Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการใช้หลักสูตร วิชาชีววิทยา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

คู่มือการใช้หลักสูตร วิชาชีววิทยา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Published by Nuttigar, 2018-06-10 23:22:35

Description: คู่มือการใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
วิชาชีววิทยา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Keywords: คู่มือ,การใช้หลักสูตร,ชีววิทยา,มัธยมศึกษาตอนปลาย,วิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

คู่มือการใชห้ ลกั สูตรรายวชิ าเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑วิชาชีววทิ ยาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายจดั ท�ำ โดยสถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีกระทรวงศึกษาธิการ

ชวี วทิ ยา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 1สาระชีววิทยา 1. เข้าใจธรรมชาตขิ องสง่ิ มชี ีวติ การศกึ ษาทางชีววทิ ยาและวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ สารท่ีเปน็ องค์ประกอบของสงิ่ มีชวี ติ ปฏกิ ริ ิยาเคมใี นเซลล์ ของสิ่งมีชวี ิต กลอ้ งจุลทรรศน์ โครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของเซลล์ การลำ�เลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายและสรปุ สมบตั ิทส่ี ำ�คัญของส่งิ มีชวี ติ และความสัมพนั ธข์ องการจัดระบบในส่ิงมชี วี ติ ทท่ี ำ�ใหส้ ิง่ มชี ีวิตดำ�รงชีวิตอยู่ได้การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งหรอื ใชต้ วั อยา่ งจรงิ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ดา้ นความรู้ ทง้ั มชี วี ติ และไมม่ ชี วี ติ เชน่ ปลายยอดพชื มกี ารตอบสนองเขา้ หาแสง ไฮดรา1. สมบตั ิทสี่ ำ�คัญของส่งิ มีชีวิต มกี ารแตกหนอ่ เปน็ ตน้ แลว้ รว่ มกนั วเิ คราะหว์ า่ เพราะเหตใุ ดจงึ จดั สง่ิ เหลา่ นน้ั สมบัติท่ีสำ�คัญของส่ิงมีชีวิตและการจัดระบบใน 2. ความสัมพันธ์ของการจดั ระบบในสิ่งมชี ีวติ สิ่งมีชีวิต จากการสืบค้นข้อมูล การอภิปรายร่วมกัน เป็นสง่ิ มีชีวติ หรือส่ิงไมม่ ีชวี ิต การทำ�แบบฝกึ หัดและแบบทดสอบดา้ นทักษะ 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล อภิปรายร่วมกันและนำ�เสนอสมบัติสำ�คัญของ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ด้านทกั ษะ การลงความเหน็ จากขอ้ มลู สิง่ มีชีวติ ที่ทำ�ให้สิง่ มชี วี ิตดำ�รงชวี ิตอยูไ่ ด้ การลงความเห็นข้อมูล การส่ือสารสารสนเทศและทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 3. อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ สงิ่ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ มลี กั ษณะจ�ำ เพาะ การสือ่ สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทันส่ือ การรู้เท่าทันสื่อ จากการนำ�เสนอและการอภิปราย ตอ้ งการสารอาหารและพลงั งาน มกี ารเจรญิ เตบิ โต การตอบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ รว่ มกนัด้านจิตวิทยาศาสตร์ การรักษาดุลยภาพของร่างกาย การสืบพันธ์ุ การปรับตัวทางวิวัฒนาการ ความใจกวา้ ง และการทำ�งานร่วมกันขององค์ประกอบตา่ ง ๆ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ 4. อธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการจัดระบบในพืชและสัตว์ท่ีเร่ิมจากหน่วยเล็ก ความใจกว้างจากการสังเกตพฤติกรรมในการ ไปหนว่ ยใหญ่ 5. ร่วมกันสรุปเก่ียวกับความสัมพันธ์ของการจัดระบบในส่ิงมีชีวิตว่าส่ิงมีชีวิต อภปิ รายรว่ มกนั มกี ารจดั ระบบ จากเซลล์ เน้อื เยื่อ อวยั วะ ระบบอวัยวะ และสิง่ มีชีวิตตาม ลำ�ดับ ท�ำ ใหส้ ามารถดำ�รงชีวติ อยไู่ ด้

2 ผลการเรยี นร ู้ 2. อภปิ รายและบอกความส�ำ คัญของการระบปุ ัญหา ความสมั พันธร์ ะหวา่ งปญั หา สมมติฐานและวิธีการตรวจสอบสมมตฐิ าน รวมทั้งออกแบบการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐานการวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนศึกษาวีดิทัศน์หรือชุดสาธิตการทดลอง ด้านความรู้ ทางชีววทิ ยาท่นี ่าสนใจ เช่น การสลายน�ำ้ ตาลของยสี ต์ 2 ชดุ1. การบอกความสำ�คัญของการระบุปัญหา 1. การตง้ั ปญั หา ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปญั หา สมมตฐิ าน ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปญั หา สมมตฐิ าน และ 2. ให้นักเรียนฝึกการสังเกตและตั้งคำ�ถาม จากการทดลองที่ให้ปัจจัย และวธิ กี ารตรวจสอบสมมตฐิ านจากแบบฝกึ หดั หรอื วธิ กี ารตรวจสอบสมมติฐาน บางประการแตกต่างกัน เช่น ปริมาณยีสต์ ความเข้มข้นของสารละลาย น�้ำ ตาล ท�ำ ใหช้ ุดหนง่ึ สามารถผลติ ไดป้ รมิ าณมาก สว่ นอกี ชดุ สามารถผลติ แบบทดสอบ2. การออกแบบการทดลองเพ่ือตรวจสอบ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซดไ์ ดใ้ นปริมาณที่น้อยกว่า 2. การออกแบบการทดลอง และทักษะการส่ือสาร สมมติฐาน 3. อภปิ รายรว่ มกนั โดยเปรยี บเทยี บค�ำ ถามทต่ี ง้ั ขน้ึ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเกดิ แนวคดิ วา่ จากการอภิปรายร่วมกนั และการนำ�เสนอขอ้ มูลด้านทกั ษะ การสังเกตเป็นทักษะสำ�คัญท่ีนำ�ไปสู่การค้นพบปัญหาและสามารถระบุทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นทกั ษะ1. การสงั เกต ปัญหาทดี่ ีและเหมาะสมได้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การคิดอย่าง2. การวัด 4. ใช้วีดิทัศน์หรือชุดสาธิตการทดลองในข้อ 1. รวมทั้งข้อมูลเพ่ิมเติม 3. การจ�ำ แนกประเภท มี วิ จ า ร ณ ญ า ณ แ ล ะ ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า จ า ก ก า ร ส า ธิ ต 4. การจดั กระท�ำ และสือ่ ความหมายข้อมูล ท่ีรวบรวมได้ เพื่อฝึกให้นักเรียนตั้งสมมติฐาน ให้เข้าใจความหมายของ การทดลองและการออกแบบการทดลอง5. การลงความเหน็ จากข้อมูล สมมตฐิ านและตง้ั สมมตฐิ านไดส้ อดคลอ้ งกบั ปญั หาและขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้6. การตั้งสมมตฐิ าน ซึง่ นำ�ไปสู่การออกแบบการทดลอง ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์7. การก�ำ หนดนิยามเชิงปฏบิ ัติการ 5. ใช้ตัวอย่างสถานการณ์หรือ ตัวอย่างการออกแบบการทดลองต่าง ๆ ที่มี ความอยากร้อู ยากเห็น ความม่งุ ม่นั อดทน จากการ8. การก�ำ หนดและควบคมุ ตวั แปร การควบคุมตัวแปร เพื่อให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ สรุปความสัมพันธ์9. การทดลอง (ขั้นออกแบบการทดลอง) ระหวา่ งปญั หา สมมติฐาน และวิธกี ารตรวจสอบสมมตฐิ าน สงั เกตพฤตกิ รรมในการตงั้ ค�ำ ถาม และการออกแบบทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 6. ให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ตัวอย่างข้อมูลของผลการทดลองต่าง ๆ ที่ม ี การทดลอง1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา การควบคุมตัวแปร ซึ่งครูได้จัดเตรียมไว้ เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับวิธีการ2. การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สือ่ รวบรวมข้อมูล วิธีการบันทึกผลการทดลอง ความน่าเชื่อถือของข้อมูล การวิเคราะหแ์ ละลงความเหน็ จากขอ้ มลู การใช้หลกั ฐานในการสนบั สนนุ ขอ้ สรปุ ทไ่ี ด้จากการทดลอง

ชวี วทิ ยา 3 การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. ให้นักเรียนเลือกประเด็นหรือสถานการณ์จริงที่สนใจ เพ่ือฝึกการสังเกต แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้1. ความอยากรูอ้ ยากเห็น การตง้ั ค�ำ ถาม ระบปุ ญั หาและสมมตฐิ าน น�ำ ไปสกู่ ารออกแบบการทดลอง2. ความมุ่งม่ันอดทน เพ่อื ตรวจสอบสมมตฐิ าน และน�ำ เสนอขอ้ มลู เพ่ือแลกเปลีย่ นเรียนรู้ 8. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุปความสำ�คัญของการระบุปัญหา ความสัมพนั ธร์ ะหว่างปญั หา สมมตฐิ าน และวิธกี ารตรวจสอบสมมติฐาน การออกแบบการทดลองเพือ่ ตรวจสอบสมมติฐาน

4 ผลการเรยี นร ู้ 3. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายเกย่ี วกบั สมบตั ขิ องน�ำ้ และบอกความส�ำ คญั ของน�ำ้ ทม่ี ตี อ่ สง่ิ มชี วี ติ และยกตวั อยา่ งธาตตุ า่ ง  ๆ ทม่ี คี วามส�ำ คญั ตอ่ รา่ งกายสง่ิ มชี วี ติการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. ถามคำ�ถามโดยใช้ภาพหรือวีดิทัศน์สิ่งมีชีวิตท่ีมีการใช้สารเคมี หรือ ดา้ นความรู้ มนษุ ย์ มีการสกดั เอาสารเคมจี ากพืช หรือส่งิ มีชีวิตตา่ ง ๆ มาใชป้ ระโยชน ์ 1. สมบัติของนำ้� และความสำ�คัญของน้ำ�ท่ีมี เพอื่ เชอื่ มโยงให้เหน็ ความสมั พันธข์ องสารเคมกี บั สิง่ มชี ีวติ และใช้ค�ำ ถาม สมบัติของนำ้� และตัวอย่างธาตุที่มีความสำ�คัญ ต่อสิ่งมีชีวิต เพ่ือเชอ่ื มโยงว่าธาตุและสารประกอบเป็นองค์ประกอบของสง่ิ มีชีวิต ต่อร่างกายของส่ิงมีชีวิต จากการสืบค้นข้อมูลและ การทำ�แบบทดสอบ2. ตัวอย่างธาตุที่มีความสำ�คัญในการเป็น 2. อธบิ ายพร้อมยกตวั อย่างเกย่ี วกบั ธาตุ สารประกอบ การเกดิ สารประกอบ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ ก า ร ทำ � ง า น ข อ ง เ ซ ล ล์ โดยพันธะเคมี ด้านทกั ษะ สง่ิ มีชีวิต และระบบต่าง ๆ ของส่ิงมชี ีวิต 1. การสังเกตและการลงความเห็นจากข้อมูล จากการ 3. ใหค้ วามรเู้ พม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั สมบตั ขิ องน�ำ้ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สง่ิ มชี วี ติ เชน่ การมขี ว้ัด้านทักษะ (เป็นตัวท�ำ ละลาย) สมบัตใิ นการเกบ็ ความรอ้ น และมคี วามจุความรอ้ นสงู สงั เกตและเปรียบเทียบโครงสร้างทางเคมีทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ เพอ่ื รว่ มกนั สบื คน้ ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ น�ำ เสนอ และอภปิ ราย 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ1. การสงั เกต2. การลงความเหน็ จากข้อมูล เกยี่ วกบั ความส�ำ คญั ของน�ำ้ ทมี่ ตี อ่ สง่ิ มชี วี ติ และ ความส�ำ คญั ของธาตชุ นดิ สืบค้นข้อมูล การนำ�เสนอข้อมูล และการอภิปรายทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตา่ ง ๆ ทม่ี ีผลตอ่ ส่งิ มชี วี ติ รว่ มกนั1. การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทนั สือ่ 5. รว่ มกนั สรปุ เกย่ี วกบั สมบตั ขิ องน�ำ้ รวมทง้ั ความส�ำ คญั ของน�ำ้ และธาตตุ า่ ง ๆ 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ที่มีผลต่อการทำ�งานของเซลล์ส่ิงมีชีวิต และระบบต่าง ๆ ของพืช สัตว์ จากการท�ำ กิจกรรมกลุ่ม และมนษุ ย์ด้านจิตวิทยาศาสตร์ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ การใช้วิจารณญาณ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสบื คน้ ขอ้ มลู การอธบิ าย การตอบคำ�ถาม และการอภปิ รายรว่ มกัน

ชีววทิ ยา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4ผลการเรียนรู ้ 4. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ระบุกลมุ่ ของคาร์โบไฮเดรต รวมท้งั ความสำ�คัญของคารโ์ บไฮเดรตที่มตี ่อส่ิงมชี ีวติ 5การวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. ใชค้ �ำ ถามน�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นเพอื่ ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งสารประกอบคารบ์ อน ดา้ นความรู้ ทพ่ี บในสิ่งมชี ีวิต1. โครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต 1. ตัวอย่างกลุ่มคาร์โบไฮเดรตท่ีพบในธรรมชาติ และ2. ตวั อยา่ งมอโนแซก็ คาไรด์ ไดแซก็ คาไรด์ และ 2. อธิบายเกี่ยวกับหมู่ฟังก์ชันท่ีพบในสารประกอบคาร์บอนเพ่ือเชื่อมโยง ความสำ�คัญของคาร์โบไฮเดรตท่ีมีต่อสิ่งมีชีวิต เขา้ ส่สู ารประกอบคารบ์ อน เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ลพิ ดิ จากการสืบค้นข้อมูลและการอภิปรายร่วมกนั พอลิแซก็ คาไรด์3. ความสำ�คัญของคาร์โบไฮเดรตในการเป็น 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่างคาร์โบไฮเดรตที่พบในธรรมชาติ 2. โครงสรา้ ง และความส�ำ คญั ของคารโ์ บไฮเดรตทม่ี ตี อ่ รวมท้ังความสำ�คัญของคาร์โบไฮเดรตที่มีต่อสิ่งมีชีวิตนำ�เสนอข้อมูลและ สิง่ มีชวี ติ จากการท�ำ แบบทดสอบ แหลง่ พลังงานและเปน็ โครงสร้างของเซลล์ อภิปรายรว่ มกัน ดา้ นทักษะดา้ นทักษะ 4. อธบิ ายเกย่ี วกบั สตู รโมเลกลุ ทว่ั ไป โครงสรา้ ง และกลมุ่ ยอ่ ยของคารโ์ บไฮเดรต 1. การสังเกต การทดลอง การตคี วามหมายขอ้ มลู และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ท่ีแบ่งตามขนาดโมเลกุล เช่น มอโนแซ็กคาไรด์ ไดแซ็กคาไรด์ และ 1. การสงั เกต การลงขอ้ สรปุ จากการอธบิ าย การท�ำ กจิ กรรมและ2. การทดลอง พอลิแซ็กคาไรด์ การอภปิ รายร่วมกนั3. การตคี วามหมายข้อมูลและการลงขอ้ สรุป 5. ร่วมกันสรุปเกี่ยวกับโครงสร้าง กลุ่มของคาร์โบไฮเดรต และความสำ�คัญ 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 สืบค้นข้อมูลและการนำ�เสนอข้อมูล1. การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันส่ือ ของคาร์โบไฮเดรตทีม่ ตี อ่ สิ่งมชี ีวิต 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการท�ำ กิจกรรมกลมุ่ด้านจิตวิทยาศาสตร์ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์1. การใชว้ จิ ารณญาณ 1. การใช้วิจารณญาณ และความรอบคอบ จากการ2. ความซ่อื สตั ย์3. ความมงุ่ มั่นอดทน สืบค้นข้อมูล และการอภปิ รายร่วมกัน4. ความรอบคอบ 2. ความซื่อสัตย์ และความมุ่งม่ันอดทน จากการ ทำ�กจิ กรรมกลมุ่

