Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore DOH KM Manual approved

DOH KM Manual approved

Published by KMTRD SITE, 2020-02-21 01:43:51

Description: DOH KM Manual approved

Search

Read the Text Version

คู่มือการจัดการความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) ผเู้ ช่ยี วชาญภายในหน่วยงาน ผูใ้ ช้ความรู้ (Tacit Knowledge) (ตาแหน่ง) นายทรงวฒุ ิ หงวนเสงี่ยม (ผอ.พร) นกั วิเคราะหน์ โยบายและแผน นางสมคิด มะลิพวง คณะทางาน PMQA 4.0 นางชญาน์นันท์ แก่นจันทร์ธนกุล องการปฏบิ ัติ นายไพเราะ เพชรประพันธ์ น.ส.สชุ าดา สุราเลศิ ระมาณ นายทรงวุฒิ หงวนเสง่ยี ม (ผอ.พร) นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน งสว่ นราชการ นางสมคิด มะลพิ วง คณะทางาน PMQA 4.0 องการปฏบิ ัติ นางชญาน์นนั ท์ แกน่ จันทรธ์ นกลุ นายไพเราะ เพชรประพนั ธ์ ภาพในการ น.ส.สชุ าดา สุราเลศิ าชการ คณะทางาน PMQA 4.0 นกั วิเคราะหน์ โยบายและแผน (ประธานและเลขาฯ แตล่ ะหมวด) คณะทางาน PMQA 4.0 60 – 2564 มทางหลวง กีย่ วข้อง 84

ช่อื หัวข้อความรู้ ความรู้ชดั แจง้ ทีส่ นับสนนุ ยุทธศาสตร์ (Explicit Knowledge) 9.2 การปรับปรุงโครงสรา้ งการ ▪ หนังสอื สานักงาน ก.พ.ร. เก่ียวกับกฎกระท แบง่ ส่วนราชการ แบ่งสว่ นราชการ ▪ ประกาศกระทรวงในสว่ นทร่ี ัฐมนตรีกาหน 9.3 การประเมินสถานะของ ▪ แผนยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาหน่วยงาน หนว่ ยงานภาครัฐ ในการเป็นระบบ ▪ คมู่ ือการปฏิบัตงิ าน กระบวนการปรบั ปรุง ราชการ 4.0 (PMQA 4.0) แบง่ สว่ นราชการ ▪ เอกสารประกอบการนาเสนอการปรับปรงุ 9.3.1 การพัฒนาคณุ ภาพการ ▪ การแบง่ ส่วนราชการ บรหิ ารจัดการภาครฐั PMQA ▪ พระราชกฤษฎีกาวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์และวธิ กจิ การบา้ นเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ▪ เกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครฐั ระ 2550 ▪ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไ ▪ แนวทางในการพฒั นาการบริจดั การองคก์ า หนว่ ยงานภาครัฐ พ.ศ. 2558

คู่มือการจัดการความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) ผเู้ ชีย่ วชาญภายในหน่วยงาน ผู้ใชค้ วามรู้ (Tacit Knowledge) (ตาแหน่ง) ทรวง นายทรงวฒุ ิ หงวนเสงี่ยม (ผอ.พร) นักวิเคราะหน์ โยบายและแผน น.ส.ชญานน์ นั ท์ แก่นจันทร์ธนกุล คณะทางาน PMQA 4.0 นด น.ส.จุรพี ร โชตพิ ิศทุ ธิโ์ มรา งโครงสร้างการ ง ธีการบริหาร นายทรงวฒุ ิ หงวนเสงย่ี ม (ผอ.พร) นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน นางชญาน์นันท์ แก่นจนั ทรธ์ นกุล คณะทางาน PMQA 4.0 ะดับพน้ื ฐาน นางสมคดิ มะลิพวง น.ส.สชุ าดา สรุ าเลิศ ไทย น.ส.จรุ พี ร โชติพิศทุ ธโิ์ มรา ารของ 85

ชอ่ื หัวข้อความรู้ ความรูช้ ัดแจ้ง ทส่ี นบั สนนุ ยุทธศาสตร์ (Explicit Knowledge) 9.3.2 เกณฑ์คุณภาพการ ▪ คู่มอื ประเมนิ สถานะของหน่วยงานภาครฐั บรหิ ารจัดการภาครฐั PMQA 4.0 ระบบราชการ 4.0 ▪ คมู่ ือการจัดทารายงานผลการดาเนนิ การพ 9.4 การบรหิ ารจัดการธรรมาภบิ าล สรู่ ะบบราชการ 4.0 (Application Repo 9.4.1 หลักธรรมาภบิ าลและ Tool kit (PMQA 4.0 การบริหารกจิ การบ้านเมืองที่ดี ▪ พระราชกฤษฎีกาว่าดว้ ยหลักเกณฑ์และวธิ กิจการบ้านเมืองทีด่ ี พ.ศ.2546 ▪ ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยการสร บรหิ ารกิจการบา้ นเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ 9.4.2 การบริหารจดั การ ▪ คมู่ อื การบรหิ ารจัดการภาครฐั แนวใหม่ ภาครัฐแนวใหม่

คู่มือการจดั การความร้กู รมทางหลวง (DOH KM Manual) ฐในการเปน็ ผูเ้ ชีย่ วชาญภายในหนว่ ยงาน ผใู้ ช้ความรู้ (Tacit Knowledge) (ตาแหน่ง) พัฒนาองค์การ ort) นายทรงวฒุ ิ หงวนเสงย่ี ม (ผอ.พร) นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน นางชญาน์นันท์ แก่นจนั ทรธ์ นกลุ คณะทางาน PMQA 4.0 นางสมคดิ มะลพิ วง ธีการบริหาร นายทรงวฒุ ิ หงวนเสง่ียม (ผอ.พร) นกั วิเคราะหน์ โยบายและแผน นางชญานน์ ันท์ แก่นจนั ทร์ธนกุล คณะทางาน PMQA 4.0 รา้ งระบบ นางสมคิด มะลพิ วง ศ 2542 นักวเิ คราะหน์ โยบายและแผน นายทรงวฒุ ิ หงวนเสงี่ยม (ผอ.พร) คณะทางาน PMQA 4.0 นางชญานน์ ันท์ แกน่ จันทร์ธนกลุ นางสมคิด มะลิพวง 86

ค่มู ือการจัดการความร้กู รมทางหลวง (DOH KM Manual) 4.3 การประเมินสถานะความรภู้ ายในองคก์ ร ในการจัดการความรู้นั้น เมื่อได้ระบุหัวข้อความรู้ (Identify knowledge) ที่จาเป็นเพื่อสนับสนุน ยุทธศาสตร์องค์กร และการปฏิบัติงานตามกระบวนงานต่าง ๆ โดยใช้เคร่ืองมือในการระบุและรวบรวม ความรู้ ได้แก่ แผนท่ีความรู้ (Knowledge Mapping) และโครงสร้างความรู้ (Knowledge Structure) ก็จะทาให้ทราบว่ามหี วั ข้อความรู้ตา่ ง ๆ มากมายท่จี าเป็นต้องใชใ้ นการทางานท้งั ในระดบั องคก์ รและระดับ กระบวนงาน ซ่ึงในแต่ละหัวข้อความรู้น้ันย่อมมีความจาเป็นเร่งด่วนในการที่จะพิจารณาคัดเลือกนามา จัดการความรู้แตกต่างกันไป หากสามารถคัดเลือกหัวข้อความรู้ได้ตามความจาเป็นเร่งด่วนและนามา จัดการผ่านกิจกรรมความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ย่อมจะทาให้การวางแผนและดาเนินการจัดการ ความร้เู กิดประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล เกดิ ประโยขน์สงู สุดแก่องคก์ ร เคร่ืองมอื หนึง่ ที่ช่วยในการประเมิน ความจาเป็นเร่งดว่ นของการจัดการความรู้ ได้แก่ การประเมินสถานะความรภู้ ายในองค์กร เป็นการนาผล การประเมินความสาคัญขององค์ความรู้ (หัวข้อความรู้) เปรียบเทียบกับระดับความรู้ภายในองค์กร ในปัจจุบัน ทาให้ทราบระดับความเสี่ยง (สูง-กลาง-ต่า) ที่จะเกิดปัญหาจากการขาดความรู้และไม่ได้ ดาเนนิ การจดั การความรู้ หรอื ทราบความจาเป็นเร่งด่วนที่ตอ้ งดาเนนิ การจดั การความรู้ในหวั ขอ้ ใดก่อน การประเมนิ สถานะความรู้ แบง่ ออกเป็น 3 ส่วน ดงั นี้ ส่วนท่ี 1 : ประเมินความสาคัญขององค์ความรู้ (หวั ข้อความร)ู้ ส่วนท่ี 2 : ประเมนิ ระดับความรภู้ ายในองคก์ ร ส่วนที่ 3 : ประเมนิ ความเสี่ยงทจี่ ะเกิดปญั หาจากการขาดความรู้ สว่ นที่ 1 ประเมินความสาคญั ขององคค์ วามรู้ ส่วนท่ี 2 ประเมนิ ระดบั ความรู้ ส่วนที่ 3 ประเมนิ ความเสี่ยงฯ 87

คมู่ ือการจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) แนวทางการประเมินสถานะความรขู้ ององค์กร การนาไปใช้ การเชือ่ มโยงกบั รวมคะแนน ในวงกวา้ ง กลยุทธอ์ งคก์ ร ความสาคัญ ผลกระทบตอ่ การ ความถใี่ นการ ความจาเป็น ทางาน ใชง้ าน ในระยะยาว (1-5 คะแนน) (1,3,5 คะแนน) (5-25 คะแนน) (1,3,5 คะแนน) (1-5 คะแนน) (1-5 คะแนน) ผลกระทบทม่ี ตี อ่ การทางานภายในฝา่ ย ผลกระทบต่อฝ่ายอื่น ผลกระทบท่ีมตี อ่ องคก์ ร สว่ นท่ี 1 : คะแนนความสาคญั ขององคค์ วามรู้ เป็นการประเมินวา่ ในกรณีที่องค์กรไม่มีองค์ความรู้ หรือมีองค์ความรู้ในหัวข้อเหล่านั้นไม่เพียงพอ จะเกดิ ผลกระทบอย่างไรกบั องค์กรบ้าง เช่น อาจทาให้เกดิ ความผิดพลาดซา้ ในเรื่องเดิม ๆ หรอื ไม่สามารถ แก้ปัญหาบางอย่างซึ่งต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญได้อย่างเหมาะสม โดยจะมีการแบ่งระดับของการ ประเมินเปน็ 3 ระดบั ดงั น้ี ๑) ผลกระทบท่ีมตี ่อการทางานภายในฝ่าย เน้นการพิจารณาผลกระทบท่ีมีต่อการปฏิบัติงานประจาวันภายในฝ่ายงานที่เป็นผู้ใช้ ความรู้ โดยหากขาดองค์ความร้ใู นสว่ นน้ีไป กอ็ าจทาให้เกดิ ปญั หาในการทางานประจาวนั ได้ ๒) ผลกระทบต่อฝ่ายงานอน่ื เน้นการพิจารณาผลกระทบขององค์ความรู้ท่ีมีต่อหลายส่วนงาน ซึ่งอาจมาจากลักษณะ ของงานที่ใกล้เคียง หรือมีการทางานเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งหากขาดองค์ความรู้ดังกล่าวก็อาจมีผลกระทบเป็น วงกว้างมากกว่า 1 ฝ่ายงานขึน้ ไป ๓) ผลกระทบต่อองค์กร เน้นการพิจารณาผลกระทบขององค์ความรู้ทม่ี ตี ่อกลยุทธ์ หรือแผนยุทธศาสตรข์ ององคก์ ร 88

ค่มู อื การจดั การความร้กู รมทางหลวง (DOH KM Manual) การประเมินผลกระทบนั้น มีเกณฑ์การประเมินอยู่ทั้งหมด 5 หัวข้อ และในทุกหัวข้อจะมีคะแนน ทงั้ หมด 5 คะแนน รวมเป็นคะแนนเตม็ ทัง้ สิ้น 25 คะแนน ตามรายละเอยี ดการให้คะแนน ดงั น้ี เมื่อดาเนินการประเมินผลกระทบในแต่ละหัวข้อ และนาคะแนนประเมินแต่ละข้อมารวมกันก็จะ ได้เป็นผลคะแนนประเมินระดับผลกระทบท่ีมีต่อองค์กร ซึ่งยิ่งหัวข้อใดที่มีผลรวมของคะแนนประเมินมาก ก็ยิ่งแสดงวา่ หวั ข้อเหลา่ น้ันมคี วามสาคัญต่อองค์กรเปน็ อย่างมากนั่นเอง ส่วนที่ 2 : ระดับความรู้ภายในองค์กร เป็นการประเมินจากสถานะขององค์ความรู้ในปัจจุบันว่า ในปัจจุบันภายในองค์กรมีความรู้ เหล่านน้ั อยมู่ ากหรือน้อยเพยี งใด อยูใ่ นรปู แบบใดบ้าง มีผูเ้ ชยี่ วชาญอย่หู รอื ไม่ โดยมีเกณฑ์การพิจารณาดงั นี้ 89

คู่มือการจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) สว่ นที่ 3 : ประเมนิ ความเสย่ี งท่ีจะเกิดปญั หาจากการขาดความรู้ เม่ือได้ผลรวมคะแนนประเมินความสาคัญ และระดับความรู้ภายในองค์กรแล้ว จะสามารถประเมิน สถานะขององค์ความรู้ ว่ามีความเส่ียงอยู่ในระดับใดเพ่ือพิจารณาจัดลาดับความเร่งด่วนในการวางแผน จดั การความรู้ได้อยา่ งเหมาะสม โดยให้นาผลคะแนนของทั้ง 2 สว่ น (ผลรวมคะแนนความสาคัญและระดับ ความรู้ในองค์กร) มากาหนดจุดตัดของคะแนน (แกน x และ แกน y) จุดตัดจะอยู่ในพ้ืนท่ีสีแดง สีเหลือง และสเี ขียว หมายถงึ มีระดบั ความเส่ยี งสงู ปานกลาง และตา่ ตามลาดบั ดังตารางภาพประกอบขา้ งล่างนี้ การคัดเลือกหวั ข้อความรูเ้ พือ่ การจัดการความรู้ ตารางสรปุ ผลการประเมนิ สถานะความรู้ ปจั จัยพจิ ารณาความสาคญั ผลกระทบ ผลกระทบ ผลกระทบ รวมคะแนน คะแนน ระดับ ตอ่ องค์กร ประเมิน ประเมนิ ความ ทม่ี ีต่อการทางานภายในฝา่ ย ต่อฝ่ายอื่น การเชื่อมโยง ความสาคญั ระดับ เสี่ยง หัวข้อความรู้ ผลกระทบ ความถี่ ความ การ แผนกลยทุ ธ์ ความรู้ใน (สงู / องค์กร (5-25) องคก์ ร กลาง/ ตอ่ การ ในการ จาเปน็ ใน นาไปใช้ใน ต่า) (1,3,5) (1-5) ทางาน ทางาน ระยะยาว วงกว้าง 1. ความรเู้ รอ่ื ง….. (1,3,5) (1-5) (1-5) (1-5) 2. ความรเู้ ร่ือง….. 3. ความรเู้ รอ่ื ง….. 90

