAC จากน้ันตรวจสอบความถูกต้องร่วมกัน และแก้ไขความเข้าใจ ท่ีคลาดเคล่อื น 5. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั ไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งและการเขยี นไอโซเมอร์ โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ และให้นักเรียนทำ�แบบฝึกหัด เพ่อื ทบทวนความรู้
90 ผลการเรยี นรู ้ 6. วิเคราะห์ และเปรียบเทียบจุดเดอื ดและการละลายในนำ้�ของสารประกอบอินทรยี ์ท่ีมหี มู่ฟังกช์ ัน ขนาดโมเลกุล หรอื โครงสรา้ งต่างกนัการวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. ทบทวนความรโู้ ดยใชค้ �ำ ถามวา่ ปจั จยั ใดทมี่ ผี ลตอ่ จดุ เดอื ดของสาร เพอ่ื ให้ ดา้ นความรู้ มีความเข้าใจว่า สารมีจุดเดือดแตกต่างกันเน่ืองจากมีแรงดึงดูดระหว่าง1. สภาพขว้ั ของโมเลกลุ ของสารประกอบอนิ ทรยี ์ ความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดและการละลายของ2. แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งโมเลกลุ ของสารประกอบ โมเลกลุ ต่างกัน สารประกอบอินทรีย์ท่ีมีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล อนิ ทรีย์ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มพิจารณาข้อมูลชื่อและจุดเดือดของสารประกอบ หรอื โครงสรา้ งตา่ งกนั จากการอภปิ ราย การทดลอง3. จุดเดอื ดของสารประกอบอนิ ทรีย์ การทำ�แบบฝกึ หัด และการทดสอบ4. การละลายของสารประกอบอินทรีย์ใน อนิ ทรยี ์ทีก่ �ำ หนดให้ ดังน้ี - สารประกอบอนิ ทรียท์ ่มี มี วลโมเลกุลเทา่ กนั แตม่ หี มฟู่ ังก์ชันต่างกัน ด้านทกั ษะ ตัวท�ำ ละลาย - สารประกอบอนิ ทรยี ท์ ม่ี หี มฟู่ งั กช์ นั เหมอื นกนั แตม่ มี วลโมเลกลุ ตา่ งกนั 1. การสงั เกต จากรายงานการทดลอง - สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชันเหมือนกัน มวลโมเลกุลเท่ากัน 2. การกำ�หนดและควบคุมตัวแปร จากการออกแบบด้านทกั ษะ แตม่ โี ครงสรา้ งต่างกนัทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่ออภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อจุดเดือดของสารประกอบ การทดลองและรายงานการทดลอง1. การสังเกต 3. การทดลอง จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� 2. การกำ�หนดและควบคุมตวั แปร อินทรยี ์ โดยวิเคราะห์จากสูตรโครงสรา้ งของสาร3. การทดลอง 3. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่ หมฟู่ งั กช์ นั ขนาดโมเลกลุ หรอื โครงสรา้ ง การทดลอง4. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ ของสารที่แตกต่างกัน ทำ�ให้สารมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลต่างกัน 4. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป จากการทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันส่ือ สารจงึ มจี ุดเดอื ดตา่ งกัน วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ของขอ้ มูล 4. ทบทวนเก่ยี วกบั สภาพขวั้ ของสาร ประเภทของแรงดึงดดู ระหวา่ งโมเลกลุ 5. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการด้านจิตวิทยาศาสตร์1. ความใจกว้าง โดยเช่ือมโยงกับหมฟู่ ังกช์ นั ขนาดโมเลกุล และโครงสร้างของสาร สืบคน้ ขอ้ มูลและการน�ำ เสนอ2. การใช้วจิ ารณญาณ 5. ให้นักเรียนเปรียบเทียบจุดเดือดของสารประกอบอินทรีย์ตัวอย่างท่ีมี 3. ความซอ่ื สตั ย์ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์4. การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ หมฟู่ งั กช์ นั มวลโมเลกลุ หรอื โครงสรา้ งตา่ งกนั เพอ่ื วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ 1. ความใจกวา้ ง การใชว้ จิ ารณญาณ และความซอื่ สตั ย์ ระหวา่ งจุดเดือดกับ - หมฟู่ ังกช์ ันและสภาพขัว้ ของสารประกอบอินทรีย์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการอภปิ ราย - มวลโมเลกลุ ของสารประกอบอินทรยี ์ท่มี ีหมฟู่ งั กช์ ันชนิดเดยี วกัน 2. การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากผลการสืบค้น - โครงสร้างของสารประกอบอนิ ทรยี ท์ ่มี มี วลโมเลกลุ และหม่ฟู งั กช์ นั เหมือนกัน ขอ้ มูล 6. อภิปรายร่วมกันเพื่อลงข้อสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดกับ หมฟู่ ังก์ชนั มวลโมเลกุล หรอื โครงสรา้ งของสารประกอบอินทรยี ์
เคมี 91การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6 7. ใช้คำ�ถามว่า หมู่ฟังก์ชัน มวลโมเลกุล และโครงสร้างของสาร มีผลต่อ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุดเดือดแล้ว ยังมีผลต่อสมบัติการละลายในนำ้�ของสารหรือไม่ อย่างไร เพ่อื น�ำ เข้าสกู่ ารศึกษาสมบัตกิ ารละลายในน้ำ�ของสารประกอบอนิ ทรยี ์ 8. ให้นักเรียนออกแบบและทำ�การทดลองเพื่อศึกษาสมบัติการละลายของ สารประกอบอนิ ทรยี ์ชนดิ ต่าง ๆ ในนำ�้ และตัวทำ�ละลายอินทรยี ต์ า่ ง ๆ 9. อภิปรายผลการทดลองร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปว่า สารประกอบอินทรีย์ สามารถละลายไดใ้ นตวั ท�ำ ละลายทม่ี สี ภาพขว้ั ใกลเ้ คยี งกนั ซง่ึ เปน็ ไปตามกฎ “Like dissolves like” 10. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอเก่ียวกับตัวทำ�ละลายอินทรีย์และ หลกั การละลายของสารประกอบอนิ ทรยี ไ์ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจ�ำ วนั 11. ให้นักเรียนสรุปความรู้เก่ียวกับจุดเดือดและสมบัติการละลายของ สารประกอบอนิ ทรีย์ และให้นกั เรยี นทำ�แบบฝึกหัดเพือ่ ทบทวนความรู้
92 ผลการเรยี นร ู้ 7. ระบปุ ระเภทของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนและเขยี นผลติ ภณั ฑจ์ ากปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ ปฏกิ ริ ยิ ากบั โบรมนี หรอื ปฏกิ ริ ยิ ากบั โพแทสเซยี มเปอรแ์ มงกาเนตการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาธาตอุ งคป์ ระกอบของสารประกอบ ด้านความรู้ อนิ ทรยี ์ จากนน้ั ครใู หค้ �ำ จ�ำ กดั ความของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน เพอ่ื ให้1. สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน นักเรียนอภิปรายร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปว่าสารประกอบไฮโดรคาร์บอน การทำ�ปฏิกิริยาของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน2. ปฏิกิริยาการเผาไหม้ของสารประกอบ แตล่ ะประเภท จากการอภปิ ราย การทดลอง การท�ำ ประกอบด้วยสารประเภทแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ และอะโรมาติก ไฮโดรคารบ์ อน ไฮโดรคารบ์ อน แบบฝกึ หดั และการทดสอบ3. ปฏกิ ริ ยิ ากบั สารละลายโบรมนี ของสารประกอบ 2. ทบทวนเก่ียวกับการละลายในน้ำ�ของสารประกอบอินทรีย์เพ่ือเช่ือมโยง ไฮโดรคารบ์ อน กับการละลายน�ำ้ ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ดา้ นทกั ษะ4. ปฏิกิริยากับสารละลายโพแทสเซียม- 3. ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนทง้ั 4 ประเภท 1. การสงั เกต จากรายงานการทดลอง แลว้ ใชค้ �ำ ถามวา่ เมอ่ื เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี จะไดผ้ ลเหมอื นหรอื ตา่ งกนั หรอื ไม่ 2. การจ�ำ แนกประเภท จากการวเิ คราะหผ์ ลการทดลอง เ ป อ ร์ แ ม ง ก า เ น ต ข อ ง ส า ร ป ร ะ ก อ บ อยา่ งไร เพอื่ น�ำ เข้าสูก่ ารทดลอง ไฮโดรคาร์บอน 4. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ท�ำ การทดลองเพอ่ื ศกึ ษาการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ การอภิปราย และการทำ�แบบฝกึ หดั ปฏกิ ิรยิ ากบั สารละลายโบรมนี และปฏิกริ ยิ ากับสารละลายโพแทสเซียม- 3. การลงความเห็นจากข้อมูล จากการอภิปราย ดา้ นทักษะ เปอร์แมงกาเนต ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน โดยครูอาจให้ข้อมูล ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ผลการทดลองเพิ่มเติมในกรณีทไ่ี ม่สามารถทำ�การทดลองได้ ผลการทดลอง1. การสังเกต 5. อภิปรายผลการทดลองร่วมกันเพื่อลงข้อสรุปเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยา 4. การทดลอง และความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีม2. การจำ�แนกประเภท ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนแต่ละประเภท และอภิปรายเช่ือมโยง3. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู เกยี่ วกบั โครงสรา้ งของสารกบั การเกิดปฏกิ ริ ิยา จากนัน้ ใหค้ วามรู้เพม่ิ เตมิ และภาวะผู้นำ� จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�4. การทดลอง เกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอ่ิมตวั และไม่อ่ิมตัว การทดลองทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 6. ใหน้ กั เรยี นระบปุ ระเภทของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน โดยท�ำ การทดลอง ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ หรือใชข้ อ้ มลู ทกี่ �ำ หนดให้ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. ให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน 1. การใชว้ ิจารณญาณ จากการอภิปรายดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ และให้นักเรียนทำ�แบบฝกึ หดั เพอ่ื ทบทวนความรู้ 2. ความใจกว้าง จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� 1. การใช้วิจารณญาณ2. ความใจกว้าง การทดลอง
เคมี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6ผลการเรียนรู้ 8. เขยี นสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏกิ ริ ิยาเอสเทอริฟิเคชนั ปฏกิ ิรยิ าการสังเคราะหเ์ อไมด์ ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลซิ ิส และปฏิกริ ยิ าสะปอนนฟิ เิ คชัน 93 9. ทดสอบปฏิกริ ิยาเอสเทอริฟิเคชนั ปฏิกริ ิยาไฮโดรลิซิส และปฏกิ ริ ยิ าสะปอนนิฟเิ คชันการวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. ทบทวนความรู้เก่ียวกับประเภทและหมู่ฟังก์ชันของสารประกอบอินทรีย์ ดา้ นความรู้ ทมี่ ธี าตุอื่นเปน็ องค์ประกอบ1. ปฏกิ ิรยิ าเอสเทอริฟเิ คชัน การเขยี นสมการและการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเอสเทอรฟิ เิ คชนั2. ปฏิกิริยาการสงั เคราะห์เอไมด์ 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริ- ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส3. ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลซิ สิ ฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสและปฏิกิริยา4. ปฏกิ ริ ิยาสะปอนนฟิ ิเคชัน สะปอนนิฟิเคชัน รวมถึงการเขียนสมการเคมีเพื่อแสดงปฏิกิริยา และ และปฏกิ ริ ยิ าสะปอนนฟิ เิ คชนั จากผลการสบื คน้ ขอ้ มลู ประโยชน์ของปฏกิ ิริยา การอภปิ ราย รายงานการทดลอง การท�ำ แบบฝกึ หดัด้านทกั ษะทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายร่วมกันถึงการเกิดปฏิกิริยาเคมีและการเขียนสมการเคมีท่ีได้ และการทดสอบ การทดลอง จากการสืบคน้ ขอ้ มลู และแกไ้ ขความเขา้ ใจทค่ี ลาดเคลอื่ นทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ด้านทักษะ1. การสอื่ สารสารสนเทศและการรูเ้ ทา่ ทันส่ือ 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำ�การทดลองเพ่ือศึกษาปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน 1. การทดลอง และความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีม2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสและปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน จากนั้นอภิปรายและ สรุปผลการทดลองรว่ มกัน และภาวะผนู้ �ำ จากรายงานการทดลองและการสงั เกตดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ พฤตกิ รรมในการท�ำ การทดลอง1. ความรอบคอบ 5. ให้นักเรียนเขียนสมการและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากผล2. การเห็นคณุ ค่าทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏกิ ริ ยิ าการสงั เคราะหเ์ อไมด์ ปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลซิ สิ และปฏกิ ริ ยิ าสะปอนน-ิ การสบื คน้ ขอ้ มลู และการน�ำ เสนอ ฟิเคชัน จากตัวอยา่ งที่กำ�หนดให้ 6. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมขี องสารประกอบอนิ ทรยี ์ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ท่ีมีธาตุอ่ืนเป็นองค์ประกอบรวมถึงการเขียนสมการเคมี และให้นักเรียน 1. ความรอบคอบ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� การทดลอง ท�ำ แบบฝึกหดั เพอ่ื ทบทวนความรู้ 2. การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากผลการสืบค้น ข้อมลู
94 ผลการเรียนรู ้ 10. สืบค้นขอ้ มูล และนำ�เสนอตวั อย่างการน�ำ สารประกอบอินทรยี ์ไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจ�ำ วันและอุตสาหกรรมการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาวดี ทิ ศั นเ์ กย่ี วกบั อตุ สาหกรรมปโิ ตรเลยี ม การกลน่ั น�ำ้ มนั ดบิ ดา้ นความรู้ และการแยกแก๊สธรรมชาติ จากนั้นอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับความหมาย การนำ�สารประกอบอินทรยี ์ไปใชป้ ระโยชน์ การนำ�สารประกอบอินทรีย์แต่ละประเภทไปใช้ และคำ�จำ�กัดความของนำ้�มันดิบ แหล่งที่พบ อุตสาหกรรมปิโตรเลียม ประโยชน์ จากการอภิปราย ผลการสืบค้นข้อมูลด้านทกั ษะ กระบวนการกลั่นนำ้�มันดิบ และการแยกแก๊สธรรมชาติ รวมถึงการนำ� การนำ�เสนอ และการทดสอบทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ แอลเคนชนดิ ตา่ ง ๆ ซงึ่ เปน็ ผลติ ภณั ฑท์ ไี่ ดไ้ ปใชป้ ระโยชน์ เชน่ การน�ำ ไปใช้ - เปน็ เชอ้ื เพลิง การนำ�ไปใช้เป็นสารตั้งตน้ ในการผลิตแอลคนี ดา้ นทกั ษะทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 2. อธิบายเกี่ยวกับการผลิตแอลคีนจากแอลเคนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 1. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากผล1. การส่อื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั สื่อ กระบวนการในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการนำ�แอลคีนชนิดต่าง ๆ 2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ไปใช้ประโยชน์ การสืบค้นขอ้ มูลและการน�ำ เสนอ 3. อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ประโยชนข์ องสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทอนื่ ๆ 2. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ นอกจากแอลเคนและแอลคนี 1. ความใจกว้าง 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับแหล่งที่มาและการนำ� จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ กิจกรรม2. การเหน็ คณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ สารประกอบอินทรีย์ประเภทอ่ืน ๆ นอกจากแอลเคนและแอลคีนไปใช้ ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจ�ำ วนั และในอตุ สาหกรรม แลว้ ออกแบบการน�ำ เสนอ ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ในรปู แบบต่าง ๆ 1. ความใจกว้าง จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� 5. ให้นักเรียนนำ�เสนอข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นข้อมูล แล้วเปิดโอกาส ใหเ้ พื่อนนักเรียนได้แลกเปลย่ี นซกั ถาม โดยครูอธิบายเพม่ิ เติมในประเด็น กจิ กรรม ทไ่ี ม่สมบรู ณ์ และแก้ไขความเขา้ ใจที่คลาดเคลื่อน 2. การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากผลการสืบค้น ข้อมลู และการอภปิ ราย
เคมี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6 1. เขา้ ใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรยี งธาตุในตารางธาตุ สมบัตขิ องธาตุ พนั ธะเคมแี ละสมบัตขิ องสาร แก๊สและสมบตั ิของแกส๊ ประเภทและสมบตั ิ 95 ของสารประกอบอินทรียแ์ ละพอลเิ มอร์ รวมทง้ั การนำ�ความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ผลการเรยี นร้ ู 11. ระบุประเภทของปฏิกิริยาการเกดิ พอลิเมอรจ์ ากโครงสร้างของมอนอเมอรห์ รอื พอลิเมอร์การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยการตรวจสอบความรู้เก่ียวกับพอลิเมอร์ซ่ึงอาจใช้ ด้านความรู้ ค�ำ ถามหรอื ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งผลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอรท์ พ่ี บในชวี ติ ประจ�ำ วนั1. ความหมายของพอลิเมอร์และมอนอเมอร์ ความหมายของพอลเิ มอร์ มอนอเมอร์ ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ2. ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบเติมและ และกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นมีความสนใจในการศึกษาเกีย่ วกบั พอลเิ มอร์ พอลิเมอร์แบบเติมและแบบควบแน่น จากการ 2. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจความหมายของพอลเิ มอรแ์ ละมอนอเมอร์ แบบควบแน่น โดยอาจใช้การต่อลวดเสียบกระดาษเข้าด้วยกัน จากนั้นอภิปรายร่วมกัน ทำ�กิจกรรม การอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และ การทดสอบด้านทกั ษะ และลงขอ้ สรปุ วา่ พอลเิ มอรค์ อื สารโมเลกลุ ขนาดใหญท่ เ่ี กดิ จากมอนอเมอร์ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชอ่ื มต่อกัน ด้านทกั ษะ1. การจ�ำ แนกประเภท 3. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณารปู ภาพหรอื ผลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอรบ์ างชนดิ เชน่ ขวดน�ำ้ 1. การจ�ำ แนกประเภท จากการอภปิ ราย การท�ำ กจิ กรรม2. การลงความเหน็ จากข้อมลู เสื้อผ้า ยางพารา ท่อพีวีซี และใช้คำ�ถามว่าผลิตภัณฑ์ใดเป็นพอลิเมอร์ และการทำ�แบบฝกึ หดัทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 2. การลงความเหน็ จากข้อมูล จากการท�ำ กิจกรรม 1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทันส่อื ธรรมชาตหิ รอื พอลเิ มอรส์ งั เคราะห์ แลว้ อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั การจ�ำ แนก 3. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ พอลิเมอร์โดยใช้แหล่งกำ�เนดิ เป็นเกณฑ์ 4. ใชค้ �ำ ถามกระตนุ้ นกั เรยี นวา่ ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอรเ์ กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร อภปิ รายและการสรุปความรู้ด้านจติ วิทยาศาสตร์ 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ความใจกว้าง เพอื่ น�ำ เข้าสกู่ ิจกรรมปฏิกริ ิยาการเกดิ พอลิเมอร์ 5. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมเพอื่ ศกึ ษาปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอรโ์ ดยใชบ้ ทบาท จากการสงั เกตพฤติกรรมในการท�ำ กจิ กรรม สมมตุ ิ จากนน้ั อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกบั ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอร์ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ แบบเติมและแบบควบแนน่ ความใจกวา้ ง จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการอภปิ ราย 6. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ระบปุ ระเภทของปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอรแ์ บบเตมิ และแบบควบแน่น โดยพิจารณาจากสูตรโครงสร้างของมอนอเมอร์หรือ พอลิเมอร์ จากนั้นตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้ระบุประเภท ของปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอรจ์ ากตวั อยา่ งทก่ี �ำ หนดใหแ้ ละอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ในกรณีท่นี ักเรยี นมคี วามเขา้ ใจท่คี ลาดเคล่ือน 7. อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ชนดิ ของพอลเิ มอรจ์ ากสตู รโครงสรา้ งของพอลเิ มอร์ ทเ่ี กดิ จากปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอรแ์ บบเตมิ และแบบควบแนน่ เพอ่ื ใหไ้ ด้ ขอ้ สรุปเก่ยี วกับหนว่ ยซ้ำ� พอลิเมอร์เอกพนั ธแ์ ละพอลิเมอร์รว่ ม
96 แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ 8. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรดู้ ว้ ยตนเองเกย่ี วกบั ความแตกตา่ งระหวา่ งปฏกิ ริ ยิ า การเกิดพอลิเมอร์แบบเติมและแบบควบแน่น จากนั้นให้นักเรียนทำ� แบบฝกึ หัดเพอ่ื ทบทวนความรู้
เคมี ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6ผลการเรียนรู้ 12. วิเคราะหแ์ ละอธบิ ายความสัมพันธ์ระหวา่ งโครงสรา้ งกับสมบตั ขิ องพอลิเมอร์ รวมทั้งการน�ำ ไปใช้ประโยชน์ 97การวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามว่า เพราะเหตุใดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์จึงมี ด้านความรู้ สมบัติแตกต่างกัน เพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมการศึกษาโครงสร้างของ 1. โครงสรา้ งของพอลเิ มอร์ พอลิเมอร์ โครงสร้างของพอลิเมอร์ ความสัมพันธ์ระหว่าง2. ความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับสมบัติ โครงสรา้ งกบั สมบัตขิ องพอลิเมอร์ และการนำ�ไปใช้ 2. ใหน้ กั เรยี นท�ำ กจิ กรรมเพอ่ื ศกึ ษาโครงสรา้ งพอลเิ มอร์ โดยการตอ่ ลวดเสยี บ ประโยชน์ จากการอภปิ ราย ผลงานการสบื คน้ ขอ้ มลู ของพอลเิ มอร์ และการนำ�ไปใช้ประโยชน์ กระดาษเพอ่ื แสดงโครงสรา้ งของพอลเิ มอร์ 3 แบบ คอื พอลเิ มอรแ์ บบเสน้ การทำ�แบบฝกึ หัด และการทดสอบดา้ นทักษะ พอลิเมอร์แบบก่ิง และพอลิเมอร์แบบร่างแห จากน้ันเปรียบเทียบการ ด้านทักษะทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ จัดเรียงตัวระหว่างสายโซ่ของโครงสร้างแต่ละแบบ แล้วอภิปรายร่วมกัน 1. การจำ�แนกประเภทและการลงความเห็นจากข้อมูล1. การจ�ำ แนกประเภท เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า โครงสร้างแต่ละแบบมีการจัดเรียงตัวระหว่างสายโซ่2. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล ของสายโซพ่ อลเิ มอร์แตกต่างกนั จากการทำ�กจิ กรรมและการอภปิ ราย3. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป 2. การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ จากการอภปิ รายทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 3. ใช้คำ�ถามว่า โครงสร้างและการจัดเรียงตัวของสายโซ่พอลิเมอร์มีผลต่อ 3. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากผลงาน1. การส่ือสารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทันส่ือ สมบตั ขิ องพอลเิ มอรอ์ ยา่ งไร เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การสบื ค้นข้อมูลและการน�ำ เสนอ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� ผลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอรท์ พ่ี บในชวี ติ ประจ�ำ วนั พรอ้ มระบชุ อ่ื พอลเิ มอร์ มอนอเมอร์ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ โครงสรา้ งและการจดั เรยี งตวั ของสายโซพ่ อลเิ มอร์ และสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ กิจกรรม1. ความอยากรูอ้ ยากเหน็ เชน่ จดุ หลอมเหลว ความหนาแนน่ ความเปราะ ความเหนยี ว ความยดื หยนุ่2. ความใจกวา้ ง รวมทัง้ การนำ�ไปใช้ประโยชน์ ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์3. การเหน็ คุณค่าทางวทิ ยาศาสตร์ 4. ให้นักเรียนนำ�เสนอผลการสืบค้นข้อมูล จากนั้นอภิปรายร่วมกัน เพื่อลง 1. ความอยากรู้อยากเห็นและความใจกว้าง จากการ ข้อสรุปเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับสมบัติของพอลิเมอร์ สังเกตพฤติกรรมในการอภปิ ราย โดยครูอธบิ ายเพิม่ เติมในกรณที ี่นกั เรียนมีความเขา้ ใจคลาดเคล่อื น 2. การเห็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ จากผลงานการ 5. ให้นักเรียนท�ำ แบบฝึกหดั เพือ่ ทบทวนความรู้ สืบค้นขอ้ มูลและการน�ำ เสนอ
98 ผลการเรยี นรู้ 13. ทดสอบและระบปุ ระเภทของพลาสติกและผลติ ภัณฑย์ าง รวมทัง้ การน�ำ ไปใช้ประโยชน์การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหท้ บทวนเกย่ี วกบั สมบตั ทิ างกายภาพของพอลเิ มอร์ ด้านความรู้ เชน่ ความแขง็ ความเปราะ ความเหนยี ว ความขนุ่ ความใส ความยดื หยนุ่1. พอลิเมอรเ์ ทอร์มอพลาสติก จากตวั อยา่ งผลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอรท์ ง้ั พลาสตกิ และยางทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำ วนั 1. ประเภทของพลาสตกิ และผลติ ภณั ฑย์ าง จากการท�ำ2. พอลเิ มอรเ์ ทอร์มอเซต กิจกรรม การอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัด และ 3. ประโยชนข์ องพลาสติกและผลิตภณั ฑ์ยาง แล้วใช้คำ�ถามว่า เมื่อผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ได้รับความร้อน สมบัติจะ เปลย่ี นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร เพอื่ นำ�เขา้ สู่กจิ กรรม การทดสอบด้านทกั ษะ 2. สมบัติและการนำ�ไปใช้ประโยชน์ของพลาสติกและทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อศึกษาประเภทของพอลิเมอร์ โดยพิจารณา1. การสังเกต ลักษณะท่ีเปล่ียนแปลงไปเม่ือได้รับความร้อน