6 ผลการเรยี นร ู้ 5. สบื ค้นขอ้ มลู อธบิ ายโครงสรา้ งของโปรตนี และความส�ำ คญั ของโปรตีนท่มี ตี อ่ สงิ่ มชี ีวิตการวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. ใช้ภาพโครงสร้างทางเคมีของกรดอะมิโน และใช้คำ�ถามเพ่ือให้นักเรียน ด้านความรู้ เปรยี บเทียบโครงสร้างทางเคมขี องกรดอะมิโนต่างชนดิ กัน1. โครงสร้างของโปรตนี 1. ความสมั พนั ธข์ องกรดอะมโิ น การเกดิ พอลเิ พปไทด์2. ความส�ำ คญั ของโปรตนี ในการเปน็ โครงสรา้ ง 2. รว่ มกนั อภปิ รายเพอื่ ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ กรดอะมโิ นทกุ ชนดิ มหี มอู่ ะมโิ น และโปรตนี จากการเขียนแผนภาพ และหมคู่ ารบ์ อกซลิ เป็นหมูฟ่ ังก์ชัน แตจ่ ะมคี วามแตกต่างกันไปตาม side และควบคมุ การท�ำ งานของเซลล์ chain (R group) ในกรดอะมิโนแต่ละชนิด 2. โครงสร้าง และความสำ�คัญของโปรตีนที่มีต่อ สิง่ มีชีวิตจากการท�ำ แบบทดสอบดา้ นทกั ษะ 3. อธิบายเก่ียวกับ การเกิดพอลิเพปไทด์ โครงสร้างและความสำ�คัญของทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โปรตีนท่มี ีตอ่ สิ่งมีชวี ิต ดา้ นทกั ษะ การลงความเห็นจากขอ้ มูล 1. การสังเกตและการลงความเห็นจากข้อมูล จากการทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 4. ร่วมกันสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างของโปรตีน โดยให้นักเรียนเขียนเป็น1. การสือ่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั ส่ือ แผนภาพแสดงความสมั พันธข์ อง กรดอะมิโน การเกิดพอลเิ พปไทด์ และ สงั เกตและเปรียบเทียบภาพโครงสร้างทางเคมี2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ โปรตีน รวมทั้งความสำ�คญั ของโปรตนี ที่มตี ่อส่ิงมชี ีวติ 2. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ความรว่ มมอื การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสืบค้นดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์1. การใชว้ ิจารณญาณ ขอ้ มลู และการน�ำ เสนอข้อมลู2. ความรอบคอบ 3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการ ทำ�กจิ กรรมกลมุ่ ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ การใช้วิจารณญาณ และความรอบคอบ จากการ สังเกตพฤติกรรมในการสืบค้นข้อมูล และการ อภปิ รายร่วมกัน

ชวี วทิ ยา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4ผลการเรยี นรู้ 6. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างของลพิ ิด และความสำ�คญั ของลพิ ดิ ทีม่ ตี อ่ ส่ิงมชี วี ิต 7การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. ใช้คำ�ถามเพื่อให้นักเรียนยกตัวอย่างลิพิดชนิดต่าง ๆ ท่ีนักเรียนรู้จักหรือ ดา้ นความรู้ เกย่ี วขอ้ งกบั ชีวิตประจำ�วนั1. ตัวอย่างลิพิดกลุ่มสำ�คัญที่พบในส่ิงมีชีวิต 1. ตัวอย่างของลิพิดเช่น กรดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ เช่น กรดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ ฟอสโฟลิพิด 2. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ เพอ่ื สบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอ และอภปิ รายเกย่ี วกบั ตวั อยา่ ง ฟอสโฟลิพิด สเตอรอยด์ จากแบบฝึกหัดหรือแบบ สเตอรอยด์ เปน็ ต้น ของลิพิดทพี่ บในสิง่ มชี วี ติ พรอ้ มทัง้ ความสำ�คญั ของลพิ ิดทมี่ ตี อ่ สิ่งมชี ีวติ ทดสอบ2. ความส�ำ คญั ของลพิ ดิ ในการเปน็ แหลง่ พลงั งาน 3. นักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับลิพิดกลุ่มต่าง ๆ ที่พบในสิ่งมีชีวิต และความ 2. ความส�ำ คญั ของลพิ ดิ ทมี่ ตี อ่ สงิ่ มชี วี ติ จากแบบฝกึ หดั รักษาดุลยภาพของนำ้�และอุณหภูมิ ป้องกัน สำ�คัญของลิพิดทีม่ ีตอ่ สง่ิ มีชวี ิต หรือแบบทดสอบ อวัยวะในรา่ งกาย ด้านทักษะด้านทักษะ 1. การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล จากการทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อธบิ ายและอภิปรายร่วมกนั1. การสังเกต 2. การลงความเหน็ จากข้อมูล 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 สืบค้นข้อมูลและการนำ�เสนอข้อมลู1. การสอื่ สารสารสนเทศและการรูเ้ ทา่ ทนั สอื่2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการทำ�กจิ กรรมกล่มุดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ สบื คน้ ขอ้ มลู การน�ำ เสนอ และการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ร่วมกนั

8 ผลการเรยี นรู้ 7. อธบิ ายโครงสร้างของกรดนวิ คลอิ ิก ระบุชนิดของกรดนิวคลิอิกและความสำ�คัญของกรดนิวคลิอกิ ท่ีมตี อ่ ส่งิ มชี วี ิตการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชแ้ บบจ�ำ ลองหรอื วดี ทิ ศั นแ์ สดงโครงสรา้ งของ DNA ดา้ นความรู้1. โครงสรา้ งของกรดนวิ คลอิ กิ และนวิ คลโี อไทด์ และใช้คำ�ถามเกีย่ วกับลกั ษณะของ DNA2. ความส�ำ คญั ของกรดนวิ คลอิ กิ ในการเกบ็ และ 1. โครงสร้างของกรดนิวคลิอิกชนิดต่าง ๆ และความ 2. บรรยายเกี่ยวกับชนิดและโครงสร้างทางเคมีของ นิวคลีโอไทด์ซ่ึงเป็น สำ�คัญของกรดนิวคลิอิกท่ีมีต่อสิ่งมีชีวิต จากการ ถ่ายทอดขอ้ มูลทางพนั ธุกรรม หน่วยย่อยของ DNA และ RNA รวมท้ังความสัมพันธ์ระหว่างชนิดของ ท�ำ แบบฝึกหดั หรอื แบบทดสอบ นวิ คลีโอไทด์ พอลินิวคลโี อไทด์ และกรดนิวคลิอิกด้านทกั ษะ 2. ความสำ�คัญของ DNA และ RNA ท่ีมีต่อส่ิงมีชีวิตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั สบื คน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ความส�ำ คญั ของ DNA และ RNA จากการสบื ค้นข้อมูลและการตอบค�ำ ถาม1. การสงั เกต ทม่ี ีตอ่ สงิ่ มชี วี ติ2. การลงความเห็นจากข้อมูล ด้านทักษะทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 4. อภิปรายร่วมกันและสรุปเก่ียวกับโครงสร้างและความสำ�คัญของ 1. การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล การตอบ การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สื่อ กรดนวิ คลิอกิ ท่ีมีตอ่ สิ่งมีชีวิต คำ�ถาม การอธบิ าย การอภปิ รายและสรุปข้อมลูด้านจิตวิทยาศาสตร์ 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ การใช้วจิ ารณญาณ สบื คน้ ข้อมูลและการนำ�เสนอข้อมูล ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ การใช้วิจารณญาณ จากการสืบค้นข้อมูล การนำ� เสนอขอ้ มลู และการอภปิ รายร่วมกัน

ชวี วทิ ยา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4ผลการเรียนร ู้ 8. สืบค้นขอ้ มลู และอธบิ ายปฏกิ ริ ิยาเคมีทีเ่ กดิ ขึน้ ในส่ิงมชี ีวติ 9การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งปฏกิ ริ ยิ าเคมที น่ี กั เรยี นรจู้ กั และ ดา้ นความรู้ ร่วมกนั อภิปรายว่าปฏกิ ริ ยิ าเคมใี ดบ้างทเ่ี กิดขึน้ ไดใ้ นสง่ิ มีชวี ิต ปฏกิ ริ ยิ าคายพลงั งานและปฏกิ ริ ยิ าดดู พลงั งาน 2. บรรยายเก่ียวกับปฏิกิริยาดูดพลังงานและปฏิกิริยาคายพลังงานที่เกิดขึ้น ปฏกิ ริ ยิ าเคมที เี่ ปน็ ปฏกิ ริ ยิ าดดู พลงั งานและปฏกิ ริ ยิ า ในส่งิ มีชวี ิต เคมที เี่ ปน็ ปฏกิ ริ ยิ าคายพลงั งานทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสง่ิ มชี วี ติ ในเซลลส์ ิง่ มีชีวติ พร้อมยกตวั อย่าง จากการสืบค้นข้อมูล การอภิปราย และการตอบดา้ นทักษะ 3. ใหน้ กั เรยี นเลอื กน�ำ เสนอปฏกิ ริ ยิ าเคมที ไ่ี ดจ้ ากการสบื คน้ ในรปู แบบแผนภาพ คำ�ถามและแบบฝกึ หดั แสดงสารต่าง ๆ รวมทงั้ พลงั งานทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ปฏิกริ ิยาเคมีทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4. รว่ มกนั สรปุ เกย่ี วกบั ปฏกิ ริ ยิ าเคมที เี่ กดิ ขน้ึ ในเซลลส์ ง่ิ มชี วี ติ รวมทงั้ รปู แบบ ด้านทกั ษะ1. การจำ�แนกประเภท การจ�ำ แนกประเภท และการลงความเหน็ จากขอ้ มลู2. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล ของพลังงานที่หมุนเวียนจากอาหารที่สิ่งมีชีวิตกินจนเซลล์นำ�ไปใช้ใน และการสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 การสรา้ งพลงั งานหรอื องค์ประกอบของสิ่งมชี วี ิต การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทันส่อื จากการตอบคำ�ถาม และการอภิปรายด้านจิตวิทยาศาสตร์ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์1. ความอยากรู้อยากเห็น ความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจในวิทยาศาสตร์2. ความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ กจิ กรรม และการ อภิปรายร่วมกันความอยากรู้อยากเห็น และความ สนใจในวทิ ยาศาสตร์ จากการตอบคำ�ถาม

10 ผลการเรียนรู ้ 9. อธบิ ายการทำ�งานของเอนไซมใ์ นการเรง่ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีในสิ่งมชี ีวิตและระบปุ จั จัยทมี่ ผี ลตอ่ การท�ำ งานของเอนไซม์การวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยสาธิตกิจกรรมปฏิกิริยาการสลายไฮโดรเจนเปอร์ ดา้ นความรู้ ออกไซดใ์ นเซลลส์ ง่ิ มชี วี ติ และรว่ มกบั นกั เรยี นอภปิ รายเพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ วา่1. การทำ�งานของเอนไซม์ การทำ�งานของเอนไซม์และปัจจัยท่ีมีผลต่อการ2. ปัจจยั ทีม่ ผี ลตอ่ การท�ำ งานของเอนไซม์ เซลล์มีเอนไซมท์ �ำ หนา้ ท่ีเรง่ การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมภี ายในเซลล์ ทำ�งานของเอนไซม์จากการตอบคำ�ถาม การทำ� 2. บรรยายเกย่ี วกบั การท�ำ งานของเอนไซมใ์ นการเรง่ ปฏกิ ริ ยิ าเคมใี นสงิ่ มชี วี ติ กิจกรรมกลุ่มในการทดลอง สรุปผลการทดลองด้านทกั ษะ 3. ให้นักเรียนเขียนแผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสารตั้งต้น เอนไซม์ รายงานผลการทดลอง และอภปิ รายผลการทดลองทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์1. การสงั เกต และสารผลิตภณั ฑ์ เพอ่ื อธิบายกลไกการทำ�งานของเอนไซม์ ด้านทกั ษะ2. การวดั 4. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล แบ่งกลุ่มเพ่ือทำ�กิจกรรม และร่วมกันอภิปราย 1. การสังเกต การวัด การหาความสัมพันธ์ของสเปซ3. การหาความสมั พันธข์ องสเปซกับเวลา กบั เวลา การจดั กระท�ำ ขอ้ มลู และสอ่ื ความหมายขอ้ มลู4. การจัดกระทำ�ข้อมูลและสื่อความหมาย เพอื่ สรปุ เกี่ยวกับปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ การทำ�งานของเอนไซม์ การลงความเหน็ ขอ้ มลู การตง้ั สมมตฐิ าน การก�ำ หนด นยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การก�ำ หนดและควบคมุ ตวั แปร ของขอ้ มลู5. การลงความเหน็ จากข้อมลู การทดลอง การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป6. การต้ังสมมตฐิ าน และความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ7. การกำ�หนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร จากการท�ำ กจิ กรรม 8. การก�ำ หนดและควบคุมตวั แปร 2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จากการ9. การทดลอง ตอบค�ำ ถาม และการอภิปราย10. การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ 3. การส่ือสารสารสนเทศและการู้เท่าทันส่ือ จากการทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 สบื คน้ ข้อมูล และการนำ�ขอ้ มูล1. การสือ่ สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สื่อ2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ การใช้วิจารณญาณ ความเช่ือมั่นต่อหลักฐาน ด้านจิตวิทยาศาสตร์ เชงิ ประจกั ษ์ ความใจกวา้ ง การยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง1. การใช้วจิ ารณญาณ ความซอ่ื สตั ย์ ความมงุ่ มนั่ อดทน ความรอบคอบ และ2. ความเชื่อม่ันตอ่ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์3. ความใจกวา้ ง วัตถุวิสัย จากการทำ�กิจกรรมและการมีส่วนร่วม ในการเรียนการสอน โดยประเมินตามสภาพจริง ระหวา่ งเรยี น

ชวี วิทยา 11 การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 44. การยอมรับความเหน็ ต่าง แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้5. ความซื่อสัตย์6. ความมุ่งม่ันอดทน7. ความรอบคอบ8. วตั ถวุ ิสัย

12 ผลการเรียนรู ้ 10. บอกวธิ ีการและเตรยี มตวั อย่างสิง่ มีชีวิตเพ่ือศึกษาภายใตก้ ล้องจุลทรรศน์ใชแ้ สง วดั ขนาดโดยประมาณและวาดภาพที่ปรากฏภายใตก้ ลอ้ ง บอกวิธกี ารใชแ้ ละการดูแลรกั ษากล้องจลุ ทรรศน์ใช้แสงทถ่ี กู ตอ้ งการวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามทบทวนเกี่ยวกับหลักการทำ�งานของ ดา้ นความรู้ กล้องจลุ ทรรศนใ์ ชแ้ สง1. การเตรียมตัวอย่างที่ถูกต้องและเหมาะสม 1. ส่วนประกอบ และหน้าที่ของส่วนประกอบ กับชนิดของสิ่งมีชีวิตในการศึกษาสิ่งมีชีวิต 2. อธิบายเก่ียวกับหลักทั่วไปของวิธีการใช้ การวัดขนาดโดยประมาณของ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงจากการเรียนและการทำ� ภายใต้กลอ้ งจลุ ทรรศน์ใช้แสง ตวั อยา่ งสง่ิ มชี วี ติ การเกบ็ และการดแู ลรกั ษากลอ้ งจลุ ทรรศนใ์ ชแ้ สงทถ่ี กู ตอ้ ง กิจกรรม2. การใช้ การเก็บรักษา และการดูแลกล้อง 3. ใช้คำ�ถามเพื่อให้นักเรียนวิเคราะห์เก่ียวกับการเลือกและการเตรียม 2. วิธีการใช้ การดูแลรักษากล้องจุลทรรศน์ใช้แสงท่ี จลุ ทรรศน์ใชแ้ สงใหใ้ ช้งานไดน้ าน ตัวอย่างสิ่งมีชีวิตท่ีเหมาะสมกับการศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ถูกต้อง รวมถึงวิธีการเตรียมตัวอย่างสิ่งมีชีวิต แบบธรรมดาและกล้องจลุ ทรรศนใ์ ช้แสงแบบสเตอริโอดา้ นทักษะ เพ่ือศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงจากการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4. ให้นักเรียนสังเกต วัดขนาดโดยประมาณและวาดภาพตัวอย่างส่ิงมีชีวิตท่ี ทำ�กจิ กรรม1. การสงั เกต ปรากฏภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงโดยใช้เลนส์ใกล้วัตถุที่มีกำ�ลังขยาย 3. วิธีการวัดขนาดโดยประมาณและวาดภาพตัวอย่าง2. การวดั ส่ิงมีชีวิตที่ปรากฏภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิง3. การจ�ำ แนกประเภท ตา่ ง ๆ ประกอบจากการทำ�กิจกรรม4. การใช้จ�ำ นวน 5. ร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการเตรียมตัวอย่างส่ิงมีชีวิต การประมาณขนาด ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ด้านทกั ษะ1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา วธิ ีการใช้ การเก็บ และการดูแลรกั ษากล้องจุลทรรศน์ใช้แสง 1. การสังเกต การวัด การจำ�แนกประเภท การใช้2. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สือ่3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จำ�นวนและความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและ ภาวะผ้นู ำ�จากการทำ�กิจกรรมด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา 1. ความอยากรอู้ ยากเหน็ จากการเลอื กวิธีการเตรยี มตวั อย่างสิ่งมีชีวิต2. ความมุง่ มนั่ อดทน 3. การสอื่ สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ จากภาพ3. ความใจกวา้ ง วาดและค�ำ บรรยายภาพตวั อย่างสิง่ มีชวี ิต4. การยอมรบั ความเหน็ ต่าง5. ความซอ่ื สตั ย์ ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ ความอยากรู้อยากเห็น ความใจกว้าง ความซ่ือสัตย์ และความมุ่งม่ันอดทน จากการสังเกตพฤติกรรม ในการทำ�กิจกรรม