คมู่ อื การจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) คณะทางานการจัดการความรู้ร่วมกันประเมินและให้คะแนนตามเกณฑ์การประเมิน เม่ือทราบ ระดับความเสี่ยงแล้วควรพิจารณาคัดเลือกหัวข้อความรู้ที่เป็นความรู้วิกฤติ* หรือหัวข้อความรู้ที่มีระดับ คะแนนความเสย่ี งระดบั สูงมาดาเนินการจดั การความรู้ ควรดาเนนิ การภายใน 6 เดอื น เพ่ือลดระดับความ เส่ียงท่ีจะเกิดปัญหาในการปฏิบัติงาน หัวข้อความรู้ท่ีมีระดับความเส่ียงปานกลาง ควรดาเนินการภายใน ๑ ปี หัวข้อความรู้ที่มีระดับความเสี่ยงต่า ระยะเวลาท่ีจะนามาจัดการความรู้ ข้ึนอยู่กับการพิจารณาของ คณะทางาน โดยคานึงถงึ ความจาเปน็ ความพร้อม นโยบายผ้บู ริหาร ความตอ้ งการของผูใ้ ช้ความรู้ ฯลฯ ตวั อย่างตารางแสดงการประเมินสถานะความรู้ หนว่ ยงาน ส่วนควบคุมงานก่อสรา้ ง (กระบวนการก่อสรา้ งทาง) ปัจจัยพิจารณาความสาคัญ ผลกระทบทมี่ ตี อ่ การทางานภายใน ผลกระทบ ผลกระทบต่อ ระดบั ฝ่าย ความรู้ ต่อฝา่ ยอ่นื องค์กร รวมคะแนน ความเสย่ี ง ผลกระทบ ความถ่ีใน ความ ใน (สงู กลาง หวั ข้อความรู้ ตอ่ การ การ จาเป็นใน การ การ ประเมิน องคก์ ร ทางาน ทางาน ระยะยาว นาไปใชใ้ น เชื่อมโยง ความสาคัญ ต่า) วงกวา้ ง แผนกลยุทธ์ องคก์ ร 1. ความรู้เรื่องทาสัญญา 3 5 2 2 3 15 4 ปานกลาง 2. ความรเู้ รอ่ื งแบบ 554 2 1 17 3 สูง 3. ความรเู้ ร่อื งการ 555 5 3 23 2 สงู กอ่ สรา้ ง 4. ความรูเ้ รื่องวสั ดุท่ีใช้ใน 3 3 3 3 1 13 5 ตา่ งานกอ่ สร้าง 5. กฎหมายในงานกอ่ สรา้ ง 3 5 5 4 3 20 2 สูง ตามตัวอย่างควรพิจารณาคัดเลือกหัวข้อความรู้ท่ีมีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ความรู้เรื่องการก่อสร้าง ความรู้เร่ืองกฎหมายในงานก่อสร้าง และความรู้เรื่องแบบ มาพิจารณาดาเนินการจัดกิจกรรมความรู้ก่อน (ควรดาเนินการภายใน 6 เดือน) ความรเู้ รอ่ื งทาสัญญา (ควรดาเนินการภายใน 1 ป)ี เปน็ ต้น *หมายเหตุ : ความรู้วกิ ฤติ หมายถงึ ๑. ความรู้ทม่ี ีอยู่ ช่วยให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันไดใ้ นปัจจุบนั และอนาคตได้ ๒. มคี วามร้ใู ดอกี บ้างท่นี ่าจะมีอยู่แล้วในองค์กร ทตี่ ้องจัดการรวบรวม แบ่งปัน ถ่ายทอด ทีจ่ ะชว่ ยให้ ผลงานดีกวา่ ที่เปน็ อยู่ในปจั จุบนั ๓. มีความรู้อะไรท่ีจะช่วยให้สามารถสร้างนวัตกรรมเพ่ือสนองความต้องการของลูกค้า ในระยะยาวได้ ความรนู้ ั้นอยทู่ ไ่ี หน แล้วจะจดั การอย่างไร ๔. ความรู้เชิงเทคนิค หมายถึง ความรู้ท่ีซับซ้อนที่ใช้ในการดาเนินงานขององค์กร หรือความรู้เชิง กฎระเบียบ ช่วยใหก้ ารดาเนนิ งานขององค์เปน็ ไปตามระเบียบ กฎหมาย ๕. ความร้เู ก่ยี วกบั กระบวนการทางาน ชว่ ยการวางแผน และบริหารโครงการท่มี ีความซบั ซ้อนสงู มาก และหรอื ความรนู้ ้ันอยูก่ ับคนเพยี งคนเดยี ว 91

คู่มือการจดั การความรูก้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 4.4 การกาหนดแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมการจัดการความรู้ (KM Action) การกาหนดกิจกรรมการจัดการความรู้เป็นการกาหนดเคร่ืองมือ วิธีการต่าง ๆ ท่ีจะดาเนินการ เพ่ือให้หน่วยงานมีความรู้ (ความรู้ชัดแจ้ง และผู้เชี่ยวชาญในความรู้นั้น ๆ) เพียงพอกับความจาเป็นในการ ปฏิบัติหรือดาเนินงานและเพื่อสามารถตอบสนองการดาเนินงานตามเป้าหมายยุทธศาสตร์องค์กร โดยจะ พิจารณาตามผลลัพธ์ที่ไดจ้ ากการประเมนิ สถานะความรขู้ ององค์กรตามขอ้ 4.3 ตามตารางดงั นี้ ผลท่ีได้จากการประเมนิ แนวทางการกาหนด สถานะความรู้ แผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมการจัดการความรู้ ๑. ยงั ไมม่ ีองค์ความร้ใู นองค์กร (KM Action) ๒. มีองคค์ วามรแู้ ลว้ แตบ่ ุคลากรยงั ไมค่ ่อยมี สร้าง หรอื จดั ทาองค์ความรู้ใหม่ โดยสามารถจดั ทา ความรู้ ความเข้าใจ มีความเสี่ยงในการ เป็น OPL หรอื OPK ปฏิบตั ิไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามแนวทาง ปฏิบัติ จดั อบรมให้ความรู้ เพ่ือสร้างความรู้ ความเข้าใจ และทักษะ ประสบการณ์ในการปฏิบัติ โดยเลือก ๓. มีองค์ความรู้ทีช่ ัดแจ้งครบถว้ น บคุ ลากรมี วธิ กี ารอบรมทตี่ รงกบั วัตถปุ ระสงค์ของการพัฒนา ความรู้ ความเข้าใจ แตย่ งั ไม่มีผู้เชยี่ วชาญใน เช่น องค์กร 1. Training ๔. มอี งคค์ วามรู้ท่ีชัดแจ้งครบถ้วน บุคลากร 2. OJT (On the Job Training) มคี วามรู้ ความเข้าใจ มีผูเ้ ชย่ี วชาญอยบู่ ้าง 3. Mentoring แตข่ าดทักษะในการถา่ ยทอด หรือมคี วาม 4. Coaching เส่ยี งในการสูญเสยี ผเู้ ชี่ยวชาญ เชน่ เกษียณ 5. Job Enhancement ลาออก มปี ญั หาสขุ ภาพ 6. Site Visit (ดูงาน) 7. Seminar 8. Meeting, Morning Talk 9. Knowledge Sharing สรา้ ง/พฒั นาผเู้ ช่ียวชาญ เช่น การสง่ ไปศึกษา ตอ่ เน่ือง การเข้าเรยี นในหลักสูตรเฉพาะทางท่ี เกี่ยวข้อง หรือ เขา้ รบั การฝึกอบรมความรู้ และ ทักษะตามหลักสตู รการพฒั นาขององค์กร สร้าง/พัฒนาผ้เู ชี่ยวชาญเพิม่ โดยเรยี นร้จู าก ผเู้ ชี่ยวชาญในองคก์ ร/หนว่ ยงาน กรณผี เู้ ช่ียวชาญ ขาดทักษะในการถา่ ยทอด ให้เขา้ รับการอบรม/ ฝึกปฏบิ ตั ิในการส่อื สารและถ่ายทอดความรู้ ท่เี ป็นระบบ 92

คู่มอื การจัดการความรูก้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) ผังการกาหนดแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมการจดั การความรู้ (KM Action) เป็นผังแสดงการคัดเลือกหัวข้อความรู้ที่ต้องการนามาจัดการความรู้ โดยแสดงถึงความเชื่องโยง ของหัวข้อความรู้กับยุทธศาสตร์ นโยบาย แผนงานท่ีสาคัญหรือความท้าท้ายเชิงกลยุทธ์ ความรู้ที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน (ความรู้ชัดแจ้งและความรู้ในผู้ปฏิบัติงานหรือผู้เช่ียวชาญในความรู้) ผู้ใช้ความรู้ และการกาหนด แผนงาน/โครงการ/กิจกรรมการจัดการความรู้และผลลัพธ์ที่จากดาเนินการตามแผนงาน/โครงการ/ กจิ กรรมการจดั การความรู้ ผงั การกาหนดแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมการจัดการความรู้ ความเช่อื มโยงกับ หัว ความรู้ ความรใู้ น ผู้ใช้ แผนงาน/ ผปู้ ฏิบัติงาน ความรู้ โครงการ/ ยทุ ธศาสตร์ นโยบาย ขอ้ ความรู้ ชัดแจ้ง (User) (Tacit กจิ กรรมการ แผนงานทีส่ าคญั หรือ (Explicit Knowledge) จดั การความรู้ ความทา้ ทายเชิงกลยุทธ์ Knowledge) (KM Action) (ระบุความเชือ่ มโยงในภาพรวมของ 1.ความรเู้ รอ่ื ง แผนงาน/โครงการ/ กจิ กรรมการจัดการ กระบวนการ หรอื กลุม่ ความรู้) .................... ความรู้และผลลัพธ์ 1. ชื่อแผนงาน/ 2.ความร้เู รือ่ ง โครงการ/กจิ กรรม... ................... ผลลพั ธ.์ ....... 2.ชอ่ื แผนงาน/ 3.ความรเู้ รอื่ ง โครงการ/กิจกรรม... ................... ผลลพั ธ์........ 3.ช่ือแผนงาน/ โครงการ/กิจกรรม... ผลลัพธ.์ ....... 4.5 แผนการจดั การความรู้ขององค์กร/หน่วยงาน (KM Action Plan) เมื่อได้กาหนดแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมความรู้ ตามหัวข้อความรู้ท่ีได้เลือกนามาจัดการแล้ว จะเป็นข้ันตอนของการจัดทาแผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) โดยวิธีการกาหนด OKR (Objective & Key result) หลักการสาคัญของ OKR คือ การต้ังเป้าหมายให้สอดคล้องกันทั้งแผนงาน/ โครงการ/กิจกรรมการจัดการความรู้ เพื่อสร้างวินัย และการมุ่งเน้น (Focus) ความสาเร็จของงานโดย ดาเนินการเป็นงาน ๆ ตามลาดับ และมีการติดตามทบทวนผลงานอย่างสม่าเสมอ การตั้ง OKR มีหลักใน การคิดขั้นตอนแรก คือ การกาหนดวัตถุประสงค์ (Objective) วัตถุประสงค์ หมายถึง สิ่งที่ต้องการให้ สาเร็จหรือบรรลุผล เป็นความต้องการในแก้ไขปัญหาหรือการปรับปรุงพัฒนาสิง่ ต่าง ๆ ให้ดีย่ิงขึ้น ในกรณี ของการจัดการความรู้น้ัน วัตถุประสงค์ของการดาเนินการจะเก่ียวข้องกับความต้องการในการสร้าง พัฒนาความรู้ หรือความเช่ียวชาญของบุคลากร เพ่ือลดหรือป้องกันความเส่ียงท่ีจะเกิดปัญหาในการ ทางานทเี่ กดิ จากการขาดความรู้หรือการมีความรู้ทีย่ งั ไมเ่ พียงพอ หลังจากกาหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน แล้วจึงจะกาหนดผลลัพธ์ท่ีสาคัญ (Key Result) เป็นการตอบคาถามว่า จะต้องทาอะไรให้แล้วเสร็จภายใน ระยะเวลาใดเพ่ือให้เกิดหรือได้ตามผลลัพธ์ที่สาคัญ ทุก ๆ ผลลัพธ์สาคัญจะเป็นองค์ประกอบท่ีส่งผลต่อ 93

คมู่ ือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) ความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ การกาหนด Key Result ต้องกาหนดผลลัพธ์ท่ีมีผลกระทบ (Impact) ที่ชัดเจนต่อการบรรลุเปา้ หมายตามวตั ถุประสงค์ มีระยะเวลาท่ีต้องการให้บรรลุผลชัดเจน อธิบายได้ว่าใช้ เครื่องมอื ใดในการวัด เพื่อใหส้ ามารถวัดผลได้จริง และผลลัพธท์ ่ีได้นนั้ สามารถตอบสนองต่อความต้องการ ในการสรา้ ง พัฒนาความรู้ ความเชีย่ วชาญของบคุ ลากร การกาหนดวัตถุประสงค์ (Objective) ของการจัดการความรู้เป็นการระบุผลความสาเร็จ หรือ เป้าหมายท่ีต้องการในการแก้ปัญหาหรือการปรับปรุงพัฒนา เพ่ือให้องค์กรมีองค์ความรู้ที่เพียงพอ บุคลากรผู้ต้องการใช้ความรู้ได้เรียนรู้ พัฒนาและต่อยอดความรู้ในการทางานและการปรับปรุงพัฒนาการ ทางานให้ดีย่ิงขึ้นได้ ควรเขียนด้วยคากริยา เช่น เพื่อพัฒนาเจ้าหน้าท่ีให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่อง..... เพื่อ ถ่ายทอดความรู้จากผู้เช่ียวชาญสู่ผู้ปฏิบัติงานใหม่ เรื่อง.........เพื่อให้เจ้าหน้าที่......ปฏิบัติงานได้ตามคู่มือ การปฏบิ ตั ิงานเรอ่ื ง...............ได้อย่างถกู ตอ้ ง ฯลฯ การกาหนดผลลพั ธท์ ่ีสาคัญ (key Result) ควรกาหนด 2 – 5 ผลลัพธ์ต่อหนง่ึ วตั ถุประสงค์ และ ต้องกาหนดน้าหนักความสาเร็จทุก Key Result (น้าหนักฯ รวม = 100 %) ทั้งนี้ควรมีการติดตามผล ความสาเร็จเป็นระยะ ๆ โดยระบุผลการดาเนินงานตาม % ความสาเร็จในแต่ละคร้ังของการติดตามผล (Check in) เพ่ือให้การดาเนินกิจกรรมเกิดผลลัพธ์ภายในระยะเวลาที่กาหนด ซ่ึงจะส่งผลต่อความสาเร็จ ตามวตั ถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมความรู้ 94

คู่มอื การจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) ผงั การกาหนดวัตถุประสงค์และผลลัพธท์ สี่ าคญั (OKR) ชือ่ แผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมการจดั การความรู้ (KM Action) .................................................... ประเด็นเช่อื มโยงกับ นโยบาย เป้าหมาย ขององค์กร ................................................................................................... Objective วตั ถุประสงค์ นา้ หนัก การตดิ ตามผลการดาเนนิ งาน 1. .......................................................... ความสาเรจ็ % % % ความสาเรจ็ ความสาเรจ็ ความสาเรจ็ 2. .......................................................... ต.ย. 40% Check in #1 Check in #2 Check in #3 Key Result 1 <กจิ กรรม/สง่ิ ที่จะดาเนนิ การ> (ติดตามคร้ังที่ (ติดตามครั้งท่ี (ติดตามคร้งั ที่ 1) 2) 3) .....% .....% .....% <ผลลัพธ์ที่สาคญั ของกจิ กรรม > <ระยะเวลาทส่ี าเรจ็ > Key Result 2 <กจิ กรรม/ส่ิงทจ่ี ะดาเนนิ การ> ต.ย. 20% .....% .....% .....% <ผลลพั ธ์ทส่ี าคญั ของกิจกรรม > <ระยะเวลาทส่ี าเร็จ> Key Result 3 <กิจกรรม/สง่ิ ทจี่ ะดาเนนิ การ> ต.ย. 10% .....% .....% .....% <ผลลพั ธท์ ส่ี าคญั ของกจิ กรรม > <ระยะเวลาทสี่ าเร็จ> Key Result 4 <กิจกรรม/สง่ิ ทจี่ ะดาเนินการ> ต.ย. 30% .....% .....% .....% <ผลลพั ธ์ที่สาคญั ของกจิ กรรม > <ระยะเวลาทส่ี าเรจ็ > หมายเหตุ : การให้ % น้าหนักความสาเร็จ ให้พิจารณาตามความสาคัญของผลลัพธ์ ว่าเร่ืองใดต้องดาเนินการ ให้ได้ผลสาเร็จมากที่สุด ก็ให้ใส่ % ความสาเร็จมาก ผลรวมของ % ความสาเร็จทั้งหมดทุก Key Result เท่ากับ 100% ตวั อยา่ ง OKR นา้ หนัก % ความสาเรจ็ ความสาเร็จ ประเดน็ เชอ่ื มโยงกับนโยบาย เป้าหมาย ขององคก์ ร (ติดตาม) วัตถุประสงค์ (Objective) 20% 1. “พฒั นาระบบงาน Digital (E-Learning) ของศูนยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศ” % 20% Key Result 1 วางระบบงาน E-Learning ผา่ น Google Doc สมบูรณแ์ ละใช้การได้ 20% % ภายในเดือนมกราคม 2562 % Key Result 2 วางระบบคอร์สออนไลน์ \"พีส่ อนน้อง\" ให้เสร็จภายในไตรมาสที่ 1/2562 20% % Key Result 3 รวบรวมปญั หาในงานคดเี ตรยี มไว้เป็นรูปแบบสาหรบั คอรส์ ออนไลน์ 20% \"พสี่ อนน้อง\" ใหเ้ สรจ็ ภายในเดือนเมษายน 2562 % Key Result 4 อบรม Admin ให้แลว้ เสรจ็ ภายในเดอื น พฤษภาคม 2562 และวัดผล ความเขา้ ใจ Admin ผา่ นการทดสอบความร้ไู มน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 80 Key Result 5 ทดสอบระบบและแกไ้ ขข้อผิดพลาด สามารถเรมิ่ ใช้จรงิ วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 95