ซ่ึงผลิตภัณฑ์ตัวอย่างที่ใช้ ผลติ ภณั ฑย์ าง จากการน�ำ เสนอ การอภปิ ราย ผลงาน2. การจ�ำ แนกประเภท ทดสอบอาจเป็นขวดพลาสติก ยางลบ ภาชนะเมลามีน ยางพื้นรองเท้า จากการสืบค้นข้อมูล การทำ�แบบฝึกหัด และ 3. การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ บัตรเครดิต ถุงพลาสติกใส่อาหาร หูหม้อ แผ่นซีดี ถุงมือยาง ยางรถยนต์ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 กล่องพลาสตกิ ใสอ่ าหาร การทดสอบ1. การสือ่ สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่อื2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 3. อภิปรายร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปว่า การจำ�แนกพอลิเมอร์โดยใช้ลักษณะ ด้านทักษะ ทเ่ี ปลย่ี นแปลงเมอ่ื ไดร้ บั ความรอ้ น แบง่ ได้ 2 ประเภท คอื พอลเิ มอรท์ ไ่ี ดร้ บั 1. การสังเกต จากการทำ�กิจกรรมด้านจติ วิทยาศาสตร์ 2. การจ�ำ แนกประเภท และการตคี วามหมายขอ้ มลู และ การเห็นคุณคา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ ความร้อนแล้วอ่อนตัว สามารถนำ�กลับมาหลอมข้ึนรูปใหม่ได้ เรียกว่า พอลเิ มอรเ์ ทอรม์ อพลาสตกิ สว่ นพอลเิ มอรท์ ไ่ี ดร้ บั ความรอ้ นแลว้ ไมอ่ อ่ นตวั ลงขอ้ สรปุ จากการทำ�กจิ กรรม และการอภิปราย 3. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากผลงาน จงึ ไมส่ ามารถน�ำ กลบั มาหลอมขน้ึ รปู ใหมไ่ ด้ เรยี กวา่ พอลเิ มอรเ์ ทอรม์ อเซต การสืบค้นขอ้ มลู และการนำ�เสนอ 4. อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ระบปุ ระเภทของพลาสตกิ และผลติ ภณั ฑย์ าง จากผล 4. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� การทดสอบ จากน้ันลงข้อสรุปร่วมกันว่า พลาสติกมีท้ังที่เป็นพอลิเมอร์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�กจิ กรรม เทอร์มอพลาสติกและพอลิเมอร์เทอร์มอเซต ส่วนผลิตภัณฑ์ยางเป็น พอลิเมอร์เทอร์มอเซตเทา่ น้ัน ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ 5. ใช้คำ�ถามว่า โครงสร้างของพอลิเมอร์เทอร์มอพลาสติกและพอลิเมอร์- การเหน็ คณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ จากผลงานการสบื คน้ เทอร์มอเซตแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร เพ่ือเช่ือมโยงกับโครงสร้างของ ขอ้ มูลและการน�ำ เสนอ พอลิเมอร์ จากน้ันอภิปรายร่วมกันเพ่ือลงข้อสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างท่ี แตกต่างกันของพอลิเมอร์เทอร์มอพลาติก และพอลิเมอร์เทอร์มอเซต ซึ่งทำ�ให้มสี มบัติและการนำ�ไปใช้ประโยชนต์ า่ งกัน
เคมี 99การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลของพลาสติกและผลิตภัณฑ์ยาง แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ในประเดน็ ต่อไปน้ี - ตวั อยา่ งผลติ ภณั ฑ์ ชอ่ื และสตู รโครงสรา้ งของพอลเิ มอร์ และมอนอเมอร์ สมการแสดงปฏกิ ริ ิยาการเกิดพอลเิ มอร์ - แหลง่ ทีม่ าของวตั ถดุ บิ - สมบัติและการนำ�ไปใช้ประโยชน์ 7. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายและสรุปผลจากข้อมูลที่ได้ และนำ�เสนอ ในรูปแบบต่าง ๆ 8. อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ สรปุ ความรเู้ กยี่ วกบั สมบตั แิ ละการน�ำ ไปใชป้ ระโยชน์ ของผลติ ภัณฑพ์ อลิเมอร์ ซึ่งสัมพันธก์ ับชนิดและโครงสรา้ งของพอลิเมอร์ แบบเทอรม์ อเซตและเทอรม์ อพลาสติก จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นท�ำ แบบฝึกหดั เพ่อื ทบทวนความรู้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106