ชวี วิทยา ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4ผลการเรยี นรู้ 11. อธิบายโครงสร้างและหน้าทข่ี องสว่ นท่หี อ่ ห้มุ เซลลข์ องเซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ 13การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้แบบจำ�ลองเซลล์สัตว์และเซลล์พืช (อาจเป็น ด้านความรู้ หนุ่ จ�ำ ลองหรอื ภาพวาดทเ่ี กดิ จากภาพภายใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศนอ์ เิ ลก็ ตรอน)1. โครงสร้างและหน้าทีข่ องเย่ือหมุ้ เซลล์ และใชค้ �ำ ถามทบทวนความรเู้ กย่ี วกบั โครงสรา้ งของเซลลส์ ตั วแ์ ละเซลลพ์ ชื โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องสว่ นทหี่ อ่ หมุ้ เซลลข์ องเซลล์2. โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องผนงั เซลล์ พืชและเซลล์สัตว์จากการอภิปรายร่วมกันและการ 2. ร่วมกันเปรียบเทียบโครงสร้างของส่วนท่ีห่อหุ้มเซลล์ของเซลล์สัตว์และ ทำ�แบบฝกึ หดัด้านทกั ษะ เซลล์พชื จากแบบจ�ำ ลองทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้านทกั ษะ1. การสังเกต 3. อธบิ ายเกย่ี วกบั โครงสรา้ ง สว่ นประกอบ และหนา้ ทข่ี องเยอื่ หมุ้ เซลล์ และ การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล จากการ2. การลงความเหน็ จากข้อมลู ผนังเซลล์ โดยอาจใชแ้ บบจำ�ลองหรือแอนเิ มชนัทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 อภิปรายรว่ มกันและการท�ำ แบบฝึกหัด - 4. ร่วมกันสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ของ เซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ -

14 ผลการเรียนรู้ 12. สบื คน้ ขอ้ มูล อธิบาย และระบชุ นดิ และหน้าท่ขี องออรแ์ กเนลล์ 13. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าทข่ี องนวิ เคลียสการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามเกย่ี วกบั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของเซลลซ์ ง่ึ เกย่ี วขอ้ ง ด้านความรู้ กับการท�ำ งานของนิวเคลียสและออรแ์ กเนลล์ตา่ ง ๆ ที่อยูภ่ ายในเซลล์1. ชนดิ โครงสร้างและหนา้ ทขี่ องออรแ์ กเนลล์ 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มสืบค้นข้อมูล เพื่อระบุชนิด โครงสร้างและหน้าท่ี 1. ชนิด โครงสร้างและหน้าท่ีของออร์แกเนลล์ต่าง ๆ2. โครงสรา้ งและหน้าทขี่ องนวิ เคลยี ส จากการสืบค้นข้อมูล การอภิปรายร่วมกันและการ ของออร์แกเนลล์ที่พบในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ เช่น เอนโดพลาสมิก ท�ำ แบบฝึกหดัดา้ นทกั ษะ เรติคูลัม ไรโบโซม กอลจิคอมเพล็กซ์ ไลโซโซม ไมโทคอนเดรีย แวคิวโอลทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คลอโรพลาสต์ ไซโทสเกเลตอน เปน็ ต้น 2. โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องนวิ เคลยี สจากการอภปิ ราย การลงความเหน็ จากขอ้ มลู 3. ให้นักเรียนนำ�เสนอและแลกเปลีย่ นขอ้ มลู กับนักเรียนกลุ่มอนื่ ร่วมกนั และการทำ�แบบฝึกหัดทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 4. บรรยายเกย่ี วกับโครงสร้างและหน้าทข่ี องนิวเคลยี ส การสอื่ สารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั ส่ือ 5. ร่วมกันสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของนิวเคลียส ชนิด โครงสร้าง ด้านทกั ษะ และหนา้ ที่ออรแ์ กเนลลท์ ่ีพบในเซลล์ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ การลงความเห็นจากข้อมูล การส่ือสารสารสนเทศ1. การใช้วจิ ารณญาณ และการรู้เท่าทันส่ือ จากการสืบค้นข้อมูล และ2. ความใจกว้าง อภิปรายร่วมกนั ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ การใช้วิจารณญาณ และความใจกว้าง จากการ สังเกตพฤติกรรมในการสืบค้นข้อมูล การนำ�เสนอ และการสอื่ สารเพ่อื แลกเปลีย่ นข้อมลู

ชวี วทิ ยา ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4ผลการเรยี นร ู้ 14. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซลิ เิ ทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต 15การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ท�ำ กจิ กรรม เรอื่ งการล�ำ เลยี งสาร ด้านความรู้ ผา่ นเซลล์พชื เพื่อทบทวนความรู้เกี่ยวกบั หลักการแพร่ และออสโมซิส1. การแพร่ ออสโมซสิ และการแพรแ่ บบฟาซลิ เิ ทต 1. การแพร่แบบฟาซิลิเทตและแอกทีฟทรานสปอร์ต2. แอกทฟี ทรานสปอรต์ 2. ให้นักเรยี นรว่ มกันอภปิ ราย เพื่อสรปุ หลกั การแพรแ่ ละออสโมซสิ จากการอภิปรายร่วมกัน และการท�ำ แบบทดสอบ 3. อธบิ ายเกย่ี วกบั หลกั การการล�ำ เลยี งสารเขา้ และออกเซลลซ์ งึ่ เกยี่ วขอ้ งกบัดา้ นทกั ษะ ความเขม้ ขน้ ขนาดและสมบตั ขิ องสาร รวมทง้ั วธิ กี ารล�ำ เลยี งสารแบบตา่ ง ๆ 2. การเปรียบเทียบการแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดข้ อ้ สรปุ เกย่ี วกบั วธิ กี ารล�ำ เลยี งสารแบบ ฟาซิลิเทต แอกทีฟทรานสปอร์ต จากการอภิปราย1. การสงั เกต รว่ มกนั2. การจำ�แนกประเภท ต่าง ๆ และสมบัตขิ องสารทส่ี มั พนั ธ์กบั วธิ กี ารล�ำ เลียง3. การลงความเห็นจากข้อมูล 5. รว่ มกนั อภิปรายเปรยี บเทียบการแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซิลิเทต ดา้ นทกั ษะทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 การสังเกต การจำ�แนกประเภท การลงความเห็น 1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สอ่ื และแอกทฟี ทรานสปอร์ต2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จากข้อมูล การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทัน สื่อการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ จากการอภิปรายร่วมกัน 1. ความอยากรู้อยากเห็น ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์2. ความใจกวา้ ง3. ความซื่อสัตย์ ความอยากรู้อยากเห็น ความใจกว้าง ความซ่ือสัตย์4. ความรอบคอบ ความรอบคอบ การใช้วิจารณญาณ จากสังเกต5. การใชว้ ิจารณญาณ พฤตกิ รรมในการอภปิ รายรว่ มกัน

16 ผลการเรยี นร ู้ 15. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และเขยี นแผนภาพการล�ำ เลยี งสารโมเลกลุ ใหญอ่ อกจากเซลลด์ ว้ ยกระบวนการเอกโซไซโทซสิ และการล�ำ เลยี งสารโมเลกลุ ใหญ่ เขา้ สเู่ ซลลด์ ว้ ยระบวนการเอนโดโซโทซสิการวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามจากภาพหรอื วดี ทิ ศั นเ์ พอ่ื แสดงการล�ำ เลยี งสาร ด้านความรู้ โมเลกุลใหญ่เข้าสู่เซลล์ เช่น การกินอาหารของอะมีบาหรือพารามีเซียม1. กระบวนการเอกโซไซโทซสิ การลำ�เลียงสารโมเลกุลใหญ่ออกจากเซลล์ด้วย2. กระบวนการเอนโดไซโทซิส หรอื การก�ำ จัดเช้อื โรคของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาว ก ร ะ บ ว น ก า ร เ อ ก โ ซ ไ ซ โ ท ซิ ส แ ล ะ ก า ร ลำ � เ ลี ย ง 2. อธิบายเก่ียวกบั หลกั การล�ำ เลยี งสารโมเลกุลใหญเ่ ข้าและออกจากเซลล์ ส า ร โ ม เ ล กุ ล ใ ห ญ่ เ ข้ า สู่ เ ซ ล ล์ ด้ ว ย ก ร ะ บ ว น ก า ร ด้านทกั ษะ 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล และนำ�เสนอซ่ึงอาจเป็นรูปแบบของแผนภาพทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เอนโดไซโทซสิ จากการท�ำ แผนภาพและแบบทดสอบ การจำ�แนกประเภท พ ร้ อ ม คำ � บ ร ร ย า ย ข อ ง ก ร ะ บ ว น ก า ร ลำ � เ ลี ย ง ส า ร โ ม เ ล กุ ล ใ ห ญ่ เ ข้ า แ ล ะ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ออกจากเซลล์พร้อมยกตัวอย่างการเกิดเอนโดไซโทซิสโดยฟาโกไซโทซิส ดา้ นทักษะ การสื่อสารสารสนเทศและการรูเ้ ทา่ ทันส่ือ พโิ นไซโทซสิ และการน�ำ สารเขา้ สเู่ ซลลโ์ ดยอาศยั ตวั รบั รวมทง้ั เอกโซไซโทซสิ การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ 4. ร่วมกันสรุปเก่ียวกับกระบวนการเอกโซไซโทซิสและกระบวนการ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ เอนโดไซโทซิส สืบคน้ ข้อมูลและการอภปิ รายรว่ มกนั ความอยากร้อู ยากเหน็ ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ ความอยากรู้อยากเห็น จากการสังเกตพฤติกรรม ในการอภปิ รายร่วมกนั

ชวี วิทยา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4ผลการเรยี นรู้ 16. สังเกตการแบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซิสและแบบไมโอซิสจากตัวอยา่ งภายใต้กล้องจลุ ทรรศน์ พรอ้ มท้ังอธบิ ายและเปรียบเทยี บการแบ่งนิวเคลียส 17 แบบไมโทซิสและแบบไมโอซิสการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพหรือวีดิทัศน์แสดงเซลล์ชนิดต่าง ๆ ท้ังเซลล์ ดา้ นความรู้ ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เซลล์พืช เซลล์สัตว์ หรือเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย1. วฏั จักรเซลล์ คนขณะที่มีการแบ่งเซลล์ และใช้คำ�ถามเกี่ยวกับเหตุผลที่สิ่งมีชีวิตต้องมี 1. วฏั จกั รของเซลลจ์ ากการท�ำ แผนภาพและแบบทดสอบ2. การแบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซิสและการแบง่ การแบ่งเซลลล์ 2. การเปรยี บเทยี บการแบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโทซสิ และ นิวเคลยี สแบบไมโอซิส 2. อธบิ ายเกีย่ วกบั วัฏจกั รของเซลล์ ในระยะอินเตอร์เฟส การแบง่ นิวเคลียส แบบไมโอซิสจากการท�ำ กจิ กรรม การนำ�เสนอ และ แบบไมโทซิสในระยะโพรเฟส เมทาเฟส แอนาเฟส และเทโลเฟสและ การทำ�แบบทดสอบดา้ นทกั ษะ การแบ่งไซโทพลาซมึทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นทักษะ1. การสังเกต 3. รว่ มกนั สรุปวฏั จกั รของเซลลโ์ ดยอาจน�ำ เสนอในรปู แบบของแผนภาพ 1. การสังเกต การจำ�แนกประเภท การตีความหมาย2. การจำ�แนกประเภท 4. ใช้คำ�ถามเพื่อให้นักเรียนคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับการเลือกตัวอย่างสิ่งมีชีวิต3. การจัดกระท�ำ และสือ่ ความหมายขอ้ มลู ขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ จากการท�ำ กจิ กรรมเพอ่ื ศกึ ษา4. การสร้างแบบจำ�ลอง เพ่อื ใชศ้ ึกษาการแบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซสิ ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ การแบ่งเซลล์ภายใต้กลอ้ งจุลทรรศน์5. การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป 5. ให้นักเรยี นแบง่ กลุ่มท�ำ กจิ กรรม สังเกต และบันทกึ ภาพ และน�ำ เสนอการ 2. การจัดกระทำ�และส่ือความหมายข้อมูล การสร้างทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 แบบจำ�ลอง และการสื่อสารสารสนเทศและการรู้1. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันสือ่ แบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโทซสิ ของปลายรากหอม ในระยะโพรเฟส เมทาเฟส เท่าทันสื่อ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการ 2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา แอนาเฟส และเทโลเฟส ภายใต้กลอ้ งจุลทรรศน์ แก้ปัญหา3. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ 6. ร่วมกันสรุปการแบง่ นิวเคลียสแบบไมโทซิส 3. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 7. อธบิ ายเกย่ี วกบั การแบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโอซสิ ในระยะโพรเฟส I เมทาเฟส I จากการทำ�กจิ กรรมและจากการน�ำ เสนอดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ แอนาเฟส I เทโลเฟส I และระยะโพรเฟส II เมทาเฟส II แอนาเฟส II 1. ความอยากรู้อยากเห็น เทโลเฟส II ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์2. ความม่งุ ม่ันอดทน 8. ใช้คำ�ถามเพ่ือให้คิดวิเคราะห์เก่ียวกับการเลือกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเพื่อใช้ 1. ความมุ่งมั่นอดทน จากการสังเกตพฤติกรรมในการ3. ความเช่ือมน่ั ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ศึกษาการแบง่ นิวเคลยี สแบบไมโอซิสภายใต้กลอ้ งจุลทรรศน์ 9. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ท�ำ กจิ กรรม สงั เกต และบนั ทกึ ภาพ การแบง่ นวิ เคลยี ส ทำ�กิจกรรม แบบไมโอซิสของดอกกุยชา่ ยหรือดอกหอมใหญ่ ในระยะตา่ ง ๆ 2. ความอยากรู้อยากเห็น ความเชื่อม่ันต่อหลักฐาน เชิงประจักษ์ การสังเกตพฤติกรรมในการนำ�เสนอ และรว่ มกนั สรุป

18 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ 10. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ท�ำ กจิ กรรมปนั้ ดนิ น�ำ้ มนั เพอื่ สรา้ งแบบจ�ำ ลองการแบง่ นิวเคลยี สแบบไมโอซิส โดยครูก�ำ หนดจำ�นวนโครโมโซมเรมิ่ ต้นเท่ากันแต่ มีการเกิดครอสซิงโอเวอร์ที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม เพื่อศึกษาผลของ การเกิดครอสซงิ โอเวอร์ 11. ให้นักเรียนนำ�เสนอผลที่ได้จากการทำ�กิจกรรมป้ันดินน้ำ�มัน และร่วมกัน สรปุ การแบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโอซสิ รวมทงั้ เปรยี บเทยี บการแบง่ นวิ เคลยี ส แบบไมโทซิสและแบบไมโอซิส