คู่มือการจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) 4.6 ภมู ทิ ัศน์ความรู้ (Knowledge Landscape ภูมิทัศน์ความรู้ (Knowledge Landscape) เป็นเอกสารท่ีสรุปและอธิบายการดาเนินการจัดการ ความรู้ของหน่วยงานในรูปแบบที่กระชับ มองเห็นภาพรวมของการจัดการความรู้ของหน่วยงาน คล้าย ๆ กบั การมองเห็นภูมิทัศนโ์ ดยรวมทง้ั หมด (Landscape) ทาใหง้ ่ายในการทาความเข้าใจอย่างมีเหตมุ ีผลและ เปน็ ระบบ เป็นประโยชนใ์ นการบริหารจดั การและติดตามผลการจัดการความรู้ของหน่วยงาน สง่ ผลให้การ จดั การความรู้เกิดประสทิ ธิภาพ ประสทิ ธิผล Knowledge Landscape จะแสดงความเป็นมาของการระบุหัวข้อความรู้ท่ีสนับสนุน กระบวนงานด้วยภาพแผนท่ีความรู้ (Knowledge Mapping) สถานะและความเสี่ยงท่ีจะเกิดปัญหาหาก ไม่มีการจัดการความรู้ การจัดลาดับและพิจารณาคัดเลือกหัวข้อความรู้เพ่ือดาเนินการจัดการความรู้ รวมถึงการกาหนดวัตถุประสงค์ ผลลัพธ์ที่สาคัญ ระยะเวลาที่สาเร็จและการติดตามผลสาเร็จของการ ดาเนินการจัดการความรู้ ภมู ิทัศน์ความรู้ (Knowledge Landscape) มีองคป์ ระกอบดงั น้ี ส่วนท่ี 1 แผนทค่ี วามรู้ (Knowledge Mapping) ตามกระบวนการปฏบิ ตั ิงานตา่ ง ๆ ของหนว่ ยงาน ส่วนท่ี 2 ผังการประเมินสถานะความรขู้ องหนว่ ยงาน ส่วนท่ี 3 ผงั การกาหนดแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมการจัดการการความรู้ (KM Action) ส่วนที่ 4 ผงั การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์และผลลัพธ์ท่สี าคัญ (Objective & Key Result : OKR) 96

คู่มือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) ภูมทิ ศั น์ความรู้ (Knowledge Landscape) ศูนย์เทคโนโลยสี ารสนเทศ ส่วนที่ 2 ผังการประเมินสถานะความรู้ภายใน องคก์ ร 97

คู่มือการจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) 4.7 เอกสารจัดเก็บองคค์ วามรู้ (OP Series) การจัดเก็บองค์ความรู้ในรูปแบบเอกสาร วีดีทัศน์ (Explicit Knowledge) เพื่อแบ่งปัน เรียนรู้ ภายในองค์กร สามารถจัดเก็บในรูปแบบที่เรียกว่า “OP Series” ซึ่งแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ประเภท โดยในแต่ละประเภทนั้นจะมรี ูปแบบ และวตั ถปุ ระสงคใ์ นการใช้งานตา่ งกนั ดังนี้ 1. One Point Lesson (OPL) OPL เป็นการเขียนถ่ายทอดความรู้ ประเด็นทางเทคนิค ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ข้อผิดพลาดบ่อย Do/Don’t เร่อื งเดยี ว ประเด็นเดียว จดุ ๆ เดยี วไม่เกนิ กระดาษ A4 หรือ Clip ไม่เกิน 3 นาที ใชภ้ าพจริง สถานทจ่ี ริง สถานการณ์จรงิ เหตกุ ารณ์จริงโดยเน้นจากประสบการณ์ของผ้เู ขียนเอง (Tacit Knowledge) 98

ค่มู อื การจดั การความรูก้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 2. One Point Knowledge (OPK) OPK เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ องค์วิชาต่าง ๆ ที่สนับสนุนกระบวนการ การปฏิบัติงาน ข้ันตอนการปฏิบัติงาน คู่มือ เอกสาร แบบฟอร์ม จากประสบการณ์ตรงจากผู้ปฏิบัติงานด้านน้ัน ๆ ไม่จากัดจานวนหน้า หรือ Clip ไมเ่ กิน 13-15 นาที แนวทางการเขียน (OPK Guideline) ประกอบด้วย ▪ คานา / สารบัญ (Introduction / Index) ▪ วตั ถุประสงคข์ ององคค์ วามรู้และประสบการณผ์ ปู้ ฏบิ ตั ิติงาน (Objective) ▪ คาจากดั ความ (คานยิ าม ภาษาเทคนคิ ทเี่ ก่ียวขอ้ ง) ▪ เนอ้ื หา (Contents) และคาอธิบายท่เี หมาะสมกับกล่มุ ผ้นู าความร้นู ีไ้ ปใช้ ▪ ขนั้ ตอน (Flow) แบบฟอรม์ ที่เก่ียวข้อง ระเบยี บทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ▪ ประสบการณ์ ของผเู้ ขยี น (Experience) เทคนคิ (Technique) ▪ ตัวอย่าง การปฏิบตั จิ ริง ข้อควรระวงั (Example) ภาพประกอบ ตัวอยา่ งแบบฟอร์ม ทเ่ี กีย่ วข้อง ▪ หวั ข้ออน่ื ๆ ที่ผเู้ ขยี นเหน็ ว่าจะเปน็ ประโยชน์ ▪ บรรณานุกรม เครดติ เนือ้ หา / ภาพ / บคุ คล 3. One Point Article (OPA) OPA เป็นการสรุปบทเรียนท่ีเป็น Best Practice, Good Practice เป็นการเขียนในลักษณะเร่ือง เล่า (Story Telling) เล่าตัง้ แต่ ท่ีมา แนวคดิ สภาพแวดลอ้ มการดาเนนิ งาน กระบวนการปฏบิ ตั ขิ นั้ ตอนจน นาไปส่คู วามสาเรจ็ ท่เี ป็นเลิศ วา่ เร่อื งนัน้ ทาอย่างไร สรุปด้วยผลลพั ธท์ ่ีเป็นเลศิ และแนวทางการขยายผลใน อนาคต ไม่จากัดจานวนหน้า หรือ Clip ไม่เกิน 13-15 นาที โดยมีแนวทางการเขียนสรุปวิธีปฏิบัติท่ีเป็น เลิศ (Best Practice) ดงั น้ี ▪ คานา / สารบัญ เน้อื หาโดยสรปุ (Excusive Summary) ไมเ่ กิน 2 หนา้ ▪ สภาพแวดล้อมทั่วไปของหนว่ ยงาน ขององคก์ ร ภมู ิประเทศ ฯลฯ ▪ แนวทางการดาเนินการ (Processes) แสดงให้เห็นข้ันตอนท่ีทาให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นเลิศ (ผู้นา กลยุทธ์ แผนงาน กลุ่มเป้าหมาย ลูกค้า สารสนเทศ บุคคลากร กระบวนการ ปฏิบัติงานจริง แผนบริหารความเสี่ยง กฎความปลอดภัย องค์ความรู้ เทคนิคท่ีส่งผล ความเป็นเลิศของกระบวนการ ฯลฯ) ▪ ผลผลิตของกระบวนการ (Output) ตัวเลข ก่อนหลงั ขอ้ มูลเชิงเปรยี บเทียบ ▪ ผลลัพธ์ ของกระบวนการ (Outcome) ตวั เลข ก่อนหลัง ข้อมูลเชิงเปรยี บเทียบ ▪ วิเคราะห์ปัจจัยความสาเรจ็ (Key Success Factor) ▪ วเิ คราะหป์ ญั หาอุปสรรค ขอ้ ควรระวงั ในการนาไปใช้ (Do and Don’t) ▪ สรุปบทเรียน / ข้อเสนอแนะ (Suggestions) 99

คู่มอื การจดั การความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) ▪ เขียนเป็นเรื่องเล่าแบบกึ่งทางการ ให้ผู้อ่านเห็นภาพและเกิดแรงบันดาลใจที่จะนาเอา Best Practice ไปต่อยอดขยายผล การจะแปลงความรู้จากวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศมาเป็น ความรู้แบบรูปธรรม ตัวความรู้ที่เป็นรูปธรรมนั้นจะต้องทาให้ผู้อ่าน “รู้สึกเสมือนว่า” ตัวเองกาลังอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทาให้สามารถ “สัมผัส” บริบทสถานการณ์ ในขณะนั้น เปน็ การสรา้ งประสบการณ์เสมอื นให้เกิดข้ึนในสมอง 4. One Point Sharing (OPS) OPS เป็นเน้ือหาความรู้ท่ัวไปซ่ึงอาจจะเป็นบทความ หรือคลิปวิดิโอส้ันๆ ซ่ึงอาจจะมีความ เก่ียวข้องกับการทางาน เช่น เทคโนโลยีใหม่ ๆ กรณีศึกษาท่ีน่าสนใจ หรือบทวิเคราะห์ทางด้านการตลาด และเศรษฐกิจ หรืออาจจะเป็นหัวข้อที่ไม่เก่ียวข้องกับการทางานก็ได้ เช่น สาระความรู้เร่ืองสุขภาพ บทความสร้างแรงบันดาลใจ หรือแนวคิดเพ่ือการพัฒนาตัวเอง โดย OPS จะถูกจัดเก็บแยกออกมาจาก ถังความรู้ที่เก่ียวข้องกับการทางาน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมพฤติกรรมในการเรียนรู้ (Eager to Learn) และคา่ นิยมในการแบง่ ปันความรใู้ นองค์กร (Eager to Share) 4.8 เครอ่ื งมอื การจัดการความรู้ที่สาคญั ๑. ชุมชนนักปฏิบัติ (Communities of Practice หรือ CoP) คือ กลุ่มคนท่ีมาจากกลุ่มงาน เดียวกันหรือมีความสนใจในเร่ืองใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน รวมตัวกันอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยมี วตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือแลกเปล่ยี นเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในเรื่องทม่ี ีความสนใจร่วมกัน ๒. ทีมข้ามสายงาน (Cross-Functional Team) คือ การจัดตั้งทีมงานหรือคณะทางานเพื่อมา ทางานร่วมกันในเรื่องใดเร่ืองหน่ึงที่กาหนดขึ้นภายใต้ความเชื่อที่ว่า การทางานในแต่ละเร่ืองต้องอาศัย ผเู้ ชีย่ วชาญจากหลาย ๆ ดา้ นมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และทางานร่วมกันจึงจะประสบความสาเร็จ ๓. การทบทวนสรุปบทเรียน (After action review หรือ AAR) คือ การร่วมกันทบทวน กระบวนการทางานแต่ละขั้นตอน เพื่อค้นหาโอกาสและอุปสรรคในการดาเนินการ ซ่ึงในการทบทวนนั้น อาจได้ค้นพบวิธีปฏิบัติที่ดี (Best Practice) และแนวทางการปรับปรุงให้เกิดผลงานที่ดีขึ้น ซ่ึงจาเป็นต้อง ทาการสรุปบทเรียนทุกคร้ัง เม่ือเสร็จกระบวนการทางานที่สาคัญแต่ละข้ันตอนรวมถึงเป็นการตรวจสอบ ระดบั ของการบรรลุวตั ถุประสงคท์ ีก่ าหนดไวด้ ้วย ๔. เวทีเสวนา (Dialogue หรือสุนทรียสนทนา) คือ การจัดกลุ่มพูดคุยกันเพ่ือเอาส่ิงดี ๆ ท่ีแต่ละ คนมีอยู่ในตัวเอง หรือในการปฏิบัติออกมาโดยไม่ขีดวงที่ชัดเจนมากเกินไปมีเพียงการกาหนดประเด็นกว้าง ๆ ในเรื่องท่ีจะสนทนากัน ไม่รู้คาตอบสุดท้ายว่าคืออะไร ไม่กาหนดเวลาสนทนาของแต่ละคนเปิดกว้างด้านเวลา สถานที่บุคคลและเปดิ กว้างทางใจของทุกคนท่ีเข้ารว่ มกจิ กรรมกัน บรรยากาศสบาย ๆ บรรยากาศเชิงบวก ๕. เพ่ือนช่วยเพื่อน (Peer Assist) คือ การให้หรือขอรับคาแนะนาหรือประสบการณ์ท่ีมีคุณค่า จากบคุ คลหรอื หน่วยงานที่ประสบความสาเร็จในเร่อื งน้นั ๆ เพ่ือจะได้นาไปประยกุ ต์ใช้ในหน่วยงาน ๖. การเรยี นรโู้ ดยการปฏบิ ัติ (Action Learning) คอื การเรียนรู้ จากการลงมือปฏบิ ัตจิ ริงเพื่อให้ เขา้ ใจถึงสาเหตุและนาไปสกู่ ารแก้ไขปัญหาโดยสามารถพัฒนาวิธกี ารทางานให้มีประสิทธิภาพย่งิ ขน้ึ ได้ 100

คูม่ อื การจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) ๗. การสอนงาน (Coaching) คือ การถ่ายทอดจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าหรือรุ่นพี่ท่ีมี ผลงานดมี าแนะนา สอน ให้คนท่ีมาใหมห่ รือคนท่ตี ้องการเรยี นรู้ได้ปรบั ปรงุ วิธกี ารทางาน ๘. พี่เลี้ยง (Mentoring) การให้คนทางานที่อยู่คนละฝ่าย/กลุ่มงาน/แผนกหรือแผนกเดียวกัน ก็ได้ มาช่วยแนะนาวิธีการทางาน ช่วยเหลือสนับสนุน คอยให้คาปรึกษาช้ีแนะ มักใช้ในการเรียนรู้ในกลุ่ม ผูบ้ ริหารหรอื ผ้ทู ่ีจะกา้ วไปเป็นผบู้ ริหาร ๙. การเรียนรู้จากบทเรียนท่ีผ่านมา (Lesson Learned) คือ การเรียนรู้ โดยอาศัยข้อมูล ความสาเร็จและความผิดพลาดจากการดาเนินการที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางในการวางแผนการทางานให้ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุดหรืออย่างน้อย ไม่เกิดความผิดพลาดในประเด็นท่ีเคย ผดิ พลาดมาแล้ว ๑๐.แฟ้มงานเพื่อการพัฒนา (Portfolio) คือ การบันทึกผลงานดี ๆ นวัตกรรมในการทางาน คาช่นื ชม ความภาคภูมใิ จทัง้ ระดบั บคุ คล ระดบั แผนกหรือระดบั องคก์ าร เรยี กอกี อย่างว่า บัญชีความสุข ๑๑.การถ่ายทอดความรู้โดยการเล่าเรื่อง (Storytelling) คือ การถอดความรู้ฝังลึกโดยการ มอบหมายให้ผู้ที่มีผลงานดีหรือมีวิธีการทางานท่ีดี มาเล่าให้คนอื่น ๆ ฟังว่าทาอยางไร ผู้เล่าจะเล่าให้เห็น การปฏบิ ตั ใิ ช้ภาษาเชิงปฏิบตั ิจริง และมีการบนั ทึกเกบ็ ไวอ้ ยา่ งเป็นระบบ ๑๒.การศึกษาดูงาน (Study tour) คือ การเรียนลัดจากประสบการณ์ของผู้อื่นโดยเข้าไปดู สถานท่จี ริง การปฏิบัติจรงิ เพื่อให้เห็นตัวอยา่ งท่ีเปน็ รูปธรรม สามารถนามาประยุกตใ์ ช้งานได้ ๑๓.เวทีสาหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Forum) คือ การจัดการประชุมหรือ กิจกรรมอย่างเป็นกิจจะลักษณะอย่างสม่าเสมอ เพ่ือเปิดพ้ืนที่ให้บุคลากรในองค์กรมีโอกาสพบปะพูดคุยกัน เป็นอีกวิธีหน่ึงซ่ึงสามารถกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันได้ ซึ่งอาจทาได้ในหลายลักษณะ เช่น การสัมมนา และการประชุมทางวิชาการที่จัดอย่างสมา่ เสมอ ๑๔.แหล่งผู้รู้ในองค์กร (Center of Excellence-CoE) คือ การกาหนดแหล่งผู้รู้ในองค์กร (Center of Excellence) ใหส้ ามารถติดต่อสอบถามผรู้ ไู้ ด้ ๑๕.ฐานความรู้ (Knowledge Bases) คือ การเก็บข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ที่องค์กรมีไว้ในระบบ ฐานข้อมูล และให้ผู้ต้องการใช้ค้นหาข้อมูลความรู้ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทาให้สามารถเข้าถึง ข้อมูลได้ตลอดเวลา ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือระบบอื่น ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วและ ถกู ตอ้ ง ๑๖.Intranet, Web คือ ระบบเครือข่ายส่ือสารที่รองรับสาหรับการจัดเก็บองค์ความรู้ที่ทาให้ สามารถเขา้ ถงึ ได้งา่ ยจากทุกท่ี ทกุ เวลา ๑๗.Social Network คือเคร่ืองมือสื่อสารรูปแบบใหม่ 2 ทางท่ีสะดวกรวดเร็วในการสื่อสาร อาจเป็นการประกาศข่าวสาร การแสดงความคดิ เหน็ การเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ ๑๘.IQCs (Innovation & Quality Circles) คือ กลุ่มที่พัฒนามาจากกลุ่ม QCs (Quality Circles) ซึ่งสมาชิกของกลุ่มจะมาจากต่างหน่วยงาน หรือต่างระดับในองค์กร หรืออาจจะมาจากต่าง องค์กรก็ได้ กลุ่ม IQCs จะรวมตัวกันเพ่ือค้นหาวิธีการที่ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือเพ่ือ 101

ค่มู อื การจดั การความร้กู รมทางหลวง (DOH KM Manual) ปรับปรุงกระบวนการทางานต่าง ๆ การทากลุ่ม IQCs น้ีจะเป็นการระดมสมองเพื่อกาหนดแนวคิดต่าง ๆ ที่หลากหลาย ในการพัฒนาองค์กรตามหัวข้อเร่ืองท่ีตั้งไว้และค้นหาทางเลือกที่ดีท่ีสุด ช่วยแก้ปัญหาในการ ทางานของหนว่ ยงานหรือองคก์ ร ๑๙.สภากาแฟ (Knowledge café) คือ การเล่าเรื่องพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง นั่งรับประทานกาแฟในเรือ่ งงานท่ีสนใจและงานท่เี กิดปัญหาเพ่ือแสวงหาแนวทางปรับปรุงแกไ้ ข ๒๐.การสับเปล่ียนงาน (Job Rotation) คือ การย้ายบุคลากรไปทางานในหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งอาจอยู่ภายในสายงานเดียวกัน หรือข้ามสายงานเป็นระยะ ๆ เป็นวิธีการที่มีประสิทธิผลในการกระตุ้น ให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ของทั้งสองฝ่ายทาให้ผู้ถูกสับเปล่ียนงานเกิดการพัฒนา ทกั ษะท่ีหลากหลายมากขน้ึ วิธีการปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Best Practice) คือ การเรียนรู้ จากวิธีการทางานที่ดีท่ีสุดในเรื่องน้ัน ๆ เพื่อใช้เป็น ต้นแบบเพื่อนาไปประยุกต์ใช้ในการทางานซึ่งอาจจะเป็นระบบบรหิ ารเทคนิควิธกี ารตา่ ง ๆ ที่ทาให้ผลงาน บรรลเุ ปา้ หมายระดับสงู สุด 102

คูม่ ือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 4.9 ระบบสารสนเทศเพื่อสนบั สนนุ การจดั การความรู้ ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการจัดการความรู้ของกรมทางหลวงในปัจจุบัน ได้แก่ เว็บไซต์ การจัดการความรูก้ รมทางหลวง URL : http://km.doh.go.th วัตถุประสงค์เพื่อให้มีพื้นที่ในการจัดเก็บ และแบ่งปันความรู้ โดยแบ่งประเภทและหมวดหมู่ความรู้ตามภารกิจของหน่วยงาน สร้างความสะดวก รวดเรว็ ในการเขา้ ถึงความรู้ของบุคลากรกรมทางหลวง สง่ เสรมิ สนับสนนุ การแบ่งปันความรู้และเรยี นรู้ของ บุคลากรในองค์กร 103

คู่มอื การจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) • โครงสร้างการใช้งานเวบ็ ไซต์ แบ่งออกเปน็ 9 เมนู ดงั ต่อไปน้ี 1. หน้าแรก – ประกอบดว้ ย o ท่มี าของการดาเนนิ งานฯ ได้แก่ ประวตั คิ วามเป็นมา โครงสร้างการจัดการความรู้ นโยบายการจัดการ ความรู้ และกจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้ในองค์กร o องคค์ วามรู้ ทีอ่ พั เดตล่าสดุ o ข่าวสารประชาสัมพนั ธ์ 2. คลงั ความรู้ – มีองค์ความรู้ทัง้ หมด 693 เรอื่ ง สามารถแบง่ องค์ ความรูอ้ อกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ o องค์ความรู้ของกรมทางหลวง o ชุดความร้กู รมทางหลวง o ความร้อู น่ื ๆ 3. ผู้เชย่ี วชาญ – แสดงขอ้ มลู ของผเู้ ช่ียวชาญในดา้ นต่าง ๆ 4. แลกเปลยี่ นเรียนรู้ - มีลักษณะเป็นบล็อกเพือ่ การถาม-ตอบ 5. โครงการ – แสดงข้อมูลเพ่ือการประชาสมั พนั ธโ์ ครงการตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการจัดการความรู้ 6. รว่ มสนกุ – ใช้สาหรบั ดาเนินการจดั กจิ กรรมร่วมสนุกกบั บุคลากร กรมทางหลวง ได้แก่ ควิซ การประกวดคาคม เปน็ ต้น 7. ปฏทิ ิน KM – ตารางแสดงข้อมลู และกาหนดการจดั กิจกรรม คลงั ภาพ และคลังวีดิโอ 8. เครอื ขา่ ย – ลิงคข์ องหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทั้งภายในและภายนอก กรมทางหลวง 9. คู่มือ - คูม่ ือการใช้งานเว็บไซต์ การจัดการความรู้ กรมทางหลวง 104

คู่มือการจัดการความรูก้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) • ผดู้ ูแลระบบเว็บไซต์ แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น ได้แก่ กองฝกึ อบรม ศูนย์เทคโนโลยี สารสนเทศ 1. กองฝึกอบรม – รับผิดชอบดูแลในส่วนของเนื้อหาท่ีต้องการเผยแพร่และตรวจสอบ ข้อมูลต่าง ๆ เช่น จัดการระดับการใช้งาน เผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์ข้อมูลเก่ียวกับการ จัดการความรู้ เปน็ ตน้ 2. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ – รับผิดชอบดูแลระบบฐานข้อมูลและแก้ไขโปรแกรมในกรณีท่ี เว็บไซต์เกิดปัญหาการใช้งาน • ผ้ใู ชง้ าน แบ่งออกเปน็ 5 ระดับ ดงั นี้ 1. แอดมินกลาง 2. แอดมินประจาหนว่ ยงาน 3. ผู้เช่ยี วชาญ 4. ผู้ใช้ท่วั ไป 5. ทีป่ รกึ ษา 105

คูม่ ือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 5. กระบวนการจดั การความรู้เพือ่ แกไ้ ขปญั หาและสรา้ งนวัตกรรม การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (Public Sector Management Quality Award : PMQA 4.0) เป็นกรอบการบริหารจัดการองค์การ ที่สานักงาน ก.พ.ร. ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ส่วน ราชการนาไปใช้ในการประเมินองค์การด้วยตนเองทคี่ รอบคลุมภาพรวมในทุกมติ ิ เพ่ือยกระดับคุณภาพการ บรหิ ารจัดการให้เทยี บเท่ามาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นให้หน่วยงานราชการปรับปรุงองค์การอยา่ งรอบด้าน และอย่างต่อเน่ืองครอบคลุมทั้ง 7 ด้าน (หมวด) ในส่วนของหมวดท่ี 4 การวัด วิเคราะห์และการจัดการ ความรู้ ข้อ 4.3 การจัดการความรู้ เกณฑ์ในระดับก้าวหน้า (Advance) ได้กาหนดพันธกิจดา้ นการจัดการ ความรู้ คือ นอกจากการรวมรวม ถ่ายทอดความรู้ของบุคลากรเพ่ือการเรียนรู้แลว้ ยังได้กาหนดเรื่องการใช้ ความรเู้ พอื่ แกไ้ ขปญั หา และสร้างนวตั กรรมไวด้ ้วย เ พื่ อให้ การ จั ด ก าร คว า มรู้ ขอ ง กร มท าง ห ล ว งห ล ว ง ส อ ด คล้ อ ง การ พั ฒ น า คุ ณภ า พ กา ร บ ริ ห าร จั ด ก า ร ภาครัฐ (Public Sector Management Quality Award : PMQA 4.0) และเป็นไปตามแผนแม่บทการ จัดการความรู้ จึงได้มีแนวทางปฏิบัติเพ่ือสร้างผลิตภาพด้านการจัดการความรู้และพัฒนากระบวนงาน (KM for Productivity) โดยมรี ายละเอยี ดและระยะเวลาการดาเนินการดงั ตอ่ ไปนี้ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ให้นักจดั การความรู้ไดแ้ สดงขีดความสามารถในการจัดการความรู้และพัฒนากระบวนงาน เพ่อื สง่ ผลใหเ้ กิดผลิตภาพ (Productivity) ของหน่วยงานภายในกรมทางหลวง เน้นการนาความรู้ท่ีมีอยู่ไป ใช้พัฒนากระบวนงานหรือสร้างนวัตกรรม โดยนา Tacit และ Explicit Knowledge มาเป็นปัจจัยนาเข้า เพื่อพัฒนากระบวนงานและสร้างนวัตกรรม แล้ววัดผลการจัดการความรู้ในเชิงประสิทธิผลตามเกณฑ์ PMQA 4.0 หมายเหตุ 1 ผลิตภาพ (Productivity) หมายถึง การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การบริการ เพ่ือให้ผลผลิตมีปริมาณและ/หรือมูลค่าเพิ่มสูงข้ึน โดยคานึงถึงการใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีในการปรับปรงุ คุณภาพปัจจัยการผลิต ไดแ้ ก่ วัตถดุ ิบ อุปกรณ์การผลิต กระบวนการปฏิบัติงาน ตลอดจนบคุ ลากรทกุ คนท่ีมสี ว่ นรว่ ม การเพ่มิ ผลผลิตในท่นี ้ี หมายถงึ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท่ีมีอยู่ อย่างคุ้มค่าอันนาไปสู่การพัฒนาท่ีย่ังยืน (sustainable development) หรือ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (continuous improvement) ด้วยจิตสานึกเป็นแรงผลักดันและใช้ความรู้ท่ีจัดการได้ เทคนิคและ เครื่องมือในการเพิ่มผลผลิต/ผลิตภาพ (Productivity Knowledge Techniques and Tools) เป็นตัวช่วยให้ ประสบความสาเรจ็ ในกระบวนการปฏิบตั งิ าน หมายเหตุ 2 นวตั กรรม (Innovation) หมายถงึ การเปลีย่ นแปลงที่มีความหมายต่อสินค้า บริการ กระบวนการปฏิบัติงาน นโยบาย หรือประสิทธิผลหน่วยงาน องค์กร รวมทั้งสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ผู้มีส่วน ได้ส่วนเสีย นวัตกรรมเป็นการรับเอาแนวคิด กระบวนการ เทคโนโลยี การบริการหรือรูปแบบการดาเนิน ธุรกิจ ซ่ึงอาจเป็นของใหม่หรือนามาปรับใช้ในรูปแบบใหม่ ผลลัพธ์ของนวัตกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงอย่าง ฉับพลันหรือก้าวกระโดดของผลลัพธ์ สินค้า บริการ และกระบวนการ นวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้ต้องมี สภาพแวดล้อมท่เี กื้อหนนุ มีกระบวนการคน้ หาโอกาสเชิงกลยทุ ธ์ และความเตม็ ใจท่ีจะลงทุนในความเสี่ยง ท่นี ่าลงทนุ 106

คมู่ อื การจัดการความร้กู รมทางหลวง (DOH KM Manual) 2. เพื่อพัฒนาการจัดการความรู้ในภาคปฏิบัติจริงท่ีฝังลึกในกระบวนการปฏิบัติงานและพัฒนา กระบวนงานให้ได้ผลิตภาพ (Productivity) ท่ีสอดคล้องกับการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (Public Sector Management Quality Award : PMQA 4.0) ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ 1. ให้แต่ละหน่วยงานที่เข้ารว่ มโครงการ เลือก รวบรวมตัวชว้ี ดั (Performance Indicator) หรือ ตัวช้ีวัดท่ีสาคัญ (Key Performance Indicator) ของหน่วยงานให้เช่ือมโยงกันระหว่างตัวช้ีวัดของแผน ยุทธศาสตร์ (Corporate Strategies) แผนปฏิบัติการ ระบบงาน (Work System) หรือกระบวนการ ท่สี าคญั (Work Process) หรอื ปัญหาในการปฏิบัติงาน อย่างใดอยา่ งหนง่ึ 2. หาข้อมูลและหรือข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (แนวโน้มเป็นอย่างไรเมื่อเทียบเคียง) เพ่ือช่วยในการ ตัดสนิ ใจวิเคราะห์ผลการดาเนินงานกับคา่ เปา้ หมายทกี่ าหนดไว้ 3. ทบทวน และวิเคราะห์ผลดาเนินงานเพื่อสร้าง แนวทางปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานใน กรณีท่ีผลการวดั และวิเคราะห์นั้นไม่ไดเ้ ปน็ ไปตามเป้าหมาย ใหจ้ ัดลาดบั ความสาคัญของการปรบั ปรุง หรือ โอกาสในการสรา้ งนวตั กรรม รวมถงึ สรา้ งการเรยี นรจู้ ากกระบวนการนน้ั กรณีที่ผลการวัดและวิเคราะห์นั้นเป็นไปตามเป้าหมายหรือดีกว่าค่าเป้าหมายท่ีกาหนดให้ ดาเนินการถอดบทเรียนวิธีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Decoding Best Practice) ถ่ายทอดให้ผู้เกี่ยวข้องท้ังภายใน และภายนอกองค์กรนาไปศกึ ษาและดาเนนิ การต่อยอดต่อไป 107