ชวี วิทยา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4ผลการเรยี นรู ้ 17. อธบิ าย เปรยี บเทียบ และสรุปขน้ั ตอนการหายใจระดบั เซลลใ์ นภาวะท่มี ีออกซเิ จนเพียงพอและภาวะทมี่ อี อกซิเจนไม่เพียงพอ 19การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพหรอื วดี ทิ ศั นแ์ สดงกจิ กรรมของสง่ิ มชี วี ติ เซลลเ์ ดยี ว ดา้ นความรู้ พชื สตั ว์ และกจิ กรรมของมนษุ ย์ และใชค้ �ำ ถามกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั1. การหายใจระดับเซลล์ในภาวะที่มีออกซิเจน 1. การเปรียบเทียบการหายใจระดับเซลล์ในภาวะท่ีมี เพยี งพอและภาวะท่ีมอี อกซิเจนไมเ่ พียงพอ อภิปรายเกย่ี วกบั การนำ�พลงั งานไปใช้ในกิจกรรมตา่ ง ๆ ของสิ่งมีชวี ิต ออกซเิ จนเพยี งพอและภาวะทม่ี อี อกซเิ จนไมเ่ พยี งพอ 2. ให้ความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนได้ข้อสรุปว่าเซลล์สลายสารอาหารด้วย2. ข้ันตอนไกลโคลิซิส วัฏจักรเครบส์ และ จากแบบฝึกหดั หรอื แบบทดสอบ กระบวนการถา่ ยทอดอเิ ลก็ ตรอน ปฏิกิริยาเคมีหลายข้ันตอน เพ่ือให้ได้พลังงานในรูปท่ีเซลล์สามารถนำ�ไป 2. ขน้ั ตอนการหายใจระดบั เซลลใ์ นภาวะทม่ี อี อกซเิ จน ใชไ้ ด้ เช่น ATP3. กระบวนการหมักแอลกอฮอล์และกระบวน 3. บรรยายเกยี่ วกบั ขน้ั ตอนของการหายใจระดบั เซลล์ คอื ไกลโคลซิ สิ วฏั จกั ร เพียงพอและภาวะท่ีมีออกซิเจนไม่เพียงพอ จาก การหมกั กรดแลกติก เครบส์ และกระบวนการถ่ายทอดอิเล็กตรอนเม่ือเกิดการสลายกลูโคส แบบฝึกหดั หรอื แบบทดสอบ ในภาวะที่มีออกซิเจนเพียงพอ และสรุปถึงความสำ�คัญของออกซิเจนด้านทกั ษะ ต่อการหายใจระดับเซลล์ในส่ิงมีชีวิตท่ีดำ�รงชีวิตอยู่ได้ด้วยออกซิเจน ดา้ นทักษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ในบรรยากาศ 1. การจ�ำ แนกประเภท จากการตอบค�ำ ถาม การอธบิ าย การจ�ำ แนกประเภท 4. อธิบายเกี่ยวกับกระบวนการหมักแอลกอฮอล์และกระบวนการหมักกรดทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 แลกตกิ ซง่ึ เกดิ ภายในเซลลข์ องสงิ่ มชี วี ติ ในภาวะทม่ี อี อกซเิ จนไมเ่ พยี งพอ และการอภิปราย การสอื่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันสอ่ื 5. รว่ มกนั สรปุ เปรยี บเทยี บการหายใจระดบั เซลลใ์ นภาวะทม่ี อี อกซเิ จนเพยี งพอ 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ และภาวะทม่ี อี อกซิเจนไม่เพียงพอดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ 6. ให้ความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับส่ิงมีชีวิตท่ีดำ�รงชีวิตอยู่ได้ในภาวะท่ีไม่มี สืบคน้ ข้อมูลและการน�ำ เสนอข้อมลู ออกซิเจน และอภิปรายร่วมกันในประเด็นการหายใจระดับเซลล์ของ ความอยากรูอ้ ยากเห็น สงิ่ มีชวี ิตทดี่ ำ�รงชวี ติ ในภาวะท่ไี มม่ ีออกซิเจน ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ ความอยากรู้อยากเห็น จากการทำ�กิจกรรมและ การอภปิ ราย

20 2. เข้าใจการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม สมบตั แิ ละหน้าทีข่ องสารพนั ธุกรรม การเกดิ มวิ เทชนั เทคโนโลยีทางดเี อน็ เอ หลักฐาน ข้อมลู และแนวคดิ เกย่ี วกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ด-ี ไวน์เบริ ์ก การเกดิ สปชี ีสใ์ หม่ ความหลาหลายทางชีวภาพ ก�ำ เนดิ ของสงิ่ มีชวี ิต ความหลากหลายของสงิ่ มชี วี ติ และอนุกรมวิธาน รวมทงั้ น�ำ ความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนร ู้ 1. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายและสรปุ ผลการทดลองของเมนเดล การวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนสังเกตภาพพ่อแม่ลูกของคนหรือสัตว์ ด้านความรู้ หลกั การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของ หลาย ๆ ภาพ และใช้คำ�ถามเพื่อทบทวนแนวคิดว่าลักษณะของลูกคล้าย กับลักษณะของพ่อแม่และลกั ษณะเหลา่ น้ีถา่ ยทอดได้ 1. หลกั การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของเมนเดล เมนเดล จากการสบื คน้ ขอ้ มลู การอภปิ ราย การท�ำ แบบฝกึ หดั 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอการทดลองของเมนเดลท่ีผสมพันธุ์ และการทำ�แบบทดสอบ ดา้ นทกั ษะ ถั่วลันเตารุ่นพ่อแม่พันธุ์แท้ พิจารณาลักษณะและอัตราส่วนของจำ�นวน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตน้ ทมี่ ีลักษณะตา่ ง ๆ ในรนุ่ F1 และรนุ่ F2 ดา้ นทกั ษะ การลงความเหน็ จากข้อมูล 1. การลงความเห็นจากข้อมูลจากการอภิปรายผล ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 3. อภิปรายร่วมกันเพื่อให้นักเรียนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับหลักการการถ่ายทอด การสอื่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สอื่ ลกั ษณะพนั ธุกรรมของเมนเดลและโอกาสในการเกิดลกั ษณะต่าง ๆ การทดลองของเมนเดล 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ความเชอ่ื ม่ันต่อหลกั ฐานเชิงประจักษ์ สืบค้นข้อมลู และการนำ�เสนอ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ความเชอื่ มนั่ ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต พฤติกรรมในการอภิปรายร่วมกนั

ชีววิทยา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4ผลการเรียนร ู้ 2. อธิบายและสรุปกฎแห่งการแยกและกฎแหง่ การรวมกลุม่ อยา่ งอสิ ระ และน�ำ กฎของเมนเดลไปอธิบายการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม 21 และใช้ในการค�ำ นวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทปแ์ ละจโี นไทปแ์ บบต่าง ๆ ของรนุ่ F1 และ F2การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยทบทวนหลกั การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทไ่ี ด ้ ด้านความรู้ จากผลการทดลองของเมนเดล1. กฎการแยกและกฎการรวมกลุ่มอย่างอสิ ระ กฎการแยกและกฎการรวมกลุ่มอย่างอิสระใน 2. การน�ำ กฎของเมนเดลไปอธบิ ายการถา่ ยทอด 2. ให้นักเรียนศึกษาการทดลองของเมนเดลท่ีผสมพันธุ์ถั่วลันเตารุ่นพ่อแม่ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การคำ�นวณ พนั ธแ์ุ ท้ และพจิ ารณาอตั ราสว่ นของจ�ำ นวนตน้ ทม่ี ลี กั ษณะตา่ ง ๆ ในรนุ่ F1 โอกาสในการเกิดฟีโนไทป์และจีโนไทป์ จากการ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม สืบค้นข้อมูล การอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัดและ3. การคำ�นวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทป์และ และรนุ่ F2 เพอ่ื สรปุ กฎการแยกและอตั ราสว่ นทเ่ี กดิ จากการผสมลกั ษณะเดยี ว การทำ�แบบทดสอบ 3. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาการทดลองของเมนเดลทผี่ สมพนั ธถ์ุ วั่ ลนั เตาโดยพจิ ารณา จีโนไทป์แบบตา่ ง ๆ ของรุ่น F1และ F2 ดา้ นทกั ษะ สองลักษณะพร้อมกัน และอธิบายแอลลีลที่อยู่ในเซลล์สืบพันธุ์เพ่ือสรุป 1. การลงความเห็นจากข้อมูลจากการอภิปรายผล ด้านทักษะ กฎแห่งการแยกและกฎการรวมกลุ่มอย่างอิสระ และพิจารณาอัตราส่วนทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ของจ�ำ นวนตน้ ท่มี ลี ักษณะตา่ ง ๆ ในรุน่ F1 และรนุ่ F2 การทดลองของเมนเดล1. การใชจ้ �ำ นวน 4. ร่วมกันอภิปรายและสรุปอัตราส่วนท่ีเกิดจากการผสมลักษณะเดียวและ 2. การใช้จ�ำ นวน จากการฝกึ คำ�นวณโอกาสในการเกิด2. การลงความเห็นจากข้อมลู การผสมสองลกั ษณะ3. การพยากรณ์ 5. ให้นักเรียนฝึกคำ�นวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทป์และจีโนไทป์แบบต่าง ๆ ฟโี นไทปแ์ ละจีโนไทป์ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากสถานการณท์ กี่ �ำ หนด 3. การพยากรณ์จากการพิจารณาอัตราส่วนของรุ่นลูก1. การส่อื สารสารสนเทศและการรูเ้ ท่าทันสอ่ื2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา ที่เกิดจากการผสมพนั ธ์ุของสถานการณ์ที่ก�ำ หนดด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ด้านจติ วิทยาศาสตร์1. ความอยากรอู้ ยากเห็น ความอยากรู้อยากเห็น ความเชื่อมั่นต่อหลักฐาน 2. ความเช่ือม่นั ตอ่ หลักฐานเชิงประจกั ษ์ เชงิ ประจกั ษ์ ความรอบคอบ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม3. ความรอบครอบ ในการอภปิ ราย และการฝึกค�ำ นวณ

22 ผลการเรยี นรู้ 3. สบื คน้ ขอ้ มูล วิเคราะห์ อธิบาย และสรุปเกี่ยวกบั การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมทเี่ ป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดลการวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาแผนภาพการผสมพนั ธต์ุ น้ ลน้ิ มงั กร ดา้ นความรู้ พนั ธ์แุ ทท้ ่มี ดี อกสแี ดงและดอกสีขาวซงึ่ ไดต้ ้นลูกท่อี อกดอกสีชมพูทงั้ หมด1. การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็น เพื่อให้นักเรียนเปรียบเทียบกับหลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทเ่ี ปน็ สว่ นขยาย ส่ ว น ข ย า ย ข อ ง พั น ธุ ศ า ส ต ร์ ข อ ง เ ม น เ ด ล ของเมนเดล ของพันธุศาสตร์เมนเดลและการคำ�นวณโอกาสใน การคำ�นวณโอกาสการเกิดฟีโนไทป์และ การเกิดฟีโนไทป์และจีโนไทป์แบบต่าง ๆ ในรุ่น F1 จีโนไทป์ของรนุ่ F1 และ F2 2. ให้ความรู้เก่ียวกับการผสมพันธ์ุต้นล้ินมังกรพันธุ์แท้ที่มีดอกสีแดงและ ดอกสีขาวเพื่อให้ได้ข้อมูลว่าเป็นลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็นส่วนขยาย และรุ่น F2 จากการสืบค้นข้อมูล การอภิปราย ด้านทกั ษะ ของพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดลทอ่ี ตั ราสว่ นของจโี นไทปใ์ นรนุ่ F1 และรนุ่ F2 แตกตา่ ง การนำ�เสนอการทำ�แบบฝึกหัดและการทำ�แบบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไปจากผลการทดลองของเมนเดล ทดสอบ1. การใชจ้ ำ�นวน2. การลงความเห็นจากข้อมลู 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็นส่วน ด้านทกั ษะ3. การพยากรณ์ ขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล เช่น ความเด่นไม่สมบูรณ์ ความเด่นร่วม 1. การลงความเห็นจากขอ้ มูล จากการศกึ ษาแผนภาพทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 มตั ตเิ พลิ แอลลลี ยนี บนโครโมโซมเพศและลกั ษณะควบคมุ ดว้ ยยนี หลายคู่1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั ส่อื และการอภปิ รายร่วมกัน2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา และพจิ ารณาอตั ราสว่ นของจ�ำ นวนลกู ทม่ี ลี กั ษณะตา่ ง ๆ ในรนุ่ F1 และรนุ่ F2 2. การใชจ้ �ำ นวน จากการฝกึ ค�ำ นวณและวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพอื่ สรุปอตั ราสว่ นท่ีเกิดจากการผสม จากสถานการณ์ทกี่ ำ�หนดด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 4. ใหน้ กั เรยี นน�ำ เสนอขอ้ มลู และอภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ผลจากการผสมพนั ธ์ุ 3. การพยากรณ์ จากการคาดคะเนรปู แบบการถา่ ยทอด1. ความอยากรอู้ ยากเห็น สง่ิ มชี วี ติ ทม่ี ลี กั ษณะทางพนั ธกุ รรมทเ่ี ปน็ สว่ นขยายของพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดล ลักษณะทางพันธุกรรมของสถานการณ์ทกี่ �ำ หนด2. ความเชอ่ื ม่ันต่อหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 5. ร่วมกันสรุปเก่ียวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยาย 4. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ การคิด3. ความรอบคอบ ของพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หาจากการสบื คน้ 6. ให้นักเรียนฝึกคำ�นวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทป์และจีโนไทป์แบบต่าง ๆ ขอ้ มูลและการน�ำ เสนอ จากสถานการณ์ท่ีกำ�หนด และคาดคะเนรูปแบบการถ่ายทอดลักษณะ ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ ทางพันธกุ รรม ความอยากรู้อยากเหน็ ความเชอ่ื ม่ันต่อหลักฐานเชิง ประจักษ์ ความรอบคอบจากการสังเกตพฤติกรรม ในการน�ำ เสนอ และการอภปิ รายร่วมกนั

ชวี วทิ ยา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4ผลการเรยี นรู้ 4. สบื ค้นขอ้ มูล วเิ คราะห์ และเปรยี บเทียบลักษณะทางพนั ธกุ รรมทมี่ กี ารแปรผนั ไมต่ ่อเนอื่ งและลกั ษณะทางพันธุกรรมท่มี กี ารแปรผันต่อเน่อื ง 23การวิเคราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่ ความสงู และ ด้านความรู้ การมลี ักยิ้มของประชากรมนุษย์ และพิจารณาว่าลกั ษณะใดเป็นลักษณะ ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมีการแปรผัน การเปรยี บเทยี บลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทม่ี กี ารแปรผนั ไม่ต่อเน่ืองและลักษณะทางพันธุกรรมที่มี ท่ีมีความแตกต่างกันชัดเจนลักษณะใดเป็นลักษณะที่มีความแตกต่างกัน ไมต่ อ่ เนอ่ื งและลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทม่ี กี ารแปรผนั การแปรผนั ตอ่ เน่ือง ไมช่ ัดเจน ต่อเนื่อง จากการสืบค้นข้อมูล การนำ�เสนอข้อมูล 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มทำ�กิจกรรมสำ�รวจลักษณะของนักเรียนในระดับ ด้านทกั ษะ ช้ันเดียวกันจำ�นวน 100 คน เช่น นำ้�หนัก สีผิว หมู่เลือด ช้ันของหนังตา การอภปิ ราย และการท�ำ แบบฝกึ หดั และแบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ติ่งหู เป็นต้น เพื่อนำ�ข้อมูลมาเขียนกราฟแท่งเปรียบเทียบความแตกต่าง1. การสงั เกต ของกราฟทไ่ี ด้ และสรปุ วา่ ลกั ษณะใดเปน็ ลกั ษณะทม่ี กี ารแปรผนั ไมต่ อ่ เนอ่ื ง ด้านทักษะ2. การจ�ำ แนกประเภท และลกั ษณะใดท่ีมกี ารแปรผนั ตอ่ เนื่อง 1. การสังเกต การจำ�แนกประเภท การลงความเห็น3. การลงความเห็นจากขอ้ มูล 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและนำ�เสนอข้อมูลตัวอย่างเพ่ิมเติมเกี่ยวกับทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทม่ี กี ารแปรผนั ไมต่ อ่ เนอ่ื งและลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม จากข้อมลู จากการท�ำ กิจกรรม การสือ่ สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั สอื่ ทม่ี ีการแปรผันตอ่ เนือ่ งและยีนทค่ี วบคมุ ลกั ษณะเหลา่ น้ี 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ สืบคน้ ข้อมูล การทำ�กิจกรรม และการน�ำ เสนอ1. ความอยากรูอ้ ยากเหน็2. ความเชอ่ื มัน่ ตอ่ หลักฐานเชงิ ประจักษ์ ด้านจิตวิทยาศาสตร์3. ความรอบคอบ 1. ความอยากรู้อยากเห็น ความเชื่อมั่นต่อหลักฐาน เชงิ ประจกั ษ์ ความรอบคอบ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม ในการสืบค้นข้อมูล การนำ�เสนอ และการอภิปราย รว่ มกนั 2. ความรอบคอบ ความรับผิดชอบ และความร่วม มือช่วยเหลือ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� กิจกรรม