คู่มือการจดั การความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) ความเชือ่ มโยงการจัดการความร้สู ู่การปรับปรุงกระบวนงานและการสรา้ งนวตั กรรม 6. การประเมนิ ผลกระบวนการจดั การความรู้ (Knowledge Management Assessment : KMA) KMA (Knowledge Management Assessment: KMA) เป็นกระบวนการตรวจประเมินระดับ ความสมบูรณ์หรือระดับการพัฒนา (Maturity Level) และประสิทธิผลของการจัดการความรู้ขององค์กร ด้วยแบบประเมินประเภทรายงานตนเอง (Self-report) ตามเกณฑ์การให้คะแนน หลังจากนั้นจึงให้ แลกเปล่ียนความคิดเห็นเพ่ือหาฉันทามติ (consensus) ข้อสรุปคะแนนร่วมกัน ซ่ึงจะสะท้อนภาพความ สมบูรณ์และประสิทธิผลของการจัดการความรู้ในระดับองค์กร โดยแบบประเมินประกอบด้วยหมวดคาถาม 7 หมวด ดงั น้ี หมวด 1 ผู้นาองคก์ รในด้านการจดั การความรู้ (KM Leader) หมวด 2 การวางแผนเชงิ กลยุทธ์การจดั การความรู้ (KM Strategic Planning) หมวด 3 การจัดการความรู้ท่ีมงุ่ เนน้ ลูกค้า (KM Customer Focus) หมวด 4 การจัดการสารสนเทศและกระบวนการจัดการความรู้ (Information & KM Management) หมวด 5 การมงุ่ เน้นบุคลากรด้านการจัดการความรู้ (KM Workforce Focus) หมวด 6 การมงุ่ เน้นการจดั การความรู้ในกระบวนการปฏบิ ัติงานทส่ี าคัญ (KM Operation Focus) หมวด 7 ผลลัพธ์การจัดการความรู้ (KM Results) 108

คูม่ อื การจัดการความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) คาถามหมวด 1-6 จะมุ่งค้นหาคาตอบในเร่ืองกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ การจัดการความรู้ ส่วนคาถามในหมวด 7 มุ่งเน้นถึงผลลัพธ์ของการจัดการความรู้ที่เกิดจากหมวด 1-6 โดยแบบประเมิน KMA ในแต่ละหมวดจะมีองค์ประกอบ 4 ส่วน คือ คาถาม คะแนน หลักฐานและ จุดแข็ง-จุดที่ควรปรับปรุง ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน 2 ประเภทตามลักษณะคาถาม คือ เกณฑ์คะแนน สาหรับ “กระบวนการ” ในหมวด 1-6 และเกณฑ์คะแนนสาหรบั “ผลลพั ธ์” ในหมวด 7 โดยระดับการพฒั นาการจัดการความร้แู บ่งออกเป็น 5 ระดับดงั นี้ ระดับที่ 1 ข้ันเร่ิมต้น (Growing) มีกระบวนการอยู่น้อยมากพ่ึงเร่ิมดาเนินการ หรือ หลักฐาน ไม่ชดั เจน (Minimal explanation and no sound evidence presented) ระดับท่ี 2 ขั้นพัฒนา (Develop) มีกระบวนการท่ีดีในหลายเรื่อง (Good Approach) แต่ยังไม่ สามารถดาเนินการครอบคลุมทุกพ้ืนท่ี (Some Deployment) ไม่มีหลักฐานการดาเนินการ (Good explanation and some evidence presented) ระดับท่ี 3 มีระบบจัดการความรู้เป็นรูปธรรม (Standardize) มีกระบวนการท่ีเป็นระบบ มีการนา ไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมท่ัวท้ังองค์กร (Deployed through your organization) มีหลักฐานประกอบ อย่างชัดเจน (ต้องแสดงหลักฐานประกอบเม่ือประเมินตามระดับนี้) (Good explanation and sound evidence presented) 109

คู่มอื การจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) ระดับที่ 4 นาความรู้ไปใช้ท่ัวทั้งองค์กรจนเกิดผลลัพธ์ (Optimize) มีกระบวนการที่เป็นระบบ ดีมาก (Very Good Approach) นาไปใช้อย่างได้ผล (แสดงผลลัพธ์) มีการทบทวนการดาเนินการอย่าง ตอ่ เนอื่ ง มหี ลกั ฐานประกอบชัดเจน ระดับท่ี 5 มีการพัฒนาจนส่งผลลัพธ์ท่ีดีอย่างต่อเน่ือง และบูรณาการกับงานประจา (Innovate and Continuous Improvement) มีกระบวนการการพัฒนาจนส่งให้มีผลลัพธ์ท่ีดีอย่างต่อเนื่อง โดดเด่นและ มีหลักฐาน (ท้ังการปฏิบัติและที่เป็นเอกสาร) ท่ีชัดเจน รวมท้ังมีข้อมูลเปรียบเทียบจากภายนอก (Strong explanation with well- documented strong evidence presented and comparison with external data) 6.1 รายละเอยี ดข้อคาถามสาหรับการประเมนิ KMA หมวด 1 : ผูน้ าองค์กรในด้านการจดั การความรู้ (KM Leader) ข้อคาถามในหมวดน้ีมุ่งเน้นการเชื่อมโยงการจัดการความรู้กับองค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพจิ ารณาการมีส่วนร่วมของผู้นาและฝ่ายบริหาร ในการกาหนดทิศทาง นโยบาย การสื่อสาร สนับสนุน ใหเ้ กิดการผลักดัน ดาเนินงานการจัดการความรู้ทว่ั ทั้งองค์กร รวมทัง้ ระบบการติดตามทบทวนการดาเนินการ 1.1 องค์กร มีการเช่ือมโยงการจัดการความรกู้ ับวิสยั ทัศน์ พันธกจิ และคา่ นิยมขององค์กร หรือ มกี จิ กรรมทผ่ี ู้บริหารไดจ้ ดั การถา่ ยทอดนโยบาย วสิ ยั ทัศน์ พันธกิจทงั้ ทางตรงและทางอ้อม เจตจำนงของข้อคำถำม : ประเดน็ ควำมรับผดิ ชอบที่สำคัญของผ้นู ำระดบั สูง โดยมี จดุ มุ่งหมำย เพื่อสรำ้ งองค์กรที่มคี วำมยง่ั ยืน (How is KM integrated into the vision, mission and values of the organization, both directly and indirectly? ) 1.2 องค์กร มีการกาหนดโครงสร้าง KM ระดับองค์กร โครงสร้าง KM ระดับหน่วยงาน หรือ ผ้ทู รี่ บั ผิดชอบรวมถึงการระบุหน้าท่ีความรับผิดชอบด้านการจดั การความรู้ (Job Description) อย่างชัดเจน เจตจำนงของข้อคำถำม : ผนู้ ำระดบั สงู สร้ำงสภำพแวดล้อมเพอ่ื ใหเ้ กิด กำรสรำ้ งนวัตกรรม และผลกำรดำเนินกำรที่ดี (HIGH PERFORMANCE) 1.3 ผู้บริหารระดับสูง ขององค์กรสนับสนุนการใช้เคร่ืองมือและเทคนิคท่ีอิงฐานความรู้ เพ่อื เพมิ่ ผลผลิตระดับองค์กรขององค์กร รวมท้ังมวี ิธีการปกป้องการแบ่งปันทรัพยส์ ินทางปัญญา สนิ ทรัพย์ ทางความรู้ ท้งั ภายในและภายนอกองคก์ ร เจตจำนงของข้อคำถำม : วิธกี ำรที่ผู้นำระดับสงู สนับสนุนและสื่อสำรกบั บุคลำกร (WORKFORCE) (How does management encourage the use of knowledge-based tools and techniques to increase organizational productivity? What safeguards are in place to protect the sharing of intellectual property and assets, both internal and external?) 110

คูม่ ือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 1.4 ผู้บริหารระดับสูง ขององค์กรเป็นตัวอย่างในการแบ่งปันความรู้และการให้ความร่วมมือ อย่างไร รวมท้ังให้การสนับสนุนส่งเสริมและวางแผนเผื่อสาหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีในอนาคต และ นวัตกรรมในระดบั องค์กรอย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : กิจกรรมท่ีผู้นำระดับสูงทำด้วยตัวเอง (Personal Actions) ในกำรช้ีนำและทำให้องค์กรยั่งยืน (How do senior leaders role model for knowledge sharing and collaboration? How does management encourage and provide for future technological and organizational innovation?) 1.5 ผู้บริหารระดับสูง ขององค์กรส่งเสริมให้ความสาคัญและมอบรางวัลท่ีให้แก่บุคลากรและ การเรยี นรขู้ ององค์กรอย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : วิธีกำรที่ผ้นู ำระดับสูงสร้ำงสภำพแวดล้อมด้ำนกำรเรียนรู้เพื่อให้เกิด ควำมผูกพันกับบุคลำกร (Employee Engagement) และผลกำรดำเนินกำรท่ีดี (HIGH PERFORMANCE) ( How do senior leaders promote, recognize and reward for employee and organizational learning?) 1.6 องค์กร มีการทบทวนการปฏิบัติงาน รวมท้ังพูดคุยแลกเปล่ียนเก่ียวกับการจัดการความรู้ เพอื่ เพิ่มนวัตกรรมภายในองคก์ ร เจตจำนงของข้อคำถำม : ผลลัพธ์ด้ำนประสิทธิผลกระบวนกำรจัดกำรควำมรู้ในฐำนะ ผู้บริหำร (KM Process Result) (How do the performance reviews, including discussions of KM, enhance innovation within the organization?) 1.7 องค์กร มีการประยุกต์การจัดการความรู้ในด้านการปรับปรุงความสัมพันธ์กับชุมชนหลัก ขององค์กร เจตจำนงของข้อคำถำม : วิธีกำรทำให้บรรลุผลด้ำนควำมรับผิดชอบต่อสังคมในวงกว้ำง และสนับสนุนชุมชนท่ีสำคัญด้ำนกำรจัดกำรควำมรู้ (How is KM applied in the improvement of relationships with the organization’s key communities?) *หมายเหตุ : ผู้นาระดับสงู (Senior Leaders) หมายถงึ กลุ่มหรอื ทมี ผ้บู ริหารระดับสงู ขององคก์ ร ประกอบดว้ ย ผ้บู รหิ ารสงู สุดขององคก์ รและผู้ท่รี ายงานตรงตอ่ ผู้บรหิ ารสูงสุด 111

คมู่ ือการจดั การความร้กู รมทางหลวง (DOH KM Manual) หมวด 2 : การวางแผนเชงิ กลยทุ ธ์ การจดั การความรู้ (KM Strategic Planning) ข้อคาถามในหมวดนี้มุ่งเน้นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ แผนแม่บทและแผนปฏิบัติการท่ีเก่ียวกับ การจัดการความรู้ การกาหนดเป้าหมายการดาเนินการ การสื่อสารและการถ่ายทอดสู่การปฏิบัติได้จริง ท่ัวทั้งองค์กร การบูรณาการและเชื่อมโยงการจัดการความรกู้ ับผูม้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสยี รวมท้ังการทบทวนแผน และความสาเร็จของแผน 2.1 องค์กร มีการทาการวางแผนกลยุทธ์อย่างไร และการจัดการความรู้เป็นส่วนหนึ่งของ กลยทุ ธอ์ งค์กรอยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรเชื่อมโยงกลยุทธ์กำรจัดกำรควำมรู้ที่เชื่อมโยงกับ ควำมท้ำทำย เชิงกลยุทธ์ (STRATEGIC CHALLENGES) ควำมได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ (STRATEGIC ADVANTAGES) และ โอกำสเชิงกลยุทธ์ (STRATEGIC OPPORTUNITIES) ขององค์กร (How does your organization conduct strategic planning ? And how is KM part of the organization’s strategies?) 2.2 เป้าหมายระยะสั้น (Short Term Target) เป้าหมายระยะยาว (Long Term Target) และวัตถุประสงคส์ าหรับการจดั การความรู้ขององค์กรคืออะไร รวมทง้ั อะไรคือการวัดผลหลักของโครงการ ความคิดรเิ ร่ิมด้านการจดั การความรู้ (KM initiative) และการวัดผลเหลา่ นไ้ี ด้รบั การคดั เลอื กมาอย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : สรุประบบงำนท่ีสำคัญของกำรจัดกำรควำมรู้ วัตถุประสงค์ เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ (KEY STRATEGIC OBJECTIVES) และเป้ำประสงค์ (GOALS) ท่ีเกี่ยวข้องกับกำร จัดกำรควำมรู้ (What are your short and long-term goals and objectives for KM and What are your key measurements of your KM initiative? How were these measurements selected?) 2.3 องค์กรมี แผนการแม่บทหรือแผนกลยุทธ์การจัดการความรู้ (KM Strategic Plan or KM Master Plan) เจตจำนงของข้อคำถำม : วิธีกำรท่ีองค์กรใช้ในกำรสร้ำงกลยุทธ์กำรจัดกำรควำมรู้ เพือ่ ตอบสนองควำมทำ้ ทำยและเพิ่มควำมได้เปรยี บ และวตั ถุประสงค์เชงิ กลยุทธท์ ่ีสำคญั ทั้งนี้เพอ่ื ทำให้ผล กำรดำเนนิ กำรกำรจดั กำรควำมรู้บรรลผุ ลตำมเปำ้ หมำย 2.4 องค์กรมี แผนปฏิบตั ิการการจัดการความรู้ประจาปี (KM Action Plan) และมีการนา แผนไปปฏิบัติท่วั ทง้ั องค์กรเป็นไปแนวทางเดยี วกัน เจตจำนงของข้อคำถำม : วิธีกำรแปลงวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ไปสู่แผนปฏิบัติกำร (ACTION PLANS) และสรปุ แผนปฏิบตั ิกำร 2.5 องค์กรมี ระบบการถ่ายทอดการจดั การความรู้ทั่วทัง้ องค์กรอยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : วธิ ีกำรถำ่ ยทอดกลยุทธ์สูก่ ำรปฏบิ ัติ (DEPLOY) (How has KM been deployed through your organization ? 112

คู่มือการจดั การความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 2.6 องค์กรมีการสื่อสารของผู้บริหารระดับสูงเพื่อสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับเป้าหมายของ การจดั การความรใู้ นทุกระดบั ขององคก์ ร เจตจำนงของข้อคำถำม : วิธีกำรถ่ำยทอดกลยุทธส์ ู่กำรปฏิบตั ิ (DEPLOY) (How has KM been deployed through your organization?) 2.7 องค์กรมกี ารทบทวนแผนการแม่บทหรือแผนกลยุทธก์ ารจดั การความรรู้ วมถึงการทบทวน ความสาเรจ็ ของแผนปฏบิ ัติการประจาปี (อาจแสดงในรูปแบบของรายงานการประชุม คาส่งั บันทึกภายใน เปน็ ต้น) เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรทบทวนตัววัด (MEASURES) หรือตัวช้ีวัด (INDICATORS) ท่ีสำคัญในกำรตดิ ตำมควำมกำ้ วหนำ้ 2.8 มกี ารกาหนดระดับความสาเรจ็ ของการจดั การความรู้ เจตจำนงของข้อคำถำม : เพ่ือทรำบถึงระดับควำมสำเร็จของกำรจัดกำรควำมรู้ (What are the projected levels of achievement of KM measurement ?) *หมายเหตุ : องค์กรจะต้องมองภาพรวมของปัจจัยแวดล้อมภายในองค์กร ท่ีจะส่งผลกระทบต่อ กระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) ขององค์กรโดยการนากระบวนการบริหารจัดการการ เปลี่ยนแปลง (Change Management) มาเชื่อมโยง เพื่อจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเสริมสร้าง สภาพแวดล้อม ท่ีจะทาให้กระบวนการจัดการความรู้แบบมีชีวติ หมุนต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และทาให้การ จัดการความรู้ขององค์กรมีประสิทธิผล โดยจัดทาเป็นแผนการจัดการความรู้แผนแม่บทและแผนปฏิบัติการ รายปี (KM Action Plan) และนาไปสู่การปฏิบัติให้เกิดข้ึนจริง ๆ ตามแนวคิดนี้ องค์กรต้องมีการกาหนด ขอบเขต KM (KM Focus Area) และเป้าหมาย KM (Desired State) หรือเข็มมุ่งที่องค์กรต้องการเลือก ทาในแต่ละปซี ่ึงอาจกาหนดในแผนการจัดการความรู้ เพื่อสนบั สนนุ ประเดน็ ยทุ ธศาสตรต์ ามบริบทขององค์กร หมวด 3 : การจัดการความรู้ทีม่ ่งุ เนน้ ลูกคา้ (KM Customer Focus) ข้อคาถามในหมวดน้ีม่งุ เน้นการจัดการความรู้ทีเ่ กย่ี วข้องกบั ลูกคา้ หรือผู้รบั บริการ ต้ังแต่จดั กลุ่ม และจัดทาฐานข้อมูล การรับฟังและเรียนรู้ความต้องการ การสร้างกระบวนการทางาน การถ่ายทอด ความรู้และการปฏิสัมพันธ์กับลูกคา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 3.1 มกี ารระบกุ ล่มุ ลกู คา้ เพอื่ การจดั การความรู้ ถ่ายทอดความรู้ เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรจำแนกกลุ่มลูกค้ำเพ่ือถ่ำยทอดควำมรู้ (What customer groups have been identified for your KM? How were these customers identified?) 113

คู่มอื การจัดการความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) 3.2 ในการจัดทาโครงการ ความคิดริเร่ิมด้านการจัดการความรู้ (KM initiatives) วิธีการใด ท่ีนามาใช้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าท่ีชัดเจน และหลังจากท่ีมีการดาเนินงานแล้ว ตรวจสอบได้อย่างไรว่าตรงตามความต้องการของลูกค้า เพ่ือการถ่ายทอดความรู้จากองค์กรให้กับลูกค้า หรือผูร้ ับบรกิ าร เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรรับฟังลูกค้ำในปัจจุบันและอนำคต และกำรจัดกำรควำมรู้ (In establishing your KM initiatives, what methods were used to gain a clear understanding of customer requirements ? After implementation, how were these requirements validated?) 3.3 องค์กร มกี ารใชข้ อ้ มลู ทไ่ี ดร้ บั จากลูกคา้ และนาข้อมลู นน้ั ไปใช้ในการจดั การความรู้อย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : ควำมสัมพันธ์กับลูกค้ำ ผลิตภัณฑ์และบริกำร กำรสนับสนุน ลูกคำ้ กำรใชข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ลูกคำ้ (How do you use information received from customers?) 3.4 องค์กรมีการรับฟังเสียงของลูกค้า (Voice of Customer) จัดเก็บข้อมูลและมีวิธีการ เรยี นรสู้ าหรับโครงการตา่ ง ๆ และนาขอ้ มลู เหล่านัน้ มาใชอ้ ย่างไรใหเ้ กิดประโยชน์ เจตจำนงของข้อคำถำม : ควำมสัมพันธ์กับลูกค้ำ ผลิตภัณฑ์และบริกำร กำรสนับสนุน ลูกค้ำกำรใช้ข้อมูลเก่ียวกับลูกค้ำ (How will you keep your listening and learning methods for KM initiatives current customer and useful?) 3.5 การจดั การความรู้ขององค์กรมีสว่ นในประสทิ ธิภาพในการทางานกับลูกค้าหรือผู้รบั บริการ ขั้นสุดทา้ ย (end users) อยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรสร้ำงควำมสมั พนั ธ์ - กำรจัดกำรควำมสมั พันธ์ – กำรจัดกำร ข้อรอ้ งเรียน (How does your KM contribute to the overall effectiveness in working with your end users or customers?) 3.6 การจัดการความรูช้ ่วยให้องค์กรมปี ฏิสัมพนั ธ์กบั ลูกคา้ อยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม (I) รำยงำนผลลัพธ์ของกำรจัดกำรควำมรู้ที่เก่ียวข้องกับลูกค้ำ (How does KM help you to interact with your customers?) หมวด 4 : การจัดการสารสนเทศ และกระบวนการ การจัดการความรู้ (Information & KM Process) ข้อคาถามในหมวดน้ีมุ่งเน้นการกาหนดภาพรวมของระบบการจัดการความรู้ด้วยการจัดการ สารสนเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วิธีการเลือก รวบรวม จัดระบบ และการบูรณาการข้อมูลและสารสนเทศของ องค์กร กระบวนการเก็บรวบรวมและถ่ายทอดความรู้ระหว่างผู้มีส่วนเก่ียวข้อง การที่พนักงานและผู้ใช้ คนอื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ การใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ การใช้ประโยชน์จากคลัง/แหล่งความรู้ใน องคก์ ร การดาเนนิ การเกยี่ วกับ Best Practices และ Lessons Learned การบรหิ ารความเส่ียงของระบบ IT การรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งาน การทบทวนความก้าวหน้าและการประเมินตัววัดในกระบวนการ ทเี่ กี่ยวข้อง 114

คูม่ ือการจดั การความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 4.1 องค์กรมี วิธีการเลือก รวบรวม เช่ือมโยง และบูรณาการข้อมูลและสารสนเทศ เพ่ือใช้ใน การติดตามการปฏบิ ัติงานประจาวัน รวมถงึ ผลการดาเนนิ การขององค์กรอยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : วิธีกำรวัด วิเครำะห์ ทบทวน และปรับปรุงผลกำรดำเนินกำร โดยกำรใช้ข้อมูลและสำรสนเทศทุกระดับและทุกส่วนอย่ำงไร (How do you select, collect, align, and integrate data and information for tracking daily operations and for tracking overall organizational performance?) 4.2 องค์กรมีกระบวนการเก็บรวบรวมและถ่ายทอดความรู้ระหว่างบุคลากร ลูกค้า ผู้ส่งมอบ (Suppliers) และคคู่ า้ (Partners) อย่างเปน็ ระบบอย่างไร เจตจำนงของขอ้ คำถำม : วธิ ีกำรท่ีองคก์ รใชใ้ นกำรสร้ำงและจดั กำรสนิ ทรพั ย์ควำมรู้ (How do you collect and transfer employee knowledge? And how do you collect and transfer knowledge from and to customers, suppliers and partners?) 4.3 องค์กรจัดทาระบบการจัดการความรู้ (KM System) ให้พร้อมใช้และสามารถเข้าถึงได้ เม่ือพนกั งานหรอื ผู้ใช้งานอืน่ ตอ้ งการอย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : วิธีกำรท่ีองค์กรใช้ในกำรสร้ำงและจัดกำรสินทรัพย์ทำงควำมรู้ และทำให้มั่นใจว่ำมีข้อมูล สำรสนเทศ ซอฟต์แวร์ และฮำร์ดแวร์ที่จำเป็น มีคุณภำพ และมีควำมพร้อมใช้งำน ท้ังในภำวะปกติและภำวะฉุกเฉิน โดยมีเป้ำหมำยเพื่อปรับปรุงประสิทธิภำพ ประสิทธิผล และเพื่อกระตุ้น ให้เกิดกำรสร้ำงนวัตกรรมขององค์กร (How do you make needed KM system available and accessible to employees and other users of KM?) 4.4 องค์กรม่ันใจได้อย่างไรว่า Hardware และ Software ที่ใช้มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย มนั่ คง และใชง้ านง่าย (User friendly) เจตจำนงของข้อคำถำม : ทำให้ม่ันใจว่ำมีข้อมูล สำรสนเทศ ซอฟต์แวร์ และฮำร์ดแวร์ ที่จำเป็น มีคุณภำพ และมีควำมพร้อมใช้งำน (How do you ensure that hardware and software are reliable, secure and user friendly?) 4.5 องค์กรมีการสร้างความเข้าใจให้กับของบุคลากรทุกระดับในการใช้ประโยชน์จากคลังความรู้ และแหลง่ ความร้ตู ่าง ๆ ในองค์กร (การนาความรู้ทจ่ี ดั การไวไ้ ปใช)้ เจตจำนงของข้อคำถำม : เพือ่ ปรับปรุงประสิทธภิ ำพ ประสทิ ธิผลของกำรใชป้ ระโยชน์จำก คลังควำมรู้ แหล่งควำมรู้ต่ำง ๆ ในองค์กร และเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำรนำควำมรู้ไปใช้และสร้ำงนวัตกรรม ในองคก์ ร 4.6 องค์กรมีการค้นหา ระบุ แบ่งปัน และนา Best Practices และ Lessons Learned ไปประยกุ ตใ์ ช้อย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : เพ่ือต่อยอดวิธีปฏิบัติที่ดี นำไปสู่กำรปรับปรุงประสิทธิภำพ ประสิทธิผล และเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำรสร้ำงนวัตกรรมขององค์กร (How do you identify, share, and implement best practices?) 115

คมู่ อื การจดั การความรูก้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 4.7 องคก์ รมีการทบทวนความคืบหน้าการนาการจัดการความรู้ไปใช้จริง (KM implementation) อยา่ งไร เจตจำนงของขอ้ คำถำม : การวดั การวิเคราะห์ และการปรับปรุงผลการดาเนินการ (How do you review progress of KM implementation? 4.8 องค์กรมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้ระบบ ICT (เฉพาะในส่วนที่เก่ียวข้องกับการ จดั การความร)ู้ อยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : ทำให้มั่นใจว่ำมีข้อมูล สำรสนเทศ พร้อมซอฟต์แวร์ และ ฮำรด์ แวร์ทจ่ี ำเป็น มีคุณภำพ และมคี วำมพร้อมใชง้ ำน 4.9 องค์กรทบทวน ประเมินความรู้ท่ีได้มีการจัดการไว้ (KM measurements) เพ่ือทาให้ ม่ันใจว่ามีความเปน็ ปัจจุบันและเป็นประโยชน์อย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : เป้ำหมำยเพ่ือปรับปรุงประสิทธิภำพ ประสิทธิผล กำรจัดกำร ควำมรู้เพื่อกระตุ้นให้เกิดกำรสร้ำงนวัตกรรมขององค์กร และกำรนำควำมรู้ไปใช้ ( How do you re-evaluate your KM measurements to ensure current relevance and usefulness?) *หมายเหตุ : การเชื่อมโยงการจัดการความรู้ที่เก่ียวข้องกับระบบคุณภาพต่าง ๆ ขององค์กร อาจรวมถึง กิจกรรม 5ส. QC หรือโครงการอื่นใดท่ีได้มีการถอดบทเรียน สรุปบทเรียน ออกมาเป็นความรู้ใน รูปแบบตา่ ง ๆ ภาพตัวอย่างที่แสดงถึงการบริหารจัดการความพร้อม และคุณภาพของสารสนเทศในระบบคลังความรู้ ของ UW-Stout (MBNQA Winner 2001) มหาวทิ ยาลยั ในรฐั วสิ คอนซลิ Data Integrity Factors How Assured Reliability Analyze consistency of results: interpretation and use of data training: data scrubbing Accuracy Input audits, data editing criteria, data logic cross-checks, single entry point, input standards Timelines Real-time query, report processing & generation; immediate access speeds; network caching Accessibility Network and web connectivity via fiber optics; training; Help Desk, BRIO, shared data Availability Evaluation of network, up-time, response-time; computer cost-share, traffic shaping Validity Field and logic checking in applications; program execution process Security Data, field, record, file, and report level security assignment; virus protection; approval steps Confidentiality User-ids, passwords, Personal Identification Numbers (PINS); FERPA protections Standardization Integrated relational database (DATATEL); officially supported software & hardware Ownership Application data and process owners (Student, business, human resources, Core Team) 116

คู่มอื การจดั การความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) หมวด 5 : การมุ่งเน้นบคุ ลากร ดา้ นการจัดการความรู้ (KM Workforce Focus) ข้อคาถามในหมวดนี้มุ่งเน้นการจัดสภาพแวดลอ้ มขององค์กรที่สนับสนุนการจัดการความรูข้ อง บุคลากร เช่น การสร้างทีมงานการจัดการความรู้ การกาหนดความรับผิดชอบ ระบบการฝึกอบรมและ พัฒนาพนักงานใหม่และพนักงานปัจจุบัน ในเรื่องการจัดการความรู้รวมท้ังระบบการประเมินประสิทธิผล ของโครงการ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคลากร การสง่ เสรมิ ให้ใชค้ วามรู้ การส่งต่อความรู้อย่าง เป็นระบบ การมีส่วนร่วมของพนักงาน การจัดการความรู้ที่มีผลต่อเส้นทางอาชีพ การวางแผนสืบทอด ตาแหน่งของฝ่ายบริหาร รวมท้ังการจัดการความรู้ท่ีส่งผลต่อความพึงพอใจ ความผาสุกและการสร้าง แรงจูงใจ 5.1 องค์กร มีโครงสรา้ งระดับต่าง ๆ ขององค์กรทสี่ นับสนนุ การจัดการความรู้อยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : สภำพแวดล้อมของบุคลำกรขีดควำมสำมำรถและอัตรำกำลัง บุคลำกร (How is the organization structured to support KM?) 5.2 องค์กรทาอย่างไรให้พนักงานใหม่เรียนรู้เกยี่ วกบั การจัดการความรแู้ ละทาอย่างไรทจ่ี ะรวม โปรแกรมการฝึกอบรม และการพัฒนาบุคคลากรกับการจัดการความรู้ขององค์กร แก่บุคลากรในระดับต่าง ๆ รวมทั้งบุคลากรใหม่ เช่น แผนและผลของการฝึกอบรมด้านการจัดการความรู้, หลักสูตรที่ใช้สอน, หัวข้อ การจดั การความรูใ้ หห้ ลกั สตู รปฐมนิเทศน์, IDP Training Need E-Learning เปน็ ต้น เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรเพ่ิมคุณคำ่ แก่บุคลำกร กำรพัฒนำบุคลำกรและผ้นู ำ (How do new employees learn about KM? And how do you include KM in employees' education and training programs?) 5.3 องคก์ รมีการประเมินประสิทธิผลของการฝึกอบรมและการพัฒนาบุคลากรโดยใช้กระบวนการ จัดการความร้เู ปน็ เคร่ืองมอื อย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรเพ่มิ คุณค่ำแก่บุคลำกร กำรพฒั นำบคุ ลำกรและผู้นำ (How do you evaluate the effectiveness of education and training of the KM methodology? 5.4 องค์กรส่งเสริมสนับสนุนการใช้ความรู้และทักษะใหม่ในงาน และทาให้ความรู้ยังคงอยู่ เพอ่ื ให้เกิดการใชง้ านขององค์กรในระยะยาวอย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรพฒั นำบคุ ลำกรและผู้นำ (How do you reinforce the use of new knowledge and skills on the job and retain this knowledge for long-term organizational use?) 5.5 องคก์ รมีระบบในการส่งตอ่ ความรู้อย่างเป็นระบบจากผทู้ ีก่ าลงั จะเกษียณอายุหรอื ลาออกอย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม (D) กำรเพิ่มคุณคำ่ แกบ่ คุ ลำกร (How do you systematically transfer knowledge from departing or retiring employees? 117

คู่มอื การจดั การความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 5.6 องค์กรประเมินการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการจัดการความรู้ของพนักงานอย่างไร เช่น ตัววัดระดบั บคุ คลหรอื หน่วยงานและมกี ารกาหนดเปา้ หมายทชี่ ัดเจน เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรเพ่ิมคุณค่ำแก่บุคลำกร กำรพัฒนำบุคลำกร (How are your employees evaluated for their participation in KM activities?) 5.7 องค์กรใช้ระบบการจัดการความรู้เพื่อส่งผลต่อเส้นทางอาชีพและการวางแผนสืบทอด ตาแหนง่ ของพนักงานและผ้บู ริหารอยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : ควำมผูกพนั ของบคุ ลำกร กำรเพ่มิ คณุ ค่ำแก่บคุ ลำกร กำรพัฒนำ บุคลำกรและผู้นำ (How does the use of KM impact employees' careers? What is the impact of KM on the effective succession planning for leadership and management positions?) 5.8 พฤติกรรมของบุคลากรมีการเปล่ียนแปลงซ่ึงเป็นผลมาจากจัดการความรู้อย่างไร ตัวอย่างเช่น พฤติกรรมการแบ่งปนั ข้อมูลของบุคคลากรอย่างสม่าเสมอโดยปราศจากการกาหนดเกณฑ์วดั ต่าง ๆ การบันทึก การจัดทา Explicit Knowledge อยา่ งต่อเนื่อง เปน็ ตน้ เจตจำนงของข้อคำถำม : ควำมผูกพนั ของบุคลำกร กำรเพิ่มคณุ คำ่ แก่บุคลำกร กำรพัฒนำ บคุ ลำกรและผนู้ ำ (How have employee behaviors changed to reflect a KM environment?) 5.9 การจัดการความรู้ในองคก์ รส่งผลต่อความพึงพอใจ ความผาสขุ และแรงจงู ใจของพนกั งาน อย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : ควำมผูกพนั ของบคุ ลำกร กำรเพม่ิ คุณค่ำแกบ่ คุ ลำกร (How has KM contributed to employee wellbeing, satisfaction and motivation?) 118