24 ผลการเรยี นรู ้ 5. อธิบายการถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม พรอ้ มทงั้ ยกตวั อยา่ งลักษณะทางพนั ธกุ รรมทถ่ี ูกควบคุมดว้ ยยีนบนออโตโซมและยนี บนโครโมโซมเพศการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามทบทวนความรู้เก่ียวกับยีนบน DNA ดา้ นความรู้ ทจ่ี ะถา่ ยทอดไปพรอ้ มกบั การถา่ ยทอดโครโมโซมจากรนุ่ พอ่ แมไ่ ปยงั รนุ่ ลกู1. การถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม 1. การถ่ายทอดยีนบนออโตโซมและยีนบนโครโมโซม2. ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทถ่ี กู ควบคมุ ดว้ ยยนี บน 2. ให้นักเรียนศึกษาภาพคารีโอไทป์ของเพศชายและเพศหญิง จากน้ัน เพศจากการสืบคน้ ขอ้ มลู การอภิปราย การท�ำ แบบ อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหส้ รปุ ไดว้ า่ โครโมโซมมนษุ ย์ มอี อโตโซม 22 คู่ และ ฝกึ หดั และการทำ�แบบทดสอบ ออโตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ โครโมโซมเพศ 1 คู่ 2. ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทถ่ี กู ควบคมุ ดว้ ยยนี บนออโตดา้ นทกั ษะ 3. อธบิ ายเกย่ี วกบั การถา่ ยทอดทางพนั ธกุ รรมทถ่ี กู ควบคมุ ดว้ ยยนี บนออโตโซม โซมและยีนบนโครโมโซมเพศ จากการสืบค้นขอ้ มลูทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และยนี บนโครโมโซมเพศโดยศึกษาจากพันธปุ ระวัติ การอภิปราย การทำ�แบบฝึกหัดและการทำ�แบบ1. การจำ�แนกประเภท 4. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ และน�ำ เสนอลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ทดสอบ2. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู ทถ่ี ูกควบคุมดว้ ยยีนบนออโตโซมและยนี บนโครโมโซมเพศทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 5. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปได้ว่า ในการถ่ายทอดลักษณะที่ถูก ด้านทกั ษะ การสอ่ื สารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั สอื่ 1. การจ�ำ แนกประเภท และการลงความเหน็ จากขอ้ มลู ควบคมุ โดยยนี ทอ่ี ยบู่ นออโตโซม ลกั ษณะนนั้ จะมโี อกาสปรากฏไดเ้ ทา่ กนั จากการศึกษาภาพคาริโอไทป์ของมนุษย์และ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ ทง้ั สองเพศ แตก่ ารถา่ ยทอดลกั ษณะทถ่ี กู ควบคมุ โดยยนี ทอ่ี ยบู่ นโครโมโซมเพศ1. ความอยากร้อู ยากเหน็ ลกั ษณะนัน้ จะมีโอกาสปรากฏในเพศหน่ึงมากกว่าอีกเพศหน่ึง การสืบค้นข้อมูล2. ความเชื่อมัน่ ต่อหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 6. ใหค้ วามรเู้ พม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทถ่ี กู ควบคมุ โดยยนี ทอ่ี ยบู่ น 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ3. ความรอบคอบ ออโตโซม แตย่ ีนจะแสดงออกในแตล่ ะเพศไดไ้ มเ่ ท่ากนั สืบค้นขอ้ มูลและการน�ำ เสนอ ด้านจติ วิทยาศาสตร์ ความอยากรู้อยากเห็น ความเชื่อมั่นต่อหลักฐาน เชงิ ประจกั ษ์ ความรอบคอบ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม ในการสบื คน้ ขอ้ มลู การน�ำ เสนอ การอภปิ รายรว่ มกนั

ชวี วิทยา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4ผลการเรยี นรู้ 6. สืบคน้ ข้อมลู อธิบายสมบัติและหน้าที่ของสารพันธุกรรม โครงสรา้ งและองค์ประกอบทางเคมีของ DNA และสรปุ การจ�ำ ลอง DNA 25การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างการสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศของไฮดรา ด้านความรู้ ซง่ึ หนอ่ ใหมท่ เ่ี กดิ ขน้ึ จะมลี กั ษณะทางพนั ธกุ รรมเหมอื นตวั เดมิ เพอ่ื เชอ่ื มโยง1. สมบตั ิและหนา้ ที่ของสารพนั ธกุ รรม สมบตั แิ ละหนา้ ทข่ี องสารพนั ธกุ รรม โครงสรา้ งและ2. โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบทางเคมขี อง DNA เก่ียวกบั สมบตั ิและหน้าที่ของสารพนั ธุกรรม องค์ประกอบทางเคมีของ DNA และการจำ�ลอง3. การจ�ำ ลอง DNA 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสมบัติและหน้าที่ของสารพันธุกรรม DNA จากการทำ�กิจกรรม การทำ�แบบฝึกหัดและ แบบทดสอบดา้ นทกั ษะ อภิปรายร่วมกันเพื่อให้สรุปได้ว่า สารพันธุกรรมเพิ่มจำ�นวนตัวเองได้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ควบคุมการสังเคราะหโ์ ปรตีน และอาจมกี ารเปลีย่ นแปลงได้ ดา้ นทักษะ1. การสังเกต 3. ทบทวนความรู้เก่ียวกับโครงสร้างของ DNA และบรรยายเกี่ยวกับ 1. การสงั เกต การลงความเหน็ จากขอ้ มลู ความรว่ มมอื2. การลงความเห็นจากขอ้ มูล องค์ประกอบทางเคมีของ DNA การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ จากการท�ำ กจิ กรรมทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 4. ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ ทำ�กิจกรรมสรา้ งแบบจำ�ลอง DNA และเปรยี บเทยี บ และการอภปิ รายร่วมกัน1. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทนั ส่อื แบบจำ�ลองของแต่ละกลุ่ม เพื่อสรุปได้ว่า DNA เป็นพอลินิวคลีโอไทด์ 2 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการ2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ สายเรยี งสลับทิศและบดิ เปน็ เกลยี วเวียนขวา มีการจับคู่ของเบสคู่สม คอื A คู่กับ T และ C คกู่ ับ G สืบค้นขอ้ มูลด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 5. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู และศกึ ษาวดี ทิ ศั นห์ รอื สอื่ อนื่  ๆ เกยี่ วกบั การจ�ำ ลอง การใช้วิจารณญาณ DNA จากนนั้ อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหส้ รปุ ไดว้ า่ พอลนิ วิ คลโี อไทดแ์ ตล่ ะสาย ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ ทำ�หน้าที่เป็นแม่แบบสำ�หรับการสร้างสายใหม่ และ DNA โมเลกุลใหม่ ทีส่ ังเคราะห์ไดจ้ ะเหมอื นกับ DNA โมเลกุลเดมิ ทุกประการ การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน การทำ�กจิ กรรม และการอภิปรายรว่ มกัน

26 ผลการเรยี นร ู้ 7. อธบิ ายและระบขุ ้นั ตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหนา้ ที่ของ DNA และ RNA แต่ละชนดิ ในกระบวนการสงั เคราะห์โปรตนี 8. สรปุ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสารพันธกุ รรม แอลลลี โปรตีน ลกั ษณะทางพันธุกรรม และเชือ่ มโยงกับความรูเ้ รือ่ งพันธุศาสตร์เมนเดลการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนสมบัติของสารพันธุกรรมว่าควบคุมลักษณะ ดา้ นความรู้ ทางพันธุกรรมผ่านการสังเคราะห์โปรตีน และใช้คำ�ถามเพ่ือเช่ือมโยงถึง1. ข้ันตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตนี บทบาทของ RNA ในการน�ำ ขอ้ มลู ทางพนั ธกุ รรมจาก DNA ในนวิ เคลยี ส 1. ขนั้ ตอนการถอดรหสั การแปลรหสั หนา้ ทข่ี อง DNA2. หน้าท่ีของ DNA และ RNA แต่ละชนิดใน มาใชใ้ นการสังเคราะหโ์ ปรตีนท่ไี ซโทพลาซมึ และ RNA แต่ละชนิดในกระบวนการสังเคราะห์ โปรตีน จากการทำ�กิจกรรมการอภิปรายร่วมกัน กระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตีน 2. อธิบายเก่ียวกับชนิดและหน้าท่ีของ RNA ข้ันตอนการถอดรหัสและ การทำ�แบบฝึกหดั และการทำ�แบบทดสอบ3. ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสารพนั ธกุ รรม แอลลลี การแปลรหสั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ การถอดรหสั ใช้ DNA เพยี งสายเดยี ว 2. ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสารพนั ธกุ รรม แอลลลี โปรตนี โปรตีน ลักษณะทางพันธุกรรม และความ เป็นสายแม่แบบถอดรหัสเป็น mRNA และการแปลรหัสจาก mRNA ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม และความเชอ่ื มโยงกบั ความรู้ เชอ่ื มโยงกบั ความรู้เร่ืองพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดล เปน็ กรดอะมโิ น โดยท�ำ งานรว่ มกบั tRNA และ rRNA ทเี่ ปน็ สว่ นประกอบ ส�ำ คัญของไรโบโซม ไดเ้ ปน็ สายพอลิเพปไทด์ เรอื่ งพันธศุ าสตรเ์ มนเดล จากการอภิปรายร่วมกนัด้านทักษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ท�ำ กจิ กรรม การถอดรหสั พนั ธกุ รรมและการแปลรหสั ด้านทักษะ1. การสังเกต ในกระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตนี จากนนั้ อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหส้ รปุ ไดว้ า่ การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล การส่ือสาร2. การลงความเห็นจากขอ้ มลูทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 การเรียงลำ�ดับของนิวคลีโอไทด์ของ mRNA เป็นตัวกำ�หนดชนิดและ สารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากการท�ำ กจิ กรรม การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทนั สื่อ การเรยี งล�ำ ดบั ของกรดอะมิโนในสายพอลเิ พปไทด์ทส่ี ังเคราะห์ข้นึ และการอภปิ รายร่วมกนัดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ 4. ยกตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรม เช่น โรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ การใชว้ ิจารณญาณ ระบบหมู่เลือด Rh ลักษณะเผือก เพ่ืออธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ โปรตีนทสี่ ังเคราะหข์ น้ึ กับลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ท�ำ กจิ กรรม และการอภปิ รายร่วมกัน 5. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปความสัมพันธ์ระหว่างสารพันธุกรรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะทางพันธุกรรม และเชื่อมโยงกับความรู้เร่ือง พนั ธศุ าสตร์เมนเดล

ชีววิทยา ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4ผลการเรยี นรู้ 9. สืบค้นข้อมลู อธิบายการเกดิ มิวเทชนั ระดับยีน และระดับโครโมโซม สาเหตุการเกิดมิวเทชันรวมทั้งยกตวั อยา่ งโรคและกลมุ่ อาการทเี่ ปน็ ผล 27 ของการเกิดมิวเทชนัการวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยการทบทวนความรู้เกี่ยวกับโรคทางพันธุกรรม ดา้ นความรู้ เพอ่ื เชอื่ มโยงเข้าสู่เรื่องการเปล่ยี นแปลงของยีนและโครโมโซม1. การเกดิ มวิ เทชนั ระดบั ยนี และมวิ เทชนั ระดบั การเกิดมิวเทชันระดับยีน และระดับโครโมโซม โครโมโซม 2. อธิบายเก่ียวกับมิวเทชันระดับยีนท่ีเกิดการหายไปหรือเพ่ิมข้ึนของ สาเหตกุ ารเกดิ มวิ เทชนั ตวั อยา่ งโรคและกลมุ่ อาการ นวิ คลโิ อไทด ์ การแทนทค่ี เู่ บส และ มวิ เทชนั ระดบั โครโมโซมทเ่ี กดิ จากการเพม่ิ ท่ีเป็นผลของการเกิดมิวเทชัน จากการนำ�เสนอ 2. สาเหตุการเกดิ มวิ เทชนั การอภิปรายร่วมกัน การทำ�แบบฝึกหัดและการทำ�3. โรคและกลุ่มอาการท่ีเป็นผลของการเกิด หรอื ลดจ�ำ นวนโครโมโซม รวมทง้ั การเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งของโครโมโซม แบบทดสอบ 3. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู และน�ำ เสนอตวั อยา่ งโรคและกลมุ่ อาการ มิวเทชนั ด้านทกั ษะ ที่เป็นผลของการเกิดมิวเทชันระดับยีน และระดับโครโมโซม จากน้ัน การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล การสื่อสารด้านทักษะ อภิปรายร่วมกันเพื่อให้สรุปได้ว่า มิวเทชันอาจมีผลทำ�ให้ฟีโนไทป์ของ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สงิ่ มชี ีวติ เปล่ียนไป สารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ จากการสบื คน้ ขอ้ มลู1. การสังเกต 4. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดมิวเทชัน จากน้ัน การอภิปรายรว่ มกัน และการนำ�เสนอ2. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล อภิปรายร่วมกันเพื่อให้สรุปได้ว่า การเกิดมิวเทชันมีสาเหตุมาจากปัจจัยทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ต่าง ๆ เชน่ ความรอ้ น รงั สี และสารเคมี ด้านจติ วิทยาศาสตร์ การสื่อสารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั ส่ือ ความอยากรอู้ ยากเหน็ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการด้านจิตวิทยาศาสตร์ สังเกตพฤติกรรมในการอภปิ รายรว่ มกนั1. ความอยากรู้อยากเห็น2. การใช้วจิ ารณญาณ

28 ผลการเรียนร ู้ 10. อธบิ ายหลักการสร้างสง่ิ มีชีวิตดดั แปรพันธุกรรมโดยใชด้ เี อ็นเอรคี อมบแิ นนท์การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนยกตัวอย่าง ส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ด้านความรู้ (GMOs) ที่นักเรียนรู้จัก เพื่อทบทวนความรู้เกี่ยวกับส่ิงมีชีวิตดัดแปร หลักการสร้างส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม พันธุกรรมและบอกความแตกต่างของส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม จากสิ่ง หลักการสร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมโดยใช้ โดยใช้ดเี อ็นเอรคี อมบแิ นนท์ มชี วี ิตตน้ แบบ และเหตผุ ลในการสร้างส่ิงมีชวี ติ ดัดแปรพนั ธุกรรม ดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ จากการทำ�กิจกรรม การ อภปิ รายรว่ มกนั การท�ำ แบบฝกึ หดั และแบบทดสอบด้านทักษะ 2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาวดี ทิ ศั นห์ รอื แอนเิ มชนั เกยี่ วกบั การสรา้ งสงิ่ มชี วี ติ ดดั แปรทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พันธุกรรมและให้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับพันธุวิศวกรรมโดยใช้ ดีเอ็นเอ ดา้ นทกั ษะ1. การสังเกต รีคอมบิแนนท์ พร้อมท้ังอธิบายหน้าที่ของเอนไซม์ตัดจำ�เพาะ เอนไซม์ดี การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล การส่ือสาร2. การลงความเห็นจากข้อมูล เอน็ เอไลเกส และพลาสมดิ ท่ใี ชใ้ นการสร้างดเี อน็ เอรีคอมบิแนนท์ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 สารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ ความร่วมมือ การ1. การสอื่ สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสอ่ื 3. ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุม่ ท�ำ กจิ กรรมเร่อื งเอนไซม์ตดั จำ�เพาะ จากนั้นอภปิ ราย ทำ�งานเป็นทีม และภาวะผู้นำ� จากการทำ�กิจกรรม2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ ร่วมกันเพื่อสรุปได้ว่า เอนไซม์ตัดจำ�เพาะมีหลายชนิด และมีตำ�แหน่ง และการอภปิ รายรว่ มกัน ตัดจำ�เพาะที่แตกต่างกันดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ด้านจิตวิทยาศาสตร์ การใช้วจิ ารณญาณ 4. อภปิ รายรว่ มกนั และสรปุ เปน็ แผนภาพของหลกั การสรา้ งสงิ่ มชี วี ติ ดดั แปร การใช้วิจารณญาณ และความร่วมมือช่วยเหลือ พันธกุ รรม จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ�กิจกรรม และ การอภปิ รายร่วมกัน

ชวี วิทยา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4ผลการเรียนร้ ู 11. สบื คน้ ข้อมูล ยกตวั อย่าง และอภปิ รายการน�ำ เทคโนโลยที างดเี อน็ เอไปประยกุ ต์ ท้งั ในดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มนิติวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร 29 และอุตสาหกรรม และขอ้ ควรค�ำ นึงถงึ ดา้ นชวี จรยิ ธรรมการวเิ คราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชข้ า่ วเกย่ี วกบั การใชล้ ายพมิ พ ์ ดเี อน็ เอ เพอ่ื ตรวจสอบ ด้านความรู้ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของบุคคลในครอบครัว และใช้คำ�ถามเพ่ือ1. การนำ�เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอไปประยุกต์ 1. การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยที างเอน็ เอในดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ในดา้ น สง่ิ แวดลอ้ ม นติ วิ ทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ เชือ่ มโยงเร่อื งการน�ำ เทคโนโลยที างดเี อ็นเอ ไปประยกุ ต์ในด้านต่าง ๆ นิติวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร และ 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอ การนำ�เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ การเกษตร และอุตสาหกรรม อตุ สาหกรรมจากการสบื คน้ ขอ้ มลู การอภปิ รายรว่ มกนั2. ข้อควรคำ�นึงถึงด้านชีวจริยธรรมในการ ไปประยกุ ตใ์ นดา้ นการเกษตร การแพทย์ สงิ่ แวดลอ้ ม และนติ วิ ทิ ยาศาสตร์ การทำ�แบบฝึกหัดและการทำ�แบบทดสอบ แล้วอภิปรายร่วมกันถึงผลดี ผลเสียและข้อคำ�นึงด้านความปลอดภัย 2. ข้อควรคำ�นึงถึงด้านชีวจริยธรรมในการประยุกต์ใช้ ประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ทางชวี ภาพของการใช้เทคโนโลยีทาง ดเี อ็นเอ และผลกระทบต่อสังคม 3. ใชข้ า่ วหรอื สถานการณเ์ กย่ี วกบั การวจิ ยั หรอื การน�ำ เทคโนโลยที างดเี อน็ เอ เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ จากการสืบค้นข้อมูลและด้านทกั ษะ ไปประยกุ ตใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ มาใหน้ กั เรยี นศกึ ษาจากนน้ั อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั การอภปิ รายร่วมกันทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การคำ�นึงถึงชวี จรยิ ธรรมของการน�ำ เทคโนโลยีทางดเี อน็ เอไปประยุกต์1. การสังเกต ด้านทกั ษะ2. การลงความเหน็ จากข้อมูล 1. การสงั เกต การลงความเหน็ จากขอ้ มลู จากการน�ำ เสนอทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 และการอภิปรายร่วมกนั1. การสอื่ สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทันส่อื 2. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ความรว่ มมอื2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการสืบค้นดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ข้อมลู และการนำ�เสนอ1. การใช้วิจารณญาณ2. ความใจกว้าง ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์3. การยอมรับความเห็นตา่ ง การใชว้ จิ ารณญาณ ความใจกวา้ ง การยอมรบั ความ4. ความซ่อื สัตย์5. ความรอบคอบ เหน็ ตา่ ง ความซอื่ สตั ย์ ความรอบคอบ เจตคตทิ ดี่ ตี อ่6. เจตคตทิ ่ีดีตอ่ วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ การเห็นคุณค่าวิทยาศาสตร์ คุณธรรม7. การเห็นคณุ คา่ ทางวิทยาศาสตร์ และจริยธรรมท่ีเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์จากการ8. คุณธรรมและจริยธรรมท่ีเก่ียวข้องกับ สังเกตพฤติกรรมในการสืบค้นข้อมูล การอภิปราย ร่วมกัน วทิ ยาศาสตร์

30 ผลการเรยี นร้ ู 12. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายเก่ียวกับหลกั ฐานทสี่ นับสนุนและขอ้ มลู ทใ่ี ชอ้ ธบิ ายการเกิดววิ ัฒนาการของสงิ่ มชี ีวิตการวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นสงั เกตภาพซากดกึ ด�ำ บรรพ์ และใชค้ �ำ ถาม ด้านความรู้ เกี่ยวกับลักษณะของส่ิงมีชีวิตในอดีตเปรียบเทียบกับส่ิงมีชีวิตในปัจจุบัน หลักฐานท่ีสนับสนุนและข้อมูลที่ใช้อธิบาย เพอ่ื เชอ่ื มโยงเรอ่ื งหลกั ฐานจากซากดกึ ด�ำ บรรพก์ บั ววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ติ หลกั ฐานและขอ้ มลู ทใ่ี ชส้ นบั สนนุ และอธบิ ายการเกดิ การเกิดวิวัฒนาการของสิง่ มชี วี ติ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตจากการอภิปรายร่วมกัน 2. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั หลกั ฐานจากซากดกึ ด�ำ บรรพใ์ นประเทศไทยดา้ นทกั ษะ และต่างประเทศ นำ�เสนอและอภิปรายร่วมกันเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า และการทำ�แบบทดสอบทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์1. การสังเกต ซากดึกด�ำ บรรพ์บง่ บอกถงึ วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวติ ด้านทกั ษะ2. การลงความเห็นจากขอ้ มลู 3. อธบิ ายเกยี่ วกบั หลกั ฐานอนื่  ๆ ทสี่ นบั สนนุ การเกดิ ววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ติ 1. การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล จากการทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 การสือ่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทันสอ่ื เช่น กายวิภาคเปรียบเทียบ วิทยาเอ็มบริโอ การศึกษาทางชีวภูมิศาสตร์ อภิปรายร่วมกัน และด้านชวี วทิ ยาระดับโมเลกุล เพื่อให้นักเรียนสรปุ ไดว้ า่ สงิ่ มชี วี ิตมคี วาม 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ หลากหลายและมวี วิ ฒั นาการมาจากบรรพบรุ ษุ ในอดตี ซงึ่ ตอ้ งใชร้ ะยะเวลา1. ความอยากรู้อยากเหน็ ทย่ี าวนานในการเกิดวิวัฒนาการ สืบคน้ ขอ้ มูลและการนำ�เสนอ2. การใชว้ ิจารณญาณ 4. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล และอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับหลักฐานการเกิด3. ความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ วิวัฒนาการของมนุษย์ เพื่อสรุปให้ได้ว่าซากดึกดำ�บรรพ์และการเปรียบ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์4. การเหน็ คุณค่าทางวทิ ยาศาสตร์ เทยี บ ล�ำ ดบั เบสบน DNA ระหวา่ งมนษุ ยก์ บั ไพรเมตอน่ื  ๆ เปน็ หลกั ฐานท่ี ความอยากรอู้ ยากเหน็ การใชว้ จิ ารณญาณ ความสนใจ บง่ บอกววิ ัฒนาการของมนุษย ์ ในวทิ ยาศาสตร์ และการเหน็ คณุ คา่ ทางวทิ ยาศาสตร์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการนำ�เสนอและการ อภิปรายรว่ มกนั

ชีววทิ ยา ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4ผลการเรยี นรู้ 13. อธบิ ายและเปรียบเทยี บแนวคดิ เกีย่ วกับวิวฒั นาการของส่ิงมีชวี ิตของซอง ลามารก์ และทฤษฎเี ก่ยี วกบั ววิ ัฒนาการของสิง่ มชี วี ิตของชาลส์ ดารว์ ิน 31การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพแสดงตัวอย่างส่ิงมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการจาก ดา้ นความรู้ บรรพบุรุษร่วมกันในอดีต เพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับ 1. แนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต การเกิดววิ ฒั นาการ แนวคิดวิวัฒนาการของสง่ิ มชี ีวิตของฌอง ลามารก์ ของซอง ลามาร์ก และทฤษฎีเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตของ 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ ชาลส์ ดารว์ ิน จากการอภปิ รายร่วมกันและจากการ2. ทฤษฎีเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตของ ของส่ิงมีชีวิตของลามาร์ก นำ�เสนอ และอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปแนวคิด ชาลส์ ดารว์ ิน เกย่ี วกบั กฎการใชแ้ ละไมใ่ ช้ และกฎแหง่ การถา่ ยทอดลกั ษณะทเ่ี กดิ ขน้ึ มาใหม่ ทำ�แบบทดสอบด้านทักษะ และอภิปรายร่วมกันในประเด็นความน่าเช่อื ถอื ของแนวคิดของลามาร์ก ด้านทักษะทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั ประวตั แิ ละทฤษฎเี กย่ี วกบั ววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ติ ของ การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล การส่ือสาร1. การสังเกต2. การลงความเห็นจากข้อมลู ชาลส์ ดาร์วิน เพื่อให้นักเรียนอธิบายเก่ียวกับการคัดเลือกโดยธรรมชาติ สารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื จากการน�ำ เสนอและทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 และการปรับตัวเชิงววิ ัฒนาการ การอภปิ รายรว่ มกนั การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทันสอื่ 3. อภปิ รายร่วมกนั ในประเดน็ ความนา่ เชอื่ ถอื ของทฤษฎีของดารว์ ิน เปรยี บ เทยี บแนวคดิ เกยี่ วกบั ววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ติ ของซอง ลามารก์ และทฤษฎี ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ เก่ยี วกบั วิวัฒนาการของสง่ิ มชี ีวิตของชาลส์ ดารว์ นิ ความอยากรอู้ ยากเหน็ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการ1. ความอยากรู้อยากเหน็2. การใช้วจิ ารณญาณ สังเกตพฤติกรรมในการอภิปรายรว่ มกนั

32 ผลการเรียนรู ้ 14. ระบุสาระสำ�คญั และอธิบายเง่ือนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ด-ี ไวนเ์ บิร์ก ปัจจยั ท่ที �ำ ใหเ้ กิดการเปลีย่ นแปลงความถี่ของแอลลลี ในประชากร พรอ้ มทง้ั ค�ำ นวณหาความถีข่ องแอลลลี และจีโนไทปข์ องประชากรโดยใช้หลกั การของฮารด์ -ี ไวน์เบิร์กการวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความหมายของประชากร และยกตัวอย่าง ดา้ นความรู้ วิวัฒนาการที่เกิดกับประชากร เพ่ือให้เกิดแนวคิดว่าวิวัฒนาการเป็นการ1. หลกั การของฮารด์ -ี ไวนเ์ บริ ก์ และเงอื่ นไขของ เปล่ียนแปลงท่ีจะเกิดขึ้นกับประชากร ไม่ได้เกิดข้ึนกับสมาชิกแต่ละตัว 1. หลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กและเงื่อนไขของภาวะ ภาวะสมดุลของฮารด์ -ี ไวน์เบริ ก์ ในประชากรน้ัน และการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลในยีนพูลของ สมดุลของฮารด์ -ี ไวน์เบริ ์ก จากการท�ำ กิจกรรม การ ประชากรอาจสง่ ผลให้เกดิ ววิ ฒั นาการ อภปิ รายรว่ มกนั และการท�ำ แบบทดสอบ2. ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงความถข่ี อง แอลลลี ในประชากร 2. ให้ความรู้เก่ียวกับหลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก และอภิปรายร่วมกันเพ่ือ 2. ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงความถข่ี องแอลลลี3. การหาความถ่ีของแอลลีลและจีโนไทป์ของ ให้นักเรียนสรุปได้ว่าเมื่อประชากรอยู่ในภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ในประชากรจากการทำ�กิจกรรมและการอภิปราย ความถข่ี องแอลลลี และความถข่ี องจโี นไทปใ์ นยนี พลู ของประชากรจะคงท่ี ประชากรโดยใชห้ ลกั การของฮารด์ -ี ไวนเ์ บริ ก์ ในทุก ๆ รุ่น ถ้าไม่มีปัจจัยบางอย่างมาเกี่ยวข้อง เป็นผลให้ประชากรน้ัน รว่ มกัน ไม่เกิดววิ ัฒนาการ 3. การหาความถข่ี องแอลลลี และจโี นไทปข์ องประชากรด้านทกั ษะ 3. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ท�ำ กจิ กรรมสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การ โดยใชห้ ลกั การของฮารด์ -ี ไวนเ์ บริ ก์ จากการท�ำ โจทย์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เปลย่ี นแปลงความถข่ี องแอลลลี น�ำ เสนอ รว่ มกนั อภปิ ราย และสรปุ เกย่ี วกบั ค�ำ นวณ1. การสังเกต2. การใช้จำ�นวน ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหป้ ระชากรไมอ่ ยใู่ นภาวะสมดลุ ของฮารด์ -ี ไวนเ์ บริ ก์ ซง่ึ อาจสง่ ผล ดา้ นทกั ษะ3. การลงความเห็นจากข้อมูล ให้เกิดววิ ัฒนาการ การสงั เกต การใชจ้ �ำ นวน การลงความเหน็ จากขอ้ มลูทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 4. ให้นักเรียนทำ�โจทย์คำ�นวณการประยุกต์ใช้หลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จากการ ในการคาดคะเนความถี่ของแอลลีลท่ีเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมใน ท�ำ กิจกรรม การน�ำ เสนอ และการอภปิ รายร่วมกันดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ยีนพูลของประชากร และคาดคะเนแนวโน้มการเกิดวิวัฒนาการของสิ่ง1. ความอยากรู้อยากเหน็ มีชีวติ ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์2. การใช้วิจารณญาณ ความอยากรู้อยากเห็น การใช้วิจารณญาณ ความ 3. ความใจกว้าง4. ความรอบคอบ ใจกว้าง ความรอบคอบ จากการสังเกตพฤติกรรม ในการท�ำ กิจกรรมและการอภปิ รายรว่ มกนั

ชวี วิทยา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4ผลการเรียนรู้ 15. สืบค้นขอ้ มูล อภปิ ราย และอธบิ ายกระบวนการเกดิ สปชี ีส์ใหมข่ องสงิ่ มีชวี ติ 33การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยแสดงภาพหรอื วดี ทิ ศั นข์ องสง่ิ มชี วี ติ ตา่ ง ๆ ทม่ี ลี กั ษณะ ด้านความรู้ คล้ายกนั และใชค้ ำ�ถามเพ่อื ใหน้ กั เรยี นบอกเหตุผลวา่ สิง่ มชี ีวติ กลุม่ นี้เปน็ กระบวนการเกดิ สปีชีสใ์ หม่ของสงิ่ มีชวี ติ สปีชีสเ์ ดียวกันหรือตา่ งสปีชสี ์ กระบวนการเกดิ สปชี สี ใ์ หมข่ องสง่ิ มชี วี ติ จากการท�ำ กิจกรรม การอภปิ ราย และการท�ำ แบบทดสอบด้านทกั ษะ 2. ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับถิ่นอาศัย ลักษณะ และพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กลุ่มดังกล่าว เพื่ออภิปรายว่าเป็นสปีชีส์เดียวกันหรือต่างสปีชีส์ และสรุป ด้านทักษะ1. การสังเกต ถงึ ความหมายของสปชี ีสท์ างดา้ นสณั ฐานวทิ ยาและทางด้านชวี วิทยา 1. การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล จากการ2. การลงความเหน็ จากขอ้ มลูทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 3. นักเรียนสืบค้นข้อมูล อภิปราย และสรุปเก่ียวกับกลไกการแยกกันทาง อภิปรายร่วมกนั1. การสือ่ สารสารสนเทศและการร้เู ท่าทันสื่อ การสืบพันธ์ุก่อนระยะไซโกต และกลไกการแยกกันทางการสืบพันธ์ุ 2. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื และการคดิ2. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา หลังระยะไซโกต ที่ทำ�ให้สิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์ไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้ อย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา จากการ ถงึ แมว้ า่ จะอยใู่ นบรเิ วณเดยี วกนั อภปิ รายรว่ มกนั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสรปุ เกย่ี วกบัดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ สืบคน้ ข้อมลู และการนำ�เสนอ1. ความอยากรอู้ ยากเห็น กระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์และการเกิด2. การใชว้ จิ ารณญาณ สปีชสี ใ์ หม่ในเขตภมู ศิ าสตรเ์ ดยี วกัน ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์3. ความใจกว้าง ความอยากรู้อยากเห็น การใช้วิจารณญาณ ความ 4. ความรอบคอบ ใจกว้าง ความรอบคอบ จากการสังเกตพฤติกรรม ในการอภิปรายรว่ มกนั

34 ชวี วทิ ยา ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5

ชวี วิทยา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 35สาระชีววิทยา 3. เขา้ ใจส่วนประกอบของพืช การแลกเปลย่ี นแก๊สและคายน�ำ้ ของพชื การล�ำ เลยี งของพชื การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง การสบื พนั ธข์ุ องพืชดอกและ การเจริญเติบโต และการตอบสนองของพชื รวมทง้ั นำ�ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ผลการเรยี นร ู้ 1. อธิบายเกย่ี วกับชนิดและลักษณะของเนอื้ เย่อื พืช และเขยี นแผนผังเพื่อสรปุ ชนดิ ของเนื้อเยอื่ พชืการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. ใช้คำ�ถามนำ�เข้าสู่บทเรียนเพ่ือทบทวนเกี่ยวกับเซลล์พืช เพื่อเชื่อมโยง ด้านความรู้ ชนิดและลักษณะของเนื้อเยอ่ื พืช เขา้ สู่เรอ่ื งเน้อื เยอ่ื พชื ชนิดและลักษณะของเน้ือเย่ือพืชจากการเขียนด้านทกั ษะ 2. ใช้ภาพเนื้อเยื่อพืชประกอบการบรรยายเก่ียวกับลักษณะและหน้าที่ของ แผนผงั การท�ำ แบบฝกึ หดั และแบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เน้อื เยื่อเจริญและเนือ้ เยื่อถาวร - ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 3. อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะและหน้าท่ีของเน้ือเย่ือเจริญส่วนปลาย การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน เน้ือเยื่อเจริญเหนือข้อ และเน้ือเยื่อเจริญด้านข้าง และเนื้อเยื่อถาวร - แบ่งเปน็ เน้ือเย่อื ผวิ เนอ้ื เยอื่ พ้ืน และเนอ้ื เยอ่ื ทอ่ ล�ำ เลยี ง การตอบค�ำ ถามดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ 4. ให้นักเรียนเขียนแผนผังเพ่ือสรุปชนิดของเนื้อเย่ือพืชโดยวาดภาพและ การใช้วจิ ารณญาณ ระบุลักษณะที่สำ�คัญ พร้อมทั้งระบุหน้าที่ของเน้ือเย่ือพืชแต่ละชนิด ลงในแผนผัง

36 ผลการเรียนรู้ 2. สงั เกต อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสรา้ งภายในของรากพืชใบเลย้ี งเดี่ยวและรากพืชใบเลี้ยงคจู่ ากการตดั ตามขวางการวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชภ้ าพหรอื วดี ทิ ศั นแ์ สดงการงอกของเมลด็ ถว่ั และใช้ ดา้ นความรู้ คำ�ถามเชื่อมโยงเข้าสู่เร่ืองโครงสร้างของรากกับการเจริญเติบโตของราก โครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเด่ียว พชื โครงสร้างภายในของรากพืชใบเล้ียงเดี่ยวและราก และรากพืชใบเลย้ี งคู่จากการตัดตามขวาง พืชใบเลี้ยงคู่ตัดตามขวาง จากการทำ�กิจกรรมและ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมศึกษาลักษณะโครงสร้างภายนอกและการเจริญ การท�ำ แบบทดสอบด้านทักษะ เตบิ โตของรากพืชใบเลย้ี งเดี่ยวและรากพืชใบเล้ยี งคู่ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดา้ นทกั ษะ1. การสังเกต 3. ให้นักเรียนสังเกตภาพปลายรากพืชใบเล้ียงเด่ียวหรือรากพืชใบเล้ียง การสังเกตและการจำ�แนกประเภท จากการทำ�2. การจำ�แนกประเภท คู่ท่ีตัดตามยาวหรือใช้สไลด์ถาวรของปลายรากพืชตัดตามยาวภายใต้ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 กลอ้ งจลุ ทรรศน์ เพอื่ สรปุ ใหไ้ ดว้ า่ โครงสรา้ งภายในของปลายรากประกอบ กิจกรรม - ด้วยเนื้อเย่อื ต่างๆ 4 บริเวณ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ 4. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมศึกษาลักษณะโครงสร้างภายในของรากพืช โดย ความมุ่งม่ันอดทน ความเชื่อม่ันต่อหลักฐานเชิง1. ความม่งุ มน่ั อดทน สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากตัดตามขวางที่2. ความเช่ือมัน่ ตอ่ หลกั ฐานเชิงประจักษ์ มกี ารเติบโตปฐมภมู ิของพืชใบเลย้ี งเดย่ี วและพืชใบเลย้ี งคู่ ประจกั ษ์ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ กจิ กรรม 5. อธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับการเตบิ โตทุติยภูมขิ องราก โดยใช้ภาพรากพชื ใบ เล้ียงคู่ท่ีมีการเติบโตทุติยภูมิ หรือให้นักเรียนทำ�กิจกรรมศึกษารากพืชใบ เลย้ี งคจู่ ากการตัดตามขวางโดยตัดชว่ งกลางของราก 6. นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกบั ลกั ษณะโครงสรา้ งภายในทสี่ �ำ คญั ของรากพชื 7. ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดและหน้าที่ของรากท่ีเปล่ียนแปลงไปทำ� หนา้ ท่ีพิเศษ

ชีววิทยา ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5ผลการเรยี นรู้ 3. สังเกต อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสรา้ งภายในของลำ�ตน้ พืชใบเลี้ยงเดีย่ วและลำ�ต้นพืชใบเล้ียงคู่จากการตดั ตามขวาง 37การวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาตน้ พชื ขนาดเลก็ หรอื ตน้ พชื ทเ่ี พาะไว้ ด้านความรู้ ในกิจกรรมท่ีศึกษาเก่ียวกับโครงสร้างราก และใช้คำ�ถามเชื่อมโยงเร่ือง โครงสร้างภายในของลำ�ต้นพืชใบเลี้ยงเด่ียว โครงสรา้ งภายในของล�ำ ตน้ พชื ใบเลย้ี งเดย่ี วและราก และล�ำ ต้นพชื ใบเลี้ยงคู่จากการตัดตามขวาง โครงสร้างและหนา้ ที่ของลำ�ต้น พืชใบเล้ียงคู่ตัดตามขวาง จากการทำ�กิจกรรมและ 2. ร่วมกันอภิปราย และสรุปเก่ียวกับความเหมือนและความแตกต่างของ การทำ�แบบทดสอบด้านทักษะทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โครงสรา้ งภายนอกของล�ำ ต้นพืชใบเลยี้ งเด่ยี วและล�ำ ตน้ พืชใบเลยี้ งคู่ ดา้ นทักษะ1. การสังเกต 3. ให้นักเรียนสังเกตภาพหรือใช้สไลด์ถาวรของปลายยอดพืชตัดตามยาว การสงั เกตและการจ�ำ แนกประเภทจากการท�ำ กจิ กรรม 2. การจ�ำ แนกประเภททกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ภายใต้กล้องจลุ ทรรศน์ เพ่ือระบโุ ครงสรา้ งภายในของปลายยอด ด้านจติ วิทยาศาสตร์ 4. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมศึกษาโครงสร้างภายในของลำ�ต้นพืชใบเล้ียงเดี่ยว ความมุ่งม่ันอดทน ความเช่ือมั่นต่อหลักฐานเชิงดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์1. ความม่งุ มัน่ อดทน และล�ำ ตน้ พชื ใบเลย้ี งคภู่ ายใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ เพอ่ื อธบิ ายและเปรยี บเทยี บ ประจกั ษ์ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการท�ำ กจิ กรรม2. ความเชอื่ มน่ั ต่อหลกั ฐานเชิงประจักษ์ โครงสร้างภายในตัดตามขวางที่มีการเติบโตปฐมภูมิของลำ�ต้นพืชใบ และการอภปิ รายร่วมกนั เลี้ยงเดยี่ วและลำ�ตน้ พืชใบเล้ียงคู่ 5. อธบิ ายเกย่ี วกบั การเตบิ โตทตุ ยิ ภมู ขิ องล�ำ ตน้ พชื โดยใชภ้ าพการเตบิ โตของ ลำ�ต้นพืชใบเลี้ยงคู่ หรือให้นักเรียนทำ�กิจกรรมศึกษาลำ�ต้นพืชใบเล้ียงคู่ จากการตดั ตามขวางโดยตดั ชว่ งกลางของล�ำ ต้น 6. ร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ลกั ษณะท่ีสำ�คญั ของล�ำ ต้นพชื ทวั่ ไป 7. ใช้ภาพลำ�ต้นที่ทำ�หน้าท่ีพิเศษชนิดต่างๆ เพ่ือให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชนดิ และหนา้ ท่ีของล�ำ ตน้ ท่เี ปลย่ี นแปลงไปทำ�หนา้ ทพ่ี เิ ศษ

38 ผลการเรียนร ู้ 4. สังเกต และอธิบาย โครงสร้างภายในของใบพชื จากการตดั ตามขวางการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนสังเกตลักษณะของใบพืชชนิดต่าง ๆ เช่น ด้านความรู้ ผวิ ใบ ความหนาของใบ และใชค้ �ำ ถามเพอื่ น�ำ ไปสกู่ ารอภปิ รายถงึ ลกั ษณะ1. โครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัด โครงสร้างภายนอกและเชื่อมโยงไปส่โู ครงสร้างภายในของใบ โครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัดตามขวาง ตามขวาง จากการทำ�กจิ กรรมและการท�ำ แบบทดสอบ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมศึกษาโครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัดตาม2. ชนิดและหน้าท่ีของใบที่เปล่ียนแปลงไป ขวางภายใต้กล้องจุลทรรศน์ สงั เกต วาดภาพ ด้านทักษะ ท�ำ หนา้ ที่พเิ ศษ 1. การสงั เกต การจ�ำ แนกประเภท จากการท�ำ กจิ กรรม 3. ให้นักเรียนน�ำ เสนอข้อมูล อธบิ ายโครงสร้างภายในของใบพืช พร้อมทัง้ ช้ี 2. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรูเ้ ทา่ ทันสอ่ื จากการด้านทักษะ ระบเุ นอื้ เยอื่ บรเิ วณเอพเิ ดอรม์ สิ มโี ซฟลิ ล์ และเนอื้ เยอ่ื ทอ่ ล�ำ เลยี ง และรว่ ม น�ำ เสนอทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์1. การสงั เกต กันสรุปเกี่ยวกับลักษณะที่สำ�คญั ของใบพืชทว่ั ไป ด้านจติ วิทยาศาสตร์2. การจ�ำ แนกประเภท 4. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอ และสรปุ เกยี่ วกบั ชนดิ และหนา้ ทข่ี องใบ ความมุ่งม่ันอดทน และความเชื่อม่ันต่อหลักฐานทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทันส่ือ ท่เี ปลีย่ นแปลงไปทำ�หน้าที่พเิ ศษ เชิงประจักษ์ จากการสังเกตพฤติกรรมในการทำ� กจิ กรรมด้านจติ วิทยาศาสตร์1. ความมุ่งม่นั อดทน2. ความเชือ่ มนั่ ต่อหลักฐานเชิงประจกั ษ์

ชวี วทิ ยา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5ผลการเรียนร ู้ 5. สืบคน้ ขอ้ มลู สงั เกต และอธิบายการแลกเปลย่ี นแกส๊ และการคายน้ำ�ของพืช 39การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามเกย่ี วกบั การน�ำ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดม์ าใช้ ด้านความรู้ ในการสังเคราะห์ด้วยแสง หรือการปล่อยแก๊สออกซิเจนที่เกิดข้นึ จากการ1. กลไกการเปิดปดิ ปากใบ กลไกการเปิดปิดปากใบ การแลกเปลี่ยนแก๊ส และ2. การแลกเปลี่ยนแกส๊ และการคายน้ำ� สังเคราะห์ด้วยแสง เพ่ือเช่ือมโยงว่ารูปากใบเป็นช่องทางผ่านเข้าออก การคายนำ้�ของพืชจากการสืบค้นข้อมูล การทำ� ของแก๊ส กจิ กรรม และการทำ�แบบทดสอบ ด้านทกั ษะ 2. บรรยายเกย่ี วกบั กลไกการเปดิ ปดิ ของปากใบ ซงึ่ ท�ำ ใหเ้ กดิ การแลกเปลยี่ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แกส๊ และการคายน้�ำ ในพชื ดา้ นทกั ษะ1. การสงั เกต 3. ให้นักเรียนสังเกตภาพถ่ายภายใต้กล้องจุลทรรศน์ของปากใบพืชชนิด 1. การสังเกต และการลงความเห็นจากข้อมูลจากการ2. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล เดียวกันที่ได้รับน้ำ�เพียงพอและที่ขาดน้ำ�เป็นเวลานาน และอธิบายความทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 แตกตา่ งของการเปดิ ปิดของปากใบของท้งั สองภาพ ทำ�กิจกรรม การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ 4. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู น�ำ เสนอ อภปิ รายรว่ มกนั และสรปุ เกย่ี วกบั ปจั จยั 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ ท่ีมีผลต่อเปิดปิดของปากใบและการคายน้ำ�ของพืช คือ ความเข้มด้านจิตวิทยาศาสตร์ ของแสง สภาพน้ำ�ในดิน ความชื้นในอากาศ ลม อุณหภูมิ และแก๊ส สบื ค้นขอ้ มลู และการนำ�เสนอ ความเชือ่ ม่ันตอ่ หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ คารบ์ อนไดออกไซด์ ด้านจิตวิทยาศาสตร์ ความเชอ่ื มน่ั ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต พฤติกรรมในการอภปิ รายรว่ มกนั

40 ผลการเรียนรู้ 6. สบื ค้นข้อมูลและอธิบายกลไกการลำ�เลยี งนำ้�และธาตอุ าหารของพืชการวเิ คราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพต้นไม้ที่มีความสูงเทียบเท่าตึกหลายช้ันและ ด้านความรู้ กลไกการล�ำ เลยี งน�ำ้ และธาตอุ าหารของพชื ภาพการสบู น�ำ้ ขนึ้ ไปใชใ้ นตกึ สงู และใชค้ �ำ ถามเพอื่ เชอื่ มโยงเขา้ สเู่ รอื่ งกลไก กลไกการล�ำ เลยี งน�้ำ และธาตอุ าหารของพชื จากการ การลำ�เลียงนำ�้ ของพืชด้านทักษะ ท�ำ แบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล นำ�เสนอ และสรุปกลไกการลำ�เลียงน้ำ�ของพืช จากภายนอกเขา้ สู่ราก และจากรากขึน้ สลู่ �ำ ตน้ ดา้ นทักษะ - การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 3. อภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการคายน�ำ้ และการล�ำ เลยี งน�ำ้ การสื่อสารสารสนเทศและการรูเ้ ท่าทันสือ่ ของพชื สืบค้นขอ้ มลู และการนำ�เสนอ 4. อธบิ ายเกยี่ วกบั แรงดันรากกับปรากฏการณ์ กตั เตชันด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ 5. ใชค้ �ำ ถามเชอื่ มโยงเรอ่ื งการคายน�ำ้ เพอื่ น�ำ ไปสเู่ รอื่ งการล�ำ เลยี งธาตอุ าหาร ดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ การใช้วิจารณญาณ จากการสังเกตพฤติกรรมใน ของพืช 6. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เพอื่ อธบิ ายและสรปุ กลไกการล�ำ เลยี งธาตอุ าหาร การอภิปรายรว่ มกนั ของพืช 7. อภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเปรยี บเทยี บกลไกการล�ำ เลยี งน�้ำ และกลไก การล�ำ เลียงธาตอุ าหาร

ชีววิทยา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5ผลการเรียนร้ ู 7. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายความสำ�คญั ของธาตอุ าหาร และยกตวั อย่างธาตอุ าหารท่ีส�ำ คัญท่มี ผี ลต่อการเจรญิ เติบโตของพืช 41การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพหรือต้นพืชจริงที่เจริญเติบโตสมบูรณ์และ ด้านความรู้ ไม่สมบูรณ์เนื่องจากขาดธาตุอาหาร เพื่อให้นักเรียนอภิปรายเก่ียวกับ 1. ความสำ�คัญของธาตุอาหารที่มีผลต่อการ ธาตอุ าหารที่มีความจ�ำ เป็นตอ่ การเจริญเตบิ โตของพืช ความส�ำ คญั ของธาตอุ าหาร และตวั อยา่ งธาตอุ าหาร เจรญิ เตบิ โตของพชื ท่ีสำ�คัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชการทำ� 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล และยกตัวอย่างธาตุอาหารท่ีสำ�คัญท่ีมีผลต่อ แบบทดสอบ2. ตัวอย่างธาตุอาหารท่ีสำ�คัญท่ีมีผลต่อการ การเจรญิ เตบิ โตของพชื อธบิ ายและสรปุ ความส�ำ คญั ของธาตอุ าหารทมี่ ผี ล เจรญิ เติบโตของพชื ดา้ นทักษะ ตอ่ การเจริญเติบโตของพชื 1. การสังเกต จากการศกึ ษาจากภาพหรอื ตวั อยา่ งจรงิด้านทักษะ 3. ใช้ภาพและคำ�ถามเกี่ยวกับผักท่ีปลูกในสารละลายหรือผักไฮโดรพอนิกส์ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และการอภิปรายรว่ มกนั การสงั เกต เพอ่ื เชอื่ มโยงเขา้ สกู่ ารอภปิ รายรว่ มกนั และสรปุ เกยี่ วกบั การน�ำ ความรเู้ กย่ี ว 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 กบั สมบตั ขิ องธาตอุ าหารทมี่ ผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื มาใชป้ ระโยชน์ สืบค้นขอ้ มลู และการอภปิ รายรว่ มกนั การสอ่ื สารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั สอ่ื ในการปลกู พชื ในสารละลายธาตอุ าหาร ด้านจิตวิทยาศาสตร์ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ การใช้วิจารณญาณ ตอบค�ำ ถามและอภิปรายร่วมกัน

42 ผลการเรียนร ู้ 8. อธิบายกลไกการลำ�เลยี งอาหารในพชืการวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามนำ�ไปสู่การอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการ ดา้ นความรู้ กลไกการล�ำ เลียงอาหารในพืช ใช้อาหารของเซลล์ในเน้ือเยื่อพืช เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่เรื่องการลำ�เลียง อาหารที่ได้จากการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงท่ใี บไปส่สู ว่ นตา่ ง ๆ ของพชื กลไกการลำ�เลียงอาหารในพืชจากการทำ�แบบด้านทักษะ ทดสอบทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ใชภ้ าพตวั อยา่ งใบและล�ำ ตน้ พชื ตดั ตามขวาง เพอื่ ทบทวนความรเู้ กยี่ วกบั - ตำ�แหนง่ ของเน้อื เยอื่ ไซเล็มและโฟลเอ็มในพืช ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ความเชอื่ มนั่ ตอ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ จากการสงั เกต - 3. นกั เรยี นศกึ ษาตวั อยา่ งการทดลองเกย่ี วกบั ทศิ ทางการล�ำ เลยี งอาหารในพชื และรว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ เกยี่ วกบั ทศิ ทางการล�ำ เลยี งอาหารในพชื เพอ่ื พฤตกิ รรมในการอภิปรายร่วมกันด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ ความเชอ่ื มัน่ ต่อหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ เชื่อมโยงเขา้ สู่กลไกการลำ�เลยี งอาหารในพืช 4. นักเรียนศึกษาแบบจำ�ลองการลำ�เลียงอาหารในพืชของมึนซ์ เพ่ืออธิบาย และสรุปกลไกการลำ�เลียงอาหารในพืชจากเซลล์ท่ีทำ�หน้าที่สร้างอาหาร ไปยังเซลล์ท่มี ีการใช้อาหารผา่ นทางโฟลเอม็ ซึ่งเก่ยี วขอ้ งกับแรงดนั น�้ำ

ชีววิทยา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5ผลการเรยี นรู้ 9. สบื ค้นข้อมูลและสรุปการศกึ ษาที่ไดจ้ ากการทดลองของนักวทิ ยาศาสตร์ในอดตี เกี่ยวกบั กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 43การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพของสัตว์ที่กินพืชและใช้คำ�ถามเก่ียวกับ ดา้ นความรู้ ประโยชน์ของพืชที่เป็นผู้ผลิตและให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ การศึกษาที่ได้จากการทดลองของนัก วตั ถดุ บิ และผลผลติ ทไ่ี ดจ้ ากกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง เพอ่ื เชอ่ื มโยง การทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ในอดีตเก่ียวกับกระบวนการ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงจากการอภิปราย สงั เคราะห์ด้วยแสง เข้าสเู่ รอ่ื งการคน้ ควา้ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ร่วมกัน และการทำ�แบบทดสอบ 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล เก่ียวกับการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตดา้ นทกั ษะ ด้านทกั ษะทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกย่ี วกบั กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง เพอ่ื อภปิ รายรว่ มกนั และสรปุ ไดว้ า่ การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ - พืชใช้คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ�เป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์ด้วยแสงทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 สืบค้นขอ้ มลู การสื่อสารสารสนเทศและการร้เู ทา่ ทนั ส่อื และผลผลติ ท่ีไดค้ อื นำ�้ ตาล ออกซเิ จน และน้ำ� ด้านจิตวิทยาศาสตร์ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ จติ วทิ ยาศาสตรด์ า้ นตา่ ง ๆ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม1. การใชว้ จิ ารณญาณ2. ความสนใจในวิทยาศาสตร์ ในการอภปิ รายรว่ มกัน3. การเห็นคุณคา่ ทางวิทยาศาสตร์

44 ผลการเรยี นรู้ 10. อธบิ ายขนั้ ตอนทีเ่ กิดขึ้นในกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื C3การวเิ คราะห์ผลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนศึกษาภาพหรือทำ�กิจกรรมเพื่อสังเกต ดา้ นความรู้ คลอโรพลาสต์ของใบพืช ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ และใช้คำ�ถามเก่ียวกับ ข้ันตอนท่ีเกิดขึ้นในกระบวนการสังเคราะห์ ความส�ำ คญั ของคลอโรพลาสต์ต่อกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง ขนั้ ตอนทเ่ี กดิ ขน้ึ ในกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ด้วยแสงของพชื C3 ของพืช C3 จากแผนภาพสรุปและจากการทำ�แบบ 2. อภิปรายรว่ มกันเกีย่ วกับโครงสรา้ งของคลอโรพลาสต์ ทดสอบดา้ นทักษะ 3. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั บทบาทและความสามารถในการดดู กลนื แสงทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของสารสีในช่วงความยาวคล่ืนต่างๆของคลอโรฟิลล์และสารสีอ่ืน ๆ ดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ - การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในคลอโรพลาสต์ และทำ�กิจกรรม ความสามารถในการดูดกลืนแสงของ - สารสชี นดิ ตา่ ง ๆ อภิปรายร่วมกัน 4. บรรยายเกี่ยวกับขั้นตอนของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเพ่ือให้ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ นกั เรยี นสรปุ ไดว้ า่ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงประกอบดว้ ยปฏกิ ริ ยิ าแสง การใช้วจิ ารณญาณ และการตรึงคาร์บอนไดออกไซดข์ องพืช C3

ชีววทิ ยา ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5ผลการเรียนรู ้ 11. เปรียบเทยี บกลไกการตรงึ คาร์บอนไดออกไซดใ์ นพชื C3 พืช C4 และ พืช CAM 45การวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพพืช C4 เช่น ข้าวโพดที่อยู่กลางแดดและพืช ดา้ นความรู้ CAM เชน่ กระบองเพชรทอ่ี ยใู่ นทะเลทราย และใชค้ �ำ ถามเกยี่ วกบั ปรมิ าณ กลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C4 การเปรียบเทียบกลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ และ พืช CAM คารบ์ อนไดออกไซดท์ ลี่ ะลายอยใู่ นเซลลม์ โี ซฟลิ ลข์ องใบเพอื่ เชอ่ื มโยงเขา้ สู่ ในพืช C3 พืช C4 และ พืช CAM จากการทำ�แบบ ทดสอบด้านทักษะ เรื่องกลไกการเพ่ิมความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C4 และ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ พืช CAM ด้านทกั ษะ - การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา จากการทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั กลไกการตรงึ คารบ์ อนไดออกไซดข์ องพชื C4 และพชื CAM อภปิ รายรว่ มกนั และการสรปุ เปรยี บเทยี บ การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา และอภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปความสัมพันธ์ระหว่างกลไกการ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ เพม่ิ ความเข้มข้นของคารบ์ อนไดออกไซด์ของพืช C4 และ พชื CAM กบั การใชว้ จิ ารณญาณ จากการสงั เกตพฤตกิ รรมในการ การใชว้ ิจารณญาณ สภาพแวดลอ้ มและถ่ินทีอ่ ยู่ อภปิ รายรว่ มกัน 3. ร่วมกันสรุปเปรียบเทียบกลไกการตรึงคาร์บอนได ออกไซด์ของพืช C3 พชื C4 และ CAM

46 ผลการเรยี นร ู้ 12. สบื ค้นข้อมลู อภิปรายและสรปุ ปจั จยั ความเข้มของแสง ความเข้มขน้ ของคารบ์ อนไดออกไซด์ และอณุ หภมู ิ ที่มผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืชการวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำ�ถามเก่ียวกับปัจจัยต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับการ ด้านความรู้ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื และรว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื น�ำ ไปสเู่ รอื่ งความเขม้ ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ของแสง ความเขม้ ของแสง ความเขม้ ขน้ ของคารบ์ อนไดออกไซด์ และอุณหภูมิ ที่มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของด้านทักษะ 2. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อวัดอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชที่ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ความเขม้ ของแสงแตกตา่ งกนั พืชจากการทำ�แบบทดสอบ1. การสังเกต2. การวดั 3. ให้นักเรียนนำ�เสนอ อภิปรายร่วมกันและสรุปผลการทำ�กิจกรรมวัดอัตรา ด้านทกั ษะ3. การจดั กระทำ�และสอื่ ความหมายข้อมูล การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชที่ความเข้มของแสงแตกต่างกนั 1. การสงั เกต การวดั การจดั กระท�ำ และสอ่ื ความหมาย4. การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุปทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 4. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู และอภปิ รายรว่ มกนั เกย่ี วกบั ปจั จยั อน่ื  ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ข้อมูล การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป การ1. การสอื่ สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั สอ่ื กบั การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื เชน่ ความเขม้ ขน้ ของคารบ์ อนไดออกไซด์ ท�ำ งานร่วมกัน จากการทำ�กิจกรรม2. ความรว่ มมอื การท�ำ งานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ �ำ อุณหภูมิ ปริมาณนำ�้ ในดิน ธาตอุ าหาร และอายุใบ 2. การส่ือสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ ความ 5. รว่ มกนั สรุปปจั จัยทมี่ ีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ร่วมมือการทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� จากการด้านจติ วิทยาศาสตร์ สืบคน้ ข้อมลู และการนำ�เสนอ1. ความซื่อสัตย์2. ความมงุ่ มนั่ อดทน ด้านจติ วทิ ยาศาสตร์3. ความรอบคอบ จติ วทิ ยาศาสตรด์ า้ นตา่ ง ๆ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม4. การใชว้ จิ ารณญาณ ในการอภิปรายรว่ มกัน และการท�ำ กจิ กรรม

ชีววทิ ยา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5ผลการเรียนรู้ 13. อธิบายวฏั จักรชวี ติ แบบสลบั ของพืชดอก 47การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยใช้ภาพหรือวีดิทัศน์เกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตแบบสลับ ดา้ นความรู้ วัฏจกั รชวี ิตแบบสลบั ของพืชดอก ของเฟิน เพื่อเชอื่ มโยงเขา้ สูเ่ รอ่ื งวฏั จกั รชวี ิตแบบสลับของพชื ดอก วัฏจักรชวี ิตแบบสลบั ของพืชดอก การอภปิ รายรว่ มดา้ นทกั ษะ 2. บรรยายเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก เพ่ืออธิบายความ กนั และจากการทำ�แบบทดสอบ - สัมพันธ์และความแตกต่างของระยะ สปอโรไฟต์และระยะแกมีโทไฟต์ ให้นักเรียนเขียนแผนภาพวัฏจักรชีวิตแบบสลับของพืชดอก เพื่อสรุปว่าด้านจติ วิทยาศาสตร์ สปอโรไฟต์สร้างสปอร์ โดยสปอร์จะพัฒนาไปเป็นแกมีโทไฟต์ซึ่งจะสร้าง - เซลลส์ บื พนั ธุ์

48 ผลการเรยี นรู้ 14. อธบิ ายและเปรยี บเทียบกระบวนการสรา้ งเซลล์สบื พันธุเ์ พศผูแ้ ละเพศเมยี ของพืชดอก และอธบิ ายการปฏสิ นธขิ องพืชดอกการวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. นำ�เข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อศึกษาส่วนประกอบของ ด้านความรู้1. กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้และ ดอกของพืชชนิดต่างๆ และสรุปเก่ียวกับความแตกต่างของส่วนประกอบ ของดอกในพืชแต่ละชนิด ทำ�ให้เกิดความหลากหลายของรูปทรงดอก กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเซลล์ เซลลส์ ืบพันธุเ์ พศเมียของพชื ดอก ซงึ่ สัมพันธก์ ับการสบื พันธุ์ สบื พนั ธเ์ุ พศเมยี และการปฏสิ นธใิ นพชื ดอก จากการ2. การปฏสิ นธใิ นพชื ดอก 2. อภิปรายร่วมกันเพ่ือให้นักเรียนสรุปได้ว่า เรณูในเกสรเพศผู้และ ท�ำ แบบฝึกหัดและการท�ำ แบบทดสอบดา้ นทกั ษะ ถงุ เอ็มบริโอในเกสรเพศเมยี เกย่ี วขอ้ งกบั กระบวนการสร้างเซลล์สบื พนั ธุ์ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นทกั ษะ การสงั เกต 3. ใหค้ วามรู้เกย่ี วกบั การสร้างไมโครสปอร์ และเมกะสปอร์ 1. การสังเกต และการทำ�งานร่วมกัน จากการทำ�ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 4. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การถา่ ยเรณู เพอ่ื อภปิ รายถงึ ความส�ำ คญั การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทนั สอ่ื กิจกรรม และปัจจัยท่ีมีผลต่อการถ่ายเรณขู องพืชดอก 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทันสือ่ จากการด้านจติ วิทยาศาสตร์ 5. อธิบายเกี่ยวกับการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเซลล์สืบพันธ์ุเพศเมีย นำ�เสนอ1. ความม่งุ ม่ันอดทน2. ความเชอ่ื มน่ั ต่อหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ เพื่อให้นักเรียนอธิบายและเปรียบเทียบกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ดา้ นจิตวิทยาศาสตร์ เพศผู้และเซลลส์ ืบพันธุ์เพศเมียของพืชดอก จติ วทิ ยาศาสตรด์ า้ นตา่ ง ๆ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม 6. ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อสังเกตและบันทึกหรือวาดภาพรูปร่างลักษณะ ของเรณู การงอกของหลอดเรณภู ายใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ น�ำ เสนอผลการท�ำ ในการอภปิ รายร่วมกนั และการท�ำ กจิ กรรม กิจกรรม อภิปรายร่วมกันและสรุปเกีย่ วกบั การงอกของหลอดเรณู 7. ให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิสนธิ และร่วมกันสรุปเก่ียวกับการปฏิสนธิ ของพืชดอก

ชวี วิทยา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5ผลการเรยี นร ู้ 15. อธิบายการเกดิ เมลด็ และการเกิดผลของพชื ดอก โครงสร้างของเมลด็ และผล และยกตัวอย่างการใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงสรา้ งต่างๆ ของเมล็ดและผล 49การวิเคราะหผ์ ลการเรยี นรู้ แนวทางการจดั การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ดา้ นความรู้ 1. น�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใชค้ �ำ ถามทบทวนเรอ่ื งการปฏสิ นธคิ ู่ เพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา้ สู่ ด้านความรู้ เรือ่ งการเปลี่ยนแปลงของดอกหลงั เกดิ การปฏิสนธิ1. การเกดิ เมลด็ และการเกิดผล 2. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างของเมล็ดและผล และ การเกิดเมล็ดและการเกิดผล โครงสร้างของเมล็ด2. โครงสร้างของเมลด็ และผล และผล และตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงสรา้ ง3. การเกิดผลเดีย่ ว ผลกล่มุ และผลรวม ท�ำ กจิ กรรมศกึ ษาเมลด็ และผลจากตวั อยา่ งจรงิ น�ำ เสนอ อภปิ รายรว่ มกนั ของเมล็ดและผลของพืชดอกจากการทำ�กิจกรรม4. ประโยชนจ์ ากโครงสรา้ งตา่ งๆ ของเมลด็ และผล เพอ่ื ใหส้ รปุ ไดว้ า่ ออวลุ มกี ารเจรญิ และพฒั นาไปเปน็ เมลด็ รงั ไขเ่ จรญิ และ การอภปิ รายร่วมกัน และการท�ำ แบบทดสอบดา้ นทักษะ พัฒนาไปเป็นผลซ่ึงจัดเปน็ ผลแท้ ด้านทักษะทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ใช้คำ�ถามเพ่ือทบทวนความรู้เก่ียวกับประเภทของดอกและส่วนประกอบ 1. การสังเกต การจำ�แนกประเภท การคิดอย่างมี1. การสังเกต2. การจ�ำ แนกประเภท ของดอก เพอื่ อธิบายการเกิดผลเดย่ี ว ผลกลุม่ และผลรวม วิจารณญาณจากการทำ�กิจกรรมและการอภิปรายทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 4. ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู รว่ มกนั อภปิ รายถงึ ความหลากหลายของลกั ษณะ รว่ มกนั1. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทนั ส่อื 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ จากการ2. การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ เมลด็ และผลในแงข่ องการกระจายพนั ธพ์ุ ชื และยกตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์ สืบค้นข้อมูลและการนำ�เสนอ จากโครงสรา้ งต่าง ๆ ของเมล็ดและผลดา้ นจติ วทิ ยาศาสตร์ ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์1. ความมงุ่ ม่นั อดทน จติ วทิ ยาศาสตรด์ า้ นตา่ ง ๆ จากการสงั เกตพฤตกิ รรม2. ความเชื่อมนั่ ต่อหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ในการอภิปรายร่วมกัน และการทำ�กิจกรรม