คมู่ ือการจดั การความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) หมวด 6 : การมุ่งเน้นการจัดการความรู้ ในกระบวนการปฏบิ ัติงานที่สาคัญ (KM Operations Focus) ข้อคาถามในหมวดน้ีมุ่งเน้นการผนวกการจัดการความรู้กับกระบวนการปฏิบัติงานท่ีสาคัญ รวมท้ังการกาหนดตัววัดผลการจัดการความรู้ เชื่อมโยงกับกระบวนงานสรุปภาพรวมและระบบการ ปรับปรุงกระบวนการทางาน รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ขยายผล และการนาผลของการจัดการความรู้ ไปใชเ้ พอ่ื สรา้ งนวัตกรรมและเพอ่ื วางแผนกลยทุ ธ์ขององคก์ ร 6.1 องค์กรเชื่อมโยงระบบการจัดการความรู้กับระบบการปรับปรุงองค์กรด้านอื่น ๆ ของ องคก์ รอยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : ประสิทธิผลของกำรปรับปรุงและพัฒนำ (How does KM link to other improvement efforts? 6.2 องค์กรนาการจัดการความรู้มาใชใ้ นการปรบั ปรงุ สนิ ค้า และ / หรอื กระบวนการบรกิ าร อยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : กำรจัดกำรควำมรู้ สำรสนเทศและเทคโนโลยีสำรสนเทศ เพอื่ กำรพฒั นำ (How is KM used to improve your key products and/or service processes?) 6.3 องค์กรเชือ่ มโยงการวัดผลการจัดการความรู้ กับการวัดผลของสินคา้ หลกั หรอื การบริการหลัก อยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : ผลลัพธ์ด้ำนประสิทธิผลกระบวนกำรหลัก (How do your KM measurements link to those measurements used for key product and/ or service processes? ) 6.4 องค์กรเช่อื มโยงการวัดผลการจดั การความรู้ กบั กระบวนการบริการสนับสนนุ อยา่ งไร เจตจำนงของข้อคำถำม : ผลลพั ธ์ดำ้ นประสิทธิผลกระบวนกำรสนับสนนุ (How do your KM measurements link to those key measurements used for your support processes?) 6.5 องคก์ รนาระบบการจดั การความรู้มาปรับปรุงกระบวนการสนับสนุนอย่างไร เจตจำนงของข้อคำถำม : ประสิทธิผลของกำรปรับปรุงและพฒั นำ (How is KM used to improve your support processes?) 6.6 องค์กรมีการถ่ายทอดหรือขยายผลของการปรบั ปรงุ กระบวนการปฏิบัติงานที่ดี ที่เป็นเลศิ ไปยังหนว่ ยงานต่าง ๆ ขององคก์ ร 119

คู่มือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) หมวด 7 : ผลลัพธก์ ารจดั การความรู้ (KM Results) ข้อคาถามในหมวดน้ีมุ่งเน้นการมีผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพประสิทธิผลของการจัดการความรู้ ผลลัพธ์ดา้ นการมุ่งเนน้ ลกู ค้า บุคลากรและด้านการนาองค์กร 7.1 มผี ลลัพธ์ของการจัดการความร้สู าคญั ท่อี งค์กรดาเนนิ การ เชน่ จานวนผเู้ ข้าใช้ KM Web จานวนองคค์ วามรูท้ เ่ี ก็บในคลังความรู้ จานวนครัง้ ในการจดั กิจกรรมแลกเปลยี่ นเรียนรู้ เป็นต้น เจตจำนงของข้อคำถำม (LeTCI) : ผลลัพธด์ ำ้ นประสิทธิภำพกระบวนกำรจัดกำรควำมรู้ เช่น 7.1.1 จำนวน One Point Lessons (OPL) 7.1.2 จำนวน One Point Knowledge (OPK) 7.1.3 จำนวน One Point Article (OPA) 7.1.4 จำนวนกจิ กรรมกำรแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ (Knowledge Sharing) 7.1.5 จำนวนบคุ ลำกรทีไ่ ดด้ ำเนินกำรถอดควำมรู้ 7.1.6 หรือผลลัพธ์ของกำรจดั กำรควำมรู้ที่สำคญั ๆ อ่นื ๆ 7.2 มจี านวนโครงการปรบั ปรุงกระบวนการปฏิบตั ิงานหรือจานวนนวตั กรรมทเ่ี ปน็ ผลของการ จัดการความรู้ เจตจำนงของข้อคำถำม (LeTCI) : ผลลพั ธ์ดำ้ นประสทิ ธิผลกระบวนกำรจดั กำรควำมรู้ 7.3 มสี ารสนเทศของความพึงพอใจของลูกคา้ หรือผู้รับบริการ (%) จานวนลูกคา้ ท่เี พ่ิมข้ึน (%) ลูกค้าท่ีใช้บริการซ้า (%) ข้อร้องเรียนลูกค้า ระยะเวลาท่ีใช้ในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า (ควรมีหลักฐาน สนับสนนุ วา่ เป็นผลทเ่ี กิดจากการนาการจดั การความรู้ไปใชใ้ นกระบวนการที่เกยี่ วข้องกบั ลูกคา้ ) เจตจำนงของข้อคำถำม (LeTCI) : ผลลัพธด์ ้ำนกำรมงุ่ เนน้ ลูกค้ำ 7.4 มีรายงานจานวนผู้เข้ารับการอบรมการจัดการความรู้ความพึงพอใจของบุคลากรต่อ กิจกรรมการจัดการความรู้ (%) บุคลากรที่มีพฤติกรรมพึงประสงค์ ผลของการจัดการความรู้ท่ีมีต่อ บคุ ลากร เช่น ประสทิ ธิภาพการทางาน ความสขุ ในการทางาน เปน็ ต้น เจตจำนงของข้อคำถำม (LeTCI) : ผลลพั ธด์ ้ำนกำรมุ่งเน้นบคุ ลำกร 7.5 มีผลลัพธ์ท่ีแสดงถึงความมุ่งม่ันการเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านการจัดการความรู้ของผู้นา ระดบั สงู (Senior Leaders) และผู้บริหาร เจตจำนงของข้อคำถำม (LeTCI) : ผลลพั ธ์ดำ้ นกำรนำองค์กร 7.6 มีจานวนโครงการ/กิจกรรมเพื่อชุมชนที่มีการนาการจัดการความรู้ไปใช้ ความพึงพอใจ ของชมุ ชนต่อกิจกรรมเพือ่ ชุมชน ผลสมั ฤทธท์ิ เี่ กดิ จากกิจกรรมเพ่อื ชมุ ชน เจตจำนงของข้อคำถำม (LeTCI) : ผลลัพธ์ดำ้ นกำรนำองค์กร 120

ค่มู ือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 6.2 คาอธบิ ายแบบประเมนิ ตนเอง (KMA) การใช้แบบประเมนิ ตนเองมีขั้นตอนการดาเนนิ การเพ่อื ประเมินคะแนนตามข้อคาถามข้างต้นดงั น้ี 1. ใหผ้ ู้ประเมนิ อ่านคาถามในแต่ละข้อและทาความเขา้ ใจเสียก่อน 2. พยายามประเมนิ อย่างตรงไปตรงมา และจะตอบว่า “มี” ก็ตอ่ เม่ือคิดวา่ มเี น้ือหาในการ ดาเนนิ การท่ีครบถ้วน และมีประสิทธผิ ลเท่านนั้ 3. พยายามพจิ ารณาถงึ หลกั ฐาน และระบบงานท่ีมเี พอ่ื ประกอบการประเมิน 4. สรุปผลในแต่ละหมวดและประเมินคะแนนในแต่ละหมวดลงในตารางคะแนนดังน้ี ตารางคะแนนสาหรับประเมนิ กระบวนการ (หมวดท่ี 1-6) ระดบั คะแนน คาอธิบายระดับคะแนน ๐ ไม่มีกระบวนการ หรือ เคยมีการดาเนินการแตป่ ัจจุบันไม่มีการดาเนินการแลว้ (No sound explanation nor evidence presented) 1.ขั้นเรมิ่ ต้น (Growing) มีกระบวนการอยนู่ ้อยมากพึ่งเริ่มดาเนินการ หรือ หลกั ฐานไมช่ ัดเจน (Minimal explanation and no sound evidence presented) 2.ขั้นพัฒนา (Develop) - มกี ระบวนการท่ีดี (Good Approach) - ยังไม่สามารถดาเนินการครอบคลมุ ทุกพ้ืนท่ี (Some Deployment) 3. มีระบบจัดการความรู้ - ไมม่ ีหลกั ฐานการดาเนินการ (Good explanation and some evidence เป็นรปู ธรรม presented) (Standardize) - มีกระบวนการท่ีเป็นระบบ (Systematic Approach) - มีการนาไปปฏบิ ัติอยา่ งเปน็ รูปธรรมท่ัวทงั้ องคก์ ร (Deployed through 4.มีการนาความรู้ไปใช้ your organization) ทัว่ ทง้ั องค์กรจนเกดิ - มีหลกั ฐานประกอบอย่างชดั เจน (ตอ้ งแสดงหลักฐานประกอบเมอื่ ประเมนิ ผลลัพธ์ (Optimize) ในระดับน)้ี (Good explanation and sound evidence presented) - มีกระบวนการทเ่ี ป็นระบบดีมาก (Very Good Approach) 5.มกี ารพัฒนา - มกี ารนาไปใช้อย่างได้ผล (แสดงผลลัพธ)์ จนสง่ ผลลัพธ์ทดี่ ีอยา่ ง - มกี ารทบทวนการดาเนินการอยา่ งต่อเน่ือง ต่อเน่ืองและบูรณาการกบั - มหี ลกั ฐานประกอบชดั เจน งานประจา (Innovate - มีกระบวนการพฒั นาจนมีผลลัพธ์ทด่ี ีอยา่ งต่อเน่ือง โดดเด่นและมหี ลกั ฐาน (ทงั้ การปฏบิ ตั ิและที่เป็นเอกสาร) ทช่ี ัดเจน and Continuous - รวมทั้งมีข้อมูลเปรียบเทยี บจากภายนอก Improvement) (Strong explanation with well-documented strong evidence presented and comparison with external data) 121

คูม่ ือการจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) ตารางคะแนนสาหรับประเมินผลลัพธ์ (หมวดที่ 7) ระดบั คะแนน คาอธบิ ายระดับคะแนน 0 ไมม่ ีการกาหนดตวั ช้วี ดั ผลทชี่ ดั เจน 1 มีการรายงานตัวชีว้ ัดบางสว่ น เพยี งสถานะปัจจบุ นั และมีระดบั ทด่ี ี 2 มกี ารรายงานตวั ชี้วัดที่ชัดเจนสอดคลอ้ งกบั การดาเนินการ และเริ่มมีผลการปรบั ปรุง ทด่ี ขี ึ้น 3 มกี ารรายงานตัวชีว้ ัดท่ชี ดั เจนสะทอ้ นผลการดาเนินการท่ีเป็นระบบ และมีแนวโนม้ ที่ดี อยา่ งชัดเจนในหลาย ๆ ตวั 4 ตวั ชว้ี ดั ทีส่ ะท้อนผลการดาเนินการมแี นวโนม้ ท่ีดีอยา่ งต่อเนื่อง และบางเรอื่ งเทยี บเคียง กับข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ 5 ตัวชว้ี ัดที่สะท้อนผลการดาเนินการมแี นวโน้มทดี่ ีอย่างต่อเน่ืองและดีกวา่ ข้อมูลเชงิ เปรียบเทียบ 122

คมู่ ือการจดั การความร้กู รมทางหลวง (DOH KM Manual) 7. คานยิ ามท่สี าคญั ความรู้ (Knowledge) คือ ส่ิงที่ส่ังสมมาจากการศึกษาเล่าเรียนการค้นคว้าหรือประสบการณ์ รวมท้ังความสามารถ เชิงปฏิบัติและทักษะ ความเข้าใจ หรือ สารสนเทศที่ได้รับมา จากประสบการณ์ สิ่งที่ได้รับมาจากการได้ยินได้ฟัง การคิดหรอื การปฏบิ ัติ องคว์ ิชาในแตล่ ะสาขา (พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542) การจดั การความรู้ (Knowledge Management) คือ การรวบรวมองคค์ วามรู้ท่มี ีอย่ใู นองคก์ ร ซึ่งกระจดั กระจายอยใู่ นตวั บคุ คลหรือเอกสาร มาพัฒนา ให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ อันจะสง่ ผลใหอ้ งคก์ รมคี วามสามารถในเชงิ แข่งขนั สูงสดุ การจัดการความรยู้ ุคใหม่ 4.0 (Modern Knowledge Management) 1. การกาหนดความรู้ท่ีสาคัญคือ วิธีดาเนินการจัดการความรู้แบบมียุทธศาสตร์ ( Strategic Knowledge Management) ซึ่งหมายความว่า เป้าหมายต้องชัด ตัววัดต้องแม่น และเลือกเน้นดาเนินการ เพือ่ เปา้ หมายนั้นเป็นสาคัญ ไม่ดาเนนิ การแบบเปะปะหรือเหว่ียงแห 2. การดาเนินการระบบจัดการความรู้ที่ตรงจริตคนทางานยุคใหม่ที่ต้องการ ความรวดเร็ว เข้าถึงง่าย ตรงประเด็น และตอ้ งการ ความรูพ้ ร้อมใช้ ณ เวลาทตี่ อ้ งการ 3. ผู้รับผิดชอบขับเคล่ือนระบบจัดการความรู้ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าระบบจัดการความรู้ส่งผลกระทบ โดยตรงต่อ ผลประกอบการหลกั ขององค์กรซง่ึ หมายถงึ การพิสจู น์ “คณุ คา่ ” ของความรูท้ ่ีมตี อ่ องค์กร 4. ระบบจัดการความรู้ต้องฝังตัว (KM Inside) อยู่ในระบบการทางานตามปกติขององค์กร คือ ไม่เป็นภาระเพ่มิ ของผู้ปฏบิ ัติงาน 5. ระบบการจัดการความรู้ต้องมีความสัมพันธ์โดยตรงกับแผนยุทธศาสตร์ขององค์กร (Strategic Planning) และ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าการบรรลุความสาเร็จขององค์กรนั้น ปัจจัยความสาเร็จส่วนหน่ึง มาจากระบบการจดั การความรู้ที่ยอดเย่ียม 6. ระบบการจัดการความรู้ต้องมีความสัมพันธ์โดยตรงกับระบบ HRD (Human Resource Development) และมีหลักฐานเชิงประจักษว์ ่าช่วยให้พนักงานเรียนรู้เพ่ิมขึ้น ระบบการจัดการความรู้มีส่วนช่วย พฒั นาสมรรถนะของพนักงาน 7. ระบบการจัดการความรู้ต้องมีความสัมพันธ์โดยตรงกับระบบ QM (Quality Management) และมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าการจัดการความรู้ช่วยคุณภาพสินค้าและบริการยอดเย่ียมตามค่าเกณฑ์วัดต่าง ๆ ขององคก์ ร 8. การจัดการความรู้ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับท่ี แต่มีลักษณะเสมือน “มีชีวิต” คือ งอกงามเปล่ียนแปลงได้ ไม่รู้จบ เพราะการจัดการความรู้คือเครื่องมือของการเรียนรู้จากการปฏิบัติ เรยี นรู้รว่ มกันเปน็ ทีม และเรยี นรู้ สกู่ ารเปลี่ยนแปลง 123

คมู่ อื การจดั การความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) 9. KM เป็นเคร่ืองมือที่ไม่หยุดนิ่งตายตัว มีการเคล่ือนไหวเปล่ียนแปลงไปตามสถานการณ์ด้าน คุณลักษณะของคนทางาน ด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่ือสารด้านการ เปล่ียนแปลง วิธกี ารบรหิ ารงานให้ไดพ้ ลังนวัตกรรม กระบวนการ (Process) และ การปรบั ปรงุ กระบวนการ (Process Improvement) กระบวนการ (Process หรือ Procedure) คือข้ันตอนหลักในการทางานใดงานหนึ่งที่มีจุดเร่ิมต้น และมีจุดสิ้นสุด สามารถอธิบายเป็นข้ันตอนให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติตามได้โดยอาจเป็นลายลักษณ์อักษร หรอื แนวปฏบิ ตั ทิ ่ีทาสบื ตอ่ กนั มา การปรับปรุงกระบวนการ (Process Improvement) คือการปรับปรุงข้ันตอนการทางาน เพือ่ สนองตอบตอ่ สภาพปัญหา สภาพความต้องการ และการเปล่ยี นแปลงตา่ ง ๆ ท่ีเกิดข้ึนภายในองคก์ ร และ สภาพแวดล้อม (คูแ่ ข่ง ตลาด แนวโน้มเทคโนโลยใี หม่) วธิ ีปฏิบัตทิ ีเ่ ป็นเลศิ (Best Practices) คอื แนวทางการปฏิบัตซิ ึ่งไดร้ ับการพสิ ูจนแ์ ลว้ วา่ สามารถก่อให้เกดิ ผลท่ีเป็นเลิศ หรือวิธปี ฏิบตั ิทท่ี าให้ องค์กรประสบความสาเร็จ หรอื สคู่ วามเปน็ เลิศ (American Productivity and Quality Center) คณุ ลกั ษณะทส่ี าคญั ของวิธปี ฏบิ ัติท่เี ป็นเลิศ • เป็นกิจกรรมการวางแผนและปฏิบตั กิ ารท่นี าไปใชจ้ นเกดิ ผลลัพธท์ ด่ี ีเลิศ • เปน็ นวตั กรรมของการใช้ทรัพยากรในรูปแบบใหม่ ๆ ทแี่ ตกต่างจากเดิม • มผี ลลพั ธ์ทด่ี เี ลิศ และพสิ จู น์ได้ทง้ั เชงิ ปริมาณและคุณภาพ • มคี วามยั่งยืนและเป็นท่ียอมรับของสงั คมและลกู ค้า การแบง่ ประเภทการจดั เกบ็ Best Practice ภายในองคก์ รเปน็ 2 ประเภท คอื 1. วิธกี ารปฏบิ ตั ิทด่ี ี (Good Practice) หมายถึง วิธกี ารปฏิบตั ภิ ายในองค์กรที่มีผลลพั ธท์ ีด่ ี โดยอาจพิจารณาจากโครงการที่ประสบ ความสาเรจ็ หรืองานที่มผี ลลพั ธ์ของตัวช้วี ัดที่ดเี ย่ียมอย่างต่อเนื่อง 2. วธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ ่ีเป็นเลิศ (Best Practice) หมายถงึ Good Practice ท่ีมีการตอ่ ยอดผลลพั ธไ์ ปสภู่ ายนอกองค์กร หรือได้รบั รางวลั จาก องค์กรภายนอก นวตั กรรม (Innovation) หมายถึงการเปล่ียนแปลงที่สาคัญเพื่อปรับปรุงผลติ ภณั ฑ์ บริการ แผนงาน กระบวนการ การปฏิบัติการ และรูปแบบทางธรุ กิจขององค์กร เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสยี นวัตกรรม ควรนาองค์กรไปสู่ มิติใหม่ ในการดาเนินการนวัตกรรมไม่จากัดอยู่ในขอบเขตของของฝ่ายวิจัยและพัฒนาเท่านั้น แต่ยังมี ความสาคัญต่อการปฏบิ ตั ิการระบบงาน และกระบวนการทางานขององค์กรในทุก ๆ ดา้ น 124

ค่มู ือการจดั การความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) หรืออาจกล่าวได้ว่า “นวัตกรรม” คือ การได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ กระบวนการผลิตใหม่ การตลาด หรือรูปแบบองค์กรใหม่ ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงมูลค่าในรูปผลประโยชน์ด้านการเงิน ชีวิต ความเป็นอยู่ท่ีดี และความมปี ระสิทธิภาพ เป็นต้น ดังนั้นลักษณะท่สี าคัญ ของนวตั กรรมจึงมี 3 ประการ คือ 1. จะตอ้ งเปน็ สง่ิ ใหม่ (Novelty) 2. ต้องมกี ารนาไปใช้ (Adoption) 3. กอ่ ใหเ้ กดิ ผลลัพธเ์ ชิงมลู คา่ (Outcome) โดยนวตั กรรมจะแบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1. ดา้ นการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ (Product Innovation) 2. ด้านการปรับปรุงกระบวนการ (Process Innovation) 3. ดา้ นการพัฒนาการใหบ้ ริการ (Service Innovation) 4. ดา้ นการสร้างแบบจาลองทางธรุ กจิ (Business Model Innovation) ระดับของนวตั กรรมแบ่งได้เป็น 7 ระดับดังนี้ ระดบั ท่ี 1 (L1) สรา้ งแนวคดิ ระดับท่ี 2 (L2) จดั ทาตน้ แบบท่ีผา่ นการทดสอบ ระดบั ที่ 3 (L3) ขยายผลทดลองใชง้ านภายในหนว่ ยงาน ระดับท่ี 4 (L4) ขยายผลทดลองใชง้ านภายในบรษิ ัทฯ ระดับที่ 5 (L5) ไดร้ บั อนมุ ัตใิ หน้ ามาใช้งานในกลมุ่ บริษทั ฯ ระดบั ท่ี 6 (L6) ผลติ จาหน่ายแกห่ น่วยงานภายนอก ระดบั ท่ี 7 (L7) ผลติ เปน็ สินค้า, ขายสิทธิบตั ร 125

คูม่ ือการจดั การความร้กู รมทางหลวง (DOH KM Manual) ภาคผนวก 126

ค่มู ือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) ภาคผนวก ก https://qrgo.page.link/J7hru รวมคาสั่งคณะทางานการจัดการความรู้ของกรมทางหลวง  คาส่งั แตง่ ตัง้ ผู้บริหารสงู สุดด้านการจดั การความรู้ (Chief Knowledge Officer – CKO ท่ี บ.1/151/2559 ลงวนั ท่ี 20 ตลุ าคม 2559  คาส่งั แตง่ ตง้ั คณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารความรู้ ในองค์กรกรมทางหลวง แตง่ ต้งั คณะทางานการจดั การ ความรู้ แต่งตง้ั คณะทางานจัดการความรู้ประจา สานักงานทางหลวง ท่ี บ.1/47/2560 ลงวนั ท่ี 28 เมษายน 2560  คาสง่ั แตง่ ตั้งคณะทางานขับเคลอ่ื นกลยุทธ์ การจดั การความรู้กรมทางหลวง ท่ี บ.1/134/2561 ลงวันท่ี 20 กนั ยายน 2561  คาสง่ั แตง่ ตง้ั คณะกรรมการคัดเลอื กวธิ ีปฏบิ ตั ิที่เปน็ เลิศ (Best Practice) และตัดสนิ ผลงานนวตั กรรม กรมทางหลวง ที่ บ.1/148/2561 ลงวันท่ี 15 พฤศจกิ ายน 2561 https://qrgo.page.link/qMN7V ทาเนียบนักจัดการความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Facilitators) 127

คมู่ อื การจดั การความรูก้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) ภาคผนวก ข การสมั มนาการจดั ทาคูม่ อื การจัดการความรูก้ รมทางหลวง วันที่ 7 – 9 สิงหาคม 2562 ณ ศนู ยพ์ ัฒนาทรัพยากรบุคคลงานทาง อ.ศรรี าชา จ.ชลบุรี *************************** 128

ค่มู ือการจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) รายชอ่ื ผเู้ ข้ารว่ มสัมมนา 1. นายสทิ ธชิ ยั บุญสะอาด วศิ วกรใหญ่ด้านแผนงานและโครงการกอ่ สร้าง 2. นางเพญ็ ทพิ ย์ จริ ธรรมประดับ ผู้อานวยการกองการเงนิ และบญั ชี 3. นายเดน่ ชัย เอี่ยมสวุ รรณ ผอู้ านวยการศูนย์เทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. นายปกรณ์ มลิ ินทะเลข ผู้อานวยการสานักงานภูมสิ ถาปตั ยง์ านทาง 5. นายธันวนิ สวสั ดิศานต์ ผู้อานวยการแขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง 6. นายจกั รภพ วชั รมณเฑียร ผอู้ านวยการแขวงทางหลวงชลบรุ ที ี่ 2 7. นายวรศกั ดิ์ วงษ์รอด ผอู้ านวยการแขวงทางหลวงลาพูน 8. นายรพี ตั้งทรงสุวรรณ์ ผู้อานวยการแขวงทางหลวงศรีสะเกษที่ 2 9. นายธงไชย วรี ะสมยั วศิ วกรโยธาชานาญการพเิ ศษ สานกั ก่อสร้างสะพาน 10.นายสวา่ ง บูรณธนานุกิจ วศิ วกรโยธาเช่ียวชาญ สานกั กอ่ สร้างทางท่ี 1 11.นายสหสั ชยั เรยี งรงุ่ โรจน์ วศิ วกรโยธาเช่ยี วชาญ สานกั กอ่ สรา้ งทางท่ี 1 12.นายสมศักด์ิ เอื้อสุกจิ วัฒนา วศิ วกรโยธาเชย่ี วชาญ สานักกอ่ สรา้ งทางท่ี 2 13.นายวศิน รจุ ิเกยี รติกาจร วิศวกรโยธาชานาญการพเิ ศษ สานักสารวจและออกแบบ 14.นายทรงฤทธ์ิ ชยานันท์ รก.วิศวกรโยธาเชีย่ วชาญ สานกั อานวยความปลอดภัย 15.นายสุรชัย อมั ภวาสวุ รรณ วศิ วกรโยธาชานาญการพิเศษ สานักแผนงาน 16.นายจตรุ งค์ เสาวภาคไพบูลย์ วิศวกรโยธาชานาญการพิเศษ สานักมาตรฐานและประเมนิ ผล 17.นายพทิ ยา แกว้ โพนยอ วิศวกรโยธาชานาญการ สานกั มาตรฐานและประเมินผล 18.นายพรหมมา เทพศรีหา วิศวกรโยธาเชย่ี วชาญ สานักวิเคราะหแ์ ละตรวจสอบ 129

คมู่ อื การจัดการความรกู้ รมทางหลวง (DOH KM Manual) 19.นายสรุ ชัย จันทรข์ าว วศิ วกรโยธาชานาญการพิเศษ สานักวิเคราะหแ์ ละตรวจสอบ 20.นายนันทวฒุ ิ ศรสี าอาง วิศวกรโยธาปฏบิ ตั ิการ สานกั วิเคราะหแ์ ละตรวจสอบ 21.นายณัฐวฒุ ิ หสั ดีวจิ ิตร วศิ วกรโยธาปฏบิ ัติการ สานักบรหิ ารโครงการทางหลวงระหวา่ งประเทศ 22.นายอัคคพัฒน์ สว่างสุรีย์ วศิ วกรโยธาเชี่ยวชาญ สานักวิจยั และพัฒนางานทาง 23.นายวชั ชระ กันนะ นักวิชาการจัดกรรมสิทธิท์ ่ดี นิ ชานาญการพิเศษ สานักจดั กรรมสิทธท์ิ ดี่ ิน 24.นางเนอ้ื น้อง เจริญทรง นกั วิชาการจดั กรรมสิทธทิ์ ด่ี นิ ชานาญการพิเศษ สานกั จัดกรรมสิทธ์ิท่ดี ิน 25.นายสมพงษ์ เงนิ ทองดี นิติกรชานาญการ สานักกฎหมาย 26.นายปุณณเมธ คงจันทร์ นติ กิ รชานาญการ สานกั กฎหมาย 27.นายเกษม คชาสัมฤทธ์ิ นายชา่ งเครือ่ งกลอาวุโส สานักเครื่องกลและสื่อสาร 28.นายจกั รพงค์ แกลว้ กลา้ วศิ วกรเคร่ืองกลปฏบิ ตั กิ าร สานักเครอ่ื งกลและสื่อสาร 29.นางประภา สบายใจ นกั วชิ าการเงนิ และบัญชีชานาญการพเิ ศษ กองการเงินและบัญชี 30.น.ส.วลั ลภา พานชิ ย์ นกั ทรพั ยากรบคุ คลชานาญการพเิ ศษ กองการเจา้ หนา้ ท่ี 31.นางอารีย์ จิรชาลวิสุทธ์ิ นกั วชิ าการพัสดุชานาญการพิเศษ กองการพสั ดุ 32.นางจนิ ดารตั น์ เงาประเสรฐิ วงศ์นกั ทรัพยากรบุคคลชานาญการพิเศษ กองฝึกอบรม 33.น.ส.พทุ ธรกั ษา เรืองศริ ิ นักทรัพยากรบุคคลชานาญการพเิ ศษ กองฝึกอบรม 34. นางสมคดิ มะลพิ วง นกั วเิ คราะห์นโยบายและแผนชานาญการ สานักงานพฒั นาระบบบรหิ าร 35.น.ส.ชวศิ า สขุ มนั่ นกั วชิ าการเผยแพรช่ านาญการ สานักงานเลขานุการกรม 36.น.ส.ธนติ า วิชญานโุ รจน์ นกั วชิ าการสิง่ แวดล้อมชานาญการ สานกั งานสง่ิ แวดล้อมและ การมีส่วนรว่ มของประชาชน 37.น.ส.ดาราวดี ใจคุ้มเก่า นักวชิ าการส่ิงแวดลอ้ มชานาญการ สานักงานสงิ่ แวดล้อมและ การมีสว่ นรว่ มของประชาชน 38.นายชาโณ พยงค์ศรี วิศวกรโยธาชานาญการพเิ ศษ สานกั งานทางหลวงท่ี 2 (แพร่) 39.น.ส.หทัยวรรณ โยวัง วิศวกรโยธาชานาญการ สานกั งานทางหลวงท่ี 2 (แพร่) 40.นายกิตตพิ ล ด้วงเจย้ วศิ วกรโยธาชานาญการพิเศษ สานักงานทางหลวงท่ี 4 (ตาก) 41.นายปฐมพงศ์ เสนาใหญ่ วิศวกรโยธาชานาญการพิเศษ สานกั งานทางหลวงท่ี 9 (อุบลราชธาน)ี 42.นายณัฐพร เนยี มกลน่ิ วศิ วกรโยธาชานาญการพิเศษ สานกั งานทางหลวงที่ 12 (สพุ รรณบรุ )ี 43. นายนรงฤทธิ์ พรหมประดษิ ฐ์ วิศวกรโยธาชานาญการพิเศษ สานักงานทางหลวงท่ี 15 (ประจวบครี ขี ันธ)์ 44.นายสมพร ฤดีวโิ รจน์ วศิ วกรโยธาชานาญการพเิ ศษ สานักงานทางหลวงท่ี 13 (กรุงเทพ) 45.นางพนมพร ศรีชมุ พล นายชา่ งโยธาอาวโุ ส แขวงทางหลวงจันทบรุ ี 46.นายสนธยา พลเยี่ยม นายชา่ งโยธาอาวุโส แขวงทางหลวงสกลนครที่ 1 47.นายยะสิทธ์ิ มาเอียด นายช่างโยธาอาวโุ ส ศนู ย์สรา้ งและบรู ณะสะพานท่ี 4 130

คู่มือการจัดการความรู้กรมทางหลวง (DOH KM Manual) ผจู้ ัดทา : กลมุ่ ส่งเสริมการเรียนรใู้ นองค์กร กองฝึกอบรม กรมทางหลวง บรรณาธกิ าร : จินดารตั น์ เงาประเสริฐวงศ์ ทีอ่ ยู่ : 2/486 ถ.ศรอี ยุธยา แขวงท่งุ พญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพฯ โทร. 02-3546668-86 ตอ่ 25426-29 E-mail : [email protected] 131


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook